2
คนใจดี
แม่ง...ญี่ปุ่นก็ญี่ปุ่นเถอะ
จะปิดทำการก็ไม่แจ้งในเว็บไซต์บ้างเลย แพลนล่มไปเกือบครึ่ง
สุดท้ายต้องมานั่งแกร่วอยู่ริมชายหาดคนเดียว
เหงาคูณสิบไปอีก
“ลางไม่ดีเลยว่ะ ตอนเย็นโดนเทแน่นอน” พึมพำกับตัวเอง...อีกแล้ว
ในมือยังคงถือกล้องเก็บบรรยากาศตรงหน้า
ทะเลไม่ได้สวยมาก แต่มันก็ดีที่ได้มาเห็นทะเลที่อื่นบ้าง
- คุณคอนเฟิร์มนัดวันนี้รึเปล่า - เพราะไม่อยากรอเก้อ ต้องทักไปถามก่อน โดนเทจะได้วางแผนไปที่อื่น
- ครับ ผมจะเลิกงานประมาณหกโมง เราเจอกันหกครึ่งได้มั้ย – เยสสส!! ไม่เทเว้ย ในที่สุดวันนี้ก็จะมีเพื่อนกินข้าวด้วยสักที
- ครับ –
- คุณรอที่สถานีรถไฟนะ เดี๋ยวผมไปรับ –
- ดีล!! –
6.30 pm.
เชี่ย... ตื่นเต้น
สกิลภาษาอังกฤษกูไหวพอจะคุยกับเขาป่ะวะ
แม่งจะหล่อจริงแบบในรูปป่ะวะ
แล้วนี่กูหน้าตรงปกป่ะวะ... เดี๋ยวแม่งไม่รู้ว่าเป็นกูอีก
- ผมใส่เสื้อยืดสีน้ำเงิน ยืนรอหน้าแฟมมิลี่มาร์ทนะ – กันไว้ก่อนละกัน
- รถสีขาว –
แล้วสายตาก็จ้องรถสีขาวทุกคันที่ขับผ่าน ใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
แค่กินข้าว เจอเพื่อนใหม่ ไอ้สัส อย่าตื่นเต้น
เปิดประสบการณ์ใหม่เหมือนมึงมาเที่ยวคนเดียวครั้งแรกแหละ
และแล้ว... รถสีขาวคันหนึ่งก็ขับมาจอดฝั่งตรงข้าม กระจกรถเลื่อนลง...
ปรากฏผู้ชายที่แทบจะถอดออกมาจากภาพถ่ายในแอพ
แถมแม่งยัง...ดูดีกว่ามาก
นี่มันสไตล์หนุ่มญี่ปุ่นแท้ๆ ที่กูชอบเลยนี่หว่า
“ฮาย~~~” เสียงทักทายดังขึ้นทันทีที่ขึ้นรถคนแปลกหน้า
แล้วก็โดน...ดึงไปกอด
สไตล์ฝรั่งแท้เลยมึง เอเชียนเค้าไม่ทักทายกันแบบนี้
“สวัสดี ยินดีที่ได้เจอครับ” ตอบกลับไปด้วยใจสั่นๆ
“เป็นไงบ้างครับ หิวมั้ย” สำเนียงดีด้วย อเมริกันโคตร
“ไม่เท่าไรครับ ที่ทำงานอยู่แถวนี้เหรอ”
“ช่าย ขับรถแค่สิบนาที แต่เมืองนี้ก็แคบมากนะ เมืองเล็กๆ ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมคุณเลือกมาที่นี่”
“ผมไปทั่วคิวชูเหนือล่ะ หนึ่งวันหนึ่งเมือง”
“อ้อ แล้วเที่ยวมากี่วันแล้วล่ะ”
“วันนี้ก็วันที่ห้าแล้วครับ” ดีจังโว้ย บทสนทนาลื่นไหล...ไม่ติดขัด
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”
“เอาที่คุณอยากแนะนำเลย”
“งั้นขอเป็นอิตาเลียนละกัน พิซซ่า พาสต้า ได้มั้ย”
ไอ้สัส มาญี่ปุ่นให้กูกินพิซซ่า ได้ก็ได้ครับ...ขัดได้ด้วยเหรอ
แต่ความหงุดหงิดใจก็หายวับไปเมื่อรถสีขาวขับขึ้นมาถึงร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูบนยอดเขาที่หนึ่ง
เสียดาย...ไม่ได้เห็นวิวข้างทางเพราะมืดมาก
แล้วก็คุยเพลินมาก
“ร้านสวยมาก”
“ดีใจที่ชอบครับ อาหารก็อร่อยนะ ลองดูเมนูก่อนสิ” ญี่ปุ่นล้วนๆ เลยพ่อเอ้ยยย ต้องเปิดกูเกิลทรานสเลทมั้ย
“คุณสั่งเลยครับ ผมอ่านไม่ออก ฮ่าๆ”
“เขาน่าจะมีเมนูภาษาอังกฤษนะ คุณอยากได้มั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ คุณสั่งเลยละกัน ผมทานได้หมด” จริงๆ กูหิว กูไม่ได้กินอะไรดีๆ มาหลายวันแล้วด้วย
คนตรงหน้าพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปสั่งอาหารเป็นภาษาบ้านเกิด
เชี่ย...สำเนียงภาษาอังกฤษว่าดีแล้ว พอเจอเวลาพูดภาษาญี่ปุ่นเข้าไป...กูตายเลย
เออ นี่เป็นติ่งญี่ปุ่นของจริง ดูหนังญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นจะมาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหรอ
ไม่นานนัก อาหารจานใหญ่ก็มาวางอยู่ตรงหน้า ตกแต่งสวยงาม พลางคิดวนในหัวว่า...กูจะมีตังจ่ายมั้ยวะ
เขาอุตส่าห์พามา ก็ต้องเลี้ยงมั้ยอ่ะ หรือยังไง? ไม่เคยทำไรแบบนี้อ่ะ
“เป็นไงบ้าง ทริปวันนี้”
“ล่มครับ ตอนแรกแพลนว่าจะไปออนเซนXXX แต่ดันปิดปรับปรุง ก็เลยได้ไปเดินเล่นแถวโฮสเทลแทน”
“ฮะๆ ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวเลยใช่มั้ยล่ะ”
“แค่ได้มาเห็นบ้านเมืองก็ดีแล้วนะ”
“งั้นหลังจากทานข้าวเสร็จให้ผมพาไปดูวิวเมืองนี้เอามั้ย”
“ได้เหรอ!! ทำไมคุณใจดีจัง”
“ผมว่างน่ะ แล้วนี่มันก็ฟรายเดย์ไนท์” พูดจบก็ยิ้มหล่อให้หนึ่งที
อกจะแตกครับ
สุดท้ายไอ้คนหล่อใจดีก็อาสาจ่ายทั้งหมด แถมยังขับรถพามาเที่ยวต่อ...
ในที่ๆ ...ถ้ามาเองไม่น่าจะถึง
มันแทบจะเป็นที่เที่ยวแบบโลคอล หาไม่เจอในเว็บไซต์ไหนๆ เลยนะเนี่ย
“สวยมั้ย คนที่นี่ชอบขึ้นมาดูวิวกัน”
ไม่รู้หรอกว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ถ้าโดนทิ้งเอาไว้กูกลับไม่ได้ชัวร์
มันเหมือนเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาสักที่ ด้วยความมืดมิด พอมองลงไปจะเจอแสงไฟของเมืองทั้งเมืองส่องสว่าง และจุดเด่นของเมืองนี้คือจะมองเห็นควันลอยขึ้นมาเป็นจุดๆ
เปล่าครับ...ไม่ได้ไฟไหม้ มันมาจากบ่อน้ำพุร้อน
“สวยมาก หนาวด้วย” อยู่ๆ ก็เกิดรอยยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อดวงตาจ้องมองไปยังแสงไฟตรงหน้า
อากาศดี วิวสวย ทำไมโชคดีจังวะ
“ชอบคุณยิ้มนะ คุณยิ้มแล้วน่ารักดี”
ชิบหาย มาชมอะไรกูตอนนี้เนี่ย
ยิ้มค้าง หันไปมอง ไอ้หน้าหล่อนั้นก็ยิ้มตอบ
“คนที่นี่ขึ้นมากันบ่อยเหรอ” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า มองไปรอบๆ ก็มีคนอื่นขึ้นมายืนดูวิวเหมือนกัน แต่ไม่ได้เยอะมากแบบต้องแย่งพื้นที่กันดู
“อืม ถ้าวันที่อากาศดี ไม่หนาวมาก ไม่มีหมอกลงน่ะ”
“สวยมากเลย เหมาะกับการพาคนมาเดทนะเนี่ย”
“ผมก็พาคุณมาเดทอยู่นี่ไง...”
วอททท!!! เอาจริงดิ!!
“ป่ะ ผมจะพาไปอีกที่หนึ่ง”
อีกที่ๆ ว่าก็คือการมาเดินเล่นริมทะเลอีกฝั่งหนึ่งของเมือง
การนั่งรถข้ามฝั่งเมืองมาเมื่อกี้แทบจะเป็นคนละฟีลจากตอนแรก
ก็แม่ง...แค่ชอบที่หน้ามันหล่อ มันดันป้อนคำหวานใส่กูซะงั้น
แถมใจดีชิบหายอีก
นั่งรถไม่นานมาก แต่กูเกร็งมาก
“เดินเล่นกัน”
ใช่...มันเป็นสถานที่เดินเล่นริมทะเล แต่ไม่ต้องลงไปบนหาดทราย ลมพัดพาความเย็นเข้าหาตัว คนที่มาจากบ้านเมืองร้อนๆ ก็สั่นไปดิ
“มีสถานที่เที่ยวดีๆ เยอะนะเมืองนี้ ถ้าคุณไม่พามาผมก็คงมาเองไม่ได้”
“ถ้าคุณมาอยู่ประจำก็คงเบื่อ วันๆ ทำงานแล้วก็กลับบ้าน”
“แล้วเมืองนี้เป็นบ้านเกิดคุณเหรอ ทำไมถึงมาทำงานที่นี่”
“ผมเรียนจบที่นี่น่ะ ยังต้องช่วยงานมหาลัยอีกสักพักถึงย้ายกลับโตเกียวได้”
เหงาเหมือนกันสินะ...ความเหงาที่แตกต่าง
“ขอบคุณที่พาชมเมืองนะ”
คนฟังส่งรอยยิ้มละลายใจมาให้อีกครั้ง บรรยากาศเงียบงัน ผู้คนบางตา มีเพียงเสียงคลื่นลมทะเล
ร่างสูงเดินไปนั่งตรงม้านั่งแล้วตบปุลงที่ข้างๆ ตัว
“มานั่งด้วยกันสิ”
เดินไปตามอย่างว่าง่าย
“ช่วยหันมาทางนี้หน่อยได้มั้ย”
หันตามอย่างไม่สงสัย
“จุ๊บ”
เหี้ย!!
อะไรกับครับเนี่ยยยยยย!!!
“อื้มมมมมม!” ไม่ใช่เสียงประท้วง แต่เป็นเสียงครางตอบรับเมื่ออีกคนลงจูบหนักขึ้น
ร่างลอยหวิวเข้าสู่ตักกว้างจากการโดนแขนแกร่งโอบอุ้มและกอดรัด
สมองขาวโพลน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
กูอยู่ที่ไหน กูทำอะไรอยู่ เกิดอะไรขึ้น
“ชอบมั้ย”
“ฮ....ฮะ!!”
ฮะ...ที่ไม่ใช่คำตอบรับ แต่แทบไม่ได้จับใจฟังด้วยซ้ำว่าพูดอะไร
“ผมชอบกลิ่นคุณจัง” จมูกขาวโด่งซุกลงตรงลำคอที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกลม ขนลุกทันทีที่ได้ยินเสียงสูดดมอยู่ใกล้ๆ ใบหู
“ผมก็ชอบกลิ่นคุณ” กูพูดอะไรออกไปวะเนี่ยยย! เขินอาย ซุกหน้าลงตรงลาดไหล่อีกคน
“จูบตรงนั้นได้นะ” เหมือนโดนสะกดให้ทำตามอย่างว่าง่าย
“อืมมมมม!” เสียงครางอย่างพอใจทำให้ความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นมา
จนต้องแลบลิ้นเลียเป็นของแถม
“คุณ! ดีมาก อืม” โดนประกบจูบอีกครั้ง แนบแน่นกว่าเดิม แถมยังรุกล้ำมากขึ้นจนเกิดเสียงน่าอาย
ลืมไปหมดแล้วว่าตรงนี้เป็นที่สาธารณะ ในประเทศที่ห่างไกลจากบ้านเกิดกว่าสามพันกิโลเมตร และกับใครก็ไม่รู้ที่แทบจะเรียกว่าคนแปลกหน้า...
บางทีคนเราก็ลืมใช้สมองในบางเหตุการณ์
“Kiss me more...” ยั่วเย้าไม่หยุด รอยจูบเคลื่อนไปทั่วใบหน้า มือหนาก็ซนตามไม่แพ้กัน
เชี่ย!
สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกโดนสะกิดตรงตุ่มไตภายใต้เสื้อยืดเนื้อเบา มือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือใหญ่
จะปล้ำกูที่นี่เลยเรอะ!
“ไม่ได้เหรอ”
“...ไม่เคย”
...
“โอ้ ขอโทษครับ ผมคิดว่าคุณ...เคย” อีกคนสีหน้าเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิดทันทีที่ได้ยิน “แต่คุณอายุ 25 แล้วใช่มั้ย”
“อืม...แต่...”
“ซอรี่ ปกติคนที่นี่ทำกันตั้งแต่เป็นวัยรุ่นน่ะ ผมไม่รู้จริงๆ” สองแขนเปลี่ยนมาโอบรอบตัวอย่างหลวมๆ ยังไม่ได้ปล่อยให้ลงจากตัก
นี่สินะที่เรียกว่าคัลเจอร์ช๊อค
ช๊อคจริงกู
สมองกูนี่เหมือนถูกเอาเข้าเครื่องปั่นเบอร์แรงสุด มึนไปหมด
จนต้องกลับมาคิดว่า แล้วที่กูซิงอยู่นี่เพราะอะไรวะ
แค่อยากให้ครั้งแรกเป็นอะไรที่...พิเศษ
แค่นั้นเลย
“แล้วคุณมีอะไรกับคนแปลกหน้าบ่อยเหรอ”
“ไม่เคยเลย”
“อ้าว แล้วผมไม่ใช่คนแปลกหน้าเหรอ”
“ไม่รู้สิ... ตอนเห็นคุณยิ้มผมก็ชอบคุณแล้ว ก็เลยอยากทำอะไรด้วย มันน่าจะเป็นเรื่องปกติใช่มั้ย”
ปกติ...เหรอวะ
“คุณไม่ชอบผมบ้างเหรอ” เสียงอ้อนเลยมึง “ผมไม่บังคับคุณนะ แต่ถ้าคุณสนใจผมจะทำให้มันดี”
ไม่มีการแตะต้อง รุกล้ำ หรือลวนลามเหมือนในนาทีแรก
แต่แค่คำพูดก็ทำให้คล้อยตาม
มันจะมีโอกาสไหนที่ทำให้ ‘ครั้งแรก’ มันพิเศษกว่าตอนนี้อีกวะ
“ผมตกลง”