มูนตะวัน (คุณพระจันทร์ที่ผมรัก) อัพเดตตอน 20 รักนะคุณพระจันทร์ end
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มูนตะวัน (คุณพระจันทร์ที่ผมรัก) อัพเดตตอน 20 รักนะคุณพระจันทร์ end  (อ่าน 6418 ครั้ง)

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2020 16:37:17 โดย moon.star »

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทนำ

ดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าจะดูแลดอกทานตะวันที่อยู่บนพื้นดินได้ยังไงกัน
ถ้าพูดถึงดอกทานตะวันใครๆ ก็ต้องนึกถึงพระอาทิตย์ น้อยคนที่จะนึกถึงดวงจันทร์...
แต่ผมอยากเป็นดอกทานตะวันที่โดนดวงจันทร์ส่องแสงมากระทบดอกทานตะวันต้นนี้จัง .......
.
.
.
.
.
เฮ้อ.... ชีวิตมหาลัยของผมยังคงวุ่นวายเหมือนนักศึกษาทั่วไป เรียน อ่านหนังสือ สอบ เที่ยว เล่น นอน ผมเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังโตขึ้น ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องส่วนสูง -*- ที่ผมคิดว่าผมไม่น่าจะโตไปกว่านี้แล้ว แต่ถือว่าอยู่ในมาตรฐานของชายไทยล่ะน๊า 175 นี่มาตรฐานอยู่ใช่มั้ยนะ..... ตามนั้นล่ะแม้ว่าจะไม่สูงมากแต่ผมถือว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แม้ผมจะไม่ได้หล่อเหลามาก แต่ผมก็ถือว่าตัวเองดูดีล่ะ ตาไม่ตี่แต่เวลายิ้มตาก็เป็นสระอิอยู่นะ จมูกไม่ได้พุ่งโด่งแต่ก็มีแบบน่ารัก น่ารักเหมาะกับผมดี แต่ก็จะมีส่วนที่เกินหรือล้นออกมาหน่อยก็คงจะเป็นแก้มผม ที่ใครๆก็ชอบกันจั๊งงง ชอบจับ ชอบดึง ชอบบีบ จนแก้มผมช้ำอยู่บ่อยๆ ทำไมไม่ไปเสริมกันเอาวะจะได้ไม่ต้องมาเล่นแก้มคนอื่นเขา อย่างเช่นตอนนี้ที่เพื่อนๆผมมันรุมประทุร้ายกับแก้มผม

“พวกเหี้ยย ! หยุดเล่นแก้มกูได้แล้ว”   ฮ่วยยยย อย่าให้อ้ายตะวันต้องสูนนนนน

“ฮ่าๆ ก็แก้มมึงน่าจับนี่หว่า ดูๆ เด้งดึ๋ง เด้งดึ๋ง เหี้ยเอ้ย อยากได้มาเป็นเมีย”

“เหี้ยบูมมมมม หยาบคายมากกกกกก ! ได้ผัวแบบมึง กูยอมให้รถชนตาย”  จากนั้นทุกคนก็หัวเราะเสียงดังมองว่าเป็นเรื่องตลก มันก็ตลกอ่านะ แม้มันจะล้อว่าอยากได้ผมเป็นเมียอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ชินเสียที ใครมันจะไปชินวะ ผมออกจะมาดแมนแฮนซั่มจะให้ไปเป็นเมีย เหอะ ไม่มีทางหรอก


ผม ชื่อ “ตะวัน” เรียนนิเทศศาสตร์  ปี 2 ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ชื่อดังพอสมควร ครอบครัวผมก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งเพราะป๊ากับม๊าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผมมีพี่ชาย 1 คน ชื่อ “ภู” ห่างกัน 4 ปี เราสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันดีฮะ ซึ่งตอนนี้เรียนโทอยู่อังกฤษ ม๊าบอกว่าก่อนตั้งท้องพี่ภูกับผม ม๊ามีหนังสือในดวงใจเล่มหนึ่ง ชื่อ “ภูตะวัน” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเดินทาง ม๊าชอบมาก เลยเอามาตั้งเป็นชื่อลูก คนโตชื่อภู คนเล็กชื่อตะวัน แจ่มสุดๆไปเลยม๊าของตะวันเนี่ยยย
ผมเป็นลูกคนเล็กที่มีนิสัยขี้อ้อนหน่อยๆ ทุกคนเลยตามใจผมในทุกๆเรื่อง รวมถึงเรื่องเรียนด้วย ป๊าม๊าให้เรียนในสิ่งที่ชอบผม ผมชอบการถ่ายรูปแม้จะถ่ายไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็ชอบเอามากๆ โดยเฉพาะดวงจันทร์ตอนกลางคืน ผมมักจะถ่ายดวงจันทร์ทุกวันและก็อัพไว้ในอินสตราแกรมส่วนตัวของผม ไม่ได้คุมโทนอะไรเลย แค่ชอบก็เลยลง เพราะแบบนี้เลยเลือกที่จะมาเรียนนิเทศ เก๋มั้ยฮะ


“นี่ๆ ยัยมะนาว แกเห็นเพจคิ้วท์บอยลงรูปล่าสุดยัง ?” น้ำเสียงของแตงโมนี่เต้นตื่นดี๊ด๊าสุด ทำเอาเพื่อนๆในกลุ่มหันไปมองอย่างสนใจ

“เห็นแล้วววว พี่มูนคนหล่อ โอ๊ยแก อกอีแป้นจะแตก ทำไมพี่เขาต้องเกิดมาหล่อขนนาดนี้ ฮือออออ” คนนี้ท่าจะเป็นหนักอีกคนแล้วล่ะกับคนที่ชื่อพี่มูนอะไรนี่ จะหล่อขนาดไหนเชียว ผมยังไม่เคยเห็นรูปหรือตัวจริง เห็นแต่เพื่อนๆของผมและสาวในมหาลัยต่างพากันกรี๊ดและอวยในความหล่อ

อยู่ดีๆ ก็มีเสียงคนกรี๊ดกันอย่างแตกตื่นมาจากทางด้านหลัง ทำเอาพวกผมสงสัยกันไปด้วย ว่าดารามาหรือเปล่า สาวๆในคณะถึงจะได้กรี๊ดแตกตื่นกันขนาดนี้

‘แกๆ พี่มูนมาทำอะไรคณะเราอ่ะ โอ๊ยโคตรหล่อเลยอ่ะ’

‘พี่มูนคนหล่อออ ฮืออออ หล่อมากๆเลยแก’

‘พี่มูนมาทำไรที่ที่อ่ะ ฉันจะเป็นลมเพราะความหล่อพี่มูน’ 

อะไรมันจะขนาดนั้นแม่คุณณณ ไม่ใช่แค่นี้นะ จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงสาวๆพูดถึงความหล่อของผู้ชายคนนี้รวมถึงสองสาวเพื่อนผมที่วิ่งไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วเรียบร้อย

“มึงๆ คนที่ชื่อพี่มูนอะไรนั่นอ่ะ หล่อขนาดไหนกันเชียวว่ะชักอยากเห็นหน้าแล้วดิ”  เออนั่นดิ มันจะหล่อกันสักแค่ไหนเชียว วู้ยยย ว่าแล้วผมก็เห็นด้วยกับคำพูดของแมนเพื่อนสุดหล่อ ดีกรีเดือนมหาลัยปีที่แล้วด้วยยยย ไม่อยากจะอวดเลยว่ามีเพื่อนเป็นเดือนมหาลัย ฮุฮุ
.
.
.
.

....... ตอนนี้ รอบตัวผมหยุดนิ่งไปทุกอย่างแม้แต่ตัวผมก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย เพียงเพราะผมหันไปเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ดูโดดเด่นออกมาจากฝูงชน ร่างสูงที่ทำให้สะดุดตา ไหนจะผิวสีขาวราวกับน้ำนม ใบหน้าหล่อและสวยไปในตัว ไหนจะตาที่คมเฉี่ยวเหมือนตาจิ้งจอก สันจมูกก็โด่งทำให้ใบหน้านั้นหน้ามองเข้าไปอีก รวมถึงริมฝีปากบนที่ดูใกล้เคียงกับคำว่าปากกระจับนั่นอีก โอ้โห....... นี่ผมตายแล้วหรือเปล่า ถึงได้เจอเทพบุตรตอนกลางวันแบบนี้.....
ผมว่า
.
.
.
เนื้อคู่ผมคงชื่อ “พี่มูน” แล้วล่ะ 


“ตะวัน ตะวัน ไอ้ตะ.วัน !”  ปึก เสียงมือของบูมที่มากระทบกับหัวผมเองครับทุกคนอย่าได้สงสัย

“โอ๊ย อะไรของมึงเนี่ยบูม กูเจ็บ” โหดร้ายขยันทำร้ายน้องตะวันกันจังเล้ย

“ก็กูเรียกมึงหลายครั้งแล้ว ใจลอยไปหาใครวะ ขึ้นเรียนได้แล้วหรือจะนั่งใจลอยต่อก็ได้นะ เดี๋ยวบอกพ่อประสิทธิ์มึงให้ว่า คะแนนน้องตะวันเยอะแล้วครับ เขาเลยไม่อยากได้คะแนนควิซในคาบนี้ ฮ่าๆ”

“ไอ้เหี้ยบูม หยุดเลยนะ หยุดให้กูกัดเดียวนี้ โทษฐานแกล้งน้องตะวันนนน” สับขาอย่างไวเลยครับเพื่อให้ตามไอ้เหี้ยบูมคนนั้นให้ทัน หน็อยยยย ขอเตะตูดหน่อยเถอะ

และแล้วคาบเรียนครั้งนี้ของผมก็หมดไปอย่างรวดเร็วเพราะตะวันคนนี้มัวแต่ใจลอยไปหาพี่มูนคนหล่ออยู่น่ะสิ ฮือออออ ทำให้คาบนี้เรียนไม่รู้เรื่องเลย แถมควิซคาบนี้คะแนนคงไม่ต้องพูดถึงไว้ตะวันคนนี้จะแก้ตัวใหม่ในคาบหน้าที่มีควิซละกัน แต่ตอนนี้ตะวันคนโก้ขอกลับห้องไปตามสืบประวัติพ่อคนหล่อที่ทำให้จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวดีฟ่าาา

Rrrrr Rrrrr Rrrrr

ใครโทรมารบกวนเวลานอนอันมีค่าของตะวันกันฟะ !

ผมรีบหามือถืออย่างรนๆเพราะรำคาญเสียงจะตายแล้วววว

“ฮัลโหล โทรมาทำไมคนจะหลับจะนอน โทรมาไม่รู้เวล่ำเวลาเลยนะ รู้มั้ยเวลาตะวันนอนไม่พอสมองตะวันจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ถ้าจะโทรมาแล้วไม่พูดก็แค่นี้นะ คนหล่อจะนอนต่อ”

“เดี๋ยววววววววววว !” ผมจำเป็นต้องรีบยื่นมือถือออกจากหูตัวเองอย่างไว ตะโกนออกมาได้ ต๊กใจโว๊ยยย

“จะให้กูพูดตอนไหนฮะ ไอ้น้องตะวัน ก็มึงพูดๆๆๆ จะให้กูแทรกตรงไหน” น้ำเสียงตะโกนกลับมาซะเต็มที่

“แฮะ พี่แมนคนหล่อใจเย็นๆสิ เมื่อกี้ยังตื่นไม่เต็มที่ก็เลยพูดๆไปเรื่อยยยย แล้วโทรมามีอะไรหรือเปล่า” เจอองค์พ่อลง ตะวันคนนี้ต้องหาข้อแก้ตัวก่อน เพื่อรักษาชีวิตน้อยๆไว้ไปกินชานมไข่มุกหน้ามอ

“ทุ่มแล้ว ออกมากินข้าวได้แล้วทุกคนรอที่ร้านเดิม ออกมาให้เร็ว” ติ๊ด จะไม่รอให้ตะวันคนโก้พูดอะไรก่อนหรอลูกพี่ ....


ผมเลยต้องหอบตัวเองไปล้างหน้าล้างตาและขับรถออกไปร้านอาหารร้านเดิมเจ้าประจำที่พวกผมมาตั้งแต่ปี 1 เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์คอฟฟี่ เบเบอร์รี่ บลาๆ มีมุมที่เหมาะแก่นักศึกษาที่ชอบจับกลุ่มติวกันด้วย บรรยากาศในร้านก็ดี ยิ่งตอนกลางคืนแสงสีถือว่าประทับใจน้องตะวันคนนี้มากๆเลย แถมเจ้าของร้าน ชื่อพี่มิว เป็นศิษย์เก่าของมอ ก็ใจดี๊ดี แถมสวยด้วย ตะวันยิ่งทับใจไปกันใหญ่ ฮิฮิ

“สั่งไรกันยังอะ หิวมากเลย TT” พอถึงโต๊ะของเพื่อนๆผมก็เริ่มงอแงขึ้นมาทันที ทีแรกก็ไม่หิวหรอก แต่พอตอนเดินเข้ามาเห็นพิซซ่าจากโต๊ะแรก เห็นสปาเก็ตตี้จากโต๊ะต่อไป ก็ดันหิวขึ้นมาซะงั้น แฮะๆ

“สั่งแล้วนั่งก่อนๆ เดี๋ยวอาหารก็คงมา” แตงโมพูดขึ้นก่อนจะทำหน้าจริงจังเปิดประเด็นทันทีที่ผมนั่งลง

“นี่ๆ มะนาว เราไปสืบมาละว่าทำไมวันนี้พี่มูนถึงมาเดินหล่อที่คณะเรา” ผมนี่หูผึ่งเลยซิ พอพูดชื่อนี้ขึ้นมา

“ไหนๆๆๆเล่าซิ”

“ก็ได้ข่าวว่ามาหาดาวปี 3 คณะเราอ่ะดิ” ดาวปี 3 คณะเราก็พี่รหัสผมนี่ แล้วเขากิ๊กกั๊กกันหรอ

“เอ่า เขากิ๊กกั๊กกันกับพี่เปิ้ลพี่รหัสตะวันหรอ ?” หรือจะจริงวะ แต่พี่รหัสผมก็มีแฟนแล้วนี่ หรือผมตกข่าว

“แต่พี่รหัสเรามีแฟนอยู่แล้วนะ” หรือเลิกกันแล้ว ไม่สิอาทิตย์ที่แล้วยังเห็นไปดูหนังด้วยกันอยู่เลย จะเลิกกันเร็วอะไรปานนั้นเล่า
 
“เออนั่นดิ ข่าวมั่วแล้วแตงโม” แมนพูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน

“ก็ไม่ได้บอกว่าเขากิ๊กกั๊กกันซะหน่อย แค่บอกว่ามาหากันนน เขาพูดๆกันมาแบบนี้” เรื่องนี้ตะวันต้องรู้ ตะวันต้องสืบ เอ๊ะ ผมลืมไปเลยนี่ว่าจะกลับห้องไปสืบเรื่องพี่มูนคนหล่อ แต่ดันหลับก่อนซะงั้น T^T

“สาวๆ เราขอถามไรหน่อยสิ พี่มูนอะไรนั้นน่ะเขาดังมากเลยหรอ ทำไมเราอยู่มาเป็นปีละถึงไม่เคยรู้จัก แล้วเขาไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยหรอ ?” สืบจากสองสาวก็แล้วกัน อาจจะได้ข้อมูลมากกว่าไปนั่งหาเอง

“อ๋อออ ก็ดังนะ สาวๆทุกคนแทบจะรู้จักหมดล่ะ แต่พี่เขาไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยเพราะช่วงนั้นพี่เขาไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศมั้ง เพิ่งกลับมา แต่ก็เป็นเดือนบริหารนะ” หืมมมม เรียนบริหารด้วย เป็นคนมีอนาคตถูกใจน้องตะวัน

“อ่อ หน้าตาดีขนาดนั้นคงมีสาวๆรุมเยอะเนอะ”

“ก็เยอะอยู่นะ ก็เห็นมีควงดาวหลายคณะอยู่นะ แต่ก็ไม่เห็นจริงจังกับใครสักคน ” แตงโมนี่รู้ลึกรู้จริงอยู่นะเนี่ยยย

“เฮ้อ ฉันล่ะอยากเป็นคู่ควงพี่มูนสักวัน ฉันต้องทำบุญอีกกี่วัดกันนะ” เป็นมะนาวที่พูดออกมาแบบติดตลกทำเอาบูมหัวเราะออก

“หวังสูงเกินไปแล้วเธออ่ะ เทพบุตรขนาดนั้นเขาจะมาชายตามองเธอหรอ ใช้สมองอันน้อยๆของเธอคิดดู๊ววววว”  โหยยยย แรงไปอี๊กกก เจ็บถึงทรวงกันเลยทีเดียว

“ไอ้คนเหี้ยบูม ทำไมต้องพูดทำร้ายจิตใจผู้หญิงตัวเล็กๆแบบฉันด้วยฮะ ไอ้คนนิสัยไม่ดีขอให้ไม่มีเมีย :P” 5555555555555555 กลายเป็นเรื่องขบขันไปอีก เพราะสองคนนี้มีเรื่องให้กัดกันตลอดเวลา

“แล้วทำไมถึงสนใจเรื่องของหมอนั่นล่ะ  ตะวัน?” เอาแล้วไง แมนพูดด้วยน้ำเสียงปกติแล้วแววตาที่เขามองมาถามผมนั้นเจ้าเล่ห์พร้อมที่จะต้อนผมให้จนมุม

“กะ..ก็ ไม่มีอะไร ก็เห็นหล่อขนาดนั้น คนคงชอบเยอะ ไม่ได้อะไรเล้ยยย กูไม่ได้ชอบพี่มูนอะไรนั้นเลยนะ ถามเฉยๆเอง” ผมไม่มีพิรุธเลยใช่มั้ยล่ะ ผมว่าผมตอบด้วยน้ำเสียงปกติเลยล่ะ แต่ทำไมเพื่อนทั้งโต๊ะหันมองผมด้วยหน้าตาสงสัยอะไรกันอย่างนั้นน่ะ

“ หึ หึ ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลยเนอะ” ครั้งนี้แมนกลับพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเหล่แล้วก็ขำหน่อยๆก่อนหันไปหาบูม

“ใช่ๆไม่ได้มีพิรุธอะไรเล้ยยย” แหมม บูมน้ำเสียงมึงประชดกูไปอีก

“เอาจริงๆ ถ้าตะวันจะชอบพี่มูนเราก็พร้อมเชียร์นะ เห็นเขาว่าพี่มูนชอบคนน่ารักๆ ผิวขาวๆ มีเนื้อมีหนังน่ะ”

“เหอะ เนื้อนมไข่หรือเปล่าแตงโม แถมเราเป็นผู้ชายนะ เขาจะมาสนใจเราได้ไง นมก็แบน เฮ้อออ” ผมเผลอถอนหายใจเสียงดัง

“ตะวัน ... ถ้ามึงไม่ชอบเขามึงจะมาตัดพ้อทำไม” .............. บูมเอ่ยขึ้นทำผมตกใจตาโต o.o นี่ผมพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ เอ๊ะ ประโยคเมื่อกี้ที่ผมพูดไป ผมตัดพ้อหรออออ ตะวันนนนนนนนนน พูดอะไรออกไปเนี่ยยย

“เอ่อ... ตะวันพูดความจริงออกมาเดียวนี้เลยนะ !” มะนาว อย่าคาดคั้นตะวัน TT

“เอ่อ.. เขาก็หล่อดีนะ ก็อยากหล่อแบบเขาบ้างไง ไม่มีอะไรหรอก จะมาสงสัยเราทำไมล่ะ อาหารมาเสิร์ฟแล้วกินๆกัน ตะวันหิวจะแย่แล้ว”

ผมปัดๆไปโชคดีหน่อยตรงที่อาหารมาเสิร์ฟทันเวลาพอดีทุกคนเลยหันมาสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้า คงจะมีแค่แมนที่หันมามองผมแล้วยักคิ้วให้เป็นเชิงบอกว่า กูรู้นะ ! TT

ผมเป็นคนไม่ค่อยมีความลับกับเพื่อนเพราะผมปิดอะไรไม่ค่อยอยู่ และก็ไม่ค่อยเนียนด้วยแหละ โดยเฉพาะกับแมน จริงๆดูเหมือนผมสนิทกับบูมมากกว่าใช่มั้ย แต่จริงๆแล้วผมสนิทกับแมนมากกว่าเพราะรู้จักกันตั้งแต่สมัยมอปลายรู้นิสัยใจคอก็พอสมควรเลยล่ะ จึงไม่แปลกที่แมนจะสงสัยผมแล้วแมนมันก็ฉลาดลึกครับ ไม่ค่อยพูดแต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่รู้อะไร ตำแหน่งเดือนมหาลัยของมันไม่ได้มาเพราะหน้าตาที่หล่อเฉยๆหรอกนะเพราะความฉลาดของมันล้วนๆ

ส่วนบูมหมอนี่เพิ่งมารู้จักและสนิทกันตอนปี 1 บูมเป็นคนตรงๆเฮฮา ปากหมาด้วยแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงไปคบกับมันได้เห็นปากหมาแบบนี้สาวๆก็ติดมันเยอะนะ

ส่วนสองสาวในกลุ่มมะนาวกับแตงโม มะนาวเป็นคู่ปรับกับบูมได้เลยล่ะ เจอหน้ากันทุกทีต้องปะทะคารมกันตลอดจนบางทีผมก็อดใจที่จะเชียร์คู่นี้ไม่ได้ ฮ่าๆ มะนาวเธอเป็นผู้หญิงที่สวยเลยล่ะเป็นที่สนใจของหนุ่มๆในมหาลัยพอสมควรแต่ก็ไม่เห็นจะสนใจใครสักคน แตงโมเธอไม่ได้หน้าสวยเหมือนมะนาวแต่เธอออกแนวน่ารักๆ ไม่ได้เรียบร้อยอะไรขนาดนั้นเพราะบางทีเธอก็มีมุมแมนๆห้าวๆ หนุ่มๆก็ชอบมาขายขนมจีบแต่โดนแตงโมปฏิเสธไปไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบผู้ชายหรอกนะ แต่ผมว่าเขาสเปคสูงเกินไป ฮ่าๆๆ ^o^

สักพักหลังจากอาหารตกลงท้อง หนังตาก็เริ่มหย่อน ทุกคนเลยแยกย้ายกันกลับหอเพื่อพักผ่อนนอนเอาแรงเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้าน่ะสิ ส่วนผมยังดื่มด่ำกับบรรยากาศในร้านยามค่ำคืนนี้อยู่เลยยังไม่ลุกไปไหนกะจะขอนั่งอีกสักพัก โดยมีแมนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมและมองผมจนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาหน่อยๆ ไม่หน่อยนะ มากเลยล่ะ

“เลิกมองกูได้ละแมน กูขนลุก” ผมพูดพลางลูบแขนตัวเองไปด้วย มองซะขนาดนี้ถ้าเป็นปลากัดคงท้องไปหลายรอบละ

“มึงชอบเขา” ??? ตะวันคิดไว้ไม่มีผิด ผมว่าถ้ามันไม่ได้คำตอบมันคงจะไม่เลิกซักไซร้ผมและก็จะทำมันนอนไม่หลับ มันเลยไม่ยอมไปไหน แต่กลับมานั่งถามคำถามผมอยู่แบบนี้

“ทำไมถึงคิดว่ากูชอบเขา กูไม่ได้ชอบผู้ชายนะ” กูพูดหน้าเรียบถือแก้วน้ำแตงโมปั่นขึ้นมาดื่มอย่างอ้อยอิ่ง พลางหลบตามันด้วย
 
“แต่เซ้นส์กูบอก สมัยนี้ผู้ชายเขาก็คบกันเยอะแยะ กูรู้ว่ามึงไม่ได้ชอบผู้ชายเพราะถ้ามึงชอบผู้ชาย ป่านนี้มึงมีสิบผัวละตะวัน ผู้ชายมาจีบมึงก็เยอะแยะไม่เห็นมึงจะสนใจ แต่นี่มึงชอบเขา พี่มูนนั่นน่ะ ไม่ต้องมาปฏิเสธกู สายตามึงโคตรฟ้อง ตั้งแต่เมื่อวานที่มึงเจอเขาที่คณะเราละ”

 เอิ่ม..... ผมควรจะตอบมันว่าจะอะไรดีอ่ะ เจ้าจุกช่วยพ่อด้วย TT

“คือ.. คือว่า” ในสมองผมตอนนี้ผมไม่รู้จะตอบแมนไปว่ายังไง เพราะผมก็ไม่มั่นใจขนาดนั้นผมเคยเห็นเขาแค่ครั้งเดียวเองนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะมีรูปพี่เขาในมือถือที่ไปเซฟจากเพจคิ้วท์บอยมาก็ตามเถอะ

“มึงจะมีความลับกับกูหรอตะวัน” มันไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนนะแต่เป็นน้ำเสียงที่แข็งเป็นเชิงข่มขู่ทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้

“เปล่ามีความลับซะหน่อย เออๆ... ยอมรับก็ได้ ก็คิดว่าชอบ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาแล้วตะกุกตะกักเล็กน้อยกลัวจะมีคนมาได้ยินการสนทนาในครั้งนี้ของผมกับเพื่อนสนิทคนนี้

“ฮ่าๆ ไอ้น้องตะวันคนโก้ ฝันอยากมีเมียเป็นแหม่ม อกตู้ม สุดท้ายมาแพ้พ่อเทพบุตรที่เจอเพียงแค่ครั้งเดียว หึหึ แล้วมึงจะทำยังไงเขาออกจะหล่อเหลา สาวล้อมหน้าล้อมหลัง” หลังจากที่มันล้อผมเสร็จมันก็ยักคิ้วเป็นการถามผมว่าผมจะเอายังไงต่อกับรักครั้งนี้

“กูจะจีบเขา มึงต้องช่วยกูนะ” ผมว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ผมจะไม่ถอยหรอกนะ ผมลั่นไปแล้วว่าเขาคือเนื้อคู่ผมยังไงผมก็ต้องทำทุกวิธีให้เขามาเป็นของผม ฮึฮึ ยิ้มมุมปากหัวเราะแบบตัวร้ายในละครหลังข่าว

“จีบยังไง เดินไปบอกตรงๆเลย ว่าผมชอบพี่นะครับ?” เฮ้ย เห็นความฉลาดของมันมั้ยครับทุกคน มันรู้ได้ไงว่าผมจะทำแบบนี้ บ๊ะ สมกับเป็นเพื่อนตะวันจริงๆ

“ถูกต้องแล้วครับท่าน มึงนี่สมกับเป็นเพื่อนกูจริงๆ รู้ทันกูไปหมดซะทุกเรื่อง” ผมยืดอกพูดแบบภูมิใจ

“...... ไอ้น้องตะวัน ทำไมสมองมึงไม่เยอะเหมือนแก้มมึงว่ะ เดินไปบอกตรงๆแบบนั้น ถ้าเขาไม่ชอบมึงเขาก็คงปฏิเสธมึงและเดินผ่านมึงไป ทิ้งให้มึงยืนเป็นซากหมาตาย คนทั่วมหาลัยก็จะนินทาว่ามึงโดนเดือนบริหารหักอก ตอนนั้นมึงจะทนกระแสสังคมได้หรอวะตะวัน”

 โหยผมคิดภาพตามได้เป็นฉากๆ หัวใจดวงน้อยของตะวันแทบจะแตกสลาย ถ้าไม่ติดว่าไอ้คนตรงหน้าผมนี่เป็นแมน ผมก็นึกว่าประโยคนี้ออกมาจากปากเหี้ยบูมนะนี่

“แล้วน้องตะวันคนนี้ควรทำยังไงอ่ะ” ผมพูดน้ำเสียงอ่อยๆ นอกจากวิธีนี้ผมก็คิดไม่ออกว่าต้องทำยังไง

“ค่อยคิด ตอนนี้กลับได้ละ ง่วง” งะ ก็ได้เพราะผมก็จะเริ่มง่วงบ้างละ วันพรุ่งนี้ค่อยคิดละ

 ผมจ่ายเงินเสร็จละกำลังเดินออกจากร้านจังหวะที่ผมกำลังผลักประตูให้เปิดออกประตูอีกบานก็เปิดออกโดยมีคนผลักมาจากด้านหน้าร้าน เป็นเสี้ยววินาทีที่ผมพบกับดวงตาคมที่เหมือนจิ้งจอกพร้อมทั้งใบหน้าที่หล่อเหลา กลิ่นน้ำหอมของร่างหนาที่ชนไหล่ผมไปลอยมาเตะจมูกผม เป็นกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนวิ่งอยู่ในสวนดอกไม้ สมองผมตอนนี้เบลอไปหมด




ตุบ !



“เฮ้ย ! ตะวันลงไปนอนทำไม !” เป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน........ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 1 กระชับมิตร


ผมไม่คิดว่าผมจะเป็นโรคภูมิแพ้คนหล่อ ไม่สิต้องเรียกว่าแพ้พี่มูนถึงขนาดเป็นลมเพียงเพราะเดินสวนทางละดันชนไหล่กัน สบตากัน ผมถึงได้เป็นลมล้มตึ้งไปกองอยู่ตรงหน้าร้าน แล้วตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงเพราะตอนตื่นขึ้นมาไม่ได้เจอหน้าแมนแค่คนเดียวแต่กลับเจอพี่มูนที่นั่งอยู่ข้างๆผมในตอนนี้ ผมไม่รู้ต้องทำตัวยังไงหรือควรพูดอะไรดีตัวผมหนักอึ้งไปเลย คือจะให้พูดตรงๆคือผมอายยยยยยยยยย ปั๊ดโถ่โว้ย เป็นลมล้มคอพับให้พี่มูนเห็น ไม่คูลแล้วครับ TT

“ตะวัน เป็นไงบ้างวะรู้สึกดีขึ้นมั้ย ?” เป็นแมนที่เอ่ยถามขึ้น ผมก็หันไปมองหน้ามันเหมือนขอความช่วยเหลือ

“อะ...เอ่อ ดีขึ้นแล้ว”

“ช่วงนี้พักผ่อนน้อยหรือเปล่าถึงได้เป็นลมไป พี่ว่าน้องไปหาหมอดีกว่ามั้ย ?” ฮือออออออออออออ ฮ้องไห้ในใจ พี่มูนเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงที่แบบอ่อนโยนแฝงไปด้วยความห่วงใยมากเลยครับ ฮือออออออ พี่เขาเป็นห่วงตะวัน

“เอ๊ะ หน้าน้องแดงมากเลยอ่ะ พี่ว่าไปหาหมอเถอะปะเดี๋ยวพี่พาไป” พี่มูนพูดขึ้นแบบไม่ให้ผมตั้งตัว จนผมต้องรีบปฏิเสธทันที

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับๆ ผมดีขึ้นแล้วไม่ต้องไปหาหมอหรอก”

“ใช่ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมพาเพื่อนผมกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณพี่มากนะครับ”

แมนพูดขึ้นก่อนจะหันมาพยุง .... ไม่ดิต้องเรียกว่ามันหิ้วผมออกมาจากตรงนั้นมากกว่า ผมรู้แค่ว่าแขนขาผมอ่อนแรงกว่าครั้งไหนๆตอนหันหน้าไปสบกับสายตาคู่นั้น

แมนหิ้วผมมาอยู่ในรถมัน รถผมเลยจำเป็นต้องจอดทิ้งไว้ที่ร้าน ระหว่างทางมาห้องผมแมนไม่พูดกับผมสักคำจนกระทั่งรถจอดบ่งบอกว่าถึงหอผมแล้ว

“ฮ่าาาาาาาาาา” อยู่ดีๆแมนมันก็หัวเราะขึ้นมาดัง จนผมสะดุ้งกันไปหามันที่เอาแต่หัวเราะจนตัวงอ

“มึง.. ขำเชี่ยไรของมึงวะแมน ?” ผมถามอย่างกลัวๆ หรือผีเข้าวะ เหี้ยละ

“ขำมึงนั่นล่ะ ขายหน้ามากเป็นลมล้มต่อหน้าพ่อเทพบุตรตัวเอง ฮ่าๆ” เออว่าแล้วก็จะร้องไห้ ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนดีผมคิดว่าสภาพตอนที่ผมล้มลงไปคงไม่ใช่สภาพที่น่าดูแน่ๆ

“มึงสภาพกูน่าเกลียดหรือเปล่าวะ แล้วๆเขาว่าอะไรบ้างอะตอนกูเป็นลมไป”

“เขาก็ดูตกใจนะที่หันกลับมาละเจอคนเป็นลม แต่เขาสุภาพบุรุษมากมึงรีบมาอุ้มมึงไปนั่งพัก ให้พนักงานหายาดมมาให้มึงทันที เขาก็ถามกูว่ามึงไม่สบายอยู่แล้วหรือเปล่า กูก็ตกใจเลยบอกไปว่าช่วงนี้มึงพักผ่อนน้อย”

“มึง เอาใหม่เขาอุ้มกูหรอว่ะ” พระเจ้าช่วยกล้วยทอดคงไม่ไหม้ o.o

“เออดิท่าเจ้าสาวเลยเว้ย เชี่ยพี่แม่งอุ้มไปได้ยังไง อ้วนขนาดนี้”

“ไอ้แมน! นี่แหนะ” ผมกำปั้นทุบไปที่ต้นแขนมันรัวๆ หน็อย ! บังอาจมาว่าผมอ้วน ผมไม่ได้อ้วนซะหน่อยแค่มีเนื้อมีหนังไม่ได้หนักขนาดนั้นซะหน่อย เหอะ

“ก็มันจริงอ่ะ ตอนคอมึงพับอยู่นะเหนียงออกเป็นชั้นๆ พี่เขาต้องเห็นอ่ะเพราะอยู่ใกล้ขนาดนั้น”

“เชี่ยแมนจริงจังปะเนี่ย น่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรอวะ โอ้ยยยย โมเม้นก็ไม่ได้ ดันเป็นลมซะน่าเกลียดอีกกูจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพี่เขาอีกวะ”  ผมยอมรับตรงนี้เลยว่าอายมากๆ ผมอยากให้การเจอหน้าพี่มูนเป็นอะไรที่น่าประทับใจไม่ใช่เกิดเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ทำไงได้ผมควบคุมตัวเองไม่อยู่นี่

“ใครว่าไม่มีโมเม้นท์ ก็ตอนเขาอุ้มมึงไง ไหนจะคอยพัดให้มึงอีก ไหนจะอาการที่ดูว่าเป็นห่วงมึงอีก โมเม้นเต็มๆ แต่มึงก็นะชอบเขามากขนาดนั้นเลยหรอวะ พอเห็นหน้าหน่อยก็เอะอะเป็นลม ควบคุมตัวเองให้ได้สิวะ

“กูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันอะ อยู่ดีๆก็อยากเป็นลมอะ แม่งหล่อเกินไปใจกูรับไม่ไหว”

“มึงแม่งเป็นหนักละตะวัน พอๆ ไปนอนพักได้ละพรุ่งนี้มีเรียนเช้าอีก มึงขึ้นเองไหวมั้ย ? หรือให้กูเดินขึ้นไปส่ง”

“ไหวๆ กูไม่เป็นไรละพ่อ ขอบใจมึงมากที่มาส่ง มึงก็ขับรถดีๆนะ” ผมบอกลาแมนเสร็จผมก็ขึ้นห้องมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะนอนละ แต่ก็เออของส่องใครบางคนก่อนนอนละกัน ^^




Moon Thanaphat

        --- น่ารัก     



BigBro : โอ๊ะๆ อะไรหว๊า

After you : ไปเจอสาวที่ไหนมาวะ ? หรือกูตกข่าว

สวยที่ใจใช่ใบหน้า : คนหล่ออออออ ตัสถึงครายยยยย

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : น้องมูนอย่าเพิ่งเปิดตัว เดี๋ยวสาวๆ ได้อกแตกตายก่อน โดยเฉพาะแอดมินเพจนี้ TT
   
DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : เห้ยไรวะ แดกเหล้าจนเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า

BigBro : ไอ้เหี้ยกูเพิ่งเห็นชื่อเฟส @DewBro ที่หล่อกว่า BigBro

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : ก็คนมันเรื่องจริงฮ่าๆ @BigBro



ผมกดเข้าไปในเฟสของใครบางคนเหมือนเจ้าของเฟสเพิ่งโพสต์ข้อความได้ประมาณ 20 นาทีนี้เอง หลังจากที่ห่างหายการโพสต์ข้อความมาสักพัก เขาจะหมายถึงใครกันนะ หรือจะหมายถึงเราแต่ก็คงไม่ใช่หรอก เฮ้อ เขาอาจจะหมายถึงคนอื่น อิจฉาคนนั้นแฮะปกติเจ้าของเฟสแทบจะไม่ค่อยโพสต์อะไร ส่วนใหญ่ก็มีแต่เพื่อนแท็กรูปแท็กอะไรต่างๆนานาแสดงว่าคนนั้นจะน่ามีความสำคัญต่อเจ้าของเฟสมากเลยทีเดียว ด้วยความที่คนหล่อประจำมอดังเพื่อนต่างก็มาแซวรวมถึงแฟนคลับสาวๆทั้งหลายที่ดูท่าน่าจะอกหักกันเป็นแถวรวมถึงตัวผมด้วย ^^’ หลังจากนั้นผมก็เข้า ig ทันทีเพื่อโพสต์รูปดวงจันทร์ที่ผมถ่ายมา วันนี้ดวงจันทร์สว่างกว่าเมื่อวานแฮะสงสัยดวงจันทร์จะมีความสุขมากกว่าเมื่อวาน :)



เช้าวันนี้ที่สดใส แต่สภาพผมไม่สดใสเลยครับ ไม่ชอบการตื่นเช้าเอาซะเลยผมพยายามที่จะฝึกให้ตัวเองเป็นคนตื่นเช้าอยู่นะแต่ทำยังไงก็ทำไม่ได้ ร่างกายมันประท้วงว่าต้องนอน การนอนคือการฮีลที่ดีที่สุดรองลงมาก็คือการกินให้ท้องอิ่มนั่นเอง ช่วงเช้าของวันนี้ไม่มีอะไรมากแค่เข้าเรียนตลอดทั้งเช้า ไม่รู้อาจารย์ไปคึกมาจากไหนสอนแบบเอาเป็นเอาตายเรียนนิเทศไม่ได้ชิวอย่างที่เห็น แต่โชคดีที่ช่วงบ่ายไม่ได้เรียนผมเลยคิดว่าจะไปหามุมสวยๆถ่ายรูปซะหน่อยช่วงนี้ไม่ได้ค่อยได้จับกล้องซะเท่าไหร่กลัวมันจะสึกเอาสักวัน

“ทุกคนไปดูบาสกันมั้ย?” เป็นมะนาวที่เอ่ยชวนผมหลังจากที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟของมอมาได้สักพัก

“วันนี้มีแข่งบาสหรอ ทำไมฉันไม่รู้” แตงโมพูดขึ้นหลังจากที่เธอรู้ว่าตัวเองตกข่าวอะไรบางอย่างไป เพราะเป็นไปไม่ได้ที่แตงโมจะตกข่าว แตงโมรู้โลกรู้ เพื่อนเป็นคนชอบสังเกตเอาความรู้เข้าตัว เป็นความรู้เรื่องของคนอื่นนะ อุ้บ ฮ่าๆๆ

“ก็วันนี้มีแข่งกระชับมิตรระหว่างมอเรากับอีกมอไง แกจำไม่ได้หรอ”

“อ่ออ ฉันจำได้ละตกลงวันนี้หรอนึกว่าพรุ่งนี้ซะอีก ฮ่าๆ” แสดงว่าผู้สื่อข่าวยังจำได้แต่แค่ลืมวันนั่นอีก

“แก่แล้วงี้ล่ะแตงโม ความจำเธอเลยเลอะเลือน ไม่ก็สมองจำแต่เรื่องผู้ชายมากเกินไประบบมันเลยรวน” รูปประโยคแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากบูมปากหมาที่สุดในย่านการศึกษาแห่งนี้

“ไอ้เหี้ยคุณบูมมมม ปากน่ะเมื่อไหร่จะเอาหมาไปปล่อยฮะ !” 5555555555 นานๆทีจะเห็นแตงโมด่าบูม แต่คนที่โดนด่ากลับก็ไม่สะทกสะท้านเอาแต่ขำละหันไปแลบลิ้นใส่แตงโมที่ตอนนี้สะบัดหน้าหนีบูมไปแล้ว

“หยุดๆ ไปเหอะนะบ่ายเราก็ไม่มีเรียนซะหน่อยถือเป็นการพักผ่อน” มะนาวกำลังโน้มน้าวเพื่อที่จะให้เพื่อนไปดูการแข่งบาสกระชับมิตรให้ได้ ผมก็อยากไปอยู่หรอกแต่แบบมันออกจะดูน่าเบื่อหน่อยๆนะผมว่า มีแต่คนวิ่งตามลูกบาสไปมาแค่คิดก็ง่วงแล้ว

“เราง่วงอ่ะ เราขอกลับไปนอนได้ป่ะ เย็นๆว่าจะออกไปถ่ายรูปน่ะ นี่ไงมะนาวก็ไปกับแตงโม” ผมก็หาข้ออ้างต่างๆไปคือขี้เกียจจะให้ผู้ชายที่ไม่ได้ชื่นชอบกีฬาอย่างผมไปนั่งดูก็แบบไม่ได้รู้สึกบันเทิงใจอะไรเลย ไม่ไปจะดีที่สุด

“แล้วตะวันเอากล้องมาป่ะหรือจะกลับไปเอาที่ห้อง” แตงโมที่หันขวับมาหาจนผมตกใจอยู่หน่อยๆ

“ก็เอามา อยู่รถทำไมหรอ?”

“เรายืมกล้องหน่อยวันนี้นักบาสมีแต่คนหล่อๆ อย่างเช่น พี่มูน พี่อาฟ พี่ดิว โอ๊ยและอีกมากมาย ตะวันก็ไปนั่งเฝ้ากล้องตะวันหรือไปช่วยเราถ่ายรูปไง ^0^” เอ่อ... พอได้ยินชื่อพี่มูนผมก็แทบจะตอบรับทันทีทันใดแต่ก็ไว้เชิงก่อนอะนะเดี๋ยวจะดูแปลกไป

“เราว่าเราไปก็ได้เผื่อแตงโมทำลูกรักเราพัง ไปเฝ้าน่าจะดีกว่า” ตะวันนนนนน สาบานว่าไว้เชิงแล้วจริงๆ

“อะแฮ่ม” แมนส่งเสียงเบาหลังจากที่ผมตอบตกลงไป ผมหันไปหาแมนพลางเอามือเกาท้ายทอยเล็กน้อย ก็ทำไงได้ก็อยากเจอเขาอ่ะ...


ไม่นานเราก็มาอยู่ที่สนามบาสขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้โดมบรรยากาศตอนนี้เกมยังไม่เริ่มแต่คนก็เยอะและดูครึกครื้นเป็นพิเศษส่วนมากก็เป็นสาวๆที่มาเชียร์หนุ่มหล่อประจำมหาลัยแถมอีกมอมีแต่หนุ่มหุ่นสูงๆหน้าตาหล่อเหลากันหมดที่ก็มีแต่แค่คนเดียวที่ดูโดดเด่นที่สุดในสนามก็คงจะเป็นเดือนบริหารมอผมเองนี่ล่ะที่ตอนนี้เหมือนกำลังวางแผนกับโค้ชและเพื่อนๆในทีม

หลังจากสองทีมประชุมกันเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มแข่ง การแข่งขันครั้งนี้ต่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นการแข่งกระชับมิตรก็ถือว่าเป็นการแข่งขันอยู่ดีต่างฝ่ายต่างก็ต้องการเอาชัยชนะไปฝากมหาวิทยาลัยตัวเอง บรรยากาศในโดมทุกคนต่างพากันลุ้นมากเพราะคะแนนพลัดกันนำพลัดกันตามบรรยากาศในสนามก็ดูเครียดๆกันไป ไหนว่าแข่งกระชับมิตรกันไงไหงเคร่งเครียดขนาดนี้วะ ตอนนี้ทั้งมะนาวทั้งแตงโมนั่งไม่ติดละครับแตงโมได้แต่ส่งลูกรักมาให้ผมแล้วกำชับว่า

‘เราฝากถ่ายช็อตเด็ดๆมาหน่อยนะตะวัน ขอบใจมาก’ 


ช่างภาพงานนี้ก็เลยต้องตกเป็นของตะวันคนหล่อคนนี้ซึ่งอย่าไปบอกใครนะว่าผมถ่ายแต่รูปพี่มูน อิอิ ผมไม่รู้ว่าผมถ่ายรูปเก่งหรือพี่เขาหล่อกันแน่รูปถึงออกมาดูดีแบบไม่จำเป็นต้องแต่งรูปเลย ระหว่างที่ผมกำลังกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆสถานการณ์ในสนามตอนนี้คะแนนมอผมตามอยู่แค่ 1 คะแนน ครับเหลือเวลาไม่มากแล้วด้วยก่อนที่จะหมดเวลาต่างฝ่ายก็ต่างจะเร่งทำคะแนน กองเชียร์ข้างสนามต่างก็ลุ้นตัวเกร็งแทบจะไม่ได้เสียงเล็ดลอดออกมา วินาทีนั่นเองที่ร่างสูงในสนามแย่งลูกบาสจากฝ่ายตรงข้ามแล้วกระโดดชู้ดผมลุ้นจนแทบจะไม่หายใจเพราะระยะห่างตรงที่ชู้ดไปยังห่วงไกลพอสมควรก่อนที่กรรมการจะเป่าหมดเวลา จากนั้นเสียงกองเชียร์ก็ดังขึ้นเพราะว่าการแข่งขันครั้งนี้จบลงที่มอผมชนะครับ :)

ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าจังหวะที่ร่างสูงชู้ดบาสลงแล้วเหมือนเขาหันมาทางด้านที่ผมนั่งอยู่เลย แต่ผมก็ขอเข้าข้างตัวเองว่าเขากำลังใช้สายตามองมาที่ผมเพราะบังเอิญไปสบตาคู่นั้นอีกแล้วก่อนที่จะเขาจะยิ้มออกมา ในตอนนั้นนิ้วผมก็รัวกดชัตเตอร์แบบไม่ต้องเล็งระยะทั้งๆที่สายตาผมก็ยังไม่ละไปจากตาคมๆคู่นั้นเลย เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าตัวเองแพ้ แพ้สายตาแบบนั้น แพ้รอยยิ้มแบบนั้น แพ้คนคนนั้น พี่มูน......

“ตะวันนนน รูปเป็นไงบ้างมีรูปสวยๆมั้ยเราจะเอาไปขาย ฮ่าๆ” ยัยแตงโม ได้ข่าวว่าบ้านก็ร่ำรวยอยู่นะ
 
“นี่แตงโมหากินแบบนี้ก็ได้หรอวะ?” แมนถามด้วยหน้าสงสัย

“แหม ก็พูดไปงั้นแต่ถ้าขายได้ก็ดี ฮ่าๆ” ผมถึงกลับส่ายหน้าให้ ฮ่าๆ

ระหว่างที่เรากำลังเก็บของเตรียมตัวจะกลับกันแล้ว อยู่ๆก็มีผู้ชายหุ่นหมีวิ่งมาเรียกพวกผม แต่ก็ไม่หมีขนาดนั้นหรอกครับเรียกว่าหุ่นมาดแมนสมชายชาตรี กล้ามแน่นมากครับเห็นละอิจฉา สูงกว่าผมเล็กน้อยแต่แม่งหน้าโหดไปไหน หรือเขาจะเข้ามาหาเรื่องผม


“น้องๆ” พวกผมก็มองหน้าเลิกลั่ก พี่เขาจะต่อยมั้ยวะ

“มีอะไรครับพี่ ?” เป็นแมนครับที่ใจดีสู้เสือถามกลับไป

“น้องคนที่สะพายกล้องอะ น้องได้ถ่ายรูปตอนแข่งป่ะ พอดีพวกพี่อยากได้อ่ะ” พี่เขาชี้ทางผมครับ ที่ตอนนี้กำลังหลบอยู่หลังบูม

“อะ...เอ่อ ครับ ถ่ายครับ” ผมไม่ได้กลัวขนาดนั้นนะ แต่ทำไมเสียงผมสั่น

“รบกวนส่งให้พี่ได้มั้ยอ่ะ เผื่อจะให้พวกน้องๆเขาไปทำผลงานด้วย” อ่อ มิน่าล่ะถึงได้มาขอรูป แต่ผมก็เห็นตากล้องของมหาลัยมาถ่ายไว้อยู่นี่ อาจจะแววเห็นตากล้องมือทองจากผมล่ะมั้งถึงได้มาขอ ฮ่าๆ

“อ่อได้ครับ พี่รีบมั้ยผมจะไปแต่งรูปให้ก่อนอ่ะครับ”

“อ่อไม่รีบหรอก เอาที่น้องสะดวก เอ่อ พี่ชื่อบิ๊กนะ เรียนบริหาร ถ้ารูปเสร็จแล้วค่อยเอามาให้พี่นะหรือให้เพื่อนพี่ก็ได้ แก๊งนั้นอ่ะ” พี่บิ๊กพูดก่อนจะชี้ไปทางหลังซึ่งเป็นตรงที่พี่มูนยืนอยู่กับเพื่อนอีกสามสี่คน ซึ่งพี่ก็หันมาทางพวกผมทั้งกลุ่ม ซึ่งตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกเอาซะเลยเมื่อถูกสายตานั้นมองมา

“อะ อ่อ ค..ครับ ถ้าเสร็จแล้วจะส่งให้นะครับ”

“ขอบใจนะ” ว่าเสร็จพี่เขาก็เดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนพี่เขา เหลือแต่เสียงหวีดเบาๆจากมะนาวและแตงโม จับใจความได้ว่า พี่คนนี้ชื่อบิ๊กเป็นเพื่อนซี้และเป็นเพื่อนในกลุ่มพี่มูน เป็นอีกคนที่โด่งดังในเพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)

“หล่อดิบชิบหายเลยอะแกรร” ใจเย็นมะนาว น้ำลายจะหกแล้ววว

“จริงดูเร้าใจสุดๆเลย”

“เก็บนอกันด้วยสาวๆ บูมสุดหล่ออยู่นี่ทั้งคนยังจะกล้าหวีดคนอื่นนะ”

“บูม ไปตายซะ!” มะนาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆจะจุกคำ จากนั้นก็ควงแขนแตงโมออกไปแล้ว.... ก่อนที่บูมจะรีบตามออกไป ถ้าเดาไม่ผิดคือตามออกไปกัดกันนั่นเอง

ผมหันไปมองแผ่นหลังของอีกคนที่โหยกว้างว่าแอตแลนติกอีกมั้งเนี่ยย (ใจเย็นๆ ตะวันแกอย่าเวอร์ -.-) ไหนสีผิวที่ขาวนึกว่าหลอดไฟคนอะไรจะสว่างไสวขนาดนั้นแม้จะมีเหงื่อเต็มหน้าเต็มตัวไปหมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกสกปรกอะไรแต่กลับดูดี เซ็กซี่เป็นบ้าเลย

“จ้องขนาดนั้น เดินไปปล้ำเขาเลยมั้ย ?”  เสียงของแมนทำผมตื่นจะภวังค์ ก่อนจะหันไปตีแขนมันเบาๆ แก้เขินก็ว่าได้ฮะ

“พูดเกินไปเปล่าวะ ไปกันเถอะ หิวละ” กว่าบาสจะแข่งเสร็จท้องผมก็ร้องไปละหลายรอบ

“เอ้า ไม่รอส่งพี่เขากลับก่อนเหรอ”

“มันต้องขนาดนั้นเลยหรอ เออ เดี๋ยวกูรอส่งพี่เขากลับก็ได้” ผมกำลังจะนั่งลงบนสแตน ก็ถูกแมนดึงแขนผมไว้ก่อน

“มึงกูล้อเล่น อย่ามาทำหน้าโง่นั่งโง่อะไรอยู่แถวนี้ ลุก !” เอ้าก็มึงบอกกูเองอ่ะพ่ออออ ยังมาด่ากูอีกนะ


“น้องครับ”

ใครเรียกอีกวะเนี่ย วันนี้ตะวันจะได้ไปกินข้าวมั้ย คนหิวเนี่ย ผมหันมองคนที่เรียกด้วยหน้าหงุดหงิด o.o พี่มูน ! ตอนนี้ใจผมเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ทำไงดี ทำไงดี พี่เขาเรียกใคร แต่ในโดมตอนนี้ก็มีแค่ผมกับแมนแล้วก็พวกพี่เขาเท่านั้นนะ ผมนิ่งมากครับตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดอะไร หรือผมควรทักพี่เขาตอบแบบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ หรือ ผมชื่อตะวันนะ ผมชอบพี่ ถือซะว่าสารภาพรักเลยงี้หรอ ไม่ๆ บ้าไปแล้วตะวัน หยุดๆ อยากตบหน้าตัวเองสักที

“น้องที่เป็นลมวันนั้น หายดีหรือยัง?”

“..........”

“เอ่อ น้องครับ? ไม่สบายหรือเปล่า” นิ่งผมนิ่งไม่ตอบพี่เขาก็ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ตัวผมตอนนี้แทบจะขยับไม่ได้เลยกว่าได้ ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรร่างกายมันควบคุมไม่ได้อ่ะ TT

“..........”

“อ่อ เพื่อนผมทีแรกก็สบายดีแต่ตอนนี้เริ่มจะไม่สบายละล่ะ” แมนตอบแทนผมคงเพราะเห็นว่าผมไม่ตอบอะไรออกไปคงรู้ว่าผมช็อคอยู่อะนะ

“เป็นอะไร ไปหาหมอมั้ยเดี๋ยวพี่พาไป” ฮือออออออ พี่มูนนนน อย่าใจดี อย่าเป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนี้เดี๋ยวตะวันได้เป็นลมอีกรอบ T^T

“ฮ่าๆ ไม่ต้องถึงหมอหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้มันจะเป็นลมอีกรอบแล้วล่ะครับถ้าไม่ได้กินข้าว” กูรู้นะว่ามึงแซะกูว่าจะเป็นลมเพราะพี่เขานั่น ผมได้แต่บ่นในใจ

“อ่อ งั้นไปกินข้าวด้วยกันมั้ย? พวกพี่ก็กำลังจะไปกินข้าว ไม่ไกลหรอกหลังมอนี่เอง” ผมดึงชายเสื้อของแมนพอให้รู้ตัวว่าตอบดีๆนะ

“อ่องั้นก็ดีเลยครับ พวกผมขอไปกินด้วยนะครับ” ไอ้เหี้ยแมนนนนนนนนนนนนนน ที่กูสะกิดนี่ให้ตอบว่าไม่ไป กูยังไม่พร้อมมมม ผมเลยหันไปแยกเขี้ยวให้มัน มันเลยรีบกระซิบผมทันที

“เอ่าไม่อยากไปหรอกูเห็นมึงดึงเสื้อกูก็นึกว่าอยากไป กูเลยจัดให้” แถมยักคิ้วให้ผมอีก หล่อตายล่ะเพื่อนเลวแกล้งกันได้ลงคอ
“มึงจะบ้าหรอ กูจะไม่เป็นลมไปอีกรอบหรือไงเล่า”


เป็นเอาว่าตอนนี้กลุ่มผมและกลุ่มเพื่อนๆพี่มูนก็มาอยู่ร้านที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างและเป็นร้านที่ผมเพิ่งจะเป็นลมไปเมื่อวานนั่นเอง =.= ทำไมต้องร้านนี้ความอับอายมันยังไม่จางหายไปไหนเลยนะ จากการที่แมนไม่ใช้สมองคิดก่อนตอบทำให้ต้องมานั่งกินข้าวรวมกับพี่เขาเพื่อนๆผมก็ถามทันทีว่าทำไมถึงได้กินข้าวกับพี่เขา แมนก็เลยตอบปัดๆไปว่าพี่เขาชวนก็เลยมาเผื่อจะได้รู้จักสนิทสนมกันไงเป็นคำตอบที่ถูกใจสาวๆพอสมควรเพราะตอนนี้สองคนนั้นนั่งน่าบานยิ้มร่าไม่ยอมหุบประเจิดประเจ้อจริงๆเชียว
“ตะวัน หุบยิ้มบ้างก็ได้นะ ตั้งแต่เขาชวนมากินข้าวนี่มึงยังไม่หุบยิ้มเลย” -.- เอ๊ะนี่ผมก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ ผมว่าผมทำหน้าปกติเลยนะ


“มั่วละแมน กูก็ยิ้มปกติมั้ยละ ^^”

“หราาาา” ชิจะมาจ้องจับผิดอะไรกัน

“แมน ทำไมมึงไม่มาลงบาสกับพวกกูวะ ถ้าวันนี้มึงลงด้วยนะเราคงเล่นง่ายกว่านี้” คนที่ชื่อพี่ดิวพูดขึ้นทำไมเอาพวกผมหันมองหน้าแมนกันทันที มันไปรู้จักกับพี่เขาตอนไหน ทำไมพวกผมไม่เห็นรู้

“อ่อ ช่วงนี้เบื่อๆพี่ ไว้วันไหนคึกๆไปเล่นด้วย” หืมม มึงสนิทแมน มึงตอบแบบนี้มึงสนิทกับพี่เขา



    กลุ่มผู้ชายปากหมาชะนีปากดี (5)  (ให้สิบคะแนนใครเป็นคนตั้งชื่อกลุ่ม -.-)


Momomo : แมน แถลงข่าวด่วนๆ ไปรู้จักกันตอนไหน ?

Lemon now : ด่วนๆ คนสวยข้องใจ @Man

Man : สนใจกันจริง *สติ้กเกอร์มองบน
                                                                                                           ??????

Man : รู้จักตั้งแต่ปี 1 ละ เล่นบาสด้วย ตอนลงแข่งเดือนพี่ๆเขาก็เป็นสต๊าฟ
                                                                              แล้วตอนพี่บิ๊กมาทักทำไมมึงดูงงๆ

Man : กูสนิทแค่พี่ดิว พี่อาฟ ไอ้เชี่ยบูมน่ะถึงสนิทกับพี่บิ๊ก @บูมคนหล่อ

Lemon now : แล้วทำไมพวกแกไม่รู้จักพี่มูน ?

บูมคนหล่อ : มือถือกูสั่นเป็นเจ้าเข้าทรงละ  ตอนรู้จักกับพวกพี่เขาพวกกูไม่เห็นพี่มูนนะ

Man : ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่กลุ่มเดียวกัน

Momomo : น่าจะเป็นช่วงที่พี่เขาไปต่างประเทศ โอเคจบการใส่ใจ


“พวกนั้นนินทาอะไรพวกพี่เปล่าวะ ก้มหน้าก้มตาพิมพ์กันจัง?” พี่อาฟตะโกนมากจากอีกฝั่งทำเอาพวกผมสะดุ้งทั้งกลุ่ม

“ไม่มีไรพี่ ไลน์รุ่นเข้าน่ะ”

“แล้วน้องตะวันอยากมีอะไรๆกับพี่มั้ยครับ? ฮิ้วว” เอิ่ม.... เมินคำตอบบูมละหันมาทางผมละคำถามนี่เล่นเอาซะไปไม่ถูกเลย

“เชี่ยอาฟถามไรดูหน้าน้องด้วย” พี่ดิวหันไปด่าพี่อาฟ แต่พี่อาฟดูไม่รู้สึกอะไรเลย ยังส่งยิ้มพิฆาตมาทางผม ยอมรับว่าพี่อาฟเป็นคนหล่อครับ ดูเจ้าเล่ห์ไปหน่อย

“เฮ้ยๆพี่ ไรอ่ะจะจีบเพื่อนผมหรอ”

“ไรอ่ะมีตั้งสองสาวนั่งอยู่ตรงนี้ ดันจีบตะวันซะงั้น” มะนาวพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อมากกว่าครับ ไม่ได้จริงจังอะไร แต่สายตาที่พี่อาฟมองมาเอาจริงหรอวะ

“อย่าไปสนใจไอ้อาฟมันเลยสาวๆ มันก็ม่อไปงั้น หันมาสนใจพี่ดีกว่า” พอๆกันเลยพี่อาฟกับพี่ดิวเนี่ยย ฮ่าๆ แต่ก็ดูตลกดีครับ เขาคงหยอกๆไม่อยากให้พวกผมเกรงกันมั้ง แต่ผมก็ยังเกรงสายตาที่พี่อาฟมองมาอยู่ดี จนพี่บิ๊กเดินไปตบหัวพี่อาฟนั่นแหละ

“จ้องน้องเขาขนาดนั้น ระวังพ่อมึงกินหัว” ถ้าผมมองไม่ผิดเหมือนเห็นพี่อาฟมองไปทางพี่มูนที่นั่งดื่มน้ำอยู่ก่อนจะหันมาคุยกับผม

“แฮะๆ น้องตะวันอย่าใส่ใจเลยนะ พี่ก็แค่แซวเล่นไปงั้น เห็นน่ารักๆอยากสนิทด้วย”

“พี่ผมหล่อเหอะ” มาชอบผู้ชายด้วยกันว่าหน้ารักได้ยังไง คำว่าหล่อเต็มหน้าผมขนาดนี้

“หึหึ” ผมได้เสียงเบาๆมาจากคนที่นั่งหล่อเหมือนไม่ได้สนใจใครแต่ก็รับรู้ทุกการสนทนา ขำแบบนี้เยาะเย้ยเราเปล่าวะแบบว่าหล่อแต่คงสู้พี่เขาไม่ได้หรอกงี้ ! ชิ

“ฮ่าๆ หน้าแบบนี้เรียกว่าหล่อหรอเนี่ย แถวบ้านพี่เรียกว่าน่ารัก น่ารักมากๆด้วย” พี่อาฟเอาแต่ชมผมว่าน่ารัก ผมเบะจะร้องไห้ละนะ แงง ตะวันคนหล่อ ตะวันคนคลู ตะวันคนโก้ พี่แม่งไม่เข้าใจ

“พี่อาฟฟฟฟ หยุดเลย ไม่อยากคุยด้วยแล่ว” ผมตัดบทสนทนาละหันไปซบลงกับไหล่แมน ตะวันไม่ได้งอนนะตะวันไม่อยากคุยด้วยเฉยๆ ชิ แต่การกระทำแบบนั้นของผมทำเอาพวกพี่เขาหันมาจ้องเขม็ง จนแมนผลักหน้าผมออกทันที

“รักแห่งสยามหรอวะไอ้แมน อุบอิบนะมึง” คำพูดของพี่ดิวทำเอาผมรีบออกตัวทันทีเลยกลัวพี่ (มูน) เขาเข้าใจผิด

“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่พี่ แค่คิดก็ขนลุกละ ยี๋ ผมกับมันเพื่อนกันสนิทกันมากแค่นั้นเอง”

“แหมตะวันมายงมายี๋ กูไม่เอามึงหรอก รำคาญแก้มมึง” ผมหันไปถลึงตาใส่มันโทษฐานมาว่าแก้มผม รำคาญแก้มกูแต่เล่นแก้มกูทุกวันเลยนะ

“แล้วน้องตะวันมีแฟนยังอะ ?”

“แฮะๆ ^^’ ยังค๊าบบ หน้าแบบนี้ใครเขาจะสนใจ” ไม่อยากจะบอกเลยว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแฟนสักครั้ง ผมเคยไปจีบสาวตอนมอปลายแต่ต้องอกหักเพราะเขาปฏิเสธผมว่าผมน่ารักเกินกว่าจะมีแฟนเป็นผู้หญิง แสรดดดดดดดดดดดดด


“แต่เพื่อนพี่มันสนใจน้องนะ”

......
......
......


พอพี่อาฟพูดจบทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ ผมก็ดันไปสบตากับพี่มูนพอดีแต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นพี่เขาก็หันไปยิ้มให้พี่บิ๊กที่กำลังมองมาที่ผม ......



ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 2 ใครจีบกันแน่


หลังจากประโยคที่ชวนให้อึดอัดประโยคนั้น ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องพูดอะไรออกมา

‘แต่เพื่อนพี่มันสนใจน้องนะ’

เพื่อนพี่น่ะคนไหนหรอ ก็อยากเข้าข้างตัวเองชิบหายเลย อยากให้เป็นพี่มูนที่สนใจผม แต่การที่พี่เขาหันไปมองพี่บิ๊กแบบนั้นหมายความว่ายังไง พี่บิ๊กคือคนที่สนใจผมงั้นหรอ


“เฮ้อ”

ไม่รู้ว่าตัวเองถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่อาจเป็นเพราะว่าผมว่างมากเกินไป นอนก็แล้ว ดูหนังก็แล้ว จะให้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านมันก็คงเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับตะวัน ถือคติที่ว่าใกล้ช่วงสอบค่อยอ่าน (เด็กๆอย่าหลอกเลียนแบบนะ) ว่าแล้วก็โทรชวนแมนออกไปดูหนังดีกว่า

ตุ๊ด..
ตุ๊ด..
ตุ๊ด.. 

‘ว่า’

“ไปดูหนังกัน รอบบ่ายโมง”

‘อารมณ์ไหนวะ มาชวนดูหนัง’

“อารมณ์เบื่อไง นะ นะ นะ นะ”

‘เออๆ แล้วจะไปยังไง ให้ไปรับมั้ย?’

“ตามนั้นเลยครัช”

‘โอเค’

ติ้ด.


ตอนนี้ผมกับแมนอยู่หน้าโรงหนังแล้ว โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดสำคัญคนเลยไม่เยอะเท่าไหร่ เมื่อมาถึงผมกับแมนก็เถียงกันจนจะฆ่ากันตายหน้าโรงหนังแล้วก็เพราะไอ้แมนนี่สิบอกจะดูหนังผี ผมไม่ได้กลัวหนังผีพวกนี้หรอกนะครับแต่แค่ไม่ค่อยสันทัดแนวนี้เท่าไหร่ ผมกะว่าจะดูหนังรักที่เพิ่งเข้าโรงแต่เราก็ดันตกลงกันไม่ได้สักที

“แมนนนนนนนนนน มึงยอมกูหน่อยสิวะ กูอยากดูหนังรัก”

“ไม่ มึงก็ยอมกูสิตะวัน กูจะดูหนังผี”

“โอ้ย มึงอ่ะ กูไม่ชอบดูหนังผี” พูดพลางกอดอกทำหน้าบูดๆส่งไปให้มัน

“มึงกลัวผี”

“ไม่ใช่ ! กูไม่ได้กลัวผีสักหน่อย กูแค่ไม่ชอบหนังแนวนี้เท่าไหร่” ผมส่งตาขวางไปให้มัน

“อ่ออออ ถ้าไม่ได้กลัวก็ดูกับกูสิ ป๊อดไปได้ แมนๆดูหนังผีโว๊ย”

“เออ !” 

เรื่องแบบนี้หยามกันไม่ได้หรอกนะ ผมเลยตอบตกลงมันไปแบบไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน มารู้ตัวอีกทีผมก็ออกโรงหนังมาพร้อมกับสภาพดูไม่จืด รู้สึกเจ็บคอหน่อยๆด้วย ก็เล่นร้องลั่นตั้งแต่ผีโผล่มาฉากแรกยันฉากสุดท้าย ขวัญเอ้ยขวัญมา ผมว่าเดี๋ยวนี้หนังเขาทำสมจริงขึ้นเยอะเลยนะ

“ฮ่าๆๆๆ เป็นไงอ่ะมึง กูไม่กลัวๆแต่สภาพดูไม่จืดเลยนะ” เชี่ยแมน มึงจะหัวเราะดังไปแล้วนะ

“มึงแกล้งกู โอ้ยเจ็บคอไปหมดแล้ว”

“ฮ่าๆ ทำเป็นเก่ง แหกปากร้องลั่นตั้งแต่ฉากแรก”


“ตะวัน”   

มีเสียงผู้หญิงเรียกผมมาจากด้านหลัง ผมเรียกหันไปยิ้มให้ทันทีเพราะจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงพี่เปิ้ลพี่รหัสคนสวยของผมนี่เอง แต่ก็อึ้งไปนิดหน่อยเพราะคนที่เดินอยู่ข้างๆพี่เปิ้ลก็คือพี่มูน

“สวัสดีค้าบพี่รหัสคนสวย”

“มาดูหนังหรอเรา?”

“ครับ พอดีๆเบื่อเลยชวนแมนออกมาดูหนัง แล้วพี่เปิ้ลล่ะ” ระหว่างที่ผมคุยกับพี่รหัส ผมก็คอยเหลือบมองพี่มูนตลอด ผมสงสัยว่ามาด้วยกันได้ยังไง ทำไมพี่เปิ้ลไม่มากับแฟนหรือเขากำลังมีซัมติงกันจริงๆ

“พี่ก็เพิ่งดูหนังเสร็จนี่ล่ะ แล้วนี่จะกลับกันยัง ไปกินข้าวด้วยกันก่อนมั้ย แมนด้วย ช่วงนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยได้เจอเราเลย”

“เอ่อ..” ผมอ้ำๆอึ้งๆหันไปทางพี่มูน ที่ยังไม่พูดไม่จานอกจากมองมาทางผม

“อ้อ นี่พี่มูน แล้วก็นี่น้องตะวัน น้องรหัสเปิ้ลเอง”

“ไม่ต้องแนะนำอะไรหรอก เรารู้จักน้องรหัสเปิ้ลแล้ว” พอพี่มูนพูดเสร็จว่ารู้จักผม พี่เปิ้ลก็หันมองหน้าผมสลับไปมากับหน้าพี่มูน คงจะสงสัยว่ารู้จักกันได้ยังไง

“พวกผมก็ว่าจะไปหาอะไรกินเหมือนกันครับ” จู่ๆแมนมันก็แทรกขึ้น

“งั้นไปหาไรกินกัน อาหารญี่ปุ่นดีมะ?”

พี่เปิ้ลหันมาถามแล้วควงแขนผมเดินไปหาร้านอาหารญี่ปุ่นทันที ทั้งที่ผมยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมไม่ได้ดึงมือพี่เปิ้ลออกเพราะเวลาเจอกันพี่รหัสคนสวยก็จะชอบทำแบบนี้ประจำ และที่เลือกร้านอาหารญี่ปุ่นอาจจะกำลังเอาใจผมมากกว่าเพราะรู้ว่าผมชอบ ตอนปีหนึ่งที่ผมรู้ว่าต้องมาเป็นน้องรหัสพี่เปิ้ลผมเกรงทำอะไรไม่ค่อยถูกก็พี่รหัสตัวเองดีกรีเป็นถึงดาวคณะ หนุ่มๆในคณะต่างก็พากันอิจฉาผม แต่พี่เปิ้ลเธอเป็นคนสวยที่ใจดีมากๆพยายามเข้ามาคุยกับผมตลอด ไม่ถือตัวเลยสักนิด คอยช่วยเหลือผมตลอด เรียกได้ว่าเป็นพี่สาวคนโปรดของตะวันเลยก็ว่าได้ ก่อนที่พี่เปิ้ลจะคบกับแฟนถึงขั้นมาปรึกษาผมเลยนะ แต่ตอนนี้ผมสงสัยมากว่าทำไมพี่เปิ้ลถึงรู้จักกับพี่มูน ไม่สิสนิทกันได้ยังไง

“ตะวันคิดอะไรอยู่ทำไมคิ้วขมวดอย่างนั้น” พี่เปิ้ลเรียกสติผมกลับมา ฮ๊ะ นี่หน้าเราออกขนาดนั้นเลยหรอ

“ผมว่ามันกำลังคิดไม่ตกมากกว่าว่าพี่สองคนสนิทกันได้ยังไง ทำไมถึงมาด้วยกันได้” เชี่ยแมน ไม่ต้องตอบเหมือนมานั่งอยู่ในใจกูก็ได้มั้ยล่ะ

“อ่อ พี่กับมูนสนิทกันตั้งแต่ประกวดดาวเดือนตอนปี 1 แล้ว”

“ทำไมหึงพี่รหัสหรอ?” นับว่าเป็นประโยคที่สองเลยครับที่พี่มูนพูดขึ้นหลังจากเจอกันที่หน้าโรงหนัง

“หึ หึ” เชี่ยแมนมันแอบขำผม ผมเลยส่งค้อนไปให้มันทีนึง

“ถ้าใช่ล่ะครับ ผมก็หวงพี่รหัสผมนี่”

“ฮ่าๆ ทีกับพี่กันต์ทำไมไม่หึงพี่บ้าง” พี่เปิ้ลหันมาดึงแก้มผมเล่น

“ก็นั่นแฟนพี่เปิ้ลนี่ครับผมจะหึงได้ไง แล้วนี่มากับผู้ชายสองคน ได้บอกพี่กันต์หรือยังอ่ะ เดี๋ยวพี่กันต์เข้าใจผิดแล้วทะเลาะกัน ตะวันไม่ช่วยนะ จะบอกให้”

“หึหึ หมอนั่นมันรู้เดี๋ยวพี่เคลียร์เองแล้วกัน น้องตะวันไม่ต้องห่วงไปนะครับ” ว่าแล้วพี่มูนก็ยิ้มหวานส่งมาให้ผม โอ๊ยยยย แม้จะไม่เคลียร์กับประโยคเมื่อกี้ก็เถอะ แต่อย่างส่งยิ้มมาแบบนี้ ไอ้ตะวันแพ้ งื้อออ


หลังจากประโยคนั้นของพี่มูน ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารบนโต๊ะทันที พออิ่มเราก็แยกย้ายกันกลับเลย ระหว่างที่กลับไอ้แมนมันเอายิ้มล้อๆผมว่าผมน่ะหึงพี่มูนต่างหากไม่ได้หึงพี่รหัสตัวเองอะไรหรอก แล้วก็ตอนที่พี่มูนยิ้มให้มันก็ดันรู้ไปอีกว่าผมเขินจนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

“เอ้อ ตะวันกูว่าเรามาเริ่มปฏิบัติการหาผัวให้มึงกันเถอะ”

“เชี่ย หาผัวอะไร” ผมตกใจจนหันไปตีแขนมัน

“หมายถึงเริ่มการจีบพี่มูนมึงไง มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็โดนคาบไปแดก”

“มันจะเป็นไปได้หรอวะแมน พี่เขาชอบแบบตู้มไม่ใช่หรอว่ะ”

“ไม่ลองก็ไม่รู้เปล่าว่ะ อย่างมึงก็ชอบตู้มๆแล้วไหงมาชอบเทพบุตรได้ล่ะ” ก็จริงของมัน แต่ผมก็คิดหนักอยู่ดี คิดยังไงก็เป็นไปได้ยาก แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้เหมือนที่แมนมันว่า เฮ้อ แล้วผมจะต้องทำไงล่ะทีนี้

“เดี๋ยวกูช่วยเอง”


หลังจากที่แมนมันบอกว่าจะช่วย ผมก็ยังไม่เห็นมันพูดว่าอะไรอีกเลย ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้วเช่นกันที่ผมยังไม่ได้เจอพี่มูน ก็มีเห็นเพื่อนพี่มูนบ้างสองสามคน วันนี้ผมจึงบุกมากินข้าวที่คณะบริหารจริงๆก็มากินนี่ได้ 2-3 วันแล้วล่ะ แฮะๆ สอดส่ายสายตาทั่วโรงอาหารในที่สุดผมก็เจอคนที่ผมอยากเจอมาตลอดทั้งอาทิตย์ ยังหล่อเหมือนเดิมเลย :)

“น้องตะวันครับ เพื่อนพี่ฝากมาให้” พี่คนที่ชื่อดิววางแก้วชานมไข่มุกให้ตรงหน้าผม

“เพื่อนคนไหนอ่ะพี่ดิว จะจีบเพื่อนผมหรอ?” บูมถามขึ้นทำเพื่อนๆหันมาสนใจกันใหญ่

“เพื่อนคนไหนไม่บอกหรอก จีบมั้ยก็คงงั้น กินให้อร่อยนะน้องตะวัน”

“เอ่อ ฝากขอบคุณเพื่อนพี่ด้วยนะครับ” พี่ดิวพยักหน้ายิ้มให้ละเดินกลับไปหาเพื่อนตัวเองที่นั่งถัดจากโต๊ะผมไปแค่สองโต๊ะ ผมมองไปก็ไม่มีใครน่าสงสัยเลย แงง ใครฝากมาให้ผมกัน

“ตะวันเสน่ห์แรงว่ะ แต่ใครว่าที่กำลังจีบมึง”

“บ้าน่ะ คงซื้อมาให้เฉยๆ ไม่ได้จีบหรอก”

“หรือจะเป็นพี่บิ๊กอ่ะ ฉันเห็นพี่เขามองตะวันหลายรอบแล้วนะ” มะนาวพูดเสร็จทุกคนก็หันขวับไปทางโต๊ะรวมพลคนหล่อ ตอนนี้ก็มีแค่พี่บิ๊กที่มองมาแล้วยิ้มให้ผม ผมก็เลยทำได้แค่ยิ้มตอบกลับไป

“โป๊ะเชะ กูว่าใช่”

“อย่าเพิ่งไปฟันธงเลย อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้” ผมก็เห็นด้วยกับแมนมันนะ เรื่องนี้ค่อยว่ากัน ผมดูดไข่มุกไปเต็มๆคำ พลางแอบมองไปที่พี่มูน ที่กำลังสนใจมือถือตัวเองอยู่ อยากให้เป็นพี่เป็นเจ้าของชานมแก้วนี้จัง



Moon Thanaphat

       - เจอแล้วก็ยังคิดถึงอยู่ดี


BigBro : หนัก

After you : หมายถึงกูหรอเพื่อนร๊ากกกก

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : น้องมูนนนนนนนนนนนน ผู้โชคดีคนนั้นเป็นใครกัน

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : ถ้ายังคิดถึงอยู่ก็ไปหาสิ



ณ ตลาดโต้รุ่งยามดึก

ผมว่าการไดเอทมันเป็นเรื่องยาก อาหารในโลกนี้มันอร่อยมากจริงๆ เราจะอดทนไปเพื่ออะไรนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมมายืนอยู่หน้าร้านเย็นตาโฟเจ้าเด็ดในตลาดยามดึกไม่ใกล้ไม่ไกลจากหอผม

“หมี่ขาวเย็นตาโฟ พิเศษ 1 กินนี่ครับ”

ผมสั่งเสร็จสรรพก่อนจะเดินไปหาโต๊ะนั่ง ซึ่งโชคดีที่ยังมีที่เหลือให้ผม ผมนั่งรอไม่นานเย็นตาโฟชามโตก็มาอยู่ตรงหน้าผม ก่อนที่คำแรกจะเข้าปาก สายตามันดันไปเห็นใครเข้า ใครคนนั้นที่มองยังไงก็ยังคงความหล่อ สาวๆในระแวกนั้นมองตาเป็นมันเชียว ผมสอดสายตามองไปมาก็โล่งใจที่พี่มูนมากับพี่บิ๊กไม่ได้มากับสาวๆที่ไหน ตอนนี้ทั้งคู่คลาดสายตาผมไปแล้ว งั้นขอจัดการกับเย็นตาโฟนี่ก่อนละกัน ท้องมันร้องจนป้าโต๊ะข้างๆจะด่าแล้ว

“เอ้า น้องตะวัน”

ใครมันจะมาทักตอนนี้คนกำลังหิว ผมหันไปมองแบบหน้าหงิกๆ

“ทำไมมาหาอะไรกินดึกๆคนเดียวอ่ะ เพื่อนไปไหน” ผมตาโตไปใหญ่เมื่อคนที่ทักผมก็คือพี่บิ๊กที่เดินแนบข้างมากับพี่มูน แล้วนั่งลงที่โต๊ะผม

“สะ สวัสดีครับ เอ่อ หิวเลยออกมาหาอะไรกินฮะ ไม่อยากรบกวนเพื่อนด้วย”

“งั้นเดี๋ยวพี่นั่งกินเป็นเพื่อน คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย พอดีโต๊ะมันเต็มหมดเลย” ผมมองไปรอบๆโต๊ะเต็มจริงๆ ผมเลยพยักหน้าตอบแล้วรีบกินให้เสร็จจะได้รีบกลับ จะให้มานั่งกินมูมมามต่อหน้าคนที่ชอบนี่ก็ไม่ไหวนะ ฮือออ

“พี่มูนไม่กินหรอ” ผมทักถามออกไป เมื่อเห็นมีแค่พี่บิ๊กคนเดียวที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย

“ไม่ละ เดี๋ยวอ้วน” โธ่ดีนะที่ผมไม่ได้ดื่มน้ำอยู่ ไม่งั้นได้พ่นใส่หน้าใครบางคนแน่ๆ

“มึงหลอกด่าน้องเขาหรอไอ้หน้าหล่อ”

“มึง”

“โอเค จบ ด่ากู ฮ่าๆ ทำไงได้วะก็คนมันหิว”

“แฮะๆ งั้นตะวันขอตัวก่อนนะครับ”

“จะรีบไปไหน นั่งลงก่อนสิ ปกติมาบ่อยมั้ย?” เหมือนพี่ตัวหมีจะไม่ให้ผมกลับง่ายๆ

“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ครับ”

“งั้นครั้งหน้าชวนพี่ก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องมาคนเดียว มันอันตราย” เอ่อ เอาไงดีตะวัน ผมลอบมองไปทางพี่มูน

“ถ้ามาคนเดียวอีก ก็ชวนบิ๊กมันก็ได้ มันออกมากินแถวนี้บ่อย” อ่า...

“ครับๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้แล้วรีบเดินออกมาทันที ก่อนที่จะไม่ได้กลับ เพราะเหมือนพี่บิ๊กจะยื้อผมไว้อีก



ติ๊ด ติ๊ด

...

ติ๊ด..


“โอ๊ยยยย” ผมตะโกนออกมาเพราะความหงุดหงิด ใครโทรมาก่อกวนตอนเช้าแบบนี้

“ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะวางนะฮะ”

“แล้วเฮียใช่เรื่องสำคัญมั้ย เจ้าดื้อ” เอ๊ะ เสียงคุ้นมากๆ

“พี่ภู๊..... คิดถึงงงงง หายไปไหนมา ไม่ติดต่อมาเลยนะ เรียนหนักหรือไปมัวแต่กกสาวแหม่ม ไม่คิดถึงน้องบ้างเลยใช่มั้ยยย”

“โอ๊ย ไอ้ดื้อ ใจเย็นๆ ก็ติดต่อมาแล้วนี่ไง ช่วงนี้เรียนหนักมากเลยไม่ได้ติดต่อมา”

“แล้วสบายดีใช่มั้ยอ่ะ ตะวันคิดถึงเฮียมากๆเลยนะ”

“สบายดีสิ แล้วเป็นไงบ้าง ได้กลับบ้านหาม๊าบ้างมั้ย ?” เสียงในสายดังเข้มออกมา คงจะนึกว่าตะวันคนนี้จะอยู่หอเพลินไม่กลับบ้านกลับช่องน่ะสิ ชิ

“เห็นแบบนี้ตะวันกลับบ้านทุกอาทิตย์เหอะ เฮียนั่นแหละหายไปเลย ไม่ห่วงป๊าม๊าน้องเลยใช่มั้ย กลับบ้านก็ไม่กลับ ไม่ใช่กลับมาอีกทีตอนมีเบบี๋นะ ตะวันจะไม่ให้เข้าบ้าน”

“ตะวันแกจะเป็นม๊าอีกคนละนะรู้ตัวมั้ย เวลาก็ไม่มี แฟนก็ไม่มีจะเอาเวลาไหนไปทำเบบี๋”

“ชิ แล้วจะกลับบ้านตอนไหน อังกฤษนี่มันไม่มีปิดเทอมเลยหร๊อ?”

“อีกไม่นานเฮียก็จะจบแล้ว ค่อยกลับทีเดียวเลย”

“ถ้าไม่กลับมา อย่างน้อยก็ส่งตั๋วมาให้ตะวันบินไปหาก็ได้นี่”

“ไม่ต้องเลย หาเรื่องมาเที่ยวไม่ใช่มาหาเฮียหรอก”

“ฮ่าๆ เฮียก็รู้ทันตะวันตลอด แต่ตะวันคิดถึงเฮียจริงๆนะ”

“อ่า เฮียก็คิดถึง ดูแลป๊าม๊าและตัวเองดีๆนะ เฮียไปนอนก่อนละ”

ต้องวางแล้วหรอ เพิ่งคุยกันได้นิดเดียวเอง ด้วยความที่ไม่ได้ยินเสียงของเฮียนาน อยู่ๆก็มีก้อนมาจุกอยู่ที่คอ ตาก็ร้อนผ่าวๆ แหงนหน้ามองเพดานกระพริบตาถี่ๆไล่ความร้อนนี้ออกจากตาทันที

“ดู..ดูแลสุขภาพ.. ด้วย นะเฮีย” ผมพยายามพูดไม่ได้ตะกุกตะกักเพื่อที่เฮียจะได้ไม่สงสารอะไร ตะวันรู้ว่าเฮียเรียนหนักจริงๆ ไม่อยากทำให้เฮียเป็นห่วง

“โอเค ไว้คุยกันใหม่นะเจ้าดื้อ บ๊าย”

ติ๊ด.


“ฮือออออ”

ผมพยายามกลั้นแล้วที่จะไม่ร้อง แต่พอสายตัดไปทุกอย่างมันก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่

ผมยอมรับว่าผมเป็นคนติดพี่มาก เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเราก็เล่นด้วยกันมาตลอด เพิ่งห่างกันได้ 2 ปีที่เฮียไปเรียนต่อนี่ล่ะ จำได้ว่าตอนได้ข่าวว่าเฮียจะไปเรียนต่อผมไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลย ยังดึงดันว่าถ้าเฮียไปตะวันก็จะไปด้วย ตอนนั้นเล่นเอาครอบครัวปวดหัวกันสุดๆ ทุกคนพยายามกล่อมทุกวิถีทาง จนเฮียมาอธิบายให้เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องไปเรียนแล้วบอกว่าจะรีบเรียนให้จบแล้วจะรีบกลับมา ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้ยอมอ่อนให้หรอกนะ แต่เฮียดันบอกอีกว่าจะไม่มีแฟนแน่นอนระหว่างอยู่ที่นั่น ตะวันเลยยอมโอเค ประเด็นคือไม่ได้มีปัญหาที่เฮียจะไปเรียนต่อ แต่ประเด็นหลักคือกลัวเฮียไปหาสะใภ้ไม่ถูกใจป๊ากับม๊า ดูปัญญาอ่อนใช่มั้ย แต่ผมก็อยากสแกนก่อนว่าคนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้เป็นยังไง รักเฮียจริงๆไม่ใช่เข้ามาหลอก เมียในอนาคตของเฮียน่ะต้องผ่านด่านตะวันคนนี้ไปก่อน เหอะ !


ตึ๊ด

ติ๊ด

ไลน์กลุ่มจะมาคุยอะไรกันตอนนี้ว่ะ


กลุ่มผู้ชายปากหมาชะนีปากดี (5)

Momomo : ตะวันๆ ดูเฟสพี่บิ๊ก

                                                             ทำไม มีอะไรหรอ ?

Lemon now : เข้าไปดูก่อนเร็วววววว



BigBro
   
         น่ารักขนาดนี้ สนใจมาเป็นสะใภ้บริหารมั้ย?

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : หึหึ นิเทศนี่ของเขาดีจริง

After you : ฮิ๊วว มาว่ะไอ้เสือ

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : แอดสมัครคนแรก

สวยมากและท่ายากก็เยอะ : มาตึกนิเทศบ่อยๆนี่มาส่องเรานี่เอง เฮ้อ


....

เข้าไลน์
                                                             แล้ว ?

Man : นั่นดิ

Momomo : เด็กนิเทศ ไม่ใช่ตะวันหรอ
                                                             มั่วแล้ว ใช่เราที่ไหนอ่ะ

บูมคนหล่อ : ใครมายุ่งกับว่าที่เมียกูวะ

                                                             @บูมคนหล่อ มาให้กูกระทืบเดี๋ยวนี้

Lemon now : ปากแบบนี้น่าจะตายก่อนได้เมีย

Man : คงไม่มีไรหรอก น่าจะเป็นคนอื่นมากกว่ามั้ง


ผมกดออกจากแอพพิเคชั่นที่เรียกว่าไลน์ทันที พี่บิ๊กอาจจะหมายถึงคนอื่นก็ได้ แม้ว่าบางครั้งพี่เขาก็มีท่าทีที่สนใจผมก็ตามเถอะ แต่ใจมันก็อยากปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ ผมคงไม่ใช่สเป็กคนหุ่นหมีหรอกมั้งงงงง
กดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย จนสายผมเลยย้ายตัวเองเข้าห้องน้ำจัดการแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษา เตรียมตัวเรียนตอนบ่าย แต่ก่อนอื่นต้องไปหาอะไรรองท้องดีกว่า โรงอาหารคณะคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการไปกินข้าวข้างนอก เพราะเวลานี้รถคงติดแหงกเข้าเรียนไม่ทันแน่ๆ


“น้อนตะวันของพรี่บูมมม” เสียงโหวกเหวกดังลั่นมาแต่ไกล เชี่ยบูมมมม กูอายคน เขาหันมามองกันใหญ่แล้ว

“ใครเป็นของมึงเชี่ยบูม”

“ฮ่าๆ แซวเล่นเองน่า” วันๆขยันเรียกบาทาเก่งมาก น้อนหงุดหงิด ว่าละไม่อยากเสาวนากับมันต่อ เลยเดินไปซื้อข้าวแล้วกลับมานั่งที่เดิม ผมกินข้าวไปได้ครึ่งจานก็สัมผัสได้ถึงแรงสะกิดจากข้างๆ ผมทำหน้าสงสัย

“ไรแมน มีไรก็พูด” มันไม่ตอบอะไรเอาแต่มองไปทางหน้าโรงอาหาร ผมขี้เกียจมองตามเลยก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ แล้วมันก็สะกิดผมอีกครั้ง ครั้งนี้สะกิดแรงด้วย โอ๊ยยยย สะกิดหาอะไรเนี่ยย คนจะกินข้าว แต่ก็ได้แค่ก่นในใจเท่านั้น

“อ่า ไม่ทันละ” อะไรไม่ทันของมันว่ะ ไม่ทันจะได้สงสัยอะไรต่อ อยู่ๆก็มีแก้วชานมไข่มุกวางลงตรงหน้าผม

“อะ สวัสดีครับพี่บิ๊ก” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆให้พี่เขา ก่อนจะหันไปยิ้มอย่างสงสัยให้แมน มาได้ไงเนี่ย แล้วชานมที่อยู่ตรงหน้าผมนี่คืออะไรกัน

“เห็นชอบกินชานมไข่มุกเลยซื้อมาฝาก เจ้านี้อร่อยนะ ลองกินดู”

จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากด้านข้างบ้าง ด้านหลังบ้าง ต่างๆนาๆว่านี่หรอคนที่พี่เสืออยากให้เป็นสะใภ้บริหาร ฮือออ ไอ้ตะวันเอ้ยยย เอาไงดีเรา ผมพยายามหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ แต่พวกมันกลับพากันหันหลังใส่ผมเฉยเลย แงง เพื่อนรักทำกันได้ลงคอ

“แฮะๆ ขอบคุณนะครับ ไม่น่าลำบากเลย”

“ไม่เป็นไร คนให้เต็มใจมากๆ แล้ววันนี้เลิกกี่โมง ?” ทำไม ทำไมต้องถามว่าเลิกกี่โมง จะชวนผมไปไหนงั้นหรอ ไม่นะ

“เอ่อ.. น่าจะ 4 โมงเย็นมั้งครับ”

“โอเค ไว้เจอกันนะ พี่ไปละ” ว่าแล้วพี่เขาก็หายไป เหลือเพียงแต่เสียงต่างๆนาๆว่า ผมคือคนที่พี่บิ๊กกำลังจีบ ฮือออออ ตะวันอยากเอาหัวโขกเสา ไม่อยากเชื่อๆ

“เอ้า สะใภ้บริหารจะไปเรียนมั้ย หรือเขินจนลุกไม่ขึ้น”

“เชี่ยยย” โอ๊ยยย สะใภ้บริหารอ่ะอยากเป็น แต่ขอเป็นพี่มูนได้มั้ยล่ะ -/-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2020 17:50:58 โดย moon.star »

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 3 ไม่ได้หลงทางแต่หลง...


ตอนนี้ผมกำลังคิดไม่ตก นอนพลิกไปมาบนเตียง จนแมนมันด่าผมหลายรอบแล้วที่ทำเตียงนอนมันเละ ผมอยู่อย่างงี้ตั้งแต่บ่ายตอนนี้เย็นแล้วก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไปดี ถ้าพี่บิ๊กชอบผมจริงๆล่ะ ผมจะทำยังไงจะจีบพี่มูนยังไง พี่มูนจะมองผมยังไง คนที่เพื่อนชอบหรอ แล้วก็จะไม่รับรักผมอ่ะดิ แค่คิดใจของตะวันมันก็เจ็บปวดไปหมดแล้ว


“ยังไม่เลิกคิดอีกหรอตะวัน มึงอยู่อย่างนี้มาหลายชั่วโมงแล้วนะ”

“แมน มึงไม่เข้าใจกูหรอก”

“มึงกำลังคิดไม่ตกว่าพี่บิ๊กชอบมึงจริงมั้ย กับคิดว่าแล้วถ้าเป็นแบบนี้พี่มูนจะรับรักมึงหรอ”

“เฮ้ย มึงอ่านใจคนได้หรอ มึง...”

“กูใคร เพื่อนมึงตั้งแต่ตอนไหน มองหน้าก็รู้ละว่าคิดอะไร” ก็จริงอย่างที่มันว่า มันมักจะอ่านใจผมได้เสมอ ว่าคิดยังไง รู้สึกยังไง

“ก็จริง แล้วจะทำไงดีว่ะ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลยอ่ะ” หน้างอกว่าปลาทูแม่กลองก็ตะวันนี่ล่ะตอนนี้

“ไปกินข้าวกัน ป่ะ อย่าเพิ่งคิด กูรู้ว่าสมองมึงต้องการพลังงาน”


ตอนนี้ผมนั่งอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆมอได้สักพักแล้วโดยมีพี่หุ่นหมีนั่งอยู่ตรงข้ามผมพร้อมกับแมนที่นั่งอยู่ข้างๆผมในตอนนี้ ผมยังงุนงงกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะผมโพสต์รูปภาพและเช็คอินลงเฟสบุ๊ค พี่บิ๊กก็มาเม้นบอกว่า ‘เจอกัน’ แล้วก็มานั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ ทำเอาความอยากอาหารของผมหายลงไปในพริบตา จนแมนกระซิบบอกผมว่างั้นเรามาเปิดประเด็นเคลียร์กันตรงๆเลยดีกว่า

“พี่ผมถามอะไรหน่อย อันนี้จริงจังนะ” เอาแล้ววววว แมนมันจะเปิดประเด็นแล้วว ผมควรทำไงดี

“อืม ว่ามาดิ”

“พี่กำลังจีบตะวันหรอ” O.o นอกจากผมที่ตกใจจนตาโตไม่คิดว่าแมนมันจะถามตรงขนาดนี้ พี่บิ๊กก็ดูตกใจเหมือนกัน แต่เหมือนพี่เขาเก็บอาการได้ แล้วขำออกมาเล็กน้อย จนผมมองอย่างสงสัยและลุ้นกับคำตอบ

“ทำไมคิดงั้นอ่ะ”

“ก็ใครๆเขาก็พูดกัน พอดีตะวันมันมีคนที่ชอบแล้วอ่ะมันเลยไม่สบายใจ”

“มีคนที่ชอบแล้ว ? อ่อ เฮ้ยๆโทษทีถ้าทำให้ไม่สบายใจ พี่ไม่ได้จีบไม่ได้ชอบเราแบบนั้นนะ สบายใจได้ แล้วเรื่องชานมมีคนฝากมาแค่นั้นเอง”

“มีคนฝากมาหรอครับ ใครหรอ?” ใครกันฝากมาให้ผม แล้วรู้ได้ไงว่าชอบกินชานมไข่มุก ผมไม่ได้กินทุกวันซะหน่อย

“บอกไม่ได้ เพื่อนๆกันนี่ล่ะ แต่สบายใจได้พี่ไม่ได้คิดเกินเลย เอ็นดูเราเหมือนน้องคนนึงนี่ล่ะ” เฮ้ออ พอพี่บิ๊ก พูดแบบนี้ตะวันก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย

“แล้วพี่ชอบใครในนิเทศอ่ะ บอกได้มั้ย?” ผมจับจ้องไปที่พี่บิ๊กเพื่ออยากให้มั่นใจมากขึ้นว่าไม่ได้หลอกผม ก็เลยถามซะเลยจะได้เคลียร์เรื่องสะใภ้บริหารซะที

“ถามกันแบบนี้เลยหรอ ฮ่าๆ”

พี่เขาทำท่าคิดหนัก ก่อนจะบอกให้พวกผมมองไปที่ 9 นาฬิกา ของผม ไอ้เราก็ไม่เนียนเรื่องแบบนี้ซะด้วยสิเลยหันไปซะดื้อๆ เล่นกันซะแมนหันหน้าผมกลับมาแทบไม่ทัน

“เชี่ยตะวัน มองเนียนๆหน่อยไม่ได้หรอวะ เดี๋ยวเขาก็สงสัยหรอก เล่นมองพรึบซะขนาดนั้น” แมนมันหันมาเอ็ดผม ผมเลยขำแล้วขอแก้ตัวใหม่ โดนการทำเป็นหันไปมองรอบๆร้านแล้วหันกลับมา

“เฮ้ยพี่ ขาว สวย หมวย อึ๋มเลยหรอ ไม่เบานะเนี่ยย” ผมเลยถือโอกาสแซว เพราะบนโต๊ะมีผู้ชาย 2 คนและผู้หญิง 1 คนที่ดูแล้วก็น่าจะใช่คนที่พี่บิ๊กชอบ

“ผิดคนละตะวัน”

อ๊ะ O.O ผิดคน ถ้าไม่ใช่คนนั้นแล้วจะคนไหนอ่ะ ที่เหลือก็ผู้ชาย หรือว่า... ผมหันไปมองที่โต๊ะนั้นอีกครั้ง มีผู้ชายสองคน คนนึงดูสูงโปร่งหน้านิ่งๆไม่น่าจะใช่สเป็กพี่บิ๊กนะ งั้นก็เหลือแค่อีกคนละ ผมว่ามันคุ้นๆมากๆเลยล่ะ

.

.

“น้องวี่ !”

ผมเผลอตะโกนชื่อน้องออกไปเมื่อนึกออก ปั๊ดโถ่ไอ้เราก็คิดตั้งนาน ที่แท้ก็คนไม่ใกล้ไม่ไกลตัว แค่ไม่ได้เจอกันนานเลยเกือบจะจำไม่ได้

“พี่ตะวันนนนนน ไม่ได้เจอกันนานเลยอ่ะ” ว่าละไอ้คนที่นามว่าน้องวี่มันก็กระโจนเข้ามากอดผมท่ามกลางสายตาของคนทั้งร้านรวมถึงไอ้พี่บิ๊กที่มองตาปริบๆ

“ไม่ได้เจอกันนานเลยอ่ะ อ้วนขึ้นป้ะเนี่ยพี่ตะวัน” ปากน้อปาก

“ใครมันจะไปผอมแห้งแรงน้อยเหมือนมึงว่ะวี่” มันขำจนตาหยี ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงหันไปทางพี่บิ๊ก

“เจอกันตลอด ไม่รู้ว่าวี่คนนี้มันไม่ทำบุญหรือยังไง เจอแต่เจ้ากรรมนายเวร”

“เอ้าๆ วี่มึงว่าพี่มึงได้ไงเนี่ย”

“บ้าน่ะ วี่ไม่ได้ว่าพี่ตะวันสักหน่อย ว่าใครบางคนที่หุ่นเหมือนหมีควาย” ประโยคนี้ทำเอาพี่บิ๊กที่ดื่มน้ำอยู่สำลักน้ำออกมาแทบจะเข้าหน้าตะวันอยู่แล้วว

“เฮ้ย ใจเย็นๆก่อน แล้วนี่วี่รู้จักพี่บิ๊กด้วยหรอ” แมนมันเห็นท่าไม่ดีเหมือนมีคนจะวางมวยกัน

“ไม่รู้จัก ไม่อยากรู้จักคนนิสัยไม่ดี” วี่มึงไม่รู้จักแต่มึงจะมาด่าเขาแบบนี้ไม่ได้ มันว่าแบบนั้นก่อนจะขอตัวกลับก่อนเพราะเหมือนเพื่อนจะกลับกันแล้ว ผมว่าก็ดีเหมือนกันไม่งั้นมันคงได้แขวะไอ้พี่หุ่นหมีนี่อีก

“อะไรอะพี่บิ๊ก รู้จักกัน ?” หลังจากไอ้วี่มันออกจากร้านไป ผมก็หันมาถามพี่บิ๊กที่เอาแต่นั่งอมยิ้ม เจ้าเป็นบ้าบ๊อ

“ก็ไม่เชิง พี่อยากรู้จักแต่เหมือนเขาน้องวี่จะไม่ ฮ่าๆ”

“งั้นคนที่พี่ชอบก็ยัยน้องวี่?” ขอบคุณนะแมนที่มึงถามอะไรตรงๆ

“อ่ะฮะ พี่ไปสืบมาเห็นว่าวี่สนิทกับตะวัน”

“อ่ออออออออ งี้นี่เอง สรุปคือพี่ชอบน้องวี่ ไม่ได้ชอบตะวัน แต่ตะวันสนิทกับน้องวี่เลยจะเข้าทางตะวันว่างั้น”

“ครับ”

“แต่พี่ไปทำอะไรให้ยัยน้องวี่มันไม่ชอบขี้หน้าอ่ะ มันถึงแขวะพี่ขนาดนั้น”

“มีเหตุการณ์เข้าใจผิดกันนิดหน่อย เลยเป็นงี้อ่ะ อีกอย่างพี่ไม่รู้จะเข้าหาน้องเขายังไง เห็นหน้าแล้วจะเป็นลม” โอ๊ยย ตัวตั้งโตแต่ดันมาแพ้ทางคนอย่างยัยน้องวี่ ฮ่าๆ

“เอางี้พี่ เดี๋ยวผมกับตะวันจะช่วยพี่จีบยัยน้องวี่ แต่มีข้อแม้ว่าพี่ต้องช่วยไอ้ตะวันมันจีบพี่มูน”


O.o

ไอ้แมนนนนนนนน ผมจะฆ่าม๊านนนน พี่บิ๊กตอบตกลงแล้วก็ดูไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย แถมยังบอกหนึ่งประโยคกับผมก่อนที่พี่เขาจะกลับ ‘น้องน่าจะยากแล้วที่ช่วยพี่ แต่กับพี่แทบจะไม่ต้องช่วยอะไรน้องเลย แล้วก็จากไปราวกับสายลม ทำเอาผมนั่งงุนงง ต้องเป็นพี่สิที่เจองานยาก ช่วยผมจีบพี่มูนเป็นเรื่องยากที่ติดหนึ่งในสามของโลกก็ว่าได้


สำหรับผมเรื่องที่จะช่วยพี่บิ๊กจีบยัยน้องวี่นั้นมันง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก เพราะวี่หรือยัยน้องวี่ที่ผมเรียกนั้นมันเป็นญาติทางฝั่งแม่ผม รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วยความที่วี่มันเป็นเด็กผู้ชายขี้อ้อน บวกกับหน้าตาอันน่ารักแล้วแสนรั้นของมันแล้วไหนจะหุ่นกันผอมบางของมันทำเอาใครๆก็เอ็นดู ไม่กล้าแม้แต่ขัดใจมันรวมถึงผมด้วย ผมตกใจเหมือนกันที่มันจบไฮสคูลจากต่างประเทศแล้วมาต่อคณะผม แถมตอนนี้ก็เหมือนจะมีหนุ่มบริหารมาสนใจอีกแต่ผมไม่แปลกใจที่พี่บิ๊กจะสนใจวี่มันหรอกเพราะตอนเด็กๆก็มีแต่เด็กผู้ชายมารุมแกล้ง เอ่อ มารุมจีบนั่นแหละ วี่มันมักจะร้องไห้ขี้มูกไหลย้อยมาฟ้องว่ามันก็เป็นผู้ชายนะจะมาจีบมันทำไม 5555555 ซึ่งดูจากรูปการแล้วคงไม่ยากเท่าไหร่ที่จะเป็นพ่อสื่อให้คู่นี้ ดูไปดูมาก็เหมาะสมกันอยู่นะ ><


จากวันนั้นผมก็เริ่มเป็นพ่อสื่อให้พี่บิ๊ก โดยการนัดแจอยัยน้องวี่บ่อยๆ ซักไซ้ไปมาจนรู้ว่ามันโสดสนิท แล้วก็ทำเป็นบังเอิญ เอ้าพี่บิ๊กมาไงเนี่ย (ทั้งที่จริงๆก็แบบนัดกับพี่บิ๊กไว้นั่นแหล่ะ) พอเจอกันยัยน้องวี่ก็ไม่วายแซะพี่มันไปเรื่อย แต่ดูท่าทางพี่บิ๊กก็รุกเอาเรื่องอยุ่นะ เล่นมุขเสี่ยวไปหลายต่อหลายมุข วี่มันก็มีท่าทางดูเขินบ้างแต่ก็ยังวางท่า โอ๊ยน้องจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน ตะวันยังคง............


“เฮ้อ... มึง เอาไงดีอ่ะ จนตอนนี้วี่มันจะเสร็จพี่บิ๊กอยู่ละ กูยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย”

“เอางี้ดิ มึงลองไปขอให้เขามาเป็นแบบให้มึงดูมั้ย” แมนมันเสนอ

“จะให้เขามาเป็นแบบทำไมว่ะ กูไม่ได้มีงานถ่ายอะไรสักหน่อย”

“ตะวัน มันก็หลอกๆพี่เขาไปว่ามึงมีงานต้องส่งอาจารย์ เลยอยากให้พี่เขามาเป็นแบบให้ มึงก็จะได้ใกล้ชิดกับเขา เผลออาจจะได้เบอร์ ได้ไลน์ติดต่อก็ได้” เอ้อ ก็จริงอย่างที่แมนมันว่า ทำไมผมคิดไม่ได้วะ

“แล้วเขาจะเชื่อกูหรอวะ มึงก็รุ้ว่ากูไม่เนียนเรื่องแบบนี้”

“อ่ะ เดี๋ยวกูจัดการให้”


ว่าแล้วมันก็ลากผมมาที่ตึกบริหารทันที ใต้ตึกจะมีโต๊ะให้นั่งสำหรับนักศึกษา ตอนนี้เป็นช่วงที่คลาสใหญ่ทยอยเลิกกันไปหมดแล้วเลยเหลือนักศึกษาปะปราย แต่ก็ยังมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ออร่าพุ่งมาแต่ไกล โดยเฉพาะพี่มูนสุดหล่อที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดูเพื่อนๆเปิดตลกคาเฟ่นำทีมโดยพี่อาฟกับพี่ดิว

“เอ้า น้องตะวันนนนนนนนน มาถึงที่นี่คิดถึงพี่อาฟหรอค๊าบบบ”

“คิดถึงที่หน้ามึงอาฟ น้องเขาคิดถึงกู ดิวอ่ะที่หล่อกว่าบิ๊กอ่ะ”

“อ่ะ พลาดพิงกูอีกละ วอนตีน” พี่บิ๊กที่ตอนนี้กำลังกระดิกเท้ารอละ ตอนพี่ดิวต้องไปหลบหลังพี่มูนที่นั่งขำเล็กน้อย อือออ หล่ออ่ะ บ้าบอ

“มีอะไรหรอตะวัน หรือคิดถึงพี่”

“อ่ะพี่บิ๊ก เดี๋ยวผมโทรหาวี่แปป” ว่าแล้วก็ทำท่าจะล้วงมือถือออกมาจนพี่บิ๊กต้องห้ามไว้ก่อน

“ใจเย็น ล้อเล่นนิดเดียวเอง” โถ่ว แววกลัวแฟนมาแต่ไกล

“คืองี้พี่ ตะวันมันมีธุระกับพี่มูนอ่ะ”

“มีธุระกับพี่หรอครับ คุยตรงนี้ได้มั้ยหรือต้องคุยส่วนตัว” พี่มูนทำท่าจะลุกขึ้น ผมต้องห้ามไว้ก่อน

“เอ่อ.. คุยกันตรงนี้ก็ได้ครับ คือ... คือ..ว่า...” เอาไงดีๆ

“ผมมีเรื่องจะมารบกวนพี่ ให้พี่มาเป็นแบบให้ผมหน่อยครับ ผมต้องทำโปรเจคส่งอาจารย์น่ะครับ”

“น้องตะวันค่าตัวไอ้มูนมันแพงน๊า ให้พี่เป็นแบบให้ดีกว่า ฟรีตลอดชาติจ้า” เป็นพี่อาฟที่เข้ามาเสนอตัวแล้วก็ทำหน้าเก๊กหล่อเหมือนกำลังถ่ายแบบให้ดู ฮ่าๆ หยุ๊ดดดดดดด ตลกไม่ไหวแล้ว แต่เอ๊ะ ค่าตัวพี่มูนงั้นหรอ .... ลืมคิดไปเลย พี่มูนใช่ว่าจะว่างจะมาทำงานฟรีๆได้ไง โถ่ววว ลืมคิดไปได้ไงเนี่ยยย

“เอ่อ.. ค่าตัวหรอครับ คือ...”

“แค่เลี้ยงข้าวพี่ก็พอ” พี่มูนว่าก่อนจะยื่นมือออกมา เอ๊ะ ยื่นมืออกมาทำไมอ่ะ จับมือหรอเชคแฮนด์ตกลงงี้ >< ผมเช็ดมือตัวเองกับกางเกงก่อนจะยื่นมือออกไปบ้าง หวังจับมือเทพบุตร

“ไม่ใช่ๆ ขอมือถือหน่อย”

เพล้ง ! ......

ยับเลยหน้าเนี่ยยยย ไอ้เราก็นึกว่าจะเชคแฮนด์ถือว่าเป็นการตกลงที่ไหนได้ขอมือถือ หึยยยย ก็นะต้องรีบส่งไปให้แก้ความอายเมื่อกี้ ผมแอบเห็นนะว่าไอ้พี่บิ๊กมันแอบขำผมน่ะ

“อ่ะ” พี่มูนเอามือถือผมไปกดยิกๆทำอะไรสักอย่าง แล้วก็ส่งคืนมาให้ผม

“ครับ?”

“พี่ให้เบอร์ไปแล้ว เพิ่มไลน์ด้วยนะ มีอะไรก็จะได้ติดต่อพี่มา”

“อะ..อ่อ.. ครับ”

“โอเคๆ จีบกัน เอ้ย คุยธุระกันเสร็จละเนอะ งั้นพวกพี่ขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปทำรายงานต่อ”

ขณะที่พวกพี่เขากำลังเดินออกไป พี่มูนก็เดินกลับมาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“รูปหน้าจอหล่อดีนะ” อมยิ้มแล้วเดินออกไป...

เอ๊ .... ผมรีบเอามือถือตัวเองออกมาดู ...มันเป็นรูปพี่มูนตอนเล่นบาส โอ๊ยยยยยยยยยย ซวยแล้วไงไอ้ตะวัน ตอนให้มือถือไปก็ลืมนึกไปเลย

“มะ..ไม่ ชะใช่” จะตะโกนปฏิเสธออกไป ก็ดันไม่เห็นพี่เขาซะแล้ว

“แมนนน”

“ก็ดีแล้วนี่ เขาจะได้รู้ว่ามึงก็ปลื้มๆเขาอยู่ อย่าคิดมาก ไปๆกลับกัน” แล้วมันก็ปล่อยให้ผมยืนหน้ายุ่งอยู่คนเดียวก่อนที่จะรีบวิ่งตามมันไป ฮืออออ พี่เขาจะมองว่าผมแปลกมั้ยอ่ะ อยู่ดีๆก็ตั้งรูปพี่เขาเป็นรูปหน้าจอ




Moon Thanaphat

          - หวังว่าใจเราจะตรงกัน

After you : กูจะไปแทรกไม่ให้ตรงกัน

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : สาวๆได้พากันอกหักเป็นแถวแน่ ไปตกหลุมใครเข้าคะคนหล่อ

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : ไอ้หล่อชักช้าหมาจะคาบไปแดก

BigBro : หึหึ

ลิลลี่ที่สวยๆ : มูนมันกำลังหักอกกู @DewBro ที่หล่อกว่า BigBro มาดามใจกูหน่อย

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : ไปโกนขนหน้าแข้งก่อน @ลิลลี่ที่สวยๆ

ลิลลี่ที่สวยๆ : หยาบคายนะ จับทำผัวแม่ง @DewBro ที่หล่อกว่า BigBro

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : กูมีพระ

....
....
....


‘หมายถึงใครกันนะ’

‘ช่วงนี้พี่มูนก็ดูอินเลิฟจริงๆแหละ’

‘ใครคือผู้โชคดีคนนั้นนะ’
.
.
‘เป็นตะวันได้มั้ย’




ตะวัน อัศวถาวรานุกูล
       
           - อยากมีพระจันทร์เป็นของตัวเอง

Veevy very cool : ป่ะ เดี๋ยวพาไปซื้อ โคมไฟรูปพระจันทร์ ฮ่าๆ

BigBro : น่ารัก

BoomBoom’z : มาเป็นเมียกู เดี๋ยวพานั่งยานไปซื้อ

ตะวัน อัศวถาวรานุกูล : จะอ้วก @BoomBoom’z

BoomBoom’z : จับแค่แขน แพ้ท้องได้ไง @ตะวัน อัศวถาวรานุกูล

Veevy very cool : ฝากถึงเม้นสอง อย่ามายุ่งกับพี่ของวี่

BigBro : @Veevy very cool แล้วยุ่งกับวี่ได้ป่าวครับ
.
.
.
Moon Thanaphat ถูกใจสิ่งนี้


ตึก...

ตึก.. ตึก..


ตอนนี้ใจดวงน้อยกำลังเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเฟสบุ๊คแจ้งเตือนว่ามีใครมากดถูกใจสถานะที่เขาได้ลงไปไม่กี่นาทีที่แล้ว ใจมันพองโตขึ้นจนผมต้องคอยปลอบตัวเองไว้ก่อนที่ตัวเองจะคิดไปไกล เพราะมันมักจะเกิดขึ้นได้เสมอในขณะที่เรากำลังตกอยู่ในห้วงของการชอบใครสักคน ความคิดในหัวมันก็แตกแยกคิดออกไปต่างๆนาๆ ว่าเขาอาจจะรู้สึกเหมือนกัน หรือก็ไม่รู้สึกเลย ผมก็เลยต้องคอยดึงตัวเองเอาไว้ ก่อนที่มันจะล่องลอยไปกับเขาหมดซะก่อน....

 
วันนี้ผมตื่นเช้าผิดจากปกติอาจเป็นเพราะนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนเลยมีอาการค้างมาจนถึงเช้า ผมเลยคิดว่าวันนี้จะรีบเคลียร์งานต่างๆให้เสร็จภายในช่วงเช้านี้เลยดีกว่าเพราะมีเรียนในช่วงบ่าย เพื่อความสะดวกในการทำงานและไม่มีใครมารบกวนการทำงานของผมในตอนนี้คือการปิดมือถือแล้วโยนมันไว้บนเตียง ถ้าอยู่ใกล้ๆจะทำให้เสียสมาธิได้ ผมไปเจอจำวิธีนี้มาใช้จากนักเรียนที่กำลังเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักศึกษาแพทย์ ผมว่ามันก็ได้ผลนะ

อ่า...

ขอบิดขี้เกียจหน่อยละกัน นั่งทำงานมาตั้งนาน ผมมองนาฬิกาเข็มชี้บ่งบอกว่าตอนนี้ 11 โมงจะครึ่งแล้วมิน่าล่ะเหมือนท้องเริ่มประท้วงเพราะผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จละออกไปกินข้าวกันดีกว่า ระหว่างที่อาบน้ำผมก็คิดไปคิดมาจะกินข้าวที่ไหนดี จะไปที่โรงอาหารในคณะก็กลัวคนจะเยอะ ไม่อยากรอเพราะท้องร้องจนเป็นจังหวะสามช่าได้แล้วจึงตัดสินใจเอาเป็นว่ากินร้านใต้หอพักก็แล้วกัน
.
.

และ แล้วก็เป็นความโชคดีของตะวันที่ในร้านข้าวมีแค่ 2-3 โต๊ะเท่านั้น ด้วยความหิวจัดจึงสั่งพิเศษบวกไข่ดาวสุกๆไปด้วยระหว่างที่รอเปิดมือถือเช็คข่าวสารผู้คนบ้างดีกว่า ดูเหมือนผมจะปิดมือถือนานเกินไปจึงมีข้อความต่างๆแจ้งเตือนขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเพื่อนๆที่ถามในกลุ่มว่าอยู่ไหนกันแล้ว กินข้าวที่ไหน ผมจึงจัดการตอบและเคลียร์ข้อความที่มันรกๆให้มันดูสะอาดตาหน่อย ผมไม่ชอบจริงๆนะที่มีการแจ้งเตือนค้างไว้ไม่ว่าจะแอพไหนก็ช่างเถอะ

“ตะวัน”

ระหว่างที่กำลังเคลียร์ข้อความต่างๆบนโลกโซเชียล ผมเหมือนหูแว่วได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเอง

“น้องตะวันครับ” หืม มีคนรู้จักเราด้วยหรอวะ

“ค..ครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาผมตะตึกตะตักตอบกลับไป

พี่มูนนนนนนนนนน ! ทำไมมายืนหล่ออยู่ตรงนี้ได้ ผมฝันไปหรือนี่ หยิกแขนตัวเองหน่อยละกัน

“โอ๊ย !”

“ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า?” เอาแล้วไง ไม่ได้ฝันแล้วเด้อออ ความจริงสุดๆ

“เอ่อ.. เปล่าครับ แล้วพี่มูนมาทำอะไรครับ?”

“มากินข้าว นี่มาคนเดียวหรอพี่ขอนั่งด้วยนะ” เอ่อ.. เอาแล้วไง เอ๋อแดกละทีนี้เอาไงต่อดีวะ สงสัยก็สงสัยว่ามาทำไมมากินข้าวแถวนี้ สงสัยพี่มูนคงสังเกตได้ว่ามันโต๊ะเรามันเงียบเกินไปเลยชวนคุย

“พักที่หอนี้หรอ?”

“ครับ”

“เหมือนกันเลย” ฮะ ! ว่าไงนะ เหมือนกันเลย ทำไมผมถึงตกข่าว

“ทำไมตะวันถึงไม่เคยเห็นพี่แถวนี้เลยอ่ะ”

“พี่เพิ่งย้ายมา มันใกล้กว่าคอนโดที่อยู่”

ต่อจากประโยคนั้นต่างคนก็ต่างก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเอง โดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก จนผมกินข้าวเสร็จ ผมก็สังเกตได้ว่าพี่มูนกินข้าวได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าผมเยอะมาก แล้วก็เหมือนจะกินเผ็ดได้เพียงเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ยังดูดีมากๆแม้จะกำลังนั่งกินข้าวตามสั่งในร้านเล็กๆก็ตาม

“ขอบคุณสำหรับข้าวมื้อนี้นะครับ ไว้คราวหน้าจะเลี้ยงคืนนะครับ งั้นตะวัน.. เอ่อผมขอตัวก่อนนะครับ”

“จะไปมหาลัยใช่มั้ย ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง

“ไม่รบกวนพี่ดีกว่า เดี๋ยวผมไปเองครับ”

“พี่ก็กำลังไปมหาลัย ไปด้วยกันนี่ล่ะ ถือว่าช่วยชาติ”

พี่มูนไม่รอให้ผมปฏิเสธอะไรอีก ก็เดินไปหารถที่จอดอยู่ใกล้ๆ แล้วหันมาหาผมก่อนจะส่งสัญญาณให้ผมขึ้นรถ โอ๊ย ใจจะหล่นออกมาแล้วจ้า ไอ้ตะวันจะได้นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พี่มูน อยากจะกรี๊ด บทรถไม่มีบทสนทนาอะไร มีแต่เสียงแอร์เบาๆ ผมพยายามที่จะนั่งนิ่งๆกลัวไปทำความเสียหายให้กับรถคันหรู ระยะทางไม่ไกลมากแต่ก็สังเกตได้ว่าพี่มูนขับรถได้ดีเลยทีเดียวแถมดูเป็นคนใจเย็นอีกด้วย บนรถก็สะอาดสะอ้านของไม่เยอะมีกองเอกสารแค่กองเดียวเท่านั้น แบบนี้ก็เพลินไปอีกแบบนั่งมองดูอีกคนที่กำลังตั้งใจขับรถ มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ แม้ข้างนอกรถกำลังร้อนระอุแต่ภายในรถเหมือนผมกำลังนั่งอยู่บนสวรรค์ชั้นไหนก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือชั้นรักเธอเข้าแล้ว

“ตะวันๆ ถึงแล้ว” เฮ้อ.. ทำไมมหาลัยไม่อยู่ไกลกว่านี้วะ อยากนั่งให้นานกว่านี่อะ บอกว่าลืมของดีมั้ยจะได้ขอร้องพี่เขาวนรถกลับไป หรือแกล้งเป็นลมดีมั้ย -.-

“ขอบคุณพี่มูนมากนะครับที่ให้ติดรถมาด้วย งั้นตะวัน..เอ่อผมขอตัวก่อนนะครับ” ก่อนจะตัดใจลงจากรถกำลังจะหันตัวเดินเข้าคณะก็เหมือนพี่มูนมีอะไรจะพูดกับผมถึงได้ลดกระจกลง หรือว่าผมเซ่อซ่าลืมอะไรไว้หรือเปล่า

“ตะวัน แทนตัวเองว่าตะวัน น่ารักดี”

อ่า... พอพูดประโยคนั้นจบก็ยิ้มมาให้หนึ่งหวานๆแล้วขับรถออกไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่งเป็นหุ่นที่ไม่รู้ว่าตอนนั้นหน้าผมจะแดงลามไปถึงไหนแล้ว




moon part


“ว่าไงอาฟ”

‘มึงอยู่ไหนไอ้หล่อ’

“อยู่มหาลัย”

‘ฮะ อยู่มหาลัย มึงไปทำไรวันนี้เราไม่มีเรียนนี่ แล้วก็ตกลงกันแล้วว่าจะมาทำรายงานที่ห้องไอ้บิ๊กมัน’

“กำลังไปน่ะ”

‘บอกกูมาก่อนว่าไปทำไร อย่ามาอ้างว่าหลงทาง’

“เออ กูไม่ได้หลงทาง.... แต่กูหลงเด็ก.....”



ติ๊ด




ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 4 เขามีคนที่ชอบแล้ว


หลังจากวันที่ผมได้ติดรถพี่มูนไปมหาลัยวันนั้น จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสามวันแล้วผมก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลยแม้จะพยายามสอดส่องแถวหอพักเผื่อจะบังเอิญเจอกันบ้างแต่ก็ไร้วี่แวว

“เป็นไรตะวัน หน้าบูดเป็นตูดพะยูนตายตื้น สองสามวันที่แล้วยังยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอยู่เลย” ดูมันเปรียบเทียบ ปากหมาๆแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าใคร

“เคยเห็นหรอพะยูนตายตื้นน่ะ อยากตามมันไปม้ะ”

“โถ่ น่ารักแล้วยังโหดด้วย เป็คเลยว่ะ” ว่าแล้วไอ้เชี่ยบูมมันก็เอามือไปกุมอก เหมือนโดนกระแทกใจอยากแรง

“อย่าโมโหดิวะ เดี๋ยวเลี้ยงชานมไข่มุก”

“เอ่อนี่ เห็นประกาศที่ติดบนบอร์ดคณะกันยัง การประกวดถ่ายภาพประจำปีนี้อ่ะ”

“ยัยมะนาวเอาเวลาไหนไปดูว่ะ ก็อยู่ด้วยกันตลอด”

“ตอนไปขี้ โอเคยังบูม”

“เชี่ย ตอบให้มันสวยเหมือนหน้าหน่อยก็ดีนะบางที ยัยมะนาวแป้น” ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวไปให้มะนาวทีนึงก่อนจะขยับที่นั่งเพื่อให้ห่างจะมือจากเท้าของคนที่โดนเรียกว่ามะนาวแป้น

“ปีนี้หัวข้ออะไรหรอ?”

ผมว่าถ้าข้อหัวน่าสนใจก็จะลองส่งเข้าประกวดดู ไม่ได้หวังรางวัลอะไรเพราะการประกวดของคณะมีแต่คนฝีมือโหดๆ บางภาพแทบจะไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของนักศึกษาถ่าย

“Silver Lining แสงสว่างในความมืดมิด”

“ใครคิดหัวข้อวะ ปีที่แล้วสายลมกลางสายฝน ปีนี้แสงสว่างในความมืดมิด ปีหน้าไม่วงกลมครอบสามเหลี่ยมหรอวะ”

“ฮ่าๆ เชี่ยบูมคิดได้เนอะ” ดูเหมือนแมนจะชอบหัวข้อที่บูมมันคิด ฮ่าๆ วงกลมครอบสามเหลี่ยม คิดได้ไงว่ะ ถ้าปีหน้าดันมีหัวข้อแบบนี้นะ คนลงประกวดมีน้อยแน่ๆ เพราะยากเกิ้นนนน จะตีความออกมายังไงว่ะ

“ยากสัส แต่ก็อยากลองดู”

“โหๆ งานนี้ยากละตัวพ่อจะลงแข่ง” ผมก็ไม่อยากจะอวยเพื่อนหรอกนะ แต่เห็นบูมมันปากหมากวนคนอื่นไปเรื่อยแบบนี้แต่ฝีมือการถ่ายรูปของมันเป็นตัวท็อปในคณะเลยก็ว่าได้

“ไม่หรอก งานนี้คนที่มีสิทธิ์จะชนะไม่ใช่ว่าถ่ายรูปสวย ไม่ใช่ว่าแต่งรูปออกมาได้ดี แต่มันหมายถึงคนที่ตีโจทย์หัวข้อให้ออกมาเป็นรูปภาพนั้นได้ดีที่สุดต่างหากล่ะ”

...
...
...

ตอนนี้ทุกคนเงียบกริบหลังจากบูมพูดประโยคนั้นจบ ทุกคนคงคิดเหมือนกันว่าประโยคนั้นไม่น่าจะออกมาจากปากบูมได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว พูดออกมาได้ดีจนผมจะร้องไห้ถลาเข้าไปกอดบูม จนเจ้าตัวก็งุนงงว่าเพื่อนเป็นอะไรกันหมด อยู่ดีๆก็เงียบไป

“ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา วันนี้มึงพูดได้ดีที่สุด”

“เท่มั้ย กูไปจำเขามา”

“เชี่ยบูม จะเท่ละแต่ดันมาตายตอนไปจำเขามานี่ล่ะ”

“เขาพูดได้ดีนะว่ามั้ย ?”

“เออๆ พักเรื่องนี้ก่อน คืนนี้ไปตี้กัน?”

“ยัยโมแกเป็นอะไร นึกจะมาตี้อะไรวันนี้” เห็นด้วยกับมะนาว อยู่ๆก็มาชวนไปเที่ยวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ก็เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานละน๊า ไปเถอะๆโมโมขอร้อง แถมพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียนอีก กลับดึกแค่ไหนก็ได้ นอนยาวแค่ไหนก็ได้”
“กูรับปากว่าจะไป ถ้ามึงหยุดเรียกตัวเองว่าโมโม”

 หลังจากบูมพูดจบ โมก็รีบเอามือปิดปากตัวเองทันที ฮ่าๆ การกระทำแบบนั้นของแตงโมผมมองว่ามันน่ารักเอามากๆเลยนะ

“ตะวันไป กูก็ไป”

 เอ้า แมนเพื่อนรักมึงทำให้กูกดดัน ซึ่งประโยคนั้นทำให้ทุกคนมองมาที่ผมคนเดียว เฮ้ย อะไรกันจะมากดดันทางสายตาแบบนี้ไม่ได้นะ

“ไปก็ไปสิ”

พอผมตอบไปแบบนี้ทุกคนก็ยิ้มร่า เอ๊ะ เหมือนเตรียมกันมา เอ๊ะ หรือผมคิดมากไปนะ คงคิดมากไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเที่ยวกลางคืนหรอกนะ ผมก็เหมือนวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้กินเหล้าได้ แต่แค่นานๆไปทีเลยไม่ค่อยชิน แถมผมก็ใช่ว่าจะคอแข็งอะไรมากมาย แถมเมาแล้วเรื้อนมาก จำได้ว่าตอนจบปีหนึ่งเราไปฉลองกันซึ่งตอนนั้นทุกคนก็ชงให้ผมดื่มจนเมาไม่เป็นท่าแถมยังมีนิสัยเลื้อยคนข้างๆอีก ทั้งงอแง ทั้งขี้อ้อน ทั้งอ่อย แมนบอกว่าผมเหมือนนางแมวน้อยยั่วสวาท ครั้งแรกผมไม่เชื่อจนเห็นคลิปตัวเองที่เพื่อนอัดไว้ก็แจ่มแจ้งขึ้นมาทันทีว่าครั้งต่อไปอย่าให้ดื่มจนเมา ดีนะที่วันนั้นแมนนั่งข้างผมแล้วก็ดูแลผมเป็นอย่างดีไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นยังไง

“ตะวัน คิดไรอยู่วะ”

“หะ อะไรนะแมน”

“กูเรียกมึงตั้งนานแล้ว คิดไรอยู่ แล้วได้ฟังที่เพื่อนพูดเปล่าเมื่อกี้น่ะ”

“เอ้า คนอื่นไปไหนแล้วอ่ะ”

“กลับไปกันแล้ว คืนนี้สามทุ่มเดี๋ยวกูไปรับที่หอ ส่วนตอนนี้เราก็สมควรกลับได้แล้วจะกลับไปนอน”

“อยู่ต่ออีกนิดไม่ได้หรอว่ะ” เพราะตอนนี้ผมยังไม่เจอคนที่อยากเจอเลย หายไปไหนนะ อยู่ดีๆผมก็รู้สึกงอแงในใจ นี่เราเป็นหนักขนาดนั้นเลยหรอ

“นั่งจนเปื่อยก็ไม่เจอหรอก หยุดมองหาละลุกขึ้นได้แล้ว”

“เออๆ กลับก็ได้”





21.20 น. @ย่านบันเทิงแห่งหนึ่ง

วันนี้ดูเหมือนคนจะมาเที่ยวเยอะเหมือนกันนะเพราะตอนที่มาถึงผมกับแมนวนหาที่จอดรถอยู่สองสามรอบแล้วเมื่อเดินเข้ามาในร้านโต๊ะก็เริ่มเต็มกันหมดแล้ววันนี้ร้านที่เราเลือกมาไม่ใช่ร้านดนตรีสดอย่างที่เห็นบ่อยๆตามหลังมอ แต่เป็นผับปิดที่มีสองชั้น ซึ่งชั้นสองผมก็ไม่เคยขึ้นไปหรอกเพราะเหมือนเป็นวีไอพีมีแค่ไม่กี่โต๊ะที่ทำให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น

“น้อนตะวันนนน วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง”

“เสื้อยืดเกงยีนส์นี่นะ” ผมใส่แค่เสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กับกางเกงยีนส์สีดำที่ขาดเข่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง ก็แต่งปกติเอาอะไรมาน่ารัก

“แค่นี้มึงก็น่ารักแล้วตะวัน ตอนมึงเดินเข้ามาตัวผู้แถวๆนี้มองตาเป็นมันถ้าไม่มีไอ้แมนประกบมึงมานะมึงโดนลากก่อนจะมาถึงโต๊ะแล้ว”

“บูมมึงพูดเกินไป ขนลุกวะ”

“เอ้อ ตะวันยัยน้องวี่บอกว่าจะมาด้วยนะ น้องได้โทรหาตะวันมั้ย?”

“ไม่นะ แล้วแตงโมได้คุยกับมันตอนไหนอะ”

“เมื่อวานเจอก่อนกลับ เลยเอ่ยปากชวนน้องมันไป นั่นไงมาละ”

“ยัยวี่ ใครสั่งสอนให้แต่งตัวแบบนี้วะ เสื้อกล้ามอะไรมันแหวกลึกขนาดนั้น แล้วไหนจะกางเกงสั้นขนาดนั้นช้างน้อยจะโพล่ออกมาแล้ว”

“หยาบคายอะพี่ตะวัน ช้างนงช้างน้อยอะไร ! นี่ไงใส่เสื้อคลุมอยู่นะ” ผมรู้ตัวว่าผมบ่นเป็นลุงแก่แต่ก็จะไม่ให้บ่นได้ไง วี่มันเป็นคนน่ารัก ขาว หุ่นบาง ใครๆก็จ้องมันทั้งนั้นแต่มันกลับไม่ระวังตัวเอาซะเลยยิ่งอยู่ในสถานที่แบบนี้ด้วย คอยดูนะจะฟ้องเฮียภู

“หยุดๆ ไม่ต้องไปบ่นให้น้องมันหรอก วี่มันก็แต่งตัวน่ารักเข้ากับมันดี”

“ใช่มั้ย วี่ไปนั่งข้างพี่มะนาวคนสวยดีกว่า” เอ้า ว่าละมันก็ปัดตูดใส่ผมแล้วย้ายไปนั่งข้างมะนาวทันที ให้มันได้อย่างงี้สิอ้อนเขาไปทั่ว

“เอ้าๆ มาชนแก้วกันดีกว่า ไม่เมาไม่กลับเว้ยยย”

“เอ้าชนนน”


ผ่านไปไม่นานเหมือนเหล้าจะลดลงไปอย่างรวดเร็วแต่โดยรวมแล้วผมว่าสติทุกคนน่าจะยังครบถ้วนอยู่นะ แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ดูมีท่าทางที่ผิดปกติ ยัยวี่? กดมือถือยิกยิกแล้วก็ทำหน้าบึ้ง ทะเลาะกับใครอีกวะ ผมเลยเอามือถือออกมากดส่งข้อความหามัน เพราะตอนนี้เพลงก็ดังมากเรานั่งค่อนข้างห่างกันต่อให้ตะโกนคุยกันก็คงลำบาก

‘เป็นไร?’

สักพักมันเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วแล้วเบะปากเหมือนจะร้องไห้

‘พี่บิ๊กจะมา’

‘แล้ว? เขาก็มาเที่ยวมั้ย หรือทะเลาะกัน’

‘ช่างมันเถอะ แดกเหล้า’

ว่าแล้วมันก็เก็บมือถือแล้วกระดกเอาเหล้าเข้าปากเหมือนดื่มน้ำ ยัยวี่ มึงใจเย็นนนนนน


“พวกมึงย้ายโต๊ะกัน มีพี่ที่รู้จักเขาอยากเลี้ยงเหล้า”

แมนที่หายออกไปสักพักเดินเข้ามาทำเอาพวกผมงุนงงตามๆกัน

 “ลุกดิ นั่งหน้าเอ๋อแบบนี้อดแดกเหล้าฟรีนะ” เท่านั้นล่ะทุกคนพร้อมกันใจลุกขึ้นแล้วเดินตามแมนไปทันที แต่ไอ้บูมไม่วายแบกขวดที่ยังไม่หมดติดมือมาด้วย

“พี่ที่รู้จักนี่ใครอะแมน นั่งวีไอพีเลยหรอ” แตงโมที่เดินตามหลังแมนไปติดๆถามขณะที่เรากำลังเดินขึ้นไปยังชั้นสองโซนวีไอพี ที่มีการ์ดคุมอยุ่ทางขึ้นดูเหมือนพวกเราก็เดินผ่านขึ้นไปได้อย่างสบายๆ

“เดี๋ยวก็รู้ พี่ที่มหาลัยเรานั่นแหละ”


เมื่อขึ้นมาถึงผมกวาดสายตามองไปมีโซฟาขนาดนั้นแบ่งเป็นโซนส่วนตัวอยู่ 4-5 โซน โดยทุกโซนล้อมเป็นวงกลมสามารถมองเห็นข้างล่างได้เป็นอย่างดี แต่เอ๊ะนั่นมันพี่อาฟนี่ หรือว่ารุ่นพี่ที่แมนมันรู้จักก็...


“เฮ้ย นั่งเกร็งไรกัน ไม่ต้องเกรงใจวันนี้เสี่ยบิ๊กเลี้ยง ใช่มั้ยวะ?” พี่อาฟที่หันไปทางพี่บิ๊กที่ตอนนี้เหมือนจะดูสนใจคนข้างๆอย่างยัยวี่เป็นพิเศษก็ใช่นะสิ หน้าบูดเป็นตูดลิงขนาดนั้น ทะเลาะกันสินะเฮ้อ

“อืม กินกันเลยไม่ต้องเกรงใจนะ” พอพี่บิ๊กพูดประโยคนั้นบรรยากาศก็ดูเปลี่ยนไป บนโต๊ะนอกจากจะมีพวกผมแล้วก็มีพี่อาฟ พี่บิ๊ก พี่ดิว ส่วนอีกคนคนที่ผมอยากเจอนั่งมาสักพักผมก็ยังไม่เจอเขา

“ถ้าไม่มีอะไรกัน แล้วไปนอนห้องเขาทำไม !”

 อยู่ดีๆยัยวี่มันก็จะตะโกนออกมาเสียงดังในขณะที่พี่บิ๊กก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างๆ

“วี่เป็นไร เมาหรอวะ?”

ผมอดเป็นห่วงน้องไม่ได้ ก่อนหน้านี้ผมเห็นสองคนนี้พยายามคุยกันแต่ดูเหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องบวกกับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปยิ่งตอนนี้วี่มันทั้งหน้าแดงตาแดงไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้าหรือเพราะความโมโหกันแน่

“พี่ขอตัวแปปนะ กินกันไปก่อนเลย” ว่าแล้วพี่บิ๊กหุ่นหมีก็ลากยัยวี่ไปคุยกันข้างนอก จะตามไปดีมั้ยวะ

“ไม่ต้องกังวลไปน้องตะวัน เพื่อนพี่มันไม่ทำอะไรน้องวี่หรอก เห็นอย่างนั้นมันก็ถนอมของมันนะ ฮ่าๆ” เป็นพี่ดิวที่หันมาบอกผม

“แล้วเมื่อไหร่ไอ้หล่อจะมาโผล่หัวหน้ามาวะ ส่งกูมาดูลาดลาวแล้วยังเสือกมาช้าอีก ช้ากว่านี้จะโดนหมาคาบไปแดกจริงๆละกูว่า” ผมนั่งใกล้พี่อาฟก็พออจะได้ยินแกบ่นงืมงัมๆกับพี่ดิวก่อนที่จะมีคนสักคนมานั่งลงตรงที่ว่างระหว่างพี่อาฟกับผม

“พ่อมึงมาละ ตายยากชิบหาย ทำไรอยู่วะมูน พวกกูกับน้องแดกเหล้าจนจะตายนอนคาร้านแล้ว" แหม พี่ดิวพูดความจริงอะไรขนาดนั้น ซึ่งตอนนี้ภาพที่เห็นคือมะนาวกับบูมเต้นสนุกสุดเหวี่ยง ส่วนแตงโมที่ตอนนี้คอพับไปซบแมนแล้วเรียบร้อย จะว่าไปผมก็เริ่มมึนๆแล้วเหมือนกันนะ

“ไปทำธุระให้แม่อยู่”

คำตอบเพียงเท่านั้นก็ดูเหมือนพวกพี่เขาจะเข้าใจกันไม่ได้ถามอะไรเซ้าซี้กันต่อ แล้วพวกพี่เขาก็ก็ตั้งหน้าตั้งตาดื่มกันต่อ แบบนี้อึดอัดแฮะ เพราะตั้งแต่ที่พี่มูนมานั่งเขายังไม่ได้หันมาคุยกับผมสักคำเลย จนกระทั่งพี่บิ๊กกับวี่กลับเข้ามานั่งซึ่งดูเหมือนจะปรับความเข้าใจกันได้แล้วนะ ยัยวี่ก็กลับไปเป็นยัยน้องที่น่าทะนุถนอมเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้มึงไม่ได้โมโหอะไรเลย แต่ก็ดีแล้วแหละ

“จะไม่คุยกับพี่หน่อยหรอ?”

 อยู่ดีๆคนหน้าหล่อที่นั่งข้างกันก็หันมาถามผม พี่ต่างหากที่จะไม่คุยกับผมหน่อยหรอ พอคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองขมวดคิ้วเป็นปมแล้ว

“ไม่รู้จะคุยอะไรนี่ฮะ”

“งั้นหรอ แล้วนี่เมาหรือยัง?”

“ยัง ตะวันคอแข็ง”

อะไรนะ ขออีกทีตะวัน พูดอะไรออกไป.. อยากตีปากตัวเอง

“ฮ่าๆ งั้นต้องขอชนแก้วหน่อยแล้วละ”

จากนั้นพี่มูนก็ชนแก้วกับผมเรื่อยๆจนตอนนี้ผมคิดว่าผมเริ่มไม่ไหวแล้ว หนักหัวจังเลยอะ พอมองไปที่เพื่อน แตงโมดูท่าทางจะหลับไปแล้วจริงๆโดนมีแมนที่ไม่น่าจะเมาคอยดูแลอยู่ ส่วนมะนาวก็ดูยังไงก็เมาแต่ก็ยังควบคุมตัวเองได้อยู่พอๆกับบูม ส่วนพี่อาฟกับพี่ดิวผมว่าพี่เขาดูแลกันเองได้ ส่วน...


ยัยวี่ !

ตอนนี้ผมไม่รู้จะตัวเองทำหน้ายังไงกับภาพที่เห็นตรงหน้า คือยัยวี่มันเมาเลื้อยขึ้นไปนั่งคร่อมพี่บิ๊กแล้วเอาหน้าซบที่คอขยับปากมุบมิบอะไรของมันก็ไม่รู้ ฮือออออ เท่านั้นยังไม่พออยู่ดีๆมันพูดอะไรสักอย่างแล้วแล้วพี่บิ๊กก็ขำเหมือนจะขัดใจยัยน้องเข้าให้มันเลยจับหน้าพี่บิ๊กไว้ก่อนที่จะ ....... ยัยวี่จูบพี่บิ๊ก !

ไม่ใช่แค่ปากแตะปาก แต่เป็นดูดดื่ม ฮืออออ .....

“เมาแล้วแอบดูคนอื่นจูบกันหรอ?”

“จะบ้าหรอพี่มูน ก็เขา... กันขนาดนั้น ตามันไปเห็นเองนะ”

“ฮ่าๆ เขินหรอ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ไม่รู้ว่าอุณหภูมิในร่างกายมันสูงขนาดไหนรู้แค่ว่าข้างในความร้อนมากกับภาพที่เห็นตรงหน้า จะบอกว่าเขินก็เขินอายก็อายนะ ไม่เคยเห็นใครมาจูบให้ดูเต็มตาขนาดนี้นี่ คอยดูนะผมจะจับยัยวี่ตีให้ตูดลายเลยโทษฐานไม่รักนวลสงวนตัว จะตีๆๆ

“ตะวัน ใจเย็นๆ เหล้านะไม่ใช่น้ำเปล่า”

“อืออ ตะวันโอเค ตะวันไม่เมาหรอก” จริงๆแค่มึนหัวหน่อยเดียวเอง ทรงตัวก็น่าจะได้อยู่แต่ก็ไม่กล้ากลัวล้ม ฮ่าๆ

“มูน เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ วี่ไม่ไหวละ ลงบิลกูไว้เลยเดี๋ยวมาเคลียร์เอง”

“เออ”

“มึงดูแลน้องตะวันด้วยล่ะ ตาเยิ้มขนาดนั้น”

“ตะวันโอเคฮับๆ ตะวันโอเค คิคิ” เอ๊ะ เมาตอนไหนทำไมน้ำเสียงอ้อแอ้ขนาดนี้

“ตะวันกลับไหม พี่ว่าเราเมามากแล้วนะ”

“โผมยังม่ายมาววว”

“เมาแล้ว”

“ม่ายยย”

“ลุกเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ม่าย ตะวันมากับแมน เดี๋ยวกลับกลับแมน”

“พี่มูนผมรบกวนไปส่งตะวันมันหน่อยสิพี่ ผมต้องดูแลพวกที่เหลืออะ”

“แมนนน เพื่อนร๊ากกก”

“เออๆ เพื่อนรักมึงกลับกับพี่มูนนะ”


ผมไม่รู้ว่าตัวเองมานั่งอยู่บนรถได้ไง เหมือนภาพมันตัดไปตัดมา จำได้บ้างจำไม่ได้บ้างผมนอนเหลวเป็นถั่วงอกที่ไม่ได้รับการรดน้ำเป็นเวลานาน มองไปข้างหน้าพบว่าถนนค่อนข้างโล่งแต่แน่ล่ะสิมันดึกมากแล้วคนก็ต้องหลับต้องนอนกันไหม

“ไงเรา เริ่มสร่างละหรอ?”

“หือ?”

ผมหันไปหาคนข้างๆที่ตั้งใจขับรถมองทางข้างหน้าอย่างแน่วแน่ พี่เขามาอยู่ที่นี่ได้ไง

“จ้องพี่ทำไม?”

“หล่อ”

“พี่เชื่อแล้วคนเมามักจะพูดความจริง ฮึๆ”

“พี่มูนมีแฟนยัง?”

ไม่รู้ว่าความเมาหรืออะไรที่ทำให้ผมถามอะไรแบบนั้นออกไป


“หือ?”


“มีแฟนยัง?”


“ยังไม่มีครับ”


“แล้วมีคนที่ชอบยัง?”


พี่มูนไม่ได้ตอบคำถามผม ทำให้ความเงียบก่อตัวขึ้น ในรถหรูมีคนสองคนนั่งอยู่แต่กลับได้ยินแต่เสียงแอร์ของเครื่องยนต์เท่านั้น ผมภาวนาให้ถึงคอนโดผมสักที ผมจะได้ล้มตัวนอนแล้วจะได้ไม่ต้องมีความคิดวกวนเหมือนในขณะนี้


‘ทำไมถึงไม่ตอบกันนะ’


‘มีคนที่ชอบแล้วจริงๆสินะ’


‘ใครกันนะ’


ไม่ตอบ ไม่แม้กระทั่งหันมามอง เขาเอาแต่ตั้งใจขับรถ ไม่นานรถก็มาจอดหน้าคอนโดถึงแม้ว่าจะโล่งใจที่ถึงสักทีแต่มันก็มีความรู้สึกแอบเสียดายเล็กน้อยเพราะยังอยากอยู่กับพี่เขาให้นานกว่านี้


“เป็นอะไร?”

“อ่อ เปล่าๆ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” เหมือนผมจะลืมไปว่าควรลงจากรถได้แล้ว

“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปส่ง เราไม่น่าจะไหวนะ”

“ตะวันโอเคพี่มูน เริ่มสร่างแล้ว”

“นั่งอยู่นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวอีกสักพักค่อยขึ้นห้อง”

“ตะวันไหวพี่มูน เนี่ยตะวันพูดรู้เรื่องแล้วนะ” ความจริงก็คือยังมึนๆอะแหละ แต่แค่ต้องควบคุมสติอย่างหนักเพื่อโต้ตอบกลับไปให้ดูมีสติที่สุด

“นั่งอยู่นี่เป็นเพื่อนพี่แปปนึง พี่มึนๆนิดหน่อย”

“ลืมไปเลยว่าพี่ก็ดื่มเข้าไปเยอะเหมือนกัน เอ่อ ไปนอนพักที่ห้องตะวันก่อนก็ได้นะ”

“ชวนผู้ชายเข้าห้องหรอ?”

“เฮ้ย ไม่ใช่พี่ หมายถึงๆ เอ่อก็มันดึกแล้ว”

“หึหึ ตึกพี่อยู่ถัดไปเองนะ”

“อ่อ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”






Moon / Part


‘มีแฟนยังงั้นหรอ’


‘มีคนที่ชอบยัง’


ผมไม่มีแฟน........


แต่ผมมีคนที่ชอบแล้ว.......


ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 5 อ้อนนิดอ้อนหน่อย


ผมยังติดอยู่กับคำถามที่ผมถามพี่มูนออกไป

“ทำอะไรออกไปวะเนี่ย”

เช้านี้ได้แต่กระฟัดกระเฟียดกับตัวเอง พยายามที่จะสลัดมันออกจากหัวตัวเองแต่ก็ทำไม่ได้ หวังว่าพี่เขาจะไม่ได้คิดอะไรมากมายกับคำถามนั้น

“เป็นไรตะวัน”

“ไม่มีไรมึง ว่าแต่มีไรให้กูออกมากินข้าวด้วยก่อนเข้าเรียน”

“แค่เหงา”

“ห๊ะ เอาดีๆแมน”

“กูจะถามมึงเรื่องการประกวดปีนี้ เอาไง”

“ก็ว่าจะส่ง แต่ยังไม่มีไอเดีย มึงล่ะ?”

“ก็ยัง หัวตื้อๆเหมือนกัน”

“หรือเราควรออกไปเที่ยวกันดีมั้ยแมน?” จะว่าไปผมก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนกันมาสักพักแล้ว

“เอ้อ เราไปออกค่ายกับชมรมอาสาสมัครมั้ย?”

“หืม จะไปเที่ยวไม่ใช่ไปออกค่าย”

“มันก็คล้ายๆกันแหละไปเที่ยวแล้วยังได้ทำประโยชน์ด้วย มึงไม่สนใจจริงอะ เอางี้เดี๋ยวกูส่งรายละเอียดไปให้ จะยังไงก็บอกกู จะได้ลงชื่อ”

“เคๆ ไปเรียนละ ก่อนประสิทธิ์จะหักคะแนนกู”


หลังจากผมเรียนเสร็จผมก็กลับห้องตัวเองมาคิดหาไอเดียเกี่ยวกับการประกวดปีนี้ ซึ่งผมคิดว่าครั้งนี้ผมจะให้พี่มูนช่วยผมงานนี้ด้วยผมไม่อยากหลอกให้พี่เขามาเป็นแบบเฉยๆโดยที่จริงๆแล้วไม่มีงานอะไรทั้งนั้น ผมกลัวว่าถ้าพี่เขามารู้ทีหลังผมกลัวพี่เขาจะโกรธ เลยถือโอกาสนี้เลยแล้วกันแต่ก่อนอื่นผมต้องคิดไอเดียให้ออกก่อนไม่งั้นจะส่งเข้าประกวดไม่ทัน แถมจะจีบพี่มูนก็ไม่ถึงไหน


ติ๊ด

ติ๊ด

Man : ค่ายอาสา ............. (ลิ้ง)

Man : จะไปก็รีบบอกมานะ

ผมกดเข้าอ่านรายละเอียดที่แมนส่งมา กดเข้าไปลิ้งเชื่อมไปที่หน้าเฟซบุ๊คค่ายอาสาของมหาวิทยาลัย ขึ้นหน้ารายละเอียดยาวยิบ คร่าวๆต้องไปซ่อมบำรุงโรงเรียน บริจาคของ เลี้ยงอาหาร น้องๆที่จังหวัดน่าน งานคงไม่ได้หนักอะไร เหมือนทำประโยชน์ไปด้วยพักผ่อนไปด้วยเหมือนที่แมนมันว่าจริงๆ แต่ผมตาโตทันทีเมื่ออ่านไปเรื่อยจนถึงคำว่า หมู่บ้านสะปัน

!!

“เฮ้ย หมู่บ้านสะปัน ใช่ที่เดียวกันไหมวะ” ผมพึมพำกับตัวเอง ก่อนอ่านรายละเอียดจนครบ ก่อนที่จะกดเข้าไปแอพสีเขียวตอบแมนทันที


‘กูไป ลงชื่อให้ด้วย’


ในใจผมตอบตกลงตั้งแต่เห็นว่าจะต้องไปที่หมู่บ้านสะปันแล้ว แล้วความอยากไปยิ่งมากขึ้นอีกเมื่อเห็นชื่อที่พักที่จะเราจะไปกันนั่นคือ ดอยอิงดาว เป็นสถานที่ที่ผมอยากไปเห็นด้วยตาของผมเองมากว่าจะสวยเหมือนอย่างที่เห็นในภาพหรือเปล่า ความรู้สึกตอนที่ได้เห็นหมอก เห็นดาว เห็นพระจันทร์....

เอ๊ะ พระจันทร์ !!

เหมือนไอเดียในหัวจะปิ๊งขึ้นมา ผมรีบเสิร์ชหาโลเคชั่นทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าการไปในครั้งนี้ผมจะได้ภาพเพื่อส่งเข้าประกวด
 

ตู๊ด...

ตู๊ด......

ตู๊ด...


‘ว่า?’

“รับช้านะมึงอะ”

‘ตะวัน ดังไม่กี่ตู๊ด’

“เออ แมนช่วยไรกูหน่อยสิ”

‘บอกมาก่อน ช่วยได้ไหมอีกเรื่อง’

“กูอยากให้พี่มูนไปค่ายด้วย”

‘หือ? แล้วยังไงทีนี้’  น้ำเสียงปลายเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าแล้วยังไง

“มึงไปชวนพี่มูนให้กูหน่อย”

‘ทำไมต้องเป็นกู มึงอยากให้เขาไปมึงก็ไปชวนเองสิ’

“แต่..”

‘ไม่ต้องแต่อะไรทั้งนั้นอะตะวัน จะจีบเขาก็ไปชวนเขาเอง’

“มะ ไม่ กล้า กลัวพี่เขาไม่ไป”

‘ได้ลองยัง?’

“..........”

‘เบอร์มีก็โทร ไลน์มีก็ทัก เฟซมีก็ส่งไป ไม่ยากเลยตะวัน’

“แล้วพี่เขาจะไปไหมวะ ค่ายอาสา ลำบากอยู่นะ คุณชายๆจะไปหรอวะ” ผมยอมรับว่าผมกังวล จริงๆก็ไม่ได้คาดหวังมากแต่ก็คาดหวังนิดนึงว่าพี่เขาจะยอมไปด้วย

‘ลองก่อน อีกอย่างกูว่าพี่เขาก็ไม่น่าจะยากถ้ามึงชวน’

“หมายความว่ายังไงอะ”

‘หมายถึงถ้ามึงชวนเขาไปทำประโยชน์ เขาก็ไม่น่าจะชวนยาก’

“หรอวะ ลองสักตั้งก็ได้วะ”


ผมนอนคิดอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจได้ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว เอาวะ ตอนนี้ก็ได้ทักไปถามก่อน พี่เขาอาจจะหลับไปแล้วก็ได้




Moon.
                           

                                                                                                    สวัสดีครับ

ครับน้องตะวัน


เฮ้ย! ผมกำลังตั้งใจพิมพ์ประโยคต่อไปโดยไม่ทันได้สังเกตว่าอีกฝ่ายกดอ่านแล้ว เห็นอีกทีพี่เขาก็ตอบกลับมาแล้ว ทำไมยังไม่นอนวะ !


                                                                                                  เรื่องที่จะให้พี่มาเป็นแบบให้อะครับ
                                                                                                  ผมพึ่งจะคิดไอเดียออกผมเลยจะชวน...
                                                                                                  พี่ไปค่ายอาสาของมหาลัยอะครับ


.....

....

5 นาทีผ่านไป พี่เขาไม่ได้อ่าน ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา อีกฝ่ายน่าจะหลับไปแล้วก็ได้ งั้นผมก็ไปนอนบ้างดีกว่า ค่อยมารอดูคำตอบพรุ่งนี้ก็แล้วกัน



เช้าที่แสนจะง่วงนอนของผม ผมรีบตื่นขึ้นเพื่อว่ารู้ตอนอยู่หน้าห้องว่าอาจารย์ยกคลาส ว๊อทททททท ทำไมเมื่อคืนอาจารย์ไม่แจ้งในไลน์กลุ่มครับ

“โห ไรวะเนี่ย กูอุตสาห์แหกขี้ตาตื่นมาเพื่อเรียนคาบนี้เลยนะ มาบอกตอนนักศึกษาถึงห้องเรียนแล้วนี่นะ เจริญละอาจารย์มอนี้”

“ปากนะปาก อาจารย์เขาก็ไลน์ลงขอโทษแล้วนี่ไง ว่ามีธุระจำเป็นของมหาลัย” แตงโมรีบอธิบายแล้วยื่นมือถือให้บูมดูทันทีว่าอาจารย์ไลน์มาเมื่อสักครู่

“ไม่ฟัง”

“ไหนๆก็ว่างละ หาเรื่องออกกำลังกายเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะบริหารกัน”

“อะไรของมึงวะแมน นึกอะไรจะไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะบริหาร”

“ได้ข่าวว่าข้าวอร่อย สาวสวย”

“งั้นไปกันแมนเพื่อนรัก บูมคนนี้จะพาไปเอง” ฮ่าๆ เร็วมากเรื่องนี้ ผมได้แต่ขำกับท่าทางของบูมที่เดินเข้าไปเดินกอดคอแมนพร้อมเดินนำออกไปก่อน ตามด้วยมะนาวกับแตงโมที่กำลังนินทาสองหนุ่มด้านหน้า


Man :

‘เพื่อนพี่มูนบอกมาว่า พี่เขาแพ้คนขี้อ้อน ถ้าอยากให้เขาไปด้วยมึงก็ลองตื้อดู  ปล.ชอบกินแดงโซดา’

“เอาวะ”

ผมพูดให้กำลังใจตัวเอง ก่อนที่จะเดินถือแก้วน้ำแดงโซดาพุ่งไปหาเทพบุตรที่นั่งสง่าเป็นจุดสนใจของคนทั้งคณะได้เป็นอย่างนี้ เมื่อเช้าผมได้อ่านไลน์ที่พี่เขาตอบผมแล้วว่า

‘ขอคิดดูก่อน’

แงง... คิดได้ทันทีว่าพี่เขาคงไม่ชอบอะไรที่ลำบาก แต่ผมอยากให้พี่เขาไปด้วยจริงๆ ไม่ใช่ว่าเพื่องานประกวดอย่างเดียวแต่เป็นเพราะผมอยากไปเที่ยวกับพี่เขาด้วยซึ่งผมจะถือโอกาสครั้งนี้ออกตัวไปเลยว่าจะจีบพี่เขา ไม่เช่นนั้นผมต้องอดแน่ๆ ดูจากสายตาสาวๆในโรงอาหานี้กำลังมองไปที่คนหล่อ แถมบางคนยังเอาขนม นม เนย ไปให้พี่เขาอีก ! เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็รีบสาวเท้าอย่างเร็วเพื่อไปให้ถึงโต๊ะที่พี่เขานั่ง

“เอ้า ตะวัน มาทำไร” เมื่อผมถึงโต๊ะ เป็นพี่บิ๊กที่เห็นแล้วหันมาทักผมก่อน

“เอ่อ.. ผม”

“เอ้า อ้ำอึ้งไรอยู่ครับน้อง เห็นความหล่อของพี่ดิวแล้วตะลึงไปเลยหรอ”

ป๊าบ !

“โอ๊ย ไอ้อาฟ ตบหัวกูทำไมเนี่ย”

“เล่นเชี่ยไรไม่ดูเวลา ดูหน้าน้องก่อนไหม” เป็นพี่อาฟครับที่ใช้มือตบลงที่หัวพี่ดิวอย่างแรง เห็นแล้วเจ็บแทนเลยครับ

“ว่าไง?” ทุกคนหันมารอผมอย่างใจจดใจจ่อว่าผมมาทำอะไรรวมทั้งพี่มูนด้วย

เอาวะ !

หายใจเข้าลึกๆ

“ผมมาหาพี่มูน”

“อ่ออออออ มานั่งนี่ได้เลยครับ” เป็นพี่อาฟมาดันตัวผมให้นั่งลงฝั่งตรงกับพี่มูน ผมเลยวางแก้วน้ำที่ดูจะละลายไปบ้างแล้วลงตรงหน้าพี่มูน พี่เขาทำหน้าสงสัยทันที

“อ่อ ตะวันซื้อมาให้ครับ” ผมรีบบอกไปทันที่ก่อนที่พี่เขาจะเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับยิ้มหวานไปหนึ่งที

“เอ่อ.. พี่มูนนนน ไปค่ายอาสากับตะวันเถอะนะครับ นะๆ” ผมกุมมึงตัวเองเป็นเชิงขอร้องแล้วก็ไม่ได้สนใจพี่ๆที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยเท่าไหร่ว่าจะทำหน้ากันยังไงตะวันสนใจแค่คนตรงหน้า พี่เขาทำหน้าอึ้ง งุนงงเล็กน้อย

“ทำไมถึงอยากให้พี่ไปขนาดนั้น?”

“ก็ตะวันจะให้พี่ไปเป็นแบบให้ไง แล้วโลเคชั่นที่นั่นก็สวยด้วย ตะวันโคตรอยากไปเลย อ้อ ไม่ต้องกลัวเรื่องลำบากเลยนะ เดี๋ยวตะวันคนนี้จะดูแลรับใช้พี่มูนเป็นอย่างดีเลย ตกลงไปกับตะวันนะ”

“เชี่ย.. หน้าน้องตะวันตอนอ้อนไอ้มูนเมื่อกี้โคตรน่ารักเลยวะ”

“น้อยๆหน่อยไอ้ดิว” เหมือนจะเป็นเสียงพี่บิ๊กที่ขัดพี่ดิว

แล้วพี่มูนจะคิดว่ามันน่ารักไหมอะ จะได้ผลไหมนะ ผมยังมองหน้ามูนอยู่ไม่ได้ละสายตาไปไหน ก็ยังดูไม่ออกว่าพี่จะคิดยังไงเรื่องไปค่าย

“นะครับ นะๆ” ผมได้แต่ส่งสายตาปริบๆไป หวังว่าพี่เขาจะใจอ่อน

“แต่ถ้าพี่มูนติดธุระก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่ถ้าพี่ว่างตะวันก็อยากให้ไป” ผมไมได้พูดเชิงตัดพ้อ แต่พูดเพราะบางทีพี่เขาอาจจะไม่ว่างจริงๆ

“อยากให้พี่ไปด้วยขนาดนั้นเลยหรอ?”

“ใช่ครับ ไม่ใช่ไปเที่ยวอย่างเดียวนะพี่มูน ตะวันพาพี่ไปทำประโยชน์ช่วยเหลือเด็กๆนะ ถ้าพี่มูนตกลงเดี๋ยวตะวันออกค่าใช้จ่ายให้เอง” เป็นไงครับ จีบทั้งทีใจต้องป๋าด้วย

“โห้ น้องตะวันสายเปย์นี่หว่า ออกให้พี่อาฟด้วยสิ”

“อยากโดนพ่อกินหัวหรอไอ้อาฟ?” ครั้งนี้เป็นพี่ดิวที่ดักทางพี่อาฟ ผมไม่ค่อยเข้าใจที่พี่เขาคุยกันเท่าไหร่ ใครคือพ่อ แล้วชอบพูดเหมือนเกรงใจใคร ถ้าให้เดาคงเป็นพี่บิ๊กเดาจากรูปร่างและหน้าตาที่ดูน่าเกรงใจกว่าคนอื่นอะนะ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับผมยังไง

“กูก็แค่แซวเล่นเอง”

“ครับ”

ผมหันหาไปพี่มูนทันที เมื่อกี้พี่เขาพูดว่า 'ครับ'

“ครับ?” ผมทวนคำพูดพี่เขาอีกที ครับอะไรวะ

“ครับ พี่จะไปด้วย เดี๋ยวเรื่องลงชื่อพี่จัดการเอง”

“จริงนะครับ!” สีหน้าดีใจของผมมันแสดงออกมาชัดเจน เมื่อรู้ว่าพี่มูนตกลงที่จะไปค่ายอาสาด้วยกัน

“เอ่อๆ งั้นผมไม่กวนแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

ผมรีบลุกขึ้นทันที เอาข่าวดีไปบอกแมนดีกว่า แต่ก่อนที่ผมจะกลับไปหาเพื่อน ผมก็นึกได้ว่าเมื่อกี้ก็เอาแต่ชวนพี่มูนคนเดียว ทั้งที่เพื่อนๆพี่เขาก็นั่งอยู่ด้วยแต่ก็ยังไมได้เอ่ยชวนพวกพี่เขาไป เสียมารยาทจังเลย ผมเลยหันกลับไปชวนพี่ๆเขา

“พี่บิ๊ก พี่ดิว พี่อาฟ ครับ ไปค่ายอาสาด้วยกันนะครับ พวกพี่ไปด้วยจะได้สนุก พี่มูนจะได้ไม่เหงา”

ผมไม่ได้รอให้พวกพี่เขาตอบ ผมเลยถือโอกาสรีบเดินออกมาเลย

...
...

‘พี่มูนจะได้ไม่เหงา’

โหยยย พูดไรออกไปวะเนี่ย

“ตะวัน! เราเห็นนะว่าตะวันไปคุยอะไรกับพี่มูน”

“อะไรมะนาว เราแค่ไปคุยเรื่องงานนิดหน่อย”

“งานไรวะเมีย?”

“เสือกนะบูม”

“แหมมมม ปากดีแค่กับกูเนี่ยแหละ ทีกับคนอื่นนะ ตะวันอย่างนั้นตะวันอย่างนี้ ใจร้ายจังวะ”

“ปากแบบนี้ก็สมควรแล้ว”

“ยัยมะนาว !”

“ไอ้บูม !”

“พอๆ กันทั้งคู่เลย เราเคยขอให้พี่เขามาเป็นแบบให้เราถ่ายรูป พอดีเราจะไปออกค่ายพอดีเลยชวนพี่เขาไปด้วย จะได้ถ่ายงานด้วยเลย”

“แล้วพี่มูนไปไหมตะวัน?” แตงโมที่เหมือนจะไม่สนใจแต่เดินมาเกาะแขนผมเพื่อรอฟังคำตอบ

“อะ อ่อ ไป”

“เยส” แตงโมกับมะนาวแท็กทีมกันทันทีเมื่อผมบอกว่าพี่มูนไปด้วย

“การไปค่ายอาสาครั้งนี้ของฉันมีความสุขขึ้นมาทันทีเลย มีคนหล่อๆไปด้วย”

“มิน่าล่ะ ถึงกระดี๊กระด๊าขึ้นมากันทันที กูล่ะเบื่อจริงจริ๊ง มีคนหล่อๆอยู่นี่ทั้งคนดันไปกรี๊ดคนอื่น”

“คนหล่อๆนี่หมายถึงแมนก็ไม่เถียงนะ”

“โหย ยัยมะนาว ไอ้แมนมันหล่อได้แค่เสี้ยวเล็บไอ้บูมเท่านั้นแหละ”

“แหวะ ไปเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหน”

“ฮ่าๆ”

“ครับไรขำเมีย?”

“ฮ่าๆ ขำบูมกับมะนาวอะดิ เถียงกันบ่อยขนาดนี้ลูกดกนะ”

......
......

เกิดอาการเดดแอร์ขึ้นมาทันที ส่วนมะนาว กับ บูม ก็ถอยห่างออกจากกันทันที

“ฮ่าๆ ตะวันพูดถูกใจ ทำเอาสองคนนี้เงียบทันทีเลย”

“เมียยยย มึงจะมาพูดไรแบบนี้ไม่ได้นะกูขนลุก”

“โบราณเขาว่างี้”

“พอเลยๆ ตะวัน ถ้าได้กับอีตานี่นะ มะนาวขอเป็นโสดตลอดชีวิต!”

“จริง แค่คิดก็จะเป็นลมละ ตะวันมึงอย่าพูดแบบนี้อีกนะ เหมือนลางเลย”

“ก็ถูกของตะวันมัน”

“แมนนนนนน ไม่เอา ไม่พูด”

มะนาวรีบเดินไปตีแขนแมนทันที 1 ทีเมื่อแมนพูดจาไม่เข้าหูอีกคน เอาจริงผมว่าเวลาสองคนนี้เถียงกันมันก็น่ารักดีนะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ถูกกันแต่เพราะเขาหมั่นไส้เบาๆเอ๊ะน่าจะเอ็นดูกันและกันมากกว่า ถึงจะเถียงกันไปมาแบบนี้แต่ก็ไม่เคยเห็นทะเลาะกันจริงจังสักที แถมเวลามีคนมารุมจีบมะนาวก็จะมีบูมมาคอยกันท่าให้บ่อยๆด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องมายิ้มเลยตะวัน ยัยตัวดี”

“ฮ่าๆ น่ารักดี เชียร์นะเนี่ยยย”

“ยัยน้องตะวันนน มานี่มาให้พี่ตีก้นซะดีๆ”

“ตามให้ทันละกัน”

ผมรีบวิ่งหนีทันที กลายเป็นว่าผมกับมะนาวเราวิ่งไล่จับกันเหมือนเด็กๆ โดยที่มีบูมเชียร์ให้มะนาวจับผมให้ได้และแตงโมที่เชียร์ให้ผมวิ่งหนีให้ทัน ส่วนแมนนั่งขำหล่อๆตามสไตล์มันอะแหละ

จะว่าไปก็คิดถึงช่วงปีหนึ่งเหมือนกันที่เราชอบมานั่งรวมตัวกันบ่อยๆ มีเรื่องให้ถกเถียงกันได้ตลอดเวลา แต่พอขึ้นปีสองมาก็ไม่ค่อยได้มีเวลามานั่งเล่นแบบนี้เท่าไหร่ ผมเลยอดคิดไม่ได้แล้วว่าถ้าเราไปออกค่ายด้วยกันมันสนุกแค่ไหน
ผมว่ามันจะต้องสนุกมากแน่ๆ

....

ธรรมชาติ

มิตรภาพ

เสียงหัวเราะ

....




Moon part


“ไอ้หล่อ อย่าบอกนะว่าเรื่องค่ายที่มึงทักมาให้กูลงชื่อให้เมื่อคืน”

“อืม”

“ร้ายวะ มีเด็กมาอ้อนถึงที่”

“อย่าพูดเยอะอาฟ ขึ้นเรียน”

“พบคนเขินหนึ่งอัตรา”

....
...
...



‘แต่จะว่าไป ถ้ามีคนมาอ้อนแบบนี้บ่อยๆผมคงไม่ต้องกลัวเหงาหรอกใช่ไหมครับ’



ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 6 ผมจีบพี่นะ


วันเดินทาง

ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง การไปค่ายอาสาครั้งนี้รวมแล้วจำนวน 25 ชีวิต พี่แชมป์ประธานชมรมหน้าบานเป็นพิเศษที่การออกค่ายครั้งนี้มีแก๊งหนุ่มของมหาลัยไปด้วยเพียบ เพราะทางเพจคิ้วท์บอยเอาข่าวไปลงว่าพี่มูนจะไปค่ายอาสาคนก็แห่พากันมาขอลงชื่อจะไปด้วยแต่ก็อดไปนะครับเพราะว่าจำนวนคนเต็มแล้วเลยให้ร่วมบริจาคเงิน สิ่งของ ถือว่าเป็นการทำบุญร่วมกัน เอ้อส่วนคนที่จะไปค่ายครั้งนี้ออกค่าใช้จ่ายเองนะครับ ไม่ได้เอาเงินชมรมมาใช้เที่ยวเล่นอะไรทั้งนั้น เพราะเงินที่ได้ทั้งหมดเราจะบริจาคทุกบาททุกสตางค์

“ไอ้แมน กูขอบใจมึงกับเพื่อนมึงมากนะเว้ย ที่มาทำค่ายอาสาปีนี้อะ”

“ไม่ต้องขอบใจไรหรอกพี่ พวกผมมาด้วยใจ”

“ปีนี้แม่งเกินคาดอะ เพราะทุกปีหาคนจะไปยังยาก มีแต่คนในชมรมไม่กี่คนที่ไป”

“ปกติคนไปน้อยหรอพี่แชมป์?”

“เออดิ ใครเขาอยากจะไปลำบากกันวะ แล้วมึงคุณหนูๆจะไม่ตายกลางทางใช่ไหมตะวัน?”

“โธ่พี่แชมป์ อย่ามาดูถูกไอ้ตะวันคนนี้นะ เห็นอย่างนี้บุกน้ำลุยไฟได้หมดนะ”

“ไม่เว่อร์ไม่ใช่มึงจริงๆตะวัน”

ผมพูดคุยกับพี่แชมป์ระหว่างที่รอทุกคนมาจนครบ เราแบ่งกันขึ้นรถตู้สองคันและมีพี่ในชมรมแบ่งไปขึ้นรถกระบะอีกคันที่ใช้ขนของที่จะนำไปบริจาค ผมไม่รู้ว่าพี่แชมป์แบ่งรถยังไงแก๊งผมถึงได้นั่งรถคันเดียวกับแก๊งคนหล่อของมหาลัยแต่ก็คือถือว่าดีเยี่ยมเลยล่ะครับ ตะวันปลื้มมมม

“ไอ้แชมป์แบ่งคนยังไงวะ ทำไมคนในรถเรามีแต่ตัวอย่างกะควาย ไอ้บิ๊กงี้ ไอ้ดิวงี้ ไอ้หล่อนี่อีก ไหนจะไอ้แมนไอ้บูม”

“แหม เชี่ยอาฟไม่ดูตัวเอง”

“ก็มันจริงนี่หว่าแล้วดูไอ้แชมป์ ขึ้นรถกระบะตัวเองไปละ”

“หยุดบ่นได้แล้วอาฟ ขึ้นรถแล้วก็จะรู้ว่านั่งได้ไม่ได้”

 เป็นพี่มูนที่หยุดทุกการบ่นของทุกคนก่อนเดินนำไปขึ้นรถตู้ ตามด้วยพี่บิ๊กที่ไปนั่งข้างคนขับ เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองตัวใหญ่สุดเลยไปนั่งหน้า คิคิ เมื่อพี่มูนขึ้นไปนั่งบนรถแล้วแมนก็สะกิดผมให้ไปนั่งข้างพี่มูนทันที เพราะพี่มูนนั่งเบาะที่นั่งได้สองคน

“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ผมพูดขึ้นเมื่อนั่งลงข้างๆพี่มูน

“นั่งติดกระจกไหม?”

“ไม่เป็นไรครับ พี่มูนนั่งเลยจะได้ดูวิวด้วย”

“ลุกแล้วเปลี่ยนที่กัน”

“ไม่เป็นไรพี่มูน”

“ตะวันครับ ถ้าคนอื่นขึ้นรถมาแล้วจะเปลี่ยนลำบากนะ” นั่นล่ะครับผมเลยต้องรีบลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งกับพี่มูนทันที

ทันทีที่รถเริ่มออกพี่มูนก็ใส่หูฟังทันทีผมเลยไม่ได้เข้าไปกวนพี่เขาอะไรเพราะผมก็ตั่งใจว่าจะนอนแล้วอีกหลายชั่วโมงเลยกว่าจะถึง ผมยิ้มให้กับหมอนรองคอหมีพูสีเหลืองอ๋อยของผมที่เอามาด้วยก่อนจะจัดท่าทางให้เข้าที่พร้อมนอนแต่ด้วยบนรถตู้ทำให้นอนไม่สบายเท่าไหร่เลยดิ้นไปมา แต่อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนคนข้างๆแนบขยับมาใกล้ผมมากขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงเพลงใกล้ๆหู

ตึก...

ตึก.....

พี่มูนใส่หูฟังให้ผมอีกข้างก่อนที่พี่เขาจะนิ่งไป ผมตกใจจริงๆไม่คิดว่าพี่เขาจะแบ่งหูฟังอีกข้างให้ผม


ขยับเข้ามา (ได้ไหม) ขยับมาใกล้กัน
ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ
ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน
เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน(ได้ไหม) ที่รัก...เธอ ~


พี่มูนใจดีจัง  :impress2:


“ตะวัน ตื่นๆ”

“อื้อ”

“ตะวัน”

“จานอนน”

“ไอ้ตะวัน ตื่น!”

“โอ๊ย ! หยิกแก้มกูทำไมเนี่ย”

“จะได้ตื่นไง คนอื่นเขาไปหาแดกข้าวหมดแล้วเนี่ย มึงนอนอะไรกันหนักกันหนา นอนจนน้ำลายไหลใส่พี่มูน”

“ฮ๊ะ ! มึงว่าไงนะ?”

“มึงนอนน้ำลายไหลใส่แขนพี่มูน”

!

!

ชิบหาย

ผมกุมขมับตัวเองอย่างแรง ทำอะไรลงไปเนี่ย ไหนความประทับใจ มีแต่ความอับหาย โอ๊ยยยย ไอ้ตะวันๆๆ

“ไปกินข้าว เหลือเวลาแวะปั๊มไม่มากแล้ว”

“ไม่อะ มึงไปกินเลย”

“ไม่ได้ มึงต้องไปกินข้าว เราต้องนั่งรถอีกนาน”

“ไม่เอา กูกินไม่ลงแล้ว”

“ดื้อ มึงอะดื้อ คิดไรมากวะ พี่เขายังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“พี่เขาไม่ว่าตรงๆเขาอาจจะว่าด่ากูในใจก็ได้”

ฮือออออ

“ไม่คุยกับมึงละ เดี๋ยวกูไปซื้อนมกับขนมมาให้แล้วกัน”

แล้วแมนมันก็เดินฉับๆออกจากรถไป ตอนนี้ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ ระบายความหงุดหงิดออกมาภายในรถแบบไม่ต้องเกรงใจใครเพราะมีแค่ผมคนเดียวตอนนี้

“มันใช่เรื่องหรอวะตะวัน นอนน้ำลายไหลใส่คนอื่นแบบนี้อะ”

 สักพักก็มีคนเปิดประตูรถเข้ามา ผมหันไปสบตาพอดี

‘ไอ้ชิบหาย พี่มูน’

‘สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำไงดี เอาผ้าห่มมาคลุมโปงไปเลยดีไหม? ไม่สิมึงควรขอโทษพี่เขาก่อน’


“ตื่นแล้วหรอ?” ผมพยักหน้าหงึกๆตอบกลับไป

“อะ นมกับขนมแมนฝากมาให้”

“ขอบคุณครับ” ผมรับขนมมาไว้ ผมยังยึกยักไม่รู้จะเอายังไงดี

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“พี่มูน ตะวันขอโทษ ตะวันไม่ได้ตั้งใจ”

“หืม ขอโทษเรื่องอะไร”

“เอ่อ ก็ที่ตะวันนอนน้ำลายไหล....”

“อ่อออออ ฮ่าๆ ไม่ต้องขอโทษหรอก มันเกิดขึ้นได้”

“ไม่สิ ฮือออออ ตะวันขอโทษ” ผมยกมือไหวอ้อนวอนแทบจะทันที ผมพอรู้มาว่าพี่มูนค่อนข้างรักสะอาด แล้วนี่โดน.....

“โอเคๆ พี่ไม่เป็นไรแค่นี้เอง”

“แต่มันน่ารังเกียจอะ” ตอนนี้ผมก้มหน้าไม่กล้าสู้พี่เขาจริงๆ

“ถ้าเป็นตะวันก็ไม่เป็นไรหรอก”

ผมค่อนข้างตกใจประโยคเมื่อกี้ของพี่มูน แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีคนเปิดประตูรถขึ้น นั่นคือแมนนั่นเอง มันทำหน้าถามว่ามาเกิดอะไรขึ้น ผมได้แต่ส่ายหน้ากลับไปก่อนจะหันไปหาคนที่อยู่ข้างๆ

‘เอ้า ใส่หูฟัง หลับไปซะแล้ว’


โครกก

รีบจับท้องตัวเองแทบไม่ทัน

“หึหึ”

“คนหล่อเขานอนละเมอหัวเราะด้วยหรอวะ”  ผมพึมพำกับตัวเองไม่ได้เสียงดังมากนัก ก่อนจะแกะนมกับขนมกิน แมนเพื่อนรักรู้ใจกูจัง พายข้าวโพด ขนมปัง นมตาหมี น้ำเปล่า กาโตะสีชมพู ของโปรดหมดเลย


ผมไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานแค่ไหน รู้อีกทีก็รู้สึกปวดตูดไปหมด โอ๊ยย ปวดตัวไปหมดถึงไหนแล้วเนี่ย อยู่ดีๆก็รู้สึกหนักที่ไหล่ซ้ายยังไงก็ไม่รู้เลยใช้มือขวาจับไปที่ไหล่ซ้ายกะว่าจะนอนให้มันคลาย แต่เอ๊ะ!

อะไรแข็งๆ

‘เฮ้ย พี่มูน’

มือผมกำลังจับอยู่ที่หัวพี่มูน ผมรีบชักมือออกทันที อะไรกัน พี่มูนกำลังซบตรงที่ไหล่ผม พอมองจากมุมนี้คนหล่อหลับยังไงก็หล่อสินะ ทำหน้ายุ่งเหมือนนอนไม่สบายตัว หัวยุ่งๆที่ผ่านการนอนมาสักพัก ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นดูแย่เลยสักนิด นี่สินะหน้าตาที่พระเจ้าประทานมาให้

‘หนุนให้เต็มที่เลยนะครับ ตะวันจะไม่ขยับเลยสักนิด’

หลังจากที่ใช้เวลาเดินทางอันแสนยาวนาน ตอนนี้ผมก็มาถึงโรงเรียนแห่งหนึ่ง สถานที่ที่เราจะมาช่วยซ่อมแซมบำรุงกันในวันนี้ เราถึงในช่วงเช้ามืดเราแยกย้ายกันไปเก็บของในที่พัก ทำภารกิจส่วนตัวก่อนที่จะออกมารวมตัวกันเพื่อแบ่งงานว่าวันนี้ต้องทำอะไรกันบ้าง

“ตะวัน มึงไปทำอาหารกับพวกผู้หญิง”

“เฮ้ย พี่แชมป์ ตะวันจะไปซ่อมหลังคา”

“ไอ้สัส ห้าวไปซ่อมหลังคา มึงไปทำอาหารช่วยผู้หญิงนั่นแหละ จะได้ไม่ร้อน”

“ไม่เอา เอาอย่างอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่งานครัวอะพี่”

“ไอ้สัส ไอ้คนสั่งกูมานี่หาเรื่องให้กูแท้ๆ”

“พี่พูดอะไรนะ”

“ไม่มีไรๆ เอางี้ มึงอยากทำไร ทำเลย แต่อย่าไปทำงานหนักๆ งานตีงานเชื่อมงานซ่อมให้วิศวะกับพวกบึกๆเขาทำไป”

“เมียจ๋า ไปทาสีเครื่องเล่นกับกูดีกว่า” บูมที่โผล่มาจากข้างหลังคว้าหมับที่คอผมทันทีก่อนจะลากผมออกมา

“เฮ้ย บูม มึงไปนู้นน ซ่อมหลังคา ไม่ต้องมาเนียนเลย”

“โหยย ไรว่ะพี่แชมป์” แต่ก็ยอมปล่อยผมแล้วเดินไปทำหน้าที่ที่พี่แชมป์บอกทันที บทจะง่ายก็ง่ายนะ

“ตะวันไปทาสีกัน” ผมหันไปมองในมือมะนาวที่ตอนนี้มีอุปกรณ์สำหรับทาสีเต็มมือ

“ได้สิ”

ไม่ต้องแปลกใจที่มะนาวกับแตงโมถึงไม่ไปเข้าครัว เพราะสองคนนี้ให้เหตุผลที่ว่าไม่ใช่สไตล์ ฮ่าๆ
ระหว่างที่ผมกำลังทาสีอยู่ผมก็เห็นพี่มูนกับเพื่อนๆเขากำลังซ่อมเครื่องเล่นที่พังอยู่ไม่ไกลจากผมมากนัก หูยย ท่าส่งเครื่องมือให้เพื่อนนี่เท่สุดๆไปเลย ผมควรไปยืนกางร่มให้พี่เขาดีไหมนะ ทำงานมาสักพักแดดก็เริ่มส่องมาแล้วแต่ก็โชคดีที่น่านมีหมอกจางๆไม่ได้ทำให้ร้อนมากแต่ผมก็ไม่อยากให้ผิวสวยๆของพี่มูนโดนแดดทำร้ายอยู่ดี

“มองไรอะตะวัน?”

“มองไรมะนาว ตะวันไม่ได้มองอะไรสักหน่อย” ผมเฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“มองพี่มูนอยู่ล่ะสิ โมเห็นนะ”

“ก็.. โห ดูสิพี่เขาดูดีมากๆเลย ขนาดมายืนตากแดดตากลมขนาดนี้ก็ยังดูดีอยู่เลย” สองสาวหันไปมองตามที่ผมกำลังบรรยาย

“จริงด้วยอะ อ๋อยยยย คนอะไรจะดูดีขนาดนั้นนะ แสงแดดกระทบที่ผิวขาวๆนั่นสิ โหยเป็นประกายเลย นี่เราอยู่สวรรค์หรอเนี่ย”

“เกินไปไหมมม เกินไปไหมมม” ว่าแล้วสาวๆก็ชมพี่มูนอย่างนั้นชมอย่างนี้จนไม่ได้มาสนใจผมเหมือนก่อนหน้านี้ ทำเอาโล่งใจขึ้นมาทันที


“ร้อนวะ”

“ทำไปอย่าบ่นไอ้อาฟ”

“โหยพ่อ มึงถึกบึกบืนหนังหนาๆของมึงก็ทนได้สิ กูมันลูกคุณหนูทำงานแบบนี้ไม่ค่อยได้นานหรอก”

“สักทีไหมไอ้สัส หลอกด่ากูอยู่ได้ แล้วอะไรนะลูกคุณหนู ถุย ไอ้มูนมันคุณชายกว่ามึงมันยังทำได้เลย ไม่ยักกะบ่น”

“ก็นั่นมันพ่อพระปะ พวกกูมันมาร”

“พ่อพระไรวะดิว กูแค่บ่นในใจไม่ได้บ่นออกเสียง”

“เชดด ไอ้หล่อมันร้าย ฮ่าๆ”

“ถ้าอากาศร้อนๆแบบนี้ มีอาหารตาน่ารักจุ๋มจิ๋มเอาน้ำมาให้คงชื่นใจไม่น้อย”

“มึงเจาะจงถึงใครหรือเปล่าอาฟ น่ารักจุ๋มจิ๋มนี่?”

“ใครน๊า น้องตะวันก็ได้อยู่นะ จริงไหม ไอ้มูน?” มูนหยักไหล่เฉไฉก่อนเดินออกไปจากกลุ่มเพื่อน


หลังจากเราทำงานต่างๆเสร็จจนเรียบร้อยกันหมดเราก็แยกย้ายพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องออกเดินทางแต่เช้า เรายังมีภารกิจที่ต้องไปทำต่อนั่นคือบริจาคสิ่งของให้กับเด็กๆในหมู่บ้านสะปันหลังจากนั้นก็จะได้พักผ่อนตามอัธยาศัยยาวๆก่อนกลับ วันนี้ทั้งวันผมแทบจะไม่ได้คุยอะไรกับพี่มูน เพราะผมก็ยุ่ง พี่เขาก็ยุ่ง เลยไม่รู้จะคุยยังไง พอจะเอาน้ำไปให้ ผมก็เห็นพี่เขาเดินถือน้ำมาแล้ว ขวดน้ำในมือแทบจะเป็นหมันจนต้องถือขึ้นมาดื่มแก้เขินแทน



Moon Thanaphat
   
               -  ดาวน่ารัก

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro :  หนักแล้ว

After you : ดาวอะไรน่ารัก ดาวน์นี่หรอวะ?

Moon Thanaphat : @After you ดาวลูกหมู

Man thawin : นึกว่าดาวซาลาเปา

Moon Thanaphat : @Man thawin ก็คล้ายๆ


ผมกำลังอยู่ท่ามกลางทะเลดาวในขณะที่มือถือก็ขึ้นโชว์สเตตัสล่าสุดของพี่มูนที่เพิ่งอัพไม่กี่นาทีที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรกันแต่อาจจะหมายถึงหมู่ดาวที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าในขณะนี้ก็ได้ ผมมองไปท่ามกลางท้องฟ้าที่ประดับเรียงรายไปด้วยดวงดาวที่กำลังรายล้อมเคียงข้างดวงจันทร์ในขณะนี้ อดไม่ได้ที่จะบันทึกรูปแล้วอัพโหลดลงไอจี

ผมอดยิ้มให้กับความรู้สึกเล็กๆในใจตัวเองตอนนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้พระจันทร์จะสวยกว่าวันนี้ไหมนะ เพราะพรุ่งนี้ผมจะชวนให้พี่มูนมาเป็นแบบให้กับผม ผมหวังว่าทุกอย่างจะออกมาดี และหวังว่าผมจะไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

“น้องตะวันยังไม่นอนอีกหรอ?”

“เอ้าพี่บิ๊ก ผมว่าจะไปนอนแล้วล่ะ พี่ล่ะมาทำไรตรงนี้?”

“อ่อ มาโทรหาวี่น่ะ”

“แหนะ หวานจริงๆเลยนะ”

“หวานไรล่ะ น้องเรายังไม่ยอมใจอ่อนให้พี่เลยนะ”

“อะไรกัน ก็วันนั้น...”

“วันไหน?”

“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวผมไปนอนละ พี่อย่าอยู่ดึกนะพี่ ต่างถิ่นแบบนี้....”

“ไม่ต้องมาพูดให้กลัวเลย”

“คิคิ ไปละพี่”


“ไปยืนหล่อหลบเหี้ยไรตรงนั้นไอ้มูน”

บิ๊กพูดออกมาพอให้ใครบางคนได้ยินหลังจากที่ตะวันเดินกลับเข้าที่พักไปแล้ว

“เปล่า ไม่ได้หลบ แค่ตรงนี้มองเห็นดาวชัด”

“หรา ดาวลูกหมูอะนะ กูน่าจะชวนน้องคุยนานๆแล้วให้หมาแถวนี้โดนยุงกัดตายไปเลย”

บิ๊กแขวะเสร็จก็เดินกลับเข้าไปที่พักโดยที่ไม่ได้โทรหาวี่อย่างที่บอกตะวันไปก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าคุยกับวี่เสร็จสักพักแล้ว แต่มีไอ้หน้าหล่อที่ไหนไม่รู้ส่งข้อความมาบอกให้ออกมาช่วยหน่อย



@ดอยอิงดาว

โอ้โห อากาศแบบนี้คงหาได้แค่ที่นี่จริงๆสินะ ดินแดนแห่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ สามารถมองวิวได้ 360 องศา ในใจตะวันตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากคำว่าสวย สงบ อดใจไม่ไหวแล้วกลางวันยังสวยขนาดนี้ ตอนเย็นจะสวยขนาดไหน

“ดื่มด่ำพอยังตะวัน ไปกันได้แล้ว”

“เฮ้ย รอด้วยดิแมน”

ผมรีบตามแมนออกไปทันทีตอนนี้เรากำลังเดินไปบริจาคของให้กับเด็กๆในหมู่บ้าน แล้วก็ออกไปชมบ่อเกลือที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ก็ว่าได้ การมาครั้งนี้ได้อะไรหลายอย่างเหมือนกันนะ มาทำบุญ มาเที่ยว แล้วยังได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นมาของคนที่นี่อีกด้วย

“ตะวัน เรื่องประกวดว่าไง”

“อ้อ ก็ว่าจะเอาไอเดียจากที่นี่ล่ะ แล้วกี่โมงแล้ววะ”

“เกือบจะ 4 โมงเย็นละ ทำไม?”

“เฮ้ย จริงดิ เดี๋ยวกูไปเตรียมของก่อนนะ”

“เฮ้ย ตะวันอย่าวิ่ง เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก”

“โอเค”

ผมตะโกนตอบแมนกลับไปแต่ยังไม่ได้ลดความเร็วลงเลยสักนิด แหม ผมโตแล้วนะไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย
ในขณะที่คนอื่นๆออกไปถ่ายรูป เดินเล่นรอบหมู่บ้าน ผมก็กลับมาที่พักเตรียมกล้อง เตรียมเลนส์ก่อนจะออกไปตามหาพี่มูน ที่หลังจากที่บริจาคของให้เด็กๆเสร็จผมก็ไม่เห็นพี่เขาและเพื่อนๆเลย

“หอบอะไรเยอะแยะ”

“พี่มูนนน ตะวันกำลังจะตามหาตัวพี่อยู่พอดีเลย”

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“อ่อ ที่จะให้เป็นแบบให้ไง ^^”

“จริงด้วยสิ พี่ก็ว่าจะถามเราอยู่ ว่าพี่ต้องทำอะไรบ้าง เห็นเพื่อนๆเราออกไปหาถ่ายรูปกันอย่างขยันขันแข็ง”

“ไปนั่งตรงนั้นกัน”

ผมชี้ไปที่นั่งที่เป็นริมระเบียง มองออกไปเหมือนมีภูเขาสีเขียวโอบกอดล้อมรอบที่แห่งนี้เอาไว้ มองไปทางไหนก็สบายตาไปหมด โดยเฉพาะวิวตรงหน้าที่ดูดีสุดๆ สีผมอ่อนๆค่อยๆปลิวตามแรงลม สันจมูกที่รับกับปากกระจับ สันกรามที่ทำให้ทุกอย่างไร้ที่ติ

“มองพี่แบบนี้ คิดเงินนะ”

“หงะ พี่มูนอะ”

“แล้วเราอยากได้ภาพแบบไหน”

“จริงๆตะวันอยากได้รูปตอนพระอาทิตย์หายไปแล้วมีพระจันทร์มาแทนที่”

“งั้นก็ต้องรออีกสักหน่อยแล้วแหละ เพราะตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะเลิกงานแล้ว”

“แล้วตะวันจะไปถ่ายวิวที่ไหนก่อนไหม เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”

“ไม่รบกวนพี่มูนใช่ไหมครับ?”

“พี่เต็มใจ”

“งั้นเดินเล่นแถวๆนี้ก็ได้ครับ”

“โห พี่มูนดูดีมากเลย ผมว่าผมไม่จำเป็นต้องแต่งรูปเลย”

“วิวดีล่ะสิ”

“ก็จริง แต่พี่มูนก็ดูดี นี่ๆผมจะให้ดูรูปถ่ายออกมา ผมแทบจะไม่ได้ปรับอะไรเลย มันออกมาดูดีมากๆเลย”

ผมรีบกดเข้าไปดูรูปที่ถ่ายล่าสุดให้พี่มูนดูทันที

“จริงแฮะ นี่พี่ได้รับเกียรติจากช่างภาพมือทองหรอเนี่ย”

“โห พี่มูน ไม่ใช่สักหน่อย เป็นเพราะนายแบบต่างหาก”

“โอเค้ พี่หล่อ พี่ยอมรับ”

เมื่อคนหล่อพูดจบก็เดินนำออกไปปล่อยให้ ผมยืนตะลึง ไม่คิดว่าพี่มูนจะเป็นคนมั่นอกมั่นใจในตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ไม่แปลกหรอก ถ้าผมมีหน้าตาแบบนั้นผมก็ต้องมั่นใจเป็นธรรมดา ไม่เถียงสักคำเลยว่าไม่หล่อ

“ให้พี่ถ่ายรูปให้เราไหม?”

“หือ?”

“ก็พี่เห็นเราถ่ายแต่วิว ถ่ายแต่พี่ เราไม่อยากมีรูปตัวเองไว้หน่อยหรอ”

“งั้นตะวันขอรูปแบบคูลๆเลยนะพี่มูน”

“แบบเย็นๆเลยหรอ”

“โห มุกนี้ท่านได้แต่ใดมา ฮ่าๆ”

“โพสขนาดนี้ เป็นนายแบบเก่าหรือเปล่าเนี่ย โห คุณตะวันครับไม่ธรรมดาจริงๆ โอ้โห มุมนี้สุดๆไปครับ เปลี่ยนท่าอีกๆ โห ดูดีจริงๆ พี่นี่แพ้ไปเลยนะ” ระหว่างที่ผมก็โพสท่าไป ตากล้องจำเป็นคนนี้ก็ชมอยู่นั่นแหละครับ ชมไปเรื่อย จนผมคิดว่าเริ่มไม่จริงใจแล้ว

“พอก่อนพี่มูน มันจะอะไรขนาดนั้นอะ พี่มูนแกล้งตะวันอะ”

“ฮ่าๆ ไม่ได้แกล้งสักหน่อย เราโพสท่าเก่งจริงๆ”


พระอาทิตย์ลาลับจากขอบฟ้า พระจันทร์ก็ค่อยๆขยับเข้ามาแทนที่ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสนิท หมู่ดาวก็เริ่มทยอยออกมาต้อนรับพระจันทร์ตัวเอกในยามค่ำคืนนี้ ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเราอยู่ใกล้กับท้องฟ้าที่มืดมืดนั่นเอาซะมากๆ เหมือนใช้มือเอื้อมไปก็ดูจะคว้าดาวมาได้อย่างง่ายดาย แต่จริงๆมันไม่ใช่เลย ทุกอย่างยังดูห่างไกลจากตัวเรามากๆ

“เล่นเอ็มวีอยู่หรอ?”

“พี่มูนชอบแกล้งตะวันอยู่เรื่อยเลย”

“ไม่เห็นจะแกล้งตรงไหนเลย”

“หืยยยย”

ผมจัดการวางขาตั้งกล้อง เช็ตกล้องทุกอย่างให้เข้าที่ ดีนะที่ผมคิดไว้แล้วว่าอยากได้ภาพประมาณไหนผมเลยได้เตรียมอุปกรณ์เลนส์เสริมต่างๆมาอย่างครบถ้วน ผมมองผ่านกล้องที่มีอุปกรณ์เสริมทำให้เห็นดวงจันทร์ชัดมากๆกว่าที่ผ่านมา เหมือนรู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่าวันนี้ดวงจันทร์สว่างกว่าทุกวัน

“พี่ต้องทำยังไงบ้างอะ?”

“ก็อยู่ตรงนั้นแหละ พี่มูนอยากทำไรทำเลย ตะวันอย่างได้มูดธรรมชาติ”

“ให้พี่ส่องไฟให้ไหม? ตอนนี้โฮมสเตย์ค่อยๆดับไฟกันหมดแล้ว”

“ไม่ต้องหรอก เอาแบบนี้ล่ะ พอมีไฟสลัวๆอยู่ แสงและเงากำลังดีเลย”

ผมไม่อยากบอกเลยว่าภาพที่ผมเห็นตรงหน้ากำลังดีมากๆเลยครับ เหมือนผมได้เห็นพระจันทร์สองดวงที่อยู่เคียงคู่กัน


“พี่มูน ตะวัน....”

.....

....

....

....

“ตะวัน มีเรื่องจะบอก”

“อืม”

“คะ คือ....”

ผมไม่รู้ว่าจะบอกออกไปยังไงดีว่าชอบคนตรงหน้า แต่ความรู้สึกข้างในมันก็ประท้วงคอยแต่จะประทุออกมาอยู่เรื่อย



“ตะวันชอบพี่นะ”

...

...

“วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ ว่าไหม?”


คนตรงหน้าที่ยืนมองพระจันทร์ในตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นที่ผมพูดออกไปเลยสักนิด หรือเขาจะไม่ได้ฟังที่ผมพูดกันนะ เขายังคงหันหน้าเข้าหาพระจันทร์และยังยืนหันหลังให้ผมอยู่


“พี่มูนไม่ต้องตอบก็ได้ว่ารู้สึกยังไง พี่อาจไม่ได้ชอบตะวันก็ไม่เป็นไร ตะวันแค่อยากบอกพี่มูน เพื่อให้พี่มูนรู้ตัวก่อนว่า...”

“วะ ว่า..”

“ตะวันจะจีบพี่นะ”


ผมไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่าว่าคนที่หันหลังให้เมื่อสักครู่กำลังยิ้ม แต่เป็นแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น จากนั้นผมก็เดาอะไรไม่ได้จากสีหน้าของคนตรงหน้า




“สงสัยวันนี้พระจันทร์จะมีความสุขกว่าทุกวัน”  :)



เขาหันมาพูดประโยคนี้ ก่อนจะยิ้มให้ผมแล้วเดินออกไป 










ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0



บทที่ 7 การกลับมา



‘วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ ว่าไหม?’

 
‘สงสัยวันนี้พระจันทร์จะมีความสุขกว่าทุกวัน’


หน็อย นี่พี่มูนเมินเราชัดๆเลย !

อะไรกัน ผมอุตส่าห์เผยความรู้สึกตัวเองออกไปแถมบอกว่าจะจีบเขาด้วย แต่กลับไม่ตอบอะไรกลับมา ไม่สนใจแม้แต่คำพูดของผมด้วย อยู่เฉยๆก็เดินหนีไปนอนเลย

“เป็นไรตะวัน? หน้าหงิกแต่เช้าเลยนะ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแมนกลับไป แต่ส่งสายตาขวางๆไปให้

“อ้าว ตาขวางใส่กูอีก กูไปทำไรให้”

“เปล่า อารมณ์แปรปรวน”

“เป็นเมนหรอเมีย”

“บูม มึงยังอยากกลับไปเรียนแบบครบ 32 ม้ะ?”

“อารมณ์เสียจริงจัง”

“กูขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะ”

“ตะวัน กูไปด้วย”


“ไหนเล่ามา”

“คือ... เมื่อคืนกูบอกชอบพี่มูน บอกว่าจะจีบพี่เขา”

“แล้วยังไงทีนี้ เขาปฏิเสธมึงหรอ? แต่ไม่น่าจะใช่ แต่ถ้าปฏิเสธ มึงคงเป็นหมาหงอยไม่ใช่อารมณ์เหวี่ยงขนาดนี้”

“เขาไม่ได้ตอบอะไร เดินหนีไปนอนเฉยเลย”

“หืม เป็นไปได้หรอ?”

“ทำไมมึงคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้อะ ก็เขาไม่ได้ตอบอะไรกูมาเลย กูไม่เข้าใจอะ ถ้าจะปฏิเสธก็ปฏิเสธสิ กูไม่โกรธหรอก”

“แน่ใจนะว่าเขาไม่พูดอะไรเลย”

....

“คืองี้ ตอนกูบอกชอบ เขาพูดว่า

‘วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ ว่าไหม?’
 
ตอนกูบอกว่าจะจีบนะ เขาพูดว่า

‘สงสัยวันนี้พระจันทร์จะมีความสุขกว่าทุกวัน’

แล้วก็เดินหายไปเลย”


“หึหึ กูว่าพี่เขาก็ตอบมึงอยู่นะ”

“กูไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

“เออ ตามนี้ล่ะ มึงก็ตามจีบพี่เขาต่อนั่นแหละ”

“ควรทำไงต่ออะ?”

“ทำในสิ่งที่มึงอยากทำ ทำในสิ่งที่มึงรู้สึก”

“งั้นเดินไปขอเขาเป็นแฟนเลย”

“เฮ้ย ใจเย็นดิตะวัน”

“มึงก็ดูคิวคนมาต่อแถวเป็นแฟนพี่เขาสิวะปลายแถวอยู่ตรงไหนกูยังมองไม่เห็นเลย ดูนั่นขนาดมานี่ที่นักท่องเที่ยวยังมองตาเป็นมัน”   ผมหันไปมองอีกฝั่งที่พี่มูนนั่งหล่ออ่านหนังสือพร้อมกับจิบชาไปด้วย สาวๆแถวนั้นก็เดินชายตามองไปมา

“มึงควรศึกษาดูใจกันก่อนปะวะ อย่างน้อยก็น่าจะให้ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร อีกอย่างรายนั้นกูไม่เห็นเขาจะจริงจังกับใครสักคน ไม่สิต้องบอกว่าไม่เล่นกับใครสักคน”

“เขาอาจจะมีคนที่ชอบแล้วปะวะ?”

“ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเขามีแล้ว มึงจะไม่จีบเขาหรอ?”

“จีบ กูจะจีบเขา จนกว่าเขาจะตกลงเป็นแฟนกับกูนั่นแหละ”

“ตะวันคนคูล”

“ที่จะมีแฟนเป็นคนหล่อขั้นเทพ”


ผมตั้งใจแล้วว่าจะแสดงความรู้สึกที่มีให้พี่เขาได้รับรู้ ผมหวังแค่ว่าพี่เขาจะไม่มีใครในใจอยู่แล้วนะ สู้ใครก็สู้ได้แต่สู้คนในใจมีแต่แพ้กับแพ้นะครับ

“พี่มูน กินช็อกโกแลตไหม?” ผมยื่นไปให้พี่เขาอันหนึ่ง

“ชอบกินหรอ?” พี่เขารับไปแล้วแกะเข้าปากทันที

“ก็ไม่ขนาดนั้น เอาไว้กินตอนเครียด”

“งั้นตอนนี้ตะวันก็เครียดอยู่นะสิ”

“ใช่ตะวันเครียดมากเลย”

“เรื่องอะไร? ปรึกษาพี่ได้นะ”

“ทำยังไงถึงจะจีบพี่มูนติดครับ?”

“........”

“ช่วยทำตัวดีๆให้ผมจีบหน่อยนะครับ”








Moon part


“ช่วยทำตัวดีๆให้ผมจีบหน่อยนะครับ”

เดี๋ยวนะ นี่น้องเขาจะจีบผมด้วยวิธีไหนกัน ฮ่าๆ ผมตลกกับท่าทางแบบนั้นของน้อง แต่ก็น่ารักดี

.....

พี่จะรอดูนะครับว่าจะจีบพี่ยังไง

......




“บูม ส่งรูปเข้าประกวดยัง?”

“ยัง รู้สึกยังไม่พอใจ”

“ขอดูหน่อย”

“ไม่ให้ดู ใครเขาให้ดูกันยัยมะนาว ค่อยไปดูตอนประกาศผลนู้น”

“แค่นี้ก็ไม่ได้”

“งั้นมาแลกกันดู”

“ไม่เอา ใครเขาจะให้ดูกัน”

“เห็นไหม ทำเป็นว่าคนอื่น เชอะ”

“แล้วมีใครส่งบ้างยัง?”

“โมส่งแล้ว ไม่อยากกลับมาคิดหน้าคิดหลัง ทำเสร็จพอใจแล้วก็ส่งเลย”

“กูยังไม่มีไอเดียเลย”

“เชี่ยแมน ไรของมึง? ฉิ่นจ้ะ?”

“เออดิ ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจ เลยยังไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่ทันคงไม่ส่ง”

“มีไรให้พวกกูช่วยก็บอกละกัน” บูมว่าพลางตบบ่าเพื่อนเป็นให้กำลังใจ

“เออ ขอบใจมึง”

“ตะวัน ทำไร? ไม่พูดไม่จาตั้งหน้าตั้งตากดมือถือยิกๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุยกับสาวที่ไหนอะ?”

“อารายยยย ไม่มีสาวที่ไหนทั้งนั้นอะ”

“หรือหนุ่มๆที่ไหน เอามาดูสิ”

“เฮ้ย บูมเอามือถือกูคืนมา”

“ไม่ให้ ขอดูหน่อยคุยกับใคร” เชี่ยบูมมมมม มันแย่งมือถือไปจากมือผมแบบไม่ทันตั้งตัว คือผมกำลัง....

“มึงคุยไลน์กับพี่มูน?”

“เออ เอาคืนมาได้แล่ว”

“มึงสนิทกับเขาขนาดคุยไลน์กันเลยหรอวะ?”

“คุยงานนิดหน่อย”

“งานไรวะ เรียนก็คนละคณะ”

“เอ่อ...”

“งานถ่ายรูปนี่ล่ะ มึงจะถามไรตะวันมันเยอะแยะวะบูม”

“มึงสองคนปิดบังอะไรกู”

“บ้าหรอบูม ไม่มีอะไรหรอก กูให้พี่มูนมาช่วยเป็นแบบให้เฉยๆ"

“จริงหรอวะ?”

“บูม นอกจากปากหมาแล้วยังขี้เสือกจริงๆนะ”

“เอ้า ยัยมะนาว เขาเรียกว่าใส่ใจ”

จังหวะที่บูมยังพูดไม่จบ มะนาวก็เบ๋ปากให้ ฮ่าๆ ผมสังเกตเห็นว่าเมื่อกี้แตงโมกับมะนาวก็สนใจที่รู้ว่าผมคุยกับพี่มูน แววตาลุกวาวขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกมา

“งั้นกูไปก่อนนะ จะเอาของไปให้พี่นิดหน่อย”

“เดี๋ยว ! พี่ที่ไหน?” เจ้าเก่าเจ้าเดิมครับที่ทัก

“ก็พี่ในมหาลัยนี่ล่ะ”

“แล้วของอะไร ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม?”

“บูมมึงไม่สบายแน่ๆวันนี้ เอาเป็นว่ากูขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรกูจะเอาของไปให้พี่แล้วจะกลับหอเลย”

“เฮ้ย ตะวัน”

ผมไม่รอให้บูมได้พูดได้สงสัยอะไรอีก ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที โดยมีแมนคอยดึงบูมไว้ไม่ให้ตามผมมา เนี่ยย ผมว่าช่วงนี้บูมมันแปลกๆ เหมือนจะสนใจใส่ใจเรื่องผมเป็นพิเศษ


“เอ้า น้องตะวัน มาทำไรคณะบริหารครับเนี่ย?”

“สวัสดีครับพี่ดิว อะ เอ่อ ตะวันมาหา....”

“ไอ้บิ๊กหรอ มันไปเข้าห้องน้ำกับไอ้หล่อ เดี๋ยวก็มา นั่งก่อนสิ” ผมมาหาพี่มูนต่างหากละพี่ดิว

“แล้วพี่ดิวทำไรอยู่อะ ดูเครียดๆ” ตั้งแต่ผมมาก็เห็นพี่ดิวเคร่งเครียดตั้งหน้าตั้งดูเอกสารนั่นนี่ที่อยู่เต็มโต๊ะไปหมด

“อ่อ หาข้อมูลทำรายงาน หัวข้อยากชิบหาย ส่วนไอ้คนที่หยิบหัวข้อก็ไปหาจีบสาวเล่นแล้ว กรรมเลยมาตกที่พี่นี่ไง”

“ถ้าให้ผมเดาคงเป็นพี่อาฟแน่ๆเลย”

“ถูกซะยิ่งกว่าถูกอีก ถ้ามันมานะพี่จะด่าให้ลืมบ้านเลขที่เลย แม่งเอ้ย !”

ผมแอบขำให้กับท่าที่ของพี่ดิวที่ดูจะโกรธพี่อาฟมากเลยทีเดียว แต่ก็ทำไรไม่ได้ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เลยแต่ได้ก้มหน้าก้มตาทำต่อไป ผมอยากอาสาที่จะช่วยนะแต่เมื่อเพ่งไปที่เอกสารก็ขอบายดีกว่า มีแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

“เอ้า ตะวัน มาทำไร?”

“สวัสดีพี่ ผมมาหา..” ผมส่งสายตามองไปที่พี่มูนที่กำลังเดินตามพี่บิ๊กมา เพื่อให้พี่บิ๊กรู้ว่าผมมาหาใคร...

“อ่อออออ ตามสบายงั้น”

“พี่มูนนนนน”

“นึกว่าล้อเล่น ที่บอกว่าจะมาหาที่คณะ”

“ตะวันคนจริง พูดจริงนะ”

“พิมต่างหาก”

ว่าแล้วก็เดินเลี่ยงผมไปนั่งที่โต๊ะ เพื่อทำงานช่วยพี่ดิว ผมเลยเดินตามต้อยๆไปปนั่งข้างพี่มูนทันทีแต่ไม่ได้ทำตัวเกะกะนะปล่อยให้พี่ๆเขาได้ทำงานไปเหมือนมานั่งเฝ้าแฟ..น... มากเลย คิคิ

“ขำคิกคิกๆไรตะวัน เรียนหนักจนบ้าหรอช่วงนี้”

“โหย พี่บิ๊กผมยังปกติดีพี่”

“ไอ้หล่อ โทรไปด่าไอ้อาฟให้กูที ป่านนี้ยังไม่โผล่หัวมาเลย”

“เออๆ”

หลังจากพี่มูนโทรไปหาพี่อาฟได้ไม่ถึง 20 นาทีพี่อาฟก็มาอยู่ที่นี่แล้วพร้อมกับหอบของมาเยอะแยะไปหมดโดยเฉพาะของกิน

“กว่าจะมาได้นะไอ้อาฟ!”

“โห กูบอกแล้วไงกูพาแม่ไปธุระ”

“แม่ทูนหัวน่ะสิ”

“แม่ที่คลอดกูออกมานี่ล่ะ หยุดอารมณ์เสีย กูมาแล้วนี่ไง อะชานมไข่มุกที่หล่อฝากซื้อ เอ้าน้องตะวันอยู่ด้วยหรอ พี่ไม่รู้อะเลยไม่ได้ซื้อมาเผื่อ นึกว่าอยู่แค่ไอ้สามตัวนี้”

“ไม่เป็นไรครับพี่อาฟ ตะวันมานั่งเล่นเฉยๆ” อยู่ดีๆก็มีชานมไข่มุกเลื่อนมาวางอยู่ตรงหน้าผม ผมหันไปหาคนข้างๆทันที

“เอาไปกิน ถ้าไม่กินพี่จะเอาไปให้คนอื่น”

ผมรีบดูดชานมแก้วที่อยู่ตรงหน้าทันที


“มูน”

มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพี่มูน ความสวยของคนตรงหน้าทำเอาผมตกตะลึง ใบหน้าเนียนขาวนั้นไม่มีที่ติจริงๆครับ จัดได้ว่าเธอเป็นคนสวยที่ผมหาพบได้ยากในมหาลัยเลยก็ว่าได้และผมก็ไม่คุ้นหน้ามาก่อนเลย ไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ยคนสวยยย

“นีน...”

พี่มูนเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า นีน งั้นหรอ... เธอยิ้มส่งตอบให้คนที่อยู่ข้างๆผม จังหวะนี้แหละทุกคนเหมือนผมตกเฟรมไปยังไงยังงั้น รู้สึกตงิดใจแต่ก็คงคิดมากไปเอง

“ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะคุณมูน”

“ผมต่างหากที่ไม่ค่อยเห็นหน้าคุณนีน”

“ฮ่าๆ นีนก็มาเรียนตลอดนะ มูนต่างหากที่ไม่สนใจนีนเลย ใช่สิ้...ไม่เคยอยู่ในสายตาสินะ”

“พูดอะไรอย่างนั้นนีน”

ใช่ครับผมตกเฟรมจริงๆ สองคนนั้นคุยกันอย่างสนิทสนม เหมือนมีเรื่องให้คุยกันเยอะแยะไปหมด จนไม่รู้จะขัดยังไง เลยได้แต่ค่อยๆเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น พอหันหลังกลับไปมองอีกครั้งช่างเป็นภาพที่สวยงามจนน่าอิจฉาจริงเชียว อีกคนก็หล่อไร้ที่ติ อีกคนก็สวยไร้ที่ติ

ไม่รู้ว่าความคิดนำพาความรู้สึกผมไปถึงไหนต่อไหน รู้แค่ว่ามันมีความหม่นหมองได้ก่อตัวขึ้นในใจแล้ว ทำยังไงมันก็สลัดไม่ออกสักทีหรือผมกำลังจะเจอบทพิสูจน์รักแท้กันแน่นะ ?



Fb
    เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)

         เอาล่ะจ้า งานนี้ไม่รู้ว่ารีเทิร์นหรือยังไง มีคนเห็นพี่มูน หนุ่มบริหารสุดหล่อ นั่งอยู่กับ นีน สาวสวยไร้ที่ติแห่งบริหาร ซึ่งทั้งคู่ก็ดูสนิทสนมกันเหมือนเดิมไม่ต่างจากตอนสมัยก่อนเลยจ้า เอ๊ะ หรือที่หนุ่มมูนตั้งสเตตัสช่วงนี้จะแอบหมายถึงสาวสวยคนนี้หรือเปล่าน๊า # งานนี้สาวๆได้อกหักกันจริงจังละจ้า รวมถึงแอดด้วย TT


ผมได้อ่านตั้งแต่ประโยคแรกจนประโยคสุดท้าย พร้อมกับภาพประกอบที่เหมือนผมจะได้เห็นมาแล้วเมื่อตอนกลางวันพร้อมกับคอมเมนต์หลายพันข้อความที่ทำเอาใจผมสั่นไหวไปด้วย

‘เอ้ายังไงกัน คนนี้แฟนเก่าพี่มูนนี้ ’

‘กรี๊ดด เขากลับมาคบกันหรอแม่ น้ำตาจะไหล ดีใจก็ดีใจ แต่ก็แอบเสียใจ #มูนนีน’

‘เขาเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่เลิกกันก็เห็นคุยกันตลอดนะ แต่แค่ไม่ได้ตัวติดกันเหมือนสมัยคบกัน’

‘เอ้า นึกว่าพี่มูนกำลังจีบเด็กใหม่อยู่’

‘ยังไงกันหว๊า ลุ้น’

'ไม่ได้นะ ! พี่มูนเป็นสมบัติของชาวมหาลัย ไม่ได้นะพี่..’


แฟนเก่างั้นหรอ... จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่มูนเท่าไหร่เลยนะ รวมถึงแฟนเก่าที่ยังเป็นเพื่อนที่ดูสนิทสนมกันคนนั้นอีกผมไม่เคยรู้ว่าก่อนด้วยซ้ำว่าเขาเรียนที่เดียวกัน

“ไม่เอาตะวัน อย่าคิดมาก แฟนเก่าก็แฟนเก่าสิวะ”

ผมกำลังดึงสติของตัวเอง ไม่รู้ว่าคนที่ตกหลุมรักใครสักคนจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า อยู่ดีๆก็มีความรู้สึกไม่เอาไหนมาอยู่ในใจ สวยขนาดนั้นจะเอาอะไรมาสู้วะ

“แต่พี่มูนก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่เราจะจีบนี่ ก็คงจะมีหวังอยู่บ้างแหละวะ”

ว่าแล้วก็ขอทำคะแนนหน่อยละกัน คนจีบกันก็ต้องคุยแชทกันได้แหละเนอะ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ไม่รอช้าทักไปหาคุณสุดหล่อทันที


                                                                                                  ‘สวัสดีฮะ’

*ตามด้วยสติ๊กเกอร์ที่คิดว่าน่ารักเหมือนตัวเองมากที่สุด

นับ 1- 10 ก็มีข้อความส่งตอบกลับมา ราวกับว่าตั้งหน้าตั้งตารอผมทักไปเลย แหนะขอเข้าข้างตัวเองหน่อยดิ


‘ว่าไงหมีอ้วน’

                                                                                               ‘หนายยยย หมีอ้วนคือใคร มีแต่คนหล่อหุ่นนุ่มนิ่ม’


‘หลงตัวเองได้ใคร’

                                                                                                ‘ไม่ได้ใครเลย เป็นตัวของตัวเอง’


แล้วพี่มูนก็ส่งสติ๊กเกอร์หน้าตกใจกลับมาทันที ฮ่าๆ


‘ทำไรอยู่ครับ?’

                                                                                                  ‘ตะวันคิดถึงคนแถวนี้อยู่ ไม่รู้ว่าถึงบ้างไหมน้อ’

‘โอ๊ะ ดีนะไม่ได้อยู่แถวนี้’

                                                                                                   ‘!! ได้โปรดรับความคิดถึงจากเด็กตาดำๆ’


‘เห็นมีแต่เด็กดื้อ นั่งอยู่ด้วยกันดีๆก็หายไปเฉย’

                                                                                                    ‘อ่ออออ ตะวันรีบเลยไม่ทันได้บอก’


‘ขนาดนั้นเชียว’

                                                                           ‘แต่ก็น๊า มีสาวสวยมาคุยด้วย ไม่รู้ว่ารู้สึกตัวไหนเนอะว่ามีคนหายไป’


‘ย่องเบาขนาดนั้นนึกว่าจะไปขโมยของใคร’

                                                                                           ‘!! เห็นด้วยหรอ’


‘ก็อยู่ในสายตาตลอด’


อึ้งทึ่งไปสิครับ ผมมักเจอประโยคน็อคเอ้าท์แบบนี้ของพี่มูนเป็นประจำที่เราคุยกัน ซึ่งผมก็ยังไม่รู้วิธีที่จะรับมือได้เลย บางทีผมก็คิดว่าใครจีบใครกันแน่ เหมือนพี่เขามากกว่าที่จีบผม แต่มันก็เป็นเรื่องยากมากมากเลยถ้าคิดแบบนั้น แต่คิดอีกแบบคงเป็นเพราะประโยคนั้นหรือเปล่าที่ผมบอกออกไปว่า ให้ช่วยทำตัวให้ดีๆให้ผมจีบ


‘มีคนเงียบ’
                                                                           
                                                                                                 ‘วูบครับ’


‘พี่ว่าเราไปหาหมอเช็คสุขภาพหน่อยนะ’

                                                                     ‘แงง อันนี้มุกคนคูล แต่คนคูลแข็งแรงมากครับ แต่เอ๊ะ เป็นห่วงหย๋อออ’

‘ห่วง’

......

คืนนี้ผมวูบแบบฝันดีแล้วครับทุกคน



หลังจากเมื่อคืนได้นอนอย่างเต็มที่ เช้านี้ผมก็รีบตื่นขึ้นมาปฏิบัติการดักตีหัวใครบางคน เอ้ย ไม่ใช่แล้ว ดักรอใครบางคนที่มีเรียนเช้าต่างหาก

“ตะวัน”

“เอ้า พี่มูน วันนี้เรียนเช้าหรอ?”

“อืม ตะวันมีเรียนเช้าหรอวันนี้”

“อ่อ ใช่ๆ ไม่รู้อาจารย์จะนัดเช้าอะไรกันขนาดนี้”

“แมนมารับหรอ หรือไปเอง”

“ไปเองฮะ”

“งั้นไปกับพี่ไหม ไม่ต้องเกรงใจนะ”

“งั้นตะวันรบกวนหน่อยนะ เอาจริงตะวันก็ยืนหากุญแจรถตัวเองมาสักพักหนึ่งนะ ไม่รู้เอาไปวางไว้ไหน”

ผมพลางล้วงกระเป๋าหาข้างนั้นทีข้างนี้ที ทั้งที่จริงวางอยู่บนห้องตัวเองนั่นแหละ แล้วเรียนเช้าไรกันไม่มี วันนี้เรียนบ่าย แต่ด้วยความต้องทำคะแนน ต้องหาเรื่องเข้าใกล้เริ่มด้วยการติดรถไปเรียนด้วยนี่แหละดูเข้าท่าสุด

“พี่มูนเรียนกี่โมง ไปกินข้าวเช้ากันก่อนไหม?”

“ยังพอมีเวลา ไปกินข้าวก่อนก็ดีนะ”

“งั้นเดี๋ยวตะวันพาไปกินร้านนี้ ไข่กระทะอร่อยมาก ทางไปมหาลัยเลย”



@ร้านอาหารเช้า ที่ตะวันยืนยันว่าอร่อยสุดในระแวกนี้


“เป็นไงพี่มูน อร่อยมั้ย?”

“อืม อร่อย มีคนแนะนำมาร้านนี้อยู่นะแต่พี่ไม่มีโอกาสได้มาสักที”

“อร่อยก็ต้องกินเยอะๆ”

เหมือนเช้าวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นของวันได้ดีทีเดียวเลย เว้นแต่ว่า...

“มูน”

“เอ้า นีน”

“ลมอะไรหอบมูนมาอยู่ในร้านอาหารตอนเช้าแบบนี้อะ”

นั่นแหละครับ อยู่ๆดีก็เหมือนจะตกเฟรมอีกครั้ง เหมือนภาพรีรันตอนนั้นเลย ผมไม่เคยนึกหมั่นไส้คนสวยขนาดนี้มาก่อนเลยครับ เลยได้แต่ทำหน้าเซ็งๆจัดการอาหารตรงหน้า ปล่อยให้คนรักเก่าเขาคุยกันไป !

ไม่ชอบใจ !

แฟนเก่าก็อยู่ส่วนแฟนเก่าไปสิ

“น้องที่อยู่ด้วยวันนั้นนี่”

คุยตั้งนานสองนานเพิ่งจะหันมาสนใจ

“อ่อ นี่น้องตะวัน ตะวันนี่นีน เอ่อ... เพื่อนพี่”

“สวัสดีครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักน๊าน้องตะวัน พี่เหมือนจะเคยเห็นเราบ้าง ชอบมาเดินน่ารักอยู่แถวตึกบริหาร”

“อ่อ ผมมาจีบคนเรียนบริหารน่ะครับ”

“จริงหรอ พี่รู้จักไหม?”

“ก็..”

“พี่ว่าเราไปมหาลัยกันได้แล้วนะ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”

ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรเลย พี่มูนก็เหมือนจะรู้ทันเลยตัดบทซะงั้น กลัวผมบอกคนอื่นมากหรือไงว่ากำลังจีบตัวเองอยู่ ผมไม่ได้โกรธอะไรนะ บางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะบอกใครต่อใคร แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดี กลับท่าทีเมื่อกี้ที่เหมือนไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องนี้....

“มูน นีนติดรถไปด้วยสิ เพื่อนนีนไปไม่รอนีนแล้ว นู้น”

“อืม ได้สิ เรียนคลาสเดียวกันอยู่แล้ว”


เฮ้อ ... จากตอนมาได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ดีๆกลายเป็นหมาหงอยประจำเบาะหลังทันที

“พี่มิวสบายดีไหม?”

“รายนั้นสบายดี แต่วุ่นๆเรื่องร้าน”

“อ่อ ... มูน เรากลับมาคบกันไหม?”

....

....

....

นั่นแหละครับ หลังจากประโยคนั้นผมรู้สึกว่าระยะทางไปมหาลัยทำไมมันนานเหลือเกิน ผมทำเป็นพักสายตาเลยไม่รู้ว่าคนที่กำลังขับรถแสดงสีหน้ายังไงอยู่ แล้วก็ไม่มีเสียงตอบกลับไป


บางทีเขาอาจจะเกรงใจคนนอกอย่างผมเลยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป





ไม่ว่าคำตอบของพี่จะเป็นยังไง ตะวันก็จะยอมรับให้ได้...





ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ใครก็ได้เอายัยนีนไปเก็บที :z6:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
พี่มูนไม่ชัดเจน 

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 8 ดอกทานตะวัน


“เป็นไร หน้าบูดเชียว”

“เปล่า”

“เรื่องแฟนเก่าพี่มูนหรอวะ?”

“แมน เมื่อเช้าเขามาขอคืนดีพี่มูน”

“มึงคิดว่าไง”

“เหมือนจะเจ็บเลยวะ” ไม่ใช่แค่คำพูดที่ออกมาแต่หมายถึงความรู้สึกตอนนี้ด้วยรวมๆแล้วมันก็ทำเอาน้ำตาคลอเบ้าหน่อยๆ

“เฮ้ย คนคูลที่ไหนจะมาขี้แยแถวนี้วะ”

“กูเปล่าซะหน่อย ไม่ต้องเลย มึงอะขุดประเด็น”

“เอ้า กูแค่ถามไหมล่ะ เห็นจากเพจ คิดว่ามึงก็น่าจะเห็นแล้ว”

“เออ กูเห็นชัดกว่าที่เพจลงซะอีก”

“แต่กูว่า มึงควรเชื่อใจคนที่มึงชอบนะ”

“แมน มึงจะให้กูเชื่อใจคนที่กูชอบ แต่เขาชอบกูหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แถมตอนนี้แฟนเก่าเขาก็มาขอคืนดีอีก เอาจริงๆกูก็พอรู้คำตอบเขาแล้วล่ะ เขาอาจจะเกรงใจกูที่กำลังจีบเขาอยู่ เขาเลยไม่ได้ตอบพี่นีนไปมั้ง”

“มึงนี่นะ อย่ามาทำตัวเป็นนางเอกแสนดี มึงรู้ได้ไงว่าเขาไม่ได้ชอบมึง มึงอย่าคิดเองเออเอง”

“เอ้า แล้วจะให้กูทำไง”

“อยากด่ามึงจริงๆเลย หงุดหงิดวะตะวัน อยากได้เขาก็ไปเอาเขามาเป็นของมึง ไม่ใช่ปล่อยเขาไปดื้อๆ”

“โอ๊ย ปวดหัว”

“เออ ปวดหัว!”

อยู่ๆก็มีเสียงคนตะโกนออกมาจากทางด้านหลังผม

“เชี่ยบูม ! มะนาว ! แตงโม !”

“กูว่าแล้วเชียว ช่วงนี้มึงสองคนทำตัวแปลกๆ ซุบซิบกันบ่อยๆ”

“ตะวันชอบพี่มูนหรอ” แตงโมที่ยังดูตกใจ

“นั่นดิ อธิบายมาเลยนะ!” มะนาวใจเย็นนนนนน

ซวยแล้วไง มาแอบฟังตอนไหนวะ ตอนนี้ผมหน้าเสียไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะปิดบังเพื่อนหรอกนะครับแต่แค่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกแถมตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงจีบเขาอยู่จะติดไหมก็ไม่รู้

“ไอ้แมนว่าไง?”

ผมไม่เคยได้ยินเสียงน้ำที่น่ากลัวของบูมมานานมากแล้วตั้งแต่ตอนปีหนึ่งที่มันมีเรื่องกับเด็กคณะเกษตรที่เข้ามาจีบผม ตอนนั้นแทบจะไล่กระทืบเขาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

“ถามเจ้าตัวมันเอา”

“อ้าว แมน” ไอ้เพื่อนรัก ทำไมทำแบบนี้

“จะไม่มีใครเล่าใช่ไหม?”

“ใจเย็นสิวะบูม คือมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอะมึง กูเลยไม่ได้เล่าให้ฟัง”

“สำคัญหมดล่ะ ถ้าเป็นเรื่องของมึงน่ะตะวัน!” มันแทบจะตะคอก

“หมายความว่าไงวะบูม ทำไมมึงต้องขึ้นขนาดนี้?”  ผมไม่ชินกับมันตอนนี้จริงๆ

“กะ..กู หมายถึง มันสำคัญอะ ไม่ใช่แค่เรื่องของตะวัน เรื่องมะนาว แตงโต หรือแม้กระทั่งมึงแมน มันก็สำคัญกับกูทั้งนั้น”

“เออๆ อย่าวางมวยกัน กูขอร้อง” แมนมันพูด

“เอ่อ ถ้าตะวันไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ พวกเราจะคิดว่าไม่ได้ยินอะไรเล้ยยย ใช่ไหมๆมะนาว”

“ใช่ๆ ไม่ได้ยินอะไรเลย” มะนาวเสริม เมื่อเห็นว่าบูมยังโมโห

“แต่กูได้ยินตั้งแต่ประโยคแรก”

“ไอ้บูม!”  ชิบหาย เออ เล่าก็เล่า

“ไม่เป็นไร เล่าก็เล่า คืองี้นะ... จะว่ายังไงดีล่ะ คือ เราชอบพี่มูนแล้วก็กำลังจีบพี่มูนอยู่”

.....

.....

“จริงจังหรอตะวัน”

“เราเหมือนล้อเล่นหรอโม”

“โอ๊ยยย ยัยมะนาวแท็กทีม” สองสาวสวยแท็กมือกันก่อนจะมาเกาะแขนผม

“ตะวันต้องสู้นะ ดูเหมือนพี่มูนก็ดูสนใจๆตะวันอยู่นะ”

“จริง ไม่ต้องกังวลนะตะวัน พวกเราจะช่วยตะวันเต็มที่ ถ้าเป็นตะวันเราให้ผ่านจ้า”

แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ยืนอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมไม่รู้ว่าบูมมันคิดยังไงกับเรื่องนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบโดยที่บูมมันก็ช่วยกันๆคนเหล่านั้นออกไปให้ห่างจากผมเพราะมันรู้ว่าผมไม่สนใจ แต่ตอนนี้กลับเป็นผมที่ไปชอบผู้ชายและกำลังจีบเขาด้วย

“บูม มึงจะไม่พูดไรหน่อยหรอ”

“อืม ก็ตามนั้น”

“ยังไง?” ผมไม่เข้าใจกับประโยคก็ตามนั้นของมันเลย เพราะตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่ไอ้บูมปากหมาที่คอยกวนตีนผมตลอด

“ก็จะจีบเขาก็จีบ กูแค่ตกใจเฉยๆ เลยไม่รู้จะพูดอะไร”

“อ่อ กูก็นึกว่ามึงจะโกรธกู ขอบใจมึงนะเว้ย” ผมเข้าไปคว้าหมับเขาที่คอมันทันทีแล้วโยกไปมา

“เอ้อ กูขอตัวก่อนนะ กูลืมไปว่ามีธุระ ฝากเช็คชื่อด้วยนะ” พูดเสร็จบูมมันเดินออกไปทันที ธุระไรของมันวะหาเรื่องโดดเรียนแน่ๆเลย

“อ้าว ข้ออ้างของการโดดเรียนชัดๆ” มะนาวพูดทันทีเมื่อบูมออกไป

“ช่างมันๆ แล้วนี่ตะวันจะเอายังไงอะ โมเห็นที่เพจเอาลง เรื่องพี่มูนกับแฟนเก่า”

“ตะวันว่าก็จะจีบต่อไปเรื่อยๆนี่ล่ะ จนกว่าพี่เขาจะบอกไม่ให้จีบ จนกว่าเขาจะบอกตะวันเองว่ากลับไปคบกับแฟนเก่าแล้ว”

“เอ่อ งั้นเอางี้ วันนี้ไปดักรอที่คณะพี่เขากัน เดี๋ยวพวกเราไปด้วย”

“จะดีหรอ แบบพี่เขาจะไม่รำคาญหรอ?”

“โอ๊ยย เช้าถึงเย็นถึงจะไปไหนรอด ท่องไว้ตะวันๆแข่งกับสาวทั้งมหาลัยยังไม่น่ากลัวเท่าแฟนเก่าแค่คนเดียวนะ”

มันก็จริงอย่างที่แตงโมว่า แถมแฟนเก่าคนนี้ยิ่งโคตรจะสวยดูดีไปหมด ถ้าถ่านไฟเก่ามันคุขึ้นมาไอ้ตะวันคนนี้คงได้เป็นหมาหงอยของจริงเลยล่ะ

“เรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ไปเรียนก่อน จะสายแล้ว”

“เฮ้ย แมนรอด้วย” เกือบลืมไปเลยว่ามีเรียน




@คณะบริหาร


‘นี่ๆ คนนี้ไงชื่อตะวัน เห็นมาป้วนเปี้ยนที่คณะบ่อยๆสงสัยจะจริงอย่างที่เขาว่า มาตามจีบพี่มูน’

‘จริงอะ แบบนี้พี่มูนไม่น่าจะเล่นด้วยนะ ก็เขากลับไปคบกับพี่นีนแล้วนี่’

‘จะบ้าหรอ แต่คนนี้ก็น่ารักอยู่นะ แก้มเยอะดี’

‘ก็งั้นๆอะ’

ตั้งแต่ผมมานั่งอยู่ที่คณะบริหาร ก็มีสายตาแปลกๆคอยส่งมาเป็นระยะ ตามมาด้วยเสียงนินทาอย่างเมื่อสักครู่ จนผมงงไปหมดว่าผมไปทำอะไรให้พวกเขากัน ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

“ตะวัน ชิบหายแล้ว” แตงโมพูดขึ้นเสียงดัง

“เกิดไรขึ้นยัยโม” มะนาวหันไปตามเสียง

“ก็เพจคิ้วท์บอยอะดิ ลงข่าวว่าตะวันกำลังตามจีบพี่มูนอยู่ แถมลงรูปตอนตะวันอยู่กับพี่มูนด้วยนะ”

“อะไรกัน ขอดูหน่อยสิ”


Fb”
เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)

   มาแล้วจ้า ข่าวสดๆ มีสายสืบทักมาบอกแอดว่ามีหนุ่มน้อย นามว่า ต. นิเทศศาสตร์ ปี 2 กำลังตามจีบเทพบุตรสุดหล่ออย่างหนุ่มมูน บริหารปี 3 แถมหนุ่มมูนก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนอย่างที่ผ่านๆมาด้วยนะ ว่ายังไงกันคะสาวๆ อยู่ทีมไหนดี #มูนนีน หรือ #มูนตะวัน ส่วนทางแอดมินขอออกตัวเลยนะคะว่าอยู่ #ทีมบ้านเมียหลวงคุณมูน คือชิบตัวเองกับพี่มูนนั่นเองค่าาา


ผมเลื่อนๆดูรูปที่เพจเอาลงก็มีรูปที่ผมมาหาพี่มูนที่คณะส่วนใหญ่ นี่มีปาปารัชซี่แอบถ่ายขนาดนั้นเลยหรอ มิน่าล่ะถึงมีแต่คนมองผมแปลกๆ

“อ๋อย อะไรเนี่ย” ผมรีบฟุบหน้าไปกับโต๊ะทันที ปวดหัวตึบๆ หลังจากอ่านจบรู้ทันทีเลยว่าชีวิตผมเริ่มอยู่ยากแล้ว

“เอาน่ามึง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา พ่อเทพบุตรมึงเขาคนดังนี่หว่า” แมนตบบ่าผมเบาๆ

“นั่นไงๆ พี่มูนเลิกเรียนแล้วๆ”

ผมหันไปทันทีเมื่อมะนาวสะกิดบอกผม เฮ้อ ความหล่อของพี่มูนไม่เคยลดลงเลยจริงๆ เหมือนเกิดมาก็ดูดีแบบนี้เลย ไม่แปลกใจเลยที่ตรงกับใจของสาวหลายๆคนรวมถึงผู้ชายคูลๆอย่างผมด้วย

“คณะบริหารมันมีอะไรดีน๊า น้องตะวันของพี่ถึงได้มาบ่อยๆ” พี่อาฟแซวมาแต่ไกลก่อนจะเดินมาที่โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่

“พี่ๆสวัสดีครับ”

“ครับๆ ว่าแต่ตอบพี่อาฟสุดหล่อคนนี้ได้ไหม ว่าทำไมถึงมาคณะพี่บ่อยๆ หรือจะหลงเสน่ห์พี่อาฟคนนี้เข้าให้แล้ว”

“เชี่ยอาฟแม่ง ไปเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหนเยอะแยะวะ กูถามจริง”

“อ้าว ไอ้บิ๊ก หลักฐานมันก็เห็นอยู่ทนโท่ มึงดู๊ สาวๆแถวนี้มองตาเป็นมัน”

“เขามองไอ้หล่อ ไม่ใช่มึง! ดูปากกูนะ ไม่ใช่มึง”

“ชัดมาก ชัดเจนมาก”

“แล้วนี่มาทำไรตะวัน?”

“ผมมาหาพี่มูน” ผมยิ้มแฉ่งให้พี่บิ๊ก

“ชัดเจนดีน้องรัก พี่อยู่ทีมเรา”

“แน่นอน ไม่งั้นผมไม่ยกยัยวี่ให้นะ” พี่บิ๊กยักไหล่ให้ผมก่อนจะมานั่งที่โต๊ะ

“เดี๋ยวๆนะ น้องตะวันมาหาไอ้มูน มาทำไมอะ มีธุระอะไรกัน” พี่อาฟที่ทำหน้าสงสัย มองผมสลับกับมองพี่มูน พี่มูนดูจะไม่ได้สนใจกับท่าทีของเพื่อนตัวเอง เดินวนไปนั่งลงข้างพี่บิ๊ก

“แค่อยากมาหาครับ” ผมตอบพี่อาฟไปก่อนที่จะรีบเดินไปนั่งตรงข้ามพี่มูนทันที ปล่อยให้พี่อาฟยืนตะลึงต่อไป

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ นี่จริงหรอวะที่น้องตะวันจีบไอ้หล่ออย่างที่เพจมันลงอะ”

“มึงจะไปยุ่งอะไรกับน้องเขาวะไอ้อาฟ”

“ไอ้ดิว ก็เพื่อนเรามันจะสมหวังแล้วนี่หว่า อุตส่าห์ชอบอ้องอะอันมาตันนาน”

พี่อาฟเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง พี่ดิวเอามือปิดปากพี่อาฟอย่างเร็ว ทำให้ผมไม่รู้เรื่องว่าพี่เขาจะพูดอะไร

“เชี่ยอาฟ! เกือบแล้วนะ”

“อุ้บ เงียบละๆ”

“เมื่อกี้พี่อาฟจะพูดอะไรคะ?”

“ไม่มีไรจ้าน้องมะนาวคนสวย”

“มีพิรุธนะคะ”

“อย่าไปใส่ใจมันเลย อาฟมันก็บ้าๆบอๆ”

“พี่บิ๊กก็ไปว่าพี่อาฟ ฮ่าๆ”

“แล้วมาหาพี่ มีอะไร?” ประโยคแรกที่พี่มูนเอ่ยถามผม นึกว่าจะไม่คุยด้วยซะแล้ว

“ก็คิดถึงไง เลยมาหา”

“โว๊ยยยยย” อยู่ดีๆก็มีเสียงประสานดังขึ้นมาจากบุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะครับ

“หึหึ”

“ขำอะไรพี่มูน?”

“เปล่าซะหน่อย”

“หรือขำกลบเกลื่อนความเขินกันนะ”

พี่มูนไม่ตอบอะไร แต่ยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในมือถือ ได้ไม่สนใจตะวันก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวตะวันนั่งเฝ้าแบบนี้ล่ะ ว่าแล้วก็เอามือเท้าคางนั่งมองหน้าพี่มูนไปเรื่อยๆจนคนที่โดนจ้องเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าสงสัย ผมก็เลยส่งยิ้มหวานๆไปให้

“เลิกจ้องพี่ได้แล้ว เดี๋ยวก็ท้องกันพอดี”

“ยังไม่ได้ทำอะไรกันเลย จะท้องได้ไง”

“โอ๊ย! ตะวันเจ็บ มะเหงกเขกลงมาแบบนี้ได้ยังไงนี่หัวคนนะ TT” ฮืออออ ทุกคนพี่มูนทำร้ายร่างกายตะวัน จริงๆก็ไม่ได้แรงขนาดนั้นหรอกครับ แต่แอคติ้งล้วนๆ

“ก็ดูเราพูด”

“ก็มันจริงๆนี่ ยังไม่มีอะไรกันเลยจะท้องได้ไง”

“เดี๋ยวโดนอีกรอบ” พี่มูนเตรียมจะเขกลงมาอีก  ไม่ทันตะวันหรอก ตะวันลุกหนีก่อน

“เดี๋ยวนะครับ ขอขัดสักนิด เพิ่งจีบกันเองเตรียมตัวจะท้องแล้วหรอ เอาเรื่องว่ะ”

“ปากมากวะอาฟ” พี่มูนตอบกลับพี่อาฟ


“มูน”

เสียงนี้จำได้แม่นเลยครับช่วงนี้

“งานเข้าละครับท่าน” พี่อาฟเห็นบุคคลที่เข้ามาใหม่ ก็เดินไปนั่งข้างพี่ดิวเหมือนเดิม

“ว่าไงนีน”

“นีนจะชวนมูนไปกินข้าวด้วยกัน ไปนะคะ”

“เอ่อ..”

“อ้าว ตะวันอยู่ด้วยหรอ โทษทีพี่ไม่ทันได้สังเกต ไปกินข้าวด้วยกันไหม ทุกคนเลย”

“เอ่อ ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกผมก็จะกลับกันแล้ว” ผมตอบกลับไป

“กลับอะไรกันตะวัน จริงๆที่พวกเรามาที่นี่ก็กะว่าจะชวนพี่ๆเขาไปกินข้าวนี่” มะนาวพูดขึ้น

“ฮ๊ะ กินข้าว?”  อยากถามมะนาวจริงๆว่าเราไปคุยกันตอนไหน

“ใช่พี่ ตะวันมันจะชวนพี่ไปกินข้าวน่ะ พี่มูน” แมนมันสวนขึ้น พี่มูนทำหน้าสงสัยหันมาบอกผม ซึ่งตอนนี้ก็ยังงงๆอยู่ ไปคุยกันตอนไหนวะว่าจะชวนพวกพี่เขาไปกินข้าว

“งั้นไปกินด้วยกันนี่ล่ะ ป่ะๆ หิวแล้วเหมือนกัน”  พี่บิ๊กที่ตกลงเองตอบเอง โดยไม่ได้ถามใคร

ระหว่างที่เรากำลังเดินออกมาจากคณะ พี่บิ๊กก็มากระซิบผม

“สู้เขาหน่อย” ก่อนเดินนำหน้าผมไป

ตั้งแต่เราเข้าไปนั่งอยู่ในร้านข้าว นั่งกินข้าว จนกินเสร็จผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพี่มูนเลยครับ ผมได้แต่นั่งมองพี่เขาตาปริบๆ ก็คนข้างๆที่มากับพี่มูนน่ะสิผมไม่คิดว่าพี่เขาจะคุยเก่งขนาดนี้ เหมือนมีเรื่องให้คุยกันตลอดเวลา จนคนอื่นไม่มีโอกาสได้ถามได้คุยอะไรเลย เกาะติดพี่มูนตลอดเวลาแถมพี่มูนก็ไม่ได้มีท่าทีจะว่าอะไร ไม่ปฏิเสธอะไรเลย เอาแต่นั่งทำหน้าหล่อๆอยู่นั่นแหละ ทำอย่างกับว่า

ชอบใจ...

พอใจ.... ที่มีอีกคนอยู่ข้างๆอย่างงั้นแหละ ! ผมเลยได้แต่เคี้ยวข้าวแรงๆให้มันรีบๆละเอียดสักที จะได้กลับ




‘ตะวัน ออกมากินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อย’

หลังจากผมกลับมาถึงห้อง อยู่ดีๆก็ได้รับข้อความจากบูม จากที่ตั้งใจว่าจะนั่งแต่งรูปจากค่ายอาสาจำเป็นต้องพับไว้ก่อน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาหาบูมทันที การกระทำของมันวันนี้ทำผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยบางทีเพื่อนอาจจะมีปัญหาที่ไม่สบายใจ ผมเลยไม่รีรอที่จะออกมาหาเพื่อน

“มึงจะกินไรเดี๋ยวกูไปสั่งให้”

“เอ่อ กูกินมาแล้ว กูออกมานั่งเฝ้ามึงกินข้าวเฉยๆ”

“อ่อ ที่พวกพี่ดิวลงรูปสินะ”

“อืม เอ่อ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมสังเกตเห็นหน้าตาของมันที่ไม่ร่าเริงเป็นไอ้บูมปากาหมาคนเก่า

“ก็ไม่มีไร”

“เครียดเรื่องประกวดหรอ?”

“ก็มั้ง ช่างมันเถอะ”

“ไม่ได้ดิ มึงเพื่อนกูนะ มีอะไรก็บอกกูได้นะเว้ย”

“นั่นสินะ กูเพื่อนมึง..”

“อืม เพราะงั้นมีอะไรก็พูดกับกูได้ เวลามึงซึมกูไม่ชิน”

“มึงชอบพี่มูนจริงๆหรอวะ?”

“มึงคิดมากเรื่องนี้หรอบูม มึงรังเกียจกูหรอที่ชอบผู้ชาย”

“ไม่ใช่ กูแค่อยากมั่นใจว่ามึงชอบพี่เขาจริงๆหรอ?”

“กูมั่นใจตั้งแต่เจอเขาครั้งแรก กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคนนี้ รู้แค่ว่าอยู่ดีๆก็มีแสงสว่างจากเขาส่องมาที่กูจนทะเลที่อยู่ในใจกูมันหายมืดมิดไปเลย”

“ทุกครั้งที่มึงพูดถึงเขาตามึงจะเป็นประกาย มึงไม่เคยเป็นแบบนี้”

“งั้นหรอ ฮ่าๆ บางทีกูก็คิดว่ากูบ้ามากนะ ตะวันคนคูลที่ฝันอยากมีเมียตู๊มๆ อยู่ดีๆกลายมาชอบผู้ชายที่หล่ออย่างเทพบุตร โชคชะตาโคตรเล่นตลกเลย แต่กูก็ไม่คิดจะขัดโชคชะตานี้นะ แต่กูจะวิ่งเข้าหามากกว่า”

“แล้วพี่เขาชอบมึงไหม?”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่กูบอกชอบเขาไปแล้วนะแถมบอกด้วยว่าจะจีบ พี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“แล้วข่าวที่ว่าแฟนเก่าเขา?”

...

“อ่อ.. ก็จริงแฟนเก่ามาขอคืนดี แต่คืนดีกันยัง กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“กูเป็นห่วงมึงนะ”

“เห็นท่าทางมึงกูก็รู้แล้วว่ามึงเป็นห๊วงเป็นห่วงกู แต่กูโอเค กูจะถอยออกมาเองถ้าเขาบอกกูว่าเขาจะกลับไปคบกัน แต่ตอนนี้กูขอทำให้เต็มที่ก่อน”

“อืม กูอยู่ข้างมึงเสมอนะ”

“หูยย ขนลุกวะบูมมม กูไม่ชินกับมุมนี้ของมึงเลยจริงๆ”

“อ้าวเมีย กูก็เป็นแบบนี้มานานแล้วมั้ย”

“เออรู้ว่าเป็นแบบนี้มานาน แต่นานๆมึงจะปล่อยมุมนี้ออกมาไง กูเลยชินแต่กับมุมปากหมาๆ กวนประสาทคนไปเรื่อยของมึงมากกว่า”

“ฮ่าๆ เอาน่าเมีย เดี๋ยวผัวจะปล่อยมุมนี้ออกมาบ่อยๆมึงจะได้ชิน”

“หยุ๊ดดดดดด”


หลังจากที่ผมไปนั่งเฝ้าบูมมันกินข้าวเสร็จ มันก็อาสาเดินมาส่งผมที่หอ ก่อนที่มันจะเดินกลับหอที่อยู่ไม่ไกลมากนัก







Boom part


ความรู้สึกตอนที่ได้ฟังตะวันมันพูดถึงใครอีกคน ตอนที่ตามันประกายเมื่อได้เล่าถึงใครอีกคน ทำให้ผมรู้ตัวแล้วว่ามันเจอใครคนนั้นของมันแล้วจริงๆ

ผมดีใจกับมันนะ...

แต่ใจผมก็เจ็บมากเช่นกัน....

เจ็บจนไม่กล้าเข้าใกล้มันมากจนเกินความจำเป็น

ใช่ครับ...

ผมแอบชอบตะวัน....

ชอบตั้งแต่ตอนรับน้อง.... คนอะไรวะแก้มเยอะชิบหาย น่ารักกับคนอื่นไปทั่วแต่เจ้าตัวมันดันไม่รู้อะไรเอาซะเลย

ผมไม่กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกออกไป กลัวว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แม้กระทั่งคำว่าเพื่อนก็จะไม่ได้ ตะวันไม่ใช่คนใจร้ายแต่เป็นผมเองมากกว่าที่ยากจะยอมรับได้ถ้าบอกไปแล้วมันปฏิเสธความรู้สึกผม

ไม่เป็นไร...

แค่ได้อยู่ข้างๆมันก็ดีพอแล้ว..

ผมไม่อยากทำให้มันลำบากใจ...

ผมจะเก็บทุกอย่างไว้แบบนี้..



“ไงไอ้บูม”

“ไอ้แมน มาได้ไง”

“บังเอิญผ่านมาแถวนี้ เลยเห็นได้เห็นหมามองใครบางคนตาละห้อย”

“มึง..”

“นี่สินะ ดอกทานตะวันของมึง”

“มึงพูดอะไร”

“กูเพื่อนมึงนะ ทำไมกูจะไม่รู้ แค่มึงเป็นเดือดร้อนตอนที่เด็กเกษตรนั่นมาวอแวไอ้ตะวันจนมึงกลายเป็นหมาบ้า กูก็รู้แล้วไหม”

“กู....”

“มึงจะจีบมันก็ได้นะ แต่มึงจะต้องเสียใจมากกว่านี้แน่ๆ”

“หมายความว่ายังไง?”

“มึงก็รู้แล้วนี่ว่ามันชอบใคร แถมใครคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่มึงจะสู้ได้ด้วย”

“นี่มึง...”

“กูแค่บอกมึงไว้ ถ้าตัดใจได้ก็ตัด”

“เออ ย้ำกูจังวะ กูก็ไม่ได้โง่เหมือนเพื่อนมึงนะที่จะไม่รู้อะไร กูก็พอเดาได้บ้างอยู่”

“งั้นก็ดี”

“นี่กูกำลังอกหักหรอวะ?”

“เดี๋ยวก็มีคนมาดามใจมึง”

“มึงเป็นหมอดูหรอไอ้สัส ทำนายอนาคตล่วงหน้า”

“ก็ไม่เชิง กูแค่ฉลาด”

“กูอยากต่อยหน้าหล่อๆของมึงสักทีจังวะ”

“ไม่ได้ หน้ากูช้ำสาวที่ไหนจะมองวะ”

“กูไม่มีคำจะด่าเลยจริงๆครั้งนี้”

“ไม่ต้องห่วงมันหรอก เจ้าของเขาไม่ปล่อยให้ทานตะวันต้องเหี่ยวเฉาหรอก”

...

.......

....
..







“กูก็หวังว่าดอกทานตะวันต้นนี้จะเบ่งบานในทุกๆช่วงเวลา....”








ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ๋ๆๆๆบูม ไม่ต้องเสียใจนะ มาม๊ะเดี๋ยวเราปลอบเอง

ตะวันรุกเจ้าไว้ ยังไงเราก็คือผ๔้ชนะ :laugh:

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 9 เดต


“ตะวัน ไปเดตกัน”

o.o

“พี่มูนว่าอะไรนะ?”

“ไปเดตกัน”

“คะ...คือ... ตะวันกับพี่มูนอะนะ”

“ใช่ไง จีบพี่ยังไงทำไมถึงไม่เคยชวนพี่ไปเดตเลย”

“เอ่อ... นั่นสิ”

“ตกลงจะไปหรือไม่ไปครับ”

“ปะ..ไปครับ แต่ตะวันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม คือดูสภาพตะวันตอนนี้สิ”

พี่มูนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนใช้สายตาครุ่นคิด “ก็น่ารักดีนะ”

“พี่มูนนนน ! ตะวันอยากดีใจนะที่พี่ชม แต่มันต้องไม่ใช่สภาพแบบนี้สิ”

คือผมนอนเล่นอยุ่บนเตียงแล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็เพราะเสียงโทรศัพท์ดังว่ามีใครโทรเข้ามา นั่นก็คือพี่มูนนั่นเอง ผมไม่ลังเลที่จะรับสาย แล้วก็รีบลงมาหาพี่มูนทันทีเมื่อพี่เขาบอกว่าอยู่ใต้หอพักผม จนลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่สวมกางเกงขาสั้น เสื้อยืดเก่าๆ คีบแตะ

“ไปชุดนี้ก็ได้นะ พี่ไม่ว่า”

“ไม่เอาๆ ตะวันขอเวลา 10 นาที ไม่ๆนานไป 5 นาที”

“กี่นาทีก็ได้ พี่ไม่รีบ เราก็ไม่ต้องรีบนะ ไปล้างหน้าล้างตาก่อน สภาพดูก็รู้ว่าพึ่งตื่นนอน”

“โอเคครับๆ อ่อ พี่มูนขึ้นไปรอตะวันข้างบนไหม?”

“ได้หรอ?”

“ได้สิ”

 ผมถือวิสาสะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือพี่มูนแล้วดึงพี่เขาตามผมมาทันที ผมเกรงว่าผมจะใช้เวลานานไม่อยากปล่อยให้พี่เขารอข้างล่าง เลยให้ไปรอข้างบนจะดีกว่า แอร์ก็เย็น โซฟาก็มีให้นั่ง

ผมใช้เวลาจัดการตัวเองไม่นาน แต่ที่นานคือการเลือกชุดครับ ทั้งที่พี่มูนก็บอกแล้วว่าแต่งยังไงก็ได้แค่ไปกินข้าว ดูหนัง เล่นเดินปกติ แต่ผมก็ยังคิดไม่ตกว่าจะใส่เสื้อตัวไหนดี พี่มูนนั่งมองผมที่เอาเสื้อทาบตัวแล้วทาบอีก ก็ดูคุณชายเขาสิครับใส่แค่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ก็ดูดีแล้วเอาซะผมคิดหนักเลย

“เสื้อยืดสีดำตัวนั้นก็ดีนะตะวัน” พี่มูนชี้นิ้วไปเสื้อยืดสีดำที่ไม่มีลวดลายอะไรเลย

“ตัวนี้หรอ?” ผมจึงเอามาทาบตัวแล้วหันไปให้พี่มูนดู

“อืม จะได้เหมือนใส่เสื้อคู่ไง”

ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ผมเลือกใส่เสื้อสีดำตัวที่พี่มูนบอกแล้วใส่กางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่าคล้ายพี่มูนเป๊ะ จะบอกว่าเลียนแบบแฟชั่นพี่เขาก็ว่าได้ แต่ที่ไม่คล้ายเลยคือความหล่อครับ แต่งเหมือนกันแต่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน...

“พี่ว่าเราไปกินข้าวก่อนไหม?”

“ก็ได้นะ ตะวันเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”

“ตะวันอยากกินอะไร?”

“พี่มูนเลือกเลย”

“งั้นตะวันลองเสนอมาสักร้านสองร้านก็ได้”

“คิดไม่ออกอะ ตะวันทานได้หมดชอบสุดก็อาหารญี่ปุ่น”

“พี่ไม่ทานเผ็ด”

“แล้วก็ชอบดื่มแดงโซดา”

“รู้ได้ไง?”

“นี่ตะวันคนคูลไง” พร้อมยักคิ้วไปให้หนึ่งที

“พี่ไม่ได้ชอบนะ”

“เอ้า จริงหรอพี่มูน แล้วทำไมแฟนคลับพี่พากันบอกว่าพี่ชอบอะ”

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”

แล้วพี่มูนก็เดินไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆกับบริเวณที่เรายืนอยู่ทันที ปล่อยให้ผมยืนงงต่อไปก่อนจะรีบเดินตามพี่มูนเข้าไปในร้าน

“ตะวันแพ้อะไรไหม?”

“ไม่ครับ ทานได้ทุกอย่าง”

“กินง่ายดีแฮะ”

“แล้วพี่มูนล่ะ?”

“แพ้ตะวัน”

......

“อะไรเนี่ยพี่มูน แกล้งตะวันทำไม” ผมเก็บอาการแทบจะไม่มิดเลยจริง ตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าออกมายังไงรู้แค่ว่าแก้มผมจะแตกแล้วครับตอนนี้ ความเขินอายมันจุกอยู่ที่แก้ม

“แต่พี่ว่าตะวันก็แพ้อยู่นะ”

“ตะวันแพ้อะไร? ไม่มีนะ”

“ตะวันแพ้พี่ไง หน้าแดงเลย”

!!

!

ไปหมดแล้วไอ้ตะวัน ตอนนี้ใจมันเต้นเป็นจังหวะสามช่าไปกี่สเต็ปแล้วก็ไม่รู้

“พะ..พี่ มูนพูดอะไรก็ไม่รู้” ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมากดนั่นกดนี่แก้เขินทันที ไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับอีกคนที่ตอนนี้กำลังยิ้มล้อเลียนผมอยู่ ทำไมพี่มูนเป็นคนแบบนี้นะ ตะวันเขินจะตายแล้ววว


‘ฮัลโหลตะวัน มึงอยู่กับพี่มูนหรอวะ?’

“อืม มึงรู้ได้ไงแมน”

‘นี่มึงยังไม่รู้ตัวหรอ?’

“พูดอะไรของมึง”

‘ไปเดตก็ไม่จับมือถือ เข้าเฟซเช็คข่าวคราวหน่อยหรอวะ? แต่เอาเถอะกูโทรมาแซวเฉยๆ เดตให้สนุกนะเพื่อนรัก’

ติ๊ด

หลังจากวางสายจากแมน ผมก็รีบเข้าเฟซทันที ตอนนี้การแจ้งเตือนผมขึ้นเป็นร้อยๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

!

!

พี่มูนอัพรูปภาพเมื่อ 5 นาที ที่แล้ว จะไม่อะไรเลยถ้าเจ้าของเฟซเอารูปตัวเองลง แต่นี่เป็นรูปผมที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กำลังตั้งใจกดมือถือ มิหนำซ้ำพี่เขายังแท็กผมมาด้วย พร้อมกับแคปชั่น
‘เขินแล้วเล่นมือถือกลบเกลื่อน’  ตามด้วยอิโมจิหน้าเขิน
 
“พี่มูนแอบถ่ายรูปตะวัน”

“เราก็แอบถ่ายรูปพี่”

“ตะแต่.. แต่ตะวันก็ไม่ได้เอาลงไง” เขารู้ได้ไงว่าผมแอบถ่ายรูปเขา เห็นว่าแสงทางพี่เขาสวยดีไง เลยลองกล้อง ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย

“เอาลงได้นะ พี่ไม่ว่า”

“งืออ ผมไปเรียนไม่ได้แล้ว แฟนคลับพี่ต้องตามมาถล่มผมแน่ๆ”

“ไม่หรอก ดูคอมเม้นต์มีแต่คนเชียร์มูนตะวัน ฮ่าๆ”

“หึยย ” ผมวางมือถือไว้ข้างๆทันที ไม่ยอมอ่านคอมเม้นต์อะไรทั้งนั้น ผมกลัวว่าจะไปเจอคอมเม้นต์ที่คนมาด่ามากกว่า

“ไม่เล่นต่อแล้วหรอ?”

“ไม่แล้ว”

“ก็ดีพี่จะได้มองหน้าเราชัดๆ”

!

!

อะไรของพี่มูนเนี่ยยยย วันนี้มันวันอะไรกัน หรือผมกำลังฝันไป ทำไมพี่มูนเล่นกับใจผมขนาดนี้ เข้าใจไหมผมต้องพยายามกั้นยิ้มทั้งที่ทำไม่ค่อยได้หรอกเพราะในใจมันเต้นโครมๆเหมือนจะระเบิดออกมาเอาซะให้ได้

โชคดีที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี ผมก็เลยหันไปสนใจอาหารตรงหน้าทันที แต่เหมือนพนักงานคนนี้จะได้ไม่สนใจการเสิร์ฟอาหารเท่าไหร่เพรามัวแต่มองอีกคนอยู่จนผมต้องขัดจังหวะซะหน่อย

“ฮะแฮ่ม อาหารครบแล้วใช่ไหมครับ?”

“อ่อค่ะ ครบแล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ” ประโยคเมื่อกี้คือพนักงานคงจะบอกพี่มูนล่ะครับเพราะไม่ได้หันมามองผมเลยสักนิด

“โหดนะเรา”

“ตะวันยังไม่ได้ทำอะไรเลย อ้อ พี่มูนตะวันขอหนึ่งรูป หล่อๆเลยนะ”

แช๊ะ แช๊ะ

“ไหนว่าภาพเดียว”

“มือมันลั่น” ผมตอบไปแบบหน้าตายก่อนจะเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้า ผมเห็นนะว่าพี่มูนแอบส่ายหน้าเบาๆ

หลังจากท้องอิ่มจากอาหารมื้อนี้แล้ว เราก็ไปซื้อตั๋วเพื่อดูหนังกันทันที ผมรู้สึกดีใจที่พี่มูนดูหนังได้ทุกประเภท แล้วก็ให้สิทธิ์ผมเป็นคนเลือกหนังด้วย เลยรีบตัดหนังผีออกทันที หนังน่าดูเพียบเลยแต่สะดุดตากับโปสเตอร์หนังญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเดาได้ไม่ยากเลยว่าเป็นหนังโรแมนติก

“เรื่องนี้แล้วกัน” ผมชี้ไปที่โปสเตอร์หนังที่อยู่ตรงหน้า พี่มูนก็จัดการซื้อตั๋วทันที

ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้คนไม่นิยมหนังรักกันแล้วหรือยังไง หลังจากที่เข้ามานั่งอยู่ในโรงหนังได้สักพักก่อนที่หนังจะเริ่มฉายผมก็สังเกตว่าไม่ค่อยมีคนมาดูมากเท่าไหร่ หรือหนังจะไม่สนุกนะ พอเริ่มดูได้สักพักผมว่าหนังไม่สนุกจริงๆล่ะเพราะตอนนี้สายตาผมไม่สามารถโฟกัสที่จอขนาดใหญ่นั้นได้เลย รู้สึกหนักที่ตาอาจเป็นเพราะอาหารที่แน่นอยู่ในท้องกับอากาศเย็นๆภายในโรงหนังนี้

“ง่วงหรอ?” คนข้างๆหันมากระซิบถามผม

“นิดนึง”

“หลับไหม?”

“ไม่เอา เดี๋ยวไม่รู้เรื่อง” ซื้อตั๋วมาดูแล้วแท้ๆ จะมาหลับได้ไง ผมพยายามถ่างตาอย่างเต็มที่

“มานี่มา” อยู่ดีๆคนตัวโตก็ดันหัวผมให้ซบลงที่ไหล่ขวาของเขา การกระทำของพี่มูนทำผมตกใจจนนิ่งไป ไม่ได้ขัดขืนแต่กลับรีบหลับตาลงทันที

“ตะวันๆ”

“อืม..”

“ตื่นได้แล้ว หนังจบแล้วนะ”

ผมลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ รู้แค่ว่าบนจอกำลังขึ้น End Credit แสดงว่าหนังจบแล้วสินะ ได้แต่ยิ้มแห้งเกาหัวแกรกๆ

“นอนน้ำลายไหล เสื้อพี่เปียกหมดแล้ว”

“จริงหรอพี่มูน ! ตะวันขอโทษ ฮืออ” ผมรีบคว้าที่แขนพี่มูนทันทีเพื่อสำรวจดูว่าเปื้อนเยอะขนาดไหน

“พี่ล้อเล่น”

“พี่มูน!”

“ครับๆ ออกไปจากที่นี่ก่อน พนักงานจะมาไล่แล้ว”

พี่มูนจับมือผมดึงให้ลุกขึ้นแล้วเดินพาผมออกจากโรงหนังทันที โดยไม่สนใจเสียงโวยวายจากผมเท่าไหร่

“เลิกทำหน้ายุ่งๆได้แล้วตะวัน”

“ก็พี่มูนแกล้งตะวันทำไม?”

“เห็นสะลึมสะลือเลยแกล้งให้ตื่นไง ฮ่าๆ”

“ไม่ต้องเลยยย”

“ป่ะ เดี๋ยวพาไปกินของหวานไถ่โทษ”

“ของหวานหรอ?” ตาผมลุกวาวขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่าของหวาน

“อืม อะไรดี ไอติม? เค้ก?”

“เค้ก เดี๋ยวตะวันพาไปร้านนี้ตะวันมากินประจำเลย”

ไม่นานผมก็พาพี่มูนมาอยู่ที่ร้านเค้กร้านหนึ่งที่ตกแต่งแนวมินิมอล ทำให้ไม่ต้องเคอะเขินเวลามานั่งเท่าไหร่ ผมเลือกสั่งชีสเค้ก เค้กผลไม้ แพนเค้ก แล้วก็ช็อกโกแลตปั่น ส่วนอีกคนสั่งกล้วยปั่นนั่นแหละครับสายสุขภาพ

“ค่อยๆกินก็ได้ตะวัน ไม่มีใครแย่งสักหน่อย”

“ฮ่าๆ ก็ไม่ได้มาร้านนี้นานแล้วนี่ พี่มูนว่าอร่อยไหม?”

“อืม ตะวันอร่อย พี่ก็อร่อย”

“จริงหรอ?”

“จริงสิ ไม่โกหกหรอก”

“ฮ่าๆ เชื่อฮะๆ ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้” ผมว่า ก่อนจะจัดการเค้กที่อยู่ตรงหน้าต่อ

“ตะวัน สนิทกับบูมนานยัง?”

“หืม ก็ตั้งแต่ปี 1 ครับ ทำไมหรอ?”

“สนิทกันมากมาก?”

“ก็.. ก็สนิทนะ ถึงจะไม่ได้รู้จักกันมานานเหมือนแมน แต่มันก็เป็นเพื่อนที่รู้ใจและอยู่ข้างตะวันมาตลอด เห็นมันปากแบบนั้นจริงๆมันเป็นคนดีนะครับ”

“พี่เคยได้ยินบูมเรียกเราว่าเมีย..”

“อ่อ อันนั้นมันมีที่มาครับ ตอนปีหนึ่งมีคนมาจีบตะวัน ตะวันไม่ได้สนใจแต่เขาก็รุกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนบูมมันโกรธมากถึงขั้นมีเรื่องกัน แต่อยู่ๆคนนั้นก็ไม่มายุ่งเกี่ยวกับตะวันอีกเลย จนตะวันต้องถามความจริงจากมัน มันบอกว่า ตะวันเป็นเมียมัน ใครก็ห้ามยุ่ง จากนั้นมันก็คอยเรียกแบบนี้มาตลอด”

“แล้วเราก็ยอมให้เรียก?”

“ตะวันรู้ว่ามันแกล้งตะวันเลยไม่ได้คิดอะไร แล้วอีกอย่างบูมมันก็เป็นไม้กันหมา ไม่ให้ใครมายุ่งกับตะวันด้วยแหละ”

“แล้วเรารู้ได้ไงว่าบูมไม่ได้คิดอะไร”

“พี่มูนหมายความว่ายังไง?”

“ก็ตามนั้นแหละ”

“ตามนั้นแหละ คือไรอะ?”

“อิ่มแล้ว เรากลับกันเลยไหม นี่ก็เย็นละ ตะวันจะได้กลับไปพัก”


“มูน”

“นีน มาทำอะไรที่นี่?”

“นีนมาทำธุระ เจอมูนพอดีเลย ไปกินข้าวเป็นเพื่อนนีนหน่อยสิ”

“เอ่อ..” พี่มูนยังอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนจะหันมาหาผม

“เอ้าน้องตะวัน มากับมูนหรอ?”

“ครับ แต่ตะวันจะกลับแล้ว พี่มูนไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่นีนเถอะ”

“แต่พี่อิ่มแล้ว”

“ไปนั่งเฝ้านีนเฉยๆก็ได้นะ นี่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าเลย นะๆมูนนะ”

“แต่มูนต้องไปส่งตะวัน”

“เดี๋ยวตะวันกลับเอง” ผมชิงตอบไป

“เห็นไหม น้องเขากลับเองได้ อีกอย่างน้องก็โตแล้วนะ”


ผมรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที โดยที่พี่เขาก็ไม่ได้รั้งอะไรผมไว้ ผมไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรนะแต่การมาเดตกับผมทั้งทียังไม่ทันจะได้ลากันเลยดันมีคนมาขัดซะงั้น ! มันใช่ไหมวะ แต่อย่างน้อยวันนี้มันไม่ควรที่จะมีอะไรมาให้ใจขุ่นมัวไม่ใช่หรอ เดตแรกเลยนะ ! เดตแรกของตะวันกับพี่มูนเลยนะ


ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ตอนนี้บ่งบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่ม นับจากที่ผมแยกจากพี่มูนก็เป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว ป่านนี้เขาจะแยกจากกันยังนะ แล้วเขาไม่คิดที่จะทักมาหาผมหน่อยหรอ หรือผมควรทักไปก่อนดี

“โอ๊ย หรือจะโทรไปเลยดีวะ”

“ไม่ดีๆ เผื่อเขายังอยู่ด้วยกัน” ผมเดินถือมือถือไปมาอยู่ข้างๆเตียง ในใจมันร้อนๆรนๆ

“แต่ควรโทรๆ ในเมื่อเราไปเดตกันแล้ว แสดงว่าเขาก็เปิดใจแหละ โทรได้แหละ”

เมื่อตัดสินใจได้แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปลดล็อคหน้าจอ ก็มีสายเข้ามาพอดี เป็นคนที่ผมกำลังจะโทรหานั่นเอง แต่พอเห็นชื่อเขาบนหน้าจอผมก็เผลอยิ้มออกทันที

“นับ 1-5 แล้วกัน จะได้ดูว่าไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตารอสายเขาเกินไป”

..
..
..
..
..

“ครับ”

“ตะวัน พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เรากลับเอง”

“อ่อไม่เป็นฮะ ตะวันกลับเองได้

“อยู่ห้องแล้วใช่ไหม?”

“ครับ แล้ว..พี่มูน”

“หืม..?”

“แล้วพี่มูนอยู่ไหน?”

“อยู่ห้องแล้วครับ หึหึ”

“ขำอะไรอะ?”

“แค่ดีใจน่ะ ว่าตะวันอยากรู้ด้วยว่าพี่อยู่ไหน”

“กะ..ก็.. ตะวันแค่ถามดู๊”

“หึงหรอครับ?”

“ปะ..เปล่า ครับ”

“พี่กับนีนเป็นแค่เพื่อนกัน เท่านี้ล่ะที่พี่อยากจะบอก”

“อ่อ แฮะๆ”

“สบายใจได้ พี่ให้ตะวันจีบแค่คนเดียว งั้นฝันดีนะครับ”

“คะครับ เช่นกันครับ”

เป็นอีกครั้งที่ผมเผลอยิ้มออกมา ในใจมันเหมือนมีดอกไม้ที่โดยน้ำรดก็ค่อยๆผลิบานออกมาเรื่อยๆ แค่ประโยคเดียวที่เขาบอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับคนนั้นเป็นแค่เพื่อนกัน น้ำเสียงที่มั่นคงในประโยคนั้นทำให้ผมเชื่อเขาไปแล้ว ผมได้แต่ขำเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวให้กับตัวเอง

“ชักจะเป็นเอามากแล้ว” พูดกับตัวเองเบาๆ



“แมน จะไปไหน?” ผมตะโกนเรียกแมนวิ่งสวนทางผมไปอย่างไว

“ค่อยคุยกัน กูรีบ” มันตอบแบบไม่หันมามองสองเท้าวิ่งด้วยความเร็วที่ลดลงเล็กน้อยก่อนจะเพิ่มมันอีกหลังหมดประโยคนั้น

“อะไรของมันวะ” ผมได้แต่เกาหัวตัวเอง แต่ค่อยถามมันตอนเจอกันก็ได้ ตอนนี้รีบเดินไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ไม่ไกลมาก

“ตะวัน เมื่อกี้แมนรีบไปไหนอะ โมเรียกก็ไม่หัน”

“ไม่รู้เหมือนกัน มันบอกว่ารีบ”

“น่าจะเรื่องประกวดหรือเปล่า” แตงโมบอก

“เออจริง วันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่ ไอ้แมนน่าจะไฟลนสุดๆวิ่งหน้าตั้งขนาดนั้น”

“เอาเรื่องนี้ก่อนๆ ตะวันคะ ? ยังไงเอ่ย ไปเดตอะไรกันที่ไหนคะ?” แตงโมทำหน้ากรุ้มกริ่มให้

“แฮะๆ ก็ตามนั้นแหละ” ผมไม่รู้จะตอบยังไงเมื่อสองสาวส่งสายตาล้อเลียนมาให้ผม

“อะไรนะไปกินอาหารญี่ปุ่นหรอ อะไรนะไปดูหนังหรอ” มะนาวยังคงแซว

“นั่นน่ะสิ มันพัฒนาถึงไหนแล้วนะ” แตงโมมมม หยุดดดด

“ทั้งสองคนหยุดเลย รู้ว่าตะวันเขินยังจะล้ออีก”

“เมื่อวานเขาอยู่กับแฟนเก่านี่” บูมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“อ่อ เจอกันโดยบังเอิญอะ เขาคงมีธุระที่ต้องคุยกันมั้ง”

“มึงแน่ใจได้ไง?”

“บูม จะพูดให้เพื่อนคิดมากทำไม” มะนาวแย้งขึ้นมา

“ไม่ได้ทำให้คิดมาก แค่เป็นห่วง”

“อะ อ่อ ทุกคนใจเย็นๆ คือเรายอมรับนะว่าเคยกังวล แต่เมื่อวานพี่มูนโทรมาหาตะวันแล้วบอกว่าเขาเป็นแค่เพื่อนกัน”

“แล้วมึงก็เชื่อหรอ?”

“แล้วทำไมกูต้องไม่เชื่อ มึงรู้อะไรมามึงก็บอกกูมาเลยดีกว่าบูม” ผมหันไปมองหน้ากับมันตรงๆ ก่อนที่มันจะหลบสายตา หันไปคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป

“บูม มึงกลับมาคุยกับกูให้รู้เรื่อง”

“กูถามเพราะเป็นห่วงแค่นั้น” มันหันกลับมาตอบก่อนจะเดินออกไป

“ตะวันอย่าไปใส่ใจเลย มันคงเป็นห่วงตะวันมาก” มะนาวบอกกับผมโดยที่เธอเองก็ยังคงมองตามหลังของคนที่พึ่งเดินออกไป

“ช่วงนี้มันแปลกๆอะ” ผมหันไปมองสองสาว

“ทำไรกัน ไอ้บูมอะ?” แมนที่พึ่งเดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะ

“ไปไหนก็ไม่รู้ แล้วนี่มึงไปไหนมา? รีบเชียว”

“เรื่องประกวด เพิ่งทำเสร็จแล้วนึกออกว่าวันนี้วันสุดท้ายเลยรีบ กลัวลืม”

“สุดคน”  ผมทำหน้าเอื่อยๆใส่มัน

“เอ้อ แล้วเขาประกาศผลอาทิตย์หน้านะ แล้วจะรีบจัดแสดงผลงานเลยเห็นว่าหลังจากนั้นอาคารจะไม่ว่างแล้ว”

“โหยตื่นเต้น อยากเห็นผลงานคนที่ชนะแล้วอะ” แตงโมดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ

“เธอจะอยากเห็นผลงานตัวเองไปทำไมโม”

“แมนเห็นผลงานโมแล้วหรอถึงรู้ว่าจะชนะ”

“เธอเยี่ยมที่สุดแล้วแตงโม” แมนหันไปยกนิ้วโป้งให้

“ดูก็รู้ว่าไม่จริงใจ” โมทำปากยู่ๆที่แสนจะน่ารักไปให้แมน

“ฮ่าๆ” ผมกับมะนาวได้แต่ขำให้กับสองคนนี้

“อะ” สักพักไอ้คนที่เดินหายไปกลับมาพร้อมกับชานมไข่มุก 5 แก้ว วางลงบนโต๊ะมันถือแก้วของตัวเองขึ้นมาดูดก่อนนั่งลง

“มองอะไร ซื้อมาให้กินก็กินดิ มองหน้ากูแล้วมันอิ่มหรอ?”

“ไอ้สัสบูม มาถึงก็ปากหมาเลยนะ” แต่แมนมันก็คว้าเอาหนึ่งแก้ว แล้วหน้ายียวนแบบนั้นของมึงทำสาวๆที่เดินผ่านไปมองตาค้างเลยนะ

“ขอบใจที่เลี้ยง” ผมหันไปบอกมัน มันก็ยิ้มอ่อนๆมาให้ผม ผมรู้ว่ามันซื้อมาเพราะจะไถ่โทษเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้


หลังจากคลาสเรียนได้ดูดพลังงานผมแทบจะหมด สภาพผมตอนนี้เลยดูไม่จืดเท่าไหร่ ร่างกายต้องการของหวานแต่เหมือนพระเจ้าจะได้ยินที่ผมกรีดร้องอยู่ในใจส่งให้ยัยน้องวี่ลากผมมาอยู่ในร้านไอติมข้างมหาลัย

“พี่ตะวัน ไปเรียนหรือไปรบมาอะ?”

“เรียนแต่ก็เหมือนกับรบอะแหละ แล้วทำไมอยู่ดีๆชวนมาวะ หายหน้าหายตาไปเลยนะตั้งแต่มีแฟน”

“ยังไม่มีแฟน”

“ห๊ะ? นี่พี่บิ๊กยังไม่ขอเป็นแฟนอีกหรอ? เห็นตัวติดกันจะตาย”

“ขอ แต่วี่อยากให้ศึกษาดูใจกันไปอีกหน่อย”

“อะไรกัน ไม่มั่นใจพี่เขาหรอ?”

“เปล่า แต่แค่แบบนี้มันก็ดีแล้ว ถ้าเลื่อนสถานะวี่กลัวมันจะไม่เหมือนเดิม”

“ยังไงอะ?” ผมถามไปกินไอติมไป

“ก็ถ้าเราเป็นแฟนกันเมื่อไหร่วี่กลัวมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาด้วย วี่กลัวเขาจะเข้ามาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต กลัวว่าถ้าเกิดวันไหนเขาหายไปโลกของวี่มันก็คงจะพังจนซ่อมไม่ได้”

“แล้วตอนนี้เขายังไม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับแกของวี่?”

“เฮ้อ คงเป็นไปแล้วมั้ง”

“อย่าพึ่งกลัวอะไรที่ยังมาไม่ถึงดิ”

“พี่พูดเหมือนพี่บิ๊กเลย แต่เดี๋ยววี่ค่อยไปคิดดูอีกทีแล้วกัน ไม่ใช่ว่าวี่ไม่อยากเป็นหรอกนะ ยิ่งช่วงนี้นะพี่บิ๊กไปทำอะไรมาก็ไม่รู้หล่อขึ้นเป็นกองเลย”

“แหวะ จะอวดว่าแฟนหล่อว่างั้น”

“ไม่มีใครหล่อเท่าพี่มูนหรอกมั้งงงง มันยังไงกัน ทำไมเขาถึงได้มาจีบพี่อะ?”

“เดี๋ยวนะวี่ พี่แกต่างหากที่จีบเขา”

“จริงดิ ! แต่วี่ดูยังไงก็เหมือนพี่มูนจีบพี่ต่างหาก”

“.....”

“จริงๆ ดูที่พี่มูนโพสนั่นอีกก็ชัดเจนแล้วนะว่าจีบพี่”

“.....”

“เงียบอีก แล้ววันที่ไปเดตนั่นใครชวน?”

“พี่มูน”

“ถ้าบอกว่าตัวเองจีบเขาทำไมถึงให้เขาเป็นคนชวนไปเดต”

“ก็ยังไม่มีโอกาสได้ชวน พี่เขาก็มาชวนก่อนอะ” ผมหน้ายู่ทันที

“ฮ่าๆ วี่ก็ว่าแล้วเชียว แต่ดูแล้วพี่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นะ”

“ได้ไงอะ จีบเขาอยู่นะ”

“พี่เขาก็ชัดเจนอยู่นะ”

“พูดไปเรื่อย ดูเขากับดูพี่ด้วย แค่พี่มูนยอมให้พี่จีบมันก็โคตรจะโชคดีแล้ว”

“ฮ่าๆ พี่โชคดีอยู่แล้วแหละ”




Veevy Wiwat


นี่พี่ตะวันเขายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ เฮ้ออ คนนอกเขายังดูออกเลยว่าพี่มูนน่ะจีบพี่ตะวัน แล้วก็จริงจังมากด้วยจะมีก็แค่เจ้าตัวนี่ล่ะที่ดูจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย

‘พี่โชคดีอยู่แล้วแหละ’

‘เหมือนจะโชคดีมานานแล้วด้วย’

..

.....



แต่แค่เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักที !













ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 10 คำสารภาพ


         Moon Thanaphat


ผมได้แต่ยืนมองตะวันเดินออกไป โดยไม่ได้บอกอะไรอีกจากที่เจ้าตัวบอกว่าจะกลับเอง สถานการณ์แบบนี้ทำผมอึดอัดไปหมด ผมพาน้องมาผมไม่ควรปล่อยให้น้องกลับเองแบบนี้ แต่ผมก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับนีนแบบจริงจังอีกครั้ง

“นีน ทำแบบนี้ทำไม?”

“นีนทำอะไร”

“นีน...” ผมมองดุๆไปที่เธอ

“นีนแค่ชวนให้มูนไปกินข้าวเป็นเพื่อนนีนเองนะ”

“นีนรู้ว่ามูนหมายถึงอะไร”

“ชอบเขามากขนาดนั้นเลยหรอ?”

“นีนได้คำตอบไปแล้วนี่”

“มูน... เราไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมเลยหรอ?”

“มูนมีแค่ความเป็นเพื่อนให้นีน แต่มากกว่านั้นมูนให้คนอื่นไปแล้ว”

นีนส่งสายตาที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอเจ็บปวดมากแค่ไหนกับคำตอบของผม ผมไม่ได้อยากให้เธอเสียใจแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เรื่องของผมและเธอมันจบนานแล้ว นานจนผมได้เจอกับใครบางคน นานจนผมให้ใจกับคนนั้นไปแล้ว

“คนนี้ใช่ไหมที่ตอนนั้น..”

“อืม”

“โห ในที่สุดมูนก็ทำสำเร็จ”

“ยังหรอก”

“ยังไงนีนก็ขอให้มูนมีความสุขมากๆนะ”
นีนเบะปากน้ำตาคลอเบ้าแต่ก็พยายามส่งยิ้มมาให้ผม ผมเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอผมเลยต้องอ้าแขนให้ ก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดผม

ผมกับนีนเราเคยคบกันสมัยปี 1 เราประกวดดาวเดือนทำให้ใกล้ชิดกัน เธอเป็นคนสวยมากครับเธอน่ารักกับผมมาตลอดเราไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สาม แต่หลังจากที่คบกันเกือบปี ผมก็ต้องไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ ก่อนที่ผมจะไปเราก็ห่างกันได้สักระยะแล้วแหละด้วยความที่ผมยุ่งๆ เธอเองก็คงเหงาที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้เธอเลยทำให้ความรู้สึกของเราสองคนค่อยๆลดลง จนความสัมพันธ์ของเราสองคนลดเหลือไว้แค่ความเป็นเพื่อน

“งั้นนีนกลับแล้ว เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะที่ทำให้น้องเขาต้องกลับไปก่อน”

“ไม่เป็นไร”

เธอเดินจากผมไป โดยที่ผมยังคงยืนมองแผ่นหลังของเขาอยู่สักพักก่อนผมจะกลับเหมือนกัน



เมื่อผมถึงห้องตัวเองมองดูเวลาก็สองทุ่มแล้ว ผมจึงรีบกดเบอร์โทรออกหาตะวันทันที ไม่รู้ว่าจะน้อยใจผมหรือเปล่า

‘ครับ’

อ่า แค่เสียงยังน่ารักเลย

“ตะวัน พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เรากลับเอง”

‘อ่อไม่เป็นฮะ ตะวันกลับเองได้’

“อยู่ห้องแล้วใช่ไหม?”

‘ครับ แล้ว..พี่มูน’

“หืม..?”

‘แล้วพี่มูนอยู่ไหน?’

“อยู่ห้องแล้วครับ หึหึ”

‘ขำอะไรอะ?’

“แค่ดีใจน่ะ ว่าตะวันอยากรู้ด้วยว่าพี่อยู่ไหน”

‘กะ..ก็.. ตะวันแค่ถามดู๊’

“หึงหรอครับ?”

‘ปะ..เปล่า ครับ’ ผมแอบขำในใจ

“พี่กับนีนเป็นแค่เพื่อนกัน เท่านี้ล่ะที่พี่อยากจะบอก”

‘อ่อ แฮะๆ’

“สบายใจได้ พี่ให้ตะวันจีบแค่คนเดียว งั้นฝันดีนะครับ”

‘คะครับ เช่นกันครับ’

ผมไม่อยากให้น้องกังวลกับความสัมพันธ์ในอดีตของผม ผมไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้เราไม่เข้าใจ เพราะกว่าผมจะกลับมาเจอกับน้องได้อีกครั้งผมรอนานมากจริงๆ

ใช่ครับ...ผมเคยเจอตะวันมาก่อน


เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะบริหารกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในอาคารสำหรับจัดงานนิทรรศการเกี่ยวกับรูปภาพของเด็กคณะนิเทศ เห็นว่าทางคณะจัดการประกวดให้นักศึกษาส่งรูปภาพเข้าประกวดตามหัวข้อที่กำหนดให้ซึ่งทางคณะก็ใจดีเปิดให้นักศึกษาทุกคนเข้าชมได้รวมถึงคนภายนอกก็เข้ามาได้ ในนี้จึงมีนักเรียนที่ใส่ชุดมอปลายพอให้เห็นบ้าง

ระหว่างที่ผมกำลังดูรูปภาพไปเรื่อยๆ ผมก็เห็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนกำลังยืนมองรูปภาพที่ชนะเลิศในการประกวดของปีนี้ น้องเขายืนมองรูปนั้นนานพอสมควร ดูสนใจรูปภาพนั้นจนไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครมาอยู่ยืนอยู่ข้างๆ พอผมได้มองใกล้ๆเป็นเด็กนักเรียนมอปลายที่ดูธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดาอาจจะเป็นเพราะแก้มซาลาเปาที่โดดเด่นนั่นทำให้ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะตอนนี้ที่กำลังทำหน้าตาสงสัย ? คิดไม่ตก ? หรืออะไรสักอย่างแล้วก็ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินออกไป

ผมหันกลับมามองรูปภาพนี้อีกครั้ง เป็นรูปถ่ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว “ความสมบูรณ์แบบ” นั่นคือชื่อของผลงานชิ้นนี้ ก่อนผมจะหันกลับไปมองหาใครเมื่อสักครู่แล้วเดินตามออกไปอย่างเงียบๆ

“หายไปไหนมาวะ กูก็เดินตามหาอยู่”

“อ่อแถวนี้ล่ะ”

“เออ ไปจะไหนก็บอกกูก่อน เดี๋ยวมึงก็หลงทางอีก ยิ่งเอ๋อๆอยู่”

“ไม่เอ๋อ”

“มึงเอ๋อ ตะวันอย่ามาเถียง” น้องเบ้หน้าให้เพื่อนก่อนมองไปรอบๆงาน

เหมือนน้องจะมากับเพื่อนแค่สองคน ท่าทางจะสนิทกันมากพอสมควรดูจากการเป็นห่วงและใส่ใจจากคำพูดที่ผมได้ยินมา ขอบคุณเพื่อนน้องจริงๆที่พูดไม่ได้เบามากผมถึงได้รู้ว่าน้องชื่อ ตะวัน

“แมน กูจะเรียนที่นี่” น้องพูดด้วยน้ำเสียงอย่างแน่วแน่ก่อนจะค่อยๆยิ้มให้เพื่อน


“ไอ้หล่อ มองอะไรอยู่วะ อกหักแล้วเป็นบ้าหรอ ไปได้แล้วกูหิวข้าว”

“เออๆ” เสียงเรียกของบิ๊กทำให้ผมละความสนใจจากนักเรียนมอปลายคนนั้น ก่อนจะเดินตามเพื่อนออกไป แต่เหมือนในใจผมจะบอกให้ตัวเองหันกลับไปอีกครั้ง

“ขอให้ได้เรียนที่นี่นะ” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะหันกลับเดินตามเพื่อนออกไป


“ตะวัน มึงเห็นปะคนเมื่อกี้โคตรดูดีเลย”

“ใครวะ?”

“กูก็ไม่รู้ เห็นข้างๆอย่างหล่อเลยวะ ดาราเปล่าวะ”

“กูไม่เห็นจะมีใครหล่อเลย”

“เฮ้อ เขาเดินไปเมื่อกี้นี่”

“เออๆ ช่างเถอะ กลับกัน”


นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเจอน้อง ไม่น่าเชื่อว่าผมจะเจอน้องอีกในชุดนักศึกษาเรียบร้อยที่กำลังยืนมองซ้ายมองขวาหาอะไรสักอย่างอยู่หน้าตึกนิเทศ

“หึ มาเรียนที่นี่จนได้นะ”

“อะไรไอ้หล่อ กูให้พามาเอาของไม่ใช่ให้มาเหล่สาว”

“กูว่าไม่น่าใช่สาวนะอาฟ” พอบิ๊กพูดทุกคนก็เหมือนจะรู้ทันทีว่าผมกำลังมองใคร อย่างที่ผมเคยบอกว่าน้องดูธรรมดาแต่ก็ไม่ธรรมดาจึงทำให้เพื่อนผมเห็นทันที

“เฮ้อ งานดีวะ เด็กปีหนึ่งหรอวะ?”

“น่าจะ” ผมตอบดิว

“อะไรวะ จะหาคนมาดามใจหรอวะไอ้หล่อ”

“มึงก็พูดไปเรื่อยบิ๊ก”

“ก็พูดไปเรื่อยแต่มึงอย่าลืมนะ มึงจะไปแลกเปลี่ยนอาทิตย์หน้าละ”

“คิดแล้วก็เศร้าวะ มึงจะไปเป็นปี” อาฟพูดพร้อมกับเบะปาก “อะไอ้หล่อ ไม่สนใจกูเลย มองน้องเขาตาไม่กระพริบเลยนะ”

“เดี๋ยวนะ น้องเขาคุ้นๆว่ะ ใช่เด็กมอปลาย....” บิ๊กพูดขึ้น

“อืม คนเดียวกัน”

“เฮ้ย/เฮ้ย/เฮ้ย” จะพร้อมอะไรกันขนาดนั้น

“เอาไง จีบก่อนไปไหม?” อาฟเอาไหล่สะกิดไหล่ผม

“ไม่อะ”

“เอาจริงดิ น่ารักแบบนั้นหมาคาบไปแดกนะ” อาฟหันมาถามผมเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ไม่จีบตอนนี้ แต่กูจะจีบปีหน้า ฝากดูแลด้วยนะ”

ผมพูดในขณะที่สายตาก็มองตามเด็กผู้ชายที่กำลังยิ้มให้กับเพื่อนตัวเองก่อนจะเดินหายไป...


1 ปีผ่านไปผมก็กลับมาเรียนที่ไทยเหมือนเดิม ไม่น่าเชื่อว่าครั้งแรกที่ผมได้เจอกับน้องอีกครั้ง น้องจะเป็นลมต่อหน้า ผมตกใจแต่มือก็ไวรับน้องโดยอัตโนมัติพอตั้งสติได้ก็รีบอุ้มน้องไปโซฟาในร้านทันที ผมเป็นห่วงแทบแย่

“ช่วงนี้พักผ่อนน้อยหรือเปล่าถึงได้เป็นลมไป พี่ว่าน้องไปหาหมอดีกว่ามั้ย ?” หน้าน้องยังดูงงและตกใจที่เห็นหน้าผม “เอ๊ะ หน้าน้องแดงมากเลยอ่ะ พี่ว่าไปหาหมอเถอะปะเดี๋ยวพี่พาไป”

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับๆ ผมดีขึ้นแล้วไม่ต้องไปหาหมอหรอก”

“ใช่ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมพาเพื่อนผมกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณพี่มากนะครับ”

ก่อนที่เพื่อนน้องจะพยุงน้องออกจากร้านไป เพื่อนคนนี้คือคนเดียวที่อยู่กับน้องตอนผมเจอครั้งแรก ตอนที่น้องสลบไปเพื่อนน้องดูตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้มีท่าทีที่กระวนกระวายใจอะไรมากมาย ระหว่างที่ผมกำลังพัดให้ตะวันเพื่อนน้องก็มองผมเป็นระยะแต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

“ฮัลโหลดิว”

‘ว่าไงไอ้หล่อ’

“มึงสนิทกับเพื่อนน้องตะวันใช่ไหม?”

‘คนไหนวะ? ไอ้แมนหรือไอ้บูม’

“คนที่สูงๆหล่อๆ ตัวติดกันตลอด”

‘อ่อไอ้แมน ก็สนิทอยู่เล่นบาสด้วยกัน ทำไมวะ?’

“กูแค่อยากรู้ว่าน้องมันสนิทกับตะวันแค่ไหน”

‘เออๆ เดี๋ยวกูสืบให้’


วันแข่งบาสกระชับมิตรระหว่างสองมหาลัย ผมค่อนข้างดีใจที่เห็นใครบางคนมาดูด้วยแต่ดูท่าทางแล้วเหมือนไม่ได้ตั้งใจมาแต่โดนบังคับมามากกว่าในขณะที่เกมในสนามกำลังเคร่งเครียดสายตาผมก็หันไปเห็นน้องที่ลุ้นจนตัวเกร็งทั้งหน้าทั้งตาจนผมได้แต่นึกตลกอยู่ในใจ

‘อะไรจะน่ารักขนาดนั้น’

ไหนๆน้องก็มาดูแล้ว ขอโชว์พราวหน่อยแล้วกันว่าผมไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ลูกสุดท้ายนั้นที่ชู้ดลงห่วงต้องขอบคุณรอยยิ้มหวานๆจากตะวันเลยแหละ ถึงทำให้ทีมเราชนะ

“ได้กำลังใจดีนี่หว่า” ดิวที่พูดขึ้น

“ไหนว่าจะจีบเขาวะ ไหงใช้พ่อกูไปคุยกับน้องวะ ถ้าน้องเขาชอบไอ้บิ๊กขึ้นมาทำไง”

“มึงดูท่าพ่อมึงตอนเดินเข้าไปด้วยไอ้อาฟ น้องเขาจะกลัวมากกว่าชอบนะ ฮ่าๆ”

“นินทาไรกู ไอ้พวกนี้นี่ มูนกูจัดการให้ละ”

“ว่าแต่จะไม่ไปคุยกับน้องเขาหน่อยหรอ? ก่อนที่น้องมันจะไป”


“น้องครับ” ผมวิ่งเข้าไปเรียกน้องก่อนที่น้องจะหันหน้ากลับมาดูหงุดหงิดเล็กน้อย แต่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเป็นนิ่งไปทันที

“น้องที่เป็นลมวันนั้น หายดีหรือยัง?”

“..........”

“เอ่อ น้องครับ? ไม่สบายหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าน้องไม่ยอมตอบ ผมเลยถือโอกาสขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น

“..........”

“อ่อ เพื่อนผมทีแรกก็สบายดีแต่ตอนนี้เริ่มจะไม่สบายละล่ะ” แมนมันหันมาตอบแทน

“เป็นอะไร ไปหาหมอมั้ยเดี๋ยวพี่พาไป”

“ฮ่าๆ ไม่ต้องถึงหมอหรอกครับ แต่ผมว่าตอนนี้มันจะเป็นลมอีกรอบแล้วล่ะครับถ้าไม่ได้กินข้าว”

“อ่อ งั้นไปกินข้าวด้วยกันมั้ย? พวกพี่ก็กำลังจะไปกินข้าว ไม่ไกลหรอกหลังมอนี่เอง” ใช้ขอใช้โอกาสนี้ชวนน้องไปกินข้าวด้วยเลยแล้วกัน

“อ่อ งั้นก็ดีเลยครับ พวกผมขอไปกินด้วยนะพี่” แมนตอบตกลงแล้วหันไปขำให้ตะวันเล็กน้อย ก่อนที่จะสองคนจะกระซิบกระซาบอะไรสักอย่าง หรือน้องเขาจะไม่อยากไป..


“พี่ผมหล่อเหอะ”

“หึหึ” ผมอดขำไม่ได้กับประโยคนั้นของตะวัน ที่น้องดูจะมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองหล่อมากกว่าน่ารัก

“ฮ่าๆ หน้าแบบนี้เรียกว่าหล่อหรอเนี่ย แถวบ้านพี่เรียกว่าน่ารัก น่ารักมากๆด้วย” ยิ่งอาฟพูดแบบนั้นหน้าน้องก็เริ่มเบะ ผมมองว่ามันโคตรจะน่ารักเลย

ผมชะงักเล็กน้อยที่อยู่ๆน้องก็ซบไหล่แมนเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน ผมไม่รู้ว่าผมเผลอทำหน้าตายังไง รู้แค่ว่าแมนมันสบตาผมพอดีก่อนที่จะรีบผลักตะวันแล้วขยับออกห่างเล็กน้อย

“แล้วน้องตะวันมีแฟนยังอะ ?”

“แฮะๆ ยังค๊าบบ หน้าแบบนี้ใครเขาจะสนใจ”

“แต่เพื่อนพี่มันสนใจน้องนะ” อาฟพูดจบทั้งโต๊ะก็เงียบกริบ น้องดูตกใจ ก่อนที่ผมจะหันไปยิ้มให้บิ๊กที่มันยิ้มกรุ้มกริ่มให้



“พี่ชอบเพื่อนผมหรอครับ?” ผมที่หลบมาเข้าห้องน้ำ ก็หันไปเห็นแมนที่เดินตามเข้ามา ผมตกใจเนิดหน่อย

“คนไหน?”

“ตะวัน”

“ถามทำไม” ผมที่กำลังล้างมือหันไปถามมันที่ยืนขวางประตูที่มันคงจะเป็นคนปิดเอง

“ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร” มันพูดก่อนจะหันกลับไปเปิดประตู

“พี่ชอบตะวัน” มันหันกลับมาหรี่ตามองผม

“จริงจัง?”

“ไม่จริงจังไม่ตามมาจีบหรอก”

“พี่คือคนที่แอบมองตะวันที่งานแสดงภาพถ่ายเมื่อสองปีที่แล้วใช่ไหม?”

“จำได้หรอ?” ค่อนข้างตกใจที่มันจำผมได้

“แสดงว่าใช่สินะ คนที่แอบมองเพื่อนผมตอนนั้น แล้วก็ที่หน้าตึกนิเทศตอนพวกผมรับน้อง”

“ต้องการอะไร? ชอบตะวันหรอ?”

“แล้วถ้าชอบ?” มันทำหน้ามั่นอกมั่นใจใส่ผม

“งั้นบูม.....”

“นี่พี่... รู้อะไรมา”

“ฮ่าๆ มึงจะบอกว่าชอบตะวันงั้นหรอ? แล้วบูมล่ะ”

“พี่แม่ง”

มันพูดแบบหัวเสีย ผมได้แต่นึกขำมัน ดูก็รู้ว่ามันจะมาลองใจผม ส่วนเรื่องแมนดิวมันสืบมาให้ผมแล้วว่ามันกับตะวันเพื่อนสนิทที่เป็นได้แค่เพื่อนจริงๆ แต่กับเพื่อนมันอีกคนที่ชื่อบูมคงจะไม่ใช่...

“ต้องให้กูไปบอกให้ไหม? ว่ามึงคิดยังไง” ผมแกล้งแหย่มัน

“ไม่ต้อง”

“งั้นมึงก็ช่วยกูจีบเพื่อนมึง”

“โอเคๆ แต่พี่ห้ามบอกใคร”

“ตามนั้น”

“แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ ตะวันมันจีบไม่ง่ายหรอกนะ เพราะสเป็คมันชอบหน้าตาธรรมดาๆ แบบพี่นี่โดดเด่นไป อาจจะไม่โดนใจมันเท่าไหร่” มันพูดแบบนั้นทำให้ผมหน้ายุ่งขึ้นมาทันที ก่อนมันจะยิ้มแล้วเดินออกไป บอกตามตรงว่าไม่เคยหมั่นไส้ใครเท่านี้มาก่อนเลย


“บิ๊ก เอาไปให้ตะวันหน่อย” ผมวางแก้วชานมไข่มุกที่เพิ่งไปซื้อมาไว้บนเก้าอี้ข้างๆตัวมัน

“ลับๆล่อๆ จะเอาให้ก็เอาไปให้เอง”

“งั้นกูจะช่วยไอ้เจมส์มันจีบน้องวี่” เจมส์คือเพื่อนในสาขาที่มันชอบน้องวี่มาก เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเจมส์บิ๊กมันก็คงไม่รู้จักน้องวี่ จนตอนนี้กลายเป็นไม่ญาติดีกันแล้วเพราะชอบคนเดียวกัน ศึกชิงนางก็ว่าได้

“เออๆ เดี๋ยวกูเอาไปให้ แม่ง ! ขู่เก่ง กูล่ะอยากบอกแฟนคลับมึงชิบหายว่ามึงมันร้าย”


กลุ่มคนหล่อขอจีบคนคูล (5)

Big : มีเรื่อง !

After : ใครทำพ่อ !

Dew : เออ ใครหน้าไหน

Big : น้องตะวันให้กูช่วยจีบไอ้หล่อ

After : ว๊อทททททททททท ???? น้องตะวันชอบไอ้มูนหรอ @moon

Man : 555555555 ช็อกแล้วมั้ง

                                                                      @Man หลอกกู?

Man : หมั่นไส้พี่ไง 555555


After : เล่าดิ๊ไอ้แมน ไม่หมดกูฆ่ามึง

Man : มันชอบพี่มูน แล้วมันก็กำลังจะจีบพี่มูน

After : เชดดดด งี้ไอ้หล่อก็ไม่ต้องทำไรแล้วนี่ ไหนๆน้องตะวันก็ชอบไอ้มูนอยู่แล้ว

                                                                      กูอยากเป็นคนจีบ ไม่ใช่ให้น้องมาจีบ

Dew : จริง มันก็ตั้งใจจะจีบของมันมาตั้งนาน

After : อะไรของพวกมึงวะ ทำไรให้มันยุ่งยาก

Big : เอางี้ไหม น้องมันอยากจีบก็ให้จีบ น้องมันดูตั้งใจจริงๆนะมูน

Man : จริงพี่ พี่จะจีบมันก็แล้วแต่พี่ แต่พี่ช่วยตามน้ำ มันไปหน่อยแล้วกัน


นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้ความจริงว่าตะวันชอบผม ผมนึกขำตัวเองอยู่ในใจ ตั้งแต่ที่แมนมันบอกว่าหน้าตาแบบผมอาจไม่โดนใจตะวัน ทำเอาผมคิดมาก คิดแล้วคิดอีก ว่าจะต้องจีบน้องยังไง น้องจะตกใจไหมที่ผมชอบน้อง แต่ผมก็ต้องตกใจมากกว่าที่ได้อ่านข้อความในกลุ่มที่เพื่อนมันตั้งไว้เพื่อจะช่วยผมจีบตะวัน

ผมเปิดเข้าไอจีก่อนจะเข้าไปดูไอจีล่าสุดที่ผมได้ทำการค้นหาซึ่งมีอยู่ไอจีเดียวนั้นคือไอจีของตะวัน ผมรู้จักไอจีของน้องตั้งแต่ตอนที่ไปแลกเปลี่ยน เพราะเพื่อนส่งมาให้ คนอะไรลงรูปพระจันทร์แทบจะทุกวัน ผมไม่ได้ฟอล ไม่ได้กดไลค์ และก็ไม่ได้สร้างแอคเคาท์ที่ดูลึกลับอะไรทำนองนั้นในการส่องไอจีตะวันหรอกนะ แล้ววันนี้น้องก็ลงรูปพระจันทร์เหมือนทุกครั้ง

“อยากเป็นพระจันทร์ของตะวันจัง”

ผมพูดเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าที่มีพระจันทร์กำลังฉายแสงอยู่




‘พี่มูนเตรียมตัวด้วย’

แมนส่งข้อความมาให้ผมแค่นั้น ไม่นานผมก็เห็นมันเดินมาที่คณะผมพร้อมกับคนที่ผมอยากเจอหน้ามากที่สุด

“มีธุระกับพี่หรอครับ คุยตรงนี้ได้ไหมหรือต้องคุยส่วนตัว” ตะวันดูเกร็งๆ ผมเลยเดาเอาว่าอาจจะไม่อยากคุยต่อหน้าคนเยอะๆ

“เอ่อ.. คุยกันตรงนี้ก็ได้ครับ คือ... คือ..ว่า...” น้องพูดตะกุกตะกัก แต่ผมก็รออย่างใจเย็น

“ผมมีเรื่องจะมารบกวนพี่ ให้พี่มาเป็นแบบให้ผมหน่อยครับ ผมต้องทำโปรเจคส่งอาจารย์น่ะครับ”

“น้องตะวันค่าตัวไอ้มูนมันแพงน๊า ให้พี่เป็นแบบให้ดีกว่า ฟรีตลอดชาติจ้า” อาฟมันแซว

“เอ่อ.. ค่าตัวหรอครับ คือ...” ท่าทางน้องดูเหมือนจะคิดมากตามคำพูดของอาฟ ผมเลยรีบตอบออกไป

“แค่เลี้ยงข้าวพี่ก็พอ”

ผมยื่นมือออกไปเพื่อจะขอมือถือน้อง แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ น้องเอามือตัวเองลูบๆกับกางเกงก่อนจะค่อยๆยื่นมือมาให้ผม ผมแอบขำกับท่าทางแบบนั้นของตะวัน ฮ่าๆ

“ไม่ใช่ๆ ขอมือถือหน่อย” ตะวันทำหน้าตาเจื่อนๆ ก่อนจะล้วงเอามือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองออกมา

“อ่ะ” ผมถือโอกาสนี้รีบกดเบอร์ตัวเองแล้วโทรออกทันที ก่อนจะจัดการเมมชื่อให้อย่างเสร็จสรรพ

“ครับ?” น้องทำหน้างง

“พี่ให้เบอร์ไปแล้ว เพิ่มไลน์ด้วยนะ มีอะไรก็จะได้ติดต่อพี่มา”

“อะ..อ่อ.. ครับ” ตะวันจะรู้ตัวไหมว่าหน้าตัวเองกำลังแดงระเรื่อ

“โอเคๆ จีบกัน เอ้ย คุยธุระกันเสร็จละเนอะ งั้นพวกพี่ขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปทำรายงานต่อ”

“รูปหน้าจอหล่อดีนะ” ผมเดินกลับไปหาน้องอีกครั้งแล้วพูดเสียงไม่ดังมาก

“มะ..ไม่ ชะใช่” ผมเดินยิ้มออกมาจากตรงนั้นอย่างอารมณ์ดี

ตะวันจะรู้ตัวไหมว่าตอนนี้ตัวเองน่าฟัดมากแค่ไหน ผมดูออกว่าน้องตกใจและเขินมากแค่ไหนที่รู้ตัวว่าผมเห็นสิ่งที่อยู่บนหน้าจอมือถือของตัวเองแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าน้องจะชอบผมมากถึงขนาดที่ตั้งรูปผมเป็นรูปหน้าจอมือถือ จำได้ว่าเป็นรูปตอนที่แข่งบาสแต่คงเป็นรูปที่ตะวันมีคนเดียวเพราะในไฟล์ที่น้องส่งมาให้บิ๊ก ผมจำได้ว่าไม่มีรูปนี้

“ยิ้มหน้าบานเลยนะครับไอ้หล่อ” อาฟว่า

“ฮ่าๆ” ผมมีความสุขจนต้องขำออกมา

“มันบ้าไปแล้วววว” มันคงรับไม่ได้ที่เห็นผมมีความสุขขนาดนี้




Fb.
ตะวัน อัศวถาวรานุกูล

            อยากมีพระจันทร์เป็นของตัวเอง


Veevy very cool : ป่ะ เดี๋ยวพาไปซื้อโคมไฟรูปพระจันทร์ ฮ่าๆ

BigBro : น่ารัก

BoomBoom’z : มาเป็นเมียกู เดี๋ยวพานั่งยานไปซื้อ

ตะวัน อัศวถาวรานุกูล : จะอ้วก @BoomBoom’z

BoomBoom’z : จับแค่แขน แพ้ท้องได้ไง @ตะวัน อัศวถาวรานุกูล

Veevy very cool : ฝากถึงเม้นสอง อย่ามายุ่งกับพี่ของวี่

BigBro : @Veevy very cool แล้วยุ่งกับวี่ได้ป่าวครับ

ผมเลื่อนเข้าแอพสีน้ำเงิน ก่อนจะได้รับการแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊คของใครบางคนที่ผมตั้งแจ้งเตือนไว้ ก่อนจะยิ้มเมื่ออ่านประโยคนั้นจบ แล้วกดไลค์ทันที แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเลื่อนอ่านในคอมเม้นท์

BoomBoom’z : มาเป็นเมียกู เดี๋ยวพานั่งยานไปซื้อ

บูมเป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มของตะวันที่ดูจะสนิทกันมากพอสมควร แต่ไอ้ประโยคนั้นทำผมอารมณ์ขุ่นมัวอยู่หน่อยๆ ประโยคนั้นมันเป็นประโยคในอนาคตที่ผมจะใช้เรียกน้องนะ ! ผมต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว



เช้านี้ผมเลยรีบมาดักรอน้องที่หอ เอ้อ ผมย้ายมาอยู่หอข้างๆน้องนี่เองถามว่าลงทุนไปไหม ก็นิดหน่อยครับ อยู่ใกล้มันก็ดีกว่านะ เห็นแมนบอกว่าน้องมีเรียนบ่ายผมเลยเดาว่าน้องน่าจะยังไม่ได้ไปเลยมาเดินวนๆอยู่แถวนี้ ผมหันไปเห็นน้องนั่งอยู่ในร้านข้าวพอดี จึงรีบเดินเข้าไปหาน้องทันที

“ตะวัน” เหมือนน้องจะสนใจแต่มือถือที่อยู่ในมือจนไม่ได้สนใจใครเลย

“น้องตะวันครับ”

“ค..ครับ” น้องเงยหน้าขึ้นมา

“โอ๊ย !” ผมแอบสังเกตเห็นน้องหยิกตัวเอง ให้เดาว่าคงตกใจที่เจอผม ก็หน้าน้องเหลอเหลาขนาดนั้น

“ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เอ่อ.. เปล่าครับ แล้วพี่มูนมาทำอะไรครับ?”

“มากินข้าว นี่มาคนเดียวหรอพี่ขอนั่งด้วยนะ” รีบนั่งลงทันทีไม่รอให้น้องได้ตอบ

“พักที่หอนี้หรอ?” ทำเนียนถามน้องไปงั้นแหละ

“ครับ”

“เหมือนกันเลย”

“ทำไมตะวันถึงไม่เคยเห็นพี่แถวนี้เลยอ่ะ”

“พี่เพิ่งย้ายมา มันใกล้กว่าคอนโดที่อยู่”

ระหว่างที่ทานข้าวไม่มีใครพูดอะไรออกมา มันชวนอึดอัดหรือเปล่าแต่สำหรับผมไม่เลย รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้อร่อยกว่าวันเลยนะ

“ขอบคุณสำหรับข้าวมื้อนี้นะครับ ไว้คราวหน้าจะเลี้ยงคืนนะครับ งั้นตะวัน.. เอ่อผมขอตัวก่อนนะครับ”

“จะไปมหาลัยใช่มั้ย ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ไม่รบกวนพี่ดีกว่า เดี๋ยวผมไปเองครับ”

“พี่ก็กำลังไปมหาลัย ไปด้วยกันนี่ล่ะ ถือว่าช่วยชาติ” ผมไม่รอให้ปฏิเสธอีกแน่เลยรีบเดินไปที่รถตัวเองทันที

“ตะวันๆ ถึงแล้ว” ขับมาสักพักก็ถึงคณะนิเทศ แต่อยู่เหมือนคนข้างๆจะมองผมจนไม่รู้ตัวว่าถึงคณะตัวเองแล้ว

“ขอบคุณพี่มูนมากนะครับที่ให้ติดรถมาด้วย งั้นตะวัน..เอ่อผมขอตัวก่อนนะครับ”

เผลอแทนตัวเองว่าตะวัน...งั้นหรอ ผมอยากให้น้องแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้ทุกครั้งที่คุยกับผมจัง ก่อนที่จะขับรถออกไป ผมจึงเลื่อนกระจกลงแล้วเรียกน้อง


“ตะวัน แทนตัวเองว่าตะวัน น่ารักดี”

ผมยิ้มให้ก่อนจะขับรถออกมา เมื่อมองไปที่กระจกรถก็เห็นตะวันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดูอึ้งๆเล็กน้อย


“หึหึ เด็กน้อย”

ผมส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆ ชักจะเป็นเอามากแล้วที่รู้สึกว่าอยากอยู่กับน้องให้นานมากกว่านี้



“พี่มูนมีแฟนยัง?”

“หือ?” ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ตะวันถามผม

“มีแฟนยัง?”

“ยังไม่มีครับ”

“แล้วมีคนที่ชอบยัง?”

ผมไม่ได้ตอบคำถามน้องออกไป ผมยังไม่อยากบอกชอบน้องตอนนี้ ภายในรถจึงมีแค่เสียงแอร์เบาๆ แอบมองน้องด้วยหางตาเหมือนน้องจะยังรอคำตอบจากผม แล้วเหมือนคิดอะไรสักอย่างจนเหม่อลอย

“อ่อ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

จากนั้นน้องก็ลงรถไปเดินเซเล็กน้อยจนผมอดห่วงไม่ได้



‘มีแฟนยังงั้นหรอ’


‘มีคนที่ชอบยัง’

ผมไม่มีแฟน........


แต่ผมมีคนที่ชอบแล้ว....... ตะวันไง




หลังจากผมได้รับข้อความจากตะวัน ที่น้องชวนผมไปค่ายอาสาจึงตอบกลับไปว่าขอคิดดูก่อน

“อาฟ มึงลงชื่อไปค่ายอาสาให้กูหน่อย”

‘ห๊ะ มึงจะไปค่ายอาสา?’

“เออ จัดการให้ด้วย รู้แค่เราล่ะ”

‘เออๆ’



“เอ่อ.. พี่มูนนนน ไปค่ายอาสากับตะวันเถอะนะครับ นะๆ” ผมจะบ้าตายกับท่าทางของน้องที่กุมมือตัวเองเป็นเชิงขอร้องไหนจะน้ำเสียงอ้อนๆนั้นอีก ผมจะบ้าตายจริงๆ

“นะครับ นะๆ” ยัง ยังไม่พอส่งสายตาปริบๆมาให้ผม โอ้ยยยยยย ผมจะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้ต้องเก๊กหน้าไว้ ผมอยากมีคนมาอ้อนแบบนี้ทุกวันเลยจริงๆ แต่คนนั้นต้องเป็นตะวันคนเดียวนะ



“ไอ้เด็กคิดมากของพี่มันไม่ยอมลงมากินข้าวเนี่ย”

“เออ กูซื้อขนมมาให้แล้ว มึงเอาไปให้ดิ”

“ไรอะ พี่ก็เอาไปให้เองสิ บอกว่าผมซื้อก็ได้อะ”


หลังจากผมโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คตัวเอง ไม่นานมือถือผมก็สั่นเพราะมีการแจ้งเตือนจากไอจี เมื่อกดเข้าไปดูก็เห็นรูปท้องฟ้าที่มืดสนิทแต่ยังมีดวงจันทร์ที่ส่องแสงพอให้มีแสงยามค่ำคืนประดับประดาไปด้วยดาวหลายพันดวง

ผมแอบตามตะวันออกมาดูดาวตรงนี้ได้สักพักไม่รู้ว่ามองดาวจนเพลินหรือมองใครอีกคนเพลินกันแน่ รู้ตัวอีกทีคันตามตัวไปหมดเพราะตรงที่ผมอยู่ค่อนข้างมืดแม้ลมจะพัดเรื่อยๆแต่ก็ยังมียุงเยอะพอสมควร อากาศตอนนี้กำลังเย็นขึ้นเรื่อยๆแล้วชุดที่ตะวันใส่ตอนนี้ดูจะไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นสักเท่าไหร่

‘เข้าไปนอนได้แล้วนะ’

คิดในใจเขาจะรู้ไหมเนี่ย

ผมจึงกดส่งข้อความหาใครสักคนที่พอจะมาช่วยผมได้ตอนนี้ ยุงพอทนได้ครับแต่ถ้าอยู่นานกว่านี้กลัวได้ไปนอนโรงพยาบาลซะก่อน ไหนจะเจ้าความรักที่กำลังยืนห่อไหล่กินลมชมดาวอยู่นั่นอีกถ้าไม่สบายขึ้นมาผมคงเป็นห่วงแย่


การได้มาเดินเล่น ผลัดกันถ่ายรูปซึ่งกันและกันกับใครสักคนโดยเฉพาะคนนั้นเป็นคนที่เรารู้สึกดีด้วยมันโคตรวิเศษสุดๆไปเลย มันกลายเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ผมได้รับจากภาพตรงหน้าคนที่ค่อยๆปลดปล่อยตัวตนของตัวเองออกมาโดยการโพสท่าขี้เก๊กๆแบบนั้นเพื่อให้อีกคนพอได้ขำ


ผมมองไปที่แผ่นหลังของตะวันที่กำลังยืนดื่มด่ำกับภาพพระจันทร์ดวงโตที่วันนี้ส่องแสงมาบนโลกมากกว่าเมื่อวานซะอีก เหมือนกำลังส่องแสงเพิ่มพลังให้กับใครสักคนในเวลานี้

แววตาของตะวันที่มองมาที่ผม ทำให้ผมรู้สึกถึงพลังงานหรืออะไรสักอย่าง มันเป็นแววตาที่เปล่งประกายแต่ก็เหมือนจะมีคำขอร้องออกมาจากดวงตาคู่นั้น แม้เราจะอยู่ในความมืดแต่แสงจากท้องฟ้าและแสงไฟที่สลัวๆก็ยังพอทำให้ผมเห็นแสงสะท้อนจากแววตาคู่นั้น

“พี่มูน ตะวัน....”

.....
....
....

....

“ตะวัน มีเรื่องจะบอก”


“อืม”

ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ ยังคงยืนหันหน้าเข้าหาท้องฟ้าและหันหลังให้กับช่างภาพ

“คะ คือ....”


“ตะวันชอบพี่นะ”

...

...

หลังจากที่น้องพูดประโยคนั้นออกมา ก้อนเนื้อข้างซ้ายมันเต้นไม่เป็นจังหวะมันเต้นเร็วเหมือนมันกำลังกระโดดโลดเต้นเหมือนประท้วงจะออกมาให้ได้ แต่สักพักมันก็ค่อยๆเต้นช้าลง ช้าลง เนิบๆ

“วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ ว่าไหม?”


คงเป็นเพราะกำลังส่องแสงสว่างให้ใครบางคนจริงๆ.....


“พี่มูนไม่ต้องตอบก็ได้ว่ารู้สึกยังไง พี่อาจไม่ได้ชอบตะวันก็ไม่เป็นไร ตะวันแค่อยากบอกพี่ เพื่อให้พี่มูนรู้ตัวก่อนว่า...”

“วะ ว่า..”

“ตะวันจะจีบพี่นะ”


ผมอมยิ้มให้กับประโยค ที่ว่าน้องจะจีบผม บริสุทธิ์และใสซื่อ แต่ก็ทำให้ผมอิ่มอกอิ่มใจจริงๆ


“สงสัยวันนี้พระจันทร์จะมีความสุขกว่าทุกวัน”


ผมตอบกลับแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไป ตะวันจะเข้าใจความหมายของผมไหมนะ ? ว่าตอนนี้พระจันทร์มีความสุขมากจริงๆ




“บ้าเอ้ย ทำไมเราไม่ตอบน้องกลับไปวะ ว่าชอบน้องเหมือนกัน ไอ้มูนเอ้ย”

 แทบจะทุบหัวตัวเองเมื่อคิดได้ตอนกลับมาถึงห้อง


“สงสัยวันนี้พระจันทร์จะมีความสุขกว่าทุกวัน”


 บ้าไปแล้วกู ตะวันจะเข้าใจไหมทีนี้ อยู่ดีๆก็นึกอยากเป็นนักบทกวีงี้หรอ ผมได้แต่นึกด่าตัวเองในใจ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2020 17:33:08 โดย moon.star »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 11 รูปภาพ



ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ทางคณะได้จัดงานนิทรรศการรูปภาพของนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สิ่งที่ทุกคนรอคอยก็คงจะหนีไม่พ้นผลประกาศของการประกวดรูปภาพประจำปี งานนี้ทุกคนที่ได้ลงประกวดหรือไม่ได้ลงประกวดแต่ประสงค์อยากโชว์ผลงานก็สามารถนำมาจัดโชว์ได้นะแต่ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของอาจารย์ด้วย

“แมน มึงส่งรูปอะไรไปอะ?”

“ไม่บอก รอดูในงานนู้น”

“แมน มึงจะไม่บอกตะวันเพื่อนรักคนนี้หน่อยหรอ”

“ทีมึงยังไม่บอกกูเลย”

ผมทำหน้ามุ่ยใส่มัน วันนี้เกือบทั้งวันผมพยายามรบเร้าให้มันพูดออกมาว่าแมนส่งรูปอะไรประกวด แต่มันก็ยังไม่ยอมปริปากออกมา เฮ้อ ตะวันแค่ใส่ใจอะ

“ทำไมทีของคนอื่นมึงไม่อยากรู้ มาอยากรู้อะไรของกู?”

“ก็มึงเล่นส่งวันสุดท้าย มันต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ”

“กูทำไม่ทัน แต่พิเศษไหมก็พิเศษเพราะทำมันจากใจ” มันพูดเหมือนมันกำลังบอกใคร

“แสดงว่ารูปต้องเกี่ยวกับคนสำคัญของแมนแน่ๆเลย ใครที่ไหนอะ อุ๊บอิ๊บไม่บอกเพื่อนหรอ?” แตงโมชี้หน้าพร้อมจ้องเขม็งไปที่แมน

“ก็สำคัญ สำคัญมากเลยแหละแต่เขาก็มีคนสำคัญของเขาเหมือนกัน” ผมไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ว่าตอนแมนมันพูดมันใช้สายตามองไปที่บูม สายตานั้นอ้อนวอนสุดๆ ส่วนบูมก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา

“มึง... มีอะไรที่ยังไม่บอกกูหรือเปล่า?” ผมหรี่ตามองแมน

“ช่างมันเถอะ แล้วมึงไม่วิ่งแจ้นไปนั่งเฝ้าพ่อเทพบุตรมึงหรอ มานั่งเซ้าซี้อะไรกูอยู่ได้”

“ไอ้สัส พูดซะกูเป็นสาวน้อยเลย”

“ก็คล้ายนะตะวัน ถ้ามะนาวเป็นแม่นะจะตีให้หลังเขียวเลย เรียนเสร็จก็นู้นนน คณะบริหารลืมไปแล้วมั้งว่าตัวเองเรียนนิเทศ งงมากจ้า”

“ขนาดนี้แล้วเป็นแฟนกันยัง?” แตงโมถาม

“เอ่อ...ยัง จะบ้าหรอตะวันพึ่งจีบพี่เขาเองนะ แถมยังไม่รู้เลยว่าพี่เขาชอบตะวันไหม”

“โอ้ยยยย ตะวัน ถ้าเขาไม่ชอบเขาไม่ปล่อยให้ตะวันไปหา หรือเทียวไปมาหาตะวันหรอกนะ แล้วไหนจะ
สเตตัสของพี่มูนอีก มองยังไงรวมๆแล้วก็หมายถึงตะวัน”

“มะ ไม่ น่าจะใช่มั้งตะวันว่า”

“ก็จริงของตะวัน เขาไม่ได้ปฏิเสธมันก็ไม่ได้ความว่าเขาจะชอบมันซะหน่อย ถ้าเขาชอบทำไมเขาไม่บอกมันมาเลยล่ะว่ารู้สึกยังไง ชอบก็บอกว่าชอบสิ ทำแบบนี้เหมือนกั๊กตะวันนี่หว่า”

“ถ้าทุกอย่างมันง่ายขนาดนั้น ทำไมมึงไม่บอกเขาไปล่ะ” บูมไม่ได้ตอบกลับแมน เพียงแค่มองตาขวางๆ

“อะไรกันสองคนนี้?”

“เออ พวกมึงเป็นไรกัน ทะเลาะกันหรอ?”

“เปล่า กูแค่กวนมันไปงั้นแหละ” แมนมันไหวไหล่ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกม

........

“ตะวันๆๆ ดูเฟซพี่มูน เร็วๆ”

“มีไรแตงโม?” ผมหันไปถามเมื่อแตงโมดูตื่นเต้นเร่งให้ผมเข้าดูเฟซ

“ไม่ต้องถามแล้ว รีบเข้าดูเร็วๆเลย” ได้แต่งงงวย แม้กระทั่งแมนกับบูมที่ตั้งอกตั้งใจเล่นเกมก็ต้องเงยหน้าขึ้นมา

“เห้ย พี่มูนเขา....” มะนาวร้องออกมาเสียงดังก่อนจะเงยหน้าจากมือถือขึ้นมามองผมก่อนจะยื่นมาให้เพราะเห็นว่าผมยังชักช้า


Fb.
Moon Thanaphat

   
           “วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ ว่าไหม? สงสัยวันนี้พระจันทร์จะมีความสุขกว่าทุกวัน”
ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจความหมายหรือเปล่า แต่พอได้มาเห็นรูปภาพรูปนี้ก็ทำให้ผมอยากบอกกับเขาอีกหนึ่งประโยคว่า
“ที่พระจันทร์มีความสุขขนาดนี้ก็เพราะตะวันนะ” แต่ก็ยังมีอีกประโยคที่รอคอยจะได้บอกเขา ช่วยมารับฟังคำๆนั้นจากผมด้วยนะ ผมไม่อยากรออีกแล้ว...


ผมอ่านทุกประโยคที่พี่มูนโพสต์ลงพร้อมกับรูปภาพที่ผมจำได้ว่ามันเป็นผลงานของผม รูปภาพที่มีป้ายติดอยู่ด้านบนว่า ‘ชนะเลิศอันดับ 1’ ผมตกใจจนอ้าปากค้างทั้งเรื่องการประกวดและข้อความของพี่มูน

“เฮ้ย ตะวันได้ที่ 1 นี่”

“แมน ! ให้โฟกัสที่ข้อความของพี่มูนไหมล่ะ”

“นั่งบื้ออยู่ทำไม รีบไปสิ”

“ปะ.. ไปไหน? ผมหันไปถามแมน

“ไปฟังคำๆนั้นจากเขาสิ เขาบอกไม่อยากรอแล้ว ยังจะปล่อยให้เขารออยู่อีกหรอ” ทันทีที่บูมพูดจบ ผมวิ่งออกจากตรงนั้นพุ่งตรงที่ไปอาคารจัดนิทรรศการทันที


“นี่มึง” แมนหันมองหน้าบูม

“มันสมควรจะได้รับความรักจากคนที่มันรัก” ก่อนที่บูมกับสองสาวจะตามตะวันออกไป

“แล้วทำไมกูถึงยังไม่ได้รับจากมึงวะ....”

เป็นประโยคที่แสนจะบางเบาออกมาจากปากแมน แต่มันก็ไม่ได้เบาพอที่บูมจะไม่ได้ยิน มันได้ยินแต่แค่มันไม่สนใจก็เท่านั้น.....



“แฮ่กๆ”

ผมยืนหอบอยู่ตรงหน้ารูปภาพของตัวเองที่ได้ตั้งโชว์อยู่กลางห้อง แต่กลับไม่มีคนที่ผมตั้งใจมาหาอยู่ตรงนี้ หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอ

“ไม่ได้มาช้า จนที่จะรอไม่ได้สักหน่อย ออกมาหาผมเถอะ ผมต้องการแสงสว่างจากพี่จริงๆ” ผมพูดเบาๆกับตัวเองทั้งๆที่ก็ยังไม่หายเหนื่อยจากการรีบวิ่งมาเมื่อสักครู่

“หันมาสิ” ผมหันไปตามเสียงของคนที่อยากเจอในตอนนี้

“นึกว่าจะไม่รอกันแล้ว”

“รอสิ รอนานกว่านี้ยังรอมาแล้วเลย”

“หมายความว่ายังไง?”

“ไม่บอกจนกว่าเจ้าของผลงานจะอธิบายความหมายภาพนี้ให้ฟัง” ผมเบะปากเบาๆ

“นั่นไง ข้อความอยู่ตรงนั้น” ชี้ไปที่กรอบข้อความข้างๆรูปภาพ

“ไม่เอา อยากฟัง ไม่อยากอ่าน”

                   Silver Lining แสงสว่างในความมืดมิด ประโยคนี้ทำให้ผมนึกถึงพระจันทร์ พระจันทร์ที่ผมเฝ้ามองมันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเต็มดวงหรือครึ่งเสี้ยวพระจันทร์ก็ยังเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผม แต่อยู่ดีๆวันหนึ่งผมก็ได้ค้นพบพระจันทร์อีกหนึ่งดวงที่สว่างสดใสตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบจนผมไม่สามารถละลายตาได้เลย

“ตะวันค้นพบพระจันทร์ดวงใหม่ในงานนี้เมื่อสองปีที่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไหมว่าตอนที่เขาเดินเข้ามาอยู่ข้างๆตอนนั้นทำให้ตะวันหยุดเถียงกับตัวเองว่าทำไมพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวถึงสมบูรณ์แบบ เพราะในหัวมีคำว่าทำไมแค่มุมข้างเขาถึงดูดีได้ขนาดนั้นเข้ามาแทน”

“นี่...”

“หรือนั่นเป็นคำตอบของความสมบูรณ์แบบของพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ตะวันได้เห็น”

“เรา...”

“รูปภาพนั้นทำให้ตะวันอยากมาเรียนที่นี่ แต่ประโยคนั้นทำให้ตะวันมาอยู่ตรงนี้”

“ขอให้ได้เรียนที่นี่นะ..” พี่มูนพูดประโยคนั้นออกมา ผมแทบจะควบคุมต่อมน้ำตาตัวเองไว้ไม่ได้ เขายังจำมันได้ เขาจำประโยคนั้นได้ ทำไมถึงจำได้...

ผมเห็นผู้ชายตัวสูง ผิวขาว หน้าตาดูดีและโดดเด่นมากผ่านกระจกบานหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณที่ผมยืนอยู่ เขากำลังมองมาที่ผมและก่อนที่เขาจะเดินจากไป เขาหันกลับมาพูดว่า ‘ขอให้ได้เรียนที่นี่นะ’ นั่นคือประโยคที่ผมรับรู้ได้จากการอ่านปากของเขาผ่านกระจก ไม่รู้ว่าใช่ผมหรือเปล่าที่เขาจะบอก แต่ในเมื่อผมเห็นประโยคนั้นมันก็คงจะส่งมาถึงผมนั่นแหละ

จากนั้นผมก็ไม่เห็นเขาอีกเลย จนกระทั่งวันนั้นที่คณะ ผมได้เจอกับเขาคนที่ทำให้ผมมาเรียนที่นี่จนได้

‘ในที่สุดก็ได้เจอสักที’

ก่อนหน้านี้ทานตะวันได้เหี่ยวเฉาอาจเป็นเพราะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์นานเกินไป ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่คอยแต่มองหาแสงจากดวงจันทร์ ตะวันรอคอยแสงจากพระจันทร์ดวงนี้มานานเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็มาอยู่ตรงหน้า

“ตะวันหลงรักแสงสว่างจากพระจันทร์ดวงนี้เหลือเกิน ช่วยส่องแสงมาที่ตะวันบ้างได้ไหม ช่วยส่องแสงมาที่ตะวันคนเดียวได้ไหม..”



                                                                         
                                                                      Moon Thanaphat


หลังจากที่ค่อยๆพรั่งพรูประโยคเล่านั้นออกมาตะวันก็ร้องไห้ออกมาแต่ใบหน้านั้นก็ยังคงมีรอยยิ้มส่งมาให้ผมเหมือนกับคำสารภาพที่ผสมปนเปดูคล้ายจะออดอ้อนคนฟัง ซึ่งคนฟังอย่างผมได้แต่ยืนตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

‘น้องเห็นเรา น้องจำเราได้’

ผมค่อยๆก้าวเท้าขยับเข้าไปอยู่ใกล้น้อง ตะวันหลบตาผมทันทีแล้วก้มหน้าลงมองปลายรองเท้าตัวเอง

“เงยหน้าได้ไหมครับ?”

“ไม่”

“ทำไมครับ?”

“ตะวัน อะ...อาย”

น่ารัก ภาพตรงหน้าผมน่ารักมากจริงๆ

“พี่ชอบตะวันนะครับ”

..

..

ตะวันเงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาน้องฉ่ำวาวไปด้วยน้ำใสๆที่เริ่มจะคลอเต็มดวงตาสวยคู่นั้น ก่อนที่..

“ฮืออออออ” นั่นแหละครับ ปล่อยโฮออกมาทันที

“ชอบมาตั้งแต่ตอนนั้นเมื่อสองปีที่แล้ว”

“ฮืออออ ทะ ทำ ไม”

“กว่าจะโคจรมาอยู่ตรงนี้ได้อีกครั้ง มันต้องใช้เวลาจริงๆ”

“แล้ว ทะ ที่ ผะ ผ่าน มา” พูดไปร้องไห้ไปแบบนั้นทำไมยังดูน่ารัก

“ก็จีบมาสักพักแล้วนะ ไม่รู้ตัวหรอ?” น้องส่ายหน้า

“ทำไมไม่บอกตะวัน”

“ชอบตะวันครับ”

“มะ ชะ ใช่ มะ หมายถึง...”

“ชอบตะวันครับ รักตะวันครับ เป็นแฟนกันไหมครับ?”

ผมไม่อยากรออีกแล้ว ผมไม่อยากอธิบายอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าตะวันอยากฟังค่อยไปฟังกันสองคนหลังจากที่ตะวันตอบตกลงกับผมแล้วเท่านั้น ไม่ใช่ตอนนี้ที่ทุกคนหันมาสนใจที่ผมสองคน โดยมีเพื่อนๆผมและเพื่อนเจ้าตัวน่ารักที่ยืนเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ๆ

“ฮืออออ” น้องเอาแต่ร้องไห้ออกมา จนผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปกอดปลอบน้อง ตัวสั่นเหมือนลูกนกผมได้แต่ค่อยๆลูบหัวน้องหวังว่าสัมผัสนี้จะทำให้น้องดีขึ้น

“ตอบตกลงไหมครับน้องตะวัน”

“นั่นสิ คิวเมียไอ้มูนมันเยอะนะน้อง” งานนี้ต้องตบรางวัลให้เพื่อนผมอย่างหนักแล้วแหละ

“อื้อ” น้องตอบเสียงอู้อี้ทั้งๆที่ยังมุดหน้าเข้าที่ไหล่ผม

“อะไรนะ?” ผมแกล้งถาม

“อื้ออ”

“ไม่หรอ?”

“อื้ออ เป็นแฟนกัน” น้องตอบเสียงเบาแต่ผมก็ได้ยินเต็มสองหู ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อนก่อนที่พวกมันจะถอนหายใจอย่างโล่งอก รวมถึงคนแถวนั้นที่ดูเหมือนจะลุ้นไปด้วยก็ค่อยๆยิ้มมาทางเราสองคน

“พี่มูน ตะวันไม่กล้าเงยหน้า ตะวันอาย”

“อายหรืออยากกอดพี่” ผมอดที่จะแกล้งน้องไม่ได้จริงๆ น้องรีบผละออกจากผมทันที ว๊า เสียดายจัง

“พอเลยพี่ แอบเนียนกอดเพื่อนผมชัดๆ” แมนมันเดินเข้าดึงเตะวันไปอยู่ข้างๆ เอ้า นั้นแฟนกูนะ

“กูลุ้นแทบตายกว่าจะได้เป็นแฟนกัน” บิ๊กเดินเข้ามาตบบ่าผม

“เดี๋ยวนะ คือพี่มูนกับตะวัน เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้หรอ?” มะนาวถามขึ้น

“อืม ที่นี่แหละ”

“โหยย พรหมลิขิตชัดๆเลย” ไม่ใช่แค่มะนาวที่ตกใจแต่ทุกคนก็ดูตกใจๆตามๆกัน

“รู้ไหมไอ้หล่อมันเจอตะวันวันนั้น แล้วมาเจออีกทีตอนพวกน้องเข้าปีหนึ่งเลยนะ จากนั้นมันก็ไปต่างประเทศ ก่อนจะไปยังไม่วายฝากพวกพี่ดูแลตะวันด้วยนะ”

“ไม่เห็นจะดูแลเลยพี่” แมนมันเถียงดิว

“เออ พวกกูดูแลอยู่ห่างๆนี่แหละ”

“หยุดๆ เวลานี้เราควรมายินดีกับพี่ตะวันไม่ใช่หรอ เนี่ยประกวดได้ที่หนึ่งเชียวนะ” น้องวี่ชี้ไปที่รูปภาพ



                                                                Tawan ausathawaranukul


เหมือนความฝันไปเลย ผมมองไปที่ผลงานของตัวเองก่อนจะมองสลับไปที่พี่มูนเหมือนจะมองผมมาสักพักแล้ว

“ยินดีด้วยนะครับคนเก่ง” พี่มูนพูดขึ้นก่อนจะเอามือวางไว้บนหัวผม ก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“เพราะพี่มูน ตะวันชนะได้เพราะพี่มูน” ผมตอบกลับไป

“แสงสว่างจากใครบางคน อื้ม ตั้งชื่อได้ดีแฮะ”

“โคตรไม่น่าเชื่อว่าพี่ตะวันเป็นคนถ่าย ฮ่าๆ แรงบันดาลใจคือไรอะ มันเกี่ยวกับชื่อภาพยังไงทั้งที่รูปคนก็เหมือนเป็นแค่เงา” วี่มันทำหน้าสงสัย

“พี่มองว่ารูปนี้มีพระจันทร์อยู่สองดวง ทำให้รู้สึกว่าพระจันทร์สว่างกว่าวันไหนๆ แต่ต่อให้พระจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าจะไม่ส่องแสงแต่พี่ก็ยังคงมีแสงสว่างจากใครบางคนอยู่ ใครบางคนที่จะไม่ทำให้ทะเลในหัวใจมืดมิดอีกต่อไป”

“ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาจริงๆ” พี่บิ๊กพูดขึ้นหลังจากที่ผมอธิบายเสร็จ

“ภาพนี้มันโคตรจะธรรมดาแต่ความรู้สึกที่ตะวันใส่เข้าไปมันน่าจะพิเศษพอที่จะทำให้คนที่เห็นภาพนี้เข้าใจนะ”

“แล้วนี่ผลงานของใครวะที่ได้ที่สองอะ เจ๋งดีนะ ดอกทานตะวัน พระอาทิตย์ พระจันทร์ แปลกดีวะดอกทานตะวันหันไปหาพระจันทร์” พี่อาฟชี้ไปที่ผลงานที่อยู่ข้างๆ

“เออแปลกดี แถมดอกทานตะวันหันหาแสงจากพระจันทร์ด้วยวะ ปกติมันต้องหันหาพระอาทิตย์ไม่ใช่หรอวะ?” พี่บิ๊กเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

“แต่ดอกทานตะวันดอกนี้อยากได้แสงจากพระจันทร์มากกว่าแสงจากพระอาทิตย์ไงพี่”

“มึงรู้ได้ไง มึงเจ้าของรูปนี้หรอ?”

“เจ้าของผลงาน ทิวากร เฮ้ย ชื่อบูมนี่” แตงโมอ่านชื่อที่ติดอยู่

“ปีนี้แพ้ตะวันจนได้” บูมมันยิ้มมาให้ผม แต่แววตามันกลับไม่ยิ้มตามเลย

“มึงทำไมถึงทำภาพนี้” ผมถามมัน

ผลงานของบูมมันเหมือนมีรูปภาพอยู่สามรูป นั่นคือ ดอกทานตะวัน พระอาทิตย์ พระจันทร์ เอามาประกอบใส่กันให้กลายเป็นรูปเดียว คือต้องบอกก่อนว่าทางคณะเขาไม่ได้ห้ามตัดต่อนะ ไม่มีกฎอะไรนอกจากห้ามเอาผลงานของคนอื่นมาก็เท่านั้นเอง ดูแล้วรูปของมันมีอะไรมากกว่ารูปของผมซะอีก แต่ผมจะไม่สงสัยอะไรเลยถ้ามันไม่บอกว่า ดอกทานตะวันดอกนี้อยากได้แสงจากพระจันทร์มากกว่า ....

“มันอธิบายความรู้สึกของกูได้ดีที่สุด ต่อให้ดอกทานตะวันดอกนี้จะไม่หันมารับแสงจากพระอาทิตย์แต่พระอาทิตย์ก็ยังจะให้แสงกับดอกทานตะวันอยู่ดี”

.....
....

“เอ่อ.. มึงควรชนะ แฮะๆ” ผมพูดกับบูม

“ลึกซึ้งสมกับเป็นน้องกู” พี่บิ๊กเดินเข้ามาตบบ่าบูม

“นี่พวกมึงเหมาสามอันดับรวดเลยหรอวะ” พี่อาฟเสียงดังจนพวกเราก็ต้องไปตามเสียง

“ธาวิน พัฒน์ธนโกศล”

“ไหนๆ ของแมนหรอ รูปพระอาทิตย์ตกดิน?”

“อย่างสวยเลยแมน” มะนาวหันไปยกนิ้วให้ ดูเธอจะชื่นชอบภาพนี้มากๆ

“มันสวย แต่ก็น่าเศร้าเนอะ เวลาที่ได้มองพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า” แมนมันบอก

“แต่พระอาทิตย์ก็ขึ้นมาใหม่ทุกวันนะ” บูมที่เอ่ยขึ้นมา

“อืม ก็เลยเฝ้ามองมันตอนลับขอบฟ้า แล้วอยู่รอในตอนที่มันขึ้นมาในวันใหม่ไง”

ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า กับคำพูดของไอ้สองคนนี้ ทำไมมันดูวนเวียนๆอยู่ใกล้ตัวยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรกัน แต่ดูยังไงสองคนนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะผมเพิ่งสังเกตได้ว่าสายตาที่สองคนนี้มองกันมันไม่เหมือนเดิม...

“พวกมึงนี่อ่านหนังสือกันมากเกินไปไหมวะ ไอ้สัสจะลึกซึ้ง จะโรแมนติกไรกันครับ”

“อุตส่าห์พูดเอาหล่อซะหน่อย พี่อาฟแม่งทำเสียอารมณ์หมด” แมนมันส่ายหัว

“ไปกินข้าวกันไหม ในฐานะที่เป็นแฟนกันแล้ว” อยู่ๆก็มีคนมากระซิบที่ข้างหูผม

“อื้อๆ” ผมหันไปพยักหน้าแล้วยิ้มให้คนตัวสูง

“กระซิบไรไอ้หล่อ”

“แล้วไปยุ่งเรื่องไรของเขาเนี่ยพี่บิ๊ก” เป็นวี่ที่ขัดพี่บิ๊ก

“ก็มันกระซิบกระซาบกันดูมีพิรุธ” ไม่พูดเฉยๆนะยังเนียนๆกอดไหล่ยัยน้องวี่ แต่รายนั้นมองดุๆพี่บิ๊กเลยต้องเอามือลงทันที

“ฮ่าๆ”

“เกียมัว”

“เก็บปากไว้แดกข้าวไอ้ดิว”


Fb.
เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)


ข่าวด่วน ข่าวร้อน ข่าวสดจ้า เมื่อหนุ่มสุดหล่ออย่างพี่มูน ของเราไม่โสดแล้วจ้าทุกคน แล้วผู้โชคดีคนนั้นก็คือหนุ่มน่ารักจากคณะนิเทศ น้องตะวัน ที่หลายๆคนอาจจะพอได้เห็นผ่านตากันบ้างแล้ว งานนี้อกหักกันหมดนะคะ รีทงรีเทิร์นอะไรไม่มี งานนี้มีแต่เปิดตัวแฟนใหม่กลางงานนิทรรศภาพถ่ายของคณะนิเทศฯนะคะ หวานแค่ไหนตามรูปเลยค่ะ กอดกันกลม #มูนตะวัน หาคนดามใจแปปนะคะ TT


ลิลลี่ที่สวยๆ : กรี๊ดดดดด ผัวววว แรงมาก ล่าสุดพี่มูนเปิดตัวในเฟซแล้วค่ะ เอาสิเอาสิ น้ำท่วมประเทศไม่ต้องสงสัยนะคะ น้ำตาลิลลี่เอง TT

TomTam : คนชื่อตะวันน่ารัก ขอสมัครเป็นแฟนคลับ

บ้านคนหล่อ : ผู้ชายบ้านเราไปแล้วหนึ่งค่ะ แล้วเหมือนอีกหนึ่งกำลังจะตามมา

Fc’P’moon : ใครค๊า @บ้านคนหล่อ จะได้เตรียมใจ

บ้านคนหล่อ : ใบ้ (หุ่นหมี)

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : นี่จะเสียสมบัติมหาลัยอีกคนแล้วหรอคะ ม๊ายยยย

ต๊องแต๊งที่หล่อๆ : #บิ๊กวี่ หรือจะ #วี่บิ๊ก ก็ได้ครับ

ลิลลี่ที่สวยๆ : #วี่บิ๊ก ต้องใจเย็นๆนะ รับไม่ได้

BigBro : ไอ้สัสตัดสาย @ต๊องแต๊งที่หล่อหล่อ

Moon Thanaphat : @TomTam ได้แค่แฟนคลับนะครับ เพราะแฟนครับอยู่นี่

ลิลลี่ที่สวยๆ : สุดหล่อออกตัวแรงมากกกกก

After you : #มูนตะวัน

BigBro : #บิ๊กวี่

Lemon now : #มูนตะวัน

Man Thawin : #มูนตะวัน

Veevy very cool : #วี่บิ๊ก

After you : น้องวี่อย่างเอาเรื่อง 5555555555555


หลังจากกลับมาจากการฉลองเรื่องการประกวดผมก็กลับมาถึงห้อง ตอนนี้เลยนอนเล่นมือถือเช็คข่าวสารทั่วไปก่อนที่จะตกใจเมื่อมีแจ้งเตือนเข้ามามากมาย เปิดเข้าไปถึงได้รู้ว่าเรื่องที่ผมคบกับพี่มูนตอนนี้ได้ดังไปทั่วแล้ว ก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะ แต่ที่ไม่ได้เตรียมใจเลยคือพี่มูนต่างหาก !

รายนั้นเขาเล่นถ่ายรูปกับผมตอนทีเผลอแล้วโพสต์ลงพร้อมแคปชั่น ‘เปิดตัวแฟนครับ’ ไม่พอยังแท็กผมอีก ตะวันจะบ้าตาย แฟนคลับพี่มูนไม่ใช่น้อยๆตอนนี้แจ้งเตือนเป็นพันๆ ที่เข้ามาคอมเม้นต์ทั้งในโพสต์ของพี่มูนและโพสต์ของเพจคิ้วท์บอย

“ฮัลโหลครับ” อยู่ๆแฟนครับก็โทรมา ผมเลยรีบรับทันที

‘อาบน้ำยัง?’

“ยังเลย ตะวันนอนเล่นอยู่ พี่มูนถึงห้องยัง?”

‘ถึงแล้ว ตึกเราอยู่ข้างๆกันเองนะ ไปส่งตะวันเสร็จพี่ก็กลับมาห้องเลย’

“อ่อ”

‘ทำไรอยู่ครับ เปิดกล้องหน่อยสิ’

ผมรีบจัดทรงผมให้เข้าที่ทันที ก่อนจะกดเปิดกล้อง อ่า... พี่มูนดูดีทุกเวลาจริงๆ

“คิดถึงตะวันจัง” ตาย ตะวันตาย อยากหงายหลัง

“อะ เอ่อ..” เกร็งแก้มไว้ตะวัน อึบ อึบ ห้ามยิ้มเด็ดขาด

“ฮ่าๆ แก้มกระตุกแล้ว จะยิ้มก็ยิ้มเถอะน่า”

“อะไรกัน ตะวันไม่ได้เขินนะ ไม่ได้อยากยิ้มด้วย”

“ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าเราเขิน”

“เอ่อ....”

“ฮ่าๆ คิดถึงพี่ไหม?”

“คิดถึงอะไรกัน เราเพิ่งแยกกันเองนะ” คิดถึงสิครับ...

“สักนิดก็ยังดีนะ” ผมมองไปที่หน้าจอมือถือ เจอคนทำหน้าทะเล้น

“อย่าทำหน้าแบบนั้นนะ !”

“ทำไม ทำไม่ได้หรอ” ยิ้มกวนๆแบบนั้น รอยยิ้มหวานๆแบบนั้น

“งือ ตะวันเป็นภูมิแพ้”

“เอ๊ะ แพ้อะไร กินยายัง? ไปหาหมอไหม?” คนที่อยู่หน้าจอดูตกใจและร้อนรนขึ้นมาทันที

“ตะวันเป็นภูมิแพ้ แพ้พี่มูน...” หน้ามุ่ยตอบกลับไป

“ห๊ะ !” เขาทำหน้ายุ่งๆใส่

“พูดจริงๆนะ อย่าทำให้หัวใจตะวันทำงานหนักสิ แค่นี้ก็จะแย่แล้ว ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดออกมาตอนไหน”

“หึหึ เด็กน้อย เป็นแฟนกันแล้ว งั้นก็ต้องอยู่ด้วยกันบ่อยๆไหม เจอกันบ่อยๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ตะวันจะได้ชินไง”

“ทำแบบนี้แล้วจะไม่มีอาการแพ้พี่มูนใช่ไหม?”

“แพ้อยู่ดี แต่ทำแบบนี้เราจะได้ชินกับความหล่อพี่ไง”

“!” ผมได้แต่อ้าปากค้าง นี่พี่มูนเป็นคนมั่นใจในตัวเองจริงๆสินะ ก่อนที่ผมจะได้รู้อีกว่าพี่มูนเป็นคนพูดมากอยู่พอสมควร พูดจนหลับ



ก๊อก ก๊อก
ก๊อก

อื้ออ ใครมาเคาะห้องแต่เช้าเนี่ย ผมพลิกตัวไปมาก่อนจะนอนนิ่งเพื่อฟังเสียงอีกครั้งเผื่อหูจะฝาด

ก๊อก ก๊อก

เฮ้อ... ต้องลุกใช่ไหม แต่ก็ต้องลุกจากเตียงทั้งที่สติยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ เดินโซซัดโซเซไปเปิดประตูทั้งๆที่สภาพ... ก็นั่นแหละ คนมันเพิ่งตื่น

“นี่จะยืนหลับอยู่แบบนี้ใช่ไหม?”

“เอ่อ...” คนตรงหน้าทำให้ผมตื่นเต็มตา

“ยังง่วงใช่ไหม? ปะงั้นไปนอนต่อกัน”

ก่อนที่เขาจะหมุนให้ผมกลับตัวเข้าห้องแล้วดันให้ผมเข้ามาห้อง จังหวะนั้นเอ่อ ยังมึนงงทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว ผมก็ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร จนตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงนอนเหมือนก่อนหน้านี้แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมีอีกคนมานอนอยู่ข้างๆ

“พี่มูน !”

“ครับ?” ใบหน้าหล่อๆนั่นตอบกลับมาเหมือนไม่มีอะไร ผมพยายามจะลุกขึ้นเพื่อนั่ง แต่ก็โดนอีกคนดึงให้นอนลงเหมือนเดิม ผมเลยพยายามตั้งสติ

“พี่มูนมาได้ไง”

“เดินมา”

“หมายถึงมาทำไม”

“มาหาไม่ได้หรอ?” แล้วทำไมต้องยื่นหน้าอ้อนๆแบบนั้นเข้ามาใกล้ด้วย

“อะ เอ่อ มาได้ แต่หมายถึงแบบมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“เดี๋ยวนะ คนเป็นแฟนกันต้องมีธุระหรอถึงจะมาหาได้” ทำคิ้วขมวด

“ไม่ใช่ๆ คือเห็นมาแต่เช้าไง”

“เกือบเที่ยงแล้ว”

“แต่ก็น่าจะโทรมาก่อนไง แล้วดูสภาพตะวันตอนนี้ เฮ้อ” ได้แต่ถอนหายใจ ดีนะวันนี้เสื้อกับกางเกงที่ใส่ไม่ได้เก่าย้วนจนน่าเกลียดเท่าไหร่

“น่ารักดีออก วันนี้วิวดีจริงๆเลย” เห็นสายตาที่พี่มูนมองมาแปลกๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสายตาแบบนี้จากพี่เขาที่กำลังไล่สำรวจร่างกายของผมแล้วก็หยุดจ้องอยู่ที่ไหล่ผม เลยก้มสำรวจตัวเองบ้าง

“พี่มูนมองอะไร?!” ผมดีดตัวขึ้นนั่งทันที เพราะคนตัวสูงกำลังมองมาที่ไหล่ผมที่ได้เปิดเผยแก่สายตาคนตรงหน้าด้วยความที่เสื้อตัวนี้คอกว้างนิดหน่อยเมื่อรู้ตัวก็รีบดึงคอเสื้อขึ้นทันที

“เปล๊า ไม่นอนต่อหรอ” พี่มูนลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิหันหนาเข้าหาผม

"ไม่ต้องเลย”

“อดมองวิวดีๆเลย แต่ตอนนี้ก็น่ารักดีนะ” ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานๆมาให้

“ปะ เป็นคนแบบนี้หรอเนี่ย?”

“แบบไหน?” ก็ยังไม่ยอมขยับออกไป

“เดี๋ยวนะ ! เมื่อกี้พี่มูนบอกว่ากี่โมงแล้วนะ”

“จะเที่ยงแล้วครับ ได้ข่าวมีเรียนบ่าย”

"โอ๊ยย จะทันไหมเนี่ย”

เมื่อคิดได้ก็วิ่งหน้าตั้งเข้าห้องน้ำทันที ผมไม่ใช่คนอาบน้ำนานหรือแต่งตัวนาน แต่เป็นคนชอบเผื่อเวลาไว้หน่อยก็ดีนะ วันนี้ต้องกินข้าวก่อนด้วยไม่งั้นเรียนไม่รู้เรื่องแน่ๆเพราะตารางเรียนแน่นยาวไปถึงหกโมงเย็นเลยเพราะต้องเรียนชดเชยด้วย

“ซวยแล้วไง ลืมผ้าเช็ดตัว” ทำไงดีวะ คิดๆ ตะวัน คิด ใส่ชุดเดิมออกไปก่อนงั้นหรอ งือออ สภาพ แต่ถ้าไม่ทำงั้นก็ออกไปไม่ได้สิ
 
“หรือจะให้พี่มูนเอาให้ดี”

“ไม่ดีๆ ไม่ๆ”

“แต่จะคิดมากทำไม ผู้ชายเหมือนกัน”

“แต่ไม่ดีกว่า โอ๊ยยย”

“ตะวัน เป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมเผลอร้องออกมา คนที่อยู่ข้างนอกคงจะตกใจจึงร้องถาม

“ปะ เปล่า อะ เอ่อ พี่มูน ตะวันลืมผ้าเช็ดตัว”

“อ่อ เดี๋ยวพี่เอาให้” ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องน้ำ ผมเลยแง้มประตูพอให้อีกคนยื่นผ้าเช็ดตัวเข้ามาได้ หวังว่าพี่มูนจะไม่ใช่คนขี้แกล้งที่จะผลักประตูเข้ามาทันทีหรอกนะ

“พี่สั่งข้าวไว้เดี๋ยวพี่ลงไปเอาก่อนนะ” สักพักผมก็ได้ยินเสียงอีกคนออกจากห้อง ผมเลยรีบออกจากห้องน้ำมาแต่งตัวให้เสร็จก่อนที่อีกคนจะกลับมา ไม่นานคนที่ลงไปเอาข้าวก็กลับมา

“ไปเอาข้าวเป็น 10 นาทีเลยนะครับ” ผมถามออกไป ใช่ผมดูเวลาแล้วเกือบ 10 นาทีที่ลงไปเอาข้าว ซึ่งผมแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ 5 นาทีแรก

“จริงๆไปเอาแปปเดียวแต่พี่ยืนรออยู่หน้าห้องน่ะ”

“อ้าว ทำไมไม่เข้ามา”

“ก็ตะวันจะได้แต่งตัวสะดวกไง”

.....

ผมนิ่งไปทันทีหลังจากที่พี่มูนพูดจบ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่เขาจะทำแบบนี้ คือจริงๆผมไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ปกติเพื่อนๆผมมันก็เคยมานอนรอผมอาบน้ำอยู่เหมือนกันบางทีผมก็ออกมาแต่งตัวด้านนอกทั้งๆที่พวกมันก็นอนอยู่นั่นแหละ
อ่า... เขาเว้นช่องว่างให้เราด้วยสินะ

“ไหนดูสิ พี่มูนสั่งอะไรมากิน กลิ่นหอมมากเลยอะ” ผมจึงหันไปสนใจถุงที่พี่มูนถือกลับมาที่มีข้าวอยู่ 2 กล่อง เป็นอาหารตามสั่งง่ายๆที่พอจะทำให้เราอิ่มท้องก่อนออกไปเรียน ดูเหมือนคนหล่อก็คงจะมีเรียนเหมือนกันเพราะอยู่ในชุดนักศึกษา อ่า... ชุดนักศึกษาคล้ายๆกันทำไมแต่งออกมาแล้วต่างกันขนาดนี้...



“ตะวัน ทำยังไงบูมมันถึงจะชอบกู?” ผมที่กำลังดื่มน้ำอยู่แทบจะสำลักน้ำออกมา

“ห๊ะ?”

“ทำไงบูมมันถึงจะชอบกู?”

“แมน นี่มึง.......” ผมมองมันอย่างอึ้งๆ














CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 12 เรื่องของเขา


หลังจากที่ผมได้ยินชัดเต็มสองหู บอกเลยว่าแทบจะบ้าตาย

“เออ กูชอบมัน”

“ไอ้ชิบหายๆๆ แล้วมันรู้ไหมว่ามึงรู้สึกยังไง?”

“รู้”

ผมพูดอะไรไม่ออก มิน่าล่ะพักหลังมาสองคนนี้มันแปลกๆ ปกติมันจะหยอกกันเล่นอยู่บ่อยๆแต่ช่วงหลังนั่งห่างกันเป็นวา พอชวนไปกินข้าวบูมมันจะปฏิเสธทุกทีบอกว่ามีธุระกับที่บ้าน

“กูไม่รู้จะพูดอะไรเลย”

“กูแค่บอกให้มึงรู้เฉยๆ มันเพิ่งอกหัก”

“ห๊ะ บูมมันมีแฟนตอนไหน?”

“แอบชอบเขา แต่เขาดันไปมีแฟนแล้ว”

“อะไรวะ กูตกข่าวได้ไง”

“มึงว่ากูควรจีบมันไหมตะวัน?” มันมองตาผม

“เอ่อ.. พอมันรู้ว่ามึงชอบ แล้วมันว่ายังไงวะ?”

“มันบอกว่าคิดกับกูแค่เพื่อน แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น”

“มึงควรให้เวลามันหน่อยไหม มึงบอกว่ามันเพิ่งอกหักไม่ใช่หรอ?”

“กูไม่รู้ว่าต้องให้เวลามันนานแค่ไหนกว่ามันจะลืมเขาได้”

“กูช็อก บอกตรงๆกูดูไม่ออกว่ามึงชอบมัน”

“มึงดูอะไรออกบ้างวะ ไอ้เอ๋อ”

“สัสแมน ด่ากู .. ก็เราเพื่อนกันไหมอะ ไม่คิดว่ามึงจะชอบมัน ปกติเห็นชอบชวนกันไปส่องสาวที่ไหนได้... กูขอโทษที่ชงมะนาวกับบูม”

“ขอโทษทำไม”

“มันอาจทำร้ายจิตใจมึงไง”

“คิดมาก”

“หวัดดี แมน ตะวัน” มะนาวเดินยิ้มหวานเข้ามา

“หวัดดีมะนาว แตงโมล่ะ?” ผมถามเมื่อเห็นเธอเดินมาคนเดียว

“ยัยนั่นไปซื้อน้ำกับบูม เอ้อ รู้สึกว่าช่วงนี้บูมมันซึมแปลกๆปะ?” ผมหันมองหน้าแมนทันที

“ก็ไม่นี่ ทำไมหรอ?”

“มันดูใจลอยแปลกๆ ที่สำคัญเลยไม่ปากหมาเหมือนเดิม นี่ไม่เถียงอะไรเลย มันน่าแปลกสุด”

“มันอาจจะคิดมาเรื่องเรียนมั้ง”

“คนอย่างมันนี่นะ”

บูมกับมะนาวเดินเข้ามาพอดี มันนั่งลงถัดจากแตงโมที่นั่งข้างมะนาว มันไม่ยอมมานั่งข้างผม ปกติมันจะมาวอแวนั่งข้างผมไม่ก็แมน แต่นี่....

ปากที่จะเอ่ยถามก็หุบลงทันทีเมื่ออาจารย์เดินเข้าแล้วเริ่มสอนทันที ไม่พูดไม่กล่าวไรเลยนะครับอาจารย์ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาทักหามันแทนไม่ถึงนาทีมันหันมาทางผม แล้วยักคิ้วขึ้นเชิงถามว่ามีอะไร


Boom.
ไรของมึง?

                                                                                  มึงเป็นอะไร มึงแปลกไป

ไม่มีอะไร
                                                                                  โกหก

กูไม่ได้โกหก

                                                                                มึงบอกกูได้นะ กูเพื่อนมึงนะ

                        (ผมสังเกตเห็นหน้ามันคิดหนัก ก่อนที่มันจะพิมพ์ตอบกลับมา)

ช่วงนี้กูขี้ไม่ออก เคนะ ตั้งใจเรียน


ไอ้สัส ก่อนที่มันจะวางมือถือลงตั้งใจเรียนแล้วไม่ได้หันมามองผมเลยสักนิด ! เมินกูอีกนะ


Moon.
สติ๊กเกอร์หมีทักทายส่งเข้ามา

                                                                           พี่มูนค้าบบบบ

ว่าไงเรา นี่ไม่ได้เรียนอยู่หรอ?
                        
                                                                                                                 เรียน แต่ตะวันมีเรื่องคิดมาก

คิดมากเรื่อง?
                        
                                                                                                                ไอ้บูมมันแปลกไป

ทำไมว่างั้น?
                        
                                                                                                                มันเมินตะวัน มันไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
เพื่อนคงมีเหตุผล
                        
                                                                                                                เฮ้ออย่างน้อยมันควรบอกอะไรหน่อยสิ

*ส่งรูป

โอ๊ววววววววว ดาเมจรุนแรงมากครับ เห็นรูปที่พี่มูนที่เซลฟี่ตัวเองแบบใช้มือถือซ่อนไว้ใต้โต๊ะแล้วกดถ่าย ฮ่าๆ ก่อนจะบอกให้ผมตั้งใจเรียน อ่า... มันได้ผลครับ ดูรูปหล่อๆแล้วมีกำลังใจทันที ก่อนจะกลับไปสนใจเนื้อหาที่อาจารย์กำลังสอน โดยที่ไอ้คนข้างๆผมนี่ก็คอยแอบมองบูมอยู่บ่อยๆ

“โอ๊ยยยยย เรียนเสร็จสักที” มะนาวร้องออกมาเมื่ออาจารย์เดินออกไปแล้ว

“ประสาทจะกินแล้ว บ่ายโมงถึงหกโมงเย็น ฉันฟ้องใครได้บ้าง” แตงโมพูดในขณะที่ฟุบลงไปกับโต๊ะ

“กลับกันเลยไหม คือไม่มีแรงแล้ว”

“อืม ดีเหมือนกัน” บูมมันตอบ


“แหม มารับกันถึงคณะเลยนะ” มะนาวสะกิดผมเมื่อเห็นพี่มูนยืนรออยู่หน้าคณะ

“หวานกันจริง งั้นเรากลับกันดีกว่ามะนาว”

“กลับก่อนนะคะพี่มูนสุดหล่อ บ๊ายบายค่ะ” สองคนนั้นไม่วายหันไปโบกมือให้คนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่

“เหนื่อยไหม?” พี่มูนถาม

“มากเลย” ก่อนที่คนตัวสูงจะกางแขนออก ผมเลยหันซ้ายหันขวา มีแค่แมนกับบูม ผมเลยเดินเข้าไปกอดแฟนตัวเองทันที คนเรามันก็ต้องพัฒนากันบ้างแหละ เขาลูบหัวผมเบาๆ

“หิวไหม?”

“ไม่แล้ว ตอนเรียนก็กินตลอดเลย ฮ่าๆ”

“มาเรียนหรือมากิน” พี่มูนโยกตัวผมเบาๆทั้งๆที่ยังกอดกันอยู่

“ให้พลังสมองไง ฮ่าๆ”

“อะแฮ่ม” หันไปตามเสียงถึงเห็นว่าแมนมันกำลังยืนกอดอกมองผม

“งั้นกูกลับก่อนนะ หวัดดีพี่” บูมมันไหว้พี่มูนแล้วเดินออกไปมันดูซึมมากกว่าทุกครั้ง ก็วันนี้เรียนหนักจริง

“บูม รอด้วยเดี๋ยวไปส่ง” แมนเรียกบูมไว้

“ไม่ต้อง กูกลับเอง” มันตอบเสียงแข็ง ก่อนจะเดินฉับๆออกไป

“ตะวันกูไปก่อนนะ พี่มูนไปส่งมันดีๆล่ะ หวัดดีพี่” ก่อนที่แมนจะรีบวิ่งตามไอ้คนปากหมาออกไป

ผมได้แต่มองตามหลังพวกมันออกไป เป็นห่วงสิครับ ไอ้บูมอะนะเวลามันโมโหคือน่ากลัวมาก ส่วนไอ้แมนมันนิ่งเหมือนใจเย็นแต่จริงๆแค่พยายามใจเย็นต่างหาก อยากให้มันคุยกันดีๆ

“อะไรกัน คิ้วขมวดขนาดนั้น” ผมต้องหันมาพี่มูนทันทีเมื่ออีกคนทัก

“คือ..พวกมันสองคน”

“อะ ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของเขาหรอก ป่ะเรากลับได้แล้ว”

“แต่ตะวันห่วงพวกมันนี่”

“เรื่องของเขา เขาจัดการกันเองได้แหละ ปะ กลับได้แล้ว ไม่กลับพี่ปล่อยให้นอนเฝ้ามหาลัยนะ”

“พี่มูนจะใจร้ายกับตะวันขนาดนั้นเลยหรออ” ผมถามอีกคนด้วยเสียงอ้อนๆ

“ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นเลย กลับได้แล้ว” แหนะ เห็นนะว่าแอบยิ้ม คึคึ


“ตะวัน คืนนี้ขอนอนด้วยหน่อยสิ”

“ห๊ะ ว่าไงนะพี่มูน” ผมหันไปถามทันทีเมื่อได้ยิน หูฝาดเปล่าวะเรา

“เอ่อ ขอนอนด้วยหน่อยสิ แอร์ห้องพี่เสียอะ ช่างมาซ่อมพรุ่งนี้เลย”

“อะ เอ่อ” ผมพูดไม่ออก เราเพิ่งคบกันได้สามวันเองนะ !

“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรหาเพื่อนก็ได้”

ตอนนี้ในหัวผมตีกันไปหมดแล้ว  แต่.... ตะวันจะคิดอะไรมากวะ แค่แฟนมาขอนอนด้วย นอนที่นอนเฉยๆไง จะคิดให้มันอะไรมากมายวะ แต่... ถ้าไม่นอนเฉยๆล่ะ

!

!

เอาไงดีวะ แต่พี่มูนคงไม่ทำอะไรหรอก

“ฮัลโหลบิ๊ก มึงอยู่ห้องไหม?” เสียงพี่มูนพูดโทรศัพท์

“เอ่อ พี่มูนนอนห้องตะวันก็ได้” ผมตัดสินใจพูดออกไป

“ไม่มีไรแล้ว งั้นแค่นี้นะ” คนหล่อปฏิเสธคนในสายทันที ก่อนจะหันกลับมาจ้องผม

“ทำไม คือไม่สบายใจพี่ไปนอนที่อื่นได้นะ ไม่ต้องคิดมาก” ก่อนจะยกมือลูบหัวผม

“มะ ไม่ใช่ คือตะวัน ห้องตะวันรก”

“เมื่อเช้าก็ไม่เห็นรกนี้”

“ก็นั่นไง... ปกติมันรก ฮ่าๆ พี่มูนจะไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องก่อนไหม หรือจะใส่ของตะวัน”

“ในรถพี่มีเสื้อผ้าอยู่”

โอเค ไม่อยากจะคิดเลยว่าเหมือนจะเตรียมพร้อมมาแล้ว

“พี่มูน ไม่เอา..”

“เอาเถอะนะ นะ”

“ตะวันเขิน”

“นะๆ ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”

“งืออ”

“ไม่อยากแสดงความเป็นเจ้าของพี่หน่อยหรอ?”

“แต่ก็ไม่เห็นจะต้องถ่ายรูปหอมแก้มกันลงเลยนี่นา”

“แต่พี่อยากลงนี่!” ..... เมื่อกี้พี่มูนทำหน้ามุ่ย แล้วกอดอก โอ๊ยยยยยย ตะวันไม่ไหวแล้ว หัวใจตะวันไม่ไหวแล้ว จะทนความน่ารักแบบเมื่อกี้ได้ไง เป็นครั้งแรกที่เห็นพี่มูนแบ๊วขนาดนี้

“ฮ่าๆๆ เมื่อกี้พี่มูนโคตรน่ารักเลย” ล้อคนตัวโตที่หันข้างให้ผม

“ไม่ต้องเลย ไม่ยอมถ่ายก็ไม่ถ่าย นอนก็ได้” ว่าแล้วคนตัวโตที่ดูจะงอนๆ ก็นอนหันหลังให้ผมทันที อะไรกันไม่น่าเชื่อว่าพี่มูนจะ... แสดงอาการแบบนี้ ฮ่าๆๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

แต่ตอนนี้.. ต้องง้องั้นหรอ

ก็เมื่อสักครู่น่ะสิ คนตัวโตเนี่ยเขาอยากจะถ่ายรูปกับผม แต่ต้องเป็นรูปที่ผมหอมแก้มเขาเท่านั้นนะ โดยให้เหตุผลว่าอยากโดยแสดงความเป็นเจ้าของแล้วอยากให้คนรับรู้ด้วย แฟนคลับจะได้น้อยลง

โอ๊ย ! มันใช่เรื่องไหมนี่

แค่นี้แฟนคลับพี่มูนก็จะดักเช้าดักเย็นแล้ว ถ้าเอารูปแบบนั้นลงมีหวังชะตาไอ้ตะวันคนนี้ถึงฆาตแน่ๆ บรึ๋ยยย ไม่อยากจะคิด
แต่อีกคนถ้าทางจะงอนจริงๆนะเนี่ย นอนกระฟัดกระเฟียดเนี่ย คือตะวันต้องยอมใช่ไหม

“พี่มูนนนน ไหนๆหันหน้ามาหน่อยสิ”

“ไม่” งอนจริงจังแหละ

“หันหน้าหล่อๆมาหน่อย อยากเห็น”

“ไม่”

“ไม่หันมาจะตะวันจะหอมแก้มได้ไง” นั่นแหละครับเมื่อจบประโยค อีกคนก็หันมาทันทีทั้งที่ยังนอนอยู่

จุ้บ

แชะ !

ผมที่ตั้งกล้องรออยู่แล้ว เมื่ออีกคนหันมาก็นั่นแหละ หอมแก้มคนหล่อโชว์กล้องซะหน่อย ส่วนคนที่โดนหอมก็ตาโตเป็นไข่เป็ด

“อะ เอาไปเลย ตะวันจะนอนแล่ว” ผมรีบเอามือถือให้ก่อนจะนอนลงแล้วเอาผ้าห่มคลุมทั้งตัว ไม่รับรู้อะไรแล้วโว๊ยยยยย ทำไรทำเลย

นี่เราไม่ใช่คนโดนหอมซะหน่อย ทำไมต้องเขินด้วยวะ ส่วนอีกคนไม่เห็นจะเขินเลย มีแต่เสียงขำออกมา หมั่นไส้ ! หล่อแม้กระทั่งเสียงหัวเราะ



“หวานกันไม่เกรงใจแฟนคลับพี่มูนอย่างฉันเลยนะคะ” ผมยังไม่ทันที่จะได้นั่งดีๆ เสียงมะนาวก็ลอยมา

“นั่นน่ะสิ คบกันไม่เท่าไหร่ ไม่หวงเนื้อหวงตัวเลยนะคะ พาผู้ชายไปนอนห้องแถมยังหอมแก้มเขาโชว์อี๊ก” แตงโมก็อีกคน

“แอร์ห้องพี่มูนเสีย” ผมเลยได้แต่พูดเสียงอ่อยๆ

“หึหึ มาให้ตีเลยนะไอ้ก้อนซาลาเปา เป็นสาวเป็นนาง วันหลังก็ให้เขาแก้มเราสิ”

“เป็นสาวเป็นนางอะไรกันมะนาว”

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ก็เริ่มใช่ ไอ้ท่าทางเขินเล็กเขินน้อยแบบนี้” ไม่วายบีบแก้มผมอีก

“ว่าแต่เมื่อคืน...” แตงโมที่เข้ามากระซิบใกล้ๆ

“เมื่อคืนอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยโม”

“จริงอะ แล้วเมื่อเช้าล่ะ”

“โอ๊ย ไม่มีไร ยังไม่มีอะไร” ผมรีบปฏิเสธทันทีเมื่อแตงโมเริ่มซักไซ้

“แสดงว่ามีโอกาสที่จะมีอะไร ฮ่าๆ” แตงโมขำเหมือนเสียงตัวร้ายในละครหลังข่าวเลย

“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เอ้อ แล้วสองคนนั้นอะ ใกล้จะเริ่มเรียนแล้วนะทำไมยังไม่มาอีก” ผมถามหาแมนกับบูม

“บูมไม่สบาย เป็นไข้เลยลา”มะนาวตอบในขณะที่เปิดชีทเรียนรออาจารย์

“แล้วไอ้แมน”

“อ่อ เห็นว่าจะอยู่เฝ้าบูมอะ จริงๆแมนเป็นคนโทรมาบอกเมื่อกี้นี้เอง”

“ตอนโมได้ยินนะโคตรจะไม่เชื่อ ร้อยวันพันปีคนอย่างบูมจะป่วย”

“นั่นดิ เมื่อวานมันยังดีๆอยู่เลยนะ” มะนาวพูดขึ้น ผมเลยได้แต่พยักหน้ารับรู้

อยู่ดีๆไอ้บูมก็ป่วย แถมคนที่โทรมาบอกมะนาวคือไอ้แมน แล้วมันรู้ได้ไงว่าบูมไม่สบาย ถ้ามันไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน ...... !

หรือว่า...

!

สัส ทะเลาะแล้วต่อยกันแน่ๆ


“ฮัลโหลแมน” ผมแอบออกมาโทรหามัน

‘มึงไม่เรียนหรือไง?’ มันถามกลับมา

“มึงทะเลาะกับบูมใช่ไหม? แล้วมึงต่อยกันจนมันเจ็บหนักแล้วมันมาเรียนไม่ได้ใช่ไหม? มึงบอกกูมาเลยนะไอ้แมน มึงทำอะไรมัน!”

“ไอ้สัส โทรมาก็พูดรัวๆ ไม่คิดจะปล่อยให้กูพูดอะไรเลยนะ” มันพูดเสียงดังจนผมต้องเอามือถือออกห่าง

“เออ พูดมา”

“มันเป็นไข้ กูเป็นคนทำ แต่กูไมได้ต่อยมันเหมือนที่มึงคิดเองเออเองหรอกนะ”

“เดี๋ยวนะ มึงเป็นคนทำ .. มันเป็นไข้”

“เออ”

“มึงทำอะไรมัน ! ทำไมไม่คุยกันดีๆ”

“กูปล้ำมัน” เชี่ยแมน...... ผมได้แต่อ้าปากค้าง

“มะ มึง...”

“เออ กูผิดเอง กูเลยต้องดูแลมันอยู่นี่ไง”

“แล้วมันไม่ด่ามึงตายหรอวะ?” ไม่อยากนึกเลย...

“จะเหลือหรอ ตื่นมาก็ต่อยจนกูปากแตกเนี่ย” น้ำเสียงมันเริ่มดูแย่ขึ้น

“เดี๋ยวกูเรียนเสร็จจะเข้าไปหา”

“อืม มึงอย่าบอกใครนะ”

“เออ ดูแลมันดีๆด้วยล่ะ อย่าทะเลาะกัน กูไปถึงให้สภาพครบ 32 ทั้งคู่นะ”


เฮ้อ.. ผมถอนหายใจไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ตั้งแต่รู้เรื่องจากแมน อยากให้ปรับความเข้าใจกันไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้วะ แค่เรื่องบอกชอบไปมันต้องเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้เลยหรอ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย โอ๊ยย ตะวันล่ะกลุ้ม

ภาพตรงหน้าผม ทำเอาผมแทบจะร้องไห้ ไอ้บูมเพื่อนรัก... ทำไมมันดูไม่จืดขนาดนี้ ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ! ผมหันไปมองไอ้แมนอย่างคาดโทษ

“มึงบอกตะวันหรอ?” บูมมันหันไปถามแมนเสียงแข็ง

“กูไม่มีความลับกับมัน”

“มึง ...!” เกิดสงครามแล้วครับ ไอ้บูมที่นอนอยู่เตียงโยนหมอนใส่แมนที่อยู่นั่งอยู่ปลายเตียง แต่แมนมันก็ไม่หือไม่อืออะไร แค่รับหมอนไว้

หมาหงอยเลยนะ !

ผมเดินเข้าไปหาบูมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง มันหลบตาผม

“งั้นกูไปข้างล่างก่อนแล้วกัน”

แมนมันบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป ตอนนี้เหลือแค่ผมกับบูมสองคน

“บูม.. มึงโอเคไหมวะ?”มันเอาแต่ก้มหน้า “มันชอบมึง แต่กูไม่คิดว่ามึงจะไม่โอเคจนทะเลาะกัน แล้ว.. มันทำกับมึงขนาดนี้”

“มึงรู้นานยังว่ามันชอบกู” มันถามกลับ

“เพิ่งรู้”

“มันแม่ง ! เอาแต่ใจ ใจร้อน กูไม่ได้อะไรที่มันชอบกูนะ แต่กูแค่ขอเวลา แล้วดูมันทำ” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะร้องไห้ ผมเลยค่อยๆเข้าไปกอดปลอบมัน ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงน้ำตาของอีกคน

ค่อยๆลูบหลังมัน ให้มันร้องออกมาอย่างเต็มที่ ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันทะเลาะกันหนักขนาดไหน แต่รู้แค่ว่าการที่แมนทำแบบนี้มันทำให้บูมเสียใจมากจริงๆ

บูมมันไม่ใช่คนอ่อนแอตั้งแต่คบกันมามันไม่เคยร้องไห้ ต่อให้เคยต่อยกันกับไอ้เด็กคณะเกษตรนั่นมันก็ไม่เคยพูดว่าเจ็บเลยแม้ว่ามันจะโดนเอาคืนหนักเหมือนกัน ต่อให้มีเรื่องอะไรที่หนักหนามันจะแค่พูดว่า

‘ช่างมันเถอะ ไม่ตายหรอก’

แต่ตอนนี้... มันอ่อนแอจนผมสัมผัสได้

“มึงเจ็บมากไหมวะ?”

“เดี๋ยวตอนมึงกับแฟน มึงก็รู้เองล่ะ”

“ไอ้สัสบูม กูถามเพราะเป็นห่วงไหมล่ะ”

“เจ็บโคตรๆ แต่ใจกูนี่เจ็บกว่า ไอ้ห่า ถ้ากูเป็นคนกดมันกูจะไม่อะไรเลย” มันพูดออกมาเหมือนเหลืออด

“มึง แต่กูว่ามันก็เสียใจไม่น้อยนะ มึงก็น่าจะเห็นสภาพมัน” สภาพไอ้แมนนี่ไม่ต่างอะไรกับไอ้ที่นั่งอยู่บนเตียงนี้เท่าไหร่ เพียงแค่มันไมได้เจ็บตรงนั้น... เหมือนไอ้บูม

“ช่างมันเถอะ กูจะลืมๆมันไป” คำพูดมันเหมือนง่ายๆ แต่คิ้วที่มันขมวดอยู่ตอนนี้ รู้เลยว่ามึงคิดไม่ตก

“เออ งั้นมึงก็พักผ่อนนะ”

“มึงจะกลับแล้วหรอ?”

“ก็ว่างั้น ทำไมหรอ?”

“เอ่อ.. มึง” มันอ้ำๆอึ้งๆ

“ว่าไง?”

“มึง.. นอนนี่ไม่ได้หรอวะ คือ.. มันไม่ยอมกลับห้องมันอะ กูไม่อยากอยู่กับมันสองต่อสอง”

“อ่อ งั้นกูนอนนี่ก็ได้ แต่เดี๋ยวกูขอกลับไปเอาของที่ห้องก่อนแล้วกัน”

“อืมๆ มึงบอกแฟนมึงด้วยแล้วกัน” มันบอก ผมเลยพยักหน้าให้มัน



“จะไปนอนห้องบูมงั้นหรอ? ไม่ไปไม่ได้หรอ”
 คนตัวโตถามผมที่กำลังเตรียมชุดนักศึกษาที่จะเอาไปเปลี่ยนใส่ไปเรียนพรุ่งนี้

หลังจากมาถึงห้อง ผมก็โทรบอกพี่มูนทันทีว่าคืนนี้จะไปนอนกับบูม ไม่ถึง 5 นาทีคนหล่อก็มาอยู่ที่ห้องผมทันทีและยังคงโน้มน้าวให้ผมนอนที่ห้องนี่ล่ะ ไม่ต้องไปหรอกปล่อยให้เขาจัดการกันเอง

“แต่ตะวันรับปากบูมไปแล้ว อีกอย่างมันไม่สบายด้วย”

“นั่นไงเดี๋ยวเราก็ไม่สบายไปด้วย ไหนว่าแมนก็อยู่เราไม่ต้องไปหรอก”

“มันทะเลาะกันอยู่ ยิ่งอารมณ์ร้อนกันทั้งคู่ ปล่อยให้อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก”

“เฮ้อ... ห้ามยังไงก็ไม่ฟังสินะ” คนตัวโตพูด ก่อนจะเดินมากอดผมจากด้านหลัง

“ตอนนี้พี่รู้ตัวว่าพี่กำลังงี่เง่า แต่พี่ก็รู้ว่าเราเป็นห่วงเพื่อน แต่พี่แค่อยากให้ตะวันเชื่อใจเพื่อน เขามีปัญหากันยังไงเขาก็ต้องเป็นคนแก้กันเอง เพราะบางทีเขาอาจมีอะไรกันมากกว่านั้นก็ได้”

“พี่มูนพูดเหมือนรู้อะไรมา ตะวันยังไมได้บอกเลยว่ามันทะเลาะไรกัน” ผมผละออกจากพี่มูนก่อนจะหมุนตัวกลับมาจ้องใบหน้าหล่อๆนั้น

“ก็เปล่า พี่ก็พูดตามความเป็นจริง ตะวันเป็นห่วงเพื่อนได้ แต่ยังไงก็ต้องให้เขาเคลียร์กันเอาเข้าใจไหม?” ตาเฉี่ยวคู่นั้นจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา

“คึคึ”

“ขำอะไรตะวัน” พี่มูนทำหน้างงเมื่อผมเผลอขำออกมา

“ก็เวลาพี่มูนจริงจังโคตรจะหล่อเลย พลังทำลายร้างมากมิน่าสาวๆในมหาลัยถึงชอบพี่มูนกันจัง”

“มันใช่เรื่องไหมล่ะ” พี่มูนขยี้หัวผมเบาๆ หึ ก็เอ็นดูเราอะเนอะ 

“จริงๆนะ แฟนตะวันหล่อที่สุดเลย”

“รู้แล้ว พ่อแม่บอกพี่ประจำ”

ตู้ม !

คนหลงตัวเองงงงงงงงงงงงง เข้าใจว่าหล่อจริง แต่มั่นอกมั่นใจขนาดนี้ได้หรอ

“จะไปนอนกับเพื่อนไม่ใช่หรอ มาพี่จะไปส่ง”




                                                                                     Moon Thanaphat

ผมพูดยังไงก็แล้ว ตะวันก็ยังคงจะไปนอนที่ห้องบูมให้ได้เพราะเป็นห่วงเพื่อน กลัวเพื่อนทะเลาะกันหนัก

เฮ้อ ดื้อจริงๆ แฟนใครวะ

แต่ก็เหมือนคนตัวเล็กรู้แล้วว่าไอ้แมนมันคิดยังไงกับเพื่อนมัน แล้วมันก็คงจะมีปัญหากันเพราะเรื่องนี้ แต่ตะวันไม่น่าจะรู้ไงว่าบูมมันชอบตัวเองอยู่ นี่ไงผมถึงไม่อยากให้น้องมันไปนอนที่ห้องบูม แม้ว่าความสัมพันธ์บูมกับแมนจะไม่ชัดเจน แต่ที่ชัดเจนมากๆเลยคือบูมมันชอบตะวัน แม้มันจะหลีกทางให้ผมแล้วแต่ก็ไม่มั่นใจอยู่ดี

ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจตะวัน

ผมแค่.. หวง ตะวัน

บูมมันเพิ่งอกหักจากตะวัน สดๆร้อนๆ ผมยังไม่เชื่อใจอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะรู้ว่ามันทำใจได้แล้วจริงๆ แต่ก็คงจะมีแต่ไอ้แมนละมั้งที่จะดามใจบูมได้ แต่มันคงจะดามใจผิดวิธีไปหน่อย ไม่สิมันคงรีบดามใจไปหน่อยมันเลยต้องทะเลาะกันแบบนี้

แต่ก็คงวางใจได้นิดหน่อย ว่าแมนมันคงไม่ปล่อยเมียมันมาวุ่นวายกับตะวันเท่าที่ควรหรอก


ตอนที่มันลงมารับตะวัน สายตามันบอกแบบนั้น หึ ! มันร้ายวะ



















ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 13 รุ่นน้อง

....

.......

“นี่พวกมึงจะไม่คุยไรกันหน่อยหรอ?”

ผมถามออกไปเมื่อบรรยากาศในห้องตอนนี้มัน.... เอิ่มจะว่ายังไงดี ไอ้บูมที่บอกว่านอนหลับมาทั้งวันแล้วเลยนอนเล่นเกมอยู่บนเตียง ส่วนไอ้คนต้นเรื่องนอนอยู่โซฟาแต่ตาก็มองแต่บูม ส่วนผม.... นั่งอยู่บนเตียงข้างบูมนี่แหละ แต่ทุกคนบรรยากาศมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

“กูไม่มีไรจะคุย” บูมมันตอบ

“เอ่อ..”

“ตะวัน มานี่ดิ” อยู่ๆแมนมันก็กวักมือเรียกผมให้ไปหามัน

“อะไรวะ” ผมนั่งลงข้างมัน ก่อนที่มันจะยื่นมือถือมาให้ดูอะไรสักอย่าง

“กูว่ามันแปลกๆวะ”

หน้าจอมันโชว์หน้าเฟซบุ๊คของใครสักคนที่ผมไม่คุ้นหน้าแต่เป็นผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้ม สำหรับผมก็น่ารักดี ดูมีเสน่ห์ดี 

‘Gun Guntapit’  ถ้าตามชื่อเฟซผู้ชายคนนี้คงชื่อกันต์แล้วห่าแมนเอามาให้ผมดูทำไม

“ใครวะ น่ารักดี กิ๊กมึงหรอ?” ผมเผลอแซวมันเล่นๆ แต่เกือบลืมไปเลยว่าเมียสดๆร้อนๆของมันก็อยู่ที่นี่ด้วย แมนมันเลยถลึงตาใส่ผม ส่วนอีกคนก็ยังนอนเล่นเกมอยู่เหมือนเดิม 

“กูก็ไม่รู้จัก แต่อยู่ดีๆเห็นแท็กรูปมาหาแฟนมึงไง เลยเข้าไปส่อง”

“แล้วไงทีนี้?” ผมถามมันกลับ

“มึงแหกตาดู มันแทบจะถ่ายรูปกับพี่มูนทุกวัน แถมมึงดูโพสต์มันดูยังไงก็หมายถึงมึงกับแฟนมึง” มันเลื่อนหน้าจอเพื่อให้ผมดู

“ก็คงจะแฟนคลับพี่มูนแหละ รายนั้นมีคนชอบเยอะจะตาย มีคนมาขอถ่ายรูปเกือบทุกวัน”

“งั้นไอ้นี่คงโชคดีเนอะ มีได้ถ่ายรูปบ่อยกว่าคนอื่น”

“สงสัยแฟนคลับวีไอพี ฮ่าๆ”

“แล้วนี่ล่ะ โพสต์ล่าสุดของมันเมื่อวาน ไม่เหมาะสมกันเลย ไอ้สัสยังไงก็หมายถึงมึงแน่ๆก็เมื่อวานพี่มูนลงรูปนิ”

“ไม่มีอะไรหรอก เขาอาจจะหมายถึงอย่างอื่นก็ได้”

“ไม่รู้แหละ ยังไงมึงก็ระวังไว้บ้างก็ดี”

“เออๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก เอาเวลาไปคิดเรื่องของตัวเองก่อนไป” มันหันไปมองบูม เหมือนบูมจะรู้ตัวมันเลยวางมือถือไว้บนลิ้นชักข้างเตียงนอนแล้วหันหลังให้ทันที ผมเลยได้แต่ตบบ่าแมนเบาสองสามที ก่อนเดินไปนอนข้างบูม


“ตะวัน คนนี้ใครอะช่วงนี้มีคนเห็นมานั่งอยู่กับกลุ่มพี่มูนบ่อยๆ” แตงโมยื่นมือถือมาให้ผมดู

คนนี้อีกแล้ว... สามสี่วันมานี้มีคนพูดและถามถึงคนที่ชื่อกันต์อยู่บ่อยๆ บ้างก็บอกว่าแฟนใหม่พี่มูนหรือเปล่า จะแฟนใหม่ได้ยังไงแฟนพี่มูนคือตะวันเอง ! ตะวันคนคูลคนนี้อะ เพียงแค่ช่วงนี้งานเยอะผมเลยไม่ได้ไปหาแฟนที่คณะแต่ก็ยังเจอกันที่หอทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน

“นี่ก็สงสัยเหมือนกัน ปกติไม่ค่อยมีใครมาวุ่นวายกับกลุ่มพี่เขาเท่าไหร่นะ แต่นี่จะนั่งสิงพี่มูนอยู่แล้ว มันยังไงอะตะวัน” มะนาวทำหน้าตึง

“เราก็ไม่รู้จักอะ เพื่อนยัยวี่หรือเปล่า” ผมชี้ไปที่รูปเมื่อเห็นว่ามียัยน้องวี่นั่งอยู่โต๊ะนั่นด้วย

“จริงหรอ ทำไมถึงไม่คุ้นหน้าเลย แล้วดูสนิทกับพี่มูนขนาดนั้นเลยหรอถึงเกาะแขนขนาดนั้น” คราวนี้มะนาวยื่นให้ดูเป็นภาพเคลื่อนไหวครับที่มีคนแอบถ่าย

“ไม่รู้เหมือนกัน” ผมได้แต่ส่ายหน้า

“ช่วงนี้พี่มูนมีท่าทีแปลกๆปะ?” บูมมันถามขึ้น จะว่าไปสภาพร่างกายบูมมันก็โอเคขึ้นแล้วนะ แต่ก็ยังตึงๆใส่แมนอยู่ แต่ไม่ได้มากเท่าไหร่เพราะกลัวแตงโมกับมะนาวสงสัย

“ก็ไม่นะ” ผมตอบตามจริง พี่มูนก็ยังเหมือนเดิม

“มึงก็จับตาดูไว้ดีๆละกัน” มันเตือนผม

“มึงก็ไปพูดให้ตะวันมันคิดมาก” แมนมันพูดก่อนก่อนที่บูมมันจะส่งนิ้วกลางให้

“ตะวันๆ ดูนั่นสิว่าใครมา” มะนาวเอาแขนมาสะกิดแขนผมเบาๆ ก่อนที่จะมีผู้ชายตัวขาวเห็นแล้วจำได้ทันทีว่าเป็นคนที่อยู่ในหัวข้อของการสนทนาของเราเมื่อสักครู่ข้างๆเป็นยัยน้องวี่ที่ยิ้มร่ามาแต่ไกล เพื่อนกันหรอวะ? ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็น

“พี่ตาวานนนน คิดถึงวี่ไหมเอ่ย?”

“คิดถึงไร เจอกันออกจะบ่อย” แต่ผมก็ไม่ได้แกะมือมันออกปล่อยให้มันยืนกอดผมจากด้านหลังแต่ด้วยความที่ผมนั่งแต่มันยืนเหมือนจะมันขี่คอผมอย่างไรอย่างงั้น

“เหมือนลูกลิงขี่หลังแม่ลิงเลย” บูมมันแซว

“แรงมากพี่บูม ! ได้ข่าวไม่สบายคงหายดีแล้วใช่ไหมปากแบบนี้” วี่มันจัดให้หนึ่งดอก

“ปากมึงก็ใช่หน่อยนะครับยัยน้องวี่ พี่บิ๊กหลงไปได้ไงเนี่ย”

“คนมันน่ารัก ใครๆก็ตกหลุมรัก” มันยิ้มหวานโปรยไปรอบๆ มั่นใจมากวี่ท่ามึงมั่นใจมากก

“แต่ไม่ใช่กูแน่ๆล่ะคนนึง” บูมมันเถียงกลับ ก่อนที่จะปะทะคารมกันไปมากกว่านี้ต้องห้ามไว้ก่อน

“พอๆ แล้วนี่มีอะไร ไม่มีเรียนหรอ?” ผมถามวี่ แล้วหันไปหาอีกคนที่ยังยืนยิ้มอยู่ ก็ดูไม่มีพิษไม่มีภัยนี่หว่า

“อ่อ วี่เอาขนมมาฝาก เกือบลืมเลย นี่เพื่อนใหม่วี่เอง ชื่อกันต์” ทุกคนหันไปที่บุคคลใหม่เป็นสายตาเดียว

“เอ่อ สวัสดีครับ” น้องเขาทักทายด้วยน้ำเสียงที่น่ารักเหมือนกับใบหน้านวลๆนั้น โหยผู้ชายจริงไหมเนี่ย แล้วไหนจะท่าทางที่ดูจะคุณหนูนั่นอีกทำให้กันต์ดูคล้ายผู้หญิง ถ้าไว้ผมยาวนะ เป๊ะเลยตะวันน่าจะเข้าแถวจีบด้วย

“งานดีวะ สวัสดีครับพี่ชื่อบูม” ทักทายน้องเขาเสียงสดชื่นมากบูม แต่มึงช่วยสังเกตผัวมึงด้วย จ้องเขม็งจนกูปวดตาแทนแล้วพ่อออ

“น้อยๆหน่อยพี่บูม เห็นใครน่ารักหน่อยไม่ได้เลยนะ”

“เพื่อนใหม่หรอวี่ มิน่าพวกพี่ถึงไม่เคยเห็น” น้ำเสียงของมะนาวที่ดูเหมือนถามปกติแต่ถ้าเล่นด้วยกันมานานจะรู้เลยว่ากำลังใส่ใจบุคคลที่มาใหม่

“ก็ไม่เชิง เพื่อนในคลาสนี่แหละแต่พึ่งได้มาคุยกันช่วงหลังๆ นี่กันต์ทำขนมอร่อยมากเลยนะ กันต์เขาทำมาให้พวกพี่ชิมด้วย นี่ๆ” วี่วางกล่องขนมบนโต๊ะแล้วจัดการแกะให้ชิมทันที

“หูย หน้าตาดูดีเลยอะ” บูมมันว่าก่อนจะหยิบชิมก่อนเพื่อน

“คุกกี้ข้าวโอ๊ตครับ พอดีกันต์ฝึกทำสูตรนี้ติชมได้ตามสบายเลยนะครับ” ก่อนที่ทุกคนจะหยิบเข้าปากคนละชิ้น

“อืม โคตรอร่อยอะ ทำเองจริงปะเนี่ยน้องกันต์” แตงโมทำตาโตไม่ต่างจากมะนาว

“จริงๆ อร่อยมากน้องกันต์ เปิดร้านได้เลยแบบนี้” มะนาวยกนิ้วให้ ดูทุกคนจะชอบใจกับคุกกี้ฝีมือของเพื่อนใหม่ยัยน้องวี่แม้กระทั่งแมนมันกินไปพยักหน้าไปถือว่าพอใจเลยแหละ

“พี่ตะวันว่ายังไงครับ อร่อยหรือเปล่า?” กันต์หันมาถามผม

“อร่อยสิ อร่อยมากๆเลยไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ชายทำคุกกี้ได้อร่อยขนาดนี้” ผมตอบไปยิ้มไปเพราะยังติดใจรสชาติที่ยังอยู่ในปาก

“โล่งใจไป เพราะตอนพี่มูนชิมพี่มูนก็บอกว่าอร่อย กันต์ก็นึกว่าพี่มูนจะแกล้งกันต์อีก” กันต์พูดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“หืม?” จนผมต้องยกคิ้วขี้นเพราะสงสัย

“อ่อ คืองี้กันต์ถนัดทำขนมไทยมากกว่าแต่พึ่งมาหัดทำคุกกี้อาทิตย์ที่แล้วเอง ทำครั้งแรกก็ให้พี่มูนชิมแต่ครั้งแรกอะเนอะมันก็ไหม้บ้าง แต่แฟนพี่อะแสนดีไงกินไปก็บอกอร่อยว่า แต่พอกันต์มันกินเองมันแทบจะคายทิ้ง ฮ่าๆ ยังขำหน้ามันไม่หายเลย”

“นี่น้องกันต์ดูสนิทกับพี่มูนเนอะ?” มะนาวถามออกไป เชื่อว่ามันตรงกับใจผมมาก

“อ่อ กันต์เรียนโรงเรียนเดียวกันกับพี่มูนอะครับ พี่มูนดีกับกันต์มากๆเลยครับ”

“อ๋อ รุ่นน้องที่โรงเรียนสินะ” สัสบูม ทำหน้ากวนตีน

“ขอบใจนะที่เอาขนมมาให้พวกพี่ชิม ขนาดไม่ถนัดนะยังอร่อยขนาดนี้ถ้าเปิดร้านเมื่อไหร่บอกเลยนะเดี๋ยวพวกพี่ไปอุดหนุน” ผมบอกน้องไป

“กันต์ยินดีครับ แต่ไม่ถึงเปิดร้านหรอก กันต์แค่ฝึกทำเล่นๆน่ะ”

“กันต์ไปเรียนกันดีกว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว” วี่มันว่า โดยที่เพื่อนมันก็พยักหน้ารับ “ไปก่อนนะ บ๊ายบาย” มันโบกมือบ๊ายบายน่ารักตามประสามันแต่ก็ดูน่ารักมากๆในสายพวกผมและก็คนแถวๆนั้น ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายตัวบึกๆแต่ใจคิตตี้อย่างพี่บิ๊กจะตกหลุมรักยัยน้องวี่

“กูว่ามันแปลกๆ” เมื่อสองคนนั้นเดินออกไป แมนก็พูดขึ้น

“จริง” มะนาวก็คิดเหมือนกับแมน

“แปลกยังไงวะ?” ผมว่าก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่ ได้แต่มองเพื่อนอย่างงงๆ

“อยู่ดีๆก็เอาขนมมาให้ชิมนี่นะ พวกเราไม่รู้จักมันมาก่อนซะหน่อย”

“อ้าว บูมเมื่อกี้มึงยังเต๊าะน้องเขาอยู่เลยนะ”

“กูก็แซวไปเล่นๆงั้นล่ะ มึงน่ารักที่สุดสำหรับกูอยู่แล้วเมีย” ฟายยยยยยย บูมพูดอารายออกม๊าาา ผมได้แต่หันไปมองเท้าไอ้แมนที่สั่นดิ๊กๆ กูเพื่อนรักมึงไงแมนนน

“ก็.. น้องเขาเพื่อนยัยน้องวี่ไง น้องเขาคงอยากรู้จักพวกเรามั้ง กลุ่มเราใช่ย่อยที่ไหน ดูๆไอ้แมนเดือนมหาลัยสุดหล่อ แล้วนี่พี่มะนาวสุดสวยแห่งนิเทศแล้วไหนจะพี่แตงโมคนน่ารักของมหาลัยแล้วที่สำคัญเลยตะวันคนคูลที่ใครๆต่างก็อยากรู้จัก”

“แล้วก็?” บูมมันชี้หน้าตัวเอง

“ถึงมึงจะหล่อแต่มึงปากหมา กูว่าน้องเขาคงไม่อยากรู้จัก” ผมแลบลิ้นใส่มัน ก่อนที่มันจะยื่นมือมาดึงแก้มผมจนต้องเซไปตามแรงดึงของมัน

“โอ๊ย ไอ้บูมมม กูเจ็บ ปล่อยย”

“ไม่กูจะดึงจนแก้มมึงหลุดเลย” มันพูดจริงทำจริงครับ

“ไหนพี่บูมคนอ่อนโยนกับน้องตะวัน คนเดิมหายไปไหน” มันชะงักไป ก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออก เอ้า บทจะง่ายก็ง่ายนะมึง

“กูเคยอ่อนโยนกับมึงด้วยหรอ?” มันทำหน้ายุ่งหนักกว่าเดิม

“บ่อยนะ” ผมตอบกลับไป มันเงียบไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ อะไรของมันวะ

“ไปเรียน” แมนมันพูดเสียงแข็ง ก่อนจะคว้าได้กระเป๋าแล้วเดินออกไป ไอ้นี่ก็อีกคน อิหยังวะสู



“ทำไรอยู่?” ผมชะโงกหน้าไปมองพี่มูนที่กำลังนั่งสนใจเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวโปรดอยู่บนโต๊ะทำงานของผม ซึ่งเจ้าตัวก็ยึดมาได้หลายชั่วโมงแล้วแหละ

“หืม ทำโปรเจคอะ ไม่ถึงไหนเลย” พี่มูนตอบอย่างล้าๆ

“พักก่อนไหม ตะวันเห็นนั่งมาหลายชั่วโมงแล้ว”

“ก็ดีนะ” ก่อนที่จะเอนหัวมาพิงที่ตัวผมที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ท้องกี่เดือนแล้วเนี่ย”

“พี่มูน !” ผมหน้าบูดหน้าบึ้งใส่ทันทีเมื่อโดนล้อ พุงไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นซะหน่อยวันแพ็คน่ะรู้จักเปล่า

“ฮ่าๆ แซวเล่นนิดเดียวเอง หน้ายุ่งหมดแล้ว มาๆมะมาให้ฟัดพุงหน่อย” คนที่นั่งอยู่เก้าอี้หันหน้ากลับมาหาผมแล้วเอาหน้าถูๆที่พุงของผมอย่างกลับฟัดลูกแมวน้อยแม้จะมีเสื้อที่สวมใส่กั้นอยู่แต่ก็ทำให้รู้สึกจั๊กจี้อยู่ดี

“ไม่ต้องเลยยย ฮ่าๆ พี่มูนนน ตะวันบ้าจี้” ผมได้แต่ดิ้นไปมาจะขยับออกมาก็ไม่ได้เพราะอีกคนเอามือล็อคไว้ที่เอวผม ใครก็ได้ช่วยตะวันด้วยยย

“........”

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมถามเมื่ออยู่ๆพี่มูนก็นิ่งไปก่อนจะเอาหน้าซบลงที่พุงน้อยๆของผม

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะเชื่อใจกันใช่ไหม ตะวันไม่ทิ้งพี่ไปใช่ไหม?”

“ทำไมถามอะไรแปลกๆ”

“ก็...ช่วงนี้พี่อาจจะยุ่งๆ”

“ยุ่งจนจะไม่มีเวลามาเจอกันเลยหรอ?”

“ก็ไม่ขนาดนั้น ดูทำหน้าเข้า” ยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมหน้าบึ้งสุดๆ

“ไม่คุยด้วยแล้ว ตะวันไปอาบน้ำดีกว่า”

“ให้พี่อาบน้ำให้ไหม?” หน้าตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นคืออะไรกัน !

“พี่บ้า” ผมแลบลิ้นให้ก่อนจะหนีเข้าห้องน้ำ


“อร่อยไหมพี่มูน กันต์ตั้งใจทำสุดๆเลยนะ”

“อืม อร่อยเลย เปิดร้านได้สบาย” คนหล่อส่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ถ้าเปิดร้านกันต์คงให้พี่มูนเป็นลูกค้าแค่คนเดียว”

“อะแฮ่ม คอแห้งวะ” บิ๊กว่าก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม

“จะขุนพี่หรอ พี่ไม่อยากหุ่นควายเหมือนไอ้บิ๊กนะ”

“อ้าว ไอ้หล่อ อย่างกูเขาเรียกหุ่นกัปตันอเมริกา” บิ๊กเถียงกลับ

“โอบน้องวี่ทีกูว่ากระดูกน้องจะแตก”

“มึงอยากกระดูกแตกหรือไอ้อาฟ” พี่บิ๊กเตรียมง้างมือ อาฟรีบหลบหลังดิวทันที

“ฮ่าๆ พี่มูนหุ่นดีจะตาย กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนหรอก” คนตัวเล็กว่า

ผมยืนมองเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้ามาสักพักนี่น้องคนนั้นสนิทกับพี่มูนจนหยอกล้อกันได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้นเชียว แถมคนหล่อเขาก็ไม่ถือตัวเลยสักนิด ....
ผมเผลอสบตากับพี่บิ๊ก...

“ตะวัน ทางนี้” พี่บิ๊กเรียก ผมจึงค่อยๆเดินเข้าไป

“งั้นกันต์ไปก่อนนะ พี่ๆสวัสดีฮะ” กันต์ลาทุกคน ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินจากไป

“ทำไมวันนี้เลิกเรียนเร็ว” คนหล่อถามเมื่อผมนั่งลงข้างเขา

“อาจารย์บอกขี้เกียจสอน”

“เฮ้ย แบบนี้ก็ได้หรอวะ” พี่ดิวหันมาถาม

“ได้ดิพี่ ไม่สอนแต่สั่งงานแทน ฮ่าๆ” ผมตอบตามจริง ไม่ได้อำพี่เขาแต่อย่างใด เรียนน้อยแต่งานเยอะ นี่กูเรียนไรอยู่เนี่ยยยย

“บริหารทั้งสอนทั้งสั่งงาน อาจารย์เขาจะอะไรนักหนาวะ สมองกูก็แค่นี้เรียนหนักสมองบวมได้นะเว้ย” พี่อาฟบ่นซะเห็นภาพเลยพี่
 
“ให้มันบวมเถอะ เพราะสมองมึงฟ่อจนไม่รู้จะฟ่อยังไงละ”

“เหี้ยบิ๊ก กูเจ็บมากกับประโยคนี้ของมึง ไอ้สาสสสสส”

“ขำนะเรา” พี่มูนหันมาพูดกับผมเมื่อเห็นผมขำเพื่อนพี่เขาจนไหล่สั่น ด่ากันแบบนี้คบกันได้ไงวะ

“นี่ขนมของน้องกันต์หรอ?” ผมชี้ไปกล่องขนมที่อยู่บนโต๊ะ จริงๆก็รู้แล้วแหละ

“อืม กินไหม อร่อยนะ”

“ไม่เอา ลดหุ่น อีกอย่างน้องเขาทำมาให้พี่มูน”

“ลดทำไมน้องตะวัน แค่นี้กำลังเหมาะมือเลย”

“เหมาะมือเชี่ยไรอาฟ” พี่มูนกันไปมองหน้าพี่อาฟอย่างเอาเรื่อง

“เหมาะมือ.. แบบ เวลามึงโอบไหล่น้องตะวันไง แบบนั้นล่ะ”

“เขาทำมาให้ไอ้หล่อ ก็เท่ากับเป็นของมันแล้ว ของๆมันก็เหมือนกับของตะวันนั่นแหละ” พี่ดิวยักคิ้วให้อย่างหล่อๆ

“ถูกของมัน” พี่มูนพูดก่อนจะเอาขนมยัดเข้าปากผม งื้ออออ บอกกันดีๆก็ได้ไหมเล่า !

“ไอ้ห่าไม่อ่อนโยนกับแฟนตัวเองเลยนะ” พี่บิ๊กว่า

“กูไม่ได้หุ่นมาร์เวลแต่ใจคิตตี้เหมือนมึงนะ” พี่มูนว่ากลับ โหยยย ความจริงฝีปากแฟนผมใช้ได้เหมือนกันเลยนะเนี่ย

“มานั่งเฝ้าแฟนอีกแล้วนะพี่ตะวัน” พี่บิ๊กกำลังจะอ้าปากด่าพี่มูน แต่ก็มีเสียงอีกคนแทรกเข้ามาซะก่อน แล้วก็เหมือนหนังคนละม้วนเมื่อเห็นว่าคนนั้นคือใครพี่บิ๊กก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันที ใจคิตตี้อย่างที่พี่มูนว่าจริงๆแหละ

“ตัวเองก็เหมือนกันนั่นแหละ” ผมเบ้ปากให้

“วี่ไม่ได้มาเฝ้าแฟน แต่วี่มาเฝ้าพ่อ” แชรดดด จากที่พี่บิ๊กยิ้มเมื่อสักครู่หุบยิ้มแทบไม่ทัน

“เฮ้ย พ่อตรงไหนยังหนุ่มยังแน่น” พี่บิ๊กบอกพร้อมเอามือกอดอก นั่นกล้ามหรือขอนไม้น่ะพ่อออ !

“พ่อทูนหัวไง” ก่อนที่ยัยวี่จะขยิบตาให้พี่บิ๊กทีนึง โอ๊วววว ตอนนี้สภาพพี่บิ๊กกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้วเพราะวิญญาณพี่เขานั้นคงวิ่งไปกรี๊ดที่ไหนสักที่

“โอ๊ยยย กูเหม็นความรัก” พี่อาฟทำท่าจะอ้วก

“พวกมึงเก็บศพกูที” พี่บิ๊กพึมพำๆ

“แล้วน้องวี่ไปไหนมา ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มาพร้อมน้องกันต์อะ?” พี่ดิวถามขึ้นมา

“กันต์มานี่หรอ อ่อออ เอาขนมมาให้พี่มูนสินะ” วี่มองไปที่กล่องขนม

“อ่าใช่เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เอง”

“วี่แวะไปหาสายรหัสอะ นึกว่ามันกลับบ้านไปแล้วซะอีก แล้วไอ้ขนมนี่นะหวงซะยิ่งกว่าอะไร วี่ขอกินก็ไม่ได้บอกจะเอามาให้พี่มูน ยังบอกอีกว่าถ้าอยากกินเดี๋ยวทำให้ใหม่ อะไรก็ไม่รู้”

“อ่ะ ให้กิน” พี่มูนเลื่อนกล่องขนมไปไว้หน้าวี่

“จริงอะ ไม่เกรงใจนะ” ยัยวี่หัดเกรงใจหน่อยก็ได้นะ แหมมม ไม่ปฏิเสธสักคำ มันยังคงเอาเข้าปากชิ้นสองชิ้นสามชิ้น

“พี่บิ๊กเลี้ยงมันยังไง ถึงให้มันอดอยากขนาดนี้” ผมถามพี่บิ๊ก

“พี่ก็ว่าพี่เลี้ยงดีอยู่นะ” แต่พี่กำลังทำหน้าคิดหนักนะพี่บิ๊ก

“ก็ไม่ขนาดนั้นไหมล่ะ ก็มันหิวยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง” อ่อ พอเข้าใจงั้น แต่วี่เป็นคนที่น่าอิจฉาอย่างหนึ่งตรงที่มันกินยังไงก็ไม่อ้วน เอวบางร่างน้อย ออกกำลังกายก็ไม่ออก ตัดภาพมาที่ตัวเองแค่ได้กลิ่นอาหารก็อ้วนละ

“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว” พี่บิ๊กลุกขึ้นก่อนจะดึงแขนวี่ให้ลุกขึ้นตาม

“อะไรกัน จะไปเลยหรอ?” มันหันไปถามพี่บิ๊ก

“กูไปก่อนนะ ไว้เจอกัน” ก่อนจะพายัยน้องวี่เดินออกไป

“ไอ้หล่อ มึงไม่ต้องเลยนะ วันนี้กูให้ไอ้บิ๊กชิ่งได้คนเดียว” พี่ดิวหันมาชี้หน้าพี่มูน

“เฮ้อ” พี่มูนถอนหายใจก่อนจะไปกรอกตาไป

“คืองี้นะน้องตะวัน พวกพี่ต้องไปทำโปรเจคกันที่คอนโดพี่อะ วันนี้ไอ้บิ๊กชิ่งไปกินข้าวกับน้องวี่แล้วไม่รู้จะโผล่หัวมาช่วยงานตอนไหน เพราะฉะนั้นไอ้หล่อมันคงจะอยู่กับตะวันไม่ได้นะวันนี้” พี่อาฟอธิบายให้ผมฟัง เมื่อเห็นผมทำหน้างงๆ เมื่อกระจ่างแจ้งแล้วก็ได้แค่พยักหน้าตอบกลับไป


“ไม่อยากไปทำงานเลยอะ” พี่มูนกำลังงอแงเมื่อขับรถมาส่งผมที่หอ

“ไม่จบนะ”

“โด่วว ไปก็ได้”

“ขับรถดีๆน๊า ตั้งใจทำงานแล้วก็อย่าหักโหมมากนะ” ผมยิ้มหวานๆให้

“เราด้วย อย่าทำงานจนนอนดึกล่ะ เดี๋ยวพี่จะโทรหาอีกที” พี่มูนเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ แค่เบาๆแต่มันก็ทำให้ผมยุ่งได้นะ ผมเลยต้องจัดทรงผมใหม่ก่อนจะลงจากรถ ปล่อยให้อีกคนได้ขับรถไปทำงานต่อ

อยู่ๆมือถือก็สั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าข้อความเข้า ข้อความที่เป็น SMS ถูกส่งเข้ามือถือแถมเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อและไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ด้วยความสงสัยจึงเปิดเข้าไปอ่านทันที

‘นายไม่เหมาะที่จะอยู่ตรงนั้นเลยสักนิด’

“อะไรวะ ส่งผิดหรือข้อความลูกโซ่วะ”

หลังจากอ่านข้อความก็ทำให้ผมสงสัยปนงง ร้อยวันพันปีจะมี SMS เข้านอกจากบิลรายเดือนจากศูนย์บริการมือถือก็ไม่มีใครส่งมาแล้วนะ ด้วยความที่ยุคสมัยนี้ใครเขาจะส่ง SMS หากันให้เปลืองเงินทำไม อาจจะเป็นขอความลูกโซ่อะไรทำนองนั้นก็ได้ล่ะมั้ง...


“ตุ้บ!”

 ซ่าาา

เชี่ยย ผมมัวแต่ก้มสนใจข้อความในมือถือทำให้เดินชนใครสักคนอย่างแรง แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนของของเหลวที่หกใส่เสื้อผม

“อุ้ย ขอโทษครับๆ ร้อน.. ร้อนมากไหมครับ?” อีกฝ่ายมีน้ำเสียงร้อนรนเมื่อกาแฟที่ตนเองถือมามันหกมาโดนผมจนเสื้อนักศึกษาสีขาวเป็นคราบสีน้ำตาลเป็นวงกว้าง ความร้อนของกาแฟทำให้ผมหน้าแหยๆ ต้องพยายามสะบัดเสื้อไม่ให้รู้สึกแสบและร้อนมาก ก่อนจะเงยหน้ามองดูอีกฝ่าย

“อ้าว กันต์”

“พี่ตะวัน กันต์ขอโทษ กาแฟหกใส่เสื้อพี่ตะวันหมดแล้ว ร้อนแย่เลย”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขอโทษด้วยนะ พี่เดินไม่ดูทางเอง เราเจ็บตรงไหนไหม?” ผมเซ่อเดินไม่ดูทางเองไม่เช่นนั้นคงไม่ชนคนอื่นเข้าหรอก

“กันต์ไม่เป็นไร แต่พี่ตะวันน่าจะแสบน่าดูนะ” น้องทำหน้าสลดลง

“นิดหน่อยๆ แต่ไม่เป็นไรมากหรอก เอ่อ กาแฟเท่าไหร่เดี๋ยวพี่ให้เงินไปซื้อใหม่” ผมเตรียมจะล้วงเอากระเป๋าตังออกมา

“ไม่ต้องๆหรอกพี่ตะวัน” น้องมันปฏิเสธ

“เอาเถอะน่า เหมือนจะยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ” ผมควักแบงค์ร้อยออกมาสองใบ เมื่อเห็นแก้วกาแฟที่น้องมันถือเป็นยี่ห้อดัง

“ไม่ต้องหรอก ไว้พี่ตะวันค่อยชดใช้ให้กันต์เป็นอย่างอื่นแล้วกัน” ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที “พี่ตะวันอยู่หอนี้หรอ กันต์ว่าพี่ไปดูแผลก่อนดีกว่า”

“อืมๆ ขอโทษอีกที พี่ไปก่อนนะ” ก่อนที่ผมจะเดินเข้าลิฟต์ที่เปิดอยู่พอดี


“แสบชิบหาย” ผมบ่นเมื่อเห็นหน้าอกตัวเองมีรอยแดงเป็นวงกว้าง คือกาแฟร้อนร้อนจริงๆนะ ร้อนเหมือนน้ำที่เดือดได้ที่ โอ้โห กาแฟแพงมันต้องใช้น้ำร้อนขนาดนี้เลยหรอ เครียดแค้นมาก ว่าแต่ว่ากันต์มันอยู่หอนี้ด้วยหรอวะ ....

กลุ่มผู้ชายปากหมาชะนีปากดี (5)

บูมคนหล่อ : ตะวัน มีไรจะให้ดู

                                                            รถพี่มูน ? ทำไมวะ

บูมคนหล่อ : เลื่อนดูรูปอื่นหน่อยไหมล่ะ

                                                            นั่นมันกันต์นี่ รูปตอนไหนนิ


บูมคนหล่อ : เมื่อกี้ กูผ่านหอมึง
คือเป็นห่าอะไรทำไมแฟนมึงต้องประคองไอ้เด็กนั่นขนาดนั้นด้วย

Lemon now : เออจริง ประคองอะไรกันขนาดนั้น

บูมคนหล่อ : เดี๋ยวกูเข้าไปหา


“มึงได้โทรไปหาแฟนมึงยัง?” ทันทีที่เปิดประตูให้บูม มันก็ถามขึ้นทันที

“โทรทำไม พี่เขาไปทำงานที่คอนโดพี่อาฟ”

“นี่มึงไม่ตงิดใจอะไรหน่อยหรอ?”

“เรื่องไรวะ”

“ก็รูปที่กูส่งให้มึงไง เป็นเชี่ยไรให้แฟนคนอื่นประคอง”

“ใจเย็น น้องมันอาจเป็นไรหรือเปล่า อีกอย่างพี่มูนมาส่งกูเสร็จน่าจะไปเอาของที่หอมั้ง แล้วก่อนขึ้นมาห้องกูก็เจอกับกันต์อยู่ มันน่าจะออกไปเจอพี่มูนพอดี”

“มึงเจอมันที่นี่?”

“เออ กูเดินไม่ดูทางดันไปชนมันเข้า แถมโดนกาแฟมันหกใส่ตัวกูนี่ แสบชิบหาย”

“มึงเป็นไรมากเปล่า ไหนมาดูสิ”

“ตัวแดงนิดหน่อย แต่ช่างมันเถอะ ว่าแต่มึงมาหากูนี่อย่าบอกว่าแค่เรื่องรูปนั้นนะ” ผมถามมันที่ตอนนี้มันกำลังนั่งอยู่โซฟาทำหน้ายุ่งอยู่

“เออดิ กูรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”

“อะไรไรของมึง” ผมว่ามัน

“มึงไม่หึงแฟนตัวเองหน่อยหรอ ยิ่งช่วงนี้มีไอ้เด็กนั่นมาเกาะแกะแฟนมึงด้วย” ผมหันไปมองหน้ามัน

“ไม่รู้ดิ กูว่าน้องมันน่าจะปลื้มพี่มูนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วอะ”

“คิดง่ายไปไหมมึงนี่ มึงควรสงสัยไว้บ้าง ไอ้เด็กนั่นก็ไม่ใช่จะขี้เหร่”

“กูเชื่อใจแฟนกู อะนี่ไงโทรมาพอดี นอนเล่นไปก่อน กูไปคุยโทรศัพท์แปป” มันพยักหน้าให้ ก่อนที่ผมจะเดินหลบไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง

“บูม” หลังจากที่คุยโทรศัพท์เสร็จ ผมก็เดินเข้ามาภายในห้อง นอนนี้ไอ้บูมที่กำลังนอนอยู่โซฟาชะโงกหน้าขึ้นมาเมื่อผมเรียก

“ว่า”

“พี่มูนอยู่โรงบาลกับกันต์”

“ห๊ะ ใครเป็นไร?” มันหรี่ตามองผม ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

“กันต์มันเท้าแพลง เดินไม่ได้ พี่มูนเลยพามันไปหาหมอ”

“มึงพูดออกมาให้หมด” ไอ้สัส อ่านใจกูกันเก่งจังวะ

“พี่มูนบอกว่ามันเดินสะดุดบันได แต่ก่อนหน้านั้นกูชนกับมันแถวหน้าลิฟต์ มึงก็รู้ว่าด้านหน้าหอกูไม่มีบันไดแล้วมันไปตกบันไดตอนไหนวะ”

“เออ ด้านหน้าหอมึงไม่มีบันได ด้านหน้าหอแฟนมึงก็ไม่มีบันได อีกอย่างตึกมึงก็อยู่ติดกับตึกหอแฟนมึง ระยะที่เดินไปหากันได้นี่ไม่มีบันไดสักนิดเลยเพื่อน”

“อะไรของมันวะ”

“แล้วมึงได้บอกแฟนมึงหรือเปล่าเรื่องมึงกับมันเดินชนกันก่อนหน้านี้”

“ไม่ได้บอกวะ มันไม่จำเป็นต้องบอกนี่หว่า แต่กูสงสัยจริงๆมันไปสะดุดบันไดตอนไหนของมันวะ”

“ไม่มีบันไดให้สะดุดก็แสดงว่าไม่ได้สะดุด”

“แต่มันเท้าแพลงอะ”    

“บางทีคนเราก็แกล้งทำเป็นเจ็บเพื่อเรียกร้องความสนใจนะ”   มันบอกก่อนจะยื่นมือถือมาให้ผมดู


Fb.
Gun Guntapit

   ขอบคุณนะครับที่พามาหาหมอ :) @Moon Thanaphat

เฟซบุ๊คของกันต์ที่โพสต์ภาพแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าห้องรับยา ต่อให้ไม่แท็กชื่อผมก็จำได้แม่นว่านั่นคือแฟนสุดหล่อของผม มีหลายๆคอมเม้นต์ใต้รูปภาพนั้นต่างบอกว่าอยู่ด้วยกันได้ยังไง บ้างก็บอกว่าช่วงนี้เห็นอยู่ด้วยกันบ่อย บ้างก็บอกมีซัมติงกันชัวร์

“เหอะ !”

“อาการออกเลยนะ” บูมมันว่าผม

“เปล่าซะหน่อย” พูดออกไปทั้งที่ไม่รู้หรอกนะว่าสีหน้าตัวเองเป็นยังไง

“แล้วมึงจะเอายังไงทีนี้”

“ไม่รู้ ดูๆไปก่อนแล้วกัน”

“อะไรนะ!”

“ก็มันยังไม่ทำอะไรเลยนี่ บางทีมันอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้”

“นี่มึงจะรอให้มันมีอะไรก่อนหรอตะวัน”



 นั่นน่ะสิ แล้วถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาล่ะ พี่มูนจะยังเลือกผมอยู่ไหม เขาจะยังอยู่ข้างๆผมหรือเปล่า


.... บางทีผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เราไม่ควรตัดสินใครเพียงแค่การกระทำเล็กๆน้อยๆของเขานะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0


บทที่ 14 เรื่องบ้าอะไรกันวะ


‘นายไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับพี่มูนเลย’

นั่นเป็นอีกหนึ่งข้อความแปลกๆที่ถูกส่งเข้าหาผม หลังจากที่เคยมีข้อความประหลาดแบบนี้ส่งมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จากที่คิดว่าเป็นการส่งผิดหรือข้อความลูกโซ่ทำให้ผมต้องฉุกใจคิดใหม่ เพราะตั้งแต่ได้รับข้อความอันแรกก็รู้สึกอยู่บ่อยครั้งว่ามีคนคอยมองผมอยู่ตลอด นี่คงไม่ใช่แบบในละครหรอกนะ ที่จะมีคนสะกดรอยตามแล้วทำมิดีมิร้ายกับผมน่ะ !

“ไม่ได้คุยกันนานเลยนะไอ้ตัวแสบ” ที่ทักทายที่ดังออกมาจากโน๊ตบุ๊คตัวเก่งของผม

“เปิดๆกล้องสิเฮีย เร็วๆเลยย” ผมบอกพี่ชายตัวเอง

“เปิดละๆ คิดถึงจังเลยไม่ได้คุยกันซะนาน” เฮียภูพูดออกมา แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธหรือน้อยใจอะไร

“เฮียนั่นแหละ ติดใจสาวแหม่มจนหายไปเลยนะ ทักไปก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ลืมไปแล้วใช่ไหมว่ามีน้องชายอยู่ที่นี่”

“แล้วเราอะ ลืมไปหรือเปล่าว่าป๊าม๊าก็อยู่ที่ไทย ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องเลยนะ ซุกใครไว้ที่หอหรือเปล่า อย่าให้เฮียรู้นะ” เฮียพูดเสียงแข็ง แต่จะว่าไปช่วงนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านไปหาป๊าม๊าจริงๆอะแหละ

“แหม เฮีย ก็ตะวันเรียนหนักงานก็เยอะ ตะวันก็โทรหาป๊าม๊าทุกอาทิตย์เลยนะ ป๊าม๊าไม่ซีเรียสหรอก พอลูกๆไม่อยู่บ้านก็ขยันไปสวีทกันบ่อยจะตาย”

“สรุปซุกใครไว้ที่หอ?”

“ปะ เปล่า.. ไม่มีใครทั้งนั้นล่ะ”

ตะกุกตะกักสุด คือจะว่ายังไงอะ เรื่องที่ผมมีแฟนผมไม่ได้บอกครอบครัวเลย คือพึ่งเริ่มคบกันแล้วอีกอย่างเป็นผู้ชายด้วยไม่รู้ว่าป๊าม๊ากับเฮียจะคิดยังไง เลยกะว่าจะให้นานกว่านี้ค่อยบอก

“จริงอะ” เฮียหรี่ตามองอย่างจับผิด

“ถ้ามีเดี๋ยวตะวันก็บอกเองแหละ”

“มูน ธนพัฒน์ นี่ใคร?”

!

“เฮีย...” เรียกเฮียด้วยเสียงอ่อยๆ จะแก้ตัวยังไงทีนี้

“บางทีเราอาจลืมไปว่าเฮียก็เล่นเฟซนะ อีกอย่างเฮียมาเรียนที่นี่ใช่ว่าจะไม่ติดต่อใครที่ไทยเลย”

ชิบหายของแท้เลย โอ๊ยย ลืมไปได้ไงวะว่าเฮียก็เล่นโซเชียล จะปฏิเสธก็คงไม่ทัน ดูแล้วเฮียน่าจะส่องจนแน่ใจแล้วแหละ

“ก็.. นั่น.. เฮียๆๆ ตะวันไม่ได้อยากปิดบังอะไรนะ เพียงแค่พึ่งคบกันเองเฮีย แล้วอีกอย่างเขาเป็นผู้ชายด้วย คะ .. คือ เฮียรับได้ไหม?”

“เฮียรักตะวัน ถ้าตะวันมีความสุข เฮียก็มีความสุข” เฮียไม่ได้บอกว่ารับได้หรือไม่ได้ แต่เฮียกลับบอกรักผม ซึ่งทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าผมไม่ต้องกังวลเพียงเพราะตัวเองชอบผู้ชายเลย

“อยากร้องไห้เลยอะ” ผมพูดในขณะที่ปากก็เริ่มเบะใส่กล้อง จนเฮียขำออก

“ฮ่าๆ ยังขี้แยเหมือนเดิมอะเรา พอเลยๆห้ามร้อง”

“ก็... เฮียทำซึ้งอะ”

“ถ้าเฮียกลับไป แล้วยังคบกันอยู่ค่อยมาแนะนำให้รู้จักแล้วกัน”

“รีบๆกลับมานะ”

“อะไรกัน จะคบกันไม่ได้นานหรอ?” ถ้าไม่ใช่เฮีย ตะวันคงจะด่าแล้วนะ

“บ้าหรอเฮียยย ตะวันคิดถึงเฮีย อยากกอดจะแย่แล้วเนี่ยย”

“งั้นเฮียหล่อกว่าแฟนเราไหม?” เฮียต้องการอะไรจากตะวัน ถ้าตอบไปแล้วเฮียจะรับได้ใช่ไหม..

“ก็แน่น๊อน เฮียภูของตะวันน่ะหล่อที่สุด”

“ตอบดีไว้จะมีรางวัลให้ งั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ เฮียต้องไปทำธุระ”

“ไปแล้วหรอออออ?”

“อืม คิดถึงนะ ดูแลตัวเองด้วย”

“อะ โอเค เฮียด้วย”



ผมตั้งใจไปหาพี่มูนที่คณะเห็นส่งข้อความบอกว่ามีเรียนแค่ช่วงเช้า ถ้าผมว่างก็ให้มาหาหน่อย แต่เมื่อผมมาถึงกลุ่มนักศึกษาที่หน้าตาโดดเด่นนั้นมีเด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวๆ ที่ตัวเล็กกว่าผมซะอีกกำลังคุยกับแฟนผมอย่างสนุกสนาน

ไอ้น้องกันต์ อีกแล้วสินะ

แต่คงจะพายัยน้องวี่มาหาพี่บิ๊กหรือเปล่า? อืม มันคงจะเป็นอย่างนั้น

“พี่มูน ตอนบ่ายว่างไหมอะ พี่มิวให้กันต์เข้าไปหาที่ร้านอะบอกให้ชวนพี่มูนไปด้วย”

“ตอนบ่ายหรอ พี่ไม่มีเรียนพอดี เดี๋ยวพี่ไปด้วยก็ได้ไม่ได้ไปร้านพี่มิวนานแล้ว”

“พี่มิวบ่นจะตายว่าน้องชายสุดหล่อไม่เคยไปหาที่ร้านเลย ทั้งที่ก็อยู่ใกล้ๆมหาลัยนี่เอง”

“ฮ่าๆ พี่ยุ่งนี่ ช่วงนี้เลยไม่ได้ไปเลย”

“คุยอะไรกันอยู่หรอครับ?” ผมเดินเข้าไปขัดจังหวะการสนทนาที่น่าจะสนุกของทั้งคู่
สนุกแค่สองคนอะนะ นอกนั้นคนอื่นดูเป็นอากาศ ! ไม่เชื่อถามพี่อาฟก็ได้ ไม่งั้นพี่อาฟไม่กรอกตามาให้ผม

“อ้าว ว่างแล้วหรอตะวัน” พี่มูนเอื้อมมาจับมือผมให้ไปนั่งข้างๆ โดยที่ก็มีอีกคนนั่งอยู่อีกข้าง

“ว่างแค่เที่ยง เดี๋ยวบ่ายมีเรียนต่อ”

“ปี 2 เรียนหนักขนาดนั้นเลยหรอพี่ตะวัน” ยัยน้องวี่หันมาถาม

“ใช่ ไม่เหมือนปีหนึ่งนะที่จะว่างมาเตร็ดเตร่อะไรอยู่แถวนี้” ไม่ได้แซะใครจริงๆ

“เราก็คงจะเหมือนพี่ตะวันเมื่อก่อนอะเนอะวี่” กันต์พูด

“เมื่อก่อนน้องตะวันมาจีบไอ้หล่อไง ไม่ว่างก็ต้องว่างแหละเนอะน้องตะวัน ทำคะแนนนี่”

“เอ๊ะ หรือน้องกันต์มาจีบไอ้หล่อเหมือนน้องตะวันสมัยก่อน”

“เอ่อ..” กันต์มันดูอึ้งๆที่พี่อาฟแซวเล่น

“มึงก็ไปแกล้งน้องเล่น” พี่มูนกว่าออกไป ก่อนที่จะเอามือมาโอบเอวผมไว้ จนผมต้องหันไปมองหน้า แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับมามองเพียงแต่กระชับมือที่โอบเอวให้แน่นขึ้น

“ดูหน้าน้องมันด้วยไอ้อาฟ หาแกล้งน้อง กันต์แค่พาวี่มาจีบกูแค่นั้นเอง เนอะ” พี่บิ๊กพูดขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นคล้องคอยัยน้องวี่

“ครับ พาวี่มา แต่ได้ข่าวว่าพี่บิ๊กเป็นคนขู่ให้วี่มาหานะ”

“โอ้โห พ่อทุกสถาบันของกู ต้องขนาดนั้นเลยหรอพ่อ ฮ่าๆ”

“ห่าอาฟ หุบปากไปเลย” แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนออกจากวี่นะ แม้น้องมันจะพยายามเอาออกก็เถอะ

“ตะวัน ตอนบ่ายพี่จะไปคาเฟ่กับกันต์นะ”

“หืม.. คาเฟ่ไหนอะ อยากไปด้วยจัง”

“ร้านที่เราเป็นลมไง”

“อ้อ ฮ่าๆ น่าขำจริงๆ”

“เรื่องอะไร?” เฮ้ย พี่มูนไม่รู้นี่ว่าเราเป็นลมเพราะอะไรนี่...

“เปล่าฮะ แล้วจะไปกินข้าวกันหรอ?”

“พี่มิวพี่สาวพี่บอกให้กันต์ไปหาน่ะ กันต์เลยมาชวนพี่ไปหาด้วย ไม่ได้เข้าไปสักพักแล้ว”

“พี่มิว พี่สาว..พี่มูนหรอ” ผมไม่รู้เรื่องนี้จริงๆครับ จำได้ว่าชื่อนี้เคยได้ยินตอนพี่นีนคุยกับพี่มูน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรือถามอะไร

“พี่ตะวันไม่รู้จักพี่มิวพี่สาวพี่มูนหรอเนี่ย? พี่มิวที่เป็นเจ้าของคาเฟ่ฮิตหลังมอ พี่ตะวันน่าจะเคยไปนะ” กันต์บอก ก่อนจะขำให้ผมเบาๆ

“อ่อ ไม่อะ ไม่เคยรู้”

อยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องของแฟนเลยหรอเนี่ย ผมรู้จักพี่มิว รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของร้านที่แสนสวย แต่ไม่รู้จักว่าเป็นพี่สาวของคนข้างๆ แถมตอนที่ไปกินข้าวหลังแข่งบาสตอนนั้น ก็ไม่มีใครบอกว่านี่เป็นร้านของพี่สาวพี่มูน

“ตะวัน เป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ่อ ตะวันต้องไปเรียนแล้วนะ ถ้าจะดีซื้อเค้กมาฝากตะวันด้วย ฮ่าๆ”

“น่ารักวะ” พี่ดิวพูดขึ้น

“เชี่ยไรดิว” พี่มูนหันไปมองพี่ดิว

“แฟนมึงน่ารักดี จะหาแบบนี้ได้จากไหนหว๊า จะแย่งก็ไม่ได้ของไอ้หล่อมัน”

“เออ แฟนกู”

“พี่มูนไปกันเถอะ พี่มิวโทรมาตามแล้ว” นี่กันต์สนิทกับพี่สาวของแฟนผมขนาดนั้นเลยสินะ

“งั้นก็ได้ ป่ะตะวันเดี๋ยวพี่ไปส่งที่คณะด้วย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวตะวันไปเอง เดินลัดๆไปก็ถึงแล้ว”

“งั้นเดี๋ยววี่ไปส่งพี่ตะวันเอง ป่ะ” ยัยน้องวี่ลุกขึ้นมาเดินเกาะแขนผม

“เอ้าวี่ แล้วพี่อะ” พี่บิ๊กทักขึ้น ดูจะขัดใจเบาๆที่ยัยน้องวี่จะไปส่งผม

“กลับห้องไปนอนไป วี่จะไปนั่งเรียนกับพี่ตะวัน ป่ะ” มันไม่รอให้พี่บิ๊กพูด มันก็เดินพาผมกลับคณะ


“อารมณ์ไหนจะไปนั่งเรียนด้วย”

“หาความรู้เพิ่มไง เผื่อขึ้นปี 2 แล้วจะได้ง่ายๆ”

“วี่ลืมไปเปล่าคนละเอก”

“เอ้าหรอ ฮ่าๆ” มันขำก่อนจะเอาหัวมาถูๆแขนผม  วี่มันทำแล้วน่ารักดี

“แล้วไม่ไปกับแฟนอะ?”

“ไม่ใช่แฟน” แหมมมมมมม อยากจะแหมดังๆ

“เล่นตัว”

“ช่างเถอะๆ เอาเรื่องนี้ก่อน” มันบอกปัดๆ

“เรื่องไหน เรื่องไปเรียนด้วยนี่หรอ ไม่ได้ วันนี้เข้าห้องฟิล์ม”

“เห็นน้องขยันเรียนขนาดนั้นเลยหรอ?” มันตอบหน้าตาย

“แล้วเรื่อง?”

“กันต์” ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้ามันทันที

“ทำไม?”

“พี่ไม่รู้สึกอะไรจริงๆหรอ?”

“ก็น่ารักดี ทำไมอะ จะให้รู้สึกไรอะไม่ได้สนิทกันไม่รู้จะตอบยังไง”

“วี่ก็อธิบายไม่ถูก” มันเกาหัวตัวเองเหมือนสับสน

“เป็นไร กันต์มันทำไรให้ไม่สบายใจ?” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“ขอถามหน่อย พี่ไม่หึงบ้างหรอเวลากันต์มันมาหาพี่มูน” มันทำหน้าเครียด ผมนี่ก็เริ่มเครียดตามละถ้าถามเข้าเรื่องนี้

“ก็มีบ้าง แต่มันก็ไม่มีอะไรไง”

“วี่เคยถามมันว่าชอบพี่มูนหรอ มันตอบว่าชอบเพราะเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่บางทีมันก็ดูเหมือนชอบเกินคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องอะ หรือวี่จะคิดมากไปเอง” มันกอดอกทำหน้าคิดหนัก

“คิดมากไปเองมั้ง” ผมตอบกลับไปแม้ว่าในใจมันก็มีแกว่งๆเพราะความคิดของตัวเองอยู่บ้างเมื่อยามที่น้องคนนั้นเข้าใกล้แฟนตัวเอง


“แกเห็นที่น้องกันต์ลงรูปปะ?”

“อันไหนวะแก”

“ล่าสุดเลยเพิ่งลงไม่กี่นาที คือเขาเหมาะสมกันวะแก”

“กับใครวะ เขามีแฟนแล้วหรอ? ขอส่องแปป”

“พี่มูนไง”

“ถ่ายรูปด้วยกันอย่างแฟน แต่มึงพี่มูนเขามีแฟนแล้วไม่ใช่หรอวะเด็กเอกถ่ายภาพอะ”

“คนนั้นอะนะ นี่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่วะ แม่งดูยังไงก็เหมือนไปแย่งมาจากพี่นีน กูเชียร์น้องกันต์นะช่วงนี้เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยด้วย ถ้ามีซัมติงจริงๆนะกูยอมไปเต้นหน้าคณะ”

“มึงก็พูดไป ไม่น่าจะแย่งมาปะดูจากตอนที่ขอกันเป็นแฟนตอนนั้น พี่มูนเขาก็ชัดเจนว่ารักของเขาอยู่นะมึง”

“โอ๊ยมึงคะ อาจจะแค่หลงแค่นั้นล่ะ แต่น้องกันต์นี่เขารู้จักกันมานานแล้วนะมึง ดีไม่ดีอาจเคยมีซัมติงกันมาก่อนด้วย ถ้าเลิกกับคนนี้ได้นะกูเชียร์น้องกันต์เต็มที่ ผู้ชายอะไรวะน่ารักกว่ากูที่เป็นผู้หญิงอีก”

“เออน่ารักจริง ได้ข่าวว่าเรียนเก่งด้วย เรื่องงานบ้านงานเรือนก็เก่ง ยอมใจวะ”

“จริงมึงโปรโฟล์ดีมาก”

ผมค่อยๆเดินถอยหลังแล้วรีบก้าวออกมาจากมุมตึก จากที่ตั้งใจว่าจะเดินผ่านอาคารนี้เพื่อไปอาคารเรียนตัวเองเลยต้องเดินอ้อมไปทางหลังอาคารแทน

“เฮ้อ”

ผมถอนหายใจให้กับบทสนทนาที่ได้ยินเมื่อสักครู่ ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่ผมได้ยินอะไรทำนองนี้ ตั้งแต่ผมได้รู้จักคนที่ชื่อกันต์ผมก็ได้ยินเรื่องที่ว่าเขาเหมาะสมกับแฟนผมขนาดไหนออกจะบ่อย เหอะ ..

อาจจะเป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเราเพิ่งคบกันได้ไม่นานเลยทำให้ความรู้สึกของผมมันจะสั่นคลอนได้ง่ายหรือเปล่า..

“มาทำไรตรงนี้ไอ้คนคูล” ผมหันไปตามเสียงเรียก

“เรื่องของกู” ผมตอบกวนๆเมื่อเห็นว่าเป็นแมน

“กวนตีนกูนะ”

“แล้วมาทำไรแถวนี้”

“เรื่องของกู” มันย้อนกลับผม ผมเลยแยกเขี้ยวให้มัน

“เป็นหมาหรอ” ผมกรอกตาไปให้มัน ถึงจะเป็นหมาก็เป็นหมาที่น่ารักแล้วกัน

“ไม่ไปเรียนหรอ มาทำไรแถวนี้ ป่านนี้ไอ้บูมโดนหมาคาบไปแดกแล้วมั้ง”

“ไอ้บูมกูแดกได้คนเดียว เข้าใจนะ ถามว่ากูไม่ไปเรียนหรอแล้วมึงอะไม่เรียนหรอ”

“เออจริงวะ ก็เรียนด้วยกันไหมวะ”

“ห่า มึงเอ๋อ” มันว่าก่อนจะเอาคล้องคอผมเดินไปอาคารเรียน

“ถ้ามีเรื่องให้คิดมาก ก็อย่าเก็บไว้คนเดียว คิดแค่ในมุมตัวเองบางทีมันก็อาจหาทางออกไม่ได้นะ” ผมหยุดเดินแล้วหันหน้าไปหามัน

“กูน่ารักไหม?” ผมเอียงคอถามมัน

“น่ารัก”มันทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมตอบ

“กูเรียนเก่งไหม?”

“ไม่ถือว่าเก่ง แต่มึงไม่ได้เรียนแย่”

“แล้วกูทำอาหารเก่งไหม?”

“เรื่องนั้นมึงฝึกได้” เข้าใจว่ามันตอบแบบรักษาน้ำใจ ก็ผมทำอาหารไม่ได้จริงๆอะแหละ

“กูโปรโฟล์ดีไหม?”

“มึงน่ารัก มึงถ่ายรูปสวย มึงเล่นกีต้าร์ได้ มึงรวย ถ้าทั้งหมดนี้คือโปรโฟล์ก็ถือว่าดีเลย”

“แล้วกูเหมาะสมกับพี่มูนไหม?” ผมจ้องหน้ามัน

“มึงฟังกูนะ แม้ว่าพี่เขาจะดูดีเกินคนธรรมดาไปอะนะ แต่มึงก็ไม่ได้ดูธรรมดาจนเกินกว่าที่จะเป็นแฟนพี่เขาได้นะตะวัน ไอ้เหมาะสมไม่เหมาะสมมันแล้วแต่คนจะคิด แต่มึงจะเอาคำพูดคนอื่นมาตัดสินความสัมพันธ์ของมึงกับแฟนทำไมวะ อีกอย่างพี่มูนตาถึงจะตายมาเอาเพื่อนกูเป็นแฟน มึงน่ะฟังแค่คำพูดแย่ๆของคนอื่น จนไม่ได้สนใจว่าตัวเองฮอตขนาดไหนเลยนะตะวัน”

มันพูดซะยาว ผมได้แต่มองตาปริบๆ

“เมื่อกี้มึงว่ากูฮอตหรอ?” ผมยิ้มร่าออกมา

“อะแน่นอน เพื่อนกูมันคนคูล คนฮอตจะตาย มั่นใจไว้หน่อยสิวะ” ผมยืดอกแล้วกอดอกทันที ไม่ใช่คนบ้ายอเลยจริงๆนะ “พอเลย ไปเรียนได้แล้ว สายมา 5 นาทีแล้ว”

“โอ๊ะ วิ่งเลยไอ้แมน” เมื่อนึกได้ผมก็รีบวิ่งทันที โดยที่มีไอ้แมนวิ่งตามมาแต่ปากก็ตะโกนว่าไม่รอเลยนะ


“น้องตะวันนน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“สวัสดีครับพี่มิว” เจ้าของร้านคาเฟ่หลังมอคนสวย คนนี้ล่ะครับพี่สาวพี่มูนที่กันต์มันบอก ผมเองรู้จักกับพี่มิวอยู่แล้วเพียงแค่ไม่รู้ว่าน้องชายเขามาเป็นแฟนตัวเองก็แค่นั้นเอง

พี่มิวจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับ จะว่าไปสองพี่น้องเขาถอดตาคมเฉี่ยวมาเหมือนกันเป๊ะเลยนะ หน้าตาก็คล้ายกันอยู่แต่ทำไมผมไม่เอ๊ะใจไรเลยก็ไม่รู้ ถ้าพี่มูนไว้ผมยาวก็คงแยกไม่ค่อยออกเท่าไหร่ว่าใครเป็นใคร ผมรู้จักพี่มิวตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่งแล้ว เพราะมาสิงอยู่ร้านนี้ค่อนข้างบ่อย เป็นคนชอบกินพี่เขาก็มักจะสรรหาเมนูอร่อยๆมานำเสนอตลอด

“แก๊งสาวสวยหนุ่มหล่อมาด้วยไหมวันนี้?”

“กำลังตามเข้ามาครับ วันนี้มีอะไรเด็ดๆมานำเสนอไหมอ่ะพี่มิว”

“มีๆ เดี๋ยวพี่พาเข้าไปดู” พี่มิวเรียกให้ผมเดินไปด้วยกันที่หลังร้านที่เป็นครัวสำหรับทำอาหารทำขนม

เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนั้นผมเห็นผู้ชายตัวสูงที่กำลังขยับหน้าเข้าไปใกล้เด็กผู้ชายตัวเล็ก ก่อนจะใช้มือลูบที่แก้มของอีกคนอย่างเบามือเหมือนกลัวว่ามันจะช้ำอะไรทำนองนั้น ทั้งคู่เหมือนยังไม่รู้ตัวว่ามีอยู่คนเข้า แต่ไม่นานกันต์ก็เหลือบมาเห็นผม ก่อนจะส่งยิ้มมุมปากมาให้

“พี่ตะวัน..” กันต์ทักขึ้น ก่อนที่พี่มูนจะหันมา

“เรียนเสร็จแล้วหรอ?” คนหล่อเดินเข้ามาหาผมทันที

“นี่รู้จักกันด้วยหรอ? เอ๊ะ ตะวัน มูน มูน ตะวัน อย่าบอกนะ” พี่มิวจ้องผมสลับกับน้องชายตัวเอง

“นี่ตะวัน แฟนมูน” พี่มูนตอบพร้อมเอามือขึ้นมาโอบไหล่ผม ผมก็ดึงเอามือออก แต่พี่มูนก็เอามาไว้อยู่ท่าเดิม

“พี่ว่าแล้วเชียว ตอนแรกที่มูนบอกว่ามีแฟนแล้วนะ ชื่อตะวัน พี่ก็ว่าชื่อคุ้นๆไม่นึกว่าจะเป็นคนนี้” พี่มิวว่าแล้วยิ้มๆก่อนจะหันไปดูอะไรสักอย่างกับกันต์

“พี่มิวไม่คิดว่าพี่มูนจะคบกับพี่ตะวันได้งั้นหรอ?” กันต์มันพูดออกมา 

“อืม” ใจผมนี่หล่นอยู่ตาตุ่ม “ไม่คิดว่าตะวันจะเอามาเอามูนเป็นแฟน”

“อะไรนะพี่มิว?” กันต์มันถามด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึงก่อนจะมองมาที่ผมด้วยสายตาสงสัย

“ฮ่าๆ มูนมันร้ายนะตะวัน ระวังมันด้วย”

“หมายถึงอะไรหรอครับ?”

“ก็มันจะทำให้เราตกหลุมรักจนโงหัวไม่ขึ้นเลยไง ฮ่าๆ อีกอย่างนะถ้ามีใครมาจีบก็รับพิจารณาไว้บ้างนะ มูนมันก็มีดีแค่หล่อ อย่างอื่นอย่าให้พูดเลย ฮ่าๆ”

“พี่มิวพูดเกินไปละ จะไม่เข้าข้างน้องชายตัวเองหน่อยหรอ? ดันบอกให้ตะวันรับพิจารณาคนอื่นอีก”

“แกไม่รู้อะไร น้องตะวันฮอตจะตาย มีทั้งหญิงทั้งชายเข้ามาจีบ” พี่มิวก็ว่าเกินไป

“อันนั้นมูนรู้...” พี่มูนว่าด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะเดินไปช่วยกันต์ทำขนม

“ตะวันชิมดู” พี่มิวถือจานใบเล็กที่มีชีสเค้กชิ้นพอเหมาะวางอยู่ ก้อนจะตักป้อนผมขนาดพอดีครับ เอิ่ม มีสาวสวยตักป้อนแบบนี้ก็เขินเหมือนกันนะ

“ตักเองก็ได้มั้ง” พี่มูนจิกตามอง

“อร่อยๆ โห ได้สูตรได้มาใหม่หรอครับ” ผมตอบตามจริง

“ใช่ พี่อุตส่าห์อ้อนวอนขอร้องขอสูตรจากกันต์มาเลยนะ กว่าเจ้าตัวจะยอมให้”

“ใส่ร้ายกันต์ไหมเนี่ย พอว่างกันต์ก็มาทำให้ดูเลยเนี่ย” น้องมันบ่นอุบอิบ เออ น่ารักครับ

“ฮ่าๆ แซวเล่นน่า”

ภาพตรงหน้าทำผมเกิดความสงสัยหลายอย่าง พี่มูนที่กำลังช่วยกันต์ทำขนมอย่างเงอะๆงะๆแต่ก็ไม่บ่นอะไรสักคำยอมทำนั่นนี่อย่างง่ายดาย เขาน่าจะสนิทกันจริงๆ ผมที่เกรงว่าจะทำตัวเกะกะเลยขอตัวออกมาหาเพื่อนที่คาดว่าคงจะมาถึงแล้ว

“เป็นไรตะวัน?” มะนาวถามผม

“เปล่า” ผมปฏิเสธไป ก่อนจะหยิบมือถือมาเล่นรออาหารมาเสิร์ฟ แต่อยู่ๆก็มีข้อความเข้า


‘อย่ามั่นใจไปหน่อยเลยว่าพี่มูนจะรักนายจริงๆ’


พร้อมรูปพี่มูนที่กำลังผูกเชือกเสื้อกันเปื้อนให้กันต์ซึ่งน่าจะเป็นช่วงก่อนที่ผมจะมา เป็นเหมือนรูปแอบถ่ายที่อยู่ภายในร้านนี่ล่ะ ผมพยายามมองหาบุคคลที่น่าสงสัยแต่ก็ไร้วี่แวว

‘ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ส่งมาแบบนี้เพื่ออะไรกัน’

“เกิดเรื่อง ! อยู่ดีก็มีคนปล่อยรูปตะวันกับใครไม่รู้อะ แล้วแคปชั่นบอกว่า เหยื่อรายต่อไปหรอ โหอีแอคนี้” มะนาวพูดด้วยความโมโห

“รูปเราหรอ ไหนขอดูหน่อย?” ผมรับมือถือมาจากมะนาว เอ๊ะ คนในรูปนี่ใช่ผมจริงๆแต่อีกคน.... ผมชนเขาตอนที่รีบวิ่งไปเรียน

“ไอ้นี่คือคนที่มึงวิ่งไปชนเขานี่”

“แมนรู้จักด้วยหรอ?” แตงโมถาม

“ไม่อะ ก็วันนี้ก่อนไปเรียนไอ้ตะวันมันวิ่งไม่ดูทางไปชนไอ้หมอนี่เข้า ตะวันมันล้มคนนี้เขาก็ช่วยพยุงอย่างที่เห็นในรูป”

“แล้วเอามาโพสต์ลงมั่วๆนี่นะ มะนาวเอาเฟซมันมาดิขอเคลียร์หน่อย” บูมมันว่าอย่างอารมณ์เสีย

“ไอ้บูม” แมนเรียกมันเสียงเรียบ จ้องไปที่บูม

“มันใช่เวลาไหมไอ้สัส เพื่อนโดนใส่ร้ายอยู่นะ จะไม่ทำอะไรเลยหรอ?”

“ตะวันช่วงนี้มีอะไรแปลกๆไหมอะ?” แตงโมหันมาถามผม

“เอ่อ.. ยังไงอะ?”

“ก็แบบมีใครมาหาเรื่องหรือเปล่า อย่างแฟนคลับพี่มูนอะไรทำนองนั้น”

“ไม่มีนะ” ผมไม่ได้บอกไปว่าช่วงนี้รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน

“แต่ช่วงนี้คนพูดถึงมึงในทางแย่ๆบ่อยนะ กูไปโรงอาหารกลางแม่งซุบซิบกันว่าเล่นเรื่องมึงกับแฟน” บูมมันบอก

“หรอวะ กูไม่ค่อยสนใจอะ”

ก่อนที่จะเราจะได้พูดอะไรกันต่อ พี่มูนกับกันต์ก็ออกมาพร้อมกับจานอาหารและขนมก่อนจะวางลงที่โต๊ะ พวกเราเลยพากันเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ คาดว่าพี่มูนก็คงยังไม่เห็นรูปนั้น

“เด็กเสิร์ฟร้านนี้เขาคัดหน้าตาหรือเปล่าเนี่ย ผมจะได้มาสมัครบ้าง” บูมมันแซวขึ้น

“อย่าเลย ถึงหน้าตาจะผ่านเกณฑ์แต่ปากหมาก็ไม่ไหวนะ ลูกค้าหายหมด” พี่มูนตอบมัน ทำเอามะนาวกับแตงโมขำก๊าก

“ใครมันจะไปหล่อและพูดจาดีแบบพี่กันล่ะ แค่เดินออกมาสาวๆในร้านเหลียวตามจนคอเคล็ดกันหมดละ แต่เอ๊ะ ไม่น่าจะใช่แค่สาวๆแล้วล่ะ หนุ่มน้อยแถวนี้ก็คงจะด้วย” บูมมันว่ากลับก่อนจะปรายตาไปที่กันต์ อะมึงดูไม่ชอบเขามากจริงๆแหละ

“แมนดูแลมันด้วย” พี่มูนหันไปพูดกับแมนก่อนจะเดินมานั่งข้างผม


หลังจากที่เราอิ่มท้องกันแล้วก็ต่างแยกย้ายกันกลับ ผมกลับมาหอโดยที่พี่มูนมาส่งก่อนที่เจ้าตัวจะไปทำงานต่อที่คอนโดพี่อาฟ ซึ่งผมก็เข้าใจไม่ได้งอแงอะไร

ตอนนี้เป็นเวลา สองทุ่ม อยู่ๆคนที่ผมวิ่งชนเขาเมื่อตอนบ่ายก็ทักมาหาในเฟซบุ๊คผม บอกว่าผมทำของหล่น เลยเอามาให้ตอนนี้ก็รอผมอยู่ข้างล่างแล้ว เมื่อถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอมบอก ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นได้ทำของอะไรหล่นหรือเปล่า ผมเลยต้องลงมาหาเขา

“ขอโทษนะครับ ใช่ตะวันไหม?”

“อ่อใช่ครับ”

“อะนี่” ผู้ชายคนนั้นเขายื่นกล่องบางอย่างมาให้ผม

“อะไร? ไม่น่าจะใช่ของผมนะ” ผมไม่ได้รับไว้ เพราะนั่นไม่ใช่ของผม

“ขอโทษนะที่โกหก ตะวันไม่ได้ทำของหล่นหรอก อันนี้เราตั้งใจให้ตะวัน” เขาบอกทั้งที่ยังยื่นกล่องนั่นมาให้ผม “เราชอบตะวันนะ” เขาบอกกับผม แต่ทำไมผมไม่ได้รู้สึกถึงความจริงใจของประโยคนั้นเลย

“เอ่อ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ แต่เรารับไว้ไม่ได้เรามีแฟนแล้ว”

“ไอ้มูนอะนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แคร์อะไร

“อืม ก็รู้จักนี่”

“ไอ้คนที่โกหกแฟนตัวเองว่าไปทำงานกับเพื่อนที่คอนโดแต่จริงๆแล้วไปกกอยู่กับตุ๊กตาหน้ารถคนใหม่อยู่น่ะหรอ?” มันเหยียดยิ้ม

“นายหมายถึงอะไร?”

“ตะวันอย่าโง่ไปหน่อยเลย ไอ้เด็กกันต์อะไรนั่นเด็กใหม่ไอ้มูนมัน ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าเด็กในสต็อคอยู่แล้ว ตอนเลิกกับนีนก็เพราะไอ้เด็กคนนี้นี่ไม่คิดว่าจะยังแอบกินกันอยู่”

 “......”ผมตกใจจนไม่ได้พูดอะไรออกมา นี่เขาพูดความจริงหรอ

“ตกใจใช่ไหม ไอ้มูนไม่เคยบอกสินะว่าเลิกกับนีนเพราะอะไร ตาสว่างได้แล้วตะวัน แล้วหันมาให้โอกาสเราเถอะ เราชอบตะวันจริงๆนะ ไม่อยากให้ตะวันโดยหลอก” เขายังคงพูดออกมา

“จะเชื่อนายได้ยังไงว่าที่นายพูดมาเป็นความจริงๆ”

“นี่”

เขายื่นรูปในมือถือมาให้ดู รูปแรกน่าจะเป็นรูปสมัยมัธยมเพราะผู้ชายสองคนที่ยืนกอดกันนั้นใส่ชุดนักเรียน เมื่อนิ้วเลื่อนไปรูปที่สองเป็นรูปที่ของผู้ชายสองคนที่ยืนจับมือกัน และมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่กำลังยืนร้องไห้ ผมจำได้ว่านั้นคือพี่นีนแฟนเก่าพี่มูน
ส่วนรูปที่สาม.... เป็นรูปที่ทั้งคู่เดินพากันขึ้นคอนโดแห่งหนึ่งโดยที่รูปไม่ได้ชัดมากแต่ก็พอรู้ได้ว่าคนในภาพเป็นใคร แถมผู้ชายตัวเล็กก็ยังเกาะแขนผู้ชายอีกคน ดูยังไงก็เหมือนคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ในใจผมเริ่มเต้นรุนแรงในขณะที่ได้เห็นภาพพวกนั้น แต่ผมก็ไม่อยากปักใจเชื่อคนอื่น

ผมควรจะเชื่อใจแฟนตัวเองไม่ใช่หรอ.... แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บล่ะ

“คบกับเราเถอะนะ” ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าขยับเข้ามากอดผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

“เฮ้ย ทำอะไร ปล่อยเรานะ จะมากอดเราทำไม ปล่อย !” ผมร้องเสียงดังและพยายามจะสะบัดตัวออก แต่เขาก็ตัวใหญ่กว่าผมมากจึงทำให้ผมขัดขืนได้น้อยหรือแทบจะสลัดเขาออกไม่ได้เลย

“หวงเนื้อหวงตัวไปหน่อยเลย ไหนๆก็รู้ความจริงแล้วยังจะคบมันต่ออยู่หรือไง?” เขายังคงไม่ยอมปล่อย แถมพูดจาอะไรก็ไม่รู้ออกมา

“ปล่อย ! บอกให้ปล่อยไงโว๊ย!” ผมดิ้นแรงมากขึ้น


“ทำไรเพื่อนกูวะ!”

ผมหันไปตามเสียงตะโกนของบูม มันมาจากไหนไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้มันกระชากอีกคนออกจากผมแล้วต่อยเข้าที่หน้าของคนนั้น ไม่พอมันยังตามไปซ้ำอีก จนแมนที่น่าจะมาด้วยกันวิ่งเข้าไปห้ามก่อนที่บูมมันจะฆ่าไอ้หมอนั่นตายซะก่อน

“กูถามว่าทำไรเพื่อนกู ไอ้เหี้ยเอ้ย ไอ้แมนปล่อยกู กูจะเอาไอ้ห่านี่กองอยู่ตีนกูให้ได้” มันพยายามจะเข้าไปต่อยอีกคนอีก แต่แมนมันก็ยังกอดบูมไว้แน่น

“บูม ! ใจเย็นสิวะ” มันตะโกนใส่บูม

“ไม่ ! มึงปล่อยกู” มันยังคงไม่ยอมฟัง

“ไอ้เชี่ยบูม ! หยุดแล้วคุยกันก่อนไหม !” แมนมันตะคอกเสียงดังจนบูมมันนิ่งเหมือนตั้งสติได้

“ปล่อยมันมาดิ ปล่อยมันมาต่อยกู” อีกคนที่ล้มไปเมื่อสักครู่ค่อยๆลุกขึ้น แต่ที่มุมปากมีเลือดติดอยู่ คงจะแสบไม่น้อยเลย มันจ้องไปที่บูมก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา มองบูมด้วยสายตาที่โคตรจะเหยียด

“ห่วงเพื่อนดีนะมึงอะ แต่ห่วงเกินเพื่อนไปหรือเปล่า” มันพูดขึ้นโดยที่บูมก็กำลังจ้องมันกลับอย่างเขม็ง

“มึงจะพูดอะไร?” บูมมันถามกลับเสียงเรียบ แต่แววตามันยังจ้องไปที่อีกคนอย่างไม่วางตา โดนที่แมนก็ค่อยๆปล่อยมือออกจากบูม

“กูพูดได้จริงหรอ?” มันยังคงจ้องไปที่บูมสลับกับจ้องมาที่ผม นี่มันเรื่องอะไรกัน ผมเริ่มงงไปหมดแล้ว มีอะไรอีกที่ผมยังไม่รู้

“พูดมา!” บูมมันเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกคนที่รอยยิ้มเหยียดๆนั้นไม่ได้หายไปเลย

“เรื่องที่มึงชอบตะวันไง”

ผมตกใจจนอ้าปากค้าง ผมมันค่อยๆปล่อยมือออกจากคอเสื้อไอ้หมอนั่น ก่อนที่มันจะหันมามองผมด้วยแววตาสั่นๆ ผมยังไม่ทันได้หายตกใจ บูมยังไม่ทันได้พูดอะไร อยู่ๆแมนมันก็เข้าไปต่อยไอ้หมอนั้นจนมันนอนจมอยู่กับพื้น

“มึงพูดจบแล้วใช่ไหม นี่คือรางวัลสำหรับมึง แล้วมึงจำสิ่งที่มึงทำไว้ด้วยนะ” แมนพูดกับมันก่อนที่จะหันกลับมาดึงผมและบูมออกจากตรงนั้น เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแมนโมโหขนาดนั้น

ตอนนี้ในห้องผมเต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรมากมายที่ถาโถมเข้ามาในความคิดผมตอนนี้ ผมต้องค่อยๆเคลียร์มันทีละเรื่องใช่ไหม ไม่เช่นนั้นผมต้องบ้าตายแน่ๆ จากที่ว่าต้องเสียใจเรื่องจริงหรือไม่จริงของแฟนตัวเองกับเด็กนั่นก็ต้องคิดมากกับบุคคลที่อยู่ในห้องกับผมตอนนี้ด้วย

“บูม มึง..”

“เออ กูชอบมึง” ผมยังไม่ทันจะได้ถามมัน มันคงจะรู้เลยชิงตอบก่อน มันไม่ได้มองหน้าผม มันนั่งหลบตาแต่ยังพูดออกมาเรื่อยๆ
“กูชอบมึง ชอบมานานแล้วด้วย แต่มึงไม่เคยรู้ นั่นไม่ใช่ว่ามึงโง่แต่กูไม่ได้แสดงออกอะไรด้วย”

“เอ่อ...” ผมไม่คิดว่าเพื่อนจะบอกความรู้สึกกับผมแบบนี้ มันอะไรกันวะ ไอ้แมนชอบไอ้บูม แต่ไอ้บูมมันชอบผม นี่หรอที่ทำให้บูมมันไม่ยอมเปิดใจให้กับแมน


‘มันอกหัก มันแอบชอบเขา’ ที่แมนบอกตอนนั้น คนนั้นก็คือผมสินะ.....


ชิบหายเอ้ย ผมได้แค่ร้องตะโกนอยู่ในใจ ไหนจะท่าทีของมันที่ดูแปลกๆไปตอนที่รู้ว่าผมชอบพี่มูน...


ภาพถ่ายดอกทานตะวันที่เลือกจะรับแสงจากพระจันทร์มากกว่าพระอาทิตย์ ....


ทิวากร... แปลว่าพระอาทิตย์ พระอาทิตย์คือมันสินะ











ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 15 ไปกันใหญ่


“มึงกำลังคิดอะไรอยู่”  บูมมันถามขึ้นเมื่อผมยังนิ่งและไม่ได้พูดอะไรเลย

“กะ กู ตกใจ”

“เออก็ไม่แปลกใจที่มึงจะตกใจ” ท่าทีมันเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ มันดูสบายๆขึ้น

“แล้วมึง...”  ผมยังคงกลายเป็นคนพูดไม่จบประโยคสักที

“กูเคยชอบมึง แต่ตอนนี้ไม่ละ” มันพูดขึ้น แต่คนที่ดูจะตกใจกว่าผมก็คงจะเป็นอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย นั่นก็คือแมน แต่เหมือนมันจะเก็บความสงสัยเอาไว้ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“กูทำตัวไม่ถูกเลยวะ ก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะที่มึงรู้สึกกับกูแบบนั้น แต่กู..แค่กลัวทำอะไรแล้วไปกระทบจิตใจมึง”

“เนี่ยไง มึงเป็นแบบนี้ไงตะวัน กูเลยไม่เคยบอกมึง กูเลยอยากให้เรื่องนี้มันเงียบไปโดยที่ไม่มีใครรู้รวมถึงมึงด้วย”

“แล้วใครรู้บ้างอะ?” ผมถามมัน ก่อนที่มันจะหันไปมองแมน

“แล้วก็แฟนมึงล่ะมั้ง”

“ห๊ะ พี่มูนรู้ด้วยหรอ?” มีอะไรที่ทุกคนไม่บอกผมอีกไหมเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆกลายเป็นคนโง่ในกลุ่มคนสนิทไปหมดเลยวะ

“คงใช่ล่ะ ไม่งั้นคงไม่หวงเวลามึงอยู่กับกูขนาดนั้นหรอก”

“กูไม่เคยคิดแบบนั้นอะ”

“เออ มึงเป็นแบบนี้ไง กูถึงได้คอยห่วงมึง แล้วจะเล่าได้ยัง ว่าไอ้เหี้ยนั่นมันเป็นใคร มันทำไรมึง” มันมีท่าทีที่หงุดหงิดขึ้นมาอีกเมื่อพูดถึงไอ้หมอนั่น

“แมนมึงจำได้ไหมคนนี้ที่กูวิ่งชนเขาตอนบ่าย มันทักมาหากูว่ากูทำของหล่นแล้วบอกมาจะเอามาให้ที่หอ กูเลยลงไปเอา แต่เขากลับเอากล่องของขวัญให้ แล้วสารภาพว่าชอบกู”

“ชอบมึงแล้วทำแบบนั้นกับมึงอะนะ” บูมมันสวนขึ้น

“แล้วเขาก็บอกกูว่ากันต์เป็นเด็กในสต็อกพี่มูน...”

จากนั้นผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่หมอนั่นบอกผมให้แมนกับบูมฟัง มันสองคนมองหน้ากันแล้วทำหน้าตาไม่เชื่อกับสิ่งที่ผมได้เล่าให้พวกมันฟัง

“มึง กูว่ามันทะแม่งๆวะ” แมนมันบอก

“ช่วงนี้มึงมีอะไรแปลกๆไหม ที่พวกกูยังไม่รู้เล่ามาให้หมดเลยนะ” บูมมันบอก

“เอ่อ กูรู้สึกเหมือนมีคนมองกู แต่ก็ไม่ใช่ตลอดนะ และก็.. มีข้อความประหลาดๆส่งมาหากู”

“เอามาดู” แมนมันแบมือขอมือถือจากผม ผมเลยเปิดให้มันดู บูมมันชะโงกหน้าเข้าไปดูด้วย ก่อนที่พวกมันจะหันมองหน้ากัน อะไรอีกวะ มองตาก็สื่อสารกันได้หรอไอ้สองคนนี่

“มึงว่าแฟนมึงนอกใจมึงไหม?” บูมมันถามขึ้น

“กะ...กู... กูไม่รู้” ผมตอบตะกุกตะกัก

“ก็แน่ล่ะ กูเดาเลยว่าพี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับไอ้เด็กนั่นให้มึงฟังรวมถึงเรื่องแฟนเก่าด้วย” ถูกของบูม

“ก็กูไม่รู้วะ คือเพิ่งคบกันกันด้วย กูเลยไม่รู้ว่ามีสิทธิ์รู้อะไรไม่รู้อะไรบ้าง แล้วช่วงนี้ก็ต่างคนต่างยุ่ง”

“กูว่าเรามาเล่นเกมส์กันดีกว่า” แมนพูดขึ้น

“อะไรของมึงวะ?” บูมมันหันไปถามแมนอย่างหัวเสีย

“ก็เหมือนมีคนกำลังอยากให้เราเล่นตามเกมส์พวกมัน เราก็ต้องจัดให้ซะหน่อยไหมล่ะ”

“เอาง่ายๆได้ไหมไอ้ห่า” บูมมันยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใส่แมน ส่วนผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ

“ทำตามที่กูบอกแล้วกัน” มันมอง ทำให้ผมกับบูมหันมองหน้ากันทันที


Fb.
เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)


   อะไรยังไงค๊าาา คบกันไม่ทันไรก็มีคนเห็นหนุ่มหล่ออย่างพี่มูนอยู่กับน้องนิเทศบ่อยๆ เอ๊ะๆ แต่ไม่ใช่น้องตะวันแฟนคุณเขานะคะแต่เป็นน้องกันต์ตะเล็กตะน้อยของเราต่างหาก มันยังไงกันน๊า เห็นว่าล่าสุดไปทำขนมด้วยกันที่ร้านพี่สาวคนสวยของคุณมูนด้วยน๊า... แล้วที่สำคัญเลยนะเมื่อวานมีคนเห็นตะวันแฟนพี่มูนยืนกอดกันกับหนุ่มหล่อที่หน้าหอตัวเองด้วย งานดีด้วย เลิกแล้วต่างคนต่างมีใหม่หรือยังไงค๊า... รอเผือกต่อไปค่ะ

Fc’P’moon : เมื่อวานแฟนพี่มูนก็อยู่ด้วยนะ ตอนไปร้านพี่มิว

Farngfay : #มูนกันต์ ฉันว่าแล้วเชียวคบกันได้ไม่นาน

TomTam : คิวจีบตะวันไม่ว่างเลยหรอครับ TT

สนใจเรื่องชาวบ้าน : หน้าไม่อายนะ กอดกันหน้าหอ

BoomBoom’z : ไม่รู้อะไรก็ไม่ควรวิจารณ์คนอื่นเขานะครับ

สนใจเรื่องชาวบ้าน : แล้วมันเป็นยังไงคะ หลักฐานมัดตัวขนาดนั้น แถมเป็นคนเดียวกับที่มีรูปในมหาลัย


แล้วอีกหลายๆคอมเม้นต์ที่เข้ามาพูดคุยกันสนุกมือ ล้วนแต่เป็นข้อความด่าผมทั้งนั้น แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ผมก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่มูนเลย ตั้งแต่เรื่องรูปเมื่อวานตอนบ่ายไม่รู้ว่าพี่เขาจะรู้หรือยัง เฮ้อ..

ก๊อก ก๊อก

ก๊อกๆ

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ผมเปิดประตูแล้วพบว่าคนตรงหน้าคือคนที่อยากจะคุยด้วยมากที่สุด ผมมองหน้าพี่มูนนิ่งๆก่อนที่เขาจะเข้ามากอดผมทั้งๆที่เรายังอยู่หน้าประตูห้อง นี่หอผมมีกล้องวงจรปิดนะ..

“ตะวันอธิบายได้นะ” ผมบอกออกไป ในใจผมไม่ได้คิดจะถามถึงความสัมพันธ์ของใคร เพียงแต่แค่ไม่อยากให้พี่เขาเข้าใจเรื่องผมผิด

“อืม ว่ามาสิ” แต่ก็ยังกอดผมไม่ยอมปล่อย

“เอ่อ.. เข้าห้องก่อนไหม?” ผมบอก ก่อนที่จะพี่มูนจะค่อยๆผละออกจากผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง อีกฝ่ายนั่งที่ปลายเตียงผมเลยเดินเข้าไปหาเพื่อยืนตรงหน้า

“พี่รอฟังอยู่”

“ตะวันไม่รู้จักเขา ตะวันวิ่งชนเขาเกือบจะล้มแต่เขารับตะวันไว้เลยเป็นอย่างที่เห็นในภาพ ส่วนที่เขากอดตะวัน.....”

คนตรงหน้าดึงให้ผมเข้าใกล้มากพอที่เขาจะสวมกอดที่เอวผมได้ ใบหน้าหล่อๆนั้นแนบที่ท้องผมอย่างกับว่ามันเป็นหมอน “เขามาบอกชอบพอตะวันปฏิเสธไปเขาก็กอดตะวันโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ตะวันขัดขืนแล้วจริงๆนะ แต่เขาแรงเยอะอะ”

“แล้วมันทำอะไรอีกไหม?” ถามเสียงเรียบ

“อะ เอ่อ ไม่ได้ทำ”

“แน่ใจนะ มีอะไรอีกไหมที่ยังไม่ได้บอกพี่” พี่มูนเงยหน้าขึ้นมามองผม

“พี่กับกันต์...”

“นึกว่าจะไม่ถามเรื่องนี้ซะแล้ว”

“ก็ไม่รู้ว่าจะถามว่ายังไง มันจะดูไม่เชื่อใจพี่มูนหรือเปล่า ก็รุ่นพี่รุ่นน้องนี่” ผมยิ้มแบบที่รู้สึกว่าตัวเองฝืนยิ้มอยู่สินะ

“รุ่นน้องจริงๆ แต่ตอนมัธยมกันต์เคยชอบพี่”

“แล้วตอนนี้ล่ะ?” ผมถามกลับ

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต้องสนใจด้วยหรอในเมื่อตอนนี้พี่มีตะวันแล้วนะ แล้วรักมากด้วย” คนหล่อบอกแบบนั้น

“พี่มูน... ไม่ได้สิ” ผมหน้ายู่

“อยากให้พี่ทำอะไร?”

“ก็เปล่า แต่ถ้าน้องเขายังชอบพี่อยู่ล่ะ”

“แต่พี่ไม่ได้ชอบเขานี่ อะๆ พี่จะไม่อยู่ใกล้เขาถ้าไม่จำเป็น”

“ไม่ใช่แบบนั้น แบบนั้นน้องเขาจะไม่เสียใจแย่หรอ อีกอย่างถ้าน้องเขาไม่ได้คิดอะไรตะวันคงรู้สึกแย่”

“แล้วพี่ควรทำยังไงดีครับ?”

“ไม่ต้องทำอะไร ตะวันเชื่อใจพี่มูน” ผมตอบออกไปก่อนจะยิ้มให้

“จริงอะ” พี่มูนทำหน้าไม่เข้าใจ


Fb.
Moon Thanaphat


   ผมอาจจะไม่ได้รักคุณเหมือนเดิม เพราะผมรักคุณมากกว่าเดิม @ตะวัน อัศวถาวรานุกูล


DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : สุดจริงเลยเพื่อนกู

BigBro : หล่อยันข้อความ หวานกันสุดอิจฉา

ลิลลี่ที่สวยๆ : อุ้ยยย ข่าวมั่วๆหลบไปนะคะ พ่อบอกรักแฟนขนาดนี้

Lemon now : อ๊ายยยย เขินแทนเพื่อนได้ไหมคะ

After you : วันไหนที่มันรักน้อยลง หันมาหาพี่ได้นะครับน้องตะวัน

Moon Thanaphat : สงสัยมึงจะไม่แก่ตาย @After you

Fc’P’moon : แงง เขายังคบกันอยู่ค่าทุกคนนนนนนน


“พี่มูนโพสต์อะไรก็ไม่รู้” ผมบ่น

“เขินก็บอก” เขายิ้มล้อ

“ใช่ ! ตะวันเขิน เขินมากด้วย บ้าบอ” ผมค่อยๆยิ้มออกมาก เพราะทนเก็บอาการไว้ไม่ไหวแล้ว รู้สึกร้อนๆที่หน้าจนไม่เป็นตัวของตัวเอง

“ฮ่าๆ น่ารัก มาๆ มาจุ้บหน่อย” พี่มูนทำปากจู๋เรียกให้ผมเข้าไปใกล้ บ้าจริง !

“ไม่เอาาา” ผมรีบผลักพี่มูนออกห่าง แต่คนตัวโตก็ยังคงดื้อยื่นปากจู๋นั่นเข้ามาเรื่อยๆ

“งื้อออ”

“นะๆ นะครับ”
 
ผมหยุดนิ่งมองหน้าพี่มูน ก่อนที่จะสายตาจะไปจับจ้องอยู่ที่ปากกระจับสวยๆนั่น อยู่ๆก็เหมือนโดนมนตร์สะกดให้หยุดนิ่ง ก่อนที่ปากสวยๆนั้นจะเข้ามาใกล้มากขึ้นรู้ตัวอีกทีปากคู่สวยก็ประกบเข้าที่ปากของผมแล้ว ไม่รู้ว่าเวลาหยุดเดินไปนานแค่ไหน ผมรู้แค่ว่าผมชักติดใจรสชาติจากปากสวยๆของแฟนตัวเองเข้าแล้ว...

“ไม่พอหรอ?” เมื่อเราผละออกจากกันพี่มูนก็พูดขึ้น

“บะ บ้าหรอ..” ผมตีไปที่อกคนตรงหน้าทีหนึ่ง

“เป็นไง ดีไหม?” ยังจะถามอีก !

“งั้นๆแหละๆ” ผมตอบส่งๆก่อนที่จะชิ่งหนีเข้าห้องน้ำ แต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะตามหลัง



“สรุปว่ากันต์มันเคยชอบแฟนมึงตอนมัธยม แต่ตอนนี้แฟนมึงก็ไม่รู้ว่าเขาเลิกชอบไปยัง?”

“อะฮะ” ผมเล่าให้บูมกับแมนฟังหลังจากที่เมื่อวานได้คุยกับพี่มูน แมนมันไม่ได้พูดอะไรแต่มีแต่บูม

“แล้วมึงได้บอกแฟนมึงยังเรื่องไอ้ห่านั้นน่ะ

“ไม่ได้บอกแค่เรื่องรูปกับข้อความ”

“แล้วทำไมมึงไม่บอกไปให้หมดวะ” บูมมันทำหน้ายุ่งใส่ผม

“เอ่อ กูไม่รู้จะบอกยังไงดี”

“มีข้อความส่งมาอีกไหม?” แมนมันถาม

“ยังวะ”


ครืด ...
ข้อความเข้า


นายนี่มันโง่จริงๆเลยนะ หวังว่าจะช่วยให้ตาสว่างบ้างนะ


ข้อความที่ถูกส่งเข้ามาพร้อมกับรูปของแฟนผมที่กำลังกอดกับใครบางคน... ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย น้องกันต์

“ตะวันมึงเป็นไร?” ผมที่นิ่งไปจนบูมมันสงสัย ก่อนจะแย่งมือถือผมไปดู

“เชี่ยเอ้ย!” ก่อนที่มันจะยื่นไปให้แมนดู


ผมสับสน....
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองหวั่นไหวง่ายเหมือนกัน
นั่นกอดกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้องหรือเปล่า....


“กูว่ามันเองนั่นแหละที่เป็นคนส่งข้อความบ้าๆพวกนี้มาหามึง” บูมมันพูดด้วยความโมโห

“มึงใจเย็นดิ เรายังไม่มีหลักฐานจะไปว่าน้องมันแบบนั้นก็ไม่ได้” แมนมันบอก ทำให้บูมชักสีหน้าใส่มันทันที

“อะไรของมึงวะ ! นี่มึงไม่สงสารเพื่อนตัวเองหน่อยหรอโดนคนมาปั่นหัวเล่นแบบนี้ มันไม่สนุกเลยนะ” มันพูดกับแมนอย่างเอาเรื่อง

“เออมันไม่สนุกเลยสักนิด แต่มึงจะไปกล่าวหาน้องมันแบบนั้นก็ไม่ได้ ถ้าน้องมันไม่ใช่เจ้าของข้อความพวกนั้นมึงจะทำยังไง” แมนมันจ้องบูมกลับอย่างเอาเรื่อง พวกมึงอย่าทะเลาะกันสิวะ

“แล้วทำไรได้บ้างวะ แม่งเอ้ย !”

“มึงโอเคไหมตะวัน?” แมนหันมาถามผม

“ไม่รู้ว่ะ เขาเพิ่งบอกรักกูเมื่อวาน แต่วันนี้เขากำลังกอดกับคนอื่น” ผมมั่นใจว่าเป็นรูปของวันนี้แน่นอน เพราะพี่มูนใส่ชุดนี้ก่อนจะออกไปทำงานที่คอนโดพี่อาฟ


ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง....


“ฮัลโหลพี่” แมนมันรับโทรศัพท์ก่อนจะหันมาหาผม “เคพี่ เดี๋ยวผมไป”

“อะไรวะ?” บูมถามขึ้น เมื่อแมนวางสาย

“พี่มูนโดนต่อย”

“ห๊ะ!”

หลังจากที่แมนมันบอกว่าพี่มูนโดนต่อย ตอนนี้พวกเราก็พากันมาที่คอนโดพี่อาฟตามที่พี่บิ๊กได้โทรมาหาแมน เมื่อมาหาถึงบูมหันมาบอกว่าหน้าคอนโดเหมือนในรูปนั้นเลย ... ผมทำได้แค่มองหน้ามันกลับยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อพี่อาฟก็ลงมารับเรา

เมื่อผมเข้าไปทุกคนนั่งนิ่งสายตาผมเห็นพี่มูนก็ค่อยๆยิ้มให้ผมทั้งที่ใบหน้าหล่อๆนั้นมีรอยเลือดที่มุมปาก ไม่รู้ว่าทำไมผมรู้สึกโมโหและหงุดหงิดขนาดนี้ แผลบนใบหน้าหล่อๆนั้นทำผมแทบอยากจะตามตัวไอ้คนที่มันทำ ใบหน้าหล่อๆนั้นมันไม่เหมาะกับรอยแผลนั่นเลย !

“พี่มูนใครทำอะ? บอกตะวันมาเลยนะ ตะวันจะไปจัดการมัน !” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แอบเห็นนะพี่บิ๊กว่าแอบขำผมน่ะ !

“แฟนใครเก่งจัง ฮ่าๆ” ยังจะขำออกนะ

“เจ็บไหม?” ผมนั่งลงข้างพี่มูนก่อนจะเอามือพี่มูนมาจับไว้ ผมไม่ชอบเลยจริงๆนะที่ใบหน้าหล่อๆนั่นมีแผล เป็นใครวะมาทำแบบนี้
 
“สบายมาก” พี่มูนตอบด้วยท่าทางชิวๆ

“ไปทำอีท่าไหนอะพี่ หมาถึงได้กัดปากได้” บูมมันถามออกไปด้วยท่าทางยียวนเล็กน้อย ปากมึงนี่นะ

“หึ ก็อยู่ดีๆยังไม่ได้ทำไรเลย”

“แน่ใจหรอพี่ว่าอยู่ดีๆ แต่จะว่าไปก็คงจะดีแหละเนอะ ขาวๆทั้งนั้นเลยนี่” บูมกับพี่มูนจ้องกันไม่เลิก

“มึงหมายถึงอะไร?” พี่มูนถาม

“ไอ้บูมหยุดๆ เป็นเชี่ยไรนี่มาถึงก็ปากหมาเลยนะ” พี่บิ๊กเดินเข้าห้ามก่อนที่สองคนนี้จะลุกขึ้นต่อยกัน

“เออนั่นดิ เพื่อนกูโดนต่อยนะ จากใครก็ไม่รู้” พี่ดิวบอก

“เพื่อนพี่มันไปยุ่งกับคนของคนอื่นหรือเปล่า เขาถึงมาเอาเรื่องอะ”

“มีอะไรก็พูดตรงๆ ถ้าจะสร้างปัญหาให้กูทะเลาะกับตะวันก็ไม่ต้องเลยนะ”

“แล้วทำไมผมต้องทำแบบนั้นกับเพื่อนผมด้วยวะ” บูมมันขึ้นเสียง

“มึงรู้ดี ต้องให้กูพูดจริงๆหรอ” พี่มูนยังพูดเสียงเรียบเหมือนเดิม บูมเดินเข้ามาใกล้พี่มูนมากขึ้น จนแมนมันต้องคอยดึงไว้

“บูมใจเย็น” แมนมันดึงแขนบูมไว้ ก่อนที่บูมจะสะบัดออก

“เอ่อ ตะวันว่าใจเย็นกันก่อนนะ”

ผมรู้ว่าทั้งคู่กำลังหงุดหงิด แต่ดูเหมือนไอ้บูมมันจะหงุดหงิดมากกว่าใครในห้องนี้ มันดูอึดอัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นส่วนทางพี่มูนก็ดูจะสงสัยว่าบูมมันหมายถึงอะไรกันแน่

“กูไม่ไหวละตะวัน กูว่าพวกเราควรคุยกันเรื่องนี้ มึงจะทนคบทั้งที่มีเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้เกิดขึ้นนี่นะ กูไม่ยอมหรอกนะ” มันโพล่งออกมา ก่อนที่มันจะนั่งลงตรงโซฟาอีกตัว มองมาที่ผมคล้ายกับบอกว่าเออกูเปิดประเด็นแล้วนะ

“มึงหมายความว่าไงไอ้บูม ตะวันจะเลิกกับไอ้มูนหรอ?” พี่อาฟถามขึ้น จนพี่มูนหันมามองผมโดยที่ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพี่เขารู้สึกยังไง

“ถ้าไม่เคลียร์กันวันนี้ ผมว่าได้เลิกกันแน่” แมนมันบอก

“กูยืมห้องหน่อยนะอาฟ” พี่มูนพูดขึ้นก่อนจะจับมือผมให้เดินตามไป


ตอนนี้ผมกับพี่มูนอยู่ในห้องนอนของพี่อาฟ เราสองคนต่างนิ่งเงียบเหมือนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงดี คือผมไม่ได้มีความคิดที่จะบอกเลิกพี่มูนเหมือนที่พี่อาฟพูดหรอกนะ แต่มันแค่หวั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“จะเลิกกันหรอ? ไม่เลิกได้ไหม.. คุยกันก่อนได้ไหม..” พี่มูนพูดขึ้น เอ่อ.. ผมค่อยๆเข้าไปสวมกอดคนตัวโต

“ตะวันยังไม่เคยพูดอะไรทำนองนั้นเลยนะ”

“จริงนะ?”

“ตะวันรักพี่มูนจะตาย” รู้สึกได้ว่าพี่มูนกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม

“งั้นเรามีคุยกันจริงๆจังๆเถอะ” ผมค่อยๆผละออกจากคนตัวโต

“คุยงั้นหรอ เอ่อ..”

“ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตะวัน ข้อความบ้าๆนั่น”

“พี่มูนรู้ได้ไง?”

“เอาเถอะ ตะวันรู้อะไรมา ใครบอกอะไรมาเล่าให้พี่ฟังได้ไหม?”

ผมออกมาหาทุกคนที่รออยู่ห้องนั่งเล่นแล้วจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง พี่มูนฟังอย่างนิ่งๆ ถ้าให้เดาคงพอจะรู้เรื่องมาบ้างสินะแต่ใบหน้าหล่อๆนั้นก็ยังคงมีความกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันเกิดอย่างรวดเร็วทั้งๆที่เราก็เพิ่งจะคบกัน ไม่คิดว่าบททดสอบจะเข้ามาหาผมกับพี่มูนเร็วขนาดนี้

“ทั้งหมดนี้น้องกันต์เป็นคนทำเปล่าวะ?” พี่อาฟพูดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าทุกอย่างออกไป

“ไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครกันวะพี่” บูมที่พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“แต่ผมว่าเรายังปรักปรำใครไม่ได้อะพี่ ไม่มีหลักฐาน” แมนว่า

“มึงเข้าข้างมันหรอ?!” บูมถามแบบไม่พอใจ

“หยุดๆ เรื่องหึงหวงของผัวเมียของพวกมึงนี่พักก่อน” พี่บิ๊กยกมือห้าม ซึ่งคำพูดนั้นบูมหันขวับมองพี่บิ๊กทันที

“ผัวเมียไรของพี่ว่ะ พูดจามั่วๆ” มันว่าเสียงดัง แทบจะตะโกนด้วยซ้ำ

“ขึ้นไรเนี่ยไอ้ห่า กูพูดเล่นไหมล่ะ ถ้าไม่ใช่จะขึ้นใส่กูทำไมเนี่ย” ผมว่าพี่บิ๊กรู้ แต่ช่างก่อนเถอะ เอาเรื่องตอนนี้ก่อน

“แต่เท่าที่รู้จักกันต์มาน้องไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้นะ” พี่มูนแย้งขึ้น

“มันน่ารักแค่กับพี่ไง ใครๆก็ทำดีกับคนที่ตัวเองชอบทั้งนั้น” บูมมันสวน

“แล้วพี่อะ จะอธิบายไรไหม รูปนั่น” แมนถามพี่มูน

“เรื่องสมัยมัธยมกันต์เคยบอกชอบพี่ แต่พี่ก็ปฏิเสธไปเพราะว่าไม่ได้ชอบกันต์แบบนั้น น้องเขาก็เลยขอกอดเหมือนที่เห็นในรูป แต่ไม่รู้ว่ารูปหลุดมาจากไหน แล้วรูปที่นีนร้องไห้ กันต์เข้ามาจับมือพี่แล้วบอกว่ายังรู้สึกชอบพี่เหมือนเดิมแต่นีนก็เข้ามาพอดีเหมือนนีนจะเข้าใจผิดหาว่าพี่นอกใจนีนเลยร้องไห้ เกิดทะเลาะกันแต่ตอนนั้นไม่ได้เลิกกันหรอกนะมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนพี่คบกับนีนช่วงแรกๆ”

“อันนี้พี่ยืนยันได้ พี่คบกับมันตั้งแต่สมัยมัธยม พี่รู้เรื่องมันแทบจะทุกเรื่อง” พี่บิ๊กบอก

“แล้วรูปสุดท้ายนี่ล่ะ ขึ้นคอนโดใคร?” ผมถามออกไป

“ไม่คุ้นบ้างหรอว่าในรูปมันเหมือนคอนโดไอ้อาฟเลย กันต์อยู่คอนโดนี้แต่คนละชั้นกับอาฟ พี่ก็เพิ่งรู้ตอนที่เจอกันต์นั่นแหละว่าน้องเขาพักอยู่ที่นี่” พี่มูนพูดทั้งๆที่มือก็จับมือผมไว้

“มึงได้เรื่องละ คนที่อยู่เบื้องหลังให้คนมาต่อยมึงคือคนเดียวกับที่กอดตะวัน เพื่อนกูเพิ่งส่งมาให้” พี่ดิวพูดขึ้นก่อนจะยื่นมือถือมาให้พี่มูน

“นนท์ ?” พี่มูนหันหาผม

“ไม่รู้จัก” ผมส่ายหัว

“มันอยู่วิทย์กีฬา ปี 4 ลูกพี่ลูกน้องนีน” พี่ดิวบอก

“พี่ไม่ลองถามแฟนเก่าดูอะว่าเขารู้เรื่องนี้บ้างไหม?” บูมมันบอก พี่มูนก็พยักหน้าก่อนจะออกไปโทรศัพท์


จะคบกันต่อไปก็แล้วแต่นะ แต่แฟนนายจะโดนแบบนี้อีกแน่ๆ



มีข้อความถูกส่งเข้ามาพร้อมกับรูปภาพตอนที่พี่มูนโดนต่อย ผมได้แต่กุมขมับกับข้อความที่ได้รับ คนส่งเข้ามาต้องการจะให้ผมเลิกกับพี่มูนอย่างงั้นหรอ แล้วเขาจะทำไปทำไมกัน...

“ทำไมหน้าเครียดกันขนาดนั้น?” พี่มูนเดินกลับมาก็ทักขึ้นทันทีเมื่อบรรยากาศในห้องไม่มีใครพูดอะไรกันเพียงแค่มองหน้ากันไปมา

“ข้อความถูกส่งเข้ามาอีกแล้วอะดิ” พี่ดิวเป็นคนบอก

“นีนบอกไม่ได้ติดต่อกับนนท์นานแล้ว เหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรนะ” พี่มูนบอกก่อนที่จะหยิบมือถือผมไปอ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามา

“งั้นผมว่าเราก็คงยังทำอะไรกันไม่ได้อะตอนนี้ หลักฐานอะไรก็ไม่มี แถมคนที่น่าสงสัยก็อาจจะใช่หรือไม่ใช่ โทษใครก็ไม่ได้ พี่กับตะวันก็คอยระวัง ดูแลตัวเองดีๆแล้วกัน” แมนบอก

“หรือว่าเราควรห่างกัน” หลังจากที่ผมพูดจบทุกคนก็หันมามองผมเป็นตาเดียวโดยเฉพาะคนข้างๆ

“หมายความว่าไง ทำไมต้องห่างกัน พี่ไม่เข้าใจ” พี่มูนพูดกับผมแต่สายตาออกมันโคตรจะฟ้องเลยว่าน้อยใจ

“ก็.. ก็ เพื่อความปลอดภัยของพี่ไง ถ้าเราไม่ค่อยได้เจอกัน คนที่ไม่หวังดีเขาก็คงจะตายใจอาจจะไม่ทำอะไรแบบนี้แล้วก็ได้ ตะวันไม่อยากให้พี่โดนทำร้ายร่างกายแบบนี้นะ”

“ไม่ ไม่ห่าง ไม่เลิก ไม่อะไรทั้งนั้น มันต้องมีสักวิธีสิที่จะรู้ตัวคนทำ” พี่มูนคว้าแขนผมไปกอดก่อนจะซบหัวลงมาที่ไหล่ของผมเหมือนเด็กอ้อน

“มันใช่หรอวะกับสถานการณ์แบบนี้” บูมมันกรอกตามองบน

“อิจฉาเขาหรอ มึงก็ทำบ้างสิ แขนไอ้แมนเพื่อนมึงยังว่าง” พี่บิ๊กบอก

“ผมกลับก่อนนะพี่ พี่เจมส์นัดกับผมไว้เห็นบอกว่าเขานัดน้องวี่มาเดต”

ตู้มม !

ไอ้บูมมันวางระเบิดก่อนจะลุกขึ้นหมุนตัวเดินออกจากห้องไป พี่บิ๊กที่ตะลึงก่อนจะคิดได้ตะโกนตามหลังไอ้บูมแทบไม่ทัน

“เชี่ยบูม มึงว่าไงนะ มึงทีมกูไม่ใช่หรอ ไอ้ห่านี่อย่าเดินหนีกูสิวะ” ทำหน้าหงุดหงิดมองไปที่แมน

“อะไรพี่ มองผมแบบนั้นทำไม?” แมนมันถาม

“ดูแลเมียมึงด้วยไอ้ห่าเอ้ย หงุดหงิดเลยกู โทรหาเด็กก่อน” ว่าแล้วพี่บิ๊กก็เดินหลบออกไปคาดว่าน่าจะโทรหายัยน้องวี่

“เดี๋ยวนะ ! พี่บิ๊กพูดเมื่อกี้.. ไหนว่ารู้กันแค่ 3 คนไงวะแมน” ผมหันไปต่อว่ามัน

“รู้อะไรกันหรอน้องตะวัน?” พี่อาฟดูสนใจ แหม จะมาเล่นละครอะไรกับตะวันกันวะ เหมือนไม่ใช่แค่ผม แมน บูม แล้วที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกมัน

“ก็เรื่องที่พวกมันสองคนเป็นผัวเมียกันนี่ไง” ผมพูดแบบใส่อารมณ์

“ตะวัน!” แมนมันรีบเอามือปิดปากผม แต่ถามว่าทันไหม ไม่ทัน มันดูหัวเสียขึ้นมาทันที ส่วนคนอื่นๆทำหน้าตกใจแล้วก็หัวเราะออกมา พี่บิ๊กที่เดินออกไปเมื่อสักครู่อยู่ๆก็โผล่เข้ามาตอนไหนไม่รู้

“เรื่องจริงหรอวะเนี่ย?” พี่ดิวพูดแบบไม่เชื่อ

“ทำไมทุกคนทำหน้าตกใจแบบนั้น ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ?” ผมบอก ก่อนที่จะหันไปมองแมน มันมองแบบอาฆาตมาที่ผมแบบไม่วางตา กูทำไรผิดวะ .. “หรือ ว่า....”

“พวกพี่พึ่งรู้ ข่าวสดมาก” พี่มูนบอก

“เฮ้ย น้องรักนี่มึงเผด็จศึกมันแล้วหรอวะ?” พี่อาฟที่เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆแมนมันอย่างสนอกสนใจ

“อะไรพี่ ไม่มีอะไร” มันตอบปัดๆ ส่วนผมได้แต่หลบตามัน

“ไม่มีอะไรได้ไง น้องตะวันบอกว่ามึงกับมันเป็นผัวเมียกัน แสดงว่าต้องลึกซึ้งกว่าการที่มึงแอบชอบมันแล้วดิ” พี่อาฟพูดกับแมนอย่างกรุ้มกริ่ม

“เฮ้ยพี่ ตะวันแซวมันเล่นๆเอง แบบคู่จิ้นๆอะ”

“แฟนมึงนี่โป๊ะแตกวะไอ้มูน สายตาเลิ่กลั่กเชียว ฮ่าๆ” พี่ดิวบอก ก่อนที่พี่มูนจะลูบหัวผม มันใช่เวลามาเอ็นดูกันไหมล่ะ แฟนจะโดนเพื่อนสนิทฆ่าอยู่แล้ว

“นี่กูต้องเลี้ยงข้าวพวกมึงหรอวะ?” พี่อาฟพูดอย่างเซ็งๆ

“ไรกันพี่?” แมนถาม

“พนันกันนิดหน่อย ฮ่าๆ” พี่มูนตอบแทน

“พวกพี่แม่ง” มันบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเซ็งๆ มองผมอย่างคาดโทษผมได้แต่บอกมันว่าขอโทษโดยที่ไม่ได้ออกเสียงให้มันอ่านปากเอา ก่อนที่มันจะตอบกลับผมมาด้วยนิ้วกลางอันสวยงามของมัน ... โหดร้ายมาก....

“เอาเป็นว่าบูมมันเป็นคนพิเศษของผม ผมบอกได้แค่นี้ แล้วหวังว่าพวกพี่จะไม่ทำร้ายผมโดนการบอกว่าตัวเองรู้เรื่องนี้หรอกนะ” พวกพี่เขาค่อยๆพยักหน้าให้



“นี่ไงแก แฟนพี่มูนคนที่ทำให้พี่มูนโดนต่อย”

“โอ๊ยแก ฉันล่ะไม่อยากจะเดินผ่าน ตอนฉันเห็นหน้าหล่อของพี่มูนที่ช้ำเพราะโดนต่อยนะฉันทำใจไม่ได้อะแก หน้าหล่อๆของเขาไม่ควรมีอะไรมาแปดเปื้อน”

“ฉันล่ะไม่เคยเห็นพี่มูนจะมีเรื่องกับใคร พอมาคบคนนี้นะ มีเรื่องแต่ราว”

“เออจริง แกว่าจะเป็นกิ๊กนางปะวะที่มาต่อยพี่มูน”

“จะเป็นใครไปได้อะ”


ผมจะไม่อะไรเลยถ้าคนที่พูดไม่ได้ส่งสายตาเหยียดแบบนั้นมาให้ผม ไม่ใช่คนสองคนที่ทำปฏิกิริยาแบบนี้ใส่แต่ยังมีอีกหลายคนๆ ผมพยายามจะปล่อยให้มันเข้าหูและก็ผ่านออกหูแต่เหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิด บางคำพูดมันยังคงตกตะกอนอยู่ในใจผมจะผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างไรนะ....

“ตะวันๆๆ มีคนปล่อยรูปตะวันอะ” มะนาวยื่นให้ผมดู คราวนี้เป็นใบปลิว สามวันดีสี่วันงานเข้า

“นี่พี่ชายตะวันไม่ใช่หรอ?” แตงโมพูด

“รูปตะวันกับเฮียภูนี่”

มันเป็นรูปสมัยผมมอปลายส่วนเฮียน่าจะกำลังจะจบปี 4 ในรูปเฮียจับมือผมเดินอยู่ในห้างถ้าจำไม่ผิดรูปนี้เพื่อนเฮียเป็นคนถ่ายไว้พร้อมแคปชั่นที่ว่า เด็กเฮียภู ซึ่งเพื่อนๆที่สนิทกันดีจะรู้ว่าเราเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาแต่ส่วนใหญ่คนภายนอกจะเข้าใจคิดว่าเราเป็นคู่เรากัน แถมเฟซบุ๊คเราสองคนก็ไม่ค่อยได้อัพเดตอะไรเกี่ยวกับครอบครัวเลยด้วยซ้ำ

“เรื่องใหญ่ละ มีคนแชร์ในเฟซด้วยอะ”

“ใครว่าแฟนพี่มูนเป็นคนใสๆ คิดผิดแล้วเถอะ ดูผู้ชายนางแต่ละคนซะก่อน โปรไฟล์นักเรียนนอกหมดเลยนะ” มะนาวอ่านให้ผมฟัง

“ก็แหงสิ นี่มันแก๊งเพื่อนๆเฮียทั้งนั้น”

“โมว่าเริ่มไม่ใช่ละ ตอนนี้คนแชร์ไปเยอะแล้วด้วย แถมเล่นบอกว่าตะวันมีผู้ชายหลายคน แถมไม่มีใครรู้ด้วยที่เห็นในรูปกันเนี่ยแก๊งเพื่อนพี่ชายตะวันทั้งนั้น” มะนาวพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เกิดไรขึ้นวะ” บูมที่เดินมากับแมนถามขึ้น

“อะ” แตงโมส่งมือถือให้

“พี่ชายมึงนี่ แล้วรูปอื่นนี่ใครวะ?”

“เพื่อนเฮีย”

“ไอ้สัสเอ้ย ขุดอะไรไม่ขุดดันมาขุดรูปพี่ชายเขา”

“แล้วเราจะทำไงดีอะ แบบนี้คนมาถล่มตะวันแย่แน่เลย แล้วพี่มูนรู้เรื่องยังเนี่ย” มะนาวถาม

“น่าจะยัง เห็นว่ามีเรียนน่าจะไม่ได้จับมือถือกัน”

“ไม่ต้องทำอะไร จะเล่นก็ให้มันเล่นแม่ง กูอยากรู้เหมือนกันมันจะทำไงต่อ” แมนมันบอก

“ได้ไงวะไอ้แมน ตะวันมันเสียหายนะแบบนี้อะ แค่นี้คนก็ด่ามันเยอะแล้วปะ” บูมมันหันไปถามแมนอย่างเอาเรื่อง อย่าเพิ่งวางมวยกัน !

“แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงไง มันไม่ใช่เรื่องจริงจะดิ้นตามมันก็ใช่เรื่องปะ อีกอย่างเอาไว้ตรอกกลับทีหลังไม่ดีกว่าหรอวะ”

“จะดีหรอวะ?” ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับแมน แต่ผมก็กลัวว่าเรื่องมันจะบนปลายไปมากกว่านี้

“แต่เฮียว่าดี”



ห๊ะ ...!




“เฮีย !”








ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 16
เรื่องทั้งหมด


“เฮีย !”

ผมเผลอเรียกเฮียเสียงดังเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองยืนอยู่ตรงหน้า

“จะทำหน้าช็อกอีกนานไหม?” เฮียพูดก่อนจะกางแขนออกเพื่อรอคอยกอดจากผม ผมไม่รีรอรีบเข้าไปกอดเฮียทันที จนลืมไปเลยว่าตอนนี้เราอยู่ที่คณะซึ่งมีคนเดินผ่านไปมา

“เฮียมาได้ไง เรียนจบแล้วหรอเนี่ย?” ใช่ไง เฮียควรอยู่ที่อังกฤษไหงมาโผล่ที่นี่ได้ สงสัยต้องคุยกันยาวแล้ว

“ยังไม่จบ” ผมรีบผละออกมาจากกอดของเฮีย

“หมายความว่าไง ก็ไหนเฮียบอกว่าเรียบจบค่อยได้กลับมา หรือเฮียไม่เรียนแล้ว หรือเฮียทำผู้หญิงท้องเลยต้องรีบมาคุยกับป๊าม๊า !”

“ไปกันใหญ่แล้ววว หยุดสองเดือนเลยกลับมาพักผ่อน อีกอย่างเฮียจะมาดูเราด้วยว่าทำอะไรวุ่นวายหรือเปล่า”

“คิดถึงตะวันอะดิ ฮ่าๆ” ผมเข้าไปกอดเฮียอีกรอบ

“ผู้ชายคนนั้นแฟนเราไม่ใช่หรอ เห็นยืนมองอยู่นานแล้ว แต่ไม่เข้ามาสักที” ผมหันไปตามที่เฮียบอก ก่อนจะเห็นพี่มูนและเพื่อนๆของเขายืนห่างออกไปพอสมควรทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมกับเฮีย ผมส่งยิ้มไปให้แต่กลับไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกคน
งานเข้าแล้วตะวัน....

ไม่เคยเล่าเรื่องเฮียให้พี่มูนฟังด้วยสิ....

“พี่มูน...” เสียงของผมแผ่วลงเมื่ออีกคนเดินออกไป “อ้าว..”

“เขารีบไปเรียนหรือเปล่า ไหนๆมาดูสิ ผอมลงไหมอะ” เฮียจับผมหมุนไปมาเพื่อสำรวจดูร่างกายของผม

“อ้วนขึ้นต่างหาก”

“ก็จริงแฮะ แก้มย้วยเชียว”

“เฮีย !”

“เป็นไงทุกคน สบายดีนะ” เฮียหันไปคุยกับเพื่อนๆของผมแทนไม่สนใจน้องที่กำลังหงุดหงิดเพราะคำพูดตัวเองเลยสักนิด

“ก็ตั้งแต่เพื่อนมีแฟนก็สบายขึ้นเยอะเลยค่ะ” มะนาวตอบไปพร้อมกับอาการที่ปากยิ้มไม่หุบ

“แฟนที่ว่านี่คงไม่ใช่น้องชายพี่ใช่ไหม?”

“ถ้าบอกว่าไม่ใช่ก็คงจะโกหก แฮะๆ”

“แล้วตกลงเฮียกลับมาทำไมอ่า”

“ถามเหมือนไม่อยากให้มา”

“ไม่ใช่ๆ ตะวันแค่สงสัย” ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธออกไปกลัวเฮียเข้าใจผิด แต่เฮียกลับหัวเราะซะงั้น

“ฮ่าๆ กลับมาพักเกือบสองเดือนเลย อาจารย์ที่รู้จักเขาเลยวานให้มาช่วยสอนแทนหน่อยสักอาทิตย์ เฮียก็เลยตกลง จะได้มาคอยจับผิดเราด้วย”

“จับผิดไรกัน ตะวันเป็นเด็กดี ไม่มีไรให้ต้องห่วง”

“จริงหรอ แล้วข่าวนั่นล่ะ”

“เฮียรู้ได้ไง..”

“เอาเป็นว่าเฮียจะจัดการเองละกัน เราก็ตั้งใจเรียนไป”

“เฮียจะจัดการยังไง?” ผมเอียงคอถามเฮียที่ดูมีท่าทางชิว ชิวเกินไป

“ให้เราเลิกกับแฟนไง”

“ฮ๊ะ!” เกิดการประสานเสียงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“ไม่เอา ตะวันไม่เลิก” ผมเถียงขาดใจ

“รักเขามากขนาดนั้นเลยหรือไง พึ่งคบกันเอง เลิกกันตอนนี้ไม่สายหรอก”

“เฮียยยยย ตะวันรักเขา ตะวันไม่เลิก รู้ไหมว่าตะวันจะจีบเขาได้มันยากเย็นขนาดไหน”

“ได้ข่าวว่าพี่มันจีบมากกว่านะ” แมนมันพูดเบาๆ

“กูได้ยินนะแมน” ผมตวัดสายตาไปหามันอย่างเคืองๆ มันเลยทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

“ตะวันไม่เลิก ได้ งั้นให้หมอนั่นเลิกกับตะวัน”

“เดี๋ยววว เฮีย ! อะไรของเฮียอะ” เฮียพูดไม่เข้าใจ เฮียเป็นไร

“ตามนี้นะ เฮียไปก่อน วันนี้มีสอนเด็กบริหารปี 3” ยิ้มกวนๆแล้วก็เดินออกไปด้วยรังสีความหล่อที่ไม่หลงเหลือไว้ให้น้องตัวเองบ้างเลย...

แต่เดี๋ยวนะ....สอนเด็กบริหารปี 3

เฮีย..... ! อย่าแกล้งแฟนตะวัน



“ตะวัน เกิดเรื่องแล้ว” หลังจากเลิกคลาสเราก็นั่งเรื่อยเปื่อยกันที่โถงภายในคณะ แต่มะนาวที่บอกว่าจะไปซื้อน้ำเธอกลับเข้ามาด้วยท่าทางที่รีบร้อน

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เหมือนจะเกิดสงครามกับพี่ภูอะดิ ไปดูก่อนอย่าเพิ่งถาม”

สถานที่เกิดเหตุไม่ใกล้ไม่ไกลเพราะมันคือหน้ามินิมาร์ทที่อยู่ระหว่างทางเชื่อมตึกนิเทศกับอีกคณะมีคนสนอกสนใจมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆประมาณเกือบสิบชีวิตได้ ร้อนใจกลัวว่าเฮียจะมีปัญหากับใครเข้า

“เฮียเกิดไรขึ้น” ผมเข้าไปจับที่แขนเฮีย เมื่อเห็นว่าตรงนั้นนอกจากจะมีเฮียภูแล้วยังมีพี่มูน และ... กันต์

“ตกลงพี่ตะวันเป็นอะไรกับผู้ชายคนนี้?” กันต์ถามผม

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”

“นี่คุณ! ถ้าไม่ได้เข้ามาเป็นมือที่สามก็บอกมาสิ”

“ผมว่าคุณมากกว่านะที่เข้ามาเป็นมือที่สาม”

“พี่ว่าใจเย็นๆก่อนนะกันต์ นั่นอาจารย์พี่นะ” พี่มูนบอกกันต์ที่ดูจะหงุดหงิดกับกับเฮียพอสมควร นี่มันอะไรกันเนี่ย ไม่มีใครหันมาบอกผมสักคำ

“ไม่รู้ว่ามหาลัยเสียเงินจ้างอาจารย์แบบนี้มาได้ยังไง” กันต์พูดขึ้นเบาๆแต่คนที่โดนพาดพิงก็ได้ยินเต็มๆ

“หึ เด็กเมื่อวานซืน”

“นี่ !” กันต์ชี้หน้าเฮียภู

“คุณกำลังชี้หน้าคนที่อายุมากกว่าคุณ” เฮียพูดด้วยเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยอะไรมากมาย คือเฮียผมค่อนข้างใจดีนะ แต่เฮียไม่ค่อยชอบเด็กดื้อหรือเด็กปืนเกลียวอะไรทำนองนั้นต่อให้สนิทกันแต่ก็ต้องให้เกียรติกัน

“อายุมากกว่าแต่ทำตัวไม่หน้าเคารพก็แค่นั้น” กันต์กอดอกพูดอย่างเอาเรื่อง

“ตะวันเฮียว่าไปกันดีกว่า” เฮียพูดก่อนที่จะโอบเข้าที่ไหล่ผม ตามมาด้วยคนที่อยู่ที่นั่นเริ่มซุบซิบกัน

“ช่างกล้าเนอะ แฟนเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ยังจะกล้า” พี่มูนก็กำลังจ้องมาที่ผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“แล้วยังไง”

“หน้าไม่อาย!” กันต์ยังคงต่อล้อต่อเถียง จนเฮียปล่อยแขนที่โอบไหล่ผมแล้วค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กันต์

“ระวังคำพูดด้วยนะ แล้วใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย วอแวตามแฟนของคนอื่นต้อยๆ แบบนี้เรียกว่าอะไรกัน พูดขนาดนี้คงไม่ต้องบอกนะว่าผมว่าใคร” เฮียผมยังคงคอนเซปพูดแรงแต่หน้านิ่ง

“...” กันต์นิ่งไป

“ตะวันไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน ตะวันต้องกลับกับผม” พี่มูนพูดก่อนจะคว้าเข้าที่ข้อมือผม แต่ข้อมืออีกข้างก็ถูกเฮียดึงไว้เหมือนเป็นคำสั่งว่าไม่
อนุญาตให้ผมไปกับแฟน ผมมองสลับกันระหว่างพี่ชายกับแฟนตัวเองแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงจนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแต่ก็เหมือนจะไม่มีใครช่วยผมได้

แต่ก็เหมือนเฮียจะรู้ว่าผมตัดสินใจไม่ได้เลยกระตุกมือผมแล้วพาเดินออกไปจากตรงนี้ทำให้มืออีกข้างผมหลุดออกจากมือพี่มูน ผมหันกลับไปมองแฟนตัวเองที่หน้ายุ่งยิ่งกว่าอะไร

“เฮียใจเย็นๆก่อน นี่มันเรื่องอะไรกันอะ ตะวันงงไปหมดแล้ว” ผมถามระหว่างที่เฮียก็พามาที่รถของตัวเอง

“ค่อยคุยกัน ขึ้นรถก่อน” เฮียบอกก่อนจะเข้าไปนั่งบนรถทันที

“อะ ว่ามาเลยเฮีย เกิดเรื่องไรขึ้นเนี่ย”

“ผู้ชายคนนั้นแฟนเรา?” เฮียหันมามองหน้าผม

“กะ ก็.. ใช่ นี่เฮียทำไรแฟนตะวัน”

“แล้วเด็กนั่นเป็นใคร?”

“กันต์หรอ เป็นรุ่นน้อง”

“แต่สองคนนั้นเรียนกันคนละคณะ”

“โห เฮียรู้ได้ไง กันต์อยู่นิเทศฯ เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน”

“แล้วก็ชอบแฟนเราด้วย”

“เคยชอบ...”

“ไม่เลิกชอบต่างหาก”

“เฮียจะบอกอะไรตะวัน”

“ไม่มี แต่ตะวันมีเรื่องต้องบอกเฮียมากกว่า”

“อะไร.. ตะวันไม่มีอะไรสักหน่อย” เฮียมองตาแข็ง เฮียยยยย นี่น้องไง

กลายเป็นว่าผมก็ต้องยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมดแต่สิ่งที่ได้คือเฮียบอกว่าก็พอรู้จากแมนมาแล้วแต่แค่อยากได้ยินจากปากผมมากกว่าแค่นั้นเอง

หน็อย ! ไอ้แมนมันเอาไปฟ้องเฮียหมดแล้ว


เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)

เกิดศึกชิงนายเกิดขึ้นแล้วค่าคุณผู้ชม ระหว่างฝ่ายน้ำเงินคุณมูนสุดหล่อแห่งคณะบริหาร และฝ่ายแดงผู้ชายปริศนาในรูปที่โดนปล่อยมาก่อนหน้านี้ซึ่งตอนนี้มีโผล่มหาลัยเรา (ได้ข่าวมาว่าเป็นอาจารย์พิเศษมาสอนแทนอาจารย์ท่านหนึ่งในคณะบริหารนะคะ) โดยคนที่โดนแย่งชิงในครั้งนี้ก็คือน้องตะวันนั่นเอง แต่ว่าน้องตะวันเป็นแฟนพี่มูนไม่ใช่หรอ ทำไมถึงเดินออกไปกับอีกผู้ชายอีกคนล่ะคะ ยังไงทีนี้ .... ช่วยแถลงไขด้วยค่ะ จะเก็บไว้ทั้งสองคนไม่ได้นะคะ ปล่อยใครมาก็ได้ค่ะถือว่าแซ่บทั้งคู่ TT

บ้านคนหล่อ : ผู้ชายอีกคนชื่อพี่ภูค่ะ เหมือนจะเป็นเดือนมหาลัยด้วยนะคะ หลายปีที่แล้ว

ลิลลี่ที่สวยๆ : ฉันจำได้แล้ววว พี่ภูเดือนบริหาร เดือนมหาลัย 5 ปีที่แล้ว เชื่อว่าหลายคนไม่ทันแต่ฉันผู้ซึ่งหาข้อมูลคณะย้อนหลัง ฉันจำเขาได้ แซ่บขึ้นมากเลยนะคะ

After you : @ลิลลี่ที่สวยๆ มึงรู้จักเขาด้วยหรอวะ?

ลิลลี่ที่สวยๆ : @After you ตำนานบริหาร หล่อ รวย เก่ง

Fc’P’moon : ตะวันควรเลือกได้แล้วนะ

Farngfay : #มูนกันต์


“เฮ้อ”

“เป็นไร?”

“พี่มูนต้องไม่สบายใจ”

“แคร์เขาขนาดนั้นเลยหรือไง”

“เฮีย นั่นแฟนตะวันนะ”

“ถ้าเขารักน้องเฮียจริงเขาต้องจัดการเรื่องทั้งหมดได้ มันเกิดขึ้นเพราะเขาไม่เคลียร์ปัญหาที่มันเกิดขึ้นเองต่างหาก”

“แต่เฮียก็ไม่ยอมบอกคนอื่นนี่ว่าเราเป็นพี่น้องกันอะ ตอนนี้คนอื่นเข้าใจผิดกันหมดแล้ว” ผมยู่ปากให้เฮีย

“สนใจคนอื่นทำไม”

“ตะวันสนใจพี่มูนไง”

“เรื่องแค่นี้ชัดการไม่ได้ก็ไม่รู้จะเอาปัญญาอะไรมาคบกับน้องเฮีย”

“โอ๊ย เฮียไม่น่ารักแล้วนะ”


ติ๊ด

นี่หรอแฟนสุดที่รักของมูน เหอะ ร้ายไม่เบานะมีผู้ชายแย่งกันถึงคณะ มูนไม่ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ที่สุด เตรียมตัวโดนบอกเลิกได้เลย

..........

นายสมควรได้รับความเจ็บปวดนะตะวัน !

2 ข้อความที่ได้รับทำเอาผมนิ่งไปและไม่ได้สนใจเสียงของเฮียด้วยซ้ำ

“ตะวันเป็นไร”

ไม่ได้สิ พี่มูนจะมาบอกเลิกผมเพราะเรื่องนี้ไม่ได้นะ... แค่คิดก็ไม่ไหวแล้วอะ ยังเริ่มเดินด้วยกันไม่ถึงไหนเลยจะแยกกันแล้วหรอ

“ตะวันๆ มองหน้าเฮีย เป็นไร” เฮียที่เข้ามาเขย่าตัวผม จนผมต้องหันไปมองเฮียอย่างนิ่งๆ เหมือนสมองเริ่มประมวลผลได้ เฮียก็ดึงมือถือผมไป

“ข้อความอีกแล้วหรอ?”

“เฮีย.. ตะวันไปทำอะไรให้เขา ทำไมเขาจ้องจะทำร้ายตะวัน” บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มทนไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แค่ผมกับพี่มูนเรารักกัน ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้

“เฮียไม่มีทางให้ใครมาทำร้ายตะวันของเฮียได้หรอกนะ” คำพูดและอ้อมกอดของเฮียก็ยังทำให้ผมเบาใจทุกครั้ง

“มีข้อความเข้า” เฮียคลายกอดก่อนจะยืนมือถือคืนมาให้ แต่ผมส่ายหน้าตอบกลับไป ไม่อยากอ่านหรือรับรู้ข้อความอะไรพวกนั้นแล้ว “ไม่อ่านหน่อยหรอ เฮียว่าข้อความนี้มันสำคัญกับตะวันนะ อ่านเถอะ เดี๋ยวเฮียกลับมานะ เฮียขอไปทำธุระก่อน”

 แล้วเฮียก็เดินออกจากห้องไป


Line.
Moon.

พี่เชื่อใจตะวันนะ

                                       ตะวันรักพี่มูนนะ

พี่ก็รักตะวัน

เป็นข้อความสั้นๆแค่ไม่กี่ประโยคที่สามารถทำให้ตะวันคนนี้อยากจะต่อสู้กับปัญหาดูสักตั้ง ม๊าเคยบอกว่าทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอแค่เชื่อใจกันและกันยังไงก็ผ่านมันไปได้


วันนี้เฮียพาผมมาที่คอนโดพี่อาฟแต่ไม่ใช่ห้องพี่อาฟกลับกลายเป็นห้องของน้องกันต์ ซึ่งผมก็งงเล็กน้อยว่าเฮียไปญาติดีกับน้องตอนไหน ในห้องไม่ได้มีแค่เจ้าของห้อง แต่ยังมีพี่มูน พี่บิ๊ก แมนและบูมด้วย

“ถ้าจะยกโขยงมากันขนาดนี้นะ” กันต์พูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ก็พากันมาดูหน้าเด็กนิสัยแย่ไง” เฮียตรอกกลับ สองคนจ้องกันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ผมว่าไม่ได้ญาติดีกันแล้วล่ะ

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”

“ทำไม อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบไม่กล้าพูดหรอ เราตกลงกันแล้วนี่” เอ๊ะ เฮีย ไปตกลงกันอะไรตอนไหน

“ผม....”

“คุณไม่พูด ผมพูดเอง” กันต์นิ่งไป “เด็กนี่ไม่ใช่คนส่งข้อความหาตะวัน แล้วก็ไม่ได้รู้จักกับคนที่บอกว่าชอบตะวัน”

“พี่แน่ใจได้ไง?” บูมถามเฮีย

“พี่ให้เพื่อนเช็คเบอร์ละ รู้ตัวคนทำแล้วด้วย”

“ใครอะเฮีย?”

“ยังบอกไม่ได้ แต่เฮียอยากให้เราเคลียร์เรื่องนี้กับกันต์ให้รู้เรื่องก่อน ถึงเขาจะไม่ได้ทำเรื่องนั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด”

“คือ..” ผมมองไปที่กันต์ กันต์อึกอักแต่สายตาก็มองไปที่พี่มูนตลอด

“พี่จะไม่โกรธกันต์หรอกนะ ถ้าเป็นเรื่องที่กันต์ให้ข่าวว่าเป็นเด็กของพี่” พี่มูนพูด

“พี่มูนรู้...” กันต์ดูตกใจก่อนจะก้มหน้ามองตักตัวเองตลอดเวลา จากคนที่ดูเป็นคนมั่นใจตอนนี้น้องกันต์ไม่ฉายแววนั้นให้ได้เห็นเลย

“รู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

“กันต์... กันต์ขอโทษ” เสียงของกันต์ที่สั่นเครือกับไหล่ที่ค่อยๆห่อลงนั่นทำให้รู้ว่าพี่มูนมีอิทธิพลกับกันต์มากแค่ไหน

“พี่อยากให้กันต์ขอโทษแฟนพี่มากกว่า”

“เอ่อ..กันต์”

“ไม่ต้องก็ได้นะ กันต์ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” ผมบอกออกไปเมื่อเห็นว่าน้องดูไม่สบายใจที่จะพูดกับผม

“เพราะแบบนี้ไงกันต์ถึงไม่ชอบพี่” กันต์พูดประโยคนี้จบทำเอาผมตกใจไม่น้อย
 “กันต์ไม่ชอบที่พี่มูนรักพี่ กันต์ไม่ชอบที่เห็นพี่อยู่กับพี่มูน กันต์ไม่ชอบเลยจริงๆที่แฟนของพี่มูนจะแสนดีขนาดนี้ มันน่ารำคาญจริงๆนะที่ต้องรับรู้ว่าในใจพี่มูนมีแต่พี่ตะวัน...” เหมือนทุกอย่างที่กันต์พูดออกมามันเป็นการระบายทุกอย่างที่อัดอั้นมานาน

“คือ...”

“ฟังกันต์ให้จบก่อนสิ” ผมยังไม่ทันพูดอะไรกันต์ก็สวนขึ้นมา

“พี่เป็นใครมาจากไหนวะ ถึงทำให้พี่มูนรักขนาดนี้อะ ตอนคบกับพี่นีน กันต์ยังไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากมายขนาดนี้เท่ากับตอนรู้ว่าพี่เป็นแฟนใหม่พี่มูนเลยนะ กันต์ไม่เคยเลิกชอบพี่มูนเลย กันต์ไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวสักนิดจนกระทั่งพี่ตะวันที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ หึ พี่เป็นใครวะ กันต์ชอบของกันต์มาตั้งนาน”

ทุกอย่างที่กันต์พูดออกมา มันกลับทำให้ใจของผมเชื่อไปหมดว่ากันต์รู้สึกอย่างนั้นจริงๆภายใต้คำพูดเหล่านั้นมันมีความเสียใจปนอยู่มากมายแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาทำให้รู้เลยว่าเด็กคนนี้เข้มแข็งมากแค่ไหน

“วันนั้นกันต์ตั้งใจชนพี่ กันต์ยอมรับว่ากันต์หมั่นไส้พี่ก็เลยพยายามแสดงตัวอยู่ใกล้พี่มูน คอยเอาขนมมาให้เพื่อจะได้หาเรื่องเข้าหาพี่มูน โกหกว่าตกบันไดจนเท้าแพลง กันต์อยากให้พวกพี่เลิกกัน ... กันต์ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี แต่กันต์ไม่รู้เรื่องข้อความอะไรนั่นเลยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก” ผมบอกออกไป เหมือนกันต์จะไม่เชื่อคำพูดผม

“พี่ไม่โกรธกันต์หรอ ทั้งๆทีพี่ก็ไม่สบายใจรื่องนี้อยู่ไม่ใช่หรอ?”

“ไม่รู้จะเอาอะไรไปโกรธ เราเหมือนเด็กที่ไม่ชอบใจที่โดนคนอื่นมาแย่งของเล่นเลย เราเลยแสดงออกแบบนั้น พี่ยอมรับว่าไม่สบายใจและโคตรจะหวั่นไหวเลยแต่พี่มูนเขาก็ชัดเจนในส่วนของเขา แค่บางทีอะนะ” ผมปรายตามองแฟนตัวเอง

“เด็กขี้อิจฉาน่ะสิ” เฮียภูพูดขึ้น

“พี่เป็นอะไรกับคนนี้” กันต์ชี้ไปที่เฮียที่นั่งกอดอกอยู่

“นี่ยังไม่รู้หรอ”

“ยัง!” กันต์ พี่อาฟ พี่บิ๊ก พูดพร้อมกัน

“ตะวันเป็นคนสำคัญของพี่” เฮียบอก

“ถ้าจะตอบแบบนี้ งั้นพี่มูนก็เป็นคนสำคัญของผม” กันต์จ้องเฮีย

“เอ่อ.. เฮียภูเป็นพี่ชายตะวันเอง”

“......” ทุกคนนิ่งไป

“เฮ้อ...” พี่มูนถอนหายใจอย่างโล่งอก จนผมต้องหันไปหาเจ้าตัว

“ต่างกันสุดขั้ว” กันต์พูดเบาๆ

“ว่าอะไรนะ?” เฮียถามด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ

“พี่มูนกันต์ขอโทษนะสำหรับทุกอย่างเลย พี่ตะวันด้วยกันต์ขอโทษครับ กันต์คงไม่ยุ่งวุ่นวายกับพวกพี่อีกแล้วแหละ” น้องมันบอก

“พี่ยกโทษให้” พี่มูนบอกออกไป

“พี่ก็เหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะ คนเราเริ่มต้นใหม่ได้ตลอดนี่ เราก็ยังเป็นพี่น้องกันได้นี่ เราเป็นเพื่อนยัยวี่ก็มาเล่นกับพวกพี่ได้”
“เขาไม่น่าจะอยากญาติดีกับตะวันนะ เฮียว่า”

“ใช่ ! ไม่อยากญาติดีด้วย หมายถึงคุณอะนะ!” กันต์พูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะเบือนหน้าหันไปทางอื่น

“กูว่ามึงอาจได้พี่สะใภ้เร็วๆนี้” แมนมันกระซิบกับผม

“มึงหมายความว่าไง?” มันมองไปเฮียสลับกับกันต์ จนผมหันไปมองหน้ากับมันอย่างช็อกๆ “มึงอย่าบอกนะว่า...”

“ผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายชอบปะวะ” มันบอก ตอนนี้ในสมองผมมึนงงไปหมด ไม่น่าจะใช่มั้งมึงงง

“แล้วเราจะจัดการเรื่องข้อความยังไง?” บูมถามขึ้น

“ถ้าบอกว่าแฟนเก่ามูนเป็นคนทำ จะมีคนเชื่อไหม?”

“ใช่จริงๆสินะ” พี่มูนบอก

“อะไรวะไอ้หล่อ นี่มึงรู้อยู่แล้วหรอ?” พี่อาฟถาม

“ก็ไม่เชิงวะ แค่สงสัยตั้งแต่ตอนพี่ไอ้ดิวบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องนีนละ”

“แต่วันนั้นพี่นีนก็บอกพี่มูนเองนี่ว่าไม่รู้เรื่อง” ผมถาม

“พี่จะเชื่อนะถ้าพี่ไม่เห็นว่านีนอยู่กับผู้ชายคนนั้นบ่อยๆ ทั้งที่เขาบอกว่าไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว”

“แต่จะเป็นไปได้หรอ พี่นีนอะนะ?” ผมถามอย่างไม่เชื่อ ก็ไหนว่าจบกันด้วยดี เขาจะทำแบบนั้นทำไม

“ผู้หญิงคนนั้นร้ายกว่าที่คิดนะ” กันต์พูดจนทุกคนหันไปเหมือนอยากให้กันต์เล่าออกมาให้หมด

“บอกพี่มาเถอะ เขาทำอะไรบ้าง”

“เขาก็ไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอก แต่เขาก็ไม่ได้ดีแบบแฟนคนปัจจุบันของพี่ แฟนคลับพี่หลายคนไม่กล้าเข้าใกล้พี่ก็เพราะพี่นีนนั่นแหละ หวงซะยิ่งกว่าอะไรดีแต่ก็ว่าไม่ได้หรอก แฟนหล่อขนาดนี้นี่ แต่ที่เจ็บใจสุดๆเลยนะ หลังจากวันนั้นที่กันต์ไปหาพี่ที่มหาลัยเขาส่งคนไปหากันต์ที่โรงเรียนบอกว่าไม่ให้ยุ่งกับพี่อีก คนนั้นก็คือผู้ชายคนนั้นที่มีข่าวกับพี่ตะวัน”

“ช่วงนั้นเราเลยหายไป”

“อืม เขาส่งคนมาเฝ้าทุกวันเลย...”

“กลัวก็เป็นนี่”

“เฮีย...” พอผมทำท่าจะดุ เฮียก็หันหนีไปทางอื่น เฮ้อ..

“เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

“นายมั่นใจว่าจัดการได้?” เฮียถามพี่มูนอย่างไม่มั่นใจ

“ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้”

“ถ้านายจัดการไม่ได้ ฉันจะจัดการเองแต่ด้วยวิธีของฉันนะ”

“ผมขอเคลียร์เรื่องนี้เอง” พี่มูนบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูจะมั่นใจพอสมควร

“ก็ดี ทำให้ได้ละกัน ตะวันกลับกัน”

“เอ่อ.. ผมขอตัวตะวัน...” พี่มูนที่ยังพูดไม่จบก็โดนเฮียสวนขึ้นมาก่อน

“ไม่ได้ ตะวันต้องกลับบ้าน ป๊าม๊าบอกอยากเจอลูกชายสุดที่รัก ช่วงนี้หายหน้าหายตาไม่รู้ว่าเรียนหนักหรืออะไร” ผมหันไปมองหน้าแฟนตัวเองอย่างหงอยๆ ผมรู้ว่าพี่มูนอยากอยู่กับผมสองต่อสอง แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจ

“ไว้ตะวันจะโทรหานะ” ผมแอบจับมือพี่มูนเบาๆ ดูหน้าก็รู้เลยว่าอยากงอแงแต่ทำต่อหน้าคนอื่นไม่ได้

“ไปกันเถอะตะวัน” เฮียจ้องมาที่มือของผมที่จับมือพี่มูนเป็นการบอกว่าปล่อยได้แล้ว เฮ้อออ เฮียยยย !





“นีนไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะมูน มูนไปฟังจากใครมา”
 
“เรามาคุยกันตรงๆเถอะนะนีน”

“มูนมีหลักฐานหรอ แล้วเรื่องข้อความอะไรนั่นแฟนมูนใส่ร้ายนีนหรือเปล่า”

“ไม่มีใครใส่ร้ายนีนทั้งนั้นแหละ ถ้าเรื่องหลักฐานจะให้มูนบอกจริงๆหรอ?”

“มูน..”

“นีน เรามาคุยกันตรงๆ ถ้านีนยังอยากเป็นเพื่อนกับมูน”



“นีนไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมูนซะหน่อย !”

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 17 หมดปัญหา


                                                                  Moon Thanaphat



“นีนไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับมูนซะหน่อย !”

เฮ้อ..

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนคนที่เคยมีความรู้สึกดีๆให้เลย เธอเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนผมก็ไม่สามารถบอกตัวเองได้

ทีแรกผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านีนจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ทั้งๆที่ตอนเลิกกันหรือตอนที่เธอกลับมาขอคืนดีเราก็ตกลงกันแล้วว่าจากกันด้วยดีและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพราะอะไรที่ทำให้เธอทำแบบนี้

ถ้าจะบอกว่าความรัก... มันจะใช่หรอ ในเมื่อตอนนั้นเราเลิกกันเพราะเธอมีใครอีกคน... เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกใครมีแค่เพื่อนสนิทที่รับรู้

“นีนยังรักมูนอยู่นะ.. เรากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้หรอ?” แววตาเธอฉายความเศร้า

“มูนไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับนีนแล้ว”

“มูนใจร้ายไม่หยุดเลย ทำไมคนคนนั้นของมูนจะกลับมาเป็นนีนไม่ได้อะ”

“นีนไม่ใช่หรอที่ใจร้ายกับมูน”

“นีน.. ยังโกรธนีนเรื่องนั้นใช่ไหมถึงไม่ยอมกลับมาคบกับนีน นีนขอโทษ.. มูนให้อภัยนีนนะ” เธอพูดอย่างอ้อนวอนพลางเลื่อนมือมาจับมือผม

“มูนไม่ได้โกรธนีน แต่แค่ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นก็มีคนอื่นไปแล้ว แล้วตอนนี้จะกลับมาทำไม?”

“ตอนนั้นนีนยอมรับว่าเหงา เราไม่มีเวลาให้กันเลย แต่หลังจากที่เราเลิกกันไปแล้วมูนไปต่างประเทศ นีนถึงได้รู้ตัวเองว่ารักมูนมากแค่ไหน นีนรอเวลาที่จะได้ขอโอกาสจากมูน แต่อยู่ดีๆมูนก็เปิดตัวแฟนใหม่ แถมเป็นผู้ชายอีก”

“แล้วนีนทำเรื่องบ้าๆนี้ทำไม ตั้งแต่เรื่องกันต์แล้ว นี่มาเป็นตะวันอีก นีนทำไปทำไมกัน”

“หึ เพราะเป็นตะวันสินะ มูนถึงกล้าใช้สายตาแบบนี้มองนีน” ผมไม่รู้ว่าผมใช้สายตาแบบไหนมองเธอ แต่รู้แค่ว่ามันไม่เหมือนเดิม
 
“ใช่ นีนเป็นคนส่งข้อความหาตะวัน เป็นคนบอกให้นนท์เข้าไปจีบตะวัน เป็นคนปล่อยข่าวให้ตะวันเสียหาย ทำทุกอย่างให้มูนเลิกกับเขา ทำทุกอย่างให้มูนกลับมาหานีน ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ความรักจากมูนอีกครั้ง...”

เธอพูดในขณะที่ก็กำลังร้องไห้ไปด้วย น้ำตาค่อยๆหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่นั้น ความมั่นใจที่เคยมีอยู่ในตัวนีน มันกลับค่อยๆหดหายไปจากตัวเธอ

“แต่ทำยังไงมูนก็กลับไปรักนีนไม่ได้แล้ว มูนรักตะวันไปแล้ว” ผมบอกตรงๆแม้ว่ามันจะทำร้ายจิตใจเธอ

“อืม รู้แล้ว.. นีนรู้แล้ว”

“มูนขอโทษนะนีน”

“นีนต้องปล่อยมูนไปจริงๆใช่ไหม?”

“เรายังเป็นเพื่อนกันได้”

“นี่นีนต้องยอมแพ้แล้วหรอ ฮืออ”

“นีน....”

“นีนขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนะ ฝากขอโทษตะวันด้วย แต่นีนคงไม่กล้าเป็นเพื่อนกับมูนแล้วล่ะ...” เธอส่งยิ้มบางๆมาให้ผม
 “โชคดีนะมูน” เธอพูดแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป...

หวังว่าเธอจะไม่ทำสิ่งที่ผิดพลาดอีกครั้ง...



Fb.
เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง)


สยบข่าวลือเรื่องมือที่สามกันแล้วค่ะทุกคน เมื่อคู่รักอย่าง #มูนตะวัน ที่มีข่าวออกมาต่างๆนาๆเรื่องมือที่สามบ้าง เรื่องรีเทิร์นบ้าง สรุปว่ามั่วนิ่มนะจ้ะ เรือเล็กเรือน้อยก็ต้องหลบเมื่อสายรายงานมาว่าเขายังรักกันดี ข่าวต่างๆที่เคยออกมาเป็นเพราะมีผู้ไม่หวังดีเรื่องนี้แซ่บมากจ้า เอาเป็นว่าไปตามเผือกกันเองนะจ้ะ อิอิ

Farngfay : #มูนกันต์ เรือล่มแล้วววว

Chercherry : เขาบอกว่าแฟนเก่า ม. ปล่อยข่าวใส่ไข่จ้าาา

จีจี้ที่ไม่จ้อจี้ : จริงจ้า แฟนเก่าแรงอาฆาตเด้ออ

เปิดแอคมาเพื่ออาจารย์ภู : แล้วอาจารย์ภูล่ะค๊าแอด.. สรุปเขาไม่ได้เป็นอะไรกับตะวันใช่ไหมคะ ฉันรักเขาา

ภูผา อัศวถาวรานุกูล : ตะวันเป็นคนสำคัญครับ :)

จีจี้ที่ไม่จ้อจี้ : กรี๊ดดด คนหล่อมา แต่เอ๊ะ คนสำคัญนี่ยังไงคะ อะไรกันนน

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : เดี๋ยวนะคะ นามสกุล... @ภูผา อัศวถาวรานุกูล

Veevy very cool : แล้ววี่สำคัญไหม? @ภูผา อัศวถาวรานุกูล

ภูผา อัศวถาวรานุกูล : สำคัญเหมือนกัน @Veevy very cool

BigBro : วี่ของผมพี่ @ภูผา อัศวถาวรานุกูล

ภูผา อัศวถาวรานุกูล : เป็นอะไรกับวี่หรอ วี่เป็นน้องผมนะ @BigBro

BigBro : @Moon Thanaphat มาเก็บพี่เขยมึงด่วน

Moon Thanaphat : .....

เปิดแอคมาเพื่ออาจารย์ภู : ตกลงอาจารย์ภูเป็นอะไรกับน้องตะวันคะ? ตอบทีค่ะ อกจะแตก

ภูผา อัศวถาวรานุกูล : เป็นพี่ชายครับ




                                                                  Tawan Ausawathawaranukul


“เฮ้อ.. พี่ชายเราอะร้ายจริงนะ”

“อะไรอะอยู่ดีๆก็มาว่าเฮียของตะวัน”

“ก็ดูนี่สิไปป่วนเพจเขาแล้วยังลีลา กว่าจะตอบได้ว่าเป็นพี่ชายเรา”

“ฮ่าๆ ดูทำหน้าเข้า เมื่อไหร่จะเลิกกัดกัน?”

“กัดอะไร ไม่ใช่หมานะ”

“ก็ไม่ได้ว่าเป็นหมาซะหน่อย”

“ตั้งแต่พี่ชายมาอยู่ด้วยก็เถียงเก่งเลยนะ ไหนมาให้กัดสิ”

“งื้ออ พี่มูนปล่อยตะวันน จะมากัดแก้มตะวันแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ทำไมจะไม่ได้ หือ”

“โอ๊ยย คนอื่นเขามีแต่หอมแก้มแฟนนี่อะไรมากัดแก้ม หยุดเลยยยย”

“น่างับนี่น่า” ไม่พูดเปล่าดวงตาคมเฉี่ยวก็เอาแต่จ้องมองมาที่แก้มของผม

“เอ้อ พี่มูนตกลงพี่นีนเขาหายไปเลยหรอ?”

“พี่ไม่เจอเลย ในคลาสก็ไม่เห็น”

ตั้งแต่ที่พี่มูนไปเคลียร์และพี่นีนก็ฝากคำขอโทษผ่านพี่มูนมาให้ผม ผมก็ไม่เจอพี่นีนอีกเลยแม้กระทั่งพี่มูนที่เรียนคณะเดียวกัน ผมเคยถามเฮียว่าช่วงที่เฮียไปสอนพี่นีนเข้าบ้างหรือเปล่า เฮียบอกว่าเจอแค่ครั้งเดียวแต่พอคนรู้เรื่องมากขึ้นเขาก็ไม่มาเรียน เฮ้อ ผมก็ไม่รู้ว่าคนไปเอาข่าวมาจากไหนเรื่องที่พี่นีนปล่อยข่าวไม่จริงของผม แต่นั่นก็ทำให้เขาอยู่ในสังคมยากมากขึ้นเพราะการกระทำของเขาเอง...

“แล้วพี่ชายเราอะ ไหนว่ามาพักผ่อน ไหนว่ามาช่วยสอนอาทิตย์เดียว นี่เล่นจะครบเดือนแล้วนะยังไม่หยุดสอนเลย”

“นั่นสิ ตะวันก็งงกับเฮีย แทนที่จะพักอยู่บ้าน แต่เฮียบอกว่าไม่อยากว่าง อยากหาประสบการณ์”

“หาประสบการณ์อะไรกัน มาคอยกันพี่ออกจากเรามากกว่า ไม่งั้นจะมาพักกับตะวันที่นี่ทำไม” พี่มูนทำหน้าเบื่อตายขึ้นมาทันที ผมอดที่จะขำแฟนตัวเองไม่ได้

“ฮ่าๆ พี่มูนก็ เฮียออกจะชอบพี่มูน”

“ตรงไหนที่ว่าชอบ เจอกันแต่ละทีนะเล่นเอาพี่ปวดหัว”

“นี่ถ้าเฮียชอบใครก็จะเล่นแบบนี้ล่ะ แต่ถ้าไม่ชอบนะ อย่าหวังจะได้เข้าใกล้เลย”

“งั้นพี่ชายเราก็ชอบน้องกันต์ด้วยใช่ไหม ถึงได้...” พี่มูนเหมือนชะงัก ก่อนที่เราจะสบตากันแล้วเหมือนโทรจิตสื่อถึงกันได้ว่าเรื่องนี้มันจะใช่อย่างที่คิดไหม

“พี่มูนว่า..”

“พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคิดอะไรไปกันเองดีกว่าไหม?”

“ก็จริงเนอะ ฮ่าๆ”

ผมกับพี่มูนคบกันมาได้สักระยะเราตัวติดกันมากขึ้นจนตอนนี้พี่มูนแทบจะมาอยู่แต่ห้องผม จนผมต้องเอ่ยปากว่ากลับไปอยู่ห้องตัวเองบ้างก็ได้นะ พอบอกไปแบบนั้นก็หาว่าผมเปลี่ยนแปลงไป เบื่อกันบ้างแหละ ผมเลยไม่พูดอะไรอีก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่พี่มูนมาอยู่ใกล้ๆ แต่ก็อยากให้เราทั้งคู่มีเวลาสำหรับตัวเองบ้าง หรือมีเวลาให้กับเพื่อนเหมือนๆเดิม

“มันเป็นไรอะน้องตะวัน?” พี่อาฟถามเมื่อเห็นว่าพี่มูนทำหน้าไม่รับแขก

“พี่มูนกลายเป็นเด็กขี้งอน”

“ใครงอน?” พี่มูนถามกลับเสียงเข้ม จนพี่อาฟกับพี่บิ๊กหันมองหน้ากัน

“งอนอะไรกันสองคนนี้ ปกติหวานจะตายห่า”

“ตะวันมีคนอื่น”

“ว๊อท?!” ผมหันขวับมองพี่มูนทันที

“เดี๋ยวๆ ไอ้หล่อมึงพูดอะไรออกมา ดูหน้าน้องมันด้วย” พี่บิ๊กบอก จริงหน้าผมตอนนี้ที่มันเริ่มจะไม่รับแขกมากกว่าพี่มูนอีก

“ก็ตะวันเปลี่ยนไป”

“ตะวันเปลี่ยนไปตรงไหน?” ผมเริ่มจะขึ้นเสียงเมื่อรู้สึกว่าประโยคของพี่มูนเริ่มจะมั่วไปเรื่อย

“ตะวันไม่อยากอยู่ใกล้พี่ ตะวันชอบพี่ไล่กลับห้อง ตะวันเบื่อแล้วใช่ไหม ใช่สิจะหมดโปรแล้วนี่” ผมเริ่มกรอกตามองบนทันทีเมื่อพี่มูนพูดแบบนี้

“กูว่าพวกมึงควรคุยกันดีๆนะ” พี่บิ๊กบอกก่อนที่จะเดินออกไปกับพี่อาฟ ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่มูนสองคน

“พี่มูนงี่เง่าแล้ว” ผมพูดเบาๆ ก่อนที่อีกคนจะเดินหนีไปซะดื้อๆ จนผมต้องรีบตามไป

ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นเอามากขนาดนี้ ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาทำให้เราต้องทะเลาะกันบ่อยขึ้น ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเหตุผลของผมบ้างนะ

“พี่มูน...” ผมจับข้อมือของอีกคนไว้ “หันหน้ามาคุยกับตะวันก่อน” ผมพยายามใจเย็นลง

“อะไร?” ก่อนที่ผมจะเข้าไปสวมกอดอีกคนไว้ โดยไม่ได้สนใจว่าใครจะมาเห็นหรือเปล่า

“ตะวันยังเหมือนเดิม ตะวันไม่ได้เบื่อพี่มูนเลยสักนิด ตะวันไม่ได้มีคนอื่นด้วย ตะวันรักพี่มูนขนาดนี้จะมีคนอื่นได้ไง” ผมกระชับกอดให้แน่นมากขึ้น

“แล้วทำไมต้องทำแบบนั้น”

“พี่มูนไม่คิดบ้างหรอ ว่าเราตัวติดกันจนแทบจะลืมตัวตนของเราไป เรามีเวลาให้กันจนแทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเอง หรือแม้กระทั่งคนรอบข้าง”

“พี่ทำเราอึดอัดหรอ?” พี่มูนค่อยๆเอามือลูบที่หลังผม

“ไม่ได้อึดอัด ตะวันชอบที่จะอยู่กับพี่นะ”

“แต่แค่อยากมีเวลาเป็นของตัวเองเหมือนตอนที่ยังไม่มีแฟนสินะ เฮ้อ...”

“ก็..”

“อาทิตย์ละ 4 วัน” ผมผละออกมามองหน้าพี่มูนอย่างไม่เข้าใจ

“หมายถึงอะไรครับ?”

“ก็พี่จะไปนอนที่ห้องเราอาทิตย์ละ 4 วัน อีก 3 วันเราต้องไปนอนห้องพี่”

“เดี๋ยวนะ”

“ล้อเล่น อีก 3 วันเราก็นอนเหงาๆอยู่ห้องตัวเองไปแล้วกัน”

“งือ พี่มูนโอเคไหม?”

“ก็โอเคล่ะหลังจากที่ฟังเหตุผลเรา แต่ตอนนี้ขอจุ๊บหน่อย”

“เดี๋ยว!” ผมรีบเอามือปิดที่ปากอีกคนทันที เมื่อเห็นว่าจะโน้มหน้าลง “เดี๋ยวคนเห็น”

“เข้าไปในรถกัน” ว่าแล้วอีกคนก็ดันตัวผมเข้าไปนั่งรถทันทีก่อนที่ตัวเองจะไปเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ

เมื่อเราทั้งคู่นั่งอยู่ในรถแล้วเขาก็ไม่รีรอมือเรียวสวยคว้าขมับเข้าที่ท้ายทอยก่อนที่เขาจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้เพียงแค่อึดใจริมฝีปากสวยก็ทาบลงมาประกบกับปากของผม ตอนนี้หัวใจผมเต้นเร็วแรงมากขึ้นเหมือนกับว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ปากจุ๊บปากเหมือนที่เราเคยทำ เพราะอีกคนทั้งจูบทั้งดูดทำแบบนี้ซ้ำๆแล้วยังพยายามแทรกลิ้นเข้ามาจนผมที่อ่อนไปหมดยอมให้ลิ้นของเขาเข้ามาจนได้ ลิ้นชื้นของเขาเกี่ยวพันกับลิ้นชื้นของผมจนตอนนี้ภายในรถได้ยินแต่เสียงน่าอาย ไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหนรู้แค่ว่าผมแทบจะหายใจได้ไม่เต็มปอด เมื่อเราผละออกจากกันพี่มูนก็ยังตามมาจูบซ้ำๆที่ริมฝีปากผมอีกก่อนจะค่อยๆไล่ไปตามสันกราม ไต่ระดับลงไปเรื่อยๆจนตอนนี้หน้าเขาฝังอยู่ที่ลำคอผม ก่อนที่จะระทวยไปมากกว่านี้ผมรีบผลักเขาออกทันที

แววตาพี่มูนฉายความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน...

“น่าปู้ยี่ปู้ยำ” อีกคนบอกแบบนั้นผมก็รีบเอามือปิดหน้าตัวเองทันที หน้าร้อนตัวร้อนไปหมด

“งะ เงียบไปเลย..” เสียงผมตะกุกตะกัก

“ไหนๆขอดูหน้าตัวนี้หน่อย”

“ไม่เอาาาา อย่าแกล้งตะวัน” พี่มูนพยายามจะแกะมือผมออกเพื่อจะมองหน้าผม

“ฮ่าๆ คอยดูนะพี่ต้องเผด็จศึกตะวันให้ได้”

“เงียบไปเลย !!”


กล้าพูดออกมาได้นะพี่มูน เป็นคนแบบนี้สินะ !



“เป็นไรตะวัน?” บูมจับหน้าผมหันซ้ายหันขวา

“อะไรของมึง ปล่อยย” ผมสะบัดหน้าออกจากมือมัน

“แล้วเป็นอะไร หน้าหงอยเป็นหมาโดนเจ้าของเมิน” ผมใช้หางตามองมันเมื่อจี้จุด

“ทะเลาะกับพี่มูนหรอ?” แตงโมถามขึ้น

“เปล่า” ผมส่ายหน้าให้

“แล้วเป็นไรอะ?”

“จะอะไร ก็ตัวเองขอเวลาส่วนตัวบ้าง เอาไปเอามากลายเป็นโหยหาเขาแทนไงล่ะ”

ไอ้แมนอีกแล้ว ! ไอ้แมนอีกแล้วที่รู้ดี

“จริงหรอตะวัน?” บูมมันถาม

“มึงก็ไปเชื่อไอ้แมนมันนะ” ผมว่าแต่สีหน้าก็บ่งบอกว่าไม่มีอารมณ์สุดๆ

“ถ้าไม่จริงอย่างที่กูพูด ขอให้พี่มูนมึง..”

“หยุดเลยไอ้เพื่อนแสนรู้ เออ ยอมรับก็ได้”

“โอ๋ๆ น้อนตะวันคนคูลล แล้วจะไปพูดแบบนั้นกับเขาทำไม ถ้าตัวเองต้องมาเป็นฝ่ายคิดถึงเขาขนาดนี้” มะนาวเข้าเอาลูบหัวผม

“ก็... ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทีแรกก็คิดว่าอยากมีเวลาเป็นของตัวเอง แต่พอไม่ได้อยู่ด้วยกันมันก็คิดถึงแปลกๆ อยากอยู่ด้วยตลอดเวลาเลย”

“นี่ไงมึงเข้าใจความรู้สึกแฟนมึงยัง?” แมนมันพูด

“เออ เข้าใจแล้วครับท่าน”

“แล้วจะมาหงอยแบบนี้ทำไมอะ ตะวันก็บอกพี่มูนไปตรงๆสิ” แตงโมบอก

“รายนั้นงานเยอะนะสิ ช่วงนี้โปรเจคอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด”

“แล้วไม่โทรหาอะ” บูมถาม

“มันไม่พออะ ! มึงงง มันไม่เหมือนกันอะ งือออ”

“กูล่ะเบื่อคนมีแฟนจริงๆ” บูมกรอกตามองบน หันไปคว้ามือถือขึ้นมาเล่นเกม

“เอ้า แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีอยู่หรอ? เห็นช่วงนี้รีบกลับห้อง” มะนาวแกล้งแหย่บูม

“พูดอะไรของเธอยัยมะนาว ฉันแค่อยากอยู่ห้องเฉยๆเอง”

“หร๊อออ คนแบบแกนี่นะ พิรุธเปล่าวะ” มะนาวทำหน้าครุ่นคิด

“พอๆเลย ไม่ต้องมาจ้องจับผิด”

“ก็คงจะเหมือนแมนมั้ง รายนี้เอะอะก็รีบกลับห้อง” แตงโมพูดขึ้นจนแมนมันเลิ่กลั่ก

“พิรุธกันสุด” ผมบอกเมื่อเห็นอาการของพวกมันสองคน จนแมนมันตบลงที่หัวผมอย่างแรง

“โอ๊ยยย ห่าแมน”

“โทษๆ มือสั่น”

อยากเผลอลั่นปากไปหมดเหมือนกันแฮะ ถ้าไม่ใช่ตาสายพิฆาตของมันนะ ตะวันคนนี้ไม่ยอมหรอก ตบมาได้แรงคนหรือแรงควาย ไม่อ่อนโยนกับตะวันสักนิด

“วันนี้ตะวันชวนพี่มูนไปกินข้าวสิ อย่างน้อยก็ได้เจอกันนะ” มะนาวเสนอ

“ไม่กี่ชั่วโมงก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอน๊า” ผมคิดตามที่มะนาวและแตงโมพูด

“เดี๋ยวตะวันทักไปถามพี่มูน”

ผมเปิดหน้าจอแชทส่วนตัวของผมกับแฟนสุดหล่อแล้วทักหาทันที ไม่กี่นาทีพี่มูนก็ตอบกลับมาพอได้คุยกันแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึงเข้าไปใหญ่ อยากจะไปหาตอนนี้ให้ได้เลย แต่อีกคนบอกว่ากำลังทำงานอยู่ซึ่งถ้าไปหาจะกลายเป็นว่ารบกวนเวลาทำงานของเขามากกว่า เลยทำได้แค่บอกว่าตอนเย็นอยากเจอซึ่งอีกคนก็คงจะคิดเหมือนผมถึงได้ตอบตกลงทันที

“ว่าไง?” แมนเอาไหล่มาชนไหล่ผม

“ก็เดี๋ยวไปเจอกันตอนเย็น”

“มึงนี่นะ ทำอะไรพูดอะไรไม่คิดดีๆ”

“ก็กู......” ผมนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดกับแฟนตัวเองไป ประโยคพวกนั้นมันกำลังทำให้ผมเองเสียใจ เสียดายเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“มึง ความรักของคนสองคนอะต้องมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ความใส่ใจด้วย ใส่ใจทั้งความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกของคนที่รัก อีกอย่างต้องคุยกันมึง มีอะไรก็ต้องคุย ไม่ใช่คิดเอง ถามเอง ตอบเอง” แมนมันบอก

“อืม ขอบใจมึงนะ”

“ส่วนใหญ่คนก็พูดได้แหละถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น” อยู่ๆบูมมันก็พูดขึ้น




“พี่มูน......”

“เป็นอะไร?”

“เปล่า...” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้ตัวเองดีว่ากำลังอ้อนอีกคน

“แล้วอ้อนทำไม จะเอาอะไร?” ผมเข้าไปออเซาะ ใช้คำนี้ล่ะถูกแล้ว

“แค่คิดถึง” ผมเอาหัวถูไปมาที่หน้าอกของอีกคนในขณะที่มือก็กำลังกอดรัดไว้ที่เอวเขา

“พี่ก็คิดถึงตะวัน” อีกคนเอามือมาลูบแก้มผมก่อนจะหันไปจับใบหูผมเล่น

“ตะวันอะคิดถึงพี่มูนมากๆเลยนะ คิดถึงจริงๆ เมื่อไหร่พี่มูนจะทำโปรเจคเสร็จอะ ตะวันอยากอยู่กับพี่มูนทั้งวันทั้งคืนเลย”

“หืม.. อะไรนะ พี่หูฝาดไปหรือเปล่า?”

“อะไรไม่เชื่อตะวันหรอ?” ผมผละออกห่างแล้วนั่งมองหน้าเขา

“เปล่า พี่แค่ตกใจ ก่อนหน้านี้ตะวันยัง....”

“ไม่ๆ ตะวันยกเลิกๆ ตะวันขอยกเลิกที่พูดไป ต่อไปพี่มูนมานอนที่ห้องตะวันได้ตลอดเลย หรือจะให้ตะวันไปที่ห้องพี่มูนก็ได้”

“ไหนว่าอยากมีเวลาส่วนตัว”

“ไม่เอาแล้ว ถ้ามีเวลาส่วนตัวแต่ต้องทรมานเพราะคิดถึงพี่มูน ตะวันก็ไม่เอา”

“เด็กน้อย” พี่มูนยีผมนุ่มๆของผมก่อนค่อยๆกอดรัดผม

“แล้วทำงานใกล้เสร็จยัง?”

“ทำต่อคืนนี้ก็น่าจะเสร็จ”

“จริงอะ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

“ไม่เก็บอาการเลยนะ”

“ฮ่าๆ ก็พี่มูนจะได้มีเวลาให้ตะวันแล้วไง”

“พี่ก็มีให้ตลอดแหละ”

“หมายถึงมากขึ้น”

“หยุดอ้อนเลย”

“จาอ้อนนนน จาอ้อนนน”

“หยุดเลยยย”

“ทำไมอะ ตะวันไม่น่ารักหรอ ตะวันอ้อนไม่ได้หรอ?” ผมขยับเข้าไปใกล้ๆพี่มูน จนเขาถอยตัวติดแนบชิดกับโซฟา

“น่ารัก อยากให้อ้อน แต่ถ้าจะอ้อนด้วยท่านี้พี่ว่าไม่น่าจะปลอดภัย” ผมเลยก้มมองตัวเองที่ตอนนี้แทบจะคร่อมเขาอยู่บนโซฟา

“ตะวันไม่ปลอดภัย หรือ พี่ไม่ปลอดภัย” ผมแกล้งๆถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ก็ยังไม่ยอมออกมานั่งดีๆ

“หึ ลองพิสูจน์ก่อนไหมล่ะ?” พี่มูนยิ้มที่มุมปาก


“ก็อยากอยู่นะ”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด