เสื้อกาวน์เก่า....กับเราสองคน
ตอนที่ 86
การกลับมาของคนที่รอคอยใกล้เที่ยงป้าก็กลับเข้ามาจากการไปไร่ข้าวโพด พร้อมกับข้าวโพดหวานฝักใหญ่เต็มตะกร้า
ผมรีบไปช่วยป้าหิ้วตะกร้าข้าวโพดขึ้นบ้าน
ก่อนขึ้นมาเจอกับติ๊บและน้องปุ๋มเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังรับบทหนักในการทำหน้าที่แม่ครัว
ตอนนี้ปุ๋มกำลังทำไข่เจียวใส่ไข่มดแดง
จะกินได้มั้ยน้อผมคิดในใจเพราะดูจากท่าทางเก้กังของปุ๋มแล้วไม่ต่างจากผมตอนทำกับข้าวสักเท่าไหร่
แต่ทว่าก็ผ่านไปเรียบร้อยหนึ่งจาน กับข้าวตัวต่อมาติ๊บนำปูนาตัวแดงๆลงไปลวกในน้ำร้อนก่อนเอาลงมาจากเตา
ให้ผมและปุ๋มช่วยกันแกะลำตัวปูออกจากกระดองไปพักไว้
จากนั้นผมเห็นติ๊บนำผักหลายอย่างลงไปโขลกในครกแล้วก็ใส่เนื้อปลาที่สับละเอียดลงไปโขลกจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน
จึงตักขึ้นมาใส่อัดเข้าไปในกระดองปูนาอีกทีนึง
ก่อนนำไปใส่หม้อแล้วก็ทำเหมือนแกงอ่อมทั่วไปและรสชาติก็ไม่ต่างไปจากแกงอ่อม
แต่วิธีการทำนี่ซิ โปรซะจริงๆ แฟนใครหว่า เก่งจังงงง
อาหารเที่ยงแสนอร่อยผ่านพ้นไปและแต่ละคนก็กินอย่างเอร็ดอร่อยโดยเฉพาะน้องปุ๋มที่จากบ้านไร่ไปซะนาน
ดูท่าเธอจะชื่นชอบกับข้าวฝีมือเพื่อนรักคนนี้เป็นพิเศษเพราะนอกจากไข่เจียวใส่ไข่มดแดงที่เจ้าตัวลงมือทำแล้ว
ยังมีแกงคั่วปูนาฝีมือติ๊บ และมีขนมหวานเป็นสาคูข้าวโพดหวานจากฝีมือป้าอีกต่างหาก
ถ้าอยู่นี่นานซักเดือนผมคงมีหวังได้มีพุงกลับไปแน่ๆ ถึงแม้ตอนนี้จะมีพุงน้อยๆแล้วก็เหอะ
แต่ก็เป็นแค่พุงน้อยๆ นิดเดียวเองจริงๆนะ
....
....
....
....
....
ตกบ่ายมีรถเก๋งคันงามมาจอดหน้าบ้าน
ผมมองไปยังรถคันงามที่มาจอดหน้าบ้านเวลานี้ด้วยความสงสัยเพราะในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้แทบจะหาบ้านไหนที่มีรถเก๋งแบบนี้ไม่ได้เลย
อย่างดีก็เป็นรถกระบะไว้ขนพืชผลไปขายในเมืองก็เท่านั้นเอง แต่ทว่าตอนนี้วอลโว่คันงามจอดหน้าบ้านเรียบร้อย
ก่อนมีผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีหน้าตาสะสวยทีเดียวก้าวลงมาจากรถและตรงเข้าไปหาผู้เป็นย่าที่นั่งตะบันหมากอยู่ใต้ต้นมะปราง ก่อนก้มลงกราบย่าเป็นการทักทาย ป้าเดินออกไปสมทบและทักทายกันราวกับคนคุ้นเคย
'' ไม้ไปเรียกติ๊บออกมาหน้าบ้านหน่อยซิลูก ''
ป้าออกคำสั่งผมให้ไปตามติ๊บที่กำลังล้างจานกับปุ๋มอยู่หลังบ้านออกมา
ติ๊บทำหน้างง ก่อนเดินออกมาหน้าบ้านและหยุดนิ่งอยู่ที่ประตูบ้าน
ตอนนี้ผมเห็นติ๊บยืนนิ่งอยู่ที่ประตูบ้าน
น้ำตาติ๊บรินไหลลงอาบแก้มเนียนใสนั้น หนักขึ้นและหนักขึ้นจนติ๊บสะอื้นหอบฮั่กๆ
ผมเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปปลอบเจ้าตัวเล็กโดยการตบบ่าเบาๆ
อาการติ๊บตอนนี้ไม่ต่างจากผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นเท่าไหร่นัก เธอเดินตรงเข้ามายังติ๊บก่อนลูบหัวติ๊บเบาๆ
'' แม่ '' ติ๊บเอ่ยขึ้นราวกับคนเพ้อก่อนสะอื้นโผเข้าหาอ้อมกอดของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าที่ติ๊บเรียกว่าแม่
'' แม่กลับมาแล้วลูก แม่กลับมาแล้ว '' เสียงผู้หญิงคนนั้นบอกกับติ๊บที่ก้มลงกราบเท้าแม่ก่อนโผเข้ากอดกันอีกครั้งด้วยความคิดถึง
'' แม่ขอโทษติ๊บ แม่ขอโทษ '' เธอพร่ำบอกลูกพลางระล่ำระลักสะอื้นกอดเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าด้วยความคิดถึง
สองแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความรัก
ผมแม้จะไม่มีมีส่วนเกี่ยวข้องใดกับการกลับมาคราวนี้ของผู้เป็นแม่ติ๊บ
แต่อย่างน้อยผมก็อดดีใจด้วยไม่ได้ที่อย่างน้อยตอนนี้ติ๊บก็ได้เจอหน้าแม่เสียที
ตอนนี้ติ๊บ แม่ ป้า และย่านั่งอยู่บนเตียง
คงไม่เหมาะแน่ๆที่ผมจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวจึงเดินไปช่วยน้องปุ๋มล้างจานอยู่หลังบ้านดีกว่า
'' ใครมาเหรอพี่ '' ปุ๋มเงยหน้าจากกะละมังล้างจานขึ้นมามองหน้าผม
'' เห็นติ๊บเรียกว่า แม่ '' ผมตอบปุ๋มไปแบบไม่ค่อยชัวร์ในคำตอบ
'' แม่ติ๊บจริงๆเหรอพี่ '' ปุ๋มวิ่งออกไปหน้าบ้านก่อนวิ่งกลับเข้ามาในครัว
'' ของจริงเลยย '' ปู่มบ่นพึมพำ
'' ปุ๋มเคยเห็นหน้าแม่ของติ๊บด้วยเหรอ '' ผมถามขึ้นในขณะนำจานชามไปคว่ำเก็บ
'' เคยเห็นตอนเด็กๆโน่นแหละ นานมากแล้ว แต่รู้แค่ว่าแม่ของติ๊บเป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ ''
'' อืมนั่นซิ '' ผมเห็นด้วยกับเธอ
'' นี่ถ้าติ๊บเป็นผู้หญิงเค้าก็คงสวยมากเหมือนกะแม่เค้านั่นแหละ ปุ๋มว่า ''
ไม่รู้จะตอบยังไงเลยผม
'' แต่แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง แค่นี้คนแถวนี้ก็หลงใหลได้ปลิ้มจะแย่อยู่แล้ว '' จู่ๆปุ๋มก็เปลี่ยนแนวมาแซวผมซะงั้น
หลังจากจัดการกับถ้วยชามหลังบ้านเสร็จแล้ว
เราสองคนก็ไม่อยากขัดจังหวะของคนในครอบครัวจึงเดินออกจากทางหลังบ้านมายังต้นขนุนหลังบ้านที่มีม้านั่งเล็กๆวางอยู่
ปุ๋มเดินออกมาจากในบ้านพร้อมผลไม้ในจาน
'' พี่ไม้ไหนๆก็ไหนๆ พี่ก็จะเป็นคนในครอบครัวนี้อยู่แล้ว เดินไปฟังซะหน่อยดีมั้ยพี่ ''
'' อ้าวจะดีเหรอ '' มันไม่ใช่เรื่องของพี่มั้งพี่ว่า
'' เอาน่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว หรือว่าพี่ไม่อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับติ๊บบ้าง ''
ปุ๋มออกอาการยุแหย่ให้ผมกลายเป็นคนสอดรู้สอดเห็นซะงั้น
'' เอาว่ะไหนๆ ก็ไหนๆ '' ผมบอกก่อนเดินนำปุ๋มย่องๆมาทางข้างบ้านก็พอจะได้ยินเค้าคุยกันพอจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่แม่ของติ๊บหายไป
เพราะแม่ของติ๊บไปทำงานหาเงินใช้หนี้ที่อยู่ในชื่อของตนเอง
จากการกู้หนี้ยืมสินมาทำไร่ยาสูบแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ
แม่ของติ๊บไปอยู่ต่างประเทศตามการแนะนำของน้องสาว
แต่ตลอดระยะเวลาที่หายไปก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาติ๊บหรือคนในครอบครัวเลย
แม้กระทั่งพ่อของติ๊บตั้งแต่แยกย้ายกันที่กรุงเทพเมื่อคราวก่อนแม่ของติ๊บก็ยังไม่รู้ข่าวคราวของพ่อของติ๊บอีกเลย
และตอนนี้แม่ของติ๊บก็มีครอบครัวใหม่อยู่ที่ต่างประทเศเรียบร้อย
และที่มาวันนี้เพราะแม่ของติ๊บมีความมั่นคง และมีเงินมากพอที่จะส่งเสียติ๊บให้ได้เล่าเรียนมีอนาคตดีๆไม่แพ้คนอื่น
และต้องการจะรับติ๊บกลับไปเลี้ยงดูอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ
ตอนนี้ติ๊บเงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาแห่งความเสียจิ้งไป ก่อนยิ้มตอบกลับแม่
'' สิบกว่าปีที่แม้จากไปไม่มีวันไหนที่ติ๊บไม่คิดถึงแม่ ไม่มีวันไหนที่ติ๊บไม่ร้องไห้หาแม่และทุกวันก็มีเพียงอ้อมกอดของย่าที่คอยปลอบประโลมติ๊บ ป้าและย่าเลี้ยงติ๊บมาด้วยความยากลำบากเราอดด้วยกัน เราอิ่มด้วยกัน จนเวลาผ่านมาสิบสองปี วันนี้ตอนนี้ติ๊บมีอนาคตและสามารถเลี้ยงดูป้าและย่าได้อย่างสบาย แม้จะไม่ร่ำรวยเหมือนแม่ที่อยู่ต่างประเทศมีกิจการ มีบ้านหลังโต แต่ทว่าติ๊บอยู่ในบ้านหลังนี้เติบโตมาพร้อมกับบ้านหลังนี้ เติบโตมาด้วยความรักจากย่าและป้า ซึ่งนั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ติ๊บมีแรงกำลังต่อสู้กับวันข้างหน้าได้ ''
'' ติ๊บคิดถึงแม่มาก และติ๊บก็รักแม่มาก แต่ถ้าหากว่าติ๊บจะต้องไปอยู่กับแม่หรือต้องจากป้าจากย่าไปที่อื่น ติ๊บคงทำไม่ได้หรอกแม่ ''
'' ก่อนหน้าที่แม่จะมาที่นี่ แม่เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอย่างไรก็ขอให้แม่กลับไปใช้ชีวิตตามเดิมที่แม่เคยมีมา ส่วนติ๊บกับย่าและป้า ติ๊บขอยืนยันว่าติ๊บจะไม่ทิ้งย่าและป้าไปไหนและตอนนี้เราก็มีความสุขกันดีอยู่แล้ว รอเวลาอีกแค่ไม่กี่ปีให้ติ๊บเรียนจบทุกอย่างก็จะดีขึ้นกว่านี้และติ๊บจะทำให้ย่าและป้าเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ''
'' วันนี้แค่ที่แม่กลับมาหาติ๊บ ติ๊บก็ดีใจมากแล้วที่อย่างน้อยก็ร็ว่าแม่ยังสบายดี แม่กลับไปดูแลครอบครัวของแม่ให้มีความสุข และใช้ชีวิตต่อไปอย่างสบายใจเถอะนะ ส่วนติ๊บกับย่าและป้าเราอยู่กันได้ แต่ถ้าวันไหนที่แม่อยากกลับมาอยู่บ้านเรา ติ๊บก็ยังต้อนรับแม่เสมอเพราะติ๊บก็ยังเป็นลูกของแม่คนเดิม ''
พูดถึงตอนนี้ผมเห็นติ๊บปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม
เช่นเดียวกับแม่ที่ก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ครั้งนึงเธอเคยทอดทิ้งลูกคนนี้ไปให้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก
ส่วนป้าและย่าก็ไม่ว่าอะไรนอกจากใช้สองมือเหี่ยวย่นที่ผ่านการกรำงานหนักลูบหัวหลานรักเบาๆ
ป้ายื่นมือมาลูบหลังหลานรักที่กำลังสะอื้นหอบฮั่กๆอยู่ในตอนนี้ก่อนเอ่ยขึ้น
'' ติ๊บ ถ้าติ๊บจะไปอยู่กับแม่ที่เมืองนอกก็ได้นะลูก ที่นั่นมีอนาคตดีๆรอติ๊บอยู่ ติ๊บอยู่กับป้าและย่าที่นี่ก็จะมีแต่ความเหน็ดเหนื่อยให้ต้องเผชิญ ไปอยู่กับแม่ที่นั่นหลานเองก็จะได้ไม่ต้องทำงานหนักส่งเสียตัวเองส่งเสียป้ากับย่าแบบนี้ ส่วนทางนี้ป้ากับย่าอยู่กันได้สบายมาก ติ๊บคิดถึงย่ากับป้าเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมาได้นะลูก ''
ติ๊บเงยหน้าขึ้นมามองหน้าป้า ก่อนตอบกลับไป
'' ป้าไม่อยากให้ติ๊บอยู่ที่นี่แล้วเหรอคับ เหนื่อยมั้ยกับการอดทนทำงานหนักเลี้ยงติ๊บมาสิบกว่าปี ''
'' มันไม่ใช่อย่างงั้นติ๊บ แต่ป้าอยากให้หลานที่ป้ารักที่สุดมีอนาคตดีๆ หลานจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ ''
'' ถ้างั้นป้าก็ตัดเรื่องนี้ไปได้เลย ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยกว่านี้อีกแค่ไหนติ๊บก็จะอยู่กับย่ากับป้า เราเหน็ดเหนื่อยกันมาตั้งสิบกว่าปีเรายังทนกันได้เลย แล้วนี่เหลืออีกแค่ไม่กี่ปีติ๊บก็จะเรียนจบเป็นหมอมีอนาคตดีๆรออยู่ข้างหน้า ทำไมเวลาแค่นี้เราจะอดทนกันต่อไปไม่ได้ ป้ารู้มั้ยว่าการมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุขมันยากลำบากแค่ไหน การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะคับ ติ๊บทำทุกอย่างเพื่อให้เราสามคนได้อยู่กันอย่างมีความสุขที่สุดแล้วนะ ''
ถึงตอนนี้ติ๊บร่ำไห้โผกอดผู้เป็นย่าหนักขึ้นไปอีก
และผมก็เข้าใจความรู้สึกของติ๊บดีว่าตอนนี้เจ้าตัวเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนทั้งจากการเรียน การทำงาน
และการต้องต่อสู้กับโรคร้ายที่ตัวเองเพิ่งจะผ่านพ้นมันมาได้
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพียงเพื่อคนสองคนที่อยู่ตรงหน้าติ๊บตอนนี้คือป้าและย่าเท่านั้นเอง
ผมยังจำคำบอกเล่าของติ๊บในคราวก่อนที่บอกผมได้ดี
ติ๊บบอกผมว่า
ติ๊บยังเป็นอะไรไปในตอนนี้ไม่ได้ ติ๊บยังต้องอยู่เพื่อป้าและย่าคราวนี้ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาจากข้างบ้านและนั่งลงข้างๆแคร่ที่ทั้งสี่คนนั่งอยู่
ยกมือขึ้นไหว้สวัสดีแม่ของติ๊บที่กำลังยกมือขึ้นปาดน้ำตาแห่งความเสียใจ
'' คุณน้าครับ ผมพอจะรู้เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับคุณน้าและก็ติ๊บมาพอสมควรบ้างแล้ว
และผมก็พอจะรู้แนวทางในการตัดสินใจของติ๊บบ้างแล้ว ติ๊บรักคุณน้ามากนะคับ
แต่ในขณะเดียวกันติ๊บก็รักป้า รักย่า ไม่แพ้กัน และผมก็ทราบดีครับว่าคุณน้าเองก็รักติ๊บไปไม่น้อยกว่าที่ติ๊บรักคุณน้า
แต่ผมว่าคุณน้าคงจะพอรู้ว่าอะไรคือความสุขของติ๊บ ผมรู้คับว่าการที่ติ๊บ
อยู่ในบ้านสวนเล็กแคบๆแบบนี้อาจไม่สะดวกสบายเหมือนบ้านที่คุณน้าเตรียมไว้ต้อนรับติ๊บ
แต่ผมก็เชื่อว่าการที่ติ๊บได้กินอยู่หลับนอน ในบ้านหลังนี้คือที่ที่ติ๊บอบอุ่นและมีความสุขที่สุดแล้ว
ในตอนนี้ผมอยากบอกกับทุกคนว่า ผมเองก็สัญญาว่าจะดูแลติ๊บอย่างดีและทำให้ติ๊บมีความสุขที่สุด ''
'' คุณย่าครับ คราวก่อนที่ผมขอติ๊บกับคุณย่าผมไม่ได้ล้อเล่นน่ะครับ เพราะผมรู้แล้วว่ามันเป็นการยากที่คุณย่าจะเข้าใจถึงการที่ผู้ชายสองคนจะคบกันและรักกัน แต่ตอนนี้ผมเองก็บอกได้ว่าผมเองก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่แล้ว ผมรู้ดีว่ามันยากที่จะยอมรับผมและยอมรับการคบกันของผมกับติ๊บ แต่นี่คือความสุขของเราสองคน ผมหวังว่าคุณย่าคงรับรู้และเข้าใจได้น่ะคับ ''
'' คุณป้าครับ ผมรู้ว่าคุณป้ารักและเป็นห่วงติ๊บมากแต่ผมก็อยากบอกป้าว่าผมเองก็รักและเป็นห่วงติ๊บไม่น้อยไปกว่าคุณป้าเช่นกัน ตอนนี้อนาคตหลายๆอย่างของเราสองคนค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว ผมไม่รู้ว่าคุณป้าจะยอมรับผมหรือไม่ แต่ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิมว่าผมรักและชอบหลานของป้าจริงๆ และผมจะทำให้ติ๊บเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ผมสัญญาครับ ''
'' คุณน้าครับ ผมไม่รู้ว่าคุณน้าจะคิดอย่างไรถึงเรื่องราวระหว่างผมกับติ๊บ แต่ผมอยากบอกคุณน้าว่าตอนนี้ ติ๊บสุขสบายกว่าเมื่อก่อนเยอะและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี และอีกไม่นานนี้ติ๊บก็จะเป็นคุณหมอคนใหม่ที่ดูแลป้าและย่าได้ดีเช่นกัน ตอนนี้คุณน้าคงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรในตัวของติ๊บอีกต่อไปแล้ว ผมให้สัญญากับคุณน้าเช่นกันครับว่าผมจะดูแลและปกป้องติ๊บอย่างดีที่สุดแม้ว่ามันจะยากสำหรับการทำใจยอมรับผม แต่ถ้าคุณน้าเห็นแก่ความสุขของติ๊บผมว่าคุณน้าก็ควรจะยอมรับในการตัดสินใจของติ๊บเช่นกันครับ ''
โห พูดจบเป็นพระเอกเลยผม เงยหน้าขึ้นมองหน้าย่า และป้าที่ยิ้มส่งกำลังใจมาให้ผมส่วนแม่ก็คงทำไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับ ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ได้แต่อึ้งกับคำพูดของผมและกอดซุกอกย่าแน่นขึ้นไปอีกราวกับเด็กๆ
'' ย่าเชื่อว่าไม้ดูแลติ๊บได้เป็นอย่างดีและย่าก็ยืนยันคำตอบเดิมเหมือนเมื่อคราวก่อนไม่เปลี่ยนแปลง ''
ย่าบอกก่อนยิ้มให้ผมหนึ่งที
หลังจากตกลงเรื่องราวกันเรียบร้อยแม่ของติ๊บก็ขึ้นวอลโว่คันงามจากไป
ทิ้งให้ย่าและป้าปลอบประโลมติ๊บเป็นการใหญ่
และแน่นอนรวมถึงผมด้วยที่ชื่นชอบและชื่นชมในการเป็นคนกตัญญูและไม่เห็นแก่ความสบายส่วนตนจนลืมบุญคุณคนอย่าง
เช่นที่ติ๊บเป็นตอนนี้
ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆแฮะ
พี่รักติ๊บจังงง อยากจะบอกแต่ได้แค่คิดอีกแล้วว