Say Yes! If you love me #เซย์เท่ไหมบุ๊ค บทที่ 29 (02/11/62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Say Yes! If you love me #เซย์เท่ไหมบุ๊ค บทที่ 29 (02/11/62)  (อ่าน 10244 ครั้ง)

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

ฺBY Kaitodmalewja

ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่

FB : Kaitodmalewja
Twitter : @kaitodpendekdee

Say Yes! If you love me
#เซย์เท่ไหมบุ๊ค

ลิ้นกับฟันมันกระทบกันยังไม่เท่ากูกับมึง
เรื่องระหว่างศัตรูคู่แค้นที่ประกาศตัวว่าจะไม่มีวันเป็นเพื่อน
แต่ทำไมกลับกลายเป็นความสัมพันธ์แบบ FWB ไปได้ซะอย่างนั้น

 “ กูไม่ใช่เพื่อนมึง!”

“ หรืออยากเป็นเมีย?”

“ เป็นเมียมึง? ใช้ส้นตีนหรือสมองคิดถามจริง”

 “ ก็ไม่แน่ ส้นตีนกูอาจจะคิดถูกก็ได้”
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2019 22:03:16 โดย KJH177 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 5
พี่ชายของผมกับเพื่อนสนิท (คิดไม่ซื่อ)

มีเรื่องแปลกอยู่อีกหนึ่งเรื่องก็คือเพื่อนผม...ไอ้รวยอ่ะครับผมไปหาเพื่อจะบอกกับมันว่าให้ไปเอาเงินกับพี่ชายของผมที่หอ เพราะผมโทรบอกไปว่าเพื่อนผมเดือดร้อนด้วยความที่เฮียของผมขี้สงสารก็เลยบอกให้เพื่อนผมไปเอาได้เลย ถ้าบอกความจริงมีเหรอว่าโดนด่าแน่ๆ แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของผมเต้นไม่หยุดหลังจากที่แยกกับมันก็คือ..ไอ้เวรนี่มันเป็นโรคชอบหวั่นไหวกับคำพูดที่ดูจริงจังซึ่งมันหวั่นไหวกับผมเป็นรอบที่ร้อยล้านแล้วมั้งตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมา แต่ที่แปลกไปก็คือครั้งนี้ผมรู้สึกว่าผมเสียศูนย์กับท่าทางของมันจริงๆ

“ไอ้รวยกูชอบมึงฉิบหายเลย อาจจะรักไปแล้วก็ได้” ผมหยิบรูปไอ้รวยที่แอบปริ้นขึ้นมาดู ผมหยิบรูปมันมาดูทีไรหัวใจของผมกระชุ่มกระชวยทุกที ถ้าทุกคนเคยแอบชอบใครทุกคนน่าจะรู้ว่าแค่รูปถ่ายมันก็สามารถสร้างพลังให้เราได้อย่างน่าประหลาดจนลืมเรื่องราวแย่ๆ ไปจนหมด

“ตี๋!” ผมรีบเอารูปของไอ้รวยซ้อนลงใต้หมอนทันทีที่ได้ยินเสียงของเฮีย “เฮียเข้าไปนะ” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบรับ ‘เฮียบิ๊ก’ พี่ชายของผมผลักประตูห้องเข้ามา

“มีไรเฮีย”

“เพื่อนตี๋คนไหนที่จะมายืมเงินนะเฮียยังไม่เห็นเลย เดี๋ยวเฮียจะออกไปข้างนอกอย่างไงตี๋ก็เอาเงินนี่ไว้ให้เพื่อนก็แล้วกัน” ผมรับเงินที่เฮียบิ๊กยื่นมาให้ตรงหน้า

“กลับดึกไหมเฮีย”

“ไม่รู้ว่ะ ทำไม”

“ไม่มีอะไรแค่ถาม” เฮียบิ๊กพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องผมไป ผมก้มมองเงินในมือแล้วความยากมันเข้าครอบงำ ผมอยากไปแก้มืออีกรอบในการคีบตุ๊กตามาให้ไอ้รวย..แต่คิดไปคิดมาเอาเงินนี่ไปใช้ไอ้เหี้ยนี่ก่อนดีกว่าเดี๋ยวมันต้องทักเฟซไม่ก็ไลน์มาทวงอีกแน่ๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมรีบลุกไปอาบน้ำเพื่อจะออกไปหาไอ้รวยที่หอ แต่ระหว่างทางที่ผมต้องผ่านอยู่เป็นประจำนั้นสายตาของผมเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

“หึ!” เมื่อวันก่อนเห็นมันกับผู้หญิงในร้านชาบูแต่ผมมั่นใจในสายตาของตัวเองว่าคนที่มากับมันเป็นคนละคนกับที่เคยเจอแน่ๆ แล้วมาทำเป็นบอกว่าชอบไอ้รวยพฤติกรรมแบบนี้พ่อจะกีดกันทุกวิถีทางเลยคอยดู

แต่แล้วผมก็ย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองดู อย่างไรเรื่องระหว่างผมกับไอ้รวยก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าให้เลือกระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่มีให้กันมาอย่างยาวนาน ผมไม่กล้าที่จะทำลายความสัมพันธ์แบบหลังด้วยความเห็นแก่ตัวของผมเพียงคนเดียว

ไว้ผมตัดใจจากมันได้เมื่อไหร่ ผมค่อยบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้มันฟังก็แล้วกันครับ เพียงแต่ตอนนี้มันน่าจะยังไม่ถึงเวลา

หลังจากจิตใจห่อเหี่ยวเพราะคิดถึงแต่เรื่องไอ้รวยผมตัดสินใจกลับมาเล่นเกมที่หอเพราะไม่อยากไปเจอหน้าไอ้รวยในช่วงที่จิตใจของผมอ่อนแอ เดี๋ยวจะเผลอหลุดปากออกไปว่าผมชอบมันทำให้ที่ระบายที่ดีที่สุดตอนนี้ของผมก็คือเกม มันไม่ใช่เกมต่อสู้แบบลูกผู้ชายหรือเกมกระโดดเครื่องบินเพื่อมายิงกันหรอกนะครับเพราะเกมที่เซียนอย่างไอ้บุ๊คเล่นมันต้องพิเศษกว่าคนอื่นสักหน่อย

“เชี่ย!! หัวใจหมด” ผมปาไอแพดลงบนโซฟาเพราะหงุดหงิดเกมที่เล่น ไอ้เกมเวรนี่มันต้องใช้หัวใจแต่เสือกให้ยากฉิบหาย หลอกล่อให้ผมเสียเงินอยู่นั่นถ้าไม่ติดว่าไม่มีเงินรับรองผมไปถึงด่านคาเฟ่แล้ว คิดแล้วโมโห สัดเอ้ย!

“ตี๋ เอาไอแพดเฮียมาเล่นไลน์เชฟอีกแล้วนะ” ผมหันหลังไปมองเฮียบิ๊กที่กลับเข้ามาในช่วงเกือบๆ ตีหนึ่งด้วยสภาพ..แปลกๆ
 
“ทำไมหน้าตาเฮียดูดีมีความสุขแปลกๆ วะ” เฮียบิ๊กเดินมานั่งบนโซฟาส่วนผมนั่งอยู่ที่พื้น

“เฮียมีแฟนจ้าตี๋”

“แฟน? ได้ข่าวว่าพึ่งเลิกไป สามสี่วันก่อนยังร้องไห้อยู่เลย” ตอนนี้มีเรื่องให้ผมสนใจมากกว่าก็คือเรื่องของเฮียนี่แหละ อย่างที่บอกไปว่าก่อนหน้าเมาเหมือนหมาร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายเพราะถูกบอกเลิก สาเหตุก็เพราะความขี้หึงระแวงไม่ไว้ใจ เป็นผมผมก็เลิกถ้ามีแฟนงี่เง่าแบบเฮีย

“คนเรามันต้องมูฟออนป่าววะตี๋ นี่จะบอกว่าอยู่คณะเดียวกับตี๋ด้วยน้า” เฮียบิ๊กโน้มหน้าลงมากอดคอผมเอาไว้

“เลอะเทอะมาก” ผมเลิกสนใจเฮียบิ๊กและกลับมาเล่นเกมต่อเพราะได้ยินเสียงแจ้งเตือนว่าตอนนี้ผมได้หัวใจเพิ่มมาหนึ่งดวงตามเวลาที่เกมกำหนดทำให้ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เฮียบิ๊กมันนั่งเพ้อเจ้อถึงแฟนใหม่ให้ผมฟัง เชื่อดิอย่างไงก็ต้องเลิกถ้าเฮียบิ๊กยังงี่เง่าแบบนี้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่บุ๊คเผลอหลับไปพร้อมกับเกมที่เล่นทำให้คืนนี้ที่นอนของบุ๊คคือโซฟาหน้าทีวีพร้อมกับไอแพดคู่ใจที่ไม่ใช่ของตัวเองเปิดเกมค้างเอาไว้อยู่...



เช้าวันต่อมา

ทุกคน! เมื่อคืนผมเอาชนะใจตัวเองด้วยการเล่นไปถึงด่านที่ผมหวังเอาไว้ แต่ปัญหามันก็คือว่าด่านคาเฟ่นี่มันค่อนข้างที่จะเยอะทั้งอบขนม ปั่นน้ำ ทำกาแฟ ซึ่งนิ้วมือของผมมันไม่สามารถที่จะเอาชนะไปถึงด่านสูงๆ เพื่อเก็บกุญแจได้จริงๆ เหมือนเกมมันถูกดีไซต์ให้มีคู่เล่นแต่พอดีว่าผมโสดและโสดมากทำให้เล่นไม่ผ่านสักที

วันนี้ผมจึงต้องตื่นมาเรียนด้วยสภาพค่อนข้างโทรมนิดหน่อยจะว่าหน่อยก็ไม่หน่อยนะเพราะก่อนออกจากหอเฮียมันทักผมว่าขอบตาดำกว่าหมีแพนดาอีก ทำให้วันนี้ผมมามหาลัยด้วยสภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นักเห็นอะไรแม่งก็ดูหงุดหงิดไปหมด แต่ถึงแม้ว่าจะเบลอจากการนอนน้อยแต่ผมก็มั่นใจว่าคนที่เดินอยู่ข้างหน้านั่นคือเพื่อนผม

“ไอ้รวย! เอ้า! เงิน ทีหลังถ้าไม่มีก็บอก ไอ้เวร” ผมวิ่งไปดักหน้ามันพร้อมกับยื่นเงินที่เฮียบิ๊กให้เอาไว้ไปให้ไอ้รวยที่ยืนงง

“ไหนบอกไม่มี”

“ก็ไปเอามาจากเฮียกูไง ไปรอที่หอแม่งตั้งนานเสือกกลับมาเกือบๆ ตีหนึ่งไอ้เวร” แถมแม่งยังเพ้อว่ามีแฟนผมนี่งงเข้าไปใหญ่ คนเหี้ยอะไรจะหายไปไม่กี่ชั่วโมงและกลับเข้ามาบอกว่ามีแฟนแล้ว แต่คนเหี้ยที่ว่านั่นมันพี่ชายผมนี่หว่า ช่างแม่งเฮียมันไม่รู้หรอกว่าผมด่าเฮียในความคิด

หลังจากนั้นผมไอ้รวยไอ้มิ้นเราสามคนเดินเข้ามานั่งในโรงอาหารของมหาลัยซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกเรียนรวมทำให้ผมสามารถส่องสาวๆ ต่างคณะได้ เพราะนานๆ ทีจะมีโอกาสมาเรียนตึกรวยแต่พูดถึงสาวๆ ผมก็ดันคิดถึงคำพูดของเฮียที่ว่า แฟนของเฮียคือเด็กคณะผม

“มึงเฮียกูแปลกมาก” ผมวางช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากถามเพื่อนทั้งสองด้วยความสงสัย

“อย่างไงวะ”

“เฮียบอกว่าเฮียมีแฟนแล้ว”

“แปลกตรงไหน” ไอ้รวยยักไหล่ตอบ

“คณะเรา..มึงว่าใครวะ ผู้หญิงคณะเราสวยๆ ก็น้อยมาก แต่เฮียไม่น่าจะชอบแบนๆ แบบไอ้มิ้น” ผมมองหน้าไอ้มิ้นที่ตอนนี้สภาพของมันถ้าไม่นับนมก็ไม่มีอะไรที่เหมือนผู้หญิงแล้วแหละ

“ทะลึ่งไอ้บุ๊ค!” ไอ้มิ้นยกนิ้วกลางใส่หน้าผม

“ไม่ถามชื่อมาหละ”

“เออ กูลืม” เพราะตอนนั้นผมก็มัวแต่เล่นเกมจนไม่ได้ถาม แต่ช่างแม่งเหอะครับเดี๋ยวผมก็รู้เพราะเฮียมีแฟนไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงพามาเอาถึงที่ห้องแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดูเลย

การเรียนวันนี้ผ่านไปด้วยดีตลอดทั้งวันไม่มีเรื่องอะไรมารบกวน หลังจากเลิกเรียนในช่วงเย็นไอ้รวยไปซ้อมบอลที่สโมสรส่วนผมคนไร้ชมรมก็ออกมาทำกิจกรรมกับไอ้นน อย่างว่าผมกับมันเข้ากันได้เกือบทุกเรื่องทั้งปากหมา เกรียน ถ่อย สถุน แต่อย่างว่าถ้านิสัยเหมือนกันทุกอย่างอยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีใครคอยห้ามกันหรอกครับ

“น้องพี่ขอเบอร์ได้ไหมจ๊ะ”

“ขอพ่อมึงนู้น” ไอ้นนหุบยิ้มทันทีที่ผู้หญิงตอกกลับมาแบบนั้น อ่อ ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมสนใจเรื่องการแข่งฟอร์มูล่าวันไอ้นนเองก็สนใจพวกผมเลยชวนกันมาดูที่สนามแข่งเพราะวันนี้มีจัดแข่งนัดยิ่งใหญ่เรียกได้ว่าทั้งไทยและต่างชาติมารวมกันที่นี่เลยครับ ไอ้ผมก็อยากแข่งนะแต่ติดที่ว่ารถแต่ละคันแสนแพงฉิบหายถ้าจะให้ซื้อรุ่นถูกสุดก็คงกลายเป็นเต่าในสนามแข่งเสื้อชีต้าอ่ะครับ

“ไม่กินเหล้ากับกูจริงดิ” ไอ้นนขับรถมาส่งผมที่หน้าหอหลังจากที่พวกผมสองคนกลับมาจากสนามแข่งรถ

“ตามสบายเลยมึง กูไม่ค่อยอยากว่ะ” จริงๆ ผมไม่ใช่คนที่ไม่กินเหล้านะแต่พักหลังๆ มานี้ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมมันไม่เหมือนเดิม สาเหตุหลักๆ ก็อาจจะมาจากการใช้ชีวิตประมาทที่ออกเที่ยวแทบทุกวันสังสรรค์แทบไม่หยุดเรียกได้ว่าสุราและนารีผมไม่เคยขาด แต่อย่างว่าเมื่อเราโตขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

“เออๆ เจอกัน” ผมขึ้นมาบนห้องหลังจากที่แยกกับไอ้นน ตอนนี้ผมอยากจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนิ่มๆ เปิดแอร์เย็นๆ หาหนังดูเต็มที่ ผมก้มมองนาฬิกาข้อมมือของตัวเองเวลานี้เฮียน่าจะกลับมาห้องแล้ว ด้วยความที่อยากจะกวนตีนเฮียผมจัดการเชื่อมต่อสัญญาโทรศัพท์มือถือของตัวเองเข้าไปสมาร์ตทีวีในห้องกดเปิดหนังโป๊ชายรักชายผ่านในโทรศัพท์เพื่อให้แสดงบนหน้าจอทีวีที่ตอนนี้คาดว่าเฮียน่าจะนั่งดูอยู่ เมื่อจัดการเสร็จสับผมแตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้องพร้อมกับ...

“คิกค้าก เซอร์ไพรส์ไหมเฮีย...ไอ้รวย!!!!!!!!!!”

“ตี๋...”

“ไอ้บุ๊ค.........”

เกิดความเงียบไปชั่วขณะทั้งผมที่นั่งอยู่หน้าประตู ไอ้รวยที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองหน้าผม และเฮียที่เดินออกมาจากห้องครัวพอดี อย่าบอกนะว่า.....

“ทำไมเฮียถึงคิดไม่ถึงนะว่าเราสองคนอยู่คณะเดียวกัน..” เฮียเดินเอาขนมมาวางบนโต๊ะหน้าไอ้รวยก่อนจะพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

“อะ..ไรนะเฮีย อย่าบอกนะว่า”

“เออ แฟนเฮียเอง” เฮียทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ไอ้รวยพร้อมกับสองมือที่โอบรอบไหล่และดันผมเข้ามาประชิดตัวเฮียทันที ผมมองหน้าเฮียกับไอ้รวยสลับกันอย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องเหี้ยไรวะเนี่ย” ผมเอื้อมมือไปปิดประตูห้องก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ ไอ้รวย

“คือ....”

“อย่างไงไอ้รวย บอกกูมา” ผมใช้มือบีบคางของไอ้รวยให้หันมามองหน้าผมตรงๆ เพราะตอนนี้หน้าไอ้รวยโคตรกระอักกระอ่วน

“อย่าจับแรงได้ไหมตี๋” เฮียบิ๊กลุกขึ้นมาและแทรกนั่งลงตรงกลางระหว่างผมกับไอ้รวย พร้อมกับใช้มือใหญ่ของเฮียผลักมือผมให้ออกจากคางของไอ้รวย “มีอะไรถามเฮีย”

“แล้วเฮียกับมันไปรู้จักกันได้ไง นี่มันเพื่อนรักผมเลยนะ” ผมไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ถามออกไปเป็นน้ำเสียงอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผมโคตรจะบังคับตัวเองไม่เผลอแสดงพิรุธอะไรออกไป “ถามจริงนะเฮียไปหลอกอะไรเพื่อนผมหรือเปล่า”

“ทำไมตี๋พูดกับเฮียแบบนั้นหละ”

“ไอ้รวยมันโง่ เฮียรู้ไหมไอ้รวยมันเป็นโรคหวั่นไหวกับคนง่าย เฮียใช้โอกาสนี้ไปทำอะไรให้มันรู้สึกอย่างนั้นหรือเปล่าแล้วขอมันเป็นแฟน”

“ไอ้บุ๊ค”

“ไม่ใช่...เฮียมีวิธีของเฮียก็แล้วกันตี๋” ผมเองก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เฮียพูด ถ้านั่นเรียกว่าอธิบายผมขอด่าพี่ชายตัวเองตรงๆ ว่านั่นโคตรจะตอแหลเลย

“ขอคุยกับไอ้รวยก่อนนะเฮีย...ไปมึง! มานี่เลยไอ้รวย”

“อย่าจับแรงนะตี๋”

“เออ! หวงอะไรมันนักหนา” ผมลากไอ้รวยเข้ามาในห้องของตัวเองก่อนจะผลักมันให้นั่งลงบนเตียง

“มึงหลอกอะไรเฮียกูเปล่า?”

“หลอกอะไรเล่า กูยังงงๆ อยู่เลย”

“แล้วไปคบทำไม? เฮียกูจริงจังนะเว้ยไอ้รวย ถ้ามึงเล่นๆ กูบอกเลยว่าหยุด”

“ทำไมตอนแรกมึงเหมือนหวงกูเลย..”

“ก็หวงแต่ก็หวงเฮียกูด้วย เล่นอะไรกันไม่รู้เรื่อง แต่เอาเถอะอย่าให้มีปัญหาตามมาก็แล้วกัน มึงก็เพื่อน นั่นก็พี่เฮียกู ถ้าเฮียกูทำอะไรให้มึงเสียใจกูจะจัดการ แต่ถ้ามึงทำเฮียกูเสียใจกูก็จะจัดการมึง”

“กูไม่รู้อนาคตนะไอ้บุ๊ค” ผมเองก็ไม่รู้อนาคตของตัวเองเหมือนกันว่าจะทำเนียนกับความรู้สึกของตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ ยิ่งถ้าเห็นเฮียกับไอ้รวยอยู่ด้วยกันแบบนี้บอกได้เลยว่าเป็นเศร้า

“เอาเถอะ ดีใจด้วยนะมึง มีแฟนแล้วอย่าไปหวั่นไหวกับใครอีก เข้าใจกูไหม?” ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ไอ้รวย

“เข้าใจครับเพื่อน”

“ดีมาก ออกไปได้แล้วครับพี่สะใภ้มารวย” ปากผมยิ้มแต่ใจผมกำลังร้องไห้ ทุกคนเคยเป็นไหม? ตอนนี้ผมเป็นอยู่

“>////<”

“ไอ้รวยเขิน ฮ่าๆ ๆ ๆ”

ปึง!

“เด็กบื้อทำไมหน้าแดงแบบนี้ ตี๋ทำไรแฟนเฮีย” อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาทันทีพร้อมกับร่างสูงของเฮียบิ๊กที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกผม

“หวงไรขนาดนั้น ไม่ได้ทำไรเลย แต่ระวังแฟนเฮียไว้ดีๆ นะมีคนจ้องจะงาบหลายคน”

“อืม วันนี้ก็เห็น ออกมาได้แล้วอย่าไปอยู่ห้องตี๋ไปห้องเฮียดีกว่า”

“น้อยๆ หน่อยนะเฮีย” ทันทีที่เฮียพาไอ้รวยออกจากห้องผมไป ท่าทางชิวๆ เมื่อกี้หายไปหมด...ผมอยากเข้าไปตะโกนใส่หน้าไอ้รวยว่าผมชอบมันแต่คงไม่ทัน..

เรื่องนี้ถ้าจะโทษใครผิดคนนั้นก็ควรไปผมที่เอาแต่ไม่กล้าทำอะไรเลย จนในที่สุดมันสายเกินไป.... (ติดตามเรื่องของเฮียบิ๊กและมารวยได้ใน #เฮียบิ๊กรักมารวยนะ)


สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำเหมือนไม่มีอะไรทั้งๆ ที่มันมีอะไร...ต้องฝืนทำตัวปรกติต่อหน้าทุกคนทั้งๆ ที่ภายในใจโคตรรู้สึกแย่ ต้องทำเป็นยิ้มส่งเสริมสนับสนุนทั้งๆ ที่ในใจโคตรจะเจ็บปวด

เคยนั่งกินข้าวอยู่สองคนกลับเพิ่มมาเป็นสามโดยที่ผมกลับกลายเป็นส่วนเกิน

เคยไปไหนมาไหนด้วยกันแต่ตอนนี้เริ่มห่างเพราะมันมีคนอื่นให้น่าไปมากกว่าไปกับเพื่อนอย่างผม

เคยไลน์หาแทบทุกวันแต่ตอนนี้..........มันไม่มีอีกแล้ว

“เจ็บจังเลยไอ้บุ๊ค.....”

#ตอนหน้าบุ๊คจะไม่เศร้าเพราะ..........

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:



หำลิง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :katai2-1:
55มุกหำลิง

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
 
บทที่ 18
ความพยายามของบุ๊ค

“เป็นไรมึง หน้าอมขี้จังวะ?” ผมนั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นหลังจากรู้สึกเบื่ออาหารมากกว่าทุกวัน ยิ่งเห็นแม่งก็ยิ่งหงุดหงิดก็เพราะไอ้ตัวการมันนั่งอยู่ แต่มันทำเหมือนว่าผมไม่อยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่ปรกติมันไม่ใช่ ไอ้เหี้ยนี่มันต้องการจะเมินผมจริงๆ

“ไม่มีไร” ผมตักข้าวเข้าปากหลังจากที่ไอ้นนมันถามขึ้นมา ไอ้นนมันมองหน้าผมสลับกับไอ้เซย์ก่อนที่มันจะพยักหน้าเหมือนรู้อะไรบางอย่าง “พวกมึงอยากคุยกันโดยที่ไม่มีกูไหม?”

“ดี...”

“ไม่เห็นมีอะไรต้องคุย” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบไอ้เซย์ก็พูดแทรกขึ้นมา

“เล่นตัวฉิบหาย” ผมพยายามที่จะระงับสติอารมณ์ของตัวเองแล้ว แต่ดูเหมือนว่าผมจะระงับได้ไม่นานพอ ผมพยายามทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อมันทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่คนแบบนี้เลย มันมากเกินกว่าคนอย่างผมจะทำ..... “ตกลงจะเอาไง กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะไอ้เซย์” ผมมองหน้ามันตรงๆ ส่วนมันเองก็มองหน้าผมเหมือนกัน ก่อนจะเค้นยิ้มออกมา

“แค่นี้มึงหมดความอดทน? แล้วกู...?”

“กูยังคงยืนยันคำเดิมนะว่ากูไม่ได้ขอให้มึงมาทนกับกู แต่...ทุกวันที่กูอยู่กับมึงกูรู้สึกดี แต่ถ้าจะมาคาดคั้นอะไรจากกู กูไม่มีคำตอบเหี้ยอะไรให้มึงทั้งนั้น แล้วกูก็ยอมรับว่ากูผิดที่โกหกแต่เรื่องที่มึงจะโกรธที่กูอยู่กับใครอันนี้กูไม่ขอโทษมึง กูโอเคที่มึงจะยกเลิกข้อเสนอนั้นแต่กูคงเสียใจที่ต้องเสียเพื่อนดีๆ แบบมึงไป” เป็นครั้งแรกที่ผมพูดความรู้สึกของผมออกมาตรงๆ ผมบอกแล้วว่าไอ้ความรู้สึกมันจะมาคาดคั้นผมตอนนี้ไม่ได้หรอก อีกอย่าง...ผมไม่รู้ว่าผมลืมไอ้รวยได้หรือยัง ไม่ได้ปิดใจ แต่ถ้าใจของผมยังไม่คนอื่นอยู่ผมสมควรที่จะเปิดให้คนอื่นอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะ

“แต่กูไม่ได้รู้สึกกับมึงแบบเพื่อนตั้งแต่แรก” ผมพยายามไม่หลบสายตาของไอ้เซย์ “ต้องให้กูทำอย่างไงวะ กูพยายามที่จะใจเย็นทุกครั้งแล้ว แต่...เวลาที่กูเห็นมึงอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่กู ยอมรับว่ากูหึงกูหวงมึงมากๆ แต่กูพยายามย้ำว่ากูไม่มีสิทธิ์นั้น กูสร้างความสัมพันธ์แบบนั้นขึ้นมาก็เพราะกูอยากอยู่ใกล้มึงเท่านั้นเอง” ผมเข้าใจไอ้เซย์ทุกอย่าง ผมเข้าใจความหมายของมัน แต่ผมแค่....

“กูยังตอบรับความรู้สึกดีที่มึงมีให้กูตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ไอ้เซย์”

“........”

“ตอนนี้เป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้เหรอวะ??” ผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัวแต่ผม....ผมรู้สึกว่าผมขาดไอ้เซย์ไปไม่ได้เหมือนกัน เพียงแต่สถานะตอนนี้ผมให้มันได้แค่เพื่อน

“เพื่อนที่...แบบนั้นเหรอวะ”

“มึงยังทำอะไรกับกูได้เหมือนเดิม ขอแค่มึงอย่าไปไหน...” ผมหลบสายตาของมันหลังจากที่พูดประโยคนี้ออกไป “แต่ถ้าวันไหนกูอยากให้มึงไป กูจะบอกมึงเอง”

“มึงกำลังเห็นแก่ตัวนะไอ้บุ๊ค รู้ตัวไหม? ถ้ามึงพูดแบบนี้มึงบอกกูมาตรงๆ ก็ได้ว่ามึงไม่ต้องการกูแล้ว ถ้ามึงบอกกูตรงๆ กูก็จะไป” ไอ้เซย์พูดขึ้นมาหลังจากที่ผมพูดประโยคที่โคตรเห็นแก่ตัวออกไป

“กูรู้ แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ากูเป็นคนแบบนี้ มึงจะรับได้หรือไม่ได้ก็คือเรื่องของมึง แต่กูบอกมึงตรงๆ เลยว่ากูยังต้องการมึง”
 
“ถ้าอย่างนั้น..มึงอยากทำอะไรกูจะทำตามใจมึงทุกอย่างแม้ว่ากูจะไม่ต้องการ กูยอมเป็นของเล่นให้มึง มึงเชิญเล่นกับความรู้สึกของกูได้เลย...เพื่อน” สายตาที่ไอ้เซย์มองผม ผมรู้ว่ามันกำลังเจ็บปวด มันผิดหวัง แต่ในเมื่อมันเป็นฝ่ายเข้ามาผมเองมันก็ต้องยอมรับสิ่งที่ผมเป็น และใช่ผมเป็นคนแบบนี้ ผมไม่ใช่คนดีผมรู้ตัวเองมาตลอด

ไอ้เซย์ลุกขึ้นเตรียมเดินไปเก็บจานข้าว แต่ระหว่างนั้นมันใช้มือดันขวดน้ำมาตรงหน้าผมก่อนที่มันจะเดินหันหลังไป ผมรู้ว่าผมทำอะไรลงไป แต่จะทำอย่างไงได้ก็ผมไม่อยากเสียมันไปแต่ยังไม่อยากผูกมัดตัวเอง

ผมกลัวมันผิดหวังในระยะยาวที่เลือกอยู่กับคนอย่างผม สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือให้มันผิดหวังในตัวผมระยะสั้น ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมไม่มีอะไรให้มันได้คาดหวัง

“ไอ้เซย์มันจริงจังกับมึงนะ” ไอ้นนที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ใช้มือตบไหล่ผมเบาๆ “กูรู้ว่ามึงไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวอะไรแบบนั้น มึงอาจจะยังสับสน ไม่แน่ใจ และกูรู้เพื่อนกูมันเร่งมึงมากเกินไป มันอาจจะไม่ใช่คำพูดแต่เป็นการกระทำ มึงลืมคนที่อยู่ในใจของมึงให้ได้..ถ้ามึงลืมได้แล้วเปิดใจให้เพื่อนกูด้วยนะ”

“ไอ้นน ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงปล่อยไอ้เซย์ไป ปล่อยให้มันไปเจอคนที่ดีกว่ากู แต่กูกลับรั้งมันไว้ด้วยความไม่ชัดเจน เพราะ...มันดีกับกู กูไม่อยากให้มันไปเป็นของใครแม้กระทั่งของกู”

“ฟังดูปวดหัวจัง แต่พยายามที่จะเข้าใจ”

“สัดเอ้ย! วุ่นวายเหมือนกูดีเลิศขนาดนั้น”

“บางทีความรักมันอาจจะมาในรูปแบบของเวรกรรมก็ได้ ไอ้เซย์มันอาจจะทำกรรมไว้เยอะชาติที่แล้ว ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้กับมึงอะเพื่อน”

“ขอบใจนะเพื่อน กูรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” ต่อจากนี้ถ้าผมไม่บอกให้มันไป..มันก็ไปจากผมไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในเวลานี้ มันคือความพยายามของผม

พยายามรั้งมันด้วยความเห็นแก่ตัวของผมเอง มันจะต้องอยู่กับผมจนกว่าผมจะลืมไอ้รวย แล้วหลังจากนั้น..หัวใจของผมอาจจะเป็นของมันอย่างสมบูรณ์จริงๆ


ช่วงเย็น

“พี่บุ๊คพี่ เย็นนี้ผมไม่ว่างนะ” หลังจากที่กลับไปเรียนในช่วงบ่ายตอนนี้เป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียน ไอ้อาร์มที่นั่งรอผมอยู่หน้าคณะรีบวิ่งมาดักผมที่กำลังเดินมาทางมัน

“ไปไหนวะ”

“มีเรื่องนิดหน่อยพี่” สีหน้าของไอ้อาร์มดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำให้ผมอดที่จะห่วงมันไม่ได้

“ถ้ากูช่วยได้...”

“พี่...พี่ช่วยผมได้” ผมเดินตามหลังของไอ้อาร์มมาอย่างงงๆ โดยที่ลืมไปว่าตัวผมเองที่พูดกับมันทำนองว่าผมอาจจะช่วยมันได้ ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้ว่ามันกำลังเผชิญอยู่กับเรื่องอะไร

“ที่กูช่วยมึงคือในฐานะที่มึงเป็นน้องกูนะ กูไม่ได้ให้ความหวังมึง”

“พี่ย้ำแบบนี้ผมก็เจ็บเป็นนะพี่”

“กูไม่อยากให้มึงคิดกับกูแบบนั้นไง”

“แล้วทำไมกับพี่เซย์พี่ไม่เห็นกันซีนตัวเองแบบนี้เลยวะ” ไอ้อาร์มหันมามองผมที่เดินตามหลังมันอยู่

“กูอาจจะชอบมัน แต่มันไม่ใช่ช่วงนี้”

“กั๊กให้ตัวเองในอนาคต?”

“คงงั้นมั้ง กูจำกัดความไม่ได้”

“ผมโคตรชอบพี่มากกว่าเดิมอีก” ไอ้อาร์มหันกลับไปก่อนที่มันจะพาผมมาที่คณะบัญชีที่ตอนนี้มีผู้ชายอยู่กลุ่มหนึ่งนั่งอยู่หน้าคณะ

“นี่แหละที่จะให้พี่ช่วย..คือผมไปมีเรื่องกับพวกมึงละมันท้าผมต่อย มันให้ผมไปตามพวกผมมา แต่ผมลืมไปว่าในคณะผมไม่ค่อยมีเพื่อน...”

“ไอ้เหี้ยอาร์ม...” ยังไม่ทันที่ผมจะด่ามัน ไอ้พวกผู้ชายที่อยู่เป็นกลุ่มวิ่งกรูกันเข้ามาทางผมกับไอ้อาร์มอย่างไม่ส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง หน้าพวกแม่งพร้อมบวกทั้งๆ ที่บริเวณนี้อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย

“ไอ้เหี้ยนี่เปรี้ยวตีน เอาแม่งเลยมึง!!” ครั้งนี้ทำให้ผมรู้แล้วจริงๆ ว่าหน้าและนิสัยกร่างๆ ของผมมันส่งผลกระทบโดยตรง......

เอาวะ!! บวกเป็นบวก


สถานีตำรวจ

Say’ s talk

ผมนั่งอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะผมและอีกคณะที่มีเรื่องกัน ในฐานะที่ผมเป็นประธานกรรมการนักศึกษาทุกเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นความรับผิดชอบของผม

เรื่องมันมีอยู่ว่าในช่วงเย็นที่ผมซ้อมบอลอยู่ที่สนามมีโทรศัพท์โทรมาจากห้องคณบดีของคณะสั่งให้ผมรีบไปที่สถานีตำรวจเพราะมีนักศึกษาในคณะมีเรื่องทะเลาะวิวาทในมหาวิทยาลัย ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าคนที่ก่อเหตุคือรุ่นน้องที่ผมไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่

ทันทีที่ผมมาถึงสถานีตำรวจผมเห็นไอ้เด็กอาร์มนั่งก้มหน้าสำนึกผิดอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอีกคนผมไม่ทันได้รู้ว่าเป็นใครเพราะทางตำรวจบอกว่าอยู่โรงพยาบาล ส่วนคณะคู่กรณีมีสภาพบาดเจ็บบางส่วนแต่ไม่หนักขนาดต้องส่งโรงพยาบาล ผมได้ยินอาจารย์คุยโทรศัพท์และในบทสนทนามีชื่อของไอ้บุ๊คอยู่และนั่นทำให้ผมรู้แจ้งว่าใครอีกคนคือไอ้บุ๊ค..

“อาจารย์ครับบุ๊คเป็นอะไรมากไหมครับ” ผมถามอาจารย์หลังจากที่อาจารย์วางสาย

“เห็นบอกว่ายังไม่ได้สติ” เท่านั้นแหละครับสติของผมแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงได้ร้ายแรงขนาดนั้น

ในใจของผมที่เคยโกรธมันอยู่ตอนนี้มันไม่หลงเหลือความโกรธมีแค่ความเป็นห่วงที่เข้ามาแทนที่ ผมอยากไปหามันใจแทบขาดแต่ตอนนี้ผมไม่สามารถไปได้

“ใครทำน้องกู!!!” เสียงที่ดังขึ้นมาพร้อมกับผู้ชายที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ผู้ชายที่เป็นแฟนของมารวยหรือเป็นพี่ชายของไอ้บุ๊คนั่นเอง

“เฮียใจเย็นครับ” มารวยที่มาด้วยรีบเข้ามาขวางพี่ชายไอ้บุ๊คเอาไว้ ตอนนี้สถานการณ์วุ่นวายเข้าไปใหญ่จนผมไม่รู้ว่าสาเหตุมันคืออะไร จนกระทั่งผมได้โอกาสปลีกตัวออกมาจากสถานีตำรวจโดยที่ขออนุญาตอาจารย์ออกมา

ผมมาถึงโรงพยาบาลในเวลาอันรวดเร็วก่อนจะรีบไปติดต่อและรู้ว่าไอ้บุ๊คมันถูกย้ายมานอนที่ห้องพักเป็นที่เรียบร้อย

แกรก

“ไอ้เซย์” สถาพที่ผมเห็นคือไอ้บุ๊คเต็มไปด้วยผ้าพันแผลใบหน้าของมันบวมช้ำไปหมด

“......” ผมเดินเข้าไปหามันช้าๆ โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา

หมับ!

ไอ้บุ๊คดึงตัวผมเข้าไปกอดก่อนที่มันจะซุกหน้าลงบนอกของผม พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างออกมา บางอย่างที่ทำให้ผมรู้ว่าทำไมมันถึงมีสภาพแบบนี้

“กูขอโทษ..แต่กูปล่อยให้มันด่ามึงไม่ได้จริงๆ”

“กูไม่เข้าใจ”

“ผมจ้างให้ไอ้อาร์มมันไปล่อไอ้บุ๊คมา..ผมแค่อยากสั่งสอนที่มันปากเก่งวันนั้น” อีกด้านหนึ่งที่กำลังสอบปากคำ ได้ข้อสรุปจากฝ่ายคู่กรณีของบุ๊คที่ยอมรับสารภาพว่าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเพราะความไม่ชอบส่วนตัว เหตุเกิดจากร้านเหล้าในตอนนั้น.....

“น้องกูไปทำอะไรให้มึง” หลังจากที่บิ๊กสงบสติอารมณ์ลงพูดขึ้นหลังจากที่หนึ่งในคู่กรณียอมรับสารภาพ

“กร่าง”

“แค่นั้น? ถึงขนาดลงไม้ลงมือเลย? แล้วมึง...มึงไปทำแบบนั้นทำไมวะ?? มึงเป็นรุ่นน้องคณะตี๋ไม่ใช่เหรอ??” บิ๊กหันไปมองอาร์มที่นั่งก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด

“ผม...ผม ผม ผมขอโทษ” อาร์มเอาแต่พูดขอโทษออกมาซ้ำๆ ตัวของอาร์มเริ่มสั่น ทำให้บิ๊กไม่คาดคั้นอะไรต่อและปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจโดยที่ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า....

“ผมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”


Book’ s talk

‘ไอ้เหี้ยนี่เปรี้ยวตีน เอาแม่งเลยมึง!!’

สิ้นเสียงของไอ้พวกนั้นหน้าผมถูกมันต่อยแรงๆ โดยไม่มีจังหวะที่จะได้สวนกลับแต่อย่างใด ก็เพราะ..มันมากันเป็นกลุ่มส่วนผมแค่คนเดียว ใช่! ก็เพราะสายตาของผมเหลือบไปเห็นไอ้อาร์มที่เดินหันหลังออกไป ปล่อยให้ผมโดนรุมอยู่คนเดียว จังหวะนั้นผมรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...ผมนึกย้อนไปถึงคำพูดของไอ้อาร์มก่อนหน้าที่มันบอกว่าผมช่วยมันได้ โดยที่ไม่ทันได้เอะใจกับสายตาของมันที่ดู....ไม่เหมือนปรกติ สุดท้ายแล้วผมก็ไว้ใจคนผิดจริงๆ อย่างที่ไอ้เซย์มันเคยบอกเคยเตือน

“กูโคตรอยากต่อยเพื่อนมึงฉิบหาย ไอ้เหี้ยเซย์มันก็กร่างไม่ต่างจากมึง เอาแต่สั่งไม่เห็นหัวพวกกู! กูฝากไปให้มันด้วยก็แล้วกัน” สภาพผมตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันพูดอะไรเพียงแค่จำใจความว่าพวกมันมีเรื่องบาดหมางกับไอ้เซย์ในงานเฟชชี่เกม ส่วนผม..หมั่นไส้จากคืนนั้น

“ไอ้เซย์มันส้นตีนระยำ! ทำเหมือนตัวเองเก่งแต่จริงๆ แม่งกลวงฉิบหาย!!”

“มึงว่าไรนะ?” แขนทั้งสองข้างผมจะถูกล็อกโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพียงแค่ปล่อยให้พวกแม่งต่อย “ถึงมึงจะพูดอย่างนั้น แต่เพื่อนกูไอ้เซย์ มันไม่ได้ระยำต่ำแบบพวกมึง!!!” ผมพยายามพูดเป็นคำช้าๆ และเน้นให้พวกมันได้ยินชัดๆ และหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย... จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกทีในรถฉุกเฉินโดยที่ข้างๆ ผมมีไอ้อาร์มที่เอาแต่พูดขอโทษผมอยู่ร่ำไป แต่ผมก็สามารถที่จะตอบอะไรมันได้จนกระทั่งผมหมดสติไปอีกครั้ง และตื่นขึ้นมาอีกทีในห้องพักของโรงพยาบาล

แกรก

“ไอ้เซย์?” ประตูห้องเปิดออก พร้อมกับไอ้เซย์ที่ยืนมองผมนิ่งๆ ก่อนที่มันจะเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ จนกระทั่งมันยืนอยู่ใกล้พอที่ผมจะลุกขึ้นนั่งและดึงมันเข้ามากอด..

หมับ!

“กูขอโทษ..แต่กูปล่อยให้มันด่ามึงไม่ได้จริงๆ มึงไม่ใช่คนแบบที่พวกมันพูด มึงเป็นคนดี มึงเป็นคนดีที่ไม่ควรถูกพูดแบบนั้น กูยอมไม่ได้....”

“กูไม่เข้าใจ” สัมผัสของมือไอ้เซย์ลูบมาที่หัวของผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน “มึงไม่เป็นไรแล้วนะไอ้บุ๊ค มึงไม่เป็นอะไรแล้ว...”
 
“ไอ้เซย์...กูขอโทษจริงๆ กูขอโทษ” ผมรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ผมควรที่จะขอโทษมัน...ขอโทษก่อนที่ทุกอย่างมันจะสาย ผมกลัวตอนที่อยู่บนรถฉุกเฉิน ผมกลัวว่าผมจะไม่ตื่นขึ้นมา ผมกลัวว่าผมจะไม่ได้ขอโทษไอ้เซย์ ผมกลัวว่าถ้าผมหลับไปผมจะไม่เจอมันอีก..ความตายมันน่ากลัว แต่ก็ไม่เท่าชีวิตผมที่ไม่มีมัน

ผมเลือกที่จะตื่นขึ้นมา.....เพราะผมรู้แล้วว่าผมรู้สึกอย่างไร แม้ว่าผมพึ่งพูดเรื่องเห็นแก่ตัวกับมันไปเมื่อตอนกลางวัน

“ไอ้บุ๊ค...ถึงมึงไล่กูก็ไม่ไปจริงๆ นะ เป็นเพื่อนหรือเป็นเหี้ยอะไรก็ได้ที่กูได้อยู่กับมึง..กูไม่อยากเห็นมึงเจ็บแบบนี้ ปวดใจฉิบหายเลย”

“กู...กู กูอยากดูดาวกับมึงอีก กูอยากกินข้าวไข่เจียวที่มึงทำ กูยังอยากให้มึงแกะกุ้งให้กู...แบบนี้มันเรียกว่าเหี้ยชนิดไหนได้วะ”

“เหี้ยชนิดไอ้เซย์นี่แหละ” เท่านั้นผมก็พอที่จะรู้คำตอบให้กับชีวิตของผมไว้ว่า คนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน ตอนกลางวันเป็นอีกอย่าง ตอนเย็นเป็นอีกอย่าง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้จริงๆ ทำอะไรได้ก็ควรทำไปเถอะก่อนที่จะไม่มีโอกาส แต่ในเมื่อผมมีโอกาสผมก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสผมหลุดลอยไปไหนอีก...

#เนื้อเรื่องอาจจะไม่เหมือนในเฮียบิ๊กรักมารวยนะ เพราะว่าเราอยากนำเสนอในมุมของเซย์กับบุ๊คมากกว่า แต่อาจจะมีช่วงจังหวะที่คาบเกี่ยวกันนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 20
มะพร้าวแทนใจ

นับจากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิด คือ พี่ชายของผมกับไอ้รวยเลิกกัน สาเหตุก็มาจากที่ไอ้รวยมันรู้ความจริงว่าเฮียบิ๊กหลอกมัน..เอาง่ายๆ คือที่เฮียจีบก็เพราะต้องการเล่นสนุกกับไอ้รวย ผมไม่รู้ว่าผมควรอธิบายอย่างไรให้ทุกคนเข้าใจเพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน ถ้าอยากรู้เชิญอ่านเรื่องราวของเฮียบิ๊กกับไอ้รวยได้เลย ไว้ผมจะทิ้งลิงค์ให้นะ

“มึงโอเคเหรอวะไอ้บุ๊คที่ให้กูมาอยู่ห้องไอ้เซย์” ไอ้รวยนั่งมองผมอยู่ที่พื้น

“คิดมากเหี้ยอะไร” ตอนที่มันเลิกกับเฮียไอ้รวยมันเก็บของบางส่วนไปอยู่หอ แต่เท่าที่ผมดูสภาพมันไม่ดีขึ้นเลย นั่นทำให้ผมเอามันมาอยู่ด้วยเลย อย่างน้อยก็มีผมกับไอ้เซย์ช่วยดูแลมัน อย่างไงไอ้รวยมันก็เพื่อนผม ยิ่งช่วงนี้ละครที่เฮียบิ๊กมันถ่ายเริ่มออนแอร์ ไอ้รวยในฐานะแฟนเก่าถูกแฟนคลับเฮียมันตามราวีตลอด

“ก็ให้กูมาอยู่ด้วยไง ตามจริงกูกลับไปอยู่ที่หอตัวเองได้นะมึง กูโอเคขึ้นเยอะเลย”

“โอเคเหี้ยไรกูยังเห็นมึงแอบร้องไห้อยู่เลยไอ้รวย” ผมไถตัวลงไปนั่งที่พื้นข้างๆ ไอ้รวยก่อนที่จะดึงมือของมันมาจับเอาไว้ “ให้กูไถ่โทษแทนเฮียที่เหี้ยๆ ของกูนะ”

แอดดดด

“ไอ้บุ๊ค?” จังหวะนรกสัดอ่ะ มันจะกลับมาก่อนหน้าหรือหลังจากนี้ก็ไม่ได้ ดันกลับมาเจอภาพที่ผมจับมือไอ้รวยเอาไว้ไม่สิ เรียกว่าผมกุมมือไอ้รวยเอาไว้เลยแหละ “มึงทำอะไร??”

“ถามจริงว่าไม่เห็น” ผมก็อยากรู้ว่าไอ้เซย์มันจะทำอย่างไงต่อไปในเมื่อตอนนี้ผมยังคงจับมือไอ้รวยอยู่ ไม่ได้จับธรรมดาแต่จับให้แนบแน่นกว่าเดิม

“ถ้ามึงยั่วให้กูหึงมึง กูบอกเลยว่าสำเร็จเพราะสิ่งที่กูจะทำต่อไปนี้...มึงไม่มีสิทธิ์มาว่ากูนะ” ผมมองหน้าไอ้เซย์อย่างท้าทายดูว่ามันจะทำอะไรผม

ไอ้เซย์เดินเข้ามาใกล้ๆ ผมกับไอ้รวยก่อนที่มันจะดึงมือผมออกและ.....ทำในสิ่งที่ผมโคตรอายต่อหน้าเพื่อนสนิทของผมก็เพราะไอ้เวรนี่มันยื่นหน้ามาจูบปากผมแรงๆ ทั้งดูด ดึง ดีที่ไม่มีสอดลิ้นเข้ามา ส่วนผมเรียกว่าอายไหมก็อายนะแต่ไอ้รวยมันก็คนกันเองผมไม่ถือหรอก

“เอ่อ...พวกมึง??” ไอ้เซย์ผลักออกจากผมหลังจากที่ได้ยินเสียงไอ้รวยกระแอ่มเบาๆ

“โทษนะรวยเราแค่อยากสั่งสอนไอ้บุ๊คมันนิดหน่อย”

“สั่งสอนซะไอ้บุ๊คเคลิ้มเลย” ผมรีบใช้หลังมือเช็ดปากหลังจากที่ไอ้รวยมันพยักพเยิดหน้ามาทางผม “ตกลงพวกมึงสองคนนี่เป็นไรกัน?? ?”

“เป็นเหี้ยอะไรก็เรื่องของกูเพื่อน” ผมรีบชิงพูดตัดหน้าไอ้เซย์ก่อน เพราะผมกับมันยังไม่ได้ขยับสถานะขึ้นมานอกจากเพื่อน

“เชื่อว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดา”

“ก็ไม่ธรรมดานะ เพื่อนที่มีเพศสัมพันธ์กันเกือบทุกๆ คืน” ผมไปตอบไอ้รวยด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน

“ไอ้บุ๊คมึงไม่อาย?” ไอ้เซย์หันหน้ามาถาม

“เออ ลืมอาย” ผมยกมือเกาหัวขึ้น ส่วนไอ้รวยมันก็ยิ้มเล็กน้อย ผมดีใจนะที่มันยิ้มได้แบบนี้ ผมไม่อยากเห็นมันเศร้านาน

“รวยกินไรเดี๋ยวเรากับบุ๊คออกไปซื้อมาให้”

“ถามกูสักคำยังเอ่ย??”

“ไปเถอะมีเรื่องอยากคุยด้วยแบบจริงจัง” ผมมองหน้าไอ้เซย์และเห็นว่าหน้าของมันค่อนข้างจริงจังเลยทีเดียว แสดงว่ามันมีเรื่องสำคัญที่อยากคุยกับผมจริงๆ

ผมลุกตามไอ้เซย์ออกมาจากห้อง โดยทิ้งไอ้รวยเอาไว้ที่ห้อง จังหวะนั้นเองที่ผมเห็นชัดๆ ว่าหน้าของไอ้เซย์เหมือนโดนต่อย ทำให้ผมใช้มือบีบคางมันให้หันมาทางผม

“หื้ม?” ไอ้เซย์เลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่พลิกหน้าของมันไปมา

“ไปโดนเหี้ยไรมา? เหมือนโดนต่อเลย”

“ก็โดนไง”

“โดนไร?” ปรกติไอ้เหี้ยนี่มันไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร แม้ว่าแผลบนใบหน้าของมันจะมีขนาดเล็กน้อยแต่ผมไม่เชื่อว่ามันจะโดนใครต่อยหรือไปมีเรื่องกับใครแน่ๆ นอกซะจากไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจมา “ไม่ใช่ไปปากหมาใส่ใครนะ”

“กูไม่ใช่มึงนะ”

“สัด แล้วบอกกูได้ยังว่าเป็นอะไร?”
 
“พี่มึงต่อย”

“พี่กู?????”


Say’ s talk

ก่อนหน้าที่ผมจะกลับมาที่ห้อง ผมบังเอิญไปเจอพี่ชายไอ้บุ๊คระหว่างทางกลับหอ พี่ชายมันขอผมคุยด้วยเรื่องของมารวย ถามว่ารู้ไหมว่ามารวยอยู่ที่ไหน ถ้าให้ผมเดาพี่ชายมันน่าจะไปตามหารวยที่หอแล้วคงไม่เจอ บวกกับที่รวยมีเพื่อนคนเดียวคือไอ้บุ๊ค ถ้าไปถามไอ้บุ๊คมันก็คงไม่บอกผมเลยถือโอกาสนี้คุยกับพี่ชายของไอ้บุ๊คมันตรงๆ ในหลายๆ เรื่องที่ผิดใจกันก่อนหน้านี้

“เอาเป็นว่าพี่สบายใจได้ครับว่ามารวยปลอดภัยดี”

“กูแค่อยากเจอ กูรู้ว่ากูทำผิดแต่กูอยากขอโอกาส” ผมสังเกตว่าหน้าของพี่บิ๊กค่อนข้างเป็นกังวลเลยทีเดียว “แต่ช่วงนี้กูกลับไปง้อไม่ได้เพราะอะไรมึงน่าจะรู้”

“ครับ เอาไว้หลังจากนี้ก็ได้ ผมคิดว่ารวยเองก็คิดเหมือนกันกับพี่” ถ้าถามว่าผมรู้ได้อย่างไงก็เพราะผมแอบเห็นว่ารวยเองก็มีท่าทีเศร้าๆ ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว อาการของคนที่ลืมไม่ได้ก็น่าจะประมาณนี้

“แล้วมึงกับไอ้บุ๊ค?”

“.....”

“กูรู้นะว่าพวกมึงอยู่ด้วยกัน” ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสายตาเศร้าๆ ของเฮียบิ๊กในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่คาดคั้นแทน

“เอาตรงๆ เลยนะครับ คือผมชอบ ไม่สิ ผมรักน้องชายของพี่มากๆ แค่นี้มันน่าจะเป็นคำตอบให้พี่ได้แล้วนะครับ” ผมมองหน้าพี่บิ๊กที่มองผมนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา “ผมไม่สัญญาว่าผมจะไม่ทำให้ไอ้บุ๊คเสียใจ แต่ผมจะพยายามไม่ทำให้มันเสียใจเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้”
 
“ถ้าตอนนั้นรวยเลือกมึง รวยคงจะมีความสุขเหมือนตี๋สินะ”

“ไม่หรอกครับ รวยเขาไม่ได้ชอบผม ให้ผมจีบอย่างไงรวยก็ไม่มีทางมาชอบได้”

“แล้วคนอย่างกูมีดีอะไรวะที่ทำให้รวยชอบกู”

“บางทีไม่ใช่ความดีที่จะทำให้ชอบให้รักหรอกมั้งครับ ผมตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่น่าจะรู้คำตอบนั้นดี ส่วนเรื่องไอ้บุ๊คพี่ไม่ต้องห่วงนะผมว่าผมดูแลมันได้ดีพอๆ กับพี่เลย”

“อืม แต่ตี๋มันเป็นคนเหี้ยนะกูพูดตรงๆ งานบ้านมันไม่เคยแตะ งานหนักๆ ไม่เคยทำ เอาแต่ใจฉิบหายอะไรที่ขัดใจมันใส่อย่างเดียว มันใจร้อน ปากหมา แต่ลึกๆ แล้วมันเป็นคนดีนะ”

“ผมเจอมาหมดทุกอย่างเลยพี่ พี่ย้อนกลับไปที่พี่ถามว่าพี่มีอะไรดีที่ทำให้รวยชอบ มันเหมือนผมอย่างหนึ่งคือผมไม่ได้ชอบไอ้บุ๊คเพราะมันเป็นคนดี แต่ผมชอบเพราะมันเป็นมัน”
 
“มึงชอบเพราะตี๋มันเหี้ย??”

“เรียกว่าเหี้ยก็ไม่ถูกนะพี่ ผมว่ามันมีส่วนดีอยู่แต่น้อย เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องห่วงทั้งเรื่องไอ้บุ๊คและเรื่องของรวย ผมเชื่อว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันก็โอเคพี่ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา”

“กูถามมึงอีกคำถามเดียว...เดี๋ยวกูรีบไปงานผู้จัดการตามฉิบหาย” พี่บิ๊กหันไปมองโทรศัพท์ของเขาที่สั่นอย่างเดียว “มึงกับมันเป็นแฟนกันหรือยัง??”

“ยังครับ”

“ได้กันหรือยัง”
 
“ได้แล้ว.....”

ผั๊วะ!!

อยู่ๆ หมัดของพี่บิ๊กเข้ามากระแทกหน้าผมแรงๆ โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวจนผมเซไปด้านหลังเล็กน้อย

“สำหรับที่มึงเอาน้องกูฟรีๆ ถึงกูจะเป็นแฟนที่แย่ แต่ในฐานะพี่ชายของตี๋กูไม่ยอมให้มึงมาเล่นๆ กับน้องกูแบบนี้ กูไม่รู้นะว่าพวกมึงตกลงอะไรกันถึงมาอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ได้ แต่ในฐานะพี่ชายอย่างกู กูต้องการความชัดเจนให้น้องชายกู” ผมอยากจะบอกพี่บิ๊กไปเหลือเกินว่าผมก็ต้องการความชัดเจน แต่น้องของพี่มันไม่ให้ผมเลย แม่งให้มาคำเดียวว่าเพื่อนๆ แล้วผมจะไปทำอะไรได้วะ

“ผมจะพยายาม” ด้วยความที่ต้องรักษาความสัมพันธ์กับพี่บิ๊กไว้เพื่ออนาคต ผมจำเป็นต้องก้มหน้ารับตามที่พี่บิ๊กกล่าวหาไปก่อน

“อืม ถ้าเจอรวยฝากบอกรวยว่ากูยังเหมือนเดิม กูยังรอวันนั้น” และผมก็แยกย้ายจากพี่บิ๊กหลังจากนั้น โดยที่มีแผลบนใบหน้าอย่างที่ทุกคนเห็น




“เฮียกูทำให้กูดูแย่” ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ไอ้บุ๊คฟังหลังจากที่ถึงร้านอาหารแถวๆ หอ ไอ้บุ๊คมันเงียบตลอดตั้งแต่ผมเล่าตั้งแต่แรกจนจบ แต่ดูเหมือนมันจะสนใจเพียงแค่สิ่งที่พี่บิ๊กพูดถึงมัน “งานบ้านกูก็ทำนะ แต่ม๊าไม่ให้ทำเยอะเท่านั้น แม่งพูดซะกูเหี้ยเลย”

“กูว่าพี่มึงพูดถูก”

“ไอ้เหี้ยเซย์ มึงจะเข้าข้างใคร?????” ไอ้บุ๊คใช้ส้อมชี้มาที่หน้าผม

“เข้าข้างมึงสิ แต่กูเข้าข้างหลังนะ”

“สัด..” ไอ้บุ๊คชูนิ้วกลางใส่หน้าผมก่อนที่มันจะก้มหน้ากินข้าวต่อ หลังจากที่ผมกับมันกินข้าวเสร็จ ไอ้บุ๊คมันขอตัวไปซื้ออะไรบางอย่างทำให้ผมนั่งรอมันที่ม้านั่งข้างๆ ถังขยะ เหม็นนะครับแต่มันบอกให้ผมนั่งรอตรงนี้ผมก็ต้องนั่งรอ จนกระทั่งผมเห็นมันกลับมาพร้อมกับอะไรบางอย่างในมือ

ผมว่านะเรื่องโรแมนติกกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้


Book’ s talk

ผมนั่งฟังในสิ่งที่ไอ้เซย์เล่าถึงสาเหตุของรอยบนใบหน้ามันก่อนที่จะสะดุดใจกับสิ่งที่เฮียพูดกับมันในเรื่องความชัดเจน ไอ้เซย์มันชัดเจนกับผมทุกอย่าง แต่ผมนี่แหละที่ไม่ชัดเจนอะไรเลย ผมว่าวันนี้แหละที่ผมจะต้องชัดเจนกับมัน ด้วยความโรแมนติกที่สุดเท่าที่ผมเคยทำให้ใคร ขนาดกับม๊าผมยังจ้างเพื่อนทำการ์ดวันแม่ให้ม๊าเลย แล้วมันเป็นใครผมถึงต้องลงทุนทำแบบนี้เน้!!

“ไปไหนมา??”

“ถ้าไม่โง่พอมึงจะดูออก” ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ไอ้เซย์พร้อมกับโยนมะพร้าวที่ไปหาซื้อมาให้มัน

“อะไร?” ไอ้เซย์หันมาเลิกคิ้วถามผม

“แตงโมมั้งสัด”

“ใจเย็นดิ รู้ว่าเขินแต่ค่อยๆ พูดนะ” ไอ้เซย์ยื่นฝ่ามือของมันมาลูบผมของผมเบาๆ “ถ้าให้เดาซื้อมาให้กู?”
 
“อืม”

“งั้นกูกินนะ” ผมไม่พูดอะไรและรอให้ไอ้เซย์ใช้หลอดเจาะไปที่ลูกมะพร้าวที่ปอกเปลือกมาเป็นที่เรียบร้อย ไอ้เซย์ดูดจนหมดลูกก่อนที่มันเงียบเพื่อรอผมพูดต่อ ไอ้เหี้ย! เขินฉิบหาย

“กินหมดแล้วเป็นแฟนกูด้วย อยากทำให้ชัดเจนไม่อยากให้เฮียกูมาว่ามึงอีกเข้าใจไหม ส่วนมะพร้าวถ้ามึงไม่เข้าใจกูจะบอกว่ามันคือสิ่งที่ทำให้กูกับมึงทะเลาะกันคราวนั้น เอาแหละกูเหี้ยเองตอนนั้นไม่โทษมะพร้าวก็ได้ แต่ตอนนี้กูแอบดีขึ้นแล้วเลยอยากใช้มะพร้าวเป็นสัญลักษณ์แทนกูกับมึง ว่ากู.. กูว่ากูรักมึงเกินกว่าเพื่อนว่ะ”

“.......”

“ไอ้เหี้ย! พูดสิสัด กูพูดกับมึงตั้งยาวนะเว้ย” ผมตะโกนด่าไอ้เซย์เสียงดังที่มันยังคงทำหน้ายิ้มๆ กวนส้นตีนให้ผมอยู่

“ให้กูมีจังหวะดีใจหน่อยดิวะ ไม่คิดเลยว่ามึงจะพูดกับกูตรงๆ แบบนี้ เขินแบบแปลกๆ ดี”

“ตามจริงจะขอตอนที่ฝนดาวตก แต่มึงเสือกบอกกูว่าอีกสามสิบปีจะมีอีก ไม่อยากรอให้ถึงวันนั้นมันนานไป เลยโรแมนติกได้แค่นี้แหละ”

“แค่นี้ก็ดีแล้วครับ”

“พูดครับทำส้นตีนไร กูไม่ชิน” ผมรีบหันหน้าไปทางอื่นเมื่อผมรู้สึกว่าแก้มของตัวเองกำลังจะแตกเพราะความเขิน ก่อนจะรวบรวมสติหันกลับมามองหน้ามันเหมือนเดิม “ตกลงจะเป็นไหมแฟนกูเนี่ย กูขอมึงแล้ว”

“เป็นดิ อยากเป็นตั้งนานแล้ว” ไอ้เซย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อนที่จมูกของเราสองคนจะสัมผัสกันเบาๆ “ถ้ามึงไม่รังเกียจ..กูขอจูบมึงข้างๆ ถังขยะได้ไหม?”

“จะสกปรกแค่ไหนแต่ถ้าเป็นมึง...” ผมพูดค้างเอาไว้ก่อนที่จะเป็นฝ่ายประกบจูบลงบนริมฝีปากของไอ้เซย์ มือทั้งสองข้างของผมสอดไปใต้ท้ายทอยของมันเพื่อกระชับริมฝีปากมากขึ้น

แม้ว่าจะไม่ใช่ที่ที่สมควรจูบหรือแสดงความรัก แต่ในเมื่อที่ตรงนี้มีมัน....มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

“แต่ถ้าเป็นมึงกูไม่สนว่าจะเป็นที่ไหน” ผมพูดออกมาหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกจากปากของมัน สายตาของเราสองคนยังสอดประสานไม่ห่างและพร้อมที่จะติดได้ทุกเมื่อ

“ทั้งรักทั้งหลงมึงไม่รู้จะอย่างไงแล้วไอ้บุ๊ค” ไอ้เซย์แตะหน้าผากของผมเข้ากับหน้าผากของมัน

“อยู่กับกูไปนานๆ นะเว้ย ไม่ว่ากูจะเหี้ยอย่างไง”

“ไม่น่าจะไปไหนรอดแล้วแหละ กูไม่ได้รังเกียจที่จะอยู่ข้างๆ ถังขยะนะ แต่อยากบอกว่าตรงนี้กูไม่สามารถแสดงความรักให้มึงได้เต็มที่.... ไปห้องกันนะ”

“ไปดิ ก็บอกแล้วว่าไปทุกที่ ที่มีมึง”

บางทีความรักมันก็ไม่ต้องการอะไรมากมาย เพียงแค่มีผมกับมันก็น่าจะพอแล้ว....

“พี่นน เหมือนพี่เขาจะไม่ผมกับพี่เลยวะ”

“กูไม่อยากให้ใครเห็นกูอยู่กับมึงนั้นทั้งแหละ”

“แต่พี่ได้ผมแล้วนะเว้ย...”

“มึงอ่อยกูทำส้นตีนไร?”

“ก็ผมชอบพี่ไง ใจผมเปลี่ยนง่ายถ้าเจอคนที่ถูกใจ”

“กูไม่น่าเล่นกับคนอย่างมึงเลยไอ้อาร์ม”

“แต่ผมอยากเล่นกับพี่วะพี่นน”

#หายไปนานไหมมมคิดถึงป่าวววว ยังสอบไม่เสร็จเลย

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 21
ไม่แน่ใจว่าหึงหรือเปล่า? แต่น่าจะหึงนั่นแหละ

“ไอ้เซย์กูบอกว่ากูไม่อยากกินอย่างอื่นนอกจากไข่เจียวไง” ผมนั่งมองหน้าไอ้เซย์ที่ทำเมนูแปลกๆ ให้ผมอย่างไข่เจียวใส่ผักหลากหลายชนิด

“ดื้อกว่าอะตอมอีกนะมึง” ไอ้เซย์ส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนที่มันจะตักข้าวเข้าปากตัวเอง

“ก็กูไม่ชอบไง กูอยากแดกไข่เจียวธรรมดาแบบไม่ใส่เหี้ยไรเลย” หลังจากที่ผมขอมันเป็นแฟนไอ้เหี้ยนี่ก็ออกแนวบังคับผมหลายๆ อย่าง อย่างเช่นเรื่องการกินที่มันบังคับให้ผมกินอาหารครบห้าหมู่ ก่อนนอนจะต้องกินนม ส่วนเหล้าเบียร์เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้แตะเลย

“ก็ลองก่อนกูใส่แต่ผักไม่มีรสชาติมันน่าจะกินได้ เป็นการเริ่มต้นการกินผักไง”

“ถ้ากูกินหมดมึงต้องตามกูหนึ่งอย่างดิ”

“ปรกติก็ตามใจอยู่แล้วนะ”

“แต่ครั้งนี้มึงห้ามปฏิเสธ” ผมก้มหน้าก้มตากินไข่เจียวของไอ้เซย์ที่ใส่ผักเหี้ยอะไรมาก็ไม่รู้เยอะแยะ โดยมีสายตาของไอ้เซย์ที่มองผมกินข้าวด้วยรอยยิ้มที่เหมือนพ่อกำลังภูมิใจที่เห็นลูกชายกินผักได้เป็นครั้งแรก

ยอมรับว่ารสชาติไม่ได้แย่แต่แค่อยากเห็นมันแสดงความเป็นห่วงผมแบบนี้ อีกอย่างผมก็อยากจะลองทำอะไรบางอย่างบ้าง บางอย่างที่ผมอยากทำมาตลอด

“ไหนบอกก่อนว่าจะให้กูทำอะไร อะไรที่มึงจะให้กูตามใจ” หลังจากที่กินข้าวเสร็จไอ้เซย์เอาจานไปล้างส่วนผมมีหน้าที่เช็ดโต๊ะและเก็บเศษอาหารรวมถึงเอาขยะไปทิ้ง

“ไปอาบน้ำกัน กูอาบให้” ไอ้เซย์ที่กำลังเช็ดมือหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ

“อารมณ์ไหน?”

“เอาป่ะล่ะ มีอารมณ์” สายตาผมตอนนี้มองไปยังร่างกายของไอ้เซย์อย่างแทะโลม ส่วนไอ้เซย์เองยังคงมาที่ผมด้วยท่าทางงงๆ แต่มันเองก็ไม่เล่นตัวอะไร

“มึงมองกูขนาดนี้ อารมร์แม่งมาเต็ม” ไอ้เซย์ถอดเสื้อของมันออกก่อนจะเดินตรงมาที่ผม ใช้มือทั้งสองข้างของมันถอดเสื้อของผมออกทำให้ตอนนี้เราสองคนมีเพียงแค่กางเกงบอลเท่านั้น

“แค่มึงยืนเฉยๆ กูจัดการเองนะ” ผมกดจูบไปที่คางของไอ้เซย์เบาๆ พร้อมกับจูงมือของมันให้เดินตามผมมาในห้องน้ำ ผมหันกลับมาอีกทีไอ้เซย์กลับไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นบนร่างกาย ไม่รู้ว่ามันถอดตั้งแต่ตอนไหนแต่ที่ผมรู้ตอนนี้ไอ้เซย์มันน่าจะพร้อมมากๆ แล้ว

“อาบน้ำ อย่าพึ่งมีอารมณ์ดิวะ” ผมดันมันให้หลังชิดกับอ่างล้างหน้าก่อนจะแทรกตัวเข้ามาระหว่างขามัน “หนวดมึงยาวแล้ว” ผมใช้มือลูบคางของไอ้เซย์เบาๆ สัมผัสกับไรขนของมันเบาๆ

“จะโกนให้กูเหรอ?”

“ไม่อ่ะ กูชอบตอนที่หนวดมึงมาไซร้ที่คอกู มันรู้สึกดีนะ ถ้ามึงไม่เชื่อกูลองทำให้นะ” ผมก้มลงไปยังซอกคอของไอ้เซย์พร้อมกับกดจูบเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงไอ้เซย์หายใจหนักๆ ผมจึงค่อยๆ ใช้ไรหนวดของตัวเองซุกไซร้ตามซอกคอเหมือนอย่างที่มันเคยทำให้ผม

“ไอ้บุ๊ค......” มือของไอ้เซย์แทรกเข้ามาด้านในเส้นผมของผมก่อนที่จะขย้ำเบาๆ ยามที่ผมแกล้งใช้ฟันขบที่คอมันเบาๆ และปล่อยออก

“ชอบไหม?”

“อื้ม ก็ชอบแต่กูว่ามันแปลกๆ นะ” ไอ้เซย์จับใบหน้าของผมเอาไว้หลังจากที่ผมผลักออกจากซอกคอของมัน “ให้กูทำให้ไหม?”

“กูบอกว่าอยู่เฉยๆ ไง” ผมขยับออกจากหว่างขาของไอ้เซย์เพื่อมาเตรียมแปรงสีฟันสำหรับผมสองคน ครั้งแรกที่ผมบีบยาสีฟันให้คนอื่น

“มึงแม่งน่ารักวะไอ้บุ๊ค” ไอ้เซย์รับแปรงสีฟันของมันมาก่อนที่จะก้มลงหอมแก้มผมเบาๆ “อยู่ทำแบบนี้ทุกวันเลยนะ”

“พูดมาก” ผมหันมาสนใจแปรงฟันของตัวเอง แต่ไอ้เวรเซย์มันทะลึ่งมายืนช้อนหลังผมโดยที่มีบางสิ่งบางอย่างของมันกำลังบุกรุกอยู่ด้านหลังของผม “ไอ้เซย์อาบน้ำ”

“มึงอ่อยกูก่อน”

“เออ เดี๋ยวได้เสร็จแน่แต่ตอนนี้แปรงฟันก่อน อยากจูบกลิ่นมิ้น” ผมหาข้ออ้างไปเรื่อยเพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้ไอ้เซย์มันจ้องจะล่อผม ไอ้เซย์มันยอมถอยออกมาแปรงฟันของมันเองก่อนที่เราทั้งคู่จะจัดการแปรงฟันเสร็จและเข้ามาในโซนอาบน้ำที่เป็นฝักบัว

“กูอาบให้” ตอนนี้ผมถอดกางเกงออกทำให้ไม่เหลืออะไรปกปิดร่างกายเหมือนอย่างไอ้เซย์ ผมจับฝักบัวมาจู่ที่ตัวของไอ้เซย์เพื่อให้น้ำเย็นๆ กระทบไปที่ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมัน

“อารมณ์ไหน?” ไอ้เซย์เอี้ยวตัวมาถามผมที่ยืนอยู่ด้านหลังของมัน ตอนนี้ผมเทสบู่เหลวใส่มือก่อนที่จะค่อยๆ ถูให้เป็นฟองและฟอกไปที่ลำตัวของมันช้าๆ ฝ่ามือผมที่สัมผัสมันไม่ได้เรียกว่าถูสบู่แบบธรรมดาแต่เป็นการถูแบบยั่วยวน ยิ่งผมวนเท่าไหร่ร่างกายของมันก็ยิ่งสู้มือผม

“อยากให้รู้ว่ากูรู้สึกอย่างไง” ผมใช้มือสัมผัสที่.... “ตูดมึงนุ่มจัง”

“ไอ้บุ๊ค...แปลกๆ ละนะมึง” ไอ้เซย์เตรียมที่จะหันหน้ากลับมามองผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมใช้เข่าดันขาของมันเอาไว้และออกแรงผลักตัวของมันให้ชิดกับกำแพงห้องน้ำ

“ยอมกูหน่อยดิ อยากเป็นผัวบ้าง”

“....ไอ้บุ๊ค” ไอ้เซยรอบกลืนน้ำลาย ส่วนผมตอนนี้เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปด้านใน ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันต้องเตรียมตัวอย่างไร จะต้องขยายเพื่อให้ส่วนนั้นพร้อมหรือเปล่าเพราะสิ่งที่ผมกำลังทำต่อไปนี้ ผมแค่อยากรู้ว่าไอ้เซย์มันรู้สึกอย่างไงก็เท่านั้นเวลาอยู่ในตัวของผม

พรึบ!

“ไม่เอาดิ มันไม่สนุกหรอกมึง” ไอ้เซย์ดันตัวของมันออกก่อนที่จะพลิกตัวมาเป็นฝ่ายคุมผมแทนเพราะตัวของผมตอนนี้กลับถูกดันเข้าไปติดกับกำแพง

“ไอ้เซย์ก็กูอยากเอามึง”

“ไอ้บุ๊ค เชื่อดิว่ามึงเอาไม่สนุกเท่ากูหรอก”

“จริงเหรอ? มึงเอามั่นว่ะ”

“ไม่เชื่อมึงก็ค่อยดูดิว่ากู...เอามันไหม” เท่านั้นแหละผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย รู้ตัวอีกทีตัวของผมก็ถูกย้ายกลับมาที่เตียงต่อด้วยระเบียง ห้องครัว และทุกๆ สถานที่ภายในห้อง เรียกได้ว่าทุกพื้นที่มีความทรงจำของผมกับมันอยู่ทั้งนั้น คงไม่ต้องบรรยายว่ามันเป็นอย่างไงก็เพราะว่า....

“มีเพศสัมพันธ์กับมึงคือแซ่บที่สุดเลยไอ้เซย์.....” และผมก็หลับไปภายใต้อ้อมแขนของไอ้เซย์.....


Say’ s talk

ไอ้บุ๊คมันร้ายครับผมจ้องจะเอาผมตลอดแถมวันนี้มันยังเล่นแง่ให้ผมตามใจมัน เอาจริงๆ ผมรู้ตั้งแต่มันดันผมให้ชิดกับขอบอ่างล้างหน้าแล้ว อยากเปลี่ยนมาเป็นโพผมบอกเลยว่ายาก จริงๆ ผมก็ไม่ได้ติดนะถ้ามันจะเป็นฝ่ายกระทำผมบ้าง แต่พูดไงดี ผมยังอยากเห็นแก่ตัวเป็นฝ่ายกระทำมันอย่างเดียวมากกว่า

“ไอ้บุ๊คกูใจดีทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้กูยอมมึงไม่ได้หรอก” ผมก้มจูบหน้าผากมันเบาๆ หลังจากที่อุ้มมันขึ้นมานอนที่เตียงหลังจากที่พามันไปทัวร์รอบห้องทดสอบความฟินมา สนุกไม่สนุกก็ดูมันซิครับหลับเป็นตายเลย

“......”

หวังว่ามันจะไม่ตื่นมากลางดึกแล้วลักหลับผมหรอกนะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะเล่นมันให้เดินไม่ได้เป็นอาทิตย์เลย

ผมเซย์......อึดนะครับ


เช้าวันต่อมา

ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าเพื่อลงไปวิ่งข้างล่างเป็นปรกติ ผมจะไปวิ่งที่สวนสาธารณะหนึ่งชั่วโมงและแวะซื้อโจ๊กหรือไม่ก็ข้าวเหนียวหมูปิ้งกลับมาให้ไอ้บุ๊คในทุกๆ เช้าอย่างเช่นวันนี้เหมือนกัน

“พี่เซย์เอาเหมือนเดิมไหมจ๊ะ?” ผมหยุดอยู่ที่ร้านโจ๊กเจ้าประจำโดยที่มีหนุ่มน้อยตัวเล็กปากแดงใส่ที่คาดผมสีสวยยืนยิ้มทักทายให้ผมเป็นประจำ

“เหมือนเดิมครับ ขอพิเศษเลยนะ”

“สำหรับพี่เซย์พิเศษใส่ใจให้หมดเลยค่ะ” ผมอมยิ้มให้กับท่าทีของน้องคิตตี้ลูกเจ้าของร้านโจ๊กที่ชอบแซวผมเป็นประจำ

“งั้นของพี่กินนี่ดีกว่าครับ นั่งเป็นเพื่อนน้องคิตตี้” ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ น้องคิตตี้เพื่อจะได้มีโอกาสพูดคุยกับน้อง ตามจริงน้องเป็นคนน่ารักที่ชอบเอาการบ้านมาถามผมบ้างหรือบางทีก็มาปรึกษาเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะตอนที่ทะเลาะกับแม่เรื่องไปทำหน้าอก ผมนั่งกินที่นี่ก็เพราะไอ้คิดว่าไอ้บุ๊คมันน่าจะยังไม่ตื่นผมกินเสร็จมันก็น่าจะตื่นพอดีแล้วค่อยไปใส่ถ้วยให้มัน

“โจ๊กค่ะพี่เซย์ แม่หนูนั่งคุยกับพี่เซย์นะแม่ขายไปเลย” น้องคิตตี้นั่งลงตรงข้ามผมหลังจากที่เอาโจ๊กชามใหญ่เป็นพิเศษมาเสิร์ฟ

“ว่าไงเรา” ผมหยิบซีอิ๋วขาวมาเหยาะใส่ในชาม “เรียนเป็นไงบ้าง เห็นว่าจะสอบแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่ซิพี่เซย์ หนูอะเครียดมากค่ะเรื่องเรียนต่อ แม่อ่ะอยากให้เรียนแต่หนูอยากมีผัวค่ะ นี่ก็เก็บเงินทำนมได้หนึ่งข้างแล้วนะคะพี่เซย์”

“แม่ไม่ว่าแล้วเหรอ??”

“ก็ว่านะคะแต่ว่าหนูค่อนข้างดื้อมาก เอะๆ พี่เซย์คะโจ๊กเละปาก...” น้องคิตตี้เอื้อมมือมาเช็ดโจ๊กที่เลอะแถวๆ ริมฝีปากของผมเบาๆ

“มึงเป็นง่อย?” ผมรู้ตัวอีกทีก็เห็นไอ้บุ๊คยืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านหน้า

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไอ้บุ๊คนั่งลงตรงข้ามผมข้างๆ น้องคิตตี้ น้องคิตตี้มองไอ้บุ๊คตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาของน้องเหมือนที่เคยมองผมในตอนแรก

“ตั้งแต่เห็นมึงกำลังยิ้มอ่อย” ไอ้บุ๊คขว้าชามโจ๊กของผมมากินหน้าตาเฉย

“พี่คะถ้าพี่หิวหนูไปทำใหม่นะคะ” น้องคิตตี้รีบลุกขึ้นไปที่รถเขนโดยที่ไม่รับรู้เลยว่าท่าทีของไอ้บุ๊คมันแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ

“เป็นเหี้ยอะไรจะต้องให้คนอื่นมาถูกเนื้อต้องตัว ชอบอ่อสัด” เท่านั้นแหละครับไอ้บุ๊คก็จัดการด่าผมทันที “เห็นกูนอนอยู่บนห้องหน่อย ก็มาเที่ยวอ่อยคนอื่นไปเรื่อย”

“นี่หึงเหรอ?”

“เออดิ เป็นมึงไม่หึงรึไงเห็นแฟนตัวเองนั่งเสนอหน้าให้คนอื่นเช็ดปากให้”

“ไม่มีข้อแก้ตัว แต่ไม่ได้คิดอะไรกับน้องนะ” ผมเองก็ผิดที่ยอมปล่อยให้น้องคิตตี้เข้ามาถึงเนื้อถึงตัว ถ้าเป็นปรกติคงไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วจะทำอะไรก็ต้องระวังมากขึ้น อย่างน้อยไอ้บุ๊คมันจะได้สบายใจ

“เชื่อ แต่ไม่ไว้ใจตุ๊ดเด้กนั่น แม่งทำหน้าเหมือนอยากแดกมึงเข้าไป”

“น้องเขาอยากแดกมึงเข้าไปมากกว่าตอนนี้ ไม่เชื่อคอยดู” ผมพยักหน้าไปทางด้านหลังของไอ้บุ๊คที่ตอนนี้น้องคิตตี้กำลังยกชามโจ๊กมาให้

“หนูไม่รู้ว่าพี่ชอบอะไรเลยใส่มาให้หมดเลยค่ะ”

“เป็นผู้ชายไม่พูดค่ะนะครับ” ไอ้บุ๊คแกล้งแหย่น้องคิตตี้ไป

“เป็นผู้หญิงค่ะพี่ โสด พี่โสดไหมเอ่ย ถ้าพี่โสดพี่จะได้กินโจ๊กฟรีนะคะ” น้องคิตตี้ทิ้งตัวลงข้างๆ ไอ้บุ๊คแถมยังเอาเก้าอี้เข้ามาชิดตัวมันมากกว่าเดิม

“พี่มีแฟนแล้วครับ” คำตอบของไอ้บุ๊คทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “แล้วก็ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป น้องไม่ต้องเช็ดปากให้แฟนพี่แล้วนะ จะว่าพี่อะไรก็ได้ถ้าน้องไม่พอใจคำพูดของพี่ แต่พี่ซีเรียสว่ะเวลาที่เห็นคนอื่นถูกเนื้อต้องตัวแฟนตัวเอง” คราวนี้ผมต้องรีบเบรกไอ้บุ๊คทันทีที่มันพูดแบบนั้นออกไป เพราะผมรู้ว่าเจตนาของน้องคิตตี้ไม่ได้จริงจังกับผมในลักษณะแบบที่มันคิด

“ไอ้บุ๊คพอเถอะน้องเขาไม่ได้คิดกับกูแบบนั้น คิตตี้พี่ขอโทษนะ”

“พี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอคะ? อยากมีเพิ่มเป็นสามไหมเอ่ย?”

“กูโมโหละนะไอ้เซย์ สัด ไม่แดกแม่งละ” และไอ้บุ๊คมันก็ลุกออกจากโต๊ะไปทันที ทำให้ผมรีบจ่ายตังค์และขอโทษน้องคิตตี้กับคำพูดที่ไอ้บุ๊คพูดออกมา

“เดี๋ยวดิ รอกูก่อน” ผมตามไปกระชากแขนมันเอาไว้ก่อนที่มันจะเดินหนีไปที่อื่น ไอ้บุ๊คหันหน้ากลับมามองผมด้วยท่าทางที่ไม่พอใจผ่านทางสีหน้าและแววตาของมัน

“กูรู้ว่ากูงี่เง่าและการที่กูพูดออกไปแบบนั้นแม่งไม่ใช่เรื่องดีเลย แต่กูไม่ชอบอะไอ้เซย์ กูหึงฉิบหายเลย หงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล สัดเอ้ย!” ไอ้บุ๊คหันไปเตะถังขยะแถวๆ นั้นแรงๆ

“ใจเย็น เชื่อใจกูดิ” ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของมันเอาไว้ “น้องมันแค่แกล้งเล่น ไม่มีอะไรทั้งนั้นนะ เชื่อกู” ผมจับคางไอ้บุ๊คให้หันมาทางผม

“จูบกูดิแล้วจะหาย”

“หึ อยากจูบก็บอกดีๆ ก็ได้” เท่านี้แหละครับผมก็จัดการจูบมันข้างๆ ถังขยะอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามันติดใจอะไรกับการจูบใกล้ๆ ถังขยะ แต่ที่แน่ๆ ผมก็ไม่ปฏิเสธมันเช่นกัน

“พี่เราสองคนเห็นแบบนี้ครั้งที่สองแล้ว”

“อืม เห็นตอนอยู่กับมึงด้วย ไล่ก็ไม่ยอมไปไอ้เหี้ยนี่”

“ก็ผมชอบพี่ไงพี่นน”

“เออรู้แต่กูไม่ชอบมึง บอกตามตรงว่าเมื่อคืนกูไปเอากับแยมมาโคตรสนุกกว่าเอามึงเลยไอ้อาร์ม”

“แล้วพี่แยมเขาเล่นกีตาร์ให้พี่ฟังไหมล่ะ ผมเล่นเป็นนะ”

“กูเคยขอให้มึงเล่นรึไงไอ้อาร์ม”

“คืนนี้มานอนห้องผมอีกไหมพี่?”

“คืนนี้กูไปนอนกับแยม”

“โอเคพี่ งั้นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

“เพื่ออะไรไอ้อาร์ม อย่าทำตัวดูถูกตัวเองหน่อยเลย มึงไม่ได้เหี้ยนะเอาจริง มึงอาจจะเจอคนที่เขาพร้อมสำหรับมึงมากกว่ากู”

“ไม่รู้ดิพี่ ผมไม่ชอบคนพร้อม ผมแค่ชอบคนที่ไม่พร้อมแบบพี่มั้ง”

“.......”

“พี่เหี้ยผมเหี้ยพี่ว่าเราสองคนเหมาะสมกันไหมอ่ะครับ??”


#แฮร่!!

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
 
บทที่ 22
เพื่อไอ้ต้าวเซย์

ไอ้เหี้ยเอ้ย! ใครว่ากีตาร์เล่นง่ายผมขอเถียงขาดใจเลยก็เพราะว่าตอนนี้ผมแอบมาซุ่มซ้อมไม่ให้ไอ้เซย์มันรู้ว่าผมจะขึ้นเล่นกับมัน ที่สำคัญก็คือว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของมันด้วย

“เฮียเล่นอยากฉิบหาย เอาจริงๆ ผมก็เล่นได้นะแต่ว่าจังหวะแม่งหน่วง” ตอนนี้ผมนั่งเล่นกีตาร์โดยมีพี่ชายอย่างเฮียบิ๊กนั่งอยู่ข้างๆ

“จับจังหวะให้ได้ดิไอ้ตี๋ส่วนนิ้วก็จับคอร์ดให้ตรงๆ” เฮียหันมาบอกผมก่อนจะกลับมาสนใจโทรศัพท์ต่อ ดูก็รู้ว่ากำลังส่องเฟซไอ้รวย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแต่เฮียก็ยังคงดูอยู่ทุกวัน ก็เข้าใจว่าคิดถึงแต่ก็แอบสมน้ำหน้าอยู่เล็กน้อย เสือกทำเหี้ยเองถึงจะเป็นน้องชายก็ไม่เข้าข้าง

“แบบนี้ไหมเฮีย”

“ตี๋ ตี๋ตั้งใจกว่าทำการ์ดให้แม่อีกนะ เฮียเชื่อแล้วว่าตี๋รักมันจริง” หลังจากเล่นจบเพลงเฮียบิ๊กที่นั่งอยู่ข้างๆ มองผมด้วยท่าทางพิจารณา “เอาจริงๆ วันเกิดเฮียตี๋ยังไม่เคยทำอะไรให้เฮียแบบนี้เลย น้อยใจว่ะ”

“เอาไว้เฮียคืนดีกับไอ้รวยแล้วให้มันเล่นให้นะ” ผมลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะแบกกีตาร์เข้าไปเก็บในห้อง โดยที่ไม่ได้ตอบโต้เสียงตะโกนด่าตามหลังมาติดๆ ก็ดันไปพูดกระแทกใจเฮียเขาเป็นน้องรักอย่างไงก็โดนด่าอยู่ดี

หมดเวลากวนเฮียแล้วผมไปหาแฟนของผมดีกว่าเดี๋ยวต้องไปรับมันที่สนามตอนนี้ก็น่าจะได้เวลาเลิกซ้อมแล้ว ส่วนยานพาหนะที่ผมเอาไปรับก็คือรถยนต์ของมันนั่นแหละ รถแฟนก็เหมือนรถเรา อย่าอิจฉาที่ผมมีแฟนรวยและหล่อแถมนิสัยดีอย่างมันนะ

ผมมาถึงสนามบอลในช่วงเกือบๆ สามทุ่ม ผมรอส่งข้อความไปบอกมันว่าผมรออยู่บนรถ ขี้เกียจไปนั่งรอที่ข้างสนามเหมือนแฟนนักบอลคนอื่น เดี๋ยวจะโดนหมั่นไส้เอาเห็นว่ามันแอบฮ็อตในหมู่เพื่อนของแฟนนักบอล แต่ตอนนี้ผมคงต้องบอกว่าเสียใจด้วยเพราะไอ้เซย์มันเป็นของผม

แกรก!

ไอ้เซย์เปิดประตูข้างๆ คนขับก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยๆ ส่วนผมเอื้อมไปที่เบาะด้านหลังก่อนจะหยิบน้ำและเกลือแร่ที่แวะซื้อโยนลงมาบนตักของไอ้เซย์

“ขอบคุณครับ”

“ไอ้เซย์กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าพูดครับไง กูขนลุกขนชันหมด” ผมเตรียมเข้าเกียร์ถอยหลังเพื่อขับรถออกจากที่จอดรถบริเวณข้างๆ สนามฟุตบอล

“อยากพูดเพราะๆ กับแฟน มันน่ารักดี”

“เอาไว้มีแฟนใหม่ก่อนนะมึงค่อยพูดเพราะ”

“ปากเสียนะมึง” ไอ้เซย์เอื้อมมือมาตบปากผมเบาๆ “ไอ้บุ๊ค..กูว่านะเราไปเที่ยวกันไหม? แบบต่างจังหวัดไรงี้กูกับมึงไม่เคยไปเที่ยวไหนด้วยกันเลย”

“มึงก็รู้ว่ากูขี้เกียจ”

“ทำเพื่อกูไม่ได้เลยเหรอ??” เอาอีกแล้ว มันเล่นบทอ้อนอีกแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าไอ้เหี้ยเวลามันอ้อนเป็นอย่างไง ผมจะบรรยายให้ฟัง ไอ้เซย์เอาแก้มของมันเข้ามาถูไถที่แขนของผมที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมแรงๆ และผลักออก

“เออๆ ไปจัดทริปมา” และผมก็แพ้ให้กับลูกอ้อนของมันจนได้ ใครบอกว่าผมโดนเอาแล้วจะสาวผมว่านะไอ้คนที่สาวกว่าผมน่าจะเป็นคนเอามากกว่า

“ไอ้เซย์แล้วที่มึงจะร้องเพลง มึงให้ใครเล่นดนตรีให้วะ” ผมลองแกล้งถามไอ้เซย์เกี่ยวกับสิ่งที่มันเคยขอผมไปเมื่อก่อนหน้า มันคงไม่รู้ว่าผมยอมลงทุนหัดเล่นเพื่อมันแค่ไหน ถ้ามันรู้คงต้องซึ้งใจผมแน่ๆ ก็คนอย่างไอ้บุ๊คไม่เคยทำอะไรให้ใครนอกจากตัวเอง

“เปิดซาวด์เอา ขี้เกียจไปหา ไม่งั้นก็ให้น้องๆ แบรนด์เล่นให้เอา” ไอ้เซย์ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจเพราะสายตาของมันตอนนี้จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มากกว่า ผมปล่อยให้มันเล่นไปส่วนผมเองก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนกระทั่งแวะกินข้าวก่อนถึงหอ

เมื่อถึงหอไอ้เซย์แยกออกไปแปลงานที่มันรับมาเป็นรายได้เสริม ส่วนผมที่ว่างก็หาอะไรเล่นอยู่บนเตียงมองมันนั่งแปลภาษาอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ

“พึ่งรู้ว่ามึงใส่แว่นตอนทำงานอ่านหนังสือ” ผมเท้าคางมองมันอยู่บนเตียง

“น้อยใจว่ะมึงพึ่งสังเกต” ไอ้เซย์หมุนเก้าอี้มามองหน้าผม

“ใจเย็นพวก ให้กูได้ปรับตัวก่อนเถอะนะ กูยอมมึงมากขนาดนี้ก็บุญของมึงนักหนา ขนาดพ่อแม่กูกูยังไม่เคยยอมขนาดนี้เลย” ไอ้เซย์ยิ้มหลังจากที่ผมพูดขึ้น

“กูดีใจ แต่อยากให้มึงรู้ไว้ว่ากูสังเกตมึงทุกอย่าง ไอ้บุ๊คมึงถนัดมือซ้ายไม่ว่าจะจับช้อนจับปากกาหรือตอนมึงชักว่าว นอกจากถนัดซ้ายแล้วมึงยังเป็นคนสกปรกชอบเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปซุกไว้ไม่เป็นที่ กางเกงในใส่ซ้ำหรือไม่ก็เอาของกูมาใส่ ทำอะไรไม่ค่อยเป็นขนาดอุ่นของยังอุ่นผิดประเภท....”

“เดี๋ยวๆ มึงพอก่อน” ผมยกมือขึ้นห้ามหลังจากที่ไอ้เซย์พูด เอาจริงๆ ตอนแรกมันก็สังเกตนะแต่ไปๆ มาๆ ผมว่าไอ้เหี้ยนี่มันจับผิดผมแล้วแหละ “กูแย่ขนาดนั้นเลย?”

“แต่กูชอบไง เสน่ห์ดี”

“งั้นกูสบายใจได้ว่ามึงชอบคนสกปรกกูจะได้ไม่ปรับตัวอะไร” ผมเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงายบนเตียงนุ่มๆ

“เปลี่ยนบ้างก็ได้นะไอ้บุ๊ค ถึงกูจะชอบก็เถอะ” ผมได้ยินเสียงไอ้เซย์หมุนเก้าอี้กลับไปทำงานต่อ

“มึงทำงานหนักจัง ถ้ามึงเป็นแฟนกูแล้วมึงไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้นะ” เอาจริงๆ ผมก็สงสารไอ้เซย์ มันชอบหาอะไรมาให้ตัวเองทำไม่หยุด มันไม่เคยพักอยู่กับห้องเฉยๆ ซึ่งผิดกับผมที่ชอบอยู่ห้องและไม่เคยหางานมาทำเลย วันๆ ก็ผลาญเงินป๊าม้าเฮียและมัน

“กูบอกตรงๆ ว่าไม่อยากไปนั่งขอทานถ้ารอให้มึงเลี้ยง” ถึงมันไม่หันหน้ากลับมาผมก็พอที่จะเดาสีหน้าของมันออกว่าหน้ามันตอนนี้ทำอย่างไรอยู่

“ไอ้เหี้ย ดูถูกกู”

“ไม่ได้ดูผิด” ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปด้านนอก ที่ออกไปไม่ใช่งอนอะไรมันนะเพราะผมไม่ได้งี่เง่า แต่ที่ออกมาก็ออกมาหาอะไรให้มันกินนี่แหละ ก่อนที่จะกลับหอผมแวะกินข้าวเท่าที่สังเกตมันไม่ค่อยเจริญอาหารเหมือนเมื่อก่อนแสดงว่ามันมีเรื่องให้เครียดหรือไม่ก็ปัญหาที่มันไม่บอกผม ถึงผมจะเป็นคนไม่ดีแต่ในเมื่อผมมีแฟนอย่างน้อยผมก็เป็นแฟนที่ดีให้มันได้เหมือนกัน

ผมออกมาทำอาหารที่คิดว่ามันน่าจะชอบเพราะผมเห็นมันสั่งเมนูนี้ทีไรมันกินหมดทุกที ไอ้เซย์มันกินได้ทุกอย่างไม่ได้เรื่องมากเหมือนผม แต่มันจะเจริญอาหารเป็นพิเศษก็คือหมูสามชั้นทอดกับผัดผักรวม

ผมเปิดตู้เย็นเพื่อสำรวจดูว่ามีอะไรบ้าง แน่นอนว่าสามชั้นน่าจะไม่มีแต่ที่มีแน่ๆ ก็คือผัก เป็นผักสลัดออแกนนิคส้นตีนอะไรไม่รู้ที่มันสั่งมากินเป็นอาทิตย์ ผมเลยจะเอามาดัดแปลงทำเป็นผัดผักส่วนหมูสามชั้นผมใช้อกไก่ทอดแทน ส่วนเครื่องปรุงพื้นฐานมันซื้อมาติดห้องไว้

ขั้นตอนแรกผมลงมือเอาอกไก่ที่สุกแล้วมาหมักซอสใส่น้ำปลาใส่กระเทียมใส่น้ำตาลใส่รสดี ใส่แม่งหมดทุกอย่าง เพราะผมเคยได้ยินม๊าบอกว่าถ้าไม่แน่ใจให้ใส่ไปให้หมดอย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ถ้าผมไม่มั่นใจผมโทรหาม๊าดีกว่า เวลานี้น่าจะไม่นอน ไม่ดูละครก็ชวนป๊าเล่นไพ่

“ม๊าครับ สอนตี๋ทำไก่ทอดหน่อยดิมันต้องหมักอะไร” ผมวิดีโอคอลหาม๊าก่อนจะตั้งโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆ

(ตี๋ทำให้เฮียเหรอ? แต่ห้องเราไม่ใช่แบบนี้นิ) ม๊าที่สวมชุดนอนมาร์คหน้าด้วยอะไรสักอย่างสีเหลืองๆ ขมวดคิ้วเพ่งมาที่หน้าจอโรศัพท์

“ห้องแฟนตี๋ คนที่ตี๋เคยบอกม๊าอะครับ” ผมชูอกไก่ขึ้นมาให้ม๊าดูผ่านหน้าจอ “ตี๋หมักทุกอย่างตามที่ม๊าเคยบอก ตี๋ใส่แม่งหมดเลยม๊าเพราะตี๋จำได้ว่าม๊าเคยบอกว่าถ้าใส่เครื่องปรุงเยอะๆ มันจะอร่อย”

(แต่ตี๋คงจะลืมว่าม๊าลื้อทำอาหารห่วยแตกมาก) เสียงของป๊าแทรกเข้ามา

(เฮีย! นั่นมันเมื่อก่อนตอนนี้อร่อยแล้ว) ม๊าหันกลับไปว่าป๊าก่อนจะหันกลับมาสนใจผมต่อ (งั้นไก่ก็พอแล้วหมักไว้สักแปบก็ทอดเลยลูก)

“ม๊าครับแล้วผัดผักทำอย่างไง”

(เอากระทะมาตั้งน้ำมันไม่ต้องใส่เยอะมากใส่กระเทียมผัดให้หอมๆ นะตี๋ พอมันสุกก็ใส่ผักปรุงรสตามใจชอบเลย) ผมพยักหน้าตามที่ม๊าบอก

“งั้นแค่นี้ก็ได้ม๊า ตี๋ว่าตี๋ทำได้ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวตี๋โทรหานะ”

(จ้าลูก บ้ายยย) ม๊ากดวางสายไปทำให้ตอนนี้ผมหันมาสนใจของตรงหน้าที่เอาออกมาเตรียม อีกขั้นตอนก็น่าจะเป็นการปรุง

ม๊าบอกว่าอะไรวะลืม งั้นใส่ๆ ลงไปน่าจะเหมือนกันไม่ต้องใส่ก่อนใส่หลังให้ยุ่งยากหรอกมั้ง ตอนนี้ผมตั้งกระทะทอดไก่ที่หมักไว้ ไม่ต้องทอดนานเพราะไก่สุกแล้วเดี๋ยวมันแข็ง ส่วนผัดผักผมใส่ทุกอย่างรวมกันในกระทะและปรุงรสตามใจที่ผมคิดว่ามันน่าจะออกมาดี เอาจริงๆ ถ้ามันห่วยผมก็ไม่ว่าอะไรมันนะถ้ามันอ้วกออกมาเพราะทุกขั้นตอนผมไม่ได้ชิมอะไรเลย ใช้ใจกะล้วนๆ

หลังจากที่ผมทำอยู่นานอาหารก็ออกมาหน้าตาน่าเกลียดและงี่เง่าสิ้นดี

“กูกำลังทำอะไรอยู่วะ” ผมยืนงงให้กับกองผักเปื่อยๆ กับไก่สีด่างๆ เอาจริงๆ ทั้งจานมีแค่จานเซลามิกที่ดูดีนอกนั้นดูเหี้ยมาก แต่เอาเถอะผมทำแล้วมันไม่น่าจะเสียหายอะไรเพราะผมไม่ได้กิน

ผมเตรียมโต๊ะและล้างอุปกรณ์ก่อนจะเดินไปตามไอ้เซย์ให้มันออกมากินเพราะไอ้คุณชายท่านไม่ค่อยโปรดที่จะทานอาหารในห้องนอนสักเท่าไหร่

“ไอ้เซย์มึงออกมานี่ดิ มีไรจะให้กิน”

“ห้ะ?” ไอ้เซย์หันมาเลิกคิ้วมองผมที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง

“เออหนา ออกมา” ไอ้เซย์ถอดแว่นออกก่อนจะยอมเดินออกมาตามที่ผมบอก

“กลิ่นไรวะ” จมูกดีเหลือเกินพ่อคุณ นี่ขนาดเก็บของล้างหมดแล้วแม่งยังเสือกจมูกดีได้กลิ่น

“กูทำให้เห็นมึง เห็นว่าวันนี้มึงแดกข้าวได้นิดเดียวเอง” ผมยืนเก้ๆ กังอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่อไอ้เซย์ยืนมองหน้าผมด้วยสายตาซาบซึ้งเกินความจำเป็น ถ้าอีกนิดผมจะให้มันไปเคสละครกับเฮียบิ๊กเลยแสดงเก่งฉิบหาย สุดยอดของความปลอม

หมับ!

“ขอบคุณนะครับ” ไอ้เซย์คว้าตัวผมเข้ามากอดเอาไว้พร้อมกับซุกหน้าของมันลงบนไหล่ของผม

“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจเล่าให้กูฟังก็ได้ ถึงจะไม่ช่วยอย่างน้อยก็มีคนคอยรับฟังมึง” ผมดันตัวมันนั่งลงบนเก้าอี้ ตรงหน้าของมันมีกองขยะเปียกที่ผมทำวางอยู่บนจาน ส่วนตอนนี้ผมเดินไปหาถุงมาเตรียมเอาไว้ให้มันคาย อย่างน้อยรสชาติไม่ได้ก็นำเสนอความตั้งใจของผมก็แล้วกัน

“น่ารักฉิบหาย แล้วนั่นถุงอะไร” ไอ้เซย์ใช้สายตาถามผมขณะที่นั่งลงตรงข้ามมัน

“เดี๋ยวมึงอ้วกไง กูไม่มั่นใจรสชาติบอกตรงๆ”

“มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

“แดกก่อนค่อยพูด” ไอ้เซย์จับช้อนส้อมขึ้นมาตักผัดผักกินด้วยสีหน้าปรกติไม่บ่งบอกถึงรสชาติก่อนที่มันจะทำท่าส่ายหัวไปมาเหมือนว่ามีความสุขกับอาหารตรงหน้า

“ไม่แย่มึง”

“เอาตรงๆ อย่าแหล”

“ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้อร่อยเหมือนกัน กินได้ไม่คายทิ้ง เดี๋ยวกูชิมไก่ก่อน” ไอ้เซย์จิ้มไก่เข้าปากซึ่งสีหน้าท่าทางก็เหมือนตอนที่มันกินผัดผัก

“กูไม่เชื่อ” ผมแย่งส้อมจากมือไอ้เซย์ก่อนจะตักไก่ขึ้นมาชิม....รสชาติก็เหมือนอย่างไอ้เซย์บอก ไม่อร่อยแต่ก็ไม่แย่คือถ้าไม่มีอะไรกินก็สามารถกินได้ แต่ถ้ามีอะไรกินแนะนำกินอย่างอื่นน่าจะดีกว่า “งั้นถุงกูก็ไม่ต้องใช้แล้วดิ?” ผมชูถุงที่เตรียมขึ้นมา

“ไม่ต้องๆ กูกินได้ ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”

“ไม่ให้ห่วงมึงจะให้ห่วงหมาที่ไหนวะ ถามตรงๆ มีเรื่องอะไร?” คราวนี้ไอ้เซย์มองหน้าผมตรงๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเป็นคำตอบ

“เอาจริงๆ กูไม่อยากให้มึงเครียดนะไอ้บุ๊ค”

“ก็พูดมาจะชักช้าเพื่อ”

“ใจร้อนจัง”

“ถ้าไม่พูดก็ต่อยปากมึงแตก” ไอ้เซย์ยิ้มแห้งๆ ออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมาและเริ่มปริปากพูดถึงเรื่องที่ผมถามมัน

“คืองี้นะคุณยายกูเขาอยากให้กูหมั้นกับหลานเพื่อนสนิท แต่กูบอกว่ากูมีแฟนแล้วคือมึง ซึ่งยายกูค่อนข้างไม่โอเคและที่สำคัญ...เขาอยากเจอมึง”

“เจอกู?? ถามจริงยุคไหนวะที่จะจับหลานเพื่อนมาหมั้นยายมึงโบราณสัดอะ”

“โมโหป่ะเนี่ย”

“ไม่มั้งไอ้ควาย ทีหลังก่อนมายุ่งกับกูควรบอกด้วยว่ามึงมีคู่หมั้นไอ้ฉิบหาย ละทำไงทีนี้กูเสือกรักมึงไปแล้วด้วย จะให้กูเลิกรักตอนนี้ไม่ทันหรอกนะ” ถ้าไม่แย่เกินไปผมอยากไปหายายไอ้เซย์แล้วจับท่านเขย่าแรงๆ บังอาจที่มันขัดขวางความรักของผม “คงเหมือนในละครให้กูไปพิสูจน์รัก? ตลก!”

“อืม..ตลกมากมึง คือยายกูต้องการแบบนั้น ปิดเทอมที่จะถึงยายกูให้มึงไปอยู่กับเขาพร้อมกู โดยที่ยื่นข้อเสนอว่าถ้ามึงทำตัวดีตลอดที่อยู่กับยาย เขาจะไม่บังคับกู ซึ่งมันเป็นทางที่ดีที่สุดเพราะกูไม่อยากเลิกกับมึงไอ้บุ๊ค ขอโทษที่ไม่ได้บอก” ไอ้เซย์เลื่อนมือมาจับที่มือของผมเบาๆ

“ถ้าเป็นก่อนหน้ากูคงบอกว่ากูอยากเลิกนะ แต่ตอนนี้กูกลับลำไม่ทันว่ะ” ผมมองหน้าไอ้เซย์ตรงๆ ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผมชั่งระหว่างความรักกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่าอะไรมันมีน้ำหนักมากกว่ากัน ซึ่งผมรู้คำตอบที่ชัดเจนว่าความรักของผมมีให้มันมาก แต่ไม่รู้ว่ามากพอที่จะผ่านด่านนี้ไปหรือเปล่า ยิ่งคบชีวิตผมก็ยิ่งเหมือนละครหลังข่าวเลยว่ะ

“มึงเข้าใจกูไหมไอ้บุ๊ค?”

“เออๆ พอจะเข้าใจ”

“รู้ไหมถ้าเป็นมึงก่อนหน้ามึงคงไม่ยอมหรอก แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงรักกูจริงๆ พูดคำว่ารักบ่อยๆ ไม่เบื่อหรอกเนอะมึง แมนๆ บอกรักกัน”

“ไม่เบื่อ ถ้าการกระทำของมึงยังสื่อว่ารักกูอยู่”

“ไม่เคยไม่รักเลยครับ” เท่านั้นแหละผมก็ไปไหนไม่รอดแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะไม่ยอมทิ้งไอ้เหี้ยนี่ไปไหน คนอ่านแม่งสปอยมันว่าแสนดีเหลือเกิน ถ้าผมปล่อยมันไปไอ้เซย์เสร็จทุกคนแน่คนที่จะรอเสียบผมอยู่โคตรเยอะ แต่ต้องขออภัยตรงนี้ว่าผม....

“ไม่ให้!”

“มึงพูดกับใคร?” ไอ้เซย์หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ห้องเมื่ออยู่ๆ ผมตะโกนออกมา

“พูดกับแม่ยกมึง กูไม่ให้มึงกับใครทั้งนั้น”

“โถ่ กูไม่ไปไหนหรอก”

“ไอ้เซย์ฟังกูนะ..มึงทำเพื่อกูมาเยอะแล้วแค่นี้กูว่ากูทำให้มึงได้”

“ยายกูแรงนะ แรงมากๆ”

“กูว่ากูก็แรงนะ”

“ถ้าไม่ไหวอย่างไงก็บอก กูไม่ปล่อยให้มึงเจอปัญหาคนเดียวเด็ดขาดไอ้บุ๊ค ได้มึงแล้วกูต้องดูแลให้ถึงที่สุด”

“แล้วที่กูจะบอกอีกอย่างก็คือ...พรุ่งนี้ยายกูนัดมึงกินข้าวที่บ้านแม่ ยายกูจะมาจากต่างจังหวัด มึงต้องไปนะ”

“กูมีทางเลือกเหรอ?”

“ไม่มีถ้ามึงเลือกกู” จบ! แยกย้าย แล้วพบกับความหรรษาได้เลย ผมไม่รับประกันนะว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไง แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว คราวนี้แหละยายมันต้องเจอคนอย่างผมจะได้รู้ว่า หลานเขยหรือหลานสะใภ้วะ ชั่งแม่ง จะหลานอะไรก็แล้วแต่ไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน

“จูบเติมพลังกูหน่อย” ผมยื่นหน้าไปหาไอ้เซย์ที่ตอนนี้มันจัดการเก็บจานไปล้าง

“มือกูเปื้อนฟอง”

“กูจูบเอง..อื้ม” ผมยื่นหน้าเข้าไปประกบจูบไอ้เซย์ทั้งๆ ที่ในมือของมันยังมีจานที่ล้างคาเอาไว้ แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่ผมสนใจคือจูบตรงหน้า ผมใช้จังหวะที่ไอ้เซย์ไม่สามารถขัดขืนหรือควบคุมอะไรได้แทรกลิ้นเข้าไปด้านในเพื่อลิ้มรสของฝ่ายลุกล้ำบ้าง ลิ้นร้อนของไอ้เซย์เกี่ยวพันอย่างไม่ถนัดมันยิ่งทำให้ผมได้ใจตวัดขึ้นลง

“ไอ้บุ๊ค..เจ็บ” ผมเผลอกัดลิ้นมันเล็กน้อยเพราะเสียจังหวะ

“จะเบานะ” เท่านั้นแหละ

เคร้ง!

“กูไม่ไหวแล้วไอ้บุ๊ค!” จานที่อยู่ในมือของไอ้เซย์หลุดร่วงลงพื้นก่อนที่มันจะใช้มือที่วางกระชากตัวผมเข้าไปหาพร้อมกับบดเข้ามาชิดตัวผมมากขึ้นมากกว่าเดิม “คืนนี้ตามใจกูนะ”

“ครับ”



ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 23
สวัสดีครับคุณยาย

Say’ s talk

“ไอ้บุ๊คมันจะดีเหรอวะ” ตอนนี้ผมมองสภาพที่ไอ้บุ๊คมันเดินออกมาหลังจากหายเข้าไปแต่งตัวทำผมเตรียมไปกินข้าวเย็นกับคุณยาย ที่ผมถามย้ำมันก็เพราะว่าไอ้บุ๊คมันดันทะลึ่งแต่งตัวกวนส้นตีนโดยการใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับในกางเกงสเลคขายาวบานๆ รัดเข็มขัดเหมือนกำนัน ส่วนทรงผมมันใช้เยลจัดทรงเรียบแป้กับศีรษะ และอีกอย่างคือมันดันเอาแว่นสายตาของผมมาใส่

“เรียบร้อยยัง?”

“โคตรกวนตีนจะบอก” ไอ้บุ๊คเดินมานั่งข้างๆ ผมพร้อมกับใช้โทรศัพท์ส่องหน้าของมัน

“หล่อเหี้ยๆ จะบอก” ไอ้บุ๊คล้อเลียนคำพูดของผม ก่อนที่มันจะเดินไปค้นหารองเท้าที่ตู้เก็บ ไอ้บุ๊คหยิบรองเท้าหนังคู่แพงของผมพร้อมกับขัดกีวีอยู่ที่พื้นด้วยความตั้งใจ

“มันจะเกินไปแล้วมึง ยายกูเห็นมึงโดนด่าแน่ๆ” ผมเตรียมของอยู่สักพักก่อนจะโทรไปหาคุณยาย คุณยายให้ผมไปรับที่บ้านพร้อมกับคุณแม่และอะตอม

“ทำอะไรของมึง” ขณะที่ผมกำลังใส่เกียร์ขับรถออกไป ไอ้บุ๊คต่อบลูทูธก่อนจะเปิดเพลงคาสสิกสมัยคุณยายของผม

“กูทำการบ้านมาดี รับรองยายมึงปลื้มกูแน่ๆ” ท่าทางมั่นอกมั่นใจของมันเล่นทำเอาผมเป็นกังวล คือคุณยายผมไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอกนะครับ แต่ท่านค่อนข้างเอาแต่ใจถ้าอะไรที่ท่านมองว่าขัดใจท่าน ส่วนผมในฐานะที่เป็นหลานผมมองออกเลยว่าท่าทางของไอ้บุ๊คตอนนี้โคตรจะขัดใจเลย

“เอาอะไรมามั่นใจ”

“กูไง มั่นใจสุดขีดอะ” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ เดี๋ยวมันจะได้รู้ว่านรกมีจริง

ผมขับรถมาไม่นานก็ถึงบ้าน ไอ้บุ๊คมีความมั่นใจเดินนำผมอย่างไม่มีท่าเกรงกลัว ตามจริงมันก็มาบ้านผมหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนก็ตรงที่....

“เซย์หลานมาแล้วเหรอ?” ยังไม่ทันที่ผมจะรั้งตัวไอ้บุ๊คไว้ คุณยายเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางน่าจะวัยเดียวกับผมยืนอยู่ข้างๆ “นี่หนูมณีที่ยายเคยเล่าให้ฟัง” สีหน้าของไอ้บุ๊คตอนนี้คือเอ๋อเลยครับเมื่อคุณยายเมินมันที่ยืนอยู่ตรงหน้ามองมาที่ผม

“สวัสดีครับคุณยายผมบุ๊คนะครับ” ไอ้บุ๊คไหว้คุณยายด้วยมารยาทที่เปี่ยมล้น

“เพื่อนหลานเหรอ?” คุณยายมองไอ้บุ๊คตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะมองมาที่ผมเหมือนต้องการคำตอบ เอาจริงๆ ผมว่าคุณยายรู้แต่ท่านแค่อยากจะแกล้งเมินไอ้บุ๊คเท่านั้น อีกอย่างถ้าให้ผมเดาคุณยายอยากที่จะให้ผมแนะนำไอ้บุ๊คเป็นเพื่อนมากกว่าอย่างอื่นที่ท่านไม่อยากได้ยิน แต่แล้วไอ้บุ๊คกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ผมบุ๊ค แฟนเซย์ครับ” ไม่มองหน้าคุณยายก็พอจะรู้ว่าตอนนี้คุณยายน่าจะตึงน่าดู ผมเลยรีบเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างคุณยายกับไอ้บุ๊ค “คุณยายไม่ต้องมองผมขนาดนี้ก็ได้ ผมเขิน”

“ใครยายเธอ?”

“งั้นให้ผมเรียกว่าคุณหญิงใหญ่เหรอครับ??”

“หนิ!”

“พอๆ เลยไอ้บุ๊ค สวัสดีครับคุณยาย สวัสดีครับมณี” ผมยกมือขึ้นไหว้คุณยายพร้อมกับตรงไปประคอง ส่วนคุณยายยังคงมองหน้าไอ้บุ๊คอย่างเอาเรื่อง

“หลานไปตามแม่กับอะตอมมา ยายจะรอ ส่วนมณีลูกไปกับเป็นเพื่อนเซย์หน่อย” เอาจริงๆ ผมไม่อยากปล่อยไอ้บุ๊คไว้กับคุณยายสองคนเลย ไม่ใช่ว่ากลัวว่าคุณยายจะว่าอะไรมันนะแต่กลัวคุณยายอารมณ์ขึ้นเพราะมันมากกว่า ผมพามณีเข้ามาตามคุณแม่และในใจภาวนาขอให้ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น


Book’ s talk

คุณยายไอ้เซย์นี่แสบใช่เลย มาถึงแม่งมองผมตั้งหัวจรดส้นตีน เอ้ย! ส้นเท้า แถมยังเอาผู้หญิงหน้าตาจืดๆ อย่างมณีมาเป็นไม้กันหมา เอาตรงๆ นะชื่อเธอโคตรจะโบราณเลย ผมนินทาผู้หญิงนี่คงไม่ผิดหรอกเนอะ ถึงจะผิดแล้วไงคนอย่างไอ้บุ๊คจะแคร์งั้นเหรอ?? เหอะ! ไม่ใช่เด็กแคร์กูจะแคร์ทำไมละครับ

“กลับไปเถอะ” อยู่ๆ คุณหญิงใหญ่ก็กอดอกเชิดหน้าขึ้นพูดลอยๆ

“พูดกับผมป่าวครับคุณหญิงใหญ่??” ด้วยความไม่แน่ใจ เอาจริงๆ ก็กวนส้นตีนนั่นแหละ ทำให้คุณหญิงปรายสายตามามองผม

“ฉันอยู่กับเธอก็ต้องพูดกับเธอซิ เรื่องแค่นี้ไม่น่ายาก”

“ผมถามตรงๆ นะครับ คุณหญิงจะมาบังคับเซย์มันทำไม ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคบกับผมอยู่ จะมองว่าผมก้าวร้าวก็ได้นะแต่ผมไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่คุณหญิงกำลังทำหรอกครับ” คุณหญิงเค้นยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหรูออกพร้อมกับยื่นกระดาษสีขาวให้ผม

“ซองผ้าป่าเหรอครับ? ผมกำลังอยากที่จะทำบุญอยู่พอดีเลย” ผมยื่นมือออกไปรับแต่คุณหญิงกระชากกลับเอาไปก่อน

“ไม่โง่ซิจ๊ะ นี่เช็กฉันให้แล้วเลิกยุ่งกับหลานของฉัน”

“เท่าไหร่ครับคุณหญิงใหญ่ ไม่เยอะผมไม่ไปนะ” ผมแกล้งแหย่เล่น แต่ดูเหมือนคุณหญิงใหญ่จะไม่เล่นกับผม จังหวะที่ผมกำลังต่อปากต่อคำ ไอ้เซย์กับครอบครัวก็เดินออกมา ผมยกมือขึ้นไหว้คุณแม่ของไอ้เซย์ที่ยิ้มแห้งๆ ให้ผม ส่วนอะตอมแลบลิ้นปลิ้นตาให้ตามสไตล์

“หว่า..น่าเสียดายรถไปได้แค่ห้าคน คนนอกไปเองนะ” คุณหญิงใหญ่พูดขึ้นหลังจากที่ท่านเดินมาที่รถของไอ้เซย์

“คุณแม่คะคือว่ารถใหญ่กว่านี้..”

“หยุดเลย ฉันจะไปรถหลานของฉัน” คุณหญิงใหญ่หันไปชี้หน้าแม่ของไอ้เซย์ ส่วนไอ้เซย์มองมาที่ผมด้วยสายตารู้สึกผิด แต่ด้วยความที่ผมเป็นพระเอกทำให้ชิงพูดออกไปก่อน

“งั้นผมไปเองก็ได้ครับ คงจะไม่รบกวนเพราะรถของเซย์ผมนั่งมาค่อนข้างบ่อยแล้ว” ผมฉีกยิ้มหวานๆ ไปให้คุณหญิงใหญ่

“เด็กอวดดี”

“ขอบคุณที่ชมครับ” จริงๆ แล้วบริเวณนี้มีทั้งหมดหกคนแต่...บทสนทนาเบื้องต้นมีแค่ผมกับคุณหญิงใหญ่เท่านั้น และแม่มณีอะไรนั่นก็ยืนเป็นใบ้ทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ออกมาเต็มที่

“อะตอมไปเป็นเพื่อนครูบุ๊คได้นะคะคุณยาย” อะตอมเดินมาจับมือผมเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะจับเต็มไม้เต็มมือคุณหญิงใหญ่กลับดึงตัวอะตอมออกจากผม

“เราเป็นผู้หญิงนะอะตอม”

“ผู้หญิงเจ็ดขวบ ผมไม่ทำอะไรหรอกครับ แต่อะตอมไปกับพี่เซย์นะครับ คอยดูพี่เซย์ให้ครูบุ๊คด้วย แล้วเจอกันนะครับ” ผมเดินหันหลังกลับออกจากบ้านหลังใหญ่ของไอ้เซย์ ออกมายืนรอแท็กซี่อยู่หน้าบ้าน เป็นจังหวะที่รถของไอ้เซย์ขับออกมาพอดี ผมมองเข้าไปด้านในกระจกเห็นว่าที่นั่งข้างๆ คนขับเป็นแม่มณีที่นั่งอยู่คู่กับไอ้เซย์

“สยามเอาเด็กนี่ออกจากบ้านลูกสาวฉันด้วยนะ เกะกะ” คุณหญิงใหญ่เปิดกระจกรถออกมาส่งพี่ยามที่ยืนอยู่หน้าบ้าน พี่ยามที่ชื่อสยามพยักหน้ารับก่อนที่จะรถของไอ้เซย์จะขับออกไป

“พี่ไม่ไล่ผมเหรอ??” ผมถามพี่ยามที่กลับไปนั่งที่เดิมหลังจากที่รถของไอ้เซย์ขับออกไปไกลจากบ้าน

“ไม่หรอก พี่เข้าใจว่าอุปสรรคความรักมันเป็นอย่างไร น้องสู้ๆ นะพี่เป็นกำลังใจให้” พี่ยามชูสองนิ้วให้ผม “น้องพี่จะบอกว่าแท็กซี่มันไม่เข้ามาในซอยหรอก ถ้าจะเอารถพี่ติดต่อให้เอาไหม??”

“ได้ครับพี่ ขอบคุณครับ”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ผมลงจากพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่พึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นลูกชายของพี่ยาม นี่มันธุรกิจครอบครัวชัดๆ ผมยื่นเงินให้พี่วินก่อนจะหาห้องน้ำแถวๆ นั้นเพื่อจัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อย

‘คุณยายกูอยากกินอาหารที่บ้าน...ตอนนี้กูอยู่บ้าน มึงอยู่ไหนไอ้บุ๊ค?’

‘ตอบกูด้วย’

‘มึงกลับหอไปก่อนก็ได้นะ’

ผมมองข้อความของไอ้เซย์ที่ส่งมาเมื่อหลายนาทีที่แล้ว คือคุณหญิงใหญ่เป็นเหี้ยอะไรมากป่ะครับ ขอโทษนะ แต่ผมแม่งโมโหจัดเลยอะตอนนี้ คือตอนแรกบอกจะมากินร้านที่ผมมาถึงแต่กลับเปลี่ยนใจไปกินอาหารที่บ้าน ทั้งๆ ที่ผมพึ่งมา คือคุณหญิงใหญ่แม่งปั่นผมจัดเลยอะ ไอ้ผมเดิมทีความอดทนก็ไม่ได้สูงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับเรื่องประสาทแดกแบบนี้ผมแม่งขึ้นง่ายมากกว่าเดิมอีก

“เอาไงวะกู” ผมก็อยากจะกลับหอตามที่ไอ้เซย์บอกนะ แต่ด้วยความที่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอผมอยู่ ทำให้ต้องถ่อสังขารกลับไปบ้านของไอ้เซย์อีกครั้ง

‘ไอ้บุ๊คยายกูบอกให้มากินที่ร้าน XXX ว่ะ ขอโทษนะมึง’

ผมก้มมองข้อความหลังจากที่มาถึงบ้านของไอ้เซย์อีกครั้ง ผมถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเรียกวินขับออกไปอีกรอบเพื่อไปร้านที่ไอ้เซย์บอก เมื่อผมถึงร้านผมกลับได้รับข้อความจากไอ้เซย์อีกครั้ง

‘ยายกลับมาบ้านเพราะร้านปิด...ไอ้บุ๊คกลับหอก่อนก็ได้นะมึง’

ครั้งนี้ผมว่าผมจะไม่ทนความอดทนของผมมันมีขีดจำกัด ถ้าผมกลับหอแสดงว่าผมยอมแพ้ง่ายๆ เรื่องแค่นี้คนอย่างไอ้บุ๊คทนได้..มั้ง

ผมกลับมาบ้านของไอ้เซย์อีกครั้งก่อนจะตรงเข้ามาที่ห้องอาหารที่ตอนนี้ทุกคนนั่งรับประทานกันอย่างมีความสุข ซึ่งต่างจากผมที่เดินเข้ามาด้วยสภาพที่ค่อนข้างเหี้ย

“ใครเชิญ?” คุณหญิงใหญ่มองมาที่ผมอีกครั้ง ไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าที่โคตรจะสะใจกับการที่ปั่นหัวคนอย่างผมได้ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะไม่ยอมปล่อยให้คุณหญิงใหญ่เล่นงานผมเด็กแบบนี้อยู่ฝ่ายเดียว ถึงการตัดสินใจพูดตรงๆ ครั้งนี้จะทำให้ผมกลายไปเป็นเด็กไม่มีมารยาทก็ตาม

“ผมรู้นะว่าคุณหญิงไม่ชอบผม แต่การที่คุณหญิงแกล้งปั่นหัวผมแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์หรอกมั้งครับ ถ้าจะพิสูจน์มันก็มีวิธีอื่นที่น่าจะดีกว่านี้ ผมยอมรับเลยว่าโมโหมากๆ เลย แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะคนที่ผมรักดันเป็นหลานของคุณหญิง” เชื่อไหมครับว่าทั้งโต๊ะอาหารมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ส่วนไอ้เซย์มันทะลึ่งยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งมันไม่ดูอารมณ์ผมตอนนี้เลยว่าอยากให้มันซาบซึ้งไหม

“เอาหละไว้ค่อยมาคุยกันอีกทีตอนที่เธอไปอยู่กับฉันที่ต่างจังหวัด ถ้าเธอผ่านฉันจะยอมรับ ส่วนตอนนี้หลานไปส่งเพื่อนหลานก่อน ยายไม่อยากความดันขึ้นตอนนี้” ผมยกมือไหว้ลาทุกก่อนจะออกมารอไอ้เซย์หน้าบ้าน แม้ว่าอยากจะอยู่ให้คุณหญิงความดันขึ้นมากกว่าเดิมก็ตาม

เอาจริงๆ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมควรรู้สึกอย่างไรดี มันสับสนไปหมดว่าจริงๆ แล้วคนคนหนึ่งจะปั่นได้มากขนาดนี้ ยายไอ้เซย์ร้ายกว่าที่ผมคิดไว้ และการที่ผมไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อพิสูจน์รักแท้เป็นอะไรที่โคตรจะละครดูก็รู้ว่าแม่งหาเรื่องแกล้งผมแน่ๆ แต่ผมก็เต็มใจไปให้แกล้งเพราะเหตุผลเดียวที่มี คือผมรักมัน

“ไอ้บุ๊คโอเคไหม?” ไอ้เซย์วิ่งตามผมออกมา

“ตอนแรกก็โออยู่หรอก พอปั่นเท่านั้นแหละเกือบขึ้น”

“ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก” ไอ้เซย์ยื่นมือของมันมาจับมือผมเอาไว้ “อดทนอีกนิดได้ไหม?”

“ขนาดนี้แล้วกูคงตอบไม่หรอกมั้งไอ้เหี้ย”

“ไอ้บุ๊ค...กูอยากกอดมึงว่ะ” ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยแม้ว่าตอนนี้หน้าของผมจะเหนื่อยมากก็ตาม ผมขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนจะอ้าแขนออก

“มาดิ ให้กอด” ไอ้เซย์โผล่เข้ากอดผมเต็มๆ โดยที่มันไม่ได้สนใจว่าตอนนี้มันจะกอดผมอยู่หน้าบ้านของมัน การกระทำของมันแค่นี้มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ผมกลับคิดว่าไอ้เซย์มันทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรมันก็จะอยู่เคียงข้างผมแบบนี้

“ถ้ากูถูกตัดออกจากกองมรดกเลี้ยงกูด้วยนะ” ไอ้เซย์กระซิบที่ข้างๆ หูผมเบาๆ

“ไม่ปล่อยให้มึงอดอยากหรอก” ผมลูบหลังมันเบาๆ ก่อนจะผลักกันออก เพราะถ้ากอดนานกว่านี้เดี๋ยวคนในบ้านจะอกแตกไปซะก่อน

ระหว่างทางกลับหอไอ้เซย์ก็เอาแต่พูดขอโทษอยู่ซ้ำไปซ้ำมาแม้ว่าผมจะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน ผมแยกแยะออกว่าผมควรจะไม่พอใจใคร แต่ความที่เป็นผมยิ่งมันพูดมากผมก็ยิ่งรำคาญ

“กูบอกว่าไม่โกรธไงจะพูดทำเหี้ยไรอีก” คราวนี้ผมหันไปด่าไอ้เซย์อีกครั้ง “จะโกรธก็ตอนที่มึงย้ำไปย้ำมา”

“ก็รู้ แต่มันแค่รู้สึกผิดไงมึง แบบรู้ว่ามึงอดทนมากแค่ไหน”

“งั้นยังไม่กลับหอ มึงพากูไปที่สวนข้างๆ ก่อน”

“เอาจริง?” ผมพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะเอียงศีรษะพิงกระจกเพื่อคิดอะไรบางอย่าง วันนี้ที่ผมโดนมันไม่ได้หนักมากอะไรเลยเพียงแค่ทำให้ผมโมโหก็เท่านั้น ถ้าผมอดทนอีกสักนิดและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็อาจจะดีกว่านี้ ผมว่าผมควรหัดมีความคิดและความอดทนให้เหมือนผู้ใหญ่บ้าง นิสัยบางอย่างที่มันเด็กผมว่าผมต้องสลัดมันออกบ้าง เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นนิสัยเหล่านี้มันจะกลับย้อนมาทำร้ายตัวของผมเอง

ผมเดินมานั่งที่สนามหญ้าบริเวณสวนสาธารณะในเวลาค่ำที่ยังมีคนวิ่งอยู่บ้าง โดยมีไอ้เซย์นั่งอยู่ข้างๆ ผมกับมันเราสองคนไม่มีใครพูดออกมาเหมือนต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเองจนกระทั่ง มือหนาของไอ้เซย์จับเข้ามาที่ศีรษะของผมพร้อมกับดันให้มาซบที่ไหล่ของมัน

“ไอ้บุ๊คเห็นดวงจันทร์นั่นไหม?” ผมมองไปตามที่นิ้วของไอ้เซย์ชี้อยู่ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของดวงดาวหรือดวงจันทร์

“ไม่เห็น...”

“มึงไม่เห็นไม่ใช่ว่ามันไม่มีเพราะดวงจันทร์มันไม่เคยหายไปจากท้องฟ้า ก็เหมือนกู” ผมเหลือบสายตาไปมองหน้าไอ้เซย์

“ไม่เมคเซ้น”

“ฟังก่อนดิ ก็เหมือนกูที่ไม่มีวันจะหายไปไหนแม้ว่ามึงจะไม่เคยมองเห็นกูก็ตาม เมื่อก่อนกูก็เป็นเหมือนคืนเดือนดับที่อยู่กับมึงเพียงแต่มึงไม่เคยเห็นไม่เคยสังเกต กูเลยยืมรวยเข้ามาเป็นแสงอาทิตย์เพื่อส่องสว่างให้มึงได้เห็นกูบ้างแม้ว่า..จะไม่ทุกวันก็ตาม”

“มึงว่าเราควรเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นดวงจันทร์ที่ไม่เคยสว่างไหม? เอะอะก็ดวงดาวดวงจันทร์ท้องฟ้า”

“ไอ้บุ๊คมึงไม่คิดตามที่กูพูดเลย” ไอ้เซย์ใช้มือใหญ่ๆ ของมันบีบปากผมแรงๆ ส่วนผมก็ปัดมือของมันออก ทำแต่ละที่นี่เหมือนกูตัวเล็กมากว่างั้น “ทีนี้เข้าใจรึยังว่าทำไมกูต้องชอบมารวย”

“เพราะอยากให้กูสนใจ?”

“ฉลาดดีหนิ”

“งั้นรู้ไว้นะว่าไม่จำเป็นต้องใช้ดวงอาทิตย์อีกแล้วเพราะถึงมึงจะเป็นคืนเดือนดับกูก็รู้ว่ามึงอยู่กับกูไม่ไปไหน และกูเองก็จะอยู่กับมึงเหมือนกัน.....” ไอ้เซย์ก้มลงทาบริมฝีปากของมันลงบนริมฝีปากของผมเบาๆ แม้จะไม่หวานหรือรุนแรงรุกล้ำเหมือนที่อยู่หอแต่จูบครั้งนี้มันทำให้ผมมั่นใจว่าดวงจันทร์ดวงนี้มันจะเป็นดวงจันทร์ของผมตลอดไปแม้ว่าจะมีฝนตกพายุเข้าหรืออากาศเปลี่ยนแปลงอย่างไร มันก็จะไม่ไปไหน



ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 24
แทรกกลาง

หลังจากที่กลับมาจากบ้านของไอ้เซย์วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปนอนที่ห้องของไอ้เซย์อีก ไม่ใช่ว่าโกรธหรือไม่พอใจอะไรมันนะเพียงแต่ว่าช่วงนี้ต้องกลับมาดูแลพี่ชายที่น่ารักของผมอย่างเฮียบิ๊กที่มีท่าทีเหมือนคนอกหักตลอดเวลาหลังจากที่รู้ข่าวว่าไอ้รวยมันเปิดใจให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่มันรู้จักมาได้สักพัก เรื่องนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้ไอ้รวยไปรักหรือคุยกับใคร เพราะเฮียบิ๊กเองช่วงนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนเดิมหลังจากที่กระแสละครที่เฮียเล่นโคตรปัง ปังจนชีวิตของเฮียเปลี่ยนไป แถมยังลามมาถึงผมอีก โคตรวุ่นวายถ้ารู้ว่าเฮียเล่นแล้วจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ผมคงห้ามตั้งแต่แรก

“เฮียพอเถอะไหนพี่เจนนี่บอกว่าพรุ่งนี้มีเช้าไง” ผมเอาเท้าสะกิดเฮียที่นอนเปิดไอแพดมองรูปไอ้รวยที่อัพกับคนคุยใหม่ของมัน

“ก็เฮีย...ทำใจไม่ได้ว่ะตี๋” เฮียบิ๊กลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาที่โคตรเศร้า

“สายตานี้เศร้าจริงหรือแสดงละคร?”

“ตี๋ใจร้าย”

“กินข้าวยังเดี๋ยวผมจะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างล่าง” ผมเดินไปหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองเตรียมจะเดินไปซื้อของข้างล่าง

“ยัง ฝากด้วยเอาเหมือนตี๋” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินลงมาข้างล่างเพื่อซื้อข้าวร้านประจำเพราะขี้เกียจเดินไปไกล

ผมนั่งรอข้าวอยู่ที่ร้านของป้าก่อนที่สายตาผมจะไปเจอกับใครบางคนที่ผมพึ่งคุยกับมันไปก่อนหน้านี้ มันบอกผมว่ากำลังกลับหอแต่ทำไมยังมาเดินเล่นแถวนี้แถมยังมากับ..ว่าที่คู่หมั้นของมันอีก ไอ้เหี้ยนี่วอนตีนซะแล้ว

ด้วยความใจร้อนบวกกับไม่มีความอดทนทำให้ผมก้าวเท้าไปหาไอ้เซย์และเผชิญหน้ากับคู่หมั้นของมัน

“ไอ้บุ๊ค”

“เออกูเอง มึงบอกกูว่ากำลังกลับหอไม่ใช่เหรอ แต่นี่ไม่ใช่ทางกลับหอของมึงหนิ?” ผมมองหน้าไอ้เซย์อย่างจับผิด

“ใจเย็นก่อนคือว่ายายกูฝากมารับมณีแถวนี้พอดี เดี๋ยวก็กลับหอ”

“แล้วจะพาไปหอด้วยอย่างนั้นดิ?” ผมมองหน้าไอ้เซย์สลับกับมองหน้ามณี จะบอกว่าตอนนี้หน้าผมหาเรื่องก็ได้นะ ก็เพราะผมแม่งหาเรื่องจริงๆ

“ก็รอแม่ของมณีมารับ”

“กูรอด้วยดิถ้างั้น”

“กูไม่ติดอะไรอยู่แล้ว” หน้าของไอ้เซย์ดูตึงๆ ไป “ถ้าไม่ไว้ใจกู” คำพูดของไอ้เซย์มันทำให้ผมคิด คิดว่าผมไม่ไว้ใจมันจริงๆ ...ผมควรจะไว้ใจมันได้ใช่ไหม??

“งั้นไม่ไป มึงไปเลยกูไว้ใจ” ผมเดินหันหลังกลับไปที่ร้านเพื่อรอรับข้าวที่สั่งไว้โดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองไอ้เซย์ที่ตะโกนเรียกชื่อผม ไม่นานโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นแต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับ

นี่ผมกำลังงี่เง่าอย่างนั้นใช่ไหมวะ?? ในใจผมสั่งให้ไว้ใจไอ้เซย์แต่ในหัวบอกให้ผมไปหามัน ตอนนี้ความคิดและหัวใจกำลังตีกัน ท่าทางของผมผิดสังเกตจนเฮียบิ๊กที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามมองผมด้วยความสงสัย

“เป็นอะไรตี๋เฮียเห็นยุกยิกมาตั้งแต่ซื้อข้าวเสร็จละ”

“เฮียคืองี้นะเอาจริงๆ ไม่คิดว่าจะต้องมาปรึกษาเฮียเรื่องความรักอะไรเลย” ผมคิดอยู่นานว่าจะปรึกษาเฮียดีไหม แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเพราะในชีวิตผมไม่ได้รู้จักใครมาก

“บอกมาเถอะตี๋ ตั้งแต่คราวที่ไปเจอยายของไอ้เซย์มาก็ไม่บอกอะไรเฮียเลย บอกแค่ว่าอยากเอาระเบิดไปปาแค่นั้น พอเฮียจะเอาไปปาให้จริงก็ห้าม เฮียเอาใจตี๋ไม่ถูก”

“เฮียปัญญานิ่มไหมถามจริง ผมก็แค่บ่นไปเรื่อย” ผมตักข้าวขึ้นมากินก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้เอ๊ยฟังตั้งแต่ตอนไปบ้านของไอ้เซย์คราวนั้น

ตุบ!!

“เขาทำกับตี๋ขนาดนั้นเลยเหรอ??” หลังจากเฮียบิ๊กฟังจบก็แสดงออกถึงความไม่พอใจเรียกได้ว่าโคตรโอเวอร์แอคติ้งเลย

“ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ที่ไม่สบายใจก็เพราะว่าตอนลงไปซื้อข้าวเมื่อกี้เห็นไอ้เซย์มากับคู่หมั้นของมัน ตอนแรกก็จะตามไปแต่ไอ้เซย์มันบอกว่าไม่ไว้ใจมันเหรอ ผมก็เลยคิดดูว่าไอ้เซย์ไม่เคยทำอะไรให้ผมต้องระแวงแต่ที่ระแวงก็คือรู้สึกว่าการมาของแม่มณีไรนั่นจะเกิดจากแผนของคุณยาย ผมว่ามันแปลกๆ ที่อยู่ก็มาทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่เคยจะโผล่ อีกอย่างหน้าตาของแม่มณีก็ดูไม่ยินดีที่จะอยู่กับไอ้เซย์แต่เหมือนถูกบังคับมามากกว่า อันนี้ผมเดานะ”

“อื้ม” เฮียทำท่าลูบคางอย่างใช้ความคิด “ถ้าเป็นเฮียก็คงไม่คิดแบบมีเหตุผลอะไรแบบนี้ เฮียคงจะคิดไปแบบอื่นที่งี่เง่าและไม่มีเหตุผล อีกอย่างเฮียจะไม่กลับมานั่งเหมือนที่ตี๋ทำอยู่”

“หรือจะให้ผมไปโวยวายอะไรอะเฮีย มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ผมว่าผมไว้ใจมันได้”

“งั้นพรุ่งนี้เช้าเราไปหาไอ้เซย์ที่ห้องไหมล่ะ ว่ามันอยู่คนเดียวไหม”

“ตามนั้น” ผมภาวนาขอให้มันอยู่คนเดียวตามที่ผมเชื่อใจมัน

กูเชื่อใจมึงได้ใช่ไหมไอ้เซย์.....


Say’ s talk

“แม่ของมณีจะมารับตอนไหนเหรอครับ?” ผมถามมณีที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมในห้อง ผมรับมณีตามคำสั่งของคุณยายที่บอกให้ผมมารับมณีเพื่อพาไปทานข้าว ผมก็ไม่อยากขัดคำสั่งแต่ก็ไม่ได้บอกไอ้บุ๊คตามตรงผมไม่อยากให้มันคิดมาก จนกระทั่งมาโป๊ะแตกเจอมันตอนที่พามณีกลับหอซึ่งมันเป็นทางที่ต้องผ่านหอของไอ้บุ๊ค จริงๆ มีอีกหลายร้านที่อร่อยแต่ไม่รู้ทำไมมณีถึงต้องไปรอที่ร้านนั้น ร้านที่มีทางกลับมาทางเดียวคือต้องเดินผ่าน

ผมแอบหวังว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญไม่ใช่แผนการอะไรของคุณยาย

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” มณีนั่งก้มหน้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบางอย่างจนผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ อย่างน้อยก็ในฐานะแขกของคุณยาย

“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่าครับ?” ผมขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะมองหน้ามณีตรงๆ “บอกผมได้นะ”

“มณีไม่สบายใจเรื่องที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับเซย์ค่ะ เรายังเรียนไม่จบด้วยกันทั้งคู่ ทั้งคุณยายของเซย์และแม่ของมณีต่างบังคับมณีไม่มีทางเลือกอะไรเลย” คราวนี้มณีเงยหน้ามองผมตรงๆ ทำให้ผมสังเกตเห็นว่าดวงตาของเธอเอ่อล้นด้วยน้ำตาแต่กลับไม่ไหลออกมา “จริงๆ วันนี้...แม่ของมณีจะไม่มารับแม่กะว่าจะให้มณีนอนกับเซย์ แต่มณีรู้ว่าเซย์ลำบากใจอีกอย่างเซย์ก็มีแฟนแล้วมณีเกรงใจมณีว่ามณีกลับก่อนดีกว่านะคะ” มณีหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมตัวลุกขึ้นแต่ผมกลับจับแขนของเธอเอาไว้ก่อน

“นอนนี่ก็ได้ครับเดี๋ยวผมนอนตรงนี้เอง นี่มันดึกแล้วแถวนี้อันตราย” ตามจริงก็ไม่อยากให้มณีนอนที่ห้องเพราะเกรงใจไอ้บุ๊คอย่างไงมันก็เป็นแฟนผม แถมท่าทางก่อนหน้าที่แยกกันมันยังทำเหมือนไม่พอใจ ซึ่งผมก็เข้าใจดีเพราะถ้าเป็นผมเองผมก็คงทำมากกว่านี้

“แฟนเซย์จะไม่ว่าเหรอคะ?”

“เดี๋ยวผมโทรไปบอกมันครับ ไม่น่าจะว่าอะไร” ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าไอ้บุ๊คจะไม่ว่าอะไร “เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้ามาให้นะครับ พอจะมีสำรองอยู่” ผมเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อเตรียมของมาให้มณี และจะโทรหาไอ้บุ๊ค แต่แล้วโทรศัพท์ของผมกลับแบตหมดทำให้ต้องเอาไปชาร์จก่อนแล้วค่อยโทรหามัน


อีกด้านหนึ่ง

‘มีโอกาสค่ะคุณยาย’

มณีส่งข้อความไปหาคุณยายพร้อมกับเหยียดยิ้มใส่โทรศัพท์ที่เธอสามารถทำให้เซย์ตายใจว่าไม่เห็นด้วยกับแผนการของคุณยาย เอาเข้าใจเธอเองก็แอบตกใจที่รู้ว่าเซย์มีแฟนแล้วแถมยังเป็นผู้ชายท่าทางหล่อเหล่าอย่างบุ๊ค แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้เธอมองข้ามเรื่องนี้ไป ถ้าคืนนี้แผนทุกอย่างสำเร็จ...เธอก็จะได้หมั้นและแต่งงานกับเซย์จริงๆ

มณีถือโอกาสเดินเข้าไปสำรวจส่วนต่างๆ ของห้องเซย์สิ่งที่ทำให้เธอหัวเราะเยาะออกมาก็ตรงที่...ไม่ว่าจะมุมไหนของห้องก็มีรูปของเซย์ถ่ายคู่กับบุ๊คอยู่เต็มไปหมด อีกไม่นานรูปเหล่านี้มันจะหายไปและแทนที่ด้วยรูปของเธอแทน แต่งทั้งๆ ที่ยังไม่รักเธอก็ไม่ขัดอะไรอยู่แล้ว

มณีเดินเข้ามาในห้องครัวก่อนจะเทอะไรบางอย่างลงในขวดน้ำที่แช่อยู่ในตู้เย็นซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เซย์ออกมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่เตรียมให้เธอ

“มณีกินน้ำได้ไหมคะ”

“เอาเลยครับ มณีจะอาบน้ำก็ได้นะในห้องเซย์ เดี๋ยวเซย์อาบด้านนอกจะนอนมณีก็ล็อกห้องด้วยนะครับ”

“ค่ะ” มณีเดินมารับอุปกรณ์เครื่องอาบน้ำจากเซย์ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง ส่วนเซย์เองเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นขึ้นมากระดกดื่มก่อนจะเดินไปดูโทรทัศน์ที่หน้าโซฟาก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความง่วงที่เข้าครอบงำตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้....


Book’ s talk

ผมพร้อมเฮียบิ๊กตื่นในช่วงเช้าก่อนจะเดินออกจากหอและตรงมาที่หอของไอ้เซย์ตามที่ตกลงเอาไว้ ในใจของผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องที่ผมกังวลจนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

“เฮียถ้ามันเป็นอย่างที่เฮียคิด....” หลังจากที่มาถึงหอของไอ้เซย์ผมไม่กล้าพอที่จะขึ้นไปทำให้ตอนนี้ยื้ออยู่กับเฮียบิ๊กที่ข้างล่างหอ

“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

“แต่ผมรักมัน มันไวไปถ้าเกิด....มันทำแบบนั้น” ผมเองก็ไม่กล้าที่จะพูดความคิดของตัวเองออกไปเพราะกลัวว่าจะเป็นลางไม่ดี แต่ทำไงได้ในเมื่อในใจตอนนี้มันห้าสิบห้าสิบถึงผมจะไว้ใจมันแต่ผมไม่ไว้ใจคุณยายของมัน

“ยังมีเฮีย”

“เหมือนจะซึ้งแต่ไม่มีอารมณ์ว่ะเฮีย” ผมเดินนำเฮียขึ้นลิฟต์นำไปที่ห้องของไอ้เซย์ ผมทำใจอยู่สักพักก่อนจะแตะคีย์การ์ดลงที่ประตูด้วยมือสั่นๆ เสียงสัญญาบ่งบอกว่าห้องถูกเปิดพร้อมกับหัวใจของผมที่สั่นรัว ผมไม่เคยตื่นเต้นและลุ้นขนาดนี้มาก่อน

“ตี๋......”

มณีออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเพราะเธอมีแผนสำรอง ถ้าเซย์ยังไม่ได้ดื่มน้ำที่เธอใส่ยานอนหลับเอาไว้เธอก็จะแกล้งบอกว่าในห้องน้ำมีตัวประหลาดทำให้รีบออกมาและล่อเซย์เข้าไปข้างใน ในเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังกับผู้หญิงอย่างเธอสองต่อสองต่อให้มีแฟนเป็นผู้ชายก็คงจะอดใจไม่ไหว

ภาพลักษณ์ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างเธอมันเป็นแค่สิ่งที่สร้างเอาไว้ไม่อย่างนั้นคุณยายของเซย์ก็ไม่มีทางเอาเธอมาคู่กับหลานหรอก แต่สิ่งที่เธอจะแสดงออกต่อจากนี้ไปก็คือของจริง

มณีเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังเมื่อเห็นว่าเซย์นอนหลับอยู่บนโซฟา

“อดใช้ร่างกายเลย...” ในเมื่อไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงทำให้เธอปลดภาพเช็ดตัวของเธอออก พร้อมกับเดินไปเช็คสติของเซย์เพื่อดูว่าเซย์มีสติมากน้อยแค่ไหน

“เซย์ค่ะ...เซย์” มณีเขย่าร่างกายของเซย์แล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ทำให้เธอก้มลงไปทำรอยบางอย่างตามคอก่อนจะถือโอกาสถอดเสื้อของเซย์ออกและทำรอยให้เหมือนผ่านสมรภูมิแห่งความรักมาก

“ถ่ายรูปไว้สักหน่อย...” เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยมณีจึงค่อยๆ เบียดตัวเองที่เปลือยเปล่าเข้ามาซุกตัวของเซย์พร้อมกับเซย์เองที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น

มองอย่างไงก็แยกไม่ออกว่าจัดฉากเพราะ...สภาพมันเหมือนซะยิ่งกว่าเหมือน

ในเมื่อจะร้ายก็ต้องลงทุน ดังนั้นเธอเองจึงยอมลงทุนเพื่อแลกกับสิ่งที่เธอจะได้ในอนาคต...


Big’ s talk

“ตี๋....” หลังจากที่ประตูห้องของไอ้เซย์เปิดออกผมรีบหันไปมองหน้าน้องชายทันที ตี๋ยืนตัวแข็งมองภาพตรงหน้าเหมือนทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผมเอง........พยายามตั้งสติแม้ตอนนี้จะโมโหนำตี๋ไปแล้วก็ตาม ถ้าผมโมโหจนขาดสติจะไม่มีใครปลอบตี๋ดังนั้น..ผมจะต้องเป็นที่ยึดมั่นให้น้องชายทั้งๆ ที่ในใจจะอยากกระโจนเข้าไปต่อยหน้าไอ้เซย์ที่นอนกกอยู่กับคู่หมั้นของมัน

“โอเคเฮีย” ตี๋ยกมือขึ้นทำท่าโอเคก่อนจะสูดหายใจเดินเข้าไปด้านในห้องและยืนเผชิญหน้าเข้าหาทั้งสองคนที่นอนไม่รู้เรื่อง

ผมเห็นรอยแดงตามเนื้อตามตัว ถ้าไม่โง่จนเกินไป รอยพวกนี้แม่งโคตรสด อยากที่จะเชื่อว่าไอ้เซย์ไม่ได้ทำ เพราะหลักฐานโคตรมัดตัว

“ไอ้เซย์” ตี๋เรียกเสียงนิ่งๆ พยายามควบคุมสติของตัวเอง ผมรู้ว่าตอนนี้น้องชายของผมกำลังใช้ความพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้ตัวเองนิ่งที่สุด

“ไอ้เซย์ตื่น..”

“อื้ม....อร้ายยยย!!” แต่ใครอีกคนกลับตื่นขึ้นมาก่อนไอ้เซย์พร้อมกับแหกปากร้องลั่นดึงผ้าเช็ดตัวแถวนั้นขึ้นมาห่มตัวเอง ส่วนไอ้เซย์ยังคงนอนเปลือยไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา

“ใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะครับ เสื้อผ้าคุณอยู่ไหน?” ตี๋ถามออกมาเสียงนิ่งพร้อมกับใช้สายตากวาดไปรอบๆ ห้อง

“น่าจะในห้องค่ะ”

“ครับเดี๋ยวผมไปหยิบให้ เฮียฝากปลุกไอ้เซย์ด้วย” ตี๋เดินหายเข้าไปในห้องส่วนผมเองมองหน้าน้องผู้หญิงด้วยสายตาจับผิด

ผมว่าผมมองไม่ผิดนะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาไม่ใช่เรียบร้อย จากประสบการณ์คนที่ผ่านเรื่องพวกนี้มาอย่างโชกโชนอย่างผม

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ผมพยายามถามเธอด้วยท่าทางสุภาพและไม่คุกคามจนมากเกินไป

“มณี...ฮื่ออออ มณีเสียใจ” เธอหยิบหมอนขึ้นมากอดพร้อมกับจิกเล็บลงบนมือของตัวเอง...ให้ตัวเองเจ็บเพื่อเรียกน้ำตา มันไม่ใช่สภาวะกดดันผมดูออกเพราะเทคนิคนี้ผมเคยใช้ตอนช่วงแรกๆ ที่เข้าคาสการแสดง

“ร้องไห้ทั้งๆ ที่ด้านในไม่ได้รู้สึกได้เหรอครับ? คุณเก่งจังเลยสอนเทคนิคให้พี่หน่อยซิครับ น้ำตาน้องไหลแต่แววตาน้องมีความสะใจ แถมมือคุณ...แดงมันจนเหลือดจะไหลอยู่แล้ว” ผมถือวิสาสะจับมือของเธอขึ้นมาพลิกดูก่อนที่จะถูกกระชากกลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณรู้ได้อย่างไงอย่ามาปรักปรำกันมั่วๆ นะ!” เธอแผดเสียงร้องออกมา “ฉันถูก....เซย์ข่มขืน”

“รอให้มันตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยสรุปว่าเรื่องมันเป็นอย่างไงดีกว่าไหม พี่กลัวน้องจะหน้าแหก” ผมกอดอกมองเธอเพื่อรอให้ตี๋เอาเสื้อผ้ามาให้เธอใส่

“นี่คิดว่าฉันจะจัดฉากเหรอคะ? ความคิดของคุณดูถูกผู้หญิงเกินไปหน่อยไหม?”

“แล้วผมบอกรึยังครับว่าคุณจัดฉาก? คุณพูดเองทั้งนั้น” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรมากตี๋ก็หอบเสื้อผ้าของเธอออกมาจากห้องนอน

“เอาไปใส่นะครับจะได้ไม่โป๊แบบนี้” เธอรีบกระชากเสื้อผ้าจากมือของไอ้เซย์และรีบวิ่งเข้าไปด้านใน ทำให้ตอนนี้ผมมองหน้าตี๋เพื่อถามว่าจะเอาอย่างไงต่อไปเพราะไอ้เซย์ไม่ยอมตื่นขึ้นมา

“เซย์..มึงตื่นมาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อนดิวะ” ตี๋นั่งลงข้างๆ ไอ้เซย์ก่อนจะทุบอกของไอ้เซย์แรงๆ “ไอ้เหี้ยเซย์! กูจะหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ”

ตุบ!!

“อึก! ไอ้บุ๊คมาได้ไง” เสียงของไอ้เซย์ดูแหบๆ พร้อมกับสีหน้าที่ตื่นมาด้วยบวมๆ เหมือนคนนอนมากเกินไป ผมว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในบางอย่าง

“มึงดูสภาพมึงไอ้เหี้ยเอ้ย!” อารมณ์ที่ตี๋เก็บเอาไว้พร้อมที่จะระเบิดออกมาเพราะท่าทางที่ไม่รู้เรื่องของไอ้เซย์

“เดี๋ยวๆ กูไม่รู้เรื่อง พี่บิ๊กครับบอกผมที”

“โถ่เว้ย!!”

เพร้ง!

ตี๋ขว้าของที่อยู่แถวนั้นโยนลงพื้นจนมันแตกกระจาย ส่วนผมที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบรวบตัวตี๋มากอดเอาไว้เพื่อให้ตี๋ใจเย็นลง ผมรู้นิสัยน้องชายตัวเองดี

“ตี๋ใจเย็น...ฟังเฮียก่อนอย่าใจร้อน” ผมลูบหลังของตี๋เบาๆ “ใจเย็นนะเฮียอยู่นี่ มันไม่มีอะไรตี๋”

“เฮีย....” ตี๋ซุกหน้าลงกับไหล่ของผมแต่ไม่ได้ร้องไห้ออกมาแต่เหมือนตี๋พยายามควบคุมสติของตัวเองที่กำลังจะแตก

“ไอ้บุ๊คกูไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมกูถึง....” ผมรีบยกมือเพื่อไม่ให้ไอ้เซย์พูดอะไรออกมาตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อมันเพียงแต่ว่าจังหวะนี้ยังไม่เหมาะเท่าไหร่ที่มันจะอธิบาย

“ไหนบอกให้กูไว้ใจมึงไงไอ้ควายเซย์!”

“ตี๋...ไม่มีอะไรเชื่อเฮีย” ผมดันตี๋ให้นั่งสงบสติอารมณ์อยู่อีกด้านก่อนจะเป็นคนเข้ามาเป็นตัวอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ไอ้เซย์เข้าใจ

“มึงดูร่างกายของมึงแล้วอธิบายกูว่าเกิดอะไร” ไอ้เซย์ก้มลงมองร่างกายของมันก่อนที่มันจะขมวดคิ้วด้วยท่าทางเครียดๆ

“ถ้าบอกว่าผมไม่รู้เรื่องจะตอแหลไหมพี่?” ไอ้เซย์เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะเสไปมองตี๋ “ไอ้บุ๊คกูไม่รู้เรื่องจริงๆ”

“เหรอ...”

“แล้วรอยที่ตัวมึงที่คอมึง”

“เมื่อคืนผมอยู่กับมณีแค่สองคน.....” ท่าทางของไอ้เซย์เหมือนพยายามคิดถึงเหตุการณ์ “ผมคิดไม่ออก แต่แน่ๆ ไม่มีความทรงจำหรือความรู้สึกที่บ่งบอกว่าผมล่วงเกินมณีเลย”

“เซย์พูดแบบนี้มะ..หมายความว่าไงคะ” มณีที่ออกไปแต่งตัวกลับเข้ามาพร้อมกับมองหน้าไอ้เซย์ด้วยความผิดหวัง “เซย์จะไม่รับผิดชอบมณีอย่างนั้นเหรอคะ...ทั้งๆ ที่เมื่อคืน.....” มณีทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร

“แต่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“เซย์เห็นแก่ตัวได้มณีแล้วทิ้ง”

“แต่ผม......” ไอ้เซย์ดูหัวเสียอย่างมากกับท่าทางของผู้หญิงคนนั้น อยู่ๆ ไอ้เซย์ก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้ามาใส่อย่างลวกๆ ก่อนจะตรงไปจับมือของผู้หญิงคนนั้นให้ลุกขึ้น

“เซย์จะทำอะไรมณีคะ...??” เธอถามเสียงสั่นส่วนไอ้เซย์มองมาที่ตี๋ด้วยสายตาแน่วแน่

“มึงเชื่อกูนะไอ้บุ๊คว่ากูไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับมณีเลย ส่วนมณีถ้าคุณบริสุทธิ์ใจไปตรวจกับผม ถ้าผมทำจริงผมยินดีรับผิดชอบ ถ้าผลออกมาว่าไม่คุณเตรียมโดนผมฟ้องได้เลย ผมเอาจริงผมไม่สนแล้วว่าคุณจะเป็นคนของคุณยายถ้าทำแบบนี้ผมก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น” ท่าทางของไอ้เซย์ดูโกรธๆ ก่อนจะมองมาทางผม “พี่บิ๊กครับผมฝากเอาขวดน้ำตรงหน้าพี่มาให้ผมด้วยนะครับ ผมจะเอาไปตรวจว่ามีอะไรแปลกปลอมไหม”

“เซย์ดูถูกมณี....”

“ผมแค่พิสูจน์ถ้ามันจริงผมแต่งงานแน่ แต่ถ้าไม่ผมไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน” ไอ้เซย์หายออกจากห้องไปพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น ส่วนผมเองก็เก็บขวดน้ำตามที่ไอ้เซย์บอกไว้ก่อนหน้า

“ตี๋ไม่มีอะไรเชื่อเฮีย”

“ก็เชื่อแต่มันควบคุมอารมณ์ไม่ได้จริงๆ” เหมือนสติของตี๋คนเดิมจะเริ่มกลับมา “เดี๋ยวผมมานะเฮีย” ตี๋หายเข้าไปในห้องของไอ้เซย์ ส่วนผมเดินตามเข้าไปเพื่อดูว่าตี๋กำลังจะทำอะไร

“สวัสดีครับผมบุ๊คเองตอนนี้เซย์มันพามณีไปตรวจถ้าคุณยายบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น กรุณาให้เกียรติมาที่คลินิกด้วยนะครับ เดี๋ยวผมแชร์โลเคชั่นไปให้ สวัสดีครับ” ตี๋หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องนอนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นของไอ้เซย์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก ผมจับใจความได้ว่าตี๋น่าจะโทรไปหาต้นเหตุของเรื่อง

“เฮียถ้าผมก้าวร้าวไปเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเฮียกับป๊ากับม๊าแต่เป็นเพราะผมเองเฮียไม่ต้องรู้สึกผิดนะ” ตี๋หันมาพูดกับผมด้วยท่าทางยิ้มๆ

“ไม่ว่าจะอย่างไงเฮียก็อยู่กับตี๋เสมอ ไปฟังความจริงกันเถอะ” ผมกอดคอตี๋และออกมาจากห้องตรงไปที่คลินิกที่คาดว่าไอ้เซย์น่าจะไป

ถ้ามีคนต้องเจ็บอย่างน้อยคนนั้นต้องไม่ใช่น้องชายผม



ประกาศ เรื่องของ #นนอาร์ม ไรท์จัด E-Book ไว้แล้วนะคะ ซื้อได้เลยราคา 50 บาทเท่านั้น!!
ทั้ง MEB และ FICTIONLOG

 FICTIONLOG : https://fictionlog.co/eb/5da71100c6da6a001ad1740d

MEB : https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjE0MzkwNiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwNjQ1NCI7fQ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 25
ทางเลือกหรือทางแยก
Book’ s talk

ถ้าถามว่าตอนนี้ผมรู้สึกอย่างไรผมคงตอบไม่ได้มากแต่ที่แน่ๆ ในใจของผมเชื่อไปเกินครึ่งว่าไอ้เซย์ไม่ได้ทำอะไร จะหาว่าเข้าข้างแฟนตัวเองผมก็ไม่ติดอะไรอยู่แล้ว

“แล้วงานเช้าเฮีย...” ผมหันไปมองหน้าเฮียที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนผมระหว่างรอไอ้เซย์กับมณีเข้าไปตรวจ

“เฮียเลื่อน”

“ได้เหรอ?”

“ตี๋สำคัญที่สุดเฮียจะทิ้งได้ไง” เฮียบิ๊กยื่นฝ่ามือใหญ่มาลูบศีรษะของผมเบาๆ เหมือนที่เคยชอบทำตอนที่ผมยังเด็กๆ แววตาของเฮียมีแต่ความเอ็นดูที่มอบมาให้ผม “ถึงเฮียจะเป็นผู้ชายที่เหี้ยแต่ในฐานะพี่ชายเฮียทุ่มสุดใจ เวลาหันไปทางไหนแล้วไม่มีใครแต่อยากให้ตี๋รู้ว่ายังมีเฮีย”

หมับ!

ผมพุ่งตัวไปกอดเฮียเอาไว้....อ้อมกอดของใครก็ไม่อุ่นและปลอดภัยเท่าเฮียบิ๊ก

“เฮีย...ถ้ามันต้องเลือกระหว่างผมกับครอบครัวมัน ผมควรปล่อยมันไปใช่ไหม?” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเฮียบิ๊กเพื่อหาคำตอบแม้ว่าในใจของผมจะมีคำตอบอยู่แล้ว

“มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเลือก แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ ...เฮียตอบไม่ได้ว่ะตี๋ว่าเฮียจะทำอย่างไงถ้าเฮียเป็นตี๋” ไอ้เซย์มันเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ คนหนึ่ง ถึงผมจะคบกับมันได้ไม่นานแต่..ผมรับรู้ได้หัวใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างในฐานะแฟนมันไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลย และในฐานะพี่ชายหรือแม้กระทั่งลูกไอ้เซย์ก็ทำได้ดีเหมือนกัน

ถ้าต้องให้เลือกระหว่างครอบครัวของมันกับผม..ผมตอบได้เลยว่ามันไม่ควรมีความคิดที่จะต้องเลือกผมแม้ว่าเราสองคนจะรักกันมากก็ตาม อย่างไรความถูกต้อง ต้องมาก่อนความถูกใจ

“ตี๋เฮียโสดเป็นเพื่อนตี๋ได้นะ”

“ถามผมยังว่าอยากโสดด้วยเปล่า” ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเฮียบิ๊กพยายามพูดให้ผมขำแม้ว่าประโยคนั้นจะเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดก็ตาม “แต่ถ้ามันต้องโสด..เฮียต้องอยู่กับผมนะเว้ย”

“เฮียบิ๊กไม่มีสโลแกนทิ้งน้อง”

“พึ่งเห็นว่าเฮียหล่อก็วันนี้”

“โทษนะตี๋คนอื่นเขาหลงเฮียกันทั้งประเทศเลย” ผมยิ้มให้กับเฮียอีกครั้งก่อนที่จะต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาทางผมพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ

“สวัสดีครับ” ผมกับเฮียยกมือขึ้นไหว้ยายของไอ้เซย์ เมื่อคราวก่อนผมเคยคิดว่าที่ท่านทำแค่อาจจะแกล้งผมเล่นๆ แต่พอมาครั้งนี้...ผมว่าท่านเอาจริงถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่วางแผนโง่ๆ แบบนี้ขึ้นมา

“ฉันขอคุยด้วยหน่อยซิ” คุณยายของไอ้เซย์เชิดหน้าขึ้นมองผมก่อนจะเดินออกไปอีกทางเพื่อให้ผมเดินตาม

“ตี๋จะไปคุยเหรอ? ถ้าให้เฮียเดานะก็คงดึงดราม่าให้ตี๋ยอมเลิกยุ่งกับหลานชายของเขาแน่ๆ”

“ผมก็คิดเหมือนเฮีย แต่ช่างเถอะอะไรจะเกิดแม่งก็เกิด” ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ ก่อนจะเดินตามคุณยายของไอ้เซย์ออกไป

ระหว่างทางที่เดินความคิดของผมตีกันไปหมด...ว่าควรจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ดี จะยอมหรือจะสู้ สู้ทั้งๆ ที่ไม่มีโอกาสที่จะชนะ

“ฉันบอกตามตรงเลยนะว่าแผนนี้ฉันวางเองเพราะฉันรู้ว่ามณีเหมาะสมกับหลานฉันมากกว่าเธอ เธอคงจะรู้ใช่ไหมว่าการมีหลานชายคนเดียวความคาดหวังมันก็สูง ถ้าเธอไม่โง่จนเกินไปก็คงจะรู้ว่าครอบครัวของหลานฉันมีหน้ามีตามากแค่ไหนในสังคม ฉันในฐานะยายแท้ๆ คงยอมไม่ได้ที่จะเห็นหลานผิดเพศ” ทันทีที่ออกมาจากคลินิกคุณยายของไอ้เซย์เดินนำผมมาที่ร้านกาแฟใกล้ๆ แถวนั้นก่อนจะเริ่มพูดในสิ่งที่ผมพอจะเดาได้

“แล้วเคยถามไหมครับว่าหลานของคุณเขาพอใจในสิ่งที่คุณจัดการให้แบบนี้ไหม ผมว่ามันไม่แฟร์สักเท่าไหร่ อีกอย่างการที่คุณพูดว่าผิดเพศ...ผมอยากจะรู้ว่าอะไรคือนิยามของคำว่าไม่ผิดเพศเหรอครับ? หรือแค่ไม่ได้ชอบผู้หญิง?”

“ก็ใช่นะซิ หลานฉันไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน”

“เรื่องอื่นๆ ผมพอจะเข้าใจแต่เรื่องนี้ผมไม่เข้าใจ มันก็แค่ความรักไม่ใช่เหรอครับ? ความรักมันไม่มีการนิยามหรือจำกัดว่าควรรักหรือชอบเพศไหนถึงจะถูก ผมจะทำตามก็ต่อเมื่อกฎหมายในประเทศที่ผมอยู่ระบุว่าสิ่งที่ผมกำลังเป็นมันผิดกฎหมาย ผมไม่ได้หัวหมอแต่คุณบีบให้ผมต้องพูดแบบนี้”

“หึ เข้าใจพูดแต่ถึงอย่างไงฉันก็ไม่ยอม ฉันรู้ว่าเธอน่าจะรู้ดีว่าฉันกล้าทำถึงขนาดนี้ ถ้าแผนนี้มันไม่สำเร็จฉันก็มีวิธีบีบให้พวกเธอเลิกกันโดยใช้วิธีอื่น แม้ว่า...จะต้องดึงบุคคลรอบข้างของพวกเธอเข้ามาเกี่ยว” คุณยายของไอ้เซย์ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบก่อนจะเหยียดยิ้มพูดต่อ “ใครดีล่ะ? พี่ชายของเธอที่กำลังโด่งดัง พ่อกับแม่ของเธอที่ไม่รู้เรื่องอะไร”

“มันไม่มากไปหน่อยเหรอครับ?” ผมพยายามควบคุมสติของตัวเองไม่ให้เดือดไปกับคำพูดของคุณยายไอ้เซย์ที่ตอนนี้เธอกำลังขู่ผม

“มันสามารถมากกว่านี้ได้อีกเยอะ..ถ้าเธอยังไม่หยุด” สายตาของเธอมองมาที่ผมอย่างเอาจริงไม่มีแววล้อเล่นเหมือนก่อนหน้านี้ “ฉันรังเกียจเธอเกินกว่าจะยอมรับ แล้วรู้อะไรไหมที่ฉันบอกว่าจะให้เธอไปพิสูจน์ที่ต่างจังหวัดอะไรนั่นก็เป็นเรื่องที่ฉันวางเอาไว้..เพื่อให้เธอไปเจอกับสิ่งที่ฉันเตรียมเอาไว้ให้ ไม่ต้องกลัวฉันไม่เอาเธอตายแค่เกือบก็เท่านั้น”

“คุณขู่ผม?”

“ฉันทำจริง”

“บอกผมได้ไหมครับ...ว่าถ้าผมเลิกยุ่งตามที่คุณบอกชีวิตของไอ้เซย์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร?”

“หลานของฉันจะได้ทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตนี้ของเขาสุขสบายโดยที่ไม่ต้องลำบากอะไรเลย ส่วนเธอถ้าเชื่อฟังฉันให้ค่าเสียเวลา” คราวนี้เธอเอาซองสีขาวออกมาจากกระเป๋าสะพายใบหรูเลื่อนมาให้ผมตรงหน้า

“ขอบคุณนะครับแต่ผมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินขนาดที่ต้องรับ จะดูถูกอะไรผมก็ได้แต่ความรักที่ผมมีให้ไอ้เซย์มันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะมาแลกด้วยเงิน แล้วผมก็อยากให้คุณรู้เอาไว้ว่าถ้าผมยอมถอยมันไม่ใช่เพราะคำขู่ของคุณแต่มันเพราะผมรักไอ้เซย์มากพอที่จะปล่อยมันไป” ทุกคนอาจจะกำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงพูดเหมือนจะยอมถอยออกมาทั้งๆ ที่ตอนแรกผมเหมือนจะไม่ยอมก็เพราะ..

ผมช่างน้ำหนักดูแล้วว่าระหว่างคนเหี้ยๆ อย่างผมกับสิ่งที่ไอ้เซย์จะได้ในอนาคตมันเทียบกันไม่ติด อีกอย่างความรักของผมกับมันก็พึ่งจะเริ่มขึ้น ถ้ามันเลือกที่จะลืมก็คงไม่อยากแม้ช่วงแรกมันจะเจ็บมากๆ ก็ตาม

“พูดง่ายอย่างนี้ก็ดี.....”

“คุณยาย!” ยังไม่ทันที่คุณยายของไอ้เซย์จะพูดอะไรออกมาต่อ เสียงของไอ้เซย์ที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง ไอ้เซย์เดินเข้ามาด้านในด้วยท่าทางรีบๆ พร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล

“ว่าไงหลานรัก?” เธอยิ้มพร้อมกับฉีกยิ้มให้ไอ้เซย์อย่างผู้ชนะ

“คุณยายล้ำเส้นผม” ไอ้เซย์กัดฟันพูดกับคุณยายของมันด้วยอารมณ์ที่ผมรับรู้ได้ว่ามันกำลังพยายามระงับอย่างถึงที่สุด “มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอครับ?”

“ยายเคยบอกหลานแล้วว่ายายทำได้มากกว่านี้”

“ทำไม..ทำไมต้องมาบังคับผม”

“เพราะยายรู้ว่าแม่ของหลานมันไม่กล้า มันไม่อายที่หลานชอบผู้ชายด้วยกันแต่ยายอายเพราะมันน่ารังเกียจ มันทำให้วงศ์ตระกูลของเราแปดเปื้อน”

“ผมไม่เลิก” ไอ้เซย์พูดออกมาชัดเจนก่อนที่จะหันมามองหน้าผม “ผมเลิกรักมันไม่ได้ต่อให้ยายจะบังคับผมอย่างไง”

“แต่หลานไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งยาย!” น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความไม่พอใจเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“เพราะผมเป็นหลานเหรอครับ ถึงขัดคำสั่งไม่ได้? คุณยายบังคับแม่ยังไม่พอแต่ยังมาบังคับผม!” ผมรีบลุกขึ้นไปจับแขนไอ้เซย์เพื่อให้มันใจเย็นลงอย่างน้อยนั่นก็คุณยายของมัน

“เพราะยายหวังดีกับหลาน”

“เหอะ! กับผมหรือกับตัวของคุณยายเอง!!”

“ไอ้เซย์ / เซย์!” ผมเรียกชื่อมันเพื่อให้ได้สติ

“ผมไม่เคยรู้สึกผิดหวังมากขนาดนี้มาก่อน.. ผมผิดหวังที่เกิดมาเป็นหลานคุณยาย!! เลิกบังคับคนอื่นสักที โถ่เว้ย!”

ไอ้เซย์สะบัดมือออกจากผมแรงๆ ก่อนจะเดินกระแทกทุกอย่างออกจากร้านไปด้วยอารมณ์โมโห ทำให้ตอนนี้ผมเผชิญหน้าอยู่กับคุณยายของมันสองคน

ทันทีที่ไอ้เซย์ออกไปจากร้านน้ำตาของยายมันค่อยๆ ไหลออกมาด้วยความเสียใจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้เหมือนเดิม

บอกตามตรงว่าผมทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ผมไม่อยากให้คุณยายของไอ้เซย์ร้องไห้เพราะผิดหวังในตัวไอ้เซย์ ไอ้เซย์มันไม่ใช่คนแบบนั้น..

“สะใจเธอแล้วใช่ไหม..ฮึก ฉันกลายเป็นยายที่ไม่ดีไปแล้ว ฮึก หลานของฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...” ประโยคหลังที่ยายไอ้เซย์พูด แม้ว่าจะไม่มีคำด่าหรือคำเสียดสีแต่มันเป็นประโยคที่กระทบกระทั่งหัวใจของผมมาก ไอ้เซย์เป็นหลานที่ดีมาตลอดจนกระทั่งเจอกับผม...

ผมทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้เหรอ????

“พวกเธอคงสะใจที่ทำให้ยายแก่อย่างฉันรู้สึกแย่ขนาดนี้”

“ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้น ไอ้เซย์มันอาจจะแค่โมโหไปที่คุณบังคับมัน..มันเลยพูดออกมาไม่คิด เชื่อเถอะครับว่าหลานของคุณไม่ใช่คนไม่ดี คุณเองน่าจะรู้ดีที่สุด” ผมหันหลังเตรียมเดินออกจากร้านเพื่อตามไอ้เซย์ไปแต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของยายไอ้เซย์....

“ฉันขอหลานฉันคืน...”

“.....” ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาก่อนจะเดินตามไอ้เซย์ออกไป

ผมเดินมาเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นไอ้เซย์นั่งก้มหน้าอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ

“ไง” ผมนั่งลงข้างๆ มัน ส่วนไอ้เซย์เมื่อมันเห็นว่าเป็นผมมันจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง หน้าของมันที่ไม่มีรอยยิ้มเป็นหน้าที่บ่งบอกว่า..มันสับสนและกังวลอยู่เต็มไปหมด

“กูควรทำไงดี? ไอ้บุ๊ค...กูไม่อยากเลิกกับมึง กูรักมึง” ผมจับไหล่ของมันทั้งสองข้างพร้อมกับพยายามที่จะยิ้มให้มัน แม้ว่ามันจะอยากลำบากก็เถอะ

“กูก็รักมึง” ผมโน้มตัวลงไปประกบจูบที่ปากของไอ้เซย์เบาๆ พยายามมอบความรู้สึกที่มีของผมผ่านจูบนี้ จูบที่ผมจะไม่มีวันมอบให้ใครนอกจากคนเดียว “ไม่เคยไม่รักมึงเลย”

“ไอ้บุ๊คสัญญากับกูได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เราจะไม่เลิกกัน”

“......” ผมยิ้มพร้อมกับส่ายหัวให้มันเป็นคำตอบ

“ทำไม....”

“ถ้ามันต้องเลิกกันก็แค่เลิกความสัมพันธ์แต่กูจะไม่เลิกรักมึง”

“หมายความว่าอย่างไง?????”

“กู...กูไม่อยากให้มึงทิ้งครอบครัวของมึงเพื่อมาหากู กูไม่ได้ดีขนาดที่มึงจะต้องยอมทิ้งทุกอย่าง” ผมพยายามกล้ำกลืนก้อนบางอย่างให้ลงคอไป “เข้าใจไหม?”

ในเมื่อตอนนี้ไอ้เซย์มันไม่มีเหตุผล ผมเองจะต้องมีเหตุผล และเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

“ไม่...ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย”

“มึงต้องมีเหตุผล”

“เหตุผล? ! ทำไมมึงพูดเหมือนมึงไม่พยายามเลยว่ะไอ้บุ๊ค?”

“ไม่ใช่ไม่พยายามแต่กูมองถึงอนาคตของมึง”

“ถามกูหรือยังว่ากูอยากได้อนาคตแบบนั้นไหม?” ครั้งนี้ไอ้เซย์หันหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนมันไม่อยากมองหน้าผม

“มึงเคยมีเหตุผลมากกว่านี้”

“เรื่องของมึงกูไม่เคยมีเหตุผลอะไรเลยไอ้บุ๊ค..แม้กระทั่งรักมึงกูยังตอบไม่ได้เลยว่าอะไรที่ทำให้กูรักมึง มันแม่งไม่เหตุผลเหี้ยอะไรเลย แต่กูรักมึงไปแล้วกูรักมึงฉิบหายเลย!” ไอ้เซย์ตอนนี้กลายเป็นไอ้เซย์ที่ไม่มีเหตุผล ไอ้เซย์ที่ไม่ยอมฟังอะไรนอกจากความคิดของมัน

“......”

“มึงยังไม่สู้..มึงจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้เหรอวะ?”

“ไม่ได้ไม่สู้ แต่แค่คิดว่าสู้ไปมันก็ไม่ชนะ กูเลยไม่รู้ว่าจะสู้ไปทำไม”

“สู้เพื่อกู....ไม่เคยอยู่ในช้อยของมึงเลยเหรอวะ?” น้ำตาของไอ้เซย์ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเห็นตอนนี้มันกลับไหลออกมา ภาพที่เห็นไอ้เซย์ยืนร้องไห้ต่อหน้าผมมันบีบหัวใจของผมเป็นอย่างมาก แต่ผมต้องใจแข็ง “หรือที่บอกว่ารักกูมึงไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ”

“ถ้ามึงจะคิดแบบนั้นก็ได้..ถ้ามันแลกกับการที่มึงจะไม่กลายเป็นหลานที่อกตัญญูกูก็จะปล่อยให้มึงคิด” ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้าพยายามสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมา

ตอนนี้ไอ้เซย์อ่อนแอผมจะมาอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด ผมจะต้องเข้มแข็งแม้ด้านในจะแหลกเหลวแล้วก็ตาม

“กูไม่อยากเลิกกับมึง....ไอ้บุ๊ค”

“ถ้ามันคือหนทางสุดท้ายที่มึงต้องทำอย่างลังเลที่จะเลิกกับกู..”

หมับ!

ไอ้เซย์ดึงผมเข้ามากอดเอาไว้ก่อนจะซุกตัวลงกับไหล่ของผม ผมปล่อยให้ไอ้เซย์กอดอยู่อย่างนั้นจนกว่ามันจะพอใจ

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเหรอวะ?”

“........” ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่ปล่อยให้น้ำตาที่พยายามกลั้นอยู่นานไหลออกมา แต่ก็ต้องปัดทิ้งไปเพราะไม่อยากให้ไอ้เซย์ไม่สบายใจ

“อย่าร้องไห้เพราะกูเลยไอ้เซย์..” หลังจากที่มันผละออกจากผม ผมค่อยๆ ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาของไอ้เซย์ออกเบาๆ “มึงทำเพื่อกูมาเยอะ ครั้งนี้กูจะสู้เพื่อมึง จะทำให้มึงเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่กูจะทำได้”

“...ไอ้บุ๊ค”

“เชื่อใจกูเหมือนที่กูเชื่อใจมึงนะ” แม้ว่าด้านในของผมจะบอกให้ยอมแพ้แล้วก็ตาม “ไม่ต้องห่วงว่ากูจะรู้สึกอย่างไง เพราะกูตั้งใจทำเพื่อมึง”

ผมพอจะรู้แล้วว่าผมควรทำอย่างไรต่อไป....

ปล.ขยันมาเพราะกำลังใจเยอะ อิอิ

ประกาศ เรื่องของ #นนอาร์ม ไรท์จัด E-Book ไว้แล้วนะคะ ซื้อได้เลยราคา 50 บาทเท่านั้น!!
ทั้ง MEB และ FICTIONLOG

FICTIONLOG : https://fictionlog.co/eb/5da71100c6da6a001ad1740d

MEB : https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjE0MzkwNiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwNjQ1NCI7fQ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 26
ดวงจันทร์ดวงเดียวกัน

Book’ s talk

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อะไรที่ผมไม่เคยเห็นก็ได้เห็นอย่างเช่นน้ำตาของไอ้เซย์และมารยาของผู้หญิง ผมยอมรับเลยว่าเกือบเขวให้กับคำพูดของคุณยายไอ้เซย์เมื่อก่อนหน้า แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้สติก็คือคำพูดของไอ้เซย์ ถ้าผมเลิกก็เท่ากับว่าผมสนับสนุนอนาคตที่มันไม่ได้เลือกเอง ดังนั้นผมจะสู้เพื่อมันอย่างน้อยผมก็มีโอกาสได้ทำแม้ว่าผมมันจะออกมาอย่างไรก็ตาม

“อย่าลืมกินข้าวด้วย” ตอนนี้ผมกลับมานอนเล่นอยู่ที่ห้องของตัวเองพร้อมกับมองหน้าไอ้เซย์ผ่านวิดีโอคอล เพราะตอนนี้ไอ้เซย์มันต้องกลับไปอยู่บ้านชั่วคราว

(บอกตัวมึงนั่นแหละกินข้าวเยอะๆ อย่ามัวแต่เล่นเกม) ไอ้เซย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย (อยากเจอมึงจังว่ะ)

“เดี๋ยวยายมึงก็แหกกูจนได้หรอก”

(พร้อมโดนแหกจะแย่ เออ มึงดูนี่) ไอ้เซย์ลุกขึ้นก่อนจะพาผมเดินไปที่ไหนสักที่ในห้องมัน ไอ้เซย์ตั้งโทรศัพท์ไว้กับชั้นหนังสือส่วนตัวมันนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับค้นหาอะไรบางอย่างออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ

“อะไรวะ”

(เงินเก็บกู ที่ถามว่ารวยขนาดนี้แล้วทำไมกูยังต้องทำงานพาร์ทไทม์) ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจมองไอ้เซย์ที่เอาบัญชีเงินฝากแต่ละธนาคารออกมา

(บัญชีนี้สำหรับเงินที่กูได้จากไปแข่งบอลในแต่ละครั้งจากพวกสปอนเซอร์ที่เรียกว่าเงินอัดฉีด) ไอ้เซย์ยกบัญชีสีชมพูขึ้นมา

(อันนี้บัญชีที่กูรับแปล)

(อันนี้บัญชีเงินเก็บจากค่าขนม รวมๆ แล้วที่กูคำนวณก็น่าจะส่งกูเรียนจบโดยไม่ต้องขอเงินจากแม่ ถ้ากูจบแล้วก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาดีทางด้านฟุตบอลไปเลย อาจจะไปเล่นไทยหลีกก่อน อีกสักสองสามปีรอฝีมือดีๆ พอเทียบกับคนอื่นได้กูคงไปคัดทีมชาติ เงินเยอะแต่อาจจะไม่ค่อยมีเวลา) ผมนั่งอ้าปากค้างฟังไอ้เซย์พูดถึงอนาคตที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากมัน นั่นเป็นเครื่องการันตีอย่างหนึ่งว่าไอ้เซย์มันจริงจังกับผม

“มึงคิดถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

(ตอนแรกก็ไม่ แต่กูมาคิดจริงจังก็ตอนที่รู้ตัวว่าชอบมึง กูรู้ว่าปัญหานี้มันจะเกิดสักวันถ้ากูยังไม่ตัดใจจากมึง)

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

(อยากรู้หรอ?)

“สัด ไม่งั้นจะถามไหมล่ะ” ผมพยายามไม่ยิ้มออกมาและเก๊กท่าวางฟอร์มให้มากที่สุดก่อนจะตั้งใจฟังไอ้เซย์พูด

(กูชอบมึงก็ตั้งแต่ปีหนึ่ง....)
“เดี๋ยวๆ ตอแหลรึเปล่ามึงจะชอบกูได้ไงมึงชอบไอ้รวย” จากที่นอนอยู่ผมรีบลุกขึ้นนั่งทันทีเพื่อฟังไอ้เซย์พูดได้ถนัด

(จริงๆ ชอบความอวดดีของมึง ปากเก่ง ไม่ยอมใคร แต่ก็พอจะมองออกว่าลึกๆ มึงมีดีบางอย่าง แล้วไอ้ที่กูบอกว่าชอบมารวยก็เพราะ...โคตรงี่เง่าเลยว่ะกูอยากอยู่ในสายตามึงมั้ง)

“ปัญญาอ่อน”

(ด่ากูปัญญาอ่อนแล้วยิ้มทำไมครับ?)

“สัดเอ้ย!” ผมรีบโยนโทรศัพท์ไปที่อื่นพยายามตั้งสติเพื่อไม่ให้ความเขินเข้าครอบงำตัวเอง ผมรู้สึกไม่เป็นตัวเองก็ครั้งนี้นี่แหละ ขนตูดไม่ได้ลุกแต่มันก็ให้ความรู้สึกเขินๆ เหมือนกัน

(จะเขินก็เขินไม่เห็นต้องวางฟอร์มไรเลย) เสียงไอ้เซย์ที่เล็ดลอดออกจากโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อผมตั้งสติได้จึงค่อยๆ เลื่อนมือไปเอาโทรศัพท์ที่โยนไว้ขึ้นมาเหมือนเดิม หน้าไอ้เซย์ที่จ้องผมผ่านจอโทรศัพท์ยิ้มออกมาเล็กน้อย

“อย่าทำหน้าเหมือนเอ็นดูกู”

(ก็กูเอ็นดูจริงๆ ไม่ให้กูเอ็นดูจะให้กูดูเอ็นมึงรึไง?)

“เรื่องจัญไรนี่ให้บอกมึงเลย” ผมส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “ละอย่างไงต่อ”

(ก็...หาเรื่องมาอยู่ในสายตามึงบ่อยๆ ชวนทะเลาะบ้างอะไรบ้างให้หัวใจกูพอมีแรง จนกระทั่งเริ่มรู้ว่ามึงเองก็ชอบมารวยกูเลยพยายามที่จะเข้าแทรกกลางระหว่างมึงสองคน จนกระทั่งมารวยไปเป็นแฟนกับพี่ชายของมึง ยอมรับเลยว่าดีใจแต่ก็อดที่จะสงสารมึงไม่ได้) ผมย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนๆ ตามที่ไอ้เซย์บอกซึ่งมันสอดคล้องกับคำพูดของมันทุกอย่าง ที่ชวนผมทะเลาะแม้ว่าสาเหตุหลักๆ จะมาจากที่ตัวของผมหาเรื่องมันก่อนมากกว่าแต่ก็ยากที่คนอย่างผมจะยอมรับ

“แต่กูไม่มีดีอะไรเลย”

(มีดิ อย่างน้อยมึงก็ไม่ได้ทิ้งกูในวันที่กูต้องการมึง) แววตาของไอ้เซย์เป็นประกายอย่างประหลาด มีทั้งภูมิใจ ดีใจ ที่ส่งมาให้ผม

“อย่าร้องไห้นะมึง” ผมรีบดักมันก่อนที่ไอ้เซย์จะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจที่มีให้แฟนอย่างผม

(เออ ไม่ร้องแล้ว อยากฟังต่อไหม)

“ได้ทั้งคืน”

(ครับ เชื่อแล้ว) ไอ้เซย์ยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนที่จะเล่าต่อ (ก็นั่นแหละจนกระทั่งหลอกมึงมาบอกว่าจะเป็นแค่เพื่อนนอน แต่จริงๆ แล้วไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงตั้งแต่แรกแต่อยากเป็นมากกว่านั้น เลยหาโอกาสดูแลมึงจนกว่ามึงจะยอมใจอ่อนให้กู)

“ถือว่ามีความพยายาม”

(แต่กูพูดจริงนะไอ้บุ๊คไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...กูมีแผนสำรองเสมอ และแผนสำรองของกูมีมึงอยู่ในนั้นทุกแผน อย่าพยายามผลักไสให้กูไปมีอนาคตที่ดีตามที่มึงคิดเลย เพราะถึงอนาคตกูจะดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีมึง กูคงไม่มีความสุข อันนี้กูพูดจริงๆ นะ)

“เออ รู้แล้ว ก็แค่เขว”

(แต่กูเป๋เลยนะตอนที่มึงบอกกู ถ้าให้กูเลือก กูเลือกไม่ได้แต่ที่กูรู้คือกูจะไม่ปล่อยทั้งมึงและครอบครัวของกู ยอมเห็นแก่ตัวเป็นคนจับปลาสองมือมึงคงไม่ว่าอะไรกูหรอกใช่ไหม?)

“ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นแหละสัด”

(ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะกูว่าเงินเก็บกูมีมากพอให้ไปตั้งตัว ดังนั้นตอนนี้มึงไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว)

“ไม่กังวล” ผมทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งโดยที่ตั้งโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ส่วนไอ้เซย์เองก็กลับมาที่เตียงนอนของมัน ซึ่งผมสองคนพร้อมที่จะนอน และทิ้งเรื่องไม่สบายใจไว้ข้างหลัง

(ถ้าง่วงมึงนอนเลยนะ)

“แล้วมึงล่ะ?”

(ขอดูมึงนอนก่อนแล้วกูค่อยนอน...)

“ฝันดีนะเว้ย” ผมหลับตาลงปล่อยให้ไอ้เซย์นอนมองผมผ่านโทรศัพท์ แม้จะอยู่ห่างกันอย่างไรแต่ถ้าใจของพวกเราไม่ไปไหนก็ไม่ทำให้ความรักของพวกเราไกลกันเหมือนระยะทาง

(จุ๊บ....ฝันดีครับ) เซย์กดริมฝีปากลงบนหน้าจ่อที่เปรียบเสมือนช่องทางที่ส่งไปให้กับบุ๊คที่นอนหลับตาอยู่ตรงหน้า เขาขอบคุณเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาเห็นอีกด้านที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นของบุ๊ค

น่ารักขนาดนี้จะไปหาจากที่ไหนได้


เช้าวันต่อมา

แม้ว่าเซย์จะต้องไปกลับไปอยู่ที่บ้านชั่วคราวแต่งานที่มาถึงในค่ำคืนนี้คือเฟชชี่ไนท์ ตลอดทั้งวันเขาไม่มีเวลาติดต่อใครเลยแม้กระทั่งบุ๊คเพราะงานที่รัดตัวบวกกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในหลายๆ ส่วนทำให้เซย์วุ่นเป็นพิเศษจนยกเลิกขึ้นร้องเพลงตามที่ตกลงกันเอาไว้กับวดนตรีของคณะ

ในด้านของบุ๊คเองได้โอกาสที่จะไปดีลคิวที่เซย์ยกเลิกและเปลี่ยนเพลงกะทันหันเพราะเขาตั้งใจจะร้องให้เซย์โดยเฉพาะ อย่างน้อยก็ได้ทำอะไรที่สื่อถึงความรักที่เขามีต่อเซย์บ้าง มันเปรียบเสมือนความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ

“ให้ผมช่วยไหมพี่” ไอ้อาร์มเดินเข้ามาหาผมหลังจากที่ผมบังเอิญเจอมันที่คณะ ผมลืมบอกไปว่าผมกับมันเคลียร์กันแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเคลียร์กันอย่างไรก็ไปอ่านได้ที่ E-Book ไม่ได้ขายของนะแต่ไรท์บังคับให้ต้องขาย

“งั้นฟังกูว่าบอดหรือเพี้ยนไหม” ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะเริ่มเล่นกีตาร์ให้ไอ้อาร์มฟัง

“พี่ร้องด้วยเหรอ?”

“เออ อยากแทรกดิว่ะ” ผมด่าไอ้อาร์มที่อยู่ๆ มันก็พูดแทรกขณะที่ผมกำลังจะเริ่มร้องเพลง

“โทษๆ พี่” ผมเริ่มเล่นใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้อาร์มไม่พูดแทรกผม มันเอาแต่นั่งมองนิ้วผมที่จับคอร์ดและคอยเช็กว่าผมควรจะปรับตรงไหนบ้าง บอกได้เลยว่าไม่ได้เพราะขนาดนั้นแต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุด

“เอาตรงๆ นะพี่ยังค่อมบางจังหวะ เอางี้ไหมให้ผมขึ้นไปเล่นคีย์บอร์ดให้เอาป่าว น่าจะประคองจังหวะให้พี่ได้ยึดบ้าง อย่างน้อยก็จะได้ไม่อายมาก” หลังจากที่ผมเล่นจบไอ้อาร์มก็รีบเสนอตัวมาช่วยผมทันที

“มันแย่เหรอวะ?”

“ไม่มากพี่ แต่มันติดที่ว่าพี่อาจจะไม่ถนัดเวลาเล่นและร้องไปด้วย”

“เอางั้นก็ได้” ไอ้อาร์มพยักหน้าตอบรับส่วนผมเองก็ฝึกซ้อมอยู่สักพักเพราะกว่าจะเริ่มงานก็อีกหลายชั่วโมง ผมอยากเห็นตอนที่ไอ้เซย์มันเห็นว่าผมอยู่บนเวทีจัง หวังว่ามันคงจะประทับใจกับสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำให้มัน


Say’ s talk

“เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงตรวจความเรียบร้อยด้วยนะ” ผมหันไปบอกรุ่นน้องและเพื่อนๆ หลังจากที่เตรียมงานมาตั้งแต่เช้า มีปัญหามากมายที่ต้องรีบแก้ไขเฉพาะหน้าทำให้ผมจำเป็นต้องยกเลิกคิวที่ขึ้นร้องเพลงเพื่อมาสแตนด์บายส่วนอื่นๆ

“โอเคครับพี่เซย์” มันไม่มีเวลาให้ผมต้องคิดมากเรื่องอื่นๆ เลย โดยเฉพาะเรื่องของไอ้บุ๊ค แม้ว่าใจอยากจะไปหามันแทบขาดแต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทิ้งงานส่วนนี้ไปได้

“พี่เซย์คะข้าวค่ะ” ฝ่ายสวัสดิการเอาข้าวกล่องมาให้ผม ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูว่าพอจะมีเวลาที่ผมสามารถยัดข้าวลงกระเพาะไหม แต่ถ้าไม่กินตอนนี้ผมก็จะไม่ได้กินอีกจนกระทั่งจบงาน

ผมรีบกินข้าวก่อนจะหันไปทำงานส่วนอื่นที่คนไม่พอ เป็นหัวหน้าใช่ว่าจะมีสิทธิ์ออกคำสั่งอย่างเดียวเพราะงานหลักๆ คือซับพอร์ททุกส่วนๆ

เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงเวลาเปิดงาน ผมออกมายืนอยู่ตรงจุดควบคุมเวทีและคอยให้สัญญาพิธีกรดำเนินงานเมื่อถึงเวลา ในมือของผมมีสคริปต์เพื่อรันงานทุกอย่างผมจะต้องคอยควบคุมเวลาทั้งหมดจนกระทั่งให้สัญญาผ่านวิทยุกับคนคุมเวทีอีกที

“พี่เซย์เรียกเวทีครับ” ผมยกวิทยุขึ้นมาเพื่อเรียกน้องๆ ที่คุมเวทีที่อยู่ห่างจากผมออกไปไกลพอสมควร

(เวทีครับพี่เซย์) สัญญาณปลายสายตอบกลับมา

“อีกห้านาทีให้แบรนด์ขึ้นมาตั้งเครื่องดนตรีเลยนะ”

(รับทราบครับ) ผมกดวางก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายในเวลาห้านาทีก่อนที่แบรนด์จะขึ้นเตรียมเครื่องดนตรี

บรรยากาศภายในงานเริ่มมีคนเข้ามาเยอะพอสมควรเพราะนอกจากประกวดดาวเดือนของคณะยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายที่หลอกล่อในนักศึกษาในคณะเข้ามาร่วมกิจกรรม อย่างน้อยก็มีอาหารฟรีที่ทางคณะกรรมการนักศึกษาอย่างพวกผมคอยจัดการ

“พี่เซย์ทางนี้เรียบร้อยไหมพี่” ผมกลับมายืนที่จุดประจำการหลังจากที่ตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยตามที่วาง

“เรียบร้อยๆ” ผมยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ นี่ผมไม่ได้นั่งมาเกือบครึ่งค่อนวันเลย ขอหลับตาพักสักพักปล่อยให้งานรันไปเรื่อยๆ

“และแล้วก็ถึงเวลาที่วงดนตรีของคณะจะมาบรรเลงเพลงเพราะๆ ให้ทุกคนได้ฟังในค่ำคืนนี้ ได้ข่าวว่ามีการแสดงพิเศษด้วยใช่ไหมคะ”

“ครับ ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปรับชมและรับฟังกันเลย”

เวลานี้ที่ผมว่างผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรหาไอ้บุ๊คแต่แล้วเสียงบนเวทีก็ทำให้ผมชะงักค้างก่อนจะอ้าปากออกมาเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่บนเวที.....

“สวัสดีครับ แปลกใจใช่ไหมที่ผมขึ้นมาร้องเพลง เอาจริงก็ไม่อยากจะขึ้นมานักหรอก แต่ว่า..ผมอยากมอบเพลงนี้ให้กับคนพิเศษของผม” สายตาของไอ้บุ๊คที่ยืนอยู่บนเวทีมองลงมาสบตาผมที่นั่งอยู่ด้านล่าง มันมองสบตาผมสักพักก่อนจะหันกลับไปจัดการกับเครื่องดนตรีที่มันเตรียมมา ยอมรับเลยว่าไม่ว่าไอ้บุ๊คจะขยับตัวไปทางไหนมันดึงดูดสายตาผมเอามากๆ โดยเฉพาะ

“เพลงนี้เก่าหน่อยนะครับ แต่ความหมายค่อนข้างดีเลย” ผมพยายามตั้งใจฟังว่าไอ้บุ๊คจะเล่นเพลงอะไร ถ้าหวังให้มันเล่นเพลงซึ้งๆ หวานๆ ผมว่าคงคิดผิด

จังหวะที่มันจับคอร์ดและค่อยๆ ดีดกีตาร์ผมยิ้มออกมาทันที

แม้ว่าไอ้บุ๊คจะไม่ได้ร้องขึ้นมาในช่วงอินโทรแต่มันพยายามตั้งใจเล่นกีตาร์ ตอนนี้มือของมันกำลังเกร็งบ่งบอกว่ามันกำลังกังวลว่าจะทำออกมาดีไหม จนกระทั่งมันหันไปหาไอ้อาร์มเพื่อบอกให้ไอ้อาร์มจะหยุดร้องเพื่อที่จะเข้าในจังหวะแรก

ฉันเฝ้าถามความสุขอยู่ที่ไหน ชายที่เขาเดินผ่านฉันเข้ามา
บอกกับฉันขอร่มสักคัน แต่ว่าที่มือเขาก็มีหนึ่งคัน
ก็แปลกใจ ท่ามกลางหยดฝนโปรยปราย
เขาก็ถามฉันว่าอยากสุขไหม ลองหุบร่มในมือสักพักหนึ่ง
และเงยหน้ามองวันเวลา มองหยดน้ำที่มันกระทบตา
ยังเปียกอยู่ใช่ไหม หรือไม่มีฝน


“กูถามตรงๆ นะกูไปทำอะไรให้มึงเกลียดนักหนาวะ”
“เกลียดมันไม่มีเหตุผล”
“เหมือนความรักที่รักแบบไม่มีเหตุผลอย่างนั้นดิ??”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้แต่แค่กูเกลียดไม่ใช่รักมึง”


ผมอมยิ้มให้กับบทสนทนาที่ผมกับมันเคยคุยกันตั้งแรกๆ ผมไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าไอ้บุ๊คมันจะยอมเป็นแฟนกับผม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าทะเลาะกันรุนแรง ความคิดที่ผมกำลังคิดบวกกับเนื้อร้องและเสียงเพลงที่มันกำลังบรรเลง ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผมโคตรมีความสุขเลย

บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน
ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง

ผมเองก็หวังว่าพายุที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้มันจะค่อยๆ ผ่านไป ไม่ว่าพายุมันจะรุนแรงแค่ไหนแต่ถ้าโครงสร้างของผมกับมันแข็งแรงพอเราทั้งคู่ก็จะสามารถผ่านพายุนี้ไปได้ไม่ยาก

เราสองคนสบตากัน สายตาของไอ้บุ๊คตอนนี้มันแสดงออกเต็มที่ว่ามันรู้สึกอย่างไรกับผม แม้จะไม่มีคำพูดหวานๆ หรือคำบอกรักแต่การกระทำที่ผมเห็นในวันนี้ มันโคตรชัดเจนและเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไอ้บุ๊คมันไม่มีทางที่จะปล่อยมือผมไปไหนแน่นอน

ยิ้มฉันยิ้มมากกว่าทุกครั้ง
สุขที่ฉันตามหามาแสนนาน
อยู่ตรงนี้ แค่เพียงเข้าใจ อย่าไปยึด
ถือมันและกอดไว้ ก็แค่ร่มเท่านั้น เท่านั้น

ก็เท่านั้นแหละครับความรักของผมกับมัน ที่ไม่มีอะไรแน่นอนคาดเดาอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่มั่นใจอย่างเดียวก็คือ...ไม่มีอะไรที่สามารถแยกระหว่างเราจากนี้และตลอดไป


Book’ s talk

สายตาของไอ้เซย์ที่มองมันบ่งบอกว่ามันมั่นใจในตัวผมเอามากๆ เหมือนที่ผมมั่นใจในตัวของมันในทุกๆ เรื่อง หลังจากที่ร้องเพลงจบผมกับมันไม่มีโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนเพราะหน้าที่ของไอ้เซย์ที่รัดตัว ซึ่งอันนี้ผมเองก็เข้าใจ แม้ว่าจะรอมันจนจบงาน ผมก็ไม่สามารถพูดคุยอะไรกับมันได้มากเพราะ...คุณยายมันส่งขนขับรถมารับ และคำพูดที่มันพูดกับผมก่อนที่จะขึ้นรถไปยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผมจนถึงตอนนี้

‘ไอ้บุ๊ค..สิ่งที่มึงทำทั้งวันนี้และที่ผ่านมากูเชื่อแล้วว่ามึงจะไม่ปล่อยมือกูไปไหน แต่ขออย่างเดียวอย่าไปหวั่นไหวเพราะการกระทำของคนอื่นโดยเฉพาะยายของกู ท่านก็แค่ขู่..ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้ก็ไม่มีใครแยกเราสองคนออกจากกัน’

‘.....’

‘อดทนเพื่อกูนะ’

ถ้าผมไม่อดทนเพื่อมันจะให้ผมอดทนเพื่อใคร

ผมกลับมาที่ห้องด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง การที่แสดงความรู้สึกออกไปโดยที่ไม่แคร์สายตาของตัวเองและคนอื่นมันก็รู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง

ผมกดโทรหาไอ้เซย์ทันทีที่ถึงห้อง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือใบหน้าของไอ้เซย์ที่ยิ้มให้ผมเหมือนอย่างทุกที

(ขอบคุณนะมึง ได้คุยกับมึงแค่แปบเดียวเอง)

“เออ ดีกว่าไม่ได้คุย” ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

(ไปเอาเวลาที่ไหนไปฝึก ไหนบอกกูว่าเล่นกีตาร์ไม่เป็นไง) ไอ้เซย์คาดคั้นเอาคำตอบด้วยท่าทีไม่จริงจัง

“ก็เห็นมึงอยากให้กูเล่นก็เลยฝึก ก็ครั้งนั้นที่ทะเลาะกับมึงเพราะกูให้ไอ้อาร์มสอนนั่นแหละ เข้าใจกูหรือยังว่าทำไมต้องไปใกล้ไอ้อาร์ม”

(อืม แต่ทีหลังไม่เอาแล้วนะมึง ไม่อยากให้มึงไปใกล้ใครแล้วว่ะนอกจากกู)

“เลี่ยนฉิบหาย” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ มองไอ้เซย์ที่กำลังเดินออกไปนอกห้องและยืนที่ระเบียง

(ไอ้บุ๊คออกมาตรงระเบียงเร็ว) ผมไม่ได้ถามว่าทำไมแต่ยอมเดินออกไปที่ระเบียงตามที่ไอ้เซย์ออก (ชูมือขวาขึ้นมาวางไว้ที่ขอบฟ้านะ)

“ทำอะไรวะ”

(ทำเถอะหนา) ผมยกมือขึ้นให้ขนาดกับท้องฟ้าตามที่ไอ้เซย์บอก

“แล้วไงต่อ” อยู่ๆ ไอ้เซย์ก็หมุนกล้องกลับหลังทำให้ผมเห็นมือของมันที่ทำเหมือนผมอยู่

(มึงเปลี่ยนกล้องเหมือนกู) ผมกดหมุนกล้องเหมือนไอ้เซย์ทำ (มึงเห็นดวงจันทร์ไหมไอ้บุ๊ค ตอนนี้เรากำลังจับดวงจันทร์ดวงเดียวกันอยู่) น้ำเสียงของไอ้เซย์ดูตื่นเต้นที่ได้ทำอะไรโรแมนติก แต่ผม....

“ไอ้เซย์คือว่าระเบียงห้องกูอยู่คนละฝั่งกับดวงจันทร์....”

(.........)

“แต่ถึงอย่างไงกูก็สัมผัสได้นะเว้ย”

ขอโทษนะ กูจะเปลี่ยนฝั่งห้องเพื่อมึงก็แล้วกัน

ปล. อยากเป็นคู่หมั้นพิเซย์จริงๆเล้ยยย

ประกาศ เรื่องของ #นนอาร์ม ไรท์จัด E-Book ไว้แล้วนะคะ ซื้อได้เลยราคา 50 บาทเท่านั้น!!
ทั้ง MEB และ FICTIONLOG

FICTIONLOG : https://fictionlog.co/eb/5da71100c6da6a001ad1740d

MEB : https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjE0MzkwNiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwNjQ1NCI7fQ

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 27
ปีนบ้าน (ยายเผลอแล้วเจอกัน)

‘ยายกูไม่อยู่เสาร์อาทิตย์นี้’

ผมนั่งจ้องข้อความที่ไอ้เซย์ส่งมาให้ผมในเวลาเกือบๆ เที่ยงคืนของวันศุกร์ วันนี้ผมกับเฮียบิ๊กกลับมานอนที่บ้านไม่ได้อยู่ที่หอเหมือนอย่างเคย

“จ้องไรวะตี๋” ผมหันไปมองหน้าเฮียบิ๊กที่ขอมานอนกับผมเพราะไม่อยากนอนคนเดียว โดยให้เหตุผลว่านอนคนเดียวแล้วมันเหงาเห็นแต่ภาพไอ้รวยเต็มไปหมด “มีไรให้เฮียช่วย?”

“คือไอ้เซย์มันส่งข้อความมาว่าเสาร์นี้ยายมันไม่อยู่ ผมเลยมีควมคิดแปลกๆ ว่าจะแอบไปหามันดีไหม แต่ว่ามันจะเสี่ยงไปเพราะอาจโดนข้อหาบุกรุก”

“เฮียไปส่ง”

“ไหนบอกไม่อยากนอนคนเดียว?”

“ก็...ถ้าเป็นความสุขตี๋เฮียนอนคนเดียวได้” ผมพยักหน้าและตกลงกับความคิดของตัวเองว่าจะเอาอย่างไรดีจะไปหรือไม่ไป แต่นี่ก็เกือบๆ เดือนแล้วที่ผมไม่ได้นอนกับไอ้เซย์ จะว่าเหงาไหมก็ไม่แต่น่าจะเป็นอย่างอื่นที่ทุกคนรู้ๆ อยู่ว่ามันคืออะไรมากกว่า

“ถ้าผมโดนจับ”

“เฮียมีเงินเยอะรับรองไม่เดือดร้อนป๊าม๊าแน่นอน”

“แล้วเฮียรู้ไหมว่ากำลังสนับสนุนทางที่ไม่ดีให้ผม”

“รู้ แต่คิดว่าตี๋น่าจะมีความสุขกับทางนี้เฮียก็จะยอมสนับสนุน” ผมพุ่งตัวเข้าไปกอดเฮียบิ๊กหลังจากที่เห็นแววตาว่าเฮียเป็นห่วงจริงๆ ไม่ได้กวนตีนอย่างที่คิด

“ไม่กวนตีนก็เป็นนะเฮีย”

“เดี๋ยวเฮียจะทุบนะ” ตอนที่เฮียไม่มีแฟนก็ดีเหมือนกันเพราะเมื่อไหร่ที่เฮียมีแฟนผมก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าทันที ไอ้รวย..กูขอโทษนะถ้าตอนนี้กูยังไม่สมหวังจริงๆ มึงอย่าพึ่งกลับมาคบกับเฮียเลย


หลังจากที่ผมซาบซึ้งกับน้ำใจของเฮีย ตอนนี้ผมมาอยู่ที่หน้าบ้านไอ้เซย์โดยที่มีเฮียขับรถมาส่ง ก่อนผมจะลงเฮียย้ำแล้วย้ำอีกว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้โทษหาเฮียทันที แต่ผมก็พูดให้เฮียสบายใจว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นทำให้เฮียวางใจและยอมกลับบ้านไป

“พี่สยาม...” นับว่าเป็นโชคดีของผมที่พี่สยามรปภ.ประจำบ้านอยู่กะกลางคืนพอดีทำให้ผมสบายใจไปหนึ่งเรื่อง

“คุณยายของน้องเซย์บอกพี่เอาไว้ว่าถ้าน้องมาที่บ้านให้รีบรายงาน” เหมือนผมจะประเมินสถานการณ์ผิดไปเพราะพี่สยามมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจังพร้อมกับมือที่เตรียมยกหูโทรศัพท์

“พี่ครับแต่ผม....” ผมเดินเข้าไปหาพี่สยามในป้อมพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เผื่อว่าพี่สยามจะเห็นใจ “ผมอยากเจอไอ้เซย์เฉยๆ เองพี่”

“........”

“ผมคิดถึงมัน”

“.......” พี่สยามยังคงทำสีหน้าแบบเดิมพร้อมกับยกหูโทรศัพท์ขึ้นเหมือนว่าเขากดเบอร์โทรออกไปแล้ว ทำให้ผมรีบวิ่งออกจากป้อมก่อนที่คุณยายของไอ้เซย์จะออกมาเจอ แต่ระหว่างนั้นพี่สยามกลับเรียกผมเอาไว้ก่อน

“น้องเซย์บอกว่า..ให้พาน้องบุ๊คไปเจอที่หลังบ้านครับ” ผมหันกลับไปมองพี่สยามทันที

“อย่าบอกนะว่า...”

“พี่ล้อเล่นเรื่องคุณยายน้องเซย์” ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ส่วนร่างกายผมพร้อมที่จะปะทะพี่สยามที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ที่วิ่งหนีเมื่อครู่ไม่ได้ป๊อดนะแค่ไม่อยากมีปัญหาเท่านั้นเอง ไม่เชื่อผมหรอ?

“โถ่พี่ผมตกใจหมดเลย” ผมเดินกลับเข้าไปหาพี่สยามก่อนจะเดินตามหลังไปที่หลังบ้านตามที่ได้ยินว่าไอ้เซย์บอกให้ผมมาเจอตรงนั้น

“โชคดีนะน้องบุ๊ค” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่สยามก่อนที่จะยืนรอไอ้เซย์อยู่บริเวณนั้นคนเดียว ไอ้เหี้ย! มืดก็มืด ยุงก็เยอะ มันยังไม่ลงมาอีก แต่สิ่งที่ผมกลัวไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นแต่ว่าเป็น....

หมับ!

ผลัก!!

อยู่ๆ ก็มีบางสิ่งบางอย่างแตะมาที่ไหล่ของผม ด้วยความที่กลัวอยู่แล้วทำให้ผมรีบผลักออกไปตามสัญชาตญาณ รู้ตัวอีกทีไอ้สิ่งที่แตะไหล่ผมกลับร่วงไปนอนอยู่ที่พื้น

“เจ็บฉิบหาย” ผมกอดอกยืนมองคนที่เล่นไม่รู้เรื่องคนที่สองด้วยสีหน้าที่พร้อมจะกระทืบมันหลังบ้าน

“เล่นเหี้ยอะไรเป็นด็ก”

“กลัวผีอ่อ” แต่สีหน้าของไอ้เซย์ไม่มีวี่แววรู้สึกผิดใดๆ แถมยังทำสีหน้าล้อเลียนผมเต็มที่ก่อนที่มันจะยันตัวลุกขึ้นมายืนเสมอหน้ากับผม “ไม่คิดว่าจะมา”

“กูก็ไม่คิดว่ากูจะมาเหมือนกัน เหมือนแอบมาปืนลักลูกสาวเขาฉิบหาย”

“แต่ตื่นเต้นดีนะมึง” อยู่ๆ ไอ้เซย์กลับผลักตัวผมให้ไปประชิดกับกำแพงใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมผมเอาไว้พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาจนจมูกของมันแตะลงบนจมูกของผม

“ตื่นเต้น..อะ..อะไร” ผมเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเมื่อริมฝีปากของไอ้เซย์แตะมาที่ซอกคอของผมเบาๆ ก่อนจะออกแรงขบเม้มจนรู้สึกเจ็บนิดๆ

“ก็..กูคิดอะไรบางอย่างออก บางอย่างที่จะทำให้ยายกูยอมรับ”

“อะไรวะ” คราวนี้ผมจับหน้าของไอ้เซย์ให้ออกห่างจากซอกคอของผมก่อนเพื่อที่จะได้คุยกันรู้เรื่อง “คุยก่อนค่อยเอาไหม”

“เออๆ” ไอ้เซย์ผลักออกจากผมก่อนที่มันจะยืนนิ่งเพื่อระงับอารมณ์บางอย่าง “กูมาคิดดูว่า..ยายกูใช้แผนนั้นเพื่อให้กูกับมึงเข้าใจผิด แต่...กูจะใช้แผนนั้นเพื่อให้กูกับมึงได้สมหวัง”

“อย่างไง”

“ก็...มีอะไรกันจริงๆ แล้วทำให้ยายกูมาเห็นตอนเช้าก็ได้ คงไม่ต้องมาถึงขนาดที่ยืนดูกูกับมึงมีอะไรกันหรอก เตี้ยมแม่กูป๊าม๊ามึงให้มาเจอพร้อมกัน แล้วบังคับให้กูรับผิดชอบมึง” ผมมองหน้าด้วยสีหน้าอึ้งๆ ผมไม่คิดว่าแผนนี้จะออกมาจากไอ้เซย์เพราะมันดูไม่น่าจะคิดอะไรแบบนี้ได้ แต่สิ่งที่ผมคิดกลับกลายเป็นว่าถ้าเป็นเฮียผมคิดผมจะไม่แปลกใจเลย

“ไหนบอกยายมึงไม่อยู่?”

“ถ้าบอกว่าอยู่มึงจะมาไหมล่ะ” ไอ้เซย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“แล้วป๊าม๊ากูจะรู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่”

“ไม่ต้องห่วงเพราะพี่ชายมึงเขาจัดการเรื่องนี้ให้แล้ว” พี่ชายผม...

“มึงอย่าบอกนะว่า...”

“เออ เหมือนที่มึงคิดเลย เฮียมึงเป็นคนวางแผนทุกอย่างให้เอง ตอนแรกกูก็ไม่อยากทำตามแต่พอคิดๆ ดูแล้วก็น่าจะมีโอกาส” ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ ก็คิดอยู่แล้วว่าไอ้เซย์ไม่มีทางคิดอะไรแบบนี้ได้แน่ๆ

“เฮียแม่ง..” แสดงว่าก่อนหน้านี้ที่อยู่บ้านคือเล่นละครตบตาผมมาตลอดทำเหมือนว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนวางแผน ให้มันได้อย่างนี้

“แล้วมึงจะเอาไหม”

“เอาอะไร?”

“ตามแผนไง”

“ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว”

“งั้นกูขอตรงนี้ก่อนเลย..” สิ้นเสียงคำพูดไอ้เซย์ก้มลงมาจูบผมพร้อมกับสอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาด้านในโพรงปาก มือทั้งสองข้างของมันถอดเสื้อที่ผมใส่ออก เมื่อไม่มีเสื้อปกปิดแล้วก็ยิ่งทำให้มือของไอ้เซย์เข้ามาลูบไล้ร่างกายผมได้ถนัดมากขึ้นกว่าเดิม ริมฝีปากของไอ้เซย์เลื่อนลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปากลงมาคาง..ลงมาที่คอ พรมจูบรอบๆ ไหปลาร้า ลากลิ้นมาหยุดที่ยอดอกทั้งสองข้างของผม

“มึงอย่าทำรอยดิวะ”

“จะได้สมจริงไง” ไอ้เซย์เงยหน้าขึ้นมาบอก

“แต่ที่มึงกำลังนี่ปลอมมากมั้ง”

“ก็คิดถึงมึง อย่าห้ามเลย” ถ้าผมฟังไม่ผิดหรือหูเพี้ยนไปน้ำเสียงและท่าทางแบบนี้ของไอ้เซย์โคตรเซ็กซี่เลย โดยเฉพาะสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงขนาดนี้

“ไอ้บุ๊คกูขอนะ” อยู่ๆ ไอ้เซย์ก็ออกแรงอุ้มผมที่ตัวพอๆ กับมันขึ้นโดยที่ริมฝีปากของผมกับมันยังคงบรรเลงรสจูบกันอยู่ ตอนนี้ผมก็พึ่งรู้ว่าไอ้เซย์มันมีความสามารถถึงขนาดอุ้มจูบผมโดยที่ไม่ดูทางได้

ตอนนี้ผมรู้ตัวอีกทีไอ้เซย์ก็ผลักตัวผมลงมาบนเตียงโดยที่มีมันคร่อมอยู่

“ถ้าอยากให้สมจริงต้องร้องดังๆ” ไอ้เซย์ผละออกมายิ้มเล็กๆ ก่อนจะกลับลงมาทำกิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ต่อไปเรื่อยๆ

ยอมรับหนึ่งอย่างเลยว่าผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขขนาดนี้มาก่อน ไอ้เซย์คือคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

รักมันจังเลย ทั้งหัวใจและตัวของมัน



Big’ s talk

เนียนไหมล่ะครับ ก็บอกแล้วว่าเรียนการแสดงละครมา บทพื้นฐานแค่นี้ไม่ทำอะไรผมหรอก แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมต้องไปปลุกป๊ากับม๊าให้ตื่นมารับรู้เรื่องราวที่ผมกำลังทำลงไปก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นผิดแผนแน่นอน

“เฮียปลุกม๊าทำไม” ม๊าค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบๆ ตีสองหลังจากที่ผมขับรถไปส่งตี๋เสร็จ

“ผมมีเรื่องจะคุยกับม๊ากับป๊าเรื่องตี๋” เท่านั้นแหละดวงตาของม๊าเบิกกว้างทันที

“ตี๋มันไปก่อเรื่องอะไรหรือเปล่าเฮีย?” ก็อย่างที่รู้ๆ ว่าตี๋มันเป็นเด็กที่ถูกสปอยมาตั้งแต่เด็กอาจจะทำให้นิสัยบางอย่างผิดแปลกไปจากเด็กทั่วไปบ้าง ม๊าเลยค่อนข้างกังวลว่าตี๋มันจะไปก่อเรื่องอะไรที่ไม่ดี โดยเฉพาะถ้าผมบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับม๊าเรื่องตี๋

“แล้วป๊าล่่ะ”

“ปล่อยให้นอนไปก่อนปลุกแล้วชอบงอแง” ผมพยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องต่างๆ ให้ม๊าฟัง ม๊ามีท่าทีตกใจเล็กน้อยให้กับแผนการของผม แต่ที่ตกใจไปยิ่งกว่าที่รู้ว่าตี๋มีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ม๊าก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรแค่ไม่คิดว่าอย่างตี๋จะชอบแบบนั้นเพราะตลอดเวลาตี๋ไม่เคยแสดงออกว่าชอบผู้ชายด้วยกันเอง ไม่แปลกที่ม๊าจะแสดงอาการว่าตกใจ

“แล้วแม่ของเซย์เขาไม่ว่าอะไรใช่ไหม มีแค่ยายอย่างนั้นเหรอ?” ม๊าถามหลังจากที่ผมเล่าทุกอย่างจบ

“ก็ตามนั้นแม่ของไอ้เซย์เด็กกว่าม๊าเป็นสิบปีคงจะไม่ซีเรียสเรื่องนี้หรอก”

“เฮียว่าม๊าแก่อย่างนั้นดิ?” ม๊าเริ่มหน้าตึงขึ้นมาเมื่อผมพูดถึงเรื่องอายุมากกว่าตึงเรื่องของตี๋ “ม๊าว่าม๊าต้องไปฉีดโบเพิ่มแต่นี่พึ่งไปทำไฮฟูยกกระชับมาเองนะ เหี่ยวขนาดนั้นเลยเหรอเฮีย”

“ถ้าม๊าช่วยตี๋ได้ผมให้เงินม๊าไปยกตาสองชั้นใหม่ที่เกาหลีเลย รับรองไม่ยุ่งกับเงินป๊าแน่นอน”

“โอเคเฮียม๊าช่วยเต็มที่ แต่ที่หลักๆ ก็เรื่องของตี๋หรอกนะม๊าไม่ได้อยากไปทำตาสองชั้นอะไรนั่นหรอก”

“งั้นไม่เอาเนอะม๊า”

“เอาดิเฮีย” ผมหัวเราะอยู่กับม๊าสองคนพร้อมกับพูดถึงบทบาทของม๊าที่จะต้องแสดงในวันพรุ่งนี้เช้า ส่วนม๊าก็มีหน้าที่ไปบรีฟป๊าอีกที

ในส่วนของผมคืนนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรเท่ากับการกลับไปนอนที่ห้องและตั้งนาฬิกาปลุก ไปนอนเก็บแรงเอาไว้มาสู้ในยกต่อไป เฮียทำเพื่อตี๋ขนาดนี้ถึงคราวที่ตี๋จะต้องช่วยเฮียเอามารวยกลับคืนมา ไม่ได้หวังผลตอบแทนจริงๆ นะไม่เชื่อผมเหรอ?


เช้าวันต่อมา

ผมยกขบวนป๊าม๊ามาที่หน้าบ้านของไอ้เซย์ ระหว่างทางก็บรีฟป๊าไปด้วยจนกระทั่งบรีฟครั้งสุดท้ายบนรถก่อนที่จะลง

“ป๊าต้องโมโหขนาดไหนวะบิ๊ก” ป๊าเป็นคนเดียวในบ้านที่เรียกชื่อเล่นของผมเพราะคนอื่นๆ จะเรียกผมว่าเฮีย แต่มันก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่ผมต้องอธิบายรึเปล่าวะ?

“โมโหแบบสุดขีดอะป๊า ไอ้ตี๋มันโดนข่มขืนเลยนะ” ผมพยายามบิ้วให้ป๊ามีอารมณ์แต่ดูเหมือนว่าป๊าจะมีอารมณ์สงสัยมากกว่าอารมณ์โมโห

“ว่าแต่ข่มขืน? ตี๋มันไปข่มขืนเขาหรือเขาข่มขืนมันกัน ป๊าไม่แน่ใจ” อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเรื่องโพสิชั่นเหมือนกัน ดูภายนอกไอ้สองคนก็เหมือนผู้ชายปรกติทั่วไปเลยไม่รู้ว่าเรื่องบนเตียงใครจะอยู่ฝ่ายไหน

“ป๊าอย่าไปสนใจเรื่องนั้นซิ แค่โฟกัสว่าต้องช่วยลูกของเรา” ม๊าตอบแทน

“โอเค ลงได้ยังเริ่มโมโหแล้ว” ป๊าทำท่าทางขึงขังซึ่งผมมองว่าโคตรตลกแต่เอาเถอะครับพอถึงสถานการณ์จริงอาจจะไม่ตลกก็ได้ เพราะผมไม่เคยเจอกับคุณยายของไอ้เซย์ผ่านๆ ไม่เคยปะทะคารมกันสักที

ผมจอดรถไว้หน้าบ้านก่อนจะพาป๊ากับม๊ามาติดต่อที่ป้อมของรปภ. ซึ่งแน่นอนว่าผมวางแผนกับไอ้เซย์ให้บรีฟรปภ.เอาไว้เพื่อประหยัดเวลาในการถ่ายทำ เอ้ย! เวลาในการช่วยเหลือตี๋

“มาหาใครครับ?” รปภ.เดินเข้ามาถามผมด้วยสีหน้าขึงขัง ซึ่งผมส่งซิกให้ว่าต้องทำให้ดูวุ่นวายมากที่สุด โดยการที่ป๊ากับม๊าต้องเอะอะให้เกิดเสียงดังเข้าไปในบ้าน

“ตี๋!!! ตี๋อยู่ไหมลูก”

“ตี๋ป๊ามาช่วยแล้ว”

“ตี๋ ตี๋ โวยวาย โวยวายยยย!!” และทุกคนก็ทำตามแผนจนกระทั่งแม่บ้านออกมาจากบ้านใหญ่เพื่อมาดูว่าเกิดเสียงอะไรก่อนจะหายไปรายงานด้านใน

ผมเห็นแม่ไอ้เซย์เดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงท่าทางมีอายุถ้าให้เดาน่าจะเป็นคุณยาย ผมแอบยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อสบตากับแม่ของไอ้เซย์ที่เธอเองก็รู้แผนการทุกอย่าง

“เอะอะอะไรกัน!” ผมมองแอบกระซิบม๊าว่านี่คือคุณยายของไอ้เซย์ก่อนที่ท่าจะเดินมาถึงตัวพวกผม

“ลูกชายของฉันน่าจะอยู่กับหลานของคุณ” เสียงของม๊าเริ่มจริงจังขึ้นทันทีที่เห็นว่าสายตาของยายไอ้เซย์มองมาทางพวกผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยท่าทางดูแคลน

“หรอ? แล้วลูกชายเธอจะมาอยู่กับหลานชายฉันได้อย่างไง”

“น้องชายของผมหายออกจากบ้านไป คิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่ครับ” เมื่อเห็นม๊าเงียบผมเลยพูดแทรกขึ้นมา

“ใช่ ไอ้ตี๋มันน่าจะอยู่ที่นี่” ป๊าพูดเสริม

“เหอะ! มันจะมาอยู่ได้อย่างไง นี่มันบ้านฉัน” สีหน้าของคุณยายเริ่มตึงขึ้น “บอกไว้ก่อนนะถ้ายังไม่ออกไปจากบ้าน ฉันจะแจ้งความ!”

“คุณแม่คะ เราขึ้นไปดูที่ห้องเซย์ก่อนดีกว่าไหมคะ ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย” คุณแม่ของไอ้เซย์พูดบทของเธอขึ้นมา

“ถ้าลูกชายของพวกเธอไม่อยู่ที่ห้องของหลานชายฉัน ฉันจะฟ้อง!!”

“เชิญครับ”


Say’ s talk

ผมได้ยินเสียงเอะอะออกอยู่ข้างนอกก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดม่านดูและเห็นว่าเฮียบิ๊กพาพ่อกับแม่ของไอ้บุ๊คมาถึงบ้านของผมแล้ว แต่...แต่ไอ้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมมันหายไป ไม่ต้องตกใจครับมันหายไปเข้าห้องน้ำ

ก็อกๆ

“ไอ้บุ๊คเสร็จยัง” ผมเคาะประตูห้องน้ำเมื่อเห็นว่าตอนนี้ทุกคนกำลังจะขึ้นมาที่ห้อง

“ขี้อยู่! ยังไม่เสร็จ” ไอ้บุ๊คตะโกนตอบ

“พ่อกับแม่มึงจะมาแล้วเนี่ย กลับมานอน”

“แต่กูยังขี้ไม่สุด!”

“ถ้ามึงไม่มานอนมันจะไม่เนียน”

“ให้กูขี้บนเตียงไหมล่ะสัด!” ผมไม่รู้ว่าถ้ายายเปิดมาแล้วไม่เจอว่าผมกับไอ้บุ๊คนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงยายจะเล่นแง่ว่าไม่ยอมรับไหมเพราะไม่ได้เห็นหลักฐานจริงๆ

อีกอย่างผมก็ค่อนข้างกังวลเพราะไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน กลัวว่ามันจะไม่เนียน แม้ว่าพวกผมสองคนจะมีอะไรกันจริงๆ ไม่ได้ตบตา

“ไอ้บุ๊ค!!” ผมยิ่งเร่งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกที

“เออ ล้างก้นอยู่!” ผมได้ยินเสียงไอ้บุ๊คกดชักโครกแต่ไม่มีทีท่าว่าจะออกมาสักทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องผมถูกไขจากข้างนอก

ไม่เคยเหงื่อแตกขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะครับ ไอ้บุ๊คแม่งเอ้ย!

“เซย์!”

ผลัก!

อุ๊บ!

อยู่ๆ ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับไอ้บุ๊คที่รั้งตัวของผมเข้าไปจูบก่อนที่ประตูห้องนอนจะถูกเปิดออก แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นตอนนี้คือพวกผมสองคนจูบกันอยู่ด้วยสภาพที่ล่อแหลม

“ฉันจะเป็นลม!”

“คุณแม่/คุณยาย!” ผมรีบผละออกและพุ่งตัวไปหาคุณยายที่ทำทีท่าว่าจะเป็นล้ม ส่วนไอ้บุ๊คก็เดินตามผมมาติดๆ

“นี่มันอะไรตี๋?” แม่ของไอ้บุ๊คไม่ปล่อยโอกาสให้ห้องเงียบ เธอเดินเข้ามาจับตัวของไอ้บุ๊คหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจ ส่วนพ่อของไอ้บุ๊คก็ตรงเข้ามาหาไอ้บู๊คด้วยท่าทางตกใจเหมือนกัน

“ผมกับไอ้เซย์..เอ่อ” คนที่เล่นละครไม่เนียนที่สุดในที่นี้ก็น่าจะเป็นไอ้บุ๊คที่เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมบอกว่าผมทำอะไรมัน

“ผมข่มขืนมันครับคุณยาย!” ผมยืดอกพูดขึ้นทันทีทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้เงียบ “คุณพ่อคุณแม่ครับ..ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ผมจะรับผิดชอบลูกชายของคุณพ่อคุณแม่เอง” ผมคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อกับแม่ของไอ้บุ๊คพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เอาจริงๆ ผมก็รู้สึกอยากขอโทษที่แอบทำอะไรไอ้บุ๊คมานานโดยที่ไม่ยอมเข้าไปพูดคุยกับพวกท่านจนเกิดเรื่อง

“เซย์..ยายไม่ให้ทำแบบนั้น” คุณยายพูดแทรกขึ้นมา

“ทำไมคะ หรือแค่เพราะว่าลูกชายของดิฉันเป็นผู้ชาย เลยไม่ต้องรับผิดชอบ? ต้องให้เป็นผู้หญิงอย่างนั้นเหรอคะถึงต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชายก็ไม่ควรที่จะถูกปฏิบัติแบบนี้ อย่าเอาแค่เรื่องเพศมาเป็นตัวกำหนดว่าอะไรควรหรือไม่ควร อะไรถูกหรืออะไรผิด มันอยู่ที่จิตสำนึกไม่ใช่เหรอคะ?”

“ฉันไม่เห็นว่าลูกชายของเธอจะเสียหายอะไรเลย ยังยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ หรือจะเอาเงินไหมฉันจะให้แล้วจบๆ กันไป เรียกมาสิเอาเท่าไหร่?”

“คุณแม่คะพอเถอะค่ะ!” อยู่ๆ แม่ของผมก็พูดแทรกทุกคนขึ้นมา “เลิกบังคับเซย์สักที คุณแม่บังคับซิมไม่ได้ก็ใช่ว่าคุณแม่จะมาบังคับลูกของซิม...ซิมรู้ว่าซิมเป็นลูกที่ไม่ดี ทำให้คุณแม่ผิดหวังแต่การที่คุณแม่ทำแบบนี้..ซิมยอมไม่ได้”

“เหอะ! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? ฉันหวังดีไม่อยากให้หลานของฉันเป็นแบบแก!” คุณยายสะบัดมือออกจากคุณแม่ของผมทันที “แกไม่รู้หรือไงว่าการมีลูกผิดเพศมันน่าอายมากแค่ไหน!”

“.......”

“.......”

“มีลูกชายคนเดียวแต่ลูกชายไม่เป็นผู้ชายฉันอาย! แกจะให้ฉันยอมรับว่าหลานฉันเป็นเหมือนแกอย่างนั้นเหรอ!!”

“คุณยายพอเถอะครับเลิกว่าแม่สักที เรื่องนี้แม่ไม่ผิดผมไม่ผิด ไม่มีใครผิดทั้งนั้น แต่ถ้าจะให้พูดตามหลักความเป็นจริงคนที่ผิดผมว่าน่าจะเป็นคุณยายมากกว่า” ใช่ครับคุณแม่ของผมเป็นผู้ชาย..หรือตามจริงคุณแม่มีศักดิ์เป็นพ่อของผม คุณแม่มีผมตอนที่ท่านอายุสิบห้าเพียงแค่เพราะอยากประชดคุณยายที่ไม่ให้ท่านเลือกแสดงตัวตนของตัวเอง จนทำให้แม่จริงๆ ของผมท้อง ซึ่งทางบ้านของแม่ไม่พร้อมที่จะมีผม คุณยายบังคับให้คุณแม่แต่งงานเพื่อรับผิดชอบ อีกอย่างก็เพราะความสบายใจที่กันไม่ให้คุณแม่ทำให้คุณยายอับอาย จนในที่สุดด้วยความที่แต่งงานอายุน้อยด้วยกันทั้งคู่ ต่างก็ไปไม่รอดจนทั้งสองแยกทางกัน ตอนนั้นแม่ก็ยังคงทำตัวเป็นผู้ชายเพื่อให้คุณยายสบายใจจนกระทั่งมาเจอกับคนที่รัก แต่นั่นก็ถูกขัดขวางโดยการที่คุณยายบังคับให้แม่แต่งงานอีกครั้งจนเกิดอะตอมขึ้นมา สุดท้ายครอบครัวที่สองก็ไปไม่รอดจนทำให้ทุกอย่างพัง คุณแม่หนีคุณยายไปแปลงเพศเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นผู้หญิง จนกลายเป็นแบบนี้...ผมเข้าใจว่าคุณยายผิดหวังแต่ก็ไม่ควรที่จะมาหวังอะไรกับผมแบบนี้ ไม่ซิ ท่านไม่ควรตั้งความหวังของท่านไว้กับใครทั้งนั้น

“เซย์ลูก....”

“เหอะ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นหัวกันแล้วหนิ” คุณยายเดินหนีออกจากห้องไปพร้อมกับคุณแม่ ทิ้งให้ครอบครัวของไอ้บุ๊คยืนอ้าปากค้างทันที

“ผมขอโทษด้วยนะครับ แล้วทุกอย่างผมจะรับผิดชอบเอง ไอ้บุ๊คเดียวกูมาอธิบายให้ฟังนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้” ผมหันไปบอกไอ้บุ๊คก่อนจะรีบตามคุณแม่กับคุณยายออกไป

ประกาศ เรื่องของ #นนอาร์ม ไรท์จัด E-Book ไว้แล้วนะคะ ซื้อได้เลยราคา 50 บาทเท่านั้น!!
ทั้ง MEB และ FICTIONLOG

FICTIONLOG : https://fictionlog.co/eb/5da71100c6da6a001ad1740d

MEB : https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMjE0MzkwNiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwNjQ1NCI7fQ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 28
ผมรวยนะครับคุณยาย

Book’ s talk

ให้ทายว่าตอนนี้ครอบครัวผมเป็นอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อึ้งดิครับ อึ้งฉิบหายเลย อึ้งแบบไม่เคยอึ้งมาก่อนโดยเฉพาะป๊าที่เอาแต่พูดว่าแม่ของไอ้เซย์เคยเป็นผู้ชายเหรอทำไมดูไม่ออกเลย อย่าว่าแต่ป๊าเลยขนาดผมที่เจอหลายต่อหลายครั้งก็ยังดูไม่ออก ถึงว่าทำไมยายของไอ้เซย์ถึงแอนตี้มันขนาดนี้ ก็น่าเห็นใจอยู่นะ แต่สิ่งที่น่าเห็นใจกว่าคือผมนี่แหละว่าควรจะเอาอย่างไรต่อไปดี

“ตี๋ลูกจะเอาอย่างไงต่อไป” ม๊าพูดขึ้นหลังจากที่พวกผมทั้งหมดขนขบวนกันกลับบ้าน

“ผมรักมันไปแล้วอะม๊าจะยอมก็คงไม่ทัน ส่วนเรื่องยายมันผมก็เข้าใจนะว่าทำไมถึงแอนตี้ขนาดนี้ ปมใหญ่ซะด้วยจะแก้ก็คงไม่ได้” ส่วนเรื่องนี้บอกตามตรงว่าพีค พีคกว่าละครบางเรื่อง ผมก็ไม่รู้นะว่าไรท์ไปคิดปมแบบนี้ได้อย่างไร ก็เอาเถอะถือว่าคิดเก่งพอตัวอยู่เหมือนกัน

คิดเก่ง...แต่ทำให้ผมกับมันจะไม่สมหวังนี่แหละ วอนไรท์เห็นใจอีกสามตอนเรื่องของผมก็จะจบแล้ว ส่วนเรื่องไอ้อาร์มกับไอ้นนก็นะขาดทุนย่อยยับ ไม่สนุกเหมือนเรื่องผมอะดิ ดูออก ฮ่าๆ

“ยิ้มคนเดียวเป็นไรวะตี๋” เฮียบิ๊กพูดขึ้น

“คิดอะไรเพลินเฮียๆ” แต่น่าแปลกว่าผมกลับไม่เครียดอย่างที่ควรเป็น ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเข้าใจสาเหตุของเรื่อง และอีกส่วนผมก็พอจะรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้ที่แน่ๆ

“เฮียบอกให้เอายาพิษให้ยายไอ้เซย์กินตั้งแต่แรกก็จบ” ถ้าเอายาพิษให้ยายไอ้เซย์กินเหมือนแผนที่เฮียคิดให้ผมในตอนแรก ดีไม่ดีอาจจะไปนอนเล่นในคุกแล้วก็ได้

“เฮียคิดให้น้องเหรอลูก?” ม๊าถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจ

“ใช่ม๊าเจ๋งไหม”

“เลวมากลูกชายม๊า ใครสั่งใครสอนเนี่ย” และม๊าก็บ่นเฮียยาวตลอดทั้งทาง เอาจริงๆ ก็ไม่ได้บ่นอะไรจริงจัง แต่ส่วนมากจะเน้นที่ว่ากลัวผมเอาไปทำตามจริงๆ ผมก็อยากถามม๊านะว่าเห็นผมไม่มีวิจารณญาณขนาดทำตามแผนเฮียเลยเหรอ


Say’ s talk

หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณยายก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องแม้ว่าผมกับแม่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไร คุณยายก็ไม่ยอมฟัง นี่ก็ผ่านมาเกือบๆ สามวันแล้วผมเป็นห่วงคุณยายจังครับ แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือแม่ที่เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของเรื่องนี้

“แม่ผิดเอง ถ้าตอนนั้นแม่เลือกทำตามที่คุณยายของลูกบอก ลูกก็คงจะไม่โดนบังคับ” ผมยื่นมือไปกุมมือของแม่เอาไว้

“อย่าโทษตัวเองเลยครับแม่ แม่ไม่ผิดเซย์เชื่อว่าคุณยายจะเข้าใจ” สามวันที่ผ่านมาไอ้บุ๊คไม่ติดต่อผมมาเลยผมไม่รู้ว่ามันคิดอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ แต่ที่แน่ๆ ผมอยากจะคุยกับมัน

เมื่อไหร่เรื่องวุ่นวายแบบนี้จะจบลงสักที


Book’ s talk

“ฮึบ!” ใครจะว่าผมบ้าตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ผมกำลังปืนบ้านของไอ้เซย์อีกครั้งโดยที่ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์

สาเหตุที่ต้องมาปืนก็เพราะว่าผมอยากจะคุยกับยายไอ้เซย์แค่สองคน ไม่อยากให้คนอื่นรู้แม้กระทั่งไอ้เซย์ ส่วนหนึ่งผมก็ไม่อยากให้มันคิดมาก เอาไว้แผนสำเร็จผมก็ค่อยไปบอกมัน แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ไปเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลด้วย เผลอๆ อาจจะถูกถีบตกหน้าต่างบ้านก็วันนี้

“.......” ผมเข้ามาหยุดอยู่ที่ระเบียงบ้านไอ้เซย์ชั้นสอง พยายามสอดส่องเข้าไปดูว่าห้องนี้ใช่ห้องของคุณยายมันไหม แต่ลัดเลาะไปเรื่อยๆ ก็ไม่เจอสักทีจนมาหยุดอยู่ที่ห้องสุดท้ายของชั้น ผมเอาตาส่องเข้าไปที่รูของผ้าม่านพยายามเพ่งดูว่าเห็นใครไหม และจังหวะที่ผมต้องเอาหน้าแนบไปกับกระจกอยู่ๆ ผ้าม่านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับใบหน้าของคนที่ผมตามหามาตลอดตั้งแต่ปืน

“......!!!”

ตุบ!!

คณยายของไอ้เซย์หงายหลังล้มไปทันทีเหมือนว่าท่านตกใจกับการที่เปิดผ้าม่านมาเห็นผมอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่เป็นที่ ที่ไม่สมควรอยู่ ด้วยความตกใจผมรีบไปตรงระเบียงและภาวนาขอให้ระเบียงไม่ล็อก และเป็นอย่างที่ผมคิดเพราะระเบียงไม่ล็อกทำให้ผมสามารถเข้าไปช่วยเหลือคุณยายได้

โชคดีที่คุณยายล้มลงไปที่โซฟาทำให้ศีรษะไม่กระแทกพื้น ผมรีบเข้าไปประคองตัวของคุณยายให้นอนบนโซฟาดีๆ ก่อนจะหาอะไรมาให้คุณยายดม โดยที่ผมนั่งอยู่ที่พื้นเพื่อรอให้คุณยายฟื้นขึ้นมา

เวลาผ่านไปเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงนิ้วมือของคุณยายเริ่มขยับผมจึงค่อยๆ ขยับเข้าไปหา ทันทีที่ดวงตาของคุณยายเปิดผมรีบก้มลงไปกราบที่พื้นเพื่อทำให้คุณยายอึ้งไม่อย่างนั้นได้ตะโกนด่าผมแน่ๆ ทางที่ดีผมต้องรีบชิงจัดการก่อน

“ผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ดึงไอ้เซย์ให้มาตกต่ำกับคนอย่างผม ผมกลับไปคิดๆ ดูแล้วถ้าผมเป็นคุณยายผมก็คงทำใจไม่ได้ที่จะเห็นคนรอบข้างเป็นแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณยายหวังดีกับมันจริงๆ” อย่าพึ่งตกใจผมไม่ได้จะยอมแพ้แต่นี่เป็นการเริ่มอินโทรเท่านั้น

“......”

“แต่ที่มาวันนี้ผมต้องการจะบอกคุณยายว่า ผมเองก็รักมันไม่ต่างจากที่คุณยายรักมันเลย คุณยายคงจะกลัวว่าถ้ามันคบกับผู้ชายด้วยกันอย่างผม อนาคตมันอาจจะลำบาก คนรอบข้างอาจจะมองมันไม่ดี แต่วันนี้ผมจะมาพิสูจน์ว่าผมเองก็สามารถทำให้มันมีอนาคตที่สดใสได้ ผมขอถามก่อนว่าคุณยายกำลังกังวลเรื่องอะไร” สีหน้าของคุณยายไอ้เซย์ดูอึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็กลับมาทำหน้าเชิดเหมือนอย่างปรกติ

“หลักฐานที่จะประกันว่าหลานฉันจะไม่ลำบาก” ผมยิ้มออกมาทันทีเพราะเรื่องที่คุณยายกังวลคือเรื่องแรกที่ผมเตรียมมาในวันนี้

ผมเปิดกระเป๋าเป้ที่เตรียมมาพร้อมกับเอกสารจำนวนหลายใบก่อนจะส่งไปให้คุณยายตรงหน้า

“นี่เป็นโฉนดที่ดินจำนวนหนึ่งร้อยไร่ที่อยู่โคราชครับเป็นของผมที่ป๊ากับม๊าที่โอนเป็นชื่อของผมเมื่อช่วงสองปีที่แล้วตอนที่ผมอายุครบยี่สิบ ส่วนนี่คือบัญชีเงินเก็บรวมถึงกองทุนรวมที่ผมเล่นมันไม่สามารถตีเป็นผลที่จะได้รับในอนาคต แต่มันก็เป็นเครื่องมือที่ยืนยันว่าผมค่อนข้างมั่นคง อ่อ ถ้ากลัวว่าสังคมจะรับไม่ได้ที่ไอ้เซย์มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน ครอบครัวผมมีธุรกิจโรงสีที่จังหวัดพิจิตรครับเพราะเวลาบริหารไม่มีใครมานั่งกังวลว่าผู้บริหารจะชอบเพศอะไร จริงไหมครับ” คุณยายรับเอกสารขึ้นไปดูด้วยสีหน้าอึ้งๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“แต่มันเป็นของพ่อกับแม่เธอ ไม่ใช่ของเธอ อีกอย่างเธอก็มีพี่ชายจะมั่นใจได้อย่างไรว่าของที่เธอเอามาจะเป็นของเธอจริงๆ”

“ถือว่าเป็นคำถามที่รอบคอบและดูใส่ใจดีครับ คุณยายแน่ใจได้เลยว่าของทุกอย่างนี้เป็นของผมตามกฎหมายแล้ว เพราะของที่เฮียผมได้จากป๊ากับม๊าก็เป็นอีกส่วน ซึ่งครอบครัวเราจัดสรรกันเรียบร้อยแล้ว ในอนาคตถ้าป๊าเสียชีวิตพินัยกรรมกำหนดไว้ว่าของทุกอย่างจะเป็นของผมกับเฮียอย่างละครึ่ง” ขอโทษนะป๊า ผมไม่ได้แช่งป๊าให้ตายไว เพียงแค่พูดถึงอนาคต “มีเรื่องอะไรที่ยังกังวลอยู่ไหมครับ?”

“.......” คุณยายเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมา “แล้วหัวใจของเธอ ฉันจะเชื่อได้อย่างไรว่าจะไม่ทิ้งหลานของฉัน”

“เรื่องนี้ผมไม่มีหลักฐานอะไรมาให้หรอกนะครับ แต่ที่ผมจะบอกก็คือ ถ้ามันไม่ทิ้งผม ผมก็ไม่มีวันจะทิ้งมัน ผมรู้ว่าผมเป็นคนนิสัยไม่ดี ถ้าทิ้งไอ้เซย์ไปใครเขาจะเอามีแต่มันที่โง่มาเอาคนอย่างผม...อุ๊บ!” ฉิบหายแล้ว เผลอพูดว่าตัวเองนิสัยไม่ดีไป ใครเขาจะยกหลานให้คนเหี้ยๆ อย่างผมวะ

“เธอว่าหลานฉันโง่?”

“เปล่าครับแค่จะบอกว่าไอ้เซย์มันถูกอบรมและเลี้ยงดูมาอย่างดี อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา จากที่ไม่มีดีอะไรเลย นี่ก็คงเป็นเครื่องพิสูจน์อีกอย่างที่ว่าไอ้เซย์ทำให้ผมกล้าจะลุกขึ้นมาทำเพื่อมัน” ผมมองสบตาเข้ากับคุณยายตรงๆ

“เอาเถอะฉันคงจะห้ามอะไรไม่ได้” คุณยายมีน้ำเสียงปลงๆ ลงอย่างเห็นได้ชัด

“ทำไมท่าทางคุณยายดูเหมือนจะยอม...” ผมแกล้งๆ ทำท่าว่าไม่เชื่อทั้งๆ ที่ในใจเริ่มรับรู้ได้ว่าท่าทางของคุณยายดูอ่อนลง

“ฉันมาคิดๆ ดูแล้วตลอดสามวันมานี้ ฉันผิดเองที่ไปบังคับ ผิดเองที่เอาแต่ใจตัวเองเพียงเพราะไม่ได้สิ่งที่ต้องการหรือหวังเอาไว้ แม่ของเซย์หรือลูกชายฉันถ้าไม่มองเรื่องเพศมันก็เป็นคนดีไม่เคยขาดตกบกพร่องในหน้าที่เลย มันแคร์ฉันมันฟังคำสั่งฉันทุกอย่าง แต่เรื่องที่ทำให้ฉันรับไม่ได้ก็คือที่มันหนีไปแปลงเพศบอกตามตรงว่าตอนนี้ก็ยังยอมรับไม่ได้ ในสมองฉันตอนนี้มันตีกันไปหมดทั้งความถูกตรงและความถูกใจ มันถูกใจฉันแต่ไม่ถูกใจทุกคน ฉันเห็นแก่ตัว...” อยู่ๆ น้ำตาของคุณยายไหลออกมาจากดวงตาโดยที่ไม่มีเสียงสะอื้นเหมือนเป็นความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจ “ที่ฉันบังคับเจ้าเซย์ก็เพราะอยากเห็นอนาคตมันมีครอบครัวมีลูกมีหลาน แก่ไปมันจะได้มีคนเลี้ยง”

“ผมเข้าใจครับ แต่ถ้านั่นเป็นทางเลือกของมันแล้ว แสดงว่ามันจะต้องรับความจริงอีกข้อที่ว่าครอบครัวของผมกับมันจะไม่เหมือนครอบครัวอื่นๆ อีกข้อก็คือพวกผมยอมรับว่าถ้าแก่ตัวไปอาจจะไม่มีคนคอยดูแล แต่อย่างน้อยผมก็มีกันและกันแม้ว่าจะมีคนที่ต้องจากไปก่อนก็ตาม” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้ว่าตัวของผมก้าวผ่านความเป็นเด็กความเป็นวัยรุ่น เริ่มมองถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึงและอนาคตที่ยังไม่มาถึง มองถึงความมั่นคง ความรักมันไม่ได้มีแค่ความรักแต่มันมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย “ขอบคุณคุณยายนะครับที่เป็นห่วงพวกผม”

“ถ้าเห็นแบบนี้ฉันคงห้ามพวกเธอไม่ได้แล้วใช่ไหม?”

“ก็คงจะห้ามไม่ได้แล้วครับเพราะถึงห้ามอย่างไงผมก็จะเอาชนะข้อห้ามของคุณยายให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิถีไหนก็ตาม” ผมยิ้มให้คุณยายอีกครั้ง

อยู่ๆ มือของคุณยายค่อยๆ ยื่นมาแตะที่ศีรษะของผมเบาๆ ด้วยท่าทางเอ็นดู ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันนี้

“ถ้าไม่ก้าวร้าวก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”

“ผมจะไม่ก้าวร้าวแล้วครับ” ม๊าเคยบอกผมว่าถ้าผมอ้อน ผู้ใหญ่จะเมตตาครั้งนี้ผมเชื่อคำพูดของม๊าแล้ว เพราะท่าทางที่เคยแข็งในตอนแรกของคุณยายมันค่อยๆ เปลี่ยนไป แม้ว่าสาเหตุหลักๆ จะมาจากที่คุณยายคิดได้เองก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลงมือ

แอดดดดด

“ไอ้บุ๊ค!” ผมหันไปมองประตูห้องของคุณยายที่อยู่ๆ ก็ถูกเปิดออกโดยไอ้เซย์ที่ยกถาดอาหารเข้ามาด้านใน มันมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตาว่าผมเข้ามาในห้องของคุณยายได้อย่างไร

ไอ้เซย์ยกถาดอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะก่อนที่มันจะเดินมานั่งข้างๆ ผมพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“มึงเข้ามาได้ไง?”

“ปีนหน้าต่าง”

“ห้ะ? !” ไอ้เซย์ร้องออกมาเสียงดัง “ปีน มึงบ้าป่ะเนี่ย! ถ้าตกลงมาจะทำไงวะ!!”

“ตกลงมาก็เจ็บไง ถามมาได้ไอ้เวร...เอ่อ โทษครับ” ด้วยความลืมตัวทำให้ผมยกมือขอโทษคุณยาย แต่คุณยายไม่ได้ว่าอะไร

“ผมขอตัวมันไปคุยข้างนอกก่อนนะครับคุณยาย เดี๋ยวผมรีบมา” ไอ้เซย์ลุกขึ้นก่อนที่จะลากแขนผมให้ออกมาจากห้องของคุณยายและตรงมาที่ห้องของมัน

“กูไม่เข้าใจ” ไอ้เซย์ดันตัวผมนั่งลงบนเตียงโดยที่มีมันยืนอยู่ตรงหน้า “มึงทำอะไรวะ”

“ก็ทำให้ยายมึงไม่ห้ามเรื่องของเราไง นี่พยายามมากแล้วนะ” ผมโยนกระเป๋าเป้ลงบนเตียงก่อนจะเอนหลังนอนด้วยท่าทางชิวๆ มีแต่ไอ้เหี้ยเซย์ที่ไม่ชิวกับผมเพราะมันตามมาลากตัวผมให้ลุกขึ้นมานั่งเหมือนเดิม

“กูไม่เข้าใจ แล้วหายไปไหนตั้งสามวันไม่ติดต่อมาเลยกูโทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”

“กูไปต่างจังหวัดมา”

“ไปทำไม?”

“เรื่องของกูน่า มึงรู้เพียงแค่ว่ายายมึงโอเคเรื่องของเราแล้ว ไม่ต้องมาถามกูไปถามยายมึงนู้นขี้เกียจเล่าจ้า” ที่ผมหายไปไม่ติดต่อมันก็เพราะว่าผมไปจัดการเรื่องเอกสารที่ดินนี่แหละ ขืนบอกมันไปเดี๋ยวโวยวายหาว่าผมทำอะไรไม่รู้เรื่อง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ผมทำไปก็ประสบความสำเร็จอยู่นะ

อิจฉาไอ้เซย์มันบ้างรึยังที่มีแฟนอย่างผมอ่ะครับ ตั้งแต่แรกเอาแต่อิจฉาผมว่ามีไอ้เซย์เป็นแฟน วุ้ย!

“มึงพูดจริงไหมว่ายายกูโอเค?” ไอ้เซย์ลงมานั่งข้างๆ ผมที่นอนอยู่บนเตียง

“โกหกแล้วได้อะไรเอ่ย?”

“ได้มึงมั้ง มาถึงนี่ขอทีดิ”

“โห่ไอ้เวร ยังไม่มืดเลยนะมึง” นิ้วของไอ้เซย์เขี่ยที่ขอบกางเกงของผมเบาๆ

“เถอะนะ กูคิดถึง” แล้วอย่างไงเอ่ย? ผมแม่งก็ต้องยอมมันทุกที ตกเป็นทาสมันแล้วจะถอนตัวก็ไม่ขึ้นแล้วว่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ KJH177

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 29
ก่อนส่งท้าย

Say’s talk

ผมนั่งมองรูปที่แอบถ่ายไอ้บุ๊คตั้งแต่ปีหนึ่ง เอาจริงๆผมไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ วันที่ผมกับมันได้เป็นแฟนกัน และเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออีกเรื่องคือ การที่ไอ้บุ๊คมันทำให้ผมเห็นว่ามันรักผมจริงๆ ไอ้บุ๊คมันเป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้แม้กระทั่งอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา ผมมองว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างของมันเหมือนกัน

“เรียบร้อยครับ” ผมยื่นอัลบั้มรูปส่งคืนให้พี่เจ้าของร้านหลังจากที่ตรวจเช็คความเรียบร้อยอยู่นาน

ทุกคนกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมครับว่าผมทำอะไร ตอนนี้ผมกำลังเอารูปของไอ้บุ๊คมาจัดแต่งให้คล้ายกับไดอารี่ที่ผมทำและเขียนบรรยายความรู้สึกต่างๆให้มัน เอาจริงๆผมเองก็ไม่คิดว่าจะคิดอะไรที่โรแมนติกแบบนี้ได้ ผมเดาได้เลยว่าคำแรกที่มันจะพูดกับผมคือ ‘เลี่ยนฉิบหาย’

ของขวัญชิ้นนี้ผมจะเอาไว้ให้มันในวันรับปริญญา ใช่ครับ ตอนนี้ผมกับมันใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่ดูเหมือนไอ้บุ๊คมันยังงอแงไม่อยากเรียนจบ โดยที่ให้เหตุผลว่าไม่อยากกลับไปดูร้านอาหารของที่บ้าน จะเรียกร้านอาหารก็ไม่ถูกเพราะที่บ้านไอ้บุ๊คมันทำธุรกิจหลายอย่างตามภาษาครอบครัวขยัน จะมีก็แต่ไอ้บุ๊คที่โคตรจะขี้เกียจ ส่วนเฮียบิ๊กตอนนี้เดินหน้าเป็นนักแสดงเต็มตัว ส่วนมารวยเพื่อนผมเองก็ตัดสินใจเล่นฟุตบอลเป็นอาชีพเห็นแว่วๆว่าปีหน้าจะลองไปคัดทีมชาติ ส่วนผมเองจบมาก็คงช่วยงานที่บ้านตามที่คุณแม่และคุณยายวางเอาไว้ให้

‘วันนี้กูไปหาไอ้รวยนะ’

ผมก้มมองข้อความที่ไอ้บุ๊คส่งมาแต่ไม่ได้ตอบกลับไปทันทีเพราะเป็นจังหวะที่ต้องจ่ายเงินและรับของทำให้ผมลืมตอบข้อความของไอ้บุ๊คไปโดยปริยาย

หลังจากที่รับของเสร็จผมตรงมารับอะตอมที่เรียนพิเศษพร้อมกับแวะซื้อขนมมาให้เจ้าน้องสาวของผม

“พี่เซย์คะอะตอมอยากรู้ว่าพี่เซย์เป็นอะไรกับครูบุ๊คเหรอคะ?” ผมมองอะตอมผ่านกระจกหลังก่อนจะยิ้มออกมา

“เพื่อนรักครับ”

“เพื่อนรักเหรอคะ?” อะตอมทำหน้าครุ่นคิดพร้อมกับตักไอติมเข้าปาก “เมื่อวานที่ครูบุ๊คมาบ้านเรา อะตอมก็ถามเหมือนที่ถามพี่เซย์ ครูบุ๊คตอบว่าครูบุ๊คกับพี่เซย์เป็นเหมือนคนรักกัน อะตอมไม่กล้าถามว่าคนรักกันเป็นผู้ชายเหมือนกันได้เหรอ อะตอมเลยมาถามพี่เซย์” ผมยิ้มด้วยความพึงพอใจกับคำตอบของไอ้บุ๊ค

“ได้ซิครับ ความรักมันไม่ได้กำหนดว่าเราต้องรักกับเพศไหน พี่เซย์บอกอะไรอะตอมตอนนี้อะตอมอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ถ้าอะตอมสงสัยตรงไหนถามพี่เซย์ได้เลยนะครับ”

“ค่ะ เอาไว้อะตอมสงสัยแล้วจะถาม” หลังจากนั้นน้องสาวของผมก็หันไปสนใจเรื่องอื่น ส่วนผมก็มุ่งหน้าพาอะตอมกลับบ้าน

ระหว่างทางที่เข้าไปในบ้านผมได้กลิ่นไหม้พร้อมเสียงเอะอะโวยวายอะไรบางอย่างที่ดังออกมาจากห้องครัว

“อะตอมรออยู่นี่นะอย่าเข้าไป” ผมจับอะตอมไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกส่วนผมรีบเข้าไปในครัว ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้คุณยายกับไอ้บุ๊คกำลังดับไฟที่ไหม้จากกระทะ

“คุณยายไม่บอกผมละว่าให้กลับปลาอะ”

“แล้วฉันจะรู้ไหมว่าเธอทำไม่เป็น!”

“ผมก็รอถามคุณยายอยู่นี่ไง คุณยายเข้าห้องน้ำนานมาก ผมพูดเลย” ไอ้บุ๊คกับคุณยายเถียงกันไปมาขณะดับไฟที่ลุกไหม้จากกระทะ

“มีอะไรกันครับ” ผมดินเข้าไปแทรกก่อนจะเป็นฝ่ายจับกระทะออกจากแก๊สและนำไปแช่ในอ่างล้างจาน ก่อนจะหันไปมองทั้งสองคนที่เอาแต่ทำหน้าเซ็งๆ

“ยายสั่งให้แฟนของหลานเฝ้าปลาแต่พอออกมาก็ทำไหม้เลย” คุณยายพูดขึ้นมาก่อน

“แหม คุณยายครับ คุณบอกผมว่าอะไรเอ่ย? คุณยายบอกให้ผมเฝ้าผมก็ยืนเฝ้าหนิครับไม่ได้ขัดคำสั่งอะไรเลย ถ้าคุณยายบอกให้ผมคอยกลับปลาให้แค่นี้ก็จบแล้ว”

“ไอ้บุ๊คถามจริงกวนตีนไหม” ผมหันไปมองหน้าไอ้บุ๊คแต่ท่าทางของมันดูมีพิรุธแปลกๆ “เป็นอะไรวะ?”

“เออหนา กูไปละ” ไอ้บุ๊คเดินหนีออกจากห้องครัวไปทันที

“ดูแฟนหลานเถอะตาเซย์ เถียงคอเป็นเอ็นไอ้เด็กคนนี้ ยายอยากจะจับตีจริงๆ” คุณยายส่ายหน้าเล็กน้อย

“คุณยายเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ผมจับแขนคุณยายขึ้นมาพลิกๆดูเพื่อสำรวจว่ามีแผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหม แต่ดูจากสายตาอย่างละเอียดคุณยายไม่มีแผลอะไรอาจจะเพียงแค่คราบเปื้อนเล็กๆน้อยๆ

“ไม่หรอก หลานไปดูบุ๊คหน่อยไปยายเห็นที่แขนเหมือนโดนน้ำมันกระเด็น”

“ครับคุณยาย” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามไอ้บุ๊คออกมา ไอ้บุ๊คเดินออกมานอกบ้านก่อนจะเปิดสายยางฉีดๆที่แขนของมันลวกๆ

“มึงทำอะไร”

“ปลูกผักมั้ง” ไอ้บุ๊คเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตากวนตีน ก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่มันกำลังทำอยู่

ผมย่อตัวนั่งลงข้างๆไอ้บุ๊คก่อนจะกระชากแขนมันขึ้นมาดู ปรากฏว่าที่แขนของมันมีแผลจากน้ำมันกระเด็นตามที่คุณยายบอกจริงๆ

“เจ็บไหม” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองซึ่งจังหวะนั้นไอ้บุ๊คเองก็มองมาที่ผมเหมือนกัน

“ไกลหัวใจเยอะ”

“ปากดีจริงๆ” ผมส่ายหัวก่อนจะพลิกดูรอบๆเพื่อสำรวจอย่างละเอียด “ไปโรงพยาบาลไหมมึง แผลมึงเยอะนะเนี่ย”

“อย่าเวอร์หน่อยเลย แค่นี้กูเอายาสีฟันทาก็หายละ” ไอ้บุ๊คดึงแขนมันกลับแต่ผมไม่ยอมให้มันดึงกลับง่ายๆ

“แต่ถ้ามันติดเชื้อมึงอาจจะถูกตัดแขน”

“ไอ้ควายเซย์แช่งกูหาอะไรไอ้เหี้ย” คราวนี้ผมโดนมันด่าเข้าเต็มๆหลังจากที่ช่วงหลังๆมานี้ผมไม่ค่อยโดนมันด่าเลย อาจจะเพราะไม่มีเวลาด่ามากแต่ผมก็แอบคิดถึงตอนมันด่านะ โดยเฉพาะปากมันที่ยื่นๆออกมาด่าผมแบบนี้ มันยิ่งทำให้ผมอยากที่จะ... “จะจูบกู? ฝันเถอะมึง” ไอ้บุ๊คใช้มือมันดันหน้าผมออกก่อนที่มันจะยันตัวลุกขึ้น

“ไอ้บุ๊คกูจริงจังนะ”

“เรื่องจูบ?”

“เรื่องไปหาหมอ”

“........”

“เออ จูบด้วยแหละ แต่ไปหาหมอก่อนไหมมึง แผลมึงเยอะเนี่ย กูเป็นห่วง”

“กูขอให้มึงเป็นห่วงเหรอ?”   “เป็นแฟนกันแล้วเลิกปากหมาเถอะ ขี้เกียจเสียใจเพราะคำพูดมึง” ข้อเสียของไอ้บุ๊คอีกข้อคือมันชอบพูดอะไรไม่ค่อยคิดถึงใจคนฟัง โดยเฉพาะถ้ามันสนิทมันก็จะยิ่งไม่ระวังและสิ่งนั้นมันทำให้ผมแอบน้อยใจมันบ่อยๆเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมา

“เสียใจ? ก็กูเป็นแบบนี้ ไม่ชอบมึงก็ไม่ต้องชอบเพราะกูไม่ได้ขอให้มึงชอบกู” คราวนี้ไอ้บุ๊คมันเริ่มไม่พอใจ ส่วนผมเองก็น้อยใจมันอยู่เหมือนกัน มันพูดเหมือนไม่แคร์ผมเลย หรือว่าผมควรจะชินเพราะมันเป็นแบบนี้

“แคร์กูไหม...”

“จะดราม่าเพื่อ?” คราวนี้ไอ้บุ๊คกอดอกมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด ผมทำให้มันหงุดหงิดเหรอครับ?

“ช่างแม่งเหอะ กูผิดเอง” ผมหันหลังเพื่อจะออกไปหาที่สงบสติอารมณ์ของตัวเอง แต่ไอ้บุ๊คมันกลับคว้าคอเสื้อของผมเอาไว้ก่อน

“ประชดทำส้นตีนอะไร กูไม่ชอบ”

“กูก็ไม่ชอบที่มึงพูดอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่น มึงเคยรู้ตัวไหมว่าคำพูดมึงทำใครเสียใจบ้าง ตอนนี้กูเป็นแฟนมึงแล้วนะ แคร์กูบ้างดิ สักนิดก็ดี”

“แล้วที่กูทำนี่เรียกว่าไม่แคร์? กูจะบอกมึงให้นะไอ้เซย์ กูรู้ว่ากูพูดไม่คิดชอบพูดอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นอันนี้เป็นข้อเสียของกู กูพยายามปรับแต่มึงเข้าใจไหมว่ามันเป็นสันดารมันปรับยากแต่ก็พยามอยู่ แต่อีกเรื่องที่กูโมโหมึงคืออย่าคิดว่ากูไม่แคร์มึง”

“......”

“พูดเพราะหวานๆกูพูดไม่เป็นหรอกนะ มีแต่ไอ้สัดไอ้เหี้ยนี่แหละที่หวานสุด” น้ำเสียงของไอ้บุ๊คดูอ่อนลงขึ้นมาเล็กน้อย “ไหนมองหน้ากูดิ” ไอ้บุ๊คใช้มือของมันประคองหน้าผมให้เงยหน้าขึ้นมาสบตามัน

“อะไรของมึง”   “เป็นเมียกูไหมถ้าจะงอนขนาดนี้ พร้อมเป็นผัวทุกเวลา”

“ฝันเหอะมึง” ผมปัดมือของไอ้บุ๊คออกเพราะหมันไส้หน้ามันที่พยายามทำท่าทางข่มผม ดูก็รู้ว่าอยากหาโอกาสให้ผมยอมมัน แต่อย่างว่าผมยอมให้มันทุกเรื่องแต่เรื่องนี้ขอเห็นแก่ตัวไม่ยอมก็แล้วกันนะครับ

“หายงอนยัง”

“ไม่ได้งอน” 

 “หรอพ่อเซย์? ไม่งอนหน้านี่เหมือนตูดเลยจ้า” ด้วยความหมั่นไส้ทำให้ผมจับไอ้บุ๊คทุ่มลงบนพื้นสนามหญ้าก่อนจะตามมาคร่อมมันเอาไว้ “ไอ้เซย์! เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นไอ้ห่า”

“ก็ดี เร้าใจสุดๆไปเลย” ผมแกล้งก้มหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอมันเบาๆ ส่วนไอ้บุ๊คทำท่าสะบัดสะบิ้งจนเกินงาม ประหนึ่งว่าผมหลอกมันมาข่มขืน

“ถ้าไม่หยุดกูจะเล่นน้ำลายนะเว้ย”

“เป็นเด็กเหรอมึง” ผมละจากซอกคอขึ้นมามองหน้ามัน ระยะห่างระหว่างผมกับมันมีเพียงไม่กี่เซนต์ทำให้เราทั้งคู่สัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน

“ถ้าไม่ลุกกูจะเล่นขี้มูกด้วย อ่า ไม่เชื่อใช่ไหมแคะโชว์เลย” ไอ้บุ๊คใช้นิ้วของมันแหย่เข้าไปในจมูกก่อนจะทำท่าเคะอย่างเมามันก่อนจะค่อยๆดึงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากจมูก

“มึงทุเรศละนะไอ้บุ๊ค”

“แหม แค่นี้รับไม่ได้เหรอมึง?” ผมยอมออกจากตัวของมันมานอนข้างๆแทน ผมคว้ามือของไอ้บุ๊คมาจับเอาไว้พร้อมกับทอดสายตาไปบนท้องฟ้า

“ฟ้าสวยเนอะ” ผมหันข้างๆไปมองหน้าไอ้บุ๊ค ไอ้บุ๊คเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะหันหน้ามามองเช่นเดียวกัน

“เป็นอะไรกับท้องฟ้ามากไหมมึงเนี่ย ถ้าจะชวนดูดาวกูต่อยมึงแน่ ตอนนี้กลางวัน”

“ไม่ได้จะดูดาวแค่จะชวนดูท้องฟ้าก้อนเมฆ มึงไม่เคยจินตนาการก้อนเมฆเหรอตอนเด็กๆ” ไอ้บุ๊คนิ่งคิดไม่ได้ตอบอะไรผมออกมา

“เคยนะ กูดูกับเฮียกู แต่ว่าไม่ค่อยได้สาระอะไรหรอก เฮียกูแม่งจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย” สีหน้าของไอ้บุ๊คเวลาพูดถึงพี่ชายมันดูมีความสุขแม้ว่าปากของมันจะชอบว่าเฮียบิ๊กก็ตาม “กูสงสารเฮียกูว่ะมึง เฮียกูยังลืมไอ้รวยไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนไอ้รวยแม่งจะเดินหน้าต่อได้แล้ว ศัพท์วัยรุ่นเรียกว่าไรนะมูฟออนป่ะมึง ไอ้รวยมูฟออนได้แล้วแต่เฮียกูก็มูฟนะแต่มูฟเป็นวงกลม”

“เราช่วยอะไรได้บ้าง”

“ไม่ได้หรอก มึงก็รู้ดีว่าไอ้เหี้ยรวยถ้ามันพูดหรือตัดสินอะไรแล้วไม่ค่อยเปลี่ยนใจ มันใจร้ายกว่าที่เราคิดนะเว้ย แต่เฮียกูก็เหี้ยแบบไม่คิดเอง ขุดหลุมฝังตัวเอง โง่ฉิบหาย”

“นั่นพี่มึงนะ”

“ห่างกับกูปีเดียวไม่เรียกบิ๊กเฉยๆก็เรียกว่านับถือแล้วนะ” ผมอดที่จะยื่นมือไปบีบปากมันไม่ได้ คนอะไรปากเก่งฉิบหายเลยครับ

“ปากโคตรดี”

“ไม่ดีมึงจะรักกูไหมล่ะ” ไอ้บุ๊คยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไอ้เซย์...เรื่องของเราสองคนใกล้จบแล้วว่ะ ตอนหน้าก็จบแล้วใจหายเนอะ”

“อืม ไรท์แม่งแต่งให้ตอนพวกเราน้อยฉิบหาย ทีเรื่องพี่กรมขย่มอะไรนั่นแต่งให้โคตรหลายตอนเลย น้อยใจเนอะไอ้บุ๊ค”

“น้อยใจสุดเลยมึง แต่ถือว่าโชคดีนะมึงที่ไรท์ไม่เท กูเห็นเทไปหลายเรื่องล่ะ” ไอ้บุ๊คพูดเสริมผม

“อารมณ์ผู้หญิงเป็นประจำเดือนอะมึงกูก็เข้าใจไรท์นะเว้ย แต่ช่างเรื่องของไรท์เถอะ กูอยากรู้ว่ามึงทำอะไรกับคุณยายในห้องครัว” เมื่อคิดถึงเรื่องในห้องครัวผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ห้องครัวมีสภาพเป็นแบบนั้น ไหนจะแผลอีก เพราะไอ้บุ๊คมันไม่มีทางที่จะปล่อยให้อะไรไหม้ต่อหน้าต่อตามันอย่างแน่นอน

“ยายมึงให้กูเฝ้าปลาให้ แล้วกูเห็นว่ามันจะไหม้เลยกลับแต่กูไม่ระวังเองเลยน้ำมันกระเด็น กูก็พยายามกลับแหละแต่ว่าไม่ทัน ยิ่งพยายามยิ่งเละอย่างที่มึงเห็น แล้วยายมึงก็ออกมาพอดี กูขี้เกียจอธิบายเลยกวนตีนใส่ไป”

“เจ็บไหม...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคไอ้บุ๊คยื่นหน้ามันมาจูบที่ปากของผมเบาๆก่อนจะผละออก

“ไม่เจ็บไม่ไปหาหมอกูไม่ได้เป็นอะไร รู้ว่าเป็นห่วงแต่กูไหวจริงๆมึง” ผมว่าผมคิดอะไรบางอย่างออก

“ไหวจริงนะ”

“เออ”

“งั้น......กูขอ” ผมกลับมาคร่อมที่ร่างของไอ้บุ๊คที่นอนราบอยู่ข้างๆทันที ตอนแรกก็กะว่าจะแกล้งเล่นแต่พอแกล้งๆไปๆมากลายเป็นทำจริงเฉย

ภาวนาว่าอย่าให้ใครมาเห็นเลยครับ ผมไม่อายหรอก แต่กลัวไอ้บุ๊คมันจะเขิน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ BuzZenitH

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-0
พยายามตามอ่านให้ครบทุกเรื่อง
เป็นกำลังใจให้คนเขียน สนุกมากกกก น่ารักกกกกก o13

ปล.อาจมีคำผิดบางจุด แต่เนื้อเรื่องไหลลื่นมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด