คนเดียว...เดียวดาย (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนเดียว...เดียวดาย (END)  (อ่าน 8270 ครั้ง)

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #60 เมื่อ14-07-2020 21:43:07 »

เวลาอ่านที่พี่สินพูดกับน้องแบบโมโหเรารู้สึกแสบคอไปด้วยเลย เหมือนจะต้องตะเบงเสียงตอนอ่านไปด้วย 5555

อิพี่สินนนนนน หยุดแว้ดๆ ใส่น้องเดี๋ยวนี้นะ
หัดใจเย็นบ้าง ระวังน้องงอนบ้างแล้วจะรู้สึก
ตอนน้องคุยกับพี่เบนซ์แล้วดูน้องเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาก ความคิดความอ่านดีมีวุฒิภาวะ.. ตัดมาที่พี่สิน เอ่อ.. แว้ดๆๆ ไว้ก่อนตลอด  :katai1:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.31 ง้องอน
«ตอบ #61 เมื่อ23-07-2020 14:28:13 »



Ch. 31 ง้องอน








 

"พี่สินพรุ่งนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ?" 

 

"..."

 

"เอาเป็นหมูทอดมั้ย เดี๋ยวปอนด์ทำให้"

 

"..." พี่สินยังคงนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับผม ตั้งแต่กลับมาถึงผมตั้งใจจะคุยกับพี่เขาให้รู้เรื่องว่าระหว่างผมกับพี่เบนซ์มันไม่มีอะไรจริงๆ แต่พี่สินบอกว่ายังไม่อยากคุย ผมก็เลยได้แต่เงียบไว้ ผมพยายามง้อเขาแล้วแต่เขาไม่มีท่าทีจะหายงอนเลย ไหนบอกว่าของกินอร่อยๆช่วยได้ไง นี่หมูทอดยังช่วยไม่ได้อีก ผมถอนหายใจลุกเข้าห้องตั้งใจว่าจะไปหยิบกระเป๋าตังค์กับกุญแจลงไปเดินเล่นแถวนี้สักหน่อยเผื่อไม่เห็นหน้าผมพี่เขาอาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

 

"จะไปไหน?" ตอนคุยด้วยไม่คุย พอไม่คุยด้วยจะมารั้งให้อยู่ เฮ้อ

 

"มันเหนื่อยขนาดนั้นเลยหรอวะคุยกับกูเนี่ย?" ผมขมวดคิ้วหันไปมองพี่สินที่พอพูดก็จ้องแต่จะชวนทะเลาะ ไม่ปงไม่ไปละ

 

"พี่สินปอนด์ไม่ได้เหนื่อยที่คุยกับพี่นะครับ แต่ปอนด์เหนื่อยทะเลาะ เราคุยกันดีๆไม่ได้เลยหรอทำไมเวลาต้องหาเรื่องปอนด์ตลอดเลย" พี่สินดูอารมณ์ขึ้นมากกว่าเดิมเจ้าตัวลุกขึ้นยืนเขวี้ยงโทรศัพท์ลงโซฟาแล้วหันหน้ามาปะทะกับผมตรงๆ

 

"เรื่องนี้สรุปกูผิด? กูติดงานไม่มาส่งมึงทำให้มึงมีเวลาไปหาไอ้เบนซ์ได้นี่กูผิดหรอ กูพูดกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ยุ่งกับมันมึงก็เสือกไปยุ่งกับมันทุกครั้ง กูต้องทำยังไงวะปอนด์มึงถึงจะทำตามที่กูบอก!" ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่เขาไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ตะคอกๆกันระบายคำพูดไม่ดีใส่กันแบบนี้

 

"ผมไม่ได้บอกว่าพี่ผิดผมแค่อยากให้ฟังผมอธิบายก่อน ก่อนพี่จะมาขึ้นอารมณ์ไม่เข้าท่าเป็นเด็กๆแบบนี้"

 

"มึงว่ากูเด็กหรอ"

 

"ใช่ ผมว่าพี่เด็ก พี่ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้เมื่อไหร่พี่จะโต"

 

"อย่างกับมึงโตมากนักงั้นแหละ กูเตือนกูห้ามอะไรเคยฟังที่ไหน รั้นแต่จะทำตามความคิดของตัวเอง" 

 

"ความคิดของผมมันทำไมครับ มันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครที่ไหน"

 

"แล้วที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเรานี่ไม่เรียกว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนหรอปอนด์ เราต้องมาทะเลาะกันเพราะอะไร?" ก็เพราะพี่ไม่ยอมรับฟังไง ผมได้แต่คิดในใจไม่อยากพูดออกไปเพราะพูดออกไปตอนนี้พี่สินก็ไม่ฟัง สุดท้ายแล้วก็คือผมเป็นตัวต้นเรื่องอยู่ดี

 

"ผมผิดเองก็ได้ครับที่ไปหาพี่เบนซ์ ผมแค่ตั้งใจจะไปขอโทษเขาแล้วก็เคลียร์เรื่องที่มันเกิดขึ้นและตอนนี่ทุกอย่างก็จบแล้วพี่เบนซ์รับรู้เรื่องที่ผมคบกับพี่แล้วเขาจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก แต่ถ้ามันจะทำให้พี่สินไม่พอใจผมขอโทษจริงๆ" ผมพูดออกไปอย่างเหนื่อยล้าและต้องการให้เรื่องมันจบลง ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะทำอะไรต่ออีกแล้วเลยตัดสินใจเดินเข้าห้องล็อคประตู พี่สินไม่ได้ตามเข้ามาโวยวายอะไรอีกแต่ผมได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังมากตามอารมณ์ของคนปิดนั่นแหละครับ สงสัยคงจะออกไปข้างนอก พอพี่สินออกไปผมก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ปวดหัวไปหมดเลยนอนพักสักหน่อยแล้วค่อยลุกมาอาบน้ำน่าจะดีกว่า

 

*****************************

 

ผมควานมือหามือถือที่ดังส่งเสียงเวลานอนไม่หยุดจนรำคาญ สายไม่ได้รับเยอะมากจนผมตกใจ ใครเป็นอะไรหรือเปล่า ผมกดไล่ดูเป็นเบอร์ของวิวกับโฟล์คสลับกันโทรเข้ามา แถมยังมีข้อความในกลุ่มที่เตือนเป็นสิบๆนั่นด้วย จังหวะที่กำลังจะโทรกลับไปหาเพื่อนก็มีสายเข้าจากวิวพอดี ผมรีบกดรับสายแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป วิวก็ตะโกนสวนมาด้วยเสียงอันดังเพราะดนตรีรอบข้างแทบจะกลบเสียงของวิวหมดทำให้ต้องตะโกนคุยกัน

 

("ไอ้ปอนด์ กว่าจะรับได้นะมึงกูนึกว่าตายห่าไปแล้ว!!!") ผมดึงโทรศัพท์ที่ตัวเองเอาออกห่างจากหูไปตอนแรกและขยี้ตาเพื่อดูให้ชัดว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว

 

"วิวนี่เที่ยงคืนกว่าละนะ โทรมาทำไมเนี่ย ผมจะนอน" 

 

("มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลย อย่าเพิ่งนอนนี่มึงรู้ตัวบ้างป้ะเนี่ยว่าแฟนมึงมาเมาอยู่ที่ร้านแถวมอเนี่ย ไอ้ห่าโฟล์คจับพี่มันไว้ดิ๊ เดี๋ยวก็โดนผู้หญิงหิ้วไปหรอก") นี่พี่สินยังไม่กลับห้องอีกหรอ?

 

"พี่สินอยู่ที่นั่นหรอครับ?"

 

("เออดิ พี่มันโทรเรียกกูกับไอ้โฟล์คออกมาดื่มเป็นเพื่อน พวกกูอ้ะก็กินปกตินะ แต่แฟนมึงอ้ะอาบ ตอนนี้ไม่มีสติเลย ใครชนมาแม่งก็ชนหมด")

 

"อยู่ที่ไหนครับเดี๋ยวผมไปรับ"

 

("มึงจะมายังไง")

 

"แท็กซี่ครับ"

 

("โอ๊ย พอๆเลย เดี๋ยวมึงลงมารอที่ล็อบบี้เดี๋ยวกูไปส่งเองละให้ไอ้โฟล์คมันขับรถพี่มันตามไป เคนะ")

 

"ได้ครับอีกนานมั้ยครับกว่าจะถึง"

 

("ไม่นานๆ อีกครึ่งชั่วโมง")

 

"ได้ครับ เดี๋ยวผมรอ"

 

("เออ! (ไอ้วิวมาช่วยกูจับดิ๊แม่ง) เออๆ แค่นี้นะมึง") แล้วสายก็ตัดไปเลย ทำไมต้องดื่มให้เมาขนาดนี้นะ กลับมาถึงห้องจะตีให้ตายเลย ผมรีบอาบน้ำจัดการตัวเองแล้วลงไปซื้อพวกผ้าเย็นยาแก้แฮงค์ไว้เผื่อก่อนวิวกับโฟล์คจะมาถึงแล้วนั่งรอตรงบริเวณล็อบบี้ ไม่นานวิวก็โทรมาให้ผมไปช่วยกันแบกพี่สินขึ้นห้อง พี่กุ้งพี่ยามประจำคอนโดยืนแบกพี่สินอยู่ข้างหนึ่ง ส่วนวิวอีกข้างหนึ่ง โฟล์คน่าจะเอารถขึ้นไปจอดให้

 

"มาเลยไอ้เชลดอนมาเก็บศพแฟนมึงเลย" วิวพูดเสียงอ้อแอ้ ท่าทางกรึ่มๆอยู่บ้างเหมือนกันแต่ไม่หนักเท่า ผมรีบเข้าไปพยุงพี่สินอีกข้างก่อนจะหันไปขอบใจเพื่อนตัวเอง กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้น่าจะอาบมากกว่าดื่มจริงๆ ผมยืนรอลิฟต์ไม่นานลิฟต์ก็มา เผอิญกับที่โฟล์คสวนออกมาพอดีเลยเข้ามาช่วยแบกอีกข้าง พี่ยามกุ้งจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขึ้นไปถึงข้างบนห้อง

 

"ขอบคุณมากนะครับพี่กุ้ง เดี๋ยวยังไงปอนด์ซื้อเอ็มร้อยไปให้นะครับ"

 

"โอ๊ย ไม่เป็นไรครับน้องปอนด์ ทุกวันนี้พี่ก็อ้วนแล้วเนี่ย เอาขนมมาให้ได้ทุกวันเลย" ผมยิ้มให้พี่กุ้งก่อนจะขยับตัวพี่สินให้ยืนดีๆ เพราะตอนนี้พี่สินแทบจะทิ้งน้ำหนักตัว ถ้าผมปล่อยคงลงไปนอนกองกับพื้น พอถึงชั้นที่เป็นห้องผมก็ยื่นกุญแจให้วิวเปิดให้ก่อนจะรีบลากพี่สินไปทิ้งตรงโซฟาก่อน คนอะไรตัวหนักเป็นบ้า ขนาดโฟล์คที่ตัวไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ยังหอบเลย แล้วผมจะเหลืออะไรล่ะครับ ล้าไปหมดเลย ผมพยายามจับพี่สินให้นั่งตรงๆจัดการปลดกระดุมเสื้อให้สบายๆตัว

 

"ทำไมถึงปล่อยให้เมาขนาดนี้ล่ะครับเนี่ย?" ผมแกะห่อผ้าเย็นเช็ดหน้าให้พี่สินพลางถามเพื่อนๆไปพลาง พี่สินก็หลบหน้านี้สัมผัสแปลกปลอมไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้ผมเช็ดให้

 

"กูจะรู้พี่มันหรอ? กูไปถึงแม่งก็กระดกเอาๆ ไม่เผื่อชาติหน้าเหมือนกลัวตายไปไม่มีใครกรวดเหล้าไปให้" วิวตอบผมแล้วลุกขึ้นเดินไปหาน้ำที่ตู้เย็นมาส่งให้โฟล์คกับผมคนละขวด

 

"ขอบคุณครับ" ผมยกน้ำกระดกแล้วหันไปมองคนข้างๆที่ล้มตัวลงนอนบนโซฟายาวก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ

 

"ยังไงก็ต้องขอบคุณวิวกับโฟล์คด้วยนะครับที่อยู่เป็นเพื่อนพี่เขา"

 

"ถามจริงเชลดอนพวกมึงทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า? กูเป็นห่วงมึงนะ" โฟล์คถามด้วยสีหน้าจริงจังจนผมไปไม่ถูก

 

"เออ จะว่ากูเสือกก็ได้นะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรกันก็คุยกันดีๆ มึงก็รู้ว่าพี่สินมันใจร้อน ปากหมา มึงก็ใจเย็นๆ อย่าไปร้อนตามมัน" ผมพยักหน้าหันไปหาวิว

 

"เสือกครับ"

 

"อ้าวไอ้นี่ กวนตีนกูแล้วไง กูอุตส่าห์ให้คำปรึกษาดีๆ" ผมยิ้มแฉ่งให้วิวก่อนจะจับชายเสื้อเขาแกว่งนิดๆ

 

"ล้อเล่นครับ ล้อเล่น" วิวถอนหายใจก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ

 

"ผมรู้ครับผมเองก็พยายามปรับตัวอยู่ ผมก็ไม่เคยคบใครมาก่อนยอมรับว่ายังไม่ค่อยเข้าใจความคิดความอ่านของคนเป็นแฟนกันเท่าไหร่ ทำไมแค่การที่ผมรู้จักกับคนอื่นหรือคุยกับคนอื่นมันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ก็ไม่รู้" ผมพูดออกไปอย่างหงอยๆ หรือผมเหมาะจะอยู่คนเดียว

 

"มันไม่ได้ผิดหรอกปอนด์ที่มึงคุยกับเพื่อนใหม่ ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ แต่ถ้าคนๆนั้นเข้ามาในชีวิตมึงแล้วเขาไม่ได้หวังจะเป็นแค่เพื่อนหรือคนรู้จัก มันก็เป็นปัญหามึงเข้าใจที่กูพูดมั้ย?" ผมพยักหน้าคิดตามที่วิวพูด

 

"การเป็นแฟนกันคือการคบกันของคนสองคนถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเปิดให้ใครอีกคนเข้ามาความสัมพันธ์มันก็พัง" กรณีนี้คือเป็นผมที่เปิดให้พี่เบนซ์เข้ามาสินะในสายตาของพี่สิน

 

"มึงรู้ว่าพี่เบนซ์มันคิดยังไงกับมึงใช่มั้ย?"

 

"ครับ ตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ตอนนี้รู้แล้วพี่เขาบอกกับผมตรงๆว่าเขาชอบผม"

 

"เอาเรื่องว่ะ แล้วมึงจัดการหรือยัง"

 

"ก็นั่นแหละครับที่ทำให้ผมมีปัญหากับพี่สิน ผมไปหาพี่เบนซ์วันนั้นก็เพื่อต้องการบอกเขาให้ชัดเจนว่าผมมีแฟนแล้ว อยากให้เขาเลิกยุ่งกับผม พี่สินจะได้สบายใจสักที เพราะผมไว้ใจพี่สินมากผมก็เลยคิดว่าเขาจะไว้ใจผมเช่นกัน" วิวกับโฟล์คถอนหายใจออกมาหนักๆ ตามผมก่อนจะตบบ่าเบาๆ

 

"เอาน่ามึง ค่อยๆเรียนรู้กันไปพี่มันตื่นมาก็อธิบายกับมันดีๆแล้วกัน พวกกูก็ช่วยได้แค่นี้แหละ" ผมพยักหน้าให้เพื่อนๆ รู้สึกขอบคุณที่พวกเขาเข้าใจ

 

"งั้นพวกกูกลับละ ดูพี่มันดีๆด้วยล่ะ"

 

"ครับกลับดีๆนะ ถึงแล้วบอกผมด้วย"

 

"เออ" โฟล์คผลักหัวผมอีกทีก่อนจะเดินกอดคอวิวออกจากห้องไป ผมจัดการล็อคประตูดีแล้วเดินมาจัดการคนที่อยู่บนโซฟา ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มั้ยนะ อึดอัดน่าดูเลย ถอดรองเท้าก่อนละกันแล้วค่อยเช็ดตัว ผมเดินไปรองน้ำใส่กาละมังเล็กแล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดตัวให้คนเมาที่นอนอยู่ ดีนะที่พี่สินเป็นคนที่เมาแล้วไม่อ้วก ถ้าอ้วกด้วยนี่แจ็กพ็อตเลยผม กว่าจะจัดการพี่สินเสร็จก็กินเวลาผมไปเกือบครึ่งชั่วโมง เฮ้อ ปล่อยให้นอนตรงนี้แล้วกัน ผมขนผ้านวมกับหมอนออกมาให้พี่สินกดจะเบาแอร์ลง ตื่นมาพรุ่งนี้คงต้องคุยกันหน่อยแล้ว อ้ะ!! จังหวะที่กำลังหมุนตัวจะกลับไปนอนที่ห้องตัวเองพี่สินก็จับแขนผมกระชากลงไปนอนด้วยกัน

 

"พี่สิน..."

 

"ไม่ไปได้มั้ย อยู่กับพี่" ผมนอนนิ่งๆให้พี่สินกอดจากด้านหลัง เพราะโซฟาที่แคบเลยทำให้ขยับไปไหนไม่ได้มาก ร่างของเราทั้งสองคนแนบชิดกันสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

"ถ้าตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่าเถอะครับ เหม็นเหล้าหึ่งเลย" พี่สินขยับยุกยิกแล้วเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา

 

"...ขอโทษครับ" ลมหายใจที่กระทบอยู่หลังต้นคอทำผมขนลุกจนต้องย่นคอหนี แต่ต่อให้หนียังไงผมก็หลบสัมผัสเปียกชื้นเบาๆจากปากที่กดจูบลงมาหลังต้นคอไม่ได้ พี่สินย้ำจูบอยู่แบบนั้นพร้อมกับพูดคำว่าขอโทษออกมาอีกหลายครั้งก่อนจะเงียบไปแล้วกลายเป็นลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะให้ผมตีลงได้ยังไง ก็เป็นซะอย่างเนี้ย แค่เขาพูดเสียงอ่อนนิดๆหน่อยๆ ผมก็พร้อมจะให้อภัยเขาไปทุกเรื่องแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

********************

tbc.

 

มาต่อแล้วค่ะ ด่าได้แต่อย่าแรง ทางบ้านมีปัญหาค่ะ คุณยายไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ช่วงนี้มันเป็นอะไร เดี๋ยวคุณย่า เดี๋ยวคุณยาย เดี๋ยวแม่เจ็บแขน นี่เราก็ต้องไปเฝ้าร้านยาแทนแม่มาตั้งอาทิตย์กว่า ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ที่มาช้า หลังจากนี้ก็อาจจะมาช้าอีก แต่จะจบแล้วนะ เราวางไว้ประมาณ 33-35 ตอนนี่แหละค่ะ ไม่ดราม่านะ มีมานิดๆ ตามประสาไม่ถนัดดราม่าเลย จบเรื่องนี้ก็มีแพลนเรื่องใหม่อยู่เหมือนกัน คิดๆพล็อตไว้แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาหรือเปล่า ขอบคุณ ที่เข้ามาอ่านนะคะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆแค่เห็นว่ามีคนเปิดอ่านก็รู้สึกดีแล้ว บายๆค่ะเจอกันตอนหน้า

 

ปล. มาแถมเมจพี่เป้สายหงึค่ะ

 





ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #62 เมื่อ25-07-2020 01:30:48 »

พี่สินนี่เหมือนเด็กเอาแต่ใจจริงๆ เล้ยยยยยยย
แต่ถ้าเป็นเราเราก็คงเหมือนพี่สินแหละที่โมโห
ก็แหมมมมม ใครจะอยากให้แฟนเราไปพูดคุย
กับคนที่เราก็รู้ว่ามันคิดไม่ซื่อกับแฟนเราละ
จริงมั้ย?? 

แต่ชอบความคิดและความใจเย็นของน้องปอนด์มากๆ เลยนะ ดูเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากๆ จนเหมือนว่าพี่สินกับปอนด์น่าจะสลับอายุกันนะ  55555 อ่ะล้อเล่นนนน อย่าโกรธเรานะเฮียสิน  :katai3:

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ และขอส่งกำลังใจไปให้นักเขียนด้วยค่ะ  :3123: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2020 01:34:22 โดย mab »

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



Ch. 32 อะไรสำคัญกว่า








 

 

"ปอนด์ ปอนด์ครับ ปอนด์!!" เสียงโหวกเหวกโวยวายภายในห้องดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงตึงตังเปิดปิดประตูห้องของคนที่เพิ่งตื่นจากเมาค้าง

 

"น้องอยู่ไหน อย่าทิ้งพี่ไป..." ผมถอนหายใจก่อนจะวางฟ็อกกี้ที่ตัวเองเอามาฉีดต้นกระบองเพชรตรงระเบียง เล่นใหญ่ตลอดเลยผู้ชายคนนี้ ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ที่ตอนแรกจินตนาการไว้ว่าเล่นใหญ่มากคือเทียบไม่ได้เลยกับภาพที่เกิดขึ้น คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีหรือไง ลงไปนั่งคุกเข่าทำอะไรตรงพื้น

 

"พี่สินเป็นบ้าหรอครับ" ผมส่งเสียงทักออกไป คนที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กับพื้นหันมามองผมแล้วคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะรีบลุกพรวดเดินเข้ามาหา

 

"ปอนด์ พี่นึกว่าปอนด์ไปเรียนแล้วซะอีก" พี่สินเดินเข้ามาจับมือผมแน่นแถมยังแกว่งเบาๆเป็นเด็กน้อยอีก

 

"ก็ใครล่ะครับทำให้ผมไม่ได้ไปเรียนน่ะ" พี่สินทำหน้าหงอยนี่ถ้ามีหูมีหางคงจะลู่ลงเป็นหมาเหงาเลยล่ะครับ

 

"แหย่เล่นครับ ปอนด์อยากหยุดดูแลพี่สินเอง ไปอาบน้ำเร็วเน่าหมดแล้วเนี่ย ตัวมีแต่กลิ่นเหล้า" ผมว่าพลางพยายามดันคนตัวโตไปทางห้องน้ำ พี่สินยอมขยับแต่โดยดีผมหยิบผ้าขนหนูยื่นให้ก่อนจะเข้ามาทีครัวเพื่ออุ่นโจ๊กให้เขา นี่ผมลงทุนตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำโจ๊กให้เลยนะเนี่ย ถึงมันจะเป็นโจ๊กสำเร็จรูปก็เถอะ แต่ว่าคุณค่าทางโภชนาการครบห้าหมู่แน่นอนเพราะผมใส่ทั้งผักทั้งหมูครบเลย รอเพียงไม่นานโจ๊กที่ต้มไว้ก็ได้ที่พอดีกับที่ผมได้ยินพี่สินอาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมา

 

"ไปใส่เสื้อผ้าแล้วมากินข้าวครับ ปอนด์รอกินข้าวพร้อมกันจนปวดท้องแล้วเนี่ย" ผมไม่ได้หันไปมองเจ้าตัวเพราะมัวแต่ตักโจ๊กใส่ถ้วยสองใบเพื่อจะยกไปที่โต๊ะกินข้าวจังหวะที่กำลังจะปิดหม้อพี่สินที่ไม่ยอมไปแต่งตัวก็เดินเข้ามากอดจากทางด้านหลังแล้วเอาหน้าซุกกับไหล่ผมอยู่อย่างนั้น ที่รู้ก็เพราะความเย็นและเปียกชื้นจากร่างกายเขานั่นแหละครับ เสื้อผมเปียกหมดแล้วมั้ง แล้วคือจะโชว์ภูมิว่าตัวเองสูงกว่าจนต้องก้มลงมาหรือไงเนี่ยก้มมาไม่พอยังจะถูหน้าไปมาอีก

 

"น้องครับพี่ขอโทษ..." พี่สินพูดออกมาเสียงเบาหวิว ทีขอโทษล่ะเสียงอ่อนเสียงเบาแต่ตอนตะคอกนี่ตะเบ็งจนเอ็นคอแทบแตก ไม่ใช่อะไรครับห่วงสุขภาพเดี๋ยวจะเจ็บคอเอาขี้เกียจหาน้ำผึ้งมะนาวมาให้เพิ่ม

 

"เมื่อคืนก็พูดไปแล้วครับ"

 

"แต่พี่อยากขอโทษอีก" ผมจับแขนของคนตรงหน้าออกจากหน้าท้องแล้วหันไปเผชิญหน้ากันแต่ไม่กล้าหลุบตาลงต่ำเท่าไหร่ คนอะไรชอบโป๊ให้คนอื่นดู

 

"ปอนด์รู้แล้วครับ แต่ว่าไปใส่เสื้อผ้าก่อนมั้ยแล้วมานั่งคุยกันดีๆ โจ๊กจะเย็นหมดเอานะ" ผมยิ้มให้คนตัวโตที่ตอนนี้ดูงอแงเป็นเด็กน้อยติดแม่มากกว่าที่เคย แต่ผมไม่ได้อยากเป็นแม่เขานะ มันแค่การเปรียบเทียบ

 

"โอเคครับ" พี่สินทำท่าอิดออดไม่อยากปล่อยมือแต่สุดท้ายก็รีบวิ่งเข้าห้องไปใส่เสื้อผ้าอยู่ดี ผมส่ายหัวให้กับอาการอ้อนนั้นก่อนจะยกถ้วยโจ๊กทั้งสองไปวางตรงโต๊ะรอไม่นานพี่สินก็ออกมาอย่างไม่เรียบร้อยดีนักเพราะเดินใส่เสื้อออกมาจากห้องเลย ผมเลื่อนถ้วยให้คนตรงหน้าก่อนจะรินน้ำใส่แก้วให้ พี่สินนั่งมองทุกการกระทำเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปไหนจนผมต้องกระแอมเบาๆ

 

"มองอะไรขนาดนั้นครับ กลัวปอนด์หายหรอ" ผมถามขำๆขณะที่ลงมือตักข้าวเข้าปาก พี่สินไม่ได้ตอบอะไรแต่เริ่มลงมือกินส่วนของตัวเองบ้าง เรานั่งกินกันไปเงียบๆแต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรอีกแล้ว พี่สินเองก็คงรู้สึกเช่นกันสังเกตได้จากที่เจ้าตัวกินอย่างเอร็ดอร่อยจนผมต้องดันแก้วน้ำให้เพราะกลัวจะสำลัก

 

"กินช้าๆก็ได้ครับ ปอนด์ไม่แย่ง ถ้าไม่พอก็ตักใหม่ได้ปอนด์ทำไว้เยอะอยู่" ผมเอ่ยแซวคนตรงหน้าที่ท่าทางคงหิวน่าดู พี่สินกินหมดชามแรกก็ลุกขึ้นไปตักมาเพิ่มอีกแต่รอบนี้ไม่รีบกินแล้วเหมือนแค่อยากนั่งกินเป็นเพื่อนผมเฉยๆ พอกินเสร็จผมจะเอาไปล้างก็มาแย่งทำอีก 

 

"น้องทำให้พี่กินแล้วเดี๋ยวพี่ล้างเอง" ผมพยักหน้ารับรู้แต่ยังไม่ไปไหนและเลือกจะยืนกอดอกพิงผนังมองคนที่ทำเก่งจะล้างจานแทน

 

"มองแบบนี้พี่ล้างไม่ออกหรอก ไปนั่งรอก็ได้"

 

"เอ้า นี่จะล้างจานหรอครับ ปอนด์นึกว่าจะอาบน้ำอีกรอบซะอีก" ผมหัวเราะสายตาเขียวปั้ดที่ส่งตรงมาจากพี่สิน ก็เจ้าตัวน่ะล้างจานเป็นที่ไหนล่ะครับ ครั้งที่แล้วพี่เป้ยังแซวเลย

 

"พี่พัฒนาแล้วเหอะ ไม่เปียกแล้ว...เราเถอะหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย?" ผมเลิกคิ้วมองพี่สินที่ก้มหน้าก้มตาล้างจานไม่ยอมเงยหน้ามามองกัน นี่คิดมากอยู่จริงๆสินะ

 

"พี่สินครับ..."

 

"พี่ไม่เลิกนะ"

 

"ยัง" ผมหัวเราะขำพี่สินสวนขึ้นมาทันทีที่ผมเริ่มประโยค

 

"ปอนด์ยังไม่ได้พูดเลย คิดมากจังคนแก่แถวนี้"

 

"โห น้อง ขึ้นเลยว่าพี่แก่พี่ขึ้นเลยเนี่ย" ผมหัวเราะน้อยๆก่อนจะเดินไปซ้อนหลังคนคิดมากแล้วกอดไว้

 

"ไม่โกรธครับ ปอนด์เข้าใจพี่สินแล้วว่าพี่สินน่ะหวงปอนด์มากกกก" ผมลากเสียงยาวเพื่อหยอกล้อพี่สินก่อนจะวางคางลงบนไหล่แกร่ง

 

"ใช่ครับ มากน่ะถูกแล้ว ทั้งหวงทั้งหึง สงสัยพี่กำลังโดนกรรมตามสนองแน่ๆ ไม่น่าไปทำคนอื่นไว้เยอะเลย" พี่สินพึมพำเบาๆคนเดียวประโยคหลัง แต่เพราะความใกล้ชิดระดับนี้ก็ทำให้ผมได้ยินอยู่ดี

 

"รู้แล้วครับต่อไปนี้ถ้าปอนด์เจอพี่เบนซ์หรือว่าได้คุยกันโดยบังเอิญปอนด์จะรีบไลน์หาพี่ทันทีเลยดีมั้ย?" พี่สินพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

"ปอนด์ว่าพี่งี่เง่ามั้ย?"

 

"เอาตรงๆแบบไม่ถนอมน้ำใจเลยมั้ยครับ?"

 

"ถนอมนิดนึงก็ได้ครับ" ผมหัวเราะอารมณ์ดีอีกครั้ง ตั้งแต่เป็นแฟนกันพี่สินน่ารักขึ้นมากจนผมหมั่นเขี้ยวเลย

 

"ก็งี่เง่านะครับแต่มันก็ปกติของคนเป็นแฟนกันนั่นแหละ ตอนนี้ปอนด์กำลังพยายามเรียนรู้ที่จะเข้าใจพี่สินอยู่นะครับ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ก็อยากให้พี่สินพยายามไปด้วยกัน มีอะไรไม่เข้าใจกันปอนด์อยากให้พูดให้ถามไม่ใช่ใส่อารมณ์กับปอนด์ก่อนแล้ว แบบนั้นไม่ดีเลยนะครับ" พี่สินหงอยลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษออกมาเบาๆอีกครั้ง

 

"พอแล้วครับไม่ดราม่าแล้ว เอาเป็นว่าเราดีกันแล้วนะ ปอนด์เบื่อจะดูฉากนั่งคุกเข่าเป็นพระเอกเอ็มวีของพี่" ผมรีบปล่อยมือออกจากเอวพี่สินทันทีเมื่อพี่เขาจะเอาช้อนที่มือเคาะหัว

 

"ตั้งใจล้านจานไปนะครับ เดี๋ยวปอนด์ไปเอายาแก้แฮงค์มาให้ ยังปวดหัวอยู่มั้ย"

 

"ปวดอยู่ครับแต่ไม่มากเท่าไหร่แล้ว สงสัยได้กอดจากน้อง แต่ถ้าจะให้หายเลยคือต้องตรงนี้ครับ" พี่สินหันมาทำปากจู๋ใส่ผมหน้าตายียวนจนอยากจะดึงปากนั่นแรงๆ

 

"ไม่ต้องเลยครับ เดี๋ยวปอนด์ไปเอามาให้" ผมผละออกจากตรงนั้นได้ยินเสียงอิดออดงุ้งงิ้งๆไม่พอใจของพี่สินเบาๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก จะว่าไปมีแฟนนี่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะครับ

 

*********************************

 

วันนี้ทั้งวันผมกับพี่สินเอาแต่นอนก่ายกันดูเน็ตฟลิกบนเตียง อาหารเที่ยงก็เลือกโทรสั่งให้มาส่งไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเพราะคนข้างๆผมเอาแต่วอแวไม่ยอมให้ห่างไปไหน วิวกับโฟล์คก็โทรมาถามไถ่ความเป็นไปหรือที่ผมเรียกว่าอยากเสือกนั่นแหละครับ พอรู้ว่าคืนดีกันแล้วก็ปวารณาตนเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดกันเลยทีเดียว ให้คำปรึกษาเก่ง ไหนต้นเรื่องใครนะที่โดนแฟนทิ้งไปหาสายฝ.

 

"ปอนด์น้องอยากดูเรื่องอะไรต่อ" ผมพยายามขยับตัวออกจากอ้อมกอดพี่สินเพื่อบิดขี้เกียจแต่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย ขนาดจะกินน้ำตอนดูเรื่องที่สองหรือสามนี่แหละผมจะไม่ได้ยังกระเตงผมไปเอาน้ำที่ตู้เย็นด้วย พอบอกขี้เกียจลุกก็อุ้มไปทั้งอย่างนั้น น่าตีจริงๆ

 

"พี่สินปล่อยก่อนครับ แล้วก็พอก่อนมั้ยหนังอ้ะนี่จะหกโมงครึ่งแล้วนะ ไม่หิวหรอ" พี่สินคลายอ้อมแขนออกให้ผมพอเอาแขนตัวเองยกขึ้นได้แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยทั้งตัว

 

"อยากอยู่กับน้อง" พี่สินว่าเสียงอู้อี้อยู่แถวลำคอด้านหลังให้ผมจั๊กจี้กับลมหายใจเล่นๆ

 

"นี่ก็อยู่ทั้งวันแล้วครับ ปอนด์ปวดตาแล้ว" พี่สินรีบปล่อยตัวผมแล้วลุกขึ้นจับหน้าผมให้หันไปทางเจ้าตัวทันที

 

"เจ็บมากมั้ย? ข้างไหน? แดงหรือเปล่าเนี่ย?" หลังจากจับหน้าผมหันไปหันมาอย่างพอใจแล้วก็เอานิ้วมาแหกตาผมเล่นอีก

 

"โอ๊ย พี่สินพอก่อน แค่ตาล้าเฉยๆ หิวยังปอนด์จะไปหาอะไรให้กิน" จังหวะที่ผมกำลังจะลุกเพื่อไปหาอะไรง่ายในครัวทำให้พี่สินกินเป็นมื้อเย็นกลับโดนมือใหญ่ดึงเข้าหาตัวจนเสียหลักล้มไปทับอีกคนจนหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ผมได้แต่หลบสายตาแล้วร้องขอให้เขาปล่อยผมก่อนเพราะถ้าอยู่ท่านี้ต่อใจผมได้ระเบิดออกมานอกตัวแน่ๆ

 

"ปล่อยก่อน..."

 

"กินปอนด์แทนไม่ได้หรอ" พี่สินพูดเสียงอ้อนจนผมขนลุกทั้งตัว จากที่คิดว่าไม่สามารถใจเต้นแรงมากกว่านี้ได้แล้วก็ต้องปรับความคิดใหม่ว่ามันสามารถเต้นได้แรงกว่าเดิมอีก ฮือออ ช่วยผมที

 

"ปอนด์ไม่ใช่อาหาร...." ผมพึมพำตอบออกไป ตาก็ยังคงพยายามไม่มองสบกับคนตรงหน้า ทั้งหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ยิ่งพี่สินเอามือลูบเอวเบาๆ ผมเขินจนจะระเบิดตัวตายอยู่แล้ว

 

"ไม่ใช่อาหารแต่พี่อยากกินนี่คะ ให้พี่กินได้มั้ยเนี่ยคนนี้" พี่สินพูดคะขาแล้วยังพยายามจับหน้าผมให้หันไปสบตากับตัวเองด้วย

 

"กินปอนด์มันอิ่มท้องที่ไหนเล่า"

 

"ไม่อิ่มท้องแต่อิ่มอกอิ่มใจนะคะ" เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้ว พอยอมหน่อยนี่หาเศษหาเลยตลอดเลย ผมพยายามหาทางหนีเอาตัวรอดจากคนตรงหน้าอยู่เพราะถ้าจะให้ใช้กำลังก็คงไม่ชนะหรอก

 

"พี่สิน...คือปอนด์...อื้อ!" พูดยังไม่จบประโยคสติผมก็กระเจิงเพราะการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวจากปากคนตรงหน้า พี่สินเอามือล็อคหน้าผมไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนจะขยับจูบเปลี่ยนองศาเบาๆแค่ภายนอก จังหวะที่อากาศหายใจผมกำลังจะหมดคนตรงหน้าก็เหมือนจะรู้จึงปล่อยริมฝีปากผมออกเป็นอิสระให้ผมได้สูดอากาศหายใจเข้าปอด

 

"ไม่กลั้นหายใจสิคะ" เสียงที่เปล่งออกมาทั้งนุ่มทุ้มน่าฟัง ไหนจะนิ้วโป้งที่คอยเกลี่ยริมฝีปากล่างให้ผมอย่างอ่อนโยนก็ทำให้ผมคล้อยตามได้อย่างไม่ยากนัก

 

"หน้าแดงหมดเลย" ผมหน้างอทุบอกพี่สินไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

 

"ใครทำล่ะ"

 

"พี่ทำค่ะ แฟนปอนด์ทำเอง" พี่สินหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเกลี่ยแก้มผมไปด้วย ผมเขินจนต้องฟุบหน้าลงกับอกพี่เขา ไม่ชินกับพี่สินเวอร์ชั่นนี้เลยให้ตาย

 

"น้องเป็นอะไร เขินหรอ" พี่สินถามแล้วหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง ไม่เขินสิแปลก

 

"เงยหน้ามาให้พี่เห็นหน่อยค่ะคนดีพี่อยากเห็นหน้าน้อง" ผมส่ายหัวรัวๆ เงยไปตอนนี้ได้เป็นลมแน่ๆ

 

"เลิกพูดคะขาก่อน...."

 

"อะไรนะคะ?" ไม่รู้ว่าเพราะผมตอบเสียงอู้อี้ออกไปหรือพี่สินต้องการกวนประสาทผมกันแน่ถึงได้ถามย้ำให้อายไม่เลิก

 

"ปอนด์บอกให้เลิกพูดคะขาก่อน!"

 

"ยอมเงยหน้าแล้วหรอ" พี่สินหัวเราะก่อนจะโยกตัวผมเบาๆเหมือนปลอบเด็กน้อยผมรีบซุกหน้าตัวเองลงกับอกอีกหน สู้สายตาไม่ไหวเลยทำไมแค่มองถึงมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้ล่ะ

 

"ปอนด์ครับเงยหน้าเร็ว"

 

"...."

 

"คนดีพี่อยากจูบอีกได้มั้ยครับ"

 

"...." ผมกลั้นใจฮึบลืมตาแล้วเงยหน้าให้พี่สินจูบอีกรอบ คราวนี้พี่สินไม่ได้จู่โจมอีกแล้วแต่เลือกที่จะเคลื่อนใบหน้าเข้าหาผมช้าค่อยๆเป็นไปเหมือนสอนให้ผมชินกับสัมผัสของเขาไปเรื่อยๆ และผมชอบมันมาก ชอบมากกว่าโกสต์เรดิโอซะอีกมันรู้สึกดีจนเหมือนจะลอยได้ พี่เป้จะว่าผมใจแตกมั้ยเนี่ย

 

"...อ้าปากหน่อยครับ" พี่สินพูดชิดริมฝีปากผมลองทำตามที่บอกจูบครั้งนี้แปลกจากครั้งก่อนเพราะนอกจากจะรู้สึกดีแล้วผมยังวูบวาบแปลกยิ่งมือที่ลูบอยู่บนเอวของพี่สินที่ไล้ไปมาตามแนวแผ่นหลังยิ่งทำให้ใจเต้นแรงเป็นพิเศษแต่เพราะมัวแต่เคลิ้มอยู่กับรสจูบตัวผมถูกพี่สินพลิกลงใต้ล่างในเวลาแค่พริบตาโดยที่ปากเรายังไม่ผละออกจากกันด้วยซ้ำ

 

"อ๊ะ!" มือที่เลื่อนมาลูบหน้าท้องผมเบาๆทำเอาสะดุ้งขนลุกไปทั่วทั้งตัวเหมือนโดนไฟฟ้าสถิตพี่สินยังคงไม่ยอมปล่อยปากออกและลูบอยู่อย่างนั้นจนผมต้องทุบอกประท้วง ผมหอบหายใจไม่ทั่วท้องมองพี่สินที่ตอนนี้หน้าแดงไม่แพ้กัน ผมไม่ได้ใสซื่อขนาดไม่รู้ว่าตอนนี้พี่สินต้องการอะไร ผมหลุบสายตาหนีไปทางอื่นไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำเพราะสายตาที่แสดงถึงความปรารถนาของเขาโดยไม่คิดจะปิดบังนั่นทำให้ผมไม่กล้าสบตา

 

"ขมวดคิ้วทำไมคะ ไม่ชอบหรอ..."

 

"ชอบครับ แต่...." ในหัวผมมันตีกันไปหมดผมชอบนะชอบมากๆแล้วมันก็เป็นปกติของคนเป็นแฟนกันกับเรื่องอะไรแบบนี้ แต่มันก็เร็วไปหรือเปล่า

 

"ไม่เป็นไรนะพี่ไม่ได้เร่งรัดอะไรแค่ปอนด์ไม่รังเกียจพี่ก็พอ" พี่สินพูดปลอบโยนแล้วทิ้งตัวมากอดผมไว้ทั้งตัวโดยใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอผมให้ขนลุกเล่นกับลมหายใจของเขา และเพราะทั้งตัวเราแนบชิดกันอยู่จึงทำให้ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ดุนดันอยู่ด้านล่าง

 

"เอ่อ พี่สินครับ...ให้ปอนด์ช่วยมั้ย" ผมทำใจกล้าถามออกไปพี่สินชะงักตัวแข็งทันทีเมื่อผมพูดจบก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง

 

"ได้หรอครับ" ผมพยักหน้าแล้วลุกตามเจ้าตัว

 

"...ต้องทำยังไงครับ" มันน่าจะไม่ต่างจากที่ผมทำให้ตัวเองนักหรอกมั้ง

 

"..." พี่สินเงียบไปก่อนจะปิดปากหันหน้าไปทางอื่นแต่ผมก็ทันเห็นริ้วแดงๆบนแก้มนั่น ผมเลยยื่นมือตัวเองไปปลดกระดุมกางเกงนั่นให้ พี่สินสะดุ้งสุดตัวไม่ได้ออกปากห้ามอะไรแต่ยกมือขึ้นสองข้างเพื่อปิดสีหน้าตัวเอง

 

"...น้องใจพี่มันจะไม่ไหวแล้ว" พอผมแตะนิ้วลงบนชั้นในของเขาตั้งใจจะดึงลงแต่ว่ากลับมีเสียงโทรศัพท์พี่สินดังขึ้นมาซะก่อน พี่สินลนลานรีบไปหยิบมาดูผมเห็นแว้บๆว่าเป็นพี่รัน จากนั้นพี่สินก็ปิดเสียงแล้วโยนลงที่นอนอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะทำสายตาเลิ่กลั่กมองผมทีไม่มองทีอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยปากออกมาอย่างเขินอาย

 

"ต่อเลยครับ..." ผมยิ้มน้อยๆนานๆทีจะเห็นพี่สินเสียอาการขนาดนี้ แต่พอผมจะเริ่มต่อเสียงโทรเข้าเครื่องผมก็ดังขึ้นอีก พี่สินเริ่มไม่สบอารมณ์หันไปมองโทรศัพท์ผมเหมือนจะขว้างทิ้ง ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นพี่รันที่โทรเข้ามา

 

"เดี๋ยวปอนด์รับสายก่อนดีกว่าครับเผื่อมีอะไรสำคัญ" ผมบอกเสร็จก็กดรับสายแล้วเปิดลำโพงทันที

 

"ครับพี่รัน"

 

("ฮัลโหลน้องปอนด์ ไอ้สินมันอยู่กับน้องมั้ย?") ผมเหลือบสายตาไปมองพี่สินน้อยๆก่อนจะตอบ

 

"อยู่ครับ"

 

("โหย ไอ้เหี้ย เขานัดกันทำโปรเจ็ควันนี้ไม่ใช่ชาติหน้าบอกมันทีเพื่อนมาครบกันหมดแล้ว!") 

 

"เอ่อ พี่สินครับ..."

 

"แม่งเอ๊ย บอกมันว่าวันนี้พี่ไม่ไป แล้วปอนด์ก็วางสายมันได้แล้ว"

 

("ไม่ได้ดิวะจะแดกเอฟหรือไงเหลือเวลาไม่มากแล้วเนี่ย!! ตัวนี้สำคัญนะโว้ย!!!") ผมหันไปยิ้มแหยๆให้พี่สิน

 

"กูหมดอารมณ์เลยสัสเอ๊ย" พี่สินพึมพำก่อนจะหยิบโทรศัพท์จากมือผมไปจัดการคุยเอง

 

"เออ ไอ้เหี้ยรู้แล้ว พวกมึงมาทำที่คอนโดกูได้มั้ยกูไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวเดี๋ยวกูส่งโลให้แค่นี้" แล้วก็กดตัดสายไปเลยก่อนจะเข้าไลน์ตัวเองส่งโลให้เพื่อนๆ พี่สินเสยผมท่าทางหงุดหงิด ระหว่างเราเกิดเดธแอร์ขึ้นมาอยู่หลายวิ

 

"ขอโทษนะครับน้องอุตส่าห์..." พี่สินก้มมองหน้าผมก่อนจะก้มจุ๊บเบาๆที่ปาก

 

"ไม่เป็นไรครับ'งานสำคัญกว่านะ ตอนนี้รีบไปอาบน้ำเถอะครับเดี๋ยวปอนด์ไปทำอะไรให้กิน ต้องทำเผื่อเพื่อนๆพี่ด้วย" ผมยิ้มให้พี่สินเจ้าตัวถอนหายใจพรืดก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระหยิ่มยิ้มอีกครั้งแล้วพูดเสียงแหบเครือ

 

"อาบด้วยกันมั้ยคะ?" ผมตีไหล่พี่สินไปหนึ่งทียังจะมาทำเล่นอีก

 

"พอเลยครับ ไม่โลภมากสิ ไปได้แล้ว" ผมส่ายหัวให้กับคนตัวโตที่ทำตัวเป็นเด็กๆไม่เลิกก่อนจะลุกไปหาของทำกับข้าวให้กับทุกคน พอนึกกลับไปทำไมผมถึงได้กล้าขนาดนั้นนะ เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะพี่เป้ผมต้องโดนตีแน่เลย TTOTT

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*********************

tbc.

มาแล้วค่ะ ช้ามากๆเลยขอโทษนะ ใกล้จะจบแล้ว สงสารอีพี่มันนะ แต่ขอเอาคืนบ้างนิดๆหน่อยๆเถอะ ตะคอกน้องเก่งดีนัก

 

 

 



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #64 เมื่อ09-08-2020 11:02:29 »

หวานจนมดขึ้นคับ

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #65 เมื่อ09-08-2020 23:51:06 »

ฝากตบไอ้พี่รัน 5 ทีด้วยค่ะ มาขัดจังหวะจริงๆ เล้ยยย  :m20:

น้องปอนด์รอโอกาสหน้าค่อยมาทำให้พี่สินใหม่นะน้องนะ  :hao6:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.33 ครอบครัว
«ตอบ #66 เมื่อ23-08-2020 14:11:08 »



Ch. 33 ครอบครัว




 




 

"พี่สินเสร็จหรือยัง?" หลังจากผมเอาแซนด์วิชเก็บลงพัพเปอร์แวร์เสร็จก็ตะโกนเรียกคนที่แต่งตัวได้นานกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก จะออกไปเที่ยวทีเหมือนจะไปเดินแฟชั่นโชว์ไม่รู้จะจัดเต็มอะไรนักหนา หลังจากพี่สินทุ่มเวลาให้กับโปรเจ็คต์ตัวเองจบเจ้าตัวก็มีเวลาพักสักที ตานี่โหลจนจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว แต่ผมก็เข้าใจแหละครับ ใช่ว่าพี่สินจะเหนื่อยคนเดียวที่ไหนทุกคนก็เหนื่อยเหมือนกันทั้งหมดนั่นแหละ

 

"แท๊แด่ เป็นไงพี่หล่อมั้ยคะ?" นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมห้ามเขาไม่ได้ เรื่องพูดคะขาเพื่อกวนโมโหผมน่าจะกลายเป็นงานอดิเรกของเขาไปแล้ว แรกๆผมก็เขินนะ หลังๆมาเริ่มหมั่นไส้เมื่อคิดไปว่า เมื่อก่อนเขาเองก็คงพูดแบบนี้กับเด็กๆที่เขาควง

 

"หน้างอ พี่ไม่หล่อเลยหรอ งั้นไปเปลี่ยนใหม่"

 

"พอแล้วครับ หล่อแล้ว ไปกันได้หรือยังออกสายกว่านี้ไปถึงช้านะ" เพราะว่ามีวันหยุดยาวพี่เป้เลยบินกลับมาไทยแล้วเราก็ตั้งใจจะไปเที่ยวกาญจนบุรีด้วยกันสองคนพี่น้อง แต่ว่าพี่เสือพี่สินไม่ยอมจะติดสอยห้อยตามไปด้วย เลยกลายเป็นว่าผมกับพี่สินต้องไปรับพี่เป้แล้วไปที่บ้านใหญ่ก่อนเพราะพี่เสือไม่ว่าง จริงๆพี่เป้อยากมานอนกับผมที่คอนโดแต่ว่าพี่เสือพี่สินไม่ยอม สุดท้ายตกลงกันที่ทุกคนไปนอนที่บ้านใหญ่หมดเลย พอต้องไปนอนบ้านใหญ่คุณพ่อคุณแม่ท่านก็เลยรู้ว่าเรากำลังแพลนจะไปเที่ยวกัน นั่นแหละครับเลยกลายเป็นว่าทุกคนงอแงจะไปด้วยหมดเลย จากทริปสองคนพี่น้องก็กลายเป็นทริปครอบครัวที่พี่สินเขาตั้งชื่อมานั่นแหละครับ

 

"แล้วจะแต่งอะไรนักหนาครับเนี่ย ยังไงคืนนี้ก็ต้องไปนอนค้างที่บ้านใหญ่ก่อนอยู่ดี" ผมถอนหายใจเดินบ่นงึมงำเคียงคู่กับพี่สินขณะไปลิฟต์

 

"ก็แต่งให้ดูดีไว้ไงครับ พ่อกับแม่จะได้รู้ว่าลูกสะใภ้ดูแลลูกชายท่านดีมาก" ผมฟาดแขนพี่สินไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้ เรื่องนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งที่เขาชอบหยิบยกมาแกล้งผม

 

"เลิกเรียกลูกสะใภ้เลย" พี่สินยกมือลูบแขนตัวเองป้อยๆแล้วหันมาทำหน้าอ้อน

 

"โอเคครับๆ ทำไมเดี๋ยวนี้แฟนพี่โหดจังกินน้ำหวานมากไปหรือเปล่า" ผมฟาดพี่สินไปอีกที หาว่าผมเป็นหมาหรอ ผมรู้นะโฟล์คเคยเล่นมุขนี้กับวิว

 

"ไม่แกล้งละๆ เอาของมานี่พี่ถือเอง" ผมรีบเบี่ยงตัวหลบพี่สินที่ทำท่าแย่งถุงผ้าที่ผมใส่ของกินไป ที่ตัวนั่นก็กระเป๋าสองใบทั้งของตัวเองและของผมแล้วนะ จะถึกไปไหน

 

"ปอนด์ถือเองได้แค่ถุงเดียวเนี่ย" พี่สินทำหน้ายู่บ่นพึมพำๆ แต่กลับเป็นคำบ่นที่ทำให้ผมยิ้มและรู้สึกดี

 

"ก็กลัวหนัก" ผมส่ายหัวให้แล้วเดินตามเจ้าตัวไปทางรถที่จอดอยู่เมื่อลิฟต์เปิดผมเข้ามานั่งรอพี่สินที่เปิดกระโปรงหลังเอาพวกกระเป๋าไปวางเก็บอยู่แล้วอ้อมมาที่นั่งคนขับก่อนจะเดินทางไปรับพี่เป้ที่สนามบินกัน

 

 

********************************

 

"พี่เป้ทางนี้ๆ" ผมโบกมือให้พี่ชายตัวเองที่ลากกระเป๋าออกมาหันซ้ายหันขวาจนเกือบโดนคนข้างหลังชน พอพี่เป้เห็นผมก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาก่อนจะโผตัวกอดผมทั้งตัวจบแทบล้ม

 

"ปอนด์ คิดถึงจังเลยยยยยย" กอดแน่นไปมั้ยเนี่ยผมหายใจไม่ออกแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้เขากอดจนพอใจนั่นแหละซึ่งก็นานพอจนพี่สินต้องกระแอมขัด

 

"พอแล้วมั้ง เว่อร์นะเนี่ยพี่อ้ะไปได้ไม่กี่เดือนเอง" พี่สินพูดแขวะพี่เป้เล็กน้อย ผมผละออกจากอ้อมกอดพี่ชายตัวเองเมื่อเขาคลายวงแขน

 

"ยุ่ง เรื่องมึงยังไม่เคลียร์นะเดี๋ยวต้องคุยกันหน่อยแล้ว"

 

"เรื่องผม? เรื่องอะไรพี่มีแต่เรื่องของผมกับแฟนนะที่พี่ต้องเคลียร์" พี่สินเลิกคิ้วกวนประสาทพี่เป้ให้ได้โมโหเล่นๆ จนผมต้องปรามทางสายตาเล็กน้อย

 

"มาเหนื่อยๆ รีบกลับไปนอนพักกันมั้ยครับ ปอนด์ทำแซนด์วิชมาให้ด้วยนะพี่เป้หิวหรือเปล่า" ผมรีบเอาใจพี่ชายตัวเองก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ พี่เป้หันมายิ้มกว้างให้แล้วกอดผมอีกครั้งก่อนจะรั้งให้ออกเดินด้วยกันแล้วทิ้งกระเป๋าลากไว้ให้พี่สินจัดการลากตามมาให้

 

"รู้ใจพี่ที่สุดเลยหิวจนท้องร้องแล้วเนี่ยอาหารบนเครื่องไม่ถูกปากเลยคิดถึงฝีมือน้อง" พี่เป้ว่าเสียงอ้อนๆแล้วเดินลิ่วๆลากผมไปด้วยไม่รอพี่สินแม้แต่น้อย

 

"เดินนำไปรู้หรอว่ารถอยู่ไหน" พี่สินเอ่ยเรียบๆแต่เหมือนเป็นการไปกวนประสาทพี่เป้มากกว่าเพราะตอนนี้พี่สินทำอะไรก็คงขัดตาพี่ชายผมหมดนั่นแหละครับ

 

"ก็นำไปสิมึงน่ะ" พี่สินหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินนำไปแต่ยังไม่วายเอื้อมแขนขวามากอดคอผมด้วยจนพี่เป้ตีแขนดังเพียะ

 

"โอ๊ย ทำร้ายผมทำไมเนี่ย"

 

"มากอดคอน้องกูทำไม เดินไปดีๆ"

 

"เอ้า นั่นก็แฟนผมนะ"

 

"เออ รู้ แต่กูไม่ให้กอดมึงจะทำไม นี่ก็น้องกูนะ"

 

"พี่น้องกันจริงว่ะ เอะอะฟาดแขน" พี่สินไม่ติดใจอะไรเดินนำไปหน้ามุ่ย ผมยิ้มขำกับการตีกันเป็นเด็กๆของสองคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ พี่เป้เดินเข้ามากอดคอผมจากอีกข้างแทนจากนั้นก็เล่านู่นนี่ตั้งมากมายให้ผมฟังตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ทั้งเรื่องงาน เรื่องเพื่อนใหม่ แล้วก็เรื่องหาๆที่เรียนต่อโทให้ผมด้วย ยังคงไม่ละความพยายามจริงๆที่จะให้ผมไปอยู่ที่นู่นด้วย เฮ้อ แต่กว่าผมจะจบปีสี่ก็อีกตั้งนานจะรีบหาไปไหน ตอนนี้ผมสนใจแค่พี่ชายตัวเองกลับมาหาเท่านั้นแหละสำหรับผมเองแค่ไม่กี่เดือนที่พี่สินว่าก็นานมากแล้วสำหรับผมกับพี่ที่ไม่เคยห่างกันเลย วันนี้ผมเลยอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษเลยตั้งใจว่าจะเกาะติดพี่เป้จนกว่าเจ้าตัวจะกลับไปอีกรอบ ซึ่งพี่เป้ก็บอกว่าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่า

 

"ปอนด์พี่อยากกินหมูทอด" ตั้งแต่ผมมาถึงบ้านใหญ่ผมกับพี่เป้ก็เอาแต่อยู่ด้วยกันบนห้องนอนที่แม่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้ พี่เป้เพิ่งลงเครื่องมาเหนื่อยๆเลยนอนหพักยังไม่ได้จัดการของในกระเป๋า ผมเลยต้องมาจัดการให้ ส่วนพี่สินก็เอาแต่เดินมาบอกว่าอยากกินนู่นกินนี่ รอบนี้ก็เป็นรอบที่ห้าได้แล้วมั้ง

 

"เบาๆครับเดี๋ยวพี่เป้ตื่น ขอปอนด์จัดตรงนี้ก่อนนะครับแล้วเดี๋ยวปอนด์ไปทำให้"

 

"ทำไมเอาแต่ทำให้พี่เป้ไม่สนใจพี่เลย" พี่สินว่างอนๆแล้วเดินเข้ามากอดเอวผมไว้หลวมทำเสียงกระเง้ากระงอดเป็นเด็กๆ

 

"ใครบอกไม่สนใจครับ นี่ไงเดี๋ยวปอนด์รีบจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้พี่เป้แล้วเราลงไปหาอะไรกินกันนะ" พี่สินพยักหน้ารับโขมยหอมแก้มผมทีนึงก่อนจะเดินไปนั่งรอตรงปลายเตียง ผมจึงหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของพี่เป้ต่อ

 

"โอ๊ย" เสียงเหมือนของหนักๆตกลงพื้นแล้วตามมาด้วยเสียงอุทานของพี่สินทำให้ผมต้องหันกลับไปหาเจ้าตัวอีกครั้ง

 

"พี่สินเป็นอะไรครับ" ผมถามเจ้าตัวที่รีบลุกขึ้นลูบก้นตัวเองป้อยๆก่อนจะหันไปชี้พี่เป้ที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง

 

"พี่เป้ไม่ต้องมาทำเนียนแกล้งหลับเลยนะ ถีบมาได้เจ็บนะเว้ย" ผมขมวดคิ้วมองพี่ชายตัวเองก็ยังเห็นหลับสนิทอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยเดินไปตีแขนพี่สินเบาๆ

 

"เบาเสียงหน่อยสิครับ พี่เป้เดินทางมาเพลียขนาดนั้นไม่ตื่นง่ายๆหรอก"

 

"น้องอย่าไปเชื่อ พี่เป้ของน้องถีบพี่นะ" พี่สินงอแงเป็นเด็กแล้วหันไปมองคนบนเตียงตาขวาง

 

"พี่เป้น่าจะดิ้นน่ะครับ พี่สินลงไปรอข้างล่างก่อนนะเดี๋ยวปอนด์ตามไป" ผมดันหลังพี่สินให้ออกไป เจ้าตัวอิดออดเล็กน้อยแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี ผมรีบปิดประตูแล้วหันมายืนกอดอกมองคนบนเตียง

 

"ไม่น่ารักเลยนะครับ" พี่เป้ถอนหายใจเฮือกก่อนจะลุกขึ้นมองผมหน้ามุ่ย

 

"ก็พี่หวงอ้ะน้องพี่ ไอ้สินมันทำรุ่มร่าม"

 

"พี่สินเขาเป็นแฟนปอนด์นะครับ"

 

"น้องปกป้องมันอ้ะ" ผมขำพี่เป้เล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ

 

"ตาแดงหมดแล้ว ง่วงก็นอนสิครับ จะฝืนทำไม" ผมมองพี่ชายตัวเองที่ง่วงจะตายอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมนอนอีก อยากจะส่ายหัวให้กับความดื้อของคนตรงหน้าเลย

 

"ถ้ายังไม่นอนปอนด์โทรฟ้องพี่เสือนะครับ"

 

"นอนแล้วๆ" พี่เป้รีบคลุมโปงหนีผมทันทีเมื่อผมอ้างถึงแฟนเจ้าตัว ผมรีบเก็บของทั้งหมดให้เสร็จแล้วเดินลงไปข้างล่างก็เจอพี่สินนั่งอยู่กับคุณแม่ตรงโซฟากลางบ้าน

 

"นั่น น้องมาแล้วเลิกทำหน้าบูดสักทีเจ้าลูกชายคนนี้" คุณแม่หันมายิ้มให้แล้วเดินควงผมไปบริเวณห้องครัว

 

"แม่ให้คนเตรียมของไว้ให้แล้วน้องปอนด์มาช่วยเป็นลูกมือแม่หน่อยนะ แม่บอกจะทำให้ก่อนก็ไม่เอางอแงจะให้น้องปอนด์ทำให้กิน ใช่สิเดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วลืมแม่กันหมด" คุณแม่เดินไปบ่นไปอย่างไม่จริงจังนัก ผมยิ้มรับน้อยๆ

 

"ขอโทษนะครับปอนด์ไม่รู้ว่ารออยู่"

 

"แม่ไม่ได้บ่นเราจ้ะ บ่นพ่อลูกชายตัวดีนั่นแหละน้อยใจน้องปอนด์ไม่สนใจ" ผมหันไปถลึงตาใส่คนตัวโตขี้ใจน้อย นี่ฟ้องคุณแม่ไปถึงไหนแล้วเนี่ย

 

"ก็ปอนด์ไม่สนใจพี่จริงๆ" ผมส่ายหัวให้ก่อนจะลงมือช่วยคุณแม่ทำกับข้าวโดยมีพี่สินเป็นป่วน เดินหยิบนู่นจับนี่เข้าปากเรื่อยๆ ผมตีมือที่กำลังจะหยิบหมูทอดที่ผมเพิ่งเอาลงจากเตา เผลอไม่ได้เลย

 

"หยุดเลยครับรอสะเด็ดน้ำมันก่อนมันร้อนเดี๋ยวลวกมือ" พี่สินทำหน้างอเล็กน้อยแต่ก็ยอมเชื่อฟังไม่หยิบจับอะไรอีก

 

"จะกินเลยใช่มั้ยลูกแม่จะให้เด็กเอาไปจัดโต๊ะ"

 

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวปอนด์ยกไปเองดีกว่าแค่นี้เอง พี่สินมาช่วยกันครับ" ผมหันไปพยักหน้าให้พี่สินก่อนจะเดินถือจานกับข้าวสองสามจานไปวางที่โต๊ะกินข้าว เดินวนอยู่สองรอบก็หมดแล้วเพราะไม่ได้ทำอะไรเยอะ

 

"เดี๋ยวปอนด์ไปปลุกพี่เป้ก่อนนะครับ" ผมรีบลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นสองไปตามพี่ชายตัวเองทันที พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอพี่เสือกำลังปลุกพี่เป้อยู่ เอ่อ ไม่รู้ว่าจะปลุกหรือจะลงไปนอนด้วยกัน โน้มตัวลงไปขนาดนั้น

 

"อะแฮ่ม ขอโทษนะครับ" พี่เป้สะดุ้งรีบผลักพี่เสือออกจากตัวแล้วลุกมามองผมตาโต

 

"พี่เสือมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย"

 

"เมื่อกี๊ ว่าแต่มีอะไรเรา"

 

"อ๋อ ปอนด์จะมาตามลงไปกินข้าวน่ะครับ เห็นว่าเที่ยงแล้ว" พี่เสือพยักหน้าเอือมๆก่อนจะโบกมือไล่ผม ส่วนพี่เป้วิ่งเข้าห้องน้ำไปยังกับเดอะแฟลชเลยครับ ผมเดินอมยิ้มลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวจนพี่สินสังเกตได้

 

"เป็นอะไรเราอารมณ์ดีมาเชียว" ผมส่ายหัวไม่ได้ตอบอะไรแต่นั่งคุยกับคุณแม่ไปเรื่อยเปื่อยรอพี่เป้กับพี่สินมากินข้าวพร้อมกัน ไม่นานทั้งสองคนก็ลงมา คุณแม่จัดการเซลฟี่รูปพวกเราพร้อมกับอาหารหน้าตาอร่อยแล้วก้มหน้าพิมพ์ยุกยิกๆอยู่สักพักก่อนจะวางมือถือลง

 

"มา กินกันเลยลูก" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มตักข้าวให้ทุกคน

 

"น้องปอนด์ เราเอากล้องมาแล้วใช่มั้ย" ผมพยักหน้าตอบคุณแม่ที่อยู่ๆก็ถามขึ้น

 

"ดีเลย แม่จะให้หนูถ่ายรูปให้ แม่จะเอาไปอัพไอจีอวดเพื่อนๆ" ผมหัวเราะเล็กน้อย คุณแม่เคยพูดไว้นานแล้วแต่เราก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปไหนด้วยกันเท่าไหร่ ครั้งนี้ประจวบเหมาะพอดี

 

"ได้เลยครับ"

 

"แม่จองตัวแล้วนะ ตากล้องส่วนตัวแม่คนนี้ห้ามแย่งเลย" 

 

"ได้ไงล่ะครับ เป้ก็อยากได้รูปสวย" พี่เป้ว่าอ้อนๆก่อนจะตักกับข้าวใส่จานคุณแม่

 

"งั้นแม่ยอมให้ถ่ายเป้กับแม่สองคนละกัน"

 

"อ้าวแม่/ไหงงั้นล่ะแม่" พี่เสือพี่สินพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนทุกคนจะหัวเราะไปกับบทสนทนาที่ไม่จริงจังบนโต๊ะอาหารมื้อนี้ ถึงมื้อนี้คุณพ่อพี่สินจะไม่ได้อยู่กินด้วยกันแต่มันก็อบอุ่นมากๆ เลยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ผมยังคิดเลยว่าถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้าผมกับพี่สินไม่ได้คบกันต่อ แต่ก็คงไม่เป็นอะไร ผมคงสามารถไปมาหาสู่กับบ้านนี้ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวง เพราะทุกคนใจดีกับผมมาก มากจริงๆ ผมเดินขึ้นห้องมากับพี่เป้สองคน แต่กว่าจะถึงห้องก็ต้องตกลงกับสองพี่น้องเสือสินอยู่นานพอสมควร เพราะว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ผมนอนกับพี่เป้ พี่เสือนี่จ้องผมยังกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่สุดท้ายโดนพี่เป้ดุบอกว่าเพิ่งเจอกันไปเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เลยสงบได้ ส่วนพี่สินแค่ผมจ้องดุๆหน่อยก็ยอมแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆ พี่เป้ขอเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวออกมาเอาของฝากให้ ผมก็เลยนอนเล่นมือถือบนเตียงรอ มีโนติไลน์เด้งมาผมจึงเปิดเข้าไปดู 

 

"แอดเข้าร่วมกลุ่มหรอ?" ผมกดนิ้วเข้าไปดูกลุ่มที่ว่า ครอบครัว? มือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเล็กน้อย ผมกดจอยเข้ากลุ่มก่อนจะไล่ดูสมาชิกในกลุ่มนี้แล้วยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พอผมเข้าร่วมกลุ่มได้ไม่ถึงนาทีคุณแม่ก็ส่งรูปที่เราถ่ายกันเมื่อตอนก่อนกินข้าวเข้ามาในไลน์แถมแท็กอวดคุณพ่อด้วย ผมส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายกอดหัวใจไปด้วยความรู้สึกที่พองโต น้ำตาที่คลออยู่หางตามาจากความปลื้มปริ่มใจที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แต่ว่าผมจะพยายามรักษาครอบครัวนี้ให้อยู่ตลอดไปให้ได้เลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*********************

tbc.

 

มาแล้วจ้า มาแล้วววว ตอนหน้าจบนะ สำหรับใครที่คิดว่าอยากให้น้องบอกเหตุผลที่น้องกลัวความเร็วกับพี่ ต้องขอโทษด้วยนะ เราไม่ได้วางเรื่องมาให้น้องบอก มันต้องใช้เวลานานมากจริงๆ ในการบอกเรื่องบางเรื่องกับคนๆหนึ่ง ความลับบางอย่าง เราก็อยากจะเก็บไว้กับตัวไปให้นาน เพราะไม่อยากให้คนที่เรารักต้องรู้สึกทุกข์ใจไปกับเราด้วย 

 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ เจอกันตอนหน้า

 

 

  :mew1: :mew1:

 


ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #67 เมื่อ23-08-2020 15:36:23 »

 :m25:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #68 เมื่อ23-08-2020 22:42:14 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


Ch. 34 เรื่อยๆ ไปจนแก่


 




 

 

"สินเดี๋ยวแวะปั๊มหน้ามึงมาเปลี่ยนกูหน่อย" เสียงจากพี่เสือผู้ซึ่งขับรถพาพวกเรามาเที่ยวที่กาญฯดังขึ้น พี่สินงัวเงียผุดลุกจากการนอนหลับมาตลอดทางพลางขยี้ตาชะโงกหน้าไปถามพี่เสือ

 

"ได้ ว่าแต่ถึงไหนแล้ว?"

 

"ตัวเมืองละ" พี่เสือตอบพลางตบไฟเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ตอนแรกคุณพ่อจะให้คนขับรถเป็นคนพามาแต่ความดื้อของพี่เสือและพี่สินที่บอกจะรับหน้าที่ขับพามาเองนั่นชนะขาดลอย

 

"โห จะถึงอยู่แล้วทำไมพี่ไม่ขับให้ถึงไปเลยล่ะ" พี่สินถามเสียงหงุดหงิดแล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักผม

 

"จะถึงอะไรล่ะ เพิ่งตัวเมืองเนี่ยต้องขับไปอีกไกลอยู่ ใครเขาให้มึงติสท์จองที่พักซะห่างไกลล่ะ" พี่เสือบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหันหน้าเลยไปทางคุณพ่อคุณแม่

 

"พ่อครับแม่ครับเดี๋ยวพักกินข้าวกันที่นี่สักพักนะครับ เสือจะพักรถด้วย"

 

"ดีเลยลูกแม่อยากไปยืดเส้นยืดสายอยู่" พี่เป้ลงจากเบาะข้างคนขับไปเปิดประตูให้คุณพ่อคุณแม่ ส่วนผมกับพี่สินที่จองเบาะหลังทั้งแถวรอให้ท่านลงไปก่อนแต่คนตัวโตที่ทำตัวเป็นเด็กๆไม่ยอมลุกจากการหนุนตัก

 

"ลุกได้แล้วครับไม่หิวหรอ"

 

"อยากนอนต่ออ้ะ"

 

"ปอนด์ว่าลงไปหาอะไรกินแล้วไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าครับ ถ้านอนต่อเดี๋ยวตอนขับจะยิ่งง่วงนะ" พี่สินพยักหน้ากับพุงผมพลางลุกขึ้นนั่งอย่างอิดออด

 

"ไปครับถ้ายังไม่อยากกินข้าวเดี๋ยวกินแซนด์วิชของปอนด์ก็ได้"

 

"แล้วน้องไม่กินหรอ"

 

"ปอนด์ว่าจะไปกินข้าวทีเดียวเลยครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะอันนี้ส่วนของปอนด์ยังไม่กัดเลย" ผมยื่นแซนด์วิชของตัวเองที่เหลืออยู่หนึ่งชิ้นให้พี่สิน

 

"ต่อให้น้องกัดไปแล้วพี่ก็กินได้" พี่สินคว้าไปก่อนจะลงจากรถนำไปก่อน ผมรีบตามลงไปก่อนจะพาเจ้าตัวไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น

 

"ทิชชู่ครับ" พี่สินรับทิชชูไปซับหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำจนมันเป็นขุยน้อยๆติดอยู่บนหน้า ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบออกให้

 

"โอ๊ยยยยยย นี่น้องกูมันเป็นแม่มึงป้ะเนี่ย ดูแลอะไรขนาดนั้นน่ะเราให้มันทำเอง" พี่เป้ที่เดินตามมาเข้าห้องน้ำอดไม่ได้ที่จะแขวะพี่สิน ส่วนพี่สินก็ไม่น้อยหน้ายังจะหันไปยักคิ้วยิ้มเหนือใส่ให้พี่เป้หงุดหงิดเล่นอีก ผมตีไหล่พี่สินเบาๆเป็นการเตือน พี่สินหันมายู่หน้านิดๆก่อนจะหันไปต่อปากต่อคำกับพี่เป้ต่อ

 

"แม่ทูนหัว แม่ของลูกอ้ะใช่" พี่เป้หน้าคว่ำทำท่าจะเข้ามาขย้ำคอพี่สินให้ได้แต่โดนพี่เสือลากไปเข้าห้องน้ำซะก่อน

 

"ไปเลย ตีกันเป็นเด็กๆไปได้พวกมึงนี่ จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่หรอมึงอ้ะเป้" พี่เป้ที่ทานแรงแขนของพี่เสือไม่ไหวจำต้องเดินไปตามแรงลากแต่ก็ยังไม่วายหันมาชี้หน้าพี่สินเป็นเชิงฝากไว้ก่อน

 

"ไปครับคุณพ่อคุณแม่รอมันจะไม่ดี" พี่สินยิ้มก่อนจะเดินกอดคอผมตรงไปร้านอาหารที่ไปสั่งรอไว้ก่อนแล้ว

 

"น้องปอนด์มานั่งข้างแม่มาลูก" ผมรีบเดินไปนั่งข้างๆท่านคุณแม่ก็ชวนคุยนู่นนี่เรื่อยเปื่อย บางครั้งคุณพ่อก็ร่วมวงสนทนาบ้างพี่เป้กับพี่เสือก็กลับมาที่โต๊ะแล้วคุณแม่จะให้พนักงานมาเสิร์ฟได้

 

"แล้วนี่เมื่อไหร่น้องปอนด์จะย้ายเข้ามาอยู่บ้านแม่ล่ะคะ?" ผมแทบสำลักข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่พี่เป้เองก็ชะงักไปเหมือนกัน ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ

 

"แม่ครับผมกับน้องเพิ่งคบกันเองนะ" พี่สินตอบแทนผมที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูกไปแล้วเรียบร้อย

 

"ไม่เห็นเกี่ยว ลูกจะเพิ่งคบก็เพิ่งคบไปสิแม่จะให้น้องปอนด์มาอยู่กับแม่ในฐานะลูกชายอีกคนหนิ แล้วบอกเลยนะถ้าลูกกล้าทำน้องเสียใจทรัพย์สมบัติในส่วนของลูกแม่จะยกให้น้องหมดเลย" คุณแม่ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจพี่สินที่อ้าปากค้างไปแล้วเรียบร้อยคุณแม่หันมาทำตาเป็นประกายใส่ผมแทนแล้วเขย่าแขนท่าทางเอาแต่ใจ

 

"นะน้องปอนด์ลูก แม่ก็แก่แล้วอยู่บ้านคนเดียวมันก็เหงาๆ เจ้าลูกชายตัวดีแต่ละคนก็ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องถ้าน้องปอนด์มาอยู่ด้วยบ้านคงจะสดใสขึ้นเป็นกอง" ผมที่กำลังทำตัวไม่ถูกได้คุณพ่อช่วยชีวิตไว้ด้วยการกระแอมเบาๆ

 

"กินข้าวกันก่อนเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมดเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคุยกัน" ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก มื้ออาหารเป็นไปอย่างราบรื่นคุณแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกซึ่งนั่นก็ดีแล้วแหละครับ หลังจากกินข้าวและพักรถเสร็จพวกเราก็เดินทางต่อไปยังที่พักทันทีโดยครั้งนี้เป็นพี่สินขับและผมที่นั่งข้างคนขับแทน ออกจากตัวเมืองมาได้สักพักด้วยความอิ่มท้องทุกคนเลยหนังตาหย่อนหลับกันทั้งคันรถมีผมที่นั่งเป็นเพื่อนคนขับเท่านั้น

 

"น้องง่วงหรือเปล่า ถ้าง่วงน้องนอนก็ได้นะ"

 

"ไม่ง่วงครับเดี๋ยวปอนด์คุยเป็นเพื่อน" พี่สินยิ้มรับก่อนจะผละมือข้างหนึ่งมาขยี้หัวผมเบาๆ

 

"ปอนด์ เรื่องที่แม่พี่พูดน้องอย่าไปคิดมากนะ" ผมหันไปมองหน้าพี่สินเจ้าตัวไม่ได้ละสายตาจากท้องถนนมองผมกลับแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความกังวลใจของเขาจากคิ้วเข้มที่ขมวดอยู่

 

"ไม่เป็นไรเลยครับปอนด์ไม่ได้คิดมากอะไร พี่สินก็อย่าคิดมากนะคุณแม่ไม่ตัดออกจากกองมรดกหรอก" ผมพูดติดขำเพื่อให้พี่สินคลายกังวล

 

"เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก พี่กลัวแต่เราจะอึดอัด แม่เขาเอ็นดูน้องกับพี่เป้มากเลย ตอนพี่เสือเปิดตัวกับพี่เป้ก็แบบนี้แหละ"

 

"ไม่ได้อึดอัดอะไรครับ แค่...ไม่ชินเฉยๆ" ผมว่าเสียงแผ่ว ไม่ชินกับการมีผู้ใหญ่คนหนึ่งรักและเอ็นดูมากใส่ใจมาก ไม่ชินกับการมีความสุขมากขนาดนี้ ไม่ชินเลย

 

"เดี๋ยวน้องก็ชิน ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ มีอะไรต้องพูดออกมารู้มั้ย ทุกคนพร้อมจะรับฟังน้อง" ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มให้แทนคำขอบคุณ พี่สินขับออกจากตัวเมืองมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึงที่พักซึ่งเป็นแพที่เราจองเอาไว้ ถ้าไม่มีรถมาเองก็ค่อนข้างลำบากพอสมควรเพราะว่าต้องเข้ามาลึกแทบจะอยู่กลางป่ากันเลยทีเดียว พี่เสือกับพี่เป้ไปทำการเช็คอินส่วนผมก็เดินดูรอบๆแพเช็คอิน บรรยากาศดีมากๆ มีภูเขาล้อมรอบ น้ำใสสะอาด อากาศก็ดี แค่เห็นก็อยากจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแล้วครับ

 

"อ้ะนี่ อันนี้กุญแจห้องมึงกับน้องปอนด์" พี่เสือยื่นกุญแจให้พี่สินดอกหนึ่งโดยมีพี่เป้ที่ทำท่าทักท้วงอยู่ด้านหลังแต่พี่เสือไม่ปล่อยให้มาแย่งกุญแจไปจากมือพี่สินได้

 

"เย็นนี้เขามีกิจกรรมมีไปล่องแพ บานาน่าโบ้ท กูจ่ายตังไปแล้วจะไปไม่ไปก็แล้วแต่ กูไปพักก่อนละกันเจอกันตอนห้าโมง" แล้วพี่เสือก็ลากคอพี่เป้ไปเลย ผมได้แต่ส่ายหัวมองสองคนนั้นก่อนจะเดินไปห้องตัวเอง ห้องพักก็ดูสะอาดสะอ้านดีครับ ทุกอย่างถูกดีไซน์ด้วยไม้ไผ่ พอเปิดประตูหลังห้องมาก็เป็นระเบียงห้องที่มีโต๊ะและเก้าอี้เอาไว้นั่งเล่น มีเปลผูกไว้พร้อมกับเสื้อชูชีพสองตัว และมีแพไม้ส่วนตัวต่อให้เราเดินลงไปนั่งห้อยขาเล่นกับน้ำได้ด้วย มีเรือพลาสติกลำเล็กๆผูกไว้อีก โดยรวมคือผมชอบมากๆเลย ผมเดินลงไปนั่งบริเวณแพไม้แล้วห้อยขา มองออกไปแพถัดไปสองหลังเห็นคุณพ่อคุณแม่นั่งเล่นบริเวณระเบียงอย่างผ่อนคลาย

 

"มานั่งตากแดดอะไรตรงนี้เรา เข้าไปพักรอแดดร่มก่อนมั้ย" ผมหันไปมองแพข้างๆที่ห่างกันไปไม่เท่าไหร่มีคนเดินลงมานั่ง เป็นพี่เป้นั่นเอง

 

"แดดไม่แรงเท่าไหร่ครับ อีกอย่างน้ำก็เย็นดีด้วยปอนด์เลยมานั่งเล่น" พี่เป้พยักหน้าแล้วนั่งเอาขาจุ่มน้ำเหมือนผม

 

"น้องชอบมั้ย?"

 

"ชอบครับ อยากมาบ่อยๆเลย" ผมพูดไปตามที่ใจคิด

 

"ขอโทษนะ" พี่เป้พูดเสียงอ่อยๆ จนผมต้องหันกลับไปมองด้วยความงุนงง เจ้าตัวเอากิ่งไม้แถวๆนั้นนั่งตีน้ำไปเรื่อยเปื่อยไม่หันมามองหน้าผม

 

"ขอโทษเรื่องอะไรครับ?" 

 

"ก็พี่ไม่ค่อยมีเวลาพาเรามาเที่ยวแบบนี้เลย แถมยังไปทำงาน ทิ้งเราไว้ไกลหูไกลตาอีก"

 

"อย่าพูดแบบนั้นสิครับ พี่เป้ก็พยายามพาปอนด์เที่ยวตลอดแต่ปอนด์ปฏิเสธเองจำไม่ได้หรอครับ" ผมพูดเสียงดุกลับไปให้กับคนที่คิดมากไม่เข้าเรื่อง

 

"ถ้าไม่เลิกคิดมากปอนด์จะโกรธนะครับ" ผมพูดคาดโทษอีกฝ่ายไป พี่เป้รีบเงยหน้ามาเหรอหราโบกมือเป็นพัลวัน

 

"ไม่เอาๆๆ ไม่โกรธดิ พี่ไม่คิดมากแล้ว" ผมยิ้มเมื่อแกล้งให้อีกฝ่ายหน้าตาลนลานได้ พี่เป้กลั้นยิ้มก่อนจะวักน้ำใส่ผม ผมก็ทำคืนจนกลายเป็นสงครามสาดน้ำขนาดย่อมตรงแพหน้าบ้าน ผมกับพี่เป้หัวเราะลั่นเมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายเปียกปอนเป็นลูกหมาพอๆกัน

 

"เล่นอะไรกันเนี่ย เปียกไปหมดแล้วไม่ต้องพักแล้วมั้ง" พี่เสือทักขึ้นเมื่อเดินมาข้างหลังพี่เป้แล้วพยายามจับอีกฝ่ายโยนลงน้ำ ส่วนพี่เป้ก็เกาะเป็นลูกลิง ผมหัวเราะท่าทางของทั้งสองคนจนไม่สังเกตว่ามีใครอีกคนเดินมานั่งซ้อนหลัง พี่สินเอาผ้าขนหนูผืนเล็กวางโปะไว้บนหัวผมก่อนจะลงมือเช็ดให้เบาๆ

 

"เล่นอะไรเป็นเด็กๆ เปียกหมดแล้วเนี่ย ทำไมน้องไม่นอนพักเดี๋ยวเย็นนี้ต้องไปล่องแพอีกนะ" ผมหันไปคลี่ยิ้มให้พี่สินเบาๆ ไม่ได้ทักท้วงอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดผมให้แบบนี้ก็สบายดี พี่เสือลากพี่เป้เข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วบริเวณนี้ก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่สินสองคน

 

"น้อง พี่อยากจูบ" พี่สินพูดขึ้นเบาๆหลังหูผมเลยหันหน้าไปหาเจ้าตัวพอพี่สินโน้มตัวลงมาใกล้ผมก็รีบเบี่ยงหน้าออกทันที

 

"ติดไว้ก่อนนะครับตรงนี้ข้างนอกเดี๋ยวคนมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี" ผมรีบผุดลุกเดินเข้าห้องก่อนจะโดนพี่สินจับตัวได้ถึงมันแทบจะไม่ช่วยอะไรเพราะเรานอนห้องเดียวกันก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็รอดเงื้อมมือเขาไปได้อยู่

 

**********************

 

"มัดตรงนี้แน่นยัง น้องหันมาหน่อยพี่จะเช็คให้" ผมโดนพี่สินจับหันหน้าหันหลังอยู่หลายรอบจนเริ่มจะมึนหัว แค่ใส่เสื้อชูชีพแค่นี้เอง

 

"ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งแม่จะมีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้นะเนี่ย" คุณแม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกเอ่ยแซวขำๆจนผมเริ่มอาย

 

"พอแล้วครับ แน่นเกินไปแล้ว" ผมพูดให้พี่สินวางใจแต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็ยังคงห่วงเกินเบอร์ไม่เลิกอยู่ดี ผมเลยได้แต่ส่ายหัวเบาๆ พนักงานขับเรือลากแพที่เรานั่งกันมาได้ระยะหนึ่งก็จอดให้เราโดดลงน้ำไปพร้อมกับมีคนที่เป็นไลฟ์เซฟเวอร์ ผมที่ไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้มาก่อนตื่นเต้นมากๆ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มารอบเดียวกันเหมือนจะคุ้นชินกับกิจกรรมนี้ดีทุกคนต่างพากันกระโดดลงน้ำด้วยท่าทางผาดโผน ผมนั่งลงริมแพตั้งใจจะลงน้ำแบบดีๆ พี่สินซึ่งกระโดดลงน้ำไปก่อนแล้วจึงโผล่หัวขึ้นมาอุ้มผมลงน้ำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้ พอลงน้ำได้ผมก็ลอยตัวรอพี่เป้ที่ถอยไปตั้งหลักอย่างไกลแล้ววิ่งมากระโดดน้ำเสียงตูมเป็นเด็กๆเรียกเสียงหัวเราะจากคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ท่านสองคนไม่ได้ลงมาเล่นด้วยแต่เลือกจะนั่งถ่ายคลิปให้พวกเราแทน พวกเราเริ่มออกตัวว่ายน้ำกันเป็นกลุ่มๆโดยมีผู้เชี่ยวชาญพื้นที่ว่ายน้ำคุมไปด้วย มีหนึ่งคนตรงหัวแถว กลางแถว และคุมด้านหลังสุด ผมกับพี่ๆว่ายตามเป็นกลุ่มสุดท้ายโดยมีคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่บนแพที่กำลังลอยตามมา

 

"นี่พากันมาเที่ยวเป็นครอบครัวหรอครับ" ผมหันไปทางนักท่องเที่ยวชาวไทยคนหนึ่งที่ว่ายเกาะกลุ่มอยู่กับพวกเราก่อนจะยิ้มรับ ส่วนพี่เป้ตอบกลับเบาๆว่าใช่ครับ

 

"พี่น้องสนิทกันแบบนี้น่ารักดีนะครับ" จบคำพูดนั้นพี่เสือกับพี่สินหน้าตึงทันทีทั้งยังว่ายเข้ามาใกล้ๆผมกับพี่เป้อีก

 

"ไม่ใช่พี่น้อง" พี่เสือพูดตอบกลับไปทั้งคิ้วยังขมวดใส่อีกฝ่าย

 

"อ่อ เพื่อนกันหรอครับ ขอโทษทีผมไม่รู้"

 

"เป็นแฟนครับไม่ใช่เพื่อน" พี่สินตอบแค่นั้นแล้วรีบดึงแขนผมให้ว่ายน้ำไปพร้อมกับเขา ผมได้แต่หันไปยิ้มแหยให้ จากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้ามาอะไรกับพวกผมอีกเลย กว่าจะว่ายกลับถึงที่พักแขนขาผมก็แทบหมดแรงเพราะปกติไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว ในขณะที่พวกพี่ๆยังพลังล้นเหลือและไปต่อบานาน่าโบ๊ทกับเขาต่อได้ ผมมานั่งเล่นบนแพกับคุณพ่อคุณแม่รอจนพวกเขาเล่นเสร็จแล้วถึงพากันกลับห้อง ก่อนกลับพวกเราก็สั่งอาหารไว้ก่อน ตอนค่ำจะได้ออกมากินพร้อมกัน ซึ่งทางรีเซฟชั่นก็ได้จัดโต๊ะริมน้ำโซนเอาท์ดอร์ไว้ให้เลย ไฟประดับที่เป็นสีส้มสลัวๆกระทบกับแม่น้ำส่งให้บรรยากาศรอบตัวยิ่งดูสบายตามากไปอีก

 

"บรรยากาศดีมากเลยนะคะคุณ น่าจะมีเวลามากกว่านี้เนอะ มาพักสักอาทิตย์น่าจะดี" คุณแม่พูดขึ้นพลางทำหน้าเสียดาย ซึ่งคุณพ่อก็พยักหน้ารับไม่ปฏิเสธ

 

"ไว้ผมเคลียร์งานแล้วหาวันหยุดยาวๆเราค่อยไปเที่ยวกันอีกดีมั้ย คราวนี้ไปหาเจ้าเป้ที่ออสเตรเลียเลยเป็นไง" คุณพ่อพูดพลางตักกุ้งตัวโตที่แกะแล้วให้คุณแม่อย่างน่ารัก ผมนั่งมองผู้อาวุโสสองคนสร้างโลกสวีทกันอยู่สองคนก็ได้แต่ยิ้มตาม น่ารักจริงๆเลยนะ ผมเองก็อยากจะอยู่ช่วยกันดูแลกันกับพี่สินแบบนี้ไปเรื่อยๆจนแก่เลย

 

"อะแฮ่ม เบาๆหน่อยครับ ลูกเต้าก็นั่งอยู่ตรงนี้ยังจะสวีทกันได้ไม่อายเลยนะครับ" พี่สินกระแอมขึ้นเบาๆก่อนจะแซวทั้งสอง แต่ท่านก็ไม่ได้ยี่หระอะไร ติดออกจะกวนลูกชายตัวเองกลับด้วยการยักไหล่เบาๆแล้วหันไปคุยกับพี่เป้แทน

 

"ถ้าวันไหนพ่อมีเวลาว่างจะบินไปเที่ยวขอจองตัวไกด์คนนี้ไว้เลยได้มั้ย" พี่เป้หัวเราะก่อนจะสัญญากับคุณพ่อเป็นมั่นเป็นเหมาะ เราพากันกินข้าวเย็นและเดินย่อยกันบริเวณแพสักพักก่อนคุณพ่อคุณแม่จะขอตัวเข้านอนก่อน พอเหลือกันอยู่สี่คนพี่เสือก็สั่งเบียร์มานั่งกินกันสามคน ครับ ไม่นับผมเหมือนเดิม

 

"ไม่ลองหน่อยหรอเรา" พี่เสือยื่นขวดที่ว่างอยู่ให้ผมแต่พี่สินและพี่เป้ห้ามไว้ แต่เหมือนรอบนี้พี่เสือจะเตรียมการมาดี

 

"พวกมึงอย่าเว่อร์ ยังไงน้องมันก็เกินยี่สิบแล้ว มันต้องลองบ้างไอ้ของพวกนี้ต้องกินให้เป็น ไม่งั้นไปโดนใครเขามอมมึงจะตามไปช่วยกันทันมั้ย" พี่เป้และพี่สินคิดตามผมก็เลยจำใจรับเบียร์ขวดนั้นมาจิบๆดู ขมขนาดนี้ชอบกันไปได้ไง พวกเรานั่งกินกันไปคุยกันไปเบียร์ในมือผมก็ดูจะพร่องลงไปไม่ใช่น้อย แถมผมยังรู้สึกว่าแพมันโคลงเคลงผิดปกติด้วย พี่สินยื้อไปกระดกที่เหลือเองแล้วพยุงผมลุกขึ้นยืน แต่พื้นตรงหน้าเหมือนทางขึ้นเขาตรงหน้าทางเข้ารีสอร์ทเลย

 

"ไหวมั้ยเรา" เสียงพี่สินที่ดังขึ้นจากที่ไกลๆทำให้ผมหันไปหาแต่กลับปะทะกับแผ่นแข็งๆเข้าอย่างจัง

 

"กูว่าไม่น่าไหว มึงพาน้องมันไปนอนไป" จากนั้นพี่สินก็พยุงผมที่ห้อง ตลอดทางผมจะล้มอยู่หลายครั้งเพราะพื้นที่สั่นไม่เลิก ใครมาวิ่งเล่นบนแพหรือเปล่านะ พอถึงห้องได้ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นพัดลมเพดานหน้าตาวินเทจจนผมอยากจะถ่ายรูปมันเก็บไว้

 

"กล้อง....กล้องอยู่ไหน" ผมควานมือไปรอบๆ แต่ไม่เจอกล้องตัวเองเลย

 

"เห้ย ปอนด์อย่าปัดมั่ว ค่อยไว้ถ่ายพรุ่งนี้" เสียงพี่สินที่ดังมาไม่ทำให้ผมละความพยายามได้เลย ก็อยากถ่ายตอนนี้ทำไมต้องพรุ่งนี้ ผมขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกเวียนหัวไปหมด เพราะไม่ว่าจำคลำหายังไงก็ไม่เจอกล้องเลย เจอแต่อะไรไม่รู้

 

"พี่เตือนแล้วนะว่าอย่าจับมั่ว จะมาโทษพี่ไม่ได้นะตัวแสบ" ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากแสงสว่างเป็นมืดลงจากพัดลมเพดานเป็นเงาตะคุ่มๆแทน พอปรับสายตาให้เพ่งดูก็เห็นเป็นหน้าของพี่สินที่อยู่ห่างกันไปไม่ถึงคืบ สัมผัสยุกยิกตรงริมฝีปากทำให้ผมต้องขยับตามการชักนำนั้น พอรู้สึกหายใจไม่ทัน อีกฝ่ายก็ผละไป ก่อนจะกดย้ำ ซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด

 

"อ๊ะ" แรงกัดเบาๆตรงริมฝีปากล่างทำเอาผมลืมตา ความเจ็บและแสบนิดๆทำเอาผมอ้าปากร้องเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะได้โต้ตอบอะไรสิ่งที่ทำให้มัวเมายิ่งกว่าเบียร์ที่กินไปก็สอดเข้ามาในปากผม ผมขยับลิ้นหนีอีกฝ่ายก็ยิ่งรุกรานไล่ต้อนจนไม่มีที่หลบได้แต่ตอบสนองกลับไปอย่างไม่ประสา

 

"อื้ม พี่สิน...พอก่อน...ปอนด์หายใจไม่ทัน" พี่สินยอมผละออกโดยดีแต่ยังคงซบหน้าผากชนกันไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

 

"ให้พี่ได้มั้ยคะ?" คำถามที่ตรงซะจนแทบสร่างเมาดังขึ้นเบาๆขณะที่ปากอีกฝ่ายยังคลอเคลียไม่ห่าง แต่ไม่ว่าจะตอนไหน สุดท้ายสักวันหนึ่งเรื่องแบบนี้ก็ต้องมาถึงแล้วทำไมมันจะเป็นวันนี้ไม่ได้ล่ะ ผมพยักหน้าอย่างเขินอายก่อนจะรีบยกสองมือปิดหน้าที่ร้อนซะจนลวกผิว

 

"พี่จะพยายามทำเบาๆค่ะ พี่สัญญา" พี่สินพูดจบก็กดจูบที่ปากผมแผ่วๆก่อนจะเริ่มดุดันขึ้นต่างจากก่อนหน้าอีก มือที่อยู่ไม่สุขของเขาลูบไปลูบมาบริเวณเอาและสีข้างจนผมขนลุกไปทั้งตัว ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสื้อที่ใส่อยู่หลุดไปตอนไหน

 

"อื้อ ตรงนั้นอย่าจับ" ผมรีบตะครุบมือพี่สินที่ล้วงเข้าไปในกางเกงจับส่วนที่แข็งขืนอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงคนตรงหน้าได้

 

"พี่สินไม่ต้อง..." พี่สินก้มลงจูบปิดปากผมอีกครั้งก่อนจะเริ่มขยับมือเบาๆ กางเกงที่ใส่อยู่ถูกดึงจนหลุดร่นไปจนอยู่บริเวณหนั่นสะโพกให้เจ้าตัวได้ขยับมือถนัด

 

"คนดี ไม่เป็นไรค่ะ พี่เต็มใจทำให้" พี่สินพูดพลางขยับเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนผมที่ไม่เคยโดยคนอื่นสัมผัสมาก่อนทนได้ไม่นาน ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเองตอนที่หลั่งออกมาเพราะผนังห้องที่เป็นแค่ไม้ไผ่แบบนี้ไม่มีทางที่จะกักเก็บเสียงน่าอายเอาไว้ได้แน่ๆ นอนหอบหายใจได้ไม่นานพี่สินก็จับร่างของผมพลิกกลับ

 

"อื้อ!!!" ผมรีบก้มหน้ากับหมอนทันทีเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามาช่องทางด้านหลังทั้งที่

 

"น้องอย่างเกร็งครับ ชู่ว ไม่เป็นไรนะ" พี่สินแช่ค้างไว้สักพักให้ผมได้ปรับตัวกับนิ้วที่สอดเข้าไป แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจก็ใส่เข้ามาอีกจนผมรู้สึกตึงๆ ได้แต่จิกแขนอีกฝ่ายระบาย

 

"เจ็บหรอครับ" ผมส่ายหัวให้พี่สินเบาๆ 

 

"แค่..รู้สึก...แปลกๆครับ" พี่สินยิ้มออกมาอย่างใจชื้นก่อนจะก้มจูบปากผมไว้ มืออีกข้างที่ไม่ปล่อยให้ว่างก็ซุกซนอยู่บริเวณหน้าอกผมไม่เลิก คราวนี้พี่สินไม่ได้ผละริมฝีปากออกแต่กลับเพิ่มนิ้วขึ้นอีกเป็นสาม ผมพยายามถอยตัวออกเพราะรู้สึกเจ็บๆ แต่พี่สินไม่ยอมยังคงจับตัวเอวผมรั้งไว้แล้วก้มจูบปลอบ มืออีกข้างก็เปลี่ยนมาจับตรงกลางหว่างขาพยายามชักนำผมให้เกิดความรู้สึกอีกครั้ง นิ้วทั้งสามก็ขยับเข้าออกเบาๆ ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะขึ้น

 

"อือ...พี่สิน..ตรงนั้น...อ๊ะ อย่าเพิ่งขยับ" ผมร้องไม่เป็นคำเมื่อพี่สินขยับมือทั้งสองข้างเป็นจังหวะเดียวกัน มันรู้สึกทั้งเจ็บและรู้สึกดีไปพร้อมกันจนผมก็เริ่มสับสนตัวเอง

 

"น้องไม่กัดปากสิครับ" พี่สินรั้งหน้าผมให้หันกลับไปก่อนก้มลงเลียริมฝีปากผมเบาๆแล้วกดจูบ จากนั้นดึงนิ้วทั้งสามออก โดยมืออีกข้างยังไม่หยุดขยับ

 

"อย่าเกร็งนะครับ พี่จะทำเบาๆ พี่สัญญา น้องเชื่อพี่ใช่มั้ย?" ผมหลับตาพยักหน้ารับคำ รู้สึกโหวงๆเมื่อพี่สินดึงนิ้วออก ช่องทางข้างหลังยังคงขยับเพราะจังหวะจากนิ้วเมื่อสักครู่

 

"พี่ขอนะคะ" พี่สินกระซิบเบาๆข้างหูผมก่อนจะเลียเบาๆจนผมขนลุกซู่ ช่องทางเบื้องล่างถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าจนผมผวาเฮือกทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนที่ตัวเองซุกอยู่แน่น

 

"น้องอย่างเกร็ง เชื่อใจพี่" พี่สินขยับมือตรงส่วนนั้นของผมจนน้ำขาวขุ่นหลั่งออกมาเป็นรอบที่สอง เจ้าตัวเอานิ้วปาดน้ำตรงนั้นไปบริเวณช่องทางด้านหลังจนผู้รู้สึกเหนียวเหนอะ เพียงไม่นานก็รู้สึกเหมือนเจ้าตัวขยับเข้ามาเรื่อยๆจนผมอึดอัดไปทั้งตัวราวกับตัวจะแตกออก

 

"อ๊ะ!!" แรงกระแทกที่พี่สินดันส่วนนั้นของตัวเองเข้ามาจนสุดทำเอาผมต้องร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พี่สินก้มลงจูบปลอบประโลมและคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง มือข้างหนึ่งพยายามขยับให้ผมรู้สึกดีไปด้วยกันส่วนอีกข้างบดบี้บริเวณยอดอกจนผมรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งสันหลัง

 

"พี่จะขยับแล้วนะคะ" ผมรู้สึกถึงแรงขยับเข้าออกเบาๆจากคนด้านหลัง และแรงขบกัดอย่างหยอกเย้าบริเวณหลังคอ พี่สินเร่งจังหวะเร็วขึ้น จนผมที่พยายามกลั้นเสียงไว้เริ่มกลั้นไม่อยู่ จังหวะที่กำลังจะกัดปากเพื่อกลั้นเสียงก็โดนอีกฝ่ายพลิกผมให้กลับมานอนหงาย พี่สินเอาแขนรองขาผมเอาไว้ก่อนจะจับออกให้อ้ากว้างจนน่าอายผมรีบเอาหมอนที่หนุนเมื่อสักครู่มาปิดหน้าที่แทบระเบิดของตัวเอง แต่ก็โดนพี่สินแย่งออกไปอย่างนิสัยเสีย

 

"ฮื้ออ...อ๊ะ..อย่า...แฮ่ก...แกล้งน้อง...." ไม่รู้ว่าคำพูดผมไปกระตุ้นอะไรคนตรงหน้า สีหน้าพี่สินที่กำลังพยายามอดกลั้นจนกรามขึ้นเป็นรูปทำเอาผมใจเสีย พี่สินจับข้อมือทั้งสองข้างออกก่อนกดกับที่นอนแล้วก้มจูบผมจนแสบปาก แรงกระแทกจากข้างล่างเพิ่มขึ้นจนตัวผมสั่นคลอนได้แต่ร้องอืออาในลำคอเพราะปากพี่สินที่ไล่บดจูบจนไม่มีพื้นที่ให้เสียงได้เล็ดรอดออกไป เสียงกระทบอย่างหยาบโลนดังเข้ามาในโสตประสาทจนผมอายแต่ไม่มีเวลาได้เขินมากจนต้องกัดปากตัวเอง พี่สินปล่อยข้อมือออกข้างนึงก่อนจะใช้มือขยับส่วนนั้นให้ผมอีกครั้งเมื่อใกล้จะเสร็จ ผมเอามือข้างที่ว่างปิดจับแขนอีกคนอย่างระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ ขยับอีกเพียงไม่นานทั้งผมและเขาก็สุขสม พี่สินรีบดึงส่วนนั้นของตัวเองออกมาปลดปล่อยข้างนอกพร้อมกับของผมก่อนจะทิ้งตัวหอบหายใจทับผมไปทั้งตัว

 

"พี่รักน้องนะ" พี่สินพูดเสียงหอบอยู่ข้างหูพร้อมกดจูบข้างกระหม่อม ผมยิ้มตอบกลับด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจว่าดังพออีกฝ่ายจะได้ยินมั้ย

 

"รักเหมือนกันครับ" แต่รอยยิ้มที่มาทั้งปากและตาของเจ้าตัวก็เป็นตัวยืนยันได้แล้วว่าเขาได้ยินสิ่งที่ผมพูด

 

"จะรักตลอดไปด้วย อยู่ให้ปอนด์รักไปนานๆนะครับ" น้ำตาที่คลออยู่ในตาของเจ้าตัวทำเอาผมยิ้มขำ พี่สินจูบผมอีกครั้งก่อนจะดึงผมไปนอนกอดเบาๆเหมือนกลัวว่าจะเจ็บ ก็เจ็บจริงๆนั่นแหละครับ เฮ้อ พรุ่งนี้ต้องอดเล่นน้ำแน่ๆเลย แต่อะไรที่เป็นความสุขของเขาผมก็อยากจะทำให้ ถ้าทำได้ ผมได้แต่คิดในใจเพราะตอนนี้ไม่มีแรงเหลือพอจะให้พูดอะไรอีก ขอบคุณทุกสิ่ง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คนๆนี้ได้เป็นคนรักของผม ขอบคุณที่รักผมและให้ผมได้รัก ขอบคุณที่เลือกผมแล้วเข้ามาเติมเต็มชีวิต ตอนนี้ผมก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายอีกแล้ว...

 

 

 

 

 

 

 

 

The End.....

 



 

จบแล้ววววววว แอแง ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ NC แรกในชีวิตมือสั่นมากจ้า ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย อาศัยเอาจากการเคยเป็นคนอ่านมา อยากบอกว่าเฮือกมากๆ รู้สึกดีและโหวงไปพร้อมกัน เพราะส่งเจ้าน้องน้อยให้กับคนที่ดูแลเขาได้ไปตลอดชีวิตแล้ว ยังไงก็ถ้ามีโอกาสหน้าก็จะมาลงเรื่องใหม่ให้ได้อ่านกันนะคะ รักนะจ๊ะ บายๆ แล้วเจอกันใหม่นะทุกคน

 

 

 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย (END)
«ตอบ #70 เมื่อ12-09-2020 21:31:16 »

 :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด