Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561  (อ่าน 7610 ครั้ง)

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 7 5/11/2561
«ตอบ #30 เมื่อ05-11-2018 16:26:35 »

ทำไมถึงได้กลิ่นอึดอัดจากแม่ตอนแรกๆนะ
ตอนนี้ก็ดูปกติดี  :ling2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Pleasing scent ตอนที่ 7 5/11/2561
«ตอบ #31 เมื่อ05-11-2018 16:59:53 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Pleasing scent ตอนที่ 7 5/11/2561
«ตอบ #32 เมื่อ05-11-2018 19:28:04 »

แนวเรื่องแปลกดีครับ น่าติดตามสุด

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 7 5/11/2561
«ตอบ #33 เมื่อ06-11-2018 09:15:30 »

ทำไมถึงได้กลิ่นอึดอัดจากแม่ตอนแรกๆนะ
ตอนนี้ก็ดูปกติดี  :ling2:
เพราะคุณแม่ไม่ได้รู้สึกผิดที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ เพราะมีสตางค์เข้ามาช่วยให้ไตเติ้ลมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนค่ะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 8 17/11/2561
«ตอบ #34 เมื่อ17-11-2018 14:24:44 »

​​

8

                “สตางค์ไปทำธุระกับผมได้รึเปล่าครับ”

                เพราะคำชวนจากเจ้านายทำให้เขาต้องมานั่งรอที่หน้าฟร้อนของโรงแรมหรูเล่นเอาผมต้องมองเสื้อผ้าตัวเองอย่างอายๆเสื้อเชิ้ตกางเกงยืนสีซีดกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจ รู้อย่างนี้ผมน่าจะตกลงให้มาพร้อมมันดีกว่า

                “เฮ่อ” เสียงถอนหายใจรอบที่สิบของผมจะให้ทำยังไงได้ก็ในเมื่อตัวเองมาก่อนเวลานัดตั้งเกือบชั่วโมงเพราะกลัวว่ารถจะติดแต่วันนี้ถนนกลับโล่งทำให้เขาต้องมานั่งรอที่ฟร้อนท่ามกลางสายตาใคร่รู้ของแขกและพนักงาน โอ๊ยอยากจะทำตัวให้เล็กที่สุดจะได้หายไปจากตรงนี้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

                “สตางค์ รอนานไหมครับ” และเสียงสวรรค์ที่มาช่วยพอดีผมรีบลุกขึ้นหันกลับไปมองไตเติ้ลที่ดู.......แปลกตา และมันดูดีมากถึงจะคุมโทนในชุดสีดำเพียงแต่วันนี้เป็นเสื้อเชิ้ตคอจีนกับกางเกงสแล็คทรงผมที่ปกติแค่สะบัดทั้งปิดหน้าปิดตาแต่ตอนนี้เซ็ทขึ้นเปิดหน้าแต่ก็ยังปิดหน้าด้วยแมสอยู่ดี

                แม่ง

                ดูดี ดูดีเกินไปแล้ว ไอ้โรคจิตนี่ดูดีขนาดนี้เลยเหรอ ผมนี่ดูยาจกไปเลย

                “เอ่อ..ผมดูแปลกๆเหรอครับ” เพราะว่าผมมัวแต่มองนิ่งเจ้าตัวเลยถามพร้อมกับก้มมองสำรวจตัวเอง   

                “ปะ..เปล่าแค่ดูแปลกตาแต่ดูดีนะ” แค่ผมชมว่าดูดีไตเติ้ลก็ยิ้มกว้างแม้จะมองไม่เห็นรอยยิ้มแต่ตาคมที่โค้งขึ้น

                “ขอบคุณครับ ไปกันเถอะครับ” พอเปรียบเทียบระหว่างตัวเองกับหมอนั่นทำเอาไม่อยากยืนอยู่ข้างๆเลยสักนิดผมที่กำลังคิดมากก็ถูกจับมือดึงให้เดินไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของพนักงานที่ดูจะแปลกใจ

                “นายไม่เวียนหัวเหรอ” ผมก้าวขึ้นไปเดินข้างๆเงยหน้าถาม เพราะมันเดินเข้ามานิ่งๆไม่มีอาการปวดหัวหรืออะไรๆที่เคยเลย

                “ไม่ครับเพราะมีสตางค์อยู่ด้วย” ผมได้แต่ทำหน้างงๆเลยได้เสียงหัวเราะทุ้มจากลำคอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เออนี่ผมกลายเป็นแท่นหอมให้เจ้านายอีกอย่างสินะ ไตเติ้ลจูงมือคนที่มัวแต่มองซ้ายมองขวามือที่วางก็จับเสื้อเชิ้ตตัวเองไปมาเหมือนไม่มั่นใจแต่เขากลับมองว่าน่ารักดี ดูสิยอมให้เขาจูงมือง่ายๆโดยไม่โวยวายอะไรเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาโรงแรมปกติจะทำงานอยู่ที่ห้อง แต่เมื่อคืนพ่อกลับขอให้เขาเข้ามาโรงแรมเพื่อเรียนรู้งาน

                “ผมไม่อยากไป”

                “เอาสตางค์ไปด้วยสิพ่ออนุญาต”ถ้าไม่บอกว่าให้ผมพาสตางค์ไปให้ตายผมก็ไม่ยอมออกจากบ้านหรอกนะ เมื่อเห็นว่าพ่อจริงจังเขาเลยพยักหน้ายินยอมที่จะทำตาม พอเห็นว่าผมยอมก็ดูดีใจมากถึงขั้นกลิ่นที่โชยออกมา ลิฟต์มาหยุดยังชั้นบริหาร คนที่เดินอยู่ข้างๆก็บีบมือผมแน่นแถมยังขยับเข้ามาชิดเพราะความไม่มั่นใจ ส่วนผมนะเหรอไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะตั้งแต่เด็กแม่จะให้คนมาสอนเรื่องบุคลิกภาพให้แม้จะออกมาข้างนอกไม่ได้ก็ตาม

                “คุณไตเติ้ล” เลขาที่คอยเอางานไปส่งให้เรียกผมอย่างแปลกใจ

                “พอดีคุณพ่อให้ผมมาประชุมวันนี้ครับ”

                “อ่า..ครับเชิญด้านในเลยครับแล้วคนนี้...” สายตาใต้แว่นกรอบใสมองสตางค์ด้วยความสงสัยว่าเป็นใคร

                “นี่สตางค์ผู้ช่วยผมเองครับ” ผมปล่อยข้อมือเรียวเพื่อให้สตางค์ยกมือไหว้คนสูงวัยกว่า คุณนิลไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ยกมือรับไหว้แล้วเปิดประตูห้องทำงานให้พวกผมเข้าไปในห้องทำงาน คุณนิลเดินออกไปข้างนอกไม่นานก็ยกกาแฟและขนมมาให้พวกเขา

                “นี่เรามาทำอะไรเหรอ”หลังจากอยู่ด้วยกันสองคน สตางค์ก็ถามขึ้น

                “ผมมาประชุมนะครับแทนคุณพ่อ”

                “อ่าวแล้วให้ผมมาด้วยจะดีเหรอครับ”พูดจบสตางค์ก็ก้มมองเสื้อผ้าตัวเองด้วย

                “ไม่เป็นไรครับถ้าไม่มีสตางค์ผมก็คงไม่มา” สตางค์เอียงคองงๆแล้วก้มหน้าก้มตากินขนมจนหมด

                ก๊อกๆ

                “ได้เวลาแล้วครับ” เขาพยักหน้าลุกขึ้นไปหยิบเสื้อสูทที่แขวนไว้มาใส่เพราะถึงจะเป็นการประชุมที่ไม่เป็นทางการก็เถอะ

                “ไปกันเถอะครับ”

                “ไม่ไปไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงอ่อยๆของสตางค์ชวนให้ผมใจอ่อน แต่ถ้าสตางค์ไม่ไปผมก็คงไม่ไป

                “ไม่ได้ครับ” ร่างเล็กถอนหายใจยาวลุกขึ้นเช็คตัวเองแล้วเดินตามติดผมไปที่ห้องประชุม ที่พอผมเข้าไปก็ดูทุกคนจะแปลกใจที่เห็นผมแต่ก็ดูจะเก็บอารมณ์ได้ดี กลิ่นในห้องนี้มีบางคนน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ เพราะได้กลิ่นไม่พึงประสงค์เลยคว้าข้อมือดึงให้สตางค์เข้ามาอยู่ใกล้ๆ

                “คุณหนูไตเติ้ลลมอะไรพัดมาถึงได้เข้ามาประชุมได้ล่ะ” น้ำเสียงเหมือนจะพูดแหย่แต่มันเป็นการข่มและดูถูกผม คนคนนี้คงเป็นคุณเกรียงสินะ

                “คุณเกรียงครับอย่าว่าอย่างนั้นสิครับ คุณไตเติ้ลก็บริหารงานได้ดีเลยนะครับ” ชายสูงวัยอีกคนคุณศักดิ์รีบพูดแย้งปกป้องผมทันที ผมที่ตอนนี้ถอดแมสออกแล้วยกยิ้มบางๆ

                “สวัสดีครับทุกคน เริ่มประชุมกันดีกว่านะครับ”

                “เดี๋ยวสิหลานชาย คนนอกมาเกี่ยวอะไรกับการประชุมภายใน” พอคุณเกรียงทักทุกคนก็หันเป้าหมายไปมองสตางค์ที่พอถูกมองก็ขยับมาชิดผมทันที

                “สตางค์ไม่ใช่คนนอก แต่เป็นผู้ช่วยผม” เพราะไม่พอใจกับการที่สตางค์ถูกหาว่าเป็นคนนอกน้ำเสียงที่พูดเลยแข็งกร้าวในห้องประชุมต่างเงียบกริบ เขาเลยนั่งลงตรงตำแหน่งประธานแล้วดึงให้สตางค์นั่งลงข้างๆเพราะเมื่อมีกลิ่นสบายๆช่วยทำให้กลิ่นที่ชวนอ้วกนี้เจือจางไป

                “เรื่องการเปิดโรงแรมที่เชียงใหม่ทำไมงานถึงไม่ได้ตามแพลนที่วางไว้ครับ” โครงการในเชียงใหม่เป็นโรงแรมที่สร้างในโครงการแอบอิงธรรมชาติโรงแรมที่สร้างโดยการไม่ทำร้ายธรรมชาติทำให้มันเป็นโฮมสเตย์แต่ระดับห้าดาวแม้จะไม่ใช่โครงการใหญ่มากแต่ก็เป็นโครงการที่น่าจะทำเงินและเป็นโครงการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

                “ก็สภาพอากาศมันทำให้งานไม่เดินจะให้ทำยังไง” คุณเกรียงโผล่งขึ้นมาแต่ผมก็ไม่ได้ถือสา

                “เห็นว่ามีฝนตกครับเลยไม่สามารถก่อสร้างต่อได้” ผมพยักหน้าแม้จะรู้ดีว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่สภาพอากาศ เคาะนิ้วกับโต๊ะเบาๆ

                “แล้วการที่ส่งวัสดุก่อสร้างล่าช้านี่เพราะอะไรกันล่ะครับ” และห้องประชุมก็เงียบสงัดอีกครั้ง สตางค์มองคนข้างๆด้วยความประหลาดใจรู้ว่าเก่งแต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะเก่งแบบนี้

                “ผมต้องการคำอธิบายเรื่องธรรมชาติผมเข้าใจแต่ถ้าเป็นเพราะ...คน” สายตาคมกวาดมองรอบที่ประชุมก่อนที่จะพูดขึ้นอีกรอบ “ผมจะจัดการอย่างเด็ดขาดและขอให้เร่งทางผู้ก่อสร้างให้ทำตามกำหนดด้วยน้ำครับ” หลังจากนั้นประเด็นในห้องประชุมก็เป็นเรื่องโปรโมชั่น เรื่องสวัสดิการต่างๆและโครงการรออนุมัติจนกระทั่งปิดการประชุมหลายคนเดินออกไปแต่ไตเติ้ลยังคนนั่งนิ่งเพราะดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนต้องการที่จะคุยกับเขา 

                “มีอะไรหรือเปล่าครับลุงเกรียง”

                “หึ เราดูเปลี่ยนไปนะ” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากตอนเข้าประชุมกันคนละโยชน์

                “ก็ครับ เรื่องที่เชียงใหม่เดี๋ยวผมจัดการเองนะครับ ขอบคุณนะครับลุง”

                “หึๆ ก็แค่อยากเห็นอะไรสนุกๆ” ผมได้แต่ส่ายหน้ากับอาการที่อยากเห็นเรื่องสนุกของคุณลุงเกรียงที่ปรับสีหน้าขรึมเดินออกจากห้องประชุมไป พอหันมาดูคนนั่งข้างๆก็เห็นเพียงสีหน้างงๆอ้าปากน้อยๆท่าทางที่ดูตลกจนหลุดขำออกมา

                “ไปทานข้าวกันดีกว่าครับหึๆ”

                “อืม แล้ววันนี้จบแล้วเหรอ ให้ฉันมาแค่นี้นะเหรอ” ผมอมยิ้มกับสตางค์ที่บางครั้งพอสนใจอย่างอื่นก็จะลืมบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ที่เขายังจับมืออยู่แต่เจ้าตัวก็ลืมไปแล้ว

                “ใช่ครับแค่สตางค์มาด้วยก็พอแล้ว”

                “ประหลาด นายแม่งโคตรประหลาด” สตางค์บ่นพึมพำแต่ผมกลับขำเพราะจากเป็นโรคจิตแล้วผมยังเป็นคนประหลาดอีกด้วย อ่าดูท่าผมคงจะได้เป็นหลายๆอย่าง จูงมือจนมาถึงลานจอดรถ

                “สตางค์อยากทานอะไรครับ” เพราะไม่ได้ออกมาข้างนอกบ่อยเลยคิดไม่ออกว่าจะไปไหน

                “แล้วนายไม่เป็นไรเหรอออกมาเจอคนมากๆแบบนี้ กลับไปกินที่บ้านนายไหมล่ะ”  น่ารักทำไมถึงเป็นคนน่ารักและทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างนี้นะ

                “ถ้ามีสตางค์อยู่ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับอาจจะอึดอัดนิดหน่อยแค่นั้นเอง เอาตามที่สตางค์สบายใจเถอะครับผมตามใจ”

                “งั้นกลับบ้านนาย” หลังจากตกลงกันได้ก็บอกพี่กานต์ที่มาขับรถให้ว่าให้กลับบ้าน

                “แล้วท่องศัพท์ไปถึงไหนแล้วครับ”

                “พูดถึงแล้วอยากจะอ้วกมากแต่วิธีที่นายสอนทำให้ฉันเข้าใจมากขึ้น” มองคนที่ตอบด้วยรอยยิ้มนิ่ง พอได้รู้จักเขายิ่งคิดว่าสตางค์ไม่ได้มีดีแค่ทำให้เขาสบายใจ  หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนกระทั่งมาถึงบ้าน เจ้าตัวก็เดินลิ่วเข้าบ้าน เอาเถอะครับทุกวันนี้สตางค์เป็นลูกรักมากกว่าผมไปแล้วซึ่งมันก็ดี

                “นี่ๆ ไอ้อิฐจะมาหา ให้มันมาได้มาไหม” หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ขึ้นมานั่งทำงานส่วนสตางค์วันนี้ผมไม่มีงานให้ช่วยเลยนั่งทบทวนวิชาที่ต้องเรียน

                “ได้สิครับ”

                “อือ” หลังจากนั้นก็หันไปพิมพ์หยุกหยิกกับโน๊ตบุ๊คคงจะตอบคุณอิฐอยู่สินะ กับคุณอิฐเขาแม้จะไม่ได้กลิ่นที่ชวนเวียนหัวแต่ก็ไม่ได้ให้ความสบายใจเหมือนสตางค์ ถ้าจะให้บอกออกมาตรงๆก็คงเป็น ความเจ้าเล่ห์และมั่นคง ไม่นานสตางค์ก็ขอตัวลงไปรับอิฐที่มาถึงแล้ว

                “ไง”

                “สวัสดีครับ”ผมทักคุณอิฐที่เดินเข้าห้องมา เพราะสตางค์ขอผมแล้ว

                “ไงไอ้เด๋อมันทำงานดีไหม” บางทีผมก็เห็นด้วยกับสตางค์ที่ชอบบ่นให้ฟังว่าอิฐนั้นดูแลเขายิ่งกว่าพ่ออีก

                “สตางค์ช่วยงานผมได้มากเลยครับ” พอได้ยินผมบอกแบบนั้นอิฐก็พยักหน้าแล้วยกมือขยี้ผมนิ่มของสตางค์จนฟูเลยได้รับเสียงโวยวายและการขู่ของสตางค์เป็นการตอบแทน             

                “ไอ้สตางค์มึงทำอะไรของมึงเนี้ย อันนี้มันผิดเว้ย”

                “ก็...นิดเดียวเอง”

                “เลิกบ่นแก้ให้หมดเลยนะ” ฟังเสียงทะเลาะกันของเพื่อนซี้แล้วผมก็หลุดขำเวลาที่สตางค์โดนคุณอิฐดุแล้วต้องนั่งทับขาตัวเองทำท่าทางเหมือนลูกหมาที่โดนดุแล้วหูลู่ลง

                “งือ เหนื่อยแล้วอ่า”

                “งั้นผมช่วยครับ”เพราะเห็นท่าทางเหนื่อยๆของสตางค์ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป คุณอิฐหรี่ตามองผมอย่างสำรวจแล้วก็หันไปมองสตางค์ก่อนรอยยิ้มที่ดูไม่น่าไว้วางใจจะปรากฏขึ้น

                “ไม่ต้องหันไปอ้อนเจ้านายมึงไอ้สตางค์ ส่วนมึงไปคุยกับกูดิ๊” คุณอิฐกระดิกนิ้วเรียกผมให้เดินตามออกไป

                “เดี๋ยวสิทำไมไม่ให้กูไปด้วย จะปิดบังไรกู”

                ผลัวะ

                “เงียบแล้วทำงานไปไอ้เด๋อ” เอ่อ...ผมอยากจะห้ามนะครับก็คุณอิฐเล่นตบหัวสตางค์ซะแรง ปากเรียวบ่นขมุบขมิบแต่ก็ไม่กล้าบ่นเสียงดัง คุณอิฐเลยเดินนำผมออกไปนอกห้อง

                “กับไอ้เด๋อนั่นยังไง” พอประตูปิดคุณอิฐก็ถามตรงๆเลยทันที

                “ก็นายจ้างกับลูกจ้างไงครับ” หากเป็นปกติเขาคงกล้าสบตาแต่ตอนนี้กลับหลบสายตาคมของคนที่จ้องมองไม่วางตา

                “เอาตรงๆ” ผมรู้แล้วว่าทำสตางค์ถึงได้กลัวคุณอิฐ ขนาดผมที่ไม่เคยสนใจอะไรยังต้องยอม

                “สตางค์....เป็นที่ที่ทำให้ผมสบายใจ เป็นอากาศของผม”

                “หึๆ ไอ้นั่นมันเด๋อก็ทำใจหน่อย” ผมพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากที่คุยกันผมก็ได้กลิ่นจริงๆของคุณอิฐ คนคนนี้ห่วงสตางค์จริงๆ พอเข้ามาในห้องสตางค์ก็ดูจะงอนๆไม่ยอมคุยกับผมและอิฐ ปากบางๆนั่นคว่ำลง และผมก็ได้รู้อีกอยาก

                สตางค์ไม่เพียงมีกลิ่นหอม

                สตางค์ไม่เพียงขยัน

                แต่สตางค์เป็นคนน่ารักที่น่ารังแก                             

**********************************

หนีไปลูกสตางค์ ธาตุแท้ของไอ้คนประหลาดออกมาแล้วลูก

นิยายเรื่องนี้ฟิลกู๊ดนะคะ ก็จะเอื่อยๆเหมือนคนเขียน 555

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

                       ​

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 8 17/11/2561
«ตอบ #35 เมื่อ17-11-2018 23:09:40 »

 :pig4: :pig4:  +1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 8 17/11/2561
«ตอบ #36 เมื่อ18-11-2018 01:48:53 »

อย่าให้สตางค์ได้ยินความคิดเชียวนะ 555555555555555555

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 9 24/11/2561
«ตอบ #37 เมื่อ24-11-2018 18:06:32 »



  9

                ไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันแต่พอกลับเข้ามาแล้วก็คุยกันถูกคอเล่นเอาเขาเป็นอากาศไปเลย อะไรอ่ะไหนจะมาช่วยเขาทำงานอ่ะ แล้วทำไมมาคุยกันอยู่สองคนล่ะ

                “หน้าบึ้งเป็นตูดเลยมึง เป็นไร”

                “หึ” ผมส่งเสียงหึสะบัดหน้าหนีไอ้อิฐ

                “ขอให้มึงคอเคล็ด”

                “ไอ้สัส” ตวาดด่ามันไปทีแต่ก็โดนมันโบกหัวไปหนึ่งทีแรงจนผมน้ำตาซึม ไอ้เพื่อนเลว

                “เจ็บมาไหมครับ” คำถามที่มาพร้อมกับมือใหญ่ที่ยกมาลูบหัวผมเบาๆ

                “ฮือเจ็บ”

                “ไอ้สำออย” ไอ้อิฐมันเบะปากมองผมแรง แต่เมื่อมีคนโอ๋เรื่องอะไรผมจะยอมให้มันว่า

                “เจ็บมากเลยล่ะ” หันไปช้อนตามองคนนั่งข้างที่ลูบผมอยู่ ซึ่งผมก็ต้องคิ้วขมวดเมื่อใบหน้าคมนั่นปรากฏริ้วแดง

                “เอ่อ..”

                “ไอ้สตางค์มึงมานั่งข้างกูเดี๋ยวนี้!!” ไอ้อิฐตะโกนลั่น ผมเลยรีบขยับไปนั่งข้างๆไอ้อิฐทำหน้างงๆที่จู่ๆมันก็ทำหน้าเข้มใส่ผม แบบที่มันชอบทำเวลาที่จะบ่นผม

                “โถ่คุณอิฐผมไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย”

                “มึงไม่ผิดแต่ไอ้นี่นะผิด แม่งไม่เคยรู้ตัวอะไรเล๊ย นี่กูมีเพื่อนหรือมีลูกวะ” ผมได้แต่กระพริบตามองมันสองคนคุยกันปริบๆ ไม่รู้เรื่องที่มันคุยกันสักนิดแต่ที่รู้แน่ๆมันมีผมเกี่ยวข้อง

                “ไอ้อิฐกูผิดอะไรวะ มึงชอบกล่าวหากู” อยากจะประท้วงมากกว่านี้อยู่นะแต่ไอ้อิฐแม่งแค่หันมามองผมก็เก็บปากทันทีจ้องซะจนผมกลัว ทุกเรื่องผมไม่กลัวแต่ถ้าไอ้อิฐมันทำหน้านิ่งสายตาดุๆของผมก็แทบเถียงมันไม่ออกแล้ว นี่เพื่อนหรือพ่อ

                “เงียบไปเลยมึง ทำงานไป เดี๋ยวกูกลับแล้วอย่าไปอ้อนไอ้เติ้ลมันมากนัก” ไอ้อิฐว่าพร้อมกับขยี้หัวผมจนฟูอยากจะถามมันนะว่าเป็นอะไรกับหัวผมหนักหนา แต่พอถามมันก็ขยี้อีก เออเอาที่มึงสบายใจ  พอไอ้อิฐเก็บข้าวของกลับไปก็มีเพียงผมกับไตเติ้ลที่นั่งจ้องหน้ามีเพียงแค่โต๊ะกระจกกั้น แล้วทำไมผมต้องรู้สึกแปลกๆกับสายตามันด้วยนะ

                “มาครับผมช่วยทำให้เสร็จ”

                “ดีๆ ช่วยเลย” พอมันพูดถึงเรื่องงานแล้วผมก็หันกลับมาสนใจกับงานที่ต้องส่ง ต้องขอบคุณไตเติ้ลมากครับอธิบายดีกว่าไอ้อิฐอีกแถมยังไม่ด่าเขาเวลาไม่เข้าใจอีกถ้าเป็นไอ้อิฐนะป่านนี้หูผมดับไปแล้ว  จนงานทั้งหมดเสร็จผมต้องถอนหายใจแรงโล่งแล้วครับงานเสร็จพร้อมกับเนื้อหาที่เขาเข้าใจมากขึ้น จนแทบอยากจะกราบไหว้มันเป็นอาจารย์

                “สตางค์จะกลับไปเลยไหมครับ”

                “อือ เหนื่อยวะ” ยอมรับตอนนี้ผมอยากล้มตัวลงนอนบนพื้นพรมตรงนี้ สมองเบลอไปหมดแล้ว

                “นอนพักก่อนได้นะครับ เดี๋ยวจะให้พี่กานต์ไปส่ง” ผมพยักหน้าเหนื่อยๆแล้วก็ล้มตัวลงนอนตรงพื้นทันที แอร์เย็นๆนี่จะทำให้ผมหลับมาตั้งนานไม่นานผมก็หลับไป

                .

                ไตเติ้ลมองคนที่หมดแรงล้มตัวนอนตรงพื้นแม้อยากจะให้ไปนอนเตียงเขาดีๆแต่ก็หักใจปลุกคนที่หลับไม่ได้ สตางค์จะไว้ใจเขาเกินไปแล้วหรือเปล่า เหมือนอย่างที่คุณอิฐว่าไว้เลย

                ตอนที่สตางค์อ้อนบอกว่าเจ็บผมแทบอดทนไม่ไหวยังดีที่คุณอิฐเรียกเจ้าตัวอ้อนไม่รู้ตัวไปนั่งข้างๆ ชักจะน่ารักเกินไปแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปที่เตียงหยิบเอาหมอนและผ้าห่มมาคลุมให้ร่างเล็กที่นอนหลับสนิท เลี้ยงดูง่ายจังนะ นั่งจ้องอยู่ครู่ใหญ่ผมก็ลุกไปหยิบงานมานั่งทำใกล้ๆคนหลับ แม้จะเงียบสงบอย่างที่เคยเป็นมาแต่บรรยากาศกลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน

                ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงรู้เพียงว่างานของเขานั้นเสร็จไปหลายอย่างรวมทั้งงานโรงแรมทางเหนือพ่อก็โยนมาให้เขาทำเต็มตัวทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเขายังไม่ชินกับการเจอกับคนหมู่มากแบบนั้นยังจะโยนงานมาให้เห็นว่าสตางค์ช่วยได้ล่ะเอาใหญ่เลยนะ แต่ถ้าจะให้ไปด้วยสตางค์จะไปด้วยไหมนะ ติดเรียนหรือเปล่านะ ตารางของผมนั้นว่างเปล่าอยู่แล้วถ้าจะไปคงต้องรอถามสตางค์สินะ พอคิดแบบนั้นก็หันไปมองคนที่หลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยสักนิด

                “ดึกแล้วสินะ”  เปิดโทรศัพท์ดูเวลาที่เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว วันนี้สตางค์คงจะได้นอนที่แล้วล่ะนะ  แต่ถ้าจะให้นอนอย่างนี้ก็คงไม่ดีอาจจะไม่สบายก็ได้

                “ขอโทษนะครับ” กระซิบขอโทษเบาๆกับคนที่ยังหลับสนิทแล้วอุ้มขึ้นแนบอกค่อยเดินไปที่เตียงก่อนวางน้องลงพอได้สัมผัสกับเตียงนุ่มสตางค์ก็พลิกตัวหาที่สบายก่อนที่จะหลับไปอยากจะยืนดูอยู่หรอกนะครับแต่นี่เลยเที่ยงคืนมาแล้วผมคงต้องนอนเหมือนกัน

                “ฝันดีนะครับ” บอกฝันดีก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนเดินไปนอนที่โซฟา ใครจะกล้านอนด้วยบนเตียงด้วยล่ะครับแม้จะเป็นเตียงขนาดที่ผู้ชายสองคนนอนด้วยกันได้ก็เถอะ

               

                อือ ดวงตากลมกระพริบถี่เมื่อเห็นเพดานขาวสะอาดไม่คุ้นตา ก็ฝ้าเพดานห้องเขามันมีรอยเชื้อราประดับเป็นงานอาร์ตอยู่นะสิ พอสติเข้าร่างก็รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนผมรีบดีดตัวลุกขึ้นเห็นว่าตัวเองอยู่ในสภาพเหมือนเดิมและนอนอยู่คนเดียวก็โล่งอก รีบลงจากเตียงว่าจะหนีกลับแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นขายาวของเจ้าของห้องที่ยาวพ้นโซฟา

                “เอ๋” ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง นี่ยอมสละที่นอนแล้วตัวเองมานอนหลังขดหลังแข็งที่โซฟานี่นะ คงจะนอนไม่สบายเท่าไหร่เพราะขนาดโซฟาไม่พอดีกับตัวคนนอน จากที่คิดว่าจะหนีกลับผมก็เดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ

                “ตื่นนานรึยังครับ” พอออกมาจากห้องน้ำ ไตเติ้ลที่ตื่นแล้วนั่งหัวฟูนั่งทำตาปรือมองผม

                “ไม่นานหรอก ฉันจะกลับหอก่อนนะขอโทษที่รบกวนนะเมื่อคืนนี้” มานอนบ้านเขายังไม่เท่าไหร่ยังลำบากให้เจ้าของห้องนอนบนโซฟาอีก

                “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวให้พี่กานต์ไปส่งนะครับ”

                “อือขอบคุณมากนะ” ผมยิ้มกว้างให้หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องลงมาข้างล่าง ปล่อยเบลอไตเติ้ลที่นั่งทำหน้างงให้อยู่ในห้องคนเดียว โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านพอเดินออกมาก็พอดีกับพี่กานต์ที่กำลังเช็ดรถอยู่ที่โรงรถพอดีเลยได้พี่กานต์มาส่งที่หอ พอถึงหอผมก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะวันนี้มีเทสย่อยวิชาที่หมอนั่นอุตส่าห์ติวให้ ผมรีบหอบเอางานวิ่งไปเรียกพี่วินไปส่งที่หน้าคณะ

                “ไงมึงพร้อมไหม” ไอ้อิฐถามผมที่ทำหน้าไม่มั่นใจอยู่หน้าห้องสอบงานที่ทำเสร็จก็เอาไปส่งแล้วเหลือแต่เทสนี่ล่ะที่ผมไม่มั่นใจเอาเสียเลยแม้จะถูกติวมาแล้วก็เถอะ

                “อือ ไม่มั่นใจเลยวะ”

                “เออทำตามที่มึงเข้าใจไอ้เติ้ลมันอุตส่าห์ติวให้คนสมองฟองน้ำอย่างมึงไม่ใช่เหรอ” จะดีมากถ้ามันไม่แขวะผมในทุกๆประโยคที่มันคุย

                “เออออออออ กูก็แค่ไม่มั่นใจเฉยๆมึงนี่ก็ชอบด่ากูจัง”

                “เอาน่าไปๆเข้าไปสอบได้แล้ว” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆขอให้ความรู้ที่ไตเติ้ลพยายามติวให้จะไม่หายไปหลังจากที่นอนหลับ ผมเปิดข้อสอบอ่านข้อสอบอย่างครบถ้วนก่อนที่จะเลือกกาคำตอบอย่างความมั่นใจ และผมก็ออกจากห้องสอบก่อนไอ้อิฐ

                เหลือเชื่อ!!!!!

                โอ้ บิดามารดา ลูกทำได้แล้ว

                ผมมั่นใจเลยว่าคะแนนผมผ่านแน่นอนไม่คาดเส้นแดงเหมือนทุกทีแน่ๆ ระหว่างที่รออิฐผมก็หยิบโทรศัพท์ส่งข้อความไปบอกติวเตอร์กิตติมาศักดิ์เสียหน่อย

                (นี่ๆขอบคุณมากเลยนะที่ติวให้ อยากได้อะไรตอบแทน J ) ผมอยากตอบแทนจริงๆนะ พอขึ้นว่าอ่านก็มีสายเรียกเข้าพอดีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

                “ว่าไง”

                “(ทำได้ไหมครับ)”

                “ได้มากเลยล่ะ ว่าไงอยากได้อะไรตอบแทน” ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆลอดออกมา

                “(ไปเหนือด้วยกันกับผมนะครับ)” เอ๋นี่มันไม่เรื่องตอบแทนนี่มันเป็นเรื่องงาน ให้ตายเถอะแยกออกเป็นอย่างๆไม่ได้หรือยังไง

                “ไม่เกี่ยวกันเรื่องไปเหนือ มันเป็นเรื่องงานไม่ใช่เหรอ ส่วนนี่ต้องการขอบคุณจริงๆ” และต่างฝ่ายต่างเงียบ

                “(สตางค์ทำอาหารได้ไหมครับ)”

                “ได้นะแต่ง่ายๆอย่าบอกนะว่าจะให้ทำให้กิน”

                “(ครับ)” ได้ยินเสียงหัวเราเบาๆ ถ้ากินลงไปคุณชายอย่างมันจะท้องเสียไหมนะ

                “ได้สิ วันนี้อีกเดี๋ยวจะเข้าไปนะ”

                “(ครับผมจะรอนะ)”แล้วมันก็ตัดสายไป  ให้ตายเถอะทำไมผมรู้สึกร้อนๆที่หน้านะ

                หมับ

                “ทำไมหน้าแดงไม่สบายเหรอวะ”

                “เปล๊า!! ไม่มีอะไรไปหาอะไรกินเถอะ” รีบปัดไอ้ความรู้สึกแปลกๆออกแล้วกอดคอเพื่อนสนิทไปที่โรงอาหาร

                พอแยกย้ายจากอิฐผมก็นั่งรถเมล์มาลงปากซอยที่พอดีมีวินขับผ่านผมเลยกระโดดขวางเรียกให้พี่เขาไปส่งที่บ้านไตเติ้ลได้จะได้ไม่รบกวนพี่กานต์ พอมาถึงกดกริ่งหน้าบ้านพี่ยามมาเปิดให้ทั้งๆที่ทำหน้าแปลกใจ

                “อ่าวคุณสตางค์ทำไมได้มาเองล่ะครับ”

                “พอดีเจอวินพอดีครับ” ผมไหว้พี่ยามแล้วเดินเข้าบ้านที่มีเพียงแม่บ้านอยู่คนเดียว บ้านหลังใหญ่แต่เงียบเหงาชะมัด เห็นว่าพ่อกับแม่ของสตางค์เห็นว่าไปดูงานของโรงแรมที่เมืองนอกส่วนที่ไทยก็เหมือนว่าจะยกให้ไตเติ้ลดูแลคนเดียวบางทีผมก็เห็นใจหมอนั่นและยังทึ่งกับการทำงานทั้งๆที่มันยังอายุเท่ากันกับผม

                ก๊อกๆ

                “ไง งานเยอะไหม” พอเคาะประตูผมก็เปิดประตูเข้าไปเพราะไตเติ้ลเคยบอกผมไว้ว่าถ้าเป็นผมเคาะแล้วเปิดเข้ามาได้เลยพอเห็นว่าบนโต๊ะทำงานของไตเติ้ลมีแต่แฟ้มงานและเอกสารผมรีบว่างกระเป๋าเดินเข้าหาที่โต๊ะเผื่อที่จะได้ช่วยทำงานอะไรได้บ้าง

                “สตางค์มาเหนื่อยๆพักก่อนเถอะครับ”             

                “ไม่เอาทุกวันนี้ฉันยังคิดว่าทำไม่คุ้มค่าจ้างที่นายให้ด้วยซ้ำ” เงินเดือนตั้งเยอะแต่งานที่ผมได้ทำมีเพียงนิดเดียวจนผมรู้สึกเกรงใจคนตรงหน้ามาก

                “แค่สตางค์ยอมมาทำงานด้วยและก็ยอมเป็นเพื่อนผมก็พอแล้ว” ให้ตายเถอะ..ทำไมผมถึงสบตาหมอนี่ไม่ได้นะ สายตาคมนั้นทอประกายไม่เหมือนครั้งแรกที่เจอ สายตาแบบนี้ผมไม่ชิน

                “เอ่อ...ฉันลงไปดูที่ครัวก่อนนะ” ผมวางแฟ้มที่ถือไว้หมุนตัวเดินออกจากห้องทันที่ที่ปิดประตูผมต้องยกมือขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายตัวเอง ที่เต้นรัวซะจนน่ากลัว

                อ่า

                ต้องไปหาหมอรึเปล่านะ

                ฮือออไอ้อิฐช่วยกูด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



*

           "ฮัดเซ่ยยยยยยยยย" แม่งใครบ่นถึงกูวะ อิฐยกมือขึ้นเช็ดจมูกแรงๆ

**********************************************************

เอาน้องสตางค์ผู้น่ารักมาเสิร์ฟจ้าาาา

โอ๊ยยน้องเขิน ฮ่าๆๆๆ อยากบีบน้องจัง

อ่านแล้วเป็นไง บอกเราด้วยนะคะ

อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจเราด้วยนะ

กดถูกใจ กดติดตามด้วยนะคะ

พรุ่งนี้เดี๋ยวอัพเรื่องไคล์ต่อนะคะ

Chompoo reangkarn : ขอบคุณนะค้าาาาา
miikii : ไตเติ้ลมันร้ายค่ะฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 9 24/11/2561
«ตอบ #38 เมื่อ24-11-2018 22:54:46 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 9 24/11/2561
«ตอบ #39 เมื่อ25-11-2018 03:09:28 »

เขาพัฒนาแล้วอ่ะเดี๋ยวนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Pleasing scent ตอนที่ 9 24/11/2561
« ตอบ #39 เมื่อ: 25-11-2018 03:09:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 10 2/12/2561
«ตอบ #40 เมื่อ02-12-2018 13:24:49 »



10

อิฐ Part

การเป็นพ่อคนไม่ใช่เรื่องง่ายครับ อ่าว ไม่ใช่เหรอแต่การเป็นเพื่อนไอ้สตางค์ก็ไม่ต่างจากการเป็นพ่อคนเท่าไหร่เพียงแต่ลูกแม่งอายุเท่ากัน ผมลืมแนะนำตัว ผมอิสระ ชื่อเล่นก็อิฐที่ไอ้สตางค์มันชอบให้สรรพนามเพิ่มเติมว่าไอ้อิฐ เป็นเพื่อนกับมันมานานหลายปี คอยดูแลไอ้เอ๋อที่คิดว่าตัวเองดูแลตัวเองได้แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย มันโคตรเอ๋อ โคตรซื่อ จนบางครั้งผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันโตขึ้นมาได้ยังไงก่อนที่จะเจอผม ดูอย่างวันก่อนที่ไอ้คุณชายมันแอบแสดงท่าทางสนอกสนใจเจ้าตัวมันยังไม่รู้เรื่องเลย ผมล่ะหนายใจแล้วจะไม่ให้ผมคอยว่ามันได้ซะที่ไหน

“มึงเป็นอะไรหน้าตาเหมือนหมางง” ผมถามสตางค์ ที่ทำหน้าเหมือนคนไม่ได้เข้าห้องน้ำมาหลายวันเลยถามมันแต่ถ้าให้เขาเดาคงไม่พ้นเรื่องคุณชายนั่น

“กูรู้สึกแปลกๆวะ” แค่มันเกริ่นผมก็เดาได้แล้ว พอบอกให้มันเล่าให้ฟังมันก็เล่าไม่หยุด พยักหน้าหงึกหงักตามจริงๆก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาสรุปใจความสำคัญจากที่มันพูดน้ำท่วมทุ่งมาเนี้ยคือแม่งหวั่นไหว

“อืมๆ แปลกๆก็แปลกๆไง ทำไมมึงเครียดเรื่องนี้วะ” เรื่องอะไรจะชี้โพลงให้กระรอกบอกมันหมดทุกอย่างผมออกจะเป็นดีปล่อยให้เด็กๆมันรู้สึกกันเอง

“ก็ไม่รู้ดิวะ” มันว่าเสียงอ่อยแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนหน้าขาผม เนี้ยมันเป็นแบบนี้ถ้ามันไว้ใจไอ้คุณชายมันก็จะทำตัวแบบนี้ ไอ้สตางค์มันเป็นลูกคนเดียวตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่มันยังอยู่มันก็ขี้อ้อนจะตาย แล้วพอเหลือเพียงมันตัวคนเดียวเปลือกนอกอาจจะดูเข็มแข็งแต่จริงๆแล้วมันขี้อ้อนจะตาย เวลามันเครียดมันจะชอบมาอ้อนผม

“อย่าคิดมาก มึงทำตามความรู้สึกมึงก็พอ”

“อือ”

ถ้าจะให้สาธยายความเป็นไอ้สตางค์ที่ทำให้ผมกลายเป็นพ่อมันทุกวันนี้ เพราะมันทำแต่งานเลยไม่รับรู้ความเป็นไปของโลกโทรศัพท์เครื่องเก่าถ้าผมไม่ไปซื้อมาให้มันก็จะยังใช้ปุ่มกดต่อไป  เพื่อนมันก็ไม่มีเพราะมันไม่กล้าไปคุยกับใครแต่ถ้าเป็นคนมีอายุหรือว่าอายุมากกว่าจะตีสนิทเขาในทันที ที่ผมเรียกมันว่าเอ๋อ เพราะมันเอ๋อจริงๆครับ เพื่อนหลายคนเห็นว่ามันน่ารักๆอยากจะมาคุยมาจีบถ้าไม่ได้ผมเป็นไม้กันหมาป่านนี้โดนลากไปแดกแล้ว

อีกอย่างไอ้เอ๋อนี่เป็นพวกใจดี ใจดีแบบเหมือนโลกนี้เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์ บางครั้งแม่งก็โดนหลอกต้มอยู่บ่อยๆ โดนหลอกเอาเงินบ้าง โดนหลอกให้ช่วยฟรีๆบ้างผมเลยปฏิบัติการณ์ล้อมคอกให้มัน อาจจะดูบ้าแต่เคยบ่นแล้วแต่มันก็ไม่ได้รับรู้อะไรเลย    เกิดเป็นไอ้อิฐแม่งลำบาก

“มึงเทอมหน้าฝึกงานที่ไหนวะกูจะไปกับมึง”

“โถไอ้เอ๋อคิดเหรอว่าจะได้ไปกับกู” พนันล้านหนึ่งเลยว่าไอ้คุณชายไม่ยอมปล่อยให้ไอ้เอ๋อไกลหูไกลตาแน่นอนขนาดทำงานยังให้ตามไปด้วยเลย

“ทำไมอ่ะ” มันรีบลุกขึ้นมานั่งจ้องผม ตากลมใสกระจ่างของมันตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอจนทุกวันนี้ก็ยังคงมีประกายเช่นเดิมอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปลูบขน...ไม่สิผมนุ่มของมัน

ทำไมนะ ทำไมรู้สึกเหมือนจะส่งตัวลูกเข้าหอเลยวะ

แต่เดี๋ยวไอ้อิฐมึงยังไม่เคยมีลูกจริงๆเว้ยยยย

.

.

หลังจากที่ปรึกษาไอ้อิฐแต่ไม่ได้คำตอบอะไรเลยพูดแต่อะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นเข้าใจเลยพอตกเย็นพวกเราก็ไปนั่งกินหมูกระทะ เพราะหมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่งอันนี้ได้จริงๆนะครับเชื่อผมเวลาเครียดๆไปหาอะไรกินนะครับช่วยได้จริงๆ

“มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”

“แหมป๋าสตางค์” ดูมันทำหน้าตาสิครับอยากจะหือกับมันนะครับแต่ไม่เคยหือได้สักที

“หรือมึงจะเลี้ยง”

“เดี๋ยวกูโทรเรียกไอ้คุณชายมาเลี้ยง” ทำหน้าตาตื่นทันทีรีบไปจับมือถือมันไว้ทันทีมันไม่พูดเล่นๆแน่ๆดูจากสายตามัน

“มึงอย่านะกูเลี้ยงเองนะเพื่อนรัก” ผมอ้อนวอนขอร้องความเห็นใจ ไอ้อิฐยกยิ้มแบบคนชนะเยาะเย้ยผมเต็มที่เลยทีเดียว หลังจากกินหมูกระทะเสร็จไอ้อิฐก็มาส่งผมที่หอก่อนที่วันจะแว๊นซ์สุดหล่อมันกลับห้อง หลังจากที่อาบน้ำกำจัดกลิ่นหมูกระทะผมก็ขึ้นไปนอนกลิ้งบนเตียงไถไทม์ไลน์เฟสไปเรื่อย กำลังเพลินๆก็มีคนทักข้อความเข้ามา

หือ

ใครกัน??

รูปดิสไม่คุ้นตาทำให้ผมไม่ตอบแต่เหมือนว่าอีกคนจะไม่ละความพยายามทั้งสแปมข้อความทั้งส่งสติ๊กเกอร์เข้ามารัวๆ

“อะไรของเขากัน” เพราะไม่น่าไว้ใจผมเลยแคปหน้าเฟสแล้วส่งไปถามไอ้อิฐไม่ถึงวิหลังจากที่ขึ้นอ่านแล้วมันก็โทรเข้ามาทันที

“(อะไรของมึงนั่นใครวะ)”

“กูก็ไม่รู้อ่ะโคตรน่ากลัวเลย”

“(เออๆ มึงก็บล็อกๆไป)”

“อือๆ” ยังไม่ทันที่จะวางสายเสียงเคาะประตูห้องผมก็รัวยาวเล่นเอาผมสะดุ้ง

“(เสียงอะไรวะ)”

“คะ..ใครไม่รู้มาเคาะห้องกู แม่งเคาะรัวเลย ไอ้อิฐกูกลัว” คว้าเอาหมอนมากอดทันที ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้มันเงียบไปสักพักก่อนที่จะดังรัวขึ้นอีกแต่คราวนี้มันมีเสียงเรียกชื่อผมด้วยอ่ะ

“ฮืออไอ้อิฐมันไม่หยุดเลย อึก มันเรียกกูด้วย”

“(มึงปิดประตูแน่นใช่ไหมกูกำลังจะไป)”ตอนนี้ผมน้ำตาไหลแล้วครับแม้จะไม่ได้เคาะแรงมากแต่มันก็น่ากลัวซะจนผมไม่กล้าขยับตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายสายวางไปตั้งแต่เมื่อไหร่ผมได้แต่กอดหมอนแน่นน้ำตาไหลอาบแก้ม เสียงเคาะหายไปครู่หนึ่ง

ก๊อกๆ

เฮือก

“สตางค์ผมเองนะครับ” เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกชื่อ ผมทิ้งทุกอย่างในอ้อมกอดวิ่งไปเปิดประตูให้ทันที

“ฮือออออออ”

“ไม่เป็นไรแล้วครับผมมาแล้วครับ” เพราะกลัวมากหรือเปล่าพอเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูผมก็โผเข้าไปกอดทันที ถึงจะเคยด่าว่าเป็นโรคจิตแต่ไตเติ้ลไม่เคยทำร้ายผมหรือทำให้ผมกลัวสักครั้ง แต่เมื่อกี้มันน่ากลัวจริงๆ ยืนปล่อยให้อีกคนกอดปลอบอยู่นานจนผมได้สติเลยค่อยๆผละออก

“อึก มาได้ไงอ่ะ”

“คุณอิฐโทรบอกผมครับ” ผมเอียงหน้ามองงงๆถ้าเทียบกับไอ้อิฐบ้านของไตเติ้ลน่าจะไกลกว่าไม่ใช่เหรอ  คนตัวสูงไม่ได้พูดอะไรต่อทำเพียงยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใส “ผมตั้งใจจะมาหาสตางค์อยู่แล้วครับ ตอนคุณอิฐโทรมาผมก็อยู่ไม่ไกลครับ” ผมพยักหน้าก่อนที่จะกวาดสายตามองรอบๆอย่างหวาดระแวง

“เมื่อกี้น่ากลัวมากอ่ะ”

“ผมว่าสตางค์เก็บกระเป๋าดีกว่าครับอยู่ที่นี่ผมว่าไม่ปลอดภัย” ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่จะให้ผมไปอยู่ที่ไหนล่ะ กำลังคิดมากเสียงวิ่งตึงตังขึ้นมายืนหอบอยู่ตรงบันได

“มะ..มึงเป็นไงบ้าง”

“กูกลัวอ่ะมึงกูไปอยู่กับมึงได้ไหม” ผมวิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาไอ้อิฐ

“ไม่ได้น้องกูมาอยู่ด้วย” ผมแทบน้ำตาจะไหลพรากอีกรอบ ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วแต่ถ้าจะให้ไปอยู่ที่อื่นคนเดียวผมก็กลัวจนไม่กล้าอยู่คนเดียวแล้ว

“กูกลัวนะ”

“สตางค์ไปพักกับผมได้นะครับ” อาจจะเพราะทำท่าดีใจมากไปหน่อยคนตรงหน้าถึงได้มีรอยยิ้มกว้างมอบให้ ผมรีบเข้าไปเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ชุดส่วนเรื่องที่โดนรังควาญ ไตเติ้ลบอกว่าจะส่งพี่กานต์มาตรวจสอบให้เพราะมันคุกคามเกินไป ก่อนที่จะขึ้นรถไอ้อิฐก็ร่ายยาวกำชับกำชาให้ผมระวังตัวพอขึ้นรถมาอิฐก็ลากไตเติ้ลไปคุยห่างจากรถไม่เท่าไหร่ ทำไมชอบมีความลับกับเขาก็ไม่รู้

.

“ให้มันไปอยู่กับมึงไม่ได้หมายความว่าจะให้มึงทำอะไรก็ได้นะ” อิฐจ้องหน้าไอ้คุณชาย เพราะมันจำเป็นจู่ๆก็ไอ้เอ๋อลูกชายเขาก็โดนรังควาญไม่รู้เลยว่าเป็นใคร

“ครับผมจะดูแลสตางค์ให้ดี” อิฐอยากจะกรอกตามองบน เพราะรอยยิ้มกว้างของไอ้คุณชายตรงหน้า ดูหน้าก็รู้แล้วว่าดีใจแค่ไหน เอาเถอะทำไมฟ้าเข้าข้างมันขนาดนี้นะ อิฐพูดอีกสองสามคำก่อนที่จะปล่อยให้ไตเติ้ลพาไอ้เอ๋อไปที่บ้าน มองไฟท้ายรถที่ค่อยๆห่างออกไป

อ่า

ทำไมรู้สึกเหมือนส่งลูกเข้าปากเสือวะ

บนรถมีเพียงความเงียบผมกอดกระเป๋าเสื้อผ้าแน่นเพราะเมื่ออยู่เงียบๆแล้วก็นึกถึงการถูกคุกคามเมื่อกี้นี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเพราะความกลัว

หมับ

“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ”

“อือ ขอบคุณนะ” ผมขยับเข้าไปใกล้คนที่กำลังจับมือผมที่ช่วยทำให้ผมรู้สึกวางใจ น่าแปลกที่ผมรู้สึกปลอดภัยจากคนคนนี้ ผมไว้ใจหมอนี่ได้ใช่ไหมเพราะเปิดใจไว้ใจคนตัวสูงเลยขยับเข้าไปใกล้พิงไหล่หนา

ไตเติ้ลเหลือบมองคนที่พิงไหล่ อ่า ใจผมเต้นแรงมากกลิ่นของสตางค์ไม่ได้เปลี่ยนไปเพียงแต่ผมรับรู้ถึงความรู้สึกของสตางค์ตอนนี้ มันคือความไว้วางใจ ต่อให้กลิ่นของสตางค์ไม่ได้บอกอะไรกับเขา แต่ผมก็รับรู้ว่าสตางค์ไว้ใจเขา

“สตางค์มาอยู่กับผมก่อนจนกว่าจะหาตัวคนร้ายได้นะครับ”

“คนร้ายไม่ใช่นายเหรอ คิกๆ” สตางค์พูดขำๆผมก็หลุดขำตามเพราะนึกถึงตอนแรกๆที่สตางค์เรียกผม

“ถ้าผมเป็นคนร้าย ผมคงจะอุ้มสตางค์ไปไว้ห้องแล้ว”

“นั่นไง ถามจริงเป็นอะไรกับกลิ่นของฉัน” พอได้ยินคำถามเขาก็ก้มลงมองคนที่ยังนั่งพิงไหล่แต่เงยหน้ามาถาม พอสบสายตาใสกระจ่างคู่นี้แล้วผมก็ไม่คิดที่จะโกหกอะไร

“สตางค์ถ้าผมบอกอะไรไปสตางค์จะเชื่อผมไหม” เพราะอดีตที่เคยบอกใครไปเกี่ยวกับความสามารถคำสาปนี้ ผมกลับได้ยินแต่เสียงหัวเราะและคำตราหน้าว่าโกหก

“อือเล่ามาสิ”

“ผมได้กลิ่น…”ผมเว้นวรรคไปช่วงหนึ่งใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเนียนไปเรื่อยๆ “ กลิ่นที่ว่าไม่ใช่กลิ่นหอมทั่วไปหรือกลิ่นตัวหรอกนะครับ..แต่เป็นเหมือนพวกอารมณ์มากกว่า และผมก็ห้ามมันไม่ได้”

“อ้อ เพราะอย่างนั้นถึงเจอคนมากๆไม่ได้ใช่ไหม”

“ครับ” สตางค์พยักหน้ากับไหล่ผมเบาๆไม่ได้หัวเราะหรือพูดอะไรออกมา “ยิ่งอยู่กกับคนมากๆผมยิ่งได้กลิ่นแรงมันตีกันจนผมทนไม่ไหวเลยออกไปไหนไม่ได้อีกอย่างผมก็ไม่กล้าออกไป”

“แล้วนายได้กลิ่นฉันยังไงทำไมฉันถึงเข้าใกล้นายได้” ตอนนี้สตางค์เหมือนเจ้าหนูจำไมที่สงสัยกับตัวผมอยากรู้เกี่ยวกับตัวผม

“กลิ่นของตางค์เป็นกลิ่นที่ทำให้ผมสบายใจ กลิ่นที่เหมือนยืนอยู่บนทุ่งกว้างและมันทำให้ผมอยู่กลับคนอื่นได้โดยไม่เป็นอะไรเลย”

“เพราะอย่างนั้นถึงได้ตามฉันอย่างนั้นเหรอ” พอคิดถึงตอนแรกที่ผมอยากอยู่ใกล้สตางค์จนทำอะไรเหมือนคนโรคจิตลงไปก็อดยิ้มไม่ได้

“ใช่ครับ”

“หึๆ ถึงแล้วอ่ะ”พวกเราลงจากรถ วันนี้พ่อกับแม่ก็ไม่อยู่หลังจากที่กลับมาจากสาขาต่างประเทศพอทานข้าวเที่ยง

กับผมเสร็จก็บินลงใต้ต่อ เดินนำสตางค์ขึ้นบนบ้านเพราะเป็นเรื่องฉุกเฉินเลยไม่ได้จัดห้องไว้ให้เลยให้สตางค์พักที่ห้องส่วนผมจะไปนอนที่โซฟาเอง

“เตียงออกจะกว้างนอนด้วยกันก็ได้นะ” ให้ตายเถอะผมอยากจะโทรไปถามอิฐว่าเลี้ยงสตางค์มายังไงถึงได้น่ารักและทำตัวให้หัวใจผมทำงานหนักแบบนี้นะ

“เอ่อ มันไม่ดีมั้งครับ”

“ได้ดิ หรือกลัวว่าเรานอนดิ้น เรานอนนิ่งมากนะ” สายตาของสตางค์ใสซื่อพูดตามที่คิดเพียงแต่ผมที่เริ่มรู้ตัวเองกลับไม่อยากอยู่ใกล้ อ่าผมไม่ควรคิดมากเลยตอบตกลงผมปล่อยให้สตางค์มีเวลาส่วนตัว ผมไปอาบน้ำอีกห้องพอกลับมาสตางค์ก็ใส่ชุดนอนนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงแล้ว

“สตางค์นอนก่อนเลยก็ได้นะครับ”

“อ่าวแล้วนายล่ะ”

“ผมจะทำงานอีกสักหน่อยครับ” เพราะไม่กล้าที่จะนอนข้างๆตอนที่สตางค์ยังตื่นอยู่

“อ้อ งั้นนอนก่อนนะพรุ่งนี้มีเรียนเช้า” ผมพยักหน้ารับตารางเรียนของสตางค์เขาจำได้ขึ้นใจ

“ฝันดีครับพรุ่งนี้ผมจะไปส่ง”

“อือ” ร่างเล็กล้มตัวลงนอนผมเดินไปปิดไฟในส่วนห้องนอนเสร็จแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ส่งข้อความบอกพี่กานต์เรื่องที่เขาจะไปส่งสตางค์เองวันพรุ่งนี้ พร้อมกับสั่งให้ไปช่วยสืบคนที่ทำให้คนตัวหอมต้องหวาดกลัว

อ่า ถ้าให้สตางค์มาอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยก็น่าจะดี     

ฃ******************************************************

หนีไปลูกสตางค์ 5555

พ่ออิฐผู้น่าสงสาร เปิดตัวละครใหม่แล้ววววว

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

           

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 10 2/12/2561
«ตอบ #41 เมื่อ02-12-2018 13:58:21 »

ชอบอิฐเป็นทั้งคุณพ่อและเพื่อนที่ดีมาก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 10 2/12/2561
«ตอบ #42 เมื่อ03-12-2018 09:36:28 »

สตางค์ซื่อจริงๆอ่ะ ถ้าไม่ได้อิฐก็แย่เลยแต่มีคนดูแลมาเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วน้าาา

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 10 2/12/2561
«ตอบ #43 เมื่อ03-12-2018 14:15:46 »

สตางค์ช่างน่ารักมัดใจจริง :o8:
+1

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 11 8/12/2561
«ตอบ #44 เมื่อ08-12-2018 18:40:14 »

11

ผมตื่นมาพร้อมกับอาการงงๆ เพราะลืมไปว่าตัวเองอยู่ที่ไหนพอนึกขึ้นได้ก็อยากล้มตัวนอนต่อเพราะต้องยอมรับเลยว่าเตียงของไตเติ้ลมันนุ่มจริงๆ

“ตื่นหรือยังครับ”

“อือ แต่อยากนอนต่อ” พูดจบผมแทบอยากจะมุดลงกับหมอนนุ่มกลิ่นหอม ฮืออออ อยากซื้อไปไว้หอ

“วันนี้สตางค์ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอครับ” พอได้ยินคำว่าเรียนผมก็ดีดตัวลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำทันที พอออกมาก็ไม่เห็นเจ้าของห้องในห้องแล้วมีเพียงชุดนักศึกษาที่รีดไว้เรียบร้อยวางไว้ที่เตียง ทำไมบริการดีอย่างนี้นะ ผมรีบแต่งตัวแล้วหยิบกระเป๋าลงไปข้างล่างกวาดสายตามองหาร่างสูง

“ทานข้าวเช้ากันครับเดี๋ยวผมไปส่ง” ผมได้แต่พยักหน้าตอนนี้ไตเติ้ลไม่ยอมใส่แมสตลอดเวลาที่อยู่กับผมเลยครับหรือแค่ผมอยู่ใกล้เจ้าตัวก็จะไม่ใส่ถึงแม้จะมีอาการคิ้วขมวดหน่อยๆ ก็เถอะ

“อือ แล้วจะไม่เป็นไรเหรอ” ผมถามเพราะความเป็นห่วง เกิดอาการหนักแล้วเกิดอะไรขึ้นผมก็รู้สึกผิดนะสิ

“ถ้าแค่บนรถไม่มีปัญหาอะไรครับ” อ้อ พยักหน้ารับต่างคนต่างนั่งกินข้าวเงียบ พอถึงเวลาเราก็เดินไปที่โรงจอดรถ ไตเติ้ลไปบอกพี่กานต์ว่าจะไปส่งผมเอง เล่นเอาพี่กานต์ตกใจจนทำกุญแจรถหล่นท่าทางมันน่าขำมาก ผมขึ้นไปนั่งที่ประจำพอออกรถมาได้สักพักเพราะเงียบเกินไปผมเลยชวนไตเติ้ลคุย

“นี่แล้วฉันต้องอยู่บ้านนายถึงเมื่อไหร่อ่ะ” เพราะน้องของไอ้อิฐมาอยู่ด้วยผมเลยไปอาศัยนอนห้องมันไม่ได้ส่วนเรื่องที่หอผมคงจะต้องย้าย เมื่อคืนมันน่ากลัวจริงๆ

“ก็ตามที่สตางค์สะดวกเลยครับ อยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้” อยากจะข่วนหน้าหล่อๆ ที่เดี๋ยวนี้ชักจะยิ้มเก่งขึ้นไปทุกทีถึงจะเป็นการยิ้มมุมปากก็เถอะ

“คิดค่าเช่าเท่าไหร่ล่ะ”

“สำหรับสตางค์ผมให้ฟรีครับ” ผมยิ้มกว้างหลังๆ มาไอ้ท่าทางเงียบๆ ขรึมๆ นะไม่รู้ว่าหายไปไหน มีแต่คนอบอุ่นแม้คำพูดบางคำจะทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ก็เถอะ

“ถ้าอย่างนั้นเก็บฉันไว้เลี้ยงเลยไหม”

“ได้เหรอครับ” ไอ้สายตาเปล่งประกายนี่มันอะไรกันผมรีบหลบสายตานั้นทันทีเพราะมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ต้องถามไอ้อิฐ ไอ้อิฐต้องมีคำตอบให้ผมแน่ๆ พอถึงหน้าคณะผมก็รีบบอกขอบคุณเร็วๆ แล้วก็วิ่งลงจากรถได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าจะมารับผมเลยหันไปโบกไม้โบกมือแล้ววิ่งขึ้นห้อง โชคดีที่ไอ้อิฐมาแล้วพอเห็นหน้าเพื่อนผมก็พุ่งไปหามันทันที

หมับ

“ไอ้อิฐฐฐฐฐ”

“เห้ยๆ อะไรของมึงปล่อยกูก่อน” อิฐตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้เพื่อนสนิทก็วิ่งตรงเข้ามากอดแขนแล้วเรียงชื่อเขาไม่หยุด ไอ้คุณชายมันทำอะไรให้ล่ะเนี้ย

“มึงกูแปลกๆ” อีกแล้วคำนี้ อยากจะบอกมันนะว่ามันนะแปลกเป็นปกติอยู่แล้วแต่เพื่อไม่ให้ไอ้ตัวเล็กเจ็บปวดเลยถามว่าเป็นอะไร

“กู....กู..”

“ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่ต้องคุยกับกูเหอะ” อิฐชักรำคาญเมื่อมันอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่พูดสักทีจนจะถึงเวลาเรียนแล้ว

“เวลากูจ้องหน้ากับไตเติ้ลรู้สึกแปลกๆ แถมหมอนั่นชอบพูดให้กูรู้สึกแปลกอ่า” ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลงแถมแก้มป่องๆ ของมันที่ตอนนี้เริ่มจะป่องขึ้นเพราะไม่ได้ทำงานแดงระเรื่อ โอ๊ยกูอยากให้ไอ้คุณชายมาเห็นรับรองว่ามันไม่ทนแน่นอน

“กูบอกมึงไม่ได้แต่มันดีไหมล่ะความรู้สึกนี้” ไม่คิดที่จะชี้นำหรอกนะเรื่องแบบนี้มันต้องรู้ได้ด้วยตัวเอง

“ก็...ดีมั้ง” ท่าทางไม่มั้นใจของมันทำให้เขาอดลูบหัวไม่ได้ ลูกเขาจะโตแล้วสินะ

“เออค่อยคิดไป” มันก็พยักหน้ารับจริงจังดูท่ามันจะคิดจริงจังแน่ๆ “กูไปเข้าห้องน้ำนะ” บอกมันแล้วก็ลุกออกไป

ไอ้อิฐลุกออกไปส่วนผมก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะรออาจารย์เข้ามาสอนในหัวก็คิดถึงอาการแปลกๆ แต่ไอ้อิฐบอกว่าค่อยๆ อืม......งั้นค่อยคิดโยนๆ ทิ้งไปก่อน ไอ้อิฐเป็นพ่อเพราะอย่างนั้นเชื่อมันไม่ผิดแน่นอน

“สตางค์ครับ” หือ ผมเงยหน้ามองคนที่เข้ามาทัก ใครกันทำไมไม่คุ้นหน้า

“อ่ะมีอะไรหรือเปล่า” ผมขยับตัวให้อยู่ห่างคนที่ยืนใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้เท่าไหร่เพราะเป็นเก้าอี้เล็คเชอร์ไม่รู้ทำไมสายตาใต้แว่นนั่นถึงทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

“ผมซื้อมาฝาก ไม่ได้ทำงานแล้วเหรอครับ”

“เอ่อไม่ครับ” ผมไม่ได้ยื่นมือไปรับแต่เหมือนอีกคนจะไม่สนใจวางถุงขนมลงบนโต๊ะ

“ผมต้องไปก่อนนะครับ” ผมที่กำลังจะปฏิเสธเรื่องขนมหมอนี่ก็เดินออกไปทีพอดีกลับประตูห้องเปิดออกไอ้อิฐกลับเข้ามา พอมาถึงโต๊ะเห็นท่าทางผมแปลกมันก็ถาม

“ถุงอะไร”

“กูไม่รู้ว่ะ มีคนเอามาให้ โคตรแปลก” พอบอกไปไอ้อิฐก็คิ้วขมวดหยิบถุงขนมไปเปิดดูแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกนอกห้องพอกลับเข้ามาก็ไม่มีถุงขนมกลับมาด้วย

“ต่อไปไปไหนมึงต้องอยู่กับกู” อยากจะแย้งแต่เห็นสีหน้าของไอ้อิฐแล้วผมก็ตกลงตามใจมัน

“ดี” และวันนี้ผมก็เรียนแบบงงๆ เพราะเรื่องที่เกิดวันนี้ไอ้อิฐตามติดผมยิ่งกว่าอึปลาทองอีกจนกระทั่งรถหรูมาจอดหน้าคณะ

“เดี๋ยวกูไปส่ง”

“อือ” พอถึงรถไอ้อิฐก็จับผมยัดลงในรถแล้วก็เรียกไตเติ้ลออกไปทีแรกเจ้าตัวอิดออดไม่อยากออกไปแต่พอไอ้อิฐทำหน้าเครียดเจ้าตัวถึงยอมออกไปคุย ทำไมชอบคุยโดยที่กันผมออกไปไม่นานไตเติ้ลก็เปิดประตูรถเข้ามาแล้วขับออกไปเพราะผมทนไม่ไหวเลยถามออกไป

“มีอะไรหรือเปล่าทำไมทั้งนายทั้งไอ้อิฐต้องทำลับล่อๆ” ผมทำหน้าบึ้งเมื่อไตเติ้ลเงียบแต่สีหน้าเครียดนั่นทำให้ผมไม่สบายใจเอาเสียเลย

“สตางค์ผมเป็นห่วงสตางค์มากนะครับ”

“ห่วงอะไรกันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“สตางค์ต่อไปต้องอยู่ใกล้กับคุณอิฐและต่อไปสตางค์ก็ย้ายไปอยู่กับผม” ไอ้อยู่ใกล้เพื่อนนั้นไม่เท่าไหร่แต่ไอ้เปลี่ยนที่อยู่ไปกับมันคืออะไร

“ทำไมต้องย้ายไปด้วยล่ะ” ผมได้ยินเสียงไตเติ้ลถอนหายใจแรงแล้วก็เงียบไป จนกระทั่งมาถึงบ้านไตเติ้ลก็จูงมือผมขึ้นไปบนห้องดึงมานั่งที่โซฟา จ้องหน้ากันแต่ก็ไม่พูดอะไรจนกระทั่งไตเติ้ลถอนหายใจแรงๆ ครั้งหนึ่ง

“ผมไม่ไว้ใจเลยตอนนี้ผมกับคุณอิฐคิดเหมือนกันคือให้สตางค์มาอยู่กับผม”

“มีอะไรหรือเปล่า” ถึงผมจะเอ๋อแต่ก็ไม่ได้บื้อขนาดนั้น จริงๆ คือสองคนนี้ทำอะไรชัดเจนเกินไป

“เรื่องเมื่อคืนมีคนตามสตางค์จริง และดูเหมือนเขาจะเข้ามาใกล้เรื่อยๆ” พอรู้สาเหตุผมก็รู้สึกขนลุกขนพอง

“จะบอกว่าหมอนั่นเป็นคนที่ตามฉันเหรอ” พอคิดถึงคนที่เอาขนมมาให้ผมก็คิดหน้าไม่ออกมันเหมือนมีอะไรที่ทำให้ผมคิดหน้าไม่ออกสิ่งที่นึกได้คือแว่นและแววตานั้น

“ก็อาจจะครับเพราะเมื่อคืนหลังจากที่ผมให้กานต์ไปดูแล้วมันใช้ไม่ได้” คราวนี้เป็นผมที่เป็นฝ่ายถอนหายใจเอง เพราะไม่รู้ว่าอะไรทำให้พวกโรคจิตตามติด คนแรกก็คนตรงหน้าผมนี่ไง

“แล้วต้องมาอยู่นี่นานแค่ไหนกัน” ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องการย้ายที่อยู่แต่การที่จะมาอยู่บ้านคนอื่นเลยนี่มันอีกเรื่องหนึ่งเลยนะ

“นานเท่าที่สตางค์อยากอยู่”

“แต่มัน..” ผมที่กำลังจะบอกว่าเกรงใจแต่ไตเติ้ลก็แย้งขึ้นมาเสียก่อน

“ผมเต็มใจและทุกคนก็ยินดีที่จะให้สตางค์มาอยู่ที่นี่” ผมพูดไม่ออกได้แต่ยอมพยักหน้า และไตเติ้ลก็เป็นคนจัดการทั้งหมดทั้งบอกว่าจะให้พี่กานต์ไปจัดการพอจะแย้งว่ารบกวนพี่กานต์

“ผมเป็นเจ้านายครับ” เนี้ย หมอนี่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เคยที่ไหนกับการใช้อำนาจแบบนี้แล้วแบบนี้ผมแย้งอะไรได้บ้างอย่าให้ผมรู้วิธีเอาคืนนะ

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาข้าวของที่จำเป็นของผมก็มาส่งถึงห้องที่ตอนนี้มีเตียงอีกหลังเพราะพอจะให้ผมย้ายมาอยู่นี่ไตเติ้ลก็ไม่ยอมให้ผมไปห้องอื่นพอจะแย้งก็บอกว่าเป็นคำสั่งเจ้านายแต่เอาเถอะผมก็คุ้นกับที่นี่แล้ว

“งั้นนายนอนเตียงใหม่นะ” เพราะติดใจกับความนุ่มแล้วก็กลิ่นหอมเรื่องอะไรจะเปลี่ยนไปนอนเตียงใหม่ ผมพูดโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าอีกคนนั้นมีท่าทางยังไง

ไตเติ้ลรู้สึกอยากจะรวบคนที่ขึ้นไปนั่งบนเตียงเขาแล้วพูดจาน่าฟัดจริงๆ ตั้งแต่เช้าแล้วท่าทางเหมือนแมวขี้เซาที่นอนอยู่บนเตียงทำไมน่ารักขนาดนั้นนะ มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ผมพึ่งเคยรู้สึก

ความรู้สึกที่อยากจะรวบใครสักคนมากอดและฟัดให้จมเขี้ยว

อ่า

ถ้าทำจริงๆ สตางค์คงจะหนีเหมือนตอนนั้นแน่ๆ เพราะตอนนี้สตางค์น่ารักเกินไปผมเลยลงไปข้างล่างเพื่อกำจัดความรู้สึกนี้

“อ่าวไตเติ้ลลูกทำไมลงมาอยู่ข้างล่าง” คุณผู้หญิงที่พึ่งกลับมาจากการดูงานแปลกใจที่เดินเข้าบ้านมาก็เห็นลูกชายออกมานั่งที่โซฟากลางบ้านได้

“อ่าสตางค์อยู่บนห้องครับ แม่ผมมีเรื่องจะปรึกษา” เมื่อคนเป็นแม่นั่งลงที่โซฟาตรงข้ามเขาก็เริ่มเล่าปัญหาที่สตางค์เจอแล้วก็ขออนุญาตให้สตางค์มาพักอยู่ที่นี่ด้วย

“ลูกไม่ได้บังคับน้องใช่ไหม”

“ไม่ครับ” แม่หรี่ตามองอย่างจับผิด แต่อย่างผมแล้วเรื่องหลุดไม่มีทาง

“ถ้าน้องไม่มีปัญหาแม่ก็ไม่มีปัญหาจ๊ะ อ่ะแต่ลูกห้ามทำอะไรน้องเชียวนะ”

“ผมจะทำอะไรเล่า” ผมอยากจะประท้วงยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะทำไมถึงห้ามล่ะ

เพราะถ้าจะทำสตางค์คงไม่รอดหรอกนะครับ

*****************************************

น้องงงงงงงงงงงงหนีปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ใครว่าพระเอกดีคะ นางร้ายลึกนะจ้าาาา ใสๆไม่มีจริง

55555  อ่านแล้วเป็นไงอย่าลืมบอกเราน้าาาา

กดถูกใจให้กำลังใจกันด้วยนะคะ

ปล. ติดตามข่าวสารได้ที่เพจน่อ

ปลล.ถ้าเจอคำผิดขออภัยด้วยนะคะ

 Tiffany: พ่ออิฐเป็นพ่อทูลหัว ที่น่าหาคู่ให้ แค่กๆ
miikii : สตางค์ไม่ทันเหลี่ยมเสือร้ายยยยยยย
 Chompoo reangkarn : น้องน่ารักน่าฟัดมากค่ะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 11 8/12/2561
«ตอบ #45 เมื่อ09-12-2018 00:09:05 »

ชอบตามติดเรื่องนี้ใสๆๆดีเบาสมอง :L2:+1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 11 8/12/2561
«ตอบ #46 เมื่อ11-12-2018 00:20:08 »

อย่าทำน้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
«ตอบ #47 เมื่อ17-12-2018 13:39:22 »

12

“ทานเยอะๆ นะลูก”

“อ่าครับขอบคุณครับ” ผมรีบขอบคุณคุณแม่ที่ตักอาหารใส่จานผมพออย่างหนึ่งหมดก็จะมีอาหารวางบนจานทันที ความรู้สึกห่วงใยนี้ผมไม่ได้รู้สึกมานานตั้งแต่เสียครอบครัวไป

“แล้วของผมล่ะครับ” คนที่นั่งอยู่เงียบๆ ก็พูดขึ้น อะไรคือการตักกับข้าวให้กันอยู่แค่สองคน ร่างสูงเหมือนเป็นส่วนเกินบนโต๊ะอาหาร

“โอ๋ๆ คุณลูกน้อยใจเหรอคะ” คุณแม่ตักกับข้าวใส่จานไตเติ้ล ผมแทบหลุดขำเมื่อคุณแม่พูดเหมือนกับไตเติ้ลงอนเหมือนเด็กๆ

“เปล่าสักหน่อยครับ”

“วันนี้จะไปไหนกันหรือเปล่า ถ้าไม่ไปแม่จะยืมตัวน้องสตางค์ไปเที่ยวกับแม่” ผมรีบเงยหน้าจากจานข้าวทันที จริงอยู่วันนี้ผมไม่มีเรียนแต่ปกติก็ต้องอยู่ช่วยงานไตเติ้ล

“ไม่ได้”

“เราอย่าหวงน้องหน่อยเลยตัวเองไปกับแม่ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” ที่คุณแม่หมายถึงอาการของเจ้าตัวสินะ นี่ไม่เคยออกไปเที่ยวห้างเลยเหรอ

“ถ้าสตางค์ไปผมก็จะไป” เท่านั้นล่ะทั้งห้องทานอาหารมีแต่ความแปลกใจ คนอย่างคุณหนูจะออกไปเดินห้าง นับวันตั้งแต่มีคนตัวเล็กมาอยู่ด้วยคุณหนูยิ่งทำตัวเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งทุกคนยินดีที่มันเปลี่ยนไป

“จ๊ะ งั้นสตางค์ไปกับแม่นะลูก แม่ว่าหนูย้ายมาที่นี่เลยก็ได้นะคะ” ผมก้มหน้าลงใช่อยู่ที่บ้านหลังนี้แต่ว่า..มันก็ไม่ใช่บ้านของเขาจริงๆ เสียหน่อย ถ้าจะให้มาอยู่เลยนั้นผมกลับรู้สึกว่าคงไม่ได้ที่นั่นถึงจะไม่ปลอดภัยแต่ก็เป็นที่ของเขา

“แม่ครับอย่าบังคับสตางค์” ไตเติ้ลส่งสายตาห้ามไม่ให้แม่พูดเรื่องนี้อีกเพราะดูจากสีหน้าของสตางค์แล้วคงจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากตอบ

หลังจากทานข้าวก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวเพื่อเตรียมออกไปข้างนอกกับคุณแม่ ผมเลยได้ใช้ห้องของไตเติ้ลไปโดยปริยายส่วนเจ้าของห้องกลับไปอาบน้ำห้องนอนแขกของในห้องก็เริ่มมีของเขาวางปะปนทั้งๆ ที่ควรรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่เขารู้สึกว่ามันก็ดูลงตัว บ้า ไอ้สตางค์นี่แกว่างมากถึงได้คิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเรียกสติให้กลับมาจากอาการฟุ้งซ่านผมเดินไปเปิดประตู ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมต้องก้มหน้าหลบสายตาทันที จะไม่ให้หลบได้ยังไงเล่าหน้าอกที่มีกล้ามเนื้อหน่อยๆ มันอยู่ตรงหน้าผมพอดี ร่างสูงที่ใส่เพียงกางเกงยีนผ้าขนหนูพาดอยู่บนไหล่ทำไมถึงทำตัวสบายๆ ได้แบบนี้นะ ผิดกับผมที่ตอนนี้หน้าร้อนไปหมดแล้ว

“อ่า พอดีเสื้อที่ผมเอาไปผมซุ่มซ่ามทำเสื้อเปียกเลยต้องมาหยิบเสื้อนะครับ”

“กะ..ก็เข้ามาเอาสิ” ผมรีบเบี่ยงตัวเปิดประตูให้เจ้าของห้องเข้ามาในห้องส่วนผมก็รีบหนีออกจากห้องทันที ใครจะอยู่ดูเล่า เดินลงมาพอดีกับคุณแม่ที่เตรียมตัวเสร็จแล้วเขาเดินไปนั่งลงข้างๆ

“สตางค์รู้ไหมตั้งแต่เลี้ยงไตเติ้ลมานี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวจะไปห้าง”

“เอ่อไตเติ้ลเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนเหรอครับ” คุณแม่ทำหน้านึกแววตาอ่อนโยนเมื่อนึกถึงลูกชายเมื่อครั้งยังเด็ก

“ตอนประมาณสามสี่ขวบตอนครั้งแรกที่เป็นทั้งแม่และพ่อตกใจกันไปหมดหมอก็ให้คำตอบไม่ได้จนต้องให้ไตเติ้ลอยู่ห้องคนเดียว” สามสี่ขวบต้องอยู่ห้องกว้างๆ เพียงคนเดียวหากจะเทียบกับเขาแล้วที่แม้ตอนนี้จะไม่มีครอบครัวอยู่แล้วแต่ความทรงจำวัยเด็ก การนอนกับพ่อแม่คือสิ่งที่รู้สึกอบอุ่นมาก

“แม่ดีใจนะที่ไตเติ้ลได้เจอสตางค์” รอยยิ้มกว้างและสายตาที่สื่อความหมายมากมายจนเขาต้องหลบสายตา ไม่นานไตเติ้ลก็ลงมาและเป็นผมที่คอยหลบสายตาคมที่มองมาอย่างเป็นห่วงไม่รู้ว่าเป็นอะไรทำไมผมถึงไม่กล้าสบตาหรือเพราะเรื่องราวที่คุณแม่พูดหรือเพราะความรู้สึกของผมที่แปลกไป นั่งรถไปได้ครึ่งทางคนข้างๆ ก็คงทนไม่ไหว

“สตางค์เป็นอะไรครับ”

“ปะ..เปล่าสักหน่อย” ผมหันหน้าหนีแต่ถูกมือใหญ่มาจับคางไว้บังคับให้ผมมองหน้าสบตาได้เพียงไม่ถึงสามวิผมก็ต้องหลบตา

“บอกมาสิครับว่าเป็นอะไร” ฮืออทำไมคุณแม่ถึงไม่ได้ขึ้นรถคันนี้มาด้วยนะ เพราะยังโดนจ้องคาดคั้นไม่เลิกผมเลยสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะบอกออกไป

“ก็มันฉันรู้สึกแปลกๆ ใจเต้นรัวไปหมดแล้วรู้แล้วก็ปล่อย” ไม่รู้ว่าทำสีหน้ายังไงตอนพูดเพราะหลับตาแน่นสัมผัสที่คางหายไปผมเลยหันไปซุกกับประตู ฮืออออออออ คอยดูจะไม่หันไปเลย

ไตเติ้ลรู้สึกว่าหูและใบหน้าร้อนผ่าว คนคนหนึ่งต้องน่ารักตลอดเวลาได้ยังไง ภาพเมื่อกี้กับคำพูดที่ทำให้ใจเต้นทำให้เขาเผลอปล่อยมือจากผิวนิ่ม น่ารัก น่ารัก น่ารัก ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่คำคำนี้วนเวียนไปมา ยิ่งสตางค์เปิดใจให้มากเท่าไหร่ยิ่งมีแต่คำๆ นี้วนเวียน

“ผม...ผมก็รู้สึกเหมือนกัน” ร่างที่แทบจะสิงกับประตูรถแล้วสะดุ้งเมื่อผมบอกความรู้สึกไป และบรรยากาศกระอักกระอวลอบอวนไปทั่วคันรถจนกระทั่งถึงห้างต่างคนก็ต่างยืนห่างกันคนละวาไม่ยอมอยู่ใกล้กันจนคนสูงวัย มองอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่นานนักร่างสูงก็ต้องขยับเข้าไปใกล้กับสตางค์เมื่อเข้าในห้างกลิ่นของทุกคนปนเปกันไปหมด

“ไหวไหมขยับเข้ามาใกล้ๆ สิ” เขาที่กำลังหน้าซีดถูกดึงแขนให้เข้าไปใกล้จนแขนชนกันกลิ่นเอกลักษณ์ของสตางค์โอบล้อมทำให้เขามีอากาศหายใจอีกครั้ง แม้กลิ่นจะไม่เหมือนเคยแต่มันกลับทำให้หัวใจเขารู้สึกอิ่มเอม ขยับเข้าไปใกล้จับมือเล็กมากุมไว้แน่น

“ขอบคุณนะครับ” แก้มใสมีริ้วแดงปรากฏขึ้นทันทีที่เขาก้มลงกระซิบ แม้จะไม่คุ้นชินกับการเดินท่ามกลางคนหมู่มากแบบนี้แต่เมื่อมีสตางค์อยู่ข้างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาเดินเข้าร้านโน้นร้านนี้ หลายอย่างที่คุณแม่แอบซื้อให้สตางค์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เพราะถ้ารู้สตางค์คงไม่ยอมรับค่อยเอาไปให้ที่บ้าน ตอนนี้มาลงเอยที่ร้านขนมที่คุณแม่อยากทาน

“สตางค์อยากกินอะไรครับ” เพราะรู้ว่าร่างเล็กต้องเกรงใจผมเลยกางเมนูที่เจ้าตัวน่าจะชอบอันนี้แอบคุยกับคุณอิฐมา สตางค์ชอบกินสตอเบอรี่ซึ่งสตางค์ก็ดูจะผ่อนคลายสั่งของหวานมาทานสองสามอย่าง ส่วนผมนั้นของหวานนี่ไม่ถูกกันเลยจริงๆ ส่วนทั้งมารดาและสตางค์ต่างเอ็นจอยกับของหวาน สตางค์ดูมีความสุขมากที่ได้ใกล้ชิดกับคุณแม่ซึ่งผมจะแย้งอะไรล่ะดีสิ ยิ่งสนิทกันผมจะได้ชวนสตางค์มาอยู่บ้านง่ายๆ

“อร่อยไหมคะลูกสตางค์”

“อร่อยครับ” ผมมองรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขของสตางค์เงียบๆ

“งั้นคราวหน้าเราแอบหนีไตเติ้ลมาเที่ยวด้วยกันนะคะ”

“ไม่ใช่แล้วล่ะครับ” เรื่องอะไรจะปล่อยให้ไปกันสองคนแล้วผมต้องอยู่คนเดียวล่ะ

“คิก ดูคนจะโดนทิ้งสิคะ” ทั้งสองคนหันไปหัวเราะคิกคักเป็นผมที่โดนทิ้งอีกแล้ว หลังจากที่ช็อปปิ้งกันจนคนที่มาถือของต้องเอาของไปเก็บที่รถก่อนรอบหนึ่งตอนนี้ก็แยกย้ายขึ้นรถตรงกลับบ้าน อาจจะเพราะเดินเที่ยวกันทั้งวันพอถึงบ้านทั้งแม่และสตางค์ต่างขึ้นไปพักผ่อนส่วนผมนั้นเดินออกไปคุยกับพี่กานต์เสียก่อน แมสคู่ใจถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้ง

“ได้เรื่องว่ายังไงครับพี่กานต์”

“กล้องใช้ไม่ได้ครับแต่ว่าคนที่เอาขนมมาให้น้องสตางค์นั้นมีรูปครับตอนนี้กำลังให้คนสืบอยู่” ผมพยักหน้ารับ “แต่ว่ามีเรื่องแปลกครับห้องของน้องสตางค์ถูกงัดเข้าไปครับแต่ไม่มีอะไรหายไป”

“นั่นมันแย่แล้วล่ะครับ ผมคงให้สตางค์กลับไปไม่ได้แล้วให้คนไปเฝ้า แล้วกก็ติดกล้องในห้องของสตางค์ด้วยนะครับ ขอบคุณนะครับพี่กานต์” พอสั่งเรียบงานเรียบร้อยผมก็เดินขึ้นไปเคาะประตูห้องแม้จะเข้าออกได้ตามใจแต่เมื่อให้สตางค์ใช้ห้องนี้เลยเขาเลยเคาะประตูทุกครั้ง

“หาว..ว่าไงอ่ะ” สตางค์เปิดประตูออกมาพร้อมกับท่าทางเหมือนแมวขี้เซาขนฟูคงจะนอนอยู่สินะ ผมยกมือขึ้นไปลูบผมนิ่มที่ชี้ฟูไม่เป็นทรง อาจจะเพราะยังเบลออยู่สตางค์ถึงปล่อยให้เขาลูบอยู่นานจนรู้ตัวถึงได้ขยับตัวออก

“ผมขอเข้าไปคุยข้างในนะครับ”

“ห้องนี้มันห้องนายนะ” ผมยิ้มรับไม่ได้ว่าอะไรต่อเดินเข้าไปในห้องนั่งลงที่โซฟา สตางค์ก็เดินมานั่งเอนอยู่ข้างๆ ท่าทางง่วงงุนจนอยากจะดึงตัวมากอดแล้วลูบผมนิ่มนั่นอีกสักที

“สตางค์ย้ายมาอยู่ที่นี่เลยดีไหมครับ”

“ไม่เอาหรอกที่นี่ไม่ใช่บ้านฉันสักหน่อย” ผมอยากแย้งว่าทุกคนเต็มใจให้สตางค์มาอยู่ที่นี่อยู่แล้ว โดยเฉพาะคุณแม่รายนั้นแทบจะสั่งให้คนไปขนของมาทีเดียว

“งั้นคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของสตางค์สิครับ” หันไปสบตากลมที่เบิกกว้างเมื่อเขาพูดจบ ดวงตากลมคลอไปด้วยน้ำใส ที่จริงอาจจะเร็วไปแต่ผมก็มั่นใจกับความรู้สึกตัวเองว่ารู้สึกยังไงสตางค์ไม่ใช่แค่คนที่ทำให้เขาหายใจโล่งแต่สตางค์เป็นเหมือนอากาศที่ทำให้เขาหายใจ อากาศที่ไม่อยากให้หายไป ยกมือขึ้นแตะแก้มขาว

“ผมอยากให้สตางค์อยู่ที่นี่ อยู่ด้วยกัน....นะครับ”

.

.

บ้าไปแล้ว คนตรงหน้าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ น้ำเสียงทุ้มทอดเสียงนุ่มลงท้ายนั่นเหมือนในหัวเขาโดนระเบิดนิวเคลียร์ลง ทุกสิ่งทุกอย่างขาวโพลนไปหมด ตอนนี้ไตเติ้ลบอกว่าให้ที่นี่เป็นบ้าน ผมดีใจแทบตายแม้จะทำตัวเข้มแข็งแค่ไหนแต่ผมก็อยากมีบ้านมีที่ของเขา

“ว่ายังไงครับ” ผมสะดุ้งเมื่อไตเติ้ลถามอีกรอบสัมผัสร้อนที่แก้มทำให้ผมขยับตัวออกห่างเมื่อรู้สึกว่าอยู่ใกล้กันเกินไป พอถามถึงคำตอบผมก็เลิกลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไป สายตาคมมองผมเหมือนกดดัน เง้อ ผมคิดไม่ออกแล้วจริง

“อ่ะ...ต้องถามไอ้อิฐก่อน” ผมร้องบอกเมื่อไตเติ้ลขยับเข้ามาใกล้พอได้ยินคำตอบก็เผยรอยยิ้มกว้างยอมขยับไปนั่งดีๆ ใช่เรื่องนี้ต้องปรึกษาไอ้อิฐมันต้องช่วยผมได้แน่ๆ

“ที่ห้องสตางค์มีคนงัดเข้าไปแต่ไม่มีอะไรหาย” พอได้ยินเรื่องราวผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว ใครกันที่งัดเข้าไปแล้วงัดเข้าไปทำไม ดีที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่อย่างนั้นถ้าผมยังอยู่จะเกิดอะไรขึ้น

“งั้นเราต้องคิดอีกที ได้ไหม” ไตเติ้ลพยักหน้าแล้วบอกว่าให้ผมพักผ่อนเจอกันมื้อค่ำ ผมรับคำเจ้าตัวพอใจแล้วก็เดินออกจากห้องไป ส่วนผมนั้นฟุบหน้าลงกับโซฟากรีดร้องไม่มีเสียง ใจผมยังเต้นแรงเหมือนเลือดสูบฉีดไปทั่วตัว ฮือออจะตายแล้ว หลังจากโดนดาเมจทำลายล้างกว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปหลายนาทีถึงได้ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์กดโทรหาเจ้าเพื่อนสนิททันที

“ (งายมึง ไปเที่ยวสนุกไหม) ” มันรู้ได้ยังไงวะ

“ก็ดี ไอ้อิฐ ไตเติ้ลมันพูดแปลกๆ กับกูวะ” แล้วผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอ้อิฐฟังทุกคำทุกอย่างบรรยายชัดๆ ให้เห็นภาพไปเลย

“ (โห ขอขนาดนั้นจัดงานแต่งกันไปเถอะ) ”

“ไอ้อิฐ” ผมร้องเสียงอ่อยแม้กระทั่งไอ้อิฐก็เป็นไปด้วย

“ (มึงมีคนดูแลก็ดีแล้วนิ อีกอย่างไอ้คุณชายมันก็ดูจะชอบมึงขนาดนั้น” ผมหน้าร้อนฉ่ากับคำพูดของไอ้อิฐ แค่คิดว่าไตเติ้ลชอบผมยิ่งเขิน

“มันดีแล้วจริงๆ เหรอวะ”

“ (มึงต้องคิดถึงความรู้สึกของมึงมากกว่าว่ามันดีหรือไม่ดีสุดท้ายถ้ามึงชอบกันจริงๆ ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอวะอีกอย่างไอ้คุณชายถ้ามันรู้คงมันจะรีบยกขันหมากมาขอมึงกับกู” ไอ้พ่ออิฐ ถ้าอยู่ใกล้ผมคงจะข่วนหน้ามันไปแล้ว แต่ที่มันพูดก็ช่วยเรื่องการตัดสินใจให้กับผมเป็นอย่างดี แต่ผมไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่เปล่าๆ หรอกนะ แต่คงต้องคุยกันอีกทีนั่งคุยกับอิฐเรื่องงานที่ผมต้องไปทำกับมัน ซึ่งมันก็เสนอหน้าว่าจะมาทำที่บ้านถามผมได้หรือเปล่าก็ไม่ ให้ตายเถอะสุดท้ายมันก็โมเมจะมา

“ (เรื่องที่มึงถามก็คิดเอา จริงๆ ไอ้คุณชายมันจริงจังเรื่องของมึงจะตายพ่อกับแม่มันก็ไม่มีปัญหา ไปคุยกันดีๆ ล่ะกันถ้ามีปัญหาอะไรค่อยโทรมาถามกู) ”

“ขอบคุณนะมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลย” มันหัวเราะก่อนที่จะวางสายไป พอดีกับเสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงแม่บ้านเรียกให้ไปกินข้าว พอลงมาก็แทบอยากจะหมุนตัวกลับขึ้นไปบนห้องเมื่อทุกคนอยู่กันครบตอนที่เขามาอยู่คุณพ่อไม่อยู่ตอนนี้กลับมาแล้วและนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะทำให้ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหากแต่มีมือใหญ่มาจับมือเขาไว้แล้วจูงไปนั่งที่โต๊ะ

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ซึ่งคุณพ่อก็ยิ้มรับ

“พ่อได้ยินเรื่องหมดแล้วนะมาอยู่บ้านนี้นี่ล่ะที่หอนั่นดูอันตราย” น้ำเสียงนิ่งๆ กับหน้าตานิ่งๆ นั่นทำให้ผมเกร็งนิดหน่อยแต่คำพูดก็สื่อถึงความเป็นห่วง

“ผมจะขอคุณกับไตเติ้ลก่อนนะครับ” พอได้ยินอย่างนั้นคนข้างๆ ผมก็ตาลุกวาวทันที

“ครับได้เลยครับ”

“แค่กๆ ไม่ค่อยเท่าไหร่นะเจ้าลูกชาย” คุณพ่อแกล้งไอแล้ว ส่งสายตาอ่อนอกอ่อนใจให้กับลูกชาย

“พอเถอะค่ะ ทานข้าวกันดีกว่านะ สตางค์ทานเยอะๆ ลูก” ผมขอบคุณคุณแม่ที่ตักกับข้าวใส่จานให้ผมก่อนคนแรกแล้วถึงตักให้คุณพ่อ แต่เพราะคนข้างๆ คอยแต่มองผมอยู่เรื่อยไม่ยอมตักข้าวเองจนผมต้องถอนหายใจแล้วตักกับข้าวใส่จาน

“อ่ะ กินเยอะๆ นะ” นั่นล่ะถึงจะยอมกินข้าว ให้ตายเถอะและพอผมตักให้ก็ไม่ยอมที่จะตักกับข้าวเองต้องให้ผมตักให้ตลอดจนพ่อกับแม่ส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจที่ลูกชายตัวเองกลายร่างเป็นเด็ก

หลังทานมื้อเย็นเสร็จพวกเราก็นั่งดูทีวีที่ห้องรับแขกผมนั่งโซฟาตัวใหญ่ที่มีโคอาร่าคอยเกาะติดอย่างกับผมเป็นต้นยูคาลิปตัสไม่ยอมห่างผม จนทุกคนเลิกที่จะสนใจ

“อ่าเรื่องย้ายมาอยู่ที่นี่..ผมจะให้ไตเติ้ลหักเงินจากเงินเดือนนะครับ” ทั้งสามคนต่างขมวดคิ้วทันที

“เรื่องเงินพ่อไม่รับหรอกนะ ดูเจ้าคนที่ตามติดเราเถอะ แค่ดูแลกันให้ดีก็พอ” ง่า ทำไมมันฟังดูแปลกๆ นะ

“ใช่แล้วครับ ผมไม่รับเงินจากสตางค์หรอกนะส่วนเรื่องเงินเดือนสตางค์ก็ช่วยงานเหมือนเดิมก็พอแล้ว”

“ใช่แล้วจ๊ะ มาเป็นลูกแม่อีกคนนะ” มือนุ่มกุมมือผมไว้กับคำพูดที่ทำให้ผมต้องร้องไห้

“อึก ครับ ขอบคุณนะครับ”

“แม่อย่าทำให้สตางค์ร้องไห้สิครับ” หมีโคอาล่าดึงผมเข้าไปกอดแน่นพร้อมกับโยกตัวไปมา ท่าทางปลอบเหมือนเด็กๆ ทำให้ผมหัวเราะเสียงดังก่อนที่จะดันตัวเองออกมานั่งดูละครกับแม่ดีๆ ความสุขของคำว่าครอบครัวที่ผมไม่ได้เจอมานานทำให้ผมยิ้มกว้าง

“หือ” มือที่วางอยู่ถูกดึงเข้าไปกุ่มไว้แน่น อืม ไว้จะพาไตเติ้ลไปแนะนำกับพ่อแม่ผมบ้าง ดีไหมนะ

ฉ่า

คิดอะไรของแกเนี้ยไอ้สตางค์ ถ้าไอ้อิฐรู้มันต้องด่าผมแน่ๆ



***************************************

น้องสตางค์ลูกทำไมไปตกหลุมคนเจ้าเล่ห์ล่ะลูกกกก

ขอโทษที่ช้านะคะ อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนะคะ

hompoo reangkarn ขอบคุณนะคะ
 miikii  น้องหนีปายยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
«ตอบ #48 เมื่อ17-12-2018 16:13:37 »

ดีใจกับน้องด้วยน้าา หนีไม่ทันแล้ว 55555555
แต่น้องก็ไม่เคยมีปัญหากับใครไม่ใช่เหรอ ใครกันนะ :m16:

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
«ตอบ #49 เมื่อ22-01-2021 19:29:39 »

ใครหน่อมางัดห้องสตางค์ แต่ดูจากวันเวลาที่โพสน์ ไม่รู้ว่าจะมาต่อเมื่อไหร่ :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Pleasing scent ตอนที่ 12 17/12/2561
« ตอบ #49 เมื่อ: 22-01-2021 19:29:39 »





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด