เสื้อกาวน์เก่าๆกับเราสองคน ตอนที่ 122 ใครคือคนนั้นโดย Dr.Mike ณ วันที่ 20 กันยายน 2010 เวลา 13:00 น.
ปลายเดือนธันวาคม คืนนี้อากาศหนาวเย็นเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวมาหลายเดือนแล้ว แม้ในช่วงกลางวันอากาศจะร้อนแค่ไหน แต่พอตกกลางคืนก็เริ่มมีน้ำค้างและอากาศ เย็นๆให้ได้สัมผัสกันบ้าง และโดยเฉพาะในค่ำคืนที่ฝนตกแบบนี้ก็ยิ่งส่งให้อากาศเย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้ว่าที่คุณหมอตัวเล็กของผม เสร็จสิ้นจากการสอบกลางภาคไปเรียบร้อยและรู้สึกว่าตัวของติ๊บเองจะไม่ค่อย เครียดกับการสอบคราวนี้เท่าใดนัก เพราะเจ้าตัวบอกกับผมว่ามีสอบอยู่ทุกวันจนชินแล้ว คะแนนสอบกลางภาคก็ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะมีคะแนนเก็บจากการสอบอยู่ทุกวันนั่น เอง ทำให้ผมไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเครียดจากการอ่านหนังสือสอบยันเช้าของเจ้า ตัวเล็กเหมือนในเทอมอื่นๆที่ผ่านมา
ส่วนผมตอนนี้งานก็ยังคงยุ่งเหมือนเมื่อก่อนไม่มีเปลี่ยนแปลงเลย แม้ตั้งใจว่าจะยื่นเรื่องลาออกในไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อไปเรียนต่อก็เหอะ แต่ภาระหน้าที่ก็ยังไม่ได้ลดลงไปแต่อย่างใด แต่ทว่าไม่ว่าภาระหน้าที่ของเราสองคนจะหนักหนาเพียงใดก็ตาม แต่ การทำหน้าที่ของการเป็นคนรักของกันและกันแล้วผมเชื่อว่าทั้งผมและติ๊บเองไม่เคยทำหน้าที่นั้นบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
ก็ดูอย่างคืนนี้ซิ… ฝนตกมาตั้งแต่หัวค่ำแล้วจนนี่ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้วยังไม่หยุดเลย เจ้าตัวเล็กจึงตัดสินใจทำกับข้าวกินเองไม่ง้อร้านข้าวข้างนอกแต่อย่างใด
“พี่ไม้คับ พี่ไม้ช่วยติ๊บหุงข้าวหน่อยซิเดี๋ยวติ๊บทำกับข้าวให้กิน” เจ้าตัวเล็กเอ่ยขอความช่วยเหลือมาจากหลังห้อง
ผมจึงรับคำโดยการไปช่วยหุงข้าวให้ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มหุงข้าวเก่งแล้วนะเพราะ ทำมาหลายทีแล้ว ไม่แฉะ ไม่ไหม้ ไม่มีการลืมกดสวิตซ์หม้อหุงข้าวเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็นอีกแล้ว

“แล้ววันนี้ติ๊บจะทำอะไรให้พี่กินอะคับ” ผมเอ่ยถามขึ้นขณะที่จัดการหุงข้าวเสร็จแล้วก็มาช่วยเจ้าตัวเล็กล้างผัก
“ก็พอดีในตู้เย็นเหลืออะไรไม่มาก ก็ทำเท่าที่มีของเหลือละกันน่ะคับ” เจ้าตัวเล็กหันมาตอบยิ้มๆ พลางเลือกผักเลือกวัตถุดิบต่างๆออกมาจากตู้เย็น
“ไอ้ว่าแต่เท่าที่เหลือนี่มีอะไรเหลือมั่งเอ่ย” ผมยังอยากรู้อยู่ดีว่าวันนี้จะได้กินอะไร
“เป็นข้าวผัดกุนเชียง กับผัดฟักทองใส่ไข่ แล้วก็แกงจืดกะหล่ำปลีหมูยอ แค่นี้น่าจะพอประทังความหิวไปได้หนึ่งคืนนะ” เจ้าตัวเล็กหันมาตอบก่อนยื่นกุนเชียงมาให้ผมช่วยหั่น
“โห แค่นี้ก็หรูแล้ว แฟนใครนี่เก่งจริงนะ” ผมยื่นมือไปรับกุนเชียงมาหั่นตามคำสั่งพร้อมกับยื่นคำชมให้เจ้าตัวเล็กได้ ยิ้มแก้มปริไปหนึ่งที
ถ้าผมจำไม่ผิดเกือบสามปีแล้วที่ผมให้เจ้าตัวเล็กมารับหน้าที่ในการเป็นพ่อครัวให้ผม และ เท่าที่ผมจำได้คงมีเมนูเป็นร้อยๆ เมนูที่เจ้าตัวเล็กหัดทำจากตำราทำกับข้าวให้ผมได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆอยู่เสมอๆ หรือบางทีก็เป็นเมนูง่ายๆที่เอาอะไรที่เหลือในตู้เย็นมารวมๆกัน

แต่ มันก็กลายเป็นกับข้าวที่มีรสชาติอร่อยได้ไม่ยาก ของแบบนี้นอกจากใจรักที่จะเรียนรู้แล้วคงต้องอาศัยพรสรรค์ในการคิดสร้าง สรรค์เมนูด้วยซินะถึงจะทำได้แบบนี้
ผมแอบยิ้มปราบปลื้มกับความโชคดีของตัวเอง ที่เจอเด็กคนนึงแต่ทว่ามีความคิดความอ่านและความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างผมเลย ผมโชคดีจริงๆนะ ว่ามั้ย…
หลังจากเจ้าตัวเล็กโชว์ฝีมือเหนือชั้นในการทำอาหารเย็นเป็นเมนูง่ายๆแต่ก็อร่อย มากในความคิดผม และที่สำคัญทันใจด้วยซิเพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีกับข้าวร้อนๆ หอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางให้ผมจัดการบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
เราสองคนทานข้าวกันหลังระเบียงห้องท่ามกลางสายฝนปรอยๆ แม้จะเป็นภาพเดิมๆ ที่คุ้นเคย แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ แถมมีสายฝนมาสร้างบรรยากาศอีก อยากกินข้าวเย็นมื้อนี้ให้มันยันเช้าไปเลย ฮ่าฮ่า เว่อร์ไปมั้ยนี่
เสร็จเรียบร้อยจากการกินอาหารฝีมือ เจ้าตัวเล็กแล้ว ก็ตบท้ายด้วยสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของเจ้าตัวเล็กเลย นั่นก็คือไอศกรีม ที่นอกจากจะเป็นอาหารหวานแล้วมันยังเป็นอาหารตาให้ผมได้ด้วยนะ เพราะผมสามารถเห็นภาพคนที่ผมรักยิ้ม และมีความสุขกับการได้ทานไอศครีมในแต่ละครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายกัน เลยทีเดียว

“ติ๊บน่ารักมากเลยรู้มั้ย” จู่ๆผมก็อดไม่ไหวที่จะเอ่ยคำนี้เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับ การแย่งไอศครีมผมไปใส่ในถ้วยไอศครีมของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย
“บ้าพี่ไม้ก็…” เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยไอศกรีมมามองผมก่อนยิ้มเขินๆให้

“ไม่ต้องชมติ๊บบ่อยก็ได้ ติ๊บเป็นคนเจียมตัว รู้ตัวมาตั้งนานอยู่แล้วว่าตัวเองน่ารัก” อืมมม เอากับเขาซิ มั่นได้อีกแฮะ
“ตอนนี้ติ๊บก็สอบเสร็จแล้ว ใกล้ปีใหม่แล้วด้วย อยากไปเค้าท์ดาวน์ที่ไหนหรือเปล่าปีนี้”
“ไม่รู้เลยคับ แต่ไม่อยากไปไหนไม่อยากไปวิ่งหลบระเบิดอีกแล้ว ตื่นเต้นน่ะแต่ถ้าเสี่ยงชีวิตไปขนาดนั้นก็ไม่ไหวอะคับ” เจ้าตัวเล็กตอบติดตลกกลับมาคงจะยังเข็ดขยาดจากเมื่อปีที่แล้วไม่หายละซิท่า

“อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว ติ๊บสอบเสร็จแล้วพี่ก็ว่างงานช่วงวันหยุดถ้าอยากไปไหนก็บอกนะ” ผมเปรยขึ้นมาก่อนยื่นมือข้ามโต๊ะไปขยี้หัวฟูเล่นด้วยความเอ็นดู
“พี่ไม้แน่ใจนะว่าถ้าติ๊บอยากไปไหนพี่ไม้จะให้ไป หรือพาไป” ติ๊บทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนหันมาขอคำยืนยันจากผม
“แน่นอน ถ้าติ๊บอยากให้พี่ไปด้วยนะ” ผมยืนยันกลับไปและตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็เล่นบทที่ผมไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องได้อีกครั้ง

เมื่อเจ้าตัวเล็กวางช้อนไอติมเดินข้ามฝั่งโต๊ะอาหารมาหาผมก่อนนั่งลงบนตักผม เบาๆ พลางรวบมือกอดรอบคอผมไว้ และนั่นทำให้ผมยิ้มได้กับภาพที่เห็นตรงหน้า เมื่อไอศกรีมแสนอร่อยทิ้งร่องรอยไว้บนริมฝีปากเสียขาวโพลนเลยทีเดียว ผมใช้มือเช็ดคราบไอศกรีมที่เลอะขอบปากเจ้าตัวเล็กออกด้วยความหมั่นเขี้ยวแกม หมั่นไส้
“มาแบบนี้มีไรจะออดอ้อนว่ามาเลยดีกว่า” ผมพูดขึ้นมาอย่างรู้ทันก่อนเจ้าตัวเล็กยิ้มอายๆเอาแก้มมาแนบแก้มผมพร้อมหัวเราะคิกๆ

“ก็พี่ไม้บอกว่าจะให้ติ๊บไปหรือพาติ๊บไปทุกที่ พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีคนชวนไปเที่ยวปีใหม่อยู่คนนึงแต่ไม่รู้พี่ไม้จะให้ติ๊บ ไปกับเขาหรือเปล่าเท่านั้นเอง” ในที่สุดเมื่อจนมุมเพราะผมรู้ทันเจ้าตัวเล็กก็แบไต๋ออกมา
“ใครเหรอมาชวนไป แล้วชวนไปเที่ยวไหนละ” ผมถามต่อเพราะยังนึกไม่ออก
“ก็เพื่อนในคณะแหละคับ เขาจะไปเที่ยวปีใหม่กัน ไปหลายคนด้วย ติ๊บว่าจะขอพี่ไม้หลายวันแล้วละแต่ก็ยังไม่สบโอกาสเพราะมัวแต่อ่านหนังสือ สอบอยู่” เจ้าตัวเล็กบอกรายละเอียดผมมา
“เพื่อนในคณะแล้วพี่รู้จักหรือเปล่า แล้วจะไปที่ไหนกันละ” ผมยังขอรายละเอียดต่อไปเมื่อยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด
“เพื่อนในคณะคนนี้พี่ไม้รู้จักดี แล้วก็ไปไม่ไกลหรอกคับแค่นครสวรรค์นี่เอง”
“พี่ก็ไม่เคยไปน่าสนใจดีแล้วว่าแต่ไปบ้านใครเหรอ” พอได้ยินว่านครสวรรค์ผมก็ชักไม่ไว้ใจแล้วซิ เพราะเท่าที่จำได้ หมอจ๊ะโอ๋หน้าเข้ม หมอบอยหน้าจืด รวมไปจนถึงหมอเบสหน้าหล่อทั้งสามคนมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน คือ นครสวรรค์
มาตอนนี้ผมก็อดขำในความบังเอิญของเรื่องนี้ทั้งสามคนที่มาจีบเจ้าตัวเล็กมีที่ มาจากแหล่งเดียวกัน สายพันธุ์เดียวกัน สปีชีส์เดียวกันเลยแฮะ ชอบแบบเดียวกันซะด้วย

“ก็เพื่อนคนนครสวรรค์ในกลุ่มมีตั้งหลายคน แต่ตัวหลักที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเที่ยวคราวนี้ก็คงเป็นหมอบอยอะคับ” เจ้าตัวเล็กให้คำตอบ
“แล้วจะไปกันกี่คนละ จะให้พี่ไปด้วยหรือเปล่า” ผมถามเพื่อความแน่ใจเพราะแม้ผมจะเป็นแฟนกับเจ้าตัวเล็กก็จริงแต่บางทีก็ควร เว้นว่างให้มีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เผื่อเจ้าตัวเล็กอยากทำอะไรสนุกๆกับเพื่อนๆแบบไม่ต้องมาคอยกังวลกับผม
“ก็ถ้าพี่ไม้ว่างจะไปด้วยกันก็ได้ครับ บอยฝากมาชวนพี่ไม้ด้วยเหมือนกัน” เจ้าตัวเล็กตอบพร้อมทำตาปริบๆ
“แล้วจะไปเมื่อไหร่ละ”
“วันเสาร์ที่จะถึงนี้ตอนเช้า แต่ติ๊บก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากอะคับว่าจะไปยังไงไปที่ไหน”
“อืม งั้นเราลองไปถามเพื่อนๆดูอีกีแล้วกันว่าถ้าพี่ไปแล้วจะสะดวกจะสนุกกันหรือเปล่าไม่ใช่พี่ไปแล้วกร่อยกัน” ผมตอบก่อนขยี้หัวฟูเล่นเบาๆ พร้อมขโมยหอมแก้มที่ยิ้มปรินั้นไปหนึ่งที ก่อนเจ้าตัวเล็กจะหยิกหมับเข้าที่พุงน้อยๆของผมไปหนึ่งทีก่อนให้ผมช่วยล้างถ้วยล้างจาน
และตอนล้างถ้วยล้างจานนี่แหละที่ผมถือเป็นฉากโรแมนติกที่สุดของผมในแต่ละวัน เพราะผมชอบมายืนโอบเจ้าตัวเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดของผม ก่อนจะแต๊ะอั๋งจับไม้จับมือช่วยล้างจาน
ดูเหมือนจะเว่อร์ไปนะ แต่ผมก็ชอบทำแบบนี้ทุกวัน ฮ่าฮ่า เผลอๆบางทีก็แกล้งๆถูๆไถๆแก้มก้นเจ้าตัวเล็กเล่นก็มีบ่อยครั้ง อิอิ ติดเรทอีกละวุ้ยยย
สี่ทุ่มเศษๆ หลังจากล้างถ้วยจานเสร็จเรียบ ร้อย ผมก็มานั่งดูตารางเวรในอีกไม่กี่วันที่ผมต้องรับผิดชอบก่อนก้าวเข้าสู่วัน หยุดยาวของช่วงปีใหม่ในปีนี้ และดูจากตารางเวรแล้วถือว่าผมยังโชคดีอยู่มากที่วันเสาร์-อาทิตย์นี้ผมยังพอมีเวลาว่างไปเที่ยวกับเจ้าตัวเล็กและเพื่อนๆได้บ้างหากว่าผมไม่ไปเป็นตัวฉุด ความสนุกของการท่องเที่ยวคราวนี้ซะก่อนนะ
เจ้าตัวเล็กอาบน้ำเสร็จเดิน ออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน ก่อนมายืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกและไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัวเล็กเข้ามา และเจ้าตัวเล็กคงเกรงใจผมที่นั่งทำงานอยู่จึงเลี่ยงเดินออกไปรับสายที่หลัง ห้องพร้อมเลื่อนประตูกระจกปิดเพื่อไม่ให้เสียงของตัวเองเข้ามารบกวนผมที่ทำงานอยู่ภายในห้องเรียบร้อย กะว่าจะแอบฟังซะหน่อย อดเลยยยย

ว่าแต่ใครกันน้อ… โทรมาหาเจ้าตัวเล็กดึกดื่นและคุยกันยาวนานเกือบชั่วโมงขนาดนี้เพราะ ปกติเจ้าตัวเล็กจะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนหรือใครๆไม่เกินห้านาทีแม้กระทุ่งกับ ผมหรือกับป้าที่นครพนมทรมาก็คุยกันไม่นานเหมือนกับวันนี้ เอ๊ะ ชักยังไงซะแล้วซิเนี่ยยยย…

มิสเตอร์ไม้ ขีดๆ เขียนๆ
แฮกค์ พิสูจน์
ปล. วันนี้มาอัพให้ที่ฝึกงาน พี่เลี้ยงไปอบรม ก็เลยว่างจัด แถมใส่อีโมลงไปด้วย เพื่อเพิ่ม Feel ในการอ่าน(หรือเปล่า)