(Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ  (อ่าน 21334 ครั้ง)

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Part’ s กันต์ธีย์ ผมเริ่มลุกเดินได้หลายวันแล้วหลังจากที่พยาบาลถอดทุกอย่างที่ใส่ไว้ให้ผม ตอนนี้ก็เหลือแต่พาสเตอร์ปิดแผลแบบกันน้ำเอาไว้ให้ เพื่อยังต้องยืดให้แผลประสานกันอยู่ ผมลุกเดินได้คล่องมากแต่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำลูกมีแต่พยาบาลทำให้ และวันนี้ผมเลยขอทำเอง พยาบาลเลยส่งผมมาเรียนรู้การอาบน้ำเด็กแรกเกิดกับพี่พยาบาล ผมยอมรับว่าโรงพยาบาลของพี่หมอภีมดีมาก พยาบาลน่ารัก เขาบริการด้วยใจจริงๆ ไม่เคยโกรธหรือโมโห ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ เพราะว่าบางที่เจ้าลูกโซ่ของผมก็งอแงไม่ยอมนอน เพราะว่าท้องอืด มีลมในท้อง ผมเองก็ยังไม่ค่อยเก่ง จับน้องเรอไม่ค่อยเป็น อุ้มนานมากน้องก็ไม่ยอมเรอสักที และบางคืนเจ้าตัวดีไม่นอนเลยพยาบาลมาพากล่อมแทบทุกคืน



“คุณแม่นั่งรอก่อนนะคะ ขอพยาบาลเตรียมน้ำไว้ให้น้องก่อนค่ะ “พี่หัวหน้าพยาบาลหันมาบอกผม และผมก็เห็นผู้หญิงคนนหนึ่งอุ้มลูกเดินเข้ามาเช่นกัน เขาเห็นผมก็ยิ้มให้ ผมทันที



“มาอาบน้ำลูกเหรอคะ” เขาถามผม



“ใช่ครับ วันแรกเลยครับ พี่ล่ะครับ”



“ก็วันแรกเหมือนกันค่ะ แต่พี่มาคลอดได้หลายวันแล้วค่ะ น้องตัวเหลืองเลยต้องเข้าตู้อบค่ะพี่ก็เลยยังไม่ได้กลับบ้าน” พี่เขาพูดก่อนจะก้มลงมองลูกโซ่ตัวแสบ ที่นอนแผ่หลาแขนขากางอยู่บนตักของผม ผมก็ต้องก้มลงจัดท่านอนให้ดูสุภาพนิดนึง ผมเองก็ห่อตัวลูกไม่ค่อยเป็นไง เลยดูเหมือนก้อนขยุกขยุยอะไรสักอย่าง อะไรสักอย่าง อายพี่เขาจริงๆ และที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเจ้าวุ่นวายนี้แหละดีดดิ้นกระจัดกระจายไปหมด น่าจะเรียกเจ้าวุ่นวายแทน



“เด็กคนนี้เองอ่ะ เมื่อวันก่อนพี่พยายามให้ทานนมจากเต้าพี่ เขาไม่ยอมทานเลย ทั้งที่หิวน่ะ”



“พี่แบ่งนมให้ลูกผมทุกวันใช่ไหมครับ”



“น่าจะใช่ เพราะว่าพยาบาลเขามาขอพี่น่ะ เขาบอกว่ามีคุณแม่ไม่มีนมให้ลูกทานและลูกก็ไม่เอานมขวด น่าจะใช่น้องนั่นแหละ” พี่เขาบอกผม ผมก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เป็นการขอบคุณความใจดีของพี่เขา ทั้งที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แค่มาเป็นแม่ในช่วงเวลาเดียวกัน และลูกพี่เขาก็น่ารักไม่แพ้กัน



“ผมไม่มีนม แบบ พี่อ่ะครับ มีแต่น้อยมาก มีแค่ห้าซีซีเอง” ผมพูด



“ของพี่ปั๊มเยอะมาก เมื่อคืนได้สามขวด ขวดล่ะหกออนซ์ค่ะ ไม่ปั๊มก็ไม่ได้ ปวด “พี่เขาบอกผม



“พี่ชื่อรินทร์ค่ะ น้องชื่ออะไรคะ”



“ผมชื่อบีมครับพี่รินทร์” ผมพูด



“น้องน่ารักมากเลยค่ะน้องบีม”



“นี่ถ้ากลับบ้านแล้ว บีมจะให้น้องทานนมแม่ต่อ บอกพี่น่ะบีม พี่ตั้งใจว่าจะให้ลูกทานสักหกเดือน และจะกลับไปทำงาน และนี้พี่ก็จะสต๊อกน้ำนมเอาไว้ด้วย ถ้าบีมต้องการ พี่แบ่งให้” พี่รินทร์บอกผม ผมยิ้มดีใจที่สุด



“เราแลกไลน์กันน่ะ และมาเอาที่บ้านพี่”



“ขอบคุณครับพี่รินผมขอบคุณจริงๆ ครับ”



“พี่เข้าใจ หัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน ช่วยๆ กันน่ะ” พี่รินทร์พูด และพยาบาลก็มาเรียกผมกับพี่รินทร์ไป เพื่อจะเอาตัวเล็กไปอาบน้ำ ผมเห็นแฟนพี่เขาเดินเข้ามา น่าจะมาช่วยพี่รินทร์อาบน้ำน้อง ลูกของพี่รินทร์ตัวเล็กกว่าลูกผมอีก ผมก็มองเจ้าลูกโซ่ ตื่นมาอาบน้ำได้แล้วมี้อยากจับเจ้าอาบน้ำ ยังอีก ยังหลับอีก



“ลูกโซ่ อาบน้ำนะครับ” ผมสะกิดแก้มนิ่มๆ นั้น เอามือปัดมือผมออกด้วย



“อู้ย แม้หลับสนิทเลยเหรอคะคุณแม่ เลี้ยงง่ายใช่ไหมคะ” พี่หัวหน้าพยาบาลถามผม



“ร้องมาตั้งแต่ตีสามแล้วครับพี่” ผมเงยหน้าตอบ



“อู้ยย เด็กผู้ชายมั้งค่ะ แต่พอปรับตัวได้น่าจะดีขึ้นค่ะคุณแม่” พี่พยาบาลบอกผม



“ผมหวังอย่างนั้นครับพี่ เพราะตั้งแต่ตื่นมาร้องก็เพิ่งจะได้นอนสักพักนี้แหละครับ สงสัยท้องอืดอ่ะครับ” ผมพูด



“พอหลับแล้วน่ารักเชียวน่ะ พ่อรูปหล่อ หล่อเหมือนพ่อแน่เลย “พยาบาลพูดชมลูกผม ผมก็ยิ้มแหยๆ พ่อมันหน้าตายังไงผมยังไม่รู้เลย และผมก็หันไปทำตาม พยาบาลเขาสาทิต ว่าทำอะไรบ้างตั้งแต่ต้นจนจบ และกว่าพ่อตัวดีของผมจะตื่นก็ตอนลงไปจุ่มในอ่างน้ำแล้วนั่นแหละ ร้องลั่นเลยครับท่านผู้ชม ร้องจนพ่อแม่ข้างๆ ผมหันมามองผมกับเจ้าลูกโซ่เป็นตาเดียวกันหมด และนั่นแหละผมเลยต้องรีบๆ อาบและเอาขึ้นทันทีและก็รีบเช็ดตัวให้เร็วที่สุด



“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องใช้แป้งโรยตัวน้องนะคะ เพราะน้องไม่จำเป็นต้องใช้แป้งค่ะ และน้องอาจจะสูดเอาเศษแป้งเข้าปอดไปได้นะคะ และนี้จะทำให้น้องป่วย อาจจะเป็นโรคปอดติดเชื้อได้ค่ะ แต่ถ้าผิวน้องแห้งมาก ใช้เป็นโลชั่นทาผิวเด็กอ่อนเอาค่ะ บร้าๆ “ผมแต่งตัวลูกโซ่ ด้วยชุดที่น่ารักมา อาจารย์กันตภณ เป็นคนซื่อมาให้ ผมเดาจากทุกอย่างที่เขาทำให้ผม เขาอยากมีลูกแต่ทำไมเขาพูดเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถที่จะมีลูกได้ และที่พี่หมอภีมบอกผมว่าอาจารย์เคยแต่งงานแต่เลิกรากันไปแล้วเมื่อห้าปีที่แล้ว นั้นคือก่อนที่พี่เขาจะเจอผม



“วันนี้น้องบีมน่าจะกลับบ้านได้เลยนะคะ “พี่พยาบาลที่ดูแลผม เขาเดินมาหาผม ขณะที่ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ลืมตาขึ้นมา หันซ้ายแลขวานี้คือจะมองหาเต้าซิน่ะ



“จริงเหรอครับ”



“จริงค่ะแต่รอหมอเด็กมาตรวจน้องอีกทีนะคะ “พี่ฝนบอกผม ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่ซุกไซ้จะเอาเต้าแบนของผมให้ได้



“พี่ฝนผมขอนมใส่หลอดให้น้องได้ไหมครับ เพราะว่าน้องเพิ่งดูดนมผมไป โรงงานผลิตนมอันน้อยนิดของผมคงยังไม่เปิดทำการอ่ะครับ” ผมบอกพี่ฝน พี่ฝนก็มองเด็กน้อยที่ทำท่าจะแหวกไปหาอกแบนของผมให้ได้



“อ่ะ อ่ะ อ่ะ” ดูส่งเสียงใหญ่เลย



“ได้ค่ะ งั้นน้องบีมไปรอพี่ที่ห้องเลยนะคะ คุณแม่คุณลูก” พี่ฝนบอกผม ผมก็รีบลุกขึ้นและพาเด็กน้อยกลับห้องพักผมทันที เดินไปอย่างทุลักทุเล



“ลูกโซ่ รอให้ถึงห้องก่อนซิ จะหิวอะไรขนาดนี้เนี๊ยะ” ผมถามลูกตัวดี พอผมกลับมาถึงห้องพัก ผมก็รีบวางลูกโซ่ใส่เปลเด็กก่อนจะหันไปหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมารอง



“แกร๊ง!!” เสียงแหวนที่คนที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ร่วงหล่นลงมาจากกระเป๋าใส่ของใช้เด็ก ผมหยิบขึ้นมาดู เธียรวิชย์ ด.



“แหง๋ๆๆๆๆ” และผมก็ต้องหยิบแหวนนั้นยัดลงกระเป๋าไปก่อน พี่พยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมนมที่ผมจะใช้ป้อนตัวแสบ ผมรับมาจัดการตัวเองอย่างชำนาญ ก่อนจะอุ้มตัวแสบผมขึ้นอย่างถมัดแถมง



“เก่งขึ้นแล้วน่ะเราน่ะ เป็นคุณแม่มืออาชีพได้แล้ว” พี่ฝนพูดชมผม ผมอุ้มเด็กน้อยให้ทานนม ดูดนมใหญ่เลย และถึงมันจะเหมือนกันจัดฉากเอาพาสติกมาครอบหัวนมผมเอาไว้ และมีท่อสายยางที่ต่อจากไซริงค์อีกที แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมป้อนเขาจากนมตัวเอง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเงยหน้ามองคนที่มาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา และผมก็ต้องหันหนี อาจารย์กันตภณอีกแล้ว อาจารย์เขาก็ยกมือขอตัวออกไปก่อนเหมือนเดิม ทำไมมันทำให้ผมอายเขาได้มากขนาดนี้น่ะ ผมป้อนนมตัวแสบจนหมดหลอดและลูกโซ่ก็หลับคาอกผมไปทันที ผมปลดทุกอย่างออกก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่พาดขึ้นบนบ่าของผม ผมพยายามให้เขาเรอ แต่มันก็ยากสำหรับผมอยู่ดี จนกระทั่งอาจารย์กลับเข้ามาอีกที



“ขอโทษทีน่ะ “อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ อาจารย์เห็นผมยังเก้ๆ กังๆ กับการอุ้มลูกให้เรอให้ได้ อาจารย์เดินมาและแบมือขอลูกโซ่ไปอุ้ม ผมก็ต้องยกให้ อาจารย์กันตภณอุ้มลูกโซ่ ก่อนจะหาที่นั่งและจับลูกโซ่นั่งที่ตักพร้อมกับเอามือประคองที่ใต้คาง อย่างเบามือและใช้มือตบไล่ลมเบาๆ ไม่นาน



“เอิ้ก!!” เสียงดังมากเลย จนผมกลั้นหัวเราะลูกตัวเองแทบจะไม่ได้



“พี่สาวพี่น่ะ พี่เห็นเขาทำให้ลูกเขา พี่เลยจำมา” อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะอุ้มลูกโซ่มาวางไว้ในเปลเด็ก



“วันนี้ไอ้หมอบอกว่าเรากลับบ้านได้แล้วนิบีม”



“ครับพี่กัน ได้กลับซะทีผมเบื่อโรงพยาบาล” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์หันมามองผม และผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อจะไปเก็บของจะได้เตรียมตัวกลับบ้าน



“บีม ไปนั่งนิ่งๆ เลย พี่ทำเอง”



“ไม่เอาอ่ะ บีมทำด้วยดีกว่าครับพี่กัน”



“บีม พี่ทำให้ และเราไปนั่งเถอะ นะครับ อย่าดื้อ” อาจารย์กันตภณพูด พร้อมกับทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องถอยหลังไปนั่ง และมองอาจารย์กันตภณ เก็บทุกอย่างแทนผม



“พี่เข้าไปเก็บของใช้ในห้องน้ำให้ก่อนนะครับ” อาจารย์กันตถณบอกผม ผมนั่งอมยิ้ม ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผู้ชายคนนี้มีภรรยาเขาจะรักและดูแลภรรยาของเขาดีขนาดนี้ไหม แต่พี่หมอภีมบอกว่าอาจารย์กันตภณเคยแต่งงานและยังดูแลผมดีกว่าอดีตภรรยาเขาเลย



ประตูห้องพักผมเปิดเข้ามาพร้อมกับคุณหมอคนสวย เขาเป็นคุณหมอเด็กที่เข้ามาดูเจ้าลูกโซ่ทุกวันและวันนี้คงเป็นสุดท้าย เพราะว่าผมต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอคนสวยเดินมาหยุดมองลูกโซ่ก่อนจะส่งยิ้มให้



“วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วน่ะ ดีใจไหมคะ “คุณหมอคนสวยถามผม ผมดูจากป้ายชื่อ พญ.สายป่าน



“ดีใจครับ เพราะว่านั่งๆ นอนๆ อยู่โรงพยาบาลเบื่อนะครับ”



“พยาบาลสอนเรื่องการทำความสะอาดสะดือของน้องให้แล้วใช่ไหมคะ”



“ใช่ครับ”



“ถ้าน้องมีอาการผิดปกติอะไรกลับมาหาหมอนะคะ เช่น ตัวเหลือง ทานนมได้น้อย ร้องไห้งอแงมากผิดปกติ ก็พามาหาหมอทันทีไม่ต้องรอจนหมอนัดนะคะ แต่ถ้าทุกอย่างปกติดี มาตามหมอนัดได้เลยค่ะ”



“ปีก” จังหวะนั้นอาจารย์กันตภณเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ คุณหมอคนสวยหันไปมองก็ต้องตกใจ และอาจารย์เองก็ตกใจเช่นกัน



“พี่กัน”



“สวัสดีครับ น้องหมอสายป่าน”



“นี้ลูกพี่เหรอคะ พี่กัน!!!”



“เออ คือ” อาจารย์กันตภณ อีกอักที่จะตอบ



“ไม่ใช่ครับ เขาเป็นอาจารย์ของผมครับคุณหมอ” ผมรีบตอบแทน ผมเห็นสีหน้าคุณหมอดูตกใจมาก ก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นอนอยู่และหันกลับไปมองหน้าอาจารย์กันตภณ



“แม้นึกว่า ลูกพี่จริงๆ ป่านจะได้แสดงความดีใจด้วยนะคะ เพราะว่าที่ผ่านมาพี่เหมือนไม่อยากมีลูก” อันนี้ผมหันไปมองอาจารย์กันตภณกับหมอสายป่าน



“เออ คือ “อาจารย์กันตภณ



“ถ้าอย่างนั้น มาตามที่หมอนัดนะคะ น้องกลับบ้านได้เลย เพราะเท่าที่หมอตรวจดู ทุกอย่างน้องแข็งแรงปกติ และนี่ก็ผ่านการตรวจการได้ยินแล้ว ผมก็ปกติดีนะคะเหลือแค่ผลการตรวจเลือดที่ทำการตรวจคัดกรองโรคเอ๋อ น่าจะอาทิตย์หนึ่งงพอดีค่ะแต่ดูจากพัฒนาการน้องปกติดี แข็งแรงดีค่ะ หมอไปก่อนนะคะ “คุณหมอพูดก่อนจะส่งยิ้มให้ผมและหันหลังจะเดินออกทันที แต่จังหวะนั้นอาจารย์กันตภณ เดินตามคุณหมอคนสวยออกไปเช่นกัน เออ คนนี้หรือเปล่าน่ะภรรยาเก่าของอาจารย์กันตภณ สวยมาเลยน่ะ ผมหันมาดูเจ้าลูกโซ่แทน ว่าแต่ผมจะหอเจ้าลูกโซ่ยังไงล่ะ ผมก็พยายามจะห่อตัวเจ้าลูกโซ่



“หมับ” มีคนเดินมาจับเปลเด็กอ่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนนั้นคืออาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณ เป็นคนทำหน้าที่ห่อตัวเจ้าลูกโซ่แทนผม อย่างชำนาญการ



“พี่เห็นไอ้หมอภีมมันทำน่ะ และพี่ก็เคยเห็นม๊าพี่เขาทำให้หลานพี่” อาจารย์กันตภณหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ อาจารย์คงเดาสายตาของผมที่มองเขาอยู่ ว่าผมแปลกใจทำไมอาจารย์ถึงได้ทั้งที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน



“พี่กันไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ ผมว่าให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า” จู่ๆ ผมก็บอกอาจารย์กันตภณแบบนั้น อาจารย์กันตภณก้มลงมองหน้าผม



“เพราะว่าคุณหมอคนนั้นน่ะเหรอครับ” อาจารย์กันตภณหันมาถามผม



“ไม่ใช่ครับ คือ ผม “ไปไม่ถูกเลยดิไอ้บีมเอ๊ย!!



“ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ของอาจารย์กันตภณ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อๆ นั้น ที่นิ่งเงียบ



“เขาเป็น น้องสาว ภรรยาเก่าพี่น่ะ”อาจารย์กันตภณพูด



“อ้อครับ”ผมพยักหน้าเบาๆ



“พี่เคยแต่งงาน แต่พี่แต่งและนั้นป๊าพี่ให้พี่แต่งครับ ป๊าเป็นคนทาบทามผู้หญิงคนนั้นมาให้พี่ เพราะว่าพี่ไม่เคยมีแฟน ป๊าพี่เขายังรับไม่ได้เรื่อง เกย์อะไรแบบนี้ไม่ได้ และพี่ก็แต่ง อยู่ด้วยกันห้าปี แต่ก็ไม่บุตรด้วย จนภรรยาเก่าพี่น่ะเขาอยากมีลูก เราก็พยายามน่ะ หลายวิธีก็ไม่มี ผลสุดท้ายคือพี่เองที่เป็นหมัน เพราะว่ามีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากตั้งแต่เด็ก”



“และเขาก็ขอหย่ากับพี่ พี่ก็ยอมหย่าให้เพราะว่าพี่ไม่ได้รักเขาเพื่อให้เขาไปเจอคนที่เขารักและจะได้มีลูกด้วยกันสมดังที่เขาต้องการ”



“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ เพราะว่าพี่คิดว่ามัน”



“ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้อ่ะครับพี่กัน แต่ผมคิดว่ามัน มันทำให้พี่ถูกมองไม่ดี และพี่ไม่ใช่คนทำให้ผมเป็นแบบนี้ พี่ควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม”



“บีม อะไรคือตัววัดว่ามีคนที่ดีกว่าบีมเหรอ อะไรล่ะ”



“ผม ไม่รู้อ่ะครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก และก้มหน้าลง ผมไม่กล้าสบตากับอาจารย์กันตภณเลย ใช่ผมยังอยากให้ลูกผมหาพ่อของเขาจริงๆ มันดูโง่มากใช่ไหม



“ฮึก ฮึก ฮึก” น้ำใสๆ มันไหลรินออกมา



“ทำไมเหรอบีม บีมอึดอัดเรื่องพี่เหรอครับ”



“ผม ขอโทษครับ ผมแค่อยากจะหาคนที่เป็นพ่อของลูกผมจริงๆ ซะก่อนนะครับ ผม”



“พี่แทนเขาไม่ได้เหรอ บีมรักคนนั้นเหรอ”



“ผมไม่รู้และไม่น่าจะใช่ว่ารักเพราะว่าผมเองก็เหมือนมีอะไรกับคนที่ไม่รู้ มันจะกลายเป็นรักได้ยังไงใช่ไหมครับ แต่ว่าผมอยากให้เขารู้ว่าเขามีลูกและนี้คือผลของการกระทำของเขาแค่นั้นเอง”



“ถ้าเขาไม่รับ พี่รับได้ไหม พี่รู้สึกรักเขามาก ยังไงไม่รู้” อาจารย์กันตภณพูด ผมก็มองหน้าอาจารย์เขา แววตาที่มั่นคงนั้น



“ครับขอผมพยายามก่อนได้ไหมอ่ะครับ”



“พี่จะรอน่ะ แต่ระหว่างนี้ให้พี่ดูแลไปก่อนได้ไหม”



“ขอทำคะแนนก่อน” อาจารย์กันณภณพูด ผมพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง ทำมาขนาดนี้แล้วคงห้ามไม่อยู่แล้วแหละ ของทุกอย่างถูกแพคอย่างดี โดยอาจารย์กันตภณ



“คุณหมอสายป่านเขาต่อว่าอะไรพี่หรือเปล่าครับ” ผมถามอาจารย์กันตภณ



“ไม่น่ะ เขาแค่แปลกใจเพราะว่าเขารู้ว่าพี่ไม่สามารถมีลูกได้แต่ทำไม เราถึงมีได้และเขาก็คิดว่าพี่กับเราคือพ่อแม่ของเด็กน้อยนี้” อาจารย์กันตภณลุกขึ้นมาบอกผม



“พี่บอกว่าพี่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่พี่ก็รักเขาเหมือนลูกของพี่แท้ๆ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ



“ถ้าพี่บอกว่าใช่ เขาคงไปบอกพี่สาวเขาน่ะ แต่พี่กับพี่สาวของเขา เราก็จบกันไปนานแล้ว หลินเองก็แต่งงานใหม่และมีลูกทันทีหลังจากนั้นน่ะ จะว่าไปพี่กับหลินเราก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ “อาจารย์กันตภณพูด



“แต่พอพ่อแม่หลินพาลูกสาวเขากลับไปอยู่บ้าน พี่ก็ไม่เคยติดต่อหลินอีกเลย จนถึงตอนนี้แต่พี่ก็รู้เรื่องของหลินตลอด เพราะ..... “อาจารย์กันตภณพูด



ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องคนไข้ พี่หมอภีมปภพ เดินเข้ามาพร้อม กระเช้าของขวัญ เป็นชุดของใช้เด็กอ่อนทั้งนัน ผมก็มองและยิ้มให้



“พี่หมอไม่น่าจะต้องซื้อมาให้ผมเลย”



“ไม่ได้ครับ เพราะว่าถ้าพี่ไม่ให้อะไรเป็นของขวัญเราบ้างน่ะ ไอ้เพื่อนรักคนนี้ของพี่มันจะโกรธพี่เอา ต้องให้กันหน่อย”



“ขอบคุณนะครับ” ผมก็รับกระเช้ามาวาง มีแต่ชุดเด็กน่ารักและของใช้ที่จำเป็นทั้งนั้นเลย



“ว่างๆ นี้ก็พาหลานมาทานอาหารเย็นที่บ้านกูบ้างน่ะไอ้กัน” พี่หมอภีมภพหันไปบอกอาจารย์กันตภณ



“อืมม จะบอกอีกทีน่ะ รอให้บีมเขาแข็งแรงมากกว่านี้หน่อย”



“ถึงยังไงก็ต้องมา หาหมอเด็กอยู่ “อาจารย์กันตภณพูด



“หมอเด็กคนไหนวะ และนี่เขาทำใบนัดให้เลยไหม” พี่หมอภีมปภพถามอาจารย์กันตภณ



“หมอสายป่านไง” อาจารย์กันตภณตอบ



“อ้าวจริงดิ แล้วได้เจอมึงไหม แล้วเขาไม่คาบข่าวไปบอกหลินเหรอว่ามึง มีน้ำยาน่ะ มีลูกกับเขาแล้ว” หมอภีมภพพูดเหมือนเป็นเรื่องขำๆ แต่ผมว่าอาจารย์กันตภณไม่ค่อยขำด้วยเท่าไหร่



“มึงส่งเขามาหรือไง” อาจารย์กันตภณหันมาถามพี่หมอภีมปภพ



“ไม่ได้ส่ง และใครจะไปรู้ล่ะ เพราะว่าหมอโรงพยาบาลกูน่ะ เยอะแยะ จำชื่อไม่หมด”



“แต่ก็รู้ว่าว่ามีหมอสายป่านอยู่ที่นี้ และไม่คิดว่าหมอเด็กที่มีเยอะแยะ มึงจะแจ็คพ๊อตได้เจอหมอป่านนี่หว่า” หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ แต่อาจารย์กันตภณแอบค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะหันไปถอนหายใจ ผมว่าน่าจะจบไม่ค่อยสวยระหว่างอาจารย์กันตภณกับภรรยาเก่า



“บีม พาสเตอร์ที่ปิดแผลกันน้ำได้น่ะ อาบน้ำตามปกติ รอให้แผลแห้งก่อนแล้ว สักเจ็ดวันค่อยลอกออกน่ะ และพี่หมอให้ผ้ารัดหน้าท้องไปด้วยนะครับ เพื่อพยุงกล้ามเนื้อหลังจะได้เดินเหินสะดวกขึ้น ทานอาหารตามปกติได้เลยแต่ลดของหมักดองไว้ก่อนนะครับ “พี่หมอแนะนำผมสารพัดเลย



“และอีกเรื่องอย่าเพิ่งยกของหนัก 3 เดือนนี้น่ะ งานบ้านด้วยมีคนทำแทนให้เขาทำน่ะ แผลจะได้ประสานกันและจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น “พี่หมอภีมปภพบอกผม



“พี่จะหาคนทำความสะอาดมาให้น่ะบีม “อาจารย์กันตภณหันมาพูด ผมก็ทำท่าจะค้าน แต่



“เอาตามที่กันบอกเถอะบีมเพราะว่าผ่าคลอดก็คือผ่าตัดใหญ่น่ะ ระหว่างนี้บีมจะได้ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด ช่วงสามเดือนแรกนี้สำคัญไม่แพ้กัน” พี่หมอภีมปภพพูดอีกคน ผมเลยค้านไม่ลงเลย



“เอาล่ะ โชคดีนะครับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีปัญหาอะไรโทรมาได้เลยน่ะ ยินดีให้คำปรึกษาว่ะคุณพ่อ” พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะตบไหล่อาจารย์กันตภณ และรถเข็นก็เข้ามา ผมยกมือไหว้ของคุณพี่หมอภีมปภพ ถ้าไม่ได้พี่หมอผมคงแย่ ดูแลดีทุกอย่าง แถมยังช่วยผมหลายเรื่องเหมือนกัน อาจารย์กันตภณ พยุงผมลงไปนั่งที่รถเข็นก่อนจะหันมาอุ้มเจ้าลูกโซ่ ส่งมาให้ผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ของผมที่ยังหลับสนิท



“กลับบ้านแล้วน่ะครับลูกโซ่ “ผมพูดกับเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของผม ระหว่างที่เดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาล เขาก็พากันเดินมาโบกมือบาย บายให้ลูกโซ่กันทั้งนั้น แน่ล่ะ วันแรกก็ร้องกรี้ดปรีดปราดจนวุ่นวายไปทั้ง ห้องเด็กแรกเกิดขนาดนั้น



“น้องบีมค่ะ” เสียงพี่ฝนเรียกชื่อผม ขณะที่ยืนรอลิฟต์อยู่ พี่เขาถือกล่องคล้ายๆ กับกล่องโฟมแช่เย็นมาหาผม เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก



“คุณแม่ที่แบ่งนมให้น้องทานนะคะ เขาเพิ่งจะกลับบ้านไป เขาฝากนมให้น้องลูกโซ่ค่ะ”



“ขอบคุณครับพี่ฝน”



“ไม่เป็นไรค่ะ แวะมาโรงพยาบาล ถ้าพี่ขึ้นเวรจะลงมาดูน่ะ คิดถึงพ่อสุดหล่อ” พี่ฝนพูดก่อนจะก้มลงเอามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ



“ขอบคุณนะครับ” อาจารย์กันตภณพูดขอบคุณพี่ฝนเช่นกัน



“ไม่เป็นไรค่ะยินดีค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณพ่อคุณแม่” ผมเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ คำนี้มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจผมเหลือเกิน ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนี้ ที่หวังดีกับผมตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เรียนวิชาที่พี่เขาสอน จนถึงตอนนี้พี่เขาก็ยังดูแลผมได้ดี แต่ผมซิ ผมควรจะเลือกทางไหนดี มันดูโง่มากไหมที่ผมอยากจะหาพ่อจริงๆ ของผม



TBC….

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
     
        Part’ s กันต์ธีย์ ผ่านไปเกือบสามเดือนที่ผ่านมา ที่ผมกลายเป็นแม่ลูกอ่อน วุ่นวายกับเจ้าลูกโซ่และโชคดีที่เพื่อนๆ ผมที่รอบริษัทเรียกตัวอยู่ เลยมีเวลามาคลุกอยู่กับผมพักหนึ่ง แต่ทว่าเดือนนี้ซิ คงเป็นผมคนเดียวแล้วก็เพื่อนๆของผม ได้งานกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังต้องอยู่บ้านดูแลเจ้าลูกโซ่ โดยมีแม่ของผมคอยส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน และแม่ก็บอกว่าช่วงนี้ทะเลาะกันกับแฟนใหม่ เรื่องที่ยังคงส่งเงินให้ผมอีกทั้งที่ผมเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็อย่างที่บอกฝรั่งเขาไม่ส่งเงินให้ลูกแล้วถ้าโตพอจะหางานทำเองได้ ผมเองก็เกรงใจแม่ผมแย่แล้วเหมือนกัน จะหางานทำใครล่ะที่จะดูลูกให้ผม

//บีม มะนาวไปหานะตอนเย็นน่ะ จะซื้อส้มตำไปทานกัน พวกไอ้ฟิล์มมันก็จะเข้าไปมันคิดถึงอยากฟัดหลาน// มะนาวส่งข้อความมาหาผม ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับของข้างมากมายที่หิวมาให้ ผมก็รีบวิ่งไปช่วยอาจารย์กันตภณถือทันที ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ พลิกคว้ำพลิกง่ายเล่นที่พวกเพื่อนๆของผมช่วยกันซื้อมาให้ มันเป็นเพลย์ยิมสำหรับฝึกของเด็กกำลังหัดคว้ำ

“แล้วตกลงเราเหลืออีกกี่ตัวถึงจะจบล่ะ “อาจารย์กันตภณคุยกับคนปลายสาย

“เหลือทำThesist อย่างเดียว จะให้อานี่น่ะหาคนทำให้เหรอ “ผมได้ยินเช่นนั้น ผมหันมามองหน้าอาจารย์ทันที อาจารย์ก็มองหน้าผม เลิกคิ้วสูง ผมก็ชี้ตัวผมเอง ผมทำได้น่ะ

“จะให้หาให้แต่นายต้องจ้างเขานะ”

“เราจะรับทำเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผมโดยใช้ฝ่ามือป้องโทรศัพท์เอาไว้

“ผมทำได้ครับ ผมว่าง และผมควรจะมีรายได้บ้าง ผมเกรงใจที่จะต้อง”

“แต่ว่า” พี่กันตภณทำท่าจะค้าน

“ตอนลูกโซ่หลับผมก็ว่างเยอะอยู่นะครับ พี่กัน” ผมพูดจาอ้อนอาจารย์กันตภณ

“ก็ได้ ส่งรายละเอียดมาให้อาทางอิเมลเข้าใจไหม ตอนนี้อาก็ยุ่งมาก ได้แค่นี้น่ะ ที่ช่วยเพราะว่าพี่ชายอาน่ะบ่นว่านายกับอาทุกวัน เขารอให้นายมาดูแลโรงเรียนที่อากงอุตส่าห์ก่อตั้งไว้ให้ลูกหลานแต่นายยังเกเรอยู่เลย อืม ไม่บ่นก็ได้ ส่งมาเลยน่ะ “อาจารย์กันตภณวางสายไป

เขาก็มองหน้าผม ที่กำลังเก็บของที่อาจารย์ซื้อมาให้ผม มีผ้าอ้อม และนมกระป๋อง อาจารย์เขาซื้อนมแพะให้เจ้าลูกโซ่ทาน อันนี้ผมก็เกรงใจหนักเข้าไปอีก นมแพะแพงน่ะสำหรับผมคนที่ไม่มีรายได้ ผมได้นมจากพี่รินทร์สำหรับเจ้าลูกโซ่ สองเดือนเต็มๆ ผมก็เกรงใจพี่เขาเลยต้องหัดลูกโซ่ทานนมผงแทน และตอนนี้พี่รินทร์ก็ยุ่งมาก เพราะว่าลูกเขาตรวจผมว่าเป็นโรคหัวใจต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก ผมก็บอกกับพี่รินทร์ว่ามีอะไรให้ผมช่วย ผมยินดีที่จะช่วยเท่าที่ช่วยได้

“บีม” ผมหันมามองคนที่เรียกชื่อผมอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัว ผมเลเสียหลักเล็กน้อยจนเกือบจะล้ม แต่ก็ไม่ล้มเพราะว่ามีคนมาประคองเอวผมเอาไว้ได้ทัน สายตาผมประสานกันกับสายตาคู่นั้น ที่ดูอบอุ่นสำหรับผมเสมอ อาจารย์กันตภณ ใบหน้าของอาจารย์อยู่ใกล้ชิดกับผมมาก จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมาจากปลายจมูกโด่งนั้น ริมฝีปากที่ขยับเม้มเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆเข้ามาใกล้ผมทุก เข้ามาใกล้ผมมากจนเกือบจะประกบริมฝีปากบางๆ ของผม

“แหง๋!” เสียงร้องจ๋าของเจ้าลูกโซ่ ทำให้ผมต้องผลักอาจารย์กันตภณกระเด็นออกไป และผมก็หันไปมองหาเจ้าลูกโซ่ น้องไม่ได้อยู่ที่ตรงเพลย์ยิมแล้ว ผมก็ย่อตัวลงมองหาว่าไปไหน

“ลูกโซ่!!” ผมเรียกหาทันที และผมก็พบว่าน้องกลิ้งไปติดที่แคบ

“กลิ้งไปยังไงของเราน่ะลูกโซ่” ผมพูดปนหัวเราะก่อนจะคลานเข่าเข้าไปดึงเจ้าลูกชายตัวดีออกมา พอผมอุ้มก็กอดผมหมับ ใบหน้าที่ก็ซุกไซ้จะหาแต่ผมแบนๆ ของผม

“ไม่เอาแล้วครับลูกโซ่ ลูกโซ่ต้องดื่มจากขวดนมน่ะครับ เพราะว่ามี้ให้ลูกโซ่ดูดนมมี้ไม่ได้นะครับ” ผมบอกลูกชาย สีหน้าผิดหวัง แต่ผมก็ต้องขัดใจ ไม่อย่างนั้น ผมต้องคอยใส่เสื้อในและต้องมีที่ซับน้ำนมที่ไหลซึมออกมาตลอดเวลา พอผมบอกไม่ได้ทำหน้างอทันที ลูกโซ่เป็นเด็กฉลาดมาก พูดอะไรไปก็รู้เรื่องไปซะหมด ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ

Rrrrr มือถือของอาจารย์กันต์ภณ ดังขึ้น ซะก่อนที่อาจารย์จะเดินมาหาผม แต่ผมเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตอนนี้ได้เวลาลูกโซ่ต้องดื่มนมแล้ว และดูท่าจะง่วงนอนแล้วด้วย ผมจับเจ้าลูกโซ่ไปนอนเล่นในเปลเด็กก่อน เป็นแปลแบบพับได้ และมีโมบายแขวนให้ลูกโซ่ดู แต่ว่าลูกโซ่ของผมกลับไม่ได้ใช้แค่ตาดูครับ ใช้เท้าอันทรงพลังเตะหมุนไปมาได้ (ปกติเด็กน้อยเขาจะมองกันเพื่อความบันเทิงแต่เจ้าลูกโซ่ของผมยกเท้าขึ้นมาหมุนโมบายเล่นซะเพลินเชียว บันเทิงไปอีกอย่าง)

“บีม พี่ต้องกลับก่อนนะครับ บีมอยู่ได้หรือเปล่า” พี่กันตภณเดินมาบอกผม ผมหันมามองอาจาย์ ผมพยักหน้าว่าผมอยู่ได้

“ม๊าพี่น่ะ เขาล้มพี่ต้องรีบไปนะครับ พี่…”

“ไปเถอะครับพี่กัน เพราะว่าม๊าพี่สำคัญนะครับ พี่ไปดูม๊าพี่เถอะน่ะครับ “ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

“มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ “อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะเข้ามาหอมที่หน้าผากของผม ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบกุญแจรถยนต์ ผมหันไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างขวา แหวนพลอยแดงเหมือนกับแหวนที่ผมได้มาคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยนเลย

“บีม มีอะไรครับ” ผมคงเพ้งมองแหวนวงนั้นนานไปหน่อย

“แหวนสวยนะครับ ผมไม่เคยเห็นพี่สวมแหวนวงนี้มาก่อน”

“ก็สวมบ้างแต่บางทีก็ลืมอ่ะครับ นี่เป็นแหวนวงศ์ตระกูลพี่ครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมเงยหน้ามอง แหวนวงศ์ตระกูลอย่างนั้นเหรอ แต่ว่าไอ้แหวนวงนั้นมันแค่ ด.เด็กตัวเดียว ตระกูลไอ้นั้นมันคงจะด้วนไปน่ะ มีแค่ดอเด็กตัวเดียว

“ม๊าพี่เคยพูดกับพี่น่ะ ถ้าเจอคนที่ใช่ ให้ใช้แหวนวงนี้ หมั้นคนนั้น เพราะว่าแหวนวงนี้ป๊าพี่เป็นคนออกแบบเพื่อให้ ลูกชายและหลานชายของวงตระกูลใส่เท่านั้น” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ต้องยิ้ม ผมแอบคิดว่าอาจจะมีคนแอบก็อปปี้ก็ได้มั้ง

“แหง๋ๆๆ” เสียงร้องปรีดของลูกโซ่ ทำให้ผมต้องรีบหันไปชงนมทันที ตายแล้วผมลืมชงนมให้ลูกไปเลย

“พี่กันรีบไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันมาถามอาจารย์กันตภณ

“เออ ครับ พี่ไปก่อนน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ก่อนจะเดินออกไป ผมก็รีบเดินไปควักเอาเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจัดกระจายอยู่เปลเด็ก ผมอุ้มมาป้อนนมก่อน ผมไม่ปล่อยให้ลูกนอนกินนมในเปล คือถ้าลูกสำลักเราจะไม่รู้เลย ผมเลยเป็นห่วงตรงนี้มาก ผมป้อนจนตัวแสบหลับปุ๋ยไปแล้ว และนั้นถึงได้อุ้มขึ้นมาพาดบ่าผมก่อนจะวางลงนอนในเปลเด็กอีกครั้ง

****

Part’ s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเลย ก็เพราะว่าพ่อผมขีดเส้นตายเอาไว้แล้วว่าภายในสามเดือนนี้ต้องจบปริญญาโทและบินกลับทันที และงาน Thesist ที่ผมดองไว้ ก็ต้องมาเร่งทำเอาตอนนี้เลยทำไม่ทัน นี้ผมต้องส่งข้อมูลทุกอย่างให้อากัน อากันคือน้องชายคนเล็กของป๊าของพวกผม

//ฮัลโหล อากัน//
// ว่าไงเธียร อาจะไปหาอาม่าของเราน่ะ”
//อากัน อาม่าเป็นอะไรไปครับ//
//เด็กที่บ้านโทรมาบอกอาว่าอาม่าเราน่ะล้ม และโกวหงส์ พามาส่งโรงพยาบาลแล้ว เธียร//
//แล้วนี่เรานะตั้งใจเรียนให้มันจบซะที่ซิ อาม่าก็คิดถึงเราน่ะ นี้บ่นหาทุกวัน//
//ก็รอให้ผมทำThesisส่ง ผมก็กลับแล้วอากัน//
//อาได้คนทำรายงานให้เราแล้วน่ะ เขาเป็นลูกศิษย์ของอา และเขาก็เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรี แต่ว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ทำงาน อาจะวานให้เขาทำให้แต่เราต้องจ่ายเงินให้เขาน่ะ เธียร//
//และคนนี้เขาเป็นคนเก่ง ทำงานละเอียดเรียบร้อยดี //
//นาทีนี้ ผมไม่เลือกแล้วอา เพราะว่าถ้าผมไม่จบ ป๊าบอกให้ผมหางานทำที่นี้ไปเลยไม่ต้องกลับแล้วอ่ะ//
//กลัวขึ้นมาหรือไงล่ะ//
//ถ้าให้ผมไปทำงานตามบริษัทที่นี้ก็เป็นลูกจ้างนะดิอา งั้นผมเลือกกลับไปช่วยป๊าดีกว่า//
//กว่าจะคิดได้น่ะนายนี้ เอาล่ะ ส่งอิเมลรายงานที่นายต้องการมาให้อา และอาจะดูหนังสือที่ต้องใช้ประกอบให้กับกันต์ธีย์เขาทำให้//
// โอนเงินให้เขาเองด้วยน่ะ อาจะส่งเลขที่บัญชีไปให้ นะเธียร//
//แค่นี้ก่อนน่ะเธียร อาจะไปดูอาม่าแล้ว //
//ครับอา // ผมกดวางสายจากมือถือากันก่อนจะหันไปสแกนรายวิชาที่ผมต้องการให้ คนที่อาจ้างมาทำรายงานให้ผม แต่ชื่อกันต์ธีย์ ชื่อแปลกดีน่ะ และอายังบอกว่าเด็กคนนี้เพิ่งจบแต่ไม่มีงานทำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าเขารับทำเท่าไหร่ ผมนั่งนึก ผมเคยจ้างเขาทำอยู่ที่ สองหมื่นห้า เอาว่ะ จ่ายตามนี้แล้วกัน

// ฮัลโหล //พี่ธันรับสายผม พี่ชายคนที่อายุห่างจากผมแค่หนึ่งปีเอง พี่ๆ ผมเรียนจบที่ไทยกันหมดแต่มีแค่ผมคนเดียว ที่ถูกส่งมาเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ผมรู้ว่าทำไมป๊าส่งผมมา เพราะแพรวานั้นแน่ๆ คือว่าผมเกิดมาหล่อเกินไป จนเธอไม่ยอมต้องอยู่ติดผมให้ได้ ถ้าอยู่ไทยนี้สาวๆคนไหนมาใกล้ผมนี้เธอจัดการหมด ผมเลยซ่าได้แค่ที่เมืองนอกเท่านั้น และที่นี้เราก็เสมอกันผู้หญิงผู้ชายและเรื่องเซ็กส์มันก็คือความสุขพื้นฐาน

//เฮีย// ผมเรียกเฮียธัน

//ว่าไงว่ะ เธียร // น้ำเสียงที่กำลังหงุดหงิดเพราะถูกขัดจังหวะแน่ๆ ฮั้นแน่ หนีป๊ามาหาเด็กเฮียน่ะซิ

//ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะเฮีย ขัดจังหวะเฮียเหรอครับ//

//มีอะไรรีบพูดมาเลย เฮียรีบ เพราะว่าต้องรีบกลับบ้าน ไปกินข้าวบ้าน //

//เฮียอยู่ไหนอ่ะ//

//อยู่คอนโดกูดิ มีอะไร//

//มาคอนโดแสดงว่า//

//กูไม่ใช่มึงครับไอ้เธียร ถ้าเป็นแฟนกูก่อนแล้วกูค่อยขอเขา มึงน่ะเจอปั๊บฟันปุ๊ปทิ้งขว้างทันที  และนี่มีอะไรว่ามาเฮียจะรีบไปอาบน้ำแล้วต้องกลับไปหาม๊า ช่วงนี้ม๊าน้อยใจอยากให้อยู่ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ ขาดแต่มึงนี่แหละ//

//เฮียโอนเงินให้หน่อย ผมจ้างเขาทำThesis ให้น่ะเฮีย สองหมื่นห้าพันบาท เฮีย //

//เอาเลขที่บัญชีมา // เฮียธันบอกผมโดยไม่ต้องคิดมากทันที

//เดี๋ยวส่งให้เลยเฮีย//

//อืมงั้นแค่นี้น่ะ เฮียรีบ//

//ปั่ม ปั๊ม สาวเหรอเฮีย//

//รู้อีกแค่นี้แหละ // และเฮียธันก็วางสายจากผม ผมก็รีบ forward เลขที่บัญชี คนที่อากันของผมจ้างให้ทำThesis ให้ผมทันที โอนก่อนเลยน้องจะได้ไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเพิ่งจบก็ต้องอ่อนกว่าผมสองสามปี เพราะว่าแพรวาก็จบปีนี้ ยังอ่อนกว่าผมสามปีเลย

*****
Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมรีบมาที่โรงพยาบาลของเพื่อนรักของผม ไอ้หมอภีมปภพ หลังจากที่พี่สาวผม เจ๊หงส์พี่สาวของผมโทรบอกผม ว่าม้าของผมหกขล่ม ผมก็รีบขับรถออกมาจากคอนโดของบีมทันที ผมยอมรับว่าผมเข้าบ้านดึกแต่ม้าผมก็เข้าใจว่าผมทำงานเลิกเย็นมาก แต่จริงๆ ช่วงนี้ผมมาดูแลบีมเขา ก็ไอ้หมอภีมบอกว่าต้องมีคนดูแลบีมช่วงนี้จนถึงหกสัปดาห์ขึ้นไป เพราะว่าแผลผ่าตัดยังไม่ประสานกันดี บีมยังยกของหนักไม่ได้ ขับรถไม่ได้ ดังนั้นผมก็จะคอยซื้อของไปให้ และนี้ก็เลยไม่ค่อยได้เจอม้า เพราะกลับมาถึงม้าก็เข้านอนแล้ว


//เจ๊ ผมกำลังจะเข้าไป อยู่แผนกออร์โทพีดิกซ์ใช่ไหมเจ๊ ได้เจ๊ ผมเห็นอาเหมยแล้วเจ๊// ผมกดวางสายขณะที่ผมชะเง้อคอมองเห็นอาเหมยหลานสาวคนโตเป็นลูกของพี่สาวผมเอง เหมยเรียนมหาวิทยาลัยที่ผมสอนแต่เรียนคณะเภสัชศาสตร์ ผมเลยไม่ค่อยได้เจอกัน

“พี่กันคะ” ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่มีคนเรียกผม ผมหันมามองต้นเสียง

“น้องหมอป่าน”

“ค่ะ ทำไมต้องตกใจสายป่านขนาดนั้นล่ะ หรือว่าพี่กันรู้สึกผิด”

“สายป่าน พี่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรนี่ครับ และพี่ก็รีบครับ ม๊าของพี่เขามาหาหมอนะครับ พี่เลยรีบ” ผมอธิบายกับหมอสายป่าน ผมเห็นหมอสายป่านมองเหมือนจะถามหาบีมซิน่ะ

“บีมเขาดูลูกเขาน่ะ”

“น้องสบายดีไหมคะ ตอนนี้คงจะสามเดือนแล้วใช่ไหมคะ”

“ครับ น้องสบายดีครับ” ผมพูดกับหมอสายป่าน

“พอป่านเห็นเด็กคนนั้น มันทำให้ป่านคิดว่า พี่ไม่ได้โกหกอะไรพี่สาวป่านเพื่อต้องการหย่าหรอกมั้งคะ”

“หมอสายป่านครับ ที่พี่เลือกที่จะหย่าเพื่อให้หลินไปเจอคนที่เขารักจริงๆ พี่สายป่านน่ารู้ดีกว่าพี่ เพราะหลินคือพี่สาวแท้ๆ ของสายป่าน”

“ไม่ใช่เพราะว่าพี่หลินจับได้ว่าพี่ มีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายเหรอคะ” หมอสายป่านถามผม ผมหันไปมองหน้าเธอ

“สายป่านไม่ได้แอนตี้รักแบบนี้ แต่สายป่านแอนตี้พี่เพราะว่า ทำไมพี่ไม่บอกป๊าของพี่ตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับพี่สาวสายป่านละคะว่าพี่ชอบแบบไหน”

“พี่ว่ามันจบไปแล้ว”

“พี่ไม่รู้หรอกว่า พี่หลินเขาดีใจที่จะได้ผู้ชายดีดีอย่างพี่มาเป็นสามี ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะรักไหม แต่พี่หลินก็พยายามซื้อใจพี่”

“สายป่านพี่”

“ไอ้กัน ม๊ามึงรออยู่” เสียงที่ทำให้การสนทนาของผมกับหมอสายป่านหยุดชะงัก ผมหันไปมองหมอภีมปภพ หมอภีมปภพมองหน้าผมกับหมอสายป่านสลับกันไปมา

“สายป่านขอตัวนะคะ มีคนไข้ค่ะ “หมอสายป่านพูด ผมหันมามองหน้าหมอภีมปภพ

“หมับ” หมอภีมปภพ จับต้นแขนผม

“มีปัญหาอะไรกันเหรอว่ะ”

“ไม่มีหรอก เขาแค่ ไม่เชื่อว่าผลการตรวจว่ากูเป็นหมันคือเรื่องจริง” ผมพูดก่อนจะสะบัดแขนไปจากหมอภีมปภพ ผมเดินตรงไปหาม๊าของผม

“จะแห่กังมาทำไม ไม่ได้เป็งอาลาย ม๊ากสักหน่อย” ม๊าของผมพูดแต่ใจก็อยากให้ลูกๆ หลานๆ มาดูแหละ

“อ้าวเฮียเกริกมาแล้วม๊า” เจ้หงส์พี่สาวของผม ผมมีพี่น้องกันทั้งหมดสามคน พี่เกริกคือพี่ชายคนโต เจ้หงส์และผมคนที่สามแต่ผมนี้เป็นลูกหลง ม๊าอยากมีหลายคนแต่ว่าแท้งไปซะส่วนใหญ่ จนเหลือแค่สามคนนี้แหละ

“กัน มึงมาเหมือนกันเหรอ “ผมหันไปยกมือไหว้พี่ชายของผม และหลานชายอีกสองคนที่มากับพี่ชายผมก็ยกมือไหว้ผมเช่นกัน หลานชายคนโต  และอีกคน ธาม เป็นหลานคนที่สอง มีอีกคนชื่อธัน เป็นหลานคนที่สามและเธียรคือหลานคนที่สี่ ลูกคนสุดท้องของพี่ชายผม

“มากังให้วุ่นวาย อะไรก็ไม่รู้ แล้วนี่อาเธียรล่ะ มันยังไม่กลับอีกเหรอ อาเกริก “อาม๊าถามหาเจ้าเธียรกับพี่ชายผมทันที

“ใกล้แล้วม๊า”

“เลิกเรียน มันเลิกกี่โมงว่ะ อาเหมย” ใช่แม่ผมเป็นโรคอัลไซเมอร์ หลงๆ ลึมๆ จำได้บ้างจำไม่ได้บ้าง แต่เรื่องในอดีตจำได้แม่นมากโดยเฉพาะเรื่องเจ้าเธียรวิชย์

“ม๊า อาเธียรน่ะเรียนมหาลัยแล้วครับม๊า และมันก็เรียนที่อังกฤษโน่นเลย ตอนนี้ผมบอกมันแล้วน่ะม๊า ว่าถ้ามันไม่กลับมาในอีกสองเดือนนี้ผมจะให้มันอยู่ที่โน่นไปเลย” พี่ชายของผมเฮียเกริกบอกกับม๊าของผม

“ม๊าเข้าห้องน้ำก่อนไหม ขึ้นรถจะได้ไม่ต้องปวดเพราะว่าจะถึงบ้านคงเกือบชั่วโมงนะม๊า” เจ๊หงส์ถามม๊า ก่อนจะเข็นรถพาม๊าไปห้องน้ำ

“ม๊าเป็นไงบ้างว่ะไอ้หมอ” ถามหมอภีมปภพ

“ก็ข้อเท้าพลิกน่ะไม่ถึงกับหักน่ะ แต่ก็ระวังหน่อยเพราะถ้าล้มอีกอาจจะหักได้และม๊าน่ะอายุเยอะแล้วผ่าตัดก็ฟื้นตัวช้า “หมอภีมปภพพูด ผมเห็นพยาบาล ออกมาขอคุยกับหมอภีมปภพ

“กัน ตกลงยังไง เรื่องเด็กที่เราบอกว่า ท้องนะ”

“ไม่มีอะไรแล้วครับเฮีย เพราะว่าผมยกเลิกเสนอชื่อน้องเขาเข้ารับปริญญาเกียรตินิยมอันดับสองไปแล้ว ตอนนี้น้องเขาก็จบแล้วครับเฮีย”

“นายไม่ได้ทำเขาท้องน่ะ”

“เฮีย เฮียน่าจะรู้จักผมดี”

“ก็แค่ถามดู กูยังไม่เชื่อเลย ม๊าเองยังไม่เชื่ออีกคน”

“ม๊ารู้แล้วเหรอเฮีย”

“รู้แล้ว ขำตายเลยที่รู้ว่ามึงไปทำใครท้องน่ะ” เฮียเกริกพูด

“ป๊า ไอ้เธียรมันโทรมาขอเงินเพิ่มอ่ะป๊า” ธันหลานชายผมเดินมาบอกพี่เกริก พี่ชายผมถึงกับส่ายหัวไปมาทันที ก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์จากธัน เพื่อไปคุยกับลูกชายคนเล็ก

“โรงเรียนสาขาที่กูจะยกให้มันดูแล กูว่ายกคืนให้มึงดีกว่าไอ้กัน เลิกเป็นอาจารย์เงินเดือนน้อยแต่ใช้งานราวกับเป็นเจ้าของเถอะ ” พี่เกริกหันมาพูดกับผมก่อนจะเดินออกไปเช่นกัน ผมหันมามองหลายชายอีกสองคน

“อย่ามองผมเลยอา ผมก็เต็มมือ เหลือแต่ไอ้พ่อพวงมาลัยของอานี้แหละ “ธาม รีบปฏิเสธทันที ผมเองไม่อยากยุ่งไม่อยากได้เพราะว่าอยากให้พี่ชายผมยกให้หลานมากกว่า ส่วนพี่สาวผมน่ะเขาแต่งงานกับลูกเจ้าของโรงแรมเขาก็ไม่เอากิจการของป๊าผมเหมือนกัน ผมคงต้องโทรไปคุยกับไอ้เธียรวิชย์หลานชายผมแล้วซิน่ะ ว่าให้มันกลับมาได้แล้ว ม๊าผมออกมาจากห้องน้ำ

“ตกลงไอ้เธียรมันมาหรือยังอ่ะ “ม๊าถามหาเธียรวิชย์อีกแล้ว ทำไมนะเหรอครับ เพราะว่าม๊าผมเลี้ยงเธียรวิชย์มาตั้งแต่อาซ้อคลอด อาซ้อตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกเลยต้องรักษาก่อน ส่วนผมนี่ก็ช่วยม๊าของผมเลี้ยงไอ้เธียรวิชย์มาเหมือนกันทั้งที่อายุสิบกว่าๆ เอง

“มันไม่อยู่เหรอ หรือว่ามันเลี้ยงลูกมันอยู่” อาม๊าพูด ทำให้ทุกคนหันไปมองม๊าของผมกันหมด

“ม๊าพูดอะไร อาเธียรวิชย์มันยังไม่มีเมียเลยน่ะม๊า” เจ๊หงส์บอกม๊า

“ก็มันไปหาม๊าอ่ะ มันอุ้มลูกมันไปด้วยอ่ะ และเมียมังด้วย สงสัยเมียมันจะเป็นทอม ผมสั้นเหมือนรองทรง” ม๊าของผม ผมก็ต้องพากันแตะหน้าผาก

“อาม่าบอกเหมยว่าฝันว่าเฮียเธียรวิชย์อุ้มหลานมาหา อาม่าเลยถามหาแต่เฮียตลอดและเหลนด้วย” อาเหมยบอกผม

“อาม่า เธียรวิชย์มันยังไม่มีเมีย เป็นตัวเป็นต้นเลยน่ะอาม่า” ธามพูดกับม๊า ปนหัวเราะ

“แล้วเมียมันไม่เป็นตัวตัวเหรอว่ะ”

“ยังอาม่า เพราะว่ามันมีผู้หญิงพร้อมๆ กันทีเดียวหลายๆคน เลยยังตกลงไม่ได้ว่าใครจะเป็นเมียตัวเป็นๆ ของมันน่ะอาม่า” ไอ้หลานชายผม

“ธาม พูดอะไรเกรงใจอาม่าหน่อยซิเรานิ “เจ๊หงส์ หันไปจะตีหลานชาย เฮียเกริกเดินกลับมาพอดีเลย

“งั้นม๊ากลับบ้านเลยแล้วกัน ผมต้องย้อนกลับไปรับ ม๊าเจ้าสองตัวนี้ก่อน “พี่ชายคนโตพูด

“ผมพาม๊ากลับบ้านเองเฮีย ผมไม่ไปไหนแล้ว” ผมบอกพี่ชายคนโตของผม

“งั้นก็ตามนั้นน่ะกัน เฮียขอโทษที ช่วงนี้วิ่งรอกหลายทีเพราะว่ามีปัญหาผู้ปกครอง น่ะเฮียต้องเข้าไปแก้ไขเอง” เอียเกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า เพราะเหตุนี้ เจ๊หงส์เลยไม่อยากรับช่วงต่อด้วย


“ม๊า ผมไปเอารถก่อนนะม๊า เราจะกลับบ้านกัน”

“ไม่กลับบ้านแล้วมึงจะไปไหนอากัน ก็กลับบ้านดิ ทำเหมือนไม่มีบ้านอย่างนั่นแหละ “ม๊าของผมพูด ผมก็หันมามองเจ๊หงส์ เจ๊หงส์พยักพเยิดให้ผมออกไปเอารถเถอะ ก่อนจะเดินออกไปก่อนจะหันซ้ายแลขวามองหาไอ้หมอภีมแต่ว่าดูท่ามันจะยุ่ง เดี๋ยวค่อยโทรมาคุยกับไอ้หมอภีมแล้วกัน ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออก

//บีม//

//ครับพี่กัน//

//เพื่อนมาหรือยังครับ//

//มาแล้วครับพี่กัน ตอนนี้กำลังป้อนนมเจ้าลูกโซ่กันอยู่ครับ//

//พี่ไปหาเราพรุ่งนี้แล้วกันนะ และจะเอาอะไรเพิ่มบอกพี่น่ะครับ พี่จะได้ซื้อไปให้ครับ//

//ไม่เป็นไรครับพี่กัน เออ พี่กันพี่ส่งอิเมลงานมาให้ผมเลยก็ได้ครับ ผมจะได้ร่างไว้ก่อนนะครับ //

//อ้อรายละเอียดทำthesis ให้หลานชายพี่นะเหรอครับ ได้ครับ พี่จะส่งให้นะครับ แค่นี้ก่อนนะครับบีมพี่ต้องไปเอารถ และไปพาม๊าพี่กลับบ้านครับ//

// ครับพี่กัน ไม่ต้องเป็นห่วงผมครับ อยู่กับม๊าพี่บ้างนะครับ คนแก่น่ะเขาขี้ใจน้อยนะครับ ส่วนผมกับเจ้าลูกโซ่น่ะโอเคครับ//

// ขับรถดีดีนะครับพี่กัน ผมเป็นห่วง// นี่แหละที่ทำให้ผมหลุดยิ้มทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเจอกับหมอสายป่าน ที่ยืนกอดอกมองผมอยู่

//แค่นี้น่ะครับ มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดครับบีม// ผมกดวางสายจากบีมก่อนจะ และกำลังจะหันหลังเดินออก ผมเองก็ไม่อยากจะปะทะคารมกับหมอสายป่านหนัก ผมรู้ว่าเธอไม่พอใจเรื่องพี่สาวของเธอ

“เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แต่กลับเอากระดูกมาแขวนคอ อย่างนั้นหรือคะพี่กัน”

“พี่เคยพูดกับพี่หลินตอนที่พี่หลินอยากจะขอเด็กมาเลี้ยงแต่พี่กลับปฏิเสธ และกลับบอกว่าไม่ใช่ลูกตัวพี่ไม่เอาแต่นี่พี่กลับเต็มใจไปเลี้ยงลูกคนอื่น นั้นแปลว่า พี่ก็อยากจะเลิกกับพี่หลินอยู่แล้ว ถูกต้องไหมคะ”

“ต่อให้พี่หลินพยายามประคับประคองให้อยู่กันมากแค่ไหนแต่พี่ก็ไม่เคยพยายามรักษาเช่นกัน”

“แถมพี่หมอภีมก็ช่วยพี่น่าดู พี่กับหมอภีมน่ะมีอะไรลับหลังพี่หลิน ทำไมป่านจะไม่รู้ และพี่ก็ทำให้พี่หลินเองที่เป็นฝ่ายขอเลิกเพราะทนพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้”

“แต่ก็น่าสมเพชแทนหมอภีมนะคะที่ทำมาทั้งหมด สุดท้ายพี่ก็กลับไปเลือกเด็กที่เป็นลูกศิษย์ตัวเอง “หมอสายป่านพูดก่อนจะเดินหลังออกไป ผมก็เดินแยกไปเอารถยนต์ผมทันที เพื่อมารับม๊ากลับบ้าน

// ไอ้กัน กูว่าจะออกมาคุยกับมึงอ่ะ ไปไหนวะ และนี่จะกลับบ้านเลยไหม// หมอภีมปภพ ผมหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน

// กูจะพาม๊ากลับบ้านว่ะ ภีม //

//เออๆ และอย่าลืมบอกบีมล่ะ ว่านัดฉีดวัคซีนลูกโซ่ ตอนสี่เดือนน่ะ มึงพามาเองไหม //

// อืมจะพามาเอง //

//โอเค แล้วเจอกันว่ะ // ผมขับรถมาจอดที่ด้านหน้า เฮียเกริก เข็นม๊ามารอผมแล้ว ผมก็ลงไปเปิดประตูให้ม๊าขั้นมานั่ง

“พรุ่งนี้เหมยไม่ไปนะคะอา เพราะว่าเหมยต้องเตรียมตัวเรียนปริญญาโทก่อนนะคะ “อาเหมยหลานสาวของผม

“พรุ่งนี้ม๊าอยู่กับพี่บัวก่อนแล้วกัน และอาจะเลิกเร็วหน่อยมาอยู่กับอาม่าเองเหมย ขอบใจมากน่ะเหมย” ผมพูดก่อนจะเดินเข้าไปทำหน้าที่คนขับรถ ม๊าที่นั่งข้างๆ ผม ม๊าหันมามองผม

“อากัน ลื้อ ไม่หาใครสักคนล่ะ เลิกกับอาหลินไปนานแล้ว หาสักคนซิ จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนม๊าบ้าง”

“อากัน จะผู้หญิงผู้ชาย ม๊าไม่ว่าหรอก ม๊าไม่เหมือนเตี่ยลื้อ เตี่ยลื้อมันเป็นพวกรักเชื้อสายวงค์ตระกูล มันแค่กลัวไม่มีใครสืบนามสกุลมันต่อน่ะ” ม๊าพูดกับผม ผมหันมาจับมือม๊า

“จริงนะม๊า ถ้าผมเจอแล้ว ม๊าจะไม่ว่าผมน่ะ ถ้าเขาไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป”

“อากัน เรื่องมันผ่านมาน่านแล้วน่า และม๊าก็รู้สึกผิดที่ไม่มีปากมีเสียงช่วยลื้อในตอนนั้นน่ะ ทุกอย่างมันคงไม่ต้องเป็นแบบนั้น ลื้อคงไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ถึงจะแค่ห้าปีก็เถอะ”

“และนาทีนี้ ม๊ายังเลือกได้อีกเหรอ พามาเหอะ เดี๋ยวม๊าซี้แหง๋แก๋ก่องได้เห็นหน้าเมียลื้อ ” ม๊าผมเป็นคนตลกครับ และผมก็รักม๊าผมมากเช่นกันผมถึงไม่ย้ายออกไปไหน ขนาดปําแถบจะไม่พูดกับผมเลยตั้งแต่รุ้ว่าผมมีรสนิยมชายรักชาย  และม๊าเข้าใจผมมากกว่าป๊าผมอีก แต่ก่อนที่ป๊าจะเสีย ม๊าแทบจะไม่มีปากมีเสียงอะไรเลย ที่จะค้านช่วยลูกๆ แม้กระทั่งเจ๊หงส์แถมลูกสาวพ่อไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญมากเพราะว่าคิดว่าต้องแต่งงานออกไปอยู่กับคนอื่น  และนี้ป๊าบังคับให้ผมแต่ง ผมก็ต้องแต่งถึงแม้ว่าม๊าอยากจะค้านแต่ก็ค้านไม่ได้ สุดท้าย ผมก็เลิกกลับหลินจนได้หลังจากป๊าเสียไม่ถึงปี และผมก็เลือกที่จะขอยู่กับผุ้หญิงคนนี้แต่ว่าตอนนี้ผมกลับกำลังจะเจอคนที่ผมอยากจะพามาเปิดตัวกับม๊าอีกครั้ง

TBC….

ขอบคุณกำลังใจให้คนแต่งนะคะ  :กอด1: คนแต่งจะพยายามให้ดีที่สุด มีคำผิดจะเข้ามาแก้ไขให้เรื่อยๆค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ เม้นหนึ่งกำลังใจค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Part’s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมกำลังรอผลThesis ของผม ว่าจะผ่านไหม และปลายเดือนนี้ ผมก็ต้องเดินทางกลับไทยแน่นอน อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าพ่อผมยื่นคำขาดมาแล้ว ถ้าไม่กลับ โรงเรียนสาขาที่จะให้ผมดูแล พ่อจะให้อากันมาดูแล อันที่จริงผมก็ไม่อยากได้แต่อากันโทรมาหาผม อาบอกว่าไม่อยากได้เหมือนกัน เพราะงานมันเยอะปัญหาก็แยะ  ผมน่ะรู้ดี เห็นพ่อทำงานแล้วผมเหนื่อยเหมือนทำเอง แต่ด้วยความที่อาม่าตามใจผมมากมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็อาม่าไว้ก่อน อาม่าปกป้องผมได้ แต่หลังๆมานี้ผมไม่ค่อยได้เข้าไปหาอาม่าเลย ก็ที่ผ่านมาพอผมกลับปุ้ปก็นัดเพื่อนทันทีทุกครั้งไปและเที่ยวกันจนบินกลับเลย

//พี่เธียรค่ะ ตกลงพี่บินสิ้นเดือนนี้นะคะ แพรวาจะได้จัดเซอไพรส์ไปรอรับพี่เธียรที่สนามบินเลยค่ะ เจอกันนะคะ แพรวารักพี่เธียร//
ข้อความที่ส่งเข้ามือถือของผม ผมก็ต้องนั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะ ผมกำลังจะเข้าไปเลือกว่าจะบินไฟว์เพื่อให้เฮียธีจ้องตั๋วเครื่องบินให้ผม แต่พอข้อความจากแพรวาเข้ามา ทำเอาผมต้องพับโน้ตบุ๊คลง ผมโคตรอึดอัด เพราะผมไม่ได้ชอบแพรวา

แพรวาเป็นเด็กผู้หญิงที่พ่อของเธอตามใจมาก พ่อเธอคือคุณธรรมรัตน์ เลิศล้ำวุฒิไกร เป็นรัฐมนตรี และเป็นเพื่อนของพ่อผม ที่พ่อผมรักมาก เธอมาคลุกอยู่กับครอบครัวผมตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งตอนนี้ เธอเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมาก เพราะว่าเธอคือลูกสาวคนเดียว และกว่าพ่อกับแม่ของเธอจะมีเธอก็เกือบไม่มีลูกไว้เชยชมเพราะว่ามียากมาก และนี้ถึงได้ตามใจเธอมาก และเธอก็มักจะร้องต้องมาอยู่กับผมตลอด ตั้งแต่เด็ก จนแม้กระทั่งตอนนี้แต่นี่มันเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่ใช่เด็กแล้ว เธอร้องขอมากขึ้น เธอต้องการจะผูกมัดผม เพราะว่าครอบครัวของผมเคยได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลของแพรวามาก่อน เธอเอาแต่ใจกับผมหนักชนิดที่ไม่เกรงใจความรู้สึกป๊ากับม๊าผมเลย จนป๊าถามผมว่าจะไปเรียนปริญญาโทต่อที่อังกฤษไหม ผมรีบบอกตกลงทันที

วันนี้แสนจะเหนื่อยเพราะว่าผมต้องเดินเรื่องเอกสารเตรียมจบปริญญาโท ผมยังรอผลอีกตัวของอีกวิชา วิชานี้โคตรยากเลย หินมาก ผมทำThesis ไม่ผ่านสักที เลยต้องจ้างเขาทำและผมก็ได้อิเมลตอบกลับจากอาจารย์คนดังกล่าว ว่าThesis ของผมผ่านรอบนี้ ผมว่าจะบอกอากันว่า ถ้าเจอน้องเขาจะพาไปเลี้ยงข้าวสักมือ ตอนนี้ผมก็ปิดไฟเตรียมตัวนอน จะได้พักยาวสักสองสามวัน ไปไหนดีน่ะ พรุ่งนี้ค่อยโทรหาเพื่อนๆ ของผมแล้วกัน ผมข่มตานอนไม่นานก็หลับสนิท

ผมยืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เหมือนจะเป็นสนามเด็กเล่น ผมเห็นผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ นี้ภรรยาผมแน่ๆ ดูจากชุดที่ใส่ นมนี้โตเต็มมือทีเดียว ผมถึงกับเลียริมฝีปาก

“ป๊า” มีเด็กวิ่งมากระตุกแขนผม ผมก็ก้มลงมอง

“เรียกผิดคนเปล่า” ผมก้มลงบอกเด็กน้อย เด็กน้อยนั้นยืนเอามือกอดอกหน้าคุ้นๆ เนอะ ผมก็มองภรรยานมโตของผมหันมาสักทีซิ

“ป๊า มี้บอกเข้าบ้าน”

“มี้ไหน” ผมถามเด็กน้อยกลับ

“มี้ ที่เป็นเมียป๊าอ่ะ อยู่โน่นน่ะ”

“ห๊ะ!! ไม่ใช่คนนั้นเหรอ” ผมถามเด็กผู้ชายที่มาเรียกผมว่าป๊า และชี้ไปที่สาวนมโตที่นั่งอุ้มเด็กอยู่ ป๊าอยากได้แบบนั้นน่ะ แต่เด็กน้อยคนนี้ดูท่าจะโตหน่อยน่าจะหลายขวบแล้ว เขาก็ชี้สวนไปที่ด้านหลังของผม ผมจึงต้องหันหลังกลับไปมองตาม เท่านั้นแหละผมถึงกับต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะว่าคนที่เดินสับเท้าพร้อมกับกระเตงลูกเข้าเอวมา หน้าตาเหมือนผมไปเผาบ้านเขามาเลยก็ว่าได้ และดูก็รู้ว่านั้นน่ะผู้ชาย นมก็ไม่มี มีก้นก็แบน หุ่นก็เพรียวบาง ชนิดว่าลมอาจจะหอบไปไหนต่อไหนได้เลย

“นั่งมองนมอยู่ได้ นี้ลูกเอาไป เปลี่ยนผ้าอ้อม และคนนี้เอาไปเปลี่ยนชุดด้วย และนั้นเอาไปป้อนอาหาร และนี่อีกคนเอาไปนั้น ไปนี้ บร้าๆๆ จนผมเองก็ต้องยืนนับเด็กมันกี่คนแล้วเนี๊ยะ

“สิบสองคน จะบ้าเหรอ ใครจะมีลูกเยอะขนาดนี้เนี๊ยะ!!” ผมถามคนที่ผมยืนอยู่

“เถียงเหรอ เพี๋ยะ!!” ฝ่ามือนั้นง้างจะฟาดลงมาที่ผม แต่ผมรีบรับมือนั้นไว้ได้ทัน ก่อนจะยกสองมือขึ้นมาประกบเพื่อร้องขอชีวิตผู้เป็นเมีย (หรือสามีว่ะนี่มันผู้ชาย)

“ไปเลยน่ะ เอาลูกไปเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ชี้นิ้วแหลมสั่งมาทันที

“จะไปดีดีหรือจะไปด้วยน้ำตา”

“ม๊า ช่วยเธียรด้วยม๊า”

“ซ่าหนัก เลี้ยงเข้าไปเลยมีกี่คนเลี้ยงเอง ม๊าจะไปทำผมสวย “ม๊าของผมก็สะบัดหน้าเดินหนีผมอีก

“อาม่า ช่วยเธียรด้วย” ผมหันไปร้องขออาม่าที่รักเธียรที่สุด

“เรื่องของมึง สอนไม่จำ เป็นผัวที่ลีต้องช่วยเมีย เลี้ยงลูก “อาม่าก็ทิ้งผมไปอีกคน ทั้งที่อาม่าไม่เคยเลย เธียรคนนี้หลานที่อาม่าตามใจที่สุดไงอาม่า กลับมาก่อน

“ป๊า! ป๊า! ป๊า! ป๊า!” แต่ละคนพากันลุมเรียกผมกันทั้งนั้น ผมก็หันซ้ายหันขวา หันหน้าหันหลัง เด็กแต่ละคนหน้าตาเหมือนกันหมดเลย

“เว้ยย ไม่ ไม่!!” เสียงผมตะโกน ผมผวาตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่แตกผลักๆ ผมเหลือบมองเวลา ตอนนี้เกือบจะตีสามอีกแล้วเวลาเดิมทุกที ขนาดหายไปพักหนึ่งได้แล้วน่ะแต่นี่มาอีกแล้วแถมหนักกว่าเดิมอีก ผมลืมตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเปิดไฟให้สว่างผ่านมือถือของผม เพราะว่าห้องของผมเป็นแบบสมาร์ตรูม ผมเริ่มหลอนอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้มาเป็นขโย่งแบบนี้ แพรวาก็แพรวาเถอะ เธียรวิชย์เลือกที่จะ กลับครับ

// ฮัลโหลเฮีย// ผมกดโทรหาเฮียอีกแล้ว เวลาเดิม ๆ เพิ่มเติมคือความน่ากลัวมากวันนี้
//อะไรของมึงเธียร //
//จองตั๋วให้หน่อย เอาเช้านี้เลยเฮีย //
//มาไม้ไหนของมึงอีกไอ้เธียร//
//จะกลับแล้วเฮีย อยู่ไม่ได้แล้ว ซื้อให้เลยน่ะเฮียวันนี้เลยเฮีย//
//เดี๋ยวดูให้และส่งเมลไปให้น่ะ มึงนี้ทำเอากูไม่เป็นอันต้องทำงานทำการ เช็กตั๋วเดินทางให้มึงเนี๊ยะไอ้เธียรวิชย์ เพราะว่าเดี๋ยวกลับเดี๋ยวไม่กลับ //
//แล้วนี่จะรีบกลับทำไมว่ะ มีอะไร//
// ผมฝันอ่ะเฮีย ผมฝันเห็นเด็กมาสิบกว่าเดือนแล้ว และคืนนี้มันหนักสุดเลยอ่ะเฮีย มาเป็นทีมฟุตบอลเลยเฮีย//
//มึงไปทำใคราท้องมาหรือเปล่าไอ้เธียร!! และถ้าป๊ารู้น่ะมึงโดนแน่เพราะว่าเรื่องนี่เรื่องเดียวที่ป๊าบอกมึงว่าอย่าทำและถ้าทำขึ้นมาป๊าไม่เอามึงไว้แน่ คือทำใครท้องก่อนวัยอันควร//
// ผมป้องกันตัวเองอย่างดีเฮีย ไม่ปล่อยให้ท้องแน่นอน ใส่เกาะ แต่มี “ผมก็ต้องชงัก ผมบอกเฮียไม่ได้ว่าผมมีอะไรกับผู้ชาย
//มึงมีอะไรกับใครโดยไม่ป้องกันด้วยเหรอไอ้เธียร!!”
//ไม่มีเฮีย!!! //ผมพูดด้วยเสียงสูง
//แค่นี้จะได้รีบดูตั๋วให้ // เฮียธีพูดก่อนจะวางสายไปจากผม ผมโทรทางไกลไป ผมลุกขึ้นนั่ง เหงื่อหมดทั้งใบหน้า แม้กระทั่งแผ่นหลับที่เปียกโชกราวกับว่าผมเพิ่งจะอาบน้ำมาและไม่ได้เช็ดตัวให้แห้ง ผมเดินก้าวเท้าออกมาจากห้องนอนตัวเอง เพื่อเดินไปหาน้ำดื่มแก้กระหาย กลับมาฝันอีกแล้วเหรอว่ะไอ้เธียร

“กริ้ง!!” เสียงกริงหน้าห้องผมดังขึ้น ใครกันว่ะนี่มันตีสาม หนังสือพิมพ์อะไรจะมาส่งแต่เช้ามืดแบบนี้ ผมก็วางแก้วน้ำลงก่อนจะเดินไป

“กริ้งๆๆๆๆ” รัวๆ เลยทีนี้ ผมก็ต้องจั้มอ้าว ผมว่าคงได้มีต่อยใครสักคนกันบ้างล่ะงานนี้ ผมรีบเปิดโดยไม่ได้มองมอนิเตอร์ว่าใครช่างกล้ากับผมแบบนี้ และสิ่งที่ทำให้ผมต้องผงะคือ รถเข็นเด็กที่มาอยู่หน้าห้องผม และเด็กน้อยหัวทอง ที่ยืนเอามือกดกริงหน้าห้องผมเล่นแบบรัวๆ

“เว้ยยยย” ผมร้องออกมาดังลั่น

“ปิ๊กกะบู้!! “เด็กน้อยปิดหน้าและเปิดหน้าเล่นกับผมอีก จ๊ะเอ๋ไง แต่ผมไม่เล่นด้วยครับ

“ไม่ขำโว้ยเฮ้ย!!” ผมพูดไทยส่งไปทันที

“อุ้ย! พี่ขอโทษทีค่ะ สงสัยรถมันไหลไปหน้าห้องนะคะ ไปลูก จะได้ไปขึ้นเครื่องบินกลับไปหายาย “มีผู้หญิงคนไทยเดินจับรถเข็นเด็ก ก่อนจะขอโทษผม และรีบเข็นรถเข็นนั้นออกไปทันที ดูท่าจะกำลังย้ายออก มากกว่า กระเป๋าเดินทางมากมาย พร้อมกับสามีต่างชาติที่เดินออกมา เขาหันมาโบกมือให้ผม ผมก็โบกมือกลับ และผมรีบปิดประตูลง เอามือกุมหน้าอก ไม่ได้แล้วน่ะ ไม่ไหวแล้วต้องกลับแล้วเธียรวิชย์อยู่ไม่ได้ หลอนมาก ไม่รู้ว่าเป็นที่ห้องหรือตัวผมเอง กลับถึงชวนอาม่าไปไหว้พระที่วัดดีกว่า

//เฮียได้ยังอ่ะ จะได้แพ็กกระเป๋าเดินทางรอเลย// ผมส่งข้อความไปหาเฮียธีพี่ชายคนโตของผม
//จองแล้วกำลังส่งไปให้ และป๊าบอกให้มึงนั่งชั้นประหยัดพอ //
//เฮีย ทำไมไม่บอกม๊าอ่ะ // เพราะว่าม๊าคงไม่ให้ลูกชายคนเล็กนั่งแบบลำบากแน่นอน
//แต่เฮียอัพเกรดให้เธียร//
//เป็นชั้นธุรกิจเหรอเฮีย//
//ชั้นประหยัดพรีเมี่ยมว่ะ ดีขึ้นมาหน่อย//
//เฮีย!! //เธียรวิชย์ร้องไห้แป๊บ เคยแต่นั่งชั้นหนึ่งน่ะ ชั้นเฟริส์คลาสน่ะแต่นี่ชั้นประหยัดแม้จะดีขึ้นมานิดนึงก็เถอะ
//ตอนเขาให้กลับดีดีไม่กลับนี่ และเครื่องน่ะบินบ่ายสามโมงน่ะ พักเครื่องด้วยแต่ เฮียไม่ได้หาที่พักให้ นอนในสนามบินรอต่อเครื่องแล้วกันน่ะ สิบห้าชั่วโมง //
//เฮียแกล้งกันเปล่าเนี๊ยะ!!”
//เอาคืนไงที่ตอนเด็กๆ อาม่าตามใจมึงเยอะไง ฮาๆ //
//แค่นี้น่ะเฮีย ผมจะไปเก็บของแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เจอกันเฮีย//
//เดินทางปลอดภัยน่ะ// เฮียธีบอกผม ผมก็รีบวางมือถือลง วิ่งเข้าวิ่งออก จัดกระเป๋าอย่างรีบด่วน ก่อนจะหันมาส่งอิเมลล่ำลาเพื่อนๆ แน่นอนมันคงยังไม่ได้อ่านกันหรอก เพื่อนๆ ที่เรียนที่นี้ และบรรดาสาวๆ ที่ผมซั่มเอาไว้ด้วย และส่งข้อความไปหาอาจารย์ของผมว่าให้ติดต่อผมทางอิเมลได้เลยผมไม่อยู่ที่นี้แล้ว ให้เหตุผลว่าต้องกลับด่วน ทางบ้านมีปัญหาแต่จริงๆ ผมหนีครับ อยู่ไม่ได้ห้องนี้แม่งต้องมีอะไรแน่ๆ แต่อยู่มาตั้งนานทำไมพึ่งจะมาเกิดเอาตอนนี้ว่ะ และความฝันนี้ก็มาตั้งแต่ผมกลับไทยรอบล่าสุด ผมต้องไปตามหาไอ้เด็กคนนั้นอีก เพราะอยากรู้ว่าที่ผมฝันนี้น่ะมันคืออะไร

*****

Part’ s กันต์ธีย์ ผมแต่งตัวด้วยชุดที่ดูสภาพ ก็อาจารย์กันภณบอกผมว่าจะพาผมมาพบกับพี่ชายคนโตของที่ตอนนี้ท่านเป็นประธานใหญ่ในเครือโรงเรียนนานาชาติ วชิรภังกุญชร ทำไมผมถึงมาวันนี้ อาจารย์กันตภณบอกว่าที่โรงเรียนนี้ สาขาไม่ไกลจากที่พักของผม และที่ผมได้มาสมัครงานที่นี้เพราะว่า จู่ๆ เจ้าหน้าที่ธุรการก็ขอลาออกกะทันหัน และผมเองก็อยากหางานทำ ตอนนี้เจ้าลูกโซ่จองผมก็หกเดือนได้แล้ว อาจารย์กันตภณบอกว่าโรงเรียนของพี่ชายเขามีรับดูแลเด็กเล็กด้วย เรียกว่าเนอสเซอรี่เด็กอ่อนก็ว่าได้ มีทั้งคนภายนอกและให้บริการกับลูกๆ ของพนักงาน ครูอาจารย์ที่นี้ เด็กเล็กที่นี้มีตั้งแต่แรกเกิดไปเลย และลูกครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ได้สิทธิ์ฟรี แต่ส่วนใหญ่จะห้าหกเดือนขึ้นไปแล้วมากกว่า เพราะว่าเล็กเกินไปพ่อแม่ก็กลัว และเหตุผลนี้ด้วย อาจารย์เลยพาผมมาสมัครไม่ซิ พามาฝากเลยดีกว่ามั้ง ผมเองก็ไม่อยากเข้ามาแบบเด็กเส้นเลยจริงๆ แต่ผมคงมีตัวเลือกไม่มาก และมีสวัสดิการดีแบบนี้ผมต้องรีบรับไว้จริงไหมครับ ตอนนี้ผมมานั่งรอที่ห้องประชุมเล็ก เพราะว่าเขาประชุมกันในห้องประชุมใหญ่ ผมน่ะแค่มารอคุยกับพี่ชายของอาจารย์เฉยๆ

“ช่วงนี้ป๊าเรียกประชุมบ่อยไปน่ะเฮีย สาขาที่ผมดูแลไกลจากนี้ตั้งเยอะ” เสียงบ่นดังเข้ามาในห้องประชุมเล็กของโรงเรียน ผมยอมรับว่าโรงเรียนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโรงเรียนนานาชาติจริงๆ ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามา เป็นสามหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมได้ยินเขาเรียกใครสักคนว่าเฮีย แต่หน้าตาเขาทั้งสามคนไม่ได้บ่งบอกเลยว่ามีเชื้อจีน ก็แต่ล่ะคนมีจมูกที่โด่งรั้นกันทุกคน ไม่ได้ตาตี่ ชั้นเดียว ตาสองชั้นกันหมด สูงยาวเขาดี แต่ล่ะคนก็หุ่นมาตรฐานชายไทยทั้งนั้น แต่ทำไมมองรวมๆแล้วมันหน้าคุ้นๆ ว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักที่ แม้จะสลัวไปหน่อยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ริบหรี่เต็มทีน่ะ จนกระทั่ง

“เพี๊ยะ!!” เสียงดีดนิ้วเรียวๆ เพื่อเรียกสติผมกลับคืนทันที

“เห็นมองผมสามคนนานแล้ว สงสัยว่าหน้าพวกผมจะมี ความหล่อติดอยู่” คนที่ดูกวนที่สุดถามผมขึ้น

“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ ทันที

“ไอ้ธัน อย่ากวน น้องเขาจะเข้ามาทำหน้าที่ธุรการคนใหม่และถ้ามึงกวนเขาแบบนี้เดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำหรอก และมึงต้องทำเองน่ะครับ” คนที่กวนผมชื่อธัน

“เหรอครับ สวัสดีครับ พี่ชื่อธันครับ เป็นหนุ่มหล่อที่สุดในตระกูล” ผมก็ยิ้มแหยๆ ก็หล่อเท่าๆ กันหมดน่ะ

“ช่างกล้าเปิดตัว หนุ่มหล่อและกะล่อนที่สุดในตระกูลด้วยซิครับธันครับ “อีกคนก็พูดขัดทันที ผมก็ต้องนั่งตัวรีบทันที

“ผมยังเป็นรองไอ้น้องชายคนโปรดของเฮียน่ะ เฮียธี” พี่เขาหันไปบอกพี่อีกคนดูท่าจะคนโตที่สุด

“สวัสดีครับ พี่ชื่อธามครับ “พี่อีกคนแนะนำตัวเอง

“คนนี้พี่คนโตพวกพี่ ชื่อเฮียธี ดุมาก” ผมก็สะบัดหน้าไปมองก่อนจะรีบยกมือไหว้อีกที

“มึงใส่ร้ายกูน่ะ ไอ้ธาม” พี่เขาพูด แต่หน้านิ่งๆ พี่เขาดุจริงๆ ผมก็หนีบขาเข้าไปอีก

“พี่จองตั๋วให้ไอ้น้องชายสุดที่รักพี่ยังอ่ะ” พี่ธามหันไปถามพี่คนโตสุด คุณธี

“ส่งไปแล้ว และกูจองชั้นประหยัดให้มันด้วย และมันก็ต้องรอต่อเครื่องนานโคตรเลยว่ะ”

“เข้าใจเอาคืนน่ะเฮีย”

“อะแฮม” เสียงกระแอมที่ทำลายบทสนาดังขึ้น ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาหันมายิ้มให้ผม และชี้ไปทีหนุ่มใหญ่ รูปหล่อและเคล้าหน้าก็มาทางสามคนที่นั่งนี้ทั้งหมด แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับอาจารย์กันตภณนิดหน่อย

“บีม นี้เฮียของพี่ครับพี่ชายคนโตของพี่และเป็น ท่านประธานอำนวยการใหญ่ของเครือนี้ครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมรีบยกมือขึ้นไหว้แทบจะไม่ทันที ดูจากชื่อบอร์ดผู้บริหารระดับสูงสุด ชื่อเกริกเกียรติ เดชาวชิรภังกุลชร

“น้องเขายังเกรงกลัวเลย แต่ไอ้คนน้องพี่คนเล็กนี้มันไม่กลัวป๊าเราเลยน่ะเฮีย”

“อะแฮม!!” เสียงแอมอีกครั้ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ และอาจารย์กันตภณก็เดินมานั่งข้างๆ ผม

“เราชื่อกันต์ธีย์ใช่ไหม ที่ว่าจะมาทำงานแทนธุรการที่เพิ่งจะออกไปน่ะ “คนที่นั่งลงที่เก้าอี้ประธานหันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่กล้าฮือไม่กล้าอือเลย

“เฮียอย่าดุหนักซิ น้องเขาสั่นหมดแล้ว และน้องคนนี้น่ะ ทำงานดี ละเอียดรอบคอบมากน่ะ ผมเลยแนะนำมา”

“เด็กอากันหรือเปล่าว่ะ” เสียงที่คุยกัน ทำให้ท่านประธานหันไปมอง แค่นั้นก็เงียบกันหมด

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ และเริ่มงานได้เมื่อไหร่ล่ะ พรุ่งนี้เลยได้ไหม เพราะว่างานเอกสารเยอะมากคนเก่าทำเอาไว้เละเลย “ท่านประธานพูด

“เฮีย อีกเรื่องน่ะคือน้องเขามีลูกเล็กด้วยนะครับ จะให้น้องเขาเอาลูกมาฝากเลี้ยงที่นี้โดยใช้สวัสดิการพนักงานก่อนได้ไหมเฮีย เพราะว่าสวัสดิการนี้ปกติให้คนที่ทำงานมาแล้วปีหนึ่งแต่นี้น้องเขาไม่มีคนดูจริงๆ “อาจารย์กันตภณบอกกับพี่ชายของเขา

“ห๊ะ!! มีลูกแล้ว” พี่ๆ ทั้งสามคนแสดงอาการตกใจพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“อายุน้องเท่าไหร่ครับ มีแล้ว รีบเหรอ พวกพี่จะสามสิบยังไม่รีบเลย “พี่คนที่กวนๆ ผมที่ชื่อธามหันมาถามผม

“ผมเออ ผม ไม่ได้รีบแต่มันมาแล้วอ่ะครับ และผมจบมหาวิทยาลัยแล้วด้วยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบ ท่านประธานอำนวยกันหันมามองผมก่อนจะหันไปมองอาจารย์กันตภณ

“ลูกอายุกี่เดือนแล้วล่ะ และแม่เด็กไม่เลี้ยงเหรอ” ท่านประธานหันมาถามผม ผมก็หันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ เอาไงดี ผมนี้แหละแม่เด็ก

“เออ เขาเลิกกันแล้วน่ะครับเฮีย ตอนนี้น้องอายุ หกเดือน เลี้ยงง่าย น่ารักเชียว “อาจารย์กันตภณหันไปบอกท่านประธาน

“แม้รู้ละเอียดจริงนะอากัน หรือว่า “พี่ธันทำท่าแซวอาจารย์กันตภณแต่ว่าเจอสายตาท่านประธานใหญ่เลยไม่กล้าแซวต่อทันที ผมนี้ก็นั่งสั่นไปทั้งตัวแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จน่ะ

“เอาก็ได้ ถือว่าเห็นแกที่ตอนนี้เราต้องการธุรการด่วน และผมอยากให้ คุณทำหน้าที่เลขานุการเพิ่มอีกตำแหน่ง ผมจะให้เงินเดือนเพิ่ม เพราะลูกชายคนเล็กของผมที่เพิ่งจะจบกำลังจะมารับตำแหน่งผู้บริหารงานของโรงเรียนสาขานี้ อยากให้ช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่ต้องเซ็นต์แต่ล่ะวัน ให้หน่อย จะเพิ่มจากเงินเดือนให้อีกเดือนล่ะห้าพันและไม่เก็บค่าดูแลลูกของเรา ถือเป็นสวัสดิการ ซึ่งปกติให้เฉพาะพนักงานที่ทำงานกับเรา หนึ่งปีแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ถึงต้องจ่ายเองไปก่อน”

“ครับ “ผมตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่เบานิดหน่อย

“ถ้าอย่างนั้น เฮียกลับก่อนน่ะ เพราะว่าวันนี้ อาซ้อเราน่ะมีนัด หมอนัดน่ะ” ท่านประธานใหญ่หันมาบอกอาจารย์กันตภณ ผมก็ลุกขึ้น คงต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อน

“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ “ผมพูดและลุกขึ้นทันที

“หึๆ สงสัยจะกลัวท่านประธานใหญ่จนฉี่ราดแน่เลย “พี่เขาหัวเราะตามหลังผมทันที ผมรีบเข้าห้องน้ำและทำธุรส่วนตัว พอเสร็จธุระ ผมก็ต้องรีบโทรหาพี่ฟ้า พี่สาวไอ้ฟิล์ม วันนี้พี่ฟ้าเขารับเลี้ยงเจ้าลูกโซ่ให้ผมก่อน

//สวัสดีครับพี่ฟ้า//
// บีมโทรมาพอดีเลย พี่ว่าจะโทรหาเราอยู่ พอดีเลย พี่ต้องพาลูกชายคนโตไปหาหมอฟัน หมอนัดตอนบ่ายสามน่ะ แล้วนี่เราเสร็จหรือยังบีม// พี่ฟ้าบอกผม
// เสร็จแล้วพี่ฟ้า ถ้าอย่างนั้นผมไปรับเลยครับ //ผมบอกพี่ฟ้า พร้อมกับรีบกดวางสาย ผมต้องไปบอกพี่กันก่อนว่าผมต้องรีบไปรับเจ้าลูกโซ่ของผมก่อน ตอนนี้ผมไม่เรียกอาจารย์กันตภณแล้วเพราะว่าผมจบแล้วนิ และอาจารย์ก็ไม่ใช่อาจารย์ผมแล้ว

//อะไรน่ะ แล้วหมอส่ายป่านเขาจะเอาประวัติการรักษากูไปทำไม แต่ถ้าเขาจะเอาไปก็เรื่องของเขาดิ ภีม พอเถอะ ไม่อยากยุ่งแล้วไง อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้เลยภีม แล้วคิดว่ากูควรให้อภัยอีกเหรอ เออ แค่นี้น่ะภีม จะไปส่งบีมก่อน อืม บาย // ผมเดินออกมาก็เจอพี่กันตภณยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ดูสีหน้าไม่ค่อยดี

“พี่ทะเลาะอะไรกับพี่หมอภีมเหรอครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง มันชอบง้องแง้งใส่พี่น่ะเป็นมันตัวโตโตแบบนี้ใจมันยังกับปลาซิว ว่าแต่เราเถอะจะรีบกลับเลยไหมพี่ว่าจะชวนไปหาอะไรทานสักหน่อย” พี่กันตภณพูดปนหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่สีหน้าดูแล้วน่าจะมีเรื่องกวนใจพี่เขาอยู่แต่ผมก็ไม่กล้าถาม ผมก็ยิ้มตอบให้เหมือนเคย ผมก็มองเสื้อตัวนี้ ผมไม่ได้เห็นพี่กันตภณใส่นานแล้วน่ะ ตั้งแต่วันนั้น งานเลี้ยงอำลา อาจารย์บัญชีที่เกษียณอายุ เป็นอาจารย์แม่ที่พวกผมเคารพ วันนั้นพวกผมเลยไปช่วยอาจารย์ของคณะ และวันนั้นพี่กันตภณใส่มันไป เสื้อตัวนี้ผมเป็นคนซื้อให้อาจารย์ เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง

“มองเสื้อพี่นี้ คิดอะไรหรือเปล่า” พี่กันตภณถามผม พี่เขาจำไม่ได้หรือเปล่าน่ะว่าเสื้อตัวนี้ผมซื้อให้

“คุ้นๆ เนอะ” ผมพูด

“อ้อเสื้อตัวนี้พี่เอามาจากห้องไอ้ภีมไง ที่วันนั้นเจ้าลูกโซ่อึรดพี่น่ะ และพี่เห็นว่าสีมันสวยดีพี่เลยเอามาใส่อีก “ผมพยักหน้าก่อนจะยิ้มจางๆ ใช่มันสีเดียวกันเลย

“อากัน อาเจ๊โทรมาบอกป๊า ว่าจะให้อากันพาอาม่าไปเอกซเรย์ข้อเท้าน่ะ”

“อ้าววันนี้เหรอ” พี่กันหันไปถามหลานชายพี่เขาที่วิ่งมาบอกพี่กันตภณ

“งั้นบีมไปกับพี่ก่อนน่ะ”

“ไม่ได้ครับพี่กัน เพราะว่าผมต้องไปรับลูกนะครับ พี่ฟ้าเขามีธุระนะครับ”

“ให้ผมนั่งแท็กซี่ไปดีกว่าครับ และพี่กันไปดูม๊าพี่เถอะครับ อันนั้นสำคัญกว่านะครับ ให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า”

“บ้านเพื่อนน้องอยู่ตรงไหนอ่ะครับ” พี่ธามถามผม

“อยู่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่ครับ”

“พี่ต้องไปเอาเอกสารให้ป๊า ที่อโศกเลยครับ” พี่ธามพูด

“เฮีย เฮียไปมิวไม่ใช่เหรอ ที่ตรงอนุสาวรีย์ชัยน่ะ เฮียไปส่งน้องเขาหน่อยดิ” พี่ธามหันไปเรียก พี่ธี พี่ธีหันมามองผมกับพี่กันตภณ ผมนี่ไม่กล้าเงยหน้า เฮียเขาดูดุดุน่ะผมว่า คงเพราะค่อนข้างเหมือนท่านประธานใหญ่มากที่สุด

“อากันต้องไปดูอาม่าเพราะว่า อาม่าเขามีนัดพบวันนี้”

“เออ ได้ดิ ให้น้องเขาไปกับผมก็ได้อากัน”

“แล้วเราจะกลับมาคอนโดยังไง” พี่กันตภณหันมาถามผมอีก ผู้ชายคนนี้หวงผมไปทุกเรื่องเลย

“ก็แท็กซี่ไงครับ”

“แล้วคอนโดน้องอยู่ไหนเหรอครับ” พี่ธีถามผม

“ก็ไม่ไกลจากนี้หรอกแค่สามป่ายรถเมย์น่ะ” พี่กันตภณเป็นคนตอบแทน

“งั้นพี่ขับกลับมาส่ง เพราะว่าแฟนพี่เขาจะมาเอาของที่บ้านแม่เขาด้วยน่ะ ว่าที่แม่ยายพี่นะครับ ทางผ่านอยู่น่ะ เพราะว่าไม่ไกลจากนี้แค่สี่ห้าป้ายรถเมย์เหมือนกัน” พี่ธีพูด ยิ้มๆ ผมก็เงยหน้าขึ้น มุมปากผมค่อยปรากฏขึ้นเป็นยิ้มได้หน่อย แต่ตอนอยู่ในห้องประชุมนี้พี่แกขรึมน่าดู

“งั้นไปกับธีน่ะ และให้ธีขับมาส่งที่คอนโดเรา ห้ามกลับเอง พี่เป็นห่วง “พี่กันตภณพูด

“อาผมมาส่งให้น่ะ น้องไม่หายไปไหนหรอก “พี่ธีพูด

“งั้นอาฝากด้วยน่ะ ธี ใจมาก”

“บีมพรุ่งนี้พี่ไปรับเราน่ะและจะได้มาทำงานวันแรก พี่อยากมาส่ง” พี่กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินตามพี่ธีไป พี่ธีก็คุยโทรศัพท์กับแฟนเขาไปด้วย ผมไม่เห็นพี่ธีสวมแหวนที่นิ้วนางนั้นแปลว่าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ แต่ไม่มีแหวนเหมือนที่พี่กันสวมแหวนประจำวงค์ตระกูล แต่ผมสังเกตพี่ธามและพี่ธันเขายังสวมอยู่เลยอ่ะ แหวนที่พี่กันบอกกัยผม และมันจะจริงไหมถ้าเจอใครที่ชอบให้มอบแหวนวงนั้นไป แปลกดีน่ะ แต่แหวนคืนนั้นน่ะ มันคงไม่ได้มอบเพราะมีคำสั่งจากวงค์ตระกูลมันมาเหมือนกันแน่ๆ แหวนพร้อมกับเงินสดห้าพัน ถุ้ย! ไอ้เชี้ยเธียร!!

“พี่มีคู่หมั้นแล้วครับ “ผมก็สะดุ้ง ผมคงมองนิ้วพี่เขานานไปหน่อย

“ทราบครับ” ผมเงยหน้าตอบพี่เขา

“พี่รักว่าที่ภรรยาพี่ครับ เพราะว่าว่าที่ภรรยาพี่โคตรดุเลย” พี่ธีพูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช่น่ะ

TBC...........


ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ไกล้เข้ามาแล้ววววว

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P1 
[/size][/color]

                 Part's กันต์ธีย์ ผมเดินออกมายืนรอพี่ธีที่ด้านหน้าตึก พี่ธีเขาเดินไปขับรถคันหรูมารับผม รถพี่ธีสวยและหรูมากดูท่าจะรถนำเข้าและน่าจะไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่ก็หรูพอพอกับรถของพี่กันตภณนั่นแหละ ต่างแค่ว่าคนล่ะรุ่น ของพี่กันตภณน่ะรุ่นก่อนหน้านี้หลายปีอยู่และดูคลาสสิคกว่า ผมเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ธีที่ทำหน้าที่ขับรถเอง

“ขอที่อยู่ด้วยครับน้องบีมพี่จะได้ตั้ง จีพีเอส ไม่อย่างนั้น หลงแน่ๆ “พี่ธีพูด ผมก็ส่งที่อยู่ให้ และพี่ธีก็ตั้งจากหน้าจอทัชสกีนในรถหรูของพี่ธีเขา ผมเงยหน้าขึ้นมามอง ผมเห็นหูพี่ธีเออมันเหมือนหู ไอ้เจ้าลูกโซ่ผมเลย หูกางและจังหวะนั้นพี่ธีหันมาพอดี

“จะว่าพี่หูกางเหรอครับ” พี่ธีพูดพร้อมกับกุมหูหัวเอง ผมรีบสั่นหัวทันที ใครจะกล้าว่าลูกท่านประธานใหญ่ละครับ อาจจะตกงานได้

“ไม่ ไม่ ใช่ครับ แต่ ก็กางนะครับ อุ้ย! พี่ผมขอโทษครับ”

“นี้แหละจุดขายบ้านพี่ หูกางทุกคน “พี่ธีพูดปนหัวเราะ อ้อไม่โกรธค่อยยังชั่วหน่อย เอาจริงๆ พี่เขาก็ไม่ดุเหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมกับท่านประธานใหญ่เลยน่ะ ผมนั่งคุยไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง มาถึงอนุสาวรีย์ชัย พี่เขาตรงเข้าไปจอดด้านหลังร้านขายยาแห่งหนึ่ง ร้านใหญ่มาก

“พี่เข้าไปรับแฟนก่อนนะครับ แฟนพี่เป็นเภสัชกรน่ะครับ และนี้ร้านยาแฟนพี่ครับ “พี่ธีบอก ผมพยักหน้าก่อนจะปลดเข็มขัด แฟนเขามาผมก็ต้องไปนั่งหลังซิ ผมรีบขยับตัวออกมาและไปนั่งด้านหลังทันที ไม่นานพี่เขาก็เดินคุยมาด้วยกันผมหันไปเห็นก็ยิ่งมองเพราะว่ามัน ดูน่ารักดี

“อุ้ย!!” แฟนพี่เขาเปิดประตูด้านหลังที่ผมนั่งอยู่ แฟนพี่เขาน่ารักมากเลย สวมเสื้อกาวสีขาว ตรงเหนือกระเป๋าปักไว้ว่า ภก.พิมลวรรณ

“อ้าวไปนั่งด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะบีม” พี่ธีถามผม

“น้องเขากลัวเฮียน่ะซิ เลยกระโดดมานั่งหลังเลย ใช่ไหมคะ เพราะว่าเฮียแกหน้าดุ แต่จริงๆ น่ะ ติ้งต้อง” แฟนคนสวยของพี่ธีพูด ขำ ขำ กับเฮียธีที่ยืนเกาหัวตัวเอง ก่อนจะเอาฝ่ามือแตะที่หัวผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้โกรธแต่เอ็นดู มันน่ารักไปอีกแบบน่ะ

“เฮียไม่โหดน่า จะโหดก็ตอนนั่งกับป๊าอย่างเดียว” พี่ธีพูดตอนที่เข้ามานั่งในรถแล้ว และแฟนพี่เขาก็เข้ามานั่ง เขาก็คุยกันกะหนุงกะหนิง คนเป็นแฟนกันอะนะ และมันก็ดูน่ารักดี

“บีมนี้พี่มิวครับ ว่าที่ภรรยาพี่ครับ พี่กำลังจะแต่งงานกันปลายปีนี้ครับ” พี่ธีบอกผม

“ยินดีที่รู้จักนะคะ ว่าแต่จับพลัดจับผลูยังไงถึงได้มานั่งรถเฮียได้คะเนี๊ยะ”

“เด็กอากันเขา เขาฝากไปส่งบ้าน “พี่ธีพูด แม่เรียกผมว่าเด็กพี่กันตภณอีก

“อากันน่ะฝากผิดคนหรือเปล่า “แฟนพี่เขาแซวพี่ธีทันที

“พี่บอกน้องเขาไปแล้วพี่น่ะเกรงใจว่าที่ภรรยา เพราะว่าดุครับ เห็นพี่โหดแต่พี่เกียมัวน่ะครับ “พี่ธีพูด และพี่มิวหันมาพยักพเยิดให้ผม

“และน้องเขาว่าจะไปเอาของด้วย ใช่ไหมครับ ที่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่น่ะครับ” ผมหันมามองพี่ธี พี่เขาเรียกลูกผมว่าของเลยเหรอ

“ผมไปรับลูกน่ะครับพี่ธี” ผมบอกพี่ธี

“เออ พี่ขอโทษที ไปรับลูกเนอะ” พี่ธีรีบขอโทษผมทันที

“ห๊ะ!! มีลูกแล้วเหรอ ดูยังเด็กอยู่เลยอ่ะบีม” แฟนพี่ธีร้องเสียงหลงเลย

“น้องอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ” พี่เขาถามถึงผมแน่ๆ เพราะว่าพอผมชี้ตัวเองพี่เขาพยักหน้าหงึกๆ ก่อน

“ผมเพิ่งจบปริญญาตรีครับ ผมยี่สิบเอ็ดย่างยี่สิบสองปีแล้วครับ” ผมบอกพี่มิวแฟนพี่ธี

“เด็กกว่าพี่สามสี่ปีได้ แต่เฮียน่ะคงแก่กว่าครึ้งรอบได้เลยมั้ง”

“หนูว่าเฮียแก่เหรอ เจ็บน่ะคำนี้น่ะ” เฮียธีพูด ผมก็ต้องเหลือบตามอง ทำไมไม่เจอแบบนี้บ้างว่ะน่ารักอ่ะ ผมแอบคิดในใจ แต่ทำไมผมถึงชอบนึกถ้าไอ้พ่อของลูกโซ่มันรู้จักมาง้อผมบ้างก็คงดี แต่ใครจะมาง้อคนที่มีอะไรคืนเดียวแล้วท้องเลยว่ะ

“และนี่ก็ตามน้องเขาไม่ทันแล้วเฮีย” พี่มิวก็หันมาบอกพี่ธี

“ก็บอกให้แต่งตั้งแต่ต้นปีแล้วนี่” พี่ธีพูด

“ก็จะลดน้ำหนักก่อน”

“กินขนมเค้กอีกแล้ว จะลดหรือจะเพิ่มจ๊ะหนู” ผมบอกตามตรงน่ะว่าพี่เขาน่ารักจริงๆ คู่นี้ พี่ธีดูท่าทีเหมือนจะเจ้าชู้แต่ไม่เจ้าชู้เลย ผมนั่งดูเขาสองคนหยอกล้อกันจนรถแล่นมาจนถึงบ้านพี่ฟ้า ผมก็รีบเปิดประตูทันทีเพราะว่าคิดถึงเจ้าลูกโซ่แย่แล้ว

“พี่จะกลับเลยก็ได้นะครับ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองได้นะครับพี่ธี”

“ไม่ได้ครับ เพราะว่าอากันเขาฝากพี่ครับ และเราไปนานเหรอครับ” พี่ธีถามผม

“ไม่นานครับแค่ไปรับและก็กลับเลยครับ”

“พี่รอได้ครับบีม ไปเถอะครับ และพี่ว่าช่วยแฟนกินขนมก่อน ให้กินคนเดียว เดี๋ยวชุดแต่งงานต้องตัดใหม่” พี่ธีบอกผมแอบหยอกกันเล่นกับพี่มิวอีกแล้ว ก่อนจะหันไปคุยกะหนุงกะหนิงด้วยกันต่อ ผมเห็นแบบนี้แล้ว อิจฉามาก ตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ทำไมเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักขนาดนี้ ผมชอบมองคู่รักที่ทำอะไรให้กันแบบนี้ แล้วผมล่ะจะมีบ้างไหมน่ะ แต่มันแปลกเวลาที่พี่กันตภณทำให้ผม ทำไมผมรู้สึกเหมือนเขาคือญาติผุ้ใหญ่ที่ทำอะไรให้ผมไม่เคยมองในฐานะคนรักที่ทำให้กันแบบพี่ธีกับพี่มิวเลยก็ไม่รู้ หรือว่าในหัวผมคิดแต่เรื่องไอ้คนที่ทำให้ผมท้องกันแน่ ผมเดินเข้ามาก็เปิดประตูเข้าไปทันที ผมเห็นเจ้าลูกโซ่ของผมนั่งรื้อของออกจากกระเป๋าใส่ของใช้เด็กอ่อน รื้อจนเพลินเลยน่ะ

“มัม มัม มัม” ไม่รู้ว่าเรียกหรือว่าแค่บ่นน่ะ ทันทีที่เขาหันมาเจอผม และรีบคลานมาหาผมทันทีเช่นกัน ผมก็ตรงปรี่ไปหาเจ้าลูกโซ่

“บอกว่าให้เรียกมี้ ไม่ใช่มัม มัม มัม” ผมย่อตัวลงบอกเจ้าลูกโซ่ พร้อมกับเอานิ้วจี้จิ้มที่ปลายจมูกโด่งรั้นนี้ โด่งกว่าผมมากมาย ขนาดว่าผมเป็นลูกครึ้งน่ะ ยังโด่งน้อยกว่าเลย แต่แปลกที่ผมกลับเป็นลูกครึ้งที่มีเชื้อไทยมากกว่า แต่ก็ดูรู้แหละว่าไม่ใช่คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์

“อ้าวบีมมาแล้วเหรอ พี่จับอาบน้ำให้แล้วน่ะ กรี้ดจนแสบแก้วหูเชียวเวลาอาบน้ำน่ะ” พี่ฟ้าพูดปนหัวเราะ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็เอียงคอมอง รู้เรื่องทันทีเลยน่ะ

“อาบีม” ลูกสาวพี่ฟ้าคนที่สอง สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งแล้วซิและเขาก็วิ่งมากอดผม ผมมาที่บ้านนี้บ่อยเมื่อก่อน เพราะว่าผมสนิทกับฟิล์มมาก นัดกันมาทำรายงานที่บ้านฟิล์มบ่อยๆ

“น้องน่ารัก” น้องเพิร์นบอกผมชมเจ้าลูกโซ่ของผมแต่คนถูกชมกับเงยหน้าขึ้นเม้มปาก จนน้องเฟิร์นต้องหลบหลังผมแทน

“น้องน่ากลัว” อ้าว! ผมเหลียวหลังกลับมามองเฟิร์น เมื่อกี้ยังน่ารักอยู่เลย และผมก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้กับคนที่แอบน้องอยู่ด้านหลังผม

“แล้วนี่เริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะบีม และใครจะดูเวลาเราไปทำงานน่ะบีม” พี่ฟ้าถามผม

“ผมเริ่มทำงานพรุ่งนี้ครับ แต่ว่าที่ทำงานผมน่ะ เขาเปิดรับเลี้ยงเด็กเล็กด้วยครับพี่ฟ้า และผมก็ใช้สวัสดิการ เขาให้ฝากดูแลฟรีครับ ในช่วงเวลางานครับพี่ฟ้า”

“ดีจังเลยอ่ะ มีงานดีดีแบบนี้ เอาไว้ให้มั่นเลยน่ะ นี้ไอ้ฟิล์มน่ะได้งานที่ต้องมีกะกลางคืนด้วย มันโคตรเหนื่อยเลย มันบอกเรียนมาก็ยากกว่าจะจบ แต่พอจบมาแล้วได้งานทำ ก็เหนื่อยว่าทำการบ้านอีก มันบ่นกับพี่ทุกวันเลยบีม” พี่ฟ้าพูด ผมก็ยิ้มๆ เพราะว่าผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่างานจะเหนื่อยไหม

“พี่ฟ้า ผมไปก่อนนะครับ”

“และนี่พี่ที่เป็นลูกท่านประธานใหญ่เขามาส่งผมนะครับและเขาก็รอไปส่งผมที่คอนโดอีกที ผมเกรงใจเขานะครับ” ผมบอกพี่ฟ้าก่อนจะคว้าเอาทุกอย่างขึ้นมาสพายกระเป๋าขึ้นบนบ่าก่อนจะหันไปอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาหนีบเอวผมไว้ พออุ้มขึ้นมาได้ก็คว้าเสื้อผมจะแหวกหาอกแบนๆ ผมอีก

“อือออ” ผมส่ายหน้าว่าไม่ได้ ก็ยังจะแหวกอีก จนพี่ฟ้าหลุดขำผมทันที

“ที่ของพี่ตูมๆ ไม่จับหรอก” พี่ฟ้าพูดปนหัวเราะกับเจ้าโซ่ที่ติดอกแบนๆ ของผมน่าดู

“อาบีมไปก่อนนะครับ น้องเฟิร์น เอาไว้อาพาน้องมาเล่นด้วยใหม่น่ะครับ”

“น้องน่ากลัวแต่เฟิร์นก็ชอบน้องน่ะอาบีม” เฟิร์นกระซิบข้างหูผม

“เอาน่ะน้องฟันกำลังจะขึ้นน่ะ เลยอยากขยำอะไรสักอย่าง “พี่ฟ้าบอกลูกสาว ผมก็คิดว่าน่าจะฟันกำลังขึ้น เห็นโผ่มานิดๆ แล้วด้วย ตอนนี้ก็ทานอาหารบดอยู่ และผมก็รีบกระเตงลูกออกมาอย่างรวดเร็ว เกรงใจคนที่รอ

******
Part’ s เฮียธี พี่ชายคนโตของพระเอก แต่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังรอน้องสะใภ้อยู่ (ยังไม่รู้ตัวอีกาๆ) ธีกำลังนั่งให้แฟนสาวที่คบหากันมาเกือบแปดปี กำลังป้อนขนมกันอยู่ ธีเขาเหมือนป๊าของเขา รักใครก็รักคนเดียว ไม่ว่อกแว่กและให้เกียรติคนที่ตัวเองคบหาอยู่ ถ้าเลิกกันแล้วจะมีแฟนใหม่ก็ไม่มีใครว่า แต่ว่าคู่ของเขานี้รักและเข้าใจจึงอยู่ด้วยกันนานมาก ธีคบกับแฟนสาวตั้งแต่เธอเรียนเภสัชกรปีหนึ่ง พบรักกันบนรถไฟฟ้าเพราะว่าวันนั้นรถของธีเสีย และเขาก็รีบไปสอบเลยต้องจอดรถทิ้งไว้และขึ้นรถไฟฟ้าไปแทน และนั้นทำให้เขาได้คนที่น่ารักมาอยู่ข้างๆ จนถึงทุกวันนี้

“เฮียว่าอันนี้สวยไหมอ่ะ”

“แล้วแต่เมียเฮียเลยครับ อันไหนเมียชอบเฮียก็ชอบเพราะว่าเฮียเคารพการตัดสินใจเมียเฮีย และไม่คัดค้านการตัดสินใจของเมียด้วย” ธีพูด

“เฮียอ่ะ พูดแบบนี้ ไม่กล้าไปรักคนอื่นเลยน่ะ”

“ก็ดีแล้วไง ถ้าเมียตัดสินใจไปรักคนอืนอันนี้เฮียจะค้านละครับ” ธีพูดหยอกคนรักในรถจนกระทั่ง เขาเห็นบีมหอบกระเป๋าและเด็กน้อยที่หนีบเข้าเอวมาด้วย เขาจึงรีบลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้บีม ธียืนมองเด็กน้อยตัวขาวๆ ที่หนีบเอวบีมมาด้วยความสงสัย ทำไมพอเพ้งมองใกล้ๆ เขาก็ยิ่งเห็นว่าใบหน้าเด็กน้อยนั้นดูคุ้นเคย จะว่าเหมือนอากันตภณเหรอ ไม่น่าจะใช่น่ะแต่นี่มันลูกของน้องบีมเขานิแต่แม่น้องน่ะใครก็ไม่ได้ถามอีก

“สวัสดีครับก่อนซิลูกโซ่ “บีมบอกให้ลูกชายเขาสวัสดีครับ ธีเป็นคนชอบเด็กเขาอยากมีลูกทันทีที่แต่งงาน พอเขาเห็นเด็กน่ารักตาหวานขนาดนี้ เขาจึงยื่นใบหน้าหล่อๆ ของเขาเข้าไปใกล้แต่ผลที่ได้คือ

“โอ๊ยย!!” ธีร้องเสียงหลงทันที เพราะว่าเด็กน้อยบีบปลายจมูกโด่งรั้นของเขาทันควันเช่นกัน

“ลูกโซ่!!!” บีมรีบห้ามปรามลูกชายตัวแสบพร้อมกับพยายามจับมือลูกโซ่ให้ปล่อยปลายจมูกโด่งๆ นั้นให้เป็นอิสระ และทันทีที่เด็กน้อยปล่อยจมูกของธีเป็นอิสระ เขาก็รีบถอยหลังออกและหันมาจับและสำรวจปลายจมูกตัวเอง คนที่เปิดกระจกมองอยู่คือแฟนสาวของเขา

“พี่ธี ผมขอโทษครับ “บีมรีบกล่าวขอโทษธีแทนเจ้าลูกโซ่ทันที ลูกหนอลูกจะทำให้มี้ตกงานน่ะลูกโซ่ ไปทำลูกชายคนโตท่านประธานใหญ่ทำไมลูก

“พี่ธี เป็นอะไรไปน่ะ” มิวแฟนสาวรีบถามแฟนหนุ่มทันที

“เด็กบีบจมูกพี่ ดุน่ะเนี๊ยะ ตัวแค่เนี๊ยะ!” ธีหันไปบอกแฟนสาว ที่นั่งมองเขาและยังขำเขาอีก ส่วนบีมก็ยืนมองด้วยสายตาที่รู้สึกผิดแทนลูกชายจริงๆ

“มองหน้าก็ไม่ได้เหรอครับ ลูกชายบีมน่ะครับ” พี่ธีถามบีมก่อนจะหันมาช่วยหยิบกระเป๋าใส่ไว้ในรถ พร้อมกับสายตาเด็กน้อยที่จับจ้องที่เขาอย่างไม่วางตา

“แสดงว่าน้องเขาไม่ชอบจมูกโด่งๆ ของพี่แน่ๆ เลย เฮียธี “แฟนสาวรีบแซวแฟนหนุ่มทันที และธีก็รอให้บีมเข้าไปนั่งในรถซะก่อน เพื่อจะได้ปิดประตูให้ แอบจับปลายจมูกตัวเองอีกครั้งเมื่อกี้น่าจะเรียกว่าหยิกดีกว่าจับน่ะ เพราะว่ามันเจ็บมาก ธีคิดในใจ ก่อนจะเข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับรถและปรับกระจกมองตัวแสบที่นั่งอยู่บนตักของบีม มองไปรอบรถเก๋งคันหรู ราวกับกำลังสำรวจโลกกว้าง สายตาที่มองเหมือนอยากจะหาอะไรทำ ก่อนที่ธีจะออกรถ เด็กน้อยก็หันไปเห็นฟิกเกอร์ของธีที่เขาไปซื้อมาสะสมไว้ ราคาตอนนั้นก็เกือบสองหมื่นบาทต่อชิ้น เพราะว่าทำได้หน้าตาเหมือนตัวแสดงในเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ไม่มีผิด แต่ว่าเด็กน้อยหันไปดึกปืดเดียวหลุดมาทันทีทั้งแผง ผมนี้ร้องไม่ออกครับ

“เว้ยย ลูกโซ่”

“มิว ตัวนั้นโทนี่สตาร์ค พี่ซื้อมาหนึ่งหมื่นเก้าพันบาท “ธีพูดกับมิวด้วยน้ำเสียงที่เบามาก และ

“ปึก “หัวไอรอนแมนกระเด็นมาตกที่ด้านหน้าของรถ มันมาแต่หัวด้วย

“มิวคิดว่า ฟิกเกอร์ไอรอนแมนเฮียน่ะ ถึงแก่ชีวิตไปแล้วแหละ” มิวพูดพร้อมกับคีบหัวฟิกเกอร์ที่กระเด็นมาขึ้นมาให้แฟนหนุ่มดู น้ำตาแทบไหลแต่เด็กน้อยก็มองตัวฟิกเกอร์ที่ไร้หัวก่อนจะโยนทิ้งไป

“พี่ธี ผมขอโทษครับพี่ธี “ส่วนบีมก็รีบขอโทษขอโพยทันทีกับผลงานลูกชายตัวแสบ

“ไม่เป็นไรครับบีม พี่ก็ว่าจะถอดออกและเก็บไว้บ้านอยู่แล้วแต่พี่ไม่คิดว่าน้องจะช่วยพี่ถอดแบบ  เออ ออกมาเป็นชิ้นๆ แบบนี้ ” ธีหยิบเอาหัวฟิกเกอร์ไอรอนแมนมาดู ก่อนจะมองเด็กน้อยที่ทำหน้าตาอินโนเซ้นท์ ใสซื่อจนเฮียธีโกรธไม่ลง ก่อนจะตัดใจออกรถจะดีกว่า

“บีมนี้ลูกบีมเหรอคะ น่ารักมากเลยอ่ะ หล่อด้วยอ่ะ น้องอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ” มิวหันไปถามบีม

“น้องอายุ 6 เดือนครับ แต่ว่าน้องคลอดก่อนกำหนด คลอดตอนอายุครรภ์ที่35สัปดาห์กับอีกหกวันนะครับ” บีมตอบ

“เป็นคุณพ่อที่ใส่ใจมากจริงๆ ค่ะ “แฟนสาวของธีพูดด้วยความประหลาดใจ ส่วนบีมก็มองแฟนสาวของธี

“คือว่าปกติ คนที่เป็นพ่อมาซื้อยาน่ะ ลูกเกิดเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลยจำไม่ได้แต่นี่จำได้แม้กระทั่งอายุครรภ์ก่อนจะคลอดเลยอ่ะ เก่งมากเลยบีม” มิวกล่าวชมบีมทันที

“ผม เออ ผม” บีมก็ยิ้มเจือนให้แทนคำขอบคุณ

“น้องน่ารักอ่ะเฮีย” แฟนสาวหันมาอ่อนธีกำลังขับรถออกมาได้สักระยะ

“อยากได้เหรอ นั้นลูกเขาน่ะ ถ้าอยากได้ต้องไปทำเอา”

“อยากได้และอยากได้แบบนี้ด้วยอ่ะ น่ารักแบบนี้อ่ะเฮีย “แฟนสาวของธีพูดก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นั่งมือไม่สุขตลอด ยุกยิกกับบีมไปด้วยจนบีมต้องจับมือให้อยู่นิ่งๆ และทันทีที่แฟนสาวขอบธีหันมามองเต็ม เขากลับเห็นบางสิ่งที่แปลกและประหลาดใจ จนต้องหันมามองแฟนหนุ่มที่ขับรถอยู่ สลับไปมา จนแฟนหนุ่มหันมาสะกิดแฟนสาวตัวเอง

มีต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2021 08:01:28 โดย Alessa »

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P2
[/color][/size]

“เป็นอะไรน่ะมิว”

“เฮีย หนูคิดมากไปไหมอ่ะ หน้าตาเด็กน้อยน่ะ มีส่วนคล้ายเฮียอ่ะ”

“เฮ้ย เฮียมีหนูคนเดียว ไม่เหมือนไอ้ น้องคนเล็กเฮียนี่”

“หนูเห็นอ่ะเฮีย ดูที่คิ้วดิ หนาเหมือนเฮียเลย “แฟนสาวบอกกับแฟนหนุ่ม ทำให้เขาต้องดึงกระจกมามองคิ้วตัวเองระหว่างรอติดไฟแดง เออคิ้วเขาหน้าจริงแต่ไม่ได้หนาอยู่คนเดียวน่ะ หนาทั้งบ้าน จนถึงป๊าของเขาด้วย

“เฮีย ดูจมูกดิ โด่งเหมือนเฮียเลย แต่ว่าพ่อน้อง น้องบีมน่ะเขาจมูกก็โด่งน่ะ แต่ไม่โด่งรั้นเหมือนน้องเลยน่ะ คือโด่งแบบสวยๆ อ่ะ ของน้องบีมน่ะ หรือว่าแม่ของลูกเขาโด่งก็ไม่รู้น่ะเฮีย  “แฟนสาวพูดทำให้แฟนหนุ่มมองจมูกตัวเองก่อนจะหันไปมองเด็กน้อย

“เฮีย!!”

“อะไรอีกล่ะหนู! “เฮียมักจะแทนการเรียกแฟนสาวว่าหนู

“ตาอ่ะ เหมือนเฮียน่ะ โตแต่ว่าหางตาชี้ขึ้นนิดๆ”

“ตาแบบนี้ตาเอาเรื่อง อาม่าพี่บอกไว้ ตาไอ้ตัวแสบน้องชายเฮียไง ไอ้ตี๋น้อยอ่ะ ”คนที่ธีพูดถึงคือเธียรวิชย์

“และผมน้องเขาก็หนาเหมือนเฮียเลยอ่ะ”

“เออ ที่หนูพูดมานี้จะให้เขาเป็นลูกเฮียให้ได้ใช่ไหมครับ จะให้ขอน้องเขาไปอยู่กับเฮียเลยไหม ในฐานะที่เกิดมาก๊อบปี้ความหล่อเฮียน่ะ”

“ไม่ใช่ หนูแค่แปลกใจ ทำไมเหมือนกันขนาดนี้ เหมือนแบบนี้มันคนในครอบครัวเอียแล้ว “แฟนสาวของธีหันมาบอกธี ก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยอีกที ระหว่างที่บีมกำลังโทรหาเพื่อนให้ลงมารับ เพราะเพื่อนๆ มาหาที่คอนโดกันหมดแล้ว ธีและแฟนก็หันไปมองเด็กน้อยเป็นระยะ ธีก็เห็นเหมือนที่แฟนสาวเห็นเหมือนกันน่ะ

“หูก็กางด้วยน่ะเฮีย” แฟนสาวพูดและสะกิดธี ทำให้แฟนหนุ่มปรับกระจกมองอีกครั้ง

“จริงด้วย “ธีพูดขึ้น จังหวะที่บีมหันมามองพอดี บีมทำหน้าสงสัยทันทีเช่นกัน

“อ้อน้องน่ารักนะคะ”

“พี่เขาบอกว่าน้องโตขึ้นน่าจะหล่อเหมือนพี่แน่นอนน่ะครับ แฟนพี่คอนเฟิร์ม” ธีรีบบอกบีมทันที บีมถึงกลับต้องก้มลงน้องเจ้าลูกโซ่ นอกจากจะไม่ค่อยเหมือนมี้แล้วยังไปเหมือนคนอื่นอีกเหรอ มันยังไงกันว่ะ บีมแอบคิดในใจ

“แหวะ! ใครพูดแบบนั้นล่ะเฮีย หนูไม่ได้พูดว่าน้องจะหล่อเหมือนเฮียแต่หนูบอกว่าน้องน่ะน่าจะหล่อกว่าเฮีย” แฟนสาวของธีพูด

“อ้าวทิ้งกันซะงั้นน่ะหนู หนูมากับเฮีย อย่าทิ้งเฮียแบบนี้ซิ “ธีรีบหันมาบอกแฟนสาวทันที

“พี่ครับเลี้ยวซอยข้างหน้าครับ “บีมลืมชี้ว่าต้องเหลียวแล้ว

“เอี้ยด!!!!” เสียงรถเบรก ธีที่เหยียบเบรกกะทันหัน โชคดีที่ไม่มีรถตามมาในระยะประชิด และบีมก็รีบคว้าลูกมากอดแนบอกไว้ได้ทันโดยไม่หวงตัวเอง มันยิ่งทำให้แฟนสาวของธี หันมามองด้วยความแปลกใจอีกครั้ง พฤติกรรมของบีมมันไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นแค่พ่อแต่เหมือนกับเขาเป็นแม่ซะมากกว่า

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ พี่ขอโทษทีนะครับ บีม” ธีรีบกล่าวขอโทษบีมทันที

“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ไม่บอกพี่ธีล่วงหน้านะครับ ผมขอโทษครับ” บีมพูดอย่างรู้สึกผิดและรถเก๋งคันหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ด้านหน้าคอนโด ธีเลือกที่จะไปจอดที่ร่มๆ ให้บีม จังหวะนั้นมะนาวเดินลงมาพอดี เธอสวมชุดยูนิฟอร์มทำงาน เดินตรงมาที่รถที่จอดอยู่

“พี่ธีนี้ใช่แม่เด็กไหมอ่ะ แต่ว่าไม่มีส่วนไหนที่จะบอกว่าใช่เลยอ่ะ “แฟนสาวของธีพูด ก่อนจะลดกระจกลง

“สวัสดีค่ะ” มะนาวกล่าวทักทายแต่ตาน่ะไม่ได้มองมิวสักเท่าไหร่ มองแต่แฟนหนุ่มของเธอ

“สวัสดีค่ะ แม่น้องลูกโซ่เหรอคะ” มิวเอ่ยถามมะนาวทันที

“ห๊ะ!” มะนาวทำสีหน้าตกใจ ก่อนจะตอบไปว่า “ไม่ใช่แม่ค่ะ ยังไม่มีผัวค่ะ” มะนาวรีบตอบทันที

“อ้าวเหรอ ยังไม่มีผัว เฮอะๆ ตรงไปไหมอ่ะเฮีย น้องเขาอ่ะ เฮอๆ” มิวแฟนสาวของธีทวนที่มะนาวพูดก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้คนข้าง ว่าน้องเขาบอกเฮียอ่ะ มะนาวที่ส่งสายตาที่พรุ้งพริ้งไปให้ธี ส่วนธีรีบสั่นศีรษะบอกให้แฟนสาวรู้ว่าเขา ไม่เอาแบบนี้ (เขาชอบสาวผอมบางตัวเล็ก)

“ช่วยเพื่อนถือของก่อนนะคะ พี่ชายหล่อเนอะ “มะนาวถามแฟนของธีและชี้นิ้วไปที่ธี มิวหันมายิ้มให้แฟนหนุ่ม พี่ชายอืมม แฟนหนุ่มแถมเข้าใจว่าพี่ชายอีกต่างหาก เธอก็ยิ้มแหยๆ มะนาวรีบเข้าไปรับของจากบีมทันที

“ขอบคุณนะครับพี่ธี ขอบคุณนะครับพี่มิว” บีมรีบกล่าวขอบคุณทั้งคู่เป็นการใหญ่ ส่วนเด็กน้อยที่คลานอยู่บนเบาะ จับนั้นล้วงนี้

“ลูกโซ่ ไปได้แล้วลูก “บีมเรียกลูกชายแต่ว่าโซ่แค่หันมามองแต่ไม่ยอมไปจากรถ (คุณลุงที่ยังไม่รู้ตัว)

“โซ่ ไปได้แล้ว” บีมเรียกลูกชายอีกครั้งแต่ก็ไม่ยอมไปอยู่ดี แถมสะบัดแขนจากบีมออกไม่อยากลงจากรถซะงั้น

“ไปเถอะลูกโซ่” บีมดึงลูกชายที่ดึงรั้งเบาะคนขับด้านหลังธีไว้แน่น

“ไม่ธรรมดาน่ะลูก ร้องอยากได้รถหรูตั้งแต่ยังเดินไม่ได้เลย คันนี้ลุงพึ่งจะถอยมาจากโชว์รูมเลยลูก สิบล้านต้นๆ เอง” ธีพูดหันบอกเด็กน้อย บีมรีบหันมายิ้มไม่แพงเลย แพงมาก มี้จะทำงานสักกี่สิบปีล่ะลูกโซ่ ขึ้นไปเล่นรถของเล่นบนห้องโน้น บีมแอบคิดในใจ เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมยังหันไปปีนป่ายจนขึ้นที่กล่องใส่ของระหว่างคนขับจนได้ เด็กน้อยหันหน้าไปมองธีพร้อมกับเม้มปากแน่น และพยายามจะจับจมูกของลุงธีอีกครั้ง แน่นอนเขาเพิ่งจะโดนไปรีบเอามือกุมปลายจมูกตัวเองเอาไว้ก่อน

“ฮันแน่! คิดว่าจะได้ทำแบบเดิมเหรอ มุขมันเก่าแล้ว” ธีชี้นิ้ว

“โอ๊ยย!!!” ใช่มุขมันเก่าหลานเลยดึงหูลุงที่กางแทนลุงก็ร้องเสียงหลงไปทันที ” เฮีย!!!” มิวแฟนสาวร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะกล้าดึงหูเฮียธี

“พี่ธี!!” บีมรีบพยายามดึงเจ้าลูกโซ่ ไปทำเขาทำไมลูกโซ่ ส่วนลุงธีเองก็ไม่กล้าขัดขืนดึงหูกลับเพราะเกรงว่าจะเหลือหูไว้แค่ข้างเดียว มีสองหูจะดีกว่าธีคิดในใจ เลยต้องรอให้เด็กน้อยปล่อยเอง เจ็บแต่ต้องไม่ร้องอายเด็กมันครับ และหูที่กางนี้คือเอกลักษณ์ประจำบ้านของเขาเลย ท่านชายหูกางที่เพื่อนๆ ของเขาตั้งให้ แถมกางทั้งบ้านอีกด้วย

“ลูกโซ่!! ปล่อยหูลุงเดี๋ยวนี้น่ะ ไม่งั้นมี้จะตีแล้วน่ะ!!” และนี้ก็ทำให้ทั้งคู่หันมามองบีมกันหมดเพราะว่าเขาแทนตัวเองว่ามี้ และนั้นเด็กน้อยถึงได้ยอมปล่อย แถมทำหน้าเสียใจที่โดนดุอีกต่างหาก และบีมก็ดึงเจ้าลูกโซ่ถอยออกไปจนได้

“บีม บีม ไอ้บีม  “มะนาวเห็นว่าทั้งธีและมิวที่อ้าปากหวอเพราะว่ากำลังตกใจที่ได้ยินบีมแทนตัวเองว่ามี้ มะนาวเลยต้องสะกิดเรียกเพื่อนทันที และมะนาวคงเดาได้ว่าทั้งคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ (เป็นใครก็คิดเรียกมี้ขนาดนั้น) มะนาวคิดในใจ

“บีมออกมาเถอะ “มะนาวกัดฟันเรียกเพื่อนทันทีและบีมที่พยายามลากเจ้าลูกโซ่ออกไปอย่างทุลักทุเล

“นิกเนมนะคะ มี้ น่ารักดีเนอะ เฮอะๆ “มะนาวรีบแก้ตัวแทนเพื่อนรัก ก่อนจะรีบโบกมือลาและหันไปช่วยเพื่อนรักถือของ เพราะมี้บีมกำลังวุ่นวายอุ้มเจ้าลูกโซ่ จากอาการคือไม่อยากลงจากรถคันหรูของคุณลุงเลยว่างั้น และบีมก็ต้องแบกเจ้าลูกโซ่ขึ้นบ่าแทนและพากันเข้าไปในคอนโดทันที ทิ้งไว้ซึ่งความงงให้กับ คู่รักเป็นอย่างยิ่ง

“เฮีย เฮียได้ยินเหมือนหนูไหมอ่ะ เขาแทนตัวเองว่ามี้กับลูกอ่ะ”

“ได้ยินครับ น่ารักเนอะ!” เฮียธีพูดกับแฟนสาว พร้อมกับทำน้ำเสียงล้อเลียนเพื่อนของบีมด้วย

“ก็น้องคนที่อวบๆ ระยะสุดท้ายนั้นน่ะเขาทำให้พี่ดูอ่ะ และเขาก็บอกว่านิกเนม คงรู้กันแค่เพื่อนๆ น่ะมิว” ธีบอกกับแฟนสาวทันที ก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด

“ไปกันเถอะเพราะว่าถ้าไปช้า ม๊าพี่บ่นแน่ๆ เพราะม๊าพี่ซีเรียสเรื่องทานอาหารไม่ตรงเวลามิว” ธีหันมาบอกแฟนก่อนจะรีบขับรถออกไปทันที และเขาต้องแวะไปเอาของนั้นคือการ์ดแต่งงานที่สั่งพิมพ์ไว้แล้วเพื่อเอามาตรวจเช็กรายชื่อแขกที่เขาเลือกเชิญมาในงานสำคัญของเขาทั้งคู่

*****

Part’ s เธียรวิชย์ เขาใช้เวลาเดินทางโคตรยาวนานเลย ยาวนานคือรอต่อเครื่องนี้แหละ ทำให้เธียนวิชย์มาถึงเกือบบ่ายสามโมง เธียรวิชย์โทรไปบอกเฮียธันพี่ชายคนที่สามให้มารับหน่อย เพราะเฮียธีไปรับแฟน ส่วนเฮียธาม คนนี้สาวแตกเวลาอยู่นอกบ้าน และด่าเธียรไฟแล๊ป เธียรเลยเลือกพี่ชายคนที่สามจะดีกว่า (เธียรคิดในใจว่าเขาควรเรียกเฮียธามว่าอาเจ๊ซะมากกว่า)

“ไงครับคุณชายเธียรวิชย์ “เสียงทักทายจากพี่ชายคนที่สาม มองน้องชายที่เดินเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน พร้อมลากกระเป๋าหลุยส์ราคาแสนแพงมาด้วย

“มึงโทรหาเฮียทำไมว่ะ  และทำไมไม่โทรไปหาน้องแพรวาล่ะ น้องเขาจะได้จัดขบวนขันหมากมารับมึงกลับบ้าน เธียรวิชย์แค่หันไปมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะยักไหล่ว่าไม่มีอารมณ์โต้คารมด้วย และพยักพเยิดให้เปิดหลังรถเพื่อนำกระเป๋าเดินทางใส่ลงไป

“น่าจะให้คนขับรถเอารถโรงเรียนมารีบมึงไอ้เธียร รถกูป๊าเพิ่งซื้อให้ “ธีนหันมาเอ็ดน้องชายตัวดีทันที

“ก็ให้เป็นรอยสักหน่อย และไปงอแงให้ป๊าซื้อคันใหม่ดิเฮีย” เธียรวิชย์พูดอย่างคนหัวเสีย

“ไปกินรังแตนที่ไหนมามึง” ธันเดินมาถามน้องชายคนเล็ก เพราะว่าปกติหยอกแรงๆไม่โกรธแต่นี้โกรธหรืองอนเลยน่ะ

“เฮียธีอะดิ รู้ไหมว่าอีคอนโนมี่คลาสที่ผมนั่งมาน่ะ  ผมต้องเจออะไรบ้าง” เธียรวิชย์หันมาพูดกับพี่ชายคนที่สองทันที ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นรถเก๋งคันหรูไป เสื้อผ้าไม่เยอะหรอก ที่เหลือเก็บไว้ที่นั่นเพื่อนกลับไปอีก

“เจออะไรวะ แอร์สวยๆ หรือเปล่าว่ะ”

“เจอเด็กร้องไห้ทั้งคืน แถมนั่งข้างผมด้วย กรีดร้องจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน และมันทำให้ผมหลอนตลอดการเดินทางเฮีย “เธียรวิชย์พูดก่อนจะปิดลงและเดินอ้อมไปนั่งข้างคนขับทันที ส่วนธันก็ยักไหล่ให้น้องชายก่อนจะตามเข้าไปนั่ง ธันยกข้อมือที่คาดนาฬิกาสุดหรูเอาไว้ ขึ้นมาดู นาฬิกาโรเล็กซ์ที่ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดและได้กันคนละเรือนแถมรุ่นอัลลิมิเต็ดซะด้วย

“ม๊าบอกว่าอาม่าจะไปทานข้าวด้วยที่บ้าน”

“อืมม” เธียรวิชย์แค่พยักหน้าตอบแค่นั้น

“ทำหน้าตาเหมือนไม่ได้นอนเลยว่ะ ไปทำอะไรก่อนมาว่ะ”

“ไม่ได้ทำอะไรเฮีย ที่ไม่ได้นอนก็เพราะว่าฝันบ้าฝันบออะไรก็ไม่รู้ ฝันเห็นเด็ก “เธียรวิชย์หันมาบอกพี่ชายคนที่สาม ธันถึงกับหันมามองน้องชายก่อนจะกลั้นหัวเราะ

“กูว่ามึงไปทำใครท้องไว้แน่ๆ มึงโดนป๊าด่าแน่ๆ ฮาๆ”

“เฮีย!! สมน้ำหน้ารอเลยเหรอ” เธียรวิชย์หันมาชำเลืองตามองพี่ชาย

“เฮีย เจออากันมั้งไหม”

“อากันเหรอ เจอวันนี้อ่ะ แต่ที่ผ่านมาไม่เจอเลยว่ะ เหมือนอากันจะยุ่งๆ ว่ะ ถามทำไมว่ะ”

“แพรวาบอกผมว่า ที่มหาวิทยาลัยของอากันน่ะ เขาพูดกันว่า อากันไปทำนักศึกษาท้อง เพราะว่าเด็กคนนี้มาคลุกอยู่กับอากันตลอดที่มหา’ลัยน่ะ และนี่น้องเขาคงจะคลอดลูกแล้วมั้ง” เธียรวิชย์เอ่ยถามพี่ชายทันที ธันถึงกับต้องทำท่าคิด

“อ้อ รู้แล้วมีคนโทรมาบอกป๊าเราว่ะ แต่มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกอาม่านะ”

“ทำไมอะเฮีย อาม่าจะเสียใจเหรอ”

“อาม่าน่ะจะเสียใจ อาม่าจะหัวเราะจนฟันปลอมกระเด็นซิไม่ว่า ใครจะไปเชื่อว่าอากันทำใครท้องว่ะเธียร”

“ทำไมอ่ะ” เธียรวิชย์หันมาถามพี่ชายทันที

“อากันน่ะเคยแต่งงานกับผู้หญิงที่อาก๋งหามาให้และอยู่ด้วยกันตั้งห้าปี จนอาก๋งเสียไปนั่นแหละอากันก็ถึงได้ขอหย่ากับภรรยาของเขาอ่ะ อาหลินน่ะ ”

“ผมรู้ว่าหย่ากันแต่ไม่รู้เหตุผลว่ะเฮีย”

“เหตุผลที่งี่เง่าที่สุด คือ เขาตรวจเจอว่าอากันน่ะ เป็นหมัน แถมทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่ท้องซะที อาหลินเลยยอมถอยดีกว่าไง”

“เฮ้ย!!! จริงดิเฮีย”

“ก็จริงอะดิ ฉะนั้น พอมีคนเอาเรื่องนี้มาบอกป๊า ป๊าโบกมือเลย ใครจะไปเชื่อและเด็กนั้นอาจจะท้องไม่มีพอและให้อากันรับผิดชอบก็ได้มั้ง”

“แล้วเด็กคนนั้นคือใครอ่ะเฮีย”

“ไม่รู้ว่ะ เขาไม่ได้บอกละเอียดซะด้วยว่ะ และทางเราก็ไม่ได้สนใจเลย เงียบไปเองมั้ง”

“เออ แล้วแพรวาเขายังแอบไปหามึงที่นั่นไหมว่ะ เธียร”

“ไปมา แต่ว่าพ่อแม่ของเขาตามไปหาที่นั่นพอดี ผมเลยโชคดีไปเฮีย”

“แพรวานี้ มันเอาแต่ใจไม่เลิกนี่มันยี่สิบกว่าแล้วนะมึง”

“ทำไมแพรวามันไม่ร้องอยากได้เฮียบ้างว่ะ” เธียรวิชย์หันมาถามพี่ชายตัวเอง คนพี่ถึงกับหันขวับมามองและโบกมือปฏิเสธ ใช่พี่ๆ เขารู้เห็นพฤติกรรมของแพรวามาตั้งแต่เด็ก และเธอทำให้ทุกคนแสนจะสยองพองขน แถมยิ่งกับเฮียธาม พี่ชายคนสองของเขานี้ จิกกัดเรียกว่า อยู่มุมเดียวกันไม่ได้ เพราะเฮียธามเป็นแรงทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ยกเว้นต่อหน้าป๊า (เพราะว่าเฮียธามแกไม่แมนครับผม)

“ป๊าบอกว่ามึงต้องเริ่มงานเลยน่ะไอ้เธียร โรงเรียนสาขาXXXXX ป๊าให้มึงไปดูแล เพราะว่าพวกกูน่ะ เหนื่อยนะโว้ย มาช่วยกันเลย” ธันหันมาบอกน้องชายคนเล็ก

“เมื่อไหร่ล่ะ “เธียรวิชย์ถามพี่ชายคนที่สองกลับ

“ก็วันจันทร์นี้เลยว่ะเธียร”

“อยากพักสักเดือนไมได้เหรอ”

“ไม่ได้ พวกกูงานล้นมือ”

“ไม่คุยแล้วน่ะเฮีย นอนแล้วเซ้ง ถึงบ้านปลุกด้วย” เธียรวิชย์ปรับเบาะให้เอนนอนทันที

“อ้าวไอ้นี่ มุขง่วงนอนเมื่อไหร่จะเลิกว่ะ กูเป็นเฮียน่ะไม่ใช่คนขับรถส่วนบุคคล” ตกลงนี้มาถึงให้ทำงานเลยเหรอ เธียรวิชย์คิดในใจ เขาควรจะชวนเพื่อนๆ ไปที่ผับเดิมไหม เพื่อว่าจะเจอนายคนนั้น แต่ถ้าเจอผมจะทำหน้ายังไงวะ ผมเองไม่อยากจะคิดเลย และทั้งหมดนี้เพื่อนผมเองที่ผิด และวันนั้นผมเองก็เพิ่งโดนป๊าด่าไปชุดใหญ่ เขาเลยเสียใจน้อยใจป๊าและหงุดหงิดอีกที่ต้องกระเตงแพรวาไปด้วยคืนนั้น แถมผมยังโดนของดีจากเพื่อนรักที่ใส่ไว้ในแก้วแชมเปญอีกพอได้สติผมก็พบว่าผมมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ และด้วยความตกใจผมเลยชิ้งหนีและยังต้องบินกลับไปเรียนต่ออีก น้องเขาคงจะให้อภัยผมน่ะ ถ้าผมไปสารภาพความผิด(เขาคงให้มึงหรอกครับไอ้เธียรวิชย์ครับ)
TBC.....

       เป็นไงบ้างคะ หลานกับลุง(ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นลุงหลานแท้ๆ) น่ารักเนอะ!!!  ตอนหน้าเธียรวิชย์จะเจอกับกันต์ธีย์ เขาจะจำกันต์ธีย์ได้ไหม เรื่องในคืนนั้น ส่วนบีมน่ะจำหน้าเธียรวิชย์ไม่ได้แน่ แต่ถ้าเอาเจ้าลูกโซ่มาเทียบคงจำได้อยู่น่ะ และเธียรวิชย์จะเอะใจอะไรบ้างไหมถ้าได้เจอเจ้าลูกโซ๋

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
           
EP.11 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (คร้ึ้งแรก)

         
            Part's เธียรวิชย์ วันแรกของการเป็นเด็กฝึกงาน ทำงานในโรงเรียนนานาชาติของพ่อตัวและถ้าไม่ผ่านโปรสามเดือน เธียรวิชย์จะไปทำอะไรวะ เธียรวิชย์ยืนนิ่งคิดอะไรเยอะแยะไปหมดอยู่ในหัว เขาเองไม่เคยชอบงานบริหารกว่าจะทนเรียนจบก็แทบตาย แถมใช้เวลาเรียนนานกว่าพี่ชายทั้งสามคนอีก  แถมวันนี้เขาต้องสวมสูทผูกไทมาทำงานในวันแรก ในตำแหน่งผู้บริหารแต่ห้อยท้ายมาด้วยคำว่า Training  โรงเรียนนานาชาติสาขานี้เป็นสาขาที่เปิดใหม่และมีการระบายนักเรียนมาจากสาขาอื่น โดยคัดเลือกเอาเฉพาะที่ผู้ปกครองเต็มใจ ดังนั้นนักเรียนจึงยังไม่เยอะ และสาขานี้ป๊าบอกกับผมว่า ต้องการให้มีนักเรียนแค่ห้องละเจ็ดคน แถมยังเปิดศูนย์เนอสเซอรี่ ดูแลเด็กเล็กตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงสี่ขวบแต่ว่าจะแยกโซนกันชัดเจน ผมรู้แค่นี้และนี้ผมจะผ่านโปรผู้บริหารได้ไหมใช่ครับผมเป็นผู้บริหารช่วงฝึกงาน พ่อน่ะพ่อทำกับลูกชายคนเล็กได้ และตอนนี้ผมกำลังจะทิ้งก้นบุหรี่ลงที่พื้นแต่ว่า ป้ายห้ามทิ้งขยะลงพื้นอยู่ตรงหน้า และถังขยะก็ต้องเดินย้อนไปประมาณ หนึ่งร้อยเมตรได้ ผมควรจะเลือกโยนไว้ตรงนี้หรือเดินไปดีน่ะ ไม่เอาอะ ทิ้งตรงนี้ดีกว่า

“ลุงนิสัยไม่ดี ทิ้งไม่ลงถังขยะ” โชคดีที่ยังไม่ลงพื้น ผมหันมามองเด็กน่ารัก จะเตะก็ไม่ได้เพราะว่า ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมมาเรียน และค่าเทอมนั้นคือรายได้ของครอบครัวผม

“ไม่ทิ้งลูกไม่ทิ้งน่ะ แค่ลองเฉย ดูซิว่าใครจะเห็นบ้างเอ่ย” ผมหันมาพูดกับเด็กๆ สายตานับสิบคู่เหล่านั้น มองมาผมไม่กะพริบกันขนาดนี้ ผมคิดว่าเห็นทั้งหมดนั่นแหละ และแต่ละคนไม่มีใครหลงกลเชื่อผมสักนิด

“ลุงนิสัยไม่ดีอีกแล้ว โกหก!!” อ้าว!! เด็กยุค DHA สูงปรี้ดก็จะฉลาดกันแบบนี้ใช่ไหม เด็กมันยังดูออกเลยเธียรวิชย์ ผมมองหน้าเด็กน้อย ผมว่าผมควรจะย้ายเด็กเล็กไปอยู่สาขาเดิมและเปลี่ยนโรงเรียนนี้เป็นเด็กมัธยมแทนดีกว่าไหม จะได้เสมอกัน แต่ผมก็ยิ้มจนกระทั่ง

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ ของคุณครูผู้รักเด็ก

“สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ ผู้บริหารงานคนใหม่ครับ “ผมหันไปบอก และครูที่อยู่ตรงหน้าตกใจก่อนจะเอามือขึ้นทาบอก


“สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์”

“ห้องทำงานผมอยู่ตรงไหนครับ “ผมถามคุณครู ใช่ครับ ห้องทำงานตัวเองยังไม่รู้เลย

“เฮอะๆ “ครูคนสวยหัวเราะผม และเด็กที่พากันเล่นสนุกสนาน และดูท่าครูจะวุ่นวายเหมือนนกกระจอกตีกัน ผมเลยยกมือเบรกก่อน

“ลองไปถามน้องธุรการดูก่อนดีไหมคะ คือว่าดิฉันต้องไปห้ามทัพเด็กๆก่อนนะคะ มีน้อยคนแต่ก็ปวดหัวเหมือนกันคะ คุณผู้บริหารงานคนใหม่ และฝึกงาน” ผมก็พยักหน้าว่าครูควรจะไปเถอะครับก่อนจะยกพวกตีกันมากไปกว่านี้ และผมก็หันหลังเดินออก และมองไปตามป้าย ว่าผมควรจะเดินไปทางไหน ผมเดินไปตามทาง จนไปเจอทางเดินที่จะเดินขึ้นไป แต่ผมหันไปเห็นป้ายชี้ไปที่ทางเดิน ดูแล้วน่าจะอีกโซนที่แยกออกจากโรงเรียนชั้นประถม เรียกว่า Early learning Centre ผมดูจากป้าย มี baby room ,Toddlers room and preschool room. ผมยืนมอง ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นโรงเรียนสาขานี้มาก่อนเลย นี้เป็นครั้งแรก แต่ว่าผมรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่อยากจะให้ผมเดินเข้าไปดูแต่ และจู่ๆ มือถือผมก็ดังขึ้น เบอร์คนที่ผมไม่อยากรับแต่ก็ต้องรับ ไม่อย่างนั้นนางก็จะพยายามจนผมต้องรับให้ได้ แพรวา

//พี่เธียร กลับมาเร็วกว่ากำหนดทำไมไม่บอกแพรวาเป็นคนแรกค่ะ!!! // เสียงที่ดังจนแสบแก้วหู ทำให้ผมต้องยกมือถือออกห่างจากรูหูผมทันที ก่อนจะกลับมาหนาบที่หูอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างสงบลง
//พอดีว่าพี่รีบนะคะ// ผมกลั้นใจตอบแพรวาไป
//รีบจนบอกแพรวาไม่ได้เลยเหรอคะ//
// ก็พี่ต้องรีบเรียนรู้งานของพี่ด้วยไง พ่อพี่ให้พี่เข้าทำหน้าที่ผู้บริหารแล้วครับ//
// ดีจังเลยค่ะ  ถ้าอย่างนั้นแพรวาไปหาคุณผู้บริหารได้ไหมนะคะ แพรวาคิดถึงนะคะ แพรวาอยากเอาดอกไม้ไปให้นะคะ//
// เออพี่ว่าแพรวารอให้พี่เลิกงานดีกว่าไหมคะ และนี้แพรวาไม่ทำงานเหรอคะ ได้ยินว่าไปทำงานกับคุณพ่อ//
// ก็ไม่มีอะไรมากนี้ค่ะ นั่งๆ นอนๆ สบายจะตายไปคะ และจะออกไปหาพี่เธียรก็ยังได้ แค่บอกออกไปธุระใครก็ไม่กล้าฮือกับแพรวาแล้วค่ะพี่เธียร//
//นะคะ แพรวาอยากเจอพี่เธียรค่ะ อย่าขัดใจแพรวานะคะ แพรวาไม่ชอบ! // ผมถึงกับต้องเหลือกตาขึ้นบนก่อนจะ
//ตามใจค่ะแพรวา แค่นี้ก่อนนะคะ พี่ต้องเข้าห้องทำงานค่ะ บายค่ะ//ผมรีบพูดและกดวางสายไปทันที

ผมรีบเดินไปตามป้าย ป้ายชี้บอกทาง เพื่อไปห้องธุรการ ระหว่างที่ผมกำลังเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย เดินผ่านครูก็ยิ้มทักทาย ผมต้องสวมบัตรห้อยคอมีชื่อและนามสกุลตัวเองไปด้วย พอคุณครูเห็นก็หันมาทักทายกันหมดแต่มันจะดีมากถ้าไม่พ่วงมาด้วยคำว่า Training คงจะดีกว่านี้น่ะเธียรวิชย์ ด้วยความที่ยิ้มไปเรื่อย ก็เลยยิ้มให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งเขาก็ยิ้มให้ผมก่อนจะ

เอี้อด!!!” ยังกับติดเบรกเอบีเอสเอาไว้ที่เท้า ชื่อคุ้นๆ น่ะ กันต์ธีย์ ผมเหลียวหลังไปมองคนที่ติดเบรกไม่ต่างจากผม เขาก็เหลียวหลังมามองผมเช่นกัน (บีม ก็คิดว่าชื่อมันคุ้นๆ น่ะ ไอ้เธียรวิชย์ ก่อนจะเหลียวหลังมามองเช่นกัน) และผมก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ถอยมาสองสามก้าวจนกระทั่งเรามายืนเสมอกัน นักศึกษาฝึกงานหรือเปล่าว่ะ ผมยิ้มไว้ก่อน ผมหรี่ตาอ่านชื่ออีกครั้ง กันต์ธีย์ ชัดเจนมาก

“สวัสดีครับ ใช้น้องกันต์ธีย์ไหมครับ “ผมถามคนตรงหน้า เขาก็เงยหน้ามองผม ก่อนจะยื่นใบหน้านั้นเข้ามาแนบชิด นี้สายตาสั้นหรือว่าไงแต่ถ้าอ่านได้แนบชิดขนาดนี้ สั้นมากเกินไปแน่ๆ  คือว่าเขายื่นหน้าเข้ามาติดจนแทบจะแหนบหน้าอยู่ที่อกผมแล้ว

“ผมชื่อเธียรวิชย์ครับ เธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชร” ผมก้มลงบอกคนตรงหน้า เขาก็ค่อยๆ ถอยหลังก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม อ้อเขาน่าจะอ่านนามสกุลผมอยู่ นาสสกุลยาวเลยพิมพ์ตัวเล็กไปหน่อย

“หลานอาจารย์กันตภณใช่ไหมครับ” น้องเขาถามผม

“ใช่ครับ ใช่เลย แล้วน้องใช่คนที่ทำThesis ให้พี่หรือเปล่าครับ”

“เออ ใช่ครับ “

“แม้เจอซะที ขอบคุณนะครับ” แต่น้องเขาก็ยังมองป้ายชื่อผมอยู่

“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองป้ายชื่อพี่ หรือว่าชื่อพี่ เออ มันแปลก หรือว่ามันตลก ไปนะครับ” ผมถามน้องตรงหน้า ผมเห็นบัตรเขาเขียนว่าTraining เหมือน

“เออ ไม่มีอะไรครับ แค่คิดว่า เออ ชื่อมันซ้ำกับ ใครบางคนน่ะครับ “

“แฟนเหรอ” ผมถามเขา

“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แน่นอน “น้ำเสียงที่ฟังดูแล้ว น้องเขาดูท่าจะโกรธไอ้คนนั้นมากถึงขั้นอยากจะฆ่ามันได้เลย และชื่อมีเป็นพัน พันทำไมต้องมาตั้งชื่อซ้ำกับคนดีดี อย่างผมว่ะ

“สงสัยจะอริเก่าแน่ๆ เฮอๆ “ผมพูด ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผมควรจะไปเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อน้องเขาไหมว่ะ

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“งั้นก็แล้วไปครับ”

“เจ้ากรรมนายเวรดีกว่า นิสัยแม่งเชี้ยมากครับ “

“หึ? ” ผมถึงกับต้องถลึงตา

“แม่งเห็นแก่ตัวด้วย ไม่มีความรับผิดชอบ ทำเชี้ย!!  อะไรไว้แล้วแม่งไม่รับผิดชอบอ่ะ ผมนี้กรวดน้ำคว่ำขันให้มันทุกวันเลยเนี๊ยะ ทั้งที่ผมไม่ใช่คนอาฆาตน่ะ” ผมถึงกับอ้าปากค้าง น้องไม่อาฆาตแต่น้องจำแม่นมาก ท่าทางจะแค้นฝังรากฝังโคนแน่ๆ ซวยไปน่ะไอ้คนนั้นน่ะ

“อุ้ย!! ผมขอโทษนะครับ งั้นผมขอตัวนะครับ ผมต้องไปส่งแฟกซ์ให้พี่ธีนะครับ ไปก่อนนะครับ คุณผู้บริหารงานคนใหม่และเออ Training ด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ก็ยินดีที่รู้จักครับ” น้องเขาพูดฉอดๆ พร้อมกับอ่านบัตรผมอีกครั้งทุกตัวอักษรแม้กระทั่ง Training ก่อนจะวิ่งไปอ้าวออกไป

“ยังไม่ได้ชวนเลยว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว” ผมยืนโบกมืออยู่คนเดียว ก่อนจะหันมาเจอ สาวสวยในชุดกระโปรงสั้น เขามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะ

“ใช่คุณเธียรวิชย์ไหมคะ”

“ใช่ครับ “

“สวัสดีค่ะ” เข้าย่อตัวลงไหว้ผมอย่างสวยงาม ราวกับผ่านเวทีประกวดนางงามมาหลายเวที

“อดีตเทพีบ้านโค้กค่ะ” ผมพยักหน้ามาไกลมากครับ

“ดิฉันชื่อปลายฟ้าค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการค่ะ เออ คุณเธียรวิชย์มีอะไรให้ปลายฟ้าดูแล บอกได้เลยนะคะ”

“คือผมหาห้องทำงานไม่เจอนะครับ”

“หุๆ “ปิดปากหัวเราะอย่างน่ารัก “เรื่องแค่นี้เอง ปลายฟ้าพาไปค่ะ พาไปให้ถึงห้องเลยค่ะ” ผมก็พยักหน้า ใจดีเนอะ รองเท้าส้นสูงและสั้นกระโปรงสั้นมาก เดินนำหน้าผมแบบซ้ายขวาซ้าย ใช่ถามว่าผมมองลึกลงไปเลยไปมองครับตามประสาชายหนุ่มแต่เรื่องที่คิดจะทำอย่างนั้นน่ะ ไม่มีในโรงเรียนพ่อผมแน่ๆ ป๊าเอาผมตายครับ เพราะก่อนมาสั่งผมเป็นหนักหนาอยู่แล้ว ไอ้ที่จะไม่ผ่านโปร ก็คือถ้ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงานนี่แหละ ไม่อยากโดนตัดออกจากกองมรดก

“นี่ค่ะห้องทำงานของผู้บริหารงานระดับสูงสุด “

“ผมยังฝึกงานอยู่เลยครับ” ผมหยิบบัตรที่ห้อยคอโชว์ให้เธอดู

“ไม่เป็นไรค่ะ ปลายฟ้า เทรนให้เองค่ะ เทรนให้หมดทุกยก เอ๊ย ทุกเรื่องค่ะ “ผมพยักหน้าและเธอก็เปิดประตูเข้าไปทันที ผมเดินเข้าไปด้านในห้องทำงานจริงๆ ที่มีแต่แฟ้มเอกสารแถมยังวางเต็มไปหมดอีกต่างหาก

“เดี๋ยวปลายฟ้าช่วยเก็บให้นะคะ” ปลายฟ้าพูดก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงเก็บแน่นอนกระโปรงสั้นขนาดนั้น ผมก็ต้องเห็นไปถึงไหนๆ แต่ผมเลือกที่หันไปมองทางอื่น มันไม่สภาพครับผม

“ปึก” เสียงเตะประตูเข้ามาและคนที่ทำเช่นนั้นได้ก็คือ แพรวา เธอถึงกับถอดแว่นตาหนาๆนั้นออก และหันไปมองคนที่กำลังอ่อยผมด้วยท่าเก็บแฟ้มเอกสาร ไม่ต่างอะไรกับท่าเก็บสบู่

“นี้มันกล้ามาให้ท่าพี่ในห้องนี้เลยเหรอ พี่เธียร!! ” แพรวาพูดก่อนจะลงไปกระชากผมคนที่ก้งโค้งอยู่และดึงหันไปพร้อมกับฟาดฝ่ามือจตบหน้าสวยๆ นั้นไปหนึ่งที่ “ฉาด!! ”

“ว้าย!! ”

“แพรวา แพรวา ทำอะไรน่ะ หยุด! ” ผมก็พยายามห้าม

“อะไรกันคะ คุณเธียร นี้เขามาตบปลายฟ้าทำไมกันคะ โอ๊ย เจ็บค่ะ”

“เจ็บมากหนักใช่ไหมได้ “แพรวาพูดก่อนจะปรีเข้าไปอีกและก็ “ฉาด! ฉาด! ฉาด! ” สามที่ติดจนปลายฟ้ากระเด็นไปอยู่นอกห้อง และแพรวาก็ลงไปนั่งคร่อมพร้อมกับตบอีกหลายฉาด แน่นอน แต่ล่ะห้องเรียนพากันเปิดประตูออกมาดูและบรรดาครูก็ดันนักเรียนเข้าไปเพื่อไม่ให้เห็นภาพอุจาดลูกตาแบบนี้

“แพรวาพี่บอกให้หยุดไง “

“ไม่หยุด แพรวาจะตบสังสอนอีหน้าด้านนี้ค่ะ “

“ฉาด!! ”

“อ้ายยย” เสียงกรี้ดร้อง และฝ่ามือที่ปะทะลงไปไม่ยังจนใบหน้าบวมปูด และแน่นอนรปภ วิ่งกรูกันขึ้นมาทันที ผมก็ยืนถอยหลังก่อน ให้เขาจัดการเองแล้วกัน

“หยุดครับคุณครับ ที่นี้โรงเรียนนะครับ” รปภ ที่ขึ้นมาพยายามห้ามทั้งคู่ ห้ามไม่อยู่ก็รีบเข้ามาจับแยก จนกระทั่งแพรวาหยุดชะงักก่อนจะหันมามองหน้าผม พร้อมกับปาดเหงื่อที่แตก ยิ่งกว่าทำคาร์ดิโอคออกกำลังกายซะอีก

“พี่เธียร นี้อะไรคะ!”แพรวาหันมาถามผม

“เขาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของพี่และเขาก็พาพี่มาห้องทำงานแพรวา “ผมบอกเธอ ก่อนจะหันไปมองสาวธุรการที่สภาพดูแล้วสะบักสะบอมเหมือนโดนหมาเป็นฝูงฟัดมาไม่ผิดเพี้ยนเลย

“โอ๊ย เจ็บ โอ๊ยเจ็บค่ะ “ คุณเจ้าหน้าที่ที่โดนแพรวาตบก็ร้องโอดโอยไปตามระเบียบ

“พี่ครับ ผมว่าพาเขาไปโรงพยาบาลทีเถอะครับ” ผมบอกพี่รปภ ก่อนจะหันมามองแพรวาก่อนจะพยักหน้าและพยุงธุรการคนสวยออกไป

“พี่ต้องไล่นังนี้ออกนะคะ แพรวาไม่ยอม!!!! ” แพรวาพูดกรอกหูผมอีกครั้ง และมันไม่ใช่ครั้งแรกซะด้วย

RRR เสียงโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ของผมดังขึ้น เบอร์จากเฮียธี ผมยกมือห้ามแพรวาไว้ก่อน

“ว่าไงเฮีย”

“เป็นไงมึง มีปัญหาอะไรไหม “เหมือนเฮียจะมีร่างทรงเลยน่ะ ผมหันมามองแพรวา

“ถ้ามีเรื่องน่ะมึง ป๊าจะให้มึงฝึกงานต่อไปอีกสามเดือนหรือไม่ก็ให้มึงออกไปสร้างตัวเองพร้อมบอกลาตำแหน่งผู้บริหารได้เลย” ผมก็ต้องใช้มือป้องโทรศัพท์เอาไว้ก่อนจะหันมามองตัวต้นเหตุ

“ไม่มีเฮีย ทุกอย่างเงียบมาก เงียบสนิท!! ” ผมตอบเฮียธีไป ก่อนจะหันมาจุ๊ปากไม่ให้แพรวาส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น

“ก็ดีน่ะ และนี้เฮียจะบอกว่า วันนี้มีตัวแทนโรงเรียนที่ประเทศอังกฤษน่ะเขาเป็นกลุ่มนักวิชาการ เขาจะขอเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนเราน่ะ เพราะว่าโรงเรียนเราติดอันดับ โรงเรียนที่ผู้ปกครองสนใจส่งบุตรหลานมาเรียนมากที่สุด” เฮียธีบอกกับผม ผมก็หันไปมองรอบ บรรดาครูประจำแต่ล่ะห้องที่ออกมายืนกอดอกมองมาทางผมกันทุกห้อง ผมว่าสงสัยเราจะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วมั้งเฮีย อาจจะตกอันดับก็วันนี้

“แล้วเฮียจะให้ผมทำยังไงอ่ะ”

“มึงก็พาเขาเดินสำรวจเพราะว่ามึงต้องคุยภาษาอังกฤษกับเขา”

“คุยน่ะมันคุยได้เฮีย ผมอยู่อังกฤษมาก่อนเฮียแต่ เรื่องในโรงเรียนผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยน่ะ”

“งั้นไปถามเลขามึงดิ”

“เลขา คนไหนอ่ะ”

“เลขาน่ะ ป๊าเขาให้คนที่ทำงานที่แผนกธุรการ ขวบตำแหน่งเลขามึงไปด้วย ไปถามเอาและนี้เขาใกล้จะถึงแล้วอีกสามสิบนาที “

“และอย่าทำให้ป๊าผิดหวังนะมึงน่ะ งานนี้สำคัญมาก โชคดีไอ้ตี๋น้อย! ” เฮียธีพูดก่อนจะรีบวางสายไป ผมหันมามองแพรวา อย่างเหลืออด ในความเอาแต่ใจและไร้เหตุผลของเธอ นี้เธอดูซีรีส์เกาหลีที่มีคุณหนูเอาแต่ใจมากไปหรือเปล่า

“แพรวา แพรวาจะทำให้พี่ต้องยืดเวลาฝึกงานออกไปอีก แพรวารู้ตัวไหมครับ”

“ก็นางนั้น”

“แพรวา พี่จะบอกอีกอย่างน่ะ แพรวาจะมาทำกิริยาแบบนี้ในโรงเรียนไม่ได้ นี้ไม่ใช่ที่ผับที่แพรวาทำได้นะครับ “ผมพูด เธอก็กอดอกเหมือนกับที่ผมพูดไปทั้งหมดน่ะ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาซะมากกว่า

“แพรวา พี่ต้องไปทำงานก่อนนะคะ พี่คิดว่าแพรวาควรจะกลับไปทำงานกับคุณพ่อก่อนนะคะ”

“ทำไมละคะ”

“พี่ให้แพรวามานั่งกับพี่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ พี่ขอล่ะ แต่ถ้าเลิกงานได้” ผมหันมาบอกเธอ

“ก็ได้ค่ะ พี่เธียร ว่าแต่คืนนี้ไปเที่ยวกันได้ไหมคะ แพรวาอยากจะดิ้งกับพี่เธียร นะคะ”

“วันนี้อาม่าให้พี่เข้าไปหาพี่ไปไม่ได้ค่ะแพรวา”

“อะไรกัน พี่ควรจะไปกับแพรวาก่อนซิคะ แพรวาไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายเดือนแล้ว เกือบจะปีหนึ่งด้วยซ้ำ แพรวาไม่ยอมค่ะ” นี่ก็ทำให้ผมต้องหันซ้ายแลขวามก่อนจะยกมือเบรก อย่างเหลืออด

“งั้นตอนเย็นแพรวาแวะมารับนะคะ “แพรวาพูด ผมพยักหน้าแบบขอไปที ก่อนจะจับเนกไทให้เข้าที่ เข้าทาง

“พี่เธียรค่ะ แหวนพี่เธียรไปไหนคะ” แพรวาถามผม ก่อนจะจ้องมองที่มือผม

“แหวน? ”

“แหวนประจำ วงค์ตระกูลของพี่นะคะ”

“แหวน อ้อ พี่ทำหายน่ะตั้งนานแล้ว”

“แน่นะคะ ไม่ได้ไปให้ใครนะคะ เพราะว่าแพรวาไม่ยอม!! ”

“หายค่ะ พี่ทำหายค่ะ “ผมตอบเธอไปแต่จริงๆ มันไม่ได้หายเพราะว่าผมได้ให้เด็กผู้ชายคนนั้นไป

“แล้วพี่จะเอาแหวนที่ไหนมาหมั้นแพรวาล่ะ เพราะว่าพี่เคยบอกแพรวาเอาไว้ว่าอาก่งให้ไว้หมั้นสาวที่พี่ชอบไม่ใช่เหรอคะ” ผมก็ต้องสะบัดหน้ามามอง ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย แต่ผมให้เด็กคนนั้นไปแล้ว

“แพรวา พี่ไม่เคยบอกแพรวาเลยน่ะว่าพี่จะหมั้นกับแพรวาน่ะ”

“อะไรน่ะ ไม่ได้พี่ต้องหมั้นกับแพรวา คนเดียวเท่านั้น แพรวาจะไม่ยอม และแพรวาจะให้พ่อไปคุยกับพ่อของพี่เร็วๆ นี้ “แพรวาพูด

“แพรวา” ผมเรียกแพรวาแต่ว่าสายตาผมเหลือบไปเห็นรถตู้ มาจอดอยู่สองคัน อย่าบอกน่ะว่าที่เฮียธีบอกผมว่าจะมาเยี่ยมชมโรงเรียนน่ะ”

“แพรวาพี่ไปก่อนน่ะพี่มีงานด่วน “ผมพูดและรีบชิ้งหนีแพรวาทันที

“พี่เธียร!! ” ผมก็รีบลงบันไดและวิ่งตรงไปตามป้ายที่บอกว่าไปที่ห้องธุรการก่อน ทันที ตายแน่เลย เธียรวิชย์เอ้ย ผมวิ่งไปหยุดที่หน้าห้องธุรการตามป้ายก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไป และคนที่ผมเจอระหว่างทางเดิน

“คุณกันต์ธีย์ครับ”

“อ้าวคุณนั้นเอง เออ มีอะไรให้ผมช่วยครับ”

“ผมต้องการให้ช่วย คือ ผมต้องพาคณะที่มาเยี่ยมโรงเรียนเรานะครับ คุณช่วยไปเดินให้ข้อมูลโรงเรียนนี้กับผมหน่อยได้ไหมครับ “ผมถามหนุ่มน้อยหน้ามน

“ผมจะไปได้ยังไงล่ะครับ นี้พี่คนที่ทำธุรการกับผมก็ไปโดยอะไรฟัดมาก็ไม่รู้ ต้องไปโรงพยาบาลนะครับคุณเธียรวิชย์”

“เออ อ้อ คนสวยๆ “ผมก็ต้องหันหลังไปมองที่รูปเจ้าหน้าที่ที่ประจำการมีรูปเธออยู่ ที่โดนแพรวาตบไป เวรจริงๆ เลยผม

“นี้ผมอยู่คนเดียว งานยุ่งมากเลย มีสายโทรเข้ามาตลอดจากผู้ปกครองอ่ะครับ และผมก็ต้องคอยเช็กตารางงานอีก และไหนผมจะต้องไปป้อนนม…” ผมฟังคุณธุรการร่ายยาวจนมาหยุดที่ ป้อนนมนี้แหละ ผมหันขวับมาทันทีก่อนจะเลิกคิ้วสูง

“ป้อนนม นม เออ ไม่ใช่ ไม่ใช่ เอานมไปให้ที่แผนกเด็กเล็กนะครับ” คุณกันต์ธีย์ตอบผม

“อ้อ แม้ตกใจนึกว่ามีลูกแล้ว” ผมพูด

“เออ เฮอๆ “อีกคนก็หัวเราะเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้น คุณเธียรวิชย์เอาแฟ้มไปเปิดดูได้ไหมครับ ผมก็ดูมาจากในนี้แหละครับ” หนุ่มน้อยส่งแฟ้มเอกสารมาให้ผมแทน แฟ้มใหญ่ขนาดนี้ให้ไปกางดูเลยเหรอ

“ผมช่วยได้แค่นี้จริงๆ ครับ คุณเธียรวิชย์” กันต์ธีย์พูดกับผมและยังคงคอยรับสายตลอดเวลาจริงๆ ผมก็เหลือบไปมองเห็นกลุ่มคณะที่มาเยี่ยมชมเดินมาที่ห้องธุรการกันก่อนเพื่อนเลย ผมหันไปมองก่อนจะส่งยิ้มให้

สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ “

“สวัสดีคุณเธียรวิชน์ พวกเราเป็นนักวิชาการที่จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนนานาชาติของคุณนะคะ “

“เชิญครับ วันนี้ผมจะพาไปทัวร์เองเลยนะครับ” ผมพูดก่อนจะหันกลับไปมองหนุ่มน้อยที่สารวนกับการรับโทรศัพท์อย่างไม่ขาดสาย ดูท่าจะยุ่งจริงๆ และผมก็เดินออกมาเพื่อพูดคุยแนะนำตัวเอง

“ถ้าอย่างงั้นที่แรกเลยนะครับที่ผมจะพาไป เออ ห้องโสตศึกษาก่อนเลยครับ” ผมพูดแต่ว่าห้องโสตศึกษามันอยู่ตรงไหนว่ะ ผมจะหันมาถามกันต์ธีย์ ดูแล้วก็คงยาวเหมือนกัน เลยยืนเปิดแฟ้มดู ไล่หาไปเรื่อยๆ คนที่รอก็ยืนรอไปแล้วกันน่ะ ผมเปิดอยู่ประมาณสิบห้านาที เจอซะที

“เดินลงบันไดไปเลยนะครับ “ผมหันมาบอกเจ้าหน้าที่วิชาการจากประเทศอังกฤษ เขาก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะมองป้ายของผม วันนี้ผมสวมเสื้อสีชมพูอ่อนกับเนกไทสีรุ่งเลย ผมเดินไปตามทางเดินแนะนำบร้าๆ ถูกบ้างผิดบ้างเปิดดูเอาจากในแฟ้ม แต่ล่ะอันมีดินสอเขียนกำกับเอาไว้ อธิบายเอาไว้ด้วย ใครกันน่ะ ลายมือช่างสวยงามเหลือเกิน ก่อนจะมาหยุดที่ห้องคอมพิวเตอร์

“คณเธียรวิชย์ ขอพวกเราเข้าไปดูpreschoolของคุณหน่อยได้ไหมคะ น่าสนใจค่ะ ไม่บ่อยเลยที่จะเห็นว่ามีรับดูแลเด็กเล็กที่นี้ด้วยนะคะ” นักวิชาการท่านหนึ่งชี้ไปที่ด้านหลังของผม เป็นทางเดินไป Early learning Centre

“เออ ได้ครับ ผมพาไปแล้วกันนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินนำนักวิชาทั้งหลายไป ผมก็เปิดหาแต่ว่าไม่เจอข้อมูลเลยจะแนะนำยังไงหว่า ต้องใช้บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ที่มีรหัสรูดก่อนจะเข้าไป เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ผมก็ทำตามขั้นต้อนโดยใช้บัตรผู้บริหารงานTraining นี้แหละ และผมก็เชิญชุดคณะวิชาการเข้าไปก่อน ผมเดินพาเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเด็กทารก เพราะว่ามีป้ายติดไว้ว่าBaby room ผมหันมามองนักวิชาการที่พากันมองส่องเด็กน้อยด้านใน ผมรีบเปิดหาก่อน มีไหมว่ะข้อมูล ขอให้มีทีเถอะ ถ้าเขาถามขึ้นมาว่าเบบีรูมนี้มีเด็กอายุเท่าไหร่จะตอบยังไง ผมก็เปิด เปิด และก็เปิด จนกระทั่ง เจอแต่เป็นลายมือที่ถูกเขียนไว้ด้วยความบรรจง ว่าเบบี๋รูม รับเด็กตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปถึงหนึ่งขวบ และบร้าๆ ผมต้องดูข้อมูลก่อนค่อยหันไปอธิบายและค่อยพาไปชม

“ว้าย !! คุณเธียรเบบี๋ค่ะ”

“ครับผมทราบครับ ว่าห้องนี้เบบี๋ครับ ผมกำลังหาให้อยู่ครับว่าเบบี๋ที่ห้องนี้เขารับดูแลอายุเท่าไหร่บ้าง”

“คุณเธียรค่ะ เบบี๋ค่ะ ตรงขาคุณนะคะ” ผมก็เงยหน้ามองเบบี๋ตรงขาผมเหรอ ผมก็รู้สึกว่ามีคนมาดึงขากางเกงผมอยู่น่ะ ผมก็ก้มลงมองเกือบรอดใต้ระหว่างขาของผม และสิ่งที่ผมเห็นคือเด็กน้อยที่ชะโงกหัวขึ้นมามองผม เด็กน้อยคนนี้หน้าคุ้นๆ น่ะ มันมาอีกแล้วเหรอ ไอ้เด็กที่ผมฝันถึงน่ะ ใครซื้อตั๋วให้มันมาและผมก็ใช้นิ้วจิ้มที่หัวที่ดกดำไปด้วยเส้นผม ไม่ใช่ฝัน มาแบบตัวเป็นๆ เลยคราวนี้

TBC......

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
      Part's เธียรวิชย์ ผมก็รู้สึกว่ามีคนมาดึงขากางเกงผมอยู่น่ะ ผมก็ก้มลงมองเกือบรอดใต้ระหว่างขาของผม และสิ่งที่ผมเห็นคือเด็กน้อยที่ชะโงกหัวขึ้นมามองผม เด็กน้อยคนนี้หน้าคุ้นๆ น่ะ มันมาอีกแล้วเหรอ ไอ้เด็กที่ผมฝันถึงน่ะ ใครซื้อตั๋วให้มันมาและผมก็ใช้นิ้วจิ้มที่หัวที่ดกดำไปด้วยเส้นผม ไม่ใช่ฝัน มาแบบตัวเป็นๆ เลยคราวนี้

“ว๊าก!! ” ผมก็กระโดดโหยงเหยงเลยซิ ตกใจเด็กและก็กลัวเหยียบเด็กอีก เพราะว่าเล่นคล้านไปมารอบๆ ผมแบบนี้ คณะนักวิชาการก็พากันตกใจกลัวผมจะเหยียบเด็กแน่ๆ ผมก็มองหาไปรอบๆ ด้วย ไปไหนวะเนี๊ยะ จนกระทั่ง

“ปะ ปะ ปะ “เด็กน้อยควานมาหยุดตรงหน้าผม เขานั่งลงกับพื้นก่อนจะยื่นมือขึ้นมา ทำมือเรียกผมเข้าไปหา ผมนี้ต้องก้มลงจนเกือบถึงพื้นก็ว่าได้ ว่าแต่เด็กนี้ออกมาได้ยังไงกัน และแน่นอนนักวิชาการได้ขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมด และผมก็มองเด็กน้อยที่มองผมตาแป๋ว ผมเลยเลือกที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไว้ก่อน

“ลูกคุณหรือเปล่าครับ” หนึ่งในนั้นเอ่ยถามผมและชี้ที่เด็กน้อยที่ผมอุ้มเอาไว้ ว่านี้ลูกผมไหม แน่นอนผมรีบหันไปตอบแบบไม่ลังเล

“ไม่ใช่ครับ”

“แน่ใจเหรอคะ” นักวิชาการอีกคนถามผม เหมือนยังไม่เชื่อที่ผมบอก

“ไม่ใช่ครับผมยังไม่มีลูกครับ”

“แต่หน้าเหมือนคุณเธียรมากเลยนะคะ” ผมก็ต้องหันมามองคนที่บอกว่าเด็กคนนี้หน้าเหมือนผม และผมก็หันมาเหล่ตามองคนที่ผมอุ้มไว้อยู่เช่นกัน ก่อนจะไปมองรอบๆ จนมาหยุดที่ กระจกเงานูนรูปวงกลมที่เอาไว้มองหัวมุมตึก ผมก็ต้องถลึงตามองด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งทีผมสัมผัสได้คือใบหน้าเด็กน้อยกับใบหน้าของผมที่แนบชิดกันมาก และนั้นมันเหมือนคนเดียวกัน

“เว้ยย!!! ” ผมร้องซิครับรออะไรก่อนจะหันมามองเด็กน้อย

“ปะ ปะ ปะ” เด็กน้อยส่งเสียงพร้อมตบมือไปด้วย

“จะไปไหนเล่า แล้วนี่ เราออกมาได้ยังไง” ผมถามเด็กน้อยที่ผมอุ้มอยู่  ก่อนจะหันมามองกลุ่มนักวิชาการพร้อมกับรอยยิ้ม ที่ส่งไปให้ อย่าไปเขียนวิจารณ์ผมนะครับ ป๊าของผมเอาผมตายแน่ๆ ไอ้เธียรเอ๊ย! ผมก็อุ้มเด็กน้อยและมองหาว่าพอจะมีใครให้ข้อมูลเรื่องนี้ได้บ้าง ผมสังเกตจากชุดที่เด็กน้อยสวมใส่อยู่ มีปักชื่อเอาไว้ว่า “ลูกโซ่ “

“สงสัยว่าแม่เราคงจะชื่อแม่กุญแจล่ะซิท่าและลูกชื่อลูกโซ่ คล้องกันเลยซิ “ผมถามเด็กน้อย ก่อนจะหันมาเจอบรรดาสายตาของนักวิชาการที่มาจากแดนไกล ใช่ซินี้อาจจะทำให้เขามองว่านี้คือความประมาทก็ได้น่ะ

“ผมขอพาน้องกลับเข้าไปก่อนนะครับ รอผมสักครูนะครับ “

“แล้วน้องออกมายังไงคะ คุณ”

“ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรผิดพลาดทางเทคนิคนะครับ ผมจัดการให้ครับเพราะว่าผมเป็นผู้บริหารครับผม” ผมพูดก่อนจะหันไปมองหาทางเข้า

“Tainning!! ” ใช่ครับมันตลกมาก ผู้บริหารฝึกงาน ป๊าเข้าใจตั้งให้ผมน่ะ ผมก็ยิ้มตอบคนที่อ่านป้ายให้ผมฟัง ก่อนจะรีบอุ้มเจ้าลูกโซ่ ตามชื่อที่ติดเอาไว้ก่อนจะพยายามมองหาเจ้าหน้าที่ ผมก็รู้สึกได้ว่าเสียงดังมาที่ตรงอกของผม

“แจ๊ปๆ” ผมก็ก้มลงมองเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวเนกไทลายสีรุ่งของผมอย่างเมามัน

“อร่อยไหมลูก” ผมถามเด็กคนนั้น ทั้งดูดทั้งกัดทั้งดึง จนเรียกว่าเปียกแฉะ จะทั้งผืนแล้วอยู่แล้ว  ผมหันซ้ายแลขวาอีกที จนมีครูเดินมาและเขาก็ทำท่าตกใจสิ่งที่ผมอุ้มเด็กน้อยอยู่

“น้องลูกโซ่!!! “

“คุณเป็นพี่เลี้ยงเด็กห้องเบบี๋รูมนี้ใช่ไหมครับ” ผมถามคนตรงหน้า

“ใช่ค่ะ คุณเป็นพ่อเด็กเหรอคะ” ผมหันมามองคนที่ถามผม ก่อนจะพลิกป้ายชื่อให้เชาดูว่าผมเป็นใครครับ จู่ๆ ก็หาว่าผมเป็นพ่อเด็ก

“ชื่อ คุณเธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชร “เขาอ่านชื่อและนามสกุลของผมได้ถูกต้อง

“เอะนามสกุลคุ้นๆ นะคะ” ยังอีก!!

“เหมือนท่านประธานใหญ่เลยไหมครับ” ผมถามเขากลับ

“เหมือนมากเลยค่ะ “เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม ก่อนจะทำท่าคิด” หรือว่าเขาคือ”

“ใช่ครับ ผมคือผู้บริหารคนใหม่ครับ และผมคือลูกชายท่านประธานใหญ่ครับคุณพี่เลี้ยงครับ!! ” ผมตอบเธอด้วยสี่หน้าที่จริงจังจนเรียกว่าพยายามระงับความโกรธไปด้วย

“อู้ยย!! ขอโทษค่ะ สวัสดีค่ะท่าน เอ๊ย คุณเธียรวิชย์ค่ะ” กราบงามๆ กลับมาให้ผมทันที

“ตอนแรกดิฉันนึกว่าพ่อน้องลูกโซ่ซะอีก เห็นหน้าเหมือนกัน “ยังมีหน้ามาบอกว่าผมคือพ่อเด็กอีก และเด็กน้อยก็แทะเนกไทผมโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอีก ผมก็ก้มลงมองและพยายามจะดึงออกแต่

“อ้า …เพี๊ยะ!! ”

“เฮ้ยย!! “ตีมือผมด้วยทั้งนี้มันเนกไทผมครับ เหลือกตาขึ้นมองค้อนผมอีกต่างหาก และทำการกัดแทะมันต่อไป ผมเลยต้องละสายตาขึ้นมามองคุณครูที่ยืนด้วยท่าทางเกรงกลัว กลัวว่าจะตกงานแน่ๆ

“นี้คุณ คุณดูเด็กยังไงให้เด็กออกไปอยู่นอกห้องนี่มันคือความไม่ปลอดภัยคุณรู้ไหม! และถ้าพ่อแม่เด็กเขารู้เข้าล่ะคุณ “ผมถามคนตรงหน้า

“ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าน้องออกมายังไงนะคะ เพราะว่าประตูก็ปิดหมดนะคะ เหลือแต่ประตู แต่ไม่น่าจะใช้น่าจะปิดค่ะ” ครูพี่เลี้ยงพูดก่อนจะทำท่าคิดทบทวน

“แล้วคิดว่าน้องเขาออกมายังไงละครับ ถ้าไม่ใช่ความบกพร่องของคุณ หรือว่าน้องเขาท่องคาถาผ่าทะลุประตูออกมาได้ล่ะครับคุณพี่เลี้ยง!! ” ผมตะคอกถามเสียงดังแต่ไม่ดังจนเกินไป และระว่างที่ผมสนทนากับพี่เลี้ยงอยู่ เจ้าตัวเล็กที่ผมอุ้มอยู่ มือไม้ก็อยู่ไม่สุข ผมต้องคอยจับมือที่หยุดหยิกจับนั้นจับนี้สำรวจไปหมด ตกลงนี้เขาจบการสำรวจโลกมาหรือไง สำรวจไปจนถึงหูผมด้วย ผมก็ต้องจับมือเล็กนั้นรวบไว้ก่อน (ถ้าเป็นสาวๆ จะไม่ห้ามเลยลวนลามกับแบบนี้)

“ดิฉันขอโทษค่ะคุณเธียรวิชย์ แต่ดิฉันเช็กน้องเขาแล้วค่ะ น้องเขายังนั่งเล่นอยู่ในคอกลูกบอลอยู่เลยค่ะ” ผมก็เลิกคิ้วสูง แล้วออกมาด้านนอกได้ไง ออกมาเก็บลูกบอลอย่างนั้นหรือ

“แต่พอดีทางบ้านดิฉันนะคะโทรมาเลยเผลอไปรับสาย และแค่แป๊บเดียวจริงๆ ค่ะ และดิฉันขอโทษค่ะ จะไม่ทำอีกค่ะ อย่าไล่ดิฉันออกเลยนะคะ งานหายากค่ะ” คนตรงหน้าผมใช้น้ำตามาต่อรองอีกแล้ว

“ก็ได้ ผมจะให้คุณแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ต่อไปคุณต้องระวังมากกว่านี้ เพราะการดูแลเด็ก ยิ่งเด็กเล็กๆ คุณต้องโฟกัสที่งานมากกว่าเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าพักหรือเลิกงานแล้ว ผมจะไม่ว่าคุณเลย” ผมพูดบอกคนตรงหน้า

“ถ้าอย่างนั้น ขอเอาน้องไปทานนมก่อนนะคะ “คนตรงหน้าบอกผม

“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นครับคุณสายฝน “ผมเพิ่งสังเกตเห็นป้ายชื่อ

“เพราะว่าน้องเขาพยายามจะกินเนกไทผมไปทั้งอันอยู่แล้วครับ และนี้ก็แปลว่าเขาหิวแล้ว ไปครับ” ผมพูดและรีบส่งเด็กน้อยคืนไป พี่เลี้ยงก็รับไปจากมือผมทันที แล้วผมจะยืนรออะไรล่ะ ผมต้องไปอธิบายยาวเลยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรีบหันเพื่อจะเดินออก

“ปึก” ไปไม่ได้เพราะว่า เนกไทยังติดที่มือเด็กอยู่ และมันก็คล้องคอผมไว้ด้วย ผมต้องถอยหลังกลับมาแทบจะไม่ทัน

“ว้าย !! ลูกโซ่ ปล่อยเนกไทเขาค่ะลูก” ผมหันมามองคนที่กำเนกไทผมแน่นและยังคงอมดูดอย่างกับมันคือของลูกอมก็ว่าได้ แค่สีมันหวานไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ขอโทษนะคะ คุณเธียร “พี่เลี้ยงกล่าวขอโทษผมอีกครั้งก่อนจะพยายามดึงเนกไทผมออกมาให้ได้

“หมับ” ยังอีก ยังเอี้ยวตัวมาคว้ากลับไปอีก นี่ถ้าผมมีสำรองไว้ ผมก็จะยกให้ไปเลย สงสัยอยากผูกเนกไทบ้างแน่ๆ

“ลูกโซ่ ไปกินนมดีกว่านะลูกน่ะ เนกไทกินไม่ได้นะคะ ไปค่ะไป พี่ฝนพาไปกินนมค่ะลูก “พี่เลี้ยงก็รีบพาเด็กที่ดูท่าจะหิวจนตาลาย ถึงได้อมดูดเนกไทผมได้เปียกแฉะขนาดนี้ ผมต้องค่อยๆ บิดน้ำลายออกจากเนกไทลายสีรุ้งออก หรือว่ามันมีกลิ่นลูกกวาดอยู่ด้วยเด็กน้อยนั้นถึงได้อมดูดสนุกสนาน ผมค่อยๆ ใช้นิ้วมือคีบขึ้นมาดมดู

“อ้วก!! ” ถึงกับเกิดอาการคล้ายจะแพ้ท้อง เพราะกลิ่นน้ำลายของเด็กน้อย แล้วเนกไทเส้นนี้ก็ต้องติดตัวผมไปยั้นเลิกงานแถมพร้อมกับกลิ่นนี้ด้วย ผมถึงกับส่ายหัวไปมาขณะที่ผมกำลังสับเท้าเดินจนออกมาถึงข้างนอก แต่ก็ไม่พบแล้วชุดนักวิชาการของผม ผมว่างานเข้าแล้วแหละเธียรวิชย์ เมื่อเช้ามึงก้าวเท้าไหนออกมาว่ะ
      ผมเดินกลับไปที่ห้องธุรการอีกครั้ง ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอหนุ่มน้อยที่กำลังวุ่นวายกับการอธิบายอะไรสักอย่างให้ผู้ปกครองที่มาติดต่อฟัง นี้ขนาดเทรนเนอร์เหมือนผมแต่ดูจากการทำงาน ชำนาญการมากกว่าอีกสงสัยประสบการณ์แน่น ผมยืนรอจนผู้ปกครองเดินออกไป แต่ก่อนจะเดินผ่านผมเขาก็อ่านป้ายที่ห้อยคอเอาไว้ด้วยว่า ผู้บริหารงาน (Training ) พออ่านป้ายเสร็จก็ยิ้มให้ผม ไม่เคยเจอใช่ไหมครับคุณผู้ปกครอง ผู้บริหารก็มีช่วงฝึกงานที่ต้องผ่านโปรให้ได้ซะก่อนเช่นกัน

“คุณเธียรวิชย์ผมว่าจะเดินไปบอกอยู่นะครับว่า…. “เสียงที่ดังรอดถามผม ผมก็ก้มลงลอดมองผ่านช่องสนทนาเล็ก ๆ จะบอกว่าอะไรเอ่ย

“วันนี้มีประชุมครูครับ แต่ครูไม่กี่ท่านนะครับ” เธียรวิชย์ถึงกับขมวดคิ้ว

“หลังอาหารเที่ยงครับ 12.30 นาที”

“หลังอาหารเทียง ให้พักแค่สามสิบนาทีเองเหรอ” ผมถามหนุ่มธุรการทันที

“ครับ เขาแจ้งผมมาแบบนี้น่ะครับ “

“Oh my goodness!!!” ผมสบถออกมาเบาๆ

“แล้วเนกไทคุณไปโดนอะไรมาน่ะครับ ทำไมมันเปียกไปครึ้งอันแบบนั้นล่ะครับ” พอคนตรงหน้าถามผม ผมก็ต้องใช้นิ้วคีบส่วนปลายขึ้นมาให้ดู

“พอดีผมเจอเด็ก” กันต์ธีถึงกับขมวดคิ้ว

“เด็กเล็กนะครับ ผมพากลุ่มนักวิชาการไปดู บังเอิญเจอเด็กออกมาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องผมเลยต้องอุ้มกลับเข้าห้องไปนะครับ

“และเขาก็เห็นว่า เนคไทของผมมันคล้ายลูกกวาดสีรุ้งนะครับคุณกันต์ธีย์ อมดูดจนสนุกสนาน ก็เลยเปียกแบบที่นี้เห็นนี้แหละครับ แถมกลิ่นนี้ ไม่ต้องให้บรรยาย เพราะจะพาให้กินข้าวไม่ลง” ผมพูดกับหนุ่มน้อยตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมามองแอบยิ้มเล็ก

“จะว่าไปหน้าคุ้นๆ น่ะ” ผมพูดขึ้นก่อนจะเอามือเท้าคางมองคนภายในห้องธุรการ

"ผมหรือเด็กครับที่หน้าคุ้นๆนะครับ"คนด้านในถามผม ผมก็ทำท่าคิด เออ จะว่าไป มันก็คุ้นทั้งคู่น่ะ จนผมต้องสั่นหัวไล่ความคิดบ้าๆออกก่อน

“แล้วนี่ คุณเธียรวิชย์มีสำรองไหมอ่ะครับ เพราะว่าคุณต้องเข้าห้องประชุม”  หนุ่มคนนั้นเอ่ยปากถามผม

“ไม่มีครับ มีอันเดียว ใครจะไปคิดว่าจะมีอุบัติเหตุแบบนี้ด้วยล่ะครับ”

“เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมซักให้ มีห้องซักผ้าสำหรับซักของใช้เด็กน่ะครับ ผมไปใช้ประจำ เวลาเสื้อผ้าเจ้าลูกโซ่ของผมไม่พอนะครับ”

“ใครน่ะ” ผมถามกันต์ธีย์กลับ

“ลูกโซ่ “หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านในตรงหน้าบอกผม ใช่เด็กคนที่อมเนกไทผมหรือเปล่าน่ะ

“คุณขึ้นไปทานอาหารก่อนดีกว่าไหมครับ เพราะว่าจะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวเวลาพักก็จะไม่ถึงสามสิบนาทีเอานะครับ” ผมหันมามองคุณธุรการ ก่อนจะพยักหน้า และรีบถอดเนคไทส่งไปให้ และก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองเขาอีกครั้ง ลูกโซ่ เด็กคนนั้น หรืออาจจะแค่แฟนคลับก็ได้มั้ง แม้เด็กตัวแค่นี้มีแฟนคลับด้วยเหรอ ผมหันมายิ้มให้หนุ่มธุรการก่อนจะเดินออกไป

TBC ......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2021 22:05:10 โดย Alessa »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
     EP.11.2 คลาดกันแค่นิดเดียว


            Part's เธียรวิชย์ ผมตรงไปที่ห้องทำงานของผมหลังจากนั้น พอก้าวเท้าเข้าห้องได้ผมก็นั่งแผ่หลาทันที พาเดินเกือบรอบตึกขนาดนี้ ถึงจะแค่ตึกเดียวเองก็เถอะ เล่นเอาเธียรยังเหนื่อยเหมือนกัน และโชคดีที่พากันเพ่นกลับไปซะก่อน ผมรู้สึกง่วงๆ อาหารก็ยังไม่มา ของีบก่อนแล้วกันน่ะ ดังนั้นจึงหมุนเก้าอี้สำหรับแขก มาไว้ตรงข้ามเก้าอี้ของผม พร้อมกับเอนหลังพิงพนักและยกเท้าขั้นมาวาง ค่อยยังชั่วหน่อย ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ จะว่าไปหนุ่มธุรการคนนั้นก็หน้าตาคุ้นๆ อยู่น่ะ คุ้นว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน



“กึก” เสียงเหมือนบางสิ่งถูกวางลงบนโต๊ะ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมอง ภาพที่เลือนรางคล้ายกับเงาของใครสักคนจนกระทั่งกลับมาชัดเจนมากขึ้น และคนนั้นคือหนุ่มน้อยในห้องธุรการนั้นเอง ผมรีบดีดตัวขึ้นนั่งทันที



“อาหารเที่ยงครับคุณเธียรวิชย์ “



“ขอบคุณครับ แม้ยกมาให้ผมเองเลยเหรอครับ” ผมเอ่ยปากถามก่อนจะฉีกยิ้มให้



“ก็ผมเป็นเลขาคุณด้วยนี่ครับ” ผมถึงกับแปลกใจขึ้นเล็กน้อย



“อ้าวคุณเองเหรอ ตอนแรกผมก็นึกว่าผู้หญิงคนเมื่อเช้า ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลนะครับ”



“คุณพ่อคุณเขาบอกให้ผมทำหน้าที่สองตำแหน่งน่ะครับ “หนุ่มน้อยคนนี้บอกผม



“อย่าลืมเข้าประชุมเที่ยงครึ้งน่ะครับ ผมวางแฟ้มเอกสารไว้ที่ห้องประชุมแล้วครับและมีอาหารว่างและเครื่องดื่มไว้ให้แล้วด้วยครับ “หนุ่มน้อยคนนั้นหันมาบอกผม ผมยิ้มให้ เขาดูเป็นคนมีระเบียบรอบคอบมากจน ผมอดนึกถึงม๊าผมไม่ได้ ม๊าเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมของป๊า ม๊าดูแลป๊าทุกเรื่อง ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้หมด ไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ และผมก็อยากได้ผู้หญิงอย่างม๊ามาเป็นภรรยาของผม ผมไม่อยากได้ผู้หญิงอย่างแพรวา ที่วัน วันเอาแต่ชี้นิ้วสั่งคนใช้ แถมยังไม่เคยพูดดีกับเขาสักนิด ผมลุกขึ้นก่อนจะเหลือบไปเห็นเนกไทที่วางอยู่ถูกพับมาอย่างเรียบร้อย



“คุณกันต์ธีนี่เนกไทผมใช่ไหมครับ”



“ใช่ครับ ผมไปสักอบแห้งและรีดมาให้เรียบร้อยแล้วครับ”



“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวน่ะครับ “



“รบกวนผูกให้หน่อยได้ไหมครับ ผมผูกไม่สวยอ่ะ และเมื่อเช้าม๊าเป็นคนผูกให้นะครับ” ผมเอ่ยปากขอร้องขอหนุ่มน้อยคนนั้น เขาหันมามองผม ก่อนจะเดินมาหยิบเนกไทขึ้นมาคลี่และเดินตรงมาหาผม เขาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้นคล้องเนกไทให้ผม ทำไมแววตาคู่นี้มันเหมือนใครสักคนที่ผมเพิ่งจะเจอมาไม่นานนี้เลยน่ะ ขนตาที่งอนยาวนั้น ก็ช่างเหมือน ผมเพ็งมองดูคนที่ผูกเนกไทจนเพลิน



“เสร็จแล้วครับ “กันต์ธีย์เอ่ยปากบอกเขา ก่อนจะก้าวถอยหลังออก ผมก้มลงมองเนกไทที่ถูกผูกไว้อย่างเรียบร้อยไม่มีที่ติ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงจีบทันทีแต่ว่านี้



“ผมไปก่อนนะครับ”



“น้องครับ พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวนะครับ” ผมเอ่ยปากชวนคนที่กำลังเดินหันหลังออก



“อะไรนะครับ” เขาหันมาถามผมอีกครั้ง



“ชวนไปทานข้าวนะครับ พี่อยากเลี้ยงข้าวนะครับ”



“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอครับ” เนื่องในโอกาสอะไรด้วยเหรอ ในโอกาสอะไรดีกว่า



“ขอบคุณเรื่องที่ทำรายงานให้พี่นะครับ “ผมนึกขึ้นได้ก็รีบตอบไปทันที เลิกคิ้วสูงรอคำตอบว่า ได้ครับ



“ไม่ได้เลยครับ ผมยุ่งมากจริงๆ และคงไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะว่างด้วยครับ นานเลยครับ” ผมต้องตกใจคิ้วแน่นเลยเหรอ



“คิวเหรอครับที่ไม่ว่าง น้องฮอทขนาดนี้เลยเหรอครับ” ผมถามน้องเขา



“ผมวุ่นวายกับลูกน่ะครับ ผมไปไม่ได้หรอกครับ ไม่ต้องถามว่ามีคิวเยอะไหม มีแค่คิวเดียวก็จะแย่แล้วครับ และคิวนี้คงจองผมไปตลอดทั้งชีวิตแหละครับ ผมไปก่อนน่ะครับ “ผมก็ต้องยืนอึ้งกิมกี่ ไปตามระเบียบ ลูก ลูกหมาหรือเปล่าว่ะ เพราะว่าดูยังเด็กอยู่เลยน่ะ ถ้ามีแล้วนี่พี่อายเลยน่ะครับน้องครับ





ผมเข้าประชุมต่อทันทีหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ บรรยากาศในห้องประชุมเล็กๆ กะทัดรัดมีครูแค่ไม่กี่ท่านอย่างที่กันต์ธีย์บอกผมไว้ไม่มีผิด วาระการประชุมก็คือการมอบหมายงานประเมินการศึกษา กฎระเบียบบังคับครู และจิปาถะ ผมนั่งมองไปด้วยและฟังครูที่เข้ามาประชุมดูแต่ละคนก็หัวกะทิทั้งนั้น และที่ผมคิดน่ะ นี้ไม่น่าจะเรียกประชุมแต่น่าจะเรียกการตั้งโต๊ะโต้วาทีกันมากกว่า โต้เถียงกันมันมากกว่า และผมเองก็ได้แต่นั่งเอาปากกาจิ้มขมับตัวเองและฟังไปด้วย เขาให้มาช่วยกันหาทางแก้ปัญหาไม่ใช่โต้เถียงเพื่อเอาชนะกันผมคิดในใจ ตาผมก็มองซ้ายทีขวาที มันทำให้ผมเข้าใจป๊าผมขึ้นมาทันที ที่อยากจะกระจายงานให้ลูกๆ บ้างเพื่อมานั่งเป็นกลางอยู่แบบนี้ กว่าจะเถียงกันเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายสามครึ้งแล้ว จบซะทีซิน่ะ



“ตึ้ง!! “เสียงข้อความเข้ามือถือผม ทำให้ทุกอย่างกลับมาสู้โหมดความเงียบ ผมก็ก้มลงอ่าน



//พี่เธียรค่ะ แพรวา จะไปรับแล้วนะคะ เตรียมพร้อมสำหรับอาหารค่ำที่แสนโรแมนติกของเราสองคนหรือยังคะ” ผมก็ต้องกุมขมับ ก่อนจะ



//ถ้าพวกคุณได้ข้อสรุปกันแล้วก็ขอจบการโต้วาที เอ๊ย การประชุมไว้แต่เพียงเท่านี้น่ะครับ เชิญครับ//ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น เหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย  ใจผมก็อยากกลับไปเริ่มต้นเรียนมหา’ลัยใหม่ ทำไมทำงานมันคนละเรื่องกันเลยว่ะ เธียรวิชย์ ผมก็รีบเดินกลับห้องทำงานของผู้อำนวยการ เพื่อไปเก็บของบนโต๊ะแต่พอผมเข้ามาในห้อง ทุกอย่างถูกเก็บเข้าที่เรียบร้อยเหลือแต่พนักงานทำความสะอาดที่จะเข้ามาทำหลังเลิกเรียน



“สวัสดีครับ มาเก็บห้องให้ผมเหรอครับ คุณป้า” ผมถามคนทำความสะอาด เขาหันมามองหน้าผม



“ไม่ใช่ค่ะ คุณเจ้าหน้าที่ห้องธุรการนะคะ เขาเข้ามาทำให้ค่ะ ป้าแค่มาดูดฝุ่น ปัดกวาดเช็ดถูให้เฉยๆ ค่ะ” ป้าคนที่ทำความสะอาดบอกผม ผมก็รีบเก็บทุกอย่างก่อน ว่าจะลงไปขอบคุณและถ้าพรุ่งนี้ว่างจะชวนไปทานข้าวแน่นอน แต่พอผมเดินลงมาก็ไม่เจอเขาแล้ว ห้องธุรการปิดล๊อกเรียบร้อย ทำไมกลับเร็วจังน่ะ ผมก็ต้องเดินลงมายังชั้นล่างสุด หันซ้ายหันขวาเผื่อว่าจะเจอ และผมก็เห็นเขาหลังไวไว กำลังเดินจั้มอ้าว ไปทางโซน เนอสเซอรี่แคร์ ไปทำไมล่ะนั้นน่ะ และนี่มันก็นอกเวลางานแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเลยเดินตามไปดูดีกว่ากะว่าจะชวนกลับบ้านด้วยกันเลย



“หมับ!!!” มีคนมาดึงรั้งแขนผมเอาไว้ผมซะก่อน ผมหันมามอง แพรวา เธอมาพร้อมกับชุดสวยและทรงผมที่ไปทำมาอย่างดี นี้เธอไม่ได้กลับไปทำงานกับพ่อเธอเหรอ



“แพรวาพร้อมมากค่ะ เดทของเรา”



“แพรวา พี่แค่พาเราไปนั่งทานร้านอาหารสักแห่งที่ในห้างครับ ไม่ได้จะพาไปร้านอาหารหรู และพี่ก็ต้องไป”



“ไม่ได้!! ต้องไปกับแพรวา เท่านั้น!!”



“แพรวา มันเกินไปแล้วน่ะ และพี่จะไปหาอาม่าพี่น่ะแพรวา พี่เริ่มจะไม่ไหวแล้วน่ะ แพรวาเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”



“ไม่รู้แหละพี่เธียรต้องไปกับแพรวา และวันนี้ห้ามใครมากวน” แพรวาพูด



“หมับ” แพรวาควงแขนผมทันที “ไปขึ้นรถกับแพรวานะคะ รถของพี่ให้คนขับรถขับไปจอดที่บ้านพี่เลยนะคะ “แพรวาบอกผม



“แพรวามีเซอไพรส์ค่ะ” แพรวาหันมาบอกผม ก่อนจะทำตาประกายแวววาว ผมเหลือบมองเวลา แล้วจะไปหาอาม่าได้ไหมว่ะเนี๊ยะ



“พี่เธียร ยืนอยู่ตรงนี้นะคะ หันหลังด้วยนะคะ แพรวา จะเข้าไปเอาเซอไพรส์มาหมอบให้นะคะ “แพรวาบอกผมให้ยืนเว้นระยะห่างจากรถเอาไว้และหันหลัง



“ยืนเซ่ออะไรล่ะ รอถ่ายซิ ถ่ายดี ดีน่ะ เอาสวยๆ ด้วย ไม่สวยน่ะโดนไล่ออก” ผมได้ยินเธอสั่งคนที่มาดูแลเธอ และสิ่งที่ผมเห็นกำลังตรงมาหาผม คือรถลัมโบร์กินี่รุ่นตัวท็อปใหม่ล่าสุด ก่อนจะดริฟรถตีโค้งมาจอดตรงข้างหน้าผมพอดิบพอดี พร้อมกับประตูปีกนกที่เปิดออก เฮียธาม ชะโงกหัวมองผม



“ขึ้นรถ” เฮียบอกผม แต่ว่าผมชี้ไปข้างหลังผมล่ะ



“ขึ้นมา!! “ผมหันไปมองก่อนจะวิ่งเข้าไปในรถเฮียธามและประตูก็ปิดลงพร้อมกับเสียงเบิ้นเครื่องจนยางไหม้ และควันโขม้งไปหมด ควันดำๆ ซะด้วยและเฮียแกตั้งใจมากเบิ้นใส่แพรวามันขนาดนั้น ก่อนจะออกรถที่แรงเต็มพิกัดของเฮียธามไป ผมหันไปมองจนกระทั่งควันเริ่มจางหายไปเหลือไว้แค่เด็กผู้หญิงที่ยืนถือช่อดอกไม้ เอามือปัดควันไปมา



“ว๊าก!! เฮีย แพรวามันด่าเฮียแน่” ผมร้องบอกเฮียธาม เพราะว่าดูจากสภาพนางแล้ว ไอ้ควันดำดำนั้นคงทำให้เธอดูเหมือนไปคลุกกับเขม่าดำๆหม้อมา เฮียธามแค่หันมายักคิ้วให้ผม แต่ก็ดีที่เฮียมาช่วยชีวิตผมได้ทัน



“มึงคิดว่ากูแคร์เหรอคะไอ้ตี๋น้อย ด่ามากูก็ด่ากลับ ไม่โกงไง” เฮียถาม ผมควรจะเรียกเจ๊ธามมากกว่า กรีดนิ้วปัดผมอย่างน่ารัก แต่ถ้าต่อหน้าป๊าเฮียแกแมนมาก



“อาม่าให้มารับมึงไปหา ถ้ามึงไม่ไป เป็นเรื่องแน่ เพราะว่าวันนี้รวมญาติน่ะ ไอ้ตี๋น้อย” เฮียธามหันมาพูด ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาขาดไว้ก่อน รถเฮียยิ่งแรงๆอยู่ และจังหวะนั้นผมก็เห็นรถอากันตภณ ขับสวนเข้ามา



“เฮียรถอากันอ่ะ อามาทำไมอ่ะ มาหาผมเปล่า” ผมถามเฮียธามทันที



“ไหนวะ ที่แน่ๆ เขาไม่ได้มาหามึงหรอก มาหาเด็กเขา เด็กเขาทำงานที่นี้ วันก่อนเขาพามาฝากกับป๊าอ่ะ ไม่เจอหรือไง” เฮียธามมองตามที่ผมชี้ ก่อนจะขับรถออกไปทันทีเช่นกัน อากันตภณมีเด็กเหรอ คนไหนวะ พรุ่งนี้ต้องไปตามสืบดู



ผมหันมามองเฮีย ดูซิเอสเซสเซอรี่เต็มหัวไปหมดฟรุ่งฟริ้มกระดิ่งแมวมาก แถมต่างหูก็เป็นแพเชียว การแต่งตัวทั้งหมดนี้ ป๊าผมไม่เคยจับเฮียธามได้เลยสักที ใช่ครับพี่ชายคนที่สองผมออกแนวสาวมากกว่า และก่อนเฮียจะเข้าบ้านทุกอย่างจะถูกถอดเก็บจนหมดแม้กระทั่งผมที่ยาวเหมือนบ๊อบก็จะถูกรวบขึ้นไป เฮียแกไถด้านในและพอมัดก็จะเหมือนทรงผมผู้ชายทั่วไป ถ้าปล่อยลงจะออกแนวสาวๆหน่อย ผมนั่งมองแล้วผมก็อยากจะบอกเฮียว่า เฮียควรจะบอกป๊าไปเถอะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเปลี่ยนบุคลิกภาพ เดี๋ยวแมนเดี๋ยวแต๋วแบบนี้ สักวันคงได้สลับผิดบทกันบ้าง



*****



     Part’ s กันต์ธีย์ ผมเดินไปหาลูกชายหลังจากที่ผมจัดการเก็บทุกอย่างในห้องทำงานเรียบร้อยและขึ้นไปทำห้องทำงานให้กับผู้บริหารคนใหม่ ที่เป็นลูกชายคนเล็กของทานประธานใหญ่ แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือ ชื่อเธียรวิชย์ มันช่างเหมือนกับไอ้คนที่เอาแหวนเอาไว้ให้ผม แต่นามสกุลน่ะมันมีแค่ดอเด็กตัวเดียว แล้วผมจะรู้ไหมว่านามสกุลเต็มมันคืออะไร หรือแค่ดอเด็กด้วนๆ กันแน่



ไอ้ตอนแรกผมก็นึกว่าคนเดียวกัน แต่เพราะว่าความสุภาพของเขามันทำให้ผม สั่นหัว ก็ไอ้คนนั้นน่ะ มันทำสีหน้าไม่พอใจผมตั้งแต่ที่ผมทำเหล้าหกใส่เสื้อมันแล้วนิ แต่คนนี้กลับไม่ใช่ เขาสุภาพ จนผมคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันแน่ๆ



“น้องบีม มาแล้วเหรอคะ “พี่สายฝน พี่คนที่ดูแลแซบซ่าให้ผม เจ้าลูกโซ่ ตอนนี้หกเดือนกับอีกสิบวัน พรุ่งนี้ต้องไปรับวัคซีนด้วยซิ ผมน่ะเขียนใบลาส่งไปให้พี่ธีแล้ว ผมกะจะลาแค่ครึ้งวัน



“มะ มะ มะ “ดูเรียกผมซิ



“บอกว่าเรียกมี้ ไม่ใช่ มะ มะ “ผมพูดกับตัวเล็ก ก่อนจะอุ้มขึ้นมา ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งทำให้ผมรักเขาและความโกรธแค้นที่เคยมีกับไอ้คนที่ทำให้ผมท้อง มันเริ่มจางหายไป เพราะแต่ผมได้ความรักจากเด็กคนนี้มาแทน ผมอุ้มเขาขึ้นมา สบตาที่ใส่ซื่อนั้น ฝ่ามือเล็กๆ จับที่ใบหน้าของผม



“มะ มะ มะ “ยักเรียกผมว่ามะมะ อีก สักวันคงได้กลายเป็นมาม่ากันบ้างล่ะ ผมแอบคิดในใจ ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าเด็กน้อยขึ้นมาสะพายไว้



“พี่ฝนครับ พรุ่งนี้ น้องไม่ได้มานะครับ เพราะว่าผมจะพาไปฉีดวัคซีนหกเดือดน่ะครับ “ผมบอกพี่สายฝน



“ค่ะน้องบีม” พี่สายฝนพูดก่อนจะหันมามองลูกโซ่



“วันนี้ก็เกือบทำพี่ฝนตกงานแล้วค่ะ น้องบีม” ผมหันไปมอง ก่อนจะหันมามองพ่อตัวดีของผมเช่นกัน



“ทำไมเหรอครับ”



“ก็น้องเขาคงเบื่อบรรยากาศภายใน เลยออกไปนั่งเล่นนอกห้องแทนนะคะ และน่าจะออกไปตอนที่คุณครูเขาเปิดประตูแล้วไม่เห็นนะคะ ไวมากเลยน้องค่ะน้องบีมลูกชายน้องบีมเนี๊ยะ!” ผมถึงกับถลึงตาขึ้น มีแบบนี้ด้วยเหรอ ลูกผมนี้น่ะ



“และโชคดี แต่ก็ยังร้ายสำหรับพี่อยู่ดีค่ะ คนที่มาเจอน้องคือ ผู้บริหารงานคนใหม่ เขาว่าพี่ใหญ่เลยค่ะ พี่นี้คิดว่าโดนแน่ๆ ไล่ออก” พี่ฝนพูดผมหันมาทำหน้าดุใส่เจ้าลูกโซ่



“ผมขอโทษแทนเจ้าลูกโซ่ด้วยนะครับพี่ฝน” ผมพูด



“ไม่เป็นไรค่ะ และนี่พี่ก็กำชับกับพี่เลี้ยงว่าให้ปิดประตูทุกครั้ง อย่าคิดว่าแป๊บเดียวจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นได้กลับบ้านนอกแน่ๆ ค่ะ “พี่สายฝนพูด ผมหันมามองเจ้าลูกโซ่ เจ้าลูกโซ่ ชะโงกหัวไปมองหาใครสักคนจากด้านหลังของผม



“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับพี่ฝน” ผมรีบบอกพี่สายฝน พี่เลี้ยงเจ้าตัววุ่นวายของผม ผมหันหลังไปมองคนที่เดินมาถึงก็ก้มลงหยิบกระเป๋าเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาถือให้ พี่กันตภณคนเดิม เพิ่มเติมคือความหล่อขึ้นทุกวัน แต่ผมกลับยังไม่เคยมองเขาเป็นเช่นคนรักเช่นเคย ผมมีเหตุผลครับและผมจะบอกเมื่อผมมั่นใจว่าเหตุผลนั้นถูกต้อง



“วันนี้สร้างวีรกรรมอะไรกับพี่เลี้ยงอีกไหมครับลูกโซ่” พี่กันตภณถามเจ้าลูกโซ่ ของผม พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มที่จมูกโด่งรั้น และเจ้าลูกโซ่ก็ไล่จับไม่อยากให้จับปลายจมูกของเขา แต่ทว่าผมกลับเห็นปลายจมูกของอีกคน คนที่ผมผูกเนกไทให้วันนี้ ผมอยู่ใกล้ชิดเขามาก ผู้ชายที่สาวๆ ในโรงเรียนพูดถึงกันทั้งโรงเรียน นั้นคือคุณเธียรวิชย์



“บีม บีม บีม!!” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือมาแตะที่แขนผม พี่กันตภณ



“มีอะไรครับพี่กัน” ผมถามพี่กันกลับทันที



“พี่กางมือรอรับจะเอาเจ้าลูกโซ่ใส่ในคาร์ซีทอยู่น่ะครับ แต่ว่าวันนี้บีมเหม่อไปน่ะ งานเยอะไปหรือเปล่า หรือว่าเครียดเรื่องอะไรอยู่น่ะ” ผมส่งเจ้าลูกโซ๋ให้พี่กันตภณรับไปและน้ำเจ้าตัวดีใส่ในคาร์ซีทเหมือนเช่นทุกวัน



“ผมว่าจะเอารถผมมาขับได้แล้วครับ พี่กัน”



“ทำไมล่ะ ไม่อยากให้พี่มารับมาส่งแล้วเหรอ “พี่กันตภณถามผม



“ผมเกรงใจนะครับ และพี่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมาอีก ไหนจะมารับผม ไหนจะไปส่งผม และไหนจะต้องขับรถกลับบ้าน ไม่เหนื่อยแย่เหรอครับ นี้ยังไม่รวมที่พี่ต้องขับไปมหาวิทยาลัยอีกนะครับ พี่กัน” ผมพูดกับคนตรงหน้า พี่กันเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง ผมก็ต้องเข้าไปนั่งตามที่พี่เขาพยักพเยิดบอกผม



“พี่เต็มใจครับ” พี่กันตภณบอกผมก่อนที่จะจับสายนิรภัยมาคาดให้ผม



“แต่ผม เออ ผม คิดว่า พี่ “ผมกำลังจะพูด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดหรือถามพี่กันตภณดีไหม พี่เขามองหน้าผม เหมือนกำลังสงสัยในสิ่งที่ผมกำลังจะเอ่ยปาก



“มีอะไรครับบีม”



“ไม่มีอะไรครับพี่กัน กลับบ้านเถอะครับ ผมอยากจะพาเจ้าโซ่ไปอาบน้ำแย่แล้ว” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็ปิดประตูลง ก่อนเดินมาขึ้นอีกฝังแทน ผมหันไปมองพี่กันตภณ จังหวะที่พี่กันกำลังจะเลี้ยวรถออก ผมเหลือบไปมองมือถือที่วางในกล่องใส่ของ ผมเห็นมีข้อความถูกส่งเข้ามาในมือถือพี่กันตภณ



// กัน ทำไมไม่รับสาย รับสายดิ จะได้คุยกัน // ผมอ่านข้อความนั้นแต่พี่กันตภณเขายังไม่ได้เปิดอ่านเลย



“พี่กัน ผมต้องพาน้องลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนพรุ่งนี้นะครับ”



“หมอสายป่านหรือเปล่า”



“ครับพี่กัน”



“งั้นพี่ไปส่งน่ะ”



“ก็ได้ครับ และพรุ่งนี้เพื่อนๆ ผมจะอยู่เลี้ยงเจ้าลูกโซ่ตอนบ่ายให้นะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ



“เราจะกลับมาทำงานอย่างนั้นนะหรือ” พี่กันตภณถามผม



“ครับ” ผมตอบเบาๆ



“พรุ่งนี้พี่ต้องมาที่นี้ด้วย เรามาพร้อมกันเลยไหมเพราะว่าพี่ชายพี่เขาจะนัดคุยเรื่องหุ้นกับเจ๊พี่ด้วยกันที่นี้ และเรื่องที่จะให้หลานชายพี่มาเป็นผู้บริหารที่นี้อีก “พี่กันตภณบอกกับผม



“เจอกันหรือยัง ไอ้เจ้าเธียรวิชย์ที่พี่ให้เราทำรายงาน Thesis ให้มันน่ะ มันชมเราน่ะว่าเราทำได้ละเอียดและดีมากนี่มันว่าจะชวนเราไปทานข้าวด้วย แต่พี่บอกเรายุ่งน่ะ”



“อ้อเจอกันแล้วครับ ผมไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะเป็นหลานพี่กัน เพราะว่าเขาดูสุภาพไม่ต่างจากพี่กันมากแต่น่าจะกวนๆ มากกว่าน่ะครับ ด้วยวัยด้วยมั้งครับ” ผมหันมาพูดกับพี่กันตภณ



“ไอ้เจ้าเธียรนี้น่ะ แม่พี่เอาไปเลี้ยงตั้งแต่เกิดเลย”



“พี่ไม่ค่อยรู้อะไรมาเพราะว่าตอนนั้นพี่ก็เพิ่งจะสิบห้าสิบหกปี พี่รู้แค่ว่า หมอตรวจเจอบางสิ่งที่ผิดปกติ เลยต้องผ่าเอาเจ้าเธียรออกมาก่อนกำหนด น่าจะ36 วีคได้ และอาซ้อต้องไปเข้ารับการรักษาตัวต่อจากนั้น ส่วนเจ้าเธียรก็อยู่ในตู้อบอาทิตย์หรือสองอาทิตย์นี้แหละ และพอกลับบ้านม๊าพี่ก็รับไปดูแลเอง”



“เธียรเนี๊ยะ มันแสบที่สุดในบรรดาหลานที่พี่มีเลยน่ะ มันร้ายมากและยังมีม๊าพี่ที่ตามใจมันมากอีกคน เมื่อก่อนน่ะแต่ป๊าพี่น่ะดุมันมากที่สุดในบรรดาหลานเลยแหละ “พี่กันตภณพูดถึงคุณเธียรวิชย์ ผมก็ต้องขมวดคิ้ว ก็ไม่มากน่ะ ผมคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงบ้าน จะว่าไปดูพี่กันตภณเขาสนิทกับหลานคนเล็กเขามากเลยน่ะและพฤติกรรมที่เขาเล่ามามันก็เกือบจะเหมือนเจ้าลูกโซ่ผมทั้งหมดและมันก็ทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน

TBC.....

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:


เฮียธามชนะเลิศ

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

          Part’ s กันต์ธีย์ ผมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีนหกเดือนตามนัด แต่เลยมาหน่อย เพราะว่าเจ้าโซ่เกิดก่อนกำหนด หมอส่ายป่านเลยนับวัคซีนให้เลยไปหน่อยไม่มากหนัก ตอนแรกพี่กันตภพว่าจะมาส่งผม แต่จู่ๆ ก็มีสายเรียกตัวประชุมที่กองมหาวิทยาลัยด่วน ผมเลยนั่งแท็กซี่มาแทน พี่กันตภณบอกว่าจะมารับผมและไปส่งน้องลูกโซ่ที่คอนโดก่อนจะไปที่โรงเรียนที่ผมทำงานด้วยกัน พี่กันต้องไปประชุมกับพี่ชายคนโต พี่สาวและหลานๆ จะว่าไป คุณเธียรวิชย์นี้เขายิ้มเหมือนพี่กันตภณไม่มีผิดเพี่ยนแต่นี่กับเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าลูกโซ่มีเหมือนกับพี่กันตภณ แปลกไหมน่ะ แปลกน่ะ

“สวัสดีค่ะ วันนี้มีนัดฉีดวัคซีนของน้องนะคะ แต่ว่าคุณหมอสายป่านติดธุระด่วนค่ะ คุณหมอสายป่านได้ฝากเรื่องให้คุณหมอภีมปภพเป็นคนฉีดให้น้องค่ะและตรวจสุขภาพด้วยค่ะ” ผมพยักหน้าก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา

“เดี๋ยวตามน้องผู้ช่วยไปเลยนะคะ “ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามไป และเจ้าลูกโซ่ก็หมุดหน้าเข้ากับอกแบนๆ ของผม เหมือนจะเดาได้ว่าผมพาเขามาทำอะไร ไม่ซ่าเลยน่ะวันนี้น่ะ ผมเดินมานั่งรอที่หน้าห้องหมอภีมปภพ แทน ห้องที่มีแต่คนท้องและส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้ผู้หญิงทั้งนั้น ก็หมอภีมปภพเขาเป็นหมอสูตินรีแพทย์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหมอสายป่านให้หมอภีมปภพเป็นคนดูแลแทน แต่กลับไม่ใช่ให้หมอเด็กคนอื่น ผมนั่งที่ตรงเก้าอี้ ส่วนเจ้าโซ่ก็ดีดดิ้นอยากจะลงไปคลานที่พื้นอีก

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วเฮียเกริก นี้รอหมอภีมอยู่ เพื่อนของกันเขาไงล่ะที่เป็นหมอที่อาม่าหาประจำ เอะอะอะไรก็ต้องขอเป็นหมอภีม เห็นหมอภีมบอกว่าจะสั่งฮอร์โมนให้ม๊าไปทาน จะได้ไม่หงุดหงิดง่าย จะกลับแล้วเฮีย ก็เจ้ากันมันบอกว่าติดประชุมอยู่นี้ ไม่ได้คุยหรอก แค่นี้ก่อนน่ะเฮีย หมอเรียกแล้ว”

RRRR เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของพี่กันตภณ ผมรีบรับสายทันที ก่อนจะปล่อยเจ้าลูกโซ่ ลงไปนั่งเล่นที่พื้นก่อน

//ครับพี่กัน//
//พี่กำลังจะออกไปแล้วน่ะบีม//
//ได้ครับ ผมยังนั่งรอพี่หมอภีมอยู่ครับพี่กัน//
//ไม่ใช่หมอสายป่านเหรอบีม ที่นัดเจ้าลูกโซ่น่ะวันนี้//
//ไม่ใช่ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าทำไม เขาให้เป็นหมอภีมปภพครับวันนี้// ผมบอกพี่กันตภณ
// ไม่เป็นไรหรอก หมอภีมก็ดีน่ะ พี่กำลังจะออกรถคงไม่เกินยี่สิบนาทีครับ //
พี่กันตภณบอกผม ผมก็กดวางสายก้อนจะหันไปเห็นไอ้เจ้าลูกโซ่ที่คลานไปเกาะรถเข็นคนไข้ อาม่าคนหนึ่งเข้าแถมยังเอียงคอมองซ้ายขวา และยื่นมือไปทำท่าจะจับ

“อัยย๊า! อาตี๋น้อยๆ อ่าห์ “ผมได้ยินเสียงเรียกเด็กน้อยและผมก้มลงจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ที่นั่งลงตรงระหว่างขาผมแต่ทว่า ไม่มี ผมหันไปมอง ลูกชายตัวดีของผม คลานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ไปปืนเกาะอยู่ที่ตรงขาของอาม่าที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่อยู่ไม่ไกลมากหนัก ผมก็รีบลุกไปจับเจ้าลูกโซ่ทันที

“อาหงส์ อาตี๋น้อยๆ อยากเล่นกับอั้วน่า” อาม่าพูดพร้อมกับเอาฝ่ามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่อย่างเอ็นดู

“ขอโทษนะครับ” ผมรีบขอโทษขอโพยใหญ่เลย

“แม้หน้าตาน่ารักน่าชังซะด้วย ลูกชายเหรอคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนข้างๆ อาม่า ผมเดาได้ว่าเป็นลูกสาวของอาม่า เขาและเด็กผู้หญิงอีกคน หน้าตาหมวยๆ น่ารักคงจะหลานสาวแน่ๆ

“ครับ ผมพามาฉีดวัคซีนน่ะครับ”

“อืมมม “เจ้าลูกโซ่ พยายามจะเอนตัวลงจากผมจะไปเล่นกับอาม่าอีก (ภาษาไทยเรายังไม่ค่อยแข็งแรงดีจะไปสื่อสารภาษาจีนได้เหรอ เจ้าลูกโซ่ แอบคิดในใจ)

“ไปครับลูกโซ่ไปนั่งกับมี้ดีกว่านะครับ ไม่ดื้อนะครับ” ผมบอกเด็กน้อยก่อนจะอุ้มขึ้น

“หน้าตาอาตี๋น้อยๆ มันคุ้นๆ น่ะนี่มันลูกไอ้เธียรหรือเปล่าอ่ะ อาหงส์” ผมหันไปมองอาม่า ไอ้เธียรไหนอ่ะอาม่า

“อาม่าอาเธียรยังไม่มีเมีย “ลูกสาวของอาม่ารีบพูดก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม

“เธียรไหนเหรอครับ “ผมรีบหันไปถามอาม่าทันที

“ไอ้สีเทียนอ้า หลานอั๋วหน่า หน้ามันยังนี้เลยน่า อั๋วนี้เลี้ยงมันมากับมือ ทำไมอั๊วจะจำไม่ได้ ไอ้ตาเฉียวๆ เอาเรื่องแบบนี้เลยน่า” ผมก็พยักหน้าเบาๆ เพราะว่าคนละเธียรกัน ก็เลยยิ้มแหยๆ ไป และไอ้นั่นมันไอ้เธียรวิชย์ ดอ และไม่ใช่เธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชรหลานอากันอีก ผมว่าเลิกหาดีกว่าไอ้เธียรวิชย์อะไรเนี๊ยะ รู้สึกว่าจะหลายเธียรแล้วเนี๊ยะ!

“อาตี๋น้อยๆ “อาม่าเรียกลูกชายผม เจ้าลูกโซ่ก็พยายามยืนแขนอันสั้นนิดเดียว ไปหาเขาอีกด้วยอยากเล่นกับเขาขึ้นมาอีก

“โทษทีน่ะ ม๊าพี่น่ะแก่มากแล้ว หลงๆ ลืมๆ อย่าถือสาน่ะหนูน่ะ “พี่ผู้หญิงที่เป็นลูกสาวของอาม่าพูด ผมพยักหน้าว่าไม่เป็นไร และพยาบาลก็ออกมาเข็นอาม่าไป ก่อนจะไปหันมาโบกมือให้เจ้าลูกโซ๋ของผม

“กลายเป็นอาตี๋ไปแล้วหรือไง” ผมถามเจ้าลูกโซ่ของผม ก่อนจะกลับมานั่งลง เพื่อรอเข้าห้องตรวจ ผมเหลือบมองมือถือของผม

มะนาว//แกจะกินอะไรไหมจะได้ซื้อเข้าไปกินกัน//
บีม// “ซื้อมาเลยน่ะมะนาว บีมต้องกลับไปทำงานไง//
มะนาว//เออ ลืมว่ะ//
ใบชา//วันนี้ ทำชาบูกินกันดีกว่าอยากกินอ่ะ//
เป็กซ์//ดีเลย//
ฟิล์ม//กูต้องแบกหม้อชาบูพี่ฟ้าไปอีกแล้วใช่ไหมไอ้เชี้ย! /// ผมนั่งคุยแชทไลน์กับเพื่อนๆ พอผมเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปสะดุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ ตรงหัวมุม เขามองผมอยู่ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขายืนมองผมมาพักใหญ่แล้ว ใครกันน่ะ เขาคือใครอ่ะ จะให้ผมตามก็คงไม่ได้ มีทั้งเจ้าลูกโซ่และกระเป๋าเด็กอีก

“เด็กชายกีรติกรค่ะ “พี่พยาบาลเดินเข้ามาเรียกชื่อลูกชายผมและผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินตามเขาเข้าไปทันที ผมยังหันกลับมามองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ว่าไม่เจอแล้ว เขาเดินหายไปกับกลุ่มคนที่เดินทางเข้าออก หรือว่าผมเข้าใจผิดไปเองน่ะ จนกระทั่งผมเข้าไปนั่งในห้องพี่หมอภีม

“สวัสดีครับลูกโซ่” พี่หมอภีมปภพหันมาทักทายเจ้าลูกโซ่ก่อนจะผลักเก้าอี้เลื่อนออกมาอยู่ตรงหน้าและยื่นหน้าหล่อๆ มามองลูกโซ่แบบใกล้ชิด แต่แปลกน่ะ ที่อย่างนี้ไม่อยากจับจมูกเขา แต่วันก่อนกับพี่ธี ที่เป็นลูกเจ้าท่านประธานล่ะจับและบีบเขาติดมือเลยน่ะ

“เป็นไงบ้าง หกเดือนครึ้งแล้วซิ และนี่น้องเลี้ยงง่ายไหมบีม” พี่หมอภีมพูดก่อนจะหยิบเอาของเล่นมาให้เจ้าลูกโซ่ถือพร้อมกับฟังปอดลูกโซ่ไปด้วย

“ก็ยากบ้างง่ายบ้างอ่ะครับพี่หมอ เพราะว่าผมเองเป็นคุณแม่มือใหม่มาก “ผมบอกพี่หมอภีมปภพ

“ยังยากอีกเหรอครับ ขนาดว่ามือโปรไปดูแลทุกวันขนาดนี้” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ

“พี่หมายถึงพี่กันนะเหรอครับ” ”

“ก็ใช่ซิครับ จะเป็นใครไปไม่ได้ “พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะลงบันทึกในสมุดให้เจ้าลูกโซ่ พี่หมอภีมเงยหน้ามองผม ผมก็ยิ้มให้

“ทำไมไม่ใจอ่อนให้กันมันสักทีล่ะ บีม มันก็อยากมีลูก แต่แค่มีไม่ได้ และกันมันก็เป็นคนดีน่ะ พี่ยืนยันได้” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันไปพยักหน้าบอกพยายาบาลให้เตรียมยาฉีดให้ลูกโซ่

“คุณหมอคะ เดี๋ยวไปเอาวัคซีนที่เบิกเอาไว้ที่ห้องยาก่อนนะคะ “พี่พยาบาลหันมาบอกพี่หมอภีมปภพก่อนจะเดินออกไป

“พี่หมอคิดว่าผมควรจะให้พี่กันทำหน้าที่ที่พี่เขาไม่ได้ทำเหรอครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ พี่เขาหันมามองหน้าผมเหมือนจะไม่เข้าที่ผมพูด

“ก็ถ้า เขาดีพอสำหรับหน้าที่นี้ “พี่หมอภีมปภพพูด

“แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะซิครับ ผมควรจะเก็บกันไว้แค่เพราะว่าเขาทำหน้าที่พ่อที่ดีได้เหรอครับ มันดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยไหมอ่ะครับพี่หมอ และมันจะปิดโอกาสที่ดีของพี่กันไหมครับ เพราะอาจจะมีคนที่รักพี่กันมากกว่าผมก็ได้น่ะครับ” ผมพูด พี่หมอภีมมองหน้าผม พี่เขาแอบกลืนน้ำลายลงคอด้วย

“ถามว่าผมเคยคิดว่าเขาคือพ่อที่ดีของลูกไหม ผมคิดครับแต่ จนกระทั่งผมได้เจอกับบางสิ่ง” ผมพูดขึ้น

“ผมเลยไม่คิดว่าผมควรจะทำอย่างนั้น มันคือการเห็นแก่ตัวที่สุด” ผมพูด

“บีมพูดเรื่องอะไรครับ” พี่หมอภีมถามผม

“เสื้อเชิ้ตที่พี่กันไปเปลี่ยนที่ห้องพี่วันที่ลูกโซ่อึรดนะครับ เสื้อเชิ้ตตัวนั้นผมซื้อให้พี่กันผมจำแบบและแบรนด์เนมได้ ผมซื้อให้เป็นของขวัญ และพี่กันก็ใส่มันมาวันเลี้ยงส่งอาจารย์ในคณะที่เกษียณอายุ และคืนนั้นผมเองก็ต้องอยู่ช่วยเพื่อนๆ พี่กันขอกลับก่อนเพราะว่ามีนัด”

“และผมก็บังเอิญเดินออกมาโทรศัพท์ ผมเห็นรถที่มารับพี่กันไป รถเก๋งคันนัน ผมเดาได้ว่าคือรถพี่หมอ ผมเคยเห็นรถพี่หมอตอนที่ไปเที่ยวที่บ้านพี่หมอไงครับ

“และผมก็ไม่เห็นพี่กันใส่เสื้อตัวนั้นอีกเลย จนกระทั่ง วันนั่นแหละครับ นั้นแปลว่าพี่กันมาค้างกับพี่หมอถูกต้องไหมครับ” พี่หมอภีมปภพมองหน้าผม ผมสังเกตการณ์ลงปากกาซ้ำๆ ที่จุดเดียวกัน

“และนั้นทำให้ผมบอกกับพี่กันว่า ผมอยากจะตามหาพ่อเจ้าลูกโซ่แต่ความจริงผมไม่รู้หรอกว่าผมจะตามเจอไหมเพราะตอนนี้ผมคิดว่าผมดูแลเขาได้ด้วยตัวผมเอง”

“ส่วนพี่กันผมเองก็ไม่อยากกักเขาเอาไว้ต่อให้เขาทำดีกับผมมากแค่ไหน แต่ถ้าเขามีคนที่รักเขามากกว่าผม ผมยินดีที่จะให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า"

“และผมก็รู้ว่าพี่รักพี่กัน ผมดูจากที่พี่รู้ทุกอย่างของพี่กัน มันไม่ใช่แค่ว่าเพื่อนสนิท มันน่าจะมากกว่านั้นถูกต้องไหมครับ”

“เออ บีม” พี่หมอภีมปภพทำท่าอึกอักที่จะพูด

“ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างพี่กับพี่กันมันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ผมเดาว่าพี่ยังไม่อยากให้มันจบแบบนี้ถูกต้องไหมครับ”

“พี่กับพี่กันเป็นแฟนกันมาก่อนครับ คบกันหลายปี” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม

“และพี่เองที่ทำให้กันมันถูกป๊ามันจับแต่งงาน พี่คบกับพี่กันตั้งแต่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่พี่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วน่ะ “พี่หมอภีมปภพบอกผม มุมปากที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ

“ป๊าของกันไม่ชอบความารักแบบนี้ และพี่ก็ทำอะไรไม่ได้” พี่กันพูดขึ้นด้วยแววตาที่รู้สึกผิดที่เขาเองก็อาจจะมีส่วนผิดเช่นกัน

“เจ็บมากไหมครับพี่หมอ” ผมถามพี่หมอ

“เจ็บครับ ห้าปีที่ทนน่ะเจ็บมาก แต่พอกันเขาหย่ากับภรรยาเขาได้ และแทนที่พี่กับกันควรจะได้กลับมาคบกัน แต่กลับเป็นพี่เองที่ทำผิดจนกันเขาไม่ยอมกลับมาหาพี่”

“พี่ไปมีอะไรกับผู้หญิงครับ และกันมันก็ไม่ขอกลับมาหาพี่อย่างคนรักอีก” พี่หมอภีมปภพพูด

“เป็นผมก็คงทำใจลำบากล่ะครับพี่หมอ” ผมพูด และจังหวะนั้น พี่พยาบาลเดินเข้ามาพอดี และพี่หมอภีมปภพก็หันไปหยิบหลอนฉีดยามาส่งให้พี่หมอถือไว้

“แหง๋ๆๆ” ผมก็ก้มลงมอง เขายังไม่ฉีดเลย แค่หยิบมาดู

“อืมมม” ทำนิ้วว่าไม่เอาด้วย

“ไม่เจ็บครับ ลุงหมอฉีดเบาๆ ครับ” พี่หมอภีมปภพูดก่อนจะหันมาและผมก็ยึดล๊อกตัวเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจุยกระจาย จนเอาไม่อยู่ และพี่พยาบาลต้องเข้ามาช่วยผมยืดแทน ตัวแค่นี้ดิ้นแข็งแรงมาก จนผมยืดไม่อยู่ และทันทีเข็มจิ้มลงไปผมก็หลับตาปี๋เช่นกันใครจะทนดูอยู่ได้ ส่วนเจ้าลูกโซ่นี้ก็กรี้ดเต็มเสียง

“เดี๋ยวลุงหมอปิดพาสเตอร์ให้น่ะครับ ไม่เจ็บแล้วลูก” พี่หมอภีมปภพบอกเจ้าลูกโซ่ ที่นั่งปากล่างจะครอบปากบนอยู่แล้ว นี้แปลว่างอนอยู่เหลือกตาขึ้นมองลุงหมออีก พี่หมอภีมพยายามเล่นด้วยเพื่อไถ่โทษ แต่เจ้าลูกโซ่ก็หมุนตัวหนี ไม่ยอม ผมนึกแปลกใจยังไม่หนึ่งขวบเลยน่ะรู้จักงอนแล้ว

“แต่ถ้ากันเขาเลือกเรา พี่ยินดีน่ะ พี่ดีใจด้วย “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะลุกขึ้น เพราะว่าผมก็ต้องกลับกันแล้วเช่นกัน ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้น พี่หมอภีมลุกขึ้นมาหยิบก็หยิบกระเป๋าเพื่อจะเดินออกไปส่งผม

“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ไม่ได้บอกทั้งหมดวันที่พี่บอกว่าไอ้กันมันเคยแต่งงาน “ผมหันมายิ้มให้พี่หมอภีม

“พี่ไม่ได้คุยกับกันเขามาพักใหญ่แล้ว มีคุยบ้างเวลาที่กันพาแม่เขามาหาหมอ แต่น้อยมาก และพี่กลับมาคุยกับกันอีกครั้ง ก็ตอนที่เขามาขอให้ พี่ดูแลเราและลูก นี้แหละพี่คุยกับเขาบ่อยขึ้น”

“พี่เคยแอบคิดเข้าข้างตัวเองน่ะพี่อาจจะได้เขากลับคืน แต่มันก็แค่คิด เพราะเขาเลือกเรา “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะใช้นิ้วมือแตะที่ปลายจมูกโด่งรั้นของเจ้าลูกโซ่

“แต่อย่างน้อยก็ทำให้พี่รู้ว่ากันยังไม่ได้ตัดพี่ออกไปซะทีเดียว ยังคงอยู่แม้จะในฐานะเพื่อน” พี่หมอภีมปภพพูด และจังหวะนันพี่กันตภณเดินเข้ามาพอดี

“ผมจะไม่บอกพี่กันว่าพี่หมอบอกผมทุกอย่างแล้วโอเคนะครับ” ผมหันไปบอกพี่หมอภีมปภพ

“ขอบคุณครับ” พี่หมอภีมปภพพูด และหันไปมองหนุ่มใหญ่ คือพี่กันตภณ สีหน้าและแววตาที่ถูกปรับให้พยายามมองอย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนกับพี่กันของหมอภีมปภพ มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจแทนยังไงก็ไม่รู้

“ไอ้กัน ม๊ามึงมากับเจ๊หงส์น่ะ มาเพราะว่าจำวันนัดผิด” พี่หมอภีมปภพบอกพี่กันตภณ

“จริงดิ กูไม่ได้เปิดเครื่องเลยว่ะ เจ๊หงส์เลยไม่ได้โทรบอกกู “พี่กันตภณพูด ก่อนจะแบมือไปรับกระเป๋าใส่ของใช้เด็กไปสะพายให้ผม ผมเห็นสายตาพี่หมอภีมปภพมองพี่กันแล้ว ผมก็ไม่อยากให้พี่กันตภณถือให้เลย แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่กันจะรู้ว่าผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว และพี่หมอภีมปภพกับพี่กันอาจจะมองหน้ากันไม่ติดรวมถึงผมอีกคน ผมเลยต้องทำให้เหมือนทุกอย่างเป็นปกติที่สุด

“พี่ไปส่งเราที่คอนโดก่อนและเราค่อยไปโรงเรียนกันนะครับบีม” พี่กันตภณบอกผม ผมหันไปมองพี่หมอภีมปภพ

“พี่หมอครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากทานอาหารปั่นแล้วอ่ะครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ

“ฟันน่าจะขึ้นน่ะบีม ลองไปศึกษาเกี่ยวกับ Baby Led Weaning ดูน่ะคือการฝึกให้เด็กน้อยลองใช้มือหยิบอาหารทานเองดู เลือกแบบอาหารนุ่มๆ เคี้ยวง่ายๆ ทานเอง บางทีเขาอาจจะเบื่ออาหารเหลวนะครับบีม” พี่หมอบอกผม

“ลองไปศึกษาดูก่อน ถ้าไม่เข้าใจ กลับมาหาพี่น่ะพี่จะให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้แนะนำอีกที “พี่หมอภีมปภพพูด

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนพี่กันพาผมมาทีน่ะครับ “ผมหันไปมองพี่กันตภณ พี่เขาก็พยักหน้า

“งั้นให้กันโทรมานัดแล้วกัน “พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องตรวจไป และผมก็พยักหน้ากับพี่กันตภณ ว่าผมจะต้องเอาเจ้าลูกโซ่ไปส่งแล้ว และคงต้องป้อนยาก่อนไปทำงาน เพื่อนๆ ผมน่ะมือใหม่เดี๋ยวจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถ้าลูกโซ่มีไข้ขึ้นมาเดี๋ยวจะทำอะไรกันไม่ถูก

******
Part’ t เธียรวิชย์ เป็นอีกวันที่ผมมาเป็นผู้บริหารฝึกหัด ฟังแล้วเจ็บชะมัดเลย ป๊าน่ะป๊า ผมกำลังเดินเข้าในอาคาร นักเรียนน่าจะเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องด่วนผมเข้าสายได้ถึงเก้าโมงเช้าแต่ว่าวันนี้ผมไปกับป๊าและม๊า ไปที่โรงเรียนอีกสาขาวันนี้เขามีนิทรรศการและผมก็รีบกลับมาก่อนป๊ากับม๊าบอกจะไปหาอาม่าก่อนถึงจะมาที่นี้ ก็วันนี้มีนัดประชุมแค่คนวงในของผมเรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วน
ผมเดินไปหยุดและหันไปมอง แผนกเด็กเล็ก ทำไมผมถึงได้คิดถึงใบหน้าเด็กน้อยคนนั้นหนักน่ะ ผมเลือกเดินไปที่แผนกเนอสเซอรี่ เดินไปหยุดที่ห้องBaby room ผมกำลังจะหมุนลูกบิดประตูเข้าไป

“อุ้ย! ขอโทษค่ะ คุณผู้บริหาร” ครูคนเมื่อวานที่ผมเม้งแตกไปนั้นเอง

“สวัสดีครับ คุณสายฝน เรียกผมว่าเธียรวิชย์ก็ได้ครับ”

“สวัสดีค่ะ คุณเธียรวิชย์ ว่าแต่มามีอะไรหรือเปล่าคะ” คุณครูพี่เลี้ยงถามผม ผมก็เดินเข้าไปในห้องเด็ก ผมมองไปรอบๆ แต่ในห้องเด็กนี้ มีเปลเด็กเล็ก อุปกรณ์เสริมพัฒนาการเด็ก มีของเล่นที่เหมาะสมกับวัยและมีครูพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็ก มีพี่เลี้ยงดูแลเด็กสามคนต่อพี่เลี้ยงหนึ่งคน และนี้ก็มีเด็กเล็กสิบห้าคน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้น

“เออ คุณฝนครับ น้องที่ชื่อลูกโซ่นี้”

“วันนี้ไม่มาค่ะ คุณมี้เขาพาไปฉีดวัคซีนค่ะ”

“อ้อครับ “ผมพยักหน้า ผมก้มลงมองเวลาตอนนี้บ่ายโมงแล้ว ขึ้นไปบนห้องทำงานก่อน บ่ายโมงครึ้ง ถึงจะเข้าประชุม

“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ และถ้ามีอันไหนไม่ปลอดภัยกับเด็กๆ นี้รายงานให้ผมทราบทันทีนะครับ “ผมบอกกับพี่เลี้ยงก่อนจะเดินออก ผมคิดถึงชื่อนี้ ลูกโซ่ ผมจำได้ว่าผมได้ยินกันต์ธีย์เขาพูดว่าลูกโซ่ของผม และก่อนที่ผมจะเดินผ่านห้องธุรการ ผมก็ยืนคิดก่อนจะเลือกเดินเข้าไป

“สวัสดีครับคุณปลายฟ้า” ผมทักผู้หญิงที่พยายามหันมามองผม เธอสวมซอร์ฟคอลาร์อยู่ นี้เธอเป็นหนักเลยเหรอ ที่โดนแพรวาตบไปเมื่อวาน

“สวัสดีค่ะ คุณเธียรวิชย์” เธอค่อยๆ หันมาหาผมช้าๆ ด้วยความยากลำบาก

“สวัสดีครับคุณปลายฟ้า นี้คุณเป็นหนักเลยเหรอครับ”

“หนักค่ะ หนักมากค่ะ”

“แล้วนี่ เออ กันต์ธีย์ไปไหนเหรอครับ “นี้แหละที่ผมตั้งใจมาหา

“เออ ไม่อยู่ค่ะ ลาครึ้งวันค่ะ แต่ป่านนี้ยังไม่มาเลยค่ะ”

“เขาลาป่วยเหรอครับ” ผมถามปลายฟ้า

“เห็นบอกว่าพาลูกไปฉีดวัคซีนนะคะ น้องเขาไม่โสดค่ะ แต่ปลายฟ้าน่ะโสดนะคะ” ผมก็ต้องถึงกับเกาหัว ไม่ได้ถามเลย ว่าคุณโสดไหม

“หมอนัดอีกไหมครับคุณปลายฟ้า”

“ไม่นัดค่ะ แต่จริงๆ ก็อยากให้นัดค่ะ เพื่อว่าคุณเธียรจะไปส่งค่ะ” ปลายฟ้าพูด

“ผมคงไปส่งเองไม่ได้หรอกครับ ถ้านัดอีกผมก็จะให้คนขับรถนั่นแหละครับพาไป เหมือนเมื่อวาน” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังออก น้องเขามีลูกแล้วจริงๆ เหรอ ไม่อยากเชื่อเลย ผมก็ลืมถามเลย แต่ไม่ถามดีกว่าเพราะดูแล้ว ปลายฟ้าอะไรนี้ไม่รู้อะไรสักอย่าง

“อาเธียร” ผมหันมาเจอโกวหงส์ (น้าผู้หญิง นางสาวของพ่อผมแต่เป็นพี่สาวของอากัน)

“สวัสดีครับโกว “ผมยกมือไหว้โกวหงส์ โกวหงส์มากับลูกสาวคนโต รุ่นเดียวกับแพรวา แต่นางกลับไม่ค่อยสุงสิงกับแพรวาด้วยทั้งที่วัยเดียวกัน เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันช่างแปลกมาก มาหามาเล่นที่บ้าน เหมยไม่ยอมเข้าใกล้เลยหรือพูดคุยด้วยเลย แต่แพรวาก็ไม่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

“สวัสดีค่ะเฮียเธียร” ดอกเหมยยกมือไหว้ผม

“สวัสดีคีค่ะเหมย เป็นไงบ้างเรียนจบแล้วซิ”

“ม๊าให้เหมยต่อโทเลยอ่ะ เฮีย”

“ก็ตอนนี้จะได้เรียนและอยู่ช่วยดูอาม่าด้วย ช่วงนี้ม๊าต้องช่วยพ่อเรานิเหมย และไหนจะต้องตามรับตามส่งอาหมวยเล็กอีกล่ะ หลิวน่ะ “โกวหงส์หันไปพูดกับเหมย

“อาม่าไม่ดีขึ้นเหรอครับโกว” ผมถามน้าผู้หญิง ระหว่างที่เดินขึ้นไปที่ห้องประชุมเล็ก

“ไม่เลยเธียร นี้อาม่าก็ถามหาแต่เธียร ว่าเลิกเรียนหรือยัง อาม่ายังจับได้ว่าเธียรน่ะยังเล็กอยู่เลย” ผมก็ต้องกุมขมับตัวเอง นี้ผมต้องแบ่งเวลาไปอยู่กับอาม่าบ้าง เพราะว่าอาม่าก็เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่แบเบาะ

“แต่อาม่าน่ะ ไปเจอเด็กคนหนึ่งอ่ะเฮีย ที่โรงพยาบาลเพื่อนอากัน อาม่าบอกว่าหน้าเหมือนเฮียเลยอ่ะ และยังบอกอีกว่าเป็นลูกเฮียด้วย” อาเหมยพูด ผมหันมามองจริงดิ ทำไมช่วงนี้มีแต่คนทักผมว่าเรื่องมีลูกบ่อยน่ะ ผมว่ามันยังไงแล้วแหละ

“โกวครับ เดี๋ยวผมมาน่ะครับ ผมว่าจะไปดูเอกสารที่ห้องทำงานแป๊บหนึ่งครับ” ผมบอกโกวหงส์ โกวกับอาเหมยเดินเข้าไปนั่งในห้องประชุมที่เปิดแอร์ไว้รอแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาเพื่อนผมไอ้พีชก่อนไอ้นี่งานมันไม่ค่อยมีอะไรมาก

//ว่าไงว่ะมึง// ไอ้พีชทักผม

//คืนนี้ไปที่ผับที่กูไปกลับมึงล่าสุดอ่ะ //ผมจะไปที่ผับนั้น เพื่อไปถามหาน้องคนนั้น เพื่อว่าเขาจะกลับไปทำงานที่นั่นอีก

//ไปทำไมว่ะ//

//ไปเถอะน่ะ และอย่าเสือกหลุดบอกแพรวาน่ะว่าจะไป กูจะไปทำธุระที่นั่น// ผมบอกไอ้พีช

//โทรบอกทุกคนด้วย//

//ทุกคนเลยเหรอ//

//ใช่แต่ยกเว้นแพรวา!! กูขอล่ะ// ผมพูดบอกคนปลายสายก่อนเดินเข้าไปในห้องทำงานผมกดวางสายลงทันที ผมเห็นมีเอกสารวางเอาไว้ พร้อมกับใบลาของกันต์ธีย์ ผมก็หยิบมาดู มันคือจดหมายลา เขาระบุว่าเขาต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนจริงๆ ด้วย อะไรวะ ไม่น่าเชื่อเลยว่า น้องเขามีลูกมีเมียแล้ว ผมก็วางไว้ก่อน และหันมาเซนต์อันอื่นแทน (แอบเศร้าทำไมว่ะ น้องเขาเป็นผู้ชายไงไอ้เธียรผมเถียงกับตัวเองในใจ มีลูกมีเมียจะแปลกตรงไหนวะ)

TBC....


ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Part’ s กันตภณ ผมขับรถไปรับบีมที่โรงพยาบาลของหมอภีมปภพ บีมเขาพาเจ้าลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนตามนัดมาแต่แปลกที่หมอสายป่านกลับส่งให้หมอภีมปภพทำหน้าที่ฉีดให้แทน และนี้เจ้าลูกโซ่ก็เลยหงอยไปทันที ไม่ค่อยร่าเริงสงสัยจะปวดแขนและบีมก็ให้ทานยาลดไข้แก้ปวดก่อนจะออกมาเช่นกัน เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่สิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมคือบีม รู้สึกว่าเขาเงียบไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือเปล่า

“บีม เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเราเงียบๆ ไปน่ะ” ผมถามบีมขณะที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่จอดรถสำหรับแขกที่มาติดต่อ อันที่จริงผมเอาไปจอดไว้ที่จอดสำหรับผู้บริหารก็ได้

“บีม” ผมเรียกบีมอีกครั้ง บีมหันมามองหน้าผม เขายิ้มจางๆ

“เป็นอะไรไปน่ะทำไมเงียบวันนี้” ผมถามบีม

“ไม่มีอะไรครับพี่กัน “บีมบอกผม

“บีม ดูเหนื่อยน่ะ วันนี้กลับพร้อมพี่เลยแล้วกันน่ะ “ผมบอกบีม

“ครับ” บีมพูดแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูออกไป

“หวัดดีครับอากัน” หลานชายผมอีกสามคน เดินตามหลังมา ผมหันไปยกมือรับไหว้ บีมก็หันไปยกมือไหว้ตามปกติ เพราะว่าทั้งสามคนแก่กว่าบีมหลายปีอยู่

“สวัสดีครับน้องบีม เป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหมครับ ที่ต้องดูแลไอ้ตี๋เล็กของพี่” ธันยิ่งคำถามแรกถามบีมทันที บีมหันไปยิ้มให้

“ไม่นี้ครับ แต่เมื่อวานบีมไม่ได้ช่วยอะไรคุณเธียรมากครับเพราะว่าบีมยุ่งมากเมื่อวาน” บีมพูด ผมหันมามองบีม มิน่าล่ะดูไม่ค่อยสดชื่นเลย

“วันนี้เลิกเร็วได้เลยน่ะ เพื่อว่าคืนนี้เจ้าตัวเล็กมีไข้น่ะบีม”

“ลูกเป็นไงบ้างบีม เห็นเราแฟกซ์ใบลาไปให้พี่น่ะ” ธี หลานชายคนโตของผมถามบีม

“ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ก็ร้องเอาเรื่องอยู่ตอนโดนฉีดยาอ่ะครับ พยาบาลต้องมาช่วยผมจับ “บีมพูด

“"แย่เลยเนอะเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวแบบนี้ " พี่ธีพูด ผมหันไปมองพี่ธี ก่อนจะหันมามองบีม ผมไม่ได้บอกความจริงกับทุก ว่าจริงๆ บีมน่ะคือแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่พ่อเลี้ยงเดี่ยวอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน

“น่ารักไหมอ่ะอ่ะพี่ธี” ธามหันไปถามธี

“น่ารักน่ะ แต่ดุชะมัด บีมจมูกผมนี้ติดมือเลยน่ะอากัน” ธีหลานชายของผมพูดถึงเจ้าลูกโซ่ ผมเดาว่าธี น่าจะรักเด็กและคงอยากจะมีลูกทันทีทีแต่งงานเลย

“พี่กันครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” บีมพูดก่อนจะแยกตัวไปห้องทำงาน ผมเห็นเขาเงียบๆ แบบนี้แล้วก็อดเป็นกังวลใจไม่ได้

“ป๊ามาถึงแล้วครับ อาเหมยส่งข้อความมาบอกผมแล้วครับอากัน” ธันหันมาบอกผม ว่าพี่ชายคนโตของผมมาถึงแล้ว

“เดี๋ยวอาตามขึ้นไปน่ะ “ผมบอกหลานๆ ของผม ผมว่าจะอะไรบีมสักอย่างแต่พอ ผมเปิดประตูเข้าไป

“ทำไมเพิ่งจะมาเนี๊ยะ ยังฝึกงานแท้ๆ รู้จักเวล้ำเวลาหน่อยน่ะ ทำงานอะไรแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณเขาเลือกให้ไปเป็นเลขาคุณเธียรได้ยังไง ใครฝากมาล่ะ ถึงได้ทำงานเช้าชามเย็นชามแบบนี้ “ผมได้ยินเสียงผู้หญิงที่ต่อว่าใครสักคน และผมก็คิดว่าเป็นบีม

“นี้คีย์ข้อมูลลงไปให้หมดเลยน่ะ ไม่หมดก็ไม่ต้องกลับ” ผมถึงกลับยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกก่อนจะ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ผมเคาะกระจกที่กันไว้

“มีอะไรให้ช่วยค่ะ” น้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อสักครู

“คุณชื่ออะไร” ผมถามเธอ เธอหันไปมองบีมก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ปลายฟ้าค่ะ เป็นหัวหน้าธุรการที่นี้ค่ะ”

“ที่นี้ยังไม่มีหัวหน้าธุรการไม่ใช่เหรอครับ เพราะว่าพี่ชายผมคุณเกริกน่ะครับ เขาบอกว่ายังไม่ได้แต่งตั้งแต่รอดูว่าใครจะผ่านโปรและไม่ผ่านโปร “ผมถามคนที่ยืนมองหน้าเธออยู่ที่ด้าน เธอชักสีหน้าด้วยความแปลกใจแปลกใจแต่บีมไม่กล้าเงยหน้ามองผม

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่ะ ผมนี้แหละน้องชายคุณเกริก” ผมพูดก่อนจะยื่นบัตรที่แสดงตัวว่าผมก็เหมือนบอร์ดผู้บริหารเหมือนกัน คนที่ยืนอยู่รับไปดูก่อนจะทำสีหน้าตกใจ

“สวัสดีค่ะคุณกันตภณ แม้ปลายฟ้าตาไม่ถึง ว่าแต่คุณกันตภณมีธุระอะไรเหรอคะ”

“ผมไม่ได้มีธุระกับคุณ แต่อีกสักครู่คุณคงได้มีธุรกับคุณเกริกแทน และผมจะบอกให้ว่า บีมเขาน่ะพาลูกไปฉีดยา เขาได้ส่งใบลาให้กับพี่ชายผมแล้ว และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ใครแบบที่คุณทำเมื่อสักครู่ คุณปลายฟ้า เพราะว่าคุณยังไม่ใช่หัวหน้า" ผมพูด

“เออ ปลายฟ้าไม่ได้”

“ผมได้ยินทุกคำพูด คุณไม่ใช่หัวหน้าที่จะมาสั่งว่าเขาต้องคีย์ข้อมูลให้เสร็จ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับ คุณไม่ควรจะพูด เพราะว่าคุณก็คือพนักงานคนหนึ่งเช่นกัน”

“และงานพวกนี้ คุณควรจะนั่งทำก่อนที่น้องเขาจะมาบ้างไม่ใช่นั่งนิ่งๆ ส่องกระจกไปวัน วัน คุณปลายฟ้า”

“แต่”

“คุณรอคุยกับคุณเกริกแล้วกัน” ผมพูดแค่นั้น ก่อนนะหันไปมองบีม

“และถ้าผมยังได้ยินคุณพูดจาไม่ดีกับบีม คุณเตรียมเก็บข้าวของของคุณได้เลย ผมจะเชิญออก” ผมพูดก่อนจะเดินออกไปทันทีเช่นกัน

“พี่กัน” บีมวิ่งตามผมออกมาทันที เขาไม่เคยเห็นผมแสดงอาการไม่พอใจใครขนาดนี้

“พี่กัน ไม่เอาน่ะ และผมก็ผิด ผมลาแค่ครึ้งวันแต่นี้ผมมาช้าไปด้วย พี่เขาก็คงเหนื่อยนะครับ พี่กัน” บีมพยายามพูดขอร้องผม

“บีมได้ยินที่เขาว่าเราไหม ทั้งที่เขาไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าเราเลย และที่พี่ชายพี่ให้พี่หาเรามาทำงานเพราะว่านางทำงานไม่เป็น แต่คนรู้จักเขาฝากมาเฉยๆ “ผมหันมาพูดกับบีม

“พี่จัดการเองนะบีม และถ้าเขาว่าอะไรบีมอีกบอกพี่” ผมพูดและเดินขึ้นไปทันทีเช่นกัน ผมตรงไปที่ห้องประชุมเล็ก ห้องที่ใช้ประชุมสำหรับครอบครัว ผมเปิดประตูเข้าไป ผมเป็นคนสุดท้ายพอดี ผมนั่งลงข้างพี่เกริก

“สวัสดีครับเฮีย สวัสดีครับอาซ้อ” ผมหันไปยกมือไหว้เฮียเกริกและพี่สะใภ้ของผม

“สวัสดีครับเจ๊หงส์”

“เป็นอะไรไปน่ะกัน ทำไมหน้าเหมือนใครทำอะไรให้เราโกรธ” พี่เกริกเอ่ยถามผมทันทีที่หันมาเห็นหน้าผมเข้า ผมหันมามองพี่เกริกเช่นกัน

“ผมจะคุยกับเฮียหลังจากประชุมแล้วกันน่ะ เกี่ยวกับพนักงานที่ทำงานกับบีม ลูกศิษย์ของผม ที่ผมเอามาฝากกับเฮียน่ะ” ผมหันมาบอกพี่ชายคนโตของผม

“เรื่องปลายฟ้าอีกแล้วเหรอกัน”

“พี่รู้” ผมขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“เมื่อสักครู่ไอ้เธียรมันเพิ่งบอกพี่เองว่า ชอบว่าเด็กของเราน่ะ เธียรมันได้ยิน พูดจาไม่ค่อยดี คือประมาณว่าพูดให้ตัวเองดูดี ทั้งที่ตัวเองทำงานไม่เป็นเลย นี้ไอ้เจ้าเธียรต้องโทรไปสั่งเครื่องดื่มจากคาเฟ่ใกล้ๆ ให้มาส่งแทน เพราะว่าบีมเขาลาครึ้งวันและเธอก็ไม่รู้ว่าต้องมีของว่าง” พี่เกริกพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อมระอา

“เมื่อวานมีประชุมกับอาจารย์ บีมเขายังรู้เลยและเตรียมกาแฟและของว่างเอาไว้ให้เลยโดยไม่ต้องบอก” พี่เกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า" บีมน่ะ เขาขอไปฝึกงานตั้งแต่ปีสามเทอมสองแล้วครับเฮีย เขาเลยพอจะรู้งานมาบ้างนะ"ผมบอกพี่เกริก

“พี่ว่าจะคุยกับคนที่ฝากงานมา เขาเป็นเพื่อนรักกับอาซ้อเราด้วย เขาทำงานไม่ค่อยเป็นพี่ไม่ว่าหรอก คนเราเรียนรู้กันได้แต่เรื่องเดียวที่พี่มองข้ามไม่ได้คือกับเพื่อนร่วมงาน” พี่เกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ไอ้เจ้าเธียรเดินเข้ามาและมานั่งข้างๆ ผมพอดี

“อาหวัดดีครับ” เธียรยกมือไหว้ผม ผมหันไปรับไหว้

“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วก็ขอเริ่มประชุมเลยน่ะ ก่อนอื่นขอพูดเรื่องที่ให้เธียรวิชย์ มาทำหน้าที่ผู้บริหารก่อนแต่ยังอยู่ในช่วงทดลองงาน”

“เฮีย มีอย่างนี้ด้วยเหรอ ไหน ไหนก็ให้ลูกทำแล้ว มาอยู่ช่วงทดลองงานได้ยังไงล่ะเฮีย” เจ๊หงส์รีบถามพี่เกริกทันที ผมหันมามองหน้าไอ้หลานชายของผม ผมก้มลงมองบัตรที่เธียรวิชย์ห้อยคอไว้เหมือนเช่นคนอื่นๆ

“เวลาเดินผ่านคุณครูนี้ผมอายเขามากเลยอา และพอใครมาติดต่อเขาก็ก้มลงมองบัตรผมทุกคน ผู้บริหารฝึกงานน่ะอา “ไอ้เจ้าเธียรวิชย์บ่นให้ผมฟังทันที

“ก็มันยังไม่เคยทำให้ฉันที่เป็นป๊าของมันเองไว้ใจ ดังนั้น ถ้ามันบริหารไม่ดี ก็ไม่ผ่านและถ้ามันทำให้ทุกอย่างเละเทะล่ะก็ ฉันจะยกคืนให้กันมันไปแทน” ผมหันไปมองพี่ชายคนโตของผม ก่อนจะหันมามองหลายชายตัวดีของผม พี่ชายผมคงอยากให้เธียรวิชย์เปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ผมรู้ว่าทำไม

“ทำไมล่ะเธียร นี้มันเป็นมรดกมาจากกาก๋งเลยน่ะเธียร” ผมหันมาถามหลายชายของผม

“อาก็รู้ว่าผมไม่ได้ชอบสายบริหารตั้งแต่แรกแล้ว” เธียรวิชย์พูดกับผม ผมพยักหน้าว่าผมรู้

“มีอะไรก็ปรึกษาอาซิและนี้คือมรดกตกทอดมาจากรุ่นสู่รู่น และเพื่อว่าเรามีลูกมีหลาย จะได้สานต่อได้ “ผมหันมาพูดกับเธียรวิชย์

“และเรื่องหุ้น อันนี้ก็เหมือนกันเธียร ถ้ามึงดูแลที่มอบหมายให้ไปไม่ได้ หุ้นก็จะไม่ให้เช่นกัน” ผมหันมามองเธียรวิชย์ถึงกับกุมขมับตัวเอง

“เอาน่ะ ป๊าคงขู่ไปงั้นแหละ “เจ๊หงส์รีบหันมาปลอบหลานชายทันที

“อันนี้พูดจริง เพราะว่ามันทำตัวเหลวไหลมากกว่าคนอื่น สร้างปัญหามาก็เยอะแยะ ตามแก้ไม่หวัดไม่ไหว ดังนั้น ถ้าปีนี้ไม่ปรับปรุงตัวน่ะ ก็จะเหลือแต่ชื่อ ดูซิ จะมีผู้หญิงคนไหนมาเกาะอีกบ้าง “พี่ชายผมหันมาชี้นิ้วทางเธียรวิชย์ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องการประชุม ไปพูดถึงเรื่องอื่นๆ ต่อ

ตื้ดๆๆ โทรศัพท์ผมสั่น ผมก็หยิบขึ้นมาดู ข้อความจากบีม

//พี่กันผมต้องกลับบ้านก่อนครับ ลูกโซ่ตัวร้อนครับ ผมบอกพี่ปลายฟ้าไว้แล้วครับ // หลังจากที่ผมอ่านข้อความ ผมก็ยกมือขอตัวออกไปด้านนอกทันที ผมรีบกดโทรออกหาบีม

“บีมเกิดอะไรขึ้น”

“มะนาวโทรมาหาผม บอกว่าลูกโซ่มีไข้ครับพี่กัน ตอนนี้ผมนั่งรถแท็กซี่แล้วครับ”

“เดี๋ยวพี่เลิกประชุมแล้วพี่ไปหาน่ะ เพื่อว่าเป็นเยอะจะได้ไปโรงพยาบาล”

“ครับพี่กัน”

“มีอะไรโทรหาพี่ทันทีน่ะบีม” ผมพูด ก่อนจะเดินกลับเข้ามา เจ๊หงส์กับอาเหมย ออกไปแล้ว ผมกับเห็นปลายฟ้า ผู้หญิงที่ผมต่อว่าเขาเรื่องที่เขาพูดจาไม่ดีกับบีม พี่เกริกเรียกเขาขึ้นมาคุย

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ น้องเขาวิ่งออกไปเลยค่ะ ไม่พูดไม่จากไม่บอกอะไรฟ้าเลยค่ะ” ผมเข้ามาได้ยินเข้าพอดีเลย

“อ้าวจริงเหรอ” พี่เกริกพูดก่อนจะหันมามองหน้าคนอื่น และผมก็เข้ามาอยู่ในช่วงนี้พอดี

“คุณหมายถึงกันต์ธีย์หรือเปล่าคุณปลายฟ้า” ผมถามปลายฟ้า เธอหันมามองหน้าผมก่อนจะฉีกยิ้มที่เหมือนจะสวย

“ใช่ค่ะ จะใครละคะ มาก็สาย เอาลูกมาอ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ” ปลายฟ้าพูด

“ลูกเขามีไข้ครับคุณปลายฟ้า คุณน่าจะรู้จักเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงานสักนิดน่ะคุณปลายฟ้า และเขาก็บอกกับผมว่า เขาบอกคุณไว้แล้ว ว่าเขาจะรีบกลับบ้านไปดูลูกเขาด่วน ทำไมคุณถึงได้โกหก เพื่อให้ตัวเองดูดีครับปลายฟ้า เพื่ออะไรครับ” ผมพูดตอกใส่หน้าเธอทันที ปลายฟ้าหันมามองผม

“อากัน” ธีรีบลุกขึ้นคว้าแขนผมเอาไว้ซะก่อน

“ไม่เคยเห็นอากันของขึ้นมาก่อนเลยว่ะ “เสียงกระซิบหลานๆ ผม ใช่ผมเป็นคนที่จัดการอารมณ์ตัวเองได้ค่อนข้างดีแต่ครั้งนี้ผมเกือบทนไม่ไหว

“จริงหรือเปล่าคุณปลายฟ้า”

“คือเออ หนูคงลืมบอกไปค่ะว่าน้องเขา”

“ผมก็ได้ยินเต็มสองรู้หูนะครับว่าคุณบอกว่าน้องเขาวิ่งออกไปเฉยๆ ไม่ได้บอกอะไรคุณ ลืมบอกกับตั้งใจไม่บอกนี้มันคนละเรื่องกันเลยนะครับคุณปลายฟ้า “ธามพูดขึ้นพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองคนที่ยืนหน้าซีด

“ได้ยินผิดไปไหมค่ะ ท่านประธาน” ปลายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

“ไม่ผิดครับ ผมก็ได้ยินครับ คุณปลายฟ้า คุณไม่ได้พูดว่าน้องเขาบอกคุณเลย แต่ความจริงแล้ว น้องเขาบอกคุณก่อนจะไปถูกต้องไหมครับ” เธียรวิชย์พูด "และคุณกลับโกหกและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพูดไม่ดีใส่น้องเขาน่ะครับ เพราะว่าคุณก็พูดให้ผมฟังตอนที่ผมลงไปถามหาน้องเขาด้วย ผมก็ไม่อยากทำงานร่วมกับคนใจแคบอย่างคุณน่ะ ปลายฟ้า" เธียรวิชย์ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเขายังไม่ทนเลย และ ทุกคนหันมามองที่เธอกันหมดแม้กระทั่งอาซ้อแม่ของหลานๆ ผมก็เช่นกัน ผมรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของเพื่อนอาซ้อ พี่สะใภ้ผมเอง อาซ้อคงกระอักกระอ่วนใจพอสมควร ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับพี่ชายผมว่าเอาตามที่พี่ชายผมเห็นสมควร

“ถ้าอย่างนั้นก็ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณพ้นสภาพการเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการที่นี้ เรื่องทำงานไม่เป็นผมยังพออภัยแต่เรื่องใส่ร้ายพนักงานด้วยกัน ผมรับไม่ได้ เชิญครับคุณปลายฟ้า”

“เดี๋ยวนะคะ จะไล่ปลายฟ้าออก ก็ได้นะคะคุณลุงคุณป้า แต่ต้องจ่ายค่าทำขวัญปลายฟ้ามาก่อนค่ะ”

“ค่าทำขวัญอะไรคุณ ทำขวัญที่เชิญพนักงานยอดแย่อย่างคุณออกเหรอครับ คิดได้ยังไง คุณคนสวยแต่ไร้สมอง” ธามหลานชายของผมพูดพร้อมกับเอียงคอมองผู้หญิงที่ยืนอยู่แต่อันนี้ทำให้ธันหันมาสะกิดและพยักพเยิดไปที่พี่เกริก

“ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นค่าทำขวัญที่เมื่อวาน แฟนคุณเธียรวิชย์ มาตบหน้าปลายฟ้าค่ะ ดูซิค่ะ บวมจนจะข้ามวันเลยค่ะ ห้าหมื่นบาทและทำให้ปลายฟ้าอับอายทุกคนในตึกที่ออกมายืนมองปลายฟ้ากันหมด และยังรู้สึกหวาดระแวงด้วยนะคะ” ปลายฟ้าพูด

“เฮ้ย!!!” เธียรวิชย์หลานชายผม ผมหันไปมองไม่ใช่แค่ผมทุกสายตาก็ว่าได้

“ไอ้เธียร!!”

“ไอ้เธียร ไหนมึงบอกว่าเมื่อวานเงียบมากไง” ธีหลานชายคนโตผมหันมาถามน้องชายคนเล็กทันที

“ไอ้เธียรวิชย์!!!” เฮียเกริกหันเรียกลูกชายคนเล็กอย่างเหลืออดเช่นกัน ผมว่างานนี้ คงยาวแน่ๆ ผมก็เลยลุกขึ้น

“เฮียเกริก ผมขอตัวนะ ผมมีธุระด่วน” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น ธุระด่วนที่ว่าคือผมต้องไปดูบีมกับลูกก่อน เธียรวิชย์ทำท่าจะถามอะไรผม แต่ผมยกมือเอาไว้ก่อน ผมรีบเดินลงและตรงไปที่ลานจอดรถทันที และรีบออกรถและตรงไปที่คอนโดของบีมทันที

*****

   Part’ s กันต์ธีย์ ผมรีบกลับบ้านทันที ที่มะนาวโทรไปหาผม ผมวิ่งลงมาเรียกรถแท็กซี่โดยยังไม่ได้โทรไปหาพี่กันตภร ผมไม่อยากให้พี่กันต้องทิ้งทุกอย่างและมากับผม เพราะว่าอันนี้ก็สำคัญกับพี่เขา ผมมาถึงก็เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น ผมเห็นมะนาวกำลังอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ร้องงอแง ผมเห็นพี่ฟ้า พี่สาวของฟิล์มก็มาอยู่ที่นี้ด้วย

“ลูกโซ่” ผมรีบวางของทิ้งทุกอย่างตรงเข้าไปหาเจ้าตัววุ่นวายของผม ผมกอดเจ้าลูกโซ่

“ฮือๆๆ” ร้องไห้ใหญ่เลย ใจหายเลยครับผม

“ตัวร้อนเดี๋ยวให้น้องทานยาอีกรอบน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะใช้ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำมาคอยเช็ดหน้าเช็ดตา และเช็ดตามรักแร้ ตามขาหนีบ เจ้าตัววุ่นวายก็ไม่ยอมให้เช็ด ผมก็อุ้มโอ๋เดินไปรอบห้องเลย ใจผมจะขาดที่เห็นลูกเป็นแบบนี้

“มะ มะ มะ “เจ้าวุ่นวายร้องไห้และจับหน้าผม ผมว่าเขาคงไม่สบายตัวเอามากๆ กอดผมและซบหน้ากับอกของผมตลอด

“พี่วัดไข้แล้วบีม น้องมีไข้ 38 น่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม

“เดี๋ยวให้น้องทานนูโรเฟ่นแล้วกันน่ะ เพราะว่าที่น้องมีไข้คงเพราะว่าปวดแขนน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม

“พี่ต้องไปรับลูกชายที่โรงเรียนแล้วน่ะ ถ้าน้องงอแงมากจนผิดปกติ พาไปโรงพยาบาลเลยน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม ผมพยักหน้า ผมแอบน้ำตาไหล สงสารลูก มะนาวเดินไปหยิบขวดยามาอ่านและป้อนตามที่ระบุเอาไว้ข้างขวด และอีกอย่างเจ้าโซ่ป้อนยายากมากจริงๆ มักจะอาเจียนออกตลอด และพี่ฝนพยาบาลห้องเด็กแนะนำผมให้มีไซริงค์ที่ใส่น้ำไว้หนึ่งหลอดค่อยสลับหยอดกับยาไปด้วย

“ปึก” เสียงประตูเปิดเข้ามาโดยพี่กันตภณ ผมหันไปมอง พี่เขาเดินตรงมาหาเจ้าลูกโซ่ก่อนเลย มาถึงก็เอาหลังมืออังที่หน้าผากลูกโซ่

“ตัวร้อนน่ะบีม ได้วัดไข้หรือยัง” พี่กันตภรถามผม ผมปาดน้ำตาไปด้วยความสงสารลูก ผมพยักหน้าเบาๆ ผมเครียดมากเวลาลูกป่วย ผมกลัว

“บีมไปเตรียมยาน่ะ พี่อุ้มเองบีม” พี่กันคงเห็นว่าผมเริ่มมีความกังวลมากเกินไป ผมเลยต้องส่งเจ้าลูกโซ่ให้พี่กันตภณเอาไปอุ้มแทน ผมหันมามองเพื่อนๆ แต่ละคนก็ทำสีหน้าเครียดกันหมดที่เห็นเจ้าลูกโซ่ป่วยแบบนี้

“สงสารหลานว่ะ” เป็กซ์พูด ผมก็จัดการดูดยาจากขวดยาตามปริมาณที่เภสัชกรคำนวณมาให้ ก่อนจะหันไปมองเจ้าลูกโซ่ที่สะอึกสะอื้นน่าดู ผมเห็นพี่กันตภณอุ้มเจ้าโซ่ พยายามปลอบโยนด้วยความรัก แต่ความรู้สึกของผมนั้นผมเห็นภาพความรักที่เหมือนเจ้าโซ่คือหลานของพี่กันตภณมากกว่า

“ป้อนยานะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็อุ้มลูกโซ่ในท่านอนให้หัวสูงขึ้นมา เพื่อว่าผมจะได้ป้อนยาใส่กระพุ้งแก้มนั้น ผมเองไม่อยากทำแบบนี้เลยแต่ผมต้องป้อน

“อืมมม” พอเห็นหลอดยานี้ส่ายหัวทันที ผมเห็นอาจารย์กันตภณมองเจ้าโซ่แอบยิ้มกริ่ม และผมก็ต้องค่อยป้อนลูกโซทีละนิด ละนิด โดยมีเพื่อนของผมหลอกล้อแม้จะไม่ค่อยสำเร็จรอบนี้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

“บีม พวกฉันลงไปซื้ออะไรมากินกันน่ะและพวกฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกเองคืนนี้น่ะ เพื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยๆ กัน” มะนาวบอกผมและเพื่อนก็พากันออกไป เหลือไว้แค่ผมกับพี่กันและเจ้าลูกโซ่ ที่งอมแงมเพราะว่าพิษไข้

“บีม พี่ชายพี่เขาเชิญปลายฟ้าออกแล้วน่ะ” พี่กันตภพบอกผม ผมเงยหน้ามอง

“พี่กันอ่ะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ และถ้าคนอื่นรู้ว่าเป็นเพราะผมเขาจะกล้ามาทำงานกับผมเหรอ”

“ก็เขาพูดจาไม่ดีกับเรา”

“ก็แค่คำพูดเองพี่กัน และมันก็มีทุกทีแหละ”

“ไม่ได้ครับ คนเราต้องให้เกียรติกันในการทำงาน ไม่ใช่มาก่อนข่มคนมาทีหลังและนี้คือการตัดสินใจของพี่ชายพี่ครับ เพราะว่าเธียรวิชย์เขาก็บอกกับพี่ชายพี่ว่าเขาก็ได้ยินปลายฟ้าพูดถึงเราไม่ดีเหมือนกัน เขาก็ไม่พอใจเช่นกัน เขาก็เลยบอกว่าไม่อยากทำงานร่วมกับปลายฟ้าเช่นกัน” ผมก็ต้องแปลกใจ แต่ทำไมมุมปากผมกลับกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ะ ที่ผมรู้สึกว่าเขาใส่ใจผมมากยังไงก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่อยากคิดไปเองแต่ว่า เธียรวิชย์ ชื่อที่เหมือนแต่นิสัยกับแตกต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ

TBC...........

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด