• ทาสที่รัก • || ตอนที่ 6 • เรื่องเดียวที่ขอ || 16-10-62 หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • ทาสที่รัก • || ตอนที่ 6 • เรื่องเดียวที่ขอ || 16-10-62 หน้า 3  (อ่าน 13753 ครั้ง)

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook


•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••



เรื่อง :: ทาสที่รัก
แต่งโดย :: Lady Mellow


...‘ความรัก’ มักเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ทันตั้งตัว
ความเป็น‘ทาส’ ก็เช่นกัน...


เมื่อมีความรัก ชีวิตแสนธรรมดาก็มีสีสัน

พอกลายเป็นทาส ชีวิตแสนธรรมดาก็เริ่มปั่นป่วน

เพียงแต่สุทธิรักษ์ยินยอมที่จะมีความรักอย่างเต็มใจ

แต่ความเป็นทาสเนี่ยสิ ...ทำไมถึงไม่ถามความสมัครใจกันก่อนเล่า!!



สารบัญ
บทนำ          ตอนที่ 1          ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2019 14:01:56 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
บทนำ
• การสำรวจโลกครั้งแรก •



ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลประกอบไปด้วยดาวเคราะห์น้อยใหญ่มากมาย นักวิทยาศาสตร์ต่างเสาะหาสิ่งมีชีวิตจากดาวอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ว่า ‘โลก’ ไม่ได้เป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ การค้นพบอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกเราค้นพบแล้วถือสิทธิ์ในการตั้งชื่อให้มัน มีเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่เหล่ามนุษยชาติได้ลงไปเหยียบย่ำ แต่ก็ยังมีอีกมากมายนักที่เรามิอาจค้นเจอ

สิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นได้เสมอแม้จะอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์สามารถไขข้อสงสัยได้ทุกสิ่ง ทั้งเรื่องลี้ลับ เรื่องราวเขย่าขวัญ หรือแม้แต่โลกคู่ขนานที่ถูกกล่าวว่าเป็นความคิดของคนเพ้อฝัน แต่ใครเล่าจะพิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้ง ใครเล่าจะชี้ชัดได้ว่าในโลกที่เราเกิดและเติบโตนี้...จะไม่มีโลกใบอื่นทับซ้อนกัน


ฟุ่บ! ฟุ่บ!


เสียงเสียดสีจากพุ่มไม้สีเขียวสดดังขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครในอาณาบริเวณสังเกตถึงสิ่งที่กำลังจะผ่านพงพุ่มสีเขียวนั้นออกมา ทุกคนเดินผ่านมาและเลยไป สายตาต่างจดจ้องยังเบื้องหน้า ไม่มีแม้เพียงสักคนเดียวที่จะรู้สึกถึงผู้มาเยือน


ตุบ...


เท้าหนึ่งข้างแตะบนแผ่นอิฐแข็งๆ แม้จะรู้สึกไม่สบายเท้าสักเล็กน้อยแต่มันก็ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดระคนตื่นเต้น นี่คือโลกอีกใบสินะ! ดวงตาสีฟ้าแกมน้ำเงินสดใสจ้องมองไปรอบตัวทันทีที่พ้นออกมาจากทางเชื่อม บรรยากาศแห่งการผจญภัยแทรกซึมอยู่ทุกรูขุมขนจนเนื้อตัวสั่นระริก ลิ้นสีแดงอมชมพูแลบเลียริมฝีปากด้วยความมาดมั่น


ช่างเป็นดินแดนที่น่าท่องเที่ยวอะไรเช่นนี้


เนื้อตัวสีขาวกระจ่างเรียกสายตาของคนอื่นๆ ได้ไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงเดินต่อไปด้วยความมั่นใจ ทุกย่างก้าวบนผืนแผ่นดินใหม่พาใจให้กระโดดโลดเต้นอย่างที่สุด แม้ผู้คนจะเยอะแยะเสียจนน่าปวดหัว แต่ร้านรวงที่ขายของแปลกๆ นั่นก็น่าสนใจไม่หยอก ไหนจะกลิ่นหอมๆ ที่โชยมานี่อีก

แต่ด้วยความที่เขาศึกษาโลกใบนี้มาพอสมควร ทำให้รู้ว่าการใช้ชีวิตของคนที่นี่ แตกต่างกับโลกของเขาอย่างชัดเจน การซื้อขายสินค้าที่ต้องใช้กระดาษใบบางๆ ที่เรียกว่าเงิน ทั้งยังมีเหรียญตรามากมายที่ทำเอาสับสน การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ก็ต้องอาศัยเครื่องกลไก อาจเพราะสภาพแวดล้อมนั้นไม่ได้สวยงามพอจะทำให้เดินเท้าได้อย่างรื่นรมย์

ร่างใหญ่โตกว่าปกติเดินอาดๆ ผ่านฝูงชนที่เริ่มหันมาให้ความสนใจ มันก็เป็นซะอย่างนี้สิน่า! ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องได้รับความสนใจเสมอ ใครใช้ให้เขาเกิดมาในวงศ์ตระกูลที่ดี แถมยังดูดีจนติดอันดับ 1 ใน 3 ของ ‘ผู้ที่อยากได้ไปเป็นพ่อพันธุ์ตลอดกาล’ กันเล่า
เขากะเวลาการมาท่องเที่ยวยังโลกนี้พอให้ตะวันตกดินเท่านั้น อันที่จริงเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านประตูมายังโลกนี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดความแตกขึ้นมาว่าผู้มีฐานันดรอย่างเขาหนีเที่ยวตามใจชอบ คงจะถูกติเตียนจากหัวหน้าตระกูลเอาแน่


แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอใช้เวลาให้คุ้มค่ากับที่ต้องการเสียหน่อยเถอะ


แต่ละก้าวย่างนั้นช่างเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ สิ่งที่โลกใบนี้มีนั้นช่างน่าหลงใหล อาหารการกินก็ช่างอุดมสมบูรณ์ แลดูน่าอร่อยไปเสียหมดทุกอย่าง มิน่าเล่าถึงได้มีการย้ายถิ่นที่อยู่เกิดขึ้นไม่เว้นวัน เพื่อนพ้องบางคนย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากอยู่ที่โลกนี้ บ้างก็กลับไปเยี่ยมเยียนกัน บ้างก็หายหน้าไปเลยก็มี


คงเพราะเสน่ห์ของโลกแห่งนี้สินะ


เฮ้ย! แกน่ะ มาจากไหนวะเนี่ย?” 

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องหลัง เขาหยุดชะงักก่อนจะหันกายกลับไปมอง มนุษย์สามคนยืนอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยท่าทีคุกคาม

“มาเดินท่อมๆ อย่างนี้ คงหลงทางมาสินะ”  มนุษย์อีกคนพูดบ้าง ร่างสูงขยับตัวเข้าใกล้เขามากขึ้น  “เหย! มันกลัวกูว่ะ”


เขาไม่ได้มีนิสัยชมชอบคนแปลกหน้าเท่าไหร่หรอกนะ !


“ในเมื่อหลงมาอย่างนี้ก็มาเล่นกับพวกกูเถอะวะ!”  มนุษย์คนสุดท้ายประกาศกร้าว พร้อมกับเอื้อมมือมาจับเนื้อตัวเขาไว้ มือใหญ่ออกแรงบีบขาเขาแน่นจนเจ็บ

ความกลัวเข้าครอบคลุมจิตใจอย่างกะทันหัน เขาออกแรงดิ้นหนีอย่างสุดชีวิต ปัดป่ายมือไปตามใบหน้าของมนุษย์ใจทรามผู้นั้น เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บดังขึ้น มันปล่อยเขาเป็นอิสระ เขาพยายามจะวิ่งหนีให้พ้น แต่กลับถูกมนุษย์อีกสองคนจับตัวเอาไว้ได้ เมื่อร่างกายถูกพันธนาการ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือริมฝีปาก เพื่อหวังให้มนุษย์ที่มีจิตเมตตาผู้อื่นมาช่วยเหลือ เขาจึงได้ตะโกนสุดเสียงที่มี


เมี๊ยวว!!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2019 21:42:14 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
มารอเลยจ้า อยากอ่านแล้ววววว   :-[ สนุกตอนลุ้นว่าเป็นแบบไหน

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 1
บางครั้งความรัก ก็มาไม่ทันให้ตั้งตัว




สุทธิรักษ์ไม่รู้ว่าชีวิตคนธรรมดาแบบเขานั้นจะพิเศษกว่านี้ได้ยังไง

ตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน กลับบ้าน นอนหลับ แล้วก็ตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานในวันต่อไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากหนึ่งปีเป็นหลายปี จากความเหงาสู่ความชาชิน แล้วสุดท้ายเขาก็รู้สึกว่าชีวิตที่เป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร

แต่ไม่ใช่ว่าชีวิตจะจืดชืดเหมือนน้ำต้มผักหรอกนะ เพราะในช่วงวันหยุดเขายังได้รื่นเริงกับงานศิลปะที่ชอบ ไม่ก็อ่านหนังสือใต้ร่มไม้จางๆ ในสวนขนาดกะทัดรัด ตกเย็นก็ออกไปเดินเล่นรับลมในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน ...เรียบง่าย แต่มันน่าพอใจอย่างยิ่ง

นัยน์ตาสีเข้มเหม่อมองยอดไม้สูงที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าหลากสียามพลบค่ำ เสียงเสียดสีของใบไม้ก่อเกิดท่วงทำนองเสนาะหู ฝ่ามือสีขาวสอดที่คั่นในหน้ากระดาษที่อ่านค้างไว้ก่อนบรรจงปิดหนังสือเล่มโปรดอย่างเบามือ แสงสว่างที่เริ่มโรยราไม่เหมาะแก่การเสพบรรยากาศอีกต่อไป ร่างที่เริ่มมีเนื้อมีหนังเพราะไม่ชมชอบการออกกำลังกายยืดตัวขึ้นเต็มความสูงตามเกณฑ์ชายไทย สองตายังคงเหม่อมองภายรอบสวนสาธารณะประจำหมู่บ้านที่ขยับใกล้คำว่าวังเวงเข้าไปทุกที


แม่งเอ๊ย!!


ฉับพลันก็มีเสียงแว่วดังมาจากอีกฟากหนึ่งของสวน อันที่จริงสุทธิรักษ์ก็ไม่ได้ถนัดยุ่งเรื่องชาวบ้านเท่าไหร่ แต่เมื่อเงี่ยหูฟังให้ดีนั้นเสียงที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่บุคคลเดียว เสียงสบถสาดใส่ให้ขรม ยังมีเสียงหัวเราะสะใจดังมาเป็นระรอก ในหัวคนฟังนั้นจินตนาการได้ถึงคนโดนรุมทำร้าย

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกังวล

เขาควรจะรีบจากไปให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายในกิจธุระของผู้อื่น แต่ถ้ามันเป็นการรุมทำร้ายอย่างที่คิดเล่า... ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความกล้าที่มีน้อยนิด กระชับหนังสือเล่มโปรดไว้แนบอก หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมพร้อมโทรหมายเลขฉุกเฉิน

สองเท้าค่อยๆ เดินเงียบเชียบไปตามต้นเสียง พยายามไม่ให้คนก่อเหตุรู้ตัวและเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองไปด้วย แม้แสงไฟจากเสาที่ตั้งอยู่รอบบริเวณจะสว่างเพื่อขับไล่ความมืด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในตอนนี้ไม่ใช่บรรยากาศที่ดีเอาเสียเลย สุทธิรักษ์เพ่งมองไปยังเบื้องหน้าที่ปรากฏเงาร่างคนกลุ่มหนึ่ง

“เตะแม่งแรงๆ เลย -- เชี่ย!! กัดกูโคตรลึก”

“มีเจ้าของเปล่าวะเนี่ย”

“สนใจทำไมกะอีแค่แมวตัวเดียว!”

สุทธิรักษ์กระพริบตาปริบๆ ‘แมว’ อย่างนั้นเหรอ?

ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้คนกลุ่มนั้นมากขึ้น แล้วความสว่างก็ทำให้เขาเห็นว่าเงาร่างพวกนั้นคือกลุ่มเด็กสาม-สี่คน ผมที่สั้นเกรียนนั้นบอกให้รู้ว่าน่าจะอยู่ในช่วงวัยมัธยมต้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าคำร้ายกาจพวกนั้นจะหลุดออกมาจากปากในเด็กวัยนี้ แต่ก่อนที่เขาจะหงุดหงิดกับสังคมที่เริ่มเสื่อมลงไปมากกว่านี้ สองตาจึงเริ่มกวาดมองไปยังพื้นเพื่อเสาะหา ‘แมว’ ที่กำลังถูกรุมทำร้าย

สุทธิรักษ์อยากจะหลุดสบถเสียงดังเมื่อเห็นร่างเล็กๆ นอนหมดสภาพในวงล้อมของเหล่าเด็กชาย ต่อให้เป็นคนไม่ชอบทำให้ตัวเองมีปัญหาแต่ภาพที่เห็นก็คงทำเป็นเฉยเมยไม่ได้หรอก

ชายหนุ่มเดินปรี่เข้าไปด้วยสีหน้าที่แสร้งถมึงทึงเต็มที่  “หยุดนะ!!”

กลุ่มเด็กชะงักการกระทำทุกอย่างแล้วหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว สุทธิรักษ์กวาดตามองใบหน้าทีละคนเพื่อจดจำก่อนจะจ้องไปยังเบื้องล่างที่มีสิ่งมีชีวิตนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ ในหัวรีบกลั่นกรองความน่าจะเป็นที่จะทำให้เด็กร้ายกาจพวกนี้กลัวและเผ่นไป และสิ่งหนึ่งที่คิดได้ก็คือการแสดงสถานะว่าเป็นเจ้าของ

“ชายสี่!!”  เพียงแค่เขาตะโกนชื่อออกไปแม้ว่ามันจะเป็นชื่อของสุนัขข้างบ้านก็เถอะ กลุ่มเด็กเลวก็พลันหน้าตื่นวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กที่กลัวการถูกจับได้เมื่อทำความผิด ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ใช่พวกกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่เกรงกลัวอะไรเอาเสียเลย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

สุทธิรักษ์ปรี่เข้าไปทรุดตัวลงบนพื้นข้างแมวตัวนั้น สภาพของมันในขณะนี้แทบจะแยกไม่ออกว่าลักษณะแบบไหน เพราะทั้งเนื้อตัวขะมุกขะมอม เลือดเปรอะเปื้อนตามเส้นขนเป็นหย่อมๆ นอนแนบพื้นแข็งด้วยสภาพโรยแรง ขาหน้าข้างหนึ่งงอหงิกคล้ายจะบาดเจ็บรุนแรง -- ไอ้เด็กพวกนั้นช่างใจยักษ์เกินคนจริงๆ

ชายหนุ่มถอดเสื้อนอกออกจากตัวหวังคลุมร่างผู้ป่วยอาการหนักเพื่อไปหาหมอ จังหวะนั้นเองที่ดวงตากลมโตที่ปิดสนิทแน่นลืมขึ้น ชั่วขณะที่เขาสบตากับดวงตาสีฟ้าสดใสของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้ อย่างกับมันจะสื่อทุกอย่างออกมาโดยไม่ต้องพูดภาษาเดียวกัน ทั้งความกังวล ความกลัว ความเจ็บปวด ทุกสิ่งนั้นราวกับว่าเจ้าแมวตัวนี้ตะโกนออกมาดังๆ

และนั่นก็ทำให้เขาทำบางสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน

“ไม่เป็นไรนะ”  นี่คือการพูดกับสัตว์ครั้งแรกในชีวิต!  “ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวจะพาไปหาหมอนะ”

ทั้งยังใจกล้ายื่นมือออกไปลูบหัวมันเบาๆ อย่างที่ไม่เคยทำกับแมวตัวไหน เจ้าแมวมองเขาอีกครั้งราวกับชั่งใจก่อนจะหลับตาลงสลบไป
เขาห่อตัวมันด้วยเสื้อคลุมแล้วอุ้มไว้แนบอก จากสวนด้านในหมู่บ้านไปจนถึงด้านหน้าทางเข้าอันเป็นร้านรักษาสัตว์นั้นนับว่าไม่ใกล้เลยทีเดียว แต่เพื่อร่างที่นอนหายใจรวยรินในอ้อมกอด สุทธิรักษ์จึงเร่งทำความดีด้วยการวิ่งแบบไม่คิดชีวิต เร็วกว่าที่เคยวิ่งจับเวลาสมัยเรียนวิชาพละเสียด้วยซ้ำ -- เขาเกลียดการออกกำลังกาย มันเหนื่อยและทำให้ตัวเหม็น เพราะฉะนั้นทุกวันนี้รูปร่างเขาเลยเข้าใกล้คำว่าอวบเข้าไปทุกที

วิ่งไปไม่เท่าไหร่สองขาก็เริ่มล้าจนสั่นประท้วง หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมานอกอก เสียงหอบหายใจดังก้องผสานกับหยาดเหงื่อที่ไหลโทรมกาย เขาก้มลงมองผู้ป่วยในอ้อมกอดที่บัดนี้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อมองเขา นัยน์ตาที่ราวกับอัญมณีสีฟ้าอ่อนแสงลงจนน่าหวั่นใจ

“ทำใจดีๆ ไว้นะ เข็มแข็งเข้าไว้”

“...เมี๊ยว~”  ผู้ป่วยเปล่งเสียงสั้นๆ อย่างใกล้โรยแรง แต่มันกลับปลุกลูกฮึดให้คนฟังมากมาย

สุทธิรักษ์กระชับแมวตัวน้อยในวงแขน พ่นลมหายใจแรงๆ เรียกกำลังวังชาที่หวังว่ามันจะเผลอไปซุกซ่อนอยู่ตรงหลืบมุมไหนออกมา สองขาเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง เขาสาบานเลยว่านับจากนี้จะเริ่มออกกำลังกายให้แข็งแรง ไม่งั้นวันข้างหน้าเกิดเปลี่ยนจากแมวเป็นหมาเขาต้องตายอยู่กลางทางแน่ๆ

แต่วิ่งได้ไปไม่เท่าไหร่หรอก เขาก็ต้องหยุดพักหายใจอีกแล้ว!

"คุณครับ"  เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว สุทธิรักษ์หันหน้าไปมองทั้งที่ยังโกยลมเข้าปอดไม่หยุด ท่ามกลางแสงสลัวจากแสงไฟรอบบริเวณคือชายหนุ่มร่างสูงผู้หนึ่งกับจักรยานทรงแม่บ้าน

"ผมเห็นวิ่งเหมือนรีบร้อนน่ะครับ เลยแวะถามเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง"  คนแปลกหน้ากล่าวอย่างใจดี


สวรรค์โปรด!!


เหงื่อชโลมใบหน้าจนตาพร่า สุทธิรักษ์ไม่มีเวลามาสังเกตหน้าตาของคนใจดีผู้นี้หรอก แต่การที่เห็นสภาพเขาแบบนี้แล้วแวะถามไถ่ต้องนับว่าเป็นคนจิตใจดีอยู่แล้ว และขืนเขาปฏิเสธไปเพราะความกลัวคนแปลกหน้า เจ้าแมวในอ้อมกอดเขาอาจจะไม่รอดก็ได้

“ช่วย...แฮ่กๆ ช่วยไป...”  สุทธิรักษ์พูดแทบจะไม่เป็นคำ เสียงหอบหายใจยังดังกว่าเสียงพูดเขาเสียอีก  “ไปคลินิก...แฮ่กๆ แมว!...แฮ่กๆๆ”

คนแปลกหน้านิ่งมองเขาสักครู่แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดความเร่งร้อนก็เกิดขึ้นในทันที เจ้าของจักรยานออกปากเร่งให้เขาขึ้นไปนั่ง แล้วออกแรงปั่นด้วยความเร็วที่บอกได้เลยว่าอีกฝ่ายออกกำลังกายเป็นกิจวัตรแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่รักษาความเร็วในขณะที่มีผู้ชายตัวไม่เล็กซ้อนอยู่ได้แบบนี้หรอก

 ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น รถสองล้อก็มาจอดเทียบหน้าร้านรักษาสัตว์ที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้เข้าไปใช้บริการ สุทธิรักษ์ซวนเซลงจากรถโดยที่คนใจดียังอุตส่าห์ยึดแขนเขาไว้ไม่ให้ร่วงไปนั่งกับพื้นเพราะขาหมดกำลัง ชายคนนั้นยื่นมือรับเจ้าแมวไปอุ้มเสียเองโดยที่มืออีกข้างก็ยังต้องช่วยประครองเขา ความเป็นผู้ชายเหมือนๆ กันทำให้สุทธิรักษ์หน้าชาด้วยความอาย แต่จนปัญญาที่สองขานั้นไร้เรี่ยวแรงแล้วจริงๆ

หนุ่มน้ำใจงามชี้ไปยังส่วนนั่งรอที่เป็นเก้าอี้ชิดผนังกระจกบานใหญ่ ซึ่งเขาเองก็ไม่รีรอที่จะลากขาตัวเองไปนั่งอย่างว่าง่ายแล้วปล่อยให้หนุ่มจักรยานแม่บ้านคนนั้นติดต่อทำเรื่องรักษาแมวผู้โชคร้ายแทน

สุทธิรักษ์หลับตาอย่างคลายกังวล อย่างน้อยเจ้าแมวนั่นก็ถึงมือหมอแล้ว จากนี้ก็ไม่มีเรื่องที่เขาจะเข้าไปวุ่นวายได้อีก ไม่สิ! ยังมีค่ารักษาพยาบาลอีกนี่นา คิดถึงตรงนี้ก็ให้พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อีกหน ได้ยินว่าค่ารักษาสัตว์นั้นแพงกว่าของคนเสียอีก ไม่รู้ว่าเจ็บหนักขนาดนั้นเขาจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเท่าไหร่ ...แต่ยังไงก็ช่างเถอะ แค่ไม่ตายก็นับว่าดีแล้ว

“คงเหนื่อยแย่เลยนะครับ”  เสียงคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหน้า สุทธิรักษ์เปิดเปลือกตาขึ้นมองเจ้าของน้ำเสียงอบอุ่น หากแสงไฟที่สาดสว่างทำให้เขาต้องกระพริบตาเสียหลายครั้งก่อนที่สองตาจะจับภาพใบหน้าของคนตรงหน้าได้

“ดื่มน้ำก่อนนะครับ”  แก้วน้ำที่มีไอเย็นเกาะรอบแก้วถูกยื่นมาให้ เขารับมันไปโดยที่ดวงตายังไม่คลายภาพที่เห็น ก่อนหน้านี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะมองอะไรให้ชัดเจนจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มองข้ามความหล่อเหลาที่เด่นชัดอยู่บนใบหน้าคนน้ำใจงามผู้นี้ได้หรอก

สุทธิรักษ์นิ่งค้างกับความบาดตาระดับที่คงหาไม่ได้ตามถนนทั่วไป แม้จะไม่อาจเทียบเท่าพระเอกหรือนายแบบบางคนได้ แต่ถ้าไปถามคนสิบคนก็คงไม่มีใครกล้าปดว่าผู้ชายคนนี้ขี้เหร่ แต่เหนือไปกว่านั้นคือบุคลิกอบอุ่นที่เขาสัมผัสได้แม้ยังไม่สนิทสนมกัน เพราะเมื่อรวมกับเครื่องหน้าและสีผิวแล้วนั้น ...ชายคนนี้คือความละมุนอย่างแท้จริง

“ผมชักจะเขินแล้วนะครับ”  แม้จะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังเขินอายอย่างที่พูดแต่มันก็ทำให้คนมองรู้สึกตัวขึ้นมา

สุทธิรักษ์กระแอมกลบเกลื่อนความไร้มารยาทของตัวเองเล็กน้อย พยายามหลีกเลี่ยงสายตาจากใบหน้าน่ามองของชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิต  “แมวเป็นยังไงบ้างครับ?”

“เบื้องต้นมีอาการช็อกนะครับหมอให้น้ำเกลือกับออกซิเจนไปแล้ว ไม่มีการแตกหักของกระดูกแต่ร่างกายบอบช้ำจากการกระทบที่รุนแรง คืนนี้คงต้องนอนดูอาการไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะส่งไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลสัตว์เพื่อตรวจให้แน่ใจอีกที ส่วนเลือดที่เห็นน่าจะมาจากที่อื่นไม่ได้เกิดจากร่างกายแมวนะครับ” 

สุทธิรักษ์ถึงกับลอบถอนใจ ค่ารักษาเจ้าแมวตัวนั้นคงฟันเงินเดือนเขาไปทั้งเดือนแน่ๆ แต่เงินจะมาสำคัญเท่าการช่วยหนึ่งชีวิตให้อยู่รอดได้ยังไง ก็แค่กินมาม่ามากหน่อยหรือไม่ก็กลับบ้านไปขอข้าวแม่กินก็เท่านั้นเอง…

 “ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเป็นธุระให้ สงสัยว่าผมต้องเข้าไปพบหมอเพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ใจสักหน่อย”  เขาขยับตัวเพื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางสอดส่ายสายตาไปยังห้องตรวจที่เปิดประตูอ้าไว้  “หมออยู่ข้างในเหรอครับ?”

“เปล่าครับ”  คนตอบปฏิเสธเอ่ยเจือเสียงหัวเราะ เรียกสายตาของสุทธิรักษ์ให้หันไปค้นหาว่าตรงไหนของคำพูดกันที่น่าขบขัน หากเมื่อหันไปก็พบว่าตัวเองยืนใกล้อีกฝ่ายเกินพอดีจึงรีบถอยหลังออกมาสองก้าว แล้วนั่นก็ทำให้เขาพบว่าตัวเองนั้นช่างน่าอนาถเหลือเกิน นอกจากรูปร่างจะเข้าใกล้ความอวบแล้วนั้น ส่วนสูงเมื่อยืนเทียบกันก็เสมอพอแค่ปลายติ่งหูอีกฝ่ายเผลอๆ จะเตี้ยกว่านั้นอีกด้วยซ้ำ หน้าตารึก็ธรรมดาไร้ความโดดเด่น ที่พอจะสูสีอีกฝ่ายได้ก็คงเป็นความขาวเนี่ยแหละ

“จ้องผมอีกแล้ว”  ชายน้ำใจงามยิ้มขันอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเรียกริ้วแดงให้พาดสองข้างแก้มของคนเผลอมอง...น่าขายหน้าจริงๆ

“เอ่อ...แล้วหมออยู่ที่ไหนหรือครับ?”  คนอายรีบวกเข้าประเด็นต่อ พยายามละสายตาด้วยการมองผ่านชายหนุ่มตัวสูงเลยไปทางด้านห้องตรวจ

“ก็...”  ชายตรงหน้าอมยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มข้างแก้ม  “อยู่ตรงนี้ไงครับ” 

เรียวนิ้วยกขึ้นชี้เข้าที่อกเสื้อเพื่อชี้ชวนให้เขามองดู สุทธิรักษ์ยื่นหน้าเข้าใกล้เพื่ออ่านตัวอักษรที่ถูกปักด้วยด้ายสีเขียวเข้มบนเสื้อสีขาวสะอาด ‘นายสัตวแพทย์กวิน ภวภิรมย์’

เหลือเพียงแค่ความอายเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาตอนนี้ ให้ตายสิ! นอกจากใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วเขาก็ไม่ได้คิดสังเกตอะไรบ้างเลย ในเมื่อเสื้อที่คนๆ นี้สวมก็เป็นเสื้อกาวน์อยู่ทนโท่ซ้ำยังปักชื่อบอกตำแหน่งงานเสียเรียบร้อย นอกจากสายตาสั้นแล้วเขาคงมีปัญหากับการรับรู้ด้วยเสียล่ะมั้ง

“ขอโทษครับ คือผมไม่ได้สังเกตเลย”  สุทธิรักษ์ยอมรับไปตามตรง อีกฝ่ายทำเพียงอมยิ้มเช่นเดิมไม่ต่อความยาวสาวความให้ยืด

หมอกวินส่งยิ้มให้อย่างไม่ถือสา  “พรุ่งนี้ทางร้านจะพาไปเองครับ แต่ถ้าลูกค้าไม่สะดวกใจก็สามารถพาคนไข้ไปติดต่อได้เองเช่นกัน”

“ไม่ครับๆ เพราะผมก็ไม่สะดวกที่จะต้องติดต่อเองเหมือนกัน”  สุทธิรักษ์รีบร้อนปฏิเสธ เขาไม่ถูกกับพวกสัตว์อยู่แล้ว ยิ่งเป็นโรง
พยาบาลสัตว์นั้นอยู่ที่ไหนเขายังไม่รู้เลย

“งั้นรบกวนทำประวัติคนไข้ก่อนนะครับ”  หมอกวินผายมือให้เขาเดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของร้าน อีกหนึ่งเรื่องที่เขาเพิ่งจะสังเกตคือตอนนี้ทั้งร้านไม่มีใครอยู่เลย

“แล้วเจ้าหน้าที่คนอื่นล่ะครับ”  เขาออกปากถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามและกำลังเปิดเครื่องคอมฯ พลางหยิบเอกสารต่างๆ ออกมาจากตู้เก็บด้านข้าง

“วันนี้ร้านปิดครับแต่ผมอยู่ทำงาน แล้วลูกค้าขอให้ช่วยเข้าไปดูชิวาว่าที่คลอดยากน่ะครับ เลยเจอคุณเข้าพอดี”

“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ คลอดรึยัง?”

“พอไปถึงก็เบ่งพรวดออกมาสามหน่อเลยครับ ผมนี่ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือเลย”  สีหน้าคุณหมอเจือความเสียดายขั้นสุด พานเอาคนฟังอมยิ้มกับคนอยากทำคลอดไม่ได้  “ว่าแต่แมวของคุณไปเจออะไรมาครับถึงได้เจ็บหนักขนาดนี้”

“ไม่ใช่แมวผมนะครับ แล้วผมก็ไม่ได้ทำอะไรมันด้วย”  สุทธิรักษ์ปฏิเสธเสียงหลงอีกรอบ ก่อนจะพรั่งพรูเหตุการณ์ที่เห็นออกมาให้อีกฝ่ายร่วมรับฟัง  “แต่ว่าค่ารักษาผมจะเป็นคนชำระเองนะครับไม่ต้องห่วง และถ้าเป็นไปได้ผมรบกวนให้ทางร้านช่วยตามหาเจ้าของให้ทีนะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นแมวของคนในหมู่บ้าน”

“ไม่มีปัญหาครับ แล้วผมจะค้นประวัติคนไข้ดูอีกที แต่อันที่จริงคนในหมู่บ้านที่เลี้ยงแร็กดอลล์คงจะหายากสักหน่อย เพราะเจ้าตัวนี้ดูจะเป็นพันธุ์แท้ซะด้วย”

“เอ่อ...อะไรดอๆ นะครับ”

“หึหึ แร็กดอลล์ครับ (Ragdoll) เป็นชื่อพันธ์ของแมวตัวนี้ ส่วนราคาขายสายพันธุ์แท้ที่เคยเห็นก็หลายหมื่นบาทอยู่ครับ ผมคิดว่ายังไงเจ้าของคงประกาศหาตัวแน่ๆ”

คนฟังได้แต่อ้าปากค้าง ช่างเป็นแมวที่ค่าตัวแพงอะไรอย่างนี้ ต้องมีฐานะขนาดไหนกันถึงจะเลี้ยงเจ้าตัวนี้ได้ แต่อย่างน้อยค่าตัวขนาดนั้นก็คงทำให้เจ้าของร้อนใจออกตามหาอย่างที่หมอว่าแน่นอน

“งั้นก่อนที่จะเจอเจ้าของ คุณคงต้องตั้งชื่อไว้เรียกไปพลางๆ ก่อนแล้วล่ะครับ”  หมอกวินยิ้มหวานจนแก้มบุ๋ม เล่นเอาสุทธิรักษ์พักสายตาที่หลุมตื้นๆ ข้างแก้มเนียนนั้นไปชั่วครู่  “ก่อนอื่นขอทราบชื่อคุณหน่อยนะครับ”

“...เอ่อ...สุทธิรักษ์ครับ”

“คุณสุดที่รักนะครับ”  คุณหมอหนุ่มอมยิ้มยามทวนชื่อของเขา เหมือนกันไปหมดทุกคนสิน่า...ก็ใครให้แม่ชอบชื่อนี้หนักหนาจนเขาไม่กล้าเปลี่ยนล่ะ เวลาบอกชื่อปากเปล่าทีไรมีแต่คนเข้าใจผิดกันหมด

“สุทธิรักษ์นะครับ ‘สุด-ทิ-รัก’ ไม่ใช่ ‘ที่-รัก’”  คราวนี้เขาพูดช้าๆ ชัดๆ เพื่อแก้ความเข้าใจผิด แต่มันกลับยิ่งเพิ่มรอยยิ้มบนริมฝีปากคนรับฟังมากยิ่งขึ้น เจ้าของชื่อเลยตัดปัญหาเขียนชื่อส่งให้เสียเลย

“ขอทายเลยว่าชื่อเล่นคงเป็น ‘ที่รัก’ ใช่มั้ยครับ”

เจ้าของชื่อหน้าแดงแปร๊ดทันที แต่ก็ออกปากปฏิเสธไม่ได้ในเมื่อมันจริงเสียยิ่งกว่าจริง พ่อนะพ่อ! แม่ตั้งชื่อแบบนั้นมาแล้วก็ไม่ควรเล่นง่ายกับชื่อเล่นลูกแบบนี้เลย  “เรียก ‘รัก’ ก็พอเถอะครับ”

"ได้ครับคุณรัก” เสียงหวานหูเอ่ยรับคำเสียนุ่มนวล บนใบหน้าละมุนกลับมีดวงตาที่คมชัดโดดเด่นและตอนนี้เจ้าของนัยน์ตาระยิบระยับตรงหน้าก็กำลังใช้มันจ้องมองเขาอยู่

สุทธิรักษ์ไม่เชื่อในรักแรกพบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริง แต่คุณสัตวแพทย์ตรงหน้าคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้เขาอยากจะหาสัตว์สักตัวมาเลี้ยงเพื่อที่จะได้มีโอกาสมาที่คลินิกนี้อีกครั้ง แต่ความรู้สึกนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็วตามประสาคนมองโลกตามความเป็นจริง เขาไม่ชอบสัตว์ ไม่มีทางที่จะดูแลสิ่งมีชีวิตนอกเหนือไปจากตัวเองได้ดีหรอก เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเล่นกับมันอย่างไร หรือต้องเลี้ยงอย่างไรให้มันมีความสุข

เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกจบความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจแล้วบอกลาความมีน้ำใจของคุณหมอกวินไว้เพียงเท่านี้ อย่างน้อยกว่าจะเสร็จสิ้นเรื่องราวของเจ้าแมวตัวนี้ก็คงพอให้เขาได้เห็นใบหน้าละมุนละไมของคุณหมออีกสักหลายครั้งล่ะนะ



• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
การเดินทางด้วยรถโดยสารในเวลาหลังเลิกงานนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก ทั้งการจารจรที่แออัด การเบียดเสียดของผู้คนหลายสิบภายในรถที่แสนอบอ้าว กว่าสุทธิรักษ์จะชาชินจนรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นคือความปกตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเคยผ่านช่วงเกือบเป็นลมจนร่ำๆ จะถอดใจซื้อรถมาแล้วเสียหลายครั้ง แต่เมื่อคิดถึงค่าผ่อนบ้านที่กินจำนวนเงินต่อเดือนไปมากโขแล้วนั้นก็มีแต่ต้องคุ้นชินกับมันให้เร็วที่สุด

สุทธิรักษ์ลงมาจากรถโดยสารสีขาวคาดน้ำเงินพร้อมกับลมหายใจที่พรั่งพรูออกมายาวเหยียด ฝ่ามือขาวยกขึ้นปาดเหงื่อตามขมับก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าทรงเล็กน้อย พร้อมกับกระชับกระเป๋าสะพายข้างที่มีกระเป๋าสตางค์บรรจุเงินสดมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนเอาไว้ ที่จริงเขามากดเงินเอาหน้าคลินิกรักษาสัตว์ก็ได้ แต่ก็ยังเกรงภาพลักษณ์เผื่อคุณหมอกวินจะมาเห็นเอา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาก็ปั่นจักรยานมากดเงินสดที่ตู้อัตโนมัติตรงนั้นประจำ

หวังว่าคุณหมอกวินจะไม่เคยเห็นเขานะ เพราะสภาพตอนนั้นเขาดูไม่ได้จริงๆ

เขาไม่รู้ว่าค่ารักษามันประมาณเท่าไหร่ แต่ถ้ามันเกินกว่าจำนวนเงินที่เขากดมาล่ะก็วี่แววที่จะต้องเพิ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปทั้งเดือนก็ลอยมาแต่ไกล แต่เขาก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วถือเสียว่าเป็นการสร้างกุศลที่ไม่ค่อยได้ทำก็แล้วกัน

ชายหนุ่มผลักบานกระจกเข้าไปช้าๆ ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศตีเข้าใบหน้าพลอยให้ความร้อนระอุด้านนอกสลายไปในทันที จากนั้นกลิ่นเฉพาะของบรรดาสิงสาราสัตว์ที่นั่งกันหน้าสลอนจึงปะทะเข้าจมูกบ้าง สุทธิรักษ์ตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อพบกับเจ้าหน้าขนมากมายหลายตัวรวมกันในห้องๆ เดียว เจ้าสัตว์พวกนั้นก็คล้ายรับรู้ถึงความกลัวของเขาได้ถึงได้พร้อมกันหูตั้งหางชี้พุ่งความสนใจมาที่คนแปลกหน้า

บรรดาเจ้าของที่นั่งรอตรวจต่างอมยิ้มกับคนท่าทางประหลาดที่สืบเท้าหนีสัตว์เลี้ยงน่ารักเสียจนชิดผนัง แต่ก็ไม่อาจหยุดเจ้าตัวใหญ่สีน้ำตาลทองที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่คิดสงสาร ชายหนุ่มคุ้นๆ ว่าสุนัขตัวนี้จะเป็นพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ที่คนนิยมเลี้ยง เขาเคยเห็นจากที่ไกลๆ อยู่หรอกแต่ไม่คิดว่ายามอยู่ต่อหน้ามันจะตัวใหญ่แบบนี้ เขาไม่ปฏิเสธว่าดวงตาแป๋วๆ นั้นทำให้มันดูน่ารักก็จริง แต่ปากที่อ้ากว้างกับลิ้นที่ห้อยตกลงมามันออกจะไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่


โดยเฉพาะตอนมันเดินเข้ามาใกล้แล้วยืดตัวตะปบขาหน้าเข้ากับท้องของเขาแบบนี้


และท่าทางเช่นนั้นของไอ้หมาที่เหมือนจะมีตำแหน่งเป็นลูกพี่ใหญ่ ทำให้เจ้าตัวเล็กๆ ทั้งหลายพากันมายืนล้อมรอบส่งเสียงเห่าบ๊อกๆ ปิดทางหนีเขาอย่างสิ้นเชิง

สุทธิรักษ์หวังความช่วยเหลือจากคนรอบข้างแต่กลับได้แต่เสียงหัวเราะขบขันมาแทน กว่าคุณพนักงานจะมาลากสิ่งมีชีวิตแสนรื่นเริงพวกนี้ออกจากเขาก็เล่นเอาขาแข้งเกือบอ่อนขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเขากลัวจนจับต้องไม่ได้หรอกนะ แต่มันไม่สะดวกใจที่จะอยู่ร่วมกันในระยะประชิดก็เท่านั้น

“ต๊อกแต๊กนั่ง!”  คุณพนักงานสั่งเจ้าหมาสีน้ำตาลทองเสียงนุ่ม ผมยิ้มทันทีเมื่อเจ้าหมานามต๊อกแต๊กนั่งลงในทันทีอย่างเชื่อฟัง แต่เพียงไม่นานเท่านั้นเพราะเมื่อเจ้าตัวยังเห็นหมาตัวอื่นให้ความสนใจเขาอยู่ มันก็พาร่างอวบใหญ่ของตัวเองมาหยอกล้อกับร่างกายของเขาอีกครั้ง

เจ้าของหมาท่านอื่นคงเริ่มจะสงสารถึงได้เริ่มพากันลุกมาอุ้มสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองกลับไปนั่งที่ตามเดิม ยกเว้นเจ้าหมาโกลเด้นตัวนี้ที่ยังคงแกยิ้มจนน้ำลายเปียกเสื้อเขาเป็นด่างดวง

“ต๊อกแต๊กมานี่!”  คุณพนักงานสั่งอีกครั้งแต่ก็ล้มเหลวเช่นเคย ใบหน้านั้นแทบจะระทดท้อเมื่อมองมา

“เอ่อ...ต๊อกแต๊ก”  คนไม่ถูกกับสัตว์พยายามทำใจกล้าโดยการลูบหัวพลางเอ่ยชื่อ สัมผัสนั้นนุ่มนิ่มและฟูฟ่องแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่เขาจะต้องเริ่มออกแรงดันใบหน้าที่ใกล้เข้ามาจากการพยายามกระโดดเหยงๆ อย่างร่าเริง

“โฮ่ง! โฮ่ง!”


โอย~ จะพลังงานเหลือล้นไปถึงไหนล่ะเนี่ย


“ต๊อกแต๊กนั่ง!!”  คราวนี้เสียงคำสั่งแตกต่างออกไป เจ้าหมานิ่งไปในทันทีก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทางรอรับคำสั่งอย่างแข็งขัน ราวกับจะประกาศให้คนทั้งร้านได้รับรู้ว่านี่ต่างหากคือเสียงจากเจ้านายตัวจริง

สุทธิรักษ์รีบหันไปทางต้นเสียงของผู้ช่วยชีวิตและก็พบว่าคนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นเลย สองตาจับภาพของชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดคอวีสีเทากับกางเกงยีนส์สวมทับด้วยกาวน์สีขาวสะอาด รอยยิ้มกึ่งขบขันกึ่งขออภัยนั้นเปล่งประกายระยิบระยับจนทำตาของคนมองพร่ามัว ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงดูละมุนแม้ยามส่งเสียงดุสุนัข


คุณหมอกวิน...


“สวัสดีครับคุณรัก”  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักทาย ฉีกยิ้มจนข้างแก้มขึ้นร่องบุ๋มทรงเสน่ห์ สุทธิรักษ์ที่คล้ายกำลังถูกสะกดอีกครั้งพยายามกระพริบตาปริบๆ เพื่อขับไล่สิ่งน่ามองตรงหน้าให้ผ่านเลยไป เขาจึงเลือกที่จะจดจ้องไปที่ปลายคางที่อยู่เสมอระดับสายตาแทน
มันช่วยได้นิดหน่อย แต่คางที่ขึ้นเหลี่ยมมุมชัดเจนตรงหน้านี้ก็นวลเนียนน่ามองไม่แพ้กันจริงๆ

“จ้องหน้าผมอีกแล้ว” 

“ผมเปล่านะครับ!”  คนโดนจับได้ส่งเสียงออกมาอย่างร้อนตัว แล้วเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำเปล่งประกายเขาก็รีบเบือนหน้าหนีในทันที  “คือผมมาเรื่องแมวตัวนั้นน่ะครับ”

“ครับ รบกวนคุณรักนั่งรอสักครู่นะครับ ผมมีคิวตรวจอีกไม่เยอะหรอก”  หมอกวินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ฝ่ามือใหญ่ผายมือไปยังมุมที่นั่งที่ห่างไกลกับบรรดาสัตว์มากที่สุด แล้วยังสั่งความให้คุณพนักงานนำน้ำมาให้เขาดื่มระหว่างรอก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องตรวจตามเดิม

สุทธิรักษ์ค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย เขาพาร่างตัวเองไปนั่งแอบเงียบอยู่ตรงมุมที่ถูกแนะนำ หนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มาถูกหยิบขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา ชายหนุ่มค่อยๆ พาตัวเองจมจ่อมอยู่กับตัวอักษรตัวแล้วตัวเล่า แต่เขาไม่อาจล่องลอยไปกับความไหลลื่นของตัวบทความได้ เพราะไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอ? หรือเพราะรอบตัวไม่สงบพอ? ไม่หรอก...มันเป็นเพราะสายตาของสัตว์สี่ขาตัวหนึ่งตางหาก

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มบางเพื่อมองไปยังต้นตอความความไม่สงบใจ เจ้าหน้าขนนามต๊อกแต๊กยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นแม้จะไม่มีเจ้าของมันจะไม่อยู่แล้วก็ตาม เจ้าตัวใหญ่ยังคงนั่งหลังตรงอวดขนสีน้ำตาลทองเงางามให้แก่บรรดาเจ้าของสัตว์ที่มาใช้บริการ หากสองตากลมโตของมันกลับเอาแต่จดจ้องคนแปลกหน้าอย่างเขาไม่หยุดหย่อน 
ยิ่งเขาสบตามันก็ยิ่งรู้สึกถึงความกระตือรือร้นที่พุ่งออกมาจนล้น เหมือนมันพร้อมจะพุ่งเข้ามาหาเพียงแค่เขาอนุญาต ซึ่งนั่นจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่!

แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าหมาต๊อกแต๊กสร้างความสนใจได้มากกว่าหนังสือ หลายครั้งที่เขาแสร้งเหม่อมองไปทางอื่นแต่เมื่อกลับไปมองอีกครั้งอิริยาบถของสุนัขตัวนั้นก็เปลี่ยนไปคล้ายกับมันเมื่อยเกินทน หลายครั้งที่เล่นจับผิดกันเงียบๆ จนกระทั่งในที่สุดเจ้าหมาต๊อกแต๊กก็มานั่งยิ้มหน้าแป้นอยู่ตรงหน้าในระยะหนึ่งเมตร

สุทธิรักษ์เกือบจะเชื่อแล้วเชียวว่ามันจะฟังคำสั่งของเจ้านายไปจนตลอด

“อย่าได้เข้ามาใกล้กว่านี้เชียว” 

“โฮ่ง!”


เขาจะถือว่านี่คือคำตอบรับแล้วกัน   


ชายหนุ่มตัดสินใจเก็บหนังสือลงกระเป๋าแล้วเลือกที่จะนั่งมองเจ้าสุนัขหน้าเป็นตัวนี้เงียบๆ เขาไม่รู้ว่าพวกเกลียดสัตว์จะเห็นถึงความน่ารักของสัตว์น่าขนแบบที่เขากำลังรู้สึกอยู่หรือไม่ แต่พวกมันน่ารักจริงๆ ให้ตาย! เพียงแค่เขาไม่ชอบสุงสิงกับพวกมันก็เท่านั้น

พวกสัตว์ชอบเข้ามาวอแวกับเขา นั่นถือเป็นเรื่องดีที่ใครหลายคนอาจอิจฉาแต่สำหรับเด็กตัวเล็กที่ถูกหมาใหญ่สามตัวรุมเข้ามาพร้อมกันทีเดียวนั้นมันค่อนข้างเป็นเรื่องน่ากลัวทีเดียว และนั่นคือต้นเหตุที่ทำให้เขาแขยงสัตว์ไปโดยปริยาย แม้จะรู้ว่ามันต้องการเล่นด้วยไม่ได้ต้องการทำร้าย แต่การฝังใจนั้นมันก็ยากจะลบไปได้จริงๆ

เจ้าต๊อกแต๊กยืดคอขึ้น หูสองข้างกระดิกรับฟังเสียงแล้วฉับพลันมันก็ยืดลำตัวนั่งด้วยหลังเหยียดตรงเหมือนก่อนหน้า สุทธิรักษ์อมยิ้มให้กับกิริยาเสแสร้งของสุนัขตัวใหญ่เมื่อพบว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะเจ้าของของมันเดินตรงเข้ามา

“เห็นอยู่นะแต๊ก”  เจ้าของเอ่ยแซว สุทธิรักษ์ไม่รู้หรอกว่าเจ้าหมามันรู้เรื่องด้วยหรือเปล่า แต่ทันทีที่คุณหมอกวินพูดจบมันถึงกับวิ่งปรู๊ดหนีไปอีกทางอย่างกับคนกำลังอับอาย

“ขอโทษที่มันมารบกวนอีกแล้วนะครับ”  หมอกวินหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่พาให้หัวใจคนมองคันยุบยิบอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรครับ คือ ต๊อกแต๊กแค่นั่งเฉยๆ”  สุทธิรักษ์รีบพาสายตาตัวเองออกจาก ‘ของอันตราย’ ตรงหน้า  “หมอเป็นเจ้าของมันใช่ไหมครับ”

“ใช่ครับ หึๆ มันเป็นหมาติงต๊องสักหน่อยแต่ก็ฉลาดไม่น้อย” 

เสียงหัวเราะเบาๆ กับน้ำเสียงอบอุ่นที่น่าจะเจือรอบยิ้มจากคนตรงหน้าทำให้คนฟังอยากจะเงยหน้าขึ้นไปมองเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าหัวใจจะทำงานหนักเกินไปน่ะซี

“คือ...เรื่องแมว...”

“อ้อ! เจ้าเหมียวนับว่าโชคดีนะครับที่ไม่มีการบาดเจ็บร้ายแรงมาก กระดูกไม่หักแต่ข้อต่อถูกกระทบกระเทือนอาจเกิดจากการดึงกระชากนะครับ ตอนนี้หมอให้ยาที่จะลดอาการอักเสบที่กล้ามเนื้อกับเส้นประสาทไปแล้ว ไม่มีอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในนะครับ นอกนั้นก็จะเหลืออาการตื่นกลัวที่คงจะต้องให้เวลาแมวได้ปรับตัวก่อน”

สุทธิรักพรูลมหายใจโล่งอก เขากลัวกับสภาพที่เห็นในครั้งแรกจะแย่ในเมื่อไม่เป็นอะไรร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตก็นับว่าดีมากๆ แล้ว

“คุณรักอยากเข้าไปเยี่ยมหรือไม่ครับ เจ้าเหมียวอยู่ที่ห้องพักด้านหลังนี่เอง”

“เอ่อ...คือ...ในนั้นมีคนไข้เยอะไหมครับ?”

“อยู่ในกรงทุกตัวครับ คุณรักปลอดภัยแน่นอน”  หมอกวินยิ้มขันพลางกระพริบดวงตาข้างหนึ่งให้อย่างหยอกเย้า

คุณหมอจะรู้ไหมว่าท่าทางแบบนั้นทำให้หัวใจคนมองทำงานหนักแค่ไหน มันเป็นธรรมชาติเสียจนเชื่อได้ว่าไม่มีใครกล้าใส่ร้ายว่าคุณหมอเจ้าชู้ สุทธิรักษ์ยังเชื่ออีกว่าทุกคนที่ได้เห็นท่าขยิบตาแบบเมื่อกี้จะต้องใจสั่นแบบเดียวกับที่เขาเป็นแน่ และคง...คงอยากจะเห็นไปอีกหลายครั้ง

“คุณรัก...”  เสียงนุ่มละมุนกระตุ้นสติให้กลับเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง สุทธิรักษ์กระพริบตามองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะผุดลุกขึ้นพร้อมใบหน้าแดงซ่านที่ไม่อาจปิดบัง

“ป...ไปทางไหนครับ”

ทว่ากลับไม่ได้คำตอบ

เสียงหัวเราะเบาๆ เรียกสายตาของสุทธิรักษ์ให้มองขึ้นไป ทั้งรอยยิ้มและสีหน้าของคุณหมอหนุ่มพาให้สมองเขาหยุดทำงานอีกครั้ง

“คุณรักนี่เก่งจังนะครับ...”

หมอกวินยิ้มหวาน นัยน์ตาส่องประกายวิบวับรับการร่องแก้มบุ๋มที่ดึงให้ใบหน้าน่ามองเป็นเท่าทวี


“...คุณทำผมเขินได้ตลอดเลย”


พูดจบคุณหมอก็ออกเดินนำไปโดยไม่หันมามอง สุทธิรักษ์ยังประมวลข้อความไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นการแซวเล่นหรือเป็นการบอกเชิงต่อว่าแบบละมุนละม่อม แต่จะอย่างไรก็ดี เขาสามารถบอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้อันตราย ขืนอยู่ใกล้มากกว่านี้ล่ะก็หัวใจของเขาคงถูกทำให้ล้มเหลวในสักนาทีหนึ่งแน่นอน

สุทธิรักษ์เดินตามคุณหมอเจ้าของร้านผ่านประตูกระจกบานเลื่อนเข้าไป ภายในห้องที่ตกแต่งสีสันไม่ต่างจากด้านนอกนั้นเย็นสบาย แถมยังดูโปร่งโล่งจากประตูเลื่อนบานใหญ่อีกบานสุดทางเดินที่ทำหน้าที่รับแสงอ่อนๆ จากภายนอกเข้ามา หลังบานประตูนั้นเป็นพื้นที่ประมาณสองเมตรเมื่อกะด้วยสายตา มันปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวอ่อนเข้มกับพุ่มไม้ขนาดเล็กที่คงกินความยาวเต็มพื้นที่บ้าน สุนัขพันธุ์เล็กสองสามตัววิ่งเล่นไปมาข้างนอกนั้น กับสุนัขตัวใหญ่อีกตัวนอนเอกเขนกข้างพุ่มไม้

ด้านในมีกรงสัตว์ที่ไม่เหมือน ‘กรง’ ในความคิดของเขาสักเท่าไหร่นัก

“นี่คือห้องพักผู้ป่วยของเราครับ”  คนฟังอมยิ้มขำกับการผายมืออวดสถานที่ของคุณเจ้าของ ข้างกำแพงหนึ่งด้านมีกรงขนาดใหญ่ติดตั้งซ้อนกันอยู่สองแถวๆ ละห้ากรง คนสำรวจทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้เพื่อมองบรรดาผู้ป่วยที่เข้าแอดมิด ทุกกรงมีเจ้าของจับจอง บ้างยืน บ้างนั่ง บ้างก็...นอนบนเตียง

“ดูสบายดีจังเลยครับ”  เขายิ้มให้หมอกวิน ทุกกรงล้วนมีเตียงไม้ที่ใหญ่พอสำหรับสุนัขขนาดกลาง เบาะคงนุ่มมากพอให้บางตัวหลับเพลิน

“เพื่อนผมคนหนึ่งมีกิจการโรงไม้ครับก็เลยให้ช่วยต่อเตียงให้ ราคาเลยถูกกว่าท้องตลาดมาก”  หมอกวินอธิบาย แล้วชี้ไปยังอีกฝั่งห้องที่มีกรงขนาดใหญ่มากสามกรงตั้งอยู่  “ฝั่งนั้นเป็นของสุนัขตัวใหญ่ครับ กรงเลยดูอลังการมากมายจนวางกรงแมวซ้อนได้หลายกรงเลย”

สุทธิรักษ์ยิ้ม จริงอย่างคุณหมอว่าที่กรงนั้นอลังการ เพราะคะเนด้วยตาก็คงมีพื้นที่มากพอให้มนุษย์ผู้ใหญ่สองคนเข้าไปนั่งได้สบาย และแน่นอนว่ามีเตียงอีกเช่นกัน ส่วนกรงแมวนั้นมีขนาดเล็กมากที่สุด เมื่อนำมาติดตั้งข้างบนเลยทำให้วางเรียงกันได้นับสิบและที่นอนก็ดูจะนุ่มน่านอนมากกว่าด้วย

“ร้านเรารับฝากเลี้ยงด้วยครับ ผมก็เลยเตรียมพื้นที่สวนเล็กๆ ให้เด็กๆ วิ่งเล่นสูดอากาศบ้าง ส่วนของเสียจากการขับถ่ายก็มีพี่เลี้ยงเข้ามาทำความสะอาดตามเวลา”

เขาพยักหน้ารับรู้ตามคำอธิบาย ที่จริงเขาเห็นเครื่องฟอกอากาศเปิดทำงานไว้อยู่ด้วย ถึงว่าไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็นสาบให้ระคายจมูก กรงไม่สกปรก ผู้ป่วยทุกตัวก็สะอาดสะอ้านดี นับว่าคุณหมอเปิดร้านรักษาสัตว์ตามวิชาชีพด้วยหัวใจจริงๆ


เนี่ย...ความดีทำหัวใจคนอ่อนยวบได้จริงๆ นะ


“และนี่คือผู้ป่วยที่คุณรักช่วยชีวิตไว้”  หมอกวินพาเดินมาหยุดที่กรงแมวหลังมุม สุทธิรักษ์มองเข้าไปภายในก็พบเจ้าแมวนอนหงายสบายอารมณ์อยู่บนเตียงหลังเล็กอวดขนสีขาวสะอาดน่าจับต้อง ใบหูเล็กกระดิกไปมาราวกับถูกรบกวนความสงบ ยังผลให้ดวงตากลมโตลืมขึ้นมองออกมา

“มีคนมาเยี่ยมแน่ะเจ้าเหมียว”  ไม่รู้ว่าสัตว์หน้าขนตัวนี้เข้าใจหรือไม่ แต่มันขยับร่างปุกปุยของมันขึ้นแล้วเดินกระเผกลงมาจากที่นอน ดวงตาสีฟ้าสดใสจับจ้องเขาแน่นิ่ง ส่งเสียงเล็กๆ พลางถูไถหัวกับซี่เหล็กของกรง

“ลองจับดูสิครับ ผมคิดว่ามันจำคุณได้”  คุณหมอคนดียังคงแนะนำด้วยรอยยิ้ม ด้วยลักยิ้มน่ามองนั้นทำคนคล้อยตามยื่นมือออกไปลูบกลุ่มก้อนขนด้วยปลายนิ้ว เป็นความกล้าหาญอย่างลืมตัวโดยแท้

“เมี๊ยว~”  เจ้าแมวร้องรับแล้วผินหน้ามาแลบลิ้นเลียนิ้วมือเขา สุทธิรักษ์ตกใจชักมือกลับไปกุมไว้ ความสากของลิ้นแมวให้สัมผัสแปลกประหลาด

“โดนขบหรือเปล่าครับ”  คุณหมอกวินไม่พูดเปล่าฉวยคว้ามือข้างนั้นไปกุมดู เจ้าของนั้นหน้าร้อนแทบไหม้แต่คุณหมอคนเก่งก็ยังคงจับๆ ลูบๆ ตรวจดูจนเขาต้องชักมือออกมาเอง

“มันเลียครับ ผมแค่ตกใจเกินไปหน่อย”  เขาอ้อมแอ้มบอกด้วยความอาย แต่คุณหมอก็ไม่ได้ทำทีท่าเหนื่อยใจหรือรำคาญ หมอกวินแค่ยิ้ม...


เป็นรอยยิ้มที่ผุดผาดความมีเสน่ห์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ


“ผมว่ามันคงอยากขอบคุณคุณรักน่ะครับ”


...เจ้าแมว


สุทธิรักษ์ครวญครางในความคิดกับหัวใจที่เต้นตุบตับคล้ายจะทะลุออกมานอกอก


อยากขอบคุณแกเหมือนกัน...

...ที่ทำให้รู้ว่าการตกหลุมรักเป็นแบบไหน 



• • • • • • • • • • • • • โปรดติตามต่อ•วันอังคารหน้า • • • • • • • • • • • • •


กลับมาพบกับหอยทากคนเดิมอีกครั้ง =v=
หลังจากแต่งเรื่องไสยๆ มาตลอด ก็อยากจะเปลี่ยนมาเป็นใสๆ ไร้ความหื่นดูบ้าง
จะรอด หรือ จะร่วง ก็ติชมกันได้เสมอ
สไตล์เรื่องนี้จะเป็นความรักสบายๆ ผสมแฟนตาซีเล็กน้อย
อาจจะไม่ถูกใจสายหื่น(555)
แต่ก็ลองอ่านกันดูนะคะ...♥♥

ปล. มีตอนสำรองอยู่พอสมควร จะพยายามลงสม่ำเสมอสัปดาห์ละหนึ่งตอนนะคะ









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2019 01:05:18 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นแร็กดอลด้วย จะสวยหรือจะหล่อกันนะ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
กรี้ดดดดดดดดด
เปิดเรื่องใหม่ งุ้ยยยย
เอ้ะๆๆๆ พระเอกคราวนี้จะเป็นใครน้า
คุณหมอ หรือ น้องแมว

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ชอบความยาวอลังการของแต่ละบทจริงๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สรุปว่าแมวเป็นแมว หมอเป็นพระเอกใช่ไหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คนหรือแมวที่เป็นพระเอกเนี่ย555

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 2
• แอบรักเธอ...อยู่ในใจ •




'ขณะนี้เวลา 17 นาฬิกา 59 นาที ...แต ตะ ดะ แต แตะ แต่ แตะ แต๊!'

เสียงจากลำโพงสาธารณะของหมู่บ้าน ดังก้องไปทั่วบริเวณถนนหลักอันเป็นสถานที่ตั้งร้านรวงต่างๆ ในหมู่บ้านขนาดใหญ่ชานเมืองแห่งนี้ ตลอดแนวถนนสายหลักสองเลนเต็มไปด้วยรถจักรยาน ที่จอดเทียบตามร้านต่างๆ รถยนต์ขับผ่านเชื่องช้าเพราะอยู่ในเขตชุมชนและเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้คนที่เดินกันแบบไม่เกรงใจรถสี่ล้อ

แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูจะสำคัญน้อยลงไป เมื่อชายหนุ่มที่ปั่นจักรยานด้วยความเร็วอยู่นั้น ซอกแซกผ่านช่องทางว่างด้วยความชำนิชำนาญ ยิ่งเสียงติ๊กตอกผ่านลำโพงกระจายเสียงดังถี่กระชั้นขึ้นเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งออกแรงถีบจักรยานให้พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว

สุทธิรักษ์เลี้ยวรถสองล้อคู่ใจเข้าข้างทางทันทีที่ถึงเป้าหมาย หลังจากลงมายืนบนพื้นได้ก็ใช้เท้าถีบขาตั้งให้รถจอดมั่นคง ชายหนุ่มรีบสาวเท้าไปยังร้าน 'เจ๊มาลี' อันเป็นร้านขายน้ำปั่น+ชา+กาแฟ

เขาพุ่งตรงเข้าไปหน้าร้านพอดีกับที่เสียงเพลงชาติดังกึกก้องไปทั่วหมู่บ้าน เจ๊มาลีปรายตามองลูกค้าหน้าใหม่สักเล็กน้อยก่อนจะยืนตรงเคารพธรงชาติ สุทธิรักษ์ยิ้มเหือดแห้งให้แม่ค้าแล้วปรับท่าทางเป็นยืนหลังตรงบ้าง เสียงเพลงดำเนินไปเรื่อยๆ สายตาของชายหนุ่มเองก็เช่นกัน

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องลึกเข้าไปยังด้านหลังร้านขายน้ำที่ไม่ต่างจากซุ้มยาดอง มองทะลุผ่านกระจกใส เพื่อสอดส่ายสายตาเข้าไปในร้านคลินิกสำหรับสัตว์แห่งเดียวในระแวกนี้ ภายในร้านตกแต่งสีเอิร์ธโทนเรียบง่ายแต่ดูดี มีเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั่งรอเวลาเข้าตรวจบนโซฟาสั่งทำพิเศษที่ทอดยาวไปตลอดแนวกำแพงกระจก การตกแต่งทุกอย่างดูลงตัวไปหมด และยังรวมไปถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ร้านแห่งนี้ได้รับการพูดถึงมากพอดูในโลกโซเชียล แถมยังได้ลงในนิตยสารที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอีกหลายคอลัมน์
สุทธิรักษ์มีครอบครองอยู่หนึ่งเล่มถ้วน เป็นภาพคุณหมอขึ้นปกคู่กับสุนัขพันธุ์เดียวกับที่เป็นเจ้าของ ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นเตะตาเขามาแต่ไกลจากแผงขายหนังสือมือสอง

เพลงชาติใกล้จะจบลงแล้ว แต่คนที่เขาอยากเห็นถึงขนาดปั่นจักรยานจนปวดข้อเท้านั้นกลับยังไม่ปรากฏตัวเสียที เขาชะเง้อคอมองซ้ายย้ายเอียงมาทางขวา ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวของคนที่อยากเจอ ตั้งตามองเสียจนเจ๊มาลีต้องขมวดคิ้วจ้องตอบด้วยความสงสัย ทำเอาเขาเก้อกระดากจำยอมต้องรักษามารยาทหากสายตาก็ยังไม่หยุดค้นหา


'...มีชัย...ชโย...'


ความห่อเหี่ยวเกิดขึ้นทันทีที่เสียงดนตรีจบลง ...หมดแล้วสำหรับวันนี้ สุทธิรักษ์คอตกกับความผิดหวัง

"เอาอะไรหนุ่ม?"

"แตงโมปั่นครับเจ๊"  แม้แต่เสียงจะเอื้อนเอ่ยยังพาลห่อเหี่ยวไปด้วยเลย ก็นะ...เวลาแค่นาทีสองนาทีใช่ว่าจะทำให้เห็นคนที่อยากเห็นได้ทุกวันนี่นา มันก็ต้องมีบ้างเเหละน่าที่เขาจะต้องผิดหวังแล้วกลับไปดูดน้ำปั่นแก้คิดถึงอยู่คนเดียว

"เจ๊ครับ น้ำแตงโมปั่นหนึ่งแก้ว"
 
คนคอตกแทบจะดีดตัวผึงขึ้นมา พอๆ กับที่หัวใจเต้นโครมครามเมื่อได้ยินเสียงของลูกค้ารายใหม่ที่ก้าวมายืนข้างๆ ความไม่คาดฝันทำให้ตั้งตัวไม่ถูก แม้สมองจะสั่งให้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงแต่ร่างกายกลับสั่งให้เท้าก้าวถอยห่าง ช่องว่างเพียงสองเก้าที่ทำให้หัวใจกลับมาเบิกบานอีกครั้ง


ไม่ได้มองหน้าก็ไม่เป็นไรหรอกน่า...


"เมื่อตะกี้หมอเพิ่งสั่งกาแฟไปเองนะ"  เจ๊มาลีชวนลูกค้าคนสำคัญคุย ส่วนหูของสุทธิรักษ์นั้นก็กระดิกพั่บๆ รอฟังเสียงตอบ  "กินหมดแล้วรึหมอ?"

"แค่กๆ!! เอ่อ...เผอิญผมอยากกินแตงโมปั่นมากกว่าน่ะครับ" 

"อ้าวเหรอ?? เจ๊ก็นึกว่าหมอชอบกาแฟซะอีก เห็นสั่งทุกวัน"

"อะ แฮ้ม!! ก็วนๆ กันไปน่ะครับเจ๊"

สุทธิรักษ์ซุ่มเงียบเก็บข้อมูล ที่แท้คนๆ นี้ก็ชอบดื่มกาแฟกับน้ำแตงโมปั่น อืม... แต่วันนี้ดูท่าคุณหมอแกจะเป็นหวัดซะด้วยแฮะ ทั้งไอทั้งกระแอมน่ากลัวจะเจ็บคอไปหมด หรือเขาควรจะหันไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงนะ อย่างน้อยเขาก็เคยไปเป็นลูกค้าของคลินิกมาก่อน แค่ดูเหมือนทักทายตามมารยาทเท่านั้นเอง...เขาคงไม่ปล่อยไก่จนอีกฝ่ายรู้ตัวหรอกน่า!

เมื่อให้เหตุผลตัวเองจนเพียงพอแล้ว คนขี้ขลาดก็กลั้นใจเงยหน้าไปยังคนข้างๆ แต่กลับต้องเจอกับสายตาที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว

"สวัสดีครับคุณรัก"

ความตั้งใจก่อนหน้าพลันสลายกลายเป็นควัน

แม้จะต้องเงยหน้าเพื่อมองคนๆ นี้ให้เห็นเต็มตา แต่รูปหน้าทั้งหมดของผู้ชายคนนี้ก็ชัดเจนทุกสัดส่วน หน้าผากกว้างรับกับคิ้วเข้มคมเป็นมุมศร จมูกโด่งเป็นสันช่างเข้ากันดีเหลือเกินกับดวงตาคมกล้า ที่มีนัยน์ตาสีดำขลับเป็นประกาย ริมฝีปากที่แม้จะอิ่มหนาแต่ก็ได้รูปกระจับสวย แถมมันยังบิดขึ้นเล็กน้อยอวดรอยบุ๋มข้างแก้มให้ปรากฏออกมา โครงหน้าเป็นเหลี่ยมมุมชัดเจนหากดูนุ่มนวลเมื่อถูกสีผิวขาวสะอาดฉาบเคลือบไว้ สุทธิรักษ์เหม่อมองจนตาลอย เขาอยากจะสางผมสั้นที่หวีเรียบๆ นั่นให้ดูกระเซอะกระเซิงเหลือเกิน

"จ้องขนาดนี้ผมก็เขินแย่สิครับ"

น้ำเสียงกระเซ้าจากอีกฝ่ายฉุดสมองของสุทธิรักษ์ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน คนตัวเตี้ยกว่ากระพริบตาปริบๆ มองรอยยิ้มสว่างไสวของคนตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหลุบตาลงต่ำเช่นเดียวกับใบหน้าที่มุดกลับตำแหน่งเดิม

"คุณรักสบายดีนะครับ"

"............"  คนฟังพยายามข่มสติตัวเองไม่ให้ลอยละล่องไปกับน้ำเสียงอบอุ่นน่าฟัง

"ตอนนี้แมวตัวนั้นแข็งแรงดีแล้วนะครับ คุณรักอยากไปเยี่ยมมันมั้ย?"

"..........."


จะทำยังไงดีๆๆ !!!


สุทธิรักษ์อยากจะตบปากตัวเองเหลือเกินที่เอาแต่เงียบแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปเรื่อยอย่างกับคนโง่ เขาต้องโดนมองว่าไร้มารยาท ไม่สิ! อาจจะโดนหมั่นไส้ไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าขืนเขาพูดตอบกลับไปเสียงมันก็จะต้องสั่นแน่ๆ แล้วถ้าเงยหน้ามองคุณหมอคนนี้อีกครั้ง ไอ้แก้มที่มันร้อนวูบวาบอยู่ตอนนี้คงได้กลายเป็นเครื่องประจานชั้นดี

"เอ่อ...ผม--"

"เอ้า! แตงโมปั่นได้แล้วจ้ะหนุ่ม"  เสียงเจ๊มาลีดังขัดเสียงนุ่มๆ ที่กำลังจะพูดบางอย่างอีกครั้ง สุทธิรักษ์แทบอยากจะกระโดดกอดเจ๊ที่ชวยคลายความอึดอัดในครั้งนี้ เขารีบยัดเงินใส่มือแม่ค้าแล้วรับแก้วน้ำมาอย่างว่องไว แม้ความลังเลใจจะผุดขึ้นมาเล็กน้อยแต่เขาก็ตัดสินใจรีบซอยเท้าไปยังจักรยานของตัวเอง

"เดี๋ยวสิครับ!"  เสียงคุณหมอหนุ่มส่งเสียงรั้งไว้

"รอก่อนพ่อหนุ่ม!"  เจ๊มาลีก็ยังอุตส่าห์ยื้อเขาไว้ด้วย

สุทธิรักษ์ไม่สนใจเสียงใครทั้งสิ้น เขารีบถอยรถออกด้วยสองเท้าก่อนจะรีบพุ่งออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วไม่แพ้ขามา ยามเมื่อลมตีใส่หน้าความเสียดายก็ผุดขึ้นมาระรอกใหญ่ โง่เง่าจริงๆ! โอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆ เสียด้วย ยิ่งเขาเป็นคนไม่ชอบสัตว์ จะให้หาตัวอะไรมาเลี้ยงเพื่อหวังเข้าไปพบปะก็ทำไม่ได้


โธ่ ไอ้รักเอ๊ย!! แกปล่อยช่วงเวลาดีๆ ลอยไปแล้ว...   


คนรีบร้อนจากไปก็เผ่นไกลจนไม่เห็นเงา ทิ้งให้คนที่อยู่ข้างหลังมองตามด้วยความไม่เข้าใจ

กวินยืนมองไปยังทิศทางเดิมที่ชายหนุ่มอดีตลูกค้าจากไป ใบหน้าคมสันฉายแววสับสน คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะเป็นปมครุ่นคิดถึงคำสนทนาของตัวเองเมื่อสักครู่ เป็นเขาที่พูดอะไรทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจถึงได้หนีไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทาน หรือว่าเคยไปทำกิริยาอะไรให้อีกฝ่ายไม่ชอบรึเปล่า?

ครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกันก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแท้ ทั้งเรื่องค่ารักษาเจ้าเหมียวเขาก็ไม่คิดเก็บแต่เป็นคนขี้เกรงใจต่างหากที่แอบมาถามเอากับพนักงานและชำระครบทุกบาททุกสตางค์ เขายังไม่ทันพูดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำว่าเงินจำนวนนั้นเขาเก็บเอาไว้ให้เพื่อส่งคืน แต่จากวันนั้นสุทธิรักษ์ก็ไม่มาที่ร้านอีกเลย ไม่แม้แต่จะมาเยี่ยมแมวที่ตัวเองช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เขาก็พอเข้าใจได้ว่ามันคงสืบสาเหตุมาจากการไม่ถูกกับสัตว์ แต่กับเขาที่เป็นมนุษย์ล่ะ...

“ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหนสิน่า”  เสียงเจ้าของร้านบ่นอุบ เรียกสายตาของคนสับสนให้หันกลับไป ในมือของแม่ค้าร้านน้ำมีแบงค์สีม่วงที่ถูกนำมาจ่ายเป็นค่าน้ำอยู่ทำให้คนมองเข้าใจได้ในทันที

“ไว้เจ๊รอทอนเขาวันหลังก็ได้ครับ ยังไงก็คนหมู่บ้านเดียวกัน”  กวินเอ่ยให้อีกฝ่ายคลายความขุ่นเคือง

“มันก็ใช่หรอกหมอ แต่ว่าเจ๊จะกลับต่างจังหวัดไปงานบวชหลานน่ะสิ คงเป็นอาทิตย์กว่าจะกลับมาเปิดร้าน”  หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างลำบากใจ ถึงจะเห็นหน้ากันแทบทุกวันจนเป็นลูกค้าประจำก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้มาคุยเล่นสนิทสนมกัน เงินทอนก็มิใช่น้อยหล่อนไม่อยากเก็บไว้กับตัวนานจนเจ้าของเงินกร่นด่าหรอก

ชายหนุ่มเจ้าของพื้นที่หันกลับไปมองทิศทางที่คนต้นเรื่องหายตัวไปอย่างใช้ความคิด จนกระทั่งเสียงเจ๊มาลีดังขัดจังหวะเพื่อยื่นส่งน้ำปั่นสีชมพูในแก้วใสมาให้ กวินรับน้ำไปพร้อมกับพูดประโยคที่อยู่ในความคิดออกมา

"เงินนั่น...ฝากไว้ที่ผมได้ไหมครับ"



• • • • • •



สุทธิรักษ์กลับมาบ้านพร้อมกับน้ำแตงโมปั่นด้วยความเสียดายสุดแสน

ร่างสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน แต่มวลหนาแน่นในร่างเกือบจะเกินเกณฑ์อยู่รอมร่อเดินไปนั่งเก้าอี้ในชุดโต๊ะสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะกินข้าวหรือนั่งทำงานแม้กระทั่งฟุบหลับก็เป็นโต๊ะชุดนี้ เขาดูดน้ำจากหลอดสีส้มสดเล็กน้อยก่อนจะวางมันลง สองมือเท้าคางอย่างคนใจลอย ซึ่งมันจะลอยไปไหนได้ถ้าไม่ใช่คุณหมอหมาหน้าคมคนนั้น แค่คิดว่าวันนี้ได้ใกล้ชิดกับคุณหมอกวินในระยะห่างไม่ถึงเมตรหัวใจก็เต้นตูมตามไปหมด นี่ถ้าเกิดว่าได้ใกล้ชิดมากกว่านี้เขาไม่หัวใจวายตายไปเลยรึ แต่แน่ล่ะว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้น...เพราะสุทธิรักษ์รู้ดีว่าตัวเองไม่กล้าข้ามสะพานเพื่อไปสู่สิ่งที่ตัวเองต้องการได้ เพราะฉะนั้นเขาเลยต้องจบแค่ความเสียดายเช่นวันนี้

ก็ชีวิตของคนที่รักชอบเพศเดียวกันนั้นมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนี่นา

แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนต่อไหน แต่การจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ชื่นชอบการติฉินนินทามันก็ลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะตั้งแต่รู้ตัวเองว่าไม่สามารถมองผู้หญิงในเชิงชู้สาวได้นั้น เขาก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนเก็บตัว ไม่กล้าสุงสิงกับเด็กผู้หญิงมากเกินไปเพราะกลัวเด็กผู้ชายจะล้อเลียนว่าเป็นตุ๊ด แถมยังไม่กล้าสนิทสนมกับเพื่อนผู้ชายมากนักเพราะกลัวว่าความชอบอันผิดแผกของตัวเองจะถูกเพื่อนๆ จับได้ เพราะฉะนั้น...ตลอดมาเขาจึงได้แต่แอบอิจฉาบรรดาเกย์ใจกล้าที่เปิดเผยตัวแบบไม่เกรงใคร

ก็ดีใจหรอกนะที่ตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวในเส้นทางนี้ แต่เขาก็ได้แต่เงียบไว้เพราะกลัวทุกคนคิดว่าวันหนึ่งเขาจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าทาปากเดินบิดก้นไปมา ฉะนั้นเพื่อนทุกคนเลยเข้าใจไปในทางเดียวกันว่า ‘สุทธิรักษ์เป็นคนเก็บตัว’ แถมเขายังขี้อายเกินกว่าจะไปเข้าหาคนแปลกหน้าก่อน นั่นทำให้ตลอดระยะเวลา 24 ปีมานี้เขาไม่เคยคบหาใครในเชิงคนรักเลยสักคน จนที่บ้านคิดว่าเขาถือครองพรหมจรรย์เพราะอยากจะลาไปถือสมณเพศในสักวันหนึ่ง

เขาอยากจะบอกกับทุกคนที่เข้าใจผิดๆ เหมือนกัน ...เขาแค่ขี้อายเกินกว่าจะไปจีบผู้ชายสักคนเท่านั้นเอง

แต่ใช่ว่าตลอดชีวิตนี้เขาจะไม่มีคนที่แอบชอบเอาเสียเลย คนแรกคือเพื่อนสมัยประถมซึ่งแน่นอนว่าเป็นผู้ชาย เพื่อนร่วมชั้นที่เฮฮาร่าเริง ชอบมาขอลอกการบ้านทุกวันทำให้เขาต้องตั้งใจทำการบ้านเป็นพิเศษ ช่วงเวลาที่นั่งมองเพื่อนคนนั้นลอกการบ้านของเรามันช่างอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก นึกย้อนไปเมื่อสมัยนั้นก็นับว่าเป็นคนแรกที่ทำให้เขาเริ่มเอะใจกับความชอบของตัวเอง

แต่ถ้าเป็นคนที่ทำให้หัวใจหวิวๆ ได้ครั้งแรก ก็คงจะเป็นครูฝึกสอนวิชาภาษาอังกฤษเมื่อครั้ง ม.2 แค่เห็นหน้าของเขาก็หวั่นไหวแปลกๆ ใจมันไม่สงบ เรียนแทบไม่รู้เรื่องเพราะเอาแต่แอบมองครู ...คุณครูคนนี้แหละคือคนที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้สนใจในตัวผู้หญิงแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นสุทธิรักษ์ก็กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่มอง ไม่สนใจใคร และก็ไม่มีใครหน้าไหนเข้ามาสนใจเขาเช่นกัน

มันไม่ได้แย่กับการอยู่ลำพัง เขามีความสุขเสียด้วยซ้ำที่ได้ใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมที่ตัวเองชอบ การปิดกั้นตัวเองทำให้การดูแลคนอื่นเป็นเรื่องยากและมันคงกลายเป็นความอึดอัดต่อทั้งตัวเองและคนอื่นเป็นแน่ เขาคิดเลยไปถึงชีวิตเดียวดายยามแก่เฒ่าเสียด้วยซ้ำ หวังว่าในยามนั้นบรรดาหลานๆ ที่น่ารักจะพอมีเวลามาเยี่ยมคุณอาแก่ๆ คนนี้บ้างก็พอ

กว่าจะถึงเวลานั้น ไมรู้ว่าคุณหมอกวินจะมีลูกที่รักสักกี่คน

สุทธิรักษ์คว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดเพื่อดับความห่อเหี่ยวในอก แค่ได้แอบเห็นหน้า บังเอิญได้ยินเสียงบ้างแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้คิดเกินเลยกับหมอกวินไปมากกว่าคนที่แอบชื่นชอบ เหมือนการติดตามผลงานอย่างห่างๆ ของศิลปินนักแสดงที่ชื่นชม จะต่างก็ตรงคนที่เขาติดตามนั้นเป็นแค่สัตวแพทย์ธรรมดาที่มีรอยยิ้มไม่ธรรมดาเท่านั้นเอง

ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเก็บน้ำแตงโมที่ยังไม่หมดแก้วเข้าตู้เย็นจากนั้นจึงออกไปนอกชานบ้านเพื่อนั่งรับลมสักเล็กน้อย ความสงบเงียบคือส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเลือกหมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่พักอาศัย และโชคดียิ่งนักที่เพื่อนบ้านที่อยู่ในบริเวณซอยเดียวกันต่างก็อยู่กันเงียบเชียบ เจอะหน้ากันก็ยิ้มทักทาย ไม่ได้สนิทชิดเชื้อแต่ก็ไม่มีการก่อความรำคาญให้แก่กัน

จะมีก็แต่แขกที่ไม่ได้รับเชิญบางท่านเท่านั้นที่ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านเขาอย่างไม่สนใจสายตาเจ้าของ

สุทธิรักษ์นั่งมองผู้บุกรุกตัวเล็กที่เดินกร่างไปมาในสวนขนาดย่อมที่เขาปลุกปั้นมากับมือ เจ้าตัวร้ายมองเขาเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงร้องราวกับทักทาย

เมี๊ยว~

เจ้าแมวดำมอมแมมตัวนี้มาต้อนรับเขาตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามา เจอหน้ากันทุกวัน นอนกลิ้งเกลือกบนสนามหญ้าอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของ แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือมันมักจะเป็นทัพหน้าให้แมวจรอีกสามตัวเสมอ

“เมี๊ยว~”

ชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อเห็นลูกน้องอีกสามตัวที่ว่ากระโดดปุบลงมาจากเสารั้ว มันพากันมองหน้าเขาแล้วร้องทักทายอย่างพร้อมเพรียง สภาพแต่ละตัวสกปรกเป็นคราบดำปื้นตามขนแต่เขาก็ไม่เคยเห็นแมวพวกนี้บาดเจ็บเลยสักครั้ง ดูท่าคงเป็นแก๊งนักเลงขาใหญ่พอตัว

“เมี๊ยว~” 

เจ้าแมวดำที่คาดว่าจะเป็นตัวหัวหน้าร้องขึ้น เขาจะถือว่านั่นคือเสียงของการขออนุญาตและขอบคุณไปในตัวแล้วกัน เมื่อร่างปราดเปรียวเดินเฉิดฉายไปยังเครื่องให้อาหารที่มีอาหารเม็ดสำหรับแมวอยู่เต็มถังและยังมีช่องสำหรับให้น้ำอยู่ด้านข้าง เขาตัดสินใจซื้อมาในราคาไม่กี่ร้อยบาทให้สำหรับแก๊งแมวจรพวกนี้ แรกเริ่มก็ผอมโซกันอยู่หรอก พอเป็นขาประจำบ้านเขานานวันเข้าก็อวบล่ำกันทุกตัว
บรรดาลูกแก๊งนอนกลิ้งเกลือกบนหญ้ากันอย่างสบายอารมณ์เพื่อรอให้ตัวหัวหน้ากินข้าวเสร็จ ไม่นานนักพอเจ้าตัวสีดำกินน้ำเป็นการตบท้าย พวกลูกสมุนก็วิ่งกรูกันไปกินข้าวบ้างสวนทางกับหัวหน้าใหญ่ที่เดินกลับมาพักกายที่สนามหญ้านุ่มอีกครั้ง

ถึงเขาจะให้อาหารแต่พวกมันก็มีมารยาทมากพอที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ แมวแก๊งนี้จะมากินข้าวที่บ้านเขาในตอนเช้าและตอนเย็น อิ่มหนำและพักผ่อนกันเพียงพอแล้วก็จากไป เพราะฉะนั้นเขาจึงค่อนข้างจะเอ็นดูพวกมันแบบห่างๆ ไม่น้อยแม้จะต้องคอยทำความสะอาดชามน้ำให้ทุกวันก็ตาม

สุทธิรักษ์นั่งรับลมไปพลางมองดูกลุ่มแมวจรไปพลาง เจ้าสี่ตัวนั่งหลับตาพริ้มเมื่อท้องอิ่ม ลมพัดโชยมาเบาๆ กับท้องฟ้าที่มืดสนิทในที่สุด ไม่นานนักเจ้าตัวหัวหน้าเริ่มขยับยืน อีกสามตัวที่เหลือก็ขยับลุกตาม พวกมันพร้อมใจกันหันมามองเขาแล้วส่งเสียงร้องสั้นๆ ก่อนจะพากันกระโดดขึ้นไปบนเสารั้วแล้วออกเดินไปตามวิถีของแมวจร

ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางของทั้งสี่ตัว เขาเดินไปทำความสะอาดเศษอาหารที่พวกมันกินเลอะออกมาจากนั้นจึงยกชามกับขวดน้ำออกเพื่อไปทำความสะอาดแล้วเติมน้ำดื่มให้ใหม่ เขาไม่รู้หรอกว่าพวกมันใช้ชีวิตกันยังไงหรือว่าไปนอนที่ไหน แต่เมื่อยามหิวก็ควรได้รับสิ่งดีๆ เพื่อให้มีแรงใช้ชีวิตในวันต่อไป

หลังจากปิดบ้านเรียบร้อยดีแล้ว สุทธิรักษ์จึงค่อยหาอะไรกินง่ายๆ ดูรายการโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อยเพื่อรอให้อาหารย่อยจึงปิดชั้นล่างแล้วขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนที่ชั้นบน ก่อนจะล้มตัวลงนอนก็ได้รับสายจากรุ่นพี่ในที่ทำงานที่ขอให้ช่วยขึ้นเวรเพราะลูกคนเล็กไม่สบาย ซึ่งคนไม่มีภาระอะไรอย่างเขาก็ตกปากรับคำโดยไม่อิดออด

ก็แค่จะไม่มีโอกาสเห็นหน้าคุณหมอกวินไปอีกสามสี่วันก็เท่านั้น... บางทีเขาควรจะแอบถ่ายรูปเก็บไว้ดีหรือเปล่านะ?



• • • • • •




ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
วันนี้สุทธิรักษ์ทำงานอย่างเป็นสุขแม้จะต้องเข้าเวรที่ห้องการเงินของโรงพยาบาลจนถึงสามทุ่มก็ตาม เพราะเมื่อเช้าเป็นครั้งแรกที่เขาเจอหมอกวินก่อนมาทำงาน ร่างสูงอยู่ในชุดแปลกตากว่าที่เคยเห็น เสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงวอร์มขายาวดูสบายๆ ทรงผมที่เคยจัดทรงเรียบร้อยก็ดูยุ่งเหยิงน่ามองไปอีกแบบ เจ้าตัวคล้ายจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาแต่แค่เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นรอยยิ้มสดใสก็แตะแต้มใบหน้าเช่นทุกที

ส่วนเขาที่กำลังเก็บจักรยานเข้าที่จอดทำยังไงน่ะหรือ? ก็ได้แต่ฉีกยิ้มเกร็งๆ ให้แล้วรีบเผ่นจากไปน่ะสิ

แม้จะเจ็บใจกับปฏิกิริยาส่วนตัว แต่การบังเอิญพบคนที่แอบชอบในตอนเช้ามันก็ทำให้วันทั้งวันนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ต่อให้เจอผู้คนร้อยพ่อพันแม่สักแค่ไหนเขาก็รับมือด้วยรอยยิ้ม จนเพื่อนร่วมงานคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วก็ได้

“กลับยังไงเรา?”  เสียงทักทายจากช่องกระจกบานเลื่อนเบื้องหน้าเรียกสายตาของคนที่กำลังจัดเก็บของให้หันไปมอง สุทธิรักษ์ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าเขย่าพวกกุญแจรถในมือคล้ายเชื้อเชิญ

“ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็อยากจะติดรถกลับไปด้วยครับ” 

“ถ้ารบกวนล่ะก็ พี่คงเผ่นแนบไปก่อนแล้ว”  อั๋น หรืออันดา เภสัชกรที่ขึ้นเวรยังห้องใกล้เคียงกันเอ่ยอย่างอารมณ์ดี  “รีบเก็บของเร็วเข้า พี่หิวข้าวด้วย”

สั่งความเสร็จก็พาร่างมานั่งลงที่เก้าอี้ยาวหน้าห้อง สุทธิรักษ์อมยิ้มมองคนรอที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาก่อนจะรีบกลับไปเก็บของต่อจนเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานคนทั้งคู่ก็เดินก้าวฉับๆ ไปยังที่จอดรถของเจ้าหน้าที่ พากันขึ้นมอเตอร์ไซค์คันเก่งของอันดาแล้วมุ่งหน้าออกจากโรงพยาบาลไปตามทาง

อันดาเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันแต่บ้านอยู่ห่างออกไปหลายซอย วันไหนที่ขึ้นเวรตรงกันก็มักใจดีพาเขากลับบ้านด้วยเสมอ เพราะรู้กันดีว่ารถประจำทางที่จะวิ่งผ่านหน้าหมู่บ้านในยามดึกเช่นนี้มีน้อยมาก ต้องรอกันนานเลยทีเดียวกว่าจะมาสักคัน ยังดีที่ในหนึ่งเดือนมีขึ้นเวรประจำห้องการเงินไม่เท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นสุทธิรักษ์คงได้ดิ้นรนหาซื้อรถเข้าให้จริงๆ

หลังจากแวะเติมพลังรอบดึกจากร้านบะหมี่เกี๊ยวปูแถวบ้าน อันดาก็พาเขามาหย่อนไว้ตรงที่จอดจักรยานบริเวณหน้าหมู่บ้านแล้วบอกลาเขาด้วยสีหน้าแช่มชื่น

สุทธิรักษ์เดินมาปลดล็อกจักรยานท่ามกลางความเงียบ เวลาเกือบห้าทุ่มเช่นนี้ร้านรวงต่างๆ ก็พากันปิดเงียบเชียบ จะเหลือก็แต่ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. แต่บรรยากาศก็ยังพาให้วังเวงไม่หยอก ชายหนุ่มวางชุดสายคล้องในตะกร้าหน้าแล้วจึงเคลื่อนรถออกมาเพื่อตั้งทิศทางให้พร้อม แต่ความหนืดของการเคลื่อนที่ทำให้เขาต้องก้มลงไปดูสาเหตุ

“โหย~ แบนได้ไงล่ะเนี่ย”  เสียงโอดครวญดังฝ่าความเงียบเมื่อพบว่าล้อทั้งสองของจักรยานคู่ใจนั้นแบนเสียจนติดพื้นทั้งที่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งจะเติมลมไป ไม่มีทางที่เขาจะฝืนปั่นไปมาได้เป็นแน่ สุทธิรักษ์จำต้องตัดใจล็อกจักรยานไว้กับที่ตามเดิมแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเดินเท้ากลับบ้านที่ห่างกันเป็นกิโลแทน

ชายหนุ่มหยุดยืนมองร้านคลินิกรักษาสัตว์ที่ปิดไฟมืดสนิทแล้วอดคิดถึงคุณหมอเจ้าของร้านไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะนอนหลับฝันดีไปหรือยัง? ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะโชคดีได้เจอกันอีกหรือเปล่า? จะมีโอกาสได้แอบถ่ายรูปหมอเก็บไว้ได้บ้างไหม? หากขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นเสียงเปิดรั้วก็ดังแว่วมาจากทางด้านข้าง เขาหันไปมองทางต้นเสียงเพื่อให้ตัวเองคลายกังวลแล้วก็พบกับเงาตะคุ่มของใครสักคนกำลังเดินออกมา


บ้านหลังที่ติดกับคลินิกนี้คงไม่ใช่...


“อ้าว! คุณรัก”


อะไรมันจะโชคดีขนาดนี้นะสุทธิรักษ์!!


“ส...สวัสดีครับคุณหมอ”  คนตอบรับพยายามเหลือเกินที่จะรักษาระดับเสียงให้เป็นปกติ ใจหนึ่งก็อยากจะออกวิ่งหนีไปอย่างทุกที แต่ก็กลัวว่าคุณหมอจะมองว่าเขาเป็นคนไม่มีมารยาทจนพาลไม่มองหน้ากัน

สุทธิรักษ์สูดหายใจเข้าออกยาวๆ ขณะรออีกฝ่ายที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาด้วยฝีเท้าที่เร็วกว่าปกติ เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาข้างกายก็ปรากฏร่างสูงยืนเคียงคู่กัน หัวใจเขานั้นเต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่ง ทั้งใบหน้าก็เห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่ยามมองรอยยิ้มสวยๆ ที่ส่งมาให้

“กลับดึกจังเลยครับ” 

“คือ...วันนี้ผมขึ้นเวรน่ะครับ”  สุทธิรักษ์อ้อมแอ้มตอบ พยายามอย่างยิ่งที่จะหลบสายตาคู่คมที่มองมา

“ขอละลาบละล้วงนะครับ คุณรักทำงานอะไรหรือครับ”

“ผมทำแผนกธุรการในโรงพยาบาลครับ บางวันก็มีขึ้นเวรที่ห้องการเงินด้วย”  หมอกวินพยักหน้าอย่างเข้าใจ สายตายังคงจับจ้องคล้ายกับจะมีคำถามบางอย่างเพิ่มเติมหากมีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่แย้มพรายออกมา

“เอ่อ...คุณหมอกำลังจะไปไหนรึเปล่าครับ?”

“อ๋อ ผมกะจะไปซื้อของใช้สักหน่อย”  คุณหมอว่าพลางชี้ไปยังร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงฝั่งตรงกันข้าม  “แล้วคุณรักทำไมถึงจะเดินกลับล่ะครับ เมื่อเช้าคุณปั่นจักรยานมานี่”

“ยางมันแบนทั้งสองล้อน่ะครับ”

“แย่จัง”  คุณหมอหนุ่มเอ่ยเห็นใจทว่ามุมปากจุดรอยยิ้มอ่อนบางเกินกว่าที่ใครอีกคนจะทันสังเกตเห็น

สุทธิรักษ์ทั้งตื่นเต้นทั้งกดดัน เขาอยากจะยืนอยู่ด้วยอย่างนี้ไปอีกสักพักแต่เกรงว่าคนพูดไม่เก่งอย่างเขาจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัดซะเปล่าๆ การพูดคุยทักทายแบบผิวเผินมันอาจจะดีกว่าการสนิทสนมกับคนน่าเบื่อแบบเขาก็ได้ คิดได้ดังนั้นก็ไม่นึกเสียใจ สุทธิรักษ์จำใจต้องบอกลาชายหนุ่มผู้เลอค่าในความรู้สึกแต่เพียงเท่านี้ เขาจะรีบกลับไปนอนเผื่อเช้าพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้บังเอิญพบกันอีก

“...งั้นผม--”

“ผมไปส่งนะครับ”

คำกล่าวลาถูกเสียงนุ่มสบายหูขัดกลางประโยคเสียก่อน สุทธิรักษ์เก็บกลืนเสียงตัวเองลงคอด้วยความไม่แน่ใจ เมื่อกี้คนตรงหน้าได้เอ่ยคำพูดบางอย่างออกมาจริงๆ ใช่ไหม? คุณหมอกวินบอกว่าจะไปส่งเขาอย่างนั้นหรือ? ไปส่งเขาจริงๆ ไม่ใช่เพราะเขาหูฝาดไปใช่ไหม? ชายหนุ่มที่ชักจะไม่เชื่อความสามารถในการฟังของตัวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะขอคำยืนยัน

“ให้ผมไปส่งนะครับคุณรัก”  หมอกวินบอกอีกครั้งราวกับเข้าใจความหมายของสายตาที่เขาสื่อออกไป สุทธิรักษ์มองรอยยิ้มของคุณหมอด้วยใบหน้าเห่อร้อน หัวใจทำงานหนักด้วยความตื่นเต้น มันพองโตจนแทบจะทะลุออกมานอกอกแล้ว

“คือ...”

“อย่าปฏิเสธเลยครับ ยังไงก็คนหมู่บ้านเดียวกัน”

คำพูดจากคนยิ้มสวยเหมือนเข็มแหลมที่เจาะหัวใจอันอาจหาญของคนฟังให้เหี่ยวแฟ่บลง

สุทธิรักษ์แสร้งยิ้มตอบรับทั้งที่ในอกปวดแปลบๆ เขายืนรอคุณหมอหนุ่มที่รีบวิ่งกลับเข้าบ้านเพื่อไปเอาจักรยานท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ความเงียบนั้นทำให้เขาต่อว่าความรู้สึกเหิมเกริมของตัวเองได้ดี ...หน้าจะแดงจะร้อนแล้วยังไง หัวใจมันจะโป่งพองจนแตกออกมาแล้วจะทำไม เขาไม่มีสิทธิ์ใช้ความใจดีเล็กๆ น้อยๆ ของใครอีกคนมาให้ความหวังตัวเอง ผู้ชายทุกคนไม่ใช่เกย์ และคนที่ใจดีกับอีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องทำเพราะกำลังมีความรักให้

เฮ้อ~ เกือบไปแล้วไหมเล่าสุทธิรักษ์ ดีแค่ไหนแล้วที่ได้คำพูดคุณหมอเตือนสติ

เขาเป็นแค่คนหมู่บ้านเดียวกัน และเป็นได้แค่นั้นนั่นแหละ

“คุณรัก ไปกันครับ”

คุณหมอกวินยิ้มร่ามาพร้อมกับจักรยานแม่บ้านคันเดิม เขายิ้มให้แล้วเดินไปขึ้นนั่งซ้อนท้าย อมยิ้มกับคำแซวให้เขาจับแน่นๆ เพื่อเตรียมซิ่งจากอีกฝ่าย แต่ในความเป็นจริงคือการปั่นเอื่อยๆ รับลมสายเย็นๆ ยามค่ำคืน คุณหมอถีบจักรยานได้เชื่องช้ามากเสียจนเขากังวลเรื่องน้ำหนักตัวเอง แต่เมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้ที่พาเจ้าแมวไปคลินิกคุณหมอยังปั่นได้รวดเร็วยิ่งกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าก็ให้ถอนหายใจ...คุณหมออาจจะเหนื่อยแล้วก็เริ่มง่วงขึ้นมาก็ได้

“เจ้าเหมียวหายแล้วนะครับ”  เสียงของคุณหมอลอยมาตามลม เพราะรอบข้างเงียบสงัดจึงทำให้ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มนั้นชัดเจน  “คุณรักอยากไปเยี่ยมมันไหมครับ?”

สุทธิรักษ์สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามหยุดหัวใจที่คล้ายจะลิงโลดขึ้นมาอีกครั้ง  “อย่าเลยครับ ผมไม่ค่อยถูกกับสัตว์เท่าไหร่”

“...เหรอครับ”

“คุณหมอยังหาเจ้าของไม่เจอหรือครับ”

“ใช่ครับ ผมลองประกาศหาที่เพจของคลินิกกับที่กระดานประกาศของหมู่บ้านแล้วแต่ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาเลย”

“ขอโทษนะครับ ผมเลยทำให้คุณหมอลำบากไปด้วย”

“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ”  คุณหมอหนุ่มหัวเราะเบาๆ  “เจ้าเหมียวนั่นนับว่าเลี้ยงง่ายมากครับ ดูจะเข้าใจคำพูดของคนเก่งกว่าแมวตัวอื่น แต่ติดตรงที่หัวสูงไปหน่อย”

สุทธิรักษ์ได้แต่ยิ้มตาม เขาไม่เข้าใจว่าแมวหัวสูงเป็นอย่างไหร่แต่ก็ไม่ทันได้ถามเพราะคุณหมอยังคงเจื้อยแจ้วเรื่องแมวตัวเดิมไปเรื่อย เขาเองก็รับฟังเสียงนั้นแล้วยิ้มออกมาราวกับคนบ้า แต่เวลาแห่งความสุขมันต้องมีจุดสิ้นสุดของมัน เมื่อคุณหมอเลี้ยวเข้ามาในซอยเล็กขนาดรถสวนกันพอได้ สองข้างทางมีเพียงแสงจากเสาไฟข้างทาง ไม่กี่วินาทีต่อมาจักรยานแม่บ้านคันใหญ่ก็จอดเทียบรั้วระแนงสีเข้มที่สูงเท่าอก

“ขอบคุณนะครับ”  ชายหนุ่มลงจากรถก่อนจะเอ่ยขอบคุณ แต่บางอย่างมันดูจะผิดปกติไปสักหน่อย เขาเงยหน้ามองคนใจดีตรงหน้าด้วยความสับสน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเพราะกำลังนึกถึงบางอย่างที่ไม่ใคร่จะถูกต้องนัก

“หืม? อะไรครับ?”  สุทธิรักษ์หลบตาฉับเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย

“คือ..ผมยังไม่ทันได้บอกทางมาบ้านเลยนี่?”  เพราะเขามัวแต่ฟังเสียงเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ของคุณหมอมาตลอดทาง

“อะ! เอ่อ...ที่จริงแล้ว...”คุณหมอหนุ่มมีสีหน้าเขินอายระคนรู้สึกผิดเล็กน้อย  “บ้านเพื่อนสนิทผมอยู่หลังโน้นครับ ก็เลยได้เห็นคุณรักบ่อยๆ”  เขามองตามปลายนิ้วของคนพูดที่ไปตกยังบ้านหลังตรงข้าม

“เห็นบ่อยเหรอครับ”  คนฟังทวนคำสีหน้ากังวล

“ใช่ครับ ก็เห็นว่าคุณรักมีรถแฟนมารับมาส่งบ่อยๆ”

“หา! ผมไม่มีแฟนนี่ครับ”  สุทธิรักษ์สับสนหนักยิ่งกว่าเดิม

“ฮะๆ ผมล้อเล่นหรอกครับ”  หมอกวินหัวเราะจนตาปิดทิ้งร่องรอยเสน่ห์ไว้ที่ลักยิ้มอีกเช่นเคย  “ผมเห็นคุณชอบมานั่งตรงชานบ้านแล้วมองแมวกินข้าว ถึงได้เข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเหมียวนั่นเป็นของคุณในตอนแรกไง”

“คือ...ผมแค่วางอาหารทิ้งไว้เฉยๆ”

“อาหารสำหรับแมวจรสามสี่ตัวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ ถ้าคุณไม่ได้รักสัตว์คงทำแบบนี้ทุกวันไม่ได้”

“ผมไม่ได้ชอบ--”  สุทธิรักษ์พยายามแย้ง แต่เป็นอีกครั้งที่คำพูดของเขาถูกขัดจากคนยิ้มสวย

“คุณอาจจะไม่ชอบแต่คุณไม่ได้เกลียดแน่นอน เพราะคนที่เกลียดสัตว์ไม่มีทางใจดีแบบนี้หรอกครับ”

เขาว่ากันว่า การทำดีสุดท้ายแล้วจะได้ผลตอบแทน สำหรับสุทธิรักษ์แล้วนั้นคงจะเป็นรอยยิ้มของคุณหมอคนนี้เป็นแน่ คำชมกับลักยิ้มน่ารัก... มันช่างเป็นผลตอบแทนเล็กน้อยที่อุ่นหัวใจเหลือเกิน

“พรุ่งนี้คุณรักยังกลับดึกแบบนี้อยู่รึเปล่า?”

“ครับ ผมอยู่เวรอีกสามวัน”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอกุญแจล็อกจักรยานของคุณรักไว้นะครับ พรุ่งนี้จะได้เข็นไปร้านซ่อมให้”


ความใจดีของคุณหมอทำเขาใจบางอีกแล้ว


“อย่าเลยครับ ผมไม่อยากรบกวน”  สุทธิรักษ์รีบปฏิเสธ แต่เขาไม่รู้เลยว่าคุณหมอคนนี้กลับมีความดื้อดึงที่เกินคาด ใบหน้าหล่อเหลาง้ำลงเป็นการปฏิเสธเช่นกัน

“แล้วคุณรักจะเดินกลับบ้านทุกคืนหรือครับ แบบนั้นมันอันตรายไม่ใช่หรือไงกัน” 

“เอ่อ...”

“ถึงหมู่บ้านเราจะดูสงบสุขดี แต่ก็ยังมีพวกเด็กวัยรุ่นซ่าๆ อยู่นะครับ อย่างพวกที่ทำร้ายเจ้าเหมียวนั่นไง”

“คือ...”

“อีกอย่างร้านซ่อมก็อยู่ใกล้ๆ กับคลินิก ผมเลยไม่เห็นเป็นเรื่องลำบาก”

“แต่...”

“ผมเต็มใจนะครับ ...หรือว่าคุณรักรังเกียจผม”

ผมชอบต่างหากล่ะครับ!!

สุทธิรักษ์หวังใช้เสียงที่ดังกว่าปกติโต้ตอบเพื่อหยุดการสาธยายอันยาวเหยียดของคนใจดี เพราะฉะนั้นท่ามกลางความเงียบรอบตัวเสียงของเขาจึงดังราวกับตะโกนออกมา


แต่...


เมื่อกี้เขาพูดอะไรออกไป!!


“ผมหมายถึงว่าผมไม่ได้รังเกียจคุณหมอน่ะครับ ค...คุณหมอเป็นคนใจดีแบบนี้ใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยครับ”  ชายหนุ่มก้มหน้าอธิบายแก้ต่างให้กับความน่าอับอายของตน และเขาหวังว่าคุณหมอจะเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันด้วยกลัวว่าความเงียบที่คุณหมอสร้างขึ้นตอนนี้จะเกิดเพราะการรังเกียจ

“ถ้าอย่างนั้นก็เอากุญแจมาให้ผมสิครับ”

สุทธิรักษ์ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเสียงที่อีกฝ่ายพูดกับเขานั้นยังคงนุ่มนวลเหมือนเดิม เขารีบหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าส่งให้คนตัวสูง แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่อีกคนต้องการ

“โทรศัพท์ด้วยครับ”

แม้จะงุนงงแต่สุทธิรักษ์ก็ยังหยิบแล้วยื่นส่งให้อีกฝ่ายง่ายๆ ชายหนุ่มจำต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ คุณหมอไม่ตอบอะไรแต่กลับยื่นโทรศัพท์มาให้เขาปลดล็อกจากนั้นก็ชักกลับไปปัดๆ กดๆ หน้าจอด้วยความรวดเร็ว เขายืนรอด้วยความสงสัยอยู่เกือบห้านาทีคุณหมอถึงจะยอมคืนมือถือให้

“ผมเพิ่มเบอร์โทรไว้แล้ว พรุ่งนี้กลับมาถึงเมื่อไหร่ก็ติดต่อมานะครับ”  คราวนี้คุณหมอล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเล่นบ้าง ครู่เดียวเท่านั้นก็เก็บลงกระเป๋ากางเกงแล้วเผยรอยยิ้มที่พาให้คนละลายได้ เสี้ยววินาทีต่อมาก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์ในมือ สุทธิรักษ์ปัดหน้าจอแล้วพบกับข้อความแจ้งเตือนจากระบบ

[Kawin Pawapirom เพิ่มคุณเป็นเพื่อนบน Facebook]
[คุณเพิ่ม WIN_KaWIN เป็นเพื่อนด้วย LINE ID]

“หืม!!”  สุทธิรักษ์มองสลับของในมือกับเจ้าของชื่อให้วุ่น เขาคิดว่าหมอกวินเพียงบันทึกเบอร์โทรเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าช่อทางการติดต่อทุกอย่างก็ยังถูก...

“คุณรักจะได้เลือกได้ไงครับว่าจะติดต่อผมช่องทางไหนดี”  คนพูดยิ้มกริ่ม ไม่สนใจอาการสับสนของคนฟังสักนิดแม้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะเรียกว่าพลการและค่อนไปทางเสียมารยาท

“ผมไปก่อนนะครับ”  ยังไม่ทันที่คำพูดจะหลุดออกมาจากปากเขา ชายหนุ่มร่างสูงก็บังคับหมุนจักรยานแล้วขับออกไปยังทางเดิมทันที

สุทธิรักษ์มองตามเงาร่างนั้นจนหายลับไป

ต่อให้ถูกเข็มแหลมเจาะทิ่มสักแค่ไหน แต่เขาก็อดที่จะปะติดหัวใจจนมันกลับมาพองฟูได้ดั่งเดิมเสมอ

ชายหนุ่มเดินกลับเข้าบ้านด้วยรอยยิ้มที่ไม่เลือนหายจากใบหน้า เขาเตรียมอาหารและน้ำให้แมวจรทั้งสี่ตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ อาบน้ำ อ่านหนังสือที่ค้างไว้สักเล็กน้อย เขาทำทุกอย่างตามกิจวัต แต่วันนี้มันกลับพิเศษกว่าที่เคย อาจจะเพราะรอยยิ้มที่ยังไม่จางหาย อาจเพราะรอยยิ้มและการกระทำของใครบางคนยังคงทำให้หัวใจอิ่มเอิบ

กระทั่งถึงเวลาที่จะต้องนอน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อตั้งปลุกอย่างทุกที แต่คราวนี้ที่หน้าจอกลับแสดงบางอย่างที่ต่างไปจากเดิม มีข้อความส่งมาหาเขา...จากคนที่เพิ่งจะได้เป็นเพื่อนกัน

WIN_KaWIN  [เลิกงานแล้วติดต่อมานะครับ]

WIN_KaWIN  [แล้วก็...]

WIN_KaWIN  [ฝันดีครับ]

ดีใจที่ตอนนี้มีเพียงตัวเองเท่านั้นในห้องนี้ สุทธิรักษ์เก็บคำกรีดร้องลงคอแล้วเปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นการดิ้นไปมาบนที่นอนหลังใหญ่ กลิ้งไปมาจนพอใจแล้วจึงกลับมาตั้งสติกับสิ่งที่อยู่ในมือ สองตาเรียวยาวมองหน้าจอนิ่งนาน ซึมซับคำอวยพรให้ตราตรึงถึงห้วงฝัน
มันคงเป็นการบอกฝันดีตามมารยาททั่วไป แต่เขาก็ยังคงดีใจและยินดีเหลือเกินที่ได้รับมัน ชายหนุ่มมองเวลากำกับข้างข้อความแล้วให้กังวลเล็กน้อย ดูท่าว่าคุณหมอคงส่งข้อความมาทันทีที่ถึงบ้านมันจึงห่างจากเวลาในตอนนี้เกือบสองชั่วโมง เขาควรจะโต้ตอบกลับไปหรือปล่อยไว้แบบนี้ดี

คิดไปทั้งที่มือเริ่มพิมพ์ตัวอักษร พิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบนับหลายนาทีจนกระทั่งได้คำง่ายๆ ที่ดูไม่มีนัยอะไรสำคัญให้คิดต่อ แต่กระนั้นก็ยังลังเลที่จะส่งกลับไป

เอาเลยสิ! นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะได้พูดคำนี้ก็ได้นะ! ความกล้าหาญที่พอจะมีอยู่บ้างบอกกับเขาแบบนั้น และในเมื่อความคิดที่ว่ามันอาจเป็นเพียงครั้งเดียวมีอิทธิพลกับใจมากกว่า นิ้วจึงถูกสมองสั่งให้กดลงไปเบาๆ ยังหน้าจอ

[ครับ...ฝันดีเช่นกันครับ]

เขามองข้อความบ้านๆ ที่เด้งขึ้นไปอย่างพอใจ เท่านี้เขาก็ฝันดีไปอีกหลายคืนแล้ว

หากขณะที่กำลังจะปิดโปรแกรมบางอย่างบนหน้าจอก็พลันเปลี่ยนแปลง ข้อความเขามีคำว่า ‘อ่านแล้ว’ กำกับอยู่ ใจคนมองเต้นระส่ำอีกรอบ อย่างนี้ก็หมายความว่าคุณหมอเห็นแล้วน่ะสิ!

WIN_KaWIN  [ขอบคุณครับ]

ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเองนะ...ย...อย่างนี้ที่หน้าจอของคุณหมอก็ต้องรู้สิว่าเขากำลังอ่านอยู่ มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม คุณหมอจะไม่มองเขาไม่ดีใช่ไหม

WIN_KaWIN  [บางทีคืนนี้...]

คนอ่านกลืนน้ำลายลงคอรอคอยข้อความต่อไปที่น่าจะมีต่อ และก็เป็นอย่างที่คิดไว้

WIN_KaWIN  [ผมคงฝันดีกว่าที่เคย]

สุทธิรักษ์กำโทรศัพท์กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอีกรอบ แต่ครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าจะโต้ตอบข้อความนั้นอย่างไรไม่ให้อีกฝ่ายระแวง คุณหมอก็ช่างไม่รู้เลยว่าคำพูดหวานๆ แบบนี้ไม่ควรส่งมาให้คนที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน คงไม่คิดเลยสินะว่าจะทำให้ใครหัวใจพองจนแน่นอกบ้าง
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตอบข้อความกลับ ทำเพียงจัดการตั้งปลุกตามที่ตั้งใจแล้วปิดไฟเพื่อเข้านอนทันที


และเขาก็ฝันดี...

ฝันดีกว่าที่ครั้งไหนจะเทียบได้




• • • • • • • • • • • • • โปรดติดตามต่อ•วันอังคารหน้า • • • • • • • • • • • • •

ขอบคุณสำหรับความสงสัยค่ะ 555
คุณหมอกวินเป็นพระเอกนะคะทุกคน
แต่ความทาสนี่จะเกี่ยวกับคุณหมอหรือไม่
น้องแมวจะเกี่ยวข้องอย่างไร
ที่รักจะเป็นทาสหรือว่าจะเป็นใคร?
รออ่านตอนต่อไปเน่อ กิ๊วกิ้ว--*

ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านจ้า
เจอกันวันอังคารสีชมพู
 :bye2:


ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
คุณหมอเนียนเชียว 555555

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
 :hao7: :hao7: มีนิยายอ่านแล้ว ดีใจๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทาส?  หรือคุณหมอมีรสนิยมmaster and slave :ruready

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เจ้าแมวเนี่ยน่าจะมีส่วนไม่มากก้น้อย
แต่รักจะเอามาเลี้ยงมั้ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันต้องเป็นแผนของหมอแน่ๆเลย

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
รักคุณหมอเลย อ่านเปิดเรื่องนึกว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว  555

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คุณหมอ  อ้อยเก่งไปแล้วววว ฮืออออ  :o8:  :-[

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
คุณหมอเตาะเก่งง่า :hao7:

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ฮั่นแหน่~ คุณหมอ แอบส่องบ้านเขาด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ทาส?  หรือคุณหมอมีรสนิยมmaster and slave :ruready

เจออันนี้เข้าไปขำก๊ากเลย  :laugh:

แมวขาวหัวสูง มีทาสสองคนที่จีบกัน งุงิ งุงิ

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :hao5:  ตอนแรกยังไม่กล้าเข้ามาอ่าน.... กลัวค้าง.... แต่อดใจไม่ไหว......เลยต้องมาพบกับ ....คุณหมอขี้อ่อย...กับหนุ่ม(อวบ)น้อยๆขี้อาย... รออังคารต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด