▶มัดใจ(เจ้า)คุณ◀---✿ UP!Chapter1 [14/01/64] ✿---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▶มัดใจ(เจ้า)คุณ◀---✿ UP!Chapter1 [14/01/64] ✿---  (อ่าน 2072 ครั้ง)

ออฟไลน์ doubleM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




★ มัดใจ(เจ้า)คุณ ★
By YAMADA_M



Hashtag : #มัดใจเจ้าคุณ
twitter : @yamadam__


-------------------------------------------------------------


นึกว่ามีแต่เด็กที่ชอบเล่นของเล่น
แต่ผู้ใหญ่อย่าง "พี่มัด" ก็ชอบเล่นของเล่นเหมือนกัน
ใช่ ผมนี่แหละ ของเล่นของเขา


-------------------------------------------------------------


สารบัญ
CHAPTER 01 : มัลลิกา
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2021 18:47:36 โดย doubleM »

ออฟไลน์ doubleM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ▶มัดใจ(เจ้า)คุณ◀---✿ coming soon ✿---
«ตอบ #1 เมื่อ14-01-2021 18:31:46 »

01
Malika



ติ๊ง!


ติ๊ง!


ติ๊ง!


ครองขวัญ : เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็ก ๆ
ครองขวัญ : เห็นข้อความแล้วก็ตอบเค้าด้วย
ครองขวัญ : ไม่งั้นก็เลิกกันไปเลย



“เฮ้อ…” ผมถอนลมหายใจออกมา...ไม่แน่ใจว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วของวัน สิบ? ร้อย? หรืออาจจะล้านแล้วก็ได้


ครั้งหนึ่ง ‘Malika’ (มัลลิกา) นักเขียนนิยายรักคนโปรดของผมเคยเขียนลงไปในนิยายของเธอว่า ‘อุปสรรคชิ้นใหญ่สำหรับความรักก็คือ “ความรัก” เพราะบางครั้งคนเราก็มักเผลอทำให้ความรักกลับกลายเป็น “ภาระ” โดยไม่รู้ตัว’ มันช่างน่าประหลาดที่ในตอนนั้นผมได้แต่อ่านมันผ่าน ๆ ไป ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเลยสักกระผีกเดียว หากทว่าตอนนี้อยู่ ๆ ผมก็กลับกลายเป็นนึกถึงโควทนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น


แต่…


จริง ๆ แล้วก็ใช่ว่ามันจะไม่มีที่มาที่ไปเลยเสียเมื่อไหร่


ผมอ่านข้อความของ ‘ครองขวัญ’ แฟนสาวที่คบหาดูใจกันมาได้ราว ๆ ห้าปีเศษด้วยความรู้สึก...ว่างเปล่า ? ไม่สิ ต้องเรียกว่าความเบื่อหน่ายต่างหากล่ะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมจะเพียงกดเข้าไปอ่าน จากนั้นก็กดออกโดยไม่พิมพ์ตอบกลับ และไม่ได้นึกถึงสักนิดว่าความเย็นชาของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ยังไงบ้าง จะพูดยังไงดี...คือผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้ดีเด่หรือวิเศษวิโสมาจากสวรรค์ชั้นไหน แต่ก็ใช่ว่าผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเคยดีกว่านี้...มาก ผมพยายามคิดทบทวนตัวเองทุกครั้งที่เราสองคนทะเลาะกันในช่วงระยะหลัง ๆ มา ไอ้ความกระตือรือร้นที่จะตอบข้อความ เจอหน้า หรืองอนง้อมันได้จางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ไอ้ความรู้สึกเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยความเฉยเมย


อย่างที่เห็นว่าครองขวัญกำลังท้าให้ผมเลิกกับเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และผมก็ไม่บ้าบอขนาดจะมานั่งนับด้วยว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ มันคงเป็นนิสัยของเธอล่ะมั้ง หรือไม่งั้นเธอก็คงจะคิดว่าคำพูดร้ายกาจอย่างนั้นจะทำให้ผมหวาดหวั่นครั่นคร้ามจนต้องรีบคลานเข่ากลับไปหา


เธอคิดว่าผมรักเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น


เธอคิดว่าผมจะไม่มีวันยอมเลิกรากับเธอเด็ดขาด


แต่มันจะโทษใครได้นอกจากตัวผมเองที่ทำให้เธอหลงคิดอะไรแบบนั้น การวิ่งไล่ตามใครสักคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเรามันไม่สนุก มันเหนื่อย และยิ่งเจ็บแสบถึงไม่รู้วายในตอนที่ล้มลุกคลุกคลานแต่กลับไม่มีใครหันมาสนใจเลยสักคนเดียว…ช่างน่าสมเพช


ผมอดเวทนาตัวเองไม่ได้เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ช่วงระยะเวลาที่ผ่าน ๆ มาผมคงจะเก็บสั่งสมความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้จนเต็มกระบิแล้วล่ะมั้ง ภายในใจของผมหลังจากอ่านข้อความพวกนั้นจบมันจึงตอบสวนกลับไปแบบออโตเมติกเลยว่า ‘เอาสิ เลิกก็เลิก เค้าก็กำลังอยากเลิกอยู่พอดี’


จริง ๆ ก็เกือบจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างนั้นแล้วล่ะ แต่ผมก็ยั้งปลายนิ้วตัวเองเอาไว้ทัน ผมไม่อยากทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง ผมอยากทบทวนตัวเองต่ออีกสักหน่อย มัลลิกาเคยบอกเอาไว้ในหนังสือของเธอว่า ‘เมื่อความรักได้เดินทางมาจนถึงจุดจุดหนึ่ง ความยุ่งยากของมันก็อาจจะทำให้เราคิดว่าเราไม่ได้รักกันอีกแล้ว แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะถูกซ่อนไว้อยู่ในที่ที่เราหามันไม่เจอเท่านั้นเอง’ และเพราะอย่างนั้นผมจึงต้องคิดให้ดีเสียก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าผมเห็นแก่ตัว ขี้กั๊ก คิดอะไรอยู่ก็ไม่ยอมพูดออกมาให้มันเคลียร์ ๆ ป่านนี้ครองขวัญคงจะเดือดเนื้อร้อนใจน่าดูที่แฟนหนุ่มอ่านข้อความแล้วแท้ ๆ แต่กลับนิ่งเฉย ไม่ยอมตอบกลับไปแม้แต่สติ๊กเกอร์สักตัว แต่...ไม่รู้สิ ผมก็คงเห็นแก่ตัวจริง ๆ นั่นแหละ ผมไม่อยากต้องมานั่งเสียอกเสียใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีกแล้ว ถ้าหากยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี ก็สู้เงียบไปเสียดีกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต้องกระทบกระทั่งกัน


17.00 น.


ห้าโมงเย็นแล้วเหรอ…


ถึงแม้ว่าผมในตอนนี้จะไม่ค่อยมีสติสะตังสักเท่าใดนัก แต่ทว่าเสียงแผดดังแสบแก้วหูจากนาฬิกาไขลานเรือนใหญ่ภายในร้านคาเฟ่ที่ตกแต่งแบบวินเทจก็เรียกคืนวิญญาณที่ล่องลอยไปมาอยู่ในอากาศของผมกลับคืนสู่กายหยาบได้ ผมค่อย ๆ ยกสองมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง พร้อมทั้งนวดเปลือกตาด้วยความอ่อนล้า จากนั้นก็พับฝาแล็ปท็อปที่เปิดหน้าต่างงานค้างเอาไว้ลง ทั้ง ๆ ความตั้งใจแรกที่ออกมานั่งเล่นที่คาเฟ่ก็เพราะต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานแท้ ๆ เชียว แต่ไอ้ปัญหาโลกแตกกับสาส์นท้าเลิกจากแฟนสาวที่กำลังกดรีเพลย์ย้ำ ๆ อยู่ภายในหัวมันก็ราวกับจะพยายามทำให้ผมสติแตกกระเจิงเสียให้ได้ ผมพยายามกำหนดลมหายใจเข้าออก ยุบหนอ พองหนออยู่หลายสิบรอบ แต่มันก็ไม่ได้เป็นผลสักกี่มากน้อย ให้ตาย...ร่างกายของผมตอนนี้มันคงต้องการน้ำตาลเพื่อมาเพิ่มพลังงานล่ะมั้ง พอคิดได้อย่างนั้นผมจึงลุกขึ้นเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม และในตอนนั้นเองที่หัวใจดวงน้อย ๆ ที่เสมือนหยุดเต้นไปเนิ่นน่านเริ่มกลับมาทำงานอีกรอบ...มันค่อย ๆ เต้นแรงขึ้น...แรงขึ้น...แรงมากจนผิดปกติ


ผมเกือบจะยกมือขึ้นทาบอกตัวเองด้วยความพิศวง และคิดว่านอกจากน้ำตาลตกแล้ว ผมก็คงขาดกาเฟอีนด้วยอีกอย่างหนึ่งแน่ ๆ หากหลังจากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเพิ่งจะดื่มกาแฟร้อนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง เพราะฉะนั้นไอ้อาการใจสั่นราวกับเจ้าเข้าร่างที่ผมกำลังประสบอยู่ในตอนนี้ก็คงจะมาจาก ‘คนตาหวาน’ ที่กำลังต่อคิวอยู่ตรงหน้ามากกว่าละมั้ง


“ไอซ์อเมริกาโน่แก้วนึงครับ”


จังหวะที่อีกฝ่ายเท้าแขนกับเคาน์เตอร์ เขาหันมาสบสายตากับผมแวบหนึ่ง...แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น ทว่ามันกลับมีพลังอย่างน่าประหลาด และร้ายกาจราวกับพายุเฮอริเคนลูกใหญ่ที่พร้อมพังทลายทุกสิ่งอย่าง


ผมเผลอกำมือแน่นอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ เราสองคนเป็นผู้ชายเหมือน ๆ กัน และผมก็มั่นใจว่าตัวเองหน้าตาดีมากในระดับหนึ่ง แต่อีกฝ่ายที่ดูส่วนสูงพอ ๆ กัน อีกทั้งยังน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน เขากลับมีใบหน้าที่...เอ่อ...ต้องใช้คำว่าอะไรดีนะ ลูกรักของเทพเจ้าอะไรแบบนั้นหรือเปล่า


จริง ๆ ผมก็ไม่ได้เชื่อเรื่องพระเจ้า เพราะผมเองก็ไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเป็นพิเศษ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาเปรียบเปรยงานศิลปะชั้นเอกที่กำลังประจักษ์แก่สายตาอยู่ตรงหน้าดี


ผมได้ยินเขาพึมพำขอบคุณพนักงานที่ยื่นแก้วอเมริกาโน่เย็นให้ด้วยสุ้มเสียงทุ้มต่ำ หากก็หวานหูอย่างแปลกประหลาด และคงจะโปรยยิ้มเล็ก ๆ ปิดท้ายอีกนิดหน่อยล่ะมั้ง พนักงานสาวคนนั้นถึงได้แก้มขึ้นสีระเรื่อ ก้มหน้าหลบสายตาหวาน ๆ นั่นพัลวัน ผมเผลอหันมองตามเขาด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างไรบอกไม่ถูกเมื่อเขากำลังดันประตูออกจากร้านไป และโล่งใจอย่างไรบอกไม่ถูกเช่นกันเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เดินออกไปไหนไกล หากหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านบริเวณข้าง ๆ ที่เขี่ยบุหรี่ จากนั้นก็หยิบบุหรี่สีขาวล้วนลักษณะเรียวยาวที่เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นบุหรี่นอกออกมาจุดสูบ


(ต่อ)

ออฟไลน์ doubleM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ▶มัดใจ(เจ้า)คุณ◀---✿ coming soon ✿---
«ตอบ #2 เมื่อ14-01-2021 18:32:34 »

เขาเล่นกับควันบุหรี่สีขาวด้วยการพ่นมันออกมาเป็นรูปโดนัท ดวงตาหวานละมุนเหม่อมองควันหล่านั้นค่อย ๆ จางหายไปกับอากาศอย่างเลื่อนลอย ทั้ง ๆ ผมไม่เคยชอบกลิ่นบุหรี่เลยสักนิดเดียวตั้งแต่เกิดมา เพราะมันทำให้ผมสำลัก เวลาเจอใครก็ตามสูบก็มักจะเดินถอยห่างออกมาเสมอ แต่ผมกลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายในชุดเสื้อเชิ้ตขาวพับแขนขึ้นมาราวสองสามทบ กางเกงขายาวสีเดียวกัน นาฬิกาแพงที่ข้อมือซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ ผิวเรียบเนียนราวกับน้ำนม และควันขาว ๆ เหล่านั้น ทุก ๆ องค์ประกอบของคนตรงหน้ามันดูดีมากเสียจนไม่อาจละสายตาได้โดยง่าย ภาพพวกนั้นราวกับเป็นความฝัน อีกทั้งสันกรามคม ๆ นั่นในยามสูดเอาควันบุหรี่เข้าปอดมันก็...เซ็กซี่เป็นบ้า!


ผมไม่ได้สนับสนุนบิวตี้พรีวิลเลจหรอกนะ แต่ก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่าเพราะบิวตี้พรีวิลเลจนั่นแหละที่ทำให้ผมหลงใหลในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะชอบอย่างไม่อาจห้ามปรามตัวเองได้ จนเสียงพนักงานร้องเรียกคืนสติของผมกลับมา ผมเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังยืนต่อคิวสั่งเครื่องดื่มอยู่ โอเค ตั้งสติก่อนไอ้ชาย หายใจเข้าลึก ๆ


หลังจากรับช็อกโกแลตปั่นหวานตัดขาที่ตัวเองสั่งไปมาไว้ในมือ ผมก็กล่าวขอบคุณพนักงานสาวอย่างพินอบพิเทา และเดินกลับมานั่งหน้าแล็ปท็อปเพื่อทำงานต่อ แต่สมาธิที่กระเจิดกระเจิงไปจนหมดแล้วก็ใช่ว่าจะเรียกกลับคืนมาง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อผู้ชายชุดขาวเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลช็อกโกแลตหวานหยดย้อยคนนั้นผลักประตูกลับเข้าร้านมา และเดินมาหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับผม


...ซึ่งอยู่ในระยะสายตาของผมแบบพอดิบพอดีราวกับจงใจ


เอาล่ะ คงไม่ต้องมีสติสะตังทำงานทำการกันแล้วละมั้ง คนตาหวานตรงหน้าสะกดสายตาของผมเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัดเลยทีเดียว


ทั้ง ๆ อีกฝ่ายไม่ได้ทำสิ่งใดวิเศษไปกว่าใครที่อยู่ภายในร้านนี้ ไม่ได้กำลังเหาะเหินเดินอากาศ ไม่ได้กรีดกรายนิ้วมือแล้วแปลงร่างเป็นเซเลอร์มูน เพราะสิ่งที่เจ้าตัวทำมีเพียงหยิบแท็บเล็ตรุ่นใหม่เอี่ยมออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนมใบไม่เล็กไม่ใหญ่ จากนั้นก็หยิบสมุดโน้ตสีขาวออกมากาง ใบหน้าหวานละมุนที่สามารถมองว่าหล่อหรือสวยก็ได้ดูเครียดขึงขึ้นมาหนึ่งระดับ หากทว่าก็ยังดูดีอยู่มากมายมหาศาล และปากกาลูกลื่นที่อยู่ในมือเรียวขาวนั่นก็กำลังหมุนอย่างรวดเร็วตามสเต็ปการควงปากการะดับปรมาจารย์แบบที่สามารถหาดูได้จากการแข่งขัน Pen Spinning Tournament หรือตามคลิปยอดวิวสูง ๆ ในแอพ tiktok ที่พวกวัยรุ่นกำลังฮิตกันอยู่ตอนนี้...เชี่ย ทำได้ไงวะนั่น


ผมเกือบอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงพรึงเพริด และคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าเขาอาจจะเป็นนักกีฬาควงปากกาอะไรเทือก ๆ นั้นหรือเปล่า ทำได้ถึงขนาดนั้นมันต้องเหรียญเงินเป็นอย่างต่ำแล้วนะ ผมไม่รู้ว่าตัวเองลอบมองดูสกิลการควงปากกาขั้นเทพกับเบ้าหน้าขั้นเทพของเขาอยู่นานมากเท่าใด หากมันก็คงนานพอที่จะทำให้ผมวิเคราะห์ใบหน้าของเขาออกมาได้เป็นส่วน ๆ ไม่ว่าจะจมูกที่โด่งคมจนผมคิดว่าไม่น่ามีใครบนโลกที่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนสันจมูกที่สูงขนาดนั้นได้ แต่มันก็เข้ากับใบหน้าของเขาอย่างลงตัว อีกทั้งยังแพขนตาที่ทั้งหนาและยาวราวกับตัวการ์ตูน...พอเถอะ อย่ามัวพูดให้สวยหรูอยู่เลย ถ้าเอาแบบภาษาชาวบ้านเข้าใจง่าย ๆ ก็คือคนตรงหน้าผมแม่งหล่อสัด ๆ


จริง ๆ แล้วตลอดระยะเวลายี่สิบเจ็ดปีนับตั้งแต่ผมลืมตาดูโลกขึ้นมา ผมรู้ตัวเองดีกว่าถึงผมจะไม่มีลุคฟุ้ง ๆ ชวนให้ฝันหวานราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งจินตนาการอย่างอีกฝ่ายที่โดดเด่นทั้งบุคลิกและหน้าตา แต่ผมเองก็หน้าตาดีอยู่ไม่น้อย ผมไม่มีส่วนใดบนใบหน้าและร่างกายที่ด้อยไปกว่าเขา ดังนั้นไอ้ความรู้สึกกรุ่น ๆ บางอย่างที่ก่อขึ้นมาอย่างรวดเร็วและรอการปะทุอยู่ตอนนี้จึงไม่ใช่ความอิจฉาริษยาอย่างแน่นอน ผมไม่ได้อยากหน้าเหมือนใคร ผมค่อนข้างพอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และ…ผมก็พึงพอใจในรูปร่างหน้าตาของเขาเช่นกัน


ติ๊ง!


ติ๊ง!


ติ๊ง!


ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนไวต่อสิ่งเร้ามากสักเพียงใด แต่ความรับผิดชอบที่มันค้ำคออยู่ก็ดึงให้ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง


ผมเปิดฝาแล็ปท็อปขึ้นและล็อคอินเข้าสู่ระบบไลน์เพื่อตอบข้อความของคุณแม่บังเกิดเกล้า (ซึ่งทักมาถามซอกแซกเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรและอัญมณีประจำปีที่แบรนด์ของคุณแม่ของผมเป็นผู้จัดงาน โดยมีผมเป็นผู้ช่วย ไม่สิ เป็นเจนเนอรัลเบ๊ต่างหากล่ะ)


ผมลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายหลังจากตบตีกันอีรุงตุงนังกับคุณแม่อยู่หลายนาทีกว่าจะโอเคเบตงลงตัว หลังจากนั้นก็เลื่อนแชทลงไปยังชื่อครองขวัญที่ตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อนจนถึงบัดนี้ก็ยังคงนิ่งสนิท ซึ่งมันก็แหงอยู่แล้วล่ะ ผมอ่านไม่ตอบเธอเองนี่นา เธอเองคงจะเหนื่อยแล้วกับการประชดประชันผม และผมก็ไม่คิดว่าตัวเองอารมณ์นิ่งพอจะตอบเธอในตอนนี้ด้วย ยอมรับตามตรงว่าถึงจะชินชาจนเข้าขั้นเฉย ๆ ไปแล้ว แต่ผมก็ยังหวาดผวากับการต้องฟังคำพูดร้าย ๆ ที่มักถูกสาดเสียเทเสียใส่ไม่ยั้งในยามที่เราทะเลาะกันอยู่ดี


ผมกดเปลี่ยนหน้าต่างกลับไปยังหน้าโปรแกรมพาวเวอร์พอยต์เพื่อเตรียมการสอนสำหรับคลาสเรียนอัญมณีที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านอโศกเชิญให้ผมไปเป็นผู้บรรยาย ก่อนจะนึกขึ้นได้และเหลือบตาไปยังโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ผู้ชายชุดขาวคนนั้นนั่งอยู่อีกครั้ง...ไม่สิ ต้องเรียกว่า ‘เคย’ นั่งอยู่ต่างหากล่ะ เพราะเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผมกำลังถูกคุณแม่จิกหัวอยู่ในแชทไลน์เท่านั้น อีกฝ่ายก็หายตัวไปอย่างน่าเสียดายราวกับอากาศหนาวประเทศไทยที่ไม่เคยอยู่นานเกินสามวัน


แต่…


ยังไม่ทันที่ผมจะคาดเดาออกว่าอีกฝ่ายหายตัวไปไหนกันแน่ และคิดว่าเขาอาจจะกลับออกจากร้านไปแล้วก็เป็นได้ หากทว่าจังหวะของชีพจรที่กำลังเต้นตุบตับอยู่ภายในร่างกายของผมก็เสมือนกับกำลังค่อย ๆ พุ่งทะยานขึ้นอย่างช้า ๆ จนสูงเสียดฟ้า จากนั้นก็ทิ้งดิ่งลงมาภายในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีประหนึ่งเล่นบันจี้จัมพ์ กระเป๋าแบรนด์กุชชี่ใบไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะของผมตรงบริเวณที่ว่างอยู่ และบุคคลที่ผมกำลังนึกถึงอยู่ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามอย่างไร้ที่มาที่ไป


ตึกตัก


ตึกตัก…


ดวงตาสวยแสนหวานซึ้งสีน้ำตาลช็อกโกแลตคู่นั้นกำลังสบประสานกับดวงตาของผมแน่นิ่ง เนิ่นนาน ไม่มีใครพูดอะไรต่อกัน เขานิ่ง ผมนิ่ง สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่มีเพียงบรรยากาศและผู้คนรอบข้างเท่านั้น ผมเดาไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จริง ๆ แล้วผมไม่มีแม้แต่สติจะคาดเดาด้วยซ้ำ ถึงแม้ภายนอกของผมจะดูสงบนิ่งมากสักเพียงใดก็ตาม แต่คลื่นลูกใหญ่ที่อยู่ภายในมันกลับกำลังซัดกระหน่ำยิ่งกว่าสึนามิเสียอีก…โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายค่อย ๆ เหยียดขึ้นอย่างช้า ๆ จนมันกลายเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ส่งมาให้ ทำให้ผมได้สังเกตเห็นว่าเวลาเขายิ้ม ดวงตาสวย ๆ คู่นั้นมันก็ยิ้มตามไปด้วยอย่างน่ามันเขี้ยว


ถึงจะสับสน แต่ก็ต้องยอมรับว่าหยุดมองไม่ได้


คนบ้าอะไรเนี่ย


...หรือว่าจะไม่ใช่คนจริง ๆ


จะบ้าตาย ผมคงคิดเพ้อเจ้อเป็นตุเป็นตะไปแล้วถ้าหากอีกฝ่ายไม่เอ่ยทำลายความเงียบด้วยเสียงทุ้มหวานนั่นขึ้นมาเสียก่อน


“โรคจิตเหรอครับ”


“อะ...อะไรนะครับ”


ผมละล่ำละลักถามเมื่อถูกเขาทักอย่างนั้น


อีกฝ่ายกลั้วหัวเราะเจือขบขัน ก่อนจะพูดขึ้นอีก


“ก็มัดเห็นว่าคุณแอบมองอยู่ตั้งนานแล้วนี่นา มันเสียมารยาทนะครับ ทำเอาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ยตัวเลยอะ มัดก็เลยสงสัยว่าคุณอาจจะเป็นพวกโรคจิตอะไรเทือกนั้นหรือเปล่า”


คนตาหวานแทนตัวเองว่า ‘มัด’ ผมเดาว่ามันคงเป็นชื่อของเขาละมั้ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นตอนนี้สักหน่อย เพราะสิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้ผมอ้าปากเหวอไปหลายสิบวิ ก่อนจะรีบก้มหัวขอโทษเขาปลก ๆ และพยายามอธิบายว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ผมไม่ได้คิดเรื่องไม่ดีอะไรเลยแม้แต่น้อย ก็แค่ชื่นชมที่เขาดูดีมากจนไม่อาจละสายตาออกไปได้


เขาหัวเราะเบา ๆ ออกมาอีกรอบ และส่งเสียงออกมาคล้ายกับกำลังเสียดาย


“ว้า...”


“ครับ ?”


“แค่ชื่นชมที่มัดหน้าตาดีเท่านั้นเองหรือครับ ไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลยจริง ๆ น่ะเหรอ”


ผมยกมือปฏิเสธพัลวันเพราะคิดว่ากำลังถูกอีกฝ่ายจับผิด


“ไม่ครับ ไม่เลยจริง ๆ จะให้ผมสาบานตรงนี้เลยก็ได้ ผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับคุณเลยสักนิด”


เขาผงกหัวช้า ๆ พลางยิ้ม


...เป็นเพียงการยิ้มนิด ๆ แต่กลับมีเสน่ห์มากจัง


ทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังถูกร่ายมนตร์ใส่อย่างไรอย่างนั้นเลย


“แต่จริง ๆ แล้วไอ้คำว่าเรื่องไม่ดีที่ว่าเนี่ย บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเป็นใครด้วยแหละเนอะ”


“...”


“แต่ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ คุณว่าไงมัดก็ว่าตาม”


งง หมายความว่าไงวะ ผมย่นคิ้วเพราะรูปประโยคของอีกฝ่ายมันชวนให้รู้สึกร้อนรุ่มและน่าหงุดหงิดแปลกๆ ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไป


คนตาหวานยกมือขึ้นเท้าคาง และจ้องมองสำรวจใบหน้าของผมจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็พูดเรียบ ๆ ราวกับคุยกับดินฟ้าลมฝน


“คุณเองก็หล่อมากเหมือนกันนะครับ พอได้มองแล้วก็ละสายตาไม่ได้เลย”


...เลยเหรอ


“...”


“...”


สถานการณ์ตรงหน้ามันคืออะไรไม่รู้ ผมทั้งงุนงง ทั้งจับต้นชนปลายไม่ถูก คนที่เพิ่งเคยเจอและเพิ่งคุยกันเป็นครั้งแรกสามารถพูดจาต่อกันอย่างนี้ได้เลยเหรอ มันเป็นเรื่องปกติใช่ไหม ผมได้แต่นั่งเงียบกริบ กะพริบตาปริบ ๆ ราวกับลูกหมาตัวน้อย ๆ ที่กำลังเหม่อมองกลุ่มก้อนเมฆบนท้องฟ้าสีคราม จะผิดก็แต่เมฆก้อนที่ผมจ้องมองอยู่นั้นกำลังจ้องกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้ (ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแล้วเราสองคนกำลังเอาชนะกันเรื่องอะไรอยู่) แววตาคู่นั้นของเขามันคล้ายกับว่ากำลังส่งสาส์นท้ารบมาให้ ผมรู้สึกว่ามันกำลังบอกกับผมกลาย ๆ ว่าใครหลบตาก่อนคนนั้นแพ้ และแน่นอนครับ ใช่เลย...ผมแพ้เขา...ไม่ใช่แค่แพ้ธรรมดา ๆ ด้วยนะ ต้องเรียกว่าพ่ายแพ้อย่างราบคาบเลยล่ะ


การถูกดวงตาวาววับคู่นั้นจับจ้องอยู่อย่างนั้นมันทำให้ผมขลาดเขินจนเผลอยกมือขึ้นมาปิดหน้าและหันหลบสายตาอีกฝ่าย


ทั้ง ๆ โดนชมว่าหล่อมาก็มากก็มาย แต่คำพูดสั้น ๆ ของอีกฝ่ายกลับมีพลังทำลายล้างเยอะกว่ามาก


“อะไรเนี่ย แพ้ง่ายไปไหมครับ” เขาพูดเย้า


ผมเม้มริมฝีปาก ถามกลับเสียงค่อย


“แล้วเราแข่งอะไรกันอยู่หรือครับ”


พอโดนถามอย่างนั้น เขาก็ทำหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วยักไหล่ตอบกลับ


“ไม่รู้สิ ไม่แข่งก็ได้”


อะไรของเขา…


เข้าใจยากจังแฮะ


“ช่างเถอะ จู่ ๆ มัดก็เข้ามาทักคุณอย่างนี้ คงจะทำให้คุณตกใจแย่เลย ขอโทษด้วยนะครับ”


“คนที่ควรขอโทษคือผมต่างหากล่ะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำตัวเสียมารยาท ขอโทษนะครับที่แอบมองอยู่นาน คงทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”


(ต่อ)

ออฟไลน์ doubleM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ▶มัดใจ(เจ้า)คุณ◀---✿ coming soon ✿---
«ตอบ #3 เมื่อ14-01-2021 18:32:53 »

เขาหัวเราะเบา ๆ ราวกับไม่ยี่หระ


“จริง ๆ ก็ชินซะแล้วล่ะครับ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนแอบมองมัดสักหน่อยนี่นา อีกอย่างคุณเองก็ไม่ได้จ้องจนทำให้รู้สึกอึดอัดมากขนาดนั้น แต่เป็นมัดเองต่างหากที่ช่างสังเกตมากจนเกินไป แต่ก็นะ ถ้าไม่รู้จักสังเกตสังกาสิ่งรอบข้างแล้วจะเป็นนักเขียนได้ยังไงล่ะ สกิลขั้นพื้นฐานที่นักเขียนทุกคนต้องมีติดตัวเอาไว้เลยนะครับนั่นน่ะ”


คุยเก่งจังเลยแฮะ...ผิดกับบุคลิกและหน้าตาที่ดูเหมือนเป็นคนหยิ่ง ๆ นั่นลิบลับเลย ผมไม่ได้จินตนาการเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าอีกฝ่ายจะมีอุปนิสัยใจคออย่างไรบ้าง เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยหรือทำความรู้จักกัน แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะพูดจากับคนแปลกหน้าด้วยประโยคยาว ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้


“คุณเป็นนักเขียนหรือครับ”


เขาพยักหน้าแทนคำตอบ


ผมจึงถามต่อ


“นามปากกาอะไรหรือครับ ผมเองก็อ่านนิยายอยู่บ้างเหมือนกัน ผมอาจจะรู้จักก็ได้นะ”


“มัลลิกา”


“...”


“เคยได้ยินไหมครับ”


ถึงกับเกือบหลุดกรี๊ดออกมาถ้าหากไม่หุบเม้มริมฝีปากเอาไว้เสียก่อน ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อยด้วยความตื่นตะลึง และเกือบจะยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเพื่อเช็คดูว่ากำลังฝันหรือกำลังละเมอเพ้อพกอะไรอยู่หรือไม่ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้กำลังมองมาด้วยดวงตาหวานล้ำดั่งน้ำผึ้ง หากแววตาคู่นั้นดูออกชัดเจนว่ากำลังพยายามล้วงลึกจับผิดความรู้สึกของผมอยู่


ตรง ๆ เลยนะ ไม่คิดว่ามันน่าเหลือเชื่อบ้างเหรอ โลกใบนี้มันกว้างใหญ่ออกจะตาย ผมจึงไม่เคยคิดว่าทฤษฎีโลกกลมที่ใครต่อใครชอบพูดกันมันจะเป็นความจริงได้ แต่ต่อให้ไม่คิดก็คงต้องคิดแล้วล่ะ เพราะนักเขียนนิยายรักเพียงคนเดียวที่ผมติดตามผลงานทุกชิ้นไม่เคยขาดมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน (เพราะกับนักเขียนคนอื่น ๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกตรงใจจนต้องสรรหางานอื่น ๆ มาอ่านมากขนาดนั้น คงเพราะงานของเขามันตรงกับจริตของผมมากที่สุดละมั้ง) กับผู้ชายที่ผมเจอโดยบังเอิญในร้านคาเฟ่และแอบมองเขาด้วยความชื่นชมมาจนถึงเมื่อครู่นี้ดันเป็นคนเดียวกันอย่างน่าอัศจรรย์ เสียงตุบ ๆ ตับ ๆ ที่ดังระรัวประหนึ่งกลองชุดภายในอกตอนนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ผมก็เริ่มจะไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่แล้ว…อาจเป็นเพราะความติ่งแตกของตัวเองที่บังเอิญได้เจอคนที่ตัวเองติดตามผลงานมานานปีดีดัก…หรืออาจเป็นเพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ จากลำคอที่ราวกับรู้ทันว่าผมกำลังตื่นเต้นเพราะเขามากเพียงใด


ผมขบฟันแน่น จริง ๆ ก็แอบเสียเซลฟ์อยู่นิดหน่อย เพราะถ้าหากเขารู้ว่าผมติ่งเขาล่ะก็ ระดับความเท่ (ซึ่งก็คงไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วล่ะในสายตาของเขา เพราะทีแรกเขาเข้ามาทักว่าผมเป็นพวกโรคจิตนี่นา…) ก็คงลดฮวบฮาบลงมาจนกลายเป็นติดลบไปเลยล่ะมั้ง


ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแคร์สายตาของอีกฝ่ายทำไมมากมาย เขาก็คงจะเจอแฟนคลับนิยายมาไม่มากก็น้อย ผมตบตีกับตัวเองในหัวอีรุงตุงนัง และตัดสินใจตอบกลับไปแบบกลาง ๆ


“เคยได้ยินอยู่ครับ”


“เคยได้ยิน ‘อยู่’ แปลว่าเคยหรือไม่เคยครับ ?” น้ำเสียงหยอกเอินกับรอยยิ้มเย้า ๆ ของอีกฝ่ายทำให้ผมเผลอเม้มริมฝีปากแน่น


เพราะผมเกริ่นขึ้นมาแต่แรกละมั้งว่าตัวเองก็อ่านนิยายอยู่บ้าง และคนตาหวานก็มั่นหน้ามั่นใจว่าตัวเองดังพอ หากเป็นคนที่คลุกคลีกับแวดวงหนังสือก็จะต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของมัลลิกาอย่างแน่นอน แต่ผมก็ไม่อยากยอมแพ้เขาง่าย ๆ ผมจึงทำใจดีสู้เสือตอบ


“เคยได้ยินครับ คุณดังออก ผมจะไม่เคยไม่ยินมาเลยได้ยังไง แต่ก็แอบแปลกใจนิดหน่อย ผมคิดว่ามัลลิกาจะเป็นผู้หญิงซะอีก”


“คุณตามเพจมัดอยู่หรือครับ”


โอย…


ยิ่งได้คุยกันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังถูกต้อนหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ แต่โชคดีที่คราวนี้เขาไม่รอให้ผมตอบกลับ เขายิ้มนิด ๆ แล้วอธิบายต่อเรียบ ๆ


“จริง ๆ มัดก็ไม่ได้ปิดบังหรอกครับว่าตัวเองเป็นชายหรือหญิง แต่แฟนคลับของมัดส่วนมากก็เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น มัดอยากเข้าถึงกลุ่มแฟน ๆ เวลาคุยเล่นกันในแฟนเพจก็เลยเลือกใช้คะค่ะมาเป็นคำลงท้าย อันที่จริงก็ส่วนใหญ่เลยล่ะมั้งที่เข้าใจว่ามัดเป็นผู้หญิงน่ะ แต่มัดก็ไม่ได้ไปตามแก้อะไร ไม่รู้ว่ามันเป็นการหลอกหลวงไหมเหมือนกัน แต่เพราะแฟน ๆ ที่เป็นผู้หญิงหลาย ๆ คนมองว่ามัดเป็นไอดอลของเขา แล้วถ้าเขารู้ว่าจริง ๆ แล้วมัดเป็นผู้ชายก็อาจจะทำให้รู้สึกผิดหวังได้ มัดเลยปล่อยเลยตามเลย ใครอยากเข้าใจยังไงก็ปล่อยให้เข้าใจอย่างนั้น แต่เจตนาจริง ๆ คือมัดแค่อยากให้แฟน ๆ รู้สึกว่ามัดเป็นพวกเดียวกับเขาอะไรแบบนั้น...ตั้งใจฟังเชียว เข้าใจที่มัดอธิบายใช่ไหมคะ ?”


ถูกเขาแหย่เอามันส์อีกแล้ว…


คงเพราะผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต ผมจึงไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าจริง ๆ แล้วตัวเองนั้นยังอ่อนหัดกับเรื่องคารมคมคายอยู่มาก จนได้มาพูดคุยกับคนตรงหน้าเนี่ยแหละ...แถมยังเป็นการได้คุยกันอย่างงง ๆ อีกด้วยนะ กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกมึน ๆ อยู่เลยว่าตกลงแล้วเราสองคนมาเริ่มคุยกันได้ยังไง เพราะตอนแรกเขาเข้ามาทักเพราะคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเราถึงได้ต่อบทสนทนากันมาจนถึงตอนนี้ได้ ผมควรจะถูกหิ้วปีกไปโรงพักแล้วด้วยซ้ำถ้าหากเขาต้องการเอาเรื่องผมจริง ๆ


แปลกคน


แต่ก็ช่างเถอะ


เอาเป็นว่าการได้พูดจากับคนตรงหน้าเนี่ยแหละ ถึงได้ทำให้ผมรู้ตัวว่าจริง ๆ แล้วผมมันพวกไก่อ่อน คนตาหวานร้ายกาจมาก นิสัยขี้เล่นอย่างนี้ต้องมีคนชอบเยอะมากแน่ ๆ เลย น่าแปลกที่พอคิดได้อย่างนั้น ภายในใจของผมมันก็แอบกรุ่น ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก ผมปัดความรู้สึกน่ารำคาญพวกนั้นออกไปอย่างไม่ไยดีจะหยิบขึ้นมาคิดวิเคราะห์ว่ามันเกิดจากอะไร บรรยากาศระหว่างเราค่อย ๆ เงียบลง อีกฝ่ายคล้ายกับหมดเรื่องสนทนาจึงเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ที่อยู่ภายนอก และใบหน้าด้านข้างที่แสนเพอร์เฟ็กต์ของเขาก็สะกดสายตาของผมอีกรอบตามประสา


ผมกระแอมไอเล็กน้อยหลังจากมองเพลิน ๆ อยู่เพียงไม่นาน และเพราะไม่อยากให้เกิดช่องว่างระหว่างบทสนทนาจนทำให้ความประทับใจแรกของการคุยกันระหว่างเราแห้งแล้งมากจนเกินไป จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยทีท่าเก้ ๆ กัง ๆ


“ว่าแต่ว่า… ใช้นามปากกาว่ามัลลิกา แต่จริง ๆ ไม่ได้ชื่อมัลลิกาใช่มั้ยครับ”


เขาแทนตัวเองว่า ‘มัด’ ผมจึงเดาไปว่าเขาน่าจะชื่อมัดละมั้ง


คนตาหวานเอ่ยตอบโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม สายตาของเขายังจับจ้องอยู่กับวิวด้านนอก


“ครับ ไม่ได้ชื่อมัลลิกา”


เขาตอบกลับเพียงเท่านั้นราวกับไม่ได้ใส่ใจสักเท่าใด ทำเอาผมไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว อะไรของเขาวะนั่น อยู่ ๆ ก็เกิดประหยัดถ้อยประหยัดคำขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ก่อนหน้าก็เห็นพูดคุยหยอกล้อเล่นกันเก่งกาจออกขนาดนั้นแท้ ๆ ผมเผลอย่นคิ้วอย่างขัดใจ และถามจี้ต่อ


“ผมเห็นคุณแทนตัวเองว่ามัด คุณชื่อมัดหรือครับ”


สาบานได้เลยว่าผมแอบเห็นคนตรงหน้าอมยิ้มหน่อย ๆ อย่างกับว่าผมดันไปทำอะไรให้เจ้าตัวถูกใจอย่างไรอย่างนั้น


เขาหันกลับมาสบตากับผม และตอบแบบประหยัดถ้อยคำอีกครั้ง


“เปล่าครับ ไม่ได้ชื่อมัด”


“อ้าว แต่…”


“สนใจหรือครับ”


“...”


“อยากรู้หรือครับ”


เละ…


หมายถึงตัวผมเนี่ยแหละครับ ถูกปั่นจนเละเทะไปหมดแล้ว และผมก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้ากำลังสนุกสนานมากทีเดียวกับการที่สามารถทำให้ผมหัวหมุนได้มากมายขนาดนี้ ต้องยอมรับโดยดุษฎีนะว่าอีกฝ่ายมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมเองก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้แม้ว่าเราจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ผมก็อยากจะต่อบทสนทนากับเขาไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบ…อย่างนี้ล่ะมั้งที่เขาเรียกกันว่าแรงดึงดูด


ผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ากำลังทะเลาะอยู่กับครองขวัญ ถ้าหากข้อความของอีกฝ่ายไม่เด้งขึ้นมา


ติ๊ง!


ติ๊ง!


ติ๊ง!


ติ๊ง!


ติ๊ง!



ครองขวัญ : ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ
ครองขวัญ : กูไปทำอะไรให้มึงนักหนา
ครองขวัญ : มึงมันคนเหี้ย
ครองขวัญ : มึงกำลังจะทิ้งกูใช่มั้ย ได้กูจนหนำใจแล้วมึงก็จะทิ้งกู
ครองขวัญ : ไอ้ชาติหมา




ถ้าอยู่คนเดียวผมคงร้องไห้ออกมาแล้วแน่ ๆ ข้อความที่กำลังปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ผมกำมือแน่นอย่างต้องการระบายความอึดอัดใจ พิษสงร้ายกาจจากข้อความเหล่านั้นทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าครองขวัญรักผมจริง ๆ หรือแค่อยากมีผมไว้เป็นแค่ทีระบายอารมณ์ ที่ผ่านมาผมพยายามคิดมาตลอดว่าทำไมคนรักกันถึงต้องด่ากันแบบสาดเสียเทเสียอย่างกับว่าเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางไหนอย่างนี้ด้วย แต่ถ้าถามผมผมไม่ได้เกลียดเธอเลยสักนิดเดียว และในขณะเดียวกันผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะมีความรู้สึกอย่างนั้นต่อเธอเลยด้วย เพราะถึงอย่างไรเราสองคนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีความสัมพันธ์มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันไม่ใช่เหรอ แต่...ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมจะรับมันเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว พลังด้านลบที่ผมมีต่อเธอมันกำลังเพิ่มทวีมากขึ้นทุกวัน จนผมเกรงว่าการพูดคุยกันมันอาจแปรเปลี่ยนความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอให้กลับกลายเป็นความเกลียดชังขึ้นมาก็ได้


ผมคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง คนตาหวานตรงหน้ามองผมด้วยสายตาราวกับกำลังค้นหาคำตอบ หากแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา


ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติด้วยการเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า


“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ ผมแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ผมชื่อ…”


“มัดต้องไปแล้วครับ พอดีมีธุระต่อน่ะ”


“...”


...เลยเหรอ


ตัดบทฉับอย่างนี้ก็ได้เหรอ


“อ่า...ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีที่ได้คุยกันนะครับ คุณมัลลิกา” แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเก็บกลั้นความเสียดายเอาไว้ และตอบกลับไปอย่างสุภาพ


คนตาหวานหยุดนิ่งไปนิดหนึ่ง สีหน้าราวกับครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า


“อันที่จริงแล้ววันนี้มัดว่าจะออกไปดื่มที่บาร์ xxx แถวเอกมัย”


“ครับ...”


แล้วบอกกูทำไม งง


เขายิ้ม


“มัดอยากรู้ชื่อคุณนะ”


“...”


“แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าถ้าพูดอย่างนี้แล้วจะมีคนตามไปหาหรือเปล่า”


ตึกตัก…


“ส่วนชื่อของมัด”


“...”


“ชื่อ ‘มัดใจ’ ครับผม”


น่ากลัวมาก…


ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพูดการจา หรือกระทั่งรอยยิ้มอันแสนหวานหยาดเยิ้มนั่น มันทำให้ก้อนเนื้อในอกผมกระตุกแรงราวกับถูกใครบางคนฉุดกระชากออกมาด้วยความเร็วยิ่งกว่าแสง หน้าตาของผมในตอนนี้มันต้องดูประดักประเดิดมากแน่ ๆ ผมพยายามดึงวิญญาณกลับเข้าร่าง กระแอมกระไอเล็กน้อย และตอบกลับอย่าง (คิดว่า) มีชั้นเชิงว่า


“ผมไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะว่างไหมเหมือนกัน ถ้ายังไงขอคิดดูก่อนนะครับ”


“แล้วเจอกันครับ”


...จ้ะ


เริ่มจะชังน้ำหน้าขึ้นมาหน่อย ๆ แล้วสิ เขาดูมั่นใจมากเลยว่าถึงยังไงคืนนี้ผมก็ต้องคลานเข่าเป็นหมาไปเขาหาถึงที่ เขามั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าผม เขามั่นใจมากว่าตัวเองนั้นหล่อเหลาเอาการ แม้แต่ไอ้การเล่นควันบุหรี่โดยพ่นมันออกมาเป็นรูปโดนัท เขาก็รู้ว่ามันทำให้เขาดูเซ็กซี่ฉิบหาย และเพียงแค่มองสบตากันเท่านั้นเขาก็ยังสามารถหยั่งรู้ได้อีกด้วยว่าผมน่ะมันแพ้ทางเขายับเยิน


เขารู้!




(โปรดติดตามตอนต่อไป)


TALK : บอกเลย เมะลูกหมากับเคะนางพญา


#มัดใจเจ้าคุณ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai3:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด