-จบแล้ว-[จีนโบราณ] >>>>> 密友 ปรมาจารย์ลัทธิเมีย <<<<< บทส่งท้าย [6/9/64] หน้า 6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -จบแล้ว-[จีนโบราณ] >>>>> 密友 ปรมาจารย์ลัทธิเมีย <<<<< บทส่งท้าย [6/9/64] หน้า 6  (อ่าน 91389 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 14



ข้าสมควรตายมากกว่าจะไปแย่งคนรักของผู้อื่น หากสวรรค์เบื้องบนลิขิตบันดาลให้ข้าหยวนหลงซานจำเป็นต้องเลือกระหว่างเสียชีพกับเสียคุณธรรม ข้าไม่เห็นหนทางอื่นที่จะต้องตกลงปลงใจยอมตาย

ฝ่ายเจิ้งอู๋จินครั้นเห็นถ้อยคำหยวนอวี้ฟ่านปฏิเสธชัดแจ้งเช่นนั้นก็ทำทีพยักหน้าให้หยางเย่ถิงพูดจาเหนี่ยวรั้ง ทว่าคุณชายรองหยางมิได้ขยับปากตามตนอ้อนวอนทางสายตาแม้แต่น้อย ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศเห็นการจวนตัวก็เผยความสำคัญซึ่งสู้บังไว้ในอกแจ้งต่อหน้าแม่นางหยวนทันที

“แม่นางอวี้ฟ่านถูกสวรรค์บันดาลให้เป็นผู้ผนึกผสานสองตระกูลแน่แท้ หามีข้อสงสัยใดๆไม่”

หยวนหลงซานชะลอฝีเท้าแล้วค่อยๆหันกลับมา

“ท่านหมายความประการใด”

“นับแต่อวี้ฟ่านท่านกรีดนิ้วบรรเลงเพลงลมพัดพันสายกึกก้องไปทั่วเฉินชิงหลุนนั้น ข้าพเจ้าแลผู้อาวุโสทั้งปวงต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่จะผนึกอาคมหลอมรวมสองตระกูลนั้นไม่พ้นเป็นท่านแน่แท้”

ข้าเริ่มหนาว เหงื่อก็ซึมทั่วเรือนร่าง จึงสั่นสะท้านยามสายลมพัดพาดผ่าน หยางเย่ถิงเอาแต่จดจ้องมองข้าไม่วางตา เขา...คงอยากให้ข้าตอบปฏิเสธหรืออย่างไร ภายใต้ดวงตากลมคมเข้มนั้นประดุจราวกับฤดูหนาวมาเยือนพร้อมเกล็ดหิมะร่วงหล่น

ความจริงแล้วข้ากระทำผิดมาแต่ต้น หลอกลวงพรรคคมเบญจมาศหวังอาศัยสระเสี้ยวเบญจมาศรักษาตัวให้หายขาด ออกอุบายใช้คนพรรคเสี้ยวจันทราปลอมเป็นพรรคมารจู่โจมดึงความสนใจออกห่างให้ข้าได้รักษาตัวจนสำเร็จ มาบัดนี้เรื่องราวลุกลามบานปรายไปถึงการแต่งงานระหว่างสองตระกูล ความละโมบอยากได้พัดพรายเพลิงครอบงำความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจนข้าผู้เป็นถึงประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา ผู้สมควรมีคุณธรรมสูงส่ง สมควรปฏิบัติตนเป็นเยี่ยงอย่างให้ผู้คนเคารพนับถือ ทว่าทำตนอย่างเด็กหลอกเล่นสร้างกลตบตา ไร้ความละอาย ขาดศีลธรรม

ข้าจึงหัวเราะมาคำหนึ่งมอบให้ตนเอง เจิ้งอู๋จินเห็นท่าทีหยวนอวี้ฟ่านขบขันราวกับคิดว่าคำพูดของตนเป็นเรื่องไม่เป็นความจริงก็เร่งสำทับเอาว่า

“คุณหนูกุ้ยเฟยยืนยันหนักแน่นว่า ตระกูลหยวนแห่งอวี้หงหยวนมีประวัติสืบทอดมายาวนาน สืบค้นได้ถึงคราวเป็นศิษย์สำนักเฉินชิงหลุนในอดีตเช่นนี้แล้ว การอันท่านมาสู่สถานที่แห่งนี้ อีกทั้งได้พานพบคุณชายรองหยาง มิพ้นเป็นกำหนดชะตาฟ้าลิขิตไปได้”

“ชะตาฟ้าลิขิตหรือ” ข้าทวนคำแล้วหัวเราะซ้ำ

“ขอรับ” เจิ้งอู๋จินรับคำหนักแน่น

“ชะตาฟ้าลิขิตแบบไหนกัน ข้าพเจ้าถูกช่วยเหลือทันเวลาในข้อนี้ย่อมจะหาโอกาสทดแทนบุญคุณในภายหน้า ทว่าเรื่องท่านยกข้าพเจ้าเป็นลิขิตสวรรค์นำมาสู่เฉินชิงหลุนเพื่อผสานรอยร้าวนั้นไม่อาจยอมรับได้ คุณชายรองหยางมิได้รักข้าพเจ้า เราสองคนหาได้เคยคบหาสนทนากันอย่างคู่รัก เจิ้งอู๋จินท่านจะชักเรื่องเพลงลมพัดพันสาย ผูกพันกายข้าพเจ้ากับคุณชายรองหยางเหมือนหนึ่งมัดมือชกนั้นยังจะถูกต้องอยู่หรือ”

ดูเหมือนยิ่งพูดเรี่ยวแรงข้าเริ่มจะไม่หลงเหลือ ข้าเพิ่งเคยถูกธาตุน้ำเป็นพิษหนแรก ก่อนหน้าฝึกวิชาร่วมกับปรมาจารย์เฉียนคงผู้เฒ่าก็ไม่เคยปรากฏอาการเช่นนี้มาก่อน ครั้นจะโยกย้ายพลังลมปราณสกัดธาตุในกายก็ดูเหมือนพิษจิ้งจอกเงินยังคงกลายเป็นอุปสรรคผลักลมปราณให้ปั่นป่วนอยู่

“อวี้ฟ่านท่านจงออมแรงก่อนเถิด หากเรื่องราวทั้งหมดไม่จริงตามคำข้าพเจ้าแล้ว ท่านจงใช้วรยุทธทำลายชีวิตข้าพเจ้าเสีย ทว่าทั้งนี้กรุณาให้คุณชายรองช่วยบำบัดธาตุในกายท่านเสียก่อน หากรั้งรอปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป ไม่เพียงท่านจะตกอยู่ในอันตราย หากแต่ตัวคุณชายรองย่อมจะมิพ้นคำครหาที่ว่าไม่อาจรักษาชีวิตคนรักไว้ได้ ก็บัดนี้ข่าวมงคลระหว่างท่านทั้งสองแพร่สะพัดไปทั่วยุทธภพแล้ว มิกลายเป็นชนวนเร่งให้สองตระกูลบาดหมางไปตลอดกาลหรือ”

สีหน้าร้อนใจของเจิ้งอู๋จินผนวกกับถ้อยความจริงทั้งปวงทำลายความตั้งใจเดิมของข้าทลายลงกว่าเดิม ข้าสบตาหยางเย่ถิงอีกครั้ง

ข้าควรพูดความจริงทั้งหมดหรือไม่ เรื่องข้าต้องคำสาปชายสลับหญิง

ข้าควรพูดหรือไม่ว่าลิขิตสวรรค์แบบไหนกัน จึงบันดาลให้ข้าซึ่งแท้จริงเป็นชายต้องแต่งงานกับชายด้วยกัน

ข้าควรพูดจริงๆหรือ ชื่อเสียงประมุขพรรคเสี้ยวจันทราคงย่อยยับไม่หลงเหลือ

ใบหน้าบิดาผู้ล่วงลับยามใกล้สิ้นลมหายใจสะท้อนชัดเจนในใจข้า  พร้อมถ้อยวาจาสั่งเสียสุดท้าย

‘หลงซาน จากนี้...เจ้าจงคุ้มครองยุทธภพ ปราบปรามคนชั่ว ช่วยเหลือคนดี มีคุณธรรมประจำใจ หยวน...และหยางต้องรวมใจเป็นหนึ่ง’

ใช่ บิดาข้าก่อนสิ้นใจพูดคำเดียวกับมังกรศิลาซึ่งว่าหยางและหยวนรวมใจเป็นหนึ่ง เดิมทีข้ามิได้ใส่ใจถ้อยคำสุดท้าย มุ่งแต่ยึดคำสอนอันเป็นหลักคุณธรรมผดุงยุทธภพ หาได้เข้าถึงถ้อยความสุดท้ายไม่กระทั่งบัดนี้จึงเข้าใจสิ้น

“ข้าพเจ้า...ยินยอม”

เจิ้งอู๋จินเหมือนถูกยกภูเขาออกจากอก ยามได้ยินคำพูดข้า หยางเย่ถิงกะพริบตาหนึ่งครั้งตอบสนองคำพูดข้า ช่างเป็นบุรุษสุขุมสมมาดคุณชายรองเสียจริง

หญิงประเภทไหนกันถึงต้องยอมออกปากว่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มซึ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่คืนวัน โดยที่อีกฝ่ายมิได้ออกปากว่าสมยอมให้ได้ยินสักครึ่งคำ ข้าไม่รู้ว่าจะต้องรักษาหน้าหยวนอวี้ฟ่านไว้มากน้อยแค่ไหน ในเมื่อเหตุการณ์คับขันเช่นนี้ซ้ำอีก หนทางเลือกของข้าเหมือนมีตัวเลือกไม่มาก

“เช่นนั้นท่านจงผลัดเสื้อผ้าเถิด หากลงสระแล้วคุณชายรองจะได้ถ่ายเทพลังหยางช่วยท่านผ่านฝ่ามือ”

ช้าก่อน ข้าฟังผิดหรือเปล่า

“ท่านว่าอะไรนะ แค่ถ่ายทอดพลังหยินหยางผ่านฝ่ามือหรือ” ข้ากะพริบตาถามย้ำ

“ขอรับแม่นางหยวน กระนั้นจำเป็นต้องเปลื้องอาภรณ์เหลือเพียงตัวเปลือยเปล่า คุณชายรองจำเป็นต้องกระทำดุจเดียวกัน ในเมื่อท่านถูกสัมผัสจากคุณชายรองร่วมหนึ่งชั่วยามเช่นนี้ อีกทั้งใกล้ชิดตัวต่อตัวเปลือยเปล่าซ้ำอีก ข้าพเจ้าไม่เห็นวิธีอื่นนอกจากให้คุณชายรองรับท่านเป็นฮูหยินเพื่อรักษาชื่อเสียงแห่งวงศ์ตระกูลท่าน”

ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางกายลึกซึ้ง แค่แตะเนื้อต้องตัวหรือ ข้าเร่งพยักหน้ายินยอมทันที

“เช่นนั้นเร่งรักษาเถิดเจ้าค่ะ”

กลายเป็นว่าเจิ้งอู๋จินงุนงงในอารมณ์แปรปรวนของข้าไปชั่วขณะ ก่อนจะเชื้อเชิญข้าเข้าสู่ภายใน ครั้นแล้วจึงปล่อยข้าไว้สองต่อสองกับหยางเย่ถิง เจ้านั่นจึงคว้าข้อมือข้าเดินไปทางสระน้ำแปดเหลี่ยม พลางพูดว่า

“ข้าขอโทษที่ให้เจ้านั่งม้าขึ้นมาบนเขา โดยมิได้ใช้วิชาตัวเบาพามาแต่หนแรก”

ข้ามิได้ตอบอย่างใด ได้แต่ฟังอีกฝ่ายพูดต่อไป

“ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยินยอมให้ข้าแตะเนื้อต้องตัวจึงคิดใช้อาศัยม้าเป็นพาหนะ”

ข้าขอทำตัวหยิ่งไม่พูดโต้ตอบบ้าง ดูหรือคุณชายรองหยางจะคิดทำประการใด

“เจ้าโกรธข้าหรือ หยวนอวี้ฟ่าน”

ข้าอยากทำเป็นโกรธ แต่อาการร้อนภายในเย็นภายนอกรุมเร้าเกินกว่าจะช่วยให้ข้าได้เล่นตัวสมใจ

“ข้าพเจ้าหรือจะโกรธคุณชายรองได้ มีแต่จะต้องขอบคุณที่ยินยอมช่วยถ่ายทอดพลังหยาง เช่นนั้นข้าพเจ้าขอเปลื้องอาภรณ์สักชั่วครู่ หากคุณชายรองเป็นสุภาพบุรุษแล้วกรุณาหันหลังเถิดเจ้าค่ะ”

พอถูกข้าตัดบัวไม่เหลือใยเช่นนั้น หยางเย่ถิงก็หันหลังทันที ข้าอาศัยจังหวะนั้นปลดเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับทั้งหลายวางกองไว้ริมขอบสระ น้ำในสระใสกระจ่างสะท้อนแสงเดือนเช่นนี้นี่เอง เจิ้งอู๋จินจึงรับรองว่าหยางเย่ถิงจะรับผิดชอบข้าหลังจากเสร็จสิ้นพิธีถ่ายทอดพลังหยินหยาง ไม่เพียงแต่เห็นเรือนร่างชัดเจนราวกับไร้ผืนน้ำกางกั้นแล้ว ข้าเองก็รู้สึกว่าเริ่มอายขึ้นมาเหมือนกัน ครั้นแล้วจึงก้าวเท้าหย่อนตัวลงสระ เมื่อปลายเท้าสัมผัสก้นสระซึ่งลึกพอขอบน้ำแตะเหนือยอดอกเท่านั้น ข้าก็กระแอมให้สัญญาณอีกฝ่ายหันหลังกลับมา

หยางเย่ถิงพิจารณาข้าในสระเพียงปราดเดียวแล้วจดจ้องเสาอาคารเบื้องหน้า ก่อนจะบอกให้ข้าหันหลังดุจเดียวกันเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ถอดเสื้อผ้าออก ข้าทำหน้าแบบเสียมิได้ก็หันหลังตามเขาร้องขอ แต่เงาสะท้อนบนผืนน้ำใสราวกับกระจก สิ่งใดซึ่งอยู่ริมขอบสระ สิ่งนั้นก็ตกกระทบลงบนผืนน้ำชัดเจน ข้าจะย้ายดวงตาเหม่อมองท้องนภาก็ย่อมได้ แต่มีบางอย่างฉุดให้ข้ามิอาจละสายตาจากผืนน้ำสะท้อนภาพหยางเย่ถิงกำลังเปลื้องผ้าไปได้

แผ่นหลังกำยำขาวกระจ่างสะท้อนรูปร่างบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ ปิดบังด้วยเรือนผมยาวสยาย สอดสายผ้าคาดหน้าผากสีออกเหลืองสลับขาว ทำเอาผิวหน้าข้าร้อนผ่าว หรือข้าจะมีอาการธาตุไฟเป็นพิษ เดี๋ยวก่อนข้ามีอาการธาตุน้ำเป็นพิษมิใช่หรือ ไยมีอาการหลายโรคเช่นนี้ผิดประหลาดนัก

อันที่จริงแผ่นหลังข้าในร่างบุรุษคงได้รูปทรงดุจเดียวกับหยางเย่ถิงเป็นแน่ เนินไหล่กว้าง มีเส้นผมพาดผ่านกล้ามเนื้อกระทั่งถึงช่วงเอว ไฉนข้าจึงคิดว่าหุ่นเจ้าคุณชายรองช่างน่ามองจนไม่อาจถอนสายตาละจากไปได้โดยง่ายเช่นนี้ ครั้นเจ้าตัวหันเบื้องหน้าเข้าหาสระ กล้ามอกและกล้ามท้องได้สัดส่วนจึงปรากฏสะท้อนลงผืนน้ำ ทันใดนั้นหัวใจข้าก็เต้นถี่ขึ้น ประจวบกับหยางเย่ถิงปลดกางเกงซับในใกล้สำเร็จ ข้าเกรงจะเห็นสิ่งซึ่งไม่ควรเห็นก็ขยับมือให้เกิดระลอกคลื่น

ข้าไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นก็บ้าแล้ว

แม้จะมีเกลียวคลื่นช่วยละลายภาพสะท้อน แต่ก็พอเห็นว่าท่อนล่างของเจ้าคุณชายรองประกอบด้วยสัดส่วนใดบ้าง ใจข้าเต้นเร็วขึ้นเมื่อรับรู้ว่าหยางเย่ถิงก้าวลงสระแล้ว และกำลังเดินเข้ามาใกล้ข้า ความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาดแทรกซึมผืนน้ำเย็นเข้ากระทบเรือนร่างข้า พลังหยางของหยางเย่ถิงเริ่มทำงาน

ข้านับเลขในใจ ไฉนข้าจะต้องตื่นเต้น เขาและข้าเป็นผู้ชายด้วยกัน ใจข้าไม่ควรจะต้องตื่นตระหนกใดๆ แต่ข้ากำลังตกอยู่ในอำนาจดวงตาของหยางเย่ถิงจนไม่รู้จะต้องวางมือหรือต้องทำสิ่งใด

“เจ้ากลัวหรือ”

“ขะ ข้าพเจ้า...”

น้ำในสระไม่ควรจะใสสะอาดปานนี้ ข้าเห็นสัดส่วนทุกรูขุมขนบนเรือนกายหยางเย่ถิงชัดเจนในระยะประชิดเช่นนี้

“คุณชายรอง ไม่.. ไม่ถอดผ้าคาดศีรษะหรือเจ้าคะ”

“เช่นนั้น...เจ้าถอดให้ข้าสิ”

ข้าชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง บ่งบอกว่าให้ข้าช่วยปลดเช่นนั้นหรือ ข้าหูฝาดอีกแล้วหรืออย่างไร อาจเป็นเพราะผลกระทบจากธาตุน้ำเป็นพิษ กระทั่งหยางเย่ถิงค่อยๆลดตัวลงประสงค์ให้ข้าช่วยปลดเช่นนั้น ข้าราวกับตกอยู่ในฝัน แล้วปฏิบัติตามคำขอร้องของหยางเยวี่ยนราวกับถูกวิชาสะกดวิญญาณ



************************************

พูดคุย

ยอมถอยเพื่อให้เขาได้รักกัน  เนี่ย!!!!ชอบคิดไปเอง
อาจจะไม่มีอะไรก้ได้
ดูเป็นคนดีจริงๆเลยประมุขหยวนของเรา แต่สุดท้ายก็...555

เป้นคนดี
หยวนหลงซาน ผู้เป็นคนดี มีคุณธรรม แต่ก็ทำทีเล่นตามบทต่อไป 55


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2020 18:43:51 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รักษาตัวแล้ว อย่าลืมรักษาตากุ้งยิงเด้อ~5555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 15


“อันที่จริง ผ้าคาดศีรษะนี้นอกจากคนสกุลหยางแล้ว ภรรยาและลูกเท่านั้นจึงจะสามารถแตะต้องได้”

ข้ารีบชักมือกลับคืนทันควัน

หยางเย่ถิงยิ้มมุมปากแล้วว่า “เรามาทำข้อตกลงกันไว้ก่อนจะเริ่มทำพิธี”

“เรื่องใดหรือเจ้าคะ”

“งานแต่งงาน”

พอหยางเยวี่ยนยกเรื่องกวนใจข้าขึ้นกล่าวนำเช่นนั้น สิ่งเชื้อเชิญให้ดวงตาข้าจำเป็นต้องมองจึงไม่พ้นไปจากใบหน้าคุณชายรองหยางไปได้

“ข้าจะรับเจ้าเป็นฮูหยินสกุลหยางตามหน้าที่รับผิดชอบหลังเสร็จสิ้นพิธีถ่ายทอดพลังหยินหยาง เพื่อผนึกอาคมเฉินชิงหลุนและผสานรอยร้าวสองตระกูล ทว่าเราทั้งสองไม่ได้มีใจให้กัน ตามโบราณว่าอยู่กินกันคู่สามีภรรยาไปก็ย่อมจะรักกันได้ในภายหลังนั้นไม่อาจใช้ได้ระหว่างเราสองคน เจ้ามีอุปนิสัยที่ข้าไม่ปรารถนาในฐานะมารดาของบุตร และเจ้าก็คงไม่ประสงค์ชายเช่นข้าไว้เป็นสามีของบุตรเช่นกัน”

พอหยางเย่ถิงกล่าวนำมาถึงจุดสำคัญของเรื่องราว ข้าจึงแค่นหัวเราะแล้วว่า

“คุณชายรองอย่าได้สาธยายให้มากความ ข้าพเจ้าเข้าใจโดยถ่องแท้แล้ว ใจความสำคัญนั้นข้าพเจ้าพอเดาออก ท่านประสงค์ให้ข้าพเจ้าทำสิ่งใดหรือ”

“เห็นชอบในการรับเตียวหงเป็นอนุภรรยา”

คำขอร้องของหยางเยวี่ยนนี้อยู่นอกเหนือสติปัญญาข้าจะคาดคิด ราวกับมีบางสิ่งปิดปากข้าไว้ อีกทั้งดูดกลืนเสียงพูดไปจากลำคอข้าเช่นนั้นก็ว่าได้

“ตกลง”

เป็นคำพูดข้าเอง ไม่ต่างจากเสียงซึ่งพัดผ่านมาตามสายลม

เหมาะสมแล้วที่จะยกเตียวหงขึ้นเป็นอนุภรรยา หากข้ายังติดอยู่ในร่างคำสาป โรงละครฉากนี้คงไม่อาจถูกจับกลได้โดยง่ายเสมอกัน ในเมื่อหยางเย่ถิงและเตียวหงมีใจให้กัน ข้าซึ่งเป็นคนนอก อีกทั้งเนื้อแท้คือบุรุษ ไฉนจึงไม่เห็นชอบกับคำร้องขอของอีกฝ่ายเล่า

ประกายบางอย่างพาดผ่านดวงตาหยางเย่ถิง จนข้าเริ่มไม่มั่นใจว่าได้กล่าวปฏิเสธไปหรืออย่างไร เหตุใดเจ้าคุณชายรองจึงไม่ยินดีกับคำสมยอมของข้า เขาเม้มริมฝีปากแล้วไม่พูดสิ่งใดต่อนอกจากคำว่า

“หันหลัง”

ข้าขยับตัวใต้น้ำตามคำสั่งโดยทันที หัวใจซึ่งเดิมทีเยือกเย็นประดุจผืนน้ำรายล้อม กลับถูกแววตาผิดหวังกระตุ้นให้กระตุกร้อนวูบดังถูกคมกระบี่เชือดเฉือน

ฝ่ามือร้อนค่อยกระทบลงเบื้องหลังข้าอย่างแผ่วเบา ชั่วขณะหนึ่งข้าสะดุ้งเฮือกเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต่อมาจึงสงบลงยามรับไออุ่นจากหยางเย่ถิง พลังหยางค่อยๆแผ่ซ่านผ่านมือชายหนุ่มสู่ร่างข้า รับรู้ถึงความร้อนค่อยๆก่อตัวจากจุดสัมผัสนั้นลุกลามสู่อวัยวะภายในทั่วร่างกาย

นับแต่เติบโตสู่วัยหนุ่ม ข้าไม่เคยถูกสัมผัสใดจากสตรีเพศหรือเพศเดียวกันในสถานการณ์ไร้อาภรณ์เช่นนี้มาก่อน ด้วยภาระหน้าที่ประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา และฉากหน้าของนายใหญ่แห่งอวี้หงหยวนทำให้ข้ามิได้เอาใจใส่ความต้องการของคนหนุ่มสาว

แม้นจะมีผู้ใหญ่หลากหลายสกุลพาบุตรสาวมาแนะนำตัวต่อหน้ามารดาข้าเป็นคราวครั้ง แต่ข้าก็ออกปากปฏิเสธทุกครั้งไป นางหยวนเกาเถียนก็มิได้เร่งรัดในเรื่องมีสะใภ้ไว้ใช้สืบสกุล ข้าหยวนหลงซานจึงเป็นชายหนุ่มเจ้าสำราญซึ่งมีสตรีต้าถังจำนวนมากประสงค์ได้ไว้ครอบครอง

แล้วไฉนข้าจึงต้องมาแช่น้ำเปลือยเปล่าร่วมสระเดียวกับคุณชายรองสกุลหยางเช่นนี้เล่า รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น มิหนำซ้ำยังต้องจับพลัดจับผลูตกแต่งเข้าสกุลหยางด้วยอีก ข้าควรจะต้องขอบใจในความงามของร่างหยวนอวี้ฟ่านหรืออย่างไร จึงเป็นที่ต้องตาต้องใจให้หยางเย่ถิงไม่คิดปฏิเสธ หากข้ารูปชั่วไร้ความงาม เจ้าคุณชายรองคงไม่สมยอมช่วยข้าบำบัดธาตุน้ำเป็นพิษด้วยสภาพล่อนจ้อนเช่นนี้แน่

แต่พูดถึงแล้วก็เจ็บใจ เจ้าคุณชายรองเจ้าเล่ห์ผู้นี้มัดมือชกข้าด้วยเงื่อนไขเห็นแก่ตัว ข้อที่ข้าต้องยอมตกลงยกเตียวหงขึ้นเป็นอนุภรรยา ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้คงชอบพอกันมาเนิ่นนานแล้ว หากแต่ไม่สบโอกาสจะออกปากต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ข้าหยวนหลงซานเป็นบุรุษใจกว้าง มีหรือจะออกปากขัดขวางความรักของคนคู่นี้ได้ อีกทั้งหากข้าไม่อาจแก้ล้างคำสาปได้ทันท่วงที ก็ยังมีเตียวหงคอยช่วยเหลือในยามหยางเย่ถิงเกิดหน้ามืดตามัวคิดปลุกปล้ำข้า    

“ไยเจ้าจึงยิ้ม สนุกนักหรือ”

ข้าสบตากับหยางเยวี่ยนบนผืนน้ำซึ่งใสราวกับกระจก เจ้านั่นคงมองหน้าข้าผ่านผืนน้ำจึงร้องทักเช่นนั้น

“ข้าพเจ้ายิ้มหาใช่สนุกเช่นคุณชายรองตำหนิ ทว่ายิ้มด้วยเหตุว่าแม่นางเตียวหงเป็นสตรีรูปโฉมงดงาม อีกทั้งมีวรยุทธสมยอดฝีมืออีก การงานใดซึ่งข้าพเจ้าต้องแบกรับในฐานะสะใภ้สกุลหยางก็ทอนลงกึ่งหนึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรงด้วยมีแม่นางเตียวช่วยเหลือในฐานะอนุภรรยา การอันข้าพเจ้ายิ้มเป็นมาเช่นนี้ คุณชายรองอย่าได้คิดเป็นอื่น”

จู่ๆหยางเย่ถิงก็กดฝ่ามือแรงขึ้นจนใบหน้าข้าแทบคะมำ ปลายเท้าซึ่งสัมผัสพื้นแค่ปลายเล็บก็ถูกคลื่นน้ำอุ้มให้โซซัดโซเซจนไม่อาจยืนได้มั่นคง จนเป็นเหตุให้ข้าต้องพลิกตัวกลับหวังไขว่คว้ามือหยางเย่ถิงไว้

แต่คุณชายรองสกุลหยางจับจ้องท่าทางหยวนอวี้ฟ่านไว้แน่วแน่อยู่ ต่อเห็นอีกฝ่ายพลิกตัวกลับหวังคว้าตนไม่ให้ลื่นไถลจมน้ำ ชายหนุ่มก็คว้าเอวหยวนอวี้ฟ่านในทันทีด้วยมือหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็จับแขนแม่นางหยวนไว้

ท่วงท่าน่าหวาดเสียวเช่นนี้คงไม่ก่ออารมณ์อื่นใดในสถานการณ์ปกติ ทว่าคนทั้งสองต่างไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิด ยามแตะสัมผัสเนื้อตัวอีกฝ่าย ก็สัมผัสถึงเนื้อตัวได้ในทันทีหามีสิ่งกั้นขวางไม่

หยวนหลงซานทำตาลุกวาว ทรวงอกเต่งตึงซึ่งควรจะซุกซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำก็ปรากฏอยู่ริมปริ่มขอบ ข้าผลักอกหยางเย่ถิงออกห่าง แล้วชกหน้าอีกฝ่ายคืนด้วยกำปั้น

“เลวทราม ข้าพเจ้าคิดว่าคุณชายรองเป็นสุภาพบุรุษ ไฉนจึงคิดทำอุบายกลั่นแกล้งข้าพเจ้าเช่นนี้ ข้าพเจ้าเป็นสตรีมีแต่เสื่อมเสียเกียรติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในเรื่องที่ต้องจำยอมให้ชายสัมผัสตัว แต่คิดในด้านการรักษาเยียวยาจึงล้างอายเสีย แต่ท่านกลับคิดกระทำต่ำช้าล่วงเกินข้าพเจ้าเกินกว่าถ่ายทอดพลังหยินหยาง หากข้าพเจ้าไม่สำแดงศอกหมัดคืนกลับบ้าง คุณชายรองท่านคงดูหมิ่นเหยียดหยามข้าพเจ้าว่าเป็นหญิงใจง่ายสืบไปเป็นแน่”

“ข้า...”

ข้าตบหน้าหยางเย่ถิงซ้ำเต็มแรงสตรี จนกระทั่งปรากฏรอยแดงข้างโหนกแก้มขาว ชั้นแรกหยางเยวี่ยนรู้สึกผิดเต็มประตู ต่อมาถูกหยวนอวี้ฟ่านตบหน้าตนซ้ำอีก ความผิดกัดกินใจถูกกระทบกระเทือนจนเลือนรางจางหาย

“ข้าพเจ้าหาใช่แม่นางเตียวหง คนซึ่งคุณชายรองผูกรัก ท่านฝืนใจช่วยข้าพเจ้าตามภาระหน้าที่ มีหรือมาคิดกระทำผิดคำพูดตัวเอง ชายควรเสียชีพมากกว่าเสียสัตย์ มาตรว่าไม่คิดรักษาข้าพเจ้าแล้วจงตีตัวออกห่างเถิด ข้าพเจ้าจะกลับอวี้หงหยวนในราตรีนี้ แล้วหาชายอื่นที่มีใจให้ข้าพเจ้ามารักษาอาการธาตุน้ำเป็นพิษยังจะเหมาะควรกว่า”

“หุบปาก” หยางเย่ถิงตะคอกกลับด้วยความโกรธ

“ถอยไป” ข้าผลักไสร่างเปลือยของคุณชายรองหยางเต็มแรง แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านใดๆ

“ไม่ถอย”

หยางเย่ถิงดันตัวประชิดเรือนร่างข้าก่อนจะกระซิบริมขอบหูว่า

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าการบำบัดธาตุน้ำเป็นพิษนอกจากถ่ายทอดพลังหยินหยางผ่านฝ่ามือแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่ให้ผลรวดเร็วกว่า”

ข้าออกแรงดันกล้ามอกหยางเยวี่ยนให้ออกห่างตามเรี่ยวแรงตามมีตามเกิดของร่างหยวนอวี้ฟ่าน แต่ก็ราวกับเคลื่อนย้ายศิลาด้วยฝ่ามือเปล่า แทบมิได้สนใจฟังคำพูดอีกฝ่าย มุ่งหมายที่จะไปจากที่แห่งนี้ให้จงได้ เนื้อแท้ตัวตนข้าเป็นชายก็จริง ย่อมไม่มีทางเสื่อมเสียเกียรติเช่นคำพูดเมื่อครู่ ทว่าสืบไปภายหน้า หากข้าไม่อาจล้างคำสาปออกจากตัว หยวนอวี้ฟ่านก็จะต้องอยู่ในชีวิตสืบต่อไป นางไม่ต่างจากน้องสาวข้า หากข้าไม่ดูแลนางสมควรแก่พี่ชายพึงกระทำแล้ว ชื่อเสียงนางรวมถึงเกียรติยศวงศ์ตระกูลมิถูกเหยียบย่ำกดขี่ด้วยคนตระกูลหยางสืบไปหรือ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงก่อเกิดเป็นการกระทำป้องกันตนเอง

“หยวนอวี้ฟ่าน!” หยางเย่ถิงออกนามข้าหวังเรียกสติ

ครั้นอีกฝ่ายเรียกนามชัดถ้อยชัดคำเช่นนั้น ข้าจึงล้มเลิกผลักไส แล้วจดจ้องมองสู้อย่างเจ็บแค้น

“ข้าพเจ้าพอจะเข้าใจหัวอกบรรพชนในอดีตแล้วที่คิดละทิ้งเฉินชิงหลุนไปไม่หวนกลับ ด้วยเหตุว่าคนตระกูลหยางโดยเนื้อแท้แล้วมีอุปนิสัยขลาดกลัว เห็นแก่ตัว ไม่คิดช่วยเหลือยุทธภพ คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เช่นนั้นข้าพเจ้าขอยึดเจตนาของบรรพชนตระกูลหยวน ไม่ขอสมัครสมานสามัคคีปรองดองกับตระกูลหยางสืบไปเด็ดขาด ข้อตกลงแต่งงานเป็นอันยกเลิก ข้าพเจ้าจะขอกลับอวี้หง...”

คำว่า ‘หยวน’ ถูกหยางเยวี่ยนขโมยไปใส่ในปาก อันที่จริงเขาจูบปากข้าด้วยปากแล้วดูดกลืนคำๆนั้นไปต่างหากเล่า ไฉนเวลาจึงผ่านไปเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ราวกับหยางเย่ถิงจูบข้าเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วยาม พอเจ้าคุณชายรองถอนริมฝีปากออก พร้อมกับเปิดปากพูดคำพูดกึ่งแกมบังคับนั่นแล้ว ข้าจึงคิดว่า ไม่น่าด่าทอเรื่องฉกฉวยเพียงเล็กน้อย สมควรจะปล่อยผ่านไปโดยง่าย

“วิธีรักษาธาตุน้ำเป็นพิษด้วยพลังหยินหยางซึ่งนิยมกระทำกันมากที่สุด คือข้ากับเจ้าต้องเป็นของกันและกัน”

ข้าอ้าปากค้าง พยายามคิดตามพร้อมกับโกยอากาศเข้าร่างกาย

“และไม่ใช่กระทำผ่านฝ่ามือ”

“...”

“ข้อที่เจ้าดูถูกตระกูลข้าว่าต่ำช้า เช่นนั้นหากข้าจะทำตามสิ่งที่เจ้ากล่าวหา คงไม่ผิดสินะ”

ข้าไม่มีโอกาสได้แก้ต่างขอโทษ เหตุว่ากล่าววาจาไปด้วยอารมณ์โกรธ เพราะหยางเย่ถิงใช้ดวงตาไม่ต่างคมกระบี่จี้บังคับ ใช้ริมฝีปากไม่ต่างจากเครื่องมือลงทัณฑ์ และใช้เรือนกายเปลือยเปล่าเป็นเครื่องพันธนาการ ผูกพันกายข้าและเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
   


***********************************

พูดคุย

รักษาตัวแล้ว อย่าลืมรักษาตากุ้งยิงเด้อ~5555
พอถึงตอนนี้คงได้ยาดีรักษาตากุ้งยิงแล้ว 555

หืมมมม
555+

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2020 16:03:26 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อื้อหือ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
แล้วถ้าได้กลับไปเป็นชายแล้ว คุณชายรองยังจะยินดีรับเป็นภรรยาอยู่อีกไหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 16



ข้ายังคงมองเห็นกระบี่ลมพัดพันสายและพัดพรายเพลิงปรากฏอยู่บนแท่นศิลาสลักรูปมังกร ลำแสงดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนอาวุธวิเศษสองสิ่งซึ่งถูกผนึกไว้เคียงคู่ เพื่อใช้ป้องกันเฉินชิงหลุนจากภัยพาลในอดีต หยางจ้าวหลานและหยวนอู่ชิง ศิษย์เอกของสำนักในคราวนั้นจะล่วงรู้หรือไม่ว่า บัดนี้อาคมซึ่งเขาทั้งสองสู้สละชีวิตไว้นั้นได้เสื่อมคลายลง หยวนอู่ชิงไม่พ้นคือหนึ่งในเชื้อสายบรรพชนของข้าเป็นแน่ ไม่ผิดที่ข้าจะคิดหวังครอบครองพัดพรายเพลิง โดยยอมแม้กระทั่ง...

นับแต่ข้ารู้ความ ในฐานะทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา บิดาข้าเคี่ยวเข็ญถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาต่างๆ นานา อันจะเสริมส่งพละกำลังและบารมีประมุขพรรคเสี้ยวจันทราในภายภาคหน้า เหล่าปรมาจารย์ผู้ชำนาญในสาขาวิชามากมายได้เข้ามาสั่งสอนข้าเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ฉะนั้นหยางเย่ถิงจะสู้ใช้กำลังบังคับข้ามากน้อยแค่ไหน หากข้าใช้วรยุทธต้านทานแล้วไซร้ ย่อมจะระงับเจ้านั่นได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ต่อฉุกคิดได้ว่าหยางและหยวนรวมใจเป็นหนึ่งนั่นแล้วจึงทำให้ข้าไม่คิดใช้วรยุทธสู้ขัดขืน

เหตุการณ์ต่อจากนั้นข้าพยายามลบลืมออกจากใจ ไม่มีความทรงจำใดๆนอกจากข้าตั้งความหวังไว้ที่จะได้ครอบครองพัดพรายเพลิง จวนกระทั่งใกล้รุ่งสาง ข้าจึงเร่งรีบออกมาจากเรือนพักแปดเหลี่ยมบนลานผาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อาศัยช่วงหยางเยวี่ยนหลับ หลบหนีกลับคืนสู่หอเปลื้องอาภรณ์ ยกสุราเทียนจื่อซานดื่มแล้วรอคอยคืนร่างเดิม จากนั้นตกแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบุรุษ เร่งฝีเท้ารุดมาสู่ถ้ำมังกรศักดิ์สิทธิ์

ครั้งก่อนพัดพรายเพลิงสำแดงอิทธิฤทธิ์น่าอัศจรรย์พันลึก สอดประสานท่วงท่าร่วมกับวิชาพัดเสี้ยวจันทราราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน ไม่ผิดที่ข้าจะคิดเข้าข้างตนเองว่าอาวุธพัดวิเศษนี้รอคอยข้ามาเนิ่นนาน ทว่าหนนั้นข้าไม่อาจจับต้องสัมผัสแม้ปลายพู่ประดับด้ามพัด กระทั่งมังกรศิลากล่าวถึงเงื่อนไขสำคัญ คราวนี้หากข้าสามารถแตะต้องพัดพรายเพลิงได้ ย่อมหมายความว่าสิ่งที่ข้าสู้ฝืนกระทำลงไปเมื่อราตรีล่วงผ่าน คือหนทางสู่การครอบครอง

หยวนหลงซานย่ำเท้าเข้าหาแท่นศิลากลางโถงถ้ำ เมื่อใกล้ระยะเอื้อมถึงแล้วจึงหยุดยั้งชั่วขณะลมหายใจเข้าออก
 
ข้าไม่ได้รักเจ้า

ปลายนิ้วข้าชะงักงันทันที คำพูดหยางเย่ถิง ณ ค่ำคืนกลางสระเสี้ยวเบญจมาศแปดเหลี่ยมดังสะท้อนผืนน้ำก้องกังวานไปทั่วทั้งห้อง

“คารวะ ประมุขหยวน”

ข้าจดจำน้ำเสียงของเหลียงจินได้ก็หันกลับมามองอีกฝ่าย เจ้าหนุ่มเหลียงไถจินสบตาข้าเพียงครู่ก่อนจะรายงานว่า

“เรียนประมุข หนังสือของหัวหน้าสีฝูเหยานั้นข้าทั้งสามคนคอยจนถึงปลายยามซวีก็ไม่ปรากฏพบเห็นตามนัดหมาย ครั้นล่วงเลยเวลาไปเนิ่นนานเพียงนั้นแล้วจึงชักชวนกันกลับมาที่พำนัก ทว่ากลับหาปะท่านไม่ ครั้นจะเที่ยวออกตามหา ก็มานึกถึงคำสั่งประมุขท่านได้ว่าให้กลับมารั้งรอยังหอเปลื้องอาภรณ์ ไม่ทราบว่าเมื่อคืนประมุขท่านไปสถานที่แห่งใดกับคุณชายรองหยางหรือขอรับ”

ข้าลอบถอนหายใจแล้วแสร้งยิ้มให้เหลียงจิน

“ขอบใจเจ้ามาก เหลียงจิน ข้อหนังสือลับนั้นเห็นว่าหัวหน้าสีคงไม่สบโอกาสเหมาะสม จึงไม่อาจส่งเข้ามาตามนัดหมายได้ เจ้าจงบอกปิงหวนและเป่าเหอตามคำสั่งข้า ให้ทั้งสองทำทีป้วนเปี้ยนสังเกตบริเวณประตูด้านทิศใต้ โดยอาศัยกิริยามีน้ำใจเที่ยวแจกจ่ายข้าวปลาอาหารบังหน้าไปสักสองสามราตรีนับจากนี้ หัวหน้าสีเห็นจะหาโอกาสสบช่องพอเหมาะส่งข้ามมา ก็ด้วยบัดนี้แม่นางเตียวหง ศิษย์เอกสำนักคมเบญจมาศนำพากำลังคนหนุนเนื่องสู่เฉินชิงหลุนกว่าสามร้อยยอดฝีมือ เวรยามตรวจตราจึงแน่นหนาขึ้นอีก ข้าเองก็ออกอุบายให้หยางเย่ถิงแบ่งสรรปันกำลังพลพ้นจากประตูทั้งสี่ทิศอยู่ หากเจ้าคุณชายรองตกบ่วงแล้ว หัวหน้าสีคงส่งเข้ามาได้เอง”

“ขอรับ”

ข้าเห็นว่าหมดธุระแล้วจึงพยักหน้าให้เหลียงจินกลับไปทำการ แต่เจ้าหนุ่มเหลียงยังคงยืนนิ่งคอยอยู่

“เจ้ามีเรื่องอื่นรายงานอีกหรือ เหลียงจิน”

“ข้าน้อย...”

“พูดมาเถอะ ข้ายินดีรับฟัง” ข้าเห็นความวิตกกังวลปรากฏบนหน้าเหลียงจินชัดเจน

“บัดนี้อาการประมุขท่านฟื้นคืนขึ้นมากแล้ว ข้าน้อยเห็นควรว่าพวกเราทั้งปวงควรเร่งหลบหนีจากเฉินชิงหลุนกลับคืนอวี้หงหยวนเถิดขอรับ”

ข้ายังมิได้ตอบคำใด เหลียงจินก็กล่าวต่อไปว่า

“เหตุว่าประมุขท่านลงรักษาตัวในสระเสี้ยวเบญจมาศจึงเกิดอาการธาตุน้ำเป็นพิษ อีกทั้งพิษจิ้งจอกเงินทุเลาลงกว่าแปดในสิบส่วน ปรมาจารย์เฉียนคงผู้เฒ่าพอมีชื่อเสียงเลื่องลือทางตำรับยาอยู่ อาการพิษอีกสองส่วนนั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงอาจารย์เป็นแน่ ฉะนั้นอาการธาตุน้ำเป็นพิษก็จะไม่บังเกิดกับประมุขท่านสืบต่อไป”

แววตาเป็นห่วงเป็นใยปรากฏทุกครั้งคราว ยามข้าตกอยู่ในภาวะอันตราย เหลียงจินไม่ต่างจากสหายร่วมทุกข์ร่วมสุข คำชี้แนะหนนี้หากข้าไม่ใส่ใจแล้วคงเหมือนกับตัดมิตรไร้น้ำใจ จึงพูดหยอกเย้าว่า

“เจ้าไม่ประสงค์แต่งงานกับหัวหน้าเสินหวู่หรือ”

เหลียงจินเกิดในครอบครัวยากจนแถบชนบทเมืองลั่วหยาง กำพร้าทั้งบิดาและมารดา ไม่มีพี่น้อง บิดาข้าพบเขาในสภาพเด็กชายอายุสี่ขวบ หนึ่งในผู้รอดชีวิตไม่กี่คนของหมู่บ้านที่ไม่ถูกฆ่าตายด้วยบรรดาฝีมือคนพรรคมารโคมแดง บิดาข้าจึงดูแลเขาไม่ต่างจากบุตรชาย และเหลียงจินก็นับถือหยวนเหวินหยวนดุจบิดาบุญธรรมอย่างเดียวกัน เหลียงจินจึงเป็นเพื่อนเล่นและคู่ฝึกวรยุทธให้แก่ข้ามาตั้งแต่จดจำความได้ กิริยาอาการรั้งรอแลดวงตาฉายแววซ่อนความนัยนี้มีหรือข้าจะไม่ล่วงรู้ แต่ก็ทำทีพูดจาเฉไฉในเรื่องอื่นเสีย หวังตัดความสงสัยของเจ้าหนุ่มเหลียง

“มิได้ขอรับ ประมุข แต่...”
 
ข้าควรตัดบทหรือให้เหลียงจินพูดความในใจดี ระหว่างใคร่ครวญคิดนั้น เหลียงไถจินก็รวบรวมความกล้าถามคำถามซึ่งข้าพยายามหลีกเลี่ยง

“ประมุขท่านตกเป็นของคุณชายรองหยางแล้วหรือขอรับ”

ข้าใจหายวาบราวกับถูกจับกลได้ แต่ก็ปั้นกิริยาทำใจดีสู้พยัคฆ์แล้วว่า

“ข้าหรือจะพลาดพลั้งตกอยู่ในกำมือหยางเย่ถิง เคล็ดวิชาติดตัวข้าพอมีประดับกาย อีกทั้งวิชาพัดเสี้ยวจันทราขั้นแปดนี้มิใช่ได้มาโดยหลับหูหลับตาฝึกไม่ ไฉนเจ้าจึงคิดเห็นเป็นไปเช่นนั้นได้ เหลียงจิน”

“ข้าน้อยไม่อาจข่มตาหลับได้ตลอดราตรีกระทั่งใกล้รุ่งสาง ขณะนั้นประมุขท่านเพิ่งปรากฏตัวคืนสู่หอเปลื้องอาภรณ์ ใบหน้าเปล่งปลั่งไร้โรคภัย สะท้อนชัดว่าอาการธาตุน้ำเป็นพิษถูกถอนออกแลได้รับการเยียวยาแล้วนั่นต่างหากเป็นช่องให้ข้าบังเกิดสงสัย มิหนำประมุขท่านยังกำผ้าคาดศีรษะของคุณชายรองไว้ไม่ห่างกายเช่นนี้อีก วิธีรักษาโดยถ่ายทอดพลังหยินหยางซึ่งเจิ้งอู๋จินแนะนำว่าต้องร่วมสัมพันธ์สวาทนั้นได้ผลชัดเต็มตาเป็นลำดับมาเช่นนี้ ข้าน้อยไม่เห็นเป็นอื่นจึงซักถามตามสงสัย”

ในมือข้าถือผ้าคาดศีรษะของหยางเย่ถิงจริงดังคำเหลียงจิน ข้าลักลอบปลดออกมาเพื่อหวังใช้เป็นหลักฐานยืนยันต่อหน้ามังกรศิลา ว่าข้าได้กระทำรวมใจเป็นหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“การรักษาธาตุน้ำเป็นพิษอาศัยการถ่ายเทพลังหยินหยางผ่านฝ่ามือเท่านั้น หาจำเป็นต้องร่วมหอเริงสวาทไม่ ข้าเข้าใจเจิ้งอู๋จินซึ่งรับรองจะให้หยางเย่ถิงรับตัวข้าเป็นฮูหยิน เหตุว่าจำต้องเปลื้องอาภรณ์ทั้งปวงออกก่อนจึงจะกระทำพิธีได้”

เจ้าหนุ่มเหลียงสบตาข้าแล้วยิ้มปนโศก หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า

“เช่นนั้นคำของปิงหวนซึ่งได้ยินมาว่า คุณชายรองหยางมีอาการป่วยนั้นเห็นจะเป็นความจริง”

ข้าเหมือนได้ยินไม่ชัดก็ถลาลงมาจากแท่นศิลา ทะยานเข้าหาเหลียงจิน

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

“คุณชายหยางเย่ถิงมีอาการสมดุลธาตุผิดปกติขอรับ”

“ไยจึงไม่รีบแจ้งข้า ข้าจะไปดูอาการเจ้าคุณชายรองนั่นเดี๋ยวนี้”

ก่อนข้าจากมาไม่เห็นว่าหยางเยวี่ยนจะรู้สึกตัวก็ฉุกสงสัยอยู่แล้ว แต่มิได้คาดการณ์ว่าอีกฝ่ายจะกลับกลายสูญเสียสมดุลธาตุ
ท่าทีและสีหน้าข้าคงตื่นตระหนกเกินเหตุหรือไฉน เหลียงจินจึงกางกั้นแขนกักตัวข้าไว้

“ประมุขท่านจะโลดโผนไปในฐานะผู้ใดหรือขอรับ”

คำถามยอกย้อนของเจ้าหนุ่มเหลียงฉุดสติข้าคืนกลับมา

หยวนหลงซานหรือหยวนอวี้ฟ่าน ก็ขณะนี้ประมุขท่านยังคงร่างบุรุษอยู่ หากใจเร็วเร่งไปปรากฏตัวต่อหน้าคุณชายรองหยางมิถูกจับกลได้หรือ”

“ข้า...” หมดคำที่จะพูดใดๆโต้ตอบเหลียงจิน

กลับอวี้หงหยวนเถิดขอรับ อาการธาตุน้ำของประมุขท่านฟื้นคืนแล้ว ไม่มีเหตุจะต้องรักษาตัวอยู่ ณ เฉินชิงหลุนอีกต่อไป”

ราวกับมีผู้ใดเสียบปลายกระบี่ปักลงกลางใจข้า เจ็บแปลบเสียจนสติปัญญาไหวพริบมีอันถดถอยล้าหลัง

ขณะนั้นหลี่ปิงหวนและหวังเป่าเหอก็ถลันเข้ามาภายในโถงถ้ำมังกรศักดิ์สิทธิ์ด้วยอาการเร่งรีบพอกัน ก่อนปิงหวนคำนับแล้วเร่งรายงานว่า

“ยามเฝ้าทางเข้าสระเสี้ยวเบญจมาศมาเคาะประตูหอเปลื้องอาภรณ์พร้อมแจ้งว่า ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศประสงค์เข้าพบประมุขท่านในทันที โชคดีข้าทั้งสองเคยฝึกใช้เสียงปลอมเป็นสตรีอยู่ จึงตอบกลับไปว่า นายหญิงข้าพเจ้าแต่งโฉมอยู่ ขอให้เจิ้งอู๋จินรั้งรออยู่ก่อน แล้วจึงพากันมาหาท่าน”

เหลียงจินสบตาข้าซึ่งไม่อาจบัญชาคำสั่งใดก็ถือโอกาสนั้นช่วยพูดแทน

“ข้าเสนอให้ประมุขหยวนฟงหลบหนีกลับอวี้หงหยวนทันที ด้วยบัดนี้อาการพิษจิ้งจอกเงินทุเลาลงกว่าตอนแรกมากแล้ว อีกทั้งอาจารย์เฉียนคงผู้เฒ่าปรากฏกิตติศัพท์ด้านปรุงยารักษาคนอยู่ พิษที่หลงเหลือคงค้าง วิเคราะห์แล้วไม่เห็นเกินกำลังอาจารย์เราไปได้ พวกเรารีบไปกันเถิด”

แม้แต่ปิงหวนและเป่าเหอก็เห็นดีเห็นงามตามเหลียงจิน ต่างพยักหน้ารับรอง พร้อมกระชับกระบี่ในมือพร้อมสู้รบหลบหนีจากสำนักเฉินชิงหลุน

ใจข้าห่วงแต่อาการหยางเย่ถิง จริงอยู่พิษจิ้งจอกเงินอีกสองส่วนคงไม่เกินฝีมือปรมาจารย์เฉียนคง และข้าก็ไม่จำเป็นต้องพะวงอาการธาตุน้ำเป็นพิษอีกสืบไป แต่ประมุขพรรคเสี้ยวจันทราจะจากไปโดยมิได้ตอบแทนคนผู้ช่วยชีวิตข้านั้น ไม่อาจดำรงตนสืบต่อไปได้ ยิ่งมารับรู้ว่าเจ้าคุณชายรองนั่นเจ็บป่วยด้วยข้าเป็นเหตุซ้ำอีก คำแนะของเหลียงจินจึงทำให้ข้าได้แต่สั่นหน้า

ฝ่ายบรรดาเจ้าหนุ่มยอดฝีมือพรรคเสี้ยวจันทราทั้งสาม ครั้นมองเห็นกิริยาประมุขพรรคปฏิเสธโจ่งแจ้งเช่นนั้น ต่างสับสนอลหม่าน ทั้งร้อนอกร้อนใจหนักหนาอยู่

หยวนหลงซานมองบรรดาผู้ติดตามแล้วยิ้มฝืดเฝื่อน

“ปิงหวน เป่าเหอ เจ้าทั้งสองจงกลับไปเตรียมฉากม่านกำบัง ข้าจะออกรับที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศด้วยตัวเอง”
   

******************************************

พูดคุย


เอาจิงดิ
55+ เรียบร้อยโรงเรียนหยาง

อื้อหือ รอตอนต่อไปค่ะ
ตอนใหม่มาแล้วครับ เป็นยังไงบ้างขอรับ

อุ๊บส์~  :haun4:
อิอิ

:z1:

 o13 :pig4: :pig4: :pig4: o13
แงงงงงงง ขอบคุณขอรับ

แล้วถ้าได้กลับไปเป็นชายแล้ว คุณชายรองยังจะยินดีรับเป็นภรรยาอยู่อีกไหม
นั่นน่ะสิขอรับ ตอนนี้อาจจะยังไม่โป๊ะแตก แต่เมื่อไหร่ความแตกขึ้นมา คุณชายรองของเราจะทำยังไงน้า



ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เรียบร้อยกันแล้วจะคืนร่างเป็นชายตลอดไปใช่ไหม

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เกือบโป๊ะแล้ว555

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คงอาจจะกลับไปเป็นหญิงอีกใช่ไหม คิดว่าถ้ารักกันเมื่อไรทั้งคำสาปและสิ่งของที่ต้องการ ถึงจะได้

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หืมมมม วุ่นวายไปหมดดด

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 17



ม่านไม้ไผ่คลี่กางกั้นเป็นฉากกำบัง ประตูและหน้าต่างถูกปิดไว้มิดชิดประดุจยามวิกาล บรรยากาศภายในหอเปลื้องอาภรณ์จึงสลัวรางเห็นลายมือไม่ชัด

“ไยแม่นางหยวนจึงปิดประตูห้องหอมิดชิดเช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าท่านเป็นสตรีสันโดษแลนิยมเก็บตัว ต่อประจักษ์ด้วยตนเองหนนี้จึงบังเกิดข้อสงสัย ด้วยเหตุว่าก่อนหน้าข้าพเจ้าขอพบแม่นาง ท่านก็ออกต้อนรับสนทนาซึ่งหน้าต่อกันตลอดมา พอบัดนี้มีม่านไม้ไผ่กำบังอีกชั้นหนึ่งจึงอดวิตกกังวลมิได้”

เจิ้งอู๋จินร้องทักทันควันเมื่อเห็นข้าออกต้อนรับในช่วงเวลากลางวันด้วยกิริยาผิดประหลาด

หยวนหลงซานและเหล่าผู้ติดตามอาศัยเงามืด อีกทั้งม่านไม้ไผ่กำบังร่างกายบุรุษ สวมรอยด้วยเสื้อผ้าและผมปลอมของสตรีซึ่งมีอยู่ในหอเปลื้องอาภรณ์ให้ดูสมจริงอีกชั้นหนึ่ง ยามที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศพินิจพิจารณาโดยละเอียดลออจะได้พอมองเห็นเค้าลางของสตรีเพศอยู่

ข้าหัวเราะด้วยเสียงสตรีซึ่งเคยฝึกปรือไว้ดุจเดียวกับเหลียงจิน ปิงหวน และเป่าเหอ ร้องโต้ตอบเจิ้งอู๋จินว่า

“เดิมทีข้าพเจ้าอาศัยหออวี้หงหยวนก็มีอุปนิสัยชอบเก็บตัวและสันโดษตามคำเจิ้งอู๋จินท่านทักท้วง นานครั้งข้าพเจ้าจึงจะออกมารับแขกทำการแสดงสักคราวตามวาระเทศกาลสำคัญ ฉะนั้นกิริยาออกต้อนรับท่านอันไม่เจนตาดั่งนี้ชายชาวฉางอันหามีผู้ใดสงสัยขุ่นใจไม่ อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าแลสาวรับใช้ทั้งสามมีอาการโรคประหลาดติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่ทราบว่าเจิ้งอู๋จินพอจะเคยได้ยินมาบ้างหรือไม่ว่า ในบรรดาใต้หล้าเคยมีผู้เจ็บป่วยด้วยเหตุว่าแพ้แสงดวงอาทิตย์”

ต่อเจิ้งอู๋จินฟังความคำท้ายของหยวนอวี้ฟ่าน แม้นน้ำเสียงจะทุ้มแลแหบแห้งกว่าปรกติ แต่ก็พอจับเนื้อเสียงได้ว่าคือหยวนอวี้ฟ่านไม่ผิดตัว ครั้นได้ยินว่าแม่นางหยวนประสบโรคแพ้แสงสว่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

“ข้าพเจ้าเคยได้ทราบมาว่าแผ่นดินต้าถังมีผู้ประสบโรคภัยเช่นนี้อยู่ มินึกว่าแม่นางและสาวใช้จะมีอาการดังว่า”

“เช่นนั้นเวลากลางวันข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องเก็บตัวอยู่ในห้องหอมิอาจมีหน้าออกพบผู้ใดได้ โดยอาศัยตักน้ำจากสระเสี้ยวเบญจมาศมาเก็บไว้ในอ่างอาบน้ำในยามราตรีเพื่อชุบตัวระหว่างวัน อภัยเถิดที่ออกต้อนรับท่านไม่สมธรรมเนียมปฏิบัติ อาการธาตุน้ำเป็นพิษของข้าพเจ้าทุเลาลงมากแล้ว หากต้องแสงอาทิตย์อีกเกรงอาการผืนแพ้จะบังเกิด กระทั่งหนุนความเจ็บไข้เดิมให้รุนแรงหนักขึ้นอีก เช่นนั้นจึงขอออกต้อนรับเจิ้งอู๋จินด้วยกิริยาเช่นนี้ วานท่านอย่าได้นึกโกรธเคือง”

ครั้นแจ้งลำดับมูลเหตุที่มาของอาการเจ็บไข้ของหยวนอวี้ฟ่านดีแล้ว ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศก็สิ้นสงสัย แล้วจึงวกเข้าสู่ธุระอันตนเองพกมาก่อนหน้า ยกขึ้นถามแม่นางหยวนผ่านม่านไม้ไผ่ในทันทีว่า

“เหตุข้าพเจ้าเข้ามารบกวนอวี้ฟ่านท่านยามนี้นั้น มีความสำคัญจนไม่อาจรั้งรอได้ จึงได้มอบหมายให้แม่นางเตียวหงทำการแทนข้าพเจ้าในการบัญชาออกรับคนพรรคมารด้านด่านประตูทิศเหนือแทน”

“ธุระสิ่งใดหรือจึงเป็นเหตุให้เจิ้งอู๋จินท่านละกิจอันสำคัญมาพบข้าพเจ้าในยามนี้” ข้าเค้นเสียงปลอมถามกลับ

เจิ้งอู๋จินถอนใจบ่มหน้าเศร้าหมอง แล้วตอบว่า

“คุณชายรองหยางมีอาการเจ็บไข้”

ข้าทราบจากคำแจ้งของปิงหวนก่อนแล้วแต่ก็แสร้งทำเสียงเป็นตกใจ แล้วถามกลับประสาคนรู้จักกันว่าอาการหนักเบาประการใดหรือ เจิ้งอู๋จินก็ถอนหายใจซ้ำอีกแล้วเล่าว่า

“อาการนั้นนอกจากป่วยไข้ภายนอกแล้วยังมีอาการเสียสมดุลธาตุซ้ำอีก แต่แม่นางหยวนอย่าเพิ่งร้อนใจ วิธีแก้ไขเบื้องต้นไม่หนักหนาเสมออวี้ฟ่านท่าน เพียงแต่อาศัยนอนหลับพักผ่อนให้ร่างกายและลมปราณหวนคืนสู่ภาวะคงที่สักชั่วระยะหนึ่งหรือสองวันก็จะกลับสู่ปกติดังเดิม ทว่า...”

ทั้งสีหน้าและคำทิ้งท้ายของเจิ้งอู๋จินทำให้ข้าต้องถามกลับในทันที โดยมิได้คิดไตร่ตรองหรือเหลือบมองสังเกตใบหน้าสั่นไหวทัดทานของเหลียงจิน ปิงหวน และเป่าเหอ

“ทว่าสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

เจิ้งอู๋จินลอบยิ้มปีติในใจแล้วว่า

“ทว่าคุณชายรองไม่ยอมทานข้าวปลาอาหาร หรือแม้กระทั่งจะล้มตัวลงนอน สู้ดันทุรังแต่งตัวเพื่อออกไปประจำการบัญชาการสู้รบคนพรรคมาร ข้าพเจ้าแลบรรดาผู้อาวุโสทั้งปวง อีกทั้งคุณหนูหยางกุ้ยเฟยหรือแม้แต่แม่นางเตียวหงก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมให้คุณชายรองเชื่อฟังได้ ครั้นมิเชื่อฟังแลฝืนดื้อดึงเกินกว่ากำลังตนเอง อาการจึงทรุดหนักลงไปอีก คุณชายรองจึงสลบไม่ได้สติอยู่ ณ เรือนพักแปดเหลี่ยมบนลานผาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้าเกรงว่าหากคุณชายรองฟื้นขึ้นมาจะกระทำการฝืนกำลังตัวดังเดิม จึงเร่งดั้นด้นมาหาแม่นางหยวนให้ช่วยเป็นธุระเกลี้ยกล่อม”

ข้าได้แต่อาศัยความเงียบโต้ตอบเจิ้งอู๋จิน

ไยเจ้านั่นจึงฝืนดันทุรังเกินตัว ไม่ใช่ว่าเฉินชิงหลุนจะถูกตีแตกในเร็ววันนี้สักเมื่อไหร่ ไฉนไม่รักษาตัวดูแลสุขภาพตัวเองให้ฟื้นคืนก่อน ข้ารู้สึกโมโหจนไม่อาจหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านไม้ไผ่ได้ กระทั่งเหลียงจินเป็นผู้ซักถามแทนข้าว่า

“เรียนถามเจิ้งอู๋จิน บรรดาท่านแลคนสำนักคมเบญจมาศล้วนแต่ได้ชื่อว่าผูกพันสนิทสนมกับคุณชายรองหยางยิ่งกว่านายหญิงของข้าพเจ้าเสียอีก ในเมื่อท่านมิอาจเหนี่ยวรั้งได้ ไฉนนายหญิงของข้าพเจ้าจะสามารถทำได้เล่า”

เจิ้งอู๋จินจำเสียงว่าเป็นจินเหนียงสาวคณิการับใช้ก็รับคำแล้วว่า

“เดิมทีข้าพเจ้าทั้งปวงล้วนได้ชื่อว่ามีฐานะสนิทสนมยิ่งกว่าบรรดาแม่นาง ทว่าเมื่อราตรีล่วงผ่าน นายหญิงของแม่นางจินได้กระทำพิธีหยินหยางระหว่างชายหญิงร่วมกับคุณชายรองแล้ว ในบรรดาคนผู้มีความผูกพันล้ำลึกเกินกว่าใครในเฉินชิงหลุนที่จะออกปากว่ากล่าวทัดทานคุณชายรองได้ ข้าพเจ้าไม่เห็นเป็นใครอื่นได้อีกนอกจากแม่นางหยวนได้อีก”

ปิงหวนและเป่าเหอทำตาลุกวาว ปิดปากด้วยมือราวกับจะกลั้นเสียงร้องมิให้เล็ดลอดออกไป พอเหลียงจินถูกโต้กลับมาเช่นนั้นก็จนด้วยคำพูด ได้แต่มองหน้าสบตาข้าว่าจะตัดสินใจทำประการใด

ข้าไม่อาจปรากฏตัวต่อหน้าหยางเย่ถิงในตอนนี้ได้ อุปสรรคคือเรือนกายบุรุษที่จะต้องรอคำสาปหวนคืนสู่ร่างสตรี หากเจ้านั่นฟื้นขึ้นมาในตอนกลางวัน ถึงแม้ข้าจะต้องการเหนี่ยวรั้งเขาไว้กับเตียงนอนก็ไม่อาจทำได้ สู้ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไยไมตรี ด้วยการตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายในภายหลังคงจะดีเสียกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ตกลงปลงใจจะปฏิเสธ แต่เจิ้งอู๋จินก็ชิงว่ากล่าวมาเสียก่อน

“คุณชายรองหยางนี้อาภัพนัก ต้องสูญเสียมารดาตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ จึงเติบโตมาโดยมีประมุขหยางเป็นผู้อุ้มชูดูแล อีกทั้งประมุขท่านมิได้มีอนุภรรยา รักมั่นคงต่อฮูหยินหยางผู้ล่วงลับจวนกระทั่งบัดนี้ ความรักฟูมฟักอย่างมารดาดูแลบุตร คุณชายรองหยางจึงไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ครั้นเติบใหญ่ขึ้นมา ข้าพเจ้าแลปรมาจารย์ผู้สั่งสอนวิชาต่างก็แลเห็นว่าคุณชายรองมีฝีมือเพลงกระบี่คล่องแคล่วนัก จึงช่วยกันฝึกฝนเพลงกระบี่ลึกลับแห่งเฉินชิงหลุนให้โดยมิได้คิดว่าคุณชายรองจะสามารถบรรลุขั้นสูงสุด แต่ความมุมานะผสมผสานทักษะฝีมือก็ทำให้บัดนี้คุณชายรองคือบุรุษหนึ่งในสองที่สำเร็จเคล็ดวิชาดังกล่าว ก่อนหน้านั้นคือหยางจ้าวหลานศิษย์เอกของสำนักเฉินชิงหลุนในอดีต ด้วยการหมั่นฝึกฝนเอาดีทางด้านวรยุทธวิชาต่างๆ ทำให้คุณชายรองขาดตกบกพร่องต่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน โดยเฉพาะยิ่งสตรีเพศ ด้วยเติบโตมากับบุรุษด้วยกันประการหนึ่ง ก่อให้มีบุคคลิกแข็งกร้าว พูดน้อย ยึดขนบกฏเกณฑ์อย่างมั่นคง สิ่งใดซึ่งคุณชายรองของข้าพเจ้าว่ากล่าวแลปฏิบัติไม่ต้องใจแม่นางหยวน ล้วนหาใช่ความผิดของคุณชายไม่ จิตใจอ่อนโยนอันควรถูกอบรมเลี้ยงดูมาด้วยอ้อมกอดมารดากลับถูกช่วงชิงไปเสียเช่นนี้แล้ว วานแม่นางอวี้ฟ่านอย่าได้ถือสาหาความ”

ปฏิเสธถูกตีกลับคืนจนข้าไม่อาจกล่าวได้ อาศัยความเงียบตอบความในใจของตนเอง เจิ้งอู๋จินก็ดูเหมือนจะจับอาการและความในใจข้าได้จึงตีซ้ำด้วยคำพูดอีก

“ข้าพเจ้าเข้าใจแม่นางหยวนว่ามิอาจเข้าทัดทานคุณชายรองได้ในช่วงเวลากลางวัน ฉะนั้นข้าพเจ้าจะรับเป็นธุระกักตัวคุณชายไว้ด้วยอุบายของตัวเองก่อน ต่อพลบค่ำแล้วแม่นางหยวนจงเร่งขึ้นไปขัดขวางในทันทีเถิด”

“ข้าเกรงว่า...” หยวนหลงซานไม่ทันระวังความคิดที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศ พอถูกตีด้วยปูมหลังเรื่องราวน่าสงสารของหยางเยวี่ยนก็บังเกิดความสงสารเห็นใจ เหลียงไถจินพิเคราะห์ว่านายตัวกระอักกระอ่วนใจ จะออกปฏิเสธแทนก็ถูกที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศทิ้งหมากตัวสำคัญไว้ว่า

“อีกประการหนึ่ง แม่นางหยวนคงไม่ทราบมาก่อน คุณชายรองหยางถือกำเนิดตกต้องยามเฉินตรงกับช่วงราศีมังกร ก็แหละท่านปิดประกาศหาคนผู้มีดวงชะตาดังว่าไปทั่วนครฉางอันหรือมิใช่ ก็แหละบัดนี้เหตุการณ์นำพาท่านมาสู่คุณชายรองหยางเช่นนี้ได้ แม่นางจะยังนั่งนิ่งเฉยอยู่ดูดายเชียวหรือ”

ทั้งปิงหวนและเป่าเหอ โดยเฉพาะยิ่งเหลียงจิน ต่างสะดุ้งสุดตัวจนผมปลอมตลอดจนเครื่องประดับบนศีรษะเกือบเลื่อนหลุด ทว่าอาการข้ากลับหนักหนากว่า ปิ่นดอกเบญจมาศสีทองซึ่งข้ามักใช้ปักผมเป็นประจำยามเป็นหยวนอวี้ฟ่าน บัดนี้ถูกคำประกาศช่วงเวลาเกิดของหยางเย่ถิงสั่นคลอนร่างและจิตใจจนปิ่นปักผมประจำตัวพลัดหลุดจากผมปลอม หล่นร่วงกระทบพื้นกลิ้นเคลื่อนผ่านม่านไม้ไผ่ หมุนหลุนๆเข้าหามือเจิ้งอู่จินซึ่งคอยรับอยู่

“การอันอวี้ฟ่านท่านมอบปิ่นปักผมให้นี้ ข้าพเจ้าไม่อาจเล็งเห็นเป็นอื่น นอกจากแม่นางรับเป็นธุระเกลี้ยกล่อมคุณชายรองหยาง”
ข้ามิได้สนใจเรื่องรับปากเกลี้ยกล่อมหยางเย่ถิง แต่เป็นเพราะดวงชะตาราศีเกิดเจ้าคุณชายรองนั่นต่างหาก เช่นนั้นหมายความว่าเหตุการณ์เมื่อค่ำคืน ข้าได้กระทำการถอนคำสาปแล้วหรือมิใช่

ข้าควรจะดีใจหาใดเปรียบ

ข้าควรจะสะบัดอาภรณ์สตรีแล้วเปิดม่านไม้ไผ่เพื่อแจ้งตัวตนแท้จริงต่อเจิ้งอู๋จิน

ข้าควรจะพ้นคำสาปชายสลับหญิงตามคำนักพรตผู้เฒ่า

ข้าควรจะสุดยินดี แต่ไฉนจึงเหมือนมีบางสิ่งบีบเค้นหัวใจ

ครั้นเจิ้งอู่จินทึกทักเข้าใจในการอันข้ามอบปิ่นดอกเบญจมาศว่าเป็นกิริยารับคำจนสมใจตัวแล้ว ก็ขอตัวลากลับไป พอไร้ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศร่วมที่อยู่ เหลียงจินจึงถามคำถามแทงใจข้าว่า

“เช่นนั้นคุณชายรองหยางได้ช่วยล้างคำสาปแด่ประมุขท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ ท่านจะไม่ต้องหวนคืนเป็นหยวนอวี้ฟ่านอีกต่อไป”

ข้าจดจ้องขวดสุราเทียนจื่อซานอยู่เนิ่นนาน ตริตรองความในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เตรียมเก็บข้าวของ หากใกล้ค่ำเมื่อใด ข้าจะอาศัยความมืดหลบหนีออกจากเฉินชิงหลุนกลับอวี้หงหยวนในทันที”

เหลียงจินพยักหน้ายินดีอย่างที่สุด ทว่าปิงหวนและเป่าเหอมองใบหน้านายตนด้วยแววตาอีกอย่างหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายต่างก็พากันรับคำตามความประสงค์ของประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา
   
   
*********************************

พูดคุย
   
เรียบร้อยกันแล้วจะคืนร่างเป็นชายตลอดไปใช่ไหม
ต้องรอลุ้นฮะ

เกือบโป๊ะแล้ว555
เอาตัวรอดได้ไปอีกหนึ่งตอน 55+

คงอาจจะกลับไปเป็นหญิงอีกใช่ไหม คิดว่าถ้ารักกันเมื่อไรทั้งคำสาปและสิ่งของที่ต้องการ ถึงจะได้
เอ เหมือนจะเดาถูกแต่ก็ไม่ถูกหมดเสียทีเดียวนะครับ ต้องติดตามว่าบทสรุปจะเป็นยังไง

หืมมมม วุ่นวายไปหมดดด
ดูสิว่าจะวุ่นวายอีกมั้ย หรือจะได้กลับบ้านกันเสียที

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2020 09:23:55 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
จะใจร้ายทิ้งสามีไปได้เหรอ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จะได้กลับมั้ยยยย

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 18



ครั้นเจิ้งอู๋จินเจรจาความกับหยวนอวี้ฟ่านเป็นอันดีแล้ว ก็จัดการเป็นธุระคิดอุบายทัดทานคุณชายรองหยาง เร่งหวนคืนเรือนพักแปดเหลี่ยมเชิงผาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือโดยทันที ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศปราดเปรื่องเรืองปัญญาอยู่พอตัว จึงเป็นที่ชอบพอต่อประมุขพรรค ด้วยสำแดงภูมิความรู้แก้ไขปัญหามานักต่อนัก จวนกระทั่งเป็นที่ไว้วางใจได้รับมอบหมายงานสำคัญ เป็นต้นการคุ้มครองพิทักษ์สำนักเฉินชิงหลุนจากภัยพาล

ชั้นแรกปะหยวนอวี้ฟ่าน เจิ้งอู๋จินไม่คาดหวังจะได้ทำงานชิ้นสำคัญ คิดหวังแต่ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในยามคับขันเท่านั้น ต่อทราบประวัติความเป็นมาจากคุณหนูหยางกุ้ยเฟย จึงเหมือนพบอาวุธมีค่าหาสิ่งใดเปรียบมิได้ นับแต่สำนักเฉินชิงหลุนล่มสลาย ผ่านมาหลายชั่วอายุคน ไม่ปรากฏโอกาสซึ่งสองตระกูลใหญ่จะเข้าใกล้ความสมัครสมานสามัคคีเช่นหนนี้ ตนผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญของพรรคคมเบญจมาศมีหรือจะเพิกเฉยนิ่งดูดายจึงเร่งไขว่คว้า หนำซ้ำเห็นว่าคุณชายรองและแม่นางหยวนต่างจำเป็นต้องพึ่งพากันในยามเดือดร้อน คุณชายรองยอมรับข้อตกลงที่จะช่วยเหลือเฉินชิงหลุนตามฐานะคนตระกูลหยางโดยมิได้สืบสาวรายละเอียดอื่นใด แม่นางอวี้ฟ่านก็จำเป็นต้องอาศัยการบำบัดธาตุน้ำเป็นพิษจากคุณชายรอง

แผนการผูกสองตระกูลจวนจะสำเร็จ กระทั่งการปรากฏตัวของแม่นางเตียวหง

เตียวหงเป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักม่านเมฆา ต่อมาถูกบรรดาคนพรรคมารโจมตีจนแตกพ่าย ขณะนั้นเตียวหงฝึกวิชาอยู่ ณ สำนักคมเบญจมาศแห่งเขาเทียนซาน กว่าจะล่วงรู้ความย่อยยับของบิดาและครอบครัว สำนักม่านเมฆาก็หลงเหลือแต่ซากปรักหักพัง พร้อมการสูญเสียของศิษย์ร่วมสำนักรวมถึงครอบครัวด้วย นับแต่นั้นประมุขหยวนผู้ซึ่งเป็นสหายกับประมุขเตียวผู้ล่วงลับจึงอุปถัมภ์รับเตียวหงไว้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือของพรรคคมเบญจมาศมานับแต่นั้น สตรีผู้ที่เข้าใกล้คุณชายรองหยางได้นอกจากคุณหนูกุ้ยเฟยแล้ว เห็นจะมีก็เพียงแม่นางเตียวหงเท่านั้น

เจิ้งอู๋จินพอจะได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความสนิทชิดเชื้อของสองหนุ่มสาว แม้คุณชายรองหยางจะไม่เคยออกปากว่ากล่าวโดยชัดแจ้ง กลับกันคือปฏิบัติตัวให้ความคารวะแม่นางเตียวอย่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง เช่นเดียวกับเตียวหงก็รักษากิริยาไม่ให้เป็นที่ครหา ภายนอกต่างคนต่างสนทนาเป็นปกติ ทว่าภายในนั้นผู้คนทั่วทั้งสำนักคมเบญจมาศย่อมล่วงรู้ดีว่าคนคู่นี้มีวาสนาต่อกันอยู่

ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศล่วงรู้ข้อระคายนี้อยู่เต็มอก อุบายผูกสองตระกูลเพื่อผนึกอาคมเฉินชิงหลุนหลบเร้นจากพรรคมารมีอันถูกขัดขวาง ตนนำเรื่องนี้ปรึกษาผู้อาวุโสทั้งปวงแล้วเห็นว่าจำจะต้องเร่งรัดให้คุณชายรองได้เสียกับแม่นางหยวนในเร็ววัน เพื่อเป็นหลักประกันในข้อที่หนุ่มสาวทั้งสองจะไม่มีวันตัดขาดกันได้สืบไป

ต่อรุ่งเช้าหลังจากพิธีถ่ายทอดพลังหยินหยาง เจิ้งอู๋จินเร่งมาขอเข้าพบคุณชายรองหยาง ตั้งใจสอบถามความสำเร็จว่าหยวนอวี้ฟ่านได้รับการปรับสมดุลธาตุเป็นอันดีแล้วหรือไม่ กลับพบคุณชายรองมีอาการเจ็บไข้ หนำซ้ำตรวจชีพจรและลมปราณดีแล้วก็พบว่าธาตุไฟในกายหยางเย่ถิงหายไปสองในสามส่วน เจิ้งอู๋จินก็ลอบยิ้มไม่ให้คุณชายรองจับสังเกต ข้อพลังหยางลดทอนลงนั้นนับเป็นเรื่องปกติหลังเสร็จสิ้นพิธีถ่ายทอดพลังหยินหยาง แต่อาการธาตุไฟปั่นป่วนและถดถอยนี้ ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศแม้นยังมิเคยได้มีฮูหยินแต่งเข้าห้องหอ แต่ก็พอทราบอยู่บ้างว่า ยามใดหนุ่มสาวมีสัมพันธ์สวาทต่อกันแล้ว ฝ่ายชายจะสูญธาตุไฟ ส่วนฝ่ายหญิงจะสูญธาตุน้ำ ก็แหละแม่นางหยวนมีอาการธาตุน้ำเป็นพิษเกินพอดีเช่นนี้แล้วจึงถูกถอนธาตุน้ำออกโดยปริยาย หนำซ้ำถูกพลังหยางรักษาจากคุณชายรองช่วยเหลือซ้ำอีก การไม่ปรากฏหยวนอวี้ฟ่านร่วมห้องเช่นนี้ แสดงว่าร่างกายแม่นางหยวนถูกรักษาจนหายดีแล้วด้วยประการทั้งปวง

เจิ้งอู๋จินทำเป็นไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ถามประสาซื่อว่า

“คุณชายรองเจ็บป่วยเช่นนี้แล้วควรพักผ่อนเอาเรี่ยวแรงก่อน ธุระคุมคนออกรับศัตรู บัดนี้มีบุคคลคุณสมบัติเหมาะสมปฏิบัติหน้าที่แทนคุณชายท่านได้ จงสิ้นกังวล”

หยางเย่ถิงสั่นหน้าแล้วตอบว่า

“พรรคมารโคมแดงประกอบมีนิสัยพาลผสานเล่ห์กลพันลึก ไม่อาจใช้คนด้อยประสบการณ์ออกรับได้ หากประตูด่านทิศใดถูกตีแตก มีหรือที่เฉินชิงหลุนจะไม่พินาศตามไปด้วย คำซึ่งข้ารับปากบิดามาเพื่อพิทักษ์รักษาสถานที่แห่งนี้ มิกลายเป็นผิดคำพูดไปหรือ หากเจิ้งอู๋จินเข้าใจเจตนาของข้าดีแล้ว จงอย่าได้ถ่วงเวลาสืบไปเลย”

เหล่าผู้อาวุโสซึ่งคอยอยู่ภายนอกพอได้ยินถ้อยคำคุณชายรองหยาง ต่างก็ทำหน้าไม่สบายใจ หันหน้าเข้าปรึกษากันคร่ำเคร่ง ประจวบกับหยางกุ้ยเฟยทันเข้ามาพอดี จึงซักเอาความจากผู้อาวุโสทั้งนั้น บรรดาปรมาจารย์ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังจากฟื้นขึ้นมาคุณชายรองหยางประสงค์จะลุกจากเตียงเพื่อปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์เฉินชิงหลุนดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

หยางกุ้ยเฟยพยักหน้าเข้าใจหัวอกพี่รองดี อุปนิสัยดื้อรั้นเช่นนี้มีมาแต่ไหนแต่ไร หน้าที่เป็นหลัก ชีวิตตัวเป็นรอง ไม่ผิดที่บรรดาผู้อาวุโสต่างตระหนกตกใจในเจตนาของพี่รอง ดีเสียอีกที่ความดื้อรั้นหนนี้มีคุณมากกว่าโทษในสายตาคนนอก ทำให้เหล่าผู้อาวุโสเห็นว่าพี่รองมีความมุ่งมั่นขยันขันแข็ง สืบไปวันหน้าจะได้เป็นกระบอกเสียงสนับสนุนพี่รองในตำแหน่งสำคัญของพรรคคมเบญจมาศ หยางกุ้ยเฟยผลักบานประตูเข้าไปในเรือนพักแปดเหลี่ยมชั้นในก็พบกับเจิ้งอู๋จินและพี่รองที่สู้พยายามดันร่างลุกขึ้นนั่ง

“ไยพี่รองมิฟังคำเจิ้งอู๋จินท่าน ภายในอาณาเขตเฉินชิงหลุนจะหาหมอยาที่เก่งฉกาจเกินกว่าท่านผู้นี้ หามีปะไม่”

หยางกุ้ยเฟยทำกิริยาคำนับที่ปรึกษาพรรคมเบญจมาศอย่างยกย่องแล้วกล่าวเสริมว่า

“หากมิเห็นแก่คำพูดข้า ก็จงเชื่อฟังผู้อาวุโสแห่งเฉินชิงหลุนซึ่งยืนอยู่อย่างหวาดระแวงในโถงด้านนอก มาตรว่าพี่รองมีอันเป็นไป ทั้งเจิ้งอู๋จินและผู้อาวุโสทั้งนั้นคงไม่อาจพ้นโทษอาญาจากท่านพ่อไปได้ ข้อหาละเว้นปล่อยปละละเลยให้เชื้อสายสกุลหยางต้องสิ้นชีพลงต่อหน้าต่อตา”

หยางเย่ถิงสบสายตาน้องสาวคนเล็ก ชั่วขณะความเงียบงัน ปรากฏเสียงดีดผีผาดังแว่วมาแต่ไกลๆ จับทำนองได้ชัดว่าเป็นเพลงลมพัดพันสาย หยางเยวี่ยนก็พลันชะงักงัน

“เห็นจะเป็นแม่นางหยวนดีดพิณผีผามาแต่หอเปลื้องอาภรณ์เป็นแน่” เจิ้งอู๋จินเห็นแววตาหยางเย่ถิงก็กล่าวย้ำไปอีกว่า “ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าได้ขอเข้าพบหยวนอวี้ฟ่าน แจ้งอาการคุณชายรองท่านว่าเป็นประการใด”

“ไยท่านจึงทำเช่นนี้” ริมฝีปากแห้งผากของหยางเย่ถิงกล่าวตัดพ้อ

“ข้าพเจ้าได้แจ้งแก่แม่นางหยวนว่าคุณชายรองท่านเจ็บป่วยธรรมดา หาได้ลงลึกถึงอาการแท้จริงไม่”

หยางกุ้ยเฟยแลเห็นนิ้วชี้และนิ้วกลางของเจิ้งอู๋จินเกี่ยวไขว้กันไว้ก็ยกชายเสื้อขึ้นบังรอยยิ้ม มิให้พี่รองจับสีหน้าพิรุธ

“เจ้าเป็นอะไร กุ้ยเฟย”

“ข้าเปล่า”

“เช่นนั้นวานหยิบกระบี่มาให้ข้า แล้วเรียกสาวใช้มาแต่งตัวโดยเร็ว” หยางเย่ถิงสั่งการรวดเร็ว แม้นจะอิดโรยเรี่ยวแรงเต็มที

“แม่นางหยวนมอบปิ่นปักผมดอกเบญจมาศให้ข้าพเจ้าส่งต่อคุณชายรอง”

พอเจิ้งอู๋จินหยิบเครื่องประดับศีรษะออกมาจากท้องแขนเสื้อพร้อมบอกว่าเป็นของหยวนอวี้ฟ่านฝากมา หยางเย่ถิงซึ่งเดิมทีพยายามทำเป็นไม่ได้ยินเพลงลมพัดพันสาย ก็จดจ้องมองของสำคัญนั้นราวกับถูกสะกดวิญญาณ

“แม่นางหยวนฝากของมาพร้อมถ้อยวาจาว่า ขอให้คุณชายรองรักษาตัวให้สบายดีก่อน จึงค่อยคิดการออกรบ ทั้งนี้นางได้มอบสิ่งของสำคัญคือปิ่นปักผมดอกเบญจมาศมาให้ท่าน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันเจตนาและคำขอร้อง หากคุณชายรองไม่คิดรับไว้ก็หมายความว่าปฏิเสธคำร้องขอ ให้ข้าพเจ้านำปิ่นไปคืนโดยทันที แล้วพิธีแต่งงานระหว่างสองตระกูลก็หาจำเป็นต้องมีขึ้นไม่แล้ว แม่นางหยวนและสาวรับใช้จะขอกลับอวี้หงหยวน ไม่หวนกลับมาอีก”

อุบายซึ่งเจิ้งอู๋จินคิดเสริมเติมต่อหวังฉุดรั้งหยางเย่ถิงให้พักผ่อนจนหายขาดจากอาการเจ็บป่วยคือคำกล่าวเมื่อครู่ ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมจะโชกโชนประสบการณ์ อาศัยเครื่องประดับหยวนอวี้ฟ่านผูกกับคำคาดคั้นปลอมๆ ก็ดูเหมือนจะตบตาหยางเย่ถิงได้สมความตั้งใจ

หยางเยวี่ยนพอเข้าใจความหมายภายใต้เครื่องประดับศีรษะก็พลันนิ่งเงียบไปชั่วขณะ

“เดิมทีข้าก็หาได้ประสงค์แต่งงานกับหยวนอวี้ฟ่านไม่ ต่อท่านมาเจรจาว่ากล่าวหมายประสงค์ผูกสองตระกูลไว้ดังเช่นอดีตเพื่อรักษาอาคมของเฉินชิงหลุนต่างหาก ข้าจึงยินยอมปฏิบัติตาม พิธีแต่งงานไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก มาบัดนี้ท่านนำคำหยวนอวี้ฟ่านมาทัดทานในหน้าที่ซึ่งข้าสู้ปฏิบัติมาช้านาน โดยแลกกับการยกเลิกพิธีแต่งงานนั้น วานท่านที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศตัดสินทีหรือว่า ข้าหยางเย่ถิงควรตอบเช่นไร”

“ข้าพเจ้าหาใช่ตัวคุณชายรองท่าน จะคิดกะเกณฑ์แทนนั้น ไม่อาจทำได้ แต่หากให้ข้าพเจ้าตัดสินตามภูมิความรู้ หนทางเลือกมีอยู่แค่สองทาง ประการหนึ่งคุณชายรองท่านรับปิ่นปักผมไว้และปฏิบัติตามคำขอแม่นางหยวน หรืออีกประการหนึ่งคือปฏิเสธที่จะรับไว้ทั้งสิ่งของและคำขอ ข้าพเจ้าหาใช่มีหัวอกร่วมเดียวกับคุณชายท่าน จะคิดอ่านประการใดนั้นสุดแท้แต่วาสนาของท่านทั้งสองเถิด”

หยางกุ้ยเฟยพอเข้าใจในอุบายของเจิ้งอู๋จิน ทางเลือกของพี่รองก็มีไม่มากเช่นเดียวกัน จึงได้แต่ยืนนิ่งรอการตัดสินใจ

“เจิ้งอู๋จินท่านจงคืนปิ่นดอกเบญจมาศนี้ให้แก่หยวนอวี้ฟ่านเถิด ข้าหยางเย่ถิงไม่อาจปฏิบัติตามคำขอร้องได้”

“พี่รอง!” หยางกุ้ยเฟยร้องเรียกอย่างผิดหวัง

"คุณชายรองโปรดทบทวนด้วยขอรับ"

ใบหน้าซีดเซียวมีความยึดมั่นในเจตนาเดิมเต็มเปี่ยม ทำให้เจิ้งอู๋จินตระหนกไม่ใช่น้อยเนื่องจากผิดไปจากอุบายซึ่งตนคิดไว้ หยางกุ้ยเฟยเห็นความหัวรั้นของพี่รองไม่ถูกที่ถูกทางก็เหนื่อยอ่อนใจ เมื่อแม้แต่เจิ้งอู๋จินไม่อาจชี้นำได้ คำพูดตนจะมีประโยชน์อะไรก็คิดผละหนีจาก ก่อนไปก็กล่าวทิ้งท้ายว่า

"พี่รองปฏิบัติเช่นนี้ หากข้าเป็นพี่อวี้ฟ่านจะหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า ชาตินี้อย่าได้พบเจอกันอีก"

พอหยางกุ้ยเฟยออกไปแล้ว เจิ้งอู๋จินก็ลุกยืนขึ้น มือหนึ่งกำกระบี่ประจำตัว อีกข้างหนึ่งถือปิ่นปักผมของหยวนอวี้ฟ่าน

"คุณชายรองจงถนอมกำลังกาย ขณะบัญชาการป้องกัน หากรู้สึกเหน็บหนาวจงนั่งพักสักชั่วครู่ชั่วยาม ดื่มชาดอกเบญจมาศตามสมควรเพื่อเติมธาตุไฟ..." เมื่อที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศไม่อาจทัดทานได้จึงลำดับวิธีแก้ไขหากอาการเกิดทรุด "เฉินชิงหลุนยังคงมียอดฝีมืออีกจำนวนมาก หากจะต้องแตกพินาศในวันนี้เพราะขาดคุณชายรองท่านบัญชา ข้าพเจ้าเจิ้งอู๋จินคงไม่อาจมีหน้าพบประมุขหยางได้เป็นแน่"

หยางเย่ถิงไม่พูดคำใด หลังจากนั้นสาวใช้จึงถือเสื้อเกราะเข้ามา ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศได้แต่ชักชวนพาผู้อาวุโสทั้งนั้นกลับออกไป

ครั้นหยางเย่ถิงแต่งตัวดีแล้วก็ถืออาวุธออกมาจากห้อง พบสระน้ำแปดเหลี่ยม ปรากฏเงาสะท้อนภาพชัดในคืนก่อนฝังใจอยู่ ได้แต่เดินผ่านเลยไปโดยไม่เหลียวแลอีก ด้านนอกมียอดฝีมือประจำด่านทิศตะวันออกเฉียงเหนือคอยอยู่กลุ่มหนึ่ง รายงานว่าด่านประตูทิศใต้นั้นมีนายกองคนเก่าย้ายไปแทนแล้ว หน้าที่คุณชายรองจึงต้องบัญชาการรบบนลานผานี้

หยางเย่ถิงอาการฟื้นคืนเพียงหนึ่งในสามส่วน มิได้มีกำลังสมบูรณ์อย่างคนปกติ พอฟังยอดฝีมือรายงานท่ามกลางแสงแดดแผดจ้า ภาพที่ปรากฏในดวงตาก็พลันมืดมัว ก่อนใกล้สติจะพลันวูบดับ เสียงพิณผีผาจู่ๆก็เงียบหาย หยางเย่ถิงทรุดกายร้องพึมพำว่า

"อย่าไป"


เสียงราตรีขยับไหวอยู่โดยรอบ ปลุกสติหยางเย่ถิงฟื้นขึ้นมา แสงจันทราปกวาดบนพื้นม่านขอบหน้าต่างทรงกลม ผู้ที่ยืนชมจันทร์อยู่นั้นมิพ้นคือที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศ

"เจิ้งอู๋จิน"

"คุณชายรอง"

"ไยเสียงพิณจึงเงียบไป"

"..."

"หยวนเฟย"

เจิ้งอู๋จินได้แต่ยืนนิ่งงัน

"ผู้ใดเรียกหาข้าพเจ้าหรือเจ้าคะ"

เสียงสตรีร้องถาม ขณะหยวนอวี้ฟ่านผลักประตูเข้าสู่ภายในห้องพัก  มือซ้ายโบกพัดสีทองลวดลายมังกรไปมา ใบหน้าสุขสำราญยินดี

*******

หยวนอวี้ฟ่าน

------------------------------

พูดคุย

จะใจร้ายทิ้งสามีไปได้เหรอ
คงไม่ได้ไปไหนแล้วล่ะครับ 55+

จะได้กลับมั้ยยยย
สรุปว่ายังไม่ได้กลับนะครับ  ^-^

:pig4:
ขอบคุณขอรับ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะ ไม่ต้องไปไหนกันแล้วละ

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 19



แสงโคมไฟซึ่งสาวใช้นามว่าจินเหนียงถือติดตามหยวนเฟยเข้ามา สะท้อนใบหน้าโฉมงามของสตรีผู้มีสายเลือดตระกูลใหญ่ หญิงสาวโปรยรอยยิ้มให้พร้อมคำนับเจิ้งอู๋จินตามมารยาทอย่างนอบน้อม ชั้นแรกหยางเย่ถิงเอาแต่จับจ้องมองไม่วางตา ต่ออีกฝ่ายเหลือบมองมาก็สู้หันเหจดจ้องกระถางกำยาน หยวนหลงซานสวมบทหยวนอวี้ฟ่านแล้วทักทายที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศว่า

“ข้าพเจ้าได้ยินว่าคุณชายรองมีอาการเจ็บไข้หรือเจ้าคะ”

เจิ้งอู๋จินสบตาหยวนอวี้ฟ่านก็สานต่อคำสนทนาเหมือนหนึ่งไม่ล่วงรู้มาก่อนว่าแม่นางหยวนจะติดตามขึ้นมาบนเรือนพักแปดเหลี่ยมในยามนี้

“คุณชายรองฝืนตัวจะบัญชาการรบ อาการไข้จึงทรุดหนักลงไปอีก แม่นางหยวนมาเยี่ยมเยือนหนนี้ถือว่าแสดงความมีน้ำใจเป็นอย่างสูง”

“พรรคคมเบญจมาศมีบุญคุณช่วยเหลือข้าพเจ้ามากกว่ามาก หากข้าพเจ้าเมินเฉยไม่มาเยี่ยมเยือนคุณชายรองในยามทุกข์ยาก ก็เหมือนคนไร้สำนึกถูกผิด ฝีมือต้มน้ำแกงกลีบเบญจมาศผสมสมุนไพร ใช้แก้ไขบรรเทาอาการนั้นข้าพเจ้าพอมีวิชาความรู้อยู่ จึงได้นำติดไม้ติดมือมาด้วย มิทราบว่าคุณชายรองท่านทานสิ่งใดรองท้องหรือยังเจ้าคะ” คำสนทนาถูกส่งต่อให้หยางเย่ถิง

ข้าแสร้งยิ้มเต็มกำลังเพื่อสบตามองหยางเย่ถิง ส่วนเจ้านั่นทำแต่เพียงสะบัดใบหน้าหันมองแต่กระถางกำยานข้างเตียงนอนราวกับเป็นสิ่งของล้ำค่าหาใดเปรียบ ก็ของสิ่งใดในห้องนี้จะงดงามเท่าข้านั้นหามีไม่แล้ว กิริยาหยางเย่ถิงฟ้องว่าไม่ประสงค์มองข้าเช่นนี้ ก็นึกรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่ พลันความต้องการเอาชนะในใจมีมากกว่า หากข้าไม่อาจทำให้เจ้าคุณชายรองมั่นหน้าผู้นั้นหันมาได้ก็เสียชื่อนางคณิกาอันดับหนึ่งเต็มที เมื่อคิดได้เช่นนั้นข้าจึงหันไปรับตระกร้าบรรจุโถต้มน้ำแกงมาจากปิงหวน แล้วร้องว่า

“เช่นนั้นเชิญเจิ้งอู๋จินท่านนั่งลงก่อน ในเมื่อคุณชายรองไม่ประสงค์น้ำแกงหม้อนี้ ข้าพเจ้าจะถือกลับไปเหมือนตอนมา เกรงก็แต่หลี่เม่ยจะลำบาก น้ำแกงในหม้อมีสรรพคุณบำรุงกำลังวังชา เจิ้งอู๋จินท่านจะต้องออกรบบัญชาการอยู่ โปรดนั่งทานน้ำแกงสักชั่วครู่คงเสริมเรี่ยวแรงได้มากเจ้าค่ะ”

ข้าถือถ้วยไว้ด้วยมือหนึ่ง อีกมือก็ใช้กระบวยตักน้ำแกงกลีบดอกเบญจมาศเติมจนเกือบเต็ม แล้วจึงยื่นให้ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศ ทางหางตาก็เห็นอาการกระสับกระส่ายของหยางเย่ถิงเหลือบมองมา ฝ่ายที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศก็ได้แต่รับคำเชิญของแม่นางหยวน นั่งลงพร้อมรับถ้วยน้ำแกงมาถือโดยไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปาก จึงปฏิบัติตามอย่างไม่อาจขัดได้

“แม่นางหยวนคงได้ร่ำเรียนวิชาความรู้พืชสมุนไพรมามาก เหตุที่ดอกเบญจมาศเป็นที่นิยมชมชอบ ก็ด้วยมีสรรพคุณเป็นยาเจริญอาหาร ขับลม บำรุงประสาท อีกทั้งช่วยบำรุงดวงตา เมื่อนำมาเป็นส่วนผสมในน้ำแกงก็ยิ่งเสริมให้กินง่ายพ่วงคุณประโยชน์มากมาย นับว่าแม่นางอวี้ฟ่านนอกจากจะเก่งฉกาจทางวรยุทธแล้วยังเพรียบพร้อมทางงานบ้านงานเรือนสมเป็นกุลสตรีตระกูลหยวนยิ่งนัก”

ข้าไม่นึกว่าเจิ้งอู๋จินจะรับเล่นบทได้เกินกว่าที่ตั้งใจไว้เช่นนี้ก็แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน

ปิงหวนได้จังหวะก็เติมน้ำแกงยกให้เจิ้งอู๋จินแทนข้า พร้อมกับกล่าวว่า

“นายหญิงของข้าพเจ้าเพรียบพร้อมถึงเพียงนี้จึงเป็นที่หมายปองของคุณชายตระกูลใหญ่มากมายในเมืองฉางอัน ทุกคืนวันมักจะมีคุณชายมาขอเข้าพบนายหญิงไม่ซ้ำหน้ากัน เจิ้งอู๋จินจงตรองดูเถิดว่า สตรีใดในแผ่นดินต้าถังจะสมควรเป็นฮูหยินรองตระกูลหยางมากกว่านายหญิงของข้าพเจ้าได้อีก”

เจิ้งอู๋จินหัวเราะดังลั่นพร้อมกับตบเข่าฉาดใหญ่

“แม่นางหลี่กล่าวคำถูกใจข้าพเจ้ายิ่งนัก ในเมื่อคุณชายรองของข้าพเจ้าไม่ประสงค์น้ำแกงกลีบดอกเบญจมาศ เช่นนั้นวานเป็นธุระแม่นางช่วยติดตามข้าพเจ้าไปแจกจ่ายแก่บรรดายอดฝีมือซึ่งเข้าเวรรักษาการอยู่ด้วยเถิด” ปิงหวนก็รับทราบเจตนาแท้จริงของเจิ้งอู๋จินเป็นอย่างดี รีบจัดแจงโถและถ้วยน้ำแกงใส่ตระกร้า เจิ้งอู๋จินลุกขึ้นแล้วคำนับก่อนจะออกจากห้องไป ปิงหวนส่งยิ้มให้ข้าก่อนที่จะคว้าตัวเหลียงจินซึ่งรั้งรออยู่ติดตามไปด้วย

ครั้นประตูห้องถูกปิดสนิทดีแล้ว ข้าจึงทำทีลุกขึ้นยืนเหมือนจะขอตัวลาดุจเดียวกัน หยางเย่ถิงก็พลันพูดมาคำหนึ่งว่า

“ไยเจ้าจึงยังคงอยู่เฉินชิงหลุน”

ข้าเกือบสะดุดชายชุดหน้าล้มคะมำ เดิมทีข้าสู้พยายามปั้นสีหน้าวางเฉยเหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่าบัดนี้อารมณ์เดือดถูกสะกิดพุ่งพรวด อีกทั้งอยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสอง ความใดไม่ควรสำแดงให้คนนอกเห็นก็ไม่อาจปกปิดไว้ได้

“คุณชายรองอย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าข้าพเจ้าหลงใหลสิ่งใดในเฉินชิงหลุน จึงไม่คิดกลับอวี้หงหยวนทั้งที่อาการธาตุน้ำเป็นพิษและรอยพิษจิ้งจอกเงินทุเลาลงแล้ว ชั้นแรกข้าพเจ้ามีความตั้งใจเต็มที่จะกลับอวี้หงหยวนในเย็นวันนี้ ต่อได้พบเจิ้งอู๋จินแจ้งอาการคุณชายรองว่าเจ็บไข้ ตามประสาผู้มีบุญคุณต่อกัน มีหรือที่ข้าพเจ้าจะจากไปโดยมิได้แทนคุณ อุตส่าห์สู้ต้มน้ำแกงกลีบดอกเบญจมาศมา หวังว่าจะช่วยบำรุงคุณชายให้หายเจ็บป่วย ครั้นพบว่าเจ้าตัวไม่ประสงค์แล้วจึงคิดลากลับ คำคุณชายรองที่ว่าเหตุใดข้าพเจ้ายังคงเหยียบย่ำอยู่เฉินชิงหลุนสืบสาวเป็นมาด้วยประการเช่นนี้ เมื่อสิ้นข้อสงสัยแล้วข้าพเจ้าจะได้ขอตัวลาไปในทันที หวังว่าคุณชายรองท่านจะหายดีในเร็ววัน”

ข้าสู้ข่มอารมณ์โกรธไว้เต็มกำลังทั้งที่ตั้งใจจะมาลาอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำปกติ จากกันด้วยดีโดยไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกันอีก พอได้ยินคำพูดหยางเย่ถิงกล่าวเหมือนดูหมิ่นน้ำใจว่าไฉนข้าจึงมิเร่งกลับไปอวี้หงหยวนเล่าก็ฉุนโกรธ

“เจ้าคิดยกเลิกงานแต่งเช่นนั้นหรือ”

“ในเมื่อเราสองมิได้ปรารถนาเกี่ยวดองกันอยู่แล้ว ข้อตกลงเช่นนั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ อีกทั้งข้าพเจ้าเองหาใช่คนซึ่งคุณชายรองท่านใฝ่รัก นอกจากการพิทักษ์อาคมเฉินชิงหลุนแล้วข้าพเจ้าหามีประโยชน์อื่นใดไม่ ก็พรรคคมเบญจมาศดูแลสำนักแห่งนี้มาได้เนิ่นนาน คงไม่เกินกำลังหมู่ท่านไปได้”

“เจิ้งอู๋จินบอกว่า หากข้าปฏิเสธที่จะรับปิ่นปักผม และดันทุรังออกบัญชาการรบไม่ยินยอมพักรักษาตัว เจ้าจะขอยกเลิกงานแต่งและกลับอวี้หงหยวนทันที”

หยวนหลงซานยับยั้งฝีเท้า ข้าจำไม่ได้ว่าได้สั่งความเช่นนั้นกับที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศ หรือนี่จะเป็นอุบายที่เจิ้งอู๋จินบอกว่าจะใช้เหนี่ยวรั้งหยางเย่ถิงไว้กับเตียง คงหาใช่เหตุผลอื่นไปได้ ข้าจึงพยักหน้ารับแล้วว่า

“ชั้นแรกข้าพเจ้าคิดจากไปทันที ต่อได้ยินอาการคุณชายรองทรุดหนักไปอีกจึงปรุงน้ำแกงมาให้ เมื่อข้าพเจ้าได้กระทำสมความปรารถนาแล้วก็จะขอปฏิบัติตามวาจาเดิม ขอลา”

“อย่าไป”

“กระไรนะเจ้าคะ”

“ไหนน้ำแกง”

ข้าลอบยิ้มแล้วทำประหนึ่งมิได้ยินคำแรก

“ข้าพเจ้ามีน้ำแกงกลีบดอกเบญจมาศอยู่เพียงตระกร้าเดียว บัดนี้หลี่เม่ยคงเที่ยวนำออกแจกจ่ายบรรดายอดฝีมือทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว หากคุณชายรองหยางต้องการ ข้าพเจ้าจะเป็นธุระจัดการต้มใหม่ เช่นนั้นคุณชายรองจงนอนพักสักชั่วครู่เถิด”

“เช่นนั้นข้าไม่อยากกินแล้ว” หยางเย่ถิงออกเสียงดังกว่าปกติ เมื่อเห็นข้ากำลังเดินไปทางประตูห้อง

“คุณชายรองจะกินหรือไม่กินเจ้าคะ ข้าพเจ้าสับสนไปหมด”

“...ข้าต้องรับผิดชอบเจ้า”

หยวนหลงซานไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขุดเหตุการณ์กลางสระน้ำแปดเหลี่ยมขึ้นมาพูดซ้ำอีก ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ

“หากคุณชายรองหมายถึงเรื่องนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าเราสองมีสิ่งใดติดค้างกัน”

“พิธีแต่งงานต้องดำเนินต่อไป” หยางเย่ถิงย้ำเจตนาเดิม “หาไม่ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเจ้าจะไม่เสื่อมเสียหรือ ก็บัดนี้ผู้คนทั้งเฉินชิงหลุน อีกทั้งทั่วยุทธภพแจ้งอยู่ว่าข้าจะแต่งงานกับเจ้า ยุทธจักรจำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีปรองดองเพื่อขจัดภัยพาล เจ้าย่อมแจ้งอยู่กับอกว่าพรรคมารโคมแดงเหิมเกริมถึงเพียงนี้ ไม่ใช่เวลาที่เราสองตระกูลต้องมาดหมางเพิ่มรอยร้าว”

ข้านิ่งตรึกตรองมองเห็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย จริงเช่นคำหยางเย่ถิง หากฝ่ายธรรมะต้องมาแตกแยกร้าวฉานกันเองอีก หนทางสยบพวกมารร้ายคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นแน่ ข้าตัดสินใจตอบรับอีกฝ่าย

หยางเย่ถิงก็คลายความวิตกกังวล ขณะเขาเอาแต่นั่งพิงพนักหัวเตียงแล้วไม่พูดสิ่งใดต่อ ข้าเห็นว่าบรรยากาศระหว่างเราสองอึดอัดเกินกว่าจะยืนร่วมห้องอยู่ได้ก็คิดจะกล่าวลากลับไปยังหอเปลื้องอาภรณ์ คุณชายรองตระกูลหยางก็กล่าวคำขอร้องหนึ่ง เพื่อเหนี่ยวรั้งเท้าทั้งสองของข้าไว้ราวกับต้องอาคม

“เจ้าเล่นผีผา...เพลงลมพัดพันสายให้ข้าฟังได้หรือไม่”

ไม่ใช่ว่าข้าอยากแสดงทักษะดังกล่าว แต่ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวเพราะเจ็บป่วย ผนวกแววตาสั่นไหวนั่นต่างหากที่ทำให้ข้าต้องเร่งพยักหน้าตอบกลับไปทันที คุณชายรองตระกูลหยางผู้นี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่ฝีมือวรยุทธเท่านั้น แววตาเล็กๆนั่นก็ราวกับคมกระบี่เล่มน้อยเลยทีเดียว

“ได้เจ้าค่ะ”


**************************

พูดคุย

:pig4:
 :3123:
ขอบคุณขอรับ

:pig4:
ขอบคุณฮะ

อะ ไม่ต้องไปไหนกันแล้วละ
อยู่ยาวๆๆปายๆๆ 55+

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2020 09:25:59 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เบื่อคนปากหนักจริงๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 20




หยวนหลงซานไม่มีทางเลือกนอกจากตกปากรับคำไป เผอิญว่าเหลียงไถจินโอบอุ้มผีผาห่อหุ้มผ้าติดตัวมาจากหอเปลื้องอาภรณ์ตามเคยชิน โดยตั้งพิงไว้มุมห้อง ข้าทำทีเดินอ้อมหลบหน้าหยางเย่ถิงแล้วคว้าผีผาลงนั่งริมระเบียง ท้องฟ้ายามราตรีช่วงปักษ์ชิวฮุง* กระจ่างใส ข้าเริ่มดีดตามทำนองซึ่งเคยได้ฝึกปรือไว้โดยมิได้กล่าวคำใด

สมัยก่อนตอนข้าต้องคำสาปชายสลับหญิงแรกๆ และมีความคิดจะสวมบทเป็นนางคณิกาอย่างที่ปิงหวนชวนแนะนำ เกิดคดีฆาตกรรมนางคณิกาผู้หนึ่งในย่านเมืองหลวง นางโลมผู้นั้นงดงามหาหญิงคณิกาใดในฉางอันจะเทียบได้ จึงมีแขกมากมายมาติดพันไม่ว่าชนชั้นเศรษฐี ข้าราชสำนัก กระทั่งเชื้อพระวงศ์
 
หญิงคณิกานางนั้นมีนามว่า จางจื่อเซียว ตายด้วยสาเหตุปริศนา หน่วยสืบสวนสำนักศาลยุติธรรมดำเนินการค้นหาหลักฐานเพื่อเสาะหาตัวผู้ลงมือ แต่กลับพบความว่างเปล่า นายหญิงแห่งหอนางโลมเหริ่นหลินกวางให้ปากคำเพียงว่า จางจื่อเซียวได้รับใบบอกมาจากแขกผู้หนึ่งให้ไปปรนนิบัติยังเรือนที่พัก ทั้งกำชับมิให้มีสาวรับใช้ติดตามไปแต่อย่างใด หญิงสาวหายตัวไปกว่าสามวัน กระทั่งพบศพลอยน้ำมาเทียบท่าเรือด้านทิศตะวันออกของฉางอัน เหตุการณ์นั้นเป็นข่าวครึกโครม แต่ไม่อาจตามกลิ่นถึงตัวผู้ลงมือได้ หลักฐานสำคัญสิ้นสุดลงที่สาวใช้ผู้มอบใบบอกแก่จางจื่อเซียวถูกฆ่าปิดปากด้วยยาพิษซ้ำอีก ทั้งพยานและหลักฐานก็สูญหายไปกับผู้ตายทั้งสอง แม้แต่ทางการก็สิ้นปัญญาจะสืบหาความจริงได้

อยู่มาวันหนึ่งขณะข้าฝึกดีดพิณผีผาท่วงทำนองลมพัดพันสายอยู่ เหลียงจินก็เข้ามาขอพบบอกว่ามีใบบอกมาเชิญหญิงงามนามว่าหยวนอวี้ฟ่านให้ไปพบแขกคนสำคัญ ณ โรงเตี้ยมเหยาจูซึ่งตั้งอยู่ติดกับกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ ข้าอดสงสัยมิได้ เหตุใดคนผู้นี้จึงล่วงรู้ความเคลื่อนไหวว่าภายในอวี้หงหยวนมีสตรีปลอมนามว่า หยวนอวี้ฟ่าน ด้วยข้ายังมิได้ทำการแสดงเปิดตัวในฐานะนางโลมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าคนผู้นี้ก็ทราบข่าวคราวรวดเร็วกว่าผู้อื่น ข้าหวั่นเกรงว่าจะเป็นศัตรูหวังทำลายพรรคเสี้ยวจันทรา หากมันผู้นั้นล่วงรู้ฐานะของข้า อีกทั้งทราบเหตุข้าต้องคำสาปชายสลับหญิง จึงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เกรงว่าจะเป็นภัยในภายหลัง จึงแต่งตัวแล้วให้เหลียงจินถือผีผาซึ่งเหน็บกระบี่ซ่อนไว้ ห่อหุ้มด้วยผ้าอีกชั้นหนึ่งแล้วติดตามข้าไปอย่างนางคณิกาที่กำลังออกไปปรนนิบัติแขก

ครั้นถึงโรงเตี๊ยมเหยาจู เถ้าแก่ผู้ดูแลพอเห็นหน้าข้าก็เร่งออกมาต้อนรับแล้วเชื้อเชิญขึ้นไปคอยยังห้องรับรอง ภายในห้องยังไม่ปรากฏคนผู้ส่งจดหมายหาข้า เหลียงจินตรวจสอบสภาพห้องว่าจะมีอาวุธลักลอบติดตั้งไว้หรือไม่ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าไม่มีสิ่งใดเป็นพิรุธ พอถึงเวลานัดหมายต้นยามซวี ผู้ที่ปรากฏตัวผลักประตูเข้ามา คือ มือปราบจากสำนักศาลยุติธรรมผู้หนึ่ง ด้วยลักษณะการแต่งตัวตามเครื่องแบบของทางการ ถือดาบไว้ด้วยมือขวา ดวงตาไล่กวาดมองหาทั่วห้องก่อนจะหยุดยั้งอยู่ที่ข้า นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้ากับเสียนหย่งเฉิงพบปะกันหนแรกในฐานะหยวนอวี้ฟ่าน เขาถามข้าว่า

“ชายลึกลับที่ยิงธนูแจ้งเหตุเข้าไปในสำนักศาลยุติธรรมอยู่ที่ใด แม่นาง”

ข้าไม่เข้าใจคำถามชั่วขณะ ครั้นปะติดปะต่อเรื่องราวพอสังเขปแล้วจึงพอคาดคะเนได้ จึงตอบไปว่า

“ข้าพเจ้ามีนามว่า หยวนอวี้ฟ่าน จากหอนางโลมอวี้หงหยวนเจ้าค่ะ นายท่าน ข้าพเจ้าเองก็ได้รับใบบอกให้มายังสถานที่แห่งนี้เช่นเดียวกัน ครั้นมาถึงแล้วกลับพบแต่ความว่างเปล่า หามีคนผู้ต้องการพบไม่”

เสียนหย่งเฉิงแนะชื่อตัวแล้วซักต่อไปว่า

“แม่นางหยวนกล่าวว่าได้รับใบบอกเชื้อเชิญให้มาตามนัด โดยไม่ปรากฏผู้ลงลายนามชื่อเช่นนี้ ไม่หวั่นเกรงภัยอันตรายหรือ ก็บัดนี้ทั่วทั้งฉางอันยังตื่นตระหนกในคดีฆาตกรรมนางคณิกาจางจื่อเซียวอยู่”

ดูเหมือนเสียนหย่งเฉิงจะไม่คิดปล่อยข้าไปโดยง่าย ข้าเคยได้ยินกิตติศัพท์มือปราบผู้นี้มาบ้างว่า เป็นนายทหารมากฝีมือ สามารถไขคดีปริศนามามากมายนัก จนได้ฉายาว่า จิ้งจอกเงิน ดวงตาราวกับจ้องจับผิดข้านั้นประดุจสุนัขจิ้งจอกสมฉายาเป็นอย่างยิ่ง ข้าแสร้งยิ้มแล้วหยิบผีผาขึ้นมาถือไว้

“หากท่านสงสัยก็เชิญตรวจสอบใบบอกที่เชิญข้าพเจ้ามาเถิด ระหว่างนั้นเชิญมือปราบท่านนั่งลงฟังเสียงพิณของข้าพเจ้าไปพลางก่อน ไหนๆเราสองก็ถูกหลอกใช้ให้ออกมาแล้ว ท่านจะไม่ได้สิ่งใดติดมือกลับไปก็เสียชื่อจิ้งจอกเงินแห่งศาลยุติธรรมเสียเปล่า จินเหนียง เจ้าจงช่วยรินสุราแล้วมอบใบบอกนั้นให้มือปราบเสียนตรวจสอบทีเถิด”

เมื่อเสียนหย่งเฉิงถูกหลู่เกียรติเช่นนั้นก็ทรุดนั่งตามคำเชิญทันที ดวงตาเอาแต่จับจ้องมองข้าสลับกับหนังสือใบบอก มือซ้ายก็ยกจอกสุราขึ้นดื่ม ระหว่างที่ข้าเริ่มดีดพิณเพลงลมพัดพันสาย ขับกล่อมอารมณ์สงสัยจนเสียนหย่งเฉิงพูดขึ้นว่า

“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า หออวี้หงหยวนจะปรากฏมีหญิงคณิกานาม หยวนอวี้ฟ่าน ต่อได้ใคร่ครวญซ้ำเห็นว่าแซ่ตระกูลของแม่นางสอดคล้องกับนามหอนางโลม หรือว่าท่านเป็น...”

ข้าไม่อาจจะโกหกเป็นอื่นได้ หากเสียนหย่งเฉิงเกิดสงสัยแล้วไปตรวจสอบยังสำนักทะเบียนราษฎรว่ามีหญิงสกุลหยวนจากต่างถิ่นเข้ามาพักอาศัยในฉางอันบ้างหรือไม่แล้ว เรื่องราวจะลุกลามบานปรายใหญ่โตไปอีก หากแต่ข้าบอกว่าเป็นน้องสาวของหยวนหลงซานที่พลัดพรากจากกันไปนานก่อนจะได้กลับมาพบเจอกันไม่กี่เดือนก่อนหน้า เขาคงไม่อาจหาหลักฐานมาโต้แย้งได้ ข้าจึงบอกเสียนหย่งเฉิงตามอุบายที่นึกคิดไว้

มือปราบจิ้งจอกเงินพอรู้ฐานะข้าว่าเป็นน้องสาวหยวนหลงซานก็ชะงักงันไปชั่วขณะ กิริยาแข็งกระด้างก็พลันอ่อนลงทันควัน

“ข้าเคยพบพี่ชายท่านมาก่อน นายใหญ่แห่งหออวี้หงหยวนมีบุคลิกสุขุม สมมาดคุณชาย เป็นที่ยำเกรงต่อผู้พบเห็น ไม่นึกว่าจะปรากฏมีน้องสาวผู้เลอโฉม หนำซ้ำมีอัธยาศัยดี ประกอบมีน้ำใจงามอย่างเช่นแม่นางหยวนมาก่อน”

พอเสียนหย่งเฉิงกล่าวเหมือนนินทาข้าลับหลังเช่นนั้น เสียงพิณผีผาก็สะดุดผิดท่วงทำนองไปชั่วขณะหนึ่ง ข้าระงับอารมณ์โกรธแล้วตอบไปด้วยอารมณ์เหมือนใจเย็นว่า

“พี่ชายข้าพเจ้าเป็นคนต้องปกครองคน หากไม่ครองตนเด็ดขาดน่าเชื่อถือแล้ว จะมีคนยำเกรงหรือ มือปราบเสียนพบพี่ชายข้าพเจ้ากี่มากน้อยหรือจึงเอาความคิดตัวเป็นใหญ่ตัดสินคนอื่นเช่นนี้”

จู่ๆเหลียงจินก็รินสุราล้นจอก จนหกเลอะเทอะเต็มพื้นโต๊ะรับรอง ฉุดความสนใจของข้าให้กลับมาครองตัวเป็นหยวนอวี้ฟ่านก่อนที่เสียนหย่งเฉิงจะมองเห็นข้อพิรุธ

“ข้าพเจ้าผิดไปแล้ว ขอมือปราบเสียนเมตตาอภัยด้วยเถิด” เหลียงจินรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับบริเวณสุราหกด้วยน้ำเสียงสั่น

“มิได้แม่นางจิน ข้าจะเอาความผิดใดกับแม่นางได้ สุราเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ หากแต่หญิงงามในแผ่นดินกว้างใหญ่ จะหาที่งดงามและถูกใจนั้น ไม่อาจพบเจอได้โดยง่าย”

เหลียงจินหันมาสบตาข้าแล้วมอบยิ้มปลอมๆให้เสียนหย่งเฉิง ข้าจึงขยิบตาส่งสัญญาณให้เหลียงจินออกไปทำธุระภายนอก หากข้าปล่อยให้เสียนหย่งเฉิงมีสติเนิ่นนานไป ไม่ความจริงที่ข้าสู้ปิดบังไว้ หรือไม่ก็ตัวข้าเองคงถูกเจ้ามือปราบหน้าหม้อล่อหลอกจนสำเร็จเป็นแน่

เหลียงไถจินก็เหมือนจะจับสัญญาณได้ หลังจากเช็ดโต๊ะด้วยผ้าสะอาดแล้ว จึงกล่าวกับเสียนหย่งเฉิงว่าจะขอชดใช้ความผิดที่ดูแลปรนนิบัติขาดตกบกพร่องไม่สมเป็นหญิงคณิกาจากหอนางโลมอันดับหนึ่ง จึงจะขอไปสั่งกับแกล้มมาเพิ่มเติมให้มือปราบเสียน

พอเหลียงจินจากไปแล้วข้าก็สบโอกาสที่จะใช้เสียงพิณสยบจิตเสียที ท่วงทำนองเพลงลมพัดพันสาย มีความไพเราะที่จะหาหญิงคณิกาใดในฉางอันบรรเลงได้ เพราะต้องอาศัยวิชาวรยุทธ์เข้าผสมผสาน อีกทั้งจะดัดแปลงสอดแทรกบทเพลงขับกล่อมจิตเข้าไปก็ง่ายดายนักเพราะมีท่วงทำนองคล้ายคลึงกัน พอข้าเริ่มดีดทำนองสยบจิต เสียนหย่งเฉิงก็ประดุจเหมือนมึนเมาด้วยฤทธิ์สุรามากกว่ามาก

“ข้าออกมาตามหนังสือลับก็หวังจะจับคนร้ายในคดีฆาตกรรมจางจื่อเซียวให้ได้ มินึกว่านอกจากจะจับไม่ได้แล้ว กลับสมอกสมใจในข้อประการหนึ่ง” เสียนหย่งเฉิงกล่าวเสียงอ้อแอ้

“มือปราบท่านสมความปรารถนาสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ข้าแสร้งถามกลับแต่เร่งดีดผีผาสยบจิตอีกฝ่ายให้หลับโดยเร็ว

“แม่นางหยวนย่อมทราบดี มือปราบเช่นข้าจะหามีเวลาข้องแวะกับสตรีใดในเมืองหลวงได้บ้าง ยากนักจะหาจังหวะผ่อนคลายอารมณ์ ครั้นปะแม่นางหนนี้ จิตใจตึงเครียดในหน้าที่การงานก็พลันบรรเทาลงมาก ต้องขอบน้ำใจแม่นางที่ช่วยดีดพิณขับกล่อม”

“เป็นหน้าที่ข้าพเจ้าอยู่แล้ว มือปราบเสียนอย่าได้เป็นกังวล ข้าพเจ้ารับงานมาปรนบัติแขกข้างนอกก็หมายจะช่วยผ่อนคลายคนผู้นั้น ทว่าในเมื่อไม่ปรากฏแขกผู้เชื้อเชิญ กลับได้ปรนนิบัติท่านแทนก็เห็นว่าสมใจตนเองอยู่เช่นกัน”

“คำแม่นางหยวนนี้ต้องใจข้านัก พลันทำให้จิตใจข้าสดชื่นยิ่งกว่าราตรีใด” ศีรษะของเสียนหย่งเฉิงค่อยๆเอนลงมากระทั่งทรุดวางลงบนโต๊ะรับรองแน่นิ่งไป

เหลียงจินผลักประตูเข้ามาพร้อมกับรีบเอานิ้วอุดหูอยู่ พอข้าหยุดดีดผีผาเหลียงจินก็เอานิ้วออกแล้วมองพิจารณาเสียนหย่งเฉิงที่หลับหมดสติว่า

“เสียดายเป็นมือปราบฉายาจิ้งจอกเงิน ต้องมาพ่ายแพ้กลประมุขท่าน”

ข้าลุกขึ้นแล้วพยักหน้าให้เหลียงจินเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ

“เสียนหย่งเฉิงผู้นี้เป็นข้าราชสำนักตงฉิน ซื่อสัตย์ภักดีต่อแผ่นดินต้าถัง เจ้าอย่าได้สบประมาทเขาเหลียงจิน หากแต่ข้าเองใช้อุบายเล่นพิณสยบจิต อีกฝ่ายจึงสลบไปเช่นนี้ หากสู้กันด้วยฝีมือซึ่งหน้า เกรงว่าคงได้คู่ปะทะฝีมือที่สมน้ำสมเนื้อกันพอตัว”

“ขอรับ ประมุขหยวน” เหลียงจินห่อผีผ้าด้วยผ้าแล้วเดินติดตามข้าออกมาจากห้องพัก นึกเสียดายที่ไม่อาจหาเบาะแสที่จะโยงไยไปถึงตัวคนลึกลับที่ส่งใบบอกไปเชิญข้าออกมา ซึ่งเสียนหย่งเฉิงมั่นใจว่าเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมจางจื่อเซียว


พอข้าดีดทำนองพิณสยบจิตจนกระทั่งถึงท่อนสุดท้ายแล้วปรายตามองยังเตียงนอนของหยางเย่ถิง เจ้านั่นก็นอนหลับไม่ได้สติไปแล้ว ข้าลุกขึ้นแล้วขยับไปห่มผ้าให้ จดจ้องมองใบหน้าสงบนิ่งของอีกฝ่าย ไม่นึกว่าข้าจะต้องใช้กลวิธีเช่นนี้ซ้ำอีก แต่ในเมื่อหยางเย่ถิงมีนิสัยดื้อดึง เกรงว่าเพียงเล่นพิณลมพัดพันสายธรรมดา คงไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจนอนพักฟื้นได้ ข้าจึงต้องใช้อุบายเหมือนครั้งเจอเสียนหย่งเฉิงหนแรก

ผิดก็แต่คราวนี้ข้ามิได้จากไปทันที จึงนั่งมองเฝ้าดูอาการของคุณชายรองหยางจวนกระทั่งใกล้รุ่งสางแล้วจึงหวนกลับหอเปลื้องอาภรณ์



*ชิวฮุง-กึ่งฤดูใบไม้ร่วง

***********************
   
พูดคุย

เบื่อคนปากหนักจริงๆ :เฮ้อ:
บทนี้คนปากหนักหลับยาว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2020 17:15:00 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หลับซะทีนะคุณชาย

ออฟไลน์ LoveBlueSky2203

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-2
    • ข้ามพิภพ
บทที่ 21



หยางเย่ถิงได้สติขึ้นมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงดังเล็ดลอดผ่านม่านหน้าต่าง ไม่เพียงกำลังกายฟื้นคืนครบบริบูรณ์ ทั้งอาการไข้ก็หายขาด พอลองจับชีพจรก็รับรู้ถึงพลังลมปราณและธาตุทั้งสี่อยู่ในภาวะปกติ หยางเย่ถิงนั่งสมาธิควบคุมพลังหยินหยางชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นแต่งตัว สายตาเหลือบเห็นผ้าคาดศีรษะลายดอกเบญจมาศวางอยู่ข้างกระบี่ประจำกายเคียงคู่ปิ่นปักผมของหยวนอวี้ฟ่าน หยางเย่ถิงหยิบของสองสิ่งขึ้นพิจารณาแล้วผูกผ้าสำคัญประจำตระกูลคืนรอบศีรษะดังเดิม ส่วนปิ่นปักผมตั้งใจจะเอาไปคืนก็สอดเก็บไว้ในอกเสื้อ ก่อนจะดำเนินออกจากห้องพำนัก

บริเวณด้านหน้าเรือนพักแปดเหลี่ยมเป็นลานหญ้ากว้างขวาง นอกจากกองกำลังพิทักษ์เฉินชิงหลุนซึ่งตั้งค่ายดูแลช่องโหว่ด้านผาทิศตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ประกอบด้วยทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ทว่าขณะนี้เนืองแน่นด้วยบรรดาเหล่ายอดฝีมือจำนวนมาก ซึ่งต่างส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจดังสนั่น บ้างถือถาดสี่เหลี่ยมส่วนปากก็ร้องว่า

“เชิญลงเหรียญเลือกฝ่ายชนะ สีน้ำเงินหรือสีแดง ขอรับ”

“น้ำเงิน แดง น้ำเงิน น้ำเงิน แดง”


หยางเย่ถิงเร่งฝีเท้าเข้าหาบรรดายอดฝีพรรคคมเบญจมาศด้วยความสงสัย ครั้นยอดฝีมือรอบนอกแลเห็นคุณชายรองหยางยืนหน้าบึ้งตึงเป็นสัญญาณอันตรายเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด เร่งทำกิริยาคำนับ ก่อนจะสะกิดไหล่สหายส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ เจิ้งอู๋จินกำลังยืนดูการแข่งขันโปโลอยู่ริมขอบสนามก็มียอดฝีมือหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามารายงาน ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศก็เร่งรัดออกไปทำการต้อนรับคุณชายรอง

“คุณชายรองฟื้นคืนกำลังกายดีแล้วหรือขอรับ”

“ขอบใจ เจิ้งอู๋จิน” หยางเย่ถิงตอบหน้านิ่งเฉย “ข้าขอเรียนถาม เหตุใดบรรดาคนพรรคคมเบญจมาศจึงละทิ้งหน้าที่ประจำประตูด่าน แล้วมารวมตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้”

เจิ้งอู๋จินยิ้มแย้มแล้วตอบให้คลายใจว่า

“เป็นข่าวดีนัก ขณะคุณชายท่านนอนพักฟื้นกว่าหนึ่งคืนหนึ่งวัน ปรากฏว่าหน่วยลาดตระเวนกลับมารายงานว่า บรรดาคนพรรคมารโคมแดงต่างล่าถอยกลับไป ไม่คิดจะบุกเข้ามาชิงชัยในเฉินชิงหลุนอีก ข้าพเจ้าส่งคนออกติดตามสำรวจในระยะโดยรอบเฉินชิงหลุนก็หาปรากฏคนพรรคมารหลงเหลืออยู่ไม่ ชั้นแรกบรรดาเหล่าผู้อาวุโสหวั่นเกรงภัยจะเป็นอุบายให้ฝ่ายเรานิ่งนอนใจ หลังจากนั้นค่อยกลับคืนมาบุกซ้ำอีก ทว่าไร้วี่แวว ครั้นล่วงเลยเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงใคร่ครวญคิดได้ว่าหรืออาคมเฉินชิงหลุนซึ่งเดิมทีเสื่อมลงจะคืนคงอานุภาพดังเดิมแล้วจึงเป็นเหตุให้บรรดาพวกลัทธิมารตัดใจ ข้าพเจ้าจึงใช้เคล็ดวิชาตรวจสอบอาคมโดยรอบก็ปรากฏว่าแน่นหนาดังเก่า หากมองจากสายตาคนนอกจะไม่ปรากฏเห็นทางเข้าสู่เฉินชิงหลุนอีก เหตุการณ์ทั้งปวงเป็นไปในทางมงคลเช่นนี้ เหล่ายอดฝีมือส่วนหนึ่งจึงมาชุมนุม ณ ที่นี้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจคลายเหน็ดเหนื่อย”

“เจิ้งอู๋จินท่านยังคงไว้ซึ่งผู้คนประจำแต่ละประตูด่านอยู่ใช่หรือไม่” หยางเย่ถิงไม่สิ้นกังวลก็ซักถามต่อ

“ข้าพเจ้ายังตรึงกำลังยอดฝีมือไว้มิได้หละหลวมดังเดิม”

ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศเห็นสีหน้าหยางเย่ถิงคลายหัวคิ้วแล้วก็เร่งพูดต่อไปว่า

“คุณชายรองอย่าได้กังวล อาคมพิทักษ์เฉินชิงหลุนซึ่งบรรพชนตระกูลหยางและหยวนผนึกไว้เมื่อกาลก่อน บัดนี้กลับคืนความทรงพลังดังเดิมแล้ว ข้าพเจ้าคาดเดาตามสติปัญญาตนเองเห็นว่าอาจเป็นเพราะคุณชายท่านช่วยเหลือแม่นางอวี้ฟ่าน อาคมโบราณจึงมั่นคงเช่นเดิม ข้าพเจ้าคิดไม่ผิดที่ชี้นำท่านทั้งสองเข้าคู่กัน เพียงแต่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันยังส่งผลต่อเขตอาคมเช่นนี้แล้ว หากถึงงานมงคลในอีกสองวันข้างหน้า ข้าพเจ้าเห็นว่ายุทธภพจะต้องคืนคงความสงบสุขกลับมาเป็นแน่”

หยางเย่ถิงมิได้ตอบคำใด เพียงแต่ก้มหน้านิ่งคิดบางอย่างในใจ แสงโคมไฟหลากสีประดับประดาไปทั่วบริเวณลานหญ้าซึ่งผู้คนต่างยืนชมเป็นวงล้อมอยู่ เขาจึงเปลี่ยนใจไปซักถามว่าภายในมีการแสดงใดอยู่หรือ

ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศวาดรอยยิ้มแล้วตอบว่า

“แม่นางอวี้ฟ่าน อีกทั้งสาวใช้ทั้งสาม รวมถึงคุณหนูกุ้ยเฟยและแม่นางเตียวหงเป็นฝ่ายหนึ่ง ซึ่งต่างกำลังลงแข่งขันโปโลอยู่กับฝ่ายยอดฝีมือพรรคคมเบญจมาศ”

คิ้วขวาของหยางเยวี่ยนกระตุกหนึ่งหน ก่อนจะเดินแหวกผ่านผู้คนไปกระทั่งถึงขอบสนาม

เสาประตูปักด้วยไม้ไผ่ขนาบคู่ห่างออกไปคนละฟาก แสงโคมไฟหลากสีซึ่งประดับประดาโยงผูกไว้เป็นราวต่อกันทอดๆ ส่งให้เห็นว่าผู้เล่นฝ่ายหนึ่งล้วนเป็นบุรุษทั้งสิ้นควบม้าแข็งขัน โดยผูกริ้วผ้าที่ต้นแขนสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ คนทั้งนั้นสวมชุดผ้าสีเหลืองลวดลายพรรคคมเบญจมาศ อีกฝ่ายหนึ่งก็ผูกผ้าสีแดงเหนือต้นแขนซ้ายอย่างเดียวกัน ผืนผ้าสตรีพลันพลิ้วไหวตามแรงควบม้า มือหนึ่งกำบังเหียน ลำตัวโน้มเอียงลงด้านข้าง ใช้มือถนัดตวัดไม้ตีลูกโปโลพุ่งผ่านคู่แข่งไปอย่างชำนิชำนาญ หยวนอวี้ฟ่านเกี่ยวลูกแล้วตีส่งให้หลี่เม่ยราวกับจับวาง เสียงกีบเท้าม้าดังสะท้านกุบกับพอๆกับเสียงโห่ร้องโดยรอบ หยางกุ้ยเฟย เตียวหง รุกไล่คอยเชิงอยู่เบื้องหลัง จินเหนียงบังคับม้าวนเวียนอยู่หน้าประตูฝ่ายตน

ขณะนั้นมีผู้เล่นฝ่ายสีน้ำเงินหมายแย่งลูกจากหลี่เม่ย นางจึงชักบังเหียนม้าชะลอ เป็นผลให้คู่แข่งพลาดท่าพุ่งถลาเข้าหาฝูงชนจนล้มคว่ำไม่เป็นท่า เสียงหัวเราะขบขันดังสนั่นต้อนรับ ก่อนแม่นางหลี่จะตีลูกโปโลกลับมาให้หยวนอวี้ฟ่านในจังหวะที่ฝ่ายตั้งรับเสียผู้เล่นล้มเจ็บไปหนึ่งคน เป็นผลให้หยวนอวี้ฟ่านตีลูกโปโลรอดผ่านท้องม้าพุ่งเข้าหาประตู โดยหามีผู้ใดสกัดได้ไม่ พอดีกับนาฬิกาน้ำแจ้งหมดเวลาการแข่งขัน พลันเสียงดีใจฝ่ายลงขันข้างสีแดงก็ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ

หยางเย่ถิงยืนมองใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ เจิ้งอู๋จินเห็นการแข่งขันจบลงแล้วก็ประกาศเชิญคู่ท้าชิงลำดับถัดไปเข้าแข่งขันต่อ แล้วจึงเชื้อเชิญบรรดาสตรีในสนามออกมาพัก หยวนอวี้ฟ่านหยุดม้าแล้วก้าวลงมาด้วยอาการเหนื่อยแต่ก็ดูมีความสุขพอกัน ครั้นเห็นบุคคลซึ่งยืนหน้าเฉยชาอยู่ในหมู่ชนยอดฝีมือก็ดำเนินเข้าหาหยางเย่ถิงทันที

“คุณชายรองหายดีแล้วหรือเจ้าคะ”

“...”

“ข้าพเจ้าขอเดาว่าหายดีแล้ว เช่นนั้นเห็นควรคุณชายรองน่าจะลองแข่งขันโปโลยืดเส้นยืดสายบ้างนะเจ้าคะ น่าสนุกมิใช่น้อย”

หยวนอวี้ฟ่านรับพัดมาจากจินเหนียงแล้วโบกไปมา อากาศยามราตรีบนลานผานี้มีลมพัดมาให้ความเย็นสบายอยู่พอสมควร แต่หยางเยวี่ยนก็มิได้สนใจจะคุยโต้ตอบกับหยวนอวี้ฟ่าน

“พี่รองทำหน้าบึ้งได้เช่นนี้ได้ ข้าคงเบาใจหายห่วง” หยางกุ้ยเฟยกล่าวหยอกเย้าหน้าตาย เตียวหงได้แต่อมยิ้ม

“เจ้าฟื้นคืนกำลังดีแล้วหรือ อาเยวี่ยน” เตียวหงซักถาม

“ข้าสบายดี ศิษย์พี่” หยางเย่ถิงพยักหน้าเล็กน้อย

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าหลับไปนานคงจะได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของพวกพรรคมารจากปากเจิ้งอู๋จินแล้ว จงสิ้นกังวลเถิด ไม่นึกว่าอาคมเฉินชิงหลุนจะฟื้นฟูได้รวดเร็วจนส่งให้พวกมารร้ายล่าถอย ประการหนึ่งบรรดายอดฝีมือตรากตรำกำศึกมาหลายวัน แม่นางหยวนออกความเห็นว่าควรจะมีการแข่งขันโปโลเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งยังมีน้ำใจต้มน้ำแกงดอกเบญจมาศแจกจ่ายพวกเราในการครั้งนี้ด้วย เจ้าได้ชิมหรือยัง อาเยวี่ยน” เตียวหงเห็นว่าหยางเยวี่ยนยังหามีถ้วยน้ำแกงอยู่ในมือ ก็เป็นธุระไปตักมาให้

หยางเย่ถิงชั้นแรกไม่ประสงค์ ทว่าเตียวหงมีเจตนามุ่งมั่นเต็มเปี่ยมก็รับมาถือไว้ หยวนอวี้ฟ่านก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะหันไปช่วยบรรดายอดฝีมือหญิงตักน้ำแกงแจกจ่ายผู้คน หยางกุ้ยเฟยและเตียวหงต่างหายเหนื่อยแล้วก็ไปช่วยเป็นลูกมือแจกจ่ายร่วมกับหยวนอวี้ฟ่านและบรรดาสาวใช้ทั้งสาม

“แม่นางหยวนมีน้ำใจงดงามถึงเพียงนี้ เหล่าผู้คนพรรคคมเบญจมาศก็สรรเสริญชอบพออยู่ คุณชายรองอย่าได้คิดเป็นอื่น อาคมเฉินชิงหลุนกลับคืนดังเดิมได้ก็เพราะหยวนอวี้ฟ่าน หลักฐานยืนยันไม่ผิดตัวคงเป็นบทเพลงลมพัดพันสาย ก็สตรีใดนอกกว่าหญิงพรรคคมเบญจมาศจะดีดบรรเลงได้ ข้าพเจ้าหาเคยปะไม่ กระทั่งได้ยินแม่นางหยวนดีดพิณหนแรกจึงอดคิดไม่ได้ว่าสรวงสวรรค์ได้ส่งสตรีผู้นี้มาช่วยเฉินชิงหลุนและยุทธภพโดยแท้”

หยางเย่ถิงคิดใคร่ครวญแล้วมิได้ตอบคำใด

“คุณชายท่านจะไม่คิดลองลิ้มชิมรสสักน้อยหนึ่งหรือขอรับ” ที่ปรึกษาพรรคคมเบญจมาศใช้สายตาชี้ไปยังถ้วยน้ำแกงฝีมือหยวนอวี้ฟ่าน

หยางเย่ถิงจดจ้องชั่วขณะก่อนจะยกขึ้นดื่มตามคำแนะ



หยวนหลงซานในร่างสตรีนั่งม้ามาตามถนนหนทางที่จะนำสู่ประตูด่านเฉินชิงหลุนด้านทิศใต้ ด้านซ้ายและขวาประกบด้วยม้าของหลี่ปิงหวน หวังเป่าเหอ และเหลียงไถจิน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ปรากฏยอดฝีมือนั่งหลับบ้าง ฟุบหมดสติตามริมทางโดยทั่วไปบ้าง กระทั่งข้างป้อมประตูใหญ่และเชิงเทินก็หลับสนิท

“ไม่นึกว่ายานอนหลับผสมเสียงพิณสยบจิตจะออกฤทธิ์รวดเร็วถึงเพียงนี้” ปิงหวนสำรวจสภาพเวรยามโดยรอบก็ได้แต่เคารพนับถือในสติปัญญาของประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา

“นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเหน็ดเหนื่อยจากการออกรับพวกพรรคมารโคมแดงตัวปลอมมาหลายวันด้วยประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งอิทธิฤทธิ์เสียงพิณสยบจิตของประมุขท่าน ทรงอานุภาพไม่เคยพลาดพลั้ง สติปัญญาประมุขท่านที่คิดต้มน้ำแกงดอกเบญจมาศแจกจ่ายไปทั่วเฉินชิงหลุนนี้ล้ำเลิศนัก ข้าเหลียงจินขอนับถือ”

“โชคดีที่ยานอนหลับนี้ข้าน้อยพกติดตัวไว้เสมอ หลังออกจากหออวี้หงหยวนมา ไม่คิดว่าจะได้นำออกใช้ทำการ” หวังเป่าเหอขอพูดบ้าง

หยวนหลงซานพยักหน้าแล้วว่า

“ต้องขอบใจพวกเจ้าทั้งสาม หากหัวหน้าสีฝูเหยาไม่แจ้งหนังสือมาว่า เสียนหย่งเฉิงประกาศกร้าวให้เวลาข้าเจ็ดวันเข้ามอบตัว ทั้งเจ้านั่นลั่นคำว่าเมื่อได้หมายตรวจค้นจากทางการภายในเจ็ดวันแล้ว บรรดามือปราบจากสำนักศาลยุติธรรมจะบุกเข้าไปตรวจค้นทุกห้องหอในอวี้หงหยวน และหากพบสิ่งผิดกฎหมายบ้านเมืองประการใดก็จะไม่ละเว้นโทษเป็นอันขาด ด้วยเจ้าจิ้งจอกเงินมั่นใจว่าบุคคลที่บุกเข้าสำนักพิสูจน์อักษรเป็นข้าไม่ผิดตัว”

“ข้าน้อยได้รับจดหมายจากหัวหน้าสีในวันก่อนเพียงไม่นาน หากล่วงรู้รวดเร็วกว่านี้คงไม่กระชั้นจวนตัว” เป่าเหอออกปากรายงาน “หลังจากประมุขท่านใช้ให้ข้าลักลอบทำทีไปแจกจ่ายข้าวปลาอาหารยังประตูด่านเฉินชิงหลุนทิศใต้ ก็สบช่องได้รับจดหมายดังกล่าว แล้วประมุขท่านก็เร่งสั่งการให้หัวหน้าสีฝูเหยาล่าถอยทันที เพื่อที่จะได้จัดงานรื่นเริงตบตาคนพรรคคมเบญจมาศในคืนนี้”

ข้าได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยมิได้กล่าวคำใด อันที่จริงข้าไม่ได้ประสงค์จะโกหกตบตาพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้อีก พรรคคมเบญจมาศมีบุญคุญต่อข้ามากมายนัก สักวันคงได้ทดแทน ในเมื่ออาคมพิทักษ์เขตแดนเฉินชิงหลุนคืนกลับมาดังเดิมแล้ว ถือว่าข้าได้ทดแทนไปบ้างส่วนหนึ่ง หากวันหน้าพวกเขาต้องการฝีมือจากข้าหยวนหลงซาน ข้าจะเร่งติดตามไปช่วยทั้งกลางวันกลางคืนจนสิ้นฝีมือ ขอลาก่อน

ข้าผสานมือหันไปทางด้านหลังที่ตั้งของถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของเฉินชิงหลุน

ข้าและผู้ติดตามควบผ่านประตูด่านทิศใต้ไปโดยรวดเร็ว ครั้นพ้นแนวป่าออกมาบรรจบเส้นทางสัญจรใหญ่ กำหนดทิศได้ว่านครฉางอันอยู่ที่ใดก็เร่งบังเหียนม้าทิ้งฝุ่นไว้ตามรายทาง

ขณะนั้นใกล้ถึงวัดร้างสถานที่นัดหมายที่หัวหน้าสีรั้งรออยู่ ปรากฏมีกลุ่มคนยืนม้าเข้าขัดขวาง ข้าชักคมกระบี่ให้สัญญาณชะลอฝีเท้า อีกฝ่ายคลุมหน้าปิดบังไว้ มีจำนวนมากกว่าสิบคน หนึ่งในจำนวนนั้นโยนวัตถุบางอย่างมาทางที่ข้ายืนม้าระแวดระวัง เจ้าสิ่งนั้นกลิ้งเข้ามาหยุดใกล้เท้าม้า แสงจันทราส่องให้เห็นว่าเป็นศีรษะเปื้อนโลหิตของหัวหน้าสีฝูเหยา


- ภาพสตรีชาวถังกำลังแข่งขันโปโล -


********************

พูดคุย

   
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
:pig4: :pig4: :pig4:

หลับซะทีนะคุณชาย
ตอนล่าสุดฟื้นมาก็โดนมอมให้หลับไปอีก 55+


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2020 09:24:35 โดย LoveBlueSky2203 »

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด