[End] Love (and) Lies #ลวงหลอกรัก, 12/05/64 [33th Lies, End Chapter: แค่มีเรา]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [End] Love (and) Lies #ลวงหลอกรัก, 12/05/64 [33th Lies, End Chapter: แค่มีเรา]  (อ่าน 19344 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เฉลยตัวเอง ซะหมดเลย ..

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
30th Lies : ความหวัง


Kamin's Part


วันนี้เป็นวันต้นสัปดาห์ในการเริ่มงานปกติ แต่จะไม่ปกติตรงที่ผมไม่มีปราณันต์ นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปส่งปุณณกันต์กับปัณณธรที่โรงเรียนอนุบาล ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่ฟังกี่ครั้ง ผมก็มีความสุขทุกครั้ง ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย หัวใจผมหนักอึ้งและเต็มไปด้วยความคิดถึงที่มีต่อทั้งสามคน

และเมื่อมาถึงออฟฟิศ ผมก็สั่งให้แทนคุณไปตามหาปราณันต์ต่อ และนอกเหนือไปจากการตามหาคนที่ผมรัก ผมก็ยังมีงานอีกชิ้นให้คนสนิทของผมไปจัดการ นั่นก็คือเรื่องคดีความของคุณพ่อกับคุณแม่ของปราณันต์ที่ถูกรถขับชน ผมให้แทนคุณเลือกทนายที่ดีที่สุด เก่งที่สุดเตรียมไว้ นั่นเพราะผมรู้ว่าอีกฝ่ายที่ผมกำลังจะต่อสู้ด้วย เป็นถึงพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่น ที่ไม่ใช่ว่าจะรับมือด้วยได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น ผมจะต้องรอบคอบและทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด

ผมตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อปราณันต์สักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อชดใช้ความผิดที่ผมเคยได้ทำไว้ และเผื่อมันจะทำให้พระเจ้าเห็นใจผมบ้าง ผมอยากเจอปราณันต์ ปุณณกันต์ และปัณณธร ผมคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน ถ้าความดีของผมครั้งนี้พอจะไถ่โทษเรื่องในอดีตได้บ้าง ผมก็ยินดีจะทำ แม้ความหวังมันจะริบหรี่มากก็ตามที

“แล้วเรื่องแถลงข่าวไปถึงไหนแล้วแทนคุณ ทางวลัยมีทีท่ายังไงบ้าง”

ผมถามคนสนิทของผมด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน ต่อหน้าทุกคนผมยังคงเป็นคามินผู้เย็นชาและบ้างานไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีไม่กี่คนนักหรอกที่รู้ว่าผมฝืนแค่ไหน ข้างในผมแตกสลาย แทบจะไม่มีอะไรเหลือเป็นชิ้นเป็นอันให้ยึดให้เหนี่ยวไว้ได้เลย

อย่างน้อยก็คนที่ยืนอยู่ข้างตัวผมนี่แหละที่รู้... รู้แต่ต้องทำเป็นไม่รู้

“ทางคุณพรวลัยยังเงียบอยู่เลยครับบอส บอสจะให้ผมเตรียมการอะไรเผื่อไว้ไหมครับ” แทนคุณถามขึ้นมาราวกับรู้ใจ

“เตรียมไว้หน่อยก็ดี ถ้าอีกสองวันทางนั้นไม่แถลงข่าวเรื่องถอนหมั้น ฉันจะจัดการเอง” ผมพูดเสียงเข้ม บ่งบอกว่าเอาจริง

“แล้วท่านประธานกับคุณนาย ทราบเรื่องนี้แล้วรึยังครับบอส”

แทนคุณถามอย่างกลัวๆ กล้าๆ คงหวั่นใจว่าผมจะด่าน่ะแหละ ผมถอนหายใจปลงๆ ผมไม่มีอารมณ์จะเกรี้ยวกราดใส่ใครทั้งนั้นแหละเวลานี้ แค่หายใจผมยังเหนื่อยเลย ไม่รู้จะอารมณ์เสียใส่คนอื่นไปทำไม ... ปราณันต์ทำให้ผมเปลี่ยนไปจริงๆ

“แม่รู้แล้ว บอกว่าจะคุยกับพ่อให้ แต่คิดว่าท่านคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก รายนั้นแม่พูดอะไรก็ยอมทุกอย่างแหละ” ผมพูดขึ้น ไม่ได้หนักใจอะไรทั้งนั้นกับฝั่งครอบครัวตัวเองเลย

ถึงแม้พ่อจะเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องการแต่งงานระหว่างผมกับครอบครัวพรวลัย หรือถึงแม้ว่าป๊าจะเป็นถึงประธานใหญ่แห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้ มีลูกน้องเป็นร้อยเป็นพัน อำนาจบารมีคับกรุงเทพฯ ก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วพอกลับเข้าบ้าน พ่อก็เป็นแค่สามีของแม่ผม และแม่ผมก็คือผู้ยึดครองถืออำนาจสูงสุดในบ้าน เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามการตัดสินใจของแม่ทั้งสิ้น และแน่นอนว่าแม่ทั้งรักและเอ็นดูปราณันต์และฝาแฝดขนาดนั้น ต่อให้ต้องงัดข้อกับป๊า ผมคิดว่ายังไงพ่อก็สู้แม่ไม่ได้หรอก พ่อบ้านใจกล้ากันทั้งพ่อทั้งลูก

“ได้ครับบอส เดี๋ยวผมจะไปจัดการตามที่บอสสั่งให้เรียบร้อย”

หลังจากรับคำสั่งจากผมเสร็จ แทนคุณก็ทำท่าจะหมุนออกไป แต่ผมเรียกเอาไว้ก่อน ผมลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะคิดใคร่ครวญดูว่าผมควรจะลองเสี่ยงไหม แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะทำ ดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย

“เดี๋ยวแทนคุณ ตามนทนัชกับกันต์กวีมา ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกนั้น”

แทนคุณมองผมอย่างเห็นใจ ผมรู้ว่าความคิดนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่หรอก ขนาดอนาวินยังไม่ปริปากพูดสักคำ แล้วมีหรอที่สองคนนี้จะพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกันต์กวี ยังไงหมอนั่นก็ไม่มีทางพูดแน่

“แต่บอสครับ..”

“บอกให้เรียกมาก็เรียกมาเถอะ” แทนคุณทำท่าจะแย้ง แต่ผมพูดตัดบทเสียก่อน

“ได้ครับบอส”

ผมรออยู่ไม่นาน นทนัชกับกันต์กวีก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า สายตาทั้งสองคู่มองมาที่ผมอย่างไม่เป็นมิตร และยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยถามอะไร กันต์กวีก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเสียก่อน

“ท่านประธานเรียกเราสองคนมาทำไมครับ จะไล่ออกหรอ”

กันต์กวีถามผมอย่างยียวน ส่วนนทนัชที่ปกติมักจะคอยห้ามปรามกันต์กวี แต่ครั้งนี้ไม่ คนสูงวัยกว่ากลับแค่ยืนนิ่งๆ ราวกับไม่อยากจะมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้

ผมถอนหายใจ ผมยอมรับว่าผมโกรธ ผมโกรธทั้งนทนัช ทั้งกันต์กวี หรือแม้แต่อนาวินผมก็โกรธ ที่จริงผมก็โกรธคนทั้งโลกนั่นแหละที่พรากปราณันต์ไปจากผม มันก็จริงที่ผมเป็นคนผิดเอง แต่แล้วยังไงล่ะ มันไม่ได้หมายความทุกคนจะมีสิทธิ์พาปราณันต์หนีหายไปจากผมแบบนี้สักหน่อย

บางทีผมก็นึกอยากจะอาละวาดใส่ทุกคน แต่ผมก็เรียนรู้แล้วว่าทำอย่างนั้นมันไร้ประโยชน์ จากการหายไปของปราณันต์ทำให้ผมเรียนรู้หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยแย่ๆ ของผม ที่ผมควรจะเลิกเป็นหรือเลิกทำเสียที เพราะนั่นมันก็เป็นส่วนหนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ปราณันต์ทิ้งผมไป

“ผมแค่อยากรู้ว่าคถณปราณอยู่ที่ไหน พวกคุณ...”

“เราไม่มีอะไรจะบอกคุณหรอกค่ะท่านประธาน พวกเราไม่รู้ว่าปราณอยู่ไหน ... ไม่สิ ถึงต่อให้รู้ดิฉันก็ไม่บอก ดิฉันจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายคนที่ดิฉันรักเหมือนน้องชายได้อีกแน่ๆ”

นทนัชพูดสวนผมขึ้นมาเสียงกร้าว หัวหน้าทีมสาวไม่รอให้ผมพูดจบด้วยซ้ำ ทำเอาผมสะอึกไปเหมือนกัน เมื่อเจอนทนัชเวอร์ชั่นนี้

“ใช่ คุณและคู่หมั้นคุณทำร้ายปราณมามากพอแล้ว ปล่อยให้ปราณไปตามทางเถอะ คุณก็อยู่ของคุณไป ปราณก็อยู่ของปราณไป อย่ามายุ่งเกี่ยวกันให้เกิดปัญหาอีกเลยดีกว่า”

กันต์กวีพูดเสริม เสริมในสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บจนจุกไม่น้อย เพราะนั่นมันคือความเป็นจริงที่ผมควรจะปล่อยให้เป็น แต่ไม่ ผมทำแบบนั้นไม่ได้

“ผมรักคุณปราณ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา” ผมสารภาพ ผู้ชายที่หยิ่งผยองและเย็นชาราวกับน้ำแข็งอย่างคามินคนนี้ หมดสภาพโดยสิ้นเชิง ผมค้อมหัวให้คนตรงข้ามทั้งสอง ก่อนจะขอร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “บอกผมเถอะนะครับว่าคุณปราณอยู่ที่ไหน... ผมขอร้อง”

ดูเหมือนทั้งนทนัชและกันต์กวีจะอึ้งไปพักใหญ่เมื่อเห็นท่าทีเหมือนคนขี้แพ้ของผม แต่ไม่ว่าผมจะน่าสงสารแค่ไหน ก็ดูเหมือนทั้งสองไม่ได้ใจอ่อนให้ผมสักนิด

“พวกเราไม่มีอะไรจะบอกคุณหรอกค่ะท่านประธาน ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราสองคนขอตัว”

นทนัชตัดบท พร้อมกับหมุนตัวเดินออกไป โดยมีกันต์กวีเดินตามออกไปติดๆ ผมเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองสองคนที่เดินออกไป พร้อมๆ กับที่บานประตูค่อยๆ ปิดลง

ผมหลับตาลงและทิ้งตัวบนเก้าอี้อย่างหมดแรง

...ไม่ว่าจะทำวิธีไหน ก็ไม่มีใครยอมบอกผมว่าปราณันต์อยู่ไหน

ผมกำมือแน่นพร้อมกับทุบลงบนหน้าอกของตัวเองแรงๆ เพราะหวังว่ามันจะบรรเทาอาการเจ็บในหัวใจลงได้บ้าง แต่ไม่เลย มันไม่หายลงไปสักนิดเลย มันมีแต่เจ็บมากขึ้น มากขึ้น ผมได้แต่พิงศีรษะลงบนพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับที่น้ำใสไหลออกมาจากตาที่ปิดแน่นของผมช้าๆ

ผมเพิ่งรู้ เพิ่งเข้าใจเวลาที่ผมทำให้ปราณันต์ร้องไห้... มันเจ็บแบบนี้นี่เอง

.

.

.

หลังจากแน่ชัดแล้วว่ายังไงเพื่อนสนิททั้งสามของปราณันต์ก็ไม่มีทางบอกผม ว่าปราณันต์อยู่ที่ไหน ผมก็เลยให้แทนคุณออกตามหาปราณันต์เต็มที่ ผมจ้างนักสืบเอกชนที่ดีที่สุด เก่งที่สุด มาตามหาปราณันต์และฝาแฝดทั้งสอง จนทั่ทั่วกรุงเทพฯ ลามไปยันจังหวัดใกล้ๆ หรือแม้กระทั่งจังหวัดทะเลแบบที่ปราณันต์ชอบอย่างประจวบฯ ผมก็ให้คนไปตามหา แต่ก็คว้าน้ำเหลว เพราะไร้วี่แววของทั้งสามพี่น้องโดยสิ้นเชิง

ทุกครั้งที่ผมได้รับรายงานว่ายังหาปราณันต์ไม่เจอ หัวใจของผมก็ดูเหมือนจะหดเล็กลงทุกที ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกหลุมดำที่เกิดขึ้นตรงกลางใจดูดกลืนความสุขให้หายไปช้าๆ ผมอยู่อย่างทุกข์ทรมาน และเอาแต่ทำงานอย่างบ้าคลั่ง จนแทบจะลืมวันลืมคืน เพียงเพื่อหวังให้ความฟุ้งซ่านในใจมันเบาบางลงบ้างก็ยังดี

.

.

.

ผ่านไปเป็นวัน จนเป็นอาทิตย์ จนจะเข้าเดือน ผมก็ยังคงตามหาปราณันต์ไม่เจอ จากคนรูปร่างสูงใหญ่ที่มองยังไงก็ดูสุขภาพดี กลับผ่ายผอมลงเรื่อยๆ ผมกินได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ถ้าแทนคุณไม่มาบังคับหรือยืนกดดันให้กินน ผมก็ไม่ค่อยกิน ความอยากอาหารของผมลดน้อยลงเรื่อยๆ ทุกวัน และที่ยิ่งไปกว่านั้นหน้าตาที่เคยหล่อเหลาภูมิฐานก็กลับเศร้าสร้อย และดูเหน็ดเหนื่อย เพราะอาการนอนไม่ค่อยหลับที่ผมกำลังเผชิญมันอยู่ในทุกๆ คืน

กลางคืนเป็นช่วงที่ทรมานมากสำหรับผม เพราะเป็นเวลาที่ผมต้องอยู่ลำพังคนเดียวในห้องที่มีแต่ร่องรอยความทรงจำของเราสองคน นั่นทำให้ผมยิ่งคิดถึงปราณันต์จนแทบบ้า ผมเคยคิดว่าถ้าเวลาผ่านไป ความคิดถึงและห่วงหาที่มีต่อปราณันต์จะลดน้อยลง แต่ไม่เลย มันไม่เป็นแบบนั้นเลย ผมกลับยิ่งคิดถึงคนตัวเล็กที่มีรอยยิ้มสดใสนั่นมากขึ้นทุกวัน คิดถึงปุณณกันต์กับปัณณธรที่ทำให้คนยิ้มยากอย่างผมยิ้มได้อย่างง่ายดายเมื่อเห็นพวกแก ผมคิดถึงทุกอย่างระหว่างเราสี่คน เพราะฉะนั้นมันเลยยากเหลือเกินที่จะข่มตานอนให้หลับได้ในเวลากลางคืน

บางคืนผมนอนจ้องหมอนที่ปราณันต์ใช้หนุนจนถึงเช้า ผมเห็นแต่ภาพลูกแมวของผมนอนคุดคู้อยู่ข้างกายหลับตาพริ้มเหมือนเด็กน้อยที่รอให้ผมโอบกอด ผมคิดถึงทุกอย่างในตัวปราณันต์ มันเหมือนทุกภาพ ทุกอิริยาบถติดอยู่ในความทรงจำของผม และผมไม่สามารถลบมันออกไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

มีอยู่แค่สองอย่างเท่านั้นที่พอจะทำให้ผมเลิกฟุ้งซ่านได้บ้าง นั่นคืองานและแอลกอฮอล์ ถ้าวันไหนที่ดื่มไม่ได้ ผมก็จะทำงานอย่างหนัก โหมทำจนเหมือนกับว่าบริษัทจะล่มจมถ้าผมหยุดพักสักสองหรือสามชั่วโมง บางวันผมทำงานจนถึงดึกและเกือบล่วงเข้าอีกวัน จนแทนคุณต้องมาขอร้อง ขอให้ผมพักผ่อนบ้างนั่นแหละ ผมถึงได้รู้ตัวและยอมหยุด แล้วที่หยุดทำก็ไม่ใช่เพราะว่าอยากหยุด แต่ที่หยุดก็เพราะแทนคุณยืนยันว่าจะอยู่กับผม จนกว่าผมจะยอมกลับบ้าน นั่นเลยทำให้ผมยอมแพ้และทำตามที่แทนคุณขอร้องในที่สุด


... ไม่น่าเชื่อเลยว่าปราณันต์จะมีอิทธิพลต่อผมมากขนาดนี้


จากคนที่เย็นชา จากคนที่เห็นแก่ตัว จากคนที่มีกำแพงในใจสูงลิบลิ่ว จากคนที่ไม่เคยรู้จักแม้แต่ความรัก ปราณันต์สอนให้ผมรู้จักทุกอย่าง ความอ่อนโยนของเด็กคนนั้นละลายหัวใจที่เย็นชาของผมให้อบอุ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมเรียนรู้ที่จะรักและถูกรัก แม้มันจะสายเกินไป แต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าผมรักใครเป็น

.

.

.

Rrrrr


ผมเหลือบมองโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงร้องและสั่นอย่างบ้าคลั่งด้วยสายตาตื่นเต้น เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาปรากฎอยู่บนหน้าจอ

“ไอ้สิบ! ได้ข่าวหรือเบาะแสอะไรบางอย่างของคุณปราณแล้วใช่ไหม”

ผมถามอย่างคาดหวัง ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย แค่นี้ผมก็พอจะเดาคำตอบได้ไม่ยาก

(คราม กูพยายามเต็มที่แล้วนะ แต่คุณปราณเหมือนหายไปเฉยๆ ... ฉันให้คนไปค้นหาตามจังหวัดใหญ่ๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย ไม่เข้าใจว่าเป็นแบบนี้ได้ยังไง)

เพื่อนสนิทผมบ่นยาวเหยียด แม้ว่าก่อนหน้านี้ผมกับสิปปกรจะทะเลาะกัน แต่พอปราณันต์ปฏิเสธมันไปอย่างจริงจัง สิปปกรก็นักเลงพอที่จะยอมปล่อยปราณันต์ไป

และยิ่งพอหลังจากปราณันต์หนีผมไป สิปปกรก็อาสาช่วยผมตามหาลูกแมวตัวน้อยของผมเต็มที่ ตัวผมเองก็ให้แทนคุณตามหาปราณันต์อีกทางเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่สิปปกรบอกนั่นแหละ ปราณันต์เหมือนจู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ ถ้าพลิกแผ่นดินตามหาได้ ผมก็คงทำไปแล้ว เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงไม่น้อย

“กูขอบใจมึงมาก แค่นี้มึงก็ช่วยกูมากแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเองเถอะ ยังไงกูก็ต้องตามหาหัวใจตัวเองให้เจอจนได้แหละ”

ผมพูดอย่างมุ่งมั่น แม้ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ผมก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

“ว่าแต่เรื่องคดีไปถึงไหนแล้ว” ผมถามเรื่องรื้อคดีต่อ เห็นสิปปกรบอกว่ากำลังรวบรวมหลักฐาน เพราะทนายนี่สิปปกรก็เป็นคนหามาให้ ผมเลยวางใจให้สิปปกรช่วยดูแลเรื่องนี้ แทนคุณจะได้ลงไปตามหาปราณันต์เต็มตัว และจะได้ไม่ต้องมาพะวงกับเรื่องคดีอีก

(ตอนนี้กำลังจะยื่นฟ้องแล้ว นี่ทางพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นก็ขัดแข้งขัดขากูน่าดู กะว่าจะไม่ให้กูยื่นฟ้องได้ง่ายๆ แน่)

“ลำบากนายหน่อยนะ แต่กูก็ไว้ใจก็แค่มึงนี่แหละ”

(ฮ่าๆ) สิปปกรหัวเราะหลังพูดจบ ผมแปลกใจหน่อยๆ ว่ามีอะไรน่าขำตรงไหน (ไม่น่าเชื่อว่ากูจะได้เห็นมึงโหมดนี้ว่ะคราม นี่ต้องขอบคุณปราณใช่ไหมวะเนี่ย)

ผมอมยิ้มบางๆ หลังจากได้ยินประโยคนั้นของเพื่อนสนิท นี่ถือเป็นรอยยิ้มแรกในรอบหลายวันนี้เลยก็ว่าได้

“เออ กูจะรีบหาคุณปราณให้เจอ มึงจะได้รีบไปขอบคุณ”

สิปปกรหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องพรวลัย ซึ่งอีกเรื่องที่ผมยังกังวลใจไม่น้อย

(นี่ก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้วนะคราม ทางวลัยยังไม่แถลงข่าวเรื่องถอนหมั้นเลย ตกลงมึงจะเอาไงต่อไปวะ)

ผมถอนหายใจก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่สบายใจเหมือนกัน

“ตอนแรกกูก็คิดไว้ว่าถ้าทางนั้นไม่แถลง กูจะแถลงเอง แต่แม่กับพ่อไม่อยากให้หักหาญน้ำใจกันมากเกินไป ยังไงคุณลุงกับพ่อก็เคยสนิทสนมกันมาก่อน ตอนนี้ก็คงต้องรอไปเรื่อยๆ อ่ะ ดูท่าทีทางนั้นไปก่อน”

ผมตอบ เพราะผมเคยบอกไว้แล้วว่าจะให้เวลาพรวลัยแค่สามวัน หลังจากที่ผมขอเธอถอนหมั้นไป ผมอยากให้เธอแถลงข่าวจบความสัมพันธ์ของเราสองคนซะ ไอ้ตัวผมเนี่ยเป็นผู้ชายถ้าให้ออกมาพูดก่อนคงน่าเกลียด ผมเลยอยากให้เกียรติเธอ เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็นผู้ญิง เธอจะพูดถึงสาเหตุของการถอนหมั้นครั้งนี้ยังไงก็ได้ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรตรงนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอยังคงไม่ยอมแถลงข่าวเรื่องที่เราเลิกกันแล้วเสียที เอาแต่ลากเลื้อยและดึงเวลา ไม่ยอมทำให้มันเด็ดขาด

(กูเห็นใจมึงนะ ทุกอย่างมันดูอิรุงตุงนังไปหมดเลยว่ะ) สิปปกรพูดเหนื่อยๆ ขนาดมันยังเหนื่อยแล้วผมจะเหลืออะไร

(ว่าแต่เรื่องคดี คือถ้าเรายื่นฟ้อง กูรับรองได้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้กับพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นต้องไม่เหลือแน่ นี่มันยิ่งกว่าเรื่องถอนหมั้นอีก ซึ่งกูไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อมึงถึงไม่ห้ามเรื่องนี้มากกว่าวะ)

สิปปกรถาม ก่อนหน้านี้แทนคุณก็สงสัยแบบนี้นี่แหละ ผมเลยตอบออกตรงๆ ตามความจริง

“ก็เพราะเรื่องถอนหมั้นกูเป็นคนผิดไง แต่เรื่องคดีของคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณปราณ มันคนละเรื่องกัน พ่อกูอกว่าถ้าวลัยผิดจริง ก็ต้องว่ากันไปตามผิด และเธอก็ต้องรับโทษในสิ่งที่เธอทำ”

(โห พ่อครับของกู! ... โคตรเท่เลยว่ะ) สิปปกรเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงทึ่งนิดๆ

เอาจริงผมก็แอบภูมิใจในตัวพ่อหน่อยๆ ความคิดของท่านทำให้ผมแปลกใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็แหงล่ะ นี่ท่านประธานใหญ่แห่งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้เชียว ครั้นจะให้ธรรมดา พ่อผมจะประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง

และในขณะที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับสิปปกรอยู่นั้น เสียงเคาะประตูถี่รัวก็ดังขึ้น ราวกับว่าคนที่อยู่หน้าห้องกำลังร้อนอกร้อนใจและอยากเจอผมเป็นอย่างมาก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

หัวใจผมกระตุก หรือว่าจะเป็นเรื่องของปราณันต์

“แค่นี้ก่อนนะสิบ ไว้ค่อยว่ากัน” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสายทันที ก่อนที่จะเอ่ยอนุญาตให้คนด้านนอกเข้ามา

“เข้ามาได้”

แทนคุณกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง ผมหลงดีใจเพราะคิดว่าเขามีเบาะแสเรื่องปราณันต์แล้ว แต่แทนคุณกลับพูดสวนออกมาก่อนที่ผมจะได้ถามออกไปเสียอีก

“บอสครับ ตอนนี้ตัวแทนของพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นกำลังแถลงข่าวเรื่องถอนหมั้นอยู่ครับ”

ผมตกใจนิดหน่อยตอนได้ยินแทนคุณบอกแบบนั้น แต่ก็รีบกดเปิดทีวีช่องที่มีการแถลงข่าวด้วยความรวดเร็ว


‘ขอบคุณนักข่าวทุกท่าน และสื่อทุกสำนักที่มาในวันนี้มานะคะ ดิฉันพนิดาตัวแทนของพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่น ขอแถลงข่าวเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างคุณคามินและคุณพรวลัยค่ะ เหตุผลของการเลิกรากันของคนทั้งคู่เป็นเรื่องส่วนตัวนะคะ ทางเราไม่ขอพูดถึง แต่จะขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่าพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นและเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันต่อไปอีก จากนี้ไปก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต และถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากนี้ ทางเราจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกครั้ง สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ’


พีแอนด์วีเตรียมตัวมาแล้วว่าจะรับมือยังไงกับเรื่องนี้ การแถลงข่าวเป็นไปอย่างสั้น กระชับ และค่อนข้างกำกวม โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้นักข่าวถามอะไรทั้งสิ้น ซึ่งแบบนี้เท่ากับว่าถ้านักข่าวอยากขุดคุ้ยหรืออยากสัมภาษณ์ คู่กรณีของพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นหรือก็คือผม คือเหยื่ออันโอชะที่ทางนั้นหย่อนไว้ให้นักข่าวไล่ล่าเล่น


...ฉลาด


แต่ดูเหมือนว่าทางนั้นจะฉลาดได้มากกว่าที่ผมคิดเสียอีก เมื่อมีคำถามแว่วมาเกี่ยวกับเรื่องมือที่สาม ซึ่งเลขาฯ คนสนิทก็รีบฉวยโอกาสนั้นไว้ เพื่อตอกย้ำถึงความไม่ชัดเจนของการถอนหมั้นระหว่างผมกับพรวลัยอีกระลอก


‘คุณวลัยไม่ได้มีใครค่ะ เธอรักและมั่นคงกับคุณคามินมาตลอด แต่กับอีกฝ่ายทางเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อันนี้พวกคุณคงต้องไปถามทางนั้นเอาเอง’


พนิดาจบการแถลงข่าวเพียงเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ฉลาดมากในการตอบ พีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นไม่พูดให้ร้ายผมชัดเจนเกินไป แต่กลับให้คนคิดและตีความเอาเองถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่ได้พูดออกมา ซึ่งแน่นอนว่าการที่ทางนั้นพูดแบบนี้ย่อมหมายความว่าผมมีโอกาสที่จะมีคนอื่น และเป็นฝ่ายทิ้งพรวลัยก่อนมีสูงมาก

แล้วทีนี้คนที่นักข่าวจะหันมารุมทึ้งก็คือผมแทน

แต่ก็เอาเถอะผมพร้อมรับกับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว ขอเพียงให้ผมกับพรวลัยตัดขาดกันได้ก็พอ ทีนี้ผมก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีกต่อไป

.

.

.

และก็เป็นไปตามคาดนักข่าวมาดักรอผมถึงหน้าออฟฟิศทุกวัน ทุกคนรุมถามจะเอาคำตอบจากผมให้ได้ แต่ผมเลือกที่จะเฉยและไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น ทั้งหมดที่ผมพูดมีแค่เพียง


‘ตามที่ทางพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นให้สัมภาษณ์เลยครับ ผมขอตัวก่อน’


จากนั้นผมก็เดินตรงดิ่งไปขึ้นรถโดยมีแทนคุณคอยกันนักข่าว ไม่ให้มาเข้าใกล้ หรือรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผมจนเกินไปนัก

ซึ่งพอหลังจากผ่านอะไรน่าปวดหัวมามากมาย ผมก็เลือกที่จะตรงกลับคอนโดทันที อยากอาบน้ำอาบท่าแล้วก็พักผ่อนจะแย่ แต่เมื่อกลับถึงห้องแล้วเปิดทีวีดูก็พบว่ามีแต่ข่าวผมกับพรวลัยเต็มไปหมดจนน่าปวดหัวมากกว่าเดิม

แน่นอนว่าเรื่องที่ผมกับวลัยถอนหมั้นกันจะต้องกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนจับตามอง ไม่ใช่แค่นักธุรกิจในกรุงเทพฯ แต่รวมถึงนักธุรกิจในหลายๆ จังหวัดด้วย เพราะทั้งเคเอ็มพร็อพเพอร์ตี้และพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นถือเป็นยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังเหมารวมถึงในประเทศทั้งหมดทั้งหมด

ดังนั้น ข่าวของผมและพรวลัยจึงแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ก็แหงล่ะ ยักษ์ใหญ่สองบริษัทที่เคยจับมือปรองดองกัน จู่ๆ ก็หันหลังให้กันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ใครจะไม่สงสัยบ้างว่าเป็นเพราะเหตุอะไร แล้วมันจะกระทบอะไรในวงกว้างหรือเปล่า นั่นจึงไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะจับตามองข่าวนี้เป็นพิเศษ

ผมคิดพลางปิดทีวีอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปชำระร่างกายและหวังว่ามันจะทำให้จิตใจและหัวสมองของผมปลอดโปร่งขึ้นด้วย

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็มานั่งจมจ่อมเงียบๆ และนั่นก็ทำให้อาการเดิมๆ ของผมกำเริบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง เมื่อผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ... ผมคิดถึงปราณันต์อีกแล้ว

ผมหยิบกรอบรูปที่มีรูปฝาแฝดและปราณันต์ถ่ายด้วยกัน ขึ้นมาดูอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ เพราะแต่ตั้งแต่ทั้งสามจากผมไป สิ่งที่ผมทำเป็นล้านๆ ครั้งคือการดูรูปที่อยู่ในกรอบรูปนี้

รูปที่ผมเป็นคนถ่ายเองกับมือ รอยยิ้มสว่างสดใสของคนทั้งสามในภาพ ทำเอาผมที่เห็นแล้วอดยิ้มตามด้วยไม่ได้


คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงจริงๆ ...


และในขณะที่หัวตาของผมกำลังร้อนผ่าว เพราะน้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกรอบ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่ผมโยนไว้บนโซฟาก็ดังขึ้น ผมเดินไปหยิบมันขึ้นมาดูอย่างขี้เกียจ ก่อนจะเห็นว่าเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น เป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเคยเลยสักนิด หนำซ้ำยังมีรหัสจังหวัดแปลกๆ อีกต่างหาก

ดูเหมือนว่าจะเบอร์ที่ใช้โทรมา จะโทรมาจากต่าจังหวัดที่ไม่ใช่ในกรุงเทพฯ ผมโยนโทรศัพท์กลับลงไปบนโซฟาอีกครั้ง และคิดอย่างไม่ใส่ใจว่าจะไม่รับสาย เพราะปกติผมก็ไม่ได้รับเบอร์แปลกๆ อยู่แล้ว

แต่แล้วจู่ๆ ผมก็เกิดเปลี่ยนใจ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก่อนจะกดรับสายและกรอกเสียงลงไปด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวว่าอาจจะเป็นนักข่าวที่โทรเข้ามาเพื่อมาสัมภาษณ์ผมถึงเหตุการณ์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้

แต่เมื่อผมได้ยินเสียงจากปลายสาย เข่าผมก็แทบอ่อนมือผมก็แทบไร้เรี่ยวแรง เพราะน้ำเสียงสดใสที่ผมได้ยินนั้นเป็นเสียงที่ผมคิดถึง และคุ้นเคยเป็นอย่างดี


(ฮัลโหลๆ พี่ครามครับพี่คราม... พี่ครามรับรึยังอ่ะพี่ปุณณ์ ขอปัณณ์ฟังบ้าง พี่ครามๆ ฮัลโหลลลล)


เสียงที่ผมคิดถึงมานานนับเดือน เสียงของเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่สร้างรอยยิ้ม ความสุข และเสียงหัวเราะให้ผมเสมอ เพียงแค่ผมได้ยิน


(พี่ครามๆ ได้ยินไหมครับ ได้ยินปุณณ์กับปัณณ์ไหมครับพี่คราม ฮัลโหลๆ ... ปัณณ์ นี่ใช่เบอร์พี่ครามแน่นะ... ใช่สิพี่ปุณณ์ พี่ครามเคยใส่ไว้ให้ในกระเป๋า)


“ปุณณกันต์... ปัณณธร นั่นหนูสองคนใช่ไหม”


ผมถามเสียงสั่นอย่างคาดหวัง กลัวว่าสิ่งที่ได้ยินและเผชิญอยู่เป็นแค่ความฝัน กลัวเหลือเกินว่าถ้าผมกะพริบตาหรือทำอะไรมากกว่านี้ แล้วผมจะตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริงว่า มันไม่ใช่เรื่องจริงทุกสิ่งฝันก็แค่คิดไปเอง


(เย่ๆ พี่ครามรับแล้วปัณณ์... ใช่ครับพี่คราม นี่ปุณณ์กับปัณณ์เองครับ พี่ครามได้ยินเราสองคนใช่ไหม)


ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เมื่อเสียงของปลายสายตอบกลับมาอย่างยินดี


...ใช่แล้ว เสียงของปุณณกันต์และปัณณธร น้องชายฝาแฝดของปราณันต์ คนที่ผมตามหาและคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ....

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ แบบอยากตัดจบแค่ตรงนี้ 555555555555555555555555 และเรื่องนี้พระเอกคือฝาแฝดนะคะ อินังครามคือไม่ได้เรื่อง 5555555555555555555555555555555555555555

แต่ว่าเจอแล้วก็ใช่ว่าจะจบเนาะ มันก็ต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อยมั้ยคะคุณพรี่ อิอิ

ชอบไม่ชอบคอมเม้นบอกกันได้นะคะ เรารออ่านฟีดแบคจากทุกคนอยู่น้าา อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วแหละ ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่คอยให้กำลังใจกันมาโดยเสมอและตลอด ขอบคุณจริงๆ เลยนะคะ ^^

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่าา จะพยายามมาลงให้เร็วๆ งับบบ .. รักทุกคนน๊าาา

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
55555 เจ้าเด็กแฝดน่ารักอ่ะ แหมมมคามินทุรนทุรายไปแค่สองตอนเอง เก่งนักก็ตามให้เจอเองละ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ตรูเองก็เริ่มใจอ่อนละ สงสารคนเมียทิ้ง 5555 กว่าจะรู้ตัวนะ ต้องเจอของจริงซะบ้าง ขอบคุณที่มาต่อให้ได้อ่านนะคะ อัพสม่ำเสมอดี น่ารักมาก  :L2: :L2: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ไอตัวแสบ มาโปรดอีกแล้ว

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ้ยยว แฝดลู๊กกกกกกกก ทำไมน่ารักกันอย่างนี้ละหื้อออ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
2 แฝด เก่งจังเลย

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
31st Lies : หากได้พบคุณอีกครั้ง


เชียงใหม่ ประเทศไทย

ปราณันต์กำลังนั่งเคลียร์รายชื่อลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่โรงแรมอยู่ในออฟฟิศที่ตนเองทำงานอยู่ โดยมีเสียงโทรทัศน์เปิดคลออยู่ใกล้ๆ และมีฝาแฝดนั่งเล่นอยู่ตรงแถวๆ หน้าทีวี

ปราณันต์เงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมามองเด็กๆ ทั้งสองที่กำลังนั่งเล่นกันอย่างเอ็นดู เขาและน้องๆ ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ได้หนึ่งเดือนแล้ว กับเรื่องงานที่นี่ไม่มีปัญหาเลย เพราะงานสไตล์นี้ปราณันต์เคยทำมาก่อน ซึ่งอันที่จริงเขาก็เคยทำงานมาแล้วทุกแบบนั่นแหละ มันเลยไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ และยิ่งพ่อของกันต์กวีให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีด้วยแล้ว ทุกอย่างเลยยิ่งสะดวก ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ที่ปราณันต์เคยกังวลก็ไม่มีอะไร เพราะคนที่นี่น่ารักใจเย็น แถมยังเอื้อเฟื้อพร้อมให้ความช่วยเหลือเขาและน้องๆ ตลอด เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับปราณันต์เลยในการปรับตัว

แต่กับปุณณกันต์และปัณณธรไม่เป็นแบบนั้น

เด็กๆ ดูตื่นที่พอสมควรตั้งแต่ย้ายมา ปุณณกันต์ที่พูดน้อยอยู่แล้วก็กลับยิ่งพูดน้อยยิ่งกว่าเดิม ส่วนปัณณธรเองที่เคยช่างพูดช่างเจรจาก็ช่างพูดน้อยลง วันๆ พวกแกก็มักจะคุยกันเองเสียมากกว่า ซึ่งปัญหาเรื่องวัยคือเรื่องหลักของฝาแฝด เพราะที่โรงแรมนี้แทบไม่มีเด็กเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่มีพนักงานคนไหนกระเตงน้องหรือลูกมาทำงานด้วยเหมือนปราณันต์ สภาพแวดล้อมที่ฝาแฝดเจอส่วนใหญ่ก็เลยเป็นคนทำงานทั้งนั้น ส่วนตัวปราณันต์เองก็งานยุ่งเพราะเป็นช่วงเรียนรู้เลยต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เวลาที่จะได้คุยเล่นกับเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อนจึงน้อยลงตามไปด้วย ครั้นจะให้เขาพาน้องๆ ไปฝากโรงเรียนอนุบาลเหมือนเด็กอื่นๆ ก็ยังหาโรงเรียนไม่ได้เพราะเด็กๆ เข้าตอนกลางเทอม มันเลยค่อนข้างจะยาก ปราณันต์เลยต้องพาฝาแฝดมาทำงานด้วยทุกวัน ซึ่งตัวเด็กๆ เองก็ไม่ได้เป็นเด็กดื้อหรือซนอยู่แล้ว พนักงานส่วนใหญ่เลยให้ความเอ็นดูทั้งนั้น

ปราณันต์เองก็พยายามเฝ้าบอกให้น้องๆ อดทนอีกนิด เขาเชื่อว่าหลังจากที่เพื่อนๆ ช่วยหาโรงเรียนอนุบาลให้ได้แล้ว ปุณณกันต์กับปัณณธรน่าจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ซึ่งเด็กๆ เองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ดูจากความหงอยเหงาของพวกแกแล้ว ปราณันต์ก็ไม่สบายใจเอาเสียเลย ครั้นจะติดต่อกลับไปหาเพื่อนๆ ที่กรุงเทพก็ไม่กล้า เพราะกลัวคามินจะสืบรู้ และหาเจอว่าเขาหนีมาอยู่ที่นี่

ปราณันต์ได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักใจ ยิ่งพอเมื่อเช้าเขาแอบได้ยินปัณณธรพูดเบาๆ ให้ปุณณกันต์ฟัง เขายิ่งปวดใจ ไม่รู้จะช่วยน้องยังไงเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก


‘ปัณณ์คิดถึงพี่ครามจังเลยพี่ปุณณ์ พี่ปุณณ์คิดถึงไหม?’

‘อื้อ คิดถึงสิ คิดถึงมากเลย ไม่รู้พี่ปราณคิดถึงพี่ครามเหมือนพวกเรารึป่าว’



ปราณันต์หลับตาลงช้าๆ ก่อนจะตอบน้องๆ ในใจอย่างเจ็บปวด


‘พี่ก็คิดถึงคุณครามเหมือนฝาแฝดเหมือนกัน แต่ทำยังไงได้ล่ะ ... อดทนหน่อยนะปุณณ์ ปัณณ์’


แต่ปราณันต์กลับทำอะไรมากไปกว่าคิดถึงคามินไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาเป็นเดือนๆ จะสูญเปล่า และฝาแฝดก็จะกลับมาไม่ปลอดภัยอีกครั้ง

ในขณะที่ปราณันต์กำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงทีวีช่องข่าวหลักก็ดังขึ้น ตอนที่นักข่าวพูดถึงหัวข้อข่าว ปราณันต์ก็ไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ แต่พอตัดเข้ารายละเอียดข่าว ปราณันต์จึงเหลือบตาขึ้นมอง ก่อนจะเห็นภาพของคามินและพรวลัยขึ้นคู่กัน โดยมีเสียงแถลงเป็นแบคกราวด์ ซึ่งมีเนื้อหาว่าใจความหลักๆ ว่าทั้งคู่เลิกราและถอนหมั้นกันแล้ว

ปราณันต์ตกใจจนตาที่โตอยู่แล้วแทบจะถลนออกมานอกเบ้าหลังจากได้ยินข่าวนั้น

“ถอนหมั้นงั้นหรอ... คามินคุณทำบ้าอะไรกัน”

คนตัวเล็กพึมพำอย่างหัวเสีย เพราะมั่นใจว่าการถอนหมั้นของคามินและพรวลัยต้องมีเหตุผลบางส่วนมาจากตัวเขาเองแน่ๆ

ปราณันต์จ้องภาพที่จอทีวีตาไม่กะพริบ โดยมีปุณณกันต์กับปัณณธรมองตามสายตาปราณันต์ไปที่จอโทรทัศน์ สลับกับหันมามองพี่ชายตัวเองเป็นระยะๆ

จนกระทั่งภาพในทีวีตัดไปที่นักข่าวกำลังตาม ใช้คำว่ารุมทึ้งสัมภาษณ์คามินอยู่ น่าจะชัดเจนกว่า


‘ตามที่ทางพีแอนด์วีคอนสตรัคชั่นให้สัมภาษณ์เลยครับ ผมขอตัวก่อน’


คามินตอบคำถามนักข่าวอย่างขอไปที คนตัวโตไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากประโยคที่ปราณันต์เพิ่งได้ยินไป คนตัวเล็กขบฟันตัวเองลงบนริมฝีปากล่างทันที เมื่อได้เห็นหน้าคนที่ตัวเองคิดถึงอยู่ตลอดตั้งแต่จากมา

“เอ๊ะ! นั่นพี่ครามนี่ ... พี่ปุณณ์ดูสิๆ นั่นใช่พี่ครามไหม?” ปัณณธรน้อยพูด พลางเขย่าแขนพี่ชายฝาแฝดอย่างตื่นเต้น

“ใช่ๆ พี่ครามจริงๆ ด้วย” และเสียงของปุณณกันต์เองก็ดูตื่นเต้นไปไม่น้อยกว่าแฝดคนน้องเลย

แต่เสียงของฝาแฝดที่ดังคับห้องก็ไม่สามารถทำให้ปราณันต์ละสายตาจากจอทีวีได้แม้แต่วินาทีเดียว


‘คามิน ทำไมคุณผอมลงแล้วก็ดูเหนื่อยขนาดนั้น ผมขอให้คุณดูแลตัวเองไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่ฟังกันบ้าง’


ปราณันต์นึกไปพลาง ปาดน้ำตาออกไปพลาง สภาพของคามินไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดไว้สักนิด ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองให้ทรุดโทรมได้ขนาดนี้กัน

ปราณันต์คิดอย่างเจ็บปวด พลางน้ำตาไหลไม่เลิก ฝาแฝดมองภาพพี่ชายที่ทำหน้าเศร้าหมองยามมองไปยังคามินที่อยู่ในทีวีอย่างไม่สบายใจ

“พี่ปราณต้องคิดถึงพี่ครามมากๆ แน่เลยเนาะพี่ปุณณ์” เจ้าแฝดคนน้องพูดกับพี่ชายตัวเองเศร้าๆ

“นั่นสิปัณณ์ อยากให้พี่ครามมาหาเราจัง เมื่อไหร่พี่ครามจะว่างนะ” ปุณณกันต์เองก็เช่นกัน เขาแทบจะนับวันรอให้คามินมาหาแทบไม่ไหว แต่ดูเหมือนว่ารอเท่าไหร่ พี่ครามก็ไม่มาเสียที

ที่เด็กๆ คาดหวังว่าคามินจะมาหา นั่นเป็นเพราะเจ้าหนูทั้งสองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และเชื่อคำพูดพี่ชายที่บอกว่าคามินจะมาหาทันทีที่ว่างงาน และตอนนี้ที่มาไม่ได้เพราะกำลังยุ่งอยู่ จนหมดสิ้น

“อยากรู้จังว่าพี่ครามจะว่างตอนไหน เราโทรไปถามพี่ครามกันดีไหมพี่ปุณณ์” ปัณณธรน้อยเสนอขึ้นอย่างตื่นเต้น

“แต่เราไม่มีเบอร์นะปัณณ์ จะไปเอาเบอร์พี่ครามมาจากที่ไหน” และพอปุณณกันต์พูดขึ้นมาแบบนั้น สองหนุ่มพี่น้องก็ฝันสลายทันที แต่จู่ๆ เหมือนปัณณธรก็นึกขึ้นได้

“พี่ปุณณ์! ปัณณ์มีเบอร์พี่ครามนะ... ปัณณ์จำได้!”

เจ้าหนูคนน้องวิ่งตึกตักไปที่กระเป๋าเป้ของตัวเองทันที ก่อนจะวิ่งกลับมาหาพี่ชายฝาแฝด พร้อมกับกระดาษโน๊ตเล็กๆ แข็งๆ ในมือ “นี่ไง พี่ครามเคยบอกว่าให้เก็บไว้ เผื่อมีอะไรจะได้โทรหาพี่ครามได้”

ปัณณธรว่า พลางยื่นกระดาษนั้นให้ปุณณกันต์ แต่ปุณณกันต์ก็อ่านไม่ออก เพราะมีแต่ตัวหนังสือเล็กๆ กับตัวเลขเต็มไปหมด เด็กๆ ก็เลยตั้งใจว่าจะไปถามพี่ปราณว่าในนี้เขียนไว้ว่าอะไรบ้าง และเบอร์โทรศัพท์พี่ครามอยู่ตรงไหน

แต่คิดอีกทีว่าถ้าไม่ไปถามน่าจะดีกว่า เพราะถ้าพี่ปราณรู้ คงโดนห้ามไม่ให้โทรหาพี่ครามแน่ๆ เด็กๆ เลยเก็บกระดาษที่คามินให้ไว้อย่างมิดชิด กะว่าเดี๋ยวถ้าพี่ปราณออกไปข้างนอก จะขอให้พี่พนักงานคนอื่นช่วยโทรให้ ยังไงวันนี้ปุณณกันต์กับปัณณธรต้องคุยกับพี่ครามให้ได้

และแล้วโอกาสก็เป็นของเจ้าหนูทั้งคู่ เมื่อจู่ๆ ปราณันต์ต้องออกไปข้างนอกออฟฟิศ และต้องทิ้งเด็กๆ ไว้ลำพัง

“ปุณณ์ ปัณณ์ อยู่ที่นี่ก่อนนะ พี่ปราณจะเอารายชื่อลูกค้าไปให้คุณลุงก่อน อย่าดื้อ อย่าซนล่ะ เดี๋ยวพี่กลับมา”

“ครับ/ครับ” เจ้าหนูทั้งสองรับคำอย่างดี ก่อนจะมองหน้ากันอย่างรู้ใจ

และเมื่อปราณันต์เดินออกไปจากห้อง ฝาแฝดก็ชะเง้อมองหาคนที่จะมาเป็นฮีโร่ให้พวกตนอย่างใจจดใจจ่อ และในที่สุดก็มีพี่พนักงานผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาจนได้

“อ่าวปุณณ์ ปัณณ์ ยังไม่กลับกันอีกหรอ แล้วนี่พี่ปราณไปไหนซะล่ะ” พี่คนนั้นเอ่ยทัก พลางเก็บของลงกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับบ้าน

“พี่ปราณไปหาคุณลุงครับ” ปุณณกันต์ตอบ ก่อนที่ปัณณธรจะเข้าประชิดตัวฮีโร่ของพวกตนทันที

“พี่ค้าบ พี่ช่วยปัณณ์กับพี่ปุณณ์หน่อยได้ไหมครับ” ปัณณธรกล่าวอ้อน พลางทำตาปริบๆ ทำเอาพนักงานสาวหลงเสน่ห์และท่าทางน่ารักๆ นั่นทันที เธอตกปากรับคำว่าจะทำสิ่งที่ฝาแฝดขอให้อย่างไม่เกี่ยงงอน

“เอาสิจ๊ะ ปัณณ์อยากให้พี่ทำอะไร หื้ม?” เธอถามพลางยื่นมือไปลูบศีรษะเจ้าเด็กรู้มากอย่างเอ็นดู

“นี่ครับ” ปุณณกันต์ยื่นกระดาษที่คามินให้ไว้ ให้กับผู้หญิงคนนั้น “เราสองคนอยากโทรหาพี่ครามครับ เบอร์อยู่ในนี้ แต่เราอ่านไม่ออก แล้วก็กดเลขไม่เป็น”

พนักงานหญิงคนนั้นยิ้มอย่างเอ็นดูพลางตอบ “โถ่ นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องแค่นี้เอง ว่าแต่พี่ครามของพวกหนูนี่ คือคุณคามินใช่ไหม”

เธอถามพลางอ่านทวนนามบัตร หรือกระดาษที่พวกเด็กๆ พูดถึง ซึ่งตอนนี้อยู่ในมือของเธอเอง

“ใช่ครับๆ พี่ครามชื่อนี้เลย”

พอได้รับการยืนยันแบบนั้น เธอก็จัดการต่อสายให้เด็กๆ ทันที และในระหว่างรอสาย เธอก็เหลือบมองนาฬิกาก่อนจะเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว เลยจัดการฝากฝังและพูดจากับฝาแฝดให้เข้าใจ

“เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้ว ปุณณ์กับปัณณ์รอสายจนกว่าฝั่งนู้นจะรับนะครับ แล้วถ้าคุยเสร็จเรียบร้อยก็วางสายซะนะ อีกสักพักพี่ปราณคงจะกลับมา”

“ครับ ขอบคุณพี่มากนะครับ” ปุณณกันต์เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ให้อย่างน่ารัก ทั้งๆ ที่มือก็ถือหูโทรศัพท์แนบอยู่กับหูตัวเอง พนักงานสาวจึงยิ้มให้เด็กๆ ทั้งสองก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้เด็กๆ รอสายอย่างใจจดใจจ่อ

เจ้าหนูทั้งสองรอสายอยู่นานจนท้อ และในขณะที่กำลังจะถอดใจนั้นก็ดูเหมือนว่าอีกฝั่งจะกดรับสายขึ้นมาพอดี

ด้วยความดีใจปุณณกันต์ก็กรอกเสียงลงไปไม่หยุด

“ฮัลโหลๆ พี่ครามครับพี่คราม”

โดยมีเสียงปัณณธรพูดแทรกเข้าไปไม่หยุด เมื่อเห็นปฏิกริยาของพี่ชายตัวเอง “พี่ครามรับรึยังอ่ะพี่ปุณณ์ ขอปัณณ์ฟังบ้าง”

เมื่อเห็นอีกฝั่งเงียบ เจ้าหนูทั้งสองก็พูดย้ำใส่สายโทรศัพท์ไม่ยั้ง

“พี่ครามๆ พี่ครามได้ยินไหมครับ ได้ยินปุณณ์กับปัณณ์ไหมครับพี่คราม ฮัลโหลๆ”

(ปุณณ์... ปัณณ์ นั่นหนูสองคนใช่ไหม)

และในที่สุดคามินก็ตอบรับเด็กๆ ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าราวกับไม่แน่ใจ

“เย่ๆ พี่ครามรับแล้วปัณณ์” ปุณณกันต์หันไปพูดกับน้อง ก่อนจะหันกลับมาตอบคามินอีกครั้ง “ใช่ครับพี่คราม นี่ปุณณ์กับปัณณ์เองครับ”

เสียงสดใสของเด็กฝาแฝดที่แสดงความดีใจตอนได้ยินเสียงคามิน ทำเอาคนอีกฝั่งยิ้มกว้างทั้งน้ำตา จนไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มที่เห็นนี้จะเป็นรอยยิ้มของคนที่เคยมีหัวใจเย็นชามาก่อน

(ครับๆ พี่ครามได้ยินหนูสองคนแล้ว แล้วนี่ยังไง ทำไมถึงโทรหาพี่ครามได้ล่ะครับ)

คามินไถ่ถามยกใหญ่ และอดแปลกใจไม่ได้ว่าปุณณกันต์กับปัณณธรโทรมาเขาได้ยังไง และเขาเองก็มั่นใจว่า ปราณันต์ต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ ซึ่งก็เป็นปัณณธรเองที่เฉลยให้คามินฟังอย่างภาคภูมิใจ

“เราสองคนก็เห็นพี่ครามในทีวี ทีนี้ปัณณ์เองก็จำได้ว่าพี่ครามเคยเอาเบอร์โทรใส่ไว้ในกระเป๋าเป้ให้ปัณณ์ ปัณณ์ก็เลยเอาเบอร์ให้พี่สาว ให้พี่สาวกดโทรออกหาพี่ครามให้ครับ”

เจ้าตัวน้อยคนน้องผลัดร่ายยาว จากนั้นก็มีเสียงคนพี่แซงเข้ามาบ้างแต่ไม่บ่อย เพราะปุณณกันต์ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว เสียงเด็กทั้งสองดังแทรกเข้าไปในโทรศัพท์จ้าละหวั่น ทำเอาปลายสายยิ้มกว้างไม่หยุด คามินคิดถึงฝาแฝดมากเหลือเกิน มากจนเขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่า แค่ได้ยินเสียงลมหายใจของเด็กทั้งสองดังแว่วมาตามสาย เขาก็ดีใจจนไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

ไม่สิ... คามินไม่ได้ต้องการแค่ฝาแฝด เขาต้องการปราณันต์ คนพี่ของเจ้าหนูทั้งสองด้วย พอคิดได้ดังนั้นก็ตั้งสติรีบตั้งคำถามกับเด็กๆ เพราะกลัวว่าจะมีอะไรมาขัดเสียก่อน

(ปุณณ์ครับ ปัณณ์ครับ ฟังพี่ครามก่อน) พอได้ยินคามินพูดแบบนั้น ฝาแฝดก็เงียบกริบ ตั้งใจฟังอีกฝ่ายที่อยู่คนละจังหวัดพูดทันที (พวกหนูคิดถึงพี่ครามใช่ไหม ปุณณ์กับปัณ์อยากเจอพี่ครามรึป่าวครับ)

และก็โดยไม่รอช้า เจ้าหนูทั้งสองประสานเสียงตอบทันที

“คิดถึงครับ/คิดถึงครับ”

“ปุณณ์คิดถึงพี่ครามมากเลย แต่พี่ปราณบอกว่าพี่ครามไม่ว่าง ทำงานยุ่งมากๆ ครับ”

“ใช่ๆ เรารอพี่ครามทุกวันเลย ปัณณ์เหงา ไม่มีเพื่อนเล่น มีแต่พี่ปุณณ์คนเดียว แล้วบางทีก็มีคนพูดภาษาแปลกๆ ด้วย เราสองคนฟังไม่เข้าใจเลยพี่คราม”

เด็กๆ พูดเสียงเศร้า ทำเอาคามินหดหู่ไปด้วย สงสัยปราณันต์จะบอกน้องว่าเขายุ่งเลยไปหาไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นสักนิด ซึ่งก็พอเข้าใจได้อยู่ว่าปราณันต์คงไม่อยากให้เด็กๆ เสียใจ คามินคิดนั่นคิดนี่อย่างร้อนใจ ถ้าเขาถามเจ้าตัวน้อยทั้งคู่ไป เด็กๆ จะตอบถูกไหมว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน แต่จู่ๆ คนตัวโตก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ จากประโยคที่ปัณณธรพูดได้

(ปัณณ์ครับ เมื่อกี้ปัณณ์บอกว่ามีคนพูดภาษาแปลกๆ หรอครับ) คามินคิดอย่างใจชื้น เขาพอจะเดาอะไรออกบ้างแล้ว

“ใช่ครับ บางทีปัณณ์ก็ฟังรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง” เด็กน้อยบ่นอุบ ก่อนที่คามินจะถามต่อ

(ปุณณ์ครับ ปัณณ์ครับ ตอนนี้พวกหนูอยู่ที่ไหนพอจะบอกพี่ครามได้ไหม พี่ครามจะรีบไปหาทันทีเลย)

เด็กทั้งสองอึกอัก ไม่รู้จะตอบคามินยังไง เพราะวันๆ ฝาแฝดก็ขลุกอยู่แต่ในออฟฟิศพี่ปราณทั้งวัน อพาร์ทเม้นท์ที่พัก พี่ปราณก็พาลัดเลาะเดินไปทางหลังโรงแรมไม่ไกลก็ถึง ปุณณกันต์กับปัณณธรเลยยังไม่เคยได้เห็นอะไรเท่าไหร่เลย จะบอกให้พี่ครามเข้าใจได้ยังไงก็พูดไม่ถูก

“เฮ้อ ปุณณ์ก็อยากบอกนะ แต่พูดไม่ถูกเลยครับพี่คราม เพราะตั้งแต่มาจากบ้านหลังใหญ่ของพี่คราม พี่ปราณก็ให้อยู่ที่โรงแรมตลอด ไม่ได้พาปุณณ์กับปัณณ์ไปไหนเลย” ปุณณกันต์พูดอย่างจนปัญญา แต่ประโยคต่อมาของปัณณธรนี่สิ ที่ทำเอาคามินลิงโลดไม่น้อย

“ใช่ครับ พี่ปราณพาพี่ปุณณ์กับปัณณ์นั่งเครื่องบินมาด้วยแหละครับ ตอนนั้นตื่นเต้นมากเลย แต่ตอนนี้อยากกลับแล้วเพราะคิดถึงพี่ครามมากๆ”

คามินยิ้มออกมาอย่างยินดี ในที่สุดเขาก็รู้จนได้ว่าปราณันต์หนีเขาโดยทางไหน มิน่าล่ะ เขากับสิปปกรแทบจะพลิกแผ่นดินกรุงเทพหาก็หาไม่เจอ นั่นเป็นเพราะปราณันต์ไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพหรือจังหวัดใกล้ๆ นั่นเอง ยอมรับตามตรงว่าคามินแทบจะไม่เฉลียวใจเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าปราณันต์จะใจกล้าพาน้องไปไกลขนาดนั้น

แล้วคำถามต่อมาคือปราณันต์หนีไปจังหวัดไหนล่ะ ซึ่งนั่นยังไม่ใช่ปัญหามากพอเท่ากับอีกคำถามที่ว่า ถ้าคามินรู้จังหวัดที่ปราณันต์ไปแล้ว เขาจะตามหาปราณันต์กับเด็กๆ เจอได้ยังไงในเมื่อมันไม่ได้แคบเหมือนเดินวนอยู่ในออฟฟิศเขาเสียเมื่อไหร่

แต่คามินก็คิดอย่างใจเย็นว่า ยังไงซะเขาก็ต้องรวบรวมข้อมูลจากปุณณกันต์และปัณณธรให้ได้มากที่สุดก่อน และในขณะที่คามินจะถามอะไรจากฝาแฝดต่อนั้น เขาก็ได้ยินเสียงแว่วเข้ามาในสายอีกเสียง

เป็นเสียงหวานละมุนที่เจือไปด้วยความอ่อนโยนและใจดี

“เด็กๆ เก็บของได้แล้วครับ พี่ปราณเสร็จงานแล้ว เรากลับบ้านกันดีกว่าเนาะ”

เสียงของปราณันต์ …

(คุณปราณ...)

ใจของคามินเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก เสียงที่เขาไม่ได้ยินมานานนับเดือน กำลังอยู่ใกล้แค่นี้ ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับจับต้องไม่ได้

“พี่ครามๆ พี่ปราณมาแล้ว ปุณณ์กับปัณณ์ต้องไปแล้ว” ปุณณกันต์บอกเสียงตื่นเต้น ก่อนจะแทรกด้วยเสียงของปัณณธรอีกเสียง

“ใช่ๆ ต้องไปแล้วครับ พี่ครามรีบมาหาพวกเรานะ ปัณณ์กับพี่ปุณณ์คิดถึงพี่ครามมากๆ เลย”

แล้วคามินก็ได้ยินเสียง จุ๊บๆ ดังตามมาอีกสองสามครั้ง ก่อนที่สายจะตัดไป

และถึงแม้อีกฝั่งจะวางสายไปแล้ว แต่คามินก็ยังคงถือโทรศัพท์ค้างแนบหูอยู่อย่างนั้น เหมือนคนที่ยังไม่สามารถหลุดออกจากภวังค์ที่ชื่อว่าปราณันต์ได้

...เสียงที่คามินคิดถึงอยู่นานนับเดือน เสียงที่เขาเกืบจะถอดใจแล้วว่าอาจจะไม่ได้ยินไปตลอดชีวิต แต่เมื่อกี้เขากลับได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง...

“คุณปราณ... ผมคิดถึงคุณ”

คามินพึมพำอยู่กับโทรศัพท์ แม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินแล้วก็ตาม

.

.

.

และกว่าที่คามินจะตั้งสติได้ ก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที และเมื่อคิดได้ว่าต้องทำอะไรมากกว่าการนั่งเหม่อลอยแบบนี้ เขาก็โทรตามให้แทนคุณเข้ามาหาตนโดยด่วน แม้ว่าเวลานั้นจะดึกมากแล้วก็ตาม

“แทนคุณ เข้ามาด่วน ฉันได้ข่าวคุณปราณกับเด็กๆ แล้ว”

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เแทนคุณก็มายืนอยู่ตรงหน้าคามิน ดูเหมือนคนสนิทของท่านประธานก็ตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าเจ้านายของตัวเองเลย

“บอสครับ บอสจะให้ผมทำอะไรบ้างครับ สั่งมาได้เลย”

ดูเหมือนว่าการตั้งรับกับกองทัพนักข่าวเรื่องถอนหมั้นระหว่างลูกชายอสังหาฯ กับลูกสาวการก่อสร้างฯ จะไม่ใช่เรื่องสำคัญต่อไป ในเมื่อตอนนี้เรื่องการตามหาครอบครัวปราณันต์ต่างหากที่สำคัญที่สุด

“เมื่อกี้ปุณณ์กับปัณณ์โทรมาฉัน” คามินเอ่ยปากเล่า ทำเอาแทนคุณแปลกใจไม่น้อย “ฉันจำได้ว่าคุณปราณเคยบอกไว้ว่ากลัวเด็กๆ จะพลัดหลง เลยมักใส่เบอร์โทรศัพท์ ชื่อและที่อยู่ของตัวเอง ไว้ในกระเป๋าเป้ของฝาแฝดเสมอ พอตอนที่เด็กๆ ย้ายมาที่คอนโดฉันใหม่ๆ ฉันเลยทำบ้าง... ฉันเอานามบัตรตัวเองใส่ไว้ในกระเป๋าปัณณธร และบอกแกไว้ว่าถ้ามีอะไรด่วนให้โทรหาฉัน”

แทนคุณพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พลางคิดว่าคุณหนูฝาแฝดทั้งสองนี่ช่างฉลาดเกินวัยจริงๆ

“ปัณณ์คงจำได้ เลยเอาเบอร์ฉันมาให้คนแถวนั้นช่วยโทรให้”

คามินเล่าไปยิ้มไป เขายอมรับว่าภูมิใจในตัวเด็กฝาแฝดทั้งสองมาก พวกแกเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นสิ่งนำโชคให้เขาจริงๆ

“แล้วคุณหนูบอกบอสถูกหรอครับ ว่าตอนนี้คุณหนูทั้งสองกับคุณปราณันต์อยู่ที่ไหน”

แทนคุณถามอย่างสงสัย นี่ถ้าเกิดคุณหนูปุณณ์กับคุณหนูปัณณ์บอกถูกจริง สงสัยจะไม่ได้อายุสี่ขวบย่างห้าขวบอย่างที่คุณปราณันต์บอกแล้วล่ะ

“ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละ เด็กๆ บอกไม่ถูกหรอกว่าพวกแกอยู่ที่ไหน แต่สิ่งที่พวกแกบอกมาคือ ปราณันต์พาพวกแกนั่งเครื่องบินไป และที่ๆ พวกแกอยู่บางครั้งก็พูดภาษาอะไรไม่รู้ พวกแกฟังไม่รู้เรื่อง” คามินเล่าพลางมองหน้าแทนคุณ “นายพอจะเดาออกไหมแทนคุณว่าสิ่งที่เด็กๆ พูด หมายความว่ายังไง”

“คุณปราณันต์พาคุณหนูทั้งสองหนีไปทางเหนือหรือไม่ก็ทางใต้ แล้วน่าจะเป็นเหนือสุดหรือไม่ก็ใต้สุดด้วย.. ถูกไหมครับ” แทนคุณตอบในทันทีโดยที่แทบจะไม่ต้องหยุดคิด

“ใช่” คามินมองหน้าแทนคุณอย่างพอใจ คนตรงหน้ารู้ใจเขาเกือบทุกเรื่อง สมแล้วที่เป็นคนที่คามินวางใจ และเชื่อใจที่สุด

“แต่คำถามคือฉันไม่รู้ว่าจังหวัดไหนนี่สิ จะถามปุณณ์กับปัณณ์ต่อ คุณปราณก็มาเสียก่อน พวกแกเลยต้องรีบวางไป”

ท้ายประโยคของคนเป็นเจ้านายดูแผ่วลง แทนคุณเดาได้ไม่ยากเลยว่า ท่านประธานของเขาคงคิดถึงคุณปราณันต์ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีวันไหนเลยที่บอสจะไม่คร่ำครวญถึงคนที่หายไปอย่างคุณปราณันต์

“บอสคิดว่าแบบนี้เพื่อนๆ ของคุณปราณันต์จะรู้ไหมครับ” แทนคุณถาม เล่นเอาคามินชะงักไป ก่อนจะโพล่งขึ้นมาเหมือนนึกขึ้นได้

“เดี๋ยวนะแทนคุณ! ก่อนหน้านี้เราเคยคิดกันใช่ไหมว่า เพื่อนๆ ของคุณปราณน่าจะรู้ดีว่าคุณปราณหายไปไหน อยู่กับใคร”

“ใช่ครับ” แทนคุณตอบคามินงงๆ เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายตัวเองคิดอะไรอยู่

“แล้วถ้าสมมติฐานมันเป็นแบบนี้ล่ะแทนคุณ อนาวิน นทนัช และกันต์กวีรู้ดีว่าคุณปราณหนีไปต่างจังหวัด เพราะฉะนั้น นั่นหมายความว่าต้องมีใครสักคนในสามคนนี้หาที่อยู่ ที่ทำงานไว้ให้คุณปราณพร้อม ไม่งั้นคุณปราณคงไม่กล้าพาเด็กๆ ไปลำบากไกลถึงต่างจังหวัด จริงไหม”

คามินวิเคราะห์มาเป็นฉากๆ โดยมีแทนคุณพยักหน้ารับและเห็นด้วยว่า สมมติฐานที่ท่านประธานตั้งไว้มีสิทธิ์เป็นไปได้สูงมาก

“ครับบอส ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คนไปสืบครับว่าในบรรดาเพื่อนทั้งสามคนของคุณปราณันต์ มีใครมีญาติที่มีกิจการอยู่ต่างจังหวัดบ้าง”

แทนคุณเสนอทางออกให้ราวกับรู้ใจคามินดี ก่อนที่คามินจะนึกบางประโยคของปุณณกันต์ได้ จึงย้ำกับแทนคุณไปอีกครั้ง

“อ่ะ อีกอย่าง ฉันได้ยินปุณณ์พูดว่า ‘พี่ปราณก็ให้อยู่ที่โรงแรมตลอด’ นั่นน่าจะหมายความว่างานที่คุณปราณไปทำคงเป็นงานเกี่ยวกับโรงแรม นายก็สืบดูแล้วกัน ถ้าใครมีลักษณะของกิจการตรงกับข้อมูลที่เรามีมากที่สุด ฉันเดาว่าที่นั่นแหละคือที่ๆ คุณปราณพาฝาแฝดไป”

“ครับบอส”

แทนคุณรับคำอย่างตั้งใจ ถ้ามีข้อมูลมากขนาดนี้ เขามั่นใจมากว่าจะหาครอบครัวของปราณันต์ได้ภายในวันสองวันนี้แน่ แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ทันใจท่านประธานของเขาสักเท่าไหร่ เพราะเส้นตายที่คามินให้ ดูเหมือนว่าจะกระชั้นชิดกว่าที่เขาคิดไว้มาก

“ฉันต้องรู้ว่าคุณปราณอยู่ที่ไหนภายในพรุ่งนี้ และทันทีที่รู้ให้จองตั๋วเครื่องบินทันที ฉันจะไม่รออะไรทั้งนั้น”

คนติดตามร่างใหญ่ค้อมศรีษะรับคำสั่งนิ่ง เขาคิดไว้แล้วว่าต้องเจอกับอะไรแบบนี้แน่ บอสของเขาไม่เคยคิดรั้งรออะไรอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องของคุณปราณันต์

“แล้วพรุ่งนี้ก็เรียกประชุมบอร์ดด้วย ฉันจะหารือเรื่องข่าวที่ถอนหมั้นกับพรวลัยไป จากนั้นจะได้สั่งงานต่อเผื่อต้องไปหลายวัน”

คามินสรุปเสร็จสรรพ แทนคุณถึงกับพูดไม่ออก ก็เจ้านายเขาเล่นคิดไว้ซะทุกอย่างขนาดนี้

“ครับบอส” แล้วผู้ติดตามอย่างเขาจะทำอะไรได้ นอกจากรับคำไป

คามินยิ้มบางๆ อย่างยินดี เมื่อพอจะมองเห็นลู่ทางที่จะหาปราณันต์เจอหลังจากที่มืดมิดมานานนับเดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่เขาต้องขอบคุณมากที่สุดก็เห็นจะเป็นฝาแฝดตัวน้อยผู้นำโชคของเขานั่นแหละ นี่ก็คิดว่าถ้าหาครอบครัวปราณันต์เจอเมื่อไหร่ คงต้องให้รางวัลเจ้าหนูน้อยทั้งสองอย่างงามทีเดียว

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2021 22:08:28 โดย Gade_ka »

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


ในขณะที่คามินกำลังดำเนินการตามแผนการตามหาปราณันต์อยู่นั้น คนที่ถูกตามหาตอนนี้กำลังนั่งนิ่งอยู่ในห้องพักหลังจากกลับมาทำงานเองก็ร้อนใจไม่น้อย เพราะสภาพของคามินที่เขาได้เห็นในทีวีนั้น ดูสาหัสพอสมควร คามินผอมลงมาก แถมหน้าตาก็ไม่สดใส เหมือนคนอมทุกข์ตลอดเวลา นี่ขนาดว่าปราณันต์ได้เห็นคนตัวโตแค่ไม่ถึงสองนาทีตอนที่คามินเดินฝ่านักข่าวไปขึ้นรถ ใจของเขาก็เจ็บจนจุกไม่น้อย แล้วยิ่งตอนนี้คามินต้องมาเผชิญกับข่าวถอนหมั้นของพรวลัยอีก ... มันไม่ได้เฉียดใกล้สิ่งที่ปราณันต์จินตนาการไว้เลยแม้แต่นิดเดียว

ร่างบางคิดว่าเมื่อเขาจากมา ไม่นานคามินก็คงทำใจได้ และกลับไปอยู่ในโลกความจริงที่ควรจะเป็น แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะตรงกันข้าม เพราะนอกจากคามินจะเลิกรากับพรวลัยแล้ว สภาพร่างกายและจิตใจของคามินก็กลับทรุดโทรมลงไปด้วย ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ต่าง เวลาผ่านมานับเดือน แต่ดูเหมือนว่าความคิดถึงที่มีต่อผู้ชายคนนั้นกลับไม่ลดน้อยลงสักนิด มีแต่จะทวีพูนเพิ่มมากขึ้นทุกวันอีกต่างหาก แล้วยิ่งถ้าวันไหนปราณันต์แอบได้ยินฝาแฝดทำหน้าเศร้าบ่นให้กันฟังว่าคิดถึงพี่ครามของพวกแกขนาดไหน วันนั้นปราณันต์จะยิ่งทุกข์หนัก ดูเหมือนว่าการหนีมาครั้งนี้แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เจ็บกันทุกฝ่ายก็เท่านั้น

แต่เมื่อคนตัวเล็กคิดได้ เขาก็ตระหนักว่าที่จริงแล้วความปลอดภัยของฝาแฝดต่างหากที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ว่าการหนีจากคามินมาคราวนี้ จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยเสียหน่อย เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้น้องๆ ของเขาปลอดภัยจากผู้หญิงคนนั้น ซึ่งนั่นทำให้ปราณันต์ใจแข็งมากพอ จนตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะยังไม่พาปุณณกันต์กับปัณณธรกลับกรุงเทพฯ เด็ดขาด จนกว่าจะมั่นใจว่าที่นั่นปลอดภัยสำหรับน้องชายทั้งสองของตนเอง

แต่ไม่ว่าจิตใจปราณันต์จะเข้มแข็งดั่งหินผาขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วความรักความห่วงใยที่มีต่ออีกฝ่ายก็เข้ามาพังทลายกำแพงที่เขาก่อไว้ได้ในที่สุด เมื่อใบหน้าและท่าทางอิดโรยของคามินหวนเข้ามาในความคิดของปราณันต์แบบที่สลัดยังไงก็ไม่ออก สุดท้ายปราณันต์ก็ตัดสินใจต่อสายหาอนาวิน เพื่อนสนิทที่เขาสู้อุตส่าห์แข็งใจไม่ติดต่อมานานนับเดือน เพราะกลัวว่าคามินและพรวลัยจะจับได้จนได้

รอสายอยู่ไม่นาน ในที่สุดปลายสายก็กดรับ

(ไงลูกแมว... เฮ้อ ทำไมกูแทงหวยไม่ถูกวะ) อนาวินรับสายด้วยน้ำเสียงสดใส แต่แฝงไว้ด้วยความสงสารและเห็นใจจนปราณันต์เองจับสังเกตได้

“นี่เพื่อนไม่โทรหาเป็นเดือน แทนที่จะดีใจ กลับมาถอนใจใส่ซะงั้น ไอ้นี่นิ” ปราณันต์พูดตัดพ้อไม่จริงจัง แต่พอเจอเพื่อนสนิทสวนกลับมา ทำเอาเขาไปไม่เป็นเหมือนกัน

(นี่ไอ้ปราณ มึงรู้อะไรไหม) อนาวินเงียบไปก่อนจะพูดต่อ

(กูภาวนาแทบตาย ขอให้มึงอย่าโทรมาวันนี้ เพราะถ้ามึงโทรมาวันนี้มันจะพิสูจน์สมมติฐานในใจกูได้ข้อนึงอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรอีก ซึ่งมึงก็ดันโทรมาวันนี้จริงๆ เท่ากับตอนนี้มีงได้ให้คำตอบกับสมมติฐานข้อนั้นของกูเรียบร้อยแล้ว)

ปราณันต์กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก อย่างที่บอกว่าเขากับอนาวินสนิทกันมาก ขนาดอนาวินยังตั้งสมมติฐานในใจได้ แล้วทำไมเขาจะไม่รู้กันว่าสมมติฐานของอนาวินคืออะไร

“แล้วสมมติฐานของมึงมันคืออะไรกันล่ะ” ปราณันต์แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

(มึงยังตัดใจจากคุณคามินไม่ได้น่ะสิ กูพูดถูกไหม) อนาวินถามเพื่อนสนิทปลายสายด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ (มึงอดทนอยู่ได้เป็นเดือนๆ ไม่โทรมา แต่พอวันนี้มีข่าวคุณคามิน ที่กูมั่นใจมากๆ ว่ามึงได้เห็นข่าวนั้นแล้ว ซึ่งมึงก็โทรหาฉันทันที)

ปราณันต์เงียบ เพราะที่อนาวินพูดมันถูกจนหมดสิ้น เขาอดไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นสภาพของคามินแล้วปราณันต์ยิ่งไม่สบายใจ

(เฮ้อ ไอ้ปราณนะไอ้ปราณ แพ้ใจตัวเองตลอด)

อนาวินบ่นไม่จริงจัง เขารู้นิสัยปราณันต์ดีพอๆ กับที่ปราณันต์รู้จักตัวเองนั่นแหละ เขารู้ดีว่าเมื่อคามินติดแน่นอยู่ในใจของปราณันต์แล้ว ไม่มีทางที่เพื่อนของเขาจะตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้ง่ายๆ หรอก

“ไอ้วิน... กูคิดถึงเค้า”

ในที่สุดปราณันต์ก็ยอมรับออกมาจนได้ อนาวินได้แต่ถอนหายใจ ที่เขาคิดไว้มันผิดเสียที่ไหนล่ะ

(กูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไง แต่เอาเป็นว่าทำตามที่ใจมึงเรียกร้องเถอะ กูคิดว่าคุณคามินก็พิสูจน์ตัวเองได้พอสมควรแล้ว... ไม่รู้ว่าพูดไปละจะดีไหม แต่ช่วงที่มึงไม่อยู่หมอนั่นแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยว่ะ)

ปราณันต์หัวใจเต้นแรงทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทพูดแบบนั้น แต่ความไม่มั่นใจก็ยังคงมีอยู่ และที่สำคัญเขาไม่อยากเอาความปลอดภัยของฝาแฝดไปเสี่ยงเด็ดขาด

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่เขาเป็นแบบนั้นเพราะเขารักกูนะวิน” ปราณันต์แย้งเสียงหงอย พูดเองก็เจ็บเอง

(กูก็ถึงได้บอกไงว่าแล้วแต่มึงจะตัดสินใจ ไม่รู้สิ แต่กูคิดว่าอีกไม่นานหมอนั่นน่าจะหามึงเจอ ถึงตอนนั้นมึงก็คุยกันให้รู้เรื่องแล้วกัน)

“มึงพูดเหมือนนายรู้อะไรงั้นแหละ” ปราณันต์ถามอย่างสงสัย

อนาวินได้แต่อมยิ้มโดยที่เพื่อนไม่เห็น เขาตั้งใจแล้วว่าจะไม่บอกกับปราณันต์ว่าคามินมาคุกเข่าตรงหน้า สารภาพกับเขาว่าตัวเองรักปราณันต์มากแค่ไหน อนาวินไม่อยากให้ปัจจัยนี้มาทำให้ปราณันต์กดดัน เพื่อนสนิทอย่างเขาอยากให้ทั้งคู่คุยกันเองมากกว่า ปราณันต์จะได้เห็นว่าคามินจริงใจและจริงจังกับตัวเองมากน้อยแค่ไหน ให้ปราณันต์ได้ตัดสินใจเอง

(เอาเถอะ กูไม่อยากจะก้าวก่ายหรือกดดันอะไรมึง อยากให้มึงได้ตัดสินใจเองมากกว่า เพราะต่อให้มึงหนีไปไกลแค่ไหน มึงก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นหรอก ถึงเวลานั้น... เลือกที่จะเชื่อหัวใจตัวเองก็พอไอ้ปราณ)

คนตัวเล็กเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบอะไรเพื่อนสนิท ทั้งคู่ถือหูอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยเป็นเวลาหลายนาที แต่เหมือนกับว่ามีคำเป็นหลายพันคำพรั่งพรูอยู่ในความรู้สึก และสุดท้ายปราณันต์ก็เป็นคนพูดออกมาก่อน

“ขอบคุณมึงมากนะวิน ขอบคุณมากจริงๆ”

(ขอบคุณทำไม กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะ อย่าลืมสิ)

อนาวินพูดแค่นั้นก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ และแยกย้ายวางสายกันไปในที่สุด

.

.

.

และแล้วคามินก็รู้ว่าปราณันต์และฝาแฝดอยู่ที่ไหน

เชียงใหม่

แทนคุณเข้ามารายงานคามินที่คอนโดแต่เช้าตรู่ ก่อนที่คามินจะออกไปทำงานด้วยซ้ำ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแทนคุณสามารถหาข้อมูลได้ภายในเวลาอันจำกัดตามที่คามินสั่งไว้ได้ดีทีเดียว

“มีรายชื่อของคุณปราณันต์ และคุณหนูทั้งสอง บินออกจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ในเย็นวันนั้นครับ ผมตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว ว่าทั้งสามท่านลงที่เครื่องที่สนามบินเชียงใหม่จริง”

คามินนั่งหน้านิ่วพลางคิดในใจว่าอะไรผลักดันให้ปราณันต์ใจกล้าพาน้องๆ ไปไกลขนาดนั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ และยิ่งพอมารู้แบบนี้ ความคิดถึงและความเป็นห่วง ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

“แล้วที่ทำงานกับที่พักล่ะ ใครเป็นคนหาให้ แล้วอยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่” คนตัวโตถามเสียงนิ่ง ทั้งที่ใจร้อนรนจนแทบบ้า

แทนคุณอึกอัก จนคามินรู้สึกได้ แต่ในที่สุดก็ยอมพูดออกมา ก่อนที่ท่านประธานจะรอนานจนไม่สบอารมณ์

“โรงแรมเชิงดอยครับ เป็นกิจการของคุณพ่อของคุณกันต์กวี และท่านเป็นคนเหนือครับ”

ใบหน้าคมคายของท่านประธานใหญ่เคร่งขรึมทันทีที่ได้ยินแทนคุณรายงานจบ ก่อนจะสั่งเสียงกร้าว โดยไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น

“จองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ ไฟล์ทก่อนเที่ยงให้ฉันด่วน เช้านี้หลังจากประชุมกับบอร์ดบริหารเสร็จ ฉันจะไปสนามบินทันที”

“ครับ” แทนคุณรับคำ ก่อนจะค้อมศีรษะแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องท่านประธานไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าผู้ติดตามหนุ่มจะรู้ใจของเจ้านายตัวเองดีกว่าใคร เห็นคามินมีท่าทีแบบนั้นก็จริง แต่ในใจคงไม่ต่างอะไรกับภูเขาไฟที่มีแต่ความร้อนรุ่มกำลังปะทุรอเวลาระเบิดหากหาปราณันต์ไม่เจอ

.

.

.

วันนี้ปราณันต์นั่งทำงานด้วยความเหม่อลอย และเก็บเอาคำพูดของเพื่อนสนิทมาคิดจริงจัง ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสักพักแล้ว ถึงแม้ภายนอกปราณันต์จะดูปกติดี แต่ภายในมันไม่เป็นแบบนั้น ยิ่งพอได้เห็นคามินจากข่าวทีวีเมื่อวาน เขายิ่งเข้าใจดี ว่าคำว่าหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นนี่มันหมายความยังไง

คนตัวเล็กถอนหายใจ ก่อนที่ตากลมจะเหลือบมองไปทางเจ้าตัวยุ่งทั้งสอง ที่วันนี้ดูจะสงบเสงี่ยมผิดปกติ ศีรษะกลมๆ เขยิบเข้าหาจนแทบจะชิดกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่รู้ว่าปรึกษาพูดคุยเรื่องสำคัญอะไรกัน เห็นจุ๊กๆ จิ๊กๆ กันตั้งแต่เช้าแล้ว

ขาเรียวก้าวไปยังจุดที่เจ้าหนูทั้งสองนั่งอยู่โดยที่ฝาแฝดทั้งคู่ยังไม่ได้รู้ตัวเลยว่าพี่ชายเดินมาหา และก่อนที่ปราณันต์จะเดินถึงตัวปุณณกันต์กับปัณณธร ก็มีพนักงานหญิงคนนึงมาเรียกเสียก่อน

“ปราณ วันนี้อยู่ที่ฟร้อนท์แทนเราตอนเย็นได้ไหม พอดีว่าต้องไปทำธุระให้ที่บ้านน่ะ”

ปราณันต์หันไปตามเสียง พร้อมๆ กับที่ปุณณกันต์และปัณณธรเงยหน้าขึ้นเช่นกันและพอเจ้าหนูเห็นว่าพี่ชายอยู่ใกล้ขนาดไหน ก็ทำเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้ หยิบสมุดขึ้นมาระบายสีทันที

ไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กน้อยอยากจะโกหกพี่ชายตัวเองหรืออะไร เพียงแต่เด็กๆ ไม่กล้าบอก เพราะกลัวพี่ปราณจะต่อว่า ว่าไปรบกวนให้พี่ครามมาหาทั้งที่งานยุ่ง ด้วยความไม่ประสีประสา ทำให้พวกแกไม่รู้เลยว่า เรื่องระหว่างคามินและปราณันต์มันซับซ้อนกว่านั้น มันซับซ้อนเกินกว่าที่เด็กสี่ขวบกว่าๆ จะเข้าใจได้

คนเป็นพี่ได้แต่มองน้องตัวเองอย่างสงสัย เลี้ยงมาตั้งแต่เกิดทำไมจะไม่รู้ว่าอาการที่เป็นกันอยู่นี้คืออาการของเด็กดื้อที่ไปทำอะไรสักอย่างผิดมา แต่ปราณันต์ก็ไม่อยากจะไล่เรียงให้เด็กๆ เครียดหรือกดดันยิ่งกว่าเดิม เพราะรู้ว่าน้องยังปรับตัวไม่ได้ เลยไม่อยากจะดุ ให้เรื่องมันยิ่งแย่ เลยหันกลับไปหาเพื่อนร่วมงานที่ไหว้วานให้อยู่งานแทน

“ได้สิ ว่าแต่กะเธอเลิกไม่ดึกมากใช่ไหม เราไม่อยากพาฝาแฝดกลับดึกมากน่ะ” ปราณันต์รับปาก เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีธุระสำคัญ

“ไม่ดึกมากหรอกแค่ทุ่มครึ่งเอง แต่ถ้าทุ่มนึงไม่มีคน นายจะกลับก่อนเลยก็ได้”

ปราณันต์พยักหน้ารับ เพราะเห็นว่าวันนี้เป็นวันธรรมดาแขกเลยน่าจะไม่เยอะมาก ซึ่งถ้าให้อยู่ดึกคงไม่ไหว ไม่อยากให้เด็กๆ นอนดึกเกินไป เดี๋ยวเปิดเทอมแล้วจะปรับตัวกันลำบาก

“โอเค งั้นเธอไปทำธุระเถอะ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเราดูแลให้” ปราณันต์รับคำอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ใครๆ เห็นแล้วก็คงยิ้มตามได้ไม่ยาก

.

.

.

เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็น ปราณันต์ก็ย้ายตัวเองมานั่งที่หน้าฟร้อนท์เพื่อต้อนรับลูกค้า หลังจากเพื่อนร่วมงานกลับไปทำธุระของเธอแล้ว มือบางไล่สำรวจรายชื่อแขกที่จองห้องพักว่ายังเหลืออีกกี่คนที่ยังมาไม่ถึงโรงแรม ก่อนจะพบว่าขาดอีกแค่รายเดียวเท่านั้น แจ้งเวลาไว้ว่าจะมาถึงประมาณหนึ่งทุ่ม ชื่อคุณแทนคุณ

ปราณันต์รู้สึกสะกิดใจแปลกๆ แต่ก็พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ คนชื่อแทนคุณไม่ได้มีแค่คนเดียวบนโลกสักหน่อย แต่แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็เหมือนหยุดหมุน เมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นตรงหน้า

“เช็คอินครับ”

ปราณันต์เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะเห็นคนคุ้นตากำลังยืนอยู่ตรงหน้า คนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ คนที่เขาคิดว่ายังไงก็คงลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิต

“คุณ! คะ คุณ..คามิน”

“ครับ ผมคามิน จองไว้ด้วยชื่อแทนคุณครับ”

คนตัวโตกว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย ขัดกับภายในที่ตีรวนเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มมีความรัก คามินใจเต้นรัว เมื่อเห็นคนที่ตัวเองคิดถึงจนแทบบ้าอยู่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ เขาอยากจะพุ่งเข้ากอดปราณันต์ใจจะขาด แต่เขาเองก็ไม่อยากบุ่มบ่าม และทำให้ปราณันต์ตกใจจนหนีเตลิดไปอีก

“คะ คุณ.. คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

ปราณันต์เกิดจะพูดติดพูดขัดขึ้นมาทันที เอาเข้าจริงเขาก็เตรียมใจไว้บ้างแล้วว่าคามินอาจจะหาเขากับเด็กๆ เจอ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

“คุณปราณ ผม.. คิดถึงคุณ คิดถึงมาก”

คามินไม่ได้ตอบคำถามของปราณันต์ แต่เลือกจะพูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกออกไปแทน เพราะคนตัวโตเห็นว่าปราณันต์มีปฏิกริยาตอบโต้ในทางที่ดีเมื่อเห็นเขา

ดวงตากลมของคนตัวเล็กกว่าเบิกกว้างและมีประกายแห่งความดีใจแม้จะเบาบางมากแต่คามินก็สังเกตเห็น มันทำให้หัวใจที่เคยด้านชาของเขาเหมือนกลับชุ่มฉ่ำขึ้น เขาสารภาพออกไปจนหมดสิ้น ท่าทีหยิ่งผยองเวลาอยู่กับผู้คนมากมาย กลับพังไม่เป็นท่า ตอนนี้เหลือแค่ผู้ชายคนนึงที่รักผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างหมดหัวใจเท่านั้น

ส่วนปราณันต์ก็ตาแดงก่ำเพราะพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล คามินเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าคนตรงหน้ามาโอบกอด แต่กลับมีเสียงเล็กๆ ของเจ้าหนูฝาแฝดดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน คามินจึงทำได้แค่มองปราณันต์ด้วยสายตาละห้อยอยู่อย่างนั้น

“พี่คราม พี่ครามมาแล้วหรอครับ” ปุณณกันต์น้อยตะโกนลั่นออกมาอย่างยินดี ซึ่งเป็นกริยาที่น้อยครั้งนักที่ทุกคนจะได้เห็น

“พี่ครามมมมม พี่ครามมาแล้ววว” ส่วนปัณณธรน้อยนั้นไม่ต้องพูดถึง เจ้าหนูวิ่งโผเข้าหาอ้อมกอดคามินอย่างไม่ลังเล ทำเอาคนตัวโตอ้าแขนรับเจ้าตัวน้อยไว้แทบไม่ทัน

“ปุณณ์ ปัณณ์” คามินเกิดพูดไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ เพราะเมื่อรับเด็กทั้งสองเข้ามาในอ้อมแขนแล้ว เขาก็ได้รู้ว่าคิดถึงเจ้าตัวน้อยทั้งสองนี่มากแค่ไหน จมูกโด่งเป็นสัน ฝังลงบนแก้มนิ่มของเจ้าหนูทั้งคู่อยู่หลายฟอด ความรู้สึกของการที่ของเราหายแล้วได้คืนมันเป็นแบบนี้นี่เอง

“พวกเราคิดถึงพี่ครามมากเลย ถ้าเราไม่โทรไปหาพี่คราม พี่ครามจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

ปุณณกันต์น้อยบ่นอุบอย่างลืมตัว ฝาแฝดคนพี่ลืมไปว่า พี่ชายของตัวเองก็ยืนอยู่ตรงนั้น หนำซ้ำพี่ปราณก็ยังไม่รู้ด้วยว่า เจ้าตัวยุ่งทั้งสองโทรหาคามิน

ปราณันต์เองที่ไม่แน่ใจในตอนแรกว่าตัวเองได้ยินชัดรึป่าวที่ว่าปุณณกันต์พูดว่าโทรหาคามิน มาย้ำชัดเอาตอนที่ปัณณธรน้อยหลุดปากออกมาอีกคน

“ใช่ ถ้าพี่ปุณณ์กับปัณณ์ไม่โทรไปบอกว่าพี่ปราณพานั่งเครื่องบินมา พี่ครามก็คงไม่มาสักที”

เด็กแฝดทั้งสองยังคงกระเง้ากระงอดใส่คามินอย่างน่าเอ็นดู โดยมีคนร่างสูงคอยปลอบคอยโอ๋ คอยขอโทษอยู่ไม่ห่าง

“พี่ครามคิดถึงพวกหนูจะตายอยู่แล้ว แต่มันมีเหตุบางอย่างที่ทำให้พี่ครามมาหาพวกหนูไม่ได้ ขอโทษนะครับปุณณ์ปัณณ์ ขอโทษที่ทำให้หนูสองคนต้องรอนาน”

ดูเหมือนคำขอโทษจากพี่ครามจะทำให้เด็กๆ ยิ้มร่าได้อย่างอารมณ์ดี แต่แล้วรอยยิ้มกว้างของเจ้าหนูทั้งสองก็ต้องหุบลง เมื่อได้ยินเสียงที่เพียงแค่เรียกชื่อเท่านั้นจากพี่ชาย

“ปุณณกันต์ ปัณณธร”

ฝาแฝดหน้าซีดเหลือสองนิ้ว เมื่อได้ยินปราณันต์เรียกชื่อเต็มๆ ของตัวเอง การเรียกแบบนี้ของพี่ปราณหมายความว่า เจ้าหนูทั้งคู่กำลังทำความผิดอย่างรุนแรง และอาจได้รับการทำโทษจากพี่ชาย ถ้าปราณันต์คิดและเห็นว่าเด็กทั้งสองมีความผิดจริง

“หนูสองคนโทรหาพี่ครามหรอครับ” ปราณันต์ถามเสียงเข้ม ศรีษะกลมๆ ของเจ้าหนูทั้งสองแทบจะมุดหายเข้าไปในคอเสื้อ เพราะรู้ว่าตัวเองผิดที่ฝ่าฝืนไม่ยอมทำตามที่พี่ปราณบอก

“ครับ/ครับ” สองเสียงเล็กๆ รับคำหงอยๆ พลางคิดในใจว่าตัวเองต้องโดนทำโทษแน่ๆ แต่แล้วจู่ๆ คามินก็เอ่ยแทรกขึ้น ราวกับอยากจะปกป้องเด็กทั้งสอง

“คุณปราณครับ อย่าดุน้องเลยนะ พวกแกคงคิดถึงผม แล้วก็คงทำตามที่ผมเคยขอไว้”

ถึงแม้จะยังคงห้ามใจให้เต้นแรงยามอยู่ต่อหน้าคนตรงหน้าไม่ได้ แต่ลำคอขาวของปราณันต์ก็ยังคงตั้งตรง บ่งบอกถึงความดื้อรั้น เด็ดเดี่ยวและไม่ยอมแพ้

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับผมถือว่าพวกเด็กๆ ขัดคำสั่งผม และพวกแกจะต้องถูกทำโทษที่ไม่เชื่อฟัง”

ปุณณกันต์กับปัณณธรก้มหน้านิ่งทันทีที่รู้ว่าตัวเองต้องถูกพี่ชายทำโทษแน่ๆ คามินได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้จะช่วยเด็กๆ ยังไง เพราะเขาเองก็ไม่อยากขัดใจหรือทำอะไรที่เป็นการต่อต้านปราณันต์

“ก็ได้ครับ ก็ได้” คามินยอมจำนน แต่ก็ยังคงไม่อยากทิ้งให้เด็กๆ ถูกทำโทษกันแค่ลำพัง “แต่ผมขอรับโทษกับฝาแฝดด้วยได้รึป่าวครับ”

พอจบคำคามิน ปราณันต์ก็ตวัดตากลมจ้องไปที่อีกฝ่ายเขม็ง ทำเอาคามินต้องเสียงอ่อน พูดความนัยที่เขาคิดว่าปราณันต์เองก็น่าจะเข้าใจ

“เรื่องนี้ผิดที่ผมเองแหละครับ ที่ดูแลคุณปราณและน้องๆ ไม่ดี ทำให้คุณปราณต้องทิ้งผมมา และทำให้เราต้องอยู่ห่างกันขนาดนี้”

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยพูดอ้อนวอนจนทำเอาปราณันต์เกือบใจอ่อน แต่ยังไงปราณันต์ก็ต้องทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพรวลัย เขาจะโอนอ่อนให้คามินไม่ได้ ไม่เช่นนั้นฝาแฝดของเขาอาจจะไม่ปลอดภัย

ใบหน้าหวานจึงแสร้งหันไปอีกทางที่เด็กๆ ยืนอยู่ และทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่คามินพูด ก่อนจะสั่งฝาแฝดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ปุณณ์ ปัณณ์ รู้ใช่ไหมครับว่าพวกหนูทำผิด"

“รู้ครับพี่ปราณ” เป็นปุณณกันต์ที่ตอบออกมาแทนน้อง เพราะตอนนี้ปัณณธรร่ำๆ ทำท่าจะร้องไห้แล้ว พอถูกปราณันต์ดุจริงจัง

เด็กๆ รู้ดีว่าพี่ปราณไม่เคยได้โกรธพวกตนได้มากมายสักครั้ง นั่นเป็นเพราะฝาแฝดทำตัวน่ารักและเชื่อฟังพี่ชายคนโตมาตลอด แต่พอตอนนี้เจ้าหนูทั้งสองเห็นว่าพี่ปราณโกรธจนลงโทษพวกตนได้ เจ้าฝาแฝดตัวน้อยเลยใจเสีย ใจเสียที่ถูกดุด้วย แล้วก็ใจเสียที่ทำให้พี่ชายผิดหวังด้วย

“เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ฝาแฝดจะโดนหักค่าขนมหนึ่งวัน และพี่ปราณก็ขอห้ามไม่ให้พวกหนูเล่นของเล่นด้วย สิ่งที่ปุณณ์กับปัณณ์ต้องทำคือฝึกท่องตัวอักษร และฝึกคัดลายมือ ถือเป็นการทำโทษ ตกลงไหมครับ”

เจ้าหนูทั้งสองพยักหน้าเข้าใจและตกปากรับคำว่าจะทำตาม ในเมื่อพวกเขาขัดคำสั่งพี่ชายก็ต้องถูกทำโทษไม่มีสิทธิ์เกี่ยงงอนอยู่แล้ว

“ครับ/ครับ”

มีก็แต่คามิน ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เด็กๆ ต้องโดนทำโทษ จึงพยายามรอฟังคำพิพากษาของปราณันต์อย่างใจจดจ่อ แต่ดูเหมือนว่าก็คงรอเก้อเพราะพี่ชายของเด็กฝาแฝดทั้งสองไม่สนใจคามินเลย

“คุณปราณครับ... ผม...” คามินทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกปราณันต์ขัดเสียก่อน

“ผมยังไม่พร้อมจะคุยกับคุณตอนนี้ และอีกอย่างผมก็ทำงานอยู่ด้วย ไว้เลิกงานก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะครับ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเด็ดขาดของปราณันต์ตอนตอบ ก็ทำให้คามินยอมแพ้และยอมถอยไปนั่งรออย่างใจเย็น ดูเหมือนว่าคามินคนที่เคยเย็นชาและไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ จะเปลี่ยนไป

คามินอดทนรออย่างใจเย็น จนกระทั่งปราณันต์เลิกงาน และเมื่อเห็นคนตัวเล็กเตรียมเก็บของ เขาก็ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนที่จะถลาเข้าไปช่วยถือของให้ปราณันต์อย่างเต็มใจ

“มาครับคุณปราณ ผมช่วย”

และแน่นอนว่าปราณันต์ก็ตอบปฏิเสธโดยไม่รีรอเช่นกัน

“ไม่เป็นไรครับผมจัดการเองได้ คุณเป็นแขกของที่นี่ เชิญกลับห้องไปพักผ่อนเถอะครับ”

พอพูดจบ ปราณันต์ก็พยายามมองหาเด็กๆ ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน จะได้พากันกลับบ้านเสียที เพราะหลังจากที่ดุเด็กๆ ไป ก็ดูเหมือนเจ้าหนูจะอยู่กันอย่างสงบเงี่ยม จนปราณันต์วางใจไม่ได้ไถ่ถามหรือตามหา โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าแทนคุณได้พาทั้งเด็กๆ นำกลับบ้านไปก่อนแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้านายเขาได้งอนง้อปราณันต์ให้เข้าใจกันเสียที

คามินเดินตามปราณันต์ที่กำลังหาน้องชายอยู่อย่างไม่ลดละ ยิ่งปราณันต์เดินหนี คามินก็ยิ่งเดินตาม แต่เมื่อคนตัวโตกว่าเห็นว่าหากยังยื้อยุดกันอยู่แบบนี้ ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องเสียที มือใหญ่ของคามินเลยตัดสินใจเอื้อมไปยึดข้อมือเล็กของปราณันต์ไว้ พลางดึงเข้าหาตัวเอง

“เอ๊ะ คุณ!” ปราณันต์หันไปแหวทันที เมื่อรู้สึกว่าข้อมือตัวเองถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ของใครบางคน

“คุณปราณ… คุยกับผมก่อนเถอะนะครับ ผมขอร้อง”

คามินพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนว่ายังไงปราณันต์ก็ไม่ยอมฟัง เพราะคนตัวเล็กตั้งใจไว้แล้วว่า เขาจะต้องใจแข็ง แม้ปราณันต์จะยังรักคามินอยู่ แต่ถ้าต้องให้กลับไปอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ รอเวลาให้พรวลัยมาอาละวาดแถมขู่จะทำร้ายฝาแฝดใส่ ต่อให้รักแค่ไหน ปราณันต์ก็ขอไม่กลับไปดีกว่า

“พอเถอะครับคุณคามิน หยุดเรื่องของเราไว้แค่นี้เถอะ ผมขอร้อง แค่นี้มันก็ยุ่งยากมากพอแล้ว คุณไม่รู้หรอกว่าผมต้องเจอ...”

ขณะที่ร่างบางกำลังพรั่งพรูคำพูดออกมา พร้อมกับพยายามแกะข้อมือตัวเองออกให้พ้นจากพันธนาการของคนตรงหน้า เพื่อที่จะได้เดินหนีและไปจากตรงนี้ซะ

แต่เสียงทุ้มที่อ่อนโยนของคามินกลับดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งประโยคที่คนตรงข้ามพูดออกมานั้นมันไม่ได้ดังเลย แต่กลับได้ยินชัดเจนมากในความรู้สึกของปราณันต์ และประโยคนั้นทำให้ปราณันต์หยุดนิ่งทุกการกระทำทันที


“ผมรักคุณครับคุณปราณ”


ปราณันต์นิ่งอึ้งไปเหมือนถูกสาป มือเล็กที่พยายามจะแกะมือใหญ่ของอีกฝ่ายที่พันธนาการข้อมือตัวเองไว้ก็ตกลงข้างตัวเหมือนคนหมดแรง มีแต่เพียงน้ำใสที่ไหลออกมาจากตากลมเท่านั้น ที่เป็นการยืนยันว่าปราณันต์ได้ยินสิ่งที่คามินพูดทุกคำ

เมื่อคนตรงข้ามไม่ขัดขืนอีก คามินจึงกระตุกร่างบางเบาๆ ให้เข้ามาในอ้อมกอดอุ่นๆ ของตัวเองได้ไม่ยาก วงแขนแข็งแรงของคนตัวโตกว่ารัดร่างที่กำลังตะลึงงันของปราณันต์ไว้แน่น พลางพร่ำคำบอกรักที่เขาอยากพูดให้ปราณันต์ได้รับรู้และได้รับฟังมาตั้งแต่วันนั้นที่ปราณันต์เลือกที่จะทิ้งเขามา


“ผมรักคุณนะคุณปราณ ผมรักคุณมาก มากเหลือเกิน”


ปากหยักพรมจูบที่กลุ่มผมหอมกรุ่นของคนในอ้อมกอดที่เขาคิดถึงนักหนา โดยที่ทุกคำพูดก็ยังคงพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ราวกับว่าเมื่อความรู้สึกบางอย่างมันถูกปลดล็อค คามินก็ไม่เหลือความลังเลหรือไม่แน่ใจในเรื่องอะไรอีกแล้ว

“ผมขอโทษที่ผมรู้ตัวช้า ผมขอโทษที่ปล่อยให้คุณรออย่างเคว้งคว้างและไม่มั่นใจ ผมขอโทษนะครับคนดี”

ร่างของปราณันต์ในอ้อมกอดของคามินสั่นน้อยๆ ซึ่งคนตัวโตเองก็รู้สึกถึงแรงสะอื้นของคนที่อยู่ในอ้อมแขนเช่นกัน ตัวเขาเองก็ไม่ต่าง ตอนนี้ ตอนที่เขากำลังบอกความในใจให้คนที่เขารักมากที่สุดรู้ คามินเองก็กำลังร้องไห้ ซึ่งมันไม่ใช่น้ำตาแห่งความผิดหวังหรือเสียใจ แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความยินดี เพราะอย่างน้อยคนที่คามินอยากบอกว่ารักมากแค่ไหนก็ได้มายืนตรงหน้าพร้อมที่จะได้ยินและได้ฟัง ในสิ่งที่เขาอยากจะพูดแล้ว ในขณะที่ตอนแรกตัวเขาเกือบจะถอดใจเพราะคิดว่าคงหมดโอกาสในการที่จะได้แก้ตัวแล้ว

เพราะฉะนั้นในวันนี้เขาจึงอยากย้ำให้ปราณันต์มั่นใจอีกครั้งถึงความรู้สึกที่เขามีให้คนที่เขากำลังกอดอยู่ในตอนนี้

“ผมรักคุณนะคุณปราณ คุณได้ยินใช่ไหมว่าผมรักคุณ... และผมก็ยินดีที่จะบอกคำนี้กับคุณไปตลอดชีวิต ถ้าหากว่าคุณเต็มใจที่อยู่ข้างๆ ผมเพื่อฟังมัน... อยู่กับผมนะคุณปราณ อย่าทิ้งผมไปไหนอีกเลย ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีคุณ”

ปราณันต์ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เสียงสะอื้นฮักดังอู้อี้อยู่ตรงอกของคามิน ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าปราณันต์กำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ เพราะตั้งแต่พูดคำว่ารักไปคามินก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า หรือมองจ้องเข้าไปในตากลมของคนที่เขารักเลยสักครั้ง

คามินเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกอดคนขี้แยไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ และภาวนาให้คนตรงหน้าหายโกรธ ให้อภัย และเห็นใจเขาสักครั้ง บอกตามตรงว่าวันนี้คามินไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อพบเจอกับความผิดหวังเลยสักนิด

นั่นเป็นเพระเขารักปราณันต์มาก และเขาไม่อาจทนเสียปราณันต์ไปได้ .. และถ้าหากปราณันต์ยังไม่พร้อมให้อภัย เขาก็ยินดีทำทุกอย่างที่ปราณันต์ต้องการ ขอแค่ยกโทษให้เขาก็พอ

คำอธิษฐานที่ดังก้องอยู่ในใจของคามิน ก็หวังเพียงแค่ว่าปราณันต์จะได้ยิน และกลับมาหา มารักเขาเหมือนเดิมอีกครั้ง

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------

สวัสดีปีใหม่ไทยค้าบบบบบบ ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันสงกรานต์นะคะ ขอโทษที่หายไปนาน ช่วงนี้กลับมาเวิร์คฟอร์มโฮมอีกแน้วววว มีงานที่ต้องเคลียร์มากมายเลยเพิ่งว่างมาลงงับบบ

ก็.. อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้ววว อยากขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกการติดตาม และทุกยอดโดเนท อยากจะขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ

ยังไงก็มาเอาใจช่วยพี่ครามไปพร้อมๆ กันเนาะ ดูว่านุ้งปราณจะเอายังไงต่อไปปปป มาลุ้นไปด้วยกันกับตอนหน้านะคะ

ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ ดูและสุขภาพกันด้วยน้า โควิดกลับมาระบาดอีกแล้วววว หมั่นล้างมือ และใส่แมสก์ตลอดเวลาที่ออกจากบ้านนะคะ เป็นห่วงเสมอออ .. ร้ากกก <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2021 22:06:44 โดย Gade_ka »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
กว่าจะได้พูดออกมา

ออฟไลน์ Ritawongishere

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขัดใจตรงที่ทำไมถึงไม่สืบจากเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา 5555 แต่ดีใจที่เจอกันแล้ว รักแฝดมากๆๆๆๆๆ  :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ขัดใจตรงที่ทำไมถึงไม่สืบจากเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา 5555 แต่ดีใจที่เจอกันแล้ว รักแฝดมากๆๆๆๆๆ  :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

เออจริง เห็นด้วยเลยค่ะ 555555  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
32th Lies : ปรับความเข้าใจ


คามินพาปราณันต์มาที่ห้องบนโรงแรมที่เขาจองไว้ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาปรับความเข้าใจกับปราณันต์ที่นี่ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่เลิก คามินเลยต้องพาปราณันต์มาพักสงบสติอารมณ์อยู่ที่ห้องนี้แทน อีกอย่างคามินคิดว่าถ้าได้คุยกันให้รู้เรื่องในที่ๆ เงียบๆ และมีแค่เขาสองคนแบบนี้ น่าจะดีกว่ากลับไปคุยกันที่ที่พักที่ปราณันต์อยู่ เพราะไม่รู้ป่านนี้ปุณณกันต์กับปัณณธรจะหลับไปหรือยัง

คามินพาปราณันต์นั่งลงบนเตียงอย่างเบามือ ในขณะที่คนตัวเล็กกว่าซึ่งยิ่งดูตัวเล็กและน่าทะนุถนอมยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ในสภาพแบบนี้... ใบหน้าสวยหวานและจมูกแดงก่ำ เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ส่วนตาก็บวมช้ำจนน่าสงสาร คามินต้องหมั่นยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยน้ำตาให้ และยิ่งพอคามินทำแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าปราณันต์จะยิ่งหยุดร้องไห้ไม่ได้เสียที สุดท้ายอีกฝ่ายเลยต้องร้องขอให้คามินหยุด ไม่งั้นมีหวังต้องนั่งปลอบกันทั้งคืนแน่ๆ

“ว่าไงครับคนดี คุณปราณโอเครึยัง หื้ม?”

คามินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โดยมีมือใหญ่คอยลูบศีรษะทุยๆ ของปราณันต์ไม่ห่าง ราวกับจะอยากถ่ายทอดทุกสัมผัสแห่งความห่วงใยที่ตัวเองมีให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“ฮึก..คะ.. ใครจะมาดีได้ในเวลาแป๊ปเดียวล่ะ” คามินแอบหัวเราะ เพราะขนาดว่ากำลังร้องไห้อยู่แบบนี้ คนขี้งอนก็ยังคงมีแรงพาล ฟาดหัวฟาดหางใส่เขาไม่เลิก

“โอเคๆ ผมผิดเอง ผมผิดทุกอย่างเลย” คามินค่อยๆ เอื้อมมือไปกอดเอวคนตรงข้ามช้าๆ เพื่อดูปฎิกริยาว่าปราณันต์จะโอนอ่อนให้เขามากแค่ไหน ถ้าอีกฝ่ายมีท่าทีต่อต้านเมื่อไหร่ คามินจะหยุดทันที เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะบุ่มบ่ามกดดันให้ปราณันต์อึดอัดใจ อยากจะค่อยเป็นค่อยไปกับอีกฝ่ายมากกว่า แม้ว่าตอนนี้อยากจะกอดร่างนุ่นนิ่มนี้ไว้แน่นๆ ไม่อยากจะปล่อยแม้แต่วินาทีเดียวก็ตาม

และเมื่อเห็นว่าปราณันต์ยังคงนั่งนิ่งๆ ถึงแม้มือใหญ่ของคามินจะเกี่ยวเอวบางไปมากกว่าครึ่งแล้วก็ตาม คามินเลยแน่ใจว่าเขาสามารถเดินหน้าต่อได้ จึงค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วรั้งคนที่เขาคิดถึงแทบจะทุกวินาทีเข้ามาหาตัวเอง

“ขอโทษนะครับ คุณปราณยกโทษให้ผมนะ ผมโง่เองที่ไม่รู้ใจตัวเอง” คามินจูบลงเบาๆ ที่กลุ่มผมสีเข้มที่หอมกลิ่นแชมพูเด็กอ่อนๆ กลิ่นเดียวกับปุณณกันต์และปัณณธร “แต่อย่างน้อยผมก็ต้องขอบคุณที่คุณปราณหนีมา ถ้าไม่ได้เสียคุณไป ผมก็คงไม่รู้ใจตัวเองสักที”

คามินพูดความรู้สึกของตัวเองออกมายาวเหยียด ทุกอย่างที่อัดแน่นจนเขาอยากจะพูดออกไปให้ปราณันต์รู้ คามินรู้ดีว่ามีเรื่องอีกมากมายที่เขาและปราณันต์ต้องคุยต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ไม่ว่าจะเหตุผลที่ปราณันต์หนีมา เหตุผลที่เขาขอถอนหมั้นจากพรวลัย หรือแม้แต่เบื้องหลังการเสียชีวิตของคุณพ่อและคุณแม่ของปราณันต์ก็ตาม แต่...ในเวลาแบบนี้ เขาทั้งคู่กลับแค่อยากโยนปัญหาต่างๆ ที่รอให้ต้องแก้ออกไปให้หมด และอยากแค่ดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้ ดื่มด่ำกับการได้มาอยู่ข้างๆ คนที่รักอีกครั้งมากกว่า

“ฮึก.. คุณมัน.. ฮึก คุณมันโง่ คุณคามิน” เสียงหวานสะอึกสะอื้นต่อว่า “คุณจะมารู้ใจตัวเอง ฮึก... ตอนนี้ทำไม คุณกำลังทำให้เรื่องมันยุ่งยากกว่าเดิม รู้ไหม”

และถึงแม้จะต่อว่าคามินไม่หยุด แต่มือบางที่ยึดเอวหนาไว้แน่นก็ไม่ได้คลายออกแต่อย่างใด ปราณันต์ยังคงซุกหน้าอยู่กับอกคามิน ยังคงยอมอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ นั้น แม้ว่าจะสาดคำพูดเกรี้ยวกราดใส่อีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม

“ใช่ ผมมันโง่” คามินยอมรับยิ้มๆ ทำเอาโดนเจ้าแมวตัวน้อยที่กำลังอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เผลอแสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการขบฟันของตัวเองลงบนอกกว้างๆ ที่ตัวเองใช้ซบอยู่อย่างแรง

“โอ๊ย” คามินร้องออกมาเบาๆ ที่จริงไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะตกใจมากกว่า และเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานกำลังงอง้ำเพราะคำยอมรับของเขาเมื่อกี้ ก็ทำเอาร่างสูงอดหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้

และก่อนที่จะทำให้ลูกแมวตัวน้อยของเขางอนมากไปกว่านี้ เลยต้องอธิบายให้เข้าใจเสียก่อนว่าเขาหมายความว่ายังไง ไม่งั้นมีหวังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันสักที

“ผมหมายถึงว่าผมโง่ที่รู้ใจตัวเองช้า จนเกือบเสียคุณกับฝาแฝดไปไงครับคนดี” พอได้ยินตรงๆ แบบนั้น เอาเข้าจริงปราณันต์ก็อดเขินไม่ได้ ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงจางๆ ก้มลงซุกที่อกคามินอีกรอบ ก่อนจะพึมพำถามออกมาราวกับกลัวคำตอบที่จะได้ยิน

“แล้วเรื่องของเรา... มันจะเป็นไปได้หรอครับ”

คามินอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นปราณันต์เปิดใจมากขึ้น เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจที่รู้ตัวช้า ถ้าเขารู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ เรื่องระหว่างเขาและปราณันต์ก็คงไม่ยืดเยื้อขนาดนี้ ปราณันต์ก็คงไม่ต้องพาฝาแฝดหนีมาให้ลำบาก เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่ปราณันต์อยากรู้จากคามินมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นคือ เขาได้รักปราณันต์บ้างหรือเปล่า แค่นี้เท่านั้นเอง

“ผมถอนหมั้นกับวลัยแล้ว คุณปราณก็เห็นจากข่าวในทีวีไม่ใช่หรอครับ” คามินพูดเสียงนุ่มแต่หนักแน่น ราวกับอยากจะย้ำให้อีกฝ่ายมั่นใจ

“ผมเห็น แต่ผมกลัว กลัวคุณวลัยไม่ยอม” ปราณันต์ตัวสั่นน้อยๆ จนคามินรู้สึกได้ “เธอน่ากลัวแค่ไหนคุณก็รู้”

ร่างสูงจับน้ำเสียงไม่สบายใจของปราณันต์ได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาคิดและตัดสินใจว่าจะต้องคุยกับคนรักของตัวเองให้รู้เรื่อง คามินอยากรู้ว่าเพราะอะไรปราณันต์ถึงหนีมา พรวลัยพูดหรือทำอะไร ถึงทำให้ปราณันต์ตัดสินใจที่จะพาเด็กๆ ทิ้งเขามาไกลถึงขนาดนี้ เพราะถ้าคามินไม่ถามหรือไม่คุยให้รู้เรื่อง เขาก็จะปกป้องปราณันต์เต็มที่ไม่ได้ ทางออกเดียวของปัญหานี้คือเขาและปราณันต์ต้องเปิดใจคุยกัน

“คุณปราณครับ มองหน้าผม” คามินประคองใบหน้าหวานเศร้าที่เขาชอบมองไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ปลอบประโลม เพราะอยากให้ปราณันต์มั่นใจว่าเขาจะดูแลปราณันต์และเด็กๆ ได้ “คนดีบอกผมได้ไหมครับ ว่าทำไมคุณถึงหนีผมมา ... วลัยทำอะไรคุณ หื้ม?”

พอฟังคำถามของคนตัวโตกว่าจบ ฟันของปราณันต์ก็ขบลงบนริมฝีปากล่างทันที ปราณันต์ดูลังเล และกำลังชั่งใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า และในขณะที่ตากลมจ้องสบเข้าไปตาคมของฝ่ายตรงข้าม ปราณันต์ก็มองเห็นความรัก ความมั่นคง และความอ่อนโยนอยู่ในแววตาคมกล้าคู่นั้น จากเมื่อก่อนที่เขามองเห็นแต่ความลังเลไม่แน่ใจ แต่ในวันนี้มันกลับไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว

หัวใจของปราณันต์เต้นระรัวทันทีเมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองได้เห็นเองกับตา อย่างน้อยวันนี้เขาก็มั่นใจได้ว่า เขาจะฝากชีวิตของตัวเองและน้องชายไว้ในมือของคามินได้ ปราณันต์เคยบอกแล้วว่ายินดีจะเสี่ยงทุกอย่าง ขอเพียงแค่คามินบอกว่ารักเขาเท่านั้น

และวันนี้คามินก็ได้ทำในสิ่งที่ปราณันต์ต้องการแล้ว เพราะฉะนั้นปราณันต์ก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลในเรื่องอะไรอีก เขาจะขอเชื่อใจแค่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น

“คุณวลัย...” ปราณันต์สูดลมหายใจเรียกความกล้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยายามห้ามเสียงไม่ให้สั่น และเล่าเรื่องทั้งหมดให้คามินฟัง โดยไม่ปิดบังอะไรเลย “เขาขู่ว่าจะทำร้ายปุณณ์กับปัณณ์ ถ้าผมไม่ไปจากคุณ”

“วะ.. ว่าไงนะ?! ผู้หญิงคนนั้นขู่คุณปราณว่ายังไงนะ???” เสียงทุ้มดูตะกุกตะกักในคราวแรกน่าจะเพราะกำลังตกใจ แต่ก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดทันที เมื่อตั้งสติได้

“คุณ ใจเย็นๆ ก่อนสิ” จากคนที่หวาดกลัวในคราวแรกต้องกลับกลายมาปลอบให้อีกฝ่ายเย็นลง เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ใบหน้าดูดีของคามินกำลังถมึงทึง แววตาที่เคยอบอุ่นในคราวแรกก็เปลี่ยนไป เหมือนมีไฟแห่งโทสะเข้ามาสุมรุม มือใหญ่ที่เคยโอบเอวปราณันต์ไว้อย่างอ่อนโยน ก็เปลี่ยนเป็นวางบนหน้าขาของตัวเองแล้วกำเข้าหากันแน่น รวมทั้งสันกรามแกร่งกำลังนูนขึ้นเพราะร่างสูงขบฟันเข้าหากันจนแน่น เพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองหุนหันหรือทำอะไรที่ขาดสติออกไป

“เล่ามาคุณปราณ เล่าให้ผมฟังให้หมด ว่ามันเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง” แต่ถึงแม้ว่าจะโกรธแค่ไหน แต่เมื่อหันมาพูดกับคนที่ตัวเองรัก คามินก็อ่อนลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ปราณันต์อมยิ้มน้อยๆ กับท่าทีน่ารักของอีกฝ่าย ก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมไปช้าๆ ที่มือใหญ่ที่กำลังกำแน่นอยู่ พลางบีบเบาๆ อย่างเอาใจ

“ผมจะเล่าให้คุณฟังทุกอย่าง แต่คุณต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่วู่วาม ตกลงไหมครับ”

น้ำเสียงน่าฟังของอีกฝ่าย ทำให้ใจของคามินสงบลงอย่างประหลาด ปากที่เคยเม้มตึง กลับระบายยิ้มออกมาน้อยๆ ปราณันต์ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค

ถ้าเขาร้อนแรงพร้อมจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ดั่งไฟ ปราณันต์ก็คงเป็นน้ำใสไหลเย็น ที่คอยปลอบประโลมแล้วโอบอุ้มไฟแบบเขา ไม่ให้แผดเผาหรือทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นจุณ

“เฮ้อ” คามินถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยอมรับปากปราณันต์ในที่สุด “ก็ได้ครับ ก็ได้”

แต่ถึงกระนั้นร่างสูงก็ยังบ่นอุบ ให้ปราณันต์ได้ยินอยู่ดี “เล่นมองกันด้วยสายตาลูกแมวแบบนั้น ใครจะไม่ใจอ่อนกันล่ะคุณปราณ”

ปราณันต์หัวเราะทันทีที่ได้ยินคามินพูดแบบนั้น ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายมาแนบแก้มตัวเองพลางถูใบหน้าไปมาให้สมกับที่ร่างสูงนินทาเขาว่าขี้อ้อนไม่ต่างกับลูกแมว

“คุณปราณ... ถ้าไม่เลิกทำแบบนี้ ผมกลัวว่าคุณจะได้ทำอย่างอื่นแทนการเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังนะ”

ปราณันต์หยุดกึกทันที เพราะเขารู้ดีว่าคามินหมายความว่ายังไง และยิ่งสายตาที่คนเจ้าเล่ห์มองมาอีก อยู่ด้วยกันมาตั้งนานทำไมปราณันต์จะไม่รู้ล่ะ

“คุณนี่!” เสียงหวานเอ็ดตะโรใส่อีกฝ่าย ทั้งเขิน ทั้งทำตัวไม่ถูก คามินเลยหัวเราะเสียงดังลั่น พลางพูดปลอบทีเล่นทีจริง ซึ่งไม่ได้ทำให้ปราณันต์สบายใจขึ้นเลยสักนิด

“ผมล้อเล่นน่ะครับ หึหึ” ใบหน้าคมคายยื่นเข้าไปใกล้ร่างบาง พลางฉกจมูกลงบนแก้มนิ่มอย่างฉวยโอกาส “มัดจำไว้ก่อน ตอนนี้ไม่ทำอะไรหรอก สัญญาเลย... แต่ถ้าหลังจากนี้น่ะ ไม่แน่”

คามินพูดเสียงเจ้าเล่ห์ ปราณันต์ค้อนอีกฝั่งจนตาแทบกลับ “คุณ! ไม่ต้องล่งต้องเล่าแล้ว! ผมจะกลับบ้าน คุณมันไว้ใจไม่ได้”

ปราณันต์ทำท่าจะลุก คามินจึงยึดข้อมือบางไว้ ก่อนจะกระตุกเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าเสียหลักล้มกลับลงมานั่งบนตักอีกฝั่งตามเดิม

“โถ่ ผมคิดถึงคุณปราณจะแย่ ถ้าจะให้บอกว่าผมไม่คิดอะไรเลย ผมก็คงโกหก” คามินพูด พลางจูบลงบนไหล่ร่างบางเบาๆ “แต่ตอนนี้ ถ้าผมบอกว่าไม่ ก็แปลว่าผมจะไม่รังแกคุณ เชื่อใจผมได้ครับที่รัก”

คามินพูดยิ้มๆ ก่อนจะเร่งเร้าอีกฝ่ายให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง “เล่าให้ฟังได้แล้วครับ ว่าวลัยทำอะไรคุณ” ปราณันต์ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่คามินรู้ดีว่าปราณันต์จะพูดอะไร เลยชิงพูดออกมาเองเสียก่อน “ผมสัญญาว่าผมจะใจเย็นฟังจนจบ โอเคไหม”

ปราณันต์ยิ้มหวานพลางพยักหน้าหงึกหงักอย่างชอบใจที่เห็นคามินมีสติมากกว่าเดิม ร่างบางจึงขยับร่างกายตัวเองขึ้นมาบนตักของคนตัวโตดีๆ ก่อนที่แขนเรียวทั้งสองข้างจะโอบรอบคออีกฝ่ายไว้แน่น ... ปราณันต์คิดจะอีกกี่ครั้งก็ไม่ชิน เพียงแค่นึกถึงประโยคที่พรวลัยส่งมาขู่ ตัวเขาก็สั่นอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในช่วงเวลานี้ ปราณันต์ไม่ได้กลัวมากเท่าแต่ก่อน เพราะอย่างน้อยเขาก็มีคนตรงหน้ากำลังโอบกอดเขาไว้ และสัญญาว่าจะคอยปกป้องดูแลเขาและน้องทั้งสองให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงได้

“หลังจากที่กลับจากออฟฟิศคุณ ผมตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอใคร” ปราณันต์เริ่มเล่าช้าๆ “ผมเดาว่าคุณคงไปทำอาหาร แล้วตอนนั้นในขณะที่ผมกำลังคิดทบทวนว่าจะเอายังไงต่อดี คุณวลัยก็ส่งข้อความมาหาผมในมือถือ”

“มือถือคุณหรอ?” คามินถามเบาๆ

“อื้อ... เธอส่งมาบอกว่า ฮึก...” แค่เพียงนึกถึงข้อความพวกนั้น น้ำตาปราณันต์ก็ไหลออกมาราวกับควบคุมไม่ได้ แค่คิดว่าฝาแฝดจะไม่ปลอดภัย แค่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกแก หัวใจปราณันต์ก็แทบสลาย เขาเสียเด็กๆ ไปไม่ได้ พวกแกเปรียบเหมือนคนในครอบครัวสองคนสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่

“เธอส่งมาว่า ‘เจ้าเด็กฝาแฝดนี่น่ารักดีนะว่าไหม ถ้าอยากเห็นมันทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ต้องจากไปก่อนวัยอันควรล่ะก็ ไปจากคามินซะ! แกก็รู้ว่าคามินไม่ได้รักแกมากพอที่จะปกป้องแกไปตลอดขนาดนั้น คิดดูเอาเองก็แล้วกันปราณันต์ แกก็รู้ว่าฉันเอาจริง!’ … ฮึก”

ปราณันต์พูดออกมาราวกับจำได้ทุกคำทุกประโยค เพราะมันติดแน่นอยู่ในความทรงจำเขาจนยากจะลบเลือน

“คุณปราณ...” คามินเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด เขาสงสารปราณันต์จับใจ และได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจว่าทำไมถึงปล่อยให้พรวลัยทำร้ายคนที่เขารักได้ถึงขนาดนี้

“ตอนนั้นผมกลัวมาก ผมอยากบอกคุณ ผมอยากอ้อนวอนให้คุณช่วย แต่ผมกลับไม่มั่นใจเลยว่าคุณจะรักผมบ้างไหม หรือคุณจะรักผมมากพอที่จะดูแลและปกป้องผมและน้องๆ ได้หรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยถามคุณ แต่คุณกลับไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่คุณมีให้ผม... ฮึก”

น้ำใสไหลออกมาจากตากลมที่บวมช้ำอีกครั้ง ทำเอาคามินต้องข่มความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะกลัวว่าจะร้องไห้ออกมาให้อีกฝ่ายเห็น และอาจจะทำให้ปราณันต์หวั่นใจว่าเขาจะดูแลปราณันต์และฝาแฝดไม่ได้

“ฮึก... ผมเลยตัดสินใจ ว่าผมจะหนีไปจากคุณ โดยที่ผมไป... ไปขอให้เพื่อนๆ ผมช่วย แล้วพอถึงวันที่ผมกำหนดไว้กับคุณวลัย ผมก็พาน้องๆ ออกมาตามสัญญา”

คามินมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้ชายตัวเล็กๆ คนนี้ช่างเข้มแข็งแล้วก็เด็ดเดี่ยวเหลือเกิน ไม่มีเลยสักวินาทีที่ปราณันต์จะลังเลแล้วเลือกอยู่กับเขา สำหรับคนๆ นี้แล้วฝาแฝดคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตจริงๆ

“นั่นคือเหตุผลที่คุณปราณทำดีกับผมใช่ไหมครับ” คามินถาม แล้วคำตอบที่เขาได้รับก็ทำให้เขายิ่งรักปราณันต์มากขึ้นกว่าเดิม

“อื้อ...” คามินยื่นหน้ามาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่ม ก่อนที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ “ผมรักคุณมาก ผมอยากบอกลาคุณเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไป”

ปราณันต์พูดทั้งน้ำตานองหน้า หัวใจคามินเจ็บปวดไปหมด เจ็บแค้นที่พรวลัยทำร้ายปราณันต์ก็แค้น โกรธตัวเองก็โกรธ แต่อีกใจก็อยากปลอบประโลมคนตรงหน้ามากกว่า ทุกอย่างประเดประดังไปหมด จนคามินไม่รู้ว่าอะไรที่เขาควรต้องรู้สึกก่อน ซึ่งปราณันต์เองก็มองเห็นความพลุ่งพล่านและคลุ้มคลั่งในแววตาคมคู่นั้น ตัวเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้คามินไปเอาคืนอะไรพรวลัยเลย หรือแม้แต่โทษตัวเองก็ไม่อยากให้ทำ ที่ปราณันต์ต้องการมีเพียง อยากให้คามินดูแลเขาและฝาแฝดไม่ให้คนใจร้ายคนนั้นมาทำอะไรได้ก็แค่นั้น แค่นี้เองที่ปราณันต์ต้องการ

มือเล็กแนบประกบลงบนแก้มสากของเจ้าของตักที่ตัวเองนั่งอยู่ พลางขอร้องอย่างใจดี จนคามินอดใจอ่อนตามไม่ได้

“อย่าไปแค้นอะไรเขาเลยครับ... ผมไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไม่จบไม่สิ้น ที่ผมต้องการก็แค่ อยากมีคุณอยู่ข้างๆ คอยดูแลผมกับน้องๆ ก็แค่นั้น คุณให้ผมได้ไหมครับคุณคราม”

ไฟที่สุมอยู่ในอกคามินดูเหมือนจะมอดไหม้ไปโดยปริยายเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของปราณันต์ ตอนแรกที่เคยลังเลว่าตัวเองต้องรู้สึกอะไรก่อน ตอนนี้เขากลับแน่ใจอย่างแน่ชัดถึงความต้องการของตัวเอง


...คามินอยากกอดปราณันต์ อยากกอดแน่นๆ อยากจูบ อยากพร่ำบอกรัก ให้คนตัวเล็กของเขาได้มั่นใจว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ และไม่มีวันทอดทิ้งปราณันต์ไปที่ไหน


คามินก้มลงไปจูบเบาๆ ที่ใบหูของปราณันต์ ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่ปราณันต์ อยากได้ยิน

“ผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่กับคุณปราณตรงนี้ จนกว่าคุณปราณจะไม่ต้องการผม”

ปราณันต์หลับตาพริ้มราวกับอยากซึมซับถ้อยคำเหล่านั้นไว้เต็มหัวใจ และทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าหวานก็เงยขึ้นเพื่อสบตากับคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่อย่างอ่อนโยน

“ขอจูบได้ไหมครับ”

คามินกระซิบถามเสียงหวานชิดริมฝีปากอิ่ม ปราณันต์พยักหน้าอายๆ แต่ก็แหงนรอให้อีกคนทาบทับริมฝีปากลงมาอย่างเต็มใจ

คามินค่อยๆ ดูดดึง ขบเม้ม เลาะเล็มริมฝีปากสีสดของปราณันต์อย่างคิดถึง เขาฝันถึงมันตลอดยามที่อยู่ห่างกัน


'ถ้าได้จูบคุณปราณอีกสักครั้ง ผมจะทำให้คุณปราณรู้ ว่าผมรักคุณแค่ไหน'


นี่คือสิ่งที่คามินพร่ำบอกตัวเองตลอดเวลา และในวันนี้โอกาสก็เป็นของเขาอีกครั้ง เขาจึงไม่ลังเลที่จะถ่ายทอดทุกสัมผัสให้อีกฝ่ายได้รับรู้

คนตัวโตค่อยๆ ละเลียดริมฝีปากของปราณันต์อย่างอ่อนหวานและอ่อนโยน ความรู้สึกของการที่มีผีเสื้อบินอยู่ในท้องเป็นยังไงปราณันต์ก็เพิ่งเคยสัมผัส คนตัวเล็กกว่าขยับริมฝีปากอย่างไร้เดียงสา ซึ่งนั่นยิ่งเหมือนกระตุ้นให้คามินรู้สึกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

คามินขยับปากอย่างชำนาญ เขาค่อยๆ บดคลึงขบเม้ม โดยเฉพาะกับริมฝีปากล่างของปราณันต์ที่เขาชอบมากเป็นพิเศษ ร่างสูงค่อยๆ จูบละเลียดอยู่นาน จากนั้นเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดเริ่มหายใจไม่ทัน คามินจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก

จูบครั้งนี้ของทั้งสองเต็มไปด้วยความโหยหาและคิดถึง ดังนั้น เมื่อผละออกจากกันได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็โผเข้าหากันอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าจูบของคามินและปราณันต์จะลึกซึ้งมากกว่าเดิม

ริมฝีปากหยักของคามินดูดดึงและบดคลึงริมฝีปากอิ่มของปราณันต์อย่างลึกซึ้ง ลิ้นร้อนไล้เลียไปตามร่องริมฝีปากของปราณันต์อย่างร้องขอ เขาต้องการมากกว่านี้ เขาอยากแนบชิดกับปราณันต์มากกว่านี้ มือใหญ่จับปรับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าให้ได้องศา เพื่อจะได้รับจูบจากเขาได้ถนัดยิ่งกว่าเดิม

ปราณันต์ค่อยๆ เผยอริมฝีปากออก เพื่อต้อนรับเรียวลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่รีบแทรกเข้ามาทันทีทันใด เพียงแค่ปราณันต์ยอมเปิดปากเท่านั้น

คามินกวาดลิ้นไปทั่วโพรงปากของปราณันต์อย่างเอาแต่ใจ ส่วนอีกฝ่ายที่ไม่ว่าจะผ่านการจูบไปอีกสักกี่ครั้งก็ไม่ได้ทำให้ปราณันต์ประสีประสากับเรื่องพวกนี้มากขึ้นเลย เมื่อเจอคนที่ชำนาญอย่างคามินไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดเรียวร้อนชื้นเข้ากับลิ้นเล็กๆ ของตัวเอง ปราณันต์ก็แทบจะไปไม่เป็น มือเล็กเกาะแน่นอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างของคามิน ราวกับพยายามหาที่ยึดพยุงร่างไว้ ไม่งั้นมีหวังไหลลงไปกองกับเตียงแน่ๆ

คนตัวโตกว่าตัดสินใจถอนริมฝีปากออก เมื่อเห็นว่าลมหายใจของปราณันต์เริ่มถี่กระชั้น และหลังจากที่ริมฝีปากอิ่มเป็นอิสระ ปราณันต์ก็ก้มหน้างุดซบอยู่กับอกคามินไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา จะให้ผ่านไปอี่กกี่ครั้งเขาก็ไม่ชิน เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเลิกเขินกันง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

“ไม่มองหน้ากันเลย คุณปราณโกรธผมหรอครับ” คามินถามเสียงเจ้าเล่ห์ เขารู้ดีว่าท่าทางที่คนตัวเล็กกว่าเป็นอยู่นี้ ไม่ใช่อาการของคนที่โกรธหรืออะไร แต่เป็นอาการของคนที่เขินจนไม่กล้าสบตามากกว่า

“คุณครามอย่ามาแกล้ง... คุณก็ชอบทำแบบนี้ตลอด” เสียงหวานพูดอู้อี้ ทำเอาคามินหัวเราะเสียงดัง ซึ่งนั่นก็สามารถทำให้ตากลมตวัดขึ้นมามองค้อนคนที่ล้อเขาไม่เลิกได้ทันควัน

“นี่ไง คุณปราณมองผมแล้ว ฮ่าๆ” พูดไม่พูดเปล่า ยังก้มลงฝังจมูกโด่งของตัวเองลงบนแก้มนิ่มๆ ของอีกฝ่ายอีกต่างหาก


ฟอด!


“คุณนี่!!” ปราณันต์ฟาดลงบนไหล่กว้างๆ นั่นเข้าให้ เพราะคามินเอาแต่แกล้ง และลวนลามเขาไม่เลิกสักที

ส่วนคนที่ถูกตีแทนที่จะสลดก็ไม่มี เอาแต่นั่งหน้าระรื่น ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี นั่นเพราะคามินรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้กลับมามีช่วงเวลาที่แสนหวานกับคนตรงหน้าอีกครั้ง

“คุณปราณครับ ผมมีความสุขมากเลย คุณรู้ใช่ไหม” คามินกระซิบชิดริมหูนิ่ม ก่อนจะดึงคนตรงหน้ามากอดเอาไว้ ราวกับอยากจะถ่ายทอดทุกคำพูดผ่านสัมผัส ให้คนในอ้อมกอดได้รับรู้

“อื้อ ผมรู้ ผมเอง... ก็มีความสุขมากเหมือนกัน” ปราณันต์เงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “ผมคิดถึงคุณ”

ถึงแม้ว่าเสียงที่พูดออกมาจะค่อย แต่คามินก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน และนั่นก็ทำให้ทุกความยับยั้งชั่งใจของเขาหมดลง ... แม้ว่าเวลานี้จะดูเหมือนยังไม่สมควรเท่าไหร่ แต่คามินทนห้ามใจตัวเองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“คุณปราณครับ ผม... ผมต้องการคุณ คืนนี้คุณอยู่กับผมได้ไหมครับ”

แก้มนวลของปราณันต์ขึ้นซับสีเลือดจางๆ ทันทีที่ได้ยินคามินถามแบบนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้พูดออกมาชัดๆ แต่ปราณันต์เองก็รู้ดีว่าคนตัวโตต้องการอะไร

“ได้ไหมครับ.. คนดี” คามินถามย้ำ ทำเอาปราณันต์ทำอะไรไม่ถูก มือไว้วางตรงไหนก็ดูเกะกะไปหมด

“แต่ปุณณ์ กับปัณณ์...” ว่ากันตามตรงปราณันต์ก็ไม่อยากปฏิเสธหัวใจตัวเองว่าเขาก็ต้องการคามินไม่น้อย แต่คนตัวเล็กเองก็เป็นห่วงน้องๆ เกินกว่าจะปล่อยให้พวกแกอยู่กันลำพังได้ และเหมือนคามินเองก็พอจะรู้ใจปราณันต์ดี ว่าปราณันต์คิดอะไรอยู่ เสียงทุ้มจึงเอ่ยออกมาเพื่อให้ร่างบางในอ้อมกอดสบายใจ

“แทนคุณจะเป็นคนดูแลฝาแฝดเองครับ” ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยต่ออย่างออดอ้อน “อยู่กับผมนะครับ ไหนว่าคุณปราณคิดถึงผมไง”

ปราณันต์มองตาคมของอีกฝั่งที่สื่อความต้องการออกมาจนหมดสิ้น ฟันของเขาขบลงบนริมฝีปากล่างของตัวเองเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีสัมผัสเบาๆ ลูบลงบนริมฝีปากสีสดที่ถูกขบอยู่อย่างอ่อนโยน

“ไม่เอาครับ ไม่ทำแบบนี้ เดี๋ยวเจ็บ” คามินพูดพลางก้มลงจูบลงบนริมฝีปากของคนตรงข้ามเบาๆ


จุ๊บ~


“ว่าไงครับ อยู่กับผมได้ไหม”


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


ใบหน้าหวานพยักหน้าลงเบาๆ อย่างยอมจำนน หลังเจอคนตัวโตกว่ารบเร้าออดอ้อนอยู่นาน คามินลิงโลดดีใจจนเนื้อเต้น ร่างสูงพยายามเก็บอาการแต่ดูเหมือนว่ามันทำได้ยากเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะเขาห่างกับปราณันต์มาเป็นเดือนๆ เขาอยากจะสัมผัส อยากจะแตะต้องคนตรงหน้าให้มากที่สุดสมกับที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจนั่นแหละ

คามินจึงค่อยๆ จับปราณันต์นอนราบลงบนเตียงเบาๆ ก่อนจะตามมาคร่อมร่างบางเอาไว้ พลางใช้จมูกโด่งไล้ไปมาเบาๆ บนแก้มนิ่มของคนตัวเล็กกว่าอย่างหยอกล้อ

ส่วนปราณันต์ก็มองคนด้านบนด้วยสายตายั่วเย้า แขนเรียวยกขึ้นคล้องรอบคอคามินไว้ รอยยิ้มกว้างที่คนด้านบนได้เห็นทำเอาอารมณ์เขาเตลิดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

คามินก้มลงไปจูบปิดปากปราณันต์อีกครั้ง โดยที่คนด้านล่างก็ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการเผยอริมฝีปากออก เพื่อต้อนรับเรียวลิ้นร้อนให้เข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของตัวเองอย่างเต็มอกเต็มใจ

และก็ดูเหมือนว่า ยิ่งจูบกันนานเท่าไหร่ อารมณ์ของคนหนุ่มทั้งคู่ก็ยิ่งลุกฮือมากขึ้นเท่านั้น

อกบางของปราณันต์ลอยขึ้นบดเบียดกับอกหนาของคามินอย่างยั่วยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ ลมหายใจหอบกระเส่าของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้ร่างกายของคนทั้งสองร้อนรุ่มเต็มไปด้วยความต้องการยิ่งกว่าเดิม อุณหภูมิของแอร์ที่ว่าสูงตอนนี้ก็ดูเหมือนจะดับความต้องการของคนทั้งคู่ให้น้อยลงไม่ได้เลยสักนิด

ในที่สุด คามินก็หมดความอดทน เขาถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากอิ่มของปราณันต์ ก่อนที่จะกระชากเสื้อตัวเอง จนกระดุมหลุดกระเด็นออกไม่มีเหลือ แล้วโยนเสื้อทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ไยดี

ปราณันต์เองก็ไม่ต่าง คนตัวเล็กกว่าแม้จะไม่ได้ถึงกับกระชากเสื้อตัวเองออกเหมือนที่คามินทำ แต่มือบางก็รีบร้อนปลดกระดุมออกทุกเม็ดด้วยเวลาเพียงเสี้ยวนาที และพอมันหลุดออกจากร่างขาว ปราณันต์ก็โผเข้าหาคามินโดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดุเดือดและร้อนแรงอีกครั้ง โดยครั้งนี้คามินก็ไม่ปล่อยให้โอกาสที่จะให้มือใหญ่ของตัวเองจะได้ชื่นชมคนตรงหน้าให้หลุดลอยไป เขาใช้มันฟอนเฟ้นไปทั่วร่างขาว ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะวนมาสะกิดที่ยอดอกสีหวานอย่างเอาใจ

“อืมมม”

ปราณันต์ครางในลำคออย่างพอใจ ทั้งที่ริมฝีปากยังประกบกับคามินอยู่ และยิ่งพอคามินสะกิดถี่ๆ ย้ำๆ ปราณันต์ก็ตัวสั่นด้วยความเสียวซ่านจนแทบจะทนไม่ไหว คนตัวโตกว่าจึงยอมที่จะละริมฝีปากออก ตาคมมองใบหน้าสวยหวานอย่างหลงใหล ก่อนจะที่ครอบริมฝีปากลงไปที่ยอดอีกสีหวานของอีกฝ่ายทันที

“อ๊ะ อาา อาห์”

คนตัวเล็กกว่าครางแทบไม่เป็นภาษา มือเล็กสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มของคนด้านบน พร้อมกับออกแรงกดน้อยๆ ให้อีกฝ่ายปรนเปรอตัวเองได้มากขึ้น

“อาาาห์”

ปากหยักทำหน้าที่ดูดดึงตุ่มไตข้างหนึ่งให้ปราณันต์อย่างเอาอกเอาใจ ในขณะที่อีกข้างนิ้วแกร่งก็สะกิดไล้วน ให้อีกฝ่ายได้ร้อนรุ่มและเผลอแสดงความต้องการให้มากกว่าเดิม

“อึก.. คะ คราม คุณคราม...” ปราณันต์เรียกฝ่ายตรงข้ามเสียงกระเส่า ซึ่งนั่นยิ่งทำให้สติคามินเตลิดยิ่งกว่าเดิม

คามินตัดสินใจผละออกจากปราณันต์อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วถอดกางเกงและกางเกงชั้นในให้พ้นออกจากร่าง ปราณันต์เองก็เช่นกัน และเมื่อร่างกายของคนทั้งสองไม่มีเสื้อผ้าใดๆ มาบดบังให้เสียสายตาแล้ว คามินก็ใช้ตาคมไล่มองร่างกายขาวโพลนของปราณันต์อย่างชื่นชมและแสดงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง ทำเอาปราณันต์ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

และโดยที่ร่างบางยังไม่ทันตั้งตัว คามินก็พุ่งตรงไปที่แก่นกายกลางร่างของปราณันต์ทันที มือใหญ่จับข้อเท้าเล็กๆ ทั้งสองข้างของปราณันต์ตั้งฉากขึ้น คนตัวเล็กกว่าที่ยังงงๆ ก็แทบหงายหลังลงไปนอนราบกับเตียง ดีที่ใช้มือทั้งสองข้างดันที่นอนไว้ได้ทันก่อนที่จะได้เสียหลักหงายลงไป

ตอนนี้ปราณันต์เลยอยู่ในท่าที่ล่อแหลมสุดๆ ขาทั้งสองข้างตั้งฉากกับเตียง มือเล็กๆ ทั้งสองก็เท้าไว้กับที่นอน ลำตัวเอนไปด้านหลังเล็กน้อย ส่วนแกนกายน่ารักๆ ก็กำลังตั้งชันเต็มไปด้วยแรงอารมณ์อยู่ตรงใบหน้าของคามินที่ตอนนี้กำลังซุกอยู่ตรงกลางระหว่างขาของปราณันต์

ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มร้ายกาจ เมื่อเห็นความพร้อมของอวัยวะกลางร่างกายของปราณันต์ คามินจึงครอบปากลงบนท่อนเนื้อของคนตัวเล็กกว่าช้าๆ จนสุดความยาว ก่อนจะออกแรงดูดและรูดแกนกายให้คนตรงหน้าอย่างถึงใจ ปราณันต์สูดปากลั่นด้วยความเสียวซ่าน นิ้วเท้าของเจ้าแมวตัวน้อย เกร็งจิกแน่นอยู่บนเตียง ริมฝีปากอิ่มครางลั่นแทบจะไม่เป็นภาษา

“อึก! .. อ๊ะ คะ คุณคราม..”

และยิ่งพอได้ยินแบบนั้นคามินยิ่งรูดริมฝีปากลึกจนแทบสุดโคน ลิ้นร้อนไล้เลียส่วนหัวสลับกับดูดย้ำๆ หนำซ้ำตอนนี้คามินก็ปล่อยมือทั้งสองข้างจากข้อเท้าของปราณันต์ แล้วเปลี่ยนเป็นลากนิ้วไปสะกิดบนตุ่มไตสีหวานแทน

“อืมมม อาาา”

ใบหน้าหวานสะบัดแหงนขึ้น เพราะไม่รู้จะระบายออกถึงความรู้สึกของตัวเองยังไง มันดีมาก คามินทำให้เขารู้สึกดีมากจริงๆ

คามินรูดรั้งริมฝีปากไปตามความยาวของแกนกายของปราณันต์ แรงๆ และเร็วๆ ติดๆ กันหลายๆ ครั้ง แล้วเขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่าหน้าท้องของปราณันต์เริ่มหดเกร็ง นั่นหมายความว่า อีกไม่นานคนตัวเล็กน่าจะใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว

จากนั้นคามินจึงดูดท่อนเนื้อของอีกฝั่งเร็วและแรงขึ้น พลางใช้ลิ้นขยี้ส่วนตัวซ้ำๆ จนในที่สุดหน้าท้องของร่างเล็กก็หดเกร็ง และครางออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“อึก! ... อาาาาหห์”

ปราณันต์ปลดปล่อยออกมาในที่สุด โดยริมฝีปากหยักของคามินโอบอุ้มตัวตนของปราณันต์ไว้หมด ไม่ให้ไหลหลงเหลือแม้แต่หยดเดียว

หลังจากนั้นคามินก็ยังคงสาละวนไล้เลียทำความสะอาดให้ปราณันต์โดยไม่มีรังเกียจสักนิด ทำเอาปราณันต์ยิ่งเขินใหญ่ และพอเห็นท่าทางเขินอายของปราณันต์แล้วก็ดูเหมือนเจ้ามังกรยักษ์ของคามินก็ยิ่งขยายใหญ่และอยากเป็นเจ้าของคนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

“คุณปราณครับ..” และยังไม่ทันที่คามินจะได้พูดอะไรต่อ มือเล็กก็จับเข้าที่ท่อนเนื้อที่ขยายใหญ่ของคามินไว้อย่างเบามือ ก่อนจะรูดรั้งมันช้าๆ

เสียงหวานพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึกของคามิน


“ผมอยากให้คุณรักผม รักผมแรงๆ .. ได้ใช่ไหมครับ”


หัวใจของคามินลิงโลดและเต้นรัวอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ปราณันต์พูด ในขณะที่มือเล็กก็สาวรั้งแกนกายของคามินให้เบาๆ อย่างที่เหมือนต้องการจะกระตุ้น ทำให้เขายิ่งอยากโถมกายกระแทกใส่เด็กขี้ยั่วแรงๆ

ตาคมกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นเบบี้ออยล์ขวดเล็กๆ ที่โรงแรมให้ไว้บริการที่โต๊ะหัวเตียง คามินจึงเอื้อมไปหยิบมันมาไว้ในมือ ก่อนจะเทและชะโลมมันลงบนนิ้วมืออย่างเร่งร้อน ก่อนที่เขาจะพลิกจับปราณันต์หันหลัง ยกสะโพกของคนตัวเล็กกว่าให้ลอยเด่นขึ้นตรงหน้า ก่อนจะซุกใบหน้าแล้วแทรกลิ้นลงไปในช่องทางของอีกฝั่งแทบจะทันดีทันใด

ปราณันต์ที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวก็ร้องครางเสียงหลง เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปลึกจนถูกจุดสำคัญ เอวบางร่อนคว้าง ทำเอาร่างกายของคนที่โดนกระทำแทบจะร่วงไปลงกองบนเตียงนอน ดีที่มือเล็กยึดหัวเตียงเอาไว้ได้ทัน แต่อารมณ์ของปราณันต์เตลิดไปจนแทบจะกู่ไม่กลับแล้ว มันเสียว.. เสียวมาก

“อ๊ะ อ๊า อ๊า”

เสียงครางดังตามจังหวะรัวลิ้นของคามิน ปราณันต์ตัวสั่นอย่างยากที่จะควบคุม แก่นกายของคนตัวเล็กกว่าเริ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง

และในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะพาปราณันต์ไปยังจุดที่ๆ ปราณันต์ไปมานับครั้งไม่ถ้วน คามินก็กลับถอนลิ้นออกฉับพลัน นั่นทำเอาตากลมตวัดมองคนด้านหลังอย่างไม่พอใจ คามินหัวเราะลั่นหลังจากที่ได้เห็นท่าทีแบบนั้นของปราณันต์ ก่อนที่จะก้มลงไปกระซิบข้างหูนิ่มเบาๆ

“ใจเย็นๆ นะครับที่รัก”

คามินใช้นิ้วข้างที่ไม่เลอะ สะกิดเบาๆ ที่ยอดอกสีหวาน เป็นการเบนความสนใจ ก่อนจะแทรกนิ้วที่ชะโลมด้วยเบบี้ออยล์เข้าไปในช่องทางปราณันต์ช้าๆ

“อื้อ! เจ็บ”

คนตัวเล็กกว่าประท้วงทันทีเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายตัวเอง คามินค่อยๆ ดันนิ้วแรกเข้าไปจนสุด ปราณันต์ต่อต้านเล็กน้อย คามินจึงควงวนนิ้วช้าๆ จนร่างกายปราณันต์กระตุก

“อ๊ะ!”

“ตรงนี้ใช่ไหมครับคนดี หื้ม?” คามินกระซิบเสียงกระเส่า ส่วนปราณันต์ก็พยักหน้าขึ้นลงจนกลุ่มผมกระจาย

“อื้อ! ตรงนั้นๆ” คามินจึงค่อยๆ แทรกนิ้วที่สองที่สามตามเข้าไป แล้วกระแทกย้ำๆ ที่จุดเดิม จนปราณันต์หัวสั่นหัวคลอน เสียงครางไม่เป็นภาษาดังลั่น จนยากที่จะควบคุมตัวเองได้

“อ๊ะ อาาา อาาาา”

และพอคามินเห็นว่าเบิกทางไว้สำหรับของๆ เขามามากพอแล้วจึงถอนนิ้วออก แล้วชะโลมเบบี้ออยล์ขวดเมื่อครู่ลงบนแกนกายของตัวเองอย่างรีบร้อน พลางมองช่องทางสีสดตรงหน้าเหมือนอยากจะเข้าไปเต็มแก่ ปราณันต์เองก็หอบกระเส่าอย่างยั่วยวนรออยู่อย่างเต็มใจ คามินจึงยื่นหน้าไปเลียที่ใบหูนิ่มส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของปราณันต์เบาๆ ส่วนมือข้างที่ว่างก็สะกิดยอดอกสีหวานเพื่อเบนความสนใจ ก่อนจะค่อยๆ ดันแกนกายตัวเองเข้าไปช้าๆ

และพอปราณันต์เริ่มจะกระถดสะโพกหนีเพราะความเจ็บ มือใหญ่ทั้งสองข้างก็ยึดเอวบางเอาไว้ก่อนที่จะดันท่อนเนื้อของตัวเองเข้าไปในช่องทางของปราณันต์จนสุดความยาว

“อาาาห์” เสียงครางของคามินดังขึ้นอย่างรู้สึกดี

“อึก! เจ็บ!” ในขณะเสียงหวานร้องประท้วงอย่างเจ็บปวด แม้จะเบิกทางไว้แล้ว แต่แก่นกายของคามินไม่ใช่เล็กๆ จะให้ปราณันต์รับไว้โดยไม่เจ็บ คงเป็นไปไม่ได้

คามินจึงก้มลงไปจูบเบาๆ ที่แผ่นหลังสวยงามของคนด้านหน้า เพื่อเป็นการขอโทษทางอ้อม

“ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บ ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณปราณมีความสุข แต่อดทนเพื่อผมสักนิดนะคนดี”

คามินเหมือนจะพยายามยั้งๆ ตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้ปราณันต์เจ็บมากไปกว่านี้ แต่ตัวปราณันต์เองก็อยากให้คามินมีความสุขบ้าง จึงตัดสินใจใช้มือเล็กกดสะโพกอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะพูดเบาๆ อย่างเขินอาย

“เข้ามาเถอะครับ ผมอยากรับคุณไว้ทั้งหมด..อึก! ผมอยากรู้สึกถึงคุณ.. รักผมเถอะนะครับ”

ซึ่งดูเหมือนว่าพอปราณันต์พูดแบบนั้นจบ คามินก็หมดความอดทนและยับยั้งชั่งใจในทันที สะโพกหนาโถมเข้าใส่ช่องทางของร่างเล็กไม่หยุด ปราณันต์ที่ดูเหมือนยังปรับตัวไม่ได้ตอนแรก ต้องกัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้ แต่เมื่อแกนกายของคามิน กระแทกโดนจุดอ่อนไหวของปราณันต์ ก็ดูเหมือนคนตัวเล็กก็แทบจะหลุดเสียงครางทันที

“อ๊าาาา”

“ตรง.. อึก! ตรงนี้หรอครับคนดี หื้ม?” คามินถามพลางก้มลงไปจูบปราณันต์พลาง ซึ่งปราณันต์ไม่ตอบแต่กลับพยักศีรษะขึ้นลงไม่หยุด เพราะกำลังกัดริมฝีปากข่มเสียงครางอยู่ และยิ่งพอคามินเห็นแบบนั้น คนตัวโตยิ่งโถมกายกระแทกใส่ช่องทางของปราณันต์เร็วและแรงยิ่งกว่าเดิม

“อาาา ตอด.. ตอดผมแบบนั้นแหละครับเด็กดี”

และยิ่งคำพูดลามกหลุดออกจากปากคามินมากเท่าไหร่ ผนังอุ่นที่โอบล้อมแกนกายของคามินก็ยิ่งตอดรัดมากขึ้นเท่านั้น

“อ๊า อ๊ะ อ๊ะ แรง.. แรงอีก” ปราณันต์เองก็ครางสลับกับร้องขอคามินอย่างน่าไม่อาย ตอนนี้เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด ดังสะท้อนผสมไปกับเสียงลมหายใจหอบกระเส่าของคนทั้งคู่ระงมไปทั้งห้อง

“อึก! .. แรง!” คามินกระแทกสะโพกเข้าไปในช่องทางตามจังหวะที่พูด “แรงอีกใช่ไหมครับ หื้ม?”

ปราณันต์หัวสั่นหัวคลอนแต่ก็ยังพยายามพยักหน้าพลางเอื้อมมือจะลงไปรูดรั้งแก่นกายของตัวเองด้วย เพราะตอนนี้มันกำลังแข็งขืนจนใกล้จะปลดปล่อยอีกครั้ง ซึ่งพอคามินเห็นแบบนั้นก็รั้งไว้และเอื้อมไปจับแก่นกายน่ารักนั่นให้ปราณันต์แทน

คามินสาวรั้งแก่นกายของปราณันต์ตามจังหวะและแรงกระแทกของตัวเอง จนเขาสังเกตเห็นว่าร่างกายปราณันต์เริ่มสั่นน้อยๆ จึงรู้ว่าคนตรงหน้าใกล้จะปลดปล่อยอีกครั้งแล้ว

คามินจึงสาวข้อมือเร็วขึ้นสลับกับใช้ขยี้ส่วนหัวให้ปราณันต์อย่างชำนาญ แต่ตัวเองก็ยังไม่หยุดโถมกายเข้าใส่คนตัวเล็กกว่า จนกระทั่งปราณันต์ตัวกระตุก หน้าท้องหดเกร็ง แล้วก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับเสียงครางหวานอย่างสุขสม... เสียงแบบที่คามินชอบ

“อ๊าาาาาา”

ปราณันต์แทบจะทรุดลงไปกองบนเตียงหลังจากปลดปล่อยออกมาอีกรอบ แต่มือใหญ่ของคามินยังคงประคองร่างเล็กไว้อยู่ ก่อนที่จะกระซิบบอกคนที่กำลังหมดแรงด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

“รอผม... อึก! ก่อนสิครับคนดี”

คามินกระแทกกายเข้าไปในช่องทางของปราณันต์ ก่อนที่ถอนออกมาจนเกือบสุด จนปราณันต์แทบจะผวาตัวตามด้วยเพราะความรู้สึกบางอย่างยังหลงเหลืออยู่ คามินจึงกระแทกแกนกายกลับเข้าไปแรงๆ อีกครั้ง คนตัวโตกว่าทำแบบนี้อยู่สองสามรอบจนหน้าท้องตัวเองเริ่มเกร็ง และปลดปล่อยออกมาในที่สุด ความอุ่นร้อนของตัวตนของอีกฝ่าย ฉีดเข้าไปในช่องทางของปราณันต์จนปราณันต์รู้สึกได้ พร้อมๆ กับเสียงครางต่ำของคามินที่ดังขึ้น... เสียงแบบที่ปราณันต์คิดถึง

“อาาาาาาาาห์”

ปราณันต์ขาสั่นเพราะเกร็งรับน้ำหนักของคามินอยู่นาน จนเกือบจะไม่ไหวแทบทรุดลงไปกองบนเตียง แต่ดีที่คามินจับปราณันต์นอนหงายราบลงไปก่อนได้ทัน

คามินมองคนใต้ร่างที่กำลังนอนหมดแรงระทดระทวยอย่างหลงใหล ก่อนจะก้มลงไปจูบแก้ม จูบไปทั่วตัวของปราณันต์อย่างแสนรัก

“ผมมีความสุขมาก คุณปราณรู้ใช่ไหมครับ” คามินถามเสียงหวาน ทำเอาคนได้ยินหน้าร้อนไปหมด

“อื้อ ผมรู้ ผมก็มีความสุขมากเหมือนกัน” ปราณันต์ตอบพลางซุกหน้าเข้าหาอกคามิน เพราะเขินคนตรงหน้าจนไม่กล้าสบตา

คามินหัวเราะเบาๆ กับท่าทีที่เห็นตรงหน้า ก่อนจะกดจูบลงบนขมับของคนขี้อายเบาๆ

“คุณปราณของผม ขอบคุณมากนะครับที่ให้อภัยผม ... ผมรักคุณมากนะ”

หลังจบคำดวงตากลมก็เงยมาสบกับดวงตาคมที่มองเขาอยู่ก่อนหน้า ก่อนจะเอ่ยอย่างยั่วเย้าราวกับคนที่ไม่เข็ดไม่หลาบจำ

“ทำให้ผมรู้สิครับ ว่าคุณรักผมมากจริงๆ”

รอยยิ้มยั่วยวนจากปากอิ่มทำเอาคามินปั่นป่วนในช่องท้องอีกครั้ง จนถึงขั้นต้องส่ายศรีษะยอมแพ้...


ปราณันต์เวอร์ชั่นนี้ ช่างร้ายกาจจริงๆ ...

... แต่แน่อนว่าคามินคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเสียหน่อย


"ผมจะทำให้คุณปราณสำลักกับความรักของผม จนคาดไม่ถึงเลยแหละครับ"

สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน ก่อนจะโผเข้าหากันอีกครั้งอย่างไม่มีใครยอมใคร

.

.

.

หลังจากพายุแห่งอารมณ์พัดผ่านไป ปราณันต์ก็ดูเหมือนจะหมดแรงและน็อคหลับไปในแทบจะทันที ส่วนคามินก็นอนตะแคงข้างท้าวศีรษะมองคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เขามีความสุขมากจนเหมือนกับกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้อาจจะคือความฝัน เพราะใครจะไปคาดคิด ในเมื่อเมื่อวันก่อนเขายังฟูมฟายนอนมองเพดานคิดถึงปราณันต์อยู่เลย แต่วันนี้คนที่เขาคิดถึงกลับมานอนให้เขากอดอยู่ข้างๆ แบบนี้จะให้คามินหลับตานอนลงได้ยังไง เพราะถ้ามันเป็นความฝัน คามินก็ยังไม่อยากตื่นขึ้นมาในตอนนี้สักนิด

และในขณะที่คามินนอนมองปราณันต์หลับอยู่นั้น จู่ๆ ตากลมก็กะพริบปริบๆ งัวเงียตื่นขึ้นมา พร้อมกับขมวดคิ้วมองมายังเขาอย่างสงสัย อากัปกริยาอย่างนี้ของปราณันต์ ดูแล้วมันช่างน่าฟัดให้จมเตียงจริงๆ

“ทำไมไม่นอนล่ะครับ เช้าแล้วหรอ”

ปราณันต์ถาม พลางขยี้ตาด้วยความง่วง ทำเอาคามินยึดข้อมือเล็กไว้แทบไม่ทัน

“ยังไม่เช้าครับ อย่าขยี้ตาเลย นอนต่อเถอะครับคนดี เดี๋ยวพอคุณปราณหลับแล้วผมค่อยนอน” คามินพูดอย่างอ่อนโยน พลางก้มลงจูบหน้าผากมนอย่างเอาใจ

ปราณันต์เองก็แทบไม่ต่าง อาการขี้อ้อนเหมือนลูกแมวเหมือนสมัยที่คบกันใหม่ๆ กลับมาอีกครั้ง คนตัวเล็กกว่าโผเข้าซุกอกอุ่นๆ ของคามิน พลางกดจูบลงเบาๆ ตรงไหปลาร้าของคนที่กำลังกอดรัดตัวเองอยู่อย่างอ่อนโยน

“นอนกันเถอะครับ” ปราณันต์พูดพลางไล้จมูกไปมาเบาๆ ที่ซอกคอของคนที่อยู่ด้านบน

คามินหัวเราะเบาๆ พร้อมๆ กับขยับเข้าหาปราณันต์ช้าๆ “ถ้าทำแบบนี้ สงสัยคงไม่ได้นอนแล้วแน่ๆ ล่ะครับคืนนี้”

คนตัวเล็กกว่าหยุดทุกการกระทำทันที เมื่อรู้สึกถึงอวัยวะบางอย่างที่กำลังดุนดันอยู่ที่หน้าขาของตัวเอง “ไม่เอาแล้วคุณคราม แรงจะยกขาลงจากเตียงก็แทบไม่มีแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมทำงานไม่ไหว”

เสียงหวานบ่นอุบ เมื่อรู้ดีว่าตัวเองกำลังเสียท่าเพลี่ยงพล้ำให้คนตัวโตกว่าอีกครั้ง เพราะตอนนี้ดูเหมือนเจ้าอวัยวะใจกลางร่างกายของคามินจะไม่ยอมรามือให้เขาแน่ๆ รวมทั้งไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้เลื้อยมือไปขยำสะโพกเขาเบาๆ แล้วด้วย

“ไม่ต้องทำงาน ผมก็ดูแลคุณปราณและน้องๆ ได้ทั้งชีวิต” หลังจากได้ยินคามินพูดแบบนั้นปราณันต์ก็ค้อนเข้าให้วงโต ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

“ผมไม่ยอมอยู่เฉยๆ เอาเปรียบ ให้คุณทำงานหาเงินเลี้ยงผม เลี้ยงน้องแน่ๆ พูดเหมือนคุณไม่รู้นิสัยผมงั้นแหละ”

พอเห็นท่าทีต่อต้านที่คนตรงข้ามมี ร่างกายสูงใหญ่ก็ตรงเข้าโอบกอดคนที่กำลังโกรธอยู่ พร้อมกับรีบอธิบายให้อีกฝ่ายฟังทันที

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” คามินจูบเบาๆ ลงบนลาดไหล่เรียว ของคนที่ตอนนี้ยังคงไม่พอใจคำพูดของเขาอยู่ “ผมแค่หมายความว่า...”

คามินหยุดพูดไว้แค่นั้น ซึ่งเรียกสายตาอยากรู้อยากเห็นจากคนขี้งอนได้เป็นอย่างดี

“หมายความว่ายังไงครับ คุณพูดมาสิ” เสียงหวานเร่งเร้า เมื่อเห็นว่าคนตัวโตกว่ายังไม่ยอมพูดประโยคที่ค้างอยู่ให้จบเสียที

คามินยิ้มๆ ก่อนจะยื่นใบหน้าคมคาย เข้าไปใกล้ๆ กับใบหน้าน่ารักๆ นั่น ใกล้เสียจนแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดออกมาของอีกฝ่ายได้เลยทีเดียว


“ผมแค่หมายความว่า.. กลับบ้านเรากันนะครับคุณปราณ” มือใหญ่ลูบเบาๆ ที่แก้มนิ่มของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

“บ้านที่ไม่มีคุณ ไม่มีฝาแฝด มันทั้งกว้าง ทั้งเหงา ทั้งไม่มีความสุข ผมไม่อยากอยู่บ้านแบบนั้นเลย ... คุณปราณกลับไปกับผม... ไปเป็นบ้านให้ผมได้ไหมครับ”


เสียงทุ้มที่พูดอย่างหนักแน่นและชัดเจน ตาคมที่มองมายังปราณันต์ สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมา ให้รู้ว่าคามินคนนี้รักปราณันต์มากแค่ไหน

ส่วนคนที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่อย่างชัดเจน ก็น้ำตาคลอขึ้นมาทันที เพราะสำหรับปราณันต์แล้ว นี่เป็นประโยคบอกรักที่เรียบง่ายและจริงใจที่สุด จนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมาเมื่อได้ยิน

ปราณันต์ไม่เคยอยากเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคามิน สิ่งที่ปราณันต์อยากเป็นก็แค่เพียงคนที่คามินจะพึ่งพาได้ หรืออบอุ่นหัวใจเมื่อมองกลับมา สำหรับตัวเขาแล้ว ถ้าเพื่อคนที่เขารัก ปราณันต์อยากเป็นแค่นั้นเอง

และในวันนี้คามินกำลังขอในสิ่งที่ปราณันต์ต้องการมาตลอด แล้วจะไม่ให้เขาซาบซึ้งกับสิ่งที่คามินพูดได้ยังไงกัน

“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมครับที่ขอผมแบบนั้น”

เสียงหวานถามกลับไปด้วยความประหม่า ไม่ใช่ปราณันต์ไม่เชื่อใจคามิน แต่เขาแค่อยากให้อีกฝ่ายทบทวนความรู้สึกของตัวเองให้ดี บอกตามตรงว่าปราณันต์ไม่พร้อมจะเสียใจอีกแล้ว

“ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องราวที่ผ่านมา มันทำให้ผมยิ่งกว่ามั่นใจ... ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคนที่ผมอยากจะกลับไปในเจอทุกๆ วัน ยังไงก็คือคุณครับ... ปราณันต์"

คามินยื่นหน้าไปจูบซับน้ำตาของปราณันต์ที่ตอนนี้ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าปากอิ่มจะคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขมากอยู่ก็ตาม


“กลับบ้านกับผมนะครับคุณปราณ ... ผมรักคุณ”


จบคำที่คามินขอ ปราณันต์ก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเอาเป็นเอาตาย นั่นหมายความว่าเขาตกลงและพร้อมจะฝากชีวิตและหัวใจไว้ให้คามินแล้ว


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณคามิน .... ผมเองก็รักคุณเหมือนกัน”


พอจบคำ ทั้งสองก็โผเข้าหาโดยที่ริมฝีปากประกบเข้าหากันทันที คามินและปราณันต์แลกจูบกันอย่างอ่อนโยน ก่อนที่คามินจะยอมถอนริมฝีปากออกก่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหายใจไม่ทัน

สายตาคมจับจ้องมองคนตรงหน้าอย่างรักใคร่ ก่อนจะระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ และพูดในสิ่งที่ปราณันต์เองก็รู้ดีว่าคามินหมายความว่ายังไง

“ก็บอกแล้วว่าคืนนี้คุณปราณต้องไม่ได้นอนแน่ๆ”

ปราณันต์เองก็ยิ้มๆ ตอนที่ได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะยอมเอนกายนอนราบลงไปกับที่นอน โดยมีร่างของคามิน ตามไปกอดก่ายมอบความสุขให้แก่และกันอีกครั้ง

.

.

.


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


เช้านี้ปราณันต์พยายามลุกจากเตียงอย่างยากลำบาก ส่วนคามินก็กำลังหลับพริ้มอย่างมีความสุข คนตัวเล็กกว่ามองใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่กำลังมีไรหนวดเขียวครึ้มขึ้นเนื่องจากไม่ได้ดูแลตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาของคนตรงหน้าลงได้แม้แต่น้อย และในขณะที่ปราณันต์มองคามินเพลินๆ จู่ๆ ตาคมคู่นั้นก็เปิดขึ้น และจ้องมองมายังปราณันต์อย่างล้อเลียน

“แอบมองผมอยู่หรอครับคนดี” ปราณันต์เขินและไปไม่เป็นทันทีที่ถูกจับได้

“ปะ เปล่าสักหน่อย! ผมแค่คิดว่าคุณทำไมปล่อยให้หนวดขึ้นเขียวครึ้มขนาดนี้ เมื่อก่อนก็ออกจะสำอาง”

คามินหัวเราะก่อนจะพบว่ามันเป็นจริงอย่างที่ปราณันต์พูดจริงก่อนจะพูดอ้อน “ก็ตอนคุณไม่อยู่ ผมไม่รู้จะดูแลตัวเองให้หล่อไปให้ใครดูนี่ครับ อีกอย่างผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรด้วย ...เอาแต่คิดถึงคุณนั่นแหละ”

ปราณันต์เขินเลยพยายามจะลุกหนี และก่อนที่ปราณันต์จะได้ทำแบบนั้น คามินก็เอื้อมมือไปรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้ และพูดออดอ้อนตามประสาคนแผนสูง

“ถ้างั้นคุณปราณโกนหนวดให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

ปราณันต์มองอยู่อย่างลังเลพักหนึ่งก่อนที่จะคิดได้ว่ายังไงก็คงต้องทำให้คามิน ไม่งั้นอีกฝ่ายคงได้งอแง แล้วตัวเขาเองก็จะไม่ได้ไปหาปุณณกันต์กับปัณณธรเสียที

“ก็ได้ครับ แต่คุณห้ามทำตัวรุ่มร่ามใส่ผมอีกนะ โอเคไหม” ปราณันต์ย้ำเสียงเข้ม แต่พอดูจากหน้าตาเจ้าเล่ห์ของคามินแล้ว พูดตามตรงว่าปราณันต์ไม่วางใจเอาเสียเลย “แค่นี้ก็น่วมไปทั้งตัวแล้ว คุณนี่มัน! ฮึ่ย!!”

ปราณันต์บ่นงุ๊งงิ๊งเบาๆ แต่คามินก็ได้ยินเต็มสองหูนั่นแหละ สุดท้ายเลยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยอมรับปากว่าจะไม่รังแกอะไรปราณันต์อีก แต่เรื่องกอดเรื่องจูบนี่ มันอดไม่ได้จริง ซึ่งคามินก็ยอมรับออกไปตามตรง

“ผมไม่รังแกคุณปราณแล้วก็ได้ครับ” มือใหญ่ลูบไปเบาๆ ตรงรอยจูบที่เขาทิ้งไว้บนร่างขาวน่ามองของปราณันต์ที่กระจายไปทั่ว “แต่เรื่องกอด เรื่องจูบ...”

คามินพูดได้แค่นั้นก็ถูกปราณันต์ตะปบปากเอาไว้เสียก่อน ก่อนจะลากคนตัวโต กว่าเข้าห้องน้ำ เพราะถ้าขืนยืนพูดกันอยู่แบบนี้ มีหวังได้วกกลับไปนอนบนเตียงอีกรอบแน่ๆ

“มาเลยครับ มานี่ ผมโกนหนวดให้” คามินเดินตามปราณันต์ต้อยๆ ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ล้างหน้าในห้องน้ำ

ปราณันต์หยิบครีมโกนหนวดและที่โกนหนวดเตรียมพร้อมไว้ในมืออย่างทะมัดทะแมง แต่ด้วยความที่เตี้ยกว่าคามินอยู่ไม่น้อย ทำให้ปราณันต์ต้องแหงนหน้าและยืดแขนสูงกว่าปกติ เพื่อโกนหนวดให้คามินได้ถนัดขึ้น เขาเห็นท่าทางที่ดูแล้วน่าจะเมื่อยแน่ๆ กว่าจะได้โกนหนวดเสร็จของคนตัวเล็กแล้วนึกสงสาร

คนตัวโตกว่าจึงตัดสินใจอุ้มจนตัวปราณันต์ลอยเหนือพื้น ก่อนจะจับร่างบางที่เบาหวิวอย่างกับปุยนุ่น นั่งบนเคาน์เตอร์ล้างหน้า แล้วตัวเขาก็แทรกเข้าไปยืนกลางหว่างขาเรียว เพื่อปราณันต์จะได้ช่วยเขาโกนหนวดได้ง่ายขึ้น

ปราณันต์แก้มขี้นสีทันทีที่อยู่ในท่าทางล่อแหลมแบบนี้ แต่มือเรียวก็พยายามจดจ่อและตั้งสมาธิอยู่กับคางของคนตรงหน้า เขาไม่อยากจะตื่นเต้นจนเผลอทำมีดบาดคามินจนเลือดออกอะไรทำนองนั้น

สายตาคมมองคนตรงหน้าที่กำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำอย่างหลงใหล


... ปราณันต์ของเขา ปราณันต์ที่น่ารักของเขา ...


คามินมีความสุขมาก จนคิดว่าทุกอย่างเหมือนฝันไป แต่นี่คือความจริงซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขาคนนี้มีความสุขมากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก

แล้วจู่ๆ ใบหน้าคมคายที่กำลังเลอะครีมโกนหนวดแทบจะทั่วหน้า ก็พุ่งเข้าหาใบหน้านวล ก่อนที่จะจุ๊บลงบนแก้มใสเบาๆ นั่นทำให้ปราณันต์โวยวายออกมาไม่หยุด

“คุณคราม! ผมบอกแล้วไงว่าห้ามรุ่มร่าม” มือเล็กฟาดลงบนต้นแขนกำยำของคนขี้แกล้งจนตัวเองเจ็บมือไปหมด แต่แทนที่คามินจะสลดกลับหัวเราะร่าอย่างชอบใจ พอเห็นคามินขำน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลขนาดนั้น คนตัวเล็กกว่าจึงหันกลับไปมองใบหน้าตัวเองในกระจกช้าๆ

แล้วพอปราณันต์เห็นใบหน้าตัวเองในกระจก ก็หลุดขำออกมาเหมือนกัน เพราะเขาตอนนี้เหมือนแซนต้าที่มีหนวดขาวขึ้นข้างแก้ม ที่ดูแล้วตลกไม่น้อย

“น่ารัก ปราณันต์ของผมน่ารักที่สุดในโลก” คามินยิ้มกว้างทั้งที่มีครีมโกนหนวดเต็มหน้า

ปราณันต์เองก็เหมือนกันพอเห็นหน้าตาท่าทางตลกๆ ของคามินเข้า ก็หัวเราะออกมาราวกับว่าหยุดตัวเองไม่ได้

ต่างฝ่ายต่างผลัดกันขำ... เสียงหัวเราะที่ดังประสานออกมา มันบ่งบอกว่าตอนนี้คนที่อยู่ในห้องน้ำกำลังมีความสุขเหลือเกิน

.

.

.

ปราณันต์เข้ามาออฟฟิศตอนเกือบสายพร้อมคามิน ก็ได้เห็นปุณณกันต์ปัณณธรนั่งยิ้มหน้าแป้นแล้นอยู่กับแทนคุณตรงโต๊ะประจำที่เขาใช้ทำงาน

“พี่ปราณมาแล้วววว” ปุณณกันต์และปัณณธรน้อยปีนลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ทันทีที่เห็นพี่ชายคนโตและพี่คราม จากนั้นก็วิ่งถลาเข้าหาคามินและปราณันต์โดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้น

และโดยที่ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันต่อ ก็ดูเหมือนว่าปราณันต์จะถูกเด็กๆ สอบปากคำเสียแล้ว

“เมื่อคืนพี่ปราณไปไหนมา ปุณณ์กับปัณณ์รอให้พี่ปราณมาอ่านนิทานให้ฟังตั้งนาน” ปุณณกันต์ถามอย่างสงสัย ทำเอาคนเป็นพี่ได้แต่อึกอักไม่รู้จะตอบยังไง

“เอ่อ คือ.. พี่..” และเมื่อเห็นคนรักกำลังจนมุม คามินที่ยืนกลั้นขำอยู่นาน เลยตัดสินใจเข้าช่วย

“พี่ปราณมาคุยกับพี่ครามเรื่องที่จะพาฝาแฝดกลับบ้านไงครับ” คามินทรุดลงนั่งยองๆ จนตัวเสมอกับเด็กทั้งสอง พลางลูบศรีษะทุยๆ เล็กๆ อย่างเอ็นดู

“ว่าไงครับ ปุณณ์กับปัณณ์อยากกลับไปอยู่ที่บ้านพี่ครามไหม”

“เย่ๆๆๆๆๆ” ฝาแฝดไม่ได้ตอบ แต่กลับตะโกนร้องออกมาอย่างดีใจ “ไปครับ เราสองคนอยากกลับไปอยู่บ้านพี่ครามครับ”

ปราณันต์ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นท่าทีสดใสของฝาแฝดตัวน้อย เพราะตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เจ้าหนูทั้งคู่แทบไม่จะเคยแสดงออกอะไรแบบนี้ให้เห็นเลย ซึ่งสำหรับปราณันต์แล้ว ถ้าปุณณกันต์กับปัณณธรมีความสุข เขาเองก็จะมีความสุขและเบาใจขึ้นเยอะ นั่นทำให้ปราณันต์รู้สึกดีใจมากๆ ที่ตัดสินใจไม่ผิดที่จะกลับไปอยู่กับคามิน

“แทนคุณ จองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพวันนี้เลย” คามินหันไปสั่งคนสนิทที่ดูเหมือนจะรอรับคำสั่งนี้อยู่อย่างเต็มอกเต็มใจ

“ครับบอส” แทนคุณรับคำ พร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความยินดีน้อยๆ

“เดี๋ยวก่อนครับ” แต่กลับเป็นปราณันต์ที่แย้งออกมา ทำเอาคามินหน้าซีดเหลือสองนิ้ว เพราะกลัวว่าปราณันต์จะเปลี่ยนใจไม่ยอมกลับไปกับเขา แต่พอปราณันต์เอ่ยประโยคถัดมาออกมา ก็ทำเอาคามินลอบถอนหายใจอย่างยินดี “จะไปวันนี้เลยหรอครับ ผมยังไม่ได้บอกลาคุณลุงเลย”

พอได้ยินปราณันต์พูดถึงคุณลุงเจ้าของโรงแรม คามินก็ยอมรับว่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่รู้ว่าคนที่ปราณันต์มาขออาศัยอยู่และทำงานด้วยนั้นเป็นบิดาของกันต์กวี แต่เห็นแก่ว่าคุณลุงเป็นคนช่วยปราณันต์ไว้ เขาก็เลยพยายามจะมองข้ามเรื่องงี่เง่านี้ไปเช่นกัน

“โอเคครับ เราไปบอกลาผู้มีพระคุณของคุณปราณกัน เย็นนี้เราจะได้กลับกันเสียที” คามินตัดสินใจทำในสิ่งที่ควรทำ ซึ่งมีปราณันต์ยิ้มและมองมาที่คามินอย่างภูมิใจ ... ไม่มีคามินคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

จากนั้นทุกคนจึงตัดสินใจจะไปพบคุณลุงบิดาของกันต์กวีที่ห้องทำงาน โดยมีปราณันต์เดินนำคามินและเด็กๆ เดินตามไป

และพอเดินมาถึงห้องทำงานของคุณลุงเจ้าของโรงแรม คนสูงวัยที่นั่งอยู่ในห้องก็เอ่ยทักทันที

“อ่าว... ปราณ มาถึงนี่มีอะไรให้ลุงช่วยหรือเปล่า” พ่อของกันต์กวีถามขึ้น ก่อนที่สายตาภายใต้แว่นกรอบหนาจะเคลื่อนไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ปราณันต์ แล้วนึกร้อง ‘อ๋อ’ ในใจ


... ผู้ชายคนที่เจ้ากวีเคยบอกสินะ


“คุณลุงครับ คือผม..” ปราณันต์ตัดสินใจว่าจะบอกลา แต่แล้วจู่ๆ เขาก็เกิดไม่กล้าพูดขึ้นมาเสียแบบนั้น

“ผมคามิน เป็นคนรักของคุณปราณ ผมมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อจะมาพาคุณปราณกลับกรุงเทพฯ ... นั่นหมายความคุณปราณคงต้องลาออกจากที่นี่ด้วย” สุดท้ายคามินเลยตัดสินใจพูดออกไปแทน เพราะเขาไม่อยากเห็นปราณันต์ลำบากใจ

ซึ่งพอคามินพูดจบ ตอนแรกปราณันต์คิดว่าตัวเองจะโดนคุณลุงดุเข้าให้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น

“ไปเถอะปราณ” คุณลุงพูดออกมาด้วยประโยคสั้นๆ ง่ายๆ พร้อมกับรอยยิ้มใจดีที่มักจะมีให้เขาและฝาแฝดบ่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่าคุณลุงจะไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่เมื่อได้ยินคามินบอกแบบนั้น ตรงกันข้ามท่านดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าแล้วด้วยซ้ำ และพอท่านพูดประโยคต่อมาออกมาปราณันต์จึงได้ไม่แปลกใจอีก “กวีบอกไว้แล้วล่ะ”

เมื่อเห็นว่าคุณลุงเข้าใจและไม่ได้ต่อว่าอะไร ปราณันต์จึงตัดสินใจบอกลาและขอบคุณคุณลุงพ่อของกันต์กวีอีกครั้ง

“ขอบคุณลุงมากนะครับที่ดูแล ให้ที่พัก และให้ที่ทำงานกับผม ทำให้ผมและน้องๆ ได้มีที่อยู่ที่กิน ขอบคุณมากๆ เลยครับคุณลุง”

ปราณันต์พุ่มมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ซึ่งฝาแฝดเองที่พอได้ยินและเห็นพี่ชายทำแบบนั้นเพื่อเป็นการขอบคุณคุณลุง เด็กทั้งสองก็ยกมือไหว้ตามทันทีโดยที่ไม่ต้องให้บอก

“ขอบคุณครับคุณลุง/ขอบคุณครับคุณลุง”

พ่อของกันต์กวียิ้มให้ครอบครัวปราณันต์อย่างใจดี พร้อมกับยีเบาๆ ลงบนศีรษะของเจ้าหนูทั้งคู่อย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรเลย พอพวกเรามาอยู่ละลุงก็หายเหงาขึ้นเยอะ” ชายสูงวัยเงียบไปนิดนึงก่อนจะพูดต่อออกมาอย่างมีความสุขอีกประโยค

“เพราะอย่างน้อยพวกเราก็พอที่จะทำให้ไอ้ลูกชายหัวดื้อของลุงยอมติดต่อมาบ้าง ... แม้มันจะถามถึงแต่เรื่องพวกเราก็เถอะ ฮ่ะๆ” พ่อของกันต์กวีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็บอกให้ทุกคนรีบกลับไป เดี๋ยวจะไม่ทันไฟล์ทบินที่จองไว้

“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันไฟล์ทบิน” พ่อของกันต์กวียังคงยิ้มเวลาพูดในทุกๆ ประโยค “แล้วถ้าว่างๆ อย่าลืมพาเจ้าฝาแฝดมาเยี่ยมลุงบ้างล่ะปราณ... กลับไปกันนี่ลุงคงเหงาแย่”

เจ้าหนูทั้งสองที่พอได้ยินพ่อของกันต์กวีพูดแบบนั้นก็ฉีกยิ้มให้คุณลุงอย่างน่ารัก ทำเอาท่านหัวเราะยกใหญ่หลังจากที่ได้เห็น

“งั้นพวกเราไปนะครับ ไว้มีโอกาสผมจะมาเยี่ยม” ปราณันต์ยกมือไหว้ลาอีกครั้ง

“บ๊ายบายครับคุณลุง/บ๊ายบายยย” ตามด้วยเสียงสดใสของฝาแฝดทั้งสอง

โดยที่คามินเป็นคนหันมาบอกลาอีกฝ่ายเป็นคนสุดท้าย

“ขอบคุณคุณมากที่ช่วยดูแลคนสำคัญของผมให้เป็นอย่างดี ถ้าในอนาคตมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ”

คามินพูดเป็นการเป็นงานอย่างเอื้ออาทร ทำเอาปราณันต์ที่ได้ยินแล้วอดอมยิ้มไม่ได้


... ไม่มีแล้วสินะ คามินคนเย็นชา...


พ่อกันต์กวีเองพอได้ยินประโยคนั้นก็ยิ้มๆ ก่อนจะตอบคามินกลับมาอย่างติดตลกและอารมณ์ดี ซึ่งทำเอาปราณันต์ที่ได้ยินถึงกับขำไม่หยุด

“ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอกครับ แค่ไม่ไล่ลูกชายผมออกจากงานก็พอ” ซึ่งประโยคนั้นเรียกเอาเสียงหัวเราะครืนใหญ่ได้จากปราณันต์ และนั่นทำเอาคามินอดหัวเราะตามไม่ได้

ปราณันต์มองภาพคนรักตรงหน้ายามที่หัวเราะ พลางคิดในใจว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ปล่อยมือจากคามินเด็ดขาด


...ขอแค่มีคนๆ นี้อยู่ข้างๆ ปราณันต์ก็จะไม่กลัวและไม่หวาดหวั่นกับอะไรอีกต่อไปทั้งสิ้น ...

.

.

.

ทั้งห้าเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯ กลางดึกคืนนั้น ปุณณกันต์กับปัณณธรหลับตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน ดังนั้นเมื่อกลับถึงคอนโดของคามิน แทนคุณและแม่บ้านที่ลงมารอรับอยู่ก่อนหน้าแล้ว จึงรับหน้าที่รีบพาเด็กๆ ขึ้นไปนอนก่อน เพราะปราณันต์กับคามินต้องเคลียร์ข้าวของที่ขนกลับจากเชียงใหม่ลงจากรถ

ตอนแรกแทนคุณจะทำเอง แต่คามินไม่อยากรอเพราะมันดึกมากแล้ว อีกอย่างเขาอยากจะอยู่กับปราณันต์ลำพังจนแทบจะทนไม่ไหว ถ้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเร็ว นั่นหมายความว่าเขาก็จะได้อยู่กับปราณันต์เร็วขึ้นตามไปด้วย

แล้วในขณะที่ทั้งสองกำลังช่วยกันขนของจะเดินเข้าคอนโดนั้น โดยที่ไม่ทันได้สังเกต พรวลัยที่จอดรถดักซุ่มรออยู่ที่ลานจอดรถนานแล้ว ก็สตาร์ทเครื่องทันที พลางมองไปคนทั้งคู่ที่ยิ้มแย้มให้กันกระหนุงกระหนิงด้วยสายตาริษยา...

เธอเหยียบคันเร่ง และพุ่งตรงเข้าหาปราณันต์ทันที แต่ไม่รู้เป็นเพราะโชคดีหรือโชคร้ายที่คามินหันมาเห็นรถที่ตรงเข้ามาหาปราณันต์ก่อน.. ก่อนที่คนที่ถูกจะมุ่งเอาชีวิตจะทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

คามินเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เขาจำได้ทันทีและเห็นชัดว่าคนในที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยคือพรวลัย และโดยสัญชาตญาณ คามินนึกรู้ทันทีว่าคนรักของตัวเองกำลังไม่ปลอดภัย

คามินตัดสินใจผลักปราณันต์ออก ให้พ้นวิถีที่รถกำลังพุ่งเข้ามา

“คุณปราณ!! ระวัง!!”


โครม!!!


เสียงรถพุ่งเข้าชนปะทะร่างกายคามินอย่างแรง จนร่างสูงกระเด็นลงมานอนกองกับพื้น และภาพทั้งหมดที่ว่านั้นอยู่ในสายตาปราณันต์ที่ล้มนั่งเพราะแรงผลักจากคามินเมื่อครู่

“คุณคราม!!” ปราณันต์ร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความตกใจ คามินยังไม่หมดสติ แต่สภาพก็ไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่นัก เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาคนที่นอนเจ็บอยู่บนพื้นทันที

ปราณันต์ร้องเรียกคามินด้วยความตกใจ เขากอดร่างคามินที่กึ่งมีสติไม่มีสติไว้แน่น พลางบอกอีกฝ่ายทั้งน้ำตา

“อดทนไว้นะครับ .. ฮึก อดทนนะ ผม .. ผมจะเรียกรถพยาบาล”

ปราณันต์พยายามตั้งสติและจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร แต่จู่ๆ พรวลัยที่ลงจากรถมาตอนไหนไม่รู้ก็วิ่งมาปัดโทรศัพท์มือถือของเขาออก จนกระเด็นไปไกล

และพอปราณันต์ได้เห็นหน้าคนที่มาขวางไว้ชัดๆ ก็ตกตะลึงจนแทบทำอะไรไม่ถูก

พรวลัยทาริมฝีปากด้วยลิปสติกสีแดงสดและกำลังแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ดวงตาเรียวเฉี่ยวถมึงทึง และบวมคล้ำเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวัน ใบหน้าหวานที่เคยสวยงาม กลับบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยแรงโทสะอย่างน่ากลัว

“คุณวลัย” ปราณันต์ครางเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างตื่นตะลึง ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ

“กลับมาจนได้นะ ไอ้มารหัวใจ!!!” พรวลัยตะโกนด่าทอเสียงกร้าวจนทำเอาปราณันต์ตัวสั่นด้วยความกลัวและตกใจ พี่ชายคนโตของครอบครัวนึกได้แต่ขอบใจตัวเองที่ส่งน้องๆ ขึ้นไปพร้อมกับแทนคุณก่อนหน้านี้

“แกมันมารความสุข ฉันจะฆ่าแก ฆ่าแกเหมือนที่ฉันฆ่าพ่อแม่ของแก ฆ่าด้วยวิธีเดียวกัน!! ให้แกตายตกตามกันไปอยู่กับพ่อแม่แกในนรกไง ไอ้ปราณันต์” พรวลัยตาขวางตอนมองไปที่ปราณันต์ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เมื่อหันกลับมามองคามิน “คราม.. คุณมาขวางไว้ทำไม คุณรักมันมากใช่ไหม ใช่ไหมห๊ะ? กรี๊ดดดด”

พรวลัยตะโกนกร้าวออกมาราวกับคนเสียสติ แต่สิ่งที่ออกจากปากวลัยต่างหากที่ทำให้ปราณันต์ช็อคยิ่งกว่าช็อค คามินเองที่พอจะมีสติอยู่บ้างก็ตกใจไม่น้อย เพราะเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับปราณันต์และตั้งใจจะบอกหลังกลับมาถึงกรุงเทพแล้ว

แต่ยังไม่ทันที่จะถามอะไร คามินกลับไอออกมาอย่างแรง พร้อมกับเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากปาก ซึ่งสร้างความตกใจให้ปราณันต์อย่างมาก

“คุณคราม!! อย่าเป็นอะไรนะครับคุณคราม!!”

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------------------------------------------

ขออภัยนะคะที่หายไปนานมาก พอดีช่วงนี้เวิร์คฟอร์มโฮม อะไรเลยไม่ค่อยเอื้อในการลงนิยายเท่าไหร่ 55555555555 แต่ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ จะกลับมาลงเรื่องนี้ให้จบก่อน เพราะตอนหน้าก็จะจบแล้วววว ยังไงก็อยู่ด้วยกันไปจนถึงตอนนั้นกันนะคะ

เราอยากจะขอบคุณทุกคนมากๆ ที่คอยสนับสนุน คอยอ่าน คอยให้กำลังใจ คอยคอมเม้นท์และเป็นนักอ่านที่น่ารักมาโดยตลอดดด ขอบคุณมากๆ นะคะที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงขนาดนี้

ยังไงก็อย่าลืมคอมเม้นท์ฟีดแบคกันน้า ตอนหน้าจบแล้วว มีเวลาจะรีบมาลงให้ค้าบบบ น่าจะมีตอนพิเศษให้อีกสักตอนนึงถ้าสามารถ ... อย่าลืมติดตามกันน้า

เจอกันตอนหน้าค้าบบ รักทุกคนมากๆ ^^

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :hao5: :angry2: ขอบคุณมากค่าาาา

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ดีกัน ละเจ็บต่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด