ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก  (อ่าน 3134 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“ร้ายสุดๆ ร้ายเกินไปแล้ว” ผมพูดเสียงสั่น สั่นเพราะโกรธมาก
“แล้วแม่งก็จัดแจงทุกอย่างเลย ทั้งเรื่องโทรศัพท์แล้วก็อะไรต่างๆ แถมยังแยกกูกับมึงแบบไม่ให้เจอกันได้เลย ไปจ้างเด็กแถวบ้านเราให้ดูกูอีกเนี่ย!” มันพูดอย่างเครียดๆ
“แล้วพี่อ๊อฟจะทำยังไง รูปกับคลิปนั่น ไล่ออกสถานเดียวเลยนะเว้ย!” ผมพูดอย่างเป็นห่วงมัน เรื่องใหญ่อยู่นะ
“ก็เนี่ยแหละ กูถึงได้ขอเวลามึง มันยากตรงที่กูไม่รู้ว่ามันเซฟไว้ในไหนบ้าง อีกอย่างที่กูก็ไม่อยากให้มึงยุ่งก็กลัวมึงจะซวยไปด้วย เพราะมึงยิ่งใจร้อนอยู่ด้วย” ผมว่ามันก็จริง
“ขะ....เข้าใจแล้วพี่อ๊อฟ” คิดแล้วก็รู้สึกผิด “แล้วคืนนั้นเพื่อนพี่อ๊อฟไม่อยู่เหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
“ไอนี่แหละเป็นคนถ่ายคลิปกับรูป มันโดนขู่เหมือนกัน” มันพูดอย่างหงุดหงิด
ผมเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว ยัยอิงฟ้ามันร้ายลึกนักนะ คอยดูเถอะผมจะเอาคืนให้มันอับอายจนไม่มีหน้าให้เดินในโรงเรียนเลย......
“พี่อ๊อฟ อย่าเครียดนะรู้เปล่า” ผมบอกมันอย่างเป็นห่วง
“ตอนแรกเครียดมาก กลัวมึงไม่เข้าใจ แต่พอมึงเข้าใจก็โอเค” มันพูดอย่างกังวล
“พี่อ๊อฟก็ทำตัวปกติไปนะ กลับไปผมจะไปช่วยเคลียล์เอง” ผมพูดแบบจริงจัง
“ไม่ได้นะ! กูไม่อยากให้มึงมีปัญหา!”
“พี่อ๊อฟพูดเหมือนไม่รู้จักผมเลยนะ ผมเอาตัวรอดได้อยุ่แล้ว อีกอย่างพี่อ๊อฟตามไม่ทันมันหรอก ต้องงูเห่าเหมือนกันสิมันถึงจะสู้กันได้!” ผมกัดฟันพูดอย่างแค้นเคือง
“กูรู้ว่ามึงทำได้นะนท แต่กูกลัวป๊าจะไม่ไว้ใจกู” มันดูกังวลมากเลยสินะ
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ทุกคนจะเข้าใจพี่อ๊อฟโดยเฉพาะผม และทำอย่างที่บอกทำตัวปกติไป ผมกลับไปจะไปช่วย” พูดอย่างใจเย็น ตอนนี้ก็ทำให้อิงฟ้ามันหลงระเริงจนตายใจไปก่อนแล้วกัน และหลังจากนั้นจะตีมันให้หัวแบะเลย อีงูเห่าฝึกหัด!
“กะ...ก็ได้ แต่ถ้ามันทำให้มึงเดือดร้อนกูไม่ให้มึงทำนะนท” มันพูดเสียงกังวลมาก
“อย่าได้กลัว ถึงจะเดือดร้อนก็เพื่อพี่อ๊อฟนะ” ผมเสียงหวาน
“มึงแม่งเป็นสะแบบนี้ จะไม่ให้กูรักได้ยังไง” ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
“อื้ม! อย่าเครียดล่ะ ทำตามที่บอกนะ ทำตัวปกติไปไม่ต้องพยายามอะไรแล้ว เพราะต่อจากนี้นทจะจัดการเอง” ผมพูดอย่างจริงจัง
“อืมๆ”
จริงๆก็ยังไม่รู้วิธี ก็เอาไว้ก่อน ค่อยคิดๆไป คุยกันไปสักพักก็วางไปเพราะยัยอิงฟ้าโทรตามแฟนชาวบ้านแล้ว น่าตบจริงๆ เรื่องนี้ค่อนข้างยากนะ เพราะดูเหมือนมันจะคิดไว้หมดแล้ว ถ้าผมไปยุ่งมันก็จะโทษผม ถ้าพี่อ๊อฟไม่ทำตามมันมันก็จะแฉพร้อมบอกว่าผมบังคับอีก อีนี่มันดักไว้หมด เก่งนักนะเป็นผมไม่กล้าทำนะวิธีนี้ เฮ้อ!
ไอสิงโตก็คุยกับใครไม่รู้ในบ้านเสียงดังเชียว ผมก็เดินเข้าไปหา มีผู้ชายน่าจะรุ่นพี่มั้ง 2 คนหน้าเหมือนกันด้วย แล้วก็น้ามันกับสิงโต พอไอสิงโตเห็นผมก็แนะนำนิดหน่อย แล้วก็นั่งคุยกัน ผู้ชาย 2 คนนี้ อยู่ม.5กันทั้งสองเป็นฝาแฝด หน้าตาดีเชียว เป็นลูกพี่ลูกน้องไอสิงโต ชื่อดิน กับ ไฟ เขาก็ดูพูดสนุกดี ไม่ได้ทำให้ผมเกร็งแต่อย่างใด.....
“คุยกับใครตั้งนานวะ กูไปตามมึง 2 รอบแหนะเห็นว่าคุยอยู่เลยไม่อยากกวน” สิงโตหันมาถามกับผม
“กะ...ก็พี่โน๊ต บ่นยาวเลย” ผมพูดมันก็พยักหน้าเข้าใจ
เราก็คุยกันไป สักพักก็ไปห้องพักก็เอาของเข้าไปเก็บ นี่ยังไม่เที่ยงเลย แล้วก็หิวมากด้วย ก็คือมัวแต่โม้กัน....
“เออมึงกูหิวแล้ววะ ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”  อยู่ๆไอสิงโตก็พูดขึ้น
“เพิ่งรู้เหรอ” ผมพูดประชดมัน จริงๆจะพูดตั้งแต่นั่งคุยกันแล้วแต่เกรงใจ
แล้วมันก็พาผมลงไปหาอะไรกิน ก็มีแม่บ้านทำให้ก็นั่งกินกันไป กินไปเยอะเลย เพราะหิวมาก และเสียพลังงานไปเยอะ ตั้งแต่เมื่อคืน กินจนจุก....
“พี่ดินกับพี่ไฟไปด้วยนะ” อยู่ๆไอสิงโตก็พูดขึ้นมา
“ไปไหน?” ผมมองอย่างสงสัย
“งานการ์ตูน แล้วก็อย่าได้คิดไปเหล่ใครละ เมื่อกี้กูเห็นนะมองพี่ดินกับพี่ไฟตาเป็นมันเลย” มันพูดแบบจริงจังมาก
“กูแค่กำลังแยก ว่าคนไหนพี่ดินคนไหนพี่ไฟ เหมือนกันอย่างนั้นกูก็คุยลำบากนะ” ผมพูดแบบนิ่งๆ ก็มันจริงนะ แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยทั้งหน้าตาและนิสัย
“เอาน่าเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
ผมก็คุยกับมันนิดหน่อยพอกินเสร็จเรียบร้อยก็ไปนอนเล่น กินแล้วก็นอน55 เราจะไปงานช่วงบ่ายๆหน่อย ไอสิงโตบอกไปช่วงนี้คนเยอะขี้เกียจไปต่อแถว ผมก็แล้วแต่ ไม่ได้อยากได้อะไรพิเศษอยู่แล้ว พอถึงเวลาไปก็ไปกัน ไปเอ่อเอิ่ม!.....
“จริงๆเรานั่งรถไปกันเองก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องเอารถไปหรอก” ผมกระซิบบอกไอสิงโต
“พี่ดินกับพี่ไฟเขาไม่ชอบนั่งรถโดยสารแบบนั้น” มันกระซิบผมก็พยักหน้า ดูก็รู้คุณชายสุดๆ ตระกูลนี้ ดงผู้ดีแล้ว1
ก็พากันไป ก็คุยกันไปผมก็นั่งดูจำไม่ได้สักทีคนไหนดิคนไหนไฟก็จ้องพวกพี่เขาแบบนั้นแหละ หาจุดสังเกตุ และก็เจอ พี่ไฟจะมีไฝตรงติ่งหู พี่ดินไม่มีแค่นี้เอง จะคุยกับใครก็มองหูแล้วกัน อ้ออีกอย่างคงเสื้อผ้าคนละสีสินะ ผมก็คุยไป มันก็ได้ผลจริงๆ พอไปถึงคนก็ยังเยอะอยู่ดี อะไรก็ไม่รู้ เราก็พากันเดินไปทางคนที่มีตั๋ว วีไอพี? ก็เข้าได้เลยไม่ต้องต่อแถว พอเข้าไปไอสิงโตก็เริ่มแล้ว......
“นทจับมือ” มันยื่นมือมาให้ผม “คนเยอะนทเดี๋ยวหลง!” มันทำเสียงดุอีกนะ ผมก็ยื่นๆให้มันจับไป
“มึงไม่อายเหรอวะ?” ผมหันไปถามมัน
“ไม่อาย ถึงมึงอายมึงก็ต้องทนแล้ว” มันยักคิ้วกวนตีนอีก จริงๆผมไม่ได้อายนะ กลัวมันอายนั่นแหละ แต่ถ้ามันคิดแบบนี้ก็แล้วแต่มันไป
“มึงจะมาซื้ออะไรวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
เพราะงานนี่มีแต่โมเดลและฟิกเกอร์แล้วก็เกมส์ คอสเพลย์ก็เยอะ ผมไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ก็ดูได้ ผมชอบอ่านหนังสือการ์ตูนกับนิยายแปลมากกว่า พวกนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่......
“โมเดลไง ขาดอีกไม่กี่ตัวก็ครบเซ็ทแล้ว” มันยิ้มอย่างดีใจ
“มึงกูว่ามือกูลื่นเพราะเหงื่อมือออกแล้ว” ผมบอกมันอย่างเกรงใจ
“อื้ม” มันหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดในมือให้ผม ผมก็มองแบบอึ้งๆ “มีอะไรก็บอกกูพร้อมทำให้” ยิ้ม ไอนี่มันจะดีเกินไปแล้ว พร้อมตลอดเวลาเลย
ผมก็เดินไป พี่ดินกับพี่ไฟก็เดินนำหน้า....
“มีอะไรที่เป็นของฝากได้ไหมนะ? เอาไปฝากเพื่อนๆหน่อย เดี๋ยวพวกมันจะงอนกัน” ผมพูดอย่างไม่จริงจัง แล้วก็หันซ้ายขวามองดูร้านต่างๆ
“ได้ พวงกุญแจฟิกเกอร์ไหม แบบนั้นอะ” ชี้ให้ผมดูเป็นการ์ตูโจรสลัดชื่อดัง แต่..
“เอิ่ม! ตัวแค่นั้นตัวละ220แล้วนะมึงแพงไปไหน” ของฝากแพงขนาดนั้นไม่ไหว ตัวละ220เพื่อน10คน จนกันพอดี มันไม่สมเหตุสมผล ตัวนึงเท่านิ้วโป้ง จะแพงอะไร ถ้าเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ก็ว่าไปอย่าง
“อยากได้กี่ตัวไปหยิบ” มันดึงผมเข้าร้าน ผมละหน่ายจริงๆมากับเสี่ยเนี่ย
“เออแปปๆขอโทรหาเพื่อนๆก่อน” ต้องถามพวกมันก่อน ว่าชอบอะไรจะได้ซื้อไปถูก ซื้อคละไปเดี๋ยวไปตีกันอีก “เออมึงก็โทรถามพวกไอโค้กด้วย” มันก็พยักหน้าแล้วก็ปล่อยมือจากผมไปเอาโทรศัพท์ขึ้นมากด
ผมกับไอสิงโตก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆไปด้วยพอพวกมันแต่ละคนรู้นะ ทั้งบ่นทั้งด่าเพราะพวกมันก็อยากมากัน ผมก็แถไปทั่ว แล้วเลือกตัวที่มันอยากได้ไปด้วย ไอห่ามินเรื่องเยอะอีกนะจะเอากบเคโรโระ เอาจริงก็ต้องไปเดินวน มันหมดยุคกบไปแล้วไม่ใช่เรอะ มันจะย้อนยุคหรือยังไง ไอนัทก็จะเอานารูโตะ เรื่องเยอะกันชิบ กว่าจะเสร็จ แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อไปให้พี่อ๊อฟด้วยนะ มาจากการ์ตูนหรือเกมส์ก็ไม่รู้ เป็นเหมือนเด็กผู้ชายมือข้างนึงถือพู่กัน อีกข้างถือถาดสีน่ารักเชียว น่าจะเหมาะกับพี่อ๊อฟพอผมจะจ่ายไอสิงโตก็ไม่ยอมอีก เถียงกันจนผมยอม เพราะผมยื่นตังให้พี่เขาแล้วมั้นก็เอามายัดคืนผมอีกไอสิงโตก็จ่ายไป ไอนี่ซื้อไปเผื่อใครอีกไม่รู้เยอะแยะ เอามันว่ารวยนักนิ......
“แล้วมึงอยากได้อะไรนท” มันหันถามอย่างจริงจัง
“ไม่อะ กูว่ามันแพงไปหน่อย ถ้าป๊ารู้ว่ากูมาซื้อของพวกนี้ กูโดนด่าพอดี” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะว่ามันแพงจริงๆ555
“งั้นไปเดินดูกัน” มันก็เดินจูงผมไปนู่นไปนี่ กลายเป็นว่าพี่ดินกับพี่ไฟได้เดินตามแล้วทีนี้
“สิงโต พวกเราอยากไปดูตรงโซนเกมส์ ไปกัน” พี่ไฟพูดขึ้นพร้อมดึงแขนเสื้อไอสิงโต
ก็พากันไป พูดคุยกันไปด้วยสนุกสนานเฮฮากันไป ไอสิงโตซื้อโมเดลหมดไปเป็นหลายหมื่นแค่ของมันยังไม่รวมของฝากเพื่อน พี่ๆเขาก็ได้แผ่นเกมส์กับอุปกรณ์เสริมเกมส์เยอะแยะไปหมด และผมที่ไม่ได้ซื้ออะไร ผมไม่ค่อยอิน เล่นได้แต่ไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนพวกนี้....
“นทไม่ซื้ออะไรเหรอ?” พี่ดินหันมาถามผม
“ไม่รู้จะเอาอะไรอะพี่” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่ไหม เหมาะกับนทดีนะ” พี่ไฟชี้ไปทางตุ๊กตา? ตุ๊กตาโลมา มันเหมาะยังไง
“เหมาะตรงไหนเนี่ย!” ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปดู ก็แค่ตุ๊กตาเหมือนตัวละครในเกมส์ มันน่ารักดี แต่ก็งั้นๆ ทั่วไป
“เดี๋ยวกูมานะ” ไอสิงโตหันมาบอก ผมก็พยักหน้า แล้วมันก็เดินไป
“เอาเปล่าเดี๋ยวพี่ซื้อให้” พี่ไฟพูดอย่างใจดี
“จะดีเหรอพี่ เอาไปก็คงเอาไปตั้งโชว์” ผมกับตุ๊กตาคือเป็นอะไรที่ไม่ถูกกันสักเท่าไหร่ มันดูแค่น่ารัก เอามาเล่นไม่ได้หรอกแค่โชว์ ผมไม่ใช่เด็กผู้หญิงสักหน่อย
“ไม่อยากได้อะไรเลยเหรอ?” พี่ดินถามอยากสงสัย
“ไม่นะพี่ ผมไม่ค่อยชอบอะไรแนวนี้สักเท่าไหร่” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ถ้ามันมีการ์ตูนที่ผมชอบก็ว่าไปอย่าง ผมเดินทั่วแล้วก็ไม่เห็น คงไม่มีหรอก
“แล้วนทชอบทำอะไร” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“ชอบอ่านหนังสือครับ” อ่านหนังสือก็เพลินดี หนังสือไร้สาระนะ ไม่ใช่หนังสือเรียน
“งั้นแปปนะ” พี่ไฟพูดแล้วยิ้ม แล้วก็ลากพี่ดินไปไหนไม่รู้ ผมได้ยืนอยู่คนเดียวเลย
ไอสิงโตก็ไปนานจริงๆ พี่ดินกับพี่ไฟก็ดูเหมือนจะรักกันดีความคิดเขาดูเชื่อมกันดี รอไปสักพักไอสิงโตก็มา....
“อะนี่!” มันยิ้มบานแล้วยื่นกล่องฟิกเกอร์ดิเอเวนเจอร์เป็นเซ็ตให้ผม ผมก็มอง “กูเห็นผ้าปูที่นอนมึงเป็นไอตัวพวกนี่คิดว่าน่าจะชอบ ไอโมเดลการ์ตูนที่มึงอยากได้มันไม่มีในงานนี้กูถามเขาแล้ว” มันพูดไปยิ้มไป มันก็ดู..ใส่ใจดีเนอะ
“ขอบใจวะ มึงอยากได้อะไรหรือเปล่ากูจะได้ซื้อให้บ้าง” ผมพูดอย่างดีใจ จริงๆไม่ชอบไอพวกนี้สักเท่าไหร่ แค่ลายบนผ้าปูที่นอน ป๊านั่นแหละซื้อให้ ผมไม่ได้เลือกของพวกนั้นด้วยซ้ำ แต่ก็ดีใจที่มันจดจำรายละเอียดของผมมากว่า
“ไม่อยากได้อะไร แค่มีมึงก็พอแล้ว” ไอสิงโตพูดด้วยสายตาลึกซึ้ง เอาจริงๆผมจะอ้วก แต่ต้องเขินมากกว่าเพราะมันส่งสายตาซึ้งมาให้ ไอสิงโตมันร้าย ทำผมหวั่นไหวจริงๆ
“ไอบ้า!” ผมรู้สึกร้านผ่าวที่หน้า
แล้วมันก็แซวผมอย่างนั้นแหละ จนพี่ดินกับพี่ไฟมา....
“นี่น่าจะเหมาะกับนทนะ” พี่ไฟพูด แล้วพี่ดินยื่นโมเดล!เด็กผู้ชายนอนอ่านหนังสือมาให้ผม น่ารักมากเลย น่าจะมาจากเกมส์หรือเปล่าไม่รู้
“ชอบไหม” พี่ดินพูดขึ้น
“ชะ...ชอบครับ ขอบคุณครับ พี่ๆอยากได้อะไรไหม ผมไม่รู้จะซื้ออะไรตอบแทนเลย...” ผมพูดอย่างเกรงใจ
“ตอบแทนแค่.....ไปเล่นน้ำด้วยกันไง” พี่ดินพูดขึ้น ผมทำหน้าสงสัย
“สวนน้ำที่ไหนดี นทอยากไปที่ไหน?” พี่ไฟถามอย่างดีใจ
“อะ...เอ่อ ผมว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ” ผมยิ้มอ่อนส่งไป
“อ้าว!เหรอ? งั้นไปดรีมเวิร์ดไหม” พี่ดินก็ยังพยายาม
“ไม่ต้องลำบากพาผมไปก็ได้นะพี่ ผมเกรงใจนะครับ” ผมยิ้ม จริงๆเครื่องเล่นพวกนั้นผมเล่นไม่ได้มาก เป็นโรคกลัวเครื่องเล่นหวาดเสียว เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ นอกจากคนในครอบครัว โรคปอดแหกนั่นเอง
“ไม่ลำบากเลยนะเห็นนทคุยสนุกดี อยากพาไปเที่ยว” พี่ไฟเอ่ยขึ้น
“ผมว่าให้นทเลือกดีกว่าว่าจะไปไหน” ไอสิงโตพูดแล้วยิ้มให้ผม พี่ทั้งสองก็พยักหน้า
“อะ..เอ่อ” โยนมาได้นะมึงไอสิงโต คิดหนักเลยสิ สวนน้ำว่ายน้ำไม่เป็นไปกับพวกเขาเดี๋ยวก็กร่อยอีก ไปสวนสนุกกร่อยหนักกว่าเดิมผมคงแค่ไปนั่งดูเพราะไม่เล่นแน่นอน “ละ...แล้วพี่อยากไปไหนกัน สิงโตอยากไปไหน” ผมหันไปถามด้วยความที่คิดไม่ออก
“จริงๆพี่อยากพาไปหัวหินนะ แต่เสียดายกลับพรุ่งนี้กันแล้ว งั้นไปเล่นน้ำกันนะ สวนน้ำที่มีเครื่องเล่นเยอะๆน้ำไม่ลึกหรอก” พี่ไฟเสนออีกครั้ง(ยิ้ม)
“ใช่ก็ดีนะไปไหม” พี่ดินเสริม
“กะ..ก็ได้ครับ” ผมยิ้ม ก็ดี หวังว่าคงไม่ลึกอย่างที่พี่เขาบอกนะ
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า กูไม่ปล่อยให้มึงจมหรอก” ไอสิงโตกระซิบบอก ผมก็หันไปยิ้ม
แล้วเราก็เดินอีกนิดหน่อยก็พากันออกจากงาน พวกพี่ๆเขาก็พาไปเดินห้าง ห้างอีกแล้ว เบื่อจริงๆ! ก็เดินไปไปหาขนมกินกัน เป็นร้านเอ่อ....ร้านขนมหวาน หวานจริงๆสีชมพูดทั้งร้านเลย เราก็สั่งกันไป เอาจริงๆก็อึดอัดเล็กน้อย คือพวกเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบหรูหรากัน ไอร้านนี้ขนมบ้าอะไรชิ้นนิดเดียว500กว่าบาท ก็สั่งๆไป ให้ไอเสี่ยมันเลี้ยงเลย พาเข้าแต่ร้านแพงๆดีนัก.....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“ร้านน่ารักเนอะ” สิงโตหันมาบอกผม
“อื้มน่ารักมากเลยละ” ผมตอบมันแล้วกวาดตามองไปทั่วร้าน
“นทมากรุงเทพฯบ่อยหรือเปล่า?” พี่ไฟถามผมอย่างสงสัย
“ก็บ่อยนะครับ แล้วแต่โอกาศบางทีก็มาหาญาติหรือบางทีป๊าก็พามาเที่ยว” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ! งั้นคราวหลังวันหยุดยาวมาเที่ยวอีกนะไปหัวหินกัน” พี่ดินพูดขึ้น ผมก็พยักหน้าตอบเล็กน้อย
“ชวนเพื่อนๆมาด้วยไง” ไอสิงโตหันมาบอกผม
“ครับ พวกพี่นี่เหมือนกันมากเลย ทำยังไงให้คนแยกออกเหรอ” ผมถามพี่น้อง 2 คนอย่างสงสัย
“พี่ถูกใจเราเรื่องนี้แหละ ดูดิเจอกันไม่ถึงวันแยกเราออกด้วย” พี่ไฟพูดขึ้น
“นั่นสิ นทดูยังไง?” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“ดูที่ไฝตรง” ชี้ที่หู “ของพี่ไฟอะครับ ตอนแรกผมก็นั่งมองตั้งนาน เลยสังเกตุเห็น” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“โอ้โห! ว่าแล้วที่ตอนแรกๆนั่งนิ่งๆแล้วจ้องพวกเราอะนะ” พี่ไฟถามขึ้น
“ครับกลัวเรียกผิดไง แหะๆ” ผมเกาหัวแก้เขิน
“เก่งนะมึง คนอื่นดูจากการแต่งตัวเพราะนิสัยของพี่ทั้งสองจะเหมือนกัน” สิงโตหันมาบอกก็จริง เหมือนกันทั้งหน้าตาและความคิดก็เหมือนกันด้วย แต่การแต่งตัวนี่ก็เหมือนกันนะแค่คนละสี
“ยังไงอะ?” ผมทำหน้าสงสัย
“ก็พี่ดินจะใส่เสื้อสีโทนเย็น พวกสีน้ำเงินน้ำตาลอะไรพวกนี้ แต่พี่ไฟจะใส่สีโทนร้อน พวกแดงส้มอะไรพวกนั้นแหละ” ไอสิงโตบอก ผมก็พยักหน้าเข้าใจ มีแบบนี้ด้วยเหรอ
“น่ารักดีนะครับ เหมือนกันไปหมดแบบนี้” ผมพูดอย่างจริงใจ
แล้วเราก็นั่งคุยกันไป ของก็ทยอยเอามาเสริฟ เราก็นั่งกินกันไปคุยกันไป พอกินเสร็จพี่ดินกับพี่ไฟเขาเลี้ยง สองคนนี้คือมีบัตรเครดิตส่วนตัวเลยนะ อะไรจะไฮโซขนาดนั้น เราก็เดินเล่นกันนิดหน่อย ไปส่งพี่ๆเขาซื้อของอีกกว่าจะกลับก็เย็นแล้ว พอกลับมาก็ไปนั่งกินข้าวกับครอบครัวของพี่ดินและไฟ กินเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน......
“เมื่อยจังวันนี้” ไอสิงโตพูดจบก็ล้มตัวนอนบนเตียง
“นั้นดิ! เพลียมาก” ผมนั่งตรงปลายเตียง
“ไปอาบน้ำดิจะได้รีบมานอน” มันนอนหลับตาพูด
ผมก็เดินเข้าไปอาบทำอะไรเสร็จก็ออกมาไอสิงโตหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปลุกมันไปอาบ ตอนแรกงอแงจะไม่อาบ จนผมต้องขู่ว่าจะให้มันนอนล่างเตียงนั่นแหละมันถึงลุกไปอาบ ผมก็นอนเล่นโทรศัพท์สักพักมันก็ออกมาแต่งตัว เสร็จก็ปิดไฟขึ้นเตียงมานอนข้างผม.....
“ทำอะไรวะ” มันหลับตาพูด
“นอนเถอะถ้าจะขนาดนี้” คือมันก็คงไม่ไหวจริงๆ
“ขอนอนกอดได้ไหม” มันทำเสียงอ้อนแล้วมันก็ลืมตาขึ้นมา
“เอาดิ” ไอนี่ก็ประสาทเนอะ เดี๋ยวขอเดี๋ยวไม่ขอก็ทำเลยงงกับมันจริงๆ
ผมก็เอาโทรศัพท์วางไว้ข้างเตียงแล้วก็เขยิบตัวให้มันนอนกอด บอกตามตรงว่าก็คิดมากในหลายๆเรื่อง แต่ก็ควรจะปล่อยๆมันไป เพราะตอนนี้เครียดไปก็ทำอะไรไม่ได้ อะไรจะเกิดก็คงต้องยอมรับ ผมก็หลับไปในที่สุด เช้าวันต่อมาก็พากันตื่นแต่เช้า? น้าของไอสิงโตมาปลุกให้ไปใส่บาตร พอใส่บาตรเสร็จว่าจะไปนอนต่อ พี่ดินกับพี่ไฟก็ให้ไปเตรียมตัว เขาจะพาผมไปสวนน้ำ แต่เช้าเนี่ยนะ? ผมก็ไปเตรียมผ้าเช็ดตัว แค่นั้นแหละ ที่เหลือไปเช่าเอาเพราะไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย
เตรียมของเสร็จกินข้าวนั่งคุยกันไปก็เลยเวลาไปสายๆแล้ว ก็พากันเดินทาง พอไปถึงสวนน้ำเปิดพอดี พี่ดินไปเคลียล์เรื่องตั๋ว พวกผม 3 คนก็ยืนรออยู่ พอได้แล้วก็พากันเข้าไปหาที่นั่งวางกระเป๋า แล้วก็พากันไปเช่าชุดเปลี่ยนชุดกันไป พอออกมาก็พากันไปเล่น โอ้โห! พี่ดินกับพี่ไฟ มีซิคแพคอ่อนๆแบบเห็นได้ชัดด้วย เริ่ดที่สุด! ผมต้องมองอย่างระวังนะเนี่ย ใจไม่ดี5555 ก็เล่นกันไปวิ่งไล่กันบ้าง และ.....
“ไปเล่นสไลด์เดอร์ กัน” พี่ดินชี้ไปที่สไลด์เดอร์อันใหญ่ยักษ์ เอิ่ม!
“มันลงได้ทีละหลายคน ลงพร้อมกันทั้งสี่คนเนี่ยแหละ” ไอสิงโตยิ้ม พูดให้ผมอุ่นใจ? แต่ผมรู้สึกหนักใจหนักกว่าเดิมอีก
“นั่นสิ ไม่มีอะไรหรอก” พี่ไฟพูดขึ้น
ผมก็พยักหน้าตกลง แล้วพากันเดินขึ้นบันไดไป โอ้โห! ถ้าจะสูงขนาดนี้ ขาสั่นแล้วสิ.......
“ไหวไหมมึง อีก3ชั้นก็ถึงแล้ว” ไอสิงโตพูดขึ้น ผมมองแบบอึ้งๆ คือสไลด์เดอร์มีที่ลงหลายชั้น แต่นี่มันจะเล่นชั้นสูงสุดกันเลยเหรอ-_-“”
ผมไม่ตอบอะไรก็พยักหน้าแล้วจำใจขึ้นไป พอถึงก็ต่อคิวกัน ฟิวตอนนี้เหมือนได้กระโดดหอ มือเริ่มสั่น.....
“นทนั่งตรงกลางเลย ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกเราจะกอดแน่นๆเลย” พี่ดินพูดเข้ามาโอบกอดผม
“ขะ...ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ผมยิ้มเขิน
“พอเลยๆ มานี่” ไอสิงโตดึงผมออกจากพี่ดิน
และแล้วก็ถึงคิวพวกเรา ผมก้าวเท้าไม่ออกเลย มองลงไปเหมือนผมจะตาย หวาดเสียวเว่อร์ๆ ไอสิงโตก็นั่งลงก่อนคนแรก ผมก็ซ้อนเอาขาเกี่ยวเอวมัน ตามด้วยพี่ดินและพี่ไฟ ซ้อน4ไปเลย พี่ดินเขาก็กอดแน่นจริงๆ พอกำลังจะไหลลง...
“ดะ...เดี๋ยวได้ไหม!” ผมท้วงขึ้นเสียงดังไม่กล้าสะงั้น กลืนน้ำลายแบบไม่ลงเลย
“ไปเลยน้อง!” ไลฟ์การ์ดดันพี่ไฟ ไหลลงมากันทั้งสี่คนนั้นแหละ
ผมกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ร้องจนแบบแทบตาย พวกพี่เขาก็จับแน่นไม่หลุดเลยจริงๆ ไอสิงโตก็ร้องโหยหวนไป คือเหมือนจะมันส์ แต่ก็มันส์จริงๆนั่นแหละ สุดๆไปเลยจริงๆ พอลงถึงข้างล่างนี่ก็เกือบตาย พุ่งดิ่งลงน้ำ น้ำเนิ้มเข้าจมูกหมด พี่ๆเขาก็ช่วย และหลังจากนั้นพวกมันก็ลากผมไปสังเวยให้กับเครื่องเล่นหลากหลาย แทบทั้งสวนน้ำ ผมหัวใจจะวายเอาให้ได้ อย่างบางอันเขาให้ลงแค่คนเดียวก็หลอกผมว่าขึ้นได้หลายคน แล้วพลักผมลงมา พวกมันสามคนก็สนุกสนานกันไงที่ได้แกล้งผม ตลกกันใหญ่ แล้วก็พาผมไปเล่นที่น้ำลึกๆบอกให้เกาะหลังพวกมันกัน สุดท้ายก็แกล้งผมจนได้ ปล่อยผมบ้างหนีผมบ้าง พอผมจะจมก็เข้ามาผมก็เกาะพี่ดินทีพี่ไฟทีไอสิงโตที แกล้งผมเนี่ยพวกมันสนุกกันยิ่งกว่าเล่นน้ำอีก
แล้วก็ถึงเวลากลับ เพราะนี่ก็บ่าย2กว่าแล้ว ผมกับสิงโตกลับบ้านกันตอน1ทุ่ม พวกเราก็พากันไปอาบน้ำเคลียล์เรื่องคืนของที่เช่ามา ก็พากันกลับบ ระหว่างทางกลับก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่ได้แกล้งผม ผมก็นั่งงอนๆไป เถียงพวกมันไปบ้าง สามคนนี้แกล้งผมยังไม่พอยังเอามานั่งคุยกันสนุกปากอีก พอถึงบ้านผมก็เดินหน้ามุ่ยขึ้นห้องนอนไปเลย ผมก็เตรียมเก็บของ เก็บเสร็จ ก็นอนเล่นโทรศัพท์ ไอสิงโตก็ไม่ตามมาคืออะไร ผมก็ตอบไลน์ตอบข้อความอะไรไป สักพักไอสิงโตก็มาตามลงไปกินข้าว วันนี้มีแต่เด็กๆน้าไปไหนไม่รู้ ผมก็นั่งกินเงียบๆไม่ได้สนใจอะไร......
“งอนเหรอ?” ไอสิงโตหันมาถามด้วยรอยยิ้ม ผมก็มองค้อนมัน
“ขี้งอนนะนท เราแค่เล่นๆกันเอง” พี่ไฟยิ้ม ผมกรอกตาแล้วหันหน้าหนี ผมไม่งอนหรอก แต่พวกมันจะอารมณ์ดีกันไปไหนเนี่ย เห็นแล้วหงุดหงิด
“พอแล้ว เลิกแกล้งนทได้แล้ว” พี่ดินหันไปบอกพวกนั้นทีเล่นทีจริง ผมก็มองงๆ “พวกเราขอโทษนะ” พี่ดินเดินมาจับไหล่ผม ผมก็มอง
“อะนี่ พวกเราสามคนหาซื้อให้” หนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดของผม? เล่มพิเศษผมมองตาโตยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
“ชอบไหม?” ผมพยักหน้ารัว “โกรธอะดิที่ไม่ไปง้อ” พี่ไฟพูดด้วยรอยยิ้ม
“ระ...รู้ได้ไงอะว่าผมชอบ” ผมถามอย่างดีใจ แล้วก็เปิดดูหนังสือการ์ตูนไปด้วย
“กูโทรไปถามป๊ามึงมา” ไอสิงโตยักคิ้ว ผมยิ้มกว้างเลย
“อิจฉาสิงโต มีเพื่อนน่ารัก น่าแกล้งขนาดนี้” พี่ไฟพูดอย่างใจดีผมก็เขินเลยสิ
“ไม่หรอกพี่ มันน่ารักแบบนี้แหละ” ไอสิงโตพูดแล้วมองผมแบบซึ้งๆ ผมก็หลบตามัน
“จริงๆนะ ไว้พี่จะขึ้นไปหาบ้าง นทพาพี่เที่ยวบ้างนะ!” พี่ดินยิ้ม ผมพยักหน้ารัว
“ได้เลยพี่ ไปไหนไปกันเลย แค่นี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วเนี่ย เมื่อวานก็ฟิกเกอร์” ผมตอบอย่างดีใจ
“หายโกรธแล้วใช่ไหม” พี่ไฟถามขึ้น
“ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย” ผมตอบ มีคนเอาใจเยอะขนาดนี้ก็เขินสิ
“แน่นะ” พิ่ดินด้วยสายตากวนๆ
“บ้าน่า!” ทั้งเขินทั้งอายเลยตอนนี้
พวกเราก็นั่งไปคุยไป พอกินข้าวเสร็จพวกพี่เขาพาไปห้องเล่นของเขา คือโครตเจ๋งอะ  แต่งห้องเหมือนอยู่ในเกมส์เลย ไอสิงโตคือสู้ไม่ได้แล้วงานนี้ ของคือเพียบ เยอะมากจริงๆ ก็เล่นไปคุยกันไป จนตอนนี้สนิทกันหมดแล้ว พอถึงเวลากลับผมก็ขึ้นไปขนของลงมาก....
“ให้พี่ไปส่งด้วยนะ” พี่ดินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“พี่ด้วยนะ” พี่ไฟก็ด้วย
คือพี่ไฟกับพี่ดิน่ารักมาก เขารักกันมากเลย ความคิดเอย นิสัยเอย หน้าตาก็เหมือนกันเป๊ะ! ผมเห็นแล้วก็คิดถึงพี่โน้ตเลย....
“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!” สิงโตพูดเสียงแข็งแล้วจับมือผม
“เอาน่า” ผมบอกมันอย่างไม่ใส่ใจ “ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ ผมสนุกและมีความสุขมากๆเลย” ผมบอกตามความรู้สึกจริง
“ยังไงก็ต้องเจอกันบ่อยๆนะ นทกลับไปพี่สองคนคงเหงา” พี่ดินทำหน้าเศร้า
“ใช่ วันหยุดอยู่บ้านสองคนเล่นแต่เกมส์ก็เบื่อๆ” พี่ไฟหงอยเลย
“แล้วเพื่อนๆพี่ละครับ” ผมถามอย่างใส่ใจ
“พวกนั้นมันก็มาเล่นกับเราบ่อยๆนะ แต่เสาร์อาทิตย์มันไม่ค่อยว่างส่วนมากติดแฟนกันน่ะ” พี่ไฟยิ้ม
“แล้วส่วนมากก็ไม่พาเพื่อนมาบ้านหรอก มันวุ่นวายน่ะ” พี่ดินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“หมายถึงจะไปเที่ยวข้างนอกมากกว่าใช่ไหมครับ” พี่สองคนก็พยักหน้า “งั้นวันหยุดยาวพี่ๆก็ไปเที่ยวหาผมก็ได้นะครับ”(ยิ้ม) “หรือถ้าเสาร์อาทิตย์อยู่บ้านเหงาๆ พี่ก็โทรมาคุยเล่นกับผมก็ได้นะ” (ยิ้ม)
“อะแฮ่ม!” ไอสิงโตมองขวาง ผมก็ไม่สนใจ
“ได้เหรอ!” พี่ดินยิ้ม ผมพยักหน้า
“เอาโทรศัพท์นทมาสิ” พี่ไฟพูด ผมก็ยื่นให้
พี่เขาก็เอาไปพิมพ์เบอร์ยิงเข้าอะไรของเขาไป ไอสิงโตก็ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆผม พอทำอะไรเสร็จก็คุยกันนิดหน่อย ก็พากันขึ้นรถ น้าเขาก็ไปด้วย ระหว่างทางก็คุยกันมากมาย  จนถึงสนามบินพี่ทั้งสองแล้วก็น้าไอสิงโตก็ลงมาส่งด้วย.....
“สัญญานะนทว่าจะมาหากัน” พี่ไฟยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“สัญญานะถ้าพี่ไปหา เราจะเที่ยวและเล่นด้วยกัน” พี่ดินยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“สัญญาครับ” ผมยิ้มบานแล้วเอานิ้วก้อยทั้งมือซ้ายและขวาเกี่ยวก้อยกับพี่เขา
“นี่คือลืมผมแล้วใช่ไหม?” ไอสิงโตถามอย่างน้อยใจ
“ไม่ลืมๆไอน้อง” พี่ดินและพี่ไฟก็ เดินไปกอดไอสิงโต
แล้วก็หันมากอดผมด้วย ผมก็ตกใจไปนิดหน่อย แต่ก็กอดตอบ เราร่ำรากันสักพักก็พากันเข้าประตูไปรอ พวกพี่ๆกับน้าเขาก็กลับไปแล้ว...........

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“กูหึงมึงนะ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาขณะนั่งรอ
“อื้ม แล้วยังไงอะ” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตอนนี้ผมคิดถึงวันพรุ่งนี้มากกว่า เรื่องจะจัดการกับยัยอิงฟ้าเนี่ย
“นี่คือไม่แคร์กูเลย?” ผมก็มองนิ่งๆอย่างเบื่อหน่าย “ใช่สิ! พี่ดินกับพี่ไฟหล่อกว่า! รวยกว่ากูด้วย มึงชอบเขาใช่ไหม!” เอาแล้วไง เริ่มแล้วไง
“มึงจะพูดให้มันได้อะไรไอสิงโต กูไม่ได้ชอบคนที่รวยหรือไม่รวยหล่อหรือไม่หล่อหรอกนะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“ก็มึงเล่นไม่สนใจกูเลย เอาแต่นั่งนิ่ง!” มันทำหน้างอ
“กูมีอะไรต้องคิดไอสิงโต มึงอย่ามาง้องแง้งดิ้!” ผมบอกอย่างรำคาญ มันนั่งหันหลังให้ทันที เฮ้อ! “สิงโตหันมานี่เลย” มันรีบหันมาเลย ผมตกใจไปนิด “มึงจะคิดมากทำไมวะ” ผมถามอย่างจริงจัง
“กูหึงมึงจริงๆนะ” มันจับมือผม
“สิงโตแล้วถ้าพี่อ๊อฟ....มึงจะหึงไหม” ผมถามอย่างจริงจัง
“หึง! แต่ก็จะหึงแบบแอบๆนะ” มันตอบอย่างรวดเร็วและมั่นใจ
“เฮ้อ! แล้วแต่แล้วกันนะ ส่วนเรื่องพี่ดินกับพี่ไฟอะไรถึงทำให้มึงหึงได้” ผมถามอย่างเบื่อหน่าย
“ก็มึง! ทำตัวสนิทสนมกับพี่เขาเกินไปไหม!” หน้างอ
“มึงจะให้กูทำท่ารังเกียจพี่เขาหรือยังไง” ผมถามอย่างรำคาญ
“เออ! ทีหลังอย่านะ” มันออกคำสั่ง
“ครับเสี่ย ผมไม่ทำแล้วครับ” ผมรับคำแบบประชด มันก็ยิ้ม
แล้วสักพักก็เดินขึ้นเครื่องกัน ผมก็นั่งติดหน้าต่างคุยกันไปทั่ว ผมยังคิดไม่ตกเลยจริงๆว่าจะทำยังไงเรื่องอิงฟ้า คิดไปคิดมาก็ปวดหัว ไอสิงโตก็ชวนพูด เริ่มเยอะขึ้นทุกวันไอนี่....
“นทเดี๋ยวตอนกูไปส่งมึงบ้าน เราไปหาอะไรกินกันไหม มึงอยากกินอะไร” มันจับมือผมแน่น คือตั้งแต่นั่งมามันก็จับยังไม่ปล่อยเลย
“เสี่ยอยากกินอะไรครับ” ผมหันไปถามมัน
“กิน อืม กิน” มันทำท่าคิด
ผมก็มองมันคิด คิดนานเหลือเกิน เฮ้อ! ก็ปล่อยมันไปพอเครื่องลงมันก็ยังไม่หยุดคิด ตอนนี้มายืนรอคนที่บ้านสิงโตมารับ...
“มึงคิดตั้งแต่บนเครื่องแล้วนะสิงโต” ผมบอกอย่างรำคาญ
“ก็กูคิดไม่ออก กูอยากกินอะไรก็ไม่รู้ เลือกไปก็กลัวมึงไม่ถูกใจ” มันเห็นผมเป็นคนยังไง
“เสี่ยครับ มันก็แค่ของกิน” ผมทำหน้าเบื่อมัน “งั้น ก๋วยเตี๋ยวไหม” ผมเสนอมันไป
“ก็ได้ๆ ไม่ได้กินนานแล้ว ที่ไหนดี” มันหันมาถาม
“แถว....ไงก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น อร่อยนะมึง” ผมพูดพร้อมทำท่าคิด
เราก็คุยกันไปสักพักคนที่บ้านมันก็มารับ เป็นคนขับรถ ก็พาไปบ้านมันก่อน พ่อแม่มันไม่อยู่ ไปต่างจังหวัด ไอสิงโตเอากระเป๋าไปเก็บแล้วก็ขับมอไซค์พาผมไปหาของกิน ก็มาร้านที่บอกเนี่ยแหละ เราก็เข้าไปนั่งคนเยอะเลยทีเดียวนั่งได้ก็สั่งๆไปแล้วก็รอ......
“มึงเบื่อไหม...เวลาอยู่กับกู” อยู่ๆมันก็ถามขึ้นมา
“ไม่เบื่อเลยมึง” ผมพูดแบบจริงจัง มันก็เผยยิ้มขึ้นมา “แต่รำคาญมากกว่า!” ผมยิ้ม ไอสิงโตหน้าหงิกทันที
“กูทำอะไรให้มึงรำคาญ บอกกูหน่อย!” มันจริงจังมาก
“กูพูดเล่น กูอยู่กับมึงมีความสุขแล้วก็สนุกมาก โอเคไหม” ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม “แล้วมึง...เริ่มเบื่อกูหรือยัง” ผมถามแบบจริงจัง
“มึงฟังไว้นะ กูไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นแม้แต่นิด” มันพูดอย่างมั่นใจ “แต่กูไม่ชอบเวลาที่มึงไปยุ่งกับใครต่อใครเลย...” มันเอื้อมมาจับมือผม
“สิงโต คนมองนะ!” ผมบอกอย่างเกร็งๆ
“ให้เขามองไปเถอะ” ไอสิงโตก็ยิ้มอย่างเดียว
“ถามจริงเถอะ ทำไมถึงต้องเป็นกูวะ” ผมถามอย่างจริงจัง มันทำหน้างง “ทำไมกูต้องเป็นคนที่มึงชอบ ทั้งๆที่มึงก็หล่อ แค่กระพริบตาก็มีคนเข้าหามึงแล้ว ทำไมต้องเป็นกู....” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ กูแค่ชอบมึงที่ร่าเริง ไม่ถือตัว ห่วงคนอื่น ไม่ยอมใคร แล้วก็แคร์ทุกคน และอีกหลายๆอย่างเลยนะบอกวันนี้คงไม่หมด” มันจ้องตาผมแล้วก็พูดออกมา
“แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูเป็นคนแบบนั้น” ผมมองมันอย่างสงสัย “บางทีกูอาจจะไม่ได้เป็นอย่างมึงเห็นก็ได้นะเว้ย!” ผมบอกมันอย่างจริงจัง
“กูมั่นใจนท” กระชับมือแน่น “กูมองคนไม่ผิดหรอก กูติดตามมึงตลอด ตั้งแต่ก่อนมึงจะรู้จักกูอีก” ผมมองมันอย่างตะลึง
“มึงบ้าไหม มาตามอะไรกู”  ตกใจนะ มันโรคจิตหรือเปล่า
“มึงจำงานครบรอบโรงเรียนมึงเมื่อปีที่แล้วได้ไหม” ผมก็ทำท่าคิด “จำไม่ได้ใช่ไหม” ผมพยักหน้า “งานของโรงเรียนมึงจะเอาเด็กจากโรงเรียนอื่นมาร่วมขึ้นแสดงด้วย” ผมก็พยักหน้า “มึงจำได้ไหมว่าโรงเรียนกูก็ได้ขึ้น” ผมพอจำได้ ก็มันจะมีโรงเรียนต่างๆในตัวเมืองมาเป็นแขกรับเชิญแสดงโชว์ โรงเรียนมันก็ต้องมาอยู่แล้ว “ปีที่แล้วกูก็ขึ้นแสดงนะ” ผมทำท่าคิด
“อะ...อ๋อๆ จำได้แล้ว แต่ปีที่แล้วพวกโรงเรียนมึงแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ ปิดหน้าปิดตาเหลือแต่ลูกกะตา” ผมจำได้เพราะผมไปยืนดูแบบติดขอบกับปอครับ ประเด็นคือจะดูผู้ชายเพราะผู้ชายโรงเรียนไอสิงโต หล่อๆกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะปีที่แล้วโรงเรียนไอสิงโต โชว์ศิลปะการต่อสู้ แต่งตัวแบบว่าปิดหน้ามิดชิดเชียว
“ใช่ และมึงก็ยืนดูแบบติดเวทีเลย จริงไหม” ผมก็มองอย่างตกใจ
“ระ...รู้ได้ยังไง” ผมยิ้ม แล้วทำหน้าสงสัย
“ตอนแรกกูโครตรำคาญมึงเลย มองอยู่นั้นแหละ แถมแหกปากบอกให้ถอดผ้าที่หน้าออกอีก กูก็คิดว่ามึงเป็นพวกตัวก่อกวนน่ารำคาญ” เอิ่ม! ผมมองค้อนมันเลย “แล้วมึงจำได้ไหม ตอนที่มึงแอบตามพวกกูไปหลังเวที” ไปกันใหญ่แล้วถ้ามันจะจำละเอียดขนาดนี้ “แล้วคนที่ตะคอกไล่มึงวันนั้น คือกูนะ” ผมตกใจมาก
วันนั้นจะเล่าให้ฟัง งานโรงเรียนเมื่อปีที่แล้วไม่เหมือนโอเพ้นเฮ้าส์ เป็นงานช่วงกลางคืน จะมีการแสดงมากมายบนเวทีใหญ่กลางสนามกีฬาโรงเรียน ผมกับปอก็มักจะไป เอ่อ! ไปดูผู้ชายอยู่หน้าเวที จนพอโรงเรียนไอสิงโตขึ้น ผมก็ทั้งร้องทั้งแหกปากจริงๆคือเชียร์ ไม่ได้สร้างความน่ารำคาญอย่างที่ไอสิงโตบอกหรอก ที่มองเพราะดูแค่รูปลักษณ์หุ่นก็รู้แล้ว ว่าน่าจะดูดีมาก หุ่นดีกันทุกคน ถึงจะปิดหน้ามิดชิด แต่ใส่เสื้อแบบเสื้อตาข่ายสีดำ แล้วข้างในไม่ได้ใส่อะไร เห็นแล้วใจไม่ดี ซิคแพคเอย หัวนมเอย555 ว่าไปนั่น พอพวกมันแสดงจบ ผมก็ยังอยากเห็นหน้าพวกนี้อยู่ ก็เลยแอบตามไปหลังเวทีปอมันก็ห้ามแล้วผมก็ไม่ฟังมันก็เลยบอกจะรอข้างนอก แต่.....
“มึงมีปัญหาอะไรวะ!” ถ้าไอสิงโตบอกว่ามันคือคนที่ตะคอกผมก็คือคนนี้แหละ
“ผมชอบการแสดงของพวกพี่มากเลย ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ” ผมก็พูดดีๆเนี่ยแหละ ออกจะสุภาพกับมันเลยด้วยซ้ำ
“กูไม่ให้ถ่าย ออกไปเลยไม่รู้จักขอบเขตนะมึง!” ตะคอกผมแบบว่า ผมสะอึกเลย เพื่อนๆมันก็มาห้าม เพราะไอสิงโตมันผลักผมล้มลงกับพื้น ตอนนั้นปอมันมาตามผมก็เห็นพอดี เลยมาช่วยผมออกไป ตอนแรกไอปอไปฟ้องพวกไอมิน พวกนั้นเกือบไปหาเรื่องไอสิงโต แต่ผมก็ห้ามไว้ และผมก็ขอแยกกับเพื่อนๆไปเข้าห้องน้ำ จริงๆก็สะเทือนใจนะ แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก ผมก็คงเข้าไปผิดจังหวะด้วย เขาก็เลยโมโห ผมทำธุระเสร็จก็ออกมา แต่ก็ตกใจนิดหน่อย เพราะเจอคนที่ใส่ชุดแสดงปิดหน้าปิดตาไม่รู้ว่าคนเดียวกับคนที่ตะคอกผมหรือเปล่ายืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ มันก็มองผม ผมก็มองมันนิดหน่อยแล้วเดินไปล้างมือ ถ้าผมมองไม่ผิด ผมเห็นว่ามีเลือดออกจากตรงเท้าข้างขวา ไม่รู้ว่าส่วนไหน เพราะกางเกงมันสีดำ ตอนแรกล้างมือเสร็จผมก็กะจะออกไปเลย แต่ผมเห็นว่านี่มันท่าจะไม่ๆไหว แถวนี้คนก็ไม่ค่อยมีด้วย เพราะห้องน้ำนี่มันค่อนข้างไกลจากตัวงาน ผมว่าเขาคงเดินหลงมา.............
“ไหวไหมครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามอย่างเป็นห่วง เขาก็มองผม แต่ผมงงว่างานแสดงก็เสร็จแล้วทำไมไม่ถอดผ้าที่หน้าสักที
“ไหว ไม่ต้องยุ่ง!” ใช่แล้วไอคนที่ตะคอกผม ไอสิงโตผมจำเสียงได้แม่นเลย
“เลือดออกเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนั่งก่อนเถอะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเข้าไปประคองมัน ตอนแรกก็ขัดขืน แต่พอผมดึงมันอยู่อย่างนั้นมันเลยยอม มันคงไม่ไหวแล้ว ผมเลยประคองมันไปนั่งที่บันไดหน้าอ่างล้างมือ.....
“ไปโดนอะไรมา”ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้! ไปเหยียบใส่เศษแก้วมั้ง กูเดินหาห้องน้ำสะทั่วก็ไม่เจออะ เดินไปหลังตรงนั้นเศษแก้วอย่างเยอะ”มันชี้ไปทางหลังตึกซึ่งนั้นมันเป็นที่เก็บขยะ ผมว่าแล้ว ผมก็ค่อยๆถอดรองเท้าให้มัน แล้วถอดถุงเท้า คือมันร้องแบบว่าเหมือนจะตาย พอถอดมาได้ก็ดูแผล โอ้โห! ใต้เท้ามันมีร้อยแก้วกับรอยตะปู ผมลองหงายรองเท้าดู ตะปูยังคาอยู่เลย เศษแก้วด้วย
“ไหวไหมจะล้างน้ำให้ก่อนนะ” มันก็พยักหน้า ผมก็เอาขันในห้องน้ำ มาเติมน้ำแล้วก็เอามาราดล้างแผลให้มัน มันร้องคำรามอยู่ในลำคอ คงเจ็บมาก
“เดี๋ยวจะเอาผ้าผันให้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปห้องพยาบาล” มันก็พยักหน้าไม่พูดอะไร ผมก็เอาผ้าเช็ดหน้าของผมมาพันหุ้มเท้ามัน หลังจากนั้นก็พยุงมันไปห้องพยาบาล คือแขนข้างนึงก็โอบพยุงมัน อีกข้างก็ถือรองเท้าหนังของมันหนักมาก คนแถวนั้นก็มีน้ำใจกันมาก เห็นนะแต่ไม่มีใครช่วย ผมก็พยุงไปจนถึงห้องพยาบาล ก็บอกครูไปว่าโดนนั่นนี่มา ครูก็ล้างแผลทายาอะไรให้ ครูบอกว่าแผลแค่บาดๆไม่ลึกอะไรมากทายาพันแผลเดี๋ยวก็หาย ผมก็นั่งดูมันแปปนึง...........
“ไม่ร้อนหรอ? ถอดผ้าออกก็ได้มั้ง?” ผมบอกมันด้วยรอยยิ้ม
“อย่ามายุ่งน่า” มันยังคงพูดด้วยเสียงรำคาญ คือขอบคุณก็ไม่มีแถมยังมาพูดจาแบบนี้อีกผมก็ยิ้มให้มันไปนั่นแหละ
“โอเคๆ งั้นเราไปนะ” มันก็หันหน้าหนีผมก็ยิ้ม คนอะไรอวดดีสะไม่มี ไม่ไหวก็ยังปากแข็ง คิดแล้วยังขำอยู่เลย แล้วผมก็เดินออกห้องไปเลย......
“ทำไมมึง....” ผมดึงมือออกจากการจับของมัน
“มึงรู้ใช่ไหมวันนั้น ว่าคนที่ไล่มึงกับคนที่มึงทำแผลให้เป็นคนเดียวกัน” มันถามอย่างจริงจัง
“กะ...กูรู้ กูรู้ว่าคนที่กูช่วยในห้องน้ำวันนั้นคือคนทีตะคอกและผลักกูที่หลังเวที” ผมมองมันนิ่งๆ
“กูอยากขอโทษและก็ขอบคุณมึง ช่วงนั้นกูยอมรับเลยว่ากูเอาแต่ใจและขี้โมโหมาก” มันพูดขึ้น ก็เรื่องนี้ที่พ่อกับแม่มันเล่าให้ฟัง ก่อนจะเจอผมมันเป็นประเภทเด็กเก็บกดเอาแต่ใจ
“อยะ...อย่าบอกนะ ว่าที่มึงทำกับกูทั้งหมด เพราะแค่มึงรู้สึกผิด!” ผมมองมันแล้วถามนิ่งๆ
“ไม่ใช่นะเว้ย! มึงอย่าเพิ่งเข้าใจผิด กูชอบมึงจริงๆนะ!” อ้อมมานั่งข้างผม ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟแล้ว ผมเริ่มจะสับสนแล้วสิ
“กูว่านะสิงโต มึงแค่รู้สึกผิดหรือเปล่า ถ้ามึงรู้สึกแบบนั้นมึงบอกกูตรงๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนชอบเหมือนจะใส่ใจกูแบบนี้หรอกวะ” ผมเสียความรู้สึกมากนะ
“ไม่ใช่ มึงฟังดีๆตั้งแต่วันนั้น กูก็อยากจะขอบคุณมึง แต่กูก็ปากแข็งไม่กล้าพูด กูก็เลยติดตามดูมึง จนกูก็รู้สึกอิจฉาคนรอบข้างมึง ทำไมใครๆอยู่ข้างมึงมึงก็ดูมีความสุขวะ มึงทำยังไง แล้ววันนั้นมึงโดนกูพูดขนาดนั้นแต่มึงก็กลับยิ้มให้กูได้อยู่ แล้วก็อีกหลายๆอย่างเลยนท มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอรูปที่พ่อกูเอาให้มึงดู กูแอบไปถ่ายมึงในหลายๆที่เลยนะเว้ย!” มันพูดอย่างรนๆ
“พอเถอะวะ กูว่ากินก๋วยเตี๋ยวเถอะเดี๋ยวมันจะอืดหมด” ผมก็จับตะเกียบกับช้อนแล้วกินไป
ผมควรรู้สึกยังไงดี ผมไม่แน่ใจแล้วที่มันบอกว่าชอบผมนั่นคือเรื่องจริงหรือเปล่า แต่จะใช่หรือไม่แล้วทำไมผมต้องรู้สึกละ เฮ้อ! ผมก็กินไป ไอสิงโตก็นั่งกินเงียบๆ ตอนนี้ผมจมอยู่กับความคิดตัวเอง ผมไม่รู้ว่ามันอาจจะแยกแยะไม่ออกหรือเปล่า ความรู้สึกผิด กับ ความชอบ? แล้วเรื่องที่มันอยู่กับผมทุกวันนี้ล่ะ? ผมสับสนไปหมด ผมก็นั่งคิดไปจนได้เวลากลับมันก็ไปส่งผมที่บ้าน........
“นท กูยืนยันนะว่ากูชอบมึง กูไม่ได้โง่ ที่จะไม่รู้ว่าอะไรคือความรู้สึกผิดอะไรคือความรู้สึกชอบ ตอนนี้กูรักมึงไปแล้วด้วยซ้ำนท” มันพูดอย่างจริงจัง แล้วหนักแน่น
“กูขอเวลาคิดหน่อยนะมึง กูสับสนไปหมดแล้ว….” ผมก้มหน้า ผมควรจะรู้สึกยังไงดี เฉยๆหรือ?
หมับ! ไอสิงโตลากผมเข้าไปในบ้าน ทักทายคนในบ้านนิดหน่อยมันก็ลากผมขึ้นห้องนอนแล้วล๊อค....
“มึงจับนี่นท” มันดึงเอามือขวาผมไปจบอกซ้ายมัน “ทุกครั้งที่กูอยู่กับมึงกูรู้สึกหวั่นไหว และใจของกูก็สั่นนตลอดเวลา แล้วกูก็ไม่เคยทำเพราะรู้สึกผิดด้วย กูว่ากูอาจจะหลงรักมึงตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้ เพราะตั้งแต่วันนั้น กูก็ตามมึง อยากรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง อยากรู้ว่ามึงจะยิ้มให้คนอื่นแบบยิ้มให้กูในวันนั้นไหม อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมันไว้
“มึงมีความสุขไหมที่ได้อยู่กับกู” ผมถาม มันโน้มหน้ามาหอมแก้มผม
“มีความสุขมาก” มันพูดแบบจริงจัง
“แล้วมึงทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรก....เรื่องนี้” ผมถามมันอย่างสงสัย มาบอกผมตอนนี้ต้องการอะไร
“ที่กูไม่บอกมึงตั้งแต่แรกนั้นก็เพราะ กูอยากให้มึงมั่นใจว่ากูชอบมึงจริงๆ และเรื่องที่กูเล่าก็เป็นเรื่องที่กูเจอกับมึงครั้งแรกจริงๆ และนั่นมันทำให้กูไม่ลืมมึงจริงๆ” พูดแบบจริงจัง น้ำเน่าจัง
“มึงดูละครมากไปสิงโต มึงชอบกูตั้งแต่ตอนนั้น แล้วมึงหายไปไหนมาวะ เพิ่งโผล่หัวมาอะ!” ผมถามอย่างสงสัย
“เพราะกูไม่ได้ชอบผู้ชายไง!” ผมชะงักไป “กูกังวลไปหมด กูกลัวว่ากูจะเป็นเกย์กูเครียด ถึงกูจะเครียดจะกลัวยังไง พอกูได้เห็นมึงทำไมกูรู้สึกสบายใจ ถึงจะเห็นแค่รูปก็เถอะ จนวันนึงก็ทนไม่ได้กูก็ไปปรึกษาแม่กู แม่กูบอกว่า ถ้าอยากมั่นใจก็ลองไปเจอมึงไปคุยไปทักทายดู ถ้ามึงทำให้กูหวั่นไหว ทำให้กูคิดถึงหนักกว่าดูรูป นั่นก็คือความโหยหา...” พูดแบบไปเอาบทประพันทธ์ไหนมาเนี่ย
“ละ...แล้วยังไงต่อ” ผมถามอย่างอึกอัก
“และตอนนั้นกูก็เห็นไอมิน เพื่อนในหมู่บ้านแทบจะไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ มันมีเฟสกูเพราะกูมีของที่เด็กแถวนั้นอยากได้ เกมส์ของเล่นทั้งหลายที่กูไม่ใช้ กูก็จะเอาไปให้พวกนั้นแหละ ไอมินมันเลยมีเฟสกู กูเห็นมันถ่ายรูปกับมึง กูก็เลยทักไปถามมัน และหลังจากนั้น ที่เอ็มเค ที่กูได้เจอกับมึงครั้งที่สองไง” มันพูดแบบซีเรียส
“แล้ว?” ผมทำหน้าอึนๆ งงไปหมด ซับซ้อนดี
“กูเลยมั่นใจมากขึ้น เพราะมึง เป็นคนที่ทำให้กูหวั่นไหว กลับบ้านมาวันนั้นกูก็เอาแต่นอนคิดถึงมึง กูเปลี่ยนไปเพราะมึง” ผมยังไม่ได้เอามือออกจากอกมัน ใจมันเต้นแรงมากมาย ผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมากองอยู่ตรงพื้นห้องผมเนี่ย
มันกำลังสาระภาพรักกับผม?....
“กะ...กูเข้าใจละ... อุ้บ!” มันจับหน้าผมแล้วประกบจูบทันที ผมตกใจไปหน่อย
มันทำให้ผมมั่นใจจริงๆว่ามันรักผม ที่ผมต้องสับสนเพราะแค่กลัวว่ามันรู้สึกผิด เลยยอยากทำให้ผมรู้สึกดีเลยต้องมาทนคบกับผมเท่านั้นเอง และถ้ามันมาทำดีเพราะรู้สึกผิดผมบอกเลยว่าพลาดมาก มันจะเป็นการทำลายความรู้สึกผมแบบสุดๆ และแน่นอนว่าผมไม่ให้แม้แต่คำว่าเพื่อนกับมันหรอก...........
“มึงมั่นใจหรือยัง” ผละออกมา ผมก็ได้แต่พยักหน้าช้าๆ
“ขะ...ขอบคุณที่ทำให้กูมั่นใจ” ผมรู้สึกร้อนที่หน้าไปหมด
“แย่จัง! กูกะจะเอามาเป็นหัวข้อสารภาพรักสักหน่อย” (ยิ้มเขิน) “แต่ต้องเอามาเป็นหัวข้อแก้ตัวสะงั้น”
“สิงโต ถึงมึงจะแน่นอนและกูก็มั่นใจ มึงกะ....”
“บอกแล้วไงเรื่องไออ๊อฟช่างมัน กูไม่สน กูยังยืนยันคำเดิมทุกอย่าง เลิกพูดตอกย้ำสักทีได้ไหม” มันตัดบทผม แล้วพูดแบบจริงจัง
“กูกลัวว่าสุดท้ายถ้ามึงจะเจ็บปวด กูไม่อยากเห็นมึงแย่ เพราะมันจะทำให้กูโกรธตัวเองด้วย!” ผมพูดอย่างกังวล
“กูจะพูดวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ” จับมือผมแน่น “กูจะรักกับมึงแบบนี้ และไม่ว่าสุดท้ายมึงกับกูจะเป็นยังไง จำสัญญาได้ไหม” ผมพยักหน้า “กูก็จะไม่ทิ้งมึงและมึงก็จะไม่ทิ้งกูจำได้ใช่ไหม นั่นแหละคือสิ่งที่กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากนี้มึงและกูจะรู้กันอยู่แก่ใจ อย่าได้กลัวว่าใครจะเจ็บปวด ไม่มีใครต้องเจ็บปวดทั้งนั้น เพราะผลสุดท้ายเราจะยังอยู่ด้วยกัน” พูดแบบหนักแน่น ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย
“เข้าใจแล้ว” ผมโผลเข้ากอดมัน
“อย่าคิดมาก กูดีใจนะที่มีมึง ถึงมันจะเป็นความสัมพันธิ์แบบนี้ก็เถอะ” ผมกอดมันแน่นเลยขึ้น มันก็กอดผมแน่น
“กะ...กูก็ดีใจ” ผมผละออกมาแล้วจ้องหน้ามัน
เราคุยกันสักพักไอสิงโตก็กลับไป ผมก็นอนคิดไปมาเรื่องมันเยอะกว่าเดิม ผมกลัว กลัวว่าไอสิงโตมันจะผิดหวังในผลสุดท้าย อีกอย่างเรื่องอิงฟ้าอีก ตอนนี้มันหนักมากขึ้นทุกอย่างมันหนักแล้วจริงๆ มันคงจะไม่เคยมีคนไปทำดีกับมันในช่วงนั้น แล้วผมก็ดันไปใจดีผิดที่ผิดเวลา มันก็เลยถูกใจผมที่แม้ผมจะไม่เห็นหน้าหล่อๆของมันแต่ผมก็ทำดีกับมันซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่เข้าหามันเพราะหน้าตาแหละฐานะ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนจริงๆ
วันถัดมาผมก็ตื่นไปโรงเรียนตามปกติพี่โน้ตก็ไปส่ง พอถึงโรงเรียน ผมก็ไปหาเพื่อนๆ นั่งคุยกับเพื่อนนี่แทบจะไม่ได้คุย นั่งคิดอะไรไปทั่ว นึกขึ้นได้ผมก็เอาของฝากที่ไปกรุงเทพฯให้พวกมัน ดีใจกันใหญ่พูดกันอยู่นั่นแหละ......
“ปอ ไปส่งเข้าห้องน้ำหน่อย” ผมมันก็พยักหน้า
ผมกับปอก็เดินไปห้องน้ำกัน ยังไม่ถึงห้องน้ำผมก็หยุด ปอมันก็งงๆ...
“มีอะไรมึง?” มันถามอย่างสงสัย
“ปอกูจะปรึกษามึงเรื่องไอสิงโต...” ผมทำหน้าคิด
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” ปอถามอย่างเป็นห่วง
“มึงว่ากูกับไอสิงโตมันจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่วะ” ผมถามอย่างเครียดๆ
“กูว่าแล้วว่าสักวันมึงต้องมาพูดเรื่องนี้ ทำไมวะมึงรำคาญมันแล้วเหรอ” ไอนี่นิ
“ไม่ใช่ มันเป็นเพื่อนที่ดีมากเลยนะเว้ย! กูกลัวว่าสุดท้ายแล้ว คนที่จะเจ็บปวดคือมัน กูกลัวว่าจะเสียเพื่อนดีๆไป” ผมพูดอย่างกังวล
“ง่ายๆเลยนะ มึงก็ทำแบบทุกครั้งไป อยู่เฉยๆ เครียดตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์” ผมคิดตามมันก็จริง แต่มันก็อดคิดไม่ได้
“กูย้ำกับมันหลายครั้งแล้วนะมึง ว่ารักแบบนี้มันไม่โอเค มันก็ไม่ยอม แถมยืนยันหนักแน่นเข้าไปอีก” ผมบอกอย่างเครียดๆ
“ก็อย่างที่กูบอกไงเฉยๆไว้ก่อน เพราะถ้าถึงเวลาทุกคนก็จะรู้ตัวเองแหละ ว่าใครจะเลือกใคร” ผมมองมันอย่างงง “ และก็อย่าได้เครียด เพราะเรื่องพวกนี้อะ จะอยู่ให้มึงคิดมากไม่นานหรอก กูมีความรู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปเหมือนทุกครั้งแหละวะ” มันยิ่งพูดยิ่งงงๆ
“เออๆ ปกติเข้าไว้ใช่ไหม มึงจะอยู่ข้างกูใช่ไหมเมื่อถึงเวลานั้น” ผมถามอย่างกังวล
“มึงถามอะไรโง่ๆเนี่ย ไม่ว่ายังไง กูและเพื่อนๆก็อยู่ข้างๆมึงเสมอ โดยเฉพาะกูที่จะช่วยมึงในเรื่องนี้ด้วย” ผมมองมันอย่างสงสัย “หมายถึงช่วยพูด เพราะมึงก็บอกกูอยู่แค่คนเดียวนิจริงไหม” ผมก็พยักหน้า
เอาวะในเมื่อมันมาไกลขนาดนี้แล้ว ผมก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป แล้วให้เวลาเป็นตัวตัดสิน ว่าใครจะเลือกใครอย่างที่ปอบอก เพราะก็จริง ผมเครียดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่บั่นทอนจิตใจ ผมกับปอคุยกันอีกนิดหน่อยก็พากันไปหาเพื่อนๆ ผมเห็นพี่อ๊อฟเดินมากับยัยอิงฟ้า ด้วยท่าทีที่สดใสกว่าแต่ก่อน สงสัยมันจะทำตามที่ผมบอก และคงรอผมลงมือ ซึ่งตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกเลย บ้าจริง!
พักเที่ยง ผมก็ไปหาไรกินกับเพื่อนๆตามปกติ จะว่าไม่ให้คิดมากเลยก็ไม่ได้นะ ขอเวลาสักนิด ขอเวลาให้มันเคลียล์พื้นที่ในสมองสักหน่อย.....
“เป็นอะไรวะมึง เครียดๆ” ไอมินหันมาถาม
“มีอะไรให้คิดนิดหน่อยวะ” ผมตอบอย่างไม่จริงจังนัก
“บอกพวกกูได้นะเว้ย! จะได้ช่วยกันคิด” ไอนัทบอกอย่างเป็นห่วง
“เออนั่นดิ เก็บไว้คนเดียวไม่ดีหรอก!” ไอวิวย้ำอีกครั้ง
“มันคงเครียดหลายๆเรื่อง พวกมึงหากิจกรรมช่วยมันดิ!” ไอปอนี่มันเจ้าเล่ห์นะ หาเรื่องให้ผมแล้วไง
แล้วมันก็คิดกันไป สรุปจะพาผมไปออกกำลังกายที่สนามกีฬาอีก ผมว่าก็ดีนะแถมยังดีที่วันนี้ใส่ชุดพละมากันอีก แต่บางคนอยากใส่กางเกงขาสั้น ดีที่วันนี้พี่ไอนัทมันว่างเลยเอามาให้ได้ บ้านไอนัทเปิดสนามบอลเทียม โรงยิมอะไรพวกนี้แถมยังขายอุปกรณ์กีฬาอีก พอขึ้นห้องผมก็พยายามตัดเรื่องไอสิงโตไปก่อน ก็พยายามคุยกับเพื่อนไปเรื่อย แต่....ไอสิงโตก็โทรมา.....
“ฮัลโหลครับ ที่รักทำอะไรอยู่” เอิ่ม!
“เกินไปจริงๆ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นทอย่าเครียดเลย กูไม่โอเคเลยนะ ถ้ามึงไม่เลิกคิดมากเรื่องกู วันนี้กูจะไปปล้ำมึงถึงที่บ้านแล้วนะ!” มันพูดขู่เสียงจริงจัง
“ไอบ้า!” เขินสิ มาพูดเรื่องบ้าอะไรตอนนี้
“เย็นนี้จะไปออกกำลังกายกันใช่ไหม เดี๋ยวกูเอากางเกงไปให้ มึงอย่าไปเอาของไอนัทมาใส่นะเว้ย!” ผมมองไปทางไอมิน มันรีบหลบหน้าผม
“สายของมึงจะรายงานละเอียดไปแล้ว มึงจ้างมันด้วยอะไร ถึงเชื่องขนาดนี้” ผมพูดเสียงดังตั้งใจให้ไอมินมันได้ยิน ไอมินมองค้อนผม
“ก็แค่ให้กระดูกควายสองสามก้อนเองมึง” มันพูดติดตลก แต่นั้นทำให้ผมขำจริงๆ
“55 กระดูกควายเลยเหรอวะ ไอมินไอสิงโตให้กระดูควายมึงเป็นอาหารเหรอ” ผมพูดเสียงดังไอมินทำหน้าเป็นตีนเลย
“แล้วมึงไม่ถามกูเหรอว่ากินข้าวหรือยัง” (เอิ่ม)
“กินข้าวหรือยังครับเสี่ย!” ผมประชดมัน ไอนี่มันว้อนทุกเรื่องจริงๆ
“กินแล้วครับ และกูก็รู้ว่ามึงกินแล้ว แต่กินได้นิดเดียว” ไอนี่มันละเอียดเกินไป
“ถ้าจะละเอียดขนาดนี้นะ” ผมพูดอย่างเซ็งๆ
“ไม่ละเอียดได้ยังไง มึงแฟนกูนะ!” มันพูดกวนประสาท
“คร้าบบ! รู้สึกว่าแฟนคนนี้จะดูแลผมดีจังเลย เมื่อไหร่จะมาขอแต่งงานสักทีละ” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ
“อยากแต่งเหรอ?” ไอนี่ดันจริงจังสะงั้น โถ่!
“อย่ามาทำจริงจังนะไอสิงโต เดี๋ยวมึงจะโดน!” ผมพูดเสียงแข็ง
ผมกับมันก็คุยกันไปสักพักก็วางเพราะครูเข้าสอนแล้ว ผมก็เรียนคาบบ่ายไป ก็อารมณ์ดีขึ้น อาจจะวางเรื่องไอสิงโตได้แล้ว แต่เรื่องยัยอิงฟ้านี่ต้องทำยังไง? พอเลิกเรียน...........
“นท มึงปิดเครื่องทำไม ไอสิงโตโทรหาไม่ได้เนี่ย!” ไอมินจะอารมณ์เสียเพื่อ? ผมมองมันนิ่งๆ เพราะโทรศัพท์ผมแบตหมดไปแล้ว
“มึงจะอะไรนักหนาไอมิน!” ไอปอถามอย่างรำคาญ
“เฮ้อ! ไปกันเถอะพวกมึง” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
เราก็พากันลงตึกไป พอลงมาได้ยังเดินไม่พ้นอาคาร ก็เห็นยัยอิงฟ้าเดินควงพี่อ๊อฟ เดินผ่านไป ผมก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เคลียล์เรื่องนี้เลย แล้วจะไปออกกำลังกายเนี่ยนะ? ไม่ได้แล้วต้องทำอะไรสักอย่าง......

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“พวกมึงไปรอหน้าโรงเรียนนะ กูจะไปเข้าห้องน้ำ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“เข้าห้องน้ำแน่นะ” ปอมองผมอย่างจับผิด
ผมก็แถไปทั่ว เพราะเมื่อกี้พวกมันก็เห็นอิงฟ้า พอพวกมันยอมไปได้แล้วผมก็เร่งตามพี่อ๊อฟไปเลย เพราะมันน่าจะเดินไปทางชมรม พอไปถึงก็จริงๆ นั่งจู๋จี๋เห็นแล้วหมั่นไส้เชียว ผมก็เดินไปหาเลยแต่เดินไปทางด้านหลังนะ.............
“อะแฮ่ม!” ผมเรียกร้องความสนใจสักหน่อย
“นท!” พี่อ๊อฟเรียกผมอย่างดีใจแล้วยิ้ม เห็นแล้วสงสารจัง
“นท มาทำไม!” นางทำไม่พอใจ ผมก็มองนิ่งๆ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิอิงฟ้า” พูดด้วยดีๆ น้ำเสียงปกติ
“คุยอะไร?” อิงฟ้าทำหน้าสงสัย
“คุยเรื่อง...” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบมัน “เรื่องของพี่อ๊อฟยังไงละ” มันกระตุกเลย ผมก็ผละออกมา “จะคุยไหม” ทำหน้านิ่งๆ มันก็พยักหน้า
ผมก็เดินห่างออกมา มันคุยอะไรกับพี่อ๊อฟนิดหน่อยแล้วก็เดินมา แต่เดินมาแบบกล้าๆกลัวๆนะผมก็มองนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็ชะเง้อคอมองอย่างเป็นห่วง..........
“เป็นยังไงบ้าง คบกับพี่อ๊อฟ” ผมถามมันแบบนิ่งๆ
“กะ...ก็ดี เรารักกันดี” พูดอย่างมั่นใจ ผมก็มองมัน
“เหรอ? ได้ข่าวว่าพี่เขาไม่โอเคกับอิงฟ้า ดูๆเหมือนฝืนที่จะคบนะ” ผมพูดนิ่งๆแต่กดเสียงในบางช่วง
“พี่อ๊อฟไม่ได้ฝืน ช่วงนี้พี่อ๊อฟแค่ไม่สบาย อย่ามาพูดเลอะเทอะนะ” นางพูดอย่างไม่พอใจ ผมก็เลิกคิ้วมองมัน
“ถามจริงๆนะ ไม่รู้สึกอะไรเหรอที่ทำแบบนี้?” ผมถามมันอย่างเหลืออด
“ทำอะไร อิงฟ้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ” พูดอย่างไม่พอใจ
“พี่อ๊อฟไม่ได้ชอบผู้หญิง อิงฟ้าทำแบบนี้อะไม่รู้สึกอะไรเหรอ” มันทำหน้าไม่พอใจ “พี่อ๊อฟคบกับเราอยู่ดีๆ อิงฟ้าก็ไปปั่นเรื่อง เอาตัวเองเข้าแลกเพื่อจะแย่งพี่อ๊อฟไป” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมัน มันมองผมแบบอึ้งๆ เหมือนรู้ได้ยังไง “….ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” ผมถามแบบนิ่งสุดๆ
“มะ...ไม่จริง! พี่อ๊อฟชอบผู้หญิง และพี่อ๊อฟก็ข่มขืนอิงฟ้าแล้วด้วย ถึงนทจะมาพูดยังไงอิงฟ้าก็ไม่ยอมหรอก เพราะอิงฟ้ามีหลักฐานมัดตัวพี่อ๊อฟไว้แล้ว!” พูดอย่างรนๆ ผมก็มองนิ่งๆ
“นี่คิดว่าที่เรามาพูดวันนี้ เราไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ!” มันมองค้อนผม “เรารู้หมดแล้วอิงฟ้า รู้ว่าไอหลักฐานที่อิงฟ้ามี มันเป็นแค่สิ่งที่อิงฟ้าสร้างขึ้นมา” มันมือสั่นเลยทีเดียว “เพื่อที่จะให้พี่อ๊อฟไปคบกับอิงฟ้าไม่ใช่เหรอ เราพูดถูกไหม” ผมมองมันแบบผู้ชนะ
“อย่ามาใส่ร้ายนะนท เราไม่คุยด้วยแล้ว!” กำลังจะหันหลังผมจับไว้ก่อน
“ถามจริงๆเถอะ ก็รู้อยู่ว่าพี่อ๊อฟคบกับเราทำไมถึงทำแบบนี้” มันก็มองผมแบบเหมือนเห็นผี“และสำคัญกว่านั้นเราไม่ใช่ผู้หญิงนะอิงฟ้า เราเป็นเกย์อิงฟ้าก็รู้ ! และที่พี่อ๊อฟมาคบกับเราอิงฟ้าก็รู้ใช่ไหม ว่าพี่อ๊อฟ ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว” ผมบอกมันอย่างใจเย็น อีนี่ ถ้าพูดแบบรุนแรงกับมันมันจะไม่คุย ผมจับกึ๋นมันได้แล้ว
“พะ...พี่อ๊อฟกับนทแค่สนิทกัน พี่อ๊อฟอาจจะแค่เผลอตัวเท่านั้นแหละนท นทก็น่ารักนะ เห็นว่ามีเด็กโรงเรียน...มาจีบไม่ใช่เหรอ นทก็คบกับเขาไปสิ อิงฟ้าก็จะได้คบกับพี่อ๊อฟอย่างไม่มีปัญหา” โลกสดใสเพราะยัยนี่เหรอนี่
“เรามาพูดด้วยดีๆ ว่าจะปล่อยพี่อ๊อฟไปไหม” ผมปล่อยแขนจากมันแล้วกอดอก
“ไม่อิงฟ้าไม่ยอมหรอก!” ทำเสียงแข็ง
“อิงฟ้าก็รู้นะ ว่าคราวที่แล้วเรากับพี่พลอย เป็นยังไง” มันชะงักไป “เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน!” ผมพูดเสียงดัง “และเราจะให้เวลากลับไปคิดนะ ไอคลิปกับรูปอุบาทว์นั่น จะจัดการแล้วปล่อยพี่อ๊อฟ หรือจะต้องมีเรื่องกับเรา เราใจเย็นไม่พอนะอิงฟ้า และที่คุยเมื่อกี้ มันน่ารำคาญ!” ผมเดินไปบีบแขนมัน “ทำเป็นพูดจาโลกสวย กระแดะสะไม่มี!” ผมมองมันตาขวางเลย มันทำหน้าเหมือนจะกลัวผมจริงๆ
“อิงฟ้าก็ไม่ยอมหรอก ถึงนทจะขู่อิงฟ้ายังไงอิงฟ้าก็ไม่ยอม อิงฟ้ารักพี่อ๊อฟ และไม่ว่ายังไง” มันผลักผมออก “อิงฟ้าก็จะทำทุกอย่าง นทก็อย่ามายุ่งกับอิงฟ้าและพี่อ๊อฟ ไม่งั้นอิงฟ้าก็จะไม่ใจดีกับนทเหมือนกัน!” โอ้ย! เจอแต่คนพูดไม่รู้เรื่อง
“ทำไม จะไปบอกทุกคนหรือยังไง ว่าเราบังคับให้ถ่ายคลิปกับรูปน่ะเหรอ? ดูละครมากไปหรือเปล่าอิงฟ้า ใครจะเชื่อห๊ะ!”ผมตะคอกมันไป ต้องคุยยังไง? หรือต้องลงไม้ลงมือก่อน
“นท!” ผมหันไปดู เฮ้อ! พวกเพื่อนๆกับพวกไอสิงโต เดินมากันเป็นแก๊งเชียว พี่อ๊อฟผมก็เห็นนั่งมองอย่างกังวลตอนนี้เดินมาแล้ว........
“นั่นไงนท คนที่อิงฟ้าพูดถึง ก็ดูเป็นห่วงเป็นใยนทดีนะ นทเลือกเขาเถอะ เลิกยุ่งกับพี่อ๊อฟเถอะนะ” นางพูดอย่างจริงจัง
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” ผมกัดฟันพูด
คือผมพยายามพูดกับมันดีๆแล้วนะ แต่มันเล่นโลกสวยทำตัวบ๊องแบ๊วไม่รับไม่รู้อะไรแบบนี้ใครจะทน!......
“มีอะไรกันนท!” ไอสิงโตพูดเสียงแข็ง
“มึงมาทำไมไอสิงโต!” ไอพี่อ๊อฟนี่เสียงดังเลย
“กูมาพาแฟนกูกลับ! มึงก็ดูแฟนของมึงดีๆเถอะ!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“ไอสิงโต ไปกันเถอะ!” ผมรีบแยกมันมาก่อน เดี๋ยวมันจะพูดจนเสียแผนผมหมด
ผมก็ลากมันออกมา มีการตะโกนแหกปากด่าพี่อ๊อฟด้วยนะ ฝ่ายนั้นก็ใช่ย่อย ยอมกันที่ไหน คนก็มองกัน ตอนนี้มันยากกว่าที่คิด ทุกอย่างผมต้องทำแบบระวัง........
“พูดอะไรออกมาวะ!” ผมถามไอสิงโตอย่างไม่พอใจ ตอนนี้เรายืนกันหน้าโรงเรียน
“ก็กูพูดในสิ่งที่อยากพูดไง มึงจะโกรธทำไมวะ!” ไอสิงโตขึ้นเสียงใส่ผม ผมตกใจไปหน่อย มันไม่เคยทำแบบนี้กับผม
“อย่าทะเลาะกันดิวะ!” ไอโค้กจับไหล่ผม
“ไอสิงโต มึงก็เกินไป แค่นี้ต้องขึ้นเสียงใส่ไอนทนะมึง” ปอพูดเสียงติดไม่พอใจแล้วมายืนข้างผม
ผมก็ยืนจ้องมันอย่างนั้นแหละ มันก็ยืนมองผมนิ่งๆ ผมผิดใช่ไหมที่ผมไปไม่พอใจใส่มัน มันเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่พูดอะไร แต่นี่มันเล่นพูดแบบนั้นออกมาแถมยังแสดงอาการอีก แผนผมจะพังไหม แล้วพี่อ๊อฟจะคิดยังไง?.......
“ขอโทษ กูขอโทษ....” ไอสิงโตพูดอย่างใจเย็น
“พวกมึงยังจะไปกันอยู่ไหม?” ผมหันไปถามเพื่อนๆผมอย่างใจเย็น
“แล้วแต่มึงเลยยังไงก็ได้ อะนี่พี่กูเพิ่งเอามาให้” ไอนัทยื่นกางเกงมาให้ผม ผมกำลังจะรับไอสิงโตก็กระชากไป
“กูเอามาให้แล้ว!” ไอสิงโตพูดเสียงดัง แล้วก็เอากางเกงคืนไอนัทไป ผมก็มองแบบไม่พอใจ
“ปะ...ไปกันเถอะเนอะ อากาศกำลังดี” ไอมิน มันพยายามจะพูดเพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้น แต่ผมว่าไม่เลย
เราก็พากันไป ผมก็ทำตัวปกติ ไปซ้อนไอสิงโต มันก็เงียบ พอมาถึงสนามกีฬาก็พากันไปหาที่วางกระเป๋าแล้วพากันไปเปลี่ยนกางเกง พวกไอโค้กนั่งรอกันอยู่ที่วางกระเป๋า ไอสิงโตก็ตามผมมาด้วย ผมก็ไม่พูดอะไร.........
“อะ” ไอสิงโตยื่นกางเกงให้ผม ผมก็รับมา
แล้วก็พากันเข้าไปเปลี่ยกางเกง พอเปลี่ยกันเสร็จก็ออกมา.........
“กางเกงสวยดีนะ!” ไอนัทพูดแดกดัน ผมรู้ไอนัทมันไม่พอใจที่ผมเลือกใส่ของไอสิงโต มันอุตส่าให้พี่มันเตรียมมาให้เนอะ เสียน้ำใจมันหมด
“เอ่อ นัทกะ.....”
มันเดินไปเลย มันงอลผมแล้ว โถ่! ชีวิต พวกผมก็เดินไป ไอสิงโตก็ไม่ห่างผมเลย ไอนัทก็งอลไม่เข้าใกล้ผม  และเราก็มาเดินวอร์มกันรอบสนามกีฬา....
“เอาไงละมึง ตอนนี้มีแต่เรื่องวะ” ไอปอพูดพร้อมทำหน้าเครียด เอาจริงๆคือผมควรเครียดนะ
“ทำยังไงดีวะมึง” ผมถามปออย่างกังวล
“ไปง้อไอนัทเลย” ดันผมไปทางไอนัท
ตอนนี้ไอสิงโตไปเดินกับเพื่อนๆมัน ผมก็พยายามเดินไปใกล้ๆไอนัท มันก็ไม่ยอมหนีห่างผมอย่างเดียวคืออะไร....
“นัท อย่างอลดิว้า! กูก็อยากใส่กางเกงของมึงนะเว้ย!” ผมพูดอย่างกังวล
“เรื่องของมึง!” ไอนัทพูดอย่างไม่พอใจ แล้วก็เดินนำไปเลย
“มึงก็เนอะ มันงอลแล้ว ง้อยังไงละเนี่ยมึงก็รู้อะไอนัทอะ” ไอวิวทำหน้าหนักใจ ใช่แล้ว ไอนัทมันจะงอลจะโกรธคนน้อยมากแต่ถ้าได้งอลนะ ง้อไปเถอะ ง้อจนเบื่อกันไปเลย
“เอายังไงมึง ไอนัทมันงอลมึงด้วย พวกกูไม่เกี่ยวน้า!” ไอมินไอเวรนี่มันก็กวนตีนจัง
ผมก็วิ่งไปหามัน มันไม่หนี และก็ไม่คุยทำเป็นไม่ได้ยินที่ผมพูด ต้องทำยังไงละเนี่ย โถ่!.....
“นัทหายงอลเถอะนะ กูจะไปเปลี่ยนกางเกงแล้วโอเคไหม” มันก็ไม่ฟังทำเป็นไม่ได้ยิน “ปะ...ไปส่งกูเปลี่ยนหน่อยน้าๆๆ”ผมจับข้อมือมัน มันก็ไม่หยุดเดิน
“น่ารำคาญวะ!” โอ้โห! โดนมันตอกหน้าเลย ทีนี้
“มึงรำคาญกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ!” สะเทือนใจจริงๆ
มันก็มองนิ่งๆ ผมก็พูดไปทั่ว มันก็ยังไม่หาย เราก็เริ่มออกวิ่งกันแล้ว ก็วิ่งกันไป จนเหนื่อยก็หยุดพักกัน..........
“อะ” ไอสิงโตยื่นน้ำมาให้ผม ผมก็งงนะว่ามันไปเอาไหนมา แต่ช่างเถอะเหนื่อยก็กินก่อนแล้วกัน
แล้วพวกไอโค้กก็แจกจ่ายน้ำให้เพื่อนๆผม ไอนัทก็ยังไม่หายโกรธทำยังไงดีละ?......
“นัท อย่าโกรธกูดิ มึงให้ทำอะไรกูยอมหมดแล้วนะๆๆๆๆ อย่างอลเลยนะ” ผมเดินไปนั่งข้างมันแล้วอ้อน มันก็ยังนิ่ง
“เกินไปแล้วมั้ง!” ไอสิงโตมันเหมือนจะพูดขึ้นลอยๆ แต่ผมก็รู้แหละว่ามันจะสื่ออะไร
“แฟนมึงจะโกรธนะ!” ไอนัทหันหน้าหนีผม
“ไอสิงโต มานี่เลยมึงอะ!” ผมมองมันตาขวางแล้วก็เดินห่างออกมาหน่อย มันก็เดินตามมา
“หายโกรธกูได้ยัง กูขอโทษ ขอโทษ” ไอสิงโตมันพูดอย่างจริงจัง
“กูยังไม่หายโกรธมึงหรอก เดี๋ยวนี้คือขึ้นเสียงใส่กู? อีกหน่อยมึงไม่ตบตีกูเลยเหรอ” ผมถามมันอย่างหาเรื่อง
“ก็เพราะมึงเลยนท กูเป็นห่วงมึงแต่มึงดันไปปกป้องไออ๊อฟอีก มึงก็เห็นว่ามันเข้าข้างผู้หญิงคนนั้น มึงจะไม่ให้กูโมโหมึงเลยใช่ไหมวะ” มันพูดแบบจริงจัง
“ความจริงมันมีเรื่องที่มึงไม่รู้ และที่กูต้องพูดแบบนั้นเพราะมึงกำลังจะทำแผนกูเสียนะสิงโต” ผมพูดมันชะงักไปนิด
“แผนอะไร เรื่องอะไร มึงกำลังจะทำอะไรอีก!” มันทำหน้าสงสัย
“เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยที่บ้านกูแล้วกัน!” ผมบอกมันยิ้มบาน และก็จับมือผม ตลอดอะ ขอให้ได้ถูกเนื้อต้องตัวหน่อย
“หายโกรธกูแล้วใช่ไหม” มันจับมือผมโยกไปมา ผมรำคาญจริง ถึงมันจะหล่อก็เถอะ
“เออๆ เห็นว่าเพราะเป็นห่วงกูหรอกนะ” มันยิ้มจนไม่เห็นลูกตาแล้ว “แล้วก็ตอนนี้มีหนักกว่าเรื่องกูกับมึงอีกนะ” ผมทำหน้าจริงจัง
“อะไร?” มันทำหน้าบ๊องแบ้ว
“ไอนัทมันงอลกู มึงไม่รู้เหรอเพราะเรื่องกางเกงมึงเนี่ย!”ผมพูดอย่างกังวล
“อะไรวะ แค่กางเกงเนี่ยนะ! มันจะอะไรนักหนา กูเห็นตั้งแต่วิ่งแล้ว หรือมันชอบมึง เดี๋ยวกูจะไปเคลียล์” มันพูดเองเออเองแล้วก็จะเดินไปผมก็จับมันไว้
“ไอสิงโต มึงฟังกูก่อน คือไอนัทมันไม่ค่อยงอลหรือโกรธใครหรอก แต่ถ้ามันงอลทีง้อยากชิบ คือกูจะบอกมึงว่า มึงอย่าเยอะ เพราะมึงเป็นคนก่อเรื่อง เก็ทไหม อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดมาก กูจะง้อมันเอง” ผมชี้หน้าอย่างออกคำสั่ง
“อะไรวะ แค่เพื่อนงอลนะเว้ย! มึงอย่าจริงจังได้ไหม แบบนี้มึงก็ไม่มีเวลาให้กูเลยดิ ไม่เอาๆ ไปง้อกันที่โรงเรียนนู่น!” ผมเอามือตบหน้าผากตัวเองหนักมาก ทุกวันนี้คนที่พูดง่ายๆมีอยู่ม้ายยยยยย!
“เดี๋ยวมึงก็ไปส่งกูบ้าน และมึงก็โทรหากูวันละหลายๆเวลา นี่ยังไม่มีเวลาให้มึงอีกเหรอห๊ะ!” ผมพูดอย่างเหลืออด
“ไม่พอวะ ยิ่งตอนอยู่กับมึงกูยิ่ง.....” โน้มหน้ามาใกล้ๆ ผมถอยนิดนึงเพราะคนค่อนข้างเยอะ “ยิ่งอยากอยู่นานๆ” (ยิ้ม)
“อย่ามาน้ำเน่าไอสิงโต ทำตามที่กูบอกด้วย!” ผมชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ จริงๆก็เขินแหละแต่ก็กลบเกลื่อนไปก่อน
ผมก็เดินมาเลย ไอสิงโตก็เดินตามมาพูดจาบ้าบออะไรไม่รู้ พอถึงที่เพื่อนๆนั่งผมก็ไปนั่งข้างไอนัท ไอสิงโตก็ไปนั่งกับพวกไอโค้ก.........
“กินติมไหมกูเลี้ยง” ผมยิ้ม ไอนัทก็มองนิดหน่อย แล้วก็ก้มเล่นโทรศัพท์ไป
“นัทมึงก็อย่าไปงอลไอนทเลย มึงก็รู้ไอสิงโตมันเอาแต่ใจอะ” ไอปอพูดเบาๆ กลัวไอสิงโตได้ยิน555
“เออนัท นทมันง้อเยอะแล้วนะเว้ย! เดี๋ยวมันเบื่อมึงจะกร่อยเอานะ!” ไอวิวพูดติดตลก
“กูมันน่าเบื่ออยู่แล้ว ไม่เหมือนแฟนมันหรอก” ไอนัทพูดประชดประชัน
“นัทมึงอย่าใจร้ายดิ้ อยากให้กูทำอะไรบอกมาเลยเร็วๆ กูทำทุกอย่างเลยน้าๆๆๆ” ผมกอดแขนมัน
“ทุกอย่าจริงนะ!” มันถามนิ่งๆ แต่ยังคงเก๊ก!
“อื้ม อะไร ได้หมดเลย จะเลี้ยงข้าว หรือไอติมหรืออะไรก็ได้นะๆๆ กูขอโทษเรื่องกางเกงน้าๆๆ” ผมเขย่าแขนมัน
“อืมๆ” (ยิ้ม) “งั้น.....” โน้มมากระซิบผม... “ไปขอเบอร์ผู้หญิงคนนั้นให้กูหน่อย” ชี้ไปทางผู้หญิงเอ่อ น่ารักเลย แถมยืนกับผู้ชายอีกตังหากแฟนเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผู้ชายดูน่าจะแก่กว่า ส่วนผู้หญิงน่าจะรุ่นพี่ผมมั้ง
“นัทเขามากับแฟนหรือเปล่าวะ ไม่ใช่มึงหาเรื่องให้กูโดนตีนเหรอ” ผมถามอย่างกังวล
“ไหนว่าทำอะไรก็ได้ไง!” มันก้มหน้าหงอยเลย ผมรู้สึกผิดแบบกะทันหันเลยทีเดียว
“กะ..ก็ได้มึง อย่านอยดิ แปปแล้วกัน” ผมก็ลุกขึ้น เพื่อนๆก็มองงงๆ
ผมก็เดินไปหาผู้หญิงคนนั้น เอ่อ ก็เงอะๆงะๆแหละ เพราะกลัวเขามากับแฟนผมยุ่งเลยนะ งานโดนตีนก็มาไง555...
“อะ...เอ่อขอโทษนะครับ” ผมเดินไปพูดใกล้ๆ เขาก็หันมา ผู้ชายคนนั้นก็หันมา
“คะ”  ผู้หญิงมองอย่างสงสัย
“อะ..เอ่อ พะ..พอดีเพื่อนผมอยากได้เบอร์อะครับ” บอกอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ดูไอผู้ชายคนนั้นมันมองผมดิ นิ่งเกิ้นน่ากลัว
“คนไหนอะคะ? ทำไมเขาไม่มาขอเอง” ผู้หญิงถามอย่างกวนๆ
“คะ...คือ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรครับ” ผมยิ้มอ่อนส่งไป เกรงใจไอผู้ชายที่มากับเขาด้วย ถ้าเขามาคนเดียวหรือกับเพื่อนๆผมจะไม่พูดมากเลยนะแต่นี่ เอิ่ม! ผมก็กำลังจะเดินหันหลัง ก็มีมือมาจับแขนผมไว้
ผมหันกลับไปมอง เป็นผู้ชายคนนั้นเอง ผมนี่ปั้นหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว......
“เดี๋ยวสิ! จะเอาเบอร์ไม่ใช่เหรอ?” พี่ผู้ชายเขาพูดเสียงเข้มผมก็มองงงๆ
“ครับ?” ผมมองงงๆ
“ได้สิ อะนี่เบอร์เรา” ผู้หญิงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนแล้วยื่นให้ผม ผมยิ้มกว้างเลย
“ขอบคุณครับ” ยิ้มพวกเขาก็ยิ้ม “คือพี่...เป็นแฟนกับคนนี้หรือเปล่าครับ” ผมถามแบบกล้าๆกลัวๆ
“คิดว่ายังไง? ถ้าคิดว่าเป็นแฟนแล้วยังกล้ามาขออีกเนี่ยนะ” พี่ผู้ชายทำเสียงกวนๆผมหน้าเสียเลย
“งะ...งั้นผมไม่เอาแล้วครับ ขอโทษด้วยครับ” ผมรีบยื่นกระดาษคืนเลย
แล้วแล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกัน ผมก็มองงงๆ.....
“ตลกอะไรกันอะครับ” ผมถามแบบสงสัย ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าตลกตรงไหนแค่ถามเอง
“นี่พี่ชายเรา ไม่เหมือนกันเลยเหรอ” ผู้หญิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“มะ...ไม่นะครับ ไม่เหมือนเลย” ผมยิ้มอ่อนส่งไป ตกใจนิดๆ
“ทำหน้าตลกไปละน้อง55” ผมมองนิ่งๆเลย อารมณ์แบบกูเป็นตัวตลกของพวกมึงสินะ
“ขอบคุณนะครับ เพื่อนผมคนนั้นอะครับ ที่นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์” ชี้ไปทางไอนัท พวกนั้นก็มองกันอยู่แล้วมันคงงงว่าผมทำอะไร “ที่มันให้ผมมาขอ” (ยิ้ม)
“ให้แอดไลน์มาก็ได้เนอะ” ยิ้ม มันง่ายแบบแปลกๆเนอะ
“ครับ ขอบคุณมากครับ” (ยิ้ม) “งั้นผมไปก่อนนะครับ” แล้วก็โบกไม้โบกมือ แล้วก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ
ผมหอบเลย อายก็อาย ไอนัทนะถ้ามันไม่งอลอย่าหวังว่าผมจะทำเถอะ....
“อะ” ยื่นกระดาษให้ไอนัท มันยิ้มเลย “เขาบอกแอดไลน์ไปก็ได้” แล้วก็นั่งลง
“ไปไหนมานท!” ไอสิงโตเสียงแข็งอีกแล้ว
“ไอนัทมันให้ไปขอเบอร์สาวให้” ผมยักคิ้วให้มัน มันก็พยักหน้ารับรู้
“เจ๋งวะ! นทขอให้กูบ้างดิ คนนั้นก็น่ารักนะ” ไอมินชี้ไปทางกลุ่มผู้หญิง
“พอเลย พวกมึงแมนๆกันหน่อยดิวะ กูก็อายเป็นนะเว้ย!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เออ ต้องแมนๆเว้ย! ไปเลยไอมินอยากได้ไปขอ” ไอวิวดึงไอมิน ไอมินก็รั้งตัวไว้
แล้วพวกมันก็เถียงกันไปแบบนั้นแหละ เราก็ไปเล่นบอลกัน จริงๆคนอื่นเขามาชวนไปเล่น เล่นได้แปปเดียวก็กลับ เพราะว่ามันจะค่ำแล้ว ก็แยกย้ายกัน พวกไอโค้กก็ไปส่งเพื่อนผมที่บ้านกัน ผมก็กลับกับไอสิงโต ระหว่างทางกลับมันก็พูดอย่างกับคนไม่เคยพูดเช่นเดิม ย่อยและย่อย พอถึงบ้านผมก็ลงรถ มันก็ลงตามมา.............
“ยังไม่กลับเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็มึงจะเล่าอะไรให้กูฟัง?” มันถามอย่างกวนๆ
ผมก็มองแบบเบื่อหน่ายจริงๆ ก็นึกว่ามันลืมไปแล้ว ไม่อยากให้มันรู้อะไรมากหรอก ผมก็พามันเข้าไปในบ้านคุยกับป๊าแม่พี่โน๊ตนิดหน่อยก็พาขึ้นบ้าน พอเข้าห้องนอนผมมา ผมก็เริ่มเล่าเรื่องที่พี่อ๊อฟโดนยัยอิงฟ้ามันทำไป มันก็ถามบ้างผมก็ตอบในสิ่งที่มันสงสัยไป พอเล่าจบ.........
“ก็เป็นแบบนี้แหละ” ผมพูดนิ่งๆ
“เออ ผู้หญิงก็แปลกเนอะ ผู้ชายมีเยอะแยะทำไมต้องมายุ่งกับไออ๊อฟก็ไม่รู้” มันทำท่าสงสัย
“มึงก็รู้เรื่องแล้ว อย่าเยอะเข้าใจไหมทีหลัง” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เออๆ แต่มันไม่เสี่ยงไปเหรอ ถ้ามึงไปยุ่งมากๆ มันอาจจะโยนให้มึงว่ามึงเป็นคนบังคับให้ทำก็ได้นะเว้ย” มันพูดอย่างกังวล
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” ผมมองนิ่งๆ
“เออๆ แล้วแต่มึง! แต่ถ้ามีปัญหากูก็ไม่อยากให้มึงทำนะนท กูเป็นห่วงมึงนะ” มันจับมือผม
“กูรู้ แต่เรื่องแค่นี้เองไม่ใหญ่หรอก กูจัดการได้อยู่แล้ว” ผมพูดอย่างชิว ใจจริงก็แอบกังวลอยู่
“ให้กูช่วยอะไรไหม” มันถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้อง อย่าเข้าไปข้องเกี่ยวเยอะจะดีกว่า”(ยิ้ม)
ผมกับมันก็คุยกันไปสักพักมันก็กลับ พอมันกลับผมก็คุยอยู่กับป๊าแม่พี่โน้ตสักพัก ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ไปนอนกับพี่โน้ต เพราะต้องโทรหาพี่อิฐบ้าง หาข้อมูลเพื่อนๆยัยอิงฟ้าบ้าง บางทีมันก็วุ่นๆกว่าที่คิด.......
อีกวันนึงผมก็ไปโรงเรียนตามปกติโดยมีพี่โน้ตไปส่ง พอไปโรงเรียนก็ไปนั่งเม้ามอยกับเพื่อนปกติ และก็เหนื่อยเป็นพิเศษต้องง้อไอนัท ดีมันยอมคุยด้วยบ้างแม้จะเย็นชาสุดๆก็ตาม จนขึ้นเรียนก็ไปเรียนกันตามปกติ.........

ออฟไลน์ Oaokhodomo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กำลังเข้มข้นเลย มาต่อนะครับ รอฉากพี่ดินกับพี่ไฟอยู่นะครับ :hao6:
คิดถึงบอร์ด gterday ขึ้นมาเลย

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กำลังเข้มข้นเลย มาต่อนะครับ รอฉากพี่ดินกับพี่ไฟอยู่นะครับ :hao6:
คิดถึงบอร์ด gterday ขึ้นมาเลย

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“เรื่องเมื่อวานนี่มึง...” อยู่ๆปอก็ถามขึ้นมาขณะเรียนอยู่
“อืม เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ผมก็เรียนไป ก็พอคิดได้แล้ว ว่าจะทำยังไง เฮ้อ! พอได้เวลาพัก ปอก็ลากผมไปห้องน้ำ แล้วก็บังคับให้เล่าให้มันฟัง ผมก็เล่าไป มันก็อึ้งนะ ........
“แล้วอย่างนี้มึงจะทำยังไงวะ?” ปอถามอย่างกังวล
“กูก็พอคิดได้นะ แต่ไม่รู้ว่าจะดีไหม” ผมทำหน้าเครียด
เราคุยกันไปสักพักก็พากันไปกินข้าวกับเพื่อนๆ โดยที่ปอก็ยืนยันว่าจะช่วยคิดและแก้ปัญหา ปัญหานี้มันดูเหมือนง่ายๆ แต่ทำไมผมมองว่ามันดูยากจัง? เฮ้อ! พอกินข้าวเสร็จก็ต้องขึ้นเรียน และอีแนนก็วิ่งหน้าตื่นมาอีกตามเคย......
“นท มึงเห็นรูปนี้ยัง!”ยื่นโทรศัพท์มันมาให้ดู ผมตกใจสิ มันเป็นรูปที่พี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้าเอ่อ! นอนกอดกันอิงฟ้าไม่ใส่เสื้อด้วย คือถ้าไม่รู้ คนเขาคงคิดว่าทำอะไรกัน แบบเพิ่งเสร็จกิจ
“มึงไปเอามาจากไหน?!” ผมถามอย่างตกใจ
“ก็เพื่อนๆยัยอิงฟ้าน่ะสิ เอามาให้พวกกูดูบอกว่าอิงฟ้าเอามาให้ดู” อีวาสพูดขึ้น
“ถ้ามันไปถึงมือครูพวกมึงก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” ผมพูดเสียงแข็ง
“ใจเย็นๆน่ามึง!” ปอจับไหล่ผม “แล้วทำไมพวกมันถึงเอามาให้พวกมึงดูละ?” ผมหันไปถามพวกอิแนน
“ก็พวกมันอะหมั่นไส้ยัยอิงฟ้าไง บังคับพี่อ๊อฟให้ทำตามที่มันบอกทุกอย่างเลยนะ แล้วมีการบอกว่ารูปนี้อะ พี่อ๊อฟขืนใจมัน!” อีแนนพูดแบบใส่อารมณ์ คงอินมากสินะ
พวกมันก็พูดกันไป ผมนั่งฟังแล้วก็หงุดหงิด อิงฟ้ามันเริ่มปล่อยข่าวแล้ว ผมว่าผมคงต้องเร่งจัดการแล้ว ยิ่งรอยิ่งจะมีแต่ผลเสีย! สักพักครูก็เข้าสอนผมก็เรียนไป พอเลิกเรียน ผมก็ตรงไปชมรมพี่อ๊อฟเลย โดยมีเพื่อนๆตามมา เพื่อนๆทุกคนในกลุ่มผมรู้หมดแล้ว ว่าเรื่องมันเป็นยังไงเพราะปอเล่าให้ฟัง และวันนี้ที่ผมมาชมรม ผมไม่ได้มาหาพี่อ๊อฟหรืออิงฟ้า แต่มาหาพี่เฟิส คนที่เป็นคนถ่ายคลิปและอยู่ในเหตุการณ์ และแน่นอนว่าตอนนี้พี่อ๊อฟกับอิงฟ้าไม่ได้อยู่ชมรมหรอก อิงฟ้ามันลากพี่อ๊อฟไปดูมันเต้น พอถึงชมรม ผมก็เข้าไปตามหาพี่เฟิส เพื่อนๆก็รออยู่ข้างนอก เพราะผมก็จำหน้าเขาไม่ได้หรอก ผมไปถามเอากับพี่ดาวก็เจอ เป็นรุ่นพี่เอ่อ....ทำไมผมไม่คุ้นเลย
“พี่ดาว ทำไมผมไม่เคยเห็นพี่คนนี้เลยละ” ผมถามอย่างสงสัย
“ไอเฟิสมันไม่ค่อยเข้าหรอกชมรม แต่มันฝีมือดีไงครูเลยอนุโลมให้” พี่ดาวพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็พยักหน้ารับรู้ถามอะไรพี่ดาวนิดหน่อย ผมก็เดินไปหาพี่เฟิสที่นั่ง สเก็ตภาพวาดจากในมือถืออยู่......
“พี่เฟิสครับ” ผมเดินไปนั่งข้างๆพี่เขา พี่เขาก็มอง “ผมนทครับพี่ เป็น..นะ น้องพี่อ๊อฟครับ” ยิ้ม เดาว่าพี่เฟิสคงยังไม่รู้ก็ดีแล้ว จะได้ง่ายไปหน่อย
“มีอะไร?” ถามได้ห้าวมาก คือทำหน้ากวนตีนด้วย
“พี่เฟิส ผมรู้เรื่องรูปกับคลิปที่อิงฟ้าให้พี่เฟิสถ่ายจากพี่อ๊อฟ..”มันมองผมแบบชะงักไปนิดแต่ก็ปรับสีหน้าปกติเหมือนเดิม
“ทำไมวะ?” มันมองอย่างสงสัย
“ตอนนี้พีอ๊อฟโดนอิงฟ้าแบลคเมล์เพราะรูปที่พี่ถ่ายให้ และตอนนี้ภาพมันก็เริ่มหลุดแล้ว” ผมพูดอย่างจริงจัง
“แล้วไงวะ? ไม่เกี่ยวอะไรกับกูสักหน่อย” มันพูดอย่างกวนตีนแล้วก็ก้มหน้าสเก็ทภาพต่อ
“พี่เฟิส ช่วยเป็นพยานให้พี่อ๊อฟหน่อยเถอะนะ ถ้ารูปพวกนั้นหลุดไป” ผมทำหน้าขอร้องมัน มันก็มองนิ่งๆ
“ถ้ากูไปเป็นพยานให้ไออ๊อฟ แล้วอิงฟ้าบอกว่ากูเป็นคนถ่ายกูก็ซวยอะดิ!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“พี่อ๊อฟบอกว่าพี่โดนบังคับนิ!” ผมพูดอย่างไม่ยอมมันชะงักไปนิด
“กูไม่รู้ !” มันทำลอยหน้าลอยตา ไอเวรนี่
“ช่วยเถอะนะพี่ พี่อ๊อฟก็เพื่อนพี่นะ” ผมบอกอย่างใจเย็น
“กูก็ห่วงตัวกู! วันนั้นมันก็ถ่ายกับกูไป มึงจะให้กูทำยังไงวะ!” มันกระชากคอเสื้อผมแล้วมาพูดใกล้ๆ ผมตกใจสิ
“แล้วพี่จะปล่อยให้มันขู่แบบนี้อะเหรอ” ผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มีหลักฐานขนาดนั้น กูไม่อยากซวยวะ” มันทำหน้าขยาด
“งั้นร่วมมือกับผมก็ได้นะ ช่วยหน่อยนะๆ” เขย่าแขนมัน
“ไม่!” มันสะบัดแขนออก แล้วมองผมตาขวาง “กูว่ามึงเลิกยุ่งเถอะ ไม่งั้นมึงนั่นแหละที่จะซวยไปด้วย อิงฟ้ามันไม่ธรรมดาอย่างที่มึงคิดหรอกนะ!” มันพูดอย่างจริงจังแล้วลุกหนีผมไป
ผมก็มองมันเดินไป ไอพี่เฟิสก็โดน? โดนถ่ายยังไงวะ? แล้วผมจะทำยังไงละทีนี้ โถ่เว้ย! ผมก็มองตามไอพี่เฟิส แล้วทำไมมันต้องทำเหมือนกลัวอิงฟ้าขนาดนั้นด้วย ผมกำลังจะลุก พี่ดาวก็มาดึงแขนผมไว้แล้วนั่งลงข้างผม......
“เรื่องอิงฟ้า...ใช่ไหม” พี่เขาพูดแบบจริงจัง ผมก็พยักหน้า “อะนี่” พี่ดาวยื่นแฟรชไดร์ฟให้ผม “ตอนนี้นทไปเอาไออ๊อฟคืนมาเถอะ พี่ว่ามันไม่โอเคเท่าไหร่เลยวะ มันโครตซึมอะนท เหมือนโดนผีสิง” พี่ดาวพูดแบบจริงจัง แล้วพวกพี่ๆเขาก็มานั่งข้างๆผม
“ใช่นท พี่เห็นมานานแล้ว หมั่นไส้จริงยัยนี่ ทำเป็นใสๆ” พี่หนิงทำหน้าหมั่นไส้
แล้วพวกพี่เขาก็พูดกันไปในหลายๆเรื่อง ผมก็ฟังอย่าตั้งใจก็ประมานทั้งหมั่นไส้และรำคาญในความจู้จี้ของยัยอิงฟ้า ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ไม่ได้เลยนู่นนี่นั่น แล้วก็บลาๆๆๆจนมาหยุดอยู่เรื่องนึง.....
“หญิง มึงเล่าดิวันนั้นอะ เกิดอะไรขึ้น” พี่ดาวหันไปบอกพี่หญิง
“วันนั้น ใช่วันที่อิงฟ้ามันถ่ายคลิปหรือเปล่า แล้วพี่หญิง?” ผมมองอย่างสงสัย
“หญิงเป็นคนที่นอนห้องเดียวกับอิงฟ้า มันรู้ทุกอย่างเลยนะ แล้วก็มาบอกพวกเรา ที่พี่ไม่บอกนท เพราะกลัวนทจะเสียใจนะ” พี่ดาวมองผมอย่างจริงจัง เพราะพี่ดาวคอยบอกผมทุกอย่างช่วงที่พวกที่เขาไปทัศนศึกษา
แล้วเขาก็เริ่มเล่ากัน ซึ่งตอนนี้ไอพี่เฟิสเดินไปไหนไม่รู้แล้ว วันนั้นอิงฟ้ากับไอพี่เฟิส นัดอะไรกันไม่รู้ซึ่งพี่หญิงเขาก็สงสัยตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรแต่พอพูดถึงอะไรแอบถ่ายสักอย่าง พี่หญิงเขาเลยตามไปดู พออิงฟ้ากับเฟิสเข้าห้องไป พี่หญิงก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ เลยไปตามพี่หนิงกับพี่ดาวมาดู แต่ปรากฏว่าประตูล๊อค พวกพี่เขาเลยเข้าไปห้องข้างๆที่เพื่อนเขาอีกสองคนอยู่ซึ่งห้องข้างๆมันสามารถเชื่อมเข้าห้องพี่อ๊อฟได้ พี่เขาก็แอบไปเปิดดู ก็เลยเห็นทุกอย่าง ตั้งแต่การจัดฉากและให้ไอพี่เฟิสถ่าย ก็คือเหมือนที่พี่อ๊อฟเล่าเลย ผมก็อึ้งเลยสิ...........
“จริงๆดาวมันจะบอกนทตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ แต่พี่ห้ามไว้” พี่หนิงพูด ผมก็มองแบบสงสัย “ตอนแรกพี่คิดว่ามันคงไม่มีอะไรมาก แต่มาตอนนี้พี่คิดว่าหนักนะ นทถึงขนาดต้องมาขอให้ไอเฟิสช่วย! คราวที่แล้วพวกพี่ก็พอรู้นะเรื่องพลอย พี่เห็นว่านทคงจัดการเองได้ไม่มีปัญหาอะไรก็เลยไม่ได้บอก กลัวว่านทจะเสียใจด้วย” พี่หนิงพูดแบบจริงจัง
“ตอนแรกผมก็จะจัดการเองแหละครับ แต่เพราะรูปและคลิปนั้น ทำให้ผมกลัวจะทำให้พี่อ๊อฟเดือดร้อนน่ะสิครับ ถ้าผมทำอะไรใจร้อนลงไป” ผมพูดนิ่งๆ
“เอาเป็นว่าพี่ช่วยได้เท่านี้นะ” ชี้มาที่เฟรชไดร์ฟในมือผม “ที่ไม่บอกเพราะพี่ไม่อยากยุ่งด้วยแหละ อิงฟ้าเป็นถึงหลาน ผอ. ที่ไปกับชมรมได้เพราะผอ.ให้ส่งชื่อมันไปด้วยนะสิ!” พี่ดาวพูดแบบไม่พอใจ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจอะไรแล้ว
ตอนแรกก็ไม่ค่อยพอใจในความคิดของพี่หนิงสักเท่าไหร่ที่ไม่ยอมบอกผมคิดว่าผมจัดการเองได้? ผมไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่นะ ที่จะจัดการไปได้ทุกเรื่อง แต่พอมาได้ยินว่าเป็นหลานผอ. อ๋อ ใช้อำนาจงั้นสินะ หึ! ผมคุยอะไรกับพวกพี่เขาอีกนิดหน่อย  ผมก็ลุกเดินออกไปหาเพื่อนๆ แล้วก็เล่าให้พวกมันฟังแค่เรื่องที่พี่เฟิสพูด พวกมันนี่เครียดแทนผมใหญ่เลย จริงๆไม่อยากปิดบังอะไรหรอก แต่เดี๋ยวเพื่อนๆจะซวยไปด้วย ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นผมก็ขอเป็นคนเดียวแล้วกันที่เป็นคนผิด ไม่ได้อวดเก่ง มันเป็นเรื่องของผมกับพี่อ๊อฟ ถ้าเพื่อนๆจะเข้ามายุ่งและเดือดร้อน ผมไม่เอาหรอก ตอนนี้ผมอยากรู้แล้ว ว่าอะไรอยู่ในแฟรชไดร์ฟ...........
“มึงกูว่าไปปรึกษาพวกพิ้งไหม เพื่อนห้องมัน มันอาจจะช่วยได้นะ!” ไอวิวพูดอย่างใจเย็น
“มึงรู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นจะช่วย และอีกอย่างที่อีแนนบอกว่าพวกมันเอารูปมาให้อีแนนดู ก็เพราะมันอาจจะรู้ว่า ยังไงๆ มันก็ต้องเอามาให้กูดู ใช่ไหม”มันทำท่าคิดกันแล้วก็พยักหน้า
“แล้วพี่อ๊อฟทำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะ?” ไอนัทถามนิ่งอย่างสงสัย แต่ก็ก้มหน้าก้มตาเอาแต่จ้องมือถือ ไอนี่ถึงจะงอลแต่ก็ยังเป็นห่วงผมนะเนี่ย
“มันจะทำอะไรได้วะ แค่ขยับอิงฟ้าก็เกาะติดยิ่งกว่าเห็บหมาอีก!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
ผมกับเพื่อนๆก็ยืนคุยกันอยู่ด้านหน้าชมรมไอพี่อ๊อฟเนี่ยแหละ สักพักพี่อ๊อฟก็เดินมากับอิงฟ้า ตอนแรกอิงฟ้ามันเห็นผม มันดึงพี่อ๊อฟให้ แต่เหมือนพี่อ๊อฟไม่ยอม มันก็เลยต้องได้เดินมา พอมาใกล้ๆพี่อ๊อฟก็มองผมตาไม่วางเลย.....
หมับ!....ผมคล้องแขนพี่อ๊อฟเลย ทุกคนก็มอง ประมาณว่าผมจะทำอะไร....
“ปะ...”
“พี่อ๊อฟ เราไปหาไรกินกันเถอะ!” ผมพูดตัดบทอิงฟ้าด้วยน้ำเสียงที่สดใส และก็ยิ้มบานแบบไม่สนอิงฟ้า
“อะ เอ่อ!” พี่อ๊อฟแสดงท่าทีอึดอัดเล็กน้อย
“ไปเถอะน่า” ผมยิ้มแล้วก็ดึงพี่อ๊อฟมาเลย
อิงฟ้าหน้าเกือบคว่ำเพื่อนๆขำกันใหญ่เลยละ....
“ปล่อยพี่อ๊อฟเดี๋ยวนี้นะ!” นางพูดเสียงดัง แล้วมาดึงพี่อ๊อฟผมก็ไม่ปล่อย
ผมกับมันดึงกันไปมาพักนึงเห็นพี่อ๊อฟเริ่มเจ็บละ ผมก็ปล่อยมือพี่อ๊อฟ ยัยอิงฟ้าล้มไปกองอยู่กับพื้ ส่วนพี่อ๊อฟแค่เซๆ เพื่อนๆก็พากันยืนหัวเราะกัน พี่ๆในชมรมก็ออกมายืนดู...........
“เอางี้แล้วกัน” (ยิ้ม) “พี่อ๊อฟจะไปกับใครครับ” ผมยิ้มอย่างมั่นใจ พี่อ๊อฟมันเลิกลั่กนิดหน่อย
“พี่อ๊อฟ อิงฟ้าจะไม่พูดนะคะ!” นางพูดข่มขู่
“อะ เอ่อ” ทำหน้าคิดหนักเลยทีนี้
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ ไปกินติมกับผมดีกว่า” ไปคล้องแขนแล้วดึงมาเลย ยัยอิงฟ้าก็วิ่ตามมาคล้องแขน ศึกแย่งผู้ชายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“พี่อ๊อฟไปไหนอิงฟ้าก็จะไปด้วย!” พูดเสียงแข็งมองค้อนผม
“หน้าไม่อาย!” ผมพูดขึ้นลอยๆ แต่คงเสียงดังไปนิด
“นทนั่นแหละที่หน้าไม่อาย! มาแย่งแฟนอิงฟ้าทั้งๆที่มีแฟนอยู่แล้ว!” ผมมองมันตาขวาง แล้วหยุดเดิน ตอนนี้ก็เห็นเพื่อนๆตามมาไม่ห่าง
“ผู้หญิงอะไรน่าไม่อาย มาแย่งแฟนเกย์ หน้าด้านสะไม่มี!” ผมมองมันด้วยสายตาที่รังเกียจ
“พี่อ๊อฟไม่ได้เป็นเกย์ และพี่อ๊อฟก็ไม่ได้ชอบนทด้วย!” มันก็ไม่ยอม
“ใช่! พี่อ๊อฟไม่ได้ชอบกู แต่พี่อ๊อฟรักกู!” เสียงดังใส่มัน “ใช่ไหมพี่อ๊อฟ!” กระตุกแขนมัน มันมองผมแล้วยิ้ม
“ใช่! กูรักมึงนท” ยิ้ม ผมหันไปยิ้มเยาะให้อิงฟ้า มันทำหน้าเจ็บปวดและก็ปล่อยมือจากแขนพี่อ๊อฟ
“คงได้ยินชัดแล้วนะ! อ้อ” เดินไปหามันแต่มือผมก็ไม่ปล่อยจากพี่อ๊อฟนะ “แล้วรูปกับคลิปนั่น ไม่จำเป็นต้องจงใจเอามาให้กูดูหรอกนะ ถือว่ากูให้พี่อ๊อฟไปยืมเป็นนายแบบแก้เงี่ยนของมึงแล้วกัน เพราะมากกว่านี้อะ กูก็ทำกันมาแล้ว” ผมพูดกระซิบแล้วยิ้มอย่างสะใจให้มัน มันยืนกำหมัดแน่นเลย
“แล้วนทจะได้รู้!” นางกัดฟันพูด ตาเริ่มแดง
“ไม่มีอะไรที่ต้องรู้หรอกนะ เรื่องที่มึงต้องรู้ก็คือ มึงไปขู่อะไรไอพี่เฟิสไว้ตังหาก!” มันทำหน้าตกใจ “และจะบอกให้นะ อยากจะเอาคลิปกับรูปนั่นไปแขวนคอประจานตัวเองโชว์ที่ไหนก็เชิญ เพราะ....” เดินไปบีบแขนมัน มันก็พยายามดึงออก “กูไม่สนใจคนอุบาทว์อย่างมึงหรอก!” ผลักมันเกือบล้ม
“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟจะต้องรับผิดชอบอิงฟ้านะ! พี่อ๊อฟได้อิงฟ้าแล้วก็จะทิ้งหรอ!” นางเริ่มบีบน้ำตา
“อิงฟ้าแต่เราไม่ได้มีอะไรกันนะ” พี่อ๊อฟพูดอย่างลำบากใจ ดูเหมือนมันจะเห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้สะด้วย
“แต่อิงฟ้ามีหลักฐานนะพี่อ๊อฟ อิงฟ้าจะเอาไปให้พ่อดู แล้วพี่อ๊อฟก็จะต้องรับผิดชอบ” น้ำตาไหล
“พอเถอะ อิงฟ้า ผู้ชายมีเยอะแยะ เสือกมาเลือกพี่อ๊อฟที่เป็นแฟนกู มึงบ้าป่ะ!” ผมเสียงดัง ตอนนี้คนเริ่มมอง แต่ก็ไม่มากเพราะมันเลิกเรียนแล้ว
“อิงฟ้าไม่ได้บ้า! นทนั่นแหละ! มาแย่งพี่อ๊อฟไป!” มันตะคอกผม
“รู้อะไรไหม” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมัน ผมปล่อยมือจากพี่อ๊อฟแล้ว “มันไม่ได้อยู่ใครจะแย่งใครไปหรอกนะ แต่มันอยู่ที่ว่า พี่อ๊อฟจะเลือกใคร เท่านั้นแหละ!” ยิ้มเหยียด มันก็เช็ดน้ำตาล้วกๆ แล้วผลักอกผมให้ถอยห่าง
“อิงฟ้าไม่ยอมหรอก! แล้วนทคอยดูละกัน!” พูดจบมันก็วิ่งไปเลย
การทำแบบนี้มันอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะผลที่ตามมามันคงจะน่าปวดหัวไม่น้อย แต่ผมคงสติแตกแล้วจริงๆ ว่าจะหาวิธีที่มันดีกว่านี้แล้วเชียว ผมว่าพรุ่งนี้ผมอาจจะต้องมีปัญหา และแน่นอนว่าผมเตรียมรับมือไว้แล้วแน่ๆผมก็มองพวกพี่ๆในชมรมเฮกัน เหมือนดูมวย เพื่อนๆกับพี่อ๊อฟมองผมอย่างสงสัย พวกพี่ในชมรมเขาก็กลับเข้าไปในชมรมกัน........

“คืออะไรวะ นี่คือสิ่งที่มึงจะทำ? มึงทำตั้งแต่แรกก็ได้ ปล่อยให้กูอยู่กับมันทำไมตั้งนานวะ! กูทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย โถ่!”พี่อ๊อฟพูดอย่างหัวเสีย
“ใจเย็นๆ ผมก็เพิ่งได้ข้อมูลสำคัญมาเนี่ย! อย่าเพิ่งใจร้อนดิ”ผมพูด ในใจผมตอนนี้เริ่มมีความกังวลขึ้นมามากมาย
“ข้อมูลอะไรวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“พรุ่งนี้ถ้าอิงฟ้ามันเล่นตลกกับกู พวกมึงก็รู้เองแหละ แต่วันนี้ไปกินไอติมกัน กูเลี้ยงทุกคน” ผมพูดด้วยความอารมณ์ดีแล้วยิ้มบานออกมา
แล้วพวกมันก็บ่นผมกัน ผมก็แถไปทั่วแล้วเราก็พากันไปหาไอติมหน้าโรงเรียนกินกัน ตอนแรกพวกเพื่อนๆก็บ่นผม พอเห็นของกินเท่านั้นแหละ แทบไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่ยอมกิน.....
“ทำไมไม่กิน?” ผมถามพี่อ๊อฟอย่างสงสัย
“มึงทำอะไรวะนท?” พี่อ๊อฟถามอย่างจริงจัง
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย อย่าคิดมากน่า!” ยิ้ม ก็ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆนี่ พวกพี่ๆในชมรมต่างหากที่ทำ
พี่อ๊อฟก็ยังคงรัวคำถามใส่ผม  ผมก็ลอยหน้าลอยตากินไอติมไป จนเสร็จก็แยกย้ายกัน ผมก็เดินไปกับพี่อ๊อฟที่โรงรถ....
“เดี๋ยว!” ห้ามพี่อ๊อฟขณะที่พี่อ๊อฟกำลังจะขึ้นรถ “เอาผ้าใต้เบาะรถออกมาเดี๋ยวนี้เลย!” ผมพูดเสียงแข็ง
มันก็เปิดเบาะใต้รถหยิบผ้ามาให้ผม ผมก็ให้มันถือไว้ แล้วก็หยิบขวดน้ำของผมขึ้นมา เทราดทั้งเบาะรถเลย....
“นทมึงทำอะไรเนี่ย!” พี่อ๊อฟถามอย่างตกใจ
“ผมรังเกียจ ไม่อยากนั่งทับรอยอีเวรนั่น!” ผมพูดเสียงดัง
“เออๆ” มันพยักหน้ารับรู้พร้อมกับเช็ดน้ำที่เบาะ แล้วขึ้นรถ
ผมก็ขึ้นซ้อนมันก็ออกรถ ผมก็ดมเสื้อมัน ดมผมดมต้นคอมัน.............
“นทกูจั๊กจี๋วะ” มันดิ้นไปดิ้นมา
“ไปบ้านพี่อ๊อฟเลยนะ ผมจะไปดูอะไรสักหน่อย” ผมพูดเสร็จผมก็นั่งนิ่งๆ
ระหว่างทางมันก็บ่นอะไรไม่รู้ ผมก็ไม่ค่อยฟังหรอก พอถึงบ้านมัน ผมก็เข้าไปเจอพี่อิฐนั่งดูทีวีทักทายนิดหน่อยพี่อ๊อฟก็พาขึ้นห้อง หมับ!....
“กูโครตคิดถึงมึงเลยวะ!” มันกอดผมจากด้านหลัง
“อิงฟ้าได้มาที่นี่หรือเปล่า” ผมถามอย่างจริงจัง
“เห้ย! กูไม่ให้เข้าบ้านกูหรอก” ผมหันหลังไปมองมัน มันเลิกลั่กแปลกๆ จริงๆผมรู้อยู่แล้วเพราะพี่อิฐบอกว่าพี่อ๊อฟมันไม่ได้พาใครเข้าบ้านเลย
“แล้วได้ไปบ้านมันหรือเปล่า!” มันสะดุ้งนิดหน่อย
“คะ...แค่ไปสอนการบ้านนะ อย่าคิดไปไกล!” มันพูดแบบรนๆ ผมชี้หน้ามัน ประมานว่าบอกมาให้หมด “ก็ทำการบ้านละ... แล้วก็ไปนั่งเล่นบ้าง แต่กูไม่ได้เต็มใจนะเว้ย!” มันจับมือผม
“แล้วได้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้ไหม!” ผมพูดเสียงแข็ง
“ไม่มีจริงๆ บางทีก็แค่เกือบๆ” มันยิ้มอ่อนส่งมา
“ยังไง” ผมถามแบบข่มอารมณ์
“อิงฟ้าชอบมัดมือชก เอะอะ ให้หอมให้จูบ กูหลบทุกทาง ดีที่กูหลบได้ทุกครั้งไป” (ยิ้ม)
“แน่นะ!” มันพยักหน้ารัว “ก็ดีแล้ว” ยิ้ม พี่อ๊อฟมองผมงงๆ
“อะไรของมึง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” มันพูดอย่างสงสัย
“กลับแล้วดีกว่า พรุ่งนี้เอาโทรศัพท์ไปคืนมันด้วยนะ แล้วเอาของตัวเองกลับมาใช้ด้วย!” พูดจบผมก็หันหลังจะเดินออกประตู แต่พี่อ๊อฟมันจับผมแล้วลากมานั่งที่เตียง “อะ...อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย
“มาแค่สอบสวนกูแล้วก็กลับ ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์
“แล้วจะทำอะไร” ผมถามนิ่งๆ
“เรื่องของมึงกับไอสิงโตไง” ยิ้ม ผมถึงกับชะงักไปเลย
“รอให้เคลียล์เรื่องอิงฟ้าจบก่อนแล้วกัน เพราะพรุ่งนี้พี่อ๊อฟอาจจะเจอศึกหนัก” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“เฮ้อ!” มันล้มตัวนอนแล้วจับมือผม “มึงไม่คิดถึงกูเลยเหรอ?” หลับตาแล้วถาม
“คิดถึง....คิดถึงทุกอย่างที่เป็นพี่อ๊อฟ คิดถึงมากๆเลย” ผมล้มตัวนอนแล้วกอดพี่อ๊อฟ
“กูโครตจะคิดถึงมึง ช่วงที่อยู่กับอิงฟ้าเหมือนตกนรก” พูดแล้วลูบหัวผม
“เดี๋ยวผมจะพาขึ้นสวรรค์เอาไหม” ผมเงยหน้ามองมัน แล้วเอามือลูบเป้ามัน “โอ้โห! อะไรจะโด่แต่หัววัน” ผมยิ้มล้อมัน
“มันหลายวันแล้วนะ ถ้างั้น....” มันทำหน้าหื่น แล้วจะโน้มตัวมาหาผม
“อดไปก่อนนะ เพราะว่าผมมีอะไรจะต้องไปทำนิดหน่อย” ผมถอยห่างแล้วยิ้ม พี่อ๊อฟหน้าเจื่อนเลย จริงๆผมก็ว้อน แต่ขอเคลียล์อะไรให้มันเสร็จก่อนแล้วกัน ค่อยจัดหนัก
“ทำอะไรวะ?” มันถามอย่างสงสัย
“เอาน่า พี่อ๊อฟพักผ่อนไปเลย เดี๋ยวผมต้องกลับแล้ว” ผมลุกขึ้น
พี่อ๊อฟก็ดึงมือผมเอาไว้ และก็เซ้าซี้จะไปส่งให้ได้ ผมก็ยอมๆไป พอไปส่งก็จะเข้ามาเล่นบ้านผมอีก ผมก็เบื่อจะพูด มันก็เข้ามา วันนี้พี่โน้ตกลับดึกแม่เห็นพี่อ๊อฟตกใจไปนิดแต่ก็ปรับตัวปกติสุดๆ มาคุยเล่นสักแปปแม่พี่อ๊อฟก็โทรตามมันก็กลับไป ผมก็ขึ้นบ้านเปลี่ยนผ้าและ เปิดคอมเอาแฟรชไดร์ฟขึ้นมาเสียบดูสักหน่อย เป็นคลิป? ผมก็คลิกเปิดดู.......
“พี่เฟิสถ่ายรูปกับคลิปของอิงฟ้ากับพี่อ๊อฟให้หน่อย”พูดแล้วยื่นกล้องให้พี่เฟิส พี่เขาก็รับด้วยท่าทางนิ่งๆ ในภาพเห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ มันแอบอยู่ตรงมุมแบบสุดๆ และดูจากคุณภาพวีดีโอน่าจะเป็นกล้องโปรด้วย คงต้องหลบแบบสุดๆสินะ พี่หญิงสุดยอดเลย
“เดี๋ยว! จะถอดเสื้อทำไม?” พี่เฟิสหันหน้าหนีจากอิงฟ้า เพราะตอนนี้อิงฟ้าน่าจะถอดเสื้อแต่ในวีดีโอไม่เห็นเพราะมันอยู่ในมุมอับ
“อิงฟ้าแค่จะทำอะไรสนุกๆ พี่เฟิสแค่ถ่ายๆไปเถอะน่า!” อิงฟ้าพูดแบบไม่พอใจ แล้วหลังจากนั้นอิงฟ้าก็ขึ้นเตียงไป พี่เฟิสก็เริ่มถ่ายโดยมีอิงฟ้าคอยสั่งให้ทำแบบนู้นแบบนี้ไปจนจบคลิป เห็นแล้วสมเพชจริงๆ ต้องขอบคุณพี่ดาว และพี่หญิงอย่างมาก ที่ให้ของที่เป็นประโยชน์ต่อผมแบบนี้ จริงๆไม่มั่นใจหรอกว่าจะได้คลิปที่เกินคาดมา เพราะใจก็หวั่นๆ ว่าสิ่งที่ได้มาอาจจะเป็นประโยชน์ก็จริงแต่ไม่คิดว่าจะมากพอขนาดนี้ ส่วนไอพี่เฟิสน่ะเหรอ ผมก็จะเอาให้มันรู้ว่ามันเข้าข้างคนผิด ผมก็เสริชหาเฟสมันจากเพื่อนของพี่อ๊อฟ แล้วก็ส่งข้อความไป.....
ผม : พี่เฟิส ผมนทเองนะ(อ่านเร็วมาก สงสัยกำลังเล่นอยู่ แต่ผมไม่ได้แอดเฟรนด์ไปนะทักข้อความไปเฉยๆ)
พี่เฟิส : ทำไมอีก?
ผม : ผมให้โอกาสพี่อีกครั้ง พี่จะเป็นพยานให้ผมหรือไม่?
พี่เฟิส : ไม่ และไม่ต้องมาคุยกับกูเรื่องนี้อีก เพราะกูไม่เกี่ยวข้อง!(ตอบแบบไม่คิดเลยสินะ)
ผม : โชคดีครับ บาย(แล้วก็บลอคเพื่อนมันไป พร้อมกับออกจากเฟสไป)
ผมก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกโล่งจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ บางทียัยอิงฟ้าอาจจะมีลูกเล่นเตรียมไว้ให้ผมก็ได้ ผมต้องไม่ชะล่าใจ พอเคลียล์อะไรเสร็จผมก็ลงไปกินข้าวและก็คุยกับป๊าแม่และพี่โน้ตนิดหน่อย ก็ขึ้นนอน โดยพี่โน้ตเริ่มงอแงแล้วเพราะผมไม่นอนกับพี่เขามาหลายวัน วันนี้จึงต้องไปนอนเดี๋ยวเขาจะงอนเอา
พอมาอีกวันผมก็ทำตัวปกติเตรียมตัวไปโรงเรียน แต่......
“นทอ๊อฟมารับไปโรงเรียนนะ” แม่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ไหน ขอดูหน้าไออ๊อฟหน่อยดิ้” พี่โน้ตเดินออกไปเลย ผมก็รีบวิ่งตามไป
“พี่โน้ตสวัสดีครับ” พี่อ๊อฟทักทายพี่โน๊ต
“มึงเองเหรอ ที่ทำให้น้องกูคิดมากอะ!” พูดเสียงแข็ง พี่อ๊อฟนิ่ง
“พี่โน๊ต! ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ “นทไปแล้ว จุ๊บ!” กระโดดหอมแก้มพี่โน้ต แล้วก็ขึ้นซ้อนรถพี่อ๊อฟ “ไปเลย!” ยิ้ม แล้วโบกมือให้พี่โน้ตที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าบ้าน
ระหว่างทางผมก็เล่าเรื่องที่พี่โน้ตกลับมาอยู่บ้านให้พี่อ๊อฟฟัง พี่อ๊อฟเขาก็เออออรับรู้ พอถึงโรงเรียนผมกับพี่อ๊อฟก็แยกย้ายกัน แต่ผมไม่แยกสิ ผมแอบตามพี่อ๊อฟไปดู ผมอยากรู้นักว่ายัยอิงฟ้ามันจะทำอะไรหรือเปล่า และมันก็จริง ยัยอิงฟ้าไปนั่งรอพี่อ๊อฟกับพวกพี่โอม หน้าไม่อาย ไปนั่งอยู่กับกลุ่มผู้ชายหน้าตาเฉย พอมันเห็นพี่อ๊อฟรีบวิ่งไปหาทันที ไม่รู้พูดอะไรทำหน้าทำตาตอแหลเหลือเกินเห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัดยาก ผมดูไปสักพักก็ไปเข้าแถว เพราะออดดังแล้ว เพื่อนๆบ่นผมอีกแล้ว ผมก็แถๆไป พอขึ้นห้องเรียน มาแล้วนังตัวดีย์........
“นทบอกให้พี่อ๊อฟเอาโทรศัพท์มาคืนเราใช่ไหม!” โวยวายเลยสินะ คนก็มองกันเต็มไปหมด ผมก็นั่งมองมันนิ่งๆ
“โทรศัพท์ก็ของพี่อ๊อฟนะอิงฟ้า ถ้าเขาจะทวงคืนก็ไม่แปลกหรือเปล่า?” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก้มหน้าดูหนังสือเรียน
พรึ่บ! ตุบ! มันหยิบหนังสือผมเขวี้ยงลงพื้น ผมหันมองมันตาขวางแล้วลุกขึ้นเลย กล้ามากนะ!.....
“จะเอายังไงวะ!” ผมตะคอกเสียงดัง แล้วจะเดินไปหามันแล้วปอดึงไว้
“แล้วจะทำไม อิงฟ้าจะทำแบบนี้”ทำหน้าเหมือนนางร้าย “และก็จะทำแบบนี้ โครม!” พลักโต๊ะเขียนหนังสือผมล้มคว่ำเสียงดังเลยทีเดียว
“ทำอะไรกัน!” ครูสิครูวิชาภาไทยเป็นครูที่ผม เอ่อ! ไม่ชอบหน้าแกสักเท่าไหร่ เดินมาแล้วถาม เพราะคนเริ่มมุงกันเยอะแล้วไง
“ครูคะ คนนี้เขาจะทำร้ายหนูค่ะ” มันตอแหลเสร็จแล้ว เดินไปหลบหลังครู
คือเพื่อนทั้งห้องมองมันแบบเอือม คือพ่อมันคงเป็นผู้กำกับจริงๆ.....
“นี่เธอจะทำร้ายผู้หญิงเหรอ!” เดินมาตรงหน้าผมแล้วขึ้นเสียงใส่ผม
ผมก็มองนิ่งๆไปทางยัยอิงฟ้า ผมไม่ได้ตอบและผมก็ห้ามเพื่อนๆด้วยสายตาไว้ตอนพวกมันจะตอบแทน ผมเดินไปทางหน้าครูแล้วก้มเก็บหนังสือ และยกโต๊ะขึ้นและมองไปทางครูกับอิงฟ้าแบบกวนๆแล้วนั่งลงกับที่.....
“เธอไม่ได้ยินที่ครูถามหรือยังไง!” ครูขึ้นเสียงใส่ผมอย่างต่อเนื่อง
“ก็แล้วครูเห็นหรือเปล่าละครับ ว่าผมทำร้ายผู้หญิง” พูดแบบเน้นเสียงบางช่วง
“นี่เธออย่ามายอกย้อนนะ! อย่าคิดว่าพ่อเธอจะช่วยเธอได้สะทุกเรื่องนะณฐภะ…...”
“อย่ามาพูดถึงพ่อผมแบบนั้นนะ!” ผมแทรกด้วยเสียงที่ดัง จริงๆก็ตะคอกแหละและลุกขึ้น ครูถึงกับถอยหลัง
เหตุผลที่ผมไม่ตอบและเลือกที่จะนิ่งใส่ครูคนนี้ ตอนนี้คงนิ่งไม่ไหวออกจะก้าวร้าวไปหน่อย เพราะว่าตั้งแต่มีเรื่องกับยัยผีพลอยคราวที่แล้ว เวลาเขามาสอนผมทีไรเขาก็จะกระแหนะกระแหนผมด้วยคำพูดที่ว่า นักเรียนบางคนพ่อมีอำนาจอยากจะทำอะไรก็ทำได้! และบางทีก็พูดแล้วจิกกัดผมด้วยถ้อยคำที่หลากหลาย แทบจะตลอดคาบ และก็ชอบประชดผมเวลาบอกคะแนนอย่าง เด็กคนนี้พ่อเขาใหญ่ต้องให้คะแนนเป็นพิเศษ มีแต่ครูคนนี้แหละ ที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาทั้งๆที่ความจริงของเรื่องที่แล้วก็ปรากฏแล้วว่าผมไม่ผิดแต่ครูเขาก็ยังไม่จบ เป็นครูเขาทำกันแบบนี้เหรอ ทุกทีผมทำเป็นไม่สนใจเพราะเห็นว่าเป็นครู แต่คราวนี้ผมไม่ยอมแน่ ผมบอกเลยเป็นครูผมก็ไม่สนแล้ว โกรธอีอิงฟ้าไม่พอยังมาเจอคำพูดของครูที่ไม่ชอบหน้าอีกผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันแหละ!....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“นี่นทกล้าตะคอกใส่ครูได้ยังไง!” อีตอแหล เสแสร้งสะไม่มี
“ไม่ได้ตะคอก แค่ประท้วงเท่านั้นแหละ!” หันไปบอกอิงฟ้าเสียงแข็ง “ผมจะบอกให้นะครับครูผมไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้หรอกครับ มีแต่มันเท่านั้นแหละที่ทำลายข้าวของผม!” หันมาพูดกับครูพูดแบบเสียงนิ่งๆ
“เด็กก้าวร้าว ไร้มารยาทที่สุด! ฉันจะหักคะแนนจิตพิสัยเธอ!” พูดแล้วก็ถือสมุดคะแนนขึ้นมาเปิด ผมก็มองนิ่งๆ
“ความจริงครูไม่น่าจะหักคะแนนผมนะครับ” ผมไปชะเง้อดูใบคะแนน ทุกคนก็หันมามองผม ผมก็เผยยิ้มอ่อน “ครูบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพ่อผมใหญ่ ต้องให้คะแนนเป็นพิเศษ หักคะแนนแบบนี้ถือว่าผิดคำพูดนะครับ” ครูสิเงยมองผมตาแทบถลนออกมา ผมก็แสยะยิ้มแล้วก็นั่งลงที่ตัวเอง ครูยืนจ้องผมเขม่งเลย
“นทมึงใจเย็นๆดิวะ มึงกำลังพาลนะเว้ย!” ปอกระซิบพูดแล้วจับมือผม
“กูไม่ได้พาล! มึงไม่เห็นที่เขาพูดถึงป๊ากูเหรอวะ กี่ครั้งแล้ว แล้วครั้งนี่กูก็นิ่งก่อนแล้วด้วย เขาหาเรื่องกูเองนะ!” ผมกระซิบคืนเสียงแข็ง
“ตามฉันไปห้องปกครองเดี๋ยวนี้!” แล้วครูแกก็เดินไปเลย
“ใจเย็นๆดินท แค่มันมาปั่นหัวมึงเองนะก็อย่าพาลไปตามอารมณ์มันดิ” ไอวิวจับไหล่ผมแน่น
“เรื่องใหญ่แล้วไง ครูจะทำอะไรมึงก็ไม่รู้!” ไอนัทพูดอย่างเป็นห่วง คงหายโกรธผมแล้วมั้ง
“ให้พวกกูไปเป็นเพื่อนไหมมึง” ไอมินพูดแล้วลุกขึ้นเดินมาหาผม
“กูจะไปเอง และไม่กูไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง กูจะให้มันได้รู้ว่า” หันไปทางอีอิงฟ้า “คนอย่างมันทำอะไรกูไม่ได้หรอก!” แล้วผมก็ลุกขึนเดินกระแทกไหล่อิงฟ้าอย่างแรงแล้วเดินออกไปเลย
ผมคงจะเก็บกดมาแล้วจริงๆ แต่กับครูนี่ก็หลายครั้งแล้ว เป็นใครใครจะชอบเหรอ มาพูดกระแหนะกระแหนถึงป๊าผม ผมก็ไม่ยอมไหม ผมผิดด่าผม ผมจะไม่ว่าเลยนะนี่ลามถึงป๊าตลอดและเรื่องมันก็จบมาตั้งนานแล้วด้วย เป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไร ผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อยจนเดินมาถึงห้องปกครองเนี่ยแหละ พอเข้าไปครูกมลนั่งทำหน้านิ่งอยู่ ครูสินั่งหน้าเศร้า ผมก็ยักมือไหว้ครูกมล
“นั่งก่อนสิ” ครูกมลชี้ไปที่เก้าอี้ข้างครูสิ
“ขอบคุณครับ” ผมพูดแล้วก็นั่ง ใจก็คิดแล้วจะโดนอะไรอีก ผมก็นั่งมองหน้าครูกมลนิ่งๆ
“มีอะไรจะอธิบายในการกระทำของเธอไหม?” ครูกมลบอกผมอย่างใจเย็น
“ผมไม่ทราบว่าเรื่องอะไรครับ” ผมบอกอย่างจริงจัง จ้องตาครูกมลเพื่อให้รู้ว่าผมไม่ผิดและจริงใจพอ
“ครูสิบอกว่าเธอขึ้นเสียง เข้าขั้นตะคอกใส่ครูเขาและทำกริยาไม่เหมาสมกับครูสิ” ครูกมลบอกผมนิ่งๆ
“เรื่องนี้ผมไม่มีข้อแก้ตัวครับ แต่ที่ผมทำไปไม่ใช่เพราะอยากอวดดีหรือก้าวร้าวนะครับ”ผมพูดแบบสบตากับครูกมล
“ไม่จริงค่ะ เด็กคนนี้โกหกเขาทำเพราะโมโหเพื่อนและก็พาลมาโวยวายใส่อิฉันค่ะ” ผมก็นั่งนิ่งๆ ฟังครูแกค้านไป
“จริงเหรอ?” ครูกมลถามผม
“ไม่ทราบว่าครูสิได้เล่าหรือเปล่าครับว่าครูสิพูดอะไรกับผม?” ผมหันไปถามอย่างนิ่งๆ
“ทำไม เธอจะบอกว่าฉันโกหกเหรอ!” ครูหันมาเอ็ดผม
“เปล่าครับ ผมเกรงว่าครูสิจะเล่าให้ครูกมลฟังไม่ครบนะครับ” ผมพูดนิ่งๆแล้วก็หันกลับมาสบตากับครูกมล
“ครูสิบอกว่า ครูสิได้เข้าไปถามว่าเธอทำอะไรอังศุมาหรือเปล่าแต่เธอกับทำกริยาที่ไม่เหมาะกับครูเขา และพอครูถามย้ำเธอก็ตะคอก และก็ทะเลาะกับเพื่อนต่อหน้าครู และพูดขู่ครูสิเรื่องหักคะแนน?” ครูกมลพูดจบ ผมก็แอบกรอกตาเลยนะ
“คือครูสิครับ ผมไม่ได้ขู่นะครับ และที่ผมพูดแบบนั้นเพราะครูสิเคยพูดเองไม่ใช่เหรอครับ?” ผมหันไปถามอย่างใจเย็น เพราะประโยคนั้นผมทนฟังแทบทุกคาบที่ครูแกสอนผม
“แต่นั้นมันคือการยอกย้อน และเด็กอย่างเธอก็ไม่สมควร” ผมก็พยักหน้ารับรู้
“ครูกมลครับ ถ้าผมจะเล่าบ้างละครับครูกมลจะรับฟังผมไหม” ผมหันไปบอกครูกมล เชาก็พยักหน้า “คือ.....” แล้วผมก็เล่าไป พอเล่าจบครูกมลก็พยักหน้า
“อ่าวยังไงครับครูสิ?” ครูกมลถามครูสิ
“เด็กคนนี้ก้าวร้าวกับดิฉันยังไงละคะ ถ้าตอบฉันดีๆตั้งแต่แรก ฉันก็คงจะไม่ต้องดุ”พูดจีบปากจีบคอ
“การดุของครูต้องอ้างถึงพ่อผมแบบนั้นเหรอครับ” ผมหันไปถามนิ่งๆ “ผมว่ามันก็ไม่ควรหรือเปล่าครับครูกมล” ผมหันมาทางครูกมล “คือเรื่องคราวที่แล้วผมไม่ผิดครูก็รู้นะครับ แต่ทำไมครูสิถึงต้องเอาไปพูดเสียดสีผมทุกเวลาด้วยละครับ และถ้าตอนนั้นครูสิคิดว่าผมผิดจริงก็ควรจะด่าหรือเสียดสีผมเพียงแค่ผม ผมรับไว้เอง  ไม่จำเป็นถึงพ่อผมนะครับ!” ผมพูดแบบจริงจังมาก
“เธอก็พูดดีๆได้นิ ไม่เห็นจำเป็นต้องตะคอกใส่ฉันเลย” ครูสิมองผมแบบดุๆ
“ผมไม่ได้ตะคอกครับ ผมแค่ประท้วง อาจะแค่...เสียงดังไปหน่อย” ผมไม่ยอมหรอกเอาจริง
“หึ! เด็กไร้มารยาท” พูดแล้วหันหน้าไปทางอื่น
“เอ่อ! แล้วอย่างนี้จะเอายังไงดีละครับ” ครูกมลพูดอย่างเกร็งๆ เพราะดูเหมือนครูสิจะไม่ยอม
“ทำโทษเด็กคนนี้ค่ะ ฉันเป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่เด็กคนนี้มาทำเกเรใส่ฉัน เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่นักเรียนคนอื่นๆนะคะ งั้นถ้านักเรียนคนไหนไม่พอใจครูก็ลุกขึ้นมาด่าขึ้นมาเสียงดังใส่งั้นเหรอค่ะ?” ครูสิพูดแบบนิ่งๆ มาดเข้ม
“แต่ที่ฟังครูก็มีความผิดนะครับ ที่พูดจา...เอ่อ...เสียดสีให้เด็กก่อน” ครูกมลพูดแบบเกรงใจและเบาๆ
“ยังไงละคะ หรือครูจะทำโทษฉันละคะ?” นางประชดประชันแล้ว
“งั้นผมขอคุยกับเด็กคนนี้ตามลำพังก่อนนะครับ รบกวนครูสิรอด้านนอกสักครู่นะครับ” ครูกมลพูดอย่างนอบน้อม ผมเข้าใจดี เพราะครูสิก็แก่มากแล้ว เป็นครูรุ่นดึกดำบรรพ์เลย ครูกมล เห็นแบบนี้ก็ยังรุ่นๆอยู่เลย อายุยังน้อยกว่าป๊าผมอีกมั้ง
ครูสิแกกบ่นอะไรนิดหน่อยแล้วก็เดินฟึดฟัดออกไป ผมก็นั่งหน้างออยู่นี่แหละ.....
“ก็จริงอย่างที่ครูสิบอกนะ ถึงครูจะผิดยังไงเธอก็ไม่ควรทำแบบนั้น” ครูกมลพูดอย่างใจเย็น
“ครับ ผมพยายามใจเย็นแล้วนะครับครูจากที่ผมเล่าให้ฟัง ตอนนั้นครูเขาก็เห็นว่าผมไม่ได้ทำอะไร พอผมนิ่งเขาก็ขึ้นเสียงใส่ผม พอผมตอบเขาก็ยกเรื่องพ่อผมมาพูด ครูจะให้ผมทำยังไงครับ แล้วทำไมเรื่องมันจบไปตั้งนานแล้วครูเขาก็ไม่เลิกพูดเสียดสีผมสักทีละครับ ทั้งๆที่ตอนนั้นผมไม่ผิดด้วยซ้ำ! แล้วตอนนี้อีกผมอาจจะผิดที่พูดไม่ดีจริงครับผมยอมรับตามตรงเลย แต่เรื่องทำร้ายผู้หญิงผมไม่ได้ทำ หรือเพียงแค่ผมเกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะทำอะไรผมก็ผิดใช่ไหมครับ” ผมพูดอย่างน้อยใจ
“ครูก็เข้าใจนะ แต่เธอก็รู้ครูสิเขาอยู่มานานและเขาก็ชอบฝังใจกับเรื่องบางเรื่อง เอาแบบนี้แล้วกันเธอไปขอโทษครูเขาแล้วกันนะ แล้วก็แยกย้าย โอเคไหม เพราะจากที่ดูจะผิดทั้งคู่เนอะ” พูดอย่างใจดี ผมก็พยักหน้า
แล้วครูเขาก็พาผมออกไปหาครูสิที่ยืนทำหน้าเป็นยักษ์อยู่หน้าห้อง ครูกมลก็สกิดประมานว่าขอโทษสิ......
“ครูสิครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำกริยามารยาทไม่ดีและตะคอกใส่ครูสิครับ” ผมพูดอย่างจริงใจและน้อมไหว้
“สำนึกได้ก็ดีแล้ว!” นางทำเสียงแข็ง!
“ในเมื่อเด็กก็ขอโทษแล้ว....”
“ยังไงก็ต้องลงโทษค่ะ! เพื่อให้หลาบจำ ไม่งั้นคราวหลัง เด็กคนนี้ไม่กระโดดขี่คอครูเลยเหรอคะ?!” พูดตัดบทครูกมลด้วยเสียงแข็งผมก็มองนิ่งๆ
“คือว่าจริงๆจากที่เล่าครูก็มีส่วนผิดนะครับ และเด็กก็ขอโทษแล้วเราเป็นผู้ใหญ่.....”
“อ้อ! หรือว่าพ่อของเด็กคนนี้ติดสินบนอะไรครูกมลเหรอคะ ถึงได้เทคแคร์ดูแลเป็นพิเศษขนาดนี้” ก็ยังไม่หยุด
“ไม่ใช่ครับ คือ....”
“จะลงโทษผมยังไงละครับ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเลย ผมเบื่อจะต่อความยาวกับผู้ใหญ่ที่พูดไม่รู้เรื่อง แถมเป็นครูอีกนะแต่จริงๆก็ไม่ควรมีเรื่องกับครูคนนี้อยู่แล้ว เพราะครูสิเรื่องเยอะที่สุด ผมมันหาเรื่องเองแหละที่ทนคำพูดเสียดสีของแกไม่ได้
“ต้องแบบนี้สิ กล้าทำก็ต้องกล้ารับ” นางพูดแบบแสยะยิ้ม
“อย่างนั้นไปวิ่งรอบสนาม 2 รอบละกันครูจะยืนดู” ครูกมลบอกอย่างใจดี
“ง่ายไปค่ะแบบนั้น แควิ่งวิชาพละก็ได้วิ่งมากกว่า2รอบอยู่แล้ว ฉันว่าพักการเรียนเลยดีกว่าค่ะ” นางพูดเย้ย ผมก็มองนิ่งๆ
“ผมเกรงว่ามันจะเป็นโทษที่หนักเกินไปนะครับเพราะจริงๆเด็กก็ไม่ได้ผิดถึงขนาดนั้นนะครับ” ครูกมเริ่มโมโหแล้วพูดเสียงแข็งเชียว
“ก็จริงนะคะ เด็กแบบนี้โดนตีสักสองสามทีฉันก็ว่าน่าจะเข็ดแล้วละค่ะ”(ยิ้ม)
“เรื่องบทลงโทษขอให้เป็นหน้าที่ผมนะครับ ครูสิเชิญไปสอนต่อเถอะนะครับ” พูดอย่างใจเย็น เพราะการตีนั้น เอ่อ! ไม้เรียวห้องปกครองนี่ใหญ่และยาวมาก สมัยนี้หลายคนคิดว่าไม่น่าจะมี แต่โรงเรียนผมมี และฟาดที่นี้เลือดซิบเลยละ
“ฉันสั่งงานนักเรียนไว้แล้ว เพราะฉันจะดูเด็กเกเรโดนทำโทษ” ผมมองนิ่งๆ
“ผมจะให้เขาวิ่ง 2 รอบสนามครับ” ครูกมลพูดนิ่งๆ
แล้วก็ดึงแขนผมไปเลย ไม่ฟังคำค้านของครูสิ แล้วก็ลากผมม่ที่สนามบอลโรงเรียน เอ่อคือ แดดจัดจ้านและ สนามที่มโหฬารขนาดนี้ วิชาพละสนามเล็กๆในโรงยิมผมก็จะตายแล้ว แต่นี่สนามใหญ่กลางโรงเรียนเลยเหรอ....
“วิ่งๆไปเท่าที่ไหวนั่นแหละ” ครูกมลพูดแล้วตบบ่าผม ผมก็เริ่ม หันหลังมาเห็นครูสิมายืนดู
ผมก็วิ่งไป พอวิ่งผ่านครูครูสิก็ตะโกนประมานว่าเร็วกว่านี้ วิ่งสิใครให้เดินอะไรทำนองนั้น ผมก็วิ่งไปเดินไปเอาตัวเองไหว พอครบสองรอบผมแทบช็อก คือชุดนักเรียนเปียกเหงื่อหมด เปียกจริงๆ เห็นเรือนร่างภายในของผมหมดเลย...........
“ทำโทษเขาไม่มีให้พักหรอกนะ! วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไปแล้วกัน และถ้าหากมีครั้งหน้าละก็ ฉันไม่ยอมจบแค่วิ่งหรอก!”พูดอย่างร้ายกาจแล้วก็เดินไป
“ไหวไหม?” ยื่นผ้ามาให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมพูดด้วยความหอบ แล้วรับผ้ามาเช็ดหน้า
“จริงๆถ้าเป็นครู ครูคงไม่แค่ลุกขึ้นมาตะคอกหรอกรู้ไหม” ยิ้ม แล้วพูดติดตลก ผมก็ยิ้มแบบหอบๆ
“ขอบคุณนะครับที่รับฟังผม” พูดขึ้นระหว่างเดินไปห้องปกครอง เพราะต้องเดินไปเอาใบขอเวลาเข้าห้องเรียน เข้าสายแล้ว
“แน่สิ เธอก็ผิดนะ แต่คงไม่ถึงครึ่งครูสิหรอก” ครูกมลพูดแล้ว ผลักหัวผม
ผมก็เดินคุยกับครูกมลไป ถ้าเขาไม่โหดเขาก็ดูเป็นครูที่ใจดีคนนึงเลยละ พอผมเอาใบขอเวลาเข้าเรียนเสร็จนั่งตากแอร์ให้ตัวแห้งสักพักก็ขึ้นเรียน พอเข้าห้องเรียนเพื่อนๆมองผมกันใหญ่เลย......
“เป็นยังไงบ้างมึง!” ไอนัทลุกขึ้นมาหาผมอย่างเป็นห่วง
“ก็ดีวะ” ผมยิ้มอ่อนส่งไปให้มัน แล้วไปนั่งที่ เหนื่อยมาก ล้าเลย
แล้วพวกมันก็รัวคำถามมากัน ผมก็ตอบไปบ้างนิ่งบ้าง เฮ้อ! นี่เข้าห้องปกครองครั้งที่2แล้ว กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ย ดีนะไม่ถึงกับต้องเรียกป๊ามาไม่งั้นผมคงโดนหนักแน่นอน ก็จนถึงเวลาพักเที่ยง พวกผมก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร และวันนี้พี่อ๊อฟก็มารอกินด้วย ก็จัดแจงแยกย้ายกันไปซื้อข้าวซื้อน้ำแล้วมานั่งกัน
“นทวันนี้มึง.....โดนเข้าห้องปกครองเหรอ?” มันถามแบบเหมือนไม่ค่อยอยากถาม
“อื้ม ไม่มีอะไรหรอก”  ผมก็ไม่ค่อยอยากบอกอยู่แล้ว
“มีปัญหากับครูอะพี่” ไอปอสาระแนแล้วไง
“ใช่ไม่รู้ไอนทมันโดนอะไรถามก็ไม่บอก” ไอวิวพูดอย่างอยากรู้
แล้วมันก็พูดกันไปผมก็นั่งนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็มองหน้าผมเราก็กินข้าวกันไป ยัยอิงฟ้าก็เดินมาแล้วผมก็มองนิ่งๆ.....
“พี่อ๊อฟอิงฟ้านั่งด้วยคนนะคะ!” แล้วก็นั่งเบียดพี่อ๊อฟที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม ผมเหนื่อยเหลือเกิน
จริงๆผมก็สงสัยนะว่า ทำไมมันยังไม่ปล่อยคลิปกับรูปให้ครูดู เพราะจริงๆมันก็ขนาดนี้แล้วแต่มันก็แค่คอยมาด่ามารังควาน ผมก็สงสัยไม่น้อยเลยละ......
“ไม่เห็นเหรอว่าทั้งโต๊ะมีแต่ผู้ชาย หัดมียางอายสะบ้างนะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“จะอายทำไม อิงฟ้ามานั่งกับแฟน!” อีนี่มันวอนจริงๆ
“มึงจะเอายังไง?” เพื่อนๆที่มองอยู่ก็เริ่มรำคาญ
“นิ่งไว้มึง กูก็อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร” ผมก็หันไปบอกปอ ผมเหนื่อยทั้งร่างกายเหนื่อยทั้งจิตใจ ทำไมมันยังไม่หยุดสักที
ผมก็นั่งมองมันนิ่งๆ มันก็ออเซาะพี่อ๊อฟ ดูพี่อ๊อฟจะรำคาญมันมาก พอกินเสร็จก็เอาจานไปเก็บกัน.....
“พี่อ๊อฟไปกินขนมกันนะคะ อิงฟ้าอยากกินอะ” นางยังคงโลกสวย
“มากไปแล้ว ถามจริงนี่ทำเพื่ออะไร อิงฟ้า? ก็เห็นๆอยู่ว่าพี่อ๊อฟเขารำคาญอะ” ผมพูดอย่างรำคาญ ผมงงไปหมดแล้วว่าตอนนี้มันจะทำอะไร?
“ก็จะแย่งพี่อ๊อฟคืนมาไง!” (ยิ้ม)
“โว๊ะ! มึงดูหนังมากไปไหม เพ้อเจ้อสะไม่มี ประสาท ไปกันเถอะพี่อ๊อฟ!” ผมดันอิงฟ้าออกไป
แล้วคล้องแขนพี่อ๊อฟแล้วเดินไปเลย นี่อย่าบอกนะว่ามันจะมาทำเรื่องโง่ๆแบบนี้จริงๆ....
“อิงฟ้ามันแปลกๆ มึงว่าไหม” พี่อ๊อฟถามขณะนั่งกันอยู่หน้าชมรมพี่อ๊อฟ
“โครตแปลกเลย ทำไมมันไม่เอาคลิปกับรูปไปให้ครูดูวะ?” ปอถามอย่าสงสัย
“เออนั่นสิ ตอนนี้พี่อ๊อฟก็กลับมาหานทแล้ว แล้วทำไมอิงฟ้ามันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ละ?” ไอวิวสงสัยกันหนักมาก
ทุกคนก็ถามกันอย่างสงสัย ไม่ต่างจากผมเลย เราก็คุยกันอีกนิดหน่อยก็ขึ้นห้องเรียนไปเรียนคาบบ่าย พอเรียนเสร็จผมกับเพื่อนๆก็พากันไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม ผมก็เห็นอิงฟ้านั่งอยู่กับพี่อ๊อฟเหมือนเดิม ผมก็เดินไปหาเลย
“พี่อ๊อฟเสร็จหรือยัง?” ผมเอ่ยถามพี่อ๊อฟที่กำลังก้มหน้าวาดอะไรสักอย่างเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้ม
“มาทำไมหรอนท” อิงฟ้ายิ้มทำหน้าใสๆแบ๊วๆ
“ไม่เสือกนะจ้ะ” ผมยิ้มหวานให้มัน มันมองค้อนผมเลย
“นทจะกลับหรือยังรอแปปนะ” พี่อ๊อฟพูดแล้วมันก็เก็บของ
“พี่อ๊อฟไปส่งอิงฟ้าด้วยสิคะ” มันเขย่าแขนพี่อ๊อฟ
“น่ารำคาญจังอิงฟ้า!” ผมพูดแบบรำคาญโครตๆ
“นทนั่นแหละที่น่ารำคาญอะ!” นางขึ้นเสียง
“พี่อ๊อฟไปกันเถอะ!” ผมบอกแบบกระแทกเสียง ไม่อยากจะสนใจมัน พี่อ๊อฟก็จับมือผม
“พี่อ๊อฟไปส่งอิงฟ้าด้วยสิคะ” อิงฟ้าทำเสียงอ้อนวอน
“พี่ไม่ว่าง อิงฟ้าให้พ่อมารับสิ” พี่อ๊อฟบอกแบบนิ่งๆผมก็ยิ้มสะใจ
“แค่ไปส่งเองนะคะ” ทำหน้าเศร้า
“แค่ไปส่งก็ไม่ได้! พี่อ๊อฟไปเถอะ!” ผมคล้องแขนพี่อ๊อฟกำลังจะเดินหันหลังอิงฟ้าก็มาจับแขนพี่อ๊อฟอีกข้างไว้ก่อน
“งั้นพี่อ๊อฟไปสอนการบ้านอิงฟ้าก็ได้นะ” นางทำหน้าอ้อนวอน พี่อ๊อฟก็พยายามแกะมือมันออก มันก็ไม่ยอม
ผมก็มองมันอ้อนวอนพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็ทำท่ารำคาญขนาดนี้ยังไม่ปล่อย คืออะไร? ผมก็เบื่อจะฟังความน่ารำคาญของมันแล้ว ผมก็กระชากแขนพี่อ๊อฟแล้วเดินออกมาเลย ตอนแรกยัยอิงฟ้าก็ตามมานะ เหมือนพวกปอจะขวางไว้ มันก็เลยไม่ตามมา ผมละรำคาญจริงๆ พอไปถึงหน้าโรงเรียนก็แยกย้ายกัน เพื่อนๆก็ไปขึ้นรถกลับบ้าน ผมก็ไปตรงลานจอดรถกับพี่อ๊อฟ....
“ทำไมอิงฟ้าไปนั่งกับพี่อ๊อฟได้?” ผมถามอย่างหงุดหงิด
“กูไล่ก็ไม่ไปเถอะนท อะไรนักหนาวะ” มันทำหน้ารำคาญ
“ก็เพราะพี่นั่นแหละ ชอบไปทำดีกับมันเป็นยังไงละ” หงุดหงิดจริง
“กูก็เห็นเป็นรุ่นน้องเนอะ ช่วยงานกูอย่างดิบดี สุดท้ายแม่งงูเห่าชัดๆ” มันพูดอย่างหัวเสีย
“เออๆ ห่างๆมันไว้แล้วกัน” ผมบอกปัดๆไป ไม่อยากยืนเถียงกับมันนาน
ผมกับมันก็พากันกลับบ้านไป วันนี้มันจะมานอนด้วย ผมว่ายุ่งแน่ๆเพราะพี่โน้ต ยืนรอผมหน้าบ้านทำหน้าเป็นยักษ์เลยเนี่ย พอถึงบ้านผม ผมก็ลงรถ....
“พี่โน้ตคิดถึงจังเลย” ผมกอดพี่โน๊ต
“หวัดดีพี่โน๊ต” พี่อ๊อฟก็ไหว้ตามมารยาท
“เข้าบ้านนท!” พี่โน้ตพูดเสียงหงุดหงิดแล้วก็ดึงแขนผมเข้าบ้าน ผมก็ส่งซิกให้พี่อ๊อฟนิดหน่อย
แล้วพี่อ๊อฟก็ขับรถออกไป ผมก็เดินเข้าบ้านฟังพี่โน้ตบ่นเรื่องพี่อ๊อฟและไอสิงโต คือช่วงนี้ไอสิงโตโทรมาถี่ยิบ ผมก็บอกมันไปแล้วว่าช่วงนี้มีปัญหานิดหน่อยมันก็งอแงบ้าง แต่มันก็เข้าใจ มันก็เพลาๆลงบ้างแล้ว เดี๋ยวค่อยหาเวลาไปเที่ยวกับมันแล้วกัน พอฟังพี่โน้ตบ่นเสร็จผมก็บอกไปว่าวันนี้พี่อ๊อฟจะมานอนด้วย ก็ฟึดฟัดไม่พอใจ ผมว่าพี่โน้ตเป็นเอามาก ผมก็อ้อนๆไปก็ยอม พี่โน้ตบอกว่าหวงผม? คือไม่ทันแล้ว เพราะมากกว่านอนด้วยกันก็ทำมาแล้ว555 และเรื่องที่ผมเข้าห้องปกครองวันนี้ดีนะที่ทางบ้านผมไม่รู้ไม่งั้นละก็ เละ เละสถานเดียว ผมก็ขึ้นไปเปลี่ยนผ้านั่งทำการบ้านรอพี่อ๊อฟ แกร๊ก! ผมหันหลังไปดูเป็นพี่โน๊ต......
“จะบรรยายอะไรให้นทฟังอีกละคร้าบบบ” ผมพูดแล้วหันกลับมาก้มหน้าทำการบ้าน
“วันนี้ทำไมนทถึงได้เข้าห้องปกครอง!” พี่โน้ตยังคงพูดเสียงแข็ง ผมค้าง
“คะ..แค่เข้าไปช่วยงานครูกมลนิดหน่อยน่ะพี่โน้ต” ผมยิ้ม รู้ได้ยังไง!
“มีเรื่องอะไรนท!” พี่โน้ตเดินมาดึงผมให้ลุกไปนั่งบนเตียง
“ไม่มีอะไรจริงๆพี่โน้ต แค่เรื่องเข้าใจผิดอะสิ” ผมพูดปัดๆไปไม่อยากให้เป็นเรื่อง
“เล่ามาเลยนท” พี่โน้ตเสียงแข็ง
“พี่โน้ตรู้ได้ยังไง?” ผมถามอย่างสงสัย
“กูบอกเองแหละ” พี่อ๊อฟเดินเข้ามาแล้วยิ้มอ่อนให้ จะบอกทำไมเนี่ย
“นี่ถ้ามันไม่บอกพี่นทก็จะไม่บอกคนในบ้านใช่ไหม?” พี่โน้ตพูดแบบน้อยใจ
“อย่าน้อยใจดิโถ่!” สวมกอดพี่โน้ต พี่อ๊อฟก็ไปนั่งรอที่โต๊ะ “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้......” ผมก็เล่าทั้งหมดให้พี่โน้ตฟัง โดยไม่พูดถึงประเด็นของอิงฟ้า ไม่งั้นพี่อ๊อฟซวยแน่ “ก็เป็นแบบี้แหละ”(ยิ้ม)
“ครูสิชอบหาเรื่องเด็กทุกคนที่เคยเข้าห้องปกครองแหละนท ดีนะนทแค่วิ่ง ของพี่นี่ทั้งโดนตีทั้งโดนหักคะแนน”พี่โน้ตพูดอย่างเจ็บใจ
“เห็นไหม บอกแล้วไม่มีอะไร นทเอาตัวรอดได้อยู่แล้วน่า”(ยิ้ม)
“แต่ครูสิก็เกินไปนะ นี่เสียดสีถึงป๊าเลยเหรอ เป็นพี่พี่ก็ไม่ยอมหรอก นทนี่เจ๋งวะ”ยีหัวผม
“บอกแล้วว่านทเอาตัวรอดได้ อีกอย่างนทก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ถ้าด่านท นทจะไม่โกรธหรอกแต่นี่ลามถึงป๊าตลอดคืออะไร?” พูดแล้วก็แค้น
“ดีแล้ว ทีหลังก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับแกหรอก ยังไงเขาก็เป็นครู เข้าใจไหม”(ยิ้ม)
แล้วก็พูดกันนิดหน่อย ดูแล้วพี่โน้ตจะดูชอบพี่อ๊อฟขึ้นมาเลยนะ ฝากดูผมนู่นนี่นั่น เกินไปจริงๆคุยไปสักพักพี่โน้ตก็ออกไป.....
“พี่อ๊อฟจะบอกพี่โน้ตทำไม ไม่รู้หรือยังไงว่าถ้าเรื่องอิงฟ้ากระเด็นเข้าหูพี่โน้ต พี่นั่นแหละที่จะซวย” ผมมองมันอย่างหงุดหงิด มันก็เดินมานั่งข้างๆผม
“ก็กูจะขึ้นมาหามึงพี่มึงก็เรียกให้นั่งคุยกูก็คุย เขาถามถึงมึงที่โรงเรียนกูก็เล่าไป จริงๆเรื่องที่มึงเข้าห้องปกครองวันนี้กูหลุดปากไปด้วยแหละ” มันมองผมแบบเกร็งๆ ผมมองค้อนเลยสิ “ก็กูเป็นห่วงมึงนี่ ถามก็บอกแต่ไม่เป็นอะไร”ยังมาขมวดคิ้วใส่ผมอีกนะ
“เออๆช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมวันนี้ถึงอยากมานอนด้วยละ?” ผมถามอย่างสงสัย
“คิดถึง มานอนไม่ได้เหรอ?” ทำหน้ากวนตีน
“เฮ้อ! พี่อ๊อฟทำไมเวลาอยู่กับอิงฟ้าถึงไม่ต่อต้านผลักไสมันไปไกลๆ นั่งนิ่งๆทำไม” ผมล้มตัวนอนบนเตียง แล้วถามอย่างสงสัย
“กูก็อยากผลักไส แต่แม่งชอบทำตัวน่าสงสารกูทำไม่ลง แค่มึงไล่ก็พอแล้ว” ยิ้ม นอนลงข้างๆผม
“ทำมาขี้สงสาร ไปอ่อยมันไว้เป็นยังไงละ เกิดเรื่องเลย” ผมหยิกแก้มมันทีนึง
“กูสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าอิงฟ้าจะต้องทำอะไรแน่ๆ มึงต้องระวังตัวนะ” มันพูดอย่างเป็นห่วง
“ผมก็ว่างั้นแหละ แต่ช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไรจะเลวร้ายกว่านี้แล้วมั้ง”(ยิ้ม)
ผมกับมันก็นอนคุยกันไปจนได้เวลาลงไปกินข้าวก็ไปกิน แลดูทุกคนจะเข้ากับพี่อ๊อฟได้ดีโดยเฉพาะพี่โน้ตแกดูจะเป็นปลื้มที่พี่อ๊อฟบอกว่าคอยดูแลผมไม่ห่าง ตอแหลสะไม่มีนะพี่อ๊อฟ555 ผมก็ฟังเขานั่งโม้กันไปจนทำอะไรเสร็จ ผมก็พาพี่อ๊อฟขึ้นห้อง.....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“อาบน้ำด้วยกันนะ” พี่อ๊อฟชวนผม หน้ามันแดง ดูก็รู้มันคิดอะไร
“รู้นะว่าคิดอะไร” ผมยิ้มล้อมัน
“ได้ไหมละ” มันยิ้มเขิน
“กลัวพี่โน้ตแอบฟังอะดิ แถมถ้าป๊ามาแอบดูอีกทำยังไง” ผมถามอย่างกังวล
“งั้นพรุ่งนี้ไปบ้านกูนะ” มันถามอย่างตื่นเต้น ผมก็พยักหน้าตอบรับ
แล้วเราก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ก็แก้ผ้าอาบด้วยกันไปนั่นแหละ ให้ตายสิ ผมเห็นเรือนร่างของพี่อ๊อฟที่ไรใจสั่นทุกที เอาจริงๆก็เกือบทุกคนเลยที่ไม่ใช่เพื่อน55555.....
“ตัวมึงทำไมมีรอยแดงๆ เป็นจุดๆวะ” มันลูบหลังผม ผมตกใจไปนิด หรือจะเพราะรอยจากไอสิงโต ผมก็หันหลังส่องดูในกระจก
“โถ่! แค่ผื่นร้อนนะทำเป็นตื่นเต้นไปได้” ผื่นจริงๆ ตกใจหมด เพราะว่ารอยที่ไอสิงโตทำมันหายไปนานแล้ว
แล้วก็อาบน้ำกันไป พี่อ๊อฟนี่เขาก็ตลอด ขอให้ได้สัมผัสเถอะ ผมก็ยอมๆไป ดูพี่อ๊อฟจะมีอารมณ์ไม่น้อยเลย เพราะน้องชายของพี่อ๊อฟตั้งโด่แบบเต็มที่เลย ผมก็เริ่มจะมีอารมณ์ตามแล้วนะเนี่ย.....
“ช่วยกูก็ได้นะ กูไม่ไหวแล้ววะ” พูดแล้วทำหน้าหื่น ใจผมเต้นแรงเลย
“ชะ...ช่วยยังไงดี” เอาจริงๆเขินนะเนี่ย
“ใช้ปากมึง” เอามือลูบปากผม หน้าพี่อ๊อฟตอนนี้ค่อนข้างแดง แต่หูนี่แดงเถือกเลย
“จะดีเหรอ” ปากก็พูดจะดีหรอ แต่มือก็คว้าแท่งของพี่อ๊อฟไว้
ผมค่อยๆรูดแท่งของพี่อ๊อฟขึ้นลงอย่างเบาๆ พี่อ๊อฟก็จ้องหน้าผมแบบโหยหา ทำผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัวเลย แล้วมันก็เอามือทั้งสองมาจับบ่าผม แล้วค่อยๆกดผมลง ผมก็ค่อยๆนั่งลง ให้หน้าผมอยู่ตรงกลางตัวมัน ผมใช้มือรูดแท่งของพี่อ๊อฟขึ้นลงและก็เริ่มใช้ลิ้นค่อยๆเลียส่วนหัว มันครางออกมาด้วยเสียงที่ทำให้อารมณ์ผมกระเจิง ผมรูดแท่งของพี่อ๊อฟลงจนสุดแล้วแล้วใช้ปากครอบบริเวณส่วนหัวพร้อมกับวนลิ้นตรงส่วนหัวขณะที่ของมันอยู่ในปากผม ผมก็เริ่มขยับหัวตัวเองขึ้นลงเป็นจังหวะ พร้อมกับใช้มือรูดตรงกลางโคนขึ้นลงไปพร้อมกัน ผมทำแบบนี้ได้ไม่นาน มันก็จับหัวผมไว้แล้วก็ขยับเอว ได้สองสามที มันก็บอกไม่ไหวแล้ว ผมก็เร่งทั้งลิ้นทั้งมือ แล้วไม่นานนักมันก็ปลดปล่อยออกมา พี่อ๊อฟแบมือมาตรงหน้าผมประมาณว่าให้คายออกมา แต่ผมก็เลือกที่จะกลืนลงไป ถึงรสชาติมันจะไม่ได้เรื่องก็เถอะ.....
“กลืนทำไมวะ?” มันถามแล้วเอาผ้าปากให้ผม หูมันแดงไปหมด
“ของคนรักผมไม่รังเกียจหรอก” ยิ้ม เขิน หน้าผมร้อนผ่าวไปหมด พูดเองก็อายเอง>< แต่ผมก็น้ำตาเกือบไหลนะ มันโดนลิ้นไก่อะ เกือบอ๊อกออกมาแล้ว แต่รู้สึกดีเชียวละ5555
“แล้วมึงละ” พี่อ๊อฟจับนทน้อย
“ของผมอดไว้รอพรุ่งนี้ดีกว่า” ยิ้มแล้วก็ดึงมือพี่อ๊อฟออกจากน้องชายของผม จริงๆก็ว้อนนะ แต่ผมว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า
แล้วเราก็พากันอาบน้ำ เสร็จก็ออกมานั่งคุย นั่งทำการบ้านก็เข้านอน พอตกอีกวันก็พากันไปโรงเรียนตามปกติ พอพักเที่ยงผมก็ไปกินข้าวกัน วันนี้พี่อ๊อฟพาเพื่อนๆมันมานั่งกินด้วยกันไม่มีพี่ไอซ์นะ ก็นั่งกินกันไปคุยกันไป แต่แปลกตรงที่ยัยอิงฟ้าไม่มา ปกติจะมาตอแย และวันนี้มันแปลกๆ ผมมีรางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี แต่อาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร จนเลิกเรียนวันนี้ไม่มีอะไร ไม่ได้นัดใครไปไหนด้วย ส่วนไอสิงโตไอมินบอกว่าเพ้อหาแต่ผม? ขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมก็ฝากไอมินไปบอก ว่าช่วงนี้ไม่ว่าง ถ้าว่างแล้วจะไปหาเอง มันก็โอเค แล้วผมกับเพื่อนๆก็แยกย้ายกัน ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม แต่.....
“เห้ย! มึงอะ!” ผมหันหลังไปดู ตุบ! ผั๊วะ! ทั้งตีนทั้งหมัดเต็มๆเลย ผมล้มลงไปกองกับพื้น.....
“อะไรวะ!”ผมปัดป้องหมัดที่รัวใส่หน้าผม และก็ทำให้ผมเห็นว่าใครเป็นคนทำ “ไอเชี่ยพี่เฟิส!” ผมใช้ตีนยันมันออกไป แล้วก็ตั้งหลักเพื่อลุกขึ้นกำลังจะวิ่งหนี
หมับ! ผั๊วะ โดนมันจับทันแล้วปล่อยหมัดใส่หน้าผมอีกหมัด แต่คราวนี้ผมตั้งตัวทันถีบมันกลับไปแล้วก็วิ่งหนี คือมันก็เหมือนรู้ เพราะว่าทางที่ผมเดินมามันเป็นซอกตึกด้านหลังอาคารเลยไม่มีคนเพราะเลิกเรียนแล้ว คือผมโครตซวยเลยแล้วไอพี่เฟิสมันเป็นบ้าอะไรของมัน ผมก็วิ่งเลย มันก็ตามมาติดๆ วิ่งเร็วไปไหนวะ ตุบ!
“โอ๊ย!” ผมล้มลง ไอเวรนั่นมันปาท่อนเหล็กขนาดใหญ่ใส่ข้อพับผมอย่างแรงแล้วเดินมาทางผม “อึก!” มันกระชากหัวผมให้เงยขึ้นมา
“หึ! หมดสภาพเลยนะมึง” มันพูดเสียงแข็ง
“เป็นเหี้ยอะไรของมึงไอพี่เฟิส อยู่ๆมาทำกูเนี่ย!” ผมพูดแบบไม่พอใจ แล้วก็ดึงมือมันออกมันก็ไม่ยอมปล่อย แถมดึงแรงกว่าเดิมอีก “โอ๊ย!” มันเหยียบมือผมอีกข้างที่เท้าพื้นไว้
“ปากดีนักนะมึง คิดว่ามึงเก่งมากเหรอห๊ะ!” ตะคอกใส่ผม ผมมองมันอย่างไม่ยอม
จากความรู้สึกตอนนี้คือแน่นอนว่าปากแตก รู้สึกตึงแถวหน้าคาดว่าคงช้ำหลายที่ และศอกกับขาถลอกแน่นอนล้มเมื่อกี้....
“แล้วกูไปทำอะไรให้มึง!” ผมถามมันเสียงแข็ง
“มึงคิดว่าจะขู่กูเรื่องอิงฟ้ากับไออ๊อฟได้เหรอ” มันพูดเสียงนิ่ง แต่มือกับตีนก็ยังไม่เอาออก แถมยังกดลงแรงขึ้นอีกด้วย
“ปล่อยแล้วนั่งคุยดีๆไม่ได้หรือยังไงเล่า!” ผมพูดอย่างหัวเสีย เพราะผมเจ็บมือจนมันชาไปหมดแล้ว
“ได้สิ!” มันพูดกดเสียง
แล้วมันก็ปล่อยมือจากหัวผมมาจับแถวคอเสื้อ แล้วกระชากตัวผมขึ้นมา คือกระดุมขาดและเสื้อผมก็หลุดลุ่ยหมด เสื้อผ้าก็เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินไปหมด พี่เฟิสตัวใหญ่กว่าผมอยู่แล้ว ทำไมผมต้องอ่อนแอขนาดนี้ แค่จะสู้แรงยังไม่ได้ถึงครึ่งของมันเลยด้วยซ้ำ โถ่!...
“ตุบ!” พอมันกระชากผมขึ้นมามันก็ผลักผมจนติดกำแพง หัวผมโขกกับกำแพงดังตุบ ผมนี่ทรุดเลย ทั้งเจ็บทั้งมึน....
“ทีนี้จะคุยกันได้หรือยังวะ!” มันพูดแบบข่มอารมณ์
ผมก็มองมันนิ่งๆแล้วพยุงตัวเองขึ้นมายืน แสบหัวเข่า กับท้ายทอยมาก หัวแตกแล้วหรือเปล่านะ เพราะจากที่ก้มดูมันเลือดออกค่อนข้างเยอะ คงโดนหินบาด หรือไม่ก็เศษไม้ที่กองๆไว้แถวนี้....
“ไม่ได้คิดจะขู่ แค่จะช่วยตังหาก และที่บอกมึงแบบนั้นเพราะกูแค่อยากให้มึงรู้ว่ามึงเข้าข้างคนผิดต่างหากละ อีกอย่างมึงก็โดนอิงฟ้ามันบังคับไม่ใช่เหรอ” ผมพูดแบบเสียงสั่น สั่นเพราะเจ็บแผล อย่างมาก มันหลายจุดจนผมไม่รู้จะเจ็บอะไรก่อนดีแล้ว
“จริงๆแล้วกูไม่ได้โดนอิงฟ้าบังคับหรอกเว้ย!” มันเดินเข้ามาประชิดตัวผม แล้วเอามือบีบคอผมเบาๆ ผมก็เอามือทั้งสองจับข้อมือมันไว้
“ถ้าไม่ได้โดนบังคับ แล้วมึงจะทำ ทำไม” ผมถามอย่างเกร็งๆ เพราะมันใกล้เกินไป ผมเกรงว่าถ้าพูดแบบปากต่อปากกับมันอาจจะไม่ปลอดภัย
“ก็เพราะว่ากูเป็น.......”
ครืดๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ผมสั่นในกางเกง ผมว่าพี่อ๊อฟโทรตามแน่เลย มันปล่อยมือจากคอผมแล้วก็เอามือล้วงเข้ามาในกางเกงผม ผมก็ฉุดกระชากยื้อแย่งกับมัน จนมันได้ไป แล้วก็เอาโทรศัพท์ไปกดอะไรไม่รู้ ผมว่ามันน่าจะปิดเครื่องแล้วมันก็เอาใส่กระเป๋ากางเกงมัน....
“กูว่ามึงอย่าทำแบบนี้เลย! ไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นอะไรกับอิงฟ้า และกูก็ไม่ได้จะขู่หรือทำร้ายใครด้วย!” ผมพูดอย่างจริงจัง ผมไม่มีทางสู้กำลังกายของมันได้
“เหรอ ไม่ได้ทำเหรอ” มันเดินเข้ามาหาผมแล้วผลักผมติดกำแพงอีกครั้ง “ตุบ!”  “มึงแย่งไออ๊อฟไปจากอิงฟ้า มึงรู้ไหมว่าอิงฟ้าชอบไออ๊อฟขนาดไหน!” มันพูดอย่างหัวเสีย
“แล้วอิงฟ้ามันจะชอบหรือไม่ชอบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงละ อะ...”
เพี๊ยะ! หน้าผมหันไปตามแรงตบชาทั้งแทบเลย ผมค่อยๆหันหน้ากลับมามองมัน....
“ก็เพราะว่า กูเป็นพี่อิงฟ้ายังไงละ!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“อิงฟ้าไม่มีพี่ กูดูประวัติมาแล้ว!” ผมก็เถียงไป
“กูเป็นพี่คนละแม่กับอิงฟ้า! และกูก็รักอิงฟ้าที่เป็นน้องสาวกู ในฐานะของพี่ชายกูไม่ยอมให้อิงฟ้าเสียใจหรอก!” ผมแทบจะหัวเราะออกมา นี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าอีกนะ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมก็ไม่สนหรอก
“หึ! แล้วที่มึงมาตีกูวันนี้ มึงต้องการอะไร!” ผมถามแบบเสียงดัง จริงๆไม่ได้กลัวอะไรหรอก แต่สู้มันไม่ได้เท่านั้นแหละ
“มึงเลิกยุ่งกับไออ๊อฟซะ! อย่าหาว่ากูไม่เตือนและวันนี้กูก็แค่มาเตือน” โอ้โห! แค่เตือนแค่เตือนของมันเล่นผมน่วมเลยนะ “กูไม่ได้มาขอร้อง แต่กูบังคับ!” มันบีบแขนผมอย่างแรง
“แล้วคิดว่ากูจะต้องกลัวเหรอ?” ผมทำหน้ากวนตีนมัน มันกัดฟันกรอดเลย แถมยังเพิ่มแรงบีบที่แขนผมอีก จริงๆเจ็บมากแต่ข่มอาการไว้
“กูก็ไม่คิดว่าคนอวดดีอย่างมึงจะกลัวหรอก และกูจะบอกให้ที่กูทำในวันนี้กูไม่กลัวว่าจะถูกทำโทษหรือไม่เพราะกูปะ...”
“เป็นหลาน ผอ. ใช่ไหมละ!” ผมพูดแทรกมันขึ้นมาอย่างเหลืออด มันชะงักไป
“มะ มึงรู้ได้ยังไง!” มันถามผมเสียงดัง
“กูก็พอรู้มาแหละ! และกูไม่กลัวด้วย กูจะบอกให้นะ มึงช่วยอิงฟ้าไปก็เท่านั้นแหละเพราะถึงกูไม่ยุ่งกับพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็ไม่ได้ชอบน้องสาวของมึงมากขึ้นหรอก!” ผมพูดเหยียดมันด้วยสายตารังเกียจ มันมองผมแบบจะฆ่าผมเลย 
“การที่มึงเจ็บตัวขนาดนี้ไม่ได้ทำให้มึงกลัวหรือสลดได้เลยใช่ไหมห๊ะ!” มันจับคอเสื้อผมด้วยมือทั้งสอง
“เรื่องเจ็บตัวอะ กูโดนประจำอยู่แลว แต่ถ้า...”ผมเอามือขึ้นมาจับมือมันที่จับอยู่ที่คอเสื้อผมแล้วลูบอย่างแผ่วเบา “มึงจะลองเปลี่ยนจากโกรธมาเป็น......”
“หึ! หรือว่ามึงอยากจะลองละ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผมชะงักไปนิดไม่คิดว่ามันจะเล่นด้วย... ผมแค่ต้องการให้มันทำรังเกียจแล้วออกไปห่างๆผม
“เหอะ! พอจะเดาออกแล้ว ที่รูปกับคลิปมันไม่หลุดออกมา เพราะมึงเป็นคนคอยสั่งให้อิงฟ้าทำใช่ไหมละ!” ผมพูดเปลี่ยนเรื่องไป แล้วผมมองมันด้วยสายตานิ่งๆ มันชะงักไป โกหกได้เนียนนะ ว่ามันโดนอิงฟ้าแบลคเมด้วย ผมเชื่อสนิทเลย บ้าจริง เจ็บไปหมด หัวผมก็เริ่มปวดแล้ว คิดเยอะด้วย กลัวเหมือนกันว่ามันจะทำอะไรมากไปกว่านี้
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นหรือเปล่าวะ! อีกอย่างกูไม่ยอมให้น้องกูเสียหายหรอก!” มันพูดขึ้นเสียง แต่ก็ยังกำคอเสื้อผมแน่น
“งั้นมึงกับน้องสาวก็เลิกมายุ่งกับกูและพี่อ๊อฟได้แล้ว ถ้ามึงคิดอีกมุมนึงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอวะ พี่อ๊อฟคบกับกูพี่อ๊อฟก็เป็นเกย์ มึงจะให้น้องสาวตัวเองมาคบกับเกย์หรือยังไง!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“เรื่องนั้นกูรู้มาแล้วว่าไออ๊อฟมันยังชอบผู้หญิงอยู่ และมันก็ไม่เคยมองเกย์คนไหนเลยด้วยซ้ำ กูอยู่กับมันมานานกูรู้!” พูดแบบอวดรู้ แต่นั้นก็คือเรื่องจริง และมันก็ปล่อยมือจากคอเสื้อผม
“แล้วทำไมพี่อ๊อฟถึงยอมคบกับผมละ! แถมยังไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วด้วย!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
“ก็เพราะว่ามึงมันมารยาไง! เป็นเกย์ร่านไม่ใช่เหรอมึง กูได้ข่าวว่ามั่วไปทั่วและไอเด็กโรงเรียน...นั่นมันรวยนี่ คงจะจ่ายมึงไปเยอะละสิท่า ถึงติดมึงขนาดนั้นอะ!” มองผมแบบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใครจะมาติดกูก็ไม่ใช่ธุระอะไรของมึง ถ้าจะมาพูดเรื่องส่วนตัวของกูก็ขอตัว!” พูดอย่างไม่พอใจ ผมกำลังจะเดินไปอีกทาง มันกระชากแขนผมกลับไป
“มึงต้องเลิกกยุ่งกับไออ๊อฟ!” มันมองผมด้วยสายตาอาฆาต
“ไม่!” มันก็บีบแขนผมแน่นขึ้น
“อ้อ! หรือว่ามึงเกิดชอบกูขึ้นมา มึงถึงได้เล่นตัว ทั้งๆที่เจ็บตัวซะขนาดนี้”มันมองผมแบบยิ้มเหยียด ผมแสยะยิ้ม
“หลงตัวเอง! ถ้าชอบคนอย่างมึง กูไปเอากับหมาดีกว่า!” พูดกระแทกมันไปตรงนั้นแหละ มันบีบแขนผมแน่นมาก ผมว่าช้ำไปหมดแล้วตัวผมเนี่ย
“มึงมีสิทธิ์เลือกขนาดนั้นเลยเหรอวะ! มึงอยากได้เท่าไหร่! ได้ข่าวว่าพวกคนขายตัวเนี่ย ครั้งละ ‘ตุบ!’ โอ้ย!”ผมถีบมันเลย แต่มันไม่ยอมปล่อยแขนผมไง ผมเลยเซไปกับมัน
“ไอเลว!” ผมพยายามแกะมือมันออกมันก็ไม่หลุด มือแน่นจังวะ!
“หึ! เก่งจังนักนะมึงอะ มานี่เลยไอสัส!” มันกระชากผมให้ไปตามมัน ผมก็เดินกระเพกแล้ว เพราะความรู้สึกเจ็บแล่นมาที่ขาอย่างรุนแรง
ผมก็ฉุดกระชากมันอย่างนั้นแหละ ตอนนี้คนในโรงเรียนเริ่มซาแล้ว เพราะมันก็เย็นแล้วด้วย.....
“ปล่อยนะเว้ย!” ผมทั้งรั้ง ทั้งดึงแม่งเอ้ย! แรงเยอะชิบ
“ทำไมมึงอยากไม่ใช่เหรอ กูก็จะจัดให้นี่ไง!” มันพูดแบบกวนตีน
“ปล่อยนะเว้ย!ไอเหี้ย!” ผมรั้งตัวสุดแรง
“โว๊ะ!” มันปล่อยมือขณะที่ผมกำลังรั้งตัว ผมล้มไปกับพื้นอย่างแรง “555 สมน้ำหน้าโง่ดีนัก!” ผมมองมันตาขวาง เหตุการณ์คุ้นๆ หรือว่ามันจะทำกับผมเหมือนที่ผมทำกับอิงฟ้านะ บ้าจริง!
“เลิกเล่นสักที เย็นแล้วจะกลับบ้าน!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“ใครบอกว่ากูเล่น! กูเอาจริง!” มันเดินเข้ามาใกล้ๆผม แล้วมายืนคร่อมตัวผมไว้
“ทำอะไรกัน!”  เสียงภารโรงเดินผ่านมาพอดีแต่ก็ยืนไกลเกินไป
“ช่วยด้วยครับลุง! มันตีผมครับชะ อุ้บ!” มันเอาผ้าอุดปากผม ผมกำลังจะเอาผ้าออกมันก็รวบมือผมไว้แล้วบีบอย่างแรงอะ เจ็บชะมัดเหมือนกระดูกจะแตก
“ลุง! น้องผมโดนพวกเด็กมอปลายรุมตีมาน่ะครับ ผมจะพาไปทำแผลไม่มีอะไรหรอก” มันพูดนิ่งๆ แล้วมองผมตาขวาง ผมก็ดิ้นสิ
“อื้อ! อุง! อื้อ อ่อยอะ” ผมหันไปมองลุง แล้วก็ดิ้นสุดๆ แต่ขาดิ้นมากไม่ได้เลย เจ็บมาก แต่ดูเหมือนลุงเขาจะแก่เกินไป ตาคงไม่ดีแล้ว ผมก็ดิ้นไปเถอะ “อุ้ก!” มันเอาเข่ากดท้องผมไว้อย่างแรง จุกเลยสิ
“แน่นะ พวกเอ็งก็รีบกลับกันได้ละมันเย็นแล้ว!” ลุงบอกเสียงดุ ลุงเขาก็ไม่เดินมาดูหรอก ยืนตะโกนอยู่ตรงนั้นแหละโถ่!
“อื้ออออ! อ่วยอ้วย!” ผมครางในลำคออย่างดัง และก็ดิ้นทั้งๆที่เข่ามันยังกดท้องผมไว้นั่นแหละ
“ครับลุง จะกลับแล้ว!” มันตอบอย่างรำคาญ
ผมก็มองลุงแกเดินไป ที่ผมอยู่ตอนนี้มันอยู่หลังตึกชมรมต่างๆ และวันนี้เป็นวันซวยของผม เป็นวันศุกร์ทุกชมรมจะกลับเร็วง่ายๆคือเย็นวันศุกร์ไม่มีชมรม เพราะวันศุกร์คาบว่างเยอะอยู่แล้ว เขาเลยปล่อยให้เด็กๆกลับกันไว และผมคาดว่าพี่อ๊อฟก็คงจะกลับไปแล้ว มันก็เอาผ้าออก แล้วปล่อยมือและลุกขึ้นจากตัวผม....
“กลับบ้าน! วันนี้ถือว่ากูเตือนอย่างที่บอก ถ้ายังไม่เลิกยุ่งมีเจอดีแน่!” มันชี้หน้าผมแล้วก็เดินไป
ผมค่อยๆลุก ตอนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายผมเริ่มแล่นเข้ามา ทั้งตัวเลยปวดไปหมด ผมก็ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมาแล้วเดินไปทางห้องน้ำ พอผมออกมาพ้นจากหลังอาคารนักเรียนบางส่วนก็ยังอยู่ พวกมันเห็นผมก็มองกันนะ ผมก็ไม่สนเดินไปห้องน้ำอย่างเร่งรีบ พอถึงก็รีบไปดูกระจก โอ้โห! ตาในช้ำเลย เส้นเลือดในตาแตกแน่ เป็นคราบเลือดในตาเห็นได้ชัดเจน ปากแตก แก้มถลอกน่าจะตอนที่ล้ม ท้ายทอยก็แสบๆ พอลูบดูก็มีเลือด ไม่แน่ใจตอนโดนกระแทกกำแพงหรือเปล่า ตามแขนก็เป็นรอยที่มันบีบ หัวเข่านี่ไม่ต้องพูด ขาก็ถลอก นี่มันแผลเต็มตัวเลย ผมก็ล้วงผ้าเช็ดหน้ามาชุบน้ำแล้วก็เช็ดเลือดตามรอยแผลที่มีเลือด พอทำอะไรเสร็จ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไอพี่เฟิสมันเอาโทรศัพท์ผมไป เป็นอะไรที่บัดซบที่สุด ผมจะตอบคำถามที่บ้านยังไงกับสิงที่มันเกิดขึ้นบนตัวผมนี่ แล้วถ้าทุกคนรู้เรื่องต้องใหญ่แน่ พี่อ๊อฟรู้ก็คงไม่ยอม ผมคิดมากไปหมด ปวดตัวยังไม่พอ ยังต้องปวดหัวอีก ผมก็จัดการแต่งตัวให้ดูเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดูยังไงก็รู้ว่าไปมีเรื่องมา  ก็แต่งๆไปแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเลและตรงไปทางประตูโรงเรียน........
“นท!” นั่นไง ผมก็กลัวจะเจอคนรู้จักอยู่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะในโรงเรียน ผมก็รู้จักคนไปทั่ว ผมหันไปมอง เอ่อ! ไอพอร์ชเป็นเพื่อนผมไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ เจอก็ทักกันตลอด มันตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล ผมก็พยายามฝืนเร่งเดินหนีมันเพราะสภาพตอนนี้คุยกับใครคงไม่ได้หรอก...
หมับ! มีคนจับแขนผมจากข้างหลังอย่างแรงพอหันไปดู ไอพี่เฟิส? ผมมองมันตาขวาง....
“เดี๋ยวกูจะไปส่ง มานี่!” แล้วมันก็กระชากผมให้ไปทางโรงรถ ผมก็ตามๆมันไป เพราะเจ็บไปหมดแล้ว ขืนรั้งตัวไว้มันได้ตีผมอีก ผมก็ไม่ไหวจะเจ็บตัวแล้วด้วย
พอมาถึงโรงรถ มันก็จัดการถอยมอไซค์มันออกมา ผมก็ยืนมองมันนิ่งๆพอมันถอยได้แล้วก็หันมามองผมด้วยสายตาที่รำคาญ....
“เพื่ออะไร? สำนึกผิดเหรอ?” ผมถามมันนิ่งๆ
“หึ! จองหองนักนะมึง กูสมเพชมึงตังหาก” มันพูดแบบกดเสียง ผมมองมันนิ่งๆนั่นแหละ
“ถ้าคิดแบบนี้ก็กลับไปเถอะ กูกลับเองได้!” ผมพูดนิ่งๆ แล้วกำลังจะเดินผ่านมันไป มันก็ดึงแขนผมไว้ ผมก็มองหน้ามันนิ่งๆ
“ขึ้นรถ!” ตะคอกใส่ผม
“ไม่!” ผมตอบมันแล้วพยายามดึงแขนตัวเองออก มันก็ไม่ยอมจับผมแน่นและมองผมตาขวางอยู่นั่นแหละ
“มึงจะเล่นตัวทำไม!” มันบอกอย่างรำคาญ
“กูกลับเองได้!” ผมก็ตะคอกแล้วฉุดกระชากกับมัน
แล้วมันก็ฉุดกระชากด่าผมอยู่อย่างนั้นแหละ ผมก็เริ่มนิ่ง ไม่ขึ้นจนมันรำคาญมันก็ขี่รถไปอย่างหัวเสีย จริงๆผมไม่อยากให้มันรู้จักบ้านผมตังหาก ดีไม่ดีตอนนี้พี่อ๊อฟอาจจะนั่งรออยู่หน้าบ้านผมแล้วก็ได้ ผมไม่อยากให้พี่อ๊อฟเข้าใจผิด และผมก็ไม่ยอมแน่ เรื่องนี้ต้องไม่จบด้วยดี แต่ก่อนอื่น ผมต้องไปหาหมอก่อน ผมก็เดินไปทางหน้าโรงเรียน และก็หาโบกรถขึ้นไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำของผม ที่มีอาหมอเป็นเพื่อนของป๊าอยู่ พอไปถึงผมก็ทำเรื่องติดต่อรักษาโดยโทรหาอาหมอให้ดูให้ ซึ่งวันนี้ก็ยังดีที่อาหมออยู่ เพราะปกติอาหมอไม่ค่อยอยู่เย็นขนาดนี้ ถ้าอาหมอไม่อยู่ก็จะฝากเพื่อนเขาให้รักษาให้ นั่งรอแปปนึงพยาบาลก็มาเรียก ผมก็เข้าไปห้องตรวจ......
“เป็นยังไงละตัวแสบ ไปฟัดกับใครมา” เปิดประตูมาผมยังไม่ทันมองหน้าอาหมอก็ถามขึ้นมาทันที
“หวัดดีครับ อาหมอ” ผมยิ้มอ่อน แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าอาหมอ
“สภาพไม่ไหวเลยนะ!” อาหมอบอกผมดุๆ ผมก็ได้แค่ฝืนยิ้ม “เดี๋ยวเช็คอาการและทำแผลเตรียมของด้วย” หันไปบอกพยาบาลผู้ช่วยที่ยืนอยู่หลังผม
พยาบาลเขาก็รับคำสั่งและก็ออกไป?เตรียมของมั้ง อาหมอก็ให้ผมลุกไปนั่งที่เตียง เช็คอาการ ตรวจดูแผลพยาบาลก็เข้ามา พร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลเพิ่มเติม เพราะในห้องก็มีอยู่แล้วบางอย่าง เขาก็ทำแผลไป อาหมอก็สวดผมใหญ่เลย ปกติผมมีเรื่องไม่บ่อยมาก แต่มีทีนึงก็หนักพอควร ก็ทำแผลไป โดนแอลกอฮอร์ทีนึงนี่ผมแทบดิ้น แสบโครต มีฉีดยากันบาดทะยักด้วย เพราะตรงหัวเข่า กับท้ายทอยมีเศษสนิม? จริงๆอาจจะไม่ได้โดนหินหรือไม้บาด เพราะตรงที่ล้มนั้นมันมีของเก่าเต็มไปหมด พอทำอะไรเสร็จ อาหมอก็ให้พยาบาลออกไป ผมส่องกระจก เหมือนมัมมี่เลย แขนขาต้องพันผ้ากอซไว้ พันหัวไว้ด้วย จริงๆแผลมีแค่ท้ายทอย แต่มันเป็นตรงที่มีผมอยู่ ถ้าจะแปะแค่แผลก็ได้แต่ต้องโกนผมบริเวณนี้ออก ผมไม่อยากโกนผมเลยให้อาหมอพันไว้ให้ดีกว่า ....
“อาจะโทรบอกป๊าเรานะ” พูดจบ ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“อย่านะครับ!” พูดขึ้นมาอย่างรนๆ อาหมอก็มองแปลกๆแล้ววางโทรศัพท์ลง “ทะ ทำไมวันนี้อาหมออยู่ละครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องไปสิ
“ช่วงนี้อาเข้าที่นี่เย็นมากกว่า ช่วงเช้าจะอยู่ที่โรงพยาบาล..” บอกนิ่งๆ ผมก็พยักหน้ารับทราบ “ไปมีเรื่องกับใครมา?”ถามเสียงนิ่งมาก
บางทีผมก็ไม่อยากจะให้อาหมอรักษาให้สักเท่าไหร่หรอก เพราะเขาชอบสอบสวนและบังคับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆของแกนั่นแหละ ผมก็นั่งมองแกแบบหลบตานั่นแหละ ตาดุเหลือเกิน ถ้าลุกมาตีผมได้แกคงทำไปแล้ว......
“ถ้าไม่บอกอาจะโทรบอกป๊า!” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“นทบอกแล้วครับ อย่าโทรนะ!”ผมเอื้อมไปแย่งโทรศัพท์อาหมอมา แล้ววางไว้ตรงหน้าผมเนี่ยแหละ เขาก็มองผมนิ่งๆ ประมาณว่าเล่ามาเลย “คือ...นทโดนรุ่นพี่ที่โรงเรียน ทำร้ายมา” พูดแล้วก้มหน้า
“มันเป็นใคร?” อาหมอพูดเสียงไม่พอใจ
อาหมอเป็นเพื่อนกับป๊ามานานแล้วตั้งแต่ก่อนผมเกิดอีก และตอนผมเกิดอาหมอเนี่ยแหละที่เข้าเคสทำคลอดให้ผม เขารักผมเหมือนลูกคนนึงเลย ตอนเด็กๆชอบเอาผมไปเลี้ยง แต่หลังๆมา ผมไม่ค่อยได้แวะมาเที่ยวหาอาหมอสักเท่าไหร่หรอก เพราะงานอาหมอยุ่งมาก จะมาก็ตอนเจ็บป่วยเท่านั้นแหละ....
“รุ่นพี่... เขาไม่พอใจ อะ เอ่อ! ไม่ชอบหน้านทเท่านั้นเอง” ผมฝืนยิ้มให้อาหมอ
“โกหกไม่เคยเนียนเลยนะนท” นิ่งเกินไป
“แค่เรื่องไม่พอใจกันแค่นั้นเองอาหมอ และนทก็เอาคืนมันไปสะหนักกว่านทอีก” ยิ้ม แถไปครับ แต่หน้าอาหมอคือแบบไม่เชื่ออย่างแรง
“เจ็บตัวขนาดนี้ ยังไงก็ต้องบอกที่บ้านนะนท เรายังเด็กอยู่นะ เป็นอะไรจะไม่บอกที่บ้านเลยเหรอ?” อาหมอถามอย่างไม่พอใจ เหมือนแกก็ไม่อยากจะถามแล้ว ถามไปผมก็ไม่บอก
“อาหมอก็รู้ ถ้าป๊ากับพี่โน้ตรู้...มันจะเป็นเรื่องใหญ่...” ผมพูดแบบติดขัดนิดหน่อย
แล้วผมกับอาหมอก็นั่งคุยกันไป อาหมอก็ดูเอ่อถามเยอะ และก็บ่นด้วย ตอนนี้ก็มืดแล้ว ผมจะทำยังไงดีก็ไม่รู้ ถ้าที่บ้านรู้ ผมซวยแน่ๆ แต่ยังไงก็ต้องรู้สินะ.....
“แล้วกลับบ้านยังไง ?” ถามอย่างเป็นห่วง
“อะ เอ่อ....” ผมก้มหน้าอย่างเดียว
“ป่ะ! เตรียมตัว เดี๋ยวอาไปบอกเจ้าหน้าที่ก่อนนะ รอแปปนึง” ยิ้ม แล้วก็ลุกออกจากห้องไป
ผมก็สะพายกระเป๋าเตรียมตัว นั่งรอสักพักอาหมอก็มา ถอดเสื้อกาวน์และก็เก็บของๆแก ผมเดาว่าแกก็น่าจะกลับเลยหรือไม่ก็ไปนั่งเล่นที่บ้านผมก่อน พอเตรียมอะไรเสร็จก็ไปขึ้นรถ อาหมอก็พาไปส่งบ้าน ระหว่างทางอาหมอก็ชวนคุยไปทั่ว เหมือนเขาก็ยังไม่อยากพูดถึงเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นกับตัวผม และผมก็ยังไม่อยากจะบอกด้วยแหละ อีกอย่างการพาอาหมอไปบ้าน ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ เขาอาจจะช่วยพูดได้555 พอถึงหน้าบ้าน ผมต้องตกใจอย่างหนัก เพราะพี่อ๊อฟก็ยังคงนั่งรอผมอยู่........
“พี่อะ......” ผมกำลังจะเปิดประตูรถแล้วเรียกพี่อ๊อฟ แต่นึกขึ้นได้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้มัน เอ่อ…
“ลงไปกันเถอะ เดี๋ยวมีอะไรอาจะช่วยพูด” ผมยิ้มเลย “แต่!.....” ผมหุบยิ้มทันที “ต้องบอกความจริงทุกอย่างกับอา โอเคไหม” พูดแบบจริงจัง ผมคิดแปปนึงแล้วก็พยักหน้า
จริงๆเรื่องนี้ก็อย่างที่หลายๆคนคิด ผมควรบอกป๊ากับแม่หรือไม่ก็พี่โน้ต เพราะมันรุนแรงเกินไป และยังไงครอบครัวผมก็ต้องรู้เรื่องนี้ แต่ผมกลัวว่าเรื่องมันจะใหญ่เกินไป ในความรักของป๊ากับแม่ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก แต่พี่โน้ตนี่เขาไม่ยอมแน่นอน ผมก็คิดหนักนะ ไม่ใช่ว่าจะไม่บอก แต่แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก อันนี้ผมแค่คิดนะ เพราะเข้าบ้านไปไม่รู้จะโดนสอบสวนจนทนไม่ไหวแล้วต้องบอกหรือเปล่า
ตอนนี้ผมกับอาหมอก็ได้ลงรถ แต่เท้าผมยังไม่แตะพื้น พอพี่อ๊อฟเห็นผมก็รีบเข้ามาหาผมเลย.....
“นท! หายไปไหนมา แล้วนี่ไปโดนอะไรมา” พี่อ๊อฟถามผมอย่างเป็นห่วง ผมสบตากับพี่อ๊อฟที ผมหันหน้าหนีแทบไม่ทันพี่อ๊อฟคือน้ำตาคลอ และจับผมอย่างเบา คงเพราะกลัวผมเจ็บ
“คะ คือ....” ผมก้มหน้า
“เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า มาเธอก็เข้ามาด้วย” จับมือผมแล้วก็หันไปบอกพี่อ๊อฟ
และอาหมอก็พาผมเข้าบ้าน พอทุกคนเห็นผมเท่านั้นแหละ รัวคำถามผมอย่างเป็นห่วง และรีบเข้ามาประคองผม ทุกคนล้วนแต่เป็นห่วงผม ถามผมว่าเป็นอะไร เจ็บมากไหม มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา มันตื้นตัน ร้อนผ่าวที่ขอบตาไปหมด ผมบอกได้เลย ว่าตั้งแต่เกิดมาป๊ากับแม่ยังไม่เคยตีผมด้วยซ้ำ อาจจะดุบ้างแต่ก็ไม่รุนแรงอะไร เพราะผมกับพี่โน๊ตก็ไม่ได้เกเรออกนอกลู่นอกทางขนาดนั้น แต่ครั้งนี้มันหนักจริงๆอะมั้ง ไอพี่เฟิสมันทำกับผมแบบนี้ผมไม่ยอมแน่ ทุกครั้งที่ผมมีปัญหา ทุกครั้งที่ผมเจ็บ ทุกทีที่ผมท้อ มีป๊าแม่และพี่โน้ตนี่แหละ กำลังใจสำคัญที่สุด พวกเขาจะทำทุกอย่างให้ผมมีแรงใจแรงกาย พวกเขาไม่เคยทำให้ผมต้องเสียใจเลยสักครั้ง มักจะมีแต่ผมเนี่ยแหละ ที่สร้างแต่ปัญหา เพราะแบบนี้ผมเลยไม่อยากให้ป๊าแม่และพี่โน้ตคิดมากกับเรื่องผมจนเกินไป
ส่วนพี่อ๊อฟ ผมก็รักมันนะ ผมก็ไม่อยากให้มันเครียด จริงๆดูเหมือนผมจะอวดดีอย่างที่ไอพี่เฟิสพูดแหละ แต่ไม่ใช่เลย จงมองกลับเถอะ ผมนั้นแคร์ความรู้สึกพวกเขาจริงๆ เพราะผมไม่อยากให้พวกเขาคิดมาก เพราะเรื่องที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง? เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ผมถือคตินี้มาตลอด เราทำอะไรพลาดไว้ก็ต้องลองแก้ด้วยตัวเองก่อน แต่ถ้าแก้ไม่ไหวตอนนั้นเราจะหันกลับไปหาป๊าบอกป๊าแม่หรือพี่โน้ตให้ช่วยผมแก้ก็ไม่สายไป แต่นั้นมันก็แค่ความคิดเพราะความจริงแล้วผมก็ยังเด็กเกินกว่าจะแก้ปัญหาที่ครั้งนี้มันดูจะเกินไป เพราะผมได้โดนทำร้ายร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าพี่เฟิส มันก็จะต้องได้รับบทลงโทษที่สาสมแน่นอน
ตอนนี้พี่โน้ตกอดและปลอบผมอยู่ เพราะผมได้ร้องไห้ออกมา ป๊ากับแม่ก็ถามอาหมอใหญ่เลย พี่อ๊อฟก็นั่งลูบหลังผมอย่างแผ่วเบา ผมหันไปมองพี่อ๊อฟ มันร้องไห้ตามผม? ผมเอื้อมมือไปจับมือมันเบาๆ มันก็กระชับไว้แน่นเลย

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จนเวลาผ่านไปสักพัก พี่อ๊อฟจะอยู่เพื่อนอนกับผม ซึ่งพี่โน้ตเป็นคนบอกไว้ว่าให้พี่อ๊อฟอยู่ดูแลผม ส่วนอาหมอก็ได้บอกกับทุกคนในบ้านผมว่า ผมเกิดอุบัติเหตุในโรงเรียน แต่สาเหตุนั้นรอฟังจากผมเอง และพวกเขาก็คุยกันไปจนกลับนั่นแหละ พี่อ๊อฟก็พาผมเดินขึ้นห้อง โดยที่ป๊าแม่และพี่โน้ตก็ตามมาดูด้วย เขาก็ช่วยจัดยา และก็เตรียมน้ำผ้ามาเช็ดตัวผมกันเป็นอย่างดีเลย พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกไปกัน ผมก็นอนนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็ไปอาบน้ำจัดการตัวเอง เสร็จก็ปิดไฟขึ้นมานอนข้างๆผม แล้วจับมือผมไว้....
“ขอโทษ” พี่อ๊อฟพูดแล้วตะแคงข้างหันมามองผม ผมก็หันหัวไปมอง เพราะตะแคงไม่ได้ปวดตัว
“ขอโทษทำไม?” ผมถามอย่างสงสัย
“ขอโทษที่ไม่ดูแลมึง ขอโทษ อึก!” มันพูดเสียงสั่นๆติดสะอื้น ผมกระชับมือมันแน่น
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่อ๊อฟเลยนะ อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่หล่อนะ” ผมค่อยๆเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มัน ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาจริงๆ แค่นี้มันก็ร้องแล้ว ถ้ามันรู้ว่าเป็นเพราะมัน มันจะเป็นยังไง?
ผมใช้มือที่เอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้มัน รั้งหัวมันมานอนใกล้ๆผม พี่อ๊อฟก็ได้แต่พร่ำเพ้อแต่คำว่าขอโทษ จนเราก็หลับไปในที่สุด
อีกวันนึง แม่ก็มาปลุกผมให้กินข้าวกินยา ป๊าไปทำงานแล้ว พี่อ๊อฟก็อยู่ไม่ห่างผมเลย จะรีบกลับมาดูผม พอแม่เอาข้าวมาให้พี่อ๊อฟก็บอกจะจัดการป้อนอะไรผมเอง ส่วนแม่ก็ลงไปอยู่ข้างล่าง พอผมกินข้าวกินยาเสร็จ พี่อ๊อฟก็เช็ดตัวให้ผม แล้วผมก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็บ่ายแก่ๆแล้ว คงเป็นเพราะเพลียและเหมือนจะเป็นไข้ร่วมกับอาการเจ็บปวดพวกนั้นด้วย แลดูแย่ไปหมด เพราะแผลที่หัวเข่านี่อักเสบเพิ่มอีก ระบมไปทั้งตัวเลย พี่อ๊อฟก็ดูแลอย่างดี ไม่ห่างเลย ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำด้วยนะ จนผมต้องบังคับ จะบ้าเกินไปมั้ง ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ แม่ก็ขึ้นมาดูเรื่อยๆ ก็จนเย็น ผมก็นอนพักผ่อนไปเถอะ ถ้าเบื่อก็เปิดหนัง ฟังเพลง....
แกร๊ก! ผมและพี่อ๊อฟได้หันไปมอง ป๊ากับพี่โน้ตเข้ามา....
“ป๊า พี่โน๊ต” ยิ้ม ป๊ากับพี่โน้ตก็ยิ้มแล้วมานั่งข้างๆผมที่นอนอยู่ พี่อ๊อฟก็ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้แทน
“เป็นไงบ้าง คนเก่ง” ป๊ายิ้มแล้วเอามือลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา แม่คงทำกับข้าวอยู่กลิ่นลอยขึ้นมาเลย
“ใกล้จะหายแล้ว นทเก่งจะตาย” ผมพูดเสียงร่าเริง แล้วยิ้มบาน
“แผลพวกนี้ไปโดนอะไรมานท” พี่โน้ตพูดเสียงติดไม่พอใจ กระชับมือผมแน่น
“อะ เอ่อ.....” ผมฝืนยิ้มส่งไป ดูทุกคนจะอยากได้ยินมาก
“จะไม่ยอมบอกใช่ไหม?” ป๊าถามนิ่งๆ หรือป๊าไปรู้อะไรมาแล้วเนี่ย ผมก็หลบตา “งั้นพักผ่อนไปนะ เดี๋ยวป๊าจะให้อ๊อฟเอาข้าวขึ้นมาให้” บอกผมอย่างอ่อนโยน แล้วลูบหัวผม “ปะ อ๊อฟลงไปกินข้าวกัน” หันไปบอกพี่อ๊อฟ
แล้วเขาก็พากันลงไป ผมก็นอนคิดไปทั่ว จริงๆเหตุผลมันคือกลัวทุกคนจะคิดมาก ผมกลัวจะเสียพี่อ๊อฟไปมากกว่า ถ้าป๊ากับพี่โน้ตรู้ว่าคนที่มาทำร้ายผมเพราะเรื่องของพี่อ๊อฟ ผมว่าไม่มีใครพอใจแน่ และพี่อ๊อฟก็คงจะหนักใจไม่น้อยเลยละ ถ้าไม่รักมันผมไม่ทำแบบนี้หรอก ส่วนเรื่องไอพี่เฟิส ผมก็พอมีวิธีเอาคืนมันอยู่แล้วแหละ ตอนนี้ก็ขอรักษาตัวก่อน จริงๆไม่ได้เป็นอะไรหนักมากหรอก แค่ระบมทั้งตัว ปวดตัวไปหมด และอาหมอก็ไม่อยากให้ขยับตัวมากด้วย เดี๋ยวมันจะช้ำไปกันใหญ่ คิดอะไรไปสักพัก พี่อ๊อฟก็ขึ้นมาพร้อมถาดข้าวและยา พี่อ๊อฟก็พยุงตัวผมขึ้นมาพิงหัวเตียง และจัดการป้อน? ซึ่งจริงๆผมก็กินเองได้แต่พี่อ๊อฟไม่ยอม ก็ปล่อยไป พอกินข้าวกินยาเสร็จพี่เขาก็เช็ดตัวให้ เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ดี ห่วงผมทุกย่างก้าว ผมนอนพลิกตัวโดนแผลแล้วร้องนิดหน่อย พี่อ๊อฟนี่มาดูผมอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก และระหว่างที่พี่อ๊อฟดูแลผมมาทั้งวันนี่ เขาก็ชวนผมคุยไปเรื่อยเปื่อย พูดเรื่องตลกที่มันไม่ค่อยจะตลกให้ผมฟัง ร้องเพลงให้ผมฟัง ชวนดูหนัง พยายามทำให้ผมไม่เบื่อ ซึ่งจริงๆก็อยากจะบอกว่า แค่พี่อ๊อฟอยู่กับผม ผมก็ไม่เบื่อแล้ว แต่นั้นมันก็เขินเกินจะพูดออกไป ก็จนทำอะไรเสร็จก็เข้านอนแหละ
มาอีกวัน วันนี้ผมตื่นมากับเสียงที่ค่อนข้างดัง ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา เอิ่ม! เพื่อนๆผม และพวกไอสิงโต ผมมองดูนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง นี่ก็สายมากแล้ว สงสัยเพราะฤทธิ์ยาเลยตื่นสายขนาดนี้ พอเห็นผมลืมตาได้พวกมันก็ถาโถมคำถามใส่ผมกันเลยทีเดียว ผมก็อึนๆงงๆเนอะ คนพึ่งตื่น จนพี่อ๊อฟได้ด่าพวกมัน ดูไอสิงโตจะไม่พอใจเท่าไหร่เลย แต่ผมแปลกใจอยู่อย่างนึงคือพวกมันรู้กันได้ยังไง เท่านั้นแหละ ผมก็ค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมานั่ง วันนี้ดูจะเจ็บน้อยลงกว่าเมื่อวาน สงสัยยาจะตอบรับกับร่างกายผมดี พี่อ๊อฟก็มาประคอง ไอสิงโตก็ด้วย คือมันทำให้ผมอึดอัดใจนะเนี่ย.......
“มากันได้ยังไงเนี่ย” ผมพูดเสียงงัวเงีย พี่อ๊อฟก็นั่งข้างๆผม ไอสิงโตก็นั่งอีกข้าง
“กูโทรบอกเพื่อนๆมึงเองแหละ แต่ไม่คิดว่า...” ผมมองพี่อ๊อฟด้วยสายตาดุๆ ประมานว่าพูดดีๆนะ “ไม่คิดว่าพวกไอสิงโตมันจะมาด้วยอะสิ!” พูดติดไม่พอใจแล้วก็มองไอสิงโตตาขวาง
“เป็นยังไงบ้างมึง ใครทำมึงขนาดนี้!” ไอสิงโตถามอย่างกังวลโดยไม่สนใจพี่อ๊อฟ และก็จับแขนผมไปดูรอยช้ำอย่างแผ่วเบา
และเพื่อนๆก็รัวคำถามมากัน เจ็บมากไหม โอเคหรือเปล่า บลาๆๆ ผมก็ตอบไปตามจริง จนพวกมันถามกันถึงสาเหตุและสิ่งที่ทำให้ผมเกิดแผลเนี่ย ผมละหนักใจจริงๆ .....
“ไอนท มีคนทำมึงใช่ไหม มันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่อาหมอบอกกับป๊าใช่ไหม?” ไอวิวถามอย่างเป็นห่วง
จริงๆบาดแผลก็ฟ้องอยู่แล้ว ว่าอุบัติเหตุอะไรจะทำให้ตาแตก ปากแตก หน้าช้ำ ขนาดนี้ จริงไหม? ทุกคนคงรู้อยู่แล้วแหละ ว่าผมไปมีเรื่องมา.....
“อะ เอ่อ....” หลบตา สเต็บเดิมไม่อยากบอกให้ใครรู้เลย
“ใครทำมึงนท!” ไอนัทพูดแบบไม่พอใจ
พวกมันก็เริ่มคะยั้นคยอผมให้บอก ผมว่าไอพี่อ๊อฟพาพวกมันมาง้างปากผมแน่นอน แย่จริงถ้าบอกไปผมว่าเรื่องใหญ่แน่นอนเลย เฮ้อ.....แกร๊ก! ป๊ากับพี่โน้ตเดินเข้ามา ห้องผมเต็มไปด้วยผู้คนเลยทีเดียว ก็มันไม่ได้ใหญ่เหมือนห้องนอนไอสิงโตนี่นะ พวกมันก็ทักทายป๊ากัน....
“เด็กๆ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวลงไปกินกัน ป๊าสั่งของมาให้กินแล้วนะ” ป๊าบอกอย่างใจดี พี่โน้ตก็มองผมนิ่งๆ
แล้วทุกคนก็รับคำ แล้วก็คุยกับผมสักพักก็พากันลงไป โดยที่ผมก็ลงไปด้วย เพราะอาการก็เริ่มดีขึ้นแล้ว เจ็บอยู่บ้างแหละ แต่ไม่มากเท่าไหร่แล้ว ลงไปก็คุยสนุกสนานเลย พวกมันก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย กินกันไปคุยกันไป ป๊ากับพี่โน้ตก็ร่วมวงด้วย แม่ไปวัดกับเพื่อนๆในหมู่บ้านเนี่ยแหละ ไอสิงโตก็นั่งประกบผมกับพี่อ๊อฟ คือไม่ห่าง แย่งกันป้อนผมอีกนะ......
“เอาละๆ ไหนใครบอกป๊าได้ว่านทไปโดนอะไรมา” อยู่ๆป๊าก็พูดขึ้นมา เล่นทำผมชะงักไปเลย
“นทมันไม่ยอมบอกครับป๊า พวกเราถามมันแล้วถามมันอีกอะครับ” ไอมินพูดอย่างจริงจัง
“นั่นสิครับ ผมก็งง ป๊าต้องจัดการทำให้มันพูดให้ได้นะครับ” ไอปอพูดทีเล่นทีจริง
“มันต้องมีอะไรแน่ๆ” ไอวิวมองอย่างจับผิด
“นั่นน่ะสิ จะปิดบังทำไมวะ!” ไอนัทมองอย่างสงสัย
“บอกกูคนเดียวก็ได้นะ ถ้ามึงลำบากใจจะบอกคนอื่น” ไอสิงโตหันมาพูดเบาๆอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนพี่อ๊อฟจะได้ยินน่ะสิ
“นทมันเป็นแฟนกู มีอะไรมันก็ต้องบอกกูหรือเปล่าวะ!” พี่อ๊อฟพูดในลำคออย่างไม่ยอม
“ไม่เอาน่า!” ผมบอกทั้งสองคนอย่างรำคาญ
“แล้วมึงไปโดนอะไรมานท บอกมาสิวะ ทุกคนรอฟังอยู่นะ” ไอโค้กพูดอย่างเครียดๆ
“นท นี่ป๊ากับพี่โน้ต ก็คนในครอบครัวนะ อีกอย่างนี่ก็เพื่อนๆทั้งนั้น มีอะไรก็พูดมาเลย ทุกคนเขาก็เป็นห่วงนททั้งนั้นนะ” พูดแบบจริงจัง
“นั่นสิ มีอะไรก็เก็บไว้คนเดียวแบบนี้มันจะดีเหรอนท พี่เป็นห่วงเรานะ” พูดอย่างเป็นห่วง
“เฮ้อ!” ผมถอดหายใจอย่างหนักใจ
“นท จับมือผม ไม่ว่ามันจะเพราะอะไร ขอให้รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงมึงนะ” พี่อ๊อฟจับมือผมกระชับมือแน่น
ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็จะมีแต่พี่อ๊อฟเนี่ยแหละ ที่ไม่ถามว่าใครเป็นคนทำหรือเกิดอะไรขึ้น เอาแต่พร่ำบอกผมว่าขอโทษซึ่งจริงๆผมดูออกตลอดเวลานั่นแหละว่ามันก็ดูอยากรู้มาก แต่มันเลือกจะทำให้ผมสบายใจโดยการชวนผมคุยเรื่องอื่นๆไปทั่วก่อนเลยไม่ถาม ผมก็เข้าใจดี ผมว่าถึงเวลาบอกแล้วมั้ง เพราะดูจากที่ผมทำตอนนี้แล้ว ยิ่งทำให้ทุกคนหนักใจหนักกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ เฮ้อ!.....
“จะ...จริงๆ นทโดนรุ่นพี่คนนึง....ซ้อมมา” พูดอย่างแผ่วเบา แต่นั้นทำให้ทุกคนนิ่งไปกันหมดเลย
“ปั้ง!” พี่โน้ตตบโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้น “มันเป็นใครนท!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาอย่างดัง ทุกคนสะดุ้งหมด
“โน้ต! ใจเย็นๆนั่งลง!” ป๊าบอกพี่โน้ตเสียงแข็ง แล้วก็ดึงพี่โน้ตนั่งลง
“มันเป็นใครวะไอนท?” ไอมินถามอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ทุกคนก็มองมาที่ผม เพื่อรอผมตอบ พี่อ๊อฟก็กระชับมือแน่น ไอสิงโตก็นั่งจ้องผม......
“ที่ไหนนท? โดนมันทำร้ายนทที่ไหน” ป๊าถามอย่างใจเย็น แต่หน้านี่ไปหมดแล้ว คงข่มอารมณ์มาก
“นะ...ในโรงเรียนป๊า”ผมพูดเบาๆ
“ในโรงเรียนเลยเหรอวะ มันจะกล้าไปไหมมึง!” ไอวิวพูดเสียงแข็ง
“เล่ามาสิ ว่ามันเป็นยังไง!” พี่โน้ตพูดเสียงแข็งข่มอารมณ์สุดๆ
“.......วันนั้นหลังจากที่นทแยกกับเพื่อนๆ นทก็กำลังเดินไปหาพี่อ๊อฟเพื่อจะกลับบ้าน แต่...พี่เฟิส” พอผมพูดชื่อนี้ขึ้นมาพี่อ๊อฟบีบมือผมแน่นเลย เพื่อนๆก็ดูตกใจกันพอควรนะ แต่ดูเหมือนพวกไอสิงโตยังงงๆว่าพี่เฟิสคือใคร
“ไอเฟิส มึง!” ไอนัทกัดฟันพูด
“ทำไมวะมึง?!” ไอปอถามอย่างตกใจ
“ทุกคนอย่าเพิ่งขัด นทเล่าให้จบ” ป๊าทำหน้าไม่พอใจหนักมาก ทุกคนนิ่งและเงียบกันทันทีเลย
“คะคือ.......” ผมก็เล่าทุกอย่างไปตามที่ผมเจอและพูดคุยกับไอพี่เฟิสมา ป๊าแสดงสีหน้าฆาตกรออกมา ไอสิงโตก็ด้วย พี่อ๊อฟปล่อยมือผมเลย พี่อ๊อฟเอาแต่ก้มหน้า พอเล่าจบ ทุกคนก็มองไปทางพี่อ๊อฟ...... “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่อ๊อฟเลยนะ เพราะมันสองพี่น้องนั้นแหละประสาท พี่อ๊อฟไม่ได้ผิดอะไรนะป๊าพี่โน้ต ทุกคน” ผมบอกกับทุกคน อย่างจริงจัง
“ป๊ารู้...ดูก็รู้...”  ป๊าพยักหน้าอย่างใจเย็น
“ดีนะ ที่มึงยังมีความดีไม่งั้น...”พี่โน้ตชี้หน้าพี่อ๊อฟอย่างหาเรื่อง
“โน้ต! ไม่เอาน่า!” ป๊าบอกอย่างหัวเสีย
“มันเป็นใคร คนไหนนท!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“ใจเย็นๆน่าสิงโต” ผมพูดนิ่งๆ
“มันเจอพวกกูแน่!” ปอพูดอย่างโกรธแค้น
“กูขอโทษนะนท” พี่อ๊อฟพูดเสียงสั่น ผมจับมือพี่อ๊อฟแน่น
“พี่อ๊อฟ มันไม่ใช่ความผิดพี่อ๊อฟนี่ อย่าคิดมากดิ” ยิ้ม มันก็ยิ้มอ่อนส่งมา
“ป๊าจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด หลานผอ.เหรอ เจอดีแน่” แล้วป๊าก็ลุกขึ้น
“ป๊า นทวะ...”
“ไม่ได้นทป๊าไม่ยอมหรอก! ป๊ายังไม่เคยตีนทเลยด้วยซ้ำ มันเป็นใคร กล้าดียังไงทำกับนทขนาดนี้ ยังไงป๊าก็ไม่ยอม!” ป๊าพูดแทรกเสียงดังแล้วก็เดินขึ้นบ้านไป พี่โน้ตก็ตามขึ้นไป
ผมเข้าใจป๊า และนี่แหละมันกำลังจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะป๊าจะทำทุกอย่างให้ถึงที่สุดจริงๆ ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้เลยนะ...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“ปอ มันเป็นใครคนไหนวะ” ไอสิงโตลุกขึ้นเดินไปหาปออย่างหัวเสีย
“นี่มึงกูจะเปิดรูปมันให้ดู” ปอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็กดๆไป
พวกมันก็ไปรวมกันกลางโต้ะ ผมก็นั่งกุมมือพี่อ๊อฟไว้แน่น พี่อ๊อฟดูหน้าเครียดมากจริงๆ ผมละหวั่นใจจริงๆ....
“พี่อ๊อฟอย่าคิดโทษตัวเองหรือจะไปจากผมนะ ผมไม่ยอมหรอก” ผมหันไปบอกอย่างจริงจัง
“กูไม่ยอมไปจากมึงหรอก และกูจะเอาคืนกับที่มันทำกับมึงให้ถึงที่สุดเหมือนกัน” กัดฟันพูดและกระชับมือผมแน่นมาก
ตอนนี้ทุกคนก็คุยกันไป ไอสิงโตจะไปเอาเรื่องมันให้ได้ ผมก็พยายามไกล่เกลี่ย มันโทรไปบอกพ่อกับแม่มันด้วยนะ ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร? ไปกันใหญ่แล้วตอนนี้ เฮ้อ สักพักป๊าก็ลงมา....
“นทวันนั้นไปหาหมอ ให้อาหมอรักษาให้ใช่ไหม?” ป๊าถามแบบจริงจัง
“ใช่ อาหมอดูให้ ทำไมอะป๊า?” ผมถามอย่างสงสัยทุกคนก็มอง
“โอเค รอนี่กันนะ” พี่โน้ตพูดแบบปัดๆแล้วก็ออกไปนอกบ้าน
ขับรถออกไปไหนกันไม่รู้ เฮ้อ! ไปกันใหญ่แล้วทีนี้ พวกผมก็นั่งคุยกันไปสักพัก พ่อไอสิงโตก็โทรมา บอกจะช่วยเรื่องผมเพราะพวกเขารู้จักกับตำรวจเยอะนู่นนี่นั่น ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง จริงๆแค่เดินไปบอกครูในห้องปกครองก็น่าจะจบแล้วไหม นี่มันไปกันใหญ่ไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆแล้ว เราก็ยังไม่เลิกคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และอีกสักพักป๊าก็กลับมา พร้อมซองเอกสาร ไอสิงโตก็กดโทรศัพท์โทรหาพ่อมันให้พ่อมันคุยกับป๊าผมอีก หนักอึ้งหัวไปหมดครับ วุ่นวายไปกันใหญ่ ......
“พรุ่งนี้นทไปโรงเรียนพร้อมกับป๊านะ!” ป๊าพูดเสียงแข็ง
“ตามนั้น พี่จะไปด้วย” พี่โน้ตพูดแบบจริงจัง
แล้วเราก็คุยกันไป โดยที่ป๊าให้ทุกคนอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันอีกมื้อ ทุกคนก็ขึ้นไปนั่งเล่นห้องผม พี่อ๊อฟก็ไปเอาผ้ามานอนกับผมเพิ่มเติม ตอนนี้ในห้องนอนผมก็คือเอ่อ มีเพื่อนๆผมและก็พวกไอสิงโต แน่นจริงๆไอสิงโตก็นั่งข้างผมไม่ห่างเลย เจ็บไหม เป็นยังไงบ้าง ถามซ้ำซากไปมา ผมรำคาญมากเอาจริง......
“พรุ่งนี้กูจะไปกับป๊ามึงด้วยนะ ไปกับป๋า” ไอสิงโตพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องหรอกมึง แค่ป๊ากับพี่โน้ตไปก็เรื่องใหญ่แล้วนะ มึงจะไปทำไมอีก” ผมพูดอย่างปัดๆ มันจับมือผม
“แฟนกูเจ็บตัว มึงจะให้กูอยู่เฉยๆได้ยังไงวะ?!” ไอสิงโตพูดแบบไม่พอใจ
ผมก็ปลงไป อยากทำอะไรก็ทำกันไปโลด ผมจะอยู่นิ่งๆตามประสาคนเจ็บแล้วกัน เบื่อมีแต่เรื่อง แล้วไอสิงโตก็มากระเหง้ากระหงอดไม่ห่างผมอีก พี่อ๊อฟจะคิดยังไงเนี่ย แกร๊ก! นั่นไง คิดไม่ทันไรคุณชายของผมก็เดินเข้าห้องมาแล้ว ประเด็นคือมือไอสิงโตก็ยังไม่ปล่อยจากมือผมไงผมดึงออกมันก็จับแน่น พี่อ๊อฟก็มองนิ่งๆ แล้วก็เอาของเข้าไปเก็บ....
“ไอสิงโต มึงก็ปล่อยดิ!” ผมพูดเบาๆ แต่มันก็เอาแต่ยิ้ม
“เออๆ” (ยิ้ม)
ผมก็เบื่อมันจริง มันก็ไม่ถอยห่างผมเลย ทำตัวปกติของมัน และพี่อ๊อฟก็รู้สึกจะไม่พอใจผมเป็นอย่างมากด้วยสิ โอ้ย! แต่ละคน และถึงเวลาไปกินข้าวก็พากันลงไป วันนี้ป๊าจ้างคนมาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวตรงสวนหน้าบ้าน สนุกสนานกินกันอิ่มเลยสิ พี่อ๊อฟก็จ้องไอสิงโตตาขวางเลย ไอสิงโตก็ไม่ห่างผมเหมือนทำเป็นไม่สนพี่อ๊อฟ เดี๋ยวป้อนเดี๋ยวเช็ดปาก พี่อ๊อฟน้อยหน้าที่ไหน ผลักไอสิงโตออกจนจะได้ตีกันอยู่แล้ว เจ็บตัวแล้วยังต้องมาปวดหัวกับคนพวกนี้อีก พอจบปาร์ตี้ทุกคนก็แยกย้าย แต่ก่อนแยกย้ายก็ไม่ลืมที่จะคุยกันเรื่องพรุ่งนี้.....
“ป๊าจะแจ้งความเรื่องนทนะ” ป๊าพูดขึ้นมา ผมตกใจสิ
“นทว่าแค่บอกครูห้องปกครองก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่เลยนะป๊า” ผมพูดอย่างกังวล และอีกอย่างมันก็แค่เรื่องเด็กทะเลาะกันเอง
“ตามนั้นแหละมึง มันทำมึงขนาดนี้มึงไม่ต้องทำเป็นห่วงมันหรอก” ปอพูดอย่างไม่ยอม
“ป๊า พรุ่งนี้ผมกับป๋าจะพาลุงไปด้วยนะ ตามที่บอก” ป๊าก็พยักหน้า ไปบอกไปคุยอะไรกันตอนไหนวะ?
ก็คุยกันไป พี่อ๊อฟก็กันผมห่างจากไอสิงโตตลอด แต่ก็ไม่พ้น จนพี่อ๊อฟไม่พูดกับผมเลย ไอสิงโตก็เกินไป พอทุกคนแยกย้ายกันกลับ พี่อ๊อฟก็ช่วยพยุงผมขึ้นห้องนอน วันนี้อาบน้ำได้แล้ว ป๊าไปหาอาหมอมา อาหมอฝากผ้าก๊อตพันสำหรับอาบน้ำมาให้ ไม่มีปัญหาแล้ว ก็ดีไปอย่าง เหนียวตัวจะแย่ พอเข้ามาในห้องพี่อ๊อฟก็ไม่พูดไม่จาอะไร จับผมถอดเสื้อผ้า แล้วก็พยุงเข้าห้องน้ำ จริงๆคือถอดผมหมดเลย  ไม่คิดว่าผมจะอายมันไหม? มันก็ถอดของมันแล้วเข้ามาอาบพร้อมผม แต่คือมันไม่ยอมคุยกับผมไงถามอะไรก็ไม่ตอบ งอลเรื่องไอสิงโตชัวร์......
“อย่าโกรธเรื่องไอสิงโตดิ มันก็เพื่อนผมนะ” ผมพูดนิ่งๆ มันก็ถูสบู่ให้ผมไป
ถึงงอลแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะดูแลผมน่ารักไปป่ะ? ก็จนทำอะไรเสร็จออกมาก็แต่งตัวให้พาผมขึ้นเตียงทำแผลให้ผม ไปปิดไฟแล้วก็ขึ้นมานอนข้างๆผมบริการดีนะเนี่ย.....
“อย่าโกรธดิ” ผมหันหัวไปทางพี่อ๊อฟแล้วเอามือลูบแก้มพี่อ๊อฟที่นอนตะแคงเข้าหาผม
“มึงไม่ได้รักกูแล้วเหรอ?” มันถามด้วยน้ำเสียงนอยๆ
“รักดิ รักมากด้วย ทำไมถามแบบนี้?” ผมถามอย่างสงสัย
“กูโครตหึงมึงเวลามึงอยู่กับไอสิงโตเลยวะ” มันพูดแบบจริงจัง แต่มันทำให้ผมรู้สึกเขิน เพราะผมแทบไม่เคยได้ยินพี่อ๊อฟบอกว่าหึงผมเลยมั้ง?
“ถ้าหึง ก็อย่างอนดิ” หยิกแก้มมัน “เพราะไม่ว่ายังไง...” กระเถิบตัวเข้าไปใกล้ๆมันอย่างลำบาก มันเห็นอย่างนั้นมันก็เลยกระเถิบเข้ามาใกล้ๆผมแทน “ไม่ว่ายังไง ผมก็เลือกและรักพี่นะ ไอสิงโตมันเป็นเพื่อนที่ดี พี่อ๊อฟเข้าใจนะ แม้มันจะดูเยอะไปหน่อย แต่มันก็เป็นห่วงผมนะ” ผมหอมแก้มมัน
“แน่นะ” มันถามเบาๆ แต่ผมว่ามันเขินแน่ๆ
“อื้ม” ผมยิ้มบาน
เราก็นอนคุยกันไปจนหลับ พอมาอีกวันผมตื่นก็สายมากแล้ว ง่ายๆคือมันเลยเวลาเรียนคาบแรกมาแล้ว ผมรีบลุกขึ้นอย่างเร็วๆ เพราะต้องรีบไปโรงเรียนแต่.....
“ตื่นแล้วเหรอ ไหวไหม” มันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนักเรียน
“สายแล้วนะทำไมไม่ปลุกผมละ?” ผมถามด้วยความตื่นตระหนก
“วันนี้ป๊าจะพามึงไปทำเรื่องที่มึงโดนมา ไม่ต้องเรียน เห็นว่ายังนอนสบายอยู่เลยไม่อยาปลุก เดี๋ยวรอแปปนึงนะ กูไปบอกป๊าก่อนว่ามึงตื่นแล้ว ป๊ากับพี่โน้ตจะได้เตรียมตัว” มันพูดแล้วยิ้มบาน เดินออกห้องไป
ผมก็ส่ายหัวให้กับความอารมณ์ดีของมัน แล้วค่อยๆพาตัวเองลงจากเตียงแล้ว ตรงไปห้องน้ำล้างหน้าแปลงฟันรอพี่อ๊อฟสักพักมันก็เข้ามาช่วยผมอาบน้ำจัดแจงทำแผลและช่วยแต่งตัวให้ พอเสร็จผมก็เตรียมของและลงไปหาป๊า ซึ่งก็นั่งรออยู่หน้าทีวีอยู่แล้ว พอเห็นผมก็มาช่วยพยุงแล้วก็พากันไปขึ้นรถ และมุ่งหน้าไปโรงเรียน แม่ก็เฝ้าบ้านไป ตอนแรกจะมาให้ได้เพราะแม่ก็โมโหไม่น้อยเลย แต่ป๊าไม่ยอมเพราะถ้าแม่ไป คงไม่ได้คุยง่ายๆ แม่ผมโมโหร้ายมาก พอถึงโรงเรียนก็ตรงไปห้องปกครองกันเลย พอเข้าไปผอ.?ก็นั่งรออยู่แล้ว กับภารโรงคนนั้น และไอพี่เฟิส!? และครูในห้องปกครองนั่งกันเต็มไปหมด และมีเอ่อน่าจะพ่อแม่ของไอพี่เฟิสหรือเปล่า?ไม่รู้ เรื่องนี้เหมือนถูกจัดแจงไว้แล้ว แค่รอผมมา?........
“ไง!” ป๊าพูดทักเสียงเข้ม ผอ. ก็ยิ้มอ่อนให้
“คนนี้เหรอนท ที่มันทำนทอะ!” พี่โน้ตพูดเสียงดัง ไอพี่เฟิสนั่งหน้านิ่ง ผมก็พยักหน้า
“เชิญนั่งก่อนนะครับ ทุกคนเลยครับ” ครูกมลพูดนิ่งๆ มองมาทางผม พร้อมกับมองทั่วร่างกายผม
ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องปกครองแล้ว ดูจะพร้อมไปหมด แปลกๆจังหรือว่าป๊าเป็นคนโทรสั่งและจัดการไว้หมดแล้ว?
แกร๊ก! “ขอโทษที่มาสาย” พ่อไอสิงโต?! มาจริงๆเหรอเนี่ยมากับ เอ่อ ตำรวจ? ไอสิงโตยิ้มหน้าบานเดินมานั่งข้างผม พี่อ๊อฟก็ทำหน้านิ่งๆ เพราะเมื่อคืนผมว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ.....
“ผมขอดูของที่ผมฝากครูกมลดูด้วยนะครับ” ป๊าหันไปบอกครูกมลหน้านิ่งๆ
ครูกมล ก็ลุกขึ้นไปกดเปิดเทป? กล้องวงจรปิด! แน่นอนว่าทุกโรงเรียนต้องมีผมคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย มันเป็นมุมที่ถ่าย เหมือนเอาไว้ดูของเพราะมันเป็นที่เก็บของหลังอาคาร เห็นไม่ชัดมาก แต่ก็เห็นว่าผมโดนทำร้าย ดูจะรุนแรงด้วยจริงๆ ขนาดผมเป็นคนโดนพอมาเห็นแบบนี้แล้วก็ดู...หนักไม่ใช่ย่อยเลย รุนแรงมากนะนั่น ครูกมลก็กดกรอไปมา ก็เห็นหน้าไม่ค่อยชัดแต่ก็รู้ว่ามีคนโดนทำร้ายอย่างรุนแรง......
“ทำแบบนี้ได้ยังไงวะ!” พี่โน้ตลุกขึ้นชี้หน้าไอพี่เฟิส
“โน้ต!” ป๊ามองพี่โน้ตแบบดุ พี่โน้ตก็นั่งลง
“มีอะไรจะอธิบายไหม? คุณกรกฏ” ครูกมลมองไปทางไอพี่เฟิสนิ่งๆ
“ไม่มีครับ”หน้านิ่งๆ ไม่ได้สำนึกผิดสินะ
“หึ!” ป๊ามองพี่เฟิสแบบเหยียดๆ “คุณผอ. จะจัดการเรื่องนี้ยังไงครับ? ผมไม่ยอมนะ ลูกผมโดนทำร้ายร่างกายขนาดนี้” ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผอ.ดู “เด็กคนนี้ทำเกินไปมากเลย” บอกผอ.ด้วยเสียงแข็ง “ไหนเธอลองบอกมาสิ! ว่าลูกชายของฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจนักหนาถึงได้ทำกับลูงของฉันขนาดนี้” ป๊าพูดกดเสียง ไอพี่เฟิสมันสะดุ้งไปนิด
“คะ คือ.....” ไอเฟิสมันอึกอัก
“ลูกดิฉันต้องโดนใส่ร้ายแน่ๆค่ะ เพราะลูกของดิฉันไม่เคยไปมีเรื่องชกต่อยใครเลย!” แม่มันพูดขึ้นอย่างจองหอง
“ใช่ครับ ถึงจะทำจริงๆ แสดงว่าเด็กคนนี้” พ่อมันชี้มาทางผม “ต้องทำอะไรให้ลูกผมก่อนชัวไม่งั้นไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอกครับ”โอ้โห!นิสัยแบบนี้กันทั้งบ้านเลยสินะ
“งั้นลองพูดมาสิ ว่าลูกฉันทำอะไรให้ นายถึงได้ทำร้ายลูกฉันขนาดนี้” หันไปถามพี่เฟิส มันก็ก้มหน้า “แต่แปลกนะครับ ถ้าลูกผมไปทำอะไรให้ลูกคุณก่อน อย่างน้อยก็ต้องมีบาดแผลสิครับ แต่ดูลูกคุณจะสมบูรณ์ไร้แม้ร่องรอยการโดนทำร้ายนะครับต่างจากลูกผมลิบลับ” ป๊าพูดไม่พอใจ พ่อแม่มันเริ่มรน
“กะ..ก็อาจจะมาด่าลูกผมก่อนก็ได้!” พ่อมันแถไปสิ เป็นพ่อคนได้ยังไงวะ
“เอาโทรศัพท์น้องกูคืนมาด้วย!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ พ่อกับแม่มันหันไปมองลูกมันอย่างตกใจ
“พูดความจริงเถอะ เพราะลูกผมเล่าความจริงทั้งหมดให้ผมฟังแล้ว และผมจะแจ้งความ! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด!” ป๊าพูดแบบโมโหหนักมาก พ่อแม่มันสะดุ้งกันเลยทีเดียว
“หลักฐานละ แค่วีดีโอเนี่ย ไม่พอหรอกนะ!” แม่มันพูดอย่างรนๆ
“หึ! คุณภารโรงช่วยเล่าเหตุการณ์ที่คุณเห็นวันนั้น ให้ทุกคนได้ฟังได้ไหมครับ?” ป๊าบอกอย่างใจเย็น
“คือผมเห็นเด็กคนนี้ ขึ้นคร่อมเด็กคนนี้เหมือนกำลังมีเรื่องกันครับ พอผมถามเด็กคนนี้” ชี้ทางไอเฟิส “ก็บอกว่า เด็กคนนี้” ชี้มาที่ผม “โดนพวกรุ่นพี่รุมตีมา ตอนแรกผมก็ไม่เอะใจอะไรหรอกครับ แต่เด็กคนนี้” ชี้มาทางผม “ดิ้นๆเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ผมก็เลยไปตามครูกมลมาดู เพราะตอนนั้นโรคเก๊าที่ขาผมมันกำเริบ เดินมากไม่ได้จะเข้าไปดูใกล้ๆก็กลัวจะเสียเวลา เพราะกว่าจะเดินมาตามครูไปดูเด็กสองคนนี้ ก็นานพอควรหนะครับ” ผมยิ้มบานเลยครับ ไม่คิดว่าลุงเขาก็ดูออก 
“นี่ไงครับพยาน และหลักฐานก็เป็นเทปกล้องวงจรปิดนะครับ และใบรับรองแพทย์ของหมอที่รักษาลูกผมหลังจากลูกผมโดนทำร้าย ตอนนี้ผมได้พาตำรวจมาแล้ว พวกคุณมีอะไรจะพูดอีกไหมครับ?” ป๊าพูดนิ่งๆ แต่ทำหน้าเหมือนผู้ชนะ ป๊าร้ายกาจมาก
“อะ...เอ่อ” ป๊าหันไปมองขวับไปทางผอ. “คะ...คือถะ...ถ้าทำแบบนั้นเด็กคนนี้อาจจะต้องโดนไล่ออกเลยนะครับ เพราะทำให้โรงเรยนเสื่อมเสียชื่อเสียง.....” ผอ.พูดแบบเบาๆ เหมือนไม่อยากพูดอะไรแต่ต้องพูดบ้าง
“ไหนลองบอกแนวการแก้ไขของ ผอ. ให้ผมฟังหน่อยสิครับ?” ป๊าถามทุกคนก็จ้องผอ.กันหมด
ส่วนพ่อแม่ของไอพี่เฟิสก็ใช้สายตาข่มผอ. แลดูตอนนี้ผอ.นี่เอ่อ หนักใจสุดๆเลย.....
“จะ....จริงๆแล้วเรื่องนี้ให้ทางโรงเรียนดำเนินการลงโทษเด็กเองดีกว่านะครับ ผมว่าแจ้งความมันจะเสียหลายด้านนะครับ”ครูกมลพูดอย่างหนักใจ บางทีผมก็สงสารครูกมล เจอแต่ละอย่าง ผมก็ไม่ได้อยากจะมาหาครูเขาบ่อยเลย
“พวกคุณก็ดูนะครับ ฝ่ายนั้นยังไม่ยอมรับเลยว่าลูกเขาผิด แล้วพวกคุณจะทำอะไรได้ครับ? ยังไงผมก็ไม่ยอม ผมมีทั้งพยานหลักฐาน ครบทุกอย่างแล้ว” ป๊าพูดไปทางครูกมล “อันนี้ผมต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับคุณตำรวจ” ป๊าหันไปถามคุณตำรวจ
ตำรวจก็เดินมากระซิบอะไรกับป๊าก็ไม่รู้ ป๊าถึงกับเหยียดยิ้มเลย.....
“เอายังไงครับ? ตอนนี้?” ป๊าทำหน้าจริงจัง
“ผมว่าเด็กเขาก็ทำรุนแรงไป ถึงจะไม่พอใจอะไรกันก็ไม่ควรจะกระทำอะไรที่มันรุนแรงขนาดนี้ ดูสิ แผลเต็มตัวขนาดนี้”อยู่ๆลุงโรจน์ก็พูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน แล้วเดินมาหาผม จับดูที่แผลผม “ไม่โหดร้ายไปหรอครับ? ถึงจะให้โรงเรียนทำโทษ ถ้าผู้ปกครองจะเอาเรื่องก็สามารถแจ้งความได้นะครับ ตามกฏหมาย” เขามองไปทางพี่เฟิส
“เอายังไงครับ พวกคุณก็พูดกันมาเลย จ้องหน้าผอ.เขาก็ช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้หรอก!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาเสียงดังอย่างไม่พอใจ
พ่อแม่พี่เฟิส และพี่เฟิสมันเหงื่อตกตั้งแต่ป๊าพูดถึงหลักฐานและพยานแล้ว ผมพี่อ๊อฟไอสิงโตก็นั่งมองนิ่งๆ แต่ดูแล้วพี่อ๊อฟกับไอสิงโตจะมองไอพี่เฟิสด้วยสายตาเดียวกัน นั่นก็คืออาฆาตแค้น อย่างกับจะไปตีไอพี่เฟิสให้ได้ พี่เฟิสมันก็นั่งนิ่งๆ.....
“ชิ!” พ่อแม่มันมองพวกผมอย่างหัวเสีย
“กรกฏ พูดความจริงออกมาให้หมดดีกว่า!” ผอ.พูดเสียงเข้ม
“ครับ ผมทำเพราะความสะใจ ผมไม่ชอบหน้าเขา เพราะเขาชอบทำตัวอวดดีและแย่งแฟนคนอื่น!” มันพูดแล้วมองหน้าผมแบบไม่พอใจหนักมาก ผมมองมันตาขวางเลยสิ ไม่พอใจมากบอกตรงๆ พูดมาได้หน้าด้านๆ พ่อกับแม่มันก็มองกันแบบว่าไอเฟิสจะพูดทำไมอะไรทำนองนั้นแหละ
“ยังไงพวกผมก็ไม่ยอมครับ ถึงลูกผมจะพูดแบบนั้น ผมไม่ยอมให้ลูกผมถูกดำเนินคดีหรอกครับ! แล้วทางโรงเรียนก็ไม่ได้คุ้มครองเด็กเลยเหรอครับ เด็กแค่ทะเลาะกันในโรงเรียน นี่ถึงกับต้องพาตำรวจมาจับเลยอย่างนั้นเหรอครับ!” พ่อมันมีอาการพาลแบบเห็นได้ชัด
“จริงๆแล้วผมก็มีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้เล่านะครับ” ทุกคนหันมามองทางผมกันหมด กะว่าจะไม่พูดอยู่แล้วเชียว แต่หมั่นไส้ในความจองหองของพ่อมัน และความปากดีจนหยดสุดท้ายของไอเหี้ยเฟิส
“อะไรนท?” ป๊าถามอย่างสงสัย
ผมรู้ดีที่มันพูดแบบนั้นไม่ใช่ความจองหอง เพราะที่มันไม่ได้พูดถึงอิงฟ้าเพราะไม่อยากให้น้องมันเข้ามาข้องเกี่ยว หึ! น่าสมเพชสิ้นดี ในเมื่อไม่ยอมรับผิดดีๆ ก็ขอประจานมันเลยก็แล้วกัน!
“พี่เฟิสพูดไม่หมดหรือเปล่าครับ ผมเกรงว่าพี่เฟิสคงจะลืมพูดถึงเรื่องอิงฟ้าด้วย!” พูดอย่างหมั่นไส้ ปากดีนักมาหาว่าผมแย่งแฟนชาวบ้าน น้องมันนั่นแหละไอเลว มันตกใจอย่างเห็นได้ชัด อย่างที่ผมคิดจริงๆ มันไม่อยากให้ผมพูดถึงน้องมัน
“แล้วอิงฟ้า อะ...เอ่อ อังศุมาเกี่ยวอะไรด้วย?” ครูกมลถามอย่างสงสัย ผมยกยิ้มขึ้นมา
“ก็ที่พี่เขามาทำร้ายผมก้เพราะว่า ยะ.....”
“หยุดพูดนะเว้ย!” ไอเหี้ยเฟิสลุกขึ้นมาชี้หน้าผมแล้วพูดอย่างเสียงดัง ผมยิ้มมุมปากอย่างสะใจ
“หยุดนะ! นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ครูกมลออกคำสั่งเสียงแข็ง พ่อแม่มัน และทุกคนก็มองอย่างตกใจ
จริงๆผมก็สงสารนะที่ป๊าจะเอามันเข้าคุก แต่มันไม่ได้มีความสำนึกผิดกันเลย ผมก็ขอไม่ไว้หน้าพวกมันบ้างแล้วกัน.....
“เล่าต่อเถอะ เพราะงานนี้ผมว่า พวกคุณไม่รอดหรอก รักษามารยาทด้วย!” ผอ.พูดอย่างไม่พอใจใส่พวกพี่เฟิส
“หึ! งั้นผมก็ขอเล่าเลยนะครับ คะ...”
“ผมยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง จะจับก็จับผมไปเลย!” ไอเฟิสพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียงดัง
เพราะเรื่องที่ผมจะพูดนั้น มันจะไปทับกับความผิดที่มันได้ก่อ จนมันดิ้นไม่ได้เลย น่าสมเพชนักนะ คนมันจนมุมมันก็ทำได้ทุกอย่างจริงๆ แต่มันจะรักน้องมันเกินไปไหม?.......
“ไม่! ฟังให้จบก่อน มันจะได้เคลียล์ๆกันไปเลย!” ครูกมลพูดอย่าเบื่อหน่อย
“ก็จริงนะครับ พูดให้มันจบๆไป จะได้เคลียล์ๆ และไม่มีปัญหาต่อกันอีกต่อไป” ผมยิ้มอ่อนให้พี่เฟิส มันมองผมด้วยสายตาอาฆาตเลยละ ดูท่าแล้วทุกคนจะงงกับเรื่องนี้ มีแต่พี่อ๊อฟเท่านั้นแหละ ที่รู้ว่าผมจะพูดเรื่องอะไร
“เล่ามาเลย” ป๊าพูดนิ่งๆ
“เรื่องทั้งหมด มันเกิดเพราะ.....อิงฟ้า หรืออังศุมาไงละครับ” พี่เฟิสและพ่อแม่มันตกใจ “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ.....”ผมก็เล่าไป เริ่มตั้งแต่ยัยอิงฟ้าแบลคเม และทำทุกๆอย่างกับผมจนผมได้เข้าห้องปกครอง รวมถึงตอนที่ผมได้ช่วยพี่อ๊อฟออกมาจากอิงฟ้า จนมาถึงตอนที่ผมโดนไอพี่เฟิสมันซ้อมเนี่ยแหละ! พี่เฟิสมันกำหมัดแน่น มองผมด้วยความโกรธแค้น พ่อแม่มันก็ดูตกใจไม่น้อย ส่วนพวกครูๆก็ดูจะอึ้งที่พี่เฟิสเป็นพี่อิงฟ้า พอเล่าจบ ป๊าถึงกับยิ้มบานเลย พี่โน้ตก็เช่นกัน “เนี่ยแหละครับ คือเรื่องน้ำเน่า ของสองพี่น้อง!” ผมพูดแบบเหยียดสุดๆ ผมคิดว่ามันตลกเหมือนกันนะ มาตีผมเพราะหาผู้ชายให้น้อง
“ไหนละคลิป อย่ามาพูดแต่งเรื่องซี้ซั้วไปเรื่อยนะ!” แม่มันลุกขึ้นมาโวยวาย
“แน่ใจจริงๆเหรอครับว่าอยากจะดู!” ผมถามแล้วจ้องตาไปที่แม่มัน
ฝ่ายไอพี่เฟิสดูจะชะงักไปเลย เพราะผมมีคลิปจริงๆ อย่าท้าผมมาก ผมพกติดตัวตลอดตอนอยู่โรงเรียน กลัวว่าอิงฟ้าแล้วก็พี่เฟิสมันจะเล่นไม่ซื่อเอาคลิปออกมาปล่อยให้ว่อนเพื่อจะให้พี่อ๊อฟรับผิดชอบอิงฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีวันให้มันเกิดขึ้น......
“อ้อ! เรื่องทั้งหมด ก็เพราะ......จะจับผู้ชายให้น้อง? แค่นั้น? ลูกผมต้องมาเจ็บตัวเพราะเรื่องนี้เหรอ” ป๊าพูดอย่างไม่พอใจ
“ตลกว่ะ คิดได้เนอะ ตัวแค่นี้จะหาแฟนให้น้อง แต่หาได้วิธีอุบาทว์แบบนี้” พี่โน้ตพูดขึ้น อันนี้ก็เกินไป
“ทำร้ายนทเพราะเรื่องแค่นี้ไม่มากไปหน่อยเหรอ? มีอาการทางจิตหรือเปล่า ไปเช็คมาบ้างนะ หัวรุนแรงขนาดนี้ โตมาจะเป็นคนแบบไหนกัน” พ่อไอสิงโตพูดเป็นเชิงสั่งสอนสินะ
ตอนนี้พวกพ่อแม่มันเริ่มต่อว่าไอพี่เฟิสแล้ว และตอนนี้ป๊ากับผอ.กำลังคุยเจรจากันว่าจะเอายังไง ในทางกฎหมายอะไรผมไม่รู้หรอกครับ ก็ให้ผู้ใหญ่เค้าจัดการเองแล้วกัน.....
“สุดท้าย นทก็ต้องเดือดร้อนเพราะมึง!” ไอสิงโตหันมาแดกดันพี่อ๊อฟ
“แล้วมึงจะทำไม!” ไอพี่อ๊อฟนี่ก็จะมีเรื่องให้ได้เลยใช่ไหม
“พอเลย ทั้งคู่นั่นแหละ!” ผมพูดด้วยความรำคาญ
“นท วันนี้กูจะไปหาที่บ้านนะ แม่จะไปเยี่ยม” ไอสิงโตพูดขึ้น
“แม่มึงจะมาเยี่ยมแล้วเกี่ยวอะไรกับมึงละ! กูไม่ให้มึงเยี่ยม!” พี่อ๊อฟเริ่มแล้ว
“เอ่อ คือถ้าจะตีกัน เชิญด้านนอกนะครับ” ผมบอกอย่างรำคาญ พวกมันก็นิ่งเลย
ผู้ใหญ่ก็เคลียกันไป ผมก็นั่งฟังเขาคุยกันพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็ตีกันทางสายตาไป ผมก็เบื่อจะห้ามแล้ว น่ารำคาญจริงๆ พ่อแม่ไอพี่เฟิสก็ยังไม่ยอม ยังกร่างและยึดมั่นว่าลูกตัวเองไม่ผิด ผมก็เบื่อหน่ายจะฟัง พอจะออกไปรอข้างนอก ป๊าก็ให้อยู่ฟัง เพราะผมคือผู้เสียหาย?
“เอ๊ะ! จะว่าไปไหนลูกสาวของพวกคุณละ?” ป๊าถามขึ้นมาเพราะฝ่ายนั้นคือ ยังไงก็ไม่ยอมและก็พูดแถไถไปทั่ว
“อิงฟ้าเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรนะครับ” ไอเฟิสพูดขึ้นแบบกังวล
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็เรื่องที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะอิงฟ้าไม่ใช่เหรอ?!” ผมพูดแบบเสียงแข็ง มันมองอาฆาตมาทันที
“ครูกมล ไปตามเด็กคนนั้นมาทีนะครับ” ผอ.บอกครูกมลอย่างใจเย็น
ครูกมลก็รับคำและก็ออกไปตามอิงฟ้ามา ตอนนี้เรื่องมันแย่ยิ่งกว่าเดิม เพราะพ่อแม่ของมัน ถ้าพ่อแม่มันยอมรับในความผิดของลูกและก็ขอโทษทุกอย่างน่าจะจบอย่างดี แต่นี่ไม่ คือโวยวายแถไปทั่ว จนผอ. ทำหน้าเบื่อหน่าย เลี้ยงลูกแบบนี้นี่เองลูกถึงได้กลายเป็นเด็กมีปัญหา และตอนนี้ป๊าให้พี่โน้ตไปเรียนก่อน เพราะพี่โน้ตดูจะไม่ไหว จ้องหน้าพี่เฟิสอย่างกับจะมีเรื่อง พี่โน้ตก็ให้เพื่อนมารับ ส่วนพ่อไอสิงโตก็จะอยู่กับป๊าก่อนเพราะจะไปคุยงานต่อ? แต่ทำไมไอสิงโตไม่ไปเรียน?.......

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“สิงโต มึงไม่เรียนเหรอวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่! วันนี้กูหยุด อยากอยู่กับมึง” ดูมันนะ
“นี่มึงอย่ามากวนตีนได้ไหมวะ!” พี่อ๊อฟผลักไหล่ไอสิงโตอย่างไม่ยอม ไอสิงโตก็ทำหน้ากวนตีน
“สิงโต มึงก็อย่ากวนตีนดิวะ พี่อ๊อฟก็ใจเย็นๆหน่อยเถอะ!” ผมพูดแบบรำคาญ แล้วผมก็ลุกย้ายไปนั่งข้างๆป๊า รำคาญมันสองคนกัดกันอยู่ได้
แกร๊ก! ครูกมลเดินเข้ามากับยัยอิงฟ้า แต่ประเด็นคืออิงฟ้าก็ไม่ได้สนใจคนในห้องเลย เห็นพี่อ๊อฟนี่ยิ้มดี๊ด๊าใหญ่เลย ไม่ได้ดูสถานะกรณ์อะไรเลยย พี่อ๊อฟก็หันหน้าหนีอิงฟ้าเลยทีเดียว....
“อิงฟ้า! มานี่!” ไอเฟิสสั่งน้องมันเสียงเข้ม เพราะอิงฟ้ามันเอาแต่มองพี่อ๊อฟ
“เธออัดคลิปเบลกเม อิทธิพล เหรอ อังศุมา?” ครูกมลถามนิ่งๆ ทุกคนก็มอง อิงฟ้ามันกระตุกเลย แล้วพี่เฟิสก็กระซิบอิงฟ้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“อะ...เอ่อหนูเปล่านะคะ” อิงฟ้าตอบแบบอึกอัก ทำหน้าไม่ถูกเลย
“นั่นไงคะ ลูกดิฉันไม่ได้ทำ เด็กคนนี้ใส่ร้าย!” แม่มันก็ขี้โวยวายจังวะ!
“แต่อิงฟ้าบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าโดนพี่อ๊อฟขืนใจ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม อิงฟ้ามันก็มองผมด้วยความโกรธ
“อิงฟ้าไม่เคยพูด และก็ไม่มีคลิปอะไรทั้งนั้นแหละ!” พี่เฟิสเถียงอย่างไม่ยอม
“เรื่องมันงงๆนะนท” ป๊าหันมาถามอย่างงงๆ
“เอาโทรศัพท์ผมคืนมาก่อนสิพี่เฟิส ผมจะให้ดูอะไรดีๆ” ผมยิ้มร้าย
มันเลิกลั่กไปนิด เพราะตอนที่พี่โน้ตทวงมันนิ่งเหมือนไม่ได้เอาไป.....
“ไม่ได้เอาไป!” มันพูดนิ่งๆ
“อ้อ! งั้นเหรอ? ป๊าเอาโทรศัพท์มานี่หน่อย” ป๊าก็ยื่นให้
ผมก็กดเปิดโปรแกรมติดตามเครื่องที่ป๊าเอาไว้ติดตามผม ในไอโฟน......
“นี่ไง? มันบอกว่าโทรศัพท์ผมอยู่ในโรงเรียนนี้ และ” ผมลองกดโทร เห้ย! โทรติดด้วย!
ครืดๆๆ! เสียงเพลงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผม ดังมาจาก....กระเป๋ากระโปรงอิงฟ้า?! ไปอยู่ที่อีนี่ได้ยังไงเนี่ย! มันลุกลี้ลุกรนกันใหญ่เลย โง่จริงๆ ผมคิดว่าพวกมันจะปิดเครื่องสะอีกนะเนี่ย......
“หึ! เป็นเด็กขี้ขโมยไม่ดีเลยนะ” ป๊ามองไปทางพวกนั้นอยางสมเพช “อย่างนี้ก็เพิ่มอีกข้อหาได้เลยใช่ไหมครับคุณตำรวจ” ป๊าหันไปถามตรวจ พวกอิงฟ้านี่หน้าซี้ดเลย โดยเฉพาะพี่มัน
“ได้สิครับ” ตำรวจพูดขึ้น
“เอาโทรศัพท์ของลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้!” ป๊าพูดเสียงแข็ง
อิงฟ้ามาก็ล้วงแล้วยื่นมาให้ ผมก็กดๆดู ว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ แล้วก็ไม่มีอะไรเสียหายจริงๆ.....
“ไหนละ? จะให้ดูอะไร?” ครูกมลถามอย่างสงสัย
“ความจริงไม่มีอะไรอยู่ในโทรศัพท์หรอกครับ ผมก็พูดไปเพราะจะเอาโทรศัพท์คืนก็เท่านั้น” ผมยิ้ม พวกมันดูโล่งใจกันนะ55 แต่พวกครูนี่ทำหน้าเครียดกันเลยทีเดียว จริงๆที่ทวงโทรศัพท์เพราะจะหาเรื่องพวกมันให้พวกมันมีความผิดเพิ่มเท่านั้นแหละ “แต่....ที่จะให้ดูอยู่ในนี้ตังหากละครับ” ผมยื่นแฟรชไดร์ฟให้ครูกมล
พวกมันแลดูกังวลใจขึ้นมาทันที โดยเฉพาะสองพี่น้องนั่น ครูกมลก็เอาไปเสียบและเปิดไฟล์คลิปดู ในนั้นมีอยู่ไฟล์เดียวนั่นแหละ ไม่มีข้อมูลอย่างอื่น พอคลิปเริ่มเล่นเท่านั้นแหละ พวกมันถึงกับอยู่ไม่สุข คือพวกครูทำหน้าแบบรังเกียจอย่างมาก ผอ.ก็ด้วย คือมองพวกนั้นด้วยหางตา สะใจจริงๆ สองพี่น้องนรกนั่นนั่งก้มหน้าไปเลย ดูจะอาย?หรือสำนึก? ส่วนพ่อกับแม่มันนั้น มองค้อนลูกๆตัวเองกันอย่างกับจะฆ่าเลยทีเดียว....
“แย่จังเลยนะครับ เป็นแค่เด็กม.4 แต่กลับมีความคิดเอ่อ...เกินผู้ใหญ่ขนาดนี้ พวกคุณเลี้ยงลูกๆมายังไงครับเนี่ย!”พอคลิปจบ พ่อสิงโตก็พูดขึ้นมาอย่างขยะแขยง
“นั่นสิ! ลูกพวกคุณนี่ความคิดเกินเด็กในทางที่ไม่ดีเอาสะเลยนะครับ” ป๊าพูดเหยียดๆ พวกมันนี่ทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“นี่แค่คลิปเบื้องหลังนะครับ เพราะรูปและคลิปเบื้องหน้า อิงฟ้าและพี่เฟิสคงเก็บไว้เป็นอย่างดี!”ผมพูดแล้วมองไปทางมันที่เอาแต่ก้มหน้า
ตอนนี้อิงฟ้ากับพี่เฟิสถึงกับเงียบ แล้วพ่อแม่มันก็หันไปคุยกับลูกๆมันไป พวกผมก็มองแบบสมเพช......
“ยังไงครู ผมมีธุระต่อ นั่งนานไปแล้วเมื่อย!” ป๊าพูดติดไม่พอใจ
“อะ เอ่อ...” ครูกมลหันไปมองผอ.
“ตามนั้นแหละครับ ทางโรงเรียนก็จะลงโทษตามความเป็นจริงไป และอาจจะลงโทษสูงสุด”ไล่ออกสินะ “ถ้าทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง” พูดกดเสียงไปทางอีพวกนั้น “แต่ยังไงก็ต้องตรวจสอบกันก่อน ส่วนฝ่ายเด็กที่เสียหายถ้าจะดำเนินเรื่องคดีอะไรก็ตามแต่สมควรเถอะครับ เพราะ พวกคุณก็มีหลักฐานอะไรครบ และเด็กสองคนนี้ก็มีความผิดจริงๆ ส่วนพวกคุณจะยอมรับหรือไม่ก็แล้วแต่นะครับ ไปหาทนายไปเคลียล์กันได้เลย แล้วโรงเรียนก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้น! หากมีข้อพิพาธให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ ผมขอไม่รับรองให้ใครทั้งนั้น!” ผอ.พูดอย่างเหลืออด พวกนั้นหน้าเจื่อนเลย “และทางโรงเรียนต้องขอโทษด้วยนะครับ  ที่เกิดเรื่องแบบนี้ในโรงเรียน ต่อจากนี้เราจะดูแลให้เป็นอย่างดีและจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทางโรงเรียนจะรับผิดชอบทางเด็กที่โดนกระทำ ตามทุกอย่างที่เรียกร้องมา” พูดอย่างเซ็งๆมาทางพวกผม ป๊ายิ้มแบบผู้ชนะ
“ต้องงี้สิวะ เป็นผอ. นั่งบื้ออยู่ได้!” ป๊ากับพ่อไอสิงโต ตำรวจหัวเราะกันใหญ่เลย
จริงๆเรื่องนี้ตอนแรกดูเหมือนว่าผอ.อยากจะช่วยเหลือพวกไอเฟิสนะ แต่เหมือนการกระทำกริยาต่างๆของพ่อแม่พวกมันไม่น่าช่วย ผอ.คงหมดความอดทนแหละ พวกมันคือนั่งกังวลกันแล้ว ตลกหน้าอีอิงฟ้ากับไอพี่เฟิส ทำหน้าแบบหมาหงอยเลย…..
“ดีครับ! ทางโรงเรียนก็ทำโทษตามความผิดไป ส่วนผม ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะลูกๆของพวกคุณผิดกันเต็มประตูอยู่แล้ว แต่พวกคุณยังไม่ยอม หลังจากนี้ไปเจอกันที่....สถานีตำรวจหรือศาลก็ได้นะครับ” ป๊ายิ้มเหยียดพวกนั้นและลุกขึ้น “คุณตำรวจเห็นและได้ยินทั้งหมดแล้ว ช่วยทำเรื่องต่อจากนี้ให้ผมด้วยนะครับ” ป๊าหันไปบอกตำรวจแบบชิวๆ
“ครับ” รับคำป๊าด้วยรอยยิ้ม? “ผมขอหลักฐานทั้งหมดด้วย และขอความร่วมมือจากครูฝ่ายปกครองและผอ.ด้วยนะครับ”พูดกับพวกครูในห้องปกครองอย่างมาดเข้ม
“โรจน์ไปเถอะ ผอ. มาด้วยกันเลย” เข้าไปกอดไหล่ผอ.
คือผอ.กับป๊าเท่าที่เคยบอกเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอกแค่งานนี้ดูเหมือนว่า เขาอาจจะต้องช่วยญาติตัวเองมั้ง เลยอึดอัดใจแหละ ผมเข้าใจนะ คนนึงญาติคนนึงเพื่อนมันก็ลำบากใจ แต่ก็ช่างมันเถอะ…..
“วันนี้ผมลาให้เด็กสองคนนี้นะครับ ลูกผมยังต้องพักผ่อน ดูผ้าพันแผลน่าจะรู้” ป๊าชี้มาทางผมกับพี่อ๊อฟ ครูกมลก็พยักหน้า “นทกับอ๊อฟไปรอที่รถเลยก็ได้นะ สิงโตวันนี้ไม่ได้ไปเรียนก็ไปดูนทก็ได้นะ” ไอสิงโตยิ้มบานเลยสิ พี่อ๊อฟนี่มองค้อนไอสิงโตเลย
แล้วป๊ากับผอ.และพ่อไอสิงโตก็พากันออกไป เหลือตำรวจคุยกับครูและก็ฝ่ายนั้น ผมก็นั่งมอง พวกมันก็ดูเจียมเนื้อเจียมตัวขึ้นเนอะพ่อแม่มันนี่หน้าหดเหลือ2นิ้วเลย ผมว่ายัยอิงฟ้ากับไอพี่เฟิสกลับไปโดนหนักแน่ ผมเห็นแม่มันหยิกลูกตัวเองทั้งสองอย่างโกรธเกรี้ยว ผมนั่งมองแปปนึงผมก็เดินออกห้องไป ไอสิงโตก็ช่วยพยุง พี่อ๊อฟก็ช่วย ทำอย่างกับผมเป็นคนพิการงั้นแหละ มันก็พาผมมานั่งโต๊ะม้าหิ่นอ่อน หน้ารถที่ป๊าจอดไว้.....
“มึงมันก็ได้พ่อช่วยเท่านั้นแหละ!” อยู่ๆไอพี่เฟิสก็เดินพรวดพราดมาโวยวาย ผมก็มองนิ่งๆ....
“แค่นี้ยังไม่พอเหรอถึงได้ตามมาหาเรื่อง” ผมบอกอย่างใจเย็น
พี่อ๊อฟลุกขึ้น ผมจับมือมันไว้ก็สะบัดออก....
“อย่ามีเรื่องนะพี่อ๊อฟ!” ผมตะโกนบอกเพราะมันไม่ฟังเลย
“ไอเหี้ยเฟิส มึง!” พี่อ๊อฟตะคอกอย่างโมโห
ตุบ! ผั๊วะ! ไอสิงโตก็ตามไปเลยสิงานนี้! ตุบตับ ตีกันมันเลย ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วก็เดินไปหาพวกมัน แต่เข้าใกล้ไม่ได้คือมันตีกันไง ขืนโดนลูกหลงมาเจ็บซ้ำอีกทำไง ไอพี่เฟิสคือล้มไปนอนกับพื้น ไอพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็รุม ไอพี่เฟิสก็กินตีนไปเต็มๆ……
“หยุดนะเว้ย! ไอสิงโต พี่อ๊อฟ ไม่งั้นเรื่องมันจะไปกันใหญ่นะ!” ผมตะคอกบอก “.....ถ้าไม่หยุดกูจะโกรธพวกมึงสองคนแล้วน้ะโว้ย!!!” ผมแหกปากบอกอย่างสุดเสียง พวกมันก็หยุดกัน
“อย่าให้กูเจอมึงข้างนอกนะไอเฟิส!” พี่อ๊อฟพูดคาดโทษแล้วเดินมาหาผม
“เออ มึงเจอดีแน่ เก่งนักหรอมึง!” ไอสิงโตชี้หน้าด่า
“สิงโต มานี่เลยมึง ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน!” ผมเรียกมันแล้วไอสิงโตก็เดินมา
พี่เฟิสมันก็ค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วก็ปัดฝุ่นตามตัว ดีนะเลือดมันไม่ออก แต่หน้ามันช้ำหลายที่เลยทีเดียว แต่พี่อ๊อฟนี่คือไม่เป็นอะไรเลย....
“กูไม่ยอมแน่ กูจะเอาคืนมึงไอนท!” ไอเฟิสมองผมตาขวาง
พี่อ๊อฟล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้มันแล้วก็หยิบ!!! ผมกับไอสิงโตถึงกับถอยห่าง ไอพี่เฟิสนี่ตาโตเลย พี่อ๊อฟมันชี้ของที่มันหยิบขึ้นมาจ่อไปทางไอพี่เฟิส
“พี่อ๊อฟ! เก็บมันเข้าไปเลยนะเว้ย!” ผมบอกอย่างตกใจ มันเอา ปืน! มา! ของพ่อมันแน่ๆ
“อ๊อฟ มึงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นนะเว้ย! เก็บเลยไอสัส!” ไอสิงโตพูดอย่างตกใจ
“กะ...กูเพื่อนมึงนะ มึงจะทำเหี้ยอะไร! ไออ๊อฟ” ไอเฟิสพูดด้วยความกลัว พร้อมกับยกสองมือขึ้นมาอย่างยอม และค่อยๆเดินถอยหลังไป
“มึงยังกล้าพูดว่ากูเป็นเพื่อนอีกเหรอวะ!” มันโกรธมากแล้วlbot
“พี่อ๊อฟ เก็บเดี๋ยวนี้ ถ้ามีคนมาเห็นจะทำยังไง!” ผมกลัวว่ามันจะทำอะไรโง่ๆน่ะสิ
“ไม่ต้องห่วง กูแค่จะสั่งสอนมัน” พี่อ๊อฟหันมาบอกผม “ไง มึงจะเอาคืนไอนทเหรอ งั้นกูคงจะไม่เอามึงไว้แล้วละไอเหี้ยเฟิส!” เสียงแข็งมาก ผมกลัวแล้วจริงๆนะ
“กะ...กูจะ ไม่ยุ่งกับมันแล้ว โอเคไหม! กูแค่โมโห เลยพูดแบบนั้นไป! กูขอโทษ” พี่เฟิสพูดอย่างรนๆและถอยตัวไปเรื่อยๆ มือไม้ตัวมันสั่นแบบเห็นได้ชัด
“หึ! แกร๊ก!” ผมตาโตเลย ใจผมสั่นตุบๆ กลัวไอพี่อ๊อฟมันจะยิง ผมมันกดดันลูกปืนแล้ว
“พี่อ๊อฟ หยุดนะเว้ย!” ผมเอื้อมไปจับแขนมัน! “อย่าทำอะไรห้มันแย่ดิว้ะ!” ผมพูดอย่างกังวล
ตรงที่พวกผมอยู่นั้นมันลานจอดรถ ซึ่งตอนนี้แน่นอนไม่มีคนเพราะนักเรียนและครูก็เข้าสอนและเรียนกัน ยามแถวนี้ไม่มีหรอก  ภารโรงไปทำความสะอาดแถวโรงอาหารกันหมด......
ปั้ง! ผมหลับตาปี๋เลย ใจผมสั่นไปหมด ผมโครตกลัว แต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากแขนมันนะบีบแขนมันแน่นเลยละ.......
“55555 เก่งอย่างที่ปากพูดหน่อยดิว้ะไอสัสเฟิส!555” พูดและหัวเราะอย่างสะใจ ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดู
เอิ่ม! พี่เฟิสก็ยืนหลับตาปี๋เหมือนกัน ไอสิงโตก็ด้วย.....
“เล่นบ้าอะไรวะ ตกใจหมด ไอบ้าเอ้ย! เพี๊ยะ!” ผมตีแขนมันไปแล้วมองมันแบบไม่พอใจ พี่อ๊อฟก็เดินไปใกล้ๆไอพี่เฟิส...
“กูไมได้ขู่มึงนะไอเฟิส กูจะเตือนมึง และคราวนี้อะกูแค่เตือน” มันเอาปืนไปถูลำคอไอพี่เฟส ไอพี่เฟิสคือเหงื่อตก แถมตัวสั่นแบบสั่นมาก “แต่ถ้าคราวหน้าอะ กูจะเล็งตรงนี้” มันเอาปืนจ่อหน้าผากไอพี่เฟิส ไอพี่เฟิสคือหน้าซีดเลยทีเดียว เหงื่อมันออกเยอะมาก คงจะกลัวจัด....
“เออๆๆ! กะ กูรู้แล้วววว!” ไอเฟิสยืนขาสั่นพูดเสียงสั่น แล้วถอยหลังรีบวิ่งไปเลย
“55555555” มันสะใจมากมั้ง
“ไออ๊อฟ มึงแม่ง!”  ไอสิงโตมองแบบกลัวๆ
“มึงอีกคน อย่ามายุ่งกับแฟนกูให้มาก!” มันพูดอย่างโมโห ไอสิงโตตกใจสิ
“ให้มันน้อยๆหน่อยพี่อ๊อฟ สิงโตมันเพื่อนรักผมนะ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม ไอสิงโตยิ้มบานเลย
“เพื่อนรักเลยเหรอวะ!” มันพูดอย่างโมโห
“เราคุยกันแล้วนะพี่อ๊อฟ!” มันก็มองผม แล้วก็พยักหน้าแบบยอมๆ
“นท ไออ๊อฟแม่งน่ากลัววะ” ไอสิงโตพูดกระซิบเสียงสั่นๆ
“มันพูดเพราะโมโหมันไม่ทำอะไรหรอกน่า” ผมหันไปกระซิบมันคืน
“ใกล้ไป ไอสิงโต!”(เอิ่ม...)
“เยอะ!” ผมบอกพี่อ๊อฟ มันก็อมยิ้ม ไอสิงโตนิ่งไปเลย
พวกผมก็นั่งคุยกันไป จริงๆพี่อ๊อฟเอาปืนแก๊ป? สำหรับเอาไว้ยิงตอนแข่งกีฬามา มันมีแค่เสียงที่ดัง แต่ไม่สามารถยิงกระสุนได้ แต่ที่ต้องกลัวเพราะอย่างที่รู้ๆกัน มันยิงปืนเป็นและพ่อมันยังเป็นถึงครูสอนยิงปืน ผมกับไอสิงโตนั่งขำกันใหญ่ นึกถึงหน้าซีดๆตัวสั่นๆของไอพี่เฟิส พี่อ๊อฟร้ายมาก ผมละเชื่อมันเลยจริงๆ แล้วเราสามคนก็นั่งพูดกันไป โดยที่พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็กัดกันไปๆมาๆ ไม่รู้สินั่งฟังมันเถียงกันไปมาก็เริ่มเพลินดี ตลกกับการที่พี่อ๊อฟทำหึง ผมเริ่มจะชินแล้วมั้ง555 ก็นั่งรอป๊าไป
จนนี่ก็เที่ยงแล้วยังไม่ออกมาเลย เพื่อนๆก็โทรมาหา ถามไถ่ผมก็เลยบอกจะไปหามันที่โรงอาหาร จะได้ไปหาอะไรกินด้วย ผมโทรหาป๊าแล้ว ดูท่าคงอีกนาน ผมก็เลยบอกป๊าว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อนๆก่อน พวกเราสามคนก็พากันเดินไปโรงอาหาร คือคนเยอะ และมองพวกผมสามคนกันเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามองเพราะไอสิงโตที่อยู่ต่างโรงเรียนแล้วเข้ามาช่วงพักเที่ยง หรือเพราะอะไร แต่นั่นก็ช่างมันเถอะ พอเจอเพื่อนๆก็ไปหาซื้อข้าวซื้อน้ำแล้วมานั่งกินกัน ระหว่างนั่งกินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปด้วย พวกมันดูตื่นเต้นเนอะได้ฟังเรื่องผม ส่วนเพื่อนๆคนอื่นที่เดินผ่านมา เจอผมก็ถามผมบ้างเป็นอะไร เจ็บหรือเปล่าตามประสา แต่.......
“นท! ไปโดนอะไรมา!” พี่ไอซ์อยู่ๆเดินหน้าตาตื่นมาหาผม แล้วก็มานั่งเบียดผมด้วยนะ คือผมนั่งหัวโต้ะไง นั่งกลางๆแล้วมันลำบาก พี่อ๊อฟมองแบบนิ่งๆแต่ไอสิงโตนี่มองแบบไม่พอใจ? เพื่อ?
“โดนซ้อมมาอะดิ” ผมพูดนิ่งๆ
“เจ็บมากไหมนท” พี่ไอซ์จับแขนผมขึ้นมาดูอย่างแผ่วเบา
“มันจะเจ็บเพราะมึงทั้งเบียดทั้งจับมันเนี่ย!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“เออ ถอยไปเลย!” ไอสิงโตพูดเสียงดังขึ้นมา
“ไม่เป็นอะไรมากพี่ไอซ์” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“จริงเหรอ?” พี่ไอซ์ทำหน้าเศร้าๆ
“อื้ม พี่ไอซ์ไปกินข้าวเถอะ” ผมพูดเป็นเชิงไล่ แต่ยังส่งยิ้มอ่อนไปให้
“แล้วที่แม่พี่ชวนนทไปกินข้าวละ? หลังนทหายต้องไปนะ” พี่ไอซ์แล้วทำหน้าอย่างมีหวัง
“อื้ม! ถ้าผมหายผมจะไปนะ” ตอบปัดๆไปอย่างไม่ใส่ใจ
“นท!” พี่อ๊อฟและไอสิงโตจะพร้อมเพรียงกันเพื่อ!
“จริงนะ! งั้นนทหายไวๆนะ เดี๋ยวถ้าตอนเย็นว่าง พี่จะไปเยี่ยมหากับพี่อาร์ม!” พี่ไอซ์พูดเองเออเอง แล้วก็ลุกไปเลย มันก็เป็นสะแบบนี้
ผมก็กินข้าวต่อ พี่อ๊อฟกับไอสิงโต? สองคนนี้คือแฟน? มันทำไมพร้อมใจกันงอล? แล้วผมต้องสนไหม......
“นท สามีทั้งสองของมึงงอลนะ” ปอพูดพร้อมทำหน้ากวนตีน
“ไอนทโครตร้ายอะสัส ควบสองเลยเหรอวะ” ไอวิวพูดอย่างตื่นเต้น
“ยังๆ มีกูอีกคน เป็นสาม” ไอนัทพูดนิ่งๆ พี่อ๊อฟกับไอสิงโต มองขวับ
“ไอนัท ปากมึงนี่นะ!” ไอมินทำเป็นไม่พอใจแทนไอสิงโต
“พวกมึงพอเลย” ผมหันไปบอกเพื่อนๆอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วคุณชายทั้งสอง ไม่ต้องมางอลคิดว่าผมจะไปจริงๆเหรอครับ ผมก็พูดไปแบบนั้นแหละ ไม่งั้นมันก็จะยาว เข้าใจไหม!” ผมบอกอย่างนิ่งๆ แต่ทำไมต้องแก้ตัวกับทั้งสอง? ควรแก้ตัวกับพี่อ๊อฟคนเดียวไม่ใช่เหรอ? ผมงงตัวเองไปหมด
พี่อ๊อฟก็อมยิ้ม ไอสิงโตก็ยิ้มบานเชียว เอาจริงๆนี่ พี่อ๊อฟยอมรับไอสิงโต?หรืออะไรยังไง? งงไปหมด แต่ก็ช่างเถอะ ผมก็ยังไม่อยากปวดหัวเรื่องนี้ตอนนี้ด้วย เราก็กินข้าวกันไปแล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนๆไป จนป๊าโทรมาให้กลับบ้าน ผมก็แยกกับเพื่อนๆ หลายคนอาจจะแปลกใจว่าผมมาถึงโรงเรียนแล้วทำไมไม่เรียน สำออย? เปล่าหรอก ป๊าจะพาผมไปเช็คร่างกายอีกที ตามคำสั่งอาหมอ ตอนนี้ผมก็ขึ้นรถแล้วแต่.....
“ป๊า จะเอานทไปตรวจที่โรงบาลเหรอครับ?” ไอสิงโตถามอย่างสงสัย คือไอสิงโตตามมาด้วย มันนั่งหน้ากับป๊า ผมกับพี่อ๊อฟนั่งข้างหลัง
“ใช่ เพราะวันนั้นแค่ทำแผล ไม่รู้ข้างในอะไรแตกหักหรือเปล่า ต้องเอ็กซ์เรย์ตรวจให้ละเอียดหน่อย!” ป๊าพูดอย่างกังวล สิงโตก็พยักหน้ารับรู้
“ป๊าไปคุยอะไรกับผอ.?” ผมถามอย่างสงสัย
“เรื่องงานน่ะสิ ผอ. จะต่อเติมอาคารเรียน กับอะไรหลายๆอย่าง...” ป๊าก็พูดไป ผมก็พยักหน้า
“สิงโต ทำไมไม่ไปโรงเรียนวะ?” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“วันนี้หยุด.....ดูแลแฟน” ไอสิงโตตอบกวนๆแล้วยักคิ้วอย่างกวนตีน พี่อ๊อฟทำปากด่ามันว่า ‘ไอควาย’  ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ป๊า แล้วคนพวกนั้นจะโดนอะไรบ้าง?” ผมถามอย่างสงสัย
“รอตำรวจเรียก” ป๊าบอกอย่างไม่ใส่ใจ ผมก็พยักหน้ารับรู้ แค่รอตตำรวจเรียก? งั้นเหรอ? ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ระหว่างทางเราก็คุยอะไรกันไปเยอะแยะ แต่พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็ยังแขวะและกัดกันตามประสา ผมละเหนื่อยใจจริงๆ พอถึงโรงพยาบาล พี่อ๊อฟก็ไปเอารถเข็นวิวแชร์มา พอไม่ยอมนั่งมันก็อ้างเหตุผลว่าผมเดินช้า ก็นั่งๆไป ไอสิงโตก็จะแย่งพี่อ๊อฟเข็น พี่อ๊อฟก็ไม่ยอม ทะเลาะกันเป็นเด็กแย่งของเล่นเลยทีเดียว พอเข้าไปข้างใน อาหมอก็รออยู่แล้ว คราวนี้พยาบาลก็มาเข็นผมไปตรวจตามห้องต่างๆ บางห้องญาติก็เข้าไปดูได้ แต่บางห้องก็ไม่ได้ คือห้องไหนที่เข้าได้พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็แย่งกันเข้าตลอด จริงๆป๊าควรเข้ามาแค่คนเดียวหรือเปล่า? ปล่อยมันสองคนไป ประสาทกันทั้งคู่ พอตรวจอะไรเสร็จ ก็ไปรอฟังผลที่ห้องอาหมอ ได้สิทธิ์พิเศษอยู่แล้ว ไม่ต้องไปนั่งรอคิวฟังผล อันนั้นรอนานจริงๆเป็นชั่วโมง แต่นี่แปปเดียวก็รู้ผลแล้ว เราก็นั่งคุยกันไป อาหมอสวดผมยับเลย ยิ่งกว่าป๊าอีกอะ โถ่! สักพักพยาบาลก็ถือชาจมาให้อาหมอ.....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“อืม” อาหมอดูชาจ แล้วก็ทำหน้านิ่งๆ “อืม ปกติดี ผลเลือดก็ไม่มีติดเชื้อบาดทะยักหรืออะไร แผลก็แห้งแล้ว โอเค! แค่รอรอยช้ำกับแผลหายก็โอเคแล้ว”(ยิ้ม)
“แน่นะ แล้วมีโรคอะไรหรือเปล่า?” ป๊าถามขึ้น
“ไม่มี สุขภาพแข็งแรงดีเลยนะ” อาหมอบอกด้วยรอยยิ้ม
แล้วป๊าก็คุยอะไรกับอาหมอนิดหน่อย ก็พาผมกลับ ตอนแรกชวนอาหมอไปกินข้าวแต่อาหมอไม่ว่าง ป๊าก็พาพวกเราไปส่งที่บ้าน และป๊าก็ไปดูงานต่อ พอถึงบ้านแม่ก็เข้ามาถามอย่างอยากรู้ ไอสิงโตกับพี่อ๊อฟก็เล่าไป เพราะผมเหนื่อยแล้ว หลังจากเล่าให้แม่ฟังแล้ว ดูแม่จะสะใจมาก และพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็พาผมขึ้นไปพักผ่อน.....
“เปลี่ยนผ้าก่อนนะ จะได้นอนสบาย” พี่อ๊อฟบอกอย่างใจดี ผมก็พยักหน้า
“มาเดี๋ยวกูช่วยเปลี่ยน” ไอสิงโตพูด พี่อ๊อฟมองมันตาขวางเลย ผมชะงักไปนิด
“พอเลยทั้งคู่นั้นแหละ รอข้างนอกจะไปเปลี่ยนเอง” ผมบอกปัดๆ แล้วก็ถือเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
พอออกมา พี่อ๊อฟกับไอสิงโต ก็นั่งรอบนเตียง โดยที่มันทั้งสองก็ถอดถุงเท้าและเข็มขัดออก พวกมันคงจะอึดอัดแหละ....
“ล้างหน้าหรือยัง?” พี่อ๊อฟถาม ผมก็พยักหน้า
“ขึ้นมานอนพักเถอะมึง กินยาไปแล้วนิ” ไอสิงโตพูดอย่างเป็นห่วง
ผมก็ขึ้นไปนอน ไอสิงโตก็นอนข้างๆ อีกข้างก็พี่อ๊อฟ เอิ่ม! มันดูแปลกๆจัง ผมอึดอัดใจนะเนี่ย....
“ไอสิงโต ไปนอนข้างล่างเลยมึง!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“ได้ยังไงวะ กูเพื่อน รัก! ไอนทนะเว้ย!” ไอสิงโตมึงจะเน้นคำว่ารักเพื่อ!
“หุบปากทั้งคู่นั่นแหละ ถ้าไม่นอนก็ออกไปกันเลยไป!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด เพราะผมเริ่มง่วงแล้ว กินยาไปตั้งนานแล้วด้วย ฤทธิ์ยาคงเร่งให้ผมนอนแล้ว
มันสองคนก็เงียบไป พี่อ๊อฟก็นอนกอดผม ดึงผมให้นอนห่างๆไอสิงโต ไอสิงโตก็เขยิบตามมา ผมละหน่ายจริงๆ ผมก็หลับตาไปเลย เบื่อจะด่าแล้ว พูดไปก็เท่านั้น จนหลับไป........
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะความหนักที่มันทับอยู่บนตัวผม และความเจ็บปวดของแผลหน่อยๆ พอลืมตาดูผมถึงกับตาข้าง ไอสิงโตกับพี่อ๊อฟ เอาทั้งขาทั้งแขนมาทับตัวผม ประมานว่ากอด มันนอนหลับกันทั้งคู่ แค่คนเดียวผมพอไหวนะ นี่ทั้งพี่อ๊อฟและไอสิงโต พวกมันคิดได้ยังไง ใครเห็นเขาจะคิดยังไง!...
“อื้อ!” ผมพยายามดันขามันออก แต่ขามันทั้งสองคนเกี่ยวตัวผมแน่นขึ้นอีก เกี่ยวกันไปมาเนี่ยแหละ ขาไอสิงโตก็ไขว้กับพี่อ๊อฟ แขนพี่อ๊อฟก็ทับซ้อนแขนไอสิงโต เฮ้อ! พวกมันไม่เมื่อยตัวกันหรือยังไงวะ!
“พี่อ๊อฟ ไอสิงโต!” ผมเรียกพวกมันอย่างเหนื่อยๆ แล้วดิ้นตัว
“อื้อ!” พี่อ๊อฟทำเสียงไม่พอใจด้วยนะ แต่ก็ไม่ยอมตื่น
“ไอสิงโต ตื่นดิ้! พี่อ๊อฟ!” ตอนนี้ดีนะที่แผลไม่ปวดมากแล้ว ไม่งั้นคงระบมหนักกว่าเดิม
ผมดิ้นตัวไปมาสักพัก มันทั้งสองก็ตื่นกัน พอพี่อ๊อฟเห็นไอสิงโตกอดผมเท่านั้นแหละ ทีบไอสิงโต ทีกำลังงัวเงียออกทันที แล้วก็ด่ากันไปมา คือตื่นมาก็เอาเลย....
“โอ้! ตื่นมาก็กัดกันเลย” ผมบอกอย่างเซ็งๆ
“มึงให้มันกอดได้ยังไงนท!” พี่อ๊อฟบอกอย่างไม่พอใจ กูเป็นคนป่วยนอนอยู่ดีๆ พวกมึงกระทำกูกันทั้งนั้น ผมก็ได้แต่มองนิ่งๆ
“ไอนทเพื่อนรักกูนะไออ๊อฟ กอดกันก็ไม่เป็นอะไรหรือเปล่าวะ!” ไอสิงโตก็ยอมสะที่ไหน
แล้วก็เถียงกัน ข้ามหัวผมไปมาเนี่ยแหละ จนผมเริ่มรำคาญผมก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา ออกมามันสองคนก็ยังไม่หยุดกัน คือไม่มีใครยอมใคร.....
“จะกัดกันอีกนานไหม?” ผมถามนิ่งๆ “วันนี้กลับไปกันก่อนเถอะ อยากพักผ่อน มาทำแบบนี้ ผมเจ็บทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ไม่ไหวจะรับฟังแล้ว!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด
และก็ยังไม่จบ มันแย่งกันเข้าห้องน้ำอีก เอากับพวกมันสิ ผมก็ปล่อยไป มานอนเล่นโทรศัพท์ตัวเอง โอ้โห! คนทักมาเยอะเลยสิ ผมก็ไล่ตอบไปบ้าง จนมาสะดุดตากับ พี่ตัง เขาทักมาชวนผมไปดูหนัง? 5 วันที่แล้ว เอิ่ม? ผมไม่ได้เปิดดูเลย?555 ผมก็คุยก็ตอบพี่เขาไป ไอสองคนนั้นก็ยังไม่หยุดเถียงกัน เดินออกมานั่งที่เตียงก็ยังไม่หยุด ผมก็ไม่สนนั่งดูโทรศัพท์ไป ตอบพี่ตังไปได้ไม่นาน พี่ตังก็ตอบกลับมา....
พี่ตัง : โอ้โห! ไม่ตอบปีหน้าเลยละครับ?
ผม : ผมไม่ว่าง มีปัญหาด้วยแหละ
พี่ตัง : พี่รู้แล้วละ ไอโน้ตไม่เป็นอันเรียนเลยวันนี้ ตอยบอกว่านั่งหน้าเป็นตูดเลยอะ
ผม : 555 แย่เลยนะครับ
พี่ตัง : เดี๋ยวเย็นนี้พี่เข้าไปเยี่ยมนะ (ส่งสติ้กเกอร์มา)
ผม : ใจดีจังเลยนะ
พี่ตัง : ให้ไปป่าว?
ผม : แล้วแต่อะ
พรึ่บ! พี่อ๊อฟกระชากโทรศัพท์ผมไปดู แล้วเขี่ยหน้าจอไปมา มองผมแบบโกรธ.....
“ไอนท! มึงคุยกับใครอีกเนี่ย!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจมาก ถึงมากที่สุด
“พี่ชายของแฟนพี่โน้ต” ไอพวกนี้มันจะอะไรกับผมนักหนาเนี่ย!
“คุยไปยิ้มไปนะมึง!” พี่อ๊อฟพูดแล้วก้มหน้าดูโทรศัพท์ผมต่อ ไอสิงโตก็แย่งไปดู
“โอ้โห! หล่อด้วยนะมึง จัดการเลยไออ๊อฟ” ไอสิงโตพร้อมใจกันขึ้นมาเลยไง
“พอเลยสองคนนี้!” ผมบอกปัดๆอย่างรำคาญ ไหนว่าแม่มึงจะมา?” ผมถามอย่างสงสัย
“แม่กูจะมาพร้อมน้องซินเย็นๆ พ่อกูด้วย” ไอสิงโตพูดด้วยรอยยิ้ม
“มึงก็กลับไปได้แล้วมั้ง” พี่อ๊อฟเริ่มแล้วไง
แล้วก็เริ่มบทกัดกันไปมา สงบได้ไม่ถึง1นาทให้มันได้งี้สิ ผมก็ดึงโทรศัพท์มากดเล่นต่อ พี่ตังก็แค่โอเคๆผมก็ส่งสติ้กเกอร์ไป แล้วก็หาไล่ดูเฟส และก็ไปดูข้อความของโทรศัพท์ ฮาเล่ โทรมาบ่อยเลยเชียว ส่งข้อความมาเยอะด้วย ส่วนมากก็ทำไมไม่รับสาย? ทำไมไม่ตอบไลน์ ทำนองนั้นแหละ ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกระเบียง รำคาญมันสองคนกัดกัน ไล่ก็ไม่ไป พอออกมาก็กดโทรหาฮาเล่ ไม่นานมันก็รับ....
“ฮะ...”
“หายไปไหนมานท เราโทรหาไม่รับเนี่ย!” ไอฮาเล่พูดอย่างกังวล
“อะ...เอ่อ ไม่สบายน่ะสิ ว่าแต่โทรมาเยอะแยะ ส่งข้อความก็เยอะมีอะไรเปล่า?” ผมถามอย่างสงสัย
“กะ ก็คิด...ก็ไม่มีเพื่อนเล่นเกมส์น่ะ” มันทำเสียงอึกอัก
ผมก็คุยกับมันไป สรุปว่า ไม่มีเพื่อนไปเล่นเกมส์ด้วย แค่นั้น ผมก็บอกว่าป่วยจริงๆ แผลเต็มตัวขนาดนี้ แล้วก็ได้เถียงกับมันอีกเพราะมันจะมาเยี่ยม จนผมต้องยอม เพราะที่โทรกลับไปนึกว่ามันโดนไอเบสทำร้ายหรือเปล่า อะไรแบบนี้ ที่ไหนได้ไม่มีอะไรแถมยังไร้สาระสุดๆ ผมก็กดส่งโลเคชั่นบ้านไปให้มัน แลดูให้ที่อยู่คนอื่นง่ายจัง? แต่ฮาเล่มันก็เพื่อนนิ ช่างเถอะ พอผมเข้าไปก็เห็นภาพที่ เอ่อ! ห้องผมกลายเป็นสนามรบ? มันเอาหมอนตีกันไปมา แถมโยนข้าวของผมอีก ห้องผมเละเลยทีเดียว.....
“นี่คือ เล่นอะไรกัน?” ผมถามนิ่งๆ
“ก็ไออ๊อฟมันจะไล่กูกลับอะนท” ไอสิงโตพูดอย่างหงุดหงิด
“พอเลยไอสิงโต จะเพื่อนจะห่าอะไรมึงไม่ต้องไปคบมันแล้วนท!” พี่อ๊อฟพูดอย่างหัวเสีย
“เก็บของด้วยนะ จะไปรอข้างล่าง!” ผมพูดเสียงแข็งแล้วก็เดินออกห้องไป……
ผมลงมานั่งดูทีวี แม่ก็เตรียมของว่างเยอะเลย เพราะผมบอกว่ามีเพื่อนๆพี่ๆมาเยี่ยมเยอะ? จริงๆไม่เยอะเท่าไหร่หรอกมั้ง ก็เผื่อๆไว้ นั่งรอไปสักพักคุณชายทั้งสองก็ลงมาในสภาพที่แบบว่า เอิ่ม......
“ทำอะไรกันเนี่ย!” ผมถามอย่างไม่พอใจ
คือสภาพมันสองคนคือเสื้อผ้าหลุดลุ่ย มันตีกัน? ปากไอสิงโตช้ำๆนะ.....
“นท ไออ๊อฟมันต่อยกู” ไอสิงโตวิ่งมานั่งข้างๆ
“ไอสิงโตมึงปากเสียเองนะ แถมมันยังมาลามปามดึงคอเสื้อกูอีกอะนท!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“เออๆ จะตีกันทำไมวะเนี่ย” ผมหันไปทางไอสิงโตดูแผลมัน “คงจะช้ำวะ” เอามือจับแผลเบาๆ มันสะดุ้งนิดหน่อย
“นท มันโดนแค่นั้นสำออยไปไหน!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจ
ผมก็ไปหยิบยาทาแก้ฟกช้ำมาทาให้ไอสิงโต พอทาเสร็จผมหันไปดูทางพี่อ๊อฟรายนั้นงอลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฮ้อ! คือจริงๆแล้วหลายคนอาจจะคิดว่าผมนั้น เอ่อ ไม่ได้รักพี่อ๊อฟเหรอ ถึงให้สิงโตมันเข้ามาป้วนเปี้ยน ผมเคยบอกไปแล้ว ไอสิงโตคือคนที่ดี(เพื่อนที่ดี) และดีกับผมมาตลอด คือมันก็ทำเพื่อผมมาตลอดหลายๆอย่าง ถ้าจะให้ผมผลักไสไล่ส่งมันก็ไม่ใช่หรือเปล่า เพราะผมยืนยันได้เลยยังไงมันก็คือเพื่อนรัก ส่วนพี่อ๊อฟนั้นผมก็เข้าใจว่ามันก็พยายามจะปรับตัว ทำเหมือนเป็นเล่นกับไอสิงโตนั่นแหละ แต่มันก็คงต้องแอบมีน้อยใจบ้าง และผมบอกได้เลยเต็มปาก ไม่มีเหตุผลไหนที่จะทำให้ผมไม่รักพี่อ๊อฟ ผมกับพี่อ๊อฟผ่านอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกัน มันอาจจะไม่มากมาย แต่นั่นมันทำให้ผมรู้ว่าพี่อ๊อฟ คือคนสำคัญของผม ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาผมคงไม่ทำเพื่อมันหรอก แต่เหมือนมันยังไม่เข้าใจ มันคงน้อยใจมากแหละผมรู้ ตอนนี้ผมก็นั่งดูทีวีไป แม่ก็เอาของว่างมาให้ พี่อ๊อฟก็นั่งนิ่ง ไอสิงโตก็ชวนพูดชนิดที่ว่า มึงไม่เคยพูดหรือยังไง?....
“กูกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ” พี่อ๊อฟพูดแล้วมันก็เดินขึ้นบ้านผมไป
สักพักมันก็ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้ามัน มันคงเอาไปเปลี่ยน........
“พี่อ๊อฟรีบมานะ” ผมบอกอย่างอารมณ์ดี มันก็แค่หันมามองไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกไปเลย “เฮ้อ!” ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“มึงไออ๊อฟมันคงโกรธจริงๆแล้วว่ะ” ไอสิงโตพูดอย่างกังวล
“มึงก็รู้หรือเปล่าวะสิงโต พี่อ๊อฟแฟนกูนะ” ผมพูดนิ่งๆ
“แล้วกูละนท? มึงไม่แคร์กูเลยเหรอ?” ไอสิงโตเอาแล้ว เริ่มดราม่าแล้ว
“สิงโต มึงฟังดีๆนะ ถ้ากูไม่แคร์มึง มึงคงไม่ได้มานั่งหน้าสล่อนอยู่ตรงนี้หรอกนะกูจะบอกให้” ผมพูดอย่างใจเย็น
“กูรู้ กูผิดเองแหละ กูห้ามตัวเองไม่ได้ มึงจะให้กูทำตัวห่างกับมึงตอนที่มึงอยู่กับไออ๊อฟ กูทำไม่ได้หรอก” มันทำหน้าเศร้า
“แต่มึงบอกเองไม่ใช่เหรอวะ ว่ามึงรับได้ แล้วก็จะไม่พูดอะไร” ผมละเหนื่อยใจจริงๆ
“มึงไม่อยากให้กูอยู่ใกล้ๆเหรอ?” มันถามแล้วจับมือผม
“กูก็อยากนะ แล้วพี่อ๊อฟละสิงโต” ผมถามมันอย่างเหนื่อยใจ
“งั้นเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะ กูโอเค” มันตอบกลับอย่างสบายใจ
“แต่กูรู้สึกว่า ทำแบบนี้มันดูทำร้ายพี่อ๊อฟเกินไป...” ผมบอกมันจริงจัง
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” ไอสิงโตพูดจริงจัง กระชับมือผมแน่น
“มึงไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้นหรอกตอนอยู่กับพี่อ๊อฟ มึงก็ทำปกติ เพราะที่มึงทำตอนนี้มันดูเยอะไป มันดูเหมือนมึงจะทำให้พี่อ๊อฟไปจากกูนะสิงโต” ผมพูดอย่างจริงจัง แล้วดึงมือออกจากมือมัน
“แต่กูไม่ได้คิดอย่างนั้นนะเว้ย!” มันพูดอย่างตกใจ
“กูรู้ แต่การที่มึงทำแบบนี้มันเหมือนไง มึงก็ทำตัวปกติสิ ไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้น ก็คุยเล่นกันปกติ เพราะถ้าวันไหนกูไปเที่ยวกับมึงแล้วพี่อ๊อฟไม่อยู่ มึงจะทำอะไรก็ได้ โอเคไหม?” ผมบอกมันแบบจริงจัง มันยิ้มบานเลย ทำไมผมต้องมารับผิดชอบความรู้สึกมันขนาดนี้ ผมก็แค่ไปข่มขืนมันตอนเมา มันเป็นอุบัติเหตุ ที่มันเองก็ไม่ยอมรับ และผมก็ต้องมารู้สึกผิด เฮ้อ! ทำไมผมต้องเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้
“จริงนะ!” ดีใจเกินไปมั้ง “โอเคๆ กูจะทำตามที่มึงบอกนะ” มันยิ้มบานแล้วจับมือผมอีกครั้ง “คือ..จริงๆแล้ว....กูก็แอบกลัวว่ามึงจะหายไป” ผมมองมันนิ่งๆ “เพราะการที่ไออ๊อฟกลับมาคบกับมึง นั่นหมายถึง.....มึงจะมาหากูไม่ได้หรือเปล่า” โถ่!
“อย่าบอกนะ ว่าที่มึงแกล้งกวนตีนหาเรื่องพี่อ๊อฟเพราะเรื่องนี้อะ!” ผมถามอย่างไม่เชื่อ มันพยักหน้าแบบคนสำนึกผิด เอิ่ม! “ไหนบอกไม่ได้คิดแบบนั้นไง” ผมถามมันเสียงแข็ง
“ไม่ได้คิด แต่ตั้งใจไง” ดูมันนะ
“สิงโต มึงกับกูก็คุยกันแล้วนี่หว่า ไม่ว่ายังไงมึงก็จะไม่ทิ้งกู และกูก็จะไม่ทิ้งมึงนะ มึงเห็นกูเป็นคนผิดสัญญาหรือยังไงวะ”ผมถามมันอย่างเซ็ง
“ปะ...เปล่า กะ...ก็มึงก่อนหน้านี้ก็หายไปตั้ง 3 วัน โทรไปก็ไม่รับข้อความอะไรก็ไม่ตอบ พอกูถามไอมิน ไอมินก็บอกมึงเครียดเรื่องไออ๊อฟ เอะอะ อะไรก็ไออ๊อฟ แล้วกูอยู่ตรงไหนวะ” มันทำหน้างอ ผมละขำจริงๆ “ขำอะไร มีอะไรน่าขำวะ!” มันทำไม่พอใจ
“กูคิดไว้แล้ว ตอนแรกกูว่าจะเคลียล์เรื่องพี่อ๊อฟให้จบ แล้วกะจะหาเวลาไปเที่ยวกับมึงอยู่แล้วไอสิงโต แต่ดันเกิดเรื่องนี้สะก่อนเนี่ย มึงมันบ้า!” ผมยิ้ม มันยิ้มบาน
“มึงก็ยังนึกถึงกูตลอดใช่ไหม” ผมก็พยักหน้า “โอเคๆ กูเข้าใจแล้วๆ” ยิ้มบานแล้วจับมือผมไปลูบแก้มมัน ผมส่ายหัวอย่างตลกกับการกระทำมัน
“มึงอย่าทำอะไรเกินความจำเป็นอีกนะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!” ผมบอกมันอย่างออกคำสั่ง
“คร้าบ! กูฟังที่มึงพูดเมื่อกี้เข้าใจทุกอย่างแล้วต่อจากนี้กูจะฟังที่มึงบอกทุกอย่างโอเคไหมครับ!” น่ารักจริงเชียว
ผมกับมันก็คุยกันไป และก็หวังว่ามันจะเข้าใจในความหมายลึกๆที่ผมต้องการจะสื่อ ว่าผมนั้นแคร์พี่อ๊อฟมาก วันนี้เพื่อนๆผมก็จะมา แต่ผมบอกไม่ต้องหรอกเพราะไม่เป็นอะไรแล้วส่วนที่มาวันนี้ก็มีแต่พวกที่ยังไม่ได้มาเยี่ยมผม ก็พวกพี่ตัง ฮาเล่ พี่ไอซ์พี่อาร์ม แล้วก็แม่สิงโตกับน้องซิน ผมนั่งคุยกับไอสิงโตสักพักพี่อ๊อฟก็มา มองผมแบบงอนๆแล้วก็เอาของขึ้นไปเก็บ แต่ก็ไม่ยอมลงมา จนพี่โน้ตกลับมา พร้อมกับพี่ตังแล้วก็พี่ตอย แต่ไอพี่เติ้กมาด้วยไง ผมก็ทักทายนิดหน่อย แล้วก็แยกตัวออกมาคุยกับพี่โน้ตเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากพี่โน้ตกลับไปให้ฟัง พี่โน้ตดูโกรธแค้นมากเลย ไอสิงโตก็นั่งคุยกับพวกพี่เขาไป เพราะพี่เขาชวนคุยเรื่องรถมอไซค์ มันละชอบนักเชียว ผมเห็นว่าพี่อ๊อฟขึ้นไปข้างบนนานเกิน ก็เลยเดินขึ้นไปตาม พอเข้าห้องก็เห็นมันนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ผมก็ไปนั่งข้างๆมัน......
“ทำไมไม่ลงไปอะ” ผมถามนิ่งๆ
“ไปอยู่กับสิงโตดิ มาตามกูทำไม!” มันประชดจนได้
“โอเคๆ ผมขอโทษโอเคไหมพี่อ๊อฟ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่” ทำปากยื่น พี่อ๊อฟอมยิ้มเลยทีเดียว
“คุยอะรู้เรื่องแล้ว แต่การกระทำมึงไม่ใช่ แบบนี้มันเกินไปนท” มันพูดแบบน้อยใจ
“แล้วพี่อ๊อฟอยากให้ผมทำยังไง” ผมล้มตัวนอนข้างๆแล้วก็แย่งโทรศัพท์พี่อ๊อฟมาดู เล่นเกมส์?
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ” มันกอดผม “กูแม่งงี่เง่าเอง มึงไม่เบื่อใช่ไหม” (ผมรู้สึกจุกอยู่ในอกเลยทีเดียว)
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” ผมถามนิ่งๆ
“มึง....ยังรักกูใช่ไหม” มันถามแบบกังวล
“รัก รักมากด้วย!” ผมตอบอย่างเร็ว แล้วกอดพี่อ๊อฟแน่น
“กูรักมึงนะ ถึงมึงจะรักกูน้อยลงก็เถอะ” มันพูดเสียงสั่น ผมกระชับกอดพี่อ๊อฟแน่น
“อย่าพูดแบบนี้! ผมไม่เคยรักพี่น้อยลงเลยนะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วทำไมต้องแคร์ไอสิงโต แล้วทำไมต้องใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ใครเข้าหามึงก็เล่นด้วยไปหมด มึงไม่คิดว่ากูจะหวงจะหึงบ้างเหรอวะ” มันพูดอย่างน้อยใจ
“ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะพี่อ๊อฟ อีกอย่างถึงผมจะเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่เคยรักใครนอกจากพี่อ๊อฟเลยนะ!” ผมเงยหน้าขึ้นมามองมนแล้วก็หอมแก้มมัน มันก็มองผมนิ่งๆ
“ไหนมึงลองพูดมาสิเรื่องของมึงกับไอสิงโต ตอนนี้เรื่องของกูกับอิงฟ้าก็จบแล้ว กูพร้อมฟังแล้วนท” มันมองผมแบบจริงจัง นั่นทำให้ผมชะงักแบบใจกระตุกเลย
ผมนิ่งไปนิด ในใจก็กลัวว่าพี่อ๊อฟจะรับไม่ได้ กลัวจะโดนมันทิ้ง กลัวว่ามันจะจากผมไป ความกลัวและความกังวลเริ่มมาจริงๆผมอยากจะแถไปก่อน และที่ผ่านมาสองสามวันนี้จริงๆผมก็เลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้มาแล้ว และถ้าผมจะแถอีกมันก็ไม่มีค่าอะไร เพราะยังไงสักวันนึง มันอาจจะรู้จากปากคนอื่น สู้ผมบอกเองดีกว่า......
“พี่จะโกรธผมก็ได้นะ จะตบจะตีก็ได้ แต่อย่าทิ้งผมไปเพราะเรื่องที่ผมจะบอกนะ” ผมล้มตัวนอนกอดมันแน่น
บอกตรงๆว่าผมกลัว เพราะตอนนี้พี่อ๊อฟกำลังน้อยใจในหลายๆเรื่อง แล้วยิ่งเรื่องที่มันอยากฟังตอนนี้ มันยิ่งทำให้พี่อ๊อฟเสียใจ ผมกลัวมันจะทิ้งผมไป พี่อ๊อฟเอามือลูบหัวผมเบาๆ......
“กูบอกแล้วไง ไม่ว่าอะไรกูทำใจไว้แล้ว ขอแค่มึงไม่ทิ้งกู และ......ยังรักกู” มันบอกผมด้วยน้ำเสียงสั่น
ผมกระชับกอดมันแน่นมาก บอกตรงๆว่าไม่มั่นใจเลย ตอนแรกผมคิดว่าพี่อ๊อฟมีอะไรกับอิงฟ้าแล้ว และถ้าผมมีอะไรกับสิงโตมันก็คงจะเจ๊ากันแต่นี่ไม่ใช่ พี่อ๊อฟไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่ผม ผมเท่านั้นที่ไม่ซื่อตรงกับพี่อ๊อฟ ผมไม่ได้สติในครั้งแรก ครั้งต่อมาคือความเผลอและหลงผิด....
“บอกมาเถอะ กูไม่ทิ้งมึงหรอก” มันจับหน้าผมเงยขึ้นมาสบตา
“ผมขอโทษพี่อ๊อฟ” ผมเอาหน้าซุกกับอก
“มึงมีคนใหม่แล้วใช่ไหม” มันถามเสียงสั่น
“ไม่ใช่นะ!” ผมตอบมันทันทีที่มันพูดจบ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองมัน
“แล้วเพราะอะไร?” มันมองผมอย่างหาคำตอบ
“ผม....ผมมีอะไรกับคนอื่นตอนที่พี่อ๊อฟไปอยู่กับอิงฟ้า” ผมหลับตาแล้วพูดแบบเบาๆ และแน่นอนว่าพี่อ๊อฟต้องได้ยิน เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้
ผมหรี่ตามอง คือพี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆ....
“กับใคร?” มันถามนิ่งมาก
“กับ......สิงโต” ผมหลบตามัน
พี่อ๊อฟดันผมให้ลุกขึ้นนั่ง และพี่อ๊อฟก็ลุกนั่งตาม แล้วมองมาที่ผมแบบ ด้วยสายตาที่ผมไม่อยากมองมันเลย....
“มึงมีอะไรกับมัน แถมวันนี้มึงยังให้มันมาอยู่ด้วยเนี่ยนะ!” มันมองผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง ผมใจสั่น ร้อนผ่าวที่ขอบตาไปหมด “มึงต้องการอะไร? ตอกย้ำกู? หรือ จะทำกับมันให้กูดู?” มันนิ่งเกินไป
“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟตีผมก็ได้นะ” ผมพุ่งเข้าไปกอดพี่อ๊อฟ น้ำตาก็เริ่มไหล “พี่อ๊อฟบอกว่ารับได้ไง แล้วทำไม...”
“คือมันไม่มากไปหน่อยเหรอนท มึงทำกับมันไม่พอ แถมยังให้มันติดตัวกับมึงขนาดนี้ ถ้ามันไม่มาหามึงหรือมันหายไปกูจะไม่โกรธเลยนะนท” มันพูดแทรกผมแบบเสียงสั่น
“ผมขอโทษพี่อ๊อฟ!” ผมเสียใจ ผมเสียใจกับการกระทำของตัวเอง น้ำตาผมไหลออกมา แต่มันไม่มีการสะอื้นแต่อย่างใดผมกอดพี่อ๊อฟไว้แน่นมาก มันก็นั่งเฉยๆให้ผมกอดมันนั่นแหละ
“กูรักมึงนะนท แต่กูไม่รู้แล้ว ว่ามึงยังรักกูจริงหรือเปล่า หรือแค่กลัวกูจะผิดหวังบอกกูตรงๆได้นะนท” พี่อ๊อฟบอกเสียงสั่นมาก ผมเงยหน้าขึ้นดู มันร้องไห้
“ผมรักพี่นะ รักมากด้วย” ผมผละออกมาแล้วจะเช็ดน้ำตาให้มัน มันหันหน้าหนี....
“มึงอยากให้กูทำยังไงนท ทำเป็นไม่รู้เหรอ? หรือที่มึงไม่ว่าอะไรตอนมันมาอยู่ใกล้ๆก็เพราะกำลังตัดสินใจว่าจะทิ้งกูดีหรือเปล่า งั้นเหรอ?” มันมองผมแบบน้อยใจสุดๆ
“พี่อ๊อฟ มันไม่ใช่นะ พี่อ๊อฟอย่าคิดแบบนั้นดิ ผมเคลียล์กับไอสิงโตแล้วตังหาก มันคือเพื่อนผมนะพี่!” ผมเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วมองมันอย่างจริงจัง
พี่อ๊อฟมองผมแบบน้อยใจ ผิดหวัง หลากหลายอารมณ์เหลือเกิน เพราะพี่อ๊อฟมองผมแบบนั้นนั่นแหละ มันทำให้ผมไม่อยากจะพูดอะไรต่อนอกจากขอโทษ มันเหมือนว่า ผมยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้ผมดูน่ารังเกียจ พี่อ๊อฟดันผมออกแล้วลุกขึ้นออกจากเตียง แล้วมันก็เดินไปเก็บของของมันแล้วก็เดินออกห้องไป ผมนั่งมองมันนิ่งๆอยู่บนเตียง อยู่กับความคิด อยู่กับน้ำตา ผมไม่โทษพี่อ๊อฟเลยที่ไม่ฟังผม ไม่คิดโทษใครเลย นอกจากตัวผมเอง ผมว่ามันไม่แปลกเลยที่พี่อ๊อฟจะโกรธผมขนาดนี้ จริงๆไม่เคยเตรียมใจเรื่องนี้ แต่ผมคงมองโลกในแง่ดีเกินไป ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตกเหว เหมือนลอยอยู่ในที่โล่งๆ มันดูไม่มีอะไร มันกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้ว แต่มันมาจบเพราะผมเองเนี่ยนะเหรอ?เสียใจ เสียใจมาก...

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แกร๊ก! ไอสิงโตเดินเข้ามาครับ มันก็มองผมอย่างตกใจ แล้วเข้ามานั่งข้างๆผม.....
“เป็นอะไรวะนท” ไอสิงโตถามอย่ากังวล แล้วจับมือผม
“พี่อ๊อฟรู้เรื่องกูกับมึงแล้วนะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ น้ำตาก็เริ่มหยุดไหลแล้ว
“เพราะกูใช่ไหม” มันทำหน้าสำนึกผิด
“เปล่าหรอก กูบอกมันเองแหละ” ผมบอกไอสิงโตเสียงสั่น
“เฮ้อ!...” มันกอดไหล่ผม “กูขอโทษว่ะ” มันกดหัวผมให้ซบไหล่มัน
“กูต้องทำยังไงดีวะ” ผมถามมัน
“มึงคงรักมันมากอะดิ” มันถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมก็ได้แค่เงียบ  “กูก็รักมึงนะ” กระชับมือที่กอดไหล่ผมแน่น
“อืม! กูรู้ กูไม่ทิ้งมึงหรอก ตามที่เราคุยกันไว้เลย” ผมผละออกมาแล้วยิ้มให้มัน
“รักมันก็ง้อมันดิ! เรื่องแค่นี้เอง มันก็ดูรักมึงมากนะนท” มันประคองหน้าผมด้วยมือทั้งสอง แล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตา “กูว่ามึงทำให้มันเข้าใจได้” มันยิ้มให้ผม
“แต่สายตาที่พี่อ๊อฟมองกูเมื่อกี้ มันทำให้กูหมดคำพูด...กูดูเลวใช่ไหมวะ ที่มีทั้งมึงและพี่อ๊อฟในเวลาเดียวกัน”ผมพูดอย่างเครียด
“มึงคิดผิดแล้วนท!” ไอสิงโตพูดขึ้นผมมองมันนิ่งๆ “กูเป็นเพื่อนรัก ที่รักมึงมาก และมึงก็ชอบกูจริงไหม” ผมก็พยักหน้า “แล้วมึงก็รักไออ๊อฟมาก เหมือนที่มันรักมึงจริงไหม” ผมก็พยักหน้า “นี่ไง มึงจะคิดมากทำไม มึงมองกูให้เป็นเพื่อนรัก และเป็นปกติสิวะอย่างที่มึงเคยบอกกู กูรู้ว่ายังไงมึงก็รักมันมาก แต่ที่มึงแคร์กูมากเพราะไม่อยากให้กูเสียใจใช่ไหม!” ผมก็พยักหน้า “นั่นไง ก็เพราะมึงแม่งเป็นสะแบบนี้แหละ จะไม่ให้กูรักมึงได้ยังไงวะ” มันกอดผม “ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีนท มึงไปง้อมันนะ” ผมผละออกมา
“ละ แล้วมึง....” ผมพูดเบาๆ
“กูก็จะเป็น....” มันจับมือผม “เพื่อนรักของมึงต่อไปไง” หอมแก้มผม “ทุกอย่างจะเหมือนเดิม อาจจะแค่เวลามึงอยู่กับมันกูก็จะพยายามไม่มาเจอ โอเคไหม?” ผมก็พยักหน้า “ห้ามให้ตำแหน่งเพื่อนรักกับใครนอกจากกูสัญญานะ” ยกนิ้วก้อยขึ้นมา ผมก็ยกนิ้วก้อยมาคล้องกับมัน ผมยิ้มบานเลย “และกูก็จะเป็นแฟน...จำเป็นของมึงต่อไป โอเคไหม” มันยิ้ม
“ยังจะสานต่ออีกเหรอ?” ผมมองมันอย่างตกใจ
“กูตัดใจไม่ได้หรอกนท กูรักมึงนะเว้ย!” มันยิ้มก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปแหละเนอะ
“เพื่อนรัก” ผมยิ้ม แล้วเอามือลูบแก้มมัน “มึง...มึงไม่เสียใจใช่ไหม” ผมถามมันอย่างเป็นห่วง
“เสียใจอะไร กูก็ยังมีมึงอยู่ดี ไม่มีใครต้องเสียใจ มึงเห็นไหม อาจจะแค่ ไออ๊อฟมันน้อยใจก็แค่นั้นแหละ” มันยักไหล่อย่างมาด ผมก็ยิ้มให้กับท่าทางของมัน
“เฮ้อ! กูกำลังเครียดเรื่องพี่อ๊อฟนะ แต่ทำไม มึงมาทำให้กูยิ้มได้ในเวลาแบบนี้ละ โถ่!” ผมบ่นอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็กูคือเพื่อนรักมึงยังไงละ อย่าคิดมากดิ” มันพูดอย่างอบอุ่น
“อื้ม พี่อ๊อฟโกรธกูกลับบ้านไปแล้วเนี่ย” ผมพูดอย่างกังวลขึ้นมา
“เดี๋ยวกูไปอธิบายให้มันฟัง ที่เหลือมึงก็เคลียล์กันเอง โอเคไหม” มันยักคิ้ว
“ไม่ใช่ไปตีกันอีกเหรอวะ?” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่น่า เดี๋ยวโทรไปก็ได้ มึงก็อย่าคิดมากนะรู้เปล่า อย่าร้องไห้ เพราะกูไม่ชอบ ยิ้มให้กูดูบ่อยๆนะ” มันยิ้ม พร้อมกับลูบหัวผม
ผมกับมันนั่งคุยกันสักพัก แม่ก็ขึ้นมาตามเพราะฮาเล่มาหา และแม่สิงโตกับพี่ไอซ์และพี่อาร์มก็มาติดๆกันเลย จริงๆหลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเศร้าแปปเดียว จริงๆมีอยู่เรื่องนึงที่ผมมั่นใจ คือพี่อ๊อฟไม่ได้บอกเลิกผม และที่มั่นใจสุดๆคือพี่อ๊อฟคงงอลผมระดับสูงสุด(งอนหรือโกรธ?) และผมก็ไม่ยอมให้พี่อ๊อฟเลิกกับผมแน่ ผมจะตามไปง้อพี่อ๊อฟส่วนสิงโต ก็อย่างที่ผมพูดกับมัน ยังไงมันก็คือเพื่อนรัก ส่วนมันจะมาเป็น เอ่อ! แฟนจำเป็นของผมบางเวลา นั่นก็อีกเรื่องเนอะ เพราะยังไงแล้ว ผมก็ยังไม่เสียเพื่อนดีๆอย่างมันไป หลายคนอาจจะมองดูเหมือนผมสวมเขาพี่อ๊อฟหรือเปล่า โลภไปหรือเปล่า บอกเลยว่าการกระทำผมอาจจะใช่ แต่ในใจผมบอกได้เลยว่าไม่ มันมีเหตุผลหลายอย่าง ถ้าลองไล่จากเหตุผลและสถานการณ์ดูก็จะรู้ ว่าผมนั้น แคร์ทุกคนจริงๆ
และตอนนี้ผมก็นั่งคุยกันอยู่ข้างล่างแม่ไอสิงโตกับน้องซินถามผมไม่หยุด ไอสิงโตก็โม้เต็มที่ ไอฮาเล่ก็ถามผมอย่างเป็นห่วงพี่ไอซ์กับพี่อาร์มก็ด้วย ส่วนพี่ตัง พี่เติ้กก็แกล้งผมไง เอามือมาจิ้มแผล แซวผมบ้างก็ปล่อยไป พี่ตอยกับพี่โน้ตก็ดูเป็นห่วงเป็นใยผมเกินความจำเป็นประคบประหงมจนโอเว่อร์ และพี่โน้ตดูจะไม่พอใจที่พี่อาร์มมา เพราะมองค้อนตลอดเวลา ไม่รู้ไปมีเรื่องอะไรกัน พี่ตอยก็คอยห้าม...
ป๊ากับพ่อไอสิงโตก็คุยงานกัน แม่ก็มาชวนแม่สิงโตคุยด้วยดูสนุกดี สักพักไอสิงโต ก็โทรไปหาพี่อ๊อฟพอพี่อ๊อฟรับสายมันก็เดินออกไปคุยข้างนอก ไม่ยอมให้ผมได้ยิน ผมก็ปล่อยมันไปเถอะ ผมก็ยืนพูดคุยกับน้องซินไป ดูน้องซินจะพูดเป็นต่อยหอยเลย ย่อยเชียว ฮาเล่กับพี่ไอซ์และพี่อาร์มที่ยืนข้างผมยังยิ้มขำ พอไอสิงโตเข้ามาก็บอกผมว่าทุกอย่างจะโอเค? ผมก็เอออไป ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน...
ป๊าชวนทุกคนอยู่กินข้าวที่บ้าน เพราะจะได้คุยกันนานๆ? ป๊าก็ต้องสั่งจากข้างนอกมา เพราะไม่คิดว่าคนจะเยอะ พออาหารมาถึงก็ช่วยกันจัดแจง และก็นั่งกินกัน นั่งพูดคุยกันไปป๊าก็ถามหาพี่อ๊อฟ แต่ไอสิงโตก็ช่วยพูดประมานว่าพี่อ๊อฟรีบกลับไปทำธุระ อะไรทำนองนั้น ผมก็ได้แต่นั่งอึนๆ...
ป๊าก็ดูไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่พี่ไอซ์มา แต่ดูเหมือนว่าป๊าจะโตพอที่จะแยกแยะเรื่องของเด็กๆได้ ฮาเล่ก็ชวนคุยบ้างพี่ไอซ์กับพี่อาร์มก็ด้วย ดูท่าไอสิงโตจะไม่ค่อยชอบทั้งสามคนนี้ มันดู เอ่อ! ชอบพูดกระแทกกระทั้นเขาทั้งสามคนเหลือเกิน ผมก็ไม่คิดอะไร มันอยากทำอะไรก็ปล่อยมัน ไอสิงโตมันก็กวนตีนเขาไปทั่ว จนได้เวลากลับ ผมก็ขอบคุณทุกคนยกใหญ่ เพราะทุกคนก็มีของมาเยี่ยมผมกันทั้งนั้น ผมก็ฝากพี่อาร์มไปส่งฮาเล่ด้วย ตอนแรกฮาเล่มันก็ดูเหมือนจะเกรงใจแหละ แต่พอผมพูดแนวบังคับหน่อยมันก็ยอมไป พี่ไอซ์ก็คงยังทวงสัญญาการไปกินข้าวที่บ้านมัน ผมก็รับปากไปก่อน รำคาญมันเซ้าซี้มันนี่ดี๊ด๊าเกินไป น้องซินก็คะยั้นคะยอให้ผมไปเล่นที่บ้านน้องเขาบ้าง ผมก็รับปากไป เพราะยังไงก็คงได้ไปอยู่แล้วละ
พอแยกย้ายกันกลับหมด ผมก็ไปขอให้พี่โน้ต ไปส่งผมไปนอนกับพี่อ๊อฟ ตอนแรกป๊ากับแม่และพี่โน้ตไม่ยอมเพราะผมยังไม่หายเจ็บดี แต่ผมก็แถจนได้ไป ผมก็ขึ้นไปเก็บของ แล้วก็ลงมา พี่โน้ตยืนทำหน้างอ พอถามแกก็บอกว่าอยากนอนกับผม? เพราะพี่อ๊อฟนอนกับผม3วันแล้ว? ผมก็บอกไปว่าพรุ่งนี้แล้วกัน พี่โน้ตก็ยอมไปตามสเต็บ พี่โน้ตขี่มอไซค์มาส่งผม บ้านผมก็มีมอไซค์ แต่ไม่มีใครใช้นอกจากพี่โน้ต เพราะผมกับแม่ขับรถมอไซค์ไม่เป็น จอดทิ้งไว้นั้นแหละ...
พอถึงบ้านพี่อ๊อฟผมกดกริ่ง พ่อพี่อ๊อฟก็เดินมาเปิดให้ ก็รัวคำถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง พอเข้าบ้านไปก็มีทั้งแม่พี่อ๊อฟและพี่อิฐรุมถามอย่างเป็นห่วง พี่โน้ตเห็นอย่างนั้นคุยด้วยนิดหน่อยแล้วก็กลับไป ผมก็เดินขึ้นไปหาพี่อ๊อฟ จริงๆก็ไม่มั่นใจว่าพี่อ๊อฟจะให้นอนด้วยไหม ก็หน้าด้านแบกหน้ามาแล้วนิเนอะ ทำยังไงได้ พอผมเปิดประตูเข้าไป ก็เห็น เอ่อ! กระเป๋าที่มันเอามาจากบ้านผม กองอยู่กลางห้อง และตัวมันก็นอนคดอยู่ในผ้าห่ม ผมก็เอากระเป๋ามันไปเก็บของให้ และก็เก็บของตัวเอง พอเสร็จก็ไปหามันที่เตียงนั่งข้างๆแล้วเอามือลูบตัวมัน....
“พี่อิฐ ออกไปอย่าเข้ามาในห้องอ๊อฟ!” มันพูดเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ
“พี่อ๊อฟ!” ผมเรียกอย่างอ่อนโยน มันนิ่งไป “ผมมานอนกับพี่นะวันนี้ อ่า! นี่ขนาดผมเจ็บผมยังตามมาง้อพี่เลยน้า โอย!” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี จริงๆแผลก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแล้ว อาจมีปวดบ้างนิดหน่อยก็ทนไป ไม่สำออยขนาดนั้น แต่ก็ร้องโอดโอยนิดหน่อย
พี่อ๊อฟไม่ตอบผมแต่อย่างใด แต่มันเอาผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นจากเตียง ไปค้นในกระเป๋าที่ผมเตรียมมา? แล้วหยิบถุงยามานั่งข้างๆผม....
“อาบน้ำหรือยัง” มันถามนิ่งๆ
“ยังครับ” ผมยิ้มบาน
พี่อ๊อฟไม่ตอบอะไรก็จับแขนผมให้ลุกขึ้นพาผมไปอาบน้ำ แต่หน้ามันนิ่งเกิน ยังทำเข้ม มันก็ช่วยผมถอดเสื้อผ้าและพันผ้าก๊อตสำหรับอาบน้ำให้ผมและมันก็ถอดด้วย เราก็อาบน้ำด้วยกัน มันก็ถูหลังสระผมให้ผม แต่พอผมจะทำให้มันบ้างมันก็ไม่ยอม ระหว่างอาบน้ำผมก็พูดไป คือพูดคนเดียว เพราะมันไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลยToT พออาบน้ำอะไรเสร็จก็ออกมาแต่งตัว แล้วผมก็ไปนั่งบนเตียง มันก็เดินมานั่งข้างๆผมพร้อมถุงยาอีกครั้ง มันก็เอายาทา มาทาตามแผลฟกช้ำให้ผม และก็พันผ้าก๊อซตรงเข่าให้ด้วย ผมก็นั่งมองมันด้วยรอยยิ้ม พี่อ๊อฟก็ยังเป็นพี่อ๊อฟ ที่ถึงจะโกรธผมยังไง ก็ไม่เคยเลยที่จะไม่ใส่ใจผม พอมันเงยหน้ามามองผม มันก็ทำหน้ายักษ์ใส่ผมทันที ประมาณว่า มึงยิ้มทำไม?! ผมถึงกับหุบยิ้มเลยทีเดียว พอทำอะไรเสร็จ มันก็เดินไปปิดไฟ แล้วก็ขึ้นนอน ผมก็ล้มตัวนอนข้างๆมัน แต่ เอ่อคือ นอนห่างกับผมเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ผมก็เขยิบตัวไปใกล้ๆมัน แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือมัน มันก็นิ่งให้ผมจับ......
“ผมขอโทษ” ผมพูดอย่างจริงจัง
“.......”(เงียบ)
“จะไม่คุยกับผมจริงๆเหรอ?” ผมถามเสียงหงอยๆแล้วก็ค่อยๆตะแคงตัวหันไปมองทางมัน
“เดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก นอนดีๆ!” มันบอกผมเสียงดุ แล้วดันตัวผมให้นอนหงาย แต่นั้นมันทำให้ผมยิ้มไม่หยุด
“ก็พี่อ๊อฟไม่คุยกับผมอ่า” ผมทำเสียงนอยๆ แล้วหันหัวไปทางมัน มันก็มองผมอยู่แล้ว
“..........”เงียบ มองผมนิ่งๆ
“เฮ้อ!” ผมก็ขยับตัวเข้าไปจนชิดมันเลย ตัวติดกันเลยทีเดียว “พี่อ๊อฟ ผมขอโทษ” ผมหันตะแคงตัวนิดหน่อยแล้วหอมแก้มมัน
พี่อ๊อฟก็ไม่ตอบ แถมยังหันหน้าหนีผมอีกนะ ผมใช้มือข้างนึงรั้งหน้ามันมาทางผม.......
“ผมสำนึกผิดแล้วพี่อ๊อฟ อยากให้ผมทำอะไรผมยอมทำทุกอย่างแล้ว น้าๆๆๆ ฟอด! จุ้บๆๆ!” ผมทั้งหอมแก้ม ทั้งจุ้บปากมันก็ยังนิ่ง
“เลิกยุ่งกับไอสิงโตสิ เลิกคบกับมันไป แม้แต่เพื่อนก็ห้ามเป็น” มันหันมาบอกเสียงนิ่งๆ หน้านิ่งๆ ทำให้ผมชะงักไปนิด
“พี่อ๊อฟ...” ผมตะแคงตัวกอดมันแล้วเอาหน้าซุกตรงคอมันผมชอบกลิ่นพี่อ๊อฟจัง มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แอบโรคจิตไปนิดนะ ไม่ได้ดูเวลาและสถานะการณ์เลยเอาจริง
“ทำไม่ได้ใช่ไหม” มันถามผมเสียงนิ่ง
“มันเป็นเพื่อนผม ผมตัดเพื่อนกับมันไม่ได้นะพี่ อีกอย่างผมเคลียล์กับมันแล้วด้วย” ผมพูดทั้งๆที่หัวก็ยังคงซุกอยู่ที่คอมันนั่นแหละ
“แล้วกู...กูเป็นอะไรสำหรับมึง”
“คนที่ผมรัก รักที่สุด รักมากๆ รัก รัก รักๆๆๆ และขอโทษ ขอโทษ ขอโทษๆๆๆ” ผมพูดแล้วก็กระชับกอดมันแน่น
“ไม่เจ็บแผลเหรอวะ!” มันพูดเสียงดุแล้วพยายามดันผมออก ผมก็เอาหัวซุกคอมันแน่น
“ปล่อยให้มันเจ็บไป ผมขอโทษนะ พี่อ๊อฟ นะๆๆๆ ขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ก็ไม่ยอมปล่อยและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาดู
“ง่วงแล้ว ถอยไปจะนอน” มันพูดแบบรำคาญ
ผมก็ผละตัวออกมา มันก็นอนหันหลังให้ผมเลย โถ่! พี่อ๊อฟ ผมก็กระเถิบเข้าไปนอนกอดมันนั่นแหละ งานนี้ง้อยาวดูจากสภาพ เฮ้อ!....
พอมาอีกวัน ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกยังไงละ?! ลืมตาขึ้นมาก็เห็น เอ่อ...พี่อ๊อฟมันนอนกอดผม? ผมจำได้ว่าผมนอนกอดมันนิ? ยังไงก็ช่างมันเถอะ ผมก็นอนยิ้มอยู่อย่างนั้นแหละ >.< แล้วสักพักมันก็ตื่น ผมก็แกล้งหลับตา.......
“หึ!” แล้วมันก็ลุกขึ้น ผมก็ลืมตามองแบบเซ็งๆ มันก็รู้ทันตลอด
“มอนิ่งคิสอะ?” ผมถามในสิ่งที่มันชอบทำ มันก็มองผมนิ่งๆ
มันไม่พูดอะไร แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมนั่งหน้าเหวอเลยทีเดียว ผมก็ลุกตามมันไปอาบน้ำ มันก็คอยช่วยตลอด แต่ก็ไม่พูดกับผมเหมือนเดิม คืออะไร? พอทำอะไรเสร็จก็ออกมาแต่งตัว พี่อ๊อฟก็ทายาให้เหมือนเดิม แล้วก็พากันลงไปกินข้าว พี่อ๊อฟก็จัดยาให้ผมพร้อม ผมก็ยิ้มบานอย่างเดียวเลย แล้วเราก็พากันไปโรงเรียนระหว่างทางผมก็พูดคนเดียวเหมือนเดิม มันก็เงียบเหมือนเอาปากหย่อนลงไปในชักโครกตอนเข้าห้องน้ำที่บ้านมันสินะ พอถึงพี่อ๊อฟไปส่งผมหาเพื่อนๆด้วย ไม่เชิงไปส่งหรอก มันก็ประมาณว่าเดินตามมา จะยังไงผมก็ยิ้มบานอย่างเดียว พอถึงโต๊ะเพื่อนๆผม มันก็เดินไปเลย ไปโดยไม่มีคำพูดอะไรใดๆหลุดออกจากปากมันเลย ผมละนอยจริงๆ แต่ก็ยังไงผมก็เป็นคนผิดอยู่ ทำยังไงได้ แรดเอง เพื่อนๆก็ถามอาการผมอย่างเป็นห่วง ผมก็ตอบบ้าง เงียบบ้างก็มัวแต่คิดเรื่องพี่อ๊อฟนี่เนอะ เฮ้อ!....
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ?” ปอหันมาถามผม
“ทำหน้ายังไงวะ?” ผมถามมันแบบงงๆ
“เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวทำหน้าหงอย เป็นบ้านะมึง!” ไอวิวนี่นะ ผมมองค้อนมัน
“นท วันนี้ว่างปะ!” ไอนัทหันมากระซิบ ผมนั่งข้างมัน อีกข้างก็ไอมิน
“ทำไมวะ?” ผมหันไปถามอย่างสงสัย
“ก็กู....นัดกับคนที่มึงไปขอเบอร์ให้ไปเดทอะดิ ไม่กล้าไปคนเดียววะ กูอาย” มันกระซิบบอกผมด้วยท่าทางเขินอาย
“มึงชวนคนอื่นได้หรือเปล่าอ่า พอดีกูต้องง้อพี่อ๊อฟอีก เขาโกรธกูอยู่อะมึง” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มึงจะให้กูชวนใคร ดูแต่ละคนด้วย ทำเดทแรกกูพังพอดี” มันบอกอย่างไม่พอใจ
“ก็เดทแรกมึงไม่จำเป็นต้องเอาเพื่อนไปหรอก” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ! คือได้แฟนคืนมาแล้วก็จะไม่เห็นหัวเพื่อนใช่ไหม” มันทำท่างอน ผมละอยากตายจริงๆ
“ไอนัท เดทแรกนะไอเวร จำเป็นต้องเอาเพื่อนไปเกะกะไหม!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด
“มึงสองคนคุยอะไรกันวะ” ไอมินถามมาทางผมอย่างสงสัย
“เออ งุ้งงิ้งๆ อย่าบอกนะมึงสองคนจีบกันอะ” ไอวิว!ผมเบื่อปากมันจริงๆ
“ปากมึงนี่นะไอวิว!” ผมหันไปเอ็ดมัน
“แล้วมึงคุยอะไรกันวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“ก็ไอนัทมัน....” ผมกำลังจะบอกไอนัทมองผมด้วยสายตาอาฆาต “เอ่อ คือมันคุยกับกูเรื่องการ์ตูนน่ะ แหะๆ” แถไปสิ
“เหรอวะ ทำไมต้องกระซิปกระซาบกัน?” ปอมองอย่างจับผิด
แล้วผมก็แก้ๆตัวไป ไอนัทมันไม่อยากให้ใครรู้นี่ แล้วนี่ผมต้องทำยังไงละ? พี่อ๊อฟก็ต้องง้อ ไอนัทก็ต้องไปส่ง อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ นั่งคุยกันสักพักก็พากันขึ้นห้องเรียน เพื่อนๆคนอื่นก็มาถามไถ่ว่าผมเป็นยังไงบ้าง ผมก็ตอบๆไป พอพักเที่ยงก็ลงไปหาอะไรกินกับเพื่อนๆ พี่อ๊อฟก็ไม่มาหาเลย ไปกินข้าวกับเพื่อนตั้งไกล โถ่! ใจร้ายกับผมเกินไปมั้ง ผมก็ชะเง้อมองแล้วมองอีกอะ.....
“มองขนาดนั้นก็เดินไปหาเถอะ” ปอพูดขึ้น
“เออๆงั้นแปปนะเดี๋ยวมา” ผมก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินตรงไปหาพี่อ๊อฟเลย
เพื่อนๆก็งงๆกัน มันคงงงว่าปอพูดประชดแล้วผมไปจริง? ผมก็ไม่สน เพราะจริงๆก็อยากไปอยู่แล้ว55 แต่พี่อ๊อฟมันนั่งหลังโรงอาหารเลยไกลเกิน พอไปถึงเพื่อนๆมันก็ยิ้มให้ผม พี่อ๊อฟมันก็นั่งกินข้าวนิ่งๆ ผมก็นั่งเบียดมันเลย เพราะมันนั่งมุมโต๊ะ มันก็หันมามองผมนิ่งๆ แล้วก็กินข้าวต่อไป ไม่สนใจผม?......
“ไงมึง ได้ข่าวว่าไปมีเรื่องมาเหรอ” พี่กรถามขึ้นมา
“นิดหน่อยอ่าพี่” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“แหนะๆ จะมาอ้อนอะไรไออ๊อฟอีกละ!” พี่กฤษพูดกวนๆ ผมก็ยิ้มเขิน
“แล้วนี่มึงหายดียัง” พี่โอมถามอย่างสงสัย
“หายดีแล้ว ได้คนดูแลดี” (ยิ้ม)
ผมก็พูดคุยกับพวกพี่ๆเขาไปสักพัก พี่อ๊อฟก็ลุกเดินเอาจานไปเก็บ คืออะไร? ไม่สนใจผมเลย ผมก็มองตาม....
“มันโกรธมึงเหรอ?” พี่กรถามอย่างอยากรู้
“อืม ไม่ยอมคุยกับผมเลยอ่า” ผมทำหน้างอ
“เอาน่า ง้อมันบ่อยๆเดี๋ยวมันก็หายเองแหละ” พี่โอมพูดด้วยรอยยิ้ม
พวกพี่เขาก็ปลอบและแนะนำผมไปด้วยผมก็รับฟังอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ชะเง้อหาพี่อ๊อฟแหละ โถ่! นึกว่าจะดีแล้วซะอีกอ่า ผมก็เดินกลับไปหาเพื่อนๆ มันก็นั่งเม้ากันอยู่....
“ไงมึง คอตกเลยนะ” ไอวิวพูดแซว
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเซ็ง
“พี่อ๊อฟโกรธมึงเหรอวะ?” ปอถามอย่างสงสัย ผมก็พยักหน้าด้วยหน้าหงอยๆ
“ไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกละมึง” ไอนัทถามนิ่งๆ
ผมก็นั่งเซ็งๆ ข้าวก็กินไปได้นิดเดียวเอง โถ่......
“นท มีคนบอกให้เอายามาให้มึงวะ” ผมหันไปมองตามเสียง พี่โอม? ผมหันมองซ้ายขวามันมาคนเดียวด้วย
“แล้วพี่อ๊อฟละ” ผมถามแล้วมองหา
“มันให้กูเอายามาให้ อะกินเลยนะ มันบอก” ผมก็รับยามากินแบบงงๆ ผมลืมเอายามานิ! เพราะเมื่อเช้ามัวแต่พูดคนเดียวและก็กลุ้มที่พี่อ๊อฟไม่พูดด้วย
“แล้วทำไมพี่อ๊อฟไม่เอามาให้เองอะ” ปอถามผมก็มองพี่โอมอย่างอยากรู้
“มันโกรธไอนทอยู่แหละมั้ง” พี่โอมพูดแล้วยิ้ม ผมซึมเลยทีเดียว “เอาน่า มันยังเป็นห่วงมึงนะ” ตบไหล่ผม “งั้นกูไปก่อนนะ” โบกไม้โบกมือแล้วก็เดินไป
“คงเรื่องใหญ่แน่ๆเลยใช่ไหม” ไอนัทถามผม
ผมก็ไม่ตอบอะไร จนพวกมันเปลี่ยนเรื่องคุยกันนั่นแหละ เราก็พากันขึ้นห้องไปเรียน เรียนไปแบบไม่รู้เรื่อง เพราะรู้ตัวเองเลยว่าเหม่อ ตลอดเวลา....
“นท พี่อ๊อฟโกรธมึงเรื่องอะไรวะ?” ปออยู่ๆหันมาถามขณะเรียนกันอยู่
“เขารู้แล้วว่ากูกับไอสิงโต…” ผมบอกมันตกใจ
“รู้ได้ยังไง แล้วยังไงวะ? เขาเลิกกับมึงเหรอ?” ไอปอถามอย่างตกใจ
“ไม่พูดอะไร พอรู้กูก็อธิบายนะ มันก็ดูเสียใจอะมึง แต่มันก็ไม่ได้บอกเลิกหรืออะไรอะ กูก็พยายามตามง้อนะ มันไม่คุยกับกูด้วยเนี่ย” ผมพูดอย่างหัวเสีย
“เอาน่า กูว่ายังไงๆ มันก็รักมึงแหละ ขนาดตอนเที่ยงมันยังให้เพื่อนมันเอายามาให้เลยนะเว้ย!” ปอพูดปลอบใจ?
แล้วมันก็พูดๆมา ผมก็พยักหน้าอย่างรับรู้? จนเลิกเรียนผมก็เก็บของอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้สิ สำนึกผิดจริงๆ ไม่รู้จะทำไง เฮ้อ......
“นท ไปส่งกูนะ!” ไอนัททำหน้าอ้อนวอน
“มึงก็เห็นอ่า ว่ากูกับพี่อ๊อฟ อื้อ!” มันเอามือมาปิดปากผม ตอนนี้ปอมินวิว มันเดินออกไปรอนอกห้องแล้ว
“อย่าเครียดดิ กูจะพามึงไปคลายเครียดนะเนี่ย เดี๋ยวไปขอไออ๊อฟให้” ผมก็มองมันงงๆ “งั้นตามนี้” แล้วมันก็ลากผมออกไปเลย “พวกมึงกูไปก่อนนะ” มันบอกพวกปอ และลากผมไปพวกมันก็มองงงๆ
มันก็พาผมไปชมรมพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็นั่งวาดรูปหน้านิ่งๆอยู่คนเดียว ใต้ต้นไม้หน้าชมรม พอมันเห็นผมกับนัท มันก็เงยมามองนิ่งๆ แล้วก้มหน้าวาดรูปต่อ....
“พี่อ๊อฟ ผมขอพานทไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยนะ” ไอนัทอยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย พี่อ๊อฟก็เงยขึ้นมามองนิ่งๆ
“ไปที่ไหน?” พี่อ๊อฟถามนิ่งมาก คือนิ่งเกิ้น
“กะ...ก็ที่ห้างน่ะพี่” ไอนัทยิ้มอ่อน ถึงกับไปไม่ถูก
“งั้นรอแปป” แล้วมันก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปในชมรม
“จะให้ไปหรือเปล่าวะ?” ไอนัทหันมาถามผมอย่างกังวล
“กูจะไปรู้เหรอ กูบอกแล้วว่ามันโกรธกูอยู่!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
ผมก็ยืนเถียงกับไอนัทอยู่นั่นแหละ จนพี่อ๊อฟเดินออกมา พร้อมกับกระเป๋า?.....
“ยังไงพี่” ไอนัทถามอย่างสงสัย
“กูจะไปด้วย” พี่อ๊อฟบอกนิ่งๆ แล้วก็เดินนำไป
“แล้วกูจะไปยังไง ซ้อนสาม?” มันหันมาถามผม
“ไอนัท พี่อ๊อฟมันยังไม่คุยกับกูเลย มึงก็ถามกูอยู่ได้ ไอห่า!” ผมพูดแล้วผมก็เดินตามพี่อ๊อฟไปอย่างหัวเสีย ไอนัทก็วิ่งตามา
มันก็ถามผมอยู่นั้นแหละ คือผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นไง เพราะพี่อ๊อฟหน้าผมมันยังไม่อยากมองเลยมั้ง โถ่! ชีวิต พอเดินไปถึงลานจอดรถ พี่อ๊อฟก็ถอยรถออกมา.....
“อะ...เอ่อ” ไอนัททำเงอะงะ ไง
“ขึ้นมาเถอะ ซ้อนสามไปเนี่ยแหละ!” พี่อ๊อฟบอกอย่างรำคาญ
ไอนัทก็ให้ผมขึ้นก่อนแล้วมันก็ขึ้นตาม พี่อ๊อฟก็ถามมันห้างไหน ไอนัทก็บอกไปพี่อ๊อฟก็ขับนรถไปเงียบๆ ผมก็เนียนไง เอามือกอดเอวพี่อ๊อฟเลย ไอนัทก็ชวนพูดนู่นพูดนี่ไป ผมก็เอามือลูบท้องพี่อ๊อฟเบาๆ มันก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด นิ่งๆให้ผมทำ ไอนัทก็พูดมากเหลือเกิน พอถึงก็พากันไปจอดรถแล้วก็เดินเข้าห้าง.....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“นัท ร้านไหนวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“สตาร์บัคเว้ย!” มันบอกผมอย่างมาด ผมมองอย่างหมั่นไส้
“จ้าๆ” ผมหมั่นไส้มันจริงเชียว
“เอาน่า” ไอนัทพูดอย่างไม่สนใจ
“มึงว่า เขาไม่ใช่พวกมาหลอกแดก หลอกให้มึงเลี้ยงใช่ไหม!” ผมถามมันอย่างกังวล เรื่องเงินไม่เท่าไหร่ กลัวไอนัทมันจะพลาดไปเจอแต่คนหวังผลประโยชน์แล้วไม่ได้รักมันนี่สิ
“เออๆน่า ที่ให้มึงมาก็จะให้มึงช่วยดูด้วยนี่ไง” มันบอกผมอย่างกังวล ดูมันจะประหม่ามากนะ
“จะเข้าไปพร้อมกันหมดเลยเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“อืม เขาก็เอาเพื่อนมาด้วย” มันบอกอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกเราก็เดินไปร้าน.. พอเข้าไป พวกนั้นผมจำได้เพราะผมไปขอเบอร์ให้ไอนัท ไอนัทก็เขินอายเหลือเกิน จนผมได้ลากมันเดินไป มันบิดจนตัวจะเป็นเกลียวแล้ว ก็นั่งกัน 5 คนมีพี่ชายเขาคนนึง เราก็ทักทายกันนิดหน่อย พี่อ๊อฟก็ยิ้มอ่อน มันก็นิ่งและเงียบเหลือเกิน เฮ้อ....
“อ้อ! นี่นท และก็พี่อ๊อฟ เพื่อนและพี่ผมครับ นทพี่อ๊อฟ นี่พี่ฮอน พี่ฮัน” พูดอย่างเก้ๆกัง ผมก็ยิ้มทักทายนิดหน่อย
“เอ๊ะ น้องหน้าคุ้นๆนะ” พี่ฮอน เป็นผู้หญิงที่ไอนัทชอบ มองผมแล้วยิ้ม
“ก็ผมเป็นคนไปขอเบอร์พี่ให้นัทอะครับ แหะๆ” ผมเกาหัวแก้เขิน
“ฮ่าๆ นึกว่าจะจำกันไม่ได้สะแล้ว” พี่ฮอนยิ้ม ดูเป็นกันเองเนอะ
“สั่งอะไรไหม?” พี่ฮันหันมาถามนิ่งๆ
“เดี๋ยวผมไปสั่งนะครับ นัทปะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้มแล้วก็กระตุกแขนนัทให้ลุกขึ้น
ผมก็ลุกขึ้นไปสั่งชาเขียวให้พี่อ๊อฟแล้วก็ช๊อกโกแลตให้ผมไอนัทก็สั่งของมันไป พอได้ก็กลับไปนั่งที่โต๊ะ ยื่นชาเขียวให้พี่อ๊อฟ มันก็รับไปนิ่งๆ แถมอมยิ้มด้วยนะ ทำเป็นมาดเข้มอยู่ได้ แล้วเราก็นั่งคุยกันไป ดูเหมือนว่าไอนัทจะชอบพี่ฮอนจริงๆ ดูมันจะเขินอายเป็นอย่างมาก พี่ฮอนแกก็ดูชอบแซวเหลือเกิน พี่ฮันนี่อยู่กับน้องสาวอย่างพี่ฮอนตลอดเวลาเลยเหรอ? เจอทีไรก็เห็นอยู่ด้วยกัน ช่างเถอะ เราก็คุยกันไป พวกพี่เขาก็คุยกันสนุกดี พี่อ๊อฟก็นั่งนิ่งๆ พอจะแยกย้ายก็ร่ำรากันสะนานเลย ไอนัทมีการขอคุยกับพี่ฮอนส่วนตัวด้วยนะ มันร้ายมากเอาจริง ผมก็ยืนยิ้ม.....
“นัทมันดูจะขี้อายเนอะ” พี่ฮันพูดขึ้นมา
“ไม่หรอกครับ มันคงเขินพี่ฮอนแหละ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
ผมก็ยืนคุยกันไป จนมันคุยกับพี่ฮอนเสร็จก็เดินกลับมา เราก็แยกย้ายกัน ไอนัทยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว......
“มึงไปคุยอะไรกับพี่เขา” ผมถามอย่างสงสัย
“กูชวนพี่เขาเที่ยว2ต่อสองว่ะ” ดูท่ามันนะ บิดไปบิดมา โว๊ะ! ไม่ไหวแล้วมั้ง
“เป็นเอามากนะ แล้วนี่ยังไง คือจริงจัง?” ผมถามมันนิ่งๆ มันก็พยักหน้าอย่างเขินอาย “กูว่าคนนี้น่ารักเลยนะ เขาก็ดูชอบพูดชอบแซวดี ดูจริงจังด้วย” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เหรอวะ....” มันพูดอย่างอารมณ์ดี
ผมก็แซวมันไป เราก็เดินไปที่จอดรถกัน นี่ก็เย็นมากแล้ว ตอนแรกไอนัทจะแยกไปขึ้นรถ แต่พี่อ๊อฟอาสาไปส่ง ก็ไปส่งมันที่บ้านกัน ระหว่างทางก็คุยกันไปผมก็เหมือนเดิม กอดเอวพี่อ๊อฟ พอถึงบ้านไอนัทผมก็ลงไปทักทายพ่อแม่พี่มันสักหน่อย ไม่ได้เจอกันนาน พอทักทายอะไรเสร็จ ผมก็กลับ ระหว่างทางกลับผมก็ชวนพี่อ๊อฟคุยเยอะแยะ แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีสัญญานตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก? มันก็ขับไปพอถึงมันก็จอดหน้าบ้านผม....
“อยากนอนกับพี่อ๊อฟอีก” ผมกอดมันแน่นไม่ยอมลงรถ
พี่อ๊อฟมันก็แกะมือผมออก แล้วก็ดันผมลงรถ ผมก็หน้ามุ่ยลงรถสิ มันนี่ไม่มองหน้าผมเลย พอผมลงแล้วมันก็บิดรถไปเลย โว๊ะ! ใจแข็งจังวะ! ผมก็เดินเข้าบ้านในสภาพเซ็งๆ พี่โน้ตกลับมาแล้วผมก็ทักทายแม่กับพี่โน้ตคุยกันนิดหน่อยผมก็ขึ้นบ้านไปทำการบ้าน พอถึงเวลาลงไปกินข้าว แม่ก็จัดยามารอไว้ให้ผม ผมจำได้ว่าถุงยาอยู่ที่พี่อ๊อฟ พอถามแม่ แม่ก็บอกว่าพี่อ๊อฟเอามาให้ ทำอะไรเสร็จจนเวลาเข้านอน พี่โน้ตก็ให้ไปนอนด้วย ก็นอนคุยกันไปจนหลับแหละ
พอมาอีกวัน พี่อ๊อฟก็มารับผมที่บ้าน ผมก็ไปกับมัน แต่วันนี้ผมเบื่อจะพูดคนเดียวแล้ว พูดไปมันก็ไม่ตอบ ไม่รู้จะพูดให้ได้อะไร ผมก็เอาหน้าซบหลังมันจนถึงโรงเรียนนั้นแหละ มันก็เดินตามผมมาที่โต๊ะที่เพื่อนๆผมนั่ง แล้วมันก็เดินเลยไป ผมก็มองมันอย่างเศร้าๆ มันจะนานแค่ไหนนะที่เป็นแบบนี้ โถ่! ผมไม่ชอบเลย..........
“ไงมึง ยังไม่ดีกันอีกเหรอ?” ปอถามอย่างสงสัย ผมก็ทำหน้างอแล้วก็นั่งข้างมัน
“เอาน่ามึง ว่าแต่งอลกันเรื่องอะไรวะ?” ไอมินถามอย่างอยากรู้ ก็มีปอคนเดียวที่รู้ ว่าพี่อ๊อฟโกรธผมเรื่องอะไร
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
พวกมันก็ทั้งรัวคำถาม ทั้งบังคับให้ผมบอก ผมก็มองหน้าพวกมันนิ่งๆไม่ตอบอะไร ปอก็ช่วยตอบบ้าง ผมจะทำยังไงดี จะทำยังไงให้พี่อ๊อฟหายโกรธผม ผมรู้ว่าที่ทำมันผิด ผิดมาก แต่จะให้ทำยังไงละ เลิกคบกับไอสิงโตแม้แต่เพื่อนก็ไม่ได้เป็นอะนะ?  แล้วพี่อ๊อฟจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม? หรือว่าเขาเบื่อ รำคาญผมแล้ว? หรือที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะรอผมบอกเลิก? หรือเปล่า? ผมก็คิดไปต่างๆนาๆ ยอมรับว่าเครียดมากกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพี่อ๊อฟก็เหมือนสร้างระยะห่างระหว่างผมกับมัน เครียด!...
จนขึ้นเรียนก็เรียนไป เรียนไม่รู้เรื่องเลยเอาจริง แต่ก็อย่างว่าอะเนอะ ความผิดบางอย่างแค่คำขอโทษก็ไม่ได้หรอก เรียนกันไปจนพักเที่ยงผมก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร วันนี้ผมแยกกับเพื่อนๆซื้อข้าวไปนั่งกินกับพี่อ๊อฟ พวกมันก็เข้าใจกันดี ผมก็แยกตัวเดินไปหาพี่อ๊อฟพอไปถึงก็เหมือนเดิม พี่อ๊อฟก็นั่งกับเพื่อนๆมัน ผมก็ทักทายเพื่อนๆมัน แล้วก็ขอนั่งด้วยคน..
พี่กรที่นั่งข้างพี่อ๊อฟก็เขยิบให้ผมเข้าไปนั่งแทรก ระหว่างกินก็ได้มีการพูดคุยกันมากมาย ผมก็หันไปมองทางพี่อ๊อฟบ่อยๆมันก็ไม่ได้สนใจอะไรผมเลย เอาแต่นั่งเงียบ ก้มหน้ากินข้าว ผมเห็นแล้วน้อยใจจัง แต่ทำยังไงได้ ผมเป็นคนผิด พวกพี่โอมก็ชวนผมพูดเยอะแยะไปหมด พี่อ๊อฟก็เงียบเกิน จนกินกันเสร็จ วันนี้พี่อ๊อฟนั่งรอ มันไม่ลุกไปก่อนเหมือนเมื่อวาน......
“กินยาด้วย” มันพูดนิ่งๆ
ผมก็หันไปยิ้มให้มันอย่างดีใจแล้วก็หยิบยาขึ้นมากิน แม่เตรียมยัดใส่กระเป๋ากันผมลืม พอผมกินเสร็จมันก็ลุกเอาจานไปเก็บเลย รวมถึงจานของผมด้วยที่มันถือไป พวกพี่โอมก็มองผมแล้วยิ้มอ่อนและก็เดินตามพี่อ๊อฟไป ผมก็นั่งหงอยเลย โถ่! อยากร้องไห้จัง ผมก็นั่งซึมอยู่นั่นแหละ จนพวกปอมาตามผม.............
“หนักเลยเหรอวะมึง?” ปอถามผมก็พยักหน้า
“เอาน่า เดี๋ยวก็ดีเองแหละ” ไอนัทตบไหล่ผม
“เอออย่าคิดมากมึง” ไอวิวพูดด้วยรอยยิ้ม
และก็สาระพัดคำปลอบ ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้เข้าหูผมเลย รู้สึกอึน พวกมันก็ปลอบผมจนพากันขึ้นห้องไปเรียนคาบบ่ายกันนั่นแหละ ผมก็คิดเรื่องพี่อ๊อฟตลอดเวลา ถึงมันจะดูเป็นห่วงผม แต่มันก็ทำตัวห่างเหินกับผม พอเลิกเรียนผมกับเพื่อนๆก็แยกย้ายกัน ตอนแรกพวกมันจะไปส่งผมหาพี่อ๊อฟ แต่ผมบอกไม่ต้องหรอก ไม่ได้มีอะไร ทำไมต้องไปส่ง ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟ คราวนี้เดินทางหน้าตึกนะ ไปทางข้างหลังเดี๋ยวเจอแจ๊คพอตอีก พอไปถึงหน้าชมรมก็เห็นพี่อ๊อฟนั่งวาดรูปนิ่งๆ ผมก็ไปนั่งข้างๆมัน ไม่ติดมาก ยังรักษาระยะห่างนิดนึง กลัวว่ามันจะรำคาญ มันก็ไม่ได้เงยหน้ามามองผมแต่อย่างใด ผมก็นั่งมองมันแบบหงอยๆเลยเอาจริง..........
“อีกแปปนึง” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นแต่ไม่ได้เงยหน้ามามองผม ผมก็พยักหน้ารับรู้
“พี่อ๊อฟ” เรียกมันอย่างแผ่วเบา มันก็หยุดมือแล้วหันมามองผม “ผม.....รักพี่นะ” ผมบอกอย่างจริงจัง
“.........” มันเงียบ มองผมนิ่งๆ
แล้วมันก็ก้มทำงานต่อ ผมอึดอัด แต่ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ซึมและก็หงอย สักพักมันก็เดินเข้าไปในชมรม กลับออกมาพร้อมกระเป๋า มองผมนิดหน่อยแล้วก็เดินไป ผมก็เดินตามมันไป จนถึงลานจอดรถมันก็ไปถอยรถมา ผมก็ขึ้น และก็เอาหน้าซบหลังมันเหมือนเดิม และก็ได้แต่พูดคำว่าขอโทษเบาๆ ซึ่งไม่รู้ว่าคำขอโทษนั้นมันยังจะมีค่าอยู่ไหม...
พอถึงบ้านพี่อ๊อฟก็จอดแล้วก็นิ่ง ผมก็ต้องผละออกมาแล้วลงรถ กำลังจะบอกลามันมันก็บิดรถไปเลย ผมก็ยืนค้างอยู่อยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วก็เดินกลับเข้าบ้านด้วยสภาพที่เหมือนลืมวิญญาณไว้ที่โรงเรียน พอเข้าบ้านก็ทักทายแม่ พี่โน้ตกับป๊ายังไม่กลับ แล้วก็ขึ้นไปทำการบ้าน ทำอะไรเสร็จผมก็ล้มตัวนอนบนเตียง คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง โทรศัพท์ของผมมันก็มีข้อความ และคนโทรเข้าตลอดเวลา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเลย เพราะผมไปโรงเรียนผมก็เอาใส่กระเป๋านักเรียนไว้นั้นแหละ ยังไม่อยากที่จะติดต่อหรือพูดคุยกับคนอื่นนอกจากพี่อ๊อฟ นอนนิ่งๆ นอนคิดมันไปอย่างนั้น คำว่ารักที่ผมบอกมันวันนี้ มันยังมีความหมายอยู่ไหม? ทำไมมันได้ยินแล้วก็แค่มองนิ่งๆละ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? คิดแล้วก็ร้อนผ่าวที่ขอบตา พี่อ๊อฟทำให้ผมกลัว กลัวจะเสียมันไป ยังไม่อยากคิดถึงตรงนั้นเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าอยู่แล้วมันทรมาณ ผมอาจจะเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง เพราะยังไง ผมก็เลวโดยสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว....
ตอนนี้น้ำตาผมก็ไหลลงมา พร้อมกับความรู้สึกสำนึกผิดมากมาย 2 วันแล้วที่ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มของพี่อ๊อฟ คิดแล้วก็ปวดใจ ผมก็หลับไปทั้งอย่างนั้งแหละ ตื่นมาอีกทีพี่โน้ตก็มาปลุกให้ไปกินข้าว ผมก็ลงไปกิน เราก็ได้พูดคุยกันมากมาย เฮียบอมย้ายมาอยู่คอนโดในเมืองแล้ว? และเฮียบูมน้องของเฮียบอมกำลังจะกลับมาจากไอซ์แลนด์ เฮียบูมนิสัยดีกว่าเฮียบอมเยอะ น่ารักเลยละ แต่นั้นก็ไม่สำคัญนี่ แค่จะไปกินเลี้ยงกับพวกบ้านของเฮียนั่นแหละ จนป๊าได้พูดวนมาเรื่องเรียนผมทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ใบขออนุญาตผู้ปกครองไปเข้าค่าย!3วัน2คืน นึกขึ้นได้ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นห้อง ทุกคนก็ดูงงๆกัน ผมก็ลงมาพร้อมใบนั่น ป๊าก็พูดใหญ่เลยว่ามันคงต้องสนุกแน่? แล้วก็พูดกันไปในเรื่องเข้าค่ายเยอะแยะไปหมด แล้วป๊าก็เซ็นต์ให้ กินข้าวทำอะไรเสร็จ ผมก็ขึ้นห้อง วันนี้พี่โน้ตให้ไปนอนด้วย ผมเดินเข้าห้องมาอาบน้ำจัดกระเป๋าสำหรับเรียนในวันพรุ่งนี้ ทำอะไรเสร็จก็เดินไปห้องพี่โน้ต เพื่อไปนอน? จริงๆก็นอนคุยกันไปจนหลับแบบเช่นทุกครั้ง....
อีกวันนึงพี่อ๊อฟก็มารับผมปกติ แล้วก็พากันไปโรงเรียน ผมก็เอาหัวซบหลังพี่อ๊อฟเหมือนเดิม พอถึงโรงเรียนก็เอารถเข้าไปจอดตามแบบทุกวัน.....
“พี่อ๊อฟ ผมจะไปเข้าค่ายอาทิตย์หน้า....” มันมองผมนิ่งๆ
ผมถึงกับพูดไม่ออกเลย ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า ผมก็เดินหันหลังแล้วก็เดินตรงไปหาเพื่อนๆ พี่อ๊อฟมันก็เดินตามมา พอถึงมันก็เดินเลยไป ผมจะทนได้นานแค่ไหนไม่รู้ มันอึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้..….
“โอเคหรือเปล่ามึง” ปอพูดแล้วดึงผมให้นั่งลง ผมก็นั่ง
“มึงว่า.....พี่อ๊อฟเขา อยากเลิกกับกูหรือเปล่าวะ” ผมถามเบาๆ
“ทำไมมึงคิดงั้นวะ เท่าที่ดูเขาก็ยังดูเป็นห่วงดูใส่ใจมึงนี่ ช่วงหลังเดินมาส่งเลยนะ” ไอวิวพูดแล้วทำหน้าคิด
“นั่นสิ เขาอาจจะโกรธอยู่ ง้อๆ!ไปเถอะน่า อย่าเพิ่งท้อสิ!” ไอนัทพูดอย่างจริงจัง
“นท ติดต่อไอสิงโตบ้างนะ มันเริ่มบ่นหามึงแล้ว” ไอมินบอกเสียงนิ่งๆ นั่นทำให้ผมคิดมากไปยิ่งกว่าเดิมอีก
แล้วพวกมันก็พูดกันไป ถามผมบ้าง โดยพวกไอนัทมินวิว มันยังไม่รู้ไงว่าพี่อ๊อฟโกรธผมเรื่องอะไร ปอก็บอกแค่ว่าโกรธกัน แล้วก็ช่วยผมแถไป ผมเครียดเรื่องพี่อ๊อฟ ทำไมพี่อ๊อฟทำกับผมแบบนี้ ผมสำนึกผิดจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้วนะเนี่ย....
จนได้เวลาไปเข้าแถวเราก็ไปเข้ากันเสร็จก็ขึ้นเรียน พอพักเที่ยงผมก็เหมือนเดิม แยกกับเพื่อนๆไปหาพี่อ๊อฟ วันนี้มันไม่อยู่ พี่โอมบอกว่ามันไปนั่งกินที่ชมรม ใจผมวูบไปนิด หรือมันรำคาญผมที่มานั่งกินข้าวกับมันนะ รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาทันที ผมก็พยายามเก็บอาการ แล้วบอกพวกพี่โอมว่าจะไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม แล้วผมก็เดินไปหามันพร้อมจานข้าวกับน้ำไปที่ชมรม ก็เจอมันนั่งกินอยู่คนเดียวจริงๆ มันเห็นผมมันก็มองนิดหน่อย แล้วก็นั่งกินปกติ ผมก็เดินไปนั่งข้างมัน...........
“ผมขอโทษพี่อ๊อฟ” ผมกอดเอวมันแล้วเอาหน้าซบไหล่ “ผมขอโทษ ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ผมยอมแล้ว” น้ำตาเริ่มไหล “ผมยอมทุกอย่างเลยนะ” ข่มเสียงไม่ให้สั่น “ผมเสียใจ...ผมผิดไปแล้วพี่อ๊อฟ” ผมจับเสื้อมันแน่น
ตอนนี้คนในชมรมไม่น่ามีใครอยู่เพราะเงียบมาก พี่อ๊อฟมันก็ดันผมออกเบาๆ แล้วก็เอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผม...........
“ผมขอโทษ ขอโทษ” ผมจับมือมัน แล้วเอามืออีกข้างเช็ดน้ำตาลวกๆ
“เอายามาหรือเปล่า” มันถามเสียงอ่อน
“เอามา” ผมล้วงให้มันดู
“กินข้าวสิ จะได้กินยา” มันบอกผมนิ่งๆ แล้วมันก็ก้มกินข้าวต่อ
“รำคาญผมใช่ไหม พี่บอกตรงๆเลยพี่อ๊อฟ ผมผิดผมเลวเอง ที่พี่ทำแบบนี้อยากจะเลิกแต่พี่จะให้ผมทนไม่ไหวแล้วพูดใช่ไหม” ผมฟูมฟายหนักมาก พี่อ๊อฟก็มองนิ่งๆ “ผมไม่ยอมพูดหรอกนะ ละ และไม่ว่ายังไง ผมก็จะทำให้พี่อ๊อฟหายโกรธให้ได้” พูดเสียงสั่นแล้วก็ลุกขึ้น
ผมหยิบจานกับน้ำแล้วเดินกลับไปทางเดิม มันก็มองนิ่งๆ ผมไม่รู้ว่าพี่อ๊อฟโกรธมากขนาดไหน ตอนนี้ผมเสียใจ เสียใจมาก ผมขอกลับไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน ร้อนผ่าวที่ขอบตาไปหมด ผมเอาจานไปเก็บที่โรงอาหาร แล้วก็วิ่งไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ แต่ก็ยังไม่โอเค เพราะรู้สึกน้ำตามันไม่หยุดไหลก็เลยเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำนั้นแหละ(แลดูนางเอก) ไม่รู้สิ มันเสียใจ ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมารู้สึกแบบนี้ แต่พอมาเจอกับตัวเองมัน รู้สึกผิดจน....จนทำอะไรไม่ไหว ผมทำคนที่รักผมเสียใจ ผมไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขยังไง พี่อ๊อฟก็ไม่ยอมพูดกับผม และอีกไม่กี่วันผมก็ต้องไปเข้าค่าย มันจะไม่ถามไม่พูดอะไรเลยเหรอ ทุกการกระทำที่พี่อ๊อฟทำกับผมช่วงนี้มันทำให้ผมอ่อนไหว มันทำให้ผมรู้สึกทุกอย่างเลย ผมก็นั่งคิดไปทั่ว จนสงบสติอารมณ์ได้ก็ออกไปล้างหน้า แต่ประกฎว่าตาบวมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฮ้อ! ผมก็พยายามปรับสีหน้าให้ดีที่สุด แล้วก็เดินออกห้องน้ำ และก็เห็น พี่กร? เดินมาพอดีมันก็เข้ามาทัก.........
“ตาเป็นอะไรวะ” พี่กรถามอย่างเป็นห่วง
“ปะ เปล่า” ผมก้มหน้า กำลังจะเดินหนีพี่กรก็จับไว้
“มึงร้องไห้เหรอนท?” พี่กรถามอย่างเป็นห่วง ปนสงสัย
“บ้าน่า ใครจะร้อง แค่แมลงมันเข้าตาแล้วก็ขยี้ ตอนนี้หายดีแล้ว” ผมพูดแล้วพยายามแกะมือ
“ไหนดูหน่อย” พี่กร ก็พยายามจะจับหน้าผม
“ปล่อยเถอะน่าจะรีบไปเรียน!” ผมพูดติดรำคาญไปนิด มันก็ปล่อย
ผมก็วิ่งไปขึ้นตึกเรียน พอเพื่อนๆเห็นก็ถามผมอีก ก็ได้แถอีก ผมเบื่อจะตอบคำถามแต่ก็ต้องตอบไปแหละ และดีที่ครูเข้าสอนก่อนจะได้ไม่ต้องตอบคำถามมากมาย ผมก็เรียนไป บอกตรงๆเฮิร์ทมากเอาจริง พี่อ๊อฟใจร้ายเกินไป สู้ตบตีด่าผมแรงๆ ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่ทำกับผมเกินไป มันเหมือนใจจะขาด เฮ้อ! จนเลิกเรียนผมก็ไปหามันเพื่อนๆก็แยกย้าย วันนี้มันนั่งอยู่กับเพื่อนๆในชมรมมัน ผมก็นั่งรอห่างๆ เพื่อนๆมันก็ทักทายผมบ้างตามประสา จนสักพักมันก็พากันเข้าไปในห้องชมรม พี่อ๊อฟก็ออกมาพร้อมกระเป๋า มองผมนิดหน่อยแล้วเดินไปเหมือนเดิม ผมก็เดินตามมันไป พอถึงลานจอดรถก็ขึ้น ผมก็เอาหน้าซบหลังแล้วก็กอดมันเหมือนเดิม ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร พี่อ๊อฟทำแบบนี้เหมือนทิ้งผมทางอ้อมยังไงไม่รู้ พอถึงบ้านมันก็จอดรถนิ่งๆ ไม่ได้ดันหรือผลักไสให้ลงแต่อย่างใด ผมก็คงต้องรู้ตัวเองสินะ ว่าต้องลง พอลงมันก็บิดรถไป ไม่มองผมแต่อย่างใด ทำไมนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ คิดแล้วก็ร้อนผ่าวที่ขอบตาอีกแล้ว ผมก็รีบเข้าบ้านทักทายแม่นิดหน่อยแล้วก็วิ่งขึ้นบ้าน ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ แล้วก็มองรูปที่พี่อ๊อฟเคยวาดให้ผม มันรู้สึกหลากหลาย เสียใจ เสียใจจนไม่รู้จะทำยังไง มองภาพนั้นน้ำตาก็ไหล กลัว กลัวว่าพี่อ๊อฟจะทิ้งผมไป
แกร๊ก! ผมก็รีบฟุบหน้าลงโต้ะทันที ขืนคนในบ้านเห็นผมร้องไห้ เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่อีก
พรึ่บ! มีคนดึงผมให้เอาหน้าขึ้นมาจากโต้ะผมตกใจ พี่อ๊อฟ! มันดึงผมให้ลุกขึ้น มันดูชะงักไปนิดที่เห็นหน้าผม แต่ ผมสวมกอดมันทันที......
“พี่อ๊อฟ! อึก!” ผมพูดเสียงสั่นปนสะอื้น
มันไม่พูดอะไร มันดันผมออกแล้วก็จูงมือผมไปนั่งที่เตียง แล้วก็หยิบ ผ้ามาเช็ดหน้าให้ผม ผมก็มองมันอย่างดีใจ พอเช็ดหน้าให้เสร็จมันก็เอาถุงเจลเย็นมาประคบตรงบริเวรตาให้ผม ผมยิ้ม แล้วก็เริ่มหยุดร้องไห้........
“วันนี้.....ไม่มีใครอยู่บ้าน ขอนอนด้วยแล้วกัน” มันพูดนิ่งๆ ผมก็พยักหน้าตอบรับ “ปวดตาไหม” มันถามอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหน้าเป็นการตอบรับ “แล้วปวดหัวไหม”
“ไม่เลย ผมขอโทษ” ผมโน้มตัวเข้าไปกอดมัน ถุงเจลก็อยู่ที่มือมันนั่นแหละ
พี่อ๊อฟมันก็ไม่พูดอะไร ปล่อยผมกอดมัน สักพักมันก็ดันผมออกแล้วก็กดผมนอนลงกับเตียง แล้วเอาถุงเจลมาวางไว้ตรงตาผม.....
“ประคบไว้ก่อน เดี๋ยวตาบวม” มันพูดนิ่งๆ ผมก็นอน ยิ้มอ่อนนิดหน่อย
แล้วมันก็ลุกไป ผมถึงกับรน กลัวมันจะหนีกลับพอจะเอามือเปิดถุงเจลออก....
“อย่าได้เอาออกนะ!” มันบอกเสียงดุ ผมถึงกับนอนิ่งเลย “.....จะเก็บของแปปนึง” พูดนิ่งๆ แล้วผมก็ได้ยินเสียงมันเดินไป
ผมก็นอนนิ่งๆ แล้วเมื่อไหร่จะเปิดไอถุงบ้านี่ละ เย็นเกิน เย็นจนชา แต่ก็ต้องทนแหละ เดี๋ยวคุณชายของผมจะโกรธอีก สักพักมันก็เดินมานั่งข้างๆผม......
“โอเคหรือยัง?” มันถามอย่างสงสัย
“เลยคำว่าโอเคมาเยอะแล้วอ่า” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนัก
แล้วมันก็เอาเจลออกให้ ผมก็ค่อยๆลืมตา มันเย็นไปหมด แต่ก็สบายดีนะ ผมก็เห็นพี่อ๊อฟมองผมนิ่งๆ คือผมก็ยิ้มให้มัน......
“ผมดีใจจัง” ผมโผเข้ากอดพี่อ๊อฟ มันก็นั่งนิ่ง
พี่อ๊อฟมันก็นิ่งอย่างนั้นแหละ สักพักมันก็ดันผมออกแล้วก็ลุกขึ้นไปนั่งทำอะไรสักอย่าง ที่โต้ะเขียนหนังสือผม พอผมเดินไปดูมันก็นั่งทำการบ้าน คือเอาอีกแล้วอ่า หลอกให้ผมดีใจแล้วก็เป็นเหมือนเดิม ผมก็นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงเตียงนั้นแหละ มันก็ไม่ได้หันมาสนใจผมแต่อย่างใด ผมก็นอนมองแผ่นหลังมัน ดูมันก้มๆเงยๆอยู่ตรงนั้น ความจริงถ้าเป็นคนอื่นผมจะไม่สนใจเลย แต่นี่เป็นพี่อ๊อฟ ผมมองได้แบบไม่เบื่อเลย มันเหมือนว่าพี่อ๊อฟก็ยังอยู่กับผม ไม่ว่าจะยัง ผมก็เชื่อมั่นได้แค่นี้ จริงๆก็ปลอบใจตัวเองแหละ ไม่งั้นมันจะห่อเหี่ยวเกินไป....
จนพี่อ๊อฟทำอะไรเสร็จมันก็หันมามองผมนิ่งๆ ผมก็ยิ้มให้มัน มันเดินไปเข้าห้องน้ำเลย เกินไปจริงๆ จะโกรธไปถึงไหนเนี่ย  ผมจะบ้าเพราะพี่อ๊อฟอยู่แล้วนะ แล้วแม่ก็มาตามลงไปกินข้าว ผมก็รอพี่อ๊อฟออกมา แต่พอมันออกมาคือเดินลงไปเลยไง ไม่ได้รอผมแต่อย่างใด เราก็ไปนั่งกินข้าว ระหว่างกินก็มีการพูดคุย พี่อ๊อฟก็ดูปกติทุกอย่าง แต่พยายามเลี่ยงการที่จะคุยกับผม ก็ทำไปเถอะ เอาให้ผมขาดใจตายไปเลยพี่อ๊อฟ!..........
“ไออ๊อฟมาแบบนี้ พี่ก็ได้นอนคนเดียวอีกแล้วดิ” พี่โน้ตพูดอย่างนอยๆ
“ก็นอนอัดกันสามคนไปเลยสิ!” ป๊าพูดติดตลก
“ป๊า!” ผมทำหน้ามุ่ย
“นทแล้วอาทิตย์หน้าไปเข้าค่ายเตรียมอะไรบ้างละ?” แม่ถามอย่างสงสัย
“นทเอาใบให้ป๊าไปแล้ว ป๊าบอกจะเอาให้แม่ป๊ายังไม่ให้เหรอ” ผมพูดแล้วมองป๊า
“อยู่หน้าตู้เย็น หนีบไว้แล้ววว” ป๊าลากเสียงยาว
“แม่เตรียมให้นทครบๆนะนทไม่อยากขาดอะไรเลยอ่า” ผมบอกอย่างอ้อนๆ เพราะถ้าขาดของอะไรที่เตรียมไปเข้าค่ายทุกคนคงรู้นะ ว่ามันลำบากเพียงใด55 ปีที่แล้วลืมเยอะเลย ดีนะที่มันเป็นค่ายในตัวเมืองยังพอแอบออกมาซื้อได้ แต่ปีนี้ในป่าในเขา ไม่ได้เตรียมไปคือไม่ได้ใช้
“พูดเว่อร์ไปนท แล้วอ๊อฟไม่ได้ไปด้วยเหรอ?” แม่หันไปถามพี่อ๊อฟ
“พี่อ๊อฟจะไปทำไมแม่ นี่เข้าค่ายม.4นะ” ผมบอกอย่างไม่จริงจัง
“ใช่ครับมันเป็นเข้าค่ายม.4” พี่อ๊อฟยิ้ม
แล้วเราก็คุยกันไป จนกินอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง พี่อ๊อฟมันก็ไปนั่งทำอะไรไม่รู้ของมันที่โต้ะ ผมก็เลยเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำก่อน พอเสร็จก็ออกมาพี่อ๊อฟก็เข้าไปต่อ มันก็ยังไม่พูดกับผมอยู่ดี ผมก็ไปนอนรอมันบนเตียง สักพักมันก็ออกมาแต่งตัวทำอะไรไป แล้วก็ปิดไฟขึ้นมานอนข้างๆผม แต่คือ นอนห่างไปนะเนี่ย! ผมก็เขยิบเข้าไปนอนใกล้ๆมัน.........

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“จะไม่คุยกับผมเลยเหรอ” ผมพูดเสียงเศร้า แล้วตะแคงตัวกอดมัน
“......” (เงียบ)
“ขอโทษๆ จะให้ผมทำยังไงอ่า” ผมเสียงหงอยๆ
“........” เงียบ ผมเงยหน้ามอง มันก็นอนมองผมนิ่งๆ
ผมก็เลยนอนเอาหน้าฟุบลงตรงแขนมันนั่นแหละจนหลับไป พออีกวันนึงผมก็ตื่นอาบน้ำเตรียมไปโรงเรียนปกติ....
“เอาโทรศัพท์มา” พอผมออกมาจากห้องน้ำมันก็พูด ผมที่กำลังใส่ถุงเท้าเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
ผมก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างเตียงไปให้มัน....
“เอาไปทำไมอ่า” ผมถามอย่างสงสัย
“........” มันเงียบแล้วมองผมนิ่งๆ มันเก็บโทรศัพท์ผมเข้ากระเป๋ากางเกงมัน
“จะยึดโทรศัพท์ผมเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
มันไม่ตอบอะไรผมก็เอาแต่ยิ้ม จริงๆก็ไม่ควรยิ้ม แต่ยังไงผมก็ไม่ใช่คนติดโทรศัพท์อะไรอยู่แล้ว อีกอย่างมันก็จะได้รู้ว่าผมจริงใจพอ มันก็ไปแต่งตัวผมก็มองมัน จนทำอะไรเสร็จก็พากันลงไปกินข้าวและก็พาผมไปโรงเรียน ระหว่างทางผมก็พูดบ้างไม่ให้มันเงียบเกินไป พอถึงก็เหมือนเดิม พี่อ๊อฟก็เดินตามไปส่งผมหาเพื่อนๆ พอถึงโต้ะเพื่อนผมมันก็เดินเลยไป.......
“ไงมึง ยิ้มบานเลยนะ” ปอพูดแซว
“เรื่องของกูน่า” ผมนั่งลงข้างมัน
เราก็พูดคุยกันไป จนได้เวลาขึ้นห้องเรียนก็เรียนกันไป จนพักเที่ยงผมก็แยกตัวไปกินข้าวกับพี่อ๊อฟเหมือนเดิม ช่วงนี้ต้องอยู่กับมันบ่อยๆ ทำคะแนนมันจะได้หายโกรธไวไว วันนี้พี่อ๊อฟก็ไปนั่งกินที่ชมรมอีกแล้ว ทำไมมันต้องแยกไปนั่งคนเดียวด้วยก็ไม่รู้ผมก็ถือจานข้าวและน้ำเดินไปหามัน มันมองมาทางผมนิดหน่อยแล้วมันก็กินข้าวต่อ ผมก็ไปนั่งข้างมัน
“พี่อ๊อฟทำไมชอบมานั่งกินตรงนี้อ่า” ผมหันไปถามมัน มันก็หันมามองผม แล้วก็หันกลับไปกินข้าวเหมือนเดิม
แต่ด้วยความหน้าด้านของผม ผมก็ถามมันไปทั่ว ถึงมันจะไม่ตอบไม่พูดกับผมก็เถอะ ผมก็ถามมันไปและก็พูดอะไรให้มันฟังไปทั่ว สรุปคือพูดคนเดียว มันก็มีมองบ้าง จนกินเสร็จ พี่อ๊อฟมันก็หยิบจานกับแก้วน้ำทั้งของผมและของมัน แล้วลุกขึ้นและเดินเอาไปเก็บ ผมก็เดินตามมันไป พอเก็บอะไรเสร็จ มันก็หันมามองผมนิ่งๆ ประมานว่า ไล่ผมทางสายตา ผมก็เลยเดินคอตกกลับห้องเลยทีเดียว พอไปถึงห้องเพื่อนๆที่กำลังคุยกันอยู่เห็นผม พวกมันคงรู้แหละว่าอาการผมแบบนี้คือยังไม่มีอะไรดีขึ้น มันก็พูดคุยกันไป จนมาสะดุดเรื่องไปเข้าค่ายเนี่ยแหละ.............
“มึงเข้าค่ายอาทิตย์หน้ากูได้ข่าวว่าจะมีโรงเรียนอื่นด้วยนิ!” ไอวิวพูดอย่างตื่นเต้น
“เออ กูก็ได้ยินพวกครูเขาคุยกัน กูไม่ชอบเลยวะ” ไอมินพูดอย่างไม่ชอบใจ
“เออ เหมือน ม.1 ไง กูจำได้เลยอะโครตอึดอัด กูแม่งไม่รู้จักใครเลย” ไอนัทพูดแบบไม่พอใจ
“กูว่าก็สนุกดีนะมึง เขาคงอยากให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ละมั้ง” ปอคิดในแง่ดีเสมอ
ผมก็นั่งฟังพวกมันรำพันกันไป จริงๆก็อย่างที่ไอนัทบอก อึดอัด การเข้าค่ายรวมกับโรงเรียนอื่นมันอึดอัด แค่ชั้นม.4ของโรงเรียนผมยังรู้จักกันไม่ครบเลย นับอะไรไปรวมกับโรงเรียนอื่นละ ได้ยินแบบนี้แล้วก็เซ็ง แต่ทำยังไงได้ไม่ไปก็ติด 0 ไง ก็ต้องจำยอมไป ผมก็นั่งเงียบๆฟังพวกมันถกเถียงกันไป จนครูเข้าสอนอะเราก็เรียนกัน พอเลิกเรียนก็แยกกับเพื่อนๆไปหาพี่อ๊อฟ รายนั้นก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรมากนั่งเก๊กวาดรูปไป พอผมเดินไปหามันก็มองนิดหน่อยแล้วก็ก้มหน้าวาดรูปต่อ ผมก็นั่งดูมันห่างๆ พอมันทำอะไรเสร็จมันก็เดินเข้าไปในห้องชมรมหยิบกระเป๋าออกมาแล้วก็พากันไปโรงรถ และก็กลับบ้าน วันนี้พี่อ๊อฟมันแวะบ้านผมไปเก็บเสื้อผ้าที่มันมานอนเมื่อคืน และมันก็ไปโดยไม่มีคำพูดใดเหมือนเดิม เห็นแบบนี้แล้วผมก็ท้อหนักมา บอกตรง.......
ชีวิตช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมก็ต้องอยู่อย่างทรมาณพี่อ๊อฟก็ยังไม่ค่อยคุยกับผมสักเท่าไหร่เลย มันก็อ่อนลงนะ แต่ก็ยังดูไม่ค่อยอยากคุยกับผมสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีอะไรผมก็ตามง้อและก็คลุกคลีอยู่แต่กับมันนั่นแหละ ส่วนไอสิงโตก็ติดต่อผมผ่านทางไอมิน ผมก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้มันฟัง มันก็ดูเข้าใจดี ก็เคลียล์ไป โทรศัพท์ของผมมันเอาไปก็คือไม่คืนไม่พูดถึงเลย เรื่องนี้ผมถามปอแล้ว ปอบอกว่าพี่อ๊อฟอาจจะไม่อยากให้ผมติดต่อหาใครก็ได้ ผมก็พยายามจะเชื่อแบบนั้นแล้วกัน...
แล้วก็มาถึงวันไปเข้าค่าย วันนี้ที่โรงเรียนนัด 6 โมงเช้า เอิ่ม! ผมต้องตื่นตี5 เพื่อมาเตรียมตัว แต่จะเช็คของสะมากกว่าเพราะแม่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว พอดูว่าครบหมดแล้วผมก็ลงบ้านไป แต่ต้องตกใจเพราะพี่อ๊อฟนั่งรออยู่ที่โซฟา เห็นแบบนั้นผมก็ยิ้ม แล้วก็เดินไปนั่งใกล้ๆกับมัน มันก็มองผมนิดหน่อยแล้วก็กดเปิดทีวีดู เอิ่ม!............
“อ้าว! อ๊อฟจะไปส่งนทเหรอ?” แม่ที่เดินออกมาจากครัวถามอย่างตกใจ พี่อ๊อฟคงพึ่งมา แม่ตื่นมาทำข้าวให้ผมกิน ป๊าก็คงกำลังเตรียมตัว
“พี่อ๊อฟเอากระเป๋ามาจะไปไหน?”ผมถามอย่างสงสัย ผมเห็นพี่อ๊อฟถือกระเป๋าเสื้อผ้า
“จะตามกันไปเลยเหรอ?” ป๊าถามเสียงงัวเงียแล้วก็เดินลงมา
“ผมลงชื่อไปเป็นสตาร์ฟดูแลน้องๆน่ะครับ ปีนี้ไปรวมกับโรงเรียนอื่นทางโรงเรียนคงกลัวจะวุ่นวาย ก็เลยให้รุ่นพี่อาสาไปช่วยดูแลครับ” พี่อ๊อฟบอกอย่างอารมณ์ดี ผมก็ยิ้มบานเลย
พี่โน้ตก็คงยังไม่ตื่นหรอกเช้าขนาดนี้ ป๊าแม่ผมและพี่อ๊อฟก็พากันนั่งกินข้าว พอทำอะไรเสร็จป๊าก็ขับรถไปส่งผมกับพี่อ๊อฟที่โรงเรียน พอถึงโรงเรียนผมก็ไปเข้าแถวที่สนาม พี่อ๊อฟก็แยกไปอยู่กับพวกรุ่นพี่ที่จะไปดูแลน้องๆ พอผมถึงแถวเพื่อนๆก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เราก็เช็คชื่อเตรียมขึ้นรถกัน ก็แบ่งๆไปกัน เป็นรถบัส ห้องละ 2 คันคิดดูแล้วกันว่าคนเยอะแค่ไหน แต่ละคันก็จะมีครูและรุ่นพี่แบ่งมานั่งกัน พอได้เวลาขึ้นรถ ผมและเพื่อนๆก็จับกลุ่มกันไว้ ไม่ให้โดนแยกไปคนละคัน และก็สำเร็จพวกเราได้นั่งคันเดียวกัน พอขึ้นไปได้เราก็เลือกเบาะยาวด้านหลังสุด นั่งกันได้พอดี5คนเลยทีเดียว เราก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ก็ไม่รู้ไปค่ายจะเจออะไรบ้าง......
“นท ไปค่ายคราวนี้มึงคงได้เหยื่อติดไม้ติดมือมาเยอะแน่!” ปอพูดอย่างดี๊ด๊า
“เออ รวมกับโรงเรียนอื่นสะด้วย” ไอมินก็ใช่ย่อย
“ก่อนพวกมึงจะพูดอะไร ดูเจ้าชีวิตมันด้วย!” ไอนัทชี้ไปทางประตู
ผมถึงกับตกใจ พี่อ๊อฟ! มันขึ้นรถคันเดียวกับผม ผมเผยยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่มันดันมองผมนิ่งๆแล้วนั่งข้างหน้ากับครูเขาอะดิ โถ่!.....
“เอาน่ามึง แอบหาเหยื่อเอาก็ได้ถึงจะมีคนมาคุมก็เถอะ!” ไอนัทยิ้มล้อๆ ผมก็มองค้อนมัน
“แล้วนี่มึงดีกันแล้วเหรอวะ?” ไอวิวถามอย่างสงสัย
“ก็ยังว่ะ แต่ก็ดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว” ผมบอกแบบไม่ใส่ใจ
“เขาก็โกรธมึงนานเกินเนอะ!” ไอมินพูด
“นั้นดิ แต่ก็ยังดีวะที่คอยตามดูแลมึงตลอดอ่า” ไอปอพูดแล้วยิ้ม
แล้วพวกมันก็พูดกันไปผมก็นั่งมองพี่อ๊อฟไป นานมากกว่าจะถึง เพราะมันต้องเข้าป่าขึ้นเขาขึ้นดอย ทางมันค่อนข้างลำบากด้วยแหละ ผมนั่งไปได้ไม่นานผมก็เผลอหลับไป ตัวก็โยกเยกอยู่ตลอดเวลา เส้นทางดูห่างไกลความเจริญเหลือเกิน พอถึง ก็ลงไปรวมตัวเข้าแถวเช็คชื่ออีกที ละเอียดเกินไปกะไม่ให้หนีไปไหนเลยสินะ เช็คชื่ออะไรเสร็จก็พากันไปเข้าแถวกลางลานใหญ่ ซึ่งมีโรงเรียนอื่นมานั่งคอยอยู่แล้ว เราก็เข้าแถวไปนั่งฟังเขาอธิบายการเข้าค่ายครั้งนี้ เพื่อรอให้อีกโรงเรียนมา? เอ่อ! นี่มากัน 3 โรงเรียนแล้วนะ ค่ายไม่แตกกระเจิงเลยเหรอเนี่ย และสักพักอีกโรงเรียนก็มากัน ก็มานั่งฟังครูฝึกเขาพูดซ้ำอีกครั้งนึง และก็ทำการเปิดพิธีเข้าค่ายอันสุดแสนจะน่าเบื่อไป นั่งตากแดดไปสิ เป็นชั่วโมง พอพิธีเปิดเสร็จ ก็ถึงเวลาเอ่อ!.....
“เอาล่ะครับ! หลังจากนี้ผมจะให้พวกคุณแต่ละแถวตอนนับเลข 1-60 นะครับ เอาละเริ่มครับ!” ผมเกลียดวิธีแบ่งกลุ่มโดยการใช้วิธีนับเลขจริงๆ เพราะมันทำให้ผมกับเพื่อนแตกกระเจิงกันคนละทิศคนละทางไงละ
ตอนนี้แต่ละแถวก็เริ่มนับกันแล้ว บางคนก็เริ่มสลับที่เพื่อให้โดนเลขเดียวกันกับเพื่อนตัวเอง ซึ่งเพื่อนๆผมก็ทำ ขอแลกกันไปทั่ว กลัวได้แยกกัน และพอนับกันเสร็จก็เริ่มรนกันแล้ว.....
“ใครนับเลข 1 ลุกขึ้นครับ!!” ครูฝึกบอกเสียงดุ ผมสะอึกเลย อย่างนี้ก็แอบตามเพื่อนไปไม่ได้อะดิ ผมกับเพื่อนๆมองหน้ากันเลย ทุกคนเริ่มรน เพราะมันจะได้ลุกกันทีละแถวหน้ากระดานไง แถวตอนถ้าลุกซ้อนก็โดนอ่าดิ! โถ่!ซวยไป ทุกคนก็มองหน้ากันอย่างรู้ชะตา “มาตรงนี้ครับ!” แล้วชี้ไปยังจุดที่คนที่นับเลข 1 ต้องไปยืน
พวกคนที่นับเลข 1 ก็ทยอยกันออกไป และครูฝึกก็ไล่ทีละเลขครับ ตอนนี้หลายคนเริ่มกังวล เพราะหันซ้ายขวาคือไม่รู้จักใครเลย ผมก็นั่งอึนเลย ตื่นเต้นไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมนับเลข 12 ไง เพื่อนๆผมก็ต่อๆผมเลย แยกย้ายจบ  พอถึงเลขผม ผมก็โบกมืออำลาเพื่อนและก็ไปรวมกลุ่มกับพวกที่นับเลข12 คือเพอเฟค ไม่รู้จักใครเลยจริงๆด้วย พวกที่อยู่โรงเรียนเดียวกับผม ผมแทบไม่เคยเห็นหน้าเลยมั้งพวกนี้ โถ่! แย่เลย ผมก็ยืนถือกระเป๋านิ่งๆนั่นแหละ ในใจคิดเดี๋ยวค่อยแลกกับใครสักคนในกลุ่มปอก็ได้มั้ง.....
“เอาละครับ ผมจะให้กระดาษแต่ละกลุ่มนะครับ เขียนชื่อ ชื่อเล่น โรงเรียน เบอร์โทรของแต่ละคนลงไปด้วยนะครับ!” เอ่อคือไม่ทันแล้วละ ความคิดที่จะแลกกลุ่มผมพังทลายไปเลยทีเดียว
ผมก็ได้แต่ปลง แล้วก็เขียนชื่อลงไปจนครบ จริงๆคือมันปลีกตัวหนีไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ที่มาช่วยดูเขาก็มายืนคุมแต่ละกลุ่มเลย ไม่ใช่มีแค่รุ่นพี่โรงเรียนผมนะ โรงเรียนอื่นก็พามา คละกันมั่วไปหมด พอเขียนชื่อเสร็จครบทุกกลุ่มแล้ว ก็นั่งกันเป็นกลุ่มเลย แล้วก็ฟังเขาอธิบายกฎระเบียบอะไรต่างๆมากมาย คือต้องนอนกับกลุ่มตัวเอง กางเต๊นท์ เป็นเต๊นท์ใหญ่ เต๊นท์นึงนอนได้ประมาน7-8คน ผู้หญิงกับผู้ชายต้องแยกกันด้วย อันนี้มันก็ต้องแน่อยุ่แล้วไหม และ ห้ามแลกกลุ่มหรือหายไปอยู่กลุ่มอื่นไม่งั้นกลุ่มตัวเองจะโดนทำโทษ ทำกับข้าวกินเอง! และอีกมากมายเลย ฟังแล้วก็อยาเดินกลับบ้านเลยทีเดียว พอฟังอะไรเสร็จครูฝึกก็ปล่อยให้ทำความรู้จักคนในกลุ่มไป และก็เรียกพวกรุ่นพี่สตาร์ฟไปประชุมอะไรกันไม่รู้ ผมเดาว่าน่าจะแบ่งแหละว่าใครดูกลุ่มไหน อะไรทำนองนั้นมั้ง.......
“เราว่าแนะนำตัวทีละคนดีไหมจะได้รู้จักกันทั่วถึงอ่า” ดูเหมือนจะมีผู้นำออกความคิดแล้ว ทุกคนก็พยักหน้า
แล้วทุกคนก็แนะนำตัวกันไป ผมก็มองแต่ละคนละก็จำๆเอา เพราะคนเยอะแบบนี้จริงๆก็คงจำไม่หมดหรอก เพิ่งรู้จักกันด้วย เขาก็แนะนำกันไป  จนมาถึงผมที่เป็นคนสุดท้ายที่นั่งเงียบๆ ทุกคนก็มองมาที่ผม ผมก็ยิ้มให้ไป
“เราชื่อ นทครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” ผมยิ้มแบบเป็นมิตร
แล้วพวกเราก็ทำความรู้จักกันไป พูดคุยกันสนุกสนาน ผมก็คุยไปด้วย เข้ากับคนง่ายก็ดีแบบนี้ จนพวกรุ่นพี่ก็กระจายตัวกันไปแต่ละกลุ่ม แต่ที่ผมต้องตกใจคือ พี่อ๊อฟ! มาดูแลกลุ่มผม กับพี่เอ่อ! น่าจะโรงเรียนอื่นอีก2คน ผมก็ดีใจเลย ยิ้มบานเชียว แล้วครูฝึกก็ประกาศว่าให้พวกเราทำกิจกรรมแรก? มายังไม่ถึงไหนกิจกรรมแรกแล้วเหรอ พวกพี่ๆเขาก็พาเราไปที่จุดทำกิจกรรม....
พอทุกคนถาม มันก็คือการจับกลุ่มกางเต๊นท์ เอิ่ม! ตอนแรกคนในกลุ่มก็แยกผู้ชายและผู้หญิงก่อน และหลังจากนั้นก็จับกันเอาเอง กลุ่มผมมีผู้ชายน้อย นอกนั้นเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ คนเยอะมากจริงๆ ของผู้ชายก็แบ่งกัน เต็นท์ละ7-8คน ก็แยกกันไปช่วยเต๊นท์ใครเต๊นท์มันพวกพี่ๆก็ยืนดู แล้วก็ถือสมุดจดอะไรกันไม่รู้ พี่อ๊อฟก็มองมาทางผมนิ่งๆ ผมก็ยิ้มให้มันบ้างมันก็หันหน้าหนีเลย ผมถึงกับหน้างอเลย...
แล้วเพื่อนๆก็เริ่มจัดแจงเต๊นท์ที่เขาเพิ่งเอามากองไว้ให้ แต่ละคนก็ทำกันอย่างทุลักทุเล เพราะมันยากพอสมควรมันเป็นเต๊นท์ใหญ่ กางกันจนเมื่อยมือเลยทีเดียว พวกรุ่นพี่ก็มาช่วย พี่อ๊อฟก็พยายามดันผมให้ไปไกลๆ ประมานว่าเดี๋ยวช่วยเองมึงอยู่เฉยๆเหอะ อะไรทำนองนั้นแหละ แต่ผมก็อยากมีส่วนร่วมนิ ขืนอยุ่นิ่งๆไอพวกนี้ได้ไม่พอใจแน่ๆ ผมก็ช่วยบ้างพอเป็นพิธีแต่ก็ยืนไม่ห่างพี่อ๊อฟหรอก จนเสร็จ ก็พากันเอาของเข้าไปเก็บ จัดแจงที่นอน ....
หมับ! ผมกำลังจะถือของเข้าเต๊นท์พี่อ๊อฟมันดึงไว้ก่อน ผมก็ยิ้มให้มัน......
“นอนริม อย่านอนกลาง!” มันพูดเสียงดุ ผมยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
“ได้ครับๆ” (ยิ้ม)
แล้วผมก็เข้าไป เพื่อนๆก็ได้ที่กันหมดแล้วแต่....
“อะ...เอ่อ คือจะเว้นไว้ทำไมอ่า” ผมถามอย่างสงสัย เพราะมันเว้นตรงกลางๆไว้
“เห็นมึงคุยกับรุ่นพี่อยู่ไง กูเลยเว้นไว้ให้” ไอปลื้มพูดขึ้น หวังดีเกินไปม้าง ไอนี่มันก็หล่อนะ แต่พูดจาห้าวไป เพิ่งรู้จักกันขึ้นมึงกูสะแล้ว
“ไม่เป็นอะไรหรอก เรานอนริมก็ได้นะ พวกนายก็เขยิบเข้าไปกันเถอะจะได้นอนสบาย” ผมบอกอย่างใจดีแล้วก็สะกิดเพื่อนให้เขยิบไป
“มานอนเถอะน่า! ทำไมมึงรังเกียจเหรอวะ!” ไอปลื้มพูดจาหาเรื่องด้วยเสียงที่ดังพอควร ผมถึงกับสะดุ้งไปนิด
“พูดดีๆก็ได้นี่มั้ง!” ไอซ์พูดอย่างไม่พอใจ
“เออ! ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลยอะ” โบลิ่งพูดแล้วมองนิ่งๆ ไอปลื้มมองมันสองคนอย่างไม่พอใจ
“อะ...เอ่อ เราไปนอนตรงนั้นก็ได้เนอะ ขอโทษนะ” ผมฝืนยิ้มหันไปขอโทษทุกคน พวกมันก็พยักหน้ากัน แล้วผมก็ลุกไปที่มันเว้นไว้ให้ ผมไม่อยากมีปัญหาไง เฮ้อ! อึดอัดใจชะมัดยาก
คือข้างขวาก็ปลื้ม ข้างซ้ายก็ไอซ์ผมนอนกลางเลย ถ้าเรียงก็โกกิ มายด์ ไอซ์ ผม ปลื้ม โอ้ โบลิ่ง โถ่!ถ้าพี่อ๊อฟเห็นต้องโดนแน่ๆเลย คิดแล้วก็กังวลนะ ผมก็เอาของไปวางแล้วก็เอาของจำเป็นออกมาติดตัวไว้ กระเป๋าตัง “เราก็คุยกันในเต้นปกติ แต่การที่พูดเสียงดังของไอปลื้มเมื่อกี้ ดูท่าแล้วจะทำให้ไม่มีใครชอบมันสักเท่าไหร่......
พรึ่บ! อยู่ๆผ้าเต๊นท์ก็เปิด พี่อ๊อฟ! มันเปิดผ้าดู ผมก็นั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ ทุกคนก็หันไปมองมันงงๆ พี่อ๊อฟมันส่งสายตาไม่พอใจให้ผมแล้วก็ปิดผ้าแล้วเดินไปไหนไม่รู้.....
“อะ...เอ่อ เดี๋ยวเรามานะ” ผมยิ้มแล้วก็ลุกออกจากเต้นไปหาพี่อ๊อฟ
ผมเห็นพี่อ๊อฟเดินไปตรงต้นไม้ใหญ่ซึ่งไม่ไกลจากเต๊นท์ ผมก็เดินไปหามัน มันก็ยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ ทำตัวเป็นพระเอกเลย....
“พี่อ๊อฟ คือ....” ผมพูดมันมองผมตาดุ
“กูบอกว่ายังไง”มันพูดนิ่งๆมองนิ่งๆ
“เพื่อนมันเว้นที่ไว้ให้อะ ละ..”
“มึงรู้จักพวกมันด้วยเหรอ มันถึงเว้นที่ไว้ให้มึง!” มันพูดแทรกผมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นิ่งจนผมกลัว
“พี่อ๊อฟ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ อีกอย่างพวกนั้นก็ผู้ชายทั้งนั้นมันคงไม่คิดอะไรหรอก” ผมจับมือมัน
“แล้วมึงละคิดไหม” มันดึงมือผมออก
“จะคิดบ้าอะไรละ ผมก็มีพี่อ๊อฟคนเดียวเนี่ย” ผมบอกอย่างจริงจัง มันก็มองนิ่งๆ
“เออๆ” แล้วมันก็เดินหน้าบึ้งไป ผมก็กำลังจะเดินกลับเต๊นท์ ครูฝึกก็เป่านกหวีดเรียกแล้ว
ผมก็รีบวิ่งเลยสิ คนที่อยู่ในเต๊นท์คือรีบออกมากันเลยทีเดียว เราก็วิ่งไปเข้าแถวที่ลานกว้าง แล้วครูฝึกก็อธิบายกิจกรรมที่จะให้ทำในวันนี้? เยอะมากทีเดียว เป็นกิจกกรมกลุ่ม ให้ทำร่วมกัน หลายกิจกรรมเลย ทั้งให้รวมกันออกความคิดรณรงค์อะไรสักอย่างแล้วก็เขียนใส่กระดาษแผ่นใหญ่แล้วออกไปพรีเซนต์ และก็เกมส์ต่างๆ สุดท้ายก็การแสดงแต่ละกลุ่มจะต้องคิดและไปแสดง งานรณรงค์ครูเขาก็ให้เวลาก่อนเที่ยง ต้องเสร็จก็ประมาน 2 ชั่วโมงกว่าๆ พวกเราก็จับกลุ่มแล้วก็ช่วยกันออกความคิด พี่อ๊อฟก็ยืนอยู่แถวผมเนี่ยแหละ..........
พอเลือกหัวข้อที่จะทำได้แล้วก็แบ่งงานกัน และก็แยกเป็นกลุ่มย่อยอีกที กลุ่มย่อยก็เป็นกลุ่มที่นอนด้วยกัน เพราะน่าจะคุยกันง่ายกว่า? ไม่รู้หัวหน้ามันพูด จริงๆก็มีการเลือกหัวหน้าอะไรก่อนแล้ว เลือกกันเอง ผมก็มานั่งกองกับกลุ่มนอนของตัวเอง เราได้หัวข้อเรื่อง รณรงค์ต่อต้านความรุนแรง ของพวกผมได้หาหัวข้อสาเหตุ ของพวกอื่นๆก็กระจายกันไป พอหาได้ก็เอาไปรวมกัน พวกผมก็ช่วยกันคิดไป บางคนก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาหา แต่ประเด็นคือโทรศัพท์ผมอยู่ที่พี่อ๊อฟไง ผมหันไปมองมัน มันก็มองผมนิ่งๆ ผมก็ใช้สมองอันน้อยนิดนั่นแหละ คิดย่อยๆออกมาก่อนแล้วก็เขียนลงกระดาษไว้ ส่วนคนอื่นๆก็ทำเหมือนกัน............
“คิดกันคนละกี่สาเหตุเหรอ” ผมหันไปถามเพื่อนๆ เพราะผมก็ได้นิดเดียวอยู่
“ก็แล้วแต่เลย เอาเท่าที่ได้ ยังไงก็ต้องเอามารวมกัน เผื่อมันจะซ้ำอีก” โกกิยิ้ม ดูเป็นมิตรดี ผมก็ยิ้มตอบ
“แล้วนทไม่ใช่โทรศัพท์เสริชหาเอาเหรอ?” มายด์ถามอย่างสงสัย
“อะ...เอ่อ....” ผมมองไปทางพี่อ๊อฟ มันก็ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม “คะ....คือเราไม่มีโทรศัพท์น่ะ”ผมบอกอย่างถ่อมตัว เพราะดูท่าแล้วคุณชายเขาจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
“ทำไมไม่มีอะ?” โอ้ถามอย่างสงสัย ถามเยอะจริง
“บ้านเราจนมั้ง” ผมพูดปัดอย่างไม่ใส่ใจ ตัดปัญหาทุกอย่าง เพื่อนๆก็เงยหน้ามองผมแบบนิ่งๆ นี่ผมน่าสมเพชขนาดนั้นเลยเหรอ โถ่! สภาพผมออกจะลูกคุณหนู 5555
“ขะ ขอโทษนะที่ถาม” โอ้ ทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรๆ!” ผมยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าเขียนต่อ
ผมหันไปมองทางพี่อ๊อฟมันก็ยิ้มนิดหน่อย มันคงสะใจมากสินะ ผมก็ทำไปจนเสร็จนั้นแหละก็เอามารวบรวมกัน แล้วก็ส่งให้คนที่จะเอาไปเขียนในกระดาษแผ่นใหญ่ เราก็นั่งคุยกัน เพราะงานของเราเสร็จก่อน พวกเพื่อนๆมันรู้ว่าผมพูดว่าผมจนมันก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจหรืออะไรแต่อย่างใดนะ แถมยังดูเทคแคร์ผมดีแปลกๆด้วย เราก็คุยกันไป เพื่อนๆที่ลายมือสวยก็เขียนลงกระดาษแผ่นใหญ่เราก็นั่งคุยรอไป.....
“นท มาจากโรงเรียน...เหรอ” โกกิถามอย่างสงสัย
“อื้ม แล้วโกกิอ่ะ” ผมถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“เราโรงเรียน....อะ!” ผมถึงกับสะอึก โรงเรียนเดียวกับไอสิงโต
วันนี้เราใส่ชุดพละ แต่ละโรงเรียนก็จะมีชุดพละประจำของแต่ละโรงเรียน หวังว่าคงจะไม่ได้เจอกับสิงโตนะ ก็ได้แต่หวังอะเนอะ ผมเดาว่ามันต้องตามหาผมแน่ๆ โถ่! พี่อ๊อฟกำลังดีขึ้นอยู่แล้วเชียว.....
“เป็นอะไรอ่ะ?” ไอซ์หันมาถามผมที่นิ่งไป
“ปะ เปล่า เหมือนว่าจะมีเพื่อนอยู่โรงเรียนโกกิอะมั้ง” ผมยิ้มอ่อนให้ไป
“นทรู้จักพี่คนนั้นเหรอ เห็นคุยกันเหมือนสนิท” โกกิชี้ไปทางพี่อ๊อฟที่กำลังคุยกับพวกพี่ที่มาคุมกับมันอยู่
“อืม พี่ชายเรา” ยิ้ม จริงๆก็อยากบอกว่าแฟน แต่กลัวว่าพวกมันจะรับกันไม่ได้ไงและขี้เกียจจะอธิบายอะไรตอนนี้ด้วย
เราก็นั่งคุยกันไปจนงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาพักเที่ยง เราก็ไปรับข้าวกล่องมานั่งกินกันเป็นกลุ่มเหมือนเดิม บอกเลยไม่อยากปลีกตัวออกจากกลุ่ม กลัวตามเขาไม่ทัน ก็เลยอยู่แต่กับกลุ่มตัวเอง มองหาเพื่อนๆก็ไม่เห็นไปอยู่ไหนกันก็ไม่รู้ ผมก็นั่งกินข้าวไปพูดคุยกันไป พี่อ๊อฟก็นั่งไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ ผมก็มองมันตลอด.....
“อะ กินเยอะๆ” ไอปลื้มพูดขึ้นพร้อมกับตักบางอย่างมาให้ผม
ผมก็มองมันนิ่งๆ เอ่อคือ ข้าวกล่องวันนี้มันก็มีแต่ผักอยู่แล้ว ซึ่งอย่างที่เคยบอกไปผมไม่ชอบกินผัก มันก็ยังตักมาให้  มันหวังดีเกินไปมั้ง....
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” โบลิ่งถามผมนิ่งๆ
ผมรู้สึกว่าพวกมันปฏิบัติกับผมแบบแปลกๆ หรือเป็นเพราะว่าผมบอกว่าผมจน? แต่ก็เอาเถอะ ยังไงพวกนี้ก็ดีกับผมเนอะ....
“ปะ...เปล่า ขอบใจนะ” ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรตอบมันไป
ผมหันไปมองพี่อ๊อฟมันก็มองมนิ่งๆ ผมว่ามันโกรธผมอีกแน่เลย แล้วผมก็ก้มดูกล่องข้าวของผม ผักที่อยู่ในกล่องผมจะทำยังไงดีเนี่ย เฮ้อ!....
พรึ่บ! พี่อ๊อฟมันเดินมาแล้วก้มหยิบกล่องข้าวของผม แล้วก็วางกล่องข้าวกล่องใหม่ให้ผม ผมหันไปยิ้มให้มันนิดหน่อย มันก็มองนิ่งๆแล้วเดินกลับไป เพื่อนๆก็มองงงๆ....
“ทำไมพี่เขาเอามาเปลี่ยนให้อะนท? มีอะไรหรือเปล่า?” โอ้ถามอย่างสงสัย ทุกคนก็มองมาทางผม
ผมอึกอักไปเลย จะบอกว่าเลือกกินเดี๋ยวพวกมันก็ด่าอีก....
“มันแพ้ผัก! กินๆไปถามมาก!”  พี่อ๊อฟบอกอย่างอารมณ์ไม่ดี พวกมันก็พยักหน้าเข้าใจ
แพ้ผัก? มีด้วยเหรอวะ เมื่อกี้ก็กินไปตั้งหลายคำแล้วนิ โถ่! จะพูดอะไรไม่ดูเลยพี่อ๊อฟเนี่ย....
“มึงแพ้ผักทำไมไม่บอกวะ?” ไอปลื้มถามนิ่งๆ
“เออ จะเป็นอะไรเปล่าวะ? เห็นกินไปหลายคำแล้วด้วย!” โบลิ่งถามผมอย่างเป็นห่วง
“ขอบใจมาก เราไม่เป็นอะไร อีกอย่างเมื่อกี้ที่กินเข้าไปเราก็เลือกกินแต่เนื้อ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกอ่า!” ผมทำหน้าสำนึกผิด
พวกมันก็โอเคกัน เข้าใจผมเป็นอย่างดี ไม่แปลกใจกันเหรอวะ โรคแพ้ผักมันเป็นยังไงอะ ผมละงงกับพวกนี้จริงๆ ผมก็นั่งกินหมูกระเทียมมที่พี่อ๊อฟเอามาเปลี่ยนให้อย่างอร่อย
พี่อ๊อฟมันดูผมตลอดเลยเหรอ น่ารักจริงเชียว ผมก็กินไป มองไปทางพี่อ๊อฟมันก็กินของมันไป กินข้าวกล่องของผม? มันกินข้าวกล่องที่เอามาเปลี่ยนให้ผมไป ผมละตื้นตันใจจริงๆ
กินเสร็จก็เอากล่องไปทิ้งแล้วก็มานั่งคุยกัน ผมเห็นพี่อ๊อฟลุกไปเดินไปไหนไม่รู้ ผมก็บอกเพื่อนๆแล้วตามมันไป แต่เหมือนพี่อ๊อฟรู้มันก็หยุดเดินแล้วหันมามองผมนิ่งๆ แล้วมันก็ลากผมไปทางข้างๆห้องน้ำ ซึ่งไม่น่าจะมีใครเห็นมั้ง ผมก็ยิ้มให้มัน....
“ขอบคุณน้าพี่อ๊อฟ ถ้าไม่ได้พี่อ๊อฟผมคงกินข้าวไม่อิ่มแน่เลย!” ผมยิ้มบาน
“ อืม” นิ่งเกิน
“พี่อ๊อฟกินอิ่มเปล่า ผมเห็นพี่กินกล่องของผมที่พี่เอามาเปลี่ยนให้ผมไป” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“กูกินอิ่ม และไม่ต้องห่วงกูให้มาก มึงห่วงตัวเองเถอะ มีอะไรก็มาบอกกู ข้าวไม่ชอบแดกก็นั่งแดกอยู่ได้ เดี๋ยวก็อ้วกออกมาหรอก!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
พี่อ๊อฟมันเคยบังคับผมกินผัก ด้วยความที่ผมก็ยอมทำตามมันบอก ฝืนกินผักไปมากๆ อ้วกออกมาเลย หลังจากนั้นพี่อ๊อฟก็ไม่บังคับผมกินผักหรืออะไรที่ผมไม่ชอบอีกเลย...
“ครับ ขอบคุณน้าาา มีอะไรผมจะบอกโอเคไหม” ผมยิ้ม มันก็มองผมนิ่งๆ
“ใครขอเบอร์อะไรก็ไม่ต้องให้ และคืนนี้นอนริมได้ก็นอน ไม่ต้องไปนอนอัดกลางกับพวกมันหรอก พวกมันอะไม่คิดอะไรหรอก แต่กูว่ามึงอะคิดชัวร์” ผมหุบยิ้มทันทีที่มันพูดจบ
“นี่คือ ไม่ไว้ใจผมเหรอ?” มันก็พยักหน้า “ผมก็มีพี่คนเดียวนี่แหละ ไม่มองใครหรอกน่า” ผมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะจริงๆคือไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว และผมก็มีพี่อ๊อฟที่เป็นที่รักของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจใครนิ เอ๊ะ! แต่ไอปลื้มหล่อสเปคเลยนะ ไม่ใช่แล้ว
“กูไม่เชื่อ!” มันพูดเสียงแข็ง มองผมนี่แทบจะกินผมอะ “หมับ!” มันบีบแขนผมค่อนข้างจะแรง ไม่ถึงกับเจ็บ แต่น่าจะเป็นรอย ผมก็นิ่งๆให้มันทำนั่นแหละ เอาที่มันสบายใจไปก่อนแล้วกัน “และมึงก็รู้ว่าไอสิงโตมันอยู่ที่นี่ ถ้ากูเห็นมึงกับมันอยู่ด้วยกัน.....กูจะไม่ให้โอกาศมึงอีกเลยนะนท!” พูดเสียงแข็ง ใจผมกระตุกฮวบเลย
“ละ แล้วถ้ามันมาทักละ มันพะ.....”
“ก็ไปอยู่กับมัน ถ้ามึงทำแบบนั้นกูถือว่ามึงเลือกมันนะนท ถ้ายังไปสุงสิงกับไปสิงโตอีก” บีบแขนผมจนเจ็บ แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ “...กูจะคิดว่ามึงเลือกมัน แล้วกูก็จะกลับบ้านทันที” มันพูดแบบข่มอารมณ์แล้วก็ผลักผมออก
และมันก็เดินไปเลย ผมก็ยืนอึนอยู่ตรงนี้นี่แหละ เอายังไงละทีนี้ ผมต้องเลี่ยงการเจอกับไอสิงโตอย่างจริงจังแล้ว พี่อ๊อฟอยู่ๆเป็นอะไรอะ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย โถ่!.....
“เป็นอะไรไหมนท” มายด์ เดินมาสะกิดผม ผมสะดุ้งไปนิด
“อะ...เอ่อ มาได้ยังไงอะ” ผมถามนิ่งๆ
“เห็นมานานเลยมาตาม เขาจะเรียกรวมแล้ว” โบลิ่งโผล่มา ผมชะงักไปนิด แต่ก็เก็บอาการทัน
“ไม่เป็นอะไรอ่ะ เราแค่คุยกับพี่ชายนิดหน่อยเอง” ผมยิ้มอ่อน
โบลิ่งมันก็มองผมนิ่งๆ แล้วก็ก้มมองดูที่แขนผม ผมก็เอาแขนไขว้หลังทันทีเลย....
“แขนนั่น?” โบลิ่งมันทำไมต้องทำหน้าเหมือนผมเป็นพวกน่าสมเพชด้วยนะ
คือเอาจริงๆผมจะพูดเพราะกับพวกมันและพวกมันก็พูดเพราะและพูดดีกับผมแหละ แต่ตอนที่ผมบอกว่าผม"จน" พวกมันก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ประมานว่าเทคแคร์ผม ดูไม่อยากให้ผมบั่นทอนจิตใจมั้ง แบบไม่อยากทำให้ผมดูด้อยกว่าเพื่อนๆคนอื่น  ไม่เห็นต้องทำอะไรเป็นพิเศษเลยจริงไหม ปกติเหอะ ผมก็ได้แต่คิดในใจ พูดออกไปคงไม่ดี....
“ไม่ใช่ เราไม่เป็นอะไรจริงๆ เข้าไปข้างในเถอะ เขาจะเรียกแล้วใช่เปล่า” ผมยิ้ม แล้วก็เดินนำพวกมันไป ผมก็เห็นมันคุยอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วมองผมด้วยสายตาที่ดูจะเป็นห่วง?
ผมว่าเกิดการเข้าใจผิดอย่างมหันต์แล้วละ มันคงคิดว่าผมเป็นพวกน่าสงสารที่ไม่มีอันจะกินแถมยังโดนพี่ชายใจร้ายทำร้ายร่างกายอีก ผมว่ามันคิดแบบนั้นชัวร์ป้าบ ผมก็ไม่สนใจ
อีกอย่างผมก็ยังไม่อยากจะสนิทกับพวกมันมากด้วยพี่อ๊อฟก็ยังไม่โอเค ผมไม่อยากจะรู้จักใครเพิ่มขึ้นจริงๆ ผมรักษาระยะห่างกับเพื่อนใหม่ทุกคน ไม่ให้สนิทจนเกินไป
เดี๋ยวคุณชายของผมเขาจะนอยเข้าไปใหญ่ ผมเข้ามาตอนนี้เขาก็เป่านกหวีดเรียกให้ไปเข้าแถวกันพอดี ก็รีบสิไม่งั้นก็โดนทำโทษ ก็วิ่งไปเข้าแถว และรอทำกิจกรรมต่อไปคือพรีเซนต์
เรื่องพรีเซนต์ต้องพวกผู้หญิง ผู้ชายไม่มีใครกล้าคนเยอะเกินอายกัน ตอนนี้ก็ไปจับฉลากว่ากลุ่มไหนจะได้พรีเซน์กันเป็นกลุ่มที่เท่าไหร่ พี่เขาก็แยกไปเตรียมของทำกิจกรรมต่อไป
ก็พวกเล่นเกมส์ต่างๆ กลุ่มผมได้ลำดับสุดท้ายเราก็มีเวลาเตรียมตัว ตอนนี้กลุ่มแรกก็กำลังพรีเซนต์ผมก็นั่งมองนิ่งๆ เพื่อนๆก็ชวนกันคุยบ้างตั้งใจดูบ้างเมื่อเนื้อหามันน่าสนใจ.....
“แขนมึงไปโดนอะไรมาวะ เป็นรอยแดงๆ” ปลื้มมันมองแขนผมที่เอายันขางอยู่ ผมก็เอาแขนลงแล้วก็ลูบตรงรอยแดง
“คงร้อนแหละ ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรบอกพวกเราได้นะเว้ย! เพื่อนกันอ่ะ” โอ้พูดอย่างจริงจัง

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ผมเดาว่าตอนนี้ โบลิ่งกับมายด์คงเอาเรื่องที่มันเข้าใจผิดไปเล่าให้เพื่อนๆฟังหมดแล้ว เพราะดูจากสายตาทุกคนที่มองผมนี่คือ ดูสงสารผมเนอะ ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ....
“ไม่มีอะไรจริงๆ ทำไมอ่ะ แค่แขนเราแดงเราต้องเป็นอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมถามนิ่งๆอย่างสงสัย
“อืมๆ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แค่เป็นห่วง มีอะไรก็บอกได้เว้ย! เพื่อนกลุ่มเดียวกัน” ไอซ์พูดขึ้น เหอะๆ รู้จักกันยังไม่ถึงวันเป็นห่วงกันสะแล้ว โกหกสะไม่มี มองก็รู้ว่าพวกมันทำหน้าสงสารผม ผมไม่ชอบเลย ผมก็นั่งหันหน้าไปมองเพื่อนๆที่พรีเซนต์งานไป ไม่อยากต่อความให้มันยาวสักเท่าไหร่ มันไม่มีอะไรจริงๆทำไมต้องอธิบายให้มากความ
แล้วการพรีเซนต์ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ผมก็เห็นพวกไอโค้กออกมาจนครบเพื่อนผมบางคนก็อยู่กลุ่มเดียวกับพวกไอโค้ก ดีจังยังมีคนรู้จัก ดูผมสิไม่รู้จักใครและไม่อยากรู้จักด้วยกลัวใจตัวเอง555(ไม่ใช่แล้ว) จนมาถึงกลุ่มสิบเนี่ยแหละ
ตกใจไปนิด ไอสิงโตไง จริงๆก็ไม่ควรตกใจเพราะก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอ กลุ่มมันก็พรีเซนต์ไป ผมก็นั่งมองนิ่งๆ มันก็มองมาซ้ายขวา พอมันเจอผมโบกไม้โบกมือ โว๊ะ! ไอนี่มันไม่รู้จักอายหรือยังไง
ผมก็มองมันนิ่งๆนั่นแหละ แล้วก็ผมมองหาพี่อ๊อฟ ก็ไม่อยู่สงสัยไปจัดเตรียมกิจกรรมต่อไป ไอสิงโตก็จ้องผมอยู่นั้นแหละ ผมนิ่งเข้าไว้ ตอนนี้ต้องทำตามที่พี่อ๊อฟบอกไปก่อน ไว้เคลียล์กับพี่อ๊อฟได้เมื่อไหร่ค่อยคุยกับไอสิงโตแล้วกัน.....
“รู้จักไอสิงโตด้วยเหรอ?” โกกิถามอย่างสงสัย ผมก็มองมันนิ่งๆ
“อืม เพื่อนอะ แล้วนายรู้จักมันเหรอ?” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“อื้ม เพื่อนห้องเดียวกันอ่ะ” โกกิบอกนิ่งๆ ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วก็หันไปดูเขาพรีเซนต์ต่อ ไอสิงโตทำหน้าไม่พอใจอะไรของมัน
ผมก็ได้แต่ปลง ไม่รู้แล้วจะทำยังไง ผมว่าไอสิงโตมันต้องหาทางมาคุยกับผมแน่เลย ผมก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปแล้วก็ค่อยแก้กันเอาดาบหน้า คิดมากตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไร
การพรีเซนต์ก็ดำเดินไปเรื่อยๆ จนถึงกลุ่มผมที่เป็นกลุ่มสุดท้าย พวกผมก็ลุกออกไปกัน คนตัวสูงๆก็ไปช่วยถือกระดาษผมก็ยืนนิ่งๆ ยิ้มให้พวกปอบ้าง พวกไอสิงโตบ้างพอเป็นพิธี ตอนนี้พวกรุ่นพี่ก็มายืนประจำแต่ละกลุ่มแล้ว
ผมก็พรีเซนต์ไป จนเสร็จกลุ่มผมก็ไปนั่งประจำที่และครูฝึกและครูในโรงเรียนก็ออกมาพูดถึงการพรีเซนต์ของแต่ละกลุ่มและก็บอกกลุ่มที่ได้รางวัล ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มผมไม่ได้ ก็พอมอบรางวัลอะไรเสร็จก็เบรก พี่ๆก็มาแจกขนมน้ำ
ผ่อนคลายกันไป พอพักเสร็จคราวนี้ก็เป็นกิจกรรมนันทนาการ ผมว่าน่าจะพัฒนาความสัมพันธ์หรือละลายพฤติกรรมนี่แหละ เพราะหลายโรงเรียนก็เลยต้องกระชับความสัมพันธ์ไว้ จะได้ไม่อึดอัด? คราวนี้พวกพี่ๆทหารก็มาช่วยกัน เขาก็ให้รวมกันทั้งหมดเป็นวงกลมใหญ่คือรวมกันมั่วไปหมดแล้ว แยกกับกลุ่มตัวเองไปปนกับใครมั่วไปหมด
คือต้องแบ่งเป็นสามวงใหญ่ เนื่องจากคนเยอะ พอได้ก็นั่งลงฟังเขาบรรยายว่ากิจกรรมนี้ควรเล่นยังไง ก็นั่งฟังไป ก็ดูจะตื่นเต้น แต่ผมปลงแล้วละ ทำอะไรผิดนิดเดียวก็โดนทำโทษงั้นเหรอ? เฮ้อ!
เกมส์ส่งบอลเวียนไปเรื่อยๆตามเสียงเพลง เพลงหยุดแล้วบอลอยู่ที่คนไหนคือโดนทำโทษ ก็เล่นกันไป เล่นกันไปจนครบ10รอบก็มีคนโดนออกไปทำโทษ30คน วงละ10คน
คนที่โดนก็ออกไปรับชะตากรรมซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอนัทไง555 ผมขำมันใหญ่เลย มันมองค้อนผมแล้วมองค้อนผมอีก ตอนนี้ทุกคนก็เชียร์ให้พวกมันเต้นกัน เสียงดังระเบิดเลยละ.....
“หัวเราะอะไรเหรอ?” ไอคนที่นั่งข้างๆผมไม่รู้ใครน่าจะพลัดกลุ่มมั้งตอนเขาให้จับวงกลม เขาสะกิดถามผมด้วยเสียงที่ดังคือถ้าไม่ดังคงไม่ได้ยิน เพราะเสียงในโดมนี่ดังมากเอาจริง ผมหันไปมองทั้งๆที่ยังไม่หยุดขำ
“ขำเพื่อนเราอะดิ555 ดูมันทำหน้าดิ55” ผมตอบกลับเสียงดัง เป็นบ้าไปแล้วเอาจริง ไอนัทอย่างฮา
“หัวเราะได้น่ารักดีนะคะ” พูดเสียงดังแล้วยิ้ม ผมถึงกับหยุดขำแล้วหันมามอง ผู้หญิงที่สะกิดผมเมื่อกี้
“อะ เอ่อ....” ผมก็ยิ้มอ่อนส่งไปให้
“เราชื่อจ๋า แล้วนายอะ” จ๋าถามเสียงดังอย่างเป็นมิตร
“เรานท ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมก็ตอบไปด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง เขายิ้มหวาน เอ่อ เขาเขิน? แก้มแดง
จ๋าเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักเลย ตัวขาวๆ ไปทางน่ารักมากกว่าสวย ผมว่าก็คงเป็นผู้หญิงในสเป็คของผู้ชายหลายๆคนแหละ....
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามอย่างสงสัย ไม่สบายหรือเปล่านะ
“ปะ..เปล่า” พูดด้วยท่าทางแปลกๆ แล้วก็หันหน้าไปมองคนที่โดนทำโทษ
ตอนนี้คนที่โดนทำโทษก็ทั้งถูกเต้น ถูกแกล้งกันอย่างเต็มที่ ผมหันไปเห็นไอนัททำหน้านี่ ผมหัวเราะขึ้นมาทันทีเลย มันตลกจริงๆนะ ทุกคนก็ทั้งหัวเราะแล้วก็ส่งเสียงเชียร์ลั่นเลย.....
“เอาละครับ ผมว่าแค่นี้มันยังสนุกน้อยไป ให้คนที่โดนทำโทษ หาเพื่่อนมาโดนด้วยดีกว่า โอเคไหมครับ!” พี่พิธีกรพูดอย่างสนุกสนาน แต่พวกที่ส่งเสียงเชียร์คือโฮ่กันเลย ไอนัทมองผมอย่างร้ายกาจ
ผมเตรียมจะหนีแล้ว แต่ไปไม่ได้ เพราะเขานั่งกันเป็นแถวอยู่แล้ว พอจะลุกทีคนก็มองมาที่ผมกัน แย่จริง ก็ต้องนั่งหน้าจ๋อยอยู่นั่นแหละ...
“เอาละครับ ให้ไปพาเพื่อนมาได้คนนึงไปเลยครับ” พี่เขาหันไปบอกพวกที่โดนทำโทษ พวกนั้นก็วิ่งไปหาเพื่อนๆที่ต้องการ คนแถวนั้นคือเริ่มหนีแล้วไง ไอนัทก็เช่นกัน เดินมาทางผมแล้ว ผมส่ายหัว จะถอยหนีก็ติดคนข้างหลังโถ่!
“ไอนท ไอเพื่อนยาก มาเลยมึง!” ไอนัทดึงแขนผมแล้ว ผมก็ยื้อตัวสุดแรง
“มึงก็ไปลากไอวิวดิ้ เกี่ยวอะไรกับกูวะ” ผมยื้ออย่างไม่ยอม
“ก็มึงหัวเราะกูออกนอกหน้าขนาดนี้ ไม่เป็นมึงไม่ได้แล้ว ออกมาเลย!” ไอนัทพูดอย่างสะใจแล้วก็ลากผม เพื่อนคนอื่นๆก็เชียร์กันอย่างเต็มที่ พื้นมันลื่น ลากผมไปกลางวงเลย ทั้งๆที่ผมยังไม่ลุกขึ้นเนี่ยแหละ อายเหลือเกิน ทุกคนก็หัวเราะกัน....
“เอาละๆ เราจะให้เพื่อนๆที่โดน เอ่อ!” พี่เขามองมาทางผมที่ยังไม่ได้ลุกขึ้น “...โดนลากมาเนอะ5555 ให้เพื่อนๆที่โดนลากมาแนะนำตัวด้วยนะครับ คนแรกต้องคนนี้เลยครับ” ชี้ไปที่คนอื่น ผมก็โล่งเลยสิ
ผมกับไอนัทอยู่สุดท้ายของแถว ผมว่าแนะนำคนสุดท้ายมันต้องมีอะไรเด่นแน่นอน ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วก็มองค้อนไอนัท มันก็ยิ้มกวนตีน มองไปในแถวพวกไอมินปอวิว หัวเราะผมอย่างสะใจ พวกไอโค้กก็ด้วยพี่อ๊อฟก็ยืนมองผมนิ่งๆ.....
“มึงอ่า ดูดิ้ลากกูมาเด่นเลยไอสัส!” ผมบอกมันอย่างหัวเสีย
“เอาน่าสนุกๆหนะมึง กูโดนมาก่อนแล้ว” ไอนัทพูดอย่างภูมิใจ
ผมมองความกวนตีนของมัน พี่เขาก็ไล่ถามจนจะถึงผมแล้ว ตอนยืนรอไม่ค่อยคิดอะไรแต่พอจะถึงผมนี่ใจสั่นอยู่นะ และพอถึงผม.....
“อะ ต่อไปคนนี้เลยนะครับ” ยื่นไมค์ให้ผม ผมกำลังจะรับ.. “อะเดี๋ยว เดี๋ยวๆ” ว่าแล้วไง มันกอดไหล่ผมแล้วลากผมให้เดินมาตรงกลางเด่นๆเลย “ขอถามความรู้สึกขณะโดนลากมาหน่อยสิครับ” พูดแบบกลั้นขำ พวกเพื่อนๆหัวเราะหันลั่นโดมเลยทีเดียว ผมนี่แทบเอาหน้ามุดแผ่นดิน
“อะ...เอ่อ” อายวะ
“ขี้อายสะด้วย” ไอพี่นี่ก็แซวไม่เข้าเรื่องนะเนี่ย
“พี่ให้ผมไปยืนกับเพื่อนเถอะ อายเขา!” ผมบอกมันอย่างแผ่วเบา มันก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
“น้องเขาบอกอยากเต้น ทุกคนว่าเพลงอะไรดีคร้าบบบ!” ผมหันมองขวับเลยครับ โอ้ย! อายเหลือเกิน ร้อนผ่าวที่หน้าไปหมด
ทุกคนก็เชียร์กัน โดยเฉพาะแก๊งไอสิงโตนี่จะเกินหน้าเกินตา แหกปากบอกชื่อเพลงเลยทีเดียว ผมก็ยืนเก็บอาการนิ่งๆ จริงๆก็ไม่นิ่งมีอาการหน้าแดงและก็มือสั่นนิดๆ55.....
“พร้อมหรือยังครับ” พี่มันตบไหล่ผมแล้วถาม เพื่อนๆก็เชียร์อะไรขนาดนั้น
“นี่ผมต้องเต้นคนเดียวเหรอครับ?” ผมหันไปชะเง้อถามอย่างอายๆ
“โอ้โห! น้องเขาบอกอยากเต้นคนเดียวด้วยนะครับเนี่ย เห็นอายๆแบบบนี้ เอ้า! ทุกคนเชียร์หน่อยเร็ว เปิดเพลงเลยคร้าบ!”แหกปากใส่ไมค์อย่างบ้างคลั้ง ผมแทบจะเป็นลมตรงนั้น คือกะจะให้ผมไม่มีที่ยืนในค่ายนี้เลยมั้ง
ผมก็ยืนแบบว่าทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่ดนตรีเพลงเริ่มคือขาเริ่มขยับไง อันนี้คืออาย? ทุกคนก็เริ่มลุกเต้นกัน ผมเห็นแบบนั้นสติก็เริ่มไม่อยู่กับตัว พวกปอมินวิวก็วิ่งมาเต้นกับผมไอนัทก็มา ทุกคนสนุกสนานกันมากเลยย
โดยเฉพาะท่อนฮุคเนี่ย เต้นไปหัวเราะไปสนุกสนานดี ก็พอเพลงจบพี่ทหารก็เป่านกหวีดไล่ให้เพื่อนๆกลับไปนั่งที่ พอผมจะหนีพี่เขาก็ล็อคคอผมไว้......
“ร้ายนักนะ พาเพื่อนเต้นกันยกโดมเลยเหรอ555” จะดุหรือจะตลกก็เลือกนะ “เอาละคนอื่นๆไปนั่งได้” คนอื่นๆที่จะถูกทำโทษคือวิ่งกลับอย่างรวดเร็วทิ้งผมให้ยืนหน้างออยู่นี่  “แนะนำตัวด้วย อะ” ยื่นไมค์ให้ผม แล้วก็ปล่อยแขนออกจากคอผม
“ผมชื่อ ณฐถัทร ครับ ชือเล่นชื่อนท มาจากโรงเรียน...ครับ” ผมบอกผ่านไมค์อย่างอารมณ์ดียิ้มแย้ม
“อ่อ ชื่อเพราะดีนะ” ผมก็ยิ้ม “เอาละกิจกรรมต่อไป เป็นเกมส์....” หันตัวผมให้หันไปทางมัน “เลี้ยงไข่ เราจะมีลูกปิงปองให้แบบนี้ และก็เอามันไว้ที่ส่วนไหนของใบหน้าก็ได้” พี่มันเอามาไว้ตรงหน้าผากผม “และให้อีกคนประกบแบบนี้” ผมตกใจเลย เขาเอาหน้าผากเขาชนกับลูกปิงปองที่ติดอยู่ตรงหน้าผากผม มันใกล้ ใกล้มาก เพื่อนๆก็โฮ่ร้องแซวกัน “และก็เลี้ยงมันไป ห้ามให้หล่น เลี้ยงไปใส่ตะกร้าตรงนั้น!” ชี้ไปทางตะกร้าที่พี่สตาร์ฟเอามาวางไว้อย่างระมัดระวัง “เอาละเดี๋ยวจะลองทำให้ดู” พี่มันเอาไมค์ออกจากปาก “เราจะเลี้ยงมันไปใส่ตะกร้า อย่าถอยละ ดันไว้” ผมก็พยักหน้าเบาๆ
แล้วเราก็ค่อยเดินไป แลดูอันตราย ผมว่าพี่อ๊อฟต้องไม่พอใจแน่ ตอนนี้ทุกคนก็ส่งเสียงลุ้นกันเหลือเกิน เพราะมันเกือบหลุดตั้งหลายครั้งแหนะ ผมก็ประคองไว้อย่างดี ขืนหลุดแล้วได้ช็อตเด็ดตรงนี้ ผมได้โดนคุณชายของผมฆ่าแน่ๆ ก็ประคองไปจนรอด ทุกคนก็ส่งเสียงปรบมือกัน ผมละเกร็งจนหน้าผากเป็นตะคริวเลยทีเดียว.....
“เห็นตัวอย่างแล้ว เอาละ แบ่งเป็นแถวเลยครับ แถวละ40คนไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มเราก็ได้ และแน่นอนต้องแยกชายหญิงนะครับ เริ่มครับ ปี๊ด!!” พูดจบก็เป่านกหวีด หลังจากนั้นทุกคนก็แตกกระเจิง หากลุ่มกันระนาวเลย พอผมจะไปบ้างพี่เขาก็จับไว้
“ผมจะไปหากลุ่ม!” ผมบอกอย่างกังวล
“อยากเล่นหรืออยากยืนดู” บอกนิ่งๆ ผมยิ้มบานเลย “จับผิดคนโกงด้วย” ผมก็พยักหน้ารัวเลย “เอาละ พี่ๆมาดูน้องที่ตะกร้านะครับ ใครโกงจับออกมาเลย” พี่ๆก็เดินมารอตรงจุดที่วางตะกร้า “พร้อมแล้วนะ” ทุกคนก็ส่งเสียงว่าพร้อมแล้ว “เริ่มได้!ปี๊ด!” บอกเสียงดังแล้วก็เป่านกหวีด ทุกคนก็เร่งเลย บางคนก็เอาไว้ที่ปาก
แน่นอนว่า เสียงลุ้นและร้องเชียร์กันอย่างตื่นเต้นดังกระหึ่ม เต็มโดม ผมก็ยืนมองลุ้นๆอยู่ข้างๆพี่เขานั้นแหละ ไอสิงโตก็มองผมอย่างเสียดาย จริงๆมันก็ดีนะอยู่เฉยๆเนี่ยแหละจะได้ไม่มีปัญหา แล้วก็แข็งกันไปแต่ละแถวมันมาก วิ่งตามลูกปิงปองกันก็มี จุ๊บปากกันก็มี เอาหน้าผากชนกันจังๆก็มี สนุกสนานกันไป พอเกมส์จบก็มีคนโดนทำโทษไปตามระเบียบ ผมก็โดนพวกพี่เขาแกล้งไปและก็มีกิจกรรมอีก2-3กิจกรรมก็เล่นกันไปเฮฮา
ผมก็ไปเล่นด้วยนะ ตอนแรกพี่ทหารเขาก็บอกให้อยู่ช่วยคิดบทลงโทษ แต่ผมไม่อยากคิดอยากเล่นมากว่าก็หนีไปสิ จนจบกิจกรรมอันแสนสนุกพวกนี้เราก็พักเบรกกันไป เขาก็ให้แยกย้ายไปนั่งที่กลุ่มตัวเองแล้วก็นั่งกินขนมกินน้ำกันไป......

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“นทเจ๋งวะ เห็นนิ่งๆเต้นเก่งไม่เบาเลยน้า” โอ้พูดอย่างล้อๆ ผมก็ยิ้ม
“นั่นดิ ดูเป็นคนร่าเริงจัง ชอบอะไรแบบนี้เหรอ?” โกกิถามอะไรแปลกจัง
“ก็สนุกนะ ชอบด้วยสนุกดี จริงๆก็อายนะ แต่ถ้ามัวแต่ไปยืนอายมันไม่น่าอายกว่าเหรอ?” ผมตอบแบบไม่จริงจัง พวกมันก็พยักหน้ากัน
"นท มานี่หน่อย!"ผมหันไปดู พี่อ๊อฟตะโกนเรียกผม ทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ผมก็บอกเพื่อนๆว่าเดี๋ยวมา มันก็พยักหน้าแล้วมองผมกันแปลกๆ ผมก็ไม่สนใจ แล้วก้ลุกเดินตามพี่อ๊อฟไป มันก็เดินนำผมไปให้ห่างๆจากผู้คนหน่อย
แต่ก็อยู่ในบริเวณโดมนะ....
“มีอะไรอ่า?” ผมทำหน้าสงสัย
“ได้เอายากันยุงมาหรือเปล่า?” มันถามนิ่งๆ
“ผมไม่ได้ดู มันอยู่ในกระเป๋าแม่เตรียมไว้ให้แล้วมั้ง” ผมบอกอย่างไม่แน่ใจ
“เดี๋ยวช่วงที่พวกมึงคิดการแสดงกัน พวกกูจะออกไปซื้อของตรงหมู่บ้าน มึงก็ไปเช็คดูแล้วกันว่าขาดอะไรไหม” บอกนิ่งๆ
“โอเคๆ งั้นไปเช็คกันเลยดีไหม” ผมพูดมันก็พยักหน้า ผมก็เดินนำไป มันก็ตามมา
เต๊นท์กับโดมไม่ไกลกันมาก พอถึงเต๊นท์นผมก็เข้าไปเช็คพี่อ๊อฟก็มาช่วยดู ช่วยไปช่วยมาเป็นว่ามันได้รื้อของผมออกมาเช็ค.....
“แม่คงลืมสบู่ ใช้กับกูก็ได้นะ” มันบอกแต่ไม่มองหน้านะ
“โอเคๆ ซื้อขนมมาให้ผมแอบกินด้วยก็ดีนะ” ผมพูดอย่างตื่นเต้น
“เออๆ ไปกันได้แล้ว” มันดันผมให้ออกจากเต๊นท์ แต่ผมรั้งตัวไว้
“เดี๋ยวสิ เรามา...” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆมัน มันก็นิ่งไง ผมก็จูบปากมันเบาๆไม่ได้ลุกล้ำนะ “เราไม่ได้ทำแบบนี้มะ…….”
“กลับจากค่ายค่อยว่ากัน” มันพูดตัดบทผมนิ่งๆ แล้วก็ออกไปจากเต็นท์ “อ้อ!” มันก้มหน้ามามองผมที่กำลังจะลุก “ถึงมึงจะบอกกับพวกมันว่ากูเป็นแค่พี่ชาย” ผมชะงักไปนิด “มึงก็ควรรู้อยู่แก่ใจนะ ว่ากูเป็นอะไรกับมึง ไว้หน้ากูด้วยไม่ใช่ ให้ท่าเขาไปทั่ว!” พูดแบบไม่พอใจผมเหวอเลยสิ ไอนี่มันแรงจริง ผมก็ได้แต่ทำหน้างออะแหละ ถ้าเถียงเดี๋ยวก็ไม่จบ
ผมกับมันก็เดินกลับไปที่โดม ตอนนี้เขาก็แยกย้ายกันเป็นกลุ่มไปคิดการแสดงแล้ว พวกรุ่นพี่ก็คงไปซื้อของกัน พวกเพื่อนๆพอเห็นผมมันก็มองผมแปลกๆ....
“มีอะไรอะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ทำไมทำหน้างั้นวะ?” ปลื้มถามแบบสงสัย
“ขี้สงสัยจังวะ!” ผมถามแบบไม่พอใจ อารมณ์เสียอยู่นะเนี่ย! พอพวกมันมองแบบอึ้งๆ ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดที่จะมาพูดกันแบบนี้ ผมก็ยิ้มอ่อนให้พวกมันแล้วก็นั่งลง “คือ เราขอโทษอะ พอดีเรามีปัญหานิดหน่อยนะ ขอโทษนะ ที่พูดไม่ดี” ผมบอกอย่างใจเย็น พวกมันก็ดูเข้าใจกันดีนะ
ก็พูดคุยกันไปทั่ว ผมก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ คือผมก็เอาแต่คิดถึงคำพูดพี่อ๊อฟ ผมไปให้ท่าใครตอนไหนวะ แล้วอะไร เดี๋ยวนี้คือพูดด้วยเยอะขึ้น แต่ด่าเหน็บแนมเก่งแบบนี้ก็ไม่เอานะ โว๊ะ! คิดแล้วก็หงุดหงิด พวกเพื่อนๆก็ปรึกษากันเรื่องการแสดงรอบกองไฟคืนนี้ ผมก็นั่งเงียบๆเนี่ยแหละ ให้พวกเพื่อนๆคิดกันไป จนตัดสินใจกันได้ว่า จะแสดงละครสั้นกับเต้น? ผมก็งงนะว่ามันจะออกมาเป็นไง ก็จัดแจงไป ละครก็แนวรักน้ำเน่า พอละครจบ ทุกคนก็ออกมาเต้นกัน? คนไปเบิกชุดก็เป็นพวกผู้หญิงนั่นแหละ ผมก็รอรับบทบาท ตอนแรกผมเสนอว่าผมขอเป็น ก้อนหินหรือต้นไม้ก็ได้ แต่ความเด่นของผมวันนี้มันทำให้ผมนิ่งไม่ได้ ให้ผมเป็นตัวนำเต้นเลย แถมในบทละครยังเล่นเป็นคนบ้าอีก ดูพวกมันทำกับผมสิ โถ่!...
พวกเราก้ซ้อมบทกันไป ผมก็คงไม่มีบทพูดอะไรมาก แค่ทำตัวบ้าๆบอไป ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวนะที่เป็นบ้า คือไอปลื้มก็ได้เป็น ไอปลื้มมันแบบปากเสีย เขาหมั่นไส้มันกันก็เลยโยนบทนี้ให้มันไป แต่คนอื่นเขาไม่ได้หมั่นไส้ผมน้าา เห็นว่าผมบ้าอยู่แล้ว เหมาะกับบทพอดี ผมก็มาซ้อมพูดกับไอปลื้มไป หามุกหาอะไรมาเสริมไป จนได้เวลาลองชุดที่ไปเบิกเขามา ผมถึงกับสะอึก ให้วิกผมมากับสไบและเกาะอก กระโปรงขาดๆ ส่วนไอปลื้มได้กางเกงจงกะเบนเน่าๆมา คือ?เขาบอกว่าจะได้เป็นคู่รักผีบ้า? ผมอายเหลือเกิน และตอนกลางคืนต้องใส่แบบถอดข้างในออกด้วยนะ แบบผมใส่ได้แค่บอกเซอร์ ไอปลื้มก็ถอดเสื้อโชว์ไป ผมยังดีมีเกาะอก น่าภูมิใจตรงไหน?พวกบทดีๆก็ไปซ้อมกันอย่างกับจะไปประกวดเดอะสตาร์ ผมกับปลื้มก็นั่งคุยกันสะส่วนมาก ไม่มีอะไรนิเนอะคนบ้า......
“มึงดูพวกมันทำกับเราดิ มึงยอมเหรอวะ?” ปลื้มพูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีทางเลือกนี่หว่า!” ผมพูดห้วนๆไป ผมคุยกับมันจนค่อนข้างจะเป็นกันเองแล้ว
“มึงมันกล้าอยู่แล้ว ดูกูด้วย หน้าตาดีขนาดนี้มาให้ทำตัวบ้าๆบอๆได้ยังไง” มันมั่นมากนะ ผมเบะปากหนักมากให้กับความหลงตัวเองของมัน จริงๆมันก็หล่อนะ ดีย์เลย แต่มันปากเสีย และค่อนข้างจะเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่มีใครชอบมันสักเท่าไหร่
“เบื่อจะคุยกับคนหล่อว่ะ” ผมพูดประชดไป มันก็หัวเราะ
“ปลื้ม นท บทของแก2คนอ่ะ ดูไปคร่าวๆไม่ต้องพูดนะ เพราะจะให้ทำตามเสียงพากย์เอา ก็ดูบทไปก่อนแล้วกันว่าทำอะไรบ้างจะได้ไม่งง” น้ำพูดพร้อมยื่นบทมาให้ ผมก็พยักหน้ารับ
แล้วรับบทมาดู จริงๆก็อ่านแต่คำพูดนะ พอมาเห็นฉากเอ่อ! คนบ้าข่มขืนกันใครคิดวะ! อุบาทว์มากเอาจริง ไอปลื้มมันก็มองผมแบบร้ายกาจ.....
“มึงต้องโดนกูปล้ำสินะ555” ไอปลื้มชั่วร้ายมาก ผมถึงกับถอยหลังหนี มันก็เดินตามมาทำหน้าโรคจิตด้วย “มาซ้อมบทข่มขืนกันมา” โอ้ย!สยอง
“พอเลยๆ กูจะอ้วก ดูทำหน้าทำตาดิ้!” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนักเพื่อให้มันหยุด และมันก็หยุด “ฉากนั้นอะ นายก็แค่.... แค่ เออแค่นอนทับเราแล้วก็เอาผ้าคลุมไง” ผมหยิบผ้าห่ม ซึ่งไม่รุ้มันเอามากันทำไม “และก็ตัดฉากไปที่กองไฟโอเคไหม5555” เหมือนในละครทีวีไง ฉากนี้ทีไรตัดไปโคมไฟทุกทีเลย แต่ของผมคงตัดไปที่กองไฟอะนะ
“ก็มันบอกให้เราสมจริงนะเว้ย! อีกอย่างในบทมันมีที่ไหน ตัดไปกองไฟของมึงอะ!” มันบอกอย่างงงๆ
“คือจะให้มันสมจริงไปไหน เต้นอะเราพอยอมนะ แต่เรื่องอุบาทแบบนั้นเราอายวะ!” ผมทำท่าอาย
“ เอาน่ากูไม่ถือ” ดูมันจะชอบจังนะ บทแบบนี้
“แต่เราถืออะดิ! พอเลย เอาผ้าไปคลุมแล้วกัน อายเขา อีกอย่างเราใส่กระโปรงนะเว้ย! เดี๋ยวน้องก็ออกมาดูโลกพอดี!” ผมพูดติดตลก แต่ไอปลื้มขำเกินเหตุ
“5555 เอาน่าสนุกๆ” ผมว่าไอปลื้มต้องแกล้งผมชัวร์ ปลงเถอะผมหมดทางรอดแล้ว “เออ! ว่าแต่นั่นพี่แท้ๆเหรอ?” ถามแล้วชี้ไปทางพี่อ๊อฟ ที่กำลังเดินมาหาผม?
“อะ เอ่อ...” พี่อ๊อฟเดินมาแล้ว
“ของเดี๋ยวค่อยเอานะ” พี่อ๊อฟเดินมาบอกนิ่งๆแล้วก็เดินไปผมก็พยักหน้าแค่นั้น
“พี่มึงนี่ดูเป็นห่วงมึงเนอะ” มันพูดด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม พี่แถวบ้าน สนิทกันมากกกก” ผมลากเสียงยาว
“มึงไม่มีโทรศัพท์ใช้จริงดิ?” มันถามเบาๆ เหมือนไม่ค่อยกล้าถาม
“อืม บอกแล้วไง” ผมยิ้ม จริงๆคือพี่อ๊อฟยังไม่คืนโทรศัพท์ผม ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร และถ้ามีโทรศัทพ์ตอนนี้คงเป็นเรื่องไม่ดีเพราะเกิดการแลกเบอร์ของเพื่อนในกลุ่มแน่นอน และนั่นจะทำให้พี่อ๊อฟยิ่งไม่โอเค การโกหกไม่ดี แต่บางทีถ้ามันช่วยตัดปัญหาได้ผมก็ขอโกหกแล้วกัน
“กูไม่ได้อยากจะตอกย้ำนะเว้ย! แต่มันเป็นไปได้เหรอวะ ยังมีคนไม่มีโทรศัพท์!” มันพูดอย่างจริงจัง
“ก็มีดิ เราไง” ยิ้ม แล้วผมก็ก้มหน้าดูบท
“มีเฟสป่ะ?” ผมเงยหน้ามามองมันนิ่งๆ
“ถามอะไรนักหนาเนี่ย” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“เออๆไม่ถามละ แล้วนี่พี่มึงซื้ออะไรมาให้วะ?” มันถามอย่างสงสัย ไหนว่าจะไม่ถามแล้วไง
“อ่อ! เราฝากซื้อขนม แล้วก็ไม่รู้ว่าพี่เขาซื้ออะไรมาให้เพิ่มเติมหรือเปล่า” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงจะพูดเพราะทำไมวะ ดูห่างเหินเกินไปเปล่า พูดแบบเป็นกันเองดิ!” มันบอกแบบกวนๆ
“เอาแบบนั้นเหรอ” ผมมองอย่างกวนๆ
“ทำไม? หรือพูดไม่เป็น?” มันยักคิ้วกวนๆ
“เออๆ พูดก็ได้ๆ ก็เพิ่งรู้จักกันนี่หว่า ใครจะไปพูดสนิทขนาดนั้นเหมือนนายอะ!” ผมพูดแล้วยักไหล่
“เออๆ มึงกูก็ได้ กูไม่ถือ” ผมเบื่อมันจริงๆ
“เออ” ผมพยักหน้ารับอย่างรำคาญ
ผมกับมันก็นั่งคุยกันไป โดยสรรพนามก็เปลี่ยนเป็นกูมึงไปตามระเบียบ ตอนนี้ทุกคนเริ่มซ้อมแล้ว ซ้อมรวมเลย เอาจริงๆก็อายกับบทบาทตัวเองนะ คือเดินแหกปากโวยวาย แถมยังโดนพวกเพื่อนคนอื่นรุมตีอีก ดูไม่ดีเลย แถมฉากข่มขืนไอปลื้มก็เล่นสะสมจริงเกิ้น ก็จนได้เวลากินข้าวเย็น เราก็ไปรับของมาช่วยกันทำกิน ผมก็ช่วยเขาก่อไฟ ทำไมไม่แจกข้าวกล่องเหมือนตอนกลางวัน ก็คือให้ไปรับของมาทำเองเป็นกลุ่ม พี่ๆก็คอยช่วย ผมก็ไปช่วยเขาเท่าที่ช่วยได้ ทำอะไรเสร็จก็นั่งรอ พี่อ๊อฟก็เดินมาหา ผมก็ยิ้มบาน....
“เหนื่อยหรือเปล่า?” พี่อ๊อฟถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้ทำอะไรมากจะเหนื่อยได้ยังไงละ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืมๆ!” มันพยักหน้า แล้วก็เอาผ้ามาเช็ดมือให้ผม ผมก็มองแล้วยิ้ม
“ผมรักพี่ที่สุดเลยอะ” ผมบอกอย่างเขินๆ มันก็นิ่งๆ แต่หูนี่แดงเถือกเลย
“พูดว่ารักกู แต่กูเห็นคุยกับไอพวกนั้นแล้วดี๊ด๊าเหลือเกิน” มันบอกอย่างประชด
“ก็เพื่อนทั้งนั้น จะไม่ให้พูดกับพวกมันเดี๋ยวก็ไม่มีใครคบหรอก” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็อมยิ้ม
“กูรู้แล้ว แค่พูดไปเท่านั้นแหละ” มันบอกนิ่งๆ ยังคงเก๊ก!
ผมก็คุยอะไรกับมันไปนิดหน่อย แล้วก็ไปช่วยเขาต่อ ทำเสร็จก็นั่งกินกัน อาหารออกมาคือ เอ่อ ก็พอกินได้ แต่ค่อนข้างเค็มไปนิด ผมก็กินๆไปนิ่งๆอะ ดีกว่าไม่มีอะไรกินอะเนอะ...........
“เค็มวะ!” ไอปลื้มเริ่มแล้ว ทุกคนหันไปมองมันเลย มันนั่งข้างๆผมด้วย
“มึงจะพูดทำไมปลื้ม กินๆไปเถอะ!” ผมกระซิบบอกมันเบาๆ
“เค็มขนาดนี้กูกินไปไตกูไม่วายเลยเหรอวะ!” มันจะแหกปากทำไมวะ
“กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินนะ ช่วยก็ไม่ช่วย!” ฟ้าพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ปลื้มมันลุกขึ้นมองหน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างหาเรื่อง
“ปลื้มมึงใจเย็นๆดิ นั่งลง!” ผมพูดอย่างเบาๆ มันก็นั่งลงตามแรงดึงของมือผมเนี่ยแหละ “มึงกินไปเถอะน่า เดี๋ยวไม่มีอะไรกินจะแย่นะเว้ย!” ผมบอกมันอย่างจริงจัง
“กูไม่กิน กินไม่ลง! เคร้ง!” มันโยนจานของมันไว้แล้วมันก็ลุกไปเลย
ผมก็ได้แต่นั่งกินเงียบๆแล้วก็ยิ้มอ่อนให้ทุกคน แล้วทุกคนก็พูดถึงไอปลื้มกันแบบว่า เลวร้ายเว่อร์ จริงๆผมเห็นแล้ว มันไม่ใช่ไม่ช่วย มันช่วยแต่เหมือนมันทำอะไรไม่เป็นเลยช่วยอะไรเขาก็พังหมด ช่วยหั่นผักก็หั่นสะชิ้นเบ้อเริ่ม ช่วยก่อไฟมันก็ไปเอาหญ้าเขียวๆสดๆมาโยนใส่ คือไม่รู้มันกวนตีนหรือเปล่า แต่ดูแล้วมันน่าจะทำอะไรไม่เป็นมากกว่านะ อันนี้จากที่ผมเห็นนะ พวกเราก็กินกันไปพูดคุยกันไปกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บ ทำอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำกิจส่วนตัวเขานัดอีกทีตอน2ทุ่ม ให้ไปอาบน้ำ?เตรียมตัวอะไรก่อน ผมงงทำไมไม่ทำกิจกรรมอะไรให้เสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำละ อาบแล้วไปทำกิจกรรมก็สกปรกอยู่ดี ตอนนี้ผมก็อยู่ที่เต๊นท์ไอปลื้มก็อยู่นี่แหละ ผมกำลังจะเข้าไปหามัน แต่พี่อ๊อฟเรียกผมให้ไปหามันก่อน ผมก็เลยเดินไปหาพี่อ๊อฟก่อน.....
“จะอาบน้ำเลยใช่เปล่า?” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ
“จริงๆผมอยากอาบหลังทำกิจกรรมเสร็จมากกว่า แต่เพื่อนๆมันไปอาบกันตอนนี้อะดิ ก็ต้องไปอ่ะ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่ของ แล้วก็สบู่ อาบไปก่อนก็ได้ ถ้าหลังเสร็จกิจกรรมมึงไม่สบายตัวก็บอกแล้วกันนะ” มันบอกนิ่งๆ แล้วยื่นของให้ผม ผมก็รับมาแล้วผมยิ้มบานเลยทีเดียว ทำไมพี่อ๊อฟน่ารักขนาดนี้
“น่ารักตลอดอ่า ขอบคุณน้า” ผมกำลังจะยื่นหน้าไปหอมแก้มมัน มันเอามือดันไว้ก่อน
“นทคนมองเต็มไปหมดแล้ว!” พี่อ๊อฟบอกอย่างอายๆ ผมหันซ้ายขวา คนก็มองอยู่จริงๆ ผมถอยแทบไม่ทัน
ผมก็คุยกับพี่อ๊อฟนิดหน่อย ผมก็เดินเข้าไปในเต๊นท์ ไปเอาของเพื่อนๆก็นั่งคุยกันอยู่ ผมก็เอาของที่พี่อ๊อฟยื่นให้ออกมาดู โอ้โห! ขนมมันจะเยอะไปไหนมีโน๊ตด้วยนะ"แบ่งเพื่อนๆกินด้วย" ผมก็ยิ้ม มันก็น่ารักเกินไปแล้วนะเนี่ยจะให้ผมมองคนอื่นได้ยังไงละ......
“นทพี่ซื้ออะไรมาให้เยอะแยะเลย” โกกิถามอย่างอยากรู้
“ขนมอ่า พี่เราให้แบ่งพวกนายด้วยนะ!” ผมบอกอย่างใจดี พวกมันก็เฮฮากันใหญ่เลย ผมดูแล้วเห็นมีขนมปัง ขนมจุกจิกเต็มไปหมดกับนมน้ำผลไม้ เยอะมาก “อะ กินหน่อยเดี๋ยวปวดท้องนะ!” ผมยื่นนมกับขนมปังให้ปลื้ม เพื่อนๆก็ถึงกับมองผมนิ่งๆ เพราะไม่มีใครคุยกับปลื้มมัน ผมเข้าใจนะ มันอาจจะแตกต่างแต่มันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
“ไม่เอา!” มันปัดมือผมออก ของในมือผมตก ผมก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“เพื่อนให้มึงก็พูดดีๆหน่อยเถอะวะ!” ไอซ์บอกอย่างไม่พอใจ
“เสือก!” ไอปลื้มมองอย่างหาเรื่อง
“อย่าทะเลาะกันเลยน่า!” ผมบอกพวกมันอย่างใจเย็น “กินเถอะมึงอะ กูไม่อยากได้ยินเสียงท้องมึงร้อง!” ผมบอกอย่างจริงจัง แล้วก็ยื่นไปให้มันอีกครั้ง มันก็ดูลังเล เหมือนกลัวเสียฟอร์ม ผมก็ยัดใส่มือมันนั่นแหละ “กินเถอะ อย่าเก๊กเยอะ ยังไงมึงก็หล่ออยู่แล้ว ไม่เสียฟอร์มหรอก” ผมพูดกวนๆแล้วยักคิ้วให้มัน มันก็อมยิ้มแล้วก็แกะขนมกิน
“ไปสนิทกับมันตอนไหนอะนท?” โบลิ่งถามอย่างสงสัย ปลื้มก็ไม่สนใจแล้ว กินอย่างเดียว มันคงหิวแหละ
“ตอนซ้อมบทละครแหละมั้ง” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นทอย่าไปยุ่งกับมันมากนะ มันนิสัยไม่ดี” โอ้กระซิบบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เอ้อ! แบ่งๆกันกิน หรือจะเอาไว้กินกลางคืน!” ผมถามนิ่งๆขี้เกียจตอบคำถามพวกมัน
พวกมันก็บอกเอาไว้กินตอนกลางคืน ผมก็คุยอะไรกับพวกมันไป ดูท่าแล้วขนมปังชิ้นเดียวคงไม่อยู่ ผมก็ยื่นขนมไปให้มันเพิ่ม เพราะมันเยอะ กินคืนนี้คงไม่หมด ยังไงพรุ่งนี้ฝากพี่อ๊อฟไปซื้ออีกก็ได้ จนปลื้มมันกินเสร็จเราก็พากันเตรียมตัวแล้วก็พากันออกไปอาบน้ำ มันต้องไปกันเป็นเต๊นท์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ.....
“ขอบใจนะ” ปลื้มบอกอย่างอายๆ ขณะกำลังเดินไปห้องน้ำ
“อื้ม” (ยิ้ม) “เออ มึงก็เงียบๆบ้างก็ดีนะเว้ย! ไม่พอใจอะไรก็เก็บไว้ไม่ต้องแสดงออกมาขนาดนั้นหรอก” ผมบอกมันเบาๆ
“กูช่วยแล้วแม่งบอกไม่ช่วย มึงจะพอใจเหรอ” มันพูดอย่างไม่ยอม
“กูเห็นแล้ว แต่มันก็แบบนี้แหละมึง มึงไม่ต้องไปสนใจหรอก คนหมู่มาก ทำใจน่า” ผมบอกอย่างใจเย็น
“เออๆ ยังดีที่มึงเข้าใจอะ” มันพูดผมก็หันไปมองมัน มันก็ยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มให้มัน
พวกเราก็เดินไปห้องน้ำพอถึงก็ห้องน้ำรวม ตอนแรกกะจะแยกไปอาบกับพวกปอ ก็ไม่ได้ไงเขาให้ไปกันเป็นเต๊นท์ เราเข้ามาก็ถอดเสื้อเหลือแต่บ๊อกเซอร์ ก็เริ่มอาบน้ำกัน ผมรู้สึกอายไอโกกิ กับไอไอซ์มากเอาจริง มันใส่กางเกงในอาบไงคือหุ่นดีกันทั้งนั้น ไม่พอไอส่วนตรงกลางของมันนั่นอะไรกันช่างดึงดูดให้ผมมองจริงๆ ผมต้องเงยหน้าอาบน้ำเลย รู้สึกใจไม่ดี55555.....
“หลังมึงเนี๊ยนเนียนวะ” ไอปลื้มลูบหลังผม ผมถอยห่างเลย
“มึงอย่ามาหื่นนะเว้ยไอปลื้ม!” โบลิ่งพูดไม่จริงจังนัก
“ รีบอาบเหอะน่า” ผมบอกอย่างไม่สนใจแล้วก็อาบๆไป แล้วตาผมก็ไปสะดุดเห็นพี่อ๊อฟที่ยืนดูอยู่หน้าประตู ผมก็ยิ้มให้ไปมันก็มองนิ่งๆ
ผมก็รีบอาบ พออาบกันเสร็จก็พากันเดินกลับเต๊นท์ พี่อ๊อฟก็เดินกลับไปก่อนแล้ว ผมเตรียมแค่กางเกงบ๊อกเซอร์กับเสื้อยืดไปเปลี่ยนเท่านั้นแหละ พอถึงเต๊นผมก็ไปหยิบกางเกงวอร์มที่เตรียมมาใส่ แล้วก็เดินออกไปหาพี่อ๊อฟ ที่ยืนดูความเรียบร้อยของเต๊นท์อยู่...
“พี่อ๊อฟ” มันก็หันมา “เหนื่อยไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่อ่ะ” มันบอกนิ่งๆ
“อย่าเข้าใจอะไรผิดละ ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ และมันก็ไม่มีอะไรด้วย!” ผมบอกอย่างจริงจัง เพราะกลัวมันโกรธเรื่องในห้องน้ำ
“เออๆ กูรู้อยู่แล้ว กูไม่ได้โง่กูเห็นอยู่!” มันบอกกอย่างรำคาญ
“เมื่อไหร่พี่อ๊อฟจะหายโกรธอ่า ชอบทำรำคาญผมจัง” ผมจับมือมัน แล้วมันก็เดินหนีผมไป
ผมทำอะไรผิดอีกหรือเปล่าเนี่ย แย่จริงๆ แล้วผมก็กลับไปที่เต็นท์เพื่อนๆก็คุยกันดูสนุกสนานดี ผมก็เข้าไปนั่งคุยด้วย จนเขาเรียกก็พากันไป กลางลานว่าง ไปนั่งล้อมกองไฟกันเป็นกลุ่มๆ แล้วเขาก็อธิบายอะไรไป ก็นั่งฟังกันไปคุยกันบ้างจนถึงเวลาไปจับฉลากว่าเราจะได้แสดงเป็นกลุ่มที่เท่าไหร่ ได้กลุ่มสุดท้ายอีกแล้ว ก็ดีไปจะได้มีเวลาเตรียมตัว กลุ่มแรกก็เตรียมตัวอะไรแล้ว พวกเราก็นั่งดูอย่างใจจดใจจ่อ ดูไปพูดคุยกันไป สนุกสนานดี....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“นทพี่เรียก!” โกกิสะกิดบอกผม ผมหันไปพี่อ๊อฟยกโทรศัพท์ให้ผมดู สงสัยป๊าโทรมา
“อืมขอบใจนะ” ผมหันไปบอกโกกิ
ผมก็ลุกออกไปหาพี่อ๊อฟ มันก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ป๊าโทรมาจริงๆด้วย ผมยิ้มอย่างดีใจ แล้วก็เอาโทรศัพท์แนบหู....
“ป๊า!”พูดอย่างดีใจ
“ไงตัวแสบ สนุกไหม” ป๊าเอ่ยถาม
“สนุกมากกกก คิดถึงป๊าแม่แล้วก็พี่โน้ตมากกกก!” ผมลากเสียงยาว ป๊าขำใหญ่เลย
แล้วผมก็คุยกับป๊าไปป๊าก็ยื่นให้แม่ให้พี่โน้ตคุยบ้าง จนวางไปผมก้ยิ้มบานเลย มีความสุขไง ......
“ยิ้มบานเลยนะมึง” มันพูดแล้วก็ยิ้ม
“ผมชอบยิ้มพี่อ๊อฟจัง ยิ้มให้ผมบ่อยๆนะ” มันหุบยิ้มเลย ไอนี่มันขี้เก๊กจังวะ ผมไม่น่าพูดเลย
“ยังกูยังไม่พอใจเรื่องของมึงนะ อย่ามาเนียน” แล้วมันก็เดินไป ไอนี่มันบ้าไปแล้ว ถึงบ้าก็รักแหละวะ5555
ผมก็เดินกลับไปนั่งในแถว ด้วยอารมณ์ที่ดีสุดๆ ผมก็นั่งดูกลุ่มอื่นมันแสดงไป ดูไปยิ้มไป ที่ยิ้มนี่คือคิดถึงที่พี่อ๊อฟทำเมื่อกี้ไง คืออะไรจะน่ารักขนาดนั้น....
“เป็นไรของมึง ยิ้มอย่างกับคนเป็นบ้า!” ไอปลื้มหันมาพูดแบบสงสัย ผมก็มองมันแล้วก็ยักคิ้ว
“อย่ายุ่งเถอะน่า กูซ้อมบทคนบ้าอยู่ไม่รู้เหรอ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็ดูการแสดงไป ก็มีการพูดคุยกับเพื่อนบ้าง ไอปลื้มก็เจ๊าะแจ๊ะเหลือเกิน ก็ไม่มีใครยุ่งกับมันนิเนอะ จนจะมาถึงกลุ่มเราก็เตรียมตัวเปลี่ยนชุดอะไรกันไป ตื่นเต้นกันทีนี้ รู้สึกอายเลย พวกมันให้ผมถอดเสื้อแล้วใส่เกาะอก และถอดกางเกงวอร์มออกใส่แค่บ๊อกเซอร์ มันเอากระโปรงขาดๆมาให้ผมใส่ พร้อมกับวิกและสไบ ผมละขำกับตัวเองในกระจกจริงๆ คือมันใช่อะ มันคนบ้าดีๆนี่แหละ ไอปลื้มก็ถอเสื้อผ้าเหลือแต่บ๊อกเซอร์แล้วใส่จงกะเบนเน่าๆ นมมันชมพูนะผมมองตลอดเลยอะ5555 คนอื่นๆก็ใส่ผ้าที่ดูดีเลย แล้วทำไมผมกับปลื้มเอ่อ!.........
“กูอายวะ” หน้ามันแดงเชียว
“เอาน่ามึง ดูสภาพกูสะก่อน จัดเต็มกว่ามึงอีกเนี่ย!” ผมพูดแล้ว ส่องกระจก หนักใจเหลือเกิน
และก็ถึงคิวพวกผมไปยืนรอหลังฉาก เฮ้อ! ใจก็คิดแล้วไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็ทำๆไปเถอะ ไอปลื้มนี่หน้าซีดเลย....
“มึงไหวเปล่าเนี่ย” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ตื่นเต้นว่ะ” มันพูดเหงื่อออกเต็มไปหมด
“ใจเย็นๆสิมึง มึงไม่ต้องไปมองใครหรอก มึงก็คิดว่ามึงซ้อมกับกูอยู่ มึงไม่ต้องไปสนใจคนดูเลย สนใจกูก็พอ!”มันก็มองผมนิ่งๆ ที่พูดแบบนั้นเพราะในบทผมก็เล่นกับมันแค่สองคนนั้นแหละ
“เออๆ” มันจับมือผม ผมก็มองมันแปลกๆ แต่มือมันเย็นมาก
“นท! ฉีดยากันยุงหน่อย เดี๋ยวยุงกัด!” พี่อ๊อฟมันมาจากไหนเนี่ย อยู่ๆก็โผล่มา
ปลื้มมันก็ปล่อยมือผมแล้วพี่อ๊อฟก็หมุนตัวผมไปมาเพื่อเอายากันยุงแบบฉีด ซอฟเฟล ไม่ใช่ไบกอนนะ555 ฉีดเสร็จมันก็คุยอะไรกับผมนิดหน่อยแล้วก้เดินไปรอข้างหน้า ตอนนี้กลุ่มผมก็ได้เวลาออกไปแล้ว ออกไปแนะนำตัวและก็แนะนำว่าจะแสดงอะไรบ้าง หลังจากกนั้นก็เริ่ม ผมกับไอปลื้มก็ไปนั่งอยู่ใกล้ๆกระถางต้นไม้ มโนว่าเป็นต้นไม้ใหญ่อย่างที่คนพากย์บอก ผมก็นั่งคุยเล่นเหมือนคนบ้ากับปลิ้มอะแหละ....
“ปลื้ม มึงอย่าเงอะงะดิกูตลกอะ55555” มันทำเงอะๆงะๆ เหมือนตื่นคน
“กูอายอ่า” มันเบะปาก ผมหัวเราะเลย สภาพตัวเองก็ตลกอยู่แล้ว มาดูหน้าไอปลื้มตอนนี้คือไม่ไหว ลั่นเลย! แล้วผมก็เพิ่งสังเกตุว่าคนดูก็หัวเราะตามผม?หรือเปล่าแต่คือหัวเราะลั่นเลย
คนพากย์ก็พากย์ไป ให้ผมลุกขึ้นรำบ้าง ให้ผมทำท่าหมาแล้วให้ไอปลื้มเอาเชือกคล้องคอผมบ้าง ทำไมในบทไม่มีละ ตอนนี้ตัวเด่นไม่ใช่ตัวนางเอกพระเอกแล้ว เป็นผมกับไอปลื้มเนี่ยแหละ และมาถึงฉากคนบ้าโดนกระทืบ คือเละ ผมกับไอปลื้มคือคลุกฝุ่น เสื้อผ้าที่ว่าเน่าอยู่แล้วคือเน่ากว่าเดิม หลังจากนั้นก็เป็นฉากคนบ้าข่มขืนกัน คนพากย์ก็จังไร บอกให้ไอปลื้มกระชากเกาะอกเสื้อผ้ากระโปรงที่ผมใส่กระจุยกระจาย ผมก็จับกระโปรงไว้ไอปลื้มก็ดึง คราวนี้คนอื่นก็มารุมแก้ผ้าผม หัวเราะกันกระจาย สภาพนี่โดนรุมโทรมจริงๆ เหลือแต่บอกเซอร์ อายเหลือเกิน มองไปทางพี่อ๊อฟมันก็ยืนขำ ผมเอาหน้ามุดดินดีกว่าไหม และการแสดงน่าอายก็ดำเนินไปเรื่อยๆจนจบ ก็ถึงเวลาที่ผมนำเต้น ก็เต้นกันกระเจิง เต้นทั้งๆที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหลือแต่บอกเซอร์ เพลงก็มันส์เหลือเกินแดนซ์กันจนครูฝึกบอกให้พอ เพราะไม่ใช่มีแค่พวกผมนะ คนดูก็ลุกขึ้นแดนซ์กันกระจายพวกครูก็ด้วย พอจบการแสดงเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมา พวกผมก็กล่าวขอบคุณแล้วก็กลับไปนั่งที่ เหนื่อยจริงๆ ทุกคนก็หันมาพูดกับผมกับไอปลื้มใหญ่เลย สุดยอดอย่างอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่ามันก็ขึ้นอยู่ที่ทุกคนแหละ ถ้าไม่ช่วยมันก็คงออกมาแป๊ก อย่างคนพากย์ก็พากย์นอกบทไปสะไกลเชียว แต่โดยรวมก็โอเคเลย เพราะทุกคนก็ดูสนุกกับสิ่งที่กลุ่มผมแสดง ตอนนี้ครูก็บรรยายอะไรไปและก็เตรียมประกาศกลุ่มที่ชนะ ง่ายๆก็คือนั่งรอต่อไป......
“นท มึงได้แผลวะ” โบลิ่งจับที่หลังผม ตอนนี้ผมใส่แค่บ๊อกเซอร์ไง ผมรู้สึกแสบที่หลังนะ ส่งสัยถลอกตอนโดนข่มขืนอะมั้ง
“อืม ถลอกใช่เปล่า เต็มแขนเต็มขาเลยเนี่ย555” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี คือมันเป็นพื้นหญ้าแห้ง คงโดนบาดแหละมั้ง
“ไหวปะมึง?” ไอปลื้มถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ถลอกนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“อะ! ใส่เสื้อก่อนนะ” โกกิมันถอดเสื้อมาให้ผม คือมันใส่เสื้อสองชั้น เสื้อกล้ามข้างในอะ
“อะ...เอ่อ มันจะดีเหรอ” ผมถามอย่างเกรงใจ อีกอย่างผมกลัวว่าพ่อ๊อฟจะเตรียมมาให้อยู่แล้วด้วย ผมก็หันมองมันนิดหน่อย เห็นมันกำลังยุ่งกับการเก็บฉาก ผมว่ามันคงไม่ว่างไปเอาให้แล้วละ “ขอบใจนะ” ผมยิ้มแล้วก็รับเสื้อมันมาใส่
“โห! ของกูไม่มีใครเอามาให้ใส่เลย!” ไอปลื้มพูดอย่างนอยๆ
“มึงไม่ได้มีแผลอะไรเลยไอปลื้ม อย่าสำออย!” ไอซ์พูดติดตลก ทุกคนก็ขำกันไป
แล้วเราก็พูดคุยกันไป จนถึงเวลาครูประกาศว่ากลุ่มไหนชนะ ปรากฏว่ากลุ่มผมได้ที่1 เพราะเอ็นเตอร์เทรนดี ก็เฮฮากันไป รางวันคือ ขนมปี๊ป แล้วก็ส้มถุงใหญ่ ก็โอเค เอามานอนกินเล่นแล้วกัน พอฟังอะไรจบก็สวดมนต์ขอพร แล้วก็แยกย้ายกันกลับเต้นท์ คนส่วนมากก็พากันไปอาบน้ำอีกรอบ และผมคือหนึ่งในนั้น ผมก็กลับไปที่เต๊นท์ไปเอาของออกมาเตรียมไปอาบน้ำ เพื่อนๆมันก็บ่นเหนียวตัวกันก็ไปอาบกันใหม่ทั้งหมดนั่นแหละ จริงๆอากาศก็หนาวเลย นี่มันกลางป่ากลางเขาเลย แต่ที่เหงื่อออกก็คงเพราะทำกิจกรรม ผมเนื้อตัวก็มีแต่ฝุ่น พี่อ๊อฟก็ไปช่วยพวกพี่ๆเขาเก็บของอยู่ยังมาไม่ได้เลย พวกเราก็พากันไปห้องน้ำ แล้วผมก็ต้องตกใจไปอีก เพราะไอสิงโตก็กำลังเดินไปห้องน้ำพอดี และตกใจไปกว่านั้นคือมันหันมาเห็นผมด้วย มันยิ้มให้อย่างดีใจแล้วก็กำลังเดินมาทางผม..............
“นท!” ไอสิงเรียกอย่างดีใจ แล้วก็โผล่เข้ากอดผม ผมตกใจ
“มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!” ผมดันมันออก แล้วมองซ้ายขวาเพื่อนๆก็มองกัน ผมกลัวพี่อ๊อฟเห็น!
“มันไม่อยู่หรอกน่า มึงไม่ต้องห่วง!” ผมตบหน้าผากตัวเองทันที คือไม่ได้สำนึกอะไรเลย
ตอนนี้เพื่อนๆใหม่ผมก็มองงงๆ ประมานว่าอะไรกัน ผมก็มองพวกมันแบบยิ้มอ่อนให้......
“พวกนายรอแปปนะ เราขอคุยกับเพื่อนแปปนึง” ผมยิ้มให้ทุกคนแล้วก็จูงแขนไอสิงโตออกมาห่างนิดหน่อย เพื่อนๆก็ดีมีน้ำใจดี ยืนรอผม
“ไออ๊อฟใจร้ายไปแล้วนะ มันจะไม่ให้กูยุ่งกับมึงเลยเหรอ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา
“ก็เออดิ แล้วนี่อะ ช่วงนี้มึงห่างๆกูไว้ก่อนเลยนะ กูเคลียล์กับพี่อ๊อฟได้เมื่อไหร่กูจะบอกมึงเอง โอเคไหม”ผมบอกมันอย่างจริงจัง
“ตอบไลน์รับโทรศัพท์กูบ้าง กูคิดถึงมึงนะไอนท!” มันบอกอย่างจริงจัง
“กูโดนพี่อ๊อฟยึดโทรศัพท์ไป และมึงก็ไม่ต้องมางอแงอะไรตอนนี้ด้วย เขาบอกกูว่าถ้ากูสุงสิงอยู่กับมึงเขาจะไม่ให้โอกาสกูอีก” ผมบอกมันอย่างจริงจัง พร้อมมองซ้ายขวาไปด้วย ระแวงเหลือเกิน
“โอเคๆ มึงไม่ต้องทำหน้าลำบากใจขนาดนั้นนะ กูจะรอ” ผมก็พยักหน้า
มันพูดอะไรกับผมนิดหน่อยแล้วมันก็เดินไป ผมก็ไม่อยากทำร้ายไอสิงโต แต่จะให้ทำยังไงละ ก็ในเมื่อผมเลือกพี่อ๊อฟ ผมก็เดินกลับไปหาเพื่อนที่ยืนรอ ขอโทษมันนิดหน่อยก็พากันไปอาบน้ำ....
“นท ถูหลังให้หน่อย มีแต่ฝุ่น!” ไอปลื้มหันหลังให้ผม
“เดี๋ยวกูเอง!” ไอซ์มันกระซิบบอก แล้วดึงผมให้ถอยไป ไอซ์มันก้ถูหลังให้ไอปลื้มแทน
“เบาๆสิวะ! หลังกูไม่ใช่พื้นนะเว้ย! ถูขนาดนี้เลาะหนังกูไปเลยไหม!” ไอปลื้มหันมาโวยวายแล้วก็มองแบบตกใจ
“อะ...เอ่อ ไอซ์อาสานะ กูไม่เกี่ยว” ผมทำหน้าไม่รู้เรื่องแล้วก็อาบน้ำไป
ไอปลื้มมันก็โวยวายใหญ่เลยทีเดียว ผมก็ทำมึนไม่รู้เรื่อง เอาแต่หัวเราะให้กับท่าทางปัญญาอ่อนของมัน พออาบน้ำอะไรกันเสร็จก็พากันกลับเต๊นท์ เข้าไปก็จัดแจงที่นอน พี่อ๊อฟหายไปไหน? ผมก็เดินออกไปตามหาพี่อ๊อฟพอเดินไปแถวโดมเห็นมันกำลังประชุมกันอยู่กับพวกรุ่นพี่ สรุปคือมันไม่ว่างเลย ผมก็กลับไป แล้วดูในกระเป๋า เจอเอายาแก้ปวดเมื่อย ไม่รู้ว่าแม่ยัดมาให้ทำไม แต่ผมว่ามันก็ดีนะไม่ได้เลวร้ายกว่าที่ คิดพี่อ๊อฟก็เริ่มคุยกับผมมากขึ้น ผมก็เข้ากับเพื่อนๆได้ สรุปคือดีกว่าที่คิดไว้เยอะ แล้วก็ออกจากเต๊นท์อีกครั้งเพื่อเอายาไปให้พี่อ๊อฟ พอผมเดินมาอีกที มันก็กำลังเดินออกมาพอดี ผมก็เดินไปหามัน มันก็มองผมนิ่งๆ....
“เมื่อยเปล่า!” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“นิดหน่อย!” มันพูดแล้วบีบต้นคอ
“ไปอาบน้ำเถอะ แล้วก็...” ตอนแรกว่าจะยื่นยาไปให้มันเอาไปทาเอง ผมทำให้ดีกว่า “อาบน้ำเสร็จไปเรียกผมที่เต๊นนะ เดี๋ยวจะทายาแก้เมื่อยให้ จุ๊บ!” ผมพูดแบบเร็วๆ แล้วหันมองซ้ายขวาจุ๊บแก้มมันไปทีนึงแล้วก็วิ่งไปเลย มันก็มองแบบตกใจ
ผมก็กลับไปนั่งรอที่เต๊นท์ เพื่อนๆก็คุยกันไป กินขนมกันไป แต่เสียงดังไม่ได้นะ ไม่งั้นซวยกันยกเต๊นท์.....
“โครตเพลีย!” ปลื้มล้มตัวนอน
“เออ ล้าสุดๆ!” ผมล้มตัวนอนข้างมัน
“โกกิ ข้อเท้าเป็นอะไรบวมๆ!” โอ้ถามอย่างสงสัย ทุกคนก็หันไปมอง
“มันปวดๆ สงสัยที่แพลงเมื่อตอนแสดงละครมั้ง!” โกกิพูดแล้วลูบๆข้อเท้า
“กูมียา เอาเปล่า?” ผมพูดมันก็มองนิ่งๆแล้วผมก็ยื่นยาไปให้มัน มันก็รับไปทาเบาๆ ตอนนี้เราคุยแบบเป็นกันเองแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมหรอก พวกมันก็บังคับกัน และหลังจากที่การแสดงผ่านไปได้ด้วยดี ดูเหมือนทุกคนก็ชอบไอปลื้มมากขึ้น
แล้วเราก็นั่งคุยกันไป คือมันไม่มีใครง่วง แปลกที่และเพื่อนเยอะด้วยแหละ จนพี่อ๊อฟมาเรียกเบาๆหน้าเต๊นท์ ผมก็หยิบยาที่โกกิแล้วก็ลุกออกจากเต๊นท์ไป พี่อ๊อฟมันก็ทำหน้าสงสัยว่าให้มาหาทำไม....
“เมื่อยเหรอ ไปนั่งก่อนดิ!” ผมจับมือมันแล้วก็พามันเดินไปตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆเต๊นท์แล้วนั่งลงกับเก้าอี้เก่าๆ “ผมนวดให้นะ” ยิ้ม มันก็อมยิ้ม
ผมก็บีบยาใส่ตามลำคอมันแล้วก็นวดเบาๆ ตามแขนมือ ไล่ไปเรื่อยๆ มันก็เคลิ้มเชียว.....
“พี่อ๊อฟ” พี่อ๊อฟที่หลับตาอย่างเคลิ้มลืมตามามองผม “รักพี่นะ” ผมยิ้มเขิน
“กูก็รักมึง” มันยิ้ม
“หายโกรธได้แล้วนะ” ผมจับมือมัน
“สาระภาพมาสิว่าวันนี้ได้คุยกับไอสิงโตหรือเปล่า!” มันถามอย่างจับผิด
“คุย” มันทำหน้าไม่พอใจ “คุยเมื่อตอนไปอาน้ำตอนที่พี่ยุ่งๆอยู่มันมาทักทาย ผมก็ไล่มันไป” ผมบอกอย่างจริงจัง “อย่าโกรธเลยนะ ผมขอโทษ” จับมือมันแล้วก้มหน้า ถ้ามันโกรธผมอีกรอบ ผมคงช้ำใจตาย
“อืม ไม่โกรธหรอก กูเห็นอยู่” ผมเงยหน้ามองมันแล้วยิ้มทันที “ดีนะที่กูเห็นว่ามึงทำหน้าไม่พอใจมัน ถ้ากูเห็นมึงดี๊ด๊านะ อย่าหวังเลยนท!” มันพูดแบบจริงจัง
“รู้แล้วๆ แฟนผมน่ารักจัง” ผมยิ้ม แล้วก็นวดมือมัน
“แล้วนอนริมหรือเปล่า?” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“ไม่ นอนที่ๆพี่อ๊อฟเห็นนั่นแหละ มันสนิทกันแล้วไง อีกอย่างย้ายตอนนี้มันก็ดูเหมือนรังเกียจเพื่อนหรือเปล่า”ผมพูดแบบไม่จริงจังนัก มันก็พยักหน้า
“อย่าไปทำอะไรพวกมันละ” มันพูดกวนๆ
“บ้า!” เริ่มหายโกรธผมแล้วละ เริ่มจะเป็นเหมือนเดิมแล้ว
ผมก็นวดให้มันและก็คุยกับมันไปนิดหน่อย ก็ต้องรีบเข้าไปในเต็นท์เพราะพี่คุมมา ผมเข้าไปก็บอกให้เพื่อนๆแกล้งหลับไปก่อน เพราะถ้ายังไม่นอนแล้วโดนจับได้ตอนนี้คือไม่ได้นอนเลยนะ เขาจะทำโทษ อันนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้ก็เขาพูดไว้แบบนี้ พอเสียงเงียบไป ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอีก สนุกสนานไป....
“นทกูปวดตรงนี้วะ ใช้ยานวดให้หน่อยดิ!” ไอปลื้มมันนอนคว่ำแล้วชี้ไปตรงกลางหลัง ผมก็พยักหน้าแล้วก็ทำให้มัน
“พอแล้วมั้งกูเมื่อยแล้ว” ผมพูดนิ่งๆ
“อืมๆ” แล้วมันก็หันมานอนหงาย “อ่า สบาย!” มันครางออกมาอย่างสบาย
“โกกิ ดีขึ้นยังอ่า” ผมหันไปถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้เหมือนกัน” มันก็ลุกขึ้นมาดู รู้สึกว่าบวมกว่าเดิมอีก
“ทำไมมันบวมกว่าเดิม ขอดูมันหน่อยนะ” ผมสะกิดให้ไอซ์กับมายด์ถอยหน่อย มันก็เขยิบให้ผมไปนั่งข้างๆโกกิ “ปวดมากเปล่า?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่มาก แต่ก็ปวดนะ” โกกิบอกแล้วเบ้หน้า
“เดี๋ยวไปตามพี่เขามาดีกว่า พรุ่งนี้อาจจะไม่ไหวนะ!” ผมบอกอย่างจริงจัง
“ไม่ลองนวดให้มันดูก่อนละ” โบลิ่งบอกนิ่งๆ
“กลัวมันจะช้ำกว่าเดิมอะดิ”ผมบอกแล้วมองไปที่ข้อเท้า ผมก็บีบยาแล้วก็นวดเบาๆ “เจ็บไหม?” ผมถามอย่างเป็นห่วง มันก้ส่ายหน้า
ผมก็นวดไปตามที่เคยรู้มาจากอาหมอ ตอนเด็กๆผมชอบขาแพลง แล้วก็ปวดหนักเป็นประจำ อาหมอก็สอนผมบ่อยๆ ผมก็นวดๆไปดึงข้อมันบ้างเผื่อมันจะส้น ผมทำไปมองหน้ามันไปก็เหมือนไม่ปวดมาก ผมก็เลยนวดไปตามวิธี พอเสร็จก็ลองให้มันหมุนข้อเท้าดู.....
“เออ โอเคขึ้นวะ” มันเผยยิ้มออกมา
“อื้ม อย่าเพิ่งไปกระแทกแรงละ!” แล้วผมก็ลุกกลับที่นอนตัวเอง
“เก่งว่ะ มึงเป็นหมอเหรอ?” ไอปลื้มถามกวนตีนไง
“อากูเป็นหมอ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“อาเป็นถึงหมอ แล้วไหงมึงบอกว่าจน!” ไอปลื้มถาม ผมถึงกับชะงัก
“อากูเป็นหมอ ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะรวยป่ะ” ผมล้มตัวนอน
“กระเป๋าสวยนะนท รุ่นนี้แพงมากเลยนะ” ไอซ์ถามขึ้นมา ผมเบื่อไอพวกนี้จริง ผมเอากระเป๋ากีฬาแบรนดังมาเข้าค่ายไง จะจับผิดกันเพื่ออะไรวะ?
“อืม ของพี่อะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกมันก็ถามแบบจับผิดผมกันต่อไป ผมก็ตอบนิ่งๆ คือบ้านผมจะจนจะรวยแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกมัน ถามกันอยู่นั่นแหละ จนผมนอนไปเพราะถ้าดูจากนาฬิกาข้อมือของไอซ์ก็5ทุ่มแล้วก็ควรนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งตี5แหนะ เช้าเกินผมก็หลับไป เพื่อนๆก็ทยอยหลับกันแล้ว...
ผมสดุ้งตื่นกลางดึก คือปวดฉี่หนักมาก บวกกับอากาศที่ค่อนข้างจะหนาวด้วยแหละ ไอปลื้มมันดึงผ้าห่มผมไปห่มคนเดียวหมดเลย........
“ปลื้มๆ” ผมเรียกมันเบาๆแล้วก็เขย่าตัวมัน
“อื้อ!” ไอเวรนี่มันทำรำคาญผม
“ไอซ์ๆ” ไอนี่หันหลังหนีเลย พึ่งพากันได้จริงๆนะพวกมึง
ผมก็ไม่ไหวแล้วด้วย โถ่! ผมก็เลยค่อยๆลุกแล้วก็เดินข้ามเพื่อนๆไปเพื่อออกจากเต๊นท์ พอออกไปได้ก็เห็นว่าบรรยากาศมันวังเวงเหลือเกิน ผมเอาแขนกอดตัวเองไว้ เพราะอากาศเย็น ผมก็ค่อยๆเดินไป อย่างกล้าๆกลัวๆ ปิดไฟมืดหมด น่ากลัวจริงๆ เสียงนกเสียงสัตว์ป่าก็โหยหวนอะไรกันก็ไม่รู้
"แคว้กๆๆ!!! พรึ่บๆ! พรือๆ!"
“อ๊ากกกกกกก!” ผมวิ่งเลยสิ ไปหลบอยู่ข้างเต๊นท์ใครก็ไม่รู้แล้วเอามือปิดตา เสียงอะไรก็ไม่รู้ เหมือน แมวหรือนกอะไรสักอย่าง........
ขนาดผมร้องเสียงดังขนาดนั้นก็ยังไม่มีใครเดินมาเลย แม้แต่คนในเต๊นท์ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาดู ผมก็คงต้องพึ่งตัวเอง ผมก็ค่อยๆลืมตา แล้วก็รีบเดินไปห้องน้ำก่อนฉี่มันจะราดตรงนี้ ผมก็เดินจ้ำๆไป เอามือปิดหูไปด้วย กลัวมากบอกตรงๆ จะฉี่ข้างต้นไม้ก็กลัวโดนผีหักคอเอาอีก คือทำไมเวลาแบบนี้เรื่องผีต้องอยู่ในหัวผมเต็มไปหมดก็ไม่รู้นะ พอถึงห้องน้ำผมก็รีบเข้าไปฉี่เลย....
“เฮ้อ!” ผมถอดหายใจอย่างโล่ง เมื่อได้ปลดปล่อย(ฉี่)
"มึงแน่ใจนะว่ามันอยู่ในนี้อ่ะ!" ผมชะงักไป ใคร?....
"แน่สิ เมื่อกี้กูเห็นมันทำท่ากลัวอะไรสักอย่างแล้ววิ่งเข้ามาในห้องน้ำเนี่ย!" เสียงผู้ชายแต่ไม่ใช่ผู้ชาย คือแอ๊บเสียงกันมาก พวกตุ๊ดชัวร์ๆ จริงๆโรงเรียนผมก็มีนะ และถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้แสดงออกขนาดนั้นด้วย อีกอย่างคนพวกนั้นมักจะไม่ค่อยพอใจผม สักเท่าไหร่ ชอบหาว่าผมแอ๊บ? ชอบแขวะหรือมองจิกเวลาเดินผ่าน แต่ผมก็มักจะไม่สนใจ เพราะว่าผมไม่ยุ่งกับคนพวกนั้นอยู่แล้ว มีบ้างที่ชอบมายุ่งกับพี่อ๊อฟ เพราะในห้องพี่อ๊อฟก็มีตุ๊ดเกย์เหมือนกันแต่พี่อ๊อฟก็ไม่เล่นด้วยอยู่แล้ว อย่างมาที่ค่ายวันนี้ก็มีเยอะอยู่นะแต่ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพวกนั้น แล้วพวกนี้มาตามผม? ทำไม? เพราะตอนนี้ในห้องน้ำมีผมคนเดียวไง จากที่ผมสังเกตุก่อนจะมาเข้าห้องน้ำห้องนี้.........
"ปั้งๆๆๆ!" ประตูห้องน้ำผมถูกทุบอย่างดัง ทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง
"ออกมาได้แล้วเว่ยยย!" เสียงนี่สุดๆเลย ผมก็เปิดประตูออกไป ตกใจไปหน่อย ยืนกัน5คน ก็เคยเห็นแล้วละในค่ายแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะอยู่คนละกลุ่ม และคนละโรงเรียนด้วย.............
“มีอะไรเหรอ?” ผมถามนิ่งๆ
“คือพวกเราข้องใจเว่ย!” ผมอมยิ้มให้กับท่าทางและการพูดของมัน คือทำปากทำหน้าทำตา ผมเกือบหลุดขำแหนะ “นี่มีอะไรน่าขำเหรอ!” มันทำหน้าไม่พอใจ
“ปะ..เปล่า ข้องใจอะไรเหรอ?” ผมปรับสีหน้านิ่งทันที
“แกเป็นใช่ป่ะ?” ผมก็พยักหน้า คงรู้ความหมายกันเนอะ
“ฉันเห็นแกอะ ยุ่งกับผู้ชายที่พวกฉันชอบ พวกฉันไม่พอใจมากบอกตรง” พูดไปทำหน้าไม่พอใจไป
“ผู้ชายคนไหนอะ?” ผมถามนิ่งๆ แล้วกอดอกมองมัน ผมก็เริ่มไม่พอใจแล้ว จะมาหาเรื่องกันยามวิกาลแบบนี้เหรอ
“รุ่นพี่คนนั้นอ่ะ ที่แกนั่งนวดให้เขาใต้ต้นไม้อะ ดี๋ด๊าน่าหมั่นไส้สุดๆเว่ย!” เบะปากได้หน้าเหมือนปลาไหลมาก ผมก็พยักหน้านิ่งๆ
“อ่อ! อันนั้นอะแฟนเราเอง! ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วย!” ผมพูดนิ่งๆ
“มโนค่ะ พี่เขาบอกว่าแกเป็นแค่น้องแถวบ้านที่สนิท!” นางโมโห ผมก็ชะงักไปนิดเพราะไม่คิดว่าพี่อ๊อฟจะพูดแบบนั้น
“อ๋อ! จะคิดยังไงก็แล้วแต่อะ ถ้าไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้ และอีกอย่างนะ” ผมมองพวกมันทีละคน ถามว่ากลัวไหม กลัวนะ แต่ถ้าแสดงให้พวกมันเห็นว่ากลัวมันก็แปลว่าผมแพ้น่ะสิ “พี่เขาไม่สนใจพวกแกหรอก” ผมพูดนิ่งสุดๆ
“แหมๆๆๆ! ทำเป็นมั่นใจไป หน้าอย่างแกก็เป็นได้แค่อีแอบนั่นแหละ!” พูดแล้วทำตาถลน
“ถ้าจะมาพูดเรื่องไร้สารก็พอเถอะนะ เราจะไปนอนแล้ว” ผมจะเดินออกจากห้องน้ำมันก็มายืนบังกันไว้ “จะเอายังไง” มองแบบไม่พอใจ
“นี่ฉันไม่ได้อดหลับอดนอนเพื่อมาพูดกับแกแค่นี้หรอกนะ!” นางเสียงดังแล้ว
ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ และก็แปลกใจหลายๆอย่างทำไมไม่มีครูฝึกมาเฝ้าเวรยามหรือพวกรุ่นพี่ไปไหนหมด? ผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“โอเคๆ เขาเป็นแค่พี่แถวบ้าน โอเคไหม จบนะเราขอตัวก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก” ผมพูดอย่างเก็บอารมณ์ คือผมไม่อยากมีเรื่อง ยิ่งต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องพวกนี้อีกผมขอไม่เอาแล้ว
“อย่างนั้นก็ดี” พวกมันยิ้มอย่างผู้ชนะกัน ผมก็กรอกตาให้กับความหลงตัวเองของพวกมัน
“งั้นก็ถอย เราจะไปนอน” ผมบอกนิ่งๆ
“มันไม่ใช่แค่พี่คนนั้นนะ ไอคนที่เล่นเป็นบ้ากับแกด้วยอะ แล้วก็คนที่กอดแกหน้าห้องน้ำคนนั้นอีก แล้วก็คนที่ไปลากแกออกไปโดนทำโทษเมื่อตอนบ่ายด้วย ละ....” ผมตะลึงนะ มันเฝ้าตามผมเลยเหรอ แล้วผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะ ต้องมาวนเวียนกับไอพวกที่อยู่ข้างๆผมเนี่ยนะ
“นี่คือตามดูเราเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ!”ผมพูดตัดบทมันอย่างไม่พอใจ มันเกินไปจริงๆ
“ก็แกมันฉาวนี่ ทำไมฉันจะไม่รู้จักแก เขาเอาแกไปพูดกันให้ทั่ว!” มันทำหน้าเหยียดผม
“พูดอะไร? และเขาไหน?” ผมถามนิ่งๆ
“ไม่รู้ตัวเหรอ?” ทำจีบปากจีบคอน่าหมั่นไส้มาก
“งั้นขอตัวนะ!” ผมพูดนิ่งๆ เพราะเบื่อจะมาพูดจาไร้สาระเต็มทน
ปึก! ผมเดินชนพวกมันอกมาเลย ขวางดีนัก ผมเดินพ้นห้องน้ำมาได้นิดหน่อยมันก็เดินตามมาด่าผมแล้วก็เดินมาขวางหน้าผมอีก ตอนนี้เรายืนกันอยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งทั้งมืดทั้งวังเวง.....
“มันจะมากไปแล้วนะ!”โกรธ?
“แล้วมันจะน้อยไปไหมละ เรารู้จักกันขนาดต้องมายืนด่ามายืนทำหน้าไม่พอใจกันหรือยังไง! และอีกอย่างนะถึงพวกแกจะชอบพวกมันอะ พวกมันก็ไม่ชอบพวกแกหรอก!” ผมพูดอย่างหมดความอดทน พร้อมกับทำหน้าสมเพชพวกมัน
“ปากดีนะมึง!” ง้างมือจะตบ ผมก็เชิดหน้ารอมันพร้อมทำตาแข็ง
“อย่าเลยมึง เพราะคนสวยๆอย่างพวกเราไม่ควรลดตัวไปตบกับพวกชั้นต่ำหรอก” พูดจีบปากจีบคอ ผมก็แสยะยิ้ม
“งั้นคนชั้นสูงทั้งหลายก็ควรไปนอนนะ ดึกดื่นป่านนี้ไม่นอน แถมยัง...ทาแป้งสะหน้าขาวเป็นผีแบบนี้ ระวังผู้ชายเขาจะตกใจหนีเข้าป่ากันไปหมดนะ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วก็ยิ้มเยาะพวกมัน
“ฮึ! ถามจริงๆเถอะนะ การที่พวกฉันมากันหลายคนเนี่ย.....” มันกัดฟันพูดมันคงโกรธเต็มทีแล้วละ “หมับ!” บีบแขนผมอย่างแรง ผมนิ่วหน้านิดหน่อยเพราะมันเอาเล็บจิก ผมก็ใช้มืออีกข้างพยายามดึงออกแต่ก็ไม่เป็นผล “ไม่ได้ทำให้แกกลัวเลยใช่ไหม!” ตะคอกอย่างโมโห แต่เสียงแมนมาก ขัดกับแป้งและลิปบนหน้าที่มันทามา
“แล้วทำไมจะต้องกลัวละ ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด อีกอย่างพวกแกเองไม่ใช่หรือยังไงมาหาเรื่องเราอะ!”ผมเถียงอย่างไม่ยอม
ปึก! ตุบ! ตัวผมล้มไปตามแรงถีบจากด้านข้าง คนที่จับแขนผมก็เอาเล็บขูดแขนผมตอนที่ผมกำลังล้มไปด้วยเป็นรอยมีเลือดซิบเลย ผมเงยหน้ามองพวกมันตาขวาง......
“มึงยังจะเก่งอยู่นะ! มองพวกกูอย่างนี้มึงอยากเจ็บตัวอีกหรือยังไง!” คือมันจะพุ่งมาแต่เพื่อนอีกคนมันจับไว้
“นี่ไม่กลัวว่าเราจะไปฟ้องครูเหรอ? ถึงได้ทำตัวเหมือน...ไม่มีใครรักแบบนี้อะ!” ผมตะคอกกลับอย่างไม่ยอม
เพี๊ยะ! คนที่อยู่หน้าผมพุ่งเข้ามาตบผม ผมก็เอามือปัดป้องแล้วก็ใช้ตีนถีบพวกมันบางคนก็ถอยออกไป อีกคนก็วิ่งเข้ามานั่งทับตัวผมแล้วก็ข่วน ตามแขนผมมีแต่รอยไปหมดแล้ว เพราะเอามือบังหน้าไว้ ไม่งั้นเสียโฉมจะทำยังไง ผมได้จังหวะจับมือมันได้ผมก็บีบข้อมือมันสุดแรง มันตัวอ่อนล้มไปข้างๆผม ผมกำลังจะลุกอีกคนกระโดดถีบผมล้มไปอีกครั้ง พวกมันกำลังจะวิ่งเข้ามาซ้ำผมกำทรายที่อยู่ที่พื้นโยนใส่หน้ามันเลย และก็ได้ผล ทรายเข้าตาพวกมัน ผมก็ลุกขึ้นอย่างเร็วคนที่โดนทรายวิ่งไปห้องน้ำสามคน ตอนนี้เหลืออีกสอง มันมองผมแบบจะฆ่าผม ผมก็ยิ้มให้มันแบบกวนๆ มันกรีดร้องแบบโกรธแค้นแล้วกะโจนใส่ผมทั้งคู่ ผมใช้ตีนทีบอีคนที่มันมาถึงผมก่อนจนมันล้มไปแล้วผมก็กระโดดคร่อมมันแล้วก็รัวหมัดใส่มันไม่ยั้ง ทั้งหมัดทั้งตบ ทั้งข่วน เอาคืน อีกคนก็จิกหัวผม ทุบหลัง ผมเอาความเจ็บทั้งหมดที่หลัง มาลงอีคนที่มันโดนผมคร่อมเนี่ยแหละ เน้นต่อยไปที่ปาก กะเอาให้ฟันแม่งหักไปเลย ทำแบบนั้นไปสักพักอีกสามคนก็ออกมารุมผม อีกคนก็มารัวทุบ ผมก็จับหัวคนที่ผมคร่อมมันอยู่โขกกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง อีกคนก็สาดทรายใส่ผม และแน่นอนว่ามันก็ต้องกระเด็นโดนเพื่อนมัน ไปๆมาๆเพื่อนของมันสามคนลากผมลงจากตัวเพื่อนมันที่ผมคร่อม ตอนนี้ผมโดนรุมเตะ น่วมเลยเอาจริง
"เห้ย! ทำอะไรกัน!" ใครไม่รู้ตะโกนมา อีพวกนี้วงแตกเลย หนีกันไปคนละทิศคนละทางเลย ผมก็นอนเจ็บอยู่เนี่ยแหละ สักพักคนที่ตะโกนมาเมื่อกี้ก็เข้ามาช่วยพยุงผมลุกขึ้น จริงๆไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่มันเหนื่อยอะดิ พอผมหันไปมอง.......
“พี่ชล” ผมยิ้ม ก็พี่ชล ที่จัดกิจกรรมเมื่อบ่าย ที่แกล้งผมให้เต้น
“ทำไมสภาพเป็นงี้วะ” มันมองผมแบบตกใจ
“โดนพวกเวรนั่นรุมไง เจ็บชิบ!” ผมดูตามเนื้อตัวมีแต่รอย จบกัน เพิ่งหายจากโดนซ้อม มาโดนรุมอีก เวรกรรมอะไรของผม
“เออๆ ไปทำแผลก่อนเถอะ!” พี่ชลบอกเสียงดุ แล้วก็ลากผมไป
ใช้คำว่าลากเนอะ มันก็เห็นไงว่าผมเจ็บ ดึงสะแบบว่ารีบไปตายเหรอครับพี่ ผมก็ตามไปนิ่งๆเนี่ยแหละ ตอนนี้ก็ตี2กว่าแล้ว โถ่! ต้องมามีเรื่องเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว ผมก็ไปนั่งทำแผลที่ห้อง เอ่อ! ห้องอะไรสักอย่างมีกล้องวงจร มีแฟ้มเยอะแยะไปหมด ผมถามพี่เขาว่าไม่มีเวรเฝ้าอะไรตอนกลางคืนเลยเหรอ เขาก็บอกมีแค่เดินตรวจตามเวลา และตอนที่ผมมีเรื่อง มันไม่มีใครมาเดินตรวจ ผมก็ซวยไป ผมก็คุยกับพี่เขาไปเขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็เล่าไป แบบหมดเปลือกพี่เขาก็ทายาอะไรตามตัวให้ผม แสบมากตรงรอยข่วน ดีนะที่หน้าผม ไม่โดนเยอะ มีแดงๆที่แก้มเป็นรอยมือ และรอยข่วนนิดๆ มุมปากก็แตกนิดหน่อย แค่นั้น แต่แขนขานี่เต็มเลย พอทำแผลเสร็จพี่ชลเขาก็ไปส่งที่เต๊นท์ เราก็เดินคุยกันไปด้วยจนถึงเต๊นท์.....
“พี่ชล ผมไม่ยอมนะ ฟ้องครูฝึกเลย เอาเรื่องให้ถึงที่สุด!” ผมบอกอย่างแค้นใจ ตอนนี้เรายืนกันหน้าเต๊นท์ผม
“เออๆ เดี๋ยวจะจัดการให้ ดูแลตัวเองดีๆละ ถ้าใครมาหาเรื่องก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับมันหรอก พี่ไปแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบก็ขยี้หัวผมแล้วก็เดินไป
ผมก็กลับเข้าเต๊นท์ เพื่อนๆก็นอนกันสบายเหลือเกิน มีผมที่ตกระกำลำบากอยู่คนเดียวเนี่ย แค่ไปเข้าห้องน้ำต้องเจ็บตัวถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย รู้งี้ฉี่ตรงต้นไม้ดีกว่า ยอมโดนผีหลอกดีกว่ามั้ง คิดอะไรไปทั่วผมก็ล้มตัวนอน เพราะง่วงมากเหลือเกิน ก็หลับไป  ผมมาสดุ้งตื่นอีกทีเพราะมีแรงเขย่าที่ตัวผมและเสียงก็ดังด้วย ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา เพื่อนๆนั่งล้อมตัวผม นี่ก็ยังมืดอยู่....
“เอ่อ! เขาเรียกแล้วเหรอ อืม” ผมพูดอย่างงัวเงีย เหมือนเพิ่งนอนไปได้แปปเดียวเอง
“ตื่นเลยมึง ครูเป่านกหวีดแล้ว แล้วตัวมึงไปโดนอะไรมาวะ!” ไอปลื้มถามอย่างเป็นห่วง
“แผลเหมือนไปมีเรื่องกับใครมา” โกกิถามแล้วทำหน้าเครียด
ผมก็นอนหลับตาฟังคำถามที่พวกมันรัวมาให้ แล้วผมก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ลูบหน้าตัวเองนิดหน่อย ปรากฏว่าเจ็บ ระบมเลย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก อดเอาแค่นี้เอง ไอพี่เฟิสจัดผมหนักกว่านี้ 10 เท่านะ แค่นี้เล็กน้อยมาก.......
“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะ ไปอาบน้ำกันเถอะ!” ผมพูดนิ่งๆ พวกมันก็ทำหน้าไม่พอใจกัน
เอาจริงๆจะเป็นห่วงผมอะไรขนาดนั้น ผมก็เตรียมของแล้วก็เดินออกเต๊นท์ไปกัน เราก็ตรงไปห้องน้ำ และก็ไปเจอพวกนั้นอีก มันก็มองผมแบบผู้ชนะ ผมก็ยิ้มให้มันแบบร้ายๆตอนนี้ผมกับปลื้มเดินหลังเพื่อนๆคนอื่นไง....
“ปลื้ม ดูสิเจ็บมากเลยอ้า!” ผมทำท่าอ้อนไอปลื้มมันก็ดูที่แผลผมอย่างเป็นห่วง
อีพวกตุ๊ดหน้าวอกพวกนั้นถึงกับสั่น มันคงจะหมั่นไส้ผมเต็มที่ ผมก็อ้อนไปปลื้มแล้วก็เดินผ่านพวกผีหน้าวอกพวกนั้นไป พวกมันดูจะของขึ้นนะ ผมจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดูอีพวกผีวอกเนี่ย! พอเข้าไปในห้องน้ำพวกผมก็ล้างหน้าแปรงฟันกันเท่านั้น เพราะสายๆเขาจะให้อาบอีกทีนึง.....
“แสบมากหรือเปล่ามึง” ปลื้มถามอย่างเป็นห่วง
“นิดเดียว” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“อะไรวะ! เมื่อกี้ยังมาอ้อนให้กูดูอยู่เลย” ไอปลื้มพูดอย่างไม่พอใจ
“มึงอย่าเยอะน่า” โกกิพูดแล้วมายืนข้างๆผม
“นทมึงต้องเล่านะเว้ย! ไม่งั้นกูจะบอกครูฝึกว่ามึงไปโดนกระทืบมา” ไอซ์พูดติดตลก
“กูโดนรุมซ้อมมาวะ” ผมพูดนิ่งๆ พวกมันเงียบกันเลย
“รอยเต็มตัวมึงเลยรู้เปล่านท ดูหลังดิ ถอลกไปหมด ดูแขนมึงด้วย!” โบลิ่งพูดอย่างกังวล
“กูจะเอาคืนพวกแม่ง!” ผมพูดแบบข่มอารมณ์แล้วก็กระแทกแปรงฟันเข้าปากตัวเอง เจ็บสุดๆ555
“ใครวะมึง?” โอ้ถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวพวกมึงก็รู้” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ ควรอายไหมไปมีเรื่องกับพวกนั้น โถ่ชีวิต!
พอล้างหน้าแปรงฟันอะไรเสร็จก็เดินกลับ พวกพี่เขาก็ไปประชุมกัน พี่อ๊อฟจะรู้ไหมเนี่ยว่าผมเจ็บตัวอีกแล้ว กลับไปที่เต้นก็เปลี่ยนชุด วันนี้ใส่กางเกงวอร์มเสื้อยืด สบายๆ แต่ต้องใส่ผ้าพันคอกับหมวกที่เขาเพิ่งแจกให้ อึดอัดชิบ ทำอะไรเสร็จก็ไปเข้าแถว เขาจะพาออกกำลังกายยามเช้า เอ่อ! นี่เช้าเหรอ ทำไมฟ้ามันมืดแบบนี้...........
“ไหนวะ ใครที่เป็นคนทำมึง” ไอปลื้มอยู่ๆมันก็พูดขึ้น เพราะตอนเดินมาเข้าแถว คนเขาก็มองผมกันเต็มเลย อย่างที่รู้ผมก็เด่นพอควรอยู่แล้ว และยังมีแผลประดับเรือนร่างอีกเด่นเข้าไปใหญ่ ขาอะไม่เห็นหรอก แต่แขนก็เละขนาดนี้ไม่มองให้รู้ไป
“รอก่อนเถอะน่า!” ผมพูดปัดๆไป หวังว่าพี่ชลจะบอกครูฝึกแล้วนะ
แล้วก็เริ่มกิจกรรมออกกำลังกายไป ผมก็ทำแบบไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ แสบมันตึงแผล ก็ทำไปเท่าที่ทำได้ พอเสร็จครูฝึกก็ออกมาพูดถึงกิจกรรมวันนี้นิดหน่อย พวกพี่ๆเขาไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ อยากเจอพี่อ๊อฟจะแย่อยู่แล้ว....
“เอาละ เดี๋ยวจะให้พักกันก่อนเนอะแล้วเดี๋ยวมารวมตัวกันอีกที จะได้ทำข้าวเช้าทานกัน”ทุกคนโฮ่กันเลยทีเดียว ทำกินเองอีกแล้ว แล้วพวกพี่ๆทหารก็เดินมากัน พี่ชลก็เดินไปกระซิบครูฝึก “อ้อ! เมื่อคืน!” ตอนแรกยังอารมณ์ดี คราวนี้พูดเสียงแข็ง ทุกคนถึงกับเงียบกริบ “เมื่อคืนมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น!” ทุกคนมองหน้ากันเลย ส่วนคนที่อยู่ใกล้ๆผม ก็มองผมกันเต็มไปหมด “ครูเข้าใจครับว่ามันหลายโรงเรียน แต่เราก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงจริงไหมครับ!” ทุกคนก็ตอบว่าจริงครับจริงค่ะเสียงดังฟังชัด “แล้วทำไมถึงได้เกิดเหตุทะเลาะกันได้อยู่! ออกมาเลยครับ! อย่าให้ผมต้องได้เรียกชื่อครับ!” บอกเสียงโหดมาก ผมก็มองซ้ายขวาเอาไงดีวะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ชลก็ส่งซิกให้ผมออกไป ผมก็ลุกขึ้น ทุกคนก็มอง พวกพี่ๆที่กำลังเดินมาก็มองผมกันอย่างตกใจ หน้าผมไม่เท่าไหร่ แต่แขนอะ เป็นรอยขีดยาว เหมือนโดนมีดบาด หลายรอยเลย เป็นแผลตกสะเก็ดยาวๆเต็มแขนเลย พี่อ๊อฟมองผมแบบตั้งคำถามไปหมด ผมเดินออกไปหาครูฝึกข้างหน้าแถว......
“เรื่องมันเป็นยังไงครับ คุณทำร้ายตัวเองเหรอ แล้วอีกฝ่ายไปไหน!” ครูก็โหดไปไหน พูดเสียงดังผมถึงกับสะดุ้ง พี่ชลก็เอาแขนโอบไหล่ผมไว้
“ตรงที่น้องมีเรื่อง มันหน้าห้องน้ำเลย มันมีกล้องอยู่นะ ไม่ต้องกลัว พี่เช็คแล้วยังไงพวกมันก็ผิด” พี่ชลกระซิบบอกผมอย่างใจดี ผมก็ยิ้มอ่อนให้ไป
“จะต้องให้ผมเรียกชื่อพวกคุณทั้ง5คนหรือเปล่าครับ” ผมมองหน้าครูฝึกเลย เขาได้ดูกล้องคงรู้หมดแล้ว
แล้วอีกพวกผีหน้าวอกก็ลุกขึ้นมา ทุกคนคือฮือฮา โดยเฉพาะพวกเพื่อนๆผม เพื่อนใหม่ และพวกไอสิงโต ดูจะไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก พี่อ๊อฟคือนิ่ง นิ่งมาก อีพวกผีวอกมันก็ทำหน้างอเบะปากกัน ยืนบิดไปบิดมา บางคนก็ทำหน้าไม่พอใจ ผมก็มองนิ่งๆ......
“ดูจากสภาพก็น่าจะรู้นะครับว่าใครผิด” มองไปทางพวกนั้นอย่างไม่พอใจ คือครูเขาไม่ได้ใช้ไมค์หรือทรโข่ง แกตะโกนพลังเสียงของแกคือยิ่งใหญ่มาก ก้องกังวาล
“ครูคะหนูไม่ได้ทำค่ะ อีกอย่างมันอะเริ่มก่อน!” มันชี้มาทางผมแล้วโวยวาย
“พวกเธอตั้ง5คน รุมเขาบอกว่าเขาเริ่มก่อน” ครูถามอย่างนิ่งๆ พร้อมทำหน้าตั้งคำถาม
“คือเขาตบหน้าหนูก่อนอะค่ะครู” บีบน้ำหูน้ำตา เป็นอะไรที่น่าขยะแขยงที่สุด
“เอาล่ะ พวกที่เหลือไปพักซะ แล้วรอไปรับวัตถุดิบไปทำข้าวกิน ส่วน6คนนี้ตามครูมา” พูดเข้มๆแล้วก็เดินไป
ผมก็เดินตามไป พี่ชลก็เดินไม่ห่าง เพราะพี่ชลคือพยานคนเดียวของผม เราก็เดินกันไป ห้อง เอ่อ! ห้องที่พี่ชลพาผมมาทำแผลเมื่อคืน ครูฝึกก็ให้พี่ชลไปเปิดกล้องวงจรให้ดู คือเต็มๆ เห็นจะๆ หน้าชัดเจน คือมันอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำเลย และภาพที่เห็น ผมกำลังต่อสู้เพื่อป้องกันตัวสะด้วย พวกรุ่นพี่ก็ตามมาดูบางส่วน หนึ่งในนั้นก็มีพี่อ๊อฟ.....
“จริงๆพวกเธอก็ไม่น่ามีพฤติกรรมที่รุนแรงขนาดนี้นะ สถานที่นี้ไม่ได้มีไว้ให้พวกเธอมาทำเรื่องแบบนี้กัน!” หันไปพูดกับพวกนั้นนิ่งๆ ผมก็นั่งทำหน้าเศร้าๆ
ตอนนี้พวกครูที่มากับโรงเรียนก็มาดูกันแล้ว โรงเรียนผมมีครูห้องปกครองมาด้วยและหนึ่งในนั้นก็มีครูกมล และครูวิชาพละ ส่วนโรงเรียนอื่นผมไม่รู้ ตอนนี้ก็เริ่มพูดคุยกันแล้ว เพราะอีพวกผีหน้าวอก มันไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันทั้งหมด มันอยู่โรงเรียนไอสิงโต2คน และก็อีกโรงเรียน3คน ผมก็งงมันมารวมตัวกันได้ยังไงวะ ตอนนี้เริ่มเคลียล์กัน เพราะผมถูกทำร้ายและครูกมลคงรู้ ว่าถ้าผมกลับไปบ้านสภาพนี้จะเป็นยังไง ผมก็ได้แต่เล่าเรื่อง และพวกมันก็เอาแต่สร้างเรื่องโกหกสาระพัด ซึ่งจริงๆไม่ต้องถามอะไรมาก พวกมันก็ผิดอยู่แล้ว อีกอย่างคือพวกมันไม่ได้เป็นอะไรมากเลยต่างจากผมสิ้นเชิง พวกมันก็มีช้ำบ้างถลอกบ้างแต่ไม่เท่าผม.....
“คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เด็กทะเลาะกัน และแน่นอนไม่ว่าจะเหตุผลอะไร เด็กของโรงเรียนคุณทั้งสองเป็นฝ่ายผิด กรุณาทำให้ถูกต้องด้วยนะครับ” ครูกมลพูดอย่างจริงจัง
“แล้วอย่างนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบละครับ ทางค่ายหรือทางโรงเรียน?” ครูฝึกถามอย่างจริงจัง คงไม่เคยมีเรื่องแบบนี้สินะ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอุบาทว์อยู่เรื่อยเลย
เขาก็พูดคุยกันไป ผมก็เริ่มเบื่อแล้ว จะขอออกไปก่อนก็ไม่ได้ ครูกมลจะพาผมไปอนามัยในหมู่บ้านแถวนี้ เริ่มไปกันใหญ่แล้ว พอเคลียล์กันจบก็ลงตัว พวกครูฝ่ายโรงเรียนนั้นเขาก็ยอมรับอยู่แล้วว่านักเรียนเขาอะผิดแต่อีตัวก่อเรื่องมันด้านไง แถจนถลอกปอกเปือกก็ยังไม่ยอมหยุด จนครูเขาบอกให้พวกมันหุบปาก ผมถึงกับหลุดขำ ตั้งแต่ผมเข้ามานั่งในห้องนี้ผมก็เล่าเหตุการณ์นิ่งๆไปเท่านั้นไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น ต่างจากพวกมันทั้งแก้ตัวทั้งแถ
จนไปไม่รอดทั้งสองโรงเรียนจะรับผิดชอบ และลงโทษพวกนั้น พวกนั้นถูกลงโทษโดยการไม่ให้ผ่านกิจกรรมนี้ ง่ายๆคือตกวิชานี้ไป ไปแก้เอาปีหน้าหรือปิดเทอม ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจให้พวกมันไป
พวกมันดูโกรธแค้มผมมาก งานนี้ผมไม่ผิดนะพวกมันมาว้อนหาเรื่องเองช่วยไม่ได้ ถึงพวกมันจะโดนไม่ให้ผ่าน แต่พวกมันก็ต้องทำกิจกรรมไป แถมยังต้องโดนทำโทษโดยครูฝึกตลอดการเข้าค่ายนี้ด้วย หนักสุดๆ ตอนนี้ผมก็ได้ไปตรวจร่างกายที่อนามัยในหมูบ้านครูกมลไปส่ง ตอนแรกครูทั้งสองโรงเรียนนั้นจะไปส่งแต่ครูกมบอกไม่ต้อง พวกครูเขาก็ไปอบรมนักเรียนของตัวเองไปและคงพาพวกมันไปทายาด้วยมั้ง ผมมากับครูกมล พี่ชล และพี่อ๊อฟ? มันขอมาด้วยโดยอ้างว่าเป็นพี่ชายผมเขาก็เลยยอม พอมาถึงอนามันก็ตรวจอะไรไปนิดหน่อยแล้วก็ได้ยาแก้ปวดแก้อักเสบมากินได้ยามาทาแค่นั้นก็พากันกลับ ระหว่างทางผมก็ได้พูดคุยทั้งกับครูและพี่ชลอย่างสนุกปาก แต่พี่อ๊อฟก็เอาแต่นั่งเงียบ ผมก็เอื้อมมือไปจับมือมันมันนั่งข้างหลังกับผม เอารถเก๋งของค่ายมา....
“นท ครูต้องโทรบอกป๊าเธอนะ” ครูกมลอยู่ๆก็หันมาบอก ผมกำลังจะคุยกับพี่อ๊อฟอยู่แล้วเชียว
“ครับครู” ผมยิ้มอ่อนให้ครู
แล้วครูก็โทรหาป๊าไป พูดอย่างเกรงอกเกรงใจเชียว ผมก็หันมองพี่อ๊อฟ มือก็ยังไม่ปล่อยจากมือมันนะ มันก็หันหน้าออกไปนอกกระจกรถ ผมก็กระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆมัน....
“ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า” ผมถามเบาๆ เพราะครูกำลังคุยกับป๊าอยู่
“กูแค่.....รู้สึกผิดว่ะ” กระชับมือผมแน่น “กูมากับมึงแท้ๆ แต่ดูแลมึงไม่ได้อีกแล้ว”(น้ำตาคลอ)
“บอกแล้วไงว่าอย่าโทษตัวเอง” ผมหยิกแก้มมัน แล้วโน้มหน้าไปกระซิบมัน... “กลับถึงค่ายค่อยคุย อย่าคิดมากดิ” กระซิบบอกมัน มันก็อมยิ้ม
ไกลพอสมควรเลย หมู่บ้านกับค่าย ครูกมลก็คุยกับป๊านานเหลือเกิน ป๊าเหมือนไม่ยอม ครูกมลก็ไกล่เกลี่ยอะไรทำนองนั้นแหละ สักพักครูกมลลก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็เอาแนบหู....
“ฮะ.....”
“นท! ใครมันทำอะไรนทอีกละ! ทำไมครูเขาปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้!แล้ว บลาๆๆๆๆๆ!” ตะคอกแบบเสียงดัง ผมถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหูเลย
“โน้ต! เอาโทรศัพท์มา!” ป๊าพูดขึ้น เหมือนยื้อแย่งกัน แล้วป๊าก็ได้เอาโทรศัพท์มาคุยพี่โน้ตก็บ่นไป “นทเป็นอะไรมากไหม?” ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“นทไม่เป็นอะไรป๊า” ผมตอบไม่รู้สิครับ มันตื้อๆอะ พอเจอเรื่องแบบนี้แล้วมาได้ยินเสียงป๊าเป็นห่วงแบบนี้ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา พี่อ๊อฟกระชับมือผมแน่นเลย
“แม่เขาเป็นห่วงมากเลยนะนท” ป๊าพูดผมได้ยินเสียงแม่บอกจะมาหาผมให้ได้
“ป๊ามันไม่มีอะไรนทโอเค พี่อ๊อฟก็อยู่” ผมน้ำตาเริ่มไหล
“ไม่เอานะนท ไม่ร้องนะ อยากให้ป๊าไปหาไหมครับ คนเก่ง” ป๊าพูดอย่างอ่อนโยน ผมร้องเลย
ผมก็เอาแต่เงียบแล้วก็ร้องไห้ ครูกมลก็ดึงโทรศัพท์ไป พี่อ๊อฟก็กอดปลอบผม ผมไม่ชอบเลย ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแบบนี้ มันกี่ครั้งแล้ว ครูกมลก็ยืนยันและรับปากเป็นอย่างดีว่าจะดูแลผมให้ แล้วก็วางไป ครูกมลก็พูดปลอบใจผมไป พี่ชลก็ขับรถไปเงียบๆ พี่อ๊อฟก็ยังคงกอดผมอยู่ สักพักโทรศัพท์พี่อ๊อฟเข้า ป๊าโทรมาหามัน บอกให้พี่อ๊อฟดูผมดีๆ พี่อ๊อฟก็รับปากรับคำไป ผมก็ร้องจนสงบก็เผลอหลับไปในอ้อมแขนพี่อ๊อฟ พอถึงพี่อ๊อฟก็ปลุกผมให้ลง ตอนแรกครูฝึกกับพี่ชลให้ผมไปนอนพัก แต่ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมก็ยืนยันว่าจะกลับไปร่วมกิจกรรม ผมก็แยกกับครูและพี่ชล เดินกลับเต๊นท์กับพี่อ๊อฟระหว่างทางก็พูดคุยไป....
“โอเคแน่หรือเปล่า!” พี่อ๊อฟพูดแล้วเอามือเช็ดคราบน้ำตาให้ผม
“โอเค พี่อ๊อฟอย่าคิดมากละ” ผมพูดด้วยท่าทีสบาย
“มึงต้องอย่าร้องไห้อีกนะ ไม่งั้นกูไม่หายโกรธมึงจริงๆด้วย” มันอมยิ้ม ผมยิ้มก็ยิ้มตอบ
แล้วก็คุยกันไป ผมก็ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำและก็ไปทำกิจกรรม พอไปถึงเพื่อนๆเขาก็ทำอาหารเสร็จพอดีเลย ใช้เวลาทำนานอยู่นะ เป็นชั่วโมงเลย ผมจำเวลาได้ พี่อ๊อฟมันแยกไปอยู่กับเพื่อนมัน ตอนแรกก็เกรงใจ ไม่ได้ช่วยจะกินดีไหม เพื่อนๆเขาเข้าใจกัน แล้วก็ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ผมก็เล่าไป เล่าตามความจริง อาจจะเว้นเรื่องพี่อ๊อฟไป ทุกคนก็ดูตกใจ ผมก็บอกไปแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไร และไม่ใส่ใจกับเรื่องไร้สาระด้วย พวกเพื่อนๆก็ดูเข้าใจกันดี.....
“ไงมึงไอปลื้ม หล่อนักหล่อหนา ทำให้เพื่อนเดือดร้อนเลยเนี่ย” ไอซ์แล้วก็หันไปมองไอปลื้มกัน คือทำหน้าสำนึกผิด?
“ขอโทษว่ะมึง” ไอปลื้มหน้ามันจริงจังมาก
“เออเพราะมึงเนี่ย กูเลยเจ็บตัวเลย” ผมพูดแล้วทำหน้าเจ็บแผล
“ไถ่โทษด้วยไอปลื้ม” โอ้พูดขึ้น ไอปลื้มมันก็มองผมแบบจริงจัง ผมจะแกล้งมันไง เกือบหลุดขำแหนะ
“เออๆ กูจะรับผิดชอบเอง กูจะดูแลมึงเอง” มันทำหน้าจริงจังสุดๆ
“เป็นเบ๊มันเลย!” โกกิพูดติดตลก
แล้วทุกคนก็แหย่มันไป ตลกหน้ามัน จริงจังเกิน555 ก็พอกินเสร็จก็ช่วยกันเอาไปล้าง พอเสร็จก็ไปรวมตัวเข้าแถว ครูฝึกก็บรรยายและเทศนาเรื่องทะเลาะวิวาทนิดหน่อยก็ปล่อยไปอาบน้ำ วันนี้ชิวๆ ครูบอกไปหนักช่วงบ่าย กิจกรรมจัดเต็ม เข้าฐานเข้าด่าน เราก็กลับไปเอาของที่เต็นท์กัน เพื่อนๆผมก็มารออยู่ที่เต๊นท์ พวกไอปอกับพวกไอสิงโต พอเห็นผมวิ่งกรูเข้ามาหาเลย เพื่อนๆใหม่ก็บอกผมว่าจะไปรอในเต๊นท์พวกมันก็รัวคำถาม ผมก็เล่าไปพอคร่าวๆ เรื่องนี้มีไอนัทไอสิงโตเกี่ยวเต็มๆ ไอสิงโตเดือดมาก มันจะไปเอาเรื่องแล้วแต่ผมห้ามมันไว้ ส่วนเพื่อนๆก็ดูไม่พอใจมาก ไอนัทนี่ซึมเลยทีเดียว ผมก็ปลอบมันไป คุยกันไปจนแยกย้าย ผมก็เดินเข้าไปในเต๊นท์ ที่ไอสิงโตมาหาพี่อ๊อฟก็เห็นนะ มันก็พยักหน้าประมานว่าเข้าใจอะแหละ แล้วมันก็ยืนดูนิ่งๆไป พอเข้ามาในเต็นท์ก็เตรียมของไปอาบน้ำกัน อาบเสร็จก็กลับมาแต่งตัว แล้วก็รอเวลาเขาเรียก พี่อ๊อฟก็เรียกผมออกไป มันบอกให้เอาถุงยาไปด้วยผมก็เตรียมไป มันก็พาผมไปนั่งใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากเต๊นท์ที่เดิม.....
“กินยาแล้วใช่ไหม!” พี่อ๊อฟถามอย่างอ่อนโยน ผมยิ้ม มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว มันก็ดึงถุงยาผมไปดู แล้วก็เอายาทาออกมา
“กินแล้ว” ยิ้ม ถ้าเจ็บตัวแล้วได้พี่อ๊อฟคนเดิมกลับมา รู้งี้เจ็บตัวเร็วๆกว่านี้ก็ดี
“ทายาหน่อยนะ” ยิ้ม
ผมก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มันก็ทาให้อย่างบอบบาง มือเบาสุดๆ ผมก็ยิ้มบานเหมือนคนบ้าเลยทีเดียว พอทำอะไรเสร็จก็นั่งคุยกับมันนิดหน่อย มันก็ไปหาเพื่อนๆ เพราะเพื่อนมันเรียกให้ไปช่วยทำอะไรก็ไม่รู้ผมก็กลับไปนั่งในเต๊นท์ เพื่อนๆก็มองกัน....
“มีอะไร?” ผมถามอย่างสงสัย
“นั่นพี่มึงจริงๆเหรอวะ ดูกระหนุงกระหนิงเนอะ” ไอซ์ถามอย่างสงสัย
“พี่ดิ คิดอะไรมาก” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกมันก็เปลี่ยนเรื่องกันไป คุยกันสนุกสนาน จนเขาเรียกให้ไปในโดม ทำกิจกรรมนันทนาการอะไรต่างๆ จนพักเที่ยงก็พากันไปทำอาหารอีกแล้ว ค่ายนี้เน้นการดำรงชีวิตจริงๆ และมันก็เค็มได้ทุกมื้อจริงๆ555 ก็ช่วยกันทำไป สนุกสนาน ทำเสร็จก็นั่งกินกันไปพูดคุยกันไป.......
“มึง กินนี่ป่ะ” ไอปลื้มตักไข่เจียวให้ ผมก็พยักหน้า “นี่อะ แล้วนี่อะ” ผมมองมันแบบเริ่มรำคาญ
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งมึง” มายด์หันไปบอกไอปลื้มอย่างกวนๆ
“นทวันจากนี้ จะไปไหนก็บอกรู้เปล่า” โบลิ่งบอกผมอย่างเป็นห่วง
“เอาจริงๆก็บอกแล้ว แต่ไม่มีใครตื่น5555” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
พวกมันก็ตลกกันใหญ่ ดูเป็นห่วงผมดี เป็นเพื่อนใหม่ที่ดีนะ ก็กินกันไปคุยกันไป กินเสร็จก็ช่วยกันเก็บอะไรไป ครูเขาก็ให้ไปพักผ่อนก่อนจะได้เตรียมตัวเข้าฐานต่างๆ พี่อ๊อฟก็ไปช่วยเตรียมฐาน ผมก็เดินไปหาพวกไอปอไปคุยเล่นกับพวกมัน พวกไอโค้กก็มา แต่ไอสิงโตเห็นไปคุยอะไรไม่รู้กับเพื่อนโรงเรียนมัน ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมก็คุยกับเพื่อนไป จนครูเรียก เราก็ไปเข้าแถว ครูก็อธิบายไป ก็จะมีใบกิจกรรมแจก ให้ไปทำว่าฐานนี้ทำอะไร ได้ความรู้จากฐานนี้ยังไง 20 ฐาน เบื่อเลยทีเดียว พออธิบายอะไรเสร็จก็จะมีรุ่นพี่มาเป็นพี่เลี้ยงของแต่ละกลุ่ม โดยกลุ่มผมแน่นอนว่าพี่อ๊อฟ มันก็มานำพากลุ่มผมไปแต่ละฐาน และแต่ละฐานก็จะมีครูเฝ้า2คน เราก็เข้าฐานทำกิจกกรมกันไป สนุกสนานมีกิจกรรมให้ทำ และบางกิจกรรมผมก็เล่นไม่ได้ เพราะแผลเต็มแขน ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เล่นไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร มีฐานกระโดหอด้วยนะ อันนี้เด็ดจริงๆ...........

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“ไหวหรือเปล่าวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น!” ปลื้มถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งตอนนี้ใกล้ถึงคิวแล้ว มือผมสั่น เหงือออกเยอะมาก
“หวะ...ไหวน่า โถ่!แค่นี้เอง” ผมฝืนยิ้ม แล้วมองลงไป ลมแทบจับ ทั้งสูง ทั้งหวาดเสียว พี่อ๊อฟมันก็ขำผมใหญ่ ไอบ้านี่นะ ผมมองมันตาขวางเลย
“เห้ย!จะถึงแล้วนะเว้ย! ใครโดดคู่กูว้า!” โอ้มันมองแถวข้างมัน แล้วทำหน้ากวนตีน
คือตอนนี้ผมแทบไม่สนใจอะไรเลยทั้งกลัว ทั้งอะไรมาหมด ไอปลื้มก็พูดมากเหลือเกิน.....
“นทมึงจะไปก่อนหรือกูก่อนวะ” ปลื้มมันยืนหน้าผมไง แล้วหันมาถาม
“มึงอยู่หน้ากูมึงก็โดดไปก่อนดิวะ” ผมพูดเหลืออีกคนนึงก็จะถึงไอปลื้มแล้ว
“กูเริ่มกลัวแล้ววะ” มันทำหน้ากังวล มันเพิ่งเริ่มกลัวเหรอ ผมกลัวตั้งแต่ขึ้นมาแล้วนะ
“กูกลัวตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมาแล้วไหม” ผมพูดเบาๆ
“ว่ายังไงนะ?” ปลื้มหันมาถามอย่างสงสัย
“ปะ...เปล่า โดดๆไปเถอะน่า พูดมากวะ” ผมบอกมันแบบรนๆ
“เอาคนต่อไป” ครูตบไหล่ไอปลื้มแล้วก็ใส่ชุดให้มัน
“ครูครับ ผมปวดฉี่” ไอปลื้มบอกเสียงสั่นๆ ผมถึงกับขำ ตอนแรกทำหน้ามาดแมนมาก ดูตอนนี้หน้ามันซีดอย่างกับไก่ต้ม
“เอาหันหน้าไป แล้วจับเชือกดีๆละ” ไม่ได้ฟังไอปลื้มเลย
“มะ...ไม่เอาแล้วได้ไหมครับ” มันกอดเสาข้างๆที่กระโดด
“จะโดดเองหรือให้ถีบส่งวะ!” ครูบอกอย่างหงุดหงิด ไอปลื้มถึงกับชะงัก คือผมก็เข้าใจ ครูฝึกเขาเป็นทหารอะเนอะ คงไม่ชอบคนชักช้า แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย
ปลื้มมันก็กล้าๆกลัวๆ คือเพื่อนๆในกลุ่มกระโดดลงไปหมดแล้วไง ผมเป็นคนสุดท้ายอะสิ โถ่!..................
“อ๊ากกกกกกกกกก!” ผมที่กำลังเหม่ออยู่หันไปมองมันคือมันโดนครูฝึกยันลงไปเลย คือทุกคนข้างล่างหัวเราะกันหมด
เอาจริงๆผมว่ามันไม่ตลกนะ ยันลงไปเลยเหรอ ผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลย เขาก็กวัดมือเรียกผม ผมก็เดินไปแบบเกร็งๆ และสั่นๆ เขาก็ใส่เชือกอะไรให้ พี่อ๊อฟก็มาช่วย..........
“กลัวเหรอ?” พี่อ๊อฟถามเบาๆ
“อืม!”ผมพยักหน้ารัว
“เจอกันข้างล่างนะ”ทำเสียงกวนตีนไง ไอบ้านี่ ผมมองมันแบบไม่พอใจ แล้วมันก็เดินลงไปเลย ตอนนี้เหลือผมอยู่คนเดียวแล้ว
จริงๆผมก็ได้คิวกลางๆแหละ ก็อ้างว่าปวดฉี่บ้างลืมของบ้าง เผื่อจะไม่ได้โดด แต่ไอปลื้มน่ะสิ ตามผมไปและลากผมมา ผมละทรมานใจจริงๆ...........
“พร้อมยังไอหนุ่ม!” พูดเสียงเข้มเลย ผมมองแล้วก็ฝืนยิ้มให้
“ยะ...ยังครับ ขอ30วิ” ผมจับเสาทั้งสองที่อยู่ทางกระโดด หลับตาปี๋ด้วยประเด็น
“เอ้า!จับเชือกไว้ครูรอได้!” บอกอย่างใจดี แล้วเขาก็เอามือผมจับตรงเชือกที่ติดกับตัวผม
“ขะ..... ผลัก! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก” ผมกำลังจะหันไปขอบคุณ คือยังไม่ทันพูดอะไรคือยันผมลงเลย โหดร้ายสุดๆ
ผมกรีดร้องแบบว่าดังมาก หลับตาปี๋เลย ดีคอไม่เคล็ด ครูใจร้ายเกินไป พอขาถึงพื้นผมทรุดเลย พี่อ๊อฟกับพวกเพื่อนๆก็รอรับอยู่......
“55555 ท่ามึงแม่งตลกสุดๆเลยวะ!” ไอปลื้มหัวเราะแล้วพูดอย่างสะใจ ผมไม่ได้สนใจเลย กำลังอยู่ในสภาวะทิ้งตัว555
“ไหวไหม” โกกิจับผมพยุงขึ้น พี่อ๊อฟก็ช่วยถอดชุด ขาสั่นไปหมด บ้าจริง ผมไม่ชอบอะไรหวาดเสียวแบบนี้เลย
พอถอดชุดได้ เพื่อนๆก็วิ่งเอาเชือกไปเก็บที่เดิมให้เนื่องจากผมไม่ไหว555 สั่นไปทั้งตัวเลย พี่อ๊อฟพยุงผมไปนั่งเก้าอี้แถวนั้น เพื่อพักก่อน เดี๋ยวไปฐานต่อไปกัน.....
“ไง โอเคยัง” พี่อ๊อฟยิ้ม ผมก็หันไปมองนิ่งๆ
“กลัวนะเว้ย!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ มันขำใหญ่เลย
“555 เอาน่ายังไงมึงก็กระโดดลงมาได้แล้วนะ” ไอซ์พูดปลอบใจ
“มันโดนยันลงมามึงไม่เห็นเรอะ55555” ไอปลื้มไอบ้านี่ก็เกิน
ผมก็นั่งฟังพวกมันกวนตีนไป ถ้าสังเกตไม่ผิดคือหลายๆคนมองมาที่ผมแล้วขำ? คือน่าขำตรงไหนวะ ผมกลัวจริงๆนะเนี่ย พอนั่งพักไปสักแปปก็ถึงเวลาเปลี่ยนฐาน ก็ไปกัน ผมก็เริ่มดีขึ้น คือตกใจจริงๆ ครูเขาเล่นแรงไปเปล่า ถีบเลยเหรอ โหดเกิน ด่านต่อไปนี่ก็อีกนะ จะเอาให้ผมตายเลยหรือยังไง คือไต่เชือกข้ามแม่น้ำ แม่น้ำจริงๆ เจริญแล้ว ดูท่าแล้วลึกด้วย มีพี่ๆแสตนบายกันอยู่ข้างล่างตั้ง5คนแหนะ แถมมีตะข่ายกั้นไว้ไม่ให้ไหลไปไหนด้วย ดูเหมือนปลอดภัยเนอะ แล้วเชือกที่ให้ไต่มีแค่เชือก2เส้น มีข้างล่างกับข้างบน ประมานว่ามันให้จับแล้วก็ให้เหยียบ โถ่!ชีวิต ครูเขาก็อธิบายไป ผมก็ฟังแบบนิ่งๆไป เพื่อนๆก็ดูตื่นเต้นกันจัง.......
“มึงด่านนี้น่าสนุกกว่าด่านอื่นๆว่ะ” ไอปลื้มพูดอย่างตื่นเต้น
“เออ น่าสนุกมากๆเลยละ” ผมบอกมันแบบกวนๆ
“ใครว่ายน้ำไม่เป็นบ้างครับ” ผมยกมืออย่างรวดเร็ว
ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะมีผมยกมือคนเดียว เขามองมากันหมดอะผมนี่เอามือลงแทบไม่ทัน..........
“ว่ายไม่เป็นก็ต้องเล่นนะครับ5555” แล้วก็พากันหัวเราะ โอ้ย!อายเหลือเกิน
แล้วพวกเพื่อนๆก็แซวกัน ผมก็เถียงบ้างเงียบบ้างตามสเต็บ ตอนนี้เราต่อคิวเพื่อขึ้นไปบนเชือก ซึ่งผมคิดว่าคงจะไม่มีอะไรหนักกว่ากระโดดหอแล้วละ ผมก็ต่อคิวรอขึ้นแบบไม่คิดอะไรมาก เพราะจากที่ดูแล้วก็มีคนตกลงไปในน้ำก็ไม่จม แสดงว่าน้ำไม่ลึก55 ผมก็ต่อแบบชิวๆไปไง ไม่คิดอะไรมาก ผมคนสุดท้ายตลอดอะแหละ555 ไปกลางๆเดี๋ยวเป็นตัวถ่วงไง พอถึงเวลาผมขึ้น มีอาการมือสั่นเล็กๆเนอะ ไอพวกข้างหน้าผมมันก็กวนตีนไง ขย่มเชือก เอนไปเอามา ผมร้องเสียงหลงเลยสิ ตกลงไปก็คงเปียกและไม่สบายตัวแน่ๆ ยังเหลืออีกหลายฐานด้วย ผมก็ค่อยๆไต่ไป....
แคว่ก! พรึ่บ!
“อ๊ากกกกกก!”ผมร้องเสียงหลงเลย เชือกขาด
“อ๊ากกกกกกก กรี๊ดดดดด!” เพื่อนอีกสามคนข้างหน้าก็คือกรีดร้องอออกมาไม่ต่าง เพราะเชือกมันค่อยๆขาด มันกำลังจะขาดหมดแล้ว.....
พรึ่บ!
“อ้ากกก! ตุบ!” คือเพื่อนๆทิ้งตัวลงไปในน้ำ แต่ผมไม่ทิ้งตัวลงน้ำ คือเกาะเชือกแน่นไม่ปล่อย แล้วตัวก็ลอยไปกับเชือก ไปชนกับหินจังๆเลย
“เห้ย!!”
“นท!!!” คือทุกคนส่งเสียงร้องเรียกผมแบบตกใจ
และหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะมันมึนไปหมด ภาพสุดท้ายคือผมกำลังจมน้ำลงไป เหมือนว่าหัวผมไปฟาดกับหินอย่างแรงแล้วตัวก็หล่นลงน้ำไป.........
“อื้ม อือ!” ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงพูดคุยที่ดังเหลือเกิน ได้แต่ครางออกมาอย่างรำคาญ เพราะปวดหัวเกินกว่าจะลืมตาได้
“นท! นทๆ” เสียงเรียกผม หลายเสียงเลย แยกไม่ออกไปหมด
“ออกไปกันก่อน เสียงดังกันอยู่ได้!” เสียงดุมาเลยใครไม่รู้
แล้วก็มีอะไรมายุ่งกับร่างกายผมเต็มไปหมด ทั้งเอามือมาง้างลูกตาผมแล้วก็เอาไฟฉายมาส่อง ทั้งเจ็บตรงข้อพับเจ็บหัว ง่ายๆคืออาการไม่น่าจะดี “แปะๆ!” ตบหน้าผมเบาๆ
“นท นท!” เรียกผมอย่างแผ่วเบา ผมก็หนักตาเหลือเกิน ขยับไปมาได้นิดหน่อย แล้วทุกอย่างก็ดับลงไปอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมชีวิตมีแต่การเจ็บตัว ยิ่งช่วงหลังๆมานี่ยิ่งหนัก เฮ้อ! ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะหิวน้ำมาก ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“นะ น้ำ แค่กๆ!” แล้วคนที่อยู่ข้างๆผมก็รีบเอาน้ำมาป้อน พอกินน้ำเสร็จผมก็ค่อยๆดูรอบๆ ตาก็ยังมัวๆอยู่ พอมองชัดแล้วผมก็สังเกตุว่าผม อยู่ที่ เอ่อ! ที่ไหนไม่รู้ คือห้องน่ากลัวมาก น่าจะเป็นห้องพยาบาลสำหรับทหารหรือเปล่า แล้วคนที่เฝ้าผมก็คือพี่อ๊อฟ ตอนนี้น่าจะมืดมากแล้ว มันดูเอ่อ...วังเวง แล้วก็มีแค่ผมกับพี่อ๊อฟ..........
“เป็นยังไง เจ็บตรงไหนไหม” ลูบแก้มผมแล้วถามอย่างเป็นห่วง
“เจ็บไปหมดเลย” ผมพูดเสียงแหบพร่า
“รอแปปนะ เดี๋ยวไปตามหมอให้” หมอ? ผมก็ไม่ได้ทันถามพี่อ๊อฟก็เดินออกไป คือหมดแรงไปหมด เพลียอย่างแรง
แล้วสักพักก็มีคนเข้ามาถามอาการผม ผมก็บอกแบบเบลอๆไป เขาก็ตรวจนู่นตรวจนี้ ถ้าผมได้ยินไม่ผิดก็น่าจะตี 3 กว่าแล้ว คือผมหลับไปนานมากขนาดนั้นเลยเหรอ และดีที่แค่หัวแตกไม่ลึกมาก ไม่ถึงกับต้องเย็บ เขาคาดว่าที่สลบเพราะหัวคงกระแทกแรง คือหลายอย่าง ตอนนั้นฟังไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เขาก็ให้ยา แล้วก็ฉีดยาอะไรให้ก็ไม่รู้ เห็นใส่เสื้อกราวน์ด้วย ผมก็ไม่มีแรงจะถาม พอให้ยาอะไรผมเสร็จเขาก็ออกไปเหลือพี่อ๊อฟ...........
“โอเคขึ้นไหม” พี่อ๊อฟจับมือผมแล้วมองด้วยสายตาที่เป็นห่วง
“โอเคแล้ว แต่ก็ยังเจ็บแหละ” ผมฝืนยิ้มส่งไปให้มัน
“นอนพักเถอะ” ยิ้ม แล้วห่มผ้าให้ผม
พี่อ๊อฟก็นั่งมองผมจนผมหลับไป นอนบ่อยและถี่มาก ไม่รู้เพราะอะไร เพราะฤทธิ์ยา? หรืออะไร.....
ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอีกแล้ว และก็รู้สึกหนักที่แขนด้วย ไม่พอแดดแยงตาอีกครบเซ็ต ใครนอนต่อได้ก็เกินไปแล้ว ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา วันนี้ไม่ค่อยเบลอเท่าไหร่ น่าจะดีขึ้นแล้ว แต่อาการเจ็บบาดแผลที่หัวก็ยังมีแต่ไม่มากนัก ครูก็เข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วง และพี่อ๊อฟก็ฟุบอยู่ตรงแขนผมเนี่ยแหละ ครูก็ปลุกมันให้ตื่น มันคงดูผมทั้งคืน..
พอผมตื่นบรรดาครูฝึกพี่ทหารเอย ก็พากันเข้ามาดู แล้วหมอก็มาตรวจ เขาก็บอกว่าอาการของผมดีขึ้นแล้ว? พอผมถามเรื่องหมอเขาก็บอกเป็นหมอประจำค่าย ผมก็งงว่าเมื่อวานทำไมไม่ให้หมอคนนี้รักษาผมละ ทำไมต้องไปถึงหมู่บ้าน เขาก็บอกว่าหมอไม่อยู่ไปในเมือง ผมก็เออออไป ถามอะไรไม่ได้มากหรอก ปวดหัว จนได้เวลาข้าวเช้าพี่อ๊อฟก็ไปเอามาป้อน พวกครูก็ออกไปฝึกนักเรียนกัน ผมก็นอนซม? ไม่ซมนะ อย่างที่บอกไม่ได้เป็นอะไรมาก เหมือนแค่หัวกระแทกแรง ก็เลยเบลอและมึน บวกกับเสียเลือดเยอะแหละ ตอนนี้ก็โอเคแล้ว ผ้าพันหัว เหมือนคนเป็นมะเร็ง555....
“ส่องอะไรขนาดนั้นวะ” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ เพราะผมดูกระจกไง มันดูเหมือนคนป่วยเป็นโรคร้ายแรง
“แผลใหญ่เหรอพี่อ๊อฟ ทำไมพันทั่วหัวขนาดนี้อ่ะ”ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่ใหญ่ แต่ต้องพันไว้ ที่นี่ฝุ่นเยอะ เดี๋ยวแผลติดเชื้อ” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ “กินข้าวได้แล้ว อย่าถามมากเดี๋ยวปวดหัว ไว้หายจะบอกให้ฟัง” พูดอย่างใจดี ผมก็ยิ้มแล้วก็พยักหน้า
พี่อ๊อฟก็ป้อน จริงๆผมจะกินเองมันก็ไม่ยอม ก็กินๆไปจนหมด ระหว่างกินผมก็ถามมันไปด้วยแหละ ว่าเมื่อวานเป็นไงแล้วใครช่วยผมขึ้นมา มันก็มองผมดุๆ เหมือนประมาณว่า มึงจะพูดมากทำไม ผมก็ไม่สน กินไปพูดไป พี่อ๊อฟก็ด่าผมไป555 สนุกดีจนทำอะไรเสร็จ พี่อ๊อฟก็ออกไป มันบอกว่าจะออกไปกินข้าว? ให้ผมนอนพัก แต่ผมเริ่มไม่อยากนอนแล้วสิ เข้าค่ายทั้งทีเจ็บแค่นี้มาเอาแต่นอนได้ยังไง ผมก็แกล้งทำเป็นนอนไป พอมันออกไปผมก็ค่อยๆลุก แล้วก็ลงจากเตียง แล้วก็ไปออกไปข้างนอก โอ้โห! สดชื่นจริงๆ อากาศดีมากวันนี้ ผมก็ย่องไปเต็นท์ เพื่อนๆคงรวมกันอยู่ที่โดม ผมก็เอาของไปห้องน้ำ อยากอาบน้ำแล้วไง ไม่รู้เมื่อวานได้อาบไหม แล้วใครเปลี่ยนชุดให้ผม? พี่อ๊อฟละมั้ง ผมก็เตรียมของไปอาบน้ำ แล้วก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในเต็นท์ พอออกมาก็ต้องตกใจนิดหน่อย.....
“ใครให้มึงลงมาจากเตียงนท!” พี่อ๊อฟตะคอกเลยทีนี้ ผมถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“กะ...ก็...อยากอาบน้ำแล้วก็ไปทำกิจกรรมต่อนี่นา” ผมบอกแบบเบาๆ เหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้
“มึงนี่พูดอะไรไม่ฟังหน้าซีดขนาดนั้นเดี๋ยวก็เป็นลมหรอก!”ดุแล้ว
“เข้าค่ายทั้งทีนะพี่อ๊อฟ เป็นแค่นี้เองผมไหว” ผมบอกอย่างดื้อรั้น
“คือมึงจะไปให้ได้ใช่ไหม”มันถามนิ่งๆ
“อย่าโกรธดิ ยังไงกลับไปจะพักให้เต็มที่เลยโอเคไหม” ผมเข้าไปเกาะแขนมัน มันก็มองนิ่งๆ
“แล้วตอนนี้มึงดีขึ้นแล้วเหรอ หน้ามึงยังดูซีดๆอยู่นะ” มันบอกอย่างเป็นห่วง
“ดีแล้ว ไม่มึนแล้วแค่เจ็บแผลนิดหน่อยเอง” ผมบอกตามความจริง
“แน่นะ” ถามนิ่งๆ ผมก็ยักหน้า “เออป๊ามึงรู้เรื่องแล้วนะ กูว่าเรื่องใหญ่แน่นอน” ผมถึงกับชะงัก
“ทะ..ทำไมอ่า” ผมถามอย่างกังวล
“โวยวายใหญ่เลย ตอนแรกจะมาหามึงให้ได้ ดีกูพูดให้เขาใจเย็นลงได้ แต่กลับไปมึงคงมีปัญหาแน่ๆ” มันบอกนิ่งๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ผมไปเข้าแถวดีกว่า” ผมบอกปัดๆไป ไม่อยากคุยเรื่องนี้ คุยแล้วปวดหัวจี๊ดเลย เอาไว้ก่อนแล้วกัน
แล้วมันก็จับแขนผม ประมาณว่าเหมือนพยุง จริงๆก็ไม่จำเป็นแต่ผมก็ให้มันทำไปเถอะ เพราะมันบ่นตลอดทางเลย พอครูเห็นผมนี่คือแบบเดินเข้ามาถามและก็ดุผมตามระเบียบ เพื่อนๆก็มองกัน พอมันเห็นผม พี่อ๊อฟก็ช่วยพูดไป ผมก็พูดบ้าง ครูเขาก็เข้าใจ เพราะวันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่มานั่งฟังบรรรยาย แล้วก็ทำกิจกรรมอีกนิดหน่อยก็กลับกันแล้ว ผมก็เดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนๆ มันถามผม ผมก็ตอบไปตามความจริงแหละ แล้วพวกมันก็พูดถึงเหตุการณ์ที่ผมตกลงน้ำนั้นแหละพูดกันจนผมเบื่อ...
แล้วก็นั่งฟังบรรยายไป พี่อ๊อฟก็ยืนไม่ใกล้ไม่ไกล มองผมตลอด ผมก็หันไปยิ้มให้มันบ่อยๆ ก็จนเขาปล่อยให้เบรก พวกปอและก็ไอสิงโตก็มาดูผมกัน ถามผมอย่างเป็นห่วง แต่ผมมันทำอะไรก็เจ็บตัวไปสะหมดช่วงนี้ ทุกคนเลยดูเป็นห่วงผม เวลาผ่านไปจนถึงเวลากลับ ก็กล่าวพิธีปิดค่าย อำลากันนิดหน่อย แล้วก็มีการถ่ายรูปร้องเพลง อะไรตามสเต็บไป พอจบอะไรทั้งหมด ก็มีเวลาให้คุยกัน ผมก็ไปลาครูฝึกกับพี่ชล เขาก็ขอไลน์ผมนะ ตอนแรกผมก็มองแปลกๆ เขาบอกว่าเผื่อว่างๆคุยกัน ผมก็ให้ไป พี่อ๊อฟก็มอง แต่ผมก็กระซิบบอกมันก็เข้าใจ และผมก็ไปลาเพื่อนๆในกลุ่ม เฮฮากันไป มีถ่ายรูปกลุ่มนู่นนี่นั่น เราไปเก็บของแล้วก็เก็บเต็นท์กัน........

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“เฮ้อ! แปปเดียวเอง” ปลื้มพูดอย่างเสียดาย
“งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราเว้ย!” โบลิ่งบอกอย่างอารมณ์ดี
แล้วก็พูดคุยกันไป ผมก็หดหู่นะ ไมชอบการจากลาเลย โถ่!ถึงจะแปปเดียวก็รู้สึกผูกพันกับพวกนี้ พี่อ๊อฟมันก็ไปเก็บของของมันแหละ.........
“มองอะไรวะ” ผมถามโกกิที่มองหน้าผมแบบนิ่งๆ
“มองคนขี้โกหก” โกกิบอกนิ่งๆ ทุกคนก็หันไปมองมัน
“โกหก? ใครโกหกอะไร?” มายด์ถามอย่างงงๆ ทุกคนก็งง มันก็มองมาทางผม
“ไอนทไง มันโกหกเรื่องที่มันจน และก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้!” ทุกคนก็หันมามองผม ผมก็นิ่งเลย “ทำไม มึงจะพูดให้ทุกคนสงสารมึงเหรอ?” มันถามผมนิ่งๆ ผมก็มองมันนิ่งๆ
“เดี๋ยวๆ อะไรของมึงวะโกกิ?” ไอปลื้มถามแบบงงๆ พวกมันก็งงกัน
“เพื่อนๆกูบอกว่ามันอะฐานะทางบ้านดีจะตาย แถมบางทียังจะรวยกว่าพวกเราด้วยซ้ำ และที่สำคัญกว่านั้นอะมันไม่ใช่ผู้ชาย มันเป็นเกย์” ไอโกกิพูด ผมชะงักไปนิด ไม่ได้ตกใจที่มันรู้ความจริงหรือยังไง แต่ตกใจที่มันทำหน้ารังเกียจผม
“จริงเหรอวะนท?” ไอซ์หันมาถามผมนิ่งๆ
“อืม แต่เรื่องฐานะมันก็ไม่เกี่ยวเปล่าวะ! กูจะจนหรือจะรวยแล้วมันยังไงอะ?” ผมถามแบบไม่พอใจ ไม่จริงหรอก มันเกี่ยวอะไรกับฐานะ “ส่วนเรื่องที่เป็นเกย์ เออกูเป็น และที่กูไม่บอกพวกมึงก็เพราะกลัวพวกมึงจะรังเกียจเนี่ยแหละ และความคิดของกูก็ถูก เพราะมึงรังเกียจกู และถ้ากูทำให้มึงไม่พอใจขนาดนั้นก็ขอโทษด้วย” แล้วผมก็เดินออกมาจากเต็นท์พร้อมกระเป๋าเลย ไอโกกิก็มองผมนิ่งๆ
เห็นได้ชัดว่ามันรังเกียจผม ยิ่งตอนที่มันพูดว่าผมเป็นเกย์นะ คือทำหน้าแบบสุดๆ ผมไม่ชอบ อีกอย่างเรื่องจะผมจะมีฐานะดีหรือไม่ดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวหรือเปล่า ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะผมไม่อยากจะให้มันถามถึงเรื่องส่วนตัวผมมาก เพราะเดี๋ยวพี่อ๊อฟจะไม่พอใจเอา และเรื่องที่ผมเป็นเกย์ก็กลัวว่าพวกมันจะรับไม่ได้ และก็จริงพวกมันดูรับไม่ได้กันนะ แต่ผมก็เกลียดคนประเภทนี้นะ ทำไมต้องรังเกียจ? ทำไมต้องไม่พอใจ ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรมันสักหน่อย ไม่ได้ไปแอบชอบหรือไปทำมิดีมิร้ายมันนิจริงป่ะ?......
“นท!” พวกมันออกมาแล้วเดินมาหาผม ผมก็หยุดแล้วหันไปมองพวกมัน
“พวกกูไม่ได้รังเกียจอะไรเลยนะเว้ย! ไอโกกิมันแค่ไม่พอใจที่มึงโกหก!” โบลิ่งบอกอย่างจริงจัง
“อืม กูขอโทษแล้วกันที่โกหก!” ผมบอกอย่างจริงจัง
“อีกอย่างเรื่องแค่นี้กูไม่ใส่ใจวะ” ปลื้มบอกอย่างอารมณ์ดี
“เออ! จริงๆมันก็ไม่มีอะไร ที่นทพูดไปก็คงมีเหตุผลใช่เปล่าละ” โอ้พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นมา
“อืม ขอโทษแล้วกันที่ทำให้ลำบากใจ” ผมทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรเว้ย! เพื่อนกัน!” มายด์กอดไหล่ผม
“เออ จะเป็นอะไรก็เพื่อนเปล่าวะ อีกอย่างมึงก็คือเพื่อนที่ดีนะ กูไม่คิดมากหรอกแค่นี้เอง!”ไอซ์ตบไหล่ผม
แล้วพวกมันก็พูดกันไปให้ผมสบายใจ ผมก็ไม่อะไร จริงๆผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ผมก็รู้อยุ่แล้ว เพื่อนใหม่ที่รู้จักกันแค่ในค่ายไม่ถึง3วัน มันจะผูกพันอะไรมากมาย ขนาดตอนม.1เคยเข้าแบบนี้รู้จักกันแบบนี้แหละ สุดท้ายพอออกไปเจอกันข้างถนนหรือที่ห้างก็ไม่รู้จักกันแล้ว ผมก็เลยเบื่อที่จะสนิทสนมกัน แต่แปลกที่กับพวกนี้รู้สึกผูกพันดี และสักพักไอโกกิก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าของมัน แล้วมันก็เดินมาตรงพวกผมเนี่ยแหละ......
“กูจะบอกให้ว่ากูไม่ได้รังเกียจที่มึงเป็นเกย์ แต่กูเกลียดมึงที่โกหก” โกกิบอกนิ่งๆ
“มันก็แค่นี้เองไม่ได้หนักหนาอะไรเลยนี่หว่า!” ไอซ์พูดแบบจริงจัง
“ตอนที่มันบอกว่ามันจน พวกเราก็สงสารมันป่ะ คือมันจะพูดให้พวกเราสงสาร? เพื่ออะไรวะ?” โกกิถามอย่างไม่พอใจ
“ถ้ามึงคิดแบบนั้นก็แล้วแต่ เพราะมึงก็เห็นนะโกกิ กูไม่เคยต้องการความสงสารจากมึง และกูก็ดีใจ ที่ได้รู้จักมึงแค่ในค่ายนี้แหละมึงดูเป็นคนดีนะ แต่มึงก็ไม่เข้าใจกูวะ” ผมพูดแบบนิ่งๆ
“ไอโกกิ อะไรของมึงวะ ทำไมมึงดูแบบ ไม่พอใจมันอะ เรื่องแค่นี้เองนะเว้ยละ.....” ปลื้มกำลังจะพูด
“ก็กูชอบมันไง มันทำดีกับทุกคน มึงก็เห็นอะปลื้ม แต่แม่งขี้โกหกวะ กูไม่พอใจตรงนี้ไง” ตอนแรกตกใจนะ คำว่าชอบของมันคงหมายถึงชอบในแบบเพื่อนแหละมั้ง
“งั้นกูขอโทษแล้วกันที่ทำให้ผิดหวัง จริงๆกูมันก็เห็นแก่ตัวแหละ กูพูดออกไปเพราะกูมีเหตุผล และขอบคุณสำหรับคนที่เข้าใจ แต่ถ้ามึงไม่เข้าใจแล้วมาโกรธกูเป็นตุเป็นตะ กูก็คงต้องปล่อยให้มึงโกรธวะ” ผมพูดแบบไม่จริงจังมาก
ทำไมดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ละ?  แค่คำพูดผมแค่นั้นเหรอ แล้ว 3 วันมานี้ผมทำตัวไม่ดีเหรอ? มันถึงได้ทำไมพอใจ มันก็มองผมนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็เดินมา.....
“มีอะไรกัน?” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ผมยิ้มให้มัน
“ป๊าจะคุยด้วย” ยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมก็รับแล้วเดินออกมาคุย
ตอนแรกเห็นพี่อ๊อฟจะเดินตามผมมา แต่พวกเพื่อนๆดึงไว้แล้วคุยอะไรกันไม่รู้.....
“ว่าไงป๊า” ผมถามเสียงร่าเริง
“เป็นไงไอแสบ เจ็บตัวถี่ยิบเลยนะ!” ป๊าพูดเสียงเข้ม
“นิดหน่อยเองป๊า55” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
แล้วผมก็คุยกับป๊าไป จนคุยกันไปสักพักก็วางเพราะยังไงวันนี้ก็เจอกันอยู่แล้ว พอเดินกลับไป พวกมันก็มองกันนิ่งๆ.....
“กูไปละ” โกกิพูดแล้วมันก็เดินแยกไป ผมก็ไม่สนใจ
“นทกูขอไลน์หน่อย!” ปลื้มมันยื่นโทรศัพท์ให้ พี่อ๊อฟก็มองนิ่งๆ เอาแล้วไง
“มาเดี๋ยวกูกดให้” พี่อ๊อฟมันดึงโทรศัพท์ของไอปลื้มไปกด
แล้วเพื่อนๆ คนอื่นก็ขอกัน ผมก็แปลกใจทำไมพี่อ๊อฟให้ไป ไลน์ผมด้วยนะ ผมก็ไม่สนใจอะไร ก็พูดคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ จริงๆก็อยากให้ไอโกกิเข้าใจนะ แต่ดูมันทำสิ เรื่องแค่นี้เอง โถ่! พอขึ้นรถไปก็ไปนั่งกับพวกปอ พี่อ๊อฟก็ไปลาเพื่อนๆมัน
“นท!” เสียงตะโกนเรียกผมจากด้านล่างรถ เสียงผู้หญิง? พอผมมองจากหน้าต่างลงไป จ๋า? คนที่บอกว่าผมหัวเราะน่ารัก ผมก็ลงไปหาเขา.....
“ว่าไง?” ผมยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ระ...เราขอไลน์ได้ไหม” จ๋าถามแบบเบาๆ เหมือนอาย
“อะ...เอ่อ” ลังเล
“ถ้าไม่ได้ไม่เป็นอะไรนะ ระ...เราไปแล้ว”ทำหน้าเศร้า
“ดะ...เดี๋ยว” ผมเรียกตอนที่จ๋ากำลังหันหลัง แล้วจ๋าก็หันมามองผมแล้วยิ้มอ่อนให้ “ให้ก็ได้” (ยิ้ม)
แล้วจ๋าก็ยิ้มบานแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ เราคุยกันนิดหน่อยพอเสร็จก็แยกย้ายขึ้นรถ จริงๆจ๋าก็น่าจะดูออกแหละว่าผมเป็นอะไร บางทีอาจจะแค่หาเพื่อนละมั้ง ผมก็ไม่คิดอะไรมาก พอขึ้นรถมาก็นั่งเม้าแตกกัน คือสนุกมากมาย และตอนที่ผมตกจากเชือกไอนัทกับวิวมันก็เห็นนะ เพราะมันอยู่แถวนั้นพอดี พูดกันไม่จบ ผมก็นิ่งเงียบบ้าง ไม่รู้สิ ผมนึกถึงคำพูดของไอโกกิ ทำไม แค่ผมโกหกนิดเดียวมันถึงต้องเกลียดผมเลยเหรอ? จริงๆผมแคร์ความรู้สึกมันนะ แต่ก็ยังคาใจทำไมมันถึงโกรธขนาดนั้น จะให้ตามไปเคลียล์ผมก็ไม่เอาหรอก เดี๋ยวพี่อ๊อฟเข้าใจผิดก็ไปกันใหญ่อีก  คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ นั่งไปนั่งมาก็เคลิ้มหลับไป...
ตื่นมาอีกทีก็จะถึงแล้ว พี่อ๊อฟก็นั่งหน้ากับครู พอถึงก็ลงไปเข้าแถวเช็คชื่ออีกรอบ วุ่นวายดี แล้วก็ทำนู่นนี่นั่น พอเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ป๊ามายืนรอผมนานแล้ว กับพี่โน้ต ดูหน้าตาของทั้งสองแล้ว ผมไม่อยากจะสบตาเลยทีเดียว หน้าดุมาก อย่างกับจะมากินเลือดกินเนื้อ ให้ตายสิ ผมก็ยิ้มบาน ทำตัวร่าเริง วิ่งเข้าไปกอดป๊ากับพี่โน้ตก็เนียนๆไปก่อนแล้วกัน พี่อ๊อฟก็ตามมา พอเอากระเป๋าไว้หลังรถเสร็จ เราก็ขึ้นรถกลับบ้านกัน...........
“อ๊อฟ มึงดูน้องกูยังไงวะ!” หลังจากที่นั่งเงียบๆกันมา พี่โน้ตก็พูดขึ้น
“โน้ต” ป๊าเรียกอย่างใจเย็น
“พี่โน้ต มันเป็นอุบัติเหตุ และนทก็ไม่เป็นอะไรแล้วด้วย” ผมพูดอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงนท ดูผ้าพันแผลเราสิ มีเลือดออกด้วยนะ” ป๊าบอกแบบเก็บอารมณ์
ผมก็ตกใจไปนิด แล้วหันดูกระจก เห้ย! เลือดซึม ไม่ทันได้สังเกตเลย พี่อ๊อฟก็ดูตกใจนะ มันซึมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ป๊าก็เลยเปลี่ยนทิศทางจากที่จะกลับบ้านก็ไปโรงพยาบาล ไปโรงพยาบาลที่อาหมออยู่ พอไปถึงก็พี่อ๊อฟก็วิ่งไปเอารถเข็นมารอผม พี่โน้ตก็มาประคองผมลง อาหมอรออยู่แล้ว เขาก็พาผมไปเช็คบาดแผล และทำแผลให้ใหม่ ป๊าเขาก็บอกให้ไปเช็ค ไปเอ็กเรย์ ให้พร้อม...
ผมละเซ็งแต่ต้องทำตามไป เดี๋ยวก็เป็นเรื่องยาวขี้เกียจโดนบ่น พอตรวจเช็คอะไรเสร็จก็ไปฟังผลตรวจที่อาหมอ เขาก็บอกไม่เป็นอะไร แผลก็นิดเดียว แล้วก็คุยกันนิดหน่อยอาหมอก็ไล่ให้ผมกลับไปพักผ่อน ป๊ากับพี่โน้ตก็บ่นยาวเลย พี่อ๊อฟก็นั่งก้มหน้า มันจะรู้สึกผิดทำไม มันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ผมก็นั่งเงียบๆไป อะไรกัน ทำไมมีแต่เรื่องละ? โถ่!ชีวิตผม...
พอถึงบ้านเราก็ลงรถขนของเข้าบ้าน แม่วิ่งมาดูผมอย่างดีใจ กอดผมปลอบผมยกใหญ่เลยทีเดียว ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำไมทุกคนดูเป็นห่วงผมเกินจริงนัก และก็พากันไปกินข้าว พี่อ๊อฟก็เล่าไป เรื่องที่มันรู้ ผมก็นั่งกินเงียบๆ ปวดหัวไม่อยากจะรับรู้อะไรตอนนี้ กินกันไปคุยกันไปพอเสร็จก็กินยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วขึ้นบ้านไปอาบน้ำพักผ่อน พี่อ๊อฟกลับไปเอาของ จริงๆผมไล่มันกลับไปนอนบ้านมัน เพราะมันควรจะกลับบ้านบ้าง ป๊าก็บอก แต่มันไม่ยอมไง มันก็กลับไปเอาของ ผมก็อาบนี้รอมัน ดีนะพรุ่งนี้หยุดเรียน จะได้พักผ่อนไป ผมอาบน้ำทำอะไรเสร็จก็มานอนอ่านหนังสือเล่น.......
แกร๊ก! ผมหันไปมอง พี่โน้ต? ผมก็ยิ้มบานเลย พี่โน้ตเดินมานั่งข้างๆผมที่นอนอยู่.....
“นท” พี่โน้ตลูบหัวผม
“อะไรเหรอ?” ถามอย่างร่าเริง มือก็ยังไม่วางหนังสือ
“นทอยากย้ายโรงเรียนไหม” ผมชะงักไปนิด
“ไม่อ่ะ ทำไมถึงถามแบบนี้ละ!” ผมถามแล้วลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองพี่โน้ตนิ่งๆ
“พี่ไม่สบายใจเลย ย้ายโรงเรียนเถอะนะ” บอกผมแบบจริงจัง
“ไม่! เพื่อนนทอยู่ที่นี่ทั้งนั้น นทไม่ไป!” ผมหันหลังให้พี่โน้ต
“โอเคๆ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ พี่อยากให้นทคิดดีๆนะ” พูดแล้วกอดผมจากด้านหลัง
“ไม่คิดอะไรทั้งนั้นพี่โน้ต นทไม่ย้าย” ผมบอกอย่างไม่ยอม
แกร๊ก! ผมหันไปดูพี่อ๊อฟเข้ามา มันก็เอาของไปเก็บของมันไป.......
“โอเคๆ ยังไงก็ลองคิดดูนะ ฟอด!” พี่โน้ตพูดเสร็จก็โน้มหน้ามาหอมแก้มผม แล้วก็ลุกไป ผมก็นั่งนิ่งๆ
การที่พี่โน้ตมาพูดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี ผมว่าผมสร้างปัญหาแล้ว การที่เจ็บตัวเยอะๆแบบนี้ทำให้คนที่บ้านผมไม่สบายใจ แต่จริงๆมันไม่ได้เกี่ยวที่โรงเรียน มันอยู่ที่ผมไม่ใช่เหรอ ซุ่มซ่ามเอง ผมก็คิดไปทั่ว........
“คิดอะไรอยู่” พี่อ๊อฟพูดแล้วนั่งลงข้างๆผม
“คิดเรื่อยเปื่อยอ่า!” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็คุยกับมันไปแปปนึงแล้วมันก็ไปอาบน้ำ พอเสร็จก็ออกมาปิดไฟแล้วมานอนข้างๆผม คราวนี้นอนชิดเลย ผมก็นอนตะแคงกอดมันเอาหน้าซุกอยู่ตรงคอมัน.....
“เป็นอะไร” ถามอย่างอ่อนโยนแล้วลูบแขนผม
“คิดถึงพี่อ๊อฟ ฟอด!” ผมเงยหน้ามาหอมแก้มมัน
“คิดถึงอะไรเจอกูอยู่ทุกวัน” ยิ้ม
“ก็ไม่ได้นอนกอดนี่นา” ผมเอาหน้าซุกคอมัน
“ก็กอดแล้วนี่ไง” พูดแล้วหอมหัวผม
“พี่อ๊อฟ” ผมเรียกมันเบาๆ
“ว่า” เสียงนิ่งๆ
“ผมรักพี่อ๊อฟที่สุดเลย” กอดมันแน่น
“รักมึงเหมือนกัน เอามือออกด้วย” มันพูดแล้วมันจับมือผมที่กุมเป้ามันออก
“แหะๆ ทำไมอ่าจับไม่ได้เหรอ” ถามอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมันตื่นมาจะยุ่งนะ!” มันพูดติดตลก
ผมก็คุยกับมันไปจนหลับ ตื่นมาอีกทีก็สายๆแล้ว พี่อ๊อฟก็หายไปไหนไม่รู้ เขียนโพสอิทไว้ว่าพ่อจะพาไปซื้อของ ผมก็ตื่นมาก็อาบน้ำแล้วลงไปหาอะไรกิน กินเสร็จก็ช่วยแม่รดน้ำต้นไม้ วันนี้ป๊ากับพี่โน้ตไม่อยู่ ไปไหนไม่รู้ ทำอะไรเสร็จผมก็ขึ้นไปเล่นคอม แล้วตาผมก็ไปสะดุดกับโทรศัพท์ของผม? พี่อ๊อฟมันวางไว้ในกล่องใส่ปากกา ผมก็หยิบขึ้นมาดู...
“อย่าแอบมีกิ๊ก เดี๋ยวกูกลับมาเช็ค” เอิ่ม! เป็นข้อความที่ไม่ดีเลยนะ555 แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ พอเปิดเครื่องขึ้นมา โอ้โห! หน้าจอสะอาดจริงๆ พี่อ๊อฟมันไล่ตอบให้ผมหมด น่ารักจริงๆ ผมก็เลื่อนไปดู เพื่อนใหม่ก็ทักมาเยอะ ไอสิงโตนี่ยาวเลย การตอบข้อความของพี่อ๊อฟคือมันจะตอบให้เหมือนผมตอบเอง สวมรอยชัดๆ แต่ก็ดีนะ มันดูรู้จักผมไปหมดเลย น่ารักจริงๆ
แกร๊ก! ผมหันไปดู พี่โน้ตกับป๊าเข้า ผมก็หันไปยิ้มให้พี่โน้ตก็ไปนั่งรอที่เตียงป๊าก็เดินมาหาผมที่นั่งอยู่หน้าคอม.....
“วันนี้ป๊าจะพาไปเที่ยว โอเคไหม?” ป๊าพูดอย่างใจดี
“จริงเหรอป๊า!” ผมยิ้มแล้วหันไปกอดป๊าที่ยืนข้างๆผมที่นั่งอยู่
แล้วคุยกันนิดหน่อยผมก็เปลี่ยนชุด แม่ไม่ไปแม่ต้องไปเม้ามอยกับสมาคมแม่บ้านของเขา วันนี้พี่โน้ตขับรถ พาผมไปที่ห้างไปหาอะไรกิน ซึ่งจริงๆก็กินมาแล้ว แต่ก็กินอีกได้ ก็กินๆไป กินเสร็จก็พาผมไปที่ทำงานป๊า ป๊าบอกลืมของ พี่โน้ตก็ฝึกทำงานกับป๊าบ่อยๆ หลังจากที่กิจกรรมที่มหาลัยเริ่มน้อยลง........
“ป๊า! ความจริงป๊าไม่ว่างก็ไม่ต้องพานทออกมาหรอก” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วมองไปทางป๊าที่เซ็นเอกสารอะไรไม่รู้เยอะแยะ
“ว่างสิ มาเซ็นเอกสารนิดหน่อยเอง” ป๊าพูดแบบไม่มองหน้าผม
“นทอยากเห็นห้องทำงานพี่เปล่า ป๊าทำให้พี่ด้วยนะ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารัวเลย
พี่โน้ตก็พาผมออกจากห้องทำงานป๊าไป ห้องข้างๆ เป็นห้องของพี่โน้ต และ...........
“พี่โน้ต นี่โต๊ะใคร?” ผมเอ่ยถามในห้องมีโต๊ะ2 ตัว
“โต๊ะนทไง ป๊าเอามาไว้ให้ เพราะว่างๆจะให้นทเข้ามามาเล่นที่นี่บ้าง มาดูป๊าทำงานบ้าง หรือให้นทดูงานด้วยไง!”พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ดูงาน? ไม่เอาอ่ะ พี่โน้ตก็ดูไปสิ! นทไม่ชอบงานแบบป๊าอ่ะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่บริษัทป๊านะนท ไม่ชอบก็ต้องทำแหละ อีกอย่างเราก็ต้องมาช่วยพี่ดู!” พี่โน้ตหยิกแก้มผม ผมมองอย่างเบื่อหน่าย

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ผมก็พูดคุยกับพี่โน้ตไป จะว่าไป ผมไม่ค่อยได้มาบริษัทหรอก มันน่าเบื่อ ป๊าก็เอาแต่ทำงานไม่สนใจผมเลยเวลาผมมา ผมก็เลยไม่ชอบที่จะมา แต่เห็นแบบนี้แล้วก็โอเค เพราะในห้องพี่โน้ต มีทั้งทีวี ทั้งคอม เกมส์ หนังสือ เยอะแยะ นี่คือจะดึงดูดให้ผมมาที่นี่บ่อยๆสินะ พอดูอะไรเสร็จป๊าก็มาตาม เราก็ออกไปกัน ป๊าสั่งงานพนักงานที่เข้าออฟฟิศนิดหน่อยก็ออกมา ผมก็พูดคุยกับป๊าและพี่โน้ตถึงเรื่องห้องทำงานที่น่าไปเล่น เขาก็โม้ใหญ่ จนรถจอด ผมก็มองไปรอบๆ.......
“นี่มันโรงเรียนในมหาลัยพี่โน้ตนี่ พานทมาทำไมอ่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็พามาเที่ยวดูไง เผื่อนทชอบ!” ป๊ายิ้ม ซึ่งผมพอจะรู้เหตุผลที่ทั้งป๊าและพี่โน้ตพาผมมาแล้ว
ผมก็ไม่พูดอะไร ก็เดินตามป๊ากับพี่โน้ตไป เขาก็บอกข้อดีต่างๆของโรงเรียนนี้ เพราะมันอยู่ในมหาลัยพี่โน้ตเขาจะได้มาดูผมได้บ่อยๆ บลาๆๆ ดูเสร็จก็กลับมาขึ้นรถ.........
“ป๊า พี่โน้ต รู้อะไรไหม” เขาก็หันมามองผม “จริงๆเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนหรอกนะ นททำตัวเองซุ่มซ่ามเองอะและอุบัติเหตุนทก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นกับนทไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะโรงเรียนไหนถ้านทไม่ระวังตัวนทก็เจ็บตัวอยู่ดี นทไม่ย้ายโรงเรียนหรอกนะ!” ผมพูดแบบจริงจัง
“แต่ป๊าแม่และพี่โน้ตไม่สบายใจนะลูก ดูสิ เนื้อตัวมีแต่แผลขนาดนี้!” ป๊าบอกอย่างเครียดๆ
“ป๊า นทยังเด็กนะ แผลพวกนี้มันก็เกิดขึ้นตามวัยหรือเปล่า นทก็ขอใช้ชีวิตช่วงให้คุ้มค่าหน่อยสิ” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนัก
“เอางั้นแบบนั้นเหรอ?” ป๊าถามอย่างลังเล
“ป๊ากับพี่โน้ตก็รู้ว่านทกับพวกปอสนิทกัน นทไม่แยกกับเพื่อนเด็ดขาด!” ผมบอกอย่างไม่ยอม
เขาก็พูดไกล่เกลี่ยผมอยุ่นั่นแหละ ผมก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่ ผมไม่ได้เอาแต่ใจ แต่ถ้าผมย้ายมันก็ต้องวุ่นวายนี่ผมก็มอ4กลางเทอมแล้ว ถ้าย้ายตอนนี้ยุ่งตายเลย ผมไม่เอาอะ จนสุดท้ายป๊าก็พากลับบ้าน เพราะป๊ากับพี่โน้ตโอเคแล้ว ผมก็ไม่คิดจะย้ายอะไรด้วย พอถึงบ้านก็เย็นแล้ว แม่ทำกับข้าวไว้รอ ก็ยังคงพูดถึงอยากให้ผมย้ายโรงเรียนกัน ผมก็นั่งกินข้าวเงียบๆไป....
“นทจำทิกเกอร์กับทิกเก็ทได้ไหม” อยู่ๆแม่ก็หันมาถามผม
“จำได้ดิ ลูกพี่ลูกน้องนทที่อยู่อังกฤษอะนะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เขาเรียนที่อังกฤษตั้งแต่เด็กเลยนะ เห็นว่าการเรียนการสอนที่นั่นดีมาก และได้หลายภาษาด้วย” แม่พูดอย่างจริงจัง
“จะส่งนทไปเรียนเมืองนอกเหรอ?” ผมถามนิ่งๆ แค่ผมอยู่ไทยยังโดนขนาดนี้ ถ้าไปผมคงโดนหนักกว่านี้
“อยากไปหรือเปล่า” ป๊าถามอย่างจริงจัง
“งั้นนทจะเรียนที่นิวยอร์กแล้วกัน นทขอคอนโดกลางเมืองด้วยนะป๊า เอาแบบที่เลี้ยงหมาได้ด้วยอะแม่ และก็ขอแม่บ้านคนนึงนะ นทขี้เกียจทำความสะอาด” ผมบอกอย่างตื่นเต้น เพราะว่านิวยอร์กไม่มีญาติหรือคนรู้จักผมอยู่ที่นั่นเลย  อีกอย่างประเทศอื่นหรือรัฐย่อยๆในฝั่งยุโรปหรือทั้งฝั่งเอเชีย ทั้งญาติและคนรู้จักก็เยอะอยู่ จะว่าญาติทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะถึงญาติจะเยอะ แต่คนรู้จักเยอะกว่า แม่ผมเคยเป็นแอร์โฮสเทส แต่ตอนนี้เป็นแม่บ้านแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกับป๊าเขาก็ไปเที่ยวในหลายๆที่กัน ช่วงที่ป๊ากับแม่แต่งงานกันตอนนั้นป๊าเป็นไกด์นำทัวร์ในไทยและจีนของบริษัทอากง ทำให้ป๊ารู้จักคนมากมายหลายประเทศ ซึ่งตั้งแต่มีผมป๊าก็แยกตัวออกมาจากอากงแล้วเริ่มสร้างบริษัทและกิจการย่อยหลายๆอย่างเป็นของตัวเอง โม้ให้ผมฟังตั้งเยอะ จนผมพอจะจำได้ ว่าใครอยู่ที่ไหนบ้าง ผมไม่เคยไปหรอก ทางทวีปยุโรป ส่วนมากก็แถวเอเชียเนี่ยแหละ แต่ไม่ได้ไปบ่อยขนาดนั้น อย่างไปจีนก็ไปรวมญาติ
“อย่ากวนนท ไปอยู่คนเดียวป๊าไม่ให้ไปหรอก” ป๊าพูดเสียงดุ
“ให้นทไปอยู่กับพวกญาติก็ไม่เอาเหมือนกัน” ผมพูดอย่างไม่ยอม ทุกคนมองผมแบบดุเลย ผมถึงกับหงอย “ก็นทอยากอยู่บ้านอ่า! จะให้ไปทำไมตั้งไกล อีกอย่างนทบอกแล้วไงว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวนท ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนสักหน่อยจะให้ย้ายทำไมอ่า!” ผมบอกอย่างงอแง
“นท ป๊ากับแม่และพี่โน้ตคุยกันแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ถ้าได้ไปต่อนอกป๊าว่าอนาคตไกลเลยละ” ป๊าบอกอย่างใจเย็น
“จริงๆถ้านทไป แม่กับป๊าก็จะให้พี่โน้ตไปเรียนด้วยนะ” แม่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เอา นทไม่อยากห่างกับป๊ากับแม่นะ!” ผมลุกแล้วเดินอ้อมไปกอดป๊าและจับมือแม่
ผมกลัวจริงๆ ผมไม่อยากอยู่ห่างกับป๊าและแม่เลย กลัวความคิดถึง กลัวไปหมด...........
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไม่ไปนะ ไม่ร้องนะลูก” แม่เช็ดน้ำตาให้ผม ซึ่งไม่รู้มันไหลมาตอนไหน
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไปป๊าขอโทษๆ อย่างอแงสิ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วโอเคไหม” ป๊าพูดอย่างอ่อนโยนผมก็พยักหน้าช้าๆ แล้วก็กลับไปนั่งที่
“ไม่ร้องน้ะ!” พี่โน้ตหันมายิ้ม ผมก็มองนิ่งๆ “พี่แค่อยากให้นทมองมุมกลับเท่านั้นเอง เรียนเมืองนอกมันดีหลายอย่างนะ ทั้งได้เปิดหูเปิดตา เรียนรู้สังคมที่ต่างออกไป หลายอย่าง” พี่โน้ตพูดแบบจริงจัง
“ไม่เอา” ผมก้มหน้ากินข้าว
“งั้นปิดเทอมใหญ่ต้องไปซัมเมอร์ที่อังกฤษนะ!” ป๊าพูด ผมเงยหน้าขึ้นมามองป๊า
จริงๆมันแค่เรื่องที่ผมเจ็บตัวบ่อยๆกับโรงเรียน ทุกคนถึงกับต้องส่งผมไปไกลๆแบบนั้นเลยเหรอผมละเซ็งหนักเลย....
“จริงๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่นทไปเจ็บตัวอะไรมาหรอก ป๊าแม่และพี่ก็คุยกันไว้สักพักแล้ว ว่าอยากให้ไปเรียนรู้ เพราะนทก็อ่อนภาษา ไปซัมเมอร์ก็เหมือนไปเที่ยวนะ อีกอย่างเรื่องที่อยากให้ย้ายโรงเรียนมันก็อยากอะแต่นทไม่ยอมนี่ และเรื่องไปเรียนเมืองนอกก็เป็นอะไรที่ดีด้วย พี่ก็เลยเสนอป๊าไป นทจะได้หลุดออกจากสังคมแบบนี้แล้วลองไปเปิดหูเปิดตากับสังคมใหม่ๆไง” พี่โน้ตพูดจริงจัง ผมก็พยักหน้ารับรู้
“ใช่ แต่ป๊าไม่บังคับนะ นทไม่อยากไปก็ไม่เป็นอะไร ป๊าก็คงทนคิดถึงตัวแสบของป๊าไม่ได้หรอก” ป๊ายิ้ม “อย่างน้อยไปเรียนซัมเมอร์ช่วงปิดเทอมใหญ่นะ ไปกันหมดบ้านเนี่ยแหละ ถือว่าไปเที่ยว!” ผมยิ้มบานเลย
“ก็ได้ป๊า” ผมยิ้มให้ป๊า
แล้วเราก็คุยกันไป ใจหายวาบ นึกว่าจะถูกโยนไปไกลๆคนเดียว ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยห่างป๊ากับแม่ไปไหนไกลๆเลย ไปไกลสุดก็ไปเข้าค่ายหรือนอนค้างกับเพื่อนไปเที่ยวกับเพื่อนก็แค่นั้น แต่นี่ก็ไม่ไหว โหดร้ายเกินไป จนกินข้าวเสร็จผมกินยาแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำวันนี้พี่โน้ตเรียกให้ไปนอนด้วย ทำอะไรเสร็จผมก็ไปหาพี่โน้ตที่ห้อง พี่โน้ตนอนรออยู่แล้ว ผมก็ไปนอนข้างๆ..........
หมับ! พี่โน้ตกอดผมแน่นเลย.........
“ทำไมไม่อยากไปอยู่กับพี่เหรอ” อยู่ๆพี่โน้ตก็พูดขึ้น
“พี่โน้ตอยากไปเหรอ?” ผมถามอย่างกังวล
“อยากอยู่นะ แต่ถ้าไม่มีคนในครอบครัวไปด้วยพี่ก็ไม่ไป” พี่โน้ตยิ้ม แล้วก็ปล่อยผม
“นททำลายความฝันพี่โน้ตหรือเปล่า!” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่ พี่คิดไว้แล้ว พี่รอจบปริญญาตรีก่อน แล้วค่อยไปต่อโทที่นั้น ถึงตอนที่พี่จะไปนทก็อยู่ปี1แล้วมั้ง ถึงตอนนั้นนทอาจจะอยากไปกับพี่ก็ได้!” พี่โน้ตลูบหัวผม
“จริงนะ!  งั้นนทสัญญาก็ได้ว่า....เอ่อ นทจะไปเรียนกับพี่โน้ตช่วงที่พี่โน้ตไปเรียนปริญญาโทที่นั่น!” ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมา พี่โน้ตก็เอานิ้วก้อยมาคล้อง
“สัญญาแล้วนะ!” บีบจมูกผม
“อื้ม! ตอนนี้นทอยากอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆมากกว่าพี่โน้ตเข้าใจนทใช่เปล่า!” ผมถามแบบอ้อนๆ
“เข้าใจสิ แต่ถ้านทอยู่มอ6นทก็จะเลือกได้เองแหละ!”
เราก็คุยไปกันจนหลับ ตื่นเช้ามาพี่โน้ตก็ปลุกผมให้ไปวัด ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง คือแทนที่จะบอกผมก่อนนะจะได้นอนเร็ว ผมก็ไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำอะไรเสร็จก็ลงไปเห็นแม่ทำเตรียมของไปทำบุญเยอะเลย ผมก็ไปช่วย สักพักป๊ากับพี่โน้ตก็ลงมาก็มาช่วยกันขนของขึ้นรถ แล้วก็พากันไปวัด ระหว่างทางก็พูดคุยกันมากมายเหลือเกิน ผมก็กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ วัดก็ไกลจัง กว่าจะมาถึงฟ้าก็สว่างจ้า แดดก็ร้อนแล้ว ก็ลงไปทำบุญฟังธรรม ขอพรและพูดคุยกับพระ พูดคุยเสร็จก็ไปให้อาหารปลาปล่อยสัตว์ อะไรไปทั่ว กว่าจะเสร็จก็สายมากแล้ว ผมก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย จริงๆคือชินแล้วกับการที่ไม่มีโทรศัพท์ ทำอะไรเสร็จก็ไปหาอะไรกินกัน กินเสร็จก็พากันกลับบ้านไปพักผ่อน แผลตามตัวผมก็เริ่มแห้ง บางที่ก็เริ่มหายหาย ตอนนี้ผมเอาผ้าพันหัวออกได้แล้ว และผมโชคดีมาก ผิวพรรณครอบครัวผมทุกคนแข็งแรงกันหมด ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ผมได้แผล ผมไม่มีแผลเป็นเลย โชคดีตรงนี้ พอถึงบ้านผมก็กลับเข้าห้องนอนล้างหน้าล้างตากระโดดขึ้นเตียงนอนเลย
ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกมีคนมายุ่งย่ามกับร่างกายผม พอค่อยๆลืมตาขึ้นมา พี่อ๊อฟ! มันกำลังถอดกางเกงผม....
“จะทำอะไรอะ!” ผมพูดเสียงงัวเงีย และก็รั้งกางเกงที่มันกำลังดึงลง ผมดูนาฬิกาตอนนี้ก็บ่ายแก่แล้ว
“ก็ ทำโทษคนไม่รับโทรศัพท์ไง” มันทำหน้าหื่น
“ถ้าว้อนก็บอก” ผมยิ้มเขิน มันก็เขินไง
แล้วมันก็ล้มตัวนอนข้างๆตัวผม ผมก็เอามือไปสัมผัสเป้ามัน แข็งโด่มาก เล่นหน้าผมร้อนผ่าวไปหมด....
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?” มันพูดแล้วลูบแก้มผม
“ไม่ได้พกติดตัว” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม มือก็คลำๆอยู่ตรงเป้ามัน
“เมื่อคืนก็ไม่รับ? ไปนอนกับพี่โน้ตเหรอ” มันถามผมก็พยักหน้าตอบ
“พี่อ๊อฟ” ผมเรียกมันเบาๆ มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “ไม่ได้ทำมากี่วันแล้วเนี่ย”
“ก็ตั้งแต่....กับมึงครั้งล่าสุด” มันพูดไปเกาจมูกไป
“ไม่ได้ช่วยตัวเองบ้างเหรอ” มันก็ส่ายหน้า “จริงเหรอ” ผมทำหน้าไม่เชื่อ
“งั้นพิสูทสิ!” มันก็พลิกตัวมาคร่อมผม
“ไม่กลัวป๊าได้ยินหรือยังไง” ผมถาม แล้วก็จ้องหน้ามัน
“อย่าเสียงดังสิ!” แล้วก็โน้มหน้ามาจูบผมอย่างแผ่วเบา
ผมเอามือล้วงไปจับแท่งของมันในกางเกงยืดขาสั้น คือหัวน้องฉ่ำเปียกไปหมด ผมก็ถูวนไป มันถดตัวหนีแต่ปากก็ยังคงไม่หยุดจูบ....
“อื้ม”มันครางออกมาในลำคอเพราะผมเริ่มรูดแท่งของมันขึ้นลง ผมผละออกมาจากจูบมันและปล่อยมือจากแท่งของมันแล้วก็ค่อยๆถอดกางเกงตัวเองออก มันก็ลุกไปถอดเสื้อผ้ามัน บอกเลย เวลานี้เห็นร่างเปลือยเปล่าของพี่อ๊อฟแล้ว ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เห็นแล้วอดใจไม่ไหว มันก็ดึงกางเกงผมออกไป และช่วยผมถอดเสื้อ จากนั้นมันก็ลุกขึ้นมายันเข่านั่งระหว่างอกผม ให้แท่งของมันจ่อที่ปาก.....
“อมให้หน่อย” บอกผมเสียงสั่น ผมก็ค่อยๆใช้มือรูดแท่งของมันแล้วก็เอาเข้าปาก เอาเข้าได้แค่ครึ่งเดียวพี่อ๊อฟก็เริ่มขยับเอว
“ซี๊ด! โดนฟัน” ผมก็ถอนออกมารูดแล้วก็เอาเข้าปากอีกครั้ง มันก็เริ่มขยับเอวอีกครั้ง ครั้งนี้มันมันเร่งความเร็ว จนผมเริ่มเมื่อยปาก ผมก็ใช้ลิ้นเลียบริเวณส่วนหัวมันไปด้วย
“อ่าห์ ไม่ไหวแล้ว......อ้าห์” น้ำมันพุ่งเข้าปากผมเต็มไปหมด
“แค่กๆ อึก!” ผมสำลักน้ำมันออกมาเพราะมันไม่ยอมถอนแท่งนั้นออกจากปากผม
“กินให้หมด” มันใช้แท่งของมันกวาดน้ำรักที่ผมสำลักออกมาเข้าปากผมอีกครั้ง ผมก็ค่อยๆกลืนลงไป มันเยอะมาก ผมเชื่อแล้วว่ามันนานจริงๆที่มันไม่ได้ปลดปล่อย พอกลืนหมด มันก็เอาแท่งของมันมาจ่อปากผมอีกครั้ง...
“เลียให้หมด” บอกผมเสียงแหบพร่า ที่ผมฟังยังไงมันก็ดูเซ็กซี่เรียกอารมณ์ผมเหลือเกิน ผมก็จับแท่งของมันเลียตั้งแต่หัวยันโคน...
“อ้า!” ผมร้องออกมาเสียงสั้น พี่อ๊อฟจับแท่งของผมที่ชี้โด่รูดขึ้นลงอย่างแรง มันทำให้ผมเจ็บนิดหน่อยแต่คงเสียวมากกว่า ตอนนี้ในห้องมีเสียงครางของผมที่ถูกรูดแท่งขึ้นลงและเสียงครางของพี่อ๊อฟที่ถูกผมเลีย สักพักมันก็ลุกขึ้น และก็เดินไปหยิบอะไรในกระเป๋ามา ผมก็มองอย่างสงสัย มันมานั่งตรงหว่างขาผม....
“ตัวช่วยจะทำให้มึงเจ็บน้อยลง” เจลหล่อลื่น มันบีบลงบนนิ้วแล้วก็เอาป้ายที่ช่องหลังของผม ป้ายไปสักพักมันก็เอานิ้วเข้ามา
“อื้ม เบาๆ” มันรัวนิ้วเข้าออกช่องหลังผมอย่างสนุกมือ
“แน่นสัส!” สักพักมันก็ถอนนิ้วออกมาแล้วก็เอาแท่งของมันมาจ่อช่องหลังของผม มันเอาแท่งของมันถูไปมาบริเวณนั้น ผมเสียวหวาบไปหมดมันรู้สึกถึงความอุ่นร้อนของแท่งนั้น สวบ!
“อุ้ก! จุก อ่าห์ เจ็บ” ผมร้องเสียงหลง เมื่อมันใส่แท่งของมันเข้ามาแบบทีเดียวมิดด้าม และรวดเร็วมาก น้ำตาเล็ดเลย ทั้งจุกทั้งเจ็บ มันก็แช่ไว้แบบนั้นแปปนึงแล้วโน้มตัวลงมาจูบผมเบาๆ...
“รักกูไหม”ถามเสียงแหบพร่า
“รักมากรักที่สุด”บอกเสียงสั่น ตอนนี้ผมหลับตาเบาๆ พยายามผ่อนคลายตัวเองเพราะเจ็บจริงๆ ทำไมรู้สึกเจ็บกว่าครั้งก่อนๆ และมันก็ประกบจูบผมอีกครั้ง และก็เริ่มขยับ ผมสั่นเลย ความเสียวเริ่มแล่นมา มันทั้งเจ็บทั้งเสียว ไปหมด
“อ่าห์ อื้ม!”เสียงครางของผมและพี่อ๊อฟประสานกัน จนตอนนี้เริ่มได้ที่พี่อ๊อฟก็เริ่มรัวเอวแรงขึ้น
“ปัปๆๆ” เสียงกระแทกรัวดังอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ผมร้องเสียงหลงเลย พี่อ๊อฟมันลุกขึ้นแล้วเอามือรูดแท่งของผมไปด้วย มันทำให้ผมฟินจนจะตายอยู่แล้ว ผมบิดตัวนิดหน่อยเพราะความเสียวที่มันเกิดจากทั้งด้านหน้าด้านหลังทำให้ความรู้สึกความผมมันจะถึงจุดอยู่แล้ว มันรัวมือชักแท่งร้อนของผมเร็วขึ้น จนผมทนไม่ไหวแล้ว เอวมันก็ยังไม่หยุดขยับ แถมยังใส่รัวและเร็วกว่าเดิม.....
“อ้าห์! อ่า อ่า!” ผมปล่อยน้ำของตัวเองออกมา มันพุ่งกระจายเต็มมือและโดนหน้าพี่อ๊อฟ กระเด็นลงเตียง กระจายไปทั่ว ผมถึงกับกระตุก มันถึงจุดสุดยอดจริง พี่อ๊อฟหยุดขยับเอว แล้วเอามือที่เปื้อนน้ำของผมไปเลีย ด้วยท่าทางที่ผมเห็นแล้วอาย พี่อ๊อฟมันร้ายมาก ผมอายไปหมดแล้วเนี่ย พอมันเลียในมือหมด มันก็โน้มมาจูบผม และดันน้ำของผมที่อยู่ตรงลิ้นของมันให้เข้าปากผม ผมก็รับมาอย่างไม่รังเกียจ มันยิ้มแบบหื่นๆแล้วก็จูบผมอย่างบ้าคลั่ง มันเริ่มขยับเอวอีกครั้ง แรงและรัว ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงความเสียวสุดๆ ทั้งห้องมีแต่เสียงครางและเสียงหอบ..
“จะเสร็จแล้ว อึก อ้า อ่าห์!” มันขยับเอวรัวและก็กระตุก2-3ครั้ง และก็พ่นน้ำเข้ามาในช่องหลังของผม รู้สึกวูบวาบเต็มไปหมด พอมันปล่อยน้ำของมันเข้าตัวผม มันก็ล้มตัวนอนลงทั้งๆที่แท่งนั้นของมันยังคาอยู่นั้นแหละ ผมก็เพลียมาก ผมก็หลับตาลงเบาๆ....
“ชอบไหม” มันเงยหน้าขึ้นมาถาม ผมก็ลืมตามองมันแล้วยิ้มเขิน
“ชอบ” หันหน้าหนีเพราะอายเหลือเกิน
“งั้น......”
และหลังจากนั้นก็อีก2หรือ3ยกก็ไม่รู้ ผมคือหลับไปเลย เพลียกายไปหมด มันไปตายอดตายอยากมาจากไหนนะ แต่จริงๆผมก็ชอบมากนะ><…………
ผมตื่นมาอีกทีก็เย็นมากแล้ว พี่อ๊อฟมันก็นอนข้างๆผมเนี่ยแหละ สภาพคือเปลือยทั้งคู่ ที่นอนคือเละมาก ผ้าปูหลุดลุ่ยไปหมด ไม่พอน้ำของมันและผมเลอะเต็มผ้าปูและผ้าห่มเลย แย่จริง! ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นมา มึนหัวนิดหน่อย รู้สึกเสียดๆตรงช่องข้างหลัง แต่ไม่เจ็บ ผมก็ค่อยๆลงเตียงแล้วเดินไปล้างตัวในห้างน้ำ คือน้ำของไอพี่อ๊อฟไหลออกมาเป็นทางเลย โหดสุดๆ จะเยอะไปไหน...

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“ท่ามึงนี่เอ๊กซ์สุดๆเลย!” ผมตกใจไปนิดหน่อย ก็ผมยกขาข้างนึงขึ้นมาแล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปทางช่องด้านหลัง ผมไม่ตอบอะไรมัน เพราะเขินอายสุดๆ ก็ยืนทำไปแบบนั้นแหละ “มาเดี๋ยวกูช่วย” มันยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินเข้ามา
และหลังจากนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง โดนไปอีก1ดอกเต็มๆ พอเสร็จมันก็ช่วยผมเอาน้ำออก แล้วเราก็อาบน้ำกัน เพลียสุดๆ ล้าไปหมด พออาบน้ำเสร็จ ผมก็มายืนแต่งตัว แต่ต้องตกใจไปนิด
“พี่อ๊อฟ! อะไรเนี่ย!” ผมชี้ไปตรงคอ
“รู้ตัวสะแล้ว!” บอกอย่างกวนๆ
“ถ้าป๊าแม่หรือพี่โน้ตถามจะบอกยังไงละ!” ผมพูดอย่างกังวล
“มึงอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม กูหิวแล้ว หรือจะให้กูกินมึงอีก!” ดูมันนะ
แล้วเราก็รีบแต่งตัวกัน ผมเพิ่งสังเกตุ พี่อ๊อฟมันเอาชุดมานอนกับผมอีกแล้ว ที่บ้านมันไม่ว่าหรือยังไงนะ ถี่ขนาดนี้ ทำอะไรเสร็จก็ลงไปกินข้าว ป๊ากับพี่โน้ตไปกินข้าวกับลูกค้าวันนี้เลยเหลือผมกับพี่อ๊อฟและแม่ เรากินข้าวกันไปพูดคุยกันไป กินเสร็จก็ช่วยแม่เก็บของ และก็พากันขึ้นไปช่วยเปลี่ยนผ้าปูและจัดที่นอนกัน พอทำอะไรเสร็จก็นอนกันเลย ไม่ไหวจริงๆ ล้าไปหมด.......
เช้ามาผมก็ตื่นนอนอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนตามปกติ จะขัดก็นิดหน่อยก็ตรงที่เสียดๆด้านหลัง เนื่องจากจัดหนักเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำอะไรเสร็จก็ลงไปกินข้าวไปโรงเรียน พอถึงโรงเรียนพี่อ๊อฟก็เดินไปส่งผมหาเพื่อนๆเหมือนเดิม พอถึงมันก็เดินเลยไป.....
“หน้าบานนนนนเชียวนะมึง!” ปอพูดแซว ผมก็เดินไปนั่งข้างมัน
“เรื่องของกูน่า!” ผมยิ้ม
“เออมึงตกลงเรื่องอิงฟ้ากับไอพี่เฟิสมันยังไงวะ” ไอวิวถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ว่ะ กูไม่ได้ไปเคลียล์ เห็นป๊าบอกว่ามันจ่ายค่ารักษาและค่าทำขวัญให้กู แค่นั้น” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเรื่องนี้ดูเหมือนจะเงียบไปแปลกๆพอลองถามป๊าป๊าก็บอกแบบนี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอยู่แล้ว
แล้วพวกมันก็คุยกันไปทั่ว แล้วก็พากันขึ้นเรียน จนถึงเวลาพัก วันนี้พี่อ๊อฟเดินมารอผมหน้าห้องเรียนเลยนะ เป็นอะไรที่แปลก เพื่อนๆก็แซวกัน ผมก็ยิ้มให้พี่อ๊อฟแบบเขินๆ มันก็อมยิ้ม ผมก็เดินออกไปหามัน.....
“มาทำไมเนี่ย!” ผมเขิน ถามไปงั้นแหละจริงๆดีใจมาก
“ไปกินข้าวกัน” มันเอ่ยชวน ผมพยักหน้าตอบรับ
เราก็ลงไปหาอะไรกินกัน กินเสร็จก็ไปหาขนมกินต่อ พี่อ๊อฟมันให้ผมไปส่งที่ชมรมแปปนึง ผมก็ไปกับมันแหละนัดเพื่อนๆเจอกันบนห้อง พอถึงชมรมมันก็นั่งลงตรงม้าหินอ่อนหน้าชมรม ผมก็นั่งลงข้างๆมัน..........
“วันนี้ทำตัวน่ารักแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” ผมหันไปถามอย่างดีใจ
ก็ตั้งแต่เดินลงตึกมา มีการจับมือด้วย เขินไปหมด มีการป้อนข้าวป้อนน้ำ กลางโรงอาหารเลย ถามว่าอายไหม ก็นิดนึงแหละ แต่เขินมากกว่า><….
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” มันหันมาถามด้วยท่าทีที่เขินอายไม่ต่างจากผม
“ไม่อะ” ผมยิ้ม มันก็มองผมแบบสงสัย “ก็อยากให้พี่อ๊อฟเป็นเหมือนเดิมแหละ ไม่ต้องทำอะไรให้มันพิเศษขึ้นหรอก ทำให้เหมือนเดิม ทำให้เท่าเดิม แค่ไม่ให้มันน้อยลงก็พอ” (ยิ้ม)
“พูดจาดีนะ” มันยิ้มเขิน แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆผม “…รักมึงนะ” กระซิบเบาๆ หน้าผมร้อนผ่าวไปหมด
“เขินวะ!” ผมหันหน้าหนี มันก็แซวไป….
“เจ็บหรือเปล่า!” ลูบเอวผม
“ไม่อ่ะ ชินแล้ว!” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
ผมกับมันก็คุยกันไป เป็นว่าที่มันดูแลดีเพราะว่ากลัวผมยังเจ็บจากที่ทำกับมัน น่ารักจริงๆเลย คุยกับมันไปสักพักก็ไปขึ้นตึกเรียน โดยมีมันไปส่ง พอถึงห้องเรียนเพื่อนๆก็แซวกันใหญ่เชียว ผมเขินอายจริงๆ.........
“กูรู้แล้วๆ” ปอพูดขึ้นทุกคนก็มองไปทางมัน “ที่พี่อ๊อฟมันทำดีกับไอนทเพราะอะไร!” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วชี้มาที่คอผม ทุกคนก็มองมา
ผมสะดุ้งเลยสิ ลืมไปเลยว่าไอพี่อ๊อฟมันประทับตราไว้ แย่จริง ผมก็เอามือลูบตรงคอ.........
“บะ บ้าเหรอพวกมึง ยุงกัดเว้ย!” ผมพูดแบบรนๆ หน้าร้อนผ่าวไปหมด
แล้วพวกมันก็ล้อก็แซวกันไปผมก็เอาหน้าฟุบลงโต๊ะเลย อายเหลือเกิน แถไม่รอดแล้ว แซวจนมันเลิกแซวกันไปเอง คาบต่อไปครูไม่เข้าสะด้วย เราก็นั่งคุยกันไปนั่งทำงานกันไป.........
“เออ พวกมึงยังติดต่อเพื่อนๆที่ค่ายอยู่หรือเปล่าวะ?” อยู่ๆปอก็ถามขึ้นมา
“ก็ติดต่ออยู่นะ” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ
“เออ เนี่ยคุยกันอยู่!” วิวยื่นไลน์มาให้ดู
“กูด้วย” นัทเปิดเฟสให้ดู
“กูก็ด้วยเว้ย!” ไอมินยิ้มบาน
“แล้วมึงละ?”  ผมถามปอ
“ก็ติดต่อนะ!” ปอพูดแล้วมันก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไป “เออว่าแต่มึงขอบคุณคนที่ช่วยมึงตอนตกน้ำยังไง?”อยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาถามผม
“ขอบคุณอะไร? ครูช่วยกูไว้ไม่ใช่เหรอ?” ผมถามแบบสงสัย เพราะตอนที่พวกมันเล่าหรือตอนที่ถามพี่อ๊อฟ พวกมันก็ใช้คำว่าเขา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไหน ผมก็คิดว่าเป็นครู ตอนนอนอยู่ที่ห้องพยาบาลที่ค่ายผมขอบคุณครูไปแล้วด้วย เขาก็ไม่ว่าอะไร
“ใช่ที่ไหนละ!” นัทเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ไอนี่ต่างหาก มันกระโดดลงไปช่วยมึงเลยนะ ตอนที่ทุกคนกำลังตกใจ!” มันซูมรูปในโทรศัพท์ของมัน ซึ่งเป็นรูป โกกิ! ผมตกใจสิ
“ทำไมกูไม่เคยได้ยินมึงพูดถึงตอนนี้ พูดกันมากมาย สรุปคือเล่าไม่ละเอียด?!” ผมถามอย่างค้างคาใจ
“งั้นเริ่มเล่าใหม่ มึงฟังดีๆนะ ไอวิว เล่า!” ไอมินหันไปบอกไอวิว ด้วยเสียงที่ดูก็อยากรู้มากพอสมควรเพราะมันก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
“เออๆ!”ไอวิวทำหน้าเหมือนขี้เกียจเล่า “ก็หลังจากที่ตัวมึงไปกระแทกกับหิน แล้วหล่นลงน้ำ เพื่อนมึงคนนี้มันก็กระโดดน้ำลงไปช่วยมึงเลย ทุกๆคนก็ยังอึ้งๆกันอยู่ กูก็อยู่ไกลจากมึง จะวิ่งไปช่วยมึง มึงคงตายก่อนใช่ไหม” ผมก็พยักหน้า “เออ...พอมันกระโดดลงไป ครูและเพื่อนๆพี่ๆที่อึ้งก็หายอึ้งกันแล้วก็รีบไปช่วยมึง ยิ่งกูเห็นพี่อ๊อฟของมึงหน้าซีดเลยสัส มันคงกลัวมึงจะเป็นอะไรแหละ หลังจากนั้นก็ บลาๆๆๆ” แล้วมันก็เล่าเรื่องที่มันเล่าซ้ำเล่าซากให้ผมฟังอีก คือทำไมไม่เล่าให้ครบ ไอโกกิเป็นคนช่วยผมเหรอ? แล้วทำไมไม่มีใครพูดถึงเลย? ผมรู้สึกผิดขึ้นมาแบบเต็มๆ
แล้วเราก็คุยกันไปจนคาบต่อไปครูก็เข้า ก็เรียนๆกันไป ผมก็ยังคงคิดถึงเรื่องของไอโกกิ ซึ่งผมไม่ชอบติดค้างใคร และถ้าผมรู้ว่ามันช่วย ผมจะไม่พูดตัดมันแบบนั้นหรอก เอายังไงดีละเนี่ย คิดไปคิดมานั้น จนเลิกเรียน ผมก็ไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรมมันนั่งวาดรูปแบบแฮปปี้เชียว ผมก็เข้าไปนั่งใกล้ๆมัน แล้วก็ถามมันเรื่องไอโกกิ มันก็บอกว่าใช่ พอผมถามทำไมไม่บอก มันบอกผมว่าไม่สำคัญอะไร เพราะไอโกกิช่วยผมนิดเดียว? ช่วยงมผมขึ้นมาจากน้ำนี่ช่วยนิดเดียวเหรอวะ? ไอบ้านี่ มันพูดจบก็ก้มหน้าวาดรูปต่อไป ผมก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแชทไลน์กลุ่มที่มีเพื่อนๆที่ค่ายที่นอนด้วยกันอยู่ในกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่ามีไอโกกิ แต่เวลาผมคุยมันจะเงียบไปเลยมันไม่ยอมคุย แต่พอผมไม่อยู่มันก็มาคุย ผมก็เข้าไปในรายชื่อเพื่อนในกลุ่มแล้วกดแอดไป ผมก็ทักมันไป มันอ่านแต่ไม่ตอบด้วยประเด็น 
พรึ่บ! มือถือผมลอยไปอยู่ในมือพี่อ๊อฟเลย มันก็ไล่อ่านแบบนิ่งๆ.....
“มึงอยากจะขอบคุณมันขนาดนั้นเลย?” มันถามหน้านิ่งๆ
“เอออออออ เพื่อนนะเว้ย! มันช่วยชีวิตผมเลยนะ!” ผมพูดแบบไม่พอใจ
“โอเคๆ กูรู้แล้วๆ” มันยิ้ม ผมก็มองงงๆ มันบ้าหรืออะไร เดี๋ยวทำเหมือนจะโกรธเดี๋ยวก็ดี อะไรไม่รู้
“งั้นวันนี้ผมกลับเอง จะไปหามันสักหน่อย!” ผมพูดจบแล้วลุกขึ้น
“ถ้าอยากตายมึงลองเดินไปสิ” มันพูดเสียงแข็ง ผมถึงกับชะงักแล้วนั่งลงทันที โหดเลยสินะ
“ทำไมต้องทำเสียงโหดวะ!” ผมหน้ามุ่ย
“คิดว่ากูไม่รู้ใช่ไหม ว่าเพื่อนมึงคนนั้นอยู่โรงเรียนเดียวกับไอสิงโต!” มันพูดแบบไม่พอใจ
“เอาจริงๆ มันก็เพื่อนทั้งนั้น คิดอะไรเนี่ย! ทำไมไม่หึงพวกไอปอด้วยเลยละ!” ผมประชดแบบไม่พอใจ
“กูดูอยู่ มึงกับไอนัทก็รักษาระยะห่างบ้างก็ดีนะ อย่าให้มันเกินไป!” ผมมองมันแบบอึ้ง เกินไปจริงๆ
“แล้วแต่เลยละกัน จะคิดไงก็แล้วแต่ แล้วนี่ยังไง! จะไปเคลียล์กับเพื่อน พี่ไม่ต้องไปหรอก” ผมพูดปัดๆไป
“ทำไม มึงจะได้ไปสวีทกับไอสิงโตใช่ไหม อ้อ! หรือกับไอคนที่ช่วยมึงอีกคน หน้าตี๋ๆแบบนั้นชอบนักนี่!” พูดกระแหนะกระแหน ผมก็มองมันนิ่งๆ
“คือมันไม่ใช่เรื่องที่เราควรมาทะเลาะกันหรือเปล่า?” ผมก็ต้องลงก่อน ไม่งั้นไม่จบ
“อะไรวะ ได้กูแล้วก็ทำเป็นเบื่อกู ให้มันได้แบบนี้สิ!” มันหันหลังให้ผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบื่อ! แม่งงี่เง่า
“ผมเบื่อพี่ยังไงพี่อ๊อฟ หันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมก็จับไหล่มันให้หันมา มันก็รั้งไว้ไม่ยอม
“มึงทำหน้าเบื่อกู!” ให้ตายสิวะ นี่มันอะไรกัน
“พอเถอะ มาง้องแง้งอะไรเนี่ย!” ผมเดินไปนั่งฝั่งที่มันหันหน้าไป มันก็ทำหน้าบูดเลย “จะเอายังไง” ผมถามอย่างเก็บอารมณ์
“อยากไปก็ไปเลย” แล้วผมจะได้ไปไหม มันงอลแบบออกอาการขนาดนี้
“ไปก็ได้!” ผมก็ลุกขึ้น
“เออ! ไปเลย มึงเห็นคนอื่นดีกว่ากูทุกครั้งอยู่แล้วนี่!” เสียงดังไง ผมแค่จะลุกไปนั่งดีๆเท่านั้นแหละ ดูมันทำ พี่ๆในชมรมออกมาดูกันหมดแล้ว ผมก็ยิ้มอ่อนให้พวกพี่เขาไปแล้วก็นั่งลงที่เดิม มันก็ก้มหน้าวาดรูปไป
“จะแหกปากเพื่อ?!” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“อยากไปก็ไปสิ!” เสียงสั่นเลย ขี้น้อยใจเป็นบ้า ไอนี่นิ
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พี่อ๊อฟมันมีหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน ผมก็นั่งนิ่งๆกดโทรศัพท์ไป
มันก็แอบชำเลืองมองผมบ้าง ผมก็ดูในแชทไป คือโกกิก็ไม่ตอบเลย ผมก็คุยกับเพื่อนๆในกลุ่มไป คุยกับไอสิงโตบ้าง พอเป็นพิธี พี่ดินพี่ไฟก็ยังคงทักมาเรื่อยๆ ไอฮาเล่อีก รายนั้นชวนไปเล่นแต่เกมส์ ให้ตายสิ สักพักพี่อ๊อฟมันก็ลุกเข้าไปในชมรมแล้วก็ออกมาพร้อมกระเป๋า.........
“กลับบ้าน” มันบอกนิ่งๆ นี่คือจะงอลแบบจริงจังใช่ไหมเนี่ย
“ไม่กลับ! ไปหาไอติมกินก่อน” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ต้องง้อมันก่อน ไม่อยากจะให้มันมาเคืองในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“เออ กูเลือกร้านเอง” มันยิ้มบานแล้วก็เดินนำไปเลย
ผมว่าเป็นแผนมันแน่ๆ ที่ทำเป็นงอล ไม่อยากให้ผมไปหาไอโกกิชัวร์ ไอนี่มันร้ายจริงๆ ผมก็เดินตามมันไป มันก็ขับรถพาผมไปกินไอติมที่ห้าง ห้างอีกแล้ว... ไปถึงก็ตรงไปร้านไอติมเลย พอสั่งอะไรเสร็จก็นั่งมองหน้ากัน มันก็ทำหน้ากวนตีนไป ผมก็มองมันอย่างเพลียจิตจริงๆ..........
“พี่อ๊อฟ คือผมว่าเราต้องคุยกันแล้วละมั้ง!” ผมพูดแบบจริงจัง มันก็ทำหน้าสงสัย “ผมเลือกพี่ผมรักพี่ แล้วพี่จะเป็นอะไรอีก? พวกนั้นก็เพื่อนๆผมทั้งนั้นนะ” พูดแบบจริงจัง
“กูรู้ว่าพวกมันอะเพื่อนมึงทั้งนั้น” มันก็ยิ้ม ผมก็ยิ้ม “แต่!” ทำหน้าดุ อะไรของมัน ผมถึงกับนิ่ง “กูไม่อยากให้มึงยุ่งกับพวกมัน จบไหม” มันทำหน้ากวนๆ หลากหลายอารมณ์จริงๆ
“ไม่จบ พวกนั้นก็เพื่อนๆทั้งนั้น ถ้าผมบอกให้พี่อ๊อฟเลิกยุ่งกับพวกพี่โอม หรือออกจากชมรมเพราะผู้หญิงเยอะพี่จะทำไหมละ!” ผมถามกลับแบบไม่พอใจ
“มึงก็รู้ว่ากูรู้ว่ากูจะไม่ทำ อีกอย่างกูก็ไม่ยุ่งกับใครแน่นอน ไม่เหมือนมึง ให้ท่าเขาไปทั่ว” มันพูดแบบโกรธแค้น
“นี่ผมมันดูไม่น่าไว้วางใจขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วผมต้องทำยังไง บอกมาสิ!” ผมถามแบบรำคาญ
“กูไม่พอใจที่เวลามึงไปเจอเพื่อนๆใหม่ของมึงแล้วบอกว่ากูเป็นพี่!” มันพูดแบบจริงจัง
“พี่อ๊อฟก็พูดแบบนั้น!” ผมเถียงอย่างไม่ยอม ตอนนี้ไอติมมาเสริฟแล้ว ก็กินไปถียงกันไป
“กูพูดตามมึงไง” บอกแบบไม่ใส่ใจ
“คือพี่จะไม่ยอมอะไรผมเลยใช่ปะ?” ผมตักไอติมคำโตเข้าปากอย่างหงุดหงิด
“กูยอมมึงมาตลอด และเกือบทุกเรื่องด้วย!” เอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผม
“แล้วทำไม เรื่องของไอสิงโตยังไม่เข้าใจสักทีละ!” ผมถามแบบไม่พอใจ
“ถ้ากูกลับไปคุยกับอิงฟ้าปกติ มึงจะพอใจไหม” มันถามนิ่งๆ ผมถึงกับชะงัก
“แต่มันไม่เหมือนกันนะ” ผมพูดเบาๆ
“ใช่ ไม่เหมือน ก็ตรงที่มึงกับมัน.....ได้กันแล้ว” ผมถึงกับก้มหน้าหงุด
“พอเถอะ!” ผมก็กินไอติมเงียบๆไป
ตอนนี้เราทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ อะไรกัน ดีกันได้ไม่กี่วันก็มีเรื่องให้ผิดใจกันอีกแล้วเหรอ เฮ้อ! กินเสร็จก็ไปจ่ายตัง พี่อ๊อฟมันก็ออกให้ ผมก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เราก็เดินเล่นกันนิดหน่อย......
“เป็นอะไร? คิดมากเหรอ?” ผมที่กำลังเหม่อลอยหันไปมองมันนิ่งๆ
“อืม ขอโทษ ผมผิดเองนี่ ยังไงผมก็เลือกพี่อะ ผมไม่อยากเห็นแก่ตัว” ผมพูดแบบไม่จริงจังนักแล้วยิ้มอ่อน
“อืม” ยิ้ม
เราก็เดินเล่นไปกัน จนพากันกลับ วันนี้มันชวนผมไปนอนบ้านมัน ผมก็ตอบตกลงไป แล้วก็เข้าไปเก็บของ พี่โน้ตก็บ่นเหมือนเดิม แต่ผมก็แถไปได้ ก็พากันไป ทำไมผมอึดอัดใจจัง คือพี่อ๊อฟกำลังหมายความว่าให้ผมตัดเพื่อนกับพวกนั้นเหรอ? คิดไปทั่ว จนถึงบ้านมันก็ลงไปเปิดประตูให้มันเอารถเข้าบ้าน เจอพ่อแม่พี่อิฐก็ทักทายนิดหน่อยก็ขึ้นบ้าน ผมก็ล้มตัวนอนบนเตียง มันก็เอาของผมไปเก็บให้ พอเสร็จมันก็เดินมานั่งข้างๆผมที่นอนอยู่..........
“พี่อ๊อฟ ผมทำให้พี่อ๊อฟเสียใจบ่อยไหม” ผมหันไปถามมันนิ่งๆ มันก็พยักหน้า “เหนื่อยไหม?” มันดูชะงักไป “ขอโทษสำหรับทุกอย่างเลยนะ ที่ทำให้เหนื่อย และเสียใจขนาดนั้น” ผมหลับตาลง
“ถึงกูจะเสียใจ เหนื่อย หรือหนักใจ กูก็ยังรักมึงอยู่ดี” มันล้มตัวนอนข้างๆผม “ทำไม พูดแบบนี้จะบอกเลิกกูเหรอ” มันหันมาถามนิ่งๆ ผมลืมตาขึ้นมาทันที
“บ้าเหรอ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“นั่นน่ะสิ ถึงมึงจะบอกเลิกกู กูก็ไม่ยอมหรอก” หันมากอดผม ผมก็ลูบหัวมัน “เรื่องไอสิงโต...กูไม่ได้คิดอะไรแล้ว” ผมชะงักไปนิดนึง “กูแค่ยังไม่อยากให้มึงไปไหนช่วงนี้ กูกลัวว่ามึงจะเจ็บตัวอีก” มันกอดผมแน่น ผมยิ้มออกมาเลย
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า!” ผมพูดอย่างดีใจ
“ขอโทษที่ทำให้มึงคิดมาก” เอาหน้าซุกคอผม
“ขอโทษเหมือนกัน” ผมลูบหลังมัน
“มึงอย่าทิ้งกูนะ” มันกอดผมแน่น
“ไม่มีทางที่จะทิ้งพี่แน่นอน” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมก็จุ้บหน้าผากมันไปทีนึง
ผมกับมันก็นอนคุยกันไป จนพี่อิฐขึ้นมาเรียกให้ไปกินข้าวก็ไปกินกัน ผมก็โม้ยาวเลย คุยกันสนุกดี พอกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บ เสร็จแล้วก็พากันขึ้นบ้าน.....
“มึงมองพี่อิฐแบบนั้นหมายความว่ายังไง!” มันถามแบบไม่พอใจ
“ก็มองเฉยๆ แล้วเป็นอะไรเนี่ย!” ผมเห็นมันนั่งเงียบๆ คงเพราะเรื่องนี้แหละ นั่นพี่ชายมันนะ หน้าเหมือนกันขนาดนี้ จะอะไรนักหนา
“มึงนี่แม่ง!” เป็นเอามากจริงๆ มันเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว
ผมก็ตามมันเข้าไปในห้องน้ำ ผมเริ่มจะมาสังเกตุ หลายๆครั้งหลังจากที่ผมมีอะไรกับมัน มันจะดูเอ่อ งี่เง่าผิดปกติ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกี่ยวไหม แต่ผมเห็นเป็นแบบนี้ตลอด ผมเข้ามา มันยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า......
“ก็พี่อิฐเขาพูดกับผมนี่จะไม่ให้มองได้ยังไงละ!” ผมกอดมันจากข้างหลัง
“อาบน้ำกันเถอะ!” มันหันมาบอกด้วยยิ้มอ่อน ผมก็พยักหน้าตอบ
แล้วก็ไปถอดผ้ามาอาบน้ำกัน แค่อาบน้ำ ไม่ได้ทำอะไรขืนทำได้มีเลือดแน่นอน อาบเสร็จก็ออกไปแต่งตัวแล้วก็แยกย้ายกันนั่งทำการบ้าน....
“พี่อ๊อฟ ถามจริง ช่วงนี้เป็นอะไร!” ผมถามแบบจริงจัง เพราะผมทำการบ้านเสร็จแล้ว
“ไม่รู้ ช่วงนี้กูรู้สึกหวงมึงแปลกๆ” มันบอกแบบไม่ใส่ใจ ผมพยักหน้ารับรู้ “ง่วงยัง?” มันหันมาถาม
“พี่อ๊อฟเสร็จหรือยัง” ผมก็ลุกไปหามันที่นั่งอยู่ที่โต้ะเขียนหนังสือ ผมนอนทำบนเตียง
ผมไปนั่งข้างๆมัน มันก็ทำเสร็จแล้วนี่ แต่นั่งดูอะไรในโทรศัพท์อยู่ ผมก็ดึงมาดู เอิ่ม! วิธีระงับอารมณ์....
“ถึงกับต้องดูเลยเหรอ?” ผมถามแบบสนใจ มันก็ทำหน้าเครียด ผมก็วางโทรศัพท์มันแล้วก็ใช้มือทั้งสองประคองหน้ามันไว้ “พี่อ๊อฟ คือพี่อ๊อฟไม่จำเป็นต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อผมหรอก พี่เป็นแบบนี้ผมรับได้ทุกอย่างเลย ไม่เบื่อด้วย” ยิ้ม มันก็ยิ้ม
“กูกลัวมึงจะเบื่อกูเพราะกูทำตัวงี่เง่า” มันบอกเบาๆ
“ไม่เบื่อเลย”(ยิ้ม)
มันก็ยิ้มบาน เราคุยกันนิดหน่อยแล้วก็พากันขึ้นเตียงปิดไฟนอน ก็นอนคุยกันไปจนหลับ ไม่มีอะไรมากมาย จนเวลาผ่านไป3-4วัน ช่วงที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรมากก็ใช้ชีวิตปกติ ไปมาหาพี่อ๊อฟบ่อยๆพี่อ๊อฟก็ดูจะดีขึ้นจากวันนั้น ส่วนเรื่องไอโกกิ ผมก็ติดต่อมันตลอด แต่ไม่ตอบอะไรเลย อ่านแล้วไม่ตอบ ผมก็เซ็ง...
จนมาวันนี้ ที่ผมตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องไปคุยกับโกกิให้ได้ เพราะมันคาใจมาหลายวันแล้ว วันนี้ผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ จนพักเที่ยง ผมก็ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ  พี่อ๊อฟมันก็แยกไปกินข้าวกับเพื่อนๆมัน ผมก็กินข้าวไปพูดคุยกับเพื่อนๆไปในเรื่องต่างๆ แต่จะเน้นเรื่องสอบมากกว่า เพราะใกล้สอบแล้วจริงๆก็ไม่ได้สนใจอะไรกัน แค่บ่นกันเท่านั้นว่าจะสอบแล้วยังไม่รู้อะไรเลย คะแนนเก็บพอหรือยังบลาๆๆ....
“ไปเที่ยวหาไอสิงโตบ้างไหม ได้ข่าวว่าลูกพี่ลูกน้องมันจะมา” อยู่ๆไอมินก็พูดขึ้นมา
“เออ ไม่ได้ไปนานแล้วนะ” ปอพูดขึ้นมาข้าวเต็มปากยังจะพูด
“ลูกพี่ลูกน้องมัน เป็นยังไงวะ จะใจดีเหมือนไอสิงโตเปล่า!” วิวถามอย่างสงสัย
“นั่นดิ กลัวว่าแม่งจะไม่ชอบหน้าพวกเรายังไงไม่รู้!” ไอนัทพูดอย่างกังวล
“เรื่องนี้ต้องถามไอนทเว้ย! มันเจอเขามาแล้วไอสิงโตบอก” ไอมินเม้าท์เกินไปแล้ว
“เกี่ยวอะไรกับกูละ!” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
คือจริงๆแล้วไอสิงโตมันโทรมาบอกผมเมื่อวันก่อนแล้ว แต่ผมยังให้คำตอบไม่ได้ มันก็ขู่และก็บังคับ จนมันให้ไอพวกนี้กดดันผมนั่นแหละ แต่กลัวว่าพี่อ๊อฟจะไม่เข้าใจนี่สิ.........
“มึงจะไปกันวันไหน กูว่าจะไปเคลียล์กับไอโกกิก่อนว่ะ” ผมพูดอย่างกังวล เพราะเรื่องโกกิผมได้เอามาปรึกษาเพื่อนๆแล้ว ซึ่งมันก็น่าเครียดพอตัวเพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ผมรู้สึกติดค้างมันจังเลย เพราะผมได้เล่าเรื่องที่พี่อ๊อฟไม่พอใจให้พวกมันฟังไปด้วย
“แล้วพี่อ๊อฟให้มึงไปเหรอวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“เขาก็ไม่พูดอะไรนะ” ผมพูดอย่างกังวล
เราก็คุยกันไป พอคุยกับมันเรื่องนี้ทีไรมันก็ชอบนิ่งๆ เหมือนคิดอะไรสักอย่าง ผมก็เลยไม่อยากจะพูดและทำให้มันบั่นทอนจิตใจเกินไป ก็เลยเหยียบๆการคุยเรื่องนี้ไป จนกินกันเสร็จก็ขึ้นเรียนไป พอเลิกเรียนผมก็แยกไปหาพี่อ๊อฟ โดยบอกเพื่อนๆว่ายังไงวันนี้จะไปหาโกกิให้ได้ซึ่งตอนแรกพวกมันจะกลับบ้านกันอยู่แล้วไง มันเลยเปลี่ยนใจกันว่าจะไปกับผม ห้ามแล้วก็ไม่ฟังกัน ผมก็เลยปล่อยๆไป อีกอย่างพวกมันก็ไม่อยากกลับบ้านเร็วด้วยช่วงนี้ พวกมันเลยตามผมมากันเป็นขโยงเลย พี่อ๊อฟก็มองงงๆ……..
“พี่อ๊อฟ วันนี้ผมจะปะ.....”
“ไม่ได้! วันนี้มึงต้องกลับไปอ่านหนังสือ จะสอบแล้วนะนท!” มันตัวบทผมแล้วพูดแบบดุๆ
“ไม่เอาไปแปปเดียวเอง!” ผมนั่งลงข้างๆมัน เพื่อนๆก็ช่วยได้มาก ยืนสงบนิ่งกันเพื่อ
“กูจะฟ้องป๊า!” มันพูดแบบไม่พอใจ
“อะไรว้า!” ผมพูดอย่างรำคาญ มันมองค้อนผมเลย
“กูว่าแล้ว!” ไอปอพูดขึ้นแบบคนอวดรู้
“จะไปๆๆๆๆๆๆ!” แหกปากแล้วทีนี้ “ไม่สนใจละ ปะกันเถอะพวกมึง!” ผมลุกขึ้น แล้วก็เดินไปหาเพื่อนๆ
“ไปแล้วก็ไปลับนะ ไม่ต้องมาหากูอีก!” ผมถึงกับหยุดเดิน หันไปดูมันก็ก้มหน้าวาดรูปไปนิ่งๆ
“จะเอายังไง!” ผมถามแบบไม่พอใจ
“มึงจะไปไหนกัน” มันเงยหน้าขึ้นมาถามนิ่งๆ
“จะไปซื้อเครื่องเขียนครับ!” อยู่ๆไอนัทก็พูดขึ้นมา ผมหันไปมองมันแบบอึนๆ
“ของกูก็มีตั้งเยอะตั้งแยะนท เอาที่กูไปนี่!” พี่อ๊อฟขมวดคิ้ว
“อะ...เอ่อ!” ผมไปไม่ถูกเลยทีนี้
“งะ...งานกลุ่มน่ะพี่” ไอวิวไปกันใหญ่แล้ว
แล้วก็แถกันไป ปวดหัวเลย....
“งั้นกูจะไปด้วย!” พี่อ๊อฟพูดขึ้น ผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คือโกหกไปแล้วไง ขืนให้มันไปด้วยโดนแน่ๆ
“เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่อ๊อฟค่อยไปรับก็ได้ ผมอยากไปกับเพื่อนๆบ้าง!” ผมยิ้มอ่อนให้มัน
“กู จะ ไป!” เน้นทุกคำ ชัดเจนมาก แล้วมันก็ลุกเข้าไปในชมรม
“เอายังไงดีวะ ไอนัทมึงจะไปโกหกมันทำไมเนี่ย เดี๋ยวมันก็งอนกูอีก!” ผมพูดอย่างกังวล
“ขนาดมึงโกหกมันยังไม่ให้ไปเลย นี่แค่เรื่องไปซื้อเครื่องเขียนนะ ถ้ามึงบอกไปง้อผู้ชายมันไม่จับมึงล่ามเตียงเลยเหรอ!” ไอนัทพูดเบาๆแบบกังวล
“นั่นดิ กูว่าวันนี้ก็คงได้ไปซื้อเครื่องเขียนกันแล้วล่ะ!” ไอปอยิ้มอ่อน
“เฮ้อ!” ปวดหัวเลยทีเดียว “เห้ย! กูนึกออกแล้ว! เอาแบบนี้ไหม ไอมินมึงบอกไอสิงโตให้หน่อยดิ ให้พาไอโกกิมาด้วย!” ผมหันไปบอกไอมิน
“มันจะดีเหรอมึง พี่อ๊อฟเจอกับไอสิงโต..” ไอปอถามอย่างกังวล
“ไปกันยัง” อยู่ๆพี่อ๊อฟออกมา สะดุ้งกันเลยทีเดียว ผมพยักหน้าตอบเล็กน้อย

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แล้วมันก็เดินนำไปที่รถ ผมก็ตกลงกับเพื่อนๆ เอามันมาแหละตั้งใจไว้แล้วนี่ อีกอย่างถ้าเลื่อนวันมันจะยิ่งหนัก จะสอบอยู่แล้ว พี่อ๊อฟมันคุมผมเข้ม ถ้าไม่ไปวันนี้วันอื่นคงไม่ได้ใกล้ๆนี่แน่นอน ทุกคนก็ตกลงกัน ไอมินก็โทรหาไอสิงโต ดูทำอะไรเป็นทีม ไอสิงโตก็รีบเลยสิ รายนั้นแค่ได้ยินว่าผมขอมันก็รีบเลยทีเดียวก็โอเค เพื่อนๆก็ไปส่งผมไปหาพี่อ๊อฟที่โรงรถ แล้วพวกมันก็นั่งรถไปกัน มันนัดเจอกับไอสิงโต ให้ผมกับพี่อ๊อฟไปเดินก่อน เป็นแผนที่แยบยล ทำไมต้องทำลับๆล่อๆก็ไม่รู้ โถ่! ผมก็นั่งซ้อนพี่อ๊อฟไป ระหว่างทางมันก็ถามมากมาย ดูพูดเยอะ สงสัยอารมณ์ดี...........
“มึงไม่ได้โกหกอะไรกูใช่ไหม?” อยู่ๆมันก็ถามทั้งๆที่เมื่อกี้คุยกันเรื่องไปเที่ยว ไอนี่มันยังไงวะ
“กะ...โกหกอะไร!” ผมรนเลย
“คิดว่ากูดูไม่ออกเหรอ?” ผมถึงกับเกร็งเลยทีเดียว
“อะ...เอ่อ วันนี้อากาศน่ากินไอติมจริงๆ!” ผมแถไปสิ
“หึ!” ไอนี่นิ มันเกินไปแล้ว
มันก็พูดแดกดันผมมาตลอดทาง ผมก็แถไปทั่ว จนถึงเราก็ไปจอดรถ แล้วก็เข้าไปเดิน ตอนแรกพี่อ๊อฟจะรอเพื่อนๆผมด้วย แต่ผมก็แถ รอเจอก็โป๊ะแตกพอดีสิ ผมก็เดินไปดูในร้านเครื่องเขียนนั่นแหละ จะปลีกตัวก็ปลีกไม่ได้พี่อ๊อฟก็เกาะติดเกิน จะแอบดูโทรศัพท์สักหน่อยว่าพวกมันมาถึงหรือยัง ขนาดผมพามันไปดูทางพวกสีที่มันชอบไปยืนดูแล้วนะ..........
ครืดๆ! เสียงโทรศัพท์สั่น ผมก็ล้วงขึ้นมาดู วิว โทรมาผมก็หยิบขึ้นมา พี่อ๊อฟมันก็มองนิ่งๆ ผมก็หันจอไปให้มันดูมันก็พยักหน้า ผมก็กดรับ......
“มาแล้วนะเว้ย!มึงอยู่ไหน” ไอวิวถามแบบตื่นเต้น จะตื่นเต้นทำไม
“กะ...ก็รอพวกมึงอยู่ร้านเครื่องเขียนไง” ผมบอกแบบมองตาพี่อ๊อฟ แล้วทำตัวเกร็งๆ ก็มันยืนจ้องอะไรขนาดนั้น
“เออๆ จะไปหานะ ทำตัวให้ปกตินะมึง ตึ๊ด!” เวร บอกแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ!
พอมันวางไปพี่อ๊อฟก็ถามประมานว่ามีอะไร ผมก็บอกมันไป ว่าพวกมันกำลังขึ้นมาหา พี่อ๊อฟดูแบบจับผิดผมตลอดเวลา ผมว่าโป๊ะแตกก็เพราะโกหกไม่เนียนเนี่ยแหละ โถ่ชีวิต ผมก็เดินดูไปทั่ว พี่อ๊อฟก็บ่นเรื่องซื้อของไม่จำเป็น และก็อะไรของมันมากมายเหลือเกิน.....
“นท!”ผมหันไปดู ไอสิงโตไง ยิ้มหน้าบานวิ่งมาหาผมแล้ว พี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆแล้วทีนี้ แต่พอไอสิงโตเห็นพี่อ๊อฟ มันก็เก็บอาการทันที......
“อะ..อ้าว สิงโตมาได้ยังไง” ผมยิ้มอ่อน
“มานี่เลยมึง!” แล้วพี่อ๊อฟก็ดึงแขนผมให้ไปทางคนเงียบๆ ผมก็บอกพวกมันให้ยืนรอแปป
มันลากผมมาด้านหลังๆ โซนเงียบๆ เพื่อนๆก็มองผมแบบเป็นห่วง เป็นห่วงหรือสาปส่ง......
“กูว่าแล้ว ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล มีอะไรจะบอกกูไหม” มันกอดอกแล้วทำหน้าดุ
“แหะๆ” ผมเอามือเกาหัว “กะ ก็....” ผมพูดไม่ออก
“กูจะรอฟังเหตุผลที่มันลื่นๆหูกูเลย” ยื่นหูมาใกล้ๆ ประชดได้เจ็บแสบมาก
“จะ...จริงๆแล้ว.....ผมแค่จะมาหาโกกิ แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่อ๊อฟไม่น่าจะไม่ให้มา ก็เลยให้ไอสิงโตพามา..” ผมพูดแล้วหลบตา มันก็ถอยกลับไปแล้วมองผมนิ่งๆ
“หึ! กูไม่ยกโทษให้แน่นท” ผมหันมองมันทันทีเลย แต่มันยื่นมือให้ผมไง “งงอะไร จับมือกูเลย แล้วก็บอกมันด้วยว่ากู ผัวมึง!” ผิดคาด มันดูจะไม่โกรธ? มันยิ้ม ผมก็จับมือมัน แล้วยิ้ม “ มึงต้องโดนทำโทษนะ” มันโน้มหน้ามากระซิบบอกผม
“ไอบ้า!” เขินสิแบบนี้
แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนๆที่รออยู่ พวกมันก็ดูงงๆ ไอโกกิก็ไม่มองหน้าผมเลย......
“ไง อ๊อฟ มึงหล่อขึ้นนะเนี่ย!” ไอสิงโตทักทายได้กวนตีนตลอด
“หล่อน้อยกว่ามึงแล้วกัน ไม่งั้นนทมะ อุ้บ!......” ผมเอามือปิดปากมันทันที
ผมก็กอดคอพี่อ๊อฟแล้วก็โน้มหน้าไปกระซิบมัน “อย่าได้พูดอะไรที่มันไม่ควรนะ!” มันก็ขำออกมา มันดูอารมณ์ดีแปลกๆแหะ ผมชักหวั่นใจ....
“ปอ เอายังไงดีวะ มันไม่มองหน้ากูเลยนะมึง” ผมหันไปกระซิบปอ เพื่อนคนอื่นๆก็คุยกันอยู่ พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็กัดกันไป
“ไปคุยกันไหมละ!” ไอปอนี่ก็ช่วยได้มาก
“อะ...เอ่อ ไหนๆก็อยู่กันพร้อมหน้า” พูดๆไปก่อน “ปะ...ไปกินไอติมกันไหม กูเลี้ยงเอง”ยิ้มอ่อน พี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆ
แล้วพวกมันก็ตกลง เราก็เดินไปร้านซเวนเซ่นกัน ไอโกกิแทบจะไม่มองหน้าผมเลยเอาจริง เดินนำโล่ไปนู่นคนเดียว.....
“พี่อ๊อฟ ขอไปคุยกับมันก่อนได้เปล่า?” คือมันไม่ยอมปล่อยมือเลย
“เออ แต่อย่าให้มันเกินความจำเป็นนะมึง!” พี่อ๊อฟพูดเสียงดุ ผมก็ยิ้ม พี่อ๊อฟน่ารักขึ้นนะเนี่ย
แล้วผมก็แยกตัวออกมา ไอสิงโตก็เดินคุยกับพี่อ๊อฟไป ก็กวนตีนกันไปมา ผมก็เดินไปหาโกกิ มันมองผมนิดหน่อยแล้วก็หันกลับไปมองทางเดินมัน......
“โกกิ มึงใส่ชุดนักเรียนแล้วหล่อนะเนี่ย” ผมยิ้ม มันก็มองผมแบบนิ่งๆ
“อืม!” มันกระแทกเสียงสะด้วย
“โอเคๆ ขอโทษๆๆๆ กูขอโทษ” พูดเสียงค่อนข้างดังนิดนึง
“จะขอโทษทำไม มึงไม่ควรมายุ่งกับกูด้วยซ้ำ!” ตายแล้ว ดูท่าจะยากกว่าที่คิด
“โอเค มึงอยากให้กูทำอะไรกูยอมแล้วกูขอโทษ และก็ขอบคุณมากที่ช่วยกูไว้” ผมจับไหล่มัน มันก็เดินไม่หยุดเลย
“งั้นก็เลิกยุ่งกับกูสะ!” ผมถึงกับชะงัก
“อะ เอ่อ!” ผมหน้าเสียเลย ผมก็ชะลอเดินช้าลง มันก็เดินนำไป แล้วอยู่ๆมันก็เดินกลับมายืนข้างๆผมแล้วเดินไปด้วยกัน ผมก็ค่อนข้างนิ่ง เพราะหมดคำพูด “ขอโทษจริงๆนะที่ทำให้รำคาญ จริงๆก็อยากจะมาขอโทษ ขอโทษจากใจจริงเลย แล้วก็จะมาขอบคุณที่ช่วย ยังไงก็ให้กูเลี้ยงไอติมแล้วกัน ถือว่าเป็นคำขอบคุณและขอโทษนะ หลังจากนี้กูก็จะไม่ยุ่งกับมึงแล้ว” ผมยิ้มให้มัน มันดูชะงักไปนิดนึง
“อะ...อืม!” มันดูลังเล มันดูแปลกๆนะ แต่ผมก็ไม่สนใจ
“งั้น กูกับมึงก็ฉลองเนอะ เพื่อนกันวันสุดท้าย โอเคไหม!” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้าช้าๆ
ผมก็ชวนมันคุยตลอดทาง มันก็ตอบบ้างคุยบ้าง จริงๆก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่ในเมื่อมันต้องการ ก็ช่วยไม่ได้ พอถึงร้านผมก็ไปนั่งข้างๆพี่อ๊อฟ แล้วก็เรียกไอโกกิมานั่งข้างๆ โดยที่สิงโตนั่วตรงข้ามผม เราก็สั่งๆกันไป แล้วก็คุยกันไป โดยที่ผมก็บอกเรื่องโกกิกับพี่อ๊อฟด้วย มันก็โอเค มันเข้าใจดี มันดูแปลกๆเนอะ......
“ถ่ายรูปไปอวดพวกไอซ์ดีไหม!” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้า
ผมก็ถ่ายรูปมันแล้วก็ลงแชทกลุ่ม เพื่อนๆก็บ่นกันใหญ่ ไม่ชงไม่ชวน ก็คุยกันขำๆไป พอไอติมมาเสริฟเราก็กินกันไป ผมก็กินกับพี่อ๊อฟไง มันชอบสั่งชุดใหญ่มากินด้วยกัน ไอโกกิก็รู้แล้วว่าผมกับพี่อ๊อฟอะไรยังไง ไอสิงโตก็แหย่ตลอด มาแย่งกิน มาป้อนผม พี่อ๊อฟจะฆ่ามันตายตรงนี้แหละ พอกินเสร็จผมก็ไปจ่ายตังแต่.....
“เท่าไหร่?” พี่อ๊อฟชะเง้อดูบิล “อะ...เอาตังกู” มันหยิบออกมาพอดีเลย
“ได้ยังไง ผมบอกจะเลี้ยงนะ” ผมถามอย่างไม่ยอม แล้วก็วางบัตร
“กูจะจ่ายให้ มึงจะทำไม” มันทำหน้าดุ
“ครับๆ ยอมแล้วๆ” ผมยกมือยอมมันไป
“อะไรวะ ทีกูจะเลี้ยงไม่ค่อยจะยอมเลย!” ไอสิงโตพูดอย่างน้อยใจ
“มันก็ยอมแฟนมันดิ ไอควาย” พี่อ๊อฟพูดกวนๆ
ทุกคนก็ขำๆกันไป แล้วเราก็พากันเดินเล่นนิดหน่อยก็แยกย้าย เพื่อนๆก็ไปขึ้นรถกัน ส่วนโกกิก็กลับกับสิงโต เราก็คุยกันไปเดินไปที่จอดรถไป......
“กูสนุกมากที่ได้กินไอติมกับมึง” ผมยิ้มให้โกกิ
“แค่กินไอติมจะสนุกอะไรวะ!” โกกิตอบห้วนๆ
“ว้า! เวลาหมดแล้ว กูน่าจะเที่ยวกับมึงได้นานกว่านี้เนอะ!” ยิ้ม “ยินดีเว้ยที่ได้รู้จักมึง!” ผมยื่นมือไปให้มันข้างนึง ตอนนี้ถึงที่จอดรถแล้ว พี่อ๊อฟก็มอง โกกิมันก็เอื้อมมือมาจับมือผม “ขอบคุณเรื่องที่ช่วย และขอโทษที่พูดไม่ดีด้วย กูจะทำตามที่มึงบอก” ผมปล่อยมือออกมา “ลาก่อน ไปแล้วนะ” ผมยิ้มให้มัน มันก็ดูอึนๆ ผมก็หันไปมองไอสิงโต “สิงโต ไปส่งเพื่อนกูดีๆนะเว้ย!” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนัก
“ครับๆ รับทราบ” มันตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ดินกับพี่ไฟมาถึงวันนี้แล้วนะเว้ย! เขาปิดเทอมเล็ก2อาทิตย์เขาอยากเจอมึงนะ” ไอสิงโตบอกอย่างตื่นเต้น
“กูก็จะสอบอาทิตย์หน้านี่แล้ว เอายังไงดี สอบสามวันเองนะ รอก่อนได้เปล่า?” ผมถามอย่างไม่จริงจัง
“อะ แฮ่ม!” พี่อ๊อฟเรียกร้องความสนใจแล้วไง
“อะ..เอ่อ ถ้าพี่อ๊อฟไม่ให้กูไปก็อีกเรื่องนะ!” ผมบอกแบบเบาๆ
“อ๊อฟมึงก็เกินไป กูเพื่อนมันนะเว้ย! เรื่องเก่าๆให้มันจบไปดิวะ” สิงโตพูดแบบไม่พอใจ ติดจะไม่จริงจัง
“แฟนกู กูดูแลเอง อย่าเสือก ถ้ามันจะไปกูก็จะไปด้วย กูไม่ปล่อยให้มึงสองคนเล่นลับหลังกูอีกหรอก!”พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจ
ผมถึงกับชาวาบไปทั่วหน้าเลย แล้วก็คุยกันไปนิดหน่อย ไอโกกิก็ยืนเงียบ ผมก็ไม่อยากรบเร้าอะไรมัน เพราะลากันไปแล้ว คุยกันสักพักก็แยกย้าย ไอโกกิก็มองผมเศร้าๆ? ผมไม่แน่ใจแต่รู้สึกแบบนั้น ก็มันต้องการแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ผมก็เศร้านะ แต่สบายใจแหละที่เคลียล์แล้ว ระหว่างทางกลับพี่อ๊อฟก็ถามถึงเรื่องไอโกกิ พี่อ๊อฟยังบอกเลยว่ามันแปลกๆ.....
“แค่มึงโกหกมันจะโกรธมึงอะไรขนาดนั้นวะ” มันถามอย่างสงสัย
“พี่เห็นไหมละ ถ้าผมไม่เข้าไปคุย วันนี้มันคงไม่คุยกับผมอะ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“มันแปลกๆ...” พี่อ๊อฟพูดแบบสงสัย
เราก็คุยกันไป จนถึงบ้าน วันนี้มันจะมานอนกับผม อีกแล้ว คือพ่อแม่พี่มันไม่ว่านะ เหมือนจะชอบที่ให้มานอนกับผม เพราะแม่พี่อ๊อฟบอกว่าพี่อ๊อฟมันดูยิ้มเยอะขึ้น ไม่รู้ว่าเกี่ยวไหมก็เอาเถอะ มันส่งผมบ้าน แล้วมันก็กลับไปเอาของ ผมก็เข้าบ้านทักทายแม่นิดหน่อย แล้วก็ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุด แล้วก็เล่นโทรศัพท์ พวกไอซ์ก็คุยกันไปผมก็คุยบ้าง ไอโกกิก็เงียบ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็คุยไปทั่ว พี่ดินกับพี่ไฟก็ทักมารัว เขาก็บอกว่าถึงแล้ว ให้มาหาหน่อย ไม่ได้ดูเวลาอะไรเลย สักพักพี่อ๊อฟก็มา มันก็มานั่งข้างๆผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่.....
“วันหลังมีอะไรก็บอกตรงๆ ถ้าทำแบบวันนี้อีกกูไม่ยกโทษให้แน่!” มันพูดแล้วดึงโทรศัพท์ผมไปดู
“ก็พี่อ๊อฟอ่า พอถามแล้วก็เงียบ ก็กลัวว่าจะไม่ให้ไปนี่เนอะ!” ผมเถียงอย่างไม่ยอม
“กูกำลังคิด ว่าเพื่อนมึง มันเป็นยังไง กูลืมแล้ว ก็แค่นั้น!” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็คุยกับมันไป มันบอกว่ามันเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว และก็เชื่อมั่นในตัวผม แต่ถ้ามีครั้งต่อไป มันจะไม่ใจดี? กับผมแล้ว มันบอกแบบนี้ ผมก็รับทราบไปตามระเบียบ พอคุยกันเคลียล์แล้วเราก็พากันลงไปกินข้าว แล้วก็ขึ้นมาอาบน้ำทำการบ้าน ช่วงนี้พี่อ๊อฟมาติวให้ ป๊าบอก มีค่าขนมให้พี่อ๊อฟด้วย แต่พี่อ๊อฟไม่เอา ป๊าก็ให้จนได้
ชีวิตก็กลับมาสู่โหมดปกติ ไม่มีปัญหาอะไรมาก ช่วงนี้ก็จะอ่านหนังสือหนัก เพราะพี่อ๊อฟคุมเข้ม ยิ่งตอนวันสอบยิ่งหนัก พี่อ๊อฟสอบคนละวันกับผม สลับกัน มันตามไปติวให้ผมถึงที่โรงเรียน เพื่อนๆก็เลยได้รับความรู้ไปด้วยกันเลย มันก็ทำแบบนี้ไป จนสอบเสร็จ  เพราะสอบเสร็จก็ปิดเทอมเล็กกัน 2 อาทิตย์ การสอบก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไร...
หลังจากนั้นก็นัดกันไปเที่ยวนู่นนี่นั้น แต่ที่แรกจะต้องไปก็คือบ้านไอสิงโตยังไงเล่า คือโทรตามผมได้ทุกวี่ทุกวัน จนพี่อ๊อฟหงุดหงิด และวันนี้ก็ฤกดี สอบวันสุดท้ายเนี่ยแหละ พวกไอสิงโตสอบเสร็จก่อนพวกผมไปวันนึงแล้ว ได้ข่าวว่าวันนี้บ้านมันมีปาร์ตี้ปิดเทอมด้วย เพื่อนๆในห้องมันก็มา คนเยอะแยะครึกครื้น พี่อ๊อฟเหลือสอบอีกวันนึงคือพรุ่งนี้ มันก็ยังจะตามมา ผมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน และผมก็เลยขอให้ไอสิงโตหาห้องเงียบๆให้พี่อ๊อฟอ่านหนังสือ มันก็โอเค เราก็นั่งคุยกันในห้องเล่นของไอสิงโต พี่ดินกับพี่ไฟออกไปดูงานอะไรไม่รู้กับพ่อสิงโต ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ พวกเพื่อนๆมันก็อยู่ ห้องมันกว้าง ตอนนี้คนไม่เยอะมาก 30 กว่าคนในห้องนี้ เดี๋ยวรอฟ้ามืดก็พากันออกไปริมสระว่ายน้ำ คือมีแต่ผู้ชาย ผู้หญิงมีแค่3-4คนเอง ผมก็ไปนั่งมุมเดิมของผม ไอสิงโตก็มานั่งด้วย พี่อ๊อฟไปอยู่ห้องรองรับของพ่อสิงโตมัน วันนี้มันบอกมันปล่อยผมวันนึง ก็ดี55 โกกิก็อยู่นะ มันก็มองผมเรื่อยๆ ผมก็ไม่สนใจ......
“นท!” พี่ดินกับพี่ไฟเปิดประตูเข้ามา ทุกคนก็มองแบบอึ้งๆ ผมยังอึ้งเลย เขาดู....หล่อขึ้น? ทั้งสองคนเลย หล่อขึ้นมาก หรือเพราะแต่งตัวหล่อ...........
“พี่ดินพี่ไฟ” ผมยิ้มแล้วลุกขึ้น
หมับ! เขาทั้งสองเข้ามากอดผม อึ้งไปหน่อย....
“คิดถึงจะแย่” พี่ดินผละออกมาแล้วยิ้ม ดีที่พี่อ๊อฟไม่อยู่
“คิดถึงเหมือนกัน” พี่ไฟยิ้ม
“ผม กะ...ก็เหมือนกัน” ยิ้มอ่อน เพื่อนๆก็มองกันด้วยความสนใจ “ไปไหนมาครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“พี่ไปดูที่กับคุณอา” พี่ไฟเอ่ยขึ้น
“ดูให้พ่อน่ะ” พี่ดินพูดตาม
“เอ้อ! นี่ทุกคน นี่ลูกพี่ลูกน้องกู คนนี้พี่ดิน คนนี้พี่ไฟ” ไอสิงโตแนะนำอย่างไม่เป็นทางการนัก เพราะทุกคนเงียบไป ทุกคนก็พยักหน้ารับ
“หวัดดีค่ะพี่ดินพี่ไฟ หล่อทั้งคู่เลยอะ” ส้มเป็นผู้หญิงที่ดูเปรี้ยวๆ ตามชื่อ เขาแสบซ่าขี้กวน เดินมาหาพี่ดินพี่ไฟแล้วทักทาย
“อีส้มมานี่เลย อย่าแรด!” แพรวเดินมาดึงเพื่อนตัวเองกลับไป ทุกคนก็ขำกัน
“พี่ดิน พี่ไฟ หล่อจังเลย มีแฟนหรือยังฮะ” ปอนด์พูดขึ้น นี่ก็อีกราย เป็นตุ๊ดที่ออกอาการว่าอยากได้ผัวจนตัวสั่น
“ให้มันน้อยๆหน่อยอีปอนด์ เดี๋ยวโดนกูตบ” ปิงคู่ซี้ของปอนด์ มันชอบแขวะกันไปมาแหละ
ทุกคนก็คุยเล่นกันสนุกสนาน ผมก็นั่งลงพี่ดินกับพี่ไฟก็นั่งลงด้วย เราก็คุยเล่นกันไป น้องซินยังไม่กลับจากโรงเรียนเลยเห็นว่ามีงานอะไรสักอย่าง คุยกันไปสักพักผมก็เดินไปดูพี่อ๊อฟ มันก็นั่งอ่านนั่งเขียนของมันไป ผมเข้ามามันก็มองผมนิ่งๆแล้วก็ก้มหน้าอ่านต่อ.........
“พี่อ๊อฟ เคร่งไปหรือเปล่า” ผมถามอย่างเป็นห่วงแล้วนั่งลงข้างๆมัน
“นิดหน่อย กูอยากได้เกรด4 วิชานี้!” มันชี้ให้ดูที่วิชาคณิต เอิ่ม! ผมไม่ซีเรียสขนาดนั้น แค่ผ่านก็ดีใจแล้ว ยากจะตาย
“เดี๋ยวปวดหัวนะ พักบ้าง เดี๋ยวค่อยอ่านต่อก็ได้!” ผมบอกอย่างเป็นห่วง มันก็ยิ้ม
“แล้วมึงทำไมไม่ไปอยู่กับเพื่อนๆละ?” มันถามอย่างสงสัย
“มาไม่ได้?” ผมมองอย่างไม่พอใจ
“อย่ามาหาเรื่องกูนะ!”มันชี้หน้าอย่างกวนๆ
“ถ้าเบื่อก็กลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จค่อยให้พี่โน้ตมารับก็ได้ พรุ่งนี้พี่มีสอบนะ เดี๋ยวจะไม่มีสมาธิ” ผมจับมือมัน
“กูไม่อยากปล่อยมึงไว้คนเดียว” มันบอกหน้านิ่ง แต่อาการล้าออกที่หน้ามันอย่างเห็นได้ชัด
“พี่อ๊อฟยังไม่ไว้ใจผมอีกเหรอเนี่ย!” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้า “ไม่มีอะไรหรอกน่า!” ผมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“จริงๆ กูก็อยากกลับแหละ แต่ห่วงมึงมากกว่า” มันพูดแบบจริงจัง
“กลับเหอะ ผมห่วงพี่จะไม่มีเวลาพักผ่อนแล้วไปสอบไม่ไหวนะ!” ผมพูดอย่างเป็นห่วง มันก็ดูลังเล “เชื่อเถอะว่าจะไม่มีอะไร เดี๋ยวผมให้พี่โน้ตมารับ โอเคไหม? ให้ไอปอรายงานตลอดได้เลย” มันก็พยักหน้าเบาๆ
จริงๆวันนี้มันไม่ควรมาเลยด้วยซ้ำ เพราะพรุ่งนี้มันมีสอบผมก็บอกมันแล้วว่าไม่ต้องมันก็จะตามมาให้ได้ ดูมันเถอะ มันจะไม่มีเวลาพักผ่อน กว่าผมจะกลับก็กี่โมงไม่รู้.....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“เออ เอางั้นก็ได้ รับโทรศัพท์กูด้วยนะ ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้กูสอบกูก็ไม่กลับหรอก อย่าเหลวไหลนะมึง!” มันพูดเสียงดุแล้วก็เก็บของ
พอมันเก็บของเสร็จแล้วผมก็ไปส่งมันหน้าบ้าน หน้ามันดูเหนื่อยๆ ผมก็เอามือทาบหน้าผากมัน..........
“พี่อ๊อฟ ตัวรุมๆ กินยาด้วยนะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปหา โอเคไหม” ผมบอกอย่างเป็นห่วง
“โอเคๆ ห้ามกินเหล้านะ แล้วก็อย่าลืมรับโทรศัพท์ด้วย ถ้าไม่รับแม้แต่สายเดียวกูโกรธนะ” พูดจริงจัง ผมก็ยิ้มให้มัน
คุยกันนิดหน่อยมันก็กลับไป พี่ไฟเดินออกมาตามผม? ผมก็บอกว่ามาส่งพี่อ๊อฟ แล้วก็กลับเข้าไปในห้องเล่นของไอสิงโต เราก็นั่งเล่นกันเพื่อนๆก็ถามว่าผมไปไหนมา ผมก็บอกตามความจริงไป แมวไม่อยู่หนูร่าเริงง555 พี่ดินกับพี่ไฟก็ชวนผมไปปีนเขาในวันพรุ่งนี้ ผมยังไม่แน่ใจเลยเนี่ยเอายังไงดีไม่รู้ พอฟ้าใกล้จะมืดพี่อ๊อฟก็โทรมา ผมก็ออกมาข้างนอกห้อง แล้วผมก็กดรับ.........
“ทำอะไร” มันถามนิ่งๆ
“ก็เล่นเกมส์กันเนี่ยแหละ อ่านหนังสือเสร็จหรือยัง” ผมถามมันอย่างเป็นห่วง
“อื้ม จะเสร็จแล้ว” มันพูดอย่างสบายใจ
“กินยายังเนี่ย!” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“กินแล้ว อย่ากลับดึกนะ เดี๋ยวกูจะลงไปกินข้าว 2 ทุ่มก็กลับได้แล้ว กูจะรอนะ” มันพูดเสียงหล่อเชียว ผมยิ้มบานเลย
“อื้ม จะรีบกลับครับ แต่ 2 ทุ่มไม่แน่ใจนะ ยังไงจะรายงานเรื่อยๆ!” เราคุยกันอีกนิดแล้วมันก็วางไป
พี่อ๊อฟนี่ น่ารักจริงๆเชียว ผมก็กลับเข้าไปห้องนั่งเล่น ตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยกันออกไปตรงสระว่ายน้ำหลังบ้านไอสิงโต ผมก็เข้าไปเห็นสิงโตมันยืนคุยกับพี่ดินและพี่ไฟอยู่....
“ไปข้างนอกกันเถอะ” พี่ดินเอ่ยขึ้น
ผมก็ออกไปกับพวกเขานั่นแหละ ไอสิงโตก็หงุ้งหงิ้งอะไรก็ไม่รู้น่ารำคาญจริงๆ ก็ไปสังสรรค์กัน เพลงดังสนุกสนานเชียว เต้นกันบ้าง เล่นกันบ้าง พวกไอโค้กคือกระโดดลงน้ำกันเลยทีเดียว งานนี้ไม่มีแอลกอฮอล์นะ อาจจะมีแค่พันช์ หรือ น้ำผลไม้น้ำอัดลม ผมก็นั่งคุยกับพี่ดินพี่ไฟไป ไอสิงโตก็นั่งไม่ห่างเลย พูดคุยกันสนุกสนาน พวกไอปอก็ไปเล่นกับพวกเพื่อนไอสิงโต..........
“นท อาทิตย์หน้าไปหัวหินกันเปล่า!” อยู่ๆไอสิงโตก็ชวน
“นั่นสิ ที่พี่เคยชวนไป” พี่ไฟบอกอย่างใจดี
“อะ...เอ่อ!” ผมอึกอักเล็กน้อย
“ค่อยๆคิดก็ได้ ยังไงก็ตั้งอาทิตย์หน้า!” พี่ดินบอก
แล้วเราก็พูดคุยกันไป จนถึงเวลาที่ผมควรจะกลับ พี่อ๊อฟก็โทรตามแล้ว ผมก็บอกไอสิงโต เพื่อนๆก็ยังสนุกกันอยู่เลย แต่ผมบอกพวกมันไปว่าจะกลับก่อน เพื่อนๆอยู่สนุกต่อก็ได้ พวกมันก็โอเค แต่พี่ดินกับพี่ไฟเขาก็จะมาส่งผมให้ได้ ตอนแรกจะโทรบอกพี่โน้ต สิงโตมันก็ไม่ยอม ตอนนี้ก็รบกวรลุงคนขับรถ ระหว่างทางก็คุยกันไป จริงๆก็เกรงใจไม่ใช่น้อย แต่ก็เอาเถอะ พอถึงบ้าน ไอสิงโตก็กวนตีนไง บอกว่าอยากคุยกับป๊าอีกและก็ไปอวดเรื่องห้องนอนผมกับพี่ดินพี่ไฟ จนพี่เขาอยากขึ้นไปดู ผมก็ต้องยอมนั่นแหละ ก็พากันเข้าบ้าน ป๊ากับพี่โน้ตนั่งดูทีวีกันอยู่ เราก็นั่งคุยกับป๊านิดหน่อย ผมก็พาพี่ดินกับพี่ไฟขึ้นบ้าน พาผู้ชายขึ้นห้องนอนอีกแล้ว พอเข้ามา ก็เปิดไฟแล้วผมก็เอากระเป๋าไปเก็บ.....
“ห้องน่านอนจัง พี่ขอขึ้นเตียงนะ!” พี่ดินพูด ผมก็หันไปยิ้มแล้วก็พยักหน้า
“ห้องน่ารักจังนท ขอนอนด้วยได้เปล่า!” พี่ไฟยิ้ม ผมชะงักไปนิด
“อะ..เอ่อ ห้องมันเล็กนะครับ สู้ห้องของพี่สองคนไม่ได้หรอก” ผมพูดติดตลกไป พี่เขาก็ขำเล็กน้อย
“นท มีแฟนหรือยัง” ผมก็มอง ไอสิงโตยังไม่บอกเหรอว่าผมมีแฟนแล้ว “เป็นแฟนกับสิงโตจริงๆเหรอ?”พี่ถามอย่างสงสัย
“ปะ..เปล่า มันแค่พูดเล่นน่ะ” ผมยิ้ม แล้วเดินไปนั่งที่เตียง
“นทชอบผู้ชายใช่ไหม” พี่ดินถามผมก็พยักหน้าไป
“บอกแล้ว ไม่เชื่อ” พี่ไฟหันไปคุยกับพี่ดิน พี่ดินก็พยักหน้า
“อะไรกัน นึกว่ารู้ตั้งนานแล้ว!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“รู้...แต่ไม่เห็นนทจะแสดงอาการว่าชอบใครเลย นี่พวกพี่ไม่หล่อเหรอ ทำไมนทไม่มีทีท่าว่าจะชอบบ้างละ” พี่ดินพูดผมอึ้งไปนิด นี่เขาจะสื่อถึงอะไร
“อะ..เอ่อ พี่หมายความว่ายังไง” ผมถามอย่างสงสัย และรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแล้วสิ
“ก็.........” พี่ไฟยื่นหน้ามาใกล้ๆ “พี่สองคน พอมีลุ้นไหม” ผมถอยห่างไปนิด
“พี่สองคนหมายความว่ายังไงครับ” ผมตกใจมากนะ คำถามแปลกๆ และสถานการณ์นี้ จะทำผมกลับไปที่วงจรอุบาทว์หรือเปล่า!
“เราไม่เคยมีแฟน ชอบใครก็ชอบคนเดียวกัน ทำอะไรก็แบบเดียวกัน จะผู้ชายหรือผู้หญิงพี่ก็ไม่สนใจหรอก นทเข้าใจความหมายใช่ไหม” พี่ดินพูดด้วยรอยยิ้ม ผมอึ้งหนักเลย แบบนี้ก็มีเหรอ พี่น้องชอบคนคนเดียวกันเนี่ยนะ
“ละ...แล้วยังไงต่ออ่ะครับ!” ผมยิ้มอ่อน แล้วก็ถอยห่างพี่สองคนนิดหน่อย ไอสิงโตก็ไม่ขึ้นมาสักที!
“ขอลองจูบได้ไหม!” พี่ไฟพูดมาได้ยังไง หน้าตาเฉยเลย! ผมตกใจสิ พี่เขาหล่อ เป็นที่หมายปองของใครต่อใครแน่นอน ถ้าถามว่าผมชอบไหมก็ชอบ แต่เขาก็ไกลเกินเอื้อมแล้วผมก็มีพี่อ๊อฟอยู่แล้วด้วย
“ได้ไหม!” พี่ดินก็ย้ำจัง ผมค้างเลย นี่มันอะไรกัน ตระกูลไอสิงโตมันเป็นอะไรกับผมมากหรือเปล่า!
“อุ้บ!” พี่ดินไม่รอให้ผมตอบอะไร เขาเข้ามาประกบจูบผมเลย ผมพยายามดันหน้าออกพี่เขาก็ล๊อคคอผมไว้ ส่วนมือผมก็ดันหน้าอกพี่เขา ตอนนี้พี่เขาสอดลิ้มเข้ามาแล้ว แต่ดูไม่ช่ำชองสักเท่าไหร่ สักพักพี่เขาก็ผละออก ด้วยใบหน้าที่แดงไม่น่าจะต่างกับผมเท่าไหร่ แล้วพี่ไฟก็มาประกบจูบผมต่อทันที ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว ก็แนวเดียวกัน ผมพยายามขัดขืน พี่ดินก็ล้วงมือเข้ามาลูบท้องผม ผมถึงกับชะงัก ผมจับมือพี่ดินไว้ แล้วก็ผละออกมาจากพี่ไฟ ด้วยท่าทางที่รนๆ........
“ผะ...ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ!” แล้วผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป
ในใจก็คิดไปทั่วแล้ว มันเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย ผมชอบคนง่ายอยู่แล้ว แต่นี่ความรู้สึกเมื่อกี้มันน่ากลัวเกินไป ถ้าผมอยู่ต่อคงทำอะไรที่ไปไกลเกินจะห้ามใจ เฮ้อ! ผมนั่งสงบสติอารมณ์สักพักแล้วเดินไปล้างหน้า และออกจากห้องน้ำ พี่เขาก็นั่งกันอยู่ที่เตียงนั่นแหละ.............
“นท” พี่ดินลุกขึ้นเดินมาหาผม ผมถอยห่างเล็กน้อย “พี่ขอโทษ” จับไหล่ผม
“พี่ด้วย!” พี่ไฟจับมือผม
นี่มันอะไรกัน ผมทำอะไรลงไปเนี่ย สองพี่น้องฝาแฝดสุดหล่อกับผม! มันดูน่าเกลียดไปไหม! ทำไมผมกากีชั่วได้ขนาดนี้ ให้ตายสิ! ถ้าไม่ห้ามใจตัวเองเมื่อกี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากคิดเลย.....
“นท” เสียงเรียกของพี่ไฟทำผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง
“อะ...เอ่อครับ!” ผมมองพี่เขาทั้งสองคนนั้นแหละ เอายังไงดี ทำตัวไม่ถูกเลย “ผม เอ่อ ผม....” หาคำพูดไม่เจอเลย
“ไปนั่งก่อนเถอะ” พี่ดินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ” แล้วผมก็เดินไปนั่งตรงเตียงกัน
“เมื่อกี้.....พี่รู้สึกดีมากเลยนะ” พี่ดินพูดแบบอายๆ
“พี่ด้วยนะ!” พี่ไฟพูดแล้วยิ้ม
“ผม กะ...ก็ด้วยมั้ง!” ผมยิ้มอ่อน ตายจริง รู้สึกผิดกับพี่อ๊อฟจัง “ผมว่า วันนี้พี่กลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ แล้วพรุ่งนี้ยังไง เดี๋ยวผมจะติดต่อไป” (ยิ้ม)
“โอเคๆ นทไม่โกรธพี่ใช่ไหม” พี่ดินถามอย่างกังวล
“ไม่เลย ถ้าโกรธผมคงไล่พี่ไปแล้วจริงไหม” ผมยิ้ม จะโกรธได้ยังไง ดันไปมีอารณ์ร่วมด้วยแบบนั้นอ่ะ โถ่!
“โอเค งั้นพวกพี่กลับก่อนก็ได้ แต่พรุ่งนี้นทต้องไปเที่ยวกับพวกเรานะ!” พี่ไฟพูดอย่างตื่นเต้น
ผมก็ตกลงปัดๆไปก่อน คุยกันนิดหน่อยก็ลงบ้านไป เป็นว่าไอสิงโต ช่วยแม่ผมทำขนมไปฝากแม่มัน เลอะเทอะเชียว ผมก็เข้าไปดูมัน....
“โห สุดยอด เสี่ยเข้าครัวเองเลยเหรอครับเนี่ย!”ผมเช็ดแก้มมันที่มีแป้งติด มันยิ้มบาน พี่ดินกับพี่ไฟก็ตามเข้ามาดู
“จะลองทำไหมละ แต่ตั้งครั้งหน้านะ เพราะนี่เสร็จหมดแล้ว!” แม่พูดอย่างอ่อนโยน
“นทชิมหน่อยฝีมือกู” สิงโตเอามาป้อนผม ผมก็รับเข้าปาก
“โอ้โห! สุดยอดเลย นี่ครั้งแรกเลยใช่ไหม!” ผมยิ้ม มันพยักหน้ารัวเลย
“นท เอาป้อนพี่บ้าง!” พี่ไฟอ้าปากรอ ผมก็หยิบป้อน
“พี่ด้วย!” พี่ดินอ้าปาก ผมก็ป้อนไป ทำตัวเป็นเด็กน้อยกันไปได้
“อย่ายุ่งพี่ แฟนผม” ไอสิงโตกอดคอผมแล้วหอมแก้ม พี่ดินกับพี่ไฟคือเปลี่ยนสีหน้าทันที ดูเขาทั้งสองทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ เอิ่ม!
“อะ...เอ่อ ผมว่านี่มันก็ดึกแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกอย่างเพื่อนๆยังรออยู่ที่บ้านด้วย ใช่ไหมครับเสี่ย!” ผมเปลี่ยนเรื่องไปก่อน สถานการณ์มันน่าอึดอัดเกินไป
เราก็คุยอะไรกันอีกนิดหน่อย สามคนนั้นก็พากันกลับ ผมก็ขึ้นไปเตรียมของ แล้วก็รีบไปหาพี่อ๊อฟ โดยบอกป๊าว่า พี่อ๊อฟให้ไปติวหนังสือสอบ ซึ่งป๊าอาจะลืมไป ว่าผมสอบเสร็จแล้ว ป๊าก็เลยให้ผมมาได้ พี่โน้ตมาส่ง ระหว่างทางก็พูดคุยกันตามประสาพี่น้อง พอถึงผมก็เข้าบ้านพี่อ๊อฟ พี่โน้ตส่งแค่หน้าบ้านก็กลับไป พี่อิฐออกมาเปิดประตูให้ ผมก็คุยกับพี่เขานิดหน่อยแล้วก็ขึ้นบ้านไปหาสุดที่รักของผม พอขึ้นไปมันก็นั่งอ่านหนังสืออย่างงเคร่งเหมือนเดิมเลย ผมก็เข้าไปกอดมันจากด้านหลัง มันก็นิ่ง......
“นี่กี่โมงแล้ว” พี่อ๊อฟถาม ผมถึงกับชะงัก
“3ทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วครับ!” ผมเอาหน้าซบหลังมัน
“กูบอกว่ากูจะรอ แล้วโทรศัพท์อีกปิดเครื่องทำไม มึงทำอะไรอยู่!” มันพูดเสียงสั่น
“แบตมันหมด ไอสิงโตมาส่งแล้วนั่งคุยกับป๊านิดหน่อยเลยมาช้า ไม่มีอะไรเลย อย่าคิดมากดิ” ผมอ้อมไปนั่งเบียดมันที่เก้าอี้ที่มันนั่ง
“เฮ้อ!” มันเอามือนวดขมับเบาๆ
“ขอโทษๆ ขอโทษที่ปล่อยให้รอ ผมมาหาแล้ว” ผมกอดมัน
“อืม” กอดตอบผม “กินข้าวมาหรือยัง” มันผละออกมาแล้วถาม
“กินแล้ว พี่อ๊อฟ” มันก็จ้องหน้าผม
ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบมันอย่างแผ่วเบา ผมอยากให้พี่อ๊อฟลบจูบของพี่ดินและพี่ไฟ ผมไม่อยากรู้สึกผิด แต่ถ้าบอกไปพี่อ๊อฟคงไม่พอใจ ผมคงไม่บอกเรื่องนี้ พี่อ๊อฟมันก็ดูงงๆ แต่ก็จูบตอบผม ลิ้นเราหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานในปาก จนผมสัมผัสได้ว่า น้องชายของพี่อ๊อฟมันตื่นตัวขึ้นมาแล้ว ผมก็เอามือไปสัมผัส แต่พี่อ๊อฟรั้งมือผมไว้ ผมก็ผละออกมาจากจูบแล้วก็มองอย่างไม่พอใจ......
“ไม่ได้ พรุ่งนี้กูสอบ มึงจะทำให้กูลืมข้อสอบนะ” มันพูดแล้วยิ้ม “พรุ่งนี้นะ จุ้บ!” จุ๊บแก้มผมเบาๆแล้วลุกขึ้น
เราก็ไปที่เตียงกันพี่อ๊อฟก็ไปปิดไฟขึ้นมานอนข้างๆผม.......
“มึงอยากเหรอ” เป็นคำถามที่ทำให้ผมเขินได้สะทุกครั้งเลย
“บ้า!” ผมหันหลังให้มัน
 หมับ! มันก็กอดผมจากด้านหลัง แล้วเอามือมันล้วงเข้ามาในกางเกงผม.....
“เดี๋ยวกูช่วย!” มันจับน้องชายผม
“ไม่เอา รอพรุ่งนี้ได้!” ผมดึงมือมันออก มันก็ไม่ยอม รูดขึ้นรูดลงจนมันแข็งแล้ว “พี่อ๊อฟ!” ผมพูดแบบไม่พอใจ มันก็ยิ้มแล้วก็ปล่อย
“โอเคๆ หันหน้ามาดิ” ผมก็พลิกตัวหันไปหามัน “นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้สอบเสร็จ ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆกูนะ” (ยิ้ม)
“ที่ไหนอ่าใครบ้าง!” ผมถามอย่างสงสัย
“แค่พวกไอโอม จริงๆตอนแรกก็นัดกันทั้งห้องแหละ แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะบางคนมันไม่พอใจกัน ก็เลยแยกย้ายกันไป กูก็ไปกับกลุ่มเพื่อนกู แค่นั้น!” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ!” ผมพยักหน้า “จะว่าไปพี่โอมก็หล่อนะ” ยิ้ม พี่อ๊อฟมันทำหน้าไม่พอใจ
“สนใจไหม กูจะติดต่อให้!” มันพูดแบบไม่พอใจ
“สนใจพี่อ๊อฟมากกว่า” ผมยิ้ม แล้วก็หอมแก้มมันทีนึง
เราก็คุยกันไปจนหลับ ตื่นมาอีกที ผมก็ไม่เห็นพี่อ๊อฟแล้ว มันทิ้งโพสอิทไว้ “ตื่นมาแล้วก็ไปหาอะไรกิน เดียวสอบเสร็จจะกลับมารับ” ผมก็อมยิ้มให้กับข้อความนั้น แล้วก็ลุกขึ้นจัดที่นอนแล้วก็ไปอาบน้ำ วันนี้ไม่มีอะไรมาก เพื่อนๆก็ชวนไปเที่ยวตั้งแต่เช้า ผมก็ไล่ตอบแชทไป จนไปสะดุดที่แชทของไอโกกิ มันทักผมมา ผมก็กดเข้าไปดู.....
โกกิ : กูขอโทษเหมือนกัน กูยังอยากเป็นเพื่อนของมึงนะ แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์อะไรของมันมา
ผม : อื้ม (แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มไป จริงๆพอจะรู้แล้วว่าไอโกกิมันไปรู้เรื่องว่าผมไม่ได้จนมาได้ยังไง ก็ตอนที่เกิดเรื่องมันอุ้มผมไปห้องพยาบาลด้วย แล้วดูเหมือนว่าพี่อ๊อฟก็วิ่งตามมาแล้วครูกมลก็คงพูดถึง แล้วก็คุยกันเรื่องผมมันคงได้ยิน ก็แค่นั้นเอง)
แล้วผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป ผมสำรวจห้องพี่อ๊อฟก็ไม่มีอะไรผมก็ลงไปข้างล่าง เห็นพี่อิฐทำอะไรไม่รู้อยู่ที่สวน ไม่มีใครอยู่นอกจากผมกับพี่อิฐ? ผมก็เดินรอบบ้าน ก็ไม่มีคนอื่นอยู่จริงๆ ผมก็เดินไปหาพี่อิฐที่กำลังปลูกต้นไม้อยู่.......
“พี่อิฐ” ผมเข้าไปทัก พี่อิฐก็หันมามองผมแล้วก็ยิ้มนิดหน่อย ดูท่าจะเหนื่อยนะ เหงื่อออกเยอะเลย
“ร้อนนะนท เข้าไปในบ้านเถอะ” พี่อิฐพูดเนือยๆ
“ให้ผมช่วยเปล่า!” ผมไม่รอให้พี่เขาตอบ ก็หยิบจอบ ไปพรวนดินกับพี่เขานั่นแหละ
“จะไหวเหรอ?” มองผมอย่างกวนๆ
“ก็ลองดูดิ” ผมยักคิ้วกวนๆส่งกลับไป
แล้วเราก็เริ่มทำสวนกัน เป็นว่าพี่อิฐจะจัดสวนหน้าบ้านใหม่ ผมก็ช่วยไป บ้านนี้จัดสวนกันเก่งจริง คราวที่แล้วพี่อ๊อฟก็บังคับให้ผมทำ คราวนี้พี่อิฐก็ลงมือกันเองอีก เราก็ช่วยกันไปพูดคุยกันไป พี่อิฐก็เปิดน้ำราดแกล้งผมบ้าง จนเสร็จ ก็ออกมาดูดีเลย ผมก็นั่งพักตรงชิงช้าหน้าบ้านนั้นแหละ พี่อิฐเข้าไปหยิบน้ำมาให้ สักพักก็ออกมา เดินมาหาผม ยื่นน้ำพร้อมกับผ้ามาให้ผมเช็ดหน้า ผมก็ขอบคุณพี่เขาแล้วก็รับมา พี่เขาก็นั่งข้างๆผม.........
“เหนื่อยไหม” พี่อิฐหันมาถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่อ่ะ หิวมากกว่า” ผมพูดพร้อมลูบท้อง
“อ้าว! ทำไมไม่บอก ไปเลยๆ” ดึงแขนผมให้เข้าไปในบ้าน ผมก็ไปล้างหน้าล้างมือล้างเท้า แล้วก็ไปนั่งรอที่โต้ะตามคำสั่งของพี่อิฐ
วันนี้พ่อแม่พี่อิฐไปต่างจังหวัดแต่เช้าเลยไม่ได้ทำอะไรไว้ให้กิน จริงๆตอนแรกผมว่าจะกลับบ้านไปกินที่บ้านแหละ แต่อยากช่วยพี่อิฐทำสวน พี่อิฐก็บ่นไปทำอาหารให้ผมไป น่ารักจริงเชียว555 เหมือนพี่อ๊อฟเป๊ะ!.....
“พี่อิฐนี่ขี้บ่นเหมือนพี่อ๊อฟเลยอะ” ผมพูดแทรกในขณะที่พี่เขากำลังบ่น
“อย่าเยอะนท ถ้าไออ๊อฟมันรู้ว่าพี่ใช้งานเรา พี่โดนมันโกรธแน่” พี่อิฐพูดอย่างจริงจัง
“ผมเต็มใจตังหาก อย่าเว่อร์เลยน่า อีกอย่าง เดี๋ยวพี่อ๊อฟก็มาพาผมไปกินข้าวอยู่ดี” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ยังไงก็ต้องกินก่อน” ถือมาวางไว้หน้าผม ผัดซีอิ้ววุ้นเส้น ผมก็มองหน้าพี่เขาแบบกวนๆ “ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” พี่อิฐถามอย่างนอยๆ
“เปล่า ไม่ยักรู้ว่าพี่อิฐก็ทำอาหารเป็น” ผมพูดแล้วยิ้ม
“แน่สิ ส่วนน้อยนะ ที่จะได้กินฝีมือพี่ กินเลยๆ!” พี่อิฐเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งข้างๆผม
ผมก็ตักคำแรกกำลังจะเข้าปาก ดันรู้สึกอายสะงั้น ก็พี่อิฐเล่นจ้องหน้าผมแบบนั้นผมจะกินลงได้ยังไงเล่า!....
“ทำไมไม่กินละ!” พี่อิฐถามแบบไม่พอใจ
“อย่าจ้องตอนกินดิ้ อายนะเนี่ย!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก พี่อิฐก็ทำหน้ากวนๆ
ผมก็ตักคำแรกเข้าปากไป มัน........อร่อย ก็อร่อยดีนะเนี่ย ผมก็ทำหน้านิ่งๆ ทำท่าคิด แกล้งพี่อิฐ พี่อิฐคือหน้าเสียแล้ว ตอนนี้........
“ถ้ามันแย่ขนาดนั้น เดี๋ยวพี่ต้มมาม่าให้ก็ได้” พี่อิฐบอกอย่างหัวเสีย
“555 อร่อยพี่ ทำน้อยใจไปได้ อร่อยมากเลยละ”  ผมยิ้ม แล้วก็ตักเข้าปากอีก พี่อิฐก็ยิ้มเลย
“แน่นะ” พี่มันทำหน้าดีใจ
“แน่ดิ จะกินให้หมดเลย” (ยิ้ม)
แล้วผมก็กินไป พูดคุยกับพี่อิฐไป พี่อิฐเขาขี้กวน เหมือนพ่อเขา ชอบแกล้ง แต่พี่อ๊อฟน่าจะเหมือนแม่ นิ่งๆ ขี้อาย และไม่ค่อยแสดงออกมาก พอกินเสร็จ พี่อิฐก็ไล่ผมไปอาบน้ำ ผมจะล้างจานเองก็ไม่ยอม ทำดุใส่ผมอีก ผมก็ต้องขึ้นไปอาบน้ำใหม่ เพราะตอนนี้เหม็นเหงื่อตัวเองจะแย่แถมตัวยังชื้นจากที่โดนพี่อิฐเอาน้ำสาดแกล้งอีก พออาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัวแล้วก็มานั่งเล่นบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่า เอ่อ พี่ดินกับพี่ไฟโทรมา แล้วผมไม่ได้รับ ผมปิดสั่นปิดเสียงไว้ไง ผมก็กดโทรกับไป ไม่นานพี่ดินก็รับ.........
“นท ทำไมไม่รับสายพี่ พี่ว่าจะไปหานทอยู่แล้วนะ!” ทำเสียงไม่พอใจ
“เอ่อ ....” คือรับสายปุ๊ปรัวปั๊ปเลย “พี่ดินกับพี่ไฟมีอะไรหรือเปล่าอะครับ” ผมถามเสียงปกติ
“ก็จะชวนไปปีนเขา นทไปไหม พี่จะไปรับ” พี่ดินถามอย่างตื่นเต้น
“วันนี้ไม่ได้อ่ะครับ วันนี้ผมต้องไปกับพี่อ๊อฟอ่า!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังมาก
“งั้นเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันนะ ไฟก็รออยู่ โอเคนะ นะ!” อ้อนวอนเหลือเกิน
“ผะ..ผม...”
“งั้น เดี๋ยวพี่โทรขอให้ป๊านท พานทมาก็ได้นะ ไว้เจอกันตอนเย็น ตึ๊ด!” เอิ่ม! พูดเอง เออเอง คิดเอง แล้วก็ไปเลย
ผมก็งงๆนะ แต่ก็ช่างเถอะ ผมก็เดินลงไปหาพี่อิฐเห็นนั่งดูทีวีอยู่ วันนี้พี่เขาหยุด พอผมถามถึงเรื่องเพื่อน พี่เขาก็บอกว่าไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับใคร เพราะเพื่อนในมหาลัยหายาก ผมก็เออออตามพี่เขาไป ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาก ผมก็นั่งคุยกับพี่เขาไป พี่เขาก็คุยสนุกดีนะ ดูเข้าใจเด็กอย่างผมดี ตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้ว ไม่รู้พี่อ๊อฟเลิกกี่โมง.....
ครืดๆๆ! โทรศัพท์ผม ผมล้วงขึ้นมาดู ป๊า? ผมก็กดรับ......
“ป๊า!” ผมเรียกป๊าอย่างดีใจ
“วันนี้นทไม่มีสอบนิ ร้ายนักนะ หลอกป๊าได้!” ป๊าพูดเสียงดุ
“ป๊าลืมเองตังหาก555!” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
“แล้วอยู่บ้านอ๊อฟใช่ไหม!?” ป๊าถามอย่างสงสัย
“ช่ายยยยย!” ผมลากเสียงยาวกวนๆ พี่อิฐก็ขำกับท่าทางของผม
“สัก5โมงก็กลับบ้านนะ ป๊าจะพาไปกินข้าวบ้านสิงโต!” ผมชะงักไปนิด นี่พี่ดินพูดจริงหรือนี่ ผมนึกว่าแค่พูดเล่น
“ป๊าจะไปเหรอ!” ผมถามด้วยความสงสัย
“เขาชวน เราก็ไปตามมารยาท นทก็ต้องไปเพราะป๊าจะไปคุยงานด้วยพี่โน้ตไม่ว่าง แล้วเจอกัน ตึ๊ด!” แล้ววางสายไปเลย ไม่ได้ถง ไม่ได้ถามว่าผมอยากจะไปไหม
ผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วก็นั่งดูทีวีอย่างเซ็งๆ คือผมไม่อยากให้มันเกินเลยหรือไปไกลกว่านี้ ผมยิ่งอ่อนไหวง่ายอยู่บ้าจริง แล้วไอสิงโตมันรู้ไหมเนี่ยว่าพี่ดินกับพี่ไฟทำกับผมแบบนี้.......
“คิดอะไรอยู่?” พี่อิฐถามขึ้นมา ทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง ผมก็หันไปมองพี่อิฐแล้วยิ้ม
“กำลังคิดว่าพี่อ๊อฟจะเลิกกี่โมง” ผมแถไปนั่น
“เที่ยงก็เสร็จแล้ว มันไปสอบ สองวิชาสุดท้ายนิ ทำไม ไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอ!” พี่อิฐถามกวนๆ
“เปล่า!” ยิ้ม จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่าพี่อ๊อฟเลิกกี่โมง
แล้วก็นั่งดูทีวีและพูดคุยกันไป จนพี่อ๊อฟมา มาพร้อมกับพวกพี่โอม เขามาเปลี่ยนชุดกัน ผมก็งงว่าใส่ชุดนักเรียนไปก็ได้ แต่ก็ช่างพวกเขาเถอะ พี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆ สลับกับมองพี่อิฐ ไอนี่มันบ้านะ หึงแม้กะทั่งพี่ชายตัวเอง มันก็เดินขึ้นบ้านมันไปกับเพื่อนๆมัน ผมก็ทักทายพวกพี่โอมนิดหน่อย พอพี่เขาขึ้นไปผมก็นั่งรออยู่ข้างล่างกับพี่อิฐ..........
“ไอนท!” เสียงแหกปากของมันที่ดังมาจากข้างบนพร้อมกับเสียงวิ่งของมันที่กำลังวิ่งลงมา
“อะไร!” ผมถามอย่างตกใจ ในมือมันถือชุดผมอยู่ ชุดที่เมื่อเช้าช่วยพี่อิฐจัดสวน
“นี่อะไร!” มันชูเสื้อผ้าผมขึ้นมา พวกพี่โอมก็ทยอยกันลงมาดู
“ก็เสื้อผ้าไง ถามอะไรแปลกๆ” พี่อิฐตอบมันนิ่งๆ
“มึงทำอะไรนท มีแต่กลิ่นเหงื่อ!” ผมมองอึ้งสิ! ทุกคนก็เช่นกัน มันคิดอะไรอุบาทว์ขนาดนี้เนี่ย
“ตลกแล้ว จะบ้าไปแล้วเหรออ๊อฟ!” พี่อิฐพูดอย่างไม่พอใจ
“เราแค่ช่วยกันทำสวนหน้าบ้านเท่านั้นเอง ไม่เชื่อก็ออกไปดูสิ!” ผมพูดอย่างจริงจัง มันดูชะงักไปนิด พวกพี่โอมก็มองงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
มันก็ออกไปดู แล้วก็กลับเข้ามาด้วยหน้านิ่งๆ....
“เออๆ กูขอโทษ!” มันพูดเสียงแข็งแล้วก็เดินขึ้นบ้านไป
ผมก็ตามมันขึ้นไป พวกพี่โอมก็คุยกับพี่อิฐ พอผมขึ้นมาก็เห็นมันกำลังเปลี่ยนชุด ผมก็นั่งรอมันที่เตียง......
“พี่อ๊อฟ ใจเย็นๆได้ไหม ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ไว้ใจกันหน่อยเหอะ!” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็มองนิ่งๆ แล้วก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
“กูผิดเอง กูแค่ตกใจ ที่เห็นมึงกับพี่อิฐดูสนิทสนมกันขนาดนั้น!”มันพูดอย่างเครียดๆแล้วก็นั่งลงข้างผมที่นั่งอยู่บนเตียง
“เฮ้อ! เชื่อใจกันหน่อยเถอะนะ!”ผมจับมือมัน มันก็มองผมนิ่งๆ แล้วก็พยักหน้า
“ขอโทษ ที่ไม่ไว้ใจมึง” มันกอดผม แล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ไปขอโทษพี่อิฐเถอะ ผมอะชินแล้ว” ผมผละออกจากกอดมันแล้วก็ยิ้ม มันก็พยักหน้า
เราก็ลงไปข้างล่างกัน พี่อ๊อฟมันก็เดินไปขอโทษพี่อิฐ ดูพี่อิฐเขาก็เข้าใจอยู่แล้ว เราก็คุยกันเฮฮาเหมือนเดิม พี่อ๊อฟมันอารมณ์แปรปรวนช่วงนี้ มันเครียดเรื่องสอบมันด้วยแหละ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมัน และก็ไม่น้อยใจมันแม้แต่นิดที่มันจะไม่ไว้ใจผม ก็ผมเคยทำให้มันเสียใจมาครั้งนึงแล้ว ถ้าพี่อ๊อฟจะไม่ไว้ใจมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร..
ตอนนี้เราก็อยู่บนรถกระบะ4ประตูของพี่อิฐ เพราะชวนพี่อิฐมาด้วย เลยเอารถใหญ่ไปกัน เพราะจะได้ไม่ต้องขี่รถมอไซค์ไปกัน ระหว่างทางเราก็ได้พูดคุยกันมากมาย ผมนั่งหน้ากับพี่อิฐ พี่อ๊อฟก็ไปนั่งอัดกับเพื่อนๆมันข้างหลัง ตอนแรกว่าจะไปร้านอาหารในห้าง แต่พี่อิฐได้บัตรส่วนลดห้องอาหารในโรงแรมมา ลดเยอะด้วย เห็นว่าพี่อิฐไปช่วยงานอะไรผู้จัดการของโรงแรมไม่รู้ ได้ลดตั้ง50%  ก็ลั้นลากันเลย ก็ไปกัน...
พอไปถึงพี่อิฐก็เอารถไปจอดพอเสร็จก็พากันไปห้องอาหาร และติดต่อเรื่องห้องวีไอพีที่เคาท์เตอร์ พอเสร็จก็พากันเข้าไป เป็นห้องแบบ มันมีคาราโอเกะด้วยนะ มันดูหรูดี ผมก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก มันเหมือนห้องเอาไว้จัดงานเลี้ยงเล็กๆ แต่มันก็ใหญ่มากอยู่ดี ผมว่าห้องนี้น่าจะจัดได้ประมาน20 คนแหละ แต่พี่อิฐได้สิทธิ์พิเศษ ก็เลยโชคดีไป เราก็สั่งอาหารเครื่องดื่มกันไป เพราะยังไงก็ช่วยหารกันออกอยู่แล้ว สั่งกันเต็มที่เลยเชียว.......

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“วันนี้มึงจะนอนกับกูไหม” พี่อ๊อฟหันมาถามผม ผมนั่งข้างมัน ส่วนคนอื่นๆก็กระจายกันเลย พวกพี่โอมก็ร้องเกะกันสนุกสนานเชียว
“เออ ผมลืมบอก 5 โมงผมต้องกลับบ้านนะ ป๊าจะพาไปกินข้าว ไปด้วยกันเปล่า!” ผมพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้
“ไปไม่ได้ ต้องอยู่เฝ้าบ้าน เย็นนี้พี่อิฐไปทำงานที่มหาลัย!” ผมก็พยักหน้า
“แล้วพี่ไอซ์ไม่มาเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย เพราะยังไงมันก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
“มันกำลังมา ถามทำไม!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“กะ...ก็นึกว่าจะไม่มาไง” ผมยิ้มอ่อน มันมองผมอย่างกับจะกินหัว
เราก็พูดคุยกันไป ก็ร้องเพลงกันไปสนุกสนานผมก็กินอย่างเดียวเลย อาหารอร่อยมากมาย ทั้งๆที่เพิ่งกินผัดซีอิ้วของพี่อิฐไปไม่นานนัก5555 กินจุก็แบบนี้ สักพักพี่ไอซ์ก็มา พี่ไอซ์ดูดีใจที่ผมอยู่ ผมก็ไม่อะไร นิ่งเข้าไว้ พี่ไอซ์มันบอกว่าไปทำธุระกับพี่มา เรื่องไปแข่งบอลอะไรของมันนั่นแหละ พี่อิฐก็ดูรู้จักกับเพื่อนๆของพี่อ๊อฟดีเลย.....
“นท เป็นยังไงบ้าง!” พี่ไอซ์เดินมาหาผม ผมก็มองนิ่งๆ
“ก็ดีครับ” ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปนั่งเลยไอไอซ์ อย่าเยอะ!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“ไอซ์ ร้องเพลงไหม” พี่โอมถาม พี่ไอซ์ก็พยักหน้า แล้วยิ้มบานมาทางผม
“พี่ร้องให้นทนะ” พี่ไอซ์ยิ้ม ทุกคนถึงกับเงียบ ผมอึดอัดขึ้นมาเลย
“ไอไอซ์ อย่ากวนตีน จะร้องเพลงอะไรก็รีบร้องแล้วก็มานั่งหาอะไรอุดปากมึงไป!” พี่กรพูดติดตลก เพื่อให้บรรยากาศอันแสนอึดอัดนี้คลายลง
ทุกคนก็ดูตลกตามไป เพื่อไม่ให้มันเสียบรรยากาศ พี่ไอซ์มันก็เลือกเพลงไป พอมันเลือกได้ผมถึงกับนิ่ง เพลงพูดไม่คิด ดูดี๊ด๊ามาก พวกพี่โอมถึงกับโห่และแซวมันกันใหญ่เลย ผมก็นิ่งๆ มันก็มองผม ผมก็กินอย่างเดียวไม่สนใจ มันก็ร้องไป ร้องเพราะอยู่นะ พอมันร้องจบก็พูดข้อความน้ำเน่าออกมา “คิดถึงนทเสมอนะ” พูดไม่ดูพี่อ๊อฟที่นั่งข้างผมเลย ผมก็นิ่งเข้าไว้ พี่อิฐซึ่งรู้ดีก็ชวนพูดคุยและเปลี่ยนบรรยากาศที่น่าอึดอัดขนาดนี้ให้กลายเป็นเสียงร้องและเต้นกันอย่างสนุกสนาน พี่โอมก็กันๆพี่ไอซ์ไม่ให้มาหาผม ผมก็นั่งกินไป ไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้ ผมรู้ดีว่าพี่อ๊อฟมันกำลังหงุดหงิด เดี๋ยวมันจะได้ทะเลาะกันอีก......
“นท สักเพลงไหม” พี่อิฐยื่นไมค์ให้ผม ผมก็รับมา
“ร้องเพลงอะไรดีอ่า!” ผมถามอย่างอายๆ ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ มันเป็นปาร์ตี้เล็กๆ แต่สนุกมากเลย ถึงคนจะน้อยก็เฮฮากันได้
“ร้องให้กูใช่ไหม” พี่อ๊อฟถามนอยๆ ผมเบื่อมันจริง ถ้ามันมาคิดเล็กคิดน้อยจะพาผมมาทำไม มันจะนอยทำไมละเนี่ย
“เฮ้อ! จะคิดมากเพื่อ!” ผมหันไปพูดใส่มันอย่างรำคาญ
“มันคือคนที่มึงชอบมะ...”
“แต่พี่คือคนที่ผมรัก จบไหม!” ผมพูดเสียงค่อนข้างดัง พี่อ๊อฟยิ้มขึ้นมาทันที ทุกคนก็ล้อแซวกัน พี่ไอซ์ก็ดูจะสลดไปเลย “เอาละๆ เพลงนี้ผมจะร้องให้พี่อ๊อฟน้า!” ผมบอกมันอย่างตื่นเต้น มันก็ยิ้ม
ผมก็เดินไปบอกพี่กฤษที่เป็นคนกดเพลง ผมไม่ชอบเลยที่พี่อ๊อฟมันคิดมากแบบนี้ พี่อ๊อฟชอบพูดว่าผมไม่ใช่คนที่มันชอบ มันจะพูดแบบนี้เมื่อมีพี่ไอซ์อยู่ด้วยหรือพูดถึงพี่ไอซ์ ซึ่งมันก็จริง พี่อ๊อฟไม่ใช่คนที่ผมชอบหรอก แต่ผมอะ รักมันเลยละ......
“ฟังไว้ดีๆนะพี่อ๊อฟ เพลงนี้ผมร้องให้พี่!” ผมยิ้ม ทุกคนก็แซว ผมก็เดินกลับไปนั่งข้างๆมัน เสียงอินโทรเริ่มเพลงมาแล้ว.......
“......แค่ผ่านมา เพียงสบตา
เหมือนว่าใจ ลอยหลุดไป
เธอฆ่าคนด้วยสายตา
เพียงแค่เธอนั้นมองมา ไม่ปลอดภัย
 
แม้อยู่ไกล สักเท่าไหร่
เหมือนว่าโดน ดึงดูดไป
หากใครเข้าไปใกล้นาน
ก็ยากที่จะต้านทาน อดใจไม่ไหว
 
แค่อยากจะรู้จัก ก็เธอดันน่ารักซะสาแก่ใจ 

เธอมาทำให้ละลาย
โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอนั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่มๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ
 
ยังไม่ทัน ได้ตั้งตัว
แน่ก็มา ฉันไม่กลัว
ฆ่ากันแล้วก็เอาให้ตาย
ฉันน่ะยอมให้เธอมาทำลาย หัวใจของฉัน
 
ยิ่งลองได้ทบทวน
แต่ใจก็ยังหวนย้อนคืนที่เดิม
 
เธอมาทำให้ละลาย
โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอนั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่มๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ
 
ไม่ใช่แค่ฝัน ที่ฉันต้องตื่น
และฉันก็ฝืนหัวใจตัวเองไม่ไหว
เธออยู่ตรงนั้น อยากเพียงแค่ชิดใกล้
ห้ามใจเท่าไหร่ไม่ได้ สักที

เธอมาทำให้ละลาย
โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอนั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่มๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ” 
พอร้องจบผมก็หน้าร้อนผ่าวไปหมด อายเหลือเกิน พี่อ๊อฟก็เขินจนหูแดงไปหมดแล้ว จริงๆว่าจะร้องเพลงจังหวะช้ากว่านี้แต่มันจะซึ้งไป เลยเอาเพลงนี้ จังหวะมันน่ารักดีอะ เพลงโต๊ะริม ของพี่นนท์ พวกพี่โอมพี่อิฐปรบมือแซวกันใหญ่ พี่ไอซ์ก็ด้วย ผมก็งงๆนะ....
“อะไรมึงไอไอซ์ เมื่อกี้ยังจะไปแย่งเขามาอยู่เลย!” พี่โอมพูดกวนๆ เพราะพี่ไอซ์มันก็ดูจะยินดีด้วย
“เรื่องของกูน่า!” พี่ไอซ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ
พี่อ๊อฟมันก็เขิน นั่งมองผมอยู่นั่นแหละ ตอนนี้ผมยื่นไมค์ไปให้พี่อิฐแล้วเขาก็ร้องเต้นกันไป ก็สั่งอาหารมาเรื่อยๆ ผมก็นั่งจับมือกับพี่อ๊อฟ โดยไม่มีคำพูดอะไรนะ ก็เขินนี่ บ้าจริง ร้องเองก็เขินเองเนอะ.....
“ขอบคุณนะ” พี่อ๊อฟพูดด้วยรอยยิ้ม ผมพยักหน้าตอบรับ
เราก็เฮฮาปาร์ตี้กัน พี่ไอซ์ก็เดินมาหาผม ผมก็มองแล้วยิ้มให้.....
“ขอโทษนะไออ๊อฟที่กูชอบทำให้มึงไม่พอใจ นทด้วยพี่ก็ขอโทษที่ผ่านมา พี่ยอมรับว่าพี่เสียดาย พี่โง่เองแหละ ถ้าพี่ย้อนกลับไปได้ พี่ก็จะไม่ทำแบบนั้นนะนท แต่พี่คงไม่มีโอกาสแล้วใช่ไหม” ผมก็พยักหน้า “งั้นพี่ก็ขอเป็นพี่ชายนท ได้ไหม” ยิ้มอ่อนมาให้ผม
“ได้สิ! ผมก็เห็นพี่เป็นพี่ชายคนนึงมาตลอดนะ!” ผมบอกอย่างจริงจัง
“กูก็ไม่คิดอะไรหรอก มึงก็เพื่อนกู อีกอย่างกูไม่เคยโกรธมึงเลยนะ กูเข้าใจมึง แต่มึงทำตัวเอง ทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดไป” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ เล่นทำผมนิ่งเลย มีค่าที่สุดงั้นเหรอ....
“อืม สนุกกันเถอะ” พี่ไอซ์พูดด้วยรอยยิ้ม
และแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ผมตัดติ่งปัญหาเล็กๆออกไปได้หนึ่ง ผมก็ดีใจแล้ว เพราะผมก็ยังเป็นห่วงพี่ไอซ์ในหลายๆเรื่อง ผมก็พูดเสมอกับพี่อ๊อฟ ว่าอย่าทิ้งพี่ไอซ์ เพราะมันดูตามไม่ทันโลก ง่ายๆคืออ่อนต่อโลก แต่พอพูดทีไรพี่อ๊อฟก็ดูจะนอยไปสะทุกครั้งเลย ผมก็ง้อมันตลอด แต่วันนี้มันดูลงตัว และพี่อ๊อฟก็คงดีขึ้น เราก็ปาร์ตี้กันไป...
จนได้ 4โมงกว่าเห็นว่าควรกลับกันได้แล้ว เพราะมาตั้งแต่เที่ยงกว่าแล้ว มันนานเกินไป ก็เช็คบิล ยื่นส่วนลดอะไรไปแล้วก็หารกัน พี่อ๊อฟก็ไม่ยอมให้ผมจ่าย พี่อิฐก็ไม่ยอม ง่ายๆทุกคนไม่ยอมให้ผมจ่าย เพราะผมมาก็ทำให้อะไรมันสนุกขึ้น? ไม่รู้พี่ๆเขาบอก เช็คบิลอะไรเสร็จก็พากันกลับ พี่ไอซ์ขี่รถมาเอง นอกนั้นก็กลับไปบ้านพี่อ๊อฟไปเอารถ ผมแวะลงบ้านผมเลยเพราะผมจะไปกับป๊าต่อ ก่อนลงรถพี่อ๊อฟก็ย้ำเหลือเกินว่าให้รับโทรศัพท์ด้วย อะไรจะขนาดนั้น พอลงรถมาผมก็เข้าไปในบ้าน ป๊ารออยู่ก่อนแล้ว แต่รอกับ........
“ช้าจัง จะเอาให้ตรงเวลาเลยเหรอนท พี่ๆเขามารอเนี่ย!” โดนป๊าดุเลย ก็พี่ดินพี่ไฟ และไอสิงโต นั่งหน้าสล่อนกันอยู่นี่
“นทไปกับพี่อ๊อฟมาป๊า อย่าบ่นเลยน่า ไปกันยังอ่า!” ผมพูดปัดๆไป
“พี่มารอนทไม่นานเลยนะ แปปเดียวเอง!” พี่ไฟพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษน้า ที่ให้รออ่า ผมนี่แย่จัง!” ผมพูดอย่างสำนึกผิด
“กูโทรหามึงแล้วมึงไม่รับ พี่เขาสองคนก็ร้อนใจ เลยให้ลุงชัยมาส่งที่นี่ไง แล้วค่อยไปกับป๊าเอา!” ไอสิงโตยิ้ม แลดูเหมือนกำหนดไว้หมดแล้ว
แล้วเราก็คุยกันนิดหน่อยก็พากันไปบ้านไอสิงโต โดยมีป๊าขับรถพาไป พี่โน้ตไม่ว่างเลยไม่ได้มาด้วยกัน ระหว่างทางก็พูดกันมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะพี่ดินกับพี่ไฟและไอสิงโต พูดมากจนน่ารำคาญ พอถึงบ้านสิงโต พ่อมันก็ออกมาต้อนรับอย่างดี แล้วก็พากันไปที่โต้ะอาหารเลย ของกินเพียบ เราก็พากันกินไปพูดคุยกันไป น้องซินก็น่ารักเหมือนเดิม ผมก็พยายามปลีกตัวไปหาน้องซิน เพราะไม่อยากจะสุงสิงกับสามคนนั้นให้มาก แต่ก็ไม่เป็นผล พวกนั้นก็กันน้องซินออกจนได้ น้องซินดูหงอยไปเลย ผมละสงสารจริงๆ ดูเหมือนว่าป๊ากับพ่อสิงโตยังมีอะไรคุยกันอีกเยอะ ซึ่งผมก็คงต้องได้เล่นกับสามพี่น้องนี่ก่อน พอกินข้าวอะไรเสร็จ ทั้งสามคนก็พาผมไปห้องเล่นสิงโต......
“ทำไมทุกคนดู เยอะจังอะ!” ผมถามขึ้นมาเพราะความอดทนเริ่มหมด
“เยอะอะไรอ่ะ?!” พี่ไฟทำหน้าบ้องแบ้วกันอีก จบ ไอนิสัยมึนพูดยาก มันคงเป็นกันทั้งตระกูล ผมเบื่อแล้ว ผมก็ไปนั่งมุมเดิมของผม แล้วก็ตามมานั่งอัดกันตรงมุมนี้แหละ ผมนี่จะกรีดร้องออกมาดีไหม คือห้องตั้งกว้าง
“ไหน แบมือมานี่หน่อย” ไอสิงโตพูดผมก็แบมือทั้งสองไปให้มัน “โห! แม่ง ไหนบอกว่าอยู่กับกูจะใส่แหวนที่กูให้ไง”เอิ่ม!
“ก็เล่นไปรอแบบนั้นกูก็เกรงใจไม่อยากให้รอนาน เลยไม่ได้ขึ้นไปเอา!” ผมพูดปัดๆไป เดี๋ยวไม่จบ
“แหวน?” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“แหวนคู่ของผมกับนทไง นี่ไงของผม ผมพกติดตัวตลอดเวลาเลยนะ” ไอสิงโตพูดแล้วมันก็เอาแหวนไม้โอ๊คออกมาโชว์ เว่อร์ไปแล้ว
“นี่มันแหวนไม้ธรรมดานิ ดูไม่มีอะไรเลยนะ!” พี่ไฟจ้องแหวนที่มือสิงโต
“ใช่ มันดูธรรมดา แต่มีคุณค่าทางจิตใจนะพี่!” ไอสิงโตยิ้ม น้ำเน่าสะไม่มีไอสิงโตเอ้ย! พี่ทั้งสองก็พยักหน้าตอบรับ
แล้วก็ถกเถียงกันไป ผมก็กดโทรศัพท์เล่น แชทไปคุยกับพี่อ๊อฟบ้าง มันก็บอกว่านอนเหงานู่นนี่นั่น น่ารักจริงๆมีมุมขี้อ้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ....
“ตกลงมึงจะไปไหม? หัวหิน” อยู่ๆสิงโตมันก็ถามขึ้นมา
“ยังไม่ได้คุยกับที่บ้านเลยอ่า พี่อ๊อฟก็ไม่รู้จะว่ายังไง” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปขอป๊านทให้นะ!” พี่ไฟยิ้ม แล้วสองพี่น้องฝาแฝดก็ลุกขึ้นออกไปจากห้อง
“ดูท่าพี่ๆเขาจะติดมึงแล้ววะ” ไอสิงโตพูดติดตลก
“ไอสิงโต มึงรู้ไหมว่าพี่สองคนนั้นเขาทำอะไรกับกูบนห้องนอนเมื่อวาน!” ผมพูดอย่างจริงจัง มันชะงักไปนิด
“ทำอะไร!” มันถามอย่างตกใจ
“พี่เขาสองคนจูบกู!” ผมพูดแล้วหันหน้าหนี
“ทั้งสองคนนั้นอะเหรอ” มันถามผมแบบอึ้งๆ ผมก็พยักหน้า
“แล้วก็ไม่ต้องคิดว่ากูจำยอมนะ มึงก็รู้ว่าพี่ของมึงทั้งสองคนเป็นยังไง กูเริ่มจะไม่ค่อยอยากจะไปไหนมาไหนกับพวกเขาแล้วด้วย!” ผมพูดปัดไป ผมอาจจะมีอารมณ์ร่วมจริง แต่พี่เขาเป็นคนเริ่มก่อน ก็แสดงว่าพี่เขาผิด ผมไม่ผิด
“แค่จูบ?” มันมองผมอย่างต้องการคำตอบ ผมก็พยักหน้า มันทำหน้านิ่งๆ
หมับ! มันล๊อคคอผมแล้วก็ประกบจูบผม ผมตกใจสิ
แกร๊ก! ผมต้องสะดุ้งอีกครั้งพี่ดินกับพี่ไฟเข้ามา ผลั่ก! ผมผลักไอสิงโตออกไปจากผม แล้วก็เช็ดปากลวกๆ พี่ดินกับพี่ไฟดู ตกใจไม่น้อยเลย.......
“สิงโต ทำนทแบบนั้นทำไม!” พี่ไฟถามนิ่งๆ
“ก็..อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมันไว้
“คะ...แค่ล้มเท่านั้นครับ อุบัติเหตุ อย่าใส่ใจ ตกลงป๊าว่าไงอะครับ” ผมยิ้ม แถไปก่อน ผมไม่อยากให้พวกเขาทะเลาะกัน จริงๆพี่ดินก็ดูไม่ค่อยเชื่อ แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ แล้วเอามือออกจากปากไอสิงโต
“ป๊านทอนุญาต เราจะได้ไปเที่ยววกัน!” พี่ดินยิ้ม
“เหรอครับ ดีจัง!” ผมยิ้มอ่อนส่งไป
“เมื่อกี้มันจริงเหรอนท?” พี่ดินถามอย่างจับผิด
“จริงดิพี่ อีกอย่างผมกับไอสิงโตอะ ไม่ถืออยู่แล้วแค่นี้เอง เนอะสิงโต!” ผมพูด มันก็พยักหน้าแบบไม่พอใจ
แล้วเราก็คุยกันไปจนพี่ดินหายสงสัยเองนั้นแหละ ไอสิงโตดูมีคำถาม แต่ผมก็เอาไว้ก่อน จนพ่อของพี่ดินกับพี่ไฟโทรมา เขาก็ไปคุยกับพ่อเขา ตอนนี้เหลือผมกับสิงโต มันก็มองผมอย่างไม่พอใจ......
“ทำไม มึงชอบพี่เขาสองคนนั้นเหรอ?” มันถามผมนิ่งๆ
“พอเลย ที่กูไม่ให้มึงพูดเพราะกูไม่อยากให้มึงทะเลาะกับพี่ๆเขานะ อีกอย่าง.... ที่กูบอกมึงเพราะกูบริสุทธิ์ใจพอ กูบอกพี่อ๊อฟไม่ได้เรื่องนี้กูบอกมึงแทนแล้วกัน เพราะกูก็อึดอัดใจไม่น้อยเลยนะเว้ย!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“อะ..โอเคๆ กูเข้าใจแล้ว!” มันจับมือผม “พี่ๆเขาบังคับมึงเหรอ?” ผมก็พยักหน้า
“จริงๆก็ไม่เชิงบังคับ เพราะพี่เขาก็จับคอกูไว้เหมือนที่มึงทำเมื่อกี้ กูก็ดิ้นแหละ แต่รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้” ผมพูดไม่จริงจังนัก
“ชอบ ว่างั้น?” มันทำหน้าไม่พอใจ
“ไม่เว้ย! แค่มึงกับพี่อ๊อฟก็พอก่อนแล้ว ไม่ไหวจะเคลียล์ปวดหัว!” ผมพูดติดตลก ไอสิงโตมันก็ยิ้ม
“เออต้องงี้ดิวะ” มันโน้มหน้ามาหอมแก้ม
“ให้มันพอดีสิงโต!” ผมผลักมันออกไป มันก็ขำใหญ่เลย
แล้วผมก็พูดกับมันไปให้เข้าใจเพิ่มอีกไม่อยากให้ค้างคาและให้มันเอาไปทะเลาะกับพี่เขา จริงๆที่บอกสิงโต ไม่ได้ต้องการอะไรก็อย่างที่บอกไป ผมอึดอัดใจและรู้สึกผิด อย่างน้อยก็ต้องมีคนรับรู้แหละ และมันก็ดูเข้าใจดี และพี่ดินกับพี่ไฟเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ดูน่ารักดีด้วยซ้ำ ถามว่าชอบมั้ยก็ชอบแหละ แต่ยังไงละ ผมรักพี่อ๊อฟอยู่แล้วด้วย ไอสิงโตก็ยังกึ่งๆ จะให้เพิ่มมาก็ไม่ไหวหรอก ผมไม่อยากเสียพี่อ๊อฟไป อย่างน้อยถ้าไอสิงโตรู้มันก็จะได้ช่วยห้ามพี่ดินกับพี่ไฟสักหน่อย ผมก็คุยกับมันไป มันบอกว่านานแล้วที่ไม่ได้นั่งจับมือคุยกัน ทำเป็นซึ้ง มันก็ตลอด...
จนสักพักป๊าก็มาตาม พี่ดินกับพี่ไฟก็คุยโทรศัพท์ยังไม่เสร็จ ผมก็ฝากไอสิงโตลาพี่เขา  ผมก็กลับบ้าน ระหว่างทางก็คุยกับป๊านิดหน่อย ป๊าก็บอกผมเรื่องไปเที่ยว ประมานว่าเตือนมากกว่า ไปแล้วต้องทำตัวยังไง อย่าดื้อนู่นนี่นั่น บลาๆ จนถึงบ้าน วันนี้พี่อ๊อฟมันนอนคนเดียวผมก็ขอป๊าไปนอนกับพี่อ๊อฟ ป๊าก็เข้าใจ รวดไปส่งผมบ้านพี่อ๊อฟเลย ของๆผมก็อยู่ที่นี่แล้วส่วนนึง ก็ไม่มีปัญหาอะไร ป๊าก็รอจนผมเข้าบ้าน แล้วค่อยไป พี่อ๊อฟมารับผมเข้าบ้าน วันนี้บ้านดูวังเวงมาก เพราะไม่มีใครอยู่ ผมก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำ พี่อ๊อฟมันอาบแล้วไง อาบเสร็จผมก็มานั่งคุยกับมันที่เตียง มันก็เช็คโทรศัพท์ผมใหญ่เลย......

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“พี่อ๊อฟ อาทิตย์หน้าไปหัวหินกัน” ผมเอ่ยชวน พี่อ๊อฟก็เงยหน้ามองผม
“ไปทำไม?” มันถามนิ่งๆ
“ไปเที่ยวไง” ผมยิ้ม
“กูไปไม่ได้ คือยายกูป่วย ช่วงอาทิตหน้าก็ต้องกลับไปดูเขากับพ่อแม่ ขอโทษนะ” พูดอย่างจริงจังแล้วจับมือผม
“ยายเป็นอะไรมากไหม!” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“เขาก็แก่แล้ว ก็ป่วยตามวัย!” มันทำหน้าเศร้า
“แล้วตอนนี้มีคนไปดูเขาหรือยัง” ผมถามอย่างเป็นห่วง
แล้วผมก็คุยกับมันไปเรื่องยายมัน ตอนนี้ก็มีลูกหลานดูอยู่ พี่อ๊อฟบอกว่ากลัวว่าอาจจะเป็นวาระสุดท้ายของเขา เขาอยากให้ไปอยู่พร้อมหน้ากัน จริงๆก็จะไปกันแล้ว แต่พ่อแม่พี่อ๊อฟติดงาน ไปได้อาทิต์หน้า ผมก็เข้าใจมันทุกอย่าง ผมก็ปลอบใจมัน มันดูเศร้า มันบอกว่าเขาเพิ่งโทรมาบอกมันเมื่อหัวค่ำนี่เอง ผมก็ปลอบมันไป พี่อ๊อฟดูอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเลย ตอนนี้ผมก็ลุกไปปิดไฟแล้วก็นอนกัน มันก็กอดผมแน่น ผมก็นอนลูบหลังมันจนหลับ.....
ตื่นเช้ามา พ่อแม่พี่อ๊อฟก็มาปลุก มันเร็วมากเลย พี่อ๊อฟต้องไปดูยายแล้ว ตอนแรกผมจะไปด้วยแต่พี่อ๊อฟไม่ยอมให้ไป มันร้องไห้แบบเงียบๆตามแบบของมัน ผมสงสารจับใจเลย อยากไปด้วยก็ไม่ได้ พ่อแม่เขาก็บอกว่าอย่าไปเลย พี่อ๊อฟคงไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าผม ผมใจไม่ดีเลย พี่อิฐก็เลยได้ไปส่งผมที่บ้านแต่เช้า แล้วเขาก็พากันออกเดินทางไปบ้านยายเลย ผมอยากไปมาก แต่ทำไมนะ ป๊าก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็บอกไป ตอนแรกป๊าจะไปส่งผมเลยนะ แต่ผมว่าไม่ดีกว่า พี่อ๊อฟอาจจะอยากอยู่กับครอบครัวมากกว่าผมในตอนนี้ ผมก็พยายามเข้าใจ พี่อ๊อฟก็ส่งข้อความมาหาผมเรื่อยๆ ประมานว่าอธิบายว่าทำไมไม่อยากให้ผมไป ผมก็เข้าใจทุกอย่าง ก็ปลอบมันไป ทำได้แค่นั้นจริงๆ
ผ่านไปสักพักพี่อ๊อฟก็ดูเงียบไป ใจผมก็เริ่มไม่ดี โทรหาก็ปิดเครื่อง พอโทรหาพี่อิฐก็บอกว่าต้องอยู่ยาวยายอาการไม่ค่อยดี ส่วนพี่อ๊อฟก็ร้องไห้จนหลับไป มันคงรักยายมันมาก ผมก็เข้าใจ ผมก็พยายามบอกว่าจะไปหาดีไหมพี่อิฐก็ไม่ยอม เหมือนไม่อยากให้ผมไปเจอสภาพพี่อ๊อฟตอนนี้ ผมเข้าใจ พี่ดินพี่ไฟก็โทรมาเรื่อยๆ ผมก็ไม่สนใจ เป็นห่วงพี่อ๊อฟมัน คิดอะไรไปมา ผมก็เปิดเพลงฟังเบาๆแล้วก็เคลิ้มหลับไป.......
“สิงโต อย่ายุ่งน่า เราแค่จะนอนเป็นเพื่อนนท”
“ลุกขึ้นมาเลยพี่ดินพี่ไฟ!”ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนเถียงกันเนี่ยแหละ
ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เงยหัวขึ้นมามองซ้ายขวา พี่ดินกับพี่ไฟ คนละข้างเลย นอนข้างๆผมเนี่ย ไอสิงโตก็ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงข้างเตียง.....
“อะไรกัน!” ผมพูดเสียงงัวเงีย
“พี่ดินกับพี่ไฟ ทำให้นทตื่น!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“สิงโตนั่นแหละ เราแค่จะนอนเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ยุ่งจริงๆเลย!” พี่ไฟทำไม่พอใจ
แล้วก็เถียงกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผมถึงกับตาสว่างเลย แล้วก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำ คือพี่เขาจะมาก็มาเลย ไม่ได้สนใจว่าผมอยากให้มาไหม ผมก็ไปล้างหน้าล้างตา เสียงเถียงกันก็ยังไม่หยุดลง มองนาฬิกาในห้องน้ำนี่ก็เพิ่งจะเที่ยงเองนะ มาทำอะไรกัน ผมก็เปิดประตูออกไป ตีกันแล้ว ห้องผมเละ หมอนกระจัดกระจาย ไอสิงโตโดนรุม ผมก็มองภาพนั้นนิ่งๆ..........
“เล่นสนุกกันเสร็จหรือยังครับ” ผมพูดแบบหงุดหงิด
“นท กูโดนรุมช่วยด้วย!” พี่ดินเหยียบหลังไอสิงโตอยู่
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็ออกจากห้องไป พี่ๆเขาก็รีบเก็บที่นอนผม
ผมลงมาหาน้ำกิน แม่ก็นั่งดูทีวีอยู่ ผมก็ไปนั่งข้างๆแม่ สักพักพวกนั้นก็ลงมากัน เสื้อผ้ายับยู่ยี่หมด แล้วก็มานั่งเบียดผม บางทีมันก็เหมือนจะดีนะ แต่ผมว่าน่ารำคาญมากกว่า......
“จะพากันไปไหนจ้ะเด็กๆ” แม่ถามอย่างใจดี
“พานทไปปีนเขาอะครับ” พี่ไฟพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“จะอันตรายหรือเปล่านะ” แม่ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่แน่นอนครับ ผมจะดูแลนทอย่างดีเลย อีกอย่างที่นั้นมีคนดูเยอะอยู่แล้วครับ!” พี่ดินพูดอย่างดีใจ
แล้วก็พูดจากล่อมแม่ผมไป สักพักผมก็ต้องได้ไปเปลี่ยนชุด ซึ่งวุ่นวายมาก ผมก็แต่งตัวแนวลุยๆ กางเกงออกกำลังกายขาสั้น เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบ ชิวๆไป เอาโทรศัพท์กระเป๋าตังไปก็เท่านั้น แต่ดูพวกนั้นนะ ต้องมีการเอาชุดไปเปลี่ยน วุ่นวายกันจริงๆ ผมก็แต่งแบบนี้ไปเนี่ยแหละ ไอสิงโตก็ยังไปค้นเสื้อผ้าผมไปให้ด้วย บ้าจริง! วุ่นวายไปหมด พอเตรียมอะไรเสร็จก็ออกเดินทางกัน แม่ก็บอกผมว่าให้ระวังเยอะแยะไปหมด วันนี้เอารถอัลพาล์ดมา ดีจะได้ไม่นั่งเบียด......
“เราจะไปที่ไหนกัน” ผมถามอย่างอยากรู้ ปีนเขางั้นเหรอ ชิวๆมั้ง แต่ก็แอบกลัวนะ พวกนี้ชอบพาผมไปทำอะไรเสียวๆตลอด
แล้วพวกมันก็หันไปซุบซิบกัน ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว และไม่นานก็ถึงเข้ามาลึกพอควร บรรยากาศดีเลยละ พอผมลงไปถึงกับตาค้าง เป็นที่ที่ผมไม่อยากมามากที่สุด......
“ไหนว่าจะพามาปีนเขาไง!” ผมถามอย่างไม่พอใจ เพราะที่นี่ถ้าใครอยู่จังหวัดเดียวกับผมก็น่าจะรู้จัก กิจกรรมแอฟเวนเจอร์ ที่ชื่อกระรอกบิน ฟรายอิ่ง.... คือผมเคยมากับพี่โน้ตเมื่อปีที่แล้ว โดนพี่โน้ตแกล้งหลอกให้เล่น เป็นลมเลย น่ากลัวทั้งนั้น คือเขาจะเน้นให้ดูวิวจากมุมสูง โดยห้อยอยู่กับสลิง แล้วโหนไปทีละจุดทีละจุด คล้ายๆกระโดดหอเลย แต่จะสูงกว่ามากหลายเท่า ผมไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น หลับตาปี๋อย่างเดียวจำได้เลย
“มึงกลัวเหรอวะ เห็นไหมพี่ดินพี่ไฟ บอกแล้ว!” ไอสิงโตหันไปบอกแบบไม่พอใจ
“นทอยากเล่นอะไรบอกมาเลย พี่จะพาไป หรือปีนเขาก็ได้นะข้างๆนี่มันก็มีนี่” พี่ดินพูดอย่างอารมณ์ดี
“เล่นนี่แหละพี่ ไหนๆก็มากันแล้วนี่ อีกอย่าง พี่ไฟก็วิ่งไปติดต่อเรียบร้อยแล้วด้วย” ผมบอกอย่างจำยอม ผมมีเสียงเดียวค้านไปก็เท่านั้น รู้เลยว่าพวกนี้จงใจจะแกล้งผมToT
เราก็เข้าไปด้านในกัน ก็จะมีพี่เลี้ยงมาอธิบาย ลุงคนขับรถก็มาช่วยเก็บของของพวกเราเอาไปไว้ที่รถ ขาเขอผมสั่นไปหมด แค่พี่เขาพูดก็กลัวแล้ว มีตั้ง32ด่าน ด่านแรกก็ไต่สะพานอันหวาดเสียว มองลงไปคือเวียนหัวมากเอาจริง ให้ตายสิ ผมสั่นไปหมด พอพี่เขาแนะนำอธิบายอะไรเสร็จ ก็ใส่ชุด ใส่หมวกใส่กันกระแทกที่หัวเข่าข้อศอกเยอะแยะไปหมด ผมว่าใส่ไปก็เท่านั้น ตกลงไปก็ตายอยู่ดี ใส่ให้ดูดีสินะ
พอใส่เสร็จก็เริ่มแล้ว พี่ดินนำไป ต่อด้วยผมและพี่ไฟสิงโต เรียงกันเลย ตอนนี้ขาสั่นไปหมด สะพานมันโยกอย่างกับจะขาดแหนะ ผมหลับตาแล้วเดินอย่างเดียวเลย มันแย่กว่าที่คิดอีก.....
พรึ่บ!
“อ๊ากกกกกกก!” ผมกระโดดเกาะพี่ดินแล้วหลับตาปี๋เลย เสียงอะไรอะ เหมือนเชือกขาดเหรอ?
“นท มึงตั้งสติหน่อย เสียงนกเหยี่ยวบนต้นไม้ หลอนแล้วมึง ไหวเปล่า!” ไอสิงโตถามอย่างเป็นห่วง พี่ดินกับพี่ไฟก็ขำกัน ผมก็ค่อยๆลืมตาแล้วก็ถอยห่างจากพี่ดิน อายนะเนี่ย!
“ไปต่อเหอะน่า กะ..กูแค่ ตกใจนิดหน่อยเอง!”ผมพูดแบบกลัวเสียฟอร์ม คนอื่นเขาใส่ขายาวกันผมขาสั้นคนเดียวด้วย ขืนล้มหรืออะไรแผลคงเต็มขา
แล้วก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดต่อไป ตอนแรกก็นึกว่าจะโล่งใจ หนักกว่าเดิม ด่านนี้คือให้โหนแล้ว ผมหันหลังเลย มันวาบหวิวมาก..........
“มันลงพร้อมกันสองคนได้ มึงไม่ต้องกลัว!” ไอสิงโตบอกอย่างใจดีจับไหล่ผม ผมก็พยักหน้า กลับใจตอนนี้จะทันไหม โถ่!
แล้วก็ตกลงกัน เพราะว่าไอโหนไปมาเนี่ยไม่ใช่แค่ตรงนี้ มีหลายจุดมาก ก็สลับกันไปมา ด่านนี้ผมคู่กับไอสิงโตก่อน ด่านหน้าก็เปลี่ยนจะได้ไม่เบื่อกัน จริงๆผมไม่ซีเลยว่าใครจะโหนคู่ผม ตอนนี้ในใจคืออยากกลับบ้านมากมาย กลัวมาก ตอนนี้พี่ดินกับพี่ไฟก็ไปแล้ว ผมก็ยืนขาสั่นรอคิวต่อไปเนี่ยแหละ........
“ไหวหรือเปล่าเนี่ยน้อง มือไม้สั่นไปหมดเลยนะ!” พี่มาร์ชที่เป็นพี่เลี้ยงถามอย่างเป็นห่วง
“หวะ...ไหวครับ” ผมฝืนยิ้ม
“จับมือเพื่อนไว้แน่นๆ” พี่มาร์ชยิ้ม ผมก็พยักหน้า
เฮ้อ! ผมมองไปข้างหน้าลมแทบจับ มันสูงมาก แตะยอดต้นไม้เลยนะ.....
“พร้อมยัง!” ไอสิงโตจับมือผม
“พะ พร้อมแล้วมั้ง!” ผมหันไปตอบมัน บอกตามตรงยิ้มไม่ออกแล้ว
“เอาละ พี่จะนับถึงสามนะ แล้วพี่จะดันเราทั้งสองคนลง” พี่มาร์ชพูด ผมก็พยักหน้าช้าๆ “1 2..”
“ปะ แปป! แปปนึงครับ!” ผมท้วงขึ้นให้ตายสิวะ ผมหลับตาแล้วทำสมาธิ “โอเคพร้อมแล้ว” หันหน้าไปอย่างมาดมั่น
“3” พี่มาร์ชพูด แล้วดันผมกับสิงโตเลย
พรึ่บ! “อ๊ากกกกกกกก” ผมร้องสุดเสียงเลย พี่ดินพี่ไฟไอสิงโตขำกันใหญ่ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นด้วย คือเขาไม่นับใหม่ มาถึง3 เลย ผมหลับตาปี๋เอาขาเกี่ยวกับตัวไอสิงโตแน่นเลย หัวเราะกันลั่นป่าเลยไหม คนพวกนี้นี่! ผมก็ร้องจนถึงที่ พอถึงนี่คือทรุดเลย ขาอ่อนไปหมด เขาก็ช่วยพยุงผมกัน.....
“555 นทไหวไหม” พี่ไฟมันมีอะไรน่าขำ ไอพี่ที่แกะเชือกให้ผมด้วย ขำกันจัง
“เหมือนลูกลิงกอดแม่โหนมาเลยอ่า 5555” พี่ดินขำกันเข้าไป ให้ตายสิ ขายหน้าชะมัด
แล้วเราก็ไปด่านต่อไป ก็โหนอีก คราวนี้พี่ไฟไปคู่ผม ไม่ต่างจากตอนไอสิงโตเลย แต่พี่ไฟมีแกล้งดิ้นด้วย ผมนี่แทบร้องไห้ ก็เล่นไปๆ ทั้งโดนแกล้ง ทั้งโดนล้อ ความสุขของพวกมันอยู่บนความทุกข์ของผมตลอด ให้ตายสิ ก็เป็นอย่างนี้ไปจนจบ ผมแทบตาย แหกปากร้องจนเสียงหมด เขาก็มีให้พักเรื่อยๆนะ แต่ผมไม่พักแล้ว อยากกลับบ้านเร็วๆก็รัวๆไปเลย สภาพตอนนี้ไม่ต่างจากศพสักเท่าไหร่ก็เอาเถอะ ก็ไปถอดชุดคืน แล้วผมก็เดินไปรอที่รถเลย ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอไปพักในรถเลยแล้วกัน พวกพี่ดินพี่ไฟไอสิงโตก็เคลียล์อะไรไป ผมก็ไปนอนรอในรถ ลุงเขาเปิดแอร์ให้ผม สบายเลย สักพักก็หลับไป ผมหลับหรือตายไปรู้ หลับลึกมาก เพราะเพลียมากจริงๆ ฝันว่าตกเขาบ้างอะไรบ้างก็ว่ากันไป.........
“นทๆ” แรงเขย่าและเสียงที่เรียกชื่อผมทำให้ผมตื่นขึ้นมา ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา พี่ดิน ผมหันซ้ายขวาไม่เจอใคร หลือแต่พี่ดินเนี่ยแหละ.........
“ไปไหนกันหมดแล้วอ่า!” ผมถามด้วยเสียงงัวเงีย บิดขี้เกียจนิดหน่อย
“มันไปซื้อของ แล้วนทเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นสะดุ้งและก็กระตุกๆเป็นพักๆ แถมยังกอดแขนพี่แน่นเลยด้วย!” พี่ดินถามอย่างเป็นห่วง ผมละเมอ? ตายแล้ว ผมดูที่แขนตัวเอง โอ้โห! กอดพี่ดินแน่นจริงๆด้วย ผมก็ปล่อยออก
“ผมฝันร้าย ดูเล่นแต่ละอย่างด้วย!” ผมบอกอย่างอายๆ พี่ดินก็ขำ ผมละเบื่อจริงๆ
ผมมองไปรอบๆ แล้วก็ก้มดูนาฬิกา นี่มันก็เย็นมากแล้วเหรอ?! แล้วทำไมผมยังไม่กลับ บ้าน พี่ดินก็ขำอยู่นั้นแหละ แล้วสักพักพี่ไฟกับสิงโตก็มา ถามผมว่าตื่นแล้วเหรอเป็นยังไงบ้าง อัดคลิปตอนผมละเมอแล้วก็เอาไปดูกัน หัวเราะกันสนุกสนานเลย.......
“นี่มันเย็นมากแล้วนะ ทำไมไม่พาผมไปส่งบ้านอีก” ผมหันไปถามพี่ดินที่นั่งข้างๆผม
“ตอนแรกว่าจะกลับ แต่ไปสวนสัตว์กันดีกว่า พี่ดินพี่ไฟอยากไป” ไอสิงโตตอบแทน มันคงหมายถึงไนท์ซาฟารี ที่ให้ขับรถเข้าไปดูได้
“เฮ้อ!” ผมก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อจะโทรบอกป๊า
“พี่โทรบอกป๊านทให้แล้ว ไม่ต้องห่วง” พี่ไฟพูดขึ้นคือ มันวางแผนกันไว้แล้วสินะ 3 คนนี้เริ่มน่ากลัวแล้ว ผมก็กดโทรศัพท์โทรไปหาพี่อ๊อฟ ทำไมมันเงียบๆไป
จนสายตัดไปหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมโทรหาพี่อิฐก็ไม่ติด ให้ตายสิ ใจไม่ดีเลย พี่ดินพี่ไฟสิงโตก็ถาม ผมก็บอกโทรหาพี่อ๊อฟไม่ได้ ไอสิงโตก็บอกให้ผมใจเย็นๆ แต่ดูท่าแล้วพี่ดินกับพี่ไฟคงจะอยากรู้นะว่าพี่อ๊อฟเป็นใคร ผมก็เลยโทรหาพ่อพี่อ๊อฟ ประกฎว่ารับ.......
“ฮัลโหล พ่อครับ ทำไมพี่อ๊อฟกับพี่อิฐไม่รับสายครับ!” พอพ่อรับปุ๊ปก็รัวเลย
“คือตอนนี้เราอยู่โรงพยาบาลกันนะลูก ยายเขาไม่ค่อยดีเลย สงสัยสองคนนั้นลืมโทรศัพท์ไว้บ้าน จะคุยไหม” พ่อพูดทำเสียงเครียดๆ
“....ไม่ดีกว่าครับ พี่อ๊อฟเป็นยังไงบ้างครับ!” ผมถามอย่างเป็นห่วง ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันตอนนี้ และแน่นอนว่ามันคงร้องไห้อยู่ ซึ่งสียงมันลอดเข้ามา เสียงร้องไห้ต็มไปหมด ทั้งพี่อ๊อฟทั้งใครต่อใคร ผมว่ามันคงไม่มีอารมณ์คุยกับผมหรอก แต่ผมอยากจะไปกอดปลอบมันมากเลย เหมือนตอนที่มันทำให้ผม...
“มันก็เสียใจนะ ยายเขาเลี้ยงอ๊อฟตั้งแต่เด็กๆเลย มีอะไรอ๊อฟก็ชอบเอาไปปรึกษายายเขาตลอดแหละ เรื่องนท อ๊อฟก็ยังเอาไปพูดให้ยายฟังบ่อยๆเลยนะ อ๊อฟมันรักยายมันมากเลยละ” พ่อพูด ผมสะเทือนใจแปลกๆ
“ให้ผมไปหาได้ไหม” ผมถามเสียงสั่นๆ ผมอยากอยู่ข้างๆมัน ในวันที่มันกำลังเสียใจแบบนี้
“มันจะดีเหรอ นทจะลำบากนะ!” พ่อพูดเสียงเครียดๆ
“ไม่เลยครับ ให้ผมได้อยู่ข้างๆพี่อ๊อฟนะ นะครับพ่อ” ผมพูดแบบจริงจัง
“ก็แล้วแต่นะ จริงๆ อ๊อฟมันสั่งให้พ่อห้ามนทมานะ แต่ถ้านทมาแล้วทำให้มันรู้สึกดีได้ก็มาช่วยมันหน่อยแล้วกัน ดูมันอาการหนักเลยละ” พ่อยังคงเสียงเครียด
ผมก็คุยกับพ่อพี่อ๊อฟนิดหน่อยก็วางไป รู้สึกคิดถึง เป็นห่วงความรู้สึกพี่อ๊อฟ ตอนนี้ในหัวผมมีแต่พี่อ๊อฟไปหมด และตอนนี้ผมก็ได้มาอยู่ในสวนสัตว์แล้ว ไอสิงโตก็ถามว่าพี่อ๊อฟเป็นอะไรผมก็บอกไป ตอนแรกมันจะไปส่งผม แต่ผมปฏิเสธมันไป ขืนมันไปเดี๋ยวหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้ก็ดูสัตว์กันไป ไม่ค่อยจะเห็นอะไรเลย ผมก็ดูๆไป ใจก็กระวนกระวายอยากกลับบ้านเหลือเกิน แต่ก็ต้องทำเหมือนสนุก ไหนๆเขาก็พาผมมาเที่ยว ก็ขับรถวนไปวนมาจนถึงทางออกก็พาผมกลับบ้าน..
พูดคุยกันตลอดทาง ผมก็ตอบบ้างเงียบบ้าง โดยอ้างว่าเหนื่อย พวกนั้นก็เข้าใจกัน พอถึงบ้าน ผมก็ลงรถ ร่ำราพี่ดินพี่ไฟและไอสิงโตนิดหน่อย และก็บอกพวกเขาไว้ก่อนเลยว่าพรุ่งนี้อาจไม่อยู่บ้านไม่ต้องบุกมา ก็พูดติดตลกไป เขาก็ถามกันใหญ่เลย ผมก็บอกว่าจะไปหาพี่อ๊อฟไอสิงโตก็เข้าใจแหละ ผมก็ฝากไอสิงโตอธิบายให้สองฝาแฝดนั้นเข้าใจด้วย มันก็รับปาก แล้วก็คุยกันอีกนิดหน่อยมันก็กลับไปกัน...
ผมก็รีบเข้าบ้านไปบอกป๊า แล้วก็เอาที่อยู่ที่พ่อพี่อ๊อฟส่งให้ให้ป๊าดู ตอนแรกป๊าก็ดูเหมือนจะมีงาน ป๊าก็ไปบอกงานพี่โน้ตอะไรไป แล้วผมก็ไปเก็บของ เตรียมไปเผื่อได้นอนอะไร แล้วเสื้อผ้าที่ไอสิงโตเตรียมไปให้ผมสรุปคือไม่ได้ใช้ เตรียมไปเพื่อ? ผมก็ไปเตรียมเผื่อให้ป๊าด้วย พอเสร็จผมก็รีบลงบ้านไป ป๊าก็รออยู่แล้ว จริงๆแม่ก็อยากไปด้วย แต่แม่ติดงานบุญของเพื่อนข้างบ้าน ก็ได้แต่ฝากความห่วงใยไปก่อน...
บ้านยายพี่อ๊อฟ ห่างจากตัวเมืองไปก็ไม่ไกลมาก ทางมันคดเคี้ยวไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ผมก็พูดคุยกับป๊าไปตลอดทาง ป๊าก็แวะซื้อของเยี่ยมเยียนอะไรไปพอเป็นมารยาท จริงๆป๊ากับพ่อพี่อ๊อฟก็รู้จักกัน ไม่สนิทมากก็รู้จักกันในฐานะเพื่อนบ้านเนี่ยแหละ แต่แม่คือก็ถือว่าสนิทกับแม่พี่อ๊อฟเลย ขับรถไปไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลที่พ่อพี่อ๊อฟบอก พ่อพี่อ๊อฟก็โทรมาถามเรื่อยๆ ว่าถึงไหนแล้ว ยังไงบ้าง....

ออฟไลน์ Mr.hasey14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พอถึงผมก็ถือกระเช้าของฝากอะไรไป พ่อพี่อ๊อฟ กับ...? ญาติมั้ง ดูมีอายุแล้วคนนึง ป๊ากับผมก็ทกทายเขานิดหน่อย แล้วก็พากันไปห้องที่ยายพี่อ๊อฟอยู่ เป็นว่ายายพี่อ๊อฟออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว แยกมาห้องพิเศษเรียบร้อย พอเข้าไปก็ต้องตกใจไปนิด คนเต็มห้องเลย ยังไม่รวมที่ยืนรออยู่ข้างหน้าห้องนะ ญาติเยอะพอควรเลย ยายคงเป็นที่รักของคนในครอบครัวมากๆเลย เพราะทุกคนดูเป็นห่วงไม่น้อยเลยละ พี่อ๊อฟไปไหนไม่รู้ ผมก็ยังไม่อยากถาม เพราะป๊าก็กำลังคุยกับพ่อพี่อ๊อฟและก็ญาติๆคนอื่นๆอยู่ พี่อิฐก็เดินเข้ามา ดูตกใจนิดหน่อยที่เห็นผม เขาก็เข้ามาคุยแหละ.........
“มาทำไม” พี่อิฐถามอย่างสงสัย
“ก็มาดูคนขี้แยอะดิ” ผมยักคิ้วกวนๆ
“จริงๆไม่ต้องมาหรอก ดูดิคนเยอะแยะเลย” พี่อิฐพูดอย่างเกรงใจ
“ก็อยากมา มาไม่ได้หรือยังไง” ผมถามแบบกวนๆ
“ได้สิ แต่ไม่อยากให้มา กลัวเบื่อไง” พี่อิฐพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เบื่อหรอก ถ้ามีพี่อิฐไม่เบื่อเลย” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวไออ๊อฟก็มาหักคอพี่อีกหรอก!” พี่อิฐทำหน้ากวนๆ
“แล้วพี่อ๊อฟไปไหนอ่า” ผมถามอย่างสงสัย
“มันไปคุยกับญาติๆ พวกลูกน้องที่เขามาจากต่างจังหวัดกัน” ผมก็พยักหน้ารับรู้
ผมก็พูดคุยกับพี่อิฐนิดหน่อย สักพักพี่อ๊อฟก็เข้ามา แต่เข้ามากับ.....ผู้หญิง ที่ไหนไม่รู้ ตอนแรกมันก็ตกใจนะที่เห็นผม แต่ผมตกใจกว่า เพราะมันเข้ามาพร้อมผู้หญิงคนนั้นแถมจับมือกันอีก ผมก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วก็ยิ้มให้มัน และผู้หญิงคนนั้น.......
“นท มาได้ยังไง” พี่อ๊อฟเดินเข้ามาถามผมอย่างดีใจ ตาพี่อ๊อฟดูบวมอย่างเห็นได้ชัด คงจะร้องไห้หนักพอควรเลย
“ป๊าพามาน่ะ” ผมยิ้มอ่อน ไม่รู้ทำหน้าไม่ถูก นี่มันเสียใจจริงๆเหรอวะ? ทำไมดูดี๊ด๊าจัง
“เอาแล้วๆ เคลียล์เอาเองนะน้องรัก” พี่อิฐบอกกวนๆแล้วก็เดินไปตบไหล่พี่อ๊อฟ แล้วก็เดินเลยออกไปนอกห้อง
“อ้อ นี่อิน ลูกพี่ลูกน้องกูเอง อินนี่นท.....แฟนอ๊อฟ!” พี่อ๊อฟพูดอย่างเขินๆ
“นี่....เรื่องจริงเหรอ ที่อ๊อฟคบกับผู้ชาย.....” อินเขาดูตกใจไม่น้อยเลย แต่ผมก็ยิ้มบานเลย
“จริงดิ ทำไม!” พี่อ๊อฟเดินมากอดไหล่ผม ผมไม่รู้ดิ มีความสุข ตอนนี้คนอื่นๆเริ่มหันมามองทางผมกับพี่อ๊อฟอย่างสนใจแล้ว
ตอนนี้ที่ผมอยู่มันเป็นห้องวีไอพีแยกเป็นส่วนๆเลย ห้องที่พวกผมอยู่ตอนนี้ก็ห้องรองรับแขก ห้องที่ยายนอน ตอนนี้มีแม่และน้าๆของพี่อ๊อฟเข้าไปดู แล้วบรรดาญาติๆของพี่อ๊อฟก็กรูเข้ามาถามผมกับพี่อ๊อฟกันด้วยความสนใจ มันก็จะมีทั้งรับได้ เฉยๆ แล้วก็รับไม่ได้ทำหน้าไม่พอใจก็มี แต่แล้วยังไง ผมไม่จำเป็นต้องสน แค่พี่อ๊อฟคนเดียวที่สนใจผมก็เกินพอแล้ว ^^
พอคุยอะไรกันเสร็จก็พากันแยกย้ายกลับ เพราะถึงเวลายายพักผ่อนแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้ไปเจอยายหรอก ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายตอนกำลังจะพักผ่อน ผมว่าจะอยู่กับพี่อ๊อฟสักคืนสองคืนก็ได้ ตอนแรกป๊าก็ไม่อยากให้อยู่เดี๋ยวผมจะไปรบกวนเขา ป๊าเลยไปเปิดห้องที่รีสอร์ทแถวนั้นนอน เพราะป๊าโทรให้พี่โน้ตเช็คลูกค้าที่อยู่แถวนั้นของป๊าว่ามีเยอะไหม ป๊าจะได้เข้าไปพูดคุยเยี่ยมเยียนบ้าง ป๊าบอกก็ดีจะได้มาคุยกับลูกค้าเก่าๆบ้าง อะไรของป๊านั้นแหละ ผมก็ไปนอนกับพี่อ๊อฟที่บ้านยาย แต่ป๊าบอกว่าถ้าป๊าจะกลับ ผมก็ต้องกลับ อยู่รบกวนเขานานไม่ดี อีกอย่างญาติเขาก็เยอะพอแล้ว บ่นตลอด ผมก็เออออไป ก็ป๊าเล่นบ่นจนผมไม่อยากฟัง
และป๊าก็แยกกับผมไป ตอนนี้ผมก็กำลังไปบ้านยายของพี่อ๊อฟ ตอนนี้มันมืด ก็เลยดูไม่น่ามีอะไร มันทึบไปหมด ผมว่าตอนเช้าๆต้องมีวิวสวยๆแน่ๆเลย พอถึงบ้านก็ลงรถ แต่บ้านนี้มันคุ้นๆนะ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร อาจจะแค่เคยเห็นรูปในบ้านพี่อ๊อฟมั้ง บรรยากาศดีมาก บ้านสวย วิวดี ผมว่าตอนเช้าต้องโอเคมากแน่ๆเลย พี่อ๊อฟก็พาผมไปเก็บของในห้องของมัน ห้องมันน่ารักเชียว ห้องใต้หลังคา ส่วนญาติๆคนอื่นก็ไปนอนตามห้องรับแขก หรือห้องยายบ้างตามที่พวกเขาเคยนอนกันเพราะห้องพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟไม่ยอมให้ใครเข้ามานอนด้วย
“ชอบไหม” พี่อ๊อฟมันเดินมานั่งข้างผมที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วมองออกไปนอกระเบียง คือมันเห็นต้นไม้มากมาย สวยจริงๆถึงจะเป็นตอนกลางคืนก็เถอะนะ
“ชอบมาก สวยมาก ทำไมไม่พาผมมาเที่ยวบ้างอ่า!” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็.....ไม่รู้ดิ มึงอาจจะเคยมาแล้วไง” มันยิ้มกวนๆ ผมหน้ามุ่ยเลย
“เคยมาบ้าอะไรเล่า!” ผมพูดไม่จริงจังนัก มันก็หัวเราะ
“555 ก็พักหลังมายายป่วย เลยไม่อยากให้มึงมาไง เดี๋ยวมึงจะเบื่อ ได้ยินเสียงยายกูไอ!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่จริงจังนัก
“อ่อ อืมๆ หันหน้ามานี่สิ!” มันก็หันมา ผมก็เอามือนวดใตต้ามันเบาๆ ตามันบวม ดีนะไม่ช้ำ “เสียใจมากเลยใช่ไหม” ผมถามอย่างอ่อนโยนมันก็พยักหน้า
“กูไม่อยากให้มึงมา กูไม่อยากให้มึงเห็นกู...อุ้บ” ผมประกบจูบมันเบาๆ ไม่ได้ลุกล้ำอะไรแต่อย่างใด แล้วก็ผละออกมา
“อย่าทำเหมือนผมเป็นคนอื่นคนไกลสิ ผมต้องได้เห็นทุกมุมของพี่อ๊อฟ ไม่ว่าพี่อ๊อฟจะอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นยังไง พี่อ๊อฟ ก็คือพี่อ๊อฟของผม ให้ผมได้อยู่ข้างๆพี่ เหมือนที่พี่คอยอยู่ข้างๆผมตลอดมานะ” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็ยิ้มอ่อน
พี่อ๊อฟก็โน้มมาจูบผมอย่างอ่อนโยน ผมก็เคลิ้มไปกับมันเลยทีเดียว.....
แกร๊ก!
“อ๊อฟจะอะ.......” ผมกับพี่อ๊อฟผละออกจากกันแทบไม่ทัน พี่อิฐคือจะเข้ามาก็เข้ามาเลย ไม่เคาะไม่อะไร “โทษๆ...”
ปั้ง! แล้วก็ปิดประตูไป ผมถึงกับหมดอารมณ์เลย แล้วก็ผมกับพี่อ๊อฟมองหน้ากันแบบอายๆ แล้วพี่อ๊อฟก็ลุกออกห้องไป
ผมก็จัดของไป แล้วไอสิงโตก็โทรมา มันก็ถามอย่างเป็นห่วง ผมก็บอกไป ถึงมันจะน่ารำคาญ มันก็ดีนะ เป็นห่วงผมตลอด สักพักพี่อ๊อฟก็เข้ามามันไปเอาของที่พี่อิฐมา เราก็เข้าไปอาบน้ำกัน แค่อาบน้ำ ไม่ได้ทำอะไร เพราะเราก็ต่างรู้ ว่าสถานที่นี้มันคงไม่สมควรเกินเลย อาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวปิดไฟ ขึ้นเตียง นอนคุยกัน........
“มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้นะพี่อ๊อฟ” ผมลูบแก้มมันเบาๆ
“อยากฟังเหรอ” มันจับมือผม
“อยากสิ ถ้าเป็นเรื่องของพี่อ๊อฟ ผมฟังได้ทั้งวันทั้งคืนไม่เบื่อเลยละ!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“พูดจาน่ารักนะ”ยิ้ม
“ไหน คุณชาย ของผมมีอะไรอยู่ในใจ บอกผมได้ไหมครับ” ผมจับมือมัน
“มีสิ มีเยอะแยะไปหมด” มันทำหน้าเครียด “รู้อะไรไหม สิ่งที่กูกลัวที่สุด คือคนที่กูรัก จะจากกูไป” พูดแบบจริงจัง “กูรักยายกูมาก รักพอๆกับพ่อแม่เลยละ เขาเคยเลี้ยงกูตอนเด็กๆ สอนกูทุกอย่าง สอนให้รู้จักความผิดหวัง สอนให้รู้ในความจริงหลายๆอย่าง เป็นคนที่เข้าใจกู บางทีอาจจะเข้าใจกูมากกว่าพ่อแม่กูด้วยซ้ำ” มันหลับตาลง และน้ำตาก็ไหลลงมา ผมก็เอามือไปเช็ดให้เบาๆ แล้วกระชับมือมันแน่นขึ้น “รู้ไหม ทำไมกูถึงชอบมึง” ผมส่ายหน้าช้าๆ จริงๆเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มานานแล้ว แต่มันก็เลี่ยงที่จะบอกผมทุกครั้ง “มึงคงจำไม่ได้หรอกนท เมื่อ 8- 9 ปีที่แล้วมั้ง มึงก็เคยมาที่นี่นะ!” ผมก็ทำหน้าคิดนิดหน่อย แต่ก็คุ้นๆนะ ไม่รู้สิ “แม่มึงชอบพามึงมาเที่ยวที่นี้ มึงก็ชอบมาเล่นกับกู” ผมจำได้รางๆไม่รู้สิผมมันขี้ลืมด้วย แต่ผมว่ามันต้องไม่สำคัญอะไรมากหรอกมั้ง ไม่งั้นผมต้องจำได้แม่นเลยสิ จริงไหม
“เดี๋ยวนะ นี่เราเคยรู้จักกันมานานแล้วเหรอเนี่ย!” ผมถามอย่างงงๆ มันก็พยักหน้า
“ตอนนั้นมึง 6-7 ขวบเองมั้ง กู 9 ขวบ มั้งนะ”ยิ้ม “มึงไม่เคยเรียกกูว่าพี่เลย กูจำได้หมดเลยนะ ตอนนั้น มึงเป็นเด็กที่น่ารักที่สุด”(ยิ้ม) “และยายกูก็เอ็นดูมึงมากเลยนะ” ผมชะงักไปนิด เพราะมันก็คุ้นๆไม่น้อยเลยนะ “มึงจำไม่ได้ใช่ไหมละ” ผมก็พยักหน้า “มีวันนึง มึงตกจากต้นไม้เพราะกูพาปีน” ผมพอจะจำได้แล้ว
“ผมพอจำได้ๆ วันนั้น ผมตกลงมา หัวแตก แขนถลอก เข่าก็แตก จำได้เลยความเจ็บตอนนั้นอ่า แล้วหลังจากนั้น.... ก็.....” ยิ้มอ่อน นึกไม่ออกสะงั้น จำได้แต่ความรู้สึกเจ็บฝังใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมกลัวความสูงด้วยToT
“หลังจากนั้น แม่กูก็ตีกูใหญ่เลยละ และมึง ก็เข้ามาขวางแม่กูแล้วก็กอดกูไว้ แล้วบอกกับแม่กูว่า “อย่าทำอ๊อฟนะ นทตกลงมาเอง ถ้าทำอ๊อฟ ก็ต้องทำนทด้วย” แล้วมึงก็กอดกูแน่นเลย ตอนนั้นกูไม่รู้สึกเจ็บจากที่แม่ตีกูเลยนะ กูรู้สึกดี ที่มึงปกป้องกู” ผมอึ้งไปนิด อย่าบอกนะ ว่าเรื่องแค่นี้ทำให้มันชอบผม จริงๆก็แค่เรื่องตอนเด็กๆจะเก็บมาคิดอะไรให้มันมากมายเนี่ย! “มึงจำเรื่องเล่าของยายได้ไหม เรื่องเพื่อนรักอะ” ผมก็นึกๆ
“จำได้ ที่มีผู้ชายสองคนเป็นเพื่อนรักกันอะนะ ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมทะเลาะกับ เด็กคนนึง คงเป็นพี่แหละมั้ง!”ผมยิ้ม จำได้รางๆ ไม่แม่นเท่าไหร่
“อืม กูทิ้งมึงไว้ที่สวนผลไม้ หลังบ้าน” ยิ้ม “จริงๆไม่ได้ทิ้ง ก็ตอนนั้นแม่กูเรียกกูไปเก็บของ พอกลับมาดู มึงก็โกรธกูแล้วก็ไปฟ้องยาย หลังจากนั้นเราก็ทะเลาะกันต่อหน้ายาย และยายก็เล่าเรื่องนั้นให้เราฟัง พอฟังจบ เราก็คืนดีกัน” ผมก็พยักหน้า
“ผมจำได้รางๆ ว่าเราเล่นกันทุกวันในตอนเย็นหลังเลิกเรียน เพราะแม่ชอบมาช่วยงานอะไรสักอย่างที่นี่ ใช่ไหม” ผมไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็จำได้ลางๆ
“อืม มันนานมาแล้วละ และกูก็เป็นแค่เพื่อนเล่นของมึงตอนเด็กๆเท่านั้น มึงเป็นคนที่ชอบปกป้องคนอื่นในตอนเด็กๆ ไม่เคยทิ้งกู ไม่เคยลืมกูตอนนั้นมึงให้ความสำคัญกับกูมากเลยนะ มึงคนเดียวที่เห็นกูมีตัวตนกว่าเพื่อนคนอื่นๆในตอนเด็ก ชอบมาเล่าให้กูฟังว่า เอากูไปพูดให้เพื่อนๆที่โรงเรียนฟัง จนเพื่อนๆคนอื่นๆอิจฉามึง กูจำได้เลย วันสุดท้าย ก่อนที่มึงจะหายไป” หายไป? “มึงมาหากูที่นี้ เราเล่นกันปกติ มึงพูดถึงเรื่องแฟน มึงบอกว่าถ้าเราจะมีแฟนได้ เราก็ต้องมีความรู้สึกดีๆให้กับคนๆนึง กูก็แปลกใจ มึงไปเอาที่ไหนมาพูด เพราะตอนนั้นมึงเรียนแค่ประถมเองนะ พอกูถาม มึงก็บอกว่าพี่อิฐบอก” ผมก็พยักหน้ารัวเลย
“ผมจำได้แล้ว ผมไปบอกชอบพี่ใช่ไหม” มันพยักหน้า “ตอนนั้นผมจำได้ว่า พี่อิฐมีแฟน พอผมไปถามพี่อิฐก็บอกแบบนั้นแหละ และตอนนั้น พี่อ๊อฟก็คือคนที่ผมรู้สึกดีมากที่สุด ผมก็เลยบอกไป จริงๆผมเริ่มรู้ตัวว่าชอบผู้ชายก็เพราะพี่อ๊อฟมั้งนะ” ยิ้ม มันก็ยิ้ม “ผมจำได้ ผมเอาแต่นึกถึงพี่ตลอดเวลาเลยนะ แต่พอผมพูดให้ป๊าฟัง จำได้เลยว่าป๊า ดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ และผม.........” ผมนึกออกแล้ว ทำไมผมถึงหายไป ไม่มาเจอเด็กคนนั้นที่เป็นเพื่อนรักของผมในตอนเด็ก “ป๊าไม่ให้ผม......มาเจอกับพี่อีก ตอนนั้นผมไม่เข้าใจอะไรเลยพี่อ๊อฟ แค่ผมชอบเพื่อนคนนึงมันไม่เห็นผิดเลย แต่ป๊าก็ไม่ยอมให้ผมมาเจอพี่อ๊อฟอีกเลย”
“ใช่ ตั้งแต่ตอนนั้นมึงก็หายไป และกูก็คิดถึงแต่สิ่งที่มึงพูดคิดถึงมึง พอมึงหายไปได้หลายปีอยู่ กูก็ขอพ่อแม่กูให้ย้ายไปโรงเรียนเดียวกับมึง และกูก็ได้ไปเรียนที่เดียวกับมึง แต่ก็โชคดีไปอีก ที่บ้านมึงกับบ้านกูอยู่ไม่ไกลกันเลย กูแอบดูมึงบ่อยๆ เพราะแม่ของมึงมาพูดเรื่องที่ป๊ามึงไม่พอใจ กูก็เข้าใจ แอบดูมึงมาได้ไม่นาน กูก็เริ่มรู้ว่ามึง มีแฟนเป็นผู้ชาย นั่นก็คือไอเบส กูตามดูมึงตลอด จนมึงมาสนใจไอไอซ์ มันทำให้กูรู้สึกหลายๆอย่าง มึงบอกชอบกูไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงจำกูไม่ได้ ถ้าตอนกูเดินชนมึงตอนนั้น มึงจำกูได้ กูก็จะไม่โกรธมึงขนาดนั้นเลยนะ แต่กูก็พยายามจะเข้าใจแหละ ผ่านมานานมึงคงจำไม่ได้ จนกระทั่งตอนนี้ กูงงนะ เราสนิทกันสะขนาดนั้น เวลาแค่ไม่กี่ปี มึงลืมกูได้หมดเลยเหรอวะ?” มันถามแบบนอยๆ
“ไม่สิ ตอนนั้นผมเด็กนะ อีกอย่างตอนเด็กๆ ผมก็มีเพื่อนมากมาย ห่างกับพี่อ๊อฟนานขนาดนั้นจำได้ก็แปลกแล้ว”ผมพูดอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลาเราเด็ก แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีเพื่อนมากมาย พอเพื่อนคนนึงหายไป ก็จะมีเพื่อนอีกคนมาแทนที่ แน่นอนว่าเราก็จะลืมเพื่อนคนที่หายไป อาจจะลืมไม่หมด แต่ด้วยเพราะระยะห่างเลยทำให้เรา เลือกที่จะลืม ละมั้ง
“ใช่ กูก็พยายามคิดแบบนั้น และกูก็ได้แต่เอาไปเล่าให้ยายฟัง ว่ามึงอะลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้ว ลืมคนที่ไปเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกไปแล้ว ยายก็เอาแต่บอกว่า มึงไม่ได้ลืมกูเลย แค่มึงมาหากูไม่ได้ และตอนที่กูเจอมึงตอนมึงอยู่ม.1 มึงก็มองกูติดตาตลอด” ผมทำแบบนั้นเหรอ? ทำไมไม่เห็นจำได้555 จริงๆก็ไม่ค่อยคุ้น ที่มองมัน เพราะเหมือนมันเดินกับพี่ไอซ์ละมั้ง หรือไม่ก็อาจจะคุ้นๆหน้ามันแหละ? “กูก็พยายามให้มึงเห็นบ่อยๆ หวังว่ามึงจะเข้ามาทักทายบ้าง แต่ก็ไม่เลย ยายกูก็บอกให้เข้าไปคุยเลย แต่กูก็อายเกินกว่าจะเข้าไปทัก คำพูดตอนเด็กๆ มันจะตลกไปไหม ตอนแรกกูก็กะจะตัดใจแล้ว แต่กูก็อยากลองที่จะรู้จักมึงอีกครั้ง กูก็เลย ตั้งใจเดินชนมึง ในวันแรกที่เปิดเทอมวันนั้นไง และก็ไม่ผิดหวัง มึงก็ยังเป็นมึง มึงที่ไม่ยอมใคร มึงที่ขี้อ้อน มึงที่เข้มแข็งและห่วงใยคนอื่น และ...อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมัน
“เด็กน้อยจริงๆนะพี่อ๊อฟ เอาคำพูดผมตอนเด็กๆและนิสัยตอนเด็กๆของผมมาคิดมากเนี่ย!” ผมพูดไม่จริงจังนักมันก็ยิ้ม แล้วเอามือออกจากปากมัน “คิดมากเกินไปแล้วพี่อ๊อฟ” ผมพูดแบบจริงจัง
“จะบอกให้นะ สีที่ทำหักในวันนี้ คือสีที่ยายกูซื้อให้เลยนะ” ผมชะงักไปนิด ดีนะผมเก็บสีนั้นไว้เป็นอย่างดี เพราะราคามันแพงมากด้วยแหละ
“ผมเก็บไว้อย่างดีเลยละ”(ยิ้ม)
“จริงๆมันก็มีอีกหลายเรื่องนะ ที่ทำให้กูชอบมึง ให้เล่าก็คงเล่าไม่หมด”(ยิ้ม)
“พอเลย เว่อร์ไปแล้วน่า” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
แล้วผมกับมันก็คุยกันไปถึงเรื่องตอนเด็กๆ ย้อนกันไป สรุปคือมันชอบผมตั้งแต่เด็กๆแล้ว มันจะจริงเหรอ? เรื่องแบบนี้ ตอนเด็กๆเรารู้จักคำว่ารักแล้วเหรอ? ตอนนั้นคำว่าชอบกับแฟน หรือความรู้สึกดีๆมันเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำมั้ง แต่ผมก็เชื่อนะ ไม่รู้สิพี่อ๊อฟดูจริงใจและผมก็รู้สึกได้แหละ เพราะผมก็ทำอย่างที่มันบอกจริงๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะเอาไปคิดมากขนาดนั้น คำพูดตอนเด็กๆ คิดแล้วก็ขำ ตอนเด็กๆ เราคิดอะไรอยากทำอะไรอยากพูดอะไรเราก็ทำมัน ก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้คนคนนึงคิดมากขนาดนั้น แต่เอาเถอะ มันเป็นคนชอบฝังใจกับเรื่องบางเรื่อง...
และผมบอกเลย ทำไมผมถึงจำมันไม่ได้ก็เพราะว่า เมื่อก่อนมันไม่เหมือนกับตอนนี้เลย มันไปเอารูปที่ผมถ่ายคู่กับมันตอนเด็กมาให้ดู ไม่เหมือนตอนนี้เลยย แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้อ่ะ อาจจะคล้ายๆ แต่ก็ไม่เหมือนนะ ผมว่าละทำไมถึงจำมันไม่ได้คือไม่แปลกเลย ที่มันบอกผมชอบมองมันก็เพราะมันหน้าคล้ายๆกับเด็กที่ผมเคยเล่นด้วยไง มันซับซ้อนมาก
เราพูดคุยย้อนวันวานกันสนุกมาก มันก็เล่าถึงยายมันให้ฟัง เท่าที่ฟังคือยายเป็นส่วนนึงของชีวิตมันเลย อะไรๆก็ยายเลยก็ว่าได้ นี่ผมเพิ่งรู้นะ แต่ก็ดีแล้วที่รู้เรื่องของมันเยอะขึ้น>< มันพูดไปยิ้ม ดูมันมีความสุขมากและก็แอบเศร้าบ้าง แต่มันคงไม่อยากให้ผมเป็นห่วงก็เลยปรับสีหน้านิ่งๆบ้างเมื่อมันเศร้า แต่ดูจะยิ้มมากกว่า ผมก็รู้สึกดีที่ทำให้มันยิ้มได้ อ่อ อย่าเพิ่งงงนะว่าทำไมพี่อิฐไม่มาเล่นด้วยในช่วงที่ผมเล่า ช่วงนั้นพี่อิฐเป็นนักกีฬาเยาวชน ซ้อมทุกเย็น ส่วนพี่โน้ตของผมก็ติดแฟนบ้างติดเพื่อนบ้างและก็ติดกิจกรรมของที่โรงเรียนบ้างเพราะพี่โน้ตนี่เด็กกิจกรรมตั้งแต่เด็กเลย ผมก็เลยโดนแม่หิ้วไปเล่นที่บ้านยายพี่อ๊อฟบ่อยๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด