ท้องฟ้าที่หวานที่สุด : ตอนที่ 7 - 24/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ท้องฟ้าที่หวานที่สุด : ตอนที่ 7 - 24/08/62  (อ่าน 2482 ครั้ง)

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17


เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ท้องฟ้าหลากสีสวยหวาน น่าค้นหา
ทว่ากลับแสนไกล ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกห่างออกไปเรื่อยๆ


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สวัสดีค่ะ tiutae อ่านว่า ติวเต้ น้าา
"ท้องฟ้าที่หวานที่สุด"
เป็นนิยายยาวเรื่องแรกในรอบหลายปี หลังจากพักไปนานตั้งแต่มัธยมเลยค่ะ
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ
เรื่องนี้เกิดจากอารมณ์และความรู้สึกล้วนๆเลยค่ะ ไปอ่านกันเล้ย :'0

hello! it's me
INSTAGRAM @TIUTAES


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


#ท้องฟ้าที่หวานที่สุด
บทนำ


     “นั่งสบายๆไป อย่าเกร็ง”


     “แล้วกูต้องพูดอะไรมั่ง”


ภายในสตูดิโอสุดจะ DIY เพียงแค่นำผ้าสีครีมนวลมาขึงเป็นพื้นหลัง วางโซฟาหนังสีน้ำตาลแดงไว้ตรงกลาง ข้างๆกันมีโต๊ะไม้เล็กๆสีอ่อนตัดกับโซฟาไว้ตั้งแจกันสีขาวบรรจุดอกคาร์เนชั่นสีชมพูหวานเอาไว้เป็นพร็อพประกอบฉาก รอบด้านถูกล้อมด้วยขาตั้งไฟดวงใหญ่ สารพัดอุปกรณ์ถ่ายทำ ดูรกและวุ่นวายไปหมดก็จริงสำหรับสตูดิโอที่จำกัดพื้นที่ในหอพักนักศึกษาแบบนี้ แต่ขอแค่ฉากหน้าสวยถูกใจผู้กำกับก็เป็นพอ

ร่างสูงผละออกจาก Lumix Gh5 กล้องลูกรัก เขาตีหน้าเครียดก่อนจะปัดมือไปทางซ้าย เป็นสัญญาณให้คนที่นั่งอยู่หน้ากล้องขยับตัวตามอย่างลนลาน ผู้ชายเจ้าสำอางอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้ม และกางเกงสแลคเข้ารูปสีน้ำตาลอ่อน ทุกอย่างดูเรียบง่าย นุ่มนวล ขัดกับหน้าตายุ่งเหยิง บึ้งตึงที่เจ้าตัวเป็นอยู่ตอนนี้ ส่วนคนหลังกล้องใส่เพียงเสื้อยืดสีดำและกางเกงวอร์มเข้ารูปที่เหมาะสำหรับการทำงาน


“แนะนำว่าชื่ออะไร เรียนอะไร ปีไหนแค่นั้นก่อน”

“เออๆ”

“นั่งไขว่ห้างดีกว่า แล้วก็ยิ้มด้วย”

“เออ”


คนหน้ากล้องเริ่มจัดระเบียบร่างกายตัวเองใหม่ เมื่ออีกคนเห็นแบบนั้น จึงเริ่มตั้งค่ากล้องให้พร้อม ปรับโฟกัส ปรับแสง ให้ภาพออกมาสวย และมองเห็นคนตรงหน้าได้ชัดที่สุด ตามที่ต้องการ

“โอเคมองกล้องนะ หรือจะมองกูก็ได้ สบายๆ”
คนหน้ากล้องเริ่มพรูลมหายใจยาว หลับตาทำสมาธิ ก่อนจะวางสายตาไว้ที่เลนส์

“กล้องสปีด.. เริ่มเลย” คนหลังกล้องพูดอย่างเคยชิน เป็นสัญญาณว่าเริ่มบันทึกวีดีโอ


“สวัสดีครับ ชื่อศศิภา ถิรโชติวงศ์ ชื่อเล่นชื่อฟ้า .. อืม..เรียนภาพยนตร์ ปีสามแล้วครับ”

“ชื่อเหมือนผู้หญิงเลยนะครับ มีที่มาที่ไปรึเปล่า”
คนหน้ากล้องจิ๊ปาก ปั้นหน้าโกรธเคืองแล้วแพนสายตามาหาคนหลังกล้องทันที


“เอ้า ตอบเร็วๆ เผื่อไปก่อน ตัดออกได้” เขาพูดกลั้วขำ บรรยากาศเริ่มลื่นไหล และเป็นไปด้วยดี

“ชื่อฟ้าเนี่ย-”

“อย่าหน้าบึ้งดิ เอาแบบเดิม”
คนฟังเริ่มโบกมือผ่านหน้าตัวเองไปมาเพื่อปรับอารมณ์ อีกคนมอง ได้แต่ยิ้มขำ


“ครับ .. ชื่อฟ้าเนี่ย จริงๆย่อมาจากท้องฟ้า พ่อผมเขาเป็นจิตกรครับ สมัยตอนแม่ท้องโตๆ เขาชอบเอาสีมาวาดท้องแม่แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ อืม..แล้วรูปสุดท้ายก่อนจะคลอดผม เป็นรูปท้องฟ้าครับ”

“เป็นชื่อที่น่ารักมากเลยครับ” เขาพูดอย่างจริงใจ ส่วนคนหน้ากล้องได้แต่ยักไหล่ ทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำชม

“ปลอมมากคุณน้ำตาล .. แล้วกูต้องพูดไรต่อเนี่ย!”


จบบทนำ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2019 15:54:40 โดย tiutae »

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
-ท้องฟ้าที่หวานที่สุด-
ตอนที่ 1


     “ไอ้ตาล สรุปมึงจะถ่ายอะไรวะ”

     “หมายถึงไรวะ”

พวกผมนั่งกันอยู่ที่โต๊ะไม้ร่มๆข้างสนามบอล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตึกคณะนิเทศศาสตร์ คนที่พูดประโยคเมื่อกี้คือ เป้ง ที่ตอนนี้กำลังหันเลนส์กล้องเข้าหาสนามบอล ผมเห็นนักบอลจำนวนหนึ่งกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่กลางสนามหญ้าสีเขียว และแดดที่ส่องลงกลางกบาลพอดี ทำให้ผมนั่งมองภาพนั้นอย่างเวทนา..

เป้งเป็นเพื่อนคนแรกของผมในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ และนับว่าสนิทที่สุดก็ว่าได้ เรารู้จักกันตอนเรียนซัมเมอร์ปีหนึ่ง สวัสดีครับ ผมตาลนะ คุณชื่ออะไร แบบนี้เลย ส่วนคนที่สองก็คือท้องฟ้า ที่มาเจอกันตอนเปิดเทอม


“หนัง Documentary ของพี่แฟรงค์ไง”

“อ่อ..”

“อะไร มึงจะกั๊กกูรึไง ไอ้ผู้กำกับโง่” กระแนะกระแหนมา เลยกระตุกยิ้มให้หนึ่งที

ผม ท้องฟ้า แล้วก็เป้ง เรียนด้วยกันมาจนจบปีสอง ตอนนี้จะขึ้นปีสามก็ถึงคราวเลือกสาย เลยต้องแยกกันไปคนละทิศละทางอย่างช่วยไม่ได้ พวกเราต่างมีเส้นทางของตัวเอง ตัวผมเองผมเลือกที่จะเรียนกำกับการแสดง ผมอยากเป็นผู้กำกับ รู้สึกอยากจะเป็นคนที่คุมทิศทางทั้งหมดของตัวหนังให้ได้ดั่งใจ
แต่ก็คุมได้แค่หนังแหละครับ


“ที่จริง..กูเริ่มถ่ายไปนิดหนึ่งละ แต่ไม่รู้จะเวิร์คไหม”

“รีบไปอีก ใครรีบกว่ากันวะ มึง หรือจารย์ .. แม่งเพิ่งจะเปิดซัมเมอร์ สั่งไฟนอลเฉย งงแดก”

“ส่งก็ตั้งนู่น..ตอนปิดคลาส เขาให้เวลามึงได้คิดเยอะๆก็ดีแล้วไง”

“กูจะล่กกว่าเดิมน่ะสิ” ผมไม่รู้จะตอบอะไรก็เลยหัวเราะแห้งๆไป

ส่วนเป้งเนี่ย มันไปสายกำกับภาพ ชอบถ่ายรูปถ่ายวีดีโอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เวลาผมจะสร้างหนังสักเรื่อง ตากล้องคู่ใจก็คือมันนี่แหละ .. ส่วนท้องฟ้า เขาไปสายเขียนบท รายนั้นขี้เพ้อเจ้อเวิ่นเว้อ ก็ถือว่าไปถูกทางแล้ว

พวกเราสามคนทำหนังสั้นกันบ่อย เอาสนุกๆ ในช่วงปีหนึ่ง ดึงคนนั้นคนนี้ที่รู้จักในคณะมาช่วยงานอยู่บ่อยๆ ผลงานก็พอไปวัดไปวา ไม่ได้แย่หรือโดดเด่น เคยส่งประกวดก็ตกรอบกลางคันไปทุกที แต่สำหรับผม มันก็คือช่วงเวลาดีๆที่ยังคงรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ เพราะที่ผ่านมาผมสนุกมากจริงๆ .. ถึงแม้ว่าพักหลังๆท้องฟ้าจะห่างๆออกไปก็ตาม แต่ผมก็ยังปฏิบัติกับเขาเหมือนอย่างเคย ว่าเรายังคงสนิทกันเหมือนเดิม แม้ลึกๆจะรู้ ว่าช่องว่างมันใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมแล้วก็ตาม

ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเรียนซัมเมอร์ ไอ้เป้งมันมาหาแรงบันดาลใจในส่วนของไฟนอลพี่แฟรงค์ ส่วนผมเอง ก็มานั่งรอนักแสดงนำของผมอยู่ มองไปยังตึกคณะที่ใหญ่โตอีกครั้ง มีนักศึกษาเดินเข้าออกกันขวักไขว่ แต่ไม่ยักจะมีคนที่ผมรอคอย

ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น หน้าจอ ปรากฏชื่อ ‘ท้องฟ้า’ ตัวผมกดรับไปอย่างไม่ลังเล


(น้ำตาล กูเลทนิดหนึ่งนะ พอดีพี่อิฐเข้ามอ เอางานมาให้กูอีกละ ขอแวบไปคุยก่อน)


ชื่อนี้อีกแล้ว..

“โอเค”

(ไปรอที่นมนมนมเลย เดี๋ยวกูตามไป ไม่นานๆ)

ยังไม่ทันตอบตกลง สายก็ถูกตัดไปแล้ว.. ผมหันไปมองเป้ง มันก็ยังคงจับภาพของนักบอลที่เริ่มเตะลูกหนังบนสนาม สีหน้ามัน
จริงจังมากจนผมแอบตลก ไม่บ่อยนักที่จะเห็นมุมนี้ของมัน


“เป้ง ต้องแยกละว่ะ ได้เวลาไปถ่ายละ” จริงๆไปนั่งรอต่างหาก

“เออๆ กูว่ากูอยู่ตรงนี้อีกนานเลย” เป้งตอบ แต่ไม่ได้หันมาสนใจอะไรผม ผมตบบ่ามันสองสามที ก่อนจะผละตัวออกมา

.

.

ตอนนี้ผมย้ายตัวเองมาอยู่ที่คาเฟ่ร้านดังในมหาวิทยาลัย ชื่อร้าน NOM NOM NOM เป็นคาเฟ่กระจกใส มีโซนอินดอร์และเอาท์ดอร์ จัดเป็นสวนร่มรื่นเล็กน้อย ซึ่งไม่ห่างจากสนามบอลสักเท่าไหร่ ยังคงมองเห็นอยู่ไกลๆเพียงแต่มีตึกนิเทศฯบดบังไปบ้าง ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะริมกระจก เปิดฝากล้องอย่างทะนุถนอม เช็ดเลนส์ด้วยผ้าที่เตรียมไว้ พวกกระเป๋าอุปกรณ์กล้อง และไมค์วางอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆตัว

บนโต๊ะผมมีแก้วโกโก้ร้อนสองแก้วที่เริ่มเย็นชืด..

ท้องฟ้าจะปล่อยให้ผมรอเก้ออีกหรือเปล่า


ในขณะที่เริ่มคิดน้อยใจ .. เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น พร้อมปรากฏร่างของคนที่คุ้นเคย

ผมยิ้ม เมื่อเห็นท้องฟ้าในสภาพหอบMacBook และกระเป๋าสะพายข้างสีกรมใบเดิม รีบร้อนเดินเข้ามา เขาวางของที่พะรุงพะรังไว้บนโต๊ะ ไรผมข้างๆชื้นเหงื่อ แก้มสองลูกแดงระเรื่อจากการที่เลือดสูบฉีด ตัดกับผิวขาวชัดเจน แต่กลับน่ามองอย่างประหลาด ผมหยิบกล้องขึ้นมาตั้งค่า และกดบันทึกทันที


“โทษว่ะ เลทเกือบชั่วโมงเลย กูนึกว่าพี่เขาจะคุยแปปเดียว” ท้องฟ้าพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อย ส่วนผมก็บันทึกไว้ทุกการกระทำ แล้วค่อยไปคัดเลือกเอา “อัดแล้วหรอ แล้วกูต้องทำอะไรล่ะเนี่ย” ท้องฟ้ามองมาที่ผม เขาเริ่มเกร็ง ยิ้มแปร่งๆ และจัดทรงผมย้ำไปย้ำมา

เวลาเห็นเขาทำอะไรเงอะงะ ก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที

ท้องฟ้าเป็นคนหล่อ หล่อแบบจีนๆ ตาเฉี่ยว จมูกโด่ง ผมสีธรรมชาติตัดสั้นทั่วไป ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดนั่นแหละ ผมคิดว่า ท้องฟ้าไม่จำเป็นเลยที่จะต้องกลัวว่าตัวเองจะดูแย่ไหม เพราะมันดูดีเสมอ .. นี่พูดแบบไม่อวยเลยนะ


“วันนี้ทำอะไรมาบ้าง งานเป็นไงบ้างเล่าให้ฟังหน่อย”

“วันนี้ก็มีเรียนกฎหมายธุรกิจบันเทิง แล้วก็ไปคุยกับพี่อิฐมา” รอยยิ้มผมมักจะลดลงเสมอ เมื่อได้ยินชื่อนี้ “ตอนนี้กูได้งานมาเพิ่มคือ ต้องแก้ทรีทเมนต์โปรเจกต์ของพี่อิฐใหม่ เกือบทั้งหมด .. เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” ที่ท้องฟ้าพูดหมายถึงเนื้อเรื่องโดยรวม

“โปรเจกต์อะไรยังไง”

“ความลับ” ท้องฟ้าพูดเสียงทะเล้น ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มสดใส “ใบ้ให้ว่าเป็นหนังใหม่ของบริษัทใหญ่ น่าจะได้ถ่ายทำช่วงต้นปีหน้า”

“แล้วกูเดาอะไรได้บ้างเนี่ย”

สาเหตุที่ท้องฟ้าเริ่มออกห่างจากพวกผมเป็นเพราะ เขาเริ่มเฉิดฉายในวงการนี้มากขึ้น ค่อยๆแสดงฝีมือให้ผู้คนเห็น จนเป็นที่ต้องการของมืออาชีพบางคน .. ถือว่าเก่งมากแล้วนะ ถ้าเทียบกับพวกผมที่ยังอยู่ที่เดิม ทำงานให้คณะ และรุ่นพี่

พี่อิฐ เป็นอดีตอาจารย์พิเศษของทางมหาวิทยาลัย ที่เคยสอนพวกผมในวิชาเขียนบท แต่อาชีพจริงๆของพี่แกคือผู้กำกับภาพยนตร์นอกกระแส เขาดึงให้ท้องฟ้าไปเป็นผู้ช่วยในการเขียนบทในช่วงปีสองเทอมแรก เพราะในชั้นเรียน ท้องฟ้าทำได้ดีทีเดียว .. และตั้งแต่นั้นมา ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเราอยู่กันคนละระดับ หลังจากนั้น เราก็เริ่มไกลกันขึ้นเรื่อยๆ

ท้องฟ้ายกโกโก้ขึ้นดื่ม ผมไม่แน่ใจว่ามันเย็นชืดไปแล้วรึยัง


“ยังอร่อยเหมือนเดิม.. ซึ้งใจว่ะ จำได้ด้วยว่าชอบกินโกโก้ร้อน”

“มันยังร้อนอยู่หรอมึง..” ผมพูดแหย่อย่างรู้ทัน ว่าท้องฟ้าคงรู้สึกผิด มันก็ส่งยิ้มแหยๆมาให้ผม


“แต่ต่อให้ไม่เจอเป็นปีก็จำได้"

ประโยคนั้นที่ผมพูดไป ท้องฟ้ามองผมนิ่ง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา แล้วเฉไฉมองไปทางอื่น ผมหัวเราะกับท่าทางซึนๆนั่น แม้ในใจจะยังคงมีความกลัวอยู่ตลอด ว่าวันหนึ่งเราอาจจะไม่สนิทกันเหมือนเดิม.. จนบางครั้งก็เผลอพูดอะไรที่ดูอ่อนไหวออกไป


“ที่จริงกูรู้แหละว่าพักหลังๆกูไม่ค่อยอยู่กับพวกมึงเหมือนเมื่อก่อน .. แต่พวกมึงก็อย่าทิ้งกูนะ ยังไงพวกมึงก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเสมอ..ฝากบอกเป้งด้วย” ผมแอบเห็นตาใสๆนั่นมีน้ำคลออยู่หน่อยๆ ท้องฟ้าอ่อนไหวได้ง่ายๆ เป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร

“ไม่ต้องมาทำซึ้งหรอก ตั้งใจทำงานไป อนาคตมึงจะได้เป็นคนเขียนบทเก่งๆอย่างที่หวัง ไม่มีใครทิ้งใครหรอก”

“รู้หน่า.. แต่ก็แอบรู้สึกเศร้าเวลานึกถึงเมื่อตอนปีหนึ่ง” ท้องฟ้ายิ้มให้ผม ก่อนจะมองมาที่กล้อง

“ได้ละหนึ่งซีน”

พวกเราคุยไปหัวเราะไป สัพเพเหระไปเรื่อย ผมกดบันทึกเป็นครั้งคราว เพื่อกันไว้เผื่อมีปัญหา .. และในตอนที่จะกดบันทึกใหม่ ด้านหลังท้องฟ้าไกลๆ ผมเห็นใครบางคนกำลังเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้ามา


อาจารย์อิฐ..

เขาสูงชะลูดพอๆกับผม น่าจะอยู่ที่ร้อยแปดสิบกว่า แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์สบายๆ แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ เขาหอบกระเป๋าเป้มาใบหนึ่ง และเป้าหมายของเขาคือท้องฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ผมถอนหายใจทิ้ง ลังเลอยู่ว่าจะกดบันทึกวีอีโอดีไหม.. แต่สุดท้ายผมก็กดไป และวางมันไว้ที่โต๊ะ ไม่ได้ถืออย่างเดิม


เขาเดินเข้ามาใกล้และหยุดลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆท้องฟ้า

“จารย์หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ทันทีที่สบตากับเขา อาจารย์อิฐแกรับไหว้

“อ้อ อธิภัทร สวัสดีครับ”


ตัวท้องฟ้าเอง พอเห็นผมทักทายจึงหันไปมอง และเกิดรอยยิ้มน้อยๆ แต่ชัดเจนแค่ไหนว่าตื้นตัน

“ไหนว่าพี่จะไปคุยกับพวกพี่แต้มไงครับ” ท้องฟ้าเปิดประเด็นขึ้นมา

“พี่แต้มสอนปีสามอยู่ ใกล้เลิกพอดี พี่เลยจะมารอที่นี่ เดี๋ยวเข้าออฟฟิศไปด้วยกันทีเดียว” พี่อิฐพูดและทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ข้างๆกับท้องฟ้า

“สรุปคือฟ้าไม่ต้องไปแน่นะ พี่อิฐชอบจดกำหนดการผิด เดี๋ยวได้โดนพี่แต้มด่าหูชาอีก”
เป็นบทสนทนาที่เด็กอย่างผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักนิด


ผมเป็นเหมือนกล้องบันทึกภาพ ที่ทำได้แค่มอง ฟัง และบันทึกมันเอาไว้

ส่วนท้องฟ้าก็คือท้องฟ้า อยู่แสนไกล ยิ่งมองนาน ก็เหมือนยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ


คิดถึงไอ้เป้งว่ะ รู้งี้น่าจะชวนมันมาด้วย ไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องกลายเป็นอากาศธาตุเลย .. ผมลูบกล้องไปมา ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความคิดในหัว ลูกรักผมมันยังคงบันทึกเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ เพราะยังไงหน้าที่ของมันก็คือเก็บทุกเรื่องราวของท้องฟ้า .. แม้ว่าผมจะไม่ชอบเนื้อเรื่องในส่วนนี้เลยก็ตาม


“แล้วนั่นทำอะไรน่ะ”

อาจารย์อิฐที่คุยๆกับท้องฟ้าอยู่ตอนแรก จู่ๆก็ให้ความสนใจผมกับกล้องที่วางอยู่บนโต๊ะแทน เพราะเขาดึงสติผม ผมถึงสังเกตเห็นว่าท้องฟ้าแปลกไป ดูท่าน่าจะโดนตัดบทเข้าอีกแล้ว หน้างอแบบนั้นคือหลักฐานชั้นดีเลย
เอาจริงๆผมรู้ว่าพวกเขาทะเลาะกันบ่อยมาก
แต่ก็นะ


“งานไฟนอลของพี่แฟรงค์น่ะครับ”

“สั่งไฟนอลตอนนี้อะนะ?” เขามีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ “อ้อ รู้ละว่างานอะไร ละเราก็มาตามถ่ายฟ้าเขาอะหรอ” สีหน้าใจดีเริ่มถูกแทนที่ด้วยความไม่พอใจ แม้จะเจือจาง แต่ผมดูออก

“ครับ” ผมตีหน้านิ่ง

“งั้นรบกวนตัดพาร์ทนี้ออกด้วยนะครับ พอดีผมไม่สะดวกใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ของคุณ”

“.....” ผมไม่ตอบอะไรกลับไป .. ได้แต่เหลือบมองใบหน้าที่ขมขื่นของคนด้านหลัง ท้องฟ้าเอาแต่มองพื้น เม้มปากเหมือนคนกำลังข่มอารมณ์

“แต่ถ้าไม่ได้ถ่ายอยู่ ก็ขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดไป”

พูดจบเสียงเรียกเข้าของอาจารย์อิฐก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าเป้เอาไว้ ส่งยิ้มสุภาพมาให้กับผม ก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่บอกลาท้องฟ้าเลยสักคำ


ความเงียบโรยตัวลงมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

และถูกทำลายด้วยคนตรงหน้าในที่สุด


“มีอะไรอีกไหมสำหรับวันนี้”

“เอ่อ ไม่มีแล้วมั้ง มึงไปพักเถอะ”

“อืม..”

“…..”


“กูนี่โง่เนอะ”


ผมรู้ดีว่าประโยคนั้นหมายความว่าอะไร .. แต่ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปเหมือนกัน

.

.

ผมนั่งดูวีดีโอทั้งหมดที่ถ่ายมาในวันนี้ ซึ่งก็มีแค่วีดีโอที่อยู่ในคาเฟ่นมนมนมนั่นแหละครับ นาฬิกาบนผนังบอกเวลาตีหนึ่งกว่าๆ ห้องทั้งห้องมีเพียงiMacอย่างเดียวที่คอยให้แสงสว่าง ผมไม่ได้ชอบที่มืดๆ เพียงแต่นั่งตัดต่องานจนแสงอาทิตย์มันหมดไปก็เท่านั้น .. ผมเป็นแบบนี้บ่อยมาก ก็ดูแย่นิดหน่อย มันเหมือนไม่ค่อยดูแลสุขภาพ
ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมาหลายชั่วโมง เมื่อรู้สึกตัวว่าห้องมืด ถึงได้ลุกไปเปิดไฟ และกลับมานั่งดูคลิปวีดีโอต่อ


“ทำไมไม่ให้ฟ้าไปล่ะครับ ตอนนี้ฟ้าก็ว่าง ไปนั่งฟังประชุมด้วยก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร”

“พี่บอกว่าพี่จัดการได้ ฟ้าก็พักผ่อนอยู่ห้องไป”

“แต่ฟ้าอยากไปช่วย”

“พี่บอกไม่ได้ก็ไม่ได้ไง” ทั้งคู่เงียบไป ผมไม่รู้ว่าสีหน้าของพวกเขาเป็นยังไง เพราะกล้องถูกวางไว้บนโต๊ะเฉยๆ


“พี่เขาอยู่ด้วยใช่ไหมครับ”

อาจารย์อิฐเงียบไป เขาถอนหายใจ มีท่าทีรำคาญอย่างเห็นได้ชัดแม้จะไม่เห็นหน้า


“แล้วนั่นทำอะไรน่ะ” และนั่นคือประโยคที่หันมาคุยกับผม..

ผมกดหยุดไว้ตรงนั้น จู่ๆก็กระวนกระวายใจ เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดที่เขาคุยกัน และคิดว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะรู้สึกยังไง


ท้องฟ้าไปได้อีกไกล และจะไปได้ไกลมากๆถ้าเขาหยุดความสัมพันธ์แบบนั้นกับอาจารย์อิฐเอาไว้ ท้องฟ้าไม่เคยบอกว่ามันเป็นความสัมพันธ์แบบไหน .. ไม่เคยมีใครถาม แต่ก็ใช่ว่ามันจะเดายากนักหนา

แล้วสำหรับผม ผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่เลย


จบ ตอนที่ 1


- TALK TALK -
สวัสดีค่า มาคุยกันหน่อยยยย
ท้องฟ้าที่หวานเจี๊ยบของน้ำตาล ไม่ใช่เรื่องดราม่าจ๋าขนาดนั้นนะ!
แต่เป็นนิยายรักจ๋า ที่อยากแสดงให้เห็นถึงความรักที่ค่อยๆเรียนรู้จากอุปสรรคบางอย่าง ประมาณนี้ค่ะ
อาจจะไม่ใช่เรื่องที่พล็อตหวือหวา แต่ไอ้ความธรรมดานี่แหละค่ะ ที่เราอยากจะลองเขียนขึ้นมา
ตอนแรกๆอาจจะยังไม่มีอะไรสนุกๆ รอก่อนนะ! ติชมได้เลยนะคะ ขอบคุณค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2019 23:57:01 โดย tiutae »

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
-ท้องฟ้าที่หวานที่สุด-
ตอนที่ 2


“ตอนนี้มีแฟนรึยังครับ”

“เอ่อ..”

“พูดแบบไม่เจาะจง เอาที่อยู่ในขอบเขตที่มึงคิดว่าเล่าได้”
ท้องฟ้าในสตู DIY เช่นเดิม ชุดเดิม ในวันเดิม แต่บทสัมภาษณ์นั้นก้าวลึกเข้าไปในใจอีกขั้น


“ไม่รู้ว่าพูดไปคนดูจะคิดยังไง .. จริงๆผมแอบกลัวนะ ว่าคำซุบซิบนินทามันจะหนาหูกว่าเดิมไหม แต่ก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว” ใบหน้านั้นเจื่อนลงนิดหน่อย แต่แวบเดียวเท่านั้นเขาก็กลับมาเข้มแข็ง

“จะมีก็แค่อย่างเดียวเลย คือผมไม่ได้ขายแลกงาน” ท้องฟ้าตีหน้าจริงจัง จนคนหลังกล้องอย่างผมหลุดขำ ท้องฟ้าเลยพลอยหัวเราะตามไปด้วย
คำนินทาที่ไม่เคยหายไปไหน ในตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลกร้าย ที่น่าจะเลวร้ายที่สุดแล้วมั้ง สำหรับคนคนหนึ่ง


“แต่ผมรู้ดีครับ ว่าอะไรเป็นอะไร” ผมพูดออกไป ให้กำลังใจคนตรงหน้า

“ขอบคุณครับ” และท้องฟ้าก็ยิ้มกลับมาให้ผม


“ที่จริงก็..อยากเรียกว่าแฟนนะ เขาคือคนที่แทบจะเป็นทุกอย่างสำหรับผมเลย เขาเป็นเหมือนคนจุดประกายให้ผมเริ่มรักภาพยนตร์ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงผลักดันให้เริ่มทำตามความฝัน และผมก็คิดว่าผมรักเขาด้วยใจจริง” ท้องฟ้าหยุดคิด ดวงตาดูเหม่อลอยไปหลายวินาที และก็เริ่มพูดอีกครั้ง


“แต่ผมอาจจะเป็นฝ่ายเดียวที่วาดอนาคตไว้แล้ว ว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนั้น”

ด้วยสีหน้าที่ผมอ่านไม่ออกเลย

.

.

“หนึ่งสองสามสี่ ห้าหกเจ็ดแปด สองสองสามสี่ เอาใหม่!”

ผมยืนอยู่หน้าห้องปฏิบัติสำหรับคลาสการแสดง ซึ่งเป็นห้องเรียนของพวกเอกการแสดง แต่ตอนนี้ถูกพวกเชียร์ลีดเดอร์คณะยึดไปเรียบร้อย เสียงการนับจังหวะยังคงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง และดังมาถึงตรงที่ผมยืนอยู่ .. เอาจริง ผมไม่กล้าเข้าไป เพราะรู้สึกว่าเป็นคนนอก เมื่อมองผ่านประตูกระจกเข้าไป บรรยากาศข้างในก็ค่อนข้างตึงเครียดระดับหนึ่ง ผมว่ามันไม่ถูกกาลเทศะเท่าไหร่ที่จะแบกกล้องเข้าไปถ่ายท้องฟ้า
ท้องฟ้าเป็นลีดคณะ เมื่อก่อนก็เฉิดฉายพอตัวล่ะนะ แต่ตอนนี้ก็คงต้องส่งไม้ต่อให้รุ่นน้องแล้ว


“เห้ย.. ทำไมไม่เข้าไปวะ เงอะงะอยู่หน้าห้องเนี่ย มองตั้งนานแล้ว” ท้องฟ้าเปิดประตูออกมาหาผม

“มึงจะบ้าหรอ เปิดประตูเข้าไปตอนนี้ก็เด่นเลยดิ”

“เข้าได้ มันตึงแค่ตอนนี้แหละ พวกปีสี่เข้ามาเบ่งให้น้องกลัว เดี๋ยวก็ออกไปกันละ .. มา เข้ามารอเลย”

ท้องฟ้าจับข้อมือผมแล้วดึงเข้าห้องไป ผมรั้งไว้ครู่หนึ่งเพื่อยกกล้องขึ้นมาตั้งค่าและรีบกดบันทึก ผมถ่ายบรรยากาศรอบๆ และมาหยุดที่ท้องฟ้า ฟ้าอยู่ในชุดเสื้อยืดโคร่งๆและกางเกงยีนส์เข้ารูป ไรผมชื้นเหงื่อ กับแก้มแดงระเรื่อยังคงดูดีเช่นเคย ส่วนผมก็เดิมๆ ชุดพร้อมทำงาน


“อืม..ก็ วันนี้ว่างงาน ไม่มีประชุม ไม่มีใครเรียกตัว เลยแวะเข้ามาดูน้องๆว่าที่ลีด”
บรรยากาศในห้องดีกว่าที่คิด ไม่ได้มีใครสนใจผมกับฟ้าขนาดนั้น และตัวฟ้าเองก็ยังคงเกร็งกับกล้อง


“ว่าที่ลีดคือหมายความว่าอะไร”

“อันนี้คือน้องๆที่สนใจอยากเป็นลีด แล้วก็ต้องรอคัดตัวอีกที นี่แค่ปล่อยท่าให้ แล้วก็เวิร์คช็อปน้องๆ”

“โห แล้วแบบนี้นี่ สอนใครได้ด้วยหรอครับเนี่ย” ผมพูดแหย่ไป ซึ่งแน่นอนว่าท้องฟ้ามันขี้เอาชนะครับ

“อ้าว มึงพูดงี้ .. โฟกัสดีๆนะครับอย่าให้หลุด”

ท้องฟ้ามันชี้กล้องก่อนจะเริ่มออกไปห่างๆ และตั้งท่า กางแขนตั้งการ์ด มันก็เริ่มตวัดแขนตวัดลวดลายของมันไป พร้อมกับพึมพำเพลงเบาๆไม่ให้รบกวนกลุ่มคนด้านหลัง เสียงกระดูกลั่นก็ดังแว่วมาเป็นระยะ หัวเราะทางจมูกก็ทรมานเหลือเกิน .. เล่นใหญ่สุด ท่าไหนลงไปคลุกฝุ่น ผมก็ถ่ายตามแทบไม่ทัน และด้วยการนั้น พวกด้านหลังก็เริ่มให้ความสนใจกับพี่ฟ้าที่กำลังเหวี่ยงแขนอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกรุ่นพี่ส่งสัญญาณให้น้องเงียบ ก่อนที่จะมีเสียงใครสักคนแทรกขึ้น


“อีฟ้า เป็นเหี้ยไร กระดูกแขนจะหลุด”

“55555555555555555555555555555” ฮาครืน ส่วนอีฟ้าได้แต่ปิดหน้าปิดปากอย่างกระดากอาย สุดท้ายก็มาลงไม้ลงมือกับผม
ได้คอมเมดี้มาอีกซีน แล้วหลังจากนั้นมันก็ไม่เขินกล้องผมอีกเลย

.

.

“พี่ฟ้าปกติพี่ฟ้าชอบกินโรงไหนอะ”

ถึงช่วงพัก เสียงทุกเสียงรอบตัวดังตีกันมั่ว จะชัดเจนที่สุดสำหรับผมก็ต่อเมื่อมีคำว่า ‘ฟ้า’ ผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง กำลังจัดการกับอุปกรณ์กล้องต่างๆ หยุดชะงัก และหันควับไปที่ต้นเสียง .. ฟ้ายืนอยู่กับเด็กปีหนึ่งคนหนึ่งซึ่งผมจำชื่อน้องไม่ได้ หน้าตาถือว่าธรรมดาถ้าเทียบกับผม (จริงๆนะครับ) แต่น้องจะออกแนวขาวๆจีนๆสะอาดสะอ้าน ถือว่าน่ามองทีเดียว

“ปกติพี่ชอบกินโรงวิศวะ แต่วันนี้คงโรงนิเทศล่ะมั้ง ใกล้ๆพอ” ท้องฟ้ากำลังยิ้มให้ไอ้เด็กตัวโต

“อ่อ เหมือนผมเลย..”


ถ้าผมพูดว่า ผมกำลังหวงแม้กระทั่งรอยยิ้มการค้าของมัน

แม้จะฟังดูบ้าบอ แต่มันคือเรื่องจริง

ผมลังเลว่าจะกดอัดถ่ายเหตุการณ์นี้ไว้ หรือดูอยู่ห่างๆดี แต่เหมือนร่างกายจะไวต่อความรู้สึกในอกมากกว่าความคิดในสมอง รู้ตัวอีกทีเท้าผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งคู่ และตระหนักได้ว่ากล้องลูกรักผมวางอยู่บนโต๊ะ


“พวกผมก็กำลังจะไป-”

“ฟ้า”

ผมพูดขัดน้องไปแบบไม่คิด .. ไม่คิดเลยจริงๆ ฟ้ามองหน้าผมเลิ่กลั่กสลับกับหน้าน้องที่เริ่มงงงวย

“ไปกินข้าวไหม” เอาสิมึง กูขัดขามึงแบบไร้ชั้นเชิงเลยไอ้เด็กน้อย


แต่โคตรไม่ชอบตัวเองแบบนี้เลยว่ะ


“อ่อ เออๆ ไปดิ หิวพอดี” ท้องฟ้าหันมาพูดกับผมก่อนจะโบกมือลาน้องคนนั้นอย่างกระอักกระอ่วน ส่วนผมก็นะครับ รับชัยชนะมาแบบรู้สึกผิดนิดๆ

.

.

ตรงหน้ากล้องตอนนี้มีบะหมี่หมูแดง และโกโก้เย็นวางอยู่พร้อมกับมนุษย์หน้าตาสดใสหนึ่งคน ท้องฟ้าลงมือทานแบบไม่เกรงกลัวอำนาจกล้องอีกแล้ว มุมปากมันเลอะซอสหมูแดง ดูเลอะเทอะขนาดที่ผมก็มองว่ามันน่ารักไม่ลงอีกต่อไป


“ฟ้า เบา..”

“ฮื้อ?” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ทำเอาหลุดขำ เพราะแม่งเลอะจริงๆ ผมเลยยื่นมือออกไปเช็ดให้ ฟ้ามองตามมือผมนิดหน่อย ก่อนจะรีบกลืนและยิ้มกรุ้มกริ่ม

“แน้ๆๆ ทำออกกล้องแบบนี้ เดี๋ยวมึงได้มีซีนโรแมนติกหรอก”

“ก็มึงแดกเลอะจริงๆ”

“คิดถึงสมัยก่อนเลย ที่กูกับมึงชอบโดนเอาไปจิ้นว่าเป็นแฟนกัน .. ไอ้เป้งงี้ ตัวดีเลย”

ผมหัวเราะไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่วางกล้องไว้ และทานข้าวไปกับท้องฟ้า ปล่อยให้มันพูดไปเรื่อยๆ รายนี้เม้าเก่ง ไม่มีเดดแอร์หรอกครับ


“กับอีแค่มึงนวดขมับให้กูตอนคาบจารย์เจมส์ กูก็สบายของกูอะ เพื่อนนวดให้ใครจะปฏิเสธ แล้วมึงก็เต็มใจด้วย”

“มึงบังคับกูหรอก”

“บังคับไร มึงอาสาเอง กูแค่บ่นว่าปวดหัว”

ผมเอื้อมมือไปดีดปากเล็กๆของมัน หลังจากนั้นเราก็เริ่มก่อสงครามกันเบาๆ มันเริ่มขโมยลูกชิ้นเนื้อในชามผมไป ส่วนผมก็ขี้เกียจแย่งกลับเลยปล่อยให้มันกิน ก็เท่านั้น


แต่เวลาแห่งความสุขของท้องฟ้าคงสั้นไป .. รวมถึงผมด้วยล่ะมั้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าของท้องฟ้าดังขึ้น โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะปรากฎชื่อชัดเจนว่าใคร .. สีหน้าของท้องฟ้าเปลี่ยนไปในทันที จากที่ยิ้ม ก็เริ่มที่จะยิ้มไม่ออก ท้องฟ้าเริ่มอึกอัก พอเขาจะมองมา ผมเลยก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ ทำเป็นไม่สนใจ ก็บอกเป็นนัยแหละว่าไม่ต้องเกรงใจกูหรอก แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆแล้วก็เถอะ


“ครับ” แล้วท้องฟ้าก็ตัดสินใจกดรับสาย

“งั้นให้ฟ้าไปหาไหม .. ครับ ส่งเมลก็ได้ จะให้แก้อะไรก็พิมพ์บอกมาให้ละเอียดแล้วกัน .. เปล่าครับ .. แค่นี้ก่อนนะฟ้ายุ่งๆอยู่” พอท้องฟ้ากดวางสาย ไม่นานเสียงเรียกเข้าจากสายเดิมก็ดังขึ้นอีก แต่เขาก็ทำเป็นเมินมันไป ตัวผมเองรับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปในตอนนี้ และเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง แต่ก็ทำได้แค่อยู่เงียบๆ

เมื่อท้องฟ้าไม่รับสาย ก็กลายเป็นข้อความที่ส่งมารัวๆแทน ท้องฟ้าจึงเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมายิ้มเจื่อนๆให้กับผม ผมส่ายหน้าตอบ ให้รู้ว่าไม่เป็นไร..


“ปะ เก็บจาน เดี๋ยวกูน่าจะไปดูน้องๆต่อว่ะ”

“มึง .. มีอะไรเล่าให้กูฟังได้นะ”

เพียงครู่หนึ่งที่ท้องฟ้ามองไปที่กล้อง แต่ก็กลับมามองหน้าผมแล้วส่ายหน้ายิ้มกวนๆแทน


พวกเราพากันลุกไปเก็บภาชนะ และไม่นานนักผมก็ถูกไอ้เป้งโทรตามให้ไปช่วยงาน ส่วนท้องฟ้าก็แยกไปที่ห้องเดิม เพื่อไปดูน้องๆลีด .. เราแยกกันตรงนั้น ด้วยความรู้สึกที่ยังคงติดค้าง สำหรับผม

.

.

ณ ร้านอาหารไทยร้านหนึ่งข้างๆมหาวิทยาลัย เวลาสี่โมงเย็น ชื่อร้านคือ ครัวป้าแอ๋ม เป็นร้านที่ค่อนข้างสะดุดตา เพราะแต่งร้านด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ดูร่มรื่น น่านั่ง แม้จะเป็นร้านแบบเปิดรับอากาศด้านนอกก็ตาม .. ผมกวาดสายตาไปรอบๆ เมื่อเห็นแผ่นหลังไอ้เป้งเพื่อนสนิทอยู่ไกลๆ จึงเดินเข้าไปหา


“เอ้า มาแล้วหรอ พอดีเลย กับข้าวมาแล้ว” มันทัก ส่วนผมก็หย่อนก้นลงเก้าอี้ตรงข้ามมัน

“เห้ย .. มึงสั่งอะไรมาเยอะแยะวะ บอกว่ากินข้าวแล้ว” ตรงหน้าผมนั้นคือ สารพัดอาหารไทย น้ำพริกปลาทู แกงเขียวหวาน ฉู่ฉี่ไข่ปลาริวกิว และหมูทอดนมสด

“เออน่า นั่งไปนานๆเดี๋ยวก็หิว แล้วก็ไม่ได้บอกให้กินเลยสักหน่อย กูจะถ่ายก่อน” ไม่รู้หน้าผมโง่ หรือแสดงออกมากไปว่ากูงง มันเลยพูดต่อ

“งานพี่แฟรงค์ไง กูจะถ่ายที่นี่ เพราะร้านนี้เขาจะมีเซ็ตเมนูพิเศษประจำวัน แล้วแต่อารมณ์ป้าแอ๋ม”

“อ่อ.. แล้วนักบอลมึงอะ”

“โห่ยไอ้สัด ขี้เก็กกันฉิบหาย กูบอกขอถ่ายทำเกี่ยวกับสารคดีหน่อยได้ไหมครับ พอดีสนใจอยากทำเรื่องของนักกีฬา แม่งตอบกู .. อ้อ อยากทำก็ทำครับ แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ วิ่งไปเตะบอลต่อ ปล่อยกูเคว้งเลย อี๊..ไม่ได้เท่เลย กูยังหล่อกว่า”

“เอ้า.. พาล”


“นี่ๆๆ กลับมาเรื่องนี้ กูมีถ่ายวิธีการทำของป้าแกด้วยนะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเล่าอะไรยังไงดี เลยจะให้มึงมาช่วยคิด แล้วก็เนี่ย ค่าตอบแทนคือมาช่วยกูแดกหน่อย” เป้งมันยื่นกล้องมาที่ผม ให้ผมดูวีดีโอที่มันถ่าย .. จัดว่าดีเลย

อืม .. รู้งี้กูไม่น่าไปแดกโรงนิเทศกับไอ้ฟ้าเลย แดกฟรีด้วย


“คุยง่ายจังวะ เขาให้ถ่ายด้วย”

“อ้อ ที่จริงดรีมคุยให้ ถือว่าโปรโมทร้านไปด้วย กูก็เพิ่งรู้ว่าดรีมทำงานอยู่ร้านนี้ ก็เลย..ลักกี้!”

ดรีม.. ผมใช้เวลาอยู่พักหนึ่งลองนึกดูว่าในชีวิตนี้ผมรู้จักคนชื่อดรีมกี่คน .. ซึ่งให้พูดตรงๆก็น่าจะมีคนเดียว


“เพราะงั้น กูกินด้วยนะมื้อนี้” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง ผมหันมอง เห็นดรีมถือแก้วน้ำอัญชันมาสองแก้ว และวางลงที่โต๊ะ
ดรีมเป็นผู้หญิงสวย หน้าคม และผมสีดำมักจะถูกมัดรวบเป็นหางม้าทะมัดทะแมงอยู่เสมอ เธอยิ้มให้ผม และมันก็ยังคงเป็นรอยยิ้มที่น่ารักอยู่เหมือนเดิม ผมเองก็ไม่ติดอะไรที่จะยิ้มตอบกลับ


“อุแหม่ .. ถ่านไฟเก่ามันร้อน รอวันรื้อฟื้นนน”


“พ่อมึงสิร้อน” ผมตอบ

“ด่าไอ้เป้งเก่งจริงคุณ ไม่มีเปลี่ยน” ดรีมเบะปากใส่ผม ส่วนผมยักไหล่ไม่ใส่ใจ ก่อนจะคว้าแก้วน้ำอัญชันมาดื่ม

“เดี๋ยวนี้หางานทำด้วยหรอวะ ทำไมอะ ขัดสน หรือขี้ช็อปจนเป็นหนี้เป็นสิน”

“ปากดีนะอีน้ำตาล”


“โอย กูมันส่วนเกินว่ะ”

“มึงก็เริ่มถ่ายสักทีดิ จะคุยก็รีบคุย!”

.

.

ในที่สุดก็กลับถึงห้อง ผมนั่งอยู่หน้าiMacที่เปิดไว้สว่างโร่ มองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้มีข้อความกวนๆของ dreammie ปรากฏอยู่ ผมไม่ตอบอะไรกลับอีก และวางมันลงบนโต๊ะ .. เหลือบไปเห็นกล่องแหวนกำมะหยี่ที่อยู่ใกล้ๆกัน ด้วยใบหน้าที่เจือรอยยิ้มแบบไม่รู้ตัว .. มันเป็นแหวนคู่โง่ๆที่ผมเคยซื้อมา อีกวงก็คงอยู่กับดรีม ถ้าเขายังไม่ได้ทิ้งไปน่ะนะ

ให้บอกตรงๆก็รู้สึกดีอยู่หน่อยๆที่ได้คุยกับมันอีกครั้ง ก็แฟนเก่าทั้งคนนี่ อาจเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันด้วยมั้ง แค่เลิกกันไปเพราะไม่มีเวลาให้กัน เขาเป็นลีดเก่า รุ่นเดียวกับท้องฟ้านั่นแหละ เรียนเอกเดียวกันด้วย ส่วนผมตอนนั้นก็ทำแต่หนัง เลยตัดสินใจห่างๆกันไป .. พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็เลยรู้สึกว่าเขายังน่ารักอยู่เสมอ .. เท่านั้นเอง

ผมกลับมาจดจ่อกับวีดีโอที่ถ่ายท้องฟ้าไปวันนี้ ค่อนข้างพอใจ เพราะเหมือนท้องฟ้าจะพูดเยอะขึ้น แถมพูดถึงผมอีกต่างหาก ทำให้เนื้อเรื่องไปต่อได้ง่ายขึ้นมาก ผมทำงานต่อเรื่อยๆ และหมกมุ่นอยู่กับคอมพิวเตอร์ไปพักหนึ่ง จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าดังขึ้น


ท้องฟ้า

ผมแปลกใจนิดหน่อยที่ท้องฟ้าโทรมาเวลานี้ และมันทำให้ผมลังเลที่จะรับสายนิดหน่อย


“ว่าไง”

(มึงอยู่ไหน)

“ห้อง.. ทำไมวะ”

(…..) ท้องฟ้าเงียบไป มีเสียงหายใจขัดๆดังให้ได้ยินแผ่วเบา และเสียงกุกๆกักๆในห้องเหมือนกำลังหยิบของ ปลายสายดูร้อนใจ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

“ท้องฟ้า..”

(ขอไปนอนด้วยได้ไหม)

“…..”



“ได้ดิ”


แต่รู้ไหมว่าตอนนั้นทำไมผมถึงเลิกกับดรีมได้ง่ายดายเหลือเกิน

ในขณะที่ดรีมต้องจมอยู่กับความเศร้าไป ณ ตอนนั้น ส่วนผมกลับเสียใจเพียงเพราะ รู้สึกเหมือนตัวเองได้ใจร้ายกับผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งไป ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้เสียใจเพราะผม แต่ผมไม่ได้เสียดายความสัมพันธ์นี้เลย ไม่ได้หาทางแก้ไขมันด้วยซ้ำ แต่เลือกที่จะตัดออกไปอย่างไม่ลังเลอะไรอีก

เพียงเพราะคนคนหนึ่ง คนที่ทำให้ผมต้องคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อยไป และปล่อยวางไม่ได้สักที


จบ ตอนที่ 2

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือออ ดีมากเลยอ่านแค่นี้ยังหลงรักท้องฟ้าเลยอะะ ติดตามนะคะ มาต่อไวๆน้า ชอบมากค่ะะะะ

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
-ท้องฟ้าที่หวานที่สุด-
ตอนที่ 3


เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หลังจากที่วางสายท้องฟ้าไปได้เกือบยี่สิบนาที ที่ที่ผมอยู่เป็นหอพัก ห้องสี่เหลี่ยมน้อยเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาๆ ส่วนท้องฟ้ามันอยู่คอนโดซอยฝั่งตรงข้ามนี่เอง เลยใช้เวลาเดินทางไม่นานเท่าไหร่ .. ผมปิดโปรแกรมตัดต่อลง ไว้ทำต่อวันหลัง ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว แต่เกรงว่าจะปล่อยให้คนหลังประตูรอนานเสียมากกว่า เลยรีบเดินไปเปิด

รอยยิ้มของท้องฟ้านำเด่นมาแต่ไกล ผมยิ้มตอบ เขาในชุดนอนชูถุงเซเว่นที่บรรจุขนมและเครื่องดื่มมากมายให้ผมดู ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าห้องผมไป ถอดรองเท้า วางของลงที่พื้นข้างเตียง และล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงอย่างสบายใจ
ดูสภาพแล้วท้องฟ้าก็ไม่ได้แย่อะไร ผมคงคิดมากไปเอง


“กูนึกว่าไอ้เป้งจะถึงก่อนนะเนี่ย”

เดี๋ยวนะ..


“หมายถึงไรวะ”

“กูชวนเป้งมาด้วย แบบว่ารียูเนี่ยนไงมึง คิดถึง”


ฟัค.. กูเกลียดมึงจริงๆท้องฟ้า ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย!


“อ่อ..”

ปึงๆๆๆๆๆ

เสียงทุบประตู.. ย้ำว่าทุบ ดังขึ้นรัว ตายยากมาก ผมหันไปจะเอ่ยปากพูด แต่ก็ไม่ทันมือมันที่เปิดพรวดเข้ามาแล้ว ซึ่งไร้มารยาทฉิบหาย งั้นมึงก็ไม่ต้องเคาะก็ได้มั้ง นรก


“พร้อมหน้าพร้อมตา เหมือนย้อนวัยไปสมัยหนุ่มๆ”

“ไอ้ควาย อย่าเวอร์”

“เห้ย ทำไมโมโห ปากคอเราะร้ายจังเลยอะ กูตื่นเต้นหน่อยก็ไม่ได้” ผมจิ๊ปากรำคาญ มันพูดจบก็เดินเข้าห้องผมไป ถอดรองเท้ากระจัดกระจาย เดินไปคว้าถุงขนมสีเหลืองอร่ามและขึ้นไปแดกบนเตียง นอนเกยพุงท้องฟ้าสบายใจ

“ฟ้ากินไหม”

“มีหน้ามาชวนกูด้วย.. คนซื้อก็กู เอามา!”


เออ อนุญาตให้แดกบนเตียงก็ได้

“เปิดเพลงให้หน่อยดิน้ำตาล” ท้องฟ้าหันมาพูดกับผม ผมเองก็เดินไปเปิดเพลงคลอเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเตียงบ้าง เพื่อร่วมวงพูดคุย โดยนั่งพิงริมๆหัวเตียงด้วยความที่มันเหลือที่ให้ผมกันแค่นี้

เตียงผมใหญ่พอสำหรับผู้ชายสามคน..ถ้ามันนอนกันดีๆอะนะ ซึ่งอีกสองคนก็คือนอนกินขนมกันสบายใจอยู่กลางเตียง ผมมองภาพนี้ยิ้มๆ คิดถึงอย่างบอกไม่ถูก นานมากแล้วที่เราไม่ได้รวมตัวกันครบๆที่ห้องผม ตอนที่มาทำงานกลุ่ม ตัดต่อหนังที่ทำ นานากิจกรรมที่เมื่อก่อนมาทำกันที่ห้องนี้ .. ผมเหมือนได้เห็นภาพที่คุ้นเคย ที่นี่ตอนนี้เหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้งเลย


“คิดถึงว่ะ..”

ท้องฟ้าพูดขึ้นอย่างเลื่อนลอย

“นานมากเลยที่ไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้พร้อมๆกันสามคน นอนหลับหลังจากที่งานเสร็จ ตื่นขึ้นมา หันไปก็เจอแต่พวกมึง”

“เห้ย ฟ้าพูดไรอะ .. เดี๋ยวกูร้องไห้โชว์เลย”


ผมดีใจนะที่ท้องฟ้ารู้สึกเหมือนกัน แต่ก็แอบน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุผลที่เขากลับมาอยู่ตรงนี้เป็นเพราะอะไร
พี่อิฐมักจะเป็นตัวแปรหลักเสมอ ไม่ว่าท้องฟ้าจะตัดสินใจทำอะไร หรือกระทั่งเหตุผลที่กลับมาอยู่ตรงนี้ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพวกเขาทะเลาะกัน.. แน่นอน ที่พึ่งเดียวที่ท้องฟ้ามี จะเป็นใครได้ นอกจากเพื่อนอย่างพวกผม

เจ็บใจนะ แต่ผมจะคอยต้อนรับมันเสมอ เพราะยังไงสถานะความเป็นเพื่อน ผมก็จะไม่มีวันทิ้งมันไปเช่นกัน


“มึงจำวันแรกได้ปะ กูไม่ได้เรียนซัมเมอร์กับพวกมึง เพราะกูเข้าช้ากว่า พอเปิดเรียนมา กูนี่ไร้เพื่อนจัดๆ”

“กูไม่ชอบขี้หน้ามึงด้วยฟ้า ดูเหมือนตุ๊ดหยิ่งๆ” ไอ้เป้งพูดซะเห็นภาพ คือกูว่าจะไม่หัวเราะละนะ

“ใช่ เห็นใครขาวๆมึงก็ทึกทักว่าเขาเป็นตุ๊ดไปทั่ว โดนตีนเข้าสักวันแน่ ขี้เหยียด อี๋”

“กูเปล่า!”

“ทุกวันนี้กูยังแยกไม่ออกเลยว่าสรุปกูเกลียดมึงเล่นๆหรือเกลียดจริงๆ”

ผมหัวเราะกับไอ้สองคนที่เถียงกันเป็นเด็กๆ หวังซึ้งไม่ได้หรอกนะ ถ้าไอ้เป้งมันยังไม่หลับน่ะ


“แต่ขอบคุณมึงนะน้ำตาล ที่ชวนให้กูไปนั่งด้วยตอนคลาสอนุชิต” ท้องฟ้าหันมามองผมด้วยแววตาที่ยังคงความสดใส

“ทำซึ้งหรอ”


“กูโชคดีจริงๆที่รู้จักกับพวกมึง”

ผมยิ้มตอบให้ท้องฟ้า เป็นยิ้มที่ตัวผมเองรู้สึกว่า นั่นผมยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกจริงๆ .. และห้องก็เงียบไป ไร้เสียงแซว เพราะไอ้เป้งแม่งนอนน้ำตาไหลอยู่เงียบๆ


“55555555555555555555555555” กูลั่น


หลังจากที่คุยเรื่อยเปื่อยกันจนง่วง ผมก็ไล่พวกมันไปล้างหน้าแปรงฟัน ตอนนี้ก็พร้อมนอนกันแล้ว ไอ้เป้งนอนริม ตรงกลางเป็นท้องฟ้า ส่วนที่ของผมก็คืออีกข้างของท้องฟ้านั่นแหละ ผมยุ่งอยู่กับคอมพักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจปิดไปในที่สุด .. หันมาอีกทีพวกเพื่อนๆก็ผล็อยหลับกันหมดแล้ว ผมเดินไปปิดไฟ เปลี่ยนเป็นไฟดวงเล็กแสงสีส้มนวลตา และขึ้นไปนอนข้างๆท้องฟ้า

ท้องฟ้านอนหงาย ส่วนผมก็นอนตะแคงเข้าหาเขา พิจารณาเสี้ยวหน้าอย่างใกล้ๆ ใกล้แบบที่ไม่ได้ใกล้ได้บ่อยๆ .. อยากจะเก็บทุกวินาทีตอนนี้เอาไว้

และในตอนนี้ด้วย ที่ท้องฟ้าตะแคงมาหาผม .. เปลือกตายังคงปิดสนิท ลมหายใจกลิ่นมิ้นท์จากการแปรงฟัน แก้มขาวๆ และปากเล็กๆดูน่ามองไปเสียหมด


ชอบที่สุด


ผมเอื้อมมือไปแตะที่แก้มนุ่มนั้นเพียงเบา เบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวน และไม่ให้เขาตื่นขึ้นมารับรู้อะไร

ไม่ให้เขารู้ ว่าผมอยากจะจูบริมฝีปากนั้นมากขนาดไหน


สุดท้ายผมก็เลือกที่จะชักมือกลับ หลับหูหลับตา และพลิกตัวหันหลังให้เขาไปในที่สุด

.

.

แดดยามเช้าสาดเป็นเส้นตรงผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท เสียงนกร้องเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกอย่างนุ่มนวล ผมลืมตาตื่นมา แต่ยังคงสะลึมสะลือ ภาพแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือใบหน้าขาวตี๋คนเดิม ปากเล็กเผยอขึ้นนิดหน่อยราวกับเชิญชวน ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้อย่างไม่รู้ตัว ราวกับคนไร้สติ หิวกระหาย เมื่อเห็นของหวานอยู่ตรงหน้า

และประทับจูบลงอย่างแผ่วเบา เพียงแค่แตะเท่านั้น..


แต่ก็ลืมไปว่ายังคงมีส่วนเกินอีกคนอยู่ในห้อง ผมที่ยื่นหน้าเข้าไปชิดกับท้องฟ้า เมื่อได้สติ ภาพที่เห็นจะกว้างกว่านั้น .. และใช่ครับ เป้งกำลังมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่อึ้ง และสับสน เขาดูตกใจมากๆ แบบที่ทำเอาผมกลัวขึ้นมาจับใจ

.

.

เวลาบ่ายสองเกือบสาม ในคลาสพี่แฟรงค์ วิชา Documentary พี่แกเปิดภาพยนตร์สารคดีของคนดังอยู่หน้าห้องเป็นกรณีศึกษา ทั้งห้องมีเพียงแสงสว่างจากจอโปรเจกเตอร์เท่านั้น และแม้ตาจะมองจออยู่ แต่ใจผมกลับกระวนกระวาย ไม่มีสมาธิเอาซะเลย

ก็ไอ้เป้งมันยังไม่คุยกับผมเลยตั้งแต่เช้า พอตื่นแล้วก็ขอตัวกลับไปอาบน้ำที่ห้อง ส่วนท้องฟ้าเองก็กลับไปพร้อมกับเป้ง หลังจากนั้นก็มาเจอกันที่คลาส .. ผมกับเป้งนั่งอยู่ข้างกัน แต่ไร้บทสนทนาจนอดที่จะอึดอัดไม่ได้ .. ตัวผมเองก็ไม่กล้าที่จะเริ่มทักทาย ผมยังคงละอายใจ และรู้สึกผิด .. ผมกลัวไอ้เป้งจะรับไม่ได้ และเสียความรู้สึก

เป้งคือเพื่อนที่อยู่ตรงกลางระหว่างผมกับท้องฟ้า ผมให้ความสำคัญกับมันพอๆกับท้องฟ้า หรือมากกว่า ในฐานะเพื่อนสนิท


“ไปดูดบุหรี่กันไหม” แต่จู่ๆมันก็พูดขึ้นมา แผ่วเบาแทบกระซิบ ไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว

“กูเลิกแล้ว”

“มึงชอบไอ้ฟ้าหรอ”

“…..” ความเงียบก่อตัวขึ้น เมื่อผมดันขี้ขลาดเกินกว่าจะพูดออกไป ช่วงเวลาที่เงียบไปมันยาวนาน และผมก็รู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่สามารถหาคำพูดใดใดที่จะอธิบายให้ดีที่สุดได้


“ทำไมมึงไม่บอกกูเลยวะ”

ผมมองหน้ามัน และเป้งเองก็จ้องผมอยู่เช่นกัน สีหน้ามันดูจริงจัง ทว่าก็ผ่อนคลายกว่าคราวแรกเช่นกัน


“กลัวมึงจะผิดหวัง”

“ผิดหวังอะไร.. มึงไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” เป้งพูดกลั้วหัวเราะ “แต่กูแม่ง.. ช็อคไปเลยว่ะ”

“อืม..”

“…..”

“กูขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไม พวกมึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม”

ผมยิ้มให้เป้ง เป้งเองก็ยิ้มและตบไหล่ผมฉาดใหญ่ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่หน้าห้อง .. ผมเองก็โล่งใจ และรู้สึกขอบคุณเพื่อนจากใจจริงๆ


เวลาดำเนินไปถึงท้ายคาบ พี่แฟรงค์ปิดสารคดีลง และก่อนเลิกคลาสก็เช็คชื่อตามปกติ

“ผมมีข่าวเล็กๆน้อยๆมาฝาก” เสียงประกาศจากอาจารย์ ทำให้นักศึกษาที่กำลังเก็บของ พูดคุยจอแจ หยุดเงียบอีกครั้ง “ช่วงใกล้ๆปิดคลาส จะมีโครงการส่งหนังประกวดเกิดขึ้น ซึ่งเป็นหนังประเภทสารคดี ถ้าใครอยากส่งเข้าประกวด .. ทำไฟนอลวิชาผมให้ดี”

เสียงพูดคุยกลับมาอีกครั้ง และดังขึ้นกว่าเดิมมาก หลังจากได้รับข่าวจากพี่แฟรงค์ .. แต่ส่วนตัวผมเองนั้น ก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก


“เอ้อ ใครที่เริ่มทำไฟนอลแล้ว อยากปรึกษาเพิ่มเติม หรือขอคำแนะนำ มาหาผมได้เลยตอนนี้นะ” จบประโยคยาวเหยียด แน่นอนว่าหลายๆคนเริ่มเก็บของออกจากห้องไปแล้วบางส่วน รวมถึงไอ้คนข้างๆผมด้วย เตรียมจะลุกอยู่รอมร่อ


“มึงดูรีบวะ ไปไหนต่อ”

“ไปร้านป้าแอ๋มว่ะ วันนี้นัดสัมภาษณ์แกไว้ .. เออมึงจะไปแดกด้วยก็ได้นะ วันนี้มีขนมเบื้องญวน”

“เออ คุยกับพี่แฟรงค์เสร็จละเดี๋ยวตามไป ฆ่าเวลาด้วย วันนี้กูว่าจะไปถ่ายที่ห้องไอ้ฟ้าตอนค่ำๆ” ผมตบกระเป๋ากล้องที่วางอยู่เก้าอี้ข้างๆกัน

“อ่าว แล้วตอนนี้มันไปไหนวะ”

“เห็นว่าพวกพี่แต้มขอให้ไปช่วยเรื่องบท แต่น่าจะคุยอยู่ที่มอนี่แหละ กูต้องรอให้มันคุยเสร็จก่อน” ไอ้เป้งพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นและสะพายกระเป๋า ผมเองก็ลุกขึ้นเพื่อจะเอาวีดีโอที่ตัดต่อไว้ไปให้พี่แฟรงค์แนะแนวทางต่อ


“เห้ย ไอ้ตาล” แต่ไอ้เป้งก็เรียกดักไว้ซะก่อน ผมจึงหันกลับไปมองมัน


“โรแมนติกนะมึงอะ..ที่เลือกถ่ายไอ้ฟ้า”


มันยิ้มล้อเลียนผม ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้อง ปล่อยให้ผมยืนหน้าร้อนผ่าวต่อไป ผมส่ายหัวให้กับความกวนตีนของไอ้เป้ง ก่อนจะกลับไปทำตามเป้าหมายอีกครั้ง


“เปิดเลย แล้วพยายามอย่าสปอยล์อะไรเรามากนะ” พี่แฟรงค์พูดติดตลก ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย

“อันนี้เป็นงานที่ผมพอจะถ่ายมาแล้วบ้างครับ ประมาณสี่นาที แต่เดี๋ยวมีตัดออกเพิ่มลดอีกเพราะยังถ่ายไม่จบ”

ผมนั่งอยู่หน้าห้องกับพี่แฟรงค์ จอMacBookกำลังฉายใบหน้าของท้องฟ้า พี่แฟรงค์ตั้งใจดูมากเสียจนผมประหม่าไปหมด และแอบเขินนิดๆ เพราะต้องมาเปิดให้แกฟังบทสนทนาบ้าบอระหว่างผมกับท้องฟ้า .. ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการมีส่วนร่วมกับการแสดงไปด้วยเลย


“อืม.. มันดูไม่ค่อยเป็นสารคดีนะ แต่ก็เป็นธรรมชาติดี ทำต่อเลย เราไม่ซีเรียสอยู่แล้ว แค่อยากให้พวกคุณลองทำกัน.. อย่าเกินสิบห้านาทีพอ เดี๋ยวคะแนนจะหายเอา”

“มีติดใจตรงไหนอีกไหมจารย์”

“เราอยากรู้ว่า ทำไมถึงเลือกถ่ายเพื่อนคนนี้ แสดงว่าเขาต้องมีอะไรดี?”

“อืม.. ก็ไม่เชิงนะครับ แต่ผมพูดได้ว่าเขาเป็นคนหลายมิติครับ เขามักจะทำงานหรือกิจกรรมอยู่เสมอ อารมณ์เขาจะแปรปรวนหน่อยๆ ผมก็อธิบายไม่ถูก”

พูดจบพี่แกก็ขำลั่นเลยครับ ผมนี่หัวเราะแห้ง เพราะพูดเรื่องจริงทั้งนั้น

“เพราะงั้นเลยเลือกคนนี้ เขาน่าสนใจสำหรับคุณถูกไหม”


“หนังเรื่องนี้ ต้องเป็นคนนี้เท่านั้นครับ”


พี่แฟรงค์ยิ้มอย่างพอใจ เขาตบบ่าผมราวกับถูกใจความมั่นหน้าของผม

“แต่เราว่าเท่าที่ดูมา ยังไม่เห็นว่าคุณจะให้เราเห็นอะไรในตัวหนัง? แบบว่า อยากให้คนดูรู้สึกรักเขา หรือไง?”

“อ่า.. ผมมีไม้ตายครับอาจารย์ เดี๋ยวถ้าถ่ายทำจบ จะรีบตัดมาให้ช่วยดูอีกทีครับ”

“เอ้อ ตอบได้ดี ขอบคุณที่ไม่สปอยล์กัน” พี่แฟรงค์หัวเราะชอบใจ ทำให้ผมต้องหัวเราะแห้งๆตามแกไป สรุปอยากรู้หรือไม่อยากรู้ครับ เอาสักอย่างพี่

“แล้วก็ เราว่าคุณลองใส่ความเห็นของคนอื่นที่มีต่อตัวเขาดูก็ดีนะ ตอนนี้มันเหมือนมีแค่ด้านของคุณกับเพื่อน”


“ที่จริง.. มันไม่ใช่หนังเกี่ยวกับเพื่อนผมเลยซะทีเดียวหรอก .. มันเหมือนเป็นเรื่องของตัวผมเองมากกว่า”
พี่แฟรงค์มองผมนิ่ง ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างที่ผมเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร


“ครับ .. เราจะรอดูนะ”

“ขอบคุณครับจารย์ เดี๋ยวผมจะลองถ่ายแบบที่จารย์บอกด้วย”

.

.

ผมยืนรอรถรางอยู่หน้าตึกคณะพลางคิดว่าจะเอาไงต่อ ระหว่างกลับห้องไปพัก กับไปกินข้าวฟรีกับไอ้เป้งที่กำลังถ่ายงาน ชั่งใจอยู่นานจนรถรางวิ่งมาอยู่ไกลๆ เลยตัดสินใจไปหาเป้งแล้วกินข้าวฟรีดีกว่า ถ้ากลับห้องก็กลายเป็นว่าผมแบกกล้องมาเรียนฟรีๆน่ะครับ ประมาณว่ารู้งี้ค่อยกลับห้องไปเอาก็ได้ ..

แต่พอผมก้าวขึ้นรถปุ๊บ เสียงเรียกเข้าก็ดังปั๊บ ชื่อท้องฟ้าเด่นหราอยู่บนจอ ผมก็กดรับสาย


“ว่าไง”

(อยู่ไหนหรอ)

“เพิ่งขึ้นรถราง ว่าจะไปกินข้าวซอยข้างๆมอ หรือว่ามึงว่างถ่ายแล้ว?”

(…..)


“ฮัลโหล ได้ยินป้ะเนี่ย”

(ขอไปหาที่ห้องได้ไหม) เสียงเขาสั่นอย่างไม่ต้องสังเกตเลย


ผมกำโทรศัพท์แน่นอย่างลืมตัว ในใจเกิดปั่นป่วน .. ไม่ได้เตรียมใจจะรับมือเลยว่ะ ที่จะต้องรับฟังเรื่องพี่อิฐ .. แต่ผมปฏิเสธอะไรมันได้ล่ะ ไม่เคยได้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่เคยคิดจะปฏิเสธด้วย


“อืม ได้”

.

.

ผมรีบตั้งค่ากล้องตั้งแต่อยู่บนรถราง เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เลนส์ ไมค์ ปรับตั้งค่าต่างๆ ท้องฟ้าส่งข้อความมาว่าอยู่ข้างล่างหอ ผมเลยต้องจัดการให้เร็วที่สุด และจะได้เก็บเรื่องราวของเขาตั้งแต่แรกเห็น

ผมนั่งวินเข้ามาถึงหอ ซึ่งอยู่ในซอยใกล้ๆมหาลัย และเริ่มจับภาพท้องฟ้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ใต้โถงตึกทันทีที่ลงมาจากมอเตอร์ไซค์ แต่จริงๆถ่ายตั้งแต่ตอนซ้อนพี่วินแล้วล่ะครับ

ผมเดินเข้าไปในตัวตึก ท้องฟ้าเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่พอสมควร แต่พอเห็นผมถือกล้อง เขากลับก้มหน้าลง ส่ายหัวอย่างหัวเสีย .. ท้องฟ้าดูเหมือนอยู่ห้วงอารมณ์ที่ดิ่งลงเหวเต็มทน ผมวางกล้องลงในจุดที่พอจะเห็นตัวท้องฟ้า กับผมที่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆกัน

ผมปาดเหงื่อใต้คาง และเพิ่งมารู้สึกว่าตัวเองเหงื่อเยอะมากๆก็ตอนนี้ เป็นเพราะผมรีบที่จะมาหาเขา ท้องฟ้ายังคงก้มหน้าก้มตาด้วยใบหน้าหม่นหมอง ไม่เอ่ยปากพูดอะไรแม้แต่นิดเดียว ส่วนผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน .. เพราะไม่อยากไปคาดคั้นอะไรนัก ถ้าเขาพร้อมเขาจะพูดออกมาเอง


“มึง.. คือกูแบบ.. เหนื่อย”

“.....” ผมเงียบฟัง

“พี่เขา..” ฟ้าเงยหน้ามองผม ก่อนจะเริ่มหัวเสียอีกครั้งเมื่อเห็นว่ากล้องยังคงบันทึกเอาไว้ “มึงช่วยปิดไปก่อนได้ไหมวะ บางทีกูก็อยากพูดแค่กับมึง” ท้องฟ้าเริ่มขึ้นเสียง อารมณ์เริ่มจะยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่ ผมจึงต้องใจเย็นเข้าสู้

“แต่นี่คือส่วนหนึ่งในชีวิตมึง กูต้องบันทึกเอาไว้”

“นี่มึงรีบถ่อมาเพราะแค่อยากได้ซีนดราม่าจากกูใช่ไหมวะ”

“ท้องฟ้า เราตกลงกันว่า-”

“สรุปมึงแม่งไม่ได้จริงใจกับเรื่องของกูเลย ในตอนที่กูต้องการมึงที่สุด แต่มึงกลับหวังผลจากเรื่องของกูอะน้ำตาล”


มันต้องการผมเสมอ ในเวลาแบบนี้ .. แค่ในเวลาที่มันเจอกับเรื่องแบบนี้

แม่ง.. กูรึเปล่าวะที่ต้องน้อยใจ


“มึงคิดได้แค่นั้นหรอฟ้า”

“.....” มันเงียบ นิ่งไป ผมคว้ากล้องขึ้นมาสะพายไว้


“นั่นดิ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากูได้อะไร จากการที่กูตามถ่ายชีวิตมึง”


ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ใจราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ผมตัดสินใจปิดกล้องไป ท้องฟ้าไม่ตอบอะไรกลับอีก นอกจากยืนนิ่ง บึ้งตึงอย่างไร้คำพูด ดวงตาเขาแดงก่ำและคลอไปด้วยน้ำตา .. ส่วนผม เพียงแค่มองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด

ก่อนจะหันหลังให้เขา และเดินจากมา


จบ ตอนที่ 3


-TALK TALK-
... ง่า

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
-ท้องฟ้าที่หวานที่สุด-
ตอนที่ 4


ตอนนี้ ผม เป้ง ดรีม ก็ได้มาอยู่ที่ร้านป้าแอ๋มอีกครั้ง คราวนี้ที่มาถ่ายไม่ได้ถ่ายอาหารหรือใครที่ไหน แต่ก็คือมาถ่ายไอ้ดรีมนี่แหละ เหมือนสัมภาษณ์ในฐานะที่มันเป็นพนักงานร้าน และอีกคนก็คือเป็นผู้ชายผิวแทน หน้าตาออกไปทางไทยๆ รู้จักชื่อแล้วคือ พี่เชฟ เขาจบมาจากมหาลัยเดียวกันกับพวกผมนี่แหละ พี่เชฟเป็นลูกชายของป้าแอ๋มซึ่งเป็นคนช่วยเรื่องครัวกับป้าแก เชฟสมชื่อครับ ทั้งคู่ใส่ยูนิฟอร์ม ผ้ากันเปื้อนของทางร้าน ดูดีทีเดียว

ส่วนผมที่มาในวันนี้ ก็คือมาช่วยมันจัดไฟเล็กๆน้อยๆ แล้วก็ดูแลกล้องด้วย เพราะมันอยากจะเข้าไปอยู่ในเฟรม ไปนั่งสัมภาษณ์น่ะครับ .. ซึ่งสะเหล่ออยากออกกล้อง เหตุเกิดจากตอนที่ผมจัดไฟอยู่ พอมาดูที่กล้อง เห็นมันในเฟรมแล้วเผลอพูดไปว่า ‘มึงขึ้นกล้องนะเป้ง’ .. แล้วไอ้ไอเดียว่าให้สัมภาษณ์พนักงานร้านก็ไอเดียผม แต่ก็นะ ช่วยๆมันครับ เป้งมันคิดอะไรไม่ค่อยออก อีกอย่างผมก็ได้กินของฟรีด้วย


“ค่ะ ก็รู้สึกดีที่ได้ทำงานที่นี่ ตอนแรกว่าจะแค่หาเงินไปซื้อของที่อยากได้ แต่ตอนนี้ไม่อยากออกจากงานเลย .. ป้าแอ๋ม สำหรับดรีมนี่ เหมือนเป็นแม่อีกคนเลยค่ะ เขาดีกับดรีมมากจริงๆ เลยคิดว่าเปิดเทอมค่อยว่ากันอีกที”

“มาคุยกับทางพี่เชฟกันบ้างดีกว่า พี่เชฟครับ การทำงานครัวเนี่ย เป็นงานยากไหม แล้วอะไรที่ทำให้พี่ตัดสินใจที่จะทำงานครัวแบบนี้”

“ก็ หลักๆคือรักร้านนี้ด้วยแหละครับ ผมกินข้าวที่นี่ตั้งแต่เด็ก แม่ทำให้กินทุกวัน จนรู้สึกว่าทิ้งไม่ได้ และอยากที่จะสืบต่อรสชาติที่แม่ทำ .. ฟังดูเวอร์ไปไหมนะ ฮะๆ” ถือว่าขึ้นกล้อง และบุคลิกภาพดีเลยทีเดียว .. ถ้าทำหนังสักเรื่อง คนแบบนี้น่าจะเป็นบทแบบไหนนะ

ถ้าเป็นท้องฟ้าคงคิดออกไปแล้ว..


อ่า.. คิดถึงเขาอีกแล้ว


“กูว่าที่กูเข้าไปอยู่ในเฟรมมันสะเหล่อว่ะตาล.. ขอใหม่ได้ไหมครับ” มันพูดกับผมก่อนจะหันไปไปพูดกับทั้งสองคน

“โถ่.. ก็กูบอกมึงแล้วใช่ไหม! เสียเวลาพี่เขาไหมเนี่ย!”


โชคดีที่พี่เขาใจดีเลยให้ถ่ายใหม่ตามที่ไอ้เป้งมันขอ หลังจากที่ถ่ายเสร็จอะไรเสร็จ พี่เชฟก็ลงครัวทำอาหารให้ และยกมาเสิร์ฟด้วยตัวเองก่อนจะไปอยู่หลังร้านตามเดิม และเนื่องจากคนยังไม่เยอะ ดรีมก็เลยอยู่ร่วมโต๊ะกับพวกผมด้วย

“กูถ่ายครบละ น่าจะไม่เกินสิบสองนาที .. ตั้งชื่อหนังว่า ครัวป้าแอ๋ม สามสิบปี แน้! อย่างได้” มันดูภูมิใจกับผลงานของมันจริงๆนะ และยังคงร่าเริงได้แม้ยังไม่ตัดงาน

“ดีใจด้วยว่ะ กูจะได้หมดเวรหมดกรรมกับมึงสักที .. เออดรีม แล้วนี่เรียนซัมเมอร์ไหม” ประโยคหลังผมเปิดประเด็นถามผู้หญิงคนเดียวของโต๊ะเรา

“อืม.. ไม่ว่ะ เราเก็บเสรีครบแล้ว แล้วก็พวกวิชาที่แอบๆไร้สาระก็เหลืออีกไม่กี่ตัว กะว่าจะหาที่ฝึกงาน”

“แล้วเลือกเรียนฝ่ายไหนอะ”

“ตัดต่อมั้ง”

“เห้ย ทีมเราขาดพอดี สนใจป้ะๆ นี่ชวนเลยนะเนี่ย” ผมเอ่ยปากชวนอย่างตื่นเต้น เพราะเวลากำกับเสร็จแล้วมานั่งตัดต่อเองเนี่ย อย่างท้อเลย ไอ้เป้งที่กำกับภาพก็เหมือนกัน พวกผมโยนงานตัดให้กันตลอด ถึงแม้ว่าเวลาออกกองจริงๆจะหาเพื่อนคนอื่นๆมาช่วยเพิ่มก็ตาม .. แต่พวกตัดต่อ ส่วนมากคิวจะเยอะ ถ้ามีสักคนมาอยู่ประจำเลยก็คงดี


“ล่มจมแน่ ดูออก” และไอ้ดรีมก็ปากดีไปตามคาด

“แหม่ กูนี่อากาศธาตุเลยนะครับ” ที่ผมเอ่ยชวนไปนั้นไม่ได้มีแรงจูงใจอื่นเลย จนกระทั่งไอ้เป้งแม่งชงมา

“โทษๆๆ”

.

.

และก็ผ่านไปอีกวัน ที่ผมไม่ได้จับกล้องของผมเลย ไม่ได้ถ่ายอะไรต่อ ไม่ได้มีวีดีโอใดใดมาเพิ่มให้นั่งตัดงาน
ผมนอนนิ่งๆอยู่บนเตียง ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่ รู้แต่ว่าผมนอนมองเพดานสีขาวอยู่นานมากโดยไม่ได้ทำอะไร และก็ไม่ได้อยากจะทำอะไร .. เหมือนคนหมด Passion .. บ้าบอสิ้นดี

มันกวนใจผมอยู่ตลอด ตั้งแต่เราทะเลาะกันครั้งนั้น นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้รู้ถึงปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ด้วยซ้ำ และหายไปโดยที่เขายังคงเสียใจ ที่แม่ง..ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผม

ในขณะที่ผมนอนดราม่าอยู่ จู่ๆเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น ผมคร้านที่จะลุกไปควานหาว่าผมวางมือถือไว้ที่ไหน แต่พอคิดว่าอาจจะเป็นเขา จึงรีบลุกขึ้นไปหาตามเสียง


และก็เหมือนสวรรค์เป็นใจ

ท้องฟ้า ปรากฏอยู่บนหน้าจอ


“ฮัลโหล”

(สวัสดีค่ะ)

เป็นเสียงที่พยายามตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีหนักๆ ดูท่าน่าจะอยู่ร้านเหล้า .. ประเด็นคือเสียงผู้หญิงด้วย


“ครับ”

(เห็นในประวัติ ว่าโทรหากันค่อนข้างบ่อยเลยคิดว่าน่าจะสนิทกัน)

“อ่า ครับ สนิทครับ”

(อยากจะถามว่า คอนโดของฟ้าอยู่ที่ไหนหรอคะ จะพาเขาไปส่ง)


“เอ่อ ไม่เป็นไร..เอางี้ดีกว่าครับ”


ตัดภาพมา ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ย่านสถานบันเทิง ไม่ไกลมากจากมหาวิทยาลัย ในตอนห้าทุ่มห้าสิบเจ็ด หลังจากวางสาย ก็รีบหาเสื้อคลุมแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ โบกแท็กซี่ออกมาเลย เพราะผมอาสาจะไปรับเขาเอง ไม่ต้องให้ใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่รู้จักไปส่ง และตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าร้านตามที่คนในสายบอกพิกัดมา

ผมชั่งใจอยู่นานกับเรื่องหนึ่ง.. แต่ก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมา และกดบันทึกเป็นวีดีโอ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน


เสียงดนตรีอีเล็กทรอนิคบาดหู กลิ่นบุหรี่จางๆ และแสงสี บรรยากาศยังคงชวนเวียนหัวไม่เปลี่ยน ผมรู้สึกไม่ถูกกับที่แบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ผมไม่ได้มีทางเลือกมากนัก .. ผมแหวกผู้คนไปจนถึงโต๊ะมุมสุดที่เป็นโซฟายาว เพื่อนๆของท้องฟ้า หรืออาจจะเป็นรุ่นพี่ เพราะเป็นคนของบริษัท ไม่ใช่คนที่มหาลัย พวกเขายังคงสนุกสนาน ดวลเหล้า และเต้นกันอย่างเมามันส์ มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่เอาแต่นั่งก้มหน้า จะฟุบแหล่ไม่ฟุบแหล่อยู่ขอบโต๊ะ และมีผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักคอยดูแลอยู่ข้างๆ ผมคิดเองว่าเธออาจเป็นคนในสาย ผมเดินไปหาจนเธอสังเกตเห็น .. และงงว่าผมถ่ายวีดีโอทำไม


“ใช่น้ำตาลไหมคะ” เธอหันมาพูดกับผม

“ใช่ครับ เอ่อ อันนี้ถ่ายเพราะเป็นส่วนหนึ่งของงานหนังอะครับ ถ้าติดคุณในคลิปจะเป็นอะไรไหม”

“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะๆ ไม่เป็นไร .. แล้วนี่จะกลับเลยไหมคะ”

“เอ่อครับ..”

“ขอโทษด้วยนะคะ แต่จริงๆให้เราไปส่งก็ได้”

“ไม่เป็นไรๆ”

บทสนทนาจบลงแค่นั้นก่อนที่เธอจะส่งตัวท้องฟ้าให้กับผม ผมจัดท่าให้แขนท้องฟ้าพาดคอผมแล้วประคองมันเดินออกจากร้าน ทุลักทุเลไปหน่อยเพราะว่าคนเยอะมาก และร้านค่อนข้างแคบ ไอ้ที่ที่ท้องฟ้านั่งอยู่ก็ดันอยู่ลึกสุดของร้าน ต้องฝ่าคนออกมา ทุลักทุเลพอสมควร

เมื่อถึงหน้าร้าน ยังมีคนอยู่ประปราย ยืนสูบบุหรี่ถือขวดเบียร์ ไม่ก็เมาแอ๋ไม่ต่างกับคนที่ผมหิ้วอยู่เลยสักนิด


“อื้อๆๆ เวียนหัวครับ ขอผมนั่ง” อยู่ๆก็กลายเป็นสุภาพชน ผมมองมันเอือมๆก่อนจะพาไปนั่งหลบๆคนให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่โต๊ะที่ไหน ฟุตบาธนี่แหละ

วีดีโอยังคงถูกบันทึก แต่ภาพที่ได้คงจะเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างน่าปวดหัว


“ใครครับเนี่ย พี่กี้หรอ”

ใครกี้ครับ กูน้ำตาล

ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายคนเมา ใบหน้าท้องฟ้าอมชมพูเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ มันหันมามองกล้องด้วยใบหน้าเหวี่ยงๆ ก่อนจะพิจารณาใบหน้าผมอยู่ครู่ใหญ่


“เห้ย มาได้ไงอะครับ ดื่มสักหน่อยไหม วันนี้พี่แต้มแกเลี้ยง”

“ฟ้า มึงเมา” ผมขำกับท่าทางทุกอย่างที่มันเป็นในตอนนี้ ท้องฟ้าเริ่มลูบหน้าลูบตา ชันเข่าขึ้นมาแล้วฟุบหน้าลงไป ดูไม่ได้เลย
ผมยิ้มเอ็นดู แม้มันจะอยู่ในบริบทที่แม่มันไม่น่าจะปลื้มก็ตาม

“ไหวไหมมึง..” ผมลูบหลังไปพลาง มันยกมือขึ้นมาส่าย เป็นคำตอบ ก่อนจะสะอึกรัวๆ หรือกระอักผมเริ่มไม่แน่ใจ แต่มันเป็นสัญญาณของอะไรบางอย่างแน่นอน .. ผมเลิ่กลั่กหาถุง หรือถัง หรือภาชนะห่าอะไรก็ได้ที่-


อ้วกกกกกกกกกกก

เค

เอาเป็นว่าได้มาอีกซีนก็แล้วกัน


“นั่งรออยู่นี่นะฟ้า” มันไม่ตอบ.. เอาแต่หน้าก้มหน้าเลอะเทอะไปหมด ผมเก็บโทรศัพท์ลง ก่อนจะนั่งยองๆลงตรงหน้าคนเมา แล้วเชยคางมันขึ้นมา ท้องฟ้ามองผมตาปรือ “ฟ้า อย่าไปไหนนะ ฟังอยู่ไหมเนี่ย”

“อือๆ” เมื่อได้รับคำตอบ ผมก็รีบวิ่งไปที่ร้านขายของชำใกล้ๆ เพื่อซื้อน้ำขวด แหละทิชชู่ให้มัน


ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ถึงเวลากลับห้องแล้ว จากตรงนี้ต้องเดินออกไปที่ถนนใหญ่ถึงจะเรียกแท็กซี่ได้ ผมตัดสินใจแบกมันขึ้นหลัง โดยมันก็ให้ความร่วมมือดีนะ เสียงงุ้งงิ้งๆบ่นอยู่ข้างหูเป็นระยะ ตอนนี้ผมถึงได้ใช้เวลาอยู่กับมันสองคนจริงๆ ถึงอีกคนจะไร้สติก็เถอะ .. พูดตรงๆ การไม่ถ่ายมันดีกว่าอยู่แล้วแหละ แต่ผมตกลงแล้วว่าจะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ให้เสร็จ ผมก็ต้องรับผิดชอบให้จบ .. คิดอะไรเพลินๆได้ไม่เท่าไหร่ ท้องฟ้าก็ส่งเสียงอืออาทำท่าจะพูดอะไร ผมเลยตั้งใจฟังมันอีกครั้ง


“มึง..”

“หืม?”


“กูขอโทษนะ”

“…..”

“แค่อยากได้รับความสำคัญจากมึง”

“อืม”


น่าจะเก็บไว้อีกซีนนะเนี่ย

.

.

ในที่สุดก็ถึงห้องสักที แบกนานๆก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน และถ้าถามว่าห้องใคร ตอบเลยว่าห้องท้องฟ้า .. ผมเคยมาที่นี่ไม่บ่อยนัก เพราะปกติมันจะเป็นฝ่ายมาหามากกว่า จึงรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าทุกครั้งที่เข้ามาที่นี่ .. ผมมาส่งที่ห้องมันเพราะผมไม่รู้กำหนดการทำงานของมันนัก เผื่อมันต้องรีบออกไปบริษัท ถ้าอยู่ห้องผมก็อาจจะเสียเวลาเดินทางเข้าไปอีก เลยคิดว่ามาส่งที่ห้องเจ้าตัวเลยน่าจะดีกว่า

ห้องโทนสีน้ำเงิน อบอุ่นและเคว้งคว้างในเวลาเดียวกัน ผมเข้าไปในโซนห้องนอน คอนโดท้องฟ้าไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็แบ่งเป็นโซนห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอน เป็นสัดส่วนอย่างดีสำหรับการอยู่คนเดียว

ผมโยนมันลงเตียง แบบโยนจริงๆ เพราะแบกนานๆก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ส่วนมันก็นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไป .. ผมเดินออกไปที่ห้องครัว หากะละมังสักใบมาใส่น้ำ กลับมาหาชุดนอน และผ้าขนหนูสักผืนที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อจะชุบน้ำแล้วเอาไปเช็ดตัวให้คนเมา


“ท้องฟ้า ลุกก่อนเร็ว จะเช็ดตัว” ผมพูดเสียงทุ้มนิ่ม เอาใจมันสุดๆ มันลืมตาขึ้นมามอง ก่อนจะจิ๊ปากใส่แล้วพลิกตัวหนี..

เอ้า! กูผิดอะไรที่หวังดี


“ไอ้ควาย” ผมด่ามันด้วยความรัก.. ก่อนจะถอดเสื้อผ้ามันเองแม่งเลย ไม่รู้ด้วยแล้ว

“เห่อออ หนาวอ่า” มันโอดครวญ.. มึงหนาวอะไรกูยังไม่เปิดแอร์ด้วยซ้ำ .. หรือนี่จะเป็นบทจำเจของคนเมาวะ แต่เอาเถอะ ผมถอดเสื้อออกไปได้ในที่สุด พรูลมออกจากปาก เมื่อคิดว่ากูต้องถอดกางเกงด้วยสินะ .. ละเหี่ยใจ

ผมปลดกระดุมกางเกงที่มันใส่ และพยายามถอด แบบพยายามมาก ถอดยากฉิบหาย เวรเอ๊ย ไม่ได้โรแมนติกอะไรให้กูเลย ผมถอดมันยันน้องกางเกงในแหละครับ กลัวขี้กากขึ้นไข่ ก่อนจะเช็ดตัวให้มัน

จากใบหน้าขาวตี๋ ลำคอยาวสวย ไปถึงไหปลาร้า และหัวไหล่มน ไล่ลงมาที่ท้อง จับมันพลิกตัว เช็ดไปที่แผ่นหลัง และแขนทั้งสองข้าง .. กูขอเว้นตรงนั้นให้มึงตื่นมาล้างเองตอนเช้าแล้วกันนะท้องฟ้า พอเช็ดขายันตีนให้มันเสร็จก็จับมันใส่ชุดนอน


“แล้วนี่ก็คือบทสรุปของคนขี้เมาครับ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายท้องฟ้าอีกครั้ง “และผมก็ได้รับคำขอโทษมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เขาจะจำมันได้ไหม .. แต่ผมก็จะขอโทษเขาเหมือนกัน ในตอนที่เขามีสติกว่านี้อะนะ”

ผมพูดคนเดียวจนจบ และเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะสังเกตเห็นว่ามันปรือตามองผมอยู่


“กูไปนะ” ผมบอกลามัน ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันมีสติรับฟังกันอยู่ไหม


“อยู่ก่อน..”

“…..”


“นะ..”


ผมถอนหายใจ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆท้องฟ้า เรานอนตะแคงเข้าหากัน สบตากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนน้ำตาหยดใสของท้องฟ้าจะไหลลงมา .. มันเริ่มสะอื้น และปล่อยให้ตัวเองจมไปกับห้วงความรู้สึกที่พยายามข่มไว้ตลอดมา ผมไม่ตกใจเท่าไหร่นัก และเลือกที่จะเข้าไปกอดเพื่อนคนนี้เอาไว้


“ฮึก..”

ไร้คำพูดใดใด และยังคงร้องไห้อย่างทรมาน

ผมก้มลงมอง และเชยคางเขาขึ้นมาให้สบตากัน .. ไม่รู้ด้วยความรู้สึกไหน แต่บรรยากาศ ณ ตอนนั้น สะกดให้ผมทำ อย่างกับอยู่ในวังวนของเวทมนต์


ผมจูบเขา


จูบที่ไม่ใช่การประทับ ไม่ได้หวังจะซับน้ำตา แต่ผมปลดปล่อยความเห็นแก่ตัวของผมเอง

นิ้วโป้งคลึงที่ริมฝีปากล่างอย่างนุ่มนวล ชวนเคลิ้มให้เขาเปิดรับความรู้สึกผมได้มากขึ้น ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันเนิ่นนาน ผละออกมาจูบซ้ำๆไม่รู้จักเบื่อ หอมหวาน ทั้งเสียงครางอื้ออึงแผ่วเบา กระทั่งอารมณ์เริ่มพุ่งพล่าน จนเกิดกลัวตัวเองขึ้นมา จึงหยุดไว้เท่านั้น..


แค่นี้ก็แย่พอแล้ว อย่ามากไปกว่านี้เลย


ท้องฟ้าค่อยๆหลับตาลง ส่วนตัวผมผละออกมานั่งอยู่ปลายเตียง หัวเราะให้กับเรื่องบ้าๆที่เพิ่งทำลงไป.. โคตรบ้า โคตรสมเพชตัวเองเลยว่ะ ผมหันไปมองเขาอีกครั้ง .. ท้องฟ้าหลับไปแล้ว


ผมไม่รู้ว่าเขาจะจำมันได้ไหมเมื่อตื่นมา .. ผมทั้งกลัว กังวล ไม่อยากให้เขารับรู้อะไร

แต่ลึกๆแล้วในใจ ก็แอบภาวนาให้เขาจำมันได้เช่นกัน


จบ ตอนที่ 4

-TALK TALK-
ก่อนอื่นเลยก็ ขอบคุณ คุณ lolli_candy99 กระทู้ #4 อ่านแล้วชื่นใจมากกก
ยังมีคนรอท้องฟ้ากับน้ำตาลอยู่ไหมคะ แงงง
คอมเม้นติชมได้เลยนะคะ เรารับฟังทุกความเห็นเล้ย

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ท้องฟ้าเริ่มทำงาน มีคนที่รักเหมือนก้าวหน้ากว่าเพื่อนหนึ่งก้าว
น้ำตาล คงรู้สึกเหมือนอยู่ที่เดิม แต่เริ่มเก็บอารมณ์ตัวไม่อยู่
อารมณ์เรื่องเหมือนท้องฟ้าขมุกขมัว มีลมกระโชกเป็นระยะๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอทุกวันเลยค้า 555555555 เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะะะ สู้ๆค่ะ ติดตามเสมอค่ะะะะ

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ติดตามค่ะ​ ท้องฟ้าตื่นมาจะปกติ​กับน้ำตาลอยู่มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ดีมากๆเลย ฮื้ออออ ตามค่ะๆๆๆ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
ติดตามนะคะ เหมือนค่อยๆอ่านเรื่องราวของคนๆนึง ชอบการบรรยายมากค่ะ

 o13

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
-ท้องฟ้าที่หวานที่สุด-
ตอนที่ 5


     ถ้าถามว่าผมกับท้องฟ้าสนิทกันตอนไหน..

     ผมจำไม่ได้หรอก


     แต่ถ้าถามว่าผมเริ่มชอบเขาตอนไหนตอนไหน..

     ผมจำได้ขึ้นใจ


-ความทรงจำของน้ำตาล

“น้ำตาล Sport day มึงจะลงอะไรวะ”

“ฮึ? คือไรวะ”

ตอนนั้น ผมกับท้องฟ้า นั่งกันอยู่ที่หอสมุดกลาง หนีร้อนขึ้นมาตากแอร์เย็นๆหลังจากกินข้าวที่โรงอาหารเสร็จ ส่วนไอ้เป้งอยู่ไหนไม่รู้ตอนนั้น ผมจำไม่ได้ .. แต่หัวข้อสนทนาตอนนี้ ทำให้ท้องฟ้าจิ๊ปากรำคาญผม จากที่ฟุบหน้านอนอยู่ข้างๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาดูถูกดูแคลนตามสไตล์มัน


“งานกีฬาเฟรชชี่ไง”

“อ่อ .. ไม่รู้ว่ะ คงไม่ลงมั้ง .. ถามงี้แสดงว่ามึงจะลงอะไรอะดิ”

“ว่าจะไปออดิชั่นลีดว่ะ”

“กูถามจริง?” ผมพูดกลั้วหัวเราะ เลยได้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจกลับมา ผมเลยหุบปากฉับ และฉุกคิดอะไรพิเรนทร์ๆขึ้นมาได้ “มึงเป็นแน่ๆเลย หมอตาล ฟันธง” ผมดีดนิ้วชี้หน้ามันอย่างมั่นใจ แต่น้ำตาลกลับมองผมนิ่ง ด้วยสายตาที่อ่านยาก..


“ทำไมวะ เป็นไม่เป็นมันวัดกันจากที่กูอยากจะเป็นลีดหรอ แล้วถ้ากูเป็นมันผิดนักรึไง”

น้ำเสียงนั้นไม่ได้แสดงถึงความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดเล่นสนุกขำๆเช่นกัน .. สายตาที่ต้องการคำตอบนั้นทำเอาผมไปต่อไม่ถูก และตระหนักได้ว่าคำพูดของตัวเองมันงี่เง่าสิ้นดี

“เอ้ย กู.. ขอโทษ”

ดูเหมือนมุขสมัยโรงเรียนมัธยมจะเอามาใช้ในรั้วที่ใหญ่ขึ้นไม่ได้แล้ว..

รู้สึกผิดว่ะ .. ผมแม่งดูเป็นคนถ่อยขึ้นมาเลย


แต่บอกตามตรงว่าแอบสงสัยกับไอ้เป้งมานานแล้ว จากการที่ท้องฟ้าเป็นคนละเอียดอ่อน และดูนุ่มนวล.. ส่วนที่ผมกล้าที่จะพูดล้อออกไป เป็นเพราะคิดว่าเราสนิทกันระดับหนึ่งแล้ว

แต่ก็ลืมไป ว่ายิ่งสนิทก็ต้องยิ่งรักษาความรู้สึกกันไว้เปล่าวะ

ท้องฟ้านิ่งเสียจนผมรู้สึกอยากร้องไห้ .. กลุ่มจะมาแตกตั้งแต่ต้นเทอมเลยหรอ กูไม่อยากอยู่กับเป้งสองคน


“ระวังจะหลวมตัวมาชอบกูละกัน”


“…..”

ผมระเบิดหัวเราะออกมา มันเองก็เช่นกัน “หัวเราะอะไร! กูมันไม่ดีตรงไหน!” แล้วก็จบลงตรงที่มันทุบผมรัวๆ


และนั่นเป็นจุดแรก ที่ทำให้ผมรู้จักตัวตนที่ลึกขึ้นไปอีกขั้นของท้องฟ้า .. และได้รู้อีกว่า ผมยอมรับได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่ามันประหลาดตรงไหน เหมือนที่พวกมัธยมมันชอบล้อกันสนุกปาก

.

.

คุณคงคิดล่ะสิว่าสุดท้ายผมที่เป็นพระเอก ก็ต้องลงแข่งอะไรสักอย่างในวันงาน Sport day และคุณอาจจะคิดว่าผมต้องลงกีฬาเท่ๆ เหมือนในพระเอกนิยายทั่วไป..


ใช่ครับ ผมลงกีฬาบาสไป .. สุดจะเท่ ส่วนหน้าที่สแตนก็โยนให้ไอ้เป้งไป .. ล้อเล่นครับ มันลงเปตอง เท่นะ เหมาะกับมันดี ตอนคัดตัว ที่ผมติดทีมบาส แปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเพราะผมตัวสูง สิบมาจากผมวิ่งเร็ว และอีกสิบมาจากผมโม้ไปว่าตอนมัธยมผมเคยเป็นตัวสำรองทีมบาสโรงเรียน .. อืม

แต่ถ้าถามว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน


“ห้า หก เจ็ด แปด นิเทศ! .. ไม่ดี! ห่วยมาก ถ้าเป็นรุ่นพวกกู ป่านนี้ได้กลับห้องไปนอนแล้ว!”

เสียงตะโกนพร้อมเพรียง ในรอบที่ยี่สิบได้แล้วมั้ง ไม่ได้ประชด .. เหมือนว่าพวกรุ่นพี่ลีดจะโหดมาก พวกมันอยู่ซ้อมกันดึกดื่นที่ห้องการแสดง ผมที่เลิกซ้อมสองทุ่มครึ่งก็ว่าเหนื่อยจะตายแล้ว แต่ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่ง ท้องฟ้าก็ยังต้องกางแขนอยู่แบบนั้น

ผมมารอมันทุกครั้งหลังจากที่ซ้อมเสร็จ รอได้อีกพักหนึ่งเกือบๆเที่ยงคืน มันถึงโดนปล่อยตัวให้กลับหอสักที .. ลีดคนอื่นๆทยอยกันออกมาจากห้อง ท้องฟ้าเองก็ด้วย และข้างๆกันก็คือดรีม..แต่ข้ามไปก่อน แค่จะบอกว่าพวกมันสนิทกันในลีด ผมที่มารอท้องฟ้าทุกวันเลยพลอยรู้จักกับมันไปด้วย

ครั้งนี้ไอ้ดรีมเดินร้องไห้ออกมาเลย โดยที่มีท้องฟ้าคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง


“มีไรกันวะ..” ท้องฟ้าส่ายหน้า ผมจึงหยุดพูดแค่นั้น พวกเราจึงเดินกันต่อโดยที่ดรีมก็คอยเช็ดน้ำตาตัวเองไปเรื่อยๆ เราเดินกันเงียบๆจนมาถึงหน้ามอ ไอ้ดรีมขอตัวแยกไปก่อน เพราะหอมันต้องนั่งมอเตอร์ไซค์กลับ ส่วนผมกับท้องฟ้าเราเดินกันต่อไปในทางเดียวกัน เพราะช่วงปีหนึ่งท้องฟ้าเป็นรูมเมทผม ซึ่งก็คือหอปัจจุบันที่ผมอยู่นั่นแหละ

แต่พอถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน จู่ๆท้องฟ้าก็ก้มลงปิดหน้าตัวเอง และร้องไห้เงียบๆอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าเขาดูเหนื่อยล้า ไม่สดใสเหมือนเคย

มีคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ไอ้ผมที่ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ดึงมันเข้ามากอด โยกไปมาเป็นเด็กๆ และลูบหลังปลอบใจ ฟ้ายังคงปิดหน้า ก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตาและหัวเราะออกมานิดหน่อย

“อย่าบอกไอ้เป้งนะ อายว่ะ”


และตอนนั้นเอง .. ที่ผมเริ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่า เพราะเราเป็นคนสำคัญ ผมถึงได้เห็นมุมแบบนี้ของเขา .. มันโคตรรู้สึกดีเลย

.

.

ในวันแข่งจริง จากตัวสำรองในโรงเรียน สู่ตัวจริงในรั้วมหาวิทยาลัยแบบงงๆ ผมครองตำแหน่งรีบาวน์ เพราะตัวค่อนข้างใหญ่ .. ต้องคอยรับบอลอยู่ใต้แป้นแย่งกับทีมฝั่งตรงข้าม เหตุผลบัดซบมาก ผมโคตรเกลียดตำแหน่งนี้ เพราะมันเสี่ยงเจ็บตัว

เชียร์ลีดเดอร์ของแต่ละคณะ จะได้มาโชว์น้ำจิ้มอยู่ข้างสนาม ก็คือเต้นเชียร์เล็กๆน้อยๆนั้นแหละ ซึ่งแม่งคือการโชว์ตัวลองเชิงกันระหว่างลีดคณะด้วยกันเองเว่ย ไอ้นักกีฬาในสนามแม่งไม่มีอารมณ์มาฟังเสียงเชียร์หรอกจังหวะนี้


“น้ำตาลสู้เขาโว่ย!!!”


แต่ผมได้ยินนะ


“ไอ้ดรีมมันแอบชอบมึงด้วย-”

“ไอ้เหี้ยฟ้า!!!”


.. ข้ามไปก่อน ไม่อยากลงรายละเอียด

ในสนามแข่งขันตอนนี้ดุเดือดถึงที่สุด ผมรอลูกบอลกลิ้งอยู่บนขอบห่วง จังหวะที่ลูกหนังสีส้มหลุดออกจากเหล็กดัดนั่น ผมรอจังหวะที่ดีที่สุด และกระโดดขึ้นท่ามกลางฝั่งตรงข้ามอีกสามถึงสี่คน .. ผมได้บอล และปัดมันไปหาเพื่อนที่รออยู่วงนอก .. ผมยิ้มดีใจได้ไม่นานนัก เมื่อเพื่อนที่อยู่วงนอก ไม่สามารถรับบอลผมได้ บอลจึงตกไปอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม ผมตะโกนร้องอย่างตกใจ และรีบวิ่งเข้าหาเขาทันทีที่เขาตั้งท่ายิงสามแต้ม ผมกระโดดบล็อก แล้วด้วยความที่ไม่รู้ใครล่กกว่ากัน เพื่อนฝั่งตรงข้ามยิงเข้าหน้าผมอย่างจัง ถ้าเป็นกระสุนก็คงทะลุสมองดับไปตรงนั้น

รู้ตัวอีกทีก็คือผมนอนเลือดกำเดาไหลอยู่ที่พื้น บวกกับอาการเหนื่อย ทำเอาผมมึน เห็นภาพซ้อนกันไปหมด ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหนก่อนดี .. พอได้นอน ถึงรู้สึกตัวว่าร่างกายโคตรล้า ผมหายใจหอบหนักมาก เพราะอากาศเริ่มอบอ้าว เนื่องจากคนมุง


“กรี๊ดดดดดดดดดม่ายน้าน้องน้ำตาลลลลลลล”

“ไม่เป็นไรๆ แพทย์กำลังวิ่งมา”

“มึงกูขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ กูไม่รู้จะชู้ตหรือจะพาสดีอะมึง กู-”

“มันจะเป็นอะไรมากป้ะพี่”

“ไอ้ตาล นี่กี่นิ้วๆๆ”


โคตรรำคาญ ไอ้ที่ขอโทษขอโพยอยู่ได้นั่นก็น่ารำคาญ ในขณะที่ผมรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อจะตะโกนออกไปว่า กูหายใจไม่ออกนั้น..


“อย่ามุง! ถอยดิวะ เดี๋ยวแม่งก็เป็นลมพอดี! อึ๋ย..ตัวพี่ลื่นจังอะครับ หลบหน่อย”

ถ้อยคำที่ฟังดูขัดๆตีน และไม่เป็นมิตรนั่น ดังพอที่จะทำให้ผมมีแรงหันมองหาต้นเสียง .. เห็นท้องฟ้าในเสื้อโปโลคณะวิ่งมาผลักทุกคนให้ถอยออกห่าง ทั้งๆที่กูแค่มึน..รึเปล่านะ ผมยิ้มปลื้มทันทีที่มันเอาอากาศบริสุทธิ์กลับมาให้ผมได้ มันนั่งยองๆ โบกมือไปมาตรงหน้าผม หน้าตามันดูเป็นห่วงผมมากเลย.. ปลื้มใจว่ะ ประทับใจมากๆเลยนะเอาจริง มันเป็นลีดคนเดียวที่อยู่ตรงนี้ ทั้งๆที่มันควรจะนั่งหล่อๆอยู่ข้างสนาม

“ยิ้มไร มึงเป็นบ้าหรอ .. แพทย์สนามก็ช้าเหลือเกิน” พูดจบก็โบกมือพัดที่หน้าผม มันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ลมยังไม่ยักกะมี .. แต่แบบ ช่วยฟื้นฟูใจได้มากเลยครับ ตอนนั้นผมนึกว่ามันเป็นนางฟ้านางสวรรค์ซะอีก


และนั่นก็คือมุมที่ไม่อ่อนโยนของท้องฟ้า

เรื่องโง่ๆแค่นี้แหละครับ ที่ทำให้ผมมองมันเปลี่ยนไป .. และหลวมตัวไปชอบมันจนได้


จบ ความทรงจำของน้ำตาล-


ผมลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองยังคงอยู่อยู่บนเตียงหอมๆของท้องฟ้า ภาพแรกที่เห็น คือภาพที่ท้องฟ้ารีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว และแสร้งทำเป็นหลับ .. ซึ่งบ้ามาก มึงทำไปเพื่ออะไรกัน ซึ่งกูเห็น

แต่ถึงอย่างนั้น ก็เขินมากเช่นกัน


“โห ยังไม่ตื่นอีกหรอเนี่ย .. มอร์นิ่งคิสสักหน่อยดีไหม” พูดจบก็คว้าหมับเข้าที่ต้นคอก่อนจะลากหัวมันเข้ามาใกล้ๆ

“อี๋ ไอ้เหี้ย! ปากเหม็น” ท้องฟ้ายกมือขึ้นมาดันหน้าผมออกอย่างรุนแรงจนต้องยอมปล่อย

“ปากมึงหอมตายแหละไอ้ฟ้า เมื่อวานฟันก็ไม่แปรง!”

“อี๋ๆๆๆๆๆ” มันคว้าผ้าห่มมาปิดไว้ครึ่งหน้า ดิ้นไปมาเหมือนโดนช็อต .. โคตรงอน


“ถ้ากูปากหอมจะจุ๊บกูป้ะ”

“อุ๊ย .. น่าสนใจ”

“งั้นกูไปอาบน้ำก่อน” ผมลุกพรวดขึ้นมา ตั้งท่าจะไปที่ห้องน้ำ

“ไม่! กูจะอาบก่อน!”


ไม่มีอะไรโรแมนติกสักนิด นอกจากการแย่งกันอาบน้ำก่อน

.

.

ควันบุหรี่ลอยคลุ้ง เมื่อผมเปิดประตูระเบียงออกไป โดยที่ถือโทรศัพท์มือถือเพื่อบันทึกวีดีโอไปด้วย ครั้งนี้ผมไม่ได้หวังอะไรนอกจากอยากถ่ายมันเล่นๆ ท้องฟ้าเงยหน้ามามองทั้งที่ผมยังไม่แห้งสนิท บุหรี่ในมือถูกสูดลงปอดอีกครั้ง ควันสีจางลอยอ้อยอิ่งบนอากาศ และสลายหายไป

ท้องฟ้าดับมันลงในจานข้างตัว และหันมาสนใจผมกับกล้องอย่างจริงจัง


“ช่วยยืนยันด้วยว่าเราดีกันแล้ว”

“กูไปดีกับมึงตอนไหน”

“แสดงว่าจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนมึงทำอะไรไว้” ผมจงใจพูดแบบมีเลศนัย และได้ผลเมื่อมันตาโต และดูสติแตก

“มึงไม่ได้อัดคลิปไว้ใช่ไหม” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนมันจะพุ่งตัวมาแย่งโทรศัพท์ในมือผม ผมชูขึ้นสุดแขน จนท้องฟ้าต้องชันเข่าขึ้นคว้ามัน แต่ผมใช้อีกมือหนึ่งเกี่ยวเอวมันไว้แล้วรั้งลงมา เสียงหัวเราะดังก้อง .. กระทั่งท้องฟ้าเสียหลัก จนต้องใช้แขนทั้งสองข้างค้ำไว้ที่บ่าทั้งสองข้างของผมเอาไว้

ไม่รู้ผ่านไปกี่วิที่เราเล่นจ้องตากัน .. ความรู้สึกอึดอัดเริ่มโรยตัวลงมา แต่หัวใจกลับเต้นแรงดั่งทุบกลอง ท้องฟ้ารีบผละออกไปนั่งฝั่งตรงข้ามดังเดิม ด้วยท่าทางที่เสียความเป็นตัวเองไปนิดหน่อย ส่วนผมก็รีบดึงกล้องลง และคิดคำพูดทำลายบรรยากาศประหลาดนี่ซะ


“สรุปจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยหรอ”

เหมือนตายด้วยคำพูดตัวเอง .. ภาพที่ผมรุกจูบมันแวบขึ้นมาในหัวราวกับจะย้ำเตือนความผิด ทำเอาหน้าผมร้อนผ่าว ใจผมท่องนะโม ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าให้มันจำเรื่องแปลกๆได้เลยนะ ผมอยู่ไม่สุขเลย ขณะรอคำตอบจากท้องฟ้า


“ฮึ .. จำไม่ได้หรอก”


“…..”

“แต่รู้ว่า ทำไมถึงปล่อยให้เมาขนาดนั้น .. ขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อน”

“ไม่เป็นไร .. แล้ว..มีอะไรอยากพูดไหม”

“อืม.. เริ่มจากอะดีล่ะทีนี้”

“วันนั้นมึงจะเล่าอะไรให้กูฟังล่ะ”

ท้องฟ้านั่งคิดอยู่พักหนึ่ง เหมือนพยายามจะเรียบเรียงมันออกมา

“ก็ หลายๆคนน่าจะรู้กัน .. รู้ๆกันอยู่ .. ผมคิดว่าเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิต ก็คือตอนที่ผมต้องอยู่ในสังคมที่นินทาผมอยู่ทุกวี่วัน.. หลังจากที่รู้ว่า ผมกับเขามีความสัมพันธ์ที่เอ่อ..เกินเลย? แต่คำนินทาพวกนั้นเปลี่ยนความคิดของผมไม่ได้หรอกนะ จนถึงวันนี้ผมก็ไม่คิดว่าผมทำอะไรผิด” ผมได้แต่ฟังอย่างตั้งใจ และท้องฟ้าก็เป็นผู้เล่าที่ดี

“ผมนึกว่าจบเรื่องนั้นได้ ผมคงจะได้เห็นฟ้าที่สดใสสักที แต่ไม่เลย เพราะผมลืมคิดว่า จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์นี้ มันไม่มีปลายทางด้วยซ้ำ”

“ยังไง เล่าให้ฟังได้ไหม”

“มันคือการเดินไปด้วยกันเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมาย ถ้าเหนื่อย ก็แค่หยุดเดิน”

“อืม..”

“ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันเรียกว่าอะไร รู้แค่ว่าเราเริ่มมันด้วยเงื่อนไข ไม่จริงจัง ไม่ก้าวก่าย แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันทุกวัน .. ผมรู้สึกแย่กับสถานะตัวเองมากเลย ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไม ผมคิดว่าถ้าผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักทาง ผมอยู่ไม่ได้แน่ๆ สุดท้ายก็เลยยอม”

แต่ก็ชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่ง ว่าเขาเห็นแก่ตัวนั่นแหละท้องฟ้า


“ผมหวังว่าวันหนึ่ง..เขาคงจะรักผมขึ้นมาบ้าง”

ท้องฟ้าไม่ได้ร้องไห้ แต่กลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดออกมาจากใบหน้าที่เหนื่อยล้านั่น เขาชันเข่าขึ้นมา และไม่ยอมมองกล้อง ราวกับอับอายกับจุดยืนที่ตัวเองอยู่ ไม่ใช่เพราะเขาคบกับอาจารย์ แต่อายเพราะ ทั้งที่ไม่มีสถานะที่ชัดเจนให้ ไม่ได้รับความรักที่จริงใจ แต่ก็ยังอยู่ตรงนั้นอย่างมีความหวัง ราวกับคนโง่ .. ซึ่งผมแทบทนไม่ไหว

“มันไม่มีหลักประกันความมั่นคงอะไรเลย แต่ผมก็ตกลงที่จะอยู่ในเงื่อนไข .. ผมไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขา ถ้าเขาไม่เล่าให้ผมฟัง .. ช่วงแรกๆเหมือนเขาเห่อนะ อยู่กับผมทุกวัน ดูแลผมดี ดีจนเผลอคิดไปว่า เขาคงเริ่มรักกูบ้างแล้วแหละ ฮะๆ .. ก็เลยลืมข้อตกลงไปเลย”

ผมยื่นมือไปข้างหน้า เมื่อเห็นขอบตานั้นเริ่มแดง .. ท้องฟ้าเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะหัวเราะนิดหน่อย แต่ก็ยอมจับมือผมไว้


“จนวันหนึ่งกูดันไปเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่บริษัท เขาก็ดูไม่ลงรอยกันหรอก แต่ .. มันก็ทำให้กูเข้าใจว่า อ้อ..เพราะงี้ไง ถึงเป็นกูไม่ได้สักที”

“.....”

“หลังจากนั้น กูก็เริ่มที่จะตั้งคำถาม เริ่มเรียกร้อง เพราะกูกลัวจะเสียเขาไป”


ผมเข้าใจดี


“แล้วเหมือนเขาก็เริ่มห่างๆกูไป เรามีปัญหากันในที่ทำงาน .. คนอื่นก็เริ่มเห็นกูเป็นเด็กมีปัญหา คือเหมือนกูเป็นเด็กที่เกาะพี่เขาด้วย มึงพอจะเข้าใจไหม คือกูเริ่มละอายใจ .. ที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวไม่ได้ .. อย่างเมื่อวานเขาจะไปออกกองที่ต่างจังหวัด กูขอเขาไปด้วยเพราะผู้หญิงคนนั้นเขาก็ไป กูก็นะ..”

ท้องฟ้าเริ่มกลั้นสะอื้น เขาไม่ได้ร้องไห้ แต่มันกลับดูทรมานเหลือเกิน และดูอึดอัดมากเสียจนผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็แทบอยากจะร้องไห้เหมือนกัน


“จนสุดท้ายเขาก็ไล่ให้กูไปไกลๆ บอกว่ารำคาญ ทำงานด้วยไม่ได้แล้ว”
 

สุดท้ายน้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลลงมาเงียบๆ ผมก็กดหยุดบันทึกแค่ตรงนั้น ท้องฟ้าดูเจ็บปวดและเหนื่อยล้า ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ บีบมือมันไปมาให้มันรู้สึกตรงจุดนี้ และย้ำเตือนว่าผมยังอยู่ตรงนี้เสมอ


“มึงไม่ได้โง่หรอกท้องฟ้า กูคิดว่ามึงรู้ว่าต้องทำยังไง .. อยู่ที่ว่า มึงจะกลับมารักตัวเองได้ตอนไหน”

“.....” ท้องฟ้ายิ้มให้กับความน่าสมเพช เขาพยักหน้า รับฟังเงียบๆ

“มึงเปลี่ยนสถานการณ์ได้ มึงไม่ใช่ตัวปัญหา มึงเก่งจะตาย.. มึงแค่กำลังเจอปัญหาที่มึงยังแก้ไม่ได้”

“อืม..”


“แล้วอย่าลืมว่ามึงมีคุณค่าเสมอ ยังมีคนที่รัก และมองเห็นตัวตนของมึงจริงๆอยู่”

“.....”


“เช่นกู”


“.....”

“กับไอ้เป้งไง ป๊าม๊ามึงอีก”

ในที่สุดมันก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง แม้จะนิดหน่อย .. แถมกับประโยคที่ผมแถต่ออย่างร้อนตัวด้วย

แต่ก็รู้สึกขอบคุณตัวเองนะ ที่กล้าพูดประโยคเลี่ยนๆแบบนั้นออกไป


“ขอบคุณนะ ที่ดูแลกูเมื่อคืน .. แล้วก็ขอโทษด้วย เรื่องที่กู..พูดไม่ดี”

“อืม..กูก็ต้องขอโทษมึงเหมือนกัน กูก็ควรคิดถึงความรู้สึกมึงมากกว่านี้”

“หายกันละนะ”

“อืม”

แล้วเราก็กลับมายิ้มให้กันอีกครั้ง โดยไร้การติดค้างใดใดอีก


อย่างว่า เพื่อนกัน ทะเลาะกันได้ไม่นานหรอกครับ


จบ ตอนที่ 5


-TALK TALK-
ขออภัยด้วยที่น้องท้องฟ้าของเราดราม่ายาวไปหน่อย
เราอยากเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พี่อิฐกับท้องฟ้า โดยที่รู้ถึงความรู้สึกของน้ำตาลไปด้วย
มันก็เลยอาจจะดูตื้นๆไปหน่อยในการเล่าอะเนอะ TvT
อีกเรื่องคือ เราอาจจะอัพช้า หรือไม่สม่ำเสมอ เป็นเพราะเราติดพันกับงานอื่นอยู่ด้วย ต้องขออภัยด้วยนะคะ
สุดท้ายคือ ขอขอบคุณทุกๆ comment มากเลยค่ะ ชื่นใจมากเลย ได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยม
ติดตามท้องฟ้าและน้ำตาลกันต่อไป ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ และฝากแชร์ให้ด้วยนะคะ ฮ่าาา

ออฟไลน์ tiutae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Instagram
-ท้องฟ้าที่หวานที่สุด-
ตอนที่ 6


“มาเช้าจังวะฟ้า”

“พี่แต้ม สวัสดีครับ.. ผมเห็นว่าวันนี้ประชุมใหญ่ เลยอยากมาคุยกับพี่กับพี่อิฐก่อนน่ะครับ ผมจะได้วางตัวถูก”
สิบโมงของวันนั้นที่ผมเข้าบริษัท เวลานัดจริงคือเที่ยงครึ่ง มือหนึ่งถือแก้วโกโก้ร้อน ส่วนมืออีกข้างถือแก้วอเมริกาโน่เย็น พี่แต้มมองผมยิ้มๆ ก่อนจะแบมือมาตรงหน้า


“ซื้อให้ฉันหรอ รู้ใจอ่า”

“พี่แต้มเห็นพี่อิฐไหม”

“อย่างน้อยก็รับมุขกูหน่อยก็ได้นะ” พี่แกตีหน้าตึง ส่วนผมก็กวนประสาทไปตามนิสัย “ไม่รู้ว่ามายังนะ ไปดูที่ห้องประชุม นี่พี่เพิ่งลงมาจากข้างบน ไปดูงานโพสมา ปวดหัวเลย .. เออ เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อไรกินก่อน มึงก็หาไรกินก่อนด้วย แล้วค่อยมาคุยกัน”

“โอเคครับ”


ผมเดินไปที่ห้องประชุมประจำ โชคดีที่ประตูปิดไม่สนิทนัก ผมที่ถือแก้วถือกระเป๋าพะรุงพะรัง กะว่าใช้เท้าเขี่ยแง้มมันออกมาได้ แต่ยังไม่ทันได้เปิดเข้าไป ก็ต้องชะงักกับบทสนทนาของคนทางด้านในเสียก่อน..


“สรุปนี่เหม่ยคบกับเขาจริงๆแล้วใช่ไหม”


เสียงพี่อิฐ..

ผมหยุดความคิดที่จะเปิดเข้าไปทันที และเลือกที่จะยืนอยู่หน้าห้องด้วยใจที่กังวลกับคำถามนั้นแปลกๆ ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขา นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็ไม่เคยเห็นเขาคุยเรื่องทำนองนี้กับใครเลย

ส่วนคนชื่อเหม่ย เธอเป็นผู้กำกับศิลป์ของโปรเจกต์นี้ ผมกับเธอไม่เคยคุยกัน แต่ก็เดินสวนกันอยู่บ่อยๆที่บริษัท ที่จริงวันนั้นเป็นวันแรกที่จะได้คุยกันในที่ประชุม เพราะเป็นวันประชุมใหญ่ที่จะเชิญหลายๆฝ่ายมาปรึกษาหารือกัน


“แล้วอิฐจะทำไม”

“เราคิดว่าเหม่ยไม่ได้ชอบเขา”

“…..”


“แค่อยากประชดเราใช่ไหมล่ะ”

“อะไร เกิดหึงขึ้นมาหรอ”

“เหม่ย.. เราถามดีๆ พูดตามตรงเรายังรู้สึกดีกับเหม่ยอยู่นะ ถ้าเหม่ยเองก็ยัง-”

“เราจะคบใครก็เรื่องของเรา อิฐเองก็คบอยู่กับน้องฟ้าด้วยนี่ แล้วมาถามเราแบบนี้มันไม่เหี้ยกับน้องไปหน่อยหรอ”


ใจผมกระตุกวูบ เมื่อตระหนักได้ว่าการรับรู้บทสนทนานั้นมันสั่นคลอนความรู้สึกผมขนาดไหน ในห้องเงียบไปจนทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างผมหวั่นเกรง เข็มวินาทีเดินไปเรื่อยๆ ผมเริ่มอยู่ไม่ติดที่เพราะไม่รู้ว่าตอนนั้นข้างในห้องเกิดอะไรขึ้น เขาจะเดินออกมาไหม จะเห็นว่าเราแอบฟังอยู่รึเปล่า

แต่มันก็มีเหตุผลที่ทำให้ผมยังกล้าที่จะยืนอยู่ตรงนั้นต่อ .. ผมอยากรู้ว่าพี่อิฐจะพูดว่าอะไร อยากได้การยืนยัน ว่าผมเองก็สำคัญ ว่าผมเองก็ได้รับความรักจากเขามาบ้างแล้ว

และเหนือสิ่งอื่นใดผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ ผมมีสิทธิที่จะรู้ ทำไมผมต้องกลัวอะไรด้วยล่ะ


“เราไม่ได้คบกับฟ้า”


ผมอึ้งไปเลย พี่อิฐกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง.. ถึงผมจะยังไม่ได้สถานะคนรักจากเขา แต่ทุกวันนี้เราก็อยู่ด้วยกัน นอนที่คอนโดผมบ้าง คอนโดพี่อิฐบ้าง เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆไม่ใช่หรอ.. ไม่ได้เป็นแฟน แต่แค่คำว่าคบกันก็ใช้ไม่ได้หรอ

ประโยคนั้นบาดใจจนแทบจะอยากร้องไห้ หมดแรง ผมกำแก้วพลาสติกในมือแน่นเพราะกลัวว่ามันจะร่วงลงพื้นไป


“แต่ทุกคนเห็นว่าอิฐคบกับฟ้า! จะบอกว่าที่ผ่านมาอิฐแค่เล่นกับน้องหรอ ปีกว่าเลยนะอิฐ!”

“เราหยุดได้! ถ้าเหม่ยจะกลับมาคบกับเรา ให้โอกาสเราไหมล่ะ”

แม่งโคตรเหี้ยเลย ผมโยนแก้วกาแฟลงถังขยะหน้าห้องประชุม และเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ได้สนใจว่าคนในห้องนั้นจะรับรู้ถึงตัวตนผมไหม หรือจะไม่ใสใจอะไรนอกจากหัวข้อที่ยังคุยกันไม่จบ .. วันนั้นจึงเป็นวันที่ผมไม่ได้เข้าประชุม ขาดความรับผิดชอบอย่างมาก เพราะไม่สามารถทนมองหน้าพี่อิฐกับพี่เหม่ยได้จริงๆ

.

.

เหตุการณ์ และประโยคแทงใจนั่นยังคงวนอยู่ในหัวจนถึงทุกวันนี้ .. ผมดื้อกับเขามาเรื่อยๆจนถึงวันที่เขาต้องไปทำงานต่างจังหวัด ถึงวันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลย ไม่แปลกที่มันจะคาใจขนาดนี้

ผมนอนอยู่บนเตียง เปิดแอร์เย็นๆ ห่อตัวกับผ้าห่ม ลืมตามองท้องฟ้ายามบ่ายผ่านผ้าม่านโปร่งที่ปิดหน้าต่างเอาไว้ น้ำตาลกลับไปแล้ว เห็นว่ารุ่นพี่ที่คณะขอให้ไปช่วยเรื่องตัดต่อหนัง .. ตอนนี้ทั้งห้องว่างเปล่า หลังจากน้ำตาลกลับไป ผมก็ได้แต่นอนห่อตัวอยู่บนเตียง .. และนึกถึงคำโกหกที่พูดไปเมื่อคืน
 

จำไม่ได้หรอก


.. ตลกสิ้นดี

ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ

ผมเผลอยิ้ม เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จูบของน้ำตาล มันดีมากเสียจนยากที่จะทำเป็นลืม ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจ มันทั้งนุ่มนวล และเร่าร้อนขึ้นเมื่อเขาเข้าถึงความต้องการ

ผมมีสติ แม้จะดับวูบไปบ้าง แต่ผมมี .. ความรู้สึกแรกคือตกใจ ในอกเกิดปั่นป่วนจนแทบจะระเบิด ในสมองผมสับสน ตีกันเป็นปมยุ่งไปหมด พอกลับมานั่งคิดทบทวนและไตร่ตรอง ความรู้สึกผิดกับทั้งน้ำตาล ตัวเอง และพี่อิฐมันตีกลับมาจนไม่อยากที่จะตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ถึงอย่างนั้น..ผมกลับรู้สึกดีกับมันอยู่ลึกๆ

ตอนนี้คนที่ผมรักคือพี่อิฐ ผมยังคงมั่นคง

เพียงแต่ช่องว่างระหว่างผมกับน้ำตาล มันชัดเจนเสียจนหมดข้อสงสัยอีกต่อไป


ผมชันเข่าขึ้นมาแล้วซุกหน้าลงไป ใช้ผ้าห่มเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชั่วคราว .. มันแย่ เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์คาราคาซัง ที่ไม่รู้ว่าจะโทษใครก่อนดี

น้ำตาลที่เพิ่งมาชัดเจนเอาตอนนี้ พี่อิฐที่ไม่เคยให้ความชัดเจนอะไรกับผม หรือตัวผมเองที่ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะตัดสินใจ ทำอะไรสักอย่างให้มันถูกต้อง

ไม่รู้จะทำอะไรก่อนแล้ว

สิ่งที่ถูกต้อง จริงๆมันคืออะไรล่ะ?


-ความทรงจำของท้องฟ้า

ช่องว่างที่ได้พูดไป นั้นหมายความว่าไง

ย้อนกลับไปช่วงปีสองเทอมแรก มันเป็นความสัมพันธ์ที่ ไม่ว่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถสนิทใจกันได้เต็มร้อย เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว


“ไอ้เต๋อมันจัดแสงไม่ค่อยธรรมชาติเลยว่ะ ปรับสีแล้วไม่สวยเลย” นั่นเป็นเสียงของน้ำตาล

“ไหน ขอกูลองหน่อย” และคนที่ตอบ คือเป้ง

พวกเขาสองคนนั่งวุ่นอยู่หน้าไอแมค ส่วนผมได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง .. ซึ่งผมเป็นรูมเมทกับน้ำตาลในตอนนั้น เป้งก็มักจะมาทำงานที่นี่บ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติ


“อืม.. พอดูในคอมแล้วชัดเลย รู้งี้กูจัดไฟเองดีกว่า”

“เอาคนมาช่วยอะถูกแล้ว ถ้าให้มึงถ่ายแล้วยังต้องมานั่งจัดไฟอีก ไม่ต้องถ่ายกันพอดี”

เห็นผมโดดมานั่งเล่นโทรศัพท์โง่ๆคนเดียวแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีส่วนร่วมในหนังที่มันกำลังยุ่งวุ่นกันอยู่ตอนนี้นะ แต่หน้าที่ของผมคือเขียนบทแทบจะทั้งหมด ทั้งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ แน่นอน ก็คือช่วยน้ำตาล และในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของพวกเขาตามที่ตกลงกันไว้


“มึงไปซื้อมอคค่าเซเว่นให้หน่อยดิ” น้ำตาลพูดกับเป้ง

“โห่ย! ใช้เก่ง อะ..ไอ้ฟ้าไปซื้อดิ๊ เอาขนมมาด้วย”

“มึงก็เกี่ยงเก่ง! กูไปเองก็ได้ จบๆ” พูดจบน้ำตาลก็คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินออกจากห้องไป

“ก็ไอ้ฟ้ามันว่างเนี่ย!” เป้งได้แต่ตะโกนไล่หลัง ส่วนผมทำได้แค่นั่งอมยิ้มกับเหตุการณ์ตรงหน้า

น้ำตาลมักจะเกรงใจผมเสมอ ไม่เหมือนกับที่ทำกับเป้ง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร กลับรู้สึกว่ามันพิเศษกว่าด้วยซ้ำ เพียงแต่ผมหาคำตอบให้โจทย์นี้ไม่ได้ ว่าเพราะอะไรกันแน่


หรือลึกๆอาจจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่กล้าตัดสินออกมาตรงๆมากกว่า


“น้ำตาลกับดรีมเป็นไงบ้างวะ” หลังจากที่จบงาน Sport day ไป ผมกับพวกลีดก็ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก รวมถึงดรีมด้วย

“นี่มึงเป็นรูมเมทกันจริงๆรึเปล่า หัดคุยกันเยอะๆบ้างนะ ถามกูกันอยู่นั่นแหละ”

“อ่าว.. แล้วทำไมต้องด่ากูด้วย” หมายความว่าน้ำตาลเองก็ถามเรื่องผมจากเป้งหรอ?

“อยากรู้ก็ถามมันสิ เดี๋ยวพ่อตบกะโหลกเบี้ยวเลย”

“ดุจังวะ”

ห้องเงียบไปสักพัก เห็นไอ้เป้งยุ่งๆ ผมก็ไม่เซ้าซี้ต่อ และกลับมาไถโทรศัพท์ตามเดิม .. แต่จู่ๆมันก็พูดต่อ


“มันก็คุยกันเรื่อยๆ ไอ้ดรีมอะจริงจัง.. แต่น้ำตาลกูไม่รู้นะ”

“อ่อ อืม..”


“แล้วกับอาจารย์อิฐนี่ยังไงวะ สรุปมึง-”

แกร็ก..

เสียงประตูเปิดดังขึ้น น้ำตาลหิ้วถุงเซเว่นถุงใหญ่กลับมาที่ห้อง เรียกความสนใจจากเป้งไปได้ ถือเป็นการดีที่จะบ่ายเบี่ยงเรื่องที่มันกำลังตั้งคำถามกับผม


“กูอาบน้ำก่อนนะ” ผมรีบคว้าผ้าขนหนูและชุดนอนเข้าห้องน้ำไป เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่ไอ้เป้งจะย้อนกลับมาถามผมอีกครั้ง

ผมกับน้ำตาลคุยแลกเปลี่ยนกันทุกเรื่อง แต่จะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่พวกเราไม่เคยก้าวก่ายกันเลย โดยที่ผมคิดว่า เราทั้งคู่ยินดีและเต็มใจที่จะเก็บเอาไว้ ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เข้ามาแทรกแซงระหว่างเรา .. นั่นคือเรื่องที่ต่างคนต่างมีใคร

ผมอยากรู้เรื่องของน้ำตาลก็จริง แต่ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะตั้งคำถาม ในทางกลับกัน ถ้าเขามาเล่าเรื่องระหว่างเขากับดรีมให้ผมฟัง ผมเองก็คงจะทำตัวไม่ถูกแน่ๆ และก็ไม่อยากเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังเช่นกัน

อืม.. แอบเป็นความสัมพันธ์ที่น่าคาใจเหมือนกันนะ

.

.

“มึง.. กูว่าจะย้ายออกจริงๆแล้ว สิ้นเดือนนี้นะ”
“.....”

พวกเรามีเรียนคาบเช้า กำลังแต่งตัวกันอยู่ในห้อง ผมตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด เพราะผมคิดมาดีแล้ว และที่จริงก็พูดกันหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้คงต้องจริงจังอีกสักหน่อย ไม่งั้นคงไม่ได้ย้ายสักที .. น้ำตาลชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็เพียงเสี้ยววิเท่านั้น


“ที่จริงมึงไม่เห็นต้องย้ายเลย กูก็นอนดึกอยู่แล้ว” น้ำตาลว่างั้น จบอีหรอบเดิมแน่ๆ

“กูตัดสินใจแล้ว กลับไม่เป็นเวลามันไม่เท่าไหร่ แต่เผื่อกูทำงาน กูก็จะได้มีสมาธิด้วย” ผมย้ำไป ว่าผมคิดมาดีแล้ว

“อ่อ คือ.. มีกูอยู่ในห้อง ทำให้มึงเสียสมาธิ?”

“ไม่ใช่.. กูไม่ได้..” อะไรดีวะ.. ผมหาคำพูดมาอธิบายไม่ได้ แล้วผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าการที่จะแยกหอกันมันจะเป็นเรื่องที่คุยกันยากขนาดนี้ .. น้ำตาลมองผมด้วยสายตาที่อ่านยาก จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่ จะว่าโกรธก็ไม่เชิง


“เออๆ ไม่เป็นไรหรอก ย้ายก็ย้าย เรื่องแค่นี้เอง”

“.. อืม”


ผมกับน้ำตาลก็ออกไปเรียนด้วยกันตามปกติ แล้วเราก็จบสนทนากันไปแบบนั้น แบบที่ยังคาใจกันต่อไป แต่ผมเข้าใจนะ ว่าทำไมน้ำตาลถึงบอกว่าเหตุผลผมฟังไม่ขึ้น เอาจริงๆผมก็บอกเขาไม่หมดด้วย

แต่จะให้พูดว่ามันจะสะดวกสำหรับพี่อิฐก็ใช่เรื่อง ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับน้ำตาล อย่างที่บอกไป .. ในที่สุดผมก็ได้ไปฝึกงานแบบฟลูกๆ ด้วยเหตุผลว่า ผมเป็นเด็กที่มีหัวคิดละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง น่าสนใจ ก็คล้ายเป็นเด็กเส้นแหละ แต่พี่อิฐมักจะบอกคนอื่นๆว่าพาเด็กมาเรียนรู้งาน และเบื้องหลังระหว่างผมกับเขาก็เป็นมากกว่าอาจารย์กับลูกศิษย์ ซึ่งถ้าวันไหนผมมีไปบริษัท พี่อิฐก็จะพาผมกลับคอนโดเขา วันไหนพี่อิฐมีสอนเช้าที่มหาวิทยาลัย เขาก็จะมานอนที่คอนโดผม

อีกเหตุผลหนึ่ง คือผมต้องการจะออกห่างจากน้ำตาล ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ แต่ผมทนมองเขาไม่ได้ ขณะที่ผมมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนอื่น

มันเหมือนผมรู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน


ตอนอยู่ที่มหาลัย ในคลาสพี่อิฐ ผมก็วางตัวตามปกติ พี่เขามักจะมีนักศึกษาคุยหยอกล้อด้วยเสมอ เขาเพิ่งจะอายุเข้าสามสิบเท่านั้น เลยเข้ากับเด็กๆได้ดี ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วก็ไม่ได้มีใครสงสัยอะไร

จนช่วงหลังๆเริ่มมีคนสงสัย เพราะ ผมมักจะขึ้นรถพี่อิฐบ่อยๆ ถึงแม้ว่าเรื่องจริงก็คือไปบริษัทด้วยกันแค่นั้น

.

.

ตอนที่ผม เป้ง และน้ำตาลนั่งกินข้าวกันที่โรงอาหารตึกนิเทศ หลังจากจบคลาส


“ไงฟ้า นอนรอเอเลยดิ อิฐแม่งชมใหญ่ แลกไปเยอะสิเนี่ย กี้วๆๆ”

“บอกทริกกูหน่อยดิ อยากเป็นลูกรักอิฐบ้างอะ ต้องทำไงวะ” มันมักจะมีกลุ่มเพื่อนที่เรียนเซคชั่นเดียวกัน ทักผมแบบนี้เสมอ

“แล้วพวกมึงเป็นเหี้ยไรวะเนี่ย” เป็นเป้งที่มักจะรำคาญแทน ส่วนน้ำตาลก็แค่บอกให้ผมช่างมัน

“ถ้ากูจะได้เอก็เพราะว่ากูเก่ง และทุกคนก็เห็น ว่าบทกูมีคุณภาพจริงๆ” แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมคน

มีหลายคนที่ชอบมาล้อผมอย่างสนุกปาก ผมทำเป็นขำไปบ้าง ตอกกลับบ้างถ้ามันฟังไม่ได้จริงๆ เหมือนกรณีนี้ .. แม้จะดูเหมือนไม่เป็นไร แต่ในใจก็แอบละอายใจ ในบางเรื่องที่พวกนั้นพูดกัน ผมก็ปฏิเสธเต็มได้ไม่เต็มเสียง

.

.

อีกครั้ง ในวันหนึ่งที่ผมนั่งฟุบโต๊ะอยู่ในห้องเรียน รออาจารย์เริ่มคลาส


“กูว่าคบกับจารย์อิฐ ดูออก หลังๆเหมือนจะทำตัวห่างๆกัน แต่ก็เห็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆตอนจบคลาส”

“จริงป้ะเนี่ย..ฮือ ทำไมไม่เป็นกู”

“ไม่เชื่อมึงลองสังเกตดู”

ไอ้เป้งกับน้ำตาลไปเข้าห้องน้ำ เป็นปกติที่ผมมักจะเจอกับเสียงซุบซิบนินทา เสียงหัวเราะคิกคักของคนอื่นๆที่เขาคิดว่าผมคงไม่ได้ยิน เขาจะรู้ไหมว่าผมจดจำทุกคำที่เขาพูด ทั้งที่ไม่อยากฟัง


“ก็จารย์ลากมันไปฝึกงาน คงสนิทกัน อีกอย่าง แฟนเก่าจารย์เป็นผู้หญิงด้วย”

“เกี่ยวไรล่ะ มึง..ฝึกงานต้องตัวติดกันทั้งวันหรอ งั้นถ้าจารย์อิฐไม่ชัวร์ แต่กูชัวร์ฟ้า ว่ามันคิดไม่ซื่อ”

เรื่องของผมมันก็คงน่าเอาไปนินทาจริงๆนั่นแหละ


แต่จู่ๆเสียงนั่นก็ถูกกลบไป มีเสียงดนตรีแปลกๆเข้ามาแทน .. ผมเงยหน้าขึ้น มองเห็นน้ำตาลเอาเฮดโฟนมาสวมให้


“กูลองทำเพลงดู มึงว่ารอดไหมวะ” น้ำตาลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ผมหัวเราะให้กับทำนองดนตรีที่ฟังยังไงก็รู้สึกว่าประหลาด ก่อนจะส่ายหน้าและหัวเราะไปกับมัน

“กูทำทั้งคืนเลยนะ ให้มึงฟังคนแรกเลยเนี่ย”

“นี่คือผลงานที่ผิดพลาดว่ะมึง” ผมยังคงหัวเราะ ทำเอาน้ำตาลหน้ายู่ แต่ก็ยังคงเปิดเพลงเห่ยๆนี่ให้ผมฟังไปเรื่อยๆ


และเมื่อลองทวบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาดูดีๆ

ถึงรู้ว่า คำตอบ..มันก็ชัดเจนมาตั้งนานแล้ว


แต่หลังจากนั้น พี่อิฐก็ออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัย เนื่องจากแกหมดสัญญาจ้างสอนพิเศษ พวกเราถึงกล้าเปิดเผยมากขึ้น พี่อิฐสามารถมาหาผมที่คอนโดได้โดยไม่มีเหตุผลอะไรมาขัดข้องอีก ผมขึ้นรถพี่อิฐได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม โดยที่ไม่อึดอัดใจเท่าเมื่อก่อน เสียงซุบซิบนินทาค่อยๆหายไป เมื่อทุกอย่างกระจ่างไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกต่อไป..

ส่วนน้ำตาล หลังจากที่ผมย้ายออกไป เขาก็คบหากับดรีม ในที่สุด

จบความทรงจำของท้องฟ้า-


จบ ตอนที่ 6


-TALK TALK-
เบื่อน้ำตาลแร้วววว
เรามาฟังท้องฟ้าเล่าเรื่องกันบ้างดีกว่าค่ะ

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอนะคะะะะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด