เสื้อกาวน์เก่าๆ..........กับเราสองคน
ตอนที่ 91
แค่เพื่อนเท่านั้นเช้าตรู่วันเสาร์ติ๊บตื่นมาทำมื้อเช้าเพื่อส่งน้องชายสุดที่รักของผมที่ยังนอนไม่ทันตื่นนอน
ส่วนผมก็ตื่นมาดูทีวีแต่เช้าตรู่เช่นกัน เพราะที่จริงแอบนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยแหละ
และเจ้าตัวเล็กก็ดูจะรับรู้อาการดังกล่าวของผมเช่นกัน เวลาที่หันมามองหน้าผมจึงได้แต่ส่งยิ้มหวานๆมาให้ทุกที
ผมก็เลยต้องเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องมันก็เหมาะจะคุยกันสองคนมากกว่า
ไว้รอเจ้าม่อนกลับไปมีเรื่องต้องเคลียร์กันแน่ๆ หมอติ๊บบบบบบ
ตอนนี้เจ้าตัวเล็กกำลังจัดอาหารมื้อเช้าสำหรับสองศรีพี่น้องคือผม กับนายม่อน
ข้าวต้มสยามเรนโบว์( อันนี้ผมตั้งชื่อเองแหละ เพราะเจ้าตัวเล็กเล่นใส่ผักครบเจ็ดสีไปในหม้อข้าวต้มเรียบร้อย พร้อมบอกข้อมูลทางโภชนาการให้ผมรับทราบทุกทีก่อนบริโภค)
หมูยอทอด กุนเชียงทอด ไข่เจียว สลัดผัก โฮวัลตินร้อนๆและกาแฟหอมกรุ่นนนนน
เมนูง่ายๆแค่นี้ก็ปลุกเจ้าม่อนตื่นออกมาล้างหน้าล้างตาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว
'' แล้ววันนี้พิธีปิดกี่โมงอ่ะนี่ '' ผมเอ่ยถามน้องชายตัวดีขณะนั่งมองดูติ๊บตักข้าวต้ม
'' ก็พิธีปิดแปดโมงแล้วก็ทำกิจกรรมมอีกนิดหน่อย สายๆก็กลับแล้ว '' เจ้าม่อนตอบก่อนหยิบกุนเชียงทอดเข้าปากอย่างรวดเร็ว
'' พี่คงไม่ได้ไปส่งม่อนน่ะ เอาเป็นว่าพี่ส่งม่อนด้วยข้าวต้มมื้อเช้าตรงนี้เลยละกัน ''
'' โอยย ไม่เป็นไรหรอกพี่ติ๊บอ่านหนังสือเหอะเห็นบอกใกล้สอบแล้วไม่ใช่เหรอ ''
'' อื้อ ก็อีกไม่กี่วันก็สอบแล้วก็หยุดปีใหม่แล้ว ม่อนละใกล้สอบยัง ''
'' ก็อีกไม่กี่วันเหมือนกันแหละพี่กลับไปคงต้องอ่านหนังสือเยอะหน่อย '' เจ้าม่อนตอบก่อนรับถ้วยข้าวต้มไปจัดการ
'' เดี๋ยวพี่ไปส่งแกที่สนามกีฬาแล้วพี่ก็กลับเลยน่ะ ไม่รอส่งขึ้นรถน่ะเพราะไม่รู้เสร็จตอนไหน ''
'' ได้คร้าบพี่ชาย จะรีบมาเคลียร์กะพี่ติ๊บก็บอกมาเหอะน่า '' ไอ้น้องคนนี้มันตรงซะจริงๆแฮะ
ก่อนแปดโมงผมขับรถออกมาส่งเจ้าม่อนน้องชายตัวดี หลังจากที่ล่ำลาติ๊บเป็นการเรียบร้อย
และตอนนี้ที่สนามกีฬาก็มีการแข่งขันกีฬาสานความสามัคคีแต่ละมหาวิทยาลัยกันเล็กน้อย
ผมส่งเจ้าม่อนด้านข้างสนามกีฬา ก่อนจะต้องให้ค่าขนมมันเป็นธรรมเนียมของเราสองคน
'' พี่ไม้ม่อนกลับแล้วน่ะ ไว้โอกาสหน้าเจอกัน ''
มันล่ำลาก่อนเข้ามากอดผม และผมก็ลูบหัวของมันเป็นเชิงบอกให้โชคดี
'' ดูแลตัวเองดีๆแล้วกัน มีไรก็โทรหาพี่ ดูแลพ่อกับแม่ดีๆด้วย '' ผมบอกก่อนตบหัวมันเบาๆ
'' พี่ก็หมือนกันดูแลตัวเอง ดูแลพี่ติ๊บดีๆนะพี่ มีไรก็คุยกัน สงสัยอะไรก็ถามกันอย่าปล่อยให้มันคาราคาซัง เพราะบางทีกว่าเราจะกล้ามันอาจสายเกินไปก็ได้นะพี่ ผมไม่อยากให้พี่ต้องมานั่งเสียใจเหมือนผม '' เจ้าม่อนบอกก่อนยกมือไหว้แล้วเดินจากไปให้ผมได้ครุ่นคิด
นายม่อนคงยังไม่ลืมเรื่องราวร้ายๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของมันได้หมดจริงๆซิน่ะ
แต่มันก็ดูเข้มแข็งกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย คงไม่มีไรให้ต้องห่วงแล้วละ
ขณะที่ผมกำลังจะก้าวเข้าประตูรถ
สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นร่างสูงเด่นของชายหนุ่มคนเมื่อวานเดินผ่านหน้ารถผมไป เร็วกว่าความคิดผมตะโกนเรียกทันที
'' น้องครับ น้องครับ '' ชายหนุ่มหยุดและหันหน้ามามองทางผมด้วยความสงสัย
'' น้องเป็นเพื่อนกับกะติ๊บป่าวคับ '' ผมเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจเผื่อจะทักผิดคน
'' อ๋อ ใช่ครับ แล้วพี่….''
'' พี่เป็นพี่ของติ๊บอ่ะคับ ขอรบกวนเวลาน้องแป๊บนึงได้มั้ย ต้องแข่งกีฬาอะไรรึป่าวคับ ''
'' อ๋อได้ครับ ผมไม่มีแข่งอะไรแล้วครับรอปิดงานก็กลับแล้ว ''
เมื่อได้ยินคำตอบดังนั้นผมจึงเดินนำนายเพียวที่ม่อนบอกเมื่อวานไปยังด้านหน้าคณะวิทยาการจัดการที่มีซุ้มกาแฟเล็กตั้งอยู่ ก่อนสั่งกาแฟเย็นมาสองแก้วและส่งให้นายเพียวไปหนึ่งแก้ว
'' ขอบคุณครับ '' จะว่าไปเมื่อได้มองดูใกล้ไอ้ผู้ชายคนนี้ก็จัดว่าดูเป็นผู้รากมากดีเลยทีเดียว
ผิวพรรณดูเป็นผู้ดี การพูดจาการวางตัว เป๊ะเอามากๆ ผมจะบรรยายแบบไม่ลำเอียงน่ะ
น้องคนนี้รูปร่างอาจไม่สูงโดดอย่างผมแต่ก็จัดได้ว่าเป็นผู้ชายหุ่นดี
ผิวพรรณดี หน้าตาดี พูดจาดี วางตัวดี มีเสน่ห์
แค่นี้แหละพอมั้ย อ้อ อีกอย่างเห็นนายม่อนบอกเมื่อวานว่าเรียนก็ดี กีฬาเก่ง แถมยังเล่นดนตรีได้หลายอย่างด้วย
ในโลกนี้ยังมีผู้ชายที่พร้อมกว่าผมอีกหรือนี่
แต่ก็อย่างว่า พระรองตามหนังเกาหลีหล่อกว่าพระเอกเยอะแยะไป
ไอ้หมอนี่ก็แค่ดูดีหน่อยเท่านั้นเองยังห่างชั้นจากหมอไม้เยอะ ฮ่าฮ่าฮ่า
'' ผมชื่อเพียวคับ เรียนนิติปีสอง '' มันเอ่ยแนะนำตัวขึ้น
'' พี่ชื่อไม้คับ เป็นพี่ชายของนายม่อนน้องคณะเราอ่ะ พี่เรียบจบแล้วมาเป็นหมอฟันที่นี่ ''
'' อ้อครับ มิน่า หน้าตาก๊อปปี้กันมาเลย ''
'' พอดีเมื่อวานพี่เห็นเรากับติ๊บคุยกันดูสนิทสนมกันดีเลยอยากรู้ว่าเป็นเพื่อนติ๊บเหรอ ''
ผมพูดจาแบบไม่เปิดเผยหมดจดไปซะทีเดียว เกิดบอกว่าเป็นแฟนแล้วบังเอิญเขาเป็นญาติกันหรือพี่น้องกัน
หน้าผมก็ได้แตกแบบหมอไม่รับเย็บเลยอะดิ
'' ผมกับติ๊บรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนที่ผมเรียน ม.5 ที่สระบุรีคับ พอดีผมมีโอกาสได้ไปเข้าค่ายติวความพร้อมสำหรับคนที่อยากเป็นหมอ แล้วก็เจอกับติ๊บที่ขอนแก่น ก็เลยมีโอกาสได้รู้จักกันเพราะพักหอพักห้องตรงข้ามกัน ติ๊บเขาเป็นคนน่ารัก ดูจริงใจดี ติ๊บเป็นคนพูดเก่งในขณะที่ผมไม่ค่อยชอบพูดเลยทำให้เราเข้ากันได้ดีแม้จะต่างกันสุดขั้ว จากนั้นมาเราก็เลยสนิทกันแล้วก็ติดต่อกันทางจดหมายมาตลอดจนติ๊บเรียนจบเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ''
'' แล้วโทษน่ะคับถ้าพี่จะถามว่าแล้วน้องสนิทกับติ๊บแค่ไหนเพื่อน หรือว่ามากกว่านั้น…''
ผมอ้อมแอ้มถามไปโดยใจยังให้เกียรติน้องคนนี้อยู่
'' ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกพี่แค่คิดว่าสนิทกันก็คุยกันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่ที่ต่างจากเพื่อนคนอื่นๆคือบางทีผมก็คิดถึงติ๊บ ทั้งที่ไม่เคยคิดถึงเพื่อนคนอื่น แต่ตอนนั้นผมคงยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้ใจตัวเอง ''
'' แล้วตั้งแต่เรียนจบมัธยมมาก็ไม่เคยคุยกันเลยเหรอ ''
'' ครับ ตั้งแต่เรียนจบมัธยมผมก็เขียนจดหมายไปหาติ๊บนะ แต่ไม่มีการตอบกลับจากนั้นมาผมก็เลยไม่ได้ติดต่อกับติ๊บอีกเลย แล้วเมื่อวานพอดีมาเจอกันที่นี่แล้วคุ้นๆก็เลยลองถามดูปรากฏว่าใช่ติ๊บจริงๆด้วย ก็เลยคุยกันนานอย่างที่พี่เห็นนั่นแหละครับ ''
'' แล้วตอนนี้เราคิดยังไงกับติ๊บอะ ''
'' ก็คงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิมมั้งคับ คงไม่มีทางเป็นอะไรได้มากกว่านั้นแล้วนอกจากจะเก็บติ๊บไว้ในความทรงจำ เพราะเอาเข้าจริงๆผมก็ยังทำใจไม่ได้หรอกพี่ที่จะมีแฟนเป็นผู้ชาย ''
โห มาสเต็ปเดียวกันกับผมเมื่อสองปีก่อนเป๊ะๆ โดนไอ้หมอติ๊บปล่อยสารเคมีเปลี่ยนสารพันธุกรรมในตัวให้กลายร่าง กลายสปีชีส์ไปอีกคนแล้ว
'' แล้วพี่ถามจริงๆนะว่านายรู้สึกยังไงกับติ๊บ ''
'' ถ้าพี่ถามผมเมื่อสองสามปีก่อนที่เราติดต่อกัน ผมก็จะตอบว่ารู้สึกดีแต่มันเป็นความรู้สึกที่ผูกพันกันมากกว่าคือเคยคุยกัน เคยปรึกษากัน มันไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรอ่ะ แต่เป็นความรู้สึกดีๆผมก็รู้เท่านี้อ่ะคับ ''
'' แล้ววันนี้ที่นายเจอกับติ๊บละ ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปมั้ย '' ผมไม่วายถามจี้ต่อไปด้วยความอยากรู้
'' มันก็ยังรู้สึกดีให้กันเหมือนเดิมแหละพี่แต่มันผ่านการทำใจมาแล้วไง เวลาทำให้ผมตัดใจไปแล้วไง แล้วอีกอย่างติ๊บเขาก็มีแฟนอยู่แล้ว ไม่แน่ใจว่า….ใช่พี่หรือเปล่า ''
ผมยิ้มให้น้องเขาไปหนึ่งทีเป็นการยอมรับเมื่อเขากล้าเปิดใจ ผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
'' ผมขอโทษน่ะครับที่อาจทำให้พี่ไม่สบายใจ แต่พี่เชื่อใจติ๊บเหอะ แล้วผมกับติ๊บก็จะเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป ''
'' ครับ พี่เชื่อใจไงแต่พี่แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ''
ผมตอบก่อนยกกาแฟขึ้นจิบแต่คราวนี้รู้สึกว่ามันดื่มยากซะเหลือเกิน โดนไอ้น้องคนนี้จ้องหน้าเข้าไป
'' งั้นพี่ไม่รบกวนเวลาแล้วนะครับ น้องจะได้ไปแข่งกัฬากะเพื่อนๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคับ ''
'' เช่นกันคับ ''
ผมยื่นมือไปจับแสดงไมตรีกับเจ้าน้องคนนั้นก่อนมันจะยื่นมือมารับไมตรีจากผม
'' โอกาสหน้าเราคงได้พบกันอีกน่ะครับ ''
'' ครับผม ฝากดูแลติ๊บด้วยนะคับ ''
เจ้าน้องคนนั้นบอกผมก่อนเดินจากไป
และตอนนี้ผมก็โล่งและสบายใจมากทีเดียวแม้จะยังรู้สึกหดหู่กับแววตาที่ฉายความเศร้าออกมาจากน้องคนนั้นก็ตามที
ผมฮำเพลงขับรถกลับไปยังหอพักด้วยอารมณ์ดี
เช้าวันเสาร์แบบนี้ได้อยู่กับคนที่เรารักคงสวีทกันได้ไม่ยากหรอกน่า
ผมจอดรถ เดินขึ้นห้องเปิดประตูเข้าไป
'' พี่ไม้วันนี้ติ๊บจะเริ่มอ่านหนังสือแล้ว ช่วยล้างจานที่แช่ไว้ แล้วก็เอาผ้าไปซักหรือถ้าขี้เกียจจะส่งร้านซักก็ได้ เสร็จแล้วก็ฝากเก็บห้องทำความสะอาดห้องให้ด้วยน่ะคร้าบบบบ ''
ติ๊บบอกเสร็จก็ถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ อืมมมมม สวีทจริงๆแฟนผมมมมมม
