6 โมงเช้า…
“อ้าว! พี่สิง พี่เดช ไอ้พล ลงมารวมตัวกันเช้าเชียว” ธันวาร้องถามเจื้อยแจ้ว เมื่อเห็นรุ่นพี่และเพื่อนคนสนิท นั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ในแคนทีน “ลุงเพชรครับ ขอเหมือนเดิมเซ็ทหนึ่ง” แล้วก็หันไปอ้อนขอของตัวเองกินบ้าง
“ไม่เช้าแล้วไอ้เตี้ย นายท่านจะออกแปดโมง ไม่ให้พวกกูมากินตอนนี้จะให้ไปกินตอนไหน? ” พลตอบขึ้นขณะเคี้ยวไส้กรอกในปากตุ้ยๆ
“หืม? นายท่านจะไปไหนอ่ะ คุณดินไปด้วยหรือเปล่า? เออๆ สงสัยกูต้องเตรียมตัวด้วยแล้ว” ได้ยินแบบนั้นธันวาก็กระตือรือร้น เพราะคิดว่านายใหญ่อาจพาว่าที่หงส์ไปเรียนรู้อะไรอีก
“คุณดินไม่ได้ไปด้วยหรอก นายท่านต้องไปร่วมงานเปิดสาขาใหม่ของท่านเควิ่นกับท่านบารอสที่เนวาด้าน่ะ” สิงหารุ่นพี่ใหญ่ช่วยออกปากตอบให้
“อ๋อ ขอบคุณฮะพี่สิง นายท่านนี่งานยุ่งตลอดเลยจริงๆ …โอ๊ะ ขอบใจนะจ๊ะมิเชล” ธันวาเปรย ก่อนส่งยิ้มหวานให้สาวใช้วัยละอ่อนคนหนึ่งที่ยกชุดอาหารเช้าพร้อมกาแฟถ้วยโปรดมาให้
สาวน้อยยิ้มเขินอายที่ถูกเต๊าะแต่เช้า ก่อนจะตกใจเพราะเสียงร้องโหยหวนของธันวาที่จู่ๆ ก็แหกปากร้องขึ้น
“โอ้ยยยยย เย็นนนนน!!!!! ”
ไม่ร้องเปล่าลุกขึ้นมาเต้นเป็นลิงโดนเจ้าเข้า ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของเพื่อนรัก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้า กล้าซ่ามาม่อน้องมิเชลกูดีนัก! ”
“ไอ้สัตว์เอก! ซี้ดด เอาน้ำแข็งใส่หลังกูไอ้เวร! ” ธันวาก่นด่าพร้อมหาทางเอาน้ำแข็งด้านหลังออก แต่ดันติดกับเสื้อไหมพรมที่ใส่อยู่
“มามา กูเอาออกให้ เล่นเป็นเด็กเลยนะพวกมึงเนี่ย” วิเชียรเดินเข้ามาทันเห็นเหตุการณ์พอดีจึงรีบออกตัวไปช่วยเพื่อน
สภาพความวุ่นวายอุตลุดนั้นคล้ายเป็นความปกติธรรมดาไปแล้วสำหรับคนอื่นๆ เพราะพวกรุ่นพี่รู้ดีว่าพวกบอดี้การ์ดรุ่นเด็กอย่างธันวากับเอกนั้นก็มีนิสัยซุกซนตามประสาวัยหนุ่ม จะมีพลที่นิ่งหน่อยกับวิเชียรที่ดูจะมีความคิดความอ่านโตสุดในรุ่น ส่วนธันวากับเอกนั้นก็อย่างที่เห็น
“โอ้ยยย ซี้ดดดด รีบเอาออกเลยไอ้เชียร กูเย็นหลังไปหมดแล้วเนี่ย! ฝากไว้ก่อนนะไอ้เอก เดี๋ยวมึงเจอกูแน่!! ” หันหลังให้เพื่อนอีกคนพลางคาดโทษเพื่อนอีกคนไปด้วย
เสื้อสูทถูกเปิดขึ้น ก่อนที่เสื้อไหมพรมตัวหนา มือใหญ่ล้วงเข้าไปควานหาให้แล้วพบว่าน้ำแข็งก้อนนั้นมันอยู่ในเสื้อเชิ้ตอีกชั้น จึงใช้อีกมือดึงชายเสื้อเชิ้ตบางออกจากกางเกงให้แล้วล้วงเข้าไปอีกครั้ง
“โหอยู่ในเสื้อเชิ้ตเลยเหรอวะ? หืมมม ไอ้เอก! ” ธันวาคาดโทษเอกที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงหน้า มืออุ่นนั้นทำเอาธันวาสะดุ้งเล็กน้อย เพราะแตะโดนผิวเนื้อโดยตรง
บรรยากาศในห้องเงียบกริบ ทุกคนหันมามองที่บอดี้การ์ดร่างจ้อยเป็นตาเดียว ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ทันสังเกต
น้ำแข็งถูกนำออกจากแผ่นหลังในที่สุด ธันวาจึงหันไปขอบอกขอบใจเพื่อนรักในทันที
“โหย ขอบใจมากเลยไอ้…เชียร……………..”
ธันวานิ่งค้างเมื่อเห็นว่าเพื่อนที่ตนกำลังเอ่ยปากขอบใจอยู่นั้นยืนห่างออกไปพอสมควร และคนที่เพิ่งเอาน้ำแข็งออกจากแผ่นหลังให้เมื่อครู่นั้นคือ…
“….พี่…นพ? ” ธันวาเผลอครางชื่ออีกฝ่ายออกมา ด้วยอาการอึ้ง
มานพยังคงหน้านิ่งขณะหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาแล้วอ้อมไปซับตรงหลังให้ในท่าทางคล้ายโอบกอด
“……….!!!!!!!!?????????????? ...........” เงียบอึ้งกันไปทั้งห้องกับภาพตรงหน้า ที่พี่ชายร่างใหญ่โตอย่างมานพดึงน้องชายร่างจ้อยอย่างธันวาเข้าสู่อ้อมแขนในท่าเผชิญหน้ากันแล้วเอื้อมมือไปเปิดเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นเพื่อสอดมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าของตนเข้าไปซับเช็ดคราบน้ำแข็งให้อย่างอ่อนโยน
ไม่ใช่เพียงทุกคนในห้องนั้นที่อึ้ง
เพราะธันวาเองยิ่งอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้มากกว่า อึ้งเสียจนไม่สามารถบังคับร่างกายให้ขยับหนีจากอ้อมกอดนี้ได้เลย
“อ๊ะ! ” ในที่สุดสติก็กลับคืนสู่ธันวา ร่างเล็กรีบใช้สองมือผลักอกมานพออกห่างเบาๆ พลางบอก "ไม่เป็นไร"
ผลักผู้กระทำออกไปได้ ตัวเล็กก็ได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า และแน่นอนว่าในสภาพใบหน้าแดงเห่อไปหมดนี้ก็ไม่อาจหาญกล้าสบตาใครคนอื่นในห้องนี้ได้เช่นกัน ธันวาจึงตัดสินใจเดินจ้ำอ้าวหนีออกไปจากห้อง โดยมีเชียรวิ่งตามไป
ในห้องยังคงเงียบอึ้ง แม้ธันวาจะวิ่งห้อหนีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าขยับกันเพราะรอดูอาการของมานพที่ยังคงยืนนิ่งมองไปทางประตูอยู่ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั้นจะเดินมาสั่งอาหารเช้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เหมือนเดิมครับลุงเพชร”
แล้วก็นั่งกินกาแฟดำกับขนมปังปิ้ง ทำราวไม่รู้ร้อนหนาวกับสายตาอยากรู้อยากเห็นจากรอบด้าน
“มันอะไรยังไงวะไอ้ธัน มึงบอกกูมาดิ? ”
วิ่งตามมาทันได้วิเชียรก็รีบคาดคั้นเพื่อนรักทันที
“ไม่มีอะไร” ธันวาตอบอิดออด ไม่ยอมสบตาเพื่อนที่จ้องเขม็ง
“อย่ามาลีลา พี่นพทำแบบนั้นกับมึงไม่ใช่เรื่องปกติ” วิเชียรยังไม่ยินยอม
“……………………..” แต่ธันวาใช้มุขเงียบ มองลมมองฟ้า ชมนกชมไม้ พลางพูดนอกเรื่องไปเรื่อย “เออ วันนี้ฟ้าใสดีเนอะ หิมะคงไม่ตก”
“อย่ามาเฉไฉไอ้นี่! เกิดอะไรขึ้นระหว่างมึงกับพี่นพกันแน่วะ? คราวที่แล้วที่พี่เขาวิ่งตามมึงออกไปพวกกูคิดว่าเขาจะไปหาเรื่องมึง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ใช่ไหม? มึงมีความลับอะไรไม่บอกกูหะ? ” วิเชียรเค้นคอเพื่อน
“โอ้ย ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ มึงยืนดีๆ เลยเดี๋ยวนายท่านจะลงมากินข้าวแล้ว” แต่ธันวาก็ยังคงปากแข็ง
รู้สึกผิดกับวิเชียรไม่น้อย แต่เขาก็ไม่อาจปริปากเรื่องความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนนั้นให้ใครฟังได้ เขาไม่ได้กลัวอับอาย แต่กลัวเหลือเกินว่าจะไปทำให้มานพเสียหาย
ไม่อยากเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของอีกฝ่าย…
และเพียงครู่เดียวก็เหมือนโชคจะเข้าข้างธันวาอยู่บ้าง เพราะดนัยกับบดินทร์ลงมาทานข้าวเช้าพอดี จึงหมดเวลาคุยนอกเรื่องของเหล่าบอดี้การ์ดในที่สุด
ธันวาเพื่อนรักหนีไปยืนใกล้เพื่อให้บริการหงส์ของพรรคอย่างบดินทร์ จึงทำให้วิเชียรทำได้เพียงมองเพื่อนด้วยความฉงนสงสัยเท่านั้น เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างมานพกับธันวากันแน่ เรื่องอะไรที่สามารถทำให้คนแค้นฝังหุ่นอย่างมานพยอมอ่อนลงได้ถึงขนาดนั้นกัน?
คิดถึงเรื่องของเพื่อนพาลสายตาเหลือบเห็นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารของนายเหนือทั้งสอง ดนัยและบดินทร์ที่เมื่อก่อนบนโต๊ะใหญ่นี้ต้องจัดอหารถึงสองชุดแยกกันเพราะหงส์นั้นไม่ยอมนั่งใกล้มังกรเด็ดขาด ครั้นเวลาผันผ่าน ความสัมพันธ์ของคนเราก็เปลี่ยนไป ในที่สุดหงส์คนนี้ก็ยินยอมอ่อนลงให้มังกรจนยอมนั่งข้างกันในยามเช้าบนโต๊ะอาหารนี้
และความเปลี่ยนแปลงนั้นก็คงเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาด้วยเช่นกันสินะ
ประเด็นคือ…
ความเปลี่ยนแปลงนั้นมันเกิดจากอะไรกันล่ะ?
เวลาเกือบแปดโมง ดนัยร่ำลาหงส์ของตนเพื่อออกไปทำงานสำคัญ ฝากฝังให้ธันวา วิเชียรและเอก เป็นคนอยู่ดูแลพร้อมสมุนคนอื่นอีกหลายร้อยชีวิต ให้จับตาดูแลหงส์คนใหม่ให้ดี เพราะช่วงนี้ยังคงอันตราย
ทุกคนรับคำ จากนั้นเดินออกไปน้อมส่งมังกรของพรรค บดินทร์ช่วยจัดชุดสูทให้ดนัยก่อนเดินทาง พลางหยิบเสื้อโค้ทตัวหนาจากสาวใช้เดินตามไปส่งดนัยถึงในรถ ระหว่างนั้นวิเชียรก็สังเกตเห็นว่ามานพนั้นยืนจ้องธันวาเพื่อนเขาไม่วางตา แถมยังจ้องในเชิงที่ไม่ใช่ความโกรธเกลียดเคียดแค้นอย่างที่เคยเห็นมาตลอด แต่เป็นสายตาร้อนแรงเสียจนคนถูกมองอย่างธันวายังรู้สึกตัว แล้วก็ก้มงุดหลบสายตานั้นไปไม่กล้าสบตาตอบ
อกวิเชียรในตอนนี้แทบระเบิดออกมา
‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะไอ้ธัน!? ’
คาราวานรถกันกระสุนรอบคันของมังกรพรรคเคลื่อนพลออกไปเพื่อไปขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่สนามบินใกล้เคียง บดินทร์ยืนมองจนลับสายตาแล้วหันมาถามวิเชียร
“งานเปิดสาขาของเควิ่นกับบารอสนี่…มังกรพรรคจ้าวอย่างจ้าวซินก็ต้องไปด้วยอยู่แล้วใช่ไหม? ”
“ครับคุณดิน รู้สึกท่านจ้าวจะบินนำไปก่อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” วิเชียรตอบตามตรง
บดินทร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนหันไปหาลูกน้องคนสนิทที่ยังยืนหน้าแดงเห่อเหม่อลอยหน่อยๆ อยู่
“ธัน พาฉันไปหาหงส์ของพรรคจ้าวหน่อย”
.
.
.
.
.
*****************************************************************************