☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 35209 ครั้ง)

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่ค่อยอึดอัด

แต่หน่วง นิดๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ดีใจที่ณิชปรับตัวได้และอยู่ต่อไปแบบไม่อึดอัดนัก รอแค่ไอ้หาญนึกได้เท่านั้น  :monkeysad:

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
รอวันที่ไอ้หาญกลับมา

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓๕

นาฬิกาดิจิทัลของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในตัวเมืองบอกเวลา 01.12 นาที ขณะที่คนในห้องคาราโอเกะ VIP ยังคงร้องเพลงสังสรรค์และดื่มเครื่องดื่มมึนเมาอย่างสนุกสนาน แต่ชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่งอยู่ในสภาพมึนหนัก เพราะโดนหัวหน้าชนแก้วหลายครั้งทำให้ต้องปลีกตัวออกมาเข้าห้องน้ำ และสูดอากาศนอกห้องที่มีกลิ่นบุหรี่สักหน่อย

ปึก!

“โอ๊ะ! ขอโทษครับ” ณิชก้มหัวขอโทษคนที่เขาเดินชนเสียงอ้อแอ้ เขาพยายามเบิกตาให้โตที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เหมือนเปลือกตาจะไม่ฟังการสั่งการเท่าไหร่ เพราะมันทำได้แค่ปรือตามองคนตรงหน้าเท่านั้น

“คุณณิช! ทำไมเมาขนาดนี้ล่ะครับ” เสียงทักอย่างคุ้นเคยทำให้ณิชอึ้งไปพักหนึ่งอย่างคนกำลังประเมินผล ก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อนึกได้ว่าเป็นใคร

“คุณสุทินนี่เอง อ่า...พอดีหัวหน้าพามาเลี้ยงน่ะครับ”

“แล้วทำไมดื่มหนักขนาดนี้ คุณเมามากเลยนะครับ” สุทินพูดด้วยความตกใจเพราะเขาไม่เคยเห็นณิชดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน

ณิชเกาะผนังไว้แต่เหมือนจะยืนไม่ไหวเขาจึงต้องโอบเอวประคองไว้ก่อน กลิ่นเหล้าคละคลุ้งปนกลิ่นบุหรี่หึ่งไปหมด สภาพสถาปนิกฝีมือดีแทบดูไม่ได้ เสื้อหลุดลุ่ยออกนอกกางเกง ผมเผ้ายุ่งฟูแก้มใสแดงระเรื่อ มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าดื่มหนัก

วันนี้สุทินออกมาเที่ยวกับเพื่อน พวกเขานั่งอยู่ข้างนอกที่เป็นโซนบาร์ เขาขอตัวมาเข้าห้องน้ำจึงมาชนเข้ากับณิชที่ออกมาจากห้องคาราโอเกะพอดี เขามองเข้าไปภายในห้องคาราโอเกะเห็นเพื่อนร่วมงานของณิชออกลีลาเต้นกันมันหยด ท่าทางเมาพอๆ กับณิชนี่แหละ

“คุณสุทินมายังไงครับ อ่า...ทำไมคุณยืนไม่นิ่งเลย” ณิชจับหน้าสุทินล็อกไว้เพื่อให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ แต่ในสายตาเขาสุทินก็ยังขยับไปมาอยู่ดี

สุทินถอนหายใจกับอาการคนเมาที่ยืนตัวไม่ตรงแถมยังตาลายอีก เขากระชับอ้อมกอดก่อนจะพาณิชไปห้องน้ำ หากได้ล้างหน้าล้างตาสักหน่อยเจ้าตัวคงดีขึ้น

“ล้างหน้าหน่อยนะครับจะได้สร่างเมาบ้าง แล้วนี่คุณณิชจะกลับยังไงครับ”

“อือ...” ณิชก้มลงเกาะขอบอ่างล้างหน้าแล้วกวักน้ำใส่หน้าตัวเองหลายครั้ง เสียงครางรับในลำคอดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเงียบไปหลายนาที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองสุทินพร้อมตาแดงก่ำเพราะน้ำเข้าตา “ผมขับรถมาเอง”

“เมาขนาดนี้ขับกลับเองไม่ไหวหรอกครับ ให้ผมไปส่งไหม”

“หงึ” ณิชส่ายหน้าปฏิเสธ “เดี๋ยวน้องชัชไปส่งครับ”

‘น้องชัช’ คือเด็กหนุ่มฝึกงานของบริษัท สุทินเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายที่บ้านของณิช 2-3 ครั้ง ดูเป็นเด็กร่าเริงแต่มีความกวนอยู่ในทื เด็กคนนั้นถือณิชเป็นไอดอลของตัวเองเพราะฝีมือการออกแบบภายในของณิชเก่งมาก ชัชจึงมาขอเรียนวิชากับณิชบ่อยๆ

สุทินมองคนที่เดินไปเกาะโถฉี่แล้วปลดปล่อยของเหลวออกจากร่างกาย เขานึกสงสารณิชจับใจ เพราะนี่ผ่านมา 5 ปีแล้วที่ณิชยังคงรอจีรัชญ์ แม้จีรัชญ์จะกลับมาอยู่วังปริพัตรแล้วก็ตาม แต่คนทั้งคู่กลับไม่เคยเจอกันเลย เขาจำได้ว่าครั้งหลังสุดเจอณิชที่วังปริพัตรก็ราวๆ 4 ปีก่อน หลังจากนั้นเมื่อจีรัชญ์กลับมา ณิชก็ไม่ได้ไปที่วังอีกเลย เจ้าตัวให้เหตุผลว่าหากจีรัชญ์ยังจำตนไม่ได้ก็ไม่อยากทำให้จีรัชญ์อึดอัดใจ

“อ้าว! พี่สุทินสวัสดีครับ” ชัชออกมาตามณิชเห็นสุทินกำลังประคองณิชออกจากห้องน้ำพอดีจึงเอ่ยทัก เด็กหนุ่มยกมือไหว้และยิ้มกว้างให้

“เออ เจอก็ดี พาคุณณิชกลับเลยเถอะ อยู่ต่อคงสลบคาห้องคาราโอเกะ”

“อ่า...แต่หัวหน้า...”

“ก็ช่างหัวหน้าสิ คุณณิชเมาขนาดนี้จะอยู่ไหวได้ยังไง อย่าไปเชื่อพวกผู้ใหญ่มันมาก รีบกลับไปก่อนเลยไป ขืนอยู่ต่อตี 4 ก็ไม่ได้กลับ”

สุทินพูดพร้อมกับพาณิชออกจากร้าน ชัชยืนลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจทำตามที่สุทินบอก เขาเข้าไปเอากระเป๋าของณิชและของตัวเอง ก่อนจะแอบย่องออกมาเพื่อชิ่งหนีงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่

“ขับรถดีๆ ล่ะ” สุทินกำชับเด็กหนุ่มที่ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ส่วนเจ้าของรถหลับไปแล้ว

“ครับ ขอบคุณพี่สุทินมากครับ ผมไปก่อนนะพี่” เขาไม่ได้ดื่มเพราะตกลงกับพี่ณิชไว้แล้วว่าจะขับรถให้ สติเขาจึงครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด สุทินพยักหน้าให้แล้วยืนมองรถยนต์ของณิชที่มีชัชเป็นคนขับเคลื่อนตัวออกจากร้านไป

ชัชพาณิชเข้าห้องนอนด้วยความทุลักทุเล เพราะคนเมาที่หลับอยู่ตอนนี้ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ เลย อีกทั้งร่างกายที่ตัวเท่าๆ กันทำให้เขาแทบแบกณิชไม่ไหว กว่าจะพามาถึงเตียงได้ก็ทำเอาหอบหนักเกือบเป็นลม

“อือ...” ณิชครางในลำคอเบาๆ ชัชที่ทิ้งตัวลงนอนข้างกันนอนมองหน้าณิช

ในสายตาเขาแล้วพี่ณิชคือผู้ชายที่ดูธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าตัวมีเสน่ห์คือฝีมือด้านการทำงาน และเมื่อได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของพี่ณิชยิ่งทำให้เขารู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น พี่ณิชไม่ค่อยดื่ม ไม่ค่อยออกไปเที่ยว สิ่งที่พี่ณิชรักที่สุดในบ้านหลังนี้คือต้นพุดน้ำบุษย์ เจ้าตัวชอบกลิ่นหอมของมันเลยปลูกไว้ริมรั้วหลายต้น พี่ณิชมีเพื่อนสนิทชื่อพี่มิ้ง เขาเคยเจออยู่บ้างแต่ไม่บ่อยนักเพราะรายนั้นจะมาหาพี่ณิชนานๆ ครั้ง

“วันนี้ครบ 5 ปีแล้ว” อยู่ๆ คนที่ชัชคิดว่าหลับก็พูดขึ้นแม้ไม่ลืมตาก็ตาม

“ครับ?”

“มีคนบอกว่าพี่รอใครคนนั้นมา 5 ปีแล้ว”

ณิชพูดอีกครั้ง นึกถึงคำพูดของไอ้มั่นที่ย้ำเตือนเวลาให้เขารู้ว่าเขาเดินทางมาไกลแค่ไหนแล้วก็เศร้า และเพราะเหตุนี้วันนี้เขาจึงดื่มจนเมาหนักขนาดนี้ แค่อยากหยุดความอ่อนล้าที่โผล่ขึ้นมาจากส่วนลึกของความรู้สึก สาดเหล้าเข้าไปกลบฝังมันเพื่อเขาจะได้อยู่ต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้ โดยไม่มีคำว่าเสียใจให้ระคายความรู้สึก

“นานขนาดนี้ถ้าเป็นผมผมเลิกรอแล้ว เลิกรอเลยพี่” ชัชออกความเห็น

“หึ... แค่ 5 ปีเอง เขาเคยรอพี่มานานกว่านี้อีก ให้รอเพิ่มอีกสักหนึ่งวันจะเป็นไรไป”

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนบนใบหน้า ดวงตาสวยเหม่อมองเพดาน ต้องขอบคุณชัชที่ไม่ได้เปิดไฟในห้อง ไม่เช่นนั้นเขาคงอายที่ต้องให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตา

หากพูดว่า 5 ปีนานแล้วมันก็นาน แต่สำหรับเขาแล้ว การรอคอยจีรัชญ์มีเวลาแค่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น การรอคอยของเมื่อวานสิ้นสุดแล้ว เขาเริ่มรอใหม่ในวันนี้และการรอคอยนี้ก็จะสิ้นสุดลงในตอนกลางคืนเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็จะเริ่มต้นรอจีรัชญ์อีกครั้งในวันถัดไป

5 ปีคือเวลาที่ยาวนาน แต่ 24 ชั่วโมงคือเวลาที่สั้นแค่นิดเดียว เขาเพิ่งรอจีรัชญ์ได้ไม่นานเพราะนาฬิกาเพิ่งบอกเวลาเข้าสู่วันใหม่ได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าจะให้เลิกรอตอนนี้ก็คงเร็วเกินไป

“ดอกพุดน้ำบุษย์กำลังจะร่วงอีกครั้งแล้ว”

ณิชพูดแค่นั้นก็ผล็อยหลับไปพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ และนี่คือสิ่งเดียวของณิชที่ชัชไม่เข้าใจ พี่ณิชไม่คบหาดูใจกับใครเลย ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายพี่ณิชก็ไม่เคยมองใคร ขนาดเขาแกล้งหยอดๆ จีบๆ ไปอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีหวั่นไหว

“ทำไมพี่ยังไม่มีแฟน นี่ผมสงสัยจนต้องถามพี่ตรงๆ เลยนะเนี่ย มีคนชอบพี่แถมจีบพี่ด้วยแต่พี่ไม่เอาสักคน”

“มันยังไม่ถึงเวลา”

“โห อายุ 32 แล้วยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอพี่ ถ้าไม่มีตอนนี้แล้วจะไปมีตอนไหน”

“ต่อให้อายุ 80 ถ้ามันยังไม่ถึงเวลาก็คือยังไม่ถึงเวลา”

ในตอนนั้นเขาไม่ได้ถามต่อเพราะคิดว่าเป็นอารมณ์ศิลปินของพี่ณิช แต่มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร พี่ณิชกำลังรอใครบางคนและเจ้าตัวก็ยังจะรอต่อไป ต่อให้นานแค่ไหนพี่ณิชก็ยังจะรอ

*

ชัชงัวเงียตื่นขึ้นมาขยี้ตาดูนาฬิกาเห็นว่า 7 โมงเขาถึงกับรีบลุกจากเตียง เมื่อคืนหลังจากนอนฟังพี่ณิชพูดจนหลับไปเขาก็หลับตาม น้ำท่าไม่ได้อาบด้วยกันทั้งคู่ จนตอนนี้พี่ณิชก็ยังนอนหลับอยู่พอปลุกอีกฝ่ายก็ไม่ยอมตื่น บ่นว่าปวดหัวและจะหยุดงานเพราะไปไม่ไหว

“แกไปเลย ฝากล็อกประตูบ้านด้วย” ณิชพูดแค่นั้นก็นอนต่อ ส่วนชัชก็รีบวิ่งออกไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าหมู่บ้าน

ติ๊งหน่อง

เสียงกริ่งหน้าบ้านทำลายความสุขของคนแฮงค์ที่กำลังหลับได้ที่ ตอนแรกณิชไม่สนใจเสียงนั้นเพราะเขาลุกไม่ได้ แต่ไอ้มั่นกลับตะโกนโหวกเหวกโวยวายใหญ่

“คุณปราณตื่นขอรับ! ตื่นเถิดขอรับคุณปราณ!”

“ผมมึนหัวจะอ้วกเนี่ยมั่น เงียบหน่อยได้ไหม”

“คุณปราณจะนอนต่อไม่ได้ขอรับ ไปดูสิขอรับว่าใครมา”

“อือออ ไปบอกมิ้งว่ากุญแจสำรองอยู่ตรงกระถางต้นไม้ใบที่สาม ไขเข้ามาได้เลย” ณิชพูดทั้งที่ไม่ลืมตา เขาไม่ตื่นเต้นเพราะมิ้งส่งข้อความมาบอกเมื่อเย็นวานว่าเจ้าตัวจะมาหาเขาวันนี้

ไอ้มั่นที่เห็นว่าเจ้านายของตนไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ จึงยอมถอยและไปบอกคนที่กำลังรอยู่หน้าประตูแทน อีกฝ่ายไขประตูเข้ามาด้วยกุญแจสำรองที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เมื่อผู้มาเยือนเข้ามาในบ้านได้ไอ้มั่นก็บอกว่าณิชอยู่ในห้อง มันแทบเก็บอาการดีใจไว้ไม่มิดที่ได้เจออีกฝ่าย

แอด...

ประตูห้องแง้มเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของบ้านที่ยังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่ใส่อยู่หลงเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้น คนที่เพิ่งเข้ามาเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ วางของบางอย่างที่ถือติดมือมาด้วยข้างหมอนที่หนุ่มร่างบางหนุน เขามองชายหนุ่มที่แก้มซีกหนึ่งบี้ไปกับหมอนดูน่าเอ็นดู

“มึงมาทำไมตอนนี้ 5 ปีที่ผ่านมาคุณปราณรอมึงอยู่ทุกวัน ไยมึงเพิ่งมาเอาป่านนี้”

ไอ้มั่นเอ่ยถามพร้อมน้ำตาคลอเบ้า มันสงสารเจ้านายตัวเองจับใจที่ต้องทนอยู่กับการรอคอยทุกวี่ทุกวัน แม้มันจะเข้าใจความรู้สึกรอเป็นอย่างดีเพราะที่ผ่านมามันก็รอคุณปราณกับไอ้หาญมาตลอด แต่ในชาตินี้พอเห็นว่าคุณปราณเป็นฝ่ายต้องรอ บ่าวอย่างมันมีหรือจะไม่เจ็บปวด

“มึงพยายามอย่างที่นายกูพยายามหรือไม่ มึงคิดบ้างไหมว่าถ้าคุณปราณไม่รักมึงคุณเขาจะอยากดูแลมึงไปไยกัน มึง...”

“อื้ออ มั่นนน เงียบหน่อยจะนอน” ณิชบอกทาสผู้ซื่อสัตย์เสียงอู้อี้ เขาได้ยินเสียงไอ้มั่นพูดแต่ไม่ได้ตั้งใจฟังเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร

จีรัชญ์ไม่ได้ตอบไอ้มั่นเพราะอยากให้ณิชได้นอนหลับเต็มอิ่มอย่างที่เจ้าตัวต้องการ เขาทำเพียงแค่เหลือบมองเพื่อนรักที่มองมาอย่างโกรธเคือง แต่ก็ถือว่าดีที่มันยอมให้เขาเข้ามาในบ้าน

ในตอนที่เขาจำอะไรเกี่ยวกับณิชหรือคุณปราณไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บสมุดบันทึกนั้นไว้เป็นอย่างดี เปิดอ่านแทบทุกวันจนจำทุกข้อความได้ขึ้นใจ ทั้งที่ปกติเขาควรจะคืนของที่ไม่ใช่ของตัวเองให้เจ้าของ แต่เขากลับรับสิ่งนั้นไว้และไม่คิดคืนให้ณิชไป แม้แต่ภาพวาดที่เขาชื่นชอบเขาก็จำไม่ได้ว่ามันคือรูปที่เขาได้มาได้อย่างไร

เขาไม่ได้โทรถามณิชว่าทำไมถึงให้สมุดบันทึกเล่มนั้นมากับเขา ไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายเพื่อพูดคุยหรือขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ เขาปล่อยเรื่องราวมาจนกระทั่งเมื่อวานที่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ในตอนเช้าที่ตื่นมาเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกพุดน้ำบุษย์ที่ใกล้ร่วงโรย ในใจหวนคิดถึงรูปดอกไม้หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก ก่อนจะวูบไปและเรื่องราวต่างๆ ก็เข้ามาในหัวราวกับตกอยู่ในความฝัน

เขาหลงลืมเรื่องราวในอดีตจนหมดสิ้น วันเวลาผ่านไปนานหลายปี โดยที่เขาทิ้งให้ณิชจมอยู่กับความทรมานในการรอซึ่งเขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ทั้งที่บอกไว้ว่าจะรักและขอรอคุณปราณแต่เพียงผู้เดียว แต่ไอ้หาญกลับทำให้คุณปราณเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แต่นึกโกรธก่นด่าตัวเองที่ต้องเจอเรื่องราวแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินทางไปหาสุทินตั้งแต่เช้าตรู่

สุทินทั้งตกใจและดีใจที่เขาจำเรื่องราวได้หมด ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าชีวิตของณิชในระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ณิชสบายดีแต่ความสุขที่มีไม่ได้มากล้นเหมือนคนอื่นๆ เจ้าตัวมักซ่อนความเศร้าไว้เสมอๆ สุทินจึงกลายเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายไปโดยปริยาย เพราะสงสารที่เขาจำณิชไม่ได้สักที

จีรัชญ์ใช้เวลาขับรถออกมาเพื่อตามหาที่บ้านของณิชตามที่อยู่ที่สุทินให้มา หลงทางไปหลายรอบแต่ในที่สุดก็เจอ หัวใจเต้นกระหน่ำเป็นจังหวะหนักหน่วงเมื่อเจอบ้านหลังหนึ่ง จุดเด่นของบ้านณิชก็คือต้นพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกไว้ริมรั้วราว 4-5 ต้น มันกำลังออกดอกสีเหลืองเข้มจัด ซึ่งมันบ่งบอกว่าใกล้เวลาร่วงโรยของเจ้าดอกไม้แล้ว

จีรัชญ์เด็ดมันมาหนึ่งดอก เขาก้มลงดมดอกไม้งามในมือ สูดกลิ่นหอมที่ฉุนเอียนในตอนแรกก่อนจะค่อยๆ จางไปทีละน้อยเหลือเพียงความหอมอวลหวานๆ ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผุดรอยยิ้มอ่อนๆ ตอนแรกเขาชั่งใจอยู่นานว่าถ้าเจอหน้าณิชแล้วจะพูดอะไร เขายืนอยู่หน้าบ้านเชยชมต้นไม้ที่ณิชตั้งใจปลูกและดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งเห็นเงาทะมึนของใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันนานเช่นเดียวกัน

“หึ! โผล่หัวมาป่านนี้ จะทำอันใดให้นายกูช้ำใจอีกรึ!” ไอ้มั่นพูดทันทีเมื่อเห็นหน้าเขา แต่อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าเขานั้นมองเห็นเจ้าตัวแล้ว

“กูขอโทษที่มาช้า”

“นี่มึง...มองเห็นกูรึ?” ไอ้มั่นถาม ตาเบิกโตสีหน้าราวกับเห็นผี

“กูไม่ได้ตั้งใจทำให้นายของมึงต้องเสียใจ”

ไอ้มั่นไม่ได้อยู่ฟังต่อ มันหายไปก่อนจะกลับมาอีกครั้งแล้วบอกว่าให้เอากุญแจสำรองไขประตูเข้ามา และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

จีรัชญ์นั่งรอเวลาให้ณิชตื่น เขาใช้นิ้วเกลี่ยผมนุ่มที่ปิดหน้าผากอยู่ให้เปิดขึ้น ก่อนจะก้มลงประทับจูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ทิ้งรอยจูบไว้เนิ่นนานจากนั้นก็ผละออก หน้าตาของณิชเปลี่ยนไปจากเมื่อ 5 ปีก่อนอยู่บ้างด้วยอายุที่มากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนมากจนถึงกับมีริ้วรอย

“อือ...” ณิชครางในลำคอและปัดมือเขาที่กำลังเขี่ยแก้มอีกฝ่ายเล่น ก่อนเจ้าตัวจะลืมตาขึ้นมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก

“อย่าแกล้งดะ...”

ณิชหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ สบตาเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงเพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกัน

“ฝันอีกแล้วสินะ” คนเมาค้างพึมพำเบาๆ

“คุณณิช... คุณไม่ต้องรอผมอีกแล้วนะ” จีรัชญ์ลูบหัวณิช คนที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นเม้มปากน้ำตาเอ่อคลอ

“แค่ในฝันคุณก็ยังใจร้ายกับผมเหรอ”

คำตัดพ้อของหนุ่มร่างบางทำจีรัชญ์ยิ้ม เขาโน้มตัวเข้าไปจูบหน้าผากอีกฝ่าย กดย้ำไป 2-3 ครั้งเพื่อสื่อให้รู้ว่านี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

“คุณไม่ได้ฝัน ผมมาแล้วนะ”

เพียงแค่การกระทำและคำพูดนั้นณิชก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน อาการแฮงค์จู่โจมทันทีแต่เขาไม่สน ชายหนุ่มโผกอดคนตรงหน้าเต็มรักราวกับกลัวว่าจีรัชญ์จะหายไป ก่อนจะปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น

ในที่สุดการรอคอยก็หยุดลง จีรัชญ์มาหาเขาก่อนที่ดอกพุดน้ำบุษย์จะร่วงโรยรอบที่ 50

ณิชสะอึกสะอื้นกับอกกว้าง อยากตะโกนถามโชคชะตาว่าหลังจากนี้จะทรมานอะไรพวกเขาอีกหรือไม่ จะทำให้พวกเขาพลัดพรากจากกันอีกกี่หนกี่พันครั้ง เขากอดอีกฝ่ายแนบแน่นราวกับกลัวจีรัชญ์จะหายไป ดีใจจนไม่สามารถพูดได้จึงมีเพียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอก

จีรัชญ์ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดเริ่มสงบ เขาเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะเช็ดให้อีกฝ่ายด้วย ณิชมองเขาราวกับกลัวว่านี่คือความฝัน มือเรียวของคุณปราณประคองจับใบหน้าไอ้หาญ ดวงตาสวยแทบไม่กะพริบเพราะกลัวคนตรงหน้าจะหายไป น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ว่าไอ้หาญจะเช็ดจะซับอย่างไรมันก็ยังไม่หยุด

“คุณจำได้แล้วจริงๆ เหรอ คุณ...” ณิชเงียบไปก่อนจะเหลือบตามองไอ้มั่น เขายังไม่วางใจเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาให้เขาดีใจเก้อหรือจำได้แล้วจริงๆ กันแน่ สิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ได้คือจีรัชญ์ต้องมองเห็นไอ้มั่นด้วย ทุกอย่างถึงจะเรียกได้ว่าเหมือนเดิมอย่างแท้จริง

“ไอ้มั่นมันโกรธที่ผมทำให้เจ้านายของมันเสียใจ ยังดีที่มันให้ผมได้เข้าบ้าน”

ณิชยิ้มกับคำตอบนั้น น้ำตาไหลอีกรอบแต่เจ้าตัวรีบปาดออก ข้างหมอนมีดอกพุดน้ำบุษย์วางอยู่ เขาหยิบมาดมพลางมองหน้าคนที่เด็ดมันมา ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เพราะเขานอนเน่าตั้งแต่เมื่อคืน รู้สึกอายไม่น้อยที่จีรัชญ์มาเห็นเขาในสภาพนี้หลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี

พอออกมาจากห้องน้ำณิชเห็นจีรัชญ์กำลังเดินสำรวจห้องนอนของเขาอยู่ ณิชแต่งตัวเสร็จก็พาอีกฝ่ายออกมาข้างนอก จีรัชญ์ยังคงสำรวจในบ้านเขาไปเรื่อยเหมือนเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นสิ่งต่างๆ

“คุณจำเรื่องทั้งหมดได้ยังไงหรือคุณตกบันไดแบบผมครับ” ณิชถามออกมาในที่สุด จีรัชญ์ถึงกับหัวเราะกับคำถามนั้น ดวงตาสวยของณิชกำลังจับจ้องเขาด้วยแววตาแห่งความสงสัย

“ไม่ใช่หรอกครับ มันแค่...อยู่ๆ ก็จำได้ขึ้นมาเอง”

ถ้าให้เขาเดาคงเพราะคำว่า ‘ถึงเวลาที่ถูกที่ควร’ เขาสองคนพลัดพรากจากกันหลายภพหลายชาติ มีอุปสรรคมากมายที่ต้องฝ่าฟัน ต้องเจ็บปวดทรมานกับคำว่าเสียใจ ถึงแม้จะเป็นคู่กันแต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาโชคชะตาจึงบันดาลให้เขาทั้งสองต้องจากกัน

ส่วนเรื่องคำสาปที่ถูกแก้ไขแล้วเป็นเพราะตัวณิชเองทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้น แค่คำว่ารักที่คุณปราณมอบให้ไอ้หาญยังไม่มากพอ แต่การกระทำในการเอาตัวเขาไปช่วยไอ้หาญคือข้อพิสูจน์ว่าความรักของคุณปราณมาจากใจอย่างแท้จริง

“สรุปก็คือที่ผ่านมาที่เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันสิ้นอายุขัย ก็เพราะยังไม่ถึงเวลาที่เราสองคนต้องคู่กันสินะ” ณิชถามเสียงแผ่วเบา สีหน้าที่เคยอมทุกข์มาตลอดหลายปีคลายความกังวลลงไปมาก

“แล้วเรื่องคำสาปล่ะครับ ตอนนั้นคุณนิธานเขาจะฆ่าคุณทั้งที่รู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ตาย” นี่คือสิ่งที่ยังค้างคาใจณิชอยู่ชายหนุ่มจึงเอ่ยถาม

“ไม่ใช่ครับ เขาต้องการเอาชีวิตคุณเพื่อทำให้ผมต้องอยู่กับคำสาปต่อไป แต่คุณเอาตัวเข้ามาขวางไว้ โชคยังดีที่ผมไหวตัวทัน ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่ใครจะไปรู้ว่ามันคือข้อพิสูจน์ที่ทำให้คำสาปสิ้นสุดลง”

เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่เขาเลือกพลิกตัวรับแรงกระแทกจากรถ ตัวเขาก็ลอยละลิ่วขึ้นบนอากาศก่อนจะตกกระแทกอย่างจัง ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแล่นไปทั่วร่างจนขยับไม่ไหว ตอนนั้นเขาตกใจกลัวว่าณิชจะเป็นอะไร แต่อีกใจก็ดีใจที่เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทางกายแบบนี้ เพราะมันสื่อให้รู้ว่าคำสาปสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ

“ผมดีใจที่คุณยังไม่ตาย ดีใจมากๆ ที่โชคชะตายังปรานีให้เราได้กลับมาเจอกัน”

ณิชคิดย้อนไปตอนนั้นแล้วไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดที่ทำแบบนั้น เพราะถ้าให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกสักสิบรอบเขาก็คงทำแบบเดิม เขายอมแลกชีวิตของตัวเองแทนที่จะให้จีรัชญ์ต้องเจ็บปวดเพิ่ม แม้เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ไม่อยากให้คนตรงหน้านี้ต้องเจอกับคำนี้อีกแล้ว

“เมื่อคืนคุณไปดื่มมาใช่ไหม สุทินบอกผม” จีรัชญ์ถามเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อ่า...ครับ หัวหน้าพาไปเลี้ยงน่ะ”

“แล้วเด็กที่ชื่อชัชคือใครครับ” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ สีหน้าไม่ได้บ่งบอกความรู้สึก แต่สายตาของชายหนุ่มกลับจ้องคนที่กำลังชงกาแฟดื่มไม่วางตา ไอ้มั่นที่เงียบมานานถึงกับเบ้ปาก

“เจ้าชัชเป็นเด็กนิสัยดี มันดูแลคุณปราณดีมาก”

หากไม่ใช่เพื่อนรักกันมานานจีรัชญ์คงปล่อยผ่านคำพูดนี้ไป คิดว่ามันคือประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ แต่เขารู้ดีว่าไอ้มั่นกำลังกวนประสาทเขา

“กูถามคุณณิช ไม่ได้ถามมึง” จีรัชญ์หันไปพูดกับไอ้มั่นที่ยืนอยู่ตรงประตูครัว แต่เจ้าดวงวิญญาณกลับโต้กลับในทันที

“กูจะตอบแทนนายกู! มึงเสียอีกที่มาทำกระไรเอาป่านนี้ หึ! อยู่ๆ ก็จำคุณปราณได้ แล้วมึงจำได้หรือไม่ว่ามึงพูดกับนายกูคำสุดท้ายว่ากระไร คิดจะมาก็มากระนั้นรึ ไม่คิดจะขอโทษนายกูสักคำรึ คุณปราณให้อภัยมันง่ายไปนะขอรับ”

“ให้อภัยอะไรกันล่ะมั่น ผมไม่ได้โกรธคุณจีรัชญ์สักหน่อย” ณิชพูดพร้อมยิ้มอ่อน รู้สึกขำกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของไอ้มั่นที่เขาไม่ได้ดั่งใจมัน

“แต่มันทำให้คุณปราณเสียใจนะขอรับ”

“ผมเสียใจแต่ผมไม่โกรธ ผมเข้าใจดี”

“ปัดโถะ!” ไอ้มั่นฟึดฟัดออกจากครัวไปแล้ว ทิ้งเพียงจีรัชญ์กับณิชที่มองหน้ากันแล้วหลุดหัวเราะออกมา

“ที่ไอ้มั่นพูดก็ถูกของมัน ตอนนั้นผมพูดไม่ดีกับคุณเลยผมขอโทษนะครับ” ไม่พูดเปล่าจีรัชญ์ยังขยับเข้ามาใกล้ เขากอดหนุ่มร่างบางจากด้านหลังแล้วกดจูบที่ขมับเบาๆ ก่อนจะลามไปยังท้ายท้อย กกหู และสิ้นสุดที่ไหล่ลาด

“ก็ตอนนั้นคุณไม่รู้จักผมนี่ ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว” ณิชหันไปบอกแต่เมื่อพูดจบกลีบปากนุ่มก็โดนจีรัชญ์ครอบครองในทันที

รสจูบที่เต็มไปด้วยความคิดถึง มันนุ่มลึกและรุ่มร้อนจนไม่อาจห้ามใจได้ จีรัชญ์โอบกอดคนที่ตนรักสุดหัวใจไว้แนบแน่น พอๆ กับสองมือเรียวที่จับประคองใบหน้าคมคายไว้ ก่อนริมฝีปากของคนทั้งคู่จะผละออกจากกัน สองสายตาประสานกันสื่ออารมณ์ที่รู้กันเพียงสองคนอย่างลึกซึ้ง ความโหยหาที่มีให้กันและกันส่งมอบผ่านจูบอันดูดดื่มอีกครั้งและอีกครั้ง

*

“กรี๊ดดดด คุณตรีจำพี่ณิชได้แล้ว!! กรี๊ดดดดด” มิ้งหวีดร้องเสียงดังลั่นบ้านทันทีเมื่อรู้ว่าจีรัชญ์กลับมาจำณิชและเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว หญิงสาวกระโดดโลดเต้นก่อนจะสวมกอดณิชแล้วเขย่าร่างบางไปมาด้วยความดีใจ

มิ้งเพิ่งมาถึงบ้านณิชเมื่อครู่นี้ เธอตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ออกมาเปิดประตูให้เพราะณิชกำลังทำกับข้าวอยู่ พอเธอเห็นรอยยิ้มและคำทักทายอย่างคนคุ้นเคยของจีรัชญ์หญิงสาวเก็บอาการแทบไม่อยู่ เธอรีบถามไอ้มั่นก่อนจะเข้ามายืนยันคำตอบสุดท้ายจากณิช จากนั้นก็อย่างที่เห็นว่าเธอทั้งหวีดร้องเสียงหลงราวกับถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง อีกทั้งน้ำตายังไหลพรากด้วยความยินดี

“ฮืออออ หนูจะร้องไห้อะพี่ณิช หนูมาครั้งนี้ก็คิดว่าจะมาชวนพี่ไปเมาเลยนะ เพราะมันครบรอบ 5 ปีที่พี่มาอยู่ที่นี่พอดีอะ หนูจะร้องจริงๆ นะ” หญิงสาวที่น้ำตานองหน้าพูดไม่หยุด ณิชหัวเราะก่อนจะบอกว่า

“แกร้องอยู่เถอะ เช็ดน้ำตาน้ำมูกได้แล้ว”

“ก็หนูดีใจ” มิ้งตอบเสียงเบา ณิชจึงขยี้ผมฟูๆ ของหญิงสาวจนมันยิ่งยุ่งฟูมากกว่าเดิม เสียงหัวเราะจากหญิงชายทั้งคู่ดังไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมาพวกเขาสองคนเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมาก็ว่าได้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานจนคิดว่าจะอยู่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันแบบนี้ต่อไปทั้งชีวิตนี่แหละ

หลังจากณิชทำอาหารเสร็จมิ้งก็ช่วยจัดโต๊ะเพื่อที่ทุกคนจะได้ทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้า จีรัชญ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้ว ส่วนไอ้มั่นยังหน้าตาบูดบึ้งอยู่กับแก้วชานมไข่มุกที่มิ้งซื้อมาฝากจากกรุงเทพฯ หญิงสาวเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าคู่หูของเธอโกรธเพื่อนรักที่ทำให้ณิชเสียใจ เจ้าตัวจึงเมินจีรัชญ์เสียอย่างนั้น

“คุณซื้อบ้านหลังนี้ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอครับ” จีรัชญ์ถามขณะที่ณิชกำลังล้างจาน พวกเขาทานอาหารกันเสร็จแล้ว จากนี้ก็คือเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ มิ้งที่ลางานมาเพื่อมาหาเขาจึงนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟา เปิดหนังดูสบายใจหลังจากเก็บโต๊ะให้เสร็จแล้ว

“ผมเช่าอยู่ครับ ไม่ได้ซื้อ”

จีรัชญ์อึ้งไปกับคำตอบพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉงน ติดจะสงสัยไม่น้อยว่าณิชจะเช่าบ้านอยู่นานขนาดนี้ไปทำไมกัน ถ้าหากซื้อไปเลยคงจะดีกว่า

“เพราะผมคิดว่าสักวันคุณก็จะจำผมได้ และผมจะได้กลับไปอยู่วังปริพัตรผมเลยไม่ซื้อที่นี่ไว้ให้เปลืองเงิน อยู่บ้านเช่าจะสบายเท่าอยู่บ้านตัวเองได้ยังไง อย่าลืมสิครับว่าคุณซื้อวังนั้นไว้และดูแลมันให้ผมน่ะ” ณิชเฉลยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งนั่นทำให้จีรัชญ์ถึงกับเจ็บแปลบในใจ แสดงว่าณิชตั้งใจรอเขาอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะจำได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ

“คุณรู้ไหม ผมปลูกต้นพุดน้ำบุษย์ตายไปสองรอบกว่ามันจะโตจนออกดอก ตอนนั้นผมท้อมากเลยแต่ผมก็ปลูกมันสำเร็จล่ะ” ณิชเล่าให้ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว จีรัชญ์มองคนที่ตอนนี้ยืนอมยิ้มกับเรื่องของตัวเอง เจ้าตัวพูดมันอย่างไม่คิดอะไรแล้ว แต่เขาที่เป็นคนฟังกลับรู้สึกว่าที่ผ่านมาณิชต้องพยายามมากจริงๆ ในการรอเขา

“ผมรักคุณตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วแต่ผมก็ยังรักคุณ รักหมดหัวใจจนไม่รู้ว่าถ้าอยากจะรักคุณมากกว่านี้ผมต้องทำยังไง”

คำสารภาพรักที่พูดออกมาดื้อๆ ทำเอาณิชชะงัก จานในมือที่เต็มไปด้วยฟองจากน้ำยาล้างจานลื่นหลุดมือ เขาหันมองชายหนุ่มหุ่นกำยำที่ยืนใกล้กัน ฝ่ายนั้นมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ดวงตาคมมีหยาดน้ำใสเอ่อคลอ มือใหญ่เกลี่ยผมออกจากหน้าผากเขาก่อนความรู้สึกอุ่นวาบจากริมฝีปากของอีกคนจะประทับจูบลง

“เรากลับไปอยู่ในที่ของเรากันนะครับ กลับไปอยู่วังปริพัตรด้วยกัน”

*


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


ตั้งแต่วันนั้นจีรัชญ์ก็ช่วยณิชขนของกลับมาอยู่วังปริพัตร แน่นอนว่าต้นพุดน้ำบุษย์ที่อีกฝ่ายปลูกก็ถูกย้ายกลับมาปลูกที่วังเช่นกัน มิ้งลางานได้เพียงแค่สองวันจึงต้องกลับไปก่อน แต่ก่อนกลับไม่ลืมแวะทักทายป้าแจ่มและหอบขนมกลีบลำดวนกลับไปด้วย

“อ่า...”

ตุ้บ!

ณิชทิ้งตัวบนเตียงสี่เสาในห้องนอนของจีรัชญ์หลังจากขนของจากบ้านเช่า และทำเรื่องคืนบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาคิดถึงเจ้าเตียงนี่ใจจะขาด กลิ่นแชมพูที่จีรัชญ์ใช้ติดหมอนจนเขาต้องสูดดมให้เต็มปอด ไม่อยากเชื่อว่าการรอคอยของเขาสัมฤทธิผลแล้ว และเขาสองคนได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

จีรัชญ์ยิ้มส่ายหน้าให้กับคนที่ฝังจมูกไปบนหมอนของเขา เจ้าตัวกอดหมอนไว้แน่นและทำท่าจะเคลิ้มหลับจีรัชญ์จึงเปิดแอร์ให้ เขาก้มลงหอมหัวอีกฝ่ายเบาๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายหลับไป

“ไอ้หาญ”

เสียงเรียกของเพื่อนรักดังมาจากมุมหนึ่งของห้องขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องไป เรียกได้ว่าน้อยครั้งที่ไอ้มั่นจะเรียกเขา เพราะมันยังไม่หายโกรธเขาที่ทำให้เจ้านายมันเสียใจ

“ออกไปคุยกับกูข้างนอก” ไอ้มั่นพูดก่อนจะหายไปยืนรอจีรัชญ์อยู่ที่ระเบียงข้างห้อง ตรงจุดนี้จะเห็นสระบัวได้ชัดเจน แม้ตอนนี้จะบ่ายคล้อยใกล้ตะวันตกดินแล้วก็ตาม ความสวยงามของบัวในสระก็ยังอวดโฉมจนกว่าแสงสุดท้ายของวันจะมาถึง

“ยอมคุยกับกูแล้วรึไง” เขาแซวเพราะที่ผ่านมาไอ้มั่นแทบไม่เข้าใกล้เขาเลย หน้าตาของมันปั้นปึ่งบึ้งตึงดูไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“จากนี้ไปมึงต้องดูแลคุณปราณให้ดี กูรู้ว่ามึงดูแลคุณเขาดีอยู่แล้ว แต่จากนี้ไปมึงต้องดูแลเขาให้ดีกว่าที่ผ่านมา” ไอ้มั่นไม่สนใจคำแซวนั้น มันเข้าเรื่องที่ต้องการพูดในทันที

“กูรู้ มึงห่วงนายของมึงแต่ขอให้เชื่อกู จากนี้ไปมันคือเวลาของกูกับคุณปราณอย่างแท้จริง กูจะไม่มีวันห่างคุณปราณไปไหนอีกแล้ว”

ไอ้มั่นมองหน้าเพื่อนรักที่กำลังทอดสายตามองบัวในสระที่ชูดอกเบ่งบานเต็มที่ บางดอกกำลังจะร่วงโรยตามอายุของมัน บางดอกกำลังจะบานในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่มันไว้อวดความสวยงาม

“แล้วนี่คิดยังไงถึงได้หายโกรธกู” ไอ้หาญหันไปถามเกลอรัก แต่ครั้งนี้ไอ้มั่นกลับต่างไปจากทุกวัน ดวงวิญญาณที่ตามติดไอ้หาญกับคุณปราณมาแต่ชาติปางก่อนดูเลือนรางไม่ชัดเจนเหมือนเช่นทุกที

“นี่มึง...”

“คำสาปมลายหายไปแล้ว หากถึงเวลาที่กูต้องไปกูก็ไม่อยากจากไปทั้งที่ใจยังโกรธเคือง”

ไอ้มั่นพูดพร้อมรอยยิ้มเศร้า ในตอนแรกมันไม่ได้สังเกตว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลง จนมิ้งถามก่อนกลับกรุงเทพฯ ว่าทำไมตัวมันถึงดูซีดไป และมันก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมาจนมาวันนี้ ร่างที่ไร้กายหยาบของมันกำลังจะจางหายไปกับสายลม มันจึงคิดว่าควรมาบอกกล่าวกับเพื่อนรักสักหน่อย

“มึงบอกคุณณิชรึยัง”

จีรัชญ์เงียบไปหลายนาทีก่อนจะเอ่ยถามในที่สุด เพราะมัวแต่มีความสุขกับความรักที่มาถูกที่ถูกเวลาจนลืมไปว่าหนึ่งคนที่ติดบ่วงกรรมมาด้วยก็ต้องจากไปสักวันหนึ่ง

ไอ้มั่นส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนหน้านี้แม้มันจะต่อว่าไอ้หาญว่าทำให้นายของมันเสียใจ แต่ใจจริงแล้วมันกลับดีใจมากที่อีกฝ่ายจำคุณปราณได้เสียที มันเฝ้าดูเจ้านายตัวเองนอนร้องไห้กับฝันร้ายในบางคืนนั้นเจ็บปวดใจจึงอยากที่จะให้อภัยในสิ่งที่เพื่อนรักทำได้

แต่ทว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้วว่าคนทั้งสองต้องครองคู่กัน มันจึงได้แต่ตีอกชกหัวตัวเองที่เอาคืนไอ้เกลอไม่ได้ เพราะคุณปราณไม่เคยโกรธไอ้หาญอย่างที่ตัวมันรู้สึก

สองเพื่อนรัก...หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณยืนดูแสงสุดท้ายของวันด้วยกันผ่านความเงียบ ลมพัดหอบเอาความเย็นมาจากบนเขา ท้องฟ้าที่ไร้แสงดวงอาทิตย์มีเมฆครึ้มบ่งบอกว่าฝนกำลังจะตก บรรยากาศระหว่างพวกเขาแม้ไม่มีคำพูดใดแต่ก็เข้าใจกันดี

“กูไม่เคยเสียใจเลยที่ได้เกิดมาเจอมึง ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับกู” จีรัชญ์พูดขึ้นหลังจากปล่อยความเงียบให้อยู่รอบตัวนานนับชั่วโมง ไอ้มั่นยิ้มให้เพื่อนรัก หากมีโอกาสสักครั้งที่มันสามารถมีกายหยาบได้ มันก็อยากมีในเวลานี้เวลาที่อยากกอดลาเพื่อนรักที่สุด

“กูจะไปลาคุณปราณ” ไอ้มั่นเงยหน้ามองท้องฟ้าที่คล้ายกับวันนั้นวันที่มันได้มีลมหายใจครั้งสุดท้าย มันไม่รู้ว่าเวลาของมันจะหมดลงเมื่อไหร่ จึงคิดว่าลาคุณปราณในตอนที่ยังมีโอกาสคงจะดีกว่า จีรัชญ์พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ไอ้มั่นจะหายไป โดยที่จีรัชญ์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ

ไอ้มั่นเข้าห้องของจีรัชญ์มาก็เจอกับณิชที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางเพิ่งตื่นจากการหลับกลางวัน ใบหน้าหวานเปียกชื้นไปด้วยน้ำใส เจ้าตัวใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกจากหน้าก่อนจะเปิดมือถือดูข้อความจากที่ทำงาน

“คุณปราณขอรับ” ไอ้มั่นเรียกอีกฝ่ายเสียงนุ่ม

ในสายตาของมันคุณปราณคือผู้ชายที่เข้มแข็งและอ่อนหวานในคราวเดียวกัน ในยามที่อ่อนแอก็ดูราวกับแก้วเปราะบางพร้อมแตกหัก แต่เมื่อยามเข้มแข็งก็แกร่งดุจหินผา คุณปราณในชาตินี้ทำให้มันเป็นห่วงกว่าในชาติที่แล้วมา เพราะบุคลิกไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคนี่แหละที่ทำให้เขาปวดหัวหลายครั้ง แต่กระนั้นเขาก็ยังรักและซื่อสัตย์ต่ออีกฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลง

ณิชละสายตาจากมือถือก่อนจะยิ้มให้ ไอ้มั่นทรุดกายลงนั่งคุกเข่าก่อนจะก้มกราบเจ้านายที่มันทั้งรักและเทิดทูนสุดหัวใจ ณิชตกใจไม่น้อยกับท่าทีแปลกๆ ของไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ เขานั่งลงเพื่อให้ตัวเสมอกันก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“มีอะไรมั่น กราบผมทำไมบอกแล้วไงว่าสมัยนี้เขาไม่ทำอะไรแบบนี้กันแล้ว”

“บ่าวมาลาขอรับ”

“ลา? ลาไปไหน ผม...มั่น...” ในตอนแรกณิชยังสงสัยแต่เมื่อเห็นแววตาเศร้าของวิญญาณที่อยู่กับเขามานานก็เข้าใจในทันที

“จากนี้ไปคุณปราณดูแลตัวเองดีๆ นะขอรับ อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะขอรับ เวลาขับรถอย่าประมาท บางครั้งคุณปราณขับเจ้าสี่ล้อนั่นเร็วเกินไป บ่าวไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีจนคุณปราณต้องแป็นอันตราย หากบ่าวไม่อยู่แล้วคุณปราณ...

มาถึงตรงนี้ไอ้มั่นไม่สามารถพูดต่อไป น้ำตาของมันไหลอาบแก้มจนไม่สามารถอดกลั้นได้อีก ยาวนานเหลือเกินที่มันได้อยู่กับเจ้านายคนนี้ หลายภพหลายชาติที่อยู่ด้วยกันมาทำให้ความผูกพันมากเกินกว่าจะกักเก็บความเสียใจเมื่อต้องจากกันได้ แต่เมื่อมันได้ช่วยคุณปราณครองรักกับไอ้หาญอย่างที่มันลั่นสัตย์สาบานไว้แล้ว มันก็ต้องจากไปตามที่ควรจะเป็น

“มะ...มั่น...” ณิชไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะก้อนสะอื้นจุกที่คอ เขาเสียใจที่ต้องบอกลาทาสผู้ซื่อสัตย์คนนี้ แต่อีกใจเขาก็ยินดีที่อีกฝ่ายจะได้ไปเกิดใหม่เสียที หลังจากที่อยู่ทำตามคำสาบานของตนไว้มานาน

“ผมขอให้มั่นได้เกิดในที่ดีๆ หากเรามีวาสนาต่อกัน ผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในชาติใดชาติหนึ่ง อึก...ผมขอบคุณมั่นมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทั้งในยามทุกข์และยามสุขมั่นก็ยังอยู่ข้างผมเสมอ ฮึก...สิ่งใดที่ผมได้ล่วงเกินมั่นไปทั้งชาติก่อนๆ และชาตินี้ ผมขออโหสิกรรมนะ”

คงมีเพียงแค่นี้ที่เขาจะตอบแทนความจริงใจ ความซื่อสัตย์ ความรัก และความมั่นคงของไอ้มั่นได้ ไอ้ทาสที่ยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อคนที่มีอำนาจมากกว่าเพื่อช่วยเหลือเจ้านายที่มันรัก เพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักที่มันพูดไว้ตั้งแต่เด็กว่าไอ้หาญคือเพื่อนเกลอที่มันจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

ไอ้ทาสยิ้มให้เจ้านายของมันที่กำลังมองมันด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่ต่างจากตัวมันเลย ไอ้มั่นก้มลงกราบคุณปราณเป็นครั้งสุดท้าย ดวงวิญญาณที่เห็นเริ่มเลือนรางลงทุกขณะ ณิชปล่อยโฮทันทีเมื่อไอ้มั่นหายไปต่อหน้า จีรัชญ์รออยู่นอกห้องเพราะให้เวลาคนทั้งคู่ได้ร่ำลากัน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของณิชเขาจึงเข้ามากอดหนุ่มร่างบางที่สะอื้นจนตัวโยนไว้

การจากไปของไอ้มั่นเป็นตัวพิสูจน์แล้วว่าเคราะห์กรรมของพวกเขาทั้งสามคนสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้ไปพวกเขามีชีวิตที่ตัวเองเป็นคนกำหนดโชคชะตา หากวันใดได้พานพบ...วันเวลาเวียนมาบรรจบอีกครั้ง พวกเขาอาจได้พบเจอและได้ผูกมิตรกันเช่นชาติที่ผ่านๆ มา...

*

ในห้วงความฝันของหญิงสาวที่กำลังหลับใหล เธอได้พบกับคนคุ้นเคยซึ่งเจอหน้ากันบ่อยครั้ง อีกฝ่ายกำลังเดินมาหาพร้อมกับแก้วชานมไข่มุกที่ตัวเองชอบกิน รอยยิ้มอบอุ่นที่เธอไม่เคยเห็นส่งมาให้อย่างจริงใจ

“พี่มั่นไปไหนมาน่ะพี่ แล้วนั่นใครซื้อชานมไข่มุกให้”

“แก้วนี้ของเจ้า ข้าให้”

“โหหห เดี๋ยวนี้ผีเขาเลี้ยงชานมไข่มุกให้คนได้ด้วยเหรอ แล้วนี่พี่จะไปไหน ใส่ชุดหล่อเชียว” มิ้งรับแก้วชานมไข่มุกมาก่อนจะถาม เพราะที่เธอเห็นไอ้มั่นตอนนี้คือเจ้าตัวนุ่งโจงกระเบนสีสดใหม่ สีผ้าไม่ดูมอซออย่างตัวที่ใส่เป็นประจำ เนื้อตัวขัดถูสะอาดสะอ้านราวกับอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

“ข้าต้องไปแล้ว”

“ไปไหน ไม่ไปได้ไหม”

“ไม่ได้ ข้าต้องไปในที่ที่ข้าควรอยู่”

“แล้วพี่จะกลับมาไหม”

ไอ้มั่นไม่ตอบ มันเพียงแค่ยิ้มให้หญิงสาวหัวฟูตรงหน้าที่มันผูกพันราวกับอีกฝ่ายคือน้องสาวของตัวเอง มือใหญ่ขยี้ผมนุ่มฟูนั้นเบาๆ

“ลาก่อนเจ้ามิ่ง”

“โชคดีนะพี่มั่น”

คำกล่าวลาในความฝันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับทำให้น้ำตาไหลในความจริง



บทส่งท้าย

“ฮึบ!”

หนุ่มร่างบางกำลังลากเรือพายลำน้อยออกมาที่สระบัวใหญ่ เพราะตนตั้งมั่นไว้ว่าจะเก็บสายบัวไปทำอาหาร เขารวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักเรือให้ลงไปในสระได้แล้ว จากนั้นเจ้าตัวก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนเรือได้สำเร็จ

“คุณณิช!” เสียงเรียกกึ่งดุจากด้านหลังเรียกคนที่กำลังหาเรื่องใส่ตัวจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง ณิชหันไปมองเห็นใบหน้าถมึงทึงของจีรัชญ์มองอยู่ “คุณคิดจะทำอะไร เอาเรือออกมาพายเล่นทำไมครับ”

จีรัชญ์ถามเสียงดุจนณิชยิ้มแหย ที่จริงวันนี้จีรัชญ์ต้องไปเก็บผลไม้กับนายพลี กว่าจะกลับก็คงเย็นๆ แต่ไฉนถึงมาโผล่เอาตอนสายได้ก็ไม่รู้ เขากะว่าจะทำต้มกะทิสายบัวปลาทูให้สักหน่อย แบบนี้คงอดเซอร์ไพรส์แล้ว

“ผมจะไปเก็บสายบัวที่กลางสระครับ”

“ทำไมไม่รอให้ผมกลับมาก่อน” จีรัชญ์ถามพลาดเดินเข้ามาใกล้ เขาขึ้นเรือจนมันโคลงเบาๆ แต่ณิชก็จับกราบเรือไว้มั่น แม้น้ำเสียงที่ใช้จะดุมากเพียงใด แต่แววตานั้นไม่ได้ดุด้วยเลย

“ผมไม่อยากรอคุณไง ผมคิดว่าคุณจะกลับเย็นๆ เสียอีก” ณิชตอบพร้อมปากที่บึนขึ้นอย่างเสียดายที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์อีกฝ่าย “แต่ผมใส่เสื้อชูชีพนะ” ณิชเสริมพลางชี้ให้ดูว่าเขาใส่เสื้อชูชีพจริงๆ

จีรัชญ์ลอบยิ้มเอ็นดูก่อนจะพายเรือพาณิชไปยังกลางสระ จากนั้นก็กระโดดลงน้ำไปโดยทิ้งเสื้อไว้ให้ณิชดูต่างหน้า

“เดี๋ยวผมเก็บให้ คุณรออยู่บนเรือนั่นแหละ”

จากนั้นการเก็บสายบัวของไอ้หาญที่เป็นหน้าที่อันคุ้นเคยก็เริ่มทันที ณิชรู้สึกเหมือนว่าตัวเองย้อนกลับไปในตอนนั้นที่คุณปราณกับไอ้หาญไปเก็บสายบัวด้วยกัน ภาพวันวานที่ซ้อนทับกับปัจจุบันแม้จะต่างกันแค่วันเวลา แต่ความสุขในเหตุการณ์เดียวกันไม่ต่างกันเลย

สายลมพัดมาเบาๆ โอบล้อมตัวคนทั้งคู่ไว้ ณิชหลับตาลงพลางนึกไปถึงบุคคลหนึ่งที่จากไปนานหลายปีแล้ว ไอ้มั่นไม่ได้ปรากฏตัวให้พวกเขาเจออีก แต่ลึกๆ แล้วเขากลับรู้สึกราวกับอีกฝ่ายไม่ได้จากไปไหน เขาจึงยังคงถือว่าลมที่เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยคือตัวแทนของมัน

*

“พอทานได้ไหมครับ อร่อยไหม มันแย่ไหมครับ” ณิชถามจีรัชญ์พร้อมแววตาที่จ้องด้วยใจจดจ่อว่าจีรัชญ์จะถูกปากกับต้มกะทิสายบัวฝีมือเขาหรือไม่ เมนูนี้แม้เขาจะทำอยู่หลายรอบจนครั้งนี้ไม่มีป้าแจ่มคอยช่วยเหลือ จึงอยากรู้ว่าฝีมือเขาพอจะสู้ป้าแจ่มได้หรือยัง

“อืม...อร่อยดีครับ”

“แสดงว่าไม่อร่อย” ณิชหน้าหงอยลงทันที เขานั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองด้วยท่าทางซึมๆ จีรัชญ์จึงบีบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

“ผมบอกว่าอร่อย”

“แต่คุณคิดนาน”

“ผมกำลังลิ้มรส”

ณิชถึงกับเบ้ปากกับคำแก้ตัวนั้น จีรัชญ์หัวเราะกับสีหน้าของอีกฝ่าย ก่อนณิชจะบอกอย่างตั้งมั่นว่าตนจะทำอาหารให้อร่อยเท่าป้าแจ่มให้ได้

ในช่วงค่ำณิชพาจีรัชญ์มาที่ห้องจัดเลี้ยง แกรนด์เปียโนตัวสวยถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าตัวนั่งลงก่อนจะดึงจีรัชญ์ให้นั่งตามใกล้ๆ ตน

“ในเมื่อต้มกะทิเฟลไปแล้ว งั้นผมจะเล่นเปียโนให้ฟัง”

“เนื่องในโอกาสอะไรครับ”

“ในโอกาสที่ผมอยากสวีตกับแฟน” ณิชเอียงคอตอบพร้อมรอยยิ้มอวด

“คุณจะเล่นเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวให้ผมฟังเหรอครับ โอ๊ย!” คนแซวโดนทุบเข้าที่ไหล่ไม่แรงนัก ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เพราะใบหน้างอง้ำของณิชดูน่ารักไม่หยอก

“ผมจริงจังนะ”

“โอเคครับ จริงจังก็จริงจัง”

“คุณห้ามหัวเราะนะ”

“ครับ”

ณิชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ เขายอมรับว่าตอนนี้ตัวเองเกร็งยิ่งกว่าตอนสอบสัมภาษณ์งานเสียอีก เขาเพิ่งหัดเล่นเปียโนโดยให้จีรัชญ์เป็นคนสอนให้ อาจยังไม่คล่องเท่าอีกฝ่ายแต่เขาก็ซักซ้อมมาเพื่อโชว์จีรัชญ์ในวันนี้

“เก็บเพลงรักนี้ไว้ให้เธอ...”

บทเพลงรักที่เขาเลือกคือเพลง ‘รักคุณเข้าอีกแล้ว’ ความหมายของเพลงที่ตรงตัวทำให้จีรัชญ์ไม่สามารถละสายตาไปจากคนที่กำลังตั้งใจร้องเพลงและเล่นเปียโนได้ หากณิชบอกว่าขอฝากชีวิตไว้กับเขา เขาก็ยินดีดูแลอีกฝ่ายทั้งชีวิตที่เหลือของตัวเองเช่นเดียวกัน

“ผมรักคุณ ยอดดวงใจของไอ้หาญ”

เสียงกระซิบข้างหูหลังโน้ตตัวสุดท้ายสิ้นสุดลง มือเรียวโดนกอบกุมไว้ก่อนจะถูกจุมพิตแผ่วเบา รอยยิ้มของคนทั้งคู่ที่มอบให้กันเต็มไปด้วยความรักที่มี ณิชจำได้ว่าที่ตรงนี้คือที่สุดท้ายที่ชายปราณทิ้งให้หมออนันต์ต้องเสียใจ แต่ต่อจากนี้ไปมันจะไม่มีเหตุการณ์อะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว

“ผมก็รักคุณ ผมจะรักคุณให้มากเท่ากับที่คุณรักผม แม้คุณจะรักผมมานานเป็นร้อยปีแล้วก็เถอะ”


หนึ่งคำรัก ดั่งคำมั่น สัญญาไว้

ว่าที่สุด ของหัวใจ หนึ่งคนนี้

ขอมอบให้ หนึ่งเดียว ทั้งชีวี

หนึ่งดวงใจ ชายคนนี้ ณิชนิรันดร์







จบบริบูรณ์




ขอบคุณทุกการติดตามในบอร์ดนี้นะคะ
หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :3123:



ขอบคุณนักเขียนสำหรับเรื่องราวดีๆ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ในที่สุดไอ้หาญก็กลับมาหาคุณปราณ…

ลาก่อนนะมั่น…
———
ขอบคุณนักเขียนมากครับ สำหรับนิยายเรื่องนี้ สนุกมากครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ขอบคุณนะครับที่เขียนเรื่องราวดีๆให้ได้อ่านติดตามผลงานของคุณผอบ
ชอบสไตล์การเขียนงานแบบนี้ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วชอบ
อย่างน้อยก็เป็นโมเมนต์ดีๆ ในสถานการณ์โควิด19 ในปี2021

ออฟไลน์ momoo1108

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew1: :mew1:
ความรู้สึกอิ่มเอม มีความสุขมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบแล้ว เราชอบอ่านแนวมากๆ
สนุกมากเลยค่ะ
เสียน้ำตาไปหลายลิตร
อยากให้มั่นกลับมาอยู่กันกับ 2 คนนี้
ขอบคุณคนเขียนสำรับนิยายสนุกๆค่ะ

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
หายไปพักนึง กลับมาอีกที จบแล้ว สนุกมากกก ประทับใจมากๆ มีครบทุกรส
น้ำตาร่วงตอนคุณณิชถูกลืม แถมถูกพูดจาร้ายใส่ เคืองไอ้หาญตามไอ้มั่นเลยล่ะ ยิ่งตอนไอ้มั่นมาบอกลา น้ำหูน้ำตาไหลพราก...
มีแต่ความประทับใจเต็มไปหมดเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เรามีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้นะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ทั้งสนุก ทั้งเศร้าเคล้าน้ำตา สงสารหาญมากที่ต้องแบกรับความทุกข์ไว้กว่าจะสมหวังกับปราณเสียน้ำตาไปมากมาย ส่วนมั่นก็เป็นทาสที่จงรักภักดีกับเจ้านายมาก รักนายเลยไอ้มั่น ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายดีๆ สนุกมากค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ขอบคุณนะคะ หน่วงมาก แต่ในที่สุดก็มาถึงวันที่เขาได้รักกันแบบไม่พลัดพราก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด