My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )  (อ่าน 8930 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**************************************************

ใครที่ยังไม่เคยอ่าน  อย่าลืมอ่าน Seasons 1 ก่อนนะครับ ^ ^

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64916.0


ลงทุก วันจันทร์ กับ วันพฤหัสฯ นะครับ ^ ^

ลงช้ามาตามลากคอนักเขียนได้ในทวิตเตอร์นะครับ แฮ่    :z13:      :mew5:   @phanusun_p    :mew5:






My  Gear 2




Pologue





“ กันต์... ยังไม่เสร็จอีกเหรอ “

กิจที่พึ่งวางไดร์เป่าผมลงถามคนที่กำลังอยู่ในห้องน้ำขึ้น  ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาชุดนักศึกษาที่แขวนอยู่ออกมาใส่สำหรับวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่สอง

“ เร่งอยู่ได้...  เสร็จแล้วเนี่ย “

เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกให้กิจได้หันไปมองยังร่างขาวที่นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวอยู่ในตอนนี้  พร้อมทั้งกำลังทำหน้ามุ่ยมองเขาอยู่ไม่วางตา

“ ไม่ได้เร่ง...  ก็เห็นเราเข้าห้องน้ำไปจะครึ่งชั่วโมงแล้ว  เดี๋ยวจะไปไม่ทันเอานะ “

“ แล้วเพราะใครกันล่ะ  ผมถึงได้นอนดึกเมื่อคืนนี้ “

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เป็นกิจวัตร(แทบจะ)ประจำวันของคู่เขาขึ้น  กันต์ก็อดที่จะแขวะไปยังตัวการขึ้นมาเสียไม่ได้

“ แต่พี่ก็ให้เรานอนยาวไม่ปลุกมาออกกำลังกายกับพี่แล้วนะ “

“ มันชดเชยกันได้ที่ไหนเล่า  แล้วไม่ต้องมายิ้มขำเลยนะ “

“ คร้าบๆๆ  มาๆ  เดี๋ยวพี่เป่าผมให้ “

พูดจบกิจก็เดินเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่หน้ากระจกในมือถือไดร์เป่าผมอยู่ทันที  ไม่นานเสียงดังของไดร์เป่าผมก็ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสละมุนบนหัวของกันต์  จนเขาอดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ทุกทีที่คนรักคอยเอาใจใส่เขาอยู่แบบนี้  เพราะเมื่อมาลองนึกๆ ดูแล้ว  ภาพแบบนี้เมื่อหลายเดือนก่อนนั้นเขาคงไม่มีทางที่จะนึกมันออกมาได้แน่ๆ

“ อะเสร็จแล้ว  แต่ไม่ต้องเซตนะ  พี่ชอบเราผมนุ่มๆ อะ  แถมหอมด้วย “

ไม่พูดเปล่า... กิจก้มลงมาดมที่หัวพร้อมกับส่ายจมูกไปมาอย่างเอ็นดู  และก็ไม่ลืมที่จะแอบเข้าไปหากำไรที่แก้มใสใกล้ๆ  ก่อนจะโดนคนตรงหน้าตีเบาๆ ที่หน้าท้อง

กันต์รีบแต่งตัวทันทีหลังจากนั้น  โดยมีกิจที่พร้อมจะออกจากห้องแล้วในตอนนี้นั่งไขว่ห้างมองดูในทุกกิริยาบทด้วยรอยยิ้มอยู่ที่ขอบเตียง

“ ปะพี่กิจ... เสร็จละ “

เมื่อหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายได้เขาก็หันมาบอกกิจทันที 

“ เรานี่นะ  ช้าก็ช้า  แต่งตัวก็ยังไม่เรียบร้อยอีก “

กิจเดินเข้ามาพับปกคอเสื้อของกันต์ให้เข้าทรง  ก่อนจะไล้มือลงมายังสร้อยเงินสะท้อนแสงที่ห้อยเกียร์ทองเอาไว้อยู่กลางอก

“ โดนล้อแน่... “

เขาบอกคนตรงหน้าทันทีพร้อมรอยยิ้มและแววตาทะเล้น

“ นั้นถอดเก็บ..  โอ้ย...  อะไรพี่...  ผมเสียทรงหมด “

กันต์ลูบหัวตัวเองป้อยๆ เมื่อโดนกิจตีหัวไปเบาๆ ทีนึง

“ ใครให้ถอด....  ใส่แบบนี้แหละดีแล้ว  คนอื่นเขาจะได้รู้ไงว่ามีเจ้าของ...   “

จากนั้นกิจก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ คนตัวเล็กกว่า  และพูดขึ้นต่อด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์....

“ ที่สำคัญ...  เขาจะได้รู้ด้วยว่าเจ้าของคนนี้โหดแค่ไหน  จะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง “

“ ทำคุย  พอเลย...ไปได้แล้ว  รีบไปเรียนไม่ใช่เหรอ “

กันต์รีบดันตัวกิจให้เดินไปยังประตูห้องทันที  พร้อมกับเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอของคนตรงหน้า....




...................................................................
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2019 19:13:22 โดย หมีขาว »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณหมีขาว!!!!!   เรื่องนี้มีภาคสองด้วย โอ้ยยยดีใจ
   :katai2-1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 1



กันต์’s  Part



ภาคเรียนใหม่ห้องเรียนก็ใหม่ตามไปด้วย  ทำให้ผมต้องเดินหาห้องอยู่พักหนึ่งเลย  แต่ก็ไม่นานมากหรอกครับ  เพราะคุ้นเคยกับสถานที่แล้วในตอนนี้

ผมเดินเข้ามาถึงห้องเรียนก็พบว่าเพื่อนๆ ใน Sec มากันแล้วจนแทบจะเต็มห้อง  รวมถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มของผมด้วย  ที่ยังคงยึดที่นั่งหลังห้องเป็นฐานทัพประจำการอยู่เหมือนเดิม

“ มากับเฮียไอ้เราก็นึกว่าจะมาเช้าขึ้น  แม่งสายเหมือนเดิม  แต่เอ๊ะ..! “

ไอ้เรย์ครับ....  ทักผมซะเสียเลย  ก่อนจะเพ่งมองอะไรสักอย่างที่ผิดปกติบนตัวผม

“ สาด!!!!  ของจริงปะเนี่ย “

มันทำเสียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที  ท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มครับ  ซึ่งผมเองก็เช่นกัน  ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันจะสื่อมาสักเท่าไหร่  แต่เชื่อเถอะครับว่าไร้สาระ  เพราะไอ้นี่มันบ้า....

จากนั้นผมก็วางกระเป๋าลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ มัน  ก่อนจะเข้าไปนั่งอย่างไม่สนใจกับท่าทีของไอ้เรย์  แต่ไม่ทันไรมันก็จับตัวผมหมุนเข้าไปหามันครับ  โดยมีไอ้เจมส์และไอ้แน๊คที่นั่งอีกข้างของมันเอี้ยวตัวมามองผมตามอย่างสนใจด้วย

ไอ้เรย์แหวกเสื้อนักศึกษาของผมที่ละกระดุมเม็ดบนเอาไว้ออก  ก่อนจะทำตาวาวแล้วจับเอาเกียร์สีทองออกมาดูทันที

“ เชร็ด!!!!  เป็นเรื่องจริงนี่หว่า “

มันว่ามาครับ  ซึ่งผมก็เข้าใจในท่าทีของมันแล้วในตอนนี้  ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ต่อไปก็คือการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เพียงเท่านั้น  แต่ลึกๆ แล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้อยู่เหมือนกันนะครับ

“ อ้าว!  พี่เขายังไม่ได้แจกเกียร์เลยนี่หว่า  แล้วทำไมมึงได้... “

ไอ้เจมส์ทำหน้างงถามมาบ้างครับ  ซึ่งจะว่าไปเรื่องระหว่างผมกับพี่กิจ  ไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คก็เป็นเพียงสองคนในกลุ่มเราที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ เดี๋ยวนะ...  เกียร์ที่เราจะได้มันเป็นทองเหลืองไม่ใช่เหรอวะ  แต่ของมึง.. “

คราวนี้ไอ้แน๊คนักข่าวหัวเห็ดประจำกลุ่มทำหน้าสงสัยถามขึ้นต่อ

“ ทองเว้ยพวกมึง  แถมเป็นทองจริงด้วยนะ “

ไอ้เรย์แสนรู้อาสาตอบคำถามนี้แทนผมทันทีเลยครับ

“ อย่าบอกนะว่า..... “

อย่างกับนัดกันมาเลย  เมื่อไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์พูดขึ้นมาพร้อมกัน  และก็เป็นไอ้เรย์อีกเหมือนเดิมที่เป็นคนไขความกระจ่าง

“ ถูกต้องนะคร้าบ!! “

“ เห้ย!!!!  อะไร  ยังไง  ตอนไหนทำไมกูถึงไม่รู้ “ ไอ้แน๊คว่ามาครับ

“ ใช่... นี่กูน้องรหัสพี่กิจนะเว้ย  ยังไม่รู้เลย “

“ แล้วพวกมึงจะเสียงดังกันทำไมเนี่ย  เงียบๆ !! “  ผมรีบปรามขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอามือจุ๊ปากไว้  ไม่อย่างนั้นรับรองเรื่องนี้ได้เป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นนอน

“ นั้นเล่ามาเลยมึง  ตอนไหน  เกิดขึ้นได้ยังไง  แล้วทำไมกูกับไอ้เจมส์ถึงไม่รู้ “

ไอ้แน๊คเริ่มเซ้าซี้ตามประสาความอยากรู้อยากเห็นของมันทันทีเลยครับ  แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มีแต่ไอ้แน๊คนะครับที่อยากรู้  ไอ้เจมส์ก็ด้วยเช่นกัน  ขนาดคนที่รู้ดีอย่างไอ้เรย์ยังมีท่าทีสนใจสิ่งที่ผมจำเป็นจะต้องเล่านี้เลย  ทำอย่างกับมันไม่รู้อะไรเสียอย่างนั้น
เห้อ.... 

จริงอย่างที่พี่กิจว่า  เดี๋ยวคงได้โดนล้อยาวแน่ๆ....



.........................................................



พักเที่ยงที่โรงอาหารคณะ


ทันทีที่พวกผมย่างเท้าเข้ามายังโรงอาหารก็ถูกพวกแก๊งหัวโจกปี 3 เรียกเข้าไปหาทันทีเลยครับ  และก็ไม่ต้องถามหรอกนะครับว่าแก๊งไหน  เพราะมันก็มีอยู่แก๊งเดียวนั่นแหละครับ

“ ไม่เจอตั้งนานดูมีออร่าขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยน้องกันต์...  ท่าทางจะได้น้ำดี  เอ้ย..! ยาดีแน่ๆ “

ผมทำหน้ายู่ใส่พี่คิมทันทีครับ  ก่อนจะหันไปมองเขม่นยังคนข้างๆ พี่เขา  ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงตีหน้าซื่อไม่รู้สึกรู้สาอะไรตามประสาเหมือนเดิม...

“ เดี๋ยวๆ  เกียร์ทองเลยเหรอวะมึงไอ้กิจ “

พี่บิวที่สังเกตเห็นทักขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจพลางหันไปถามยังพี่กิจครับ

“ เอาแล้วไงไอ้เสือ  เกียร์ทองในตำนานมีเจ้าของแล้วเว้ย  โครตเป็นบุญตาพวกกูเลยว่ะ “

คราวนี้พี่พีสำทับกับเขาด้วยครับ  พร้อมกับที่เพื่อนๆ กลุ่มผมส่งเสียงแซวตาม  จนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปแทรกแผ่นดินที่ไหนอยู่แล้วล่ะครับตอนนี้

“ พอเลยพวกมึง! เดี๋ยวกูงานเข้า “

รู้ตัวก็ดีพี่กิจ  แต่เข้าแน่ๆ ไม่ต้องห่วง

“ ทำไมวะ  กลัวโดนไล่ออกมานอนนอกห้องเหรอวะ  ฮ่าๆๆ “

พี่คิมยังคงแซวต่อไม่เลิก

“ เออ... “

พี่กิจขานรับมาสั้นๆ....  แต่จบกันแล้วชีวิตผม....  ฮือๆๆ

รีบเดินหนีเลยครับงานนี้  อายสุดๆ แล้วครับชีวิต 



..............................................................



เย็นนี้พวกเรามีประชุมกันที่ชมรมจิตอาสาครับ  กว่าจะเลิกเรียนและมากันถึงห้องชมรมคนก็เต็มห้องไปหมดแล้ว  โชคดีที่พวกพี่กิจจองที่เอาไว้ให้แล้ว

การประชุมโดยสรุปก็คือ  ปีนี้เราจะมีไปออกค่ายกันบนดอยครับ  แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือการหาเงินบริจาคเนี่ยแหละครับ  เพราะนอกจากการออกรับบริจาคแล้ว  ปีนี้ที่พิเศษกว่าก็คือพวกพี่นิเทศปี 4 เขามีไอเดียมานำเสนอ  ซึ่งป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหาทุนบริจาคเพิ่มครับ  นั่นก็คือการทำหนังออกขาย  และเป็นโปรเจคจบของพวกพี่ๆ เขาด้วย 

งานนี้ทีแรกผมกับพี่กิจก็เกือบจะต้องได้แสดงด้วยแล้วล่ะครับ  แต่พี่กิจให้เหตุผลเรื่องกิจกรรมสารพัดที่ต้องทำในเทอมนี้  ก็เลยไม่ว่างที่จะมาช่วยแสดงให้  แต่ก็จะมาช่วยในงานเบื้องหลังต่างๆ ให้นะครับ

แต่ความจริงเป็นไงรู้มั้ย...

คือพี่เขาไม่อยากให้คนในมหาลัยมาสนใจผมมากขึ้น  พูดง่ายๆ ก็คือ...  ขี้หวง นั่นแหละครับ 

แต่ผมก็...  โอเคนะ...  อิอิ

ส่วนคนที่ต้องแสดงแทนผมเป็นใครรู้มั้ยครับ  ให้เดา....?

ติ๊กต๊อกๆ


คำตอบก็คือ....

ไอ้ธันนั่นเองคร้าบ  ฮ่าๆๆ

ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว  ผมว่ามันเหมาะกว่าผมตั้งเยอะเลย  แถมพระเอกของเรื่องยังเป็นพี่หมอตุลย์อีกต่างหาก  บอกเลยครับว่าผมเนี่ยแหละจะเป็นคนแรกเลยที่มาต่อคิวซื้อ  อิอิ



..........................................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
กว่า 4 ทุ่ม  ที่คอนโด


“ เออพี่กิจ  พรุ่งนี้กันต์กลับเองนะ “

ผมที่กำลังนอนพิงหมอนที่หัวเตียงพร้อมกับเล่นเกมกับพวกไอ้เรย์อยู่พูดขึ้น  ให้พี่กิจซึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คที่โต๊ะทำงานหันมาหา

“ อ้าว...  ทำไมล่ะ  จะไปไหนเหรอ “

“ ไปหาบ้านเช่ากับพวกไอ้เรย์มันอะ  คือไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คมันขอที่บ้านได้แล้วเรื่องที่จะมาอยู่หอ “

“ แล้วทำไมพวกมันไม่อยู่หอกันล่ะ “

“ มันร้ายจะตายพี่ไอ้พวกนี้  คือมันคำนวณแล้วว่าถ้าเช่าบ้านอยู่  พอหารสามแล้วก็จะถูกกว่าเช่าหอ  แถมมีพื้นที่ใช้สอยตั้งเยอะ  ส่วนเงินที่เหลือจากค่าหอก็เข้ากระเป๋าพวกมันไป  สบายหลายต่อเลย “

“ ฉลาดเนอะ  ไม่เหมือนเรา “

“ อ้าว!! “

ผมหันขวับไปมองคนที่โต๊ะซึ่งกำลังยิ้มแป้นมองผมตอบกลับมาทันที  จากนั้นพี่กิจก็ลุกขึ้นและเดินเข้ามาล้มตัวนอนลงบนตักผม
อยากจะตีหน้าผากเอาคืนนะครับ  แต่เพราะละมือและสายตาจากหน้าจอเกมไม่ได้เนี่ยสิ  ไม่อย่างนั้นเกิดแพ้ขึ้นมาไอ้พวกนั้นมันด่าผมยับแน่

“ ถึงโง่แต่พี่ก็รักนะ “

นี่ผมควรจะดีใจใช่มั้ยเนี่ย  ที่โดนแฟนตัวเองหาว่าโง่อะ...

“ พูดแบบนี้ลุกไปเลย  ไม่ให้นอนแล้ว.. “

ผมทำท่าจะขยับตัวออกแต่ถูกคนตัวโตกว่ากอดเอวเอาไว้เสียก่อน  พร้อมกับเอาหน้าเข้ามาขย้ำที่ท้องผมจนอดหัวเราะคิกคักขึ้นมาเสียไม่ได้

“ ฮะๆๆ  ไม่เอาพี่กิจ  มันจั๊กจี้  เดี๋ยวเกมแพ้ “

“ แพ้ก็แพ้ดิ “

“ ฮะๆ  ไม่ได้....  เดี๋ยวพวกนั้นมันด่าเอา “

“ ไอ้เรย์อะเหรอ  ถ้ามันด่ามาบอกพี่เลย  เดี๋ยวพี่จัดการให้ “

“ ไม่เอา... ฮะๆๆ  มันจั๊กจี๋พี่  ไม่ไหวแล้ว “

“ ถ้างั้น  เปลี่ยนจากจั๊กจี้มาเป็น...  เสียวแทนละกัน “

ผมขยับจอเกมตรงหน้าออกมามองยังคนด้านล่างที่กำลังมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้มแต่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์สุดๆ

“ ไม่ต้องมาหื่นเลย กันต์จะเล่นเกม “

ดูครับ....  ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย  แถมยังทำท่ากัดริมฝีปากยั่วผมอีกต่างหาก

และก่อนที่ใบหน้าหล่อๆ จะเลื่อนขึ้นมาใกล้ไปมากกว่านี้  ผมก็ละมือจากจอเกมมาดีดไปที่ปลายจมูกโด่งนั้นทันที  เผื่อว่าความเจ็บจะช่วยลดความกระเหี้ยนกระหือรือลงไปได้บ้าง

“ โอ้ย!!  พี่เจ็บนะ “

“ สม...  ขยับออกไปเลย  กันต์จะเล่นเกม “

“ ไม่...  จะนอนอยู่ตรงนี้  มีไรปะ “

“ งานการไม่ทำแล้วเหรอ  ห๊ะ... “

“ เสร็จแล้ว... “

พี่กิจเลิกคิ้วมองตอบกลับมาอย่างท้าทาย  แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ  เล่นเกมต่อดีกว่า  อยากจะนอนก็นอนไปเลยตามสบาย

สักพักพอเกมรอบนั้นจบลง  ผมแหงะหน้าจากจอเกมลงมามองยังคนตัวโตด้านล่างก็พบว่าหลับไปซะแล้ว

อ่อนเอ้ย!!  ไหนว่าเก่งไง  อิอิ

ผมวางไอแพดไว้ที่ข้างเตียง  ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกมาอย่างแผ่วเบา  ไม่อยากให้พี่เขาตื่นครับ  เพราะเอาเข้าจริงพี่เขาคงจะเหนื่อยเอามากๆ  ไหนจะเรื่องเรียน  กิจกรรม  และงานที่บริษัทอีก  เป็นผมนี่คงจะหัวระเบิดตายไปนานแล้ว

ผมที่กำลังทำท่าว่าจะลุกออกจากเตียงไปปิดไฟ  แต่ก็เปลี่ยนใจหันกลับมาพลางก้มตัวลงมองใบหน้าคมได้รูปที่นอนขวางอยู่กลางเตียงในตอนนี้

ใบหน้าหล่อๆ  ที่วันๆ ชอบเอาแต่ทำหน้านิ่งเฉยหรือไม่ก็ทำตาดุๆ  พอหลับลงกลับดูผ่อนคลาย  ละมุน  และน่าหลงใหลไปอีกแบบดีนะครับ

คิ้วก็เข้มได้รูป  ปากเรียวบางรูปกระจับสวย  จมูกนี่ก็โด่งจนน่าดีดที่ปลายไปอีกสักรอบ

แต่ไม่เอาดีกว่า  ขอเปลี่ยนเป็น..  หอมแทนละกัน…

ผมค่อยๆ  ประทับตราจองด้วยริมฝีปากบางของผมอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนตรงหน้านี้รู้สึกตัว...  กลิ่นกายพี่กิจยังคงหอมเย้ายวนอยู่เสมอที่ได้เข้าใกล้ 

ผมละริมฝีปากออกมาก่อนอมยิ้มให้กับตัวเอง  มีความสุขจังเลยครับ....

ผมลุกขึ้นไปปิดไฟก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งและขยับตัวพี่กิจให้ไปนอนดีๆ  ซึ่งพี่เขาก็ทำเสียง อืออา อย่างขัดใจที่ถูกรบกวนการนอน  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ตื่นจริงๆ จังๆ หรอกนะครับ  ท่าทางคงจะเพลียเอามากๆ  เพราะปกติพี่เขาไม่ใช่คนที่ขี้เซาอะไรแบบนี้เลย

เมื่อจัดการกับท่านอนของพี่กิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ผมก็ทิ้งหัวลงบนหมอนนุ่มทันทีท่ามกลางความมืดสลัวที่สายตาเริ่มชินกับความมืดนี้ได้บ้างแล้ว  อากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศภายในห้องทำให้นอนสบายเมื่อร่างกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่นหนา  ทว่าอ้อมกอดจากคนข้างๆ ที่ขยับตัวเข้ามากอดด้วยความเคยชิน  มันทำให้รู้สึกอบอุ่นเสียมากกว่า....


เพราะมันไม่ได้ทำให้เพียงแค่อุ่นกายเท่านั้น...  หากแต่เป็นใจด้วยครับที่อบอุ่น......




TBC.


---------------------------------------------------------------------------------

หายไปนานเลยครับ  ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่องแยกจากเรื่องหลัก  แต่เปลี่ยนใจละครับเอามันมารวมกันเลยดีกว่า555+

ดีใจนะครับที่ยังมีคนจำได้  ขอบคุณมากๆ นะครับ ^______________________________^

- คุณ Leenboy   
  มีครับตั้งใจไว้ว่าจะ มี 3 ss ตามที่เคยว่าไว้อะครับ แบ่งเป็นเฟสๆไป  แต่ตอนนี้พึ่งเขียนนำไปได้ 10กว่าตอนอยู่เลยครับ  เพราะที่ผ่านมามัวไปเสียเวลาพิมเรื่องแยกเยอะมากครับ  แต่คิดแล้วว่าจะเอาทีละเรื่องดีกว่างับ  ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยน้าาาา
- คุณ AkuaPink
  ฝากติดตามผลงานง้อยๆของผมด้วยน้าาาาา  ขอบคุณมากๆครับปม

ปล. ตอนหน้าลงวัน พฤหัสฯ นะครับ ^ ^  สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านภาคแรก  ลองอ่านตามลิ้งด้านบน(บน pologue) ก่อนนะครับ  ไม่งั้นจะงงเอาอะครับ  แฮ่...
ปล.อีกที  อีกช่องทางลากคอนักเขียน  คือ ทวิตเตอร์ @Phanusun_P  นะครับ  แนะนำติชมได้เหมือนเดิมนะครับผม  ถ้าในทวิตผมจะสามารถตอบได้เยอะหน่อยครับ ในนี้เขาให้ตอบได้แค่ 1รีพายอะครับ
ทุก chapter ที่ลง  ผมจะเปิดหัวทวิตไว้นะครับ  เม้นติชมหรือสักถามพูดคุยกันได้น้าาาาาา 
ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^_________________________________________^

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ภาคนี้จะมีชะนีมาผจญไหมเอ่ย  :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งุ้ย!!!ยังเขียนได้น่ารักเหมือนเดิมเลยคุณหมีขาว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
กลับมาแล้ววววว เพิ่งเห็นเลย สบายดีไหม :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter 2



กันต์’s  Part



“ โหมึง...  เปลี่ยวไปป่าววะเนี่ย “

ผมพูดขึ้นในเย็นวันถัดมาขณะที่เรากำลังเดินเข้ามาในซอยลึกแถวหลังมหาลัยฯ ครับ  ซึ่งที่มากันก็มีแค่ผม ไอ้เรย์ ไอ้เจมส์และก็ไอ้แน๊คเท่านั้น  ส่วนไอ้ธันมันไปซื้อโทรศัพท์ใหม่กับแพรครับ  โครตซวยเลยฉลองรับเปิดเทอมใหม่ด้วยการทำโทรศัพท์หาย....

“ ทำบ่นนะมึงอะ  เข้ามาแค่นี้เอง “  ไอ้เรย์มันว่ามาครับ

“ แต่กูก็คิดเหมือนไอ้กันต์นะเว้ย  นี่เราเข้ามาลึกจนมองไม่เห็นปากซอยแล้วนะ “

เห็นมั้ยครับ  ไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองนะ  ขนาดไอ้เจมส์มันก็ยังเห็นด้วยกับผมเลย

“ เออ...  เข้าไปอีกนิดถ้าไม่มีก็ไปดูอีกซอยละกัน “

เมื่อเพื่อนร่วมบ้านไม่เห็นด้วย  ไอ้เรย์มันเลยต้องยอมครับ  สุดท้ายเราก็กลับออกมาตั้งต้นกันใหม่ที่หน้าปากซอยอีกครั้ง
เราเดินหากันไปจนฟ้ามืดครับ  สุดท้ายก็เจอบ้านหลังหนึ่งซึ่งติดป้ายให้เช่า  ดูจากสภาพแล้วผมว่ามันค่อนข้างโอเคเลยนะ  เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีพื้นที่ประมาณร้อยกว่าตารางวาได้  มีที่จอดรถและสภาพบ้านก็ไม่ได้โทรมเหมือนหลายๆ หลังที่เราเจอมา  ไอ้เรย์กดเบอร์ติดต่อตามป้ายโดยไม่รอช้าหลังจากที่ลงความเห็นกับเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว  และก็ได้ความว่า  ค่าเช่าบ้านอยู่ที่เดือนละ 8000 บาท  ค่าน้ำค่าไฟแยกต่างหาก  ซึ่งจะนัดกับเจ้าของบ้านเพื่อเข้าไปดูบ้านในเย็นวันพรุ่งนี้ครับ


ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี  หลังจากทำสัญญากันแล้วปลายสัปดาห์นี้พวกมันและผม(ซึ่งถูกลากไปด้วย) ก็จะเข้ามาทำความสะอาดเพื่อเตรียมตัวย้ายของเข้ามาอยู่กันเลยสุดสัปดาห์นี้ครับ

บ้านหลังนี้มี 3 ห้องนอนที่ชั้น 2 ซึ่งพวกมันแบ่งกันไปคนละห้อง  มีห้องนั่งเล่นไม่ใหญ่มากอยู่ด้านล่าง  ห้องครัวและอีกห้องสำหรับไว้ทำงาน  โดยพวกมันขนเอาคอมพิวเตอร์และโต๊ะเขียนแบบมาไว้ภายในห้องนี้

กว่า 4 ทุ่มแล้วที่ไอ้เรย์กับไอ้แน๊คไปขนของเที่ยวสุดท้ายที่บ้านไอ้แน๊ค  ส่วนของของไอ้เรย์กับไอ้เจมส์นี่ขนมาครบแล้วครับ

“ เชี่ยมันถึงไหนกันวะเนี่ย  หิวข้าวแล้วโว้ย “
 
ผมเริ่มโวยขึ้นเมื่อมองไปยังนาฬิกาที่ผนัง  ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  เพราะผมกับไอ้เจมส์ฝากพวกมันซื้อข้าวเข้ามาด้วย  แถมตอนนี้ในตู้เย็นก็โล่งซะไม่มี  จากนั้นไอ้เจมส์ที่รู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้วเหมือนกัน  ก็กดโทรศัพท์หาไอ้แน๊คทันทีก่อนจะได้ความว่า..  รถติดครับ...  แถมยังไม่ได้ซื้อข้าวมาให้ด้วย.... 

เวงชิบ....


รอไปอีกสักพักใหญ่  สุดท้ายเมื่อพวกเราทนความหิวกันไม่ไหวจึงตัดสินใจว่าจะออกไปหาซื้อข้าวที่หน้าปากซอยมากินกันก่อนครับ  ตอนแรกก็กะว่าจะไปกันสองคนนั่นแหละ  แต่เพราะไอ้สองตัวนั้นไม่ได้เอากุญแจบ้านไปด้วย  ไอ้เจมส์เลยจำเป็นต้องอยู่เฝ้าบ้านรอพวกมัน  ส่วนผมก็อาสาเดินไปหน้าปากซอยเพียงลำพังอย่างเซ็งๆ  พร้อมกับความหิวสุดๆ เลยในตอนนี้

วันนี้พี่กิจขอออกไปกินเหล้ากับเพื่อที่ร้านเดิมข้างมหาลัยฯครับ  คงจะกลับดึกซึ่งผมก็บอกว่าจะกลับเองด้วย  แต่ไม่คิดว่าจะต้องอยู่ดึกถึงขนาดนี้ 

ผมเดินออกจากบ้านมาได้ไม่นาน  บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มดูจะเปลี่ยวขึ้นมาแทบจะในทันที  เพราะเสาไฟทั้งสองข้างทางนั้นมีเพียงเสากับหลอดไฟที่ใช้การไม่ได้ครับ  แถมบ้านเรือนข้างๆ ก็ปิดไฟกันจนมืดไปแล้วซะส่วนใหญ่...  กลัวสิครับงานนี้  คือตอนกลางวันมันไม่ได้รู้สึกเปลี่ยวขนาดนี้เลยนะครับ  แต่พอมืดและไม่มีแสงไฟแบบนี้แล้ว...  น่ากลัวสุดๆ ไปเลย  คือกลัวทั้งผีและคนนั่นแหละครับ

ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ  ทำใจดีสู้เสือเพื่อไปให้พ้นจากบริเวณมืดๆ นี้  ซึ่งยาวกว่า 100 เมตรเพื่อไปยังหน้าปากซอยที่มีแสงสว่างและผู้คนยังพลุกพล่านอยู่ในตอนนี้


“ โฮ่ง!!  โฮ่ง!! “

“ เชี่ย!.. “ 


ผมอุทานพลางหันขวับไปมองยังประตูรั้วบ้านข้างทางที่จู่ๆ สุนัขก็พากันเห่าขึ้นพร้อมกับขู่กรรโชกจนใจผมล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  ผมหันไปมองยังประตูรั้วที่ด้านหลังมีหมา 3 – 4 ตัวกำลังเห่าอยู่อย่างไม่ลดละ  พลางเร่งสาวเท้าไม่มองทางไปถี่ๆ เพื่อให้พ้นจากบริเวณนี้โดยเร็วที่สุด  ก่อนจะชนเข้ากับบางคนพร้อมเสียงอะไรบางอย่างที่ตกลงพื้นและแตกออก

เพล้ง!!!

“ เห้ยเหล้ากู! “


ผมเงยหน้าขึ้นมองชายวัยใกล้สามสิบที่ท่าทางกำลังเมาอยู่ซึ่งมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน  ยิ่งทำให้ใจผมเสียหนักขึ้นไปอีก  ผมมองขวดเหล้ากลมที่แตกอยู่บนพื้นก่อนจะทำหน้าประหลับประเหลือกมองกลับมายังกลุ่มคนตรงหน้าต่ออีกรอบ  แล้วจึงอ้อมแอ้มเอ่ยคำขอโทษออกมาเสียงอ่อย

“ ขอโทษครับพี่  ผมไม่ได้ตั้งใจ “

“ อ้ายน้อง...  ขอโทษ..แล้วเหล้าพวกพี่...  มันจะเต็มขวดเหมือนเดิมมั้ยวะ “  คนที่ผมชนเอ่ยขึ้นตามภาษาคนเมา

“ ดะ เดี๋ยวผมจะซื้อใช้ให้นะครับ “  ผมบอกไป

“ ม่าย..ต้อง...  แค่เอาตังมาก็พอ “  พี่คนเดิมว่ามา  พลางยื่นมือแบมาตรงหน้าผม

“ ทะเท่าไหร่ครับพี่ “  ผมถามต่อ

“ สามพัน “

“ ห๊ะ... “  ผมอุทานขึ้นมาทันที  เหล้ายี่ห้อนี้ไม่กี่ร้อยเอง  แต่จะมาเรียกเงินผมตั้งสามพัน  แบบนี้มันเรียกขู่กรรโชกแล้วล่ะครับ

“ ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกครับพี่ “  ผมว่าไปตามจริงครับ  เพราะตอนนี้ในกระเป๋าตังผมยังมีไม่ถึงสองพันเลยด้วยซ้ำ

“ จะจ่ายดีๆ หรืออยากเจ็บตัวก่อนห๊ะ! “
 
เจ้าของเสียงคนเดิมพูดไม่พอพลางคว้าคอเสื้อผมแล้วดันไปติดกำแพงรั้วสูง  ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งกลัว  แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนไปมากกว่านี้  เพราะชายตัวโตอีกสองคนต่างก็กำลังล้อมเข้ามาให้ผมไม่สามารถหนีหรือทำอะไรได้

“ ผมไม่มีจริงๆ ครับพี่  ปล่อยผมเถอะครับ  ผมขอร้อง...  เดี๋ยวผมจะให้พี่เท่าที่ผมมีทั้งหมดเลย “

ผมพยายามร้องขอ  แต่คงเพราะความเมาหรือว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คำพูดของผมดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงจิตสำนึกของคนตรงหน้านี้ได้เลย  เพราะนอกจากจะไม่ยอมรับฟังคำขอของผมแล้ว  เขายังบอกให้คนที่มาด้วยกันค้นเอาของมีค่าจากในกระเป๋ากางเกงของผมทันที 

ผมพยายามดิ้นและกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ  แต่ไม่ทันที่จะได้เปล่งเสียงออกมา  มือหนาก็เข้ามาปิดปากผมไว้  ในขณะที่ชายอีกคนก็เข้ามาดึงตัวผมพร้อมกับล็อคแขนทั้งสองข้างเอาไว้จากทางด้านหลัง 

กลัวที่สุดเลยครับ  ใครก็ได้ช่วยผมที...  พี่กิจช่วยผมด้วย....!


“ ปึ๊ก!! “

จู่ๆ ไอ้คนตัวสูงที่กำลังล้วงค้นกระเป๋ากางเกงของผมอยู่นั้น  มันก็ได้กระเด็นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น

“ เห้ย!!  ใครวะ “

สิ้นเสียงของไอ้หัวโจกก็ตามมาด้วยเสียงของหมัดกระทบกับใบหน้าดัง ผัวะ!  จนมันเซก่อนจะถลาล้มตามเพื่อนมันลงไปนอนอยู่บนพื้นต่อ  ถึงจุดนี้ผมถึงได้รู้ว่าฮีโร่ที่เข้ามาช่วยผมไว้ตอนนี้คือใคร...


ไอ้เคครับ...


มันซัดอีกหมัดไปยังคนที่ล็อคผมอยู่  ก่อนจะคว้าแขนผมให้หนีตามมันไปยังรถจักรยานที่ล้มอยู่บนพื้นไม่ไกลมากจากจุดที่เราอยู่มากนัก  เมื่อมาถึงมันดึงจักรยานขึ้นมาพร้อมกับบอกให้ผมรีบขึ้นซ้อน  แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วล่ะครับ  เมื่อมือหนาของไอ้หัวโจกที่ตามมากดหน้าจักรยานเอาไว้  ก่อนที่หมัดขวาของไอ้ตัวสูงจะเข้ามาปะทะกับแก้มหล่อๆ ของไอ้เคมัน  จนทั้งผมและไอ้เคเสียหลักล้มลงไปนอนบนพื้นพร้อมกับจักรยาน  คราวนี้ท่าทางพวกเราคงจะไม่รอดจริงๆ แล้วล่ะครับ

ผมหลับตาปี๋เมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบที่ถูกยกขึ้นมาพร้อมจะรุมกระทืบพวกผม  แต่ทันใดนั้นแสงไฟสว่างจ้าจากหน้ารถคันหนึ่งก็เข้ามาปะทะให้เราทุกคนตาพร่าจากความสว่างกะทันหัน  ผมได้ยินเพียงเสียงเปิดประตูรถ  จากนั้นก็ตามมาด้วยความชุลมุน  ก่อนที่ทุกอย่างจะไปจบลงที่ สน.



…….



ไอ้แน๊คปากแตกพร้อมกับรอยช้ำที่แก้มเหมือนกับไอ้เค  ส่วนผมมีแค่รอยถลอกนิดเดียวที่ข้อศอกในตอนที่ล้มไปพร้อมกับจักรยาน  ในขณะที่ไอ้เรย์ดูจะชิลมาก  ก็แหงล่ะตัวมันควายซะขนาดนั้น  แต่ก็ต้องขอบใจมันนะครับที่มาช่วยได้ทันเวลา  ไม่อย่างนั้นผมว่าเรื่องนี้คงไม่ได้มาจบลงที่สน. แบบนี้แน่ๆ  เพราะอาจจะไปจบลงที่โรงพยาบาลเสียมากกว่า

ไอ้เรย์ยังคงคันไม้คันมือไม่เลิกพร้อมกับบ่นพึมพำอยู่ตลอดว่าน่าจะเอาพวกมันให้หนักกว่านี้  ในระหว่างที่เรากำลังให้ปากคำกันอยู่  ส่วนพวกคนร้ายน่ะเหรอ  โน่นเลยครับห้องขัง..  เพราะนอกจากจะหมดสภาพและเมาพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว  ก็ดูเหมือนจะถูกนำไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดต่ออีก

พวกเราให้ปากคำไปได้ไม่นานพี่กิจก็เดินดุ่มๆ หน้าเครียดเข้ามา  ก่อนจะถามไถ่อาการผมเสียละเอียดยิบยิ่งกว่าหมอ  แล้วจึงจัดการเรื่องต่างๆ ที่สน. ให้พวกเราจนเสร็จ
 

ภายในรถระหว่างทางกลับคอนโด  พี่กิจยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอด  จนผมไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมานอกจากนั่งหงอยอยู่เงียบๆ ข้างๆ พี่เขาเพียงแค่นั้น

“ ห้ามไปแถวนั้นอีกนะ “

ในที่สุดพี่กิจก็พูดขึ้นมาสักทีด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ ได้ไงพี่  เพื่อนผมมันอยู่แถวนั้นกันนะ “

ผมบอกไปเสียงอ่อย  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมหรอก  ถ้าจะไม่ให้ผมไปหาเพื่อนได้แบบนี้

“ ถ้างั้นก็หาที่ใหม่  เดี๋ยวพี่จัดการให้ “  พี่กิจยังคงไม่ยอมครับ

“ ผมหากันจนทั่วแล้ว  ไม่มีหรอกพี่  หลังนี้แหละถูกและใกล้ม. ที่สุดแล้ว “

“ แต่มันอันตรายไง  นี่ถ้าวันนี้ไม่มีคนมาช่วยทันจะเกิดอะไรขึ้น “

พี่กิจเริ่มขึ้นเสียงแล้วล่ะครับ  ใจผมแป้วทันทีเลย  แม้จะรู้ว่าพี่เขาเป็นห่วงก็เถอะ  แต่เวลาพี่กิจดุอะ...  น่ากลัวจะตาย

“ แต่มันเป็นเรื่องสุดวิสัยนะพี่  อีกอย่างตำรวจเขาก็เช็คประวัติพวกนั้นแล้วว่าไม่เคยก่อคดีอะไร  แถมไม่ใช่คนแถวนั้นด้วย  ที่มีเรื่องส่วนหนึ่งก็คงเพราะเมา “

ผมบอกไปตามจริงเท่าที่รู้มาครับ  หลังจากที่ได้ข้อมูลจากทางพี่เจ้าหน้าที่ที่เอาบัตรประชาชนของพวกนั้นไปค้นประวัติและสอบปากคำ

“ ถึงอย่างนั้นพี่ก็ไม่อนุญาต “

“ พี่กิจอ่า..... “

เข้าใจนะครับว่าเป็นห่วง  แต่ก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ  อย่างนี้ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ

“ กันต์...  อย่าดื้อ ! “

พี่กิจหันมาขู่  ผมเลยยู่หน้าใส่ก่อนจะเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วก็ไม่คุยกับพี่เขาอีกจนถึงคอนโด

ผมเดินดุ่มๆ ไม่สนใจพี่เขากลับเข้าห้องทันที  ผมรีบอาบน้ำและออกมานอนคลุมโปง  แต่ยังไม่ได้หลับหรอกนะครับ  คือโมโหไง..  ผมไม่ผิดนี่  เพราะมันเป็นเรื่องสุดวิสัย  แต่พี่เขากลับจะมาบังคับผมแบบไม่มีเหตุผลเสียอย่างนั้น

“ กันต์...  พี่รู้นะว่าเรายังไม่หลับ  ลุกมาคุยกันดีๆ ซิ “

พี่กิจที่พึ่งแต่งตัวเสร็จหลังจากอาบน้ำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเมื่อครู่นี้มาก  แต่ผมเงียบครับ  งอนอยู่ยังไม่พร้อมจะคุยด้วย....

“ กันต์... “

แล้วก็ได้ยินเสียงพี่กิจถอนหายใจก่อนจะลงมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม

“ ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วงเรานะ...  รู้มั้ยว่าตอนรู้เรื่องว่าเราโดนทำร้ายพี่กลัวแค่ไหน  พี่รู้สึกผิดและแย่มากนะที่ดูแลเราได้ไม่ดี  ดังนั้นพี่เลยไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นอีก  เข้าใจพี่ใช่มั้ย... “

“ แล้วพี่มาขึ้นเสียงใส่ผมทำไมอะ “

สุดท้ายผมก็ยอมพูดครับ  แต่ก็ยังคงนอนคลุมโปงอยู่เหมือนเดิม

“ ก็เราดื้อนี่ “

“ พี่ก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกันอะ “

“ โอเคๆ  พี่ขอโทษ  ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ ซิ “

พี่กิจพูดขึ้นพร้อมกับพยายามดึงผ้าห่มออก  จนผมต้องยอมออกมาจากที่หลบภัยนี้เพื่อมาเผชิญหน้ากับไอ้คนที่ไม่มีเหตุผล

“ นั้นเอาอย่างนี้ละกัน  ถ้าจะไป...  ก็ต้องให้พี่ไปรับไปส่ง  โอเคมั้ย “

ผมส่ายหน้าครับ  ซึ่งพี่กิจก็ร่นคิ้วมองกลับมาอย่างไม่เข้าใจทันที

“ แล้วถ้าวันไหนพี่ไม่ว่างผมก็ไปไม่ได้สิ  ถ้าบังเอิญผมต้องทำรายงานหรือมีธุระล่ะ  ผมก็อดไปสิ “

พี่กิจเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกแล้วพูดขึ้น

“ นั้นมาหัดขับรถกับพี่  ต่อไปเวลาพี่ไม่ว่างจะได้เอารถไปใช้ได้... “

พี่กิจเสนอมาครับ  ผมจึงใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลงไป  เพราะอย่างน้อยที่สุดผมก็จะได้มีอิสระที่จะไปไหนมาไหน  และอีกอย่าง...  ผมเองก็ยังขับรถไม่เป็นด้วย  ถือซะว่าได้หัดขับรถไปด้วยเลยก็แล้วกัน

จากนั้นผมก็ยิ้มออกครับ  พี่กิจทำสายตาหน่ายๆ ส่งมาให้  ก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมราวกับเด็กน้อยเหมือนที่ชอบทำทุกที...


ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
วันจันทร์ต่อมาผมไม่ลืมที่จะไปขอบคุณไอ้เคมันอีกครั้งที่คณะในช่วงพักเที่ยง  และทำให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังมีปัญหาเรื่องที่อยู่  เพราะปลายเดือนนี้มันต้องย้ายออกจากหอแล้ว  ด้วยเพราะมีคนร้องเรียนเรื่องที่มันเอาแมวมาเลี้ยงไว้ในห้อง  ดังนั้นมันเลยต้องตระเวนหาหอพักใหม่ที่สามารถเลี้ยงไอ้ไทเกอร์ได้และค่าเช่าก็ต้องไม่แพงจนเกินไป

“ ให้กูช่วยหาด้วยมั้ย “  ผมขันอาสาครับ  ไม่ใช่แค่ห่วงมันนะ  แต่ผมยังห่วงไอ้ไทเกอร์อีกด้วย

“ ขอบใจนะ...แต่ไม่เป็นไร  กูเกรงใจว่ะ  ไว้เย็นนี้กูค่อยออกไปหาใหม่  เดี๋ยวก็คงได้แหละ “  มันว่ามาครับ

“ มึงสนใจหารค่าบ้านกับพวกกูมั้ยล่ะ  คือพวกกูพึ่งจะเช่าบ้านอยู่  ถ้ามึงยังไม่มีที่พักมาหารกับพวกกูก่อนก็ได้  หลังจากนั้นมึงจะยังไงต่อค่อยว่ากันอีกที “

ไอ้เรย์ที่มาด้วยกันกับผมเสนอไปครับ  กูรักมึงจริงๆ เลยไอ้เรย์เพื่อนเลิฟ

“ จะดีเหรอ..  แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ของพวกมึงล่ะ “  ไอ้เคอ้อมแอ้มถามมาอย่างอดที่จะเกรงใจไม่ได้

“ พวกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาหรอก  เดี๋ยวกูคุยให้ “

“ ส่วนตัวกูโอเคนะ  เพราะเอาจริงกูก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะหาทันก่อนปลายสัปดาห์นี้ที่กูต้องย้ายออกไปรึเปล่า  แต่เอาไว้พวกมึงไปคุยกันก่อนก็แล้วกัน  ได้เรื่องยังไงมาบอกกูอีกทีนะ “

จากนั้นผมกับไอ้เรย์ก็กลับมาที่คณะในช่วงบ่าย  แล้วไอ้เรย์ก็เริ่มเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นทันทีในกลุ่ม  โดยมีผมคอยสนับสนุนอยู่ด้วยไม่ขาด  ซึ่งก็ไม่ยากเพราะพวกไอ้แน๊คไอ้เจมส์มันเข้าใจเหตุผลง่าย  สุดท้ายก็เป็นอันตกลงและไอ้เคก็เตรียมที่จะย้ายมาอยู่ด้วยในปลายสัปดาห์นี้



ช่วงเทอมสองนี้พี่กิจมีกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือการไปคุมน้องปีสองสอนลีดคณะสำหรับงานสปอร์ตเดย์ช่วงปลายปี  ดังนั้นตั้งแต่เปิดเทอมมาพี่เขาก็ไม่เคยจะได้กลับห้องก่อน 2 ทุ่มเลยสักวัน  แถมยังเพลียจนบางวันไม่ยอมทำการบ้าน...

ผมหมายถึงการบ้านส่งอาจารย์นะครับ  ....



ผมช่วยไอ้เคมันย้ายหอในวันศุกร์  ไทเกอร์ยังคงอ้วนท้วนเหมือนเดิม  ไอ้เคได้นอนห้องเดียวกับไอ้เจมส์ครับ  เพราะตอนจับสลากเลือกห้องไอ้เจมส์มันได้ห้องใหญ่สุดของบ้านไป  ซึ่งมันก็โอเคไม่มีปัญหาอะไรนะครับ

สุดสัปดาห์นี้ผมมานอนบ้านคุณป้ากับพี่กิจครับ  เพราะพี่เขาจะสอนผมขับรถด้วย  ครั้นจะเอา BMW ลูกรักพี่เขามาหัดขับก็ใช่ที่

“ โอเค  ก่อนอื่นเลยมาดูที่เกียร์  แล้วก็จำไว้ดีๆ นะ  D คือเดินหน้า R ถอยหลัง N กับ P คือว่าง  แต่จะต่างกันตรงที่ P รถจะขยับไม่ได้  ส่วน N รถจะสามารถขยับได้ “

พี่กิจเริ่มสอนผมโดยใช้รถคันเก่าของพี่เขาเมื่อตอนเรียนมอปลาย  เราหัดขับกันในถนนแถวบ้านพี่กิจซึ่งไม่ค่อยมีรถพลุกพล่าน  ผมพยายามจำที่พี่เขาสอนแต่ก็ยังคงเกร็งๆ กับความใหญ่โตของยานพาหนะอยู่ไม่ได้เมื่อมานั่งอยู่หน้าพวงมาลัยแบบนี้

“ เริ่มเลยนะ  กันต์เลื่อนเกียร์มาที่ตัว D “

พี่กิจพูดจบผมก็ทำตามทันทีเลยครับ  และเมื่อรถเริ่มขยับผมก็เริ่มตื่นเต้น  แม้มันจะออกตัวไปอย่างช้าๆ ก็ตามที
 
“ ประคองไปก่อน  ยังไม่ต้องเหยียบคันเร่งมากนะ “

“ คะ..ครับ “

หูฟังไป  ตามองทาง  ตัวเกร็งแต่สติกลับอยู่ไหนก็ไม่รู้ครับ  ทั้งๆ ที่รถมันโครตจะช้าเลย  แต่พอมาหัดขับแบบนี้กลับรู้สึกว่ามันไปไวเกินไปแล้ว  จนใกล้จะถึงทางแยกข้างหน้าพี่กิจก็บอกให้ผมค่อยๆ แตะเบรกเพื่อเตรียมตัวเลี้ยว แต่ว่า..

เบรก.... เบรกมันอยู่ตรงไหนกันล่ะ 

อ่อทางซ้าย… 

เอี๊ยด!! 


ผมเหยียบทันทีจนเกือบมิดเลยครับ  ดีที่เราคาดเบลเอาไว้  ไม่เช่นนั้นคงพุ่งไปข้างหน้าได้รับบาดเจ็บกันแล้วแน่ๆ

“ ค่อยๆ เหยียบสิ “

พี่กิจดุครับ

“ เอาใหม่  ค่อยๆ ปล่อยเบรกและหมุนพวงมาลัยเลี้ยวช้าๆ กะระยะดีๆ “

ผมทำตามและผ่านโค้งแรกในชีวิตมาได้อย่างกล้าๆ กลัวๆ  รู้สึกว่ามันยากจริงๆ เลยครับไอ้การขับรถเนี่ย

“ ทางตรงตรงนี้ยาวหน่อยเหยียบคันเร่งได้  แต่ไม่ต้องไวมากนะ  รอให้ชินกับรถก่อน “

โอเค  สบายมาก

“ เอ้าเห้ย!  ช้าๆ ดิกันต์ “

พี่กิจดุอีกแล้วครับ...

จากนั้นเราก็ขับวนไปมาแถวนั้นอีกเป็นสิบรอบและผมก็ถูกพี่กิจดุมันซะทุกรอบเลย  จนตอนนี้ผมหน้าบูดเป็นตูดไปแล้ว

เบื่อแล้วครับ  ไม่สนุกเลย...  คนบ้าอะไรเวลาสอนผมชอบดุผมทุกที  ก็ใครมันจะไปเก่งเหมือนตัวเองกันล่ะที่หัดแค่วันเดียวแล้วขับออกถนนได้เลย  ผมนี่แค่รถมันขยับได้ผมก็ถือว่าวันนี้ประสบความสำเร็จแล้วล่ะครับ...

“ เป็นไรเนี่ย...  ไม่พูดไม่จา “

เมื่อขับรถเข้ามาจอดในบ้านเรียบร้อยแล้วพี่กิจก็ถามขึ้นครับ  พึ่งรู้สึกตัวรึไงพ่อคุณ!!!  ชิส์

“ กันต์...  เป็นไร “

เงียบครับ

“ โกรธพี่เหรอ “

“ ก็เออดิ  ถามจริงตกลงจะสอนหรือว่าจะดุผมเนี่ย  ไม่อยากหัดแล้ว “

ผมทำหน้าบูดพูดประชดไปครับ  พี่กิจเลยร่นคิวหนาเข้าหากันก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ ก็เราไม่ค่อยมีสตินี่  พี่ก็เลยต้องเสียงดัง “

“ ก็ผมไม่ชอบให้พี่ดุนี่ “

“ โอเคๆ  ไม่ดุก็ได้  นั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน  พรุ่งนี้ค่อยหัดใหม่เนาะ “

ผมพยักหน้าตอบไป  ก็ในเมื่อสำนึกผิดแล้วคนใจดีอย่างผมก็พร้อมจะให้อภัยเสมอครับ  อิอิ


มื้อค่ำวันเดียวกัน

“ แม่...ดูดิ  พี่กิจไม่เคยสอนกานต์ขับรถเลยนะ “  น้องกานต์งอแงขึ้นบนโต๊ะอาหารครับ  เมื่อรู้ว่าวันนี้พี่ชายตัวเองมาสอนผมหัดขับรถ

“ เราเองก็ไม่ได้อยากให้พี่เขาสอนอยู่แล้วนี่  ไม่งั้นเดี๋ยวก็กัดกันอีก “  ป้าอรว่ามาครับ  ซึ่งผมก็พอจะเดาได้ลางๆ เหมือนกันครับว่าคงไม่ทันจะได้หัดก็คงเถียงกันรถแทบแตกแน่ๆ เลยพี่น้องคู่นี้

“ แล้วเป็นไงกันต์  ขับได้รึยัง “  คุณลุงถามมาบ้างครับพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเอง

“ ก็พอได้แล้วครับคุณลุง  แต่ยังไม่กล้าออกถนนใหญ่ “  ผมตอบไป

“ ดีแล้วลูก  เก่งๆ “

“ เก่งอะไรพ่อ  ขับตะกุกตะกักมาก  อีกนานอะกว่าจะได้ออกถนน “  พี่กิจว่ามาครับ  ผมเลยหันไปแยกเขี้ยวใส่

“ กิจก็ว่าน้อง  ขับรถมันก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะลูก  อย่ารีบร้อน “  ถูกของป้าอรครับ  มีแต่ตัวเองเท่านั้นแหละที่ใจร้อน  ขนาดผมเป็นคนหัดเองยังไม่รีบเลย


กว่า 4 ทุ่มแล้วที่ผมแต่งตัวเสร็จหลังจากไปอาบน้ำมา  ผมเดินขยี้ผมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะขึ้นมาดู 

5 miss called  จากพี่กิจครับ...  มีอะไรรึเปล่าเนี่ย ?  แต่ไม่ทันที่ผมจะได้กดโทรออก  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  ผมเดินไปเปิดก่อนจะพบพี่กิจในสภาพเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวและบ็อกเซอร์ลายทางสีฟ้าขาวกำลังยิ้มกริ่ม  ก่อนจะแทรกตัวเบียดผมเข้ามาภายในห้อง

“ อะไรพี่กิจ “  ผมทักท้วงขึ้นเสียงเบา  ก่อนจะถูกปรามด้วยนิ้วชี้ที่มาจุ๊ไว้ที่ริมฝีปากผม  แล้วเสียงกลอนประตูห้องก็ดังขึ้นภายใต้หน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของคนตัวสูงตรงหน้า

“ อะไร...  ออกไป กันต์จะนอนแล้ว “

“ แต่พี่นอนไม่หลับนี่... “

ทีแบบนี้ละเสียงอ้อนเชียว  ทีเมื่อตอนเย็นนะดุเอาๆ  ฝันไปเถอะว่าคืนนี้ผมจะยอม

“ ก็เรื่องของพี่สิ “

“ เรื่องของพี่คนเดียวซะที่ไหน...  แต่เป็นเรื่องที่เราต้องทำกันสองคนมากกว่า “

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วครับ  บอกไปใครจะเชื่อว่าประธานเชียร์สุดหล่อมาดขรึม  แท้จริงแล้วจะเป็นคนหื่นกาม...

“ ม้าย...  วันนี้โดนดุมาทั้งวันไม่มีอารมณ์ “

“ เรื่องอารมณ์นั้นไม่ต้องห่วง  พี่ทำให้มีได้นะ... “

ไม่พูดเปล่าครับไล้มือจากแก้มผมไล่ลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้อง  และก่อนที่ผมจะพ่ายแพ้ผมก็รีบกำมือนั้นเอาไว้พร้อมกับขยับตัวออกห่าง

“ กันต์จะนอนแล้ว...  วันนี้ไม่อนุญาต  แล้วถ้าดุอีกก็อดไปยาวๆ เลย “

ผมทำหน้าขึงขังพูดขึ้นพลางเลิกคิ้วท้าทายใส่  พี่กิจเลยทำหน้าลู่หูตก  ก่อนจะพูดเสียงอ้อนกลับมาว่า...

“ ได้ไงล่ะ  นี่พี่อุตส่าห์สอนเราขับรถนะ  ปกติไม่เคยสอนใครเลยนะเนี่ย  ขนาดไอ้กานต์พี่ยังไม่ยอมสอนมันเลย “

“ มอสระไอไม้เอก...  ไม่!! “

ผมย้ำด้วยสีหน้าท้าทายครับ  แต่แล้วถึงได้รู้ว่าผมคิดผิด  เพราะแววตาละห้อยของพี่กิจนั้นเปลี่ยนมาฉายแววนักล่าอย่างน่าหวาดหวั่น  ก่อนที่มือทั้งสองข้างของพี่เขาจะดันผมลงไปบนเตียงนุ่ม  และแม้ว่าผมจะพยายามขัดขืนแต่สุดท้ายผมก็แพ้พี่เขาอีกตามเคย

เห้อ......



ภาคเรียนที่สองนี้เนื้อหาแต่ละรายวิชาเริ่มเป็นอะไรที่ต่างจากมอปลายมากขึ้นเยอะเลยครับ  วิชาเฉพาะทางก็เพิ่มขึ้นแถมดูท่าว่าจะยากอีกต่างหาก  ที่สำคัญกิจกรรมช่วงปลายปีนี้ก็เยอะไม่แพ้กันด้วย  ทั้งสปอร์ตเดย์  งานชมรมและไหนจะเรื่องเกียร์ที่เรายังไม่ได้กันอีก  คิดแล้วก็เหนื่อยเลยครับ

“ นี่นักศึกษา !! “

“ คะครับ... “

ผมที่กำลังนั่งเท้าคางอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในวิชา Drawing ต้องผงะตัวสะดุ้งจากภวังค์ทันทีที่อาจารย์เดินเข้ามาทักที่โต๊ะ  จนไอ้เรย์ที่นั่งข้างๆ  กระซิบกระซาบกับไอ้เจมส์ว่า  เอาแล้วไง...

อาจารย์ออฟครับ  แกเป็นอาจารย์ใหม่วัยยี่สิบกลางๆ  ที่มาสอน Auto Cad ซึ่งเป็นการเขียนแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์  อาจารย์ออฟแกดูใจดีพอๆ กับหน้าตาของแกเลยครับ  ขนาดคาบแรกแก๊งพวกผมเข้าสายกัน  แกยังไม่ว่าอะไรเลย  ยิ้มให้และบอกให้พวกเราไปหาที่นั่งกันได้ตามสบาย  แบบนี้ไงสาวๆ Sec ผมถึงคลั่งไคล้แกสุดๆ  ชนิดที่ว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่ยอมขาดเรียนวิชานี้แน่ๆ

“ นักศึกษาอย่าเอาแต่เหม่อสิครับ  เดี๋ยวเรียนตามเพื่อนไม่ทันนะ “  แกยิ้มให้พลางบีบไหล่ผมเบาๆ  ก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าชั้นเรียนอีกครั้ง

“ เกือบไปแล้วนะมึง  ดีนะเป็นจารย์ออฟ “  ไอ้เรย์กระซิบบอกมา

“ เออ...กูเหม่อไปหน่อย  มึงทำถึงไหนละ “  ผมเอี้ยวตัวไปมองจอคอมมันครับ  เชี่ย!  ใกล้เสร็จแล้วด้วย  และไม่ใช่แค่ไอ้เรย์นะครับ  ไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คก็ด้วย  ซวยละผม.... ต้องรีบปั่นแล้วล่ะครับ

สุดท้ายทั้งห้องก็เหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังไม่ได้ส่งงาน

“ ไม่เป็นไรมึง...  ใกล้เสร็จละ  ไม่ต้องรอ  ไปกันก่อนเลยเดี๋ยวแม่งไม่มีนั่งกันอีก  ฝากสั่งข้าวให้กูด้วยนะไอ้เรย์  เอา...  กระเพราหมูกรอบละกัน “

เมื่อไม่อยากกลับมาส่งงานอีกรอบ  ผมเลยเร่งปั่นงานให้เสร็จจะได้จบๆไป  เลยบอกให้พวกนั้นไปจองโต๊ะที่โรงอาหารกันก่อนได้เลย

ผมนั่งปั่นงานต่อคนเดียวในห้องหลังจากที่ไอ้พวกนั้นมันไปกันแล้ว  สักพักอาจารย์ออฟที่ผมคิดว่าแกกลับไปแล้วก็เดินมายืนมองผมทำงานจากทางด้านหลังครับ

“ ผิดแล้ว  นักศึกษาต้องใช้คำสั่งนี้นะ “  แล้วอาจารย์ออฟก็เอี้ยวตัวลงมาจับเม้าท์ทับมือผม  พลางมองไปยังจอตรงหน้า   ผมได้กลิ่นน้ำหอมบางๆ ออกมาจากภายใต้เสื้อเชิร์ตสีขาว

โครตเกร็งเลยครับเวลามีคนเข้ามาใกล้ในระยะประชิดแบบนี้นอกจากพี่กิจ  แถมยังเป็นอาจารย์อีกต่างหาก  แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับ  ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้น  แค่รู้สึกแปลกๆ แบบอึดอัดก็เท่านั้นเอง

“ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว “

อาจารย์ออฟละมือออกก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะอาจารย์หน้าชั้นเรียน  ผมรีบเซฟงานใส่แฟรชไดฟ์ก่อนจะเอาไปใส่รวมกับไฟล์งานคนอื่นใน Sec ที่โน๊ตบุ๊คของอาจารย์ออฟครับ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมยกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะเพื่อรีบไปยังโรงอาหาร

“ เดี๋ยวนักศึกษา...  ว่าแต่เราชื่ออะไรนะ “

ผมหันหลังกลับมามองยังอาจารย์ออฟอย่างงงๆ  ไม่คิดว่าแกจะสนใจอยากรู้ชื่อผม  สงสัยเห็นผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนล่ะมั้งครับ  เวลาดุจะได้เรียกชื่อได้ง่ายๆ

“ กันต์ครับ “

ผมอ้อมแอ้มตอบไปก่อนจะยกมือไหว้แกอีกทีแล้วรีบไปโรงอาหารครับ  หิวจะแย่แล้วครับวันนี้....




TBC.



...........................................................

แฮ่...มาแย้วงับ ^____________________________^

คุณ Areenart1984  ชะนีภาคนี้ไม่เท่าไหร่ครับ  ตัวหนักจะเป้นเก้งครับ  แต่ภาพรวมดราม่าภาคนี้สนุกไม่งี่เง่านะครับ  แฮ่ๆ  ออกไปแนวตื่นเต้นมากกว่า  แง่ม^ ^
คุณ Leenboy  ขอบคุงงับ  ภาคนี้จะชิลๆหน่อยนะครับ  ขยายความและเพิ่มมิติของคนรอบข้างคู่หลักอะครับ  แต่กิจกรรมในภาคนี้เยอะเลย
คุณ DrSlump  มาแย้วเย้!!!  หวัดดีครับ
คุณ O-RA DUNGPRANG  ขอบคุณนะครับ o13
คุณ  Billie  มาแย้วคร้าบ  ขอโทษที่หายไปนานครับ คุณ Billie ก็มาแล้วเย้ๆๆๆ

..............................
ตอนต่อไปลง วันจันทร์หน้า นะครับ
ลากคอคนเขียนได้ในทวิตเตอร์ @Phanusun_P นะครับ 
สักถาม  ติชม  พูดกันได้เสมอนะครับ
ขอบคุณทุกๆคนมากๆ นะครับผมที่ติดตาม
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^____________________________________________^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

น้อง กันต์ผู้มากับการเจ็บตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2019 19:46:09 โดย Billie »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อาจารย์ออฟ บอกจริง ๆ เถอะ อาจารย์คือเก้งอ่ะป่ะ  :m26: :m17:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อาจารย์ออฟ  นี่คือ น้องนีภาคที่แล้วอวตารมาป่ะ555  จะได้เตรียมเปลือกทุเรียนใว้ :hao7:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ.ออฟ  หลงเสน่ห์นุ้งกันต์หรา?

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  3



กันต์ ‘s  Part



อย่างที่บอกไว้ครับว่ากิจกรรมเทอมนี้มีเยอะมาก  และสปอร์ตเดย์ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญสำหรับคณะเรา  ซึ่งสำหรับปีหนึ่งแล้วหน้าที่หลักของงานนี้ก็คือสแตนด์ครับ  ผมหมายถึงทั้งการจัดสแตนด์  การแปรอักษรและร้องเพลงเชียร์  ซึ่งพวกเราต้องมาซ้อมกันทุกวัน  เพราะเหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าเท่านั้นก็จะถึงวันงานแล้ว  ในส่วนของกีฬาส่วนมากถ้าฝีมือไม่ดีจริงก็จะเป็นหน้าที่ของพวกพี่ปีสูงซะส่วนใหญ่

ผมกับพี่กิจเลยไม่ค่อยได้เจอกันช่วงซ้อมหรอกครับ  เพราะพี่เขาต้องไปคุมลีดที่สนามบาสของคณะ  แถมยังต้องแบ่งเวลาไปซ้อมบาสให้คณะอีกต่างหาก  ส่วนผมนี่ซ้อมอยู่ในหอประชุมคณะครับ  แต่ถึงกระนั้นพี่กิจก็มารอรับผมกลับห้องทุกวันนะครับ

สุดสัปดาห์นี้พี่กิจยังไม่ละความพยายามจะที่หัดผมขับรถให้ได้  เลยบอกให้คนเอารถคันที่ผมหัดขับเมื่ออาทิตย์ก่อนมาส่งให้ที่คอนโด  จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมวันนี้ซึ่งเป็นวันหยุดแท้ๆ ผมถึงต้องมานั่งอยู่หน้าพวงมาลัยขับรถวนไปวนมารอบคณะอยู่แบบนี้ในช่วงเย็น

“ ช้าหน่อยๆ  ข้างหน้ามันเป็นลูกระนาดนะกันต์  เห้ย!!  อย่าเหยียบเบรกแบบนี้ “

ดูสิครับดุตลอด  ใครมันจะอยากมาเรียนด้วยล่ะ

“ ดุอีกไม่หัดแล้วนะ “

“ ดุที่ไหนพี่แค่เตือน  เพราะถ้าออกถนนจริงแล้วมันจะพลาดแบบนี้ไม่ได้นะ “

“ ก็พี่เสียงดังใส่อะ  ผมตกใจนี่..  ลองปล่อยผมขับเองแบบไม่ต้องบอกสิ...ไม่พลาดแน่ “

“ โอเคนั้นพี่จะลองให้ขับตามใจเราเลย  ถ้ารอบนี้เราขับได้พี่จะเลิกบ่นแต่ถ้าไม่ได้เราก็ต้องฟังพี่เข้าใจมั้ย “

ผมพยักหน้าพลางเลิกคิ้วท้าทายไปครับ  เดี๋ยวจะทำให้ดูเองว่าคนอย่างผมถ้าเอาจริงแล้วอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ  ว่าแล้วผมก็เลื่อนเกียร์จาก N ไปที่ D พลางเหยียบเบาๆ ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  พอผ่านโค้งแรกอย่างนุ่มนวลผมก็หันมาเลิกคิ้วหาคนข้างๆ  ยิ่งโค้งที่สองยิ่งเนียนโครตๆ  ผมก็ยิ่งได้ใจเหยียบทางตรงไปเป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที  คราวนี้แหละ.... พี่กิจจะได้เลิกบ่นและยอมรับฝีมือของผมสักที

แต่จะว่าไปนี่ผมก็เก่งเหมือนกันแฮะ...  อย่างนี้ออกถนนได้สบายเลย

“ เห้ย!! “

เอี๊ยด!!!!!!!!

ผมเหยียบเบรกกะทันหันเมื่อหลุดทางแยกตรงมุมตึกออกมาได้  ก่อนจะพบเข้ากับจักรยานคันหนึ่งตรงหน้าในระยะประชิด 
ใจผมมันหายไปราวกับว่าไม่ได้อยู่ในร่างกายนี้อีกต่อไปแล้ว  ผมว่าผมไม่ได้ชนนะ  แต่รถจักรยานนั้นล้มลงตรงหน้า  ผมมองไม่เห็นว่าเขาเป็นยังไงบ้าง  ยังคงช็อคและนั่งนิ่งอยู่หน้าพวงมาลัยพร้อมกับกำมันแน่นราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายในชีวิต

พี่กิจรีบออกจากรถลงไปดูก่อนจะประคองร่างเจ้าของจักรยานนั้นขึ้นมาและพาเขาไปนั่งยังริมฟุตบาทข้างทาง  ผมรีบตั้งสติทันทีและรีบลงมาจากรถเพื่อไปดูอาการ

“ ขอโทษครับ!!  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ผม...ผม.. “

ผมพูดอะไรไม่ออกเลย  โชคดีที่ไม่ได้ชน  แต่ที่ล้มคงเพราะตกใจและเสียหลัก  แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีแผลถลอกที่แขนพร้อมกับรอยแดงและเลือดที่ซึมออกมาบางๆ  เขาเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งซึ่งผมพอจะจำได้ลางๆว่าเป็นหนึ่งในคนที่เข้าประกวดเดือนคณะรุ่นเดียวกันกับผม  แต่ว่าชื่อว่าอะไรนั้น... ผมเองก็จำไม่ได้

“ พี่บอกแล้วไงว่าอย่าประมาท  เกือบชนเขาแล้วเห็นมั้ย “

พี่กิจตวาดมาจนผมหน้าเสียเลยครับ  นานแล้วที่ผมไม่ได้ถูกพี่เขาใช้น้ำเสียงดุดันขนาดนี้...  แต่ถึงกระนั้นก็เป็นความผิดของผมเองทั้งหมดนั่นแหละ  สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่...  การขอโทษ...

“ ไม่เป็นไรกันต์..  เราไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก “  เขาพูดขึ้นมาในที่สุดและดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักผมด้วย  ทั้งๆ ที่ผมเองไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขาเลยด้วยซ้ำ

“ ขอบคุณครับพี่กิจ  ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก “  แล้วชายคนนั้นก็หันไปมองยังพี่กิจซึ่งตอนนี้แขนทั้งสองข้างยังคงประคองร่างของเขาเอาไว้อยู่ไม่ปล่อย

ผมอาจจะคิดมากไปเองมั้งครับ  ที่รู้สึกว่าสายตาของเขาเวลามองพี่กิจมัน...  มีความรู้สึกที่พิเศษ...


เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี  เราต่างก็แยกย้ายกันกลับ  พี่กิจขับรถและไม่พูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงคอนโด  ผมแม่งโคตรรู้สึกผิดเลยครับ...  ไม่น่าได้ใจประมาทไปแบบนั้นเลย

“ โกรธผมเหรอพี่... “  ผมพูดขึ้นพลางเอามือไปจับชายเสื้อพี่เขาก่อนที่จะลงจากรถไป  พี่กิจไม่ได้ตอบอะไรผมจึงพูดขอโทษพี่เขาไปอีกครั้ง  จากนั้นพี่เขาก็หันหน้ามามองผมพลางถอนหายใจออกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

“ รู้ใช่มั้ยว่าพี่โกรธเราเรื่องอะไร “  พี่กิจถามกลับมาเสียงเรียบ

“ เรื่องที่เกือบจะไปชนคน “  ผมตอบไปเสียงอ่อยพร้อมกับสีหน้ารู้สึกผิด

“ นั่นไม่เท่าไหร่  แต่พี่โกรธมากก็เพราะความดื้อของเราที่ไม่คิดจะฟังคำเตือนของใครเลย  แล้วเป็นไง..  เกือบจะเกิดเรื่องจนได้  แถมยังจะทำให้คนที่ไม่รู้อะไรด้วยเลยได้รับบาดเจ็บไปอีก... “

ทั้งๆ ที่น้ำเสียงไม่ได้ดุดันอะไรเลย  แต่น้ำตาผมกลับหยดแหมะลงมาเสียอย่างนั้น  สายตาแข็งกร้าวของพี่กิจดูจะอ่อนลงทันทีที่เห็นน้ำตาผมก่อนจะเอามือมาลูบหัวผมพร้อมกับปลอบว่า พี่เขาไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น  แต่แค่อยากทำให้ผมเข้าใจว่าบางเรื่องถ้ามันพลาดไปแล้วมันอาจจะกลับมาแก้ไขอะไรอีกไม่ได้  ดังนั้นพี่เขาเลยอยากให้ผมมีสติในการใช้ชีวิตให้มากกว่านี้  แต่ยิ่งพี่กิจสอนผมเท่าไหร่  ผมกลับยิ่งร้องไห้ออกมามากขึ้นเท่านั้น  จนพี่เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้พร้อมกับลูบหลังให้นั่นแหละ  ผมถึงเริ่มสะอื้นและหยุดร้องในไม่ช้า....

แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกลัวการขับรถไปเสียแล้วล่ะครับ...

ช่วงค่ำผมยังคงหน้าเสียในขณะที่พี่กิจคงรู้สึกผิดเลยพยายามเอาใจผมมากกว่าปกติ  ผมนอนหนุนตักพี่กิจดูหนังที่โซฟาพลางกอดหมอนใบเล็กไว้ที่อก  แม้จะเป็นหนังใหม่ที่ผมยังไม่ได้ดูเลยทว่ามันกลับไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด  ราวกลับว่าผมมองจอทีวีไปอย่างเลื่อนลอยเพราะในหัวมันสะบัดเรื่องอุบัติเหตุเมื่อตอนเย็นนั้นออกไปไม่ได้เสียที  จนกระทั้งผมเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น


วันถัดมาพี่กิจต้องเข้าไปเคลียร์งานที่โรงแรม  ผมเลยขอพี่เขาไปที่บ้านพวกไอ้เรย์มันครับ  อยากมีเพื่อนคุยและอยากระบายเรื่องพวกนี้ออกไปจากหัวบ้าง

“ โหมึง  แค่นี้ยังน้อยไป  ขับรถไม่เคยชนถือว่ายังไม่ได้เปิดซิงโว้ย “  ไอ้ย์ว่ามาครับ

“ มึงเคยชนคนด้วยเหรอวะ  ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย “  ผมถามไปอย่างอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเรื่องนี้ผมถึงไม่เคยรู้มาก่อน

“ คนอะไม่เคย  แต่กำแพงรั้วบ้านกูอะเรียบร้อยไปละ “

สัด!!  แล้วยังมีหน้ามาทำหน้าภูมิใจอวดผมอีกนะ

“ แต่มึงต้องกล้านะเว้ย  ไม่งั้นมึงจะขับไม่ได้ “  ไอ้เจมส์เสริมมาครับ

“ ใช่...  ถ้ามึงได้ลองออกถนนครั้งเดียวนะ  รับรองมึงเป็นทันทีแล้วจะไม่กลัวอีก “  ไอ้แน๊คว่ามาต่อครับ  แต่ใครจะกล้าล่ะ  นี่ขนาดที่ไม่มีคนไม่มีรถแบบนี้  ผมยังเกือบจะชนเข้าให้แล้วมั้ยล่ะ

“ แต่กูก็ยังขับไม่เป็นนะ  นี่ก็ว่าปิดเทอมนี้จะกลับบ้านไปหัดบ้างเหมือนกัน “  ไอ้เคว่ามาบ้างครับ  ในที่สุดผมก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้วล่ะครับในตอนนี้

ผมนั่งเล่นอยู่ที่นี่จนถึงเย็นเลย  เล่นเกมบ้างเล่นกับไอ้ไทเกอร์บ้างก็เพลินดีนะครับ  รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย  แล้วพี่กิจก็ขี่บิ๊กไบต์คันโปรดมารับผมไปกินข้าวเย็น  ซึ่งพี่เขาคงจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องมาก่อนแล้วค่อยขับมารับผมแน่ๆ  เพราะเมื่อเช้าตอนออกไปยังใส่เชิร์ตกับสแลคอยู่เลย  มาตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์แล้วครับ

พี่กิจพาผมไปกินข้าวที่ห้างใกล้ๆ นี้  แถมยังเอาใจให้ผมเลือกร้านได้ตามใจชอบอีกด้วย  ซึ่งก็ไม่พ้นอาหารญี่ปุ่นของโปรดผมอีกตามเคย

“ อ้าวพี่กิจ  สวัสดีครับ “

เสียงหนึ่งดังขึ้นให้พวกเราหันไปมองตามเสียง  ก่อนจะพบกับชายผิวขาวตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย  ตาโตๆ ออกจะแบ๊วเสียด้วยซ้ำ  กำลังส่งยิ้มตาเป็นประกายมองมาทางพี่กิจ  ซึ่งแน่นอนว่าผมจำได้ดีครับ  เพราะเขาคือคนที่ผมเกือบจะขับรถชนไปเมื่อวานนี้

“ อ้าวน้องอาม... “

พี่กิจยิ้มทักขึ้น  ซึ่งจากที่พูดคุยเมื่อวานผมถึงได้รู้ว่าเขาคนนี้ชื่ออามครับ  เป็นหนึ่งในคนที่เข้าประกวดเดือนคณะเหมือนกันกับผม  ที่สำคัญตอนนี้เขายังเป็นลีดของคณะด้วย  ดังนั้นพี่กิจก็เลยรู้จักเป็นอย่างดี

เพียงแต่...  อย่าหาว่าผมขี้หึงเลยนะครับ  ผมไม่ค่อยชอบสายตาที่เขามองพี่กิจแบบนี้เลยจริงๆ

“ เป็นไงบ้างแผลเมื่อวาน “  เมื่ออามเดินเข้ามาใกล้พี่กิจก็ถามขึ้นทันที

“ ก็มีรอยช้ำเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย  แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากครับ “  เขายังคงยิ้มตาเป็นประกายมองหน้าพี่กิจราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

“ แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ “  พี่กิจยิ้มถามต่อครับ  แล้วเขาก็ชูของในมือซึ่งส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้าและของบำรุงผิวจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“ ครับ  พึ่งแยกกันกับเพื่อนเมื่อกี้นี้เอง  นี่ก็กะว่าจะไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับห้องอะครับ “

“ อ้าวเหรอ...  พอดีเลยพี่ก็กำลังจะมาหาอะไรกินอยู่พอดี  มากินด้วยกันสิเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง  ถือว่าเป็นการชดเชยเรื่องเมื่อวานก็แล้วกัน “  พี่กิจพูดจบผมก็แอบหันไปมองหน้าพี่เขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจครับ  คือถ้าเป็นคนอื่นผมก็ไม่ซีเรียสหรอกนะ  แต่กับคนนี้...  บอกตรงๆ  ผมหวงครับ

แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ  แถมต้นเหตุนั้นก็มาจากผมด้วยแบบนี้

ที่ร้านอาหาร

“ เมื่อวานเห็นพี่กิจมากับกันต์ก็ไม่นึกว่าพี่กับกันต์จะเป็นรูมเมทกัน  ถึงว่าดูสนิทกันจัง “

อามที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมกับพี่กิจพูดขึ้นหลังจากที่ได้รู้ว่าผมพักอยู่กับพี่กิจ

“ ว่าแต่อาทิตย์หน้าพี่กิจมาคุมพวกผมซ้อมลีดทุกวันเลยมั้ยครับ “

“ ก็ไม่นะ  เพราะพี่ต้องแบ่งเวลาไปซ้อมบาสด้วย  แต่ก็คงไปสักสองสามวันมั้ง  เพราะยังไงก็ต้องปล่อยให้ปีสองเป็นคนสอนอยู่แล้ว  พี่ไปก็ไม่ค่อยได้ทำไรหรอก  ว่าแต่ทำไมเหรอ  ไม่อยากให้พี่ไปรึไง... “

การสนทนาเริ่มดูออกรสชาติมากขึ้น  ในขณะที่ผมเริ่มรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงอย่างนั้น

“ เปล่าครับ...  จริงๆ ก็อยากให้พี่มามากกว่า “

ชัดเลยครับ  ไม่ใช่จากความหมายในประโยคนะครับ  แต่เพราะน้ำเสียงและแววตาเขินอายที่หลบสายตาพี่กิจนี้มากกว่า  ที่ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าอามต้องชอบพี่กิจแน่ๆ

“ อ้าวทำไมล่ะ  นึกว่าจะกลัวประธานเชียร์ซะอีก “

“ ไม่กลัวหรอกครับ  จริงๆ พี่กิจใจดีจะตาย “

ตามสบายเลยละกันครับ  คิดซะว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน  ชิส์

จบจากมื้อค่ำที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายนี้  ผมกับพี่กิจก็กลับห้องกันโดยที่ผมไม่ได้ชวนพี่เขาคุยอะไรแม้แต่คำเดียว

พอเข้ามาถึงห้องผมก็เดินเลยเข้าไปจะอาบน้ำทันทีเลยครับ  แต่กลับถูกพี่กิจคว้ามือเอาไว้เสียก่อน

“ เดี๋ยว...  เป็นไร โกรธไรพี่รึเปล่า... “

ยังจะมีหน้ามาถามอีก  นี่ไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ห๊ะ

“ เปล่า “

ปากแข็งไปงั้นแหละครับ  ทั้งที่ความจริงอยากจะถามไปตรงๆ เลยว่าคิดยังไงกับคนเมื่อกี้กันแน่  แต่เหมือนพี่กิจจะอ่านใจผมออกเสียอย่างนั้น  นอกจากจะยิ้มกริ่มแล้วยังขำเล็กๆ ขึ้นมาในลำคอเสียด้วย

ไม่ตลกนะโว้ย!!!

“ รู้นะ..ว่าหึงพี่ใช่มั้ย  ฮึ... “

“ ไม่ใช่สักหน่อย “

“ เหรอ...  แล้วที่นั่งเงียบตลอดตอนกินข้าวนั่นอะไรล่ะ “

“ ก็คนมันไม่ได้สนิท  จะให้พูดอะไรล่ะ  อีกอย่าง....  เห็นคุยกันถูกคอซะขนาดนั้น  ใครจะไปกล้าขัด “

ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชดหน่อยๆ ครับ  แต่นั่นกลับยิ่งทำให้พี่กิจชอบใจมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก

“ แบบนี้แหละเขาเรียกว่าหึง...  แถมหึงแรงด้วย “  พี่กิจไม่พูดเปล่าครับเอามือมาหยิกแก้มผมเบาๆ  จนผมต้องปัดมือออกพร้อมกับมองตาเขียวใส่ทันที

“ ใช่ที่ไหนล่ะ.. “

“ น่ารักนะเนี่ย... เวลาได้เห็นกันต์หึงพี่บ้างอะ...  แต่ฟังให้ดีๆ นะ  พี่อะไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นอน  และต่อให้เจอใครที่น่ารักกว่าเราก็เถอะ  พี่ก็ไม่มีวันสนใจอย่างแน่นอน “

พี่กิจเอามือสองข้างมากุมแก้มผมไว้บางๆ  พร้อมกับมองมาตาหวาน  และผมก็แพ้ให้กับสายตาแบบนี้ของพี่เขาเสมอ  จนตอนนี้จากหน้าบูดๆ ผมต้องผลุบตาต่ำลงด้วยกลัวว่าจะแสดงความเขินอายออกมาให้คนตรงหน้าได้รู้  จากนั้นผมก็รีบผละตัวออกไปเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำทันที 

คือผมยังคงทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนเดิม  เวลาที่โดนพี่กิจหวานใส่...

“ เห้ยพี่กิจเข้ามาทำไม  กันต์จะอาบน้ำ “

“ พี่อาบด้วย...  ไม่ได้แช่น้ำด้วยกันตั้งนานแล้วนี่  เดี๋ยวพี่ถูหลังให้ “

พี่กิจพูดจบก็ดันตัวผมที่พยายามจะแข็งขืนเข้าไปในห้องน้ำทันที  และสุดท้ายเราก็แช่น้ำกันตัวแทบเปื่อยครับ

แต่ที่อยู่ในห้องน้ำนานไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ

บางคนมันหมกมุ่น.....




...........................

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
ต้นสัปดาห์นี้กีฬาบางประเภทเริ่มแข่งกันบ้างแล้วครับ  ซึ่งเที่ยงนี้ทีมบาสคณะเราก็มีแข่งกับคณะวิทยาศาสตร์  และแน่นอนว่าพวกพี่กิจก็ต้องลงแข่งด้วย  รวมถึงพี่คิมและก็ปีหนึ่งคนเดียวอย่างไอ้เรย์  ดังนั้นเที่ยงนี้พวกเราเลยรีบกินข้าวเพื่อไปให้ทันเชียร์ที่สนามบาสทันที

เรามากันสายไปหน่อยครับ  คนแน่นสนามไปหมดแล้ว  อันที่จริงปกติมันจะไม่แน่นขนาดนี้หรอกครับ  แต่เห็นไอ้แน๊คมันบอกว่า  แมชไหนถ้ามีพี่กิจลงแข่งด้วย  คนจะเต็มสนามทุกแมชเลย  แถมในเพจคิ้วบอยแอนเกิร์ลของมหาลัยฯ เราวันนั้นก็จะเต็มไปด้วยรูปเซ็กซี่ของพี่กิจเลยทีเดียว

พวกเรา 5 คนซึ่งมีผม ไอ้แน๊ก ไอ้เจมส์ ไอ้ธันและก็แพร  มองซ้ายแลขวาหาที่นั่งแต่ก็ไม่มีเลย  สุดท้ายเลยได้แต่ยืนออกันอยู่ที่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้า  ตอนนี้เกมดำเนินไปได้สักพักแล้วครับ  และก็เป็นทีมของฝั่งวิศวะเราที่ทิ้งห่างไปกว่า 30 แต้ม  ชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลาเลยก็ว่าได้  ถึงกระนั้นเสียงกรี๊ดกร๊าดก็ยังคงดังกึกก้องสนามทุกทีที่พี่กิจได้ลูก  และแทบจะหูหนวกกันเลยทีเดียวเวลาที่พี่เขายิง 3 แต้มได้  แต่หนักสุดก็ตอนที่พี่กิจหันมาทางพวกเราก่อนจะยิ้มหวานส่งมาให้  ทำเอาคนที่ไม่รู้อะไรพากันกรี๊ดจนแทบสลบ

เกมจบลงด้วยผลแพ้ชนะตามคาด  ผู้คนส่วนมากเริ่มทยอยออกจากสนามกันแล้ว  แต่ยังเหลืออยู่บ้างประปราย   เพราะส่วนหนึ่งจะรอเพื่อเข้าไปขอถ่ายรูปกับนักกีฬาด้วย

“ มัวรออะไรวะแก  รีบเอาไปให้พี่เขาสิ “ 

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านบนสแตนด์เหนือหัวพวกผมครับ  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสนับสนุนของหญิงสาวในกลุ่มอีก 2 - 3 คน  และเมื่อผมแหงนหน้าขึ้นไปมองก็พบกับอามที่ถือขวดน้ำอยู่ในมือกำลังโดนเพื่อนสาวดันหลังให้ลงมาจากสแตนด์ครับ  ผมมองตามเขาไปติดๆ  พร้อมกับแอบหวังในใจว่าสิ่งที่คิดมันคงจะไม่เป็นจริง 

แต่บอกแล้วไงครับว่าเซนต์ผมมันแรง....

อามเดินกล้าๆ กลัวๆ เข้าไปหาพี่กิจโดยมีเพื่อนสาวอีกสามคนยืนเชียร์อยู่ห่างๆ  ผมไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับพี่กิจจากระยะที่ผมอยู่  แต่ภาพที่ปรากฏก็คืออามยื่นน้ำส่งให้กับพี่กิจ  ก่อนจะเรียกเพื่อนให้มาช่วยถ่ายรูปคู่กับพี่เขาให้ต่อจากนั้น

“ กันต์กูว่าพี่กิจของมึงกำลังจะโดนไอ้หน้าหวานนั่นจีบอยู่นะ “  ไอ้แน๊คพูดสิ่งที่ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจครับ  และไม่ใช่แค่ไอ้แน๊คนะครับ  แพรเองก็เห็นด้วย  ก่อนจะคะยั้นคะยอให้ผมเดินไปหาพี่กิจเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของทันที

ทันทีที่พี่กิจเห็นผมและเพื่อนๆ เดินเข้ามา  เขาก็ขอตัวแยกออกจากกลุ่มของอามแล้วตรงมาทางกลุ่มของพวกผมทันที  พร้อมกับไอ้เรย์ที่ตอนนี้เหงื่อท่วมตัวพลางเดินตามหลังพี่เขามาติดๆ

“ เป็นไงตัวเอง....เค้าเก่งมั้ย “  ไอ้เรย์ที่เดินแซงพี่กิจมาหาแพรพูดขึ้นหน้าบานทันทีที่มาถึง

“ ทำคุยนะเรย์  เค้าเห็นแต่พวกพี่กิจพี่คิมทำแต้มซะมากกว่า “  แพรว่าไป  ไอ้เรย์เลยแก้ตัวว่าตำแหน่งของมันไม่ได้เน้นทำแต้มแต่เป็นการช่วยซับพอร์ต

“ พี่ก็มองหาตั้งนาน  นึกว่าจะไม่มาเชียร์พี่ซะอีก “  คราวนี้พี่กิจที่เดินตามมาถึงก็พูดขึ้นกับผมบ้าง

ถึงผมไม่มา... ก็มีคนมาเชียร์พี่ตั้งเยอะ “  ผมแขวะไปครับ  ทำเอาพี่กิจทำหน้างงมองมาตาปริบๆ เลยทีเดียว

“ เอ่อ.. น้ำนั่นเอามาให้พี่ใช่มั้ย... “  พี่กิจเปลี่ยนเรื่องพลางมองไปยังน้ำเปล่าที่ยังไม่ได้เปิดฝาในมือผมครับ  ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่พี่เขาคิดนั่นแหละ  ว่าผมตั้งใจซื้อมาให้พี่เขา  แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้ละ...

“ ยังจะเอาอีกเหรอ  ของตัวเองก็มีแล้วนี่ “  ผมบอกไปพลางลิ่วตาไปยังขวดน้ำที่อามให้พี่เขาในมือ  จากนั้นพี่กิจก็ร้องอ๋อขึ้นมาเบาๆ พลางยิ้มกริ่มมองหน้าผมครับ

“ ขี้หึงนะเราอะ...  น้องเขาเอามาให้พี่เฉยๆ  จะไม่รับก็เสียน้ำใจ “

พี่กิจว่ามาก่อนจะสะกิดไอ้เรย์ที่กำลังกระดกน้ำจากแพรลงคออยู่เนืองๆ

“ อะกูให้ “  พี่กิจว่ามา  ในขณะที่ไอ้เรย์ทำหน้างงแล้วตอบกลับไปว่า  ผมมีแล้วเฮีย...

“ จะเอาไม่เอา... ถ้ากูงานเข้ามึงก็งานเข้าด้วยนะ “  สุดท้ายไอ้เรย์ก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ พร้อมกับรับน้ำขวดนั้นไป  แม่งบ้าอำนาจไม่เปลี่ยนเลย....

“ เห็นมั้ยไม่มีแล้ว...  มาพี่ขอน้ำเราหน่อย “  พี่กิจยิ้มว่ามา  พลางแบมือขอตรงหน้าผม  ถึงจะไม่ค่อยชอบใจแต่ผมก็ไม่ควรทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องขึ้นมา  ก็เลยส่งน้ำนั้นให้พี่เขาไป

“ น่ารักจังเลยแฟนใครเนี่ย “  พี่กิจว่ามาก่อนจะยกน้ำดื่มจากขวดของผมครับ  พร้อมกับเสียงโห่เชียร์อย่างหมันไส้จากเพื่อนๆ ผม 
ความโกรธไม่เหลือแล้วล่ะครับตอนนี้  อายมากกว่า....


เย็นนี้พวกเรามีเวรไปขอรับบริจาคเงินและสิ่งของสำหรับนำไปบริจาคให้เด็กชาวเขาในช่วงต้นปีหน้าที่ตลาดนัดใกล้ๆ มหาลัยฯ ครับ  ซึ่งทางพวกพี่ปี 4 หัวหน้าชมรมนั้นได้เลือกคนให้ถือกล่องครับ  ซึ่งก็มี 4 คนคือพี่กิจ  พี่พี  พี่บิว  และก็ผม  ด้วยเหตุผลที่ว่าคนหน้าตาดีมาถือจะทำให้คนอยากมาบริจาคมากขึ้น  แม้ผมจะค้านในใจว่ามันไม่เกี่ยว  ไอ้ที่คนมาบริจาคส่วนมากนั้นก็มาจากจิตศรัทธาทั้งนั้น  แต่พอเอาเข้าจริงนะครับ  คนมารุมกันเพียบโดยเฉพาะทางพี่กิจครับ   บางคนถึงขนาดขอต่อรองด้วยนะครับว่าถ้าบริจาคแล้วจะขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ย....

“ เชี่ย...  มึงว่ากล่องเฮียจะพอใส่เงินมั้ยวะนั่น “  ไอ้เรย์ที่กำลังถือป้ายโครงการซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้น 

“ ก็ดีไงมึง... จะได้มีเงินไปซื้อของบริจาคกันเยอะๆ “  ผมตอบไปตามที่คิดครับ  เพราะงานนี้ไม่มีการหวงอยู่แล้ว  ขอแค่ให้มีของไปบริจาคผู้ยากไร้เยอะๆ  ผมไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้หรอก

ว่าแต่อากาศวันนี้โครตจะร้อนเลยครับ  ไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์ก็หายหัวไปเลย  น้ำมะพร้าวที่ผมฝากซื้อก็คงอีกนานแน่กว่าจะได้  ดูท่าพวกมันคงมัวเถลไถลเดินดูของกันแน่เลยครับ  ส่วนไอ้เรย์นี่ก็สบายครับเพราะแพรที่ยืนด้วยข้างๆ คอยเอาพัดมาโบกให้มันอยู่บ่อยๆ  ส่วนไอ้ธันไม่ได้มาด้วยครับ  เพราะมันต้องไปเวิร์คช็อปหนังสั้นกับพวกพี่ๆ

“ กันต์ไหวมั้ย  ส่งมาเดี๋ยวพี่ถือให้ “ 

จู่ๆ พี่กิจก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมครับ  ในสภาพที่ไม่ได้ถือกล่องเมื่อเหมือนสักครู่  พอมองยังจุดเดิมที่พี่เขายืนอยู่ก็เห็นว่าเป็นพี่คิมมาช่วยถือแทนให้

“ ไม่เป็นไรพี่  แค่นี้สบายมาก “

“ เหรอ...  เหงื่อตกขนาดนี้เนี่ยนะสบาย “  พี่กิจพูดพลางควักผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผมก่อนจะแย่งกล่องของผมไปถือให้  จนผมเผลอยิ้มออกมาเล็กๆ 

“ หมันไส้โว้ย... “  ไอ้เรย์แอบเหน็บมาให้ผมได้ยินครับ

“ กล้าพูดนะมึงอะ...  แล้วทีมึง... แพรยังคอยพัดให้อยู่เลย  ตัวก็ควายยังทำเป็นอ่อนแออ้อนแฟนอีก “  ผมกัดตอบครับ  แล้วมันก็ทำเป็นไปฟ้องแพรว่าผมชอบด่ามันว่าควายครับ

“ กันต์ก็พูดถูกแล้วนะเรย์ “  พอแพรสวนกลับมาพร้อมกับยิ้มขำ  ไอ้เรย์มันก็ทำหน้าเหยเกทันทีเพราะไม่มีพวก

“ พี่กิจ... “  ผมสะกิดเรียกคนข้างๆ ครับ

“ หืม... “

“ หิวน้ำมั้ย  เดี๋ยวกันต์ไปซื้อให้ “  ถึงพี่กิจจะแข็งแรงและยังดูสบายๆ (เรียกว่าหล่อเหมือนเดิม)  แต่อากาศมันก็ร้อนจริงๆ นั่นแหละ  เผื่อว่าพี่เขาอาจจะรู้สึกกระหายน้ำบ้าง

“ อืม... อะไรก็ได้  เราซื้อมาพี่กินได้หมดแหละ “

ผมพยักหน้ารับเล็กๆ ก่อนจะชวนแพรเข้าไปในตลาดนัดเพื่อหาซื้อน้ำกันครับ  ขี้เกียจรอไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์มันแล้ว
 
สำหรับผมนะ  ตลาดนัดมันเป็นอะไรที่มีมนต์สะกดมากจริงๆ  โดยเฉพาะโซนที่ขายอาหาร  เพราะทั้งๆ ที่เป็นของกินธรรมดาๆ แต่มันช่างน่ากินไปซะทุกอย่างเลย  ยิ่งมากับแพรด้วยแล้วไม่ต้องบอกเลยครับว่าขากลับนอกจากจะมีน้ำแล้วเรายังมีของกินใส่ถุงมาอีกเพียบ  ชนิดที่เรียกว่ากินหมดคงอิ่มแบบไม่ต้องกินข้าวเย็นกันเลยก็ว่าได้

ผมกับแพรเดินกลับมายังบริเวณหน้าตลาดนัด  ซึ่งเป็นที่ที่เราตั้งรับบริจาคกัน  แต่ก็ต้องชะงักเท้าลงก่อนจะถึง  เมื่อภาพไม่ไกลมากตรงหน้ากำลังเห็นอามกับแก๊งเพื่อนสาวกำลังยืนหัวล่อต่อกระซิกอยู่กับพี่กิจ 

“ กันต์  เราว่าระวังไว้บ้างก็ดีนะ  เราเห็นตั้งแต่ช่วงที่ซ้อมลีดแล้วอะ  แต่ตอนนั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่  แต่พอเห็นหลายๆอย่างในวันนี้แล้ว...  เราว่ากันต์ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ “

แพรเตือนมาครับ  ซึ่งผมว่าแพรก็คงเห็นอะไรมาบ้างแหละ  เพราะเธอเองก็เป็นลีดด้วยเหมือนกัน

“ ขอบใจนะแพร  แต่เราก็ยังไม่กล้าทำอะไรมากหรอก  เพราะพี่กิจเคยบอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไร “  ผมตอบไปทั้งๆ ที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เอาเสียมากๆ เลยล่ะครับ

“ ถ้าพี่กิจบอกแบบนั้นกันต์ก็สบายใจได้  เพราะคนอย่างพี่กิจไม่ใช่คนที่จะมาโกหกใครหรอก  เนอะ... “  แพรบอกมาพลางยิ้มให้กำลังใจผมครับ 

จากนั้นเราก็เดินกลับเข้ากลุ่มไป  พี่กิจที่หันมาเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ทันที  ในขณะที่ผมกลับตีหน้าเฉยใส่  และเหมือนพี่เขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยพูดกับผมเสียงหวานเอาใจทันที

“ น้ำพี่ล่ะ  รอตั้งนานแล้วเนี่ยไม่มาสักที “

“ ยังอยากได้อยู่เหรอ  นึกว่าอิ่ม...  แล้ว “

ดูสิครับขนาดผมแขวะไปยังมายิ้มขำเล็กๆ ที่มุมปากอีก  ก่อนจะเอี้ยวตัวลงมากระซิบที่ข้างหูผมว่า...

“ ของกันต์น่ะ  พี่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม... “

“ พอเลยจะกินมั้ยน้ำอะ “

“ มือไม่ว่างอะ...  ถือกล่องอยู่  ป้อนทีดิ “  พี่กิจทำหน้าเจ้าเล่ห์ว่ามาครับ

“ เรย์... เฮียมึงให้มาช่วยถือกล่องให้หน่อยน่ะ “  ผมหันไปหาไอ้เรย์ซึ่งตอนนี้กำลังกินลูกชิ้นปิ้งที่แพรซื้อมาอยู่ครับ  ส่วนป้ายมันโยนให้ไอ้เจมส์ที่มากันแล้วถือแทน

“ โหยเฮีย  ขอเวลาผมสวีทกับแฟนบ้างเห๊อะ “  มันที่ไม่รู้เรื่องอะไรทำหน้าอิดออดว่ามาครับ  และพอผมหันกลับมามองที่พี่เขา  ก็เห็นคิ้วคมๆ เลิกคิ้วส่งมาให้พร้อมรอยยิ้มเยี่ยงผู้ชนะ

“ พี่กิจนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ  แล้วไว้ค่ำนี้เจอกันนะ “  อามพูดสวนขึ้นมาในขณะที่ผมกับพี่กิจกำลังทำสงครามจิตกันอยู่   ก่อนที่พี่กิจจะหันไปพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย 

ว่าแต่...  ไอ้ที่ว่าค่ำนี้เจอกัน... คงไม่ใช่ว่า...

ผมกำลังใช้ความคิดพลางมองกลุ่มของอามที่เดินหายเข้าไปในตลาด  ก่อนจะถูกพี่กิจเอากล่องรับบริจาคมาทุบหัวไปทีนึงจนผมต้องลูบหัวตัวเองป้อยๆ พร้อมทั้งหันไปมองยังคนตีอย่างเอาเรื่อง

“ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่..  เขาหมายถึงซ้อมลีดค่ำนี้  เพราะพี่ต้องไปคุมน้อง “

“ ก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่อย่าให้รู้นะว่าคิดเถลไถล  ไม่อย่างนั้นล่ะน่าดู “  ผมทำหน้าดุบอกไปครับ

“ คร้าบ  ใครจะกล้าล่ะ...  แต่ว่า...  คืนนี้พี่ขอกลับดึกหน่อยน้า “

นั่นไง...  ผมร่นคิ้วมองกลับไปทันทีเลยครับ

“ ไม่ใช่ๆ  เชื่อใจพี่หน่อยดิ  คือทีมบาสเขามีเลี้ยงกันที่เข้ารอบน่ะ  ไม่เชื่อถามไอ้คิมกับไอ้เรย์มันได้ “  พี่กิจอ้อมแอ้มขอมาครับ

“ ไอ้เรย์... “  ผมหันไปเรียกมันที่กำลังสวาปามขนมโตเกียวหลังจากฟาดลูกชิ้นปิ้งหมดไปทั้งถุง  ไม่รู้ไปตายอดตายอยากที่ไหนมา  สงสัยว่าต่อไปคงต้องให้แพรเพิ่มอาหารเม็ดให้มันอีกสักหน่อยแล้วล่ะครับ  ดูท่าจะกินข้าวไม่ค่อยอิ่ม

“ ไรมึง “

“ คืนนี้ทีมบาสมีเลี้ยงกันเหรอวะ “

“ อืม...  เฮียยังไม่ได้บอกมึงเหรอ “

ผมพยักหน้ารับรู้เล็กๆ ก่อนจะหันกลับมาหาคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มแป้นรอการอนุมัติจากผมอยู่

“ อย่ากลับดึกนะ “

“ ไม่ดึกคร้าบ...  จะรีบกลับมาทำการบ้าน “  ประโยคหลังนี่พี่กิจก้มลงมากระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคนครับ  ทำเอาผมจากที่ไม่พอใจอยู่เปลี่ยนมาเป็นเขินอายแทนเสียอย่างนั้น  ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งกินของที่ซื้อมากับพวกเพื่อนๆ แทนในทันที


ไม่บ่อยหรอกครับที่ตอนเย็นผมจะต้องมานั่งกินข้าวคนเดียวแบบนี้  เพราะหลังจากที่คบกับพี่กิจแล้ว  เราก็แทบจะไม่ห่างกันเลยก็ว่าได้  มีบ้างนานๆ ครั้งที่พี่เขาจะขอไปกินเหล้ากับเพื่อนบ้าง  ซึ่งก็มักจะชวนผมไปด้วย  แต่ผมไม่ค่อยไปด้วยหรอกครับ  ส่วนหนึ่งเพราะไม่ค่อยชอบเสียงดังๆ  กับอยากให้พี่เขาได้มีอิสระกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนมากกว่า  แต่ขอบอกเลยนะครับว่าพี่กิจอะติดผมมากกว่าผมติดพี่เขาเสียอีก....(เรื่องจริงนะ)


เช้าวันต่อมา

ผมไม่รู้หรอกครับว่าเมื่อคืนพี่กิจกลับมาถึงตอนกี่โมง  เพราะผมหลับไปก่อนแล้ว  มารู้ตัวอีกทีพี่เขาก็มานอนอยู่ข้างๆ ผมแล้วแบบหมดสภาพ ( ซึ่งไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก)  ผมลุกจากเตียงในตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนในเช้านี้  ซึ่งพี่กิจยังคงไม่ตื่นครับ  ท่าทางเมื่อคืนคงจะหนักจริง  เพราะไม่อย่างนั้นพี่เขาต้องตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าอันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วในตอนนี้

ผมลุกออกจากเตียงก่อนจะพบว่าที่พื้นห้องเกลื่อนไปด้วยกางเกงยีนส์  เสื้อยืดสีขาวและช๊อป  ดูท่าพี่เขาคงจะถอดออกอย่างส่งๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงมากอดผมหลับไปแน่ๆ

ผมก้มลงเก็บเศษซากแต่ละชิ้นเพื่อนำไปใส่ตะกร้าผ้าสำหรับซักครับ  ทว่าเสื้อช็อปเหมือนจะมีสิ่งของอยู่ภายในกระเป๋า  ผมจึงล้วงเอามันออกมาก่อนจะได้ไม่ลงไปในถังด้วย  ก่อนจะพบว่ามันคือซองถุงยาง 1 ชิ้นที่ยังไม่ได้ถูกแกะใช้  หัวใจผมหายวาบไปในทันที

เมื่อคืนพี่กิจไปทำอะไรมา....  ผมหันไปมองยังร่างสูงที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงช้าๆ  ยอมรับครับว่ากลัวกับความจริงที่จะต้องรับรู้  เพราะผมเองพอเอาเข้าจริงก็ยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ว่าพี่เขาจะถอดเขี้ยวเล็บออกไปได้แล้วจริงๆ

เพียงแต่...  ผมอยากได้ยินจากปากพี่เขามากกว่า  ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเลือกจะเชื่อความรู้สึกโดยไม่ฟังเหตุผลของอีกฝ่าย...

ดังนั้นเช้านี้หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ  ผมเลยได้แต่รอให้พี่กิจตื่นด้วยหัวใจระส่ำระส่ายพลางคิดไปต่างๆ นานา  แต่สุดท้ายแล้ว  ทุกความคิดผมก็เลือกที่จะไม่เชื่อ  และรอฟังเหตุผลจากปากของคนบนเตียงนี้เสียมากกว่า.... 

เพราะความเชื่อใจ...  มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีสำหรับการใช้ชีวิตคู่ของเรา....




TBC.


-------------------------------------------------------

 :a5: เดี๊ยว!!!!!!!  ชิลครับ  เชื่อหัวหมีขาว  ภาค 2 ค่อนข้างชิลกว่าภาค 1 และChapterหน้าบอกเลย  พี่กิจน่ารักมาก ^ ^ :hao3:

คุณ Billie   ถูก!!  กันต์เหมือนโคนัน ต่างกันตรงโคนันเจอคดี  ส่วนกันต์เจ็บตัว :heaven
คุณ areenart1984  เรด้า  สแกน 3 ผ่านครับ  อิอิ :hao6:
ุคุณ Leenboy  จารย์เค้าอาจจะเป็นคนดีก็ได้น้า o22  ต้องติดตามต่อนะครับ  แต่บอกเลยไม่ธรรมดา o22
คุณ DrSlump  เป็นไปได้นะครับมีโอกาส :hao3: :a5:
คุณ AkuaPink  ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจ :pig4:

ตอนหน้าลงวัน พฤหัสฯ นะครับโผม
สามารถลากคอคนเขียนได้ที่ทวิตเตอร์ @phanusun_p  นะครับ  ไว้มาพูดคุยกันน้าาาา^ ^ :pig2: :mew1:
สุดท้ายขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะครับผม  คอมเม้นแนะนำติชมได้เหมือนเดิมนะครับยินดีน้อมรับเสมอเยย :pig4: :pig4:
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^________________________________________^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ภาคที่แล้ว  มีนางร้ายนางมารผู้ชอบทำมาม่าหนึ่งตน

ภาคนี้  อาจมีสอง  ต้องรอดูต่อไป  กับสอง อ.  ออฟกับอามว่าจะมาทำมาม่าไหม

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กันต์จะยังไม่โวย ตราบใดที่เก้งไม่มียุ่งมากกว่านี้ แต่เฮียต้องไม่ลืม ความอดทนมันมีจำกัด  :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ก่อนจบพาร์ท อ่านตอนนั้นปุ๊บใจหายวาบเลย
แบบ อีกแล้วเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  4



กันต์’s  Part



พี่กิจเป็นคนที่รู้เวลาเสมอไม่ว่าจะดื่มหนักมาแค่ไหน  ไม่ถึง 7 โมงครึ่งที่ผมนั่งรอพี่เขาอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่โซฟาเล็กในห้องนอน  พี่กิจก็งัวเงียพลางบิดขี้เกียจพร้อมทั้งสะบัดหัวเล็กน้อยจากอาการเมาค้าง  ผมจ้องคนตรงหน้าก่อนจะเกริ่นถามขึ้นถึงสิ่งที่วุ่นวายอยู่จิตใจของผมในตอนนี้

“ เมื่อคืนหนักเลยเหรอครับพี่ “  ผมถามไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ อืม... โดนแกล้งน่ะ  เกมบ้าไรของไอ้คิมมันก็ไม่รู้  ทำเอาพี่โดนดื่มอยู่คนเดียวเลย “

“ แล้วกลับมาถึงกี่โมงครับ “

“ ก็...ราวๆ เที่ยงคืนนะ  ขอโทษนะคร้าบ....ที่พี่ดึกไปหน่อยอะ  แต่เห็นเราหลับไปแล้วพี่เลยไม่อยากกวน “

“ ไม่ได้ไปต่อที่ไหนเหรอครับ “

“ ไม่นะ...  กินเสร็จพี่ก็กลับมาห้องเลย  ทำไมเหรอ “

ผมพยักหน้ารับรู้เล็กๆ  แล้วพี่กิจก็ลุกจากเตียงในสภาพที่สวมเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น  ผมสูดหายใจเข้าปอดเล็กน้อยเพื่อให้พร้อมสำหรับคำถามที่ต้องการจะรู้คำตอบที่สุด ก่อนจะหยิบเอาซองถุงยางตรงหน้าขึ้นมาถามพี่เขาทันที

“ แล้วนี่อะไรครับ  ทำไมถึงอยู่ในเสื้อพี่ได้ “

พี่กิจที่ยังคงตาปรือๆ อยู่  เปลี่ยนมาเพ่งมองของในมือผม  ก่อนจะเดินเข้ามาดูใกล้ๆ  แล้วทำท่าเหมือนจะคิดเล็กน้อย  ก่อนจะตอบผมออกมา

“ เห้ยกันต์!!  พี่อธิบายได้นะ  ไอ้ถุงยางนี่น่ะมันไม่ใช่ของพี่  ไม่สิ...ของพี่นั่นแหละ  แต่พี่ไม่ได้ซื้อมานะ...  คือมีคนให้มาน่ะ  แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะคือ...อธิบายยังไงดีล่ะ “

ยิ่งพี่กิจลนลานอธิบายมา  ผมยิ่งไม่เข้าใจและหวั่นในความหมายของเขาอยู่มาก

“ คือฟังนะ...  เมื่อวานตอนเช้าไอ้คิมมันไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางมา  แล้วเขามีรณรงค์เรื่องการป้องกัน HIV ของพวกเด็กแพทย์น่ะ  มันเลยได้มาเพียบเลย  แล้วมันก็เอามายัดให้พวกพี่ทั้งกลุ่มเลยอะ  แถมลามไปถึงพวกในชมรมบาสด้วย  ไม่เชื่อถามไอ้เรย์ดูก็ได้... “

“ พี่กิจ...  ผมพูดตรงๆ เลยนะ  ผมน่ะยังไม่ค่อยมั่นใจความสัมพันธ์ระหว่างเราเลย... “  น้ำเสียงผมอ่อยลงพลางผลุบตาต่ำลงมองพื้นห้อง

“ ที่ผ่านมาพี่เป็นคนเจ้าชู้.... ผมเลยยังไม่มั่นใจพอว่าพี่จะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ  และผมเองก็เหมือนกัน  ยิ่งผมเป็นผุ้ชายด้วยแล้ว....  ผมยิ่งไม่มั่นใจใหญ่เลยว่าจะสามารถมัดใจพี่ได้จริงๆ  ดังนั้นแล้วเวลาที่มีใครเข้าหาพี่...  ผมเลยยิ่ง... “

คำพูดที่เหลือนั้นเลือนหายไปในลำคอเมื่อร่างสูงตรงหน้าลงมานั่งชันเข่าพลางใช้ปลายนิ้วเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้นมาสบสายตาอันอ่อนโยนของเขา

“ พี่เข้าใจนะว่าแค่คำพูดมันคงยากที่จะให้เชื่อได้  แต่พี่ก็ยังคงยืนยันคำเดิมนะ  ว่านอกจากกันต์แล้วพี่จะไม่มีใจให้ใครอีก  ต่อให้เป็นคนที่สวยกว่า  น่ารักกว่า  หรือว่าดูดีกว่าก็ตาม  เพราะพี่ไม่ได้รักกันต์จากรูปลักษณ์ภายนอกไง  พี่รักกันต์เพราะกันต์เป็นกันต์แบบนี้  ดังนั้นไม่มีใครที่จะเหมือนหรือมาแทนที่ได้  จำไว้นะ... “

ผมเข้าใจนะสิ่งที่พี่เขาพูดมา  เพียงแต่ลึกๆ แล้วมันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่เหมือนเดิม...  และเหมือนว่าพี่เขาจะดูออกจากสีหน้าหงอยๆ ของผมอยู่เหมือนกัน

“ ทำไงดีนะถึงจะทำให้เรามั่นใจในตัวพี่ได้เนี่ย... “

“ ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ  ถ้าพี่อยากให้ผมเชื่อ  ผมก็จะเชื่อตามที่พี่บอก...  บางทีเราอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้างเนอะ “

ผมฝืนยิ้มส่งให้ไป  เช่นเดียวกับที่พี่กิจเองก็อมยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมาให้ก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ แล้วพูดทิ้งท้ายแบบติดตลกว่า...
 
“ นี่มันไซส์ 52 พี่ใส่ได้ที่ไหนกันล่ะ “

“ จะรู้มั้ยล่ะ  ผมรู้เรื่องถุงยางที่ไหนกัน “  ผมทำน้ำเสียงงอนๆ ตอบกลับไปครับ

“ นั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่จะสอนให้อย่างละเอียดเลย...  หรือถ้าไม่เชื่อว่าพี่ใส่ไม่ได้.... “  พี่กิจพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับไล้นิ้วมาที่กระดุมเสื้อผมครับ

“ เช้านี้เรามาทดลองใส่ให้พี่ดูมั้ย... เวลายังพอมีอยู่... “

“  พอเลยไปอาบน้ำได้แล้ว...เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก “  ผมปัดมือพี่เขาออกก่อนจะดันพี่เขาให้ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำครับ...  เห้อ... หมกมุ่นที่สุด  คนบ้าอะไร...


เพียงแต่...  เรื่องนี้มันก็ยังคงคาใจผมไปตลอดทั้งวันนั่นแหละรับ....



เย็นนี้เรามีซ้อมร้องเพลงเชียร์และแปรอักษรกันเหมือนเดิมที่หอประชุมคณะ  บอกได้เลยว่ามันอลังการงานสร้างมากครับทั้งรูปแบบสแตนด์และคอนเซปการนำเสนอ  เทคนิคต่างๆ ด้วย  สมแล้วที่เป็นเด็กช่าง  ไม่แปลกใจเลยว่าวิศวะเราทำไมถึงชนะการประกวดสแตนด์เกือบจะทุกปีแบบนี้

ผมถามไอ้เรย์ถึงเรื่องถุงยางของพี่คิมครับ  ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าจริง  แถมแม่งยังพกใส่กระเป๋าตังเอาไว้อยู่เลย  ทั้งๆ ที่มันเองก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นกับแพรเลยด้วยซ้ำ  แต่คำตอบของมันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมามากเลยล่ะครับ  เพราะอย่างน้อยที่สุด  พี่กิจก็พูดความจริงกับผมเสมอ...

กิจกรรมในครั้งนี้แม้จะมีการร้องเพลงเชียร์ที่ต้องแก้กันอยู่หลายรอบก็ตามที  แต่ทุกอย่างก็ไม่มีความตึงเครียดเหมือนการเข้าเชียร์ในช่วงแรกๆ  ออกจะสนุกสนานเฮฮาเสียมากกว่า  แถมยังมีน้ำและขนมมาคอยซับพอร์ตน้องๆ อีกด้วย 

เพียงแต่ว่า...  วันนี้มันต่างออกไปนิดหน่อยครับ....

“ น้องๆ คะ  ดูจังหวะลีคด้วยนะคะ  ตอนนี้เพลงมันดูไวกว่าจังหวะมือลีดน่ะ  ลองใหม่นะคะ “  พี่แอนรุ่นพี่ปีสองที่เป็นเฮดเรื่องร้องเพลงเชียร์พูดขึ้น  ซึ่งวันนี้เราต้องร้องเพลงร่วมกับลีดปีหนึ่งที่แยกไปฝึกมาครับ  โดยที่เรานั่งร้องเพลงกันอยู่บนสโลปและมีลีดคอยวาดมือให้จังหวะอยู่ด้านล่างสิบคนเป็นชายห้าหญิงห้า  ซึ่งมีทั้งอามและแพรรวมอยู่ในนั้นด้วย  ผมมองยังร่างเพรียวบางของอามที่ดูอ้อนแอ้นกว่าผมมาก  อามดูเป็นผู้ชายหน้าหวานที่ค่อนข้างจะชัดเจนในรสนิยม  แม้ว่าจะไม่แสดงออกมามากก็ตาม  ต่างจากผมที่แม้ว่าจะดูเป็นคนน่ารักแต่ก็เป็นผู้ชายแมนๆ ธรรมดาๆ ที่เรียกได้ว่าไม่ได้หวานอะไรเลยสักนิด

“ หยุดก่อนค่ะน้องๆ  พี่บอกแล้วไงคะว่าให้ดูจังหวะมือจากลีด  มันไวไปอะค่ะ  เอาใหม่ตั้งแต่ต้นเลยนะคะ “

เราแก้กันไปแบบนี้หลายรอบมากครับ  แล้วจู่ๆ แก๊งพี่ว๊ากเมื่อต้นปีก็พากันเดินเข้ามาโดยการนำของประธานเชียร์อย่างพี่กิจ  แล้วทุกอย่างก็เงียบลงเมื่อเสียงเข้มน่าขนลุกดังขึ้นเหมือนเมื่อตอนกิจกรรมเชียร์เมื่อเทอมที่แล้ว

“ ปีหนึ่งเงียบ!!! “ 

เสียงพี่กิจคำรามดังขึ้นสร้างความแปลกใจให้กับพวกเราปีหนึ่งเป็นอย่างมาก  ก็ไหนว่าเชียร์มันจบไปแล้วนี่...

“ ได้ข่าวว่าพวกคุณไม่เอาใจใส่ที่รุ่นพี่สอนกันเลยใช่มั้ย! ทำเป็นเล่นกันใช่มั้ย!! ”

บรรยากาศเงียบและกลับไปกดดันเหมือนเมื่อตอนเข้าเชียร์เมื่อเทอมที่แล้วในทันที  พี่กิจที่เคยใจดีกลับกลายมาเป็นปิศาจร้ายเหมือนเมื่อก่อนไปเสียแล้วในตอนนี้

“ สิ่งที่พวกผมเคยสอนคงลืมไปหมดแล้วใช่มั้ย ! .”

“ S seniority เล่นหัวรุ่นพี่ไม่ฟังไม่เคารพกันเลยใช่มั้ย “

คราวนี้เป็นพี่ว๊ากที่ยืนข้างๆ พี่กิจตระโกนมาต่อ  จากนั้นก็เหมือนระบบเชียร์เลยครับที่จะผลัดกันพูดมาทีละคนๆ

“ O  order  ระเบียบวินัยและการทำหน้าที่ของพวกคุณในตอนนี้  ทำไมมันห่วยแบบนี้!! “
 
“ T tradition  งานนี้เป็นความภูมิใจของเราชาววิศวะที่จะไปแสดงให้คณะอื่นได้เห็นศักยภาพของพวกเรา  แต่พวกคุณกลับทำเป็นเล่นและไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ! “

“ U  unity  ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกคุณมันหายไปไหนกันหมดแล้ว! “

จากนั้นก็ปิดฉากด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ของประธานเชียร์สุดหล่อที่ตอนนี้สายตาแข็งกร้าวอย่างถึงที่สุด

“ S spirit  มันหายไปไหนหมดในตัวพวกคุณ  ผมและพวกรุ่นพี่ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับพวกคุณเอามากๆ เลยรู้มั้ย... “

เครียดขึ้นมาทันทีเลยครับ  ทุกคนใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่พยายามนะครับ  แต่ไม่คิดว่ามันจะจริงจังกันเบอร์นี้อะ  ถ้ารู้อย่างนี้ก็คงจะไม่เล่นสนุกกันมากขนาดนี้หรอกครับ

จากนั้นเราก็เริ่มร้องเพลงเชียร์โดยการคุมของพี่ประธานเชียร์สุดโหดต่อไป  และก็โดนสั่งให้หยุดร้องไปหลายรอบเพราะไม่ตรงกับจังหวะลีด

“ พอ!!  ไม่ได้เรื่อง!!  ผมจะสุ่มเรียกเพื่อนของคุณออกมาร้อง  ถ้าร้องไม่ได้!!  โดนลงโทษ!! “

เชี่ย!!  ซวยละ...คราวนี้งานจะเข้าใครกันล่ะวะเนี่ย...

“ 0014 !!  ออกมาข้างหน้า “

เชี่ย!!  นี่มันแกล้งกันชัดๆ เลย

ผมนั่งหน้าเหวออยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะถูกพี่กิจเรียกซ้ำอีกครั้งจนต้องรีบลุกลงมาจากสโลปยังด้านหน้าเวที

เอาวะ...  อยากแกล้งหรือแก้แค้นอะไรผมก็เชิญ  แต่ถ้าผมไม่พูดด้วยอย่าหาว่าไม่เตือนนะ.....

เมื่อลีดให้สัญญาณมือพร้อม  ผมก็เริ่มแหกปากร้องไปด้วยใจที่โมโหคนที่ยืนด้านหลังผมครับ  แต่ไม่ทันจะถึงครึ่งเพลงเลย  ก็ถูกสั่งให้หยุด  ที่สำคัญ... บอกเลยครับว่าผมไม่ได้คร่อมจังหวะด้วย  แบบนี้ชัดเลย....  ผมโดนแกล้ง!!!

“ ผมบอกแล้วนะครับว่าถ้าผิดจะต้องถูกทำโทษ! “ 

พี่กิจพูดจบก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ผม  พลางมองมาด้วยสายตาดุๆ  แต่ผมไม่กลัวหรอกครับ...  เพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ผิด  เลยมองตอบกลับไปอย่างเอาเรื่องเช่นเดียวกัน

“ ทำหน้าแบบนี้พร้อมจะรับการลงโทษแล้วใช่มั้ย! “  พี่กิจถามขึ้นเสียงดังครับ

“ ก็ถ้าพี่เห็นว่าผิด  ผมก็พร้อมรับครับ “  ผมตอบกลับไปเสียงแข็ง  คือจะให้ยอมได้ยังไงกันล่ะครับ  ในเมื่อเราไม่ได้ผิดจริง  แต่นี่ผมโดนกลั่นแกล้งกันเห็นๆ อยู่

“ ดี  ถ้างั้นก็หันหน้าไปมองเพื่อนๆ  แล้วรอรับการลงโทษได้เลย “

สิ้นเสียงพี่เขาผมดึงหน้าไม่พอใจใส่เล็กน้อย  ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับไปมองยังหน้าสโลปเบื้องหน้า  แล้ว....


เห้ย!!!.....


เห้ยยยยยยยย!!!!!!!!....

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
เสียงวี๊ดว้ายดังขึ้นรอบหอประชุมคณะทันทีเมื่อผมสัมผัสได้ถึงสัมผัสจากริมฝีปากที่ผมคุ้นเคยขึ้นมาที่ข้างแก้ม

“ ทำบ้าอะไรอะพี่กิจ “

ผมผงะตัวออกมาทันทีพลางลูบแก้มตัวเองป้อยๆ  ทว่าเสียงกรี๊ดกร๊าดกลับยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดไปทั่วทั้งหอประชุม  ไม่ว่าจะปีหนึ่งหรือปีไหนๆ ต่างลืมความเครียดเมื่อสักครู่นี้ไปจนสิ้น  หากแต่เจ้าตัวผู้กระทำกลับยิ้มกริ่มที่มุมปากไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย

“ ก็ลงโทษไง...  ทำไมเหรอ “

“ แล้วใครเขาทำกันแบบนี้เล่า “

ผมทำหน้าดุว่าไปครับ

“ อ่าว...แล้วจะให้พี่ทำมากกว่านี้เหรอ  ได้นะถ้าเรากล้าพอ “

คำตอบของพี่เขากลับยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดมากขึ้นไปกว่าเดิม  ยิ่งทางพวกพี่ๆ แก๊งพี่กิจด้วยแล้ว  ยิ่งตระโกนบอกว่า  เอาเลยๆ  จนตอนนี้ผมนี่แทบจะอายจนแทรกแผ่นดินอยู่แล้วเนี่ยครับ

“ จะเปิดตัวแฟนต้องทำคนอื่นเดือดร้อนกันขนาดนี้เลยเหรอวะมึง “  เสียงพี่คิมตระโกนมาจากบนสโลปครับ

“ เจ๋งมากไอ้เสือ!! “  อันนี้พี่พีตระโกนมาต่อ  แถมยังพากันโห่แซวกันมายกใหญ่เลย  จนผมไม่กล้าหันไปมองยังสโลปแล้วตอนนี้  และพอหันกลับมามองยังพี่กิจ  เจ้าตัวกลับยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยจะได้เห็นกันบ่อยๆ ราวกับกำลังทำเรื่องน่าชื่นตาบานเสียอย่างนั้น  ตรงกันข้ามกับผมตอนนี้เลย  ที่รู้สึกเหมือนจะหน้าแดงและหูร้อนๆ เพราะความอายอยู่แล้วเนี่ย

“ เรื่องอะไรกันเนี่ยพี่กิจ “  ผมหันไปถามยังคนข้างๆ ครับ

“ ก็เราบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายังไม่ค่อยมั่นใจในตัวพี่อะ  พี่ก็คิดว่าทำแบบนี้มันน่าจะทำให้เรามั่นใจพี่ได้แบบไม่มีข้อสงสัย  แถมยังจบปัญหาเรื่องขี้หึงของเราด้วย “  พี่กิจก้มลงมาพูดกับผมให้พอได้ยินกันสองคนครับ

“ มันก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้เปล่า  แล้วแบบนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย “

“ ก็ดีแล้วไง...  คนเขาจะได้รู้ว่าเรามีเจ้าของ  จะได้ไม่มีใครมาจีบ “  พี่กิจพูดพลางยิ้มขำครับ

“ ไม่ตลกด้วยนะ “

“ เอาน่าพี่จัดการเอง “  พี่กิจพูดกับผมจบก็หันหน้าไปยังทางเสียงโห่ร้องที่ยังคงระงมอยู่ไม่ยอมเลิกรา

“ เงียบๆ กันก่อนคร้าบ !! “  พี่กิจพูดขึ้นมาเสียงดังพลางยกมือปราม  จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลงด้วยสีหน้าที่กำลังรอลุ้นอยู่ว่าพี่เขาจะพูดอะไรต่อ

“ ก่อนอื่นเลย...  พี่ต้องขอโทษน้องๆ ด้วยนะครับที่ทำให้ต้องเครียดกัน  สำหรับเรื่องที่ทำก็แค่อยากเอาใจ...  แฟนตัวเองก็แค่นั้น “

จบประโยคนี้หลายคนก็พากันกรี๊ดจนแทบจะสิ้นสติกันเลยทีเดียว

“ และอีกอย่าง...  ผมก็อยากถือโอกาสนี้เปิดตัวแฟนผมด้วยอย่างเป็นทางการ  คนแรกและคนเดียวที่ผมจะให้สถานะแฟน  คนเดียวที่ผมจะฝากเกียร์ของผมเอาไว้กับเขา “  พี่กิจพูดพลางล้วงเอาเกียร์ทองที่ห้อยคอผมออกมาโชว์นอกเสื้อ  ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับหลายๆ คนมากขึ้นไปอีก  พร้อมกับเสียงพูดคุยกันว่าเรื่องเกียร์ทองนั้นมันมีอยู่จริง....

“ และคนนั้นก็คือ....  กันต์ครับ “

พี่กิจพูดพลางโอบไหล่ผมเอาไว้ข้างๆ ครับ  ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง  บ้างแสดงความยินดี  บ้างโห่ว่าพี่กิจขโมยขวัญใจหลายๆคนไปบ้าง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่รู้ทำไมกำเผยยิ้มเล็กๆ ออกมาได้เสียอย่างนั้น

ใครจะไปคิดกันละครับว่าคนระดับพี่กิจจะกล้าเปิดตัวผมต่อหน้าพี่ๆ น้องๆ ในคณะได้แบบนี้  แค่นี้มันก็มากพอที่ผมจะมั่นใจในตัวพี่เขาได้แล้วไม่ใช่เหรอ...

“ ดังนั้นแล้ว... ใครที่คิดจะจีบผมเนี่ยไม่ต้องเสียเวลาเลยนะครับ  เพราะผมคงจะไม่มองใครอีกแล้ว  ที่สำคัญ...  ใครก็ตามที่คิดจะจีบแฟนผม  บอกเลยนะครับว่าได้เจอดีกับผมแน่ “

ทำเป็นขู่...  ไม่อายชาวบ้านเขาเลยรึไง  แล้วพวกข้างหน้าเนี่ยเมื่อไหร่จะหยุดกรี๊ดกันสักที  ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย  อายเป็นบ้าเลยโว้ย!

“ พอแล้วครับ...  พอแล้ว  กันต์มันอายหมดแล้วเนี่ย “  พี่กิจพูดพลางขยับมือมาขยี้หัวผมเหมือนที่ชอบทำอยู่ทุกที

“ อะไรมึงไอ้กิจ  แค่นี้ทำเป็นกลัวเมียแล้วเหรอ “  พี่คิมตะโกนมาครับ

“ ป๊อดว่ะ!! “  อันนี้พี่พีเสริม  จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงโห่จากพี่ผู้ชายปีสูงครับ

“ ไอ้คิมอย่าหางานให้กู  ถ้ากูได้นอนนอกห้องนะ  กูจะตามราวีมึง “  พี่กิจพูดพลางชี้ไปทางพี่คิมอย่างคาดโทษเอาไว้ครับ

จากนั้นการซ้อมเชียร์ของวันนี้ก็จบลงท่ามกลางความครึกครื้นกว่าทุกๆ วัน  ที่สำคัญนอกหอประชุมวันนี้พี่กิจสายเปย์เล่นจัดบุพเฟ่ต์อาหารจากโรงแรม(ตัวเอง) มาเลี้ยงคนทั้งคณะเลยแบบนี้  จนพี่คิมแย้งว่า  งานแต่งถ้าเลี้ยงแค่นี้ไม่ได้นะ...




“ อะไรนะ!  น้องมันแค่งอนมึงเรื่องถุงยาง..  มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ “

พี่คิมตกใจเมื่อรู้ว่าความจริงสาเหตุมันเริ่มต้นมาจากอะไรครับ

“ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ  น้องเขาจะได้มั่นใจในตัวไอ้กิจ “  พี่บิวว่ามาพร้อมกับพี่พีที่พยักหน้าเห็นด้วย

ตอนนี้พวกเรามานั่งกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆ หอประชุมคณะกันครับ  บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่และเพลิดเพลินไปกับอาหารอย่างดีหลายชนิดที่คุณชายท่านควักเงินตัวเองเปย์มา(จากโรงแรมของตัวเอง)   ตอนนี้แก๊งพวกผมรวมตัวกับแก๊งพี่กิจอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนซึ่งเต็มไปด้วยอาหารบนโต๊ะที่แต่ละคนตักมากันครับ  และเพราะโต๊ะมันเล็กกว่าจำนวนคน  ดังนั้นเลยมีทั้งคนที่นั่งและยืนกินคละกันไป  ซึ่งผมนั่งโดยมีพี่กิจยืนอยู่ด้านหลังพลางจับไหล่ผมอยู่ไม่วาง

“ แต่เฮียโครตเจ๋งอะ  สมแล้วที่เป็นไอดอลผม “  ไอ้เรย์ว่ามาครับพลางพยักพเยิดกับไอดอลของมัน

“ แต่ถ้ามึงกล้าทำขนาดนี้นะ  รับรองว่าไม่มีใครกล้ามายุ่งกับกันต์แน่ “  พี่บิวว่ามาก่อนจะตักขาหมูเยอรมันเนื้อนุ่มหนังกรอบเข้าปากไปครับ

“ ในคณะตอนนี้ไม่ห่วงหรอก  แต่นอกคณะนี่ไว้ใจไม่ได้ “  คราวนี้พี่กิจว่ามา  ผมเลยหันไปชกท้องพี่เขาเบาๆ ครับ  ใครกันแน่เหอะที่จะมีคนมาตามจีบ  ชิส์

“ ดุนะเนี่ยกันต์  เอาไอ้กิจซะอยู่หมัดเลย  พี่บอกเลยนะว่าไม่เคยมีใครทำให้ไอ้กิจเชื่องได้ขนาดนี้ “  พี่พีว่ามาครับ

“ สัดกูไม่ใช่หมานะเว้ย “  พี่กิจแย้งจบก็พากันหัวเราะทั้งโต๊ะเลยครับ

จากนั้นไม่นานไอ้แน๊คที่นั่งข้างๆ ผมก็สะกิดสีข้างผมให้หันไปมองยังคนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้  ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนครับ  อามนั่นเอง...  สีหน้าของเขาดูหงอยๆ ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่  ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับเพราะถ้าเป็นผมเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

จากนั้นไอ้เรย์ไอ้เลวแม่งก็ไปแซวเขาขึ้นครับ

“ อ้าวนาย...  ทำไมรีบกลับล่ะ... ไม่อยู่กินอะไรก่อนเหรอ...  ของอร่อยทั้งเลยนะ “

ผมด่าไอ้เรย์ไปแบบไม่ออกเสียงว่า  ไอ้สัด...  ก็ดูมันสิครับอยู่เฉยๆ ไม่เป็นรึไง  ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน

อามหันมามองทางพวกเราครับ  แต่สายตาอามที่มองเลยมาทางผมดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่

“ ไม่ล่ะ... จะรีบกลับหอไปทำการบ้าน “

อามตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์อย่างไม่สามารถเก็บความรู้สึกไม่ชอบใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้  ก่อนจะเบือนหน้าสายตาเชิดเล็กน้อยแล้วรีบเดินจากไป

“ น้องคนนี้เหรอวะที่กันต์หึงอะ “   พี่บิวถามพี่กิจทันทีเมื่ออามเดินจากไปไกลแล้ว  พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังคนด้านบนที่ถือแก้วน้ำอยู่( ซึ่งไม่ใช่แอลกอฮอล์นะครับ  เพราะทางมหาลัยฯเขาห้าม )  ก็ได้แต่พยักหน้ารับเล็กๆ  จากนั้นพี่พีก็ขำขึ้นมาพลางส่ายหน้าแล้วพูดกับผมต่อทันที

“ ตุ้งติ้งขนาดนี้นะ  กันต์ไม่ต้องเป็นห่วงเลย  ไอ้กิจไม่มีทางชอบหรอก  อย่างมากก็มองว่าน่ารักๆ ตามแบบสาวๆ เท่านั้นแหละ “

“ ผมก็ไม่ได้หึงสักหน่อย  พี่พีก็ไปเชื่อพี่กิจเขา “  ผมทำหน้ามู่บอกไปก่อนจะถูกพี่กิจขยี้หัว (อีกแล้ว..  เป็นอะไรกับหัวผมกันนักหนาห๊ะ  เลยต้องมาจัดทรงให้เข้าที่อยู่เรื่อยเลยเนี่ย ) 

“ เหรอ...  ไม่หึงเลยเนาะ... “  พี่กิจว่ามาครับ  แถมใช้น้ำเสียงแบบไม่เชื่อในคำพูดของผมซะด้วย  แล้วนี่คนอื่นๆ จะหัวเราะทำไมคร้าบ  ผมไม่ใช่ตัวตลกนะเว้ย!  ไอ้คุณชายธันมึงก็ด้วยนะ  เห็นเงียบๆ มาตลอด  ไหงตอนนี้มาขำกับเขาด้วย



กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้วล่ะครับ  แก๊งพี่กิจไปต่อกันที่ร้านเหล้า  ส่วนพี่กิจวันนี้ไม่ไปกับเขาด้วยแฮะ...  น่าแปลกมาก....  ไอ้เรย์ตอนแรกก็ว่าจะไปนะครับแต่แพรห้ามเอาไว้  บอกว่ามีเรียนเช้าก็เลยอดไปตามระเบียบ  เห็นเลยอนาคตของพวกกลัวเมีย  หึๆๆ  เดี๋ยวพ่อจะล้อเสียให้เข็ดเลยคอยดู  ส่วนไอ้ธันก็ขอบายเพราะมันต้องกลับไปอ่านบทละครหนังสั้นอะไรของมันเนี่ยแหละครับ  แก๊งผมก็มีแค่ไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คครับที่ตามไปด้วย  เพราะยิ่งไปกับพวกพี่ๆ กลุ่มนี้แล้ว  ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องค่าใช้จ่าย  พวกพี่เขาเลี้ยงน้องเสมอ  แถมสั่งมาได้เต็มที่แบบไม่มีกั๊กอีกด้วย

ทันทีที่มาถึง  ผมก็มานั่งเช็คข่าวสารในโลกโซเชียลผ่านทางโน๊ตบุ๊คในเพจ cute boy & girl ของมหาลัยฯ ผมทันทีครับ  เพราะมันเป็นแหล่งข่าวสารข้อมูลเรื่องข่าวซุบซิบต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งของมหาลัยฯ เรา  และก็มีจริงครับเกี่ยวกับข่าวที่ว่าพี่กิจหัวหน้าแก๊งจตุรเทพมาเฟียแห่งมหาลัยฯ ประกาศสละโสดแล้ว  แม้จะเป็นข่าวที่มีเพียงแค่ข้อความแต่นั่นกลับสร้างกระแสฮือฮาในเพจได้มากเลยทีเดียว  ซึ่งมีทั้งคนเชื่อและก็ไม่เชื่อเพราะไม่มีภาพประกอบ  คือตอนเชียร์นั้นเขาห้ามทุกคนใช้โทรศัพท์กันครับ  แต่จะว่าไปสถานการณ์ในตอนนั้นมันก็ช็อคเกินกว่าจะคิดเรื่องถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐานได้อยู่ดี

หลายคนมองเป็นเรื่องขำมากกว่า  ว่าพี่กิจเนี่ยนะจะหันมาชอบผู้ชาย  บ้างก็ถามว่าผมนั้นเป็นใคร  ต่างๆ นานา  แต่โดยรวมมันน่าตลกตรงที่คนนอกคณะเกือบทั้งหมดไม่เชื่อในข่าวนี้กันเลย  ทั้งๆที่มันเป็นความจริงแท้ๆ  แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ  ผมจะได้ไม่ต้องคอยเดินหลบๆ ซ่อนๆ  ไม่ใช่แค่อายนะครับ  ยังกลัวโดนตีนจากบรรดาแฟนคลับของพี่เขาด้วย

สักพักพี่กิจที่พึ่งอาบน้ำก็ออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว  พลางขยี้ผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กอยู่ไหวๆ  ก่อนจะเดินมาทั้งอย่างนั้น  แล้วมานั่งข้างๆ ผมเพื่อดูว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

“ ไม่ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนล่ะ “  ผมพูดขึ้นหากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนจอโน๊ตบุ๊คตรงหน้าอย่างไม่วางตา

“ เสียเวลาเดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี  ว่าแต่เราเถอะรีบไปอาบน้ำได้แล้ว  พี่รออยู่ “

ผมหันมามองพลางพ้นลมออกจมูกใส่  คนอะไรหมกมุ่นเป็นบ้าเลย  แต่ผมไม่สนหรอกครับ  ดูอะไรอีกสักแปบค่อยอาบแล้วกัน

“ ไม่เอาพี่กิจ  กันต์เล่นคอมอยู่... “  ผมพูดไปเมื่อปลายนิ้วเริ่มไล้บริเวณต้นขาผมขึ้นมาครับ  แถมใบหน้าสดชื่นเริ่มเข้ามานัวเนียที่ต้นคอผมอย่างบางเบา  ให้ผมได้กลิ่นหอมจางๆ ของสบู่และไอเย็นจากความชื่นบนร่างกาย

“ ทีหลังก็ได้ไม่เห็นมีไรน่าสนใจเลยเพจนี้น่ะ  อีกอย่าง...พี่ซื้ออะไรมาสอนเราด้วย “  พี่กิจบอกมาเสียงพร่าที่ข้างหูผมครับ  ผมเบี่ยงหัวหลบเล็กน้อยก่อนจะหันมาเผชิญหน้าที่กำลังยิ้มกริ่มตาเยิ้มมองผมอยู่ในตอนนี้

“ อะไรอะ... “  ผมถามถึงของบางอย่างที่พี่กิจว่ามาครับ

“ ไม่บอกหรอกจนกว่าเราจะอาบน้ำเสร็จ “

ผมทำท่าคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะยอมเออออว่าตามไปอย่างง่ายดาย  ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  อย่างแรกเลยคืออยากรู้  และอย่างที่สองก็คือ  ถึงผมจะดึงดันไม่ยอมยังไง  สุดท้ายก็แพ้ทางพี่เขาอยู่ดี  ในเมื่อยังไงผลลัพธ์มันก็ออกมาในแบบเดียวอยู่แล้ว  สู้ไปเองยังจะดีกว่า....  ว่ามั้ยครับ

สักพักผมก็เดินออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว  ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดใส่  แต่ไม่ทันจะไปถึงผมก็ถูกพี่กิจที่ตอนนี้ยังคงไม่ยอมแต่งตัวลากไปนั่งบนเตียงครับ

เดาได้เลย...  การบ้านชัวร์....

“ ไหน...  อะไรที่จะให้กันต์ดูอะ “  ผมถามไปครับ  จากนั้นพี่กิจก็ลุกไปหยิบอะไรบางอย่างบนโต๊ะมาครับ

“ นี่ไง “  พี่กิจโชว์ไอ้เจ้ากล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กซึ่งผมพอจะเดาได้  แม้ว่าจะไม่เคยได้ใช้มันเลยก็ตาม

“ อะไรอะพี่กิจ...  ซื้อมาทำไม  ทะลึ่ง “

ผมว่าไปพลางรู้สึกเขินขึ้นมาบนใบหน้าครับ  ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันก็เลยไปถึงไหนต่อไหนแล้วแท้ๆ  แต่เคยเป็นมั้ยครับ....  เวลาที่เราเห็นถุงยางแล้วมันให้ความรู้สึกแบบ....  เอ่อ...  อย่างนั้นอะครับ   แหะ...

“ ก็เอามาสอนเราใช้ไง  เดี๋ยวพี่จะเป็นหุ่นให้เราเอง... “

“ โรคจิตอะพี่กิจ “  ผมยี้ปากใส่ก่อนจำเป็นเบือนหน้าหนีไป  แต่ก็ถูกพี่เขาจับหันมาหาอยู่ดี

“ อันนี้ถุงยางเจ้าปัญหามันไซส์ 52  แต่ถ้าพี่ใช้จะเป็นอันนี้ไซส์ 56 “  พี่กิจหยิบซองมาให้ดูแต่ละอัน  ซึ่งผมก็หยิบมาพิจารณาต่อใกล้ๆ และไม่เห็นความต่างกันเท่าไหร่  ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่รู้จริงๆ

“ ไม่เห็นจะต่างกันเท่าไหร่เลย  น่าจะใช้แทนกันได้อยู่แล้ว “

“ ต่างสิ...  เดี๋ยวแกะมาก็จะเห็นเองว่ามันต่างกัน  ส่วนใช้แทนกันได้มั้ย...จริงๆ ก็ได้อยู่นะ  แต่ 52 มันคับมากแถมใส่ยากด้วย  พูดไปเราก็ไม่เห็นภาพหรอก  ว่าแล้วก็...  มาลองกันเลยดีกว่า “ 

พี่กิจกัดริมฝีปากเบาๆ มองผมมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด

“ อะไร...ทะลึ่งพี่กิจ... “  ผมบ่ายเบี่ยงครับ  เล่นตัวสักนิดพอเป็นพิธีนั่นแหละ  เพราะไม่เคยจะรอดพ้นพี่เขาไปได้เลยสักครั้ง 
เห้อ....

“ ทะลึ่งอะไร...  เพศศึกษาเราต้องเรียนรู้เอาไว้บ้าง  มาๆ เดี๋ยวพี่จะให้เราเป็นคนใส่ให้พี่เลย  หึๆ “

“ เดี๋ยวดิพี่  ใจเย็น...  เห้ยพี่กิจ...  อ่า...  พะ...พี่กิจจจจจ..... “

สุดท้ายก็แพ้ไปตามระเบียบครับ  ก่อนจะได้เรียนรู้ว่าผมสามารถใส่ถุงไซส์ 52 ได้อย่างสบาย  ในขณะที่มันเป็นเรื่องลำบากสำหรับเจ้ากิจน้อยจริงๆ  ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วละครับถึงความแตกต่าง  แต่พอนึกถึงภาพเจ้ากิจน้อยตอนที่มันอึดอัดหายใจไม่ออกนั้นแล้วล่ะก็...  หึๆๆ 


ฮ่าๆๆ




TBC.



------------------------------------------------------

เล้าเป็ดเข้าไม่ได้หลายวันเลยไม่ได้ลงตามกำหนดนะครับ  วันนี้(ซึ่งไม่ใช่วัน จ. - พฤ.)  เลยเอามาลงครับ

เจอกันอีกทีวันพฤหัสเหมือนเคยนะครับ

ขอให้มีความสุขกับนิยายเรื่องนี้นะครับ

-----------------------------------------------------

ช่องทางการติดต่อ  @phanusun_p

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เหมือนๆ อามจะยังไม่จบนะ เอ๊ะ หรือจบดี  :hao3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องอามหน้าเสียเลยอ่ะ5555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

พี่กิจก็หาโอกาส

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  5



เค ‘s  Part



ไม่รู้ว่าอาหารของโรงอาหารคณะอื่นจะห่วยเหมือนเคณะเภสัทฯ รึเปล่านะ  เพราะบ่อยครั้งที่ผมต้องชวนเพื่อนออกมาทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกลางเหมือนเช่นวันนี้อยู่บ่อยๆ

“ น้องชื่ออะไรเหรอครับ  พอดีเพื่อนพี่เขาเขาอยากขอไลน์น้องหน่อยน่ะ “ 

รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาถาม  ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณปี 3 หรือไม่ก็ปี 4  ก่อนจะชี้นิ้วไปยังโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีคนนั่งอยู่ 3 คนพลางโบกไม้โบกมือเล็กๆ ส่งมาให้  แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับว่าเขาหมายถึงผม  เพราะคนแมนๆ ตัวสูงๆ ต้นขาใหญ่ๆ แบบผมผู้ชายที่ไหนเขาจะมาชอบ  ที่สำคัญ... ผมเองก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นด้วยเหมือนกัน  แต่ที่เขาถามนั้นหมายถึงคนข้างๆ ผมครับ  แพรว... เธอเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มผมครับ  เป็นคนที่หน้าตาน่ารักถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวยขนาดดาวของคณะผมก็ตาม  แต่บอกได้เลยครับว่า  ใครเห็นก็ต้องมีหันกลับมามองกันบ้างแหละ

“ แพรวค่ะ...  แต่หนูขอโทษนะคะพอดียังไม่สะดวกที่จะให้ไลน์น่ะค่ะ “  แพรวพูดตัดบทก่อนจะดึงชายเสื้อผมที่กำลังถือจานข้าวราดแกงอยู่ในมือให้รีบเดินกลับโต๊ะซึ่งมีเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

ทุกอย่างเหมือนจะจบไปด้วยดี  แต่เปล่าเลยครับ  พอเราทานข้าวกันเสร็จและกำลังจะออกจากโรงอาหาร  กลุ่มรุ่นพี่พวกนั้นก็มาดักรอและยังคงตื๊อแพรวไม่เลิกรา  จนคนแรงๆ อย่างผมต้องออกหน้ามาพูดแทน

“ พูดตรงๆ นะครับพี่  คือเพื่อนผมเขาไม่รู้จักพวกพี่  และก็ไม่อยากจะให้ไลน์ด้วย  ดังนั้นเลิกตื๊อเถอะครับ  พวกผมต้องรีบกลับไปเรียนแล้ว “

ผมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ตามสไตล์ของผม  ก่อนจะจูงมือแพรวให้เดินเลยกลุ่มพวกรุ่นพี่นั้นไป  แต่แล้วแขนอีกข้างของผมกลับถูกจับรั้งไว้ด้วยมือด้านๆ ของรุ่นพี่คนที่เข้ามาขอไลน์แพรวในตอนแรกครับ  ผมหันขวับมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง  เพราะอย่างที่รู้กันครับว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างไม่ยอมใครอยู่แล้ว

“ แล้วมึงเป็นใคร  เสือกอะไรด้วย  เป็นแค่ปีหนึ่งอย่าเปรี้ยวให้มันมาก “  เขาว่ามาครับ

“ อ่าวพี่!  นี่เพื่อนผม  แล้วพวกพี่ก็กำลังบังคับในสิ่งที่เขาไม่ชอบอยู่  แล้วจะไม่ให้ผมยุ่งได้ไง “

ผมยอมเสียที่ไหนล่ะครับ  พร้อมชนเสมอ  จนแพรวต้องดึงแขนรั้งเอาไว้  แล้วเร่งให้ผมรีบออกไปจากตรงนี้  แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้ถึงผมอยากจะออก...  มันก็คงจะยากแล้วล่ะครับ

“ อ้าวเห้ย!  ไอ้เคมากินข้าวที่นี่ด้วยเหรอวะ “

เมื่อเสียงคุ้นหูของไอ้เรย์ดังขึ้น  สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปครับ  เพราะเด็กวิศวะแก๊งของกันต์เดินมากันยกแก๊งเลย  และถึงแม้ว่ากันต์จะเป็นคนใจสู้  แต่เรื่องต่อยตีคงจะไม่ไหวเอาแน่ๆ  แต่ถ้าเป็นไอ้เรย์กับไอ้ธันนี่สบายเลยครับ  เอาไอ้พวกรุ่นพี่นักเลงพวกนี้ลงได้สบายแน่ๆ

เมื่อพวกวิศวะเดินมาถึง  ไอ้คนที่จับแขนผมไว้ก็รีบปล่อยมือของมันทันที  จำนวนคนไม่เท่าไหร่หรอกครับ  แต่ขนาดตัวไอ้เรย์คงข่มไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ ฝากไว้ก่อนนะมึง... “

ไอ้คนที่เข้ามาขอไลน์แพรวในตอนแรกพูดขึ้นมาแต่ก็ไม่เต็มเสียงสักเท่าไหร่  ก่อนที่พวกรุ่นพี่ทั้งสี่คนกลุ่มนี้จะเดินแยกตัวออกไป  กันต์ถามผมว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า  แต่ผมก็ปฏิเสธไปไม่อยากให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาหรอกครับ  เพราะยังไงก็ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว  จะได้ไม่ต้องมีปัญหาบานปลายกันทีหลัง

ปกติพวกกันต์ไม่ค่อยได้มากินข้าวกันที่โรงอาหารกลางกันนักหรอกครับ  แต่เพราะวันก่อนพวกไอ้แน๊คมันเล่าให้ฟังว่าพี่กิจเล่นเปิดตัวแฟนกันกลางหอประชุมคณะเลย  กันต์มันเลยอายสู้หน้าคนในคณะไม่ค่อยจะได้น่ะครับ  ช่วงนี้เลยต้องหลบมากินข้าวไกลถึงโรงอาหารกลางอยู่แบบนี้  แต่จะว่าไปผมเองก็พึ่งรู้นะครับว่าพี่กิจผู้ชายที่เป็นที่หมายปองที่สุดในมหาลัยฯ จะเป็นแฟนกับกันต์มันแบบนี้  ถึงว่าล่ะทำไมตอนเทอมที่แล้วช่วงกีฬาเฟรชชี่ถึงได้เอาใจใส่กันต์มันมากนัก  แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกครับ  เพราะกันต์มันน่ารักแถมนิสัยดีขนาดนี้

ตอนนี้ผมก็เริ่มสนิทกับกลุ่มนี้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วล่ะครับ  ยิ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเช่าเดียวกันกับไอ้พวกนี้ด้วยแล้ว...  จากที่เกร็งๆในตอนแรก  ตอนนี้ก็เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น  เล่นหัวกันได้อย่างเพื่อนฝูงปกติแล้วล่ะครับ  ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนหนึ่งเพราะนิสัยของไอ้พวกนี้ด้วยแหละ  ที่ค่อนข้างจะเฟรนลี่และนิสัยดีใช้ได้เลยทีเดียว

เราแยกกันหลังจากนั้นไม่นานครับ  เพราะผมมีเรียนแลปในช่วงบ่าย  แถมตึกเรียนก็ยังอยู่ไกลจากที่นี่อีก  ก็เลยต้องรีบไปกันสักหน่อยครับ  แต่ที่โชคร้ายก็คือ...  วันนี้พาร์ทเนอร์แลปผมมันดันขาดเรียน  ผมก็เลยต้องทำแลปนี้เพียงคนเดียว  ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องเสร็จเป็นกลุ่มสุดท้ายไปตามระเบียบ

ผมส่งรีพอร์ทที่โต๊ะอาจารย์ก่อนจะกลับมาที่ห้องแลปอีกครั้งเพื่อเก็บของและกระเป๋า  ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เหลือใครอยู่แล้วล่ะครับในห้อง  ผมลงมาจากตึกก็เย็นมากแล้ว  ก่อนจะเดินกลับไปที่คณะเพื่อไปเอารถจักรยานที่จอดทิ้งเอาไว้ที่นั่น

“ เดี๋ยวสิมึง…. “

เสียงคุ้นหูดังขึ้นให้ผมหันหลังกลับไปมองครับ

ชิบหายละ...  ไอ้พวกรุ่นพี่เมื่อตอนกลางวันนี่หว่า  แถมตอนนี้มายืนล้อมผมเอาไว้เกือบสิบคนเลยล่ะครับ  ไม่น่ารอดแล้วล่ะครับผมวันนี้...

“ อะไรครับพี่ “

ผมถามไปเสียงเย็นเหมือนใบหน้าที่เฉยชาหากแต่เอาเรื่องของผมในตอนนี้  บอกได้เลยครับว่านิสัยผมมันอ้อนตีนคนสุดๆ เลยทีเดียว

“ เปรี้ยวนักเหรอวะมึงอะ “  พี่คนที่ดึงแขนผมเมื่อตอนกลางวันพูดขึ้น   ท่าทางคงจะแค้นผมน่าดู  ผมยิ้มพลางถอนหายใจเล็กๆ ก่อนจะตอบออกไปแบบยิ้มๆ

“ เปรี้ยวรึเปล่าผมไม่รู้  แต่ผมก็ไม่หมาหมู่หรอกครับ “

ไหนๆ ก็ต้องโดนอยู่แล้ว  กวนตีนมันไปเลยก็แล้วกัน  และก็ไม่ต้องให้รอนานครับ  หมัดแรกก็สวนเข้ามาที่แก้มผมทันที  ผมล้มลงไปยังพื้นซีเมนต์เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว  สถานการณ์ตอนนี้มันแย่เอามากๆ เลยล่ะครับ  เพราะที่ลานจอดรถจักรยานตอนนี้มันไม่เหลือใครพอที่จะช่วยผมได้เลย  ไม่อย่างนั้นพวกรุ่นพี่กลุ่มนี้คงไม่กล้าลงมือในมหาลัยฯ แบบนี้เป็นแน่

ผมรีบยันตัวลุกขึ้นมาอย่างไวและสวนกลับไปได้หมัดนึง  ย้ำว่าหมัดนึงนะครับ  เพราะหลังจากนั้นทั้งหมัดทั้งตีนก็ถาโถมเข้ามาหาผมจนแยกไม่ออกเลยครับว่าของใครเป็นของใคร  เรียกได้ว่าเจ็บจนชากันเลยทีเดียว

“ เห้ย! หยุดนะเว้ยพวกมึง !! “ 

เหมือนจะได้ยินเสียงของใครบางคนเลยครับ  ทว่าพายุตีนก็ยังคงถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนเหมือนเดิม  แต่ไม่นานผมก็รับรู้ได้ว่าปริมาณมันลดลงไปพร้อมกับเสียงโอดครวญของไอ้พวกรุ่นพี่กลุ่มนั้น  บางคนกระเด็นลงไปนอนบนพื้น  บางคนเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายจากผมไปที่ใครบางคน  ผมลืมตาที่เกือบจะปิดลงเพราะเลือดที่ปลายคิ้ว  มองคนสามสี่คนที่กำลังรุมชายร่างสูงเพียงคนเดียว  แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มรุ่นพี่เหล่านี้จะเสียเปรียบซะมากกว่า  อย่างไอ้ผมยาวคนนั้นโดนชกไปแค่หมัดเดียวก็ล้มลงจนลุกไม่ขึ้นไปเลย  ส่วนผมที่ตอนนี้ได้จังหวะสวนคืนก็ไม่ยอมที่จะถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะครับ  ก็เลยชุลมุนกันไป  แต่ก็ไม่นานหรอกครับ  เมื่อมีเสียงหนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่อันธพาลเหล่านั้นตะโกนขึ้นมาเสียงตื่น

“ ชิบหายละ!!!  พวกมึงทุกคนหยุดเว้ย!!  กูบอกให้หยุดไง!! “

เสียงที่ดังสนั่นนี้ทำให้ทุกคนหันกลับมามองยังเจ้าของเสียง  ซึ่งดูท่าว่าจะเป็นหัวโจกของแก๊ง

ผมมองไปยังชายร่างสูง  ซึ่งสูงเอามากๆ เลยล่ะครับ  เพราะขนาดผมสูง 183 ยังดูเตี้ยไปเลย  ท่าทางน่าจะสูงไม่ต่ำกว่า 195 เห็นจะได้  เขากำลังปาดเลือดที่ซิบอยู่บริเวณมุมปากออก  แต่อย่าคิดว่าเขาเจ็บหนักนะครับ  เพราะถ้าเทียบกับไอ้พวกที่ลงไปนอนกองกันอยู่บนพื้นแล้ว  เขายังดูชิลกว่ามากเลยล่ะครับ

“ น้องพี...  เพื่อนพี่ไม่รู้ว่าเป็นน้อง  พวกพี่ขอโทษด้วยนะครับ “ 

เจ้าของเสียงพูดขึ้นพลางประหงกหัวป้อยๆ บอกไป  ในขณะที่ชายคนนั้นมองตาขวางหน้านิ่งราวกับแผ่จิตสังหารออกมาข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้เสียอย่างนั้น

“ อ้าวพวกมึง!!  รีบขอโทษน้องพีเขาสิวะ !! “
 
ไอ้หัวโจกกลุ่มนี้มันว่ามาต่อครับ  ซึ่งบางคนก็ทำหน้างง  แต่บางคนที่ราวกับจะนึกและจำได้ก็รีบขอโทษขอโพยชายคนนั้นเป็นการใหญ่เลยล่ะครับ

“ อะไรของมึงเนี่ย  กะอีแค่คนๆ เดียวมึงกลัวเหรอวะ “  หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา  ก่อนจะโดนตอกกลับไปอย่างทันควัน

“ ถ้ามึงไม่อยากมีเรื่องกับชมรมลักบี้วิศวะมึงหุบปากและขอโทษเขาไปซะ  ที่สำคัญมึงคงไม่อยากมีเรื่องกับแก๊งกิจวิศวะใช่มั้ย!! “

ทันทีที่ชื่อพี่กิจดังขึ้นมา  คนพวกนั้นก็ทำหน้าเจื่อนขึ้นมาทันทีเลยครับ  พวกเขาขอโทษขอโพยพี่ตัวสูงคนนั้น  และเหมือนจะพูดคุยอะไรกันสักอย่างก่อนจะแยกตัวกันออกไปทั้งกลุ่ม ( ในสภาพที่หลายคนสะบักสะบอม )

“ หมดเรื่องละ  พวกนั้นจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับน้องอีก... “

เขาเดินมาบอกผมเสร็จก็หันหลังเดินกลับไปหยิบเอาเสื้อช็อปสีกรมท่าขึ้นมาพาดบ่าแล้วทำท่าว่าจะเดินจากไป

“ เดี๋ยวก่อนครับ ! “

ผมร้องเสียงดังเพื่อรั้งเอาไว้  ซึ่งเขาก็หยุดเดินก่อนจะหันมาชายตามองผมอย่างเหนื่อยหน่าย

“ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม “

“ ไม่เป็นไร...  กูผ่านมาพอดี...  อีกอย่างรุ่นพี่รุมรุ่นน้องมันเป็นเรื่องน่าเกลียดโครตๆ  กูไปละ..  แล้ววันหลังมึงก็อย่าเปรี้ยวให้มันมากนัก..  เป็นรุ่นน้องน่ะ “

เขาหันหลังก่อนจะยกมือลาแล้วเดินจากไปอย่างไม่สนใจอะไรผมอีก

ไอ้เท่ห์มันก็เท่ห์อยู่หรอก  แต่น้ำเสียงเฉยชามันก็น่าหมันไม่ใช่น้อย

แต่ว่า....  ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณเขานะครับ....



ช่วงค่ำที่บ้านเช่า

“ สัดเค...ไม่บอกกูวะ  ถึงเป็นรุ่นพี่แต่ถ้าทำแบบนี้มันต้องเจอตีนกูบ้างละ “  ไอ้เรย์ชกมือตัวเองเมื่อผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง  ในขณะที่ไอ้เจมส์กำลังเอาคัตเตอร์บัตชุบเบตาดีนละเลงแผลที่หางคิ้วและมุมปากให้ผมอยู่

“ เอาจริงกูยังไม่รู้เลยนะว่าพวกแม่งมันคณะไหนกัน “  ผมว่าไปครับ

“ ให้กูสืบให้เอาป่ะ “  ไอ้แน๊คว่ามา

“ ไม่ต้องหรอก  น่าจะจบเรื่องละ  และอีกอย่าง...  กูเองก็ไม่อยากให้มีเรื่องมากไปกว่านี้ด้วย “  ผมว่าไปตามจริงครับ  เพราะถึงผมจะซ่าส์ไปหน่อย  แต่ผมก็ยังอยากเรียนหนังสือมากกว่าไปเที่ยวหาเรื่องชาวบ้านเขาแบบนี้นะครับ

“ แม่งเอ้ย...สภาพเดือนเภสัทฯกู ฮ่าๆๆ  นี่ถ้าไอ้กันต์มันมาเห็นนะ  แม่งขำไม่หยุดแน่ “  ไอ้เจมส์ทำแผลไปพลางว่าผมไปพลางครับ

“ เออพวกมึง  กูมีเรื่องอยากจะถามหน่อยว่ะ  แก๊งพี่กิจนี่มีใครบ้างวะ “  ผมถามพวกเด็กวิศวะด้วยความอยากจะรู้ถึงคนที่มาช่วยผมเอาไว้ครับ

“ ก็มีพี่กิจ  พี่พี  พี่บิว  แล้วก็พี่คิม  หลักๆ ก็มีกันสี่คน  แก๊งนี้เขามีฉายาว่าแก๊งจตุรเทพนะเว้ย “  ไอ้แน๊คผู้รอบรู้ (เรื่องชาวบ้าน)  อธิบายมาครับ

“ แล้วมัน.... ยังไงวะ “  ผมถามต่อด้วยความไม่รู้ครับ

“ ก็เป็นกลุ่มที่หน้าและโปรไฟล์ดีที่สุดในมหาลัยฯ ก็ว่าได้  แต่ถึงตัดเรื่องพวกนั้นออกไปก็ยังไม่ธรรมดาอยู่ดี  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เรียกว่าเป็นมาเฟียมหาลัยฯหรอก “
 
ไอ้แน๊คว่ามาผมก็พอจะเข้าใจได้ครับ   เพราะเท่าที่เห็นคนที่ชื่อพีนั่นก็ธรรมดาซะที่ไหน  นอกจากจะสูงใหญ่  หล่อแบบเข้มๆ แล้ว  ความสามารถในการจัดการคนก็ไม่ใช่น้อย  แล้วนี่ถ้ามากันครบแก๊งจะขนาดไหนกันล่ะเนี่ย....  แทบไม่ต้องคิดกันเลยล่ะครับ

“ แล้วคนที่ชื่อพีล่ะ  มึงพอมีข้อมูลมั้ย “  ผมถามต่อเพราะอยากรู้ข้อมูลของคนที่มาช่วยผมครับ

“ พี่พีน่ะเหรอ  แกเป็นรองประธานชมรมลักบี้ของมหาลัยฯ และของคณะ  ที่บ้านทำธุรกิจรีสอร์ทและโรงแรมอยู่ทางใต้  เป็นคนขรึมๆ หน่อย  เลยไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้มาก  ส่วนเรื่องผู้หญิงนี่ได้ข่าวมาน้อยนะ  เพราะพี่แกไม่ค่อยมีข่าวเจ้าชู้เหมือนพี่คิมกับพี่กิจน่ะ “

ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อไอ้เจมส์มันกดแผลที่มุมปากผมแรงไปหน่อยครับ

คืนนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นนี้อยู่ครับ  นี่ถ้าพี่พีไม่เข้ามาช่วยผมเอาไว้  ป่านนี้ผมคงนอนอยู่โรงพยาบาลไปแล้วล่ะครับ  ที่สำคัญ...  ผมลบความประทับใจของแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปนั่นไม่ได้เลยสักที  เท่ห์เป็นบ้าเลย... คนอะไรวะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด