[END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] [Mpreg] ☆YOUniverse☆ .. #พี่ภูของผม (2020-09-28 : Universe - Special Ch)  (อ่าน 51701 ครั้ง)

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โกรธก็โกรธแหละ
แต่ก็เเอบเชียร์หน่อยละกันเขาเป็นพรัเอกนิเนอะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ไม่ง่ายหรอกเนาะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ก็เนี้ยละหน๊า!!ลูกตัวเองก็ต้องมาก่อน เห็นแก่ตัวอยู่นะ เพราะถ้าคิดสักหน่อยว่าทำไมเขาถึงทิ้งไป แสดงว่าต้องเจอเรื่องสุดทนจริงมา ก็น่าจะไม่อยากช่วยให้ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพวกเขาไป คุณแม่ยังรักลูกของตัวเองเลยแล้วคุณพ่อคุณแม่ของไนล์จะไม่รักลูกตัวเองมากหน่อยเหรอ 3วัน ไปง้อ กลับมาคืนดีกัน end 55555 พอจะเห็นใจแต่เมื่อย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ไนล์เจอมา เห๊อะ!! เสียใจไปเถอะไอ้พี่ภู มันยังน้อยไป ยังไม่คู่ควรเลยสักนิด อยากขำดังๆว่ะ 5555555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนหน้าจ้า :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รอดูว่าจะง้อน้องยังไง

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารน้องไนล์แง้งงงง :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 31st : ไม่เหมือนเดิม


Kirin’s Part

ผมพยายามจะเข้าหาไนล์แต่ก็มีเหตุให้มีอะไรมาขัดตลอด จนกระทั่งผมกับแม่ และไอ้เทมส์กับพ่อและแม่มันถูกเชิญขึ้นบนเวทีเพื่อเปิดโครงการฯ ร่วมกันในฐานะพันธมิตรและหุ้นส่วนสำคัญ ผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลยว่าบนเวทีพูดอะไรกัน ผมปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นพูดคุยโต้ตอบกันไป ในขณะที่ตัวเองเอาแต่จดจ้องมองน้องไม่วางตา


ผมกลัวว่าน้องจะหายไป ถ้าละสายตาไปแค่นาทีเดียว... แล้วไนล์จะหายไป


ผมมองไนล์อยู่แบบนั้นและไอ้เทมส์ก็คงสังเกตเห็น ผมเดาว่ามันคงรู้เรื่องทั้งหมดจากไนล์แล้ว เพราะจากสายตาที่มันมองผมก็ดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ หนำซ้ำยังจ้องผมตาขวางตอนที่ผมมองไนล์อีกต่างหาก

แต่ผมสนที่ไหนล่ะ เพราะถ้าผมไม่เข้าหาไนล์วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ หลังจากนี้ไปไอ้เทมส์ต้องหวงไนล์ไว้ไม่ให้ผมเข้าใกล้แน่ๆ...

และพอพิธีการบนเวทีจบลง โอกาสก็เป็นของผมโดยมีแม่คอยช่วย แม่กันครอบครัวไอ้เทมส์ด้วยการพยายามชวนคุย ผมเลยพุ่งตัวไปหาไนล์ที่ยืนหลบๆ อยู่แถวด้านข้าง ก็อย่างที่ผมบอก ผมจับตามองไนล์ตลอดเลยรู้ว่าน้องอยู่ตรงไหน มันเลยไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะถึงตัวน้องก่อนที่น้องจะได้ทันหนีผมเสียอีก

“ไนล์! มากับพี่มา”

ผมคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น ในขณะที่ไนล์เองก็ได้แต่ตกใจตาโตเพราะตั้งตัวไม่ทัน กว่าน้องจะคิดได้ว่าต้องหนีผม ผมก็กึ่งจูงกึ่งบังคับให้น้องเดินมาถึงลิฟต์แล้ว

“ปล่อย! คุณจะพาผมไปไหน ปล่อยผมนะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!” ไนล์ทั้งดิ้นทั้งสะบัดแต่ก็สู้แรงผมไม่ได้ ผมกำข้อมือน้องแน่นไม่ยอมปล่อย แน่นพอๆ กับที่ผมจะไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดรอดไปเด็ดขาด

ผมกดปุ่มที่ลิฟต์ย้ำๆ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก ผมจูงน้องเดินเข้าไปทั้งๆ ที่น้องไม่ยอมนั่นล่ะ และหลังจากประตูลิฟต์ปิด ผมก็กดไปชั้นที่ตัวเองต้องการ ชั้นที่ผมจองห้องพักเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะมามีประโยชน์เอาตอนนี้

“เราต้องคุยกันนะไนล์” ผมพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แม้ว่าตอนนี้ไนล์แทบจะไม่มองหน้าผมเลยก็ตาม “พี่ขอร้องนะครับ พี่รู้ว่าพี่ทำผิด…”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยผม!” ไนล์พยายามจะบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของผม แต่ผมไม่ยอม “ผมคืนทุกอย่างให้คุณแล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างกัน อย่ามายุ่งกับผมอีก!”

ผมทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บปวด นึกเข้าใจความรู้สึกของไนล์ขึ้นมาทันทีเวลาถูกผมไล่หรือพูดจาไม่ดีใส่ ทั้งที่สิ่งที่น้องพูดกับผมยังเลวร้ายไม่ได้เศษเสี้ยวที่ผมเคยพูดหรือทำใส่น้องเลยด้วยซ้ำ … ผมทำเรื่องแย่ๆ มากขนาดนั้นไปได้ยังไง

และในขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากขอร้องไนล์อีกครั้ง ประตูลิฟต์ก็เปิดออกเสียก่อน ผมเลยจูงมือไนล์ไปที่ห้องพักที่อยู่ไม่ไกล ไนล์เองที่พอรู้ว่าผมจะพาไปไหน จากที่แค่พยายามจะบิดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมก็เริ่มดิ้นรนให้ผมปล่อย ดวงหน้าหวานซีดเผือด ตาเบิกกว้างราวกับกำลังหวาดกลัว


และผมก็รู้ดีว่าไนล์กลัวอะไร นั่นทำให้ผมโคตรรู้สึกแย่กับการกระทำที่ผ่านมาของตัวเองยิ่งกว่าเดิม


ผมทำให้ไนล์กลัว ผมทำให้ไนล์มีบาดแผลในใจที่ไม่น่าจะหายขาดได้ง่ายๆ ทั้งที่รู้ว่าน้องเจอเรื่องอะไรมา ผมก็ยังทำแย่ๆ แบบนั้นใส่น้อง นั่นทำให้ผมกลัวขึ้นมาบ้าง เป็นความกลัวที่เกาะกินอยู่ในใจ

ผมกลัวว่าไนล์จะไม่ให้อภัย ไม่ให้โอกาส ไม่ให้คนที่กำลังสำนึกผิดแบบผมได้ดูแลน้องบ้าง ดูแลน้องเหมือนที่น้องเคยดูแลผม

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว พี่แค่อยากคุยกับไนล์ อยากคุยกันแค่เราสองคน พี่รู้ว่ามันยากที่ไนล์จะเชื่อใจ แต่ไนล์เชื่อพี่หน่อยนะครับ พี่ขอร้อง”

ผมอ้อนวอนขอน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นัยน์ตากลมโตยังคงดูหวาดระแวงแต่ไนล์ไม่ดิ้นรนเท่าในคราวแรก นั่นเลยทำให้ผมพาน้องมาถึงห้องพักจนได้

หลังจากที่ปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อย ไนล์ก็ดิ้นรนขอให้ผมปล่อยอีกครั้งและครั้งนี้ผมก็ยอมปล่อยเขาเพราะเห็นว่าเราอยู่ในพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวมากพอแล้ว ผมมองหน้าน้องนิ่งในขณะที่น้องไม่ยอมมองผมเลยด้วยซ้ำ และที่สุดแล้วผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว ผมตรงเข้าไปกอดน้อง กอดเพื่ออยากจะบอกน้องว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน แม้ปฏิกริยาที่ไนล์ตอบกลับมาจะไม่ใช่ในแบบที่ผมคาดหวัง แต่ผมก็ไม่ได้ยอมแพ้ ผมยังคงกอดไนล์อยู่แบบนั้น จนในที่สุดไนล์ก็เลิกดิ้น น้องยืนเฉยๆ ให้ผมกอด ไม่หือ ไม่อือ และไม่แม้แต่จะยกมือกอดผมตอบ ซึ่งนั่นทำให้ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม


เคยทำอะไรน้องไว้ ตอนนี้มันคืนสนองผมทั้งหมด เหมือนเวรกรรมตามทันยังไงไม่รู้


“พี่คิดถึง คิดถึงมากๆ ...” ผมได้แต่พร่ำบอก แต่ไนล์ก็ยังคงนิ่งเหมือนเขาไม่ได้ยินดีที่จะรับฟัง และสุดท้ายเมื่อน้องพยายามจะดันตัวออก ผมเลยต้องยอมปล่อย เพราะไม่อยากจะทำอะไรที่เป็นการฝืนใจไนล์ ให้ไนล์รู้สึกแย่กับผมอีก

“คุณมีอะไรก็พูดมา รีบๆ พูด ผมจะได้รีบๆ ไป” ไนล์พูดกับผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาที่เขามองมายังผมไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเต็มไปด้วยความรักและความคิดถึงทุกทีที่เขามองหน้าผม


และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือสรรพนามที่เขาใช้เรียกผมและใช้เรียกแทนตัวเอง มันดูห่างเหินจนผมทนไม่ได้ และเผลอขอร้องออกไปอย่างตัดพ้อ

“ไนล์.. ไนล์เรียกพี่ว่าพี่ภู แล้วแทนตัวเองว่าไนล์เหมือนเดิมได้ไหม คือพี่..”

“พูดธุระของคุณมา ผมจะเรียกคุณว่ายังไงแล้วแทนตัวเองว่าอะไรมันก็เรื่องของผม” ไนล์ยังคงเย็นชาใส่ผม น้องพูดสวนออกมาทั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ “ในเมื่อผมเคยให้แล้วคุณไม่อยากรับ ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทู่ซี้ให้คุณอีก”

น้องมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจและนั่นทำให้ผมเสียใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะผมทำอย่างที่ไนล์พูดจริงๆ

“ไนล์ พี่ขอโทษ พี่อยากขอโทษสำหรับทุกอย่าง ตอนนี้พี่รู้ความจริงหมดแล้ว พี่มันโง่เอง พี่มันโง่ที่หูเบาเชื่อคนอื่น พี่มันโง่ที่ไม่หนักแน่นพอ พี่โง่ทุกอย่าง พี่ผิดเองทุกอย่าง” ผมตรงเข้าไปจับมือเล็กๆ ของน้องไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง ราวกับกำลังร้องขอ “ไนล์ยกโทษให้พี่ได้ไหมครับ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม พี่ขอร้อง ไนล์ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งนะ”

ไนล์ดึงมือออกช้าๆ น้องมองหน้าผมอย่างเย็นชา แต่ประโยคที่น้องพูดออกมากลับเย็นเยียบยิ่งกว่าสายตาที่น้องใช้มองผมอีกด้วยซ้ำ

“เราอย่ายุ่งกันอีกเลยครับ ต่างคนต่างอยู่เถอะ” น้องยังคงพูดนิ่งๆ แต่เฉือนหัวใจผมจนเหวอะหวะไปหมด “ผมผิดเองที่เข้าไปหาคุณทั้งที่คุณไม่ต้องการ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ควรแม้แต่จะเริ่มทำแบบนั้นด้วยซ้ำ .. ความรักที่คุณไม่ต้องการน่ะ มันไร้ค่าจะตายไป”

ไนล์พูดน้ำเสียงหยันๆ แววตากลมโตดูเจ็บปวดไม่น้อยที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น เมื่อนึกถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง ผมละเลยความรู้สึกของไนล์ ผมละเลยหัวใจที่รักและภักดีกับผมมาตลอด ผมละเลยน้อง ละเลยทุกอย่าง แต่วันนี้ผมกลับมาร้องขอให้เราเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ผมก็อยากที่จะพยายามเพราะผมไม่อยากเสียน้องไป

“แต่ตอนนี้พี่ต้องการ” ผมมองสบเข้าไปในดวงตากลมโต เพื่อแสดงความจริงใจให้น้องเห็น “พี่รู้ว่าที่ผ่านมาผมทำตัวไม่ดีกับไนล์ ทั้งที่ไนล์ดีกับพี่ รักพี่ แต่พี่ก็ยังงี่เง่าเอาแต่หูเบาแล้วก็เชื่อคนอื่น พี่รู้ว่าการมาขอโอกาสไนล์ตอนนี้มันดูเหมือนคนหน้าด้าน แต่พี่อยากให้ไนล์รู้จริงๆ ว่าพี่เสียไนล์ไปไม่ได้ พี่ระ..”


ปังๆๆๆๆ


ผมชะงัก น้องเองก็สะดุ้งตอนได้ยินเสียงทุบประตูสลับกับเสียงเคาะประตูที่ดังอยู่หน้าห้อง จากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงคุ้นหูที่ทั้งผมไนล์รู้ดีว่าเป็นเสียงของใคร


“ไอ้ภู!!! มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!”


เสียงไอ้เทมส์ที่ดังลั่นอยู่หน้าห้องทำให้ผมนึกรู้ว่าเวลาของผมหมดลงแล้ว ไนล์เองก็สะบัดมือออกจากการเกาะกุมผมทันทีแล้วทำท่าจะพุ่งไปที่ประตู เพื่อเปิดให้พี่ชายของตัวเองเข้ามา จนผมต้องตามไปกอดน้องไว้จากด้านหลัง เพราะรู้ดีว่าถ้าหลังจากที่ประตูบานนี้ถูกเปิดออก โอกาสที่ผมจะได้เข้าหาไนล์ได้แบบนี้คงจะเกิดขึ้นได้ยากเต็มที

... ไอ้เทมส์ มันไม่ปล่อยให้น้องมันได้คุยกับผมง่ายๆ อีกแน่ ผมรู้นิสัยมันดี โดยเฉพาะนิสัยหวงน้องของมัน ผมรู้ตั้งแต่ยังไม่เคยเจอไนล์เลยด้วยซ้ำ และยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้อย่าได้หวังเลยว่ามันจะใจดีกับผม ไม่มีทางแน่

“ไนล์ พี่ขอร้อง อยู่กับพี่แบบนี้ก่อน คุยกับพี่ก่อนเถอะนะ อย่าเพิ่งเปิดประตูเลย” ผมอ้อนวอนน้องพร้อมกับกอดไว้แน่น ห้าวันที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถึงน้องมากแค่ไหน ตอนที่ได้เห็นหน้าน้องอีกครั้ง

“ปล่อยผม! ผมจะออกไปหาพี่เทมส์ ปล่อยย!” ไนล์ดิ้นแต่ผมก็ยังกอดน้องไว้ไม่ปล่อย

“ไอ้ภู! กูบอกให้มึงเปิดประตูไง!!! ปล่อยไนล์ออกมาเดี๋ยวนี้!!”

เสียงทุบประตูดังขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ไนล์เองก็ดึงดันที่จะให้ผมปล่อย ผมเองที่พอเห็นน้องดิ้นมากๆ เข้าก็ทำใจรั้งน้องต่อไปไม่ไหวเพราะกลัวจะทำน้องเจ็บตัวเข้า สุดท้ายผมเลยต้องยอมปล่อยไนล์ไป

และพอผมปล่อยไนล์ให้เป็นอิสระ ไนล์ก็พุ่งไปที่ประตูแล้วเปิดออกทันที พร้อมๆ กับที่ไอ้เทมส์พุ่งเข้ามากอดน้องแน่น มันมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนที่จะดันไนล์ไปข้างหลัง


ข้างหลังที่มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับผมและมัน ผู้ชายที่ผมคุ้นตามากแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน และผู้ชายคนที่ว่าก็ดึงไนล์เข้าไปโอบไว้แน่น .. ผู้ชายที่ทำให้อารมณ์หึงหวงของผมพลุ่งพล่านจนแทบติดเพดาน


ผมไม่สนสายตาที่ไอ้เทมส์มองมาสักนิด เพราะตอนนี้ผมกำลังจ้องไปที่ผู้ชายคนที่กำลังโอบไนล์ไว้ ก่อนจะพูดเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ

“ปล่อยไนล์ คุณมีสิทธิ์อะไรมากอด?” ผมชี้หน้าผู้ชายคนนั้น พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาก่อนที่ไอ้เทมส์จะเดินเข้ามากั้นกลาง และเป็นมันที่ผลักไหล่ผมให้ถอยออกมา

“มึงนั่นแหละไอ้ภู มึงมีสิทธิ์อะไรที่พาน้องกูออกมาแบบนี้ ใครอนุญาตให้มึงแตะตัวน้องกูได้กัน?”

ผมตวัดสายตามองเพื่อนสนิทอย่างไม่พอใจ ผมรู้ว่ามันโกรธที่ผมทำไม่ดีกับไนล์ ผมรู้ว่ามันอยากจะด่า อยากจะอัดผมเต็มแก่แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ไหม ตอนที่มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มายืนกอดไนล์แบบนี้

“กูรู้ว่ามึงโมโห มึงไม่พอใจกู แต่ก่อนที่เราจะเคลียร์กัน มึงก็ไม่ควรให้ใครก็ไม่รู้มายืนกอดไนล์แบบนี้รึป่าววะ?”

ผมชี้มือไปที่ด้านหลังของไอ้เทมส์ แต่มันก็ไม่สนใจ มันยังจ้องผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ จ้องเหมือนกับว่าถ้าผมไม่ใช่เพื่อนมัน มันคงจับผมกระทืบจนจมดินไปแล้วตอนนี้


“ลมไม่ใช่คนอื่น สำหรับผมลมไม่ใช่คนอื่น ลมไม่เคยเป็นคนอื่น คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์มาชี้หน้าลมแบบนี้”


แต่แทนที่ไอ้เทมส์จะเป็นคนตอบ เสียงใสๆ ที่คุ้นหู เสียงใสๆ ที่เคยเรียกผมว่าพี่ภูอย่างนั้น พี่ภูอย่างนี้กลับเป็นคนพูดขึ้นมาแทน แถมประโยคที่ไนล์พูดยิ่งทำให้ผมหึงหวงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และในจังหวะที่ผมหันไปมองน้อง ภาพของคืนที่ผมได้เจอไนล์ครั้งแรกหลังจากกลับจากอเมริกาก็แว่บเข้ามาในหัว ภาพคล้ายๆ กันกับแบบนี้ ภาพที่ผู้ชายคนนั้นโอบไนล์ไว้ พร้อมกับออกตัวปกป้อง


‘ไนล์!! ... คุณทำอะไร? มีสิทธิ์อะไรมากอดไนล์?’

‘อ่อ.. ลูกค้ามาตามถึงที่เลยเว้ย ท่าทางจะเด็ดจริง’


‘ผมถามว่าคุณทำอะไร คุณมาลวนลามไนล์อย่างนี้ได้ยังไง?’

‘ไปกันเถอะลม เราอยากกลับแล้ว .. นะลม.. ขอร้อง อย่ามีเรื่องกันเลย ไปกันเถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ’

‘ไนล์แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร มันไม่ได้ทำอะไรไนล์แน่นะ ห้ามโกหกรู้ไหม’

‘อื้อ เราไม่ได้เป็นอะไร กลับกันเถอะนะ’



และผมก็จำได้ ลม.. คือผู้ชายคนเดียวกับคืนนั้น คนที่ผมเข้าใจว่าเป็นลูกค้าของไนล์ แต่ที่จริงไม่ใช่ ลมเป็นอะไรกับไนล์ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือผู้ชายคนนี้ชอบไนล์ของผม เขารู้สึกมากกว่าเพื่อน รู้สึกมากกว่าคนรู้จัก ไม่ว่าเขาจะรู้จักไนล์ในฐานะอะไร แต่เขาต้องรู้สึกกับไนล์มากกว่านั้นแน่ สายตาเขามันฟ้อง สายตาที่เขาใช้มองไนล์เป็นสายตาแบบเดียวกับที่ผมมองน้อง

แค่รู้สึกว่าตัวเองมาทีหลัง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยได้ปกป้องน้องแบบที่ผู้ชายคนนั้นทำ ผมก็รู้สึกพ่ายแพ้จนย่อยยับ และนี่ยังต้องมาเห็นว่าไนล์ออกตัวปกป้องผู้ชายคนนั้นต่อหน้าต่อตาอีก และเพราะอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกหึงหวงและไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม

“ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนอื่น!! พี่ก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับไนล์เหมือนกัน!! ในเมื่อเราเคย..”


พลั่ก!!


ผมยังไม่ทันได้พูดจบประโยคหมัดลุ่นๆ จากเพื่อนสนิทก็กระแทกหน้าผมอย่างจัง แต่นั่นก็ยังไม่เรียกสติผมได้เท่ากับการได้เห็นน้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโต ดวงตาที่เคยสดและผมไม่อยากเห็นมันเศร้าหมองอีก แต่ครั้งนี้ผมกลับทำให้ไนล์เป็นคนร้องไห้เสียเอง

เป็นผมอีกแล้วที่ทำให้น้องเสียใจ

“ถ้าไม่ใช่ว่ามึงกับกูเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าไม่ใช่ว่ามึงกับกูเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก กูกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่ากูสามารถตัดเพื่อนกับมึงได้แน่ๆ โทษฐานที่มึงทำร้ายและทำให้น้องกูเสียใจ”

“...”

“แต่เพราะเรื่องนี้กูเองก็มีส่วนผิด น้องกูเองก็มีส่วนผิด เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของเราจะเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่กับน้องกู กูบอกมึงไว้ตรงนี้เลยไอ้ภูว่ามึงห้ามมายุ่งกับไนล์อีก กูจะไม่ยอมให้มึงเข้ามาใกล้หรือทำให้น้องกูเสียใจอีกเด็ดขาด และหมัดเมื่อกี้ก็เพื่อให้มึงได้สำนึกว่าคำพูดหมาๆ ของมึงทำให้น้องกูต้องเสียใจมาแล้วตั้งกี่ครั้ง หวังว่ามึงคงจะคิดได้และเลิกยุ่งกับไนล์สักที”

“ไม่ กูไม่เลิกยุ่ง” ผมใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปาก แม้ปากผมจะแตก แต่ผมก็ไม่สนใจเลยสักนิดเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้นเทียบเท่ากับความเจ็บที่เกิดในใจผมไม่ได้เลย

ผมเกลียดความใจร้อนของตัวเอง ผมเกลียดที่ทำทุกอย่างให้แย่ยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้นอกจากไนล์จะเสียใจเพราะคำพูดของผมแล้ว ไอ้เทมส์ยังกีดกันไม่ให้ผมเข้าใกล้น้องอีก

“มึงต้องเลิกยุ่ง เพราะกูจะให้ไนล์หมั้นกับลม” ผมช็อค ยอมรับว่าตะลึงไม่น้อยกับสิ่งที่ไอ้เทมส์พูดออกมา ก่อนจะค้านหัวชนฝา เรื่องอะไรจะมาพรากไนล์ไปจากผม ผมไม่มีวันยอมแน่ๆ

“กูไม่ยอม! มึงมีสิทธิ์อะไรจะให้น้องไปหมั้นกับคนอื่น” ผมชี้ไปที่ไอ้เด็กนั่นที่ยืนอยู่ข้างน้อง “ไนล์ไม่ได้รักมัน คนที่ไนล์รักคือกู แล้วมึงจะมาบังคับให้น้องไปคบกับมันทำไม”


ผมพูดเต็มปาก ใช่! ผมกล้าพูดเต็มเลยว่าไนล์รักผม รักผมมาสิบปี รักผมคนเดียวมาโดยตลอด ผมต่างหากที่มีสิทธิ์อย่างชอบธรรมไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ที่ตัวหรือสิทธิ์ที่หัวใจของไนล์


“หึ! มึงก็กล้าเอาเรื่องนี้มาอ้างนะไอ้ภู.. ใช่! กูไม่เถียงว่าไนล์รักมึง แต่ไนล์รักมึงแล้วยังไงในเมื่อมึงไม่ได้รักน้องกู แค่ที่มึง.. ฮึ่ย!” ดูจากท่าทางผมก็รู้ทันทีว่าไอ้เทมส์มันหมายถึงเรื่องอะไร นี่ไนล์คงจะบอกมันแล้วเรื่องระหว่างไนล์กับผม ก็ดี ให้มันรู้ก็ดี เพราะยังไงผมก็ต้องใช้เรื่องนี้มาอ้างสิทธิ์ในตัวน้องอยู่แล้ว “แค่ที่มึงทำกับน้องกู ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้อะไรมันง่ายขึ้นนะ ข้อตกลงก็คือข้อตกลง ไนล์สัญญากับกูไว้แล้ว”

ผมชะงัก รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของเพื่อนสนิท ทั้งที่มันก็รู้ทั้งรู้ว่าผมมีอะไรเกินเลยกับน้องแล้ว ทำไมมันถึงยังดึงดันห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับไนล์ แล้วยังจะสัญญาและข้อตกลงอะไรนั่นอีก มีเรื่องที่ผมยังไม่รู้อีกรึไง

“มึงหมายความว่ายังไงเทมส์ สัญญาอะไร ข้อตกลงอะไร” ไอ้เทมส์ยิ้มเหยียด คล้ายๆ จะสมน้ำหน้าผม ก่อนจะตอบ

“ข้อตกลงและสัญญาที่ไนล์ยอมให้ไว้ก่อนจะขอกูไปอยู่กับมึงไง กูบอกน้องไว้ว่าถ้าไปอยู่กับมึงแล้วมึงไม่รักตอบ หรือถ้าเรื่องระหว่างมึงกับไนล์ไม่ป็นไปอย่างที่ไนล์หวัง ไนล์ต้องยอมให้โอกาสลม ไนล์ต้องยอมให้ลมดูแล.. ลมที่รักไนล์มาเป็นสิบปีไม่ต่างจากที่ไนล์รักมึง”

“…” ไอ้เทมส์ว่ายาวเป็นชุด ในขณะที่ผมได้แต่อึ้งซ้ำอึ้งซ้อนพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าไนล์จะยอมรับข้อตกลงแบบนี้กับไอ้เทมส์เพื่อให้ได้มาดูแลผม และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดกับน้องเข้าไปใหญ่ และอีกอึ้งก็คือไอ้เด็กนั่นมันรักไนล์มานานมากเหมือนกัน และในสายตาไอ้เทมส์มันก็มีภาษีดีกว่าผมหลายเท่า เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่เคยทำให้ไนล์เสียใจอย่างที่ผมเคยทำ

และถ้าผมเป็นพี่ชายที่หวงน้องมากๆ แบบไอ้เทมส์ หากจะต้องเลือกใครมาดูแลแก้วตาดวงใจของผม ผมก็คงเลือกไอ้เด็กลมอย่างไม่มีเงื่อนไขเหมือนกัน

“เพราะฉะนั้นถ้าให้กูเลือก กูก็จะเลือกคนที่พร้อมจะรักและดูแลไนล์อย่างดีเหมือนอย่างที่ลมทำมาตลอด ไม่ใช่คนที่ขยันทำร้ายหรือทำให้ไนล์ร้องไห้แบบมึง”


แต่ผมไม่ใช่พี่ชายไนล์ และผมก็อาจจะไม่ได้ดีเด่วิเศษวิโสเท่าไอ้เด็กลม ดังนั้นผมเลยไม่จำเป็นต้องเสียสละหรือเลือกใครให้ไนล์ ผมก็คือผม ผมที่จะไม่ยอมเสียไนล์ไปให้ใครเช่นกัน


“แล้วทำไมกูต้องยอมทำตามที่มึงเลือกด้วย” ผมตอบเพื่อนสนิทอย่างยียวน เห็นมันกำหมัดแน่น มองผมตาถมึงทึงก็นึกรู้ว่ายั่วให้มันโกรธได้สำเร็จแล้ว “และต่อให้ไนล์เลือกไอ้เด็กนั่นกูก็ไม่สนอีกเหมือนกัน … อย่างที่มึงรู้ว่ากูกับน้องมึงเกินเลยกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะฉะนั้นกูมีสิทธิ์ในตัวไนล์ทุกอย่าง! ไม่ว่ามึงหรือใครก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับไนล์ของกูทั้งนั้น!”

“ไอ้สัสภู! มึง!”

ไอ้เทมส์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผมเองก็ชักจะหงุดหงิดเพราะแค่เพื่อนกีดกันยังไม่พอ ยังต้องมาทนหึงหวงแต่ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่ไอ้เด็กเวรนั่นกอดเมียผมแน่นแบบนี้

และพอไอ้เทมส์พุ่งเข้ามาผมเลยตั้งใจว่าจะซัดมันกลับเหมือนกัน แต่เจ้าของร่างเล็กกลับวิ่งมาขวางตรงกลาง ทำให้ทั้งผมและไอ้เทมส์ชะงัก ก่อนที่ไนล์จะวิ่งเข้าไปกอดไอ้เทมส์ไว้แน่น

“พี่เทมส์อย่าครับ พอเถอะ! กลับบ้านเรากันนะ ไนล์อยากกลับบ้านแล้ว"

ผมเองก็ชะงักค้างไปพอๆ กับไอ้เทมส์ที่ยอมหยุดทันทีที่เห็นว่าน้องเข้ามาอยู่ในรัศมีที่อาจจะโดนลูกหลงหรือได้รับบาดเจ็บถ้าเราสองคนทะเลาะต่อยตีกัน

นั่นคือสิ่งที่เรามีเหมือนกันในเวลานี้... ความรักและความเป็นห่วงที่เรามีให้ไนล์

และตอนนี้เพราะความรักที่ไอ้เทมส์มีให้ไนล์เลยทำให้มันกำลังจะทำตามที่ไนล์ร้องขอ มันกอดตอบน้องแน่น ทั้งที่จ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนั่นแหละ

“โอเคครับ กลับก็กลับ ไม่ต้องร้องไห้นะคนเก่งของพี่”

และเพราะความรักที่ผมมีให้ไนล์เหมือนกันเลยทำให้ผมทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำออกไป ยิ่งได้ยินไอ้เทมส์ปลอบเพราะไนล์กำลังร้องไห้ ผมเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ความรู้สึกเรียกร้อง

ผมตรงเข้าไปคว้าข้อมือเล็กของน้อง ในจังหวะที่ไอ้เทมส์ปล่อยน้องออกจากอ้อมกอดพอดี เพราะมันกำลังจะพาน้องกลับบ้านตามที่น้องขอ ไนล์เลยหันมาตามแรงดึงและมองหน้าผมด้วยสายตาโกรธเคือง

“ไนล์ พี่ขอร้อง.. พี่เสียไนล์ไปไม่ได้จริงๆ พี่ขอโอกาสจากไนล์สักครั้งได้ไหมครับ” ผมร้องขอน้องด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนหวังจะให้ไนล์เห็นใจ


“สามเดือน..” น้องพูดเสียงสั่นตอนมองหน้าผม น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกลับมาคลอหน่วยอีกครั้ง ทำเอาใจผมเจ็บไปหมด “สามเดือนที่อยู่ด้วยกันมา นั่นแหละครับโอกาส .. โอกาสทั้งของคุณและของผม แต่คุณกลับไม่เคยเห็นค่าและให้ความสำคัญ”

“…” ผมเงียบ ความรู้สึกผิดท่วมท้นในหัวใจ

“ทั้งที่ผมพยายามทุกอย่าง ผมไม่ได้คาดหวังให้คุณมารักผมด้วยซ้ำ แต่ทำไม... ฮึก ทำไมคุณต้องทำร้ายผมขนาดนี้ด้วย” น้ำใสๆ ไหลอาบแก้มน้อง

“พี่.. พี่” ผมพูดอะไรไม่ออก นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้องพูดออกมาแบบนี้

“คุณไม่รักผม ผมไม่ว่า แต่คุณกลับดุผม ต่อว่าผม ดูถูกผมสารพัด ความดีและความรักที่ผมมีให้คุณตลอดสามเดือนมันไม่เพียงพอเลยสักนิด เมื่อเทียบกับคำพูดของผู้หญิงคนนั้นแค่ประโยคเดียว”

ไนล์ยังคงร้องไห้ ในขณะที่มือผมที่รั้งน้องไว้ก็อ่อนแรงลงทุกที

“พี่ขอโทษ.. พี่ขอโทษนะไนล์” ผมพึมพำคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา เสียงที่เคยทุ้มแน่นกลับแผ่วลงเรื่อยๆ เพราะความรู้สึกผิด และแม้จะอยากพูดอะไรมากกกว่านี้ผมก็กลับคิดว่าไม่มีคำไหนเลยที่เหมาะจะพูดกับน้องเท่ากับคำนี้


คำว่าผมขอโทษ และผมเสียใจ ต่อให้อยากบอกรักน้องแค่ไหนผมก็คิดว่ามันคงไม่เหมาะและดีพอที่จะบอกน้องในเวลาแบบนี้


“พอเถอะครับ ถ้าคุณรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีกับผม ผมยินดียกโทษให้” ผมยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อได้ยินน้องพูดแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องหน้าเสีย พอได้ยินประโยคถัดมา “แล้วก็กลับไปหาผู้หญิงคนนั้นของคุณเสียเถอะครับ ในเมื่อคุณลืมเธอไม่เคยได้ และรักเธอมาก ระหว่างเราก็ให้จบลงแค่นี้แล้วกัน”

“ไม่! ไม่ใช่นะไนล์!” ผมส่ายหน้าไม่ยอมรับการตัดสินใจของน้องทันทีเมื่อได้ยินน้องพูดจบประโยค ผมยึดข้อมือน้องไว้อีกครั้ง และก็น่าแปลกที่ครั้งนี้ไอ้เทมส์ไม่ได้เข้ามาขวางหรือห้ามอะไร แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากได้ปรับความเข้าใจกับไนล์

“…” น้องไม่ตอบรับคำปฏิเสธของผม แต่กลับจ้องหน้าผมนิ่งด้วยสายตาอ่านไม่ออก

“มันก็จริงที่พี่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะไนล์…” ผมยังพูดไม่ทันจบ ก็เจอน้องสะบัดมืออกจากการเกาะกุมก่อน

“พอเถอะครับ พอได้แล้ว ผมไม่อยากฟัง” ไนล์หันหน้าหนีผม ก่อนจะถูกไอ้เทมส์ดึงเข้าไปกอด “กลับกันเถอะครับ”

ไอ้เทมส์ปรายตามามองผมเล็กน้อยตอนที่จะพาไนล์ออกเดิน และผมก็ได้รู้ว่าทำไมมันไม่เข้ามาขวางตอนที่ผมกับน้องกำลังคุยกัน… เพราะมันจะปล่อยให้ไนล์เป็นคนพูดเอง ให้ไนล์ปฏิเสธผมด้วยตัวเอง มันรู้นิสัยน้อง มันรู้ว่าไนล์จะยืนหยัดในความคิดตัวเองเวลาที่ดื้อมากๆ ไนล์จะฟังหัวใจและความรู้สึกของตัวเองมากที่สุดเมื่อตั้งใจแล้ว

และความตั้งใจในตอนนี้ของก็น้องคือการตีตัวออกห่างผม ซึ่งไนล์ก็จะทำมันให้สำเร็จจนได้ เหมือนตอนที่ไนล์อยากเข้ามาอยู่ในชีวิตผมนั่นแหละ

พอรู้ผมก็เริ่มร้อนรน ยิ่งเห็นไอ้เทมส์ส่งไนล์ให้ไอ้เด็กชื่อลมประคองผมยิ่งทนไม่ได้ เลยตัดสินใจจะพุ่งเข้าไปหาน้องอีกรอบ แต่เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นกลับตรึงเท้าทั้งสองข้างของผมให้หยุดนิ่งได้ชะงัด


“ตอนนี้ผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ถ้าคุณอยากให้ผมเกลียดจะลองตามผมมาก็ได้นะครับ”


และเพราะคำพูดประโยคนั้นของไนล์เลยทำให้ผมได้แต่ยืนนิ่งๆ และมองไอ้เด็กชื่อลมประคองไนล์เดินออกไป แม้จะไม่อยากปล่อย แต่เพราะรู้ดีว้าตัวเองได้ทำโอกาสที่ดีและเหมาะสมที่สุดหลุดลอยไปแล้ว ผมก็คงต้องยอมถอยออกมาก่อนเพราะถ้าขืนดันทุรังมากๆ อาจจะทำให้ไนล์โกรธและเรื่องราวมันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้

สุดท้ายผมเลยได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นหลังเล็กๆ นั้นพ้นและลับตาออกไปจากห้องพร้อมๆ กับเสียงประตูที่ปิดลง ความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้นมาในหัวของผม


‘ไนล์ได้แต่มองผมและเห็นผมด้วยมุมแบบนี้ตลอด เขามักจะเดินตามหลัง ไม่เคยมาเดินข้างๆ เพราะเจียมตัวกับความรักของตัวเสมอ เลยได้แต่แอบมองผมอยู่แบบนี้ … แล้วจากนี้ทำไมผมจะมองไนล์ด้วยมุมแบบนี้บ้างไม่ได้’


ในเมื่อผมไม่ได้มีโอกาสพูดว่ารัก ผมก็จะแสดงให้ไนล์เห็นเองว่าผมรักเขามากขนาดไหน ผมจะไม่ยอมแพ้ ในเมื่อไนล์ยังไม่เคยหยุดรักผมแม้จะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม ผมจะทำทุกอย่างจนกว่าไนล์จะยกโทษให้และยอมกลับมารักผมเหมือมเดิม ไม่ว่าจะยากลำยากแค่ไหนก็ตาม

.

.

.

(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(ต่อจากด้านบน)


“เป็นยังไงบ้างพี่ภู ได้คุยกับน้องไหม น้องหายโกรธรึยัง?”

แม่ผมตามขึ้นมาที่ห้องพักบนโรงแรมหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านเข้ามานั่งข้างๆ ผมที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงพร้อมกับกอดผมไว้แน่น

“น้องโกรธภูมากเลยครับแม่” ผมพูดพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหล ผมไม่รู้จะฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าบุพการีที่เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เกิดไปทำไม ในเมื่อตอนนี้ข้างในผมทั้งเจ็บปวด ทั้งอ่อนแอ ราวกับนี่ไม่ใช่ตัวผมเอง “แต่ก็สมควรแล้วที่น้องจะไม่ยอมให้อภัย ภูทำตัวเองทั้งนั้น ภูทำร้ายน้อง ทำให้น้องเสียใจ กว่าภูจะรู้ตัว รู้ความจริง ทุกอย่างก็สายไปหมด”

“โถ่.. พี่ภูลูกแม่” แม่กอดผมแน่น ท่านดูลังเลอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็ถามออกมา “ว่าแต่พี่ภูรู้ทุกเรื่องหมดแล้วใช่ไหมครับ? เรื่องที่น้องเป็นเด็กคนเดียวกับเด็กในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้ว ลูกก็รู้ใช่ไหม?”

“ภูรู้ครับ ก่อนน้องไปน้องทิ้งของแทนใจที่ภูเคยให้น้องไว้ที่ป้ามล” ภาพวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในช่วงอีกครั้ง “และเพราะของพวกนั้นก็เลยทำให้ภูจำน้องได้ หึ! อยู่กันมาเกือบสามเดือนแต่ภูไม่ระแคะระคายอะไรเลย ก็สมควรแล้วที่น้องจะทิ้งภูไป”

“แล้วพี่ภูรู้ความจริงแบบนี้แล้ว พี่ภูไม่โกรธน้องเลยหรอลูก” แม่ถามให้ผมได้ยิ้มบางๆ กับตัวเอง

“ไม่เลยครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้แม่เพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง “ถ้าเทียบกับเรื่องที่น้องทำเพื่อภู เรื่องที่น้องโกหกดูเล็กน้อยมากๆ อีกอย่างเหตุผลที่น้องโกหกนั่นก็เพราะน้องพยายามเข้ามาดูแลภู รักษาภู น้องหวังดีกับภูทั้งนั้นแล้วภูจะโกรธน้องได้ไงครับแม่”

“ดีแล้วลูกที่คิดได้แบบนั้น” แม่ลูบแก้มผมเบาๆ อย่างปลอบประโลม “แม่เองก็ผิดที่แอบช่วยเหลือน้องไนล์แบบนั้น แต่เพราะแม่รู้ว่าน้องไนล์จะทำให้พี่ภูดีขึ้นได้จริง แม่เลยต้องลองเสี่ยงเผื่อน้องไนล์จะทำให้แม่ได้ลูกคนเดิมกลับมาเร็วๆ และน้องไนล์ก็ทำได้จริงๆ”

“ทำไมแม่ถึงมั่นใจครับ ว่าไนล์จะทำให้ภูดีขึ้นได้” ผมถามแม่อย่างสงสัย “แค่เพราะแม่รู้ว่าไนล์คือเด็กคนเดียวกับเด็กในร้านไอศครีมเมื่อสิบปีที่แล้วงั้นหรอครับ”

“ใช่จ้ะ” แม่ตอบยิ้มๆ “แค่แม่รู้ว่าน้องไนล์เป็นคนๆ เดียวกับเด็กคนนั้นแม่ก็ปักใจยอมช่วยน้องทันที เพราะแม่รู้ว่าลึกๆ แล้วสายสัมพันธ์ของน้องกับพี่ภูยังอยู่ตรงนั้น เราสองคนเคยแคร์และห่วงกันมาก ต่อให้ช่วงแรกพี่ภูต่อต้านน้องยังไง แต่สุดท้ายไอ้สายสัมพันธ์ที่แม่ว่าเนี่ยจะทำให้พี่ภูเปิดใจรับน้องไนล์เอง”

“แม่..” ผมนึกทึ่งที่แม่มองออกขนาดนั้น

“ไม่ต้องมาอึ้ง” แม่หัวเราะเบาๆ “แม่จำสภาพพี่ภูก่อนบินไปอเมริกาได้ติดตา ทั้งงอแง ทั้งดื้อกับแม่ โทษแม่ทุกวันที่เป็นคนทำให้พี่ภูคลาดที่จะเจอกับน้อง เพราะแบบนั้นแม่ถึงได้รู้ไงว่าน้องน่ะสำคัญกับพี่ภูมาก ต่อให้สมองพี่ภูลืมน้องไป แต่ใจกับความรู้สึกของพี่ภูน่ะไม่มีทางลืมหรอก แม่เชื่อแบบนั้น


และก็เป็นแบบที่แม่บอกจริงๆ เพราะสุดท้ายผมก็ตกหลุมรักน้องโดยที่ผมเองแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ


“ทีนี้พี่ภูต้องเล่าให้แม่ฟังบ้างแล้วล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องไนล์ถึงหนีกลับบ้านก่อนกำหนดสามเดือน แม่จำได้ว่ายังไม่ถึงเวลานี่”

ผมมองหน้าแม่พร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมด ทั้งเรื่องที่ผมเข้าใจผิดไนล์กับไอ้เทมส์ เรื่องคุณรัน ไล่มาจนถึงเรื่องจีน แม่ฟังไปตีผมไป บ่นผมไปจนหูชา จนหลังเจ็บไปหมด ผมก็นั่งนิ่งปล่อยให้แม่ตีเพราะรู้ว่าตัวเองทำผิดจริง แต่เรื่องที่ทำให้ผมโดนแม่ทั้งตีทั้งหยิกหนักที่สุดก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ผมขืนใจน้องนั่นแหละ แม้หลังๆ น้องจะเต็มใจไหลไปตามอารมณ์ก็เถอะ

“ก็.. ประมาณนี้แปละครับแม่ เรื่องทั้งหมด”

แม่ผมเอามือพัดโบกตรงหน้าตัวเองคล้ายกับกำลังเรียกลม พร้อมกับพึมพำว่า ‘ตายแล้วพี่ภู ตายแล้วๆๆ’  ไม่หยุด โดยมีผมคอยโบกเรียกลมช่วยแม่อีกแรงเป็นการไถ่โทษ

“โอย แม่จะเป็นลม ไปรังแกลูกเค้าขนาดนั้นได้ยังไงห๊ะพี่ภู เกิดพ่อแม่ของน้องแล้วก็พี่เทมส์เอาเรื่องขึ้นมาจะทำยังไงห๊ะเนี่ย?” แล้วแม่ก็ระดมตีสลับกับฟาดผมอีก ผมก็นั่งนิ่งปล่อยให้แม่ทำโทษ และพอแม่ตีจนเหนื่อยผมก็เอ่ยปากขอร้อง

“คุณพ่อกับคุณแม่น้องน่าจะยังไม่รู้ แต่ถ้าพวกท่านรู้แล้วจะเอาเรื่องภูก็ยอมให้เอาเรื่อง ภูตั้งใจจะรับผิดชอบน้องจริงๆ นะครับแม่ ส่วนไอ้เทมส์น่ะน่าจะรู้แล้ว ผมเดาว่าน้องคงเป็นคนบอกมันเอง ปัญหามันก็เลยอยู่ตรงนี้” ผมถอนหายใจ ในขณะที่แม่ตั้งใจฟังมากๆ

“….” แม่เงียบไม่ได้ออกความเห็นอะไร แต่ผมรู้ว่าท่านกำลังใช้ความคิด

“ไอ้เทมส์มันกีดกันภู ไม่ให้ภูเข้าใกล้น้อง แค่น้องโกรธไม่ยอมยกโทษให้ก็ลำบากมากพอแล้วนะครับแม่ นี่ยังจะพ่วงไอ้เทมส์ขึ้นมาอีกคน ชาตินี้ภูจะง้อน้องได้รึป่าวก็ไม่รู้… แม่ค้าบ ภูไม่มีใครแล้ว แม่ช่วยภูหน่อยนะครับนะ”

ผมอ้อนวอนแม่ ใช้ลูกอ้อนที่ไม่ได้ใช้มานาน ทั้งทำเสียงสองเสียงสาม ทั้งใช้มือเขย่าแขนแม่ไม่หยุด ผมรู้ว่าแม่ชอบเด็กขี้อ้อน ซึ่งนิสัยของผมก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่วันนี้ผมยอมทำเพราะหวังจะให้แม่ช่วย ดังนั้นมันเลยไม่แปลกสักนิดที่แม่ผมจะทั้งรักทั้งเอ็นดูไนล์ เพราะเวลาไนล์อ้อนน่ะน่ารักน้อยที่ไหน และผมก็ต้องหันมาสนใจเมื่อแม่ที่นิ่งมานานเริ่มออกปากพูด

“เรื่องพี่เทมส์เดี๋ยวแม่จัดการเอง” น้ำเสียงของแม่แม้จะดูราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความจริงจัง “ในเมื่อตอนแรกน้องไนล์เป็นคนเข้าหาพี่ภูก่อน ตอนนี้ได้เวลาที่พี่ภูจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาน้องบ้าง”

“….” ผมเงียบเพื่อจะรอฟังว่าแม่จะให้ผมทำอะไร ท่านหันมามองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“พี่ภูต้องพาน้องกลับมาหาแม่ให้ได้ เพราะลูกสะใภ้ต้องเป็นน้องไนล์คนเดียวเท่านั้น คนอื่นแม่ไม่เอา”

ผมยิ้มกว้าง และบอกกับตัวเองว่าผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกขอความช่วยเหลือจากแม่ ขอแค่แม่จัดการไอ้เทมส์ให้ผมได้ ส่วนเรื่องน้องผมจะเดินหน้าง้อขอคืนดีเต็มกำลังเอง

.

.

.


Nateetouch’s Part

ผมพยายามสลัดภาพพี่ภูเมื่อคืนออกไปจากหัว แต่มันก็ทำไม่ง่ายขนาดนั้น

ภาพตอนที่เขาขอโทษผมซ้ำๆ ภาพตอนที่เขาขอร้องขอโอกาส ภาพตอนที่เขาสวมกอดผม ถ้อยคำที่เขาบอกผมว่าคิดถึง สัมผัสอบอุ่นที่ยังเหมือนตกค้างอยู่บนร่างกายไม่ได้หายไปไหน ทำให้ผมลืมเขาไม่ลงหนักกว่าเดิม


โดยเฉพาะสรรพนามที่เขาเรียกแทนตัวเองซ้ำๆ ว่า พี่ ชื่อของผมที่ออกจากริมฝีปากของเขาอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน

คำว่า ‘ไนล์’ ที่ผมรอจะได้ยินมาเป็นสิบปีและก็เป็นคืนเมื่อวานที่พี่ภูเพิ่งได้ทำให้ผม … ทำไมเขาต้องมาเริ่มอะไรๆ ในวันสายไปแล้วด้วย


และที่ร้ายไปกว่านั้นคือผมเกือบใจอ่อนยกโทษให้เขาหลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้ผมจะมีท่าทีเย็นชา ดูไม่แยแส ไล่เขาไปให้พ้นได้โดยที่ไม่ต้องมองหน้า แต่ลึกๆ ผมกลับรู้ตัวดีว่ายังรักเขามาก แต่ที่ผมยังคงฝืนทนไม่เผลอให้อภัยเขาได้นั่นเพราะผมยังเจ็บ เจ็บมากเกินกว่าจะยอมทำร้ายตัวเองโดยการกลับไปคืนดีกับเขา และให้เขาทำร้ายผมอีกได้ เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นอีก เรื่องของผมกับเขาได้จบลงจริงๆ แน่ๆ … จบลงโดยที่ไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

ผมนั่งลงบนปลายเตียงในห้องนอนเพราะเพิ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจากที่ผมกลับมาอยู่บ้านผมก็พักอยู่แค่วันสองวัน จากนั้นก็กลับไปช่วยงานพี่เทมส์ที่ออฟฟิศ ผมค่อนข้างโหมงานหนักพอสมควรเพียงเพราะไม่อยากฟุ้งซ่าน ไม่อยากจมอยู่กับความเศร้าและความเสียใจแต่ลำพัง ผมเลยต้องเข้าออฟฟิศ พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด แม้พี่เทมส์จะไม่ค่อยอยากให้ผมออกไปทำงานเท่าไหร่ แต่พี่เทมส์ก็ขัดผมไม่ค่อยได้หรอก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงประตูห้องดังขัดความคิดผม ผมเลยเดินเอื่อยเฉื่อยไปเปิด นึกรู้ว่าเป็นใครแม้ว่าจะยังไม่ทันเห็นก็ตาม

“ไนล์ ไปทำงานไหวไหม? หรือวันนี้อยากจะพักสักวัน” พี่เทมส์เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน เขายกมือขึ้นลูบหางตาผมเบาๆ มันค่อนข้างจะบวมและช้ำเพราะเมื่อคืนผมนอนร้องไห้เกือบทั้งคืนจนผมหลับไป

“ไหวครับ ไนล์ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย จะมีก็แค่เพลียๆ” ผมว่าพลางยิ้มบางๆ “วันนี้มีคุยกับลูกค้าด้วย ถ้าไนล์ไม่ไปมีหวังต้องให้พี่เทมส์เหมาคนเดียวแน่ๆ”

ผมพูดพลางเดินไปหยิบเอกสารแล้วชวนพี่เทมส์ออกจากห้องเพราะได้เวลาต้องออกไปทำงานแล้ว

“ไนล์ กินข้าวก่อนค่อยออก ยังพอมีเวลาเหลือ” พี่เทมส์ดุ เมื่อเห็นว่าผมทำเนียนจะไม่กินอะไร ผมแกล้งย่นจมูกใส่ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มอ้อนให้พี่เทมส์ต้องหลุดหัวเราะ

“สายแล้วครับ เดี๋ยวไนล์เอาแซนวิชไปกินในรถดีกว่า เห็นว่าวันนี้พี่เทมส์มีงานเช้าไม่ใช่หรอครับ” พี่เทมส์พยักหน้ารับ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าบัวถือกล่องแซนวิชมาให้ผมพอดี

ผมกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับกล่องมาจากมือป้าบัว หลังจากนั้นก็กอดแกเบาๆ แล้วเดินออกมาขึ้นรถพร้อมพี่เทมส์ เพราะผมจะอาศัยรถพี่เทมส์ไป ไม่ได้รอคุณพ่อคุณแม่เพราะเห็นว่าพวกท่านน่าจะเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อวาน เลยปล่อยให้พักผ่อนไปก่อน

“วันนี้แม่ของไอ้ภูบอกจะเข้ามาตอนเช้าน่ะ พอดีเมื่อวานไม่ได้คุยกันเลยหลังจากงานเปิดตัวจบ”

พี่เทมส์พูดเรื่อยๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เราต่างคนต่างรู้ดีว่ามันไม่ปกติ เพราะตั้งแต่ผมหันหลังให้พี่ภูมา มีแค่วันนั้นวันเดียวที่เราคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และก็เป็นผมนี่แหละที่เลี่ยงไม่พูดถึงอีก แม้กระทั่งงานเปิดตัวโครงการเมื่อคืน ถ้าไม่ติดว่าจะกลัวคุณพ่อกับคุณแม่จะสงสัยผมก็คงไม่ไปหรอก ซึ่งพอไปแล้วก็เกิดเรื่องจนได้ ทั้งที่พี่เทมส์เลี่ยงพี่ภูมาได้เป็นอาทิตย์เขาไม่เข้าไปทำงานเลย เพราะรู้ดีว่าต้องทะเลาะกับพี่ภูแน่ๆ เลยส่งผู้ช่วยไปทำงานแทน แต่ผมก็รู้ดีว่ามันเลี่ยงได้ไม่ตลอดไป ยังไงเราก็ต้องโคจรมาเจอกันสักวัน ก็ทำให้มันเป็นปกติไป ตอนนี้พี่ภูมีคุณจีนแล้วเขาคงไม่มายุ่งกับผมแล้วแหละ เมื่อคืนเขาแค่อาจจะอยากขอโทษ เพราะคงเพิ่งรู้ความจริงเรื่องที่ผมเป็นพี่น้องกับพี่เทมส์แล้วรู้สึกผิดก็ได้

“อืม ต้องรันโปรเจ็คฯ ต่อนี่ครับ สงสัยคงมาคุยเรื่องแผนคร่าวๆ” ผมพูดออกไป นึกโล่งใจที่มีแค่คุณแม่ไม่ได้มีพี่ภูมาด้วย “เดี๋ยวถ้าคุณมะ.. อ่า คุณป้ามาถึงพี่เทมส์โทรบอกไนล์ด้วยนะครับ ไนล์จะแวะไปสวัสดีท่าน”

“เดี๋ยวไนล์ไปนั่งอยู่ห้องพี่เลยก็ได้ คิดว่าคุณแม่คงมาแต่เช้าแหละ จะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา”

“ครับ” ผมตอบรับ ในใจพยายามไม่คิดอะไร แต่สังหรณ์ลึกๆ มันเตือนผมแปลกๆ ยังไงไม่รู้

และเพราะเช้านี้รถไม่ติดมาก ผมกับพี่เทมส์เลยมาถึงออฟฟิศเช้ากว่าที่คิด พอจอดรถเสร็จเราก็ขึ้นไปยังชั้นที่มีห้องทำงานของผมกับพี่เทมส์อยู่ แต่ถึงแม้จะอยู่ชั้นเดียวกัน ห้องเราทั้งคู่ก็ห่างกันพอสมควร ผมเลยตัดสินใจไปนั่งรอเพื่อทักทายคุณแม่ของพี่ภูที่ห้องพี่เทมส์ เพราะจะได้ไม่ต้องเดินกลับมาอีกรอบ

และหลังจากนั่งรอได้ไม่นาน เลขาฯ ของพี่เทมส์ก็เข้ามาแจ้งว่าแม่พี่ภูเดินทางมาถึงแล้ว ผมลุกขึ้นต้อนรับจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องทำงานของพี่เทมส์เปิดออก ร่างเพรียวบางที่แม้จะอายุแตะเลขห้าแล้วแต่ยังคงคล่องแคล่ว ก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมเห็นแล้วยังต้องยิ้มตาม

“สวัสดีครับแม่” พี่เทมส์ทัก พร้อมยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณป้า” ผมเองก็ทักท่านพร้อมยกมือไหว้แต่ตัดสินใจเปลี่ยนสรรพนามเพราะคิดว่าเรียกแบบเดิมคงไม่เหมาะเท่าไหร่

“สวัสดีค่ะพี่เทมส์น้องไนล์” คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ท่านเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย เลยทำให้ผมกับพี่เทมส์ได้เห็นว่ามีอีกบุคคลที่เดินตามคุณแม่เข้ามา


และการปรากฎตัวของบุคคลที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเจอที่นี่ก็ทำให้ทั้งผมกับพี่เทมส์ยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะผมที่ถึงกับตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวจนขาติดกับโซฟาที่เพิ่งลุกขึ้นมา


“แม่จะมาฝากฝังพนักงานสักคน.. คือแม่คิดว่าจะส่งพี่ภูให้มาทำงานที่นี่กับพี่เทมส์เพราะยังไงโปรเจ็คมิกซ์ยูสมันก็ต้องรันต่ออยู่แล้ว ร่วมงานด้วยกันเสียที่นี่จะได้สะดวก ยังไงแม่ฝากพี่ภูไว้สักคนนะลูกนะ”


“สวัสดีไนล์ นี่พี่นะ พี่ภูเอง” เขาเรียกผม และยิ้มให้ผม เป็นอีกครั้งที่เขาใช้น้ำเสียงแบบเมื่อคืนในการเรียกชื่อผม


ผมพยายามประมวลผลคำพูดของคุณแม่ช้าๆ ซึ่งมันก็เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่ .. พี่ภูจะมาทำงานที่นี่ ที่เดียวกับผม

แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ เขาจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน? เขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่? คิดให้ตายยังไงผมก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจสักนิดเลย…

.

.

.

To Be Continue

--------------------------------------------------

ยังคงเหมียนหมาต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าดิชุ้นจะพอใจ.. ซึ่งยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ 5555555555555

ขอโทษที่มาช้านะคะ พักนี้มันหลายเรื่องนิดหน่อย ยังไงจะพยายามมาให้ได้ภายในต้นอาทิตย์หน้านะคะ แต่ยังไม่รับปาก ยังไงชอบไม่ชอบเม้นท์ได้ไว้เลยนะคะ เราจะพยายามปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น คิดว่าอาจะเขียนจบเร็วๆ นี้ แล้วถ้าเขียนจบแล้วจะมาแจ้ง อาจจะลงได้ถี่หน่อยหลังจากปั่นจบ ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยน้าา สักคนละคอมเม้นท์ก็ยังดี

ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ ทุกคลิก ทุกวิว ทุกการโดเนท ทำให้นิยายเรื่องนี้มาไกลได้ถึงขนาดนี้ ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ เลยยย ขอบคุถณมากๆ ขอบคุณจริงๆ จ้าาา

ยังไงไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าเนาะ มีอะไรเม้นท์ทิ้งไว้ได้เลยค้าบบบ ... รักจ้า ^^

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ติดตามอยู่นะคับ :mew1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึ! มาทำงาน? มาคอยหวงก้างสิไม่ว่า พอเห็นเขาจะไปไหนทำอะไรกับใครคอยแต่จะเข้าไปขัด อ้างเพราะเขาเคยเสียตัวให้ตลอดสินะ ตามง้อตามตื้อแบบน่ารำคาญๆ เห๊อะ! นั่นก็รักมาก ไม่นานหรอก ก็ใจอ่อน หึ! พี่เทมทำดีปกป้องน้อง  :katai2-1: ขอบคุณค่าที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย อยากจะรู้ว่าจะเห็นใจอิพี่ภูได้ไหม  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หึหึ จัดให้หนัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โกรธแต่ก็เชียร์แหละ5555

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สมน้ำหน้าอีพี่ภู

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
รู้สึกสงสารลมขึ้นมาทันที เพราะไม่ได้มีโอกาสอะไรกับเขาเลยซักนิด ช่วงเวลานี้เดี๋ยวพี่ภูก็ตีตื้นขึ้นมาได้

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกกค่ะะะ คนนิสัยไม่ดีต้องถูกลงโทษ :ruready :ruready

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 32nd : ง้อ


แล้วชีวิตทำงานที่เคยสงบของผมก็ไม่น่าจะสงบอีกต่อไป เมื่อพี่ภูที่คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้จะเกิดมาขอมีออฟฟิศที่นี่ ที่บริษัทของครอบครัวผม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะยังไงเขากับพี่เทมส์ก็ต้องทำงานร่วมกัน ขนาดพี่เทมส์เองก็ยังมีออฟฟิศชั่วคราวอยู่ที่บริษัทของครอบครัวพี่ภูเลย แต่พี่เทมส์ก็ยังคงเทียวไปเทียวมาไง ไม่ได้จะมาปักหลักแบบนี้

และดูเหมือนเหตุการณ์จะยิ่งไปกันใหญ่เมื่อพ่อกับแม่ของผมดันมาถึงในจังหวะที่พี่เทมส์กับคุณแม่ของพี่ภูกำลังหารือกันอยู่พอดีว่าจะหาห้องไหนให้พี่ภูนั่ง เพราะที่ชั้นนี้มันเป็นชั้นผู้บริหาร ห้องทำงานก็มีแต่ของพ่อ ของแม่ ของพี่เทมส์และของผม สามห้องแรกน่ะไม่สะดวกแน่ๆ เพราะอาจต้องใช้ต้อนรับแขกหรือคุยงานสำคัญ พ่อกับแม่ของผมก็เลยเสนอให้พี่ภูใช้ห้องแชร์กับผมแทน เพราะถ้าจะว่ากันแล้วในบรรดาทั้งสี่ห้อง จะมีก็แต่ห้องของผมนี่แหละที่ใหญ่ที่สุดเนื่องจากผมแบ่งส่วนนึงไว้เป็นพื้นที่ในการคุยงานกับลูกค้าหรือประชุม ก็เลยเป็นเหตุให้ทุกอย่างมันอิรุงตุงนังหนักกว่าเดิม

“อ้าว สวัสดีครับคุณครินยา มาทำอะไรแต่เช้าครับนี่” พ่อผมร้องทักคุณแม่ของพี่ภู ตอนที่เดินเข้ามาในห้องของพี่เทมส์แล้วเห็น โดยมีแม่ของผมยิ้มและค้อมศีรษะทักทายอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน

“สวัสดีค่ะคุณอธิปัตย์ คุณนีราภา พอดีดิฉันพาพี่ภูมาหารือเรื่องโปรเจ็คฯ ร่วมของบริษัทเรา เห็นว่าต้องร่วมงานกันอีกพักใหญ่ เลยจะมาขอออฟฟิศชั่วคราวที่นี่ให้พี่ภูสักหน่อย เวลาคุยงานกับพี่เทมส์จะได้สะดวก”

“อื้ม เอาสิครับ ผมว่าก็ดีนะ” คุณพ่อผมเห็นด้วย ก่อนที่จะหันไปถามคุณแม่ “คุณ.. ชั้นนี้เรามีห้องว่างไหมหาให้ตาภูสักห้องสิ”

“อืม.. ที่จริงพี่ภูใช้ห้องรวมกับน้องไนล์ก็ได้นะลูก เพราะห้องน้องไนล์จะใหญ่หน่อย เดี๋ยวยังไงแม่ให้คนยกโต๊ะทำงานเข้าไปให้ แล้วเอาโต๊ะที่น้องไนล์ไว้ใช้รับลูกค้าออกมาไว้ห้องประชุมเล็ก น่าจะไม่มีปัญหานะ"

คุณแม่ผมเสนอ โดยมีพี่ภูนั่งอมยิ้มในขณะที่ผมได้แต่กรีดร้องในใจว่า 'ไม่ได้ๆๆ'

“แต่เทมส์ว่าให้ไอ้ภูใช้ห้องประชุมเล็กก็ได้นะแม่ จะได้ไม่ต้องยกโต๊ะเข้าโต๊ะออก” ผมพยักหน้าเห็นด้วยคอแทบหลุดตอนได้ยินพี่เทมส์ช่วยพูด แต่คุณแม่พี่ภูกลับไม่เห็นด้วย

“แม่ว่าใช้ห้องน้องไนล์ก็ดีนะคะ ห้องประชุมเล็กมันน่าจะใหญ่ไป พี่ภูใช้แค่โต๊ะทำงานตัวเดียวเท่านั้นเอง ใช่ไหมลูก?”

“ครับแม่ ภูใช้แค่โต๊ะทำงาน” พี่ภูตอบคุณแม่ของตัวเอง ก่อนจะหันมาหาแม่ของผม “แต่ภูกลัวจะรบกวนน้อง ไม่แน่ใจว่าน้องจะสะดวกให้ภูแชร์ห้องด้วยรึป่าวน่ะครับคุณแม่”

ผมถลึงตาใส่อีกฝ่ายตอนเขาแสร้งทำหน้าน่าสงสารใส่แม่ของผม และไม่ทันที่ผมจะได้ห้ามตัวเอง ผมก็เผลอพึมพำออกไปอย่างลืมตัว คิดว่าจะไม่มีใครได้ยินแต่ก็ไม่ เพราะเสียงที่ออกไปมันดังพอสมควร

“ถ้ารู้ตัวว่าจะรบกวนก็ไม่ต้องมาใช้สิ”

“น้องไนล์ ไม่เอาลูก ไม่น่ารักนะ พี่เขามาทำงานให้เขาแชร์ห้องด้วยหน่อยจะเป็นไรไป” และก็เป็นทันทีเหมือนกันที่คุณแม่ปรามผมเสียงจริงจัง “ขอโทษพี่เขาก่อนเร็ว”

ผมยู่หน้าด้วยความหงุดหงิดปนไม่พอใจ เพราะพี่ภูทำให้ผมถูกแม่ดุ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ขัดคำสั่งของแม่ไม่ได้อยู่ดี เลยยกมือขึ้นพุ่มไหว้แนบอก แล้วพูดแแบบไม่มองหน้าอีกฝ่าย “ผมขอโทษครับ”

พี่ภูยิ้มอ่อนโยนให้ผม ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะผมเบาๆ ตอนผมไม่ทันตั้งตัว “ไม่เป็นไรครับ”

ผมถอยออกห่างทันที พลางมองพี่ภูตาขวางด้วยความไม่ชอบใจ เมื่อเห็นเขาฉวยโอกาส ในขณะที่พี่ภูเอาแต่แอบอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีตะบึงตะบอนของผม

“งั้นเอาตามที่แม่เขาบอกละกันนะ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้คนยกโต๊ะยกอะไรเข้าไปให้”

จู่ๆ คุณพ่อก็สรุป ให้ผมกับพี่เทมส์ได้แค่มองหน้ากันอย่างไม่สบายใจแต่ทำอะไรไม่ได้

“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ส่วนพี่ภูก็ฉลาดมากพอที่จะรวบรัด ให้ผมได้แต่คิดหนักว่าต่อไปนี้จะทำยังไงดี

.

.

.

“ถ้าคุณยังจ้องหน้าผมอยู่แบบนี้ ผมจะออกไปนั่งทำงานที่อื่น”

ผมพูดขึ้นมาหลังจากที่ผมรู้สึกมาสักพัก หลังจากที่พ่อให้คนเข้ามาจัดที่จัดทางในห้องผมเรียบร้อย พี่ภูก็เอาแต่นั่งมองหน้าผมมาเงียบๆ หลายชั่วโมงแล้ว และเป็นหลายชั่วโมงที่ผมไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จึงได้พูดออกไปแบบนั้น

เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ที่พอได้ยินแบบนั้นก็แทบจะเหาะมาที่โต๊ะผมทันที เขามายืนโน้มตัวอยู่ข้างเก้าอี้ทำงานผม โดยหมุนเก้าอี้ให้หันไปทางเขา แล้วก็ก้มลงเท้ามือลงบนที่วางแขนทั้งสองข้าง กักผมไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเอาแต่ใจ


“พี่ก็แค่คิดถึง คิดถึงมากๆ” แม้การกระทำเขาจะดูคุกคาม แต่น้ำเสียงและสายตาของพี่ภูนั้นกลับตรงกันข้าม เขาพูดและมองผมอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน “หนึ่งอาทิตย์ที่ไม่มีไนล์ พี่ไม่มีความสุขเลย พี่อยากให้ไนล์รู้ว่าคิดถึงไนล์จริงๆ”


“ถอยออกไปครับ แล้วก็ปล่อยผมด้วย ผมจะทำงาน” ผมพูดเสียงแข็ง และเลี่ยงที่จะมองสายตาคู่นั้น คู่ที่มักจะทำให้ผมใจอ่อนเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ผมเหนื่อยที่จะต้องไขว่คว้ากับความรักที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่าสักที

“พี่รู้ว่าไนล์โกรธ เพราะพี่ทำเรื่องแย่ๆ กับไนล์ไว้มาก” พี่ภูยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกนิด ในขณะที่ผมได้แต่เบี่ยงหน้าและถอยหลังหนี ซึ่งก็หนีต่อไม่ได้แล้ว เพราะเท่าที่นั่งหลังติดเบาะตอนนี้ก็ทำเอาผมแทบจะจมหายไปในเก้าอี้อยู่แล้ว “ไนล์ยังไม่ต้องหายโกรธพี่ตอนนี้ก็ได้ พี่ยินดีจะง้อไนล์ พี่ยินดีที่จะทำตัวดีๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ขออย่างเดียวขอให้ไนล์ให้โอกาสพี่... ได้ไหมครับ?”

ผมหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น ซึ่งก็พบว่ามันเป็นความผิดมหัต์ เพราะหน้าของเราใกล้กันมากเกินไป ใกล้จนริมฝีปากผมเผลอเฉียดริมฝีปากของพี่ภูเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตั้งใจจะพูดในสิ่งที่อยากพูดอยู่ดี

“ผมว่า ผมพูด.. อุ๊บ”

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค พี่ภูก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากตัวเองลงไปบนอวัยวะเดียวกันกับของผม ให้ผมได้ตาแต่ตาเหลือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าพี่ภูจะทำแบบนี้


แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นจูบที่ผมคุ้นเคย จูบที่อ่อนโยนแผ่วเบา ถึงแม้จะไม่ได้รุกล้ำแต่อบอุ่นในความรู้สึก


ผมพยายามใช้มือเล็กๆ ของตัวเองดันไหล่พี่ภูออก แต่พี่ภูกลับไม่ยอมขยับ เขาขบเม้มริมฝีปากผมเบาๆ ราวกับจะอยากถ่ายทอดความรู้สึกของเขาให้ผมได้รับรู้ ... แต่ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นในตอนนี้

พี่ภูแช่จูบอยู่อย่างนั้นก่อนจะยอมละริมฝีปากออก แต่แล้วก็ก้มลงมาจูบใหม่และครั้งนี้มันก็รุกเร้ายิ่งกว่าเดิม

“อื้อ…” ผมร้องประท้วง ซึ่งพี่ภูก็บอกเอาแต่จับไหล่ผมที่ดิ้นน้อยๆ ไว้นิ่งๆ และสุดท้ายเขาก็ยอมผละออกในที่สุด ก่อนจะลากจมูกของตัวเองไปคลอเคลียที่แก้มของผม โดยที่ผมไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามือของผมที่กำอยู่บนเสื้อสูทของพี่ภูคลายออกและกลายเป็นวางแปะบนบ่าอีกฝ่ายไว้แทน

“คิดถึง พี่คิดถึงไนล์มากๆ เลยครับ” พี่ภูกระซิบบอกผมซ้ำๆ ผมเคลิบเคลิ้มล่องลอยไปกับสัมผัสที่พี่ภูมอบให้ จนเสียงโทรศัพท์มือถือแผดร้องขึ้นผมถึงได้สติ


Rrrr


“ปล่อย!” ผมผลักพี่ภูออก หน้าตาตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หนำซ้ำยังปล่อยให้เขาจูบอยู่นานสองนาน “ทีหลังอย่าทำแบบนี้กับผมอีก! ไม่สิ! อย่ามาใกล้ผมอีกนั่นแหละดีที่สุด!!”

“ไนล์ พี่ไม่..” ผมหมุนตัวหนี ไม่ฟังเขาพูดต่อให้จบแต่กลับฉวยโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงลั่นมาแนบหูแทน และพยายามไม่สนใจคนที่มองหน้าผมตาแทบไม่กะพริบ

ผมมองหน้าจอ พอเห็นชื่อคนโทรเข้ามาแล้วก็ต้องถอนหายใจโล่งอก เพราะคงไม่มีแก่ใจรับสายลูกค้าตอนนี้แน่

“ว่าไงลม” ผมทักปลายสาย และก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่ถูกส่งตรงมาจากคนข้างๆ ที่ยังคงยืนอยู่ข้างเก้าอี้ทำงานผมไม่ไปไหน

(กลางวันนี้จะชวนไปกินข้าว ไปด้วยกันไหม งานยุ่งรึป่าว?)

ผมทบทวนตารางงานในใจ เมื่อพบว่าไม่ได้ติดอะไรเลยรับปากอีกฝ่าย “เอาสิ ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอก ลมจะมารับเรา หรือให้เราออกไปเจอที่ร้านอาหารเลยดี”

(เดี๋ยวลมไปรับไปดีกว่า เมื่อกี้คุยงานกับพี่เทมส์ พี่เทมส์บอกว่าไนล์มากับเขานี่ ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่หรอ?)

“อืม.. จริงด้วย” ผมนึกได้ว่าเมื่อเช้าออกมาพร้อมพี่ชาย “งั้นลมมาสักสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วกันนะ”

(ได้ครับ ไว้เจอกันนะ) ลมรับคำเสียงใสก่อนจะวางสายไป

และพอผมหันมามองคนที่เพิ่งมาขอแชร์ห้องทำงานยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ ผมก็เลยเตรียมลุกขึ้นจะเดินหนี ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ต่างคนต่างอยู่น่ะดีที่สุด

แต่ทันทีที่ผมลุกขึ้นยืน พี่ภูก็รวบตัวผมเข้าไปกอดจากด้านหลัง เขากอดผมไว้แน่น แถมยังจูบผมที่ต้นคอย้ำๆ ให้ผมได้แต่ดิ้นหนีอย่างไร้ทางสู้

“คุณคีริน! คุณทำแบบนี้กับผมอีกแล้วนะ! ในสายตาคุณผมเป็นอะไรกันแน่ ผมไม่มีค่าถึงขั้นที่คุณจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ? คุณนึกจะกอดผมคุณก็กอด นึกจะจูบผมก็จูบ หรือผมมันก็แค่ผู้ชายอย่างว่าที่คุณคิดจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม?”

ผมตวาดเขาดังลั่น ความคับแค้นใจ น้อยใจ ผลักให้ผมระเบิดใส่พี่ภูอย่างไม่มีเหตุผล พี่ภูดูตกใจมากกับอาการที่ผมแสดงออก เขารีบปล่อยผมจากอ้อมกอด แต่ยังยึดข้อทั้งสองข้างของผมไว้แน่น สีหน้าของพี่ภูเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาละล่ำลักพูดกับผมแทบไม่เป็นภาษา

“ไนล์ ไม่ใช่แบบนั้นนะ พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น พี่แค่หึง... แค่หวง พี่ไม่ได้คิดดูถูกไนล์แบบนั้นเลย ที่พี่กอดพี่จูบเป็นเพราะพี่อยากให้ไนล์จำแค่พี่ พี่มันก็แค่คนเห็นแก่ตัว.. ที่ไม่อยากเสียไนล์ไปให้ใคร พี่ขอโทษที่ทำให้ไนล์เข้าใจผิด ขอโทษนะครับ”

ผมสะบัดมือให้พี่ภูปล่อย เขาก็เลยต้องปล่อยผมอย่างจำยอม สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของเขาที่มองมายังผม ทำให้ผมต้องทนใจแข็งและบือนหน้าหนี

“คุณไม่มีสิทธิ์หวงผม เพราะผมไม่ใช่สมบัติของคุณและเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของผมและคุณก็ไม่ควรมาก้าวก่ายอะไรทั้งนั้นด้วย”

“ทำไมเราจะไม่ได้เป็นอะไรกันฮะไนล์ ไนล์แน่ใจหรอว่าไนล์ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่?” ผมสัมผัสได้ว่าพี่ภูกำลังโกรธและนั่นทำให้ผมนึกกลัวเมื่อภาพเหตุการณ์ในโรงแรมหวนเข้ามา “ไนล์รู้ดีแก่ใจว่าเราเป็นอะไรกัน และอย่างที่พี่เคยยืนยันนั่นก็คือพี่จะไม่มีวันยอมเสียไนล์ไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!”

“คุณมาพูดแบบนี้ทำไม คุณเป็นคนไล่ผมออกมาแท้ๆ ผมก็หลีกทางให้คุณกับผู้หญิงที่คุณรักและไม่เคยลืมมาตลอดแล้วไง ละทำไมคุณถึงกลับมาหาผม มาทำแบบนี้กับผมอีก .. จะใจร้ายกับผมไปถึงไหนกัน ..ฮึก”

ผมที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอด ต้องปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ไหว ผมทั้งสับสนทั้งไม่เข้าใจกับท่าทีของพี่ภู ไม่เข้าใจว่าเขาจะเอายังไงกับผมกันแน่

และพอพี่ภูเห็นผมร้องไห้ ท่าทีของเขาก็อ่อนลง เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมแผ่วเบา ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ โน้มหน้าลงมาแตะหน้าผากชนกับหน้าผากผม

“ไม่ร้องไห้นะครับเด็กดี พี่ผิดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของพี่เอง .. พี่อยากให้ไนล์รู้ว่าพี่ไม่ได้กลับไปเกี่ยวข้องอะไรกับจีนอีกแล้ว ไนล์อยากให้พี่ทำอะไรเพื่อที่ไนล์จะยกโทษให้ พี่ยินดีทำทุกอย่าง พี่ยอมทำเพื่อไนล์ทุกอย่าง เชื่อพี่สักครั้งนะครับเด็กดี”

“ฮึก..”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมไม่ได้ตอบอะไร และเอาแต่ยืนร้องไห้อยู่แบบนั้นเพราะความสับสน จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจึงผลักเขาออกก่อนที่จะเช็ดหน้าเช็ดตาและอนุญาตให้คนที่อยู่ข้างนอกเข้ามา

“เชิญครับ”

เลขาฯ ของพี่เทมส์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม พลางหันไปทางพี่ภู “คุณคีรินคะ คุณนทีบดีเชิญให้ไปพบที่ห้องค่ะ ให้ดิฉันแจ้งคุณคีรินว่ามีเรื่องจะปรึกษา”

ผมหันหลังให้ทั้งคู่เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง อีกอย่างก็ไม่อยากให้เลขาฯ พี่เทมส์เห็นด้วยว่าผมเพิ่งร้องไห้

“ได้ครับ เดี๋ยวผมตามไป” พี่ภูบอกกับเลขาฯ พี่เทมส์ ซึ่งเธอก็ค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปหลังจากเสร็จหน้าที่ พี่ภูเลยเดินกลับมาหาผม พร้อมทั้งยกมือเช็ดน้ำตาที่ยังคลออยู่ที่หางตาออกให้ แม้ผมจะพยายามเบี่ยงหน้าหนีก็ตาม

“เดี๋ยวพี่กลับมา ไนล์รอพี่ที่นี่ก่อนนะครับ” ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ให้พี่ภูต้องถอนหายใจก่อนเดินออกไป

และทันที่ที่เสียงประตูงับปิดลง ผมก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง และปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเพราะผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพี่ภูจะกลับมาทำไม เขาจะเริ่มเรื่องที่มันจบไปแล้วเพื่ออะไรอีก เขาชอบทำเหมือนจะรักผม แต่ไม่เคยพูดจริงๆ จังๆ เลยสักครั้งว่าเขารักหรือรู้สึกยังไง

ผมไม่อยากคิดอะไรไปเองอีก ผมยอมรับว่าผมเข็ดขยาด เพราะก่อนหน้าผมมั่นใจว่าความรู้สึกของเราน่าจะตรงกัน แล้วเป็นยังไง สุดท้ายก็มีแค่ผมที่คิดไปคนเดียว พี่ภูยังคงแคร์แต่คุณจีน เชื่อแต่คุณจีน รักแต่คุณจีน จนผมต้องเจ็บช้ำและต้องพาตัวเองออกมา พอผมออกมา พอผมยินดีที่จะปล่อยเขาไปเขากลับเข้ามาขอโอกาส เข้ามาวนเวียนในชีวิตผมอีก ตกลงเขาจะเอายังไงกับผมกันแน่ ผมพูดตรงๆ ว่าผมคิดไม่ออกเลยและไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี

.

.

.

Kirin’s Part


ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเพื่อนสนิท และนึกรู้ได้ในทีนทีว่ามันไม่ได้มีเรื่องงานอะไรจะคุยกับผมหรอก เรื่องที่มันจะคุยคือเรื่องของไนล์ต่างหาก

“กลับออฟฟิศมึงไปซะ แล้วก็เลิกยุ่งกับน้องกูด้วย” ไอ้เทมส์พูดขึ้นทันทีที่ประตูห้องปิดลง

นั่นไง.. ผิดจากที่ผมคิดไว้ที่ไหนล่ะ และแน่นอนผมก็มีคำตอบของตัวเองเหมือนกัน

“ไม่ กูจะอยู่ที่นี่ จนกว่าไนล์จะใจอ่อนและยอมยกโทษให้”

ไอ้เทมส์หันมามองหน้าผมอย่างไม่พอใจแววตามันแค้นเคีองแบบไม่คิดปิดบัง “กูว่ากูบอกมึงไปแล้วนะภู ว่ากูจะไม่ยอมให้มึงเข้าใกล้น้องกูอีก .. เลิกทำร้ายไนล์ได้แล้ว ก่อนที่กูจะตัดเพื่อนกับมึงจริงๆ”

“มึงจะตัดมึงก็ตัด แต่มึงไม่มีสิทธิ์มาห้ามให้กูเลิกยุ่งกับไนล์” ผมพูดขึ้นบ้างอย่างโมโห “กูรู้ว่ากูผิด กูรู้ว่ากูทำไม่ดีกับไนล์ไว้มาก นี่กูก็สำนึกกับการกระทำของตัวเอง เลยมาหน้าด้านขอให้น้องมึงให้โอกาสกูนี่ไง แล้วมึงจะมาขัดขวางเพื่ออะไรวะ?”

“หึ! มึงถามว่าได้ว่าเพื่ออะไร นี่มึงไม่รู้จริงๆ หรือมึงแกล้งไม่รู้กันแน่” ผมเงียบ เพราะอันที่จริงก็พอจะรู้ และมันก็ดูสมเหตุสมผลดีถ้าไอ้เทมส์จะโกรธผมจริงๆ

“เทมส์ กูขอร้อง ให้โอกาสกูสักครั้งได้ไหมวะ ให้กูได้พิสูจน์ตัวเองหน่อยว่ากูรู้สึกผิดจริงๆ กูอยากเริ่มต้นใหม่กับไนล์ กูอยากได้น้องคืนมาจริงๆ นะเทมส์” ผมตัดสินใจร้องขอมันตรงๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ง่ายก็เถอะ

“ถ้ามึงกลับมาหาน้องกูเพราะรู้สึกผิด มึงก็กลับไปเถอะภูไนล์ไม่ได้โกรธอะไรมึงหรอก ไม่ต้องมาขอโทษหรือพยายามทำอะไร ขอแค่ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งเกี่นวกันก็พอ กูไม่อยากให้มึงขุดคุ้ยให้น้องกูเสียใจอีก ถ้ามึงจะอยากแค่ขอให้ไนล์อภัยกับเรื่องที่แล้วมา”


“ถ้ากูแค่อยากจะขอโทษ กูจะลงทุนทำขนาดนี้เพื่ออะไรวะเทมส์” ผมโพล่งออกมาในที่สุด “กูรักน้องมึงจะตายห่าอยู่แล้ว มึงดูไม่ออกรึไงวะ กูแม่ง.. โคตรโง่ที่เพิ่งมารู้ตัวตอนเสียไนล์ไป กูอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีน้องมึง”


ผมสารภาพออกมาจนหมด ไอ้เทมส์ดูอึ้งไปเหมือนกัน แต่มันก็ตั้งสติได้ก่อนจะถามผมออกมาเรียบๆ

“แล้วจีนล่ะ? มึงเอาจีนไปไว้ที่ไหน ที่ไนล์ยอมแพ้และกลับมาก็เพราะจีน เพราะมึงเอาแต่เชื่อคำพูดของจีน แถมมึงยัง…” ไอ้ทมส์ไม่พูดต่อแต่กำมือแน่น เท่านั้นผมก็รู้แล้วว่ามันหมายถึงเรื่องไหน

“กูหึงมึงกับไนล์” ไอ้เทมส์หันมองทันทีที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น “เรื่องนี้มึงโทษกูไม่ได้นะเทมส์ กูไม่รู้ว่ามึงกับไนล์เป็นพี่น้องกัน กูเห็นมึงใกล้ชิดไนล์ กอดไนล์ จูบหน้าผากไนล์ แถมให้เงินไนล์ มึงจะไม่ให้กูโมโหจนเป็นบ้าได้ยังไงวะ?”

ไอ้เทมส์ดูแปลกใจเมื่อได้ยินเรื่องราวจากทางฝั่งของผมบ้าง ผมรู้ว่าที่ไนล์เล่าให้มันฟังไนล์ไม่ได้โกหกหรอก เพียงแต่ไนล์ไม่ได้รับรู้ในส่วนอื่นๆ เพราะฉะนั้นไอ้เทมส์จะโกรธผมมากก็คงไม่แปลก

“แต่มึงก็ควรฟังไนล์อธิบายบ้างไหมวะ?” ไอ้เทมส์แย้ง “เงินนั่นกูเสนอให้จีนยืม เพื่อให้จีนไปจากมึงซึ่งจีนก็ยินดีรับ ตอนแรกกูนึกว่าจีนจะมาเอาเองแต่สุดท้ายก็เป็นไนล์ กูไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยให้ไป ไม่คิดว่ามึงจะมาเห็น”

ผมถอนหายใจ นึกสมเพชความโง่งมของตัวเองที่ถูกจีนปั่นจนหัวหมุน ก่อนจะนึกถามในสิ่งที่ผมสงสัยอีกอย่าง

“จีนบอกว่าไนล์กับมึงนัดกันที่นั่น ประจวบกับกูไปเห็นมึงกับไนล์เพิ่งลงมาจากห้องพักข้างบน…”

“เดี๋ยว ห้องพักข้างบนอะไร?” ผมยังถามไม่ทันจบ เทมส์ก็ถามขึ้นมาก่อน “กูเจอไนล์ที่เลาจน์ข้างบน ไม่ได้จองห้องอะไรเลย”

ผมหน้าเสีย ไม่รู้เลยว่าตัวเองเข้าใจผิดทั้งหมดแบบยกใหญ่ “กูคิดว่าเลาจน์มีแค่ข้างล่าง พอเห็นมึงลงมาจากข้างบนกับน้องกูเลย…”

“จีนเป็นคนนัดให้กูเจอไนล์ที่เลาจน์ข้างบน” ไอ้เทมส์ถอนหายใจ “นี่แสดงว่าจีนวางแผนทั้งหมดเลยสินะ ให้มึงเข้าใจผิดใหญ่โตขนาดนี้เนี่ย.. กูถึงได้บอกไงว่าถ้ามึงฟังไนล์อธิบายสักนิดเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก”

“ก็กูผิดเรื่องนี้ไง กูโดนจีนปั่นจนหัวหมุน ใส่ร้ายต่างๆ นานาว่าไนล์แอบไปหา ไปนัดเจอกับมึง แล้วยิ่งกูเป็นบ้าหึงมึงกับไนล์อยู่แล้วมันยิ่งไปกันใหญ่ พอไปเห็นเข้าก็ขาดสติ เชื่อแต่สิ่งที่ตาตัวเองเห็น คิดแต่ว่ากูจะไม่ยอมเสียไนล์ไป คิดแต่ว่ากูจะไม่ยอมให้มึงแย่งไนล์ของกูไป กูเลย… แม่ง! ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว”

“มึงจะโทษแต่จีนก็ไม่ถูกรึป่าว อันนี้มันเป็นปัญหาของมึงเองนะภู ถ้ามึงหนักแน่นกว่านี้ ถ้ามึงไม่เอาแต่จี้ปมในใจตัวมึงเองจนหูเบา ต่อให้มีจีนสิบคนมาปั่นให้มึงเขว มึงก็ไม่คล้อยตามหรอก”

“ก็กูถึงได้บอกไงว่ากูผิดเรื่องนี้ กูไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมาปนกับเรื่องไนล์” ผมพูดอย่างรู้สึกผิด น้ำเสียงพาลอ่อนลงเมื่อพูดถึงเจ้าของดวงหน้าหวานที่อยู่ในความคิดตอนนี้ “ไนล์น่ะ ดีกับกูมาก ดีกับกูทุกอย่าง ไม่ว่าก่อนหน้ากูจะทำอะไรแย่ๆ ใส่น้องก็ไม่เคยโกรธ แถมยังพร้อมเข้าใจกูเสมอ”

“…”

“ยิ่งกูมารู้ความจริงว่าไนล์เป็นเด็กคนเดียวกับที่กูเจอเมื่อสิบปีที่แล้ว เด็กที่กูให้สัญญานั่นนี่ไว้เต็มไปหมดแต่เสือกไม่ได้ทำสักอย่าง ในขณะที่ไนล์ทั้งยังรักและยังรอกูมาตลอด ยิ่งทำให้กูรักไนล์มากขึ้นไปอีก ไนล์ทำเพื่อกูมามาก ถึงเวลาแล้วที่กูจะทำอะไรเพื่อตอบแทนความรักของไนล์บ้าง เพราะฉะนั้นต่อให้มึงกีดกันกูยังไงกูก็ไม่ยอมแพ้หรอก .. กับไอ้เด็กนั่นด้วย กูไม่ยอมยกไนล์ให้มันแน่”

“แล้วมึงมีอะไรมาสู้ลม ลมรักไนล์มาสิบปี ลมรู้จักไนล์ดีทุกอย่าง ลมมีความทรงจำร่วมกับไนล์มากกว่ามึงเป็นร้อยๆ เรื่อง มึงคิดว่ามึงมีอะไรดีที่จะชนะลมได้วะภู” ไอ้เทมส์ถามผมหยามๆ แต่ผมก็ไม่สนใจ เพราะผมรู้ว่าผมมีในสิ่งที่ไอ้เด็กนั่นไม่มี


“ไนล์รักกู นั่นคือสิ่งที่กูมีและไอ้เด็กนั่นไม่มี เพราะถ้ามันมีมันคงมีไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงสิบปีหรอก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ที่กูต้องทำตอนนี้ก็คือง้อน้องให้น้องยกโทษให้ และกูก็คิดว่ากูจะทำได้ด้วยถ้ามึงไม่ขัดขวาง”


(อ่านต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2020 22:16:22 โดย Gade_ka »

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


ไอ้เทมส์มองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ ตอนที่เห็นผมมั่นอกมั่นใจเหลือเกินกับสิ่งที่เพิ่งบอกมันไป ก่อนที่มันจะแกล้งเปรยๆ ให้ผมได้ยิน

“อย่าชะล่าใจนักเลยภูว่ามึงมีความรักที่น้องกูให้ไปแล้วมึงจะชนะ” ไอ้เทมส์สบตาผมจริงจังก่อนจะพูด “เพราะลมเองก็มีความลับของน้องกูที่มึงไม่รู้เหมือนกัน และความลับนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่มากพอที่ทำให้น้องกูอาจจะตัดสินใจเลือกลมมากกว่าที่จะเลือกมึงก็ได้นะ”

ผมหน้าเสียเมื่อได้ยินเทมส์พูดแบบนั้น ก่อนจะถามออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าความลับที่ว่านั้นอาจจะสั่นคลอนความสัมพันธ์ของผมกับไนล์ได้

“ความลับเรื่องอะไร มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับไนล์ที่กูยังไม่รู้อีก”

“เสียใจด้วยว่ะ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของกูที่จะบอกมึง” ไอ้เทมส์ส่ายหน้า “ถ้ามึงอยากรู้มึงก็ไปถามไนล์เอง แต่เชื่อเถอะไนล์ไม่บอกมึงหรอก .. บางทีแค่กลับมาง้อน้องกูอาจจะไม่พอนะภู มีอีกหลายอย่างที่มึงต้องทำ อย่างน้อยๆ ก็หาความลับของน้องกูให้เจอ บางทีถึงตอนนั้นมันอาจจะเป็นวิธีพิสูจน์ตัวเองให้ไนล์กับกูและคนในครอบครัวกูเห็นก็ได้นะว่ามึงเหมาะสมกับน้องกูจริงๆ”

เทมส์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และผมก็รู้ว่าต่อให้เค้นให้ตายมันก็ไม่พูดหรอก ถ้ามันไม่บอกก็คือมันไม่บอก และยิ่งถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับไนล์มันยิ่งไม่พูดแน่ๆ ผมคบกับมันมาเป็นสิบปีผมรู้ดี

“ได้ เรื่องแค่นี้กูไม่ยอมแพ้หรอก กูจะทำทุกอย่าง...ทุกทางนั่นแหละให้ไนล์กลับมาหากู มาเป็นของกูให้ได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะชี้หน้าเพื่อนสนิท “แต่มึงเองก็ห้ามมาขัดขวางกูนะ แฟร์ๆ หน่อยเทมส์”

“หึ!” ไอ้เทมส์หัวเราะเบาๆ “เออ ได้! แฟร์ๆ กูจะไม่ขัดขวางมึง และก็จะไม่จะขัดขวางลมด้วย ไนล์มีสิทธิ์ที่จะเลือกและกูก็อยากให้น้องกูได้สิ่งที่ดีสุดไม่ว่าจะเรื่องไหน แม้แต่เรื่องคนรักก็ตาม”

“เออ แล้วแต่มึงเหอะ ตกลงว่าคุยกันเข้าใจแล้วนะ กูจะได้กลับไปง้อน้องมึงต่อ”

ผมตีสีหน้าหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่เข้าข้างผมทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถึงอย่างนั้นการได้คุยกับไอ้เทมส์วันนี้ก็ได้ปลดล็อคอะไรในใจหลายอย่างเหมือนกัน

ไม่ใช่แค่ในฐานะที่มันเป็นพี่ชายของคนที่ผมรัก แต่ในฐานะที่มันเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทคนเดียวของผมต่างหาก

ผมเตรียมเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงกวนๆ ของคนมี่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน พูดลอยตามหลังมา

“กูไม่กีดกันมึงหรอกภู แต่มึงต้องไม่ลืมนะว่ากูน่ะหวงน้องมาก หึ!”

ผมหันหลังกลับเตรียมด่ามันทันทีที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น แต่พอเห็นมันชี้หน้าทำท่าจะเอาเรื่องผมก็ต้องหุบปากสนิท ได้แต่พึมพำเดินด่ามันออกมานอกห้อง ในใจมาดหมายมากว่าถ้าน้องยกโทษให้เมื่อไหร่ ผมจะแย่งน้องเอามาเก็บไว้คนเดียว ให้มันร้องไห้คิดถึงไนล์ให้เข็ด .. แม้ว้าผมจะไม่รู้ว่าไนล์จะหายโกรธผมตอนไหนก็เถอะ

.

.

.

Nateetouch’ s Part


หลังจากที่พี่ภูเข้ามาทำงานในออฟฟิศ เขาก็เดินหน้าทำตามที่พูดไว้ทุกอย่าง เขาทั้งง้อ ทั้งพยายามดูแลเอาใจใส่ผมทุกอย่าง อะไรที่ทำเป็นกิจวัตรพี่ภูก็ทำไมาขาดตกบกพร่อง เขาไม่เคยลืมหรือไม่ทำตามที่พูดเลยสักครี้ง อีกทั้งยังทำโดยที้ผมไม่เคยร้องขอ และแม้บางครั้งผมจะพูดแรงๆ ใส่ หรือไล่เขาๆ ก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยอารมณ์เสีย ไม่เคยหงุดหงิดผมเลย มีแต่ผในร่แหละที่ช่วงหลังอารมณ์แปรปรวน เอาแต่พาลใส่พี่ภู จนบางทีทำไปแล้วยังอดเอามาเก็บไปคิดรู้สึกผิดไม่ได้

พี่ภูมักจะขับรถไปรับผมที่บ้านทุกเช้า ไม่ว่าวันนั้นผมจะเอารถมาเอง ติดรถพ่อกับแม่หรือติดรถพี่เทมส์ไปทำงาน เขาก็จะขับรถไปหาผมที่บ้าน และขับออกมาพร้อมผม ซึ่งผมเคยถามว่าเขาทำไปทำไม เขาก็ไม่ตอบอะไรนอกจาก


‘พี่แค่อยากเห็นหน้าไนล์ตั้งแต่เช้าก็เท่านั้น’


แม้แต่เลิกงาน เขาก็จะขับรถไปส่ง จนเห็นว่าผมเลี้ยวรถเข้าบ้านแล้วเขาถึงจะยอมกลับไป และแม้แต่ไปประชุมข้างนอก ไปพบลูกค้า หรือไปกินข้าวกลางวันกับลม พี่ภูก็ยังคงทำแบบนี้ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้มีงานด่วนอะไร ผมโคตรไม่เข้าใจเพราะบางครั้งเขาไปเห็นผมกับลมกินข้าวด้วยกันเขาก็จะดูหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่เขาก็ยังจะไป เพียงเพราะเขาอยากดูแล เขาอยากอยู่ใกล้ๆ แม้ผมจะไม่ต้องการเขาก็ตาม

แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ของพี่ภูไม่ใช่ว่าไม่ทำให้ผมหวั่นไหว ผมยอมรับว่าผมหวั่นไหวและมีใจอ่อนบ้าง แต่แล้วยังไง จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าการกระทำของเขาทุกอย่างมันเป็นเพราะความรักไม่ใช่ความรู้สึกผิด

เพราะจนล่วงเลยมาถึงวันนี้ เดือนกว่าๆ เข้าไปแล้ว พี่ภูทำทุกอย่าง ทั้งตามรับตามส่ง ซื้ออาหารเช้ามาให้แม้ผมจะไม่กิน ตามคอยดูแลเอาใจใส่ อย่างที่ผมบอกแหละว่าพี่ภูทำทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวที่เขาไม่เคยทำเลยก็คือ


บอกผมว่าเขารักผม หรืออย่างน้อยบอกว่ารู้สึกยังไงกับผมก็ยังดี … พี่ภูไม่เคยทำมันเลย


“ไนล์ พี่ซื้อครัวซองมาฝากครับ เมื่อเช้าแวะคาเฟ่ด้านล่างแล้วเห็นเขาเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ น่ากินดี คิดว่าไนล์น่าจะชอบ”

พี่ภูพูดขึ้นตอนที่ผมเดินเข้ามาในห้อง กำลังจะเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก็ได้เห็นถุงขนมวางอยู่บนโต๊ะ แต่ด้วยความที่วันนี้ผมหงุดหงิดอะไรไม่รู้ตั้งแต่เช้า ตื่นมาก็เวียนหัวแปลกๆ หิวก็ไม่หิว เห็นอาหารบนโต๊ะอาหารที่บ้านก็ชวนคลื่นไส้ไปหมด และพอมาได้ยินว่าพี่ภูซื้อครัวซองมาฝาก ผมก็เกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเสียดื้อๆ ก็เลยพาลพูดจาไม่ดีใส่อีกฝ่าย โดยที่ผมแทบไม่ทันจะรู้ตัวเหมือนกัน

“ไม่กินครับ ผมไม่หิว” ผมพูดเสียงแข็งและพี่ภูเองก็คงเห็นถึงความผิดปกติ เขาเลยลุกขึ้นมาจากโต๊ะตัวเอง เดินมาหาผมและทาบมือลงบนหน้าผากผมอย่างห่วงใย

“ไม่สบายหรอครับ ทำไมไม่หิวล่ะ? ฝืนกินสักหน่อยดีไหม เดี๋ยวพี่ไปหายามาให้ กินขนมปังรองท้องแล้วจะได้กินยา”

ผมชักสีหน้าเมื่อถูกเซ้าซี้ให้กินทั้งที่ไม่หิว ผมเวียนหัวแล้วก็หงุดหงิดมาก มันรู้สึกไม่สบายตัวแถมยังคลื่นไส้ตลอดเวลาอีก พอมาเจอพี่ภูเร้าหรือให้กิน ผมก็เลยเกิดปรี๊ดแตก

“ผมบอกว่าไม่กินก็คือไม่กินไง! คุณจะมาเซ้าซี้ผมทำไมนักหนา” ผมเผลอปัดถุงขนมที่วางอยู่ออก พี่ภูหน้าเสียไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่คุ้นตาของผม แต่ถึงอย่างนั้นพี่ภูก็ใจเย็นมากพอและไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์เลยสักนิด

“โอเคเครับ ไม่กินก็ไม่กิน” พี่ภูพูดพร้อมกับหยิบถุงขนมออกไปเงียบๆ แววตาคมมองมายังผมด้วยความเสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ถือโทษโกรธผม “งั้นพี่เอาวางไว้ตรงนี้นะครับเผื่อไนล์จะหิว”

“ครับ” ผมตวัดเสียงตอบ และก็ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าพี่ภูเอาขนมปังถุงนั้นไปวางตรงไหน

ไม่ได้เห็นแม้แต่ว่าพี่ภูเสียใจแค่ไหนที่ถูกผมตวาดไล่ แถมทำท่าทางแบบนั้นใส่เขา ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยแม้แต้จะคิดแสดงท่าทางแบบนี้ใส่พี่ภู ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาเสียใจ และไม่ใช่ว่าผมจะอยากแก้แค้นอะไรเขาทั้งนั้น เพียงแต่ผมควบคุมอารมณ์และการแสดงออกของตัวเองไม่ได้ มันแปรปรวนเกินควบคุมไปหมด

เราสองคนนั่งนิ่งไม่คุยอะไรกันอีก พี่ภูไม่ได้เข้ามาพูดคุยหรือไถ่ถามอะไรผมอีก เขานั่งเงียบๆ และทำงานของตัวเองไปทั้งที่แววตาคมดูเศร้ามาจนผมรู้สึกได้ ส่วนตัวผมเองก็พยายามสงบสติอารมณ์และควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอแสดงอะไรแบบเมื่อกี้ออกมาอีก ... มันค่อนข้างแย่และผมก็ไม่ได้รู้สึกดีสักนิด

“ผม.. ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสียงดังหรือพูดไม่ดีใส่คุณ” หลังจากผมพาตัวเองให้สงบลงได้ ผมก็เอ่ยขึ้น และแค่เพียงประโยคเดียวจากผม แววตาคมที่เคยหม่นหมองก็กลับดูดีขึ้นทันตา “ผมหงุดหงิดนิดหน่อย มันรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบายตัว”

ผมอ้อมแอ้มบอกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว เพราะเมื่อได้สติความรู้สึกผิดก็ถาโถม ผมไม่ควรทำอะไรแบบนั้นออกไปเลย นั่นไม่ใช่ตัวผมสักนิด

“ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็ผิดที่เซ้าซี้ไนล์มากเกินไป” พี่ภูยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ผม เขาลุกขึ้นยืนและเดินมาหา แต่เลือกที่จะเว้นระยะห่าง ไม่เข้าใกล้ให้ผมรู้สึกอึดอัดหรือหงุดหงิดขึ้นมาอีก “แต่ถ้าไนล์หิวยังไง ไนล์บอกพี่นะพี่จะเอาครัวซองไปอุ่นให้ ไนล์จะได้กินร้อนๆ”

“ครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบรับแค่นั้น เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่น่าจะหิวเร็วๆ นี้แน่ พักนี้ผมทานได้น้อยมาก เห็นอะไรก็เหม็น ก็ไม่นึกอยากไปหมด วันๆ ผมเอาแต่อยากจะนอน ผมนอนมากเสียจนพี่เทมส์ยังแอบบ่นซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร

ซึ่งถ้าผมเฉลียวใจสักนิด ผมจะเดาอาการตัวเองได้ไม่ยากเลย

.

.

.

พอได้เวลาเลิกงาน อาการเวียนหัวก็กลับมาจู่โจมผมอีกครั้ง และเพราะว่าอาการมันไม่ปกติตั้งแต่เช้าวันนี้ผมเลยเลือกที่จะติดรถพี่เทมส์มา ไม่ได้ขับมาเอง ซึ่งก็เป็นโชคดีที่วันนี้พี่เทมส์เลิกงานเร็ว ผมเลยบอกเขาไปว่าอยากรีบกลับบ้านไวๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ขนาดว่าลมที่โทรมานัดเพราะจะเอาผลไม้ที่ผมสั่งให้เขาซื้อมาให้ผมที่ออฟฟิศผมยังไม่อยากรอเลย ตอนนี้ผมอยากล้มตัวลงนอนมากที่สุด มากกว่าที่จะคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น

“ไหวไหมเรา ทำไมดูหน้าซีดๆ พี่เห็นอาการไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว”

พี่เทมส์ที่เดินเคียงข้างกับผมเพื่อที่จะไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงโซนผู้บริหารถามขึ้นมาเครียดๆ เพราะเขารู้ว่าเวลาผมป่วย ผมมักจะป่วยเยอะและหายยาก ซึ่งตอนนี้อาการผมดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ไหวครับ มันก็เป็นมาสองสามวันแล้วแหละ แต่ตอนนี้ไนล์อยากนอนมากเลยพี่เทมส์ มันเวียนหัวยังไงไม่รู้”

ผมตอบพี่ชายพลางนวดขมับตัวเองเบาๆ และจากเสียงฝีเท้าที่ผมได้ยินก็ทำให้ผมนึกรู้ว่าพี่ภูกำลังเดินตามผมกับพี่เทมส์มา เขาก็คงตามไปส่งผมเหมือนกับทุกวันนั่นแหละ

พี่เทมส์ขยับมาโอบผมก่อนจะดึงเข้าหาตัว จากนั้นก็พาผมออกเดิน เขาประคองเพราะเป็นห่วงและอาจจะป้องกันไว้ก่อนเผื่อผมสะดุดนั่นนี่เดินหกล้มหกลุกไป

เราสองคนเดินไปเรื่อยๆ จนถึงรถ โดยมีพี่ภูเดินตามมาไม่ห่าง เพราะจอดรถอยู่ในโซนเดียวกัน จนกระทั่งถึงรถ พี่เทมส์ก็จับผมให้ยืนรอดีๆ ก่อนจะปลดล็อครถเพื่อให้ผมได้รีบเข้า เผื่อได้งีบสักงีบก่อนถึงบ้าน

“ไนล์ ยืนรอพี่แปปนึงนะครับ เดี๋ยวพี่ย้ายหมอนกับผ้าห่มเรามาไว้ข้างหน้าก่อน พอขึ้นรถแล้วจะได้นอนสบายๆ เพราะพอพี่ขับรถแล้วพี่เอื้อมหยิบให้เราไม่ถนัด”

ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ ผมได้ยินเสียงพี่เทมส์เบาๆ ไกลๆ อะไรมันอื้ออึงหวีดหวิวในหูไปหมด อาการเวียนหัวทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และจู่ๆ อาการคลื่นไส้ผะอืดผะอมก็ตีตื้นขึ้นมาด้วย เมื่อได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดอยู่ที่หมอนพี่เทมส์ย้ายจากเบาะหลังมาเบาะหน้า ทำเอาผมยืนโงนเงนแทบตั้งตัวให้ตรงๆ ไม่ได้

ผมเกาะหลังคารถไว้แน่นไม่กล้าบอกพี่เทมส์ ไม่ใช่สิ ผมไม่รู้จะบอกยังไงมากกว่า ตอนนี้ผมเวียนหัวและอยากอาเจียนมากเลยวิ่งไปโก่งคออาเจียนใกล้ๆ กับถังขยะที่วางอยู่แถวนั้น

“อ๊อกกก”

ผมาเจียนออกมาระลอกใหญ่และมันก็ไม่มีอะไรออกเลยนอกจากน้ำกับน้ำขมๆ ในคอเพราะผมแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน น้ำหูน้ำตาผมไหลปนมั่วไปหมด รู้สึกถึงแรงลูบหลังเบาๆ แต่แทบไม่มีแรงหันไปมองเลยว่าใครเป็นคนเรียก มีแต่เสียงคุ้นหูและผมก็รับรู้ได้ในในนาทีนั้นว่าคนที่มาถึงตัวผมตอนนี้คือพี่ภู ไม่ใช่พี่เทมส์

“ไนล์.. ไนล์เป็นไงบ้าง ไหวไหม อยากไปหาหมอไหม?”

พี่ภูถามเป็นชุด แต่ผมไม่ได้ตอบเขาเลยสักคำถาม ลึกๆ ผมก็นึกสงสัยว่าเขามาถึงตัวผมเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ทั้งที่ถังขยะใบนี้อยู่ใกล้พี่เทมส์มากกว่าพี่ภูด้วยซ้ำ ถ้าให้เดาก็คงเพราะเขามองอยู่ตลอด พอเห็นผมผิดปกติเขาก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวทันที

“มะ.. ไม่เป็นไครับ ผมไหว” ผมพยายามบิดตัวออกจากการโอบกอดของพี่ภู เพราะตอนนี้เขากำลังประคองผมไว้ และใช้นิ้วโป้งปาดคราบน้ำลายออกจากมุมปากผมอย่างไม่รังเกียจเมื่อผมอาเจียนเสร็จ และยืนโงนเงนจนแทบจะล้ม

“ไหวตรงไหน พี่ว่าไนล์ไม่น่าจะไหวแล้วนะ ตอนนี้หน้าไนล์ซีดมากเลยรู้ตัวรึป่าว” ผมสะอึกเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของพี่ภู ความน้อยใจทะลักทะลายขึ้นมาเต็มอก นึกโกรธที่จู่ๆ พี่ภูทำเสียงเข้มใส่ผมทั้งที่ผมกำลังป่วยอยู่

และแล้วน้ำใสก็พาลไหลออกมาจากตากลม เพราะน้อยใจที่ถูกพี่ภูดุและเสียงดังใส่

“ฮึก.. ฮือ คะ คุณมาดุผมทำไม ปล่อยผมเลยนะ ไม่อยากดูแลไม่อยากเป็นห่วงก็ปล่อย ฮืออ ไม่ต้องมาเสียงดังใส่”

ผมร้องไห้โฮราวกับเด็ก ในขณะที่พี่ภูดูตื่นตกใจมากที่จู่ๆ ผมร้องไห้ เดือดร้อนพี่เทมส์ต้องวิ่งเข้ามาดึงผมไปกอดพร้อมปลอบยกใหญ่

“ชู่วว เด็กดี มองพี่หน่อย ไนล์เป็นอะไรครับ ไนล์ร้องไห้ทำไม?” พี่เทมส์กอดพร้อมกับโยกตัวโอ๋ผมราวกับผมเป็นเด็กยิ่งทำให้ผมน้ำตาแตกยิ่งกว่าเดิม

ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่เทมส์ เอาแต่ร้องไห้จนทั้งพี่ภูและพี่เทมส์งุนงงกับอาการที่ผมเป็น ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงน้อยใจอะไรง่ายๆ ทั้งที่เมื่อก่อนพี่ภูร้ายกับผมยิ่งกว่านี้ผมยังอดทนผ่านมาได้เลย แต่นี่แค่พี่ภูดุใส่ แถมยังไม่ได้ดุอะไรมากอีก แต่ผมกลับรู้สึกแย่และหยุดร้องไห้ไม่ได้

และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือผมเวียนหัวมากขึ้น มากขึ้นจนคุมสติตัวเองไม่อยู่ เสียงสุดท้ายก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับวูบและก่อนที่ผมจะล้มลงไปโดยมีพี่เทมส์ประคองอยู่คือเสียงที่ผมคุ้นเคย .. เสียงของพี่ภู

“เทมส์! กูว่าพาน้องไปหาหมอเหอะ น้องไม่ไหวแล้วเนี่ย! เห็นน้องเป็นแบบนี้แล้วกูจะขาดใจ.. แม่งเอ๊ย!”

และจากนั้นภาพทุกอย่างจะตัดไปและผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------

มาแน้ววววว ตัวละครสำคัญที่ทุกคนรอคอยยยย เปิดตัวอย่างอหังการ ตอกย้ำความเหมียนหมาของพี่ภู 555555+

ช่วงนี้ไม่ได้เวิร์คฟอร์มโฮมแน้วจ้า งานมากขึ้นมากมายก่ายกอง อาจจะมาได้แค่อาทิตย์ละตอนนะคะ แต่ถ้าแต่งเสร็จเหมือนไหร่ จะมาลงให้อาทิตย์ละสองตอนถ้าสามารถ ยังไงอ่านไปเพลินๆ(?!)ก่อนเนาะ แล้วยังไงจะพยายามมาให้บ่อยขึ้นจ้า

ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ สำหรับทุกกำลัง ทุกวิว ทุกคอมเม้นท์ ทุกการโดเนท ขอบคุณมากๆ และหวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนจบน้าาา .... รักทุกคนจ้าาา

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้างับ ^^

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
 :ling1: รอติดตาทครัย :seng2ped:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึ! ดูท่าว่าจะได้เห่าเร็วๆนี้ละ เป็นหมาแน่กู 3วันอ่ะ3วันง้อได้ คืนดี จบ บ๊อกๆ เห่ารอ 555 นี่ละหน๊าเรื่องผัวๆเมียๆทะเลาะกันที ไม่น่าเข้าไปยุ่งบอกให้เขาเลิก ใจแข็งเลย เสียหมาอะสิ 555555 สนุกจ้า รอตอนต่อปาย  :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เกียมเลี้ยงหลานแล้วจ้าาาาาาาาาส :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ตัวเล็กมาแล้วววววววววววววว :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
เตรียมหอนนนนนนนนนนนนนเลยตรู บรู๊ววววววววววววววว แต่แอบสงสารลมอะ จับคู่ลมให้ใครดีเนี่ย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารลมล่วงหน้าเลย หาคู่ให้ลมได้เลยค่ะ เอาให้ดีกว่าไนล์ สวย แซ่บ และท้องได้ก็ดีนะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ยังไงละ

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
Universe 33th : ความจริงสุดท้าย


Kirin’s Part

ไนล์เป็นลมล้มพับไปหลังจากร้องโฮ ผมเลยรีบบอกให้ไอ้เทมส์พาน้องไปหาหมอ ทั้งมันทั้งผมดูตกใจจนทำอะไรไม่ถูกทั้งคู่ ดีที่ผมค่อนข้างจะมีสติมากกว่าไอ้เทมส์ ผมเลยอุ้มช้อนตัวไนล์ขึ้นแนบอก ก่อนจะส่งเสียงกระตุ้นเพื่อนสนิทที่ยังยืนงง เอาแต่มองน้องตัวเองไม่เลิก

“เทมส์! สตาร์ทรถดิ จะได้พาน้องไปหาหมอ!”

“อะ.. เออๆ”

ดูเหมือนว่าไอ้เทมส์จะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง หลังจากโดนผมตะโกนใส่เสียงดัง มันหันหลังวิ่งกลับไปที่รถแล้วเปิดประตูผู้โดยสารด้านหลังให้ผมกับไนล์เข้าไป ผมจับน้องพิงแนบอก จัดท่าทางที่ไนล์สบายมากที่สุดก่อนจะกอดน้องเอาไว้แน่นอย่างเป็นห่วง

เทมส์วิ่งอ้อมไปหน้ารถฝั่งคนขับก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดของออฟฟิศ มันเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานออกไปอย่างกังวล และก็เอาแต่เหลือบมองไนล์ที่พิงอกผมจากกระจกหลังอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่คบกับมันมาผมก็รู้มาตลอดแหละว่ามันทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วงน้องมันมาก เพราะมันพูดกรอกหูผมเป็นประจำอยู่ทุกวัน แต่ก็เพิ่งจะได้เห็นกับตาครั้งนี้แหละว่าไนล์คือแก้วตาและดวงใจสำหรับมันแค่ไหน เพราะหน้ามันแทบจะซีดพอๆ กับหน้าไนล์แล้วตอนนี้ ซึ่งพอได้มาเห็นและมารับรู้แบบนี้ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

รู้สึกผิดที่ผมเผลอทำร้ายจิตใจน้องมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่น่าให้อภัย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่มันจะโกรธผมมากหลังจากเรื่องทุกอย่างเปิดเผย ผมเดาว่ามันรับรู้เรื่องที่ไนล์รักและรอผมมาตลอด อย่างไนล์ไม่มีทางปิดเรื่องนี้กับพี่ชายตัวเองแน่ๆ และผมก็ว่ามันคงปวดใจไม่น้อยที่ต้องมาทนเห็นน้องชายเอาแต่เฝ้ารอโดยที่ผมไม่มีวี่แววว่าจะจำอะไรได้ แล้วไหนจะต้องยอมปล่อยให้ไนล์มาอยู่กับผม มาดูแลผม ทั้งๆ ที่มันก็ดูแลไนล์มาอย่างดีตั้งแต่อ้อนแต่ออก

“ภู.. ไนล์เป็นอะไร วันนี้น้องกูมีอาการยังไงบ้าง ไม่สบายตั้งแต่กี่โมง” ไอ้เทมส์ถามขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด ขณะที่ตาก็มองถนน เท้าก็เหยียบคันเร่ง เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด

“วันนี้ไนล์อาการไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว ทั้งหงุดหงิดทั้งอารมณ์เสีย กูซื้ออะไรมาให้กินก็ไม่กิน เอาแต่บ่นว่าคลื่นไส้เวียนหัว ช่วงสายๆ กูได้ยินเสียงน้องอ้วกในห้องน้ำด้วย จะถามก็ไม่กล้า กูไม่อยากให้น้องโมโห”

ผมเล่าอาการของไนล์ให้ไอ้เทมส์ฟัง อันที่จริงไนล์ไม่ได้เป็นแบบนี้แค่วันนี้หรอก ไนล์น่ะมีอาการแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้ว บางวันก็เป็นมากเป็นน้อย ผมเองก็ไม่รู้ว่าน้องป่วยเป็นอะไร พอถามไปน้องก็หาว่าผมเซ้าซี้ พาลโกรธไม่พูดกับผมขึ้นมาดื้อๆ

“คลื่นไส้ เวียนหัว แล้วก็อ้วก?” ไอ้เทมส์ทวนถาม สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก อาจจะเพราะมันเป็นห่วงไนล์มากก็ได้มั้ง

“เออดิ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นแค่วันนี้หรอก ไนล์เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว บางครั้งกูพูดเสียงดังเพราะอยู่ไกลกลัวน้องไม่ได้ยิน ไนล์ก็ร้องไห้หาว่ากูดุ” ผมทำหน้าจริงจังและมองสบตากับไอ้เทมส์ที่กระจกหลัง แล้วถามออกไป “น้องเป็นโรคซึมเศร้าป่าววะ หรือเพราะกูทำให้น้องเป็นแบบนี้”

เอาจริงผมเครียดนะ เพราะไม่รู้ว่าไนล์เป็นอะไร พักนี้ไนล์อารมณ์แปรปรวนมาก ผมไม่อยากให้น้องป่วยแบบนี้ ยิ่งถ้าเป็นเพราะผม ผมยิ่งรู้สึกแย่

“ไนล์ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าหรอก” ไอ้เทมส์ตอบพร้อมกับถอนหายใจ แต่สีหน้าของมันไม่ดีขึ้นเลยทั้งที่มันมั่นใจว่าน้องไม่ได้ป่วยอะไรมาก

“อ่าว แล้วถ้าไม่ใช่ น้องจะเป็นอะไรได้ มึงรู้ไหมวะ กูห่วงน้องมากเลยเนี่ย”

“เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุย กูต้องพาน้องไปหาอาหมอก่อน” มันว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ พร้อมกับเสียบบลูทูธ

ผมเงียบไปเมื่อเห็นว่าไอ้ทมส์กำลังใช้สาย มันรอสายอามันที่เป็นหมออยู่สักพัก ในขณะที่ผมก็เอาแต่ก้มมองเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดนิ่ง ผมจูบหน้าผากไนล์ พลางกระซิบบอกขอให้น้องหายไวๆ

“หายป่วยไวๆ นะครับ พี่ใจไม่ดีเลยที่เห็นไนล์เป็นแบบนี้” ผมพูดพึมพำเบาๆ กับคนที่กำลังหมดสติอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงไอ้เทมส์พูดโทรศัพท์ เมื่ออามันรับสาย

“หวัดดีครับอาหมอ วันนี้อาหมออยู่โรงพยาบาลรึป่าวครับ ผมจะพาไนล์ไปหา”

ผมไม่รู้ว่าอาหมอตอบว่ามาว่าอะไร เห็นแต่ไอ้เทมส์ที่ทำหน้าเคร่งเครียด สลับกับถอนหายใจเป็นระยะ

“ไนล์เป็นลมครับ แล้วก่อนหน้านี้สองสามวันก็อาการไม่ค่อยดี มีทั้งคลื่นไส้ ทั้งเวียนหัว ทั้งอาเจียน... ครับ ใช่ครับ เป็นอย่างที่ผมบอกมาทั้งหมด”

ไอ้เทมส์ยังคงพูดถึงอาการไนล์เรื่อยๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้จะสนใจอะไรมาก จนมาสะดุดหูกับประโยคล่าสุดที่ได้ยิน

“ผมกังวลครับอา... ทุกอย่างที่ไนล์เป็นมันคล้ายมาก คล้ายจนผมกลัวว่าจะใช่” เทมส์ขมวดคิ้วมุ่น ในขณะที่ผมก็ตั้งใจฟัง “รายละเอียดต่างๆ ผมจะไปเล่าให้อาฟังที่โรงพยาบาลนะครับ ครับ ครับ อีกไม่เกินสิบนาทีผมน่าจะถึง ... ครับอาหมอ สวัสดีครับ”

ไอ้เทมส์วางสายไปแล้ว และใบหน้าที่กังวลมากมายของมันทำให้ผมต้องถาม เพราะถ้าแค่ไนล์เป็นลมหรือไม่สบายเฉยๆ ทำไมไอ้เทมส์ต้องดูวิตกขนาดนั้น หรือน้องจะเป็นอะไรที่ผมไม่รู้ และพอคิดแบบนั้นความไม่สบายใจก็ถาโถมผมทันที

“เทมส์ น้องเป็นอะไร ไม่ใช่แค่ไม่สบายเฉยๆ ใช่ไหม?”

เพื่อนสนิทผมยังคงแน่วแน่ในการมองถนนและเหยียบคันเร่ง มันไม่ยอมตอบคำถามผม ในขณะที่ผมก็ไม่ยอม เลยพยายามคาดคั้นเอาคำตอบจากมัน

“เทมส์ ตอบกู น้องเป็นอะไร? กูมีสิทธิ์รู้นะ มึงอย่าลืม”

“อย่าเพิ่งถามกูตอนนี้เลยภู ขอให้ถึงโรงพยาบาลก่อน กูอยากเช็คให้แน่ใจ แล้วถึงเวลานั้น รับรองมึงได้รู้เป็นคนแรกแน่”

น้ำเสียงไอ้เทมส์ราบเรียบแต่ติดจะดูไม่พอใจอยู่ในที ซึ่งผมก็ไม่รู้มันเหมือนกันว่ามันไม่พอใจเรื่องอะไร มันทำเหมือนกับว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องไม่สบายงั้นแหละ แต่เพราะเห็นว่ากำลังจะรีบขับไปโรงพยาบาลผมเลยไม่พูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบและรอให้ถึงที่หมายและได้พาไนล์ไปหาอาหมอก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน

.

.

.

และแล้วไอ้เทมส์ก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีมาถึงโรงพยาบาลอย่างที่มันบอก ผมอุ้มไนล์ที่ยังคงหมดสติลงมาจากรถ และผมก็ต้องยิ่งทวีความสงสัยเมื่อเห็นอาหมอออกมารับไนล์ที่หน้าประตูโรงพยาบาลด้วยตัวเอง

อาหมอให้บุรุษพยาบาลเข็นรถนอนมารับไนล์ที่ไม่ได้สติอยู่ในอ้อมกอดผม ผมจำใจวางน้องลงบนที่นอนทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะเป็นคนอุ้มพาน้องไปส่งถึงห้องตรวจด้วยตัวเอง แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาอิดออด ผมเลยได้แต่เดินตามบุรุษพยาบาลเข็นไนล์ไปตามทางเดิน แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นแผนกที่บุรุษพยายาลเข็นพาน้องมา


แผนกสูตินรีเวช


ผมเอ่ยปากถามบุรุษพยาบาลที่เดินคู่กันขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้อาหมอกับไอ้เทมส์กำลังเดินตามข้างหลัง เห็นทั้งคู่คุยกันเคร่งเครียด ผมเลยไม่อยากแทรก

“ทำไมพาน้องมาที่นี่ล่ะครับ?” บุรุษพยาบาลมีสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่จะอ้อนแอ้มตอบเลี่ยง

“คุณหมอท่านอยู่แผนกนี้ครับ ผมเลยพามาที่นี่ เดี๋ยวยังไงคุณลองถามคุณหมอดูนะครับ” บุรุษพยาบาลตอบแค่นั้นก่อนที่จะเข็นพาไนล์เข้าไปในห้องตรวจ ให้ผมได้แต่ยืนกระสับกระส่ายรออยู่ที่ด้านนอกจนอาหมอเดินมาถึง

“อาหมอครับ..” ผมกำลังจะอ้าปากถาม แต่ท่านกลับยิ้มบางๆ ให้ผม ก่อนจะพูดสวนขึ้นมา

“เรา... ภูใช่ไหม?” ผมพยักหน้า “อารู้ว่าเป็นห่วง แต่รออยู่ตรงนี้แหละ ขออาตรวจเลือดไนล์ก่อน แล้วได้ผลยังไงเราค่อยมาคุยกัน ถามอาตอนนั้นก็ยังไม่สาย .. เชื่ออานะ”

“ครับ” ผมจำใจตกปากรับคำ เพราะรู้ดีว่าผมทำได้แค่นั้น ไม่สามารถทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้

อาหมอเดินหายเข้าไปในห้องตรวจที่ผมส่งให้ไนล์เข้าไปก่อนหน้า ท่านปล่อยให้ผมกับเทมส์นั่งคอยอยู่หน้าห้องตรวจ เทมส์ดูเครียดมาก มันใช้มือลูบหน้าตัวเองตลอดเวลา แถมยังนั่งเขย่าขาทั้งที่มันเลิกเป็นแบบนี้ไปตั้งนานแล้วอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นผมเลยมั่นใจว่ามันต้องกังวลเรื่องน้องมันมากแน่ๆ

“เทมส์ ใจเย็นๆ มึง ไนล์ไม่เป็นไรหรอก” ผมตบบ่าเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ เบาๆ เพื่อพยายามปลอบใจ ไอ้เทมส์กลับไม่พูดอะไรแต่จะเลือกหัวเราะขึ้นมาเบาๆ แทน ทั้งที่สีหน้าไม่ได้ดูตลกสักนิด

“หึ! เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะใจเย็นไม่ไหว” คำพูดของไอ้เทมส์เป็นเหมือนหนามสะกิดใจ เพราะได้ยินอะไรแบบนี้มาหลายครั้ง แต่สุดท้ายผมก็ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำตัวเองอยู่แบบนั้น ผมไม่อยากรู้อะไรที่จะทำให้ชีวิตพาลยุ่งยากมากกว่าเดิม

อาหมอหายเข้าไปในห้องตรวจเกือบชั่วโมงกว่าจะออกมาได้ ผมคิดว่าที่ช้าเพราะท่านคงกำลังรอผลเลือด ซึ่งพอประตูเปิดออก ภูเขาในใจลูกแรกก็เหมือนถูกยกออกให้ผมได้นึกหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาบ้าง

“เป็นไงบ้างครับอา/น้องเป็นไงบ้างครับอาหมอ”

ผมกับไอ้เทมส์ถามขึ้นเกือบจะพร้อมกันด้วยรูปประโยคคล้ายๆ กัน ซึ่งอาหมอก็มองหน้าเราสองคนด้วยความลำบากใจ ก่อนจะถอยเข้าไปให้ห้องให้พวกเราได้ก้าวเข้าไปได้สะดวก

“เข้ามาคุยกันให้องอามา น่าจะต้องคุยกันยาว”

ไอ้เทมส์ก้าวเข้าห้องตรวจทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้อาหมอพูดซ้ำ เหมือนมันรอเวลานี้มาพักใหญ่แล้วและมันก็ดูนั่งไม่ติดเลยสักนิด ผมเองก็เลยต้องก้าวตามมันเข้าไปติดๆ และพอเข้าไปถึงในห้องอาหมอแล้วผมก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นน้องนั่งอยู่บนเตียงนอนตรวจด้วยสีหน้าเหม่อลอย นัยน์ตาบวมแดงและช้ำ ราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

ไม่สิ.. เหมือนร้องมาสักพักแล้ว และตอนนี้ก็ยังคงร้องไห้อยู่

“ไนล์...” เทมส์เดินเข้าไปกอดน้องมันทันทีที่เห็นไนล์นั่งน้ำตาไหลไม่หยุด น้องไม่ได้สะอึกอะอื้นเพียงแต่น้ำตาไหลหมือนกับคนที่กำลังช็อคและตกใจกับอะไรบางอยู่

“ฮึก.. พี่.. อึก พี่เทมส์.. ไนล์ ไนล์ขอโทษ.. ไนล์ขอโทษที่เคยโกหก ขอโทษที่ไม่เชื่อฟัง ฮึก ขอโทษนะครับ”

ไนล์ซุกอกไอ้เทมส์ก่อนที่จะร้องไห้โฮ ทำเอาผมผวาเข้าไปหาแทบไม่ทัน

“ไนล์ ไนล์เจ็บตรงไหนรึป่าว ไหนบอกพี่สิครับ”

ผมกังวลมมากเพราะกลัวว่าน้องจะเป็นอะไร ยิ่งเห็นน้องร้องไห้ยิ่งใจไม่ดี และถึงแม้จะมีคำว่าขอโทษเกิดขึ้น ผมก็เชื่อว่าเทมส์จะไม่ถือโทษโกรธน้องมันแน่ก็มันรักไนล์ซะมากขนาดนี้ คงโกรธไม่ลงหรอก

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ฟังคำตอบจากไนล์ เสียงอาหมอก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เอ้าๆ นั่งกันก่อน มาคุยกันมา อาอยากถามอะไรคุณภูสักหน่อย”

อาหมอเจาะจงพูดชื่อผม ให้ผมต้องทรุดลงนั่งทั้งที่ใจอยากจะถามไถ่และพูดคุยกับน้องมากกว่า ผมอยากรู้ว่าน้องป่วยเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องร้องไห้เสียน่าสงสารขนาดนั้น

“เรียกภูเฉยๆ ก็ได้ครับอา” ผมยกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่า “ผมเป็นเพื่อนสนิทเทมส์ตั้งแต่มัธยม เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ผมอาจจะเคยเจออามาบ้างแต่ตอนนั้นคงยังจำกันไม่ได้”

อาหมอยิ้มบางๆ ให้ผมอย่างใจดี แต่แววตาหลังกรอบแว่นทำให้ผมนึกรู้ว่าเขาไม่ได้ใจดีมากอย่างที่ผมคิดหรอก อาหมอน่าจะเป็นอีกหนึ่งผู้พิทักษ์ไนล์ และผมก็คงเป็นศัตรูคู่แค้นอันดับหนึ่งแน่ๆ

“เอาเถอะ อาไม่ได้จะซักไซ้ประวัติอะไรของภูหรอก แต่อามีเรื่องอยากจะถาม เพราะอาถามไนล์แล้วไนล์ไม่ยอมตอบเลยต้องมาถามกับเราแทน”

“ครับคุณอา ถามมาได้เลยครับ ถ้าผมทราบผมจะยินดีตอบคุณอาทุกคำถาม”

“เราใช่ไหมที่เป็นคนที่มีเพศสัมพันธ์กับไนล์ โดยเฉพาะครั้งล่าสุด ครั้งสุดท้าย เราได้ใส่ถุงยางอนามัยรึป่าว นี่คือสิ่งที่อาอยากรู้”

ผมหน้าแดง นึกตกใจที่จู่ๆ อาหมอก็ถามคำถามนี้ออก .. ผมโคตรไม่เข้าใจว่าการที่ผมมีอะไรกับไนล์มันเกี่ยวกับการที่ไนล์ไม่สบายยังไง คำถามแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมาตอบให้คนอื่นรู้สักนิด แม้คนๆ นั้นจะเป็นอาหมอของไนล์ก็เถอะ

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอาหมอ...?”

“ตอบอามาเถอะ อาจะได้สรุปอาการไนล์ได้สักที แล้วถึงตอนนั้นถ้าภูมีคำถามอาจะเป็นคนสรุปให้ภูฟังเองบ้าง แบบนี้ดีไหม”

ผมชั่งใจก่อนจะพยักหน้าตกลงเมื่อหันไปเห็นไอ้เทมส์พยักหน้ารับสนับสนุนคำพูดของคุณอา ทั้งที่อ้อมแขนของมันยังโอบไนล์ไว้แน่น .. ผมอยากกอดน้องมาก อยากกอดและทำให้น้องดีขึ้น

“ครับผมเอง ผมเคยมีอะไรกับน้องเมื่อก่อนหน้า รวมไปถึงครั้งสุดท้ายก่อนที่ไนล์จะหนีผมมา ซึ่งถ้าไม่รวมกับครั้งแรก.. ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวครับที่ผมไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย”

อาหมอหลับตาลงทันทีพร้อมกับใช้มือนวดตรงระหว่างคิ้วพลางถอนหายใจกับคำตอบของผม ราวกับว่าคำตอบพวกนั้นทำให้อาหมอนั้นหนักใจไม่น้อย

“ไนล์ไม่ได้บอกเราหรอว่าไนล์ไม่สบาย?” อาหมอถามออกมาอีก และคำถามของอาหมอก็ยิ่งทำให้ผมสับสน ผมไม่เข้าใจว่าการที่ผมมีอะไรกับน้องทำไมถึงกลายเป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้ “อาอยากรู้ว่ามีสักครั้งไหมที่ไนล์ขอให้เราใส่ถุงยางอนามัยหรือไนล์ไม่เคยบอกเลย”

“เปล่าครับ น้องขอให้ผมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ซึ่งผมก็ยอมทำตามที่น้องขอ เพิ่งจะมีครั้งล่าสุดนี่แหละครับที่ผมไม่ได้ใส่ อาจจะเพราะขาดสติมากไปหน่อย พอรู้ตัวอีกทีผมก็ห้ามตัวเองไม่ไหวแล้ว เลยปล่อยเลยตามเลย” ผมขยับตัวอย่างอึกอัด ก่อนจะเอ่ยถามบ้าง “ว่าแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการที่ผมมีอะไรกับน้องยังไงครับ ผมอยากทราบคำตอบ”

อาหมอเหลือบมองไปทางไอ้เทมส์ที่กำลังยืนกอดไนล์อยู่ที่ด้านหลังผม ก่อนที่ไอ้เทมส์จะเอ่ยขึ้นเสียงเครียด

“บอกมันไปเถอะครับอา มันมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ถึงสิ่งที่มันทำเอาไว้ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำยังไง ถ้ามันได้รู้ว่าเพราะความหึงหวงงี่เง่าไม่เข้าท่าของมันเนี่ย ทำให้ไนล์ต้องเจอกับอะไรบ้าง”

ไอ้เทมส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจจนผมสัมผัสได้ และจากคำพูดของไอ้เทมส์ก็ทำให้สังหรณ์ของตีตื้นขึ้นมาในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“มีอะไรหรอครับอาหมอ บอกผมมาเถอะ ผมต้องรู้ครับ” ผมเริ่มเร่งเร้าที่จะรู้ แต่ดูเหมือนไนล์จะไม่ยอมให้เป็นแบบที่อาหมอกับไอ้เทมส์ต้องการ

“อาหมอ .. ฮึก ไม่เอาครับ ไม่ต้องบอก ฮืออ ไนล์ ฮึก ไนล์ไม่อยากให้เขารู้ ไม่ต้องมารู้ ไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น”

ผมเริ่มนั่งไม่ติดและลุกขึ้นยืนทันที ทั้งที่ผมก็รู้ว่าทำแบบนี้มันเสียมารยาทแต่ผมก็ยังทำ

“บอกผมสักทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? ถ้ามันเกี่ยวกับทั้งไนล์และผม ผมก็มีสิทธิ์จะรู้ และผมก็ต้องรู้ให้ได้ด้วยไม่ว่าใครจะยอมหรือไม่ยอมก็ตาม”

ผมพูดเสียงแข็ง ทำเอาไนล์โกรธผมจนไม่ยอมมองหน้า เด็กดื้อเอาแต่ร้องไห้งอแงและซุกอกกอดไอ้เทมส์อยู่แบบนั้น


(อ่านต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
(อ่านต่อจากด้านบน)


“ไนล์ป่วย” อาหมอเริ่มพูดเกริ่นด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “ตั้งแต่เด็ก หรือจะพูดว่าตั้งแต่ไนล์เกิดก็ได้ ร่างกายของไนล์มีฮอร์โมนที่แตกต่างจากเพศชายปกติทั่วไป และนั่นทำให้ไนล์มีสรีระที่ค่อนข้างบอบบางเหมือนผู้หญิง และนอกจากภายนอกที่คล้ายคลึงกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายแล้ว อวัยวะบางอย่างภายในของไนล์ก็เช่นกัน “

“...”

ผมแทบไม่หายใจ รู้สึกเหมือนพอจะเดาออกว่าอาหมอกำลังจะพูดอะไร แม้ในใจจะภาวนาว่าเป็นไปไม่ได้ แต่แนวโน้มในตอนนี้ ทั้งอาการโกรธเกรี้ยวของไอ้เทมส์ อาการของไนล์ที่ร้องไห้อย่างขวัญเสีย รวมถึงอาการของอาหมอที่ดูไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมคิดว่าสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้น เป็นไปได้มากกว่าที่คิด


“ไนล์มีรังไข่ มีฮอร์โมนที่สามารถผสมกับอสุจิแล้วทำให้เกิดการปฏิสนธิได้...” ผมช็อค แต่ก็พยายามยืนให้อยู่เพื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่อาหมอพูดให้จบ “หรือถ้าพูดง่ายๆ แบบภาษาชาวบ้านก็คือ ไนล์สามารถตั้งครรภ์แบบผู้หญิงได้ หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน และนั่นคือเหตุผลที่อาต้องถามเราว่า ตอนเรามีเพศสัมพันธ์กับหลานอา เราได้ป้องกันหรือเปล่า”


ผมรู้สึกเหมือนปากตัวเองหนักไปหมด แขนขาชา ร่างกายหนักอึ้ง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ผมแค่กำลังเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก สิ่งที่หลุดออกจากปากผมจึงมีเพียงไม่กี่คำที่หลุดออกมา

“หมายความว่าที่น้องป่วยคือ น้องกำลังท้องงั้นหรอครับ?”

อาหมอถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าย้ำคำตอบของผม “ใช่ ตอนนี้ไนล์ตั้งท้องได้สี่สัปดาห์แล้ว อายุครรภ์ยังไม่มาก แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชาย อาการแพ้ท้องจึงแสดงให้เห็นเร็วกว่าผู้หญิงทั่วไป”

“ถ้าอย่างนั้นที่ไนล์ขอให้ผมใส่ถุงยางก็เพราะ..” ผมครางเสียงเบา ความรู้สึกผิดในใจลุกลามขึ้นมาอีกครั้ง


อีกแล้ว ผมเผลอทำร้ายไนล์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว


“เพราะน้องชายกูรักมึงไงภู รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองถ้าพลาดมีอะไรกับมึง แต่น้องกูก็ยังยอม ยอมเพราะแพ้ใจตัวเอง ยอมเพราะเชื่อใจว่ามึงจะทำตามที่ขอ แต่แล้วสุดท้ายมึงก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวกที่ไนล์เคยเจอตอนมัธยม ไอ้พวกสวะที่มึงเคยกระทืบเพื่อเคยช่วยไนล์ไว้ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมึงก็ทำในสิ่งที่ไม่ต่างกัน”

ไอ้เทมส์พูดนิ่งๆ แต่กระทบใจจนผมรู้สึกแย่ ผมรู้สึกไม่ดีมากๆ ที่ทำกับไนล์แบบนั้น ไม่ว่าจะเพราะรักมากเกินไปหรือเพราะหึงหวงจนขาดสติผมก็ไม่ควรทำ เพราะผลลัพธ์ที่ผมเห็นในตอนนี้มันกำลังทำร้ายคนที่ผมเคยพูดว่ารักจนเขาบอบช้ำไปหมด

ภาพต่างๆ ค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวผมราวกับทำนบแตก ภาพที่ไนล์ในชุดนักเรียนมัธยมต้นที่ร้องไห้กลัวจนตัวสั่นตอนถูกไอ้พวกสารเลวรุ่นราวคราวเดียวกับผมรังแกแล้วผมเข้าไปช่วยไว้ทัน ภาพตอนที่ผมพยายามจะมีอะไรกับไนล์ครั้งแรกแล้วไนล์ขอร้องทั้งน้ำตาให้ผมหยุด หรือแม้แต่ภาพวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกันก่อนที่ไนล์จะทิ้งผมมา ผมทำให้เขาร้องไห้ซ้ำๆ เพราะความงี่เง่าไม่เข้าท่าของตัวเอง ก็สมควรแล้วที่จะถูกน้องโกรธและเมินใส่แบบนี้

ผมตั้งสติก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้น้อง ไนล์ยังคงซุกหน้ากับอกไอ้เทมส์ร้องไห้ น้องถามเทมส์ซ้ำๆ แผ่วเบา แต่ผมก็ได้ยินขัดเจน

ซึ่งถ้าเมื่อก่อนผมตั้งใจฟังไนล์บ้าง ทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้ออกมาแย่ขนาดนี้ก็ได้

“พี่เทมส์ .. ฮึก นะ ไนล์.. ไนล์จะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี ฮืออ พวกท่านต้องเสียใจมากๆ แน่ๆ เลย” น้ำตาไนล์ไหลไม่หยุด “แล้วถ้าไนล์ถูก .. ฮึก ถูกส่งไปอังกฤษ ไนล์จะทำยังไงดีพี่เทมส์?”

ผมตกใจมากตอนได้ยินประโยคหลัง… อะไรคือการถูกส่งไปอังกฤษ?

“ไม่ต้องกังวลนะตัวเล็ก” ไอ้เทมส์พูดกับน้องด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม มันลูหัวไนล์เบาๆ “พี่จะจัดการให้ พี่...”

“พี่จะเข้าไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของไนล์เอง พี่ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง เราจะแต่งงานกัน เราจะเลี้ยงลูกของเราด้วยกัน พี่จะดูแลไนล์กับลูกในท้องเอง”

ผมตัดสินใจพูดสวนไอ้เทมส์ โดยที่ไม่รอให้มันพูดจบประโยค ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผมกับน้อง และเป็นเรื่องที่ผมต้องจัดการให้เร็วที่สุด จากที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ง้อน้องจนกว่าจะใจอ่อน แล้วค่อยเข้าไปสารภาพกับคุณพ่อคุณแม่น้องถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เห็นทีว่าตอนนี้จะรอทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว

ผมจะต้องพาน้องกลับไปอยู่ด้วยกันให้เร็วที่สุด และผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาพรากไนล์ไปจากผมเด็ดขาด

จากที่เมื่อก่อนมีแค่ไนล์ผมก็วุ่นวายใจอยากจะให้น้องยอมให้อภัยใจจะขาด แต่ตอนนี้กลับมีเจ้าตัวน้อยๆ ที่อยู่ในท้องเพิ่มขึ้นมาอีก นั่นยิ่งทำให้ผมอยากได้ไนล์กลับไปอยู่ด้วยยิ่งกว่าเดิม


เมียผม ลูกผม ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องหรือกีดกันทั้งนั้น ผมจะไม่ยอมให้ครอบครัวของตัวเองขาดใครคนใดไปแน่ๆ เราสามคนพ่อแม่ลูกต้องอยู่ด้วยกัน


“ไม่ต้อง.. ฮึก ไม่จำเป็น” ไนล์ปัดมิอผมที่พยายามจะยื่นไปเช็ดน้ำตาให้ออก “ไม่ต้องมารับผิดชอบ ไม่ต้องมาแต่งงานอะไรทั้งนั้น ฮืก.. ผมไม่ต้องการ”

“แต่พี่ต้องการ! แล้วพี่ก็มีสิทธิ์ด้วย สิทธิ์ที่พี่เป็นทั้งพ่อของเด็กและเป็นสามีของไนล์!” ผมเถียงกับน้องทั้งที่พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่เพราะทุกอย่างที่ถาโถม และความกังวลที่จะเสียไนล์ไปทำให้ผมขาดสติ

“ไม่! ผมต่างหากที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของเขา คุณไม่ต้องมายุ่ง ผมเป็นคนอุ้มท้อง ผมไม่ให้คุณยุ่ง!” จากที่สะอึกสะอื้นเพราะร้องไห้ ตอนนี้ไนล์มองผมตาขวาง น้องใช้แขนกอดท้องตัวเองไว้แน่นท่าทางหวงแหน และพอเห็นแบบนั้นผมเลยต้องอ่อนลง

“ไนล์ครับ” ผมตรงเข้าไปจับมือน้องมากุม “ไนล์ให้พี่รับผิดชอบ ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อ ได้ดูแลไนล์กับลูกเถอะนะ พี่ทำผิดมามากแล้ว ให่โอกาสพี่ได้แก้ตัวนะครับ”

แต่แทนที่ไนล์จะอ่อนลง มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย

“คุณแน่ใจได้ยังไงล่ะว่าเขาเป็นลูกคุณ?” ไนล์ยิ้มเหยียดท่าทางเย้ยหยัน ในขณะที่ผมได้แต่ช็อคพูดไม่ออก “ก็พูดเองไม่ใช่หรอว่าผมมันยุ่งกับคนอื่นไม่เลือกหน้า เพราะฉะนั้นเด็กคนนี้อาจจะไม่ใช่ลูกคุณก็ได้!”

แต่ถึงแม้คำพูดไนล์จะดูอวดดี แต่แววตากลมกลับเศร้าสร้อยและคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม

“ไนล์.. ไม่เอาไม่พูดแบบนี้นะครับ ไนล์จะด่าจะทุบจะตีพี่ก็ได้ พี่รู้ว่าพี่ผิดที่เคยคิดและพูดแบบนั้นเพราะความหึงหวงงี่เง่า แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วว่าไนล์มีแค่พี่ รักแค่พี่ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะมาแม่เข้าไปคุยที่บ้าน ไนล์รอพี่นะครับ”

ผมไม่รอให้น้องตอบอะไร แต่เลือกที่จะยกมือเล็กๆ ของน้องที่ตัวเองกุมไว้มาจูบเบาๆ ถึงไนล์จะดึงมืออกในทันทีแต่ผมก็รู้สึกว่าน้องอ่อนลงเยอะ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้เทมส์เอ่ยขึ้น

“อาหมอครับแล้วเรื่องฝากท้อง…”

“อาว่าสองครอบครัวไปคุยกันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า วันนี้เทมส์พาน้องกลับไปพักผ่อนก่อน อายุครรภ์ช่วงแรกๆ ไนล์จะเพลียเป็นพิเศษ เดี๋ยวอาจะให้ยาบำรุงกับยาแก้แพ้ แก้คลื่นไส้อาเจียนไป ขึ้นลงบันไดก็ให้ระวัง ดูแลน้องด้วยนะเทมส์”

“ครับอา” ไอ้เทมส์ขานรับ

อาหมอสั่งยาวเหยียด ในขณะที่ผมเองก็ตั้งใจฟังทุกคำพูด ผมคิดว่าผมจะเป็นคนดูแลไนล์เองหลังจากที่แม่เข้าไแคุยกับที่บ้านไนล์แล้ว

“ส่วนเรา” อาหมอหันมาทางผม “ไปจัดการอะไรให้เรียบร้อย เป็นพ่อคนมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ยิ่งการท้องของไนล์มันไม่ใช่เรื่องง่าย อาหวังว่าเราจะพยายามทำให้ได้อย่างที่เราพูดนะ”

“ครับอาหมอ ผมจะทำให้ได้” ผมรับคำอาหมอพร้อมกับมองไปที่น้องเล็กน้อย

ผมเห็นไอ้เทมส์ประคองน้องลงจากเตียง จากที่ไนล์ตัวเล็กมากๆ ในสายตาผมอยู่แล้ว แต่พอมารู้ว่าเขาต้องแบกรับอะไรไว้บ้างไนล์ก็ยิ่งตัวเล็กลงไปอีก เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมปล่อยให้ไนล์ต้องเผชิญทุกอย่างคนเดียวอีกแล้ว

ผมถือถุงยาที่อาหมอให้พยาบาลเอามาให้ก่อนจะเดินตามไนล์กับไอ้เทมส์ไปที่ลานจอดรถ คอยระวังหลังให้น้องที่ไอ้เทมส์ประคองอยู่ตลอด แม้จะอยากทำหน้าที่นี้แค่ไหน แต่ไนล์ไม่ยอมให้ผมแตะตัวเลย ผมเองก็ไม่อยากจะขัดใจน้องเพราะกลัวไนล์จะหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียอีก เลยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ชายอย่างไอ้เทมส์ไป

แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะทำหน้าที่นี้เอง

พอมาถึงรถไอ้เทมส์ประคองพาน้องเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย ก่อนที่มันจะยืดตัวขึ้นแล้วหันมาหาผม ผมเลยส่งถุงยาให้มันพร้อมกับบอก

“เดี๋ยวกูไปรับแม่ก่อนแล้วจะตามไป พ่อกับแม่มึงอยู่บ้านใช่ไหม?”

“อืมอยู่ น่าจะกำลังออกจากบริษัท” ไอ้เทมส์ตอบรับ ก่อนจะมองผมนิ่งๆ นิ่งขนาดที่ว่าผมสนิทกับมันมาสิบปียังอ่านท่าทางแบบนี้ของมันไม่ออกเลย “ว่าแต่มึงแน่ใจแล้วนะเรื่องไนล์น่ะ กูไม่ยอมให้มึงเอาน้องกูไปทิ้งๆ ขว้างๆ หรอกนะ”

“กูแน่ใจ” ผมเองก็สบตาไอ้เทมส์นิ่ง “มึงรอดูแล้วกัน”

ไอ้เทมส์ไม่ตอบอะไร มันผละออกจากผมก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ผมเลยได้โอกาสดึงประตูไวเแล้วก้มลงไปหาน้องที่นั่งอยู่ด้านในรถ

“รอพี่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพี่ไปรับแม่แล้วพี่จะเข้าไปหา พี่สัญญาว่าจะไม่ยอมให้ไนล์เผชิญทุกอย่างคนเดียว” น้องไม่ได้หันมามอง แต่ผมรู้ว่าน้องได้ยินและรับรู้ทุกคำพูดของผม ผมเลยอาศัยจังหวะนี้ขโมยหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ก่อนจะรีบปิดประตู

อืม.. ยังนิ่มแล้วก็หอมเหมือนเดิม ไม่สิ.. หอมมากกว่าเดิมอีก

ผมขำเล็กน้อยตอนที่เห็นน้องใช้มือกุมแก้มข้างที่โดนหอมก่อนจะหันมามองผมตาขวาง ก่อนที่ไอ้เทมส์จะออกรถไป ซึ่งพอท้ายรถไอ้เทมส์ลับสายตา ผมก็ยกมือถือขึ้นโทรหาแม่ทันที

“แม่ครับ แม่อยู่ไหนภูจะไปรับ ภูมีเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตจะขอให้แม่ช่วยครับ”

.

.

.


Nateetouch’s Part

ผมกลับมาถึงบ้านด้วยท่าทางที่ไม่ปกติเลยสักนิด พี่เทมส์พาผมเข้าไปนั่งคุยในห้องนั่งเล่นเพราะเห็นว่าพ่อกับแม่ยังไม่ถึงบ้าน ผมรู้ว่าพี่เทมส์จะคุยอะไร อยากจะเลี่ยงแต่ก็รู้ดีว่าคงเลี่ยงไม่ได้อีก

“ไนล์พร้อมจะคุยกับพี่ไหมครับ” พี่เทมส์ลูบหัวผมเบาๆ “ไนล์รู้ใช่ไหมว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ ยังไงเราก็ต้องคุย คุยกันก่อนที่พ่อกับแม่จะกลับมา และคุยกันก่อนที่ไอ้ภูจะพาแม่มันมาด้วย”

ผมโผเข้ากอดพี่เทมส์พร้อมกับร้องไห้ “ฮึก.. ไนล์จะทำยังไงดี พ่อกับแม่ต้องเสียใจแน่เลยครับที่ไนล์ทำตัวแบบนี้ แอบไปอยู่กับพี่ภูไม่พอ ยังปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่ภูจนท้องกลับมาอีก ไนล์ทำตัวไม่ดี ทำให้ทุกคนผิดหวัง .. ฮือออ”

“ตัวเล็ก.. อย่าเพิ่งกังวลไปถึงตรงนั้นสิ” พี่เทมส์กอดผมที่กำลังเสียขวัญแน่น “พี่กับไอ้ภูจะจัดการเรื่องนั้นเอง ไนล์แค่ตอบพี่มาก่อนว่าไนล์อยากไปอยู่กับไอ้ภูไหม อยากแต่งงานกับมันรึป่าว?”

“ไนล์ ฮึก.. ไนล์ไม่รู้ครับ”

ผมหลับตาแน่นสับสน แน่นอนว่าผมยังรักพี่ภูอยู่ แต่กับพี่ภูนั้น ผมไม่รู้เลย ตั้งแต่เขากลับเข้ามาในชีวิตผม เข้ามาง้อ เข้ามาขอคืนดี แต่เขากลับไม่เคยบอกว่าเขารู้สึกยังไงกับผมสักครั้ง และแม้แต่ตอนที่รู้ว่าเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน เขาก็เอาแต่บอกว่าจะดูแลลูก จะทำหน้าที่พ่อ … แต่กับหน้าที่สามี ผมไม่เคยได้รู้เลยว่าเขายังต้องการภรรยาแบบผมไหม

“ไนล์.. ไนล์ต้องตัดสินใจนะ” พี่เทมส์พูดกับผมอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้ไนล์ของพี่ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ ไนล์ยังมีตัวน้อยๆ อยู่ในท้องอีกคน ไนล์ต้องคิดถึงลูกด้วยรู้ไหมครับ”

และในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบพี่เทมส์ จู่ๆ ลมก็พรวดพราดเข้ามา ก่อนจะพุ่งเข้ามากอดผมด้วยความตกอกตกใจ

“ไนล์! เกิดอะไรขึ้น? เราไปหาไนล์ที่ออฟฟิศ แต่ไปเจอเลขาฯ พี่เทมส์บอกว่าพี่เทมส์พาไนล์กลับมาแล้วเพราะไนล์ไม่สบาย ว่าแต่ป่วยเป็นอะไร? ทำไมถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้ง แล้วนี่ไปหาหมอรึยัง?” สีหน้าเพื่อนสนิทผมดูไม่สบายใจมาก แต่ผมกลับไม่สบายใจมากกว่าที่จะต้องตอบคำถามนี้

และลมก็ไม่ทำให้ผมต้องหนักใจนาน เมื่อเขาหันไปเห็นถุงยาที่วางอยู่บนโต๊ะเลยหยิบซองยาข้างในออกมาดู … จากใบหน้าที่เคยตื่นตระหนกก็ซีดเผือดลงทีละนิด ก่อนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทจะเอ่ยถามผมอย่างไม่แน่ใจ

“ยาพวกนี้.. หมายความว่ายังไงไนล์? ไนล์กำลัง…” ลมเลือกที่จะไม่พูดต่อ ซึ่งผมเองก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากพยักหน้า ลมดูช็อคไป ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหม พี่ภูของไนล์ใช่รึป่าวที่ทำให้เป็นแบบนี้”

“ฮึก..” ผมเริ่มร้องไห้อีกครั้ง สงสารตัวเองก็สงสาร สงสารลมก็สงสาร ทุกอย่างมันพัวพันไปหมด และที่สุดก็คงไม่หนีความเสียใจ เสียใจที่ทำให้เพื่อนสนิทผิดหวังในตัวผม “เราขอโทษนะลม .. เราไม่ดีพอสำหรับลมแล้ว เชื่อเรานะลม ลมตัดใจจากเราเถอะนะ”

ผมตัดสินใจบอกลมไปตรงๆ เพราะผมคงเห็นแก่ตัวรั้งเขาเอาไว้ต่อไปไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว การที่จะดึงลมให้มารับผิดชอบกับสิ่งที่ลมไม่ได้ทำ ดูจะไม่ยุติธรรมกับลมเท่าไหร่นัก

แต่ลมก็ยังเป็นลม เป็นลมที่รักและหวังดีกับผมเสมอ

“ไม่ไนล์! เราจะไม่ตัดใจ ไม่อะไรจากไนล์ทั้งนั้น!” ลมขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะกุมมือผมไว้ทั้งสองข้าง “ลมจะรับผิดชอบไนล์เอง ลมดูจะแลไนล์ ดูแลลูกไนล์ให้เหมือนลูกแท้ๆ ของลม .. ลมไม่สนหรอกว่าที่ผ่านมามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอเพียงแค่ตอนนี้ไนล์ตอบตกลง.. แต่งงานกับลมนะครับ”

ผมตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าลมจะดับเครื่องพุ่งชนขนาดนี้ และในขณะที่ผมยังคลำหากล่องเสียงของตัวเองไม่เจอนั้น เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในห้องนั่งเล่น พร้อมๆ กับการปรากฎตัวของเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ โดยมีคุณแม่เดินตามมาติดๆ

“ไม่ตกลง! ไนล์จะไม่ตกลงอะไรกับคุณทั้งนั้น” พี่ภูเดินเข้ามาและปัดมือลมออกจากมือผม เขาจ้องหน้าลมอย่างไม่พอใจ “คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอเมียผมแต่งงาน และคุณมีสิทธิ์อะไรจะมารับสมอ้างเป็นพ่อของลูกผม.. อย่ามายุ่งกับเรื่องครอบครัวของเรา!”

“หึ! พูดมาได้ว่าครอบครัวของเรา เอาอะไรมาเรียกว่าครอบครัวไม่ทราบ? ไนล์ยอมรับคุณแล้วหรอ?” ลมถามเสียงเย้ย “ครอบครัวภาษาอะไร ถึงได้ไม่ไว้ใจไนล์ เอาแต่ระแวงว่าไนล์จะมีคนอื่น แล้วแบบนี้จะเรียกว่าครอบครัวได้ยังไง?!”

ลมตะโกนเสียงดังใส่พี่ภู ในขณะที่พี่ภูกำหมัดแน่น จ้องหน้าลมด้ววความโกรธเคืองขั้นสุด ผมเห็นท่าไม่ดีเลยจะลุกไปห้าม แต่พี่เทมส์กลับรั้งไว้ เขาส่ายหน้าพร้อมกับกระซิบบอก

“มันยังไม่ต่อยกันหรอก ถ้ามันจะต่อยกันเดี๋ยวพี่ห้ามเอง ไนล์เข้าไปจะโดนลูกหลงเปล่าๆ”

ผมทรุดลงนั่งตามเดิม แต่ก็ยังไม่สบายใจมากนัก เมื่อเห็นท่าทีของทั้งคู่ที่ไม่ได้เบาลงเลย ในขณะที่คุณแม่แทบไม่สนใจพี่ภูอีก ท่านเดินตรงมาหาและมานั่งข้างผม ก่อนจะดึงผมไปกอดไว้แน่น

“แม่ขอโทษนะน้องไนล์ แม่ขอโทษแทนพี่ภูด้วยนะลูก แม่ขอโทษที่เลี้ยงพี่ภูไม่ดี พี่ภูถึงได้ทำตัวเกเรไปรังแกน้องไนล์แบบนี้ ทั้งที่แม่สัญญาแล้วแท้ๆ ว่าจะดูแลน้องไนล์อย่างดี แต่แม่ก็ยังปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก แม่ขอโทษนะคะ”

คุณแม่ของพี่ภูลูบหน้าลูบไหล่ผมปลอบใจผม ทั้งที่ท่านเองก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมเลยต้องกอดปลอบและยิ้มให้ท่านสบายใจ

“คุณป้าไม่ต้องคิดมากนะครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณป้าหรอกครับ”

“ไม่เอาป้าสิลูก เรียกแม่อย่างที่น้องไนล์เคยเรียกนะ แม่ไม่อยากให้น้องทำตัวห่างเหินแบบนี้เลย”

และในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบคุณแม่ของพี่ภูเสียงดังโวยวายจากพี่ภูกับลมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“แล้วไอ้พวกที่แอบชอบเมียชาวบ้านนี่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนคนอื่น!” เสียงพี่ภูตวาดลมลั่นจนผมตกใจ “ผมกับไนล์จะกระทบกระทั่งกันบ้างมันก็ไม่แปลกอะไร ยังไงเราก็ปรับความเข้าใจกันได้ แต่กับ ‘คนอื่น’ ที่ถึงแม้จะพยายามเป็นมากกว่า ‘คนอื่น’ มาหลายปีแต่ยังไม่มีปัญญานี่ ไม่ควรจะมายุ่งเรื่องของผมกับเมียผมถูกไหมครับ?”

พี่ภูยั่วโมโหลมกลับ ผมที่นั่งฟังได้แต่ปวดหัวไปหมด เพราะลมก็ใช่ว่าจะยอมแพ้

“กล้าเรียกคนอื่นว่าเมียได้เต็มปาก ผมล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่าไนล์ยอมรับคุณแล้วรึไง? หึ! ถ้าคุณไม่ทำตัวเลวๆ ใส่ไนล์จนไนล์พลาดท้อง ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าคุณไม่มีทางมายืนตรงนี้แน่!” ลมเสียงดังใส่พี่ภูอย่างไม่ยอมแพ้ “อ้อ! แต่ต่อถึงให้ไนล์ท้อง แต่ถ้าไนล์ไม่เอาคุณก็คือไม่เอา ใครจะรู้ไนล์อาจจะเลือกผมก็ได้ เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่เคยทำร้ายไนล์ หรือทำให้ไนล์เสียใจเหมือนที่คุณทำ!!”

“นาย!!!”

พี่ภูตวาดลมลั่น และผมก็รู้ในนาทีนั้นว่าความอดทนของทั้งคู่ขาดผึงลงแล้ว เมื่อต่างฝ่ายต่างเงื้อหมัดเข้าหากัน แต่ก่อนที่คนทั้งคู่จะพุ่งเข้าใส่กัน พี่เทมส์ก็ถลาตัวเข้าไปแทรกกลางได้ทัน โดยใช้แขนยันอกของทั้งคู่เอาไว้

“หยุด! เป็นหมารึไงวะ? ทำไมถึงกัดกันไม่เลิกสักที!!” พี่เทมส์ตวาดใส่ ซึ่งลมก็ยอมหยุดทันทีในขณะที่ภูยังไม่สงบเท่าไหร่

“มึงดูมันพูดดิเทมส์ กูไม่ซัดมันหน้าหงายก็ดีเท่าไหร่แล้ว!” พี่ภูยังคงฮึ่มๆ ซึ่งลมก็ใช่ว่าจะยอม

และท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีใครรู้เลยว่าพ่อกับแม่ผมกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว และในขณะที่พวกท่านกำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปยังชั้นสองของบ้าน พวกท่านคงได้ยินเสียงเอะอะ เหมือนคนทะเลาะกัน ทั้งคู่เลยพากันเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลมพูดประโยคนี้ออกมาพอดี

“ก็ดูผู้ชายคนนี้ทำกับไนล์สิพี่เทมส์ ใครจะยอมไม่โมโหไหว” ลมชี้หน้าพี่ภูอย่างไม่เคารพ “ถ้ามันไม่รังแกไนล์แบบนั้น ไนล์ก็คงไม่ต้องมาตั้งท้องแบบนี้หรอก”

คุณพ่อผมชะงัก ในขณะที่แม่ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อได้ยิน


“ลมว่าอะไรนะ? ไนล์ตั้งท้องอะไร? ใครทำ?!”


ผมหันไปตามเสียงทุ้มที่ตวาดลั่นด้วยความตกใจ และพอเห็นว่าใครยืนอยู้หน้าห้องนั่งเล่นใจผมก็แทบร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“คุณพ่อ.. คุณแม่…”

.

.

.

To Be Continue

-------------------------------------------------

อ่านให้สนุกนะคะ .. ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์มากๆ ขอบคุณหลายคนที่ยังไม่ไปไหน ถ้ามีตรงไหนอยากให้ปรับบอกได้นะคะ ไม่รู้จะเบื่อๆ กันรึยัง คอมเม้นท์หายไปเกือบครึ่ง ฮ่าๆ

เราเองพยายามจะปั่นให้จบ แต่ก็ไม่จบสักที เขียนไม่ออก 55555 แต่ก็จะปิดลงในเร็วๆ นี้แน่ค่ะไม่ต้องห่วง ถ้าเขียนเสร็จก็จะมาลงติดๆ กันเลย จะได้ไม่ต้องรอนาน

ก็.. ไม่มีอะไรมากนอกจากขอบคุณจริงๆ นะคะ ขอบคุณที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากค้าบบ แล้วไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ .. รัก

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยย ยาวซะใจมากๆเลย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เรื่องใหญ่กว่าเดิม เอะหรือง่ายกว่าเดิม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด