ReLove1: Replaceable Love - รัก...แทนกันได้ ..... (ตอนที่ 14 ... 3 ก.ค. 2564)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ReLove1: Replaceable Love - รัก...แทนกันได้ ..... (ตอนที่ 14 ... 3 ก.ค. 2564)  (อ่าน 9705 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
       เป็นเรื่องธรรมดาของห้างสรรพสินค้าไม่ว่าอยู่ในจังหวัดอะไรที่มักจะมีผู้คนมากหน้าหลายตามารวมอยู่กันโดยเฉพาะในวันหยุดดังเช่นวันนี้ จุดประสงค์ของแต่ละคนที่มาที่นี่มีหลากหลายแตกต่างกันออกไป

       ดังเช่นวีรมาตุที่มาเลือกซื้อชิ้นส่วนเครื่องดนตรีเพื่อไปซ่อมแซมเครื่องดนตรีของชมรมที่โรงเรียนตามงบประมาณที่เสนอไป ในฐานะประธานชมรมที่กำลังจะหมดวาระ เขาจึงพยายามจัดการเรื่องภายในให้เรียบร้อยก่อนที่ประธานชมรมคนใหม่จะมารับหน้าที่ต่อจากเขาได้อย่างราบรื่น แม้ว่าในส่วนเรื่องการเรียนของตัวเองก็ยังวุ่นวายอยู่ไม่น้อยไปกว่ากันก็ตาม

        “อ้าว เฮีย มาทำอะไรเหรอครับ”

       วีรมาตุชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกันในวันนี้ เขาหันไปเจอวีร์ที่แต่งตัวตามสบายและใบหน้าที่ปราศจากแว่นสายตา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำความความน่ารักสดใสของวีร์ในสายตาของวีรมาตุลดลงเลย และเมื่อมองเลยไปก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่หยุดชะงักไปด้วย ในจำนวนนั้นมีคนที่เขารู้จักอย่างธีร์ พ่อและแม่ของวีร์ รวมไปถึงพี่สาวของเพื่อนสนิทของเขาอย่างวนกรที่ยืนอยู่ด้วยกัน

        “เอ๋... เอ่อ... อ๋อ... เฮียมาซื้อของเข้าชมรมอะครับ” วีรมาตุตอบพร้อมกับหันไปยกมือไหว้ทักทายคนอื่นๆ ทุกคนส่วนใหญ่ก็รู้จักและเคยเจอวีรมาตุกันแล้วจึงยกมือรับไหว้ แม้แต่กับอรและเอกที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็รับไหว้เช่นกัน

        “นั้นพี่อร แล้วก็พี่เอกแฟนที่อร วันนี้ขึ้นมาด้วย” วีร์แนะนำคนที่เหลือให้วีรมาตุรู้จัก

        “วีร์ยังเหลือพี่ชายอีกคนใช่มั้ย” วีรมาตุหันมาถามวีร์

        “อ๋อ ใช่ พี่ภูมิ ติดเรียนอยู่ไม่ได้มา”

       วีรมาตุก็พยักหน้ารับ

        “ใกล้จะสอบแล้ว ยังวุ่นเรื่องชมรมอีกเหรอเรา” วนกรหันมาคุยกับวีรมาตุ ในกลุ่มของพวกผู้ใหญ่ก็มีเธอที่สนิทกับวีรมาตุมากที่สุด “พี่ไม่เป็นคุณจะทำอะไรแล้วเลย แถมหนังสือก็ไม่อ่านอีก”

        “ของชมรมฟุตบอลเขาปิดรายงานไปตั้งแต่แข่งบอลม.ปลายจบแล้วครับ กว่าจะคัดตัวใหม่อีกที่ก็เปิดเทอมหน้าโน้นเลย ไอ้คุณมันก็เลยสบายตัวไปแล้ว”

        “ชวนคุณอ่านหนังสือด้วยบ้างสิ เห็นติดโควตานักกีฬาแล้วไม่สนใจอะไรเลย พี่กลัวคุณมันไม่จบแล้วโควตาที่ได้มันจะเสียเปล่า”

        “ผมว่าคุณเอาตัวรอดได้นะครับ ถึงจะไม่ได้เกรดดีเลิศ แต่รับรองได้ว่าจบแน่นอน”

       วนกรพยักหน้ารับ เธอรู้ดีว่าน้องชายของเธอไม่ได้เรียนเก่งอะไรมากมาย ยังดีที่ว่ามีทักษะฝีมือกีฬาดีเลยยังมีโอกาสสำหรับชีวิตที่ดีในอนาคต แต่ละคนก็มีทางเดินที่ถนัดของตัวเอง

        “นี่วากับวีรู้จักกันด้วยเหรอ” นุชเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นบทสนทนาระหว่างจบลง

        “อ๋อ ค่ะ... วีเขาเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายคนเล็กของวาค่ะ” วนกรหันมาตอบนุช

        “ชื่อวีด้วยเหรอเรา” อรพูดแทรกขึ้นมากลางวงด้วยน้ำเสียงแปลกใจปนหยอกเอินเล็กน้อย “นี่ถ้าบอกว่ามีน้องชื่อต่ายด้วยเนี่ย พี่จะนึกว่าเรามาจีบเจ้านุ้ยแล้วนะเนี่ย” แล้วเธอก็หัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะหุบยิ้มลงเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ น้องชาย แฟนของน้องชาย รวมไปถึงน้องชายคนเล็กที่พ่วงตำแหน่งหลานชายไปด้วย จะมีก็เพียงเอกแฟนหนุ่มของเธอที่ไม่ได้มีอาการเหมือนคนอื่นๆ “อะไร มีอะไรกันเหรอ หรือว่า...”

       วีรมาตุอ้าปากค้างไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากยอมรับสิ่งที่อรพูด แต่เพราะเขาได้ตกลงกับวีร์ไปเรียบร้อยแล้วว่าในตอนนี้เขาและวีร์จะยังคงรักษาความสัมพันธ์แบบพี่น้องไปก่อน จนกว่าเขาจะสอบเข้าคณะแพทย์ได้เสียก่อน

       ส่วนวีร์ถึงกับส่ายหน้ากับพี่สาวที่พ่วงตำแหน่งป้าไปด้วย

        “ครับ เฮียเขาชื่อวีรมาตุ มีน้องชื่อต่าย เป็นเพื่อนห้องเดียวกะนุ้ยเอง พอใจยัง”

        “อันนี้นุ้ยพูดเล่นใช่มั้ย” อรถามวีร์ย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

        “แล้วนุ้ยจะพูดเล่นทำไม”

        “นี่ๆ หยุดเล่นกันได้แล้ว” นุชร้องห้ามทั้งอรและวีร์ก่อนที่เรื่องจะเลยเถิด “อรกับเอกไปจองโต๊ะก่อนเลยไป เดี๋ยวคนจะเต็มซะก่อน”

        “ค่า ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” อรทำเป็นสะบัดหน้าไม่สนใจใยดีแล้วก็หันไปจูงมือของแฟนหนุ่มเดินออกไป แต่ก็หันกลับมาเอ่ยถามเสียก่อน “แล้วจะให้จองกี่คน 7 คนเหมือนเดิม หรือว่าจะให้เพิ่มอีก 1 เป็น 8”

        “8 ไปเลย ไปได้แล้ว” นุชรีบรวบรัดตัดความ และมองดูลูกสาวคนโตสะบัดบ๊อบเดินออกไป “วี ยังไม่รีบกลับใช่มั้ย อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนนะ” นุชเอ่ยชวนวีรมาตุร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน

        “ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจ” วีรมาตุอ้อมแอ้มตอบไปอย่างเสียไม่ได้แม้ว่าในใจจะอยากไปด้วยมากก็ตาม

        “เกรงใจอะไรกัน ไปด้วยกันนี่แหละ” นุชยังคงยืนยัน “ไม่มีอะไรต้องไปทำแล้วใช่มั้ย”

        “เอ่อ... ก็ไม่มีแล้วครับ” วีรมาตุยังคงเกรงใจอยู่

        “งั้นก็ไปกินด้วยกัน นุ้ย ชวนพี่เขาไปด้วย” เป็นยุทธที่ยื่นคำขาด แล้วก็บอกให้ทุกคนออกเดินกันได้แล้ว

       เหลือวีร์และวีรมาตุที่ยังยืนอยู่กันสองคนก็หันมามองหน้ากัน

        “ถ้าเฮียติดธุระจริงๆ เดี๋ยววีร์บอกพ่อกับแม่ให้เองครับ”

        “ไม่เป็นไรครับ เฮียเสร็จธุระแล้ว” วีรมาตุรีบตอบในทันควัน จนวีร์สะดุ้ง

        “อ๋อ ครับ... งั้นก็ไปกัน”

       ทั้งสองคนจึงรีบออกเดินตามไปให้ทันพวกผู้ใหญ่ที่เดินนำไปไกลแล้ว จุดมุ่งหมายเป็นร้านอาหารแบบบุบเฟต์อาหารทะเล เพราะตัวอ่อนในครรภ์กำลังเรียกร้องอยากกินปูอยากกินกุ้ง จึงเหลือตัวเลือกไม่มากนัก

       เมื่อไปถึงที่ร้าน อรและเอกได้จัดการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว คนอื่นๆที่เหลือแยกย้ายกันไปเลือกอาหารที่ตัวเองอยากจะกิน ยุทธและนุชถูกจับให้นั่งลงอยู่กับที่โดยลูกๆจะเป็นผู้บริการยกอาหารมาให้ ธีร์ก็ให้วนกรนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้วยเช่นกัน

       ส่วนวีรมาตุก็อาสาจะไปตักอาหารมาเผื่อให้วีร์ด้วยเช่นกันแต่ฝ่ายหลังไม่อยากนั่งรอเพียงอย่างเดียว วีรมาตุเห็นดังนั้นจึงไหว้วานให้วีร์ไปเอาเครื่องดื่มมาให้เขาแทน อีกฝ่ายจึงยอมรับคำ

       ธีร์คอยบริการให้ทั้งยุทธและนุชที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาและวนกรที่นั่งอยู่ข้างๆ คอยแกะเปลือกกุ้งกระดองปูใส่จานของแต่ละคน ส่วนวีร์ที่เห็นท่าทางการแกะเปลือกกุ้งของวีรมาตุแล้วก็อดรนทนไม่ได้ คว้ากุ้งในมือของวีรมาตุมาจัดการแกะให้แล้วจึงวางใส่จานของวีรมาตุ รวมถึงกุ้งตัวอื่นๆด้วย

        “ไอ้เราก็เป็นห่วงนึกว่าจะยังตรอมใจอยู่ ที่ไหนได้มาถึงแล้วก็เห็นนั่งสบายใจอยู่เฉยเลย ตอนแรกก็นึกสงสัยอยู่ ที่แท้ก็มีคนใหม่แล้วนี่เอง” อรเปิดสงครามขนาดย่อมขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เธอมองอากัปกิริยาของสองคนตรงหน้าเธอมานานแล้ว

        “อร!” นุชหันมาปรามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ “ไม่ใช่เรื่องที่เอามาพูดเล่นกัน”

       อรมองสีหน้าของแต่ละคนบนโต๊ะอาหารแล้วก็สลดลง เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดไปก็คิดได้ว่าเธอพูดแรงไปจริงๆ แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไรต่อ...

        “ช่างป้าอรเขาเถอะ” วีร์ก็สวนกลับขึ้นมาเสียก่อนจนอรอยากจะกลืนความรู้สึกผิดลงท้องไปในทันที “พี่เอก ปากป้าอรว่างแล้ว ทำงานด่วน”

        “อะจะ ได้จะ” เอกรีบบริการอาหารและเครื่องดื่มยื่นให้ถึงปากของอรในทันทีจนอรต้องปัดมือหลบหลีกเป็นพัลวัน แล้วก็หันมาชี้หน้าวีร์ที่กำลังยิ้มมุมปากเยาะเย้ยพอเป็นพิธี แต่มือก็กำลังแกะเปลือกกุ้งให้กับวีรมาตุและของตัวเองสลับกันไป

       หัวข้อสนทนาระหว่างมื้ออาหารจึงเปลี่ยนกลับมาเป็นเรื่องทั่วไปตามเดิม จนกระทั่งเสร็จสิ้น

       เมื่อไม่มีใครต้องการจะทำอะไรต่อ ทั้งหมดจึงคิดที่จะเดินทางกลับบ้านกันเลย นั้นหมายถึงเวลาที่ต้องลาจากคนที่หมายปองของวีรมาตุด้วยเช่นกัน

        “เฮียมายังไงเหรอครับ” วีร์หันมาถามขณะที่กำลังเดินตามคนอื่นๆที่เดินผ่านส่วนต่างๆของห้างสรรพสินค้าไปยังลานจอดรถ

        “เฮียเอารถมาครับ แล้วบ้านน้องวีร์เอารถมากี่คัน นั่งกันพอรึเปล่า ให้เฮียไปส่งเอามั้ยครับ”

        “สองคันครับ ของพี่ธีร์กับของพี่เอก”

       วีรมาตุก็พยักหน้ารับ รู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย

        “อืม ว่าแต่พี่ธีร์กับพี่วาเขาสนิทกันเหรอ” วีรมาตุถามข้อสงสัยมาตั้งแต่ที่เขาเห็นวนกรรวมกลุ่มอยู่กับครอบครัวของวีร์ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามใคร รวมถึงรู้สึกเกรงว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่น

        “เขาก็... กำลังดูๆใจกันอยู่” วีร์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะบอกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธีร์และวนกรอย่างไรดี

        “จริงเหรอ”

        “ก็... ครับ”

        “อย่างนี้แล้ว ไอ้หมูกับน้องวีร์ก็มีแววจะดองเป็นญาติกันแล้วละสิ” วีรมาตุนึกไปถึงความสัมพันธ์ว่าถ้าธีร์และวนกรคบหาดูใจกัน วีร์และคุณกรก็จะกลายเป็นญาติทางกฎหมายไปโดยปริยาย แล้วถ้าหากเขาและวีร์สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้อีกขั้นจริงๆแล้วนั้น เขาก็จะสามารถนับญาติกับเพื่อนสนิทได้อีก

        “ก็... ประมาณนั้นมั้งครับ” ในใจของวีร์ก็คิดว่าระหว่างเขากับคุณกรนั้นไม่ได้ใกล้ชิดกันแค่จะได้ดองเป็นญาติกัน แต่ว่าได้เป็นถึงน้าและหลานกันจริงๆไม่อิงนิยายใดๆเลย

        “ถ้ามันรู้ก็คงจะรู้สึกแปลกพิลึก” วีรมาตุยังนึกขำกับความคิดของตัวเองอยู่

        “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” วีร์พึมพำเบาๆ

        “ครับ?” วีรมาตุหันมามองด้วยความสงสัยว่าวีร์พูดอะไรไป จนวีร์เลิกคิ้วขึ้นทั้งสองข้างเป็นการถามกลับไป “เมื่อกี้น้องวีร์ว่าอะไรเหรอครับ”

        “ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่เฮียอย่าลืมกลับไปทำแผลซะใหม่นะครับ” วีร์มองดูวีรมาตุยกมือของตัวเขาเองขึ้นมาดู ที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างขวามีแผ่นพลาสเตอร์ปิดอยู่

        “ครับ จริงๆมันก็ไม่เป็นอะไรมากนะครับ แค่กรีมันตำไปไม่กี่แผลเอง”

        “เฮียครับ นอกจากกรีกุ้งตำนิ้วแล้วเฮียก็โดนกระดองปูบาดด้วยนะครับ อย่าลืมสิว่าเฮียกำลังจะสอบเป็นหมอนะครับ ความสะอาดคือเรื่องสำคัญ ถึงจะเป็นนิดหน่อยก็ระวังไว้ก่อน” วีร์พูดเชิงเล่นเชิงจริงจัง

        “ครับ เฮียรู้แล้วครับ” วีรมาตุยิ้มกว้างตอบกลับ

        “งั้นวีร์กลับก่อนนะครับ ไว้ค่อยเจอกันที่โรงเรียน” วีร์เอ่ยลาวีรมาตุเพราเห็นว่าทุกคนขึ้นรถไปกันหมดแล้ว

        “ครับ ไว้เจอกัน” วีรมาตุรอจนวีร์ขึ้นนั่งด้านหลังของรถยนต์ที่มีธีร์เป็นผู้ขับและมีวนกรนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ แล้วเขาก็ปิดประตูให้ ก่อนที่จะยกมือขึ้นโบกลา

*****

       การพบปะกันระหว่างพ่อตาและลูกเขยนั้นไม่ค่อยจะราบรื่นเสียเท่าไหร่ ฤทธิกรยังคงตั้งแง่รังเกียจทุกคนที่มาจากครอบครัววรรัญญา เพราะว่าคนจากครอบครัวนั้นนำความอับอายมาสู่ครอบครัวของเขา แค่เพียงเห็นหน้าธีร์ที่กำลังเดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามาแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมานานกว่าสิบห้าปีแล้วก็ตาม ความรู้สึกโกรธและแค้นก็ผุดขึ้นมาเต็มความคิดในหัวสมอง

       ยังดีที่ว่ามีเขมกรคอยฉุดรั้งอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้คลายลงบ้าง

       แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่ดีใจ นวลจันทร์เฝ้ารอโอกาสนี้มานานแสนนานจนเคยมีความคิดที่จะเลิกหวังไปเสียแล้ว ถ้าหากว่าเธอไม่ได้เห็นหน้าคร่าตาของวีร์เมื่อคราวงานวันเกิดของลูกชายคนเล็กของเธอตอนวันสิ้นปี แม้ในตอนแรกนวลจันทร์แค่เพียงรู้สึกคุ้นตาเด็กคนนั้นเสียเหลือเกิน แต่ก็เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ จนเธอมาบังเอิญได้ยินว่าเด็กคนนั้นนามสกุลวรรัญญา แม้จะไม่มีอะไรในตอนนั้นมาพิสูจน์แน่ชัด แต่นวลจันทร์ก็เชื่ออย่างสนิทใจในทันทีว่าวีร์คือหลานของเธอ

       วันนี้เธอจึงได้รู้จักหลานของเธออย่างเป็นทางการ

       ส่วนคนที่รู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นคุณกร เพราะตอนที่เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นนั้นเขาเพิ่งจะมีอายุไม่ถึงสองขวบปีดี คุณกรเติบโตมาโดยรับรู้ว่าพี่สาวคนโตต้องไปอยู่กับตาและยาย นานๆถึงจะได้เจอกันเสียที จนกระทั้งวนกรเข้าเรียนมหาวิทยาลัยถึงได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

       แค่เรื่องที่วนกรกำลังคบหาดูใจกับธีร์ก็ทำให้คุณกรประหลาดใจมากพอแล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ได้ระแคะระคายในความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากก่อนเลย ยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้วนกรกำลังตั้งท้องแล้วด้วยยิ่งเพิ่มความประหลาดใจมากขึ้นไปอีก พี่สาวคนโตของเขากำลังตั้งท้องก่อนแต่งแม้ว่าจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกยินดีกับทั้งคู่ด้วยเช่นกัน

       แต่การรับรู้ว่าอันที่จริงแล้วนี่เป็นการตั้งท้องครั้งที่สองของวนกรต่างหากที่ทำให้คุณกรงุนงงไปอยู่นาน ในหัวสมองของเขาคิดไปต่างๆนานา พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดว่าถ้านี่คือครั้งที่สองแล้วครั้งแรกคือเมื่อไหร่ จนเมื่อความจริงทุกอย่างถูกเฉลยออกมาว่าเขาไม่ได้กำลังจะเป็นแค่พี่น้องกับวีร์ ไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องที่โรงเรียน และไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทที่คนที่ชอบวีร์ แต่เขาเป็นน้าแท้ๆของวีร์

       ช่วงสุดท้ายของการสนทนาในวันนั้น ฤทธิกรยังคงไม่ให้อภัยสิ่งที่ธีร์เคยทำไว้ในอดีตแต่ก็ไม่อาจฝืนชะตากรรมที่ว่าทั้งสองคนคงทำบุญบาปร่วมกันมาและให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ นวลจันทร์รู้สึกดีใจที่ครอบครัวของลูกสาวได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าครบสมบูรณ์รวมถึงได้เจอกับหลานคนโต เขมกรยินดีกับพี่สาวของตัวเองและพร้อมรับตำแหน่งน้าชาย ส่วนคุณกรยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้

       ถึงทุกคนจะไม่ได้เห็นด้วยในข้อสรุป แต่ธีร์และวนกรตกลงกันว่าจะวางแผนย้ายไปอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกและเตรียมพร้อมรับสมาชิกคนที่สี่ที่จะออกมาลืมตาดูโลกในอีกไม่ช้า หลังจากนั้นพวกเขาจะค่อยบอกกล่าวคนรู้จักอื่นๆ เพื่อนร่วมงานรวมถึงหัวหน้างานของแต่ละคน ไปจนถึงญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย และตัดสินใจจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเรื่องงานแต่งงานนั้น...

        “จะจัดงานแต่งทำไมอีก จะลูกสองแล้วนะ เสียเวลาเปลืองเงินเปล่าๆ”

       แต่ละคนต่างหันมามองวีร์เป็นตาเดียวทันทีที่เขาพูดโพล่งออกมากลางวงสนทนา เด็กหนุ่มกำลังนั่งกอดอกเสหน้าไปทางอื่นแบบไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องพวกนี้มากนักและดูเหมือนจะติดรำคาญนิดหน่อยด้วย ท่าทางแบบนี้ของวีร์ทำเอาทุกคนต่างพูดไม่ออกไปต่อไม่ถูก จะมีก็เพียงคนใจแข็งที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครกำลังพยายามเก็บรอยอมยิ้มเล็กๆไว้ในใจเพราะมีใครได้พูดความในใจออกมาแทนเขาได้เป็นอย่างดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มเปิดใจยอมรับในตัวหลานชายคนโตของตัวเอง แต่กระนั้นถ้าหากจะให้ยอมรับอย่างเต็มใจก็ยังคงต้องใช้เวลา

*****

        “ว่าไงจ๊ะหลานรัก” คุณกรเข้ามาทักทายวีร์และกลุ่มเพื่อนๆที่กำลังนั่งอยู่ในโรงอาหาร โดยมีเพื่อนๆของเขาเองรวมถึงวีรมาตุเดินตามมาด้วย “ที่นั่งว่างมั้ย นั่งด้วยคนสิ”

        “ก็เอาสิครับ”

       คุณกรนั่งลงข้างๆวีร์พร้อมเอาแขนโอบบ่าของวีร์ไว้ ทั้งพร้อมสรรพ ไมตรีจิต ชัชวาล รวมถึงวีรมาตุต่างงุนงงกับท่าทางสนิทสนมกันระหว่างคุณกรและวีร์ โดยเฉพาะวีรมาตุที่ออกอาการไม่พอใจเพื่อนของเขาค่อนข้างชัดเจน แม้กระทั้งกลุ่มเพื่อนของวีร์เองก็ตามต่างมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าคุณกรจะมาไม้ไหนในวันนี้

       ส่วนวีร์ยังคงนั่งกินอาหารของตัวเองไปตามปกติ

        “กูว่านะ ถึงมึงจะเป็นเพื่อนสนิทแต่ถ้ามึงไม่อยากตายตอนนี้ มึงเอาแขนลงจะดีกว่า” พร้อมสรรพพยักพเยิดหน้าไปทางแขนของคุณกร

        “อะไร” คุณกรตอบแบบยังไม่รู้ตัว

        “ไอ้วีตาเขียวปัดแล้วมึง” ชัชวาลผงกศีรษะไปด้านข้างจนคุณกรมองตามและเห็นแววตานิ่งดุดันของวีรมาตุ

        “โอ้ยมึง กูยังชอบผู้หญิงอยู่ กูไม่แย่งของมึงหรอกหน่า” คุณกรพูดให้เพื่อนคลายใจ แล้วก็ดึงวีร์เข้ามาใกล้ๆเขามากกว่าเดิมจนวีร์ตัวเซตามแรงดึงและหันไปเห็นสีหน้าของวีรมาตุ “แล้วอีกอย่างนะ ถึงกูจะเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชาย กูก็ไม่นิยมอินเซสท์ ยูโนว”

        “อะไรของมึง พูดมาให้มันชัดๆ” วีรมาตุมีสีหน้าอ่อนลงแต่น้ำเสียงยังคงขึงขัง

       แต่ก่อนที่คุณกรจะตอบก็ถูกวีร์กระทืบเท้าเบาๆซะก่อนจนเขาหันหน้ามามองวีร์ ก็พบกับแววตาที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก็ได้แต่คิดในใจว่าสมแล้วที่เกิดมาเป็นตาหลานกัน แล้วคุณกรก็เอามือของตัวเองออกจากบ่าของวีร์แล้วก็เริ่มลงมือตักอาหารของตัวเองกิน

        “เอาเป็นว่ากูไม่แย่งของมึงก็แล้วกัน ถ้าจะแย่ง กูแย่ง...” คุณกรเหล่ตามองคนสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆวีร์ “...ดีกว่า”

       สุรศักดิ์เองก็ไม่น้อยหน้า ยืดตัวเองขึ้นสูงและขยับบ่าเล็กน้อยพอเป็นพิธี แสดงตัวตนว่าพร้อมสู้รบเต็มที่ ถ้าหากไม่โดนใครมาตัดกำลังใจซะก่อน

        “หึๆ ยังมีหน้ามาอวดเบ่ง แต่ความเป็นจริงก็กากกันทั้งคู่” ชัชวาลตบความมั่นใจของสุรศักดิ์และคุณกรดำดิ่งเหลือศูนย์ในทันที

        “แล้ววาเลนไทน์ที่ผ่านมามีใครได้ชวนน้องแพรไปออกเดทได้บ้าง ห๊ะ ไม่มีสักคน” ไมตรีจิตตอกย้ำด้วยคำพูดอีกคนจนมีเสียงหัวเราะออกมาจากหลายคน

        “ผมนี่ไง” วีร์เอ่ยขึ้นมาลอยๆ

        “ของมึงเขาไม่นับ” พร้อมสรรพสวนกลับในทันที “แล้วก็เลยนึกได้ ไอ้นี่ก็กากเหมือนกัน”

       วีรมาตุกรอกตาหันไปทางอื่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากชวนวีร์ออกไปไหน แต่เพราะว่าเขากับวีร์ตกลงกันไว้ว่าจะรักษาระดับความสัมพันธ์ในตอนนี้ไว้ที่ระดับเดิมจนกว่าเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อน

        “อย่าไปว่ามัน ช่วงนี้ดวงมันกำลังซวยเจ็บตัวโน้นนี่ตลอด อาทิตย์ก่อนเห็นพลาสเตอร์พันนิ้วอยู่หลายนิ้ว เมื่อเช้าก็สะดุดอิฐบล็อกล้มข้อศอกถลอก ปล่อยมันไปก่อน”

       วีร์หันไปมองนิ้วมือของวีรมาตุที่เป็นปกติดีแล้ว แต่เขาเพิ่งจะสังเกตแผลที่ข้อศอก

        “มันแค่ถากๆครับ เฮียไม่ได้เป็นอะไรมาก” วีรมาตุหันไปพูดกับวีร์ วีร์ก็พยักหน้ารับรู้

        “ทำเป็นแกร่ง แต่จริงๆก็อยากให้เขามาดูแผลให้ใช่มั้ยล่ะ” คุณกรออกปกแซวเพื่อนตัวเองจนได้รับสายตาเย็นชากลับมา “แซวนิดแซวหน่อยก็ไม่ได้”

        “มึง ขึ้นห้องเหอะ เกือบหมดเวลาแล้ว” ศศิทัศน์รีบแทรกขึ้นมา แม้ว่าจริงๆแล้วจะยังพอมีเวลาให้นั่งเล่นกันต่อก่อนที่จะเริ่มเรียนวิชาภาคบ่ายก็ตาม แต่ทุกคนก็เริ่มขยับตัวเก็บจานแก้วน้ำไปวางและแยกย้ายกันไปตามห้องเรียนของตัวเอง

        “น้องวีร์ครับ” วีรมาตุเอ่ยเรียกรั้งตัววีร์เอาไว้ก่อน

        “ครับ” วีร์หยุดเดินและหันกลับมา

        “เอ่อคือ... วันเสาร์นี้น้องวีร์ว่างมั้ยครับ” วีรมาตุถามด้วยความลังเลใจ

        “วันเสาร์นี้เหรอครับ” วีร์ถามกลับและวีรมาตุก็พยักหน้ารับ “คงจะไม่ได้อะครับ เฮียมีอะไรด่วนรึเปล่าครับ”

        “จริงๆก็ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ น้องวีร์ติดธุระเหรอครับ”

        “ก็...ครับ” วีร์มองดูสีหน้าของวีรมาตุที่สลดลงเล็กน้อยแต่พยายามไม่แสดงออกมา “วันเสาร์นี้เป็นวันเกิดพี่วี วีร์จะไปวัดทำบุญให้พี่เขาอะครับ”

       แม้ว่าจะใจชื่นมาเล็กน้อยที่วีร์ไม่ได้หาข้ออ้างมากลบเกลื่อนไม่อยากไปกับเขา แต่ก็วีรมาตุก็รู้สึกใจห่อเหี่ยวเล็กน้อยที่ตัวเขายังมีความสำคัญไม่เท่ากับอีกคน

        “งั้นให้เฮียขับรถพาไปมั้ยครับ เฮียก็อยากไปทำบุญให้เขาเหมือนกัน”

       วีร์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จากเดิมที่ต้องการจะไปทำบุญที่วัดเพียงลำพังและอาจจะไปนั่งสงบจิตใจต่อจนถึงเย็น แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่แสดงความจริงใจออกมาของวีรมาตุแล้ววีร์ก็พยักหน้ารับ

        “ก็ได้ครับ เดี๋ยววีร์โทรบอกเฮียอีกทีก็แล้วกันนะครับ”

        “ได้ครับ” วีรมาตุยิ้มกว้าง แล้วทั้งคู่ก็เดินจากไปห้องเรียนของแต่ละคน

*****

       การทำบุญวันเกิดให้กับวีรดนย์เป็นไปอย่างเรียบง่าย วีร์เตรียมอาหารสำหรับถวายพระใส่ปิ่นโตไว้สามเถาและนัดเวลากับวีรมาตุไว้ตั้งแต่เช้า ตั้งใจจะไปถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ เดิมทีทั้งธีร์แล้ววนกรตั้งใจจะเดินทางไปด้วย แต่เห็นว่าวีรมาตุอาสามารับไปส่งแล้วจึงเปลี่ยนใจมาวางแผนตกแต่งบ้านกันใหม่แทน ปล่อยให้วีร์และวีรมาตุเดินทางไปกันแค่สองคน

       หลังจากที่ได้รับฟังหมู่พระภิกษุสงฆ์สวดให้ศีลให้พร เจริญสติภาวนา และกรวดน้ำแผ่อุทิศส่วนผลส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น วีร์และวีรมาตุก็ใช้เวลาช่วงสายเดินเล่นรอบๆวัด ซึมซับบรรยาศที่ร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์

        “น้องวีร์เจอกับเขาได้ยังไงเหรอครับ”

        “พี่วีเหรอครับ” วีร์ถามกลับ และวีรมาตุก็พยักหน้ารับ “อืม ว่ายังไงดีละ วีร์เริ่มสนิทกับไอ้ต่ายประมาณตอนป.5 หมายถึงต่ายคนโน้นอะครับ” วีร์อธิบายเพิ่มเติมเมื่อเห็นสีหน้าของวีรมาตุ

        “บางทีเฮียก็งงเหมือนกันครับว่าต่ายคนไหน” วีรมาตุหัวเราะเบาๆ

        “ก็นั่นแหละครับ ก็เลยได้รู้จักพี่วีไปด้วย”

       ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางภายในวัดมุ่งหน้าสู่ลานวัดที่วีรมาตุจอดรถยนต์ไว้

        “แล้วน้องวีร์เริ่มชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอครับ”

        “เปล่าครับ” วีร์ยิ้มเล็กน้อย “จะว่าเป็นความประทับใจที่สะสมขึ้นเรื่อยๆมากกว่า รู้ตัวอีกทีก็ไปไหนมาไหนกับพี่เขาบ่อยๆ ได้ทำอะไรร่วมกันหลายอย่าง แต่กว่าจะตกลงคบกันจริงๆก็ตอนที่พี่วีเข้าโรงพยาบาลแล้ว”

        “แล้วน้องวีร์ทำใจได้แล้วเหรอครับ” เมื่อถามออกไปแล้ววีรมาตุก็แทบจะหยุดหายใจรอลุ้นกับคำตอบ

        “อืม... เรียกว่าเข้าใจจะดีกว่า” วีร์มองเห็นคิ้วทั้งสองข้างของวีรมาตุขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาจึงอธิบายเพิ่มเติม “เมื่อก่อนวีร์ก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับว่าทำไมพี่วีชอบพูดเรื่องที่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรอยู่ยงไปตลอด ท้ายที่สุดมันก็จะดับสูญไป ไม่ว่าเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีอะไรฝืนกฎนี้ได้”

       วีรมาตุก็พยักหน้ารับ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน แต่การจะเข้าใจโดยถ่องแท้อาจจะต้องได้ประสบพบเจอเรื่องราวกับตัวเองเสียก่อนเท่านั้น

        “แล้วน้องวีร์ไม่คิดว่าคุณงามความดีที่เขาทำไว้มันจะอยู่ได้นานเหรอครับ”

        “ถึงอยู่ได้นานก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ได้ตลอดไปนี่ครับ เมื่อไม่มีใครพูดถึงอีกสุดท้ายมันก็จะหายไป ต่อให้มันฝังอยู่ในอินเตอร์เน็ตเรียกออกมาดูได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าวันนึงอีกสักพันปีหรือสองพันปีต่อจากนี้ที่มนุษย์ไม่มีอยู่แล้ว ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ แล้วจะยังเหลือคุณงามความดีอันนั้นอีกต่อไปมั้ยครับ”

       วีรมาตุพยายามคิดตามสิ่งที่วีร์พูด ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินไปเรื่อยๆ

        “แค่เข้าใจและยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีกาลเวลาของมัน อย่าเอามันมาเป็นทุกข์ให้กับตัวเอง”

       วีรมาตุเปิดกระโปรงท้ายรถยนต์และวางของต่างๆที่นำมาใส่ไว้ให้เรียบร้อยก่อนที่ปิดลงให้สนิท

        “ว่าแต่ตอนแรกเฮียจะชวนวีร์ไปไหนเหรอครับ” วีร์ถามซะก่อนที่วีรมาตุจะเดินไปขึ้นรถ

        “ครับ?” วีรมาตุหันกลับมามีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

        “ก็เมื่อวันก่อนที่เฮียมาชวนวีร์แต่วีร์ปฏิเสธไปซะก่อน จะไปไหนเหรอครับ ถ้ายังทันอยู่เราก็ไปกันต่อก็ได้นะครับ” วีร์มองดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือของเขา เห็นว่าตอนนี้ยังเป็นเวลาไม่สายมากนัก ยังจะพอมีเวลาไปทำธุระอื่นกันได้ต่อ

        “ก็ ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเหมารวมไปเลยก็ได้ครับ” วีรมาตุมองมองดูวีร์ที่ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะบอกต่อไป “คือจริงๆแล้ว วันนี้ก็วันเกิดเฮียเหมือนกันครับ”

        “อ้าว... แล้วเฮียไม่บอกก่อนอะครับ”

        “เฮียบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรครับ ก็ถือซะว่าเหมารวมทำบุญร่วมกันไปเลย”

        “แต่ว่า...”

        “ไม่เป็นไรจริงๆครับ” วีรมาตุให้คำยืนยันแต่วีร์ยังคงมีท่าทีลังเลใจอยู่ “เอาไว้ครั้งหน้าก็ได้ครับ”

        “ก็ได้ครับ” วีร์ยื่นนิ้วก้อยของเขาเองไปตรงหน้า “เอาไว้ปีหน้านะครับ”

       วีรมาตุเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้นมาในทันใด แล้วเขาก็ยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของวีร์

        “สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

        “ขอบคุณครับ”

       แล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับ วีรมาตุขับรถแวะไปส่งวีร์ที่บ้านก่อนอย่างปลอดภัยตามสัญญาที่ให้ไว้กับธีร์และวนกร ส่วนตัวเขาเองนั้นก็กลับไปฉลองวันเกิดกับครอบครัว โดยมีอาม่าเป็นผู้ลงมือปรุงอาหารจานโปรดเตรียมรอไว้แล้ว



[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
       ค่ำวันนั้น วีร์ส่งข้อความผ่านทางแอพลิเคชั่นไลน์ขอบคุณวีรมาตุที่เป็นธุระพาเขาไปวัดเมื่อเช้าวันนี้ และอวยพรวันเกิดให้วีรมาตุอีกครั้ง วีรมาตุก็ส่งข้อความตอบกลับมา ทั้งคู่จึงได้คุยกันต่อผ่านแอพลิเคชั่นอีกพักหนึ่ง ถ้าต่างฝ่ายต่างได้เห็นสีหน้าของกันและกันก็จะเห็นแต่รอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าไม่ขาดช่วงตลอดการสนทนา

       จนกระทั้งวีร์ที่เดินไปมาไปยังมุมต่างๆในห้องนอนของเขาได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากีตาร์ที่วางอยู่บนขาตั้งที่เขาไปหาซื้อมา วีร์เม้มปากเล็กน้อยและมองกีตาร์อย่างพิจารณา เขายื่นมือไปสัมผัสกีตาร์ตัวนั้นอย่างทะนุทนอม และดีดเส้นเสียงเส้นหนึ่งเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมาอีกครั้ง

       วีร์หันกลับไปนั่งลงบนเตียงนอนของเขาแล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา วีร์ค้นหารูปถ่ายที่เขาเก็บบันทึกไว้ในหน่วยความจำของโทรศัพท์จนเขาเจอรูปที่เขาต้องการ

       รูปแรกเป็นรูปสมัยที่วีร์ยังคงมีรูปร่างเจ้าเนื้อพอสมควร กำลังยืนถือไม้เทนนิสตั้งท่าเตรียมพร้อมและมีวีรดนย์ยืนกำกับท่าทางอยู่ข้างๆ

       รูปที่สองเป็นรูปของวีรดนย์ที่อยู่ในชุดนักเรียน และวีร์ที่ใส่เสื้อยืดกางเกงขายาวธรรมดา ทั้งคู่นั่งอยู่ระเบียงของอาคารเรียนสักที่หนึ่ง จากมุมกล้องก็รู้ได้ในทันทีว่าวีรดนย์เป็นคนถ่ายเอง

       รูปที่สามเป็นรูปวีรดนย์ที่อยู่ในชุดผู้ป่วยกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง มีวีร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ และวีร์เป็นผู้ถ่ายรูปนี้ด้วยตัวเอง

       วีร์นำรูปทั้งสามใส่ลงไปในแอพลิเคชั่นอินสตาแกรมโดยไม่ลืมอ้างอิงบัญชีอินสตาแกรมของวีรดนย์ไปด้วย พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า

        ainararov.v สุขสันต์วันเกิด ยินดีที่ได้รู้จักกัน ดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดมา เสียใจที่ต้องจากกัน สัญญาที่ให้ไว้นั้นจะไม่ลืมแน่นอน’

       แล้ววีร์ก็กดส่งไปและเฝ้ารอการตอบรับจากคนอื่นๆที่ติดตามเขาไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวเขาเอง คนจากครอบครัวของวีรดนย์ซึ่งหมายรวมถึงวิธู ก็ยังมีแพรไหมและแพรพรรณ รวมถึงเพื่อนสนิทบางคนทั้งจากโรงเรียนเก่าและโรงเรียนใหม่ แม้ว่าทั้งหมดโดยรวมแล้วจะมีไม่มาก เพราะเป็นคนที่เขาสนิทใจด้วยจริงๆเท่านั้นเขาก็พอใจแล้ว

       แต่ก่อนที่จะได้เห็นการตอบรับเหล่านั้น อินสตาแกรมก็แจ้งเตือนขึ้นมาว่ามีการอ้างถึงบัญชีอินสตาแกรมของเขาในเสี้ยววินาทีหลังจากที่เขาลงรูปของเขาไป วีร์จึงปัดเลื่อนหน้าจอลงเพื่อดู

       รูปที่ปรากฏขึ้นมาเป็นรูปของเด็กหนุ่มสองคนที่ใส่ชุดนักเรียนแม้ว่าจะต่างโรงเรียนกัน คนที่อยู่เยื้องมาทางด้านหน้าและดูเหมือนจะเป็นผู้ที่ถ่ายรูปนั้นเองนั่นคือวีรดนย์ ส่วนอีกคนที่อยู่ถัดไปด้านข้างและเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อยคือเจ้าของบัญชีอินสตาแกรมที่เพิ่งจะเอารูปนี้ลง สิ่งที่น่าแปลกใจมากขึ้นไปอีกคือข้อความบรรยายใต้รูป

        weeramart สุขสันต์วันเกิด ยินดีที่ได้รู้จักกัน ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง เสียใจที่เราต้องจากกัน สัญญาที่ให้ไว้นั้นจะไม่ลืมแน่นอน’

       วีร์รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ข้อความบรรยายใต้ภาพของวีรมาตุและของเขาคล้ายกันมากจนเหมือนว่านัดกันมาก่อน แต่เมื่อพิจารณาดูรูปแล้วคงจะเป็นตอนที่วีรดนย์และวีรมาตุต่างไปสอบชิงทุนการศึกษาเป็นแน่ และวีร์คิดว่าตาของเขาไม่ได้ฝาดไปเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าในรูประหว่างวีรดนย์และวีรมาตุมีใครคนหนึ่งบังเอิญติดเข้ามาในรูป เขายืนอยู่ห่างออกไปไม่ใกล้ไม่ไกล แม้ว่าตัวจะหันมาทางด้านหน้าแต่ศีรษะหันไปทางอื่น เมื่อพิจารณาทั้งจากหน้าตาและเสื้อผ้าแล้วคงจะเป็นใครอื่นไม่ได้

       สัญลักษณ์ด้านล่างซ้ายของรูปบ่งบอกว่ามีการอ้างถึงบุคคลในรูป วีร์จึงกดลงไปบนรูปหนึ่งครั้งและแน่นอนว่ามีแถบข้อความขึ้นบัญชีอินสตาแกรมของวีรดนย์วางไว้ที่ตำแหน่งของวีรดนย์ รวมถึงแถบข้อความที่วางไว้ตรงกลางที่ขึ้นไว้ว่า...

        “ainararov.v


….. ***** …..




ขอขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามเรื่องราวมาจนจบ
แล้วพบกันใหม่ใน

(Ir)Replaceable Love
รัก...แทนกัน(ไม่)ได้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2021 00:41:54 โดย sarawit »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มารอน้าาา

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ fongbeer37

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีมากกก ตามหานิยายมานานนน เนื้อเรื่องดีมากกกกเลยย เป็น กลจ ให้น้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด