#ทิศเหนือของผม (เพิ่มเนื้อหาตอนที่ 26) ---18/06/2563 ---
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #ทิศเหนือของผม (เพิ่มเนื้อหาตอนที่ 26) ---18/06/2563 ---  (อ่าน 22020 ครั้ง)

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


************************************************************************


ทิ ศ เ ห นื อ ข อ ง ผ ม

Augustismine




ไม่ว่าจะทิศไหน
ก็คงไม่ถูกใจเท่าทิศเหนือ
:-)


#ทิศเหนือของผม

สารบัญ

บทนำ กลับบ้านดีๆ
ตอนที่ 1 อดิรัตน์อิสแฮปปี้
ตอนที่ 2 คนหน้าโง่
ตอนที่ 3 รายงานตัวแบบ 4.0
ตอนที่ 4 สมพงษ์พ่อกูเอง
ตอนที่ 5 โกโก้โอรีโอ้จะเยียวยา
ตอนที่ 6 นอร์ธเดอะฮีโร่
ตอนที่ 7 แมวอ้วน
ตอนที่ 8 สงคราม
ตอนที่ 9 เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น
ตอนที่ 10 ตัวปลอม
ตอนที่ 11 ลูกพี่ลูกน้อง
ตอนที่ 12 โง่เอเวอรี่เดย์
ตอนที่ 13 เส้นทางของเซเลป
ตอนที่ 14 วันของสงคราม
ตอนที่ 15 ทิศเหนืองอแง
ตอนที่ 16 ทิศมาเหนือ
ตอนที่ 17 ว่าด้วยเรื่องของหรรม
ตอนที่ 18 ใครไม่หู้ น้ำเต้าหู้
ตอนที่ 19 ไนซ์จะเป็นซูเปอร์สตาร์
ตอนที่ 20 ออมสินอินยัวแอเรียย๊ะ
ตอนที่ 21 สงครามรีเทิร์น
ตอนที่ 22 สาเหตุ
ตอนที่ 25 ทิศเหนือผู้พกความรักมาเต็มกระเป๋า

สามารถติดตามนักเขียนได้ที่—
Twitter • @augustismine1
Fanpage • Augustismine




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2020 20:58:45 โดย augustismine »

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม
«ตอบ #1 เมื่อ13-08-2019 19:13:24 »

00

กลับบ้านดีๆ

 

“ไอ้ยักษ์... อยู่ไหนเนี่ย”

เสียงของเด็กหนุ่มมัธยมปลายของโรงเรียนรัฐบาลเล็กๆที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ร้องเรียกเจ้าหมาจรจัดที่เขาพบมันในวันที่ฝนตก มือหนาๆกำถุงไก่ย่างจนแน่น อุตส่าห์รีบกลับไปบ้านและซื้อไก่ย่างหน้าปากซอยมาให้ แต่ตอนนี้เจ้าหมาตัวโตดันไม่อยู่ซะนี่ แบบนี้ถ้าวางไก่ย่างไว้หมาตัวอื่นมันจะมาคาบไปกินมั้ยนะ

“ไอ้ยักษ์ ไก่ย่างมาแล้ว ไอ้ยักษ์”

เวลาเย็นย่ำกับเด็กหนุ่มที่เดินตามรั้วโรงเรียนเพื่อตามหาเจ้าหมาจรจัด

“กูจะกลับบ้านแล้วนะ ถ้าไม่ออกมากูจะกินไก่เองแล้วนะเว้ย ไอ้ยักษ์”

เรียกและเดินแถวนั้นอยู่สักพัก เจ้าหมาตัวโตเนื้อตัวมอมแมมก็วิ่งเข้ามาหาจนเจ้าของไก่ย่างยิ้มจนตาปิด

“โฮ่ง!”

“กว่าจะมาได้นะมึง อะนี่ไก่”ไนซ์นั่งยองลงตรงหน้าไอ้ยักษ์ วางถุงพลาสติก แกะไก่ออกจากไม้และวางไก่ไว้บนถุงนั่น มองดูเจ้าหมาที่กินไก่อย่างตั้งใจ

“ไปทำอะไรมาวะเนี่ย ตัวเลอะหมดเลย”

ถามเหมือนกับว่าหมามันจะตอบกลับมาได้ ไนซ์หัวเราะให้กับความเพี้ยนของตัวเอง นับวันยิ่งเพี้ยน สงสัยจะอยู่กับไอ้ยักษ์มากเกินไป เลยคิดว่าถ้าถามแล้วมันจะตอบกลับมาได้

“ต่อไปมึงจะไม่ได้กินไก่จากกูแล้วนะเว้ย มึงต้องหาคนให้ไก่ใหม่แล้ว”



“กูจะขึ้นมหา’ลัยแล้ว นานๆคงจะกลับมาที อาจจะหลายๆเดือนหรืออาจจะหายไปเป็นปีก็ได้”

เหมือนกับยักษ์มันรู้ว่าเขากำลังเศร้าและหดหู่แบบสุดขีด เจ้าหมาตัวใหญ่ละปากจากไก่ตรงหน้าและเลียเข้าที่มือของเขาแทน

“ไม่ต้องอ้อนเลย มึงอ้อนแบบนี้กูจะยิ่งคิดถึงมึงนะเว้ย”

บ้าไปแล้วแน่ๆ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาร้องไห้เพราะไม่อยากจะจากหมาตัวนี้ไป... แต่มันก็น่าร้องไห้อยู่หรอก เขาเป็นห่วงมันหนิ ถ้าไม่มีเขาแล้วใครจะเอาไก่มาให้มันกิน ถ้าเขาย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้วจะมีใครมารังแกมันมั้ย

“ฮือ มึงทำให้กูเหมือนคนบ้านะเว้ย มึงมันหมาไม่ดี ไอ้หมาบ้า”

“โฮ่ง!”

“ไม่ต้องมาเห่าเลย รีบๆกินไปเลย”ใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆก่อนจะใช้มืออีกข้างชี้ไปที่ไก่ที่ยังเหลืออยู่ เจ้าหมาแสนรู้ก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง ก้มหน้าก้มตากินไก่ที่เหลืออยู่จนหมด ไนซ์เก็บถุงพลาสติกเอามากำไว้แน่น

“มึงกินหมดแล้ว... งั้นกูกลับบ้านแล้วนะเว้ย วันปัจฉิมกู มึงต้องเอาดอกไม้มาให้ด้วยนะ”

“โฮ่ง!”

“เออ สัญญาก็ทำให้ได้แล้วกัน”ยืนขึ้นก่อนจะหัวเราะและเดินไปเอาจักรยานที่ทิ้งไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลโดยมีเจ้าหมาตัวโตเดินตามไม่ห่าง

“ไปนอนได้แล้วไป เดี๋ยววันปัจฉิมจะเอาไก่มาให้อีกรอบ”

“โฮ่ง!”

“เห่าอยู่ได้ ฟังรู้เรื่องหรือไง”มองเจ้าหมาที่เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทอีกคนก่อนที่ตากลมจะเหลือบไปมองถนนฝั่งตรงข้าม

... ไอ้เด็กโรงเรียนเอกชนคนนั้นอีกแล้ว

ไนซ์มองเด็กหนุ่มกางเกงน้ำเงินที่อยู่โรงเรียนตรงกันข้าม เขาจะเห็นไอ้เตี้ยนั่นมายืนดูเขาให้อาหารไอ้ยักษ์ทุกเย็นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมายืนดูทำไม ยืนดูเฉยๆมันไม่ได้ทำให้ไอ้ยักษ์มันอิ่มหรอก ถ้าอยากให้ไอ้ยักษ์อิ่มต้องเอาอาหารมาให้สิ

ไนซ์ขึ้นคร่อมจักรยานแต่สายตาก็ยังไม่ละจากไอ้คนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะละสายตาและหันมามองไอ้ยักษ์

“กูไปแล้วนะมึง”

“โฮ่ง!”

พอเจ้าหมาตัวโตตอบรับ ไนซ์ก็รีบปั่นจักรยานกลับบ้านจนสุดชีวิต ป่านนี้แม่คงจะด่าเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วที่ออกมาจากบ้านนานขนาดนี้แถมยังไม่ได้ไปซื้อน้ำปลาให้ด้วย

“กลับบ้านดีๆนะ!”

ไนซ์รีบเบรกรถจักรยานและหันหลังกลับไปมองในทันที แต่หันกลับไปก็ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากไอ้ยักษ์ที่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ไอ้ยักษ์บอกเหรอวะ... หลอน หลอนไปแล้วแน่ๆมึงไอ้ไนซ์”




#ทิศเหนือของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2019 08:52:14 โดย augustismine »

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ13-08-2019 19:16:10 »

01

อดิรัตน์อิสแฮปปี้

 

วันแรกพบ

ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่


 

เสียงตีกลองของกองสันทนาการกับเสียงประกาศของพี่ๆสตาฟเรียกความสนใจของกลุ่มคนที่เพิ่งสลัดคราบความเป็นเด็กมัธยมและมาสวมบทบาทของการเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแบบเต็มตัว

ผมยืนต่อแถวท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ ทั้งๆที่เช้าขนาดนี้แต่แดดแรงเหมือนยืนอยู่กลางทะเลทรายอย่างนั้น ผมว่ามหาวิทยาลัยนี้มันไม่ได้มีของดีเป็นพวกนักศึกษาหน้าตาดีหรือคณะเด่นในเรื่องการเรียนเหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆหรอก

เพราะมหาวิทยาลัยนี้น่ะมีของดีมากกว่านั้นครับ

เหงื่อเม็ดที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ไหลลงมารวมกันที่ปลายคางของผม ผมใช้หลังมือปาดมันออกก่อนจะขยับแว่นเล็กน้อยและเช็ดเหงื่ออีกเม็ดที่ทำท่าจะไหลเข้าตาด้วย

แค่ยืนต่อแถวก็เหมือนอาบน้ำ มหาวิทยาลัยที่ขึ้นว่ามีพระอาทิตย์สิบสองดวงกับอากาศที่โคตรจะร้อน ผมว่านี่แหละคือของดีและของขึ้นชื่อของที่นี่

ขาดแค่อูฐกับต้นกระบองเพชรเท่านั้นที่นี่มันก็จะกลายเป็นทะเลทรายซาฮาร่าที่สมบูรณ์แบบ

“น้องคนต่อไปค่า”

เสียงใสๆของพี่คนสวยกับเสื้อสีแดงเลือดหมู แถมยังสกรีนตัวใหญ่ๆว่า Engineer ผมมองรอยยิ้มนั่นร่างกายที่เคยรู้สึกว่าร้อนก็เย็นขึ้นถนัดตา

น่ารักสัดดดด

ผมว่าพี่เขาควรถูกบรรจุลงในของดีของมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งอย่าง รองลงมาจากดวงอาทิตย์ดวงโตที่กำลังแผ่ไอความร้อนลงมาแผดเผาทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม

เหล็กดัดฟันบวกกับผิวขาวแถมยังรอยยิ้มนั่นอีก เพอร์เฟ็กต์!

ไนซ์รักฟ้า รักอากาศ ไนซ์รักคณะนี้ครับพ่อ

ผมก้มมองใบรายชื่อสีขาวสะอาดที่มีรายชื่อนักศึกษาปีหนึ่งนับร้อยคนเรียงกันเป็นพืดอยู่ในนั้น ผมมองหาชื่อตัวเอง และสุดท้ายก็เจอ นายอดิรัตน์ บ้านห้า... ไอ้บ้านที่ว่าเท่าที่ผมได้ไปศึกษามามันคือการแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็นกลุ่มย่อยๆเพื่อที่เขาจะได้ดูแลน้องได้อย่างทั่วถึง คงจะประมาณนี้ล่ะมั้งครับ

ผมจับปากกาน้ำเงินจนแน่น พยายามเขียนชื่อโดยพยายามไม่ให้แขนไปถูกกับกระดาษเพราะกลัวว่ามันจะเปียก

คนหล่อจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แม่สอนมาแบบนี้

ไนซ์จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ!

ผมวางปากกาลงบนโต๊ะทันทีหลังจากที่เขียนชื่อเสร็จพลางส่งยิ้มบางๆให้พี่เขา

“พี่ขอผูกผ้าหน่อยน้า”ว่าแล้วผ้าสีแดงเลือดหมูก็ถูกผูกเข้ากับข้อมือของผมโดยฝีมือของพี่สาวคนสวย

มือนุ่มมาก... อดิรัตน์อิสแฮปปี้ครับ

“ขอบคุณครับ”

“น้องคะ... เอาทิชชู่มั้ย เหงื่อแตกหมดแล้ว”

ถ้าอยู่โรงเรียนมีผู้หญิงสวยๆมาแสดงน้ำใจแบบนี้ ผมคงจะตอบตกลงแบบไม่อาย แต่นี่ไม่ใช่ไง นี่มันมหาวิทยาลัยสุดเท่ที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึงสี่ปี่ ต้องคีพลุคเป็นคนคูลๆที่สาวๆเห็นแล้วต้องกรี๊ดกันสลบ

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวไม่คูล”

น้อววว หล่อจัดเลยว่ะไอ้ไนซ์ หล่อโคตรๆ ปู่เห็นปู่ต้องภูมิใจแน่ๆ

ดีใจได้ไม่นาน ผมก็สังเกตเห็นรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพวกพี่ๆเขา หัวเราะอะไรกันวะ... เมื่อกี้มันไม่เท่หรือไง อุตส่าห์ใช้สมองที่มีน้อยนิดของตัวเองกลั่นกรองออกมาเลยนะเว้ย

“น้องครับนี่เสื้อครับ”

แต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ เพราะพี่ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับยัดเสื้อสีแดงเลือดหมูที่เหมือนกันกับพี่เขามาไว้ในมือผม เสื้อนี้ไม่ได้ได้มาฟรีๆนะครับ เสียเงินตั้งสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน จะไม่เอาก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเอาไปอวดพวกไอ้ป๊อดมันอีก มหาวิทยาลัยมันเปิดก่อนผมเมื่อไม่กี่วันมานี่แต่พวกมันเล่นโม้ผมเรื่องมหาวิทยาลัยจนผมเอือม

เล่าไม่รู้จักจบจักสิ้น ไหนจะถ่ายรูปของมาอวดอีก

นี่แหละเวลาที่ผมจะได้เอาคืน!

“น้องอยู่บ้านห้านะครับ เดี๋ยวเดินไปนั่งรวมกับเพื่อนๆตรงนั้นนะ”

“ครับ”

ผมตอบรับก่อนจะเดินตามนิ้วพี่เขาที่ชี้ไปยังกลุ่มเฟรชชี่ที่นั่งรวมตัวกันอยู่

อดิรัตน์ชื่อนี้ต้องเกรียงไกรที่สุดในคณะครับ จำไว้!

ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ที่ยังว่างอยู่ ถอดว่านสายตาที่ตัวเองใส่อยู่ออกแกะเสื้อตัวใหม่เอี่ยมใส่ด้วยความทุลักทุเล อ้วนขึ้นแน่ๆ รู้แบบนี้สัปดาห์ที่แล้วไม่น่าจัดหมูกระทะมาราธอนกับไอ้ป๊อดเลย

“เฮ้ยมึง”

ผมที่เพิ่งใส่เสื้อเสร็จหันไปตามเสียงและแรงสะกิดตรงสีข้าง หันไปก็เจอผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาน่าเป็นมิตรส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้

“เรียกใคร?”ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางขมวดคิ้ว

“มึงนั่นแหละ”

“ทำไม?”

“กูอยากผูกมิตร กูชื่อออมสินนะ มึงชื่ออะไร”อีกฝ่ายว่าก่อนจะยกป้ายชื่อที่เหมือนกับของผมเด๊ะๆแต่ต่างกันตรงที่ ของออมสินมันมีรอยปากกาเขียนเป็นชื่อมันตัวเท่าฝาหม้อแถมยังมีตัวการ์ตูนรูปหมูอีกหนึ่งตัว

“กูชื่อไนซ์ แต่ยังไม่ได้เขียนชื่อเลยอะ”ผมยกป้ายชื่อของตัวเองที่มีแต่ความว่างเปล่าโชว์ให้มันดู

“แถวมึงคงจะสร้างจิตรกรรมกันอยู่มั้ง ไม่รู้จะเอาอะไรมากกับแค่เขียนชื่อลงบนป้าย มันจะต้องใช้ความสวยความงามขนาดไหนกันวะ”ปากก็ว่าแต่ก็ก้มหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าใบเล็กๆของตัวเองไปด้วย“อะ ปากกาเขียนชื่อ กูยืมเพื่อนมาอีกที ห้ามทำหายนะเว้ย”

เจ้าตัวกำชับ ผมพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอาแว่นตาขึ้นมาใส่และรับปากกามาเขียนชื่อตัวเองลงบนป้าย

เคยได้ยินมาว่าถ้าอยู่มหา’ลัยแล้วเกิดอยากเปลี่ยนชื่อเล่น ก็ให้เปลี่ยนกันซะตั้งแต่วันแรก

ตอนแรกก็คิดไว้หลายชื่ออยู่หรอก อเล็กซ์งั้น โทนี่งี้ แต่ดูจะไม่เหมาะกับเบ้าหน้าตัวเองสักเท่าไหร่แถมแนะนำตัวกับออมสินไปแล้วด้วย ผมก็คงต้องใช้ชื่อไนซ์เหมือนเดิมนี่แหละ...

เขียนชื่อลงบนกระดาษด้วยความบรรจงก่อนจะปิดฝาปากกาและยื่นคืนให้กับเจ้าของ

“เสร็จแล้ว”ออมสินพยักหน้าพร้อมกับรับปากกาคืนไป

“ตอนนี้มึงนับกูเป็นเพื่อนยัง?”ออมสินมันถาม

“เป็นเพื่อนกันเขาต้องถามด้วยเหรอวะ?”

“ถามดิสัด เผื่อกูเป็นเพื่อนมึงฝ่ายเดียวทำไง แนะนำใครเขาไปก็อายเขาแย่”

“เป็นแล้วๆ”ผมตอบก่อนจะหัวเราะนิดๆ จะว่าไปออมสินมันก็ดูเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเก่งเหมือนกันนะ ผมคิดมาตลอดเลยว่าการที่จะเป็นเพื่อนใครสักคนมันไม่ต้องถาม แค่เราคุยกันถูกชะตาถูกปากถูกคอเราก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่เห็นทีคงจะต้องลองใช้วิธีออมสินมันบ้างแล้ว เพื่อความชัวร์ว่าเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับอีกคนแค่ฝ่ายเดียว

“มึงมาจากโรงเรียนอะไร?”

“โรงเรียน S”

“อ๋อ โรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียน SN อะนะ”

“อือ”

พูดถึงไอ้โรงเรียนนี่อีกแล้ว

มันทำไมโรงเรียนผมมันไม่น่าจดจำตรงไหน เวลาพูดถึงโรงเรียนผมทีไร คนเขาก็จะพูดถึงไอ้โรงเรียนฝั่งตรงข้ามก่อนตลอด ก็แค่โรงเรียนใหญ่กว่า ค่าเทอมแพงกว่า รวยกว่า นักเรียนเยอะกว่า เด็กหน้าตาดีกว่า

ก็แค่นั้น นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลย

“แล้วสาวๆโรงเรียนนั้นสวยปะวะ”

“มันชายล้วนไม่ใช่เหรอวะ...”

“อ้าว จริงปะเนี่ย”

“เออดิ มึงตลกอะออมสิน มึงไม่รู้จริงปะเนี่ย”

“จริง กูไม่รู้”

ผมหัวเราะให้กับท่าทางเด๋อด๋าของออมสินมัน รู้จักโรงเรียนแต่ไม่รู้เนี่ยนะว่ามันเป็นชายล้วน โธ่ ออมสินเพื่อน

“แล้วหนุ่มๆหล่อปะ?”

“กูจะไปดูหนุ่มทำไม มึงนี่ก็ถามแปลกๆ”

“กูอยากรู้จริงๆ เห็นพวกสาวๆที่โรงเรียนเก่ากูกรี๊ดกร๊าดกันจังเลยไอ้หนุ่มกางเกงน้ำเงินเนี่ย”

“ก็หล่อน้อยกว่ากูหน่อย”ว่าแล้วก็ขอบลั๊ฟมันสักหน่อย โดนมาเยอะแล้วไอ้เรื่องแย่งสาวกับโรงเรียนตรงข้ามเนี่ย สาวๆที่เล็งๆไว้มันไม่เคยตกถึงมืออดิรัตน์คนนี้สักรายเพราะไอ้หนุ่มกางเกงน้ำเงินนี่แหละ

“เหรอวะ…”

“เหรอวะอะไร มึงไม่เชื่อกูหรือไงออมสิน”

“ก็ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่หล่อน้อยกว่ามึงมันมีจริงๆเหรอวะ”

ว้อท!? อะไร กูไม่หล่อตรงไหน คนในหมู่บ้านนี่ชมกูกันตรึมเลยนะ มึงต้องสายตาเสียแล้วแน่ๆออมสิน

แต่ก่อนที่บทสนทนาของเราจะกลายเป็นการสาดคำด่าใส่กันออมสินมันก็สะกิดขาผมยิกๆให้ดูไอ้หน้าหล่อที่กำลังเดินมาทางนี้

“มึงว่าไอ้นี่มันน่าผูกมิตรมั้ย?”

“ก็ดูน่าคบดีอะ”

“นี่แหละเพื่อนใหม่ของเรา”

“ง่ายขนาดนี้เลยเหรอวะ?”

“เออ มึงรอดูกูเถอะ… นี่ มึง”

พอคนข้างๆผมนั่งเสร็จออมสินก็เอี้ยวตัวจนเกือบจะพาดข้ามตัวผมไป มันไม่รอช้าลงมือผูกมิตรห่าเหวอะไรของมันไปตามเรื่องโดยการสะกิดสีข้างไอ้หน้าหล่อข้างๆยิกๆ

“อะไร”

“หน้าเหวี่ยงมากแม่”ออมสินมันหดตัวกลับมานั่งเหมือนเดิมเพราะไอ้เพื่อนใหม่คนนี้มันมองมาด้วยสายตาที่ผมเองก็แอบกลัวเหมือนกัน

มาเรียนวันแรกก็จะโดนต่อยเลยเหรอวะ...

“เฮ้ย โทษๆ กูร้อน”แล้วไอ้ยักษาเมื่อกี้ก็กลายเป็นเทพบุตรยิ้มสวยแถมยังหัวเราะแหะๆ อะไรวะ ไบโพล่าร์แหงๆ“เมื่อกี้มึงเรียกกูทำไมนะไอ้หน้าเต้าหู้”

“เต้าหู้?”

“มึงหน้าเหมือนเต้าหู้อะ”

ผมขำพรืด มันเรียกออมสินว่าเต้าหู้ ซึ่งผมก็ไม่เถียงเพราะหลักฐานมันคาตาอยู่แล้ว

“กูชื่อออมสินไอ้สัด”

“เออนั่นแหละ มึงเรียกกูทำไม”

“กูอยากจะเมคเฟรนด์”

“กระแดะใช้ภาษาอังกฤษอีกนะมึงเนี่ย”

โห สังคมนี้ช่างโหดร้าย เราสามารถพูดแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงห้านาทีได้ด้วยเหรอ

“กูมาจากโรงเรียน E ส่วนไอ้ข้างๆมึงเนี่ยชื่อไนซ์มาจากโรงเรียน S”

“อ๋อ โรงเรียน S ที่อยู่ตรงข้ามกับ โรงเรียน SN ปะ”

อีกแล้ว...

“กูชื่อไกด์ มาจากโรงเรียน D”ไกด์มันแนะนำตัวเองอีกครั้งหลังจากที่ทักผมด้วยประโยคที่ผมไม่ชอบที่สุด มันจะอะไรขนาดนั้น โรงเรียนผมมันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอ

ผอ.โรงเรียนกูนั่งร้องไห้แล้ว

“เออ เนี่ยเพื่อนกูก็มาจากโรงเรียน SN สองคน”ว่าแล้วไกด์มันก็ชะเง้อคอมองหาอะไรสักอย่างก่อนจะยกมือและกวักมือเรียก ผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งดูจะเตี้ยกว่าผมหลายเซ็นต์ส่วนอีกคนก็ดูท่าว่าจะสูงกว่าผมหลายเซ็นต์เหมือนกัน“นั่นไง เพื่อนกูมาแล้ว”

ผมมองไอ้สองสหายที่ส่วนสูงต่างกันลิบลับแต่ความหล่อนี่กินกันแทบไม่ลง

เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อยมั้ยครับ... ไอ้ความมั่นอกมั่นใจว่าอยู่ปีหนึ่งแล้วต้องหล่อสุดๆในคณะของผมมันหายลับไปกับตาเพราะเจอไอ้หล่อลากสองคนนี้

กูดูต๊อกต๋อยขึ้นมาทันทีเลย...

“มึงนี่ไอ้นอร์ธกับไอ้ซีอิ๊ว เพื่อนกูเอง”ไกด์มันแนะนำเพื่อนที่เพิ่งจะทิ้งก้นลงบนพื้นได้ไม่นานอย่างรู้งาน ไอ้เตี้ยๆนั่นชื่อนอร์ธ ส่วนไอ้สูงๆนั่นชื่อซีอิ๊ว

ชื่อนอร์ธก็ดูเหมาะกับมันดีหน้าตามันก็หล่อสมชื่อ ถึงจะใส่แว่นมันก็ยังดูหล่อ ส่วนไอ้ซีอิ๊วหน้าตาดูจะทรยศชื่อเล่นนิดหน่อย ถ้ามีโอกาสตั้งชื่อให้มันใหม่ผมยอมยกชื่อโทนี่ที่ผมหมายหมั้นปั้นมือว่าจะตั้งให้ตัวเองยกให้มันเลยก็ได้ หน้าตาเหมือนนายแบบหลุดออกมาจากปกนิตยสารชัดขนาดนี้ เอาจริงๆที่นั่งหัวโด่หัวเด่กันอยู่เนี่ย เห็นจะมีแค่ผมกับออมสินนี่แหละ ที่หน้าตาดูจะสู้ใครเขาไม่ได้เลย

ไอ้นอร์ธ ไอ้ไกด์ ไอ้ซีอิ๊ว ทุกคนหล่อหมด ยกเว้นผมกับออมสิน

เตรียมกอดคอร้องไห้กับไอ้ออมสินสองคนเลยกู…

“ไอ้นอร์ธไอ้อิ๊วนี่ไอ้ออมสินกับไอ้ไนซ์”

“อ๋อ ไนซ์”

หือ... ซีอิ๊วมันอ๋ออะไรของมัน

“รู้จักกูด้วย?”

“เออดิ เห็นพวกเด็กในโรงเรียนชอบพูดถึงกัน”

น้อววว โคตรเท่ พ่อกับแม่กูต้องภูมิใจ ลูกชายดังไกลไปถึงโรงเรียนเอกชนฝั่งตรงข้ามเลยเว้ย

“ไนซ์ที่ชอบยืนคุยกับหมาทุกเย็นอะ”

ไอ้สัด!

หุบยิ้มเลย ผมหุบยิ้มแบบทันควันแถมตากระตุกนิดๆ ที่เขาพูดถึงกันไม่ได้พูดเพราะผมหล่อหรอกเหรอ แต่พูดเพราะผมยืนคุยกับไอ้ยักษ์

โธ่... อดิรัตน์เศร้าครับ เศร้ามาก

“ไอ้ไนซ์ มึงยืนคุยกับหมาเหรอวะ”นี่ไง เวลาเอาคืนของออมสินมันมาถึงแล้ว มันหัวเราะผมแบบใหญ่โต แหม ฉายาเต้าหู้มึงก็ไม่ได้ต่างจากยืนคุยกับหมาของกูหรอก

“น้องๆคะ มาพร้อมกันแล้วเนอะ...”

แต่ยังไม่ทันได้เถียงหรือแก้ตัวเรื่องฉายายืนคุยกับหมา ชีวิตผมก็ถูกขัดขวางโดยพี่สตาฟสาวสวยคนหนึ่งในคณะที่มาพร้อมโทรโข่งคู่ใจฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว ก่อนที่สมองที่มีพื้นที่อันน้อยนิดของผมจะต้องจดจำรายละเอียดของกิจกรรมวันแรกพบของคณะเราที่พี่สตาฟเขาพูดใส่โทรโข่งที่ติดๆดับๆจนบางทีก็แทบจะจับใจความของประโยคไม่ได้

“เออ กูลืมถามพวกมึงเลย ถ้าทำกิจกรรมเขาจะแยกเป็นบ้านอะ พวกมึงอยู่บ้านอะไรกัน กูบ้านสอง”

“กูบ้านหนึ่ง”ซีอิ๊วตอบทันทีหลังจากที่ออมสินมันถามเสร็จ

“กูบ้านห้าอะ”ผมตอบออกไปก่อนจะมองหน้าไอ้สองตัวที่เหลืออย่างไอ้นอร์ธและไอ้ไกด์

“กูบ้านเจ็ด”

“กูบ้านห้า”

เชร้ดโด้ววว ได้อยู่บ้านเดียวกับไอ้นอร์ธเลยว่ะ ถึงมันจะพูดน้อยแล้วก็ดูเงียบๆขรึมๆไปหน่อยก็เถอะ

“ดีว่ะมีเพื่อนอยู่ด้วยอะ กูสามคนนี้ไม่มีใครเลย โคตรเปล่าเปลี่ยว”

ออมสินมันบ่นขิงบ่นข่าไปเรื่อยจนสุดท้ายพี่เขาก็พูดรายละเอียดเสร็จโดยผมไม่ทันได้ฟังเลยสักนิด

“เดี๋ยวจะให้พี่ๆแต่ละบ้านพาน้องๆไปทำกิจกรรมกันนะคะ บ้านหนึ่งพี่บิ๋ม บ้านสองพี่บอย...”

หลังจากนั้นพี่ที่อยู่ประจำบ้านผมก็มาเดินนำแถวพวกผมเหมือนกับแม่เป็ดที่เดินนำขบวนลูกเป็ดอย่างไรอย่างนั้น

รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นลูกเสื้อสำรองอีกครั้งเลยครับ

นั่งต่อแถวกันใต้ร่มไม้กับลมที่มันควรจะเย็นแต่แสนร้อนระอุ มันร้อนจนแบบผมต้องร้องขอชีวิต ความรู้สึกตอนนี้คืออยากจะรวยล้นฟ้าแล้วซื้อเมืองหิมะมาไว้ที่นี่ซะจริงๆ

“น้องๆคะ เราจะเริ่มกิจกรรมแรกกันแล้วนะคะ”

“ครับ!”

พูดไปก็รู้สึกอยากจะร้องไห้อีกเป็นล้านๆรอบ เพิ่งจะได้สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบข้าง บ้านห้าของผมเป็นชายล้วนเลยครับ ฮือ มีผู้หญิงตั้งเกือบร้อยชีวิตในคณะนี้ แต่ไหงถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนตกลงมาถึงบ้านห้าบ้างเลยล่ะครับ...

ตอนนี้บ้านห้าทุกคนแบ่งเป็นสองแถว แถวล่ะเท่าๆกันโดยที่ผมนั่งอยู่กลางๆของแถวแรกเพราะส่วนสูงผมมันเลยทำให้ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนไอ้นอร์ธน่ะเหรอ โน่นครับ หน้าสุดของแถวผมเลย เตี้ยสุดในบ้านห้าแล้วมั้งมันน่ะ

“เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆทุกคนทำความรู้จักกันสิบนาทีนะคะ ย้ำนะคะให้รู้จักกันให้ได้มากที่สุด จดจำรายละเอียดเพื่อนๆด้วย เดี๋ยวเราจะมีเกมมาให้เล่นกัน”

พอหลังจากที่พี่เขาพูดเสร็จ ก็ไม่มีใครอีดออดหรือขัดขืนอะไร ชายฉกรรจ์ทั้งหลายลุกขึ้นและทำความรู้จักกันด้วยความรุนแรงตามแบบฉบับกลุ่มชายล้วน คำหยาบมาเต็มแม็กซ์ ความรุนแรงบวกเข้ามาอีกนิดหน่อย กว่าจะหมดสิบนาทีก็แอบปวดไหล่นิดๆเพราะบรรดาเพื่อนร่วมบ้านห้าของผมหลายคนมือหนักๆกันทั้งนั้นตบไหล่ผมกันเป็นว่าเล่นเลย

ทักทายกันรุนแรงเหลือเกินจ้ะพี่จ๋า

“เอาล่ะค่ะน้องๆ เดี๋ยวพี่จะให้พี่ไจ๋แจกผ้าปิดตานะคะ”หลังจากนั้นพี่คนที่ชื่อไจ๋ก็เอาผ้าปิดตามาแจกพวกผมแถวหนึ่งทั้งหมดแต่แจกแบบคนเว้นคน แถวสองเองก็ถูกแจกผ้าโดยแจกคนเว้นคนเหมือนกันกับแถวผม

“คนที่ได้ผ้า เอาผ้าปิดตาตัวเองด้เลยค่ะ”ว่าแล้วก็ก้มมองผ้าโง่ๆในมือของตัวเองหลังจากที่พี่เขาพูดจบ กูจะไม่โดนแกล้งอะไรใช่มั้ยวะ มันดูไม่ชอบมาพากล หรือเขาจะเอากบมาวางไว้ในมือผมตอนผมปิดตาวะ

ไม่ๆๆ ผมเกลียดกบ

“น้องไนซ์คะ ทำไมไม่ปิดตาล่ะลูก พีไจ๋คะ ช่วยปิดตาให้น้องหน่อยค่ะ”

กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวปิดเอง แต่ผ้าก็ถูกแย่งออกไปจากมืออย่าง่ายดาย แถมยังถูกพี่เขาเอาผ้ามาปิดตาผมด้วยความเกรี้ยวกราด

แค้นอะไรกูปะเนี่ยพี่ ผูกอย่างผูกเชือกรองเท้า ผูกเบาๆก็ได้ มันไม่หลุดหรอก

“เอาล่ะค่ะ ต่อไปนะคะ คนที่ไม่ได้ผ้าปิดตามายืนต่อแถวกันตรงนี้ค่ะ”

ดวงตาของฉันมันมืดมิด รู้สึกระแวงไปหมดทุกสิ่งอย่าง ได้ยินแค่เสียงลากเท้าของใครบ้างก็ไม่รู้ ขอสะดุ้งไว้ก่อน

ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบวะ... หรือเขาจะนัดแผนอะไรกัน คงจะไม่แกล้งเดินหนีและทิ้งให้กูนั่งอยู่กับเพื่อนๆตรงนี้อย่างเหงาๆหรอกนะ

“อะ เรียบร้อย ต่อไปพี่จะให้เพื่อนๆคนที่ไม่ถูกปิดตาไปนั่งตรงหน้าน้องๆนะคะ แล้วก็จะให้น้องๆทายว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามน้องคือใคร ห้ามเฉลยให้กันนะคะ”

ว้อท!? พูดอีกทีๆได้หรือเปล่า ไม่ได้อำเล่นใช่มั้ย คนบ้าอะไรมันจะไปจำได้วะ หลอกกูโดนทำโทษแหงๆ ไม่มีความยุติธรรม จะร้องเรียน เรื่องนี้ต้องถึงหูอธิการบดี!

รอไม่นานเสียงการลากเท้าของใครสักคนก็ดังขึ้นอยู่ข้างหน้าผมก่อนจะตามด้วยการทิ้งตัวลงนั่ง ผมรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าไอ้นี่มันคือใคร

“พี่จะให้เวลาสามนาทีนะคะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมหรือยังไงก็ได้ พอหมดสามนาทีพี่จะขอคำตอบนะคะหรือใครที่สามารถตอบก่อนหมดเวลาได้ก็ตอบนะคะ”

โกงชัดๆ

ไอ้บ้า ใครมันจะไปทำได้วะ โคนันยังทำไม่ได้เลย

“เริ่มได้ค่ะ”

พอพี่เขาพูดแบบนั้น ก็มีเสียงกลองที่ดูท่าจะเก็บกดมานานดีด้วยความเกรี้ยวกราด จังหวะสามช่ามาแถมยังตามมาด้วยเสียงหัวเราะของใครหลายๆคน

เออ ในเมื่อขัดขืนอะไรไม่ได้ก็ทนเล่นให้จบๆไป

“มึงชื่ออะไร”ผมยื่นหน้าเข้าไปในจุดที่คิดว่าไอ้นั่นมันจะได้ยินก่อนจะกระซิบ“เฉลยหน่อยดิ”

ไอ้หรรม! ไม่ตอบ หยิ่ง หยิ่งแน่ๆ ตอนเรียนอย่ามาขอร้องอะไรกูก็แล้วกัน!

“ไม่บอกจริงดิ”

กริบเลยครับ...

เขาบอกว่าอะไรนะ จะจับ จะคลำ จะดม จะชิมได้หมดเลยใช่มั้ย...

ผมเริ่มยื่นมือไปจับมันอย่างมั่นใจ แน่นอนครับ คว้าอากาศ ไอ้บ้าเอ้ย! ต้องค่อยๆคลำไปเรื่อยๆ จับลมอยู่สองสามทีสุดท้ายก็คว้าเข้าที่หน้า

จมูกอย่างโด่งอะ อิจฉาแล้วนะ... ใครบ้างวะจมูกโด่งๆ

นึกไม่ออกครับ ลูบลงมาที่ไหล่ เมื่อกี้ผ่านหูด้วย มันเจาะหูด้วยไอ้คนนี้น่ะ

น่าจะไม่บ้าจี้แฮะ จับเอวขนาดนี้ยังไม่ขำเลย ผมเลื่อนมือลงไปเรื่อยๆ ทำไมช่วงตัวมันดูสั้นจังวะ แป๊บเดียวก็ถึงกางเกงแล้ว ผมคลำอย่างสะเปะสะปะจนสุดท้าย

“ต่ำไปแล้วไอ้เอ๋อ”

ผมสะดุ้งกับคำพูดจนสุดท้ายก็คว้าหมับ เข้ากับอะไรบางอย่าง

ชัดเลย... เสียงแบบนี้ ช่วงตัวสั้นแบบนี้

ถึงผมจะได้ยินเสียงมันไม่กี่คั้งแต่มันต้องใช่แน่ๆ

“ไอ้นอร์ธ!”

“น้องไนซ์ตอบถูกค่า เปิดผ้าได้”ผมไม่รอช้ารีบใช้มือข้างหนึ่งดึงผ้าปิดตาตัวเองออก เท่านั้นแหละครับ นอกจากจะเห็นหน้าหล่อๆกับส่วนสูงที่ย้อนแย้งกันสุดขั้ว ผมยังได้เห็นภาพสุดสวิงริงโก้ที่จะต้องจำไปจนหลานบวช

ไอ้บางสิ่งบางอย่างที่ผมคว้าไว้ตอนตกใจน่ะ มันคือเป้าของไอ้นอร์ธ

เป้ามันอะ! หรรมมันอะ! แถมผมยังจับไว้อย่างเต็มไม้เต็มมืออีกด้วย

“แหม ดูท่าจะติดใจเป้าเพื่อนนะคะ จับไม่ปล่อยเลย”

พอพี่เขาแซวเท่านั้นแหละครับ ไอ้พวกที่ปิดๆตากันอยู่ก็แหกกฎกันแกะผ้าปิดตาของตัวเองออกแล้วมาหัวเราะให้กับมือผมและเป้าสุดมหัศจรรย์ของไอ้นอร์ธแทน

ผมรีบชักมือของตัวเองออกแต่มันก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะได้รับฉายาใหม่มาโดยความเด๋อของตัวเองเรียบร้อย

ไนซ์ไข่สวรรค์




#ทิศเหนือของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2019 08:53:37 โดย augustismine »

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 2
«ตอบ #3 เมื่อ13-08-2019 19:19:19 »

02

คนหน้าโง่



“โคตรเท่ ไนซ์ไข่สวรรค์ว่ะ”

“ไม่ตลกนะเว้ยออมสิน แล้วทำไมเขาถึงได้รู้กันเร็วขนาดนี้วะ”

ผมตักข้าวเข้าปากตัวเองอย่างอารมณ์เสีย อะไรกันวะ แค่พลาดจับเป้าเพื่อนแค่นี้เอง ทำไมมันถึงได้รู้กันเร็วขนาดนี้ สาวๆในคณะก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมเองก็อ่านไม่ออก

ฮือ หมดกัน ชีวิตคูลๆในมหา’ลัยของกู

“เอาจริงๆ กูว่าฉายานี้มันเหมาะกว่าไนซ์คุยกับหมาเยอะเลยนะเว้ย”ไอ้ไกด์มันว่า

ไม่! มันไม่เหมาะเลยสักนิด

ผมเริ่มหน้างอแล้ว แทนที่พักกินข้าวเที่ยงแล้วมันจะแฮปปี้ดี๊ด๊าได้พูดคุยกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับการได้ทำกิจกรรม แต่บทสนทนามันกลับเต็มไปด้วยเรื่องที่ผมจับเป้าไอ้นอร์ธ

หลังจากเหตุการณ์จับเป้าเกิดขึ้นพวกเราก็ได้ทำกิจกกรรมต่ออีกหน่อย แต่ผมน่ะ หมดไฟตั้งแต่โดนแซวว่าไนซ์ไข่สวรรค์แล้ว ชีวิตห่อเหี่ยวเหมือนดอกไม้ที่ไม่โดนรดน้ำมาหลายวัน

ไนซ์ไม่รักวิศวะแล้วครับพ่อ

“ยิ้มเหี้ยอะไรของมึง”ผมแหวใส่ไอ้นอร์ธที่นั่งกินข้าวอย่างมีความสุข

“เรื่องของกู”

“เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้สัด มึงไม่บอกกูอะ ว่ากูจะจับเป้ามึงแล้ว ทำไมมึงไม่บอกกู๊!”

ผมโวยลั่นจนคนแถวนั้นต้องหันมามอง

“ไอ้ไนซ์ ไอ้ห่า เบาๆ คนมองหมดแล้ว”

พอผ่านมาครึ่งวันพวกผมห้าคนก็สนิทกันมากขึ้น เอาจริงๆมันก็สนิทกันตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแหละ แต่พอพักเที่ยงมันเหมือนอัพเลเวลความหยาบคายขึ้นมาอีกนิด

“ก็พี่เขาบอกกูว่าห้ามพูดกับมึง”

“แต่นั่นมันหรรมมึงเลยนะเว้ย... หรรมมึงอะ มึงจะไม่หวงหน่อยเหรอ”

“ก็มันจับไปแล้วมึงจะโวยวายทำบ้าอะไร”

“ใช่สิ มึงไม่เสียหายเหมือนกูนี่”

นอร์ธมันยักไหล่ก่อนจะก้มหน้าก้มจากินข้าวต่อ ไอ้เตี้ยใจแคบ!

“ไม่นะเว้ย กูว่ามึงอะได้เปรียบ ไอ้นอร์ธโน่นเสียหาย”

“ยังไงของมึงออมสิน?”

“ก็มึงได้จับ แต่ไอ้นอร์ธไม่ได้อะไรเลยไง มึงอะต้องรับผิดชอบไอ้นอร์ธ มันเสียหาย”

อ้าว กูผิดเฉย...

“ไม่ได้ดิ กูต่างหากที่เสียหาย”

“ไอ้นอร์ธต่างหากที่เป็นคนเสียหาย”

ระหว่างที่ผมกำลังเถียงกันอย่างออกรส ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่คอมีป้ายห้อยไว้ว่า Staff ก็เดินเข้ามาหากลุ่มผมพร้อมกับกล้อง DSLR ตัวเบ้อเริ่ม จนเสียงเจื้อยแจ้วเมื่อกี้หายไปทันควัน

“น้องไนซ์”

“ครับ”ตอบเสียงหวานแบบสุดๆแถมยังฉีกยิ้มสดใส

“พี่ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ย?”

ผมพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบให้พี่สาวคนสวย พี่เขาสวยจริงๆครับ สวยจนผมอยากจะพาไปไหว้แม่ในฐานะลูกสะใภ้เลย

“เสร็จแล้วค่ะ”

“ครับ”

“ขอบคุณนะคะน้องไนซ์ไข่สวรรค์”

โอเค ล้มเลิกความคิดที่จะพาไปไหว้แม่ได้เลย ชีวิตอดิรัตน์มีแต่คนร้ายๆ ขนาดพี่คนสวยยังโหดร้ายกับหัวใจดวงน้อยๆของผมเลย

ไอ้พวกที่นั่งอยู่ขำพรืดจนแทบจะพ่นข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่

“หัวเราะอะไรกัน”

“น้องไนซ์ไข่สวรรค์”

“หมดแล้วภาพลักษณ์มึง ขนาดรุ่นพี่ยังรู้เลย”

ฮือ... หมดกันจริงๆภาพลักษณ์ที่พยายามสร้างมา ชีวิตผมมันมีแต่ความไม่ยุติธรรม!


พอช่วงบ่ายกิจกรรมวันแรกพบสุดมหัศจรรย์ของผมก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา นั่นก็คือการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนต่างคณะ โดยแต่ละคณะจะไม่มีการแยกบ้านเหมือนที่ทำกันเมื่อตอนเช้าแล้ว

เท่านั้นยังไม่พอ เขายังให้พวกเราทุกคนนั่งเข้าแถวกันแบบตามใจชอบโดยไม่ต้องปรึกษาหารือใครใดๆทั้งสิ้น เพราะแบบนี้พวกผมทั้งห้าคนถึงได้มารวมตัวกันเป็นพาวเวอร์เรนเจอร์แบบนี้นี่ไง...

“ไอ้ไกด์ๆ คนนั้นสวยว่ะ มึงว่าคณะอะไร”

“ตาบอดมั้งมึงอะ เสื้อสกรีนตัวเบ้อเริ่มขนาดนั้นว่าเด็กนิเทศ เขาเรียนพยาบาลมั้ง”

“สัด ไอ้ไกด์ๆ คนนั้นๆๆๆ ดัดฟัน ผมยาว ยิ้มสวย แม่ของลูกกูชัดๆ”

“คณะเราอะ กูว่าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ กูว่าคนนั้นดีกว่าเยอะ สาวสถาปัตย์”

“เออว่ะ งานดีจริง กูรักวันแรกพบ!”

บทสนทนาที่หาสาระไม่ได้ของไกด์กับออมสินทำให้ผมคนนี้ได้แต่กรอกตาไปมา ยิ่งคบยิ่งเห็นธาตุแท้ นี่ยังคบไม่ถึงวันเลยยังออกลายกันขนาดนี้ ถ้าคบไปสักสองสามปีมันจะขนาดไหน...

ผมลืมบอกไปอีกอย่าง เพราะฐานที่เอาไว้ทำกิจกรรมช่วงบ่ายของพวกเราจะมีทั้งหมดห้าฐานกิจกรรม แต่คณะภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้มันมีตั้งเกือบยี่สิบคณะ

แน่นอนครับถ้าเล่นฐาน เป็นฐานละคณะ อีกสามวันพวกมึงก็เล่นกันไม่จบ!

พวกพี่เขาเลยทำการจับฉลากว่าคณะไหนจะต้องเล่นฐานร่วมกับคณะไหนบ้าง โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ของพวกเราจะต้องร่วมเล่นฐานกับคณะนิเทศศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์

พอได้ยินแค่คำว่านิเทศศาสตร์ใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เพราะเขาร่ำลือกันเหลือเกินว่าคณะนิเทศแต่ละปีน่ะ มีแต่งานดีๆทั้งนั้น แล้วผมก็คาดหวังด้วยว่าปีนี้มันคงจะดีสมคำร่ำลือ

“ไนซ์กินน้ำปะ?”

“ขอบใจแต่ไม่เป็นไรดีกว่า”ผมตอบซีอิ๊วที่ยื่นขวดน้ำอัดลมมาให้

หลังจากที่ใช้ชีวิตกันมาค่อนวัน สิ่งที่ผมรับรู้อีกอย่างนอกจากความหน้าม่อของไอ้สองตัวนั้น ก็เป็นความดีงามเทพบุตรมาโปรดของซีอิ๊วนี่แหละ ที่เข้ามาทำให้กลุ่มของเราดูเป็นคนดีขึ้นมาบ้าง

ซีอิ๊วผู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแจกรอยยิ้มที่สดใส ถ้าผมเป็นผู้หญิงและได้ซีอิ๊วเป็นแฟนนะ ผมก็คงจะต้องรักและหลงซีอิ๊วจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ

ซีอิ๊วช่างแสนดีต่างกับไอ้คนที่ยืนกอดอกหน้านิ่งอยู่ข้างๆลิบลับเลย...

พอเห็นหน้ามันแล้วก็เจ็บใจ จนถึงตอนนี้ผมยังถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆไม่หายเลย

“เป็นเหี้ยอะไรไอ้ไนซ์ ทำไมมองหน้าไอ้นอร์ธแล้วทำหน้าตาแปลกๆ”ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ออมสินมันหันมาสนใจผมแทนที่จะสนใจสาวๆของมัน

“เปล่า”

“เปล่าเหี้ยอะไร กูเห็นอยู่ เอ๊... หรือมึงติดใจไข่มัน”

มึงใช้สมองส่วนไหนคิดวะออมสิน ใครมันจะไปติดใจเป้าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อน กูถามแค่นี้ ถ้าไอ้นอร์ธมันเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันผู้ชาย

ทั้งแท่งเลยด้วย...

“มั่วแล้ว! ใครจะไปติดใจ”

“แหน๊ ติดใจก็บอกมาเถอะไอ้ไนซ์ กูเข้าใจว่าไข่มันดึงดูด”

ดึงดูดพ่อง!

“สัด กูจะมองหน้ามันไม่ได้เลยมั้ง”

“มึงมันมีพิรุธ”ออมสินมันว่าพร้อมกับหรี่ตาเหมือนจับพิรุธ

เสือกอยากจะจับผิดขึ้นมาอีก อย่ามายุ่งกับกู!  ไปสนใจโน่น ผู้หญิงของมึงโน่น!

“น้องๆ มารวมตัวทางนี้หน่อยค่าาา”

แล้วเวลาจับผิดของออมสินยอดนักเสือกก็จบลงด้วยเสียงเรียกของพี่สตาฟที่ดูแลฐานของพวกเรา

พอทุกคนมารวมตัวกันจนครบ พี่เขาก็ทำการเริ่มกิจกรรมแบบไม่รอให้ข้าวในกระเพาะผมย่อย เกมแรกเป็นเกมลุกนั่งทั่วไป ใครทำผิดตรงข้ามกับคำสั่งก็ยืนเต้น

อนุบาลมากเลยนะครับเกมนี้… แต่ผมก็โดนเต้นไปสามรอบ!

ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาเล่นสั่งสลับไปสลับมาให้ผมหัวหมุนได้ขนาดนี้ พอลงโทษกันเสร็จสรรพพี่เขาก็เริ่มเกมต่อไปแบบไม่รอช้า



หลังจากที่ทำกิจกรรมต่างๆเสร็จก็เย็นพอดี แถมยังเป็นเย็นที่ฝนตกอีกต่างหาก…

ผมยืนกุมเป้ารอให้ฝนซาอยู่ใต้ถุนคณะ ความรู้สึกตอนยืนตากฝนคนเดียวตอนนี้กับตอนมัธยมมันต่างกันลิบลับเลย หรือเพราะนี่มันคือการยืนตากฝนคนเดียวครั้งแรกในมหาวิทยาลัย มันก็เลยอาจจะรู้สึกประหม่าบ้างเป็นธรรมดา

จากตอนแรกที่แพลนไว้ว่าจะไปหาอะไรกินที่ห้างหลังจากทำกิจกรรมเสร็จ ก็เป็นอันต้องพับเก็บไปตามระเบียบ สภาพอากาศเล่นไม่อำนวยให้กับคนที่พักอยู่หอไกลๆแบบผมเลย

พูดแล้วเศร้า!

แล้วนี่เพื่อนก็มาทิ้งอีก ไอ้ไกด์ก็แวะไปส่งสาวที่เจอกันตอนเล่นฐาน ตอนที่หลายๆคนกำลังเล่นกิจกรรมกันอยู่ ผมก็เห็นมันส่งยิ้มที่สามารถละลายโลกได้ทั้งใบไปให้สาวคนนั้นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ไม่รู้มันเอาเวลาไปคุยกับเขา ถึงได้ลงเอยด้วยการไปส่งเขาที่หอได้

ส่วนออมสินมันก็เดินตามสาวที่ไหนไปแล้วก็ไม่รู้ เห็นมันบอกว่าแม่ของลูก เอาจริงๆ วันนี้ผมได้ยินคำนี้เป็นล้านๆรอบออกจากปากของออมสิน

แม่ของลูกมึงจะเยอะเกินไปแล้ว!

ไอ้นอร์ธกับซีอิ๊ว สองรายนั้นก็หายตัวไปอย่างลึกลับ คงจะกลับกันไปแล้วล่ะมั้ง...

“ไนซ์”

ผมหันไปตามเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง หันไปก็ไปเจอกับไอ้สองคู่หูกล้วยหอมจอมซนอย่างซีอิ๊วและไอ้นอร์ธ

ยังไม่กลับกันหรอกเหรอ...

“อ้าว ยังไม่กลับกันเหรอวะ กูนึกว่ามึงสองคนกลับกันไปแล้ว”

“ยังๆ กูสองคนไปช่วยพี่ปีสองยกของหนีฝนมา”ซีอิ๊วตอบ

“อ๋อ”ผมพยักหน้าช้าๆ

“แล้วนี่ยืนรออะไรทำไมยังไม่กลับ กูนึกว่ามึงกลับไปแล้ว”ซีอิ๊วถาม

“รอพ่อไปก่อน”ผมชี้ไปที่ท้องฟ้า ที่ปล่อยฝนเม็ดโตลงมาอย่างต่อเนื่อง

“โห ดูท่าไม่น่าจะหยุดตกง่ายๆว่ะ”

“นั่นสิ”

“แล้วกลับยังไง?”

“ถามทำไมอะ จะพากูวิ่งฝ่าฝนแบบในซีรี่ส์เหรอ”

“บ้าแล้ว จะให้ยืมร่มเฉยๆหรอก”ว่าแล้วซีอิ๊วก็หยิบเอาร่มที่ถูกพับเก็บจนเรียบร้อยในกระเป๋าเป้ตัวเองออกมาก่อนจะยื่นมาให้ผม“อะนี่”

“ให้ทำไมอะ แล้วมึงจะกลับยังไงเอาร่มมาให้กูแบบนี้”

“เอ่อ...”ซีอิ๊วหันไปมองหน้าไอ้นอร์ธอย่างมีพิรุธจนผมสังเกตได้ มันสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนที่ซีอิ๊วจะหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง“กูกลับได้ก็แล้วกัน มึงรับไปเถอะ”

ร่มสีดำถูกยัดมาในมือของผมโดยฝีมือของซีอิ๊ว

มีพิรุธ... มากๆเลยด้วย

ผมรีบกางร่มออกทันทีพร้อมมองซ้ายขวาหาสิ่งผิดปกติ มันไม่ได้ใส่อะไรไว้ในร่มใช่มั้ย หรือว่ามันเจาะรูร่มไว้ แต่สุดท้ายผมหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ร่มยังสภาพดีไม่มีตำหนิ แถมยังไม่มีอะไรซุกซ่อนไว้ด้วย

“ไม่มีอะไรหรอกหน่า”

“ก็พวกมึงมีพิรุธ”

“โธ่ไนซ์ มึงเห็นพวกกูเป็นคนยังไงเนี่ย…”

“เออๆๆ ไม่มีก็ไม่มี งั้น... กูไปละ ขอบใจมากๆสำหรับร่ม”

“เออ”

ผมหันไปมองไอ้คนที่ยืนข้างๆซีอิ๊ว ไอ้นอร์ธมองผมตาไม่กะพริบ แต่มันก็ไม่ได้พูดจาอะไร เนี่ย เห็นหน้ามันกี่ครั้งก็เจ็บใจไม่หาย ถึงเรื่องไนซ์ไข่สวรรค์จะกลายเป็นเรื่องราวที่พูดต่อๆกันเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่ผมก็ยังถูกมองด้วยสายตาแปลกๆจากเพื่อนๆทั้งคณะเดียวกันและต่างคณะอยู่ดี

ผมไม่ได้สนใจไอ้นอร์ธ เพราะแอบเคืองมันนิดๆ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมัน! มันคนเดียวเลย!

ผมรีบสะบัดตูดเดินหนี เอาร่มมาบังฝนและรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที



ร่มก็ไม่ได้ช่วยอะไร...

ผมเดินตัวเปียกซกเป็นลูกหมาตกน้ำเข้ามาในห้องของตัวเอง ความผิดนี้ไม่โทษใคร เพราะความโง่ของตัวเองล้วนๆ ที่ไปยืนโง่ๆอยู่ริมฟุตปาธเพียงหวังว่าเวลารถเมล์มาจะได้เดินขึ้นรถเมล์อย่างรวดเร็ว

แต่ผมไม่ทันได้นึกถึงไงว่าถ้ามีรถวิ่งมาด้วยความเร็วมากๆน้ำที่ขังอยู่ตรงถนนมันจะกระเด็นใส่ตัวเองมั้ย

สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ... เปียกไปถึงชั้นในเลย

ผมจัดการวางร่มไว้หน้าห้องน้ำก่อนจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินออกมาพร้อมชุดลำลอง ผ้าเช็ดตัวอีกหนึ่งผืนที่เปลี่ยนหน้าที่เป็นเอามาเช็ดผม หยิบมือถือคู่ใจขึ้นมาและเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

วันนี้ยอมรับเลยครับว่าเสียพลังงานไปเยอะมากจริงๆ

ผมเปิดเพจโฟโต้ของคณะ ว่าจะหารูปตัวเองส่งให้แม่ดูสักหน่อย แม่จะได้เลิกหาว่าผมนอกลู่นอกทางสักที ตั้งแต่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่หอและห่างบ้านมาไกลหลายสิบกิโล แม่ผมก็แทบจะโทรมาเช็คทั้งเช้าและเย็นเลย

ผมเลื่อนดูรูปด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ชีวิตผมทำไมมันรันทดขนาดนี้ มีรูปเยอะขนาดนี้ แต่ใช้ไม่ได้สักรูป จนเลื่อนมาถึงรูปสุดท้ายที่ดูท่าจะเป็นไฮไลต์ของงานวันนี้เลยล่ะ

รูปที่ให้กำเนิดไนซ์ไข่สวรรค์...

คมชัด ระดับ HD มือเป็นมือ เป้าเป็นเป้า

ยอดกดไลค์ กดแชร์พุ่งกระฉูดขนอดตกใจไม่ได้

ชีวิตในมหา’ลัย มันศิวิไลซ์เสมอ

ใครมันพูดประโยคนี้ ผมขอเรียกมาเคลียร์ด่วนๆเลย เพราะชีวิตในมหาวิทยาลัยของอดิรัตน์คนนี้มันไม่มีอะไรที่ศิวิไลซ์เลยสักนิด!



Aomsinnn

ไนซ์

ถึงห้องยัง

NiceAdr

ถึงแล้ว

มึงมีอะไร


ผมพิมพ์ตอบกลับข้อความของออมสินไปพลางเช็ดผมไปพลางๆเพื่อรออีกฝ่ายตอบ



Aomsinnn

มึงเล่น Rov ปะ

ตีป้อมกันนน

NiceAdr

เล่น

แต่ยังไม่เล่นตอนนี้

กูเหนื่อย
Aomsinnn

โห อะไรวะ



Rrrr... !

นั่นไง... มันโทรมาแล้ว

“ว่า...”

“ทำไมมึงไม่เล่นอะไนซ์”

ถามมาได้...

“มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะออมสิน กูเหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย เมื่อยด้วย”

“นะไอ้ไนซ์ เล่นเถอะ ไอ้ไกด์มันก็ไปกับสาวมันไม่เล่นกับกูแน่ๆ”

“แล้วมึงไม่ไปกับสาวหรือไง เห็นเดินตามไปอยู่ ทิ้งให้กูอยู่คนเดียว”

“พูดแล้วแค้นสัด สาวที่กูตามไปอะดิ มีแฟนแล้ว หล่อมากด้วย เนี่ย เกือบได้กินตีนตั้งแต่วันแรกแล้ว”ออมสินมันว่า“แต่มึงบอกว่ามึงอยู่คนเดียวเหรอวะ แล้วไหนไอ้นอร์ธกับซีอิ๊วมันบอกว่ามันมายืนเป็นเพื่อนมึงก่อนที่มึงจะกลับ”

“ก็เออ มันมายืนเป็นเพื่อน แต่ถ้ามึงไม่ทิ้งกูมันสองคนก็ไม่ต้องมายืนเป็นเพื่อนกูมั้ยล่ะ”

“พูดเหมือนกูกับมึงกลับทางเดียวกันอย่างนั้นแหละ แต่เอาจริงๆ มึงต้องขอบใจกูนะเว้ย”

“เรื่อง?”

“เรื่องที่ทำให้มึงได้ร่มกลับหอไง ถ้าอยู่กับกูมึงไม่มีทางมีร่มกลับหอหรอก เพราะกูไม่มีร่ม”

“กูต้องขอบคุณซีอิ๊วต่างหาก”

“ขอบคุณอะไรไอ้อิ๊ววะ มันร่มไอ้นอร์ธไม่ใช่เหรอ”

อ้าว... อะไรของมัน

ทำไมออมสินมันถึงได้พูดออกมาแบบนี้ มันไม่ใช่ร่มไอ้นอร์ธสักหน่อย มันร่มของซีอิ๊ว ก็ผมเห็นมาสดๆ ด้วยตาของตัวเองเลยว่าซีอิ๊วมันหยิบออกมาจากกระเป๋าเป้ของตัวเอง

“มั่วแล้วมึงอะ ของซีอิ๊ว”

“ของไอ้อิ๊วที่ไหน ก็เมื่อกี้กูเจอไอ้อิ๊วที่ร้านข้าวข้างๆหอกู มันบอกว่าไอ้นอร์ธเอาร่มให้มึง”

อะไรวะเนี่ย... หรือผมทำกิจกรรมมากเกินไปจนตาลายเห็นไอ้นอร์ธเป็นซีอิ๊ว ไม่ได้ดิ... ผมยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นสักหน่อย

“เออๆๆ ไอ้ไนซ์ แค่นี้นะ ไอ้ไกด์ส่งสาวเสร็จแล้ว พร้อมออกรบกับกูแล้ว กูไปตีป้อมก่อน”

แล้วมันก็หายไปทิ้งไว้แต่ความสงสัย

“ร่มไอ้นอร์ธเหรอวะ...”

ผมหันไปมองร่มสีดำที่ถูกวางผึ่งไว้หน้าห้องน้ำ... มันเป็นของใครกันแน่

สุดท้ายผมก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว กดโทรหาซีอิ๊วด้วยเบอร์ที่แลกกันไว้เมื่อตอนกลางวัน รอไม่นาน ปลายสายก็รับ

“ว่าไง...”

“อิ๊ว”

“ห้ะ?”

“ร่มที่มึงให้กู ร่มมึงหรือร่มไอ้นอร์ธ”

“... มึงถามทำไม”

“ตอบมาเถอะหน่า”

“เออ ร่มของไอ้นอร์ธมัน”

โอ้โห ไอ้เตี้ยเทพบุตร ผู้มีพระคุณที่แท้ทรู กูมองมึงผิดไปจริงๆว่ะไอ้เตี้ย เพื่อเป็นการตอบแทนมัน ผมขอยกโทษให้มันก็แล้วกันเรื่องที่มันทำให้ผมได้รับฉายาไนซ์ไข่สวรรค์มา

“แล้วมึงไปรู้มาจากไหน?”ซีอิ๊วมันถาม

“ออมสินบอกมา”

“โอเค กูพลาดเอง...”ปลายสายหัวเราะนิดๆ“จะคุยกับไอ้นอร์ธมั้ยล่ะ มันนั่งกินข้าวอยู่กับกูเนี่ย”

“เหรอ... เอาดิๆ”

ต้องขอบคุณ เซฮาย แต้งกิ้วมันสักหน่อย อุตส่าห์ยอมเสียสละร่มของตัวเองให้ผมทั้งที

“ว่า...”

“ร่มมึงเหรอวะ”

“เออ รู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม”

“ขอบใจนะ”

ฮึ้ยยย มันได้ว่ะ โคตรจะซีรี่ส์เกาหลี ดี๊ดี ราวกับว่ามันเป็นฉากพระเอกบอกกับนางเอกอย่างนั้นแหละ ไอ้นอร์ธตัวร้ายกับนายอดิรัตน์มั้ยล่ะมึงงง

“ไม่ต้องอะ”

วืดเลย... หมดกันซีรี่ส์เกาหลีกู

“กูเห็นมึงหน้าโง่ๆ เลยกลัวว่าจะไปยืนตากฝนแล้วตาย เดี๋ยวต้องลำบากคนอื่นเขาไปช่วยเก็บศพอีก”

ไอ้เหี้ย เป็นชุดเลย...

“มีแค่นี้ใช่มั้ย เสียเวลากินข้าวกู”

แล้วมันสายก็ตัดไป... ทิ้งไว้แต่ความเอ๋อของผมที่เถียงอะไรมันไม่ทัน เพราะมัวแต่เดตแอร์จนลืมด่ากลับ

ไอ้เหี้ยๆๆๆ เพิ่งเคยโดนใส่เป็นชุดขนาดนี้ มึงกล้าดียังไงวะไอ้เตี้ย มึงมาว่ากูว่าโง่ โว้ยยยย หงุดหงิดโว้ย

คอยดูเถอะไอ้เตี้ย อย่าให้เห็นมึงมีสาวนะ กูจะแฉความปากหมาของมึงให้เขาฟัง คอยดู!



#ทิศเหนือของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2019 08:34:58 โดย augustismine »

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 3
«ตอบ #4 เมื่อ13-08-2019 19:25:31 »

03

รายงานตัวแบบ 4.0


“มึงว่าใช่คนนี้ปะ”

“แต่กูว่าคนนี้”

“คนนี้เขาแท็กคนนี้ว่ะ”

“แฟนเขาหรือเปล่า”

เสียงของออมสินกับซีอิ๊วพูดคุยกันสลับมองมือถือ

ในที่สุดสัปดาห์แห่งความปั่นป่วนก็มาถึง กิจกรรมการรับน้องเริ่มขึ้นทันทีหลังจากที่ผ่านงานวันแรกพบไปได้ไม่นาน และกิจกรรมแรกของเฟรชชี่ทุกคนต้องประสบพบเจอในสัปดาห์นี้ก็คือการรายงานตัวกับพี่ปีสาม...

คงจะคิดว่าเป็นการล่าลายเซ็นอะไรเทือกๆนั้นใช่มั้ยล่ะครับ พับเก็บไปได้เลย เพราะคณะผมมันแอดวานซ์กว่านั้น นั่นก็คือการรายงานตัวแบบ 4.0 ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์แบบสุดๆ

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ พวกรุ่นพี่ปีสองเขาเรียกพวกผมไปรวมตัวเพื่อที่จะอธิบายรายละเอียดการรายงานตัวเป็นรุ่นน้องของรุ่นพี่ปีสาม ครั้งแรกที่ฟังกติกาก็คือผมร้องออกมาว่า กูถามจริงและสารพัดคำอุทานที่จะสามารถอุทานออกมาได้

เขาให้พวกเราชาววิศวะปีหนึ่งทุกคนตามหาชื่อเฟซบุ๊กพวกพี่ปีสามในสาขาตัวเองและทำให้เขายอมรับเราเป็นน้องให้ได้ โดยให้เวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากจบสัปดาห์นี้ ถ้าปีหนึ่งคนไหนรายงานตัวไม่ครบก็จะโดนอะไรสักอย่างนี่แหละผมเองก็ฟังไม่ค่อยจะถนัดเพราะมัวแต่นั่งอึ้งอยู่ แต่ดูท่ามันคงจะเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบแน่ๆ เพราะเสียงโห่มันดังจนผมต้องหาอะไรมาอุดหูเลย

และแน่นอนครับทางออกของกิจกรรมนี้มันก็มีแค่ทางเดียว

นั่นก็คือ... ต้องทำตามที่เขากำหนด

เป็นไง ยากมั้ยล่ะ ไหนจะตามหาเฟซบุ๊ก ไหนจะต้องทำให้เขายอมรับอีก เยอะแยะไปหมด

“ไม่ใช่ว่ะ กูทักผิดคนอีกละ”

“อีกแล้วเหรอวะออมสิน”

“เออดิ”ผมที่ได้รับคำตอบกับหน้ามุ่ยๆของออมสินดูก็รู้ว่ามันไม่ได้พูดเล่น“แม่ง ทำไมมันยากเย็นแบบนี้วะ เฮ้อ ไอ้ไกด์มึงได้กี่คนแล้ว”

หันไปมองหน้าไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ม้านั่งใต้ร่มไม้ กลายเป็นฐานทัพของพวกเราชั่วคราว แรกๆก็แบบนี้แหละครับยังหาจุดลงหลักปักฐานไม่ได้ ต้องมาหาฐานทัพชั่วคราวกันไปก่อน รอให้มีฐานทัพประจำก่อนเถอะ พ่อจะลุกไม่ให้ใครนั่งเลย

“ยี่สิบ”

ห้ะ!? กูหูฝาดหรือเปล่า ยี่สิบเลยเหรอ ไอ้ไกด์มันได้ยี่สิบคนแล้ว แต่ผมยังเป็นศูนย์

“กูถามจริง”

“เออ นี่ไง เขาแอดกูมาแล้วก็ทักกูมาเต็มเลย”

ผมกับออมสินยื่นหน้าเข้าไปดูข้อความในมือถือของไอ้ไกด์ที่มีแจ้งเตือนยาวเหยียด



‘พี่อยู่ปีสามคณะน้องไกด์นะคะ รายงานตัวกับพี่ได้’

‘น้องไกด์น่ารักมากเลยค่ะ พี่ชื่อฟ้า ปีสาม วิศวะคอมนะคะ’

‘พี่ชื่อพี่เก๋ วิศวะคอม ปีสามนะคะ มีอะไรสอบถามได้’

‘พี่ชื่อนุ่น เรียนคนละสาขากับน้อง แต่พี่อยากรู้จัก ทักทายได้นะคะ’

‘พี่ไม่ได้เรียนวิศวะนะคะ ไม่อยากเป็นพี่ด้วย อยากเป็นเมีย’



โว้ยยยยย มันขนาดนี้เลยเหรอวะครับ

ทำไมๆๆๆๆ ทำไมไอ้ไกด์มันได้ดิบได้ดีคนเดียว แล้วทำไมพวกพี่เขาถึงได้เข้าหาไอ้ไกด์ แทนที่ไอ้ไกด์จะเป็นคนเข้าหาล่ะ

กูจะแจ้งพี่ดนัย กูจะบอกให้พี่เขาตรวจสอบ กูจะแจ้ง! กูจะแจ้ง!

“เท่จัดเลยว่ะไอ้ไกด์ ไอ้เหี้ยไม่ได้ละ กูต้องแอดต่อจากมึง มึงบอกพี่เขาด้วยนะว่า มีเพื่อนก็แนะนำให้เพื่อนแอดมา รับรองไม่ถึงสามวัน พวกเราครบแน่”

“...”

“มึงคือความหวังของกูนะไกด์”

“เออ”

แต่ถึงจะอยากแจ้งพี่ดนัยเรื่องความลำเอียงของพวกรุ่นพี่ที่ทักหาแต่คนหล่อๆแค่ไหน ผมก็ต้องพึ่งไกด์มันอยู่ดี เพราะถึงในใจจะหาว่ามันลำเอียงยังไง สายตาผมก็จับจ้องไปที่ชื่อเฟซบุ๊กของพวกพี่เขาทีละคนแถมยังโน๊ตไว้ในมือถือกันลืมอีกต่างหาก

เอาเป็นว่า ไม่บอกแล้วก็ได้

“นอร์ธ มึงได้กี่คนแล้ววะ”

“สามสิบ”

“ห้ะ!?”

คำตอบของไอ้เตี้ยทำเอาคนถามแบบซีอิ๊วและคนที่รอเสือกแบบผมร้องออกมาพร้อมกัน

อึ้ง! กูอึ้งกว่าไอ้ไกด์อีก

“มึงไปเอามาจากไหนสามสิบคน ไอ้ไกด์ยังทำไม่ได้เท่ามึงเลย”มนุษย์เสือกหมายเลขสอง มีนามว่าออมสิน เริ่มถามถึงความสงสัยที่ตัวเองมี และแน่นอน ผมก็สงสัยเหมือนมัน

“กูยังไม่ได้บอกเหรอว่ากูฟอร์มวงเล่นดนตรีกับพี่ปีสามอะ”

“หึ ไม่เคยบอก”ออมสินส่ายหัว

“เออว่ะ กูลืมสนิทเลย ทำไมกูลืมได้วะ”ซีอิ๊วตบเข่าฉาด

“กูเคยช่วยพวกพี่ปีสามเขาเล่นดนตรีที่ร้านเหล้า เลยได้คอนแท็กมาบ้าง”นอร์ธมันอธิบายทันทีหลังจากที่ผมกับออมสินงงเป็นไก่ตาแตก

“กูถามจริง ฟอร์มวงดนตรีหรือจะไปแห่ขันหมาก ทำไมคนมันเยอะขนาดนั้นอะ สามสิบคนเลยนะเว้ย”

“นี่มึงสงสัยจริงๆหรือมึงถามกวนประสาท”ไกด์ที่ดูจะเข้าใจอยู่แล้วถามพร้อมขมวดคิ้ว

“กูสงสัยจริงๆ”

“เพื่อนๆพี่เขาก็มีมั้ย นอร์ธมันก็คงขอต่อๆกันมานั่นแหละ ใช่มั้ยนอร์ธ”ไกด์หันไปหาไอ้นอร์ธ

“เออ แบบที่ไกด์มันว่านั่นแหละ พวกมึงจะเอาเฟซบุ๊กพวกพี่เขาด้วยมั้ยล่ะ เดี๋ยวกูบอกให้พวกพี่เขารับพวกมึงเป็นน้องเอง”

“นักเลงใหญ่ถูกปะ สั่งได้แม้กระทั่งปีสาม”

“สั่งเหี้ยอะไรของมึงออมสิน เขาเรียกว่าขอร้อง”

“แหม... กูก็พูดให้ดูยิ่งใหญ่ไปงั้น”

“ตกลงจะเอามั้ย กูจะได้บอกให้”

“เอาสิครับ ปล่อยไปก็เสียดายโอกาสแย่”

“เออ เดี๋ยวกูส่งให้ในแชทกลุ่ม”

“เยี่ยมไปเลยครับคุณทิศเหนือ!”

แชทกลุ่มที่ไอ้ทิศเหนือหรือไอ้นอร์ธที่ทุกคนรู้จักพูดถึง มันก็คือแชทกลุ่มของพวกผมนั่นแหละครับ ออมสินมันบอกว่าสร้างไว้ เผื่อนัดเที่ยว นัดไปไหนมาไหน... แต่ตั้งแต่มีกลุ่มนี้มาก็ไม่เห็นจะชวนไปไหนสักที มีแต่ชวนเล่นเกม

“มึงเอาด้วยมั้ย”ผมหันไปมองไอ้เตี้ยนอร์ธ

เหอะ! คิดจะแสดงมิตรภาพที่สวยงามของมึงผ่านรอยยิ้มจอมปลอมนั่นเหรอ!

ฝันไปเถอะ กูยังแค้นไม่หาย กูจะจำไว้ในใจตลอดไป ว่ามึงมันคือคนเหี้ย จิตใจอำมหิต!

ด่าได้แม้กระทั่งคนแบบกู ฮึ่มมม พูดแล้วขึ้นๆ

“เมาออกซิเจนเหรอมึงอะ กูถามก็ตอบดิ นั่งทำหน้าโง่อยู่ได้”

“ไอ้นอร์ธ มึงด่ากูอีกแล้วนะ!”ผมโวยใส่

“ก็มึงนั่งทำหน้าโง่เองอะ กูถามก็ไม่ตอบ”

ก็กูไม่ได้สนใจไง!

“ตกลงจะเอายังไง เอาไม่เอา ถ้าไม่เอากูจะได้ลบมึงออกจากกลุ่มก่อนแล้วค่อยส่งคอนแท็ค”

สัดดดด มึงจะส่งก็ส่งมาสิ ถ้าส่งลงกลุ่มทุกคนมันต้องเห็นอยู่แล้ว ยังจะถามอยู่ได้ว่าจะเอาหรือไม่เอา

“ตกลงเอายังไง ตอบ”

“มึงก็ส่งมาสิ”

“มึงตอบไม่ตรงคำถาม”โว้ยยย เรื่องมากฉิบหาย มันจะอะไรนักหนาเนี่ย“เร็วๆ ตอบ กูจะได้จัดการ”

“เออ! ส่งมาสิ กูจะเอา ตอบแบบนี้พอใจยัง”

“เออ ตอบตั้งแต่แรกก็จบ นั่งใบ้อยู่ได้”

เกลียดโว้ย! เกลียด!

เกลียดรอยยิ้มไอ้นอร์ธแบบนี้ที่สุดเลย


“แล้วไอ้ยักษ์มันเป็นยังไงบ้าง แม่ได้ไปหามันบ้างหรือเปล่า”

“อะ แม่จะตัดแม่ตัดลูกกับแกก็คราวนี้แหละไนซ์ โทรหาแม่แต่ถามหาหมา... น่าภูมิใจจริงๆ”

“แหะ แม่อย่าน้อยใจสิ ไนซ์ก็คุยกับแม่ทุกวันแล้วนี่ไง”

“เอาน้ำอะไรนะหนุ่ม”

“เอ่อ... แป๊บหนึ่งนะแม่”ผมพูดกับแม่ที่อยู่ปลายสายก่อนหันมาพูดกับคุณป้าเจ้าของร้านน้ำปั่นข้างหอ“โกโก้โอรีโอ้ปั่นครับ ใส่มุกด้วยนะครับป้า”

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่มหาวิทยาลัย ผมก็แบกสังขารของตัวเองที่พร้อมจะทิ้งตัวลงบนเตียงทุกเมื่อมาซื้อน้ำปั่นเพื่อถือขึ้นไปกินบนห้อง

“อ่า มาต่อเลยแม่ เมื่อกี้คุยถึงไหนแล้ว”

“ยังด่าไม่จบ”

“โห่แม่ ใจเย็นๆดิ”

“ให้เย็นได้ไง  มีลูก ลูกก็ห่วงหมามากกว่าแม่มันอีก แล้วโกโก้โอรีโอ้อะไรของแกน่ะ งดบ้างนะ เดี๋ยวก็เป็นเบาหวานพอดี”

ไม่น่าเลยกู... ไม่น่ามาสั่งให้แม่ได้ยินเลย

ผมชอบโกโก้โอรีโอ้ปั่นมากๆ ตอนอยู่โรงเรียนก็ชอบสั่งที่ร้านน้ำปั่นหน้าโรงเรียนเป็นประจำ จนเดินไปแค่มองตากับเจ้าของร้านก็เป็นอันว่ารู้กันว่าสิ่งที่ผมจะสั่งคืออะไร

แต่ก็เพราะกินบ่อยนี่แหละครับ แม่ถึงได้บ่น แม่กลัวว่าผมจะเป็นเบาหวานตายซะก่อน

“นี่แก้วแรกของสัปดาห์”

“กล้าสาบานมั้ย”

สาบานก็ตายฟรีดิแม่...

“แก้วที่สาม”

“เนี่ย! แกมันขี้โกหกจริงๆเลย ทำไมนะทำไม ทำไมแกนิสัยไม่เหมือนพี่ชายแกเลยนะไนซ์ หัดเอาเยี่ยงอย่างพี่นันท์เขาบ้างสิ”

“แม่เอาไนซ์ไปเปรียบเทียบกับพี่นันท์อีกแล้วนะ ไนซ์จะงอนแม่ ไนซ์จะฟ้องพ่อด้วย”

“ไอ้ลูกขี้ฟ้อง!”

“ตกลงยังไงเนี่ยแม่ ไอ้ยักษ์เป็นยังไงบ้าง”

“มันไม่อยู่แล้ว”

“ห้ะ!? แม่หมายความว่ายังไง”

“ก็แบบที่แกเข้าใจนั่นแหละ”

แบบนี้ก็แปลว่าไอ้ยักษ์มันตายแล้วเหรอ... โฮ ยักษ์ลูกพ่อ เพิ่งเห็นหน้ากันอยู่หลัดๆแท้ๆ

แล้วน้ำอุ่นๆก็ไหลออกมาจากตา ถึงผมจะไม่ได้เจอมันมาตั้งแต่มันยังตัวเล็กๆ แต่ผมก็ผูกพันกับมันมากนะไอ้หมาตัวนี้น่ะ แค่คิดว่ามันจากโลกใบนี้ไปแล้วผมก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ น้ำตานี้เพื่อแสดงถึงความรักและความผูกพันที่ผมมีให้กับไอ้ยักษ์ ภาพลักษณ์อะไรไม่สำคัญแล้ววินาทีนี้ ร้องไห้แม่งเลย!

“ไอ้หนุ่ม หนูร้องไห้ทำไมลูก เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ฮือ เปล่าครับป้า”

“ไอ้ไนซ์ แกเป็นอะไรของแก”

“ก็ไอ้ยักษ์มันตายแล้วอะแม่ ฮือ ไนซ์ยังไม่ได้บอกลามันเลยนะ ไนซ์สงสารมันอะแม่ ฮึก โธ่ไอ้ยักษ์ลูกพ่อ...”คำพูดต่างๆนานาออกจากปากผมไม่หยุดหย่อน

“แล้วใครเขาบอกแกว่ามันตาย”

อ้าว...

ผมที่กำลังจะอ้าปากพูดประโยคต่อไปต้องรีบกลืนคำพูดนั้นลงคอ แถมยังเช็ดน้ำตาแบบลวกๆก่อนจะพูดกับแม่ต่อ เพื่อให้ทุกอย่างมันกระจ่าง

“อ้าว... อึก แล้วที่แม่พูดมันหมายความว่ายังไง”

“แกเลิกสะอื้นก่อนเลย อายชาวบ้านชาวช่องเขา อยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือไงตอนนี้”

“หะ หายแล้ว”

“เสียงสั่นก็ห้าม หยุดเดี๋ยวนี้เลย อายเขา”

“มันห้ามไม่ได้”

“โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโตเลย”

“แม่รีบๆบอกมาได้แล้วว่าที่แม่พูดหมายความว่ายังไง”

“ก็ที่แม่บอกว่ามันไม่อยู่แล้วน่ะ ไม่ได้หมายความว่ามันตาย แต่หมายความว่ามีคนเอามันไปเลี้ยงแล้วต่างหาก”

“แล้วทำไมแม่ไม่รีบอธิบาย”

“ก็แม่คิดว่าแกจะฉลาด”

“แม่!”หมดกันลุควิศวะมาดเท่ ยืนร้องไห้หน้าเหมือนหมาอยู่หน้าร้านน้ำปั่น แม่ทำไนซ์เสียภาพลักษณ์! แม่ใจร้าย!

ผมยืนคุยกับแม่อีกสักพักก่อนจะวางสายและจัดการถือโกโก้โอรีโอ้ปั่นขึ้นห้อง แต่ก่อนจะวางสายผมก็ไม่ลืมบอกแม่ว่าผมงอนที่แม่ทำให้ผมขายหน้า แถมยังทำให้เสียน้ำตาไปแบบไม่จำเป็นอีกด้วย

แต่พอบอกไปแบบนั้น ผมก็ได้รับเสียงพูดที่แสนจะอบอุ่นของแม่กลับมาว่า

ปัญญาอ่อน งอนอะไรไม่เข้าเรื่อง

โอเค จบเจ๊า ไนซ์จะไม่เร้าหรือ

พูดแล้วก็น่าน้อยใจนะครับ โดนด่าเหมือนหมูเหมือนหมาทำอย่างกับผมไม่ใช่ลูกอย่างนั้น แต่ไม่เป็นไร แม่โอนเงินไว ไนซ์จะไม่โกรธ

ผมเดินดูดน้ำโกโก้โอรีโอ้ปั่นเดินขึ้นบันไดมาอย่างสบายใจ

“ไนซ์”ผมที่ตั้งหน้าตั้งตาดูดน้ำโกโก้โอรีโอ้อยู่ต้องชะงัก เงยหน้าละปากออกจากหลอดมองไปยังเจ้าของเสียง

“ซีอิ๊ววว”ผมทักทายอีกฝ่ายที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่พร้อมกับกระเป๋ากีตาร์ที่ถืออยู่“มึงมาทำอะไรที่นี่วะ”

“อ๋อ กูมาหารุ่นพี่อะ มาเอากีตาร์ ไอ้นอร์ธก็มานะ”

“เหรอ งั้นกูไปดีกว่ามาทักทายแค่นี้แหละ กูไม่อยากเจอหน้ามัน”พูดจบผมก็เตรียมตัวใส่เกียร์หมา เจอหน้าไอ้เตี้ยมันกี่ครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะไม่มีปากเสียงกัน ปากก็หมาอย่างนั้น ตัวก็เตี้ยอย่างนี้ มีอย่างเดียวแหละที่ผ่าน ก็คือหน้าตาของมัน ที่โคตรจะหล่อเลย

“เดี๋ยวดิ ยังคุยกันไม่เสร็จเลย”ซีอิ๊วเดินเข้ามาดึงแขนผมไว้

“อิ๊วปล่อยกูไปเถอะ ถือว่ากูขอ กูไม่อยากเจอหน้ามัน”

“เจอหน้ากูแล้วมันทำไม”

นั่นไง มันมาแล้ว...

“ก็ไม่ทำไม แค่ไม่อยากเจอ กูปวดหัว ขี้เกียจเถียง รำคาญมึงด้วย”ผมเปลี่ยนท่าทางจากที่เมื่อกี้พยายามหนี เป็นสู้หน้าไอ้เตี้ยมันสุดฤทธิ์

“หึ”

“หึอะไรของมึง”

“เปล่า”

“เปล่าได้ไง ก็มึงหึอะ กูได้ยินเต็มๆสองหูเลย”

“เปล่าก็คือเปล่าไง มึงจะอะไรกับกูเนี่ยเอ๋อ”

“กูชื่อไนซ์ไม่ได้ชื่อเอ๋อ”

“พูดกับมึงแม่งเหนื่อยที่สุดในกลุ่มแล้ว ขนาดออมสินมันพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยกับมันยังรู้เรื่องกว่าคุยกับมึงเลย”นอร์ธมันว่า

หยาม มึงหยามกูมากเกินไปแล้วไอ้เตี้ย!

ผมกำลังจะอ้าปากเถียงมันกลับก็ถูกคนที่เตี้ยกว่าพูดขัดซะก่อน

“อิ๊ว เดี๋ยวกูไปรอที่รถนะ”ไอ้นอร์ธมันเดินไปหยิบเอากระเป๋ากีตาร์จากซีอิ๊ว

“เออๆ”

“กูไปก่อนนะไอ้เอ๋อ”

“โอ๊ะ!”

นอร์ธมันไม่ได้เดินไปเฉยๆนะครับ เพราะก่อนมันจะไป มันก็ไม่ลืมที่จะผลักหัวผมแรงๆจนหน้าแทบทิ่ม

โว้ยยย อะไรวะเนี่ย ชีวิตนี้ผมจะพ่ายแพ้ให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านอร์ธตลอดไปเลยหรือไง แค่จะหันกลับไปสู้มันบ้างผมก็ทำไม่ได้ เพราะแม่งตัวก็แค่นั้น แต่เดินไวเหมือนติดจรวด

“ไอ้เหี้ยนอร์ธ! ไอ้เตี้ย!”ทำได้แค่ตะโกนด่ามันเท่านั้น เพราะผมคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ไอ้นอร์ธนะไอ้นอร์ธ เล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้”ซีอิ๊วพูดก่อนจะมองหน้าผม“อย่าไปถือสามันเลยนะ มันก็เป็นแบบนี้แหละ อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็ชินเอง”

“อือ แต่มึงสองคนเป็นเพื่อนกันได้ไงวะ นิสัยต่างกันโคตรๆ”

“ไม่รู้ดิ แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นเพื่อนกันไปแล้ว… แต่มึงอย่าโกรธมันเลยนะไนซ์ กูพูดจริงๆ นอร์ธมันคงอยากจะสนิทกับมึงเร็วๆ มันถึงได้ทำแบบนั้น”

“เนี่ย มึงเป็นคนดีอะ หล่อแล้วยังใจดีอีก”

“ชมกันตรงๆแบบนี้เลยเหรอวะ เขินนะเว้ย”

“ชมจริงๆ แต่เป็นคนดีขนาดนี้ มีแฟนยัง คบกับกูมั้ย กูชอบคนดี แถมมึงก็หล่อด้วย น่าจะรวยอีกต่างหาก”

“พูดจริงพูดเล่นเนี่ย กูไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวชะตาขาด”

“ห้ะ? ใครชะตาขาด”ผมขมวดคิ้ว ทำไมแค่คบกับผมต้องชะตาขาด

“ปะ เปล่า กูไม่ได้พูด”

“เปล่าอะไร ก็ได้ยินเต็มสองหูว่าพูดว่าชะตาขาด”

“กูว่าไอ้นอร์ธต้องบ่นกูแล้วแน่ๆเลย กูไปก่อนนะ บ๊ายบ่าย”แล้วซีอิ๊วมันก็เดินไปทิ้งผมไว้กับแก้วโกโก้โอรีโอปั่นและความงุนงง

อีหยังของเขาวะ...





#ทิศเหนือของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2019 08:48:11 โดย augustismine »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: #ทิศเหนือของผม (อัพตอนที่ 3)
«ตอบ #5 เมื่อ14-08-2019 12:46:21 »

เอ๋เจอไข่นอร์ธเข้าไป
เอ๋อนานเลย
 :mew3:

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 4
«ตอบ #6 เมื่อ14-08-2019 20:50:46 »

04

สมพงษ์พ่อกูเอง


“ไอ้ไนซ์ มึงเสร็จยังเนี่ย”

“แป๊บนึงๆ จะเสร็จแล้ว”

“รอนานแล้วนะเว้ย”

“เออ ก็รีบอยู่นี่ไง”

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมเริ่มปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ กิจกรรมโน่นนี่นั่นเริ่มประเดประดังเข้ามา

วันนี้ก็มีมาเพิ่มอีกหนึ่ง... ห้องเชียร์สุดมหัศจรรย์

ทักไปให้พี่ปีสามรับเป็นน้องก็ยังทักไปไม่ครบ นี่ก็มีกิจกรรมใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว เออดี ตายเป็นตายงานนี้ เอาให้หัวหมุนกันไปเลย

ผมจัดการใส่เสื้อเชียร์ที่พี่ๆเขาแจกมาให้กับป้ายชื่อสุดกิ๊บเก๋ยูเรก้าที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะแจกมาทำไม ในเมื่อสุดท้ายมันก็ต้องเก็บลงกล่องหรือไม่ก็ต้องทิ้งไปอยู่ดี...

พอดูว่าตัวเองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วผมถึงได้เปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอกับพวกออมสินมัน

“นานจังวะ กว่าจะเสร็จ”

“เออหน่า ก็เสร็จแล้วนี่ไง”

“เก็บของดีหรือเปล่า ทำอะไรหล่นไว้มั้ย เช็คหรือยัง”เป็นซีอิ๊วที่ทักขึ้นหลังจากที่ผมตอบออมสินไปแบบนั้น เอาจริงๆ ทุกวันนี้ผมแทบจะเรียกซีอิ๊วว่าพ่อคนที่สองแล้ว เพราะดูแลดีเหลือเกิน ตั้งแต่เรื่องช่วยดูห้องเรียนตอนผมหาทางไปห้องเรียนไม่เจอไปจนถึงเรื่องอาหารการกิน

อีกนิดคงลามไปถึงเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมแน่ๆ

“เก็บดี เรียบร้อย เชื่อใจได้!”ผมมองสมาชิกในกลุ่มของตัวเอง จนสังเกตเห็นว่ามีใครคนใดคนหนึ่งหายไป“แล้วไอ้ไกด์ไปไหน”

“อ๋อ มีสาวมาตามให้มันไปช่วยเปลี่ยนเสื้อตั้งแต่มึงเดินเข้าไปอะ”ออมสินมันว่า

ว้อท!? กูไม่ได้ฟังผิดใช่มั้ย อะไรยังไง ทำไม เพราะว่าใคร

“เว่อร์แล้วออมสิน ผู้หญิงที่ไหนจะแรงเบอร์นั้นวะ”

“มึงอย่าดูถูก เดินมานี่นะนมแทบจะชนหน้าพวกกู แถมยังพูดกับไอ้ไกด์เสียงอ่อยๆอีกว่า ไกด์ขา ไปช่วยหยีเปลี่ยนเสื้อหน่อยสิคะ เปลี่ยนคนเดียวดูท่าจะไม่ไหว... แบบนี้เลย”นอกจากจะพูดเสียงเล็กแล้ว ออมสินมันยังทำท่าทางที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะขำหรือขนลุกดี

“บ้า มึงพูดเกินไปเปล่า นี่ในมหา’ลัยนะเว้ย แล้วอีกอย่างก็ใกล้เวลาเข้าห้องเชียร์แล้วด้วย”

“มึงนั่นแหละ ไม่รู้เรื่องอะไร ถามผู้ร่วมเหตุการณ์ก็ได้ มันสองคนก็เห็น”

ผมหันไปหาซีอิ๊วกับไอ้นอร์ธ

“เออ กูยืนยัน ที่ออมสินพูดมันไม่ได้เว่อร์”

อะไรกันวะเนี่ยยย คนเรามันอยู่ปีหนึ่งแล้วสามารถแซ่บไฟลุกได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“นั่นไงมันมาโน่นละ”ผมมองตามนิ้วออมสินที่ชี้ไปหาไอ้ไกด์

โอเค หลักฐานมัดตัวแน่นหนา คอแดงเถือกมาขนาดนั้น กูเชื่อมึงแล้วออมสิน

“เป็นไงพ่อ ห้องเชียร์ก็แค่คำขู่ถูกปะ”

ไกด์มันยักไหล่ไม่สนใจอะไร แขวนป้ายชื่อและเดินนำพวกผมไปหน้าตาเฉย

ผมว่าชีวิตนี้ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ...


เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น

ไม่ชอบอะไรก็จะเจอแบบนั้น

ปวดหัวกับอะไรก็จะได้มันมาอยู่ใกล้ๆให้ปวดหัวแบบคูณสอง!

หอประชุมก็กว้าง คนก็มีตั้งหลายพันคน ทำไมผมถูกจับมานั่งกับมันได้วะ...

“มองหน้ากูทำไม”

“ทำไมกูต้องได้นั่งข้างมึงด้วยวะ”

“มันเลือกได้มั้ง ก็พี่เขาจัดมาแบบนี้”

“กูไม่อยากนั่งกับมึง!”

“มึงก็ไปบอกพี่เขาดิ มาบอกอะไรกู”

“โว้ยยย”

“น้องๆตรงนั้นหยุดคุยได้แล้วค่ะ!”

เสียงของพี่สต๊าฟที่ยืนอยู่ข้างๆแถวตะโกนบอก จนผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงไอ้นอร์ธต้องหุบปากของตัวเองและทำได้เพียงแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่มันเท่านั้น

กิจกรรมเชียร์จะถูกจัดขึ้นที่หอประชุมแห่งนี้ คณะอื่นๆอาจจะไปใช้สถานที่ร่วมกัน แต่กับวิศวะมันไม่ใช่ครับ

ฉายเดี่ยวเลยคณะผมน่ะ

ห้องเชียร์จะเริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่มของทุกๆวัน โดยจะเว้นวันศุกร์ไว้วันหนึ่ง

คงหยุดให้เผื่อใครที่คิดจะกลับบ้านในวันหยุดล่ะมั้ง... แต่ถึงจะเว้นวันศุกร์ไว้ให้วันหนึ่ง มันก็ยังเยอะอยู่ดีอะในความคิดของผม เพราะห้องเชียร์ก็ปาไปตั้งสี่วันแถมระยะเวลาที่ใช้จัดกิจกรรมต่อวันยังเยอะอีกต่างหาก

“เบียบเชียร์!”

เชี่ย! ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นอะ ใจผมนี่ตกไปอยู่ตาตุ่มเลยตอนพี่หน้าโหดๆที่เพิ่งเดินเข้ามาตะโกนออกมาแบบนั้น ปีหนึ่งทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง

ผมเองก็งงเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าอีหยังมันคือเบียบเชียร์...

“พี่สั่งอะไร ทำไมไม่ทำตาม!”

กูจะรู้มั้ยล่ะพี่ เบียบเชียร์คืออะไรกูยังไม่รู้เลย

“พี่สั่งให้ทำอะไร!”

ก็พี่มึงยังไม่ได้สอนนน จะให้กูทำอะไรล่ะครับพี่ รำฉุยฉายหรือไง

“จะหาเรื่องกันตั้งแต่วันแรกเลยใช่มั้ย!”

สเตร็ปซิลต้องเข้าแล้วนะ ตะโกนจนกระเดือกแทบหลุดออกมาแล้วนะนั่นน่ะ

แล้วก็มีพี่สต๊าฟคนหนึ่งเดินเข้าไปหาพี่หน้าโหดที่ใส่ชุดวิศวะแบบฟูลออปชั่นยืนตามระเบียบพักอยู่ด้วยท่าทางเกรงขาม เขาสองคนกระซิบคุยกันครู่หนึ่งก่อนที่พี่หน้าโหดจะหันกลับมาทำหน้าที่ต่อ

“ปีสองที่รับผิดชอบหน้าที่สอนน้องอยู่ไหน!”

ภายในห้องประชุมเงียบกริบ มองกันซ้ายทีขวาที ไอ้ที่มองน่ะไม่ใช่พวกพี่ปีสองนะครับ แต่เป็นปีหนึ่งอย่างพวกผมที่อยากรู้อยากเห็นจนตัวสั่นว่าเขาจะทำอะไร

“พี่ถามว่าปีสองที่รับผิดชอบหน้าที่นี้อยู่ไหน!”

“อยู่นี่ค่ะ”แล้วพี่ตัวเล็กน่ารัก ผมหน้าม้า โคตรคาวาอิก็ยกมือขึ้น

“ทำไมถึงไม่สอนน้อง”

“…”

“พี่ถามว่าทำไมถึงไม่สอนน้อง!”

“ขอโทษค่ะพี่ คือพวกหนูลืมกันจริงๆค่ะ พวกเรามัวแต่จัดแถวให้น้องกันอยู่”

“ลืมเหรอ เหตุผลง่ายดีนี่ ถ้าพี่บอกว่าในหอประชุมนี้มีระเบิด ให้น้องไปบอกทุกคนให้หนี แต่น้องดันลืม มันจะเกิดอะไรขึ้น”

ลามไปนั่น...

“ขอโทษค่ะพี่ คราวหลังพวกหนูจะไม่ลืมอีกแล้ว”

“ไปวิ่ง”

“คะ?”

“ปีสองทุกคนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ไปวิ่งรอบสนามให้หมด ปฏิบัติ!”

แล้วพวกพี่ๆที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นปีสองก็ทยอยลุกและวิ่งเหยาะๆกำลังจะออกไปนอกหอประชุม

“นับให้พี่ได้ยินด้วย!”

“ค่ะ!”

บ้าบอ ใครมันจะได้ยินวะ หอประชุมกับสนามไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยนะ ตะโกนให้คอแทบแตกก็คงได้ยินเหมือนเสียงแมลงหวี่บินข้างหูหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ

โธ่... พวกพี่ปีสองที่น่าสงสารของผม


“ไนซ์ มึงไม่กินเหรอวะ...”

คำถามของออมสินทำให้ผมก้มมองกล่องข้าวที่บรรจุข้าวกับเศษซากใบกะเพราพร้อมวิญญาณของหมูในดงถั่วฝักยาว

ถ้าจะให้มาแค่นี้ ให้กูแดกข้าวเปล่าเหอะพี่...

“ไม่อะ กูไม่ค่อยหิว”ผมตอบ

“งั้นกูขอได้ปะ”

“มึงหิวถูกมั้ยออมสิน?”

“เออดิ นี่ก็จะสองทุ่มแล้วนะเว้ย กูยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”

“พูดซะน่าสงสารเลย อะ เอาไป”ผมยื่นกล่องข้าวของตัวเองออมสิน

“แต้งกิ้วมากเลยเพื่อน”

หลังจากทำกิจกรรมต่างๆนานาเสร็จแล้ว พี่ๆเขาก็เอาข้าวมาแจกคนละกล่องพร้อมกับน้ำคนละแก้ว แต่ผมไม่มีอารมณ์กินเลยสักนิด อยากกลับห้องขั้นสุด อยากซุกตัวใต้ผ้าห่ม อยากนอนเล่นเกม อยากทำทุกๆอย่าง อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่มานั่งรอแบบนี้

แต่ที่พวกผมต้องติดแหง็ก ยังลุกไปไหนไม่ได้ต้องมานั่งล้อมวงกินข้าวกันแบบนี้ ก็เพราะพี่ๆสต๊าฟเขาบอกว่าให้รับกล่องข้าวมาก่อนแล้วมานั่งกินรอกันไป เดี๋ยวเขาจะมีอะไรมาประกาศ

อยากกลับห้องแล้วโว้ยยย

“น้องๆคะ หันมาทางนี้หน่อยค่ะ”

เสียงของใครบางคนที่ระดับความดังเบาของเสียงไม่เท่ากันเรียกความสนใจของพวกผมได้เป็นอย่างดี

ผมหันไปมองพี่สต๊าฟหน้าตาน่ารักถือโทรโข่งเพื่อที่จะมาป่าวประกาศอะไรสักอย่าง

“ต่อไปเป็นการจับสายรหัสนะคะ”

ทันทีที่พี่เขาพูดแบบนั้น เสียงร้องเฮด้วยความดีใจก็ดังขึ้น ดีใจจริงๆอันนี้ สาธุบุญ ขอให้บุญบารมีที่ลูกเคยได้ก่อ จงนำพาพี่รหัสสวยๆมาให้ด้วยเถิด สาธุ

“กูเตรียมไหว้พระรอเลย ขอพี่รหัสสวยๆแซ่บๆ”ออมสินมันว่า

“เกินไปมั้ยออมสิน พี่รหัสนะไม่ใช่เมีย มึงจะเอาไปทำไมสวยๆแซ่บๆ”ซีอิ๊วพูด

“ไม่ได้หรอกอิ๊ว เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะเป็นสายรหัสครอบครัว กูผัวเขาเมีย”

“จัญไร”ไอ้ไกด์มันว่าบ้าง

“จ้า ศีลธรรมล้นเหลือนะมึงอะ พูดอะไรเกรงใจรอยที่คอบ้างพ่อ”

“เรื่องของกู”ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับการเถียงกันไปมาของเพื่อนๆในกลุ่ม

พี่คนสวยคนนั้นเขายิ้มก่อนจะพูดต่อ

“และแน่นอนค่ะ น้องๆไม่ต้องมาเสียเวลาจับสายรหัสทีละคนแล้วนะคะ เพราะรหัสมันรันมาอยู่แล้ว”

อ้าว... แบบนี้มึงไม่ต้องเรียกจับสายรหัสก็ได้มั้งครับพี่

เสียงโห่ด้วยความผิดหวังดังระงมจนพวกพี่ๆเขาต้องปรามไม่ให้เสียงดังไปมากกว่านี้

“ใจเย็นๆค่ะ มันเป็นแบบนี้มาทุกปีเนอะ อะๆ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราทุกคนก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนกันสักที มาค่ะ เดี๋ยวจะเรียกตามชื่อนะคะ พอถึงชื่อใครก็ลุกขึ้นมาเอาชื่อสายของตัวเองเลยนะคะ รอฟังชื่อตัวเองดีๆน้า”

พี่คนสวยพูดจัดการทุกอย่างจนเสร็จสรรพ

หมดกัน ฝันสลายภายในสองนาที เฮ้อ อดิรัตน์เศร้าครับ


สมพงษ์พ่อกูเอง

กูถามจริง

กูถามจริงงงง

กูถามจริงงงงงงงงง

ผมมองกระดาษในมือของตัวเอง ที่พี่เขาฉีกจากใบรายชื่อมาให้...

นี่มันชื่อสายรหัสผมเหรอวะ... ทำไมสิ้นคิดขนาดนี้อะ

“มึงว่า Sweetie sunshine คือใคร”

“มึงไม่ต้องมาสงสัยเลยออมสิน หน้าที่สงสัยอะให้เป็นของกูดีกว่า Nightmare ชื่อโคตรลึกลับเลย”

บทสนทนาของออมสินกับซีอิ๊วดังขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังเดินออกจากหอประชุมพร้อมกับดาษคนละใบในมือ เนี่ย ดูดิ ชื่อสายรหัสมันสองคนโคตรจะดูดีเลย ภาษาอังกฤษแบบเท่ๆคูลๆ

ของผมอะไร ไทยจ๋าเลย

“มึงสามคนได้อะไร”เป็นออมสินที่หันมาถาม ไกด์มันมองกระดาษในมือตัวเองก่อนจะตอบ

“Begin007”

“ของกูอ่านว่าอะไรก็ไม่รู้ว่ะ เอ็น ไอ พี”นอร์ธมันยื่นกระดาษมาให้ออมสิน ทันทีที่มันเห็นมันก็ตาโตทันที

“ปิ่น ปิ่นแน่ๆของมึงอะไอ้นอร์ธ”

“มึงเอาอะไรมามั่นใจวะ”เป็นไกด์ที่ถาม

“ก็แฟนเก่ากูตั้งชื่อไลน์แบบนี้”

“ไอ้ห่านี่ อย่าเอาแฟนเก่าตัวเองมาเป็นตัววัดได้มั้ยล่ะ...”

“แหะ แต่มึงเชื่อกูเถอะไอ้นอร์ธ ชื่อปิ่นแน่ๆ ผู้หญิงชัวร์!”ออมสินมันหันกลับไปหาไอ้นอร์ธ นอร์ธมันส่ายหัวก่อนจะหยิบกระดาษกลับมาเก็บลงในกระเป๋ากางเกง

“แล้วของมึงได้รหัสอะไรวะไนซ์”ซีอิ๊วเป็นคนถามและมองมาทางผม ออมสินมันหยุดพูดและหันมามองหน้าผมเหมือนอยากรู้คำตอบ

แหม พอเป็นเรื่องชาวบ้านนี่หันควับเลยนะมึง

“ไม่ต้องอยากรู้ก็ได้มั้ง…”

“อะไรวะไนซ์ เพื่อนปะเนี่ย พวกกูก็บอกกันไปหมดแล้วเหลือมึงคนเดียว ทำไม ชื่อพี่มึงมีอะไร มันดีมากจนไม่อยากให้พวกกูรู้เลยเหรอ”

ไอ้สัดดด มึงก็พูดได้ดิ ชื่อพวกมึงไม่น่าอายเหมือนกูไง

“เร็วๆบอกมา”

“ชื่อสายรหัสกูไม่เท่เหมือนพวกมึงอะ”

“โอ๊ยยย เรื่องแค่นี้ ไหนๆ ชื่ออะไร มึงลองพูดมาสิ เดี๋ยวกูตัดสินให้ว่าเท่หรือไม่เท่”

“ห้ามขำนะเว้ย”

“เออ ไม่ขำ”

อายฉิบหายเลย... ไม่อยากบอกเลยเอาจริงๆ ทั้งกลุ่มได้ชื่อภาษาอังกฤษหมด ยกเว้นผมคนเดียว...

“สมพงษ์พ่อกูเอง”

“ห้ะ!?”คำว่าห้ะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของออมสินมัน

ไหนมึงบอกจะไม่หัวเราะไงสัด!

“นี่ประโยคบอกเล่าหรือชื่อของพี่รหัสมึง”

“ไหนมึงบอกจะไม่หัวเราะไง”

“โทษๆ แต่มันอดไม่ได้ว่ะ”ออมสินยังคงหัวเราะไม่หยุด

ไอ้ออมสิน! ไอ้คนผิดคำสัญญา!

“กูว่าเท่ดีออก ไม่เหมือนใครดี”ซีอิ๊วว่า

“มึงไม่ต้องพูดให้กูสบายใจก็ได้นะ เมื่อกี้กูเห็นมึงแอบหัวเราะ”

“อ้าว เห็นเหรอ”แล้วซีอิ๊วมันก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เก็บ

“ไม่น่าบอกพวกมึงเลยงว่ะแม่ง”ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย ตอนนี้ทำได้มากที่สุดก็แค่หน้างอแค่นั้นแหละ

“แหม อย่างอนเลยมึง เดี๋ยวกูยกให้มึงเป็นหัวหน้ากลุ่มเลย”

“ออมสิน กูไม่ใช่เด็กประถมนะ”

“สมองมึงก็เหมือนอยู่นะ”

“สัด สมองแบบกูกับแบบมึงมันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ”

แทนที่มันจะโกรธ ออมสินมันกลับหัวเราะหนักกว่าเดิม แถมยังล้อชื่อสายรหัสผมไม่หยุดอีกด้วย

“พวกมึง”เราทุกคนหันไปหาซีอิ๊วที่ยืนมองมือถือตัวเองอยู่“พวกมึงมาดูนี่ดิ”

“อะไรวะ...”

“พี่รหัสทักไลน์มา... นี่ไง”ซีอิ๊วมันยื่นมือถือมาให้พวกผมดู สิ่งที่โชว์หลาอยู่บนหน้าจอคือ ไลน์ของผู้ใช้ที่ใช้ชื่อว่า Nightmare ทักมาด้วยข้อความสั้นๆว่า



Nightmare

สวัสดีค่ะน้องรหัส



ส่วนรูปโปรไฟล์เป็นรูปอะไรก็ไม่รู้ดำๆ ผมเห็นมันไม่ชัดเพราะมันเล็กนิดเดียว

สวัสดีค่ะนี่ก็น่าจะเป็นผู้หญิงสินะ...

“เขาเอาไลน์มึงมาจากไหนวะ”ออมสินเงยหน้าถาม

“อาจจะเป็นตอนที่พี่เขาให้พวกเรากรอกพวกช่องทางการติดต่อก็ได้ กูว่าน่าจะตอนนั้น”ซีอิ๊วตอบก่อนจะมองมือถือตัวเองอีกครั้ง“กูขอตอบเขาแป๊บ”

“แต่ของกูเขาทักไอจีมาว่ะ”เป็นไกด์ที่พูดขึ้นพร้อมยื่นมือถือมาให้พวกผมดูอีกคน ของไกด์มันเป็นยูสเซอร์เนมอินสตาแกรมที่ชื่อว่า Begin007 ทักมาด้วยถ้อยคำที่แสนจะสดใสกับอีโมตีค่อนหนึ่งตัว



Begin007

สวัสดีค่าน้องไกด์

ʕ≧ᴥ≦ʔ



คนนี้ก็น่าจะผู้หญิงสินะ...

ยิ่งรู้แบบนี้ใจยิ่งหายครับ เพราะชื่อสายรหัสผมน่ะมันน่ากลัวซะยิ่งกว่าอะไร

สมพงษ์อะ... สมพงษ์พ่อกูเอง

ผู้หญิงที่ไหนจะตั้งชื่อแบบนี้เป็นชื่อสายตัวเองตอบก่อนนน

“ของกูก็เหมือนจะทักมาว่ะ... เฮ้ยๆๆ ผู้หญิงแน่ๆ สติ๊กเกอร์น่ารัก ออร่าความดีงามทะลุผ่านตัวหนังสือ”ออมสินที่เพิ่งดูมือถือตัวเองกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

เอาล่ะ... เหลือแค่พี่รหัสผมกับไอ้นอร์ธมันสินะ ผมมองหน้ามัน มันมองหน้าผม

แล้วผู้โชคดีคนนั้นก็คือออ

ติ๊ง!

“พี่รหัสทักกูมา”

ไอ้นอร์ธครับ...

นอกจากมึงจะตั้งชื่อสายได้โคตรสิ้นคิดแล้วมึงยังจะเทกูด้วยเหรอวะพี่

“ของมึงทักมายังไนซ์”ออมสินถาม

“ยัง คงยังไม่ว่างมั้ง”ขอดึงดราม่าแป๊บ ชีวิตกูมันจะรันทดไปถึงไหน มีพี่รหัส พี่รหัสก็เท

“ไอ้เอ๋อ”ผมหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างไอ้นอร์ธ

“…”

“กูเรียก ได้ยินมั้ยเนี่ย”รอบนี้มันใช้เท้าสะกิดขาผม โคตรจะมีมารยาทเลยสัด!

“อะไร มึงจะกวนประสาทอะไรกูอีกล่ะ”

“เปล่า กูไม่ได้จะกวนประสาท แต่พี่รหัสกูบอกว่าพี่รหัสมึงฝากเขามาบอกกับมึงว่า อย่าเพิ่งรีบคุย ขอกูกลับไปเติมเน็ตก่อน เน็ตกูหมด”

กูถามจริง พี่รหัสกูบอกแบบนี้จริงดิ...

“มึงหลอกกูปะเนี่ย”

“กูไม่ได้หลอก”

“ไหนเอามาดูดิ”ผมรีบคว้าเอามือถือในมือของไอ้นอร์ธมาดู



NIP

อยู่กลุ่มเดียวกับน้องไนซ์ใช่มั้ย น้องไนซ์ไข่สวรรค์อะ พี่เคยเห็นเราไปไหนมาไหนด้วย

North

ใช่ครับ

NIP

อื้อ งั้นพี่ฝากบอกหน่อยว่า พี่สมพงษ์พ่อกูเองอะ ฝากมาบอกว่า

อย่าเพิ่งรีบคุย ขอกูกลับไปเติมเน็ตก่อน เน็ตกูหมด

เอาแบบนี้เป๊ะๆเลยนะมันบอก



โอเค ไอ้นอร์ธมันไม่ได้หลอก...

“กูว่าพี่รหัสมึงต้องไม่ธรรมดาแน่ๆว่ะไนซ์”

“พี่รหัสพวกกูสู้ไม่ได้เลยสักคน”เป็นออมสินกับซีอิ๊วที่ยื่นหน้ามาดูข้อความในมือถือเหมือนกันพูดขึ้น จะเถียงพวกมันก็ไม่กล้า เพราะหลักฐานมันคาตาขนาดนี้

เออ... กูก็คิดแบบพวกมึงเหมือนกัน พี่รหัสกูต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ



#ทิศเหนือของผม

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :katai2-1:
 o13
 :กอด1:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ฮาคำใบ้พี่รหัสแต่ละคน
 :mew3:

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 5
«ตอบ #9 เมื่อ15-08-2019 20:22:25 »

05

โกโก้โอรีโอ้จะเยียวยา


สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูมาละ



ผมอ่านข้อความที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอมือถือก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

หมดหวังจริงๆ ไอ้ที่เคยวาดฝันว่าจะได้พี่รหัสเป็นสาวสวย หน้าตาน่ารักน่ะ

กูมึงขนาดนี้... พิมพ์มาห้วนๆแบบนี้

ผู้ชายแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย



สมพงษ์ พ่อกูเอง

อ่านแล้วไม่ตอบ

มึงปาโทรศัพท์ออกนอกโลกเหรอ

Adirat Nice

แป๊บดิพี่

ผมเพิ่งถึงห้อง



จริงๆก็ถึงนานแล้วแหละ อาบน้ำเตรียมตัวนอนแล้วด้วย ตอนแรกวางแผนไว้ว่าถ้าอาบน้ำเสร็จว่าจะอ่านการ์ตูนที่อ่านค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนให้จบอีกสักตอนแล้วก็จะเข้านอน

เพราะไอ้คำว่าเบียบเชียร์มันทำพิษจนผมล้าไปหมด ลำพังแค่หอบสังขารพาตัวเองไปอาบน้ำได้นี่ก็ถือว่าบุญเท่าไหร่แล้ว

ผมจัดหมอนของตัวเองให้เข้าที่อีกครั้ง ซุกตัวเอาขาหาจุดที่สบายที่สุดภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะอ่านข้อความล่าสุดที่พี่รหัสผมส่งมา



สมพงษ์ พ่อกูเอง


ตอแหลกูละ

น้องรหัสเพื่อนกูบอกว่ามันแยกกับมึงมาได้ชั่วโมงครึ่งแล้ว



ฉิบหาย... มึงเป็นนักสืบหรือไงพี่ ทำไมข้อมูลแน่นเหลือเกิน



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ทำไม

ไม่อยากคุยกับกูหรือไง



อะ รูปประโยค น้อยใจประดุจว่าเป็นเมียกูเลย

เอาจริงๆ ผมไม่ได้รังเกียจหรือกลัวอะไรพี่เขาหรอก แต่ผมแค่ไม่ค่อยอยากจะคุยกับเขาสักเท่าไหร่

เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็รูปโปรไฟล์ของพี่มันไง มันใช้รูปผมตอนแอบหลับวันที่ทำกิจกรรมวันแรกพบมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน

เลือกรูปได้เหี้ยมาก...



Adirat Nice

ไม่ใช่แบบนั้น

แต่พี่ช่วยเปลี่ยนรูปโปรก่อนได้มั้ยอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ทำไม มันไม่ดีหรือไง

กูใช้รูปมึงเลยนะ

ให้เกียรติมึงแบบสุดฤทธิ์



กูไปไม่เป็นเลย...

นี่การตั้งรูปใครสักคนเป็นรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กมันคือเขาให้เกียรติเหรอ!

ใครมันเป็นคนสอนมึงวะพี่!



Adirat Nice

เปลี่ยนเถอะพี่

ผมเหมือนคุยกับตัวเองเลย

(T▽T)

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องมากว่ะมึงนี่

กูไม่เปลี่ยน

จบมั้ย



โอเค รู้เรื่อง...

ผมวางมือถือลงบนเตียงที่ตัวเองนอนอยู่ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมบอกกับพี่สมพงษ์ว่าผมขอตัวไปทำธุระ ไม่เกินสิบนาที

เข้าห้องน้ำอะไม่ถึงห้านาทีหรอก... เวลาที่เหลือจะเอาไปทำใจ

มีพี่รหัสแบบนี้สุดแสนจะเศร้าเลย





สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึงถึงมอยัง



ผมก้มอ่านข้อความแรกในเช้าวันนี้ของพี่รหัสตัวเอง ที่ส่งมาถามไถ่ราวกับว่าผมเป็นผัวเขาอย่างนั้น



Adirat Nice

ถึงแล้ว

พี่มีอะไรหรือเปล่า

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เดี๋ยวกูฝากของไปให้

Adirat Nice

จริงจัง?

สมพงษ์ พ่อกูเอง

หน้ากูเหมือนตลกมั้ง

อยู่ตรงไหน บอกมา เดี๋ยวกูฝากของไปให้

Adirat Nice

โหดแท้...

ผมอยู่โรงอาหารคณะ

*ส่งรูปภาพแล้ว*

ตรงนี้



ผมถ่ายรูปจุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดส่งไปให้เขาดู ไม่นานพี่มันก็อ่านแล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์แบ๊วๆมาหนึ่งตัว ซึ่งดูจากคำพูดห้วนๆที่พี่มันส่งมาแล้ว แม่งไม่เหมาะกันเลยสักนิด

เพราะวันนี้ผมมีเรียนเช้า มื้อแรกของวันเลยมาเริ่มที่โรงอาหารคณะ เอาจริงๆปกติผมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยทำอาหารกินเองที่ห้องอยู่แล้ว โทรสั่งมากินตลอด

ที่ไม่ทำไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะผมทำอาหารไม่เป็น...

แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เคยลองทำนะ ผมเคยลองทอดไข่ดาวครั้งหนึ่ง แล้วผลที่ออกมาก็เลยทำให้ตัดสินใจโทรสั่งเขามากินนี่แหละ เพราะไข่ดาวแม่งดำเป็นตอตะโกเลย

“คุยกับใครวะไนซ์”เสียงนั่นของออมสินทำให้ผมต้องเงยหน้าจากหน้าจอมือถือขึ้นไปมอง คงไม่ใช่แค่ออมสินที่อยากรู้ว่าผมคุยกับใคร เพราะพวกที่เหลือมันก็หันมามองผมเหมือนกัน

“พี่รหัสกูไง”

“อ๋อ พี่สมพงษ์อะนะ”

“เออ แต่อย่าย้ำนักได้มั้ย”ออมสินหัวเราะก่อนจะพูดต่อ

“คุยเรื่องอะไรวะ”

“ทำไมอยากรู้อยากเห็นจังอะ”

“ด่ากูเสือกก็ได้ไนซ์ ไหนๆก็ขนาดนี้แล้ว”

“เสือก”

“สัด ง่ายเกิน”

“น้องไนซ์คะ”

บทสนทนาหยุดชะงัก ผม ออมสินและพวกที่เหลือเบนความสนใจไปหาพี่สาวคนสวยผมยาวประบ่ากับหน้าม้าซีทรู

แอคแทค! ไนซ์โดนโจมตีครับแม่!

“น้องไนซ์คือคนไหนคะ”

“ผมครับ”เพราะถูกย้ำอีกครั้งผมถึงได้ยกมือตอบ

“คนนี้นี่เอง”พี่เขายิ้มก่อนจะยกถุงอะไรสักอย่างในมือมาไว้ตรงหน้าผม ผมมองผ่านเข้าไปในถุงร้อนที่ตอนนี้ถูกเอามาใช้บรรจุอะไรสักอย่าง

อะไรวะสีดำๆ... เฉาก๊วย?

“เอ่อ... มันคืออะไรเหรอครับ”

“ไข่มุกค่ะ พี่รหัสน้อง สมพงษ์พ่อกูเองฝากมาให้”

“ห้ะ... ไข่มุก ที่ใส่ในชานมไข่มุกเหรอครับ”เป็นออมสินที่ถามแทนความสงสัยที่ผมมีอยู่

“ค่ะ”

กูถามจริงอีพี่สมพงษ์ มึงให้เหี้ยอะไรกูมาเนี่ยยย

ไข่มุกเปล่าๆ ไม่มีน้ำอะไรใส่มาด้วยสักอย่าง...

“พี่รหัสมึงแม่งสุดจริงว่ะไนซ์”ไกด์มันนั่งหัวเราะก่อนจะตักข้าวเข้าปากแบบไม่สนใจอะไร

สุดท้ายผมก็รับมาแบบปฏิเสธไม่ได้ ถ้าปฏิเสธไปก็เห็นจะมีแต่สร้างความร้าวฉานให้สายรหัสเปล่าๆ ไข่มุกถุงใหญ่เท่าหัวเด็กเปลี่ยนที่อยู่มาอยู่ในมือของผมเป็นที่เรียบร้อยก่อนที่ผมจะเงยหน้าจากถุงไข่มุกไปหาพี่สาวคนสวยคนนั้นอีกครั้ง

“ขอบคุณนะครับ”

“ค่ะ อ๋อ พี่ลืมอีกอย่าง”

“ครับ?”

“พี่รหัสน้องฝากมาบอกค่ะ”

“เขาฝากบอกว่าอะไรครับ”เอาวะ ไหนๆก็ได้ของนี่มาจนใจห่อเหี่ยวแล้ว อย่างน้อยๆถึงมันจะเป็นข้อความที่พี่รหัสฝากบอกมา แต่ผมก็ขอให้ได้ยินเสียงพี่คนสวยเพิ่มอีกสักวิสองวิ เผื่อมันจะช่วยฮีลใจเหี่ยวๆของผมได้

“เอ่อ... ขอโทษนะ”

ขอโทษอีหยังวะ...

ผมมองหน้าพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขาจะขอโทษผมทำไม

“แดกให้หมดนะไอ้สัด ถ่ายรูปตอนแดกมาให้กูดูด้วย... เขาฝากมาแบบนี้ค่ะ”

“…”

“งั้นพี่ไปก่อนนะคะ กินให้อร่อยนะ”

ผมนั่งเอ๋ออยู่สักพักก่อนพี่เขาจะเดินจากไป เคว้งเลย อยากจะเกิดให้เร็วกว่านี้สักปี... ผมจะได้ไปบอกให้พี่สาวคนนั้นเลิกคบหากับอีพี่สมพงษ์พ่อกูเองซะ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย คนน่ารักๆแบบนั้นไม่ควรมาแปดเปื้อน!

หนีไปครับพี่หนีไป!

“กูอึ้งแป๊บ พี่คนสวยกูพูดแบบนั้นใส่ไอ้ไนซ์จริงดิ... ไม่อยากเชื่อ”

มันเป็นไปแล้วออมสิน

“กูคิดว่าเขาควรเลิกคบกับพี่รหัสไอ้ไนซ์ ก่อนที่เขาจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้”

ใช่เลยซีอิ๊วเพื่อน พี่เขาควรอยู่ในสังคมที่ดีกว่านี้



สมพงษ์ พ่อกุเอง

ไง

ชอบมั้ย



ข้อความใหม่ของพี่รหัสผมถูกส่งมา ผมเปิดอ่านและพิมพ์ตอบกลับไปทันที



Adirat Nice

พี่ให้อะไรผมมาเนี่ยยย

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ทำไม มึงไม่ชอบหรือไง

กูเห็นเขาฮิตชานมไข่มุกกันเลยซื้อมาฝาก



สัด ซื้อมาฝากบ้านมึงสิ มาแต่มุกเนี่ย...



Adirat Nice

แต่นี่มันไข่มุกเฉยๆไงพี่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องมากจังวะ

แดกๆไปเหอะ

งบกูมีน้อย

Adirat Nice

พี่ซื้อมาแบบนี้ไม่แพงกว่าเหรอ

ลงทุนซื้อมาให้ผมแก้วเดียวก็ได้

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องมากแล้วยังโง่อีก



อ้าว กูโง่อะไรวะ...



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ถ้ากูซื้อให้มึงแก้วเดียว มึงก็จะได้กินแค่ชานมไข่มุก

แต่ถ้ากูซื้อแบบนี้ให้มึง มึงจะเอามันไปกินกับน้ำอะไรก็ได้

หรือมึงจะเอาไปใส่ในก๋วยเตี๋ยวก็ได้นะ

เนี่ย กูมีเหตุผล



โว้ยยย มันอะไรวะเนี่ย ในหัวมีแต่คำว่าทำไมๆๆ

ทำไมกูต้องได้มึงเป็นพี่รหัสด้วย!



ผมกลับมาที่ห้องพร้อมกับความเหนื่อยล้า เพิ่งรู้ว่าการเรียนในมหา’ลัยมันจะต้องใช้พลังงานเยอะขนาดนี้ ตอนแรกที่สอบเข้ามาก็คิดว่ามันน่าจะสนุก แต่ทำไปทำมา มันไม่ใช่เลย แถมยังเหนื่อยโคตรๆอีกด้วย

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้อง นอนเหยียดยาวเพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าที่ตัวเองมี

หรือเพราะช่วงนี้กิจกรรมมันเยอะวะ ผมถึงได้เหนื่อย หลังจากนี้ถ้ากิจกรรมน้อยลงผมอาจจะไม่เหนื่อยเท่านี้ก็ได้

นอนอยู่ดีๆผมก็นึกอะไรได้ รีบลุกพรวดคว้าเอามือถือกับกระเป๋าสตางค์และเดินไปสวมรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ตรงประตู

เหนื่อยๆแบบนี้ โกโก้โอรีโอ้จะเยียวยา

ผมเชื่อแบบนั้น แต่ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกผมก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะใครบางคนที่ไม่ควรมายืนอยู่หน้าห้องของผมมันกลับยืนจ้องหน้าผมอยู่ในตอนนี้

“ไอ้นอร์ธ...”

“อ้าว”ไอ้เตี้ยมันหน้าเหวอ ตาคมในกรอบแว่นเบิกโพลง มันไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเลยต้องเป็นคนที่พูดเพื่อต่อบทสนทนาของเราทั้งคู่

“มึงมีอะไรวะ ทำไมถึงมายืนหน้าห้องกู ไม่ได้จะมาเพื่อกวนตีนกูใช่ปะ”

“เห็นกูเป็นคนยังไง”

“เป็นคนกวนตีน”

“สัด มึงนั่นแหละกวนตีนกู”

“มึงสิ”

“มึงนั่นแหละ”

“นอกเรื่องว่ะนอร์ธ ตกลงมึงมีอะไร”

“กูเอาไอ้นี่มาให้มึงอะ”มันยื่นถุงไข่มุกสุดมหัศจรรย์ของพี่รหัสผมมาไว้ตรงหน้า

“อ้าว กูลืมสนิทเลย ขอบใจมากๆ”

“เออ ไม่เป็นไร แต่รับไปสักทีเหอะ กูเมื่อย”

“แล้วมึงไปเจอมันมาจากไหน”ผมถามตอนกำลังรับถุงนั่นมาไว้ในมือ

“ก็เมื่อเช้ามึงวางทิ้งไว้บนโรงอาหาร”

“แบบนี้มันจะเสียมั้ยวะ”

“ไม่รู้ดิ”

ผมพยักหน้าช้าๆก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างที่อยู่ในมืออีกข้างของมัน

“นั่นอะไรอะ”

“โกโก้โอรีโอปั่น”

“เฮ้ย มึงชอบกินเหรอวะ เหมือนกูเลย”

“เปล่า ป้าเขาทำให้กูผิด มึงชอบเหรอ เอาไปกินปะ”

“จะดีเหรอวะ มึงยังกินได้ไม่เยอะเลยนะ”ผมมองน้ำในแก้วที่มันไม่พร่องไปเยอะสักเท่าไหร่

“ถ้าจะพูดแบบนั้น แต่สายตาอยากกินขนาดนี้ก็ไม่ต้องพูด”

“กูเกรงใจ”

“หึ”

“มึงหึอะไร”ผมถามทันทีที่เห็นมันยิ้มแถมยังมีเสียงหัวเราะหึนั่นอีก

“จะกินมั้ย”

เปลี่ยนเรื่องเฉย...

“กิน”

“งั้นก็เอาไป”

“ฮึ้ยยย ไม่ได้ๆ”

“อะไรเนี่ย เรื่องมากจังวะไอ้เอ๋อ”

“กูชื่อไนซ์”

“นอกเรื่อง ตอบมา จะเอาหรือไม่เอาสรุป ถ้าไม่เอากูจะได้เอาไปทิ้ง”

“เอาๆๆ แต่มึงดูดก่อนได้ปะล่ะ ดูดให้มันยุบๆไป กูจะได้สบายใจ”

“เรื่องมาก”ปากก็ว่าแบบนั้น แต่มันกูดูดน้ำตามที่ผมบอก พอน้ำในแก้วมันยุบลงไปนิดหน่อยแล้ว นอร์ธมันก็ยื่นแก้วมาให้ผม“พอใจยัง”

“เออ โอเคละ”ผมรับแก้วมาอย่างสบายใจ

“…”

“แล้วนี่มึงมาทำอะไรที่นี่วะ คงไม่ใช่มาหากูอย่างเดียวหรอกใช่มั้ย”

“เออดิ กูมาหารุ่นพี่ กูจะคุยเรื่องเพลงที่ใช้เล่นในร้าน”

“แชทคุยกันก็ได้มั้ง”

“เรื่องของกู”

“สัด”

“ไม่มีอะไรแล้ว กูไปแล้วนะ”

“เออ”

“แดกดีๆ อย่าให้มุกติดคอตาย”

“ไอ้นอร์ธ มึงแช่งกูเหรอ”

“เปล่า กูพูดเฉยๆ ไปละ คุยกับมึงแล้วประสาทจะแดก”แล้วไอ้เตี้ยมันก็หันหลังและเดินหนีผมไปเลย

ผมกับมันคงคุยกันดีๆได้ไม่เกินสองนาที เพราะคุยกันดีๆได้แป๊บเดียวก็กลับมากวนตีนกันอีกแล้ว...



#ทิศเหนือของผม



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 5
« ตอบ #9 เมื่อ: 15-08-2019 20:22:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หวังว่าน้องไนซ์คงจะเจอพี่รหัสเร็วๆนี้นะ

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 6
«ตอบ #12 เมื่อ18-08-2019 11:02:15 »

06

นอร์ธเดอะฮีโร่



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ขาวกับแดง

มึงชอบสีอะไร



เช้าที่แสนสดใสกับการนั่งรถเมล์ไปมหา'ลัย ข้อความจากพี่รหัสผมก็เด้งขึ้นมา

พอกดเข้าไปอ่านก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

พี่มันถามทำไมวะ…



Adirat Nice

พี่ถามทำไมอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูถามให้ตอบ ไม่ใช่ให้มาถามกูกลับ



เกรี้ยวกราดสัด...



Adirat Nice

โหดอะ

เอาสีแดงก็ได้

สมพงษ์ พ่อกูเอง

แน่ใจ?

Adirat Nice

แน่ใจ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

คิดใหม่มั้ย



เอ๊ะ! มึงจะเอายังไงเนี่ยพี่ ถ้าไม่ให้เลือกตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาถามมั้ย มันจะยากอะไรล่ะ โธ่



Adirat Nice

พี่จะเอายังไงเนี่ยพี่สมพงษ์
สมพงษ์ พ่อกูเอง

พ่อกู



Adirat Nice

คนเรามันจำผิดกันด้ายยย

อย่าถือสาผมเลยนะพี่ ผมยิ่งเอ๋อๆอยู่
สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูไม่ถือหรอก

รู้อยู่ว่าเอ๋อ



ทำไมเหมือนโดนด่าเลยวะ…



Adirat Nice

ดีแล้วพี่ๆ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

ตกลง มึงเอาสีแดงแน่ๆใช่มั้ย ไม่เปลี่ยนแน่นะ

Adirat Nice

ใช่ๆ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

เออ งั้นรอเลย

เดี๋ยวตอนเที่ยงๆ ฝากคนเอาของไปให้



ของอะไรของพี่มันอีกวะ หวังว่าครั้งนี้คงไม่เอาอะไรแปลกๆมาให้อีกนะ ยิ่งไม่เหมือนพี่รหัสคนอื่นอยู่



Adirat Nice

ของอะไรอะพี่

ไม่ใช่ของแปลกๆเหมือนครั้งที่แล้วใช่มั้ย

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เออหน่า

เดี๋ยวก็เห็นเอง



เดี๋ยวก็เห็นเอง…

เดี๋ยวก็เห็นเอง…

เดี๋ยวก็เห็นเอง…

ผมแม่งรู้สึกแปลกๆกับคำนี้อะ มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ๆ ระดับอีพี่สมพงษ์ บริการทุกระดับประทับใจแล้ว เชื่อได้เลย ผมวางเงินสิบบาท พี่มันต้องไม่เอาของดีๆมาให้แน่ๆ


จนถึงตอนนี้ประโยคที่พี่อีพี่สมพงษ์มันพิมพ์มา ก็ยังไม่ถูกสลัดออกจากหัว นี่ขนาดเรียนไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะ แต่ก็ยังเอาออกไปจากหัวไม่ได้สักที เพิ่งรู้เหมือนกันว่าไอ้คำว่าเดี๋ยวมึงก็เห็นเองมันจะน่าระแวงได้ขนาดนี้

“ไนซ์”

“...”

“ไนซ์”

“...”

“ไอ้ไนซ์!”ผมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงของออมสิน ที่อยู่ดีๆก็มาตะโกนข้างหู

“ออมสิน มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูตกใจหมดเลย”

“ก็เรียกตั้งนานแล้วมึงไม่ได้ยินอะ”

“เหรอ… โทษทีๆ พอดีกูคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“คิดอะไรของมึงวะ เห็นนั่งเหม่อตั้งแต่เมื่อเช้าละ”

“เรื่องพี่รหัสกู”พอพูดแบบนั้นออกไป ไอ้พวกที่เหลือที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก็หันมามองเป็นตาเดียว เรื่องผมคงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่ม จะไม่ให้สนใจได้ยังไง มีที่ไหนล่ะ ซื้อของให้น้องวันแรกแม่งก็ซื้อไข่มุกมาให้เลยเนี่ย

“เครียดทำไม เขาจะจีบมึงเหรอ”

“จีบพ่อง”

“เล่นพ่อนะเดี๋ยวนี้อะ”ออมสินพูดติดตลกก่อนหัวเราะออกมา

“มึงไม่เป็นกูไม่รู้หรอก”

“ทำไม มันน่าเครียดยังไง”

“วันนี้พี่มันจะฝากของมาให้กูอีก”

“เออ น่าเครียดจริงอันนี้”

“กูหวังว่ารอบนี้พี่เขาคงจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง”

“เออจริงของมึงว่ะอิ๊ว ครั้งที่แล้วทึ่ง แต่ครั้งนี้ต้องทึ่งให้ได้ยิ่งกว่า”

กูร้องไห้แล้วววว พวกมึงอย่าไปคาดหวังกับพี่มัน กูก็อยากได้ของดีๆบ้าง

“น้องไนซ์คะ”

ไดอาล็อกเดิมเป๊ะๆเลย กูย้อนเวลามาปะเนี่ย ผมมองหน้าพี่สาวคนสวย คนดีคนเดิม ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้

“ครับ...”

“พี่รหัสน้องฝากของมาให้ค่ะ”

โป๊ะเช๊ะ...

แล้วพี่เขาก็ยื่นถุงพลาสติกมาไว้ตรงหน้าผม ในถุงนั้นมีกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่มากอยู่กล่องหนึ่ง

“นี่ค่ะ”

“โห่ ไรวะ ผิดหวังโคตรเลยพี่สมพงษ์”

“มันต้องพีคกว่านี้สิวะ”

“สัด เขาให้ของดีๆมันก็ดีแล้วมั้ยล่ะ”ผมรีบรับถุงนั่นมาไว้ในมือก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันเกือบครบสามสิบสองซี่ใส่พี่เขา“ขอบคุณครับ”

“ค่ะ ครั้งนี้พี่รหัสน้องไม่ฝากอะไรมาให้พูด แต่น่าจะอยู่ในโพสอิทนั่นนะคะ”

“อ๋อ ครับ”

“พี่ไปแล้วนะ”

“ครับ”

บ๊ายบ่ายครับพี่คนสวยยย

ผมมองกล่องในมืออย่างอิ่มอกอิ่มใจ ผมคงต้องมองพี่สมพงษ์เขาใหม่แล้วแหละ ครั้งแรกพี่มันอาจจะแค่แกล้งๆ แต่ครั้งนี้พี่มันอาจจะให้ด้วยใจจริงๆ

งุ้ยยย พี่รหัสผมน่ารักกก

“เฟลว่ะ ผิดหวังในตัวพี่สมพงษ์มาก”

“นั่นพ่อเขา”

“ก็กูไม่รู้ชื่อเขาอะ ไม่รู้ล่ะ กูผิดหวังๆๆ”

“ออมสิน ทำตัวเหมือนเด็กเกินไปแล้วนะมึงอะ เขาให้ของดีๆกูก็ดีแล้วมั้ย”

“มึงแน่ใจได้ไงวะว่าของดี”เป็นไอ้ไกด์ที่พูดขึ้น จนผมกับออมสินต้องมองหน้ากัน

ใจกูกระตุกแล้ววว ที่เขาบอกสงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

เรื่องนี้เองก็เหมือนกัน เรายังไม่เห็นของด้านใน จะแน่ใจได้ยังไง ว่าของนั่นมันดี...

“เปิดเลยไอ้ไนซ์”

“เออ รู้แล้วหน่า”ผมค่อยๆแกะกล่องของขวัญด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ

“มืออย่าสั่นสิวะ”

กูห้ามได้มั้งสัด!

ปราการด่านสุดท้ายของกล่องของขวัญสุดมหัศจรรย์ถูกแกะออก เผยให้เห็นของที่ทำให้ผมต้องร้องเชี่ยออกมาดังๆ

กางเกงใน… สีแดงแปร๊ดเลย

กูถึงว่า ถามกูใหญ่เลยว่าชอบสีอะไร

อีพี่สมพงษ์!!!

“พี่สมพงษ์แม่ง ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆว่ะ”มึงไม่ผิดหวัง แต่กูยิ้มแห้งแล้วซีอิ๊ว!

“กูขอนับถือ ไอดอลกูเลยคนนี้”

โว้ยยยยย พวกมึงก็ไปเห็นดีเห็นงามกับพี่มัน ไอ้เหี้ยกูร้องไห้แล้วววว

ได้ของแต่ละครั้ง กูก็อยากกินขนมปกติที่ชาวบ้านชาวช่องเขากินกันบ้าง ไม่ได้อยากกินกางเกงใน!

“กูชักอยากเห็นหน้าพี่แม่งละ”

“กูว่าพี่เขาต้องเป็นตัวท๊อปของรุ่นแน่ๆ”ออมสินกับซีอิ๊วคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนที่ออมสินมันจะหันหน้ามามองผม

“ไนซ์มึงอ่านโพสอิทยัง”

“ยัง”

“อ่านดิรอไร”ไอ้นี่ก็ยุเก่งเหลือเกินนนน ผมจัดการหยิบโพสอิทที่ถูกแปะไว้เอามาอ่าน

ลายมือสวยดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้ามึงซื้อของดีๆมาให้กูบ้าง



ถึง... ไอ้น้องรหัส

ใส่แล้วก็ถ่ายให้กูดูบ้างนะ

จาก... สมพงษ์ พ่อกูเอง




สัด... เอาให้สุดเลยพี่มึง


“ไนซ์ กูไปรอข้างนอกนะ”

“เออ”ผมที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นชุด เป็นชุดของห้องเชียร์ตะโกนตอบออมสินที่ยืนรอผมอยู่ด้านนอกมานานสองนาน เพราะเห็นใจมันหรอกถึงได้ยอมให้มันไปง่ายๆ มันยืนรอผมอยู่คนเดียวสักพักใหญ่ๆแล้ว พวกไอ้นอร์ธเองก็ไม่อยู่ เพราะพอเปลี่ยนชุดเสร็จพวกมันก็ทยอยออกไปหาอะไรทำกันด้านนอก แทนที่จะมายืนรอผมให้เสียเวลาไปเปล่าๆ เวลาให้เสียเวลาไปเปล่าๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนรอผม

พอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ผมก็ค้นกระเป๋าเพื่อที่จะหาป้ายชื่อสุดเก๋ไก๋สไลด์เดอร์...

… ไม่มี ซ้ายก็ไม่มี ขวาก็ไม่มี ไม่มีสักช่องเลย

“ฮึ้ย มันไปไหนวะ”พึมพำกับตัวเองโดยไม่ลืมที่จะหาป้ายชื่อต่อ หาจนแทบจะเทกระเป๋าออกมาก็ยังไม่เจอ

ฉิบหายของจริง...

“ไนซ์ มึงเสร็จยังเนี่ย ใกล้แล้วนะเว้ย”ออมสินกลับเข้ามาตามอีกรอบแล้ว

“แป๊บ กูหาของอยู่”

“หาอะไรของมึงวะ”

“ป้ายชื่อ”

“มึงหาดีหรือยัง เปิดประตูดิ เดี๋ยวกูช่วยหา”

ผมจัดการเปิดประตูให้ออมสินเข้ามา ผมกับมันช่วยกันเทกระเป๋าออก หาจนแทบจะแงะกระเป๋าสตางค์ดูก็ยังไม่เจอ...

“ไม่เจอว่ะ”

“ฉิบหายแน่ๆเลยว่ะ พวกพี่เขาทำโทษกูแน่”เป็นสัจจะธรรมอยู่แล้ว ตั้งแต่เรียนประถมจนถึงมัธยม ในเมื่อกิจกรรมมันมีป้ายชื่อมาให้แบบนี้ ถึงสุดท้ายจะต้องเอาไปเก็บหรือเอาไปทิ้งยังไง

แต่ระหว่างการทำกิจกรรมป้ายชื่อน่ะ สำคัญเท่าชีวิต!

“พวกมึงทำอะไรกันวะ พี่เขาเรียกแล้วนะ”ซีอิ๊วและไอ้สองคนที่เหลือตามาสมทบ

“ไอ้ไนซ์ หาป้ายชื่อไม่เจอ”

“อ้าว แล้วทำไงอะ”

“ไม่รู้เนี่ย”

“กูโดดได้มั้ยวะ”ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกจากปากของผม ซีอิ๊วกับออมสินก็แสดงสีหน้าไม่โอเคออกมา

“ถ้าพี่เขารู้มึงจะโดนนะเว้ย”

“ไม่โดนหรอกหน่า มึงเชื่อกูดิ คนตั้งหลายพันคน”

“แต่...”

“กูจะไม่ให้มันลามไปถึงพวกมึงแน่ๆ ไม่ต้องห่วง”

“กูไม่ได้กลัวเรื่องนั้น แต่กูเป็นห่วงมึง”ไอ้ออมสิน! ไอ้เพื่อนรัก! น้ำตากูจะแตก

“ขอบใจที่เป็นห่วง”ผมพูดก่อนจัดการเก็บของที่รื้อออกมาใส่กระเป๋าทีละอย่างสองอย่าง โดยมีออมสินเป็นคนช่วยเก็บด้วย“พวกมึงรีบๆเข้าไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะโดนบ่นเอา เดี๋ยวกูเก็บของเสร็จกูก็จะหนีแล้ว”

พูดไปผมก็เก็บของที่เหลือไปด้วย แต่ทว่าระหว่างที่ผมกำลังเก็บของ ป้ายชื่อของใครบางคนก็ถูกเอามาคล้องเข้าที่คอผม

… นอร์ธ

“เอาไป”

“มึงให้กูมาทำไม แล้วมึงจะใส่อะไร”

“กูขี้เกียจ กูจะโดด”

“ห้ะ?”ไม่ใช่แค่ผมที่แปลกใจ เพราะออมสินกับซีอิ๊วมันก็แปลกใจไม่แพ้กัน ส่วนไอ้ไกด์ก็หน้านิ่งตามสไตล์...

“อะไรวะนอร์ธ แล้วมึงจะโดดไปไหน”ซีอิ๊วถาม

“เออหน่า กูหาที่ไปได้ก็แล้วกัน”

“แล้ว...”

“เลิกสงสัยได้ละกูขี้เกียจตอบ วันนี้กูโดด จบ ไปละ”แล้วมันก็เดินออกไปพร้อมกับความงุนงงที่พวกผมทั้งหมดมี


ผมเดินมานั่งประจำที่ของตัวเองที่เคยนั่งเมื่อครั้งที่แล้ว ที่นั่งข้างๆว่างเปล่า คนที่เคยนั่งข้างๆผมมันจะโดดจริงๆเหรอ…

“นายๆ นายชื่ออะไรอะ”อยู่ดีๆคนที่นั่งอยู่อีกข้างของผมก็พูดขึ้นพร้อมสะกิดยิกๆจนผมต้องหันไปมอง เขาเป็นผู้ชาย หน้าตาก็จัดว่าน่ารักเลยแหละ เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แถมยังพูดเพราะด้วย

ลุคลูกคุณหนูสัดๆ

“ชื่อไนซ์”

“อ้าว… เหรอ แต่ป้ายนายเขียนชื่อนอร์ธนะ โกหกเราปะเนี่ย”พออีกฝ่ายพูดแบบนั้นผมก็ก้มมองป้ายที่ห้อยอยู่ของตัวเอง...

เจ้าของป้ายแม่งโดดไปไหนแล้วก็ไม่รู้

“อ๋อ มันไม่ใช่ของเราอะ ของเพื่อนเรา มันให้มากันโดนทำโทษ”เมื่ออีกฝ่ายพูดเพราะมาขนาดนี้ เรานายมาขนาดนั้น ถ้าผมกูมึงกลับไปก็คงจะดูเหี้ยเกินไปหน่อย

“อ๋อ ใช่ของคนตัวเล็กๆที่เคยนั่งข้างนายมั้ย”ด้วยความที่พวกเรานั่งกันที่เดิมเหมือนกันกับครั้งที่แล้ว มันเลยไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าคนที่นั่งข้างๆผมคือใคร

“อื้อ”

“โห ดีอะ ทำไมมีเพื่อนดีขนาดนี้ เอ๊ย เราลืมบอกชื่อเราเลย เราชื่อทนายนะ เรียนวิศวะโยธา”ว่าแล้วอีกฝ่ายก็ยกป้ายชื่อของตัวเองขึ้นมาโชว์พร้อมยิ้มจนตาหยี

น่ารักเผื่อคนทั้งโลกแล้วมั้ง

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”พอแนะนำตัวเสร็จ เราก็ต่างคนต่างแยกย้ายหันกลับไปนั่งท่าเดิม เพราะพี่วินัยสายโหดมันเดินเข้ามาแล้ว

“ไนซ์”

“ห้ะ”

“นั่นใช่นอร์ธหรือเปล่า”

ผมมองตามนิ้วของทนายที่ชี้ไปหาคนที่เพิ่งเดินมา ขณะที่พวกเราทุกคนนั่งกันจนหมดแล้ว

ใช่… ไอ้นอร์ธจริงๆด้วย

“คนที่เพิ่งเดินมาหยุดก่อน”ผมนั่งมองพี่วินัยเขาสั่งให้ไอ้นอร์ธหยุดเดิน

ฉิบหายแล้ว… ไหนบอกจะโดดไง

“ป้ายชื่อไปไหน”

“...”

“พี่ถามว่าป้ายชื่อไปไหน!?”

ผมเห็นท่าไม่ดี เพราะพี่วินัยไม่ได้ถามแบบปกติแล้ว พี่มันตะคอกใส่ไอ้นอร์ธด้วย ระหว่างที่ปีหนึ่งทุกคนนั่งกันเงียบกริบ คงจะมีแค่ผมคนนี้นี่แหละที่พยายามจะยกมือเพื่อแสดงตัวตน

ไอ้นอร์ธโดนพี่เขาดุก็เพราะผม… มันกำลังจะโดนทำโทษก็เป็นเพราะผม

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยกมือ มือของใครบางคนก็จับเข้าที่ข้อมือผมซะก่อน

“ทนาย...”

“เราว่านอร์ธคงไม่อยากให้ไนซ์แสดงตัวนะ ถ้าไนซ์บอกไป คนที่ลำบากจะไม่ได้มีแค่นอร์ธคนเดียวนะมันจะลามมาถึงไนซ์ด้วยหรือไม่นอร์ธก็อาจจะโดนหนักกว่าเดิมถ้าไนซ์พูดไป”ผมมองหน้าทนายสลับกับมองหน้าไอ้นอร์ธที่อยู่ไกลแสนไกล…

ผมทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆเหรอ...

“พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ!?”

“ผมทำหายครับ”นอร์ธมันตอบด้วยเสียงดังฟังชัด แต่ไม่ได้ถึงขั้นแหกปากตะโกนอย่างที่รุ่นพี่หลายๆคนทำ

“ทำไมถึงทำหาย ถ้าของแค่นี้ยังรักษาไม่ได้ ไปวิ่งเพิ่มความรับผิดชอบหน่อยมั้ย!?”

“...”

“ไปวิ่งรอบสนาม จนกว่าพี่จะบอกให้หยุด ปฏิบัติ!”

ไอ้นอร์ธไม่ได้มีปากเสียงตอบกลับแต่ออกไปวิ่งแต่โดยดี

แล้วพี่เขาก็หันกลับมาเทศน์พวกผมเรื่องป้ายชื่อ ก่อนจะกลับมาฝึกต่อ…

แต่ระหว่างฝึก ผมก็ไม่ได้จดจ่อเรื่องที่ทำอยู่เลยสักนิด เพราะเอาแต่มองประตู

ว่าเมื่อไหร่นอร์ธมันจะเดินกลับเข้ามา...


“มองอะไรวะ...”คงเป็นเพราะถูกผมมองหน้านานเกินไปหน่อย นอร์ธมันเลยรู้ตัวและถามพร้อมขมวดคิ้ว

“มองมึงไง”

“...”

“ไหนมึงบอกจะโดด แล้วมึงกลับเข้ามาให้โดนทำโทษทำไมวะ”

“ข้างนอกแม่งน่าเบื่อ ไม่รู้จะโดดไปไหน”

“...”

“กลับก่อนก็ไม่ได้ ต้องรอกลับพร้อมอิ๊วมัน”มันตอบหน้าตายก่อนจะหันไปกินน้ำที่พี่เขาเอามาให้มันหลังวิ่งเสร็จ

พอพวกผมเลิก ก็รีบตรงดิ่งมาหาไอ้นอร์ธที่สนามเลย พอออกมาก็เห็นไอ้เตี้ยมันนั่งหอบเป็นหมาอยู่ข้างสนามแล้ว

“มึงนั่งรอเวลาก็ได้หนิ ไม่เห็นต้องเข้าไปให้ถูกทำโทษเลย”ผมมองเสื้อที่เปียกชุ่มของมัน ก็อดพูดออกไปไม่ได้

“เรื่องของกู”

ไอ้สัดดดดด มึงนี่มันกวนตีนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

“สัด... คนก็อุตส่าห์เป็นห่วง”

“...”

“ทำไมหน้ามึงแดงจังวะ มึงวิ่งจนไม่สบายปะเนี่ย ไหนเอาหน้าผากมาดิ”ผมกำลังจะยื่นมือไปแตะหน้าผากมันหวังว่าจะวัดอุณหภูมิ แต่มันแม่งปัดมือผมทิ้งซะก่อน

“เอ้า ทำไมไม่ยอมให้กูวัดไข้ เผื่อป่วยจะได้บอกพี่เขา”

“เสือก”เกรี้ยวกราดสัด“ตัวกู กูรู้ดีว่าสบายหรือไม่สบาย”

“กวนตีนกูได้ขนาดนี้ คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง เสียแรงเป็นห่วงว่ะ”

“เออ ไม่ต้องมาห่วงหรอก คนแบบกูตายยาก”

“เออ เชื่อ”ผมมองป้ายที่คล้องคอตัวเองอีกครั้ง จัดการถอดมันออกก่อนจะยื่นคืนให้เจ้าของมัน“อะ กูคืน”

“เก็บไว้เหอะ กูได้มาใหม่แล้ว”มันยกป้ายชื่ออันใหม่ที่ผมไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามันวางอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ขึ้นมาโชว์

“อ้าว แล้วป้ายนี่อะ”

“มึงก็เก็บไว้ไง… หรือจะทิ้งไปเลยก็ได้”

“ไม่เอาหรอก กูไม่ทิ้ง”

“...”

“มึงวิ่งแทบตายเพื่อไอ้ป้ายนี่แต่สุดท้ายจะให้กูเอามันไปทิ้งเนี่ยนะ บ้าไปแล้วแน่ๆ กูจะเก็บอัดกรอบรูป”

“หึ”

มันหึอีกแล้ววววววว

“มึงหึอะไรอีกล่ะ”

“หึมึง”

“หึทำไม”

“หน้าโง่ดี”

“สัดนอร์ธ”

“...”

ผมปล่อยให้เวลาล่วงเลย นั่งมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“นอร์ธ”

“...”

“ขอบคุณนะเว้ย”

“… เออ เรื่องแค่นี้เอง”


#ทิศเหนือของผม

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
นอร์ธสู้ๆ
กว่าจะรู้ใครแอบรัก แอบจีบ
เอ๋อช่างเอ๋อได้ใจ
ตอนนี้อยากรู้สมพงษ์ พ่อกูมาก...ใครอ่าครัช
พี่ฮาฝุดๆ

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 7
«ตอบ #17 เมื่อ21-08-2019 20:58:33 »

07

แมวอ้วน


ชีวิตผมมันวนลูป...

ตื่นนอน มาเรียน เข้าห้องเชียร์ กลับหอไปนอน

... มันเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ชีวิตผมต้องกลับมาอยู่ในวงโคจรเดิมๆ เมื่อไหร่กิจกรรมห้องเชียร์สุดมหัศจรรย์นี่มันจะจบๆไปสักทีวะ

ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปที่ฐานทัพของพวกเรา เสียงบางเสียงก็ดังขึ้นจนผมต้องหยุดและมองหามัน

“เมี้ยว ~”

แมว... แมวเหรอวะ

ใช่สิ มันต้องใช่ เสียงแบบนี้ต้องแมวอยู่แล้ว หมามันคงไม่ร้องเหมียวหรอกมั้ง

มองซ้ายมองขวาแถมยังก้มๆเงยๆหาเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว ถ้าเป็นคนนอกมองมาภาพของผมตอนนี้คงจะแปลกน่าดู

ไม่ให้แปลกยังไงไหวล่ะครับงานนี้ นักศึกษาใส่แว่นแถมยังสะพายเป้ใบหนึ่งอยู่ข้างหลัง ก้มๆเงยๆหาอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ตรงจุดที่ตัวเองก้มหาอยู่หรือเปล่า

“เมี้ยว ~”แต่แล้วสิ่งที่ผมตามหา มันก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เจ้าแมวสีส้มมันเดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง ผมจัดการเดินเข้าไปให้ใกล้มันมากกว่านี้

พอมันเห็นการเคลื่อนไหวของผมมันก็นอนหงายท้องเหมือนชักชวนให้ผมเข้าไปเล่น

“เฟรนด์ลี่จังวะ ห้ะ ไอ้อ้วน”ว่าแล้วก็นั่งยองเล่นกับพุงของมันที่นุ่มนิ่มเหมือนอะไรสักอย่าง ผมก็อธิบายไม่ถูก“ชื่ออะไรวะมึงอะ”

“เมี้ยว ~”เพราะเห็นสิ่งบ่งบอกถึงเพศของมันผมถึงได้รู้ว่าไอ้ตัวอ้วนสีส้มเนี่ย มันไม่ใช่เด็กผู้หญิง แต่มันเป็นเด็กผู้ชาย

“ชื่อเหมียวเหรอ ไม่เท่เลย มึงเป็นตัวผู้นะเว้ย คิดมาใหม่ เอาชื่อเท่ๆกว่านี้”

“เมี้ยว ~”

“คิดไม่ออกเหรอวะ... ไม่เป็นไร เอาอย่างนี้แล้วกัน กูให้มึงชื่อเสือโคร่งดีกว่า เท่ปะ เท่อะดิ”

“เมี้ยว ~”

“เห็นมั้ย กูนี่มันฉลาดจริงๆเลยว่ะ”

“เป็นบ้าเหรอวะ คุยกับแมว”

ขณะที่ผมกำลังชื่นชมกับความฉลาดของตัวเองอยู่ ก็ต้องสะดุ้งโหยงจนเจ้าแมวที่อยู่ตรงหน้าพลันตกใจไปด้วย ผมหันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียง

ไอ้นอร์ธ...

“เสือก กูจะคุยกับหมาหรือกับแมวมันก็เรื่องของกู”ผมแยกเขี้ยวใส่มัน นอร์ธมันก็ยักไหล่ก่อนจะเดินมาเล่นกับไอ้เสื้อโคร่งบ้าง“อย่ามาจับแมวกู”

ผมจัดการอุ้มเอาไอ้เสื้อโคร่งมาไว้ในอ้อมกอด พาแมวหนีไอ้เตี้ยมันก่อน เมื่อกี้อยากว่ากูบ้าดีนัก

“อะไร มึงเล่นได้คนเดียวหรือไง”

“เออ กูเล่นได้คนเดียว”

“เอามา กูเจอมันก่อน”

“มึงเอาอะไรมาพูด กูเจอมันก่อนต่างหาก”

“หึ”มันหึอีกแล้วววววววว มึงเป็นเหี้ยอะไรกับหึมากมั้ย กูซื้อหึมึงเอาไปทิ้งได้มั้ย

เลิกหึเอากี่บาท เลิกให้ขาดเอาเท่าไหร่

“มึงหึเหี้ยอะไรจังเลยเนี่ย”

“หึมึง”

“หึกูทำไม?”ผมขมวดคิ้ว มันจะหึอะไรวะ ไม่เห็นมีอะไรต้องหึเลย แค่เถียงกันเรื่องแมว แล้วอีกอย่าง หลักฐานมันก็คาตาอยู่แล้ว เห็นกันอยู่ทนโท่ว่าผมน่ะมาเจอไอ้เสือโคร่งมันก่อน กล้าดียังไงมาบอกว่าตัวเองเจอก่อน

“มึงก็ดูที่ปลอกคอมันสิ มันมีชื่อเขียนอยู่ว่าไข่เค็ม”

“…”ผมรีบจัดการจับไอ้เสือโคร่งมันนอนบนพื้น ก่อนจะหาชื่อบนปลอกคอตามที่ไอ้นอร์ธมันบอก

ไข่เค็ม… ชื่อไข่เค็มจริงๆด้วยว่ะ

“เป็นไง เชื่อกูยังว่ากูเจอมันก่อน”มันพูดพร้อมยิ้มอย่างผู้ชนะ

“เจอก่อนแล้วไงอะ วันนี้กูเจอก่อน”ไม่รู้ล่ะ ผมต้องเถียงให้ชนะ จะพ่ายแพ้ต่อคนอย่างไอ้นอร์ธซ้ำๆซากๆไม่ได้ เสียชาติเกิด!

“พวกมึงทำอะไรกันวะ”เสียงของซีอิ๊วที่เพิ่งเดินมาถึงพร้อมกับขวดน้ำเปล่าหนึ่งขวด ไม่อยากจะชมซ้ำชมซากหรอก แต่คนอย่างซีอิ๊วแม่งหล่ออะ ถือขวดน้ำเปล่าเฉยๆก็ยังหล่อเลย

ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรวะ...

“อิ๊ว”ผมรีบลุกขึ้นยืนและพาไอ้แมวตัวอ้วนเดินไปหลบหลังซีอิ๊ว“กูฟ้อง”

“ฟ้องอะไรวะ”

“ไอ้นอร์ธจะแย่งแมวกู”

“แมว… อ๋อ ไอ้ไข่เค็มนี่เอง”ซีอิ๊วหันกลับมามองแมวตัวอ้วนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมก่อนจะเกาพุงมัน ดูท่าคงจะมันเขี้ยวน่าดู เพราะมันไม่ลูบเฉยๆ มันขยำพุง จนแมวตัวที่ผมกอดอยู่ร้องออกมา

เออ กูเชื่อแล้วว่าไอ้นอร์ธแม่งเจอแมวก่อนกูจริงๆ ขนาดซีอิ๊วมันยังรู้จักชื่อเลย

“ไอ้ไนซ์น้อย”ซีอิ๊วมันลูบพุงแมวอยู่ดีๆมันก็พูดคำนั้นออกมา คำที่ผมเองก็ได้ยินไม่ชัดว่ามันพูดว่าอะไร จนผมต้องขมวดคิ้วและถามมันให้แน่ใจอีกครั้งว่าเมื่อกี้มันพูดอะไรออกมา

“เมื่อกี้ มึงพูดว่าอะไรวะ อะไรน้อยๆ”

“บ้า กูเปล่า กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“เหรอวะ…”

“เออดิ…”มันว่าก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้นอร์ธครู่หนึ่งและหันกลับมามองผม“กูว่า กูไปดีกว่า ลืมเลยว่านัดออมสินมันตีป้อมก่อนเข้าเรียน แล้วเจอกันนะมึง”

ความสงสัยยังไม่ถูกไขให้กระจ่าง ซีอิ๊วก็เดินหนีผมไปซะแล้ว ทิ้งให้เหลือแค่ผม ไอ้นอร์ธแล้วก็ไข่เค็ม

ไม่ค่อยอยากเรียกชื่อนี้สักเท่าไหร่เลย... ชื่อเสือโคร่งเท่กว่าเยอะ

“มึงเขยิบเข้ามาทำไม...”ผมถามพร้อมถอยหนีทันทีที่ไอ้นอร์ธมันเดินเข้ามาใกล้ๆ

“เสือก เอาไข่เค็มมา กูจะให้มันกินอาหาร”

“ไหนล่ะอาหาร?”

“นี่ไง”แล้วนอร์ธมันก็หยิบเอาซองอะไรสักอย่างในกระเป๋าสะพายข้างของมันออกมา

เออ กูยอมก็ได้…

ผมนั่งยองปล่อยให้นอร์ธเดินเข้ามาหาพลางวางไข่เค็มแมวอ้วนลงกับพื้น

“เมี้ยว ~”ไข่เค็มมันร้องออกมาทันทีที่ไอ้นอร์ธนั่งยองและยื่นไอ้ซองๆในมือมาไว้ตรงหน้ามัน

เขาเรียกว่าอะไรกันนะ ไอ้ซองๆน่ะ ขนมสำหรับแมวใช่มั้ย น่าจะใช่แหละ ผมเคยได้ยินคนเขาเรียกกันมา

“ชอบเลยสิมึง”ผมพูดพร้อมลูบหัวมันที่กำลังเลียอาหารที่ออกมาจากซองอย่างเอร็ดอร่อย

“ไอ้นี่มันชื่อไข่เค็ม เป็นแมวของอาจารย์ภาคเรานี่แหละ”อยู่ๆไอ้นอร์ธมันก็พูดขึ้นมา เรียกความสนใจของผมจากแมวอ้วนตรงหน้าให้ไปสนใจมันแทน“แต่ที่บ้านเขาเลี้ยงไม่ได้ เขาก็เลยฝากป้าร้านขายข้าวเลี้ยงให้อะ”

“...”

“แต่เขาก็ให้เงินค่าอาหารตลอดนะ ไม่ได้ทิ้งมันไปไหน วันหยุดว่างๆเขาก็มาหามัน มาเล่นกับมัน”นอร์ธมันเหมือนพูดกับลมกับฟ้า แต่ผมรู้ดีว่าสิ่งที่มันพูดน่ะ มันต้องการสื่อสารให้ผมได้รู้

“ทำไมมึงถึงรู้เยอะจังวะ”

“ก็กูมาให้อาหารมันบ่อยจนสนิทกับอาจารย์เขาไง”

“...”

“แถมยังให้บ่อยจนไอ้ไข่เค็มมันอ้วนแบบนี้ด้วย”มันว่าก่อนจะลูบหัวแมวอ้วนอย่างนึกเอ็นดู

“มั่วเหอะ มันอาจจะอ้วนเพราะป้าร้านข้าวเขาให้อาหารดีก็ได้”

“แต่กูก็มีส่วนมั้ย เอาอาหารมาให้มันวันละสองมื้อเนี่ย”

“แค่นี้เขานับเป็นมื้อด้วยเหรอวะ อันก็แค่นั้น ยังไม่ได้ครึ่งกระเพาะเลยมั้ง”ผมมองซองอาหารในมือของนอร์ธมัน เล็กแค่นั้นมันจะไปอิ่มอะไรวะ

“แมวนะไม่ใช่มึง”

“กูมันทำไม”

“ก็มึงกินเยอะไง... ไอ้แมวอ้วน”

“รู้ได้ไงว่ากูกินเยอะ กูอะกินนิดเดียวเว้ย”

“แต่วันละหลายๆรอบ กูเห็นมึงหอบขนมไปกินในเซคตลอด”

สังเกตเก่งงงงง แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันเรียกผมว่าอะไรนะ แมวอ้วนเหรอ...

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“เมื่อกี้มึงเรียกกูว่าอะไร แมวอ้วน?”

ไอ้นอร์ธมันนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนคนที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง กว่าจะตอบคำถามของผมได้ก็ปาไปเกือบนาที

“เออ แมวอ้วน”กูชื่อไนซ์โว้ยยยยยยยย

“เรียกกูปกติไม่เป็นมั้ง ไอ้เอ๋องั้น ครั้งนี้ก็แมวอ้วน”

“ก็มึงเหมือน”

“กูไม่ให้เรียก!”

“เรื่องของกู!”

ผีเข้าผีออกของจริง คุยกันดีๆได้ไม่เท่าไหร่มันก็ตั้งท่าจะกวนตีนกันอีกแล้ว เจริญพร

“เมี้ยว ~”เสียงร้องของไข่เค็มเรียกให้ผมทั้งสองคนหันไปสนใจมัน

อิ่มแล้วหนีเลย...

“กินเสร็จก็ไม่ง้อคนเลยเหรอวะไข่เค็ม ไอ้แมวเจ้าเล่ห์”เป็นไอ้นอร์ธที่บ่นก่อนจะเก็บซองของไอ้ไข่เค็มที่ตอนนี้เป็นเพียงเศษขยะ

เหอะ ว่าแต่กูบ้า ตัวเองก็คุยกับแมวเหมือนกันนั่นแหละไอ้เตี้ย

เอาล่ะ ระหว่างที่มันก้มเก็บขยะ ผมก็เห็นสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถเอามาล้อไอ้นอร์ธมันได้

เส้นผมกลางกบาลมันที่ผมเองก็ไม่เคยสังเกต...

นอร์ธมันหัวล้านครับ แต่ก็ไม่ได้ล้านขนาดนั้นอะ ล้านแบบพอรู้ว่าล้าน หือ... ยิ่งอธิบายยิ่งงง เอาเป็นว่าเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน

ผมยกยิ้มหนึ่งครั้งก่อนจะเรียกชื่อมัน

“นอร์ธๆ”

“…”

“กูมีอะไรจะบอก”

“อะไร”

“ไอ้ หัว ล้าน”

ผมเน้นทีละคำจนไอ้นอร์ธมันเบิ้ดกะโหลดผมมาหนึ่งทีเน้นๆ จนแว่นแทบหลุด

“โอ๊ยยย กูเจ็บนะเว้ย!”ทั้งๆที่มีโอกาสสู้มันได้ทั้งทีแต่มันกลับตอบกลับมาด้วยความรุนแรง กูจะแจ้ง! แถมกูจะประจานด้วยว่ามึงหัวล้าน!

“ใครใช้ให้มึงเรียกกูแบบนั้น”ตาคมจับจ้องมาที่ผมผ่านกรอบแว่นหนา

โคตรจะเอาเปรียบ ทีตัวเองยังพูดได้เลย

“ทีมึงยังเรียกกูว่าไอ้เอ๋อได้เลย ไหนจะแมวอ้วนอีก”

“เรื่องของกู”

“นี่ก็เรื่องของกูเหมือนกัน”ว่าแล้วขอกวนตีนมันสักหน่อย ไหนๆก็ดูจะอยู่เหนือกว่ามันนิดหนึ่งแล้ว“ไอ้หัวล้านๆๆๆ ฮะ เฮ้ยยยย”

ปากดีได้ไม่นานคอผมก็ถูกกระชากไปโดยแขนอันทรงพลังของไอ้นอร์ธ มันล็อคคอผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แล้วอีกอย่าง นี่เรากำลังนั่งยองกันอยู่นะเว้ย มันทรงตัวยาก!

“ไอ้นอร์ธ ปล่อยกู เดี๋ยวกูล้ม”

“มันเรื่องของกู”

โว้ยยยยย กูก็คนนะเนี่ย มึงจะไม่ให้กูเอาคืนเลยเหรอ!?


เสียงของอาจารย์หน้าห้องเรียนไม่ได้เป็นจุดสนใจของผมในตอนนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันมีสิ่งที่สามารถทำให้ผมสนใจได้มากกว่าเสียงของเขาที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนและกำลังทำหน้าที่สอนนั่นก็คือ… แชทของอีพี่สมพงษ์



สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึง

กูมีอะไรจะบอก



เนี่ย พี่มันจั่วหัวมาขนาดนี้ ใครไม่สนใจก็บ้าแล้ว



Adirat Nice

อะไรอะพี่
สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึงว่างคุยปะ

Adirat Nice

ว่างๆ

พี่มีอะไร

ʕ≧㉨≦ʔ



ส่งหมีไปสักตัว เพื่อการเสือกแบบน่ารัก

ผมว่าพี่มันต้องอะไรแน่ๆเลยอะ ไม่อย่างไม่ทักมาแบบนี้หรอก ปกติเห็นมีแต่จะทักมากวนตีน แต่วันนี้พี่มันดันทักมาแบบแปลกๆ



สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูเบื่อละ

เล่นพี่รหัสน้องรหัสไม่เห็นสนุกเลย



ว้อท!? ส่งมาแบบนี้คือพี่มึงต้องการจะสื่ออะไรกับกู



Adirat Nice

พี่หมายความว่าไง?

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ไอ้โง่



อ้าว กูโง่เฉย…



สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูไม่อยากเล่นแล้วอะ

เฉลยเลยแล้วกัน



กูถามจริง…



สมพงษ์ พ่อกูเอง

*ส่งรูปภาพแล้ว*

นี่กูเอง

กูชื่อสงคราม พี่รหัสมึง



เหี้ยไรเนี่ยยยย มันเฉลยได้ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะพี่ ยังไม่หมดเวลาตามหาเลย…

และอีกอย่างที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ

รูปที่พี่มันส่งมาแม่งโคตรหล่อ!

ขนาดเป็นรูปที่ไม่ตั้งใจถ่ายมากมายยังหล่อขนาดนี่เลยอะ ถ้าเกิดตั้งใจขึ้นมาและจัดมุมกล้องอีกนิดหน่อย มันจะหล่อขนาดไหนวะ

ไม่ได้สิ... พี่มันอาจจะปั่นผมอีกก็ได้นะครั้งนี้อะ อย่าเพิ่งไปเชื่อใจมันๆ ท่องไว้ไอ้ไนซ์พี่มันอาจจะโกหก วัดจากเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ และสิ่งที่ผมได้ประสบและพบเจอ

ไข่มุกเอย… กางเกงในเอย

แต่ละอย่าง มันชี้ไปในทิศทางที่พี่มันอาจจะมีแผนแกล้งผม มากกว่าจงใจจะเฉลยจริงๆ



Adirat Nice

พี่ปั่นปะเนี่ย

ผมไม่โง่นะ

ಠ_ಠ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

สัด แบบนี้เนี่ยเรียกว่าโง่

กูบอกความจริงก็ไม่เชื่อ

Nice Adirat

(。ŏ﹏ŏ)

ก็พี่ชอบแกล้งผมอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

แกล้งเหี้ยอะไร ให้ด้วยใจทั้งนั้น

Nice Adirat

ไม่เชื่อ

ยังไงผมก็ไม่เชื่อ



Rrrr… !

หลังจากอีกฝ่ายอ่านได้ไม่นานอีพี่สมพงษ์มันก็โทรมาหาผม

เหี้ยละ… เรียนอยู่จะรับสายได้ยังไง



Adirat Nice

พี่

ผมเรียนอยู่

(・_・;)



ผมพิมพ์ข้อความบอกคนที่กำลังโทรมาหาผม เผื่อพี่มันจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาโทร นี่มันเวลาเรียนกูโว้ยยยย



สมพงษ์ พ่อกูเอง

งั้นมึงบอกมา

มึงเรียนที่ไหน เดี๋ยวกูไปหาเอง

จะได้เชื่อสักทีว่ากูไม่ได้โกหก



#ทิศเหนือของผม

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
หูววววววว มีแแต่คนใจร้อนกับน้องไนซ์ 55
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โหง่ยยยย
อิพี่สงคราม ลูกอิพ่อสมพงษ์นี่มันจะมาเติมเชื้อไฟให้น้องนอร์ธหัวร้อนมั้ยน่อ
ดูท่าจะโซจ๊าบ โซคูล ดาเมจคิลออลเหลือเกิน
ชูป้ายไฟ FC อิพี่สงครามดีก่า
 :hao7:

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 8
«ตอบ #22 เมื่อ25-08-2019 15:21:41 »

08

สงคราม


Adirat Nice

ผมถึงแล้วนะพี่

รีบๆมา

อิอิ

 

หลังจากที่ใช้สายตาไล่อ่านข้อความที่ออมสินมันส่งไปหาพี่สงครามเรียบร้อยแล้ว ผมที่นั่งยองหลบอยู่หลังกระถางต้นไม้ก็หันไปหาออมสินที่ยืนอยู่ข้างหลังและกำลังชะเง้อหน้าดูลาดเลา ผ่านมุมตึกที่เรามาใช้เป็นเกราะกำบังชั่วคราวจากสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา

... รวมถึงพี่สงครามมันด้วย

“มันจะไม่เนียนก็ตรงอิอิของมึงนี่แหละออมสิน”

“เหอะหน่า เชื่อกู แนบเนียนและแยบยล”มันว่าพร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นทำท่าถูกใจ

เอาเข้าไป... ผมส่ายหน้าก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋า

หลังจากที่ผมบอกกับออมสินว่าพี่รหัสผมจะมาหาพร้อมกับมาเฉลยใบหน้าที่แท้จริงให้ผมได้รับรู้ ออมสินมันก็ลากผมออกมาจากห้องเรียนทันทีที่เลิกคลาส โดยทิ้งไอ้พวกที่เหลือให้ไปกินข้าวด้วยกันแค่สามคน

ออมสินมันให้เหตุผลว่า ถ้าคนเยอะมันจะยิ่งวุ่นวาย และที่เราต้องมาแอบดูอีพี่สงครามมันตรงนี้ก็เพราะว่า ถ้าเราไปยืนให้เห็นแบบโต้งๆ พี่มันก็อาจจะไม่ยอมเปิดเผยตัวตนจริงๆออกมา

ง่ายๆเลยก็คือ ออมสินมันกลัวว่า พี่สงครามมันอาจจะจ้างใครมาเป็นตัวแทนของมันเพื่อหลอกให้พวกเราตายใจ...

ก็ออมสินมันว่ามาแบบนี้...

เพื่อนว่าไง ไนซ์ก็ว่างั้นแหละครับ

“แล้วมึงแน่ใจได้ไงวะ ว่าพี่มันจะมาจริงๆ”ผมถามเพราะยังไม่เห็นวี่แววของพี่สงครามเลย แชทที่ส่งไปแม่งก็ไม่อ่านสักที ไม่รู้จะหลอกกันหรือเปล่า

“เออ กูเชื่อในตัวไอดอลกู”

ไอดอลที่หน้ามึงอะ คนแบบนั้นอะนะ...

ผมได้แต่ถอนหายใจ นั่งรอเวลาจนตะคริวแทบจะกินขาอีพี่สงครามลูกคุณสมพงษ์ก็ยังไม่มาสักที

“กูว่าพี่แม่งเทแล้วแน่ๆ”

“อย่าใจร้อนนักสิวะ อีกแป๊บหนึ่ง เขาอาจจะขี่ม้ามา”

ม้าบ้านมึงสิ ไปเรื่อยเลยนะมึงเนี่ย

ติ๊ง!

อยู่ดีๆ เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของผมก็ดังขึ้น จนอดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมาดู

หวังว่าคงจะเป็นพี่สงครามนะ...

 

สมพงษ์ พ่อกูเอง

มึงอยู่ไหน

กูถึงละ

 

อยู่ไหนของพี่มันวะ...

ผมเงยหน้าจากจอมือถือยื่นหน้าออกจากกระถ่างต้นไม้ เพื่อมองหาพี่รหัสจอมกวนประสาท... ไม่เห็นมีเลย

“มึงอ่านอะไรวะ”เป็นออมสินที่ชะโงกหน้ามาอ่านข้อความในมือถือของผม

“พี่สมพงษ์อะดิ แม่งบอกกูว่าถึงแล้ว แต่กูยังไม่เห็นหัวเลย”

“เออ อยู่ไหนของพี่มันวะ มึงโทรหาดิ เดี๋ยวกูจะดูให้เองว่าใช่คนเดียวกันกับในรูปหรือเปล่า”ออมสินมันบอกพร้อมกับยื่นหน้าออกไปจากจุดที่เรายืนอยู่

“หดหัวเข้ามาหน่อยออมสิน เดี๋ยวพี่มันก็เห็นหรอก”

“เออ โทษๆ”เล่นเสนอหน้าออกไปซะเยอะขนาดนั้น ผมว่าพวกเราคงไม่ต้องแอบกันแล้วล่ะ

มึงไปยืนต่อหน้าพี่มันเลยเถอะ

ผมกับออมสินช่วยกันมองหา โดยผมเองก็ไม่ลืมที่จะกดโทรหาพี่สงครามมันไปด้วย

... ไม่รับว่ะ

“เทแล้วแน่ๆ”ผมพูดพร้อมหลักฐานที่เห็นกันอยู่เต็มตา ว่าไม่มีพี่รหัสผมอยู่ที่นี่

“เออ กูก็ว่างั้น กูว่าพวกเราโดนหลอก”

“เพิ่งรู้ตัวมั้ง กูก็บอกไปแล้วมั้ย ว่าพี่สมพงษ์มันเทแน่ๆ”

“กูอยู่นี่”

และทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ผมกับออมสินก็รีบหันมามองหน้ากัน

“มึงว่าไง...”

“กูว่าใช่...”

ผมพูดพร้อมมองหน้าออมสินที่ตอนนี้เริ่มถอดสี หน้าผมเองก็คงจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก

เราทั้งคู่ต่างกลืนน้ำลายกันคนละอึกก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกผม

โป๊ะเช๊ะ!

อีพี่สงครามเวอร์ชันเดียวกับในรูปเป๊ะๆเลย

“เอ่อ... คือ”

ใบ้แดกเลยกู...

“กูเคยบอกแล้วใช่มั้ย สมพงษ์อะพ่อกู กูชื่อสงคราม”พี่มันก้มหน้าลงมามองหน้าผม จนผมต้องรีบหดคอหนี

อีกนิดพี่มันจะหายใจรดหน้าผมแล้ว!

ผมกดวางสายและเก็บมือถือลงกระเป๋า แต่สายตาก็ยังไม่เลิกมองหน้าพี่มัน

ทำไมวะ... หล่อ สูง ยาว เข่าดี ดูมีออร่า แต่ทำไมนิสัยพี่มึงเป็นงั้นอะ ที่คุยกันแม่งดูเป็นคนละคนเลย มันไม่น่าหล่อได้ขนาดนี้อะ

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ กูหล่อเกินไปจนอึ้งเลยเหรอ”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำหน้าแบบไหนออกไปพี่มันถึงได้ถามผมแบบนั้น แต่ที่รู้ๆตอนนี้อะ

ผมยังคงไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง... และจะไม่เชื่อง่ายๆด้วย

“นี่พี่จริงๆใช่มั้ยอะ... ไม่ได้หลอกกันใช่มั้ย”

“หลอก”

“…”

“ก็บ้าแล้วไอ้ควาย”

ไอ้สัดพี่

“กูเนี่ย พี่รหัสมึงตัวเป็นๆเลย จะดูทะเบียนบ้านก็ได้นะ ว่าพ่อกูชื่อสมพงษ์จริงๆ กูเตรียมมาด้วย เผื่อมึงไม่เชื่อ”ว่าแล้วพี่มันก็ทำเหมือนจะหยิบอะไรสักอย่างที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างออกมา

“เชื่อแล้วๆ พี่ไม่ต้องเอาออกมา”ผมรีบคว้าเข้าที่แขนให้พี่มันหยุด

ถ้าพี่มึงกล้าจะแสดงหลักฐานขนาดนี้ กูเชื่อก็ได้

“เออ ก็แค่เนี้ย เชื่อตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลามา”

“ก็พี่เฉลยง่ายขนาดนั้นอะ ใครมันจะไปเชื่อง่ายๆวะ”

“เออ กูผิดเองก็ได้”ประชดอยู่ ดูออก

“แล้วทำไมพี่ถึงยอมเฉลยง่ายๆแบบนั้น”

“กูก็บอกไปแล้วว่าขี้เกียจเล่น มันไม่เห็นสนุกเหมือนที่คิดไว้เลย ต้องทำตัวลึกลับ บ้าบออะไรก็ไม่รู้ แม่งน่าปวดหัวฉิบหาย”พี่มันบ่นทั้งๆที่หน้าก็ยังอยู่ในระดับเดิมไม่ขยับไปไหน

กูกลัวผีผลักจังเลยพี่... กลับไปยืนปกติได้มั้ย...

“ครับ เข้าใจแล้ว แต่พี่ช่วยเอาหน้าออกไปก่อนได้มั้ยอะ ผมว่ามันใกล้ไป”

“หึ”

หึอีกแล้วววววว ชีวิตนี้กูต้องเจอมนุษย์หึอีกกี่คนกัน หึกันเก่งเหลือเกิน!

“ไกลแค่นี้พอยัง”

“เว่อร์ไปพี่”ผมบอกคนที่เอนตัวไปข้างหลังจนแทบจะกลายเป็นท่าสะพานโค้ง พี่มันหัวเราะเบาๆก่อนจะกลับมายืนในท่าปกติ

“พี่... นี่พี่จริงๆใช่ปะ”ออมสินที่ยังทำหน้าตาไม่เชื่อสายตาตัวเองเรียกพี่รหัสผมพร้อมจับแขนแถมถูไปมาจนแทบถลอก

“เฮ้ย เบา เดี๋ยวหนังกำพร้ากูหลุดพอดี”

“พี่ตอบผมดิ ว่าพี่คือพี่สมพงษ์ตัวจริง”

“สมพงษ์นั่นพ่อกูไอ้สัด กูชื่อสงคราม”

“นั่นแหละ พี่ตอบดิว่าพี่คือพี่รหัสไอ้ไนซ์”

“เออ กูเอง”

“พี่แม่ง... โคตรหล่ออะ พี่เป็นไอดอลผมเลยพี่รู้ปะ ปีหน้าถ้าผมได้เป็นพี่รหัสใครสักคนนะ ผมจะทำแบบพี่ทุกอย่างเลย!”กูเริ่มสงสารน้องรหัสมึงในอนาคตแล้วออมสิน

ผมรีบลุกขึ้นยืนขณะที่ออมสินมันก็ยังคงลูบแขนพี่สงครามต่อไปแบบไม่ลดละ

“พอได้แล้วมั้ง กูรู้สึกเหมือนหนังกำพร้ากูเหมือนจะหลุดจริงๆเลย”

“เว่อร์ว่ะพี่”

“ไม่เว่อร์ มึงแหกตาดู แดงหมดแล้ว”พี่สงครามมันยกแขนจนแทบจะเอาไปจิ้มตาออมสิน

“จริงด้วย แดงเป็นปื้นเลยอะพี่สมพงษ์”

“สมพงษ์นั่นพ่อกูไอ้สัด กูชื่อสงคราม”

“แหะ ลืมนิดลืมหน่อยเอง”

อยู่ดีๆก็รู้สึกเป็นส่วนเกินเฉยเลยกู... สรุปมันเป็นพี่รหัสใครกันแน่เนี่ย

“ไอ้ไนซ์”

“หือ?”ผมเลิกคิ้วทันทีหลังจากที่พี่รหัสของตัวเองเริ่มหันมาสนใจ

“มึงมีเรียนต่อมั้ย ตอนบ่าย”

“วันนี้... ไม่มีแล้วนะพี่ ทั้งผมแล้วก็ออมสินเลย”

“อ๋อ เพื่อนมึงชื่ออมสินเหรอ”พี่มันหันไปมองหน้าออมสินก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมเหมือนเดิม

“อื้อ”

“พวกมึงไปกินข้าวกันปะ เดี๋ยวกูเลี้ยง”

“ไม่ได้เลี้ยงอะไรแปลกๆเหมือนที่ซื้อมาให้ผมใช่ปะ”

“เออสิวะ คิดว่ากูจะพาไปแดกต้มโคล้งไข่มุกหรือไง ไม่เอาด้วยหรอก แค่คิดก็ขนลุก”

“มันมีที่ไหนล่ะพี่ต้มโคล้งไข่มุกอะ”

“มีสิ พี่สาวกูเคยทำ แถมบังคับให้กูกินด้วย”

... แดกจุดไปตามระเบียบ

กูถามจริงงงงง มันมีจริงๆเหรอวะ คนที่ลองเอาไข่มุกไปกินกับอะไรแปลกๆ

มันไม่เหมาะ ไม่ควร มันไม่น่ามาอยู่ด้วยกัน!

“มึงไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะอ้วกได้ปะ”

“ก็มันไม่น่าจะอร่อยอะพี่ แค่คิดก็แทบจะขย้อนแล้ว”

“เห็นใจกูสิ กูแดกไปสองถ้วย”

โห ชีวิตอาภัพมากพ่อ สงสารรรรรร

“ตกลงมึงสองคนจะไปมั้ยเนี่ย กูเลี้ยง”

“ไปดิพี่ แต่ไม่เอาอะไรแปลกๆนะ”เป็นออมสินที่ตัดสินใจแทนผมไปแล้ว แต่ผมเองก็ไม่ได้เห็นต่างอะไรกับมัน แค่พี่สงครามมันไม่พาพวกผมไปเลี้ยงอะไรแปลกๆ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว

“เออ กูไม่ให้พวกมึงแดกอะไรแปลกๆหรอก เพราะกูก็ต้องแดกเหมือนกัน”




สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูถึงห้องละ

Adirat Nice

โอเคครับ

▼・ᴥ・▼


พอตอบกลับข้อความของพี่สงครามเสร็จ ผมก็จัดการถอดเสื้อของตัวเองเพื่อที่จะเตรียมตัวไปอาบน้ำ

กว่าผมกับออมสินจะจัดการกินของที่พี่สงครามมันเลี้ยงแบบใหญ่โตมโหฬารหมด เราก็เสียเวลากันไปหลายชั่วโมง ไหนจะนั่งรถกลับมาแล้วรถติดอีก

รวมๆแล้วก็ถึงห้องตอนเย็นพอดี...

ผมกล้าพูดตรงนี้เลยว่าเรียนทั้งวันยังไม่สูญเสียพลังชีวิตเท่าการนั่งรถตอนรถติดเลย

พอรถติดนานๆมันก็เริ่มเบื่อ.... พอเบื่อก็ไม่มีอะไรทำ

แล้วคนแบบผมมันจะหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาได้ ถ้าไม่ใช่นอนหลับหรือไม่ก็เล่นมือถือ

... และแน่นอน ผมเลือกที่จะนอน

ตื่นมาอีกทีก็ตอนโดนพี่มันปลุกว่าถึงหอแล้วนั่นแหละ ออมสินลงไปตอนไหนผมยังไม่รู้เรื่องเลย แล้วตัวเองนอนน้ำลายไหลบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตื่นมาก็ทำได้แค่ขยี้ตาและกล่าวขอบคุณพี่มันก่อนจะสะบัดตูดหนีและเดินขึ้นหอมา

ติ๊ง!

ในตอนที่ผมกำลังจะเดินไปอาบน้ำ เสียงการแจ้งเตือนจากมือถือก็ดังขึ้น พร้อมข้อความโชว์หราอยู่บนหน้าจอ



สมพงษ์ พ่อกูเอง ส่งข้อความแล้ว



พี่สงครามมันทักมาทำไมอีกวะ...

ผมละทิ้งความตั้งใจที่จะไปอาบน้ำ และเลือกมาตอบแชทพี่รหัสสุดที่รักของตัวเอง



สมพงษ์ พ่อกูเอง

ไนซ์

Adirat Nice

ว่าไงพี่

พี่มีอะไรหรือเปล่า

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ขอไลน์หน่อยดิ

Adirat Nice

พี่จะเอาไปทำอะไรอะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เรื่องของกู

Adirat Nice

โหดว่ะ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เอามา

เร็วๆ

Adirat Nice

ใจเย็นๆจ้าพี่สมพงษ์

สมพงษ์ พ่อกูเอง

นั่นพ่อกู สัด

Adirat Nice

แง อย่าเกรี้ยวกราด ไม่ดีๆ
สมพงษ์ พ่อกูเอง

สักทีเถอะ



ใจร้อนจริง....



Adirat Nice

*ส่งรูปภาพแล้ว*

อะ คิวอาร์โค้ดไลน์ผม

อย่าเอาไปแจกสาวนะพี่ ผมยิ่งเสน่ห์แรงๆอยู่

เดี๋ยวตีกันมอแตก

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ขนาดนั้นเลย

Adirat Nice

หลักฐานก็เห็นๆกันอยู่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

หึ



หึ...

มันหึอีกแล้วววววว นี่เป็นแค่ตัวหนังสือนะ แต่ทำไมผมถึงได้ยินเหมือนพี่มันมาหึอยู่ข้างหู เหี้ยอะไรวะเนี่ย หลอกหลอนกันไม่เลิก

ติ๊ง!



Skkk. เพิ่มคุณเป็นเพื่อนแล้ว



ผมกดเพิ่มเป็นเพื่อนกับพี่สงครามทันทีที่แจ้งเตือนมันเด้งขึ้นมา



Adirat Nice

เรียบร้อยยยย

ʕ´•ᴥ•`ʔ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

ต่อไปจะคุยในนั้นนะ

Adirat Nice

อ้าว

เฉลยแล้ว ยังต้องคุยกันอีกเหรอพี่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

เออดิ

เขาสานต่อกันทั้งนั้นแหละ



สานต่อ...

ผมว่าพี่มันใช้ศัพท์แปลกๆนะ



Adirat Nice

พี่

สมพงษ์ พ่อกูเอง

อะไร

Adirat Nice

ผมว่าพี่ใช้คำแปลกๆ

สมพงษ์ พ่อกูเอง

บ้า มึงอะคิดมาก

(・∀・)



เนี่ยยยย ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่ามันแปลกๆ ไอ้บ้าไอ้บอ รู้สึกเหมือนกำลังถูกล่อลวง



สมพงษ์ พ่อกูเอง

กูไปเล่นเกมละ

ฝันดีล่วงหน้า

Adirat Nice

อ่า ครับ

ฝันดีครับ



ผมรีบสลัดความคิดบ้าๆของตัวเองและเอามือถือไปวางไว้ที่เดิม

ผมอาจจะแค่คิดมากไปเองก็ได้


#ทิศเหนือของผม


เหมียวเอย หวานกลอยใจ เหมียวเอยกรุบ

ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ดี๊ ด่า ด๊า

ใจเย็นจนกลัวว่าหมา อ่า อ้า จะคาบไปปปป

เอาไงดีพ่อ สู้มั้ยล่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2019 16:16:38 โดย augustismine »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 o13
 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:

นั่นสิใจเย็นไปนะพ่อทิศเหนือ

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
จริงๆพี่สงครามมันก็ดีนะ
แต่คุณนอร์ทเค้าจองไว้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วอ่ะดิ



Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ augustismine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: #ทิศเหนือของผม ตอนที่ 9
«ตอบ #26 เมื่อ29-08-2019 23:41:00 »

09

เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น


23 : 45



ติ๊ก

หิวว่ะ

ต่อก

ในห้องไม่มีมาม่าด้วยสิ

ติ๊ก

ไม่ได้ๆ กินมาม่ามันอ้วน

ต่อก

แต่หิวจนไส้แทบขาดแล้วนะ

ติ๊ก

เอาไว้กินตอนเช้าก็ได้มั้ง

ต่อก

ผมกำลังถกเถียงอยู่กับตัวเอง ภายในห้องที่มืดสนิท แข่งกับเสียงเข็มนาฬิกาและความหิวของตัวเองที่ดูท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กินของที่พี่สงครามมันเลี้ยงไปตั้งเยอะ ทำไมมันถึงหิวง่ายขนาดนี้วะ

โครก…

โอเค กูไม่ทนแม่งละ

สุดท้ายผมก็ทนความหิวจนแทบหน้ามืดของตัวเองไม่ไหว หยิบแว่นที่ถูกถอดไว้ก่อนจะเข้านอนขึ้นมาใส่ ลุกออกจากเตียงด้วยความรวดเร็ว

ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไปหาอะไรกินข้างล่างหอ เวลานี้มันต้องมีร้านอะไรเปิดบ้างแหละ อย่างน้อยๆ ข้าวกล่องเซเว่นก็ยังดี

ผมเดินออกมาจากห้องด้วยชุดนอนลายทางของตัวเอง มือซ้ายถือกระเป๋าสตางค์กับมือถือ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ถือกุญแจห้อง

เดินมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่หน้าหอของตัวเอง พร้อมกวาดสายตามองรอบๆ ร้านที่เปิดอยู่ตอนนี้ก็มีแค่ไม่กี่ร้านหรอกครับ

น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋…

ขนมปังสังขยา…

ร้านข้าวต้ม…

แล้วก็อีกสองสามร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน เอาเป็นว่าขอเวลาตัดสินใจอีกหน่อย ข้าวกล่องเซเว่นผมขอย้ายมันเอาไปไว้ในตัวเลือกสุดท้ายที่ผมจะเลือกเลยก็แล้วกัน ตอนนี้ขอตามหาอะไรที่มันน่ากินก่อน

แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปไหนหรือตัดสินใจเลือกอะไร กลิ่นหอมฉุยของอะไรสักอย่างก็มาเตะเข้าที่จมูก

ก๋วยเตี๋ยว…

ผมว่าผมได้คำตอบแล้วล่ะ ว่าคืนนี้จะกินอะไรดี

ผมรีบตรงดิ่งไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่อยู่ห่างจากจุดที่ผมยืนไม่มากนักด้วยอารมณ์ที่แสนจะเบิกบาน ผมเชื่อมั่นเสมอว่าอาหารจะไม่ทรยศเรา กลิ่นหอมขนาดนี้ มันต้องอร่อยแน่ๆ

แต่ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวผมก็เห็นใครบางคนที่ยืนสั่งก๋วยเตี๋ยวอยู่ก่อนแล้ว

... ไอ้นอร์ธ

มันมาทำอะไรที่นี่วะ...

“หนูไปจองโต๊ะเลยนะลูก เดี๋ยวป้าให้คนยกไปให้”

“ครับ”ไอ้นอร์ธพยักหน้าคุยกับคุณป้าคนขายก่อนจะหันกลับมาสบตาเข้ากับผม“อ้าว… มึงมาทำอะไรที่นี่วะ ไอ้แมวอ้วนลายทาง”

แมวอ้วนลายทาง?

พอก้มมองชุดที่ตัวเองใส่ตอนนี้ก็ต้องร้องอ๋อออกมา ผมกำลังใส่ชุดนอนลายทางอยู่หนิ

แต่กูไม่ใช่แมวอ้วนนะ...

“ลายทางอะเข้าใจได้ แต่เลิกเรียกกูว่าแมวอ้วนได้มั้ย กูก็มีชื่อ”

“เรื่องของกู”

เออ กูไม่เถียงแล้วก็ได้ แต่กูจะเรียกมึงว่าไอ้หัวล้านแทน! คอยดู!

“แอบนินทาอะไรในใจ”ยอดมนุษย์มากพ่อ รู้ได้ไงเนี่ย!

“มั่ว กูไม่เคยนินทามึงในใจเลย”

“สาบานดิ”

“สาบานก็ตายฟรีดิ”

“หึ”

“พูดอะไรนอกจากหึไม่เป็นเลยหรือไง”

“แล้วเมื่อกี้กูไม่ได้พูดคำอื่นมั้ง”

ไอ้สัด สุดจะทน กับคนอย่างมึง

“มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยว่ามาทำอะไร”

“มาร้านก๋วยเตี๋ยวกูเอาผ้ามาซักมั้ง”ได้ทีก็ขอเอาคืนหน่อยเหอะ

“คุยกับมึงแม่ง น่าปวดหัวฉิบหาย”

“แล้วใครเขาใช้ให้มึงมาคุยกับกูล่ะ ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย”

“ไอ้หน้าควาย”

“มึงสิ ไอ้หน้าควาย”ผมสวนมันกลับไปอีกหนึ่งประโยคก่อนจะเดินเอาไหล่ไปชนเข้ากับไหล่ของมัน จนมันเซไปเล็กน้อย

ผมทำแบบนั้นโดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจมือตีนของมันเลยสักนิด แถมยังหันไปทำหน้าที่คิดว่าสามารถปั่นประสาทมันได้มากที่สุดอีกด้วย ไอ้นอร์ธมันไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาเลนสักนิด มีเพียงหันมามองนิดๆก่อนจะเดินไปหาโต๊ะนั่ง

เนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสู้คนเดี๋ยวไม่สู้คน ผีเข้าผีออกขั้นสุด

ผมเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ตัวเองต้องการ นั่นก็คือ เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น เมนูเดียวเท่านั้นที่ผมมั่นใจว่ามันจะสามารถบรรเทาอาการหิวและทำให้กระเพาะที่มันชักจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นทุกวันๆรู้จักอิ่มได้สักที

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนักเลย ไม่รู้ว่าอ้วนขึ้นหรือเปล่า... แต่เท่าที่ดูจากอาหารการกินแล้ว

... อย่างน้อยๆก็สักสี่โลแหละผมว่า

พอสั่งป้าเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมถึงได้เดินหาโต๊ะที่ตัวเองต้องการจะนั่งบ้าง เวลานี้คนไม่ค่อยเยอะครับ ค่อนข้างจะบางตาเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ร้านนี้นะ หลายๆร้านที่อยู่ละแวกนี้คนก็น้อยเหมือนกัน

คงดึกแล้วล่ะมั้งคนเลยน้อย

ผมเลือกนั่งโต๊ะที่ห่างออกมาจากไอ้นอร์ธสองโต๊ะ มันเป็นโต๊ะเหล็กสีแดงที่สามารถนั่งได้สี่มุม บนโต๊ะมีทั้งน้ำและเครื่องปรุง

เรียกง่ายๆคือพร้อมสำหรับการกินมาก

นั่งไปได้ไม่นาน แก้วน้ำก็ถูกยกมาวางที่โต๊ะ ถ้าให้เดา ผมว่าคนๆนี้ต้องเป็นลูกชายป้าเขาแน่ๆอะ เพราะหน้าตาคล้ายๆกันเลย

“ขอบคุณครับ”

พอพูดแบบนั้นออกไปอีกฝ่ายก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเอาไปให้โต๊ะไอ้นอร์ธต่อ ระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น เพื่อฆ่าเวลา

แต่เล่นไปได้ไม่นานผมก็รู้สึกแปลกๆ

… เคว้งคว้าง

ทำไมวะ ทำไมผมรู้สึกว่ามันเคว้งคว้างแบบนี้…

ทั้งๆที่ป้าเขาก็เปิดเพลง แถมคนที่นั่งอยู่โต๊ะถัดจากผมก็มีกันอยู่ตั้งสองคน ซ้ำสองคนนั้นยังคุยกันเสียงดังอีก แต่ทำไมผมกลับรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนนั่งอยู่ในป่าช้าแบบนี้

มองซ้ายมองขวา หันไปหาไอ้นอร์ธที่นั่งดูดน้ำจากแก้วของตัวเองพร้อมกระดิกเท้า

ไอ้เตี้ยมันชิลล์แท้...

แต่แล้วมันก็มีจังหวะที่มันละปากออกจากหลอดและเงยหน้าขึ้นมามองผม มันเลิกคิ้วก่อนจะพูดแบบไม่มีเสียง

‘มองเหี้ยอะไร’

อ้าาาา กวนตีนสัด มึงเปิดศึกสินะ!

ผมจึงทำการตอบโต้มันกลับไปโดยพูดแบบไม่มีเสียงกลับไปบ้าง

‘มองเหี้ยไง’

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นโรคจิตมั้ย แต่พอได้เถียงกับมันแบบนี้แล้วรู้สึกสบายใจแบบบอกไม่ถูก ถึงมันจะไม่ได้สบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่มันก็คงสบายใจกว่านั่งเงียบเหงาอยู่คนเดียวแน่ๆ

ย้ายไปนั่งกับมันดีกว่า…

ผมจัดการเก็บของของตัวเองทั้งหมดและย้ายไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับไอ้นอร์ธ

อดิรัตน์จะไม่เหงาอีกต่อไป!

“มึงย้ายมาทำเหี้ยอะไร”

“เหงา”

ตอนแรกที่นอร์ธมันพูด ผมนึกว่ามันจะไม่อนุญาตให้ผมมานั่งด้วยซะอีก แต่พอผมตอบไปแบบนั้น มันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ กลับกันมันเป็นฝ่ายชวนผมคุยด้วย

“วันนี้มึงไปไหนมา ตั้งแต่แยกกันตอนเที่ยง กูก็ไม่เจอมึงอีกเลย”

ผีเข้าผีออกมั้ยล่ะไอ้เตี้ยเนี่ย

“กูไปกินข้าวมา”

“...”

“กับออมสินแล้วก็พี่รหัสกู”

“มึงรู้แล้วเหรอว่าพี่รหัสคือใคร?”นอร์ธเลิกคิ้วถาม

“เป็นคนขี้เสือกตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”

“กูถามก็ตอบ”

ไอ้คนเกรี้ยวกราด! แหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้เลย

“เออ รู้แล้ว เพิ่งเจอกันวันนี้ เขามาเฉลยเองเลย”

“คือใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”อยากเสือก ดูออก!

“เสือกเก่งนะเดี๋ยวนี้ หัวล้าน”ว่าแล้วผมก็แกล้งลูบกลุ่มผมที่อยู่บนหัวมันไปมา เหมือนๆที่เขาลูบหัวหมาหัวแมวนั่นแหละ

ปั่ก!

“โอ๊ย มึงต่อยแขนกูทำไมเนี่ย!?”ช่วยด้วยครับ ผมโดนทำร้ายร่างกาย ไอ้นอร์ธมันเจาะยางผม!

“อย่าเล่นหัว”

“อ๋อ เดี๋ยวผมจะร่วงหมดหัวก่อนแก่ใช่ปะ อือๆ เข้าใจๆ”ผมพยักหน้านิดๆก่อนจะชักมือกลับ

กวนตีนแบบสุดๆไปเลยเว้ยไอ้ไนซ์! พ่อกับปู่มึงต้องภูมิใจ!

“ไนซ์”

“อะไร… แล้วมึงยื่นมือมาทำไม”ผมถามทันทีที่อีกฝ่ายยื่นมือมาแบตรงหน้าผม

ขอตังค์เหรอ... บ้า ไม่ใช่หรอกมันจะขอตังค์ทำไม

หรือว่า...

“มึงจะอุ๋งๆกูเหรอ”

นอร์ธมันไม่ตอบ แต่ยิ้มแทน งุ้ยยยย น่ารักอะ ผู้ชายเล่นอุ๋งๆ

… แต่มันเปลี่ยนโหมดเร็วไปมั้ยวะ เมื่อกี้ยังเจาะยางกูอยู่เลย นี่จะอุ๋งๆกูซะแล้ว

อะๆๆ กูยอมเล่นด้วยก็ได้ เห็นถึงความน่ารักของการอุ๋งๆนะเนี่ย ผมรีบยื่นหน้าเข้าไปเตรียมจะวางคางไว้บนมือของมัน

แต่ความฝันที่จะได้อุ๋งๆแบบน่ารักๆของผมก็ต้องดับสลายลง เพราะทันทีที่คางใกล้จะถึงมือไอ้นอร์ธ ฝ่ามืออรหันต์ของมันก็ฟาดเข้าที่คางผมเต็มๆจนหน้าสั่นไปหมด

“โอ๊ะ! กูเจ็บนะเว้ย! ไหนบอกจะอุ๋งๆไง”

“อุ๋งพ่อมึงอะ กูยังไม่เคยพูดเลย”

“แต่มึงยิ้ม!”

“ยิ้มให้กับความซื่อบื้อของมึงไง ไอ้หน้าควาย”

“ไอ้เหี้ยเตี้ย!”

“ไอ้แมวหน้าควาย”

“เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น มาแล้วครับ”

ยังไม่ทันได้เถียงกับมันต่อ ก๋วยเตี๋ยวของผมก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ผมกำลังจะจัดการหยิบมัน แต่ก็ถูกตัดหน้าโดยไอ้นอร์ธ...

“ไอ้นอร์ธ”

“อะไร”

“ของกู”

“ของมึงอะไร ของกู”

“แต่กูสั่งอันนี้ไป...”

“เอ่อ ขอโทษนะครับ อันนี้ของพี่คนนี้ครับ”แล้วน้องเขาก็เป็นคนเฉลย

… โดยการชี้ไปที่ไอ้นอร์ธ

“อ้าว”หน้าแตกเลยสิกู

“เห็นมั้ย กูบอกแล้วว่าของกู”

“ใครมันจะไปรู้วะ กูก็นึกว่าของกู”ผมว่าก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดูดแก้เก้อ

พอน้องคนที่มาเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเดินไปทั้งโต๊ะก็เหลือแค่ผมกับไอ้นอร์ธ นั่งมองมันเติมโน้นเติมนี่ไปเรื่อย

หิวอะ… ยิ่งมองก็ยิ่งหิว เมื่อไหร่เขาจะเอามาเสิร์ฟให้ผมนะ

ถ้าป้ายังไม่รีบทำของผมมาให้ ผมจะกินโต๊ะร้านป้าแล้วนะ!

“มองอะไร”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรกูเห็นมึงมองอยู่”

“...”ผมไม่ตอบ ปล่อยให้คำพูดของมันลอยตามลมไป และหันไปสนใจอะไรที่มันจรรโลงใจกว่าหน้าของไอ้นอร์ธและก๋วยเตี๋ยวตรงหน้ามัน

“ไนซ์”

“...”

“ไนซ์”อะ เรียกกูเก่งงงง เรียกกูเป็นเด็กร้องหาแม่เลย

“อะไร”

“มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยนะว่าพี่รหัสมึงคือใคร”

“ขี้เสือกจัง”

“ตอบมา”ขึ้นเสียงใส่กูเฉย ทำตัวเป็นเด็กเลยไอ้ห่า เอาแต่ใจขั้นสุด

“เรื่องบางเรื่องปล่อยเบลอก็ได้มั้ง”

“แต่เรื่องนี้ไม่ได้”

หือ?

“มึงหมายความว่าไง?”นอร์ธมันนิ่งไปชั่วขณะ ตอนที่ผมถามแบบนั้นออกไป มันปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมโต๊ะของพวกเราราวๆสิบวิ ก่อนมันจะตอบออกมา

“ก็... ตามนั้นนั่นแหละ”

ทำไมวะ วันนี้ทำไมมันมีแต่คนชอบใช้ศัพท์ที่มันเข้าใจยากๆ แถมยังพูดจากำกวมใส่ผม สมองผมก็แทบจะไร้รอยหยักอยู่แล้ว พอเจอพวกศัพท์กับคำกำกวมพวกนี้เข้าไปผมก็ โบ้ม! กูเอ๋อแดกเลย

“สรุปยังไง เขาคือใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“นี่จะรู้ให้ได้เลย?”

“เออ”

“ไม่บอกได้ปะ”

“ตอบ”ไอ้เผด็จการ!

“เออๆๆๆ เขาเป็นผู้ชาย ชื่อสงคราม”

“สงคราม...”นอร์ธมันทำหน้าเหมือนกำลังพยายามนึกอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่แน่ใจ ว่าไอ้บางอย่างที่ว่านั่นน่ะ มันคืออะไร จนมันทำหน้าเครียดขึ้นเรื่อยๆ ผมถึงอดถามออกไปไม่ได้

“มึงมีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นวะ”

“เปล่า... ไม่มีอะไร”

“เหรอ”

“เออ”

“เล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้นมาแล้วครับ”แล้วบทสนทนาของพวกผมก็ถูกแทรกด้วยเล็กน้ำตกพิเศษลูกชิ้น ผมรีบรับมาก่อนจะกล่าวขอบคุณและปรุงมันแบบไม่รอให้ใครสั่ง

ระหว่างนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างผมสองคน ผมมัวแต่สนใจการเติมเครื่องปรุงให้ก๋วยเตี๋ยวถูกปาก ส่วนไอ้นอร์ธก็คงนั่งกินก๋วยเตี๋ยวไปอย่างสบายใจ

ในขณะที่เราสองคนต่างนั่งเงียบ ก็มีเพียงเสียงเพลงจากลำโพงตัวเล็กๆที่ป้าเขาใช้เปิดเพื่อสร้างบรรยากาศเข้ามาแทรกแซงช่องว่างที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น

บทจะเงียบก็เงียบกันเหมือนมีคนมาปิดปากเลยสัด

“นอร์ธ”เป็นผมที่นึกอะไรบางอย่างออก เลยโพล่งขึ้นมาในขณะที่มันกำลังจะตักเอาก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก

“ห้ะ?”

“กูว่าจะถามตั้งแต่ตอนเจอหน้ามึงแล้ว”

“ถามอะไรวะ”

“มึงมาทำอะไรแถวนี้ เวลานี้วะ ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”

“ก็มาหอมึงไง”

“มาทำอะไรหอกู”

“ก็มาหารุ่นพี่กูไง กูเคยมาด้วยเรื่องอื่นด้วยเหรอ”เออว่ะ เจอหน้ามันแถวนี้กี่ครั้ง มันก็บอกว่ามาหารุ่นพี่ตลอด

ผมได้แค่พยักหน้าช้าๆก่อนตักลูกชิ้นในชามตัวเองเข้าปาก

“มึงชอบกินลูกชิ้นเหรอวะ ถึงได้สั่งพิเศษลูกชิ้น”คำถามของพ่อทิศเหนือยอดนักเสือกเริ่มขึ้นอีกครั้ง ขี้สงสัยเก่งงงง

แต่เอาจริงๆก็ดีเหมือนกันนะ บรรยากาศจะได้ไม่เงียบจนเกินไป

“เออ ก็ชอบ กูว่ามันอร่อยดี แต่มึงก็ไม่น่าถามปะ ตัวเองก็สั่งพิเศษลูกชิ้น สั่งมาก็คงเพราะชอบเหมือนกัน”

นอร์ธมันยิ้มก่อนจะตอบ

“กูไม่ได้ชอบ”

“อ้าว แล้วมึงสั่งทำไม”

“ก็สั่งเพราะอยากกิน แต่ตอนนี้กูเริ่มไม่อยากกินแล้ว”

“…”

“มึงจะเอาปะ กูให้หมดเลย”

“ห้ะ มึงบ้าปะเนี่ย”ผมมองปริมาณลูกชิ้นที่อยู่ในชาม มันยังไม่หายไปสักลูกเลยมั้ง“มึงยังไม่ได้กินไปสักลูก”

“กินไปแล้วลูกหนึ่ง”

“แล้วมึงจะไม่กินแล้วหรือไง”

“ไม่เอาอะ กูไม่อยากกินแล้ว”ว่าแล้วมันก็ดันชามของตัวเองมาไว้ตรงหน้าผม“ตักไปดิ”

“ไม่เอา”

“ไหนบอกชอบ”

“ชอบไง แต่นี่มันของมึง มึงก็กินไปดิ”

“ก็กูบอกว่าไม่อยากกินแล้ว สรุปมึงจะไม่เอาใช่ปะ กูจะได้ทิ้ง”ไอ้ห่านี่ก็ทิ้งจังเลย โกโก้โอรีโอ้ครั้งที่แล้วพอไม่กินก็จะทิ้ง นี่ลูกชิ้นมันก็ยังจะทิ้งอีก ไอ้คนจิตใจอำมหิต ไม่รักอาหาร!

“...”

“สรุปยังไง เอาไม่เอา”มันคงเห็นผมนั่งเงียบเหมือนคนที่กำลังใช้ความคิด ถึงได้ถามออกมาอีกรอบ พร้อมยื่นมือมาเหมือนจะดึงชามกลับ

“เออๆๆ เอาก็เอา วันหลังถ้าไม่อยากกินจริงๆก็ไม่ต้องสั่ง เสียดายของว่ะแม่ง”

“ก็แค่เนี้ย อะ ตักไป”มันออกคำสั่ง ซึ่งผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ตักเอาลูกชิ้นในชามมันมาไว้ในชามของตัวเอง

“ยิ้มอะไรของมึง”ผมมองหน้าเจ้าของลูกชิ้นที่ยิ้มบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ยิ้มออกมา

กูรู้ไอ้สัดว่าหล่อ แต่อย่ายิ้มเรี่ยราดแบบนี้ได้มั้ย!

“กูยิ้มเฉยๆไม่ได้เลยหรือไง”

“ไม่ได้ ห้ามยิ้ม”

“หึ”

“มึงหึอีกแล้วนะ”

“เรื่องของกู ตักไปหมดยัง กูจะได้กินสักที”มันพูดถึงชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองที่ตอนนี้ผมกำลังบรรจงตักลูกชิ้นออกครั้งละลูกสองลูก

“แป๊บดิ เหลืออีกลูกหนึ่ง อะ หมดแล้ว”ผมจัดการดันชามคืนให้มันหลังจากที่ปล้นเอาลูกชิ้นของมันมาจนหมด

“เออ หมดเกลี้ยงเลย”

“มึงบอกให้กูทั้งหมดเอง อย่ามาโวยวาย”

“กูยังไม่ได้โวยวายเลยสักนิด”

“เออ ให้มันอย่างนั้นเถอะ อย่าให้เห็นว่าโวยวายทีหลังนะ กูจะเอาลูกชิ้นปาหน้ามึง”

“กูนะไม่ใช่มึงที่จะขี้โวยวายอะ”

“ไอ้นอร์ธ!”

“พูดมากว่ะไอ้แมวอ้วน กินๆไปมึงอะ”มันถือวิสาสะตักลูกชิ้นในชามผมด้วยช้อนของตัวเองก่อนยัดเข้าปากผมมาจนผมเถียงอะไรมันไม่ได้


#ทิศเหนือของผม

หวงแหละ ดูออก ._.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2019 21:51:31 โดย augustismine »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
แมวอ้วนลายทาง เรียกซะน่ารักเบย
ชื่ออิพี่สงครามนี่ท่าทางจะสั่นประสาทคุณทิศเหนือได้พอสมควรนะนี่
มีไรในกอไผ่เปล่าหว่า อย่าบอกนะว่ารู้จักสนิทชิดเชื้อกัน
แบบนี้มีเปิดวอร์แน่นวน หึ
fc อิพี่ skkk
 :hao7:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด