It's Friend เพื่อนรัก / รักเพื่อน : 21 ปก : ช่วยหลีกทางให้กู (30/10/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's Friend เพื่อนรัก / รักเพื่อน : 21 ปก : ช่วยหลีกทางให้กู (30/10/2021)  (อ่าน 9301 ครั้ง)

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
นัทหัวกรวย       กูกำลังจะกลับห้อง มึงอยู่ที่ไหนวะ

วันนี้มันไปหาน้องมิ้น แล้วทำไมคืนนี้มันถึงกลับมาห้องอีกละ

Water_naam   อยู่ห้อง เพิ่งกลับมาจากห้องปกกัน แล้วแกไม่นอนห้องน้องเขาหรือคืนนี้
นัทหัวกรวย      ไม่วะ ไงคืนนี้เดียวกูไปนอนด้วยนะ ตอนนี้อยู่บนแท็กซี่แล้ว
Water_naam   อืม มาเคาะประตูแล้วกัน อย่าดึกมากละ เราง่วงแล้ว

ปากบอกนัทว่าอย่าดึก แต่สิ่งที่ผมทำตอนนี้ก็คือ เก็บกวาดห้อง ก่อนที่จะไปอาบน้ำ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเหมือนโดนคำสาปมากกว่าความสุข ถามว่ามีความสุขหรือเปล่าเวลาอยู่กับมัน ก็พูดได้เต็มปากว่ามีความสุขมาก แต่ใจนึกก็รู้นะครับว่าความรักของเรามันคงเป็นไปไม่ได้ วนๆ เวียนๆ แบบนี้ไป เกือบ 10 ปี แต่ใครไม่เจอแบบผมก็คงไม่รู้หรอก ว่ามันทรมานแค่ไหน จะพูดออกไปตรงๆ ว่าชอบ ก็ไม่กล้า แต่ถ้าจะให้ถอยออกมา ก็รู้สึกว่าจะถอยทำไม ในเมื่อตอนนี้สถานะของเรามันก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง

ปากบอกว่าไม่อยากสนใจ แต่หลังอาบน้ำเสร็จผมก็แอบฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ซะงั้น นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่นานเสียงไขประตูเข้ามาโดยที่ไม่ต้องขออนุญาตก็มา คนเดียวเท่านั้นแหละครับที่มีกุญแจห้องผม ไอนัทนั้นเอง เข้ามาถึงมันกุลีกุจอ รีบวางกระเป๋าเป๋ มือถือ แล้วก็ถุงขนมและเบียร์อีก 3-4 กระป๋อง

“ถอยๆ กูปวดขี้”

พูดเสร็จมันก็วิ่งเข้าไปที่หน้าห้องน้ำพร้อมถอดกางเกงออกหมดเหลือเพียงแต่บ็อกเซอร์ทิ้งไว้หน้าห้องน้ำ แล้วก็วิ่งเข้าไปจัดการธุระของมันโดยไม่ได้พูดอะไร ผมเองได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็เก็บกางเกงที่กองไว้กับพื้น แล้วของต่างๆ ที่มันซื้อมา แต่สิ่งที่มันสะดุดตามากกว่าสิ่งใดก็คือ โทรศัพท์มือถือของมันที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะนั้นเอง ผมเลยถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดูแล้วเปิดหน้าจอมือถือที่ตอนนี้ตั้งรหัสไว้ แต่ภาพ แบล็คกราวคือภาพเพื่อนๆ สมัย ม.ปลายที่ถ่ายรวมกันตอนไปเที่ยวก่อนแยกย้าย ภาพตรงนั้นมีผมกับนัทยืนกอดคอกันตรงกลางพอดี อย่างน้อยรูปนี้ผมกับมันก็กำลังกอดคอกันวะ คิดเข้าข้างตัวเองเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม

“นัท แกจะซื้อขนมกับเบียร์มาทำไม”

ผมตะโกนถามมันไปและเก็บเบียร์เข้าตู้เย็น

“ก็อยากแดก ตอนแรกว่าจะชวนไปกินที่ร้านแถวนี้ แต่มึงจะนอนแล้ว เลยจะมากินที่ห้องแทน งั้นเก็บไว้กินวันหลังก็ได้”
“เออ มึงจะนั่งกินก่อนก็ได้นะ แต่เราแปรงฟันแล้วขี้เกียจกินแล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้มึงจะไปไหนเปล่า”
“พรุ่งนี้ว่าง แต่วันอาทิตย์ไม่แน่ใจว่าพวกปกมันจะนัดกันทำงานกันหรือเปล่า พรุ่งนี้พวกนั้นมันกลับบ้านกัน”
“โอเค งั้นตอนนี้ช่วยหยิบมือถือมาให้หน่อยสิ ไม่เล่นมือถือแล้วขี้ไม่ออกวะ ห้าๆ ”

ความจังไรของมันก็ยังเหมือนเดิมครับ ผมหยิบมือถือและผ้าเช็ดตัวของผมที่เพิ่งใช้ไปเมื่อกี้ไปให้มัน ส่วนมันก็เปิดประตูแก้ผมครึ่งตัว แน่นอนครับ มันคือครึ่งตัวล่าง ที่เห็นจู๋มันตามเคย แต่ครั้งนี้ขี้เกียจโวยวาย มันรับแล้วก็ยังส่ายเอวให้ไข่มันแกว่งไปแกว่งมาให้ผมดูแล้วก็ปิดประตูห้องน้ำไป

ออกมาจากห้องน้ำตอนนี้มันก็ใส่เพียงแค่บ็อกเซอ์ตัวเดียวนั่งชันเข่ากินเบียร์พร้อมนั่งดูทีวี ผมที่นอนดูทีวีอยู่บน
เตียงก็แอบเห็นว่านัทน้อยเพราะมันเล่นนั่งไม่ระวังตัวแบบนี้

“เป็นไงบ้างวันนี้ มีความสุขเลยนะ”

ผมถามมันเพราะไม่อยากให้ใจผมกระเจิงไปมากกว่านี้

“ก็ดี ไปกินข้าวแถวมหา’ลัยน้องเขาแหละ เสร็จแล้วก็ไปนั่งกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของน้องเขาแต่น้องเขาไม่ยอมให้ขึ้นห้องวะ” พูดไปก็หน้างอ สงสัยคงงอนน้องมิ้นที่ไม่ยอมให้มันงาบซะที
“แต่ก็ยังดีเปล่า อย่างน้อยน้องเขาก็พาแกไปหาเพื่อนๆ เดี๋ยวก็ยอมใจอ่อนเองแหละ”
“ก็จริง มึงพูดได้ดีมาก”

มันหันมายิ้มแต่ไม่จบแค่นั้น มันขยับหน้าเข้าใกล้ เอาคางหนุนกับเตียงจ้องหน้ามาที่ผม

“วันนี้ขอโทษนะ เรื่องที่นัดว่าจะไปกินข้าวด้วยตอนเย็นแล้วไม่ได้ไป”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างเรารู้สันดานแกอยู่แล้ว ทำตามสันดานเลยครับ”

พูดไปเหมือนจะด่ามันนะครับ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจด่าอะไรหรอก มันก็ยิ้มตอบ

“เพื่อนๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไว้วันหลังค่อยไปก็ได้ พวกเรายังอยู่นี้อีกยาว ไปหาสาวเถอะ เดี๋ยวก็ทิ้งมึงแล้ว”

มันเอามือมาขยี้หัวผมที่นอน ผมจับมือมันดึงออก แต่นัทก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากมือผมเลย มันขยับเข้ามาใกล้หลังพิงเตียงที่ผมนอนอยู่ แล้วหันไปดูทีวีต่อทั้งๆ ที่ยังจับมือกันอยู่อย่างนั้น

“พรุ่งนี้มึงว่างใช่เปล่า นั่งรถเล่นเข้าไปเที่ยวในเมืองกันดีกว่าปะ กูอยากไปเยาวราช ไปหาอะไรกินกัน แล้วตอนเย็นๆ ไปแดกเบียร์กันที่ข้าวสารกันดีกว่า เพื่อนกูมันเปิดร้านเหล้าที่นั่นด้วย”
“ก็ได้นะ แต่แกไม่มีนัดกับน้องมิ้นหรือ ไม่ใช่มานัดเราแบบนี้แล้วพรุ่งนี้พอน้องมิ้นโทรมาก็เทเราอีกนะ เราเป็นหมาเลยนะแบบนั้น”

ต้องดักคอมันก่อนครับ ในเมื่อรู้สันดานอยู่แล้ว ว่ามันเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อนเสมอ

“ไม่มีเทแน่นอน พรุ่งนี้มิ้นบอกว่าจะกลับบ้าน เห็นว่าจะไปทำบุญอะไรสักอย่างกับที่บ้าน อยู่กับมึงได้ทั้งวัน”

พูดเสร็จมันก็ลุกขึ้นเก็บของ ทิ้งกระป๋องเบียร์ แล้วก็ปิดไฟ ลงมานอนที่เตียง ตอนนี้ในห้องมืด มีเพียงแสงไฟจากโทรทัศน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ผมยังคงนอนคิดเรื่องที่จะไปเที่ยวกันวันพรุ่งนี้ เพราะโดยปกติ ถ้าเราผมกับมันจะไปเที่ยวกัน ส่วนใหญ่แล้วก็จะไปเที่ยวตามร้านเหล้าเท่านั้น แล้วก็น้อยครั้งมากที่จะไปด้วยกันเพียงแค่ 2 คน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ก็เพียงขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

หนังที่ดูจบแล้วผมเลยปิดทีวีเพื่อเป็นสัญญาณว่าถึงเวลานอน เพราะตอนนี้มันก็ดึกมาแล้ว พรุ่งนี้เช้าตอนสายๆ เราก็จะต้องออกกันไปอีก แต่ไม่ทันจะหลับ นัทมันก็ดันแขนของมันมาที่ใต้คอผม แล้วใช้มืออีกข้างห่มผ้าให้เราทั้งคู่ แล้วก็สวมกอดผมมาที่เอว

“นอนหลับฝันดีนะมึง พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน”

นัทพูดเสร็จก็ก้มลงมาหอมที่หัวผมตรงจุดเดิมกับทุก ๆ ครั้งที่มันหอม

“ตัวมึงหอมจังวะ กูขอบ”
“อืม”

ได้แต่ตอบสั้นๆ ผมที่ตอนนี้นอนหันหลังให้กับมัน เลยเอามือมันมากุม แล้วก็หลับตาลง ‘แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว’


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ปก
อิอิ

ต้องเป็นคนนี้

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายสำหรับภาคเรียนที่ 2 ชั้น ม.1 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปพวกเราก็จะได้หยุดยาวไปกว่า 2 เดือน ก่อนจะกลับมาเจออีกครั้งวันเปิดเทอม พวกเรารวมตัวกันหน้าห้องโสต ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของพวกเรา

“น้ำ สอบวันนี้เป็นไงบ้าง”
   
นัทเพื่อนสนิทที่สุดของผม วิ่งเข้ามาถาม

“ก็ไม่แย่ คิดว่าทำได้แหละ”
“แล้วนี่จะปิดเทอมนี้ จะทำอะไรบ้างวะ”
“ไม่รู้เลย ก็อยู่บ้านอ่านการ์ตูนมั้ง แล้วแกละ”
“ไม่รู้เหมือนกันวะ ไว้มาเล่นที่บ้านเราก็ได้”

มันตอบก่อนจะวิ่งไปคุยกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดอะไรเลย แค่ดีใจที่ตัวเองมีเพื่อนสนิท แต่พอมาวันนี้การที่เราจะไม่ได้เจอกันถึง 2 เดือน ผมแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องทำอะไร

แต่เย็นนั้นหลังจากที่ผมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ต้องดีใจมากๆ เพราะแม่ซื้อเกม Play Station มาให้นั้นเอง หลังจากดีใจแกะเกมออกมาประกอบ แล้วเล่นได้ไม่นาน ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ผมจะต้องบอกเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดให้รู้เพราะว่ามันก็จะได้มาเล่นเกมเป็นเพื่อนของผม ตลอดช่วงปิดเทอมนี้แน่นอน

“ฮัลโหล นัท แม่เราซื้อเกม Play ให้ด้วย”
“จริงอะ โคตรเจ๋ง แล้วตอนนี้มีเกมอะไรบ้าง”

ผมกับนัทก็คุยกันเรื่องเกมกันยาว สรุปนัทก็จะไปยืมแผ่นเกมจากเพื่อนอีกคนเพื่อมาเล่นที่บ้านผมด้วย กลับกลายเป็น 2 เดือนตลอดการปิดเทอมหน้าร้อนปีนั้น ผมกับนัทแทบจะอยู่ด้วยกันทุกวัน เว้นเสียบางวันที่ครอบครัวของเราต้องไปทำธุระถึงจะไม่ได้เจอกันเท่านั้นเอง

นอกจากนัทจะมาเล่นเกมแล้ว บางวันที่เบื่อจากเล่นเกมเราก็จะเปิดหนังมาดู จนมีวันหนึ่งที่ผมและนัทนอนดูหนังกัน 2 คนนัทนอนดูบนโซฟา ส่วนผมนั่งพิงโซฟานั้น ผมจะหันไปคุยกับนัท ก็เห็นว่านัทหลับไปแล้ว ผมได้แต่จ้องหน้า มองขนตางอนยาว ริมฝีปาก จนแล้วผมก้มลงไปจูบปากนัทโดยที่นัทไม่รู้ตัว

หลังจากวันนั้นผมก็รู้ตัวแล้วครับ ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อนัทมันไม่เหมือนเดิม ผมสับสนและก็งงว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเราสองคนต่างเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ จนผมต้องเข้าไปในอินเตอร์เน็ต ที่เพิ่งทางเพิ่งพาสุดท้ายที่ผมจะปรึกษาได้ เสิรซคำว่า ความรัก ชาย ชาย จากสรุปที่ผมหา ก็คือ เค้าเรียกว่าเกย์ ตัวผมเองรู้สึกอย่างนั้นแน่นอน แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือฝ่ายตรงข้าม

เปิดเทอมวันแรก ตอนนั้นผมรวบรวมความกล้าของผมทั้งหมด เพื่อที่จะบอกเพื่อนคนนี้ว่าผมรู้สึกอย่างไร ตอนเช้า นัทวิ่งมาหาผมซึ่งเป็นปกติของเราสองคน

“มึง กูมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เราก็มีเรื่องจะบอกแกเหมือนกัน”

นัทจ้องหน้าผมด้วยสายตามุ่งมั่น ตอนนั้นผมตกใจมาก คิดว่าคงคิดอย่างเดียวกับผม แล้วถ้านัทบอกรักผมก่อนละ ผมควรจะทำอย่างไรดี เราเลยเดินไปที่หลังตึกที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมาแล้วนัทก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ผมอ่านข้อความแชต

“มึง พี่เมย์ ม.3 เขบอกว่าชอบกู แล้วกูเลยตอบตกลงเป็นแฟนแล้ว กูมีแฟนแล้วมึง”

ผมอ่านข้อความก็เป็นอย่างที่มันว่าครับ ก็ไม่แปลกเพราะนัทมันก็เป็นคนหล่อในรุ่นผม ส่วนพี่เมย์ก็เป็นคนสวยในรุ่นเหมือนกัน ใจตอนนั้นที่อยากบอกชอบมัน ผมเลยหยุดไว้ทันที

“แล้วมึงมีเรื่องอะไรจะบอกกู” มันหันมาถามกับสิ่งที่ตอนนี้ผมคงพูดไม่ได้แล้ว
“ออ พี่เราซื้อแผ่นเกมมาใหม่นะ ไว้ว่างๆ ค่อยมาเล่นกัน”

ผมต้องเปลี่ยนเรื่องที่จะพูดกับมันทันที จริงๆ เกมที่ว่าก็มีมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่เป็นเพียงเกมที่นัทมันไม่ได้ชอบเล่น ผมเลยไม่ได้เคยบอกมันไป

“ได้ ๆ แต่เรื่องเราแกอย่าบอกพวก ไอ้เสือ หรือเพื่อนๆ คนอื่นก่อนนะ เรายังไม่ได้บอกใครเลย เราบอกแกคนแรก”

ยิ่งมันให้ความสำคัญกับผมขนาดที่บอกเรื่องนี้กับผมคนแรก แล้วจะให้ผมไปบอกรักมันได้ยังไง มันเป็นผู้ชาย ก็ถูกแล้วที่วันนี้มันต้องคบกับผู้หญิง ส่วนผมเองก็คงต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจต่อไป เราสองคนเดินกันไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหาร ผมเห็นว่าพี่เมย์ ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของโรงอาหารมองมาที่นัท แล้วพิมพ์ข้อความในมือถืออะไรสักอย่าง สักพัก นัทมันก็หยิบมือถือมาอ่านแล้วพิมพ์ตอบ เช้านั้นผมกับนัทเลยแทบจะไม่ได้คุยกันเลย

ไม่นานเรื่องที่นัทมีแฟน เพื่อน ๆ ก็รู้กันหมด มันกับพี่เมย์ก็เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน เพื่อน ๆ ต่างแซวมันไปบ้างแต่ก็กลายเป็นเรื่องปกติในไม่นาน เครื่องเกมที่ก่อนหน้านี้มีนัทมาเล่นเป็นเพื่อน ตอนนี้ผมก็นั่งเล่นคนเดียว ปีแรกที่ผมยอมรับความรู้สึกตัวเองว่าผมชอบนัทเกินกว่าคำว่าเพื่อน มันทรมานทุกวันเลยครับ ผมกลับมาถึงบ้าน นั่งเล่นเครื่องเกมคนเดียวแล้วก็ร้องไห้คนเดียว ตอนนั้นไม่เข้าใจความรัก ทำไมเขาบอกว่าความรักทำให้เรามีความสุข แต่ทำไมที่ผมเป็นอยู่ มันไม่เห็นมีความสุขเลยวะ

วันนี้พวกผมอยู่ชั้น ม.3 กันแล้วครับ นัทกับพี่เมย์ก็เลิกรากันแล้ว เพราะพี่เมย์ย้ายโรงเรียนไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง ส่วนผมแม้ว่าจะยังแอบชอบนัทมันอยู่เหมือนเดิม แต่อาการฟูมฟายก็ไม่ได้มีเหมือนปีที่แล้ว ทุก ๆ อย่างมันเริ่มชิน ตั้งแต่ที่พอมันมีแฟน นัทมันก็ยังคงเหมือนเดิมกับผมเรื่องขอคำปรึกษา แม้ในใจจะทรมานแค่ไหน แต่ผมก็ยังอยากเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับมันอยู่ดี ทุกครั้งที่มันทะเลาะกับพี่เมย์ ผมนี้แหละที่เป็นคนไกล่เกลี่ยจนทำให้เขากลับมาคืนดีกัน แต่สุดท้ายเรื่องระยะห่าง อันนี้ผมไม่สามารถช่วยได้จริงๆ และผมเองก็ไม่ได้อยากช่วยด้วยมั้ง
   
กีฬาสีปีนี้ พวกเรา ม.3 มีหน้าที่เป็นพี่ใหญ่ ฝั่ง ม.ต้น ก็เลยมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะช่วยรุ่นพี่ประธานสี ตามเด็กๆ ฝั่ง ม.ต้น มาขึ้นแสตนเชียร์ หรือคอยดูนักกีฬา เล่นกีฬา หรือแม้แต่เดินพาเหรด ระหว่างพักเพื่อนกลุ่มที่มีผม นัท เสือ วิทย์ อำนาจ นั่งพักอยู่บริเวณที่พวกเราเรียกว่า สามแยกปากหมา เพราะพวกเราจะนั่งตรงมุมสามแยก และคอยแซวคนโน้นที คนนี้ที แล้วมีน้องผู้หญิง ม.2 เดินเข้ามาหาผม

“พี่น้ำ หนูขอถ่ายรูปคู่พี่ได้หรือเปล่าคะ”

เพื่อน ๆ ทุกคนตรงนั้นต่างแซวผมใหญ่เลยครับ ผมเองก็เขินนะที่มีคนมาขอถ่ายรูป ผมเองก็ไม่ใช่คนฮอตอะไรยิ่งถ้าเทียบกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ในกลุ่มแล้ว ส่วนน้องเขาตอนนี้หน้าแดง ผมเลยลุกขึ้นมายืนถ่ายรูปด้วยเพราะกลัวเพื่อนของผมมันจะแซวหนักไปอีก

“ทำไมมึงไม่มีแฟนวะ น้ำ” เสื้อ หัวโจกของกลุ่มเป็นคนถามขึ้นมา
“ไม่รู้เหมือนกันวะ”

ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรดีเหมือนกัน นอกจากไม่รู้ จริงๆ ก็อยากสารภาพกับมันตรงๆ เหมือนกันนะเรื่องที่ผมชอบผู้ชาย ผมมองมันเป็นเพื่อน แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าพวกมันจะรับกันไม่ได้

“ถ้ามีคนที่ชอบ หรือสเปกก็พวกพวกเราได้ พวกเราช่วยมึงจีบได้เว้ย” อำนาจช่วยเสริมขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังไม่อยากมีใคร ไม่มีสเปคด้วย”

ผมรีบตอบไป จะให้ตอบได้ยังไงละ ว่าคนที่ชอบก็นั่งอยู่ข้างๆ มึงอยู่นั้นไง ไอนัทที่นั่งหัวโด่เล่นมือถือไม่พูดไม่จาอยู่นั้น สงสัยกำลังคุยกับสาวๆ ของมันอยู่แน่ๆ

“หรือว่ามึงไม่ชอบผู้หญิงวะ” เสือมันถามผมขึ้นมา ทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มหันมามองพร้อมกันเป็นตาเดียวรวมถึงนัทด้วย
“แล้วถ้ากูบอกว่าใช่ พวกมึงจะว่าไงบ้างละ”

ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง แต่ก็พูดออกไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะเสือมันเปิดประเด็นให้ผมก่อนก็ได้มั้ง

“พวกมึงจะโอเคหรือเปล่าละ ถ้ากูบอกว่ากูไม่ได้ชอบผู้หญิง กูชอบผู้ชาย”
“กูพูดเล่นนะ มึงเอาจริงหรือวะ”

ไม่ใช่แค่เสือที่ตกใจ แต่เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน แต่เสือมันเหมือนพี่ใหญ่ของพวกเราในกลุ่มครับ จริงๆ มันเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมด้วย ผมกับเสือเรารู้จักกันตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ มันเป็นคนเดียวที่ชอบล้อผมว่าตุ๊ดตั้งแต่เด็กๆ เพราะผมจะนุ่มนิ่มสุดในกลุ่มเสมอ แต่มันไม่เคยยอมให้ใครมาล่อผมแบบนี้เลยนะ ถ้ามันได้ยินใครมาล้อผมแบบนี้ มันจะช่วยปกป้องผมตลอด เหมือนน้องกูก็แกล้งได้คนเดียว

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ แต่กูว่า กูชอบผู้ชาย มากกว่าผู้หญิงวะ” ทั้งกลุ่มมองหน้าผมยังไม่วางตาจนผมเริ่มกังวล
“แต่พวกมึงไม่ต้องกังวลนะ ตอนนี้คนที่กูชอบไม่ใช่พวกมึง”
“เหี้ยแล้วไง น้ำมึงอย่างมีผัวหรือวะน้องพี่”

เสือมันพูดล้อเล่นกับผม ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่แต่ด้วยตอนนั้นผมทำหน้าเสียใส่พวกมันโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เสือมันเลยตบบ่าผมแรงๆ แล้วก็พูดต่อ
   
“อย่างนี้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก พี่จะช่วยจัดการผู้ชายคนนั้นให้ แต่ก็ช่างมึงกูจะได้ตัดคู่แข่งไปได้อีกคน ไม่ต้องคิดมาก ยังไงมึงก็เพื่อนกู เป็นเหี้ยอะไรก็เพื่อนกูอยู่ดี ไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย แต่มีแฟนเมื่อไหร่อย่าลืมพามาแนะนำกูนะ”

พูดเสร็จแล้ว มันก็หันไปแซวสาวๆ ที่เดินผ่านไปมากันต่อ แล้วก็ผิดคาดครับ เพราะหลังจากนั้นพวกมันก็ยังคงทำตัวปกติ ไม่ได้ทำตัวห่าง หรือกลัวผมเลย ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าจริงๆ แล้วภายในใจของพวกมัน กำลังคิดอะไรอยู่ แต่คำว่าเพื่อนสำหรับพวกมันก็คงแปลความหมายอย่างนั้นจริงๆ กลายเป็นผมเองที่ต้องระวังทั้งคำพูด หรือการกระทำที่มีต่อพวกมัน รวมถึงนัท เพราะผมไม่อยากเสียเพื่อนกลุ่มนี้ไปเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

หนึ่งกิจกรรมที่พวกเราต่างตั้งหน้าตั้งตารอหลังจากขึ้นชั้น ม.4 นั้นก็คือ การเข้าค่ายภาษาอังกฤษ กิจกรรมที่จะทำให้ได้ไปเที่ยวยังต่างจังหวัด ตอนนั้นแม้เพียงจะเป็นเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน แต่สำหรับเด็กน้อยตอนนั้นมันถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก สำหรับปีนี้เราจะไปยังจังหวัดภูเก็ตนั้นเอง ครูนัดพวกเรากันตอน 4 ทุ่มเพราะรถจะขับไปกลางคืนเพื่อถึงภูเก็ตในตอนเช้าพอดี ระหว่างผมกำลังยืนรอเพื่อนๆ เพื่อจะไปนั่งจับจองที่นั่งบนรถทัวร์ที่ทางโรงเรียนจัดหาให้นั้น นัทก็เดินมาพร้อมกับแม่ที่มาส่ง พวกเราเลยทักทาย

“สวัสดีครับแม่”
“สวัสดีจ้าเด็กๆ ”

แม่ของนัทพวกเราต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผม ที่ตั้งแต่ปิดเทอม ม.1 ขึ้น ม.2 นัทก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านผมอยู่ตลอด ทำไมแม่ของนัท มีอะไรก็จะนึกถึงผมเป็นลำดับแรกๆ ของเพื่อนๆ ของนัท จนกลายเป็นลูกของบ้านนี้ไปอีกคน

“น้ำ แม่ฝากนัทด้วยนะ”
“ได้ครับแม่”
“นัทเองอย่าแสบให้มันมากนะ” แม่มองหน้านัทที่ตอนนี้ยืนคู่กับผม
“เดี๋ยวนัทก็นั่งอยู่กับน้ำแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“ดีแล้ว งั้นแม่กลับบ้านก่อนนะ เที่ยวกันให้สนุกนะเด็ก ๆ ”

แม่ของนัทก็โบกมือร่ำลาเด็กๆ ผมก็ทักทายครูที่คอยควบคุมดูแลพวกเราสำหรับกิจกรรมนี้ ขึ้นมาบนรถ นัทมันก็ให้ผมเข้าไปนั่งติดหน้าต่างตอนแรกที่รถเคลื่อนตัวออกไป นัทมันก็เดินไปเล่นด้านหลังบ้าง กับเพื่อนๆ ส่วนผมก็นั่งอยู่ประจำที่เพราะเริ่มมีอาการง่วงแล้ว แต่ไม่นานนัทมันก็กลับมานั่งข้างๆ ผมเช่นเดิม

“ตื่นเต้นวะ ได้เที่ยวกับเพื่อนๆ ครั้งแรก”

ผมที่ตอนนี้ใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงไปด้วย ถอดหูฟังมาเพื่อคุยกับมัน

“ก็จริง ตอนนี้ ม.4 อีกไม่นานพวกเราก็จบ ม.6 ตอนนั้นก็คงแยกย้ายกันจริงๆ จังๆ ”
“อีกตั้งนาน อย่าเพิ่งคิดเลย ฟังเพลงอะไร เอาหูฟังอีกข้างมาฟังด้วยดิ”

ผมถอดหูฟังอีกข้างให้นัทมันฟังเพลงที่ผมกำลังเปิด นั่งไปสักพัก อากาศเริ่มหนาว ผมเลยหยิบผ้าห่มประจำที่นั่งมาห่ม แล้วก็เผลอหลับไป จนมารู้สึกตัวเพราะนัทสะกิดผม

“น้ำ มึงเอาหัวพิงไหล่กูก็ได้”
“อืม ขอบใจ”

ถามว่าตอนนั้นรู้สึกดีใจไหม ก็ดีใจนะครับ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะตอนนั้นมันก็ง่วงจริงๆ แต่ที่ทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมาจริงๆ ก็คือ ตอนที่ผมเอาหัวพิงไหล่มันสักพัก นัทมันก็เอามือมันมาจับมือผมที่อยู่ใต้ผ้าห่มที่เราห่มนั้นเอง ตอนนั้นภายในรถมืดสนิทแล้ว มีเพียงแสงจากภายนอกรถเท่านั้น แล้วตอนนั้นเด็กๆ ในรถส่วนใหญ่ก็หลับกันหมดแล้วด้วย ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น แต่ที่รู้ผมยิ้มในความมืดแล้วก็หลับไป

กิจกรรมการเข้าค่ายภาษาอังกฤษของพวกผมก็ไม่ได้มีอะไรมาก ครูสั่งให้ไปสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ให้พรีเซนต์งานโดยใช้ภาษาอังกฤษเล็กๆ น้อยๆ พวกเราเองก็งู ๆ ปลา ๆ กันไป กิจกรรมตลอดทั้งวัน ผมกับนัทก็ตัวแทบจะติดกันตลอดเวลา จนเพื่อน ๆ เริ่มแซวกันว่าพวกเราเป็นคู่ผัวเมีย ตัวผมเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนท่าทางนัทเองก็ดูสนุกไปกับเวลาเพื่อน ๆ เรียกมันว่าเป็นผัวของผม ผมก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ มันโกรธ หรือว่ามันไม่ถือสาอะไรเลย

มาถึงที่พักของเรา โรงเรียนจัดที่พักของเรา อยู่ริมหาดแห่งหนึ่งในภูเก็ต โดยให้ผู้ชายนอนในเต็นท์ ส่วนผู้หญิงนอนในบังกะโล หลังจากเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว ผมเห็นว่าในพื้นที่ข้างๆ ยังมีเต็นท์ที่ไม่ได้มีใครมาอยู่จึงถามเจ้าหน้าที่ว่า เดี๋ยวจะมีอีกโรงเรียนมาด้วยหรือ

“พี่ครับ จะมีอีกโรงเรียนมานอนด้วยหรือ” ผมถามพี่เจ้าหน้าที่
“เออ ใช่แล้วแต่เขาจะมากันพรุ่งนี้ แต่พวกพี่กางไว้ก่อนเฉยๆ ”

รู้อย่างนี้ผมก็เลยไปบอกเพื่อนๆ ว่า เต็นท์ฝั่งข้าง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ยังว่าง อาจจะเพราะความเป็นเด็กด้วยมั้งครับ จริง ๆ เต็นท์ที่พวกผมอยู่ กับเต็นท์ที่ว่าง มีแค่เชือกฟางบาง ๆ กั้นไว้เท่านั้นเอง เพื่อบอกว่าของโรงเรียนผมใช้ได้แค่บริเวณนี้

“พวกแก คืนนี้เราไปนอนฝั่งโน่นกันดีกว่าปะ” ผมหันไปถามเสือ
“ก็ดีนะ เรานอนกันตั้ง 8 คน งั้นคืนนี้แบ่งไปนอนเต็นท์โน่นซัก 4 คนก็ได้”

เราตกลงที่จะแบ่งไปนอนเต็นท์ที่ยังว่าง และหลังจากที่ครูปล่อยให้พวกผมพักผ่อนกันแล้ว เราเลยไปนอนกันที่เต็นท์ฝั่งโน้น ที่มี เสือ อำนาจ นัท และผม แต่นอนไปสักพัก เสือและอำนาจ ที่ตอนนี้หลับสนิทและกรนเสียงดังมาก ทำให้ผมนอนดิ้นไปดิ้นมา

“นอนไม่หลับหรือ” เสียงนัทถามผม
“ใช่อะดิ ก็เสียงกรนดังขนาดนี้ แต่เดียวคงหลับแหละ”
“งั้นไปนอนเต็นท์อีกหลังกัน 2 คนปะละ เราก็นอนไม่หลับ”

ผมหันไปมองหน้ามัน แล้วก็ตอบตกลง ความเป็นเด็กตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ เพียงแค่ต้องการแหกคอก แหกกฎเท่านั้นเอง ผมและนัทเลยย้ายไปโดนอีกเต็นท์โดยหยิบแค่หมอนคนละใบเท่านั้น อากาศตอนนั้นเวลายังไม่เที่ยงคืนมันร้อนอบอ้าวมาก แถมในเต็นท์เองก็ไม่ได้มีพัดลมให้ด้วย

“นอน 2 คนก็ดีนะ เต็นท์ใหญ่ ไม่ต้องเบียดกันด้วย” ผมหันไปพูดกับนัท
“เออดี นอนได้แล้ว” นัทมันสั่งผม ผมยิ้มรับแล้วก็นอนหลับไป แต่ไม่นาน ผมก็ต้องรู้สึกคิดผิดที่ไม่ได้หยิบผ้าห่มมาด้วย เพราะตอนนี้อากาศจากที่ร้อนอบอ้าว ตอนนี้หนาวมาก หนาวจนผมต่อกอดตัวเองแล้วก็ห่อให้ตัวเองตัวเล็กที่สุด ในนัทคงรู้สึกได้
“มึงหนาวหรือน้ำ”
“อืม ไมได้หยิบผ้าห่มมาด้วย”
“งั้นกลับไปที่เต็นท์เดิมเปล่า ทิ้งผ้าห่มไว้ที่นั่นไว้”

ผมลุกมานั่งสั่นพลางคิดว่าจะเอาอย่างไรดีแล้วหยิบมือถือมาดูเวลาที่ตอนนี้ ตี1 แล้ว

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ออกไปตอนนี้ ครูจับได้ว่าเรามานอนเต็นท์ฝั่งนี้โดนลงโทษมาไม่คุ้มอะ”

พูดไปแล้วผมก็ลงไปนอนต่อ

“น้ำ” นัทมันเรียกผม
“ว่า”
“งั้นมึงมานอนติดกับกูมาจะได้อุ่นๆ ”

ก็คงเป็นความคิดที่ดี ผมเลยนอนหันหลังเบียดกับมัน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ นัทเอาแขนของนัทสอดใต้คอผมแล้วเอามืออีกข้างกอดเอวผมไว้

“ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้” ผมบอกนัทไป ใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ใจหนึ่งเขินมากกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก กูเองก็หนาว นอนแบบนี้จะได้อุ่น ๆ ขึ้นไง อุ่นปะละ”
“อืม อุ่น”

นอนไปตอนนั้น จะด้วยความเงียบ หรือเพราะหัวใจผมเต้นแรงมากหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมรู้ตัวเลยว่าตอนนั้นผมหัวใจเต้นแรงมาก มันเป็นครั้งแรกที่ผมกับนัทนอนกอดกันผมนอนหันหลัง หน้ามันอยู่ที่หัวของผมพอดี

“นอนหลับฝันดีนะมึง หัวมึงหอมจัง กูชอบวะ”
“อือ ฝันดีเหมือนกันนะ” ผมตอบไป พร้อมเอามือไปกุมมือนัทข้างที่กอดผมไว้ คืนนั้นเรานอนด้วยท่านั้นจนถึงเช้า แล้วเรา 2 คนก็แอบกลับไปที่เต็นท์เดิมของเราโดยที่ครูไม่รู้ หรือจริงๆ อาจจะรู้ว่ามีเด็กไปนอนฝั่งโน้น แต่เรื่องที่เรานอนกอดกัน คงไม่มีใครรู้แน่นอน

แม้ว่าเรื่องที่เรานอนกอดกันในเต็นท์วันนั้นไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้ผมและนัทถูกเพื่อนๆ เรียกว่าคู่ผัวเมียหนักขึ้นไปอีก นั้นก็คือ รูปที่พวกผมนอนเอาหัวพิงไหล่ในคืนที่เราเดินทางไปเข้าค่ายนั้นเอง เพราะตอนนี้มันถูกติดไว้ที่บอร์ดกิจกรรมหน้าห้องหมวดภาษาต่างประเทศ แม้จะไม่ใช่รูปหลักของบอร์ด อยู่ในมุมเล็กๆ เท่านั้น แต่ทุกคนที่เห็นก็ต่างเดินมาแซวผมและนัทแทบจะทุกคน ผมเองที่ต้องคอยปฏิเสธ ส่วนนัทนะหรือ หัวเราะรับอย่างมีความสุข ผมละไม่รู้จริงๆ ว่ามันกำลังคิดอะไรกันแน่

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เช้านี้ผมตื่นมาด้วยเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือของนัท ที่เปิดฟังไปด้วยระหว่างที่อาบน้ำ นัทมันเป็นคนดีอย่างหนึ่งครับ ไม่ว่าจะต้องนอนดึกแค่ไหน แต่จะตื่นเช้าเสมอ มันบอกว่าถ้าง่วงจริง ๆ ก็ค่อยนอนตอนบ่าย เช้าแล้วพอตื่นก็ไม่ง่วงแล้ว ผิดกับผมที่เป็นคนขี้เซาตอนนี้เลยยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอน มือหนึ่งก็คว้ามือถือมาไถหน้าฟีดเฟสบุ๊คเล่น จนนัทมันเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวของผม

“แกอาบน้ำที่นี่แล้วจะเอาชุดที่ไหนเปลี่ยน หรือจะขึ้นไปเปลี่ยนที่ห้องแก”
“ก่อนอาบน้ำ กูขึ้นไปเอาชุดมาแล้ว ไปอาบน้ำเร็ว ได้ไปหาอะไรกินกันก่อน อยากไปเที่ยวแล้ว”

มันพูดพร้อมหันมายิ้มให้กับผม ผมจัดการเสื้อผ้า แล้วก็เลยยื่นมือไปขอผ้าเช็ดตัวที่มันใช้อยู่

“รีบใส่กางเกงเร็ว กูจะได้ใช้ผ้าเช็ดตัวต่อ”

มันไม่ได้พูดอะไร แต่เลือกที่จะถอดผ้าเช็ดตัวนั้นเลยต่อหน้าผม ทั้ง ๆ ที่มันก็ยังไม่ได้สวมแม้แต่กางเกงใน เห็นแบบนั้นผมก็มองด้วยสายตาที่เอือมระอา ส่วนมันนะหรือ ก็ส่ายสะโพก ส่ายไข่ให้ผมดูนั้นเอง

“น้องอยากกินโรตีส่ายไข่ หรือ น้องจะเอาแบบส่ายนมด้วยครับ”

ไม่พอแค่ส่ายไข่ แต่มันยังส่ายหน้าอกให้ผมดูอีก ผมตอนนั้นได้แต่ยิ้มหัวเราะให้กับมันแล้วสะบัดหน้าออก ทำเหมือนไม่สนใจแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แต่จริง ๆ แล้วภาพนั้นมันยังติดตาผมอยู่เลย ก็ของมันไม่ใช่เล็ก ๆ ขนาดยังไม่แข็งตัวยังทั้งใหญ่ทั้งยาวขนาดนั้น มันนะชอบอวดว่าของมันใหญ่โต สาวๆ เลยติดใจ ผมก็ได้แค่ตัดแซว มันโดยบอกว่าไม่ได้ใหญ่อะไรหรอก แต่จริงๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นหรือสัมผัสได้เวลาน้องชายมันแข็งตัว ใจผมสั่นทุกครั้งเลย จนตอนนี้เองที่ผมยืนอยู่ในห้องน้ำ ก็ยังทำให้ผมเกิดอารมณ์ สุดท้ายก็ต้องจัดการความรู้สึกตัวเอง ปลดปล่อยอารมณ์ตัวเอง ช่วยตัวเอง ก่อนที่จะอาบน้ำ นั้นเอง

เปิดประตูห้องน้ำมา ผมก็ได้กลิ่นกาแฟ เลยมองไปที่โต๊ะกินข้าว เห็นกาแฟ 2 แก้ววางคู่กัน ส่วนตัวนัทที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้ว นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เห็นแบบนั้นแล้วยิ้มขึ้นมาเบา ๆ มันก็เป็นเหมือนภาพของคู่รักที่อยู่ด้วยกันเลย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความจริง แต่อย่างน้อยก็ขอผมจินตนาการก็ยังดี

“เอากาแฟของมึง กาแฟ 3 น้ำตาล 2 ไม่ใส่คอฟฟี่แมตใช่ปะ แล้วมึงก็ไม่ชอบแดกของร้อน นี้อุ่นกำลังดี” มันยื่นกาแฟมาให้ผม เพราะเห็นว่าผมแต่งตัวเสร็จแล้ว
“ใช่ เก่งวะ จำได้ด้วย”
“เรื่องของมึงก็จำได้เกือบหมดแหละ”
“แต่แกชอบผิดนัดเรา” ว่าไปก็พร้อมกับยิ้ม
“เรื่องนัดมันไม่เหมือนกัน อันนี้มันเป็นเรื่อง in side เว้ย น้อยคนที่จะรู้แต่กูรู้”
“เออ เก่งมาก น่ารักที่สุด ลูกหมาน้อย”

พูดเสร็จผมก็เอามือเกาคางมัน มันก็ทำตัวเหมือนลูกหมา เข้ามาใกล้ผม ซุกตรงซอกคอ แล้วก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ แล้วมันก็เดินไปเก็บของต่างๆ ลงในกระเป๋า ผมคิดนะ ว่าการกระทำของเราหลายๆ อย่างถ้าคนนอกเห็นคงไม่คิดว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันแน่นอน เพราะตัวผมเองก็ยังคิดว่าเราสองคนอยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่ ถ้าเป็นแบบนี้สำหรับผมมันไม่ได้แย่ ที่จะไม่มีใคร อยู่กับมันโดยที่ไม่ต้องพูดว่าเราเป็นอะไรกัน ถ้าไม่ใช่มันมีแฟนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ผมก็คงโอเค กับความสัมผัสที่ไม่ต้องนิยามว่าเราเป็นอะไรกัน  แต่ก็ช่างเหอะ เอาตอนนี้มีความสุขก่อนก็ได้ อนาคตค่อยว่ากันอีกที ชีวิตมนุษย์แอบรัก มันก็เป็นแบบนี้แหละ

“แล้วสรุปวันนี้ไปไหนกันดี” พูดพลางสวมถุงเท้าไปด้วย
“กินข้าวใต้หอก่อน แล้วนั่งรถเมล์ไปลงรถไฟใต้ดิน แล้วก็นั่งไปหาอะไรกินที่เยาวราชอีกที ตอนบ่ายก็หาร้านกาแฟนั่ง แล้วค่อยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปที่มิวเซียมสยามปะละจำได้ว่าแกเคยบ่นว่าอยากไป แล้วตอนเย็น ๆ ค่อยเดินไปข้าวสารกัน นั่งรถเมล์ไปเที่ยวนี้ นั่งได้หรือเปล่าครับคุณน้ำ”
“นั่งได้ซิครับ แค่นี้สบายมาก มีแต่แกนั้นแหละ พอกับสาว ๆ ให้นั่งแท็กซี่ ทีกับเราให้นั่งรถเมล์ โคตรไม่เท่าเทียมกันเลย”
“น้อยใจเหรอ งั้นเดี๋ยววันนี้เลี้ยงข้าว” พูดเสร็จมันก็หยิกแก้มผมเบา ๆ แล้วมันก็เดินนำหน้าออกจากห้องไปครับ เดินนำไปร้านข้าวใต้ตึกที่พวกเรามักจะกินด้วยกันเป็นประจำ
“เป็นครั้งแรกเลยปะ ตั้งแต่ย้ายมากรุงเทพ ที่เพิ่งจะออกไปเที่ยวกันแค่ 2 คน”
“ใช่แหละมั้ง ถ้าไม่นับที่ไปเที่ยวกับพวกปก โบ๊ท นุ้ย เราเองก็ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนแกที่มหา’ลัยเก่า ด้วย ส่วนพวกเพื่อนแกตอนนี้ ก็เป็นรุ่นน้องด้วย เราก็ไม่เคยไปไหนกับเพื่อนแกนอกจากร้านเหล้า”

จริงอย่างที่นัทว่าครับ ก่อนหน้านี้ตอนเราอยู่มัธยม ถ้าวันไหนว่างเราจะแว้นรถมอเตอร์ไซต์กันไปตามที่ต่างๆ 2 คนด้วยกันบ่อย จะมีหายไปบ้างถ้านัทมันมีแฟน เราใช้ชีวิตด้วยกันเยอะมาก จนย้ายมาเรียนที่นี่ อาจจะเป็นด้วยอายุด้วย แล้วอีกอย่างที่นี้ก็ไม่ใช่ที่บ้านด้วย เที่ยวแต่ละครั้งมันก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเข้ามา ผมกับนัทเลยไม่มีโอกาสไปไหนด้วยกันเหมือนเดิม เว้นว่าไปกลุ่มใหญ่ๆ กัน

“แก เรามาถ่ายรูปกันดีกว่า ส่งไปให้พวกที่บ้านดูกันดีกว่า”
“ได้”

ผมถ่ายรูปเรากันในร้านข้าวใต้หอ แล้วส่งไปในกลุ๊ปไลน์กลุ่มเพื่อนๆ ที่สตูล ไม่นานพอเพื่อนเห็น

Satun_อำนาจ    จะแต่งงานแล้วเหรอ ถึงส่งรูปคู่มาอวด
Water_naam    ไม่ใช่เว้ย จะไปเที่ยวกัน คิดถึงพวกมึง เลยส่งรูปมาอวด
Satun_ก้อย    กรี๊ดดดด ไปไหนกัน กูอยู่หอที่บางมด เบื่อมาก อยากตามไปด้วยแต่งานเยอะสัด ๆ
Satun_หนู    อิจฉาเด็กกรุงเทพวะ ไปไหนกัน
นัทหัวกรวย    ไปฮันนีมูนกัน
Satun_เสือ    กูว่าแล้ว
Water_naam    ฮันนีมูนเหี้ยไร มันพากุเที่ยวด้วยรถเมล์เนี้ย ทีกับเมียๆ มันให้นักแท็กซี่
นัทหัวกรวย    เดี๋ยวกูค่อยถ่ายรูปอวดพวกมึงอีก

ตลอดการเดินทางจากที่พักของเราสองคนในเช้าวันเสาร์ ถือเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งครับ เพราะแม้ว่าเราจะเดินทางกันด้วยรถเมล์แต่เช้านี้รถก็ไม่ได้ติดอะไร ระหว่างนั่งรถตลอดเส้นทางเราก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย ถ่ายรูปบ้าง ผมถ่ายรูปตัวผมเองกับนัท แล้วโพสลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวแต่แท็กนัทด้วย ไม่นานแฟนคลับของนัทก็เข้ามากดไลค์เพียบเลยครับ ก็อย่างว่ามันไม่ได้ไม่หล่อซะหน่อย ตอนอยู่มหา’ลัยเก่า ก็เป็นถึงรองเดือนคณะ ส่วนปีนี้ ก็เป็นรุ่นพี่ที่ซิ้วมาเรียนกับรุ่นน้อง ก็ยิ่งเพิ่มความฮอตให้ตัวมันอีก แม้ว่าจะมีคนเข้ามาคอมเม้นเข้ามาถามว่าจะไปเที่ยวไหนกัน แต่เราสองคนก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไรไป มีบางจังหวะ ที่นัทมาเอามือมาจับมือผม เราสองคนได้เพียงนั่งเงียบๆ จนมีคนเดินมานั่งใกล้พวกเรานัทก็ไม่ได้เอามือออกจนผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายดึงออกเอง มันก็หันมายิ้มให้ผม

“มึงอายหรือที่จับมือกับกู”

มันกระซิบมาที่ข้างหู ผมไม่ได้อายอะไรทั้งนั้นครับ กลับกันที่รู้สึกดีด้วยมากกว่า แต่ผมแค่ไม่รู้ว่านี้มันคือการกระทำที่เพื่อนควรมีต่อกันจริงๆ หรือ ไม่รู้ว่านัทมันคิดอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ผมมีความสุขมากจนต้องห้ามตัวเองเท่านั้นเอง

“ไม่ได้อาย แค่รังเกียจ”

พูดไปแล้วก็ทำท่าเช็ดมือ แล้วก็ยิ้มเย้ยมันแทน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้นเอง นั่งไม่นานเราก็ต้องลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อนั่งต่อไปเยาวราช เป้าหมายแรกของพวกเรา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
มึงชอบปกหรือเปล่า
ลงรถเมล์มาต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน ตรงมาที่เยาวราช มาถึงสถานีวัดมังกรทำให้ตัดสินใจว่าก่อนที่จะไปเที่ยวเราต้องเข้าไปไหว้พระขอพรก่อนนั้นเอง เราเข้าไปทำตามขั้นตอนต่าง ๆ รับธูปจุดเทียนแล้วไปไหว้ขอพร โดยระหว่างที่เราสองคนเดินออกมาจากวัดเล้งเนี้ยยี้

“แกขอพรอะไรหรือน้ำ”
“แล้วทำไมเราต้องบอกแก เขาบอกว่าถ้าบอกกันมันจะไม่เป็นอย่างที่ขอนะ แล้วแกบอกเราได้หรือว่าแกขอเรื่องอะไร” ผมหันไปถามนัทบ้าง มันเงียบไปแป๊บเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ก็ขอเรื่องทั่วไป งั้นช่างเหอะ ไว้สำเร็จเมื่อไหร่ เราค่อยบอกแก”
“อืม” ผมพยักรับไป

เราสองคนเดินไปเที่ยวรอบ ๆ เยาวราช เข้าซอยโน่นออกซอยนี้ เยาวราชตอนเช้าสำหรับผมที่เป็นเด็กต่างจังหวัดที่เคยมาแต่กลางคืน มันก็แปลกใหม่ไปอีกมุมมองหนึ่งเหมือนกัน หลาย ๆ ร้านอาหารที่เปิดเฉพาะกลางวันเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือเป็นร้านที่เก่าแก่เปิดมาแล้วหลายสิบปี ก็ทำให้ผมตื่นเต้นไม่น้อย ผมกับนัทต่างสลับถ่ายรูปกัน แม้ว่ารูปที่นัทถ่ายออกมานัทจะไม่ได้สวยอะไรเลย แต่ทุกครั้งที่ผมถ่ายให้นัท มันจะคาดหวังให้ผมถ่ายให้มันดูดีที่สุด

“ก็แกเรียนนิเทศ มันต้องเป็นปกติอยู่แล้วปะที่แกจะต้องถ่ายรูปสวย”
“มันก็ใช่ที่เด็กนิเทศจะได้เรียนถ่ายรูป แต่เด็กวิศวะอย่างแกมันก็ถ่ายรูปห่วยเกินไปปะวะ” ถึงขั้นต้องด่ามันคืนบ้าง ในเมื่อรูปที่ออกมา ไม่มีอะไรที่เรียกว่าองค์ประกอบของภาพที่ดีเลย ให้นึกถึงภาพครอบครัวที่คุณแม่ถ่ายให้เรา ผมอยู่ตรงกลางเฟรม ไม่มีองค์ประกอบภาพใดๆ
“อีกอย่าง มึงไม่หล่อเหมือนกูเว้ย ถ่ายออกมาก็เลยได้เท่าที่เห็น”

เดินไปกินไปถ่ายรูปไป ตอนนี้เวลาบ่ายกว่าๆ เราเลยตกลงที่จะไปหาร้านคาเฟ่นั่งเพื่อพักเหนื่อยสักหน่อย

“น้ำ ที่นี่มีน้ำฝรั่งสกัดเย็นด้วย เอาเปล่า” ระหว่างที่นัทมันดูเมนู มันก็หันมาถามผม
“เอาดิ เมื่อเช้าก็กินกาแฟไปแก้วหนึ่งแล้ว” ผมหันไปบอกนัท
“พี่ครับ เอาน้ำฝรั่งสกัดเย็นแก้วหนึ่ง แล้วอีกแก้ว เอามอคค่าเย็นเพิ่มช็อตแก้วหนึ่งครับ”

สั่งแล้วเราก็มาหามุมนั่งในร้าน ต่างคนต่างหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ในแว๊บนึงผมเห็นสายตามันมองมาที่ผมแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย ก็ทำเป็นไม่สนใจมันไปครับ เพราะไม่รู้มันจะแกล้งอะไรผมอีก จนผมโพสต์รูปเสร็จ เลยไล่ดูฟีดทามไลน์ของคนอื่น ก็เจอโพสต์ที่นัทมันเพิ่งโพสต์และคิดว่านั้นคือสาเหตุที่มันยิ้มเมื่อสักครู่นั้นเอง นั้นคือรูปที่ผมให้มันถ่ายให้ผม แต่เป็นจังหวะที่ตาปรือทำท่าตลกอยู่นั้นเอง แต่แคปชั่นมันนั่นแหละครับที่ทำให้โกรธไม่ลง
   
ไม่ใช่แฟนก็พอจะทำแทนได้ #Onedaytripinbangkok #แค่เพื่อนครับแม่ #ไม่แท็กให้เห็นเอง

ผมเห็นแบบนี้ก็ต้องเข้าไปเม้นต์ด่ามันสักหน่อย

คอยดูกูจะเอารูปที่มึงทำหน้าจังไรมาโพสต์ประจานบ้าง

หลังจากด่ามัน ผมก็โพสต์รูปมันที่เป็นรูปเผลอที่ผมเก็บไว้ในสต๊อกในมือถือพร้อมแคปชั่น

คนจังไรมุมไหนก็จังไร #กูจะแท็กไม่ต้องให้มันเห็นเอง

แล้วผมก็แท็กชื่อมันลงไป

“โห่ มึงเล่นเรารูปนี้ลงเลยหรือวะ” นัทมันโวยขึ้นมาเลยครับ
“ก็มึงเล่นกูก่อน”

แล้วเราสองคนก็ต่างหัวเราะกัน ตอนนี้คอมเม้นต์ต่างๆ ในรูปของเราทั้งสอง ก็จะมีทั้งเพื่อนนัทที่ผมไม่รู้จักบ้าง หรือจะเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ใต้ เพราะมันก็ชอบแกล้งเพื่อนคนอื่นไม่น้อย คราวนี้มันก็เลยโดนสมน้ำหน้า จริง ๆ ผมไม่โกรธหรอกครับที่มันโพสต์อะไรแบบนั้น เพราะก็รู้กันว่าเป็นการหยอก แต่ที่มันทำให้ผมใจสั่นก็คงเป็นเพราะแคปชั่นที่มันโพสต์ไปนั้นเอง แต่ก็รู้แหละครับว่ามันเขียนแบบนั้นไป มันก็ไม่ได้คิดอะไร ระหว่างที่ไล่อ่านคอมเม้นต์ ผมก็ได้รับการแจ้งเตือนเพิ่มมา ก็เลยเข้าไปดูก็เห็นเป็นปกที่เข้ามากดไลค์ทุกรูป จนนึกขึ้นมาได้ว่า เรื่องมาเที่ยวไม่ได้ชวนเพื่อนคนไหนเลย

“ปกมันเข้ามากดไลค์รูปด้วย เราลืมชวนมันด้วย”

ผมหันมือถือไปให้นัทมันดู เห็นอย่างนั้น นัทมันก็ทำปากคว่ำใส่

“ไม่เป็นไรหรอก มันก็กลับบ้านด้วยไม่ใช่หรือ จริง ๆ ตอนนี้มันอาจจะไปเที่ยวกับที่บ้านมันอยู่ก็ได้ อีกอย่างคุณหนูขนาดนั้น มันจะมาเที่ยวแบบนั่งรถเมล์แบบที่เรานั่งได้หรือ”

ไม่รู้ผมคิดมากไปหรือเปล่า ที่รู้สึกได้ว่าช่วงหลัง ๆ มานี้นัทกับปกดูจะคุยกันน้อยลง แต่ถ้านัทมันจะไม่ชอบปก มันก็ไม่น่าจะไม่ชอบมานานแล้วหรือเปล่า ไม่น่าจะเพิ่งไม่ชอบ

“ก็ไม่รู้เหมือนกันวะ แต่พวกเราก็คิดว่าจะมาเที่ยวกันก็ก่อนนอนแล้ว จะชวนใครทันเนอะ อีกอย่างถ้าชวนปก ก็ต้องชวนนุ้ย ชวนโบ๊ทอีก”
"ถูก มากคนก็มากความ อีกอย่างวันนี้กูอยากมาเที่ยวกับมึงแค่สองคน"

พูดเสร็จแล้ว มันก็ก้มลงไปเล่นมือถือต่อ แต่ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นชัดว่ามันทำหน้าบุญไม่รับ

“มึงไม่ชอบปกหรือ” ผมตัดสินใจถามนัท มันเงยหน้ามองมาที่ผม
“เปล่า จะไม่ชอบมันเรื่องอะไรละ ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมเป็นดาราด้วย” พูดเสร็จมันก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ
“นัท” มันเงยหน้ามองหน้าผม ซึ่งตอนนี้ผมก็จ้องหน้ามันพร้อมหรี่ตามองมัน ก่อนจะพูดช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ
“แก อิจ ฉา ปก”
“กูจะอิจฉามันเรื่องอะไร แค่…” มันพูดรัวเร็ว แต่จบที่คำว่าแค่ แล้วเหมือนจะมีคำต่อไปที่มันไม่ยอมพูด
“แค่อะไรวะ”
“เปล่า ไม่มีไร ก็แค่หล่อไง ดูดี พ่อรวย เออ อย่าคิดมาก

ผมยังจ้องหน้านัทต่อ

“เออ สบายใจได้กูไม่ได้ไม่ชอบมัน แต่วันนี้กูชวนมึงมา เพราะกูอยากมาเที่ยวกับมึงไง ไม่งั้นกูก็ชวนมันมาด้วยแล้วปะ ถ้ากูอยากมาเที่ยวกับมัน เข้าใจยัง”

ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ที่เห็นหน้าของนัทมันแดงขึ้นมานิดหน่อย เหมือนมันเขินที่มันพูดเรื่องนี้ออกมา แต่ก็ต้องช่างมัน บางทีมันก็ดื้อเหมือนเด็กที่คุยไม่รู้เรื่อง บางทีก็เป็นผู้ใหญ่ที่คอยดูแลผม หลังจากนั่งตรงนั้นไม่นาน เราเลยตัดสินใจที่จะนั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานีสนามไชย ซึ่งเป็นที่ตั้งของมิวเซียมสยาม

“เห็นแกบ่นว่าอยากมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เคยได้มายัง” นัทหันมาถามผมตอนที่เรากำลังซื้อตั๋วเข้าไปชมภายใน
"ยังเลย ก็คิด ๆ อยู่ว่าจะมา แต่ยังไม่มีเพื่อนมา เลยไว้ก่อน ไว้ก่อน ตลอด"
“เห็นปะ ถ้าไม่ใช่กูก็ไม่มีใครพามึงแล้วเนี้ยะ” นัทมันหันมายิ้ม ท่าทางภูมิใจ
“ขอบคุณครับพี่นัท ถ้าไม่มีพี่ ผมก็คงไม่ได้มาแล้ว”

แต่ก็จริงอย่างที่มันว่าครับ เรื่องนี้จริงๆ ผมก็เคยบ่นกับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย แต่จะว่าไงละเพื่อนๆ มันก็คนกรุงเทพทั้งนั้น มีแต่ผมเท่านั้นนิที่เป็นเด็กต่างจังหวัด การมาเที่ยวอะไรแบบนี้สำหรับคนพื้นที่ ก็คงคิดไม่ออกว่าจะมาทำไม แต่สำหรับผมแล้วมันก็เหมือนเป็นการมาเที่ยวเล่นแบบนึงเหมือนกัน เดินไปเรื่อย ๆ ดูโน่นดูนี้ จนครบรอบ เราสองคนเลยเดินออกมาเดินเล่นต่อกันที่ สะพานพุทธที่อยู่ไม่ไกลต่อ

“ไปตรงสะพานลอยที่มีสวนลอยฟ้าตรงสะพานลอยดีกว่า” นัทมันเสนอ พร้อมชี้ไปที่สวนลอยฟ้าที่อยู่บนสะพานพระปกเกล้า
“ไปดิ” ผมรับคำแล้วเราก็เดินกันไป

วันเราสองคนใช้ชีวิตแบบที่ผมชอบมาก คือเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ เหมือนสมัยตอนที่เราอยู่ต่างจังหวัดกัน ตั้งแต่ที่ผมย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ การใช้ชีวิตบางอย่างก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าเวลาที่เร่งรีบ ความรับผิดชอบต่างๆ หรือที่ผมอึดอัดที่สุดในกรุงเทพก็คือรถติด อยู่มาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวและชินแล้ว เราเดินเรื่อยๆ คุยเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องปัจจุบันและคุยกันเรื่องอดีตสมัยมัธยม มีเรื่องคุยก็คุย แต่ถ้าไม่รู้จะคุยอะไรก็แค่เงียบ แต่ที่ไม่หายไปนั้นก็คือ เมื่อผมหันไปทางนัท ทุกครั้งมันจะยิ้มให้ผมตลอด

6 โมงเย็นพอดีที่เราสองคนขึ้นมาบนสวนลอยฟ้าตรงนี้ มาถึงเราก็หามุมถ่ายรูปโดยผมกับนัทสลับกันถ่ายรูปจนได้รูปที่พอใจ

“มาตรงนี้แล้วก็ต้องถ่ายรูปคู่ปะวะ”
นัทมันหันมาถามแกมสั่ง เราสองคนเลยถ่ายรูปคู่กันจนเป็นที่พอใจแล้ว นั่งพักดื่มน้ำที่ซื้อมาก่อนจะเดินขึ้นมาข้างบน นั่งมองพระอาทิตย์ตกโดยไม่ได้พูดอะไร นั่งนึกว่าวันนี้เราเจออะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟสวยๆ หรืองานศิลปะดีๆ นั้นก็เลยทำให้ผมนึกถึงพี่ชายของผมที่ตอนนี้ไปเรียนต่อที่อเมริกา

“เป็นไรอีก ทำหน้าซึม ๆ ” นัทมันหันมาจังหวะที่ผมกำลังนึกพี่ชายผมพอดี
“ก็คิดถึงที่บ้าน แล้วก็คิดถึงพี่อาโป ไมได้เจอมาจะ 2 ปีแล้วตั้งแต่เราขึ้นมาเรียนที่นี่แล้วแกบินไปเรีนต่อที่อเมริกา”
“ออวะ เฮียโป ตอนนี้แกเป็นไงบ้างวะ กูลืมไปเลยว่าเฮียแกไม่อยู่ไทย ไปอยู่โน่นไปเรียนต่อเหรอทำอะไรวะ”

พี่อาโป หรือถ้าเป็นเพื่อน ๆ ของผมจะเรียกเฮียโป แกอายุมากกว่าพวกเรา 4 ปีครับ ดังนั้นตอนผมขึ้นปี 1 แกเลยจบพอดีแล้วแกก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกาด้านศิลปะ เฮียโปจบที่เดียวกับผมนี้แหละครับ แต่พอผมเข้ามาเรียนพี่อาโปก็จบพอดีเลยไม่ได้เจอกัน เพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยก็เลยไม่รู้เรื่องพี่ชายของผม มีแต่นัทเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

พี่อาโปเป็นคนนิสัยเงียบ ๆ หรือจะเรียกว่าเป็นคนติสมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ สมัยมัธยมเพื่อน ๆ ผมชอบบอกว่าพี่อาโปแกขี้เก๊ก แต่พออยู่ต่อหน้าก็ไม่มีใครกล้าแซว เพราะด้วยแกตัวสูง หน้านิ่ง เลยดูน่ากลัวไปเลย และพออยู่ด้วยกัน พี่อาโปจะใจดีกับผมมาก สมัยมัธยมเราสองพี่น้องจะนอนด้วยกันตลอด ผมเองชอบที่จะขอนอนกอดพี่อาโปตลอดจนแกจบ ม.6 ต่อหน้าคนอื่นพี่อาโปจะไม่ค่อยแสดงอาการรักผมเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่มีปัญหา อย่างตอนที่ผมตัดสินใจที่จะไปบอกรักนัท แล้วมาเจอมันบอกว่ามันตกลงเป็นแฟนกับรุ่นพี่ ม.3 กลับบ้านไปผมก็แอบร้องไห้ในห้องนอน พี่อาโปเป็นคนแรก ที่มานั่งอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ได้ถามว่าร้องไห้เรื่องอะไร และไม่พยายามคาดคั้นด้วย

หลาย ๆ อย่างในตัวพี่อาโปกับนัทก็มีความคล้ายกัน ถ้าตัดเรื่องที่ผมชอบมันเกินเพื่อน มันจะคอยดูแลผม โดยที่ไม่ต้องถามหรือเรียกร้อง ดูแลเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ต้องดูแล และถึงแม้นัทจะเป็นคนพูดมากในสายตาคนอื่นยังไง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผมเล่าให้มันฟัง มันก็จะนั่งฟังผมเล่าโดยไม่ขัด นัทมันสนิทกับผม มันก็เลยได้เจอพี่อาโปมากกว่าเพื่อนๆ คนอื่นๆ ด้วยนั้นเอง

“มึงยังติดต่อเฮียอยู่ใช่ปะ หรือว่าแกหายไปเลยวะ ยิ่งไม่ค่อยเหมือนมนุษย์คนอื่นซะด้วย”
“แกบ้าปะ เราน้องมันนะ ก็ต้องคุยซิ แม้จะคุยกันน้อยก็ตาม ก็มี วีดีโอคอลบ้าง คุยผ่านเฟสบ้าง แต่มันไม่ค่อยตอบเราหรอก แล้วแต่อารมณ์อะ แต่กับแม่กับพ่อคงคุยกันบ่อยแหละ”
“เออ ถ่าเฮียแกกลับมาเมื่อไหร่ ก็บอกกูด้วย อยากเจอเหมือนกัน เผื่อมีสาวๆ จากเมกามาฝากกูบ้าง”
“พูดเป็นขนมเลยนะ ลองโทรหาแกปะละ”

นัทมันพยักหน้าผมเลยกดวีดีโอคอล หา ไม่นานพี่อาโปก็รับ

“มีไรโทรหาพี่ตั้งแต่เช้าเลย ดีที่พี่ตื่นแล้วนะ”
“ออ ที่นิวยอร์ก 7 ครึ่งเองนี้เนอะ”
“ใช่ แล้วมีอะไรเปล่า”
“ไม่มีไร แค่คิดถึง แล้ววันนี้น้ำมาเที่ยวกับนัทสองคน แล้วคุยถึงพี่อาโปเลยโทรหา”

พูดไปแล้วผมก็ส่งมือถือให้นัทได้คุย

“หวัดดีครับเฮียโป หล่อเหมือนเดิมเลยนะเนี้ย สบายดีเปล่าครับเฮีย”
“สบายดี แล้วมึงละ ได้ข่าวย้ายมาเรียนที่ ม.B หรอ”
“ใช่แล้วพี่”
“แล้วพวกแกสองคนอยู่ด้วยกันหรือ”

ผมได้ยินอย่างนั้นรีบหันกล้องมาทางผมแทน

“ไม่ แค่อยู่หอเดียวกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”

สายตาพี่อาโปตอนนั้นนิ่งมาก เพราะลึก ๆ ผมเชื่อว่าพี่อาโปรู้ว่าผมชอบนัท แต่เพียงแค่เขาเลือกที่จะไม่พูดเท่านั้นเอง แล้วพอเห็นแบบนี้คงเข้าใจว่าผมกับนัทอยู่ด้วยกัน

“ก็ดี อยู่ใกล้ ๆ กัน”
“ครับผมเฮีย” นัทซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรก็ยังคงยิ้มแป้นให้พี่ชายผม
“ไงฝากดูแลน้ำมันด้วยนะนัท”
“ผมซิ ที่ต้องให้น้ำมันดูแล แต่ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมดูแลมันเอง”
“งั้นถ้าไม่มีอะไรพี่ออกไปทำธุระก่อนนะแล้วคุยกัน”

ลากันเสร็จก็วางสายไป ก็ถึงเวลาที่ฟ้ามืดพอดี ผมกับนัทยังนั่งคุยตรงนั้นกันอยู่สักพักเรานั่งใกล้กัน คุยกันด้วยเสียงเบาเหมือนกลัวคืนอื่นได้ยิน ผมชอบความรู้สึกแบบนี้จัง บรรยากาศตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะโรแมนติกอะไรด้วยซ้ำ เพราะคนที่เดินไปมาในสวนก็เยอะ แต่สำหรับผมมันโคตรดีเลย แต่สักพักมันก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก ตอนนั้นในใจผมคิดว่าต้องโทรหาน้องมิ้นแน่เลย

“หมูเหรอ วันนี้มึงอยู่ร้านปะวะ…
เออ อยู่เหรอ ดีเลย งั้นเดียวกูไปร้านมึง…
ลดให้กูด้วยแล้วกัน เดี๋ยวเจอกัน”

ผมมองหน้ามันตอนที่มันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง

“กูโทรหาเพื่อนที่มีร้านเหล้าอยู่ที่ข้าวสาร เดี๋ยวไปนั่งกินเบียร์ร้านมันดีกว่า ได้ส่วนลดด้วย”
“เออ ได้หมดแล้ว แล้วแต่แกเลย”
“งั้นเดียวนั่งตุ๊กตุ๊ก ไปข้าวสารดีกว่า เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง”

มันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนเป็นท่าทางให้ผมลุกตาม เราเดินลงมาข้างล่างเพื่อมาขึ้นรถตุ๊กๆ บรรยากาศตอนนี้ผิดกับตอนกลางวัน แต่ก็ยังคงวุ่นวายด้วยคน นั่งรถตัดมาเส้นสนามไชย ร้านรวงต่างๆ ตอนนี้ปิดเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงคนที่มาซื้อของที่ตลาดดอกไม้ นั่งมาสักพัก นัทมันก็ขยับตัวเข้ามาใกล้จนตัวเราสองคนเบียดกัน แล้วมันก็จับมือผมให้ไปวางบนหน้าขาของมัน

“มึงกูมีเรื่องอยากถาม” นัทมองหน้าผม แล้วพูดข้าง ๆ หูเพราะเสียงลมมันดัง
“มึงชอบปกหรือเปล่าวะ”



ระหว่างที่นัทกำลังคุยกับหมูเพื่อนของนัท ก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ามา ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

เฮียโป            จะทำอะไรไม่ใช่แค่ระวังตัวเท่านั้นนะ ระวังหัวใจด้วย
Water_naam   ครับ น้ำจะระวัง


ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
กูหวง

“มึงชอบปกหรือเปล่าวะ”

มันถามผมระหว่างที่เรายังนั่งอยู่บนรถตุ๊กตุ๊ก ทั้งเสียงลม เสียงรถข้างๆ ที่ดังจนทำให้ผมไม่ค่อยได้ยิน

“ชอบยังไง มันเพื่อนกูก็ต้องชอบซิ” ผมหันไปตอบนัทที่ตอนนี้ยังคงจ้องหน้าผม
“ไม่ใช่เว้ย คือมึงชอบมันแบบแฟนอะ ชอบแบบนั้นหรือเปล่า”

คราวนี้ได้ยินชัด

“ไม่ได้ชอบแบบนั้นเว้ย ทำไมอะ”
“เปล่า”

มันพูดแล้วก็หันออกไปมองนอกถนนต่อ เรานั่งเงียบ ๆ จนไปถึงปากซอย ถนนข้าวสาร เลยเดินกันต่อเพื่อไปยังร้าน

“ทำไมแกคิดว่าเราชอบปก” ผมหันไปถามเรื่องปกติ เพราะตอนนี้ไม่มีเสียงรถ หรือเสียงรบกวนอย่างอื่น
“ก็เห็นพวกแกสนิทกัน ดูเป็นห่วงเป็นใยกันตลอด ช่วงนี้เห็นไปกินเบียร์ที่ห้องมันบ่อย ๆ ”
“หรือวะ ก็ไม่นิ ก็เหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แหละ มันนิสัยดีกับเพื่อนทุกคน คนอื่นมันก็ดีแบบนี้”

ผมมองหน้านัทที่ตอนนี้เดินมองไปข้างหน้าไม่มองที่หน้าผม หรือมันจะหึงที่ผมอยู่กับปก

“อีกอย่างมันก็มีคนที่ชอบแล้วด้วย มันเคยบอกเรา”

นัทหันมามองหน้าผม ด้วยสายตาที่เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ไม่นานมันก็พูด

“แล้วมันบอกมึงด้วยเหรอ ว่ามันชอบใคร”
“ไม่อะ เราพยายามแอบถามแล้วแต่มันไม่ยอมบอก”
“อืม” มันตอบแค่นั้น แล้วก็เดินไปช้าๆ

นั้นนะซิ ปกไม่เคยบอกว่ามันนะชอบใคร เท่าที่ผมรู้ก็คือผู้ชายเท่านั้นเอง แต่อย่างอื่นก็ไม่รู้เลย แต่เพราะเขาไม่อยากให้รู้ไง เลยไม่บอก ไว้มันพร้อมจะบอกเมื่อไหร่มันก็คงบอกเองแหละ ผมไม่ค่อยชอบเซ้าซี้เพื่อนด้วย ยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัวแบบนี้

เดินไปแป๊บนึง เสียงโทรศัพท์นัทก็ดังขึ้นมา มันหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูชื่อ ตอนนั้นผมแอบเหลือบไปมองก็เห็นว่าต้นสายคือน้องมิ้นโทรมานั้นเอง

“ดีครับน้องมิ้น ว่างแล้วหรือครับ เป็นไงบ้างวันนี้ ไปทำบุญกับที่บ้าน เหนื่อยหรือเปล่า”

ระหว่างที่มันคุยกับมิ้นมันก็เหลือบมองมาที่ผม ตอนนั้นทำได้แค่ยิ้มให้กับมัน แต่ในใจผมโคตรเศร้าเลยครับ ภาพที่เห็นข้างหน้าผมคือแผ่นหลังของนัท ที่ตอนนี้กำลังโทรศัพท์คุยกับแฟนมันนั้นเอง แต่เดินตามหลังมันไม่นานโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นมา หยิบมาดูก็เป็นสายของปกโทรมาครับ

“ฮัลโหลปก”
“หวัดดี สะดวกคุยเปล่า” ปกถามจากต้นสายมา
“สะดวกดิ คุยมาได้เลย มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า ไม่ได้มีอะไร แล้วนี่ไปเที่ยวสนุกเปล่า วันนี้ไปกันสองคนเองหรือ”

ตอนโดนตั้งคำถามก็กลัวว่า ปกจะน้อยใจหรือเปล่า ที่ไม่ชวนมาเที่ยว แต่ถึงตอนนี้ก็โกหกอะไรไม่ได้อยู่แล้วในเมื่อผมก็ลงโซเชียลซะทุกอย่างเลย

“ใช่ มากันแค่สองคน พอดีเพิ่งคิดกันตอนกลับไปถึงห้องที่แยกจากปกนั่นแหละ คิดกันว่าวันนี้ว่างกัน แล้วพวกแกก็จะกลับบ้านกันอะ เลยไม่ได้ชวน โทษทีน่า”
“เออ ไม่เป็นไร แล้วนี่จะกลับเลยเปล่า หรือว่าคืนนี้ไปไหนกันต่อหรือ”
“นัทมันชวนเรามากินเบียร์ที่ข้าวสารอะ เนี้ยกำลังเดินไปที่ร้านเพื่อนมัน ปกว่างเปล่าละ มากินด้วยกันเปล่า”

ที่ถามปกแบบนั้นไปเพราะอยากชวนปกมาจริง ๆ นัทไปที่ร้านก็ต้องมัวแต่นั่งคุยกับเพื่อนอีก อีกอย่างไมรู้ว่าเดี๋ยวน้องมิ้นจะมาด้วยหรือเปล่า ยิ่งถ้ามา ผมก็เบื่อแน่ๆ ถ้าไม่มีเพื่อนนั่งคุยด้วย

“แล้วเราไปได้หรือ นัทมันไม่ได้ชวนเรา แล้วไปกินกันกี่คน” ปกรีบถามกลับมาทันทีที่ผมชวน
“นั่นแหละประเด็นที่เราชวนแกมาด้วยเลย เพราะมันชวนเราไปกินที่ร้านเพื่อนเก่ามันที่เราไม่รู้จัก ก็เลยกลัวเบื่อ ถ้ามีแกอยู่ด้วยก็ดีกว่า เราจะได้นั่งคุยกับแกไง ส่วนเรื่องมันจะว่าอะไรเปล่า ก็ช่างหัวมันดิ เรื่องมากนักก็นั่งแยกกันอีกโต๊ะก็ได้”

ผมก็นิสัยไม่ดีเหมือนกันนะ ไปบังคับปกให้มาเที่ยวเป็นเพื่อนเพราะกลัวเหงา แต่ยังไงก็เหมือนไถ่โทษไงที่ได้มาเที่ยว ตอนแรกก็อยากชวนโบ๊ทเหมือนกัน แต่เพิ่งนึกออกว่าโบ๊ทบอกว่าคืนนี้จะไปเที่ยวร้านแถว ม. กับเพื่อนอีกกลุ่ม ผมวางสายไปแล้วแต่นัทมันยังไม่วาง เราเดินกันมาจนถึงหน้าร้าน กลางๆ ถนนข้าวสารนัทมันเลยวางแล้วนำผมเข้าไปที่ร้าน เข้าไปข้างใน ก็เจอคุณลุงที่ยืนตรงเค้าเตอร์คิดเงิน คิดว่าน่าจะเป็นพ่อของเพื่อนนัท พวกเราเลยสวัสดีทักทายไป ไม่นานเพื่อนของนัทก็เดินออกมาจากหลังร้าน

“เห้ยมึง สบายดีนะเว้ย ไม่ได้เจอกันนานสัด ๆ ไปที่โต๊ะโน่นเลย ก็เตรียมไว้ให้พวกมึงแล้ว สวัสดีครับน้ำ”
“หะ สวัสดีครับ” ผมก็ตอบกลับไปแบบงง เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของนัทจะรู้จักชื่อผมด้วย

เพื่อนของนัทคนนี้ หน้าตาถือว่าหล่อเลยทีเดียว หน้าไทยผิวขาวสไตร์แบดบอย อยู่ที่นี้ ทั้งสาวไทย สาวนอกจะต้องรุมจีบแน่นอน เรามานั่งที่โต๊ะไม่นาน เพื่อนของนัทก็ขนเบียร์ขนน้ำมาตั้งไว้ที่โต๊ะ โดยที่พวกเรายังไม่ได้สั่ง

“สวัสดีอีกครั้งนะน้ำ เราหมู” หมูยิ้มแป้นให้กับเราเลย เอาจริง รอยยิ้มนี้ทำผมละลายได้เหมือนกันนะ
“สวัสดีหมู แต่หมูรู้จักชื่อเราได้ไง นัทมันบอกหรือ หรือมันนินทาเรา” ผมก็ถามเพราะสงสัยจริงๆ
“เราเคยเห็นน้ำจากเฟสนัทตั้งแต่มันเรียนกับเราแล้ว มันก็เล่าให้ฟังว่าน้ำเป็นเพื่อนสนิทที่มาจากสตูลด้วยกัน แต่ตอนนี้แยกกันเรียน เห็นในรูปว่าน่ารักแล้ว ตัวจริงน่ารักกว่านะ”

ผมก็ยิ้มตอบไป แต่ตอนนั้นก็งงนะว่าทำไมต้องชมว่าน่ารักด้วย

“นึกว่ามันนินทาเราซะอีก เพราะไม่งั้นเราจะเผามันคืนบาง”
“มึงมีเรื่องอะไรจะเผากูหึ” มันไม่พูดเปล่า นัทมันเอาแขนล็อกคอผม แล้วทำท่าเขกหัวเบา ๆ
“ไม่ได้นินทาหรอก ขอถามตรง ๆ อะไรอย่างซิ” หมูมองหน้าผม ผมเลยพยักหน้า
“ได้ดิ ว่ามาเลย”
“น้ำมีแฟนยังอะ ถ้ายังเราจะได้จีบ เราจีบคนไม่เป็น ขอถามตรง ๆ แบบนี้นะ”

เห้ย ไม่เคยมีใครมาแนวนี้ครับ ยอมรับว่าตกใจ ทั้งตกใจที่มีคนบอกจะจีบ แล้วที่สำคัญคือตกใจว่าเขาดูเราออกเลยหรือ แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร นัทมันก็ปล่อยคอ แล้วตบโต๊ะเบาๆ
“ไม่ได้เว้ยคนนี้ เพื่อนกู ไม่ให้ มึงไปไกล ๆ เลย คนนี้ของกู” มันพูดกับหมูเสร็จมันก็หันมาที่ผม
“น้ำ มึงไม่ต้องสนใจมันหรอก หมูมึงไปเอากับแกล้มมาให้พวกกูเลย ไปทำงานได้แล้ว”

หมูมันก็หัวเราะเราสองคน แล้วเดินไปที่หลังร้าน ส่วนนัทก็หยิบเบียร์ที่อยู่บนโต๊ะ แล้วรินใส่แก้วให้เราทั้งสอง จังหวะนี้ที่เราอยู่แค่สองคน ผมเลยหันไปคุยกับนัท

“แกเล่าอะไรให้หมู หรือเพื่อนที่มหา'ลัยเก่าแกบ้างเนี้ย ทำไมเพื่อนมันทักอย่างนั้น”

ผมหันไปมองตาแข็งใส่มันทันที แล้วพูดเสียงแข็ง แม้จะไม่ได้ดังมาก แต่มันคงดูออกว่าผมไม่ค่อยพอใจ

“ไม่ได้เล่าอะไร หมูมันเคยเห็นแกในเฟสบุ๊คเราไง แล้วมันก็ถามว่าเพื่อนคนนี้เป็นเกย์หรือเปล่า ตอนแรกเราก็งงว่าทำไมมันรู้ มันเลยบอกว่ามันเรียนโรงเรียนชายล้วนมา เคยมีแฟนทั้งชายแล้วก็หญิง มันเลยดูออก มันเคยอยากจะแอดเฟสแกตั้งนานแล้ว แต่เราห้ามไว้ตลอด ตอนนี้เหมือนมันจะโสดด้วยมั้ง เลยแรดมาจีบแกไง”
“อ้าวหรือ แล้วไป แต่ถ้าอย่างนั้นก็ดีนะ แนะนำเราไปสิ เราก็โสดนะ มีเพื่อนแกเป็นแฟน แกก็จะได้เจอเพื่อนแกบ่อยๆ ไง ไม่ดีหรือ”

แซวมันกลับใจหนึ่งก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกยังไง

“ไม่เอาเว้ย คือไม่ใช่หมูมันนิสัยไม่ดี แต่ไม่เอาอะ ไม่ให้จีบ ไม่ให้เป็นแฟนกันเว้ย แค่นี้พอ”
“ทีแกยังมีแฟนเลย ถ้าเรามีแฟนด้วย เวลาไปไหนก็ได้ไปกันสองคู่ไง นี้ถ้าวันนี้น้องมิ้นมา เรานั่งเหงาเลยนะ”

มันนั่งคิ้วขมวดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างเบา ๆ ด้วยเพราะในร้านที่ตอนนี้มีเพลงเสียงดังผมเลยไม่ได้ยิน

“แกว่าอะไรนะ” ผมถามมันกลับไปอีกครั้ง
“กูหวงเว้ย ได้ยินชัดยัง”

มันก็ตะโกนออกมา คราวนี้ได้ยินชัดเจน จนอดยิ้มออกมาไม่ได้


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Koyokid16

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew2: จะยังไงต่อละเนี้ย สนุกมากเลย มารอทุกวันเลยน้า รอรอจ้า

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
:mew2: จะยังไงต่อละเนี้ย สนุกมากเลย มารอทุกวันเลยน้า รอรอจ้า

แหง๊ ดีใจ เดี่ยวคืนนี้จะกลับไปอัพน่า ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้อัพเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ถ้าเป็นกูละ

“หวง แกหมายถึงหวงเรา หรือหวงเพื่อนแก”

ผมหลุดยิ้มไปให้นัทที่ตอนนี้หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมากระดกใหญ่เลยครับ จริงๆ ผมรู้นะแหละครับว่ามันกำลังหมายถึงผม แต่นานๆ จะได้ยินอะไรแบบนี้ ก็อยากได้ยินซ้ำซะหน่อย

“ก็ ก็หวงมึงไง หวงไม่ได้หรือ”
“ก็แล้วแต่”

ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ตอนนี้ได้แต่ยิ้มกับคำพูดมันก็เลยหยิบมือถือมาเล่นแก้เขิน ส่วนตัวมันก็บ่นงึมงำเบาๆ

“ทำไมต้องให้กูพูดแบบนี้ด้วยวะ” พูดไปมันก็กระดกเบียร์ขึ้นมาอีกอึกใหญ่จนหมดแก้ว

ผมตอนนั้นไม่รู้จะทำไง ก็เลยเอามือไปบีบต้นขามัน ส่วนมัน ก็เอามือลงมากุมมือผม หรือว่าจริงๆ มันจะคิดเหมือนกับที่ผมคิด เรื่องที่เราชอบกัน ผมควรจะทำยังไง ควรบอกมันไป หรือว่าปล่อยให้เราอยู่ในสถานะแบบนี้ต่อไปดี นัทเองก็เพิ่งจะมีแฟนใหม่ แล้วถ้าผมพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็คงไม่ดี หรือต้องรอให้มันเลิกกับน้องมิ้นก่อน หรือว่าอยู่แบบนี้ไปก็ดีแล้ว เพราะถ้าบอกไป มันอาจจะไม่ได้คิดอะไร แล้วรับไม่ได้ที่ผมชอบมัน เราจะเสียเพื่อนคนนี้ไป ถ้าเป็นอย่างหลังผมคงรู้สึกแย่มาก แย่มากกว่าที่จะอยู่อย่างนี้แน่นอน ระหว่างที่เรากุมมือกันใต้โต๊ะและผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ หมูก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เราสองคนเลยปล่อยมือกัน ผมเลยได้โอกาสที่หยิบมือถือขึ้นมาส่งโลเคชั่นร้านให้กับปก

Water_naam เราอยู่ร้านตรงนี้นะ ยังไงถ้าถึงแถวนี้แล้วก็บอกเรานะ เดี๋ยวเราออกไปรอหน้าร้าน
((ปก)) ได้เลย เราใกล้ถึงแล้ว เดี๋ยวเราเดินไปใกล้ๆ แล้วจะบอกอีกทีนะ

นัทมันชะโงกหน้ามาดูที่หน้าจอมือถือ

“คุยกับปกหรือ”
“ใช่แล้ว นัทเราชวนปกมากินด้วยนะ”
“ที่ส่งโลร้านไป คือชวนเรียบร้อยแล้วใช่ปะ” นัทมันทำหน้านิ่งใส่ผม
“ใช่แล้ว”
“ไม่รอมันนั่งที่โต๊ะแล้วค่อยบอกกูตอนนั้นละ” มันพูดผมแสดงอาการไม่พอใจ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะจริงด้วยไม่ได้พูดประชด
“ขอโทษ เมื่อกี้จะบอกก็มีคุยโน่นคุยนี้เลยลืม”
“เออ แล้วแต่มึง ชวนมาแล้วนิ แต่กูไม่เลี้ยงนะ”
“รู้แล้ว”

ผมคิดว่าตอนนี้มันต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างกับปกแน่ ๆ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ว่านัทกับปก จะไปมีปัญหาอะไรได้ ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิงก็ไม่ใช่ เพราะน้องมิ้นก็ไม่น่าจะรู้จักปก ส่วนปกเองก็บอกด้วยวว่าคนที่แอบชอบเป็นผู้ชาย ส่วนเรื่องเรียนก็ไม่น่าใช่ที่สุด เพราะไม่ได้เรียนด้วยกัน ปวดหัวเว้ย งง

ระหว่างที่รอปกทักมาผมก็ยังคงเล่นมือถือไปด้วย บ้างก็หันไปคุยกับหมูกับนัทบ้าง แต่ทุกครั้งที่ผมเล่นมือถือผมก็จะเห็นว่านัทมันแอบเหลือบมองมาที่จอโทรศัพท์ผมนะ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่นานปกก็ส่งข้อความมาบอกว่าตอนนี้อยู่หน้าร้านแล้ว ผมเลยลุกออกไปรับ

ออกไปหน้าร้านก็เจอปกยืนอยู่พอดี วันนี้ปกแต่งตัวเท่ๆ เซอร์ๆ เสื้อยืดธรรมดา กับกางเกงยีน แต่ขนาดแต่งตัวธรรมดาขนาดนี้ ผมก็สังเกตเห็นสาวๆ รอบๆ มองเป็นสายตาเดียว ก็คนมันหล่อ แต่งตัวธรรมดาก็ยังหล่อเลย ถ้าเป็นผมแต่งตัวแบบนี้นะ คงมีคนคิดว่าผมเป็นเด็กยกน้ำแข็งแน่ๆ ระหว่างมองผมก็เดินเข้าไปหาปก มันก็ยิ้มยิงฟัน ตาเหลือเส้นเดียวมาให้ผม

“เก่งจังมาร้านถูกด้วย”
“เราก็เคยมาร้านแถว ๆ นี้ก็พอคลำเส้นทางออก แต่ร้านนี้ยังไม่เคยมาเลย”
“เข้าไปในร้านกัน” พูดเสร็จผมก็เดินนำปกเข้าไปในร้าน
“แล้วออกมาตอนนี้ที่บ้านเขาไม่ว่าอะไรหรือ” ระหว่างเดินไปที่โต๊ะผมก็หันไปคุยกับปก
“ไม่นะ คงชินแล้วมั้ง แต่เขาถามว่าจะกลับมานอนบ้านหรือเปล่า เราบอกว่าจะกลับไปนอนหอเลย หรือแกอยากไปนอนบ้านเราปะละคืนนี้”

พูดไปมันก็หันมายิ้มกับผม คือถ้าไม่คิดอะไรมากจริง ๆ ก็อยากไปนอนบ้านปกสักครั้งนะ น่าจะสบายไม่น้อย พ่อแม่ของปกผมก็เคยเจอแล้ว ท่านทั้งสองน่ารักมาก แถมที่บ้านปกยังเลี้ยงแมวด้วย ผมละอยากไปเล่นด้วยสักครั้ง

“ไว้คราวหน้าดีกว่า เรามากับนัท แล้วจะให้ทิ้งไปนอนบ้านแกแบบนี้ไม่ดี เดี๋ยวมันจะด่าแม่เอายิ่งปากเสีย ๆ ด้วย”

ไปถึงที่โต๊ะ ผมก็เริ่มแนะนำปกกับหมูให้รู้จักกัน ทั้งคู่ก็ทักทายกัน ส่วนนัทตอนนี้นั่งเงียบ แค่ยกมือทักปกเท่านั้น
เอง

“อ้าว ไหนน้ำบอกว่าไม่มีแฟน แล้วนี่พาแฟนมาด้วย อย่างนี้เราก็อกหักนะซิ” หมูหันมาพูดกับผม
“ไม่ใช่เว้ย ปกมันแค่เพื่อนสนิทของไอน้ำเท่านั้นเอง” นัทพูดขึ้นมาเสียงดังก่อนที่ผมจะพูดอะไรด้วยซ้ำ เราทั้งสามหันไปมองมันเป็นสายตาเดียว มันเลยแก้เขินด้วยการยกแก้วขึ้นมากระดกเบียร์ในแก้ว แล้วก็หยิบแก้วเปล่ามารินเบียร์ให้ปกดื่ม

“ใช่แล้ว ปกเป็นเพื่อนสนิทที่มหาวิทยาลัยเรา เราไม่มีแฟนจริง ๆ คนไม่หล่ออย่างเรา จะมีใครอยากเข้ามาจีบ”
“น้ำน่ารักมากต่างหาก ที่เราพูดว่าเราชอบ เราชอบจริง ๆ นะ งั้นเดี๋ยวเราขอแอดเฟสบุ๊คน้ำนะ แล้วเดี๋ยวเราทักไป ถ้าน้ำพร้อมจะคุยกับเราเมื่อไหร่ ก็บอกเราได้เลย เห็นเราเป็นคนกะหล่อนแบบนี้ แต่เวลารักใคร เรารักจริงนะ เห็นแบบนี้แต่เราจีบคนไม่เป็นนะ เราแค่เป็นคนกล้า เราเลยแค่อยากบอกความรู้สึกให้น้ำรู้ไว ๆ เท่านั้นเอง เดี๋ยวจะเหมือนบางคน ที่ไม่ยอมบอกความรู้สึกจนเสียเขาไป” หมูพูดไปพร้อมเหลือบไปทางนัท ก็คงแซวเรื่องสาว ๆ ที่นัทมันคงแอบชอบแล้วไม่ยอมบอกแน่ๆ
“อย่าไปฟังนัทมันมากด้วย เราไม่เหมือนมันหรอก ทั้งปากแข็ง แล้วก็หวงก้างด้วย” หมูยังคงพูดต่อ
“ปากแข็งเหี้ยไร หวงก้างอะไรวะ กูก็แค่เป็นห่วงเพื่อนกูเว้ย จะให้มาคุยกับเสือหิวอย่างมึง กูไม่ให้เว้ย”

นัทมันก็โวยวายหมูใหญ่เลย ผมก็มองคู่นี้ทะเลาะกัน ก็หัวเราะไป ทะเลาะกันเหมือนเด็กประถมเลย

“แล้วถ้าเราจีบน้ำละ นัทจะว่าอะไรปะ”

ผมหันไปมองหน้าปกเลย ตอนนั้นไม่รู้ว่าปกคิดอะไรถึงได้ถามแบบนั้นไป ส่วนนัทเองก็ยังมองด้วยสายตาที่ตกใจ ส่วนหมูตอนนี้ก็หัวเราะก๊ากใหญ่เลย
   
“งั้นเราก็มีคู่แข่งอีกคนแล้วหรือวะเนี้ย” หมูพูดออกมา
“ก็เรื่องของมึงดิวะ ถามอะไรกูละ มึงก็ถามไอน้ำมันดิ” นัทมันก็เลยพูดต่อ
“เอ้า หยุดพูดได้แล้ว หมดแก้ว หมดแก้ว” ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังเล่นอะไรกันอยู่ แต่รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ผมเลยยกแก้วขึ้นมา

นัทยกแก้วเบียร์ขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดแก้ว ส่วนผม หมู แล้วก็ปก ก็ค่อย ๆ กินจนหมดแก้ว หมูก็ชวนคุยทั้งปกทั้งนัทไปเรื่อย จริง ๆ บรรยากาศตอนนั้นมันก็ไม่ได้เครียดอะไรหรอกครับ ด้วยทั้งปก และ นัท มันมีความกวนตีนกันอยู่แล้ว แต่แค่คนละแบบ ผมคนกลาง ก็เลยอึดอัดนิดหน่อย แถมเรื่องที่มันกำลังเอามากวนกัน คือเรื่องของผมด้วย นัทมันเป็นประเภทกวนตีนเลย เห็นก็รู้ว่าคนนี้กวนตีน ส่วนปก มันประเภทแอบกวนตีน รอจังหวะให้อีกฝ่ายเผลอถึงค่อยกวน แต่โดยรวมการมาเที่ยววันนี้ก็สนุกมากนะครับ แม้ว่าจะมาไม่เยอะก็ตาม

เรานั่งอยู่ในร้าน ลากยาวมาจนเกือบตี 1 จริง ๆ ยังไม่ถึงเวลาปิดร้านหรอกครับ แต่เราเห็นว่าดึกแล้ว อีกอย่างเกรงใจหมูด้วย ที่ต้องคอยดูแลแขกในร้านคืนวันเสาร์แบบนี้ แล้วยังต้องปลีกตัวมานั่งคุยกับพวกเราด้วย ก็เลยขอตัวกลับกัน

“ขอบใจมากนะมึงที่ลดให้กูวันนี้ แดกกันไปเยอะเลย” นัทมันหันไปตบบ่าหมู
“เออ ไม่เป็นไร นาน ๆ ที อีกอย่างที่มึงมานี้ก็เพราะส่วนลด กูรู้อยู่แล้ว” พวกเราทั้งหมดก็หัวเราะการรู้ทันของหมู
“แต่เรื่องน้ำนี้ เราเอาจริงนะ เมื่อกี้เราแอดเฟรนด์ไปแล้วนะ รับแอดเราด้วย นะน้ำ”

หมูหันมาพูดกับผม ตอนนั้นที่เห็นหน้าแล้วรู้เลยว่าคำพูดดูเอาจริงมาก ชีวิตก็ไม่มีใครมาจีบแบบนี้ ก็เขินเหมือนกันนะ

“ได้ ๆ เดี๋ยวเรารับแอด ไว้คุยกันนะ”
“ไม่ต้องเลยมึง จะคุยเหี้ยไรกัน เพิ่งรู้จักกันวันนี้เอง” นัทมันหันไปพูดกับหมู
“เรื่องของกูดิ”

ผมรีบหันไปตอบนัทมันบ้าง หมูหัวเราะใหญ่เลยครับตอนนี้ ส่วนปกที่ผมหันไปยิ้มก็ยิ้มให้ผมบางๆ คุยกันเสร็จ เราสามคนก็เดินออกมาจากร้าน แล้วเดินออกไปหน้าถนนข้าวสารเพื่อออกมาหารถแท็กซี่กลับยังหอของเรา มาถึงป้ายรถเมล์ นัทก็หันไปหาปกที่ตอนนี้เดินมาด้วยเงียบๆ

“แล้วมึงละปก กลับไงวะ บ้านมึงอยู่แถวไหน” นัทมันหันไปถามปก
“บ้านกูอยู่ปิ่นกล้าแค่นี้เอง แต่กูว่าจะกลับไปนอนหอ คืนนี้จะได้นอนยาว ๆ กูกลับกับพวกมึงด้วยได้เปล่าละ”

ปกหันไปพูดกับนัท คำว่าพวกมึงที่พูดไม่น่าจะรวมไปถึงผมนะ เพราะมันมองไปที่นัทคนเดียว อีกอย่างก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงผมก็อนุญาตให้กลับด้วย

“เออ แล้วแต่มึง กูยังไงก็ได้อยู่แล้ว”

นัทมันหันกลับไปหาแท็กซี่ต่อโดยไม่พูดจาอะไร


ออฟไลน์ Koyokid16

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[เย้เย้มาต่อแล้ว... :pig4:

Comment,
นี้อ่านไปลุ้นไปเอาไงดี
คือถ้าอีกคนยังไม่ยอมเดินเข้ามา ยังคงทำร้ายใจกันด้วยการคบคนอื่นไปเรื่อยๆ /แต่ยังให้ความหวังไปวันๆ....บอกเลยเจ็บ
ถ้าต้องวนลูปแบบนี้....เปิดใจให้คนอื่นเถอะ

 :mew1: สนุกมากจร้า..มารอมารอน้า

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
:-[เย้เย้มาต่อแล้ว... :pig4:

นิยายเราฟิวเล่าความรู้สึกในใจอะ กลัวคนอ่านจะเบื่อด้วยซ้ำ แต่อ่านคอมเม้นแบบนี้แล้วใจชื่นเลย ขอบคุณน่า จริงๆ เขียนตอนต่อไปเสร็จแล้ว แต่ขอทวนคำผิดหน่อยน่า ช่วยนี้ติดภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ เลยไม่ค่อยมีเวลาเลย

Comment,
นี้อ่านไปลุ้นไปเอาไงดี
คือถ้าอีกคนยังไม่ยอมเดินเข้ามา ยังคงทำร้ายใจกันด้วยการคบคนอื่นไปเรื่อยๆ /แต่ยังให้ความหวังไปวันๆ....บอกเลยเจ็บ
ถ้าต้องวนลูปแบบนี้....เปิดใจให้คนอื่นเถอะ

 :mew1: สนุกมากจร้า..มารอมารอน้า

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ปก : ช่วยหลีกทางให้กู

ในรถแท็กซี่ ที่มีเราทั้งสามคนมานั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน เมื่อกี้ตอนรถแท็กซี่จอดรับ นัทมันเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่ง เลยทำให้ผมตอนนี้มานั่งอยู่ข้างหลังกับน้ำเพียงแค่สองคน ตลอดเส้นทางเราทั้งสามคนแทบจะไม่พูดอะไรกัน แต่ตอนนี้น้ำที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ผล็อยหลับไปเรียบร้อย คงเพราะวันนี้น้ำเที่ยวตลอดตั้งแต่เช้า แทบกลางคืนก็มานั่งกินเบียร์ต่อด้วย แล้วสักพักด้วยจังหวะการขับขี่ของรถแท็กซี่ หรือโชคชะตา ที่ทำให้น้ำเอนหัวมาที่ไหล่ผมพอดี ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย



วันนี้น่าจะเป็นวันที่ผมรู้สึกว่าผมหน้าด้านที่สุดในชีวิตแล้วในการตามจีบใครสักคนหนึ่ง ผมเห็นน้ำลงรูปในเฟสบุ๊คว่าออกมาเที่ยวกับนัทตั้งแต่เช้า ใจก็อยากจะทักว่าตอนนี้ไปเที่ยวที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ ก็เลยได้แต่เพียงกดไลค์รูปในเฟสบุ๊คเท่านั้น แต่สุดท้ายตอนค่ำที่ผ่านมา ด้วยผมไม่แน่ใจว่าเขาจะกลับห้องเลยหรือเปล่า หรือว่าจะไปเที่ยวกันต่อ ไหน ๆ ก็ไม่ไกลจากบ้านผมแล้ว เลยลองแกล้งโทรไปหาว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ สรุปผมก็ได้ออกมาเที่ยวกับเขาทั้งสอง อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้



ผมเริ่มจับสังเกตนัทมาสักระยะแล้วว่านัทคงรู้ว่าผมชอบน้ำ เพราะช่วงระยะหลังมา นัทแทบจะคุยกับผมน้อยลงมาก แต่จะยังไงได้ละผมเองก็ดูออกนะ ว่านัทก็น่าจะชอบน้ำเหมือนกัน แต่นัทเองคงไม่ได้รู้สึกต่างจากน้ำที่ไม่กล้าพูดความในใจออกไป ในเมื่อนัทเองก็มีแฟนเป็นคนอื่น ไม่ยอมบอกว่าชอบน้ำ งั้นคนอย่างผมก็มีโอกาส





จังหวะหนึ่งที่ผมเหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง ผมก็เห็นว่าตอนนี้นัทกำลังมองมาที่หน้าน้ำผ่านกระจกหลังจนนัทมันเห็นว่าผมกำลังมองมันผ่านกระจกเช่นเดียวกัน มันเลยหลบตาแล้วกลับไปก้มเล่นมือถือต่อ ส่วนผมก็นั่งมองออกไปนอกถนนปล่อยให้ไหล่ของผมกลายเป็นหมอนให้น้ำพิงไป





นั่งรถกันมาสักพัก อีกไม่นานก็จะถึงที่พักกันแล้ว น้ำก็สะดุ้งตื่น จังหวะนั้นผมก็หันไปมองในกระจกมองหลังที่นัทก็หันมามองด้วยเช่นกัน





“ปก โทษที หนักเปล่า เรานอนพิงไปนานแค่ไหนแล้วเนี้ยะ โทษที”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง ก็หลับไปตั้งแต่ออกมาไม่นาน แต่หลับต่อได้นะ เดี๋ยวถึงแล้วเราปลุก”

“ไม่เป็นไร เราหายง่วงแล้ว” น้ำพูดไปก็ขยี้หน้าขยี้ตาไป





นั่งต่ออีกไม่นาน ตอนนี้รถก็มาถึงในซอยหอพักของพวกเราแล้ว





“เดี๋ยวพี่จอดตรงร้านสะดวกซื้อข้างหน้าก็ได้ครับ” น้ำพูดกับพี่คนขับแท็กซี่





รถแท็กซี่ขับมาจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ ๆ กับหอพวกเรา ผมอาสาจ่ายเงินให้กับค่าเดินทางครั้งนี้ ค่าเบียร์ที่จ่ายไปเมื่อกี้ เมื่อหารแล้วก็ยังราคาถูกกว่าราคาจริง นัทมันคงจ่ายเงินส่วนต่างของผมไปแน่นอน





“เดี๋ยวเราจะเข้าไปซื้อของในร้านก่อนขึ้นห้องหน่อย เข้าไปด้วยกันปะ” น้ำหันมาถามพวกเรา

“ไม่ละ เดี่ยวกูยืนสูบบุหรีรอข้างนอกนี้แหละ” นัทมันหันไปบอกน้ำ

“งั้นเดี๋ยวกูขอบุหรี่ตัวดิ” ผมหันไปขอบุหรี่นัท ผมเป็นคนสูบบุหรี่ได้ แต่ไม่อยากพกเพราะว่าไม่อยากให้ติด

“เดี๋ยวเรายืนรอตรงนี้เหมือนกันดีกว่า” แล้วหันไปบอกน้ำ





ตอนนี้น้ำเดินเข้าไปในร้าน เรายืนสูบบุหรี่กันสักพัก ระหว่างที่รอผมก็เห็นนัทมันยังคงกดโทรศัพท์ไปด้วย ผมเลยตัดสินใจหันไปหามันแทน





“นัท เรื่องที่กูพูดวันนี้ กูพูดจริงนะ”

“วันนี้มึงพูดตั้งหลายเรื่อง จะหมายถึงเรื่องไหนละ” มันหันมามองหน้าผมด้วยสายตานิ่ง พร้อมกับสูบบุหรี่เข้าไปอีกอึกใหญ่

“ก็เรื่องที่กูบอกว่ากูชอบน้ำ แล้วก็อยากจะจีบมัน กูพูดจริง ๆ”





มันเงียบ แต่ผมก็จับอาการตกใจของมันได้ แม้จะไม่พยายามแสดงอาการอะไรออกมา มันสูบบุหรี่ต่ออีกอึกใหญ่จนผมเห็นบุหรี่ที่เผาไปเยอะเลย





“ก็เรื่องของมึงสิ กูบอกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องถามน้ำ ถามกูจะได้คำตอบหรือเปล่าละ”

“ดี งั้นเรื่องน้ำนะเดี๋ยวกูจัดการเอง แต่เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน กูรู้ว่ามึงรู้ดีว่าน้ำคิดอะไรกับมึง และที่สำคัญกูก็ดูออกว่ามึงก็คงคิดไม่ได้ต่างจากน้ำ แต่นั่นแหละ ถ้ามึงไม่ได้คิดจะให้เป็นอย่างที่อยากให้เป็น อย่างนี้มันก็เหมือนคอยทำลายจิตใจน้ำมันไปเรื่อย ๆ ช่วยหลีกทางให้กูได้เปล่าวะ กูอาจจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมายในสายตามึงนะ กูอาจจะไม่ได้รู้ใจมันเท่ากับมึงรู้ใจมัน และดูแลไม่เท่ากับที่มึงดูแลมัน แต่กูบอกเลยว่ากูอยากจะดูแลน้ำ และเชื่อว่าดูแลมันได้ดีไม่น้อยไปกว่ามึงแน่ๆ ”





นัทมันฟังแล้วจับบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สูบจนหมดม้วน แล้วทิ้งบุหรี่ลงใช้เท้าขยี้ เราสองคนยืนเงียบ ๆ ไมได้พูดอะไรกันต่อ สักครู่น้ำก็เดินออกมายืนข้างๆ พวกเราสองคน





“ปก เดี๋ยวแกจะกลับห้องเลยเปล่า” น้ำหันมาถามผม

“อือ เดี๋ยวคงกลับห้องเลยแหละ น้ำจะไปเอาหนังเรื่องที่น้ำอยากดูที่ห้องเราปะ”

“เอางั้นหรือ”





แต่ยังไม่ทันที่น้ำจะพูดอะไรต่อ





“น้ำเดี่ยวคืนนี้กูไปนอนห้องมึงด้วยนะ กูขี้เกียจนอนที่ห้องคนเดียว”





นัทมันพูดเสร็จมันก็หันมาเหลือบมองที่หน้าผม แล้วก็หันไปหาน้ำ





“ได้สิ แล้วแต่มึง งั้นหนัง เดี่ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปเอาซีดีนะ” น้ำหันมาพูดกับผมต่อ





น้ำพูดเสร็จแทบจะในทันที เสียงโทรศัพท์มือถือของนัทก็ดัง ขึ้นมา นัทรับสาย แล้วเดินออกไปคุยเงียบๆ ผมและน้ำ มองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ หลังวางสายนัทเดินมาหาน้ำ





“น้ำ เราคงไปนอนไม่ได้แล้ววะ”





ตอนนั้นผมเห็นหน้าน้ำมันทำหน้าเสียไปเลย ส่วนนัทผมก็รู้สึกได้ ว่ามันก็รู้สึกผิดที่ผิดคำพูดในระยะประชันชิดขนาดนี้





“ได้สิ แล้วเป็นไรหรือเปล่า ไปหาใครหรือ”





ผมได้ยินเสียงของน้ำก็พอจะเดาออกว่าน้ำไม่อยากให้นัทไป และคิดว่าปลายสายนั้นก็คงไม่ใช่คนอื่นนอกจากมิ้นแฟนสาวของนัท ซึ่งน้ำก็คงคิดเหมือนกัน





“ไอ้เสกเพื่อนกูที่คณะ มันไปแดกเหล้าแล้วมีเรื่องกับเด็กโต๊ะข้าง ๆ เห็นว่าเจ็บหนักด้วย โดนเอาขวดเหล้าฟาดหัว ตอนแรกมีเรื่องกันในร้าน ก็แค่ชกต่อยธรรมดา แต่พอพวกมันจะกลับโดนอีกฝ่ายฟาดด้วยขวดเหล้า ตอนนี้หัวแตก เพื่อน ๆ พาไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว แล้วมันอยู่กันแค่สามคน เลยอยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนพวกมันหน่อย เดี๋ยวต้องไปแจ้งความกันอีก”

“อ้าวเหรอ งั้นก็ไปเหอะ เผื่อเพื่อนต้องการให้ช่วยอะไรอีก เดี๋ยวเราก็คงกลับห้องเลย” น้ำหันไปคุยกับนัท

“งั้นเดี๋ยวน้ำไปดูหนังที่ห้องเราเลยก็ได้ ถ้าง่วงก็นอนห้องเราเลย ไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับห้องก็ได้” ผมหันไปพูดกับน้ำ



ตอนนั้นนัทมันก็ไม่ได้พูดอะไรครับ มันได้แค่ยืนนิ่งเหมือนรอคำตอบของน้ำ แต่ไม่ทันที่น้ำจะพูดอะไร เสียงไลน์ก็แจ้งเตือนขึ้นมาอีก





“ก็แล้วแต่ เดี๋ยวเราไปหาเพื่อนเราก่อนนะ มันส่งข้อความมาเร่งแล้ว”





นัทพูดกับน้ำ แล้วทำท่าจะเดินออกไปหารถ แต่น้ำก็จับแขนนัทไว้





“แกต้องสัญญากับเราก่อน ว่าแกจะไม่ไปมีเรื่องอะไรกับเขาละ ไปดูเพื่อนที่โรงพยาบาลแล้วก็ไปแจ้งความแค่นี้ ห้ามไปมีเรื่องเด็ดขาด”





นัทมันยกมือขึ้นมาลูบหัวของน้ำ แล้วก้มมายิ้มให้กับคนตัวเล็กใกล้ๆ



“ผมรู้แล้วครับคุณแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก กูไม่ทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด สัญญา เดี๋ยวยังไงกูกลับมาถึงห้องกูส่งข้อความรายงานตัวมึงก่อนเลย มึงก็ไปนอนห้องปกนั่นแหละ เดี๋ยวอยู่คนเดียวจะนอยด์อีก”





นัทพูดเสร็จก็วิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซต์รับจ้างที่จอดอยู่แถวนั้นพอดี ก่อนออกรถมันก็หันมาทางน้ำ แต่แวปนึงผมรู้สึกได้ว่ามันมองมาทางผมด้วย ส่วนน้ำ ยังคงมองตามหลังนัทไป





“ไม่เป็นไรหรอก มันแค่ไปดูเพื่อน มันบอกแล้ว ว่ามันจะไม่ไปมีเรื่อง”

“อืม” น้ำตอบผมกลับมาเบา ๆ





เราสองคนเดินกลับมาที่ห้องผมกันเงียบๆ มาถึงห้อง ผมเลยให้น้ำมันอาบน้ำก่อน หลังจากนั้น ผมก็เปิดหนัง จากเมื่อกี้ที่ผมมั่นใจว่าจะบอกชอบน้ำ ตอนนี้ภาพที่นัทมันก้มลงมาลูบหัวน้ำมันทำให้ผมไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย จนรู้สึกว่าต้องถอยหลังออกมาตั้งหลักใหม่ ดูได้ประมาณครึ่งเรื่องผมเห็นน้ำหลับไปแล้ว ผมจ้องมองไปที่ใบหน้าที่หลับสนิท แต่ในมือยังคงถือมือถือ คงรอข้อความจากนัทนั้นเอง ผมยื่นมือไปลูบหัวน้ำเบาๆ ที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับตาอยู่ เลยตัดสินใจก้มลงไปจุมพิตที่กลางหน้าผากเบาๆ แล้วลุกขึ้นไปปิดไฟ แล้วลงมานอนข้างๆ โดยไม่ได้ทำอะไรต่อ





---

ปี1 เทอม 1 วันเปิดเทอมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนที่นี่ครับ ภาษาไทยคือวิชาแรกที่พวกเราจะเรียนอีกไม่กี่นาที ผมและเพื่อนๆ ที่เราจบมาด้วยกันสมัยมัธยม ยังคงยืนคุยกันอยู่หน้าห้อง เพราะรอให้เพื่อนๆ มากันครบก่อน ถึงค่อยเข้าไปหาที่นั่งพร้อมๆ กัน คาบนี้เป็น Section ใหญ่เลยทีเดียว และก็กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ ที่ถ้าพวกผมยืนรวมกันเมื่อไหร่ สายตาจากสาว ๆ จะมองมาที่กลุ่มพวกผม หลาย ๆ คนมักชอบยกยอปอปั้นพวกเราว่าหล่อบ้าง เรียนเก่งบ้าง หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าจะให้ปฏิเสธเลยผมว่ามันยิ่งเหมือนคนหลงตัวเองมากกว่าอีก อีกอย่างเพื่อน ๆ ในกลุ่มผมมันก็หล่อจริงบางคนเป็นดารา นายแบบ หรือนักกีฬาโรงเรียนที่เป็นที่รู้จักของวัยรุ่นทั่วไป มันก็คงจะเป็นปกติที่คนจะมอง ส่วนผมคงได้เปรียบเพราะหน้าตาไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา เป็นลูกครึ่งเกาหลี แถมตอนเรียนมัธยมก็ยังชอบทำกิจกรรม ก็เลยเป็นที่รู้จักของทั้งเพื่อน ๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือแม้แต่อาจารย์ที่เข้ามาขอช่วยให้ผมทำงานให้โรงเรียนซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เลยต้องรับทำไป ไม่ใช่เพราะอยากทำหรอกครับ ส่วนงานเดินแบบ หรืองานโฆษณา มีโอกาสเข้ามาผมก็ถือว่าเป็นความโชคดีของผมมากกว่า ได้ทำงานหาค่าขนม ผมเลยมีกล้องราคาแพงใช้แบบทุกวันนี้ไง



เพื่อนใหม่หลาย ๆ คนที่รู้จักพวกผม บ้างก็มองเฉย ๆ บ้างก็เข้ามาทำความรู้จัก หรือบางคนถึงขึ้นมาขอถ่ายรูป ถ้าจะบอกว่าชินผมก็บอกได้ว่าใช่ แต่ถ้าให้รู้สึกจริงๆ คือผมไม่ชอบเพราะมันไม่ส่วนตัว ตอนนี้ผมอยู่ที่มหาวิทยาลัยผมก็ควรเป็นไอปกของเพื่อนๆ



“นาย ๆ ห้องนี้ใช่ห้องเรียนที่เรียนวิชาภาษาไทยปะ” ผมหันไปมองคนตัวเล็กที่มาสะกิดหลังผม

“ใช่ ห้องนี้แหละ แต่อาจารย์ยังไม่เข้ามาเลย” ผมหันไปตอบผู้ชายตัวเล็กคนนั้น

“อ้าวหรือ ดีเลย นึกว่าจะมาเรียนสายตั้งแต่วันแรก โอเค ขอบใจนะ เดี๋ยวเราเข้าไปในห้องก่อน แล้วเจอกัน”





เมื่อผู้ชายตัวเล็กได้คำตอบจากผมไปก็เข้าไปในห้องโดยไม่ได้สนใจที่จะมองผมหรือเพื่อน ๆ เหมือนที่คนอื่นพยายามแกล้งเข้ามาคุย มองคนตัวเล็กคนนั้นเข้าไปในห้องผมก็เลยหันไปคุยกับเพื่อนต่อ สักพักอาจารย์ก็เดินเข้ามา พวกเราเลยเดินเข้าไปในห้องเรียนกันเพื่อหาที่นั่ง



ระหว่างนั่งรออาจารย์เช็คชื่ออยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงคนข้างหน้าพูดคุยกัน ที่ค่อนข้างเสียงดัง นั้นคือคนตัวเล็กที่เพิ่งเข้ามาถามผมเมื่อกี้นี้เอง รอยยิ้มของเขามันดูสดใจจัง มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนกรุงเทพแน่ ๆ เพราะไม่ว่าจะสำเนียง หรือแม้แต่ความใสซื่อตอนที่คุยกับเพื่อน ๆ เขาคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ผมกำลังมองเขาอยู่จากด้านหลังและฟังเขากำลังแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ ที่อยู่เก้าอี้ถัดไป



“เราจบมาจากสตูล พวกแกอยู่กรุงเทพกันใช่ปะ” เสียงสอบถามเพื่อนๆ ยังคงดังออกมา

“สายธาร ศิลปการสกุล” เสียงอาจารย์เรียกชื่อนี้เป็นครั้งที่ 2

“มาคร๊าบบบ” คนตัวเล็กคนนั้นคงเพิ่งรู้ตัวว่าถูกเรียกชื่อ เลยรีบลุกคนยืนยืดแขนเต็มความยาว เป็นคนที่ตลกดีจัง มองหน้ามันแล้วทำไมโลกมันสว่างขึ้นมาวะ ไม่นานอาจารย์ก็เริ่มสอน แต่เพราะห้องเรียนClass นี้ห้องใหญ่ อาจารย์ก็เลยไม่ได้สนใจคนหลังห้องเหมือนผมซะเท่าไหร่ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแทน



“นายๆ คนที่เราถามหน้าห้อง” คนตัวเล็กที่นั่งอยู่หน้าผมหันหลังมาเรียกผมอีกครั้ง

“ฮะ”

“มียางลบหรือเปล่า ขอยืมหน่อยสิ”

“ออ มี” ผมก็หายางลบให้ด้วยความงง เมื่อเจอแล้วก็ยื่นไปให้กับคนข้างหน้าผมไปใช้ ไม่นาน คนตัวเล็กก็หันมาหาผมอีกครั้ง

“ขอบใจอีกครั้งนะ” มันหันมาคืนยางลบพร้อมกับยิ้มยิงฟังแล้วก็หันกลับไปสนใจกระดานเรียนต่อ แต่ไม่ทันที่ผมจะหันกลับไปสนใจมือถือผมต่อ คนตัวเล็กก็หันมาหาผมอีกครั้ง

“ออ เราชื่อน้ำนะ นายชื่ออะไรหรือ เมื่อกี้ก็ถามเรื่องห้อง แล้วตอนนี้ยังมาขอยืมยางลบอีก ไม่รู้จักกันเลย เราชื่อน้ำ จบมาจากที่ใต้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” มันแนะนำตัวกับผมพร้อมรอยยิ้ม ผมก็เผลอยิ้มให้กับฝั่งนั้นโดยไม่รู้ตัวพร้อมคิด ‘น่ารักดีวะ’

“เราปก จบจากในกรุงเทพนี้แหละ ไม่ต้องขอบใจหรอกแค่นี้เอง”





มันยิ้มเป็นการตอบรับแล้วก็หันกลับไปนั่งเรียนแล้วก็คุยกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ มันต่อ กลายเป็นตลอดคาบผมนั่งฟังคนตัวเล็กที่ชื่อน้ำนั่งคุยกับเพื่อน จึงได้รู้ว่า มันเพิ่งจะรู้จักกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่กำลังคุยกันตอนนี้ก็วันนี้เหมือนกัน แต่มันก็ชวนเขาคุยกันซะผมคิดว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้





หลังจากจบ Class ในวันนั้น ก็กลายเป็นว่าผมกับน้ำก็เจอกันทุก Class เรียนเ ทุกครั้งที่เจอกัน มันก็จะตะโกนทักทายผมมาแต่ไกล ก็แปลกนะครับ ที่กับน้ำผมกลับอยากรู้จัก อยากให้น้ำทักทายแบบนี้ ผิดกับเพื่อนใหม่ของผมคนอื่นๆ มันเหมือนเด็กครับ บางครั้งมันก็วิ่งมาจากข้างหลังแล้วกระโดดขี่คอผม จะด้วยมันตัวเล็ก หรือผมตัวใหญ่กว่ามัน มันเลยเหมือนลูกลิงมาเกาะหลังผม



“เอาแล้วไงเพื่อน ไม่ใช่ว่ากำลังคิดอะไรนะ”





โบ๊ทเพื่อนของผมที่รู้จักกันจากโรงเรียนกวดวิชา แล้วตอนนี้ก็มาอยู่กลุ่มเดียวกัน กำลังมองหน้าผม ที่เพิ่งปล่อยให้น้ำมันวิ่งไปเล่นกับนุ้ย กับดล อยู่ข้างหน้า





“เอาไงเรื่องไร” ผมหันไปถามโบ๊ท

“เปล่า”





โบ๊ทมันพูดพร้อมยิ้ม




ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ carbon10011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบ ตี 3 เพราะมัวแต่ดูซีรีส์เพลินไปหน่อย เช้านี้กว่าจะ ตื่นก็เกือบ 8 โมงเช้าทั้งๆ ที่มีเรียนตอน 08.40 น. ตื่นมาผมรีบส่งข้อความบอกเพื่อนๆ ในกลุ่มก่อนเลยว่าอาจจะต้องเข้าสาย
   
Boathที่แปลว่าเรือ    พวกมึงเดี๋ยววันนี้อาจจะเข้าช้านิดหน่อยนะ พอดีเพิ่งตื่นวะ
Water_naam         ได้ๆ เราบอกอาจารย์ให้
Nui++             เมื่อคืนไปทำอะไรมาค่ะ ถึงได้ตื่นสาย
Boathที่แปลว่าเรือ     นอนดูซีรีส์เว้ย กว่าจะจบเกือบเช้า
Nui++             จริงหรือเปล่า
Water_naam         เออ มาไวๆ แล้วกัน

เรียบร้อยแล้วก็รีบเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง แล้ววิ่งมาเข้าลิฟต์เพื่อลงไปข้างล่าง แต่เมื่อถึงหน้าตึกอพาร์ทเม้นต์ที่ผมอยู่นั้น กำลังมองหามอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพื่อให้ไปส่งผมในมหาวิทยาลัย ผมก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดังมาก แต่ก็ทำให้ผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยิน

“ไมค์เป็นคนเปลี่ยนไปเองนะ เธอไม่สนใจเราเหมือนเดิม เธอลองคิดดูสิ วัน ๆ หนึ่งเธอทำอะไรบ้าง เรียนเสร็จ เธอก็ไปเล่นดนตรีต่อ แล้วเราอยู่ตรงไหนของชีวิตเธอ”
“แล้วการที่เราอยู่กับเธอทุกวัน การที่เราให้เธอมาอยู่ที่ห้อง มันยังไม่ให้ความสำคัญอีกหรือ อีกอย่างเราก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันที่เราคบกันแล้วไม่ใช่หรือลูกปัด จะบอกว่าเราเปลี่ยนได้ยังไง”
“อ้าว อย่างนี้ก็คือจะโทษว่าเป็นความผิดของปัดอย่างนั้นหรือ ถ้าไมค์จะบอกว่าปัดเป็นคนผิด งั้นเราว่าเราเลิกกันดีกว่า”

คนที่ยืนทะเลาะกันอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือพี่ไมค์ กับแฟนสาวของเขา ซึ่งให้เดาเธอคนนั้นก็น่าจะชื่อว่าลูกปัด ผมเห็นพี่ไมค์พยายามง้อทุกอย่าง แต่ฝั่งแฟนสาวก็ไม่มีท่าทีจะใจเย็นลงเลย จนเธอโบกเรียกแท็กซี่ให้จอด ขณะกำลังจะก้าวเข้าไปนั่งในรถแล้ว แต่พี่ไมค์ก็จับแขนไว้

“แล้วนี่จะไปนะละปัด”
“ปัดจะกลับบ้าน แล้วถ้าวันไหนที่เธอไม่อยู่ห้องก็ส่งข้อความมานะ ปัดจะได้ขึ้นไปเก็บของกลับ”
“เรามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ จะไปแบบนี้ได้ยังไง”
“คุยไปก็ไม่ได้อะไรหรอกไมค์ ปัดตัดสินใจแล้ว เราเลิกกันเถอะ”

ฝ่ายหญิงยังยืนยันที่จะเลิกให้ได้ แต่พี่ไมค์เองก็ยังของจับแขน จนสุดท้าย ฝ่ายแฟนสาวหยุดนิ่งแล้วก็ตบเข้าไปที่หน้าของพี่ไมค์ แม้จะไม่ได้แรงขนาดที่จะทำให้ชายร่างใหญ่อย่างพี่ไมค์เจ็บ แต่มันก็ทำให้พี่ไมค์ปล่อยมือในที่สุด แล้วแฟนสาวก็เข้าไปในรถแท็กซี่ แล้วรถก็แล่นออกไป ส่วนผมที่ยังคงยืนมองอยู่ตรงนั้น ก็เห็นว่าพี่ไมค์เองก็เห็นว่าผมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ได้สนใจผมอย่างเคย แล้วเขาก็เดินกลับไปในตึกอพาร์ทเม้นต์



วันนี้พวกผมกำลังเดินไปที่อพาร์ทเม้นต์ของผม กำลังแวะซื้อของเพื่อเตรียมไปทำหมูกระทะกินกัน

“มึง นั้นพี่ไมค์มือกีตาร์ ยืนอยู่กับพี่เฟิร์สนักร้องด้วย เห็นข้างนอกแบบนี้หล่อกว่าตอนร้องเพลงอยู่บนเวทีอีก”

นุ้ยมันชี้ไปที่พี่ไมค์ที่กำลังยืนซื้อน้ำกับกลุ่มเพื่อนๆ วงดนตรีที่พวกเราไปดูเป็นประจำ

“วันนี้วงพี่เขามีเล่นดนตรีด้วยนิ”

ผมก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้ากัน เพราะเท่าที่รู้ ศุกร์ เสาร์ พี่เขาจะเล่นที่ร้านที่พวกผมไปกันตลอด แต่วันนี้พวกเราคงไม่ได้ไป เพราะนัดดูหนังที่อาจารย์สั่งไว้ แล้วพรุ่งนี้ผม นุ้ย ปก ต่างก็จะกลับบ้านกันด้วย เลยนัดกันดูให้จบวันนี้ไปเลย

“พี่ไมค์เลิกกับแฟนปะวะมึง วันก่อนกูเห็นใน IG เห็นโพสต์เป็นรูปสีดำ”
“มั้งนะ วันก่อนที่กูมาสาย เห็นยืนทะเลาะกับแฟนหน้าตึกพอดี สงสัยเลิกกันจริง แต่เดี๋ยวนะ มึงมี IG พี่เขาด้วยหรือ”
“แน่นอน เรื่องผู้ชายกูไวมาก มีทั้งวงนั่นแหละ จะเอาคนไหนบอกได้เลย”

นุ้ยมันพูดเสร็จ ก็เปิด IG ของพี่ไมค์ให้ผมดู รูปล่าสุดตอนนี้ที่โพสต์เป็นรูปท้องฟ้า แต่เป็นขาวดำ ไม่มี Caption ใด ๆ เห็นแบบนั้นผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาเปิด IG ของพี่ไมค์แล้วกด Follow ไป จริงๆ ผมรู้ว่า facebook ของพี่ไมค์คืออันไหนนะ แต่ใจก็ยังไม่กล้าพอที่จะแอดไป เพราะไม่ได้รู้จักส่วนตัวอะไร แต่เป็น IG อย่างนี้ผมค่อยกล้าขึ้นมาหน่อย



วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ไม่มีเพื่อน ๆ ไม่มีอยู่ห้องเลยครับ ตอนแรกผมก็วางแผนจะกลับบ้านเหมือนกัน แต่พอโทรไปที่บ้าน พ่อกับแม่ดันจะไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดกันอีก ผมเลยโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว

Boathที่แปลว่าเรือ     วันนี้มีใครอยู่ห้องกันบ้าง
((ปก))             เราอยู่บ้าน เป็นไรเปล่า
Water_naam         เราออกมาเที่ยวกับไอนัทวะ
Boathที่แปลว่าเรือ     ไม่ได้เป็นไร วันนี้อยู่ห้องคนเดียวเลยเหงา ไม่มีใครชวนไปเที่ยว
Nui++             เหงาหรือหงี่ค่าเพื่อน เอาดี ๆ ให้เลือกใหม่
Boathที่แปลว่าเรือ     เหงาเว้ย
Water_naam         เห็นนัทว่าจะไปกินเบียร์ที่ข้าวสารตอนค่ำ ๆ ตามมาเปล่า
Boathที่แปลว่าเรือ     ไกลวะ ขี้เกียจออก เดี่ยวกูหาเพื่อนแถวนี้ดูก่อนว่าใครไปเที่ยวบ้าง
Nui++             โพสต์เลยค่ะเพื่อน ห้องเราว่าง มาดู Netflix ห้องเรามั้ย
Boathที่แปลว่าเรือ     อีสัด
Nui++             รักที่สุด แบบนี้แหละกูชอบ เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับไปหานะคะ

เพื่อนสนิทของผมทั้งกลุ่มก็ไม่มีใครอยู่เที่ยวเป็นเพื่อนผมด้วย ผมเลยลองถามเอ๊ จูน มั้น เพื่อนอีกกลุ่มที่เป็นขาเที่ยวกันเสมอ สรุปวันนี้ก็เลยได้ไปเที่ยวที่ร้านที่พี่ไมค์เล่นดนตรีจนได้ ใกล้ถึงเวลานัดผมเลยแต่งตัว ออกจากห้องไปรอลิฟต์ แต่แล้วพี่ไมค์ก็มายืนข้างๆ ผมหน้าลิฟต์ ตอนนั้นไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง พี่ไมค์ในลุคกางเกงยีนขาเดฟ ใส่เสื้อสีดำ ทรงผมเซตเรียบร้อย นั้นยิ่งทำให้ผมใจสั่น เราสองคนเดินเข้ามาในลิฟต์ ผมเลยรวบรวมความกล้าหันไปหาเขา

“วันนี้ไปเล่นดนตรีที่ร้าน The Pub ใช่ปะพี่”

พี่ไมค์หันมามองหน้า ผมยิ้มให้ จนพี่ไมค์อมยิ้มเป็นการตอบผม

“ใช่แล้ว จะไปร้านนี้เหมือนกันหรือ”
“อืม ครับผม”

หลังจากนั้นเราก็เงียบจนออกมาจากลิฟต์โดยไม่พูดอะไรอีกเลย พี่ไมค์กำลังจะเดินไปที่จอดรถ

“เดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะ”
“ครับ แล้วเจอกันพี่”

เป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่เจอกันที่เราได้คุยกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ไมค์จะจำผมได้หรือเปล่า อาจจะจำได้แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็เป็นคนที่อยู่หอเดียวกัน ผมนั่งแท็กซี่ไปที่ร้าน โดยระหว่างทางก็เปิด IG พี่ไมค์ดูไปด้วย รูปส่วนใหญ่ที่โพสก็จะเป็นรูปวิว กับรูปแมวที่ผมเคยเห็นแฟนสาวพี่เค้าอุ้มตอนมันวิ่งออกมาหน้าห้อง และจะมีรูปคู่กับแฟนสาวบ้าง

ระหว่างที่เราดื่มกันสักพัก ก็ถือเวลาที่วงของพี่ไมค์เล่น มันเป็นปกติธรรมดาไปแล้ว ที่ผมจะมองพี่ไมค์จากตรงนี้ ส่วนตัวผมก็ไม่รู้ว่าควรเรียกความรู้สึกอย่างนี้ว่าอย่างไร ผมแอบห่าง ๆ อย่างนี้ มาตั้งแต่พี่ไมค์อยู่ ม.6 จนวันที่เขาเรียนจบไป ผมก็ไม่ได้เจอพี่ไมค์อีกเลย จนวันที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ แล้วความบังเอิญก็ทำให้ผมอยู่อพาร์ทเม้นต์เดียวกัน แถมชั้นเดียวกันด้วย จะเรียกว่าชอบ ก็คงไม่ผิด แต่ผมก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ซิ ไม่ว่าผู้หญิงก็ไม่เคย แถมผู้ชายคนนี้ยังเป็นรุ่นพี่ด้วย รุ่นพี่ที่โลกคงโคจรมาให้เราเจอกันยากมาก ผมควรจะจัดการกับเรื่องแบบนี้ยังไงดี

ช่วงท้ายก่อนที่จะหมดเวลาของวง พี่เฟิร์ส นักร้องนำก็เคาะไมค์เป็นการส่งสันญาณให้คนในร้านฟัง

“วันนี้พิเศษมากเลยครับ ที่เพลงสุดท้ายในวันนี้ ไม่ใช่ผมที่ทำหน้าที่เป็นคนร้อง ให้ทุกคนฟังอย่างเคยแต่ขอเสียงปรบมือให้กับ ไมค์ มือกีตาร์ของเราที่จะร้องเพลงส่งท้ายสำหรับวงเราในวันนี้”

เสียงคนในร้านกรี๊ด ร้อง ให้กำลังใจดังทั่วทั้งร้าน พี่ไมค์ทำท่าขอบคุณ แล้วก็เริ่มต้นร้องเพลง เงา ของแว่นใหญ่

..
เราเดินทางผ่านวันเวลา
หยดน้ำตาที่มันไหลไป
คงไม่คืนมา
ที่เหลืออยู่ในวันนี้มีเพียงแค่เงา
ของความรัก
ที่ไม่มีอยู่จริง
วันเวลาไม่กลับคืนมา
ความรักของเราหล่นหายไป
กับรอยน้ำตา
ไขว่คว้าเท่าไรวันนี้มีเพียงแค่เงา
ของความรัก
ที่เคยมีอยู่
วันนี้ไม่มีอีกแล้ว
..

ตั้งแต่ผมมาที่ร้านนี้ผมก็ไม่เคยได้ยินพี่ไมค์ร้องเพลงเลยครับ แต่เสียงพี่ไมค์ทำให้ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นถึงการมีตัวตนของรุ่นพี่คนนี้ได้ วันนั้นเป็นกิจกรรมของโรงเรียน พี่ไมค์ซึ่งเป็นนักดนตรีของวงประจำโรงเรียน ได้รับหน้าที่ให้ร้องเพลงในเพลงสุดท้ายในการโชว์คล้าย ๆ กับวันนี้ ผมมองขึ้นไปบนเวที แล้วรู้สึกว่าพี่คนที่กำลังร้องเพลงคนนี้เท่จัง เค้าร้องเพลงดีไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเล่นดนตรี ทุกประโยคที่ร้องออกมา สามารถสะกดผมได้ เหมือนกับวันนี้ ทุกประโยคที่ร้องออกมา ทำให้ทั้งร้านเงียบ หันไปมองบนเวทีเป็นสายตาเดียว สัมผัสได้ถึงความเสียใจที่พี่ไมค์ต้องเลิกรากับแฟนสาว ร้องเสร็จทั้งร้านก็ปรบมือ ส่วนสาว ๆ ก็ต่างกรี๊ดให้กับพี่ไมค์เสียงดังลั่นร้าน แล้วเขาก็เก็บของต่าง ๆ ลงไปหลังเวที

นั่งอยู่ในร้านสักพักหลังจากนั้น ผมก็ขอตัวเพื่อนๆ ออกมาสูบบุหรี่ข้างนอกคนเดียว บริเวณมุมสูบบุหรี่ข้างตึกของร้านที่ไม่ค่อยมีใครที่เป็นมุมโปรดของผม วันนี้ตรงนั้นผมเห็นพี่ไมค์นั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อน นั่งสูบบุหรี่อยู่คนเดียว แต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ จากที่เห็นพี่ไมค์ไกล ๆ ตอนนี้ผมมายืนอยู่ข้างๆ พี่เขาโดยไม่รู้ตัว จนมารู้ตัวอีกทีตอนที่พี่หันมามองหน้า

“อ้าวน้อง เจอกันอีกแล้ว”
“ครับ นั่งด้วยคนได้เปล่าพี่” ถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องหาเรื่องคุย ถ้าไม่เริ่มก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสแบบนี้อีก
“วันนี้ไม่ไปต่อร้านอื่นอีกหรือพี่”
“ไม่แล้วละ อีกร้านวันนี้ปิดซ่อมอะไรก็ไม่รู้ เลยไม่ต้องไปต่อ นั่งแดกเหล้าต่อกันเลยที่นี้แหละ แล้วเรามาเที่ยวที่นี้บ่อยเปล่า”
“ก็บ่อยครับพี่ ร้านประจำพวกผมเลย ศุกร์ เสาร์ ถ้าไม่ติดอะไรก็มาตลอด”
“ก็แสดงว่าเจอวงพี่ตลอดละสิ”
“อือ ใช่แล้วพี่”

พี่ไมค์พยักหน้ารับ

“ยังไม่รู้ชื่อกันเลย พี่ชื่อไมค์ เราชื่ออะไร”

ตอนนั้นดีใจมาก ที่พี่เขาหันมาถามชื่อ หลุดยิ้มไปแต่ก็ช่างเหอะ ถ้าพี่ไมค์จะรู้ว่าชอบก็ช่างแล้ว ไม่รู้เพราะชอบมาก หรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กินไปด้วยกันแน่ ถึงได้กล้ามานั่งคุยกับพี่เขาขนาดนี้

“ชื่อโบ๊ท อยู่ห้อง 1202 มีอะไรให้ผมช่วย มาเคาะที่ห้องได้ตลอดนะพี่”
“เออได้ พี่อยู่ 1217 จำหน้าได้อยู่แหละ เจอกันออกจะบ่อยในลิฟต์ แต่ไม่เคยคุยกัน ได้รู้จักกันซะทีเนอะ”
“แล้วเรื่องแฟนพี่เป็นไงบ้างอะ พี่โอเคเปล่า”

พี่ไมค์จ้องหน้าผม เหมือนตกใจว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง

“เห้ย! ขอโทษพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเสือกเรื่องพี่นะ แต่วันที่พี่ทะเลาะกันหน้าตึก ผมเห็นพอดี แล้วก็มาเห็น IG พี่อีก แล้ววันนี้พี่ก็มาร้องเพลงจากที่ไม่เคยร้อง ผมก็เลยคิดว่าพี่น่าจะเศร้า เหี้ยแล้ว ผมเมาแล้วผมพูดมาก ผมขอโทษนะพี่”

พี่ไมค์มองหน้าผมแล้วก็หัวเราะเบาๆ ออกมา

“วันนั้นโบ๊ทนั้นเองที่เห็นพวกพี่ทะเลาะกัน พี่จำได้ราง ๆ ว่ามีคนยืนรอรถอยู่ตรงนั้นพอดี แต่ด้วยเหตุการณ์เลยไม่ได้สนใจว่าใคร แล้วนี่มี IG พี่ด้วยหรือ ไม่โกรธหรอก พี่ว่าพี่ก็แสดงออกว่านอยด์ไปเยอะเหมือนกัน ช่างแม่งเหอะ” พี่ไมค์หยิบบุหรี่อีกม้วนขึ้นมาจุดแล้วสูบ
“ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ก็ไม่ชินหรอก คนมันเคยอยู่กันทุกวัน อยู่ ๆ เลิกกัน แล้วเลิกกันแบบไม่รู้ว่ากูผิดเหี้ยอะไรด้วย อันนี้แหละงง แต่พี่ว่า เขาน่าจะมีคนใหม่ ช่วงหลังก็ชวนทะเลาะตลอด”

ผมก็ได้แต่พยักหน้า ฟังคำพูดพี่ไมค์ไป พี่เขาคงเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ แล้วจังหวะสูบบุหรี่หมดมวนพอดี

“มึงก็ฟังพี่บ่นมากไปแล้ว เดี๋ยวจะเบื่อเปล่าๆ เข้าไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับโต๊ะแล้ว ออกมานานแล้วเดี๋ยวเพื่อนมันด่า ไหนเอา IG มาดิ เดี่ยวจะได้ Follow กลับ”

ผมบอชื่อ IG ผมไปแล้วพี่ไมค์ก็ตบบ่าผมเบาๆ แล้วลุกเดินไป ผมได้แต่มองตามหลังพี่ไมค์ไป ไม่อยากเชื่อตัวเอง ว่าวันนี้จะได้รู้จักกับพี่เขาแล้ว ในมือก็ยังมองหน้าแจ้งเตือนที่ขึ้นมาว่าไมค์กำลัง Follow เรา ไม่ใช่แค่เราที่รู้จักพี่ แต่พี่ไมค์เองก็รู้จักเราแล้วเหมือนกัน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kochiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai2-1: สนุกดีคะ รออ่านต่อนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด