❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤  (อ่าน 22750 ครั้ง)

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤

#คาเฟ่ทูบีเลิฟ



❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

สารบัญ
บทนำ
บทที่ 1   บทที่ 2   บทที่ 3
บทที่ 4   บทที่ 5   
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

แนะนำเรื่อง

ซีล เป็นลูกค้าคนแรกของ Cafe to be loved และได้รับเค้กอีกหนึ่งปอนด์เป็นของขวัญวันเปิดร้าน

แต่เมื่อได้ลิ้มลองเพียงหนึ่งคำ...ก็ตกหลุมรักรสชาตินั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เขาจึงอยากเรียนทำเค้กแบบเดียวกัน เพื่อมอบเป็นของขวัญเรียนจบให้รุ่นพี่ที่แอบชอบ

และทางเดียวที่จะได้รสชาติแบบเดียวกัน เขาต้องไปเรียนแบบส่วนตัว

กับปาติซิเย่หน้าดุที่เลี้ยงแมวไว้หนึ่งตัว

แต่พอได้รู้จักกัน...อื้ม เขาใจดีจังเลยนะ!



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2022 12:56:07 โดย janeta »

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทนำ

ท่ามกลางบรรยากาศวันวาเลนไทน์ที่รายล้อมด้วยดอกกุหลาบและเหล่าคู่รักที่เดินผ่านไปมา

ร่างสูงของมาสคอตกระต่ายขาวทิ้งตัวลงนั่งบนฟุตบาตพลางยกใบปลิวขึ้นโบกพัดอย่างหมดแรง ลืมแม้กระทั่งตัวเองสวมหัวกระต่ายด้วยซ้ำ ดังนั้นต่อให้เขาพัดแรงแค่ไหนลมก็ไม่อาจเข้ามาถึงภายในได้อยู่ดี

“คุณกระต่ายคงร้อนแย่เลย” ใครบางคนยื่นขวดน้ำมาให้เขา “น้ำเย็นๆ ครับ”

กระต่ายขาวเงยหน้ามองคนใจดี แต่เพราะหัวที่หนักเกินไปจึงเห็นเพียงมือขาวที่ถือขวดน้ำมาให้ เขาเผลอยื่นมือที่ถือใบปลิวไปรับ อีกฝ่ายจึงหยิบใบปลิวไปแล้วส่งขวดน้ำให้ทันที พลางอ่านเนื้อหาในใบปลิวนั้นอย่างสนใจ

“คาเฟ่ทูบีเลิฟ ชื่อน่ารักจังเลยนะครับ”

ร่างสูงพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้มองเห็นใบหน้าคนพูด

“เอ๊ะ อยู่แถวนี้เองเหรอ ไว้ผมจะไปอุดหนุนนะครับ”

แต่พอยืนขึ้นเต็มความสูง คนคนนั้นก็หันหลังเดินไปอีกทางเสียแล้ว

ชายหนุ่มถอดหัวกระต่ายออก แล้วเสยผมชื้นเหงื่อไปด้านหลัง มองขวดน้ำเย็นเฉียบราวกับเพิ่งซื้อจากร้านสะดวกซื้อข้างๆ นิ้วเรียวแกะแคปซีลฝาขวดน้ำแล้วยกขึ้นดื่มดับกระหาย

ความสดชื่นที่เข้ามาเติมเต็มความอ่อนล้าทำให้เขายิ้มออกเป็นครั้งแรกของวัน

ไม่นานนักเหล่าคนที่เดินผ่านไปมาก็สังเกตเห็นเขาและเดินเข้ามารับใบปลิวกันอย่างเต็มใจ ตรงกันข้ามกับเขาที่หุบรอยยิ้มลงแล้วยกหัวกระต่ายขึ้นสวม ปิดบังใบหน้าทั้งหมดของตนเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2022 18:24:32 โดย janeta »

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 1


ห้องเรียนรวม เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษากำลังรอเรียนกับอาจารย์ประจำวิชา หลายคนกำลังพูดถึงภาพยนตร์ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ บางคนพูดถึงวิชาที่ต้องเรียนในคาบถัดไป และบางคนกำลังพูดถึงดาราไอดอลที่ตนชื่นชอบ จนทำให้ห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจนฟังไม่ได้ศัพท์

ท่ามกลางผู้คนส่งเสียงจอแจ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่คนเดียว บนโต๊ะมีหนังสือวางอยู่หนึ่งเล่มหน้าที่เขาอ่านค้างไว้ถูกคั่นทับด้วยใบปลิวสีชมพูพาสเทล

“นี่อะไรน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม หยิบใบปลิวแผ่นหนึ่งออกจากหน้าหนังสือที่ถูกคั่นไว้ สายตากวาดมองอยู่ครู่หนึ่งก็ส่งคืนอย่างไม่ใยดี

“ซีล ทำไมนายชอบเก็บอะไรก็ไม่รู้มาคั่นหนังสืออยู่เรื่อย ที่คั่นหนังสืออย่างดีของฉันโยนทิ้งไปไว้ไหนแล้วล่ะ”

ชายหนุ่มที่ยืนโวยวายชื่อ “ชัท” เป็นเพื่อนสนิทของเขา รู้จักกันตอนวันปฐมนิเทศ จากนั้นก็นั่งข้างกันมาโดยตลอด เหตุผลเพียงเพราะเลขรหัสนักศึกษาของเราต่อกัน

บ้านของชัททำธุรกิจหลายอย่าง มีฐานะค่อนข้างดี หลายคนมักเข้าหาเขาด้วยสาเหตุนี้ กระทั่งซีลก็ถูกมองเป็นหนึ่งในนั้นไม่ต่างกัน เพราะคนที่ได้รับของขวัญจากชัทมากที่สุดก็คือเขา

“เก็บไว้ที่บ้านน่ะสิ ถ้าหายไปฉันซื้อคืนนายไม่ไหวหรอกนะ” แค่นึกถึงมูลค่าของชิ้นนั้น ซีลก็ถอนหายใจ เพื่อนของเขาคนนี้นอกจากเรื่องใช้เงินสิ้นเปลืองแล้วทุกอย่างล้วนดีหมด

“หายก็ช่างมันสิ ฉันอุตส่าห์สั่งทำจากช่างฝีมือ สุดท้ายเป็นไงนายเอาไปเก็บซะอย่างนั้น ไร้ประโยชน์”

“ก็ของมันแพง...”

“เหอะ” ชัทสะบัดหน้าไปอีกทางแต่ก็ไม่ได้ตีตัวออกห่าง ระหว่างเรียนก็ยังยื่นหนังสือมาถามเขาว่าใช้สูตรแทนค่าอย่างไร ไปๆ มาๆ ก็มานั่งเรียนข้างกัน หายงอนปลิดทิ้ง

“วันนี้ไปส่งไม่ได้นะ แฟนมาหาต้องไปรับเธอที่สนามบิน”

“อื้อ” ซีลพยักหน้าขณะที่มือยังพิมพ์รายงานวิชาเอก อันที่จริงชัทก็ต้องทำด้วยแต่เพราะวันนี้แฟนเขาอุตส่าห์เดินทางมาหา จึงเหลือแค่เขาที่นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อน

“จริงๆ นายไม่ต้องไปส่งฉันทุกวันก็ได้ รถเมล์ผ่านหน้าคอนโดก็มีตั้งหลายคัน” เขาบอกเขาด้วยความเกรงใจ จะให้อีกฝ่ายมารับมาส่งทุกวันก็ดูจะเกินไปหน่อย เพราะบ้านเราก็อยู่คนละทาง

“ฉันไม่ไว้ใจให้นายกลับคนเดียว” พูดจบชัทก็เงียบไป นึกถึงวันที่ซีลถูกกระชากกระเป๋ากลางซอยเมื่อหลายเดือนก่อน แม้คนพวกนั้นจะปล้นทรัพย์ไปไม่ได้ แต่แรงกระชากก็ทำให้เพื่อนของเขาเข่าถลอกเลือดไหลไม่หยุดเลยทีเดียว

โชคดีที่ชัทโทรเข้ามาพอดีจึงวนรถมารับไปทำแผลที่โรงพยาบาลได้ทัน ไม่อย่างนั้นเพื่อนของเขาคงเสียเลือดมากจนช็อกตายไปก่อน

“ใครมีรถก็ไปส่งซีลด้วยเข้าใจไหม ส่วนรายงานนั่นพวกนายทำเสร็จก็ส่งเข้าเมล์ฉัน เดี๋ยวฉันทำต่อเอง” พูดจบชัทก็สะพายกระเป๋าเดินจากไป ส่วนซีลกับเพื่อนๆ ก็นั่งทำงานกันต่อไป จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง รายงานก็ใกล้เสร็จพอดี

“งั้นส่วนที่เหลือให้ชัททำต่อก็แล้วกัน” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น แล้วรวบรวมไฟล์งานส่งเข้าอีเมล์ชัท ส่วนอีกคนก็ถามซีลว่าจะกลับด้วยกันไหมเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ขับรถมา

“ไม่เป็นไร นายไปเถอะฉันกลับเองได้”

“แต่ชัทมันฝากให้ฉันไปส่งนาย ถ้านายไม่ไปกับฉันมันจะต่อยฉันไหม” เพื่อนคนนั้นลังเล เพราะก่อนจะไปชัทจ้องเขาเขม็งราวกับถ้าไม่ทำตามก็จะชกเขาจนกว่าจะพาซีลไปส่ง

“ถ้าเขามีปัญหาเดี๋ยวฉันจัดการเอง นายสบายใจเถอะ”

ซีลตบบ่าเพื่อนพลางลอบถอนหายใจกับโรคห่วงเกินเหตุของชัทที่นับวันจะยิ่งหนักขึ้นทุกที จากนั้นก็บอกลาเพื่อนในกลุ่มแล้วแยกย้ายกันไปตามทาง

ซีลหยิบใบปลิวสีชมพูพาสเทลที่เพิ่งได้จากคุณกระต่ายขาวเมื่อเช้านี้ มุมปากผุดรอยยิ้มเมื่อนึกถึงสิ่งมีชีวิตขนปุยสีขาว เพราะเขาแพ้ทุกอย่างที่มีลักษณะนี้ ทั้งหมา แมว และกระต่าย

โชคดีที่คาเฟ่นี้อยู่ไม่ไกลจากคอนโด ซีลตั้งใจจะแวะเข้าไปดูสักหน่อยว่าร้านนี้น่าตาเป็นอย่างไร

คาเฟ่ทูบีเลิฟ อยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ เดินเข้ามาไม่ถึงสิบก้าวก็จะเห็นคาเฟ่สไตล์มินิมอลโทนขาวน้ำตาล ที่โดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ภายในมีโต๊ะสีขาวและเก้าอี้สีน้ำตาล บางส่วนเป็นโซฟาตัวยาว ดูเข้ากันดีกับภายในร้าน

ส่วนด้านนอกเป็นโต๊ะกลมและเก้าอี้ไม้ไว้รองรับลูกค้า และมีต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ให้ความร่มรื่น ส่วนบริเวณที่ต้นไม้แผ่กิ่งก้านไปไม่ถึงก็จะมีร่มไม้สีขาวบังแดดให้อย่างดี

บริเวณหนึ่งของร้านมีหญิงสาววัยรุ่นสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนนั่งมองร้านด้วยรอยยิ้ม ซีลคิดว่าเธอคงเป็นเจ้าของร้านจึงเดินเข้าไปหา

“สวัสดีครับ” เขาทักทายเธอด้วยรอยยิ้มพลางหยิบใบปลิวจากหนังสือแล้วยื่นให้เธอ “ผมอยากจะสั่งเค้กล่วงหน้า ไม่ทราบว่าร้านรับออเดอร์ไหมครับ”

เธอมองเขาด้วยใบหน้าตกใจแล้วลุกจากเก้าอี้ “คุณจะสั่งเค้กเหรอคะ” เธอชี้เข้าหาตัว “สั่งฉันเหรอคะ”

“เอ่อ...” ชายหนุ่มเงียบไป เพราะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาแบบนั้น หรือว่าเขาเข้าใจผิด ความจริงเธอก็เป็นลูกค้าเหมือนกัน “ขอโทษด้วยครับ ผมคิดว่าคุณเป็นเจ้าของร้าน”

“ไม่ค่ะ ไม่ๆ” เธอยกมือโบกปฏิเสธ แล้วสักพักเธอก็พยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันเป็นเจ้าของร้าน แต่ว่า...ฉันไม่คิดเงินคุณหรอกค่ะ ฉันอยากให้ฟรีต้อนรับลูกค้าคนแรก”

“แต่ผมเป็นลูกค้าคนแรกควรให้เงินคุณมากกว่านะครับ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี”

หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาแล้วยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย

“ยิ่งคุณอยากให้เงิน ฉันยิ่งอยากให้ฟรีค่ะ เอาอย่างนี้ ฉันให้เค้กสุดพิเศษเป็นของขวัญคุณดีไหมคะ ส่วนเค้กที่คุณอยากสั่งคุณค่อยจ่ายเป็นเงินแบบนั้นดีไหมคะ”

ซีลนิ่งคิด ของซื้อของขายจ่ายเป็นเงินนั้นถูกแล้ว ส่วนของแถมในเมื่ออีกฝ่ายอยากให้เขาก็ไม่มีปัญหาอะไร

“ครับ แบบนั้นก็ได้”

“งั้นรบกวนคุณเขียนใส่กระดาษให้ฉันทีนะคะว่าอยากได้เค้กแบบไหน”

ซีลยิ้ม หยิบสมุดฉีกในกระเป๋ามาเขียนเมนูที่ตั้งใจจะสั่ง จากนั้นก็ส่งให้เธอ แต่เธอขอให้ซีลเขียนลงท้ายเพิ่มอีกหนึ่งคำ

Aimer

คำนี้ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ชอบ” เขาจำมาจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่รุ่นพี่เคยแนะนำให้ดู พระเอกมักจะเรียกนางเองว่า Aimer ซึ่งนางเอกไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดอะไรเพราะเธอเป็นชาวอเมริกันและไม่ได้ชื่อนั้น สุดท้ายเขาก็เฉลยให้เธอฟังในตอนท้ายเรื่อง ว่าเขาชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตด้วยโรคร้าย

ซีลเงยหน้ามองเธอ เพราะคิดว่าถูกสารภาพรักเข้าแล้ว แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มปกติของเธอ เขาก็ลอบถอนหายใจ ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เธอ

“คุณช่วยพับกระดาษ แล้วสอดช่องใต้ประตูร้านให้ฉันทีนะคะ เป็นความเชื่อโบราณว่าถ้าลูกค้าคนแรกส่งออเดอร์ใต้ประตู จะช่วยให้ร้านมีออเดอร์เข้าตลอดไปค่ะ”

เธอยกมือไหว้ขอร้อง ซีลจึงทำตามที่เธอว่า สอดกระดาษที่ใต้ประตูร้าน

ซีลยิ้มแล้วอวยพรเธอ “ขอให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะๆ นะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ” เธอยิ้มให้แล้วชะงักไปเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้

“พรุ่งนี้...ช่วยติดเข็มกลัดดอกรักที่อกเสื้อด้วยนะคะ จะได้จำได้ว่าคุณเป็นลูกค้าคนพิเศษ”

ซีลมองตามสายตาเธอจนเห็นเข็มกลัดดอกรักที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ดูเหมือนเธอไม่คิดจะหยิบส่งมาให้ เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง

ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของซีลก็ดังขึ้น บนหน้าจอแสดงชื่อของคนที่กำลังนึกถึงและเป็นเจ้าของเค้กที่เขาเพิ่งสั่งพอดี

“สวัสดีครับพี่บูม”

(คงไม่ลืมนัดพรุ่งนี้ของเราใช่ไหม)

“ไม่ลืมครับ” ซีลพูดยิ้มๆ พลางหันบอกลาเจ้าของร้าน แต่เธอหายไปแล้ว

(พี่จองตั๋วไว้รอบสิบโมงครึ่ง ดูหนังเสร็จแล้วเราไปกินข้าวด้วยกันนะ แล้วค่อยเข้าเรียนช่วงบ่าย)

“ได้ครับ ยังไงก็แค่ไปเก็บรายละเอียดเนื้อหาก่อนพรีเซนต์ คนที่ต้องจำเนื้อหาในหนังก็มีแค่พี่นั่นแหละ” ซีลพูดยิ้มๆ แล้วเดินออกจากร้านไป

คล้อยหลังชายหนุ่ม ร่างสูงที่เพิ่งหลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็ลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวที่หันหลังให้ประตูร้าน ใบหน้างัวเงียกระพริบตาถี่เพื่อปลุกตัวเอง จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นพลางบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้า

เขาคว้ากระเป๋าสะพายข้างแล้วก้าวเดินไปยังประตูที่ล็อกไว้เพื่อเตรียมตัวกลับคอนโด

ทันใดนั้นดวงตาคมกริบเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งสอดไว้ที่ใต้ประตู จึงก้มลงไปหยิบแล้วเปิดออกดู

ภายในเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบเรียบร้อย เดาว่าคนเขียนคงเป็นเด็กเรียน ดูจากชื่อเมนู คนคนนี้คงไม่ชอบขนมหวานเท่าไร จากนั้นสายตาก็ไล่อ่านไปจนถึงบรรทัดที่สอง และต้องแปลกใจกับคำคุ้นเคยจากคนแปลกหน้าผู้ไม่ทิ้งชื่อหรือเบอร์ติดต่อไว้ให้เลย

Aimer

คำๆ นี้ มีเพียงคนที่เข้าใจความหมายแฝงเท่านั้นจึงเขียนทิ้งท้ายได้ เขาอยากรู้นักว่าคนคนนั้นเป็นใคร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2022 18:28:06 โดย janeta »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤ [14-02-21]
«ตอบ #3 เมื่อ15-02-2021 00:09:06 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 2

ซีลยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ทาบเสื้อและกางเกงอยู่หน้ากระจกอย่างคนไม่รู้จะแต่งตัวอย่างไรดี แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกไปดูหนังกับรุ่นพี่ แต่เขาก็อดกังวลกับการแต่งตัวของตัวเองไม่ได้ ถ้าแต่งตัวดูดีเกินไปก็ไม่ใช่ธรรมชาติของเขา แต่ถ้าไม่พิถีพิถันหน่อยก็เกรงว่าจะทำให้รุ่นพี่ขายหน้าที่มาเดินข้างกัน

สุดท้ายก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสะพายของตัวเอง พอนึกขึ้นได้ว่าบ่ายนี้มีเรียนที่มหาวิทยาลัย ปัญหาเรื่องชุดจึงถูกตัดไป เขาหยิบชุดนักศึกษามาสวมแล้วคว้าเสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวเก่งมาสวมทับ

ซีลพยักหน้าให้ตัวเองในกระจกแล้วสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม

ระหว่างทางเดินไปป้ายรถเมล์เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองสั่งเค้กไว้ จึงมองเข้าไปในร้านที่เต็มไปด้วยผู้คน ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นร้านเปิดใหม่หรือเปล่าจึงได้รับความสนใจมากถึงเพียงนี้

ในร้านมีพนักงานสองคนรับออเดอร์กันหัวหมุน ทันเห็นหลังไวๆ ของปาติซิเย่เดินเข้าไปในครัวพอดี แต่กลับไม่พบหญิงสาวเจ้าของร้านที่คุยกันเมื่อวาน

ผู้คนต่อแถวยาวจนหางแถวออกมานอกร้าน ซีลทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินไปต่อท้ายแถวเงียบๆ ระหว่างนั้นพนักงานสาวก็ถือถาดใส่เค้กและกาแฟแก้วใหญ่เดินสวนออกมา เขาจึงรีบขยับหลบให้เธอทันที แต่กลับเป็นเธอที่ยืนนิ่ง จ้องเข็มกลัดดอกรักบนอกเสื้อเขา

“คุณรอแป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวฉันหยิบเค้กของคุณมาให้ ไม่ต้องต่อแถวหรอกค่ะ” พูดจบเธอก็รีบเดินไปเสิร์ฟขนมให้ลูกค้า ส่วนเขาก็เดินออกจากแถว พยายามหาที่ยืนท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดถ่ายภาพกับมุมต่างๆ ของร้านที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพอย่างดี ไม่ว่าจะมุมไหนก็ถ่ายได้ภาพสวยๆ อย่างแน่นอน

“คุณคะ ช่วยถ่ายภาพให้หน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ให้ซีลที่ยืนว่างอยู่พอดี เขายิ้มให้และเดินตามออกไปด้านนอกเพื่อถ่ายภาพให้เธอและเพื่อนๆ ที่ยืนพิงกำแพงท่ามกลางไม้เลื้อยด้านหลัง ถ่ายได้สองสามภาพก็ส่งโทรศัพท์คืนเธอ จากนั้นก็ขยับหลบกลุ่มคนที่เข้าไปถ่ายบริเวณนั้น

ขยับไปขยับมา บริเวณที่ยืนอยู่ก็เหมือนจะเป็นพื้นที่ถ่ายภาพไปเสียหมด รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินถอยออกมาจนถึงด้านหลังของครัวที่พอจะสงบอยู่บ้าง มีเพียงเก้าอี้ไม้ผุเก่าตัวหนึ่งซึ่งคนอื่นเห็นแล้วคงไม่สนใจนัก

ซีลนั่งลงพลางก้มมองนาฬิกา เห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่บ้าง จึงตั้งใจจะรอเค้กก่อนแล้วค่อยไปตามนัดหมาย

“เมี๊ยว...”

เสียงแมวร้องเบาๆ ดังมาจากด้านบน ซีลเงยหน้ามองกิ่งไม้ที่ยื่นออกจากต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง เห็นแมวสีขาวตัวเล็กเท่าฝ่ามือร้องเรียกด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเขาอย่างอ้อนวอน ราวกับขอให้พาลงมาจากที่สูง

แค่เห็นเจ้าตัวน้อยหัวใจของซีลก็อ่อนยวบ เขารีบปีนเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อพาเจ้าแมวน้อยลงมาโดยเร็วที่สุด

“มามะเด็กดี” เขาเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวน้อยด้วยใบหน้าเป็นมิตรแล้วเขย่งเท้ายื่นมือที่เช็ดกับเสื้อจนสะอาดไปหา

อุ้งมือขาวและนิ้วเท้าสีชมพูอ่อนขยับเล็กน้อย มองมนุษย์ตรงหน้าอย่างลังเล แต่เมื่อระยะห่างใกล้กันมากขึ้นเจ้าแมวน้อยก็ตัดสินใจกระโดดโผเข้าสู่อ้อมแขนนั้นทันที

แม้น้ำหนักแมวน้อยจะไม่มาก แต่แรงที่พุ่งเข้ามาก็ทำให้ซีลไม่ทันตั้งตัว เท้าที่เขย่งอยู่จึงเสียหลักพลัดตกลงมาจากเก้าอี้ เขาหลับตาพลางกอดเจ้าเหมียวแนบอกเพื่อปกป้องไม่ให้มันบาดเจ็บ

หมับ

อ้อมแขนของใครบางคนรับตัวเขาไว้อย่างทันท่วงที กลิ่นหอมของขนมหวานทำให้ซีลต้องลืมตาขึ้นเพราะเขาเผลอจินตนาการไปว่าขนมปังก้อนใหญ่รับตัวเขาไว้ แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายปากที่อ้าออกเพื่อกล่าวคำขอบคุณก็หุบลงทันที

ใบหน้าปราศจากรอยยิ้มเป็นสิ่งแรกที่ได้เห็น ตามมาด้วยเสียงทุ้มที่เอ่ยดุแมวน้อยในอ้อมแขนของซีล

“รู้ว่าสูงก็ยังปีนขึ้นไป ลงไม่ได้ก็ร้องเรียกให้คนอื่นช่วย นิสัยไม่ดีเลยนะลูเซีย” พูดจบเขาก็วางตัวซีลลงบนพื้นหญ้า

ซีลเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่สูงกว่าตนราวสิบเซนติเมตร เขาสวมชุดเชฟทำขนมที่คนทั่วไปเรียกกันว่าปาติซิเย่

พอเห็นคุณเชฟมองมาก็รีบก้มหน้าลง เพราะเกรงว่าจะถูกดุที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง จนอาจทำให้แมวของคุณเชฟบาดเจ็บไปด้วย

“ขอบคุณที่ช่วยลูเซีย...” คุณเชฟพูดเท่านั้นก็เงียบไป

ซีลเงยหน้าขึ้น เห็นสายตาของคุณเชฟจ้องมองมาที่เข็มกลัดดอกรักบนอกเสื้อของตน

“อ้อ...ผมมารับเค้กที่สั่งไว้น่ะครับ”

ปาติซิเย่หนุ่มเหมือนเพิ่งหลุดออกจากภวังค์ “อ้อ...คุณนั่นเอง เดี๋ยวผมเอาเค้กมาให้ครับ”

เขากล่าวเพียงเท่านั้นก็เดินกลับเข้าร้านไป ส่วนซีลที่อุ้มลูเซียอยู่ก็ลูบหัวมนที่เต็มไปด้วยขนนุ่มนั้นอย่างเพลิดเพลินมือ

เพื่อนๆ เคยถามว่าเขาว่า ในเมื่อนายชอบสิ่งมีชีวิตขนปุยทำไมไม่เลี้ยงไว้สักตัว ซีลบอกเพื่อนไปว่าถึงจะชอบมากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าเลี้ยงอีกแล้ว

ซีลจำได้ว่าตอนเด็กๆ เขาเลี้ยงกระต่ายเคระสีขาวขนฟูน่ารักอยู่ตัวหนึ่ง ตั้งชื่อว่าไวท์ วันหนึ่งหลังจากให้อาหารมันแล้วไม่ทันระวัง ลืมปิดประตูกรง ไวท์แอบกระโดดหนีออกไปเล่นข้างนอกจึงถูกรถชน จากเขาไปตลอดกาล

หลังจากนั้นซีลก็ฝังใจเกินกว่าจะกล้าเลี้ยงสัตว์ เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้พวกมันบาดเจ็บเพียงเพราะความสะเพร่าของตน

“เค้กของคุณ” คุณเชฟยื่นกล่องขนมให้เขาสองกล่อง กล่องหนึ่งเล็ก อีกกล่องหนึ่งใหญ่ ซีลจึงถามว่ากล่องไหนเป็นของที่เขาสั่งไว้

คุณเชฟชี้กล่องใหญ่ ซีลจึงสบายใจที่อีกฝ่ายให้เค้กชิ้นเล็กๆ เป็นของขวัญ ไม่ได้มีราคามากจนต้องเกรงใจจนรับไว้ไม่ได้ เขาถามราคาเค้กแล้วยื่นเงินสดให้เต็มจำนวน

“ไม่ต้องหรอกครับ ของขวัญเปิดร้านสำหรับลูกค้าคนแรกผมทำให้ฟรี”

“ได้ยังไงล่ะครับ ของซื้อของขาย” ซีลยัดเงินใส่มือเขาแล้วส่งยิ้มให้ “แบบนี้ถึงเรียกของขวัญเปิดร้านครับ”

เมื่อเห็นความดื้อดึงของเขา คุณเชฟก็ยอมแพ้รับเงินไป จากนั้นก็ยื่นมือมารับลูกแมว แต่ลูเซียที่เคยว่าง่ายกลับจิกกรงเล็บยึดเสื้อคลุมของซีลไม่ยอมปล่อย ซีลจึงเพิ่งสังเกตว่าเสื้อคลุมตัวโปรดของตัวเองเต็มไปด้วยขนแมว ซึ่งคุณเชฟก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน

“คุณรอผมแป๊บหนึ่งนะครับ” พูดจบคุณเชฟก็เดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้งและกลับมาพร้อมเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่ง “ใช้เสื้อผมไปก่อนเถอะครับ ขอโทษด้วยที่แมวของผมทำให้เสื้อของคุณเปื้อน”

ซีลตั้งใจจะปฏิเสธ แต่สายตาของอีกฝ่ายกลับมองมาเหมือนไม่ยอมให้เขาพูดว่า ‘ไม่’ เด็ดขาด ซีลจึงได้แต่ถอดเสื้อคลุมออกมา ซึ่งคุณเชฟก็รับไปแล้วยื่นของตัวเองมาให้ จากนั้นก็คว้าตัวลูเซียจากอกเขาไปอุ้มไว้เอง

โชคดีที่เสื้อคลุมของอีกฝ่ายแม้จะตัวใหญ่ไปหน่อยแต่ก็ใส่สบาย ดูเผินๆ เหมือนใส่โอเวอร์โค้ทเป็นแฟชั่นไปอีกแบบ

“ขอบคุณที่ให้ยืมเสื้อครับ” ซีลยิ้มแล้วยื่นมือไปรับเสื้อคลุมของตัวเอง แต่คุณเชฟขยับมือหลบ

“เสื้อคุณเปื้อนขนแมว ผมจะเอาไปซักให้ครับ ไว้คุณว่างค่อยมาเอาเสื้อที่ร้านก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับ” ซีลยื่นมือไปอีกครั้งด้วยความเกรงใจ จะให้คนอื่นมาซักเสื้อตัวเองได้ยังไงล่ะ

แต่พอสบดวงตาคมกริบคู่นั้นซีลก็เผลอชะงักมือ แล้วดึงกลับมาข้างตัวอย่างว่าง่ายราวกับตัวเองกำลังทำเรื่องไม่สมควร

“เอาตามที่ผมว่าก็แล้วกันครับ บอกลาเขาสิลูเซีย” คุณเชฟพูดกับแมวน้อย

“ไปก่อนนะลูเซีย ไว้จะมาหาใหม่นะ” ซีลลูบหัวลูเซียที่จ้องเขาตาแป๋วแล้วละมือออก จากนั้นก็จำใจเดินออกจากร้านไปเพราะใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว แต่พอหันกลับไปเห็นเสื้อตัวคลุมตัวโปรดพาดอยู่บนแขนคุณเชฟก็อดเสียดายไม่ได้

รุ่นพี่อุตส่าห์ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด หวังว่าอีกฝ่ายจะซักเบาๆ นะ

ปาติซิเย่หนุ่มมองตามหลังร่างสูงโปร่ง เจ้าของเค้กที่เขาอุตส่าห์ตื่นตั้งแต่ตีสี่มาผสมแป้งและใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดตกแต่งหน้าเค้กนานหลายชั่วโมง หากเทียบเป็นราคาเรียกได้ว่ามูลค่าสูงกว่าเค้กทั้งร้านที่เขาทำเสียอีก

“นายว่าเขาจะใช่คนคนนั้นหรือเปล่า” เขาถามแมวน้อยในอ้อมแขนพลางลูบหัวมันเบาๆ ดวงตาจับจ้องจนอีกฝ่ายเดินเลี้ยวหายไปจากสายตา

“เมี๊ยว” ลูเซียครางรับเบาๆ จากนั้นก็เอาหัวถูต้นแขนแล้วหลับพริ้มไป

“เจ้าแมวขี้เกียจ” เขาบ่นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว



.......................


ขอบคุณ คุณ AkuaPink ที่มาเป็นกำลังใจให้น้าาาาาา  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2022 18:31:21 โดย janeta »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤ [14-02-21]
«ตอบ #5 เมื่อ22-02-2021 00:43:10 »

 :pig4:
 :3123: :3123:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: ❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤ [14-02-21]
«ตอบ #6 เมื่อ23-02-2021 23:19:44 »

พระเอกคือคนทำขนมสินะ :hao7:เปิดมา2ตอนยังไม่รู้ชื่อพระเอกเลย :katai1:

มาต่อไวๆ น๊าาาาาาา

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 3 รุ่นพี่


ซีลมาถึงโรงภาพยนตร์ก่อนเวลานัดหมายครึ่งชั่วโมง เขากวาดตามองหารุ่นพี่ที่พักจะมาก่อนเวลานัดเสมอ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยนั่งสนทนากับหญิงสาวคนหนึ่งในร้านกาแฟ เธอคนนั้นมีใบหน้าสวยหยาดเยิ้ม ยิ้มแย้มขณะพูด ซีลไม่เห็นใบหน้าของรุ่นพี่เพราะอีกฝ่ายหันหลังให้ประตู แต่คาดว่าอีกฝ่ายคงมีรอยยิ้มไม่ต่างจากเธอ

เขามองหาที่นั่งว่างด้านนอกพลางลอบสังเกตคนทั้งคู่ ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นความเหมาะสม สุดท้ายจึงลุกไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เมื่อไม่มองก็ไม่เห็น เมื่อไม่เห็นก็ไม่เป็นทุกข์

กล่องเค้กตรงหน้าคงอยากปลอบใจเขา ซีลจึงแกะกล่องเค้กของแถม ตั้งใจจะกินฆ่าเวลา แต่พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยร้อยยิ้ม

เค้กชิ้นนี้จำลองท้องทะเลที่เต็มไปด้วยปลาดาว ม้าน้ำ ไข่มุก ปะการัง และฝูงโลมาแหวกว่ายอยู่บนหน้าเค้กท่ามกลางเกลียวคลื่น งดงามจนเขาไม่กล้าทำให้เสียรูปลักษณ์

เขากดถ่ายภาพเก็บไว้ ขณะเดี๋ยวกันก็หาชื่อร้านขนมเพื่อเตรียมจะเขียนคำวิจารณ์และให้ดาวเต็มห้าคะแนน แต่คาดไม่ถึงว่าร้านเค้กนั้นจะได้รับความนิยมอย่างมาก เพิ่งเปิดร้านวันนี้ แต่มีคนเขียนรีวิวให้มากกว่าหนึ่งร้อยคน ซีลนึกถึงลูกค้าที่ต่อแถวยาวเหยียดเมื่อเช้าก็ไม่แปลกใจนัก อีกทั้งเค้กตรงหน้าเขาก็บอกได้คำเดียวว่าประณีตมาก เรียกได้ว่าคนทำใส่ใจมากทีเดียว

นิ้วเรียวกดถ่ายภาพบางส่วนของเค้กแล้วกดแท็กร้าน เขียนข้อความขอบคุณที่มอบเค้กให้เขาเป็นของขวัญ จากนั้นก็กดให้ดาวเต็มห้าคะแนน หลังกดโพสต์เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่ามีคนติดตามเพิ่ม แต่ซีลไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะปกติก็มีคนติดตามเขาวันละคนสองคนอยู่แล้ว

ดวงตาเปล่งประกายเฝ้ามองเค้กชิ้นเล็กด้วยความอยากกินแต่ไม่กล้ากิน แต่สุดท้ายเสียงร้องของกระเพาะอาหารก็ชนะ มือเรียวหยิบช้อนพลาสติกตักเค้กโดยเริ่มจากขอบเป็นอันดับแรก

ทันทีที่เนื้อครีมแตะลิ้นรสชาตินุ่มละมุนของเนื้อเค้กและกลิ่นหอมของวนิลาก็อบอวลไปทั่วทั้งปาก น้ำตาของซีลแทบจะไหลออกมาด้วยความปลื้มปริ่ม เขาชอบกินเค้กมาก แต่เค้กที่อยู่ตรงหน้าก็เรียกได้ว่าเติมเต็มจิตวิญญาณ ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เจอเค้กร้านไหนที่อร่อยเท่านี้มาก่อน อร่อยจนเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกินจนหมดหนึ่งปอนด์ตอนไหน

ครืดๆ

ซีลยกหลังมือเช็ดมุมปาก แล้วเอ่ยทักทายรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับพี่บูม”

(อยู่ไหนแล้ว)

“ผมใกล้จะถึงแล้วครับ” เขาลอบมองรุ่นพี่ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขณะที่หญิงสาวอีกคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

(อืม ถึงแล้วโทรมานะ) พี่บูมวางสายแล้วพูดกับหญิงสาวคนนั้น เมื่อเธอพยักหน้ารับ พี่บูมก็คว้ากระเป๋าสะพายไหล่แล้วก้าวออกมาจากร้าน ซีลรีบหลบมุม กวาดกล่องเค้กใส่ถุงแล้วรีบเอากล่องไปทิ้งขยะ

เมื่อหันกลับมาพี่บูมก็หันมาพอดี เขาจึงโบกมือให้ด้วยรอยยิ้มแล้วรีบเดินเข้าไปหา

“พี่บูมมานานแล้วเหรอครับ”

“พอดีนัดเจอเพื่อนน่ะ เลยมาสักพักแล้ว เห็นว่าใกล้เวลาแล้วนายยังไม่โทรมาก็เลยนึกว่าลืมกันซะแล้ว”

“ผมจะลืมพี่ได้ยังไงล่ะ” ผมรีบส่งเค้กกาแฟให้อีกฝ่าย “พอดีมีร้านเค้กเปิดใหม่ ผมก็เลยซื้อมาฝากพี่ครับ”

“ไม่ใช่แค่ซื้อมาฝากมั้ง” พี่บูมยิ้มแล้วยื่นมือเข้ามาเช็ดมุมปากให้อย่างอ่อนโยน “นายเดินออกจากร้านมาด้วยสภาพนี้ได้ยังไง”

ซีลเม้มปากด้วยใบหน้าร้อนๆ อีกฝ่ายคงรู้ว่าเขาแอบกินเค้กแล้วแน่ๆ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นพี่บูมก็ไม่มีท่าทีอารมณ์เสียเลยสักนิด แค่พูดหยอกนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น

“กินเค้กมาแล้วงั้นป็อบคอนก็คงไม่ต้องแล้วมั้ง”

“ได้ไงล่ะครับ โรงหนังต้องคู่กับป็อบคอนสิ” เขาแย้งอีกฝ่ายและตั้งใจจะเดินไปซื้อป็อบคอน แต่ถูกดึงกระเป๋าจากด้านหลังไม่ให้เดินต่อ

“ชวนนายเสียเวลามาดูหนังกับพี่อีกรอบ เรื่องอะไรจะให้นายจ่ายล่ะ พี่เลี้ยงเอง” พูดจบร่างสูงก็เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์แล้วสั่งป็อบคอนรสคาราเมล ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ชอบรสหวานเลยสักนิด

แล้วจะไม่ให้เขายิ้มกับความใจดีของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะ



เมื่อถึงเวลาฉายภาพยนตร์ รุ่นพี่ก็เดินนำไปพร้อมกับน้ำและป็อบคอน ให้ซีลถือเพียงตั๋วหนังสองใบส่งให้พนักงาน

ภายในโรงภาพยนตร์ค่อนข้างเย็น แต่เสื้อคลุมของคุณเชฟที่สวมอยู่อุ่นมาก ซีลจึงขอบคุณอีกฝ่ายในใจไปอีกหลายคำ

เขาเป็นคนขี้หนาวจึงมักจะสวมเสื้อคลุมติดตัวไว้ตลอด ตอนแรกก็กังวลว่าเสื้อตัวนี้จะไม่อุ่นเท่าตัวโปรดของเขา แต่พอก้าวเข้ามาในโรงภาพยนตร์เขาก็ไม่หนาวอย่างที่คิด จะได้ไม่ต้องตัวสั่นให้เป็นที่ขบขันของรุ่นพี่

“เสื้อตัวนี้เหมาะกับนายดีนะ ไม่หนาวใช่ไหม”

“ไม่หนาวครับ”

“งั้นเสื้อพี่คงหมดประโยชน์แล้วสินะ” อีกฝ่ายกระซิบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ก่อนจะเดินไปยังที่นั่งของตน ทิ้งให้ซีลยืนอึ้งรีบตามไปปลอบใจอีกฝ่ายทันที

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ พอดีเสื้อตัวนั้น...ผมเอาไปซักเลยยังไม่แห้งครับ” ซีลโกหกเพื่อไม่ให้รุ่นพี่น้อยใจ โชคดีที่ในโรงภาพยนตร์ไม่ค่อยมีแสงอีกฝ่ายจึงสังเกตท่าทางมีพิรุธของเขาไม่ได้ เพราะเขาโกหกไม่เก่งเลยสักนิด

“งั้นเหรอ” น้ำเสียงอีกฝ่ายกลับมาร่าเริงอีกครั้ง

“ครับ”

ซีลกล่าวเพียงเท่านั้นภาพยนตร์ก็เริ่มฉาย พวกเขาทั้งคู่จึงตั้งสมาธิไปกับเนื้อหาในภาพยนตร์

ฟุบ

แต่ดูไปได้สักพัก ศีรษะของคนข้างๆ ก็เอนพิงไหล่เขา ดวงตาปิดลงอย่างที่เคย ไม่ว่าจะดูหนังด้วยกันมาแล้วกี่ครั้งรุ่นพี่ก็หลับทุกครั้งไป แต่เขาไม่โกรธหรอก เพราะทุกครั้งที่เจอกันใต้ตาของรุ่นพี่เต็มไปด้วยรอยคล้ำราวกับคนไม่ได้นอน เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงฝึกงานหนักมาก ดังนั้นหากอีกฝ่ายชวนออกไปข้างนอกเขาก็มักจะเลือกดูหนัง เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน โดยที่รุ่นพี่ได้พักผ่อนไปในตัว

ซีลใช้เวลาสองชั่วโมงนั้นอย่างเต็มที่ในการศึกษาภาพยนตร์ เพื่อที่ช่วงบ่ายจะช่วยเก็บข้อมูลให้รุ่นพี่ใช้พรีเซนต์รายงานได้อย่างเฉียบคม

พี่บูมยืนอยู่หน้าเวที กล่าวถึงเทคนิคการถ่ายทำไปจนถึงพล็อตเรื่องที่มีความแยบคายหลอกคนดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งสุดท้ายทุกคนที่ดูจบก็ยังไม่ได้คำตอบว่าสรุปแล้วตัวละครในเรื่องเป็นอย่างไร

“มันเป็นลูปที่วนเวียนเป็นวงกลม หาทางออกไม่ได้ แต่ทุกคนสังเกตไหมว่ามีหนึ่งคนที่ไม่เปลี่ยนไป”

“เธอคิดว่าเขาคือต้นเรื่องเหรอ”

“ครับอาจารย์ เงื่อนไขของภาพยนตร์เรื่องนี้คือถ้าคุณหลับตาคุณจะกลายเป็นคนที่อยากเป็น ในหนังฉายภาพทุกคนกลายเป็นคนที่อยากเป็นก่อนจะถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น แต่กลับมีเพียงคนเดียวที่อยู่ในทุกฉากของตัวละคร แต่กลับไม่เปลี่ยนไป ทั้งทรงผมและการแต่งกายทุกอย่างยังเป็นเขา ผมจึงคิดว่าเขานี่แหละที่เป็นฆาตกร”

“พวกคุณคิดแบบนั้นไหม”

“ต้องใช่แน่ๆ ครับอาจารย์” หลายเสียงกล่าวสนับสนุนอย่างเต็มที่ บางส่วนตั้งใจว่าเลิกเรียนแล้วจะกลับไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้ง เพราะตอนแรกไม่มีใครคิดว่าเด็กคนหนึ่งที่มีท่าทีเซ่อซ่า ขี้ขลาด จะกลายเป็นฆาตกรไปได้

“ผมจะไม่ตัดสินว่าสิ่งที่คุณกล่าวถูกหรือผิด เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นปลายเปิด บทสรุปอาจจะเป็นแบบที่คุณคาดไว้หรือเป็นไหนก็ได้ แต่เรื่องการวิเคราะห์การสังเกต ผมจะให้คะแนนอย่างเหมาะสม”

อาจารย์ประจำวิชากล่าวเพียงเท่านั้น นักศึกษาทั้งห้องก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มต้องได้คะแนนดี

“พี่บูมทั้งเก่งทั้งฉลาดไม่น่าจะมาอยู่กลุ่มเดียวกับนายเลยนะ” คนข้างๆ ซีลพูดอย่างไม่ไว้หน้า เขาคิดว่าหากรุ่นพี่หนุ่มสุดฮอตอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเขาคงไม่ได้แค่คะแนนเหมาะสมแต่จะต้องได้คะแนนเต็มอย่างแน่นอน

“นั่นสิ อะไรดีๆ นายก็ได้ไปหมด ไม่รู้ว่าทำรายงานบ้างหรือเปล่า”

ซีลยิ้มๆ ไม่ได้กล่าวอะไร สำหรับเขาเพื่อนร่วมคลาสเหล่านี้พบกันไม่นานก็ต้องแยกย้าย เขาจึงไม่คิดจะสร้างความบาดหมาง อยากว่าอะไรเขาก็ว่าไป เขารู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ได้เป็นอย่างที่อีกฝ่ายว่าก็พอ

“รายงานที่ส่งอาจารย์เขาทำทั้งหมด สคริปที่ให้ฉันรายงานก็เป็นเขาเขียนให้” รุ่นพี่ที่เพิ่งส่งไมค์คืนอาจารย์เดินมาหยุดตรงหน้าเขาแล้วกล่าวต่อ “คนที่ได้อะไรดีๆ ควรเป็นฉันมากกว่า พวกนายอิจฉาฉันเหรอ”

รุ่นพี่กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วนั่งลงข้างเขา “นายอย่าไปใส่ใจคำพูดคนพวกนั้นเลย รู้แค่ว่าพี่ขอบคุณนายมากที่ช่วยพี่ทำรายงานก็พอ ไม่ได้นายพี่คงต้องเรียนซ้ำอีกปีแน่ๆ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมไม่ใส่ใจที่พวกเขาพูดหรอก” รุ่นพี่ของเขาดีขนาดนี้ จะไปใส่ใจคนที่ไม่รู้อะไรไปทำไม

“ดีมาก” มืออุ่นลูบหัวเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ซีลมองใบหน้านั้นก่อนจะนิ่งไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลังจากคาบหน้าพวกเขาก็จะไม่ได้พบกันแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงสอบปลายภาค และรุ่นพี่ก็คงเตรียมตัวเรียนจบอย่างเป็นทางการ พอรู้ว่าจะไม่ได้พบกันแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไป

“พี่บูมครับ”

“หืม...ว่าไง”

“อาทิตย์หน้าก็จบคลาสแล้ว พี่บูมพอจะ...มีเวลาว่างไหมครับ”

“ก็ว่างนะ มีอะไรเหรอ”

“ผม...” ขณะที่กำลังจะกล่าวออกไป สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องเค้กที่อยู่ด้านล่าง พี่บูมบอกเขาว่าเค้กอร่อยมาก บางที...เขาอาจจะทำเค้กเป็นของขวัญให้อีกฝ่ายได้ “ผมอยากเลี้ยงส่งพี่ครับ”

“เอาสิ แต่นายไม่ต้องเลี้ยง พี่เลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ดูแลพี่มาตลอดหกเดือน พี่ฝึกงานหนักขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนมาทำงานวิชาเสริม ไม่ได้นายพี่คงแย่ นายเลือกสถานที่มาแล้วกันที่เหลือพี่จ่ายเอง”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่เด็กน้อย” พี่บูมบีบแก้มเขาแล้วยิ้ม “พี่มีของขวัญจะให้นายด้วย เอาเป็นว่าให้อาทิตย์หน้าก็แล้วกัน”

“ครับ” ซีลเม้มปาก อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ที่จะได้รับของขวัญจากอีกฝ่าย แม้ไม่รู้ว่าของชิ้นนั้นคืออะไรแต่ก็ยังคาดหวังอยู่ดี

เย็นวันนั้นเขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชัทฟัง ซึ่งฝ่ายนั้นก็แค่พยักหน้าแล้วตอบแชทแฟนสาวดูไม่ค่อยใส่ใจเขาเท่าไรนัก

“นายว่าฉันพอจะมีหวังไหม”

“ฉันไม่รู้ว่านายมีหวังกับพี่บูมไหม แต่เรื่องเค้ก...” ชัทส่ายหน้า “ไม่มีหวัง”

“นายดูถูกฉันไปหรือเปล่า ไม่เคยทำใช่ว่าจะทำไม่ได้นะ”

ชัทมองเพื่อนสนิทแล้วส่ายหน้า มองมือเรียวคู่นั้นที่กระทั่งไข่ดาวยังทอดไหม้ ยังจะคาดหวังอะไรได้อีก

“เชื่อฉันเถอะเพื่อน นายเหมาะกับใช้ปากกาเขียนหนังสือมากกว่าทำอาหาร”

“ชัท!”

“ตะโกนชื่อฉันไป ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี นายทำพ่อครัวฉันหมดศรัทธาในอาชีพไปหลายครั้งแล้วนะ ปาติซิเย่ที่ไหนจะกล้าสอนนาย”

“ฉันเชื่อว่าต้องมีคนสอนฉันได้” คิดไปคิดมาซีลก็นึกออกอยู่หนึ่งคน “ฉันรู้แล้วว่าจะให้ใครช่วยสอน”

เจ้าของลูเซียต้องช่วยเขาได้แน่ๆ คุณเชฟมีฝีมือขั้นเทพ ต่อให้เขาฝีมือห่วยแตก อย่างน้อยได้เรียนกับคุณเชฟก็น่าจะพอกินได้ เท่านั้นก็พอแล้ว



.................................

“บอส...” ไลท์เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้าน เขาเห็นเจ้าของร้านเอาแต่จ้องโทรศัพท์ขณะที่มือยังถือหัวบีบแต่งหน้าเค้กค้างไว้ ก็ส่งเสียงเรียกขัดจังหวะ “มีคนมาขอเรียนเค้กกับบอสอีกแล้วครับ”

ปาติซิเย่หนุ่มได้ฟังก็วางโทรศัพท์แล้วหมุนจานเค้กทำดอกกุหลาบต่อไป “บอกไปว่าไม่รับ”

“รับทราบครับ” ไลท์มองอีกฝ่ายอีกเล็กน้อยแล้วเดินกลับไปทำหน้าที่ของตน คล้อยหลังพนักงานหนุ่มปาติซิเย่คนดังผู้มีคนติดตามหลักแสนก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูอีกครั้ง

คนที่เขาเพิ่งติดตามเมื่อหลายชั่วโมงก่อน นอกจากจะโพสต์เกี่ยวกับขนมแล้ว ก็เต็มไปด้วยรูปคู่กับสัตว์ขนปุย ทั้งแมว หมา กระต่าย ใบหน้าใสเต็มไปด้วยรอยยิ้มจนดูไม่ออกว่า...อะไรน่ารักกว่ากัน

“เมี๊ยว”

“มาก่อกวนอีกแล้วเหรอลูเซีย” เขาดุเจ้าแมวน้อยที่เอาหัวมาคลอเคลียขาไม่ไปไหน “เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มา นายก็ไปเล่นกับเขาสิ”

“เมี๊ยว” ลูเซียครางรับก่อนจะผละไปอย่างว่าง่าย เขามองตามแมวไปจนกระทั่งเห็นเสื้อคาดิแกนสีน้ำตาลที่แขวนไว้แทนที่เสื้อคลุมของเขา มุมปากก็ยกยิ้มหันกลับมาสนใจเค้กของตนเองต่อ

...........................................



:pig4:
 :3123: :3123:

 ขอบคุณน้าาาาา :กอด1:  :pig4:

พระเอกคือคนทำขนมสินะ :hao7:เปิดมา2ตอนยังไม่รู้ชื่อพระเอกเลย :katai1:

มาต่อไวๆ น๊าาาาาาา

ตอนหน้าก็รู้แล้วน้าาาาาา
 :mew1:  :katai4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤ [14-02-21]
«ตอบ #8 เมื่อ26-02-2021 23:56:36 »

 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 4

“ขอโทษด้วยครับ ร้านเราไม่รับสอนทำขนม” ไลท์จำคำพูดของเจ้านายได้ดี เขาจึงกล่าวปฏิเสธนักศึกษาหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นมามีแต่คนถามคำถามนี้กับเขา และเขาก็ปฏิเสธไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบคน

โดยเฉพาะหลายคนก่อนหน้าที่แววตาไม่ได้แสดงออกว่าต้องการทำขนม แต่เป็นหลงใหลใบหน้าเจ้านายเขามากกว่า ดังนั้นไลท์จึงประเมินชายหนุ่มตรงหน้าว่าเป็นคนประเภทเดียวกัน

“อ่า เหรอครับ น่าเสียดายจัง” ซีลถอนหายใจอย่างเศร้าๆ เขามุ่งหน้ามาที่ร้านด้วยความหวังเต็มเปี่ยม แต่สุดท้ายกลับต้องพบกับความผิดหวัง

“ไม่ทราบว่าจะรับอะไรไหมครับ” ไลท์ถามถึงออเดอร์เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่ขยับออกจากหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งคนฟังก็รีบพยักหน้าแล้วชี้ไปที่เค้กครีมสดหน้าผลไม้ทันที

“เอาชิ้นนั้นครับ”

ไลท์ใช้เกรียงตักเค้กชิ้นสุดท้ายออกจากตู้แล้วใส่กล่องให้อย่างดี จากนั้นก็ยื่นให้อีกฝ่าย

ขณะที่ไลท์กำลังจะคิดเงิน กล่องเค้กหนึ่งก็ถูกวางกระแทกลงบนเคาน์เตอร์ หญิงสาวคนสวยใบหน้าบึ้งตึงชี้หน้าพนักงานสาวแล้วตะโกนเสียงดัง

“เค้กเละแบบนี้ยังกล้าขายให้ฉันอีกเหรอ!!”

พนักงานสาวที่ถูกกล่าวหามีสีหน้าตกใจ เธอค่อยๆ แกะกล่องเค้กอย่างระมัดระวัง เมื่อกล่องเค้กถูกเปิดออก ผลไม้ที่ตกแต่งสวยงามบนหน้าเค้กก็ไหลลงด้านข้าง เป็นเค้กครีมสดแบบเดียวกับที่ซีลเพิ่งสั่งไป

“คุณเอาเค้กผมแทนไหมครับ เพิ่งออกจากตู้เลย” ซีลยื่นกล่องเค้กให้เธอก่อนจะหันไปบอกพนักงานสาว “กล่องนั้นผมรับไว้เองครับ”

“ยุ่งอะไรด้วย!” เธอจ้องหน้าซีล จากนั้นก็หันไปบอกพนักงานสาว “ฉันจะคุยกับผู้จัดการร้าน เรียกเขาออกมา!”

ไลท์รับมือกับคนโวยวายอยากพบเจ้านายเขามาตั้งแต่เช้าจนใกล้จะหมดความอดทนแล้ว ขณะกำลังจะแจกแจงรายละเอียดว่าทำไมเค้กครีมสดถึงกลายสภาพเป็นแบบนั้น ซีลก็พูดแทรกแทน

“คุณครับ เมื่อกี้คุณโยนกล่องเค้กแรงมาก ผมไม่แปลกใจที่เค้กจะเป็นแบบนั้น อีกอย่างผมเห็นคุณพนักงานใช้เล็บแกะกล่องเค้กอย่างยากลำบาก ดูก็รู้ว่าเทปติดแน่นมากเหมือนว่าคุณยังไม่ได้แกะกล่องเลย เพราะถ้าแกะแล้ว กาวบนเทปจะมีแรงยึดน้อยลงทำให้แกะง่ายขึ้น ผมแปลกใจมาก คุณรู้ได้อย่างไรว่าเค้กเละครับ หรือคุณเผลอทำตกก็เลยมาถามหาความรับผิดชอบ”

ซีลมองใต้กล่องที่มีเศษดินติดอยู่เล็กน้อย แม้จะเช็ดออกไปแล้ว แต่คราบสีน้ำตาลจางๆ ยังคงอยู่ ตอนแรกเขาตั้งใจจะรับเค้กชิ้นนั้นไปเพื่อรักษาหน้าหญิงสาว แต่เพราะเธอไม่ยอมจบ เขาจึงต้องช่วยออกหน้าแทนพนักงานสาวที่ถูกใส่ความ

“คุณพูดอะไร” เธอหลบตาซีลแล้วยื่นมือหยิบกล่องเค้กของเขาไป “ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

พูดจบเธอก็รีบก้าวออกจากร้านไปท่ามกลางสายตาลูกค้าที่ดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว บางคนจึงเริ่มซุบซิบนินทาว่าเธอจงใจหาเรื่องพนักงานร้าน ส่วนบางคนก็คิดว่าเธอเป็นมิจฉาชีพ ก่อเรื่องขึ้นเพียงเพื่อจะขอเงินชดเชย

“ขอบคุณมากนะคะ” พนักงานสาวกล่าวขอบคุณลูกค้าใจดีก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นใบหน้าของเขา “คุณคือ...”

“อ้อ เมื่อเช้าผมได้เค้กแล้วครับ ขอบคุณมาก” ซีลยิ้ม เขาจำพนักงานสาวคนนี้ได้ พอเห็นว่าเรื่องจบลงแล้วก็ส่งเงินให้เธอแล้วรับกล่องเค้กนั้นมาถือไว้

“สู้ๆ นะครับ แล้วก็...ระวังอย่าให้ใครเอาเปรียบคุณ”

“ค่ะ...” เธอมองเขาตาค้าง จนกระทั่งอีกฝ่ายก้าวออกจากร้านไป เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าเขามีความสำคัญต่อเจ้านายของเธอ

“แย่ล่ะ ฉันให้เขาออกหน้าแทนได้ยังไงเนี่ย บอสฆ่าฉันตายแน่ๆ”

“อะไรเหรอแจน” ไลท์รับออเดอร์พลางชงกาแฟไปด้วย ขณะที่เพื่อนร่วมงานของเขามีสีหน้าราวกับโลกถล่ม

“ฉันเพิ่งนึกได้ว่าเขาคือเจ้าของเค้ก Aimer”

“...เธอว่าอะไรนะ”

“ก็เจ้าของเค้กที่บอสตื่นมาทำให้ตั้งแต่ตีสี่น่ะสิ เดี๋ยวนะ ทำไมสีหน้านายแย่กว่าฉันล่ะ”

ไลท์วางมือจากแก้วกาแฟที่ทำอยู่แล้วยกมือขึ้นนวดขมับ “ดูเหมือนคนที่แย่จะไม่ได้มีแค่เธอแล้วล่ะ”

“นายทำอะไรเขา!”

“ก็...บอสบอกว่าไม่รับสอนทำเค้ก...” ไลท์เม้มปาก เพียงเท่านั้นแจนก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด เธอยกมือตบไหล่เป็นกำลังใจให้ จากนั้นก็รับหน้าที่ชงกาแฟให้ลูกค้าแทนไลท์ที่เดินคอตกเข้าไปหาเจ้านายในห้องครัว

อย่างน้อยไปสารภาพบาปด้วยตัวเอง อาจดีกว่าคนสำคัญของเจ้านายเอาไปพูดทีหลัง

“บอสครับ” ไลท์กลั้นใจเรียกเจ้านายที่กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน

ปาติซิเย่หนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เขาอุ้มแมวน้อยไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็หยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ใส่ถุงกระดาษ

“คือว่า...เรื่องสอนทำขนม...”

“บอกไปแล้วนี่ว่าไม่รับ จะใครก็ไม่สอนทั้งนั้น นายอยากจะเรียนหรือไง”

“เปล่าครับไม่ใช่ผม” ไลท์โบกมือปฏิเสธแล้วปล่อยทิ้งลงข้างตัวอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลจนคนเป็นเจ้านายสังเกตเห็น

“มีอะไรหรือเปล่า”

“ผม...เผลอทำตัวเสียมารยาทกับเพื่อนบอสครับ เขาอยากเรียนทำขนม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว”

“เพื่อนฉัน?” เชฟหนุ่มพยายามนึกถึงรายชื่อเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ได้พบกันนานกว่าหนึ่งปี เพื่อนสนิทของเขาถ้าจะมาหากันต้องโทรมาบอกก่อน ส่วนคนไม่สนิทก็ไม่มีทางมาร้านนี้ เพราะส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเชฟทำขนมชื่อดัง ประจำอยู่โรงแรมระดับสูง ไม่มีทางแอบอ้างชื่อเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านเล็กๆ อย่างเขา

“เขาบอกชื่อไว้ไหม”

“ไม่ได้บอกครับ แต่แจนจำได้ว่าเขาเป็นเจ้าของเค้ก Aimer บอสบอกว่าเค้กชิ้นนั้น...เป็นของคนสำคัญไม่ใช่เหรอครับ”

“อ้อ เขานั่นเอง” เขานึกถึงเด็กหนุ่มหน้าตาซื่อๆ ที่เพิ่งพบเมื่อเช้าพลางลูบหัวแมวน้อยในอ้อมแขน “เขาอยากเรียนทำขนมเหรอ”
ไลท์พยักหน้าน้อมรับความผิดทั้งหมด

“งั้นก็ให้เขาเรียน”

“ครับ?”

“นายบอกเขาตามนี้ ถ้าเขาอยู่รอหลังปิดร้านได้ ฉันก็จะสอนทำขนม”

“แล้วคนอื่นๆ...”

“ฉันรับสอนเขาคนเดียว คนอื่นไม่สอน ตามนี้” พูดจบร่างสูงก็สะพายกระเป๋าพาดไหล่แล้วเดินออกจากห้องครัว ไลท์จึงรีบเดินตามมาส่งเจ้านายด้วยเช่นกัน

“จะกลับแล้วเหรอคะบอส” แจนถามพลางลอบส่งสายตาถามเพื่อนถึงผลลัพธ์ เพราะเธอมองสีหน้าเจ้านายตัวเองไม่ออกว่าอารมณ์ดีหรือไม่ดีกันแน่
 
เชฟหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วร้านราวกับมองหาอะไรบางอย่าง เมื่อไม่พบก็หันกลับมาตอบคำถามของแจน

“อืม จะกลับแล้ว พวกเธอก็เตรียมตัวกลับบ้านได้” เขามองตู้เค้กที่ว่างเปล่าแล้วพยักหน้าให้กับความสำเร็จของตัวเองเงียบๆ เพิ่งเปิดร้านวันแรก คาดไม่ถึงว่าจะได้รับการตอบรับดี

“มีใครมาหาเรื่องบ้างไหม”

“เอ่อ...คือ” ถ้าให้พูดถึงปัญหา คนที่ควรตอบคำถามนี้ควรเป็นไลท์ที่รับมือตลอดทั้งวันมากกว่า ส่วนเธอที่วิ่งวุ่นเสิร์ฟของไปทั่ว ไม่ค่อยเจอปัญหาเท่าไรนัก

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็เล่าปัญหาที่เพิ่งประสบให้เจ้านายฟัง รวมถึงเรื่องที่เด็กหนุ่มเจ้าของเค้ก Aimer ช่วยออกหน้าแทนเธอ
ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด แม้ไม่เห็นตัวคน แต่ก็พอนึกออกว่าชายหนุ่มช่วยแก้ปัญหาให้พนักงานร้านเขาอย่างไร ทั้งที่ถูกปฏิเสธเรื่องสอนทำเค้กแต่ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือ ยอมเลือกใช้วิธีประนีประนอมรับเค้กเละๆ กลับไป ถ้าไม่ถึงที่สุดก็คงไม่ฉีกหน้าด้วยความจริง จนอีกฝ่ายต้องรีบหนีความผิดไปแบบนั้น

น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เห็นอีกฝ่ายด้วยตาตัวเอง

“คราวหน้าถ้าเขามาซื้อเค้ก เธอไม่ต้องคิดเงินเขา ถือว่าเป็นน้ำใจที่เขามีต่อพวกเรา”

ข้อดีของการช่วยเหลือครั้งนี้คือการรักษาชื่อเสียงของร้าน หากพนักงานของเขายอมรับความผิดไว้กับตัว ลูกค้าคนอื่นๆ ก็จะคิดไปในทางเดียวกันว่าเค้กของเขาไร้ประสิทธิภาพ หรือไม่ก็พนักงานของเขาเป็นพวกอ่อนประสบการณ์ดูแลรักษาเค้กให้ลูกค้าไม่ได้ แล้วจะมีลูกค้าคนไหนกล้ากลับมาใช้บริการอีก

ยิ่งสมัยนี้โซเชียลแพร่หลาย แค่โพสต์ข้อความเดียวอาจทำให้ร้านที่เพิ่งเปิดของเขาเจ๊งได้โดยที่ไม่มีความผิด คนที่ไม่เคยรับประทานอาจตัดสินไปแล้วว่าของร้านเขาไม่ดี นานวันเข้าก็คงไม่มีใครกล้าพิสูจน์ ร้านขาดรายได้ ต้องปลดพนักงาน สุดท้ายร้านก็ถูกปิดตัวไปอย่างเงียบๆ

เขาไม่เคยกลัวว่าเค้กจะรสชาติไม่ดี เพราะเขาคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด และตั้งใจทำอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวคำวิจารณ์ แต่สำหรับคนที่ตั้งใจมาหาเรื่อง หากไม่ระวังให้ดี ก็จะถูกทำลายชื่อเสียงไปโดยไม่รู้ตัว

“ค่ะบอส” แจนรับฟังอย่างตั้งใจ ส่วนไลท์ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เพิ่งตระหนักถึงความสำคัญของเหตุการณ์ในครั้งนี้ และตั้งใจระมัดระวังท่าทีของตนที่มีต่อลูกค้ามากขึ้น ไม่ให้อารมณ์มีผลกระทบต่องาน ต่อให้ลูกค้าอาละวาดเขาก็ต้องยิ้มต่อไป

เชฟหนุ่มพยักหน้ารับเมื่อเห็นพนักงานทั้งสองเข้าใจความหมายของเขา จากนั้นก็อุ้มแมวน้อยเดินออกจากร้านไป

.................................

ในซอยเล็กแคบพอเดินได้ วันนี้หม่นแสงกว่าปกติ ซีลเงยหน้ามองเสาไฟด้านบนที่ปราศจากแสงสว่างพลางคิดว่าจะแจ้งหน่วยงานไหนมาเปลี่ยนหลอดไฟได้บ้าง จากนั้นก็ก้มหน้ามองภาพเค้กในโทรศัพท์ที่ถ่ายเก็บไว้อย่างดี

เขาบ่นในใจด้วยความเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เรียนทำเค้กชิ้นนี้เป็นของขวัญเรียนจบให้รุ่นพี่

แล้วอย่างนี้...เขาจะเอาของขวัญอะไรไปมอบให้พี่บูมล่ะ

ซีลเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ ขณะกำลังก้าวไปข้างหน้าเท้าของเขาก็สะดุดเข้ากับเหล็กที่ยื่นออกจากพื้น โทรศัพท์หลุดจากมือ เช่นเดียวกับตัวเขาที่ล้มลงหัวเข่ากระแทกพื้น

“ซีด...” เขากุมเข่าขวาที่ปวดแสบ พยายามลุกขึ้นยืนแต่ก็เจ็บจนน้ำตาแทบไหล ได้แต่ขยับตัวไปนั่งพิงกำแพงแล้วเปิดไฟฉายโทรศัพท์เพื่อส่องดูแผลของตน

“เฮ้อ ซุ่มซ่ามอีกแล้ว” เข่าถลอกมีเลือดซิบเล็กน้อย เขากดปิดไฟฉายแล้วนั่งเงียบๆ อยู่ในความมืด ตั้งใจว่าจะรออีกสักพักค่อยลุกขึ้นยืน

ท่ามกลางความมืดยังมีแสงสว่างจากดวงดาวที่อยู่ห่างไกล เขายื่นมือออกไปแล้วทำเป็นคว้าจับดาวดวงหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา ถึงแม้จะยังเจ็บอยู่บ้าง แต่การนั่งมองดาวก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง

ทันใดนั้น บางอย่างก็กระโจนเข้ามาบนตัวเขา ทั้งอุ่นและเต็มไปด้วยขนนุ่ม ลิ้นสากเล็กๆ ไล้เลียนิ้วเขาอย่างอ่อนโยนราวกับปลอบประโลม

ซีลลูบหัวเจ้าสิ่งนั้น พลางนึกถึงสัมผัสที่จำได้ไม่ลืม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยินดี “ลูเซีย มาช่วยซีลเหรอ”

“เมี๊ยว” แมวน้อยร้องเสียงเบา พลางซุกเข้ากับฝ่ามืออุ่นที่ลูบหัวตนอย่างรักใคร่

“ลูเซีย” เสียงทุ้มมาพร้อมกับฝีเท้าหนัก ก่อนจะหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากกำแพง แสงสลัวจากปลายทางทำให้พอมองเห็นคนคนหนึ่งนั่งพิงกำแพงอยู่

แม้จะเห็นใบหน้าไม่ชัดแต่ก็พอเดาได้จากท่าทีของแมวตนที่ออดอ้อนออเซาะอีกฝ่าย ราวกับว่าคนคนนั้นคือเจ้านาย ส่วนเขาคือเจ้าทาสที่มีหน้าที่หาอาหารให้ ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ได้ จนถึงตอนนี้มีเพียงคนเดียว

“คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้” เชฟหนุ่มถามแล้วย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตา จากนั้นก็เปิดไฟฉายส่องไปด้านหน้าเพื่อยืนยันว่าใช่คนที่คิดไว้หรือไม่

“แสบตา” อีกฝ่ายยกมือบังแสง เชฟหนุ่มจึงหันโทรศัพท์ไปทางอื่น จนกระทั่งเห็นกางเกงมีรอยขาดบริเวณเข่าจึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“คุณบาดเจ็บเหรอ”

“แหะๆ ผมซุ่มซ่ามนิดหน่อยครับ นั่งพักสักพักแล้วค่อยเดินต่อ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของแมวน้อย ไหล่ที่เครียดขึงก็ผ่อนคลายลงอย่างเบาใจ โชคดีที่ไม่ใช่พวกปล้นชิงทรัพย์อย่างคราวก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงหนีเอาตัวรอดไม่ไหว

“ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้มีโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าไปในแผล คุณอาจติดเชื้อได้” เชฟหนุ่มก็หยิบขวดน้ำเปล่าในกระเป๋า แล้วเทใส่แผลของซีล จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ยังไม่ได้ใช้ซับให้อย่างเบามือ

ซีลกัดริมฝีปากเพื่อระงับความเจ็บ จากนั้นก็หันไปมองใบหน้าที่ปราศจากความอ่อนโยนพยายามซับเลือดให้เขาอย่างตั้งใจ แม้ซีลจะรู้สึกแสบแผลแต่ฝืนอดทนไว้

“คุณลุกไหวไหม”

“ครับ” ซีลเม้มปากพลางอุ้มแมวน้อยด้วยความกังวล ขณะใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็โน้มตัวลง สอดแขนเข้ามาโอบหลังเขา ส่วนมืออีกข้างก็ช้อนใต้ข้อพับขาอุ้มเขาขึ้นจากพื้นโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน

“คุณปล่อยผมลงเถอะ ผมเดินเองได้” ใบหน้าของซีลร้อนผ่าว เขารู้สึกอับอายเมื่อผู้ชายเหมือนกันมาอุ้มเขาราวกับเป็นเด็กน้อย
“ให้ผมไปส่งคุณเถอะ แถวนี้กลางคืนพวกโจรวิ่งราวอาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้”

“แต่ว่า...”

“ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธครับ” เชฟหนุ่มย่อตัวลงให้ซีลหยิบโทรศัพท์ของตนที่ตกอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นกระชับตัวคนในอ้อมแขนแล้วเดินต่อท่ามกลางแสงสลัว

ระหว่างทางมีเพียงความเงียบ ซีลคิดว่าพอออกจากซอยมืดมายังพื้นที่สว่างคุณเชฟจะปล่อยให้เขาลงเดินเอง แต่อีกฝ่ายกลับเดินต่อโดยไม่สนใจคนรอบข้างที่มองมา

“ได้ยินว่าคุณอยากเรียนทำขนมกับผม”

“ครับ แต่พนักงานบอกว่าที่ร้านไม่รับสอนทำขนม”

ซีลยอมรับอย่างว่าง่ายพลางส่งสายตาให้อีกฝ่ายอย่างมีความหวัง

“เขาพูดถูกแล้วครับ ร้านเราไม่สอนทำขนม” เชฟหนุ่มมองคนในอ้อมแขน พอเห็นแววตาคู่นั้นดูเศร้าลงหลังได้ฟังคำตอบ เขาเลิกแกล้งอีกฝ่ายแล้วพูดต่อ

“แต่หลังปิดร้านก็พอจะรับนักเรียนได้คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณสะดวกเรียนไหม”

“เรียนครับ!” ซีลตอบรับทันที ดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับคว้าจับความหวังสำคัญของตนได้ ไม่สนด้วยซ้ำว่าทำไมนักเรียนคนเดียวที่เชฟหนุ่มเลือกสอนถึงเป็นตน

“กฎของผมมีข้อเดียว คือคุณต้องตั้งใจเรียนและตั้งใจทำขนมให้ดีที่สุด ถ้าวันไหนคุณรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากทำแล้ว อย่าฝืน บอกผมได้เสมอ เพราะผมไม่อยากสอนคนที่ไม่มีใจให้กับการทำขนม”

“ไม่มีทางครับ!” ซีลรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คุณเชฟอุตส่าห์ลดตัวลงมาสอนคนไม่ได้เรื่องอย่างเขา เรื่องอะไรจะยอมแพ้ง่ายๆ ล่ะ!

“ดีมากครับ ถ้าอย่างนั้นอันดับแรก ช่วยบอกชื่อและที่อยู่ของคุณด้วยครับ ผมจะได้ไปส่งถูก”

“เอ่อ...” ซีลเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายอุ้มเขาเดินมานานแล้ว จึงชี้ไปที่คอนโดของตนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ที่นั่นครับ จริงๆ คุณส่งผมแค่นี้ก็ได้เดี๋ยวผมเดินไปต่อเอง”

“ชื่อล่ะครับ” เชฟหนุ่มไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายลงเดิน แต่กลับเดินข้ามถนนไปยังคอนโดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ให้อีกฝ่ายกดลิฟต์

“ชื่อซีลครับ ซีล...ที่แปลว่ากระตือรือร้น” เขาเม้มปาก อับอายที่บอกความหมายของชื่อตัวเองไป แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าชื่อเขาแปลว่าแมวน้ำเหมือนเพื่อนๆ ของเขาก็แล้วกัน

คุณเชฟพยักหน้า จากนั้นก็แนะนำตัวเองให้เขารู้จัก “ผมชื่อเซน ชื่อภาษาอังกฤษของเราสะกดด้วยตัว z เหมือนกัน”

“ครับ” ซีลพยักหน้ารับ

“ห้องคุณอยู่ชั้นไหน”

“ชั้น 9 ครับ” ซีลยืนมือไปกดหมายเลขชั้น จากนั้นก็จ้องตัวเลขบอกชั้นที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป ภาวนาให้ลิฟต์ถึงชั้นของตัวเองไวๆ โดยไม่แวะจอดที่ชั้นอื่น

แต่ดูเหมือนคำภาวนาของเขาไม่เป็นผล

ติ้ง

เสียงเปิดลิฟต์มาพร้อมชายหนุ่มหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาในด้านในแล้วกดชั้นบนสุดซึ่งเป็นสระว่ายน้ำของคอนโด ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนที่ต้องการขึ้นไปว่ายน้ำย่อมต้องกดลิฟต์ขึ้นชั้นบน ดังนั้นทุกครั้งที่เปลี่ยนชั้นจึงต้องรับคนใหม่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

ซีลรู้สึกถึงอ้อมแขนที่กระชับตัวเขาเข้าไปใกล้มากขึ้น ก็พยายามก้มหน้าต่ำพลางลูบหัวแมวน้อย หลบเลี่ยงสายตาของคนที่เดินเข้ามาในลิฟต์ชั้นแล้วชั้นเล่า จนกระทั่งถึงชั้นเก้าที่เขาพักอยู่

“ขอทางด้วยครับ” เซนกล่าวกับคนในลิฟต์แล้วหันหลังเดินออกเพื่อไม่ให้คนรอบข้างชนขาที่บาดเจ็บของคนในอ้อมแขน

“ห้องผมอยู่ตรงนั้นครับ” นิ้วเรียวชี้ไปยังห้องที่สองถัดจากหน้าลิฟต์ เชฟหนุ่มจึงยอมปล่อยเขาลงที่หน้าประตู

“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ซีลส่งแมวน้อยให้คุณเชฟ จากนั้นก็ยืนรอส่งอีกฝ่ายกลับไป

เซนพยักหน้ารับ จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางลิฟต์ แต่เพียงสามก้าวเขาก็หยุดฝีเท้าลง มองคนเจ็บที่ยังไม่เปิดประตูเข้าห้องไป แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขบขัน “คุณไม่เข้าห้องเหรอ”

“ผมรอส่งคุณก่อนน่ะครับ” ซีลพูดยิ้มๆ จากนั้นก็ชะงักไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายถือคีย์การ์ดแตะเซนเซอร์ที่ประตู แล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน

“ผมถึงห้องแล้ว คุณเองก็ควรเข้าห้องได้แล้วนะ” เซนยิ้มเมื่อเห็นดวงตาเบิกกว้างของซีล

เขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเด็กหนุ่มจะเป็นเพื่อนข้างห้องของตน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อเดือนก่อน และช่วงแรกๆ ก็พักอยู่ที่ร้านเพื่อดูแลเรื่องการตกแต่ง เซนจึงไม่เคยพบเพื่อนข้างห้องคนนี้

“ครับ...” ซีลรับคำจากนั้นก็เปิดประตูเข้าห้องไป แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ชะโงกหน้าออกมาแล้วโบกมือให้แมวในอ้อมแขนของเชฟหนุ่ม

“บ้ายบายลูเซีย” จากนั้นก็หายเข้าไปในห้องพร้อมเสียงประตูที่ปิดลง

แม้คำพูดบอกลาจะหมายถึงแมวของเขา แต่ไม่รู้ทำไมเซนถึงหลุดยิ้มราวกับคำบอกลานั้นหมายถึงตัวเอง

“บ้ายบายซีล” น้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เขาลูบหัวเจ้าแมวน้อยจากนั้นก็เดินเข้าห้องตนเองเช่นกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2022 21:30:25 โดย janeta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: ❤Cafe to be loved รอคุณ...มารักกัน❤ [14-02-21]
«ตอบ #10 เมื่อ14-03-2021 00:41:40 »

Z❤Z สินะ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ janeta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-2
บทที่ 5

“เมี๊ยว...” เสียงร้องเรียกมาพร้อมอุ้งเท้านุ่มวางลงบนหน้า เซนลืมตา ลูบหัวเจ้าแมวน้อยแล้วค่อยลุกจากเตียงไปจัดการตัวเอง

เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเสื้อคลุมที่แขวนตากบนราวระเบียง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินตรงไปที่ครัว เปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบออกมาทำอาหารง่ายๆ เทอาหารแมวให้ลูเซีย จากนั้นก็นั่งรับประทานอาหารไปดูทีวียามเช้าไป

“สวัสดีครับ เราสองคนเป็นตัวแทนจากมหาวิทยาลัย...” เสียงคุ้นหูและใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์

ซีลยืนอยู่กับชายหนุ่มตัวสูงที่เขาไม่รู้จัก ทั้งสองกำลังแนะนำงานเทศกาลที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยพร้อมเชิญชวนคนที่สนใจไปเที่ยวชม โดยมีฉากหลังเป็นภาพชิงช้าสวรรค์ ไฮไลท์สำคัญของงาน

ร่างสูงโปร่งในจอพูดพลางยิ้มแย้มแนะนำสถานที่ต่างๆ อย่างสนุกสนาน

“อยากเจอเขาไหมลูเซีย”

“เมี๊ยว”

เซนยิ้มตอบแมวน้อย จากนั้นก็เก็บจานตัวเองและลูเซียไปล้างทำความสะอาด เตรียมออกจากห้องไปพบคนที่ลูเซียอยากเจอ

รออยู่หน้าประตูเกือบสิบนาที ในที่สุดประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออกพร้อมกับเด็กหนุ่มสวมชุดนักศึกษาเรียบร้อย ก่อนเจ้าตัวจะชะงักไปเมื่อเห็นร่างสูง

“ลูเซีย” ซีลเบนสายตาไปยังแมวน้อยทันทีที่เห็นมัน จากนั้นก็ก้าวไปหาอย่างลืมตัว มือขาวเรียวลูบหัวมนนุ่มนิ่มด้วยหัวใจพองโต อยากขโมยก้อนขนสีขาวซุกไว้ในอกตนแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงตลอดทั้งวัน

ซีลเกาคางเจ้าแมวน้อยด้วยความเอ็นดูอยู่สักพักก็ผละออกด้วยความเสียดาย เขาอยากเล่นกับเจ้าแมวน้อยนานขึ้นอีกหน่อยแต่ก็เกรงใจเจ้าของมัน

“ฝากไว้ที่คุณก่อน ผมลืมหยิบของ” พูดจบเซนก็ส่งลูเซียให้ซีลอุ้มไว้แล้วก้าวเข้าไปในห้อง เขาออกมาพร้อมกับร่มคันเล็กจากนั้นเดินนำไปที่ลิฟต์

ซีลเห็นเป็นโอกาสดีจึงไม่ได้ส่งคืนลูเซียให้คุณเชฟในทันที เขาเล่นกับแมวน้อยแล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าลิฟต์ไป

“เท้าคุณเป็นยังไงบ้าง” เซนถามพลางมองลงไปที่เท้าของเด็กหนุ่ม ดูเหมือนจะเดินได้ปกติดี

“ดีขึ้นแล้วครับ โชคดีได้คุณช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นเมื่อวานผมคงแย่” ซีลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าข่าวแล้วยื่นให้อีกฝ่ายดู

“เมื่อคืนพวกเด็กแว้นขับรถเข้าไปในซอยนั้นแล้วเกิดอุบัติเหตุ ถ้าผมนั่งอยู่กับที่คงถูกรถชนไปแล้ว”

เซนอ่านเนื้อหาในนั้นจบก็ถอนสายตากลับมา เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาบ้างแล้วเปิดคิวอาร์โค้ดของตัวเอง

“แอดไลน์กันไว้ เผื่อฉุกเฉินคุณจะได้โทรหาผม”

“เอ่อ...ทำไมผมต้องโทรหาคุณด้วยล่ะ”

“ถ้าคุณตกอยู่ในอันตราย ผมอยู่ใกล้สุด ผมช่วยคุณได้ ร้านผมคุณก็รู้จัก ห้องผมคุณก็รู้ เคาะประตูเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง”

“ผมหมายถึง...” เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ทำไมผมต้องให้คุณช่วยต่างหาก

ซีลคิดแต่กลับไม่ได้พูดประโยคหลังนั้นออกไป รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรหาเรื่องบาดหมางกับคนตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็นับถืออีก
ฝ่ายในฐานะเชฟขนมฝีมือดี จะหาคนสอนเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับเขาเป็นศิษย์ ผูกมิตรไว้น่าจะดีกว่า

“ครับ” ซีลรับคำ จากนั้นก็เพิ่มอีกฝ่ายเป็นเพื่อนในไลน์อย่างเป็นทางการ

เซนตั้งภาพลูเซียเป็นรูปโปรไฟล์ตั้งแต่วันแรกที่รับเลี้ยงแมวน้อย จากนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนอีกเลย เขาจึงไม่รู้ว่าในบรรดาคนที่แอบเพิ่มเขาเป็นเพื่อนนั้นเสียใจมากแค่ไหนที่ได้แต่มองหน้าแมวแต่กลับไม่เคยได้เห็นใบหน้าเจ้าของแมวเลยสักครั้ง

ซีลมองภาพแมวน้อยเอียงคอมองด้วยหัวใจเต้นแรง แอบกดเซฟภาพนั้นไว้ จากนั้นก้มหน้าหอมหัวลูเซียด้วยความรักใคร่ แล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดคุยกับแมวอย่างสนิทสนม ส่วนลูเซียก็ร้องรับเสียงเบาราวกับเข้าใจคำพูดเหล่านั้น คนหนึ่งพูดตัวหนึ่งตอบ

เซนยิ้มนิดๆ แล้วเดินตามทั้งคู่ออกจากลิฟต์ไป

“เรื่องทำขนม คุณคิดไว้หรือยังว่าอยากเรียนทำขนมอะไร”

หัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจของซีลได้ดีเลยทีเดียว เขาเงยหน้าขึ้นพลางนึกถึงปัญหาสำคัญที่เขาต้องเผชิญ

เขาทำอาหารไม่เป็นเลย

“คุณมีขนมแนะนำไหม สำหรับมือใหม่หัดเรียนทำขนม”

ซีลเงียบไปนิดแล้วกล่าวต่อ “อันที่จริงต้องพูดว่า ไม่มีพื้นฐานเลยสักนิดน่ะ”

“สำหรับผมต่อให้ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ ขอแค่คุณมีความตั้งใจก็ทำได้ทุกอย่าง”

“อาจเพราะคุณยังไม่เจอคนแบบผมต่างหาก...” ซีลพูดเสียงเบา เขารู้ความห่วยของตัวเองอยู่ในระดับไหน ดังนั้นจึงไม่กล้าเสนอขอทำเค้กหรูหราอลังการ แค่ทำขนมที่พอกินได้สักชิ้นก็ถือว่าก้าวหน้ามากแล้ว

“บราวนี่ทำไม่ยาก ส่วนคัพเค้กก็ครีเอทได้หลายแบบ คุณชอบแบบไหน”

“ผมอยากทำคัพเค้ก!!” คัพเค้กตกแต่งตามความชอบได้ ดังนั้นเขาจึงนึกถึงความชอบของพี่บูม อีกฝ่ายชอบเล่นกีตาร์มาก ถ้าเขาสามารถทำคัพเค้กแล้วประดับด้วยช็อกโกแลตกีตาร์เล็กๆ สักอันจะต้องสร้างความประทับใจได้มากแน่ๆ

“งั้นก็เป็นคัพเค้ก ส่วนผสมใช้ที่ร้านของผมได้” เซนกล่าวอย่างไม่ถือสา เพราะแค่สอนอีกฝ่ายทำขนมคงไม่สิ้นเปลืองเท่าไร ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มให้เสียเงินเปล่าๆ

“ไม่ได้ครับๆ จะใช้ของร้านคุณได้ยังไง นั่นเป็นต้นทุนทำขนมขายของคุณ อย่าเอามาสิ้นเปลืองกับผมเลยนะครับ พูดตามตรง คือ...ฝีมือผมแย่มาก ผมขอซื้อส่วนผสมพวกนั้นมาเองดีกว่า”

“คุณดูเหมือนคนเรียนเก่งมาก”

“ฮะๆ เรียนเก่งกับทำอาหารเป็นมันคนละเรื่องกันนะครับ เห็นผมเป็นแบบนี้ แต่เวลาทำอาหาร...ขนาดพ่อครัวเพื่อนยังส่ายหัวเลยครับ”

“ผมจะทำให้คุณเก่งเอง” เซนเชื่อมั่นในตัวเองมาก อย่างน้อยเรื่องทำขนมเขาก็ไม่เคยแพ้ให้ใคร กระทั่งการแข่งขันทำขนมระดับโลกเขาก็ได้รับรางวัลมาแล้ว สอนคนคนหนึ่งให้ทำขนมเป็นจะไปยากอะไร

“ผมก็เชื่อแบบนั้น” ซีลตอบยิ้มๆ

ดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธาจนเซนรู้สึกอบอุ่นในใจ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับสายตาเชื่อมั่นแบบนี้ กระทั่งตอนที่กรรมการติดสินการแข่งขันบอกว่าขนมของเขารสสัมผัสดี เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความจริงใจมากเท่าตอนนี้

“ขอบคุณ”

เห็นรอยยิ้มของคุณเชฟ ซีลก็นิ่งค้างไป

“ถึงร้านของผมแล้ว ขอบคุณที่มาส่ง” เซนรับลูเซียไปจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนจะเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าร้านไป

ซีลที่เพิ่งได้สติก็มองตามหลังอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณเชฟยิ้มได้น่ามองแบบนี้

“...ทำไมเขาดูดีขนาดนั้นนะ” ซีลพึมพำกับตัวเองแล้วก้าวเดินต่อ “แล้วทำไมฉันต้องชมเขาด้วยละเนี่ย”

เขาสะบัดหัวไล่ความคิด รีบเดินไปยังป้ายรถเมล์เพื่อไปยังมหาวิทยาลัย

.................................

“พี่บูม” ซีลโบกมือทักทายรุ่นพี่แล้วเดินเข้าไปหา ก่อนสายตาจะสบเข้ากับหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกายพี่บูม ด้วยความที่เธอตัวเล็กเขาจึงมองไม่เห็นเธอในทีแรก

แต่พอเห็นเต็มตาก็จำได้ว่าเธอคือเพื่อนที่พี่บูมนัดพบที่ร้านอาหารข้างโรงภาพยนตร์เมื่อวันก่อน

บูมหันมาหารุ่นน้องด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนจะแนะนำคนข้างๆ ให้ซีลรู้จัก “นี่ฟาง แฟนพี่เอง ฟางนี่รุ่นน้องเราชื่อซีล”

“สวัสดีครับพี่ฟาง” ซีลยกมือไหว้หญิงสาวด้วยใบหน้าที่พยายามยิ้มแย้มยินดี แต่ลึกๆ ในใจกลับรู้สึกวูบโหวงที่ได้รับรู้เรื่องราวกะทันหันนี้

“สวัสดีค่ะน้องซีล ได้ยินชื่อมานาน ได้พบกันสักทีนะคะ” ฟางยิ้มให้รุ่นน้องของคนรักที่มักได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ ที่นัดกันคราวก่อนก็ได้ยินว่าต้องไปดูหนังด้วยกันเพื่อทำรายงาน

ตอนแรกเธอค่อนข้างไม่ไว้ใจนักเพราะแฟนหนุ่มของเธอเป็นที่นิยม อาจมีคนมาแอบชอบแล้วใช้คำว่าพี่น้องเข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอกับแฟนก็ได้

แต่เมื่อได้พบเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางตั้งใจเรียน เธอจึงค่อยสบายใจว่าทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรกันมากกว่าพี่น้องร่วมมหาวิทยาลัย

“ซีลเรียนห้องไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“เอ่อ...” ซีลเงียบไปนิดพลางสังเกตสีหน้าของแฟนรุ่นพี่ “ผมเรียนอีกตึกครับ แค่เดินผ่านมาทางนี้”

“อ้าวงั้นเหรอ” บูมเกาหัวนิดๆ เขาจำได้ว่าสัปดาห์ก่อนพวกเขาขึ้นเรียนตึกนี้ด้วยกัน แค่อยู่คนละชั้นกัน หรือว่าเขาจะจำวันผิด

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ซีลบอกลาทั้งคู่แล้วรีบเดินไปอีกทาง มือที่จับสายกระเป๋าสะพายสั่นระริก ด้วยกลัวว่าแฟนสาวของรุ่นพี่จะจับได้ถึงความสนิทสนมที่มากเกินควรระหว่างพวกเขา

สองเท้ารีบก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย หวังเพียงหลีกหนีไปให้ไกลจากทั้งคู่

คล้อยหลังซีล ฟางก็หันกลับมาคุยกับแฟนหนุ่มด้วยสีหน้างงงวย “น้องเขาไม่ค่อยสบายหรือเปล่า หน้าซีดมากเลย”

“ช่วงนี้อาจจะเครียดเรื่องเตรียมสอบน่ะ ไว้ฉันจะคอยดูเขาเอง ส่วนเธอไปเรียนได้แล้ว”

“ทีกับน้องไปส่งได้ ทำไมให้แฟนเดินไปเอง ใช้ไม่ได้!”

“ยัยตัวแสบ ฉันไปส่งเธอก่อนแล้ว แต่เธอต่างหากที่เดินตามฉันมา” บูมก้มมองนาฬิกาก่อนจะคว้ามือแฟนสาวเดินไปอีกทาง “ไปๆ เหลือเวลาอีกห้านาที ฉันจะเดินไปส่งเธออีกรอบ คราวนี้ไม่ต้องเดินตามฉันมาแล้วนะ”

“รู้แล้วน่า!” ฟางบ่นอุบแต่ก็แอบมีความสุขในใจที่แฟนหนุ่มตามใจเธอ

ShutDown : ซีล นายอยู่ไหนเนี่ย อาจารย์เข้าสอนแล้วนะ!

IAmZeal : วันนี้โดดเรียนคาบหนึ่ง ฝากจดเลคเชอร์ด้วย

ซีลตอบข้อความเสร็จก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะไม้หินอ่อน หลับตาลงพลางนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา

ทำไมเขาไม่เคยถามอีกฝ่ายว่ามีแฟนหรือยัง ทั้งๆ ที่คนดีๆ แบบนั้นอย่างไรก็ต้องมีคนเข้ามาทำความรู้จักอยู่แล้ว ถ้าเขาได้รู้ก่อน อย่างน้อยก็จะได้ไม่เจ็บนาน ไม่ต้องคาดหวัง แล้วปล่อยให้ความรู้สึกถลำลึกเข้ามามากถึงเพียงนี้

ซีลปล่อยให้ความเสียใจทั้งหมดถูกระบายออกมาเงียบๆ เฝ้ามองเข็มนาฬิกาที่กำลังเคลื่อนผ่านตัวเลขไป อีกชั่วโมงกว่าๆ จะถึงคาบเรียนถัดไป หวังว่าเวลาเหล่านี้จะช่วยเยียวยาหัวใจเขาได้

ซีลหันหน้าไปทางชั้นวางที่เต็มไปด้วยหนังสืออ่านแล้ว หลังทำใจอยู่สักพักเขาก็ลุกไปช่วยอาจารย์ประจำห้องสมุดเก็บหนังสือเข้าชั้นตามเลขหมวดหนังสือ

“มาอีกแล้วเหรอเรา”

“มาอีกแล้วครับ ผมช่วยนะ” ซีลพูดยิ้มๆ พลางหยิบหนังสือเก็บเข้าชั้น

“การแอบชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด”

“!!” มือเรียวชะงักไป เช่นเดียวกับหัวใจที่ดิ่งลง หรือว่าอาจารย์รู้เรื่องของเขา

“ใครเอาหนังสือนิยายมาปนกับหนังสือวิจัยเนี่ย ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ” อาจารย์หยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาจากชั้น จากนั้นก็ยื่นให้เขา “เธอเอาเล่มนี้ไปเก็บที่หมวดนิยายให้อาจารย์ด้วยนะ”

“...ครับ” ซีลรับหนังสือเรื่องนั้นมาถือไว้แนบอก เหลือบมองสีหน้าอาจารย์ที่ยังคงมุ่งมั่นกับการจัดหนังสือเข้าชั้นแล้วลอบถอนหายใจ

“แต่ที่หนังสือว่าไว้ก็ไม่ได้ผิดหรอกนะ” อาจารย์พูดต่อ “การแอบชอบคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่พยายามแทรกกลางระหว่างคู่รัก อาจารย์คิดว่าเรายังคงแอบชอบเขาต่อไปได้อีกนานแสนนาน ดูอย่างศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนปสิ เขายังชอบลิลลี่จนถึงวาระสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”

“อ่า...ครับ”

“อาจารย์ก็แค่เล่าสู่กันฟัง เธออย่าคิดมากล่ะ” อาจารย์ตบบ่าเขาก่อนจะลากรถเข็นเดินไปอีกทาง

ซีลก้มมองหนังสือในมือ จากนั้นก็นำไปเก็บที่ชั้น เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วคว้ากระเป๋ามาสะพาย

นั่นสิ การแอบชอบไม่ได้ผิดอะไร จะมามัวเศร้าใจไปเพื่ออะไร เป็นพี่น้องกันก็ได้นี่ ชอบแบบเคารพรักก็เป็นความชอบแบบหนึ่งไม่ใช่เหรอ

ซีลยิ้มให้ตัวเอง เขาคิดว่าการเปลี่ยนแนวคิดครั้งนี้ไม่เลวเลย ไม่ต้องสูญเสียความสัมพันธ์ที่สร้างมาเพียงเพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของเขาเพียงฝ่ายเดียว แค่ตบๆ ให้กลับไปเป็นเหมือนตอนเริ่มต้นเท่านั้นก็พอแล้ว

“หายหัวไปไหนมา” ชัทเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมกลุ่มเพื่อน จากนั้นก็คิ้วขมวดเมื่อเห็นดวงตาแดงๆ ของเพื่อน “ใครทำอะไรนาย”

“ไม่มีใครทำอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันแค่เครียดเรื่องสอบไปหน่อย”

“ไม่หน่อยมั้ง คาบนี้นายไม่เคยโดดเลยนะ นายพูดเองว่าวิชานี้ยากไม่เข้าเรียนสักคาบคงไม่เข้าใจเลย แล้วทีนี้จะทำยังไง จะสอบได้ไหม”

ซีลแบมือไปหาคนตรงหน้า “ฉันรู้ว่านายอัดเสียงมา เพราะถ้าฉันเรียนไม่รู้เรื่องแล้วใครจะติวให้นายล่ะ”

“รู้ก็ดี คราวหน้าห้ามขาดอีก!” พูดจบชัทก็ส่งเครื่องอัดเสียงให้เพื่อนพร้อมกับชีท “ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ไว้นายพร้อมค่อยบอกฉัน”

แม้จะถูกเบี่ยงประเด็นไปเรื่องสอบ แต่คนช่างสังเกตอย่างชัทก็พอจะดูออกว่าซีลไม่ได้เครียดเรื่องนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เด็กเรียนประจำภาควิชาไขว้เขวได้ คงไม่พ้นรุ่นพี่สุดฮอตคนนั้นหรอก

ซีลกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หันไปตั้งใจเรียนตลอดทั้งคาบ และตลอดทั้งวันจนถึงคาบสุดท้าย

“กลับบ้านเลยไหมเดี๋ยวฉันไปส่ง”

“ไปส่งที่ห้างนะ ฉันจะไปซื้อของหน่อย” ซีลบอกชัทแล้วทบทวนของที่ต้องซื้อ ตามรายการที่ได้รับจากคุณเชฟเมื่อช่วงบ่าย

“ปกติชวนไปห้างไม่ไป จะให้พาไปตลาดทุกที...” ชัทหรี่ตามองเพื่อน “แปลกๆ นะ”

“ของที่ต้องซื้อตลาดสดไม่มีขาย เถอะน่า เดี๋ยวดึกเกิน”

“เออ ไปก็ไป” ชัททำหน้าที่สารถีพาเพื่อนไปยังห้างหรูใจกลางกรุง ปกติเขามาเดินเล่นตอนว่างๆ หลังเลิกเรียน กินข้าวกับที่บ้าน หรือไม่ก็ไปเป็นเพื่อนแฟนสาวต่อแถวซื้อบัตรคอนเสิร์ต

แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาช่วยเพื่อนหอบแป้งทำขนมและสารพัดวัตถุดิบที่ซื้อเหมือนจะเก็บไว้ใช้ทั้งปี

“เยอะไปไหมซีล นายจะทำขนมหรือเปิดโรงงาน” ชัทมองถุงเต็มสองมือที่หนักเอาการ ก่อนจะหันไปร้องห้ามซีลที่กำลังหยิบของบนชั้นวาง “พอแล้ว นายจะซื้อกาแฟทุกรสไปทำขนมไม่ได้!”

“ก็ฉันไม่รู้ว่ารสไหนอร่อย ซื้อไปเยอะๆ ไว้ทดลองไง”

“ไว้ค่อยมาซื้อวันหลังก็ได้ ใช้ไอ้ที่อยู่ในมือฉันให้หมดก่อนเถอะ” ชัทถอนหายใจ “ฉันอยากจะรู้นักว่าเชฟคนไหนกล้าสอนนาย เขาไม่กลัวเครื่องครัวพังหรือไง”

“ไม่พังหรอกน่า...” ซีลฉุกใจคิดเล็กน้อย “หรือว่าฉันควรจะซื้ออุปกรณ์ทำขนมไปเผื่ออีกสักชุดดี ถ้าพังจะได้หยิบมาใช้เลยไง”

ถ้าไม่ติดว่าถือของอยู่ชัทก็อยากจะยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากเหมือนกัน เขาส่ายหัวเล็กน้อยแล้วใช้ขาขวางเพื่อนที่ทำท่าจะเดินไปทางแผนกเครื่องครัว เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่ต้องซื้อแล้วโว้ย!!”

“เอางั้นเหรอ” ซีลถาม เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าอย่างแข็งขันเขาก็ยอมแพ้วางโหลกาแฟกลับเข้าที่

“เอาไปถือด้วย หนักมาก” ชัทยื่นถุงใส่ถ้วยกระดาษคัพเค้กให้เพื่อน แล้วเดินนำหน้าไปที่ประตูทางออก

“ฉันถืออีกก็ได้นะ” ซีลยิ้มยื่นมือไปหยิบไข่ไก่มาช่วยถือ จากนั้นก็เดินขึ้นรถไปด้วยกัน

ชัทเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปีแรกที่รู้จักกัน ช่วงนั้นซีลทำกิจกรรมไปด้วยเรียนไปด้วยทำให้เขาพักผ่อนน้อยจนเป็นลมไปหลายครั้ง ซึ่งกลายเป็นภาพจำของชัทว่าเขาสุขภาพไม่แข็งแรง

รวมกับเรื่องที่เคยถูกทำร้ายจนเลือดตกยางออก จากนั้นถ้าเห็นอะไรที่ดูเหมือนจะหนักเกินไป ชัทก็จะรับไปถือไว้เอง แม้ซีลจะบอกว่าแข็งแรง ถือได้ ชัทก็ดูเหมือนจำฝังใจไม่ฟังเขาเลยสักคำ

รถยนต์คันหรูจอดลงที่หน้าร้านคาเฟ่ทูบีเลิฟ ไลท์ที่กำลังเก็บโต๊ะจึงรีบเดินออกไปที่หน้าร้าน เพื่อบอกกล่าวลูกค้าว่าร้านปิดแล้ว

แต่ยังไม่ทันได้กล่าวคำ คนที่เจ้านายของเขารออยู่ก็ก้าวลงมาจากรถพร้อมของพะรุงพะรัง

“ผมช่วยนะครับ” ไลท์ยื่นมือไปรับของก่อนจะรีบยกขาขวางกันลูเซียที่วิ่งพรวดเข้ามา ด้วยกลัวว่าแมวเจ้านายจะไปนอนใต้ท้องรถ

“ลูเซีย~” ซีลย่อตัวลงอ้าแขนรับเจ้าเหมียวที่กระโดดข้ามขาพนักงานหนุ่มโผเข้าหาเขา แล้วกล่าวเสียงสอง “คิดถึงจังเลย~”

“เราเอาของเข้าไปเก็บกันเถอะครับ” ชัทรู้จักความบ้าขนฟูของเพื่อนสนิทดีจึงปล่อยให้ซีลเล่นกับแมวน้อยไป ส่วนเขาก็พิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าที่ซีลบอกว่าเป็นเชฟขนมฝีมือดี

แต่มองอย่างไรก็ดูเหมือนนักศึกษาคนหนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ไม่ได้ดูแก่ประสบการณ์เหมือนที่เพื่อนโม้ไว้สักนิด

“คุณทำงานมากี่ปีแล้ว”

“สองวันครับ”

“ห้ะ!”

ไลท์มองคนตรงหน้าที่ตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กลางสวน “ร้านเพิ่งเปิดได้สองวัน ก็ทำงานมาสองวันไงครับ”

“เพิ่งเรียนจบก็ทำงานที่ร้านเลยเหรอ ไม่คิดจะเป็นลูกมือเชฟฝึกฝนประสบการณ์ก่อนเหรอ” เขาเดินต่อพลางถามไปด้วย

คนรอบตัวชัทส่วนใหญ่ ต่อให้เจ๋งแค่ไหนก็ต้องลองไปเป็นลูกน้องคนอื่นก่อนช่วงหนึ่งเพื่อเรียนรู้งาน น้อยมากที่จะกล้าเปิดกิจการเป็นของตัวเองทันทีหลังเรียนจบ

“ผมยังเรียนไม่จบ และไม่ได้คิดจะเป็นลูกมือเชฟด้วย” พูดจบไลท์ก็รู้สึกเหมือนมีตรงไหนไม่ถูกต้อง แต่กลับไม่รู้ว่าผิดตรงไหน

“เรียนไม่จบด้วย!” ชัทเบิกตากว้าง เขาหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่ยังงุ้งงิ้งกับแมวแล้วหันกลับมามองชายหนุ่มตรงหน้า

“คุณโคตรเทพเลย ทำได้ยังไงน่ะ”

ต้องบอกก่อนว่าลิ้นของซีลไม่ใช่ธรรมดา ของไม่อร่อยซีลไม่มีทางกินเป็นคำที่สอง คนที่เลือกกินแบบนั้นบอกว่าจะเรียนทำขนม ย่อมต้องหาคนที่ทำให้เชื่อมั่นในรสชาติได้อย่างลึกซึ้ง

“คนทั่วไปก็ทำได้นิครับ” ทำงานพาร์ทไทม์ไปเรียนไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แค่แบ่งเวลาเป็นก็ทำได้แล้ว ไลท์จึงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมองตนแบบนั้น

“คนทั่วไปแบบผมทำไม่ได้” ชัทตบบ่าอีกฝ่าย “สู้ๆ นะครับ ถ้ากิจการไม่ดี มาเป็นปาติซิเย่ที่โรงแรมผมได้”

“ห้ะ?” ไม่ทันให้ไลท์ได้กล่าวโต้แย้ง เจ้านายของเขาก็เดินออกมา

“ร้านปิดแล้วครับ” เซนกล่าวกับคนตรงหน้าเพราะเข้าใจว่าชายหนุ่มคือลูกค้า จากนั้นก็เดินไปหาซีลที่กำลังอุ้มลูเซียอยู่

“ผมนึกว่าคุณไม่มาแล้ว”

“ได้ไงล่ะครับ คุณเชฟอุตส่าห์ตั้งใจสอนผม ผมก็ต้องตั้งใจมาเรียนรู้สิ” ซีลพูดยิ้มๆ

“งั้นเราเข้าไปเตรียมของกันเถอะครับ เดี๋ยวดึกเกินไป” เซนกวาดตามองรอบตัวอีกฝ่ายที่ปราศจากวัตถุดิบ “ของล่ะครับ?”

นิ้วเรียวชี้ไปยังเพื่อนสนิทที่กำลังอ้าปากค้างอยู่ “เพื่อนผมถือไปแล้ว”

เซนหันกลับไปหาลูกค้าหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างพนักงานของเขาแล้วพยักหน้ารับ “สวัสดีครับเพื่อนน้องซีล”

เพื่อนน้องซีล “= [] =”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” ชัทส่งของทั้งหมดให้ไลท์ แล้วรีบวิ่งกลับไปที่รถโดยไม่สนใจเสียงร้องทักของเพื่อน

เขาไม่อยากต้องรู้สึกหน้าแตกไปมากกว่านี้ ยิ่งนึกถึงคำตอบของพนักงานคนเมื่อกี้ เขาก็อยากเอาหัวมุดถังน้ำ

แค่คำว่าทำงานสองวัน เขาก็ควรคิดได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นพนักงานร้าน ไม่ใช่ปาติซเย่

“น่าอับอายที่สุด!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2022 00:26:30 โดย janeta »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้ารักน่าเอ็นดูที่สุด สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องสาวกับลูเซียคือสื่อรักนี่เอง // รักษาสุขภาพด้วยนะค้าาา

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เดี๋ยวนะผู้หญิงในตอนแรกที่ติดดอกไม้ให้้้้ซีลตอนเปิดร้านวันแรกคือ... :a5:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
จะเลือกใครดี เขาที่เพิ่งเจอหรือเธอที่มาก่อน:hao7:

ใดๆคือเชียร์คุณเซฟ :hao6:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เชียร์คุณเซฟฟฟฟฟฟเต็มที่ :hao7:

มาต่อไวๆ น๊าาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ละมุน อบอุ่นหัวใจจริงๆ ขอหวานๆ ไปยาวๆ นะ :hao7:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
แหม๋มมมมมมมตั๋วฟรี :laugh: :m20:ไม่เนียนเลยนะคุณเซฟ

ซีลลูกนู๋ควรรู้สึกตัวได้แล้วนะ :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารพี่บูมหรือคุณเชฟดีละ ฮ่าาาาา

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
สงสารใครก่อนดี :m20: :m20:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
จุดนี้เราเชียร์พี่เซนเต็มที่เลย ^^

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รีบมาต่อน้าาา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด