(END) รอยรักศักดาเดช --- บทที่ 26 : บ่วงทองสองตระกูล (22/01/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (END) รอยรักศักดาเดช --- บทที่ 26 : บ่วงทองสองตระกูล (22/01/2020)  (อ่าน 12198 ครั้ง)

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ภีมกลับมาแล้วใช่ไหม
แล้วภีมหายไปไหนตั้ง 2 ปี
รอคำตอบจากภีมอยู่น้า...

ออฟไลน์ Savahale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • https://savahale.wordpress.com

็สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกท่าน  :mc4: :mc4: :mc4: :L2:

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดปี 2020 นี้เลยนะคะ

คิดหวังสิ่งใดสมปรารถนา สิ่งใดที่ยาก ขอให้มีกำลังใจและผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ

 :L2: :L2: :L2:





สวัสดีปีใหม่คุณ bun ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ด้วยนะคะ

มาลุ้นกันต่อค่า ^______________________^
















...
















บทที่ 21 : ชลธี วงศ์วรรธน์










“พวกมึงลากคอมันตามกูมา”





นายเต่าเริ่มออกคำสั่ง จากนั้นร่างของภพตะวันก็ถูกนายศักดิ์และนายพันธุ์หิ้วบริเวณศีรษะและข้อเท้าเอาไปใส่ไว้ในรถยนต์ และชายสามคนก็ออกไปพร้อมกับร่างของภพตะวัน



รถยนต์แล่นขับเลียบไปตามริมแม่น้ำและค่อยๆ แล่นห่างออกไปทางนอกเมือง ถนนเส้นริมน้ำที่ยังคงไม่ได้รับการซ่อมแซม เต็มไปด้วยความขรุขระ ไฟริมถนนที่ติดเพียงบางดวงชวนให้ผู้ใช้งานต้องรู้สึกถึงความวังเวงอยู่ไม่น้อย







ตึง!





“ไอ้ศักดิ์! มึงขับดีดีหน่อยสิวะ!”



นายเต่าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและหวาดกลัว ต่อว่าคนขับและชายร่างยักษ์อีกคนที่ประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของภพตะวันอยู่ไปตลอดทาง ความกระเทือนจากล้อรถที่ตกหลุมลึกนั้น ทำให้ผู้โดยสารทั้งคันรถหัวโยกคลอนไปตามแรงนั้น รวมไปถึงใครบางคนที่หมดสติไปเมื่อครู่ที่โต๊ะอาหาร ก็ได้ลืมตาขึ้นและค่อยๆ รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิด







“มึงเลี้ยวเข้าซอยนั้นไปเลย”



ด้านหน้ามีทางแยกสำหรับเลี้ยวเข้าไปในบ้านไม้สภาพเก่าหลังหนึ่ง ล้อมด้วยรั้วเหล็กตะแกรงสนิมเขรอะซึ่งปกคลุมไปด้วยวัชพืชที่เกี่ยวพันเต็มรั้ว นายเต่าสั่งให้ลูกน้องหิ้วร่างของภพตะวันลงมาจากรถ จากนั้นเจ้าตัวก็หายวับไปในความมืดครู่หนึ่ง แล้วเดินออกมาพร้อมตะแกรงเหล็ก ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้สำหรับเลี้ยงไก่ในบ้านหลังเก่าของอดีตลูกน้องที่อู่ของนายเต่า ซึ่งบัดนี้ร้างไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย






ตะแกรงถูกนำมาปูไว้ราบกับพื้น จากนั้นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองนายก็นำภพตะวันไปวางไว้ตรงกลางแล้วใช้ตะแกรงขึ้นสนิมนั้นห่อพันร่างหมดสตินั้นอย่างแน่นหนา







“เอามันไปใส่รถ”




ร่างบางพันตะแกรงถูกนำขึ้นรถอีกครั้งพร้อมกับขับห่างเลียบไปตามริมน้ำอีกระยะหนึ่ง ก็พบกับทางลาดลงท่าน้ำ นายเต่าสั่งให้คนนำร่างของภพตะวันโยนทิ้งลงในบริเวณนั้นพร้อมกับขวดยาพิษที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของตน จากนั้นเจ้าตัวก็เร่งเท้าหนีเข้าป่าหายวับไป





สมุนซ้ายขวาของกันต์ธรแม้จะสงสารภพตะวันมากเพียงใด ก็ทำได้เพียงยืนมองร่างนั้นค่อยๆ จมหายลับไป จึงได้เดินกลับขึ้นรถแล้วขับกลับไปตามเส้นทางที่ได้ขับมา







‘…ช่วย…ด้วย แค่กแค่ก ช่วยด้วย’



ชายหนุ่มหน้าใสที่ร่างติดอยู่กับตะแกรงเหล็กขยับขาให้ตัวค่อยๆ ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เสียงที่เอ่ยนั้นแผ่วเบาเป็นอย่างมาก ด้วยฤทธิ์ยาที่ได้รับเข้าไปนั้นยังคงมีอยู่ สมองมึนเบลอและร่างกายถูกผูกติด ทุกอณูกายสัมผัสถูกห้อมล้อมไปด้วยน้ำรสเค็มที่ไหลเข้าปากเข้าจมูก เสียงนั้นจึงแผ่วเบาเสียยิ่งกว่าเสียงจักจั่นเรไรแถวนั้นเสียอีก








“…ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”




ภพตะวันขยับกายดีดตัวให้ลอยขึ้นอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน เขาลอยคลอมาไกลเท่าไหร่แล้วไม่ทราบได้ ตะแกรงที่พันร่างก็ไปเกาะค้างอยู่กับไม้ท่อนหนึ่งริมแม่น้ำ ช่วยให้ร่างที่เหนื่อยอ่อนและใกล้หมดแรง ถูกจับยึดไว้ให้โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องออกแรงเพิ่มอีก







“ฮือ…ช่วยด้วย…ใครก็ได้…”




“…”




“ช่วยด้วย…”





ค่ำคืนอันมืดมิด เมื่อเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ยังไร้ซึ่งแสงจันทร์ ด้วยวันนี้เป็นวันเดือนดับ ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงร่ำไห้ของเขา ไม่มีแสงใดสาดส่องเข้ามาช่วยเหลือ มีเพียงลมหายใจที่แผ่วเบาและร่างกายอันหนาวเย็นเท่านั้น









“พ่อ…แม่…ช่วยภีมด้วย”



“ธร…”




ชายหนุ่มรู้ดีว่ากันต์ธรนั้นเกลียดชังและต้องการแก้แค้นเขามากแค่ไหน คราวก่อนที่เขาประสบอุบัติเหตุกลางทางระหว่างเดินทางไปหากันต์ธร กระทั่งมีชายร่างยักษ์น่ากลัวหลายคนวิ่งตามและลอบทำร้าย ภพตะวันก็รู้ดีว่านั่นอาจเป็นฝีมือของเพื่อนรักที่แค้นเขาเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยินยอมหมดทุกสิ่งโดยไม่โกรธแค้นใดใดชายผู้เต็มไปด้วยบาดแผลคนนั้น




แต่แล้ว เขาก็ได้ค้นพบว่า ความเสียสละของเขา ไม่เคยมีผลกับใจดวงนั้น กันต์ธรไม่อาจปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่ว่าอย่างไร กันต์ธรก็ต้องหาทางปลิดชีพเขาให้ได้ในสักวันหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้ความรักที่มีทั้งหมดเยียวยาคนคนนั้นมากมายเพียงใด มันก็ไม่อาจลบล้างแผลในใจของชายที่เขารักได้เลย




ภพตะวันยอมแพ้แล้ว…ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ก็ไม่อาจทำให้กันต์ธรกลับมาเป็นกันต์ธรคนเก่าของเขาได้อีก เปลือกตาอันหนักอึ้งนั้นค่อยๆ ปิดลงอย่างเจ็บปวด เขาร่ำไห้คิดถึงใบหน้าของพ่อแม่ที่ยังไม่ทันได้ดูแลรับใช้ให้สมกับการเป็นลูกที่ดี และหากว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดครั้งนี้ของเขา จะถือเป็นคราวต้องจบชีวิตลง หากแต่มันจะทำให้ความแค้นทั้งหมดที่ชายผู้นั้นมีต่อครอบครัวเขาจบสิ้นลงได้ เขาก็ยินยอมได้หมดทุกอย่าง





สติอันเต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านมากมายของภพตะวันค่อยๆ มืดดับลง พร้อมกับร่างที่เกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้ใต้น้ำ ก็ค่อยๆ ไหลเอื่อยไปตามกระแสน้ำ จุดสิ้นสุดที่ภพตะวันไม่ได้ร้องขอแต่ก็พร้อมยอมรับ ด้วยใจดวงนั้นช่างแสนบริสุทธิ์อย่างหาได้ยากในคนทั่วไป



















“..พ….หนุ่ม”




“…พ่อหนุ่ม”





“…”





ชายหนุ่มใบหน้าขาวซีดค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาจำไม่ได้ว่าตนเองอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้น เขามองไปรอบๆ พร้อมกับความทรงจำที่ไหลกลับเข้ามา และพบว่าบัดนี้ตนเองนอนอยู่บนเสื่อลายสดใสพร้อมความแข็งบริเวณศีรษะ รอบด้านคือเรือนไม้ขนาดเล็กและด้านนอกห่างออกไปคือแม่น้ำกว้าง หญิงชราคนหนึ่งนั่งยิ้มมองเขาอยู่ใกล้ๆ และถัดออกไปตรงประตูทางเข้าก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินถือขันน้ำเข้ามาใกล้กับเขา









“ไม่ต้องรีบลุกหรอกคุณ นอนพักก่อนเถอะ”




หญิงชราตรงปรี่เข้าช่วยพยุงเมื่อเห็นว่าคนจมน้ำพรวดพราดจะลุกขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถ ด้วยเจ้าตัวนั้นวิงเวียนศีรษะอย่างแรงและทรุดตัวลงนอนจุดเดิมอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความรู้สึกแข็งๆ ที่ศีรษะที่แท้ก็คือหมอนที่เขาใช้หนุนนั่นเอง







“ผมอยู่ที่ไหน?”



“บ้านฉันเอง นี่ก็ลูกสาวฉัน”




“ผมยังไม่ตายเหรอครับ?”




“ฮ่าฮ่าฮ่า ยังหรอกคุณ ลูกสาวฉันลงไปตักน้ำตอนเช้ามืดแล้วเจอคุณเข้า ฉันเลยไปตามคนมาช่วย”







“…ขอบคุณนะครับยาย”




ภพตะวันยกมือไหว้อย่างหมดแรง จากนั้นหญิงสาวที่ถือขันน้ำเข้ามาเมื่อครู่ก็นั่งลงข้างๆ พร้อมรอยยิ้มเช่นกัน ร่างหมดสภาพได้มืออุ่นๆ ประคองกายขึ้นให้ดื่มน้ำสะอาดจนสดชื่นขึ้นมาบ้าง เขานึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ทั้งหมด และคิดว่าคงไม่รอดแน่แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังคงมีแสงสว่างหนึ่งเอื้อมมือลงมาแล้วคว้าช่วยเขาเอาไว้ น้ำตาผู้รอดชีวิตไหลอาบแก้มไร้แรงสะอื้น







“เป็นไงมาไงล่ะ ถึงไปถูกโยนลงน้ำมาได้?”




“…มีเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ”




“เข้าใจผิดถึงขั้นต้องฆ่าต้องแกงกันเลยรึไง?”




“…ครับ”





เจ้าของบ้านริมน้ำนามว่ายายบุญไหล เห็นอาการภพตะวันแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ แม้ภายนอกจะดูคล้ายว่าชายหนุ่มรอดชีวิตมาได้แล้ว แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมองอยู่ไม่น้อย หญิงชราจึงไม่คิดที่จะสอบถามสิ่งใดเพิ่ม และไม่ได้ไล่ให้ชายหนุ่มต้องรีบกลับบ้าน






ภพตะวันใช้เวลาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กติดน้ำนี้มาเรื่อยๆ จากนั้น เขายังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งใดในตอนนี้ ด้วยหากว่ากันต์ธรอยากให้เขาตาย เขาก็จะไม่กลับไปพบหน้าให้รำคาญใจอีก ชายหนุ่มอาศัยที่นี่และอยู่ช่วยยายบุญไหลทำขนมไปขายในตลาด




ลูกสาวของยายบุญไหลนั้น อายุไล่เลี่ยกับภพตะวัน ทั้งสองจึงคุยกันถูกคอ ภพตะวันพบว่าหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆอยู่ จึงได้ช่วยดูแลอย่างดีในทุกเรื่อง บ้านที่มีสตรีอาศัยด้วยกันเพียงสองคนมาเนิ่นนาน เมื่อมีแรงบุรุษเข้าช่วยเหลือก็ทำให้ความเป็นอยู่นั้นสบายมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มผู้มีชีวิตสมบูรณ์แบบ ไม่เคยต้องนอนบนพื้นแข็งๆ หรืออาศัยลมจากริมแม่น้ำพัดโชยให้เย็นชื่นใจก่อนหลับไปในแต่ละคืนมาก่อน





ภพตะวันค้นพบความสงบสุขรูปแบบใหม่ที่ช่วยให้ใจเขารู้สึกดีขึ้นไปได้มาก









ภาระหน้าที่อันยาวเหยียดที่มีขึ้นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งของทุกวัน ทำให้เพียงสองทุ่มเขาก็ต้องรีบนอนแล้ว หากแต่คืนนี้ลมที่พัดมานั้นเย็นสดชื่นกว่าคืนไหน ชายหนุ่มจึงได้นั่งลงแล้วพิงขอบประตู พร้อมห้อยขาลงในแม่น้ำครึ่งน่องเพื่อทอดอารมณ์คิดถึงใครบางคน เจ้าของบ้านที่เห็นผู้อาศัยนั่งอยู่เช่นนั้นนานกว่าทุกวัน เดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆ






“ไม่อยากกลับบ้านเหรอคุณ?”




“อยากครับ แต่บางคนเขาไม่อยาก”



“หมายถึง แฟนคุณเหรอ?”



“…เปล่าหรอก ผมกับเขาเป็นเพื่อนกัน แล้วผมก็แค่…รักเขา”



“ฉันก็เหมือนกัน แค่รักเขา”




ว่าแล้ว หญิงสาวก็ก้มลงลูบบริเวณหน้าท้องแล้วยิ้มออกมาเบาๆ




ภาพสายใยความผูกพันของสองชีวิตที่ยังไม่เคยได้พบหน้ากันและกัน เรียกรอยยิ้มของชายหนุ่มผู้กลัดกลุ้มออกมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน เด็กน้อยที่กำลังจะเกิดมานี้ ได้รับความรักอย่างล้นเหลือจากผู้เป็นมารดา และภพตะวันก็รู้สึกรักทั้งมารดาและเด็กในท้องไม่ต่างกัน ด้วยทั้งคู่นั้นคล้ายดั่งเป็นผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้








“เด็กคนนี้ต้องเป็นคนดีเหมือนคุณแน่”




“ฉันก็หวังอย่างนั้น…”




“…”




“ฉันขอถามคุณสักเรื่องได้ไหม?”




“ได้ทุกเรื่องนั่นแหละน้ำ”




“บ้านคุณหลังใหญ่ไหม?”




“อืม…ใหญ่สิ”




“ฉันขอพูดตรงๆ เลยนะ คุณก็น่าจะพอเดาออกว่าฉันมีลูกทั้งที่ยังไม่พร้อม พอแฟนฉันรู้ว่าฉันท้อง เขาก็ทิ้งฉันไปไม่ไยดีอะไรอีก ฉันต้องดูแลตัวเอง ต้องดูแลแม่ แล้วตอนนี้ฉันก็ยังต้องดูแลลูกของฉันอีก…ฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกให้ดีได้หรอกคุณ ถ้าคุณจะเมตตา ช่วยพาเขากลับไปอยู่กับคุณจะได้ไหม?”




“น้ำ…คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมจะช่วยออกค่าเลี้ยงดูเขาเอง คุณไม่ต้องยกเขาให้ผมหรอก ยังไงผมก็ไม่ทิ้งพวกคุณอยู่แล้ว”





“ขอร้องเถอะคุณ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่ามีแม่เป็นแม่ค้าขายขนม ไม่อยากให้เขาอายเพื่อนเลย”




“แต่ว่า…”




“ได้โปรดเถอะ…ฉันไหว้ล่ะ”




“น้ำ!”




หญิงสาวยกมือไหว้ทั้งน้ำตา จนคนที่นั่งห้อยขาต้องรีบลุกขึ้นแล้วเข้าประคองกอดปลอบใจหญิงแม่หม้ายผู้มีพระคุณ








คำขอที่ปฏิเสธได้ยากนั้น ได้รับการตอบรับจากภพตะวัน เขาตกลงรับเลี้ยงดูบุตรในครรภ์ของหญิงสาวหลังจากคลอดออกมา ตั้งแต่วันนั้นเขาจึงได้ดูแลหญิงสาวอย่างตั้งใจมากขึ้น เพราะบัดนี้ เขารู้สึกว่าเขานั้น ได้เป็นพ่อคนเต็มตัวแล้ว




ภพตะวันอยู่ที่นั่น จนหญิงสาวได้คลอดบุตรชายออกมา เขาช่วยดูแลระหว่างที่หญิงสาวให้นมแม่แก่ทารกอยู่ถึงหนึ่งปีเต็ม กระทั่งเด็กน้อยได้รับการหย่านมแล้วเป็นที่เรียบร้อย เธอจึงยกเขาให้กับภพตะวัน และคู่พ่อลูกก็ได้เดินทางกลับบ้านวงศ์วรรธน์ไปพร้อมกัน







“เขาจะไม่มีวันอายที่มีคุณเป็นแม่ ผมสัญญา ผมจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด…และเมื่อไหร่ที่คุณพร้อม ไปหาเขาที่บ้านผมได้ตลอดเวลานะน้ำ”






ชายหนุ่มผู้หายตัวไปร่วมสองปี เดินทางกลับมายังบ้านวงศ์วรรธน์อีกครั้งพร้อมทารก ภพตะวันบอกกับทุกคนว่าเด็กคนนี้คือลูกชายของเขากับหญิงสาวที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในวันที่เขาใกล้หมดลมหายใจ คุณนายบัวนั้นเมื่อได้พบหน้าลูกชายที่เธอเฝ้ารอก็ดีใจจนเป็นลมไป เช่นเดียวกับนายเตี๋ยวที่น้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจไม่ต่างกัน







เด็กชายผู้กลายมาเป็นทายาทคนใหม่ของเศรษฐีชื่อดังในจังหวัด ภพตะวันเป็นคนตั้งชื่อให้เขา ชื่อเดียวกับที่ที่เขาได้พบกับผู้มีพระคุณ ชาวบ้านธรรมดาที่แม้จะไร้ซึ่งเงินทองมากมาย แต่กลับมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะซื้อหามาครอบครองได้





ภพตะวันให้ชื่อแก่เขาว่า…ชลธี วงศ์วรรธน์


























‘ว่าไงธร…โทรมาเสียมืดค่ำเลย’




‘ขอโทษที่โทรมารบกวนนะครับป้าบัว พอดีผมมีเรื่องอยากถาม…’




‘…เรื่องอะไรล่ะ?’





‘คือ…ภีมกลับมารึยังครับ?’









‘กันต์ธร…เธอหมายความว่าไง?’




‘เปล่าหรอกครับ ผมแค่สงสัย อาจจะคิดไปเอง’






‘คิดไปเองอะไร ก็วันนี้ตาภีมบอกว่าจะออกไปหาเธอ’






‘ห๊ะ!?!’





‘อะไร ไม่เจอกันเหรอ? ให้ฉันเรียกเขามาคุยด้วยไหม?’








‘ป…ป้า…ป้าบัว เปล่า..ไม่ครับ’





‘…’






‘ภะ…ภีม กลับมาแล้วเหรอ…ครับ?’





‘ก็ใช่น่ะสิ กลับมาได้สองสามวันแล้ว’





‘…’











ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


























-------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------




ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
สวัสดีปีใหม่เช่นกัน
หลังจากนี้ธร คงต้องง้อแบบหนัก ๆ แล้วละ

ออฟไลน์ Savahale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • https://savahale.wordpress.com

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ด้วยนะคะคุณ bun

มาลุ้นกันต่อค่า
  :mew1: :กอด1:


 :pig4: :pig4: :pig4:















บทที่ 22 : คุ้มตะวัน















“พันธุ์ เดี๋ยวมึงจัดโต๊ะเสร็จ ไปเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำทีนะ”



“ครับนาย”



ร้านอาหาร  ‘คุ้มตะวัน’  ที่เปิดให้บริการมาร่วมปีเศษ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยรสชาติอาหารนั้นอร่อยจนเป็นที่เลื่องลือ ภายในร้านประดับตกแต่งด้วยไม้ขัดมันเป็นส่วนใหญ่ ชุดโต๊ะและเก้าอี้ไม้วางเรียงรายหลายสิบชุด จัดแบ่งโซนด้านนอกริมระเบียง และด้านในที่ไม่ชวนให้รู้สึกอึดอัด สวนด้านข้างมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นโดยรอบไว้ให้ร่มเงา และรอบร้านก็ประดับตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสให้ความรู้สึกสบายตาสบายใจแก่ผู้พบเห็น อดีตนักเลงจ้างวางลูกน้องที่ใกล้ชิดเอาไว้กับตัว ด้วยนอกจากอยากทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว ก็อยากชักชวนคนสนิทให้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย




กันต์ธรใช้เวลาอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนี้แทบจะทั้งวันที่เขาลืมตาตื่น หากแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เขากลับต้องลืมตาในห้องนอนนานกว่าเวลาที่ใช้ในร้าน เนื่องจากเขาได้โทรสอบถามถึงสิ่งที่คาใจกับคุณนายบ้านวงศ์วรรธน์ไป และคำตอบที่ได้รับกลับมานั้น พาใจเต้นหนักจนไม่อาจข่มตาลงได้




…ภพตะวันรอดชีวิตและกลับมาแล้ว





มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อชายคนรักได้รับสารพิษร้ายแรงเข้าไปตรงๆ ทั้งยังถูกตะแกรงพันรอบกายให้จมลงสู่ก้นแม่น้ำ ยิ่งนึกย้อนกลับไป ดวงใจยิ่งเจ็บแปลบ ความสะเทือนใจในวันเดือนดับนั้นยังไม่หายไปไหน มันยังติดอยู่ในใจและพวยพุ่งขึ้นมาตราหน้าเขาอยู่เป็นระยะๆ




แต่ถึงอย่างนั้น ก็ดีใจเหลือเกิน…หากว่านี่จะเป็นปาฏิหาริย์ กันต์ธรก็พร้อมจะขอบคุณทุกๆสิ่ง ที่ได้ช่วยชีวิตภพตะวันเอาไว้




เจ้าของร้านอาหารชื่อดังยิ้มออกมาทั้งที่ปวดอยู่ข้างใน ไม่มีสิ่งใดเลยที่เขาจะสามารถไถ่โทษให้กับภพตะวันได้ แม้แต่ความรู้สึกของเขา มันก็ดำดิ่งลงเหวลึกไปจนไม่อาจกลับมามองหน้าของคนที่เขาเคยทำผิดด้วยไว้ได้อีกแล้ว















“สวัสดีธร”



“…ภีม”



อีกครั้ง กับรอยยิ้มจอมปลอมที่ฉายออกมาสำหรับต้อนรับแขกคนสำคัญที่เดินเข้าร้านมาแต่เช้าตรู่ ใจเขานั้นอยากจะร้องไห้ให้หนักจนเป็นลมล้มไปเสียมากกว่า เขาไม่รู้ว่าควรต้องทำหน้าหรือทักทายภพตะวันอย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังสามารถหายใจร่วมโลกเดียวกับคนที่แสนดีคนนี้ได้อยู่ไหม กันต์ธรไม่อาจข่มน้ำตาเอาไว้ได้อีก เขาหันหลังให้ภพตะวัน แล้วเดินกลับเข้าหลังร้านไป ด้วยความรู้สึกผิดแล่นขึ้นมาไม่หยุด










“นาย…เขากลับไปแล้วนะ”




“อือ”



กระทั่งนายพันธุ์ที่จัดร้านและเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาแจ้งข่าวกับเจ้าของร้านนั่นแหละ เขาจึงได้เดินออกมาด้านหน้าร้านแล้วจัดการกับธุระของเขาต่อ





และครั้งนี้เขากลับยิ้มออกมาได้เต็มใบหน้ามากกว่าเมื่อครู่ที่ภพตะวันยืนอยู่เสียอีก ดีใจมากมายเหลือเกิน…ดีใจกว่าสิ่งใดในโลก อยากพูดคุย อยากทักทายให้มากกว่านี้ แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว




ความรู้สึกซับซ้อนนี้เกิดขึ้นกับคนที่เก่งแต่การใช้กำลังอย่างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อนเลย จนได้พบหน้าของคนในใจอีกครั้ง จึงได้เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา






















“ธร…”



“สวัสดี”



วันถัดมา ภพตะวันก็ยังคงมานั่งทานข้าวในร้านอาหาร ที่กันต์ธรตั้งใจใช้ชื่อเขามาตั้งชื่อร้าน ชายหนุ่มนั่งที่โต๊ะมุมเดิมใกล้กับดอกกล้วยไม้สีชมพูขาว เขานั่งลงและสั่งอาหารเมนูเดิมกับวันก่อน พร้อมนั่งมองกันต์ธรที่ออกอาการประหม่าอย่างชัดเจน ภาพความแปลกใหม่ที่หาชมได้ยากกับเสี่ยธรผู้ยิ่งใหญ่ ร่างหนานั้นเดินเลียบริมขอบร้านอีกฝั่งที่ภพตะวันนั่งอยู่ แล้วเอาแต่ก้มหน้างุด เช็ดโต๊ะบ้าง ขยับเก้าอี้บ้าง ยิ่งคนเยอะขึ้น เจ้าตัวก็ออกมาเสิร์ฟอาหารเองบ้าง มือที่ยกอาหารออกมานั้นสั่นไหวรุนแรงเสียจนถ้วยชามในมือสั่นตามไปด้วย




ภาพแห่งรอยยิ้มที่ภพตะวันคิดว่ามันแสนตลกเสียจริง กับกันต์ธรที่เสียอาการอย่างหนักเพราะรู้ว่าเขากำลังนั่งจ้องอยู่








“สั่งอาหารเพิ่มหน่อยครับ”




ยังขำขันไม่พอใจ ภพตะวันโบกมือเรียกกันต์ธรที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะอยู่ใกล้ๆ ให้สะดุ้งเล่น จากนั้นเจ้าของร้านก็นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าใกล้ภพตะวันด้วยใจที่เต้นรัว มือหนาคู่นั้นเย็นเฉียบและหน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ








“รับอะไรเพิ่มดี…ครับ?”



“ฉันขอดูเมนูหน่อยได้ไหม”



“ส..สัก ได้ครับ สักครู่ครับ”



“ธร”



“…”



“นายดูแปลกๆ นะ”







“เปล่า! เอาเมนูนะ เมนูๆๆๆ”



กันต์ธรที่ทำอะไรไม่ถูกจู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาเสียงดัง จนโต๊ะอื่นรอบข้างตกใจกันหมด จากนั้นก็รีบหันซ้ายหันขวากุลีกุจอหาเมนูอาหารมายื่นให้ภพตะวัน






“อ๊ะ! โทษที”




ภพตะวันเอื้อมมือไปรับเมนูอาหารในมือเพื่อนรัก แต่เผลอไปสะกิดโดนมืออีกฝ่ายเข้าอย่างไม่ตั้งใจ ด้านกันต์ธรสะดุ้งตกใจหนักจนเผลอปัดมือภพตะวันออกพร้อมเมนูอาหารที่ปลิวร่วงลงบนพื้นไป เขารีบก้มลงเก็บพร้อมเสียงหายใจที่แรงขึ้น ด้วยเจ้าตัวใกล้หมดลมลงไปเต็มทีแล้ว จากนั้นจึงได้เรียกลูกน้องมารับออเดอร์และเขาเองก็หายตัวไปอยู่หลังร้านจนภพตะวันกลับบ้านไป





















‘มาอีกแล้ว จะแกล้งกันรึไงนะ?’



วันถัดมาและถัดมาอีกหลายวัน ภพตะวันก็ยังคงมานั่งที่เดิมสั่งอาหารเหมือนเดิม และนั่งมองเพื่อนรักของเขาเสียอาการแบบเดิม หากแต่วันนี้ เมื่อภพตะวันนั่งที่เดิมเรียบร้อยแล้ว เพียงครู่เดียวหลังอาหารมาบริการบนโต๊ะ ก็มีหญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยเดินเข้ามาและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับภพตะวัน




“สาลี่อยากทานอะไรเพิ่มไหม? เดี๋ยวภีมสั่งให้”



“ไม่ดีกว่าจ้ะ นี่ก็เยอะแล้ว”




ภพตะวันเดินทางมาพร้อมคู่หมั้นของเขา เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเข้ามานั่งในร้านอาหารแห่งนี้ ด้วยก่อนหน้านี้กันต์ธรได้กระทำบางสิ่งที่เรียกว่าโหดร้ายเป็นอย่างมากกับเธอไป จนเธอไม่สามารถมองหน้าของเสี่ยธรได้อีก ทั้งยังไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้กับภพตะวันด้วยซ้ำ





ชายหญิงคู่หนึ่งที่เคยคบหากันมาระยะหนึ่ง พูดคุยยิ้มแย้มกันอย่างสนิทสนม ภาพที่กันต์ธรยืนมองอยู่ห่างๆ อย่างปวดใจ มาแกล้งให้ใจสั่นทุกวันไม่พอ วันนี้ถึงขั้นพาแฟนมากินข้าวในร้าน กันต์ธรสุดจะทนแล้ว








อึก




เจ้าของร้านผู้แข็งแกร่งนั่งร้องไห้อยู่หลังร้าน พร้อมผ้าเช็ดจานในมือ เขากำมันไว้แน่นดั่งเช่นว่ามันคือเพื่อนปลอบใจ แล้วเริ่มเช็ดจานตรงหน้าด้วยมืออันสั่นคลอน










“ธร!”



เพล้ง!!!



“เฮ้ย! โทษที”



แขกคนสำคัญแอบเดินย่องเข้ามาด้านในตามคำเชิญของนายศักดิ์ที่เห็นอาการเจ้านายไม่สู้ดีเท่าไหร่ เมื่อมาถึงก็เห็นกันต์ธรนั่งร้องไห้เช็ดจานไปอย่างไร้สติ ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร ภพตะวันจึงได้แกล้งเรียกดังๆ หวังให้ตกใจเล่น จนจานในมือร่วงหล่นลงแตกนั่นแหละ แขกที่ลอบเข้าหลังร้านมาจึงเริ่มมีสีหน้าไม่ดี







“ภีม! เดี๋ยวบาดมือ ห้ามเก็บนะ!”



กันต์ธรสะดุ้งดีดตัวขึ้นเมื่อเห็นว่าภพตะวันมีสีหน้าไม่ดีและกำลังจะก้มเก็บเศษจาน เขารีบเอื้อมไปคว้ามือภพตะวันเอาไว้ด้วยกลัวเหลือเกินว่าภพตะวันจะได้รับบาดเจ็บ





“ขอโทษ”



และเมื่อเจ้าตัวนึกขึ้นได้ ก็รีบผละมือออกจากแขนขาวนั้นในทันที เจ้าของร้านก้มเก็บเศษจานด้วยมือเปล่าอย่างชำนาญและทิ้งมันลงในถังขยะใกล้ๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับภพตะวันที่ยืนมองอยู่







“ขอโทษนะภีม แต่ออกไปข้างนอกเถอะ”




“นายจะไม่ถามฉันเลยเหรอ ว่าฉันรอดมาได้ยังไง?”









แปะ





แปะ







แปะๆๆๆ






ปึก





เข่าหนักนั้นทรุดลงตรงหน้าภพตะวัน พร้อมน้ำตาที่ไหลหยดลงบนพื้นเป็นทางยาว ใบหน้าหล่อเหลานั้นบิดเบี้ยวตามแรงสะอื้น








“ฉันขอโทษนะภีม! ฉันขอโทษ!!”




“ธร…ลุกมาคุยกันก่อนเถอะ”







“ไม่! ฉันขอโทษ!! กับทุกอย่างที่ฉันทำ ฉันรู้ว่าแค่ขอโทษมันไม่พอ แต่ฉันก็จะขอโทษ ฉันขอโทษนะภีม ขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆ”





“ธร…”



“ไม่!”




ภพตะวันที่เห็นกันต์ธรร้องไห้โฮ เอาแต่กล่าวคำขอโทษก็อัดอั้นในใจจนน้ำตาไหลออกมาเช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะพยายามดึงร่างหนานั้นให้ลุกขึ้นอย่างไร มือน้อยๆ นั้นก็ถูกปัดทิ้งตลอด








“ออกไปเถอะภีม อย่ามาอยู่ใกล้กับคนเลวๆ แบบฉันเลย”



“นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้คิดแบบนั้น…”



“ขอร้อง…ออกไปก่อนเถอะ”




น้ำเสียงกดต่ำขึงขังระคนเจ็บปวดนั้น ทำให้ภพตะวันที่ร้องไห้ตาม ต้องร้องหนักขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มในชุดสุภาพยืนขึ้นแล้วเช็ดน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินออกไปด้วยเขาเองก็ไม่อาจทนเห็นภาพชายที่รักทุกข์ใจไปได้นานกว่านี้เช่นกัน





















ตั้งแต่วันนั้นมา ภพตะวันก็แทบไม่ได้มาทานอาหารที่ร้านของเขาอีกเลย แต่กันต์ธรก็ยังคงนำอาหารไปส่งให้กับบิดาและมารดาของภพตะวันอยู่เช่นเคยในทุกวันก่อนเที่ยง





“ธร…แม่ฝากน้ำสลัดแบบเผ็ดไปให้ป้าบัวชิมหน่อยนะ”




“ครับ”




“อย่าลืมบอกป้าด้วยนะว่าเผ็ด”




“อือ รู้แล้วน่า”




“ส่วนห่อนี้ของภีม…แม่ทำแบบที่ธรบอกเลยนะ ถ้าภีมไม่ชอบอย่ามาโทษแม่ล่ะ”




“ชอบอยู่แล้วเชื่อสิ”




พักหลังที่ภพตะวันไม่มาอุดหนุน กันต์ธรจะขอให้มารดาช่วยทำอาหารที่เจ้าตัวชอบแล้วติดไปพร้อมกับของคุณนายบัวและนายเตี๋ยวทีเดียวเลย ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว กันต์ธรไม่รอช้ารับปิ่นโตอาหารจากมารดา แล้วรีบขับรถตรงไปยังบ้านวงศ์วรรธน์ในทันที







ในทุกวันจะมีแม่บ้านวิ่งออกมารับเอาปิ่นโตอันใหม่เข้าไปจัดแจงให้เจ้าของบ้าน และนำปิ่นโตอันเก่าของเมื่อวานส่งคืนมาให้ แต่วันนี้บ้านกลับเงียบผิดปกติ กันต์ธรยืนรอในจุดเดิมที่มายืนส่งอาหารทุกวัน เขาค่อนข้างกังวลด้วยเวลาช่วงนี้มีจำกัด เขาต้องรีบกลับร้านให้ทันเที่ยงวันเพื่อช่วยรับมือกับลูกค้าที่จะเข้ามากที่สุด





กันต์ธรยืนรอและเอ่ยเรียกได้พักใหญ่ ก็ยังไม่มีคนออกมารับดังเช่นทุกวัน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านอย่างรู้ทิศรู้ทาง ก่อนหน้านี้เขามาที่นี่ทุกวัน แทบจะรู้หมดทุกซอกทุกมุมของบ้านไปแล้วเรียบร้อย เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในก็เร่งฝีเท้านำปิ่นโตเดินเข้าไปยังห้องครัว แล้ววางลงพร้อมมองหาปิ่นโตอันเก่าที่ถูกล้างทิ้งไว้บริเวณอ่างล้างจาน








“ไม่มีใครอยู่จริงด้วยแฮะ”




กันต์ธรจัดการถือปิ่นโตที่ล้างแล้วออกมาจากห้องครัวและรีบเดินเพื่อออกไปยังรถ









ฟึบ




ขาขวาที่เดินนำอยู่ชะงักลง เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อครู่เขาเดินผ่านอะไรบางอย่างมา ศีรษะจึงหันกลับไปยังโซฟาขวามืออีกครั้ง และพบว่ามีใครบางคนกำลังนอนหลับตาพริ้มพร้อมอมยิ้มน้อยๆอยู่ ใบหน้าที่เขาคุ้นชินมากกว่าผู้ใด เพราะนอนมองมันมาร่วมหลายปีติด










----------------------------





“เมื่อคืนนายกอดฉันอีกแล้วนะ”


“ก็ฉันบอกให้นายขยับแล้ว แต่นายไม่ยอมขยับ จะให้ฉันทำไง?”



เด็กหนุ่มสองคนเดินเคียงข้างกันไปโรงเรียนแต่เช้าตรู่ พักหลังมานี้ภพตะวันมักตื่นมาในอ้อมแขนของกันต์ธรทุกเช้า และเขารู้สึกไม่สบายใจนัก เพราะมันให้ความรู้สึกประหลาด รวมทั้งอวัยวะบางส่วนที่ขยายตัวทุกเช้าของกันต์ธรก็มาสัมผัสร่างกายเขา ให้ต้องรู้สึกได้ทุกวัน




“งั้นวันหลังฉันนอนพื้นก็ได้”


“ก็ตามใจ”


“วันนี้กลับด้วยกันป่ะ”


“อือ ตอนเย็นเจอกันที่เดิม”





----------------------------






ภาพเด็กชายสองคนที่มีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันได้ในทุกเช้า โดยเฉพาะประเด็นเรื่องที่ว่าภพตะวันมักตื่นมาในอ้อมแขนของเพื่อนรักอย่างกันต์ธร ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างไม่อาจห้ามได้





กันต์ธรลดเข่าลงนั่งข้างๆ กับภพตะวันที่กำลังหลับใหลบนโซฟา เขายังจำใบหน้าเด็กชายภพตะวันที่นอนเลือดอาบเป็นเพื่อนเขาในครั้งแรกที่พบกันได้ดี เห็นเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้แถมเรียนเก่งขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าทำอะไรที่บ้าดีเดือดกับเขาก็เป็นด้วย มือเด็กชายกันต์ธรที่บัดนี้เติบโตและเต็มไปด้วยบาดแผลค่อยๆ ลูบไล้ไปตามใบหน้าขาวเนียนที่แม้จะผ่านกาลเวลามานานถึงสิบปีกว่า ก็ยังคงน่ารักและเป็นที่รักในใจของเขาอยู่เสมอ





คืนวันอันแสนสุขฉายขึ้นเต็มทุกอณูความรู้สึก มือนั้นลูบไล้ไปตามวงแก้มใสพร้อมน้ำตาแห่งความคิดถึงที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุดเช่นกัน











ถ้าเขามีโอกาสอีกสักครั้ง จะขอรักษาสิ่งล้ำค่าสิ่งนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตเขาจะสามารถ จะไม่ยอมให้สิ่งใดมาหลอกล่อและทำลายความงดงามนี้ลงไปได้อีก





…แต่ในตอนนี้ ไม่มีโอกาสนั้นให้เขาอีกแล้ว

























-------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------





ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ตะวันคิดจะตัดใจเหรอ ถ้ารักก็ต้องพยายามให้ตัวเองดีขึ้นให้สมกับตะวันซิ
แต่ถ้ารู้ว่าตะวันมีลูกนี่จะช็อคไหมนะ

ออฟไลน์ Savahale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • https://savahale.wordpress.com
ลุ้นๆกันต่อนะคะคุณ bun ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์มากๆค่ะ  :กอด1: :L1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
















บทที่ 23 : ลูกชายคุณนายแม่










กันต์ธรเดินออกไปแล้ว และดวงตาที่ปิดอยู่เมื่อครู่ก็เปิดขึ้นมา ชายหนุ่มผู้มาส่งอาหารไม่ได้ทำอะไรนอกจากลูบไล้ไปตามใบหน้าเนียนใสของเขา หลังจากภพตะวันตัดสินใจกลับมาที่บ้านพร้อมบุตรชาย บิดาและมารดาของเขาดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวมากมายด้วยกันทั้งคืน และหนึ่งเรื่องที่ทำให้ภพตะวันไม่อาจห้ามปรามความรู้สึกเอ่อล้นในใจได้ คือการที่กันต์ธรนั้นเข้ามาดูแลพ่อกับแม่ของเขาจนท่านทั้งสองยอมรับ โดยไม่สนว่าตนนั้นจะถูกต่อว่าหรือดูถูกเหยียดหยามมากเพียงใด ก่อนหน้านี้ ภพตะวันเองก็ได้ให้อภัยกันต์ธรทุกเรื่องแต่แรกอยู่แล้ว




ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ว่ากันต์ธรเกลียดชังนั้น ถูกเรื่องเล่าของมารดากลบฝังลงจนมิด และความมั่นใจก็ปรากฏกับภพตะวันอีกครั้ง ว่ากันต์ธรนั้นยังคงรักเขามากมายดังเช่นวันวาน เมื่อกลับมาถึงและจัดการเรื่องลูกชายเรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้ออกไปพบชายคนนั้นด้วยคิดถึงสุดหัวใจ หากแต่เมื่อไปหาถึงที่ กลับถูกคนที่เขาแสนคิดถึงเดินหนีเข้าหลังร้าน และไม่ว่าจะไปหากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กันต์ธรก็มีเพียงท่าทีห่างเหินมอบให้เท่านั้น




จากความดีใจในเรื่องเล่าของมารดาในคราวแรก แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าใจ ด้วยความสงสารที่คาดเดาเอาว่ากันต์ธรคงรู้สึกผิดหนัก และแปรเปลี่ยนอีกครั้ง เป็นความหงุดหงิดใจ เมื่อกันต์ธรทำท่าว่ายอมแพ้เรื่องเขาไปแล้ว




“จะไม่รับผิดชอบกันใช่ไหม…”





ภพตะวันนั้นนั่งนิ่งดวงตามุ่งตรงไปยังประตูที่ใครบางคนเดินออกไปเมื่อครู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เอาแต่เกาะติดเขาหนึบ บอกว่ารักว่าหลงจะเป็นจะตาย ตอนนี้กลับเพียงนั่งมองเขานอนหลับทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์สั่งให้แม่บ้านตามมารดาออกไปธุระข้างนอกด้วยตัวเองแท้ๆ















เช้าวันถัดมา ลูกชายเพียงคนเดียวของนายเตี๋ยวและคุณนายบัว ซึ่งบัดนี้อายุปาเข้าไป 30 ปีเศษ ยืนเลือกเสื้อผ้าสีเรียบที่มีเต็มตู้อยู่หลายชั่วโมง จากนั้นก็จัดการแต่งองค์ทรงเครื่อง ใช้น้ำยาจัดแต่งทรงผมให้สลวยสวยงาม ขับใบหน้าขาวเนียนอิ่มให้ชวนมองยิ่งกว่าเดิม พร้อมออกจากบ้านตรงไปยังร้านอาหารของกันต์ธร




ภพตะวันที่หายไปนานหลายสัปดาห์ กลับมาที่คุ้มตะวันอีกครั้งพร้อมโฉมใหม่ที่ใกล้เคียงกับคนเดิม เมื่อขาเนียนนั้นก้าวเข้าร้าน ทุกเสียงก็เงียบลงไปพร้อมกับสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมายังบุรุษผู้มีความงามท่วมท้นในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น




นายศักดิ์ที่เห็นเช่นทุกคนก็ตะลึงตาค้างไปชั่วครู่แล้วรีบวิ่งเข้าหลังร้านแจ้งว่าแขกคนพิเศษเดินทางมา แต่ถึงอย่างนั้น กันต์ธรก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงใดใด ปล่อยให้ลูกน้องออกไปต้อนรับแทน








“วันนี้ทานอะไรดีครับ?”



“ธรอยู่ไหมครับ?”



“เอ่อ…อยู่ครับ”




“พอดีผมมีธุระอยากคุยกับเขา ช่วยตามเขามาหน่อยได้ไหม?”




“ครับ รอสักครู่”




นายพันธุ์เดินเข้าไปเรียกเจ้านายที่นั่งหน้าเครียดกุมขมับอยู่ที่โต๊ะหลังร้าน ดูท่าว่าภพตะวันจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างที่หวัง และใจเขาตอนนี้ไม่สามารถมองหน้าภพตะวันเหมือนเดิมได้อีก เพราะความรู้สึกผิดมันกางฉากกั้นเขาทั้งคู่เอาไว้อยู่









“ภีม…?”




“ธร…”




กันต์ธรเดินออกมาและตรงไปที่โต๊ะมุมกล้วยไม้มุมเดิม แต่กลับต้องนิ่งตะลึงไป ด้วยภพตะวันวันนี้ดูสดใสชวนใจเต้นเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาตรงๆ พร้อมส่งยิ้มหวานละลายใจ








‘ไปฝึกที่ไหนมา?’




ก้อนเนื้อในอกเจ้าของร้านเต้นรัวกระหน่ำไม่หยุด มันดีดเป็นม้าคึกเตรียมออกศึกอย่างไรอย่างนั้น ใจคิดพลางไปว่าท่าทางน่ารักเช่นนี้เจ้าตัวไปได้จากที่ไหนมา หากว่าใครได้เห็นเข้าคงต้องตกหลุมรักกันเป็นแถบๆ ไป และกันต์ธรก็ไม่อยากให้มีใครได้มองเห็นเลยสักคน








“ธร…”




“หะ?”




“เป็นอะไร?”




“…เปล่า”




“หน้าแดงนะ”



“อ่อ…เหรอ?”




“…”




“…ภีมมีอะไร จะคุยกับฉัน…เหรอ?”




“เรื่องอาหารที่นายเอาไปส่งให้แม่ฉันน่ะ…พอดีช่วงนี้ฉันยังไม่ยุ่งมาก แม่เลยบอกให้ฉันมาเอาปิ่นโตที่ร้านนายเอง นายจะได้ไม่ต้องออกไปส่งให้เสียเวลา”




“อา หะ”




“ฉันจะมารับประมาณช่วงนี้ นายก็เตรียมไว้ให้พร้อมนะ ส่วนของฉันที่นายเตรียมไปให้…ฉันชอบมากเลย”




“อ่า…”




กันต์ธรนั้นยืนอยู่ตรงหัวโต๊ะและสายตาก็เหลือบไปเห็นขาขาวๆ เนียนๆ ที่โผล่พ้นขอบกางเกงขาสั้นออกมา จุดรวมสายตาที่เขาไม่สามารถเคลื่อนไปมองจุดอื่นได้พร้อมใจที่เต้นรัว ไม่ว่าภพตะวันจะกล่าวอะไรออกมา เขาก็เออออตามไปด้วยหมดโดยที่ไม่สามารถจับใจความใดใดได้








“ธร…”




“หืม?”



“มองอะไร?”




“ภีม…ทำไมวันนี้ใส่กางเกงขาสั้นมาล่ะ มันอันตรายนะ”




“อันตราย? กับใคร? กับนายเหรอ?”




“อ่า…”





















“นาย! แขกโต๊ะจองเข้าแล้วนะ!!”




“เออๆ เดี๋ยวกูไป!”










“ฉันไป…รับแขกก่อนนะ”



“อืม”




กันต์ธรเดินออกไปต้อนรับแขกพิเศษโต๊ะยาวแล้ว ปล่อยให้ภพตะวันนั่งอมยิ้มรอรับปิ่นโตอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง อย่างน้อยวันนี้กันต์ธรก็มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มวัยสามสิบที่แต่งกายคล้ายเด็กมหาลัยสุดเซ็กซี่ รับเอาปิ่นโตและเดินออกจากร้านไปอย่างอารมณ์ดี พร้อมสายตาแขกโต๊ะยาวทั้งโต๊ะที่พึ่งมาใหม่ จ้องมองไม่วางตากันทุกคน





และมีสายตาคู่หนึ่ง ที่ยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะยาวนั้น มองลูกค้าของเขาด้วยแววจ้องเขม็งคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อ





















“ขอบใจนะ”




“ภีม…นายไม่ต้องใส่กางเกงแบบนี้มาแล้วได้ป่ะ”




หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ภพตะวันก็เดินทางมารับปิ่นโตที่ร้านกันต์ธรในทุกวันด้วยกางเกงขาสั้นสุดฟิตที่เรียกแขกให้ร้านได้มากกว่าเดิม มากขึ้นจนเจ้าของร้านเริ่มอดรนทนไม่ไหวต้องพูดออกมาทั้งที่ก็พยายามฝืนใจตัวเองไม่ให้ไปก้าวก่ายชีวิตเขาแล้วแท้ๆ








“ทำไมล่ะ นายไม่ชอบเหรอ?”




“…”




“ธร”




“คราวหลังอย่าใส่มาอีก ถ้ายังใส่มาฉันจะบอกป้าบัว ว่าจะไปส่งข้าวให้เอง ไม่ให้นายมาที่ร้านแล้ว”








กันต์ธรนั้นพูดด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างมาก จนภพตะวันต้องเงียบลงไปคล้ายกับโดนบิดาของเขาดุเอาอย่างไรอย่างนั้น เจ้าตัวหน้าหงิกลงไปคล้ายกับเด็กน้อยแล้วหันหน้าพร้อมเดินออกจากร้านไปด้วยความหงุดหงิด






‘ฉันยังไม่อยากควักไส้ใครออกมาตอนนี้ ไม่รู้เลยรึไง’




ชายหนุ่มเจ้าของร้านได้แต่สบถอยู่ในใจ หวงก็สุดหวง แต่ก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ ด้านภพตะวันนั้นเมื่อเห็นเขาเริ่มคุมตัวคุมใจไม่ได้ก็เหมือนยิ่งได้ใจ คราวก่อนจำได้ว่ากางเกงอีกตัวมันยาวกว่านี้หลายนิ้ว ทำไมมันเริ่มสั้นลงๆ ไม่รู้ บ่นเข้าไป สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่ภาวนาให้ขาขาวๆ นั้นอย่าไปถูกตาต้องใจใครเข้าให้เขาต้องได้ก่อบาปอีกเลย














ปึก!




“โอ๊ย!”




“…”




“…ขอโทษครับ”




ภพตะวันที่เพิ่มระดับความหงุดหงิดใจเป็นระดับที่สาม เดินก้มหน้าก้มตาออกจากร้านไป แต่ยังไม่ทันได้พ้นปากประตู จมูกน้อยๆ ก็ชนเข้ากับแผงอกของใครบางคน ภาพตะวันที่ว่าสัดส่วนความสูงเรียกว่ามาตรฐานชายไทยแล้ว เมื่อเจอคนที่เขาชนเข้าให้คนนี้ จมูกเขาก็ยังอยู่เพียงช่วงอกเท่านั้น เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยคำขอโทษขอโพยออกมาอย่างสุภาพ





ชายหนุ่มผมหยักศกดำขลับระต้นคอ กับใบหน้าขาวเนียนใส ในชุดรัดรูปโชว์สรีระสุดเพียวบางถูกมือหนาของชายผู้ขวางทางเชยปลายคางขึ้นให้มองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง มือนั้นก็ปล่อยออกจากใบหน้านุ่มนิ่มนั้น แล้วก้มลงมองภพตะวันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ใช้สายตาจับจ้องตรงๆ ไปที่ขาขาวๆ และสะโพกได้รูปด้วยหูตาแพรวพราว









“น่ารักจัง…”




“เอ่อ…?”




“ชื่ออะไรครับ?”




“ภีม…ครับ”








"ภีม!!!!"



นั่นไง พ่อมาแล้ว…ชายเจ้าของร้านที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อครู่ ย่างสามขุมเข้ามาพร้อมกระชากแขนภพตะวันให้ออกห่างจากลูกค้าร่างยักษ์ และยังไม่ทันที่กันต์ธรจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ชายฉกรรจ์สองคนที่เดินตามหลังของชายร่างยักษ์ผู้นั้นมาก็เดินเข้าประชิดตัวกันต์ธรใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นายศักดิ์และนายพันธุ์ที่ประจำหน้าที่อยู่ในร้านได้กลิ่นอายหายนะ จึงได้พุ่งตัวเข้าสู่สมรภูมิร่วมกับเจ้านายในทันที








“ไปคุยกันข้างนอกหน่อย!”




“ธร…?”




เมื่อนายศักดิ์และนายพันธุ์เดินมาขวางหน้าไว้ กันต์ธรก็กระชากแขนภพตะวันให้เดินตามออกไปด้านนอกร้านด้วยประตูอีกฝั่ง ชายร่างใหญ่และลูกสมุนอีกสองคนที่ถูกนายศักดิ์และนายพันธุ์ขวางไว้ทำท่าจะมีเรื่องกันเต็มที่ ก่อนที่นายศักดิ์จะเอ่ยบางอย่างออกมา ทุกอย่างจึงคลี่คลายและชายคนนั้นก็พร้อมจะเดินกลับออกไป








“คุณอย่ายุ่งกับคุณภีมดีกว่าคุณประดับเงิน…เขาเป็นคนรักของนายผม”




“คนรัก…ของกันต์ธรเหรอ? คนแบบนั้นรักใครเป็นด้วยเหรอ?”




“ถ้าคุณอยากทานอาหาร ร้านเรายินดีต้อนรับ แต่ถ้าต้องการอย่างอื่น เชิญพวกคุณกลับไปดีกว่า”




“ถ้างั้นฉันกลับก่อนดีกว่า วันนี้ดูท่าจะฤกษ์ไม่ดีแล้ว…ว่าแต่ คุณภีมคนนั้นรู้รึเปล่า ว่าคนรักของเขา เคยนอนกับพี่ชายฉันมาตั้งหลายปี ฮึฮึฮึ”




“…”




ประดับเงินเดินออกไปแล้ว กลุ่มอันธพาลแทบทั้งจังหวัดรู้จักพี่น้องเจ้าของบ่อนสายโหด ประดับเงิน ประดับทอง เป็นอย่างดี ธุรกิจดำมืดของตระกูลนี้มีหลายประเภทและหลายจังหวัด ประดับเงินนั้นโหดเหี้ยมกว่าประดับทองหลายเท่า บิดาพวกเขาจึงส่งให้ไปคุมกิจการสาขาอื่น





และเป็นโชคดีของเสี่ยธรมาก ที่ตระกูลของประดับเงิน ไม่ถูกโลกกับตระกูลของนายขุนพล พ่อของจ้าววายุเช่นกัน เมื่อไม่มีใครเป็นพวกเดียวกับใครเช่นนี้ กันต์ธรจึงได้รอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด ในพิธีล้างมือในอ่างทองคำของเขา









“ธร…!”




“เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าอย่าใส่แบบนี้มา! เกิดไปถูกใจนายประดับเงินเข้าจะทำไง?”




“ใครนะ…นายรู้จักเหรอ?”




“ใช่ ฉันเคยทำงานให้พี่ชายเขา”





“ฉัน…”





“อยากแกล้งฉันก็แกล้งไปนะภีม แต่อย่าเอาตัวเองมาเสี่ยงขอร้อง ฉันไม่ได้ใจดีหรอกนะ”




“…”





“นายรีบกลับบ้านเหอะ ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่แล้ว ฉันจะเอาข้าวไปส่งให้ที่บ้านเอง”





“แล้ว…ถ้าเป็นมื้อเย็นล่ะ เอามาส่งด้วยไหม?”





“ส่งหมด หิวก็โทรมา”




“งั้นเย็นนี้เอาปิ่นโตไปส่งให้ฉันที่บ้านหน่อยสิ พอดี…พ่อกับแม่ไม่อยู่”




ภพตะวันเอาอีกแล้ว ทำหน้าและส่งสายตาเช่นนี้มาให้กันต์ธรเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วไม่รู้ และใช่ว่าเจ้าของคุ้มตะวันจะไม่ชอบเสียเมื่อไหร่ ติดตรงที่เขาเอง ที่ไม่สามารถคว้าคนน่ารักคนนี้มากอดไว้เหมือนเมื่อก่อนได้ก็เท่านั้น







“ฉันจะไปส่งให้”




“…ขอบใจ”




ชายหนุ่มที่รูปลักษณ์คล้ายดั่งเด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ส่งยิ้มตาหยีไปให้กับกันต์ธร และเขาก็ได้รับรอยยิ้มจากกันต์ธรส่งมาให้เช่นกัน ก็แน่ล่ะ ใครเจอยิ้มเช่นนี้ของภพตะวันเข้าให้แล้วไม่ยิ้มตาม คนๆ นั้นคงเป็นคนที่ใจแข็งยิ่งกว่าหินผาเป็นแน่






“…ฉันจะรอนะ”










...
























Savahale Talk : ไร่อ้อยของภพตะวันจะโตไหม มาลุ้นกันต่อในวันพรุ่งนี้นะคะ : )








-------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------





ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
มีความอ่อยเบอร์แรง
ว่าแต่ประดับเงินนี่จะมาชอบภีมอีกไหมเนี้ยะ

ออฟไลน์ kratai_rabbit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดตามค่าาา :katai2-1:

ออฟไลน์ Savahale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • https://savahale.wordpress.com



สวัสดีค่ะ คุณ bun และ คุณ kratai_rabbit

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตามด้วยนะคะ :กอด1: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


อีกสามตอนก็จะจบแล้วน้า ร่วมลุ้นกันต่อนะคะ

ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่า ^______________^


















บทที่ 24 : ศักดาเดช





















‘…ฉันจะรอนะ’



ประโยคทิ้งท้ายจากคนน่ารักที่ทำเอากันต์ธรต้องนั่งกุมขมับตัวเองอยู่หลังร้านอีกครั้ง เจ้าตัวนั่งสั่นขาขวากับที่อย่างแรงอยู่พักใหญ่ ด้วยสมองกำลังครุ่นคิดถึงอะไรหลายอย่าง พฤติกรรมและคำพูดต่างๆ ของภพตะวันนั้นมองออกได้ไม่ยาก ด้วยครั้งไหนที่เจ้าตัวต้องการอะไรมากๆ ก็จะยอมลงทุนทำทุกอย่าง เช่นสมัยเรียนที่เจ้าตัวนั้น เคยถ่อมาหาเขาเองถึงหน้าห้องเรียนในช่วงเปลี่ยนคาบวิชา ทั้งยังนั่งเฝ้าเขาทำงานกิจกรรมโรงเรียนจนมืดค่ำนั่นก็อีก คราวนั้นคิดเพียงว่า เพื่อนรักคงอยากนั่งเป็นเพื่อน จนมาล่วงรู้ทีหลังว่าแท้จริงแล้ว ภพตะวันกลัวเขาเข้าใกล้วินาวินมากเกินไปต่างหาก กันต์ธรจำทั้งหมดนั้นได้เป็นอย่างดี




งานนี้อดีตนักเลงเช่นเสี่ยธร คงต้องหาวิธีจัดการให้เด็ดขาดซะแล้ว เขาไม่ชอบเอาเสียเลยกับภพตะวันที่ให้อภัยเขาอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด และนั่นยิ่งทำให้กันต์ธรต้องรู้สึกผิดต่อตัวเองเข้าไปใหญ่






“ทำไงดีวะ!?!”





















ปิ่นโตเคลือบ สีน้ำตาลอ่อนเนื้อดีถูกจัดใส่เถาไว้เรียบร้อยสำหรับนำส่งให้กับลูกชายคนเดียวของบ้านวงศ์วรรธน์ คนส่งอาหารเร่งออกจากคุ้มตะวันตั้งแต่หกโมงเย็นด้วยกลัวว่าลูกค้าคนสำคัญจะหิวจนเกิดความหงุดหงิดใจขึ้นมาได้อีก








ก๊อก ก๊อก ก๊อก




เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น ทั้งที่ปกติแล้ว ประตูบ้านจะถูกเปิดทิ้งไว้แทบตลอดเวลา คงเป็นเช่นที่ภพตะวันได้บอกเอาไว้ตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้วว่า ค่ำนี้จะไม่มีใครอยู่บ้าน






เอี๊ยดดดด






เจ้าของบ้านที่อยู่บ้านเพียงลำพังเปิดประตูหน้าบ้านออกเพื่อต้อนรับปิ่นโต? ที่เขาตั้งใจไปล่อลวงมาเต็มที่ ด้วยบัดนี้เจ้าตัวนั้นสวมใส่เพียงเสื้อขาวตัวบางและกางเกงขาสั้นตัวเดิม ผมหยักศกที่หวีให้ดูดีอยู่เสมอ ยุ่งเหยิงเล็กน้อยด้วยคาดว่าเจ้าตัวคงนอนหลับพักผ่อนแล้วพึ่งตื่นขึ้นมา







…น่ารักบาดใจ








ตึก…ตึก..ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ




เสียงหัวใจภพตะวันนั้นกระหน่ำเต้นรัวผิดจังหวะ และลมหายใจก็เริ่มเข้าออกหนักถี่ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าขาวเนียนที่ยิ้มหวานละลายใจออกมาเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมา พร้อมกับเสียงประตูที่ปิดกลับเข้าไปที่เดิมดังสนั่นกระเทือนผนังทุกด้านของตัวบ้าน








“ปิ่นโตคร…”




ปัง!!!!!!




ผู้นำปิ่นโตมาส่งที่ถูกประตูปิดอัดกระแทกหน้าได้แต่ยืนอึ้งและนิ่งงันอยู่ที่เดิม








ก๊อก ก๊อก ก๊อก




เมื่อรวบรวมสติได้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง หากแต่บัดนี้ไม่มีใครในบ้านได้ยินเสียงเคาะนั้นอีกแล้ว ด้วยภพตะวันได้เดินปึงปังขึ้นไปยังห้องส่วนตัว ด้วยท่าทางหงุดหงิดระดับสิบ









“กันต์ธร!!! ....ไอ้คนโง่! โง่ๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้โง่เอ้ย!!!”






ด้วยใจนั้นเดือดดาลหนัก คำพูดแสลงหูที่แทบไม่มีใครเคยได้ยินจึงผุดออกมาดังลั่นห้อง ภพตะวันหงุดหงิดใจขั้นปรอทแตกแล้วงานนี้ เกิดมาไม่เคยรู้สึกโมโหใครเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต เขายืนขึ้นแล้วกระแทกประตูตู้เสื้อผ้าออก หยิบเสื้อเชิ้ตสีครีมตัวหนึ่งออกมาสวมทับเสื้อสุดพลิ้วบางนั้นเอาไว้ พร้อมเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวตัวหนา จากนั้นก็คว้ากุญแจรถยนต์มาไว้ในมือ พร้อมเดินปึงปังลงจากบันได












เอี๊ยดดดดด




ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกอีกครั้ง และคนส่งปิ่นโตยังคงยืนอยู่ที่เดิม





“ปิ่นโตครับ…”




เจ้าของบ้านที่หงุดหงิดอย่างแรงกล้าเดินสวนคนส่งอาหารที่ยื่นปิ่นโตให้ออกมา โดยไม่พูดไม่จา เขาเดินขึ้นรถแล้วขับออกไปทั้งที่ใจยังเต้นแรง ปล่อยนายศักดิ์เอาไว้ที่เดิมอย่างนั้นด้วยสีหน้างุนงง























ภพตะวันเหยียบมิดคันเร่งมาถึงบ้านณรงค์กรอย่างรวดเร็ว และไม่นานรถยนต์ที่จอดประจำในรั้วบ้านก็ขับตามเข้ามา นายศักดิ์เปิดประตูรถออกมายืนเกาหัวแกรกๆ พร้อมปิ่นโตในมือ ด้านชายปรอทแตกก้าวเข้าประตูหน้าบ้านญาติห่างๆ อย่างถือวิสาสะ จนได้พบเข้ากับคุณนายเจ้าของบ้านที่นั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โซฟาและเรียกเขาเอาไว้







“ภีม…?”




“…สวัสดีครับ”







“มาหาธรเหรอลูก?”




“ครับ…”




“ภีม…?”




ภพตะวันที่ร้อนรนดังคนถูกไฟเผานิ่งลงเมื่อเห็นมารดาของกันต์ธร หัวใจที่เต้นหนักๆ เริ่มเบาแรงลง และขายาวนั้นก็ก้าวเดินเข้าใกล้กับมารดาของกันต์ธรพร้อมยกมือไหว้ด้วยเมื่อครู่หลงลืมไป







“ผมขอโทษด้วยนะครับที่มากะทันหัน”



“ทะเลาะกันรึเปล่า? เห็นธรบอกน้าว่าภีมสั่งมื้อเย็นด้วยวันนี้”




“ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่บ้าน”



“ภีม…มีอะไรรึเปล่าหืม? บอกน้าได้นะ”




“ผมไม่เข้าใจธรเลยครับ เหมือนเขากำลังหลบหน้าผม”




“…”




“วันนี้เขาก็บอกจะเอาปิ่นโตไปส่งให้ผม แต่เขาก็ไม่ได้ไปเอง”





“…”




“ผมนึกว่าเขาจะไปเอง แบบที่เขาบอก”




“ภีม…”




“คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าธรไปดูแลพวกท่านทุกวันเลย แต่พอผมกลับมา ธรก็เอาแต่หลบหน้า”




“…”




“ทำไมล่ะครับ?”




“ภีม…ภีมไม่โกรธธรเลยเหรอ ไม่โกรธน้าหรืออาเต่าเลยเหรอ?”




มารดาของกันต์ธรที่ยังคงมีความรู้สึกผิดฝังอยู่ในใจไม่ต่างจากลูกชาย เมื่อเห็นภพตะวันมีท่าทีไม่เอาความใดใดก็อึดอัดในใจขึ้นมา เธอคว้ามือชายหนุ่มไปกุมไว้แน่นแล้วเริ่มมีน้ำตาคลอ พร้อมกับคำถามที่คาใจ ด้านภพตะวันที่เริ่มเย็นลงมากแล้ว ส่งรอยยิ้มกลับไปให้พร้อมกระชับมือทั้งสองข้างของเธอ









“โกรธสิครับ แต่ผมเข้าใจ ว่าธรไม่ได้ตั้งใจ ที่ธรทำลงไปเพราะเข้าใจครอบครัวผมผิด

จริงๆ แล้ว…ผมต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่วางยาผมวันนั้น มันทำให้ผมได้พบกับคำว่าคุณค่าของคน มีชาวบ้านช่วยผมเอาไว้ครับคุณน้า

ผมเคยเชื่อมาตลอด ว่ามนุษย์ผู้สูงศักดิ์และมีทุกอย่างที่มากล้น ต้องมีใจที่สูงตามไปด้วย แต่สิ่งที่ผมพบ มันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ผมถูกคนคนหนึ่งที่มีอำนาจและวาสนา หน้าตาทางสังคม คิดเอาชีวิตผมอย่างโหดเหี้ยม แล้วก็กลับเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่แทบไม่มีสมบัติใดใดเลยนอกจากบ้านลอยน้ำหลังน้อย ที่เป็นแสงสว่าง หยิบยื่นความใจดีและต่อลมหายใจให้ผม

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าคนเรา…วัดค่ากันที่ชื่อเสียงเงินทองไม่ได้ แต่ต้องวัดกันที่ระดับจิตใจของความเป็นมนุษย์มากกว่า

และที่สำคัญ พวกเขาได้มอบหัวใจดวงน้อยๆ ดวงหนึ่งให้กับผมกลับมาด้วย…ผมรักธรนะครับ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ากำลังจะมีคนมาแย่งความรักของผมไปจากธรแล้ว”





“ใครกัน? หัวใจดวงน้อยๆ?”



ภพตะวันนั้นเอ่ยยืดยาวถึงการผจญภัยเล็กๆ ในชีวิตที่เขาได้ประสบพบเจอมา แม้สิ่งนั้นคล้ายจะรุนแรงและเดิมพันด้วยลมหายใจทั้งหมดที่มี แต่การรอดชีวิตกลับมาได้ในครั้งนี้ ให้บทเรียนแก่เขามากกว่าที่เขาเคยได้พบเจอมาตลอดแทบทั้งชีวิตด้วยซ้ำ









“ลูกชายผมเองครับ…ชื่อว่าลำธาร ตอนนี้ผมฝากแม่นมดูแลอยู่ ถ้าโตขึ้นอีกนิดผมจะพามาเยี่ยมคุณน้านะครับ”




“ภีมมีลูกแล้วเหรอ?”




“ครับ”




“อ่า…น้าดีใจด้วยนะลูก”




“ขอบคุณมากครับ”




“น้าดีใจนะ ที่ธรมีภีม…ตอนนี้เราอยู่กันสองแม่ลูกแล้ว ธรก็ยังคิดถึงภีมอยู่ทุกวันนะลูก”




“แล้ว อาเต่าล่ะครับ?”




“น้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…ตั้งแต่วันนั้นที่เขา…ทำร้ายภีม เขาก็หายไปเลย”




“อาเต่า? เป็นคนวางยาผมเหรอครับ ไม่ใช่ธรเหรอ?”




“ไม่ใช่หรอกจ้ะ น้ารู้ว่าลูกชายน้ารักภีมมากขนาดไหน เขาไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก”




“แต่ว่า…แล้วทำไม? เขาต้องหลบหน้าผมด้วย”




“เพราะเขาปกป้อมภีมไม่ได้ไง…น้าเองก็ต้องขอโทษภีม ที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย”




“คุณน้าไม่ต้องคิดมากแล้วนะครับ เรื่องผ่านมาตั้ง 2 ปีแล้ว แล้วผมก็ให้อภัยหมดแล้วด้วย”




“ขอบใจนะลูก น้าขอบใจภีมมากจริงๆ”




ภพตะวันโอบกอดมารดาของคนรักไว้อย่างอบอุ่น กันต์ธรนั้นช่วยดูแลพ่อกับแม่ของเขาให้อย่างดีตลอดช่วงที่เขาไม่อยู่ เขาซาบซึ้งใจและพร้อมจะดูแลหัวใจของมารดากันต์ธรเช่นเดียวกัน










ความละมุนจากอ้อมกอดและคำพูดเปิดใจของทั้งสองฝ่าย ช่วยให้บางสิ่งบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ในใจของคนทั้งคู่คลายลงไปมาก น้ำตาจากความรู้สึกผิดเริ่มค่อยๆ จางหายไปแล้วแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ฉาบไล้บนใบหน้าขึ้นมาแทน






“ผมขอขึ้นไปหาธรหน่อยได้ไหมครับ?”




“จ้ะ”






เมื่อเห็นว่าคุณนายเจ้าของบ้านมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น ภพตะวันจึงได้เริ่มปฏิบัติการสิ่งที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกต่อ เขาเดินขึ้นชั้นบนของตัวบ้านไปยังห้องนอนแสนคุ้นเคย อารมณ์สีขุ่นที่ตามเขามาตั้งแต่ที่บ้าน สลายหายไปพร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นเมื่อครู่ เขาเคาะประตูห้องนอนของกันต์ธรผู้โง่เขลาอยู่สามที จากนั้นประตูก็ถูกเปิดออก












“ภีม!?!”




เจ้าของห้องเปิดประตูออกมาในสภาพที่พึ่งออกจากห้องน้ำ โดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันปกปิดส่วนล่างของเขาเอาไว้ ตาคมเบิกโตเป็นไข่ห่านด้วยตกใจหนักที่ภพตะวันมายืนอยู่หน้าประตู




ภาพชายหนุ่มร่างกายอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามมีสีหน้าเหลอหลา เรียกรอยยิ้มของคนน่ารักให้ฉายขึ้นมาได้อีกครั้ง








“ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม?”




“ฉ…ฉันขอแต่งตัวแปปนึง”




“แล้วไง นายจะให้ฉันยืนรอตรงนี้เหรอ?”




“เปล่า…ฉันหมายถึง…นายเข้ามาก่อนสิ”





กันต์ธรที่กุมขมับมาทั้งวันใจเต้นตุบตับด้วยเขาเค้นสมองคิดวิธีต่างๆ มากมายในการรับมือกับภพตะวัน แต่แล้วเจ้าตัวกลับกำลังเดินเข้ามาในห้องเช่นนี้ ทั้งเขาเองก็ยังแต่งกายไม่เรียบร้อยอีกด้วย ชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน ไม่อาจเบนความคิดให้ไกลห่างจากบรรยากาศรอบข้างที่ดูจะเป็นใจอย่างมากได้เลย










“…จิ้งจอกเก้าหาง?”




“อือ”




ภพตะวันที่เดินเข้าห้องมา เดินสำรวจไปทั่วห้อง และในจังหวะนั้นเอง เจ้าของห้องก็รีบเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอามาหนึ่งชุด แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป ภพตะวันหยิบหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดที่วางเรียงครบทุกเล่มบนชั้นขึ้นมาไว้ในมือ มันถูกห่อปกใสและเก็บไว้อย่างดี ไม่มีฝุ่นเกาะให้เปื้อนมือ เจ้าของห้องคงตั้งใจรักษามันไว้ให้ยังคงสภาพเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาเป็นแน่










แกรก




เพียงครู่เดียวเจ้าของห้องก็เดินออกจากห้องน้ำมาในชุดเสื้อยืดคอย้วยและกางเกงนอนผ้าไหมขายาวสีน้ำเงิน เขาแอบมองภพตะวันที่ยืนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ใกล้ๆ กับริมหน้าต่าง






เนิ่นนานจนผู้มาเยือนอ่านจบไปหนึ่งหน้าและเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาพร้อมยิ้มน้อยๆ ออกมา ด้านคนถูกจับได้ ทำทีลุกลี้ลุกลนเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วหยิบกระดาษสีคล้ำออกมาทำท่าว่าอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ










“ธร…”




“หืม?”




“ทำไมไม่เอาข้าวไปส่งให้ฉันเองล่ะ?”




“พอดี…ฉันยุ่งนิดหน่อย”





“ยุ่งอะไร?”




“มันเป็นช่วงใกล้ปิดร้านอ่ะ ฉันต้องอยู่เคลียร์บัญชี”





“ธร”





“หืม?”





“เมื่อกี้ฉันคุยกับแม่นายมา”




“…”




“ฉันรู้แล้วนะ ว่าไม่ใช่นาย ที่วางยาฉัน…นายเลิกโทษตัวเองสักทีได้ไหม”




“…ต่างอะไรกันล่ะภีม ฉันก็คิดจะฆ่านายเหมือนพ่อนั่นแหละ”




“แต่นายก็ไม่ได้ทำไม่ใช่เหรอ”






“…”






“ธร”




ปุบปุบ




ภพตะวันที่ไม่ได้รับคำตอบอันเป็นที่พอใจ นั่งลงบนเตียงกว้างฝั่งหนึ่ง แล้วตบลงบนเตียงสองที เป็นสัญญาณให้คนที่เอาแต่ก้มหน้างุดอ่านอะไรบางอย่างอยู่ให้ลุกมานั่งตรงนี้









“ธร…”




“นายมีอะไรก็ว่ามาเลย ฉันฟังอยู่”











“…คิดจะทิ้งฉันเหรอ?”




ขวับ




“ภีม…”




เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่คาดฝัน ชายเจ้าของห้องที่นั่งอึดอัดใจอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือก็หันขวับกลับมาทันที และเห็นภพตะวันกำลังจ้องเขม็งส่งสายตาหงุดหงิดมาให้อยู่









“ใครไม่รู้เคยบอกฉันว่า ฉันไม่มีวันทิ้งนาย…ไม่ว่าร้ายหรือดีที่กำลังจะผ่านเข้ามา หัวใจฉันจะมีแค่นายเพียงคนเดียวตลอดไป”




“…ฉันขอโทษ”




“เลิกขอโทษสักทีธร…มานั่งนี่!”






ภพตะวันยื่นคำขาดแล้ว กันต์ธรจึงได้ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าใกล้แขกด้วยใบหน้าที่เริ่มชา และร่างกายที่ออกอาการสั่นดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เขาหมดความมั่นใจในเรื่องของภพตะวันไปนานแล้ว และใช่ว่ามันจะสามารถเรียกกลับมาได้ทันใจเสียเมื่อไหร่









































-------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------





ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
กลายเป็นภีมต้องมาตามง้อธร แทน
ธรก็ต้องมั่นใจในตัวเองขึ้นได้แล้วนะ และพิสูจน์ให้ภีมเห็นว่าตัวเองดีพอสำหรับภีม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Savahale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • https://savahale.wordpress.com
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะคะ คุณ bun  :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:

ร่วมลุ้นกันต่อนะคะ



 :mew1:























บทที่ 25 : รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว…เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง















เจ้าของห้องที่ถูกเรียกให้ลุกเสียงเข้ม ยอมเดินมานั่งลงบนเตียงในจุดที่ภพตะวันตบเบาๆ เมื่อครู่ เขายังคงนั่งก้มหน้าเช่นเดิมตั้งแต่เดินมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ ด้านคนเรียก บัดนี้ก็เริ่มก้มหน้าลงไปบ้างแล้ว ด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไรที่จะช่วยเรียกความมั่นใจของกันต์ธรให้กลับมาได้



หากแต่ความเงียบนั้นน่ากลัว และคนอึดอัดใจมากกว่าไม่อาจทนได้ไหว จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน






“...ฉันพูดจริงนะ”



“พูดอะไร?”



“ที่เคยบอกว่าจะรักแค่นายคนเดียว”







“…”



“ฉันรักนาย…แต่ฉันมันไม่ดีเอง ไม่คู่ควรกับนายเลย”





“แล้วนายจะทำยังไง จะยอมให้ฉันไปแต่งงานกับคนอื่น ทั้งๆ ที่ฉันก็รักนายเหรอ? …ทำไมล่ะธร ทั้งๆ ที่ฉันก็รักแล้วก็อภัยให้นายทุกอย่าง ทำไมนายถึง…ยังเอาแต่ผลักไสฉันอยู่ดี”




“นายให้อภัยฉันมันก็จริง แต่ฉันยังให้อภัยตัวเองไม่ได้ไง…ฉัน อึก”



ยิ่งพูดอารมณ์ยิ่งโหมพัดแรงขึ้น กันต์ธรที่ก้มหน้าเอ่ยวาจาเริ่มมีหยดน้ำตาตกกระทบมือหลายหยด ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่ความรู้สึกผิดในใจ เด่นชัดกว่าความรักที่เขามีให้ภพตะวัน ทุกเรื่องราวเลวร้ายที่เคยได้กระทำ ไหลวนเข้ามาไม่หยุด ยิ่งได้ใกล้กับชายผู้เป็นที่รัก หัวใจยิ่งอึดอัดจนแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ





ไหล่หนานั้นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนัก ทั้งใบหน้านั้นก็ยกเหยเกพร้อมเสียงสะอื้นที่ส่งออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ และเสียงพูดที่ดังออกมาหลังจากนั้นก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเจ้าตัวค่อยๆ สติหลุดออกไปจนแทบไม่มีเหลือ









“ฉันไม่รู้จะทำยังไง! …ฉันก็ทุกข์ใจอยู่ทุกวันภีม ฉันกลัวไปหมด รู้สึกว่าตัวเองมันโคตรไร้ค่า ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เกิดมาเคยทำอะไรดีบ้างยังนึกไม่ออกเลย ทั้งๆ ที่นายดีกับฉันขนาดนี้ ฉันก็ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยมีความคิดดีๆ กับคนอื่นเขาเลยสักครั้ง ฉันไม่รู้จะทำยังไง…ไม่รู้จะทำยังไง!”



ความทุกข์ใจที่ค่อยๆ ท่วมท้นออกมาทางดวงตาและคำพูด บีบคั้นอารมณ์คนฟังได้อย่างง่ายดาย ภพตะวันดึงมือคู่นั้นมากุมเอาไว้แน่นพร้อมมืออีกข้างที่โอบหลังกันต์ธรเอาไว้…ใจเขาเจ็บเหลือเกิน เขาไม่ต้องการเห็นกันต์ธรร้องไห้เลยแม้สักครั้ง และเขาเข้าใจแล้วว่า บาดแผลในใจที่กันต์ธรเคยได้รับมานั้น มันยากเกินกว่าจะสามารถรักษาให้หายได้โดยไว…บาดแผลที่ใครต่อใคร ต่างกดดันให้เขาสร้างมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัว



บาดแผลในใจที่ถูกกรีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันกลัดหนอง ต้องรักษาด้วยยาชนิดใด? ยาพิษร้ายที่เคยซึมเข้าร่างภพตะวัน หรือแม้กระทั่งตะแกรงเหล็กที่พันรอบกายให้เกิดแผลถลอก ยังสามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการรักษาให้หายได้ แต่บาดแผลในใจของกันต์ธร ต้องใช้เวลากี่สิบปีกัน? มันถึงจะหายขาด…หรือต้องใช้เวลาทั้งชีวิต?




หากเป็นเช่นนั้น ภพตะวันก็พร้อมที่จะดูแลเอาใจใส่บาดแผลนี้ด้วยทั้งชีวิตของเขาเช่นเดียวกัน









“นายเจ็บ ฉันก็เจ็บด้วยนะธร…ฉันอยู่กับนายตรงนี้ นายเห็นฉันไหม…นายอยากร้องไห้ ฉันก็จะร้องด้วย ฉันจะกอดนายไว้แล้วจะไม่ปล่อยนายไปไหน ไม่ว่านายจะไล่ฉันไปยังไง ฉันก็ไม่ไป…ฉันจะอยู่กับนาย จะอยู่กับนาย แบบที่เคยบอกนายมาตลอด อย่าไล่ฉันอีกเลยนะธร…ฮือ”




ภพตะวันนั้น รักกันต์ธรเหนือยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ผูกพันและรักมาอย่างเนิ่นนานก่อนที่เจ้าตัวจะรู้สึกตัวเสียอีก




ความต่างมันอยู่ตรงไหน ตรงที่ภพตะวันนั้นให้อภัยได้อย่างง่ายดายด้วยใจรักมั่นในคำสัญญา หรือตรงที่กันต์ธรนั้น ไม่สามารถให้อภัยตนเองได้ง่ายๆ ด้วยใจยังยึดโยงอดีตเอาไว้กับตัว ทั้งสุขและทุกข์เขาไม่สามารถปล่อยให้มันผ่านไปได้เช่นที่ภพตะวันเป็น




ชายผู้มาเยือนโอบกอดร่างหนาๆ ของกันต์ธรเอาไว้ แล้วสะอื้นตัวโยนเช่นเดียวกับชายผู้เป็นที่รัก และนั่นก็มากพอที่จะทำให้กันต์ธรเงียบเสียงลงไป ด้วยสิ่งที่เจ้าตัวนั้นกลัวที่สุดในตอนนี้ ก็คือการทำให้ภพตะวันต้องเสียน้ำตาเพราะเขาเป็นต้นเหตุ










“ภีม…ขอโทษ ธรขอโทษนะ ภีมอย่าร้องไห้ได้ไหม ธรไม่ร้องแล้วเนี่ย ภีมก็ไม่ร้องแล้วนะ ภีม…ภีม ฮือออ ธรขอโทษ”




ความอึดอัดใจในคราวแรกที่สุมหนักมาหลายวันในใจกันต์ธร ถูกน้ำตาพาพัดออกมาหนักๆ ไปหนึ่งยก บัดนี้เจ้าตัวได้สติกลับมาพร้อมความโล่งที่หัว แต่ยิ่งพูดปลอบใจภพตะวันที่ร้องไห้ในอ้อมกอดเขาเท่าไหร่ ก็ชักทนไม่ไหว ต้องน้ำตาไหลตามภพตะวันไปอีกรอบ ด้วยภพตะวันในตอนนี้ช่างน่าสงสาร ต้องเจ็บปวดเพราะเขาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เลิกเสียที








“ภีมหยุดร้องไห้เถอะนะ ถ้าภีมหยุดธรก็จะหยุดด้วย…ได้ไหมครับ ที่รัก”



กันต์ธรนั้นจนมุมเข้าให้แล้ว นอกจากจะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ ยังหาทางหยุดภพตะวันไม่เจออีกด้วย จนสุดท้ายก็ต้องเผลอพูดอ้อนหวานๆ ออกไป แม้ต่อมสำนึกผิดจะยังไม่อนุญาตให้พูดก็ตาม










“อือ…”




และดูเหมือนว่า งานนี้จะได้ผล เมื่อภพตะวันที่ร้องไห้ตัวโยนเริ่มสงบลงและครางตอบกลับไป แม้เจ้าตัวจะยังคงซุกหน้าในอ้อมอกของเจ้าของห้องอยู่










“หิวไหมภีม? ทุ่มกว่าแล้วนะ”



“ไม่…”



“แต่ธรเริ่มหิวแล้ว ลงไปกินข้าวกันไหม?”










“จะไล่ฉันอีกแล้วเหรอ?”




“หะ? เปล่านะ”




เจ้าของห้องที่ใครต่อใครต่างตราหน้าว่าฉลาดน้อย คราวนี้อาจจะจริงอย่างที่ใครๆ ว่า ด้วยในสถานการณ์สุดวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เจ้าตัวก็เค้นหาประโยคดีดีมาปลอบใจได้เพียงการชวนลงไปกินข้าว








“ก็ภีมยังไม่ได้กินข้าว ธรกลัวภีมหิว”



“…”



“ภีม?”











“ฉันยังไม่หิว…ถ้านายหิว จะกินฉันก่อนก็ได้นะ”






“ภีม!?! ว่าไรนะ?”




“นายมัน โง่ชะมัด! …จะลงไปกินข้าวก็ไป”



ภพตะวันที่แอบกระซิบพูดบางอย่างออกไปเมื่อครู่ ผละออกจากอ้อมกอดของกันต์ธรและเดินไปที่หน้าประตูด้วยความรวดเร็ว ใบหูที่ขึ้นสีแดงจากการร้องไห้หนักเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นสีแดงจากความเขินอายแทนเสียแล้ว ด้วยเจ้าตัวก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะพูดอะไรน่าอายเช่นนั้นออกไปได้






ด้านเจ้าของห้องที่พึ่งนึกขึ้นได้รีบคว้าเอาคนน่ารักให้กลับมาทิ้งตัวลงบนตักอีกครั้ง แล้วใช้ท่อนแขนกำยำรัดร่างนั้นเอาไว้แน่นไม่ให้หลุดไปไหนได้








“ไหนว่าหิวข้าวไง?”



“อืม…หิว”







“…”






“แต่ภีมบอกว่ากินภีมได้นี่นะ”



“ไม่กลัวฉันแล้วเหรอ?”



“กลัวสิ แต่ภีมบอกว่าได้ ฉันก็เชื่อไง”



“บอกอะไรก็เชื่อหมดเลยเหรอ?”



“ครับ”




“จริงอ่ะ?”




“จริง”




“ดี…งั้นห้ามทิ้งฉัน”




“ไม่มีทางอยู่แล้ว”




“มีอะไรต้องพูดกันตรงๆ”




“ครับ”




“ต้องรักลูกฉันด้วย”




“หะ?”




“เรื่องมันยาวเอาไว้จะเล่าให้ฟัง…นายเชื่อใจฉันไหม?”




“ฮึ่ม…เชื่อ!”




“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิธร เขาจะเป็นลูกของนายด้วยนะ”




“อือ”




“ธร…”




“หืม?”










“…ฉันรักนาย”










ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ





“…”




“ทำไมเงียบเลยล่ะ?”





“…”




“ธร…”






ริมฝีปากล่างของอดีตนักเลงเริ่มสั่นไหวให้จับได้อีกครั้ง เจ้าตัวคล้ายคนใบ้ที่ไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้อีก ด้วยบัดนี้ก้อนที่จุกอยู่ในอกหาใช่ความทุกข์ใจเช่นที่ผ่านมา หากแต่เป็นความสุขล้นจนเกินต้านทาน เจ้าตัวไม่ตอบกลับคนรัก เพียงค่อยๆ กระชับฝ่ามือทั้งสองข้างไปที่หัวไหล่น้อยๆ นั้นแล้วกดภพตะวันลงให้นอนราบลงไปบนเตียงอย่างนุ่มนวล










“ยกโทษให้ด้วยนะภีม…ถ้าฉันทำอะไรไม่ถูกใจ”



“ก็ถูกใจมาตลอดนะ เท่าที่จำได้”




ภพตะวันที่นอนลงบนหมอนหัวเราะคิกคักกับใบหน้าประหม่าของกันต์ธร เขาเอื้อมมือขึ้นแล้วแตะลงบนริมฝีปากของคนด้านบน นิ้วเรียวค่อยๆ ลากลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา ดวงตาใสจับจ้องทุกที่ที่ปลายนิ้วลากผ่านอย่างไม่วางตา ก่อนที่สองแขนน้อยๆ จะค่อยๆ โอบขึ้นรอบลำคอกันต์ธร แล้วดึงศีรษะคนด้านบนให้เคลื่อนตามลงมา










“ภีมแน่ใจนะ?”




“มั่นใจหน่อยสิธร ไม่สมกับเป็นนายเลยนะแบบเนี้ย”




“ก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ ที่ฉันไม่มั่นใจ”



“ฮะฮะ”



ชายหนุ่มผู้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน กลายเป็นเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาไปเสียแล้ว แต่นั่นใช่ปัญหาของภพตะวันเสียเมื่อไหร่ เมื่อบัดนี้ กันต์ธรนั้นเชื่องเหมือนเจ้าแมวตัวใหญ่ก็ไม่ปาน และมันช่างถูกอกถูกใจคนเลี้ยงแมวเช่นเขาซะเหลือเกิน




เจ้าแมวตัวใหญ่ทาบริมฝีปากลงมาบนปากของภพตะวันอย่างแผ่วเบา แล้วเริ่มไล่เล็มความนุ่มนิ่มนั้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะค่อยๆ ส่งลิ้นสากของตนไล่เลียไปโดยรอบ สลับกับไล่งับริมฝีปากล่างที่เขาหลงใหลมาเนิ่นนาน ดูดกลืนอยู่อย่างนั้นด้วยแสนคิดถึงและใจไม่กล้าพอที่จะไปต่อจากจุดนี้










“อือออ”




กลับเป็นคนด้านล่างเสียเองที่เริ่มส่งเรียวลิ้นเล็กๆ นั้นแทรกผ่านเข้าไปในริมฝีปากเจ้าของห้อง จากนั้นสงครามรสหวานจึงได้เริ่มบังเกิดขึ้น กันต์ธรที่หลงใหลชายเบื้องล่างอย่างมากอยู่ก่อนแล้ว เริ่มดูดกลืนลิ้นน้อยๆ นั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสลับไปมากับริมฝีปากล่างที่อวบอิ่มด้วยถูกดุนดันอยู่พักใหญ่






“อืมม…ฮ่า”




เวลาเคลื่อนไปเนิ่นนานเกือบสิบนาที แต่สำหรับชายผู้หิวโหยนั้น มันพึ่งผ่านไปเพียงสิบวินาทีเท่านั้น เขายังคงวนเวียนประทับรอยจูบดูดดื่มลึกล้ำกับภพตะวันอันเป็นที่รัก จนคนเบื้องล่างนั้น เริ่มมีร่างกายที่ขึ้นสีแดงฉาบไปทั่วตัวให้ดูวาบหวิวใจหนักขึ้นไปอีก






“อืออ…ธร”




“ภีม…ธรรักภีมนะ ธรขอโทษ ทำไมภีมน่ารักแบบนี้”




ทั้งปากทั้งจมูกนั้นของร่างกำยำ ซุกไซร้ไปทั่ววงหน้าขาวใสพร้อมพร่ำบอกรักไม่ขาดปาก ก่อนที่จะก้มลงสูดดมบริเวณซอกคอแสนรักนั้นเข้าเต็มปอดอีกครั้ง กันต์ธรดมแล้วดมอีกอย่างไม่ยอมหยุด เขาโหยหากลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นนี้มานาน มันฝังอยู่ในใจ และตอนนี้เขาต้องการมันมากกว่าครั้งไหนๆ








“รักนะ…รักภีมนะ…ภีมน่ารักมากเลย น่ารักมากเลยนะ”





เจ้าของห้องกว้างนั้น หลงลืมไปหมดแล้วกับเรื่องราวที่ผ่านมาด้วยบัดนี้ใจเขาและกายเขา กำลังวุ่นวายกับร่างน่ารักที่นอนหลับตาพริ้มอมยิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดีในทุกที่ที่ปากและจมูกของเขาลากผ่านไป








“หอมจัง หอมมม…ซูดดดดด”




เสื้อเชิ้ตสีครีมที่กันต์ธรหลงกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มถูกถอดออกจากกายของคนรักอย่างเชื่องช้า แล้วนำขึ้นมาสูดดมหนักๆ กลางอากาศ จากนั้นก็โยนทิ้งไปที่ข้างเตียง คิ้วหนากระตุกหนึ่งทีด้วยเขาเห็นว่ามีเสื้อขาวบางอีกตัวหนึ่งของภพตะวัน ที่ขวางกั้นจุดหวาดเสียวสุดนุ่มนิ่มอันเป็นที่รักใคร่ของเขาอยู่








“ฮึ่ม!!!”




คราวนี้เจ้าตัวไม่ใจดีให้กับเสื้อตัวบางนั้นอีก เขากระชากมันด้วยมือหนาสองข้างจนฉีกขาดออกจากกัน และไปนอนกองรวมกันบริเวณสีข้างของคนน่ารัก ภพตะวันที่ยิ้มน้อยๆ เมื่อครู่หุบยิ้มลงไป ด้วยตกใจเล็กน้อยกับอารมณ์รุนแรงของกันต์ธรที่คล้ายว่ากำลังเริ่มปะทุแต่เจ้าตัวกดข่มเอาไว้อยู่











“ธ…อ๊า!!!!”




ชายเลือดร้อนไม่รอให้นานมากไปกว่านั้น เขาครอบปากลงบนยอดอกสีชมพูสดอย่างหิวโซ ดูดกลืนมันดังเช่นหวานเย็นเกล็ดหิมะราดด้วยนมข้นหวานอีกชั้นหนึ่ง มือสากลากไล้ไปมาตามเรียวขาขาวที่เขาเฝ้ามองมาตลอดหลายสัปดาห์ ด้วยใจนั้นปรารถนาจะได้สัมผัสอย่างมากล้นจนกลายเป็นความเก็บกดขึ้นมา






ชายหนุ่มผู้มีความต้องการล้นอกมาอย่างช้านาน ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดไปกับร่างอันขาวนวลอมชมพูเบื้องล่าง ทั้งรุนแรงและละมุนอยู่ในที สร้างความลิงโลดและวาบหวามใจให้กับผู้ถูกกระทำให้รู้สึกพึงพอใจได้เป็นอย่างมาก










...











ค่ำคืนนั้น…ไม่มีใครเลยที่เอ่ยปากห้ามปรามการกระทำอันร้อนฉ่าของกันและกันให้ต้องจบลง หากแต่เป็นความเหนื่อยอ่อนและสติอันลุ่มหลงสุดแรงเกิดต่างหาก ที่พรากสติของทั้งคู่ให้ดับลง จมสู่ภวังค์พร้อมรอยยิ้มและเหงื่อโทรมกาย
































Savahale Talk :
ทุกคนนนน พรุ่งนี้จบแล้วนะคะ : )






-------------------โปรดติดตามตอนต่อไป----------------------




ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
จะจบแล้วนะ อยากรู้ตอนธรเลี้ยงลูกมาก ว่าจะเป็นอย่างไร

ออฟไลน์ Savahale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
    • https://savahale.wordpress.com
บทที่ 26 : บ่วงทองสองตระกูล (ตอนจบ)
















หมายเหตุ : ตอนจบแล้วนะคะ ไปค่ะทุกคน ไปเที่ยวกัน อิอิ ^^

















พื้นที่กว้างในห้องนอนเสี่ยธร ถูกฉาบไปด้วยแสงสีส้มอันอบอุ่นที่สาดคาดบริเวณปลายเท้าให้เจ้าของห้องต้องรู้สึกตัวขึ้นมา ห้องกว้างที่เคยว่างเปล่าบัดนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยมีใครบางคนกำลังนอนหลับลึกหายใจรดต้นคอเจ้าของห้องอยู่ มือสากกับร่างเปล่าเปลือยกระชับท่อนแขนนุ่มนิ่มของชายคนรักให้แนบชิดสนิทกายเขามากขึ้น แล้วก้มลงสูดดมความหอมจากเส้นผมที่ขับอารมณ์ดิบให้ค่อยๆ พุ่งทะยานขึ้น ด้วยเส้นผมนั้นถูกเคลือบไปด้วยกลิ่นเหงื่อหวานๆ ของเจ้าตัวเอาไว้




สัมผัสหวานทันทีที่ตื่นลืมตา ช่วยเผยรอยยิ้มยากนั้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ดังเช่นที่เขาเคยได้กล่าวเอาไว้ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วว่า…อยากจะหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ ตรงที่มีแค่นายกับฉัน…วันนั้นรู้สึกมากล้นเพียงใด วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ทั้งที่เคยนอนกอดเด็กชายภพตะวันมาเนิ่นนานถึงหกปีเต็ม




…แต่ทำไมกันนะ วันนี้ความฟ่องฟูในอกมันถึงได้ลึกล้ำและหอมหวานกว่าที่เคยผ่านมาเสียอีก




เสี่ยธรที่อายุปาเข้าเลขสาม แต่ดวงใจยังคงมีเพียงคนคนเดียวยืนอยู่ตั้งแต่จำความได้ มีน้ำตาคลอน้อยๆ อีกครั้ง เขายังคงวนเวียนลูบสัมผัสกับใบหน้าเนียนสวยนั้นพร้อมจ้องมองอย่างไม่วางตา เขาอยากดูแล ทะนุถนอมคนในอ้อมแขนนี้ให้ดีที่สุดด้วยทั้งหมดที่เขามี เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าตัวก็กดจมูกลงบนหน้าผากนั้นอีกครั้งอย่างรักใคร่เต็มหัวใจ





















ก๊อก ก๊อก ก๊อก








“ธร…”



“…”




“ธร…ลูก”




“…”




“ธร…ศักดิ์มันโทรมาบอกว่าลูกค้าเข้าแล้วนะลูก”




กันต์ธรที่เอาแต่พัลวันอยู่กับคนน่ารัก เบิกตาโตขึ้น เขาลืมเวลาไปเสียสนิท ลืมไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตอนนี้สมองประมวลผลภาพคนตรงหน้าเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เจ้าของคุ้มตะวันค่อยๆ ยกศีรษะภพตะวันออกจากแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แล้ววางลงบนหมอนอย่างแผ่วเบา










“…ธร”




แต่ไม่ว่าเจ้าตัวจะวางเบาสักเพียงใด ชายผู้ถนัดใช้กำลังก็ยังคงวางศีรษะนั้นแรงเกินไปอยู่ดี จนคนน่ารักได้สติเอ่ยเรียกชื่อเขาขึ้นมา เขาจึงก้มกลับลงไปประทับรอยจูบบนปลายจมูกนั้นอีกหนึ่งที ให้คนที่เปลือกตายังปิดอยู่ได้อมยิ้มน้อยๆ










“ธรต้องไปเปิดร้านแล้วนะ ภีมนอนต่ออีกหน่อยเถอะ”




“อือ…กี่โมงแล้วอ่ะ?”




“สิบโมง”










“สิบโมง!!!!”




“ภีม…?”




และคราวนี้ก็เป็นภพตะวันเองบ้างที่เบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างตกใจ เขาลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นจากเตียงแล้วคว้าเสื้อสีครีมที่นอนกองบนพื้นตั้งแต่เมื่อคืนพร้อมกางเกงตัวหนาขึ้นมาก่อนขอเข้าใช้ห้องน้ำ









“นายจะรีบไปไหน?”




“ฉันต้องรีบไปดูลูกน่ะสิ”




“ลูกเหรอ? ฉันนึกว่านายพูดเล่น”




“ฉันไม่ได้พูดเล่นธร ฉันมีลูกแล้วจริงๆ ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”




ปัง!





ภพตะวันที่ดูมีชีวิตชีวาตั้งแต่ลืมตา ไม่ได้มีกันต์ธรในความคิดดังเช่นที่กันต์ธรมีเขา หากแต่เป็นเจ้าเด็กน้อยที่ไหนไม่รู้ที่กันต์ธรไม่เคยพบเจอมาก่อน และไม่รู้ว่าภพตะวันไปมีสัมพันธ์ลับกับสาวคนไหนมา แต่เช้าสุดหวานน้ำตาลเคลือบของเสี่ยธร เริ่มกลายเป็นเช้าที่น่าหงุดหงิดใจเข้าให้แล้ว






ห้องน้ำถูกชิงไปด้วยคนน่ารักที่มีเป้าหมายเดียวที่ใจสั่งให้ไป คือกลับไปหาลูกที่บ้าน เจ้าของห้องน้ำจึงได้เดินปึงปังออกจากห้องนอนตัวเองไป แล้วใช้ห้องน้ำในห้องรับแขกแทน






สองหนุ่มที่พึ่งผ่านพ้นค่ำคืนอันแสนหวานมาหลังห่างหายไปนานหลายปี ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ภพตะวันนั้นเมื่อเสร็จสิ้นธุระส่วนตัวก็ออกจากบ้านณรงค์กรในทันทีโดยไม่บอกไม่กล่าว ด้านกันต์ธรที่ออกห้องน้ำมาทีหลังยังคงหงุดหงิดใจ แม้เมื่อสักครู่จะพึ่งอาบน้ำเย็นมาก็ตาม เจ้าของคุ้มตะวันออกไปเปิดร้าน ต้อนรับแขกด้วยสีหน้าดั่งคนแบกโลกไว้ทั้งใบ










“ไอ้ศักดิ์ มึงจะกวาดอะไรตรงนั้นนักหนา พื้นกูสึกหมด ไปกวาดที่อื่นบ้าง ไป!!!!”




นายศักดิ์เดินออกไปกวาดน้ำที่เจิ่งนองอยู่หน้าร้าน ด้วยลูกค้าเผลอทำแก้วกาแฟร่วงตรงนั้น เขาจับไม้กวาดก้านมะพร้าวกวาดลงพื้นได้ไม่ถึงห้านาที ก็ถูกเจ้าของร้านตะคอกใส่ ลูกน้องคนสนิทของเสี่ยธรไม่เข้าใจ ยืนเกาหัวแกรกๆ ในท่าเดียวกับเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ทำไมเจ้านายจึงต้องใส่อารมณ์กับเขากันด้วยนะ เมื่อคืนก็เป็นภพตะวันที่เดินปึงปังไม่รับปิ่นโตเขา เช้านี้มาเจอกันต์ธร ที่ไม่ว่าเขาจะพยายามเอาใจอย่างไรก็ดูจะขัดหูขัดตาไปเสียหมดอีกคน





ภพตะวันที่กลับบ้านอย่างรวดเร็ว ตรงดิ่งเข้าไปในห้องลูกชายที่เขาสั่งแม่บ้านจัดใหม่ และจ้างวานแม่นมมาช่วยดูแล ในแปดโมงของทุกเช้า เขาจะเข้าไปเปลี่ยนรอบกับแม่นม เพื่อใช้เวลากับลูกชาย และให้แม่นมได้พักผ่อนหลังรับมือกับทารกมาทั้งคืนแล้ว





คุณพ่อมือใหม่ที่กลับเข้ามาถึงบ้านเกือบสิบเอ็ดโมงในวันนี้ กลับต้องชะงักลงไป ด้วยบัดนี้ทารกนั้นอยู่ในอ้อมกอดของคุณนายบัว และคาดว่ากำลังหลับฝันดีอยู่ คุณพ่อภพตะวันจึงได้เบาใจขึ้นมา








“ไปนอนบ้านธรมาเหรอลูก?”




“…ครับ”




“ไหนภีมบอกแม่ว่าชวนธรมานอนบ้านเมื่อคืนไง แล้วทำไมลูกถึงไปนอนบ้านเขาได้ล่ะ?”




“ธรไม่ยอมมาน่ะสิครับ ผมเลยต้องไปหาเอง”



คุณนายบัวที่คุยกับลูกชายไป อมยิ้มอย่างมีเลศนัยไป คล้ายกับว่าล่วงรู้อะไรบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้ เธอรู้มานานพอๆ กับสามี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของลูกชายและกันต์ธร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังให้ความรู้สึกแปลกๆ ในใจคนเป็นแม่อยู่ดี










“ลำธารเป็นยังไงบ้างครับ ขอโทษนะครับคุณแม่ ผมกลับมาซะสายเลย”




“ให้แม่ได้ช่วยดูหลานบ้างเถอะภีม อย่าคิดมาก ยังไงลำธารก็หลานแม่นะ”




“ครับคุณแม่”




“ภีมมาใกล้ๆ แม่นี่มา”




คุณนายวงศ์วรรธน์เอื้อมมืออีกข้างขึ้นโอบรอบลำคอลูกชายแล้วกอดเอาไว้ และภพตะวันก็ช่วยประคองลำธารเอาไว้ในอ้อมอกด้วยอีกคน ความอุ่นใจในบ้านหลังใหญ่ที่พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยเจ้าตัวน้อยนั้นคล้ายดั่งมีมนต์วิเศษ เสกรอยยิ้มของทุกคนที่พบเห็นและใกล้ชิดได้








“แม่อยากพาลำธารไปเที่ยวดอย แม่ไปกับบ้านกันต์ธรมารอบนึงแล้ว…บรรยากาศดีมากตาภีม รอบนี้แม่อยากไปกับภีมกับหลานแม่บ้าง ภีมสะดวกไหมลูก”




“ครับคุณแม่”




“ชวนธรกับแม่เขาไปด้วยนะ ไปกันเยอะๆ จะได้มีคนช่วยดูลำธาร”




“คุณแม่ครับ…ยังไงผมก็อยากให้เราพาแม่นมของลำธารไปด้วย”




“เอาภีมว่าเถอะ แม่ไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว”




“ครับคุณแม่”




ภพตะวันนั้นมักตามใจมารดามาโดยตลอด แต่คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไร ก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องพาแม่นมของลูกไป ด้วยเขาไว้ใจผู้มีความชำนาญในการเลี้ยงเด็กมากกว่าที่จะดูแลเอง ลำธารต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ภพตะวันได้ปฏิญาณกับตนเองเอาไว้





















ในคืนนั้นหลังจบมื้อเย็น ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลวงศ์วรรธน์ก็รีบโทรศัพท์ไปยังบ้านณรงค์กรและพูดคุยกับกันต์ธร แต่ดูท่าว่า ฝั่งนั้นจะไม่ค่อยอยากคุยกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อภพตะวันกล่าวว่ามารดาเป็นคนชวน กันต์ธรก็ตกปากรับคำไปเที่ยวดอยด้วยกันจนได้




เขาไม่โทรหาคนรักอีกจากวันนั้น ด้วยเจ้าตัวที่แก้ปัญหาหัวใจได้เสร็จสิ้น ก็เริ่มกลับไปช่วยงานบิดา และเมื่อเลิกงานจิตใจก็มุ่งตรงไปหาชลธีในทันที และคนรักสายโหดของเขาก็ไม่ได้ติดต่อมาเช่นเดียวกัน ด้วยยังคงค้างคาใจเรื่องลูกชายของภพตะวันไม่หาย จนวันเดินทางไกลมาถึง










รถยนต์สุดหรูสองคันถูกขับตามกันไป การเดินทางไกลที่ชายหนุ่มคู่รักดูท่าจะไม่มีอะไร ยังคงพูดคุยกันดีในทุกจุดแวะพักรถ แต่ภายในนั้นกลับเต็มไปด้วยคำถามคาใจ ภพตะวันนั้นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกห่างเหินบางอย่าง และกันต์ธรที่เห็นเจ้าเด็กทารกนั่นเป็นครั้งแรก ก็ใจสั่นอยากบีบคอขึ้นมา










“อ่าว แต่ว่าเราโทรมาจองไว้หลายวันแล้วนะครับ”




“ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีน้องเขาพึ่งเข้ามาทำงานใหม่แล้วไม่ทราบคิว เลยเผลอปล่อยห้องให้แขกคนอื่นไปแล้ว”




“แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงล่ะ นี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย ผมมีเด็กเล็กมาด้วยนะ”





“ทางเราต้องขออภัยอีกครั้งนะครับ”




“มีอะไรกัน?”







“ผู้จัดการ?”




นายเตี๋ยวที่ขับรถมายังบ้านพักบนดอยที่ได้จองเอาไว้ แห่งเดียวกับที่มาคราวก่อน พนักงานเกิดปล่อยห้องด้วยความที่เข้ามาใหม่ และบัดนี้สองตระกูลผู้ร่ำรวย กลับไม่มีที่พักเสียอย่างนั้น ภพตะวันที่ดูกังวลมากเป็นพิเศษด้วยเขาห่วงใยที่สุดคือลูกชายที่ยังเล็กและพาออกบ้านมาด้วย





กระทั่งผู้จัดการบ้านพักได้เดินออกมาและพูดคุยกับนายเตี๋ยว เขาแนะนำรีสอร์ตอีกแห่งที่เข้าป่าไปลึกกว่าบ้านพักแห่งนี้ แต่สุดท้ายทุกคนก็ไม่มีทางเลือก และยอมเดินทางไปตามแผนที่ ที่ผู้จัดการคนนั้นได้ให้ไว้





















“ว้าว!!!!!”




คุณนายบัวอ้าปากร้องเสียงหลง เมื่อรถยนต์ที่ขับมานานเกือบชั่วโมงหยุดลง และทุกคนเดินลงมาจากรถ ความคดเคี้ยวของเส้นทางทำให้คุณนายบัวมีสีหน้าตึงเครียดมาตลอดทาง แต่เมื่อมาถึง เจ้าตัวกลับใจเต้นแรงและรู้สึกชื่นชอบที่พักสำรองแห่งนี้เป็นอย่างมาก




รีสอร์ตไม้ในหุบเขาลึก มีพื้นที่กว้างขวาง เรียกได้ว่าแทบจะกินพื้นที่เขาทั้งลูกเลยทีเดียว รอบข้างประดับไปด้วยไฟสีส้มอันอบอุ่น มีบ้านแบ่งออกเป็นหลายโซน และแต่ละโซนจะมีบ้านพักส่วนตัวหลายหลังตั้งติดกันเป็นหย่อมๆ




ความอลังการงานสร้างที่หาดูได้ยาก และไม่คาดฝันว่าจะเจอบนดอยได้










“ภีมๆ”




“หืม?”




“นอนด้วยกันป่ะ?”




“อ่า…”





ไม่เพียงแค่คุณนายบัวที่อ้าปากค้าง กันต์ธรนั้นเมื่อเห็นสถานที่สุดแสนวิเศษ ก็ตรงดิ่งเข้าสะกิดคนรักในทันที ด้วยคนต้อนรับแจ้งว่าบ้านพักทุกหลัง จะมีบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวกลางแจ้งให้แช่อยู่ด้วย ภพตะวันที่ใจตรงกัน มองคนรักด้วยดวงตาเป็นประกายหยาดเยิ้ม หากแต่ในอ้อมแขนกลับมีเจ้าตัวน้อยนอนเกาะอยู่










“ฝากแม่นมไว้ไง…นะ”




“ธร…แต่ว่า”




“ตามใจ”




กันต์ธรที่ฝืนยิ้มอยู่แต่แรก มองเจ้าทารกน้อยในอ้อมแขนแล้วก็หงุดหงิดใจขึ้นมา เขาจึงได้ห่างออกไป เดินตามผู้ใหญ่ไปยังโซนบ้านพักของพวกเขา ที่คืนนี้จะมีมื้อเย็นเป็นอาหารปิ้งย่าง





ภพตะวันนั้นเริ่มเข้าใจแล้วว่ากันต์ธรโกรธเขาด้วยเรื่องอะไร เจ้าตัวจึงได้เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ คนรัก ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับการย่างหมูสามชั้นและซี่โครงรสเด็ดกันอยู่










“ธร…ฉันฝากอุ้มลำธารแปปนึงได้ไหม ฉันจะไปหยิบของ”




“ไม่”




“ธร…”





เสี่ยธรที่ไม่อยากคุยด้วยน้อยใจมากเป็นพิเศษมาหลายวัน นั่งเขี่ยเศษดินบนพื้นไปเรื่อยๆ เพียงไม่นาน ชายที่นั่งข้างๆ ก็เอื้อมมือมากุมมือเขาเอาไว้แล้วสอดนิ้วประสานเข้าไป โดยไม่พูดสิ่งใดออกมา คนน่ารักที่มีเด็กน้อยในอ้อมกอดก้มหน้าลงพร้อมวงหน้าเศร้าสร้อย





ความสะเทือนใจมาเยือนคนใจแคบอีกครั้ง เมื่อตอนนี้เขากำลังจะทำให้ภพตะวันต้องร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว โดยที่ไม่รอช้า แขนหนาๆ จึงเอื้อมไปคว้าเอาดักแด้น้อยมาอุ้มเอาไว้จนได้










“ภีม…ธรขอโทษ”




“…ฝากลำธารแปปนะ เดี๋ยวฉันมา”








คุณพ่อมือใหม่ที่ห้ามปรามน้ำตาได้ยากเย็นเหลือเกิน เพียงแค่คิดว่ากันต์ธรจะไม่รักเขาแล้ว ภพตะวันลุกขึ้นปาดน้ำตาแล้วเดินออกไปทำธุระ ปล่อยให้คนบาปที่มีเด็กน้อยในมือนั่งตัวเกร็งอยู่ตรงนั้น เขายังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดหรอก ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร มาจากไหน แต่เท่าที่ดู หน้าตาไม่เห็นจะเหมือนกันภพตะวันตรงไหนเลย









“ลำธาร…นายชื่อลำธารใช่มะ? นายรู้ไหม ว่าคนที่อุ้มนายเมื่อกี้เป็นของฉัน นายห้ามแย่ง เข้าใจป่ะ? ยัง…ยังจะยิ้มอีก ยิ้มทำไมหะ รู้จักฉันเหรอ…ก็ได้ๆ ฉันชื่อธร…แฟนฉันบอกว่านายเป็นลูกเขา แต่ฉันดูแล้วนายไม่เห็นเหมือนเขาเลยสักนิด หะ อะไรนะ? อย่ามายิ้มยียวน เดี๋ยวฉันบีบคอซะเลยนี่…ฮะฮะฮะ”






กันต์ธรที่นั่งพูดคนเดียวยิ้มคนเดียวดั่งคนบ้า ใช้นิ้วจิ้มลงไปบนจมูกน้อยๆ ของทารกแล้วก็เผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง…และอีกครั้ง





“ทำไม? ชอบฉันเหรอ? ยิ้มแบบนี้แปลว่าชอบฉันนะ ฮะฮะ โอเคๆ ฉันจะรับนายเป็นลูกด้วยก็ได้ ถ้านายสัญญาว่าจะไม่แย่งแฟนฉัน…อือ ดีๆ ฉันก็ตกลง เอาเป็นว่านายห้ามล้ำเส้นฉัน ตกลงมะ แล้วฉันจะแบ่งเวลาแฟนฉันให้นาย…”










“ธร…”




“…!”




“คุยอะไรกันอ่ะ?”




ภพตะวันที่ถือของอยู่เต็มมือนิ่งค้างมองกันต์ธรนั่งพูดกับลูกเขาได้สักพักจนต้องทักขึ้นมา กันต์ธรนั้นยังคงไม่หุบยิ้ม แถมยังเล่าให้คุณพ่อมือใหม่ฟังทั้งหมดว่าเขาคุยอะไรกับเจ้าเด็กน้อย เจ้าเด็กน้อยที่ดูจะชื่นชอบกันต์ธรเป็นพิเศษก็หัวเราะคิกคักออกมาแล้วพยายามเลียนเสียงนั้นของกันต์ธร ทำเอาผู้ใหญ่ร่างหนาไม่ยอมส่งลูกคืนให้ภพตะวันเสียอย่างนั้น










“ธร…ปล่อยเขาให้แม่นมไปเถอะ”




“น่าภีม…ฉันอุ้มได้”




“แต่เขาต้องกินนมนอนแล้วนะ”




“เดี๋ยวฉันช่วยป้อน”





“ธร!!!”




“หะ?”




“ปล่อยลูกไปกินนมนอนได้แล้ว!”




ภพตะวันที่พูดประโยคเดิมซ้ำวนไปวนมาร่วมชั่วโมงถึงกับต้องขึ้นเสียง เมื่อกันต์ธรนั้นเอาแต่อุ้มเด็กน้อยไปเดินเล่นแล้วคุยด้วยอยู่อย่างนั้น ครั้งจะดึงกลับมาส่งให้แม่นม เจ้าตัวก็ไม่ยอมสักที จนรอบสุดท้ายนี่เอง ที่เสี่ยใจดียอมส่งเด็กคืนให้แม่นมไป










“นี่กุญแจห้องเรา”




“ครับ”




“เป็นอะไรธร…ยิ้มไม่หยุดเลยนะ”





“ลำธารน่ารัก…”




“ฮะฮะฮะ นายนี่แปลกชะมัด”





ภพตะวันเดินนำคนรักเข้าไปยังบ้านพักหลังหนึ่ง ความกว้างขวางและการตกแต่งด้วยไม้สไตล์โมเดิล เรียกให้ผู้เข้าพักใจเต้นได้ไม่น้อย กันต์ธรที่เดินตามเข้ามา พุ่งตรงไปยังบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งขนาดย่อมที่เขาสนอกสนใจแต่ทีแรก จากนั้นเจ้าตัวก็ไม่รอช้า เดินไปโอบหลังของคนถือกุญแจเอาไว้แน่น










“ภีม…ธรอยากแช่น้ำ”




“อือ…เอาของไปเก็บก่อนไหม”




“วางไว้นี่แหละ ป่ะ”




กันต์ธรไม่รอช้า หัวใจเขาเต้นรัวลั่นพร้อมอารมณ์พุ่งทะยานที่เอาลงไม่ได้เลย เจ้าตัววางของในมือลงตรงนั้นพร้อมดึงของในมือภพตะวันออกแล้ววางลงเช่นกัน จากนั้นก็ใช้แขนอันกำยำอุ้มร่างภพตะวันขึ้นให้ลอยเหนือพื้นในท่าส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ ภพตะวันที่สะดุ้งเล็กน้อยโอบรอบคอกันต์ธรไว้ด้วยกลัวตกลงไปกองกับพื้น










“ธร! เอาแต่ใจอีกแล้วนะ”




“ไม่ได้เอาแต่ใจ จะเอาอย่างอื่นด้วย”







“…คิกคิก”



คนน่ารักในอ้อมแขนหัวเราะคิกคักออกมาอีกครั้งกับประโยคสองแง่สองง่ามนั้น ชายกำยำยกร่างเขาคล้ายกับว่าเขานั้นมีน้ำหนักเบาดั่งปุยนุ่นเสียอย่างนั้น กระทั่งสองแขนแข็งแรงเดินมาถึงริมขอบทางลงบ่อน้ำพุร้อน เจ้าตัวจึงวางร่างภพตะวันลงบนพื้นไม้เรียบลายขวางแล้วโน้มกายลงบดเบียดร่างนั้นแทบจมพื้นไม้ ทั้งปากและจมูกกดลงลากผ่านทุกส่วนของคนรักอย่างหิวโหย ในขณะที่มือก็เวียนปลดเปลื้องพันธนาการของทั้งตนเองและคนรักสลับกันไปมา










“อืมมม….”




“ธร…”



“หืมมม…”









“…รักธรนะ”





“ฮ่า….ฮ่า รักภีมมากกว่าครับ จุ๊บ!”





ภพตะวันไม่เพียงรอคอยโชคชะตา เขาช่วยกันต์ธรจัดการกับเสื้อผ้าแสนน่ารำคาญออกจนหมดแล้วรัดคนด้านบนไว้แน่นเช่นหลงใหลสุดใจขาดดิ้น พายุอารมณ์ที่ห่างหายไปหลายวัน กลับรุนแรงหนักหน่วงขึ้นอย่างมาก ด้วยใจสองดวงนั้นสุดโหยหาซึ่งกันและกัน







“ฮ่า….แฮกๆๆ”




ชายสองคนที่ร่างขึ้นสีแดงก่ำโดยที่ยังไม่แตะสัมผัสกับไอร้อนของน้ำสักนิด เพียรส่งจูบสุดเร่าร้อนและพร่ำบอกรักกันไม่หยุด การล่วงล้ำอันร้อนแรงเกิดขึ้นตั้งแต่ขอบทางลงน้ำพุ กระทั่งหยดหยาดรักได้กระทบพื้นพสุธาไปหนึ่งรอบ คนทั้งคู่จึงเกี่ยวกระหวัดรัดพันนัวเนียกันลงน้ำต่ออย่างไม่หยุดยั้ง





ความร้อนของน้ำพุขนาดย่อม ในบัดนี้ ก็ไม่อาจสู้ชายสองคนที่ถูกไฟราคะเข้าครอบงำได้ ร่างขาวอมชมพูถูกปากหนาของเสี่ยธรดูดกลืนแทบทุกอณูผิวหนัง เช่นเดียวกับเสี่ยธรที่ถูกลิ้นน้อยๆ ไล่เลียไปทั่วอย่างกระหายใคร่อยากเช่นเดียวกัน ในสงครามนั้น…ไม่มีใครเลยที่คิดจะยอมแพ้ให้อีกฝ่าย





















“ไงธร นั่งยิ้มแต่เช้าเลยนะ ได้นอนบ้างรึยัง?”




“ลุงเตี๋ยว…ฮ่าฮ่าฮ่า”




เสี่ยร่างหนานั่งยิ้มตาเยิ้มอยู่บริเวณกลางสวนหย่อมที่จัดขึ้นสำหรับทานอาหารเช้า ร่างกายเขาใช้งานอย่างหนักหน่วงมาเกือบทั้งคืน แต่กลับรู้สึกมีแรงคึกคักกระปรี้กระเปร่าเสียอย่างนั้น หลังได้นอนกอดภพตะวันหลับไปไม่กี่ชั่วโมง จึงได้แอบย่องออกมาดื่มกาแฟพร้อมไข่ลวกอีกสามฟอง





“ที่นี่เยี่ยมมากเลยนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า”




“นั่นสิ บางทีพลาดอะไรที่ตั้งใจไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าไม่พลาดเลย เราคงไม่รู้ว่ายังมีที่ที่ดีขนาดนี้อยู่”




“ครับ…เช้านี้ลุงเตี๋ยวก็แต่งหล่อเลยนะครับเนี่ย”




“ฮ่าฮ่า นิดหน่อยน่า มาเที่ยวทั้งที เลยขอให้แม่บัวจัดชุดตัวเก่งมาซะเลย”




“แล้ว…ป้าบัวยังไม่ตื่นเหรอครับ”




“รายนั้นตื่นก่อนลุงนานแล้ว ไปอยู่กับหลานรักนู่นล่ะ”




“ลำธาร?”




“อืม”




“ผมไปเล่นกับลำธารได้ไหมครับ อยู่หลังไหนครับลุงเตี๋ยว?”




“ถัดหลังที่ฉันนอนไปนั่นแหละ”




“งั้นผมไปหาลูกก่อนนะครับ”




“ไปเถอะ…เด็กหนุ่มนี่คึกคักดีจริงๆ เลยนะ”






กันต์ธรที่มานั่งจิบกาแฟแต่เช้าจนบัดนี้ เขายังไม่หุบยิ้มเลย ยิ่งได้ยินว่าไปหาลูกชายได้ เจ้าตัวก็เผ่นแนบไปหาทันที ปล่อยนายเตี๋ยวเอาไว้ให้นั่งชมบรรยากาศเพียงลำพัง












“คุณพ่อ เห็นธรไหมครับ?”




“ตื่นแล้วเหรอตาภีม…ตื่นมาก็ถามหาเจ้าธรเลยนะ”




“แฮ่ๆ”




“นู่นล่ะ ไปเล่นกับลำธารที่บ้านแม่นมนู่น”




“ครับคุณพ่อ…วันนี้คุณพ่อหล่อนะครับ”




“ฮ่าฮ่าฮ่า”




ไม่ว่าจะลูกชายคนไหน ก็ล้วนเอ่ยชมนายเตี๋ยวอย่างอารมณ์ดีด้วยกันทุกคน จนนายเตี๋ยวแทบจะตัวลอยติดร่มบังแดดเอาเสียแล้ว เมื่อรู้ที่อยู่ของกันต์ธร ภพตะวันก็เดินไปตามทางเพื่อทักทายลูกชายและสามียามเช้า










กึก




แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เดินเข้าไปในบ้านพักของแม่นมชลธี หางตาก็ได้เห็นใครบางคนแวบผ่านหลังไป ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักหันกลับไปมองให้แน่ใจอีกครั้ง และก็เป็นดังเช่นที่คาด




เขานิ่งอึ้งไปพร้อมกับมันสมองที่เริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็วที่สุด ใครบางคนในความทรงจำที่ไม่ได้เจอกันร่วมสิบกว่าปี หันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้งด้วยเช่นกัน










“ภีม…?”




“ปราณ!?!!!!”





เด็กอัจฉริยะห้องหนึ่ง ที่ขอลอกการบ้านภพตะวันทุกวันก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ เพื่อนรักสมัยมัธยมของเขา มนุษย์ผู้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เขา ด้วยการแอบหย่อนหนังสือสิบแปดบวกไว้ในกระเป๋า จนภพตะวันและกันต์ธรได้ค้นพบโลกของผู้ใหญ่เป็นครั้งแรกร่วมกัน บัดนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้งด้วยตาลุกวาวไม่ต่างกัน










“นายจริงด้วย! ไม่ได้เจอนานมาก”




“เฮ้ยย ไอ้ภีม!! ทำไมเตี้ยลงวะ”




ห่างหายกันไปนานหลายปี แต่ปากก็ยังไม่ดีอยู่เหมือนเดิม ช่างขัดกับรูปร่างหน้าตาเสียนี่กระไร ปราณที่เคยหล่อเหลาเอาการมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งเพิ่มระดับความดูดีชนิดที่พบเจอได้บนรันเวย์เลยทีเดียว








“ใครเรียกว่าเตี้ย! นายต่างหากที่สูงผิดมนุษย์”




“ฮ่าฮ่า…แล้วนายมาเที่ยวเหรอ”




“อือ นายอ่ะ มากับใคร?”





“เปล่า ฉันเป็นเจ้าของที่นี่”




“ฮะฮะ…อย่ามาอำฉันดีกว่า อย่างนายเนี่ยนะเปิดรีสอร์ต”




“ใช่ อย่างฉันเนี่ยแหละ จริงๆ ที่นี่เป็นสาขาสอง”




“อ่าว แล้วสาขา 1 อ่ะ”




“อยู่กรุงเทพ”




“อ่า…”




“นายมากับใครภีม อย่าบอกนะ…ว่าไอ้ธร”




“…”




“นี่ยังคบกันอยู่อีกเหรอ โห โคตรนาน”





“อือ…ฉันมีลูกแล้วด้วย นายอยากเข้าไปเล่นกับลูกฉันไหมล่ะ”




“…”




“ขอบใจนะภีม แต่ไม่ดีกว่า…ฉันไม่อยากคิดถึงลูกฉันไปมากกว่านี้”




“ปราณ…ลูกนาย?”




“เปล่าๆ ลูกฉันสบายดี แค่แม่เขาเอาไปเลี้ยงที่กรุงเทพน่ะ”




“ป่ะ”




“ไปไหน?”




“ไปหาลำธาร…รับรองว่านายจะรู้สึกดีขึ้น”




“ภีม…?”




ภพตะวันจูงมือเพื่อนเก่าหายลับเข้าไปในบ้านพักของแม่นม และเพียงไม่นานนายเตี๋ยวและมารดาของกันต์ธรก็ตามมาสมทบที่บ้านหลังนั้นด้วยเช่นเดียวกัน






บ้านพักสุดอลังการที่มีเด็กน้อยคนหนึ่งผู้เป็นที่รักของทุกคนพักอาศัยอยู่ เด็กน้อยที่ยังไม่ทันได้รู้ความ แต่กลับทำให้บ้านสองหลังนั้นแน่นแฟ้นและอบอุ่นยิ่งกว่ามุมใดใดบนโลกใบนี้





เด็กน้อยผู้มีนามว่า…ชลธี วงศ์วรรธน์





























------------------------  END รอยรักศักดาเดช  ------------------------


















จบแล้วจ้า : )

ขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามและให้กำลังใจกันมาตลอดด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
    ​








    ​

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โอ๊ยยยยจบแฮปปี้ ดี๊ด๊าซักที รอวันนี้มานาน 5555 ดีใจที่ภีมรอดกลับมาเจอธรอีก ธรเองก็กว่าจะเลิกโทษตัวเองได้ มันก็อะนะ คิดว่าปกป้องคนรักไว้ไม่ได้ ตอนนั้นแม่งแบบ น่าจะเตะพ่อไปซักฉาด เลวด้วยเพราะการกระทำตัวเองแท้ๆ ดีแต่โทษคนอื่น ก็ยังดีที่ธรรู้ความจริงซักที กลับมาเป็นแฟมมิลี่ที่แฮปปี้มากๆ กลับมาอ่านต่อยาวๆจนจบเลย สนุกกกกกกกก ชอบมาก อ่านแล้วอิน 55 ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่แต่งมาต่อเรื่อยๆจนจบ รออ่านเรื่องต่อไปเลยค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ครอบครัวสุขสันต์ ธรมีความหลงลูกมาก ทั้งที่ตอนแลกไม่ชอบเอาซะเลย 555

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกมากเลยค่า เดี่ยวจะมีเรื่องแยกของน้องธารมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ Rainebay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากกกกกกก ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะครับบ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด