กัปตันบาร์ราคล็อก อัพตอนที่ 1-4 03/07/2021
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กัปตันบาร์ราคล็อก อัพตอนที่ 1-4 03/07/2021  (อ่าน 792 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jatsada_43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ








กัปตันบาร์ราคล็อก


ผมยินดีอยู่แล้วที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้า ทว่าต้องไม่ใช่ที่นี่ ในปล่องภูเขาที่มีตัวน่าสะอิดสะเอียนจ้องจะเขมือบลูกกับทูนหัวของผม แต่ถึงจะเสี่ยงตายแค่ไหนผมก็ไม่ปล่อยโอกาสที่จะทวงคืนเซบาสเตียนที่เป็นอดีตคนรัก ไหนๆ ก็ได้กลับมาไกล้ชิดกันแล้ว จึงถือซะว่ามาเที่ยวพักร้อน ฮันนีมูนรอบสองและปั่มปั๊มให้หนำใจ แม้ว่าเขาจะมีเจ้าของหัวใจคนใหม่แล้วก็ตาม

ว่าแต่ใครคือแจ็คสัน ฮิวจ์

“เราหย่ากันแล้ว”

“ผมรู้”

“งั้นคุณก็รู้ว่านอกจากลูกเราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เราคุยกันได้ เดินด้วยกันได้ นั่งกินกล้วยด้วยกันได้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์หวงผมกับแจ็คสัน”

ก่อนอื่นเลย ผมจะพยายามไม่ตีความคำว่ากล้วยให้ไปในทางนั้น




WARNING

เนื้อหาของนิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของคนแต่งทั้งหมด มีฉากที่อาจกระทบจิตใจคนอ่านเช่นการตายของตัวละคร เลือด ความรุนแรงของครอบครัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ



เปิดเรื่อง

02/07/2021

แท็กในทวิต : #กัปตันบาร์ราคล็อก






Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2021 18:44:32 โดย Jatsada_43 »

ออฟไลน์ Jatsada_43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: กัปตันบาร์ราคล็อก อัพ 03/07/2021
«ตอบ #1 เมื่อ03-07-2021 18:31:30 »

Prologue

     “ฉันอยากให้นายลองคุยกับเซบาสเตียน ถ้าเขาไม่ยอมก็ไปดูแลเขา” ผมเพิ่งจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ไม่นานเจ้ามื้อก็โพล่งขึ้น ปากอ้าค้างขณะที่กำลังยัดเนื้อไก่งวงเข้ามาลิ้มรส ผมเลื่อนสายตามองคนที่พึ่งพูดขัดจังหวะ อย่างน้อยก็น่าจะไถ่ถามกันก่อนหรือเปล่าว่าสบายดีไหม

     ผมจำใจวางมีดกับซ่อมลงบนขอบจานแล้วหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ คิดไว้แล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญตาแก่ตรงหน้าคงไม่มีทางเชิญมาดินเนอร์ในร้านอาหารหรูแบบนี้ หมดประโยชน์แล้วเหมือนชื่อผมถูกลบออกจากสมอง มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด หลงคิดไปแล้วว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งความเป็นจริงผมมันก็แค่คนนอก เป็นเขยไม่เอาไหนและไม่เป็นที่ต้อนรับของครอบครัวเรย์

     ผมไม่ได้ดูถูกตัวเอง ทั้งหมดเป็นสิ่งที่โนแลนติดป้ายไว้บนตัวผม โนแลนเป็นคนพูดออกมาเอง สารพัดคำเหยียดหยามที่ผมจำขึ้นใจ

     “ได้ยินที่ฉันพูดไหม”

     “คุณสั่งผมเหรอ”

     “ฉันขอร้อง”

     “ผมไม่ได้ยิน”

     “ขอร้อง” ผมนึกภาพโนแลนล้มลงไปดิ้นบนพื้นหลังจากพูดขอร้อง แต่เขายังนิ่ง

     “ทำไม”

     “หมายความว่าไง”

     “ทำไมต้องเป็นผม”

     “ฉันรู้มาว่าโปรดิวเซอร์กับทีมถ่ายสารคดีที่นายทำงานด้วยจะลงไปในปล่องภูเขา”

     “ผมปฏิเสธงานนี้ จะเอาตัวเองไปเสี่ยงทำไมในเมื่อซดเหล้าอยู่บ้านก็สบายดีอยู่แล้ว ชีวิตผมน่าสนใจใช่ไหม”

     “หยุดเถอะอาร์โนลด์” โนแลนปิดกั้นความหงุดหงิดไม่อยู่ ผมเห็นมันในตาคู่นั้น

     “เลิกทำตัวไม่เอาไหนสักที เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายเคยดีกว่านี้”

     “เคยดีเหรอ ตอนนั้นคุณเห็นผมเป็นคนไม่เอาไหนอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”

     “ฟังนะ ลูกชายฉัน…”

     “เขาไม่ต้องการผม ไม่อีกแล้ว” ก่อนที่โนแลนจะพูดจบ ผมรีบแทรกทันที ยืดตัวกอดอกแล้วสื่อสายตาให้โนแลนรู้ว่าผมพูดถูก

     มันแน่อยู่แล้ว ลูกชายโนแลนจะต้องการผมทำไม โผล่ไปให้เห็นก็มีแต่จะเหม็นขี้หน้ามากกว่าเดิม เชื่อเถอะว่าเขาเกลียดสามีของเขากว่าทุกคนบนโลก และใช่…โชคร้ายเหลือเกินที่เป็นผม ไอ้สามีห่วยแตกคนนั้น ไอ้คนเฮ็งซวยที่ลูกชายโนแลนตะคอกใส่ก่อนจะประกาศกร้าวว่าจบทุกอย่าง ผมไม่โทษเขาหรอก ไม่เคยโทษ ไม่แม้แต่จะโกรธเกลียด ให้มันเป็นอย่างนี้ บางทีสิ่งที่ผมได้รับก็สมควรแล้ว ผมคิดว่าพระเจ้าเห็นด้วยกับผม

     ผมเหลือบตามองโนแลนแค่ครู่เดียว ใช้ลิ้นดันกระพุงแก้มแล้วหยิบขวดใส่เหล้าเล็กๆ จากกระเป๋าเสื้อขึ้นมากระดกดื่ม ผมกำลังทำตัวทุเรศต่อหน้าพ่อของคนที่ผมรักที่สุด แต่ไหนแต่ไรผมเป็นคนไม่ดีในสายตาโนแลนอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแสร้งทำเป็นคนสุภาพเหมือนพวกผู้ดีที่เจอกันในงานเลี้ยงของท่านเทศมนตรี

     โนแลนส่งเสียงกระแอมเพื่อเรียกความสนใจจากผม เขาเสยผมที่ถูกจัดเป็นทรงอย่างผู้ดี ประสานสองมือเข้าด้วยกันพร้อมกับส่งความอ้อนวอนผ่านสายตา

     “ขอร้อง”

     “เขาดูแลตัวเองได้ เขาไม่ใช่เด็ก”

     “ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี”

     “งั้นคุณก็แค่เตือนเขา บอกลูกชายคุณว่าอย่าไปที่นั่น”

     “นายก็รู้ว่าเขาไม่ฟังฉัน ขนาดเรื่อง…” โนแลนเม้มปาก ไม่ต่อประโยคให้จบ ผมรู้ว่าเขาจะพูดว่า ‘ขนาดเรื่องที่ฉันห้ามไม่ยุ่งกับนายเขายังไม่ฟัง’ เพราะโนแลนฉลาดพอที่จะไม่ทำให้เส้นความอดทนผมขาดแล้วปฏิเสธคำขอจึงปิดปากได้ทัน

     “เซบาสเตียนไม่ฟัง นายก็รู้ว่าเขาสนใจเรื่องนี้มาทั้งชีวิต”

     “เอาเศษเงินของคุณไปจ้างใครก็ได้”

     “ไม่ได้”

     “ทำไมจะไม่ได้”

     “ถ้าเกิดอะไรขึ้นนายคิดเหรอว่าจะมีใครปกป้องลูกฉันจริงๆ”

     “เพราะคุณคิดว่าผมตายแทนเขาได้เหรอถึงมาขอร้องผม” ผมเกลียด เกลียดจริงๆ โนแลนรู้ว่าผมรักลูกชายของเขามากแค่ไหนจึงอยากใช้ประโยชน์จากผมและคิดว่าผมไม่มีทางปฏิเสธ ผมอยากปกป้องคนที่ผมรักอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เพราะคนอื่นมาสั่งให้ผมทำหรือบอกว่าผมต้องทำโดยเฉพาะโนแลน

     “เขาจะลงไปจริงๆ เหรอ”

     ในหุบเหวที่ไม่มีใครรู้ว่าสภาพอากาศปกติดีหรือเปล่า ผมยอมรับว่าเป็นห่วงอดีตคนรัก แต่เขาดื้อรั้นเกินกว่าจะเกลี้ยกล่อม ถ้าได้สนใจบางอย่างแล้วยากที่จะหยุด เซบาสเป็นคนขี้สงสัยที่สุดเท่าที่เคยเจอ เขาตั้งคำถามเกี่ยวกับหุบเหวนั่นตลอด ครั้งหนึ่งเราเคยคุยเรื่องนี้ เขาบอกผมว่าจะลงไปสำรวจข้างล่างนั่น ผมไม่คิดว่าเขาจริงจังขนาดนั้น จนกระทั่งวันนี้

     “เขาจะลงไปจริงๆ”

     “งั้นผมจะอวยพรให้เขาโชคดี” ผมยกแก้วไวน์ขึ้น ก่อนจะเติมเหล้าผสมลงไปแล้วกระดกรวดเดียวหมด โนแลนหยิบมีดขึ้นมาตัดเนื้อไก่งวงแบบที่พวกผู้ดีทำ เขาตักเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเชื่องช้า

     จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคาดไม่ถึง พ่อของอดีตคนรักกับผมกำลังนั่งดินเนอร์ด้วยกันโดยที่ไม่เกิดปากเสียง เราจับส้อมจิ้มสเต็กแทนที่จะแทงกันให้ตายไปข้าง ผมไม่คิดว่าโนแลนเปลี่ยนไป เขาอาจจะยังเกลียดผมเหมือนเดิมแต่ฉาบหน้าแสร้งทำดีเพราะลูกชายหัวแข็งของเขา เพื่อเซบาสเตียน ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กวัยรุ่นที่โนแลนคิดว่าผมทำให้เขารักผู้ชาย

     ให้ตายสิ อะไรทำให้โนแลนคิดอย่างนั้น เป็นเรื่องที่เสียสติสุดๆ ที่ผมได้ยินมา พูดอย่างกับว่ามันคือการแพร่เชื้อชนิดหนึ่ง ผมต่างหากที่ต่อสู้กับภาวะสับสนเพราะเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักเข้ามาตีสนิท ใกล้ชิดกับผมเกินไป ชอบมานั่งตักตอนดูหนังแล้วบอกว่าใครๆ ก็ทำ จับมือผม ชอบร้องขอให้ผมนอนกอด ผมไม่ปฏิเสธเพราะลึกๆ แล้วผมเองก็อยากทำและยินดีที่จะกอดเซบาสเตียนไว้ในอ้อมแขน ตอนนั้นมันแปลกเพราะเราต่างเป็นผู้ชายและไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเพื่อนที่ดีต่อกัน

     “เซบาสเตียนรู้ว่าไม่เคยมีใครกลับมา แต่เขาก็ยืนยันว่าจะไป” เหมือนโนแลนพูดอยู่คนเดียวมากกว่าพูดให้ผมฟัง

     “ฉันไว้ใจนาย ฉันอยากให้นายไปดูแลเขา”

     “เผื่อคุณจำไม่ได้นะโนแลน ตลอดหลายปีคุณไม่ชอบผมเพราะคุณรับไม่ได้ที่ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เอาไอ้จ้อนแทงข้างหลังลูกชายคุณ”

    “อาร์โนลด์!”

     “ยัง ผมยังพูดไม่จบ” ผมยกมือห้ามเขา “ก่อนอื่นเลย ผมเป็นคนทำสารคดีไม่ใช่มหาร”

     “…”

     “สอง คุณทำสงครามกับผมตลอดเวลา คุณยุเซบาสเตียน หลอกเขา ทำทุกอย่างให้เราเลิกกัน คุณเป็นตาแก่เสียสติของแท้เลย แล้วอยู่ๆ ก็มาบอกว่าไว้ใจผมเพราะคุณห้ามลูกชายตัวเองไม่ได้สินะ ก็เลยอยากให้ผมไปดูแลเขา ตายแทนเขา ใช่ไหม? โอ้…ใช่แน่ เหมือนที่ผมเคยพูดในโบสถ์ คุณกำลังจะทวงคำปฏิญาณที่ผมให้ไว้วันนั้นใช่ไหม แต่เสียใจด้วยโนแลน เซบาสเตียนกับผมหย่ากันแล้ว”

     อาหารบนโต๊ะไม่อร่อยอีกต่อไป ผมรู้สึกขมปร่าหลังจากพูดประโยคนั้นออกมา ราวกับว่าเรื่องแตกหักระหว่างผมกับเซบาสเตียนพึ่งเกิดขึ้นไม่นาน

     “เราหย่ากันแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก คุณควรพอใจไม่ใช่เหรอ” ผมไม่คิดว่ามีจุดอิ่มตัวที่โนแลนจะเลิกหัวเราะเยาะผม แต่เขาไม่ทำอย่างอย่างนั้น มองผมอย่างเห็นใจ ซึ่งผมคิดอย่างนั้นไม่ได้ ผมคิดว่าเขาสมเพศผมอยู่ โนแลนจะดีกับผมได้นานแค่ไหน

     “โอกาสของนาย”

     “โอกาสอะไรไม่ทราบ?”

     เสียงผมดังกว่าที่ต้องการ โต๊ะรอบข้างเริ่มหันมาที่เรา ผมทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างหนัก หลับตาสงบสติและพยายามสุภาพต่อโนแลนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     “คุณจะบอกว่าคุณให้โอกาศผมพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอสำหรับลูกชายคุณงั้นเหรอ ไร้สาระ ผมไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้ว” ที่ถูกไล่ตะเพิดออกทางหน้าต่างเพราะแค่แอบเข้าไปนอนกอดเซบาสเตียน

     “เพื่อลูกของนาย”

     “อย่าเอาลูกผมมาอ้า” ผมทุบโต๊ะเมื่อเขาทำให้ฉุนกว่าเก่า

     “เด็กๆ รักนาย รักเซบาสเตียน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา…”

     “ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณสำหรับ” ผมยกแก้วไวน์ขึ้น “สำหรับไอ้นี่” กลัวว่านั่งนานกว่านี้แล้วเผลอเขวี้ยงหมัดใส่หน้าโนแลนจึงรีบเดินออกจากตรงนั้น

     ผมเหวี่ยงตัวเข้าไปในรถแล้วปิดประตูเสียงดัง ก้มมองแหวนแต่งงานที่ยังสวมไว้ที่นิ้ว ช่วยกระชากผมกลับไปในช่วงเวลานั้น แต่แทนที่จะมีความสุขกับภาพในหัว ผมกลับร้าวรานราวกับอดีต















Ok guys! I'm so so exciting! ตั้งใจจะเขียนนิยายออริจินอลเป็นของตัวเองให้จบสักเรื่อง ฝากอาร์โนลด์กับครอบครัวไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจด้วยนะคะ thank you to each and every person who has read and commente. it's means a lot to me and please let me know if you like my work.




ออฟไลน์ Jatsada_43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Stuck with Loneliness

น่ารำคาญ

ถ้าเสียงเดินของเข็มนาฬิกาจะกวนใจขนาดนี้ก็อยากถอดชิ้นส่วนออกเพื่อหยุดการทำงานของมัน ทว่าหมอแกะถ่านออกอย่างกับอ่านความคิดผมได้ ผมถอนหายใจเมื่อเริ่มผ่อนคลาย จากนั้นก็ย้อนกลับไปประเด็นที่ผมพึ่งพูดไม่กี่นาทีก่อน

“ผมคิดว่าผมดีขึ้น”

“คุณคิดว่าคุณดีขึ้นเหรอ?”

“ผมดีขึ้น ไม่ได้เลิกขาดจากเหล้า แต่ดื่มน้อยลง บางวันก็ไม่แตะมันเลย” ตั้งแต่เจอกับโนแลนเมื่อสองวันก่อนก็ไม่ได้ยุ่งกับแอลกอฮอล์อีก ที่จริงแล้วมันไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าผมไม่ดื่ม ผมอยู่ได้ เมื่อก่อนผมแทบไม่ได้ยุ่งกับมัน ไม่ได้เมาเละเทะทุกวัน เพิ่งดื่มหนักจริงๆ ก็ตอนเซบาสเตียนกับผมมีปัญหากัน หลังจากหย่าก็ไม่เป็นผู้เป็นคนอีกเลย กว่าผมจะนั่งแบบมีสติครบสมบูรณ์เหมือนตอนนี้ได้ก็หนักหนาไม่น้อย

ผมเสียทุกอย่าง ครอบครัวแตกหัก เคยยินดีที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวถ้าต้องแลกกับความสบายใจของเซบาสเตียน ปล่อยเขาไป ต่างคนต่างอยู่ ทว่าเมื่อความคิดถึงมันมีมากขึ้นก็นึกอย่างเอาตัวเองกลับไปตรงนั้น กลับที่ที่ผมเคยมีทุกอย่าง เซบาสเตียน ลูก ไม่ต้องนอนกอดตัวเอง แต่ผมเห็นโอกาสแค่ริบหรี่ หรืออาจเป็นศูนย์

ผมตั้งสมาธิไปที่ผนังด้านหลังหมอ อดีตลากไปประณามและผมต้องทนทุกข์อยู่กับมัน แม้ว่าจะขอโทษไปอีกกี่พันครั้งความรู้สึกผิดที่กัดกินใจก็ไม่ปั่นทอนลง

“คุณยังฝันถึงตอนเครื่องบินตกหรือเปล่า”

“บางครั้ง”

และบางครั้งก็มาแค่เสียง แต่ภาพในหัวดำมืด

“แล้วเรื่องอื่นล่ะ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไง”

“ดีกว่าเมื่อก่อน”

“สภาพจิตใจคุณ”

รู้สึกแย่บางครั้ง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลังจากฝัน แล้วก็ตอนที่ผมนึกถึงความหลังและใครคนนั้น

“มีเรื่องกวนใจคุณหรือเปล่า”

“ก็ถ้าการที่ผมคิดถึงใครสักคนเป็นเรื่องกวนใจคำตอบคือใช่” เขายิ้มแล้วไล่นิ้วไปตามสันหนังสือ ผมคุยกับหมอไม่กี่คำก็กลับมาที่บ้านติดทะเลสาบ รถจิ๊ปเคลื่อนตัวเข้าไปจอดข้างเมอร์ซีเดส เบนซ์ในโรงรถ ผมนั่งแช่อยู่ในนั้นสักพักก่อนย้ายร่างออกจากโรงรถซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้าน

ผมมองบ้านไม้สองชั้นที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ด้านหน้าเป็นสนามหญ้า มีต้นโอ๊กแก่ๆ รายล้อม บ้านผมอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่หนึ่งไมล์ ผมรักความสงบ แต่บางครั้งมันก็เงียบเกินไป เสียงลมเหมือนเพื่อนคุย ภาพทะเลสาบเหมือนงานศิลปะชั้นเลิศแต่ให้ความรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก ผมมักจะนั่งที่ชานหน้าบ้าน ทบทวนเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซบาสเตียน ลูกของผม

ผมมองรูปถ่ายครอบครัวที่ถือไว้ในมือ เป็นตอนที่เราไปเที่ยวแกรนด์แคนยอนเมื่อสองปีก่อน ลูกชายคนเล็กอายุแค่ 3 ขวบ เขาร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของผม ลูกชายคนโตกับลูกสาวยิ้มกว้างจนตาปิด เซบาสเตียนมองผมด้วยสายตาแบบเดียวกับที่ผมชอบมองเขา เกิดความสงสัยอยู่ในใจว่าถ้าเราเจอกันอีกครั้งเซบาสเตียนจะยังมองผมเหมือนเดิมไหม ความรักที่เจืออยู่ในดวงตาคู่นั้นจะยังเหลืออยู่หรือเปล่า

[ฝากข้อความไว้ เดี๋ยวผมโทรกลับ]

“นี่ผมเอง อาร์โนลด์ ผมไม่รู้ว่าคุณได้ฟังข้อความที่ผมฝากไว้หรือเปล่า ผมส่งหาคุณตลอดเลย ผมอยากให้คุณโทรกลับมา มีเรื่องอยากคุยกับคุณ ไม่รู้สิ…บางทีเราน่าจะออกไปหาอะไรกินด้วยกัน” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ ตลอดหนึ่งปีผมฝากข้อความเสียงไว้ตลอดแต่เซบาสเตียนไม่เคยโทรกลับ เขาไม่คุยกับผม ผมได้คุยแค่กับลูก ถามไถ่เรื่องเซบาสเตียนจากพวกเขาอีกที

“ที่จริงๆ ผมขอแค่คุณโทรมาก็พอแล้ว”

ผมตัดสายทิ้งแล้วโทรเข้าไปเบอร์บ้าน รอไม่นานก็มีคนรับ

[หวัดดี]

สำเนียงยานๆ ไม่ค่อยชัดเจนแต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผมยิ้มกว้างที่สุดในรอบหลายวัน ใจอุ่นขึ้นเพียงแค่ได้ยินเสียง ผมอยากคว้าเขามากอดแต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน

[พ่อใช่ไหม]

“พ่อเอง”

ผมยืนยัน ได้ยินเสียงเขากระโดด ธีโอตะโกนเสียงดังว่าผมโทรมา ไม่นานเขาก็กลับมาคุยกับผมต่อ

[พ่อหายไปไหน ไม่มาหาเราเลย]

“พ่อไม่ได้หายไปไหน”

ผมเจอลูกบ้าง แต่ครั้งสุดท้ายก็หลายเดือนก่อน เซบาสเตียนผมก็เจอ แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้น หลังจากหย่าผมก็ไร้ตัวตนในชีวิตเขา ก่อนหน้านั้นอาการผมแย่จนถูกสั่งไม่ให้เข้าใกล้ลูกจนกว่าจะดีขึ้น กว่าจะถึงตอนนั้นก็ผ่านมาเป็นปี

“ลูกเป็นคนรับสายเองหรือว่าคนอื่นรับให้แล้วบังคับให้ลูกคุยกับพ่อ”

[เรเชลให้ผมคุยกับพ่อ แต่ผมอยากคุยกับพ่อนะ] นั่นทำให้ผมหัวเราะ เสียงดังที่สุด ผมอยากจะนั่งรถไปหาเขาที่บ้านแล้วกอดแน่นๆ

“ลูกอยู่กับใคร”

[ผมอยู่กับปู่ สเปนเซอร์ แล้วก็เรเชล]

“พ่อของลูกไปไหนล่ะ” ธีโอยังไม่ตอบ ผมรอระหว่างมองตรงไปยังทะเลสาบ ก่อนจะดูให้แน่ใจว่ายังไม่ได้วางสายเพราะธีโอเงียบนานเกินไป เดาว่าเขาคงคุยกับพี่ๆ ไม่ก็ปู่ของเขา

[สเปนเซอร์บอกว่าอยู่ที่ทำงาน]

ผมดูเวลาบนจอโทรศัพท์ สองทุ่มกว่าแล้ว แต่เซบาสเตียนยังไม่กลับมาอยู่กับลูกอีก

“ให้พ่อคุยกับพี่ชายลูกได้ไหม”

เสียงขลุกขลักดังขึ้น ผมรอคอย ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะยอมคุยกับผม ไม่ใช่เซบาสเตียนที่หันหลังให้ สเปนเซอร์ก็ทำเหมือนกัน เย็นชาไม่ต่างกับพ่ออีกคนของเขา

[สเปนเซอร์ไม่อยากคุย]

“พี่สาวลูกล่ะ”

[เรเชลอ่านหนังสือ]

ผมเชื่อว่าเธออ่านหนังจริง ครั้งหนึ่งเรเชลเคยบอกผมว่าพ่อรู้ไหมว่ามันมีวิธีเจ๋งๆ ที่จะเอาตัวเองออกจากเรื่องน่าปวดหัว หรือสร้างกำแพงเพื่อกันคนอื่นให้ออกห่างเพราะอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว วิธีของเรเชลคือจดจ่อกับบางอย่างที่ชอบ เรเชลชอบหนังสือ เธอใช้เวลาอยู่กับมันตลอด แล้วผมก็คิดว่ามันได้ผลสำหรับเธอเพราะผมไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียวเวลาหนังสือเล่มหนึ่งถูกเปิดแล้วสายตาของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับมัน ตอนเราเริ่มมีปากเสียงเธอก็จะหยิบหนังสือขึ้นมาเปิด ส่งสัญญาณให้ผมหยุดพล่าม

นั่นคือเรเชล บาร์ราคล็อก

“ฝากบอกพี่ๆ ด้วย พ่อคิดถึง ฝันดี”

[เราก็คิดถึงพ่อค่ะ]

เสียงตะโกนของเรเชลดังแทรกเข้ามาผ่านสาย ผมยิ้มน้อยๆ ยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อแล้วขึ้นไปหยิบกุญแจรถกระบะบนบ้าน ถ้านั่งอยู่เฉยๆ ที่บ้านคงได้ตายเพราะคิดถึงคนทางนั้น แค่นี้ก็เหมือนอยู่อย่างตายซากอยู่แล้ว ผมไม่ควรปล่อยให้ตัวเองเศร้ามากเกินไป เปล่าเปลี่ยวเกินไป ที่ผ่านมาก็ทรมานตัวเองมามากพอแล้ว



see you next chapter

ออฟไลน์ Jatsada_43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Drag me to the Past

แว่วเสียงเพลงของนักร้องยุคเก่าจากอังกฤษดังออกมาจากบาร์กึ่งร้านอาหาร เซบาสเตียนชอบวงนี้ เรียกว่าเคยดีกว่าเพราะมันก็นานมาแล้ว

ใครจะรู้ล่ะว่าเด็กเนิร์ดที่เกลียดการเข้าสังคมและเอาแต่หมกมุ่นกับวิทยาศาสตร์จะคลั่งไคล้นักร้องยุค 80s แถมยังแปะโปสเตอร์ไว้เต็มห้อง เซบาสเตียนมีเรื่องให้ผมแปลกใจเยอะแยะเต็มไปหมด เขาเหมือนกล่องปริศนาที่เผยความลับให้เห็นทุกวัน ทีละอย่างสองอย่าง ให้ผมซึมซับความเป็นเขาจนติดนิสัยบางส่วนโดยไม่รู้ตัว

ผมนั่งอยู่ในรถเกือบสิบนาทีได้ มองความเปลี่ยนแปลงของถนนสายนี้ ป้ายหน้าร้านเบอร์เกอร์ชีสที่เพิ่งทาสีใหม่ ต้นไม้ที่โตขึ้นกว่าหลายปีก่อน ผมหันไปมองที่ว่างข้างคนขับ เกือบหลุดพูดออกมาแล้วว่าเดทแรกของเราควรเป็นหอสมุด เซบาสเตียนไม่ได้อยู่ตรงนี้

สองปีที่เราแยกทางกัน นานกว่าครั้งไหน มันน่าจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปเพราะเซบาสเตียนไม่มีท่าว่าจะให้อภัยผมเลย

ผมเหยียบเท้าลงบนพื้นถนนชื้นแถะ แหงนหน้ามองฟ้าสีดำเผยแสงดวงอยู่บนนั้น ลมเย็นพัดผ่านมากรีดผิวของหน้า ผมหันไปข้างกาย มองลงไปที่มือที่ไม่ได้กอบกุมใครไว้ ผมมาคนเดียว ตรงนี้มีแค่ผมเดียว อย่าเพ้อเจ้อเหมือนเด็กวัยรุ่นพึ่งอกหักหน่อยเลย อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว

จนกระทั่งเพลงจบลง ผมเริ่มสืบเท้าเข้าไปในร้าน จับจองที่นั่งซึ่งห่างจากกลุ่มคน ผมคือคนเดียวที่ไม่มีใครมาด้วย นอกนั้นก็มากับเพื่อน คนรัก

ผมเคาะนิ้วบนบาร์ สั่งเครื่องดื่มเบาๆ เพราะต้องขับรถกลับบ้านเอง ไม่อยากเมาหมดสภาพอยู่ในร้านแล้วรบกวนพนักงาน

แก้วแรกถูกซดรวดเดียวหมด ผมสั่งแก้วที่สอง แต่แค่นั่งจ้องไม่ได้กรอกเข้าปากกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ลอยเข้าจมูกอย่างจัง ผมหันมองผู้หญิงที่พึ่งนั่งข้างผม เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลสยายยาวไปด้านหลัง แต่งตัวเรียบร้อย สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ทำให้ผมนึกถึงเซบาสเตียน บางทีเธออาจจะเป็นหมอที่พึ่งออกจากงานแล้วมาผ่อนคลายที่นี่ ผมคิดเล่นๆ ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะทำงานแบบเดียวกับเซบาสเตียนด้วย นักวิทยาศาสตร์อะไรพวกนั้น

“เจอคนที่คุณสนใจหรือยัง”

ตอนถามเธอไม่ได้มองผม จับจ้องไปยังบาร์เทนเดอร์พร้อมยกมือขึ้น เธอสั่งเครื่องดื่มในส่วนของเธอแล้วหันมาเลิกคิ้วมองผมอย่างรอคำตอบ

“ผมแค่มาดื่ม แล้วทุกคนที่นี่ก็มีคนมาด้วย”

“ยกเว้นฉัน”

“ยกเว้นผม”

เห็นได้ชัดว่าเราต่างไม่มีใครมาเป็นเพื่อน

ผมหันไปมองหน้าเธอชัดๆ ยอมรับว่าสวยจนผมมองตาค้าง แต่พูดตามตรง ผมไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนี้หรอก และเธอก็คงไม่สนใจผม ที่จริงแล้วเห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนเลยต่างหาก สำหรับผมแค่ลืมเซบาสเตียนก็ยากพอแล้ว ไม่มีเวลาไปสนใครนอกจากคิดหาทางกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของเซบาสเตียนอีก

กลายเป็นเรื่องที่ยากสุดในชีวิตผมแล้ว เซบาสเตียนคุยกับผมไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาทำคือห่างจากผมให้มากที่สุดขณะที่ผมพยายามวิ่งตาม ผมเหนื่อย แต่ก็ไม่หยุด ผมจะหยุดก็ต่อเมื่อแน่ใจว่าเขารักคนอื่น แม้ว่าตอนนี้เขาอาจจะไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆ ให้ผม แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่มีใคร ได้แต่หวังว่าเซบาสเตียนจะตกหลุมรักผมอีกครั้ง ผมในตอนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มในอดีต

“รู้ไหม เหมือนคุณกำลังคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นที่นี่” เสียงของเธอตีความคิดผมกระเจิง ภาพเซบาสเตียนวับหายไปจากหัว แทนที่ด้วยเสียงเพลงในโสตประสาทและรอยยิ้มเป็นมิตรของผู้หญิงแปลกหน้าที่ยังนั่งข้างผม

“ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ”

“แค่เดา”

ร้านนี้เปิดตั้งแต่ปี 1991 เซบาสเตียนกับผมเคยยืนดูคุณวิลสันที่เป็นเจ้าของที่นี่ติดป้ายแล้วตะโกนบอกพวกเราว่า ‘แค่ลอง แค่ลอง เดี๋ยวฉันก็ปิด’ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าร้านยังอยู่ ผมกับเซบาสเตียนเคยมาเดทที่นี่ เราแกล้งทำเป็นเพื่อนกัน แอบจับมือไม่ให้ใครเห็น

ผมเคยนั่นอยู่ตรงนี้ เผลอจูบเขาแล้วเจอพวกเหยียดเพศเข้ามาคุกคาม สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โต ผมทำหมอนั่นเข้าโรงบาลเพราะทำให้เซบาสเตียนหัวแตก เชื่อเถอะว่าเหตุการณ์วันนั้นก็เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่โนแลนจะให้เซบาสเตียนเลิกกับผมให้ได้

“คุณทำแบบนั้นอีกแล้ว”

“แบบไหน”

“เหม่อ อย่างที่ฉันบอก เหมือนคุณกำลังคิดถึงเรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นที่นี่”

ผู้หญิงคนนี้พูดถูกว่าผมกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น เมื่อผมนั่งบนเก้าอี้ตรงนี้ นึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานั้น เหมือนผมกลับไปเป็นเด็กหนุ่มที่พึ่งมีความรักอีกครั้ง เซบาสเตียสยังอยู่กับผม เราจับมือกัน ถึงแม้ว่าในโลกความจริงจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ตาม

ผมตัวคนเดียว นั่นคือความจริง

“ฉันกำลังทำแบบเดียวกับคุณเลย”

“แล้วคุณกำลังคิดถึงอะไร”

“คิดถึงคืนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก”

“เกิดอะไรขึ้น”

ชักจะอยากรู้ ลืมเรื่องตัวเองแล้วรับฟังเรื่องคนอื่นคงช่วยให้เลิกฟุ้งซ่านบ้าง แม้ว่าผมจะไม่รู้จักเธอเลยแม้แต่ชื่อ ผมมองเสี้ยวหน้าของเธอ มุมปากกดเป็นรอยยิ้ม เดาว่าเธอคงมาที่นี่คนเดียวบ่อย แต่ไม่มีใครถามหรือฟังสิ่งที่เธออยากจะเล่า จนจักรวาลเหวี่ยงมนุษย์โดดเดี่ยวแบบเรามาเจอกัน

“ฉันนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว แล้วผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาคุยกับฉัน”

“เขาหยาบคายใส่คุณหรือเปล่า”

“เขาเป็นคนสุภาพ เหมือนคุณเลย”

“ผมไม่คิดอย่างนั้น”

สุภาพเหรอ? ผมว่าผมค่อนข้างจะอยู่ไกลจากคำนั้น อย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่ใช่อันธพาล นิสัยเสีย พูดจาลวนลามผู้หญิง ไม่ใช่ผมแน่นอน ผมไม่ใกล้เคียงกับผู้ชายประเภทนั้นเหมือนกัน

“เชื่อเถอะว่าคุณเป็นอย่างนั้น”

เธอยืนยัน ส่วนผมหัวเราะกลบเกลื่อนกับคำว่าสุภาพที่เธอคิดว่าผมเป็น

“เขาแค่มาคุยกับคุณเหรอ”

ผมอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรหลังจากนั้นจึงเอ่ยถาม

“เราคุยกันจนร้านปิด แต่เราก็ยังคุย แล้วเขาเดินไปส่งฉันที่ห้อง”

“คุณไว้ใจเขาเหรอ”

ผมนึกภาพเซบาสเตียนเป็นผู้หญิง แล้วผมเป็นฝ่ายเข้าไปคุย จากนั้นก็ไปส่งเขาที่ห้อง เซบาสเตียนกับผมในเรื่องคนอื่นช่างแปลกใหม่และน่าขัน ผมคิดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะอยากให้เขาเป็นผู้หญิง แค่คิด ไม่ว่ายังไงคนที่ผมรักก็เป็นเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสดใสคนนั้นอยู่ดี ช่วยไม่ได้ ผมรักไปแล้ว ราวกับถูกสาปให้รักเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะตายจากเขา

“ผมเดาว่าคุณตกหลุมรักเขา”

“ใช่”

“คุณกับเขาแต่งงานแล้วใช่ไหม?”

ผมเห็นเธอสวมแหวนที่นิ้ว ราคาน่าจะหลายหลัก แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยถาม

“เราแต่งงานหลังจากนั้นสองปี”

“พวกคุณคงมีความสุข”

“เรามีความสุข ก่อนที่เขาจะตาย”

มือผมแข็งค้างอยู่กับแก้วเย็นเยียบ

“ผมเสียใจจริงๆ”

“แล้วคุณกำลังคิดอะไร”

“เอ่อ…ผมเหรอ?”

อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์สมองผมก็เลยมึนตึ๊บ แต่ผมเพิ่งดื่มไปแก้วเดียว อีกแก้วน้ำแข็งละลายและรสชาติคงจืดชืดอย่างไม่ต้องสงสัย ผมคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าตรงไหน เรื่องของเซบาสเตียนกับผมเรียกว่ามหากาพย์ก็ไม่เกินจริง เมื่อผมยังไม่พูด เธอก็จ้องผมนิ่ง ความเห็นใจส่งผ่านมา

“เสียใจด้วย”

“เขายังไม่ตาย”

“เขาเหรอ? ว้าว ฉันคิดว่าเขาต้องน่ารักมากแน่ๆ”

เราหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมไม่เถียงเรื่องนั้น เซบาสน่ารักมากจริงๆ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นพ่อคนแล้วแต่ก็ยังเป็นเด็กหนุ่มคนนั้นในสายตาผมเสมอ

“พระเจ้า กัปตันบาร์ราคล็อก ฉันเจอนายจริงๆ”

เสียงคุ้นหูดังดังขึ้นไม่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะลากเท้ามานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับผู้หญิงคนนั้น ผมตบเหล่าเขาแรงๆ แล้วกระดกเหล้าจืดๆ เข้าลำคอ ผมรำคาญหมอนี่มาตลอด แต่ไม่เคยสลัดออกจากชีวิตได้ เขายังวนเวียนให้ผมเห็น ยังไงก็ตาม เขาเป็นเพื่อนผมแล้ว เขาเสนอหน้ามาให้ผมเห็นได้แทบจะทุกสัปดาห์

“นายเจอฉันทุกที่ โอคอนเนอร์ แล้วก็อย่าเรียกฉันว่ากัปตันอีก”

ผมไม่ใช่กัปตัน ไม่ใช่นักบิน ไม่มียศอะไร มันก็แค่ฉายาที่คนรู้จักตั้งให้ตอนเครื่องบินตกแล้วผมก็ใช้ความรู้ที่มีเอาเครื่องลงจอดเท่าที่ทำได้ ตั้งแต่แมทธิวเรียกผมว่ากัปตันคนอื่นก็เริ่มเชื่อจริงๆ ผมก็แค่ตากล้องถ่ายสารคดี นั่นคืออาชีพผม ถึงผมจะบอกคนอื่นอย่างนั้นก็ยังเรียกผมว่ากัปตันอยู่ดี ทำใจไว้แล้วว่าฉายานี้จะติดตัวไปอีกนาน

“ผมแมทธิว โอคอนเนอร์”

“อลิสัน สมิธ”

พวกเขาสองคนจับมือทักทายกัน อลิสัน สมิธ เรานั่งคุยกันตั้งนานแต่ผมพึ่งรู้ชื่อเธอ

“ส่วนคุณก็คงเป็นกัปตันบาร์ราคล็อก”

“เรียกผมอาร์โนลด์ดีกว่า”

“คุณเป็นนักบินใช่ไหม”

“ผมเป็นคนทำสารคดี”

อลิสันน่าจะเป็นลำดับในหลักร้อยที่ผมต้องเฉลยความจริง

“ทำไมเขาถึงเรียกคุณว่ากัปตัน”

“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าผมไม่ใช่กัปตัน”

เราหัวเราะโดยที่มีแมทธิวร่วมด้วย

“พวกคุณมาเดทกันเหรอ”

อยู่ๆ แมทธิวก็โพล่งถามออกมา อลิสันส่ายหน้า

“เปล่า เราพึ่งเจอกัน” เมื่อได้คำตอบแมทธิวก็หันมาเลิกคิ้วใส่ผม “ฉันนึกว่านายลืมเขาแล้ว” อลิสันยิ้มอ่อน เหมือนเธอรู้ว่าผมยังไม่ลืมคนรักเก่า และผมก็ไม่ปฏิเสธข้อสงสัยของแมทธิว

เรานั่งดื่มกันสักพัก คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ไม่นานอลิสันก็ขอตัวกลับ ผมมองแมทธิวที่ฟุบหลับกับบาร์ ไม่คิดจะลากเขากลับไปด้วย ผมตบแผ่นหลังเพื่อนสนิทอย่างเบามือ ล้วงมือเข้ากระเป๋าแล้วหยิบเงินวางไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่รถอันเงียบเชียบคันนั้น

เหมือนเดิม ไม่มีเซบาสเตียนนั่งบ่นอยู่ข้างกาย ไม่มีเสียงเด็กๆ หัวเราะจากที่นั่งด้านหลัง







See you next chapter



ออฟไลน์ Jatsada_43

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
My children are coming back

เสียงหมัดกระทบกับกระสอบทรายดังก้องในโรงยิม สมาธิของอยู่กับกรพสอบทรายมากกว่าเสียงบ่นของแมทธิว เขามาหาผมแต่เช้าในสภาพรุงรัง สวมเสื้อตัวเดียวกับที่เห็นเมื่อวาน ผมเหลือบมองเพียงครู่เดียวแล้วหยุดทุกอย่าง เดินไปหยิบขวดน้ำกระดกดื่มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ แมทธิวสบถอีกครั้ง เดินดุ่มๆ มากอดอกอยู่ตรงหน้าผม

“อย่างน้อยก็น่าจะปลุกฉัน!”

นั่นคือประโยคที่เขาโพล่งออกมาตั้งแต่มาถึง ผมส่ายหน้าระอา เหยียดแขนขาแล้วโยนขวดน้ำให้เขา จำได้ว่าเมื่อคืนแมทธิวนั่งรถไปบาร์เอง ผมไม่ได้ชวน แต่เขาโวยวายเป็นเรื่องใหญ่ว่าผมทิ้งให้เขาหลับอยู่ร้าน ผมชี้หน้าเขา อ้าปากเตรียมพูดแต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา แมทธิวถอนหายใจพลางส่ายหน้า ผมต่างหากควรทำแบบนั้นเพราะเขามาวุ่นวายกับผมแต่เช้า ระอาเต็มที

“นายควรจะรับผิดชอบตัวเอง”

“มีเมื่อก่อนนายเมาฉันยังลากกลับมาส่งบ้าน”

“ขอบใจ”

ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินไปหยิบผ้ามาพาดไว้ตรงบ่น แมทธิวนั่งแทนที่ผม คิ้วยังขมวด ตัวบึกบึนแบบนั้นไม่ได้ดูน่าเห็นใจเท่าไหร่

“สายแล้ว ทำไมไม่ไปเปิดอู่”

“ลูกน้องฉันคงเปิดแล้ว”

“ไม่มีความรับผิดชอบ”

“เพราะอย่างนั้นฉันถึงเป็นเพื่อนนาย”

“ฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

แรงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้ผมสะดุ้ง แมทธิวเดินหายออกไปจากโรงจิมเพราะมีสายโทรมาหาเขาเหมือนกัน ผมมองเบอร์แปลกอย่างระแวดระวัง จนสายตัดไปถึงสามครั้งแล้วโทรเข้ามาใหม่ ผมตัดสินใจกดรับแล้วเอาหูแนบโทรศัพท์

[อาร์โนลด์?]

เกือบจะด่ากลับไปเพราะคิดว่าโปรดิวเซอร์นั่นจะตามตื๊อผมอีก ผมปิดปากสนิท กลอกตาวนรอบเดียวแล้วเดินไปที่ชานหน้าบ้าน

[ฉันส่งเด็กๆ ไปอยู่กับนาย]

“ทำแบบนี้ทำไม”

พยามคุมเสียงไม่ให้ปลายสายรู้ว่าผมตื่นเต้น ผมได้ยินโนแลนถอนหายใจ

[พูดเหมือนไม่อยากเจอลูก]

“ผมต้องอยากเจออยู่แล้ว”

ผมไม่เจอลูกนานแล้ว ยิ่งนานผมก็ยิ่งกลัวว่าจะไม่มีอะไรเหมือนเดิม ให้เด็กๆ มาอยู่กับผมบ้างก็ดี

“คุณพยายามเกลี้ยกล่อมผมให้ได้เลยใช่ไหม”

[ถ้าได้ก็ดี]

เขายอมรับ

[เซบาสเตียนยุ่งอยู่กับเรื่องปล่องภูเขา ฉันต้องบินไปฝรั่งเศสก็เลยให้เด็กๆ ไปอยู่กับนาย ดีกว่าจ้างพี่เลี้ยง อย่างน้อยนายก็จะมีเวลาอยู่กับลูก]

“พยายามได้ดี ผมไม่ขอบคุณหรอกนะที่อุตส่าห์ยอมให้ลูกมาอยู่กับผม” ไม่มีทางแน่ ผมยิ้มกว้าง เป็นเช้าที่ไม่น่าเศร้าซึม ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่โนแลนส่งพวกเขามาอยู่กับผม

“พวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่”

“น่าจะทันมื้อค่ำ”

สายตัดไปแล้ว ผมหยิบอุปกรณ์ช่างแล้วปีนบันไดขึ้นหลังคา ซ่อมแซมในส่วนที่พายุเกรี้ยวกราดมาลงที่หลังคาบ้านผมเมื่อคืน จากนั้นก็เข้าไปยังห้องนอนที่ไม่ได้ใช้ ทำความสะอาดทุกอย่างแล้วไปอีกห้องสำหรับลูกชายคนโต

รถเคลื่นตัวมาจอดที่ห่างจากหน้าบ้านตอนบ่ายแก่ ผมกอดอกยืนอยู่ตรงชานระเบียง มองคนขับรถยกกระเป๋าลง เด็กๆ ไม่ยอมลงจากรถจนกระทั่งคนขับรถเปิดประตูออก ผมส่ายหน้าหัวเราะ มองเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลเข้มกอดตุ๊กตาหมีลงมา เด็กผู้หญิงที่โตกว่านิดหน่อยยืนอยู่ข้างๆ ผมสั้นประบ่า ถือหนังสือเล่มหนาไว้ในมือ เด็กๆ โตขึ้นเยอะเลย ถาพในม่านตาทำให้ผมหยุดยิ้มไม่ได้

ผมมองเด็กผู้ชายตัวสูงที่พึ่งลงจากรถ สีหน้าหน่ายเหนื่อยเหมือนไม่เต็มใจมาที่นี่ เขาทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนเด็ก เขาเหมือนผมแทบทุกอย่าง สีตา ผม ริมฝีปาก ถอดแบบมาจากผมทั้งหมด

จนรถเคลื่อนออกจากตัวบ้านเด็กๆ ก็ยังยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่เดิม แต่ละคนมีสีหน้าเหม็นเบื่อ เว้นแต่คนเล็กที่งัวเงียเหมือนพึ่งตื่น

“ทำไมมองพ่อแบบนั้น”

ผมถามเรเชล เธอถอนหายจนใจผมได้ยินเสียงแล้วมองธีโอ

“เคลาพ่อ”

เรเชลพูดแล้วจูงมือน้องชายเดินเข้ามาหาผม ผมเอามือสัมผัสหนวดเคลาที่ยังไม่ได้โกนแล้วขมวดคิ้วมองลูก

“เหมือนซานต้าเลย”

ธีโอออกความเห็น ผมย่อตัวเพื่อกอดเรเชลกับธีโอ ตาจ้องไปที่สเปนเซอร์ที่ไม่ได้สนใจผม

“ว่าแต่ลูกอยากได้อะไรจากซานต้า”

“หนูอยากให้พ่อโกนมันออก”

นั่นคือคำขอของเรเชล ผมหัวเราะในลำคอแล้วผละตัวออก จับธีโอหมุนตัว สังเกตทุกอย่างตั้งแต้หัวจรดเท้า

“สูงขึ้นตั้งเยอะ”

“ไม่สูงเลยต่างหาก ธีโอไม่สูงเลย เขาไม่เจริญอาหาร” ธีโอเขย่งเท้าอวด ย่นหน้าใส่เรเชลแล้วกอดผมอีกที

“เราคิดถึงพ่อ”

เรเชลกับธีโอพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น ผมเห็นเรเชลส่งสายตาดุๆ ให้สเปนเซอร์ พระเจ้า เธอเหมือนเซบาสเตียงตอนไม่พอใจ

“ใช่ เราคิดถึงพ่อ”

สเปนเซอร์พูดเสียงแผ่ว เขาไม่ได้สบตาผม นั่นทำให้ผมมองเห็นความห่างเหินของเรา เรเชลกับธีโอเดินเข้าไปในบ้าน ตอนนี้ผมอยู่กับลูกชายลำพัง ผมกอดอกแล้วพยักหน้า สังเกตท่าทางสเปนเซอร์ที่ดูอึดอัดกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำที่กำลังจางหาย ผมไม่ถามเรื่องนี้ คงมีเรื่องชกต่อยตามประสาเด็กผู้ชาย

“เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม?” สเปนเซอร์ส่ายหน้า

“ลูกไม่ใช่คนพูดน้อยแบบนี้”

“ผมคงเปลี่ยนไป”

เขาพูดแค่นั้นแล้วเข้าไปในบ้าน

โทรศัพท์แทบหลุดจากมือเมื่อรู้ว่าใครโทรเข้ามา ผมตื่นเต้นจนเผลอตัดสายทิ้งไปสองรอบ จึงต้องตั้งสติและรอจนมีสายเข้ามาอีก ผมคุยกับเซบาสเตียนครั้งสุดท้ายเมื่อแปดเดือนก่อน เราคุยกันนิดเดียวตอนผมไปเยี่ยมลูก ไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำนัก เขาบอกว่าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เรายุ่งเกี่ยวกันอีก เขาพูดออกมาง่ายๆ ทั้งที่เรามีลูกด้วยกันซึ่งมันก็ชัดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจอกันเลย เขาพูดอีกว่าจะแบ่งลูก บอกให้ผมเอาสเปนเซอร์ไปอยู่ด้วย แต่ผมปฏิเสธเพราะรู้ว่าสเปนเซอร์ไม่อยากอยู่กับผม

ทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้ ผมโดดเดี่ยวในบ้านเก่าที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ในหนึ่งปีผมเจอหน้าลูกแค่ครั้งเดียวไม่นับรวมตอนนี้ ผมถูกสั่งห้าม เซบาสเตียนถึงกับฟ้องจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ทนายของผมก็ช่วยได้ไม่มากเพราะสภาพทุเรศทุรังจากพฤติกรรมติดเหล้า

[ไม่อยากเชื่อว่าพ่อจะส่งลูกผมไปอยู่กับคุณ!]

“ลูกเรา”

ผมเตือนเขา เสียงแข็งกระด้างกว่าที่อยากให้เป็น

“สเปิร์มผม สเปิร์มคุณ ได้ยินไหมที่รัก”

[อย่าเรียกผมแบบนั้น]

ผมนึกถึงหน้าบึ้งตึงของเขาแล้วกลั้นเสียงหัวเราะไว้

[ผมบอกพ่อแล้วว่าให้จ้างพี่เลี้ยง]

“ใจคอไม่คิดจะให้ผมเจอลูกเลยรึไง” ผมเปิดสปริงเกอร์รดน้ำหญ้าแล้วหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้สานหวาย

“ถ้าคุณไม่เอาแต่ทำงานโนแลนคงไม่ส่งลูกมาอยู่กับผม แปลกใช่ไหม เขายอมให้เด็กๆ มาอยู่กับผม” ลูกผมทั้งสามคนติดเซบาสเตียนมากกว่าผมเสียอีก ทั้งที่แทบไม่มีเวลาอยู่กับลูกด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยังไงในทางเหตุและผล เขาเอาแต่ทำงาน ส่วนผมอยู่กับลูก ทุกวันพวกเขาจะถามหาเซบาสเตียนซึ่งหน้าที่ผมคือแก้ตัวแทนเขาโดยคิดหาเหตุผลที่ดีที่สุดแต่ความจริงแล้วเซบาสเตียนกำลังสนุกกับหลอดทดลองซึ่งผมไม่คิดว่ามันสำคัญกว่าลูก

“ถ้าคุณเอาเวลามาอยู่กับล-”

[คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนั้น คุณเองก็เคยบินไปอยู่แอฟฟริกาตั้งหลายปีเพราะงานของคุณ] แค่สองปีไม่ผมคิดว่าไม่นานเท่าไหร่ แล้วผมก็ไม่ได้หายไปเลย ผมยังติดต่อกลับมาหาคนที่บ้าน ถึงจะไม่ได้กอดลูกแต่ผมก็โทรไปบอกคิดถึงประจำ ผมไม่อจากเถียงเซบาสเตียนเรื่องนี้อีกจึงไม่ตอบกลับไป

[พ่อผมคิดผิดที่ให้เด็กๆ ไปอยู่กับคุณ]

“พูดแบบนั้นดูไม่เหมือนคุณเลย ผมก็เป็นพ่อเด็กนะอย่าลืม แล้วอยู่กับผมไม่ดีตรงไหน”

[ก็คุณ…]

“ไม่เอาไหน พระเจ้า คุณรู้ว่าผมเป็นสามีที่ดีที่สุดของคุณ เป็นพ่อที่ดีของลูกเรา” พูดออกไปอย่างมั่นใจ ก่อนจะถูกทำลายด้วยประโยคที่ออกจากปากเซบาสเตียน

[ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว]

เราเงียบชั่วอึดใจหนึ่ง ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ดูให้แน่ใจว่าเซบาสเตียนยังไม่ตัดสายทิ้งก่อนที่ผมจะพูด

“หมายถึง…ไม่ใช่สามีที่ดีของคุณหรือพ่อที่ดีของลูก หรือทั้งสองอย่าง” ผมหายใจช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ ผมกลัวคำตอบ ทว่าเซบาสเตียนยังคงเงียบ เราเงียบ นั่นทำให้หวนนึกถึงตอนที่เราคุยโทรศัพท์จนดึกดื่นแล้วเซบาสเตียนก็เผลอหลับไป

ถ้าจะมีอะไรมาเติมเต็มผมได้ก็คงเป็นภาพจำในอดีต

[ช่างเถอะ]

เขาพึมพำ

[คุณทำอาหารไม่เป็น]

“ก็แค่ทำอาหารไม่เป็น”

[แล้วเด็กๆ จะกินอะไร อาหารกระป๋องเหรอ? เด็กอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต พวกเขาต้องการอาหารที่มีประโยชน์ต่อตัวพวกเขา] ใช่แล้ว เซบาสเตียนเป็นพ่อเจ้าระเบียบ ก่อนเราคุยกันว่าจะมีลูกแล้วให้ใครสักคนอุ้มบุญให้ผมไม่คิดเลยว่าตอนที่เซบาสเตียนได้เป็นพ่อคนจริงๆ จะเจ้ากี้จะการ แต่ผมก็ชอบที่เขาเป็นแบบนั้น

[ผมไม่ยอมให้สเปนเซอร์ผอมกะหร่องเหมือนผมตอนอายุเท่าเขาแน่]

“สเปนเซอร์รักกีฬา เขาชอบออกกำลังกาย ไม่เหมือนคุณ”

แล้วผมก็นึกถึงเด็กผองกะหร่องคนนั้นจนได้ มีแต่ภาพจำจากอดีตฝังอยู่ในหัว

“ฟังผมนะที่รัก ผมทอดไข่ดาวกับเบคอนได้”

[อย่าเรียกผมแบบนั้น]

“ทูนหัว”

[อย่า]

“โอเค เซบ”

ผมรีบแก้ก่อนจะทำให้เซบาสเตียนหัวเสียไปมากกว่านี้

[อย่าปล่อยให้เด็กๆ อดตาย]

“ผมไม่ปล่อยให้ลูกอดตายหรอกน่า เรามีเนื้อ ผัก ผลไม้ แล้วก็นม เรามีแน่ถ้าผมไปซื้อตอนนี้”

[ให้ตายสิอาร์โนลด์! คุณไม่มีอะไรในครัวเลยรึไง!]

“ตอนนี้ไม่ แต่เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อ”

[ถ้าเรเชลหรือสเปนเซอร์ หรือหนูน้อยธีโอดอร์ หรือใครก็ตามโทรมาฟ้องผมว่าคุณทำเนื้อไหม้ให้พวกเขากินผมจะบีบคอคุณจริงๆ] บีบคอผม? ผมรู้ว่าเขาไม่ทำจริง แต่ประโยคนี้น่าหดหู่และทำให้ผมกล้ำกลืน ความเงียบกลับเข้ามาอย่างง่ายดาย อึดอัดจนอยากตะโกนให้ดังไปถึงอีกฟากของทะเลสาปเพื่อทำลายมัน

[ผมต้องไปแล้ว]

เขาไปแล้วจริงๆ ผมยังคั่งค้างกับประโยคนั้นอยู่ ค่อยๆ ยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก้มมองมือสองข้างของตัวเองแล้วเดินเหม่อลอยไปยังประตูบ้าน ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก ปั้นรอยยิ้มจอมปลอมขึ้นมาแล้วเข้าไปหาเด็กๆ

“ลูกชอบไหม”

ห้องเก่าผม เตียงกว้างพอสำหรับเด็กสองคน ผมพยายามจัดแต่งห้องให้น่ารักที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ สุดท้ายก็โทรหาคนที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า แล้วห้องก็กลายเป็นเหมือนบ้านตุ๊กตาน่ารักแต่ก็ดูไม่หวานเลี่ยนเกินไปสำหรับเรเชลกับธีโอ หวังว่าอย่างนั้น หน้าของเรเชลเริ่มจะบูดบึ้งเสียแล้ว แต่เมื่อมองเห็นดาวบนเพดาน ต้นเคเมร่อนกับต้นสนจูนิเปอร์แคระวางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เธอก็ยิ้มกว้างแล้ววิ่งมากอดผม ธีโอทำแบบเดียวกัน

“ไม่เหมือนห้องที่ผมนอนทุกวัน แต่เจ๋งดีฮะ”

“ลูกไปหัดพูดแบบนี้มาจากไหน”

“ก็แค่คำว่าเจ๋ง”

ธีโอกระโดดขึ้นไปนอนแผ่เตียง สองปีที่ผ่านมาผมทำหน้าที่พ่อได้ไม่เต็มที่ ผมดีใจที่กำลังจะกลับไปวุ่นอยู่กับเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน ผมไม่ได้เข้าไปดูสเปนเซอร์ เขาคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ถ้าผมยุ่งกับเขา ลูกชายคนนี้คงจะเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง จึงปล่อยให้เขาอยู่ในส่วนของเขา





see you next chapter
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2021 18:53:22 โดย Jatsada_43 »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด