-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104622 ครั้ง)

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หวานมากกกกกกกกกก แล้วคุณตรัสก็เจ้าเล่ห์มากด้วยยย  :mew3:

ออฟไลน์ ตัวยุ่ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่ะหวานกันตลอด ตอนนี้สำหรับน้องระพีไม่ใช่รือ ทำไมท่านตรัสกับรติมาแย่งซีนไปหมดเลยเจ้าคะ หวานไม่เหรงใจน้ำตาอาลัยฟันน้ำนมของน้องเลย 5555555

เอ็นดูเจ้าหนูระพีเป็นที่สุด  :mew3:

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แอบอยากขอทราบวิธีตรวจแบบละเอียดด้วยค่ะ... คิคิ...
 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ TonyPat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ reginasorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทพิเศษ

ดีสมกัน

---------


   สังคมมนุษย์มีเรื่องปกติอยู่เรื่องหนึ่ง คือบทสนทนามักเป็นเรื่องของผู้อื่น เรียกอย่างง่ายว่า นินทา


   เมืองตะวันออกเป็นเมืองของมนุษย์ เรื่องนินทาจึงเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน


   “ข้าได้ยินว่าลูกชายร้านมธุรตรัยเลิกกับเมีย!”


   “แต่ข้าได้ยินว่าเมียหนี”


   “เมียติดพนันไม่ใช่รึ? จะเลิกไปหรือหนีไปก็ดีทั้งนั้น ขืนยังอยู่ด้วยกัน มีหวังล่มจม จำตาแก่สุระได้ไหมเล่า นั่นก็เมียติดพนัน จากร่ำรวย กลายเป็นยากจน แก่ตายไร้ญาติแหน่ะ!”


   “ผัวเมียนี่นะ จับคู่ถูกจึงจะเจริญ จับคู่ผิดล่ะก็...เห็นมานักต่อนักแล้ว ถ้าอยู่ไม่ยืด ก็ทนอยู่กันไปให้ชีวิตกันและกันเป็นอัปมงคล!”


   “จริง! ดูอย่างผัวเมียอหัสกรนั่นซี จับคู่ถูก! แต่ก่อนนี้อหัสกรร่อแร่ พอแต่งกับรติเท่านั้น มีทั้งร้านยาทั้งร้านสมุนไพร”


   “ฮ้า! แต่คู่นี้ ยายแก่อมราก็จับคู่ให้ใช่ไหม ไม่ได้รักกันแต่แรก”


   “เฮ้ย! หากไม่รัก หมอตรัสจะยอมแต่งโดยดีหรือ?! แต่งแล้วยังพาเมียไปช่วยงานที่ร้านยาอีก ถ้าไม่รู้สึกอะไร จะพาออกหน้าออกตาทำไมกัน”


   “พูดไป! ถ้ารัก ทุกวันนี้จะเป็นเช่นนี้รึ?!”


   คนทั้งโต๊ะหันมองคนพูดที่ยิ้มกระหยิ่มปานผู้รู้


   “เอ้า! พวกเจ้านี่ตาบอด! ผัวเมียอหัสกรน่ะ วันๆทำแต่งาน มองหน้ากันเกินอึดใจหนึ่ง หรือก็ไม่ เดินด้วยกันที่ตลาดก็ไม่เห็นจะกระหนุงกระหนิง ข้าว่าไม่ได้รักกันหรอก! อยู่กันยืดเพราะต่างคนต่างทำมาหากินของตัวเองมากกว่า!”


   คนฟังพากันไตร่ตรอง ก่อนที่คนในโต๊ะผู้หนึ่งจะเอ่ยขึ้นมาคล้ายเอนเอียง


   “จะว่าไป ข้าก็ไม่เคยเห็นเมียสกุลไหนทำงานหนักเท่ารติ เมื่อวานนี้วิ่งไปมาระหว่างร้านยากับร้านสมุนไพร ไหนจะช่วยจัดยา ไหนจะขายผงสมุนไพร เห็นแล้วสงสาร หมอตรัสก็เหลือเกิน ตรวจคนไข้ไม่ออกมาช่วยเมีย หรืออาจจะจริงอย่างที่เจ้าว่า...อยู่กันยืดเพราะต่างคนต่างทำมาหากิน”


   คนในวงนินทาทุบโต๊ะดังปั่ก หน้าตาหงุดหงิดขึ้นมาทันที


“อย่างนี้น่ะไม่ใช่สามีเลี้ยงดูภรรยาแล้ว! ต่างคนต่างทำงานก็ไม่เห็นต้องแต่งกันก็ได้จริงไหม ปล่อยรติไปอยู่กับสกุลที่เลี้ยงดูได้จะดีกว่า!!”


   “พูดอย่างนี้จะยุให้เขาเลิกกันนี่! ข้ารู้นะว่าเจ้าอยากได้รติไปเป็นลูกเขยใจจะขาด”


   “ได้คนขยันขันแข็งอย่างรติเข้าสกุล ไม่ว่าจะเขยหรือสะใภ้ก็มงคลทั้งนั้น!”


   “พูดอย่างกับผัวเมียอหัสกรจะเลิกกัน ถึงจะอยู่กันโดยไม่รัก แต่ถ้าหมอตรัสยอมเลิกกับรติ ข้าจะไม่ไปรักษาที่ร้านยาอหัสกรอีกเลย! เพราะถือว่าเป็นหมอโง่!”


   คนทั้งโต๊ะทำหน้าเหมือนเห็นพ้อง แต่คนผู้หนึ่งมิได้เห็นพ้อง


ตรัส  อหัสกรนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง อีกฝั่งของฉากกั้น จึงได้ยินบทสนทนาทั้งหมด


แม้จะเข้าใจว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นชื่นชอบการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของผู้อื่น แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ใคร่พอใจ


นายทหารหนุ่มผู้ป็นสหายรักที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย หัวเราะเบาๆในคอพลางหยอก


   “หวังว่าเจ้าจะไม่เป็นหมอโง่นะตรัส”


   
---------


   ตรัสกลับมาที่ร้านยาหลังจากออกไปพบสหาย และนับตั้งแต่นั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน


บ่าวผู้หนึ่งถูกตะเพิดออกมาเพราะเห็นใบหน้าถมึงทึงของเจ้าของห้องตรวจ แล้วเผลอทำเครื่องมือหล่น เดือดร้อนรติที่อยู่ร้านข้างๆ ถูกขอให้เข้าไปช่วยดูอารมณ์ของสามี


   แต่การที่จู่ๆจะเข้าไปโดยไม่มีกิจใดก็เห็นจะแปลก แต่บ่าวไพร่ถูกดุเช่นนี้ก็ปล่อยไว้ไม่ได้ รติให้คนต้มน้ำชาให้กาหนึ่ง แล้วยกเข้าไปเป็นใบเบิกทาง


   ‘ข้าให้คนต้มน้ำชามาให้ ข้างนอกอากาศเย็น ดื่มน้ำชาร้อนๆ จะได้อบอุ่น’


ภรรยาดูจะเป็นคนเดียวที่พอตรัสพบหน้า อารมณ์คุกรุ่นก็คลายตัวลง



แต่...เพียงแค่คลายตัวเท่านั้น


‘ขอบคุณ’ เขาตอบสั้น มิได้เอ่ยปากเกี่ยวกับต้นเหตุของความถมึงทึง รติเองก็ไม่อยากละลาบละล้วง วางถาดน้ำชาแล้วก็ออกจากห้องมากำชับบ่าวไพร่ว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องเข้าไป ปล่อยให้ตรัสอยู่เพียงลำพัง


โชคดีที่วันนี้ไม่มีคนไข้แวะมารักษาอีกแล้ว มีเพียงคนไข้ผู้หนึ่งมาขอซื้อยาเพิ่มเนื่องจากทำยาหาย บ่าวหัวไว แทนที่จะเข้าไปบอกตรัส กลับวิ่งไปหารติ รติก็จำต้องทิ้งร้านสมุนไพรมาดูแลร้านยาอหัสกรเสียก่อน จัดยาชุดเดิมให้คนไข้แล้ว ก็เป็นอันธุระลุล่วงไปหนึ่งเปราะ


ตกเย็น ตรัสก็ยังไม่ออกจากห้องตรวจ รติเป็นคนดูแลปิดร้านสมุนไพรและร้านยาอหัสกรจนเรียบร้อยแล้ว จึงเคาะประตูเข้าไปในห้องทำงานของสามี


เจ้าของห้องยังนั่งเฉยอยู่ที่เก้าอี้ตัวประจำ ท่าทีของเขาคล้ายไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทว่าหัวคิ้วกลับขมวดมุ่น ราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความเครียดขึง


“ตรัส...” รติส่งเสียงเรียกเบาๆ เมื่อนั้นตรัสจึงเหมือนรู้ตัว พอหันมาเห็นคนเรียก หัวคิ้วก็คลายลง


“มีคนไข้หรือ”


รติส่ายหน้า แม้กระทั่งเวลา ตรัสยังไม่รู้เลย บางที เขาอาจะตัดสินใจผิดที่ปล่อยอีกฝ่ายไว้เพียงลำพังโดยไม่เข้ามาสอบถาม


“เย็นแล้ว ถึงเวลากลับเรือนแล้ว”



ตรัสชะงัก ไม่คิดว่าตนเองจะนั่งขุ่นมัวจนลืมเวลา



หมอหนุ่มแห่งร้านยาอหัสกรสูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสติ แล้วเอ่ย


“อ้อ...อย่างนั้นหรือ ข้าจะออกไปปิดร้าน”


“ข้าปิดให้แล้ว”


ตรัสนิ่งไป หัวใจบีบหน่วง เรื่องที่ได้ยินมาเมื่อกลางวันยังดังก้องอยู่ในหัว แม้เดิมทีไม่ใช่คนเก็บคำพูดว่าร้ายของผู้อื่นมาใส่ใจ แต่เพราะคราวนี้เป็นเรื่องของรติ...รติที่แสนดี รติที่น่าจะสุขสบายกว่านี้ หาก...ไม่ได้แต่งกับเขา


ตอนที่กำลังจะกลับเข้าสู่ภวังค์ที่แสนทุกข์ตรมนั้น ความอบอุ่นก็กอบกุมมือของตรัสอย่างอ่อนโยน


เขารู้สึกตัว เห็นรติยืนอยู่ตรงหน้า กุมมือเขาเอาไว้ นัยน์ตาที่มีเฉดสีประหลาดมีแววห่วงใย แต่ริมฝีปากขยับยิ้มหมายจะให้เขาสบายใจ


“กลับเรือนกันเถอะ กลับไปร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับท่านอมราและระพีกัน”



คำชวนที่แสนอบอุ่น มาพร้อมกับการกระชับมือของตรัส


เย็นนั้น มีภาพหนึ่งที่ไม่คุ้นตาผู้คนในเมืองตะวันออก


สองสามีภรรยาอหัสกรที่เดิมทีมักจะเดินเคียงกันโดยไม่มีส่วนใดเกาะเกี่ยว มาวันนี้ สามีภรรยากลับเดินจูงมือ…ไปจนถึงเรือนอหัสกร


----------
[/b]


ตรัสไม่ได้เคร่งเครียดเท่าตอนอยู่ที่ร้านยา กระนั้น เขาก็เคร่งขรึม แม้แต่ระพียังมองเขาอย่างหวาด


หลังมื้อเย็น รติแยกไปสอนหนังสือระพี ส่วนตรัสดูแลท่านอมรา สองสามีภรรยาไปพบกันอีกครั้งที่โรงครัวเพื่อเตรียมผงสมุนไพรไปขายในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างแล้วเสร็จจึงค่อยกลับเรือนพักผ่อน


ตรัสให้ภรรยาไปอาบน้ำก่อนโดยบอกว่าตนต้องทำบัญชีรับจ่าย รติไม่ขัดใจ อาบน้ำแล้วก็ค่อยโผล่หน้าไปเรียกตรัสที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน



ทว่า...แม้จะมีบัญชีรับจ่ายวางอยู่บนโต๊ะ แต่ตรัสกลับใจลอย


   “ตรัส...” ไม่ใช่การเรียกครั้งแรก แต่รติเรียกเป็นครั้งที่สาม จนเดินถึงตัวแล้ว ตรัสจึงเพิ่งรู้สึกตัว


   “ห้องอาบน้ำว่างแล้ว”


   “อ้อ...” ฝ่ายสามีเพียงรับคำแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องพักผ่อนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า


รติมองตามอย่างห่วงใย แต่ก็มิได้ก้าวก่ายเวลาส่วนตัว เขาปล่อยให้ตรัสอาบน้ำ ส่วนตนเองเข้าโรงครัวต้มน้ำสมุนไพรที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เห็นขนมชิ้นเล็กในตู้ไม้ก็จัดใส่จานมาด้วย กลับมาก็พอดีกับที่ตรัสออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่


   “ข้าต้มน้ำสมุนไพรมาให้” ภรรยาแสนดีพูดพลางยิ้ม ก่อนจะวางถาดกาน้ำสมุนไพรลงบนโต๊ะใกล้ๆ


หัวใจของตรัสบีบรัดหนักกว่าเก่า รติทำงานทั้งวัน กลับมาถึงเรือน ดูแลระพีและเตรียมผงสมุนไพรไว้ขายวันพรุ่งนี้แล้ว ก็ยังดูแลเขาอีก สามีที่ปล่อยให้ภรรยาทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ อย่ากล่าวเพียงว่าเป็นสามีที่ไม่เลี้ยงดูภรรยาเลย ควรเรียกว่าสามีไม่เอาไหน


   “ตรัส...ท่าน...บอกข้าได้ไหมว่าเป็นอะไร” รติเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งก็ยิ่งเป็นห่วง รีบก้าวเท้าเข้าไปหา


   “...เมื่อตอนบ่าย ท่านออกไปพบท่านอิษวัต มีเรื่องไม่สู้ดีหรือ”


อิษวัตแวะมาที่เมืองนี้ครั้งคราว บางครั้งรติก็ติดตามตรัสไปพบปะด้วย แต่คราวนี้มาอย่างกะทันหัน ตรัสจึงออกไปหาเพียงลำพัง ส่วนรติดูแลร้านสมุนไพรและร้านยา แต่ก็ฝากขนมและผลไม้จำนวนหนึ่งไปกับตรัส


น้ำใจนี้ หาได้มีเพียงครั้งเดียว แต่รติเผื่อแผ่อยู่เสมอ และมิได้ตกเพียงอิษวัตเท่านั้น เพราะเขานำไปแจกจ่ายลูกน้องในสังกัด พร้อมบอกว่าได้รับจากสามีภรรยาอหัสกร เคยมีครั้งหนึ่ง ลูกน้องของอิษวัตถึงกับขอติดตามมาพบหน้าสองสามีภรรยาคู่นี้ให้จงได้ เพราะหวังว่าสักวันจะตอบแทนน้ำใจได้โดยตรง แน่นอนว่ารติปฏิเสธ น้ำใจที่มอบให้เป็นเพียงมิตรไมตรี หวังเพียงอยากให้คนรู้จักที่มาจากต่างถิ่นได้ชิมของดีของอร่อยของเมืองตะวันออกก็เท่านั้น



ความอ่อนโยนที่แสนซื่อตรงนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้ผู้พบเห็นประทับใจ แต่เหนืออื่นใดคือคนข้างกายเช่นตรัสก็ยิ่งหลงรักภรรยาแสนดีของเขามากขึ้นทุกวัน


แต่...ยิ่งรติแสนดีมากเพียงใด...ตรัสก็กลับรู้สึกว่าเขาช่างไม่คู่ควร...


   “ไม่ใช่เรื่องของวัตหรอก...” คำตอบของตรัสชวนให้ฉงน ยังไม่ทันถามเพิ่ม ตรัสก็ถามขึ้นมา


   “เจ้า...เหนื่อยไหม”


   “หือ? ข้าน่ะหรือ?”


   “ไหนจะงานที่ร้าน ไหนจะงานในเรือน เหนื่อยไหม” คนถาม มีสีหน้าทั้งกังวลทั้งเศร้าใจ รติไม่ใช่คนพูดเรื่องทุกข์ยากให้ผู้อื่นฟัง แต่ตรัสเป็นสามีผู้อยู่ใกล้ชิดภรรยา มีหรือจะไม่รู้ว่ารติทำงานหนักเพียงใด การปกปิดความจริง ยิ่งจะทำให้ตรัสเป็นทุกข์


   “เหนื่อยสิ” ปากว่าเหนื่อย แต่กลับยังยิ้ม ดวงตามิได้มีแววทุกข์ยาก


   “แต่ทำงานที่ร้านก็สนุก งานในเรือนก็ทำให้มีความสุข ถึงจะเหนื่อย แต่ข้าก็อยากทำ”


   “แต่เจ้าไม่ควรทำงานหนักถึงเพียงนี้”


   “แล้วใครสมควร?” รติย้อนถาม ทำหน้าทะเล้น “สามีภรรยา ไม่ใช่ว่าใครเป็นชายหรือเป็นหญิง ไม่ใช่ว่าใครต้องรับผิดชอบใคร ไม่ใช่ว่าใครต้องดูแลใคร แต่เราควรจะต้องรับผิดชอบกัน ดูแลกัน แบ่งเบาภาระกันไม่ใช่หรือ”


   “แต่เจ้า...ควรจะสุขสบายกว่านี้...” ถ้าเทียบกับการที่รติตัวคนเดียว ไม่ต้องมีภาระใด ไม่ต้องมีอหัสกรห้อยท้ายเช่นนี้ รติคงจะสุขสบาย หากจะค้าขายสมุนไพรก็ทำเพียงค้าขาย ไม่ต้องดูแลผู้อื่นอีก


   รติยิ้ม


   “เท่านี้ก็สุขสบายแล้ว”


   “แต่...”


   “การที่ได้อยู่กับท่าน คือความสุขสบายของข้า”


   “ข้า...ทำให้เจ้ามีความสุขถึงเพียงนั้นหรือ”


   “มากกว่าที่คิดด้วยซ้ำ”


   “ข้า...เป็นสามีที่ดีพอแล้วหรือ”


   “ยิ่งกว่าดีพออีก”


   สีหน้าของตรัสยังเศร้า รติจึงขยับเข้าหา โอบสองแขนรอบเอวของอีกฝ่าย ขยับกายเข้าแนบชิด คนขี้หนาว ร่างกายมิได้ร้อนผ่าว กระนั้นก็ยังอยากสร้างความอบอุ่นให้กับคู่ชีวิต


   รติเอ๋ยรติ...รติผู้แสนดี รติผู้พยายาม


   กายอุ่นเบียดชิด พาให้หัวใจของตรัสคลายตัวคล้ายความกังวลค่อยๆสละออกไปทีละส่วน ทว่า...นี่ไม่ใช่ความพยายามเพียงอย่างเดียวของรติ


   ฝ่ามือลูบไล้แผ่นอกหนา รติเม้มปาก แม้จะไม่ใช่คนใจกล้า แต่เวลานี้มีเพียงพวกเขาสองสามีภรรยา หากจะใจกล้าขึ้นสักหน่อย เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ในใจของตรัส มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ


   “พิสูจน์ไหม ว่าท่านดีพอแล้ว...”



เสียงของรติดังขึ้นเบาๆ นัยน์ตาสีประหลาดที่มีประกายทั้งเขิน ทั้งรักใคร่เหลือบขึ้นสบ ก่อนจะยืดกายขึ้นเล็กน้อย เพื่อมอบสัมผัสอุ่นให้แก่ริมฝีปากของตรัส


น้อยครั้งที่ภรรยาผู้ขี้อายจะเริ่มก่อน แต่คราวนี้ภรรยากลับใจกล้า...เพื่อสามี


   ริมฝีปากของภรรยาผละออกห่างอย่างเชื่องช้า รติก้าวถอยหลัง เข้าไปยังห้องพักผ่อนด้านใน แต่ดวงตายังไม่ละจากสายตาของตรัส ราวกับเชิญชวนและชักจูงให้เขาก้าวเท้าตามเข้าไป


รตินั่งลงบนเตียง ยกขาข้างหนึ่งอ้ากว้างเผยเนื้อหนังที่ไร้อาภรณ์ สายตายังทอดมองสามี ทั้งเขินทั้งอาย อยากหุบสองขาเข้าหากันเต็มที แต่...ทำได้เพียงสูดลมหายใจลึก ในเมื่อใจกล้าแล้ว ก็ต้องใจกล้าต่อไป



เขาเกี่ยวสาบเสื้อข้างหนึ่งให้เผยยอดอก แตะปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปมาจนมันชูชัน อารมณ์หวามไหวเริ่มไหลซ่านไปตามเนื้อตัวจนส่งเสียงเครือออกมาอย่างไม่ตั้งใจ กระนั้น...รติก็ยังไม่หยุด ยอดอกชูชันล่อสายตาแล้ว ก็ไล้ปลายนิ้วลงสู่หน้าท้อง ลงไปยังหว่างขาเปล่าเปลือย



เพียงเท่านั้น...ตรัสก็ก้าวเข้าหาทันที!



--------


   รติเป็นคนขี้อาย การจะอ้อล้อใกล้ชิดกับตรัสต่อหน้าผู้คนไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย ในขณะที่ตรัสเองก็ไม่ใช่คนแสดงออกโจ่งแจ้ง แม้จะรักใคร่อีกฝ่ายปานใด แต่เมื่อเห็นภรรยาขี้อาย ก็ไม่สร้างความลำบากใจ ผลคือสามีภรรยาไม่เคยใกล้ชิดกันต่อหน้าผู้อื่น


   ทว่าเมื่อปิดประตูอยู่ในเรือนเพียงสองคนแล้ว ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


   แต่รติเป็นคนขี้อาย ต่อให้อยู่กับตรัสเพียงสองคน ก็ใช่จะเชี่ยวชาญเก่งกาจ ทว่า...แม้จะไม่มีลูกเล่นแพรวพราวนัก รติก็ยังพยายาม


   อ้าขาเปิดเผยเชิญชวน


   บดบี้ยอดอกตนเองล่อสายตา


   ยามอีกฝ่ายบดริมฝีปากลงขยี้ก็หยัดใบหน้าขึ้นตอบรับ


   ปลายลิ้นเกี่ยวกวัด ไม่หลบเลี่ยง


   ยามริมฝีปากนั้นผละจากก็เรียกหาเพียงชื่อของคู่ชีวิต


   ครั้นถูกชำแรกเข้าสู่ภายในที่ร้อนผ่าวก็ตอดรัดถี่ยิบ


   ยามแก่นกายถอนออกห่าง ก็ไขว่คว้าร่ำร้องให้แนบชิด


   แม้นตรัสรุนแรงหนักหน่วง รติก็ไม่หนี หยัดกายขึ้นรับทุกสัมผัสและความรู้สึกของคู่ชีวิต คราวหนึ่งเขากระแทกกระทั้นดันทุรัง รติก็ยอมให้เขาทำตามใจ พอเขารู้ตัว ปลอบประโลมด้วยสัมผัสละมุนละไม ต่อให้จะสร้างความวาบหวามจนหายใจติดขัด รติก็ยินดี


ค่ำคืนนี้รติโอบกอดร่างของตรัสเอาไว้ ใช้ร่างกาย หัวใจ และความรู้สึกทั้งหมดที่มี ทำให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าตรัสคือคนที่มอบความสุขที่พอดี ตรัสคือคนที่เป็นทั้งสามีและคู่ชีวิตที่ดี หาได้มีใครอีกแล้วที่จะพอดีกับรติได้เท่าตรัส  อหัสกร


---------


   ค่อนคืนของความสัมพันธ์ที่แสนร้อนแรง เสียงหอบจางลงแล้ว แต่สองร่างเปลือยเปล่ายังอิงแอบกันบนเตียง



ตรัสโอบอีกฝ่ายให้ขึ้นมานอนบนอกเขา รติไม่ค้านสักคำ อกเปลือยแนบกัน ตรัสวนเวียนจูบข้างขมับบ้าง แก้มบ้าง ในขณะที่รตินอนเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังเสียเพลิน ดูแล้วเจ้าตัวก็ยังไม่อยากหลับ ตรัสเองก็ไม่ง่วงสักนิด ตอนหนึ่งของเรื่องเล่าของภรรยา เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา


   “ท่านรู้ไหม คนอื่นชมท่านให้ข้าฟังอย่างไร”


   ตรัสส่ายหน้า


   “บอกว่าท่านให้เกียรติข้า สนับสนุนให้ข้าทำงาน เปิดร้านสมุนไพรใช้เงินทองไปตั้งเท่าไรก็ยอม แล้วยังบอกว่าท่านซื่อสัตย์ ข้าเป็นชาย มีลูกให้ไม่ได้ แต่ท่านก็ไม่เคยข้องแวะกับหญิงใด นอกจากนั้นท่านยังขยันทำมาหากิน ข้าวของหรูหราฟุ้งเฟ้อไม่อยู่ในความสนใจ ไม่ติดสุรา ไม่ยุ่งเกี่ยวการพนัน อีกทั้งยังมีคุณธรรม รุจีมิใช่น้องสาวของท่าน ไม่ใช่คนของอหัสกรก็ยังส่งเสียนางเรียนหนังสือ พวกบ่าวไพร่ไม่ว่าจะคนใหม่คนเก่าท่านก็จุนเจือพวกเขาตามสมควร เป็นหมอที่ดี เป็นสามีที่ดี เป็นผู้นำสกุลที่ดี” รติพูดแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เหนือสิ่งอื่นใดคือสายตาที่ทอดมองคู่ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ


“ท่าน...เป็นความภาคภูมิใจของข้านะ ตรัส”


   คำกล่าวใดของผู้อื่นล้วนไม่สำคัญอีกแล้ว


   การได้ยินได้ฟังว่าตนเป็นความภาคภูมิใจของภรรยา มิต่างจากประโยคบอกรัก


   “ข้าโชคดี ที่ได้สามีเช่นท่าน”


   ในเวลาที่สองร่างเปลือยเปล่าแนบชิด การพูดจาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ตรัสไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายนอนสบายได้อีกแล้ว


   เขาพลิกกายภรรยาลงนอนราบใต้ร่าง กักสองแขนโอบล้อมรติเอาไว้


   “ให้ข้าพิสูจน์ความโชคดีของเจ้าอีกครั้งไหม”


   รติหัวเราะสดใส


   “หลงตัวเองก็เป็นด้วยหรือ ตรัส  อหัสกร”


   ตรัสยิ้มจาง นึกเขิน แต่ก็สารภาพตามตรง


   “ข้าเคยคิดมาตลอดว่าตนเองอาภัพ จนกระทั่งได้เจ้าเป็นภรรยา”


   “แต่ตอนแต่งงานกับข้าก็น่าจะเรียกว่าอาภัพไม่ใช่หรือ”


   “แต่ตอนนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่”


   สายตาของตรัสมิใช่เพียงทอดแววหวานด้วยความรัก แต่ยังเทิดทูนภรรยาในอ้อมแขนอย่างที่สุด


   “เจ้าเองก็เป็นความภาคภูมิใจของข้าเช่นกัน รติ  อหัสกร”


   หัวใจคนฟังเต็มตื้น รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้ดวงตาหยีจนเป็นเส้นโค้ง ตรัสก้มลงมอบจุมพิตดูดดื่ม รติก็ตอบรับอย่างยินดี


   สามีภรรยาที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่กัน ไม่เรียกว่าโชคดีที่ได้ครองคู่ ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว


   
---------


   ร้านสมุนไพรรติยังคงมีลูกค้าอยู่เนืองๆ วันนี้ลูกค้าขาประจำของร้านแวะมาเพราะพาสามีมาหาหมอ นางจึงเดินผ่านประตูเชื่อมมาเลือกซื้อผงสมุนไพรด้วย รติเห็นเข้าก็ตรงรี่มาอำนวยความสะดวกเพราะคุ้นเคยกันดี


   “ข้าอยากได้ผงสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกายสักหน่อย สามีข้าน่ะซี ทำงานไม่หลับไม่นอน เมื่อเช้านี้เป็นลมหน้าคะมำ ตกบันไดจนแข้งขาหัก!” ลูกค้าหญิงร่างอวบบ่นน้ำเสียงหงุดหงิด แต่ดูก็รู้ว่าเพราะเป็นห่วง นางหันมาทางรติแล้วก็ถาม


   “หมอตรัสดื่มอะไรเป็นพิเศษไหม”


   “ตรัสทำงานหนัก แต่เข้านอนเป็นเวลา เรื่องการพักผ่อนของเขาไม่น่าห่วงนัก จึงเพียงแค่ชงสมุนไพรบำรุงกำลังเท่านั้นขอรับ ส่วนเรื่องอาหาร ก็ต้องให้ครบถ้วน อีกอย่างคือการออกกำลังกายต้องทำให้เป็นนิสัย”


   “เฮ้อ! เรื่องออกกำลังกายนั่นไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เวลาจะนอนยังไม่มี! คนบ้างาน ก็ทำหามรุ่งหามค่ำ เข้านอนไม่เป็นเวล่ำเวลา!”


   “แล้วหลับสนิทไหมขอรับ”


ลูกค้าทำหน้านึก ก่อนจะส่ายศีรษะ “คงเพราะเหนื่อย บางคืนเลยเหมือนจะหลับๆตื่นๆด้วย”


   “ถ้าเช่นนั้น ดื่มสมุนไพรที่ช่วยเรื่องการนอนหลับดีไหมขอรับ หากนอนไม่เป็นเวลา อีกทั้งยังนอนน้อย ก็ควรหลับให้สนิท”


   ลูกค้าฟังแล้วก็เห็นด้วย จึงสั่งผงสมุนไพรที่รติแนะนำ ตอนจ่ายเงิน รติไม่ลืมมอบของกำนัลเป็นผงสมุนไพรที่เพิ่งคิดขึ้นใหม่ให้นำไปลองดื่มด้วย


   “นี่เป็นผงสมุนไพรช่วยให้เจริญอาหารขอรับ เผื่อท่านจะชงให้สามีของท่านดื่ม”


   ลูกค้าคนนั้นหัวเราะเบา มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอ็นดู


   “เจ้านี่ช่างคิดช่างค้น”


   “ข้าอยากให้ลูกค้ามีตัวเลือกหลากหลายนี่ขอรับ”


   “ตรัสต้องภูมิใจที่มีเจ้าเป็นภรรยา ทั้งฉลาด ทั้งขยัน”


รติมองลูกค้าคนนั้นแล้วก็ยิ้มอ่อนโยน กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง


   “ข้าเองก็ภูมิใจที่มีตรัสเป็นสามีขอรับ”


   ราวกับคนถูกพูดถึงจะรู้ตัว เพราะเดินออกจากห้องตรวจพร้อมกับคนไข้ซึ่งเป็นสามีของลูกค้าผู้นั้น


ตรัสช่วยพยุงคนไข้พาออกมานั่งรอที่โถง ประตูเชื่อมระหว่างร้านยาอหัสกรและร้านสมุนไพรรตินั้นกว้างขวางพอจะทำให้เห็นหมอหนุ่มโค้งกายลงพูดคุยกับคนไข้อย่างสุภาพ


   ภรรยาของคนไข้ผู้นั้นมองภาพเบื้องหน้าแล้วก็หันมามองรติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้ม


   “พวกเจ้าสมกับเป็นความภาคภูมิใจของกันและกันแล้ว”


รติหันกลับมามองนาง


   “...เป็นสามีภรรยาที่ดีสมกัน” นางสำทับ ก่อนจะรับผงสมุนไพรที่ซื้อมาจากรติ แล้วเดินเข้าไปหาสามีซึ่งเป็นคนไข้ของตรัส พูดคุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค ตรัสก็ให้บ่าวในร้านช่วยเรียกรถม้าเพื่อพาคนไข้และภรรยากลับเรือน


แต่ก่อนที่สามีภรรยาคู่นั้นจะออกจากร้านไป ไม่ทราบว่าพูดกับตรัสเรื่องใด ตรัสยิ้มแล้วค้อมศีรษะรับทีหนึ่ง เมื่อเขาเลื่อนสายตามาเห็นรติมองอยู่ ชายหนุ่มก็เพียงยิ้มจางแล้วเดินกลับเข้าห้องตรวจไป


รติเห็นว่าในร้านมีบ่าวดูแลลูกค้าแล้ว จึงเข้าไปในห้องทำงานของตนที่มีประตูเชื่อมถึงห้องตรวจของตรัส เพื่อสอบถามว่าเมื่อครู่นี้ภรรยาของคนไข้ของตรัสกล่าวสิ่งใด


แต่ไม่ทราบว่าได้คำตอบหรือไม่ เพราะทั้งห้องตรวจของหมอตรัสและห้องทำงานของรติต่างปิดประตูเงียบ


   ไม่มีคนไข้มาให้ตรัสตรวจรักษา และรติก็มิได้ออกมาดูแลลูกค้า


   พักใหญ่ๆ มีคนไข้แวะมาที่ร้านยาอหัสกร บ่าวของร้านยาไปเคาะประตูห้องตรวจ ก็คล้ายได้ยินเสียงปิดประตูจากด้านใน ก่อนที่ตรัสจะส่งเสียงอนุญาตให้พาคนไข้เข้ามา


ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ลูกค้าในร้านสมุนไพรก็ถึงได้เห็นรติออกมาเตร็ดเตร่หน้าร้าน


   ชีวิตอันแสนเรียบง่ายของสามีภรรยาอหัสกรนั้น ดูแล้วไม่น่าสนใจอย่างยิ่ง กระนั้น หากพวกชาวเมืองไม่มีเรื่องใดให้พูดถึงแล้วไซร้ ก็มักจะวนไปที่เรื่องของสามีภรรยาอหัสกร


   “ข้าได้ยินรติพูดเองเต็มสองหู ว่าภูมิใจที่มีหมอตรัสเป็นสามี!”


   “จะว่าไปก็สมควรภูมิใจหรอก อหัสกรก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ มีร้านยาใจกลางเมือง มีตำรายาเป็นของตนเอง หมอตรัสเองก็นับว่าเป็นคนฉลาด สอบได้ใบประกอบตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งที่ไม่ได้เรียนโรงเรียนแพทย์ พอแต่งงานกันแล้ว ข้าก็ไม่เคยได้ยินว่าหมอตรัสจะข้องแวะหญิงชายคนใดอีก พูดก็พูดเถอะ เรื่องเมียสอง เมียสาม ใช่ว่าจะมีไม่ได้ จะว่ารติเป็นชายหน้าตาสะสวยไม่มีชายใดเทียบก็ไม่ใช่ แล้วยังมีลูกให้ไม่ได้ เป็นคนอื่นคงมีเมียน้อยนานแล้ว!”


   “นั่นซีๆ ข้าว่าหมอตรัสรักรติมากเชียวล่ะ!”


“เอ?...ผัวเมียอหัสกรก็ไม่ยักหาทางมีลูก ข้าได้ยินว่ามีคนเคยไปขอลูกจากเทพแล้วได้ไม่ใช่รึ เป็นผู้ชายทั้งคู่อย่างหมอตรัสและรตินี่ล่ะ!”


“คงไม่อยากมีกระมัง...”


   “แต่น้องชายของรติที่หน้าเหมือนหมอตรัสนั่นก็ใช้สกุลอหัสกรแล้วไม่ใช่หรือ”
   

“หน้าเหมือนแต่ก็เป็นคนอื่น!”


   “แต่ข้าว่าไม่ใช่คนอื่นหรอก หน้าเหมือนหมอตรัสอย่างกับโขลก! คงเป็นลูกลับของหมอตรัสแน่!”


   “เฮ้ย! พูดไป เด็กคนนี้ รติพามาไม่ใช่หรือ?!”


   “พวกอหัสกรน่ะความลับแยะ! มีที่ไหน เด็กถูกพามาจากที่อื่น กลับหน้าคล้ายหมอตรัสอย่างกับแกะ!”


   “จะอย่างไรก็เถอะ ข้ากล้าพนันว่าหมอตรัสไม่มีลูกกับหญิงอื่นแน่!”


   “ถ้าอย่างนั้นรติก็โชคดีแล้ว ได้สามีตั้งใจทำมาหากิน เหล้ายาไม่ยุ่ง เมียน้อยไม่มี การพนันไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่นิยม คู่ชีวิตเช่นนี้...ได้มาก็เหมือนถูกรางวัล”


   “ได้รติเป็นคู่ชีวิตก็ถูกรางวัลเหมือนกันแหละหน่า!”


   “เจ้านี่ช่างอวยรติจริง แต่...รติเองก็ดีสมกับที่เจ้าอวยนั่นล่ะ ผัวเมียอหัสกรน่ะ...ดีสมกันแล้วจริงๆ!”


   คำนินทาของพวกชาวเมืองนี้ ดีร้ายปะปน บ้างเข้าหูตรัส บ้างเข้าหูรติ แต่ไม่ว่าผู้ใดจะพูดถึงสามีภรรยาอหัสกรเช่นไร พวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตคู่  เรียบง่ายและมีความสุข


เป็นคู่ชีวิตที่ ‘ดีสมกัน’ ที่สุดคู่หนึ่งในเมืองตะวันออกนั่นเอง


จบ


---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

พวกชาวเมืองตะวันออกนี่ขี้นินทามากๆ ฮ่าฮ่า คุยเรื่องคนอื่นเป็นวรรคเป็นเวรเลย

แต่ก็เพราะเรื่องนินทาไปถึงหูตรัสเนอะ รติก็เลย...

(อยากอุ้มรติหนีตรัสแล้วค่ะ ไม่อยากยกให้ตรัสแล้วจริงๆ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลยค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านงานของนักเขียน (นามปากกา) ใหม่คนนี้นะคะ ^^

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชาวเมืองนี้มีนิสัยคล้ายๆชาวเมืองแถวบ้านเราเลยนะค้า..รติลู้กกกที่แม่สอนไม่ใช่แบบนี้

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านจบแล้วอมยิ้มเบาๆกับวิธีเพิ่มความมั่นใจให้คุณสามี... คุคุ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นคู่ที่น่ารัก...กกกกกก   :katai2-1:

ออฟไลน์ brapair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ฮือออ เค้าดีสมกันจริงงงงๆ เรายังภูมิใจในตัวทั้งคู่เลยค่ะ แงงงง /ซับหัวตา

ออฟไลน์ Jely

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew1: สนุกมากเลย ชอบทั้งตรัสและรติ อบอุ่นมากๆ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เป็นคู่ที่เหมาะสมกันทุกประการค่ะ   :L2:

ออฟไลน์ BM_CBC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ลุงป้าข้างบ้าน ถึงกับทำท่านตรัสเป๋ไปแปปนึง 555555 จะมีคู่ไหนสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  :impress2: :กอด1:

ออฟไลน์ noveeo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ขอบคุณไรท์...สำหรับเรื่องราวน่ารักๆ ของครอบครัวนี้ค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลย

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณพี่บัวสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ
ตามอ่านรวดเดียวจบเลย
เป็นคู่และครอบครัวที่น่ารักกันมากๆ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
น่ารัก อบอุ่นละมุนใจมากๆๆๆๆๆ เสียดายไม่ได้อ่านแบบเรียลทาม มาตามอ่านรวดเดียวที่หลัง
น้องรติ น่ารัก น้องเสียสละมาก สมแล้วที่ท่านตรัสจะทั้งรักทั้งหลง ภรรยาแสนดีเช่นนี้จะไปหาที่ไหนได้อีก
ท่านตรัสถึงตอนแรกจะปากร้าย ด่า7คำไม่ซ้ำ :hao7: แต่พอเทใจรักแล้ว กลายเป็นสามีที่แสนจะอบอุ่น ใส่ใจดูแลภรรยา ซ้ำมากเล่ห์ เพทุบาย เอ่ะอ่ะ จับภรรยาตรวจๆ ไม่ทุกวัน แต่วันเว้น โอ้ยย พ่อคุณ!
หึงหวงเมียได้เป็นเรื่องเป็นราวมากกก 55555

ตอนท่านย่าพยายามสอน มารยามัดใจสามีให้รติ โอ้ยย ขำไม่ไหว555555555
น้องน้อยระพี ก็น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ทุกคนเติมความกลมกล่อมให้กับทุกเรื่องราวได้ลงตัวมากๆเลยค่ะ
เป็นอีกจักรวาลของคุณบัว ที่จะสร้างความสุขให้เราจริงๆค่ะ  ตอนที่รู้ว่าเป็นอีกนามปากกาของคุณบัว เซอร์ไพร้มากกก ทั้งดีใจทั้งแปลกใจเลยค่ะ ขอบคุณคุณบัวนะคะ คอยติมตามเรื่องต่อๆไปค่าา  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทพิเศษ

ไม่พิเศษ

---------

เมืองตะวันออกในช่วงฤดูหนาว หิมะปกคลุมไปทั่ว


รติย้ายมาอยู่ที่นี่ครบปีแล้ว แต่ก็ยังตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นเมืองกลายเป็นสีขาวโพลน


แต่เมืองจะถูกปกคลุมด้วยหิมะได้ อากาศก็ต้องหนาวจัด ครั้นหนาวจัด ผู้คนก็มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ ทว่าสุขภาพของรติไม่เหมือนผู้อื่น ต้องระวังเรื่องป่วยไข้ มิเช่นนั้นจะตาบอดด้วย


อาการนี้รักษาไม่หาย ทำได้เพียงดูแลสุขภาพ แต่อากาศเช่นนี้ ผู้คนน้อยนักที่จะรอดพ้นจากไข้หวัด แม้ไม่ใช่การเจ็บหนัก แต่รติก็เคยหนาวจนไข้ขึ้น ตาบอดมาแล้วเมื่อครั้งแต่งงานใหม่ๆ


ตรัสหมายมั่นว่าฤดูหนาวปีนี้ จะซ้ำรอยไม่ได้


“หืม? หมู่นี้มีน้ำแกงทุกมื้อเลยหรือ พุดกรอง” ท่านอมราเห็นอาหารมื้อเช้าวันนี้ แล้วก็หันไปถามแม่ครัวประจำเรือน


พุดกรองชำเลืองไปทางตรัส ไม่กล้าพูดต่อหน้า แต่หากไม่อ้างคำสั่งของผู้นำสกุล นางก็ไม่รู้จะให้เหตุผลอย่างไร


“เอ่อ...ท่านตรัสสั่งไว้เจ้าค่ะ” นางพูดเสียงเบา กระนั้นโต๊ะอาหารก็ไม่ได้ใหญ่โต ตรัสเองก็ย่อมได้ยิน แต่เขามิได้แสดงอาการ


หญิงชราหันมองหลานชาย แต่อย่างที่กล่าวว่าตรัสยังเฉย เมื่อเห็นนางมอง เขาก็เพียงตอบเรียบๆ


“น้ำแกงทำให้ร่างกายอบอุ่นขอรับ”


ถูกต้อง! น้ำแกงทำให้ร่างกายอบอุ่น


แต่...ตรัสเคยสนใจใยดีเรื่องอาหารที่ไหนเล่า?!


อ้อ...ดูเหมือนจะเคย อย่างเรื่องมีปลาขึ้นโต๊ะทุกวัน วันละตัวนี่อย่างไร


ต้องให้รติเป็นคนออกปากว่าอยากกินอย่างอื่นบ้าง ตรัสจึงยอมผ่อนผัน แต่เรื่องนี้ท่านอมราแน่ใจว่าความเบื่อเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะบางช่วง ปลาขาดตลาด มีราคาแพง ส่วนคนเช่นรติ หาเงินนั้นเก่ง แต่ใช้เงินไม่เก่ง ถึงจะชอบเพียงใด แต่ก็เพลาความอยากเพราะเสียดายเงินทอง


กระนั้น...ปลาเป็นเนื้อสัตว์ชั้นดี ขึ้นชื่อเรื่องมีประโยชน์ต่อร่างกาย ตรัสจึงกำชับพุดกรองว่าต้องมีปลาให้รติรับประทานทุกๆเจ็ดวัน


ไม่เพียงแค่เรื่องอาหารเท่านั้นที่ตรัสใส่ใจ 


ทุกวัน สองสามีภรรยาจะต้องเดินไปเปิดร้านยาอหัสกรและร้านสมุนไพรรติ แต่ถนนหนทางในช่วงฤดูหนาว มีทั้งหิมะและน้ำแข็ง สัญจรว่ายากแล้ว เดินก็ไม่ง่าย แม้รติจะระวังมากขึ้น และเริ่มคุ้นเคย แต่บางคราวก็ลื่น ดีว่าคว้าคนข้างกายเอาไว้ทัน


ตรัสเป็นหลักยึดที่ดี เพราะคอยสอดส่องภรรยาอยู่ตลอด เมื่อรติลื่น หากคว้าเขาไม่ทัน ก็เป็นฝ่ายเขาที่คว้าไว้แทน


แต่จะให้ลื่นบ่อยๆก็ไม่รู้ว่าวันใดจะล้มเข้าจริงๆ สุดท้าย ตรัสจึงสั่งให้คนงานที่ร้านยาอหัสกรหารองเท้าที่บุด้วยแผ่นกันลื่นมาให้รติ


แน่นอน ในช่วงฤดูหนาว รองเท้าชนิดนี้ย่อมขายดี ราคาจึงแพง มีแต่พวกเศรษฐีที่จะหาซื้อได้


อหัสกรมิได้ยากจน แต่พวกชาวเมืองตะวันออกล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘มัธยัสถ์อย่างยิ่ง’ ถึงขั้นที่ร้านเครื่องประดับยังเคยกล่าวว่า อหัสกรคือสกุลเศรษฐีที่แทบไม่เคยเป็นลูกค้าของร้านเลย


ทว่า...ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ทุกคนล้วนมีทางออกของเงินทอง


อหัสกร มิใช่ลูกค้าร้านเครื่องประดับ แต่กลับเป็นลูกค้าประจำชั้นดีของร้านรองเท้า


ช่วงฝนตก อหัสกรต้องการรองเท้ากันน้ำและบุแผ่นกันลื่น



พวกชาวเมืองขี้นินทาลงความเห็นว่า เพราะหลังฝนตก พื้นดินเฉอะแฉะ รติ  อหัสกร มักจะนำผงสมุนไพรไปแจกจ่ายบ้าง ไปส่งขายถึงเรือนของลูกค้าบ้าง อหัสกรจึงต้องสั่งทำรองเท้าชนิดพิเศษ


ช่วงอากาศร้อน อหัสกรต้องการรองเท้าสาน สวมใส่สบาย และระบายอากาศได้ดี



พวกชาวเมืองขี้นินทาส่วนใหญ่คาดกันว่า เพราะอากาศอบอ้าว ส่วนรติ  อหัสกรไม่เคยอยู่เฉย หากสวมรองเท้ารัดกุมมากไปก็จะอับและอึดอัด หากไม่สวมรองเท้าเลย ก็อาจบาดเจ็บ อหัสกรจึงต้องสั่งทำรองเท้าชนิดพิเศษ


ช่วงหิมะตก อหัสกรต้องการรองเท้ากันลม ให้ความอบอุ่นและบุแผ่นกันลื่น



พวกชาวเมืองขี้นินทาเห็นตรงกันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะล้วนรู้กันว่า รติ  อหัสกรมิใช่คนท้องถิ่น ไม่สู้ทนอากาศหนาว อหัสกรจึงต้องสั่งทำรองเท้าชนิดพิเศษ



รองเท้าพิเศษเหล่านี้ ล้วนเป็นการสั่งซื้อจาก ตรัส  อหัสกร ทั้งสิ้น


อย่างไรก็ตาม นอกจากร้านรองเท้าแล้ว ฤดูหนาวปีนี้ ตรัส  อหัสกรยังเป็นลูกค้าของพ่อค้าอีกคนหนึ่งด้วย


พ่อค้าผู้นี้รู้จักกับพ่อค้าร้านรองเท้า จึงให้พ่อค้าร้านรองเท้าพาตนมานำเสนอสินค้าที่ร้านยาอหัสกร อาศัยว่าตรัสรู้จักกับพ่อค้าร้านรองเท้าอย่างดี อีกทั้งสินค้าน่าสนใจ จึงให้เข้ามาพบในห้องตรวจทั้งที่ไม่มีอาการเจ็บป่วย


“ข้าได้ยินว่าภรรยาของท่านเป็นคนเมืองใต้ คงจะไม่สันทัดอากาศของที่นี่ พอดีข้าได้ของดีมาชิ้นหนึ่ง จึงนำมาให้ท่านชมขอรับ” พ่อค้าหน้าใหม่เกริ่นแล้วก็ค่อยคลี่ห่อผ้าที่ถือติดมือมาด้วยออก


“นี่คือผ้าอย่างพิเศษ เนื้อเบา แต่นุ่มและอบอุ่น กันลมแต่ไม่อับและกันน้ำได้เล็กน้อย เหมาะกับอากาศในช่วงฤดูหนาวที่มีทั้งลม มีทั้งหิมะ ท่านลองจับดูได้”


ตรัสรับผ้ามาพิจารณา เนื้อผ้าสีแดงก่ำ โดดเด่น อีกทั้งยังสมคำโฆษณา คือเบา นุ่ม และอบอุ่น


“เป็นผ้าของพวกอมนุษย์หรือ” คำถามแรกของเขา ย่อมเป็นเรื่องที่ตรัสกังวลที่สุด


สิ่งใดจะตกถึงมือรติผู้มีร่างกายผิดแปลกไปจากมนุษย์ เขาต้องคำนึงถ้วนถี่ หากเป็นข้าวของของพวกอมนุษย์ ปีศาจ หรือเทพ ก็เกรงว่าจะส่งผลต่อดวงตาที่รติหยิบยืมมาใช้


แต่พ่อค้าย่อมไม่ทราบข้อจำกัดนี้ เขาคิดเพียงว่าตรัสคงจะเป็นพวกแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ไม่รวมกลุ่มหรือใช้ข้าวของของพวกต่างเผ่า


“หามิได้ขอรับ ข้าได้ผ้าผืนนี้มาจากเมืองเหนือ รับประกันว่าทอมือโดยมนุษย์ ไม่มีการลงเวทย์หรืออาคมแน่นอน วัสดุที่ใช้ทอแม้ไม่ใช่ของวิเศษ แต่กรรมวิธีของพวกเมืองเหนือก็ทำให้ผ้าผืนนี้ให้ความอบอุ่นได้อย่างดีนะขอรับ”


ด้วยความมากประสบการณ์ พ่อค้าเห็นสีหน้าของตรัสดูจะพออกพอใจกับสินค้ามากขึ้น จึงรีบเสนอ


“หากท่านสนใจ ข้ายินดีตัดเป็นเสื้อตัวใน หรือเสื้อคลุมตัวนอก ตามที่ท่านต้องการให้ด้วย หากเป็นเสื้อตัวใน ก็น่าจะได้กางเกงอีกตัว หรือหากเป็นเสื้อคลุม ก็จะยาวคลุมทั้งตัวขอรับ”


ยื่นข้อเสนอแล้ว ไม่วายตบท้ายด้วยคำโฆษณา


“ผ้าอย่างนี้ไม่ได้ทอได้ง่ายๆนะขอรับ ในเมืองตะวันออก ไม่มีใครเหมือนแน่นอน เหมาะอย่างยิ่งจะซื้อเป็นของขวัญให้ภรรยาของท่าน คิดดูซี! ภรรยาของท่านจะมีของขวัญแสนวิเศษที่ไม่มีภรรยาของผู้ใดมี!”


ตรัสเพียงฟัง มิได้ให้ความสำคัญกับข้าวของจำพวกมีเพียงชิ้นเดียวในเมือง สิ่งสำคัญคือประโยชน์ใช้สอย แม้รติจะมีเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะกับฤดูหนาวอยู่แล้ว แต่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่พกติดตัวมาจากเมืองใต้


เมืองใต้มิได้หนาวเหน็บเท่าที่นี่ อาภรณ์เหล่านั้นจึงต้องสวมหลายชั้นจึงจะให้ความอบอุ่น อ้อ...รติยังมีผ้าพันคอที่เขาให้อีกผืนหนึ่งด้วย


...ทั้งหมด...ล้วนเป็นของเก่าทั้งสิ้น...


“ข้าจะให้คนไปตามรติมาดูว่าชอบไหม” ตรัสหันไปกล่าวกับพ่อค้าคนนั้น แม้จะประเมินด้วยสายตาแล้วว่าผ้าผืนนี้เหมาะกับคู่ชีวิตของตนทั้งสี ทั้งสรรพคุณ


แต่สำคัญที่สุดคือรติต้องพึงใจ หากรติพึงใจแล้วไซร้ ไม่ต้องถามราคา ตรัสก็พร้อมจ่าย


หมอหนุ่มกำลังจะหันไปสั่งคนงานของร้านยาที่อยู่ในห้องตรวจ แต่พวกพ่อค้ากลับพากันรั้งเอาไว้เสียก่อน


“ท่านจะเรียกภรรยามาถามหรือขอรับ”


“ใช่ ทำไมหรือ” ตรัสย้อนถาม


“ง่า...ถ้าจะให้เป็นของขวัญก็ควรเป็นเรื่องลับนะขอรับ” พ่อค้าร้านรองเท้าทักท้วง


“นั่นซี! ของขวัญที่เป็นของพิเศษก็ต้องเก็บเป็นความลับ จะได้ประหลาดใจยังไรล่ะ” พ่อค้าผ้าก็เห็นด้วย 


แต่ตรัส...กะพริบตาปริบๆ


...เป็นของขวัญ...


...เป็นเรื่องลับ...


…เป็นของพิเศษ...


ชายหนุ่มผู้ทื่อมะลื่อเพิ่งตระหนักว่าชีวิตคู่ของพวกเขานั้นช่างเรียบง่าย ไม่มีความลับต่อกันก็เป็นเรื่องดี แต่...ไม่มีของขวัญ ไม่มีเรื่องประหลาดใจด้วยนี่สิ...


…อันที่จริง จะกล่าวว่าไม่เคยมีของขวัญให้กันก็ไม่ใช่ ตรัสเคยให้ของขวัญรติ รติเองก็เคยให้ของขวัญตรัส แต่นั่นเพราะเป็นวันเกิด คนในเรือนอหัสกรทั้งหมดล้วนตระเตรียมของขวัญให้กันและกันในวันเกิด...


...แต่ฤดูหนาวไม่ใช่วันเกิดของรติ...


“เอ่อ...ช่วงนี้ไม่ใช่วันเกิดของรติ” ตรัสเปรยขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว ของขวัญต้องให้ในวันเกิด ไม่ใช่ให้ในวันอื่นๆ


พ่อค้าสองคนมองหน้ากันตาปริบๆ คำถามของหมอหนุ่มที่ใครต่อใครก็ว่าเก่งกาจนั้นแสนซื่อเหลือเกิน!


“เอ้อ...ของขวัญไม่ต้องให้ในวันเกิดก็ได้นะขอรับ” พ่อค้าผ้ากล่าว


“แล้วจะเรียกว่าของขวัญหรือ” ตรัสย้อนถามประสาซื่อ ทำเอาพวกพ่อค้ามองหน้ากันอีก


“อ่า...ของขวัญ...ของขวัญสำหรับวันครบรอบล่ะขอรับ วันแต่งงานยังนี้...”


“วันแต่งงานผ่านมาแล้ว” ตรัสตอบซื่ออีกครั้ง


“คือ...คือยังนี้ขอรับ อันที่จริง สามีภรรยา ไม่ต้องเป็นวันสำคัญก็ให้ของขวัญกันได้นะขอรับ” พ่อค้าผ้าอยากขายผ้าก็อยาก แต่ที่พูดนี้ก็เพื่อสอนสั่งตามประสาคนอายุมากกว่าและมีครอบครัวแล้ว


“อย่างภรรยาของข้า นางทำงานทั้งวี่ทั้งวัน เห็นนางเหน็ดเหนื่อยก็อยากมอบของขวัญให้เป็นกำลังใจ ไม่ต้องเป็นวันเกิดหรือวันพิเศษ แค่เพียงได้เห็นนางประหลาดใจ ดีใจ นั่นก็ถือว่าเป็นเป้าหมายของการให้ของขวัญแล้วขอรับ"


“อ้อ...” ตรัสรับคำเบา ใคร่ครวญกับความรู้ใหม่


พ่อค้าร้านรองเท้าเห็นว่าตรัสตกอยู่ในภวังค์ ก็ไม่อยากให้เคลือบแคลงว่าตนพาเพื่อนมานำเสนอสินค้าอย่างเร่งรัด ลูกค้าเช่นตรัส  อหัสกรนั้น แม้นคนอื่นกล่าวหาว่า ‘มัธยัสถ์อย่างยิ่ง’ แต่กลับเป็นลูกค้าที่สมควรรักษาไว้อย่างยิ่งยวด เพราะหากเขาตัดสินใจซื้อสิ่งใดแล้ว ขอเพียงเป็นของดี ราคาเท่าไรก็พร้อมจ่ายโดยไม่ต่อรอง


 พ่อค้าร้านรองเท้าจึงหันไปแนะเพื่อน


“เอาอย่างนี้ดีไหม เจ้าให้ท่านหมอเก็บผ้าไว้พิจารณาก่อน ผ้าผืนนี้แม้จะพิเศษแต่ก็ราคาแพง แล้วพรุ่งนี้ ค่อยมาเอาคำตอบ”


 “เอาอย่างนั้นก็ได้” พ่อค้าผ้าก็ใจป้ำ ก่อนจะหันไปทางตรัส แล้วค้อมกาย “เชิญท่านหมอพิจารณาเสียก่อน แล้วไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่” จากนั้นก็ทิ้งสินค้าของตนเอาไว้ ก่อนที่สองพ่อค้าจะออกจากห้องตรวจไป


ตอนที่ประตูปิดลง ตรัสจึงเพิ่งรู้ตัว เขาก้มลงมองผ้าในมือ แล้วหันไปทางคนงานของร้านยาที่เข้ามาจัดห้องให้เรียบร้อย


“เจ้าเคยให้ของขวัญภรรยาโดยไม่มีเหตุอื่นใดไหม”


คนงานผู้นั้นหันมามองเจ้าของคำถาม ยิ้มเขินพลางพยักหน้า


“เคยสิขอรับ ตอนนางทำตาวิบวับทั้งดีใจทั้งประหลาดใจน่ะ น่ารักอย่าบอกใครเชียว!”


ตรัสฟังแล้วก็นิ่งคิด


...‘น่ารักอย่าบอกใครเชียว’ อย่างนั้นหรือ…


“ท่านหมอลองดูสิขอรับ ข้าว่าท่านรติต้องดีใจและประหลาดใจแน่ๆ! ท่านรติเป็นคนยิ้มเก่ง ถ้าได้รับของขวัญจากท่านล่ะก็ จะต้องยิ้มมากกว่านี้ น่ารักมากกว่านี้อีกสิบเท่า!!”


ตรัสมองคนงาน สายตาเย็นเยียบขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยเรียบ


“อย่างนั้นหรือ”


“เอ่อ...ข...ขอรับ...” คนงานเริ่มรู้สึกหนาววูบ จนตะกุกตะกัก


“รติน่ารักอยู่แล้ว”


“จ...จริง...จริงขอรับ”


“ต่อให้น่ารักมากกว่านี้ รติก็เป็นภรรยาของข้า” ประโยคนี้แสดงความหวงภรรยาอย่างชัดเจน


“ช...ใช่เลยขอรับ! ท่านรติเหมาะกับท่านหมอที่สุด...อ่า...” คนงานหัวไว รีบสำทับทั้งๆที่หนาวไปทั้งสันหลัง


“อืม”


แม้แต่เสียงรับคำของตรัสก็ยังเย็นจัด คนงานกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ รีบร้อนขอตัวพัลวัน


“...ง่า...ข้า...ข้าขอออกไปดูข้างนอกก่อนนะขอรับ!” ว่าแล้วก็เผ่นแน่บออกไป เพราะขืนยังเอ้อระเหยพูดถึงภรรยาของหมอตรัส คาดว่าอาจไม่มีคอให้กลืนน้ำลายอีกแล้ว!   


---------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
วันรุ่งขึ้น พ่อค้าก็ได้รับคำตอบที่น่ายินดีจากตรัส  อหัสกร


หมอหนุ่มผู้มัธยัสถ์ตกลงซื้อผ้าผืนนั้น และให้ตัดเป็นเสื้อคลุม โดยมีเสื้อคลุมตัวหนึ่งเป็นต้นแบบ


“เสื้อคลุมตัวนี้เป็นของภรรยาของข้า ข้าต้องการให้ท่านวัดความยาว ความกว้างตามนี้ แล้วให้เพิ่มหมวก ส่วนกระเป๋าให้ทำทั้งด้านข้างและด้านใน”


ตรัสแจงรายละเอียดเสร็จสรรพ ฝ่ายพ่อค้าแจ้งราคา ตรัสไม่ต่อรองสักคำ พร้อมจ่ายเงินมัดจำ พ่อค้าผู้นั้นทำสัญญาว่าจะเร่งงานโดยไว พรุ่งนี้จะนำส่วนที่เสร็จมาให้ชม ก่อนจะจากไปอย่างชื่นมื่น


แน่นอน...เรื่องนี้ ตรัสตัดสินใจเก็บเป็นความลับ หมายให้เป็นของขวัญ รติจึงไม่ทราบ


อย่างไรก็ตาม ร้านยาอหัสกรและร้านสมุนไพรรติอยู่ติดกัน มีประตูเชื่อมระหว่างโถงทั้งสองร้าน รติย่อมเห็นว่าคนไข้ของร้านยาอหัสกรคือใครบ้าง


อันที่จริง คงไม่ผิดสังเกต หากไม่ใช่เพราะรติหันไปเห็นคนผู้หนึ่งออกจากห้องตรวจของตรัสแล้วก็เดินออกจากร้านยาไปโดยไม่ได้แวะรับยาจ่ายค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด


เห็นครั้งที่หนึ่งก็ว่าน่าสงสัย วันต่อมาก็ยังเห็นคนผู้นั้นมาที่ร้านยาอหัสกรอีก พร้อมด้วยห่อผ้าในมือ


รติเฝ้าสังเกต คนผู้นั้นเข้าไปในห้องตรวจพักหนึ่ง ก่อนจะออกมาพร้อมห่อผ้าแล้วก็ออกจากร้านไป ไม่ได้แวะรับยาหรือจ่ายค่ารักษาพยาบาล


เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ จึงเดินไปถามคนงานที่ดูแลเรื่องจ่ายยาและคิดเงินของร้านยา


“คนผู้นั้น...เป็นอะไรหรือ”


คำถามหมายความว่าเป็นโรคอะไรถึงมาร้านยาอหัสกร แต่คนงานใสซื่อตอบตามตรง


“เป็นพ่อค้าขายผ้าขอรับ เมื่อวานนี้พ่อค้าร้านรองเท้าพามา” คนงานผู้นี้รับหน้าที่จ่ายยาและคิดเงิน มิได้อยู่ในห้องตรวจเมื่อวานด้วย จึงไม่ทราบว่าตรัสได้รับคำแนะนำให้ซื้อผ้าเป็นของขวัญสำหรับรติและต้องเก็บเป็นความลับ


“พ่อค้าขายผ้า?”


รติทวนคำ แต่คนงานหน้าตาซื่อ ดูแล้วไม่น่าจะรู้มากกว่านั้น จึงไม่ถามอะไรอีก เก็บความสงสัยแล้วกลับไปยังร้านสมุนไพร


วันต่อมา พ่อค้าขายผ้าผู้นั้นก็ยังกลับมาอีก คราวนี้หิ้วห่อผ้าเข้าห้องตรวจแล้วกลับออกมามือเปล่า


...พ่อค้าผ้าทิ้งห่อผ้าปริศนาไว้ในห้องตรวจของตรัส…


รติสงสัยเป็นที่สุด ได้แต่ครุ่นคิดว่าระหว่างเขาและตรัสไม่มีเรื่องใดเป็นความลับต่อกัน แต่คราวนี้ตรัสกลับไม่บอก ครั้นเขาจะเป็นฝ่ายถาม ก็ไม่ทราบจะถามอย่างไร


‘ข้าเห็นคนผู้หนึ่งมาให้ท่านตรวจสามวันติดแล้ว เขาไม่สบายหรือ’


คำถามนี้ดูซอกแซกเกินไป


‘ข้าเห็นคนผู้หนึ่งมาให้ท่านตรวจวันนี้ จำได้ว่าเป็นพ่อค้าขายผ้า เขาไม่สบายเป็นอะไรหรือ’


คำถามนี้ก็ดูเจาะจงเหลือเกิน


‘ข้าเห็นคนผู้หนึ่ง...’


...เฮ้อ...ขึ้นต้นว่าเห็นคนผู้หนึ่ง ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น ฟังอย่างไรก็ดูซอกแซกและเจาะจง...


แล้วรติเป็นคนเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไรเล่า


“รติ...” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาเจ้าของชื่อตื่นจากภวังค์ ถึงได้รู้ตัวว่าในร้านสมุนไพรไม่มีลูกค้า และประตูหน้าปิดลงแล้ว เหลือเพียงคนงานในร้านที่กำลังนับสินค้า มองไปทางร้านยาอหัสกรก็เห็นว่าปิดแล้วเช่นกัน


พอหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็พบว่าตรัสกำลังมองเขาอย่างห่วงใย


“รู้สึกไม่สบายหรือ”


รติส่ายหน้ารัว แล้วตอบ “เปล่า”



แต่ถึงอย่างนั้น คนเป็นหมอก็ยังไม่วางใจ กวาดสายตามองสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็เห็นว่าดูไม่เหมือนทุกทีจึงออกปาก


“ข้างนอกหนาว ไปรอในห้องตรวจเถอะ ข้าจะดูแลตรงนี้เอง”


รติมีเรื่องคาใจ ไม่อยากแย้งอะไรเวลานี้ ยอมหมุนตัวเดินไปยังร้านยาอหัสกรแล้วเข้าไปรอในห้องตรวจอย่างเงียบๆ


ตรัสมองตามภรรยาอย่างไม่สบายใจ รีบช่วยเหลืองานของบ่าวไพร่ให้เสร็จโดยไว เมื่อทั้งหมดกลับกันแล้ว เขาก็ปิดประตูหลังร้าน แล้วค่อยตามเข้าไปในห้องตรวจ


ตอนที่ตรัสเข้าไป รตินั่งเงียบๆบนเตียงตรวจคนไข้ ดูแล้วตกอยู่ในภวังค์ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเปิดประตูด้วยซ้ำ


เห็นอย่างนั้นแล้ว ยิ่งห่วงหนัก หมอหนุ่มก้าวเท้าจนไปหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว รติก็ยังไม่รู้ตัว กระทั่งเขาแตะหลังมือลงกับหน้าผาก เจ้าตัวถึงได้สะดุ้ง


“เป็นอะไร ทำไมใจลอย”


“เปล่า...” รติตอบตามความเคยชิน แม้ภายหลังจะเริ่มบอกกล่าวให้อีกฝ่ายรับรู้มากขึ้น แต่ให้อย่างไร ก็ยังติดปาก


ตรัสรู้จักภรรยาดี คำว่าเปล่าของรติไม่อาจทำให้เขาวางใจ สายตาที่ทอดมองจึงเต็มไปด้วยความห่วงใย


พอเห็นสายตาเช่นนั้นแล้ว รติก็ยิ่งรู้สึกผิด ที่คิดสงสัยจนทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง


“ข้า...คือ...อ่า...”


ตรัสมองภรรยาอย่างเงียบๆ และใจเย็น


“คือ...อ่า...” รติต้องสูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยอมเอ่ยออกมา


“...ข้า...เห็นพ่อค้าคนหนึ่ง...”


พูดเท่านี้ ตรัสก็รู้แล้วว่าภรรยาเป็นอะไร เขาถอนหายใจเบา นึกขันตัวเองที่คิดจะสร้างความประหลาดใจ แต่สุดท้ายกลายเป็นความวิตกแทน


เขาหมุนตัวเดินไปเปิดตู้ลิ้นชักใกล้ๆ แล้วหยิบห่อผ้าออกมา รติจำได้ว่านั่นคือห่อผ้าที่พ่อค้าผ้าคนนั้นถือเข้ามาในห้องนี้ ก่อนจะออกไปโดยไม่ได้ถือกลับไปด้วย


“ข้าให้พ่อค้าคนนั้นทำเสื้อคลุมให้ตัวหนึ่ง” ตรัสกล่าว แล้วดึงรติลงจากเตียง ก่อนจะเปิดห่อผ้าออก ภายในบรรจุผ้าผืนหนึ่งเป็นสีแดงก่ำไร้ลวดลาย เขาหยิบออกมาคลี่แล้วคลุมไหล่ให้รติ


“ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าอย่างพิเศษ ให้ความอบอุ่น กันลม แต่ไม่อับและไม่หนัก” ตรัสเล่าตามที่พ่อค้าผ้าบรรยายสรรพคุณให้ฟัง เขาไม่ใช่คนหัวอ่อน ลองจับดูแล้ว ลองคลุมดูแล้ว ลองส่งไปให้คนรู้จักในเมืองช่วยตรวจสอบให้แล้ว ก็ยืนยันว่าผ้าชนิดนี้เป็นเช่นนั้นจริง แม้ราคาจะแพง แต่ถ้าเพื่อรติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตระหนี่


ชายหนุ่มทอดสายตามองคู่ชีวิตที่คลุมด้วย ‘ของขวัญพิเศษของเขา’



ความยาวของเสื้อคลุมกำลังพอดี หมวกข้างหลังเมื่อหยิบมาคลุมศีรษะแล้วก็ปกปิดมิดชิด กระเป๋าบนเสื้อคลุมทั้งด้านข้างและด้านในก็ใช้ประโยชน์ได้เหมาะเหม็ง อีกทั้ง สียังขับผิวของรติอย่างยิ่ง


เขายิ้มอย่างพึงใจและภูมิใจ ชวนให้รติเขิน เบี่ยงสายตาก้มลงมองเสื้อคลุมบนกายตนเอง เนื้อผ้านุ่มสบาย อีกทั้งยังเบา แต่ก็ให้ความอบอุ่นมาก


“ท่าน...ซื้อให้ข้าหรือ”


ตรัสยิ้มแทนคำตอบ แล้วถาม “ชอบไหม”


“อื้อ”


“ดีแล้ว”


รติเหลือบสายตาขึ้นมอง แล้วก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมา


“ข้า...ขอโทษที่ไม่เชื่อใจ”


“ไม่เลย ข้าเองที่ผิด ทั้งที่สัญญาไว้ว่าจะไม่มีความลับต่อกัน แต่ข้ากลับมีความลับต่อเจ้าเสียเอง”


รติส่ายศีรษะรัว “ฮื้อ! ความลับอย่างนี้ไม่เป็นไร”


ตรัสหัวเราะเบาอย่างเอ็นดู โอบร่างภรรยาเข้ามาในอ้อมแขน


“เลิกกังวลแล้วใช่ไหม”


“อืม...ขอโทษ...”


“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”


“ทำไม...ถึงซื้อให้หรือ”


“เป็นของขวัญ”


รติกะพริบตาปริบๆ งุนงงที่จู่ๆอีกฝ่ายก็หาของขวัญให้เขา ตรัสเองก็นึกเหตุผลไม่ออกว่าทำไมต้องให้ของขวัญ แต่เพราะผู้อื่นพากันพูดเรื่องของขวัญ เขาก็เลย...


สุดท้าย หมอหนุ่มก็ถอนหายใจ


“อันที่จริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ”


ใช่...แท้จริงแล้ว ตรัสไม่มีเหตุผลอะไรเลย


“แค่อยากให้”


ความปรารถนาของตรัสมีเพียงเท่านี้ เขาเพียง ‘อยากให้’ ก็เท่านั้น


คำตอบของตรัสทำให้คนฟังรู้สึกพิเศษ หัวใจเต้นถี่ด้วยความยินดี ทว่าก็เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น เพราะรติเองก็เพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองไม่เคยมอบอะไรให้อีกฝ่ายเลย


“ข้า...ไม่มีอะไรให้ท่าน” น้ำเสียงแสนเบาบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกผิดเพียงใด


พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเรียบง่าย บางครั้งก็ละเลยเรื่องตื่นตาตื่นใจที่จะมีให้กันไปโดยปริยาย


“แค่เจ้าอยู่ตรงนี้ ให้ข้าได้ให้เจ้า ก็ถือว่าเจ้าให้ข้าแล้ว” เป็นอีกครั้ง ที่คำพูดของตรัสทำให้หัวใจรติเต็มตื้น


ความรู้สึกนี้เอง ที่ทำให้รติอยากมอบอะไรสักอย่างตอบแทน แต่เวลานี้เขาไม่มีอะไรเลย จึงทำได้เพียงยื่นหน้าขึ้นหา แล้วมอบจูบเบาๆบนริมฝีปากของคู่ชีวิต ก่อนจะผละออกมายิ้มเขิน


“ข้าให้ได้เท่านี้”


ตรัสหัวเราะ กระชับอ้อมกอดจนรับรู้ได้ถึงไออุ่นของภรรยา ราวกับได้กอดดวงไฟดวงน้อย


รติ...คือดวงไฟที่เป็นทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นของเขา


หมอหนุ่มทอดสายตามองคนในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ แล้วพูดทั้งรอยยิ้ม


“เจ้าให้ได้มากกว่านี้ไม่ใช่หรือ”


คนฟังหัวเราะ ทำหน้าเป็นแล้วหยอก


“โลภ!”


ตรัสไม่โต้แย้ง อีกทั้งยังแสดงความเป็นคนโลภด้วยการก้มหน้าลงใกล้ แล้วแนบริมฝีปากเข้ากับข้างแก้ม


ฝ่ายภรรยาก็มิได้ปัดป้อง หรือหลบเลี่ยง ริมฝีปากของสามีจึงค่อยๆ จูบซับอย่างเชื่องช้ามายังริมฝีปากของเขา


สัมผัสใกล้ชิดและอ้อยอิ่งนี้ ย่อมแสดงความนัย


รติรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ใจมิได้รังเกียจ แต่ถึงที่นี่จะมีเพียงพวกเขา ก็...ไม่ใช่เวลา 


“ตรัส...ต้องกลับเรือนแล้ว...”


คนถูกท้วงยกยิ้มจาง


“ข้างนอก หิมะกำลังตก...” เขาเปรยขึ้นมา ดวงตาระยิบระยับยามทอดมองภรรยา “...รอจนกว่าหิมะจะหยุด แล้วค่อยกลับดีไหม”


“รอในนี้หรือ”


“ใช่...” ตอบแล้ว ก็แนบริมฝีปากลงกับผิวแก้มเย็นของภรรยาอีกครั้ง “แก้มเจ้าเย็น...ควรจะทำให้อุ่นเสียก่อน”


คำว่า ‘ทำให้อุ่น’ ย่อมไม่ใช่แค่แก้ม รติมีหรือจะไม่รู้ แม้จะเขิน ก็อดหยอกเย้าอย่างซุกซนไม่ได้


“ทำให้อุ่นแค่แก้มหรือ”


ฝ่ายสามีผละออกมาเล็กน้อย ทอดสายตาสบก็รู้ว่าต่างคนต่างรู้ใจกันดี เขารวบตัวคู่ชีวิตขึ้นนั่งบนโต๊ะ แทรกกายขวางกลางหว่างขา แม้มีอาภรณ์หนาขวางกั้น แต่ไม่ใช่เรื่องยากเลย ในเมื่อมือของตรัสสอดไล้เข้าไปใต้เนื้อผ้าแล้ว


“จะทำให้อุ่นจนร้อนไปทั้งตัวเลย ดีไหม”


เสื้อผ้าเริ่มหลุดลุ่ยแต่ไม่มีชิ้นส่วนใดพ้นกาย แม้ในห้องจะอบอุ่นกว่าข้างนอก แต่...นานๆที ได้ลิ้มลองความยากลำบากในการใกล้ชิดกันบ้าง ก็ไม่เลว


“ถ้าอย่างนั้นก็เห็นจะกลับไม่ไหว อื้อ...”


ปลายนิ้วของตรัสแตะสัมผัสแม้แต่จุดที่วาบหวาม จนรติสะท้าน


“ก็ไม่ต้องกลับ”


“อื้อ...แต่ท่านอมรา...”


“ข้าจะเรียนท่านย่าเอง...ว่าหิมะตก ถนนลื่น กลับไม่ได้”


“โกหกนี่” ดวงตาของรติปรือปรอย ฝ่ามือของตรัสปลุกเร้าอารมณ์ใต้ร่มผ้าจนร้อนเห่อทีละน้อย


“ไม่ได้โกหก...แค่บอกไม่หมด ในเมื่อกลับไม่ได้...ก็เลย...” เขาพูดแล้วทิ้งห้วง ข่มอารมณ์อย่างยากลำบากเมื่อ ‘เนื้อแตะเนื้อ’ 


“...กับเจ้า...อ่า...” เขาพึมพำ แล้วกดแทรกเข้าไปในกายของรติ มันร้อนวาบ จนเสียวกระสันต์ไปทั้งตัว


“...ที่นี่...” เขากดกายเดินทางเข้าไปลึกขึ้นอีก ช่องทางตอดรัดจนแทบอยากบดขยี้ในทีเดียว แต่...ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็อาจจะจบเร็วเกินไป


คืนนี้หิมะตก และที่นี่มีเพียงพวกเขา ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งอะไรเลย


“...ทั้งคืน...”


...ใช่...พวกเขามีเวลาทั้งคืน...


ค่ำคืนที่เหน็บหนาว


ค่ำคืนที่หิมะกำลังโปรยปราย


ค่ำคืนที่มีเหตุผลมากมายที่จะยังไม่กลับเรือน และใช้เวลาร่วมกัน...อย่างพิเศษ...เพียงสองคน


---------


ท่านอมราทราบจากพุดกรองว่าตรัสและรติกลับถึงเรือนเมื่อตอนเช้ามืด


อากาศหนาว หิมะตก ผู้คนในเมืองพากันล้มป่วย แต่สองสามีภรรยาอหัสกรทำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับเรือนตอนก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น!


...ให้ตายเถอะ! ทำงานอย่างนี้ เห็นทีอหัสกรจะรวยจนบรรพบุรุษก็คงอยากฟื้นจากความตายมาช่วยใช้เงิน!...


หญิงชราเคยดุหลานชายเรื่องนี้แล้วครั้งหนึ่ง คราวนั้นเขารับปากว่าจะไม่ทำงานมากเกินไป และระมัดระวังเรื่องสุขภาพของตนเองและรติ แต่ครั้งนั้นก็ผ่านมาพักหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะลืมกระมัง!


“เจ้าสองคนเพิ่งกลับมาถึงเมื่อตอนเช้ามืดรึ”


เวลาดีสำหรับการอบรมสั่งสอนลูกหลานก็ตอนร่วมโต๊ะอาหารเช้า


ตรัสและรติดูไม่เหมือนคนอดนอน หน้าตาแจ่มใส กระนั้น การกลับมาถึงเรือนตอนเช้ามืดก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรละเลย


“อ่า...ขอรับ...” คนตอบคือตรัส


“...คือ...เมื่อวาน ตอนจะกลับ หิมะตก เราก็เลย...รอที่ร้าน แต่พอหิมะหยุดตก ก็...เอ้อ...เดินยาก ซ้ำยังมืด ลื่นล้มจะเป็นอันตรายขอรับ”


เหตุผลของตรัสนั้นฟังขึ้น ส่วนรติ...ท่านอมราเห็นเอาแต่ก้มหน้าเม้มปาก


“ไม่ใช่ว่าทำงานกันไปเรื่อยรอหิมะหยุดหรอกนะ!”


   “อ่า...พวกเรา... ‘พักผ่อน’ รอหิมะหยุดตกขอรับ” ตรัสยังเป็นคนพูด แต่จบประโยคแล้วก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาทีหนึ่ง เพราะถูกหยิกเข้าที่กลางหลัง โทษฐานเน้นคำว่า ‘พักผ่อน’


   สำหรับรติ อาจไม่ใช่การพักผ่อน แต่สำหรับตรัส เขาสดชื่นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดภรรยา จะไม่เรียกว่า ‘พักผ่อน’ ได้อย่างไรกัน


   “เอาเถอะ! ยังไรก็อย่าลืมเรื่องสุขภาพ เจ้าก็ด้วย รติ...” พอท่านอมราหันมาทางหลานสะใภ้ คนที่ก้มหน้าเม้มปากก็ถึงกับสะดุ้ง หน้าตาตื่น


   “ข...ขอรับ...” ดวงตาที่มีเฉดสีประหลาดเหลือกโต ใบหน้าก็แดงเรื่อน้อยๆ ท่านอมราแม้อายุมาก แต่ก็ช่างสังเกต


   “แล้วนั่นอะไร ทำไมหน้าตาหูเหอแดงปานนั้น ไม่สบายรึ”


   “ไม่...ไม่ขอรับ”


   “เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ร่างกายของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ เข้าใจไหม”


   “ข...เข้าใจขอรับ”


   เมื่อสอบสวนสั่งสอนตรัสและรติแล้ว ท่านอมราก็ค่อยหันไปสนใจระพีที่นั่งดูผู้ใหญ่คุยกัน นางสำทับให้ระพีก็ต้องระมัดระวังสุขภาพ เด็กชายรับคำแข็งขัน


   มื้ออาหารเช้าจบลงแล้ว สองสามีภรรยาเตรียมตัวออกไปเปิดร้านยาและร้านสมุนไพรเช่นทุกวัน แต่วันนี้แปลกไปกว่าเดิมเล็กน้อย ตรงที่รติมีเสื้อคลุมตัวใหม่ที่ท่านอมราไม่เคยเห็น


   นางเลิกคิ้ว แต่ไม่ได้ถามอะไร ก็เห็นตรัสช่วยจัดเสื้อคลุมให้ภรรยาของเขา ฝ่ายรติยิ้มแย้มขอบคุณ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันออกจากเรือนอหัสกรไป


   เมืองตะวันออกเช้านี้ ขาวโพลนเพราะหิมะที่ตกเมื่อคืน ภาพนี้เห็นกันจนชินตา


   เป็นเช้าวันหนึ่งในฤดูหนาวที่ไม่มีอะไรพิเศษ



ผู้คนบางตา เดินทางลำบาก และสามีภรรยาคู่หนึ่งก็ยังใช้ชีวิตปกติอย่างทุกวัน


เดินเคียงกันไป...จากเรือนอหัสกรสู่ร้านยาและร้านสมุนไพร


ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย...ไม่มีสิ่งใดพิเศษ


ไม่มีวันพิเศษ ไม่มีของขวัญพิเศษ ไม่มีการกระทำพิเศษ


เป็นคู่ชีวิตที่ไร้ความพิเศษ แต่กลับให้ความรู้สึกพิเศษ...ที่พวกเขาเป็นคู่ชีวิตของกันและกัน


จบ

---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ช่วงนี้ชีวิตบัวเปลี่ยนเยอะมากๆ ก็เลยไม่มีเวลาเลย ขอโทษที่ยังไม่สามารถนำเรื่องต่อไปในจักรวาลนี้มาลงได้ค่ะ

จะพยายามเคลียร์ชีวิตให้ไวที่สุด แล้วจะหาทางมาเขียนต่อ

ยังไงก็ฝากๆจักรวาลกว้างๆนี้ไว้ด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณพี่บัวสำหรับตอนพิเศษที่น่ารักนะคะ
ชอบคู่นี้จังเลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แม้จะใช้ชีวิตแบบธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่มีความสุขมากแน่นอน รู้สึกได้เลย..ยยยยย  :pig4:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยย ขำไม่ไหว5555 หมอตรัสคนซื่อ
นึกหน้าสองพ่อค้า ที่มองตาปริบๆเอายังไงดี มาขายผ้าอยู่ดีๆต้องมาสอนหมอเซอร์ไพรส์เมีย  :hao7:

เรื่องหวงเมียนี่ยกให้เลย ชมก็ไม่ได้ โอ้ยย จะบ้าตาย5555
อากาศมันหนาวต้อง 'พักผ่อน' นอนอุ่นจนร้อน ยันเช้าเลยค่ะท่านย่า :z1:

 :pig4: ขอบคุณคุณบัวนะคะ น่ารักอบอุ่น เรียยง่ายละมุนใจมากๆเลยค่ะ น้องรติน่ารักกก อยากกอดน้องให้หายหนาว แต่เกรงชีวิตจะหาไม่!  หมอตรัสดุ! หวงเมียยิ่งกว่าจงอางหวงไข่! :hao7:
คุณบัวรักษาสุขภาพด้วยนะค เรารอได้เสมอค่าา

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
"แค่อยากให้..." -> สามีสายเปย์ที่แท้ทรูจริงๆ.... คิคิ...

ปล. อีกหน่อยคงมีคนเปย์เรื่อยๆเพราะรางวัลถูกใจมากกกก... คุคุ...

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ดีใจที่มีตอนพิเศษมาให้หายคิดถึงหมอตรัสกับรติ :pig4: :mew1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เอ็นดูในความซื่อๆตรงๆ และความหวงของตรัส แต่ความช่างสังเกตุของระติก็ทำให้ของขวัญเซอไพรส์กลายเป็นของขวัญธรรมดาไปเฉย   o18

ออฟไลน์ Tonson777

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ละมุนละไมดีงามมาก ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆฮิวใจค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ Bear Company

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด