แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ  (อ่าน 10600 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
_______
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2020 18:01:00 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
#หมีแทนที่รัก

เป็นเพราะคำขอร้องของพี่รหัสที่ทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่ไม่อยากจะยุ่งด้วยมากที่สุด แต่พออยู่ใกล้กันจริงๆทำไมหัวใจมันสั่นไหวแบบนี้ก็ไม่รู้
——

#หมีแทนที่รัก



‘Piglet, how do you spell love?’

พิกเก็ต นายสะกดคำว่ารักยังไง

‘Pooh, You dont spell it, you feel it’

พูห์ นายไม่สะกดมัน นายแค่รู้สึกมัน

.

.

.



“น้องหมีพูห์ครับ”

“ครับ!”

“พี่รักน้องนะ”

“ผมก็รักพี่แทน!!”

“มึงใจเย็นๆ ดิ ฟังกูก่อน”

“...”

พูรินที่อยู่ไม่สุขทำท่ารูดซิปปากให้อีกคนยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วอย่างเพลียใจ ก่อนจะยกยิ้มอบอุ่นที่พูรินชอบที่สุดออกมา

“น้องจะให้เกียรติเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ”

พูรินพยักหน้างึกงักรัวๆ ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่ถูกเจ้าชายขอแต่งงาน

“เป็นๆๆๆ”

เขาร้องตะโกน พร้อมกระโจนเข้าไปหาจนพี่แทนเซล้มลงนั่งบนเตียงด้านหลัง ทำให้ตอนนี้กลายเป็นเขานั่งอยู่บนขาหนึ่งข้างของคนร่างหนา

พูรินไม่สนใจ สองแขนเรียวโอบรัดคอแกร่งไว้แน่น หลับตาพริ้ม ยื่นหน้าเข้าไปประชิดทันที

“...”

“อะไรของมึง”

“จุ๊บได้แล้ว”

“จุ๊บอะไร แก่แดดนะมึง”

แทนคุณว่าแล้วเอากำปั้นเขกกระโหลกอีกฝ่ายเบาๆ

“แก่แดดอะไร ฉากนี้มีในการ์ตูนทุกเรื่อง เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี”



**********

ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

น้องหมีพูห์ (พูริน)  x พี่แทน (แทนคุณ)

ถ้าใครเคยอ่านเรื่อง ‘รักมือสอง’ #รักมือสองอินดิน

หรือ ‘แฟนเดือนเดียว’ #ต้นคนรักไม่เป็น

ก็จะพอเห็นตัวละครสองตัวนี้มาบ้างแล้ว เรื่องนี้จะค่อนข้างแตกต่างกับสองเรื่องที่อ้างถึง จะออกแนวฟุ้งๆ ดิสนีย์ๆ หวานๆ งุ้งงิ้งๆ 555

ชอบไม่ชอบยังไง เขียนมาได้เต็มที่ แค่คอมเมนต์สั้นๆ ก็เป็นกำลังใจแสนมหาศาลของเราแล้วค่ะ

ฝากติดตามความน่ารักของน้องหมีพูห์ และความอบอุ่นของคุณพี่แทนคุณด้วยนะคะ





Full credit for all the English qoutes to A.A. Milne from Winnie the pooh.

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษทั้งหมดมาจากคำคมของ A.A. Milne จากเรื่อง Winnie the pooh นะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2019 02:44:35 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดแรก:.

Weeds are flowers too, once you get to know them

.

.

ต้นหญ้าก็เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง เมื่อคุณลองเปิดใจให้มัน












“A whole new world! A new fantastic point of view... No one to tell us no ~ Or where to go...Or say we're only drea..”

ฟึบ!

“ไอ้พุทธ~ มึงจะทำอะไรกับมือถือกู~” พุทธโธแย่งมือถือของเพื่อนร่วมห้องมาปิดเพลง ก่อนที่จะตัดสินใจกดปิดโทรศัพท์ไปให้รู้แล้วรู้รอด ร่างสูงหงุดหงิดเป็นที่สุด วันนี้อุตส่าห์ไม่มีเรียนเช้าแท้ๆ คนอุตส่าห์อยากจะนอนตื่นสาย รูมเมทตัวดีมันดันมาแหกปากร้องเพลงอยู่นั่น

“ขอเถอะหมี กูรู้ว่ามึงอินมาก แต่นี่มันเจ็ดโมงเช้า”

“คนอย่างมึงไม่มีวันเข้าใจ มึงมันไร้หัวใจ มึงจะมายุ่งอะไรกับกู~ มึงอยากนอนมึงก็นอนไปสิ!!” พูรินว่าพยายามแย่งโทรศัพท์จากเพื่อน แต่เมื่อมันชูแขนสุดลำตัวแบบนั้น เขาที่ตัวเตี้ยลาดดินจะไปทำอะไรได้

“เชื่อกู กูพยายามแล้วหมี แต่มึงเปิดเพลงนี้รอบที่ร้อยจนกูจะกลายเป็นอะลาดินแล้วมึง”

“โธ่ ไอ้พุทธ หน้ายังมึงก็เป็นได้แค่อาบูเท่านั้นแหละ” คนโดนว่าเกาหัวก๊อกแก๊ก ก่อนจะหันซ้ายขวาหยิบหมอนมาเขวี้ยงใส่เขา

“สัด มึงด่ากูแน่ๆ แต่กูไม่เจ็บหรอกนะ กูไม่รู้จัก” พุทธโธว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกที ไม่พอยังมีขู่ทิ้งท้าย

“ถ้ามึงเปิดอีก มึงอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ว่าแล้วก็เอาผ้าห่มคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ไอ้เพื่อนชั่ว” พูรินตัดพ้อเสียงอ่อน กลัวมันตื่นขึ้นมาด่าอีก “แล้วกูก็บอกแล้วว่ากูชื่อหมีพูห์ แม่ง เรียกหมีอยู่ได้...” พึมพำต่อก่อนที่จะคลานไปหยิบโทรศัพท์ที่มันโยนทิ้งไว้บนเตียงนอนกลับมา กดเปิดเครื่องอีกครั้ง หันหลังไปหยิบกระเป๋าสะพายที่อยู่ปลายเตียง เลื่อนซิปกระเป๋าหน้าควานหาหูฟังสีขาวที่เคยยัดๆ ไว้ พอเจอก็เสียบหูฟังเข้ากับหูสองข้าง เลื่อนหาเพลงที่เปิดซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เช้าอีกครั้ง ก็เมื่อคืนเกิดอยากดูการ์ตูนเรื่องนี้อีกรอบ จำไม่ได้หรอกนะว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ แต่พอได้ดูอีกก็อินอีกตามเคย พออินแล้วเพลงมันก็วนเวียนอยู่ในหัวจนต้องตื่นมานั่งร้องแบบนี้นี่แหละ

ช่วยไม่ได้เขาน่ะมันแฟนการ์ตูนดิสนี่ย์ตัวยง โดยเฉพาะเซ็ตเจ้าหญิงน่ะนะ รู้จักทุกเรื่อง แต่ละเรื่องดูเกินสิบรอบไปแล้ว จนวันก่อนไอ้พุทธมันบอกว่าจะส่งเขาไปออกแฟนพันธุ์แท้ให้ได้ ไอ้ลิงพุทธ! ว่าแล้วก็หันไปมองมันที่นอนกรนเสียงดังไปแล้ว หมั่นไส้มันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่กดโทรศัพท์เข้าไปเปลี่ยนชื่อมันเป็นอาบู

หึหึ ได้แก้แค้นแค่นี้ก็เอาว่ะ

แล้วไอ้เรื่องชื่อหมีพูห์ก็เหมือนกัน มันเป็นชื่อเล่นที่พ่อแม่เขาตั้งให้จริงๆ ไม่ได้มาเพิ่งตั้งเองเหมือนที่ไอ้รุ่นพี่เฮงซวยมันบอก พ่อกับแม่น่ะเป็นแฟนหนังการ์ตูนหนังอนิเมชั่นตัวจริง ดูหนักดูจริงจังยิ่งกว่าเขาเสียอีก และด้วยหน้าที่การงานที่ต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ เลยทำให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ไปเที่ยวสวนสนุกใหญ่ๆ จนทั่ว โดยเฉพาะดิสนีย์แลนด์กับยูนิเวแซลนะ ไปแทบจะทุกที่อยู่แล้ว คือจริงจังขนาดที่บ้านเขานี้มีห้องเก็บตุ๊กตาและของที่ระลึกโดยเฉพาะเลยด้วย!

ส่วนทำไมถึงหมีพูห์น่ะหรอ? แม่ชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆ จนจำได้ขึ้นใจแล้ว คือตอนที่พ่อกับแม่กลับจากเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ปารีส แม่ตรวจครรภ์พบว่าท้องเขา แล้วจากทริปนั้นพอดีพ่อซื้อตุ๊กตาหมีพูห์ให้แม่เป็นของที่ระลึกแทนใจ แม่ชอบมากถึงกับฝังใจว่าจะตั้งชื่อเขาว่าหมีพูห์ ขนาดวันที่ออกจากห้องคลอดแม่ให้เขาใส่เสื้อโชว์สะดือสีแดงเลยนะ คิดดูสิจริงจังเบอร์ไหน!

เฮ้อ กลับมาคิดถึงไอ้รุ่นพี่เฮงซวยแล้วคือหงุดหงิด! พี่มันเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ดินพี่รหัสเขา คือกลุ่มพี่ดินจะมีสามคน มีพี่ดิน พี่ต้นแล้วก็ไอ้พี่แทนนี่แหละ ถ้าให้เทียบกันนะ สำหรับเขาพี่ดินนี่เปรียบเสมือนเจ้าชายในเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด เป็นคนที่หน้าตาดีแถมยังใจดีมาก ร้องเพลงก็เพราะเป็นที่สุด ส่วนพี่ต้นนี่ออกจะหล่อแบดบอยหน่อยๆ ต้องเป็นประมาณเจ้าชายเอริคจากเรื่องเงือกน้อยแอเรียล ส่วนไอ้พี่แทนนะน่ะ..หึ.. ตัวฉุดค่ามีนความหล่อของกลุ่มชัดๆ ถ้าจะให้เป็นก็คงเป็นได้แค่เจ้าชายอสูรนั่นแหละ

อ่ะ..ก็ได้ๆ

ที่จริงพี่มันก็ไม่ได้แย่มากหรอกนะ

ผิวคล้ำ จมูกโด่ง หน้าตาคมเข้ม กล้ามโตแบบหุ่นนักกีฬา สาวๆ นี่กรี๊ดกันเต็ม ถ้าพูดถึงแค่หน้าตาที่จริงพี่มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ปากพี่มันต่างหากที่ทำให้พี่แกหมดหล่อไปเลย





ติ้ง! เสียงเตือนจากแอปสีเขียวดังขึ้น

P’ Din: หมีพูห์ตื่นยังครับ?

กำลังคิดถึงอยู่เลย คนหล่อตายยากของน้อง!

PoohBear: ตื่นแล้วพี่ อรุณสวัสดิ์ครับ

P’ Din: วันนี้ทำอะไรน่ะเรา ตอนเย็นมาหาพี่ที่ร้านได้ไหม

นั่นๆ ๆ คิดถึงน้องล่ะเซ่!!

ใครจะไปง่ายๆ ขอเล่นตัวนิดนึงล่ะกัน

P’ Din: เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว

PoohBear: ไปพี่! ให้ชวนเป้กับน้องปีหนึ่งไปด้วยไหม? ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้เจอน้องเลย

แหะๆ จะเล่นตัวไปทำไม พี่ดินอุตส่าห์จะเลี้ยงทั้งที!

P’ Din: วันหลังแล้วกัน วันนี้พี่มีเรื่องจะคุยกับเราด้วย

P’ Din: พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อย

หืม?

PoohBear: ได้เลยพี่ดิน มีอะไรบอกผมมาได้เลย เพื่อพี่ดินหมีพูห์ทำได้ทุกอย่าง!!

P’ Din: พอๆ เรานี่เว่อร์เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

P’ Din: มาเร็วๆ ล่ะ พี่อินบอกจะฝากขนมไปให้ด้วยนะ

พี่อิน~ น่ารักกว่าพี่รหัสก็แฟนพี่รหัสนี่แหละ

PoohBear: ฝากขอบคุณพี่อินด้วยครับบบบ พี่อินของผมน่ารักที่สุดด

P’ Din: พอๆ ลามปามนะหมี

PoohBear: ครับๆ ๆ แตะไม่ได้เลยน้า 5555 เจอกันตอนเย็นนะคร้าบบ~

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

“กูบอกว่าไม่จำเป็นไง” แทนคุณนั่งกอดอกจ้องหน้าเพื่อนจอมเจ้ากี้เจ้าการ เอ่ยปากบอกเสียงดังฟังชัด

“แล้วตกลงคือมึงจะไม่ยอมรับข้อเสนอของอาจารย์หรอวะ” ตั้งต้นคีบกับแกล้มเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมกับเอ่ยถาม “ทุนฟรีแบบนี้ใครปฎิเสธนี้คือต้องโครตโง่อ่ะ”

“เชี่ยต้น นี่มึงจะเอา?” เขาเริ่มโมโห ก็รู้ว่าเพื่อนมันหวังดีนั่นแหละ แต่วันนี้มันนั่งด่าเขามาตั้งแต่เช้า แบบนี้เขาก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะ คนยิ่งสับสนอยู่

“เออ กูจะเอา แต่กูรุกนะ” นั่น! มันยังเล่นไม่เลิก

“สัดกูจะฟ้องกีว่ามึงแอบกินหมูกะทะเมื่อวันก่อน”

“โห ถ้ามึงเล่นงี้ มึงลุกมาต่อยกับกูเลยดีกว่า” ตั้งต้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ชี้หน้าเพื่อนสนิท จะด่าเรื่องไหนต้นไม่เคยขึ้น แต่อย่ามาแตะต้องคนบนหิ้งเข้าไจ๋!! เพื่อนก็เพื่อนเถอะ!

“ใจเย็นพวกมึง” บดินทร์เอ่ยเสียงเข้มพยายามห้ามทัพ ดึงแขนไอ้ต้นให้มันนั่งลงกับที่เหมือนเดิมก่อนจะหันไปหาเพื่อน

“แต่ไอ้แทน กูว่าไอ้ต้นมันพูดถูกนะมึง ทุนฟรีทุกอย่างแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะ อาจารย์เขาอยากช่วยมึง มึงจะปฎิเสธทำไมว่ะ”

“กูก็อยากไป แต่มึงก็รู้ว่ากูต้องดูแลแม่” บดินทร์มองหน้าเพื่อนอย่างเข้าอกเข้าใจ เขารู้ดีว่ามันห่วงแม่มันมากแค่ไหน บ้านมันมีกันแค่สองคน มีแค่แม่เพียงคนเดียวที่เป็นคนเลี้ยงดูมันมาตลอด มันถึงไม่อยากทิ้งแกไว้คนเดียว แล้วยังฐานะทางการเงินของมันอีก ในขณะที่บ้านไอ้ต้นมันรวยล้นฟ้า บ้านไอ้แทนมันก็เป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดา แม่มันเป็นช่างเย็บผ้า รับงานมาทำที่บ้าน เวลาหลังเลิกเรียน ถ้าไม่ได้รับงานดนตรีที่ไหนมันก็มักจะตรงกลับบ้านไปช่วยงานแม่มันทันที จะมีเหลวไหลบ้างเวลาพวกเขาชวนมันมาเที่ยวแบบนี้นี่แหละ แล้วถึงจะบอกว่าไอ้ต้นรวยล้นฟ้า แต่ไอ้แทนก็ไม่เคยคิดจะเอาเงินเพื่อน ไปไหนด้วยกันคือหารสามเท่ากันตลอด รวยแค่ไหนก็เลีี้ยงมันไม่ได้จริงๆ

“แหม๋ ใครฟังจะนึกว่าแม่มึงป่วย” ตั้งต้นยังวอนหาเรื่อง ถึงจะโดนมันมองตาเขียวปั๊ดแต่ยังคงพูดต่อไป “กูก็เห็นว่าน้ากุ้งสุขสบายดี เพื่อนบ้านก็ตั้งเยอะแยะ มึงยังจะห่วงอะไร”

“...”

“จริงมึง 3 ปีเองนะ ถ้าจบมาได้ มึงอนาคตไกลแน่ แม่มึงจะได้สบายจริงๆ เสียที”

“...”

“กูถึงเรียกหมีพูห์มาให้มันช่วยติวภาษาอังกฤษให้มึงไง มึงจะได้ไม่ต้องเสียตังค์เข้าคอร์สเตรียมตัว” เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มลังเลบดินทร์เลยว่าต่อ

“กูบอกแล้วว่าไม่จำเป็น ถ้ากูจะไป กูอ่านเองได้”

“อ่านเองมันจะไปได้เรื่องอะไร มันต้องลองใช้ลองพูด หมีมันได้เอทุกตัวเลยนะ ให้น้องมันช่วยแหละดีแล้ว” ตั้งต้นกล่าวเสริม ขยิบตาให้บดินทร์อย่างมีเลศนัย

“อืม แต่มึงอย่าไปบังคับมันนะ ถ้ามันไม่อยากสอน กูหาครูใหม่เองก็ได้” แทนคุณพึมพำออกมา ให้เพื่อนสนิทอีกสองคนมองหน้าส่งยิ้มให้กัน

“เรื่องนี้ก็เหมือนกัน” เป็นบดินทร์ที่ว่าขึ้น “จะจบอยู่แล้วนะมึง เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้...”

“เสือก” แทนคุณเอ่ยขัด เพื่อนทั้งสองหัวเราะลั่นพร้อมปะมือกันอย่างสะใจ









“หมี! หมี! พี่อยู่นี่” ตั้งต้นตะโกนเสียงดังพร้อมโบกมือเรียกเมื่อเห็นรุ่นน้องที่พูดถึงเดินเข้ามาในร้าน มันพยายามหันซ้ายหันขวามองหาพวกเขา เมื่อได้ยินพี่เรียก พูรินจึงหน้าบูดเดินตรงเข้ามาหา เมื่อมีที่ว่างเหลืออยู่ที่เดียวก็จำใจนั่งลงข้างๆ แทนคุณอย่างช่วยไม่ได้

“สวัสดีครับพี่ดิน พี่ต้น.. พี่แทน” ประโยคหลังสุดพูดออกมาอยากจำใจ ก่อนจะมองหันขวับไปหาคนที่เรียกชื่อเขาดังลั่นร้าน

“พี่ต้น แล้วผมชื่อหมีพูห์ไหม เสียหายหมดเลย” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ เหนื่อยที่จะแก้ทุกครั้งที่เจอกันแล้ว ไม่ลืมหันไปมองค้อนคนที่ชอบแกล้งเขาประจำ บดินทร์รีบเข้ามาแก้สถานการณ์ บอกให้เขาสั่งอาหารมากินตามใจ เสร็จแล้วก็ชงเหล้าอ่อนๆ ให้เขา นั่งคุยนั่นคุยนี้ถามสารทุกข์สุขดิบกันไปเรื่อยจนอาหารหมดจาน

“น้องปีหนึ่งปีนี้เป็นผู้หญิงด้วยพี่ดิน ชื่อน้องก้อย นัดเลี้ยงสายกันเมื่อไหร่ดีพี่”

“อาทิตย์หน้าเลยดีไหม เดี๋ยวพี่ก็ไม่ค่อยได้เข้าคณะแล้ว ปีสี่งานเยอะมาก”

“ได้ครับผม พี่ดินบอกวันมา เดี๋ยวผมจัดการนัดให้”

“อือ บอกให้เป้มันเอาภัทรมาด้วยนะ พี่ไม่ได้เจอนานแล้ว” เอ่ยไปถึงแฟนหลานรหัส คราวก่อนที่เจอกันก็ผ่านมาหกเดือนได้แล้ว

“พี่ต้นไปด้วยเปล่า ถ้าไปผมไม่บอกหรอกนะ เดี๋ยวก็มีเรื่องกันอีก รอบที่แล้วเกือบเสียพี่เสียน้องกันไปเลยน่ะนั่น” พูรินยังจำได้ดี ปกติไอ้เป้เป็นคนเงียบๆ ใจเย็น แต่แค่พี่ต้นเอ่ยแซวว่าภัทรน่ารัก ไอ้เป้แม่งหึงจนจะวางมวยกันไปแล้ว

“กูจะไป แล้วมึงก็ไม่ต้องเอาไอ้พุทธมาล่ะ” ตั้งต้นเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง

“ครับๆ ตามที่สั่งครับพี่” พูรินรับคำ นี่นอกจากมีหน้าที่เป็นน้อง ยังต้องมาคอยจัดตารางไม่ให้คนตีกันอีก

“อ่ะ อินฝากมัฟฟิ่นมาให้เราด้วย”

“อ่า ขอบคุณมากๆ เลยครับ เดี๋ยววันหลังผมเอาตุ๊กตาวู้ดดี้ที่พี่อินฝากแม่ผมซื้อมาให้นะครับ”

“อือๆ ขอบใจนะ พี่ก็เพิ่งรู้ว่าอินชอบทอยสตอรี่”

“เปล่า เห็นพี่อินบอกว่าวู้ดดี้หน้าเหมือนพี่ดิน” พูรินอดขำไม่ได้ คิดภาพพี่ดินใส่ชุดคาวบอยนั่งบนหลังม้าแล้วตลกจะตาย

“งั้นเราก็ซื้อตัวคาวบอยผู้หญิงมาให้พี่หน่อยสิจะได้เอามาตั้งคู่กันที่ห้อง เดี๋ยวพี่เอาตังค์ให้”

โธ่ คนหลงแฟน แต่ไม่ใช่แล้วม่ะ!!

“ใช่ที่ไหนเล่า วู้ดดี้ไม่ได้คู่กับเจสซี่สักหน่อย คู่กับโบพีพต่างหาก” เขากำลังจะอ้าปากเอ่ยแก้แต่คนที่นั่งเงียบมาตลอดพูดแทรกขึ้นมาก่อนจนคนทั้งโต๊ะหันไปมอง

“...”

“อะไร กูจะดูการ์ตูนบ้างไม่ได้หรือไง” ร่างหนาหันมามองเขาตาขวาง เหมือนจะเขินหรือเปล่านะ ดูไม่ออกจริงๆ สีผิวพี่แกแบบนี้ หน้าแดงก็มองไม่ออกหรอก

“ปะ..เปล่า..แล้วไหนพี่ดินบอกว่ามีเรื่องอยากให้ผมช่วย” พูรินรีบเปลี่ยนเรื่อง หันหน้าไปหาพี่รหัสทันที

เขามองตามรุ่นพี่ทั้งสามที่หันมองหน้ากันไปมา รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงไม่รู้

“พี่รู้ว่าเราเก่งภาษาอังกฤษ” บดินทร์ว่า “ถ้าจะขอให้เรามาสอน เราพอมีเวลาไหม”

“โธ่ พี่ดิน..เรื่องแค่นี้เอง ได้เลยครับ เมื่อไหร่ก็ได้ พี่ดินบอกผมมาเลย” พูรินพูดอย่างโล่งอก นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะช่วยรุ่นพี่สุดที่รักไม่ได้

“ไม่ใช่พี่หรอก” บดินทร์เอ่ยปฎิเสธ พร้อมชี้ไปหาเพื่อนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ “ไอ้แทนตั้งหาก” พูรินถึงกับอ้าปากนิ่งค้าง ไม่กล้าหันไปทางที่พี่รหัสชี้ ปกติหน้ายังไม่ค่อยจะมองกันเลย จะให้เค้าไปติวหนังสืออีกฝ่ายได้ไงว่ะ ยังไงก็ต้องปฎิเสธ

“ถึงว่าช่วยพี่สักครั้งเถอะ” คนเป็นพี่รหัสเอ่ยซ้ำ

เฮ้อ..

“ครับพี่ดิน” พูดซะขนาดนี้จะให้เขาปฎิเสธได้ไงว่ะ พี่ดินยิ้มให้ ตบไหล่ขอบใจอีกสองสามครั้งก็ขอตัวลาขึ้นไปบนเวทีกับพี่ต้น เหลือให้เขาต้องนั่งอยู่สองต่อสองกับว่าที่นักเรียน พูรินไม่รู้จะพูดหรือจะชวนคุยอะไร ได้แต่จิบเหล้าในมือแล้วลอบมองอีกฝ่ายไปมา

แค่เริ่มต้นก็อึดอัดฉิบหายเลย แบบนี้จะรอดหรอว่ะ





“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะ กูคุยกับไอ้ดินให้เอง” แทนคุณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในอากาศ พร้อมกับโน้มตัวขยับเข้าไปหาอีกคน

“มึงเป็นอะไร กูแค่จะหยิบโซดา” เอ่ยถามเมื่อเห็นน้องมันเอี้ยวตัวหนีจนตัวลีบติดกับพนักโซฟาไปแล้ว “กลัวกูขนาดนั่นเลย?”

“ปะ..เปล๊า..แค่หลีกทางให้พี่ไง”

“หึช่างเถอะ มึงอย่าคิดมาก กูจัดการเอง” แทนคุณหัวเราะในลำคอ เอ่ยออกมาอย่างสบายๆ หันหน้ามองไปทางเวทีที่เพื่อนสนิทร้องเพลงอยู่ พูรินแอบมองหน้ารุ่นพี่ เขารู้สึกละอายใจ เขาแสดงออกชัดเจนเกินไปจนเสียมารยาทไปหมดแล้ว

“ผมช่วยติวให้ได้นะพี่” เม้มปากแน่นตัดสินใจพูดออกไป

“ช่างเถอะ ถ้ามึงไม่เต็มใจ”

“ก็ไม่ได้เต็มใจหรอก แต่รับปากไปแล้ว ผมไม่ชอบคืนคำ” พูรินยังยืนยัน

“...”

“นะพี่นะ” คนอายุมากกว่าถอนหายใจ

“งั้นก็ช่วยไม่ได้ กูรบกวนหน่อยแล้วกันนะหมี” เขาได้แต่พยักหน้ารับ มองอีกฝ่ายที่ตอนนี้หันไปมองเวทีอีกแล้ว ที่จริงไอ้พี่แทนมันก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร อาจจะพูดจาห้วนไปบ้างแต่ก็ดูใจดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ในเมื่อรับปากพี่ดินแล้วเขาก็จะตั้งใจสอนให้เต็มที่

“ก่อนอื่นมาวัดพื้นฐานกันก่อนไหมพี่ ผมขอดูหน่อยได้ไหมว่าพี่มีพื้นฐานแค่ไหน”

“ยังไง” อีกคนหันมาสบตา คิ้วขมวดแน่นเข้าหากัน

“นับหนึ่งถึงสิบให้ผมฟังหน่อย”

“มึงเห็นกูอยู่ปอสองหรอ”

“นี่ที่ไม่นับเพราะมันง่ายหรือว่านับไม่ได้”

“อยากตายหรอหมี”

“...” โมโหอีกล่ะ

“One two three four five six seven eight nine ten” พูรินยกยิ้มกับสำเนียงไทยแท้ของอีกคน

“ยิ้มหา..” อีกฝ่ายพึมพำในลำคอ

“ผลไม้สัก 5 อย่างได้ไหม”

“Apple banana mango orange potato”

“มั่วแล้วพี่ มันฝรั่งมันเป็นผัก”

“Tomato”

“นั่นก็ผัก”

“ผักบ้านมึงสิ”

“มะเขือเทศก็ผักดิพี่”

“มึงให้กูสอนวิชาเกษตรมึงไหม”

“แต่พี่ก็บอกว่ามันฝรั่งเป็นผลไม้เหมือนกัน”

“ตอนแรกกูคิดชื่อผลไม้อันที่ 5 ไม่ออกเฉยๆ”

“...”

“ไม่ได้โง่จริงๆ แบบมึง” ว่าแล้วก็หัวเราะออกมา พูรินเผลอมองรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ เขาแอบคิดว่ามันดูเข้ากับอีกคนดีจัง

“อ่ะๆ แล้วพี่มีปัญหาตรงไหน จะให้ผมเน้นแกรมม่าไปไว้สอบ หรือว่าจะเน้นพูดเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน”

“กูแค่อยากให้กูพอพูด พออ่านได้ ให้กูพอเอาตัวรอดเวลาไปอยู่ใหม่ๆ”

“ไปไหนอะพี่”

“ยุ่ง”

“...”

“กูได้ทุนไปต่ออเมริกาน่ะ”

“โห เก่งจัง ทุนไรอะ”

“เสือก”

“ทำไมชอบด่า”

“ทุนต่อโท เอกกีต้าร์”

จะตอบดีๆ โดยไม่ด่าไม่ได้เลยนะ~

“งั้นอาทิตย์หน้าเลยไหม ผมขอกลับไปเอาหนังสือที่บ้านก่อน”

“อือ” แทนคุณตอบสั้นๆ ลอบมองรุ่นน้องที่ไล่ชื่อหนังสือที่ตั้งใจจะเอามาให้ อดยิ้มให้กับอาการเด๋อด๋าของมันไม่ได้

“ว่าแต่มึงเถอะ” เอ่ยออกไปให้อีกคนหยุดนับแล้วหันมาสบตากัน

“แล้วทำไมมึงถึงชอบภาษาอังกฤษล่ะ ไปเมืองนอกบ่อยหรอ?”

“...”

“หืม?” เมื่ออีกคนไม่ตอบ นั่งกระสับกระส่ายไปมาเขาก็เลยเลิกคิ้วถามย้ำออกไป

“ไม่บอกหรอก”

“ความลับ?”

“อืม”

“โอเค”

“...”

“...”

“บอกไม่ได้เดี๋ยวโดนพี่ล้อ” จู่ๆ มันก็โวยวายออกมา

“แล้วทำไมถึงคิดว่ากูจะล้อ”

“ก็บอกใครก็โดนล้อมาตลอด”

“แต่กูไม่ล้อหรอก”

“โห พี่แทนยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดชื่อผมพี่ยังเอาไปล้อจนทั้งคณะเรียกผมว่าหมีไปหมดแล้ว ไม่มีใครเรียกหมีพูห์สักคน” คนที่ผูกใจเจ็บเมื่อได้โอกาสก็พูดความในใจออกมาทั้งหมด

“...”

“...”

“กูล้อมึงครั้งเดียวเองนะ”

“ใช่ แล้วพี่ต้นแม่งก็เอาไปกระจายไง”

“กูขอโทษนะ” ไม่ทันจะได้ด่าต่อก็ต้องชะงักกับคำขอโทษที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว สบตามองคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา

“ขอโทษนะหมีพูห์” อีกฝ่ายพูดซ้ำ จู่ๆ หน้าเขาก็ร้อนจนเหมือนกำลังจะเริ่มละลายได้จริงๆ

“เอ่อ.. ไม่เป็นไรครับ” ได้แต่พึมพำกลับไปแบบนั้น เสียงหัวใจเต้นดังจนกลบเสียงรอบข้างไปหมด

“งั้นกูเล่าเรื่องที่กูโดนล้อประจำให้ฟังไหม ถือว่าแลกกัน” แทนคุณว่า

“กูเย็บผ้าเก่ง”

“ห๊ะ” ตาเบิกโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“จะให้เนา ให้เย็บซ่อนด้าย หรือให้เย็บตะเข็บ ติดซิป คือกูได้หมด” พูรินหัวเราะลั่นแบบไม่อาจจะกลั้นไว้ได้ จริงจังป่ะเนี้ย

“พี่ชอบอะไรแบบนี้หรอ”

“เปล่าหรอก” แทนคุณตอบหน้าตาเฉย “แม่กูเป็นช่างเย็บผ้าน่ะ บางทีทำไม่ทันก็ให้กูเป็นลูกมือ” พูรินหยุดหัวเราะ ลอบมองดูหน้าด้านข้างของผู้ชายตัวหนาๆ ที่พูดถึงแม่ตัวเอง รู้สึกอบอุ่นในจิตใจ ต้องรักมากขนาดไหนกันนะถึงจะมีแววตาแบบนั้นเวลาพูดถึง

“ฮ่าๆ ๆ” แต่พออยู่ๆ จินตนาการไปถึงตอนที่อีกฝ่ายพยายามสอดด้ายเข้ารูเข็มก็หลุดหัวเราะออกมาอีก

“เอ้า ขำเหลือเกินนะ” แทนคุณทำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่จริงๆ หัวใจพองฟูที่เห็นรอยยิ้มของคนข้างๆ ในที่สุดเวลาอยู่กับเขาอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำหน้าอมทุกข์อีกต่อไปแล้ว พูรินพยายามกลั้นขำแต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ภาพที่กล้ามแน่นขึ้นเกร็งเพราะกำลังติดซิปกางเกงก็แว๊บเข้ามาจนทำให้ขำพรืดออกมาอีกรอบ

“สัดหมี”

“โอ๋ๆ ไม่ล้อแล้วพี่”

“ล้ออีกกูต่อย”

“อ่ะๆ ๆ ขอโทษ...ฮ่าๆ ๆ ๆ”













พี่แทนแม่ง...

เห็นหน้าโหดๆ แบบนี้..

ที่จริงก็น่ารักเหมือนกันแฮะ....





*********

ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ (ก้มกราบแนบอก) กำลังเขียนเรื่องแฟนเดือนเดียวอยู่ แต่มันเครียดเกินจนหนีมาเปิดเรื่องนี้ก่อน (ก๊าก) เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับอีกสองเรื่องสักเท่าไหร่ ใครไม่เคยอ่านรักมือสอง กับแฟนเดือนเดียวมาก่อนก็อ่านได้สบายมากค่ะ แต่ไปอ่านก็ดี สนุกอยู่น้า เม้นให้เค้าด้วยจะเริ่ดมากๆ ๆ 5555

แท๊ก #หมีแทนที่รัก ในทวิตเตอร์@Maywrite1

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ติวเรียน ติวรัก ฮิฮิ หมีพูน่ารัก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :ruready งานนี้เพื่อนอุ้มสมแล้วนะพี่แทน

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่สอง:.

Nobody can be uncheered with a balloon

.

.

เมื่ออยู่กับลูกโป่ง ไม่มีใครที่ไม่ร่าเริง













พูรินหอบถุงกระดาษเต็มสองมือลงมาที่ใต้ถุนคณะอย่างรีบร้อน วันนี้ตอนบ่ายไม่มีเรียน เขาจึงมีนัดกับพี่แทนว่าจะเริ่มติวภาษาอังกฤษให้เป็นวันแรก เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็เลยกลับไปบ้านขนหนังสือภาษาอังกฤษเก่าๆ มาเต็มไม้เต็มมือ

แต่ตอนนี้สายไปหลายนาที เขาต้องรีบแล้วเดี๋ยวจะโดนด่าอีก

“รอนานไหมพี่แทน ขอโทษนะครับเพิ่งเลิกคลาสเมื่อกี้เอง” ถามไปด้วยเสียงเหนื่อยหอบ ทั้งหิ้วหนังสือทั้งวิ่งแบบนี้ไม่สะดุดตกบันไดล้มลงมาก็ถือว่าดีแล้ว

“นาน”

ไอ้พี่แทน~

“ไปยังล่ะ กูรอนานแล้วนะ” ว่าแล้วคนร่างใหญ่ก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง หยิบถุงหนังสือทั้งสองถุงจากมือเขาแล้วเดินนำไปยังลานจอดรถ

“ไปติวที่ไหนอะพี่”

“บ้านกู”

“เห้ย ไปบ้านพี่ทำไม ทำไมไม่ติวที่มออ่ะ”

“กูต้องรีบกลับไปเอาผ้าไปส่งลูกค้าก่อน”

“อ่อ..” เขานึกขึ้นได้ว่าพี่แกเคยบอกว่าแม่พี่แกเป็นช่างเย็บผ้า

“อยู่แถวนี้แหละ มึงนั่งมอไซค์ได้ไหม”

“ดะ..ได้..” ก็น่าจะได้แหละ ถึงจะไม่เคยนั่งมาก่อนก็เถอะ ก็คงเหมือนจักรยานนั่นแหละมั้ง

ฟึบ!

พอได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเปิดเบาะหยิบหมวกกันน๊อคออกมาสวมให้เขา เอี้ยวตัวก้มลงมาใกล้รัดสายใต้คางให้ ก่อนที่จะหยิบอีกอันที่แขวนไว้บนกระจกข้างมาสวมให้ตัวเอง

“พอดีเลย” ร่างสูงเอ่ยขึ้น เพราะใกล้กันแบบนี้เขาถึงได้กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ที่ผสมกับกลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย อยู่ๆ ก็ใจสั่นอดหน้าแดงไม่ได้ หรือจริงๆ พี่แกอุตส่าห์ใจดีเตรียมหมวกมาไว้ให้เขาว่ะ

“หัวไซส์เดียวกับแม่กูเลยนะ”

ไม่ใช่ล่ะ กูเพ้อไปเอง~

หมับ!

พอขึ้นไปซ้อนท้ายพี่แกก็คว้าแขนเขาให้มาเกาะเอวตัวเอง เอามือตัวเองกุมไว้บนมือเขาอีกทีกระชับไว้มั่น

อีเชี่ย ใจกุสั่นอีกแล้วอ่ะ อย่างกับในหนัง

“จับดีๆ ล่ะ ตกไปกูไม่จอดรับนะ”

อีพี่~ มึง~









“แม่ แทนกลับมาแล้ว” ร่างสูงตะโกนเมื่อถอดรองเท้าเข้าไปในตัวบ้านไม้สองชั้น เท้าที่ก้าวบนพื้นไม้ก่อให้เกิดเสียงไม้ลั่นดังสนั่น พูรินพยายามยกขาก้าวให้เบาที่สุด แต่พอเขาเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปเขาก็เลิกกังวลทันที เพราะเสียงฝีเท้าที่เคยดังสนั่นหวั่นไหวโดนกลบด้วยเสียงดังของจักรเย็บผ้าที่กำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง

“เอ้า มาแล้วหรอแทน” หญิงสาววัยกลางคนหยุดเท้าลงเมื่อเห็นลูกชายคนเดียวเดินเข้ามา เจ้าตัวเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา ก่อนที่จะเหลือบมองมาที่เขา ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้จนเขาที่มัวแต่เผลอมองต้องรีบยกมือขึ้นไว้อย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับคุณป้า”

“แม่นี่น้องแทนที่คณะ มันจะมาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้แทนน่ะ”

“ไหว้พระเถอะจ๊ะ ชื่ออะไรล่ะเรา”

“หมีพูห์ครับ”

“ตามสบายนะลูก บ้านป้าไม่ค่อยสะดวกสบายนักหรอก แต่มีอะไร อยากได้อะไรก็บอกพี่เขานะ”

“ขอบคุณครับคุณป้า”

“แม่ สองถุงนี้ใช่ไหมที่ให้เอาไปส่งที่โรงเรียนที่ตลาด” แทนคุณหันมาถามคนเป็นแม่เมื่อเห็นถุงพลาสติกสีชมพูใบใหญ่สองถุงวางอยู่ริมประตูห้อง จากตรงนี้พูรินสามารถมองเห็นด้านในได้รางๆ ว่าเป็นชุดที่มีกระโปรงฟูฟ่องที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบ

“ใช่ แกเอาไปส่งตอนนี้เลยได้ไหม ครูจันทร์เขาโทรมาหลายรอบแล้ว วันนี้เขาต้องแจกชุดให้นักเรียนเอากลับบ้านด้วย” คนเป็นแม่ว่า “แล้วขากลับแกก็ซื้อกับข้าวเข้ามาด้วยนะ วันนี้แม่ไม่น่าจะได้เข้าครัว ตอนเย็นมีส่งงานอีกเจ้า”

“โอเคแม่ มึงรออยู่นี่แปปนึงนะ กูไปแปปเดียว” หันไปหารุ่นน้องที่มองของในถุงตาไม่กระพริบ “แล้วมึงอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” เมื่ออีกคนส่ายหน้าเขาก็เลยกล่าวลาแม่อีกรอบแล้วหอบถุงสองใบนั้นออกไป

เสียงสตาร์ทรถทำให้สติของพูรินกลับมา ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเก้ๆ กังๆ อีกครั้ง เพราะทันทีที่มาถึงก็ถูกปล่อยไว้กับเจ้าของบ้านที่ไม่รู้จัก เขาเห็นคุณป้าเดินไปที่โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากไม้บรรทัดยาว, ตลับเทปและกรรไกรสีเงินขนาดใหญ่ ด้านข้างมีมวนผ้าอยู่หลายมวนวางกองทบกันไว้ เมื่อเห็นหญิงมีอายุเริ่มย่อตัวจะหยิบมวนผ้าเขาจึงรีบถลาตัวเข้าไป

“ผมช่วยครับป้า”

“หือ ไม่ป็นไร เราเป็นแขก ไอ้แทนนี่ก็จริงๆ เลย ไม่พาน้องเข้าไปนั่งดีๆ เสียก่อนก็ออกไปเลย ป่ะ ป้าพาเราไปนั่งดูทีวีรอ”

“ไม่เป็นไรครับป้า ผมอยากช่วย จริงๆ ผมสนใจอยากหัดเย็บชุดเหมือนกัน ขอผมอยู่ดูด้วยได้ไหมครับ”

“จริงหรอ เอาก็เอา ไม่น่าเชื่อหนุ่มๆ สมัยนี้จะสนใจเย็บผ้า เวลาป้าใช้ไอ้แทน มันบ่นอย่างกับหมีกินผึ้ง” คนพูดบ่นอุบอิบ แต่ดูก็รู้ว่าบ่นไปอย่างนั้นไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่พูด เขาอมยิ้ม อดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพอีกคนที่โดนบังคับให้มานั่งเย็บผ้าอย่างเสียไม่ได้

“อย่างเมื่อกี้ผมเห็นในถุงชุดสีม่วงๆ ใช่ชุดเจ้าหญิงราพันเซลหรือเปล่าครับ” พูรินคิดว่าเขาจำไม่ผิด ให้มองจากหน้าปากซอยเขายังรู้เลย

“ป้าก็ไม่รู้หรอกที่โรงเรียนเขาเอาแบบมาให้” อีกฝ่ายตอบจริงใจกลับมา “นี่ก็ชุดเจ้าหญิงเหมือนกัน แต่เป็นสีฟ้านะอันนี้” ป้าหยิบเอารูปต้นแบบของชุดที่ลูกค้าอีกหลายนำมาให้ให้เขาดู

“ชุดเอลซ่า!!” พูรินตาโตร้องออกมาจนคนข้างๆ ตกใจ เขารีบขอโทษขอโพยอีกฝ่าย แต่เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เคยฝันไว้จะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ป้ากุ้งทำชุดเจ้าหญิงเป็น!

“ป้าครับ ต่อไปถ้าไม่รบกวนคุณป้าเกินไป ผมขอมาช่วยคุณป้าเย็บผ้าได้ไหมครับ” อีกฝ่ายตาโตอย่างแปลกใจเมื่อเขายื่นข้อเสนอ “ผมจะไม่คิดค่าแรงสักบาทเลย แต่เวลาว่างๆ ป้ากุ้งช่วยสอนผมเย็บชุดเจ้าหญิงได้ไหมครับ”

“เอาก็เอา” ป้ากุ้งหัวเราะเบาๆ ตอบตกลง ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคนตรงหน้าตื่นเต้นอะไรหนักหนากับกองผ้าที่กองสุมอยู่ แต่เขาก็รู้สึกเอ็นดูกับท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่าย

“งั้นหยิบผ้ามวนนั้นมาให้ป้าที”

“ได้เลยครับ!”

.

.

.

.

.

.

.

.

“Let it go...let it go...Can't hold it back anymore~ Let it go, let it go..Turn away and slam the door..I don't care what they're going to say...Let the storm rage on...The cold never bothered me anyway...”

แทนคุณได้ยินเสียงเพลงการ์ตูนดังกระหึ่มเข้าหูทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในบ้าน แม่เขายังคงอยู่บนจักรเย็บผ้าตัวเก่งตัวเดิม พอจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องประสานดังออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง หันไปก็เจอน้องรหัสเพื่อนกำลังร้องเพลงอย่างออกรส สองมือกำลังตัดผ้าอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางที่มุ่งมั่นเกินเหตุทำให้ทั้งนึกขำทั้งอดเอ็นดูไม่ได้

“น้องมันมาขอช่วย” แม่เขาเป็นคนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเขายังมองคนที่ตัดผ้าไม่วางตา “ฝีมือดีมากเลยนะ งานแม่เร็วขึ้นเยอะเลย”

เขาไม่ได้ว่าอะไรแค่พยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินไปประชิดตัวคนที่กำลังเพลินอยู่ในโลกเจ้าหญิงของตัวเอง

“อ้าว พี่แทนมาแล้วหรอ” เมื่อหันมาเจอรุ่นพี่ พูรินก็เอ่ยทัก เขาวางผ้าชิ้นสุดท้ายที่ตัดเสร็จซ้อนไว้กับส่วนที่เหลืออย่างเป็นระเบียบ

“แป๊ปนึงนะพี่ เสร็จพอดี” ว่าแล้วก็ยกกองผ้าทั้งหมดไปไว้ข้างจักรเย็บผ้า

“เสร็จแล้วครับแม่กุ้ง”

แม่กุ้ง?

แทนคุณโคลงหัวเมื่อได้ยินคำเรียกที่เปลี่ยนไป หายไปครึ่งชั่วโมงนี่สนิทกันได้มากขนาดนี้เลยหรอ

“ขอบใจมากนะน้องหมีพู์ ช่วยแม่ได้เยอะเลย”

“ไม่เป็นไรเลยครับ แต่ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พี่แทนมาแล้วจะได้เริ่มติวกัน”

“ตามสบายเลยนะลูก ชุดเสร็จเมื่อไหร่ เดี๋ยวแม่เรียกมาดูนะ” ผู้ใหญ่ใจดีว่าอย่างเป็นกันเอง

“แทนพาน้องไปบนห้องนอนเราสิ จะได้ไม่มีเสียงดังรบกวน” ร่างสูงยังคงไม่ว่าอะไร เพราะเขายังงงกับการสนิทกันเร็วแบบจรวดของสองคนตรงหน้าไม่หาย เจ้าตัวทำได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะถือถุงหนังสือนำทางอีกคนขึ้นไปชั้นสอง



“หนังสือแกรมม่า กับหนังสือคำศัพท์กูยังพอเข้าใจ แต่หนังสือนิทานมึงนี่คืออะไร” แทนคุณเอ่ยถามอีกฝ่ายเมื่อเจ้าตัวเอาหนังสือทั้งหมดออกมาวางเรียงบนโต๊ะญี่ปุ่นให้ดู หนังสือแกรมม่าหลายเล่มพร้อมแบบทดสอบ หนังสือที่มีรูปภาพประกอบสำหรับไว้จำคำศัพท์และหนังสืออ่านเล่นอีกมากมาย

“พี่ใจเย็นดิ มันก็ต้องเริ่มกันแบบง่ายๆ ไปก่อน พอระดับแรกคล่องแล้วผมจะเอาแบบยากๆ มาให้”

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กูแค่สงสัยว่านิทานมึงนี่มีแต่วินนี่ เดอะ พูห์หรอว่ะ” เขากวาดตามองกองหนังสือ นอกจากหนังสือแกรมม่ากับแบบฝึกหัดแล้วที่เหลือเป็นของเจ้าหมีเสื้อแดงทั้งหมด คนถูกถามได้แต่ยิ้มแป้นกลับมา

“มึงนี้ชอบชื่อตัวเองจริงๆ นะ”

“ไม่ใช่แค่ชอบพี่ บางทีผมคิดว่าผมเป็นหมีพูห์จริงๆ” เขาว่าต่อเมื่อเห็นอีกคนมองมาคิ้วขมวดอย่างงุนงง

“พี่จะขำก็ได้นะ”

“กูไม่ได้ว่าอะไร เล่าต่อสิกูอยากฟัง”

“ก็ตั้งแต่วันแรกที่ผมออกจากโรงพยาบาลแม่ให้ผมใส่เสื้อสีแดงแบบหมีพูห์ แล้วแม่บอกตอนเด็กๆ ผมยอมกินทุกอย่างที่ผสมน้ำผึ้งเลยนะพี่”

“ก็มันหวาน มึงก็เลยชอบนะสิ” พูรินหน้าบึ้งเมื่ออีกฝ่ายดูไม่เชื่อเรื่องที่เขาเล่า

“ผมก็อธิบายไม่ถูก ผมว่านิสัยหลายๆ อย่างของผมก็คล้ายหมีพูห์นะ คือน้องแบบคิดอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ใช่ชีวิตง่ายๆ ตามสัญชาตญาณ ไม่รู้ดิ อธิบายไม่ถูก พี่ต้องลองอ่านดู” พูรินเล่ายาว เมื่อเห็นอีกคนไม่พูดอะไร ได้แต่มองจ้องมาก็รู้สึกหน้าร้อนวูบให้ต้องหลุบตาลง

“พี่มองทำไม จะว่าผมเพี้ยนอะดิ” เมื่อเขาว่าอย่างนั้น อีกคนก็ส่ายหน้าปฎิเสธ

“เปล่า กูชอบ” เขาตาโตเบิกกว้าง ใจกระตุกขึ้นมาทันที ไม่อยากจะเชื่อคำที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา

จู่ๆ ทำไม~

“กูชอบความคิดมึง แปลกดี”

อีพี่~ ใจกูกระตุกฟรีอีกแล้วนะมึง

“อ่ะๆ งั้นพี่เริ่มอ่านนิทานเล่มนี้ก่อน อ่านออกเสียงด้วยนะ คำไหนไม่รู้ก็ขีดเส้นใต้ไว้ พออ่านจบหน้าแล้วค่อยมาช่วยกันแปลนะพี่” ว่าแล้วก็ยื่นนิทานเด็ก ‘winnie the pooh and his friends’ ให้อีกคน เจ้าตัวเอื้อมรับไปแล้วเปิดไปที่หน้าแรก ค่อยๆ อ่านทีละบรรทัดอย่างใจเย็น

หนังสือเล่มแรกจบไปอย่างรวดเร็ว พอลองประเมินแล้วพี่แทนภาษาดีกว่าที่เขาคาดไว้ เพียงแต่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก เวลาแต่งประโยคหรือในบทสนทนาจึงยังติดขัดอยู่บ้าง ตอนนี้เขาเลยให้พี่แกลองทำแบบทดสอบเพื่อดูว่าพี่แกมีพื้นฐานด้านแกรมม่ามากน้อยแค่ไหน

Rrrrrrrrrrrrrrrr

นั่งรออีกฝ่ายทำข้อสอบอยู่เพลินๆ โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาเขาก็ตื่นเต้นจนใจแทบตกไปยังตาตุ่ม รีบกดโทรศัพท์รับแทบจะทันที

“สะ...สวัสดีครับ พูรินพูดอยู่ครับ” เขาว่าพลางเดินออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้องไม่อยากรบกวนใครอีกคนที่กำลังใช้สมาธิ





“มีอะไรหรือเปล่า” แทนคุณเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นรุ่นน้องเดินกลับเข้ามาหน้าเศร้า เจ้าตัวทิ้งตัวลงตรงฝั่งตรงข้ามเขา ซบหัวลงกับเข่าสองข้างที่ยันขึ้นมาของตัวเอง

“เปล่าพี่..” อีกคนตอบแบบนั้น ทั้งๆ ที่หน้าเบะเหมือนกำลังจะร้องไห้

“ถ้ามึงไม่เล่าแล้วกูเห็นน้ำตามึงไหลกูจะตี” เขาว่าให้อีกฝ่ายหันมามองอย่างแปลกใจ “กูเกลียดคนโกหก”

“โธ่ พี่แทน น้องกำลังเศร้า อย่าด่าได้ไหม” มันว่าแบบนั้นก่อนที่จะกลับไปซบเข่าตัวเองอีกครั้ง เขาเขยิบเข้ามาใกล้มันมากขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด

“แล้วมึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึง”

“เปล่าพี่.. แค่...เฮ้อออ”

“อ่าๆ ถ้ามึงไม่อยากจะเล่าก็ไม่ต้องเล่า แต่ถ้ามึงไม่มีอารมณ์จะสอนก็บอกกู กูจะไปส่งที่หอ โอเค๊?” อีกฝ่ายว่าเตรียมจะลุกกลับไปนั่งที่ตัวเองแต่ถูกมือบางฉุดชายเสื้อไว้ก่อน

“พี่แทน~”

“อะไรของมึงอีก”

“ถามอีกนิดดิ อีกนิดก็จะเล่าแล้วนะ” ที่จริงเขาก็อยากเล่าให้ใครสักคนฟังอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องมีลีลากันหน่อย ไม่งั้นมันจะดูไม่ใช่เรื่องสำคัญอะดิ อีพี่แม่งก็เลิกถามง่ายเหลือเกิน

“เอ่า ก็ถ้ามึงอยากเล่าก็เล่ามาดิ” อีกคนหันหน้ามาใกล้กันอีกครั้ง “กูอยากฟังนะ” ไม่พูดเปล่า เอามือขึ้นมาแปะหัวเขา ความอบอุ่นที่ได้รับจากการสัมผัสแผ่ซ่านเข้าไปทั่วร่างกาย เป็นอีกครั้งที่อดใจเต้นแรงกับคนตรงหน้าไม่ได้

“ลีลาฉิบหาย” มือที่สัมผัสบนหัวกดหัวเขาอย่างแรงหนึ่งทีก่อนที่จะผละไป เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกผิดที่หน้าแดงกับพี่มัน

“เฮ้อ.. เมื่อกี้โรงเรียนที่ผมสมัครงานไว้โทรมาพี่แทน” อีกคนนั่งฟังเงียบไม่คิดจะถามหรือแทรกอะไรขึ้นมา

“พี่อาจจะยังไม่รู้ ผมมีความฝันอยากเปิดโรงเรียนสอนร้องเพลงเด็กเล็ก แบบทั้งร้องปากเปล่ากับทั้งแบบเล่นละครเพลงไปด้วย”

“แต่เป็นเพราะผมยังไม่มีประสบการณ์ ผมต้องเก็บเกี่ยวความรู้ ผมถึงลองไปสมัครงานกับโรงเรียนต่างๆ ขอเป็นครูสอนร้องเพลงหรือไม่ก็สอนการแสดง แต่อย่างที่บอกผมไม่เคยทำงานมาก่อนก็เลยไม่มีใครรับ อย่างเมื่อกี้ก็โทรมาปฎิเสธอีกแล้ว”

“มึงก็อย่าคิดมากดิวะ ที่นี่ไม่รับ ที่ใหม่ก็มีไหมมึง” แทนคุณลองเอ่ยปลอบเท่าที่คิดได้

“ลองมาหลายที่แล้วพี่ ตั้งแต่ขี้นปีสองผมก็ลองมาตลอด แต่ไม่มีที่ไหนรับเลย” เขามองหน้ารุ่นน้องที่เล่าไปก็เหมือนจะบ่อน้ำตาแตกไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เขามันพวกปลอบใจคนไม่เป็นซะด้วยสิ

“แล้วมึงจะเลิกไหมล่ะ” เมื่อคนฟังได้ยินก็หันหน้ามามองเขาก่อนที่จะส่ายหัวหัวหงึกๆ

“ไม่มีทางหรอกพี่”

“เออ งั้นมึงก็อย่าคิดมาก ถ้ามันเหนื่อยมาก อยากร้องไห้ก็ร้องซะให้พอ พรุ่งนี้ตื่นมาค่อยสู้ใหม่ เดี๋ยวกูจะช่วยมึงด้วย” พูรินมองคนที่ปกติไม่เคยอ่อนโยนแต่วันนี้กลับดูใจดีกว่าเดิม เขาเหมือนจะเริ่มชินกับหัวใจตัวเองที่มักเต้นผิดแผกเมื่ออยู่กีบคนตรงหน้าซะแล้ว

“...”

“อ่ะ กูทำเสร็จแล้วมึงจะตรวจได้ยัง” ว่าแล้วก็เอากระดาษข้อสอบตีหัวเขาเบาๆ พูรินรีบเช็ดน้ำตา รับกระดาษจากอีกฝ่ายมาตรวจคำตอบพลางถามเรื่องที่อยากได้คำตอบ

“ผมขอมาช่วยแม่พี่เย็บผ้าได้ไหม ผมอยากทำชุดเจ้าหญิงเองได้ เผื่อเอาไว้ใช้เวลาผมมีโรงเรียนขึ้นมาจริงๆ ผมจะได้ตัดชุดเองเป็น ผมบอกแม่พี่แล้ว แม่พี่ไม่ว่าอะไร”

“ก็แล้วแต่มึงสิ” อีกฝ่ายยกยิ้ม ถ้าให้เขาตีความเขาคิดว่ามันเป็นยิ้มเอ็นดู เป็นยิ้มที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจากอีกคน พูรินนั่งตรวจคำตอบในขณะที่แทนคุณหยิบหนังสือนิทานเล่มใหม่ขึ้นมาอ่าน พอตรวจเสร็จเรียบร้อย คนเป็นพี่ก็ชวนเขาลงมากินข้าวข้างล่าง ประจวบเหมาะกับที่แม่ของพี่แทนเย็บชุดเสร็จพอดี

“หมีพูห์ดูสิลูก ชอบไหม”

“สวยมากเลยครับแม่กุ้ง ฝีมือแม่นี่สุดยอดไปเลย” สาวใหญ่หัวเราะเสียงดัง ดูชอบอกชอบใจกับคำชมที่ได้รับ

“แม่สอนเราแปปเดียว เดี๋ยวเราก็ทำได้”

“จริงหรอครับ งั้นวันเสาร์อาทิตย์ผมมาได้ไหมครับ ถ้าแม่ว่าง”

“มาสิๆ ให้พี่แทนไปรับเลยนะ แม่สอนเราสักครึ่งวันเราก็น่าจะเริ่มเป็นแล้วล่ะ” ว่าก่อนจะหันไปหาลูกชาย

“แทน เราเอาชุดไปส่งที่บ้านน้าอิงหน่อยได้ไหม เดี๋ยวแม่กับน้องจะอุ่นกับข้าวไว้รอนะ” แทนคุณรับคำ รีบเอาชุดพับใส่ถุงเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากบ้านไป คนที่เหลือสองคนช่วยกันเก็บกวาดพื้นจนสะอาดก่อนที่จะเดินเข้าครัว อุ่นอาหารเย็นที่อีกคนซื้อมาไว้ พูรินตักข้าวใส่จานสามใบ วางอาหารที่อุ่นแล้วลงบนโต๊ะ พอรินน้ำครบสามแก้วก็พอดีกับที่อีกคนกลับมา ทั้งสามจึงนั่งลงกินข้าวพร้อมกัน

“เดี๋ยวผมล้างจานเอง” เมื่อกินเสร็จพูรินก็เสนอตัวเก็บจานที่ใช้แล้วมาวางซ้อนกันตั้งใจจะยกไปในครัว

“ไม่ มึงไปนั่ง วันนี้กูใช้งานมึงมาเยอะแล้ว”

พูรินอ้าปากจะเถียงแต่พอเจอสายตาดุที่มองมาก็หุบปากฉับ เดินไปนั่งตรงระเบียงหน้าบ้านรับลมเย็นตามคำสั่งของคนแก่กว่า เมื่อได้นั่งอยู่คนเดียวอีกครั้ง สมองก็พาลหวนกลับไปคิดถึงเรื่องของวันนี้

เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่โดนปฎิเสธ

ถึงจะบอกพี่แทนว่าไม่มีทางเลิก แต่ใจจริงเขาก็ท้อเหลือเกิน บางครั้งเขาก็สงสัยว่าสิ่งที่ฝันไว้ จริงๆ แล้วมันเป็นแค่ฝันลมๆ แรงๆ หรือเปล่า หรือที่จริงเขาควรจะเลิกล้มแล้วกลับไปตั้งใจเรียน หางานทำแบบคนอื่นๆ สักที

“ซึมอีกแล้วนะมึง” เงยหน้าขึ้นหันหลังไปมองเมื่อได้ยินเสียงรุ่นพี่เดินเข้ามาประชิดจากด้านหลัง

“มึงยังคิดมากเรื่องงานอีกหรอ”

“ก็นิดหน่อยน่ะพี่”

“กูเข้าใจ แต่ถ้ามันคือสิ่งที่มึงฝันไว้ ท้อได้แต่อย่าถอยนะมึง” ตากลมสบเข้ากับตาคมที่มองมาอย่างให้กำลังใจ เขายกยิ้มบางให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณมากเลยนะพี่” ว่าแล้วก็เสมองต่ำไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้ ก็พี่มันดันยิ้มกลับมา แถมเป็นยิ้มอบอุ่นแบบที่ทำให้ใจสั่นไหวเสียด้วย

“อ่ะ” เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นมืออีกฝ่ายที่ยื่นเข้ามาใกล้ มือหนากำเส้นด้ายบางๆ สีขาวอยู่ มองตามขึ้นไปก็เห็นลูกโป่งสีแดงลอยอยู่ในอากาศ

“ก็ในเมื่อมึงเป็นหมีพูห์ เวลามึงเห็นลูกโป่งสีแดงมึงก็ต้องมีความสุขดิ” เจ้าตัวเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันทำให้ใครอีกคนเกิดความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจ มันล้นแน่นจนทำให้กระบอกตาร้อนผ่าว อุ่นซ่านในอกจนทำให้หายใจไม่สะดวก แต่มันก็หวานช่ำจนทำให้ร่างกายทุกส่วนเบาหวิวจนเหมือนจะลอยได้

“รับไปสักทีสิ กูหนัก”

ลูกโป่งบ้านพี่สิหนัก~

เขาเอื้อมมือออกไปรับลูกโป่งมาถือ สองตายังจ้องเจ้าของลูกโป่งที่ยิ้มหัวเราะอย่างสดใส

“เอ้า ยิ้มสักทีดิวะคุณหมีเสื้อแดง”





ตึกตัก ตึกตัก





มันต้องใช่แน่ๆ

ที่ตอนนี้เขารู้สึกเบาหวิวเหมือนลอยกลางอากาศ

ที่ตอนนี้รู้สึกดีเหมือนได้กินน้ำผึ้งรสหวาน

มันต้องใช่แน่ๆ

มันไม่ใช่เพราะอีกคน

แต่มันต้องเป็นเพราะลูกโป่งสีแดงตรงหน้าแน่ๆ ..





******************

น้องหมีกับพี่แทนนนนนน

ลงตอนนี้แล้วขออนุญาตหายไปสักพักนะคะ :)





#หมีแทนที่รัก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2019 04:52:24 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
วุ้ยยย ไม่ใช่แร่ะหมีพูห์ ใจเต้นแรงเพราะพี่แทนดิไม่ใช่เพราะลูกโป่ง หมีพูห์เป็นคนตลก :กอด1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew1: พี่เเทนเนียนจีบน้องใช่เปล่า

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น้องหมีพูห์น่ารัก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น้องก็แอบมีใจให้พี่แทนอยู่นี่

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ขอโทษนะคะ พยายามอัพแล้ว อัพไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไร :ling3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2019 23:53:41 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่สาม:.
You can’t stay in your corner of the forest waiting for other to come to you. You have to go to them sometimes
.
.
คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง เพื่อรอให้ใครสักคนมาพบคุณได้ตลอด บางครั้งคุณต้องเป็นฝ่ายเดินออกไปหาเขาเอง


พูรินยกสมุดของอีกฝ่ายมาวางหน้าตัว หยิบดินสอไม้ที่เหลาจนแหลมขึ้นมาตรวจแบบฝึกหัดที่เขาให้อีกคนทำเมื่อชั่วโมงก่อน เขาให้พี่แทนแต่งประโยคpassive voice มันเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนสับสนเพราะไม่ค่อยได้ใช้กันในหมู่คนเริ่มหัดเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งนั่นก็รวมถึงคนที่ทำแบบฝึกหัดในสมุดนี้ด้วย
“พี่แทน พี่ยังไม่เข้าใจสักนิดเลยนี่น่า” แทนคุณเกาหัวแก๊กๆ รับสมุดที่น้องยื่นกลับมาให้
“ผมบอกให้พี่เอาตัวที่โดนกระทำขึ้นมาเป็นประธาน แล้วใส่ verb to be ตามด้วยกริยาช่องสาม พี่ดูโครงสร้างมันดิ” เขายื่นกระดาษขนาดเอสี่ที่มีตารางโครงสร้างของประโยคให้อีกคนรับไป
“ดูว่ามัน tense ไหนด้วย” เขาว่าต่อ มองหน้าคนที่ยังจ้องกระดาษเอสี่แบบงงๆ ผ่านมาอาทิตย์กว่าเขาว่าเขาติว 12 tenses ให้พี่แกแน่นแล้วนะ วันนี้เลยลองเพิ่มความยากให้พี่แกดูหน่อย แต่ดูเหมือนพี่แกจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่
“งั้นพอก่อนไหม อ่านนิทานกันดีกว่า” พูรินตัดใจ เขาอยากให้อีกคนพักสมองบ้าง เลยหยิบหนังสือจากกองนิทานที่เขาเอามาให้ขึ้นมาหนึ่งเล่ม ไม่พ้นจะเป็นนิทานจากการ์ตูนโปรดเรื่องเดิม
“วันนี้เรียนพอแค่นี้ไหม กูไม่อยากกินเวลาของมึงทั้งวันหรอก” แทนที่จะเปิดหนังสืออ่านพี่แกกลับว่ามาแบบนั้น
“พี่อย่ามาอ้าง เบื่อแล้วก็บอกมาเลย”
“มึงงูเห่าป่ะ กูอุตส่าห์หวังดี” พูรินหัวเราะ เขาเริ่มชินกับคำพูดห่ามๆของรุ่นพี่แล้ว ถึงพี่แกจะปากเสียแค่ไหน เขาก็เริ่มจะรู้ว่าจริงๆแล้วพี่แทนก็แอบใจดีอยู่เหมือนกัน
“เอางั้นหรอพี่ งั้นถ้าจะไม่ติวแล้ว วันนี้ผมขอลงไปช่วยแม่กุ้งเย็บผ้าได้ไหม” ตอนขึ้นมาบนห้อง เขาเห็นแม่กุ้งกำลังเย็บชุดเอลซ่าเพิ่มอีกแล้ว เจ้าหญิงน้ำแข็งนี่มันป๊อปสุดๆไปเลย ถ้ามีเวลาเขาจะขอให้แม่ช่วยสอนเขาเย็บซักหน่อย ช่วยแม่ตัดผ้าเตรียมของมาหลายวัน ยังใจไม่กล้าพอลองจับจักรจริงๆจังๆสักที
“อืม ก็แล้วแต่มึง ป่ะ ลงไปกินข้าวกัน” คนอายุมากกว่าตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะเดินนำลงไปชั้นล่าง พี่แทนบอกให้เขาไปอยู่กับแม่ตอนที่ตัวเองจะเตรียมกับข้าวแต่เขาปฎิเสธเพราะอยากเข้าไปช่วยในครัว เมื่อพูดไม่ฟังแทนคุณก็เลยตามใจอีกฝ่าย พากันเดินเข้ามาในครัวที่เป็นเพียงพื้นที่โล่งแจ้งหลังบ้าน มีตู้ใส่กับข้าวขนาดใหญ่ติดผนังด้านหนึ่ง ด้านในมีจานชามมากมายเรียงอยู่ ช้อนส้อมปิดสนิทอยู่ในกล่องสีฟ้าขุ่น ส่วนฝาผนังอีกด้านถูกดัดแปรงเป็นที่แขวนเครื่องครัว ทั้งกระทะทั้งหม้อถูกแขวนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบบ่งบอกนิสัยรักสะอาดของเจ้าของได้ดีที่สุด
มองดูหม้อหุงข้าวก็เห็นข้าวสวยถูกหุงไว้ก่อนแล้ว แทนคุณหยิบกระทะใบนึงจากที่แขวน วางมันลงบนหัวเตาแก๊ส
“มึงทอดไข่เจียวเป็นไหม” เขาเอ่ยถามอีกคน ขาก็เดินไปที่ตู้เย็นที่อยู่ข้างประตู หยิบไข่ไก่ออกมาสี่ใบยื่นให้รุ่นน้อง
“โธ่พี่ ของง่ายๆแบบนี้ทำเป็นอยู่แล้ว” ว่าพร้อมกับรับไข่ทั้งหมดมาวางบนโต๊ะ มองซ้ายขวาอีกนิดก็หยิบชามใบใหญ่ที่อยู่ในชั้นออกมา เดินไปล้างไข่ไก่จนสะอาด
“รับรองแล้วพี่จะไม่สามารถกินไข่เจียวที่อื่นได้อีกเลย” เจ้าตัวโม้ขณะเริ่มต้นตอกไข่ใส่ชามทีละใบ
“ทำไม ลิ้นกูจะตายด้านเลยหรอ”
“ใช่ที่ไหนเล่า! อร่อยเหาะจนไม่อยากกินที่อื่นอีกเลยตั้งหาก”
แปะ!
“มึงรีบทำเถอะ โม้อยู่ได้ กูไม่ได้หวังอะไรมาก ขอแค่ไม่ไหม้ก็พอแล้ว” พูรินนิ่งค้างเมื่อมือหนามาสัมผัสที่กลุ่มผมเขาก่อนจะขยี้ไปมาเร็วๆ แล้วยันเบาๆ ไม่พอคนทำยังพูดกลั้วหัวเราะพร้อมส่งยิ้มเอ็นดูมาให้เขา
อีพี่บ้า~ ทำหน้าไม่เข้ากับอิมเมจอีกแล้วนะแก
ถึงจะชินกับคำพูกกระโชกโฮกฮากของไอ้พี่หมียักษ์ แต่ที่ไม่ชินเลยจริงๆคือการกระทำอ่อนโยนของพี่มัน พอพี่มันใจดีใส่ทีไร ใจกระตุกผิดจังหวะตลอด รู้สึกเหมือนหน้ามันจะร้อนๆ แล้วยังแบบไม่กล้าสบตาอีก ต้องคอยเสตาหลุบไปมาอย่างไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนเวลาพี่มันมองมา
เฮ้ย! ไม่ใช่นะ ไม่ใช่!
ขอยืนยันว่า เขาไม่ได้ชอบพี่มันหรอกนะ
จะบ้าหรออย่างเขากับอีพี่แทนน่ะนะ..แค่คิดก็..
เขาก็แค่สงสัยว่าพี่มันมันคิดอะไรเกินเลยกับเขาหรือเปล่า...
ไม่ได้หลงตัวเองนะ!!
ก็ท่าทางของพี่มันชวนให้คิดเองนี่น่า...

“ยืนเหม่อหาแฟนหรือไงไอ้หมี”
นั่นไง! พี่มันแอบพูดประชดหรือเปล่า พี่มันอาจจะน้อยใจนึกว่าเขามีแฟนอยู่แล้วก็ได้...
พูรินคิด แก้มขึ้นสีแดงเรื่อ
แทนคุณ~ เผยไต๋อีกแแล้วนะครับ
“บ้าหรอ ผมมีแฟนที่ไหน” บ่นอุบอิบออกไปเบาๆให้อีกฝ่ายพอได้ยิน เฮ้ย! เขาไม่ได้จะให้ความหวังพี่มันนะ
แค่พูดเฉยเฉ๊ย พูดเฉยๆจริงๆ!!
“มึงว่ากุสนไหม คือกูจะกินไข่เจียววันนี้ไง”
แทนคุณตอบกลับจนอีกคนหน้ามุ่ยบ่นอะไรออกมาก็ไม่รู้ เขารีบหันหลังให้น้องมัน กลัวว่ามันจะเห็นมุมปากที่กำลังยกยิ้มขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ของเขา
“แล้วพี่จะทำอะไรกินอ่ะ” พูรินถามขึ้นเมื่อเห็นพี่แทนหยิบเอาตะไคร้และหอมแดงมาหั่น
“ยำปลากระป๋อง” ว่าแล้วก็ละมือจากมีดยกกระป๋องทรงกลมที่มีรูปผู้หญิงสามคนยืนยิ้มอยู่ให้ดู
“เมนูโครตง่าย”
“มึงอย่าดูถูกยำปลากระป๋อง แล้วอย่ามาขอให้กูทำให้กินอีก”
แม่ง~ ขี้โม้พอกับกูเลย
เขากลับไปสนใจไข่ที่ตอกแล้วในชาม เหยาะน้ำปลาลงไปก่อนจะเจียวไข่ให้เข้ากัน ตั้งน้ำมันในกระทะจนร้อนแล้วเทไข่ลงไปทอดจนเหลืองกรอบ พอยกขึ้นก็พอดีกับที่ยำของพี่แทนเสร็จ
“มึงชิมดิ” ว่าแล้วก็ยื่นช้อนมาตรงปากรุ่นน้อง “ถ้ามึงชอบเผ็ดกว่านี้กูจะได้ใส่พริกเพิ่ม” พูรินอ้าปากรับยำเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆ
“โอโห พี่แทน โครตอร่อยเลย” รสชาติที่ทั้งเปรี้ยวทั้งแซ่บทั้งหวานแบบเข้ากันพอดีทำให้พูรินแทบน้ำตาไหล
“กูบอกมึงแล้ว”
“พี่แทนผมขอสูตรหน่อยดิ อยากเอากลับไปทำกินบ้างอ่ะ”
“ไม่ให้”
“งกว่ะ โธ่ แค่นี้ไปถามแม่กุ้งก็ได้”
“สูตรนี้มันตกทอดมาตั้งแต่ตาทวดกู ถึงเป็นมึงแม่กูก็ไม่ให้หรอก” แทนคุณพยายามกลั้นขำ ทำหน้าจริงจังตอนที่เอ่ยโม้คำโต
“โห จริงดิ ถึงว่าโครตอร่อยเหาะอะ ขอชิมอีกคำดิพี่”
มันเชื่อด้วยเว้ยเฮ้ย ~ ไอ้หมี..มึงมันคนซื่อ~
แทนคุณตักยำเข้าปากคนที่ยื่นหน้ามารอ แอบขำเมื่ออีกคนทำหน้าฟินหลับตาพริ้มแน่นแล้วเคี้ยวช้าๆอย่างไม่อยากให้มันหมด
“ละลายในปากอ่ะ”
“ปลากระป๋องหมีพูห์ ปลากระป๋อง”
มันยิ้มแฉ่งกลับมา มองยำปลากระป๋องตรงหน้าเหมือนอยากกินอีก
“พอเลยมึง ไปตั้งโต๊ะได้แล้ว”
“ง่ะ” ทำหน้าหงอยขึ้นมาทันที ความรู้สึกเหมือนตอนหมีพูห์น้ำผึ้งหมดไม่มีผิด
“ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็บอก เดี๋ยวกูทำให้” เขาบอกไปเพราะเหนื่อยจะแกล้งต่อแล้ว เดี๋ยวแม่ไม่ได้กินข้าวกันพอดี
“จริงนะ! พี่สัญญาแล้วนะ” พอเขาว่าอย่างนั้นมันก็เปลี่ยนสีหน้ากลับมาบ้าบอเหมือนเดิมทันที ไอ้ท่าทางสลดเมื่อกี้มันคือการแสดงหรอหมี!
“...” เขาส่ายหน้าอย่างระอา เดินถือจานกับข้าวหนีเข้าไปในบ้าน มีหมีพูห์ที่ถือถ้วยน้ำพริกและผักต้มเดินตามไปติดๆ ถามซ้ำไปซ้ำมาพยายามให้เขายอมพูดคำว่าสัญญาออกมาให้ได้ เขาก็ทำได้แต่หลบเลี่ยงไปมา
ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวมันจะเห็นเวลาเขากลั้นยิ้มไม่อยู่ มาคลอเคลียกันอยู่ได้
เมื่อวางจานกับข้าวลงกลางโต๊ะพร้อมตักข้าวสวยสามจานมาวางเรียบร้อย พูรินก็ทำหน้าที่ไปเรียกแม่พี่แทนมากินข้าว จากประตูเขาชะเง้อเข้าไปตั้งใจจะเรียกอีกคน แต่ก่อนจะได้เอ่ยปากออกไปเขาก็ชะงักมองหญิงวัยกลางคนที่ก้มหน้าก้มตาเย็บผ้าอย่างขยันขันแข็ง
เขาแอบปวดใจ
ผู้หญิงคนนี้ต้องทำงานหนักมาตลอดเพื่อเลี้ยงดูลูกชายเพียงลำพัง แล้วการที่ต้องเย็บผ้าเยอะแยะขนาดนี้คงจะปวดทั้งตา ทั้งหลัง เคยได้พักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาเห็นใจอีกคนจับใจ แต่ลำพังตัวเองยังเอาไม่รอด เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยแม่กุ้งได้อย่างไร
“แม่กุ้งไปกินข้าวกัน” ในที่สุดเขาก็เดินเข้าไปหา เอ่ยเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ้าว เรียนกันเสร็จแล้วหรอลูก” เธอหยุดงานในมือทันที ถามไถ่อีกคนด้วยความรักใคร่ก่อนที่จะค่อยๆลุกมายืนข้างกัน หัวเราะชอบใจเมื่อเด็กชายยื่นมือมาควงแขนช่วยประคองตัวเอาไว้
“ครับ เดี๋ยวหลังกินข้าวเสร็จ ผมขอมาช่วยแม่นะครับ” เธอส่งยิ้มพร้อมลูบมือที่จับกันไปมา ทำไมถึงได้เป็นเด็กดีขนาดนี้นะ
เราสองคนเดินไปที่โต๊ะกินข้าว พี่แทนยกน้ำเย็นจากในตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมแก้วสามใบ เมื่อเรานั่งลงพร้อมหน้า ต่างคนก็เริ่มจับช้อนขึ้นมาจัดการอาหารตรงหน้า
“มึงว่างวันจันทร์บ่ายใช่ไหม” เมื่อกินเสร็จแทนคุณก็เอ่ยถามรุ่นน้องออกมา เทน้ำลงแก้วทั้งสามใบ
“ครับ ไปเจอกันที่ใต้คณะเหมือนเดิมหรือพี่จะให้ผมมาเองก็ได้นะ ผมจำทางได้แล้ว” เขาจำรถสองแถวที่ผ่านหน้าบ้านได้ มันผ่านหน้ามอเขาพอดี นั่งมาต่อเดียวก็ถึง สบายมาก
“ไม่ มึงไปเจอกูที่เดิม เอาเรซูเม่ไปด้วยนะ” พูรินคิ้วมุ่นเข้าหากัน
“จะให้เอามาทำไมอ่ะพี่”
“กูจะพามึงไปสมัครงาน”
“ห๊ะ”
“แถวมอมีโรงเรียนเตรียมอนุบาลเอกชนอยู่หลายที่เพื่อนกูบอกเขาเปิดรับครูสอนพิเศษพาร์ไทม์อยู่ ปกติจะมีสอนภาษาอังกฤษ สอนเต้น หรือไม่ก็สอนเล่นละคร” แทนคุณร่ายยาวต่อ
“กูว่ามึงจะมามัวนั่งส่งใบสมัครทางเน็ตอย่างเดียวไม่ได้ มึงต้องลองเข้าไปหาเขาดู ลองแสดงความสามารถหลายๆอย่าง ไม่แน่เขาอาจจะรับมึงก็ได้”
พูรินนิ่งฟังคนตรงหน้าจนลืมกลืนข้าว พี่แทนเก็บเรื่องเขาไปคิด แถมยังคิดจะหาวิธีช่วยเขาอีก เขารู้สึกตื้นตันใจ การที่มีคนอื่นเห็นความฝันของเขาไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อเจ้อหรือแค่ฝันกลางวัน แถมยื่นมือเข้ามาช่วยแบบนี้ มันน่าปลื้มใจจนน้ำตาซึมจริงๆ
“แม่ก็จะลองถามที่โรงเรียนที่แม่ตัดชุดส่งให้นะ แม่สนิทอยู่กับครูหลายๆโรงเรียน”
“แม่กุ้ง~” ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ อีกฝ่ายยังยื่นมือมาช่วย เขารู้แล้วที่แท้พี่แทนได้ความใจดีมาจากแม่นี่เอง
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆเลย”
“พอๆ กินเร็วๆเลย อมข้าวอยู่ได้นะมึง”
“ก็มันซึ้งอยู่อ่ะ”
“มึงนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ”
“แม่ดูพี่แทนดิ ว่าผมตลอด” เขาหันไปออดอ้อนฟ้องผู้ใหญ่หนึ่งเดียว แทนคุณถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“แม่ใช้งานมันหนักๆเลยนะ พูดมากอยู่ได้”
“ผมช่วยแม่เต็มที่อยู่แล้ว คอยดูเหอะผมจะทำให้พี่ตกกระป๋อง” ว่าแล้วเขาก็เข้าไปสวมกอดหญิงใจดีอย่างแสนรัก ไม่ลืมจะแลบลิ้นเยาะเย้ยอีกคนที่กรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย เอามือยกขึ้นนวดขมับ แต่เขาไม่สนสักนิด ไม่รู้ทำไมถึงแม้จะรู้จักกับแม่ได้ไม่นาน แต่เขาถึงรู้สึกรักและคุ้นเคยกับอีกฝ่ายได้มากขนาดนี้
“แทนที่จะช่วย มึงจะมากวนแม่กูมากกว่า เสียงานเสียการชิป”
อีพี่แทนบ้า ~ คอยดูนะ แม่กุ้งต้องเป็นของเขาคนเดียว!!
.
.
.
.
.
.
.
.

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” พูรินยกมือไหว้ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องของครูใหญ่ เขาถอนหายใจหนักอย่างเหนื่อยใจ ลากขาที่ไร้เรี่ยวแรงไปหารุ่นพี่ที่ยืนเล่นโทรศัพท์รออยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ตัวเอง
“เป็นไง?” อีกฝ่ายทักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“เหมือนเดิม เขาบอกว่าจะติดต่อกลับมาอ่ะพี่” พูรินงึมงำพูดออกไปอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่คิดว่าจะมีใครติดต่อเขามาจริงๆหรอก ส่งใบสมัครไปกี่ที่แล้ว ก็เห็นพูดกันแบบนี้ทุกราย
“เอาน่ามึง อย่าพึ่งคิดไปก่อน เขาอาจจะติดต่อมาจริงๆก็ได้” คนตัวโตเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หยิบหมวกกันน๊อคที่วางไว้บนเบาะนั่งให้อีกคน ก่อนที่จะหยิบของตัวเองขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว
“ป่ะ”
“ไปไหนอ่ะพี่ ผมว่าวันนี้พอเหอะ ผมรบกวนเวลาพี่มาเยอะแล้ว”
“มึงพูดเชี่ยอะไร รบกวนที่ไหนกูอยากมาเองทั้งนั้น แต่ถ้าวันนี้มึงเหนื่อยแล้วไปอีกที่เดียวพอ ครูที่นั่นเป็นลูกค้าแม่กู แม่กูไปคุยไว้ให้แล้ว” เมืื่อได้ยินแบบนั้น คนตัวเล็กก็น้ำตาคลอเบ้าทันที เอามือสองข้างมาประกบกันกลางอกทำตาพริ้ม
“แม่กุ้ง~” ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ
“พอเลยนะมึง จะเสียเวลาก็ตอนรอมึงยืนซึ้งนี่แหละ”
เมื่อโดนคนตัวโตว่าอย่างนั้นคนที่กำลังซึ้งก็หน้างอสูดจมูกแรงๆกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นก็รีบสวมหมวกกันน๊อคเรียบร้อยแล้วกระโดดขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว กว่าพี่แทนจะขับรถลัดเลาะมาถึงโรงเรียนเตรียมอนุบาลที่ว่าก็พอดีกับที่โรงเรียนกำลังจะเลิก พอคุยกับครูจันทร์ที่แม่รู้จัก เธอก็บอกให้ไปนั่งรอที่ห้องรับรอง ส่วนพี่แทนก็เหมือนเดิม ขอตัวออกไปรอที่รถด้านนอก
พอเด็กๆเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้วครูจันทร์ก็แนะนำให้เขารู้จักกับครูใหญ่ แล้วก็เหมือนทุกๆที่ ที่เขาจะเริ่มจากการเล่าประวัติและความถนัดที่มีให้อีกฝ่ายฟัง แถมยังเปิดโชว์วิดีโอให้อีกฝ่ายดูด้วย มีทั้งที่เขาเคยแสดงละครเวทีกับสถาปัตย์แล้วก็ที่ไปร้องเพลงตามร้านอาหาร
“แล้วเราอยากได้ค่าแรงเท่าไหร่” พูรินตาโต ที่นี่เป็นที่แรกที่ถามถึงเรื่องนี้ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็รีบตอบออกไปทันทีด้วยตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ อย่างที่บอกเขาแค่อยากลองทำงานจริงๆเท่านั้นเอง ให้ทำฟรีเขายังยอมทำเลย
“ปกติวิชาเสริมจะมีอาทิตย์ละครั้ง ถ้ามาก็อาจจะต้องเต็มวันหรือจะแบ่งเป็นช่วงบ่ายสองวัน มีปัญหาหรือเปล่า”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาเลย” เขาตอบกลับอย่างกระตือรือร้น สมองพร่าเบลอเหมือนอยู่ในฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังจะได้งานนี้จริงๆ
“ตกลงว่าผมได้งานแล้วหรอครับ” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ใจเต้นรัวอยากวิ่งออกไปบอกคนที่อยู่ข้างนอก
“ยังจ๊ะยัง เดี๋ยวครูขอปรึกษาครูประจำชั้นก่อน” รอยยิ้มกว้างชะงักเมื่ออีกคนว่ามาแบบนั้น
“เรายังเป็นแค่นักศึกษาแล้ว แถมไม่ได้เรียนครูมาด้วย ถึงครูจะพอใจในความสามารถเรา แต่ผู้ปกครองไม่รู้จะว่ายังไงน่ะสิ”
“...”
“แล้วยังไงครูจะติดต่อไปนะ”
อีกแล้วหรอ...เมื่อได้ยินคำพูดของครูใหญ่ พูรินก็รู้สึกหน้าชา วูบโหวงในใจ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปสักอย่าง ความฝันที่เหมือนจะคว้ามันไว้ได้ จู่ๆก็ลอยหลุดมือไป
มังคงจะเป็นความรู้สึกเดียวกับหมีเสื้อแดงตอนที่เผลอทำลูกโป่งสีแดงหลุดมือ ทำได้แค่มองมันล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างอย่างใจหาย
คุยกันอีกสักพักเขาก็กล่าวลาอีกคนก่อนที่จะเดินไปหาคนที่มายืนรอเขาเป็นชั่วโมง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนส่งยิ้มมาให้ น้ำตาที่จู่ๆไม่รู้มาจากไหนนักหนาก็ผุดขึ้นมา พี่แทนที่อุตส่าห์เสียเวลามาช่วยเขา เป็นคนที่ถือฝันกลางวันของคนอย่างเขาเป็นจริงเป็นจัง เขาคงทำให้พี่แกผิดหวังไม่น้อย...
“พี่แทน..”
แทนคุณมองหน้าหงอยๆของรุ่นน้อง เห็นแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่ามันคงได้รับข่าวไม่ดีมาแน่ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน เขายกยิ้มให้กำลังใจมันก่อนที่จะเอามือไปหยิกแก้มคนที่ทำหน้าจะร้องไห้แรงๆ
“โอ้ย..เจ็บ” พูรินร้องออกมา ให้คนตัวโตยกมืออีกข้างขึ้นมาหยิกแก้มที่เหลือ
“เจ็บมากไหม หืม...”
“พี่แทน~” คนที่โดนหยิกแก้มเริ่มน้ำตาไหล เขาอยากจะคิดว่ามันเป็นเพราะเจ็บที่โดนหยิก แก้ม แต่รู้ดีว่าจริงๆแล้วมันเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจที่เกิดจากการวิ่งวุ่นมาทั้งวันกับความผิดหวังที่โดนปฎิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อแววตานุ่มอุ่นมองมา เขาก็ไม่อาจกลั้นความเสียใจได้อีกต่อไปแล้ว
“หยิกแก้มแค่นี้ถึงกับร้องเลยหรอ” คนโตกว่าว่ากลั้วหัวเราะ คลายมือออกเปลี่ยนมาเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดของเขาแทน ก่อนที่จะฉุดเขาไปยืนหลังต้นไม้ใหญ่ หลบสายตาคนเดินผ่านที่หันมามองเมื่อเห็นเขาร้องไห้
“เปล่า...” เขาส่ายหน้าปฎิเสธ ความอดทนที่เคยสะสมไว้พังทลายทันทีที่คนตัวใหญ่กว่าดึงเขาเข้าไปในอก ถึงจะแอบตกใจกับความใกล้ชิดที่มากเกินควรที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ความรู้สึกอื่นมันมีมากกว่าจนไม่อาจสนใจ เขาสะอื้นอย่างหนัก มือใหญ่ลูบหลังเขาไปมาอย่างปลอบโยน
“แล้วงอแงทำไม” ตอนนี้ไม่ว่าพี่แทนจะพูดอะไร เสียงทุ้มต่ำนุ่มๆที่ได้ยินข้างหูมันทำให้หัวใจเขายิ่งสั่นไหว มันอุ่นไปทั้งใจ ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคย ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าในที่ตรงนี้ เขาสามารถแสดงความอ่อนแอทั้งหมดที่มีออกมาได้อย่างไม่ไม่ต้องกังวลอะไร
“ไม่รู้...รู้สึกเหมือนทำลูกโป่งหลุดมือ” คนฟังหัวเราะหึในคอ การเปรียบเทียบแบบนี้มีแต่หมีพูห์จริงๆที่ทำได้จริงๆ
“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่” พูรินส่ายหน้าแรงๆก่อนจะตอบว่าไม่เอา
“แล้วจะเอาอะไร”
“ไม่อยากได้อะไรสักหน่อย”
“แล้วทำยังไงถึงจะหยุดร้องไห้” คนที่ปลอบคนไม่เก่งเลือกที่จะถามตรงๆ
“ไม่ต้องทำยังไง ถ้าร้องพอแล้วเดี๋ยวก็หยุดเอง” แทนคุณยกยิ้ม ถอนหายใจเหมือนช่วยไม่ได้ก่อนที่จะใช้สองแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“งั้นก็ร้องให้พอ กูจะบังให้”
พูรินตาโตเบิกกว้าง จากที่กำลังเศร้าๆ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกอื่นมาแทนที่ น้ำตาที่เคยมีมากมายหดหาย จากตรงนี้เขาสัมผัสได้ถึงใจที่เต้นแรงของอีกฝ่ายได้ชัดเจน มันเต้นแรงและรวดเร็วจนทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจ เขาไม่กล้าขยับตัวออก เมื่อรู้สึกว่าขาดอากาศเขาก็ทำได้แค่สูดหายใจเข้าปอดแรงๆ กลิ่นน้ำหอมสะอาดสดชื่นเข้ามาเต็มปอดให้หน้าแดงเรื่อ เขารู้สึกร้อนผ่าว วูบวาบจากปลายเท้าจนถึงสมอง
ไม่ไหว...
มันอุ่นเกินไป..
อกพี่แทนแม่งอุ่นเกินไป..
.
.

.
.
.
.
.
“หมีพูห์.. หมีพูห์..ไอ้หมี..หมีมึง..ไอ้เชี่ยหมีควาย!!” พูรินหันมามองหน้าเพื่อนที่ตะโกนเรียกชื่อเขาออกมาเสียงดังจนแสบแก้วหู
“เสียงดังทำไมไอ้พุทธ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”
“ก็มันเรียกมึงไปร้อยรอบแล้วมึงไม่หันมาสักทีนี่หว่า” ธงชัยว่าขึ้นแทนอีกคน เอามือมาพาดคอเขาไว้หลวมๆ
“ว่าแต่มึงเป็นอะไร เหม่ออะไรขนาดนั้นว่ะ” เจ้าตัวเอ่ยถามเขา น้ำเสียงแสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด เขาส่ายหัวไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ
“เปล่า..ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มึงว่าอะไรนะไอ้พุทธ” เขาหันไปหาไอ้พุทธที่นั่งบ่นอุบอิบ
“กูถามมึงว่าวันนี้มึงจะไปร้านพี่มึงใช่ไหมเห็นมึงบอกว่าพี่อินจะไปด้วย ถ้ามึงจะไปกูอยากไปด้วย” ไอ้พุทธเอ่ยถาม เขาหรี่ตามองมันอย่างมีเลศนัย รู้ดีว่ามันไม่ได้อยากไปเจอพี่อินหรอก อยากไปหาเพื่อนพี่อินต่างหาก
“กูไหว้ล่ะ มึงเลิกยุ่งกับพี่กีได้ไหม เวลากูนัดรวมสายทีไร กูเหนื่อยเหลือเกิน” พูรินว่าพร้อมยกมือพนมขึ้นหัวให้เพื่อนอีกสองคนหัวเราะคิกคัก แต่เขาไม่ได้ล้อเล่นนะ พี่ต้นแฟนพี่กีเจอหน้าไอ้พุทธทีไร ลงกับใครไม่ได้พี่แกมาลงกับเขาทุกที
“แต่เสียใจด้วยว่ะ พี่ดินโทรมาบอกแล้ววันนี้ยกเลิก แล้วอีกอย่างกูก็มีติวให้พี่แทนด้วย” เขาว่าให้มันร้องว้าออกมาอย่างเสียดาย ก่อนที่จะเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“เออ ว่าแต่มึงกับพี่แทนนี่เป็นไงบ้างว่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมึงบ่นเหมือนเมื่อก่อนเลย”
พอไอ้พุทธมันถามเขาก็แอบชะงัก ก็เนี้ยแหละสาเหตุที่ทำให้เขาเหม่อลอยมาหลายวัน ก็ตั้งแต่วันที่กอดกันหน้าโรงเรียนก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่พอคิดถึงอ้อมกอดอุ่นทีไรเขาก็หน้าแดงเรื่อเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆทุกที จากที่เคยสงสัย ตอนนี้เขามั่นใจแล้วจริงๆว่าพี่แกต้องชอบเขา ก็ถ้าคิดแค่พี่น้องพี่แกจะทำขนาดนั้นจริงๆหรอว่ะ
คือแบบกอดกันเลยนะเว้ย~ แบบหน้าเขานี่ชนอกพี่แกอย่างจังอ่ะ
แล้วแบบกล้ามตรงหน้าอกนี่แข็งปึ้ก ก็แน่ล่ะพี่แกกล้ามใหญ่ขนาดนั้น อุ้มเขามือเดียวยังไหว
ไอ้หมีพูห์~
แล้วพี่เขาจะมาอุ้มมึงทำไม~
เขาอยากจะเอาสองมือขึ้นมาขยุ้มหัวเพราะความฟุ้งซ่าน แต่ที่ทำได้คือก้มหน้าเก็บอาการ ซ่อนหน้าที่เริ่มแดงซ่านของตัวเองเอาไว้
“หรือว่าดีกันแล้วหรอว่ะ” ไอ้เพื่อนจอมสอดรู้ยังก้มตัวช้อนหน้ามามองตามไม่หยุด
“ก็..ก็โอเคนะมึง ก็..”เขาอึกอัก
“แต่กูว่าแปลกๆนะ ไหนมึงบอกไปอาทิตย์ละสองวัน นี่อาทิตย์นี้กูเห็นมึงไปทุกวันเลยนะ” มันหรี่ตามองจ้องเขาอย่างสงสัยไม่เลิก
ไอ้เชี่ยพุทธ มึงทำไมเสือกแบบนี๊~
“ก็..ก็แม่กุ้ง! แม่กุ้งไง ใช่ๆๆ กูเล่าแล้วไงว่าแม่มาช่วยสอนกูเย็บชุด” มันร้องอ๋อยาวๆ พอดีกับที่อาจารย์เข้ามาในห้องพอดี มันถึงยอมละความสนใจจากเขา หยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดเลขหน้าตามที่อาจารย์บอก เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ใจก็แอบงงตัวเองว่าทำไมเขาต้องล่อกแล่กเบอร์นี้ด้วย
แล้ว...
ไม่นะ...
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวยกสองมือขึ้นมาขยุ้มหัวตัวเองแรงๆหลายครั้ง เขาจะบ้าตายจริงๆแล้ว
ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ ทีี่วันๆเอาแต่คิดถึงแบบนี้...
พูรินซบหน้าลงกับโต๊ะ เอาหน้าผากโขกซ้ำไปซ้ำมาจนเพื่อนที่นั่งข้างๆร้องเรียกอย่างตกใจ
ฮือ~
กูจะบ้าตาย~
เพราะอีพี่แทนแท้ๆ จู่ๆมาชอบกันทำไมเนี้ย!!!

********
หมีพูห์อ่ะ โอ้ยยย เขียนไปขำไป หมีมันบ้าอ่ะ 555 ว่าจะสต๊อกไว้หลายๆตอนแต่ทนไม่ไหว ตลกหมีอ่ะ
#หมีแทนที่รัก














ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ความฝันต้องมีความพยายาม หมีพห์มีกำลังใจเพียบจากแม่กุ้งแล้วก็พี่แทน
มีท้อแต่ไม่มีถอยอยู่แล้วนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew3: พี่แทนช่างอบอุ่น น้องหมีก็น่ารัก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่สี่:.

You are braver than you believe, stronger than you you seem, and smarter than you think

.

.

คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น และฉลาดกว่าที่คุณคิด
















สองอาทิตย์ผ่านไป ยังเป็นเหมือนเดิมที่ทุกๆ วันจันทร์พี่แทนจะพาเขาไปตะเวนตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อยื่นใบสมัคร ถึงแม้จะยังได้คำตอบเดิมๆ กลับมา แต่ตอนนี้เขาไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว พี่แทนพูดถูกที่สุด อย่างน้อยเขาก็ได้ลองลงมือทำ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเมื่อทำเต็มที่แล้วเขาก็จะได้ไม่มานั่งเสียใจภายหลัง





พูดถึงพี่แทน...





เขาอยากจะบ้า~





ที่เคยคิดว่าพี่มันมาแอบชอบ ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้นที่หน้าโรงเรียน พี่แกก็ยังทำตัวปกติ ไม่ได้แสดงท่าทางจีบหรือแสดงอาการอะไรที่จะทำให้เขาคิดไปทางอื่นได้เลย ซ้ำยังดูเหมือนว่าพี่แกพยายามจะทิ้งระยะห่างกันมากกว่าเดิมเสียอีก อย่างเมื่อก่อนมีลูบหัว มีหยิกแก้ม เดี๋ยวนี้แทบจะไม่แตะเนื้อต้องตัวอะไรกันเลย เขายังจำได้ มีครั้งนึงที่เผลอมือสัมผัสกันตอนที่เขายื่นหนังสือให้ พี่แกก็รีบชักมือออกพร้อมเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว





เหมือนพี่แทนกลัวจะทำให้เขาเข้าใจผิด..





อ๊าก..เอาอีกแล้วหมีพูห์!!





เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ...





แล้วมึงจะอยากให้พี่เขามาลูบหัวลูบหางมึงทำไมเนี้ย!!









พูรินยกมือขึ้นมาขยุ้มผมตัวเองจนยุ่ง ส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้กับคำตอบที่ผุดขึ้นมาในสมอง

ไม่เอาหมีพูห์ ไม่เอา...





อีพี่แทนมันเข้ามาอยู่ในหัวเขาทุกวัน แถมวันละหลายๆ รอบ จนตอนนี้จากที่เคยกลัวพี่มันมาแอบชอบ เขาเริ่มกลัวใจตัวเองมากกว่าเสียอีก..





เขาดึงตัวเองกลับมาได้ในที่สุดเมื่อหันไปสบตาเข้ากับคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ เมื่อโดนสายตาตำหนิส่งมาให้เขาถึงเพิ่งจำได้ว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องสมุดของมหา’ ลัย พูรินกระแอมสองทีรีบเก็บอาการกลับมานั่งตัวตรง พอตั้งสติได้เขาก็หันมาสนใจแลปทอปตรงหน้าที่เปิดค้างอยู่ เขาค่อยๆ เลือกรูปที่เขาเห็นว่าดีแยกใส่ไว้ในโฟลเดอร์ก่อนจะจัดการลบรูปที่เหลือออกจากคอมพิวเตอร์จนหมด

เมื่อหลายวันก่อนเขาให้แม่กุ้งทำชุดเจ้าหญิงให้เขาหลายแบบ เขาปริ้นรูปจากอินเตอร์เนตมีทั้งเอลซ่า ราพันเซล สโนไวท์ ซินเดอเรล่า มู่หลาน และอีกสารพัดเจ้าหญิงดิสนี่ย์ เขานึกขำ ในที่สุดเมื่อกรอกหูแม่ทุกวัน แม่ก็เริ่มรู้แล้วว่าเจ้าหญิงแต่ละคนชื่ออะไรบ้าง

พอแม่ทำตามที่เขาบอกได้ห้าชุด เขาก็ขนชุดทั้งหมดกลับไปที่บ้าน จัดการจับเด็กในบ้านมาเป็นนางแบบซะเลย ไม่ต้องเสียเวลาเท้าความอะไรทั้งนั้น น้องเปิ้ลที่เขาพาน้องมันดูการ์ตูนเจ้าหญิงมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย หยิบชุดสวมใส่ทันที อินเนอร์มาเต็ม โพสเอง วิ่งหาพร๊อบเองไม่มีหยุด จนตอนนี้เขาต้องมานั่งเลือกรูปที่มีเยอะเกินความจำเป็นไปหลายเท่าตัวออก แค่เลือก 30 รูปจากรูปที่มีเป็นพันก็เสียเวลาไปแล้วครึ่งวัน

เรื่องของเรื่อง คือเขาอยากได้รูปสวยๆ เอาไว้ช่วยแม่กุ้งขายของ เขาตั้งใจว่าจะเอาชุดที่แม่ทำไปลงเว็บขายของแฮนด์เมดของต่างประเทศ อยู่บ้านเราเขาเห็นคนอื่นขายชุดในอินสตราแกรมหรือในเวบอย่างมากราคาก็สองถึงสามร้อยบาทต่อตัว แต่ถ้าเอาไปลงในเวบนี้ถ้าขายได้ถูกสุดก็พันนึงแล้ว เขาสัมผัสมาด้วยตาตัวเองว่าฝีมือแม่กุ้งเนี้ยบแค่ไหน ถ้าลองมีคนซื้อเขาว่าคนต้องบอกต่อและต้องมีลูกค้าเข้ามาเยอะแน่ๆ





Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr





ตอนที่กำลังจะเริ่มแต่งรูปที่เลือกแล้ว เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็แผดเสียงร้องขึ้นมา แน่นอนว่าไอ้โต๊ะข้างๆ หันขวับมามองเขาตาขวางทันที เขาทำหน้าลุแก่โทษก่อนจะตาลีตาเหลือกควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าหยิบขึ้นมารับอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันมองว่าใครโทรมา





“สะ..สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ พูรินใช่ไหมเอ่ย”

เขาผละออกมามองเบอร์ว่าเป็นของใคร แต่มันดันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ซะงั้น

“ครับ พูรินพูดครับ” คิ้วมุ่นขมวดเข้าหากัน เมื่อยังไม่แน่ใจว่าใครคือปลายสาย

“นี่ครูจันทร์เองนะ จากโรงเรียนอนุบาลลูกหว้า” พูรินตาโตขึ้นมาทันที รีบตอบครับๆ เสียงดังจนไอ้คนเดิมยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบปากเป็นสัญญาณให้เงียบเสียง เขายิ้มเจื่อนไปให้อีกฝ่าย ก็ช่วยไม่ได้คนมันตื่นเต้นนี่น่า





“รอสักครู่นะครับ” เมื่อทนต่อสายตาอาฆาตไม่ไหว เขาตัดสินใจปิดแลปทอปเก็บข้าวของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องสมุด ตอนนี้ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว จะให้เก็บสงเก็บเสียงใครมันจะไปทำได้

“ครับครูจันทร์ว่าไงครับ”

.

.

.

.

.

.

.

.

“เอาครับคุณแทนคุณ” ตั้งต้นยื่นถุงหูหิ้วกระดาษสีน้ำตาลให้เพื่อนสนิท เมื่อได้ยินเสียงเรียก คนที่นั่งอ่านหนังสือนิยายภาษาอังกฤษรออาจารย์อยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นถุงที่มีโลโก้ดิสนี่ย์แลนด์ฮ่องกงอยู่ก็ร้องอ๋อแล้วยื่นมือเข้ามาจะรับถุงจากมือเพื่อน

“ขอบใจว่..”

ขวับ!

ไม่ทันได้กล่าวขอบใจหรือแตะต้องถุงดังกล่าวแต่อย่างไรก็โดนมือที่สามตัดหน้าคว้าออกไปก่อน

“อะไรว่ะ” บดินทร์ที่เอาถุงไปครองว่าก่อนที่จะเปิดและหยิบตุ๊กตาสีเหลืองนุ่มๆ จากในถุงขึ้นมาดู

“อะไรว่ะเนี้ย”

“ไอ้เชี่ยดิน..เอาคืนมา” ไม่ตอบคำถาม แทนคุณพยายามแย่งถุงจากคนที่ใช้แขนยันตัวเขาไว้

“ไอ้แทนมันฝากกีซื้อ” อาทิตย์ที่ผ่านมาเขากับกีไปเที่ยวฮ่องกง แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะตอนบอกว่าจะไปดิสนี่ย์แลนด์ไอ้แทนก็ไม่เห็นจะว่าอะไร มารู้อีกทีก็ตอนที่กียื่นถุงให้ บอกว่าไอ้แทนฝากซื้อ

“ห๊ะ มึงเนี้ยนะ” บดินทร์กล่าวอย่างเหลือเชื่อ ร้อยวันพันปีมันเคยสนใจของพวกนี้ที่ไหน แล้วดูแล้วราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ที่ยอมควักตังค์ขนาดนี้ เขาว่า...

“อ่อออออ” บดินทร์ลากเสียงยาว ทำหน้าทะเล้นใส่อีกฝ่ายอย่างคนรู้ทัน

“เสือก”

“ของขวัญวันเกิดน้องรหัสกูหรอแทนคุณ” บดินทร์เอ่ยแซว เก็บตุ๊กตาเข้าไปในถุงก่อนจะใช้มุมหนึ่งของถุงทิ่มหยอกคนตัวโตที่ทำหน้ารำคาญเขาเต็มทน

“เห้ยยย จริงดิว่ะ กูก็เห็นว่าจะเอาไปฝากน้อง กูก็ว่าอยู่ว่าน้องไหน ที่แท้ก็น้องหมีนี่เอง เอาแล้วๆ คุณแทนคุณรุก”

“รุกก็เหี้ยแล้ว”

“เห้ย มึงจะบอกว่ามึงรับ”

“มึงจะเอาใช่ไหม” ตั้งต้นหัวเราะผายสองมือขึ้นข้างลำตัวเป็นการยอมแพ้

“ไอ้ต้น มึงก็เลิกแซวมันสักที” บดินทร์เอามือวางบนไหล่เพื่อนอีกคนเหมือนจะห้าม ก่อนจะว่าต่อ

“อย่าแกล้งคนกำลังมีความรัก” พูดเสร็จก็หัวเราะร่าประมือกับตั้งต้นที่กำลังสนุกกับการแกล้งเพื่อนตัวยักษ์

“ไอ้เชี่ยดิน มึง..ไอ้ตัวดี” ร่างใหญ่ลุกขึ้นทำท่าจะไล่เตะอีกคน ให้บดินทร์วิ่งหลบออกจากโต๊ะแทบไม่ทัน

“อ้าวหรอ กูหรอ” บดินทร์ยังทำหน้ามึนต่อปากต่อคำ จะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง นานๆ ทีคนอย่างมันจะมีเรื่องให้ล้อ เห็นมันบ่นอุบอิบไม่หยุด บอกว่าจะเอาคืนให้ได้แบบนี้ เป็นภาพที่เห็นไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ

“กูก็แค่อยากตอบแทนที่น้องมันช่วยติวให้กู”

“ครับๆ คุณแทนคุณ อ้างไปเถอะครับ” ไม่ทันได้แซวอะไรต่ออาจารย์ก็เดินเข้าห้องมา ทุกคนจึงทยอยกันนั่งที่ตัวเอง แทนคุณดึงถุงกระดาษมาวางข้างตัว เจ้าตัวแอบเปิดดูผ่านๆ เพราะไม่อยากจะโดนล้อไปมากกว่านี้ สำหรับเขานี่มันเป็นการเลือกของขวัญที่ยากที่สุด เขารู้แค่ว่าน้องมันชอบหมีพูห์มาก แต่ถ้าจะให้ซื้อตุ๊กตาหมีพูห์ธรรมดาเขาก็กลัวว่ามันคงจะมีอยู่เต็มบ้านแล้ว พอดีกับที่ไอ้ต้นมันจะไปดิสนี่ย์แลนด์พอดีเขาเลยได้ไอเดียต้องขอบใจกีที่ตอนอยู่ในร้านกิ๊ฟช๊อปคอยถ่ายรูปและให้คำปรึกษาตลอดจนเขาเลือกได้ในที่สุด

แทนคุณยกยิ้มมองตุ๊กตาหมีพูห์ที่อยู่ในชุดผึ้งน้อย

ไม่รู้ว่ามันจะชอบหรือเปล่า..

เขาอยากรู้ว่ามันจะทำหน้ายังไงตอนที่เห็นของขวัญที่เขาให้

แชะ!

“เอ้า มียิ้มกับตุ๊กตาด้วยมึง”

“สัดดิน”

“ด่ากูกูกดส่งนะครับ”

แทนคุณชะงักเมื่อโดนอีกคนขู่ รู้ว่าคนอย่างมันคงไม่ทำจริงแต่ก็อดกลัวไม่ได้ ถอนหายใจหนักก่อนที่จะทำเป็นไม่สนใจ หันหน้าฟังอาจารย์บรรยาย พวกมันหัวเราะชอบใจที่แกล้งเขาสำเร็จ

“อาจารย์ครับ เพื่อนนักศึกษาคุยกันเสียงดัง ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย” ในที่สุดก็อดไม่ได้ ยกมือขึ้นฟ้องอาจารย์ ให้คนทั้งห้องหัวเราะ เพราะสนิทกันดีอาจารย์ก็เลยส่ายหน้าอย่างระอา

“อ่าๆ เงียบๆ สองคนนั้นมาหาอาจารย์หลังเลิกเรียนด้วย” ทั้งห้องหัวเราะกันอีกรอบ

“โธ่ จารย์อ่ะ” ตั้งต้นโอดครวญ

“หรือจะไปยืนขาเดียวหน้าห้องตอนนี้ดี”

แทนคุณที่หัวเราะดังกว่าใครโดนมองตาขวาง ทำหูทวนลมเมื่อไอ้ดินบอกจะเอาคืนให้เจ็บแสบก่อนที่จะหันไปตั้งใจจดโน๊ตตามสไลด์อย่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ

.

.

.

.

.

.

.

“พี่ดินนนนนนน” เมื่อบดินทร์กับตั้งต้นเดินลงมาจากห้องพักของอาจารย์ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกมาแต่ไกล จะไม่คุ้นได้ไงก็มันเรียกมาแบบนี้สามปีแล้ว เขากลอกตามองบนก่อนที่จะหันไปมองคนที่วิ่งตาตื่นเข้ามาหา

“พี่แทนอยู่ไหน” คนที่ทำเป็นเบื่อชะงักเมื่อน้องมันมาหยุดตรงหน้า ถามหาคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“โธ่ พี่ดินตกกระป๋องเสียแล้ว” ตั้งต้นเอ่ยแซว เขารู้ว่าไอ้ดินปากก็ทำเป็นเบื่อไปงั้น ใจจริงทั้งรักทั้งภูมิใจในตัวน้องรหัสคนนี้จะตาย ไอ้ดินหันมามองตาขวางใส่ ก่อนจะหันไปหาน้องตัวเอง

“ไม่รู้มันออกมาก่อนพวกพี่ มีอะไรกับมันล่ะ วันนี้มีติวหรอ”

“เปล่า..แต่ผมมีเรื่องจะเล่าให้พี่แทนฟัง พี่แทนกลับบ้านไปแล้วหรอ เดี๋ยวผมตามไปที่บ้านก็ได้” อีกฝ่ายว่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเตรียมกันหันหลังกลับ จนเขาต้องรั้งคอเสื้อมันเอาไว้

“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ มันยังไม่กลับ พี่นัดกันว่าจะไปกินข้าว เราก็ไปกับพวกพี่สิ” พูรินพยักหน้ารับทันที ท่าทางอยู่ไม่สุข คอยกวาดตามองหาอีกคนไม่หยุดทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้

“มีอะไรกัน เล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ”

“ก็..”

“ความลับ?”

“เปล่า..แต่ผม...อยากบอกพี่แทนคนแรก” เมื่อได้ยินคำตอบพร้อมท่าทางกระอึกกะอักของคนตรงหน้าเขาก็ชะงักไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนตัวเอง

“น้องกูไปแล้วมึง” เมื่อพูรินได้ยินก็ตาโต หน้าแดงก่ำ รีบยกสองมือส่ายไปมาเป็นการปฎิเสธ เข้าใจว่าพี่ๆ หมายความว่ายังไง

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่..คือพี่แทนคอยช่วยผมมาตลอดไง..คือ..ผม..คือ”

“อ่ะๆ ๆ พี่ไม่ล้อแล้ว พี่ยังไงก็ได้” ตบไหล่น้องเบาๆ ทำเป็นเหมือนจะไม่ล้อแต่ทั้งสิ่งที่พูดมา ทั้งสายตาหนักกว่าเดิมไปอีก

“พี่ดินอ่ะ~ มันไม่ใช่แบบนั้นนะพี่..” ทำได้แต่ว่าไปอย่างนั้น แต่สายตายังมองเลยข้ามไหล่พี่รหัสไปด้านหลัง พอดีกับที่คนที่มองหาเดินออกมาจากมุมตึกพอดี เขายกยิ้มอย่างดีใจ กำลังจะก้าวขาเตรียมวิ่งไปหาแต่ก็ต้องชะงักลงทันทีที่เห็นคนที่เขามองอยู่เอี้ยวตัวไปคุยกับอีกคนข้างหลัง หัวเราะเสียงดังจนแม้อยู่ไกลขนาดนี้เขายังได้ยิน

เมื่อเห็นอีกคนชัดๆ เขาก็จำได้ว่านั่นคือพี่นิ้งเป็นเพื่อนสาขาเดียวกันกับพวกพี่ดิน นึกรู้ว่าคงสนิทกันพอสมควรเพราะเขาเห็นหน้าพี่แกบ่อยๆ เวลาพวกพี่ดินไปเที่ยว

ไม่รู้ว่าจู่ๆ ก็เป็นอะไร..

รู้แค่ว่าไม่ค่อยพอใจอะไรสักอย่าง..

“นิ้ง! ไอ้แทน!” เป็นพี่รหัสเขาที่เอ่ยปากเรียกคนทั้งคู่ จนเขาต้องพยายามควบคุมสีหน้า ในจังหวะที่อีกฝ่ายหันมามองเพื่อน ตาคมก็เลื่อนมาสบตากับเขาเข้าอย่างจัง จนเขาต้องหลุบตามองพื้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอีกคนกำลังยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้คนข้างๆ พร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบอะไรไม่รู้ให้อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นโลโก้บนถุงเขาก็นึกรู้ดีว่ามันต้องเป็นของขวัญอะไรสักอย่างให้อีกคนแน่ๆ





เขาอดคิดถึงตอนเด็กๆ ไม่ได้..

ใครๆ ก็บอกว่าเขาดูการ์ตูนเยอะเกินไป

เพราะอย่างนี้เขาถึงชอบคิดไปเอง ว่าเขาเป็นคนเพ้อเจ้อ

ทั้งๆ ที่เคยเถียงมาโดยมาตลอด...

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจกับคำว่า ‘คิดไปเอง’ ที่คนอื่นเคยว่าไว้ได้ดีเลยทีเดียว..





จู่ๆ หัวใจวูบโหวง รู้สึกกระอักกระอ่วนจนท้องไส้ปั่นป่วน เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร รู้เพียงเขาไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อทั้งสองคนกำลังเดินเข้ามาเขาก็รีบสะกิดบอกพี่รหัส

“เอ่อ พี่ดิน ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมมีธุระ ผมไปก่อนนะ”

“อ้าว ไหนว่ามีเรื่องจะบอกไอ้แทน นี่ไงมันมาแล้ว”

“ไว้วันหลังแล้วกันพี่ พอดีผมมีธุระด่วน ผมไปแล้วนะ” รีบตอบกลับอย่างร้อนรน ก่อนที่จะสาวเท้าเดินออกมานอกคณะอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงท่ารถรางที่ตอนนี้ไม่มีใครสักคน เขาก็ทรุดลงนั่งพยายามควบคุมลมหายใจให้กลับเป็นปกติ





หมีพูห์... มึงเป็นหนักแล้วว่ะ





ที่ใจเต้นแรง ที่รู้สึกเจ็บหน้าอก..





ที่รู้สึกงุ่นง่านเหมือนโมโหหิวเวลาเห็นพี่เขาอยู่กับคนอื่น..





เฮ้อ...





จากประสบการณ์ที่ดูการ์ตูนเจ้าหญิงมาทั้งชีวิต





ถึงจะไม่อยากเชื่อ...





มึงชอบพี่เขาไปแหละไอ้หมีพูห์...













“แล้วตอนที่รู้ตัว มึงก็อกหักไปแล้วซะงั้น”

พูรินพึมพำพร้อมยิ้มเยาะกับตัวเอง ตอนนี้เขาเหนื่อยจนไม่มีแรงจะคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว

ซวบ!

“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว” พูรินหันขวับไปมองต้นเสียง เห็นคนที่ทรุดตัวลงมานั่งข้างเขาหอบหายใจหนักด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

“พี่แทน...” เขาเผลอเรียกอีกฝ่าย ลอบมองคนที่เหงื่อออกเต็มตัว หายใจหนักเร็วแรง พี่แกคงวิ่งมาแน่ๆ

“มีอะไรหรอพี่” เขาพยายามถามออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยที่สุด เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง จู่ๆ ความรู้สึกครุกรุ่นก็ก่อตัวขึ้นในใจ จนไม่อาจจะพูดดีๆ กับอีกคนได้อย่างปกติ

“ก็ไหนไอ้ดินบอกว่ามึงมีเรื่องจะบอกกู”

“ก็..ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกพี่” ถึงจะรู้ว่าทำตัวงี่เง่าแต่เขาก็ไม่อาจห้ามปากตัวเองได้

“ถ้าไม่สำคัญแล้วทำไมถึงไม่ยอมเล่าให้ไอ้ดินฟัง แต่จะรอเล่าให้กูฟังก่อน”

อีพี่ดิน!

จะเล่าซะละเอียดขนาดนี้ทำไม!!

“แล้วตกลงเรื่องอะไร” เมื่อเขาไม่ยอมตอบ อีกคนก็เลยคาดคั้นไม่หยุด

“ก็..เมื่อกี้ครูจันทร์โทรมาบอกว่ารับผมเข้าทำงานแล้ว” พูรินว่าต่อด้วยน้ำเสียงปนความดีใจอย่างกลั้นไม่อยู่ ถึงจะยังอยากบึ้งตึงใส่อีกคนแต่เขาก็ตื่นเต้นกับเรื่องนี้เกินกว่าจะเล่าด้วยท่าทางปกติ

“อาทิตย์นึงมีสอนสองวัน อาจารย์ให้ผมไปลองงานวันจันทร์นี้เลย”

“เฮ้ยจริงดิ!! ทำไมเพิ่งมาบอกกูตอนนี้ ดีใจด้วยนะมึง” อีกคนที่ยิ้มกว้างเอามือมารวบหัวไหล่เขาเข้าไปหาตัว ก่อนจะใช้มือเดิมตบบ่าเขาแรงๆ สองสามที

“แล้วอย่างนี้มึงบอกว่าเรื่องไม่สำคัญได้ไง”

“ก็..มันสำคัญกับผม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสำคัญกับพี่สักหน่อยนี่น่า” เขาผลักตัวเองออกห่าง เพราะความน้อยใจเลยทำให้เขาพูดอะไรแบบนี้ออกไปให้อีกคนนิ่วหน้ามองมาหาเขา

“มึงหมายความว่ายังไง” คนที่กำลังอารมณ์ดีเพราะได้รับข่าวดีถามออกไป แปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของคนตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่เขามองสำรวจน้องมันดีๆ ตั้งแต่คุยกันมามันยังไม่ยิ้มให้เขาเลยสักนิด

“...”

“มึงเป็นอะไร”

“...”

“อารมณ์ไม่ดีหรอ”

“...”

“แล้วนี่มึงจะไปไหนเดี๋ยวกูไปส่ง”

“พี่ไม่ต้องสนใจผมหรอก พี่ไปกินข้าวกับเพื่อนพี่เถอะ อย่าปล่อยให้ ‘เขา’ รอนานเพราะผมเลย”

กล่าวออกไปด้วยเสียงกระแทกกระทั้น เมื่อว่าเสร็จก็หลุบหน้ามองตักตัวเอง อีกคนที่ยังงุนงงก็เหมือนจะไม่อยากทนกับบรรยากาศชวนอึดอัดในตอนนี้อีกต่อไปแล้ว ยกสองมือมาแนบแก้มบังคับให้หันหน้ามาหากัน

“หมีพูห์”

“...”

“บอกกูมาว่ามึงเป็นอะไร” อีกคนถามย้ำคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ

“...”

“ทำไมพูดแบบนี้กับกู มึงก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญกับกูเหมือนกัน”

“...”

“หรือว่างอนอะไรกู”

“ผม..ผมเปล่า..”

“...”

“...”

ในที่สุดคนตัวโตก็ยอมปล่อยมือออก ถอนหายใจหนักพร้อมหันหน้าตรงไปข้างหน้าไม่มองเขา พูรินแอบลอบหน้ามองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใจนึกรู้ว่าตัวเองทำตัวงี่เง่าแค่ไหน คิดเองเออเองแล้วยังมาทำให้พี่แทนเสียความรู้สึกอีก ทั้งๆ ที่ตลอดมาพี่แกเป็นคนคอยช่วยเขามาตลอด

“พี่แทนผมขอโทษ” ว่าพร้อมเอื้อมมือไปจับชายเสื้ออีกฝ่าย ออกแรงกระตุกเบาๆ

“อย่าโกรธผมเลยนะ ผมงี่เง่าเอง”

“...”

“...”

จู่ๆ มืออุ่นก็เลื่อนมากุมมือที่จับชายเสื้อไว้อีกที เขาเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้าพอดีกับเจ้าของมือที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“กูไม่ได้โกรธ แล้วกูก็ไม่ได้อยากได้คำขอโทษ กูแค่อยากรู้ว่ามึงเป็นอะไร”

“ผม..คือ...ผม..”

“มึงเครียดหรอ กังวลเรื่องที่จะไปสอนหรือไง”

“หืม....เอ๊ะ...อ่าใช่..ผมเครียดๆ น่ะพี่” เมื่ออีกฝ่ายว่ามาแบบนั้น เขาก็เลยรีบตามน้ำ เหตุผลแบบนี้ก็พอฟังขึ้นเหมือนกันล่ะมั้ง

“มันก็เป็นเรื่องปกติ จะไปทำงานครั้งแรกมึงก็ต้องกังวลไปบ้าง”

“คะ...ครับ”

“แล้วทำไมมึงถึงอยากบอกกูเป็นคนแรกล่ะ”

“ก็...เอ่อ...”





อีพี่บ้า~ ถามอะไรว่ะ

แล้วจะให้บอกไปได้ยังไง..

เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

พอได้ข่าวมาก็มีหน้าพี่แกโผล่ขึ้นมาก่อนใคร





“อ่อ..กูรู้แล้ว”

“...” รู้อะไรว่ะ





“เห้ยไม่เป็นไรนะ มึงไม่ต้องเกรงใจกูหรอก ถ้ามึงมาสอนกูไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก”

พอกันเลยอีพี่ คิดเองเก่ง~

“อ่า..ครับ ที่จริงผมก็ยังพอมาสอนได้แหละพี่ แค่วันจันทร์กับวันพุทธบ่าย ตอนเย็นผมว่าง”

“กูยังไงก็ได้ ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกู ไม่ต้องเกรงใจ โอเค๊” พูรินพยักหน้ารับ รู้สึกโล่งใจให้กับความคิดตื้นของอีกคน

“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้มึงว่างหรือเปล่า”

“ครับ?”

“แม่กูชวนมาบ้าน” รุ่นพี่เอ่ย “ถ้ามึงว่างน่ะนะ”

ปกติเสาร์อาทิตย์เขาจะไม่ได้ไปติวให้พี่แทน จะมีก็แต่ไปหาแม่กุ้ง ให้แม่กุ้งสอนทำชุด แต่เพราะวันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดเขา เขามีนัดจะกินข้าวกับพ่อแม่

“ได้ครับ ผมว่างวันเสาร์”

“อืม งั้นเดี๋ยวกูบอกแม่ให้ ป่ะ ลุกได้แล้ว กูไปส่งเอง”

“ผมไปเอ..”

“มึงหยุด เลิกเถียงกูได้ไหม กูปวดหัว” อีกคนรีบแทรกก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังลานจอดรถ เขามองแผ่นหลังแกร่งของอีกคนที่เคลื่อนไหวไปมาแล้วอดหัวเราะไม่ได้

ที่เคยฝันมาตลอดว่าสักวันจะตกหลุมรักใครสักคน จะได้เจอเจ้าชายในฝัน

แต่ถึงจะให้ฝันอีกกี่ครั้งก็คงไม่เจอเจ้าชายที่เป็นแบบนี้

เจ้าชายที่ไม่มีในนิยายเล่มไหน

ทั้งปากเสีย ทั้งไม่โรแมนติก แล้วยังขี้แกล้ง

แต่ก็เป็นคนเดียวกับที่มาช่วยให้ฝันเขาเป็นจริง มาให้กำลังใจในวันที่เขาท้อแท้

“เร็วๆ ดิหมีพูห์ ก้นมึงโดนติดกาวไว้หรือไง”

“โธ่ อีพี่~”

และไม่ว่าพี่แกจะรู้สึกกับเขายังไง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะไหน พี่แทนก็ยังเป็นเจ้าชายของเขาอยู่ดี





.

.

.

.









พอรถมาจอดหน้าตึกที่เขามาใช้ห้องสมุดประจำ เขาก็ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน๊อคยื่นให้อีกคน

“ขอบคุณนะครับพี่แทน”

“เห้ยเรื่องแค่นี้เอง มึงไม่ต้องคิดมาก”

“เปล่า..ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องที่พี่มาส่ง ผมหมายถึงทุกเรื่องเลย..”

“...”

“ขอบคุณจริงๆ นะพี่แทน”

อีกคนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยกยิ้มจนตาปิดใต้หมวกกันน๊อค เจ้าตัวปล่อยมือที่จับแฮนด์รถทั้งสองข้างมาดึงแก้มเขาจนมุมปากทั้งสองข้างโค้งขึ้น

“ยิ้มได้แล้ว มึงจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม”

“...”

“หน้าตาน่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”

“พี่แทนอ่ะ~”

“...”

“...”

“กูรู้ว่ามึงกังวล แต่มึงทำได้อยู่แล้ว..มึงอย่าลืมสิ มึงคือหมีพูห์” เสียงนุ่มทุ้มพร้อมคำพูดที่ทำให้ใจสั่นถูกเอ่ยออกมา

“You are braver than you believe, stronger than you you seem, and smarter than you think”





ตึกตัก ตึกตัก





“มึงทำได้อยู่แล้วหมีพูห์ของกู”





เชี่ยแล้ว...





ถ้าในการ์ตูน มันต้องเป็นฉากที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง รอบข้างมืดสนิท มีเพียงสปอร์ตไลท์ที่ส่องมาจากด้านบนให้เห็นเจ้าหญิงที่กำลังมองหน้าเจ้าชายอยู่ ก่อนที่กล้องจะหมุนไปรอบๆ จนเห็นหน้าทั้งสองชัดเจน และในที่สุดก็ซูมเข้าไปในตากลมของเธอให้เห็นเงาสะท้อนที่มีแต่ชายคนที่เธอแสนรัก





เขาจะทำยังไงดี..





กับไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น..





เขาจะทำยังไงกับมันดี...





“ถ้ามึงทำไม่ได้ เขาก็ไล่มึงออกเอง มึงจะกังวลทำไม” แทนคุณว่าออกมากลั้วหัวเราะ ก่อนจะขยี้ผมของรุ่นน้องจนยุ่งไปหมด









อีพี่~ มึงจะปล่อยให้กูซึ้งบ้างได้ไหม~









*******

#หมีแทนที่รัก

น้องหมีดูน่ารำคาญไหมอ่ะ หมีพูห์มันจะเป็นคนเยอะ อยู่ในโลกแฟนตาซีของมัน 555 ถ้าตามมาจากเรื่องก่อนๆ ไม่รู้น้องมันจะทำให้เบื่อกันไหมเรื่องนี้มันจะเรื่อยๆ มาเนือยๆ หน่อยนะคะ ไม่มีปมอะไรเยอะแยะ ไม่รู้ว่าจะผิดหวังกันหรือเปล่าน้า

แต่แบบช่วงนี้อยากเขียนอะไรที่บวกมากๆ ให้กำลังใจตัวเองนิดนึง ชอบไม่ชอบยังไงแนะนำมาได้ตลอดเลยค่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนแล้วไม่มั่นใจที่สุด ดูบ้าๆ บอๆ ยังไงไม่รู้ ทำให้ตอนนึงใช้เวลาเยอะ จบไม่ค่อยลง แต่ก็ท้าทายตัวเองดีเหมือนกัน แฮะๆ

ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน :)











ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อิพี่แทนหนิขอหมีพูห์ซึ้งนานๆหน่อยได้มั๊ยเนอะ ตัดอารมณ์ตลอด :laugh:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่ห้า:.


I was walking along looking for somebody and then suddenly I wasn’t anymore.
.
.
.
ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้นการตามหาก็สิ้นสุดลง




พูรินไม่มีพี่มีน้อง และด้วยความที่ทั้งพ่อและแม่ของเขาต่างก็เป็นลูกคนเดียว เขาเลยไม่มีแม้แต่ลูกพี่ลูกน้อง จะมีก็เพียงแค่ญาติห่างๆที่ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมากนัก กับปู่ย่าตายายที่อยู่ต่างจังหวัด จะได้เจอกันก็เฉพาะวันหยุดยาวเป็นครั้งคราว
ดังนั้นตั้งแต่เด็ก ความรักที่ได้รับและรู้จักดีที่สุดก็คือความรักจากพ่อแม่ แต่นอกจากว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกขาดเหลืออะไร เขากลับรู้สึกว่าความรักที่เขาได้รับมันช่างมากหมายเหลือล้น จนในชีวิตนี้เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องการความรักในรูปแบบไหนเพิ่มเติมอีก
แต่พอโตขึ้นมาหน่อย
เขาก็ได้เรียนรู้ความรักในอีกหนึ่งรูปแบบ แน่นอนว่ามันก็ยังเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสองคนที่เขารักมากที่สุดเหมือนเดิม

มันคือความรักที่พ่อมีให้แม่
และความรักที่แม่มีให้พ่อ
เขาเฝ้ามองสองไอดอลของเขาด้วยความอิ่มใจ  สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันได้อย่างลึกซึ้ง มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดที่เขาเคยเจอ
สองคนที่ต่างใส่ใจความรู้สึก
สองคนที่ทำให้กันและกันหัวเราะได้เสมอ
สองคนที่เข้าใจในความเป็นตัวตนโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงกัน
สองคนที่เห็นอีกฝ่ายสำคัญกว่าใคร

ไม่ว่าจะการ์ตูนดิสนีย์ เทพนิยาย นิทานอีสป หรือเรื่องเล่าขานเรื่องใด ก็ไม่มีคู่ไหนเลยจริงๆที่จะทำให้เขาประทับใจได้เท่ากับคู่ที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุด
พ่อกับแม่คือเจ้าชายกับเจ้าหญิงในนิยายที่สมบูรณ์แบบที่สุด
นิยายที่เป็นเรื่องจริง...



พูรินจำได้ว่าตอนนั้นอายุประมาณ 15..
ตอนที่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายครั้งแรก
เพียงเพราะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าชายแอริคที่ยื่นมือมาหาเจ้าหญิงแอเรียล
ตอนที่ได้เห็นสีหน้าจริงจังของเจ้าชายฟิลิปที่ต่อสู้กับเจ้ามังกรตัวยักษ์เพื่อเข้ามาช่วยเจ้าหญิงออโรร่า
และตอนที่ได้แต่จ้องสายตาของเจ้าชายที่มองสโนไวท์ที่ลืมตาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังได้รับการจุมพิตอ่อนนุ่ม
ในตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าเขาชอบผู้ชาย..
ไม่ใช่สิ..
จะบอกว่าชอบ ‘ผู้ชาย’ ก็ไม่ถูกนัก
เพราะที่ชอบจริงๆคือ ‘เจ้าชาย’ ต่างหาก
เจ้าชายที่เขาเฝ้าตามหามาทั้งชีวิต
เจ้าชายที่เขาหวังว่าสักวัน จะเข้ามาทำให้โลกของเขามีสดใส มามอบความสุขอย่างที่พ่อกับแม่ของเขาได้รับ...




พูรินลงรถสองแถวตรงหน้าบ้านรุ่นพี่ที่มาหาพอดี พอมองดูเวลาในโทรศัพท์ก็พบว่ากว่าเขาจะมาถึงก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว
หึ
จะโทษใครได้ ก็พี่แทนน่ะสิ ดันโทรมาบอกเขาว่าแม่กุ้งอยากกินขนมจีบเจ้าที่เขาเคยเอามาฝาก ก็เล่นมาบอกซะตอนบ่ายแก่ๆแบบนี้ กว่าจะไปถึงร้านแล้วต่อแถวรอคิว แถมยังต้องฝ่ารถติดของวันเสาร์เย็นที่คนออกมาเที่ยวกันคึกคัก มาถึงนี้จริงๆ ก็เล่นเอาเหนื่อยอ่อนไปทั้งตัว
หิว!
ตอนนี้เขาแสบท้องไส้ไปหมดแล้ว ตอนอยู่บนรถ ขนมจีบที่อยู่ในกล่องก็ส่งกลิ่นโชยจนอยากจะเปิดออกมาชิมให้รู้แล้วรู้รอด เสียงท้องร้องโครกครากดังออกมาจนคนที่นั่งข้างกันทนไม่ไหวยื่นขนมปังให้เขากิน
แต่ก็เพราะพี่แทนอีกนี่แหละ กำชับนักกำชับหนาว่าไม่ให้กินอะไรมาก่อนเพราะวันนี้แม่กุ้งอุตส่าห์ลงมือทำกับข้าวรอไว้ เขาถึงได้ยอมปฎิเสธอีกฝ่ายไปอย่างสุภาพ ทั้งๆที่ไอ้ขนมปังหน้าหมูหยองที่ว่ามันล่ออกล่อใจจนต้องกลืนน้ำไหลลงคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอเข้ามาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจ ที่แม้ตะวันจะลับขอบฟ้าไปนานแล้วแต่บ้านทั้งหลังยังมืดสนิท ไม่มีแสงของไฟนีออนเลยซักดวงอย่างที่เคยเป็นปกติ เขาลองกดออดเรียก แต่ไม่ว่าจะรอยังไงก็ไม่มีคนมาเปิดประตูสักที
พูรินเริ่มตะหนก ตอนที่ตัดสินใจจะหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาโทรหาลูกชายเจ้าของบ้าน ตาก็เผลอไปมองเห็นบานประตูที่เปิดแง้มอยู่เล็กน้อย
แม่กุ้ง!
เขาเสียวสันหลังวาบ อยู่ๆใจก็นึกกลัวขึ้นมา ในหัวเริ่มคิดแต่เรื่องไม่ดี
ทำไมประตูบ้านถึงล๊อคไม่สนิท
หรือจะมีโจรบุกขึ้นบ้านกันแน่นะ
เขาหันซ้ายหันขวาเจอพรั่วอันเล็กสีเขียวที่เขาเคยใช้พรวนต้นไม้ในสวนกับแม่ หยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะย่องเบาเข้าไปใน ตัวบ้านมืดสนิท ทุกอย่างดูเงียบงันจนความกลัวครอบงำทั่วทั้งหัวใจ เขารู้สึกตื่นเต้นจนรู้สึกว่าอาจจะเป็นลมไปวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้
“พี่แทน..” พูรินเม้มปากแน่น ก่อนจะกลั้นหายใจเรียกคนที่เขามาหาเสียงสั่น
“แม่กุ้ง~ มีใครอยู่ไหม~ “
ตุ้บ!
ร่างบางสะดุ้ง รีบหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของหล่นดังมาจากห้องรับแขก เขารีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยใจที่ร้อนรน
“แม่กุ้ง!”

ทันทีที่เข้ามาในห้องรับแขกตากลมโตต้องเบิกกว้าง ก่อนที่จะหรี่ลงอย่างฉับพลันเมื่อกระทบเข้ากับแสงสีเหลืองนวลที่ปรากฎเป็นจุดประปรายในความมืดอย่างมึนงง
เหมือนจู่ๆเสียงรอบด้านโดนกดปิด เวลาดูเลื่อนไหลเชื่องช้ากว่าปกติ แสงไฟเล็กๆที่อยู่ในความมืดสะท้อนภาพของหญิงวัยกลางคน กำลังอ้าปากพึมพำบางอย่างด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พูรินจับต้นชนปลายไม่ถูก จนเมื่อโสตประสาทกลับมาทำงานอีกครั้ง เขาถึงได้ยินเพลงสากลที่ทุกคนแสนคุ้นเคย
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...”
“โธ่ แม่กุ้ง ผมตกใจหมดเลย~” ความรู้สึกเครียดเกร็งผ่อนตัวเมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เป็นไป
“แฮปปี้เบิ๊ร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์...”
สายตาคู่เดิมเลื่อนไปมองด้านข้างของอีกคน เป็นอีกครั้งที่แสงเทียนบนเค้กก้อนเล็กวาบไหว ก่อให้ใบหน้าของใครบางคนที่ถือเค้กปรากฎชัดแก่สายตาในที่สุด ตาคมที่มองกันช่างดูลึกล้ำเร่งอุณหภูมิบนใบหน้าให้สูงเกินปกติ มุมปากเรียวที่ขยับร้องเพลงยกขึ้นอย่างมีความหมายทำให้จิตใจของใครบางคนสั่นไหว
“แฮปปี้...เบิร์ดเดย์...ทูยู....”
ในโลกใบนี้
เขาไม่เคยเห็นใครที่ถือเค้กได้น่ารักแบบนี้เลย

พูรินสะดุ้งเมื่อแม่กุ้งสะกิดให้เขาอธิฐาน เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อเจ้าตัวเป่าเทียนเล่มสุดท้ายจนดับสนิท
“น้องหมีพูห์ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะครับลูก” หญิงใจดีผายมือรับเขาเข้าไปในอก ลูบผมนุ่มไปมาอย่างรักใคร่เอ็นดู
“แม่กุ้ง~ ขอบคุณมากเลยนะครับ ไม่น่าลำบากเลย”
“ไม่ต้องขอบคุณแม่หรอก โน้น คนต้นคิด” เขาหันไปมองทางที่แม่พยักเพยิดอย่างช้าๆ สบตาเข้ากับคนที่กลับมาทำหน้าเรียบเฉยจนอดใจแป้วไม่ได้เลยว่า ไอ้รอยยิ้มที่เห็นเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่เงาสะท้อนของเทียนไขเล่มเล็กก็ได้
“ขอบคุณมากนะครับพี่แทน” พึมพำออกไปเบาๆให้อีกฝ่ายพอได้ยิน
“ไม่เป็นไร แต่มึงวางพรั่วในมือก่อนไหม” อีกคนทำทีเป็นกล่าวเสียงเข้ม เอ่ยแซวคนที่ยังกำพรั่วในมือแน่นไม่ยอมปล่อย ยกนิ้วเรียวยาวขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน
“อ่ะ ผมลืม~ ก็เมื่อกี้แอบกลัวจริงๆนี่น่า” พูรินว่าพร้อมหันไปค้อนอีกคน
“พี่แทนนี่ผมชินแล้ว แม่กุ้งร่วมมือแกล้งผมแบบนี้ได้ยังไง” ต่อพ้ออย่างไม่จริงจังพร้อมเข้าไปซุกอยู่ในอกอุ่นของแม่กุ้งอีกครั้ง คนเป็นแม่หัวเราะออกมา ใจนึกรักอีกฝ่ายเหมือนลูกแท้ๆอีกคน เพราะอยู่กับเจ้าแทนมาทั้งชีวิต ถึงมันจะเป็นคนกตัญญูคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่เคยเข้ามาออดอ้อนคลอเคลียให้ชื่นใจแบบนี้เลยสักครั้ง
“ไป แม่ทำกับข้าวที่น้องหมีพูห์ชอบไว้เยอะแยะเลย” พูรินตาวาววับ เอ่ยขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีพร้อมทัั้งโน้มตัวไปจุ๊บหนึ่งทีให้เธอหัวเราะคิกคัก
“รางวัลสำหรับแม่ครัวคนเก่งของผม~”
“พี่แทนก็ทำยำปลากระป๋องให้เราด้วยนะ” เขาหยุดกึกเมื่อแม่ว่าออกมาอย่างอารมณ์ดี เจ้าจินตนาการตัวดีดันฉายภาพตอนที่เขาจุ๊บแก้มคนตัวโตเข้ามาในสมองจนหน้าแดงก่ำอย่างไร้เหตุผล เมื่อเผลอลอบมองอีกฝ่าย สายตาดันไปสบเข้ากันอย่างจังกับคนที่มองมาอยู่ก่อนแล้วจนต้องหลุบตาลงแทบจะทันที
“หิว!” จู่ๆก็ตะโกนออกมาจนตัวเองตกใจ
“ผมหิวแล้ว กินกันเลยไหมครับ” ว่าแล้วก็รีบดันหลังแม่กุ้งไปที่โต๊ะอาหาร กระวีกระวาดตักข้าวใส่จานทุกใบ จนเมื่อทุกคนนั่งลงพร้อมกันก็เริ่มต้นตักกับข้าวที่เรียงกันอยู่บนโต๊ะอย่างละลานตาโดยไม่ยอมสบตากับอีกคนที่ยังจ้องกันอยู่
“เห็นพี่เขาบอกว่าเราได้งานแล้วหรอ” แม่กุ้งว่าพร้อมกับตักกุ้งชุบแป้งทอดใส่จานเขา
“ครับ เป็นเพราะแม่แท้ๆเลย ผมถึงได้งานนี้ ขอบคุณมากเลยนะครับ ไม่รู้จะตอบแทนแม่ยังไงไหวแล้ว~” เขาเผยสิ่งที่คิดออกไป รู้จักกันไม่เท่าไหร่ แต่แม่กุ้งใจดีกับเขามากมายเหลือเกิน
“ไม่จำเป็นเลยลูก แม่ขอให้หนูตั้งใจทำงานก็พอ ได้โอกาสมาแล้วต้องทำให้เต็มที่นะรู้ไหม”
“ครับแม่! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังเลย” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น พร้อมยื่นจานข้าวให้คนพี่ที่ได้แต่นั่งฟังไม่ได้พูดอะไรเลยมาตั้งแต่เริ่มกินข้าวไปตักข้าวจานที่สามให้เขา
“อิ่มที่สุดเลยครับ~” พูรินลูบพุงแน่น บ่นออกมาเสียงดัง ให้ผู้ใหญ่อีกสองคนมองตากัน ก่อนจะขำให้กับคนทีี่กินข้าวหมดจานที่สี่
ถ้าไม่อิ่ม แม่คงต้องไปซื้อข้าวสารเพิ่ม..
“ผมมีข่าวดีมาบอกแม่กุ้งด้วย” พูรินพูดขึ้นตอนที่ตักบัวลอยไข่หวานเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“ชุดที่ผมขอให้แม่ทำ ผมลองเอาไปลงขายในเวบเมื่อคืน พอตื่นเช้ามา แม่เชื่อไหมผมขายไปแล้วสองชุด”
เมื่อเห็นแม่กุ้งมีท่าทางตื่นเต้นไปด้วย คนเล่าก็ยิ่งได้ใจเล่ารายละเอียดไปเรื่อย จนทั้งโต๊ะอาหารมีแต่เสียงของเจ้าตัวดังเจื้อยแจ้ว
ไม่นานคนที่กลายเป็นหมาหัวเน่าเต็มตัวก็ลุกขึ้นเก็บจานบนโต๊ะ ทำตาดุเป็นการปฎิเสธคนที่พยายามจะลุกมาช่วย เขาถือถ้วยชามทั้งหมดเดินเข้าไปในครัว ล้างทำความสะอาดทั้งจานและห้องครัวจนเกลี้ยงเกลาอย่างรวดเร็วแบบคนที่ทำประจำ
เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งก็ต้องส่ายหัวอย่างจำยอมเมื่อเห็นสองคนลุกจากโต๊ะอาหาร ลงไปนั่งเล่นบนพื้นหน้าทีวี รอบตัวมีชุดเจ้าหญิงสีชมพูที่แม่เพิ่งทำเสร็จวันนี้ ดูท่าแล้วแม่คงกำลังสอนอีกคนเย็บกระดุมติดชุด
“ใช่แล้วลูก แทงลงตรงนั้นแหละ ระวังนิ้วด้วยนะ”
“ครับๆๆ โอ๊ย! ฮือ อีกแผลแล้ว..”
แทนคุณยกยิ้ม
สองคนเหมือนอยู่ในอาณาเขตที่มีป้ายห้ามเข้าแปะไว้
แต่ถึงจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง
แต่ภาพที่ทั้งสองเข้ากันได้ดีมันทำให้เขาอุ่นใจ
“งั้นผมขึ้นห้องแล้วนะแม่” เมื่อจู่ๆทั้งสองหันมาสบตาเขาเลยเอ่ยออกไป พยายามห้ามตัวเองไม่ให้อมยิ้มเมื่อเหลือบมองร่างบางที่ส่งยิ้มมาให้เขาก่อนที่จะหันไปสนใจกิจกรรมตรงหน้าอีกครั้งอย่างขะมักขะเม้น




“เสร็จแล้วครับแม่ มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ” พูรินยื่นชุดเจ้าหญิงชุดสุดท้ายที่เขาเย็บกระดุมเสร็จส่งให้แม่กุ้ง แอบอมยิ้มเมื่อเห็นแม่รับงานของเขาแล้วพยักหน้าพร้อมชมว่าสวยไม่หยุด จากที่ตอนแรกโดนแม่แก้บ้าง พอทำไปสักสี่ห้าชุดเขาก็เริ่มทำคล่องขึ้นแล้ว
“ไม่มีแล้วจ้ะ แม่ขอบใจเรามากเลยนะ ช่วยแม่ได้เยอะเลย”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมเต็มใจ ผมซะอีกที่มากวนใจแม่ตลอด ทั้งๆที่แม่ยุ่งยังต้องมาสอนนั่นสอนนี่ผมอีก” ว่าแล้วก็เข้าไปกอดออดอ้อน เอาคางแนบลงไหล่ผู้ใหญ่ที่เขาแสนรัก แต่พอตาเลื่อนไปดูนาฬิกาก็ต้องสะดุ้ง ลุกขึ้นยืนในทันที
“โอ้โห ดึกขนาดนี้เชียว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับแม่” เมื่อเห็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะเที่ยงคืนแล้ว เขาเลยรีบลุกขึ้นเตรียมเก็บของเข้ากระเป๋า
“ไม่เอาน้องหมีพูห์ คืนนี้นอนนี่นะ มันดึกแล้ว แม่ไม่อยากให้กลับ มันอันตราย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเรียกแท๊กซี่มารับได้ครับ สบายมาก”
“ไม่เอาๆ วันนี้แม่เป็นคนเรียกเรามา แม่รับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะถ้าเราเป็นอะไรไป” อีกคนยังยืนยัน
“หรือว่ารังเกียจบ้านแม่”
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ โธ่~ ผมจะคิดอย่างนั้นได้อย่างไงครับ แม่ก็~” พูรินตาโตรีบปฎิเสธทันควัน
“ไม่แปลกหรอก บ้านแม่มันคงไม่ค่อยสะดวกสบาย ถ้าเราไม่อยากอยู่จริงๆ งั้นก็ไปเรียกให้พี่แทนไปส่งนะ ยังไงแม่ก็ไม่ให้เรากลับเอง”  พูรินอึกอัก เขาเสียใจที่ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิด เขาก็แค่เกรงใจอีกฝ่ายเท่านั้น ความที่กลัวอีกฝ่ายน้อยใจบวกกับที่ถ้าพี่แทนต้องไปส่งเขา พี่แกก็ต้องย้อนไปย้อนมา น่าเป็นห่วงกว่าเดิมไปอีก
“โอเคครับแม่ งั้นผมขอรบกวนนอนนี่นะครับ”
“รบกงรบกวนอะไร ถ้าพูดแบบนี้อีกแม่จะโกรธแล้วนะ ไปๆ รีบขึ้นไปบอกพี่เขาซะ มันดึกแล้ว”
พูรินพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เดินขึ้นไปชั้นสองแต่โดยดี คนเป็นแม่มองตามหลังเด็กดีที่เขาแสนเอ็นจะดู แอบส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้
“เจ้าตัวดี ถ้าเลิกปากแข็ง แม่ก็คงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้หรอก”




พูรินเคาะประตูห้องนอนสองครั้ง เพราะมันปิดไม่สนิทดีเขาจึงถือวิสาสะค่อยๆดันแง้มมันออก เสียงสายกีต้าร์ที่ถูกดีดลอยออกมาตามสายลม เมื่อประตูเปิดกว้างจนสามารถเห็นด้านในได้ชัด สองตาก็สังเกตเห็นพี่แทนนั่งอยู่บนเตียง ขาข้างหนึ่งกึ่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ขาอีกข้างเหยียดออกยันพื้น บนตักมีกีต้าร์โปร่งตัวใหญ่ที่ดูเล็กลงทันทีที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกคน
“พี่แทน..”
“จะกลับแล้วหรอ” แทนคุณเอ่ยทักพร้อมวางกีต้าร์ไว้ข้างตัว เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของร่างบาง เขาจึงตบฟูกเบาๆเป็นสัญญาณให้อีกคนมานั่งลงข้างๆ
พูรินนิ่งไปนิดก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปนั่งข้างๆอีกคน เมื่อก่อนเข้ามาอยู่ในห้องนี้ด้วยกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งไม่เห็นจะเป็นอะไร ตอนนี้คนมันใจไม่ซื่อ พอได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้มันถึงกับไปไม่เป็นเลยจริงๆ

“แป๊ปนะ” ไม่ทันได้พูดอะไร คนแก่กว่าก็เอี้ยวตัวไปหยิบถุงกระดาษที่ตั้งหลบอยู่ปลายเตียง
“อ่ะ” กล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยื่นมันมาตรงหน้า พูรินจำถุงกระดาษใบนี้ได้ดี มันน่าจะเป็นใบเดียวกับที่เขาเห็นอีกคนมอบให้เพื่อนสาว
“ไม่รู้ว่ามึงจะชอบไหม กูก็เลือกได้แค่นี้ล่ะนะ” เอ่ยออกมาทัั้งที่ตาไม่ยอมสบกัน
“จะเอาไม่เอา” หน้าเริ่มชาเมื่ออีกคนมัวแต่มองตาเขาปริบๆ ไม่ยอมรับของขวัญไปสักที เตรียมตัวจะดึงมือกลับมา แต่ไม่ทันพูรินที่ได้สติคว้ามันไปก่อน ตากลมโตทั้งสองเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่แสนคุ้นเคยนอนรออยู่ในถุง
“อ่า~ น่ารักจังเลยยยย” พูรินยื่นมือไปจับหูกระเป๋ายกขึ้นมาดู ตัวกระเป๋าเป็นหมีพูห์ซูมซูมที่อยู่ในชุดผึ้งน้อย มีปีกสีฟ้ากลางหลัง มีหนวดผึ้งน่ารักๆสองอันชี้ตั้งขึ้นระหว่างหู เขาเคยเห็นมันมาก่อนจึงนึกรู้ว่าจะเจออะไรเมื่อเปิดกระเป๋าออกดู
“พี่แทน~” พูรินน้ำตาคลอ ด้านในกระเป๋ามีตุ๊กตาซูมซูมตัวเล็กนอนเบียดแน่นกันอยู่อีกสี่ตัว
“ขอบคุณนะครับ ผมชอบที่สุดเลย” เขาดึงมันขึ้นไปทาบกับแก้มกับคนให้ทีละตัวทันที
“หมีพูห์ พิกเลต ทิกเกอร์ อียอร์ พี่แทนเป็นตัวไหนดี”
“ลามปามนะมึงน่ะ”
“โธ่~ พี่แทนเล่นกับผมสักวันเถอะ วันเกิดผมนะ~”
“...”
“อ่ะๆ ให้เป็นเสือทิกเกอร์เลย อย่างเข้มอ่ะ”
“กูไม่ใช่เสือ”
“งั้น..” เขาหยิบอียอร์ขึ้นมา
“มึงว่ากูโง่หรอ” โธ่~ ลามันไม่ได้โง่สักหน่อย น่ารักจะตาย พูรินลังเลระหว่างพิกเกตกับหมีพูห์ ถ้าเขาให้ตุ๊กตาสีชมพูหวานแหววกับพี่แกตอนนี้ต้องโดนต่อยแน่ๆ งั้นคงต้องยอมสละ..
“ไม่เอา กูจะเป็นไอ้ตัวนั้น”
“ห๊ะ” เขาไม่อยากจะเชื่อ “พิกเลตเนี้ยนะ”
“ทำไม มีปัญหา?”
“เปล่าๆๆ”
“ก็มึงเป็นหมีพูห์” แทนคุณว่าพร้อมหยิบตุ๊กตาสีเหลืองมีหูขึ้นมา เอาหน้าจิ้มแก้มเขาเหมือนทำท่าหอมแก้ม จนคนโดนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ
“ไอ้เสือนี่ต้องไอ้ต้น”
“พี่แทนอย่าบีบคอมันดิ~”
“ไอ้ดินคือไอ้ลาโง่ตัวนี้”
“จะดึงหางมันทำไมอ่ะพี่~”
“ส่วนตัวนี้ของกู” พูดแล้วก็หยิบพิกเลตตัวจิ๋วไปตั้งบนไหล่ตัวเอง
“ทำไมพี่ถึงอยากเป็นพิตเกตจังเลยล่ะ” อีกคนถาม มองสลับไปมาระหว่างวัตถุสองสิ่งตรงหน้าที่ดูไม่เข้ากันสักนิด
“มึงไปคิดเอาเอง”
“เอ้า~ ทำไมอ่ะ~”
“บางทีมึงก็โง่นะ”
“ยังไงอ่ะพี่~ ผมไม่เข้าใจ”
อีกคนไม่ตอบคำถาม เอื้อมไปหยิบกีต้าร์ข้างตัวขึ้นมาอีกครั้ง เริ่มต้นดีดเปลี่ยนคอร์ดไปมาเหมือนเพียงต้องการฝึกนิ้วไปเรื่อยอย่างไร้แก่นสาร พูรินที่รู้ดีว่าอีกคนคงไม่ยอมบอกเลิกคิดจะเซ้าซี้ ใจนึกกลับไปถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ขึ้นมาบนนี้
“เอ่อ พี่แทน..คือแม่กุ้งบอกให้ผมค้างที่นี่เพราะมันดึกแล้ว” เขาเอ่ยออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ผมอยู่ค้างที่นี่ได้ไหม ผมนอนที่ห้องรับแขกก็ได้นะ”
เหมือนเวลาที่มีกีต้าร์อยู่ในมืออีกคนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พี่แทนยังไม่ตอบอะไร ได้แต่บรรเลงทำนองเพลงช้าๆไปเรื่อย พูรินเองก็ไม่ได้เร่งจะเอาคำตอบ เจ้าตัวดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนตรงหน้า 
“มึงนี่ชอบดิสนีย์มากเลยนะ”
คนร่างใหญ่ว่าขึ้นให้เขาพยักหน้ารับ ไม่ช้าเสียงที่ได้ยินก็กลายเป็นท่วงทำนองแสนคุ้นหู จนเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง หันไปหาคนที่มองกันมาอยู่ก่อนแล้ว
“เพลงนี้...”
“นี่ดิสนีย์ที่สุดในชีวิตกูแล้วนะ” แทนคุณเอ่ยออกไปให้อีกคนชะงัก นิ่งมองคนที่เขาเคยกังขาว่าเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ แต่วันนี้คนคนนั้นกลับทำให้ใจเขาหวั่นไหวกว่าที่เคยเป็น
พูรินคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก
สมองท่องคุณสมบัติของเจ้าชายที่เคยคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุด
- - คนที่ใส่ใจความรู้สึก - -

“ก็นายมีฉันเป็นเพื่อน
จะเป็นเสมือนคู่ใจ
แม้เส้นทางที่นายเดินไป
มันไม่สวยดังหวัง
ถ้าหมดกำลังใจ
ก็ขออย่าลืมที่บอกกับนายเอาไว้
ว่าฉันนั้นคือเพื่อนคู่ใจ
นายมีเพื่อนที่แท้คือฉัน”

- - คนที่ทำให้เขาหัวเราะได้เสมอ - -
“You've got a friend in me”
“โห พี่แทนร้องเพลงภาษาอังกฤษ” เขาเอ่ยแซวให้นักร้องเขม่นมองตาขวาง จนเขาอดขำก๊ากให้กับหน้าตาตลกๆของพี่แกไม่ได้
“You've got a friend in me
If you've got troubles, I've got 'em too
There isn't anything I wouldn't do for you
We stick together and can see it through
'Cause you've got a friend in me
Yeah, you've got a friend in me”
- - คนที่เข้าใจในความเป็นตัวตนโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงกัน - -
“ตามึงแล้ว” พูดขึ้นพร้อมยื่นคางพยักเพยิดให้เขาร้องท่อนต่อไป พงกหัวเล็กน้อยเพื่อช่วยหาจังหวะให้ พูรินไม่ลังเลที่จะร้องออกไป เพราะเนื้อเพลงมันฝังแน่นอยู่ในใจเขาอยู่แล้ว
“Some other folks might be
A little bit smarter than I am
Bigger and stronger too, maybe
But none of them will ever love you
The way I do, it's me and you, boy
And as the years go by
Our friendship will never die
You're gonna see it's our destiny”

“You've got a friend in me
You've got a friend in me
Yeah, you've got a friend in me”

เมื่อสายกีต้าร์เส้นสุดท้ายหยุดสั่นไหว แทนคุณเอี้ยวตัวโน้มแขนเข้ามาใกล้ วางมือลงบนกลุ่มผมนุ่ม ยกยิ้มอบอุ่นที่ใครอีกคนไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้ง
- - คนที่เห็นอีกเขาสำคัญกว่าใคร..- -
“สุขสันต์วันเกิดนะหมีพูห์”

พูรินจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ เขารู้สึกเบาเบลอ ตัวลอยเหมือนอยู่ในฝัน ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมละสายตาจากคนตรงหน้า กลัวเหลือเกินว่าถ้าเผลอกระพริบตาสักครั้ง ภาพที่เห็นทั้งหมดอาจจะเลือนหายไป

เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะใช่หรือเปล่า...
คนที่เขาตามหามาทั้งชีวิต...
แต่จู่ๆ...
เขาก็ไม่เห็นความจำเป็น...
ที่จะต้องตามหาใครคนนั้นอีกต่อไป...


*************************
ไม่ได้อู้น้าาาา มันไม่ได้จริงๆ ที่แก้ไปแก้มานี่รวมเป็นสามตอนได้แล้ว ตัดไปเยอะมากก น้องมันขี้เพ้ออ่ะ (><)
รูปตุ๊กตาที่พี่แทนให้อยู่ในทวิตเตอร์เด้อ อยากได้เอง อยากได้มาก อยากได้จนทนไม่ไหวต้องเอามาใส่ไว้ในเรื่อง 5555


และเพลงที่พี่แทนร้องในเรื่องก็คือ You’ve got friend in me เป็นเพลงประกอบ Toy story ลองไปฟังกันนะคะ แนะนำๆ คือเพลงเนื้อหาดี ดนตรีเพราะ ใครเคยดูจะอินมากๆบอกเลย ยิ่งตอนภาค 3 พอเพลงนี้ขึ้นทีไร ร้องไห้ทุกครั้งจริงๆ (แหะๆ อันนี้เราเว่อร์เอง)

#หมีแทนที่รัก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด