เสื้อกาวน์เก่าๆ.........กับเราสองคน
ตอนที่ 88
กลับมาแล้วจ้า พิษณุโลกหลังจากเที่ยวนมัสการองค์พระธาตุพนม เที่ยวชมงานไหลเรือไฟเอกลักษณ์ประจำจังหวัดนครพนม
ไปเที่ยวชมงานแห่ปราสาทผึ้งเมืองสกลเรียบร้อย แต่เสียดายที่งานไหลเรือไฟกับงานบั้งไฟพญานาคมันอยู่ในคืนเดียวกัน
ผมเลยตัดสินใจอยู่ดูงานไหลเรือไฟดีกว่าเพราะยังไงซะเรือไฟก็มีให้ชมและไม่ผิดหวังแน่นอน
ส่วนบั้งไฟพญานาคต้องไปลุ้นอีกทีว่าปีนั้นจะขึ้นไม่ขึ้น ถ้าฝนฟ้าไม่เป็นใจหรือโชคไม่เข้าข้างก็ไม่ได้ดูไม่ได้เห็น
แต่อันนี้ซิชัวร์กว่า ยังไงก็ไม่ผิดหวัง
ตอนนี้เราสองคนก็ได้เวลาเตรียมตัวเดินทางกลับเพราะติ๊บก็จะเปิดเทอมใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
ส่วนผมเองก็มีงานที่รออยู่หลังจากที่ผมลามาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
ช่วงสายๆของวันติ๊บกับป้าไปไร่ข้าวโพดของป้าที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเท่าใดนัก
ส่วนผมก็ทำหน้าที่จัดหาใบตองแล้วก็ช่วยย่าในการทำข้าวต้มมัด
ก่อนที่ติ๊บกับป้าจะกลับมาในช่วงเที่ยงของวันเพื่อเตรียมต้มข้าวโพดไปขายในตลาดในตอนเย็นของแต่ละวัน
ซึ่งผมก็เคยถามป้าอยู่หลายทีแล้วว่าทำไมยังต้องทำงานหนักอีกในเมื่อตอนนี้ฐานะทางบ้าน
ติ๊บก็สามารถส่งเสียป้าและย่าโดยไม่ลำบาก ก่อนป้าจะให้เหตุผลกลับมาว่า
'' คนที่เคยทำงานแล้วให้มาอยู่ที่บ้านเฉยๆมันก็ไม่สบายใจ ไม่สบายตัวเท่าใดนัก แล้วอีกอย่างการทำไรข้าวโพดก็ไม่ใช่งานหนักอะไรเท่าไหร่เพราะปล้าทำเป็นแปลงเล็กไม่กี่แปลงเท่านั้นเอง อย่างน้อยคนแก่จะได้มีอะไรทำมีรายได้วันละสิบวันละร้อยก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆ ''
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วผมจึงไม่ทักทานว่าอย่างไรอีก และนี่คงเป็นต้นแบบที่ถ่ายทอดความขยันมาให้ติ๊บซิน่ะ
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราสองคนจะอยู่นอนค้างที่บ้านสวนแสนอบอุ่นหลังนี้ ก่อนจะออกเดินทางในพรุ่งนี้เช้า
หลังจากอาหารเย็นผ่านพ้นไปผมก็ออกมานอนดูดาวหน้าบ้านพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เดินออกมาจากบ้านพร้อมข้าวโพดย่างไฟร้อนๆหอมกรุ่นในมือ
'' เป็นไงบ้าง มาอยู่บ้านอาทิตย์นึงแล้วหายคิดถึงบ้านหรือยัง '' ผมเอ่ยถามติ๊บที่กำลังนั่งแทะข้าวโพดอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างๆผม
'' ก็ดีขึ้นมากแล้วละได้อยู่กับย่ากับป้า กำลังใจเข้มแข็ง แล้วร่างกายที่แข็งแรงก็ตามมา '' ติ๊บตอบผมถึงอาการของตัวเองในตอนนี้
'' ก็ดีแล้วได้ยินแบบนี้พี่ก็โล่งใจ เห็นติ๊บมีความสุขพี่ก็มีความสุขไปด้วย ''
'' ขอบคุณนะครับพี่ไม้ ที่ดูแลติ๊บมาตลอดอย่างดี '' ติ๊บเอ่ยพร้อมหันมามองหน้าผมจริงจัง
'' ไม่ต้องขอบคุณหรอกพี่บอกแล้วไง พี่จะดูแลติ๊บอย่างดีที่สุด พี่สัญญา ''
แทนคำตอบติ๊บยิ้มหวานให้ผมหนึ่งทีก็ล้มตัวลงมานอนดูดาวข้างๆผม
'' ติ๊บเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในอนาคต แต่ติ๊บจะทำหน้าที่คนรักอย่างดีที่สุด จนกว่าพี่ไม้จะไม่ต้องการตื๊บ '' ติ๊บบอกพร้อมทำเสียงน้อยใจซะงั้น
'' ไม่เอาน่ะ มันผ่านไปแล้วพี่ขอโทษแล้วไงแล้ว ต่อไปพี่จะไม่ยอมให้เราจากกันไปไหนอีก ''
ผมเอื้อมมือไปจับมือติ๊บและกระชับสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าตัว
'' ไม่รู้ละก็ขอโทษด้วยการบอกรักอยู่ทุกวันแล้วนี่ไง ไม่ดีอีกเหรอ '' ผมทำหน้าจ๋อยๆออดอ้อน
'' ก็ดีแล้วครับ รักเหมือนกัน ติ๊บหันมามองผมทำตาปริบๆ ''
'' จะเหมือนกันได้ไงอ่ะ พี่อะรักติ๊บเยอะแยะมากมาย แต่พอพี่ถามว่ารักพี่แค่ไหนก็ได้คำตอบกลับมาว่า นิดนึง ทุกทีเลยอะ มันน่าน้อยใจ ''
'' โอ๋ๆ หัวก็ยังไม่ล้านแค่ เป็นง่ามเทโพ หรือว่าจะเป็นเพราะแก่เลยขี้น้อยใจกันแน่เนี่ยยย ''
ติ๊บบอกพร้อมกับล้อเล่นเอื้อมมือมาเปิดหน้าผากดูตีนผม ของผมซะงั้น
โห ของขึ้นเลยมาว่าผมแก่แบบนี้
ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมเจ้าตัวเล็กกลางลานหญ้าหน้าบ้านที่ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงอากาศเริ่มเย็นแล้ว
ผมใช้ครึ่งตัวบนทาบทับเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังอายม้วนต้วนอยู่ในอ้อมแขนผมเรียบร้อย
ผมประกบปากลงชิมริมฝีปากบางๆที่ช่างต่อว่าผมเมื่อซักครู่ จนเจ้าตัวเผยอปาก ก่อนซุกไซ้ไปตามซอกคอ
พรมจูบไล่ระเรื่อยไปจากต้นคอ ขมับ ซอกคอและใบหน้าขาวเนียนนั้น จนตอนนี้ติ๊บมีอาการแล้วซิ อืมไวจริงๆ///////
เพราะอาการที่ว่าคือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ฮัดชิ่ววววว ฮัดชิ่ววววว ฮัดชิ่ววววว
เจ้าตัวเล็กจามหลายคราติดกันจนผมเห็นท่าไม่ดีเพราะตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงมาแรงแล้ว
จึงจูงมือเจ้าตัวเล็กเข้าไปนอนในบ้านเพราะตอนนี้เจ้าตัวแข็งแรงขึ้นมากแล้วก็จริง
แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะยังไงซะก็เพิ่งผ่าตัดไม่ยังไม่ครบเดือนเลย
รุ่งเช้าเราสองคนเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถพร้อมกับของฝากเป็นข้าวต้มมัดรสชาติอร่อยฝีมือย่า
ก่อนเสริมสิริมงคลก่อนการเดินทางโดยการผูกข้อไม้ข้อมือจากย่าและป้าเป็นการอวยพรในการเดินทางกลับให้เราสองคนโชคดี และดูแลกันดีๆ เอ๊ะ ย่าจะผูกข้อมือให้เดินทางกลับหรือจะผูกข้อมืองานแต่งกันแน่นิ มีการสั่งให้ดูแลกันดีๆด้วย
กลับมาถึงผมก็เริ่มงานที่คั่งค้างมาร่วมอาทิตย์ส่วนติ๊บยังมีเวลาพักผ่อนอีกสองสามวัน
ก่อนที่การเรียนเทอมใหม่จะเริ่มต้นขึ้นแต่ช่วงนี้ผมออกคำสั่งเด็ดขาดว่าให้เจ้าตัวนอนพักผ่อนอยู่กับห้อง
ดูทีวีเล่นเนต แทนที่การอ่านหนังสือหนักๆแบบเดิมที่เคยทำ
และดูท่าจะได้รับการร่วมมือเป็นอย่างดีเมื่อผมกลับมาในแต่ละวันก็พบว่าเจ้าตัวเล็กมีความสุขกับการทำอาหารในแต่ละวัน
ส่วนหนังสือที่อ่านก็เป็นตำราทำกับข้าวซะมากกว่า จนหมู่นี้ผมมีโฮกาสได้ทานเมนูใหม่ๆ หน้าตาแปลกๆ
แต่ก็อร่อยใช้ได้ทีเดียวอยู่เสมอๆ
'' วันจันทร์นี้ก็เปิดเทอมแล้ว มีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า '' ผมเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าในเช้าวันเสาร์ของปลายเดือนตุลาคม
'' ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้งพี่ไม้ มีครบหมดแล้ว '' ทำไมเหรอคับติ๊บเงยหน้าจากกะทะมามองหน้าผม
'' ก็ไม่รู้ลองถามดูพี่จะได้จัดการให้ไง ''
ตอนนี้ผมเดินอ้อมมาทางหลังกอดเอวเจ้าตัวเล็กที่กำลังผัดผักอยู่อย่างช่ำชอง
ขโมยหอมแก้มไปหนึ่งทีก่อนกระโดดถอยออกมาเมื่อเจ้าตัวทำท่าจะตีเข้าที่แขนของผม
'' พี่ไม่ได้พาติ๊บไปเดินในเมืองนานแล้วไปเดินซื้อของกันมั้ย '' ติ๊บกันมามองหน้าผมงงๆ
'' ก็พี่อยากสวีทกะแฟนพี่มั่งไม่ได้เหรอ ไม่ได้เดินควงนานละ ขอเวลาให้พี่มั่งซิ ''
'' โอเคๆไปก็ได้ ทานข้าวอะไรให้เรียบร้อยก่อนไปถึงนั่นจะได้ไม่บ่นหิว ''
'' จ้า ก็ไม่อยากไปกินกับข้าวตามห้างนี่นา อร่อยสู้แฟนพี่ทำก็ไม่ได้ ''
ผมออดอ้อนไปตามประสาก่อนช่วยติ๊บในการจัดมือเช้าโดยการไปตักข้าวใส่จานและเตรียมน้ำให้
'' เช้านี้มีแค่นี้เองนะ พอไหวมั้ย ''
ติ๊บเอ่ยถามผมกับอาหารบนโต๊ะตอนนี้เพราะมีผัดผักรวมมิตร กับแกงจืดเต้าหู้หมูยอจากนครพนมที่ซื้อกลับมา
'' พอแล้ว แค่นี้ก็อิ่มมากแล้วครับบบบ ''
ผมบอกก่อนยื่นช้อนส้อมให้ติ๊บจัดการอาหารตรงหน้า แต่ดูไม่ค่อยเป็นท่าเท่าไหร่เมื่อเจ้าตัวขอบาย ไปทำสลัดผักมากินแทน
สายๆของวันหลังจากที่เราทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยก็แต่งตัวออกจากห้อง
มุ่งหน้ายังห้างสรรพสินค้าในเมืองกันอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไปช่วงกลางวันในวันหยุดแบบนี้คนคงเยอะแน่ๆ
ผมกับติ๊บมาถึงห้างกันตอนสิบโมงพอดิบพอดี ก่อนเจ้าตัวเล็กเดินเลือกซื้ออุปกณ์การเรียนจำพวกสมุด ปากกา กระดาษเอสี่
แต่สินค้าหลักในรถเข็นเจ้าตัวเล็กตอนนี้ยังเป็นนม ขนม ของขบเคี้ยวซะมากกว่า
ตลอดจนวัตถุดิบในการทำอาหารไปไว้ติดตู้เย็นเป็นปกติของเราสองคน
ส่วนผมก็ไม่มีอะไรต้องการเป็นพิเศษแค่อยากมาเดินห้างกับเจ้าตัวเล็กบ้างเท่านั้นเอง
และช่วงนี้ผมสังเกตดูตัวเองว่าผมคงเห่อคงหวงเจ้าตัวเล็กมากสิน่ะ
ถึงได้กล้าเดินจูงมือเจ้าตัวเล็กในที่สาธารณะแบบนี้
แต่ดูท่าจะไม่ได้รับความร่วมมือเท่าไหร่เมื่อเจ้าตัวเล็กดึงมือกลับก่อนให้ผมทำได้แค่เดินลากแขนเจ้าตัวเล็กไปเท่านั้น
คงเมื่อมืออะผมคิดในใจเพราะความสูงมันต่างกันเยอะ
อิอิ ระดับมือผมเวลาวางแนบลำตัวก็อยู่ตรงแขนตรงข้อมือของเจ้าตัวเล็กพอดี โหลดได้อีกแฟนผม อิอิ
หลังจากได้ของที่ครบตามต้องการและจัดการเลี้ยงไอติมเจ้าตัวเล็กเรียบร้อยตามระเบียบแล้ว
ผมก็ขับรถออกจากห้างมุ่งหน้าสู่หอพักทันที
แต่ระหว่างทางจู่ๆหมอติ๊บก็เอ่ยชวนผมไปไหว้หลวงพ่อใหญ่ขึ้นมากะทันหัน
'' คิดยังไงอยากไปไหว้พระนี่ '' ผมหันหน้าไปมองเจ้าตัวเล็กที่ทำหน้าออดอ้อนอยู่ในตอนนี้
'' ก็ไม่คิดยังไง แค่อยากไปไหว้พระเฉยๆตั้งแต่ติ๊บหายป่วยก็ยังไม่ได้ไปไหว้ท่านเลย มัวแต่ไปวัดอื่นๆกันอยู่ ''
ติ๊บบอกผมก่อนที่ผมจะรับคำสั่งเลี้ยวรถไปถนนที่มุ่งหน่าสู่วัดใหญ่ในทันที
หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จเรียบร้อย เจ้าตัวเล็กก็ทำบุญต่อด้วยการปล่อยนกปล่อยปลา
ดูท่าวันนี้เจ้าตัวเล็กจะผ่อนคลายและดูไม่มีเรื่องใดให้วิตกกังวล รอยยิ้มจึงเป็นรอยยิ้มที่มีแต่ความสุขที่ผมสัมผัสได้จริงๆ
'' พี่ไม้คับ พี่ไม้จำคนที่เคยดูดวงให้เราคราวก่อนที่แกเคยนั่งตรงนี้ได้มั้ย ''
'' คราวก่อน '' ติ๊กต๊อกๆๆๆๆ ผมคิดอยู่นานสองนานก่อนจะคิดออกถึงคราวก่อนโน้นที่ผมเคยพาติ๊บมาไหว้พระหลวงพ่อใหญ่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ติ๊บมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ
แล้วก็มีหมอดูแก่ๆคนหนึ่ง ทำนายผมกับติ๊บว่ามีชะตาต้องกัน และผมยังต้องตามใช้หนี้กรรมกับติ๊บเค้าไปอีกนาน
ผมเพิ่งจะมาเอะใจว่าท่านดูแม่นซะจริงน่ะ
ดูซิ จนป่านนี้ผมยังใช้หนี้กรรมให้เจ้าตัวเล็กยังไม่หมดเลย และดูท่าว่าจะอีกนานนนซะด้วย
ผมยิ้มให้ติ๊บหนึ่งทีเมื่อนึกถึงข้อความ ที่หมอดูแก่ๆคนนั้นเอ่ยทักท้วงเราเมื่อคราวก่อนและเรื่องราวต่าง
ถ้าตอนนี้แกอยู่ที่นี่ผมก็จะให้แกดูให้อีกซะเลยว่าต่อไปข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราสองคนอีกบ้าง