❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63  (อ่าน 13194 ครั้ง)

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีๆตัดขาดไปเลย อย่าไปญาติดีด้วยพระเอกแบบนี้ หาใหม่เถอะ :fire:

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน15 โสเภณีเช่นข้า ... แตกหัก2

 

     ต่อจากนี้เจ้ากับข้าคงไม่มีโอกาสพูดคุยกันฉันมิตรดังเช่นอดีตอีกแล้ว ในเมื่อข้าต่ำช้าในสายตาของเจ้า เช่นนั้นเราทั้งสองก็อย่าคบหาเสวนากันอีกเลย ข้าถูกเขารั้งคอเสื้อยกขึ้นจนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก หากเทียบความเจ็บปวดบนร่างที่บาดเจ็บมันช่างน้อยนิดกับความรู้สึกปวดหนึบในใจข้าตอนนี้

“ฮึก...ที่ท่านเห็นมันเป็นฝีมือของข้าเอง!! รีบฆ่าข้าเลยสิ!!! หึหึ..ฮ่ะ..ฮ่าๆๆๆๆ” ข้าลืมตาโพลงแล้วหันไปมองพวกมันก่อนเงยหน้ามองฟ้าหัวร่อให้กับความโง่งมของตนเอง

พลั่ก!!

     ตัวข้าถูกโยนมากองอยู่กับพื้นอย่างหมดรูปยิ่งขบคิดข้ายิ่งไม่เข้าใจ ‘ความรักความเข้าใจมันเป็นแบบไหนกัน ความรักที่ให้คนอื่นจนหมดใจให้ไปจนหมดสิ้นอย่างนั้นหรือ? ความรักที่มีแต่การให้ ยอมเสียสละแม้ว่าตัวเองต้องทุกข์ทรมานอย่างนั้นสินะถึงจะเรียกว่าความรักที่ดี ความรักที่ถูกเหยียดหยามและมีแต่ความเข้าใจผิด มันทรมานเกินไป รักแบบนี้ข้าไม่ต้องการ!...ไม่ต้องการมันอีกแล้ว! เวลานี้เหมือนว่าเจ้ากับข้าอยู่กันคนละโลกไปแล้ว’  ข้าลูบทรวงอกตรงหัวใจตนเองเบาๆ ตัวของข้ามันช่างหน้าสงสารจริงๆ

“ถังห้าวฉายท่านมันโง่งมสิ้นดี...อึก...”

     หัวใจข้าตอนนี้มันบีบตัวแน่นอย่างเจ็บปวด พร้อมกับมองหน้าเขา สีหน้าที่วิตกกังวลของเจ้านั้น....ยังไม่กล้าลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ!...

“ดี! ไม่กล้าลงมืองั้นรึ? หึ!... เจ้าคงกลัวเลือดข้าจะแปดเปื้อนมือที่แสนสะอาดของเจ้าสินะ เช่นนั้นเข้าจะลงมือเอง!”

     ข้าคิดจะปลิดชีวิตของตนเองเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงตรงนี้ ทันใดก็ปรากฏเงาดับวูบไหวสิบสายเคลื่อนกายว่องไวพุ่งตรงมายังข้า พร้อมกับเข้าจู่โจมถังห้าวฉายในเวลาเดียวกัน

“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ชิงถิง! โป๋ซี!”

“เฮอะ! มากันให้หมดเลยก็ดี จะได้ฆ่าให้หมดในทีเดียว”  ถังห้าวฉายขู่คำรามตรงหน้าพร้อมกับปะทะกับนักฆ่าชุดดำที่ข้าดูแลอยู่

“ท่านพี่เราคงอยู่ที่นี่นานไม่ได้ คนของพวกมันกำลังมา”

“พี่เซี่ย ท่านรีบพาพี่หยุนหนิงไปก่อนที่นี่ข้าจัดการเอง”

“อืม ระวังตัวด้วย!”

     ข้าเหลือบมองถังห้าวฉายที่มองมายังข้าเช่นกัน ตัวเขานั้นก็กำลังต่อสู้แตกหักกับคนของข้าอยู่โดยไม่สนความเป็นตาย เพียงครู่ระเบิดควันก็ถูกชิงถิงซัดออกไปในทันที

“พวกเราไป!”

 

...

“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

“อืม...แค่ก แค่ก แค่ก”

“กินยาก่อนสิ”

“แค่ก แค่ก..ขอบใจ”

“ที่นี่ที่ไหน?” ข้ากวาดสายตามองดูสภาพบ้านหลังนี้มันไม่ได้คุ้นตาข้าเลย “เป็นกระท่อมล้างที่ข้าสร้างไว้เอง เจ้าสบายใจได้ ในตอนนี้พวกมันไม่สามารถหาพวกเราเจอแน่นอน”

“ฮึก!”

“ดีที่เจ้าบาดเจ็บภายในไม่มาก อาหนิงบอกข้าได้หรือไม่เจ้าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?...เหตุใดคนสกุลถังกับสกุลจูต้องทำร้ายเจ้าด้วยบอกข้าได้หรือไม่”

     ข้าสั่นศีรษะเพราะตัวของข้าก็งุนงงกับเหตุการณ์ในตอนนั้นเช่นกัน สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เป็นแผนการของผู้ใดยิ่งขบคิดก็ยากยิ่งในการหาคำตอบ “มีคนมา!”

     ทันใดด้านนอกก็มีเสียงใบไม้สั่นไหวอย่างผิดปรกติ โป๋ซีเหลือบมองมา ข้าจึงได้พยักหน้าตอบไปเพื่อเตรียมความพร้อม

“ท่านเซี่ยขอรับ”

“มีอะไร?”

“ข้ามีเรื่องจะมารายงาน”

“ว่ามา”

“ตอนนี้คนสกุลจูกับสกุลถังจับคนในเรือนของเราไปขอรับ...ข้าเกรงว่าพวกเราจะกลับไปที่นั่นอีกไม่ได้” โป๋ซีมองหน้าข้าคราหนึ่งก่อนพูดกับสายลับส่งข่าว

“พวกเจ้าพาคนลอบสังเกตเหตุการณ์ลับๆไปก่อนแล้วรอฟังคำสั่งจากข้า... เรื่องของคนที่โดนจับไปข้าจะจัดการเอง...ไปได้”

“เดี๋ยวก่อน!” ข้ารีบเอ่ยถามสายลับของโป๋ซี

“อาหนิงเจ้ามีอะไร?”

“ข้าขอถาม จ้าวปีศาจขาวดำ กับคนของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านเฮยถูกสังหารแล้วขอรับ ส่วนท่านไป๋กับหัวหน้าหอชิงถิงหลบหนีไปได้”

“ฮึก...แค่กแค่ก”

     หากมิใช่เพราะข้าพวกเขาคงไม่ต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ ข้าผิดต่อพวกเขาจริงๆ ข้าไม่มีคำพูดใดจะกล่าวต่อปล่อยให้โป๋ซีจัดการเรื่องราวต่างๆภายในเรือนน้ำค้างหยกต่อไป

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“แล้วเจ้าจะช่วยคนของเราได้อย่างไร?” ข้าหันไปถามโป๋ซีด้วยความกังวล ความเดือดร้อนทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตัวข้าก่อขึ้นทั้งนั้น พวกเขาต้องมารับเคราะห์ให้กับเรื่องไร้สาระของตัวข้าเอง

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เรือนน้ำค้างหยกข้าอยู่มานานกว่าเจ้าย่อมต้องจัดการได้ จริงๆแล้วเจ้าเป็นแค่หัวหน้าหอที่จ้าวตำหนักส่งมาอย่างลับๆ แต่ภายนอกใครๆล้วนรู้ว่าข้าคือเจ้าของเรือนตัวจริงข้าคงต้องไปที่สกุลถังสักคราแล้ว”

“มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้าหรือเปล่าโป๋ซี”

“เจ้าอย่ากังวลไปในยุทธภพไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำหนักร้อยบุปผาของเรามีสาขาที่ไหน ทำอะไรบ้าง เรื่องต่างๆล้วนถูกปกปิดเป็นความลับมาโดยตลอด หากโดนจับได้ก็คงเป็นข้าที่ซวยเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”

“แต่...”

“เอาน่า...เจ้าพักผ่อนอย่าได้โทษตัวเองเลย มานั่งลงก่อน ตอนนี้เจ้าต้องรีบรักษาตัวเองให้หายดี ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จจะรีบส่งข่าวมาให้เจ้า”

“อืม”

     เมื่อโป๋ซีจากไป ยิ่งขบคิดข้าก็ยิ่งแปลกใจ ‘ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหารถังจงฮ่วนคือใคร? ข้าต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง’ ความบาดหมางต่างๆในยุทธภพข้าล้วนเข้าใจดีแต่เหตุการณ์ต่างๆล้วนประจวบเหมาะคล้ายบังเอิญ...มันบังเอิญเกินไป หรือว่าคนที่วางแผนการนี้รู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของข้าและสกุลถังเป็นอย่างดี

 

     พอเงยหน้าก็พบว่าบรรยากาศโดยรอบใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว ภายนอกเงียบสงัด ด้านนอกมีเพียงคนของโป๋ซีเฝ้าอยู่สองคน ยิ่งขบคิดก็ยิ่งอยากสืบหาความจริงข้าจะให้ใครรู้ความเคลื่อนไหวไม่ได้ ข้าอำพรางตัวแล้วเคลื่อนกายออกไปในความมืด ตอนนั้นที่เรือนหลังเขาข้าปะทะกับมือดีกลุ่มหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าตระกูลถังมีอันตรายแล้วเหตุใดจึงเกิดความเข้าใจผิดได้ เป้าหมายของแผนการคือตัวข้าหรือตระกูลถัง

‘ตัวข้ารึ?หรือข้าคือหมากตัวหนึ่งในแผนการตอนนี้ถือว่าพวกมันทำสำเร็จ ก็ดีใจของข้าตอนนี้มีแต่ความด้านชา ขบคิดเพียงแต่เรื่องเข่นฆ่าล้างแค้นเท่านั้น’

 

     เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม กลิ่นละอองเกสรดอกไม้หอมละมุน ภายในสวนของบ้านสกุลถังช่างงามจริงๆ แม้มองผ่านใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องยามมืดสลัวยังน่าชมเพียงนี้ แต่ความงามที่พบเห็นนี้มันไม่ได้ทำให้ใจที่ด้านชาของข้ารู้สึกอะไรขึ้นมาเลย ข้าเคลื่อนกายผ่านเหล่าศิษย์ที่รักษาเวรยาม มาถึงเรือนด้านใน เมื่อได้ยินฝีเท้า ข้าจึงทะยานกายขึ้นไปบนหลังคาด้วยความเงียบ ผู้อยู่ในหีบศพนั่นคงเป็นอดีตประมุขถังจงฮ่วน

..

“สกุลถังเราในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ฮึก...เมื่อเสร็จพิธีศพของพ่อเจ้าคงต้องหาแม่สื่อไปบ้านสกุลจูสักครา เพื่อคุยเรื่องพี่เจ้ากับคุณหนูจู” เสียงของถังฮูหยินกล่าวขึ้น

“แล้วท่านแม่คุยกับพี่ใหญ่หรือยังคะ”

“ทำไมต้องคุย ตอนนี้เขามีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างนั้นรึ ในตอนนี้เขาจะมาบ่ายเบี่ยงต่อไปไม่ได้แล้ว..”

“แต่พี่ใหญ่เขาอาจจะ..”

“อาจจะอะไร?...เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขามีหน้าที่ทำตามเพียงเท่านั้น” เสียงของถังซือซือพูดคุยกับมารดาของนางในห้อง

“ตอนนี้สกุลถังเราตกต่ำถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องอาศัยอำนาจของสกุลจู หากพี่เจ้าไม่ทำตามก็เท่ากับอกตัญญู ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาหากไม่รีบทำอะไร ทุกอย่างที่เคยเป็นของเราอาจตกอยู่ในมือของคนอื่น..การค้าทางตอนเหนือล้วนเป็นของสกุลเว่ยทางตอนใต้ก็เป็นของสกุลจู...เจ้าดูสกุลถังของเราในตอนนี้สิ”

“ข้าเกรงว่าพี่ใหญ่เขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”

“หึ! พี่เจ้านั้นเขาจะคิดอะไรได้ล่ะ ความใจดีของพี่เจ้าจะนำภัยมาสู่ตัวเขาเอง..เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วซือซือ...ว่าแต่ ตอนนี้พี่เจ้าเขาอยู่ไหน?”

“พี่ใหญ่ตอนนี้อยู่ที่คุกค่ะท่านแม่”

“อืม ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าคนที่ลงมือเป็นใคร?” ข้าตั้งใจพวกนางพูดคุยกันจู่ๆก็อาหนิวก็เข้ามาพอดี”คำนับฮูหยิน”

 “อาหนิวคุณชายเจ้าล่ะ”

“คุณชายยังสอบสวนพวกที่จับมาอยู่ขอรับฮูหยิน”

“สืบได้อะไรมาบ้าง?”

“ยังเลยขอรับ คนในเรือนคณิการู้เพียงว่าคุณชายหลี่ เพิ่งเข้ามาในเรือนได้ไม่นานหลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ประวัติของเขาเลย”

“หลี่เสี้ยวเซียน!”

“ใช่ขอรับคุณหนู ก่อนเกิดเรื่องคุณชายกับคุณชายหลี่ได้พากันไปยังเรือนหลังเขา ก็อย่างที่ข้าน้อยรายงานไปนั่นแหละขอรับว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”

“เฮอะ! ยังไงก็ต้องจับตัวเจ้าหลี่เสี้ยวเซียนคนนั้นมาให้ได้ ยุทธภพเงียบสงบมานาน พรรคมารก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวพวกมันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว” เสียงของถังฮูหยินใช้มือฟาดลงบนโต๊ะด้วยความโมโห

 ...

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดักตีฮูหยินดีไหมนะ หมั่นไส้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ใครอยู่เบื้องหลัง?

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
อย่าบอกว่าสกุลจูเป็นคนจัดฉาก

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ตามอ่านทันแล้วค่ะ


สงสัยว่าตายไปแล้วเกิดมายังไง5ปี นายเอกโตเท่าก่อนตายแล้วหรอ รึยังไมาตายกันแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตามอ่านทันแล้วค่ะ


สงสัยว่าตายไปแล้วเกิดมายังไง5ปี นายเอกโตเท่าก่อนตายแล้วหรอ รึยังไมาตายกันแน่
นายเอกโดดผาฆ่าตัวตายแต่ไม่ตายนะ โดนประมุชพรรคมารช่วยไว้แล้วกลับมาเป็นนางโลม

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน16 โสเภณีเช่นข้า ...คุณชายใหญ่สกุลจู

     พอความเคลื่อนไหวของสกุลถังไม่มีอะไรให้น่าสงสัย ข้าจึงขยับกายรีบกลับออกมาโดยไม่คิดเหลียวหลังมองบ้านสกุลถังอีก ความรู้สึกในใจของข้าตอนนี้มันยากเกินกว่าจะอธิบายได้ แต่สิ่งที่ข้าจดจำได้แม่นยำนั่นคือ ความเจ็บช้ำที่คนบ้านนี้มอบให้ การเหยียดหยามและความเข้าใจผิด นับแต่นี้ผู้ใดมันจะมองข้าเลวทรามเช่นไร ข้าก็จะทำตามที่ใจตัวเองต้องการ

 

     เมื่อกลับเข้ามาภายในใจข้ายังคงว้าวุ่น ทำให้ลมปราณในร่างไหลแล่นปั่นป่วนไม่ปรกติ เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในที่รบกวน ข้าจึงข่มความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นให้ความรู้สึกว้าวุ่นสงบลง กำหนดจิตให้นิ่งนั่งลงบนเตียงนอนเดินลมปราณช่วยปรับฟื้นฟูกำลังภายใน ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กับการเดินลมปราณในร่างจึงได้ทุเลาลง

 

‘เหตุใดภายนอกจึงเงียบนัก?’

 

     ภายนอกกลับเงียบเชียบผิดปรกติ สัญชาตญาณในการระวังภัยข้าเริ่มตื่นตัว “นั่นใคร?” พลันก็มีเงาวูบไหวเคลื่อนกายหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงรีบรุดติดตามมันผู้นั้นไปในทันที พฤติกรรมมันผู้นี้น่าสงสัย ข้าเร่งกำลังปราณด้วยวิชาตัวเบาขั้นสูง ไม่นานก็ตามติดกระชั้นชิด พลังฝ่ามือที่เปี่ยมกำลังของข้าพุ่งตรงฟาดไป

ฟิ้ว! มันผู้นั้นกลับหันมาจู่โจมใส่จุดสำคัญของข้า ท่วงท่านี้ดูร้ายกาจและคุ้นเคย

“เฮอะ!”

     อาการบาดเจ็บตอนนี้ได้ฟื้นฟูเต็มกำลัง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด มันโจมตีมาข้าหลบหลีกถอยหลังพลิกตัว แล้วดีดปลายเท้าเข้าหามันพร้อมกระโดดถีบด้วยเพลงเตะชุดหนึ่งพร้อมพลิกกายลงสู่พื้น กวาดเท้าขวาเตะฟาดมันผู้นั้นจนถอยเซไป “โอ๊ะ!”

“หึ!”

     คนผู้นี้ยังคิดจะลองดี มันไม่ลดละรุกไล่หมายคุกคามจู่โจมมาด้วยฝ่ามือ ข้าก้าวถอยคล้ายตั้งรับ ก่อนพลิกกายหงายหมุนพร้อมคว้าจับข้อมือมันกระชากไปด้านหลัง ก่อนรั้งตัวมันมาพลิกหักแขนไขวัหลัง มืออีกข้างของข้าก็ส่งมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ พุ่งปลายมีดสีเงินตรงไปยังลำคอมันผู้นั้นด้วยความเร็ว

“โอ้ย!!! ยอมแล้วๆ”

“หึ เจ้าว่างมากสินะถึงได้มีเวลามาล้อข้าเล่น”

“โอ้ยๆ ท่านพี่ปล่อยๆ นี่ท่านจะฆ่าน้องที่แสนน่ารักคนนี้จริงๆหรือ?”

“หึ ก็ไม่แน่ข้าอาจจะพลั้งมือฆ่าเจ้าจริงๆก็ได้” ข้าละมือก่อนผลักร่างนี้ถอยห่างไป

“โธ่ นับวันท่านยิ่งจะโหดร้ายขึ้นทุกทีแล้วนะ...หึ แม้แต่ข้าท่านก็ไม่ละเว้น” เด็กคนนี้ทำหน้าไม่พอใจข้า พร้อมกับหันมาต่อว่าทันที

“ใครใช้ให้เจ้ามาล้อเล่นกับข้าแบบนี้ล่ะ”

“ก็ข้าคิดถึงท่านนี่นา ...ถามพี่เซี่ยเขาก็ให้ข้ามาดูเอง... ข้าจึงอยากรู้ว่าอาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นหรือยัง”

“อยากจะลองดูอีกรึเปล่าล่ะ จะได้รู้ว่าข้าหายดีหรือยัง”

“ไม่เอาแล้วๆ ท่านเคลื่อนไหวลงมือว่องไวแบบนี้ ...ข้าไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงดีกว่า”

     เด็กหนุ่มในวัย19 ความสูงพอๆกับข้า หน้าตาน่ารักมีชื่อว่าชิงถิง แม้จะซุกซนไปบ้างแต่เขาก็คือคนหนึ่งที่ข้ารู้สึกสนิทและไว้ใจเวลาที่อยู่ด้วยทำให้ข้าไม่รู้สึกเบื่อ ในเวลาที่โป๋ซีออกไปทำภาระกิจนอกตำหนัก

“แล้วนี่เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

“หึ อาจารย์ให้ข้าอยู่ที่หอเร้นเมฆาเพียงผู้เดียว น่าเบื่อจะตาย”

“มันก็ดีไม่ใช่หรือไง..”

“เฮอะ! น่าเบื่อนะสิ...ไม่สนุกเลย วันๆมีแต่ข่าวจากที่ต่างๆส่งมาเต็มไปหมด เรื่องพวกนี้ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ชอบ ข้าจะขออาจารย์ติดตามพี่ดีกว่า เผื่อข้าจะได้เจอหนุ่มหล่อหน้าตาดีๆแบบท่านพี่บ้าง”

“เจ้าเด็กคนนี้...ในหัวเจ้ามีแต่เรื่องพวกนี้รึไง”

“โธ่ท่านพี่..ก็ข้าเหงานี่นา ถ้าข้าขออาจารย์ติดตามท่านได้ไหม นะนะๆ”

“ติดตามข้า? ที่เพิ่งทำภารกิจล้มเหลวน่ะเหรอ สมองน้อยๆที่ไร้สติปัญญาของเจ้ามันคงจะมีปัญหาไปแล้ว...เจ้าติดตามข้าเท่ากับรนหาที่ชัดๆ...”

“ข้ารู้ว่าอาจารย์ไม่ลงโทษท่านพี่หรอก..ข้ารู้ว่าอาจารย์รักและเป็นห่วงท่าน พี่น่ะไม่รู้อะไร เคล็ดวิชาบุปผาสวรรค์กับพลังลมปราณหยกมายาอาจารย์ไม่เคยถ่ายทอดให้ผู้ใด แต่เขาถ่ายทอดวิชานี้ให้กับท่านพี่ เชื่อข้าสิจ้าวตำหนักคนต่อไปต้องเป็นท่านพี่แน่ๆ”

“ชิงถิง!เงียบเลย..นี่เจ้าพูดอะไรรู้ตัวไหม... ศิษย์พี่คนอื่นล้วนมีความสามารถมากกว่าข้าทั้งนั้น...หากพวกเขาได้ยินที่เจ้าพูดมันจะไม่ดี..อีกอย่างข้าไม่มีความคิดอยากจะขึ้นเป็นจ้าวตำหนักเลยสักนิด เป็นประมุขตำหนักร้อยบุปผาเจ้าว่าสนุกนักรึไง หือ..”

“ก็ท่านเป็นเสียแบบนี้ ดีเกินไป แล้วท่านจะต้องคอยรับคำสั่งจากผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้...ถ้าขืนพูดอีกข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้ว”

 “เฮ้อ!ท่านนี่จริงๆเลย....ถ้าท่านไม่ได้เป็นจ้าวตำหนัก สิ่งที่ข้าวาดฝันไว้คงสูญสลายแน่แล้ว อนาคตที่สดใสของข้าก็คงได้แค่ฝัน เฮ้อ!”

“ฝันอะไรของเจ้า? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ..ชิงถิง”

“ ถ้าท่านขึ้นเป็นจ้าวตำหนัก สิ่งที่ข้าฝันไว้ก็คือ....ข้าจะเกณฑ์หนุ่มหน้าตาดีทั่วแผ่นดินมาคอยปรนเปรอข้ากับท่านทุกวันทุกคืนเลยยังไงล่ะ ท่านคิดดูสิมันจะมีความสุขมากขนาดไหน? ฮิฮิ มันดีมากเลยใช่ไหมล่ะ ฮิฮิ..”

“เจ้า!!..เจ้าเด็กแก่แดดคนนี้ สมองน้อยๆของเจ้ามีแต่เรื่องพวกนี้สินะ...ช่างเพ้อเจอนัก...บอกมา...ว่าเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอื่นด้วยหรือเปล่า?”

“ใช่สิข้าเกือบลืม พี่เซี่ยให้ข้ามาบอกกับท่าน ว่าไม่ต้องเป็นห่วง หากท่านหายดีอาจารย์มีคำสั่งให้ท่านกลับไปวังร้อยบุปผา”

“อืม”

     ข้ารู้ชะตากรรมของตนเองดี ภารกิจที่รับมาข้ายังทำไม่สำเร็จ ซ้ำยังทำมันล้มเหลว ครั้งนี้อาจจะถูกลงโทษจองจำหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้ออกจากวังร้อยบุปผาตลอดกาล ช่างเถอะแต่เป็นเช่นนั้นก็ดีเหมือนกันชีวิตข้าในตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว การที่ได้อยู่ในตำหนักร้อยบุปผา บางทีอาจจะสงบสุขมากกว่าโลกภายนอกมากนัก

 

     เรื่องภายในเรือนน้ำค้างหยกแต่แรกโป๋ซีก็เป็นคนดูแลอยู่แล้ว ส่วนคนไร้ความสามารถเช่นข้าคงไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าหอหรือหัวหน้าสาขาใดได้

“แล้วท่านพี่จะกลับไปพบอาจารย์เลยหรือไม่?”

“อืม...ทำไมล่ะ?”

“ก่อนจะกลับวังร้อยบุปผา ท่านไปพักที่หอเร้นเมฆากับข้าเถอะนะ ข้าจะส่งข่าวกับอาจารย์ว่าท่านยังไม่หายดีพักรักษาตัวอยู่กับข้า แล้วข้าจะพาท่านกลับไปพร้อมกัน” ข้าเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเด็กคนนี้ดูช่างไม่น่าไว้ใจ

“นี่เจ้าจะพาข้าไปเล่นซุกซนอะไรอีก”

“โธ่ นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนยังไง?” ชิงถิงยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนมีแผนการคิดไว้ใจ “หยุดเลย! ข้าไม่ไปกับเจ้าแน่”

“โธ่ พี่หยุนหนิง ท่านหน้าตาดีขนาดนี้ท่านไม่คิดจะใช้หน้าตาของท่านแสวงหาความสุขให้กับตัวเองบ้างหรือไง”

“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ข้าไม่ใช่จิ้งจอกน้อยไร้สมองเช่นเจ้า แล้วเลิกคิดในสิ่งที่เจ้าจะทำซะ”

“เฮอะ! ท่านก็เป็นเสียแบบนี้ ไม่รู้จักหาความสำราญให้กับตัวเองบ้างเลย เราเป็นบุรุษไม่มีอะไรให้เสียหายสักหน่อย”

“ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ไปดีกว่า” ข้าไม่อยากฟังคำพูดเพ้อเจ้อของเด็กน้อยแก่แดด จึงคิดเดินหลีกไปอีกทาง “ก็ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว”

“แล้วเจ้าออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ หอเร้นเมฆาล่ะ”

“พี่ไป๋ดูแลแทนข้า ยังไงล่ะ”

“พี่ไป๋!”

“อื้อ..”

     พอพูดถึงพี่ไป๋ ทำให้ข้านึกถึงท่านเฮยขึ้นมาทันทีหากไม่เป็นเพราะข้าเขาคงไม่ต้องมาตายเช่นนี้ ข้าผิดต่อเขาเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้า ชิงถิงกับข้าจึงได้ไปคารวะหลุมศพของเขา พอเดินในเส้นทางหลักเพื่อจะไปยังหอเร้นเมฆาก็มีเสียงของคนร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย! ..ฮือ คุณชายท่านปล่อยข้าไปเถิด..”

“อะไรกันแม่นางน้อย ข้าหน้าตาน่าเกลียดนักรึไงเหตุใดเจ้าถึงได้ทำหน้าตกใจกลัวเช่นนี้”

     เมื่อข้าลอบดูก็พบว่ามีบุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังฉุดคร่าสตรีน้อยนางหนึ่งอยู่ “ท่านปล่อยข้าไปเถอะ...ย่ะ-อย่าเข้ามานะ..ฮือๆ”

“มามา ลุกขึ้นๆ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า คืนนี้ข้าจะดูแลและทนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน..."

     คนผู้นี้กิริยาน่ารังเกียจซ้ำยังมีวาจาโสโครกนัก การกระทำกับสตรีที่อ่อนแอซ้ำยังคิดข่มเหงสตรีไร้ทางสู้ “น่ารังเกียจ โสโครกนัก”

“ไม่นะ..อย่าเข้ามา...ท่านปล่อยข้าไปเถอะคุณชาย ข้าขอร้องท่านล่ะปล่อยข้าไปเถิด ฮือฮือ...” สตรีน้อยนางนั้นคุกเข่าคำนับอ้อนวอนคนใจชั่วยังคงยิ้มกริ่มเหมือนกับหมาป่าที่กำลังไล่ต้อนลูกแกะ

“เฮอะ แม่นางน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายผู้นี้เป็นใคร?...เขาคือคุณชายใหญ่สกุลจู นามว่าจูอี้ฉง ...แม่นางน้อยหากเจ้าทำให้คุณชายของข้าพอใจละก็ รับรองได้ว่าชาตินี้เจ้าจะสบายไปทั้งชาติ ฮ่ะฮ่าๆ”

“นั่นสิแม่นางน้อย พี่ใหญ่ข้าพูดถูก หากคุณชายของข้าไม่ใยดีในตัวเจ้า พวกเราพี่น้องจะอาสาดูแลเจ้าเอง จริงไหม?พี่ใหญ่ฮ่ะฮ่าๆ”

     คนพวกนี้ช่างต่ำช้าไร้ยางอายนัก ยิ่งได้ฟังวาจาที่สกปรกนั่นยิ่งทำให้รู้สึกขยะแขยงพวกมันเกินจะทน เจ้าคนพวกนั้นยิ่งดูข้าก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา พวกมันคืออันธพาลที่เคยไปอาละวาดที่เรือนน้ำค้างหยก หากแต่บุรุษที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี ที่ยืนอยู่คือคุณชายสกุลจูผู้นั้นข้าเพิ่งเห็นหน้ามันเป็นครั้งแรก

“แม่นางน้อย เจ้ามากับข้าเถอะน่า ข้ารับรองว่าจะเบามือทนุถนอมเจ้าอย่างแน่นอน”

 

     ข้ามองสบตากับชิงถิงคราหนึ่ง “ท่านพี่คนพวกนี้ช่างมีกิริยาน่ารังเกียจนัก จับพวกมันเจี๋ยนทิ้งเลยดีไหม มันจะได้ไม่ไปก่อกรรมทำเข็ญกับใครที่ไหนอีก”

“ดีสิ”เมื่อฟังคำพูดที่ชิงถิงเอ่ยมาข้ากลับรู้สึกว่าเห็นด้วย “น่ะ-นี่ท่าน!!...อย่าบอกนะว่าจะทำจริงๆ”

“ทำไม? เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำรึไง”

“นั่นมันคุณชายใหญ่สกุลจูเชียวนะ...เมื่อครู่ข้าเพียงแค่พูดเล่นๆ...ท่านพี่ก็อย่าได้จริงจังกับคำพูดของข้าเลย”

“แต่ข้าจะเป็นคนทำให้คำพูดของเจ้าเป็นจริงเอง”

"พี่หยุนหนิง...ท่านน่ากลัวเกินไปแล้ว"

 

 

 

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน17 โสเภณีเช่นข้า ...ตัดขาดความสัมพันธ์

สายตาข้าเหลือบมองเห็นท่อนไม้ขนาดกำลังเหมาะ จึงได้ใช้เท้าตวัดเตะท่อนไม้นั่นตรงไปยังจูอี้ฉงในทันที

พลั่ก!

“ใคร? ใครช่างบังอาจลอบทำร้ายข้า” จูอี้ฉงกวาดสายตามองด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ท่านพี่ นี่ท่านกำลังจะมีเรื่องกับสกุลจูนะ”

“งั้นรึ...อย่างไรเรื่องทุกเรื่องล้วนถาโถมมายังข้าอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักเรื่องจะเป็นไร หากโดนลงโทษข้าก็ยินดีรับผลที่จะตามมาเอง ข้าไม่เคยคิดเสียใจ” ข้าพูดพลางมองไปยังพวกมันที่ยังคงกวาดสายตามองหาตัวข้าอยู่

“ชิงถิง เจ้ารออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” ชิงถิงทำหน้าเหวอ เขาคงแปลกใจไม่น้อยที่เห็นว่าตัวของข้าชอบแส่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้

“ใครกัน ใครมันบังอาจรนหาที่ตาย” เสียงของพวกมันโวยวาย ข้าจึงก้าวเดินไปปรากฏกายเผชิญหน้ากับพวกมัน

“เป็นเจ้าสินะ ที่ลอบทำร้ายข้า”

พวกมันหันจับจ้องมา ข้ามองพวกมันผ่านหมวกงอบที่อำพรางใบหน้า รอฟังว่าพวกมันจะกล่าวอะไรต่อ โดยไม่คิดอยากเสวนาโต้ตอบกับคนสวะพวกนี้

“เจ้าเป็นใบ้หูหนวกรึไง คุณชายของข้ากำลังถามเจ้าอยู่”

“อย่าคุยกับพวกมันให้เสียเวลา พวกเจ้ารีบจัดการมันซะ”

ทันทีที่สิ้นคำสั่งของจูอี้ฉง พวกอันธพาลก็กรูกันเข้ามา แต่พวกมันมิใช่คู่มือของข้า เพียงพริบตา พวกมันก็ล้มกองนอนกับพื้นร้องโอดโอย จูอี้ฉงยังคงจับกุมข้อมือของหญิงสาวแน่นหนา ข้าจึงก้าวเท้าไปหามันอย่างช้าๆ

“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ”

เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้น จูอี้ฉงมีทีท่าลนลาน สตรีน้อยนางนั้นยิ่งสะบัดมือของตนแรงขึ้นจนจูอี้ฉงผลักร่างนางตรงมา ข้าโอบรับร่างของนางไว้

“ขอบคุณ คุณชาย”

“เจ้ารีบไปเถอะ”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ” ข้าพยักหน้าให้นางคราหนึ่งก่อนร่างที่ผอมบางของนางจะรีบหอบร่างที่กระหืดกระหอบของนางหนีห่างไป

“เฮอะ หมูจะหามริเอาคานเข้ามาสอด เจ้านี่รนหาที่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่นเหลือเกินนะ ก็ดีวันนี้เจ้าจะได้รู้ว่าคนที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านจุดจบมันเป็นเช่นไร”

มันพูดจบก็พุ่งกายเข้ามาทันที กระบวนท่าโจมตีของมันนี้เหมือนกับรนหาที่ตายชัดๆ แต่ข้ามิได้ต้องการปลิดชีวิตอันแสนสกปรกนี้ แค่หวังทำให้มันเจ็บและทรมานหลาบจำไปจนวันตายเท่านั้นเอง

มันจู่โจมด้วยเพลงหมัดชุดหนึ่งตามด้วยเพลงเตะ ทว่าความรวดเร็วของจูอี้ฉงนับว่าอ่อนด้อยยิ่งกว่าจูอี้ซินผู้เป็นน้องสาวอยู่มากโข แสดงให้เห็นว่าบุตรชายคนโตของสกุลจูผู้นี้เสเพลเกียจคร้านไม่เอาไหน ข้าปัดป้องการจู่โจมจากเพลงหมัด มันยังคงตวัดเท้าถีบใส่มาอีก ข้าใช้พลังเพียงสองสามส่วนจึงเอี้ยวตัวส่งปลายมีดสั้น เฉือนตวัดเข้าสู่ข้อเท้าของมันในทันที

“โอ้ย!” จูอี้ฉงล้มลงแล้วพยายามพยุงร่างตนขึ้นถ่ายเทน้ำหนักกายไปที่เท้าซ้ายด้วยการเดินกะโผลกกะเผลก

“คุณชายท่าน เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“เจ้าพวกโง่ ยังจะยืนบื้ออยู่อีกรีบจัดการมันเร็วสิ”

“ขอรับ”

พวกมันเข้ามาห้อมล้อมข้าอีกครั้ง ข้าใช้กำลังไม่มากนักก็จัดการพวกสมุนชั้นต่ำนอนกองอีกรอบ ก่อนเดินไปยังจูอี้ฉง ตอนนี้มันกำลังยืนหยัดทรงกายพยายามดิ้นรนหาหนทางหนี แววตาที่ดูลนลานหวาดกลัวแล้วล้มลงกับพื้นถัดกายถอยพยายามหนีห่างจากข้า ดูช่างน่าสมเพช

“หึ คุณชายจู เจ้านั้นคงรู้จักแต่การทำร้ายผู้อื่นสินะ แต่คงไม่เคยลิ้มรส การถูกผู้อื่นทำร้ายหึหึ ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไรยังสนุกอยู่รึเปล่า”

“ย่ะ-อย่าเข้ามา...เจ้าจะทำอะไร”

นอกจากเสียงร้องลนลานของจูอี้ฉง ยังมีสุ้มเสียงอื่นจากด้านหลังพุ่งตรงมา ข้าจึงพลิกตัวหลบประกายคมดาบอันขาวขวับ แล้วตวัดฝ่าเท้าเตะด้ามจับ ส่งปลายดาบพุ่งไปยังจุดสงวนของจูอี้ฉง

ฉึก!

“อ๊าก!”

ความเจ็บปวดนี้ทำให้มันถึงกับแผดเสียงร้องออกมาเกลือกกลิ้งร่างไปกับพื้นดิน มือทั้งสองกุมจุดสงวนที่เปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน บัดนี้จูอี้ฉงได้กลายเป็นชายพิการที่ไม่สามารถไปข่มเหงย่ำยีหญิงสาวใดได้อีก

หัวหน้าอันธพาลเห็นว่ามันพลาดท่าจึงคิดหนีข้าจึงซัดปลายดาบบนพื้นพุ่งตามเด็ดชีวิตชั่นต่ำของมันจนล้มตึงนอนแน่นิ่งไป ภาพตรงหน้ายิ่งสร้างความหวาดกลัวลนลานให้กับพวกมัน

“เจ้าคือ...ค่ะ-คือโสเภณีชายผู้นั้น!” เสียงของสมุนจูอี้ฉงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“โสเภณีงั้นรึ...หึ...” คำพูดนี้ช่างระคายหูข้าเสียจริง

“ลิ้นของพวกเจ้าข้าว่าอย่ามีเลยจะดีกว่า”

พอได้ฟังยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในคุกรุ่น “เจ้าจะทำอะไรข้า...อย่า...อย่าเข้ามา” จูอี้ฉงลนลานหวาดกลัว

“ทีนี้คุณชายจูคงรู้แล้วสินะ ว่าความหวาดกลัวมันเป็นเช่นไร” ข้าชะโงกหน้าก้มไปคุยกับมันอย่างแผ่วเบา

จูอี้ฉงมีดวงตาที่เหลือกโปนจนแทบจะถลนออกจากเบ้า ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ท่านพี่ระวัง!” ข้าหมุนตัวขว้างหมวกออกไปจนแส้นั้นฟาดหมวกงอบแหลกกระจาย

“ฮึก ท่านแม่! ช่วยลูกด้วย ฮึก...”

“ลูกแม่! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” สตรีวัยกลางคนโผเข้าไปดูอาการจูอี้ฉงในทันที แววตาที่แดงก่ำของนางจ้องมายังข้ามือทั้งสองของนางสั่นระริก

“เจ้ากล้าทำร้ายลูกข้าอย่าอยู่เลย!”

สิ้นเสียงของนางปลายแส้อ่อนก็พุ่งตวัดเกรี้ยวกราดฟาดตรงมาเสียงดังสนั่น ดีที่ไหวตัวเอี้ยวหลบทันมิเช่นนั้นคงบาดเจ็บสาหัส

“พี่ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ข้าได้ยินเสียงเหมือนมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมา เรารีบไปกันเถอะ” ชิงถิงร้องเตือน

“อืม เช่นนั้น แยกย้ายแล้วเจอกันที่หอเร้นเมฆา”

“อื้อ” ชิงถิงพยักหน้ารับก่อนแยกย้ายกันเร้นกายหลบหนี

ระหว่างที่ข้าจะหลบหนีก็มีแส้อ่อนของจูฮูหยินมาสกัดไว้ จึงทำให้ต้องเข้าไปพัวพันรับมือการจู่โจมที่เกรี้ยวกราดและว่องไว แส้ของนางยังคงหมุนวนรอบทิศดุจอสรพิษร้ายที่พร้อมจู่โจมจนข้าหมดสิ้นทางหนี แล้วแส้อ่อนของจูฮูหยินก็พุ่งมา พลันมีฝักกระบี่มาสกัดไว้

“ห้าวฉาย...นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”

“ท่านป้าคนผู้นี้ข้าจัดการเอง”

“อืมได้” จูฮูหยินพอฟังดังนั้นก็รีบเข้าไปดูลูกชายของนางในทันที

‘หึ ในที่สุดก็เจอกันจนได้สินะ’ ใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชาตรงหน้าเขาคือคนที่ข้าไม่อยากพบเจอ แต่ก็ยังมาเจอจนได้

“เสี้ยวเซียน...เจ้าหยุดเถอะ” แววตามองมาพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับเอ่ยขึ้นบอกกับข้าด้วยเสียงแผ่วเบา

“เจ้าคิดว่าเจ้าคือใคร ถึงได้มาสั่งข้า...หรือเจ้าคิดว่าเป็นคุณชาย แล้วคิดมาสั่งโสเภณีตกยากเช่นข้าดั่งในอดีตละก็ เจ้าคิดผิดแล้ว...ลงมือ!”

ถังห้าวฉายถอยกายหนีอย่างเร่งร้อนในขณะที่ข้าพุ่งเข้าจู่โจมดั่งเงาตามตัว ผีเสื้อราตรีถูกซัดส่งไปเพื่อมุ่งสังหารอย่างไร้ไมตรี แต่ถังห้าวฉายมีประสาทสัมผัสและฝีเท้าที่ว่องไวมันบิดตัวหลบกับต้นไม้จึงรอดพ้นจากอาวุธซัดของข้าได้

ใบหน้านิ่งเฉยเย็นชานั่นยิ่งทำให้ข้าทวีความเกรี้ยวกราด ความเจ็บปวดใจกายถูกเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าฟาดฟัน จู่โจมดั่งอสนีบาตฟาดทลาย กล้ามเนื้อทั่วร่างพลังปราณล้วนตื่นตัว เสียงจากการจู่โจมของข้าดั่งสนั่น แต่คนผู้นี้กลับสู้พลางถอยพลางแล้วร่นถอยหนีไม่ยอมโจมตีโต้กลับโดยตรง เพราะเหตุใด จวบจนถึงริมผาสูงไร้ซึ่งทางหนี บัดนี้มีเพียงแค่ข้ากับมันผู้นี้เท่านั้น

“ทำไมเจ้าไม่โต้ตอบ...ฮึ อยากจะจับข้าก็เข้ามาสิ”

ข้าแค่นเสียงถามทว่าใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นยังคงมองจ้องมา ความเรียบเฉยเหมือนเหยียดหยันนี้มันทำให้ข้าไม่ชอบเอาเสียเลย

“หากไม่ลงมือ เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ปราณี” ข้าพุ่งส่งปลายคมมีดใส่ในทันที “ตายซะ!” ถังห้าวฉายกับหลับตาลงจนปลายมีดสีเงินพุ่งตรงไปที่อกซ้าย

ฉึก!

‘ทำไมเขาไม่หลบ?’

“ข่ะ..ข้าขอโทษ! ฮึก!”

“? ข่ะ-ขอโทษ...เจ้าพูดอะไร?”

“ข่ะ-ข้าขอโทษที่เข้าใจเจ้าผิด” ริมฝีปากขยับด้วยเสียงที่แผ่วเบา มือของเขาจับกุมมือข้าไว้ไม่ให้ขยับ ขอโทษงั้นรึ มันง่ายไปหรือเปล่า

“คำขอโทษ..นี้ของเจ้ามันง่ายไปหรือเปล่า ข้าเป็นคนพรรคมาร เป็นคนฆ่าพ่อเจ้า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนเป็นเพราะข้า ข้าเป็นคนทำมันเอง...ทั้งหมดเจ้าได้ยินมั้ยถังห้าวฉาย!! ..”

“ข้ารู้ว่าเรื่องทั้งหมด เจ้าไม่ได้ทำ”

“ฮึก...”

ข้าข่มกลั้นความรู้สึกของตนนัยน์ตาตอนนี้พร่าเลือนเพราะน้ำตา ไม่รู้ว่ามันไหลออกมาเพราะความแค้นที่อัดแน่นหรือความดีใจที่ได้ยินคำขอโทษกันแน่ แต่สิ่งที่ลอยผ่านมาพร้อมกับคำขอโทษคำเดียว ความเจ็บปวดที่ข้าพบเจอเกินกว่าจะลืมมันไปได้ในตอนนี้

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม”

“หึ มันไม่มีที่ใดให้ข้าได้เริ่มต้นใหม่ทั้งนั้น หากเจ้าไม่ฆ่าข้าเสียแต่ตอนนี้ ก็จะมีคนอื่นมาตามสังหารข้าอยู่ดี” ข้าพยายามดึงมือเพื่อเอามีดที่ปักอยู่บนร่างนั้นออกแต่เขากลับรั้งมือกุมปลายดาบไว้แน่นหนัก

“ปล่อย!!”

“ข้าขอโทษ” สายตาของถังห้าวฉายเอ่อล้นไปด้วยประกายของความฉ่ำจากน้ำนัยน์ตา

“ไม่ได้ยินหรือไง ข้าบอกให้เจ้าปล่อย!”

เวลานี้ข้าไม่ต้องการฟังคำขอโทษใดๆ อีก จึงได้ใช้ฝ่ามือกระแทกไป แล้วดึงมีดสั้นที่ปักบนร่างนั้นกลับคืน ถังห้าวฉายกลับไม่ตอบโต้ปล่อยให้ร่างตนที่โดนฝ่ามือข้ากระแทกปล่อยร่างลอยละลิ่วลงจากผาสูง พอข้าเห็นดังนั้นร่างกายพลันขยับไปเองโดยสัญชาตญาณ ความคิดข้ามิได้สั่งการ ข้ากระโดดลงหน้าผาก่อนรั้งกระชากร่างถังห้าวฉายพร้อมพลิกตัว ใช้ฝ่ามือดันร่างคนผู้นี้ด้วยพลังที่มีแล้วปล่อยให้ตัวข้าตกลงไปแทน

“เสี้ยวเซียน!” เสียงที่ลอยมาตามลมอย่างเลือนรางเพราะภายในหูของข้ามีแต่เสียงลมอื้ออึงจึงได้ยินไม่ถนัดนัก

ทว่าข้าก็เห็นแววตากับริมฝีปากที่ขยับอยู่นั้น ความห่วงใยที่มีให้กันอย่างนั้นหรือพอกันที... ถังห้าวฉายเหมือนจะกระโดดตามลงมา ข้าจึงได้ตัดสินใจโยนของสิ่งนี้ให้เขา ข้าจึงหยิบพัดเหล็กกางออกแล้วขว้างซัดออกไปสกัดเขามิให้ตามลงมา เพราะว่าข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือใดจากคนผู้นี้อีกแล้ว ‘พัดเหล็กนี่ เอาคืนไป ข้าไม่ต้องการมันแล้ว’ ข้าปล่อยให้ตัวเองลอยละลิ่วลงมาอย่างอ้างว้าง

‘ใจของข้าในตอนนี้มันขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี เวลาที่มีของเรามันคงหมดลงไปแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่มันคือความห่างไกลที่ไม่มีวันกลับคืนมา จากนี้ไปท่านและข้าคงไม่ได้เจอกันอีก นี่คือความทรงจำสุดท้ายระหว่างเรา’

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
18.บึงมรกต

*ถังห้าวฉาย*

ข้าผิดต่อเจ้าบาดแผลบนตัวข้าที่ได้รับมิอาจสู้กับความเจ็บปวดจากสายตาเย็นชาคู่นั้น เป็นเพราะข้า เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าต้องถูกบีบจนไร้หนทาง ข้าผิดเองที่ไม่ยอมเชื่อใจเจ้า

“พี่ใหญ่!”

“ซือซือ”

“นี่ท่านบาดเจ็บรึ? ไหนข้าขอดูอาการหน่อย”

“ฮึก...ข้าไม่เป็นไร”

บาดแผลเพียงเท่านี้หากเทียบกับความเจ็บปวดภายในใจล้วนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย บาดเจ็บแค่นี้มันแทบจะไม่ทำให้ข้ามิได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ

“แต่บาดแผลของท่านหากไม่รีบห้ามเลือดในตอนนี้เกรงว่าจะเกิดอันตรายได้นะ”

“ไม่เป็นไร...”

“คุณชายขอรับ บ่าวมาช้าไป”

ข้าเห็นอาหนิวในใจของข้าพลันยิ่งทวีความดีใจยิ่งนัก ข้ารีบพยุงกายที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรงโผเข้าหาในทันที เพราะในตอนนี้อาหนิวคือความหวังเดียวของข้าแล้ว

“เจ้ารีบหาคนที่ไว้ใจได้ ลงไปหาคนที่ใต้หุบเขาโดยด่วน” น้ำเสียงที่แผ่วเบาของข้านี้ แจ้งให้กับอาหนิวรีบจัดการ อาหนิวยังทำหน้างุนงง “รีบไปสิ”

“ข่ะ ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” ก่อนอาหนิวจะจากไปข้ารั้งกายเขามากำชับอีกเรื่อง “เจ้าอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด เจอคนแล้วรีบมาบอกข้า”

“ขอรับ”

มินานนักร่างที่พยายามฝืนทนยืนหยัดของข้าก็ทรุดลง

“พี่ใหญ่! ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ข้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยบ่าวไพร่มากมาย เมื่อกวาดสายตามองไปอีกด้านก็เห็นท่านแม่กับซือซือ นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาด้วยทีท่าหวั่นวิตก ทว่าข้ายิ่งกวาดสายตามองหาอาหนิวกับไม่มีวี่แววแม้แต่เงา

“คุณชายฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน คุณหนู”

“ไหนลูกแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ลูกไม่เป็นไรขอรับ”

“ใครกันที่มันทำร้ายเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้” เมื่อฟังท่านแม่พูดข้าได้แต่นิ่งเงียบมิอยากเอ่ยถึง

“พี่ใหญ่ ท่านยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่” ข้าพยักหน้าตอบนาง นางจับชีพจรตรวจอาการของข้าอย่างร้อนรน

“ซือซือ พี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“พี่ใหญ่บาดเจ็บภายนอกเพียงเท่านั้น พักฟื้นอีกไม่นานก็หายดีค่ะ ท่านแม่”

“อืม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว.. แล้วเจ้ารู้หรือไม่ผู้ที่ทำร้ายเจ้าบาดเจ็บมันคือผู้ใด เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเจ้าหรือไม่” ข้าสั่นศีรษะก่อนตอบมารดาไป

“มันผู้นี้ปิดบังใบหน้าลอบจู่โจมข้า ทำให้ข้ามิอาจรู้ได้ขอรับท่านแม่”

“พวกมันต้องมีความเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเจ้าแน่ๆ ข้าจะสั่งให้คนของเราตามสืบและจับพวกมันมาให้ได้ ถึงต้องพลิกแผ่นดินหาข้าก็จะต้องทำ หึ” ท่านแม่มีท่าทางเกรี้ยวกราดก่อนจะหันหลังเดินกลับไป “ลูกแม่เจ้านอนพักเสียเถอะ แม่ไม่กวนเจ้าแล้ว” ข้าพยักหน้าตอบ

“พี่ใหญ่ ท่านกินยานี่แล้วนอนพัก อีกไม่กี่วันท่านก็หายดี”

“ขอบใจมาก”

“เช่นนั้นข้าไปล่ะ”

“อืม”

เสียงฝีเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดิน ตรงมายังหน้าห้องก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตู ข้าเหลือบสายตามอง อาหนิว! ข้าจึงรีบพยุงกายขึ้นในทันที อาหนิวก็รีบรุดตรงมาประครองข้าในทันที

“คุณชายท่านยังไม่หายดี นอนพักเถอะขอรับ”

“ข้าไม่เป็นไร เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปทำ เป็นอย่างไรบ้าง” อาหนิวสั่นศีรษะ

“ข้าน้อยไปถึง ก็สั่งให้คนติดตามสำรวจดูจนทั่ว ไม่พบเจอผู้ใดเลยขอรับคุณชาย”

เมื่อฟังคำตอบของบ่าวคนสนิทยิ่งทำให้ในใจของข้าว้าวุ่นใจนัก ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกัน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หากเจ้ายังมีชีวิตแม้จะอยู่ที่แห่งใดข้าผู้นี้ก็จะออกตามหาเจ้าเอง





*หลี่เสี้ยวเซียน*

สายตาของข้าในตอนนี้พลันพร่ามัว ภายในหัวมึนงงไปหมดเมื่อสำรวจโดยรอบนี่คือที่ใดกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวข้ากันแน่ ทำไมในหัวข้าตอนนี้กลับมีแต่ความมึนงงว่างเปล่าเช่นนี้ เหตุใดจึงจำอะไรไม่ได้เลย ข้าพยายามเพ่งสายตามองไปโดยรอบอีกครั้ง สถานที่นี้มันไม่คุ้นชินเลยสักนิด ยิ่งพยายามครุ่นคิดกลับทำให้ข้าคิดไม่ออก ที่นี่คือที่ใด? ข้าพยายามใช้แขนทั้งสองที่ไร้เรี่ยวแรงพยุงกายขึ้นมาพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วพยุงกายลุกขึ้น ทว่าเรี่ยวแรงกลับหายไปสิ้นจนเกือบทำให้กายทรุดลงไปกองกับพื้น

“โอ๊ะ!” ที่ไหนกัน ที่นี่คือที่ไหน? ครู่หนึ่งก็มีเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาจากด้านนอกห้อง

“คุณชาย”

“อืม”

พลันประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ คนแปลกหน้านี้คือใครกัน “เจ้าตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มนุ่มนวลเปื้อนรอยยิ้มบนหน้าเอ่ยถาม ข้าจึงพยักหน้าตอบ

“ที่นี่คือที่ไหน?” ข้าถามพร้อมกับสบตาบุรุษหนุ่มในชุดสีเขียวอ่อนอันมีใบหน้าคมคายหล่อเหลาตรงหน้า “ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?” อีกฝ่ายยิ้มก่อนเดินเข้ามาพยุงกายข้าให้นั่งลงบนโต๊ะน้ำชา

“ที่นี่คือบ้านข้าเอง ข้าเห็นท่านนอนสลบอยู่ใต้หุบเขา จึงได้พาท่านมาที่นี่” อีกฝ่ายยิ้ม ก่อนใช้สายตาสำรวจตัวข้าอีกครั้ง

“เห็นตัวท่านผอมบางเช่นนี้ แต่ก็หนักใช่เล่นนะ”

คนผู้นี้พูดอะไร ก็ข้าคือบุรุษเพศจะให้ตัวเบานุ่มนิ่ม เช่นอิสตรีผอมบางอรชรได้เช่นไร สายตาเขายังคงจ้องมายังตัวข้าไม่หยุด นี่คงต้องการคำขอบคุณจากข้าสินะ

“ขอบคุณท่านมาก รบกวนแล้ว รบกวนแล้ว” บุรุษผู้นี้เขยิบกายเข้ามาใกล้ข้าอีกครั้งก่อนเอ่ยถาม

“แล้วนี่ใครทำร้ายท่านบาดเจ็บ แล้วท่านมาอยู่ใต้หุบเขานี้ได้อย่างไรกัน?”

ข้าพยายามนึก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก อะไรกันเหตุใดข้าจึงจำอะไรไม่ได้เลย สายตาของบุรุษชุดเขียวจ้องมองอย่างคาดคั้นรอคำตอบ

“ข้าถามท่านอยู่ ได้ยินหรือเปล่า?”

“เอ่อ..ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” บุรุษชุดเขียวยกมือของเขามาเตะบนใบหน้าของข้า

“นี่เจ้าความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือ?” ข้าทำได้เพียงสั่นศีรษะ เพราะตอนนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวของข้ากันแน่ “เช่นนั้นท่านก็พักที่บ้านได้ตามสบายเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องใด”

“ขอบคุณท่านมาก” เขายกยิ้ม

“คุณชายยามาแล้วเจ้าค่ะ”

“อืม เจ้าออกไปได้”

“เจ้าค่ะ”

“ยาบำรุงนี้ท่านดื่มเสียก่อนเถอะ มันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในของท่านให้หายเร็วขึ้น” เขายกถ้วยกระเบื้องส่งมาให้ข้า ข้าพยักหน้าแล้วรับถ้วยยามาดื่ม



ข้าคือใคร บาดเจ็บได้อย่างไร เหตุใดข้าจึงโดนทำร้าย ในระหว่างที่ดื่มยา ข้าเองก็พยายามครุ่นคิด บุรุษตรงหน้าคงเห็นสีหน้าของข้ามิสู้ดีนัก

“ท่านยังไม่หายดี ท่านพักผ่อนเสียก่อนเถอะ”

“รบกวนคุณชายแล้ว”

“ไม่เป็นไร เชิญท่านพักเถอะ หากมีอะไรท่านก็บอกสาวใช้หน้าห้องได้”

ข้านอนรักษาตัวอุดอู้ อยู่ในห้องผ่านไปหนึ่งคืน วันต่อมาอาการของข้าก็ดูจะทุเลาลงไปพอควร ยิ่งมองโดยรอบยิ่งทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงได้ตัดสินใจออกมาเดินเล่นเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก “คุณชายท่านจะไปที่ไหนรึเจ้าค่ะ”

“พวกเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

“เอ่อ แม่นางน้อย ข้ารบกวนถามเจ้าหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

“ที่นี่คือที่ใดกัน “

“สถานที่นี้คือ บึงมรกต เจ้าค่ะคุณชาย”

“อ้อ” ข้าพยักหน้าก่อนเดินจากมา พอเดินมาได้สักพักข้าก็ได้ยินเสียงฉินบรรเลงล่องลอยตามลมแว่วมาชวนให้รู้สึกผ่อนคลายนัก จึงได้เดินไปยังต้นเสียง บุรุษในชุดสีเขียวยกใบหน้าขึ้นพร้อมกับเปรยยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ข้ายิ้มรับ ก่อนเขาจะหยุดบรรเลงฉิน

“ท่านหายดีแล้วหรือ”

“ท่านผู้มีคุณ”

“หืม อย่าเรียกข้าซะจนดูเหินห่างขนาดนั้นสิ ชื่อแซ่ข้าก็มีนะ จริงสินะข้าลืมบอก ท่านเรียกข้าว่าเสียนปิงเถอะ”

“อืม คุณชายเสียนปิง”

“ไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณชายหรอก เรียกข้าว่าเสียนปิงก็พอ จริงสิตอนนี้ท่านจำอะไรได้บ้างหรือยัง” ข้าสั่นศีรษะ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็น ท่านจำอะไรไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าจะเรียกท่านว่าสุ่ยผิง”

“สุ่ยผิง”

“ดูท่านสงบนิ่งดุจน้ำใสในจานหยกขาว ชื่อนี้น่าจะเหมาะกับเจ้าไม่น้อย” ข้าพยักหน้า

“ข้าคือน้ำแข็ง ท่านคือน้ำล้วนเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกันและเป็นชื่อที่ดีสำหรับท่านกับข้า จริงไหม”

ดูบุรุษตรงหน้ายิ้มส่งมายังข้าด้วยความเป็นมิตรไมตรี “อืม” ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยข้าก็ยังมีชื่อให้ผู้อื่นเรียกขาน และชื่อนี้ก็ดูดีไม่ได้เลวร้ายอะไร



วันเวลาที่ข้าได้อยู่ที่บึงมรกตแห่งนี้ ข้ากับเสียนปิงดูสนิทสนมและเข้ากันเป็นอย่างดี อาการบาดเจ็บของข้าในเวลานี้หายดีแล้ว แต่ข้ายังคงรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจไม่เคยลืมแต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เสียนปิงดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญไม่น้อย ชีวิตของเขาดูเรียบง่ายสุขสงบ มีเพียงบางเวลาที่เขาดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ข้าก็ไม่ได้อยากใส่ใจนัก เพราะมันมิใช่เรื่องของข้าที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว คำถามนี้ล้วนวกกลับมายังตัวข้า แล้วตัวข้าล่ะควรจะทำอย่างไรต่อไปกับตัวเองดี ข้าจะอยู่ในบึงมรกตนี้ไปตลอดอย่างนั้นหรือ ข้าเดินลัดเลาะชมต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบพลางครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ข้าคือใครกัน? พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกปวดหนึบอย่างรุนแรงสายตาพลันพร่ามัวเลือนรางแต่ในห้วงความคิดดันมีภาพหนึ่งที่แสนจะเลือนรางผุดขึ้นมาแทน มันคือภาพอะไรกันทำไมข้าพยายามจะนึกก็ยิ่งปวดทรมานนัก ราวกับว่าศีรษะจะระเบิดเป็นเสี่ยง ข้าคือใคร? ข้าคือใครกันแน่ ความรู้สึกปั่นป่วนเกินกว่าที่ร่างกายจะทนไหว ข้าสั่นศีรษะพร้อมกับเอามือทั้งสองกุมขมับทั้งสองข้างเพื่อบรรเทาอาการ ก่อนที่ร่างของข้าจะทรุดลงไปอยู่กับพื้น แต่ก็มีเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบา ว่องไวมาประชิดตัวข้าพร้อมกับประครองกายข้าไว้

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“เสียนปิง”

“ข้าหาเจ้าไปทั่ว นึกว่าเจ้าจากไปโดยไม่ล่ำลาข้าเสียแล้ว มานั่งพักก่อน” รอยยิ้มที่แสนจริงใจของบุรุษตรงหน้าที่แสนอ่อนโยนยิ้มมา พอได้นั่งพักครู่ใหญ่อาการข้าจึงเบาลงไปมาก ก่อนเอ่ยถามเสียนปิง

“เจ้าหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”

“ทำไมกัน ข้ามาหาเจ้าต้องมีธุระด้วยเล่า หากข้าไม่มีธุระก็มาหาเจ้าไม่ได้สินะ” บุรุษตรงหน้าข้าทำสีหน้าบุ้ยเหมือนเด็กน้อยอายุ 7-8 ขวบ ข้ากลับนึกขำในสิ่งที่เขาทำ

“เปล่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ดูเจ้าทำหน้าสิ” อีกฝ่ายคลายสีหน้าลงก่อนเอ่ย

“ข้ากลัวว่าเจ้าอยู่ที่นี่จะเบื่อ เลยพยายามมาคุยและอยู่เป็นเพื่อนเจ้ายังไงล่ะ หากเจ้าอยู่กับข้า เชื่อไหมว่าเจ้าจะมีความสุขตลอดเวลาเลยนะ”

“ดูเจ้าสิ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพเซียนหรืออย่างไร ถึงได้มีความสุข ไร้ซึ่งทุกข์กังวล”

“จริงๆ น้า เจ้าเชื่อข้าสิ หากเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองอยู่กับข้าที่นี่ตลอดไปแล้วเจ้าก็จะรู้เอง” อีกฝ่ายยกยิ้ม “อะไรของเจ้าเสียนปิง ลอยยิ้มแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”

“เปล่า...จริงสิ ข้าจะพาเจ้าไปที่ ที่หนึ่ง”

“ที่ใดกัน?”

ความอยากรู้ของข้าก็เกิดขึ้นโดยพลัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยกขึ้นพร้อมฉุดแขนจนร่างของข้าถลาไปตามแรง ความซุกซนรีบร้อนของเสียนปิง เขาจะพาข้าไปที่ใดกันแน่ ทำให้ข้างุนงงนัก

“นี่เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน?”

เสียนปิงไม่ยอมตอบ ใบหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นช่างทำให้ข้าไม่ไว้ใจเขาเอาเสียเลย หากคนผู้นี้คิดกลั่นแกล้งข้าเล่า ยิ่งคิดข้าก็ยิ่งต้องระวังตัว ยิ่งได้สนิทกันข้าก็ยิ่งรู้ว่าคุณชายเจ้าสำราญผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์และเจ้าแผนการยิ่งนัก หากปล่อยไปข้าอาจเป็นเพียงเบี้ยรองบ่อนให้เสียนปิงกลั่นแกล้งเป็นแน่ ข้าจึงคิดขัดขืน พวกบ่าวไพร่ที่เห็นการกระทำของข้าทั้งสอง พลางหัวเราะกันคิกคัก อะไรกัน พวกเจ้านายบ่าวคิดแกล้งข้าอย่างงั้นรึ เห็นข้าเป็นตัวตลกของพวกเจ้าอย่างนั้นรึ ข้าชี้หน้าใส่บรรดาบ่าวรับใช้และสาวใช้พวกนั้นอย่างเอาเรื่อง

“เสียนปิงเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะพาข้าไปไหน เจ้าคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน”

ข้าหวังจะรั้งให้อีกฝ่ายหยุดแต่เจ้าบ้านี่ดันหยุดการเคลื่อนไหวเสียก่อน พร้อมกับหันหน้ามา ทำให้ข้าไม่ทันระวังผลุบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นี้อย่างพอเหมาะ ‘เจ้าบ้านี่คิดจะทำอะไร’ ข้าตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับยกยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่แสลงหูข้ายิ่งนัก

“เจ้านี่นะ...หากอยากให้ข้ากอดเจ้าก็บอกข้าดีๆ ก็ได้” เมื่อได้ฟังคำพูดเพ้อเจ้อนี้ทำให้ข้ายิ่งงุนงง

“หา! ข้าน่ะเหรออยากให้เจ้ากอด เหอะ!”

สายตาคู่นี้ที่ส่งมาทำข้ารู้สึกคันยุบยิบ คิดอยากจะจกดวงคู่นี้เอาไปบดทำโจ๊กเสียจริง คุณชายเจ้าสำราญดูภูมิฐานกลับมีนิสัยเจ้าเล่ห์ซ้ำยังหลงตัวเองมากโข นี่เจ้าคงจะบ้าคิดเพ้อเจ้อได้มากมายขนาดนี้ ข้าพยายามจะดันกายของตนให้ออกจากอ้อมกอด ทว่าเขากลับกระชับวงแขนไว้แน่นหนากว่าเดิม ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่ง เจ้าบ้านี่คิดจะทำอะไรกันแน่

“เจ้าจะกอดข้าอีกนานไหม?”

“หากข้าบอกเจ้า ว่าอยากกอดแบบนี้นานๆ เจ้าจะให้ข้ากอดอย่างนั้นหรือ?”

เหอะ! อะไรกันเจ้าบ้าเสียนปิงคนนี้ นี่เจ้าท่าทางจะบ้า หรือไม่ก็คงสติไม่ดีสินะ ข้าพยายามขยับตัวดิ้นหนีให้หลุดจากวงแขนที่แน่นหนานี้แต่ก็ไร้ผล ข้าจึงกระทืบเท้าลงบนเท้าของเสียนปิงเต็มแรง แต่ว่าเจ้าบ้านี่กลับหลบได้อย่างว่องไว หึ..แสดงว่าเจ้าคงทำแบบนี้กับใครต่อใครมาบ่อยสินะถึงได้ช่ำชองนัก

“เสียนปิงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่ปล่อย!”

“เจ้าอยากให้ข้า ฆ่าเจ้าใช่ไหม” ข้าขบกรามอย่างเหลือทน

“นี่เจ้ากล้าฆ่าบุรุษรูปงามเช่นข้าได้ลงอย่างนั้นหรือ” เจ้านี่มันคือคุณชายที่หลงตัวเองขั้นสุดจริงๆ

“หากเจ้ายังไม่ปล่อย ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าล่ะนะ”

“เอาสิ”

อีกฝ่ายยักคิ้วท้าทายเย้ยหยัน เจ้าบ้านี่อยากลองดีกับข้าสินะได้!! ระหว่างที่ข้าพัลวันอยู่กับการขัดขืนเพื่อออกจากอ้อมกอดเสียนปิง ก็ได้ยินเสียงตะกร้าไม้ไผ่สานตกลงสู่พื้น ทำให้ข้าและเสียนปิงต้องหันไปหาที่มาของเสียง

“ค่ะ-คุณชาย บ่ะ-บ่าวไม่เห็นอะไร ไม่เห็นอะไรเลยเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้นางถึงกับก้มหน้างุดงุดรีบเก็บดอกบัวใส่ตะกร้าอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของนางดูเขินอายแดงกร่ำ

“โอ้ย!” ข้าใช้ศอกกระทุ้งใส่ท้องน้อยของเสียนปิงจนเขาอุทาน และรีบออกจากวงแขนนั้นอย่างเร็วไว

“ม่ะ-มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ” ข้ารีบเอ่ยบอกกับสาวใช้พร้อมกับก้มลงไปช่วยนางเก็บดอกบัวที่ตกอยู่กับพื้น นางยังคงก้มหน้าเขินอาย

“บ่าวไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลยเจ้าค่ะ”

“นี่เจ้า! เจ้าจะไม่พูดอะไรกับนางหน่อยเหรอ?” ข้าหันไปตะคอกใส่เสียนปิง อีกฝ่ายยักไหล่ไม่สนใจในคำพูดของข้าเลยสักนิด สาวใช้นางนี้พอเก็บดอกบัวใส่ตะกร้าเสร็จนางก็รีบวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงหันขวับหมายเอาเรื่องเจ้าบ้าตัวต้นเหตุที่ยืนยกยิ้มอย่างไม่ยี่หร่ะตรงหน้า

“เจ้า! เจ้านี่นะ” ยิ่งเห็นการกระทำก็ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกอับจนคำพูดไม่รู้ว่าข้าควรสรรหาคำด่าใดมาด่าทอคนผู้นี้ได้

“เร็ว เราไปกันได้แล้ว”

“เจ้าจะพาข้าไปไหนกันแน่ เสียนปิง!”

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองแหละ เร็วเข้า”

เสียนปิงยิ้มพลันจับข้อมือข้าแล้วดีดตัวด้วยวิชาตัวเบาขึ้นไปบนอากาศ ปลายเท้าเขาแตะลงบนใบบัวใบแล้วใบเล่า ดุจวิหคเหินบนกิ่งไม้ เพียงครู่ก็ถึงกลางบึงที่กว้างใหญ่กลางบึงมีศาลาเก๋งหลังงามตระหง่านอยู่ เขาพาข้ามาที่นี่อย่างนั้นหรือ

“สวยจัง”

ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งามนักน้ำในบึงสีเขียวมรกตดอกบัวบานสะพรั่งทั่วทั้งบึง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกบัวลอยมาตามลม ข้าเผลอหลับตายกแขนสูดอากาศเข้าไปมันทำให้รู้สึกสดชื่นนัก เพียงครู่ก็ได้ยินเสียงฉินบรรเลงดังกังวาน ท่วงทำนอง สุกใส ทำให้สุนทรีย์นัก

เสียงของฉินที่ดีดบรรเลงหมดจดดั่งหยดน้ำหล่นกระทบลงบนจานหยกเนื้อบาง ยิ่งอยู่กลางบึงมรกตเช่นนี้ เปรียบดังเช่นมัจฉาแหวกว่ายกลางนทีที่ใสเย็น ข้าหันไปมองเสียนปิงที่ดีดฉินบรรเลงในตอนนี้ เขาเหมือนสลัดคราบของบุรุษร้อยเล่ห์มากรักไปหมดสิ้น เมื่อเขายกยิ้มส่งมายังข้า ยิ่งทำให้ภายในใจของข้าเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อข้ามองไปโดยรอบบึงก็เห็นเงาของบ่าวรับใช้ของเสียนปิงกำลังพายเรือตรงมา เหมือนกับว่ามีเรื่องด่วน รีบมาแจ้งให้ผู้เป็นนายได้ทราบ

.....******….



ปล. คนเขียนกลับมาแล้วจ้า พอดี ที่หายไปนานเพราะว่าติดงาน ติดธุระต้องจัดการหลายอย่างทำให้ไม่มีเวลามากนักต้องขอโทษด้วยนะครับ คนเขียนไม่ได้ทิ้งไปไหน เพียงแต่ว่าด้วยเวลาที่มีจำกัดทำให้ไม่ค่อยว่าง พอมีเวลาว่างก็ต้องพักผ่อนทำให้ไม่มีเวลาได้ลงมือเขียน ขอโทษผู้อ่านอีกครั้งนะครับ หยก...

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :hao3: นายเอกกำลังโดนเต๊าะสินะ น้อน..เนื้อหอม อิอิ :o8:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน19/1 โสเภณีเช่นข้า ....ข้าคือใคร?

“คุณชายเจ้าค่ะ”

เสียนปิงจำต้องหยุดบรรเลงฉินลง พร้อมกับเงยหน้ามองไปที่บ่าวรับใช้ “มีอะไร?”

“คุณชายถังมารอพบคุณชายเจ้าค่ะ”

“เขามาที่นี่ทำไมกัน?”

เสียงของเสียนปิงบ่นพึมพำ คุณชายถังเขาคือใครกัน เป็นคนแบบไหนกัน ข้ามองไปที่สีหน้าของเสียนปิงในตอนนี้ คิ้วของเขาดูขมวดเป็นปม นั่นยิ่งทำให้ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจนัก

“เช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ”

เสียนปิงหันมาพูดกับข้า คนอย่างข้าจะทำอะไรได้ล่ะก็สถานที่นี้มันคือสถานที่ของผู้อื่น หากข้าแสดงตัวว่าอยากอยู่ที่นี่นานสักหน่อยก็ดูจะไร้มารยาท นอกเสียจากพยักหน้าตอบรับ แต่ดูเหมือนเสียนปิงจะรู้ใจข้าจริงๆ

“เจ้าชอบที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ข้ายักคิ้วไหวไหล่ “อืม ก็ดี”

“หากเจ้าอยากจะมาที่นี่เมื่อไหร่ ก็บอกได้เลย ข้าจะพาเจ้ามาเอง”

เสียนปิงอมยิ้มในระหว่างที่จ้ำไม้พายลงบนผิวน้ำอย่างชำนาญ น้ำในบึงแห่งนี้ช่างดูใสนักเมื่อข้าลองนำมือลงไปสัมผัส ผืนน้ำนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น เมื่อมองไปที่คนที่พายเรืออยู่ด้านหน้าส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซ้ำยังยักคิ้วไหวไหล่ดูช่างยียวนกวนประสาทข้าเสียเหลือเกิน ข้าเห็นว่าใกล้ถึงฝั่งแล้วจึงตัดสินใจ ใช้มือทั้งสองวักน้ำใส่เสียนปิง

“โอ๊ะ! นี่เจ้ากล้าแกล้งข้างั้นรึ” หึมันได้เวลาเอาคืนของข้าต่างหากล่ะ เจ้าเสียนปิงหยุดพายเรือมองมาที่ข้าเพื่อหาเรื่อง ข้าไหวไหล่ไม่แยแส ทันใดนั้นเรือลำนี้ก็โคลงเคลงไปมา

“เสียนปิงนี่เจ้าจะทำอะไร เดี๋ยวพวกเราก็ตกลงไปในน้ำหรอก” ดูท่าข้ายิ่งโวยวายเท่าใด เจ้าคนตรงหน้ากับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“เสียนปิงเจ้าจะหยุดหรือไม่หยุด”

“ข้าไม่หยุด..ก็เจ้าเป็นแกล้งข้าก่อน”

เสียนปิงทวีความรุนแรงในการโยกเรือให้โคลงเคลงหนักขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเจ้านี่จงใจจะคว่ำเรือลำนี้

“เจ้าต้องบ้าอยู่แน่ๆ ข้าบอกให้เจ้าหยุด”

“ข้าไม่หยุด!” ท่าทียียวนท้าทายเช่นนี้ช่างป่วนประสาทข้าดีจริงๆ “นี่เจ้า!”

คนตรงหน้าข้ายกยิ้มก่อนใช้ฝ่ามือตบลงบนกาบเรืออีกฝั่งอย่างแรงจนเรือโยกไหวหนักขึ้นทำให้ร่างของข้าเสียสมดุล เจ้าบ้านี่คงคิดจะแกล้งให้ข้ากลายเป็นลูกหมาตกน้ำอย่างนั้นหรือ? หนอย! มันจะมากไปแล้ว คิดกลั่นแกล้งคนเช่นข้ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หึ ข้าจำต้องนำมือทั้งสองตบวางบนกาบเรือ แล้วถ่ายเทพลังลงไปเพื่อให้เรือลำนี้สงบนิ่งดังเดิม

ซ่า!

“โอ๊ะ!” คนตรงหน้าข้าก็มิได้มีที่ท่าว่าจะหยุดกลับใช้ไม้พายตวัดน้ำพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าข้าเต็มๆ “นี่เจ้า!”

“ฮ่ะ..ฮ่ะฮ่ะ”

เสียงหัวเราะสะใจเย้ยหยันข้า แค้นนี้ข้าจะปล่อยให้มันผ่านไปไม่ได้ ข้าเห็นเจ้าบ้านี่คิดใช้ไม้พายตวัดน้ำอีกรอบ แต่คราวนี้ข้ามีบทเรียนแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด จึงได้ใช้เท้าเตะสกัดไม้พายออกไป

“นี่เจ้าลงมือกับข้ารึ”

“ก็เจ้าคิดทำร้ายข้าก่อน”

“นี่แหน่ะ”

“โอ้ย!” มืออีกข้างของมันวักน้ำจากด้านข้างใส่มาที่ข้าอีกรอบ

“นี่เจ้ายังไม่หยุดใช่ไหม” ท่าทียียวนท้าทายเช่นนี้ ข้ารู้สึกเหลืออดจึงได้ยืนขึ้นในทันที

“เวลาเจ้าไม่พอใจนี่ ก็ดูน่ารักดีนะ”

“เจ้าพูดบ้าอะไร” ระหว่างที่ข้าเผลอเสียนปิงตบฝ่ามือลงบนกาบเรือจนโยกโคลง เพียงครู่มันผู้นี้ก็เคลื่อนกายมาประชิดตัวข้าแล้วฉุดดึงก่อนพาร่างข้าทะยานขึ้นบนอากาศ

“เราเล่นสนุกกันพอแล้ว รีบขึ้นฝั่งกันเถอะ”

เดี๋ยว! รอยยิ้มแบบนี้ เจ้าบ้านี่คิดจะเลิกง่ายๆ ก็เลิกได้อย่างนั้นหรือ มันง่ายไปหรือเปล่า ข้าคิดสะบัดมือแล้วกะฟาดฝ่ามือใส่ให้มันผู้นี้หล่นลงบึง เพื่อข้าจะเป็นฝ่ายชนะยืนมองดูเสียนปิงเป็นลูกหมาตกน้ำเสียหน่อย

“โอ๊ะ!”

ยังไม่ทันที่ข้าจะทำการตามแผนที่คิดไว้ เจ้าเสียนปิงเหมือนกับอ่านใจข้าออกจนทะลุปรุโปร่ง ข้าโดนฉุดรั้งกายเข้าหาก่อนมันนำมืออีกข้างโอบเอวข้าในทันที ก่อนดีดกายทะยานไปด้านหน้าด้วยวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ แม้ข้าพยายามสลัดเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมกับโดนท่อนแขนนี้รัดแน่นจนต้องจำใจทะยานลงสู่ท่าน้ำด้านหน้า โดยมีคนผู้หนึ่งยืนมองอยู่

“พี่ห้าวฉาย!”

เสียนปิงเอ่ยทักทายบุรุษชุดขาวผู้นี้ ทว่าเขากลับนิ่งงันไม่ไหวติง ในตาที่จ้องมองมายังข้าทั้งสองแววตาที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงคู่นั้น มันเป็นแววตาแสดงถึงอารมณ์แบบใดกันแน่โศกเศร้าหรือว่าปีติยินดี ข้ายิ่งดูยิ่งไม่เข้าใจ




ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน19/2 โสเภณีเช่นข้า ....ข้าคือใคร?

“พี่ห้าวฉายมาหาข้าท่านมีธุระอะไรหรือ?”

เสียงนอบน้อมของเสียนปิงที่มีต่อบุรุษชุดขาวผู้นี้ แต่เขากลับนิ่งงันไม่ไหวติงเหมือนกับว่าที่เสียนปิงเอ่ยขึ้นมิได้เข้าโสตประสาทของเขาเลย นั่นอาจเป็นเพราะมีข้าอยู่เขาจึงไม่สะดวกคุยธุระกันหรือเปล่า

“ข้าขอตัวก่อน” ข้าเอ่ยกับเขาทั้งสองแล้วจึงเดินผ่านบุรุษชุดขาวตรงหน้าไป

หมับ!

ข้าจำต้องหยุดชะงักเพราะความงุนงง เพราะแขนของข้าถูกคนผู้นี้รั้งไว้ จึงได้หันไปมองเขา “อะไรหรือคุณชาย?”

ข้าเอ่ยถามทว่าเขากลับมองมามิได้เอ่ยวาจาใด ช่างแปลกคนเสียจริง เมื่อเขาไม่ตอบข้าจึงแกะมือออก ทว่าเขากับกำข้อมือข้าแน่น ไม่ยอมปล่อยข้าจำต้องใช้กำลังบิดสะบัดเขาจึงยอมปล่อย

‘บ้าจริงคนอะไร มารยาทถึงได้ทรามนัก’

เสียนปิงเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าจึงเอ่ยถามคนผู้นี้อีกครั้ง “พี่ห้าวฉาย”

“หือ!”

“ท่านมีเรื่องใดกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

ข้ามิได้ใส่ใจบทสนทนาของคนทั้งสอง เมื่อแยกตัวออกมาพร้อมกับคลำคลึงข้อมือที่รู้สึกขัดอยู่เล็กน้อย

...



ในยามมืดสงัด ผู้คนในเรือนมรกตล้วนแต่หลับใหล คงมีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้นที่ยังข่มตาหลับไม่ลง จึงได้คิดออกมาเดินเล่นสูดอากาศเสียหน่อย เมื่อเดินคิดอะไรไปสักพักบุรุษชุดขาวผู้นั้นก็แทรกเข้ามาในความคิดของข้า เหตุใดข้าจึงคุ้นหน้าคนผู้นี้ ไม่หรอกข้าอาจจะคิดไปเอง

“ยังไม่นอนอีกหรือคุณชาย”

นี่ข้าคิดถึงเขาจนเสียงและภาพเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าข้าเชียวหรือ ข้าตื่นตะลึงจนกระทั่ง บุรุษชุดขาวรวบพัดในมือเคาะมาที่ต้นแขน

“คุณชายท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” นี่คือเขาจริงๆ สินะข้าไม่ได้คิดเพ้อเจ้อไปเอง

“เอ่อ!” เขาเลิกคิ้วชันมองข้าอย่างสงสัยพร้อมเอ่ย “ดึกแล้วท่านยังไม่นอนอีกรึ”

“ถ้าข้านอนเจ้าจะเห็นข้ายืนอยู่ที่นี่ได้งั้นรึ...ขอตัว”

“ช้าก่อน”

เขาไม่รอให้ข้าเดินผ่านไปมือที่ถือพัดไว้กางอ้าเพื่อขวางทาง ‘พัดเล่มนี้ช่างดูคุ้นตาข้าเสียจริง’ ข้ามองดูอยู่ครู่หนึ่งอย่างลืมตัว

“ข้ากับท่านไม่รู้จักกัน ข้าเองก็ไม่ได้มีเรื่องใดจะคุยกับท่าน เหตุใดจึงต้องขวางข้า..รบกวนหลีกทางด้วย”

“แต่ข้ามี” ข้าสบตามองบุรุษมารยาททรามผู้นี้

“เช่นนั้นท่านก็รีบกล่าวมา” คนผู้นี้ยังคงนิ่งเงียบ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องยืนอยู่จึงตัดสินใจเดินเลี่ยงผ่านไป

“ได้ข่าวว่าท่านมีปัญหาเรื่องความทรงจำ?”

เจ้าบ้าเสียนปิงช่างปากสว่างนัก คอยดูเถอะข้าเจอเจ้าจะง้างปากตัดลิ้นของเจ้าเอามาสับทำไส้ซาลาเปาให้สุนัขกินเสีย

“อืม” ข้าตอบไปก่อนเดินต่ออีกสองสามก้าว

“แล้วท่านไม่อยากฟื้นความทรงจำหรือ?”

“ท่านต้องการอะไร?” สัญชาตญาณข้าตื่นตัวทันทีเมื่อคนผู้นี้เอ่ย เขามีเหตุผลใดกันแน่

“ถึงข้าจะความจำเสื่อมไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหากับข้า หรือเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน ขอตัว”

ในเมื่อไม่มีเรื่องใดจะคุยต่อข้าจึงเดินออกมา ทว่ากลับมีเสียงของคนผู้นั้นลอยตามลมมา

“ถ้าข้าบอกว่าข้ารู้ว่าท่านคือใครล่ะ”

เมื่อฟังแล้วข้าจึงจำใจหยุดฝีเท้าลง เขาเป็นใคร เขารู้จักข้าจริงๆ หรือ “หากคุณชายไม่อยากรู้เช่นนั้นข้าขอตัว”

คนผู้นี้คือใครกันเหตุใดเมื่อเจอกันทำไมไม่บอกความจริงหรือพูดกับข้าตรงๆ เขามาดักรอพูดกับข้าในยามค่ำมืดเช่นนี้ มีจุดประสงค์ใด หรือว่าเขาหวังผลอะไรจากการที่ข้าความจำเสื่อมกันแน่ หึข้าไม่ตกหลุมพรางของเจ้าหรอก

“ข้าไปละนะ” เจ้าจะไปไหนก็ไปสิ เหตุใดจึงพูดพร่ำเพรื่อตะโกนบอกทำไมกัน

“ข้าไปจริงๆ นะ”

‘เหอะ! เหตุใดข้าต้องสนใจเจ้าว่าจะไปหรือจะอยู่’

!?!

แล้วคนผู้นี้จะไปที่ใดกันแน่ เฮ้อ!! ข้านี่นะช่างนิสัยเสียจริงๆ ข้าพร่ำด่าตนเอง ความอยากรู้ดันผุดขึ้นมาเสียก่อน หากเราแอบติดตามดูพฤติกรรมของคนผู้นี้อย่างลับๆ อาจจะมีประโยชน์ ข้อหนึ่งข้าไม่มีทางเสียผลประโยชน์หากเขาคิดใช้สอยหลอกลวง ในขณะที่ข้าความจำเสื่อม ข้อสองถ้าหากคนผู้นี้รู้จักข้าจริงๆ ก็เท่ากับว่าข้าได้รู้ว่าตัวเองคือใคร มองเหตุผลไหนล้วนแต่มีประโยชน์ต่อข้าทั้งสิ้น

“ไปแล้วน้า!!” บุรุษผู้นี้เดินคลี่พัดเหล็กในมือโบกไปมาบ่นพึมพำลอยมาตามลม

“เขาคงจำเจ้าไม่ได้แล้ว ตอนนี้เจ้ามันไร้ความหมายเจ้ารู้ตัวหรือเปล่า”

‘คนผู้นี้บ่นอะไรข้าไม่เห็นจะเข้าใจ’

“พัดเหล็กเอ๋ยพัดเหล็ก เจ้าดูสิ แม้แต่นายของเจ้าเขาเห็นเจ้า ก็ยังจำเจ้าไม่ได้ เจ้าคิดว่ามันน่าเสียใจหรือเปล่าล่ะ เจ้ามันไร้ค่าในสายตาเขาไปแล้ว ข้าล่ะสงสารเจ้าจริงๆ เฮ้อ!”

นอกจากเจ้าบ้าเสียนปิง นี่ข้าต้องมาเจอคนประสาทที่เดินพูดคุยกับพัดเหล็กอย่างเจ้านี่อีกคนหรือนี่ เหอะ! วิกลจริตโดยแท้ แต่ว่าพัดนั่นก็ช่างดูคุ้นตาข้าเสียจริง หรือว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับข้า ใช่สิ! ต้องใช่แน่ๆ ไม่ได้เราจะตกหลุมพรางคนผู้นี้ไม่ได้ จู่ๆ เจ้าคนวิกลจริตก็หยุดยืนทอดถอนใจอยู่ริมน้ำ

“เจ้าพัดเหล็กเอ๋ย ในเมื่อเจ้าของเจ้าเขาไม่ต้องการเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่รู้จะเก็บเจ้าไว้ทำไม มิสู้โยนเจ้าทิ้งไปอยู่อย่างเงียบสงบในบึงไม่ดีกว่าหรือ” หรือว่าเจ้าคนนี้คิดจะโยนพัดนั่นทิ้งน้ำ

ฟิ้ว!

“ช่ะช้า...ก่......” ข้าจำต้องกระโดดทะยานไปกลางอากาศเพื่อหวังคว้าพัดเล่มนั้นมิให้ตกน้ำแต่ข้ากลับช้าไป เพราะเจ้าบ้านี่โยนพัดทิ้งไปจริงๆ ด้วย

จ๋อม!

ตู้ม!!

ไม่ทันเสียแล้ว บัดนี้พัดเหล็ก ข้าก็คว้าเอาไว้ไม่ทัน มิหนำซ้ำตัวข้ายังตกลงมาในบึงที่เย็นฉ่ำ

“เจ้าโยนพัดนั่นทิ้งทำไม”

ข้าโวยวายกับมันผู้นั้น ที่ทำสีหน้าตกตะลึงริมน้ำ “อ้าวคุณชายข้านึกว่าท่านกลับไปแล้ว”

“เจ้า!!” ข้าไม่รีรองมควานหาพัดเล่มนั้นอีกหน บางทีมันอาจจะเป็นเบาะแสเพียงชิ้นเดียวที่จะฟื้นความทรงจำของข้าก็ได้

บุรุษในชุดขาวยืนมองดูข้า งมควานหาพัดเล่มนั้นพร้อมกับยิ้มมองมายังข้า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพัดเล่มนั้นเป็นของข้า เหตุใดไม่เอามันมาให้ข้า” ข้าโวยวายทันทีมันผู้นี้ต้องการยั่วโทสะข้าสินะ

“คุณชายท่านเข้าใจผิดแล้ว!” เขายังคงยืนเอามือไขว้หลังยิ้มเยาะ

“เข้าใจผิดอะไร ก็ข้าเห็นว่าเจ้าโยนพัดเล่มนั้นลงน้ำเมื่อครู่”

บุรุษชุดขาวหัวเราะ แล้วคลี่พัดออกมาโบกอย่างอารมณ์ดี “นี่เจ้า!! หลอกข้า!!”



…TBC…

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด