หลง รัก เอย | ep 2 ทฤษฏีการตกหลุมรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หลง รัก เอย | ep 2 ทฤษฏีการตกหลุมรัก  (อ่าน 1291 ครั้ง)

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





หลง รัก เอย


กร: คืนนี้พระจันทร์​สวยเนาะ เอย:... มันก็สวยตอนที่เจอพี่นี่แหละ เรื่องราวความรักของเอย นักเขียน​การ์ตูน​ลามก​ กับ พี่กร เจ้าของร้านยาดองสุดเท่


พันกร: เจ้าของร้านยาดองสุดเท่ขยี้ใจที่ดันไปหลงรักนักเขียนการ์ตูนลามกและเผลอใจไปวันไนท์แสตนด้วยในคืนที่ชวนไปดูดอกไม้ไฟ แต่ไหงกลายเป็นว่าเช้ามาคนที่นอนกกอย่างเร่าร้อนด้วยเมื่อคืนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เอย: นักเขียนการ์ตูนลามกที่โดนเพื่อนรักหักหลังขโมยงานไปขายจนต้องหนีไปหาแรงบันดาลใจในการทำงานไกลถึงญี่ปุ่น แต่ใครจะไปคิดฟะ! ว่าจะเสียตัวให้คนที่เพิ่งรู้จักซะได้


#หลงรักเอย
หลงรักเอยเป็นซีรี่สั้นๆ 5 ตอนจบ เป็น1 ในโปรเจ็ค ที่นักเขียนทำร่วมกับเพื่อนมีทั้งหมด 4 เรื่อง เรื่องละ5 ตอน
ในส่วนของหลงรักเอย จะมีการใช้ภาษาญี่ปุ่น นักเขียนเองไม่ได้มีความรู้และความชำนาญในการใช้ภาษาญี่ปุ่นนัก หากมีข้อผิดพลาดในเรื่องของภาษา นักอ่านทุกคนสามารถแจ้งให้นักเขียนได้ปรับใช้ให้ถูกต้องได้เลยค่ะ ยินดีมากๆ ที่จะแก้ไขเพื่องานที่ดีขึ้น

สุดท้ายแล้วฝากหลงรักเอยด้วยนะคะ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2021 05:03:55 โดย Meemii lion »

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
Re: หลง รัก เอย | บทนำ ep 0
«ตอบ #1 เมื่อ03-02-2021 04:47:58 »

 
บทนำ

  

  

 เพราะถูกเพื่อนรักขโมยผลงานเขียนที่ตั้งใจเขียนมาตลอดทั้งปีไปดัดแปลงและแอบเอาไปตีพิมพ์ขายจนรวยเละทำให้ ‘เอย’ ที่มารู้ภายหลังเกิดฉุนหน้าอดีตเพื่อนรัก ร่างสูงโปร่งจับคนที่ตัวใหญ่และถึกกว่าทุ่มลงกับพื้นอย่างง่ายดายราวจับวาง ก่อนจะขึ้นค่อมตัวอดีตเพื่อนรักพร้อมกับหมัดหนักๆ ตะบันใส่หน้าแบบไม่ยั้งมือ

 “ไอ้เหี้ยเอย! โอ๊ย มึงฟังกูก่อน”

 “ฟังว่ามึงแอบเอางานของกูไปแอบอ้างว่าเป็นผลงานของมึงน่ะเหรอ”

 พลั่ก!

 “คนอย่างมึงแม่ง ไม่สมควรไม่รับความปราณีจากกูไอ้เพื่อนทรยศ”

 พลั่ก! พลั่ก!

 เสียแรงที่ไว้ใจคนอย่างมึงจริงๆ เราอุตส่าไว้ใจให้ทำงานนี้ด้วยกัน ไว้ใจให้มันเป็นคนเก็บต้นฉบับ แต่แม่งดูมันทำสิ! หน้ากระทืบให้ตาย

 “กูขอโทษ โอ๊ย! เอยกูขอโทษ”

 “กูไม่รับ! มึงก็รู้ว่าผลงานเรื่องนั้นคือความหวังของกูในสายงานนี้ที่แม่งโคตรจะริบหรี่ แต่มึงก็ฉวยโอกาสนี้ของกูไป!”

 จิรันตร์ตอกกลับด้วยความโมโห เพราะเขาอยากเป็นนักเขียนมากเขาทำเพจเขียนการ์ตูนเล็กๆ แนว เฮนไต* ไทยมีคนติดตามแค่หลักพัน และจิรันตร์เองก็ตั้งใจเขียนและวาดผลงานเรื่องนี้มากเพราะมันคือผลงานเดบิวต์ในถานะนักเขียนการ์ตูนเต็มตัว และไหนจะโอกาสที่จะเป็นที่รู้จักในแวดวงนักเขียนความฝันที่จะได้ออกบูทงานหนังสือนั่งแจกลายเซ็นของเขากำลังจะเป็นจริง แต่ทุกอย่างมันก็ต้องพังทลายลงเพราะไอ้เขม ไอ้เพื่อนทรยศนี่คนเดียว!

 แต่ในเมื่อเขามีฝีมือในงานเขียนการ์ตูนเขาก็จะสร้างผลงานชิ้นใหม่ขึ้นมาให้ดีกว่าเรื่องที่ถูกขโมยไป และเขารู้ดีว่าอดีตเพื่อนรักคนนี้ ต่อให้วันนี้มันประสบความสำเร็จเพราะผลงานของเขา แต่ในอนาคตมันคงไม่มีปัญญาทำอะไรดีๆ ต่อหรอก เพราะมันเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้ามันมีความสามารถจริงมันคงไม่แอบเอาต้นฉบับไปดัดแปลงและแอบอ้างเป็นของมันเองไปตีพิมพ์เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองหรอก ผีพนันเข้าสิงไม่หายจนถึงขั้นต้องขโมยผลงานเพื่อนตัวเองไปขาย สารเลวที่สุด!

 และสุดท้ายเรื่องมันก็จบลงตรงที่อดีตเพื่อนรักส่งทนายมาไกล่เกลี่ย จิรันตร์ได้ข้อเสนอเป็นเงินค่าลิขสิทธิ์มาก้อนใหญ่เพื่อแลกกับการไม่ให้จิรันตร์ฟ้องร้องอดีตเพื่อนรัก

 “ห้าแสน ?”

 “มันน่าจะเพียงพอกับการที่กูขอซื้อต้นฉบับแล้วนี่ มึงอย่าลืมนะเอยว่าต้นฉบับอยู่กับกู งานก็ตีพิมพ์แล้วลิขสิทธิ์ก็เป็นของกู ฟ้องไปมึงก็แพ้เพราะงั้นมึงรับเงินนี่ไปแล้วอยู่เงียบๆ ถือว่ากูขอ”

 จิรันตร์กอดอกนั่งจ้องเขมทัตที่กำลังพูดจาอวดดีแบบไม่มีความสำนึกผิดใดๆ ด้วยใบหน้าที่ปูดช้ำจากการโดนเขาชกไปหลายหมัด

 “มึงกล้าพ่นคำพูดพวกนั้นออกมาได้ยังไง ทั้งๆ ที่มึงก็รู้อยู่แก่ใจว่างานนั่นเป็นของกู”

 “ก็ใช่ไง กูก็ชดใช้และเสนอทางออกให้อยู่นี่ไง”

 “ทางออกเชี่ยไรของมึง มึงแค่เอาเงินมาฟาดหัวกูเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้อ่ะดิว่าขโมยงานคนมาขาย”

 เหมือนเลือดจะขึ้นหน้าอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดจากเขมทัต

 “แล้วมึงจะเอาไงวะเอย ห้าแสนนี่ไม่พอใช่ป่ะมึงอยากได้เท่าไหร่มึงว่ามาเลย”

 จิรันตร์ขบกรามแน่นข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่านอยู่ในตัวไม่ให้แขนขาหรือแม้แต่เท้ากระตุกไปกระแทกปากเขมทัต

 “มึงนี่ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอวะเขม ได้มึงอยากจะเอาเงินฟาดหัวกูนักใช่ไหมงั้นก็ช่วยฟาดมาหนักๆ แรงๆ ให้มันคุ้มกับค่าเสียเวลาที่กูตั้งใจทำงานชิ้นนั้นมาทั้งปีเพื่อให้มึงขโมยไปขายหน่อยแล้วกัน”

 เขมทัตที่นั่งไหขว่ห้างท่าทางยโสไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำพูดของจิรันตร์แม้แต่น้อย เขามองจิรันตร์ด้วยความสงสัยไม่คิดว่าเพื่อนรักคนนี้จะยอมอะไรง่ายๆ กว่าที่คิด

 “สองล้าน…เงินต้องเข้าบัญชีกูก่อนห้าโมงเย็นวันนี้ ถ้ามึงหามาให้กูไม่ได้เตรียมตัวไปนอนคุกได้เลยเพราะกูจะฟ้องพ่อมึง!”

 ถ้าการฟ้องร้องต่อศาลนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก การฟ้องนายหัวองอาจที่เกลียดชังลูกชายตัวเองอย่างเขมทัตคงง่ายกว่า เพราะนายหัวเคยจับได้ว่าลูกชายแอบเอาสวนยางไปขายเพื่อไปใช้หนี้พนันสมัยเรียนมหาลัย จากนั้นเขมทัตจึงถูกนายหัวตัดหางปล่อยวัด เพราะงั้นถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูนายหัวองอาจเข้าละก็มึงได้หมอบคาตีนพ่อมึงแน่ๆ ไอ้เขม

 “เชี่ยเอย! ไม่ได้นะเว้ย มึงจะบอกพ่อกูไม่ได้นะ เอยมึงกลับมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้ เอย!”

 จิรันตร์เหยียดยิ้มเยาะหลังจากเห็นท่าทีตื่นตระหนกของเขมทัตก่อนจะลุกเดินออกมา ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายผลงานที่ถูกขโมยไปนิดๆ แต่ก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่เสร่อเชื่อใจว่าเพื่อนคงไม่หักหลังถึงขั้นฝากต้นฉบับไว้ที่มันหวังให้มันช่วยไปดีลกับสำนักพิมพ์ให้เพราะเห็นว่าเขมทัตเป็นคนกว้างขวางรู้จักคนเยอะ ว่าแต่...สองล้านนี่จะเอาไปทำอะไรดีนะ

  

  

 “น้องเอยจะไปจริงๆ เหรอโลว์ซีซั่นแบบนี้มันจะมีอะไรให้เที่ยว”

 จันจิรา ที่สาวของจิรันตร์ที่อายุห่างกันเป็นรอบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้องชายลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ลงมาจากห้อง

 “ยังไงเอยก็ไม่ได้ไปเที่ยวอยู่แล้ว ช่วงโลว์ซี่ซั่นของญี่ปุ่นน่ะดีที่สุดแล้วเหมาะแก่การไปพักสมองและหาแรงบันดาลใจ”

 “ยังไงก็เดินทางดีๆ นะ พี่คงไม่ได้ไปส่งเดี๋ยวน้องเอิญตื่นมาไม่เจอใครจะร้องเอา”

 “ครับ พี่อยู่กับน้องเอิญเถอะยิ่งติดแม่อยู่เจ้าเด็กคนนี้ เอยไปแล้วนะ”

 บอกลาพี่สาวเรียบร้อยก็โบกแท็กซี่ไปสนามบินทันที ไปญี่ปุ่นครั้งนี้หวังว่าจะเจอแต่เรื่องดีๆ ล่ะนะ



ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
Re: หลง รัก เอย
«ตอบ #2 เมื่อ03-02-2021 04:58:26 »

  1

 เมื่อไหร่ที่รู้สึกประทับใจ

  

     มาญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องมาพักโรงแรมสไตล์เรียวกังเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการมาค้นหาแรงบันดาลใจ ไหนๆ ก็ได้เงินจากอดีตเพื่อนรักมาซะเยอะ ก็จ่ายหนักเลือกห้องที่ดีที่สุดไปเลยแล้วกัน ช่วงนี้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ห้องพักที่จิรันตร์เลือกเป็นห้องนอนสไตล์เรียวกังทั่วๆ ไป แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือชานไม้ที่ยื่นออกไปจะมีบ่อน้ำพุร้อนด้านล่างพร้อมกับสวนเล็กๆ ที่รายล้อมรอบบ่อน้ำพุและยิ่งพิเศษไปกว่านั้นคือเป็นบ่อแบบโอเพ่นแอร์ไม่มีหลังคามีแค่ไม้ระแนงที่ช่วยปิดบังความเป็นส่วนตัว มองขึ้นไปบนฟ้าก็เห็นฟ้าเห็นดาวชัดเจน

  

     จิรันตร์มาถึงญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อวานแต่ก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเพราะเขาไม่คิดว่าโลว์ซี่ซั่นของที่นี่จะอากาศร้อนถึง34 องศา แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ร้อนเท่าประเทศไทยล่ะนะ ร้อนมากร้อนมายร้อนแผดเผาเสมือนซ้อมตกนรก แต่พอเปิดประตูบานเลื่อนออกดูก็เหมือนว่าวันนี้จะอากาศดีกว่าเมื่อวาน ว่าแล้วก็ออกไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า จิรันตร์หยิบสเวตเตอร์สีฟ้าอ่อนมาสวมใส่คู่กับกางเกงทรงกระบอกเล็กยาวเสมอเข่าสีน้ำตาลอ่อนดูเข้ากันดี แพลนวันนี้คล่าวๆ คือไปเดินเล่นแถวศาลเจ้าเมจิที่อยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที

  

     “Help! Help me!”

     ก้าวขายังไม่ทันพ้นหน้าร้านมินิมาร์ทข้างโรงแรมเสียงโหวกเหวกเป็นภาษาอังกฤษก็ดังขึ้นจนทำให้จิรันตร์ต้องหันไปมอง ชายร่างกายสูงหน้าตาดีกำลังวิ่งไล่ใครสักคนที่ในมือมีกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังราคาหลายหมื่นอยู่ในมือ และเขาก็กำลังจะวิ่งผ่านหน้าจิรันตร์ไป ดูก็รู้ว่าพวกวิ่งราวเห็นเป็นต่างชาติไม่ได้เลยนะมิจฉาชีพนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ แม้ในประเทศที่เจริญแล้ว

     ขายาวยื่นออกไปข้างหน้าขัดกับขาของชายวัยกลางคนที่กอดกระเป๋าแบรนด์ดังล้มไปนอนกับพื้น

     “マジかよ!!” (อะไรวะ!!)

     “กระเป๋านี่น่ะคงไม่ใช่ของลุงหรอกใช่ไหม งั้นคืนเจ้าของเค้าไปเถอะนะผมจะไม่แจ้งตำรวจมาจับลุงหรอก”

     จิรันตร์ตอบกลับด้วยภาษาเดียวกัน

     “ไอ้เด็กนี่! มึงเป็นใครวะเอาคืนมา”

     จิรันตร์ยกกระเป๋าที่เพิ่งแย่งจากลุงมาหลบให้พ้นมือเมื่อลุงลุกขึ้นมาหมายจะแย่งคืนพร้อมกับสบถเป็นภาษาญี่ปุ่นใส่เขารัวๆ

     “อย่าอยากโดนเด็กถอนหงอกเลยน่าลุง ไปซะก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจ”

     เหมือนว่าสิ่งที่จิรันตร์พูดออกไปแม่งไม่เข้าหูลุงเลยสักคำแถมลุงยังจะรัวหมัดที่กวัดแกว่งไปทั่วใส่เขาอีก แต่        จิรันตร์ก็หลบได้ทุกหมัดก่อนจะโยนกระเป๋าคืนให้ชายหนุ่มที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของที่ยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูกอยูใกล้ๆ  จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างจับแขนข้างที่ลุงเหวี่ยงหมัดมาล็อคไว้แล้วหมุนตัวหันหลังเข้าหาลุงพร้อมกับจับลุงทุ่มลงกับพื้นอย่างง่ายดายก่อนจะทำการล็อคแขนลุงไว้ข้างหลังแล้วกดให้นอนไปกับพื้นเพื่อไม่ให้หนี จิรันตร์มองไปรอบๆ เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนยืนมองเหตุการณ์เมื่อสักครู่มากพอสมควรและเห็นว่ามีตำรวจท้องที่วิ่งมาทางนี้พอดีก่อนที่เขาจะส่งตัวลุงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวลุงขึ้นรถไป

     “เอ่อ… ขอบคุณนะที่ช่วยเอากระเป๋าคืนมาให้แถมช่วยจับโจรอีก”

     ‘พันกร’ เดินเข้ามากล่าวขอบคุณจิรันตร์ที่ช่วยเขาไว้หลังจากตำรวจเคลียร์ทุกอย่างไป เขารู้สึกประทับใจในท่าทางการต่อสู้เมื่อครู่ของจิรันตร์มาก หุ่นและความสูงแบบชายไทยทั่วไปแต่แอบมีมวลกล้ามเนื้อเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าตัวบางกว่าลุงขโมยคนนั้นมาก แต่กลับจับลุงทุ่มลงพื้นแบบง่ายดายมากๆ หึ เก่งจริงๆ เลยนะตัวแค่เนี้ย รู้สึกประทับใจจริงๆ โดยเฉพาะวงขายาวๆ ขาวๆ แน่นๆ นั่นด้วย สเปค!

     “อ่อ คนไทยหรอกเหรอครับ”

     “ครับ ผมเห็นคุณแอบสถบเป็นภาษาไทยน่ะเลยคิดว่าเป็นไทยแน่ๆ”

     “อ่อ งั้นเหรอครับ ปกติแถวนี้ไม่มีค่อยมีพวกโจรขโมยหรอกนะตำรวจท้องที่เยอะ แต่ยังไงก็ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า ว่าแต่ทำยังไงให้ถูกขโมยกระเป๋าได้ล่ะ”

     พันกรแทบจะไม่ได้สนใจสิ่งที่จิรันตร์พูดด้วยซ้ำ เพราะสายตาของเขากำลังไล่สำรวจใบหน้าของคนตรงหน้าอยู่ ใบหน้ามนรูปไข่ ตาโต จมูกโด่งรั้น ปากเล็กอูมเป็นกระจับได้รูป ผิวขาวจัดแถมยังมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน แต่หุ่นไม่เล็ก ไหล่กว้างเตี้ยกว่าเรานิดหน่อยตัวบางกว่า แม่มึง! สเปคไอ้กรอะไรขนาดนี้วะ

     “มัวแต่ดูแผนที่น่ะ เลยไม่ทันระวัง”

     จิรันตร์พยักหน้าตอบอย่างเข้าใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็กำลังจะไปเดินเล่นแถวศาลเจ้าเมจิ

     “ผมจะไปเดินเล่นแถวศาลเจ้าเมจิ สนใจไปด้วยกันไหม”

     “ศาลเจ้า? ทำไมถึงไปเดินเล่นแถวนั้น”

     พันกรถามอย่างนึกสงสัย ใครมันจะไปเดินเล่นแถวศาลเจ้าวะ

     “อ่อ บอกไม่ละเอียด ศาลเจ้าเมจิมีสวนน่ะ สวยนะเหมาะแก่การถ่ายรูป”

     ว่าแล้วก็ชี้ไปที่กล้องฟิล์มราคาหลายหมื่นที่ห้อยอยู่บนคอของพันกร

     “อ่อ ไปสิๆ กำลังหาที่สวยๆ ถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน ว่าแต่คุณชื่ออะไร ผมพันกรเรียกว่ากรก็ได้”

     “จิรันตร์ครับ เรียกเอยก็ได้ เอ่อ… คุณน่าจะเป็นรุ่นพี่ผมใช่ไหม”

     “27ย่างเข้า28”

     “24 อื้ม เรียกพี่กรแล้วกัน ถ้าเผลอหลุดกูมึงบ้างพี่ไม่ซีเรียสใช่ป่ะ”

     “ไม่ ตามสบายกูชิลอยู่แล้ว”

     ว่าแล้วโชว์ภาษาพ่อขุมรามให้อีกคนได้ยินกับหู

     “โอเคงั้นไปกันเดี๋ยวผมพาเที่ยวเอง”

     แล้วจิรันตร์ก็เดินนำไปทางที่พันกรเพิ่งวิ่งไล่โจรมา พันกรที่เดินตามหลังก็เอาแต่ไล่พินิจพิจารณารูปร่างของอีกคนจากด้านหลัง คนบ้าอะไรขนาดข้างหลังยังน่ามอง ต้นคอขาวๆ ที่มีเหงื่อไหลซึมออกมาเล็กน้อยจนผิวที่ขาวจัดเริ่มแดงระเรื่อ

     “ร้อนก็ร้อนทำไมใส่สเวตเตอร์ล่ะ” พันกรเดินขึ้นมาตีคู่กับจิรันตร์ก่อนจะเอ่ยถามเพราะเห็นว่าจิรันตร์เริ่มมีเหงื่อออก ร้อนขนาดนี้ทำไมถึงใส่เสื้อแขนยาวอีกนะ

     “ความลับ” ยักคิ้วซ้ายใส่พันกรไปสองทีพร้อมกับยิ้มมุมปาก

     สัญญาณไฟข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียวบ่งบอกว่าข้ามถนนได้ พันกรคว้ามือจิรันตร์พร้อมกับออกแรงดึงให้รีบวิ่งข้ามไปด้วยกัน

     “โห อะไรเนี่ยพี่จูงมือผมข้ามถนนเป็นเด็กเลย ถนนญี่ปุ่นนี่หลับตาเดินยังเดินได้เลย” จิรันตร์กล่าวติดตลก

     “ขนาดนั้นเชียว หึหึ เชิญครับคุณไกด์นำทางต่อเลยครับ”

     พันกรและจิรันตร์ก็เดินตีคู่กันไปตามทางฟุตบาทที่ทอดยาวออกไปก่อนที่จะนั่งรถไฟสาย Yamanote Line ลงที่สถานี JR Harajuku และเดินต่อไปอีกประมาณห้านาที ก็จะเจอกับสะพานหิน Jingu Bashi ที่อยู่ตรงแยกใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ JR Harajuku เดินข้ามสะพานนี้ไปอีกฝั่งแล้วก็เจอลานกว้างกับทางเข้าที่เป็นเสาไม้ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเด่นชัด

     “ขออวดความรู้หน่อยดิ”

     “จัดมา”

     “นี่คือเสาโทริอิทำจากต้นฮิโนกิ ขนาดใหญ่มหึมาที่มีอายุกว่า 1500ปี เชื่อกันว่าเป็นเหมือนประตู้กั้นเขตแดนระหว่างมนุษย์และเทพเจ้า”

     ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าเสาโทริอิขนาดใหญ่ที่รอบพื้นที่ล้วนมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคุมทำให้คลายร้อนไม่ได้บ้างเพราะมีลมเย็นๆ พัดผ่านตลอด มองเข้าไปมีต้นไม้สูงใหญ่หนาแน่นเหมือนจะเรียกว่าป่ามากกว่าสวน

     “ข้อมูลแน่นมาก ถามจริงเป็นคนญี่ปุ่นป่ะเนี่ยหรือเกิดและโตที่นี่”

     พันกรอดถามไม่ได้ เอ…แต่จะมาไปน้องมันก็หน้าไปทางญี่ปุ่นอยู่เหมือนกันแหะ

     “มาบ่อย เรียกได้ว่าบ้านอีกหลังก็ได้”

     พอเดินผ่านพ้นเสาโทริอิไปเรื่อยๆ ที่ข้างทางล้วนแต่เป็นต้นไม้สูงใหญ่ ก็จะเจอกับถังสาเกขนาดใหญ่วางเรียงรายและมีลวดลายสวยงามอีกฟากเป็นถังไวน์ขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน โดยทั้งสาเกและไวน์นี้มีคนบริจาคให้ศาลเจ้าไว้ใช้สำหรับดื่มเพื่อเป็นสิริมงคลในโอกาสต่างๆ

     “ที่นี่มีสวนชื่อว่า Meiji Shrine Inner Garden ให้เข้าไปเที่ยวด้วยนะ”

     “เป็นยังไง”

     “ก็ในสวนมีธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ ให้ดู เอ้อ แล้วก็มีดอกไอริสด้วย แต่ว่า…เดือนนี้คงยังไม่บานหรอก”

     พันกรมองริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังเจื้อแจ้วอยู่กับการแนะนำสถานที่ต่างๆ ความจริงแล้วเมื่อเช้าพันกรมาที่ศาลเจ้านี้ก่อนหน้าที่จะโดนขโมยกระเป๋าแล้วล่ะ แต่พอจิรันตร์ชวนมาเขาก็ไม่อยากจะปฏิเสธ ดีแล้วล่ะที่มาอย่างน้อยก็ได้มองคนข้างๆ ได้อีกนานๆ

     “งั้นเราไปขอพรที่ศาลเจ้ากันก่อนจะไปไหยังไงต่อค่อยว่ากัน”

     “อื้ม ได้ดิกูตามใจมึงเลยอุตส่าชวนกูมาเที่ยว”

     “โอเคงั้นไปกันต่อ”

     พอเดินมาอีกหน่อยก็เจอเสาโทริอิกับรั้วกั้น แสดงให้เห็นว่าใกล้จะถึงตัวอาคารหลักของศาลเจ้าเมจิแล้ว ทั้งคู่ก้มตัวโค้งที่หน้าทางเข้าเพื่อแสดงความเคารพตามคนญี่ปุ่นที่โค้งกันทุกครั้งเมื่อเข้าออก

     “เราต้องชำระร่างกายและวาจาเราให้สะอาดก่อนเข้าไปข้างในด้วยการล้างมือและล้างปากนะ”

     ก่อนเดินเข้าไปด้านในจิรันตร์พาพันกรมาแวะที่ซุ้ม Temizuya อยู่ท้างซ้าย ให้แวะล้างมือล้างปากที่นี่ก่อนเข้าศาลเจ้า

     “อีซี่ๆ”

     พันกรกล่าวด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ว่าจบก็โชว์สเต็ปการล้างมือให้จิรันตร์ดู ใช้มือขวาจับกระบวยแล้วตักน้ำให้เต็มแล้วเทล้างมือซ้ายก่อนเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายจับกระบวยแล้วตักน้ำเทล้างมือขวา เปลี่ยนมาใช้มือขวาจับกระบวยอีกครั้ง ตักน้ำ รินน้ำใส่มือซ้ายแล้วนำน้ำจากมือซ้ายมาล้างรอบๆ ปากและเทน้ำล้างมือซ้ายอีกรอบจนน้ำหมดกระบวย และขั้นตอนสุดท้ายคือตักน้ำใส่กระบวยเพื่อล้างกระบวยโดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านที่จับจนหมดกระบวย

     พอชำระร่างกายเสร็จจิรันตร์ก็พาพันกรเดินเข้าไปข้างใน พอเดินรอดซุ้มมาก็เป็นลานกว้างหน้าอาคารหลักของศาลเจ้าแต่ทั้งคู่ก็ต้องหยุดยืนดูขบวนงานแต่งแบบชินโตที่กำลังค่อยๆ เดินผ่านมาทางที่พวกเขายืนอยู่

     “ที่นี่เค้ามีงานอะไรกันเหรอ” พันกรถามพลางหยิบกล้องฟิล์มในมือขึ้นมาถ่ายรูป

     “งานแต่งน่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นชอบมาจัดงานแต่ง เค้าว่ากันว่าถ้ามาศาลเจ้าแล้วเจอขบวนงานแต่งจะโชคดีเรื่องความรักด้วยนะ”

     “อ่า…อย่างนั้นเองสินะ”

     พันกรฟังที่จิรันตร์เล่าก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กๆ

     หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินต่อไปที่อาคารหลักของศาลเจ้าเมจิเพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า

     “พี่มีเหรียญห้าเยนป่ะ”

     จิรันตร์หันมาถามพันกรที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะในกระเป๋าเงินเขาแทบจะไม่มีเศษเหรียญเลย

     “มีสองเหรียญ”

     “ขอยืมก่อนดิเดี๋ยวคืนให้ทีหลัง”

     พันกรยื่นเหรียญให้กับจิรันตร์

     “โยนเหรียญลงไปในกล่องใหญ่ๆ ที่เป็นไม้ซี่ๆ นะ ที่ใช้เหรียญห้าเยนเพราะเสียงอ่านในภาษาญี่ปุ่นพ้องกับคำว่า ความสุข ความโชคดี”

     จิรันตร์อธิบายก่อนจะเริ่มสาธิตวิธีสักการะขอพรให้พันกรดูเป็นตัวอย่าง เริ่มจากโยนเหรียญลงที่กล่องไม้ก่อนจะโค้งสองครั้งและปรบมืออีกสองครั้ง ก็เริ่มขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะโค้งอีกครั้งปิดท้าย พันกรดูที่จิรันตร์ทำก็ทำตาม เขาหลับตาอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์

     “พี่ขออะไรอ่ะ”

     “ยุ่ง”

     “แรงว่ะ ไม่อยากรู้ก็ได้” จิรันตร์ค่ำปากใส่พันกรอย่างหมั่นไส้

     “ล้อเล่น…อยากรู้จริงหรอว่าขออะไร”

     “ก็…เฉยๆ อ่ะแล้วแต่พี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว”

     “กูขอว่า…ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริงก็ขอให้เนื้อคู่ของกูมาอยู่ตรงหน้ากูตอนนี้”

     พันกรพูดพร้อมกับจ้องตาจิรันตร์ ลมเย็นๆ พัดผ่านเขาทั้งคู่เสียงดังกรุ๊งกริ๊งเหมือนเสียงดนตรีจากโมบายที่ห้อยอยู่ที่ศาลเจ้าเมื่อลมพัดผ่าน เป็นการจ้องตาเพียงแปดวินาทีที่แสนจะยาวนานเหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดนิ่ง จิรันตร์พอได้ฟังคำตอบสายตาเขาก็เริ่มจะเลิ่กลั่กพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงจนถึงใบหู ทำไมหน้ามันรู้สึกร้อนวูบวาบแบบนี้วะไอ้เอย แล้วไอ้พี่กรมันจะจ้องอะไรขนาดนั้น

     “อ่า กูว่านะพี่เทพแม่งไม่ขลังเลยเนาะ…ว่ามั้ย” จิรันตร์กล่าวเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะหลบสายตามองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาคู่คมที่จ้องมา

     “เหรอ อืม…กูว่าก็ขลังอยู่นะ”

     พูดจบก็เดินไปทางอื่นปล่อยให้คนที่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่หน้าแดงร้อนวูบวาบพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวอยู่ที่เดิม ตายแน่ๆ มึงไอ้เอยมึง ตายแน่ๆ! อีพี่กรแม่งขี้แกล้ง เอยยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าที่แดงแจ๋เป็นลูกตำลึงของตัวเองอย่างนึกเขินอายกับคำพูดของพันกร ต่อให้เอยจะไม่ได้รังเกียจต่อความสัมพันธ์แบบชายรักชายแต่เพราะไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนเอยจึงไม่รู้ว่าจะรับมือกับความรู้สึกนี้ยังไง ทีแรกตอนเจอกันก็ไม่ได้คิดอะไร แค่มองว่าผู้ชายคนนี้แม่งหน้าตาดีจัดๆ สูงกว่าเขาไม่มากนัก หุ่นดี แต่งตัวดี ผิวสีน้ำผึ้ง แต่พอเมื่อกี้ได้มาจ้องหน้ากันแบบจริงๆ จังๆ แม้จะไม่นานก็ทำให้ให้เอยจดจำรายละเอียดในเครื่องหน้าของพันกรได้อย่างดี ดวงตาคมนัยน์ตาลุ่มลึก คิ้วดำหนาเป็นทรงจมูกโด่งเป็นสันและรูปปากบางหยักเป็นกระจับได้รูป ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งชวนให้รู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าไม่หาย ไอ้คนบ้าเอ้ย!

  

     พันกรที่เดินปลีกตัวออกมาคนเดียวแล้วปล่อยให้จิรันตร์ยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้นกำลังยิ้มกว้างให้กับท่าทางของจิรันตร์ที่เขาค่อนข้างจะพอใจเป็นอย่างมาก ทีแรกก็หยอดเล่นๆ แต่ไม่คิดว่าน้องมันจะรับรู้ได้ไวขนาดนี้ ประทับใจจริงๆ สงสัยทฤษฏีที่ว่า เมื่อไหร่ที่รู้สึกประทับใจ...นั่นคือการตกหลุมรัก คงจะจริง เอย… มึงจะรู้ไหมเนี่ยว่าใจกูไม่เป็นของกูอีกต่อไปแล้ว

  

ออฟไลน์ Meemii lion

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
    • แฟนเพจ meemii lion
2

ทฤษฎีการตกหลุมรัก




ร้านกาแฟเล็กๆ ใกล้สถานีรถไฟคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในระหว่างการเลือกสถานที่ที่จะไป ก็ตั้งแต่จิรันตร์โดนพันกรแกล้งไปตอนนั้นเจ้าตัวก็เอาแค่ก้มหน้างุดเดิมดุ่มๆ ออกมาจากศาลเจ้าไปเลย ปล่อยให้พันกรวิ่งกระหืดกระหอบตามมาเกือบไม่ทัน โว๊ย! ก็คนมันเขินนี่หว่าเกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายหยอดเลยสักครั้ง อีกอย่างพี่กรมันอาจจะแค่หยอดเล่นๆ ก็ได้ ไม่อยากเขินให้พี่มันเห็นเลยอ่ะ ฮือ T-T

“พอได้แล้วมั้งกัดจนหลอดแตกหมดแล้ว”

“อ๊ะ! พี่กรเอาคืนมา”

พันกรอดไม่ได้ที่จะแย่งแก้วโกโก้เย็นที่จิรันตร์เอาแต่ก้มหน้าก้มตากัดจนหลอดแตกมา ถ้ารู้ว่าจะเป็นคนขี้อายขนาดนี้เขาคงไม่รีบรุกน้องมันเร็วขนาดนั้น

“สั่งมาให้กินไม่ใช่ให้มานั่งกัดหลอดเล่น”

“ง่า… ก็มัน…”

“มันอะไร”

“เปล่า…”

ไม่อยากจะพูดออกไปเลยว่า ก็กูเขินมึงไอ้พี่กร! เกร็งจนทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย แต่ดูเหมือนสิ่งที่จิรันตร์คิดจะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางจนหมดจนทำให้พันกรนึกขำ ไม่ได้การละถ้าปล่อยให้น้องมันเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ต้องไปไหนกันพอดี ต้องเริ่มจากการละลายพฤติกรรมกันก่อนด้วยการชวนคุย

“เอ้อว่าจะถามตั้งนานละ ทำไมมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงโลว์ซีซั่นแบบนี้ล่ะ”

“หะ…อ๋อ มาหาแรงบันดาลใจในการทำงานน่ะ”

จิรันตร์เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาก่อนจะตั้งสติแล้วตอบคำถาม

“งานอะไรอ่ะถามได้ป่ะ”

“งานเขียนการ์ตูน…ใช่ๆ งานเขียนการ์ตูน”

เกือบไปแล้วไอ้เอย มึงเกือบจะหลุดไปแล้วว่าการ์ตูนที่มึงเป็นการ์ตูนแนวลามก ไม่ได้ๆ จะให้พี่กรมันรู้ไม่ได้อาจจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ

“อ่อแบบนี้นี่เองแล้วเป็นไงพอหาได้ยัง”

“ก็พอได้ความคิดใหม่ๆ นิดหน่อยแต่ก็ยังสู้เรื่องเก่าไม่ได้เลย”

“เรื่องเก่า?”

“อื้อ เรื่องเก่าที่ทำไว้น่ะ โดนเพื่อนขโมยต้นฉบับไปขาย”

นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจี๊ดที่ใจทุกทีเลย

“เห้ยได้ไงวะ แล้วมึงทำไงอ่ะฟ้องป่ะ”

“หึ ไม่ได้ฟ้องอ่ะ ก็ต้นฉบับอยู่ที่มันพอมันเอาไปขายลิขสิทธิ์ก็เป็นของมันร่วมกับสำนักพิมพ์ไปแล้ว เอยเลยไม่รู้จะทำไงแล้ว เลยบอกว่าจะฟ้องพ่อมันแลกกับเงินสองล้าน…” แทนตัวเองว่าเอยด้วย น่ารักจัง

“ถถถ กูก็นึกว่ามึงจะเป็นนางเอกยอมโดนเขารังแกแสบใช่ย่อยเหมือนกันนะเรียกไปเยอะขนาดนั้น แล้วมันให้ป่ะ”

“ให้ดิมันกลัวพ่อมันกระทืบจะตายไปแถมพ่อมันยังเอ็นดูเอยมากๆ อีกด้วยถ้าเอยจะเอาคืนมันจริงๆ นะ โทรหาพ่อมันกริ๊งเดียวมันก็หมอบคาตีนพ่อมันแล้ว”

“ฮ่าๆ แบ็คโคตรดี นับถือๆ”

พันกรกรั่วขำพร้อมกับยกมือขึ้นมาประกบกันแบบในหนังจีน

“แล้วพี่ล่ะทำไมมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้”

“กูเหรอ…กดสุ่มประเทศเอาอ่ะตกที่ไหนก็ไปที่นั่น”

โห โคตรชิลโคตรสิ้นคิด อะไรกันครับเนี่ยน้องเอยงงไปหมด

“เออ เชื่อแล้วว่าพี่มึงชิลจริง”

“ก็มันเบื่อๆ ตั้งแต่เปิดร้านยาดองมาปีนึงไม่เคยพักเลย บังเอิญลูกค้าตีกันทำร้านเละด้วยไงเลยถือโอกาสปิดปรับปรุงร้านมาเที่ยว”

“หืม ร้านยาดอง?”

จิรันตร์ขมวดคิ้วเมื่อพันกรพูดถึงร้านยาดอง สมัยนี้ยังมีคนกินยาดองกันอยู่เหรอวะ แต่ที่แปลกกว่านั้นคือเจ้าของร้านยาดองที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า ดูยังหนุ่ม ลุคก็ดูไม่ให้กับการเปิดร้านยาดองสักนิดถ้าเปิดร้านเหล้าคลับบาร์ว่าไปอย่าง

“เออ ทำไมไม่เชื่อเหรอ”

“เปล่าแค่แปลกใจพี่ดูไม่น่ามาเปิดร้านยาดองเท่าไหร่”

“ทีแรกเป็นวิศวกรแล้วได้ไปลงงานแถวอีสานเป็นปีคนงานชวนดริ๊งค์เกือบทุกวัน พอกลับมากรุงเทพฯ ก็เลยคิดถึงอ่ะเรียกว่าติดใจก็ได้ กินแล้วมันคนละฟีลกับเหล้า ก็เลยลองมาเปิดร้านเล่นๆ ดูพอดีป๊าเขามีตึกแถวว่างๆ แถวเอกมัยด้วย”

พันกรเล่าอย่างไม่ปิดบัง ส่วนจิรันตร์เองก็ตั้งใจฟังมากๆ พร้อมกับแอบหยิบแก้วโกโก้คืนมาดูดสลับกับกัดหลอดเล่น

“ทีแรกคนก็ไม่ค่อยกล้าเข้าหรอกสงสัยมันดูเป็นซุ้มยาดองเกินไป กูเลยให้เพื่อนมาตกแต่งร้านให้ใหม่สไตล์โมเดิร์นผสมความเป็นไทยร่วมสมัยเท่านั้นแหละคนแห่กันเข้าร้านจนกูแทบไม่ได้พัก”

“โห พี่แม่งเท่เลยว่ะ”

จิรันตร์ขึ้นเท้าคางมองพันกรที่กำลังเล่าถึงร้านยาดองของเขา

“เท่ยังไง”

“แบบเป็นวิศวกรเป็นเจ้าของร้านยาดองอีก”

“ตอนนี้ลาออกจากงานวิศวกรแล้ว”

“อ้าวทำไมอ่ะ”

“พอมาทำร้านแล้วรู้สึกว่าชอบมากกว่าสบายใจกว่าเป็นนายตัวเอง อีกอย่างกูไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเลยไม่อยากทำหลายอย่างให้มันเหนื่อย”

เนี่ย! โคตรเท่เลย จะมีสักกี่คนกันที่ยอมทิ้งหน้าที่การงานดีๆ มาทำสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วไอ้คำพูดที่ว่าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินที่อย่างเท่ ไม่ใช่ใครก็ได้นะครับที่จะพูดคำๆ นี้ได้

“ชีวิตพี่นี่ดูมีสีสันจัง ไม่เหมือนเอยเลย นี่เรียนจบประมงมานะจะบอกให้”

“อ้าวแล้วทำไมมาเขียนการ์ตูน”

พันกรเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยพร้อมกับเอาหลอดในกล่องอันใหม่มาเปลี่ยนให้จิรันตร์แทนหลอดอันเก่าที่โดนกัดจนแตกแล้วอีกแตกอีก

“ก็แบบว่ารักน้ำรักปลาไรงี้ ตอนมอหกเคยไปดำน้ำกับฉลามวาฬรู้สึกประทับใจมากๆ ก็เลยชอบ แต่เรียนไปเรียนมาก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบเขียนการ์ตูนด้วย พ่อเลยบอกว่าถ้าปีนี้งานเขียนการ์ตูนยังไม่ก้าวไปไหนพ่อจะให้กลับไปช่วยทำสวนลำใยที่ลำพูน”

จิรันตร์เล่าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะดูดโกโก้ที่ละลายจนจืดชืดทีเดียวหมดเเก้ว

“อ่าห์~”

“ระวังเย็นขึ้นสมมอง…ว่าแต่เรื่องที่ไปดำน้ำกับฉลามวาฬนี่ชอบมากเลยเหรอ”

“รักเลยแหละเอยชอบสัตว์ทะเลทุกชนิดเลย โดยเฉพาะแมงกระพรุนโคตรน่าหลงไหลเวลามันแหวกว่ายอยู่ในน้ำมองเพลินเลยแหละ”

พูดได้ขนาดนี้คงหายเขินแล้วล่ะมั้งเนี่ย หึหึ

“มึงรู้ป่ะว่าการที่เราประทับใจอะไรมากๆ ต่อมามันจะเกิดอะไรขึ้น”

“อะไรเหรอ”

“ตกหลุมรักไง…มึงประทับใจการว่าน้ำกับฉลามวาฬมึงเลยตกหลุมรักสัตว์ทะเล”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง”

“และวันนี้กูก็ประทับใจที่มึงช่วยกูจับโจรด้วย…ไปจ่ายเงินก่อนนะเดี๋ยวมา”

“อ้ะ…” พูดอะไรไม่ออกได้แต่กลืนก้อนคำพูดลงคอเมื่อได้ยินที่พันกรพูด ประทับใจ…เรางั้นเหรอ โว๊ยยย! อะไรกันล่ะครับเนี่ยยย ไอ้พี่กรพูดอะไรออกมาหยอดเก่งจังเลยโว๊ยยย



ช่วงบ่ายจิรันตร์พาพันกรมาเดินช็อปปิ้งแถวย่านการค้าฮาราจูกุ พร้อมกับฝากท้องในมื้อเที่ยงแถวนี้ด้วย ด้วยความที่ทั้งสองคนตกลงกันว่าไม่อยากกินอะไรยุ่งยาก มื้อเที่ยงที่มากินตอนบ่ายของเขาทั้งคู่จึงเป็นร้านคุชิคัตสึ อาหารญี่ปุ่นเสียบไม้ทอดง่ายๆ มีหลากหลายให้เลือก และมื้อนี้ก็สบายกระเป๋าเงินของจิรันตร์เพราะคนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเขาจะเป็นคนเลี้ยง

“แน่ใจนะว่าจะเลี้ยง”

“อื้ม ตัวแค่นี้จะกินเยอะแค่ไหนกันเชียว”

“โอ้โห คำพูดคำจานี่ก็ไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้นนะสัดส่วนมาตรฐานชายไทยอ่ะรู้จักป่ะ”

“ก็ดูตัวเล็กตัวน้อยอยู่ดีอ่ะ” น้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้คืออะไรกัน

จิรันตร์ไม่ได้ตอบโต้เพราะไม่รู้จะเถียงอะไรเพราะถ้าเทียบขนาดตัวเขากับพันกร จิรันตร์ก็ดูตัวเล็กตัวน้อยอย่างที่ พันกรว่าไว้นั่นแหละถึงแม้ว่าตัวจิรันตร์จะไม่ได้บอบบางแต่ก็ไม่ได้ตัวใหญ่ตัวหนามีกล้ามแน่นแบบพันกรรวมทั้งความสูงที่ดูผ่านๆ อาจจะดูไม่ได้เตี้ยกว่าพันกรมากนักแต่ถ้าให้มายืนเทียบก็มีความสูงที่ห่างเกือบสิบเซนเลยทีเดียว

มื้อเที่ยงจบลงไปแบบที่ทั้งคู่แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยเพราะจิรันตร์ดูจะตั้งใจกินมาก กินแบบเอร็ดอร่อยจน พันกรไม่กล้าที่จะชวนคุยและมื้อนี้ก็ท่าว่าคนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแบบพันกรจะต้องจ่ายหนักเลยทีเดียวเพราะจิรันตร์กินเก่งมากเก่งชนิดที่เรียกว่าไม้เสียบคุชิคัตสึกองเป็นพะเนินบนโต๊ะ แต่กินเก่งๆ แบบนี้ก็ดีเขาน่ะชอบขุนแฟนให้อ้วนๆ อยู่แล้ว พอกินข้าวเสร็จจิรันตร์ก็พาพันกรไปช็อปปิ้งต่ออีกนิดหน่อยเพื่อเป็นการย่อยก่อนที่จะพากันแยกย้ายกลับโรงแรม

“พี่พักที่ไหน”

จิรันตร์ถามร่างสูงที่ยืนซ้อนหลังขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนโหนราวรถไฟที่ผู้คนเบียดเสียดกันอยู่เต็มตู้

“ก็โรงแรมที่มึงจับขโมยให้กูไง”

“จริงอ่ะ ที่เดียวกันเลยที่อยู่ห้องไหน”

“บังเอิญจังวะ แต่ทำไมไม่เคยเจอมึงที่โรงแรมเลย กูอยู่ห้องริมสุดทางปีกซ้ายติดสวน”

พันกรตอบ โรงแรมสไตล์เรียวกังที่เขาที่คู่เช่าอยู่เป็นโรงแรมที่มีลักษณะคล้ายกับบ้านคนรวยสมัยยุคเอโดะผสมผสานความโมเดิร์นแบบสมัยใหม่ล้วนแต่เป็นงานไม้ทั้งหลังที่เป็นแนวยาวบรรจบกันสี่ด้านมีพื้นที่ตรงกลางเป็นสวนหย่อมและมีบ่อปลาคราฟ แต่ในส่วนห้องพักของจิรันตร์นั้นจะพิเศษกว่าห้องอื่นๆ เพราะเป็นห้องขนาดใหญ่มีห้องน้ำและห้องนอนแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนและยังมีห้องโถงไว้ใช้สอย ต่างจากห้องอื่นที่ห้องน้ำและห้องนอนอยู่ภายในห้องเดียวกัน ห้องของจิรันตร์เป็นเพียงห้องเดียวที่มีทางเดินแยกออกจากอาคารไปทางด้านหลังที่มีสวนเพื่อไปที่ห้องเพราะมีบ่อน้ำพุร้อนนั่นเอง ราคาก็ไม่ต้องพูดถึงสูงริบลิ่วถ้าไม่มีเงินสองล้านในบัญชีล่ะก็อย่าหวังว่าจิรันตร์จะย่างกายเข้ามาพักห้องนี้

“เอยพักห้องที่อยู่หลังสุดน่ะที่มีทางเดินแยกออกไปข้างหลัง”

“โอ้โห คนเค้ารวยจริงเว้ย”

“อุตส่าได้ค่าโง่มาตั้งสองล้านก็ขอใช้ให้คุ้มหน่อยสิ ฮ่าๆ”

“ขยับมานี่มาคนเข้ามาอีกเดี๋ยวเขาจะไม่มีที่ยืนกัน”

พูดไม่ทันขาดคำมือหนาก็ถือวิสาสะคว้าเอวคนตรงหน้าขยับมาให้แนบชิดอกของเขาและเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนเข้ามาใหม่จากสถานีที่รถไฟจอดยิ่งทำให้เขาทั้งคู่ต้องทำตัวลีบแนบชิดติดกันมากขึ้นไปอีก จิรันตร์ได้แต่ยืนตัวเกร็งนิ่งไม่กล้ากระดุกระดิกไปไหนจนกระทั่งมาถึงสถานีที่เขาทั้งคู่จะต้องลง พอออกมาจากขบวนรถพันกรจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าจิรันตร์นั้นหน้าแดงหูแดงไปหมดระหว่างทางที่เดินกลับโรงแรมพันกรก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะกลัวว่าถ้าถามไปจิรันตร์จะยิ่งเขินไปกันใหญ่ ดูเป็นคนห้าวแท้ๆ แต่ทำไมขี้อายจังนะ

“เอ่อ…เอยขอกลับห้องก่อนนะ”

ไม่ได้รอให้พันกรตอบกลับ จิรันตร์ก็รีบเดินดุ่มๆ ไปที่ห้องของตัวเองทันที พอถึงห้องร่างกายสูงโปร่งก็ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกสีข่าวสะอาดพร้อมกับดิ้นไป เขินโว้ยยย เกิดมายังไม่เคยรู้สึกว่าเปลืองตัวกับผู้ชายคนไหนบนโลกใบนี้มาก่อนเลย ฮือ T-T อยู่ใกล้พี่กรแม่งโคตรเปลืองตัวเลยแถมหัวใจแทบจะวายตายเพราะทุกครั้งที่ถูกสัมผัสจากพี่กรหัวใจงี้เต้นระรัวเหมือนเต้นแซมบ้าเลยไอ้บ้าเอ้ย

“โอ้ยยย! ช่างแม่งไปอาบน้ำดีกว่า” ว่าแล้วก็หอบเอาร่างกายของตัวเองเข้าห้องน้ำไป

ใช้เวลาอาบน้ำเพียงไม่นานจิรันตร์ก็ออกมาพร้อมชุดคลุมและผมสีอ่อนที่ยังเปียกหมาดๆ จิรันตร์เดินตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งก็เพิ่งมาสังเกตเห็นว่ามีชุดยูกาตะพับไว้อย่างเรียบร้อยว่างอยู่พร้อมกับข้อความเป็นภาษาญี่ปุ่นแนบมาด้วย

‘มีเทศกาลดอกไม้ไฟจัดขึ้นที่ถนนคนเดินริมน้ำใกล้ๆ หวังว่าคุณลูกค้าจะสนุกกับงานเทศกาลนะคะ’

“อ่า ดีจังมีงานเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยแถมยังเตรียมชุดไว้ใช้อีกเทคแคร์ลูกค้าดีจริงๆ ไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยแฮะ”

แต่จะว่าไป…เดินคนเดียวมันจะไม่เหงาไปหน่อยเหรอวะ หรือเราควรจะไปชวนพี่กรดี…



ก๊อกๆๆ!

คิดอะไรเพลินๆ ได้ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

“โชโชะ โอะมะจิ คุดะไซ” (รอสักครู่นะครับ)

ประตูบานเลื่อนค่อยๆ เปิดออกสิ่งแรกที่จิรันตร์เห็นคือแผงอกขาวๆ ล่ำๆ ทะลุลูกตา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเข้าของแผงอกขาวล่ำตรงหน้า พันกรที่มาในชุดยูกาตะสีดำที่มีลวดลายมังกรสีแดงประทับอยู่บนเนื้อผ้าพอมันอยู่บนร่างกายของพันกรแล้วดูเหมาะมากเลยทีเดียว

“อ้าวพี่กร…”

“ไปดูดอกไม้ไฟกันไหม”

“อ่า…ไปครับ”





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คือความจริงแล้วอ่ะอยากจะให้ยาวกว่านี้แต่ให้ใส่ในตอนนี้หมดมันจะไม่เหลืออะไรให้เล่นในตอนต่อไปอ่ะดิ555 รอดูนะว่าไปดูดอกไม้ไฟอีพี่มันจะทำอะไรน้อง อร้ายยย 555 เม้นให้กำลังใจนุหน่อยนะฮะจะได้มีฟามอึกเหิมรับมือในฟามหื่นกามของอีพี่มัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2021 05:24:35 โดย Meemii lion »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด