Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ [จบแล้ว]  (อ่าน 12091 ครั้ง)

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ 13.1
«ตอบ #30 เมื่อ29-10-2021 14:31:08 »

Episode 13  รักก็คือรัก (1/2)




สวัสดีวันอาทิตย์ที่แสนสดใส สดใสแค่ตอนนี้นะครับ



วันนี้ไอ้แต็งค์มันบึ่งรถจากคอนโดมันมารับผมที่คอนโดตั้งแต่แปดโมงเช้าเพื่อที่จะไปบ้านมัน ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไร แต่เสือกแหกหูแหกตามารับแต่เช้า จะด่ามันก็ไม่ได้ พอเห็นสีหน้าจริงจังที่เจือปนความกังวลของมันก็เลยต้องทำเป็นลูบหัวลูบหางให้อารมณ์มันได้ผ่อนคลาย

ส่วนมันพอเห็นผมยอมให้จับมือจับมือก็เสือกดึงมือผมไปกอบกุมไว้ตลอดระยะทาง มือข้างนึงขับรถ อีกข้างก็กอบกุมบีบกระชับมือผมอยู่อย่างงั้น เห็นยอมหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะมึง

ตอนนี้รถของมันกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่โรงจอดรถในบ้านของมันอย่างเรียบร้อย ผมมองสำรวจไปรอบๆบ้าน บ้านมันเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์น ตกแต่งแบบตะวันตกผสมจีนหน่อยๆ ผมแอบรู้มาว่าบ้านมันทำธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้างพอดี
ก่อนจะมาไปแอบถามพี่แทนแกมา อยากรู้ซอกแซกเกี่ยวกับบ้านมันบ้างจะได้วางตัวหาทางหนีทีไล่ถูก
 
“น้ำ นั่นแม่กู” มันชี้มือไปทางหญิงวัยกลางคนที่ยืนจัดแต่งกิ่งดอกไม้ตรงสวนหน้าบ้าน

“แม่ หวัดดีครับ” แล้วมันก็พยักหน้ามาทางผม “นี่น้ำ”

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แล้วฉีกยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดไปให้แม่มัน แม่ของมันก็คลี่ยิ้มหวานๆส่งกลับมา

“ดีจ้ะ” แม่ของไอ้แต็งค์วางกรรไกรลง แล้วเดินเข้ามาจับตัวผมสำรวจพลิกไปพลิกมาเหมือนกำลังหาจุดสึกหรอ อะไรแบบนั้น “โห ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีกนะเนี่ย” ผมเลยต้องคลี่ยิ้มยอมรับในความหล่อตัวเอง คริคริ “เข้าบ้านกันก่อนลูก ข้างนอกมันร้อน”

“ครับ”

พอพากันเข้ามายังในบ้าน ก็พบกับการตกแต่งที่ต้องอ้าปากค้าง เพราะทุกอย่างที่ประดับประดาอยู่ในบ้านมันเนี่ย อย่างกับยกสวนต้นไม้ขนาดย่อมมาตั้งในบ้าน เหมือนมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มันเลยเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยื่นหน้ามากระซิบ

“แม่กูชอบต้นไม้” เออดูก็รู้ ถ้าไม่ชอบคงไม่ยกมาไว้ในบ้านเยอะขนาดนี้
“เหมือนพ่อกูเลย แต่ไม่ถึงขั้นนี้ว่ะ”
“หึๆ”
“พี่แต็งค์!!” หญิงสาววัยใส ที่หน้าละม้ายคล้ายไอ้แต็งค์ วิ่งลากเสียงสดใสมาแต่ไกล แต่ก็ต้องหยุดชะงัก “พี่น้ำ!!” เธอทำหน้าตาตื่นเต้นเหมือนได้เจอสิ่งมหัศจรรย์ แล้วก็ปรี่ตัวมาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์ทันที ไม่พอยังเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาเกาะแขนผม “หนูชื่อแตงกวา...เป็นน้องสาวพี่แต็งค์ค่ะ หนูเป็นแฟนคลับพี่ด้วยนะคะ” พูดจบเธอก็ดึงแขนผมมานั่งตรงโซฟาห้องรับแขก
“ครับ?”
“ก็พวกเพจ cute boy ของโรงเรียนแตงกวาชอบเอารูปพี่มาลงบ่อยๆ แตงกวาเลยสถาปนาตัวเองเป็นแฟนคลับพี่ซะเลย แล้วก็เป็นมาหลายปีแล้วด้วย” พูดไปเธอก็ทำตาปริบๆ แล้วลุกวาวขึ้น “พี่น้ำตัวจริงนี่หล่อออร่ากระฉูดมากเลยอ่ะ”
“แตงกวา” ไอ้แต็งมันคงเห็นแตงกวาเกาะแกะผมมากเกินไปมันเลยดึงมือน้องมันออก แล้วแทรกตัวมานั่งอยู่ระหว่างผมกับน้องมัน
“ขี้หวง”
“แตงกวา อย่าไปเกาะแกะพี่เค้าสิลูก” แม่ของไอ้แต็งค์หันมาดุน้องสาวมัน แต่ดุแบบไม่ได้จริงจังอะไร “เข้าไปบอกแม่บ้านให้เอาของว่างมาให้พี่เค้ากันหน่อยสิลูก”
“พี่น้ำอยากกินอะไรคะ ”เธอหันมาทำตาลุกวาวใส่ผม
“อะไรก็ไปเอามา” แล้วไอ้พี่ชายตัวดีก็เอื้อมมือไปผลักหัวน้องสาวเบาๆ ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกัน เรานั่งคุยนั่งถามสารทุกข์สุกดิบ เรื่องเรียน เรื่องชีวิตประจำวันกัน แม่ของไอ้แต็งค์ไม่ได้มีท่าทีกดดันรึไม่พอใจอะไร ตรงกันข้ามเธอมีแต่ท่าทีที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง



ครืด ครืด



“แม่ขอไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” เธอหันมายิ้มอ่อนโยนให้ผม แล้วลุกออกจากโซฟาไป
“แต็งค์” เหมือนมันจะรู้ว่าผมจะพูดอะไร มันเลยยื่นมือมากุมมือผมไว้
“แม่กูรู้เรื่องมึงกับกูนานแล้ว” มันบีบกระชับมือผม “แต่เค้ารับได้” มันดึงมือผมไปวางไว้บนตักมัน “ตอนแรกเค้าก็ไม่ได้รับได้ในทันทีหรอก แต่พอกูไม่ค่อยกลับบ้าน เอาแต่หนีไปคลุกตัวอยู่บ้านปู่ แม่กูก็เริ่มเปิดใจมากขึ้น คงเป็นเพราะเค้ากลัวว่ากูจะหนีจากเค้าไปตลอดชีวิต เค้าเลยพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องของกูทีละนิดๆจนเริ่มยอมรับได้อย่างที่เห็น” มันหันมายิ้มบาง “ตอนนี้ดูเหมือนจะหลงมึงแล้ว ทั้งแม่ทั้งน้อง กูคงตกกระป๋องแล้วล่ะ”
“เวอร์” ผมหันไปคลี่ยิ้มให้ไอ้คนที่ทำเป็นพูดน้อยใจแต่สีหน้าตรงกันข้ามกับคำพูดสุดๆ
“พี่แต็งค์!!” แตงกวาเธอวิ่งลากเสียงมาจากหน้าบ้าน “ทายสิใครมา?” ผมกับไอ้แต็งค์หันไปมองที่ประตูหน้าบ้าน พบชายสูงวัยที่ยังดูแข็งแรงเดินเข้ามาตรงที่ผมนั่งกันอยู่
“ปู่” ไอ้แต็งค์มันรีบลุกจากโซฟาทันที แล้วเดินเข้าไปกอดปู่มันไว้ ดูเหมือนมันจะสนิทกับปู่มากเป็นพิเศษ ผมยกมือขึ้นไหว้ปู่มัน ส่วนปูมันก็ส่งรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นกลับมาให้ แล้วไอ้แต็งค์มันก็ผละตัวออกทันทีเมื่อเห็นชายวัยกลางคน เดินดุ่มๆมาหยุดอยู่ตรงที่เราอยู่กัน

“หวัดดีครับพ่อ” นี่พ่อมัน ผมได้แต่อ้าปากพูดอะไรไม่ออกเมื่อพ่อของมันหันมามองผม สายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า

“สวัสดีครับ...” ผมยกมือขึ้นไหว้และส่งเสียงอย่างแผ่วเบา ทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอสายตากดดันแบบนั้น

ชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางจะใจดีแต่ใบหน้าและแววตากลับดูเคร่งขรึมน่ากลัว เมื่อเห็นไอ้แต็งค์มันเดินกลับมานั่งข้างๆผม บรรยากาศในตอนนี้อึมครึมและอึดอัดมาก ผมแทบอยากจะร้องไห้ขอตัวกลับบ้านทันที

“อ้าว คุณตั้มกลับมาแล้วหรอคะ” กลายเป็นคุณแม่ที่แสนดีเข้ามาทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ “สวัสดีค่ะคุณพ่อ”ปู่ของไอ้แต็งค์หันมาพยักหน้าหงึกหงักแล้วส่งยิ้มให้
“พ่ออยู่คุยกับแตงกวาไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปดูสวนหลังบ้านซักหน่อย” อ่ะ นั่งหัวโด่กันอยู่สองสามคน ให้นั่งคุยกับแตงกวาคนเดียว เห้อออ

ผมจะผ่านด่านนี้ไปได้อย่างไร ยังมองไม่เห็นหนทาง แม่ของไอ้แต็งค์คงเห็นสีหน้าหงอยเหงาของผมเธอเลยเดินเข้ามาโอบไหล่ผมไว้หลวมๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ไอ้แต็งค์ นี่คงเป็นการบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ใช่รึป่าว

“แตงกวา เดี๋ยวเราไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารกับแม่”
“โอเคค่ะ” แตงกวาเธอหันมามองผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน ก่อนจะหันบอกทำหน้าจริงจังใส่พี่ชายตัวเอง “ห้ามพาพี่น้ำหนีกลับนะ!!”
“เยอะ” ไอ้แต็งค์มันก็ยื่นมือไปดันหน้าน้องมันให้หันไปทางที่แม่พึ่งเดินไป “ไม่เป็นไร” มันหันกลับมามองผมแล้วดึงมือผมไปบีบเบาๆ
“อ่ะ แฮ่ม” เอ่อ เกือบลืมไปเลย ว่ามีปู่มันนั่งอยู่ด้วย เลยต้องส่งยิ้มเขินๆให้ปู่มันไปแล้วดึงมือออกจากมือมันทันที “ไม่เป็นไร อยู่กับปู่ทำตัวตามสบายกันเถอะ ฮ่าๆ” ปู่แกหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่กับคุณประณตยังไงยังงั้น “หล่อเหลาเอาเรื่องแบบนี้นี่เอง เจ้าแต็งค์ถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น” ผมที่กำลังกินน้ำอยู่ถึงกับสำลักทันที หันไปมองหน้าไอ้คนข้างๆก็ลอยหน้าลอยตา น่าถีบ

“เอ่อ คือ..”

“ไม่ต้องเกร็ง... ความรักความชอบมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้หรอก” พูดจบปู่แกก็เดินมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์พร้อมทั้งยกแขนทั้งสองข้างขี้นโอบไหล่ผมไว้ข้างไหล่ ไอ้แต็งค์ไว้ข้าง “ความรักมันไม่มีผิดไม่มีถูก รักมันก็คือรัก” ปู่กอดผมสองคนโยกไปมาเบาๆ “เราทั้งสองคนต้องจับมือกันแน่นๆ แล้วช่วยกันพิสูจน์ให้ไอ้คนหัวรั้นอย่างลูกชายปู่มันได้เห็นว่า ความรักมันไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์ให้แค่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้นที่คู่กัน แต่ความรักมันคือการที่คนสองคนมีความรู้สึกตรงกัน ประคับประคองกันไป อยู่เคียงข้างกันไป ผ่านวัน ผ่านเวลาที่ทั้งทุกข์ ทั้งสุขไปด้วยกัน”

“ขอบคุณครับ” ผมยกแขนทั้งสองข้างกอดปู่แกไว้หลวมๆ เพื่อซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้ ส่วนไอ้แต็งค์มันก็เอื้อมมือมาเขกหัวผม
“นี่ปู่กู”
“ทำไมหวงรึไง” ปู่หันไปปรามไอ้แต็งค์ “เรากอดมาบ่อยแล้วให้น้ำได้กอดบ้าง”
“ปู่”
“นี่คงจะหวงน้ำไม่ใช่หวงปู่หรอก” พูดจบปู่ก็หัวเราะเบาๆ แต่ผมเนี่ยดันเขินไม่เบา “มาเป็นหลานปู่อีกคนนะ”
“ครับ” ผมคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ
“แต็งค์ไปช่วยปู่เลือกต้นไม้ตรงหน้าบ้านหน่อย” ปู่ละแขนทั้งสองข้างออกจากตัวผมกับมัน “ปู่เอาต้นไม้มาเยอะแยะเลย ว่าจะเอาไปให้พ่อเราปลูกตรงสวนหลังบ้าน”
“ให้ผมช่วยด้วยมั้ยครับ”
“งั้นเราไปรออยู่ที่สวนหลังบ้านแล้วกัน”
“ครับ”
“แต่ ปู่..” ไอ้แต็งค์มันหันทำสีหน้ากังวลใส่ปู่ ส่วนปู่ก็ได้แต่ยิ้มอ่อนโยน แล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผม
“มันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ...”

คำพูดของปู่ผมเข้าใจความหมายดี ใช่ครับ

ในเมื่อผมเลือกที่จะชอบมันแล้ว ผมก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมต้องเผชิญกับทุกอุปสรรคเพื่อที่จะหาหนทางผ่านด่านมันไปให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวผมเอง แต่เพื่อตัวไอ้แต็งค์มันด้วย

ผมจะไม่มีวันปล่อยมันต้องเผชิญกับอุปสรรคเพียงคนเดียวเด็ดขาด



ผมเดินลากตีนมายังสวนหลังบ้านเดินไปสำรวจไป แล้วก็แอบมองหาพ่อไอ้แต็งค์ไปด้วย จะได้ตั้งตัวทันถ้าต้องเผชิญหน้ากันอีกรอบ แต่เดินมาจนถึงสวน แล้วแทบจะทะลุสวนออกไปยังรั้วบ้านแล้ว ก็ยังไม่เห็นใคร สงสัยพ่อมันจะเข้าไปข้างในบ้านแล้วมั้ง

“มาทำอะไร!”ผมสะดุ้งโหยงหลังจากได้ยินน้ำเสียงเข้มขรึม หันหลังกลับไปก็สบตากับดวงตาคู่เกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคนที่รับบทบาทเป็นพ่อของไอ้แต็งค์ กำลังยืนถือกรรไกรตัดแต่งต้นไม้อยู่

“เอ่อ คือ..”

ระหว่างที่อ้ำอึ้งอยู่ พ่อไอ้แต็งค์ก็ส่งสายตามากดดันผมอีกระรอก

“ปู่” แล้วกูจะอำอึ้งติดอ่างทำไม ไอ้ปากไม่รักดี “ปู่ให้ผมมารอหลังบ้านครับ เห็นบอกว่าจะเอาต้นไม้มาลงที่สวน...”ปลายเสียงค่อนข้างแผ่วเบา พ่อไอ้แต็งค์ไม่ได้ตอบอะไรผม นอกจากพยักหน้า ส่วนสีหน้าและแววตายังคงเคร่งขรึมอยู่เหมือนเดิม ผมเลยตัดสินใจทำลายความอึดอัดด้วยการ “ให้ผมช่วยไหมครับ”

“ทำเป็น?” พ่อแกหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่เป็นครับ” แล้วแกก็หันมาขมวดคิ้วผูกโบว์ใส่ผม ให้เดาคงหาว่าผมกวนตีนอยู่แน่ๆ ผมเลยต้องปัดฝุ่นความคิดพ่อแกออก “แต่ถ้าพ่อช่วยสอนผมก็น่าจะทำได้ครับ”
“เหอะๆ” เสียงหัวเราะแบบตัวร้ายในละครไทยเลยครับ “จะมาช่วยรึมาเป็นภาระ”

นั่นไง

หนึ่งดอก

ชาๆ อย่างกับโดนฉีดยาชาที่หน้า

ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เหลือบตาไปเห็นกรรไกรอีกด้ามเลยรีบหยิบขึ้นมา แล้วสังเกตการกระทำทุกย่างก้าวของพ่อแกแล้วทำตาม

ตลอดเวลาที่ผมช่วยตัดแต่งต้นไม้ ผมกับพ่อไอ้แต็งค์เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกจากตั้งหน้าตั้งตาเอากรรไกรละเลงต้นไม้ ผมพยายามชะโงกหน้ามองหาปู่กับไอ้แต็งค์ที่ไม่ยอมมากันซักที ชะโงกไป ชะโงกมา ก็ต้องหันกลับมาสนใจต้นไม้ต่อเพราะเจอสายตาดุๆของคนตรงหน้าไป เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใส่ใจเลยต้องกลับมาละเลงต้นไม้ต่อ

เราสองคนงุ่นง่านอยู่นานสองนานจนตัดแต่งเสร็จเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ของพ่อแก เห็นท่าทีของพ่อแล้วผมเลยเดินไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ๆตัวมาให้แกดื่ม

“คิดยังไงกับแต็งค์” เปิดประเด็นมาอย่างตรงเผลง จนผมต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดวงตาที่จ้องเขม็งมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน จะตอบยังไงดีๆ ถ้าตอบตรงๆจะโดนหักคอมั้ย ถ้าตอบอ้อมๆล่ะ
“คือ..”
“รู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่ามันชอบ”
“ครับ..”
“เหอะ” พอแกได้คำตอบก็เบี่ยงหน้าออกไปอีกทาง “พ่อแม่รู้รึป่าวว่าเป็นแบบนี้”
“รู้ครับ”
“เค้ารับได้?”
“พ่อผมรับได้ครับ” ผมตอบด้วยเสียงค่อนข้างแผ่วเบา
“แล้วแม่ล่ะ”
“แม่ผมเสียไปนานแล้วครับ” คำตอบของผมทำให้คนตรงหน้าชะงักเล็กน้อย พ่อไอ้แต็งค์หันมามองหน้าผมแล้วก็หันกลับไป แววตายังคงเกี้ยวกราดไม่เปลี่ยน “ผมอยู่กับพ่อแล้วก็พี่ชายอีกสองคนครับ”
“แปลก” แกหันมามองผม แล้วเดินไปนั่งตรงโต๊ะไม้ใกล้ๆ ผมก็ต้องลากตีนเดินตามไปหย่อนตูดด้วย “ทั้งๆที่บ้านมีแต่ผู้ชาย แต่..”
“แต่ทำไมผมถึงชอบผู้ชายใช่มั้ยครับ”

ผมรู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปมันอาจจะทำให้พ่อแกรู้สึกไม่ดี แต่การที่ผมไม่พูดหรือไม่ตอบโต้อะไรเลยมันอาจจะทำทุกอย่างแย่ลงก็ได้ เพราะดูแล้ว...พ่อแกคงจะเอาแต่คิดเองเออเองเป็นส่วนใหญ่

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมระหว่างแกกับไอ้แต็งค์ถึงห่างเหินกันเพราะเรื่องนี้ คนนึงก็เอาแต่ยึดติดกับความคิดตัวเอง ส่วนอีกคนก็ไม่ชอบอธิบายอะไร มันคงต้องเป็นหน้าที่ผมแล้วแหละที่ต้องช่วยประสานรอยร้าวของสองพ่อลูก

“ความจริงบ้านผมก็เลี้ยงผมมาแบบผู้ชาย ส่วนผมเองก็โตมาแบบเด็กผู้ชายทั่วไป มีเกเรบ้าง ชกต่อยบ้าง ไม่เคยมีท่าทีเบี่ยงเบนอะไร จนถึงตอนนี้ก็ไม่มี ผมยังคงเตะบอลกับเพื่อน ยังคงทำอะไรๆในแบบที่ผู้ชายเค้าทำ” ผมลอบมองใบหน้าของพ่อแกที่ยังบึ้งตึงอยู่ “ผมไม่เคยชอบผู้ชาย แล้วก็ไม่คิดที่จะชอบชาย จน..”
“จนมาเจอไอ้เจ้าแต็งค์” แกหันหน้ามาเลิกคิ้ว ทำตาเขม็งกับผม
“ตอนแรกผมก็ไม่...เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าชอบมันตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ชอบมันไปแล้ว”
“พวกนายยังเด็ก มันอาจเกิดขึ้นเพียงเพราะแค่ถูกใจ ในอนาคตหากเจอใครที่ถูกใจกว่า พวกนายก็จะลืมความรู้สึกทั้งหมดในตอนนี้”
“สำหรับผมมันไม่ใช่ความถูกใจครับพ่อ” ผมหันหน้าไปคลี่ยิ้มบางๆ “ตัวเราเองมักจะรู้ใจเราดีที่สุดว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่มันเรียกว่าอะไร ผมไม่เคยกังวลเลยว่าในอนาคตมันจะเป็นยังไง เพราะผมเลือกมองแค่ตอนนี้ ตอนที่มีมันอยู่”
“นายอยากให้ฉันยอมรับ?”
“ใช่ครับ” แล้วพ่อแกก็หันมาจ้องตาเกรี้ยวกราดใส่ผมอีกรอบ จนผมต้องรวบรวมความกล้าเพื่อจะง้างปากพูดต่อ “ผมทราบดีว่าสำหรับพ่อแม่บางคนมันเกินที่จะรับได้”
“ใช่นายก็รู้”
“ครับ” ผมยังคงยิ้มบางๆเพื่อกดความรู้สึกกังวลของตัวเอง “พ่อผมก็เช่นกัน ผมรู้ว่าท่านไม่สามารถรับได้ในทันทีหรอกครับ แต่ท่านก็เลือกที่จะรับฟัง และก็เลือกที่จะอยู่ข้างผม”

พอคิดถึงพ่อผมก็รู้สึกตื้นตันในความอบอุ่นของคุณประณตทันที “ท่านบอกกับผมว่าความเสียใจที่สุดในชีวิตของท่านคือการสูญเสียแม่ไป เพราะแม่คือหัวใจครึ่งดวงของท่าน ส่วนผมเป็นเหมือนหัวใจทั้งดวงของท่าน” ผมลอบมองหน้าพ่อไอ้แต็งค์ที่เอาแต่จ้องมองไปยังต้นไม้ที่พึ่งตัดแต่งเสร็จ “หากต้องสูญเสียผมไปอีกคน เพียงเพราะไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ผมชอบได้ ท่านคงจะเสียใจมากว่าตอนที่เสียแม่ไปอีก”

“ในขณะที่คนเป็นพ่อแม่กลัวการสูญเสียลูกไป แล้วคนเป็นลูกล่ะ...เคยคิดอะไรบ้าง” พูดจบก็เหยียดยิ้มเป็นตัวร้ายโชว์ผม ไอ้ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งกับประโยคตอกกลับของแก

“คิดสิครับ ทั้งคิด ทั้งกังวล ทั้งเสียใจที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พ่อหวัง แต่กลับเป็นพ่อผมที่มาพังทลายความคิดทั้งหมด ด้วยประโยคที่ว่า ผมคือลูกของท่าน ต่อให้ผมจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็ยังคงเป็นลูกของท่าน” ผมเอนกายพิงพนักผ่อนคลายตัวเองซักพัก “มีคนคนนึงบอกผมว่าความรักมันไม่มีผิด ไม่มีถูก รักมันก็คือรัก ขอแค่คนสองคนมีความรู้สึกตรงกัน ประคับประคองกันไป อยู่เคียงข้างกันไป ผ่านวัน ผ่านเวลาที่ทั้งทุกข์ทั้งสุขไปด้วยกัน”

“เหอะ” ตอบรับแค่นั้นแหละครับ แกก็เดินกลับเข้าบ้านไป

ทิ้งไว้แต่ผมกับหัวใจเหี่ยวๆ ที่ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปตั้งหลายอย่างเนี่ยมันช่วยให้แกใจอ่อนบ้างได้ไหม เห้ออออออออ
   


และแล้วเวลาอาหารเย็นก็มาถึง ผมแอบดีใจนิดๆที่จะได้หลุดพ้นจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดซักที ตั้งใจว่าจะรีบกิน รีบอิ่ม จะได้รีบกลับ



“เราสองคนจะนอนนี่รึป่าวลูก” หญิงใจดีหันมาถามผมกับไอ้แต็งค์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นอนคอนโดครับ” อันนี้ไอ้แต็งค์มันตอบ
“ไม่คิดจะนอนบ้านบ้างหรอ แตงกวายังมีเรื่องอยากจะถามพี่น้ำเยอะแยะไปหมด”
“งั้นถามปู่แทนมั้ยลูก ปู่ว่าจะนอนที่นี่นะ”
“ปู่อ่ะ มันไม่เหมือนกัน”
“อยู่นี่มันคงอึดอัด” พ่อไอ้แต็งค์ปรายตามามองผมกับมัน “มันคงทำอะไรๆไม่สะดวกเหมือนที่คอนโดสินะ” ไอ้แต็งค์มันคว้ามือผมไปจับแล้วบีบกระชับ “แต่ก็ดีแล้ว เพราะฉันคงรับไม่ได้ที่ผู้ชายสองคนจะมาทำบัดสีในบ้านหลังนี้”
“ผมกลับแล้วนะครับแม่ ปู่” พูดจบมันก็ดึงผมออกมาจากเก้าอี้ทันที แล้วดิ่งตีนมายังโรงจอดรถอย่างเร็ว โดยไม่ได้สนท่าทีตกใจของคนอื่น ส่วนผมก็ได้แต่หันหลังกลับผงกหัวหงึกหงักเป็นกล่าวลา

“คุณตั้ม คุณพูดอะไรออกมา ทำไม่นึกถึงความรู้สึกลูกบ้าง”

“แล้วมันล่ะ เคยนึกถึงความรู้สึกผมมั้ย” เสียงพ่อกับแม่ไอ้แต็งค์เถียงกันออกมาลั่นบ้าน จนผม...

“กูไม่น่าพามึงมาอึดอัดด้วยเลย” มันหันมากอดกระชับตัวผมไว้ ใบหน้าซุกลงมุ่นอยู่บนบ่าของผม “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร” ผมลูบหลังมันเบาๆเพื่อให้มันรู้สึกว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ
“ต่อไปเราจะไม่มาที่นี่อีก กูจะพาไปบ้านปู่แทน”
“แต็งค์... มันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ” ผมหยุดลูบหลังมันแล้วเปลี่ยนเป็นกระชับกอดแทน “ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน กูจะยังอยู่ตรงนี้ ข้างๆมึง”
“จูบได้มั้ย”
“ไอ้แต็งค์!! ”หน้าร้อนวูบวาบทันทีที่นึกถึงตอนที่จูบแบบสูบวิญญาณกับมันครั้งแรก
“ไม่ได้หรอ”
“มึงรีบออกรถเดี๋ยวนี้เลย” นอกจากมันจะไม่รีบแล้วยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีก ดีนะที่อยู่บนรถเลยลดความสุ่มเสี่ยงที่คนอื่นจะได้ยิน
“หน้าแดง”

เพราะใครล่ะ

เพราะมึงทั้งนั้นเลยไอ้ตัวดี

ว่าแล้วก็ถลึงตาใส่มันไป ทำได้แค่นี้จริงๆ



โดย อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 09:58:14 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ 13.2
«ตอบ #31 เมื่อ29-10-2021 14:47:04 »

Episode 13 รักก็คือรัก (2/2)



[พ่อตั้ม]



หลังจากเหตุการณ์วันที่ไอ้เจ้าแต็งค์พาคนที่ชอบมาบ้านผ่านไปได้อาทิตย์นึง ทั้งๆที่มันผ่านไปแล้วแต่ทำไมมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผม คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเอง ผมพูดแรงกับลูกต่อหน้าคนที่ลูกชอบ



‘คุณตั้ม คุณพูดอะไรออกมา ทำไม่นึกถึงความรู้สึกลูกบ้าง’

ใช่ผมไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของลูกเลย มันเองก็เช่นกันไม่เคยนึกถึงความรู้สึกผมเหมือนกัน

‘คุณรับได้รึไง ที่มันวิปริตผิดเพศ’

‘ฉับรับไม่ได้’ ใบหน้าสวยเริ่มเปื้อนหยาดน้ำตา ‘ฉันไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ และไม่มีวันรับได้เลย แต่ลูกก็คือลูก ไม่ว่าเค้าจะเป็นยังไงเค้าก็คือลูก’ หยาดน้ำตาเริ่มพลั่งพลูออกมาไม่หยุด ‘ฉันทำใจไม่ได้หรอกนะที่ต้องเห็นลูกห่างเหินออกไปทุกที’ ใช่ ลูกกำลังห่างเหินออกไปจากผมเรื่อยๆ ‘ฉันรักลูก รักเค้ามาก และฉันก็เชื่อว่าลูกก็รักฉันมากเหมือนกัน แล้วก็เชื่อว่าเพราะเค้านึกถึงความรู้สึกของเราไงเค้าถึงไม่กลับบ้าน เค้ารู้ว่ากลับมาแล้วมันจะตอกย้ำให้เราผิดหวัง ที่เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง’ เธอยื่นมือมาโอบเอวผมไว้ แล้วเอาหัวพิงมาที่ไหล่ของผม ‘เปิดใจให้ลูกบ้างคุณตั้ม ความรักความรู้สึกมันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ เราเป็นพ่อเป็นแม่ควรที่จะคอยโอบประคองเค้าและก้าวเดินไปพร้อมกับเค้าในทางที่เค้าเลือก ไม่ใช่ไปเดินนำเค้าแล้วเลือกเส้นทางให้เค้า’

‘แต่ผม...’ ผมอิงหัวตัวเองไว้กับหัวของเธอ

‘ฉันรู้ ฉันก็รับไม่ได้ในทันทีหรอก ฉันก็เริ่มจากการพยายามทำความเข้าใจทีละนิด ทีละหน่อย พยายามจนรู้ว่าทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเลย ถ้ามันเป็นความสุขของลูกฉันก็มีความสุขด้วย ลูกรักใคร ชอบใคร ฉันก็รัก ก็ชอบกับลูกด้วย อะไรที่ลูกเลือกแล้วฉันจะไม่ห้ามเค้า แต่ฉันจะทำหน้าที่ยืนเป็นโค้ชให้เค้า สำหรับแม่อย่างฉันขอแค่อยู่ตรงนี้ ตรงที่เค้าจะหันมาเมื่อไหร่ก็เจอ ก็เพียงพอแล้ว’

‘คุณเป็นแม่ที่ดี’ ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดเธอไว้หลวมๆ ‘เด็กคนนั้นบอกผมว่า พ่อของเขาก็ไม่สามารถรับได้ในทันทีหรอก แต่พ่อของเค้าก็เลือกที่จะรับฟัง และก็เลือกที่จะอยู่ข้างเค้า สำหรับผม... พ่อของเค้าเป็นพ่อที่ดี’
 
‘คุณก็เป็นพ่อที่ดี’ ผมกอดเธอแล้วโยกไปมาเบาๆ
 
‘เด็กนั่นช่างพูด ช่างคิด จนผมเกือบใจอ่อน หึ’ คิดไปก็แอบยิ้มไป นึกถึงหน้าเจ้าเด็กนั่น ตอนพยายามหาเรื่องคุยกับผม ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่ชอบเค้าหาใครก่อน แต่ก็เลือกที่จะพยายามเพื่อลูกชายของผม

‘หลงเสน่ห์ว่าที่ลูกสะใภ้แล้วสิ’ เธอหันมายิ้มอ่อนโยนให้ผม

‘คงยังงั้น’ อีกไม่นานผมคงจะหลงเจ้าเด็กนั่นหัวปักหัวปำไม่ต่างจากทุกคนในบ้าน แต่คงไม่ได้หลงเพราะหน้าตาที่หล่อสมบูรณ์แบบของเค้า แต่น่าจะเป็นหลงเพราะกริยาท่าทาง รอยยิ้ม และการพยายามเอาอกเอาใจของเด็กนั่นมากกว่า



“ลมอะไรหอบเจ้าลูกชายหัวรั้นของฉันมาถึงนี่ได้” คนสูงวัยที่ดูแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน เดินยิ้มแย้มมาจากสวนหลังบ้าน
“ผมคิดถึงพ่อน่ะสิ” พ่อหันมาทำหน้าไม่เชื่อใส่ผม
“จริงๆเลย คงจะมาดักรอเจ้าแต็งค์ที่นี่สินะ”
“ครับ เห็นกิ่งบอกว่าวันนี้ลูกจะมาเอาของที่นี่ ผมอยากคุยกับลูก”
“ทำใจได้แล้ว?”
“ก็ยังหรอกครับ”

“ตั้มเอ้ย” พ่อนั่งลงข้างๆผม พร้อมโอบไหล่ผมไว้ “สำหรับลูกแล้ว พ่อแม่เป็นเหมือนที่พักพิงที่ดีที่สุดสำหรับเค้า เมื่อเค้าทุกข์ใจ ไม่สบายใจ เค้าก็อยากหันมาพึ่งพิงเรา แต่ถ้าความทุกข์ใจ ความไม่สบายใจของเค้ามันเกิดจากเรา แล้วลูกจะหันไปพึ่งพิงใครล่ะ”

พ่อผมพ่นลมหายใจเบาๆ “อะไรที่มันเป็นความสุขของเค้า เค้าทำแล้วมันไม่ได้ทำให้ใครได้รับความเดือดร้อน เราก็ควรจะปล่อยเค้า ชีวิตมันเป็นของเค้าไม่ใช่ของเรา เค้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกมันเอง เราทำได้แค่คอยเป็นกำลังเสริมให้เค้าเท่านั่นก็พอ”

“ครับพ่อ” ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดกระชับตัวพ่อ
“ไม่ต้องมาทำซึ้ง” พ่อดึงผมให้ลุกขึ้น “ฉันมีอะไรจะให้แก รีบๆตามมา”
“ครับ”
“เร็วๆ ก่อนเจ้าแต็งค์จะมา”

พ่อยื่นกล่องสีน้ำตาลใบใหญ่มาให้ผม พอสังเกตที่กล่องดูดีๆกล่องใบนี้มันคุ้นตามากคับคล้ายคับคลายว่าเคยเห็นมาก่อน

“กล่องอะไรหรอครับพ่อ”
“ลองเปิดดูสิ”

สิ้นคำพูดของพ่อผมก็เปิดฝากล่องใบนี้ออกทันที ข้างในกล่องเต็มไปด้วยรูปของเด็กผู้ชายคนนึง คนที่ผมคุ้นหน้าเป็นอย่างดี คนที่ทำให้ลูกชายของผมตกหลุมรักเมื่อสามปีที่แล้ว

“เด็กคนนี้ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป เค้าก็ยังคงทำให้หลานชายของฉันตกหลุมรักได้ซ้ำๆ และดูเหมือนว่าจะปีนขึ้นจากหลุมไม่ได้แล้ว หึๆๆ” พ่อหันมาตบบ่าผมเบาๆ “สามปีที่ผ่านมาเจ้าแต็งค์น่าจะพิสูจน์ให้เราได้เห็นแล้วนะ ว่ามันคือความรักจริงๆ”

ครับ ผมได้เห็นแล้วว่ามันคือความรักจริงๆ เห็นจากการที่เด็กสองคนนี้พยายามปกป้องความรู้สึกของกันและกัน

“และต่อจากนี้ ก็ให้เค้าทั้งสองได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเค้ารักกันและสามารถประคับประครองซึ่งกันและกันได้จนตลอดรอดฝั่ง” พ่อถอนหายใจเบาๆ “เปิดใจให้ลูกได้แล้ว...”

“ผมเปิดใจแล้วครับ ผมถึงได้มารอลูกถึงที่นี่ ผมไม่อยากทำพลาดอีกแล้ว ไม่อยากทำให้ลูกต้องห่างเหินออกไป” ผมโอบกอดพ่อไว้ด้วยความขอบคุณ ขอบคุณจริงๆที่คอยเป็นที่พักพิงให้ลูกชายของผมในตอนที่ผมไม่สามารถเป็นให้เค้าได้ ผู้ชายคนนี้ทำหน้าที่พ่อและปู่ได้ดีที่สุดสำหรับผม “ขอบคุณนะครับ ที่อยู่ข้างเจ้าแต็งค์มาตลอด” พ่อยกมือขึ้นลูบที่หลังผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรๆ ต่อไปนี้เริ่มต้นกันใหม่นะ” เราโอบกอดกันแล้วโยกไปมาเบาๆ



ผมนั่งถือกล่องสีน้ำตาลใบใหญ่อยู่ตรงโต๊ะไม้หน้าบ้านของพ่อเพื่อรอเจ้าลูกชายตัวดี รอที่จะปรับความเข้าใจกัน

ว่าแล้วก็เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาคว้ากล่องใบนี้ออกไปจากตักผมทันทีโดยไม่เอ่ยคำทักทายใดๆ

มันคงกลัวผมจะเอาไปเผาน่ะสิ มันจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกเพราะสิ่งที่ผมทำเมื่อสามปีที่แล้วมันทำร้ายความรู้สึกของคนเป็นลูกไม่ใช่น้อย

กว่าจะมาคิดได้ทุกอย่างก็แทบจะสายเกินไป

พอได้ของแล้ว เจ้าลูกชายของผมก็ทำท่าจะเดินกลับไปยังที่รถ

“จะไม่คุยกับพ่อซักหน่อยรึไง” คำพูดของผมทำให้เจ้าลูกชายหยุดชะงัก แล้วก็แอบถอนหายใจ แต่ก็ยังคงเดินกลับมานั่งลงข้างๆผม
“มีอะไรครับ” นำเสียง สีหน้าและท่าทีที่เริ่มห่างเหินออกไปทุกที
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง”
“เรื่องไหนหรอครับ”
“ก็เรื่องเรียน เรื่องความเป็นอยู่ แล้วก็เรื่องคนคนนั้น..” ปลายเสียงของผมค่อนข้างแผ่วเบาลง เพราะไม่สามารถเดาอารมณ์จากหน้านิ่งๆ ของคนที่นั่งข้างกันได้เลย
“ก็ดีครับ ดีทุกเรื่อง”
“งั้นก็ดีแล้ว” ผมหันไปมองหน้าลูกชายที่เอะใจเล็กน้อย “วันอาทิตย์หน้ามากินข้าวที่บ้านด้วยกันสิ” และคงจะไม่คิดว่าผมจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา “ชวนเจ้าน้ำมาด้วยสิ”
“พ่อ..” ลูกชายของผมยังคงขมวดคิ้วยุ่งอยู่ไม่ยอมคลายออก ผมเลยเอื้อมมือไปที่บ่าของมันแล้วตบเบาๆ

“ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนหรอกนะ ที่จะเข้มแข็งกับเรื่องของลูกได้ทุกเรื่อง และพ่อก็เป็นหนึ่งในนั้น” ผมถอนหายใจออกเบาๆ “พ่อเอาแต่กลัว เอาแต่กังวล ว่าคนอื่นเค้าจะมองลูกว่าเป็นตัวประหลาด กลัวว่าเค้าจะรังเกียจในสิ่งลูกชอบ กลัวว่าลูกจะต้องมาเจ็บปวดกับคำนินทาว่าร้ายจากคนอื่น กลัวหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง กลัวจนเอาความกลัวเหล่านั้นมาทำร้ายลูกซะเอง เพราะเอาแต่กลัวทั้งที่มันยังไม่ทันได้เกิดขึ้น”

“ผมขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“ผมทำให้พ่อผิดหวัง”
“แต็งค์...” มือของผมเริ่มเคลื่อนไปโอบกระชับไหล่ของคนข้างๆ “จำเอาไว้นะ พ่อไม่เคยผิดหวังที่มีเราเป็นลูก ไม่เคยคิดว่าผิดหวังเลยซักครั้ง” ผมโอบกอดไอ้ลูกชายแล้วโยกไปมาให้มันได้ผ่อนคลาย “เรามาเริ่มกันใหม่ลูก” มือทั้งสองของของเจ้าคนอายุน้อยกว่าโอบกอดผมตอบ
“ครับพ่อ”
“พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ให้รอมาถึงสามปี ขอโทษที่พ่อเอาแต่แคร์สายตาคนอื่น จนลืมแคร์ความรู้สึกของลูก พ่อขอโทษจริงๆ”

น้ำตาของผมพลั่งพลูออกมาเพราะรู้สึกผิดต่อลูกจริงๆ เจ้าลูกชายไม่ได้ตอบอะไรผมและผมก็ไม่ได้ต้องการให้เค้าตอบอะไร แต่ผมก็รับรู้ได้จากการกอดตอบกลับของเค้าว่าเค้ารู้สึกดีใจกับทุกประโยคที่ผมพูดออกไป

ผมต้องการเพียงแค่ให้เค้ารับรู้ว่าผมเปิดใจให้เค้าแล้ว และต่อจากนี้ไม่ว่าอนาคตของเค้าจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือว่าแย่ลง ผมก็จะอยู่ข้างๆเค้า เป็นที่พึ่งพิงที่ดีที่สุดให้เค้า ผมผละออกจากลูกชายแล้วลุกขึ้น เตรียมจะเดินไปยังรถตัวเอง “แกกับเจ้าน้ำไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”

“ยังไง” มันเลิกคิ้วถามผม
“เป็นแฟนกันรึยัง”
“ยังเลย”
“ยัง?” ผมหันหลังให้เจ้าลูกชายตัวดี แล้วก็อดคิดไม่ได้ พาเค้าไปเปิดตัวขนาดนั้นแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ไก่อ่อนจริงๆ “แกนี่มันไม่ได้พ่อไปซักนิดเลย”
“ยังไงอีก?”
“ไก่อ่อน” พูดจบผมก็ทิ้งให้มันนั่งหน้าไก่อ่อนอยู่คนเดียว จนมันตะโกนกลับมา
“พ่อก็สอนผมหน่อยสิ” หึๆ ไอ้ลูกชายตัวดี
“อาทิตย์หน้าจะสอนให้” ผมตะโกนกลับไป ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆของไอ้เจ้าลูกชาย มันคงมีจะความสุข และผมเองก็มีความสุขที่ได้เปิดใจ ได้ยอมรับมันจากใจจริงๆ



ผมหวังว่าการเปิดใจระหว่างผมกับมันครั้งนี้มันจะทำเราเข้าใจกันมากขึ้น และกลับมาสนิทกันมากกว่าเดิม และก็ต้องขอบคุณพ่อของผม ภรรยาของผม ที่ช่วยพูดดึงสติของผม และต้องขอบคุณเจ้าเด็กคนนั้นอีกหนึ่งคน คนที่ทำให้ผมรู้ว่า รักมันก็คือรัก แค่คนสองคนรักกันมันก็เพียงพอแล้ว



[End Part]



วันนี้ผมพาไอ้ตัวดีกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ตอนแรกมันก็ทำท่าเหมือนว่าไม่อยากจะมา แต่พอผมเล่าถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ผมกับพ่อได้คุยเปิดใจกัน มันถึงยอมมาด้วย แต่ผมก็ยังเห็นสีหน้าเป็นกังวลของมันอยู่ เลยต้องยื่นมือไปบีบกระชับมือมันเผื่อจะช่วยคลายกังวลได้บ้าง



“จะไม่ลงรถ?” มันหันมามองหน้าผม แล้วมองมือผมที่ยังจับมือมันอยู่
“ก็ปล่อยมือดิ” แล้วก็ต้องหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่กันก่อนลงจากรถ
“ปล่อยแค่มือ” ผมปล่อยมือมันแล้วลงจากรถ เดินอ้อมไปหามันที่พึ่งลงมาจากฝั่งข้างคนขับ “แต่ไม่ปล่อยให้ไปเป็นของคนอื่นแน่นอน”
“เดี๋ยวนี้พูดยาวๆได้” เขินจนหน้าแดง หูแดงไม่พอ มันก็เลยเอามือมาตีที่แขนผม ระบายความเขินอีกที
“มากันแล้วหรอลูก” แม่ของผมเธอเดินมาต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างอารมณ์ดี
“หวัดดีครับแม่”
“สวัสดีครับ” พูดจบมันก็ลอยหน้าลอยตาเดินเข้าไปโอบกอดแม่ผม เหอะ “เป็นไร” จะให้เป็นอะไรล่ะ
“มึงกอดคนอื่น” มันทำหน้าระอาใส่ผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันระอาอะไรของมัน ก็มันกอดคนอื่นจริงๆ และก็กอดต่อหน้าผมด้วย
“นั่นแม่มึง” กับแม่ก็ไม่ได้ กูหวง
“ไปข้างในกันได้แล้ว” แม่เอามืออีกข้างมาจูงผมเข้าไปในบ้าน ส่วนอีกข้างก็จูงไอ้ตัวดี
“พี่น้ำ” เสียงเจือยแจ้วของยัยเด็กวัยใสที่ดีใจออกนอกหน้านอกตาวิ่งมาเกาะแขนไอ้น้ำไปนั่งโซฟาที่มีปู่นั่งอยู่ด้วย

จากนั้นก็พากันคุยยาวเลยครับ ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกันนักหนา เดี๋ยวก็พากันไปดูนั่น ดูนี่บ้าง กินนั่น กินนี่บ้าง ส่วนผมก็ถูกแยกตัวออกมาช่วยปู่เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จะตกแต่งบ้านใหม่ วันนี้ทั้งวันผมกับไอ้น้ำแทบไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยครับ คิดแล้วก็เซ็งอยากจะพามันกลับคอนโดทันที แต่ก็ไม่ได้เพราะถูกพ่อขีดเส้นตายว่าต้องอยู่รอกินข้าวเย็นด้วยกัน ว่าแล้วก็มาพอดีเลย หอบของกินมาพะรุงพะรัง

“หวัดดีครับ”
“ดีๆ” แล้วพ่อก็หันไปทักทายปู่ “ทำอะไรกันอยู่หรอครับปู่หลานคู่นี้”
“เลือกของตกแต่งห้องกันอยู่” ปู่ตอบไปแต่ไม่ได้สนใจคนถามเพราะมัวแต่สนใจสิ่งที่อยู่ในไอแพด
“น้ำไม่มา?” แล้วพ่อก็หันมาเลิกคิ้วถามผม
“อยู่ในครัวกับแม่กับน้องครับ” พูดจบก็พากันเดินถือจานอาหารออกมาทันที
“สวัสดีครับ” มันผงกหัวทักทายพ่อผมด้วยความเกร็งๆ ไม่รู้ว่าเกร็งเพราะถือจานอาหารอยู่ หรือว่าเกร็งเพราะพ่อผมเลย
“ไปๆช่วยกันตั้งโต๊ะเลย พ่อหิวแล้ว” พ่อผมหันไปพูดกับมัน คงหวังว่าจะให้มันคลายความเกร็งลง แต่ป่าวเลย มันยังคงทำหน้าหวาดระแวงอยู่ มันนี่ยังไม่วางใจจริงๆ



พอช่วยกันจัดโต๊ะอาหารเสร็จ พวกเราก็พากันทานอาหารทันที กินไปก็คุยกันไป ถามถึงสารทุกข์สุกดิบชีวิตประจำวันไป พ่อผมก็พยายามชวนไอ้น้ำมันคุย ถามนั่น ถามนี่มัน จนมันเริ่มพูดคุยแบบสบายๆขึ้น



ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาพเหล่านี้ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆทีเข้าใจผมและยอมรับผมกับมัน วันนี้คงเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต และหวังว่าทุกๆวันของผมต่อจากนี้จะมีความสุขแบบวันนี้



“กินเยอะๆนะน้ำ อันนี้อร่อยมาก ร้านประจำพ่อเลย พ่อตั้งใจซื้อมาให้เราลองเผื่อถูกใจรอบหน้ามาบ้านจะได้ซื้อมากอีก” พ่อผมตักอาหารที่ตัวเองชื่นชมว่าอร่อยนัก อร่อยหนาใส่จานให้ไอ้น้ำมันไป ส่วนมันก็เอาแต่ผงกหัวขอบคุณครับ
“ถ้าอร่อยถูกใจ คงต้องให้แต็งค์พามากินข้าวที่บ้านบ่อยๆแล้วล่ะ” แม่ผมคลี่ยิ้มส่งมาให้ไอ้น้ำ ทุกคนตอนนี้เอาแต่ตักนั่นตักนี่ให้ไอ้น้ำอย่างเดียว ดูท่าจะพากันหลงมันเข้าแล้ว ผมคงกลายเป็นหมาหัวเน่าเต็มตัวแล้ว
“คืนนี้พากันนอนที่นี่นะ” พ่อหันมามองผมแล้วขยิบตาให้ “พ่อไม่ได้ดูหนังกับเจ้าแต็งค์มานานแล้ว กว่าจะดูจบมันก็น่าจะดึก ขับรถกลับดึกมันอันตราย เรานอนนี่ได้มั้ย” พ่อผมหันไปคุยกับไอ้น้ำ “ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอาไว้รอบหน้าก็...”
“ได้ครับ” พอได้คำตอบพ่อผมก็หันมาขยิบตาใส่ผมอีก พ่อจะบอกอะไรผม



หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็พากันมานั่งดูหนังกองกันที่โซฟาห้องรับแขก พอดูไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพ่อก็ทำท่าเป็นหาว แล้วหันมากระซิบข้างๆหูผม



“คืนนี้แกก็ขอเจ้าน้ำเป็นแฟนเลย พ่อจัดการสถานที่ให้แล้ว”

พ่อหันมายักคิ้วให้ผม จนผมต้องอ๋อ ที่ขยิบตายุบยิบชวนไอ้น้ำนอนนี่คือต้องการให้ผมขอมันเป็นแฟน ฮ่าๆ ผมเลยต้องยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พ่อแล้วเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหู

“ขอบคุณครับพ่อ” พ่อเอื้อมมือมาตบบ่าผมแล้วส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากผมกลับมา

“พ่อง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ พวกเราก็พากันขึ้นไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนกัน ไปแตงกวา ไปนอนได้แล้ว” พูดจบพ่อก็เอามือปิดปากหาวเดินขึ้นชั้นไป แต่ก็ยังมามาขยิบตาให้ผม จนผมต้องขยิบตาส่งกลับ เป็นอันว่ารับรู้กัน

“ไปนอนกัน” ผมทำท่าปิดปากหาวตามพ่อ แล้วดึงไอ้น้ำขึ้นตามมาบนห้องนอน ผมเดินเข้าไปหาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่กับเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวแล้วเอามายื่นให้มัน “จะอาบก่อนรึอาบพร้อมกัน”

“ไอ้แต็งค์!!”

มันหันมาถลึงตาใส่ผม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าจากมือผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ระหว่างรอมันอาบน้ำ ผมก็เดินออกมานอกระเบียงห้อง แล้วพบว่า ระเบียงห้องของผมวางเรียงรายไปด้วยเทียนหอมเต็มราวระเบียง แถมยังมีช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่อยู่บนโต๊ะไม้ริมระเบียง

ผมเลยเดินเข้ามาหยิบไฟแช็คแล้วเดินกลับไปยังระเบียงเพื่อจุดเทียน พอมองไปรอบๆแล้ว ให้บรรยากาศเหมือนจะขอมันแต่งงานยังงัยยังงั้น พ่อผมนี่โรแมนติกจริงๆ

พอได้ยินเสียงมันเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็รีบดึงตัวมันออกมาที่นอกระเบียงห้องทันที

“มึงจะเผาบ้าน?” มึงเอาอะไรคิด ผมเลยถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับการขัดความโรแมนติกของมัน

“กู..”


ตึง ตึ่ง ตึง ตึ้ง


ไม่ทันต้องพูดอะไร สายเรียกเข้าของมันก็ดังระงมจนมันต้องเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ ซักพักมันก็เดินออกมา

“ไอ้เหน่งกับพี่นนท์มันพากันบ่นกูหูแทบแตก บอกว่าตามหากูกันให้วุ่น แล้วนี่ยังจะมาตามกูที่บ้านมึงอีก วุ่นวายกันชิบหาย หึๆ” มันหันมามองหน้าผมแล้วหัวเราะ
“ทำตัวเป็นพ่อตาหวงลูกสาว” ผมหันไปเลิกคิ้วใส่มัน
“เหอะ เหอะ” มันหันมามองหน้าผมแล้วหันกลับไปยิ้ม



ผมลอบมองหน้าคนข้างๆด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าของมันตอนนี้ดูมีความสุขและผ่อนคลายมาก รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมัน มันช่างดึงดูดให้ผมหลงใหลเหลือเกิน ไม่ว่าจะได้เห็นมันยิ้มแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง ผมก็ยังคงหลงมันแบบโงหัวไม่ขึ้นอยู่ดี ผมเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกกุหลาบมาถือไว้ในมือ



“น้ำ”
“เราผ่านด่านนี้กันแล้วใช่มั้ย” มันหันมายิ้มให้ผม ส่วนผมก็พยักหน้ารับให้มันรู้ว่าผมกับมันผ่านด่านนี้ของพ่อผมแล้วจริงๆ
“น้ำ..”



ผมที่พยายามจะพูดขอมันเป็นแฟน แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ไอ้น้ำมันก็เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วประทับริมฝีปากบางสีแดงอมชมพูของมันลงมาที่ริมฝีปากผม

จากนั้นก็ผละออก

ความอุ่นร้อนที่ได้รับมันยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากผม ทำให้ผมโหยหาสัมผัสนั้นอีก ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของมัน แล้วประกบจูบกลับอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะดูดดึงริมฝีปากล่างของมัน พยายามที่จะสอดลิ้นเข้าไปในช่องปาก มันเผยอปากเพื่อต้องการหายใจผมเลยใช้โอกาสนี้สอดลิ้นเข้าไปในปากของมัน ผมใช้ลิ้นร้อนของผมสำรวจไปทั่วปากของมัน จนลิ้นของอีกคนเริ่มเข้ามาพันพัวเกี่ยวตวัดกันไปมา

ผมดึงมือทั้งสองข้างของมันมาคล้องคอผมไว้ จากนั้นก็เลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นมาโอบรอบเอวมัน เบียดกายเข้าหากันจนแนบชิด ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงรำไร และกลิ่นหอมอ่อนๆจากเทียน พร้อมทั้งรสชาติหอมหวานภายในปากของเราทั้งสอง

ทุกอย่างตอนนี้มันดีมากจริงๆ ดีจนลืมในสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปเลย...

เอาไว้หาจังหวะใหม่แล้วกัน ตอนนี้ขอกอบโกยความสุขตรงหน้าไว้ก่อนแล้วกัน



ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำแบบนี้ไปทั้งคืน



หรือว่าจะทำมากกว่านี้ดี



ไม่ได้



ไม่ได้



ไอ้แต็งค์ ใจเย็นๆ



มึงต้องขอเค้าเป็นแฟนก่อน



ใจเย็นไว้ไอ้เสือ ชู้ว ชู้วว



โดย อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 10:34:26 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
«ตอบ #32 เมื่อ29-10-2021 15:39:02 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 14
«ตอบ #33 เมื่อ05-11-2021 18:47:38 »

Episode 14  ในเมื่อใจตรงกันแล้ว



หลังจากเรื่องเครียดๆทุกอย่างผ่านไป ชีวิตของผมก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ



แต่ที่ไม่ปกติก็คงจะเป็นไอ้พี่ชายตัวดีกับเพื่อนตัวเวร ที่พากันมาจ้องหน้าผมเขม็งตั้งแต่กลับจากบ้านไอ้แต็งค์จนมามหาลัย สองคนมันก็ยังเอาแต่ตามติดตูดมาจ้องหน้าผมราวกับว่าผมไปทำอะไรผิดมา



“ทำไมเมื่อคืนมึงถึงไม่กลับมานอนคอนโด” ไอ้พี่นนท์มันเปิดประเด็นมาด้วยคำถามเดิมๆ รอบนี้น่าจะรอบที่สิบแปดแล้ว
“ก็พ่อไอ้แต็งค์เค้าชวนให้นอนนั่น” แล้วผมก็ตอบแบบเดิมเป็นรอบที่สิบแปดแล้วเหมือนกัน
“ใจง่าย!!”

ผลั๊วะ

ไอ้เหน่งไอ้ปากขยะเปียก

“เชี้ยยยย น้ำ”
“มึงไปถึงขั้นไหนกันแล้ว” ไอ้พี่นนท์มันยังไม่เลิกจ้องหน้าผม ส่วนผมก็ไม่ได้ตอบอะไรพี่มัน นอกจากหยิบขวดน้ำขึ้นมากระดกกิน
“นี่มึงเสียตัวให้มันแล้วหรอ”

พรวดดด

น้ำที่อยู่ในปากผมยังไม่ทันจะได้ไหลลงคอก็พุ่งกระจายเต็มหน้าพวกมันสองคนทันทีที่ได้ยินประโยคๆนี้ของไอ้เหน่ง

“จริงๆหรอวะ” ไอ้พี่นนท์กูยังไม่ได้ตอบอะไรเลยนะ “ให้ตายเหอะ กูอุตส่าห์เฝ้าประคบประหงม เฝ้าอบรมฟูมฟักมึงมาอ้อนแต่ออก มึงทำอย่างนี้ได้ยังไง นังลูกไม่รักดี นังใจง่าย นังใช้ร่างกายเปลือง”

เอาเข้าไปพี่มึง

กูล่ะอยากจะบ้าตาย

“มึงได้ป้องกันรึป่าว!”

อ่ะ

ไอ้นี่ก็อีกตัว

จนผมต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาห้ามพวกมันสองคนก่อนที่มันจะพากันคิดเลยเถิดไปมากกว่านี้

“หยุดเลย หยุดทั้งคู่” ผมจ้องหน้าพวกมัน “ดูปากกูนะ กูกับไอ้แต็งค์ ยัง ไม่ ได้ มี อะ ไร กัน” แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือก
“ยังไม่ได้ แปลว่าต่อไปต้องได้?”

ไอ้เวรเทมส์

อยู่ดีๆมันก็ทะเล่อทะล่ามาเสือก ผมได้แต่เอามือกุมขมับพร้อมส่ายหัวอย่างระอา ยิ่งพูดอะไรออกไปยิ่งเหมือนเปิดประเด็นให้พวกมันมโนกันไปเรื่อย

“กูยังไม่ได้เป็นแฟนกัน จะคิดเรื่องแบบนั้นได้ไง...” ปลายประโยคเสียงผมเริ่มแผ่วเบาลง

จะว่าไงดีล่ะ คือยังไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ก็แอบจูบกันไปสองทีแล้ว และที่สำคัญแบบดูดดื่มด้วย ถ้าไอ้พี่นนท์กับไอ้เหน่งมันรู้คงพากันกร่นด่าว่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบที่พวกมันชอบด่ากันจนผมหูไหม้แน่

“กูเห็นหิ้วกันไปนู่น ไปนี่จนเป็นเทอม มึงยังไม่เป็นแฟนกันอีกหรอ” ไอ้ตัวเสือกหน้าใหม่ที่พึ่งเสนอหน้าเข้ามา เป็นไอ้แคมป์เองแหละครับ
“เออ ก็รอ…”
“ถ้ามึงรอมันขอนะ ชาติหน้าคงได้เป็นแฟนกัน มึงก็รู้ ไอ้แต็งค์มันเป็นพวกชอบทำมากกว่าพูด” ไอ้เหน่งมันหันมาพูดกับผม หลังจากที่ซักไซ้เรื่องไร้สาระไปพักใหญ่ “แต่ถ้ามึงจะบอกว่ารอเวลา มึงจะรอเวลาไหนอีก ปัญหาหนักใจหลักๆก็เคลียร์กันไปหมดแล้ว”
“มึงจะบ่นอะไรยาวๆนักหนาเนี่ย”
“จะรีบทำอะไรก็รีบทำซะ กูขี้เกียจตามหวงมึงเป็นพ่อตาหวงลูกสาวแล้ว” ไอ้เหน่งมันเอื้อมมือมาผลักหัวผมเบาๆ พอไอ้พี่นนท์มันได้ยินไอ้เหน่งพูดแบบนั้น พี่มันก็...
“มึงจะแปลพักหรอไอ้เหน่ง” พูดจบพี่มันก็จัดการล็อกคอไอ้เหน่งทันที

“โอ๊ยๆ พี่ขัดขวางความรักคนอื่นมันบาปนะพี่” แล้วมันสองตัวก็ตีกันทันที

“คิดยังจะขอมันเป็นแฟนยังไง” ไอ้เทมส์มันทำหน้าทำเสียงระริกระรี้ถามผม

“ให้กูช่วยคิดป่ะ”

แล้วไอ้แคมป์มันก็เสนอหน้ามาอีกตัว ซึ่งผมเองก็ต้องยอมรับเลยว่า ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก เลยไม่รู้ว่าจะขอยังไง จะพูดยังไง เริ่มอะไรยังไงบ้าง สงสัยคงต้องพึ่งพวกมันจริงๆ ผมเลยพยักหน้าตอบรับพวกมันอย่างขัดไม่ได้
 
“มึงคิดถูกแล้วที่ให้พวกกูช่วย หึๆ” สีหน้ามึงนี่ไว้ใจไม่ได้เลยไอ้ห่า ไอ้เทมส์มันลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามมานั่งหย่อนตูดข้างๆผมแล้วเอาแขนข้างหนึ่งกอดคอผมไว้ “จะขอใครซักคนคบทั้งที มันต้องเอาให้โรแมนติกและแอ๊ดวานซ์สุดๆเว้ย” แล้วมันก็ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม “เริ่มจาก... มึงต้องหาสถานที่โรแมนติกๆ”
“เรือสำราญไง กูเห็นเคยเห็นในหนัง”

ผลั๊วะ

ไอ้เหน่งมันวิ่งมาแสกกระบาลไอ้แคมป์หลังจากที่มันไล่พี่นนท์กลับไปเรียนได้ซักที

“เชี้ยเหน่ง ตบกูทำไมเนี่ย”
“ตบเรียกสติมึงไงไอ้ห่า คิดออกมาได้” พูดจบไอ้เหน่งมักก็ผลักหัวไอ้แคมป์ต่ออีกที
“ทำไม เรือสำราญไม่ดีตรงไหนวะ”
“ดี!!” ไอ้เหน่งมันโวยวายใส่ไอ้แคมป์ “แต่มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปหามา ทุกวันนี้ยังเกาะพ่อมันแดกอยู่เลย” ใช่ครับ ทุกวันนี้กูยังเกาะพ่อแดกอยู่ เพราะฉะนั้นอะไรที่มันหรูหราตัดทิ้งออกให้หมดเลย
“พอๆ เลยมึงสองตัว กูคิดออกแล้ว” ไอ้เทมส์มันยกมีขึ้นปัดป่ายให้ไอ้สองคนมันเลิกต่อปากต่อคำกัน แล้วก็หันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มระรื่นมา “มึงกับมันชอบไปกินข้าวเย็นบ่อยๆด้วยกันใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ “งั้นเย็นนี้มึงก็เลือกร้านที่มันบรรยากาศดีๆ ไม่ต้องหรูหรามาก เอาสมวัยพวกมึงอ่ะ แล้วก็จัดการขอมันคบเลย”
“โอเค วิธีไอ้เทมส์กูว่าเวิร์ค” ไอ้เหน่งมันหันมาพยักพเยิดหน้าเห็นด้วย
“กูช่วยเลือกร้านมั้ย”
“ไม่ต้องเสือกเลยมึง”
“โห่”



ขณะนี้ผมกับไอ้แต็งค์ได้ขับรถแล้วเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง

ร้านนี้เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำ ไอ้เหน่งมันแนะนำมา บอกว่าร้านนี้บรรยากาศค่อนข้างดี ซึ่งมันก็ดีจริงๆ มีแสงไฟนวลๆสีส้มจากหลอดไฟดวงเล็กๆที่ติดเรียงรายห้อยต่องแต่งเต็มร้าน

ผมพามันเดินตรงเข้ามาในร้าน มายังส่วนที่อยู่ริมน้ำที่ได้ทำการจองโต๊ะไว้แล้ว และคนจองก็เป็นพวกเพื่อนตัวดีของผมเองที่มีส่วนร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนภารกิจครั้งนี้ แค่นั้นไม่พอ พวกมันยังแอบมารอกันอยู่ที่ร้านแล้ว แอบมารอชื่นชมผลงานของพวกมันทั้งห้าตัว

“ทำไมถึงชวนมาร้านนี้”
“เรียนมาเหนื่อยๆก็อยากให้ผ่อนคลายบ้าง”
“จริง?”
“เออน่า”



ผมไม่ปล่อยให้มันเซ้าซี้อะไรมากมาย เลยจัดการสั่งอาหารเครื่องดื่ม เตรียมเริ่มแผนการตามที่ไอ้สี่ห้าตัวมันช่วยวางไว้

ส่วนพวกมันก็พากันนั่งสังเกตุการณ์สลอนหน้าอยู่ใกล้ๆ ถามว่าไอ้แต็งค์มันรู้ตัวมั้ยว่ามีไอ้พวกเพื่อนรักผมอยู่ด้วย บอกเลยว่ารู้ครับ

เอิ่มมม

ไอ้แต็งค์จำพวกมันได้ตั้งแต่เดินลงรถมาแล้วแหละครับ แค่ใส่หมวก ใส่แว่นตาเนี่ยมันไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอก

หน้าพวกมันเด่นหรามาแต่ไกลแล้ว ดูหนังกันมากพวกมันอ่ะ

พออาหารมาเสิร์ฟผมกับมันก็ต่างคนต่างละเลียดอาหารลงกระเพาะอย่างสบายอารมณ์ใต้แสงไฟนวลและเสียงเพลงคลอเบาๆ ฟินสุดๆ บรรยากาศได้แล้ว อารมณ์ก็ได้แล้ว ผมจึงต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเปล่งเสียงจากความรู้สึกแล้วเอื้อนเอ่ย...

“แต็งค์” มันเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารแล้วสบตากับผม “คือกู...” มันจ้องเข้ามาในตาผม

ลึกเข้ามา

ลึกเข้ามา

ทำให้ผมเกิดความประหม่าจนต้องกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่

พอเหลือบไปมองเห็นพวกเพื่อนรักที่พากันนั่งลุ้นระทึกไม่ติดเก้าอี้ ก็ยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่

“กู...”

กูล่ะอยากตีปากตัวเอง

มึงเป็นห่าอะไร

ไอ้ปากเวร

“เชี่ย แต็งค์” ผมตกใจสุดขีดรีบลุกจากที่นั่งไปคว้าแขนมันไว้เพราะพนักงานเสิร์ฟที่ดันทะเล่อทะล่าทำน้ำจากหม้อไฟหกใส่แขนมัน ยังไม่ทันได้พูดสิ่งที่อยากจะพูดเลย ต้องหยุดความคิดแล้วหันมาสนใจที่แขนมันแทน “เป็นอะไรมากมั้ย”

“ไม่เป็นไร”

“แน่ใจ?” ผมถามมันด้วยความห่วงใย กลัวว่ามันจะเจ็บจะแสบร้อน ส่วนมันก็อมยิ้มกรุ่มกริ่มสบายใจทั้งๆที่เจ็บตัวอยู่

ไอ้เวร

“ไปล้างแขนก่อนมั้ย” มันพยักหน้าเสร็จผมก็ดึงมันไปจัดการล้างแขนที่ห้องน้ำทันที

ภารกิจขอมันเป็นแฟนครั้งนี้

ล้มเหลวครับ


 
แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก ต้องแก้มือใหม่ ยังไงก็ต้องขอมันคบให้เป็นเรื่องเป็นราวให้ได้ ไอ้ไม้มันเดินมาตบบ่าผมแล้วทำสีหน้าระเหี่ยใจกับความล้มเหลวของเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็น



“กูคิดแผนใหม่มาให้มึงแล้ว”
“แผนอะไรวะ”
“ถ้าร้านอาหารมันไม่เวิร์ค” มันหันมาทำหน้ามุ่งมั่นใส่ผม “ก็สนามบอลไปเลย คลาสสิคใสๆ”
“มึงจะให้มันไปตะโกนขอไอ้แต็งค์เป็นแฟนกลางสนามหรอ”

ห๊ะ!!

ถ้าจะให้คนหน้าบางแบบผมไปทำอะไรแบบนั้น

บอกเลยว่าพัง

พังตั้งแต่คิดแล้ว เหอะ เหอะ
 
“ใครบอก” ไอ้ไม้มันหันมาผลักหัวไอ้โชคเบาๆ “กูแค่ให้มันเอาสิ่งที่มันชอบทำในชีวิตประจำวันมาใช้ให้เกิดประโยชน์เว้ย เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่อัดเต็มเหนี่ยวไปที่หัวใจ จึกๆ” ขอเกลียดคำว่าจึกๆ ของมึงหน่อย
“ยังไง” ไอ้โชคมันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ส่วนไอ้ไม้มันก็เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม เตรียมนำเสนอแผนการ
“กูขอตั้งชื่อภารกิจนี้ว่า” มันทำตาวิบวับเป็นประกาย “เตะบอลแมนๆเป็นแฟนกันนะ อิอิอิ”
“อิอิอิ”
“อิอิอิ”

อิอิอิ

พ่อง!!

ผมล่ะไม่อยากจะคาดคิดกับสิ่งที่พวกมันเสนอมาเลย จะรอดรึจะล่วง คิดหนัก



สนามฟุตบอล



“ไอ้แต็งค์ขวาๆ”

“ไอ้น้ำ ไอ้เวร!!”

“มึงสิไอ้โต้ง ไอ้กาก”

ฟุบ

เฮ้!!!!

“หนึ่งศูนย์ แมนๆคราบบบ”

“ฝากไว้ก่อนห่า เดี๋ยวๆมึงเจอกู”

“น้ำ” ไอ้ไม้มันวิ่งดิ่งตีนดิกๆ มาหาผมที่กำลังเลี้ยงลูกบอลอยู่ “มึงเริ่มแผนได้เลย กูเคลียร์ทางให้แล้ว”

ผมพยักหน้ารับมันอย่างเข้าใจ

และแผนที่ว่านี่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการบานตะไทอะไรหรอก มันก็แค่วางแผนให้ผมเลี้ยงลูกบอลไปหาไอ้แต็งค์ จากนั้นก็แกล้งทำเป็นถูกมันฟาดแข้งล้มบาดเจ็บเรียกร้องความสนใจพอมันหันมากระวนกระวายสนใจ ก็ให้ทำหน้าตาน่าสงสารแล้วพูดว่า ‘มึงต้องรับผิดชอบโดยการเป็นแฟนกู’ ตามที่ไอ้ไม้มันให้สคริปไว้

จะวอดรึวายมาเอาใจช่วยผมกันด้วยนะครับ

เหอะ เหอะ

“น้ำทางนี้ๆ” ไอ้โชคมันเรียกผมให้เลี้ยงลูกบอลไปยังมัน โดยที่มีไอ้แต็งค์ประกบหลังมันอยู่ ผมไม่รีรอร่ำไรอะไรทั้งนั้นรีบเลี้ยงลูกกลมๆสีขาวดำไปยังเป้าหมาย แล้ว....



“เชี้ยยยยยย”



ผิดคิวครับ!!



เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยในละคร

เหอะ เหอะ

ไอ้บิว

ไอ้เลว

อยู่ๆนึกจะโผล่มาก็โผล่

จากที่จะต้องแกล้งเจ็บคราวนี้เป็นเจ็บจริงเลยไอ้ห่า น้ำตาผมแทบไหลทันที จะอะไรล่ะ ก็ไอ้บิวมันเล่นพุ่งมาสกัดบอลจนเกิดเหตุหน้าคว่ำคมำกอดกันกลมเกลียวประหนึ่งคนๆเดียวกันทั้งผม ทั้งไอ้โชค แล้วก็ไอ้บิว

ภารกิจครั้งนี้ล้มเหลวครับ

เพราะมึงตัวเดียว

ไอ้บิว

ไอ้นรกส่งมาเกิด!!!

ผมได้แต่หันไปมองรอยยิ้มแหยๆจากไอ้ไม้ แล้วกร่นด่าไอ้บิวในใจ แผนไม่สำเร็จไม่พอยังต้องมาเจ็บตัวอีก



“เอาน่ามึง เดี๋ยวกูช่วยคิดแผนใหม่” ไอ้เหน่งมันมานั่งกอดคอปลอบผมอยู่ที่ห้องตั้งแต่กลับจากสนามบอลมา “โรงหนังสื่อรักเป็นไง?”
“ยังไง?”
“มึงก็เลือกดูหนังรักโรแมนติก ซึ้งๆ ซักเรื่อง”
“แล้วไงต่อวะ” มันหันมาถอนหายใจใส่ผม
“มึงก็ใช้จังหวะที่กำลังเคลิ้มๆกับหนังขอมันคบเลย จบ ง่ายๆแต่ตราตรึงใจ เชื่อกู”

พูดจบมันก็ส่งรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องมาให้ผม และผมก็หวังว่าแผนของไอ้เหน่งเพื่อนรักเนี่ย มันคงจะไม่ล้มเหลวเหมือนครั้งที่ผ่านมา



“นึกไงชวนมาดูหนัง”
“อยากดู”
“อยากดู?”

มันเลิกคิ้วหันมาถามผมด้วยความสงสัย ผมก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆแล้วหันไปสนใจโปรมแกรมหนังที่จะฉาย

ซึ่งดูแล้วไม่มีรอบหนังรักโรแมนติกซักเรื่อง

เวรแล้วไง

ผมเลยหันซ้ายหันขวามองหาไอ้เหน่งที่แอบตามมาหลบอยู่แถวซอกมุม แล้วส่งสัญญาณบอกมันว่าเอาไงดี ส่วนมันก็ชี้นิ้วไปยังโปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่ง



หนังผี



หนังผีสยองขวัญสั่นประสาทซะด้วย ตาย

กูตายแน่ๆ

จากที่กลัวผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานนี้จะรอดมั้ยยยย

“เรื่องไร?” ไอ้แต็งค์มันชี้ไปที่โปรแกรมเพื่อถามว่าจะดูเรื่องอะไร ผมเลยชี้ไปที่โปสเตอร์หนังผี “หนังผี” ผมพยักหน้าหงึกๆตอบรับมัน

 

บรรยากาศในโรงหนังตอนนี้ทั้งมืด ทั้งเงียบ และโหวงเหวงจนทำให้หนังสยองขวัญนั้น สยองขวัญสั่นประสาทมากขึ้นเป็นเท่าตัว



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด



ผีโผล่ออกมาที คนที่มาดูก็กรี๊ดที

ส่วนผมถึงจะไม่กรี๊ดแต่เหงื่อแตกซะเต็มหน้าเต็มมือ

บอกเลยตรงนี้ ไม่มีกระจิตกะใจจะพูดอะไรกับไอ้แต็งค์เลยนอกจากเอามือข้างนึงปิดตาไว้ส่วนอีกข้างก็ขยำกล่องป็อปคอร์นจนแทบจะเละคามือ

ส่วนไอ้แต็งค์นะหรอ

เหอะ เหอะ

มันก็นั่งขำไอ้อาการกลัวผีของผมตั้งแต่หนังเริ่มฉายยันหนังจบ สรุปการมาดูหนังครั้งนี้ของผม นอกจากจะไม่ได้ทำตามแผนที่จะขอมันคบแล้ว ยังจะดูหนังไม่รู้เรื่องอีก

เวร

เวรมาก

“กลัว?”
“ใครกลัว” ยัง ยังจะมาหัวเราะกูอีก แล้วมือนี่ก็อยู่ไม่เคยสุขเอะอะขยี้หัว ลูบหัวอยู่นั่นแหละ
“หงุดหงิดอีก” หงุดหงิดสิ แผนที่วางมาตั้งกี่แผนล้มเหลวไม่เป็นท่าซักแผน

เห้ออออออ

หรือว่าจะต้องพูดโผล่งตรงๆไปเลยดีวะ ฮึบบ ผมรวบรวมความกล้าอีกครั้งเพื่อที่จะ..

“แต็งค์”

ตึ่ง ตึง ตึ๊ง ตึ่ง ตึง ตึ๊ง

โทรศัพท์เวร

ใครมันโทรมา

ถ้าไม่มีสาระนะกูจะแดกหัวให้

ฮึ่มมมม

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าสายที่เรียกเข้ามานั้นเป็นสายคุณประณตนั่นเอง เลยรีรอไม่ได้ต้องสะบัดไล่ความคิดทุกอย่างแล้วกดรับสาย พอคุยสารทุกข์สุขดิบเสร็จ ก็หันไปหาไอ้แต็งค์ที่ยืนเล็มป็อปคอร์นที่เหลืออยู่

ดูสภาพแล้วมันคงหิวมากเพราะว่าเรียนเสร็จผมก็ลากมันมาดูหนังทันทีเลยไม่ได้ยัดห่าอะไรกันก่อนมา ผมจึงต้องลากมันไปหาอะไรกินก่อนที่มันจะรับประทานกล่องป็อปคอร์นเข้าไป

สรุปภารกิจครั้งนี้ ก็ล้มเหลวอีกเช่นเคย

เฮ้ออออออออออ



“ไม่ต้องเศร้าไป เดี๋ยวกูคิดแผนให้ใหม่” ไอ้เหน่งมันมานั่งกอดคอปลอบใจผมที่ห้องเหมือนเดิม ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจปลงตกเหมือนเดิม
“กูว่าบางที...ที่กูกับมันเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็เหมือนเป็นแฟนกันแล้วป่าววะ จะขอรึไม่ขอมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป กูก็ยังคงสำคัญกับมัน แล้วมันก็ยังสำคัญกับกูเหมือนเดิม”
“มึงคิดงั้น?” ผมพยักหน้าตอบ
“แต่ไม่ใช่ว่ากูจะไม่ขอมันคบ แค่อาจจะรอจังหวะเหมาะๆ ที่ไม่ต้องใช้แผนการ ปล่อยให้มันเป็นไปแบบธรรมชาติๆ”
“อือแบบนั้นก็ดีอยู่” มันกระชับแขนที่กอดคอผมให้แน่นกว่าเดิมเล็กน้อย “ปล่อยให้มันเป็นไปแบบธรรมชาติๆ แต่ขอเป็นในชาตินี้นะ ถ้าชาติหน้ากูขี้เกียจตามไปเสือก ฮ่าๆ” ไอ้เพื่อนเวร



“เย็นนี้ว่างกันไหมคราบบบ” เสียงแรดๆของไอ้บิวมันวิ่งแสดเข้ามาในหูผมจนต้องหยุดชะงักมือที่กำลังหยิบช้อนจ้วงข้าวเข้าปากทันที
“มีอะไรคราบ” แล้วก็เป็นไอ้เหน่งที่ตอบมันด้วยแสงแรดๆไม่ต่างกัน
“แดกเหล้า!!” อ่ะ หูผึ่งกันทุกตัว
“ที่ไหน?”
“ชนกัน”
“ดีๆเลย ไปช่วยอุดหนุนพี่มันกัน ป่านนี้แดกกันเองจนร้านเจ๊งแล้วมั้ง”

ผล๊วะ

โทษฐานพูดไม่เข้าท่า

นั่นน่ะแหล่งกู้ยืมเพื่อการศึกษากูเลยนะไอ้ห่าเหน่ง

“ระบายอารมณ์กับหัวกูซะให้พอใจ” มันทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ผม มันนี่น่าถีบจริงๆ
“ห้ามปฏิเสธ!!” ไอ้บิวมันชี้หน้าห้ามไอ้ไม้ที่กำลังจะง้างปากพูด “สามทุ่มเจอกัน กูไปล้ะ บรั๊ยยย” แล้วมันก็ลากตีนกลับไปยังที่ของมัน
“ไอ้ห่าบิว ใจคอมันจะไม่พักตับบ้างหรอวะ แดกมันแม่งทุกวัน” ไอ้ไม้มันบนหงุงหงิงๆให้ไอ้โชคฟัง
“บ่น แต่ก็ไปทุกรอบ” ผมเลยหันไปกระแนะกระแหนมัน เห็นมันทำบ่นๆแบบนี้ พอเหล้าเข้าปากเท่านั้นแหละครับ งอแงชักดิ้นชักงอจะไม่ยอมกลับบ้าน ไอ้เพื่อนระยำ



21.00 น. ณ ชนกัน คลับ ครับผม



“กว่าจะเสด็จกันมาได้นะมึง” ไอ้บิวมันเอ่ยทัก “อ้าว พี่นนท์ มากับเค้าด้วย มาคุมน้องหรอ” ใครบอก มันมารีดไถพี่น่านมันต่างหาก ช่วงนี้พี่มันเอาเงินไปถลุงกับโปรเจ็กหมด เลยต้องมาเกาะพี่น่านกิน
“เออ” พูดยังไม่ทันจบพี่มันก็มายืนขั้นกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์ทันที อะไรของมึงอีกไอ้พี่นนท์ “มึงอยู่ห่างๆน้องกูเลย”
“นี่พี่ยังไม่เลิกเล่นบทพ่อตาหวงลูกสาวอีกหรอวะ”

ผลั๊วะ

จัดไปหนึ่งโบกจากพี่นนท์ให้ไอ้โต้ง

“อย่าพากันแดกล้างแดกผลาญกันมากล่ะ กูขี้เกียจหามไปส่ง” พี่แทนแกเดินมาผลักหัวทักทายไอ้พี่นนท์มัน
“แหมมมมม นานๆทีพี่”
“นานพ่อง กูเห็นไอ้เทมส์ลงสตอรี่ไอจีว่าแดกกันทุกเย็น” แล้วพี่น่านแกก็เดินเข้ามาสะกิดหัวไอ้แคมป์ด้วยฝ่ามือเบา เบา
“สีสันชีวิตน่า”
“เหรออออ”
“กินไรมายัง” ผมหันไปถามไอ้แต็งค์ที่ยืนหน้านิ่งแผ่รังสีอัมหิตอยู่ข้างๆพี่นนท์ ถ้าไอ้พี่นนท์มันไม่ใช่พี่ผมมันคงแดกหัวไปแล้ว ดูจากสายตาเอานะครับ
“ยัง” ว่าจบก็ทำหน้าทำตางอดๆจะเดินมาข้างๆผม แต่ไอ้พี่นนท์มันเอาส้นตีนกันไว้ก่อน ผมล่ะเหนื่อยหน่ายกับพี่มัน
“กูยืนหัวโด่อยู่เนี่ย เกรงใจกันบ้าง”
“เหอะ เหอะ” เกรงใจห่าอะไรแค่จะมายืนข้างๆกันนี่มันจะอะไรนักหนา

ไอ้เจ้ากรรมนายเวร

ไอ้มารความรัก ไอ้ ไอ้ ฮึมมม

“แต็งค์” อยู่ๆไอ้บิวมันก็เดินมากอดคอไอ้แต็งค์ แล้วก็ลากกันไปไหนไม่รู้ แต่ก็ดีไปนานๆหน่อยจะได้ถือโอกาสนี้กระดกเหล้าลงคอซักหน่อย จะกินตอนมันอยู่ก็ไม่ได้จ้องแต่จะขัดคอ ขัดใจ น่ากระทืบ
“เห็นเด็กในร้านบอกกูว่าคืนนี้มีเซอร์ไพร์สว่ะ” พี่แทนแกโพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“เซอร์ไพร์สอะไรวะ” พี่น่านมันหันไปถามพี่แทน แต่พี่แทนแกก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วบุ้ยหน้าไปทางเวทีที่พวกนักดนตรีของร้านกำลังทำการแสดงอยู่ แล้วพี่มันสองคนก็สบตากัน ยักคิ้วหลิ่วตาใส่กันพักนึงก่อนจะหันมามองผม
“อะไรกัน” พี่มันพากันบุ้ยหน้าไปทางเวที ผมเลยเลยหันมองตามพวกพี่มัน แล้วก็เห็น....



ไอ้แต็งค์มันกำลังยืนเสนอหน้าจับไมค์อยู่บนเวที



ตาทั้งสองข้างของมัน กำลังมองมาที่ผม



เสียงดนตรีก็เริ่มบรรเลงท่วงทำนองจังหวะรื่นหูขึ้น...



ก็ไม่รู้ว่าคุณทำบุญด้วยอะไร ถึงดูดีอย่างนี้
ก็ไม่รู้ว่าคุณทาครีมอะไร ผิวคุณจึงดีแบบนี้
ก็ไม่รู้ว่าคุณน่ะมากับใคร ขอเข้าไปจอยได้มั้ย
แต่ที่รู้คือคุณได้ใจไปหมดแล้ว


ไหนบอกไม่ชอบเป็นเป้าสายตาไง แล้วที่ทำอยู่นี่มันคืออะไร ไอ้ตัวดี

ไม่อยากเชื่อ (ไม่อยากเชื่อ) ว่าสายตา (ว่าสายตา)
จะได้พบคนที่กำลังตามหา
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
ผมบอกกับคุณเลยนะ อย่างคุณน่ะเต็มสิบ
เพราะแค่คุณนั้นเดินเข้ามานะ ทำทุกคนน่ะเงียบกริบ
อยากรู้คุณชื่ออะไรฮะ รู้มั้ยคุณทำผมหวั่นไหว
เฮ่ อย่าเพิ่งเดินไปไกล มารับผิดชอบด้วยสิ


ผมแทบจะไม่ได้ฟังเพลงที่มันร้องเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้จับใจความ รึตั้งใจฟังความหมายอะไรมันเลย

ก็ที่ผมให้คุณเต็มสิบ เหมือนตัดสินโอลิมปิก
ถ้าผมได้คุณเป็นแฟน จะคอยดูแลคุณอย่างดี
จะหยุดคุยกับทุกคนในทันที ผมสัญญาว่าต่อจากนี้
จะมีแค่คุณเพียงคนเดียว จะยอมปรับตัวเป็นคนดี
เห็นผมเงียบ ๆ แบบเนี้ย ผมก็รักเป็น
จะไปรับ จะไปส่ง จะไม่เถียง จะไม่บ่น ผมไม่ได้ล้อเล่น
จะรับโทรศัพท์ทุกเวลา
จะพิมพ์ตอบเธอ ไม่มีเบื่อค่า
และต่อจากนี้ขอสัญญา จะอยู่กับเธอเป็นคู่เหมือนลิปตา


เพราะผมในตอนนี้ เหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในวังวนสายตาที่หวานเยิ้มของมัน

คุณอาจจะเคยเจอคนไม่ดี หรือคนที่เจ้าชู้
แค่อยากให้รู้ว่า อย่าเอาคนเดียวมาตัดสิน
แค่อยากให้คุณเปิดหัวใจ
รักรักกันไป เดี๋ยวก็ชิน
รับรู้ได้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไร
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี




ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองแสดงสีหน้าหรือท่าทางแบบไหนออกไป รู้แค่ว่า...



“น้ำ”



ผมคลี่ยิ้มออกอย่างกว้าง



กว้างที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมา



“เป็นแฟนกันนะ”



ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววว



“เป็นเลย เป็นเลย เป็นเลย”



เสียงเชียร์ที่ดังสนั่นจากคนทั่วทั้งร้าน ยังไม่ทำให้ใจผมสั่นได้เท่าเสียงของคนคนนี้



“จะเป็นแฟนกูได้ยัง”



หึ หึ



ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะพูดประโยคนี้กับมันแต่ดันล้มเหลวทุกครั้ง แล้วกลับกลายเป็นมันที่เป็นฝ่ายพูดแทน ทั้งๆที่ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะต้องเป็นฝ่ายขอ



ผมทำได้เพียงพยักหน้าตกลง เพราะจะให้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้คงทำไม่ได้แล้ว



แค่นี้ก็เขินจนจะระเบิดตัวทิ้งแล้ว...



“ได้ไงวะไอ้แต็งค์!!”

“มานี่เลยพี่อ่ะ”



พูดจบไอ้เหน่งมันก็จัดการลากคอไอ้พี่นนท์ไปไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้เดาคงจะไปหาซัดเหล้าลงคอกันแน่นอน ส่วนผมอ่ะหรอ

ตอนนี้ก็ยืนจ้องตากับไอ้คนที่มันพึ่งจะเอ่ยขอผมเป็นแฟนเมื่อซักครู่นี่แหละ

จ้องกันได้ซักพักมันก็ฉุดกระชากลากผมออกมาตรงโซนเอาท์ดอร์ของร้าน โซนเอาท์ดอร์ในตอนนี้ไร้ซึ่งผู้คนเพราะทุกคนมัวแต่เข้าไปออกันอยู่ด้านหน้าเวทีตามเสียงเพลงจังหวะคึกครื้น

จึงมีแค่ผมกับมันที่ยืนตากลมกันท่ามกลางแสงไฟสลัวๆจากหลอดไฟกลมๆ ที่ห้อยต่องแต่งอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้บรรยากาศชวนใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

“ยังไม่เลิกเขิน?”
“ใครเขิน” ผมที่คิดว่าตัวเองเก็บอาการเก่งมาตลอด พอเจอสายตาหวานเยิ้มในตอนนี้ของมัน ใจก็อ่อนยวบแล้ว อ่อนยวบอีก
“หน้าแดง” ใช่หน้าแดง และดูเหมือนว่าจะแดงทั้งตัวแล้ว และก็อาจจะแดงมากขึ้นอีกเมื่อมันเลื่อนใบหน้าฟ้าประทานมาของมันเข้ามาใกล้

ใกล้

ใกล้มาก

จนใจผมแทบหยุดเต้น

“หยุดเลยมึง” ผมเอามือดันหน้ามันให้ออกห่าง กลัวว่าถ้าใกล้กันกว่านี้ ได้หัวใจวายตายแน่ๆ
“จูบไม่ได้หรอ”

ไอ้แต็งค์!!

ใจคอมึงจะทำให้กูเขินไปถึงไหน แค่นี้ตัวกูก็แดงเป็นมะเขือเทศแล้ว

“เป็นแฟนกันแล้วนะ” แล้วผมจะต้องทำยังไงต่อ บอกตามตรง ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เจอไอ้แต็งค์ในเวอร์ชั่นอ้อนๆแบบนี้ 

แพ้

แพ้ราบคาบ

ปล่อยให้ในใจคร่ำครวญอยู่ได้ซักพัก ไอ้แต็งค์มันก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ๆ ใกล้จนปลายจมูกของผมกับมันชนกัน

หัวใจของผมในตอนนี้สั่งว่าห้ามขยับหนีมันไปไหน ไม่ใช่แค่หัวใจ แต่เป็นตัวผมเองด้วย ผมยังคงยืนอยู่นิ่งๆเพื่อรอรับสัมผัสจากมัน

แต่สุดท้ายก็รอไม่ไหว ผมจึงเป็นฝ่ายเลื่อนริมฝากของตัวเองเข้าไปประกบปากมันซักพักแล้วผละออก
 
“ไปข้างในกัน หายออกมานานแล้ว เดี๋ยวเหล้าหมด”

“ไม่ได้อยากกินเหล้า”

พูดจบมันก็ดึงผมเข้าไปชิดตัวมัน จากนั้นก็ประกบปากของมันลงที่ปากของผม ดูดดึงริมฝีปากล่างด้วยความนุ่มนวลและอ่อนโยน จนผมเคลิ้มไปกับรสจูบของมัน ผมเผยอปากออกเพื่อให้มันได้สอดลิ้นเข้ามาภายในปาก ลิ้นของเราทั้งสองคนเกี่ยวตวัดผลัดกันลิ้มลองรสชาติความหวานของกันและกันอยู่นานเนิ่น ไม่อาจผละออกจากกันกันได้

จูบครั้งนี้มันไม่ได้แค่หวานอย่างเดียว แต่มันให้ความรู้สึกที่แสนจะสุข สุขล้นหัวใจ สุขจนร่างกายของผมเริ่มร้อนระอุ แขนทั้งสองข้าง ต้องหาที่เกาะเกี่ยวเพื่อพยุงร่างกายที่อ่อนระทวยของตัวเองไว้

ผมเลื่อนแขนทั้งสองข้างขึ้นมาคล้องคอคนตรงหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน ทำให้ร่างกายของเราแนบชิดกันมากขึ้น มือหนาของคนเป็นแฟนก็เลือนมาโอบรัดช่วงเอวไว้ เราทั้งสองต่างมอบจูบที่แสนจะหวานฉ่ำให้กันอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะหยุดมัน

ทุกอย่างมันกำลังดำเนินไปด้วยดี

และดีมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้า....

“ไอ้แต็งค์!! ไอ้น้ำ!!”

ไอ้เวร

ผมรีบผละออกจากไอ้แต็งค์ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของไอ้บิว

“ไร!!”

ไอ้แต็งค์มันขานรับด้วยความหงุดหงิด หน้านี่ยุ่งเชียว จนผมอดหัวเราะไม่ได้ ก็ดูมันสิทำหน้าเป็นหมาโดนขัดใจ ผมเลยต้องเลื่อนมือไปแตะแขนมันเบาๆ กลัวมันจะปรี่ไปกระทืบไอ้บิวเอา

“เข้ามาข้างในกันได้แล้ว มาแดกเหล้า” ไอ้แต็งค์มันหันมามองหน้าผมแล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“คืนนี้ไปนอนคอนโดกู”

ผลั๊วะ

ผมเลยฟาดไปที่แขนมันแรงๆหนึ่งที

ได้คืบจะเอาศอก

พอเห็นมันทำหน้ากระเง้ากระงอด ก็ต้องขำออกมา เนี่ยนะหรอ ไอ้คนที่ชอบทำหน้านิ่งๆไม่บอกบุญกับใคร ตอนนี้ทำไมมีหลายสีหน้าเหลือเกิน

“ไปข้างใน”

ผมพูดไป หัวเราะไป แล้วดึงแขนคุณแฟนป้ายแดงกลับไปโซนข้างใน โดยไม่สนว่ามันทำสีหน้ายังไง กลัวว่าถ้าสนแล้วจะต้องได้ใจอ่อนยอมไปนอนคอนโดกับมันแน่



ไม่ได้ไอ้น้ำ ถ้าไป ได้ถลำลึกกว่านี้แน่



ไม่ได้ ไม่ได้ ตอนนี้มึงยังไม่พร้อม



ต้องไปศึกษามาให้ดีก่อน



โดย อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 11:14:24 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
«ตอบ #34 เมื่อ05-11-2021 19:18:53 »

 :pig4:
 o13
มาอย่างยาวเลย ขอบคุณมากค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 15
«ตอบ #35 เมื่อ12-11-2021 16:27:07 »

Episode 15 คนเป็นแฟนกัน เค้าทำอะไรกันบ้าง



[Part Teetuch Thank]



‘เป็นแฟนกันยัง’

‘ยังพี่’

‘ลีลาว่ะ เดี๋ยวหมาก็คาบไปแดกหรอก’

‘ถ้ามีหมาตัวไหนมันกล้า ก็ลองดู’

‘ทำโหด หึหึ’

‘พี่แทน..’

‘ไม่รู้จะขอมันคบยังไงใช่มั้ย’ ผมพยักหน้ารับ ‘อ่อน’

‘ก็...’

‘ให้กูช่วยมั้ย’ พี่น่านแกเดินมาตบบ่าผม
 
‘พี่อยู่คนละทีมกับพี่นนท์หรอ’ ไอ้บิวมันเสนอหน้า เสนอตัวมาถามพี่น่านแก

‘สู่รู้’ แกดันหัวไอ้บิวที่บังหน้าผมอยู่ออกไปไกลๆ ‘ว่าไงมึง’

‘ช่วยมันหน่อย’ พี่แทนแกพูดกับพี่น่านจบก็เดินมากอดคอผม

‘ถ้าให้กูช่วย มึงจะต้องยอมหน้าหนาหน่อยนะเว้ย’

‘ยังไงพี่’

‘จะขอน้องกูเป็นแฟนทั้งที มันต้องพิเศษและน่าจดจำเว้ย’

‘แห่ขันหมากไปขอเลยดีมั้ย’

ผลั๊วะ

พี่แทนแกง้างฝ่ามือแสกกระบาลไอ้บิวไปหนึ่งที

‘ให้ผมทำอะไรผมก็ยอม ขอแค่มันยอมตกลงเป็นแฟนกับผมพอ’

‘ให้มันได้อย่างนี้ดิวะ ไอ้น้องเขย’

จากนั้นพี่แทน พี่น่าน ไอ้บิว ไอ้โต้ง และก็ไอ้อาร์ตก็พากันรวมหัวคิดแผนเซอร์ไพร์สขอไอ้น้ำเป็นแฟนให้ผม ตบตีความคิดกันอยู่เป็นอาทิตย์ จนท้ายที่สุดพี่น่านแกก็เสนอว่าให้ผมร้องเพลงขอไอ้น้ำมันเป็นแฟน แกบอกว่าวิธีนี้มันโครตจะโรแมนติก และยังแสดงออกให้เห็นว่าเพื่อมันแล้ว ผมสามารถยอมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดจะทำเลยในชีวิตได้

พี่น่านกับพี่แทนแกเลยจัดการเป็นด่านหน้าเตี๊ยมกับวงดนตรี พร้อมกับจัดการเคลียร์พื้นที่ให้ผมเสร็จสับ ส่วนเพลงที่ใช้นั้นก็เป็นผมที่เลือกเอง ผมเลือกเพลงที่ตรงกับใจตัวเองที่สุดและสามารถสื่อสารให้มันรับรู้ได้ชัดเจนที่สุด

ผลตอบรับออกมาก็ดีที่สุดเหมือนกัน เพราะนอกจากจะทำให้ไอ้น้ำมันเขินจนตัวแดงเป็นลูกตำลึงแล้ว ยังเป็นการประกาศให้ใครหลายๆคนได้รู้ ว่ามันกับผมเป็นแฟนกันอย่างสมบูรณ์ คนอื่นๆที่จ้องจะเข้าหามันจะได้ล้มเลิกความคิดซักที แต่ถ้ายัง ผมคงต้องจัดการเรียกคุยเป็นรายๆไป ให้มันรู้ไปเลย ว่าคนนี้ผมทั้งรักทั้งหวงมาก หึหึ

“ยะ ยะ ตั้งแต่เค้าตกลงปลงใจให้ใช้สถานะแฟนนี่ ดูมีประกายวิ๊งวับๆ รอบตัวเลยว่ะ”
“ราศรีความรักเด่นหราเต็มน่าเลย”
“แล้ววันนี้แฟนไม่มากินข้าวด้วยหรอวะ”
“มันกินกับเพื่อนมันแล้ว”
“อ๋อ...” แล้วไอ้บิวมันก็ทำตาระยิบระยับเป็นเชิงแซวผม “แล้วมึงจะย้ายไปอยู่ด้วยกันตอนไหนวะ”

พรวดดดด

น้ำที่อยู่ในปากผมก็พุ่งกระจายเต็มหน้าไอ้พวกเพื่อนเวรทันที

“เหี้ยอะไรเนี่ยไอ้แต็งค์!”
“โทษๆ” ผมพูดไป หัวเราะไป
“ว่าไงวะ ที่กูถามอ่ะ”
“กู” ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับพวกมัน “ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้นกับมัน”
“ช้าว่ะ”
“กูอยากค่อยๆเป็น ค่อยๆไป”
“แต่การกระทำมึงนี่ตรงข้ามกับที่พูดมากกก”
“เทียวไปเฝ้าเค้าเช้าเย็น ตามเกาะติดเป็นปิงควายขนาดนี้ สาบานว่ามึงคิดแบบที่พูดจริงๆ”
“เออ” ผมปัดมือไอ้บิวที่เกาะไหล่ผมอยู่ “กูก็อยากอยู่ใกล้ชิดมันตลอดเวลาแหละ อยากนอนหลับไปพร้อมกับมัน แล้วก็อยากตื่นมาเจอมันเป็นคนแรก อยากทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน”
“เช่นเรื่องอย่างว่า...”

ผลั๊วะ!!

คิดออกมาได้ไอ้ห่าบิว

“กูพูดผิดตรงไหนเนี่ย” ยัง มันยังไม่รู้ตัว
“สาบานว่าไม่คิด” อ่ะ

ไอ้โต้งมันเอาตัวเข้ามาเสือกอีกตัว ไอ้คิดมันก็คิดแหละครับ พออยู่ใกล้มันทีไรก็อยากสัมผัส อยากกอด อยากจูบ อยากทำไปหมด แต่ก็ยังอยากให้เวลามัน ให้มันให้ด้วยความเต็มใจ

“เสือก”
“เอาน่า” ไอ้บิวมันเอื้อมมือมากอดคอผมไว้ แล้วหันมองหน้าผม “จะคิดไม่คิดก็หัดศึกษาไว้ก่อน เกิดอยู่ๆมีอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมามึงจะได้ไม่ทำให้ไอ้น้ำมันเจ็บ”

ผลั๊วะ!!

“ตบกูอีกแล้ว ตบจนหัวกูจะเป็นลูกวอลเล่แล้วไอ้ห่า”

ก็ตบมันไปงั้นแหละครับ ในหัวก็คิดตามที่มันพูดทุกอย่าง จริงของมัน ผมต้องหัดศึกษาไว้บ้าง เพราะมั่นใจเลยว่าครั้งแรกไอ้น้ำมันต้องเจ็บมากแน่ๆเพราะเคยไปแอบเสิร์ชกูเกิ้ลมาบ้างแล้วนิดหน่อย



วันนี้ไอ้น้ำมันเลิกเรียนช้ากว่าผม ผมเลยต้องมานั่งหน้าละห้อยรอมันอยู่ใต้ตึกคณะคนเดียว เพราะพวกเพื่อนตัวเวรมันรีบดิ่งตีนกลับกันก่อน ที่รีบๆเนี่ยไม่ได้กลับไปพักผ่อนกันหรอกครับ มันรีบกลับไปก๊งเหล้ากัน เป็นแบบนี้ทุกวัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยจะได้ไปกับพวกมันหรอกนอกจากจะมีไอ้น้ำไปด้วยถึงจะเสนอหน้าไป

แล้วไม่ต้องถามนะครับว่าทำไม เพราะคำตอบก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าติดเมียมาก ติดตั้งแต่ยังไม่ทันบอกชอบเค้าเลยด้วยซ้ำ เป็นไงล่ะคลั่งรักเค้าสุดๆไปเลย รออยู่ได้ซักพักฝนก็เริ่มเทลงมาเบาๆ จนเริ่มหนักขึ้น แล้วก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดเลย สงสัยผมกับไอ้น้ำต้องได้วิ่งตากฝนกันไปโรงจอดรถแน่นอน

พูดถึง ก็เดินแผ่ออร่ามาแต่ไกลเลย ให้ตายเถอะ แฟนใครเนี่ยทำไมมันถึงน่ารัก น่ากอด น่าหอมแบบนี้

“รอนานมั้ย” นาน นานมาก นานจนตะคริวแดกตีนไปสิบรอบแล้วครับ แต่ก็ต้องบอกว่า..
“ไม่นาน”
“ต่อให้นานก็ต้องบอกว่าไม่นานป่าววะ” ไอ้แคมป์โผล่หัวมากอดคอผม หลังจากที่มันวิ่งมาจากซอกมุมไหนของโลกไม่รู้
“เทียวรับเทียวส่ง เสมอต้นเสมอปลายแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว”
“อิจฉาจรุมมม”
“เหม็นๆ ความรัก” แล้วไอ้พวกเพื่อนรักของไอ้น้ำมันก็พากันแซว พากันกระแนะกระแหนผมกับมันอยู่ซักพักใหญ่ๆ
“ไปเหอะ หิวข้าวแล้ว” ไอ้น้ำมันหันมาทำมุ้ยใส่ผม มุ้ยแค่ไหนก็น่ารักกก
“ฝนตก” ผมเลยชี้ไปที่สายฝนกำลังกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“ฝ่าไปแปบเดียว”
“แน่ใจ?” มันพยักหน้างึกๆตอบผม

ผมเลยต้องพามันวิ่งฝ่าฝนที่กระหน่ำลงมาไปยังที่รถ กว่าจะมาถึง เปียกโชกไปยันกางเกงใน ส่วนมันก็นั่งสั่นงักๆอยู่บนรถ ผมเลยต้องปิดแอร์รถแล้วเอี้ยวตัวไปเบาะหลังเพื่อหยิบเสื้อคลุมแขนยาวที่ชอบพกติดรถไว้ มาให้มันห่มคลายหนาว

พอมาถึงคอนโดมัน มันก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำทันที บอกว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย ส่วนตัวมันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มานอนแผ่หราอยู่บนโซฟา
 
“รีบไปอาบ หิวแล้ว” มันพูดจบ ผมก็เดินเข้าไปหามันที่โซฟาแล้วคร่อมตัวมันไว้ จากนั้นก็ประกบปากจูบมันไปโดยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปด้านใน ซักพักก็ผละออกแล้วมองมันด้วยสายตาหวานเยิ้ม จนหน้ามันขึ้นสีแดงระเรื่อ
“หิวเหมือนกัน”
“หิวข้าว” มันก็เอามือเรียวของมันดันตัวผมออกด้วยความเขิน ดูก็รู้ว่าเขินมาก
“หิวอย่างอื่น”
“ไอ้แต็ง!!”

พอได้ยินแบบนั้นไอ้น้ำมันก็กระเด้งตัวลุกขึ้นทันที เตรียมจะฟาดผม ผมเลยต้องยื่นจมูกไปสูดดมที่แก้มขาวๆของมัน ที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงแล้ว หนึ่งฟอดดด แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนมันเพื่อใช้ห้องน้ำที่อยู่ด้านใน

อาบน้ำเสร็จผมก็พันผ้าเช็ดตัวคาดเอวไว้ลวกๆ เอาไว้อ่อยไอ้น้ำมัน เดินโฉบออกมาจากห้องนอนมาดูลาดลาวว่าไอ้คนที่นอนแผ่หราตรงโซฟาเมื่อก่อนหน้านี้มันยังอยู่ที่เดิมรึป่าว

มันยังคงนอนแผ่หราอยู่ที่เดิม นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ผมเลยก้าวเท้าฉับๆเตรียมจู่โจมเป้าหมายในทันที

ฟุบ!!

“หนัก...”

ผมที่ในตอนนี้ล้มตัวลงทบตัวมันไว้อยู่ ก็ผงกหัวขึ้นมาแล้วจู่โจมที่แก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก จมูก และปากของมัน อย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งรักทั้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว

“หอม”

“ยังไม่ได้อาบน้ำ มันจะหอมตรงไหน”

ไอ้น้ำมันพูดด้วยเสียงงัวเงีย ก่อนจะดันตัวผมให้ออกห่าง ทำท่าทำทางโงนเงน ลุกออกจากโซฟาไป พอเห็นอย่างนั้นผมก็ลุกเดินตามประกบเดินคลอเคลียมันไปด้วย จนมันหันหน้ากลับมาสบตากับผม และยกมือทั้งสองข้างยื่นมาจับหน้าผมเข้าไปใกล้ จนริมฝีปากของเราแนบชิดกัน แล้ว...

จุ๊บ

“ขออาบน้ำก่อน .....แล้วจะทำอะไรต่อค่อยว่ากันอีกที”

ได้ยินแบบนั้นหัวใจของผมมันก็เต้นลิงโลดทันที ช่วงเวลาแห่งความหวาบหวามกำลังเดินทางเข้ามาหามึงแล้วไอ้แต็งค์ ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วฉีดน้ำยาปรับอากาศทั่วทั้งห้อง แล้วปรับอุณหภูมิแอร์ให้เย็นฉ่ำกว่าปกติ หยิบจับทุกอย่างเปรียบเสมือนเป็นห้องตัวเอง จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็ย่างสามขุมไปยังกระเป๋าเป้ของตัวเอง และหยิบหัวใจสำคัญของช่วงเวลาอันแสนพิเศษออกมา

แทแด๊นนนนนน

ถุงยางอนามัย

และเจลหล่อลื่นสูดพิเศษ

ที่ลื่นปื๊ด ลื่นปี๊ด อย่างกับน้ำมันหล่อลื่น

หึ หึ หึ

แต็งค์น้อยหนูพร้อมรึยังลูก

ส่วนพ่อพร้อมแล้วน๊า
 
พูดจบก็ยิ้มแบบเสี้ยวพระจันทร์แล้วเหลือกตามองบน

มีความสุขจริงๆ โว้ยยยย



แกร็กกกกกกก



เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกช้าๆ ผมเลยรีบกระเด้งขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอนตะแครงข้าง เพื่อมองคุณแฟนที่สุดแสนจะรัก สุดแสนจะหวง ย่างกายออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำที่ผูกเชือกไว้หลวมๆ จนเผยให้เห็นอกขาวนวลเนียนและลอนกล้ามหน้าท้องนิดๆ

ฮึ่ยยยย

นี่มันจงใจยั่วกันชัดๆ

ฟุบบบบ

ผมดึงคนที่เอาแต่ยืนเช็ดผมอยู่ปลายเตียงลงมานอนกกกอดและจัดการฟัดที่แก้มทั้งสองข้างของมันรัวๆ จนมันหัวเราะร่า

“จงใจยั่วหรอ หึมม”

ฟอดดดด

“แล้วยั่วขึ้นป้ะ?”

“ขึ้นแล้ว... จะดูไหม”

ไอ้คนปกติมักจะเขินหน้าแดง หูแดง ทุกครั้งเวลาเจอหยอด ตอนนี้ก็ยังคงเขินเหมือนเดิม แต่ก็ยังทำใจกล้ายั่วกันต่อ

หึมมมมมม

ไอ้ตัวดีเคลื่อนใบหน้าของมันเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ แล้วเอ่ย

“ให้ดูอย่างเดียวเองหรอ?”

ยั่วกันเข้าไป ให้มันตายกันไปข้าง

และแล้วก็เป็นผมเองที่ทนความยั่วของคนตรงหน้าไม่ไหวเลยจัดการพลิกตัวเองขึ้นไปคร่อมทับร่างของคนขี้ยั่วเอาไว้

“เตรียมตัวสลบคาเตียงได้เลย”

พูดจบผมก็เคลื่อนริมฝีปากลงไปบดเบียดริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน ค่อยๆดูดดึงริมฝีปากล่างเบาๆ และขบกัดเล็กน้อย ใช้เวลานัวเนียอยู่ที่ริมฝีปากได้ไม่นาน คนขี้ยั่วของผมก็ยอมเปิดริมฝีปากให้เข้าไปฉกชิมความหวานในโพรงปาก ลิ้นของเราสองคนหยอกล้อกันอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน มือของผมข้างหนึ่งยกขึ้นมาประคองใบหน้าของคนใต้ร่างเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ไปตามผิวกายที่ขาวซีดและนุ่มนิ่มน่าสัมผัสไปหมด ผมผละริมฝีปากออก แล้วสบเข้าไปในดวงตาของคนใต้ร่าง

“น้ำ... แต็งค์รักน้ำนะ ที่บอกไม่ใช่เพราะออดอ้อนในเรื่องที่จะทำ”

ผมจับมือมันมาสัมผัสที่หน้าออกข้างซ้ายของผมที่มีจังหวะการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและสม่ำเสมอ

“สัมผัสที่หัวใจแล้วลองจ้องเข้ามาในตาของแต็งค์ น้ำจะได้เห็นว่าแต็งค์...รักน้ำมากแค่ไหน”

“รู้แล้วว่ารักมาก... น้ำก็รักแต็งค์เหมือนกัน”

จุ๊บ

ผมผละตัวออก และจัดการปลดผ้าคลุมอาบน้ำของคนตรงหน้าออกอย่างเชื่องช้า สายตาก็สบกับดวงตาคู่แวววาวของคนรักตลอดทุกๆการกระทำ

พอคนตรงหน้าเปลือยเปล่าไร้สิ่งบดบังสายตาแล้ว ใจผมก็เต้นระรัวเป็นกลองเพล ไม่ว่าจะจ้องมองไปตรงส่วนไหนของร่างกายคนตรงหน้า มันชั่งดูสวยงามไปหมด ผิวที่ขาวซีดนวลเนียนตัดกับสีของผ้าคลุมเตียงสีเทาได้อย่างชัดเจน  มันชั่งเพิ่มเสน่ห์ให้คนใต้ร่างของผมเหลือเกิน อดทนชื่นชมร่างกายของคนรักได้ไม่นาน ก็ต้องโน้มตัวลงไปพรมจูบ ทั่วใบหน้า ลำคอ ไล่ลงมาที่เนินออก และตุ่มไตสีชมพู และลงมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเล็กน้อย ลงมาเรื่อย เรื่อย เรื่อย จนถึงแกนกลางกายสีชมพูอ่อนของคนขาวจัด
 
ผมใช้ลิ้นเลียตวัดปัดป่ายลงบนหัวหยักของแกนกลางกายอย่างช้าๆ ไล่เลียขึ้นตามแนวเส้นเลือดที่กำลังปูดนูนจากการขยายใหญ่ของแกนกลางกาย ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตาพริ้มด้วยความเสียวซ่าน แล้วกลับมาสนใจเจ้าแท่งสีชมพูที่อยู่ตรงหน้าต่อ ใช้ลิ้นเลาะเล็มได้ซักพัก ผมก็ใช้ปากครอบเจ้าแท่งสีชมพูนี้ไปจนสุดแท่งแล้วรูดเข้าออกช้าๆ ทำตามในคลิปที่แอบไปศึกษามา ฮี่ๆๆ

“อ๊ะ...”

คนใต้ร่างที่ตอนนี้เริ่มเปล่งเสียง พร้อมกับสวนสะโพกเข้ามาในโพรงปากของผมอย่างอดไม่ได้

“แต็งค์...”
“หืมมม”
“จะแตกแล้ว...”
“อึ่มมม ...ปล่อยมาเลย”

ทันทีที่สิ้นเสียงตอบรับของผม เจ้าตัวก็ปลดปล่อยน้ำหวานกลิ่นหอมเข้ามาเต็มโพรงปากของผมจนไหลเยิ้มออกมาจากริมฝีปาก ด้วยความเสียดายผมเลยใช้ลิ้นเลียตวัดเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยดเข้าไปในปากแล้วกลืนลงคอ

ผมผละออกจากเจ้าแท่งสีชมพูตรงหน้าเพื่อขึ้นมาสบตากับคนรัก คนใต้ร่างที่นอนมองตาผมหวานเยิ้ม วาดแขนทั้งสองข้างโอบรอบคอผมไว้ แล้วดึงให้ลงมาประกบฝีปาก แล้วเล่นสงครามลิ้นกันอีกรอบ

ระหว่างที่เรามอบจูบดูดวิญญาณให้กันอยู่ มือของผมทั้งสองข้างก็ลูบไล้และบีบเค้นไปทั่วเรือนร่างของคนใต้ร่าง จนไปถึงสะโพก สาละวนอยู่แถวนั้นเป็นพักใหญ่ ก็ผละจูบออกมาสบตากัน

“น้ำ...”
“...พร้อมแล้ว”

จุ้บ
 
พอได้รับคำตอบ หัวใจของผมก็พองโตแทบระเบิด ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา ยั่วอารมณ์ไอ้แต็งค์สุดๆ เมื่อเค้าเปิดทางให้แล้ว เราก็เตรียมเบิกได้เลย

ผมเอื้อมไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่วางอยู่บนหัวเตียงมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ ผมเทเจลหล่อลื่นใส่มือแล้วป้ายลงไปที่ช่องทางสีแดงสดด้านหลังของคนข้างใต้ ใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงแล้วลูบไล้ช่องทางเบาๆ เรื่อยๆ ช้าๆ แล้วก็เงยหน้ามองคนรักเพื่อสังเกตการณ์ด้วย

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเจ็บมาก แบบไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ผมตั้งใจว่าหากน้ำมันบอกว่าไม่ไหวผมก็พร้อมจะหยุดทันที ต่อให้อารมณ์ในตอนนี้จะหยุดไม่อยู่แล้ว แต่ถ้าหากมันทำให้คนที่รักเจ็บผมคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต ระหว่างที่คิดอยู่ คนใต้ร่างก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว

“แต็งค์ ...ไม่เป็นไร มันจะไม่เป็นไรแค่แต็งค์กอดน้ำไว้”

สิ้นเสียงพูดของคนตรงหน้า ผมก็เผยรอยยิ้มน้อยๆออกมา คนที่รู้ตัวว่าตัวเองจะเจ็บแต่กลับไม่มีความกลัวอยู่เลย เพราะน้ำมันเชื่อใจ เชื่อว่าผมจะทำทุกอย่างด้วยความรัก ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นจริงๆ ผมก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาแล้วบดเบียดริมฝีปากกันอีกครั้ง

นิ้วที่ลูบคลึงอยู่ช่องทางด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นสอดใส่เข้าไป ผมหมุนควงนิ้วอยู่ในช่องทางด้านหลังของคนรักอย่างนุ่มนวล ค่อยๆชักเข้าออกด้วยจังหวะเนิบนาบ พอเราสาละวนกันอยู่กับรสจูบผมก็ใช้จังหวะนี้เพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว แต่เหมือนคนใต้ร่างจะชะงักด้วยความจุก แต่สักพักก็กลับมาจูบกันอย่างดูดดื่มต่อ

ยิ่งผมเพิ่มจังหวะการชักเข้าออกของนิ้วมากเท่าไร รสจูบของคนใต้ร่างผมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนผมเพิ่มนิ้วที่สาม มันให้ความรู้สึกอึดอัดไปหมด เพราะแกนกลางกายของผมที่มันขยายตัวมานานเนิ่นตั้งแต่ตอนที่น้ำมันออกมาจากห้องน้ำแล้ว ในตอนนี้ผมเริ่มปวดหนึบที่กลางกายจนทนแทบไม่ไหว และเหมือนคนใต้ร่างจะสัมผัสได้ ถึงได้เอ่ยออกมา

“แต็งค์ ...ไม่ต้องอดทนแล้ว”

จุ้บ

“ขอบคุณครับ..”

หลังจากตอบรับแล้ว ผมก็สะบัดผ้าเช็ดตัวที่ผูกเอวไว้อยู่ออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแกนกลางกายอันใหญ่โตมโหฬารที่กำลังผงาดหัวชูชันชี้หน้าคนรักอยู่ คนใต้ร่างผมใต้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่
 
หึ หึ หึ

เป็นไงเจอแต็งค์น้อยที่ไม่น้อยเข้าไปถึงกับเครื่องค้างเลย

รอช้าไม่ได้แล้ว ผมรีบโถมตัวเองเข้าใส่คนใต้ร่างแล้วจัดการคลุกวงในนัวเนียกันอีกรอบจนคนใต้ร่างเริ่มเคลิบเคลิ้ม ผมนำเอาเจ้าแต็งค์น้อยที่ไม่น้อยของผมค่อยๆ สอดใส่เข้าไปในช่องทางด้านหลังของคนรักอย่างนุ่มนวลที่สุด

ผมค่อยๆขยับขเยื่อนดันหัวเข้าไป แต่ภายในของน้ำมันทั้งตอด ทั้งบีบ และรัดแน่นเกินไป ทำให้ผมเคลื่อนเจ้าแต็งค์น้อยเข้าไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น คนใต้ร่างผมก็เริ่มหน้าถอดสี จนผมต้องผละออกมาพรมจูบไปทั่วใบหน้า และลำคอ แล้วก็กลับไปประกบจูบริมฝีปากเพื่อมอบจูบดึงความสนใจออกจากช่องทางด้านหลัง จากนั้นผมก็ค่อยๆดันแกนกลางกายเข้าไปจนสุด แช่ไว้ซักพักแล้วเริ่มขยับด้วยจังหวะเนิบนาบ

คนใต้ร่าง ที่ถูกความเจ็บปวดเล่นงานก็จิกเล็บมือลงที่หลังผมจนเลือดซิบ ผมค่อยๆขยับเข้าออกช้าๆ และผละออกมาจูบซอกไซร้ที่ลำคอเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และเหมือนจะได้ผล ความเจ็บปวดในคราแรกคงเปลี่ยนเป็นเสียวซ่าน คนใต้ร่างของผมถึงได้หลับตาพริ้มและเริ่มส่งเสียงครางแผ่วเบา เป็นเสียงที่ออกมาจากความสุข

“อ๊ะ......”

“อึ่มมม”

ผับ ผับ ผับ

“อื้ออออออ”

“อึ่มมมม”

“ซีดดดดด”

จุ้บ

จังหวะรักของเราทั้งสองดำเนินไปเรื่อยๆ

จากนุ่มนวล

เริ่มเพิ่มระดับขึ้น



ผับ ผับ ผับ



เพิ่มขึ้นจนถึงระดับรุนแรง



ผับ ผับ ผับ ผับ ผับ



เมื่อผมรู้สึกว่าเองเริ่มถึงปลายทาง คนใต้ร่างผมก็ปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สอง จนทำให้ด้านในของน้ำมันบีบรัดแต็งค์น้อยของผมแน่นจนผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว ท้ายที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมาจนเต็มช่องทางด้านหลังของคนรัก ไหลเยิ้ม หยดลงบนเตียงเป็นดวงๆ เสียงหอบหายใจของเราทั้งสอง ดังคลอเคล้ากันไปทั่วห้อง



จุ้บ

ผมจูบลงที่ริมฝีปากบางแล้วผละออกมาสบตากับคนรัก มองดวงตาคู่หวานชื่นที่มักจะทำให้ผมตกหลุมรักทุกครั้งที่ได้สบกับดวงตาคู่นี้

“ลืมใส่ถุงยาง”

“…”

“งั้น.. ขอแก้ตัวอีกรอบ..”

“ไอ้คนหื่น”

จุ้บ

จุ้บ

จุ้บ

จุ้บๆๆๆๆ



“คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้นอน”

“แต็งค์!!!”



สิ้นเสียงร้องด้วยความตกใจ ผมก็โถมตัวเข้าใส่เพื่อเริ่มบทรักบทต่อไป



“แต็งค์ อ๊ะ..”

“อึ้มม”



ผับ ผับ ผับ



“ฮ๊า...”

“ซีดดด”



ผับ ผับ ผับ ผับ



หึ หึ หึ



คืนนี้ยังอีกยาวไกล


[End Part]



โดย อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 13:33:32 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
«ตอบ #36 เมื่อ15-11-2021 16:12:38 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 16
«ตอบ #37 เมื่อ08-07-2022 14:24:13 »

Episode 16 อาจจะขี้หึงจนเกินไป



[Part Teetuch Thank]



แสงดวงอาทิตย์ยามเที่ยงที่สาดส่องเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ตกกระทบลงกับผิวหน้าของร่างขาวซีดผิวนุ่มนิ่มที่ผมตะกองกอดทั้งคืน ทำให้คนในอ้อมกอดยิ่งมากไปด้วยเสน่ห์เข้าไปใหญ่ ยิ่งมองก็ยิ่งหลง



“อื้อออ”

จุ้บ...

คนในอ้อมกอดผมที่เหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วก็ขยับยุกยิกไปมา หลบหนีการก่อกวนจากผม หืม...มันน่าจับฟัดอีกรอบ

แต่ก็ทำไมไม่ได้เพราะสงสารไอ้ตัวดีมัน กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ไม่รู้ว่าจะป่วยรึป่าว ผมลองเอามือแตะๆที่หน้าผาก อุณหภูมิร่างกายทุกอย่างดูเหมือนจะปกติดี แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เลยว่าจะปลุกให้ลุกมากินข้าวแล้วกินยาดักไว้น่าจะดี

จุ้บ...

“ตื่นได้รึยัง...” จุ้บ...
“เมื่อยอ่ะ... ปวดไปทั้งตัวเลย”
“น่าสงสารจัง หึหึ”
“เพราะใครล่ะ ไม่ต้องมาขำเลย”
“ขอโทษครับ เดี๋ยวนวดให้” ผมเอื้อมมือไปบีบนวดช่วงต้นขาและสะโพกให้แฟนสุดที่รักของตัวเองเบาๆ วนซ้ำไปมาหวังช่วยคลายเมื่อยได้

จุ้บ...

“ให้รางวัล” ไอ้ตัวดีเอี้ยวตัวขึ้นมาจุ้บที่ริมฝีปากของผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มบางๆให้ เพื่อเป็นรางวัล ซึ่งก็เป็นรางวัลที่ผมชื่นชอบมากเลยทีเดียว จากที่หลงอยู่แล้วก็หลงหนักเข้าไปอีก

จุ้บ...

จุ้บ...

จุ้บๆๆๆๆๆ

แล้วผมการกระทำการฟัดคนในอ้อมกอดไปอีกหลายๆที จากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะเบาๆที่หน้าผากของแฟนสุดที่รักอีกครั้ง

“รู้สึกไม่สบายตัวรึป่าว จะป่วยไหม มีอาการที่เหมือนจะเป็นไข้รึป่าว แล้วมี-”
“แต็งค์” ผมพูดยังไม่ทันจบประโยคดี น้ำมันก็ยื่นมือมาปิดปากผม
“...”
“ปกติดี เกือบจะสบายมากเลย ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกเมื่อยๆ ขัดๆ ช่วงล่าง” พูดจบมันก็ส่งยิ้มบางๆ เป็นเชิงบอกว่าสบายใจได้มาให้พร้อมกับมือทั้งสองข้างที่บีบแก้มผมเล่นไปด้วย
“งั้นไปอาบน้ำกัน จะได้กินข้าวกินยา” ผมผละกอดออกแล้วลุกขึ้นนั่งเตรียมจะดึงอีกคนให้ลุกตาม
“อะไร”
“ไปอาบน้ำไง”
“ก็ไปสิ”
“ไปอาบด้วยกัน”
“ไม่” ไอ้น้ำที่ที่ตั้งท่ากำลังจะลุกหนีผมเต็มที่ แต่ไม่ทันผมที่คว้าตัวเอาไว้ก่อน แล้วจัดการอุ้มไอ้ตัวดีไปทางห้องน้ำทันที
“หึหึ”
“แต็งค์...”
“...”
“ทำไมไม่อาบคนเดียวเล่า”
“เขินรึไง”
“ไอ้แต็งค์!!!”

ปึก!!

“โอ้ย! น้ำ... เจ็บ... โอ้ยย”

“ฮ่าๆๆ”

แล้วก็เกิดสงครามขนาดย่อมระหว่างที่เรากำลังอาบน้ำกัน



วิดวิ้ววววววววว

ฮิ้ววววววววววว

หูววววววววววว

เสียงไอ้พวกเพื่อนเวรที่พากันร้องโห่แซวลั่นโรงอาหารคณะทันทีที่ผมกับน้ำพากันมานั่งโต๊ะพวกมัน ที่กำลังกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่วายยังพากันส่งสายตากรุ่มกริ่มแซวน้ำมันอีก

“พวกเวร” อ่ะ แล้วพวกมันก็โดนน้ำมันกันไปอีกหนึ่งกรุบ แล้วถามว่าพวกมันสะทกสะท้านอะไรไหม ก็ไม่
“แซวนิดแซวหน่อยเองเพื่อนน้ำ” ไม่ว่าป่าว

ไอ้โต้งมันก็เอาแขนทื่อๆ กับมืออันหยาบกร้านของมันขึ้นมาคล้องคอน้ำไว้ จนผมต้องหันไปมองมันด้วยสายตาดุๆ พร้อมจะจับมันหักคอจิ้มน้ำจิ้มทันที

พลั๊วะ!!

“เชี้ยโต้ง..” แล้วก็รับฝ่ามืออรหันต์ของไอ้บิวเป็นการตักเตือนไป “มึงเห็นตาไอ้แต็งค์มันไหม มันพร้อมจะแดกหัวมึงแล้วน่ะ”
“ใจเย็นเพื่อนแต็งค์ นี่เพื่อนๆ มึงนะเว้ย ฮ่าๆ” ไอ้อาร์ตที่นั่งหงำเหงือกอยู่นานก็มีบทบาทกับเค้าขึ้นมา
“ขอโทษคราบบบบ เพื่อนแต็งค์”
“เออ”
“โหดซะด้วย”
“พวกมึงก็รู้ว่ามันหวง ยังหาจะเรื่องเสี่ยงตายกัน”
“หยอกๆนะ”
“อิอิ”
“...”

ผมได้แต่กลอกตาไปมากับความกวนส้นตีนของพวกมัน ก่อนที่เสียงๆหนึ่งจะเรียกความสนใจของผมไปทั้งหมด

“น้ำ กินข้าวยังวะ”
“ทำไมมาสายจังวะ”
“หน้าตาสดใสจังว๊า”

เสียงจากกลุ่มฝูงเพื่อนของน้ำที่พากันหลั่งไหลเข้ามาทักทายพร้อมทั้งหาที่แทรกนั่งเบียดเสียดภายในโต๊ะๆเดียวกันอีก แต่ก็ไม่ทำให้ผมละความสนใจเท่าไอ้แคมป์ที่มันกำลังจะ...

“อะไรติดผมอยู่วะน่ะ”

ว่าจบมันเอื้อมมือมันจะไปจับบางสิ่งบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรออกจากหัวของแฟนผม แต่เหมือนไอ้แคมป์มันจะรับรู้ได้ว่าผมกำลังแผ่รังสีความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความโมโห ความหวง ความหึง

ใช่ผมกำลังหึงน้ำ กับไอ้แคมป์ และหึงมากเพราะไม่อยากให้มาถูกเนื้อตัวของไอ้ตัวดีที่นั่งข้างๆกันแต่กลับไม่รู้อะไรกับเขาเลย

“...”
“แหะๆ ใจเย็นไอ้แต็งค์ นี่กูเพื่อนแฟนมึงนะ”
“...”
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนพร้อมเอามีดมากระซวกไส้ได้ไหม”
“เป็นอะระ?”

น้ำที่มือข้างนึงรับแก้วน้ำหวานแก้วใหญ่จากไอ้เหน่งเพื่อนรักของมันมาดูด มืออีกข้างก็ลูบหลังมือผมเป็นการอ้อนกัน จนอดไม่ได้ที่ผมที่ยกมือบีบปากมันขณะดูดน้ำอย่างหยอกล้อ

“หึหึ”
“ไอ้แอ้ง อาแอ้งอันอำไอ”
“น่ารัก”
“อื้อออ”

หิ้วววววววววววว

“หวานกันไม่เกรงใจน้ำหวานในแก้วเลยนะมึง” ไอ้เหน่งที่มันทำหน้าเหนื่อยหน่ายก็บ่นอย่างเหนื่อยหน่ายของมันไปทั่ว “เอาซะกูขมขื่นเลย”
“บราโวว”

แปะๆๆ

ไอ้อาร์ตอยู่ๆ มันก็ลุกขึ้นยืนปรบมืออย่างไม่อายสายตาที่ต่างพากันมองมาที่โต๊ะพวกเรา

“ไอ้แต็งค์ในโหมดคลั่งรักว่ะ”
“โหมดขี้หวงด้วยว่ะ”
“อะฮิๆ”



“ว่าไงน้องรัก ช่วงนี้ติดแฟนไม่ยอมเจอพี่เจอน้องเลยหรอวะ” พี่นนท์ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน วิ่งชาร์จเข้าคล้องคอน้ำมันระหว่างที่เรากำลังจะแยกย้ายกันไปเรียน
“ได้ข่าวว่าเราพึ่งเจอกันล่าสุดเมื่อเช้าก่อนออกจากคอนโดนะไอ้พี่นนท์” และมันก็ถลึงตาใส่พี่ชายมันไปหนึ่งที
“อ้าวเรอะ แหะๆ”
“...”
“อ่ะ ไอ้แต็งค์คนที่ใช้สายตาแบบนั้นควรเป็นกูนะ กูนี่พี่แฟนมึงนะ” ไม่ว่าป่าวแกก็กระชับแขนที่กอดคอน้ำมันไว้แน่นกว่าเดิม จนมันแทบหายใจไม่ออก
“โอ้ย ไอ้พี่นนท์ หายใจไม่ออก แค่กๆ”
“มึงดูตาแฟนมึงดิ”
“...”
“ถ้ามันมีมีด มันแทงกูแล้ว”
“ไร้สาระจริงพี่มึง” แล้วสองพี่น้องที่รักกันปานจะกลืนกินก็ตีกันอีกระรอกใหญ่
“สายตากูแสดงออกแบบนั้นหรอวะ”
“เออ/เออ/เออ!!” ทั้งไอ้บิว ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ต มันพากันเปล่งเสียงประสานขึ้นมา
“เออให้มันเบาๆหน่อยมึง”
“จริง!! ทั้งเพื่อนมึง เพื่อนเค้า พี่เค้า มันคือข้อยกเว้นป้ะวะ”
“พวกมึงต้องมาเป็นกู...”
“...”
“ต่อให้เป็นแค่แมลงกูแม่งยังหวงเค้าเลย”

หิ้ววววววววววววววว

“คลั่งรักจัด”
“เพื่อนเรานี่มันพ่อหนุ่มนักรัก”



“น้ำ...”
“ครับ”
“ที่พี่ขอแรงไว้ พรุ่งนี้โอเคนะ”

แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วกับไอ้รุ่นพี่ที่มันเดินแหวกอากาศมาจากตรงไหนของโลกใบนี้ก็ไม่รู้ นี่คงจะอยากมาคอนเฟิร์มเรื่องที่ไอ้น้ำจะขึ้นไปร้องเพลงเปิดงานคณะพี่มันให้ ส่วนแฟนผมมันก็แสนดีไปตกลงรับปากเค้าเฉย ทั้งๆที่บอกไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบคนมารุมมอง

อืม

ผมได้แต่ทดไว้ในใจ

ทดไอ้รุ่นพี่นะ

เพราะกับแฟนที่ทั้งรักทั้งหลง ไม่กล้าหรอก

“ครับพี่ เจอกันพรุ่งนี้” แล้วไอ้รุ่นพี่มันส่งยิ้มหวานเชื่อมกันจะโบกมือหยอยๆ ลาออกไปโดยไม่สนสายตาหงุดหงิดของผม
“...”
“ทำหน้าอะไรแบบนั้น”
“หึง”
“ฮ่าๆ” แล้วน้ำมันก็เอามือทั้งสองข้างของมันขึ้นมาบีบแก้มผมแล้วยืดออกเล่นอยู่แบบนั้น
“...”
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าที่ยอมตกลงไปร้องเพลงให้พี่เค้าอ่ะ เพราะว่าเฟิร์นน่ะ ชอบคนในคณะนั้น เลยใช้วิธีนี้ติดสินบน” ใช่ เคยบอกแล้วรอบนี้เป็นรอบที่สิบแล้ว ถามว่าเข้าใจไหม ก็อยากจะไม่ แต่ก็ต้องเข้าใจ
“อือ... ทำไมต้อ-”
“ก็เฟิร์นคือเพื่อน แล้วยังเป็นคนที่ช่วยให้กูได้รู้ใจตัวเองอีก” พูดพร้อมยิ้มบางๆมาให้ ผมก็ต้องใจอ่อนยอมพยักหน้ารับอย่างหมาเชื่องๆ
“...”
“แล้วไม่ใช่แค่เฟิร์นนะ แต่เป็นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเราสองคนอ่ะ กูก็พร้อมจะช่วยอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนพวกนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราสองคนจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะยอมง้างปากพูดความในใจกัน”
“...”
“แค่ไปร้องเพลงแค่นี้มันก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรอยู่แล้ว”
“...”
“ต่อให้มีคนมากมายหลากหลายสายตาคอยจับจ้อง.. กูก็ไม่ได้สนใจสายตาใคร”
“...”
“เพราะสายตาของกูมันเลือกที่จะโฟกัสอยู่ที่คนคนเดียว”
“...”
“คนที่ชื่อแต็งค์ แฟนกูไง”
“หึหึ”

พอได้ยินน้ำมันพูดแบบนี้ ทำสายตาแบบนี้ ไอ้ผมมันก็ใจฟูเป็นก้อนเมฆทันที

เห้อออ

ไอ้แต็งค์ในโหมดคลั่งรักนี่มันยอมเค้าไปหมดยอมเค้าแบบง่ายๆได้เลยว่ะ



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ยังคงเฝ้าคอย จับจอง
ยังคงเฝ้ารออย่างโหยหา
ไม่อ่อนล้า จะเฝ้ารักแต่เธอ


เสียงร้อง และรอยยิ้มแสนเสน่ห์

ใจรักเธออยู่อย่างนั้น
ฉันก็ยังไม่เข้าใจ
มันไม่ยอมที่จะรักใคร
ขอบอกว่า แม้ฉันลองมากี่ครั้ง
มันก็ยังไม่เชื่อฟัง
ได้แต่รักเธอจนหมดใจ


ยังคงสะกดผมอยู่เหมือนเคย

ใจรักเธออยู่อย่างนั้น
ฉันก็ยังไม่เข้าใจ
มันไม่ยอมที่จะรักใคร
ขอบอกว่า แม้ฉันลองมากี่ครั้ง
มันก็ยังไม่เชื่อฟัง


และดูท่าแล้ว คงจะสะกดผมไว้แบบนี้ตลอดไป

ได้แต่รักเธอจนหมดใจ
ไม่รู้ฉันควรจะทำสิ่งใด

(เพลง เพลงของเธอ โดย ซิลลี่ ฟูลส์)



“ขอบคุณสำหรับเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือครับ”



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



“...”



“แล้วขอบคุณ น้องน้ำ วิศวะ ไฟฟ้า ปีหนึ่งด้วยครับ”



หิ้ววววววววววววววววววววววววววว



กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



“ครับ” ตอบรับเสร็จ ก็ส่งรอยยิ้มบางๆลงมาด้านล่างเวที แต่เหมือนว่ารอยยิ้มที่ถูกส่งมานั้นจะส่งมาถึงแค่เพียงคนๆเดียว คนที่ชื่อ แต็งค์ ธีทัช คนนี้คนเดียว

“เอ้า ไอ้แต็งค์มันไปไหนวะ”

“นู้น ไปรับแฟนมันกลับบ้านแล้ว”

“หวงจริง หวงจัด”

“เออแม่ง ร้องเสร็จพากลับบ้านแม่งเลย”

“รูปเริบนี่ไม่ต้องถ่าย”

“เคยหวงยังไงแม่งก็ยังหวงอย่างงั้น”

“กูว่ามากว่าเมื่อก่อนอีก”

“เออว่ะ ฮ่าๆ”



“แต็งค์... จะรีบไปไหน”
“หวง”
“...”
“ไม่อยากให้ใครมองนาน”
“ขนาดนั้นเลย”

จุ้บ...

“ขนาดนั้น”
“ฉวยโอกาส” ว่าจบก็หย่นจมูกใส่อย่างหน้ารัก จนผมอดไม่ได้ที่จะ

จุ้บ...

จุ้บๆๆๆ

“พอแล้ว ขับรถ!” พูดไปแก้มก็แดงไป น่ามันเขี้ยวจริงๆ

หลังจากที่ฟัดน้ำมันจนพอใจแล้วผมก็มาจับพวงมาลัยรถ เตรียมตัวออกรถเพื่อเดินทางกลับคอนโดกัน เพื่อให้น้ำได้พักผ่อนเพราะวันนี้ตื่นมาเตรียมตัวร้องเพลงแต่เช้า วันนี้ทั้งวันมันแทบไม่ได้พักเลย ระหว่างที่ผมขับรถอยู่ น้ำมันก็เปิดเพลงฟังวนไปเรื่อยๆ

จนมาถึงเพลงนี้...



เป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป
แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว
รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไป


ช่างเป็นเพลงที่ตรงกับใจผมโครตๆเลย

“เป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป
แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว
รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไป”

(เพลง ขี้หึง โดย ซิลลี่ ฟูลส์)

“นี่มันนิสัยใครก็ไม่รู้”

จุ้บ...

“ก็รักไง”
“...”
“ถึงหวงขนาดนี้”

ปัก!!

“โอ้ย น้ำ...”
“ขับรถไปเลย!”

หลังจากทำร้ายร่างกายกันกลบเกลื่อนอาการเขินเสร็จ น้ำมันก็เอาแต่หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมพูดจาอะไรทั้งนั้น แก้มแดง หูแดงนั่น น่าจับฟัดจริงๆ

ฟอดดดดดด

“ชื่นใจ”

ฟอดดดดดด

“หอม”

ฟอดดดดดด

“แต็งค์ พอแล้ว อย่าพึ่งกวน”

“ไม่ได้กวน”

“ไม่ได้กวนก็ปล่อย จะไปอาบน้ำ”

พรึบ!!

“ทำอะไร!!”

ไอ้น้ำที่ตกใจเหลอหลา ก็โวยวายทันทีที่ผมอุ้มมันขึ้นเตรียมตัวจะพาเข้าห้องน้ำ

“อาบน้ำไง”

“อาบใครอาบมันสิ”

“อยากอาบด้วย”

“แต็งค์...”

“นะ...”

ผมที่ใช้สายตาอ้อนวอนสุดชีวิต เพื่อออดอ้อนขออาบน้ำกับแฟน ทำหน้าหงอยๆเป็นหมาเชื่องเข้าไว้ หวังว่าน้ำมันจะใจอ่อนยอมให้อาบด้วย

สุดท้ายแล้วน้ำมันก็ถอนหายใจแบบเลี่ยงไม่ได้ และก็ทำให้ผมหน้าระรื่นทันทีกับคำตอบ

“แค่อาบน้ำนะ ห้าม- อื้ออออ”

ยังไม่ทันได้พูดจบผมก็ก้มลงไปดูดดึงริมฝีปากคนในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ ขบเม้มเบาๆที่ริมฝีปากล่างจนเกิดเสียง จุ้บ…

“อย่าน่ารักได้ไหม..”
“...”
“หวงจนจะบ้าแล้ว”

จุ้บ...

“อื้ออออ”

ผมอุ้มน้ำมาวางบนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างนุ่มนวล แล้วจับแขนทั้งสองข้างของน้ำมันขึ้นมาโอบรอบลำคอผมไว้ ริมฝีปากก็คลอเคลียไม่ห่างกัน

ซักพักก็ดึงดูดกันด้วยความหลงใหลและมัวเมาในอารมณ์รักใคร่ มือของผมก็เริ่มปดกระดุมเสื้อของคนในอ้อมกอดและของตัวเองออกอย่างช้าๆ ส่วนปากของผมก็คลอเคลียเล็มเลียอยู่แถวใบหน้าของน้ำมันอย่างอ้อยอิ่งค่อยๆเป็นค่อยๆไป สร้างสัมผัสอันหวาบหวามให้ทั้งตัวเองและคนรัก

และจากนั้น ก็ไล่มือลงมาปลดกางเกงของเราทั้งสองคนออก จนร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า ผมผละออกมามองหน้าคนที่ผิวเคยขาวซีดเป็นกระดาษ แต่ในตอนนี้กับแดงไปทั้งตัว

จุ้บ...

“น่ารัก...”

“แต็งค์... ไอ้หื่น”

“หึหึ”

จุ้บ...

ผมก้มลงไปดึงดูดริมฝีปากของคนในอ้อมกอดอีกครั้ง ซักพักน้ำมันก็เผยอเปิดปากออกเพื่อตอบรับจูบของผม เราสองคนต่างพากันจูบแลกลิ้นเปลี่ยนรสชาติและกวาดต้อนความรู้สึกของกันและกันอยู่ในโพงปากไปเรื่อยๆ

มือก็ลูบไล้ตามสีข้าง ไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังบ้าง จนคนในอ้อมกอดเริ่มกระตุกสั่นหน่อยๆ ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นที่แอบเอามาวางไว้แต่ครั้งก่อนมาใช้ ชโลมนิ้วและช่องทางด้านหลังของคนรัก และทำการเตรียมช่องทาง ระหว่างที่เราจูบกัน ผมก็เตรียมช่องทางให้คนในอ้อมกอดเพื่อลดความสนใจ พอคิดว่าช่องทางอ่อนนุ่มจนพร้อมแล้ว พร้อมก็ชักรูดแกนกายของตัวเองสองสามครั้ง แล้วจ่อเข้าช่องทางรักของในอ้อมกอดอย่าเบาที่สุด

เนื่องจากช่วงนี้เรามีอะไรกันค่อนข้างบ่อย เลยทำให้น้ำมันชิน และลดความเกร็งได้ค่อนข้างเร็ว ทำให้แกนกายของผมเข้าไปได้จนสุดในเวลาไม่นาน แช่ทิ้งไว้สักพักผมก็เริ่มขยับสาวแกนกายเข้าออกช้าๆ แล้วผละจูบออกมามองน้ำ ที่ทำสายตาหวานเยิ้มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์

จุ้บ...

ผมจูบลงที่ขมับของน้ำมันอย่างหลงใหล อ้อมแขนก็ตะกองกอดไว้อย่างหวงแหน

ผับๆๆๆๆ

“อ่า....”

“อื้อออ เบาหน่อย”

ผับๆๆๆๆๆ

เหมือนคำขอของน้ำจะไม่เป็นผล

เพราะยิ่งได้ยินเสียงมันเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มอารมณ์กระสันอยากให้ผม

“แต็งค์... อ๊ะ”

“อืม...”

ผับๆๆๆๆๆๆ

“อ๊า”

“อ่า”

ใช้เวลาซักพักใหญ่เราทั้งสองก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน น้ำที่กระชับแขนโอบรอบคอผมไว้แน่นพร้อมกับหอบหายใจเหนื่อยอย่างน่าสงสาร ส่วนผมก็กระชับกอดไว้แน่นเช่นกัน พรมจูบไปทั่วทั้งขมับและใบหน้า

“เหวอออ”

แล้วมันก็ตกใจสุดขีด ที่ผมอุ้มมันพรวดพราดทั้งๆที่แกนกายผมยังคาอยู่ในช่างทางรักของน้ำมัน จากเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้ามายังอ่างอาบน้ำพร้อมเริ่มกิจกรรมรักกันต่ออีกรอบ

“แต็งค์... เหนื่อยแล้ว”

“เดี๋ยวดูแลเอง”

“....”

“นะ...”

ผมสอบตาอ้อนวอนขอทำต่อกับคนที่ใบหน้าแดงจัดที่ไม่รู้ว่าแดงจากการเขินอาย หรือว่าแดงจากแรงอารมณ์ แต่ช่างมันเหอะไม่ว่าจะแดงจากอะไร แต่ในเวลานี้ช่างดูน่ารัก และน่าทนุถนอมไปพร้อมๆกัน

“เบาให้หน่อยนะ พรุ่งมีเรียนเช้า.. อื้ออ”

และคำตอบที่ได้รับก็ทำให้ผมดีดดิ้นลิงโลดที่สุดชีวิต

ก็มีแฟนตามใจอะนะ

จุ้บ...

“ขอบคุณครับ”

“อ๊ะ อื้ออออ”

ผับๆๆๆ

“อ่า...”

“อ๊า”

“อืม...”

จากนั้นก็มีแต่เพียงเสียงหอบครางปนกับเสียงเนื้อกะทบกันดังลั่นห้องน้ำ วนซ้ำไป ซ้ำมา เหมือนว่ากิจกรรมรักนั้นจะไม่จบง่ายๆภายในเร็วๆนี้

เพราะว่ายิ่งได้สัมผัสเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ

ก็คนมันทั้งรักทั้งหลงเค้าขนาดนี้ พอโดนตามใจเข้าหน่อย มันก็ยิ่งหลงเค้าเข้าไปใหญ่

เห้ออออ



ไอ้แต็งค์ในโหมดคลั่งรักนี่...



มันเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยว่ะ


[End Part]



โดย อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 14:16:12 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
«ตอบ #38 เมื่อ08-07-2022 17:09:20 »

 :katai4: :katai5:

ออฟไลน์ RedQueen

  • Memois Of A Calamity Queen
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
«ตอบ #39 เมื่อ17-07-2022 19:48:23 »

เมื่อยตัวแทนน้ำเลอ เอาใหญ่เลยนะไปคนคลั่งรัก :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ
« ตอบ #39 เมื่อ: 17-07-2022 19:48:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 17
«ตอบ #40 เมื่อ09-04-2024 09:51:19 »

Episode 17 ไฟนอล นรก



ฟิ้วววววววววว



เสียงสายลมพัดเอื่อยๆ สลับกับเสียงแผ่นกระดาษที่เปิดสลับกันไปมาอย่างกับจังหวะฉิ่งฉาบในคลาสเรียนดนตรีไทย



หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาลัยมาได้เกือบปีเต็ม ก็เดินทางมาถึงสัปดาห์นรกของหนุ่มหล่อหน้าใสที่ตอนนี้เริ่มไม่ใสแล้ว เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทบทวนเนื้อหาบทเรียนอย่างหนัก หนักหน่วง และหนักมากกกกก


 
“นี่มันสัปดาห์นรกของกูชิบหายยยยยย โห้วววว เมื่อย” เสียงบ่นไปเรื่อย พร้อมกับลุกขึ้นบิดตัวไปมาของไอ้ไม้ ไอ้ตัวขี้เกียจ
“ทั้งหูทั้งตากูจะไหลมารวมกันอยู่แล้ว” ไอ้โชคไอ้ตัวขี้เกียจเบอร์สองมันพูดไปก็ส่ายหน้าเนือยๆไป
“หรอวะ” ไอ้เทมส์ที่ไม่รู้โผล่มาจากซอกไหนของโลกมานั่งแทรกกลางกวนประสาทไอ้สองตัวที่พร้อมจะลาตายตรงหน้าผม

ตุบ

โพล๊ะ

นี่คือการตอบรับที่มันน่าจะต้องการ

มิชชั่นคอมพลีทไหมล่ะมึง

“มึงก็ไปกวนพวกมัน มันกำลังตั้งใจกันอยู่” ไอ้แคมป์หันไปฉอดไอ้เทมส์หนึ่งยก แล้วก็กลับมาฉอดไอ้สองตัวต่อ “ไอ้ควายสองตัวนี่ก็อีก ตอนเรียนเสือกไม่ตั้งใจ”
“เอ้า/อ้าว”
“ไอ้นี่ก็แดกรังแตนมาจากไหนอีก ด่าหมดไม่สนลูกใคร” เสียงไอ้เหน่งมันบ่นพึมพำ แต่ลูกกะตายังไม่ละออกจากชีทเรียนเล่มหนาตึ้บ
“พรุ่งนี้ก็สอบแล้ว” ผมปิดหนังสือเล่มหนาตึ้บ แล้วเปลี่ยนมาจดโน้ตสรุปเนื้อหาเป็นแบบแผนผังลงในไอเพด เอาไว้ให้ไอ้พวกเพื่อนเวรไปอ่านกันต่อคืนนี้ “เตรียมตัวลาตายกันได้เลย ไอ้พวกเวร”
“เป็นพรที่ประเสริฐมากเลยว่ะ” ไอ้เทมส์มันนั่งพนมมือ แล้วยิ้มแหยๆกับคำอวยพรของผม

พลั๊วะ

“ส่วนมึงไปอ่านหนังสือไอ้ควาย” หลังจากทุบหลังไอ้เทมส์เสร็จ ไอ้เหน่งก็สวดมันต่อ
“ไอ้นี่ก็ตีกูเป็นลูกเลย ไอ้ห่า”
“น้ำ กูไปอ่านหนังสือคอนโดมึงได้ป้ะวะ” ไอ้ไม้มันนั่งโอดครวญ
“กูไปด้วย!!” แล้วไอ้พวกที่เหลือก็รวมตัวกันเปล่งประสานเสียงในประโยคที่มันออกจะ---
“กูไม่ให้ไป” นั่นไง เสียงเรียบเย็นจากยมทูตประจำตัวผม
“แรงมาก” ทำเอาพวกมันคอตกไปพร้อมๆกัน
“เอาน่าพวกมึง” ไอ้บิวที่วิ่งเป็นตัวแถมมาจากไหนไม่รู้มากอดคอปลอบใจไอ้ไม้ “พวกมึงก็รู้นี่หว่า ว่าช่วงนี้ไอ้แต็งค์กะน้ำมันไม่ค่อยได้สวีท”
“ก็เล่นเอาเวลาทั้งหมดมาติวให้พวกมึง มึง แล้วมึงเนี่ย” ไอ้โต้งโผล่มาผสมโรงอีกตัว
“จริง” ไอ้อาร์ตที่ขอมีบทบ้าง หลังจากนั่งพยักหน้าอยู่นาน

ผมเลยได้แต่ถอนหายใจใส่หน้าพวกมันดังๆไปหนึ่งเฮือกกกกกกกกกกก

“จะไปก็ไป!!!” แล้วไอ้คนที่น่าจะไม่ถูกใจกับสิ่งนี้ก็หันมาขมวดคิ้วหน้ายุ่งใส่ผม “แต็งค์ ให้พวกมันไปเถอะ สงสารสมองอันโง่เง่าของพวกมัน แล้วอีกอย่างจะได้ให้มึงช่วยติวให้พวกมันด้วยไง โอเคนะแฟน”
“ครับ”

ฮิ้วววววววววว

ดูก็รู้ว่าชอบใจที่ผมเรียกมันว่าแฟนต่อหน้าคนอื่น ถึงจะตอบแค่ครับแต่ปากนี่กลั้นยิ้มสุดแรง ตาก็หวานเยิ้มจนมดจะขึ้น

จริงๆเลยคุณแฟน 

“ป่ะ กลับกันเถอะ” มันแหวกอากาศมาเก็บข้าวของทุกอย่างให้ผม พร้อมจูงมือ ลากผมมาที่โรงจอดรถ

จุ้บ...

“ถูกใจ... แฟนพูดถูกใจ”

จุ้บบบ

“เดี๋ยวคืนนี้อาบน้ำให้นะ”

ตุบ

“ไอ้แต็งค์ ได้คืบเอาศอกนะ” ผมก็บ่นงุบงิบไปงั้น ส่วนมันก็ลอยหน้าลอยตายัดผมเข้ารถ



22.30 น.



บรรยากาศการติวที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามช่วงเวลา ยิ่งดึก แทนที่จะยิ่งเงียบสงบ แต่กลับ......



“ไอ้เทมส์!!” เสียงไอ้อาร์ทมันกำลังเทศนา “มึงจบคณิตพื้นฐาน ม.6 มายังไงของมึง ไอ้ห่า กูล่ะหัวจะปวดกับมึง มึงบวกลบเลขยกกำลังผิดกูยังให้อภัยได้ แต่นี่แม่งเลขจำนวนเต็มพื้นฐานมึงผิดได้ไง ตั้งสติเพื่อน มึงตั้งสติไอ้เทมส์!”
“โหยยย ไอ้อาร์ทกูติวจนกูเบลอหมดแล้วมึง” ไอ้เทมส์ที่เตรียมตัวจะลุกออกจากโต๊ะที่นั่งติว แต่ไม่ทันไอ้อาร์ทมันหรอก
“จะไปไหน มึงมาทำโจทย์ข้อนี้ต่อเลยยยยย” โดนรัดคอให้นั่งลงทันที

“ไอ้บิว ไอ้โต้ง มึงเข้าใจที่กูสรุปให้ฟังเมื่อกี้ไหมวะเนี่ย” ไอ้บิว ไอ้โต้งที่ทำสายตาล่องลอยกับคำถามของไอ้เหน่ง
“เอาห่าอะไรมาเข้าใจวะ พ่อกูคนไทย แม่กูก็คนไทย” ไอ้บิวมันโอดครวญเสียงเนือยๆ แบบเหนื่อยสุดๆ แต่หน้าจะเป็นไอ้เหน่งนะที่เหนื่อยสุด เพราะรับผิดชอบติววิชาภาษาอังกฤษให้พวกมัน
“มีวุ้นแปลภาษาให้กูไหมวะไอ้เหน่ง แม่งกูจะอ้วกเป็นคำนาม พหุพจน์ของมึงแล้ว” แล้วไอ้เหน่งก็ยื่นมือหยาบๆของมันไปยัดปากไอ้โต้ง
“ไร้สาระ ติวต่อ!!!”

“ไอ้แต็งค์ กูว่ามึงไปเป็นอาจารย์สอนแทนดิเรกเถอะว่ะ” ไอ้โชคมันแสดงสีหน้าภูมิใจในตัวแฟนของผมอย่างกับว่าเจอเทวดามาโปรดมันยังไงยังงั้นแหละ “กูเรียนมาทั้งเทอมยังไม่เข้าใจเท่ามาให้มึงติวให้เลย มึงนี่มันเทพมาโปรดสัตว์สุดๆ” ไม่วายตบมือเปาะแปะอีกมึง
“มึงไม่ตั้งใจเรียนเอง” ไงล่ะ ช็อตฟิลเก่งขนาดนี้ แฟนกูเองแหละ

คึ คึ คึ คึ คึ

“ขำหอกอะไร ไอ้ไม้” ไอ้โชคมันหันมาล็อคคอไอ้ไม้เตรียมทำสงครามขนาดย่อมกัน “มึงอ่ะ ติวไปถึงไหนแล้ว”
“โอ้ย โอ้ะๆ ไอ้โชคไอ้หอกหัก ปล่อยกู” ไอ้ไม้มันก็ดิ้นขลุกขลักเป็นปลาขาดน้ำ “กูนั่งติวกับไอ้น้ำ ไอ้แคมป์จนเข้าใจแจ่มแจ้งทุกเนื้อหาแล้วไอ้เวร” ไอ้แคมป์ก็ใจดีช่วยมันจนหลุดรอดออกมาจากไอ้โชคได้มันทำก็สีหน้าเหนือกว่าใส่ทันที “คนฉลาดๆแบบกูอ่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ บรัยยยย” พูดเสร็จมันก็สะบัดตูดหนีไปนอนหน้าทีวีทันที

“ได้ข่าวว่าเมื่อตอนบ่ายมันยังงอแงว่างงเนื้อหานั่นนี่อยู่เลยไม่ใช่หรอวะ” ไอ้โชคสงสัย
“เออน่า มันเป็นคนฉลาดแล้ว” ไอ้แคมป์พูดเสร็จ แล้วหันหน้าไปถามไอ้โชคกลับ “แล้วมึงจะฉลาดได้รึยัง”
“แหววววว ไอ้แคมป์ ขารวยนะมึง”
“คึคึคึ” มันไม่สะทกสะท้านหรอก “น้ำ เดี๋ยวกูไปช่วยไอ้อาร์ตติวให้ไอ้เทมส์ก่อนนะ แม่งจะฆ่ากันตายแล้ว”
“อือ เดี๋ยวกูจะไปดูไอ้โต้งไอ้บิวด้วย” ผมหันไปมองทางพวกมันอย่างละเหี่ยใจ สงสารไอ้เหน่งเป็นที่สุด

“ไอ้บิว! มึงวงคำศัพท์ตามกูด้วย” แล้วมันก็หันไปฉอดไอ้โต้งต่อ “ไอ้โต้งมึงเข้าใจแล้วรึไง นั่งเล่นโทรศัพท์น่ะ”

เสียงสงครามขนาดย่อมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อย เรื่อย จน…



02.00 น.



“แต็งค์ นอนเถอะ ปล่อยไว้งี้แหละตอนเช้าค่อยมาเก็บ” หาวววววว

ไอ้แต็งค์มันพยักหน้ารับ ผมก็จูงมือมันเข้ามาในห้องนอน พากันล้มลงนอนทันที

“ขอบคุณนะ” ฟอดดดด พร้อมกับกอดแบบแน่นสุดๆ
“พวกมันคือเพื่อน...”
“ใช่ พวกมันทุกคนคือเพื่อน เพื่อนของเรา”
“ขอบคุณครับ” จุ้บบบ “ขอบคุณที่ยอมเข้ามาในโลกของแต็งค์ แล้วก็ขอบคุณที่ยอมให้แต็งค์เข้าไปในโลกของน้ำ”
“รักจัง”
“รักเหมือนกันครับ” ฟอดดดดดด



“สอบเสร็จซักทีโว้ยยยยยย”

“จบสิ้นซักที ไฟนอลนรก แหวดดดดด”

“ในที่สุดดดด” เสียงมุ่งมั่น พร้อมชูกำปั้นขึ้นเหนือหัวดำของมัน “กูจะได้เป็นรุ่นพี่ปีสองซักที วี้ดดดดด”

โพล้ะ

“มึงรอเกรดออกก่อนเถอะ ไอ้โชคคคค” เสียงขัดมูดของไม้ที่แหวกอากาศมา
“ช็อตฟิลกูมากเลย ไอ้ไม้ ไอ้นรก” แล้วมันก็วิ่งไล่ตีกันจนทั่วลานคณะ
“สอบเสร็จแล้ว ต้องฉลองว่ะ” ไอ้เทมส์มันวิ่งแดรดแด๋มากอดคอผมกับไอ้เหน่ง “ร้านพี่มึงกัน ไม่ได้ไปนานแล้ว”
“เออ ไม่ไปนาน เจ๊เล้งเทคโอเวอร์ไปแล้วมั้ง”

พลั๊วะ

“ไอ้เหน่ง ไอ้ปากเห็บหมา”
“อ่ะ ล้อเล่งน่า” พร้อมหมุนมือกับเดาะลิ้น เลียนเสียงแบบคนจีนที่หัดพูดไทย
“ป่ะๆ กูอยากกินเหล้า” ไอ้แคมป์ไอ้นี่แอบเงี่ยหูฟังอยู่นานแล้วสินะมึง
“อ่ะ กูไปล่วยยยยย” ไอ้โต่งก็วิ่งเสนอหน้ามาเหมือนมีใครจุดธูปเชิญมันมา
“เอ๊... ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าใครจะไปกินเหล้าน๊า” อันนี้ไอ้บิวตัวเสนอหน้าตัวที่สอง
“กูนี่แหละ มึงจะทำไม”
“จะไปๆ ขอไอ้แต็งค์ยังอ่ะ” นี่ตัวเสนอหน้าตัวที่สาม ไอ้อาร์ต
“กูคุยกันมาตั้งแต่ก่อนสอบแล้ว” ไม่ใช่ผมตอบ แต่เป็นแฟนสุดที่รัก สุดที่แสนจะโปรดปรานตอบ
“เพราะงั้นใครจะไป เจอกันหน้าร้านก่อนสี่ทุ่ม” ผมหันไปนัดแนะเวลากับพวกมัน
“เค แล้วไอ้โชคกะไอ้ไม้ล่ะ” ไอ้โต้งที่ยังมีกะจิตกะใจสนใจไอ้สองตัว
“วิ่งไล่แดกสมองกันอยู่นู้น”

ไอ้แคมป์ชี้ไปทางพวกมันสองคนที่แกล้งกันเสร็จก็หันไปแกล้งคนอื่นๆในคณะต่อ สร้างเสียงหัวเราะและสีสันให้คนอื่นๆไม่น้อย คงเป็นเพราะเสร็จสิ้นสัปดาห์สอบกันซักที ทุกคนเลยเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

พวกผมทุกคนไม่มีใครมีงานค้างหรืองานแก้อะไร เลยไม่ได้พวงค์อะไร ส่วนเรื่องสอบ แต่ละวิชาก็ออกตามที่อาจารย์แกสอนกันมาทั้งนั้น ทุกคนเลยมั่นใจว่าทำได้ ส่วนจะได้คะแนนมากหรือน้อยคงอยู่ที่ความตั้งใจในแต่ละวิชานั้นๆที่เรามีกัน

“สอบได้ไหม” ไอ้แต็งค์เอื้อมมือมาถือกระเป๋าให้ พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ได้ชื่นใจ หายเหนื่อยเลย ฮึบบบ
“ต้องสอบได้อยู่แล้วป้ะ” ผมส่งยิ้มพร้อมขยิบตากับไป “นี่แฟนใครดูด้วย”
“หึๆ” แล้วก็วาดแขนโอบไหล่ผมไว้ “ปากหวาน”
“ก็เคยชิมแล้วนี่”
“เดี๋ยวจะโดน...”
“ไม่กลัวว”

ฟอดดดดดดด

“แต็งค์!!”

โหยยยยยยยยยยย

งุ้ยยยยยยยยยยยยย

ฮิ้ววววววววววววว

“ให้มันน้อยๆหน่อยคู่นั้นอ่ะ เพื่อนอิจฉานะโว้ย” เสียงโห่แซวจากพวกเพื่อน แล้วก็เสียงโอดควรญจากคนขี้อิจฉาอย่างไอ้บิว
“ตายไหมล่ะ” แล้วนี่ก็เสียงมรณะจากยมทูตข้างตัวผม คิคิ
“ไอ้แต็งค์ ไอ้เวร กูเพื่อนมึงนะ”
“ไอ้ควาย สมน้ำหน้า”
“ไอ้เทมส์ มึงงง”

แล้วพวกมันก็พากันหยอกล้อกันต่ออย่างมีความสุข ก็แหงสิทำข้อสอบกันได้ทุกตัวนี่

เห้ออออ

สมกับความตั้งใจอดสวีทกับแฟนเพื่อช่วยติวให้พวกมันจริงๆ ติวเตอร์น้ำคนนี้ภูมิใจยิ่งนัก

“งายยยยยยยย พวกเด็กเล็ก” เสียงพี่แทนหุ้นส่วนใหญ่ของร้านที่เสนอหน้ามารินเหล้าให้ถึงที่ “หายหัวกันไปนานเลยนะ”
“ไม่หายได้ไงล่ะ สัปดาห์นรกเลยนะนั่น” ไอ้เหน่งหันไปตอบพร้อมกระดกเหล้าอย่างตายอดตายอยากมา
“เอออ” แล้วพี่แทนแกก็หันมาถามผมต่อ “เป็นไง สอบได้กันป่ะวะ” ผมเลยยกไหล่กับเลิกคิ้วเป็นคำตอบ ระดับนี้แล้ว “เจ๋งง”
“เกือบเอาตัวไม่รอด” และนี่คือไอ้แต็งค์ที่เบรกผมเกือบหัวทิ่ม
“เออจริง” ไอ้เทมส์ที่มาสมทบอีกตัว “แม่งงานก็เยอะ เรียนก็เยอะ ยากอีก ใครบอกพวกวิดวะชิล กูดักตีแม่ง”
“หึๆ ขนาดแค่ปีหนึ่งมึงยังบ่นขนาดนี้” พี่น่านปากมันก็พูดไป มืออีกข้างก็ผลักหัวทักทายไอ้ไม้ที่นั่งซัดเอ็นไก่ทอดอยู่ “ปีสอง ปีสาม ปีสี่ พวกมึงไม่พากันลาตายเลยหรอวะ”
“เออ มึงดูกู” พี่นนท์มึงโผล่มาจากไหนเนี่ย “งานเยอะ เรียนหนัก แล้วไง” แหวกฝูงชนมาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้แต็งค์แล้วก็เอื้อมแขนมากอดคอผม ถึงแม้จะได้รับสายตาหงุดหงิดจากไอ้แต็งค์แต่พี่มันสนที่ไหนล่ะ “แดกเหล้าไม่เคยพัก” ภูมิใจในตัวเองมากมึง “เรียนเท่าที่ไหว ไม่ไหวก็ลาออก”
“เชรดดดด แรกๆเหมือนจะดีว่ะ” ไอ้เหน่งหันมาต่อบทกับพี่นนท์มัน “หลังๆไม่มีห่าไรเลย”
“ไอ้กูก็รอปรัชญา” ไอ้ไม้ที่เตรียมถ้าหยิบทิชชู่ขึ้นมาทำท่าจะจดอะไรซักอย่าง “กูเตรียมจดไปโพสเฟชบุ้คเลยนะเนี่ย”
“มันแม่งเลยมีสาระให้พวกมึงด้วยหรอ” พี่น่านมันพูดจบก็ขว้างก้อนน้ำแข็งใส่พี่นนท์ทันที
“หยอกๆน่า คึคึคึ” พูดแล้วก็แย่งไอ้ไม้แดกเอ็นไก่ต่อ
“พอๆ เลยมึงสองพี่น้องเลอะเทอะไปหมด” พี่แทนแกว่า “งี้ก็ปิดเทอมกันแล้วอ่ะดิ”
“ก็เหมือนปิด แต่ก็รอเกรดออกอีก” ผมหันไปตอบแก
“เกรดออกแล้วไปเที่ยวกันป้ะ” ไอ้โต้งเสนอขึ้นมา
“ดี/ไป” แล้วพวกมันก็พร้อมใจกันตอบโดยอัตโนมัติ
“แต็งค์ ไปเที่ยวไหนกันดีอ่ะ”

ผมหันไปถามไอ้แต็งค์ที่นั่งเงียบฟังคนนั้นพูดที คนนี้พูดที พร้อมกับเอี้ยวตัวไปคล้องแขนเอาแก้มเบียดๆที่ต้นแขน ขออ้อนนิดนึงนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีโมเม้นต์หวานๆกันเลย และแน่นอนตัวเสือกอย่างไอ้พี่นนท์มันก็ดังผมกับไปล็อคคอทันที

“ให้มันน้อยๆหน่อย” พร้อมดีดหน้าผากผมไปหนึ่งที “พี่มึงนั่งหัวโด่อยู่ตั้งสองหัว” แล้วก็หันไปแวดไอ้แต็งค์ต่อ “มึงก็เหมือนกันเกรงใจกูบ้าง จะมาแตะเนื้อต้องตัวน้องกู”
“แตะอย่างอื่นมันก็แตะกันมาแล้ว”
“ไอ้เหน่ง ไอ้สันขวาน”
“อุ้ย โทดที”
“เค้าเป็นแฟนกันแล้ว” พี่น่านพูดไปส่ายหัวเนือยๆไป “มึงอ่ะ มันแค่พี่ชายที่เค้าเก็บมาจากถังขยะ ให้มันน้อยๆหน่อย”
“เจ็บจี๊ดดด”
“เรื่องจริงหรอพี่” ไอ้แคมป์มันทำหน้าตาเหลือเชื่อแต่ดูก็รู้ว่ากวนตีนอยู่
“งั้นที่ไอ้เหน่งเคยบอกว่าพี่นนท์แกไปทำหน้ามาให้เหมือนพี่กะไอ้น้ำก็เรื่องจริงดิ” ไอ้โชคเค้ามาสมทบอีกตัว
“ก็เออน่ะสิ มึงดูสันดานเหมือนพี่น่านไหมก็ไม่” ไอ้บิวที่ร่วมผสมโรงอีกตัว หันไปส่งไม้ต่อให้ไอ้เทมส์
“จะบอกว่าสันดานเหมือนไอ้น้ำ ก็คนละเรื่องกันเลย”
“กูว่าแล้วทำไมน้ำมันเกลียดชังพี่นนท์ยิ่งนัก ฮ่าๆๆ” อ่ะ ไอ้อาร์ตเติมสีเข้าไปอีก ไอ้โต้งกับไอ้ไม้ก็พยักหน้างึกๆไปกับมัน
“กูคิดเหมือนไอ้--” ไอ้ไม้พูดไม่ทันจบหรอก โดนซะก่อน

โพล้ะ

พลั้วะ

โพล๊ะ

โพล๊ะ

โดนทุกตัว อย่างถ้วนหน้า

“ทำงานกันเป็นทีมนะพวกมึง”

ฮ่าๆๆๆๆๆ

แล้วก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นโต๊ะ

ผมปล่อยให้พวกมันและพวกพี่มันตีกันต่อไปอีกยาวๆเลย แล้วหันมาสนใจคนที่นั่งเงียบๆ ข้างๆ แม้จะนั่งไม่มีบทพูดอะไรแต่แต็งค์มันก็ไม่ได้ดูเหงาหรือดูเบื่ออะไร มีบางครั้งก็อมยิ้มน้อยๆเวลาพวกนั้นด่ากัน เถียงกัน นี่แหละแต็งค์เน้นฟังเก็บรายละเอียดอย่างเดียว
 
“เราจะไปเที่ยวไหนกันดีน๊า” แล้วผมก็เอนตัวไปพิงมันอีกครั้ง จับมือมันขึ้นมาบีบนวดอย่างเอาใจ
“อยากไปไหน” มันเอี้ยวตัวลงมากระซิบข้างหู
“ไปไหนก็ได้แค่มีแต็งค์”

จุ้บ

จุ้บตรงที่ต้นแขนมันไปที

“อ้อน”
“ไม่ได้หรอ”
“เดี๋ยวจะไม่ได้นอน”
“น่ากลัวจัง”
“กลัวให้จริง”

ฟอดดด

หอมหัวเน่าๆของผมไปอีกหนึ่งที

“ไปเทศกาลดนตรีไหม”

“ไปสิๆ” ผมพยักหน้าตอบอย่างตื่นเต้น “เอาไอ้พวกเวรนี่ไปด้วยนะ”
“อือ เอาไปทุกคน”
“ต้องสนุกแน่ๆ” ไอ้โต้งที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน จากนั้นก็....
“ไปด้วยๆ”
“ให้กูไปด้วย”
“เอากูไปด้วยนะ”
“กูจะไป/ไปโด้ยย/ไปไป..”
“เออ!! ก็ไปกันทุกตัวนั่นแหละ” ผมหันไปแหวใส่พวกมันทันที ไอ้พวกขี้โวยวาย
“ใครจะไปก็เคลียร์ตัวเองด้วยอย่าให้ลำบากแฟนกู” งุ้ยย แฟนกูว่ะ พูดประโยคยาวๆได้แล้วนะเนี่ย “กูว่าจะไปโซนเหนือๆแต่ขับรถไปกันเอง เอาบรรยากาศ”
“ดี//ดี/ดี”
“พวกพี่จะไปกันไหม”
“ไปสิ กูต้องต้องไปดูแลน้องกู” พี่นนท์มันพูดจบก็แล่นมากอดคอรั้งผมไว้ จนพี่น่านต้องมาลากคอพี่มัน
“มาดูแลกูนี่มึงอ่ะ” พี่แทนพูดพร้อมตบหน้าผากมันไปที
“งั้นเดี๋ยวเรื่องเครื่องดื่มกูจัดการเอง” พี่น่านเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือเป็นปรางค์กห้ามญาติไม่ให้ไอ้แต็งค์กับผมค้าน “กูเป็นพี่ กูมีเงินเดือน กูรวย จบนะ พวกมึงอ่ะไม่ต้องคิดมาก”
“รวยจริงอ่ะ งั้นขอแสนนึงสิ” ผมทำท่าแบมือขอตังพี่มันเลยตีมือผมมาแทน “อะระ แค่นี้ก็ให้ไม่ได้”
“ไปขอพ่อมึง”
“พ่อกูรวยมากมั้ง”
“ได้ข่าวว่าพ่อมึงพึ่งไปถอยเฟอรารี่มาไม่ใช่หรอ” เสียงไอ้พี่นนท์ลอยข้ามอากาศมา
“จริงดิ” ตาผมตอนนี้คงโตเป็นไข่ห่าน

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

เรานั่งกินกันไป คุยกันไป เถียงกันไป ได้อีกพักใหญ่ๆก็พากันแยกย้ายกลับ ถ้าถามว่ากลับสภาพไหน ถามหน่อยมาร้านนี้เคยกลับสภาพดีกันไหม

ก็ไม่

เพราะฉะนั้น

เละ

เหมียนหมาทุกรอบ

โอกกกกกกก

อ้วกกกก

แอวะ

“ไหวไหม”
“ม่ายยยยย”
“มาล้างหน้า อาบน้ำก่อน”

ฮึบบบบ

คุณแฟนคนดีของผมจัดการถอดเสื้อ ถอดกางเกง ลอกคราบผมจนเปลือยเปล่า เพราะตัวผมเองเละเทะจนต้องจับชำระล้าง ถามว่าทำไมไม่ทำเอง ก็คนมันมีแฟนอ่ะ แล้วแฟนก็รักมากด้วย จะทำเองไมกันนนนน  คิคิคิ

แต่

เดี๋ยว

นะ

นี่มันไม่ใช่แค่อาบน้ำแล้วไง

“แต็ง!!!”

“อืมมมม”

“ไหนบอกจะอาบน้ำ”

“อืมม กำลังอาบนี่ไง..” เสียงกระเส่าเชียวมึง

“มันไม่ใช่แล้ว อึก--”

“ใช่สิ ถอดขนาดนี้” เสียงจะแหบไปหนายยย “ทดมาหลายคืนแล้ว... บอกแล้วว่าคืนนี้ไม่ต้องนอน”

“แต่--”…. “อืมมม”

“อ่า”

“อื้อ”

“อืมม”

ดูแล้วน่าจะไม่ได้นอนจริงๆแหละ

แล้วพรุ่งนี้จะตื่นไหมเนี่ย

เห้อออออออออออ

คนมีแฟนมันก็แบบนี้แหละ

แล้วแฟนก็ยิ่งคลั่งรักๆด้วย

อย่าได้พักเชียว คึคึ

อดทนหน่อยนะ ไอ้พวกไม่มีแฟน



“อื้อออ แต็งค์…”

“ขออีกรอบนะ”

ฟอดดด

จุ้บ

คึคึคึ



โดย  อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 14:42:46 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Episode 18 หวาน หวาน หัวใจชื่นบาน



ฤดูกาล
เมฆฝนที่คอยซัดเข้ามา
ค่ำคืนเดือนมิถุนา คิดถึงวันคืนผ่านมา
ดวงดาว
ส่องแสงลงมาตั้งไกล
ใจฉันยังคงหวั่นไหว คิดถึงวันคืนผ่านมา




“ถึงซักที ตะคริวแดกตูดกูหมดแล้ว”
“ไอ้เหน่ง มึงอ่ะแค่ตะคริวแดกตูด ส่วนรถกูอ่ะไอ้อาร์ตกับไอ้เทมส์แดกเบียร์หมดจะสองลังแล้ว ไอ้พวกชั่ว” เสียงบ่นโวยวายของไอ้ไม้ลอยลงตามมันมาจากรถ



เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน
ดวงดาวส่องวับวาวเมื่อพบเธอ




“พี่น่านๆ”
“ไร”
“พี่มึงมาช่วยพี่แทนยกของก่อน กูจะไปดูที่จอดรถให้พวกเพื่อน” พูดจบก็กุลีกุจอออกไปที่ลานจอดรถของงาน
“แม่งขนกันมาทั้งคณะเลยหรอวะไอ้น่าน” แทนหันมาถามเชิงสงสัย
“ทั้งคณะไหมกูไม่รู้” หันมาทำหน้ายียวนตอบ “กูรู้แค่ว่าคนที่มันเทียวไปไล่ขายขนมจีบเช้าถึง เย็นถึง ตามเอาใจอย่างนู้นอย่างนี้อ่ะ มาด้วยว่ะ”
“ฮ่าๆ เอาจริงดิ” น่านไม่ได้ตอบอะไรแค่ส่ายหัวแล้วยิ้มน้อยๆ “เสือร้ายอย่างไอ้นนท์อ่ะนะ ขนาดมึงที่เป็นพี่มันกับน้ำที่เป็นน้องมันที่มันบอกรักพวกมึงนักรักพวกมึงหนา กูยังไม่เห็นว่ามันจะใส่ใจเลยว่าพวกมึงจะมีที่จอดรถไหม จะกางเต็นท์กันตรงไหน แม่งเหลือจะเชื่อ-”
“เชื่อเถอะพี่แทน คนนี้อ่ะเอาพี่นนท์มันอยู่หมัด” น้ำเดินมาร่วมผสมโรงอีกคน



เธอคือภาพฝันในจักรวาลของฉัน
ดวงดาวส่องวับวาวเมื่อพบเธอ
งดงามไปหมด

(เพลง ภาพฝันในจักรวาล  โดยเขียนไขและวานิช)



“เอาว่ะ เสือร้ายอย่างไอ้นนท์กับหมาป่าเดียวดายอย่างไอ้น่าน” แทนพูดไป หัวเราะไปอย่างชอบใจ “เห็นทีจะมีแต่มึงแล้วไอ้น่าน ที่ยังบูชาเวอร์จิ้นไม่เลิก ฮ่าๆๆ”
“ไอ้แทน ไอ้ห่าราก” ด่าพร้อมกับถีบไปกลางหลังแทนเบาๆ



“ไอ้แคมป์ มีงมาช่วยกูกางเต็นท์ซิไอ้หอกหัก ยืนแอคอาร์ทอยู่นั่นแหละ” นั่นไอ้อาร์ทมันแหกปากขอความช่วยเหลืออยู่
“ไอ้บิวมึงถ่ายกูหล่อๆนะเว้ย กูจะ-”
“กูจะตายแล้วไอ้โชค ไอ้บิว แม่งมาช่วยกูตอกเสาเต็นท์ซักทีโว้ยยยย” นี่ก็ไอ้ไม้ที่โวยวายตั้งแต่ขึ้น ลงรถ กางเต็นท์ และคิดว่าน่าจะยันกลับด้วย

“ไอ้เทมส์โว้ย ไปซื้อน้ำแข็งกับกูหน่อยใครแม่งแดกหมด มันกำลังคิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่ารึไง” และก็นี่ไอ้โต้งกำลังทำตัวเป็นคนขี้โวยวาย

“ไอ้อาร์ต ไอ้ควายมึงกางเต็นท์ยังไงของมึงเนี่ย”
“มึงสิควายไอ้แคมป์ กูก็กางตามยูทูปเนี่ย”

“ไอ้ไม้ๆ มึงจะตอกมือกูรึไง”
“มึงก็อย่าโง่ให้กูตอกสิไอ้โชค”
“ไอ้หอกหัก--”

“วุ่นวายกันทุกตัว” ไอ้เหน่งที่เดินหน้าละเหี่ยมาตบไหล่ผมเบาๆ
“เออ วุ่นวายกันได้ทุกที่จริงๆพวกมัน” ผมบ่นไป หัวเราะไปกับความวายป่วงตรงหน้า “แต็งค์ เต็นท์แล้วเสร็จแล้วหรอ”
“เรียบร้อย”
“ไม่ต้องไปช่วยพวกมันนะ ปล่อยให้วุ่นวายกันให้ตาย คิคิ”
“ไม่ช่วยพวกมันก็หันมาช่วยกูนี่ไอ้แต็งค์” ไอ้เหน่งบ่นอุบอิบ “กูกางเสร็จ จะนอนแม่งคนเดียวไอ้เวรตัวไหนอย่าได้เสือกเชียว” มันพูดไปส่ายหน้าไป



เห้ออออออ



ผมหันไปมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเรามาเที่ยวด้วยกันไกลขนาดนี้ ระหว่างทางก็มีเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องขำขัน เรื่องน่าหงุดหงิด มีน่าเบื่อบ้างเล็กน้อย แต่พวกเราก็ไม่ละทิ้งความตั้งใจที่จะมางานเทศกาลดนตรีด้วยกัน ถึงเพื่อนบางคนจะพึ่งเข้ามาในชีวิตผม แต่ความจริงใจ ความเป็นกันเองของพวกมันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมและพวกมันจะสามารถเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปได้อีกนานเลยครับ



“คิดไรอยู่” ผมส่งยิ้มเบาบางไปให้แต็งค์
“คิดว่าถ้าได้ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้บ่อยๆก็ดีนะ” แต็งค์มันอมยิ้มน้อยๆแล้วเอาแขนขึ้นมารั้งคอผมให้พิงไปบนบ่าของมัน
“คงจะวุ่นวายน่าดู”
“แต่มันก็มีความสุขไง” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่ทำให้รักมากขึ้นทุกวันตั้งแต่รู้ใจตัวเองว่ารู้สึกยังไง “ได้ใช้เวลาสบายๆ ฟังเพลงเพราะๆ ในบรรยากาศที่ชอบ ได้อยู่กับเพื่อน อยู่กับแฟน แล้วก็พี่ๆของตัวเอง” หันไปมองทางพี่น่านและพี่แทนที่ล็อคคอพี่นนท์น่าจะคาดคั้นเรื่องคนสำคัญของพี่มันอยู่  “มันมีความสุขมากๆเลยนะ”

ฟอดดดดดด

“ครับ มีความสุขมากๆ”

ฮิ้ววววววววววว

“ให้มันเบาๆกันหน่อย” เสียงหมั่นไส้จากพี่นนท์มัน แล้วพี่มันก็โดนพี่น่านกับพี่แทนบีบปากล็อคคอพี่มันต่อ

“สงสารหัวใจหนุ่มโสดแบบกูบ้าง” แล้วก็ตามด้วยเสียงคร่ำครวญของไอ้โชค ถามว่าสนใจพวกมันไหม ก็ไม่ คิคิ



เสียงเพลงฟังสบายๆ กับบรรยากาศยามค่ำ บวกด้วยเบียร์เย็นๆ ก็ทำเอาสุขใจเหมือนกัน

ผมหันไปมองแก๊งค์เพื่อนที่พากันซัดเบียร์อย่างเอาเป็นเอาตายไม่พอ ยังพากันแหกปากประสานเสียงร้องเพลงตามนักร้องที่เค้ากำลังทำการแสดงอยู่บนเวทีไกลๆนู้น ผมได้แต่ส่ายหน้าระอากับพวกมัน

“เห้ยๆ เพลงนี้กูชอบ!!”
“ไอ้ไม้มึงอย่าแหกปาก!” ไอ้เหน่งพูดไปก็จัดการเอาเบียร์ยัดปากมันไปพร้อม
“อึก มึงแม่ง”
“ไอ้แคมป์ๆ ถ่ายกูแบบเหม่อๆนะ”
“ไอ้แต็งค์ มึงมาชนๆ” นับว่าเป็นครั้งแรกที่แต็งค์มันทำตามใจไอ้บิวมัน ชนกันเสร็จก็เอนตัวให้ผมพิงเหมือนเดิม ส่วนตัวผมก็อดไม่ได้ที่จะเอาหัวเน่าๆของตัวเองถูไถกับอกมันไปเรื่อยเปื่อย
“อ้อน”
“ก็อ้อนไง”

ฟอดดดด

แล้วก็หอมหัวผมไปหนึ่งที ไม่วายพึมพำออกมาเป็นเพลงตามนักร้องที่กำลังร้องอยู่

คือความประทับใจเมื่อสบตากัน
อบอุ่นเหลือเกิน ข้างในรอยยิ้ม


มีการก้มลงมาสบตาอีกนะคนเรา
 
จะบอกให้รู้รักมากๆเลย
จะบอกไม่รักได้ไงโธ่เอ๋ย


รอยยิ้มแบบนี้... ทำให้ผมตายได้จริงๆนะ

โอ้ Baby น่ารักมากๆเลย
แบบชุบแป้งทอดไปเลย


ผมที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเขิน เลยเอื้อมมือไปบีบจมูกมันด้วยความหมั่นไส้แทน

มอบเพลงนี้เป็นสื่อแทนใจ ยกให้เธอ
(เพลง น่ารักชุบแป้งทอด โดย ชีวิน ขวัญใจคนเดิม)

“เขิน” ใช่เขินมาก

จุ้บบบ

“อ่ะ ให้รางวัล”
“มากกว่านี้ไม่ได้หรอ”
“แล้วจะเอาอะไรดีน๊า”
“เอาตีนกูนี่” อ่ะ ไอ้พี่นนท์ชาติที่แล้วมันทำงานโรงไฟฟ้ารึไง ขยันช็อตฟิลจริง
“เสือกอะไรอีกเนี่ยพี่นนท์”
“อ้าว นี่กูพี่มึงนะ”
“พี่ก็แค่พี่ชายที่มันเก็บมาเลี้ยง ฟู่วว” ไอ้เทมส์ที่โผล่มาเป่าหูพร้อมทำปากขมุบขมิบใส่พี่มัน

เห้อออ

“มาลู่ลี่แต่กับน้องเนี่ย ปัณณ์นี่ให้คนอื่นดูแลไปแล้วรึไง” พอผมพูดขึ้นพี่มันก็หรี่ตาชี้นิ้วใส่ผมทันที
“ปัณณ์ไหนวะพี่” ไอ้เหน่งมันเลยวิ่งสี่คูณร้อยมาเสือกทันที
“คือใคร คือปัณณ์วะ” แล้วก็ไอ้แคมป์ที่มาร่วมวงเสือกด้วย
“นั่นสิๆ ปัณณ์คื-” ไอ้ไม้ที่ยังไม่ทันได้เสือกก็โดนพี่มันลูกชิ้นอุดปากซะก่อน
“ไม่เสือกนะเด็กๆ” พร้อมยกมือโบกไปมา แต่ลูกกะตาพี่มันนี่เลิกลักมาก จนผมอดหัวเราะไม่ได้ คึคึ
“ไอ้นนท์ ปัณณ์เมาอ้วกไปแล้วว่ะ ทำไ-” พี่น่านมันยังพูดไม่จบพี่นนท์มันก็ใส่ตีนหมารีบไปทันที ผมได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ
“เสือร้าย ได้เป็นหมาแน่ๆเลยว่ะไอ้เหน่ง ฮึๆ”
“อะระ เสือร้ายอะระ” ไม่วายความขี้เสือกของมันยังคงเซ้าซี้ผมต่อเรื่อยๆ “แล้วปัณณ์คือใครวะ”
“เออนั่นสิ”
“คนไหนปัณณ์วะ”

“หาววว ง่วงจังเลยแต็งค์” ผมที่ตัดบทพวกมันเหมือนไม่มีตัวตนแล้วหันมาสนใจคนที่ทำตัวเป็นเสาหลักให้พิงอยู่เนิ่นนาน “กินเยอะไปรึป่าว” ผมเหลือบตาลงมองกองขวดเบียร์ที่ไม่ใช่น้อยๆ “กินเยอะแบบนี้ต้องเจอหยิก”

“หยิกตรงไหนดีล่ะ” มันก้มหน้าลงมาพูด แล้วคลอเคลียร์อยู่แถวๆหูแถวๆคอผม จนผ-

“โห้ย มึงแม่งไม่ให้ความร่วมมือกูเลย” ไอ้ไม้ที่นั่งรอคำตอบจากผมอยู่นานเลยโวยวายขึ้น “กูไปเสือกเองก็ได้”
“กูไปด้วยๆ”
“เห่ หลังจากที่พี่มันเสือกเรื่องคนอื่นมานาน” ไอ้เหน่งพูดขึ้นและทำตาเจ้าเล่ห์ “ได้เวลาเสือกเรื่องพี่มันคืนแล้วว่ะ หึหึ”
“ก๊ากกก หึหึ”
“กู หึหึด้วย” แล้วพวกมันก็พากันยกโขยงไปเสือกเรื่องของพี่นนท์กัน
“ไม่ไปกับพวกมัน”
“ไม่อ่ะ อยากอยู่กับแฟน”

ฟอดดดด

“อ้อน”

ฟอดดดด

“คิคิ”

แล้วเราก็นั่งหยอกล้อกันท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ กับเพลงที่เพราะขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน



เธอคือนางฟ้า อยู่บนนภา
เพียงก้าวลงมา มาให้ถูกรักใช่ไหม
เธอมาเพื่อสอนให้ดวงตา ได้เห็นว่าอะไร
รู้ความใน ปิดไว้ไม่กล้าจะบอกสักที


ว่าแก่จนป่านนี้ มันคงไม่มีอะไร
จะสู้หนุ่มขาว ก็คงจะมีแต่ใจ
จะสุข จะหวาน ก็คงต้องคานออกไป
บอกใจว่าสังขารไม่ดี


เราเองจะเอาอย่างไร
ไอ้ความเก๋านั้นแต่ตัวแต่ใจ
จะเด็ดดอกฟ้าก็คงไม่ผ่านกระได
ดันสูงและขาก็ไม่ดี


มีใจต้องทำอย่างไร
คนอย่างเขาก็คงไม่ทันอะไร
แก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไป
วอนขอเพียงเธอแค่หางตา มอง

                           
  (เพลง แก่จนป่านนี้คงเป็นไอ้ต้าวต่อไปวอนขอเพียงเธอแค่หางตา โดย ดวงดาว เดียวดาย)



“หาววววว โหยยยยย กูคิดว่ากูจะหนาวตายไปแล้ว”
“หนาวตายห่าอะไรไอ้บิว กูเห็นเมื่อคืนมึงถอดเสื้อ บ่นว่ามึงร้อนๆ” เสียงไอ้โชคมันแย้งขึ้น
“เออ ไอ้เวรบิวเมาแล้วชอบถอดเสื้อ โชว์ขี้โพ้รึไงมึง” ไอ้เทมส์เดินเข้ามาผสมโรงด้วยอีกคน
“ทำไม กูโชว์ความฟิตปั๋งไม่ได้รึไง”
“ถุย/ถุย/ถุย”
“แหวะ ไอ้บิว มือมึงไปจับอะไรมาเนี่ย” แล้วก็เป็นไอ้ไม้ที่ซวยเพราะโดนมือไอ้บิวยัดปากไป

“เห้ย พวกมึงเก็บของกันเสร็จยัง” พี่นนท์มันตะโกนถามขึ้น
“เรียบร้อยแล้วลวกเพ่” แล้วก็เป็นไอ้แคมป์ที่ตอบกลับไปอย่างกวนตีน

“ไอ้ไม้ มันสกปรก”

“ก็มึงแกล้งกูก่อน”

“ไอ้พวกชิบหาย โดนกู”

“โทดๆ”

“มึงตายยยยย”

“โอ้ยๆ พี่น่านช่วยผมด้วย”

“ไอ้แทนนนนน”

“ไอ้พวกเวร!!”

“ไอ้โต้ง ไอ้อาร์ตมึงจับมันไว้”

“เดี๋ยวมึ-”

เห้ออออออออ

ผมบอกแล้วว่าวุ่นวายกันยันกลับ แล้วคอยดูนะ มันต้องไปวุ่นวายกันต่อที่มอแน่นอน วันไหนที่สงบสุขคงเป็นวันที่ผมอยู่บ้านแหละ ไม่ใช่พวกมันสงบสุขนะ แต่น่าจะเป็นผมที่สงบสุขมากกว่า ถอนหายใจยาวๆอีกรอบ

“ลืมอะไรไหม”
“ไม่อ่ะ”

ผมหันไปมองคุณแฟนที่สุดแสนจะประเสริฐหอบของพะรุงรังอยู่ ตั้งแต่มาจนกลับแต็งค์มันไม่เคยปล่อยให้ผมได้ลำบากเลย จะทำอะไรมันก็คอยทำให้ เดี๋ยวทำนั่นทำนี่ให้โดยไม่ต้องร้องขอ วาสนาจริงๆ

“รักแฟนจัง”
“หึหึ” ผมเอามือไปคล้องแขนมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ช่วยถือของไปด้วย “อาทิตย์หน้าไปบ้านกัน พ่อกับแม่ถามหาแล้ว”
“กลายเป็นลูกรักไปแล้วหรอเนี่ย”

จุ้บ

แต็งค์มันก้มหน้ามาจุ้บเบาตรงๆหน้าผากของผม

“เป็นที่รักของคนทั้งบ้านไปแล้ว”
“คิคิ”

ผมสบตากับแต็งค์ มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าแต็งค์มันมีความสุขมากแค่ไหน สำหรับเรา ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงจุดนี้ได้ แต่ก็เพราะเราต่างคนต่างพยายามที่จะเข้ามาในโลกของกันและกัน ซึ่งในโลกของเราก็ไม่ได้มีแค่ผมกับแต็งค์ แต่มีเพื่อน มีพี่ๆ มีครอบครัว

ถึงแต็งค์จะไม่ใช่คนชอบพูดชอบอธิบายอะไร แต่ผมรู้ว่ามันก็พยายามอย่างมากเหมือนกัน เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้รับการยอมรับจากทั้งโลกของผม และโลกของมัน ไม่ใช่แค่เพื่อรักกัน แต่เพื่อปกป้องความรู้สึกของกันและกัน และก็เพื่อเติมเต็มซึ่งกันและกัน

แรกๆมันอาจจะยาก และดูน่าถอดใจไปหมด แต่เพราะว่าอยากมีกันอยู่ในชีวิตจริงๆ เราเลยผ่านมาได้ และผมก็เชื่อว่าเราสองคนจะผ่านมันไปอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไปซัก 10 ปี 50 ปี หรือซัก 100 ป-

“ไอ้น้ำโว้ยยยย แวะไหนอีกป่าววะ” เหอะ พี่น่านขัดมูดกูมากเลย
“จะแวะไหนก็แวะ!!” ผมตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด
“หึหึ” ไอ้แต็งค์ที่คงรู้ว่าผมหงุดหงิดเอามือมาลูบหัวลูบหลังปลอบใจ “พี่แกไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่มันตั้งใจ...” ผมหรี่ตาไปทางพี่น่านอย่างจับผิด ส่วนพี่มันก็ตีหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้
“น้ำ ถ่ายรูปรวมกันดีไหมวะ”
“ดีๆ” พี่นนท์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้มาเสนอหน้าตอบมา มาพร้อมกับ
“หวัดดีครับพี่ปัณณ์/หวัดดีครับ/พี่ปัณณณณณณ” ผม แต็งค์และไอ้เหน่ง เอ่ยทักคนที่เดินมาพร้อมกับพี่นนท์ด้วยรอยยิ้มเชิงแซว
“หวัดดีครับ” ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มและเสียงนุ่ม อ่อนโยน
“เมื่อวานเห็นแวปๆแต่ก็ไม่ได้เข้าไปทัก มัวแต่วุ่นวายกับไอ้พวกนี้” ผมบุ้ยปากไปทางพวกเพื่อนที่กำลังแกล้งกันอย่างสนุกสนาน
“ไม่เป็นไรๆ” พี่แกโบกมือไปมา พร้อมหัวเราะน้อยๆ “เมื่อวานพี่ก็เละมาก ดีแล้วจะไม่เห็นพี่สภาพนั้น”
“เละอะระ ออกจะน่ารั-”
“พี่ปัณณณณณณณ” มาแล้วไอ้พวกตัวเสือก เตรียมวุ่นวายเลยมึงไอ้พี่นนท์
“พี่ปัณณ์ กินอะไรยังครับ”
“พี่ปัณณ์หิวน้ำไหม”
“พี่จะกลับรถใครอะ” ผมเสมองพี่นนท์ที่มันเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดใจ ก็อดขำไม่ได้ ไงมัน แกล้งคนอื่นไว้เยอะ โดนซะบ้าง
“กลับกับผมได้น-”
“เค้ากลับกะกู ไอ้พวกเวร!!!” พูดจบพี่มันก็ดึงแขนพี่ปัณณ์มาอยู่ใกล้ๆ พร้อมชี้หน้าคาดโทษไอ้พวกเพื่อนตัวดีของผมทุกตัว
“โห้ย ขี้หวง” เสียงไอ้ไม้บ่นอุบ
“เดี๋ยวมึงจะโดนอีกตัวไอ้ไม้” แล้วพี่มันก็ผลักหัวไอ้ไม้ไปอย่างไม่จริงจังทีนึง ทำเอาเรียกเสียงหัวเราะจากพี่ปัณณ์ และจากทุกคน โดยเฉพาะพี่น่านกับพี่แทนที่ดูจะสะใจสุดๆ
“ดูท่าแล้ว น้องมึงได้เป็นหมาอย่างสมบูรณ์แล้วว่ะไอ้น่าน”
“เออ” พี่น่านมันตอบแค่นั้น แล้วก็ส่ายหัวพร้อมอมยิ้ม ก็แหงแหละเห็นพี่นนท์มันแดรดแด๋แบบนั้น มันเคยคบใครที่ไหน คุยกับใครแปบๆ มันก็เขี่ยเค้าทิ้งแล้ว ส่วนคนนี้ผมบอกเลยว่าของจริง ได้เป็นหมาสมใจพี่แทนกับพี่น่านแล้วแหละมึงไอ้พี่นนท์
“มาๆ มาถ่ายรูปรวมกันไว้เป็นที่ระทึกหน่อย” เสียงไอ้เหน่งตบมือเปาะแปะเรียกทุกคน
“ที่ระทึกก็มาว่ะ”

โพล๊ะ

“มึงอ่ะรีบมาเลยไอ้ห่าอาร์ต” ประเคนฝ่ามือจบมันก็ดึงไอ้อาร์ตมันจัดแจงเตรียมตัวยืนถ่ายรูป



การถ่ายรูปรวมครั้งนี้ ค่อนข้างจะวุ่นวายเหมือนเดิม เหมือนเดิมจริงๆ จนอดหัวเราะเบาๆไม่ได้ ผมหันมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า ที่ไอ้ไม้พยายามจะไปยืนข้างๆพี่ปัณณ์ส่วนพี่นนท์มันก็ทั้งผลักทั้งเอาตีนเขี่ยไอ้ไม้ให้ออกไปไกลๆพี่ปัณณ์ จนไอ้เหน่งต้องเป็นคนรับจบดึงไอ้ไม้มาล็อคคอไว้อยู่ข้างตัว แล้วก็ไอ้แคมป์ ไอ้เทมส์ ไอ้บิว ที่ยืนยิ้มแฉ่งอุ้มไอ้โชคในท่านอนหงาย หันมาทางไอ้อาร์ตกับไอ้โต้งที่โพสท่ากวนๆแบบยอดมนุษย์เตรียมออกบิน แล้วมองเลยไปที่พี่น่านกับพี่แทนที่ทำท่าแอคอาร์ทกอดอกอย่างหนุ่มวัยรุ่นปลดเกษียณ ส่วนผมกับแต็งค์อ่ะหรอ



“ไอ้แต็งค์!! มึงกอดเอวน้องกูทำไม” นั่นไงทำตัวเป็นคนขี้โวยวายแล้วหนึ่ง
“แฟนผม”
“แต่น้องกูไง!”
“พี่นนท์ พี่ก็เลิกลู่ลี่มันซักที” ไอ้ไม้ที่พูดไป ขำไป ส่ายหน้าไปด้วยอีก
“วุ่นวายกว่าใครพวกเลยมึง” พี่น่านบ่นแบบไม่จริงจัง อมยิ้มนิดๆ
“คิดผิดจริงๆที่เอามันมา” ผมก็ร่วมผสมโรงด้วยอีกคน จนพี่นนท์มันโวยวายอีกยกใหญ่
“พี่น่าน นี่กูน้องมึงนะ” แล้วก็หันมาทางผม “น้ำนี่ กูพี่มึงมึงนะ”

ฮ่าๆๆ

ก๊ากกกกกก

แล้วพวกเราก็พากันหัวเราะเฮโลครั้งใหญ่ที่พากันรวมหัวแกล้งพี่นนท์มันได้

“เอาละนะ 1   2   3” เสียงรุ่นพี่ที่เราขอแรงให้มาช่วยถ่ายรูปให้ตะโกนบอก

แชะ

แชะ

แชะ

แล้วก็อีกหลาย แชะ

ก่อนลา ก่อนจะผ่านคืนนี้
แค่ได้มีความสุข แค่นี้ก็มีแรงใจ
เอ่ยแค่เพียงคำลา สักวันจะกลับมา
ไม่ว่ายังไง เรายังจะกลับมาพบกัน


ก่อนลา เราเป็นเพื่อนกันแล้ว
ไม่ว่านานเท่าไร ยังไงก็เป็นเพื่อนกัน
เอ่ยแค่เพียงคำลา พ้นข้ามคืนนิทรา
ไม่ว่ายังไง เรายังจะกลับมาพบกัน

(เพลง ก่อนลา โดย วสันต์17)



โดย อีช้อย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 15:57:40 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 19.1
«ตอบ #42 เมื่อ09-04-2024 13:18:42 »

Episode 19 เธอทั้งนั้น (1/2)



[Part Teetuch Thank]



“สวัสดีครับแม่”
“ครับมาพอดีเลย ขอกอดหน่อย” ไอ้ตัวดีมาถึงก็ได้รับความรักจากแม่ผมทันที
“พี่น้ำ!! ขอกอดด้วย” จากน้องสาวผมด้วย “คิดถึงจังเลยอ่ะ”
“คิดถึงแม่ กับแตงกวาเหมือนกัน”
“หวัดดีครับแม่”
“เอาอะไรมาเยอะแยะน่ะแต็งค์” และพึ่งจะหันมาสนใจผม
“น้ำซื้อมา” ผมวางของที่พะรุงพะรังไว้ที่โต๊ะไม้ในครัว “เห็นบอกว่าอร่อยอยากให้ทุกคนได้กิน”
“พี่น้ำนี่น่ารักที่สุด”
“ขี้อวย” พร้อมกับดีดหน้าผากน้องสาวตัวเองไปที
“ขี้อิจฉา” ส่วนตัวต้นเรื่องก็แอบมาเหน็บแนมผมต่อ “พ่อไปไหนหรอครับ”
“เห็นชวนปู่ไปหาซื้อพวกอาหารทะเลมาไว้ปิ้งย่างตอนเย็นน่ะจ้ะ” แม่ผมตอบไป มือก็พลางจัดขนมที่ซื้อมาใส่จาน
“เดี๋ยวผมช่วยครับแม่”
“ไม่เป็นไรๆ” แม่ผมโบกมือไปมาเป็นการบอกว่าไม่ต้องช่วย “เดี๋ยวน้ำไปช่วยแต็งค์ด้านบนดีกว่าลูก เดี๋ยวทางนี้ให้แตงกวาช่วย เรื่องขนมนี่งานถนัดเค้าเลย”
“ครับ” น้ำมันพยักหน้าตอบรับแม่ผม แล้วก็หันมาหรี่ตาใส่ผมอย่างเอาเรื่อง “ทำไมต้องไปข้างบน ข้างบนมีอะระ”
“มีเตียง”
“แต็งค์!!” นอกจากจะถลึงตาใส่แล้วมันยังแอบหยิกผมอีก แต่ผมก็ยอมเค้าแต่โดยดี “ไม่ต้องมาขำ”
“ข้างบนมีเตาย่างไฟฟ้า” พูดจบผมเอื้อมมือไปลูบหัวคนขี้โวยวายให้หายหงุดหงิด “แตงกวาแอบทำปิ้งย่างคนเดียวบนห้องไม่ยอมเอาลงมา” พอรู้ว่าต้องไปทำอะไรข้างบนจริงๆคนตรงหน้าผมก็หน้าโล่งอก จนผมอดขำอีกรอบไม่ได้
“ขำไร” ถลึงตาใส่อีกรอบ
“หึหึ”
“เดี๋ยวจะโดน” พร้อมชี้นิ้วคาดโทษ



ผมจูงมือน้ำขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน เพื่อมาเอาเตาปิ้งย่างในห้องแตงกวา แต่ความจริง ผมมีจุดประสงค์มากกว่านั้น ที่ชวนน้ำมาบ้านครั้งนี้ผมตั้งใจว่าจะให้เค้าได้รู้อะไรบางอย่างที่ผมเก็บงำมานานพอสมควร ผมเลยจูงมือน้ำเข้ามาในห้องนอนของผม ทำทีเป็นหาของ แล้วก็ให้น้ำมันช่วยหา



“อาจจะอยู่ในกล่อง”
“กล่องไหนอ่ะ”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วจะหาเจอไหมเนี่ย”

น้ำที่เริ่มจะหงุดหงิดกับการหาของที่ไม่รู้ว่าอะไร หน้านี่ยุ่งเป็นแมวอารมณ์เสียเลย แต่จะให้หงุดหงิดแค่ไหน มันก็ยังก้มๆเงยๆหาของอยู่จน...

ปึก

พรึบ




ฝากล่องสี่เหลี่ยมใบใหญ่ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่กว่าจะวางฝากล่องได้มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน ราวกับว่ามือคนที่ถือฝากล่องนั้นถูกทากาวติดไว้

จังหวะการหายใจติดขัดไปชั่วขณะกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า รูปถ่ายมากมายในกล่อง เป็นรูปของชายหนุ่มวัยใสเพียงคนเดียวทุกรูป แต่กับถูกถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ในช่วงเวลา ในสถานที่ ในความรู้สึกที่ไม่ซ้ำกัน

ชายหนุ่มที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับในรูป นั่งจับรูปถ่ายแต่ละใบออกมาดูด้วยความรู้สึกที่อีกคนข้างกายก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ เขาจึงทำได้เพียงแอบสังเกตอาการของคนรักอยู่ใกล้ๆ หากเกิดอยากถามอะไร เขาก็พร้อมจะตอบในทุกคำถามของคนรัก

“รูปใบนี้…”

ดวงตาคู่สุกใสจ้องมองคนในรูปที่ยิ้มร่าอย่างมีความสุข มือข้างหนึ่งถือไมค์โครโฟน ส่วนมืออีกข้างยกโบกไปมา ไม่ต้องเดาให้ยากเย็นก็รู้ว่ากำลังขับร้องเพลงใดซักเพลงอยู่ หากเป็นคนอื่น เพียงเห็นแค่ภาพก็คงไม่อาจรู้หรอกว่าคนในรูปขับร้องเพลงอะไร คงจะมีแค่คนที่อยู่ในรูปนั่นแหละที่จำได้ว่า

“เป็นครั้งแรกที่กูยอมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที”

และคงจำความรู้สึกนั้นได้ดี

“กูตื่นเต้นมาก”

ทางฝั่งคนรักที่เฝ้าสังเกตอาการมาสักพักไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เพราะปล่อยให้อีกคนได้จมจ่อมอยู่กับรูปภาพเหล่านั้น เขาทำแค่เคลื่อนกลายเข้าไปใกล้ชิด วางคางไว้บนบ่าราวกับออดอ้อนเจ้าของบ่าว่าอย่าถือโทษโกรธเขาที่แอบถ่ายรูปภาพต่างๆของเจ้าตัวเก็บไว้เยอะมากมายขนาดนี้

“เพลงแรกที่ขึ้นไปร้องอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ”

“เธอทั้งนั้น...”

“คิคิ ทำไมจำได้”

ถึงจะพูดไปหัวเราะไป แต่ในแววตากับเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แต่มันเป็นน้ำของความดีใจที่มีใครซักคนจดจำเรื่องราวของเราได้แม้ว่ามันจะผ่านมานาน จนบางทีตัวเองก็เกือบจะลืมไปแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นรูปภาพรูปนี้เสียก่อน

“มันเป็นวันแรกที่เราเจอกัน” เจ้าของประโยค พูดไป มือก็รวบกอดคนที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว “ไม่สิ ตอนนั้นน้ำไม่เห็นแต็งค์” พูดไปก็หวนนึกถึงเรื่องราวในความทรงจำไป “มีแค่แต็งค์ที่คอยมองหาน้ำ”



รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด
รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆ ของฉันนั้นเปลี่ยนไปเท่าไหร่


คนที่ตื่นกลัวเวที คนที่ไม่ชอบทำอะไรต่อหน้าคนเยอะแยะ ตอนนี้ต้องมายืนยิ้มแฉ่งอยู่ต่อหน้าคนเป็นพันๆคน

รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ รู้ไหมฉันเคยเป็นยังไง
รู้ไหมการที่ได้เจอเธอ นั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่


ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงวิ่งหนีลงเวทีไปแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

เธอ... เธอทั้งนั้น ที่ทำ.ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ
ตั้งแต่ได้เจอเธอ


เพราะมันคือสิ่งเขาชอบ และทำให้เขามีความสุข

โลกที่เคยมองดูซึมเซา โลกที่มีแต่ความว่างเปล่า
ฟ้าทึมๆ และวันเศร้าๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้


มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มที่แตกต่างของคนที่มาฟังเสียงร้องของเขา เสียงท่วงทำนองดนตรีที่เพื่อนเขาบรรเลง

ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน
ขอบคุณคนบนนั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ
ขอบคุณทุกเรื่องราว
ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ (สุดที่รัก)




โดยรอยยิ้มทั้งหมดด้านหน้าเวทีเขาเห็นเพียงแค่ภาพรวมเท่านั้น ไม่ได้เห็นเจาะจงจนครบทุกรอยยิ้ม เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเขานั้นพลาดที่จะได้เห็นรอยยิ้ม จากคนที่ร้อยวันพันปีไม่คิดแย้มมันออกมาให้ใคร แม้แต่ครอบครัว คนที่มักจะตีหน้านิ่งขรึมไม่พูดไม่สนทนากับใคร

แต่วันนี้กับยิ้มออกมาราวกับว่ามีความสุขนักหนา แม้จะเป็นรอยยิ้มน้อยๆที่แทบจะสังเกตไม่เห็นก็ตาม แต่เชื่อไหมว่าเจ้าตัวกับรับรู้ได้ว่า เพียงแค่เห็นชายหนุ่มที่ขับร้องเพลงอยู่บนเวทีด้วยรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้า เขากับมีความสุขและอยากจะยิ้มตามไปด้วยเสมอ ทำไมหัวใจของเขาถึงได้เต้นแรงจนน่ากลัวขนาดนี้กันนะ

แชะ

“ไอ้แต็งค์ๆๆ จะมาดูดนตรีไม่บอกกันบ้างวะ”
“เออ พวกกูตามหากันให้ทั่ว”


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

“น้ำแม่ง เพอร์เฟ็คแมนชิบหาย”

เพื่อนคนนี้ยกแขนขึ้นมาคล้องคอเขาอย่างถือวิสาสะ หากเป็นคนอื่นเขาคงได้สะบัดทิ้งแล้วเดินหนีไปแล้ว ด้วยนิสัยโลกส่วนตัวสูงและไม่ค่อยชอบให้ใครมาถูกเนื้อถูกตัวเกินความจำเป็น แต่นี่มันคือเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและมันค่อนข้างรู้นิสัย รู้ใจเขาดี เขาเลยเลือกที่จะปล่อยผ่าน

“หน้าตาดี บ้านรวย เรียนก็เก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง ยังจะเสือกร้องเพลงเพราะอีก” เพื่อนอีกคนก็ร่วมวงสนทนาด้วย
“พวกมึงรู้จักหรอ” เขาเอ่ยถามอย่างสนใจ
“เอ้า ใครจะไม่รู้จัก”
“นั่นคนดังในโซเชียลเลยนะเว้ยไอ้แต็งค์” ไม่พูดป่าวยังผลักหัวเขาราวกับหงุดหงิดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร “มึงไปอยู่ไหนมาวะเนี่ย”
“มึงก็รู้ว่ามันไม่เล่นโซเชียล วันๆอ่านแต่หนังสือกับเรียนพิเศษ อ่ะ กูแถมเตะบอลให้อีกหนึ่ง”
“วิถีลูกผู้ดี สัดๆ” ว่าจบก็ยกโทรศัพท์มือถือที่เปิดหน้าโซเชียลหน้าหนึ่งไว้  พร้อมกับสาธยายไปเรื่อยเปื่อยให้เขาฟัง “เนี่ยคนนี้อ่ะ เค้าชื่อน้ำ เรียนรุ่นเดียวกับเรา อยู่โรงเรียน@#$%^&*()_+”

 
และเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับคนๆนั้น ที่เค้าไม่เคยรู้จักมาก่อน หูก็ฟังเก็บข้อมูลที่เพื่อนเล่า ส่วนตาก็มองจ้องบนเวทีที่มีคนๆนั้นกำลังขับร้องเพลงและหยอกล้อกับเพื่อนที่เล่นดนตรี



ร่างสูงขาวนอนแผ่หราอยู่กลางเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยเรื่องราวที่คิดไม่ตกมากมาย ในมือ ถือโทรศัพท์เปิดหน้าโซเชียลหน้านึงไว้ คล้ายกำลังตัดสินใจอะไรบ้างอย่างอยู่แต่ตัดสินใจไม่ได้สักที แต่แล้ว.... 

- ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนเรียบร้อย –



จากนั้นเขาก็เฝ้าติดตามคนๆนี้เรื่อยมา บางครั้งก็คิดว่าตัวเองทำตัวน่ากลัว เหมือนพวกสตอล์คเกอร์ที่คอยตามแอบถ่ายรูปคนๆนั้น แต่พอจะให้เข้าไปทักทายทำความรู้จัก ตัวเขาเองก็ไม่กล้า เพราะเขาพูดไม่เก่ง เข้าหาคนไม่เป็น ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามนะ เขาเคยลองแล้ว แต่มัน...

“หวัดด-”
“ไอ้น้ำ พี่น่านมารับแล้วมึง” ในขณะที่เขาจะเอื้อนเอ่ยทักทาย ก็มีเพื่อนเข้ามาเรียกเจ้าตัวไปซะก่อน


“น้ำ คือเร-”
“วันนี้พ่อป่วย ต้องรีบไปโรงบาล” เขาที่กำลังเดินเข้าไปหวังทำความรู้จักก็ต้องคอแตกกลับมา เพราะมีคนมาขัดไว้


“เราชื่อแ-”
“น้ำ แดกข้าวกัน หิวชิบหาย” เพียงแค่นิดเดียว เสียงของเขาก็จะไปถึงเจ้าตัวแล้ว แต่ก็...พลาดอีกตามเคย




และอีกหลายๆครั้งที่เราได้เจอกัน เกือบจะได้รู้จักกัน แต่ไม่เป็นผล

 

เพราะมีแค่เขาที่เห็นน้ำอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ ยังคงติดตามน้ำไปเรื่อยๆ และยังเชื่อว่าซักวันจะได้เข้าไปทำความรู้จักกัน



แค่เพียงได้รู้จักกันเขาก็พอใจแล้ว



[End Part]



โดย อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 16:24:49 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 19.2
«ตอบ #43 เมื่อ09-04-2024 13:26:56 »

Episode 19 เธอทั้งนั้น (2/2)



[Part Teetuch Thank]



2 ปีผ่านไป



“น้ำ มันจะไปสอบเข้ามอ@#$^%^&&*(*  ตามพี่ชายมันว่ะ เห็นไอ้เหน่งมันว่า”
“มอนั้นแม่งสอบเข้ายากชิบหายเลยนะ”
“มึงไม่ต้องไปซีเรียสแทนเค้าหรอก มาซีเรียสที่เรียนตัวเองนี่”


เขาที่ผ่านไปได้ยินบทสนทนาของพวกเพื่อนที่โรงเรียนน้ำพอดี เลยมาเสิร์ชหาข้อมูลของมหาลัยที่คนๆนั้นจะไปเรียนต่อ นี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้เข้าไปทำความรู้จักกัน



“แทนกินไรมายังลูก”
“เรียบร้อยแล้วครับน้ากิ่ง” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เอ่ยตอบ ตาก็พลางมองไปรอบๆ “แต็งค์ยังไม่กลับบ้านหรอครับ”
“รายนั้นน่ะ ค่ำทุกวัน” พูดจบก็วางจานขนมลงบนโต๊ะรับแขก “ช่วงนี่เรียนพิเศษหนัก เห็นคุณปู่บอกว่าเจ้าตัวเค้ามุ่งมั่นจะเข้ามหาลัยนั้นให้ได้”
“แอบหัวแข็งเหมือนกันนะครับ” ว่าแบบไม่จริงจังนัก
“แต็งค์น่ะ ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว เค้าเต็มที่ตลอด” พูดไปก็หัวเราะน้อยๆไปด้วย “นั่นไง มาพอดีเลย”
“ไง ไอ้แต็งค์ หนักนะเนี่ย” เอ่ยทักอย่างสนิทสนม
“มาทำไม”
“อ่าว นี่กูพี่มึงนะ” พูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของอีกฝ่ายอยู่แล้ว ด้วยรู้นิสัยกันดี และรู้ดีว่าอีกฝ่ายเจออะไรมาบ้าง ถึงได้ไม่สน ไม่แคร์ใคร ขึ้นเรื่อยๆถึงขนาดนี้ จะมีสนก็คงแค่คนๆนั้นคนเดียวแหละที่เขาพอรู้
“เดี๋ยวแม่ไปในครัว นั่งคุยกันไปนะ”
“เรื่องน้ำ...”


ถ้าเป็นเรื่องของน้องชายคนนี้ เขามั่นใจว่าเขารู้ทุกเรื่อง แม้เจ้าตัวจะไม่ได้บอกเล่าเอง แต่คนเป็นแม่ที่มีศักดิ์เป็นน้าเขานั้นช่างห่วงลูกชายยิ่งเสียกว่าอะไร เลยยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังเพื่อจะได้เป็นอีกคนที่ลูกชายนั้นกล้าจะพูดคุยและปรึกษาเรื่องหัวใจได้นอกจากปู่

เพราะตัวของผู้เป็นพ่อนั้นยังต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกสักพัก ส่วนตัวของคนเป็นแม่นั้นพร้อมที่จะเข้าใจลูกเสมอเพียงแต่ว่าช่วงสองปีก่อนหน้าเธอได้ทำพลาดครั้งใหญ่ที่คว้ามือลูกชายไว้ไม่ทัน

จนลูกชายไม่แม้แต่จะพูดถึงเรื่องนี้กับเธอเลย กลายเป็นปมก้อนใหญ่ทั้งในใจเธอ สามี และลูกชายมาตลอด เธอจึงขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนนี้จะได้ช่วยให้ลูกชายสมหวัง ไม่ใช่เพื่อเป็นการไถ่โทษแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอนั้นเลือกที่อยู่ข้างลูกชายและเลือกความสุขของลูกชายเป็นที่ตั้ง

“เดี๋ยวพ่อมา ก็บ้านแตกอีก”
“คนอย่างมึงเนี่ยนะกลัว” เลิกคิ้วไม่ได้สงสัยแต่ยียวนกวนประสาท “กูบอกแล้วว่าเดี๋ยวกูจัดการให้ ก็ไม่เอา”
“อยากรู้จักเค้าด้วยตัวเองมากกว่า”
“มึงเป็นพระเอกนิยายรึไง”
“ถ้าให้พี่ช่วยขนาดนั้น” เค้านึกถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในใจเขามาตลอด “กลัวเขาจะอึดอัด”
“ชอบขนาดนั้นเลยหรอวะ” เขาไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้ารับ “งั้นกูบอกล่วงหน้าไว้เลย งานนี้ไม่ง่าย”
“ทำไม”
“ก็คนชอบน้ำมันตั้งเยอะป่าววะ” พูดพร้อมถอนหายใจออกมา


“ถึงมึงจะหล่อ ขาว สูง แค่ไหน แต่มึงอย่าลืมว่าน้ำมันก็เป็นผู้ชายเหมือนมึง”

ทันทีที่เห็นน้องชายทำหน้าเศร้า นี่เขาอาจจะใช้รูปประโยคที่รุนแรงจนไปสะกิดแผลเก่าของน้องชาย

“กูไม่ได้ว่าการที่มึงชอบผู้ชายมันเป็นเรื่องผิดหรือเรื่องร้ายแรงนะไอ้แต็งค์” เขาลุกจากที่นั่งที่เดิมเพื่อไปนั่งข้างน้องชายและกอดคอมันไว้หลวมๆ

“แต่กูเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายเค้า เห็นเค้ามาตั้งแต่เล็กเหมือนที่เห็นมึงมา เค้าเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ ที่ออกจะดื้อเลยด้วยซ้ำ แล้วเค้าก็ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก นี่อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเค้า ที่กูดึงดันจะช่วยมากกว่าให้มึงหาวิธีเองก็เพราะเรื่องนี้ กูไม่อยากให้มึงเสียใจ รึว่ามีอะไรไปกรีดซ้ำแผลมึงเพิ่ม กูเป็นพี่มึงนะ แล้วก็เป็นเหมือนพี่เค้าอีกคน อย่างน้อยความสัมพันธ์ของพวกมึงอาจจะไม่ถึงขั้นคบกัน แต่มึงอาจจะเป็นเพื่อนที่เจอหน้ากัน ทักทายกัน ยิ้มให้กัน รึนานทีปีหนไปกินข้าวด้วยกัน ก็ยังดีไม่ใช่หรอวะ” ว่าแล้วเขาก็ถอนหายใจยาวๆอีกรอบ

“มึงมันเข้าหาคนไม่เป็น แล้วเสือกเป็นประเภทปากตรงกับใจเกินไป หน้าก็ไม่รับแขกอีก ยังไม่ทันรู้จักหรอก แค่มึงเข้าไปทำท่าทำทางเลิกลั่กใส่เขา ไอ้นนท์ ไอ้น่านมันได้ดีดมึงออกจากวงโครจรแน่ๆ” ส่ายหัวไปพลางๆ

“แล้วต้องทำยังไง”
“อย่างน้อยก็ต้องบอกไอ้น่าน” เมื่อได้ยินประโยคนั้นอีกฝ่ายก็เลิกตาโต และมีอาการลุกลี้ลุกลนไปหมด ราวกับคนที่กำลังทำความผิดแล้วเจอจับได้ซะงั้น
“แล้วพี่เค้า..”
“ไอ้น่านมันเป็นคนมีเหตุผล” เขาตบบ่าน้องชายเบาๆ “แล้วอีกอย่างกูก็จะบอกมันแค่ว่ามึงไว้ใจได้ ที่เหลือมึงลุยเอง” ไม่วายตบท้ายอีกประโยคยาวๆ


“ลุยในที่นี้มึงก็ต้องสังเกตเค้าด้วย ถ้าเค้าโอเคกับสิ่งที่มึงทำมึงก็ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ถ้าเค้าไม่ มึงก็ต้องถอย มึงต้องเข้าใจเค้าให้มากๆ มึงคิดว่าไง”

“สำหรับผม” เขาก้มลงมองมือตัวเองที่วางประสานกันด้วยท่าทีประหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “แค่ได้รู้จักกันก็เกินความคาดหวังแล้ว”
“มักน้อยว่ะ” ใช่ เขามันมักน้อย จะให้โลภมากได้ยังไง ในเมื่อแค่เข้าไปทำความรู้จักกันเขายังปล่อยให้เวลามันเลยผ่านมาสามปี จะให้หวังมากกว่านั้นมันก็เกินตัวไปไหม




“นี่ไง ไอ้แต็งค์ น้องกูที่เคยเล่าให้ฟัง”
“เออ หน้าดีใช้ได้” เอ่ยพร้อมมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วจ้องเข้าไปในดวงตา “มึงคิดผิดแล้วที่ชอบน้องกู”
“ไม่ผิดครับ”
“เหอะ น้ำอ่ะทักษะการใช้ชีวิตมันติดลบเลยนะ” มองหน้าแบบลองเชิงอีกฝ่าย
“ไอ้น่าน น้องกูมึง” ผู้เป็นพี่เอ่ยปรามเพื่อนอย่างหวาดหวั่น นี่หากมีมีดมันคงเอาออกมาแทงกันตรงหน้าเขาแล้ว

“บอกตามตรง กูไม่ได้เป็นพวกปิดกั้นเรื่องเพศ เพื่อนกู คนที่กูรู้จัก ก็มีหลากหลายเหมือนกัน กูพอจะรู้เรื่องความหลากหลายทางเพศมาไม่น้อย เพราะงั้นตอนไอ้แทนเล่า กูก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่โอเค กูยอมรับได้ แต่กูก็รักน้องกูมาก” เขารู้ว่าเพื่อนเขาเป็นมีเหตุผลเสมอ และรู้ว่าทั้งหมดที่พูดมาก็เป็นการชี้แนะน้องชายเขาไปในตัวว่าควรไปยังไงต่อกับน้องชายเจ้าตัว “น้องกูมันไม่มีประสบการณ์เรื่องความรัก”
 
“ผมก็ไม่มี” เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องไปในดวงตาของอีกฝ่ายเพื่อแสดงความจริงใจออกไป “แต่ผม...ถ้าตั้งใจทำอะไรผมทำมันออกมาได้อย่างดีทุกครั้ง แล้วอะไรที่ผมไม่มั่นใจผมจะไม่มีวันพูดออกมา” แทนพยักหน้าส่งสัญญาณเป็นนัยๆบอกเพื่อนว่า น้องชายเขาไม่มีทางพูดอะไรออกไปพล่อยๆ

“กูจะไม่ขวาง แต่มึงก็ต้องเข้าใจน้องกูให้มากๆ ถ้ามันไม่โอเค มึงต้องถอย”
“ครับ สำหรับผมแค่ได้เป็นที่เขารู้จัก เจอหน้ากันแล้วจำชื่อผมได้ ผมว่ามันเกินความคาดหวังของผมแล้ว”
“เออๆ งั้นมึงก็พยายามเอาเองแล้วกัน” พูดจบเขาก็โบกมือไปมาคล้ายไม่ใส่ใจ

แต่ในใจกับคิดว่าไอ้เด็กนี่แววตาท่าทางมันดูจริงใจดี แล้วยิ่งเพื่อนเขาเอาหัวตัวมันเป็นประกันแทนน้องชายมันแล้ว เขาที่คบกับมันมาตั้งแต่ประถม เขารู้จักเพื่อนเขาดี และเขาก็เชื่อใจมันมาก แต่ถ้าเกิดน้องเขาเสียใจหรือไม่สบายใจเพราะน้องชายของมันเมื่อไหร่ เขาเอามันตายทั้งพี่ทั้งน้องแน่

“ไม่ช่วยซักหน่อยหรอวะ” แทนเอ่ยถามเชิงหยอกเพื่อนตัวเอง
“กูไม่ช่วย ไม่มีทาง”
“ครับ”
“ไอ้แทน น้องมึงกวนตีนกู”
“เห้ย ไม่ใชอย่างนั้นๆ”
“ครับ ผมแ-”
“นั่นไง มันเอาอีกแล้ว”
“ไอ้น่าน มึงใจเย็น”




“ไหนบอกไม่ช่วยไงวะ” เขาคลี่กระดาษที่เพื่อนให้มา ในนั้นเขียนอะไรมาไม่รู้ยึกๆยือๆ แต่พออ่านจับใจความได้ว่า “วิศวะ เอกไฟฟ้า” จนเขาถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมากับความปากไม่ตรงกับใจเพื่อนเขาที่บอกว่าไม่มีทางช่วย แต่ก็แอบส่งข่าวคราวให้ตลอด
“กูแค่สงสาร” เขาได้แต่แอบกลั้นขำ
“ขอบคุณครับ”
“เออๆ กูเห็นไอ้แทนบอกว่าจะสอบเข้ามอเดียวกัน กูเลยไม่อยากให้ไปงมหาเอง”
“หรา”
“เออ” เอาขนมขว้างใส่เพื่อนเสร็จก็หันมาสนใจอีกคนต่อ “แล้วมึงจะเรียนอะไร”
“อ่า ที่ตั้งใจไว้ ก็วิศวะ เอกโยธา ครับ จะได้มาช่วยงานที่บ้านด้วย”
“ดีๆ รู้จักคิดแต่เด็ก ไม่เหมือนพี่มึง”
“อ่าว ไหงแว้งมาโดนกูล่ะ”
“ไป กลับบ้านไปตั้งใจอ่านหนังสือสอบเถอะมึง”
“เรียนคณะเดียวกันงี้ ให้มาติวด้วยกันเลยดิ”

พลั๊วะ

“เสือก” เขาตบหน้าผากเพื่อนเสร็จ ก็ลุกจากโต๊ะไปที่อื่นทันที




คนที่ปากบอกจะไม่ช่วยอะไร แต่กับเป็นหูเป็นตาเป็นทุกอย่าง บอกคนที่มาแอบชอบน้องชายตัวเองไปทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องกิจกรรมที่ชอบทำ อาหารที่ชอบกิน แม้กระทั่งสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษ ที่ยอมช่วยขนาดนี้ อาจเป็นเพราะความจริงใจ ความมุ่งมั่นของเด็กคนนี้มันเอาชนะใจเขาอย่างขาดลอย

จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าน้องชายเขาชอบมันกลับ ถ้ามันได้สมหวังมันจะดีแค่ไหน แต่ถึงแม้มันจะไม่ได้ไปไกลถึงขั้นตกลงปลงใจคบกัน แต่เขาก็เชื่อว่า ไม่ว่าในความสัมพันธ์ไหนๆเด็กผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันทำร้าย หรือทำให้น้องชายเขาเสียใจอย่างแน่นอน เขามั่นใจว่าเขามองคนไม่ผิด



ชายหนุ่มวัยใสที่ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มมหาลัยเต็มตัวแล้ว ยืนเหม่อมองป้ายคณะด้วยความเรียบเฉยแล้วก้มลงมองถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือที่ด้านในมีของขวัญที่เขาตั้งใจเลือกเป็นพิเศษและคิดว่าเหมาะกับคนรับแน่นอน แต่ที่ไม่มั่นใจนั่นคือจะนำของสิ่งนี้ไปให้ผู้รับอย่างไรโดยที่คนรับไม่ตื่นกลัว หรืองุนงง
 
คิดได้ดังนั้นจึงแอบเนียนว่าเป็นคนอื่นเอามาให้


[ไอ้แต็งค์!! วันนี้เปิดร้านวันแรก]
[น้องกูมา]
ไม่ต้องคิดหาคำพูดสนทนาใดๆต่อ เขาก็รีบวางสายและไปเตรียมตัวเพื่อจะไปเจอคนคนนั้นทันที




“ใครที่ได้ตัวเลขขึ้นด้วย 1 มาตรงนี้ 2 ไปตรงนั้น 3....” เสียงรุ่นพี่เอ่ยจัดแจงถึงสลากที่จับบัดดี้กัน หากใครที่ได้หมายเลขเดียวกันก็ต้องมาเป็นบัดดี้กัน คอยดูแลกันตลอดปีหนึ่ง

เขาคลี่มวนสลากหมายเลขออก แล้วมองไปทางคนนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจของใครๆหลายคนเหลือเกิน ไม่ได้เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ เลยนึกถึงแผนการที่พี่ชายและพี่น่านช่วยคิด ทั้งสองบอกเขาว่าให้ไปหาเพื่อนสนิทของคนๆนั้นที่ชื่อเหน่ง

เพราะสองคนนั้นสนิทกันมากและบอกกันทุกเรื่อง พี่น่านเองก็มั่นใจว่าน้องชายเจ้าตัวต้องไม่ยอมเป็นบัดดี้กับคนอื่นนอกจากเพื่อนสนิทแน่ๆ แต่พี่น่านก็ได้กำชับกับเพื่อนคนชื่อเหน่งไว้แล้วว่าเขาไว้ใจได้

แล้วถ้าพี่น่านเป็นคนเอ่ยขนาดนั้นแล้ว เหน่งจะโต้แย้งได้อย่างไร ถึงจะกังวลและห่วงเพื่อนสนิทที่ทักษะการใช้ชีวิตไม่ได้เรื่องมากก็เถอะ แต่ก็ถือซะว่าให้เพื่อนได้สนิทกับคนอื่นๆบ้าง มันจะได้ไปสร้างเรื่องปวดหัวให้คนอื่นนอกจากเขาบ้าง ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง

“เหน่ง” เจ้าของชื่อหันไปมองด้วยรู้ถึงเหตุผลของการมาอย่างดี เพราะพี่ชายเพื่อนสนิทได้บอกเขาย้ำๆ มาร้อยรอบแล้ว
“148 ของมัน” เขาพูดเสียงเรียบพร้อมสำรวจคนตรงหน้าไปด้วย “แต่มันหน้าจะอยู่ตรงพวกที่ได้สองร้อยกว่าๆ”

จากที่รู้จากพี่น่านมาวันนี้เขาได้มาเห็นสีหน้าแววตาของไอ้คนชื่อแต็งค์แบบชัดๆ เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง มันคงพยายามมาอย่างมากเลยสินะ ถือซะว่าเห็นแก่ความพยายามของมันเขาจะช่วยแค่นิดๆหน่อยๆพอ

“ที่เหลือมึงก็คิดเอาว่าต้องทำไง” พร้อมตบบ่ามันไปเบาๆ



พอได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทของน้ำแล้ว เขาก็รีบไปทำตามแผนการทันที เขารีบตามหาเพื่อนอีกคนที่ได้สลากหมายเลขเดียวกับน้ำ ยอมลงทุนใช้เงินในทางที่ผิดเพื่อให้ได้มา ได้แต่ทดไว้ในใจว่าหากมีโอกาสได้รู้จักกันแบบจริงๆจังๆแล้วเขาจะต้องบอกเรื่องนี้กับเจ้าตัวในซักวัน

“น้ำ” เขาเอ่ยเรียกคนที่กำลังมุ่งมั่นตามหาคนที่จับสลากหมาเลขเดีวกับเพื่อนสนิท “ไอ้เหน่งบอกว่า มึงได้หมายเลข 148”
“มึงมีอะไร” เจ้าตัวเอ่ยอย่างหงุดหงิดที่เขาคงทำให้เสียเวลากับภารกิจอยู่ เขาจึงยกกระดาษที่ม้วนยับๆยู่ยี่ที่แอบไปซื้อมาจากเจ้าของกระดาษสลากตัวจริงขึ้นโชว์
“148”




หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่เขาและพี่ๆ(ยกเว้นพี่นนท์) รวมถึงเพื่อนสนิทของเจ้าตัวที่ช่วยกันลิขิต เขาและน้ำก็ได้รู้จักกันมากขึ้น เขาได้เห็นเจ้าตัวในมุมมองที่ใกล้ชิดขึ้น ได้รับรู้ความคิด ความเป็นตัวเองของเจ้าตัว และได้อยู่ในสายตาของน้ำอย่างที่คาดหวัง แม้ช่วงแรกๆ อาจจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่เพราะความช่วยเหลือจากทุกคน ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและคนๆนี้ก็มาไกลจน.... เกินความคาดหวังไปเยอะเลย



“แล้วก็รูปนี้” คนที่ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ทุกครั้งที่เห็นรูปถ่ายตัวเองในอิริยาบถต่างๆ ยังคงหยิบรูปนั้นรูปนี้ขึ้นมาดูแล้วนึกถึงช่วงวัยนั้นของตัวเองโดยที่มีคนรักซบอิงอยู่ที่บ่าไม่ห่าง “ตอนนี้จบม.6แล้ว”

“หึหึ ทำหน้าภูมิใจอะไรขนาดนั้น”

“ก็พึ่งเคยจบม.6 ป้ะ” เขาไม่ตอบกลับอะไร ได้แต่เอาคางเกยบ่า แขนทั้งสองข้างก็โอบกระชับรอบเอวอยู่อย่างนั้น ยังคงฟังเจ้าตัวดูรูปไป บ่นไปเรื่อยๆ บางครั้งก็มีโต้ตอบกลับไปบ้างอย่างเช่น ตอนนี้ที่เจ้าตัวหยิบรูปถ่ายตอนวันจับบัดดี้ที่คณะขึ้นมา

“ตอนนั้น.. แต็งค์เอาเงินเก็บไปซื้อหมายเลขบัดดี้” เมื่อจบประโยคอีกฝ่ายเลิกตาโตอย่างตกตะลึง
“ทำขนาดนั้นเลย”
“ก็อยากอยู่ในสายตาไง”
“เดี๋ยวนะ” เหมือนเจ้าตัวจะนึกอะไรบางอย่างได้ “แล้วรู้ได้ไงว่าจับได้เบอร์อะไรอ่ะ” สายตาคาดคั้นที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่พอมาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มนุ่มๆนั่นไปหนึ่งที “เล่ามาให้หมดเลย” พูดไปก็เบะปากน้อยๆไป

“คือ... จะเริ่มยังไงดี อ่า  ตอนนั้นแต็งค์อยู่ ม.4..”

เขาเริ่มกอดกระชับคนรักมากขึ้นแล้วเริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นทั้งหมดให้คนที่รักฟัง เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะบอกให้น้ำรู้ทุกเรื่องโดยไม่ปิดบัง แต่ต้องเป็นในวันที่น้ำรักเขาแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เจ้าตัวรู้สึกผิดหรือรู้สึกสงสารเขา เขาแค่อยากให้เจ้าตัวรู้ว่า เรื่องทั้งหมดนั้นคือความตั้งใจของเขา เขาตั้งใจที่จะมีคนๆนี้เป็นคนรักคนเดียวไปตลอดชีวิต



“ขอบคุณนะ” เอ่ยพร้อมหันหน้าเข้ามากอดอีกฝ่ายกลับอย่างแนบแน่น “ขอบคุณที่พยายามขนาดนี้”
“ต้องพยายามสิ” เขากอดคนรักไปพลางโยกเบาๆ คล้ายปลอบโยนคนที่ตอนนี้กำลังอ่อนไหวกับเรื่องราวของเขา “จะได้มีน้ำอยู่ในชีวิตไง”
“แล้วถ้า...” เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาทั้งๆที่น้ำตายังคลออยู่ “ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นแฟนกัน...” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงคล้ายกลัวว่าคำพูดของเจ้าตัวจะทำให้คนรักเสียใจ
“มันไม่เป็นไรเลย” เขาตอบกลับประโยคของคนรักอย่างอ่อนโยน

“สำหรับแต็งค์ ขอเป็นอะไรก็ได้ที่ได้อยู่ในชีวิตน้ำ ได้เป็นคนที่น้ำรู้จัก อาจจะเป็นเพื่อนในคณะ เป็นน้องของเพื่อนสนิทพี่ชาย หรือเป็นบัดดี้ที่เคยดูแลกันตอนปีหนึ่ง..”

มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่คงกลั้นไม่อยู่ของคนรักอย่างเบาบาง

“เป็นใครก็ได้ ที่น้ำบังเอิญเจอหน้าแล้วจำชื่อได้”

จบประโยคนี้ คนที่กลั้นน้ำตาอยู่นานก็ไม่อาจกลั้นไหว เจ้าตัวปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายโดยไม่อดกลั้น ความรู้สึกของเขาไม่ได้รู้สึกผิด หรือรู้สึกสงสาร แต่มันกลับรู้สึกสุขใจที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนตรงหน้ายังคงอยากมีเค้าอยู่ในชีวิต

“ไม่ร้องนะ”

พูดเสร็จก็กดจูบลงที่กลางหน้าผาก ที่ข้างขมับ และปลายจมูก ส่งต่อความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งหวงแหน

“ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ไหนๆ แต็งค์ก็ยินดีทั้งนั้น”

คนๆนี้ช่างมักน้อยเสียจริง เขาทั้งร้องไห้ ทั้งอมยิ้มจนอดคิดไม่ได้ว่าภาพเขาตอนนี้ มันจะน่าเกลียดขนาดไหนกันนะ

“ความสัมพันธ์ไหนๆ ยินดีบ้าบออะไรเล่า” ว่าไปมือก็ทุบที่อกคนรักไปเบาๆ อย่างกลัวคนรักเจ็บ “ตอนนี้เป็นแฟนแล้วไม่ให้เป็นอย่างอื่นแล้ว” ว่าจบก็กดจูบไปทั่วไปหน้า แล้วมาจบที่ริมฝีปาก ดึงดูดความนุ่มหยุ่นราวกับเยลลี่ แล้วค่อยๆผละออก

“ครับเมีย”

ตุบ

“โอ้ย”
“สมน้ำหน้า”

ฟอดดดดดดด

จุ้บ

จุ้บ

จุ้บ 

เสียงหยอกล้อกันของคู่รักดังลั่นห้อง

บ่งบอกถึงความสุขที่มันเอ่อล้นมากแค่ไหน

“ขอบคุณที่หันมานะครับ”

“คิคิ”

เพราะโดนระดมจูบทั่วใบหน้าอยู่เลยตอบกลับอะไรไม่ได้

“ขอบคุณที่ให้แต็งค์ได้รักนะครับ”

“คิคิคิ”

และก็เหมือนเดิมที่ไม่สามารถตอบกลับอะไรได้เพราะโดนระดมจูบทั่วไปทั้งตัวแล้ว

“มีวันนี้ได้”

หยุดพักให้คนในอ้อมแขนได้หายใจหายคอพร้อมจับที่คางอย่างนิ่มนวลเพื่อให้หันมาสบตากันแล้วเอ่ย

“เพราะเธอทั้งนั้นเลย”

ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน
ขอบคุณคนบนนั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ
ขอบคุณทุกเรื่องราว
ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ (สุดที่รัก)


(เพลง เธอทั้งนั้น โดย กรู๊ฟไรเดอร์ส)



เสียงหัวเราะและหยอกล้อกันอย่างสุขใจดังลั่นชั้นสองของบ้าน ผู้เป็นแม่และน้องสาวก็สุขใจตามไปด้วย เธอเองได้แต่แอบขอบคุณตัวเองและสามี ที่เลือกความสุขของลูกเป็นหลัก แม้อาจจะใช้เวลานานไปบ้าง ที่กว่าจะเข้าใจกันได้ขนาดนี้ แต่สุดท้ายความเป็นพ่อแม่ลูกนั้นก็ทำให้เราเข้าใจกันในที่สุด ทุกวันนี้เธอและสามีได้แต่อวยพรให้ความรักของลูกชายนั้นมีความสุขยั่งยืนอย่างนี้ตลอดไป



“น้ำ อันนี้อร่อยนะลูก กินเยอะๆ”

“ขอบคุณครับพ่อ”

“วันหลังเราลองชวนพ่อ กับพวกพี่ๆมากินข้าวด้วยกันสิ”

“ครับปู่ เดี๋ยวผมจะลองชวนดู”

“พี่น้ำอันนี้อร่อยนะ”

“น้ำ แม่ว่าจานนี้มันเผ็ด กินได้ไหมลูก”



และอีกหลายประโยคสนทนาบนโต๊ะอาหาร เขาได้แต่นั่งกินข้าวไปเงียบๆมีพูดคุยกับคนอื่นๆบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เขาเลือกที่ฟัง และมองรอยยิ้มของทุกคนตรงหน้า วันนี้ช่างเป็นวันที่เขามีความสุขมากอีกวัน ต้องขอบคุณครอบครัวที่เข้าใจและยอมรับในตัวเขากับคนรัก  ขอบคุณพี่ๆ และพวกเพื่อนๆ ขอบคุณทุกคนจริงๆ



“แต็งค์ นอนได้ยัง”
“อีกแปบ”
“อีกแปปก็เบาเสียงหน่อย จะนอน”
“คู่นี้จบนอน”
“เบาเสียง!!”
“ครับบบบ”

จุ้บ

จุ้บ

“อื้อ”

“อ่า”

“จะนอน...”

“ก็นอน..”

“อื้อ จะนอนยังไงเล่า”

“หึหึ อืมมม”

“อ๊ะ”

“อ่า”

เหมือนจะไม่ได้นอน

เห้ออออออออออออ



[End part]



โดย  อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 16:53:19 โดย Namm12141 »

ออฟไลน์ Namm12141

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: Today,I have you วันนี้ฉันมีเธอ Ep 20 (End)
«ตอบ #44 เมื่อ09-04-2024 15:00:20 »

Episode 20 วันนี้.....ฉันมีเธอ End



“ไอ้น้ำโว้ยยย”
“อะไรพี่เม่น แหกปากแต่หัววัน”
“โอ่โห ทักทายได้ศรัทธากูมาก”
“ลู่ลี่ว่ะ” ว่าจบผมก็หันไปสนใจคนอื่นต่อ “ไอ้ไม้ มึงเตรียมพวกป้ายชื่อให้น้องยัง”
“เรียบร้อย อยู่กะไอ้สันขวานเหน่ง”
“เอ่า สนใจกูหน่อย” ไม่ว่าป่าวส่งขาหน้ามาสะกิดแขนผมยิกๆ
“อะระ” ผมว่าแล้วเลิกคิ้วยียวน
“ดาวเดือนคณะปีนี้ มึงเล็งใคร”
“เกี่ยวไรกะผม”
“ก็มึงเป็นแฟนประธานรุ่น เลยอยากถามความคิดเห็น”

ใช่ครับ

ไอ้แต็งค์แฟนผมได้เป็นประธานรุ่น ได้เป็นเพราะโดนบังคับแทนผม สเต็ปเดิม เพราะพวกเพื่อนจัญรี้จัญไรที่มันเสือกเสนอชื่อผมไง แล้วคนอย่างผม.... ก็โยนให้แฟนสุดที่รักไป เหมือนเคย ถามว่ายอมไหม ก็ต้องยอมสิก็รู้ๆกันอยู่ ว่ามันน่ะรักผมจะตาย วาสนาจริงๆ

“น้ำๆ มึงว่าไง”
“ก็น้องรหัสมันไง ไอ้ที่หล่อๆอ่ะ” ไอ้เหน่งที่โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เอ่ยตอบแทน
“ไหวหรอวะ” ไอ้โชคที่เสนอหน้ามาเสือกอีกตัว “ไอ้นี่แม่งดูไม่เอาใครหนักกว่าไอ้แต็งค์อีก”
“จริง” ไอ้ไม้ที่ยืนฟังอยู่นานก็พยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้โชค
“ไม่รู้”
“อ่าว/เอ้า/เอ่า”
“ใครจะประกวดไม่ประกวดกูไม่รู้แล้ว แล้วกูก็จะไม่ไปบังคับใครให้ทำด้วย”



“ซิม” ผมเอ่ยเรียกผู้ชายตัวสูงๆที่นั่งผูกเชือกรองเท้าตัวเองอยู่
“ครับ”
“พี่จะไม่บังคับมึงหรอกนะ” ผมพูดพร้อมมองหน้าน้องรหัสตัวเองอย่างจริงจัง “ถ้ามึงจะไม่ประกวด” น้องมันมองหน้าผมด้วยอารมณ์เฉยชาประมาณว่าพูดเสร็จหรือยัง “แต่มึงก็คิดเอา คนทั้งคณะเค้าฝากความหวังไว้ที่มึง ถ้าเค้าไม่เชื่อในตัวมึงเค้าคงไม่เลือกมึงหรอก”
“ครับ”
“ครับนี่ประกวดหรือไม่ประกวดวะ”
“ทีตัวเองยังไม่ประกวดเองเลย แล้วจะมาบังคับคนอื่น ถนัดจริงเรื่องบังคับคนอื่น” เดินบ่นมาแต่ไกลเลย จะใครล่ะก็แฟนสุดประเสริฐของผมเอง
“เดี๋ยวนี้บ่นยาวๆเป็นด้วย ทึ่งมาก” ว่าแล้วก็เดินมาล็อคคอผมเชิงหยอกล้อ อืม ก็แฟนเค้าหยอกกันอ่ะครับ
“ซิม” ไอ้แต็งค์หันไปพูดน้องรหัสผม “มึงไม่ประกวดก็ไม่มีใครฆ่ามึงหรอก”
“แต่ไอ้พี่เม่นมันฆ่ากูแน่ๆ” ไอ้ไม้ที่โผล่มาเหมือนจุดธูปเรียก โอดครวญอย่าน่าเห็นใจ “ไอ้น้องซิ้มกูไหว้ล่ะ”
“ผมชื่อซิมไม่ใช่ซิ้ม” น้องมันว่าด้วยอารมณ์ที่น่าจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ แต่พอเห็นหน้าไอ้ไม้ก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีคล้ายลืมตัว
“แหะๆ โทดที” ไอ้ไม้มันว่าพร้อมขำกลบเกลื่อนความเด๋อด๋าของตัวเอง “สรุปประกวดไหมอ่ะ”
“ครับ”
“ครับคืออออ”
“ประกวด”
“เหยดดดดด”
“เหลือเชื่อ”

ใช่

กูก็เหลือเชื่อเหมือนมึงเลยไอ้แต็งค์ กูตื้อมาเป็นอาทิตย์ ไอ้ห่าไม้มาตีหน้าเศร้าไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ แลงมากกกก

“วู้หู้วววว ไอ้ไม้มิชชั่นคอมพลีทว่ะ” ไอ้เหน่งที่น่าจะยืนแอบฟังมานาน ย่างขามากอดคอไอ้ไม้ แล้วก็ตามด้วยพวกเพื่อนเวรของพวกเรา
“สวดยอดเพี่ยน” ไอ้เทสม์ที่ตามมายกนิ้วโป้งชื่นชมมันใกล้ๆ พร้อมพากันเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างไม่อายผีสาง
“งั้นกูไม่กวนแล้ว ไปเข้ากิจกรรมเถอะ” ผมพยักหน้าบอกน้องมันให้ไปไกลๆจากไอ้พวกบ้านี่ เดี๋ยวจะติดเชื้อบ้า
“สุดยอดเลยไอ้ไม้”
“มึงคือความหวัง”
“มึงคือพลัง”
“มึงคือที่พึงพาของคณะ”
“มึงไปแอบสักสาริกามารึป่าววะ”
“ไหนๆแลบลิ้นมาดู”
“โอ้ยๆ ไอ้เอ่งอูเอ็บไอ้เอน”
“ห้ะ อะไรนะ”
“มึงๆ ล็อคคอมันไว้กูจะมุดเค้าไปในปากมัน”
“ไอ้อวกเอน”
“คึคึคึ”

และอีกหลายบทสนทนาที่สรรหามาอวยไอ้ไม้รึแกล้งไอ้ไม้มันกันแน่ ผมกับแต็งได้แต่มองหน้ากันแล้วหัวเราะให้กับความวุ่นวายเวิ่นเวอของเพื่อนแต่ละตัว



“น้องๆครับ!!” เสียงเฮดปีสามที่ตะโกนแหกปากแข่งกับเสียงคุยของรุ่นพี่กับรุ่นน้องปีหนึ่ง “น้องเชื่อกันไหมว่าคณะวิศวะของเรานั้นมีตำนาน....” และค่อยๆจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“พี่เม่นมันจะขายชีวประวัติอะไรอีกวะ” ไอ้เหน่งมันยกกระดาษขึ้นปิดปากเพื่อบ่นอุบอิบพี่เม่นให้ผมฟัง
“ที่ใต้ถุนลานคณะเราแห่งนี้...”
“กูจะรู้ไหมเนี่ย” ผมพูดปนหัวเราะไป เพราะตั้งแต่รับน้องมา แกก็มีเรื่องเล่าให้ฟังไม่ซ้ำในแต่ละวันจริงๆ
“เคยมีรุ่นพี่ของเราพบรักกันที่นี่...”

ผมฟังไปก็ส่ายหัวไปเบาๆ

“ที่ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความรักของคนคู่หนึ่ง...”

พอได้ตั้งใจฟังพี่แกพรรณา ก็อดคิดถึงเรื่องของตัวเองไม่ได้ ผมกับแต็งค์เราเริ่มต้นทำความรู้จักกันจากที่ตรงนี้จริงๆ ถ้าเราไม่ได้มาเจอกันที่นี่ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะได้เจอกันที่ไหนได้อีก แล้วจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กันแบบตอนนั้นรึป่าว แล้วจะมีวันนี้กันได้ไหม

ผมหันไปมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเจ้าปั้นแต่ง ร่างสูงและหนากำยำ กำลังย่างกายมาหาอย่างสุขุม และอดที่จะส่งยิ้มให้อย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ใช่แค่ผมที่ได้เจอกับแต็งค์ แต่เป็นผมที่ได้เจอกับเพื่อนๆ พี่ๆ และคนอื่นๆอีกมากมาย ถึงแม้จะผมจะมาเรียนแบบผลุบๆโผล่ๆก็เถอะ

“พี่เม่นน่าจะเล่าเรื่องของเรา” พูดจบก็ยกแขนขึ้นมาคล้องคอไว้หลวมๆ
“รู้ได้ไง” ผมเงยหน้าขึนไปถาม
“ลองฟัง”

“ทั้งสองเริ่มจากการเป็นบัดดี้…” พี่แกก็เล่าต่อไปเหมือนกับว่าได้ซื้อเวลาพักผ่อนของพวกน้องปีหนึงไว้อย่างนั้นแหละ “…จนต่อมาก็บังคับอีกคนให้ไปประกวดเดือนมหาลัยแทน ส่วนอีกคนก็ยอมเค้าไปซะทุกอย่าง จะว่าไป คอยไปรับไปส่งตามประคบประงมกันอยู่นาน คนทั้งคณะก็ลุ้นกันจนเยี่ยวเหนียวว่ามันจะลงกันเมื่อไหร่...”

“เรื่องของเราจริงๆด้วย” พูดจบผมก็เอนหลังไปพิงอกของแฟนตัวเอง

“กว่าจะคบกันได้” พี่แกพูดและหันหน้ามามองทางผมกับไอ้แต็งค์ “กูแดกเหล้าจนตับจะแข็งตายอยู่แล้ว”

จากนั้นก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นยกใหญ่ดังไปทั่วลานคณะ

คงจะมีก็แต่รุ่นน้องที่ไม่รู้ว่านี่คือเรื่องของผมกับแต็งค์ ส่วนพวกที่รู้ก็ส่งทั้งเสียงทั้งสายตาแซวกันใหญ่ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ได้แต่พยักหน้ารับยิ้มๆกับทุกคน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเขินอายจนหนีกลับบ้านไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะอายไปเพื่ออะไร เพราะยังไงผมก็เลือกโฟกัสแค่คนที่ยืนเป็นเสาให้พิงมากกว่าอยู่แล้ว

ก็อย่างที่พี่เม่นแกบอกแหละครับ กว่าจะคบกันได้ เราผ่านเรื่องราวกันมาตั้งเยอะ เกือบจะพลาดโอกาสกันก็หลายหน เพราะฉะนั้นขอแค่มีกันอยู่ในทุกๆวันนี่ก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมแล้ว

“รักแฟนจัง” อะไรที่ทำให้เขามีความสุขผมก็จะทำ เพราะความสุขของเขาก็คือความสุขของผม
“รักมากครับ”

ฟอดดดดด

พร้อมยืนยันคำพูดด้วยการกดหอมที่แก้มของผมเน้นๆ

ฮิ้ววววววววววววว

“โอ้ยตากูจะบอดไหมเนี่ย” เสียงไอ้บิวโอดครวญ
“เบาหวานขึ้นตากูเลย” และก็เสียงพี่เม่น ที่เสือกพูดออกไมค์อีก
“แม่ง ไม่สงสารคนโสดที่หัวใจเหี่ยวๆแบบกูบ้าง” ไอ้ไม้ก็นั่งบ่นอุบอิบไปกับเค้า
“โอ่ยย ทำไมเสื้อมึงเป็นสีชมพูวะไอ้โชค นั่นผมมึงอีก กางเกงก็เป็น”
“มึงตาบอดสีกันรึไง” แล้วก็เป็นไอ้เหน่งที่มารับจบสถานการณ์ทุกที “ไปปล่อยน้อง จะได้กลับ กูหิวข้าว”
“โห่ยไอ้เหน่ง”

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ



“ขอบคุณครับพ่อ”
“เป็นไงบ้าง น้ำใช้งานหนักไหม”
“อ่ะ คุณประณตนี่ลูกนะ”
“ก็ลูกไง” ว่าจบก็ตักหมูสะดุ้งชิ้นใหญ่ให้ลูกชายคนใหม่ทันที “กินเยอะๆจะได้มีแรงไปสู้รบกับน้ำ”
“สู้รบอะระ” ผมว่าตาก็หันไปมองไอ้ตัวนั่งข้างๆที่กลั้นยิ้มอยู่ “เป็นผมที่ยอมตลอด”
“ไอ้แต็งค์น่ะสิยอม”
“เงียบไปเลยพี่น่าน”
“ล่าสุดไอ้แทนบอกผมว่าลูกชายคนเล็กของพ่ออ่ะ ใช้ไอ้แต็งค์ซักผ้า”
“เห้ออออ เวรกรรมของเราแล้วแต็งค์” พ่อพูดพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ
“ผมเต็มใจทำให้ครับ”
“เนี่ยเห็นไหมมีแต่ไอ้แต็งค์ที่ยอม”
“สรุปเป็นพี่ใครกันแน่” ผมเอาส้อมจิ้มแตงกวาแล้วยัดเข้าปากพี่น่านมันทันที แต่นั่งกินข้าวกันมาตั้งนาน ไม่ยักได้ยินเสียงกวนประสาทของพี่นนท์มัน อ๋อ ก็นั่งยิ้มระรื่นจิ้มๆกดๆโทรศัพท์อยู่นี่ไง ผมเลยหันไปสบตาพี่น่านพร้อมโจมตีเป้าหมาย
“ไอ้นนท์”
“พี่นนท์”
“ไอ้นนท์!!” พี่มันสะดุ้งเล็กน้อย ตาละจากโทรศัพท์ มามองผมสองพี่น้อง
“ไร”
“กินข้าว”
“กินอยู่”
“กินไร กูเห็นมึงจิ้มๆ แต่โทรศัพท์”
“ยุ่งน่า” พี่น่านมันเลยจัดการจิ้มแตงกวาที่ชิ้นใหญ่มาก ยัดเข้าปากพี่นนท์มันทันที
“อุก พ่ออออ”
“ขี้ฟ้อง”
“ขี้ฟ้องหรอ มานี่” พี่นนท์มันพูดจบมันก็เริ่มทำสงครามขนาดย่อมกับผมด้วยการแบกผมไปทิ้งกลางสนามห่างจากตรงที่กินข้าวนิดนึง
“พี่น่านนนนน” ผมร้องเรียกพี่ชายอีกคนให้มาช่วย
“มึงแกล้งน้อง” ทำเหมือนจะมาช่วยผม

แต่ความจริงคือมาช่วยกันแกล้งผมมากกว่าจนผมต้องวิ่งหนีไปที่ก๊อกน้ำแล้วคว้าสายยางเปิดน้ำไล้ฉีดพวกพี่มันสองคนทันที เปียก เละเทะกันไปหมด แต่ก็สนุกนะครับที่ได้อยู่ด้วยพร้อมหน้าแบบนี้ ส่วนพ่อกับแต็งค์ก็นั่งกินข้าวกันไปพากันหัวเราะเราสามคนพี่น้องไป และนี่คงเป็นวันแห่งความสุขอีกวันของผม



“ชนนนนนนนน”
“ชนจ้า”
“ชนกันเปิดมาปีกว่าแล้วว่ะ”
“เออ กูภาวนาว่าอย่าให้เจ๊เล้งเทคโอเวอร์ทุกวัน”
“ไอ้แทน ไอ้เวร”
“มาๆแดกๆ ไอ้แต็งค์ ไอ้น้ำ โชนนนนนนน”
“กูยังไม่เมา กูยังไม่กลับ”

เฮ้ววววววววววววว

นี่ก็เป็นอีกสถานที่แห่งความทรงจำหนึ่งปีที่ผ่านมาของเราเหมือนกัน มาเมาอ้วกเหมือนหมาที่นี่ก็บ่อย มาหลอกกินเหล้าฟรีจากพี่น่านพี่แทนก็บ่อย คิดย้อนไปก็ตลกนะครับ เละเทะเป็นหมาให้เจ้าของร้านไปส่งแทบทุกรอบ และอีกหนึ่งความทรงจำที่สำคัญคงเป็น ผมกับแต็งค์...เราคบกันเป็นแฟนที่นี่



“แต็งค์ ซักผ้าให้หน่อยนะ หาววว”
“ครับ”

“แต็งค์ หิวข้าวแล้ว”
“เดี๋ยวทำให้”

“แต็งค์!! ยาสีฟันหมดอ่ะ”
“อยู่ในตู้ข้างอ่างล้างหน้า”

“แต็งค์ แปบซี่ไม่มีแล้ว”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อมาเติมให้ครับ”

“แต็งค์... หนาว”
“มากอด”



“ไอ้โชค ไอ้หอกหัก”
“โอ้ย ไอ้ไม้”
“แม่งตีกันทุกวัน”



“ไอ้เหน่งไปแดกข้าว”



“ไอ้แคมป์กูจะตายแล้วติวกูให้กูฉลาดที”
“ไอ้ควายเทมส์ ตอนเรียนมึงเสือกเหม่อ”



“ไอ้บิว คืนนี้แดกเหล้า”
“จัดไปเพื่อนเหน่ง”



“ไอ้อาร์ท ไอ้โต้งไปซ้อมบอล”
“โหยยย ไอ้แต็งค์มึงไปฟิตมาจากไหน เมียไล่ออกจากคอนโดรึไง”
“สัด”



“พี่นนท์พี่ ได้ข่าวว่าฝึกงานหนักเลย”
“เออพี่น่านแม่งใช้กูเป็นทาสเลย”
“เวรก๊ามมมมมม”



“อะไรอีกพี่เม่น”
“กูคิดถุง เลยมาชวนแดกข้าว”
“เมียผม”



“พี่เป็ก พี่แพท หวัดดีพี่”
“สบายดีป่าววะ”
“ดีพี่”



“ไอ้น้ำๆ หมูทะ”
“เดี๋ยวชวนแต็งค์ก่อน”
“ไปๆ”
“ตัวติดกันเป็นแฝดเลยมึง”



และเรื่องราวอีกมากมายในช่วงวัยมหาลัยของพวกเรา มีทั้งสนุก มีทั้งตรึงเครียด หัวเราะบ้าง เครียดบ้าง เศร้าบ้าง แต่เราก็ผ่านกันมาได้ อาจจะดีบ้าง ทุลักทุเลบ้าง แต่ก็สนุกดีครับ

ผมที่ตอนมัธยมเคยเฝ้าถามหาชีวิตมหาลัยทุกวี่ทุกวัน พอเอาเข้าจริงก็แทบจะลากเลือด แต่จะว่าไปช่วงวัยนี้มันก็ทำให้เราเติบโตขึ้นไปก้าวนึงนะครับ ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่อะไรมากมายหรอก แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นวัยผู้ใหญ่เหมือนกัน ได้ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกการเข้าสังคม และอีกหลายๆอย่าง ส่วนผมแถมให้อีกหนึ่งอย่างคือได้แฟนมาคนนึง....

“ยังไม่นอน” ผมหันไปยิ้มแทนคำตอบให้กับคนที่กำลังเดินเข้ามาสวมกอดกันจากด้านหลัง ภาพวิวยามค่ำคืนที่ประกอบไปด้วยแสงไฟจากท้องถนนและตึกรามบ้านช่อง กระแสลมเอื่อยๆที่พัดมากระทบผิวของผมและคนรักที่กำลังชื่นชมอยู่ริมระเบียงคอนโดนั้น ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย “เครียดอะไรรึป่าว”
“ป่าว” ผมหันไปมองหน้าแต็งค์อีกครั้ง “แค่คิดอะไรเพลินๆ” เจ้าตัวที่กำลังวอแวอยู่แถวหัวไหล่ผมก็เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วใส่ด้วยความฉงน
“หืม”
“คิคิ” ผมหัวเราะให้กับใบหน้าประหลาดๆที่นานๆจะได้เห็นเจ้าตัวทำ แต็งค์มักจะทำใบหน้าแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่งุนงงกับอะไรซักอย่าง “กำลังคิดว่า...” ผมยื่นมาไปจับใบหน้าของแต็งค์ให้เคลื่อนมาอยู่ใกล้ๆหน้าผม “ตัวเองโชคดีจัง ที่มีแฟนหล่อขนาดนี้ ทำงานบ้านก็เก่ง ทำอาหารก็อร่อย”

จุ้บ

ผมกดจุ้บไวๆตรงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

“เดี๋ยวนี้อ้อนเก่ง”
“ก็อยากให้รัก ให้หลงมากๆไง”
“นี่ก็หลงจะตายอยู่แล้ว”
“ไม่ ต้องหลงอีกเยอะๆ”
“หึหึ เยอะๆ เลยเหรอ”

ฟอดดดด

พูดพร้อมกดหอมที่แก้มผมแรงๆ

“ขอบคุณนะแต็งค์ ขอบคุณที่ทำให้ทุกวันเป็นวันดีๆ อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดเลย”
“ครับ เราจะเป็นกันแบบนี้ไปทุกวัน มันจะไม่มีวันสิ้นสุด”
“รักนะ”
“รักน้ำ”

จบประโยคคำพูดก็ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดอีก นอกจากมองหน้าแล้วส่งยิ้มให้กัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างมอบจูบอันแสนหวานชื่นเป็นดั่งคำสัญญาว่า เขาทั้งสองจะรัก จะดูแล และคอยเติมเต็มกันและกันไปแบบนี้ในทุกวัน ตราบจนวันสุดท้ายที่ยังหายใจอยู่…..

ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน

ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น

จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ
เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ

เธอไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด
เธอไม่ใช่คนที่ฉันฝัน
แต่เธอเป็นมากกว่านั้น
เธอคือคนที่ฉันรัก

ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย
เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน

แต่ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น

จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
ฉันเองก็ไม่เคยเข้าใจ

ถามว่าชอบเธอไหม
สบตาแล้วถูกใจไหม
ก็ตอบว่าใช่เป็นอย่างนั้น

จะเป็นลิขิตจากฟ้า หรือว่าปาฏิหารย์
อะไรยังไงก็คงไม่สำคัญ

เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ

เท่ากับวันนี้ฉันมีเธอ

และจะขอมีเธอ อยู่อย่างนี้


(เพลง วันนี้...ฉันมีเธอ โดย  สุเมธแอนด์เดอะปั๋ง)



ขอให้ทุกวันของเราเป็นวันที่ดี แม้วันนั้นท้องฟ้าจะไม่สดใส มีแต่ก้อนเมฆมืดมิดขมุกขมัวก็ตาม ขอให้คนในครอบครัวของเราสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใส อยู่ทานข้าวเย็นสุดสัปดาห์ด้วยกันไปนานๆ ขอให้เพื่อนพ้องของเรายังคงมีรอยยิ้ม ยังคงหัวเราะได้ ในวันที่เจอเรื่องแย่ๆ จนอยากจะร้องไห้ และสุดท้ายนี้ ขอให้ทุกมิตรภาพในทุกช่วงวัยของเรายังอยู่เป็นภาพความทรงจำที่แสนจะพิเศษตลอดไป



ขอบคุณที่วันนี้...ฉันมีเธอ

- End -



โดย  อีช้อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2024 18:50:46 โดย Namm12141 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด