ผู้มาเยือน
Part 2
“คุณดินเป็นยังไงบ้างครับ?”
ทันทีที่จ้าวซินออกจากห้องไป ธันวาก็รีบเข้ามาไถ่ถามบดินทร์ทันทีด้วยความเป็นห่วง เพราะเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกตลอดจึงทำให้พอรู้เหตุการณ์ความไม่สงบในห้องนี้อยู่บ้าง
“ตอนแรกก็ว่าเจ้านายของพวกนายแปลกแล้วนะ มาเจอคนนี้เข้า แม่งคุ้มดีคุ้มร้ายยิ่งกว่าอีก” บดินทร์เปิดปากบ่นพลางถอนหายใจยาวเหยียด พลางสารภาพ “เออ ขอโทษด้วยนะ เผลอหลุดปากเรื่องรั่วหลินออกไปเสียแล้วล่ะ”
“ห๊ะ!? ถึงตายเลยนะครับนั่น...” ธันวาหลุดอุทานแบบลืมตัวขึ้นมาทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน แบบนั้นมันแย่ยิ่งกว่าแย่อีกนะ หลังจากนี้ไปรับมือลำบากแน่
“ก็เกือบตายไปรอบหนึ่งแล้วล่ะ นี่หมอนั่นจะอยู่อีกกี่วันเนี่ย?”
“เห็นบอกว่าสักสองสามวันน่ะครับ พวกผมก็ไม่กล้าฟันธง”
“ห๊ะ? แบบนั้นฉันไม่ตายก่อนเหรอ? อยู่ไม่พ้นคืนนี้แน่” แค่ได้ยินคำตอบ บดินทร์ก็แทบลมจับ เพราะสถานการณ์คับขันจึงทำให้เจ้านายกับลูกน้องพูดคุยสนิทสนมกันขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว “งั้นฉันรีบไปอาบน้ำก่อนนะ ขืนช้าเดี๋ยวพ่อจะพิโรธเอาอีก ขี้เกียจเป็นสนามอารมณ์ให้ใครแล้ว” บดินทร์บ่นเรื่อย โดยมีธันวายืนพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ใกล้ๆ
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ทางไกลของธันวาก็ดังขึ้น
“ครับนาย” เป็นดนัยที่โทรมา เพราะคงรู้ข่าวจากวิเชียรแล้ว
บดินทร์ชะงักไปทันทีที่ได้ยินว่าใครกำลังคุยสายอยู่กับธันวา ร่างสูงหันไปมองยังผู้ดูแลของตนราวกับรู้หน้าที่
“ครับ รอสักครู่ครับ” ธันวารับคำก่อนยื่นโทรศัพท์มาให้บดินทร์ “คุณดินครับ”
บดินทร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยื่นมือไปรับโทรศัพท์นั้นมาแนบฟัง
“เป็นยังไงบ้าง?” คือคำถามแรกจากดนัย เสียงนั้นยังคงทุ้มห้าวเหมือนปกติ แต่กระแสเสียงแสดงความเป็นห่วงจนสัมผัสได้นั้น มันทำให้รู้สึกแปลกหูกว่าทุกครั้ง
“ก็ยังหายใจอยู่” บดินทร์ตอบ “ถ้าจะว่างโทรมาหาผมล่ะก็ โทรไปบอกพี่ชายคุณก่อนเถอะว่าให้รีบไปให้พ้นๆ เสียที” ก่อนบ่นออกไปอย่างหัวเสีย “จะมาทดสอบบ้าบออะไร ไม่ได้อยากจะเป็นเสียหน่อยไอ้ตำแหน่งหงส์เนี่ย”
“เพราะคุณคือคนพิเศษไง เขาเลยอยากมาเจอคุณเร็วๆ” ดนัยพูดคล้ายจะเย้าแหย่ให้บดินทร์หงุดหงิดยิ่งขึ้น
“อย่ามาตลก คุณทิ้งภาระอะไรไว้ให้ผมเนี่ย ผมรับมือไม่ไหวหรอกนะ กลับมาจัดการเองเลย!” เพราะถูกกระเซ้าทำราวกับเป็นเรื่องไม่สำคัญ บดินทร์จึงอดตวาดใส่ดนัยไม่ได้
แต่แทนที่ดนัยจะตอบอะไรในแบบที่จะยั่วโมโหให้ถึงขีดสุดกลับมาเหมือนเช่นปกติ วันนี้อีกฝ่ายกลับเงียบไป ราวกับกำลังตกใจกับสิ่งที่บดินทร์พูด
“อยากให้ผมกลับไปเหรอ?”
คือคำถามที่ดนัยส่งมาด้วยน้ำเสียงที่บดินทร์ไม่เคยได้ยินมาก่อน
น้ำเสียงที่ทำให้หัวใจของบดินทร์สะท้านวาบอย่างไม่มีสาเหตุ
“ก...ก็ใช่น่ะสิ นี่มันงานของคุณไม่ใช่หรือไง?” บดินทร์พยายามทำเป็นหงุดหงิดเพื่อกลบเกลื่อนความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น
‘ขอล่ะ อย่ามาพูดเหมือนกำลังกระซิบอยู่ข้างหูแบบนี้ทีเหอะ มันขนลุกนะเว้ย!’
ทว่าคำขอร้องที่ดังก้องอยู่ในหัวใจกลับสื่อไปไม่ถึง เพราะเหมือนเขายิ่งกระสับกระส่ายมากเท่าไหร่ ดนัยก็ยิ่งจะทำให้หัวใจดวงนี้ทุรนทุรายหนักขึ้นเท่านั้น
ด้วยการกระซิบมาตามสาย ด้วยเสียงที่เบาราวสายลมแต่กลับทรงพลังกับความรู้สึกของบดินทร์ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“บอกสิ”
“.........”
“บอกให้ผมกลับไป”
“.........อะไรล่ะนั่น...ทำอย่างกับจะได้” บดินทร์ทำเป็นไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ดนัยกำลังสื่อสาร
ไม่ใช่ไม่รู้สึก แต่ไม่ต้องการรู้สึก
ไม่อยากให้มีความรู้สึกอื่นใดเข้ามาแทนที่ความเกลียดชังที่เคยมี ไม่อยากให้มันเปลี่ยน ไม่ต้องการให้มีอะไรเปลี่ยน
“แค่คุณบอกว่าอยากให้ผมอยู่ด้วย แค่คุณพูดว่าต้องการ...ผมจะไปหาคุณ”
ดนัยย้ำคำราวกับกำลังสะกดจิต และมันก็ทำให้บดินทร์ราวกับต้องมนต์ และแม้หัวใจของเขาจะไม่อยากยอมรับแม้เสี้ยวธุลีว่าตอนนี้เขาต้องการดนัยมากแค่ไหน อยากให้กลับมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อคอยช่วยปกป้องเขาจากจ้าวซินมากเพียงใด แต่ในที่สุดปากของเขาก็ทำไปตามสัญชาตญาณ
“อยากมาก็มา...”
“หืม? ว่าไงนะ คุณพูดเบาจัง”
“เออ! รีบมาเลย”
บดินทร์รีบพูดรีบวางสาย หงุดหงิดตัวเองเหลือประมาณที่เผลอเต้นตามโฆษณาชวนเชื่อของดนัย ทั้งที่รู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายแค่หยอกกันเล่นเหมือนเช่นปกติ ‘แค่บอกให้มาก็จะมางั้นเหรอ? เหอะ ขี้ปากทั้งนั้นแหละ’ บดินทร์รีบทับถมความรู้สึกประหลาดในใจให้ดำดิ่ง ก่อนตั้งสมาธิกับเรื่องของจ้าวซิน ศัตรูตัวเอ้ที่นั่งสบายใจเฉิบอยู่ด้านล่าง ฟันธงเด็ดขาดว่าดนัยไม่มีทางกลับมาตามที่พูดได้ เพราะฝ่ายนั้นบินไปติดต่อธุรกิจไกลถึงแม็กซิโก ไม่มีทางที่จะกลับมาเพียงเพราะมีญาติมาหาเรื่องเขาที่เป็นเพียงลูกหนี้ไร้ค่า
ไม่มีวันเป็นไปได้หรอก...
บดินทร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย แค่จ้าวซินคนเดียวก็แย่พอแล้ว ยังต้องมาโดนดนัยแหย่เล่นอีก มีเรื่องให้หงุดหงิดแต่เช้าจนรู้สึกทนไม่ไหว แต่ก็ยิ่งเจ็บใจที่ตัวคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้
ทนเท่านั้นสินะ
เอาวะ เดี๋ยวมันก็ต้องผ่านไปจนได้
.
.
.
.
.
โต๊ะอาหารยาวเหยียดแต่มีคนนั่งกันอยู่แค่สองชีวิต แต่ขนาดนั่งกันคนละฟากของโต๊ะยาวเหยียดนี้แล้ว บดินทร์ก็ยังไม่อาจหลีกลี้จากแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากอีกฟากหนึ่งได้ ทั้งๆ ที่ฝ่ายนั้นก็นั่งกินข้าวปกติ แต่แค่ต้องร่วมโต๊ะกันก็พาลให้บดินทร์กินข้าวไม่ลงเอา
“เป็นไรไป? กินไม่ลงเหรอ?” กระแสเสียงชาชืดที่ส่งมาจากจ้าวซินยิ่งทำให้บดินทร์รู้สึกผะอืดผะอมเข้าไปใหญ่
แต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้ สายตาจ้องเขม็งไปยังคนที่ยังกินข้าวเช้าแบบสบายๆ ตรงหน้า พลางสังเกตสังกาทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เผื่อจะเจอสิ่งที่เขาอาจใช้ทำประโยชน์ได้สักอย่างสองอย่าง
อย่างแรกที่เห็นคือหน้าตาดีแบบไร้ที่ติ อันนี้บดินทร์ไม่ขอเถียง จ้าวซินเป็นคนผิวขาวอย่างชาวแผ่นดินใหญ่ ผมที่ยาวสยายจนเต็มแผ่นหลังนั้นยิ่งขับให้ใบหน้าดูคมสันชัดเจน ปลายคิ้วเชิดสูงเสริมดวงตาคมดุยิ่งดูมีอำนาจ ดูดีทุกกระเบียด เสียยิ่งกว่าในรูปถ่ายที่ธันวาเอาให้ดูเสียอีก
‘หน้าตาดีเสียเปล่า นิสัยแม่ม...เหี้ย...ม ชะมัด’ บดินทร์ได้แต่นึกด่าจ้าวซินอยู่ในใจ ขณะตักโจ๊กหมูอุ่นๆ ใส่ปาก กินไปก็ไม่ได้รู้สึกอร่อย แต่ถ้าไม่กินเอาเสียเลยก็จะถูกปรามาสเอาว่ากลัวจนหัวหดเสียอีก งั้นก็กินๆ ไปให้มันจบๆ เสียแล้วกัน
“ไม่ว่าตอนอยู่ที่นี่เธอจะทำตัวอย่างไร แต่เธอต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าถ้าเป็นที่พรรคใหญ่ การที่เธอจะมองหน้าประมุขพรรคของอีกฝ่ายด้วยสายตาแบบนั้น มันเป็นการเสียมารยาท อย่างที่ไม่สามารถให้อภัยได้” ทว่าแทนที่เรื่องจะจบแค่นั้น จ้าวซินกลับพูดกระทบกระเทียบขึ้น แถมยังชำเลืองมองมาทางบดินทร์ด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้
ถามว่าน่ากลัวไหม? สำหรับบดินทร์ตอนนี้คือมาก
แต่ถ้าเขาแสดงความกลัวออกไปให้จ้าวซินรู้สึกได้มากกว่านี้ล่ะก็ งานของเขาที่ต้องเป็นหงส์จะต้องลำบากมากขึ้นแน่ๆ แล้วถ้าจำไม่ผิดพรรคใหญ่นี้ก็คือพรรคเลือดผสมระหว่างตระกูลจ้าวกับวิษธร พยัคฆ์เหนือกับอสรพิษใต้ที่อยู่ภายใต้อำนาจเดียวกัน คือมีสิทธิเท่าเทียมกัน ในเมื่อไม่ได้มีใครเหนือกว่าใคร เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้ความยำเกรงจ้าวซินที่ไม่ใช่มังกรของวิษธรนายสายตรงของเขาใช่หรือไม่? นี่เขาคงเข้าใจถูกสินะ เขาน่าจะมีจุดยืนโดยการไม่กลัวอีกฝ่ายได้สินะ
คงไม่โดนยิงทิ้งตรงนี้...สินะ?
เอาวะ!
เพราะคิดได้แบบนั้น บดินทร์ก็เปิดปากพูดขึ้นบ้าง โดยการแสร้งตีสีหน้าให้เฉยชาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ก็ถ้าที่นี่คือพรรคใหญ่ผมก็จะเจียมตัวครับ แต่เผอิญที่นี่คือวิษธร...”
พูดไม่ทันจบก็เหมือนบรรยากาศจะเย็นยะเยือกขึ้นมาราวกับในห้องนี้ไม่มีฮีตเตอร์ทำความร้อน หนาวเสียจนนึกว่ากำลังนั่งอยู่กลางพายุหิมะด้านนอก หนาวจนปากของบดินทร์ถึงกับกลายเป็นน้ำแข็งจนพูดต่อไม่ถูก
“อา...ใช่ ที่นี่วิษธร” จ้าวซินพูดแค่นั้น แสยะยิ้มบางๆ ราวกับบดินทร์เพิ่งพูดอะไรที่แสนโง่เขลาออกมา
“หึหึหึ...เก่งจริงนะ” จ้าวซินเย้ย ละจากถ้วยโจ๊กอุ่นที่เพิ่งตักทานไปได้ไม่กี่คำ แล้วลุกเดินดิ่งเข้าหาบดินทร์แบบรวดเดียวถึง
บดินทร์รีบลุกหนีออกจากการจู่โจมตามสัญชาตญาณ ทั้งธันวา วิเชียรและบอดี้การ์ดอีก 2 คนตั้งท่าขยับตัวเข้าช่วยเหลือนายใหม่ เพราะเห็นว่าเริ่มไม่ปลอดภัย ทว่าแค่พริบตาเดียวก็ถูกบอดี้การ์ดของจ้าวซินดักเอาไว้ และคงมีการวางมวยหากไม่โดนสายตาของหัวหน้าพรรคแห่งพยัคฆ์เหนือปรายมาปรามเข้าเสียก่อน
เพราะมีสายเลือดร่วมกันกึ่งหนึ่ง จึงคล้ายคลึงกับพรรคเดียวกัน ดังนั้นจ้าวซินจึงมีอำนาจต่อคนของดนัยไม่ต่างจากที่ดนัยเองก็มีอำนาจต่อคนของจ้าวซิน เพราะอย่างนี้ต่อให้ธันวาอยากจะกระโจนออกไปช่วยบดินทร์แค่ไหน ก็ต้องถูกสกัดเอาไว้ด้วยบารมีของจ้าวซินอยู่ดี
เห็นว่าคนช่วยไม่เหลือแล้วบดินทร์ก็ได้แต่ถอยกรูดออกไปให้ยิ่งห่างจากจ้าวซินมากยิ่งขึ้น
“!! ....เฮ้ย!??” แต่ก็ไม่วายถูกตามถึงตัวได้ภายในพริบตาเดียว ทั้งยังถูกดึงเอวเข้าประชิดโดยไม่ทันตั้งตัว
เพราะส่วนสูงต่างกันไม่มากทำให้ใบหน้าของบดินทร์แทบจะชิดกันกับจ้าวซิน ทั้งที่ตั้งใจจะดิ้นหนี แต่ทันทีที่สบสายตาของคนตรงหน้า บดินทร์ก็ได้แต่ตัวแข็งทื่ออยู่ในมือของอีกฝ่าย คล้ายกับเป็นเพียงลูกกวางตัวเล็กๆ ที่กำลังตกอยู่ในอุ้งมือของพญาเสือผู้ดุร้าย ใกล้โดนขย้ำตายเต็มที
เสือร้ายคำรามขู่ “นี่คิดว่าฉันจะไม่กล้าทำอะไรเธอจริงๆ สินะ...” ยิ่งพูดแขนแกร่งก็ยิ่งกระชับเอวของบดินทร์เข้าหาตัวมากขึ้น
ถึงตอนนี้บดินทร์ได้สติแล้วรีบผลักอกของจ้าวซินอย่างแรงเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากเงื้อมมือสัตว์ร้าย ขณะที่กำลังจะอ้าปากเถียงออกไปว่าถ้าจ้าวซินกล้าทำร้ายเขาที่นี่ตอนที่ดนัยไม่อยู่ได้ ก็ไม่ต่างจากการลอบกัดลับหลัง
ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“พอแค่นั้นแหละ”
หัวใจของบดินทร์เต้นรัวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น
“ทักทายกันแค่พอหอมปากหอมคอเถอะนะ”
เสียงของคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้
ในตอนนั้นเอง ก่อนที่บดินทร์และจ้าวซินจะทันได้ทำอะไร มือแกร่งของเจ้าของเสียงก็ลากตัวของบดินทร์ไปสู่อ้อมกอดเสียแล้ว
กอดเพื่อปกป้อง และแสดงความเป็นเจ้าของอย่างไม่ปิดบัง
บดินทร์แหงนขึ้นมองหน้าของดนัยที่กำลังยิ้มพรายให้จ้าวซินไม่วางตา ทั้งร่างนิ่งทื่อ หัวใจดวงเท่ากำปั้นยังคงเต้นตูมตาม แต่ในชั่วขณะหนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงความปลอดภัย
กลับมาจริงๆ ด้วย..
ดนัยกลับมาอย่างที่พูดไว้จริงๆ ด้วย...
แม้ไม่อยากยอมรับยังไง บดินทร์ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ดนัยกลับมา เพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่ายังไงดนัยต้องปกป้องเขาจากจ้าซินได้แน่
“ไหนว่าไปแม็กซิโกไง?” จ้าวซินทักเสียงกร้าว แต่ก็ไม่ได้มีทีท่ารุนแรง ก่อนจะถอนหายใจแล้วบ่นออกมา “เจ้าของกลับมาเร็วแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วสิ”
“ก็ใครให้พี่ดิ่งมาที่รังผมทันทีที่ผมขยับออกจากบ้านกันล่ะ” ดนัยหัวเราะร่วน ขณะกำลังต่อว่าหัวหน้าพรรคตระกูลจ้าวอย่างคนคุ้นเคยสนิทสนม “ไม่ได้มีแค่พี่หรอกนะที่มีสายในถิ่นผมน่ะ”
“พ่อบ้านอู๋อีกแล้วล่ะสิ ให้ตายเถอะตาแก่นั่น” จ้าวซินบ่น “ฉันอุตส่าห์ตามมาอีกวัน รอให้นายไปให้พ้นๆ ก่อนแล้วเชียว”
“ผมก็อุตส่าห์รีบบินกลับมาหาพี่นี่ไง” ดนัยตอบพร้อมรอยยิ้ม
สองเจ้าพ่อคุยกันข้ามไปมา ขณะที่มีเชลยกลางอย่างบดินทร์ยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในอ้อมแขนของดนัย จะขยับก็ไม่กล้า แต่จะให้อยู่แบบนี้ต่อไปก็เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“อย่าบอกว่านายยกเลิกนัดกับบารอส เพื่อกลับมาช่วยหงส์ของนายจากฉัน?” จ้าวซินถามเสียงต่ำ “อย่าบอกว่าคนอย่างนายยอมทิ้งงานเพื่อคนคนเดียว?”
คำถามจริงจังทิ่มแทงทั้งผู้ถูกถามและผู้ถูกพาดพิง โดยเฉพาะผู้ถูกพาดพิงอย่างบดินทร์ที่ตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของจ้าวซินอีกหน
ตกเป็นเป้านิ่งในข้อหาที่ทำให้ดนัยเสียงาน
ดนัยไม่ได้ตอบอะไรในทันที ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้ม แล้วขยับตัวของบดินทร์ไปไว้ที่ด้านหลังของตน เพื่อหลบให้พ้นจากสายตาของจ้าวซิน
“แดนนี่ ทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ในฐานะที่นายเป็นถึงมังกรของพรรครู้ใช่ไหม?” จ้าวซินทำทีสั่งสอนดนัยต่อหน้าของบดินทร์ เพื่อต้องการแสดงให้บดินทร์ได้เห็นว่าตนเองนั้นมีอำนาจต่อดนัยในฐานะพี่ชายที่อีกฝ่ายเคารพ “ฟังพี่ชายคนนี้เหมือนที่นายเคยทำ เชื่อสิคนคนนี้ไม่เหมาะจะเป็นหงส์ของนายเลยสักนิด”
“ฉันจะไม่ขอพูดเรื่องรสนิยมของนายนะ แต่เรื่องทายาทเป็นเรื่องสำคัญ ถึงนายจะไม่สนใจเรื่องนั้น แต่คนคนนี้ไม่สามารถเป็นหงส์ที่พรรคยอมรับได้แน่ๆ ประวัติก็ไม่ดี ความสามารถอะไรก็ไม่มี แม้ขนาดตอนนี้ยังทำได้แค่หลบอยู่ข้างหลังนาย แล้วจะเป็นกำลังให้นายได้ยังไง?” จ้าวซินต่อว่าบดินทร์ตรงไปตรงมาต่อหน้าของดนัย โดยที่ฝ่ายดนัยนั้นได้แต่นิ่งฟัง
“กระทั่งเอาตัวเองให้รอดยังทำไม่ได้ เห็นเก่งอยู่แค่หาเรื่องตายท่าเดียว”
ถึงตรงนี้บดินทร์เองนี่แหละที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว ชายหนุ่มตั้งท่าผลุนผลันออกมาประจันหน้ากับจ้าวซินอีกครั้งเพื่อแก้ต่างให้ตัวเองบ้าง ทว่าในจังหวะที่จะขยับกายเขากลับถูกดนัยจับเอาไว้ในเชิงห้าม
บดินทร์เกือบจะฉุนขาดที่ดนัยดูยอมอีกฝ่าย จนเกือบลืมไปเลยว่าเขาอาจตายได้ถ้าฝ่ายนั้นมีอำนาจเหนือกว่าดนัยจริงๆ
“ผมเข้าใจพี่ ว่าคราวนี้ผมผิดที่ทิ้งงานกะทันหัน” ดนัยเริ่มตอบโต้ด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มจางๆ “แต่พี่ผิดแล้วล่ะที่ว่าดินเขาเป็นคนทำให้ผมเสียงาน เพราะอันที่จริงแล้ว...เรื่องนี้พี่ต่างหากที่เป็นต้นเหตุ”
เน้นๆ ชัดๆ ด้วยน้ำเสียงละมุนละม่อมและใบหน้าที่ยังฉาบไปด้วยรอยยิ้มหวาน เจอคำของดนัยเข้าไปจ้าวซินก็ถึงกับหน้าม้าน ความขุ่นเคืองในสายตาที่จ้องมองมาทางดนัยไม่วางตานั้น คงไม่เท่ากับความหน้าชาที่ถูกดนัยหักหน้ากันต่อหน้าบดินทร์
จ้าวซินไม่ได้พูดอะไรออกมาทันทีในตอนนั้น เพราะสิ่งที่สมองของเขากำลังประมวลอยู่กำลังจะสัมฤทธิ์ผล ข้อสันนิษฐานถูกพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าบดินทร์คือหงส์ที่ดนัยมีใจและหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่
บดินทร์มีดีอะไรไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ๆ คนคนนี้ทำให้น้องชายที่ขึ้นชื่อว่าไร้หัวใจของเขาอย่างดนัยถึงกับหลงใหลจนตามืดบอดแบบนี้ได้ ถึงจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ในวันนี้เขาคงต้องถอยก่อน
รอดูไปอีกหน่อยก็ได้...
“หึ” ในที่สุด จ้าวซินก็หัวเราะออกมา “หึหึหึ...ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่นายต่อว่าฉันแบบนี้”
ดนัยเพียงยิ้มรับคำตัดพ้อของพี่ชาย ไร้คำขอโทษใดๆ ในนั้น แสดงถึงความจริงจังในคำพูดที่ลั่นไปเมื่อครู่
เห็นแบบนั้นบดินทร์ก็ได้แต่นิ่งตาม ตอนนี้เขาโล่งใจแล้ว อย่างน้อยอำนาจที่ดนัยมีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย แบบนี้ค่อยอยู่ได้หน่อย
“ทั้งที่ผมคิดว่าพี่น่าจะเข้าใจผมมากกว่าใครเสียอีกนะ เรื่องของหงส์นอกระบบเนี่ย” ดนัยแสร้งทำเป็นน้อยใจแบบทีเล่นทีจริง
“ฉันก็เข้าใจนายอยู่หรอกถึงได้มาเตือนนายถึงนี่ไง แม้ฉันจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปหงส์คนนี้ก็ตาม” จ้าวซินพูดพลางชำเลืองมาทางบดินทร์เล็กน้อยเมื่อต้องพาดพิงถึง “เรื่องการทดสอบอะไรนั่นไม่จำเป็นหรอก แค่ให้หัวหน้าพรรคฝ่ายเหนืออย่างฉันรับได้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าฉันย่อมต้องเข้าข้างนาย แดนนี่”
“ขอบคุณนะพี่จ้าว ได้พี่สนับสนุนผมก็อุ่นใจ” ดนัยยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินว่าจ้าวซินจะให้การสนับสนุน
“เพราะนายเคยช่วยฉันไว้เรื่องรั่วหลิน ฉันไม่เคยลืม คราวนี้ถึงทีที่ฉันต้องตอบแทนนายแล้ว” จ้าวซินพูดด้วยสีหน้าที่ดูจะมีรอยยิ้มกลายๆ พลางตบบ่าของดนัยแทนการให้คำมั่น
“ไม่หรอก พี่เองก็ช่วยผมไว้เยอะเหมือนกัน ตอนนั้นถ้าไม่มีพี่ผมคงแย่”
“เอาน่า ยังไงเราก็เหมือนพี่น้องร่วมสาบานกัน ไม่ช่วยนายจะให้ไปช่วยใครล่ะ” จ้าวซินหัวเราะและเริ่มพูดคุยกับดนัยออกรสมากขึ้น
พอเห็นแบบนั้น แม้จะยังรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ แต่บดินทร์ก็ไม่คิดจะวุ่นวายกับจ้าวซินอีก ในเมื่อตอนนี้เขาก็เหมือนกลายเป็นส่วนเกินของการสนทนาไปแล้ว บดินทร์จึงตัดสินใจถอยร่นให้ไกลออกมาจากมังกรทั้งสอง
ทว่ากลับไม่อาจหลุดออกจากวงจรได้
“แต่ถึงสุดท้ายคนของนายจะกลายเป็นหงส์ ก็ยังต้องระวังซื่อหม่าอี้ให้ดีด้วยล่ะ รายนั้นเขารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้และยังคัดค้านหัวชนฝา เรื่องปลุกระดมคงไม่ต้องกังวลเท่าไหร่ แต่ระวังคลื่นใต้น้ำจากหมอนั่นหน่อยแล้วกัน อย่าเปิดช่องให้มันเชียว” จ้าวซินเตือน สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“หึ ไม่ต้องบอกก็รู้ ก็ขัดขาผมมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเหมือนกัน มันไม่จบง่ายๆ หรอก ผมก็เตรียมรับมือไว้แล้วล่ะว่าต้องโดนโจมตีหนักแน่ แต่ผมไม่กลัวหรอก อยากรู้เหมือนกันว่าคราวนี้จะมาไม้ไหนอีก” ดนัยเยาะออกมาท่าทีดูไม่ค่อยยี่หระเท่าไหร่ กับปัญหาที่รออยู่
“ก็เพราะอย่างนี้แหละฉันถึงได้อยากให้นายมีหงส์ที่ใช้งานได้ยังไงล่ะ” จ้าวซินถอนหายใจ และสุดท้ายประเด็นของเรื่องก็เบี่ยงกลับมาที่บดินทร์อยู่ดี
ดนัยไม่ได้พูดอะไรในขณะที่จ้าวซินย่างเข้าหาบดินทร์ที่หลบมาอยู่ด้านหลัง รังสีอำมหิตที่จู่ๆ ก็พุ่งออกมาหาอีกครั้งทำให้บดินทร์ถึงกับถอยกรูด
การประจันหน้ากับจ้าวซินเป็นอะไรที่เขาไม่มีวันชิน
“ไม่ใช่หงส์ที่แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอดแบบนี้”
จ้าวซินปรามาสขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้บดินทร์ราวกับจะสิง
“ก็คอยดูกันต่อไปแล้วกัน” บดินทร์ตอบโต้ออกไปบ้าง หัวใจของเขาเต้นแรงมากในตอนนี้ ทั้งใจเต้นแรงและมือไม้สั่น โดยบดินทร์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เป็นอยู่คือสั่นกลัวหรือสั่นสู้กันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือไม่อยากแพ้คนคนนี้ ไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่างแบบนี้
“รู้เอาไว้นะ” จ้าวซินพูดต่อ ไม่ใยดีเลยว่าจะถูกบดินทร์ตอกหน้ากลับมายังไงบ้างเมื่อครู่นี้ “รั่วหลินน่ะ เก่งทั้งบุ๋นและบู้ เป็นที่เคารพรักแก่คนในพรรค เป็นกำลังสำคัญให้กับมังกรอย่างฉัน แต่สุดท้ายไม่ถึงสามปีความตายก็พรากเธอไป จากไอ้พวกสารเลวที่ฉันคาดไม่ถึงในดงอสรพิษนั่น...” ถึงตรงนี้จ้าวซินคล้ายสำลักลมหายใจออกมาด้วยความเจ็บแค้น เสียงที่พูดออกมาแต่ละประโยคต่ำลงไปเรื่อยๆ จนคล้ายกับเสียงกระซิบข่มขวัญ
“ขนาดรั่วหลินเก่งขนาดนั้นยังเป็นหงส์ให้ฉันได้ไม่ถึงสามปี แล้วกับคนอย่างเธอ...” พูดถึงแค่ตรงนี้จ้าวซินก็ถอนตัวออกไปจากตรงหน้าของบดินทร์ แล้วเปลี่ยนไปบอกกับดนัยแทน “ทำใจไว้หน่อยก็ดีนะแดนนี่ เผื่อหงส์ของนายจะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน”
คำพูดแช่งชักที่เล่นเอาความกรุ่นโกรธของบดินทร์ทะลุจุดเดือด ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าที่ตัวเขาสั่นนั้นไม่ใช่เพราะกลัว
“แม้แต่หงส์ของตัวเองยังดูแลไม่ได้ แล้วยังมีหน้ามาสอนคนอื่นเหรอ?”
บดินทร์กลั่นทุกคำออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งไปที่จ้าวซินที่ตอนนี้หันกลับมามองเขาด้วยสายตาที่วาวโรจน์ไม่ต่าง
“....แก..” จ้าวซินคำราม ขยับกายคล้ายจะเข้ามาทำร้ายบดินทร์ แต่ดนัยเข้าขวางเอาไว้ พลางหย่าทัพให้ก่อนสงครามจะเกิด
“พอแค่นี้เถอะพี่ วันนี้กลับไปก่อนเถอะนะ”
เพราะดนัยออกปากขอ จ้าวซินที่กำลังเดือดดาลจึงไม่อาจทำอะไรบดินทร์ได้ มังกรหนุ่มทำเพียงสบถเสียงดัง แล้วหันหลังกลับตามที่น้องชายขอไว้
“ฉันจะคอยดู ว่าเธอจะอยู่เป็นภาระแดนนี่ไปได้นานแค่ไหน”
คือคำสั่งลาสุดท้ายจากจ้าวซินแก่บดินทร์ ก่อนที่เจ้าพ่อฝ่ายเหนือกับลูกสมุนทั้งโขยงจะยกพลกลับออกจากรังวิษธรไป
เพียงแค่สิ้นแสงเงาสุดท้ายของผู้มาเยือน บดินทร์ก็แทบล้มทั้งยืน ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้มีเพียงแผ่นหลังของดนัย ที่พึ่งสุดท้ายที่พอทิ้งตัวลงได้
และบดินทร์ก็ซบศีรษะหนักๆ ของตนลงที่แผ่นหลังนั้นโดยไม่ลังเล
การกระทำนั้นของบดินทร์ทำให้ดนัยถึงกับนิ่งค้าง เพราะนี่คือครั้งแรกที่บดินทร์เรียกหาเขาคนนี้เป็นที่พึ่ง ครั้งแรกที่ถูกเข้าหาก่อนโดยไม่ต้องบีบบังคับ
“ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณได้เด็ดขาด ผมสาบาน”
คือคำมั่นที่ดนัยให้ไว้
บดินทร์ไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากซบลงที่แผ่นหลังนั้นนิ่งๆ ราวกับกำลังชาร์ตพลัง ทั้งร่างยังคงสั่นเทิ้ม ยิ่งพอรู้ว่าจ้าวซินจากไปแล้ว เขายิ่งสั่นไปหมดจนแทบยืนไม่อยู่ราวกับพลังทั้งหมดนั้นถูกจ้าวซินดูดไปจนสิ้นแล้ว
ไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจขัดขืนแม้ตอนที่ถูกดนัยคว้าตัวไปกอด
อยากกอดก็กอดไปแล้วกัน...
ไม่ยอมรับหรอกนะถึงจะอุ่นมากก็เถอะ แค่ตอนนี้ไม่เหลือแรงจะออกฤทธิ์อะไรแล้วต่างหากล่ะ
TBC...
**************************************ผู้ชายเรื่องนี้ออกจะมีแต่แปลกๆ หน่อยนะคะ 555 ผมคือตัวร้ายคือนิยายรวมพลคนแปลกค่ะ อิอิ
จากที่เคยปูเรื่องมาตั้งแต่ภาคนางเอก ดินกับยุเป็นเพื่อนรักกันเพราะมีปมเรื่องครอบครัวและลักษณะนิสัยที่คล้ายกัน นั่นคือเป็นผู้ชายสายซึน ปากอย่างใจอย่าง อ่อนไหวง่าย และชอบคิดเองเออเอง
ภาคนางเอกเจอยุไปแล้ว ภาคตัวร้ายก็มาเจอดินต่อค่ะ ในส่วนคาแรคเตอร์นั้นดินจะแมนกว่ายุหน่อย ทั้งรูปร่างและส่วนสูง แต่ใจปลาซิวกว่ายุเยอะ เรื่องเก่งแต่ปากล่ะที่หนึ่งเลยล่ะค๊า
และขอแจ้งให้ท่านทราบว่า อย่าได้รอนับจำนวนคนที่จะมาตกบ่วงเสน่ห์ของบดินทร์เลยนะเจ้าคะ บอกเลยว่ารอนับจำนวนศัตรูที่พี่แกสร้างไว้น่าจะง่ายกว่า
ขี้กลัวแต่ตัวแสบ ขอยกนิ้วให้เลย...