[เรื่องสั้น : END] ดอกไม้ป่า (Omegaverse) l ตอนพิเศษ 2 l 31-12-62 l
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น : END] ดอกไม้ป่า (Omegaverse) l ตอนพิเศษ 2 l 31-12-62 l  (อ่าน 15999 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




ดอกไม้ป่า (Omegaverse)
Loammy
♥ - ♥ - ♥ - ♥

ผลงานเรื่องอื่น
เรื่องสั้น หนังสือเก่า (Omegaverse) -- จบแล้ว
เรื่องสั้น ...เป็นบ้า... (Omegaverse) -- จบแล้ว
เรื่องสั้น : เสร็จโจร -- จบแล้ว
เรื่องสั้น : "ก็แค่เจลหล่อลื่นธรรมดา ๆ" -- จบแล้ว
เรื่องยาว : How to bake me สูตรอบรัก(YAOI) -- Re-write
เรื่องยาว : Love you,bae รักนะ จุ๊บๆ (YAOI) --จบแล้ว
เรื่องยาว : Twins Love รักของฝาแฝด(YAOI) --จบแล้ว
♥ - ♥ - ♥ - ♥

ติดแท็ก  #โอเมก้าน่ารัก นะคะ

ช่องทางการติดตาม
Twitter : @LoammyLoammie
Fackbook : LoammyLoammie

▼▼▼▼▼▼▼
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2019 23:03:00 โดย Loammy »

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ดอกไม้ป่า

ตอนที่ 1

        “ลุงคำกลับไปก่อนก็ได้ครับ ขอผมสำรวจดูแถวนี้สักครู่หนึ่ง”

        “คุณพนาอย่ากลับเย็นมากนะครับ เรามีนัดทานข้าวเย็นกับผู้ใหญ่บ้าน”

   ผมยิ้มและพยักหน้ารับชายวัยกลางคนตรงหน้า และหลังจากนั้นก็เดินสำรวจบริเวณน้ำตกนี้ จนเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไรก็เดินเลาะตามลำธารไปเรื่อยๆ จนเจอแก่งหินขนาดใหญ่คล้ายฝายกั้นน้ำตามธรรมชาติก่อให้เกิดเวิ้งน้ำขนาดเล็กๆ บริเวณรอบมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นทำให้ดูรมรื่น อีกทั้งเสียงจากน้ำตกที่ไม่ดังจนเกินไปทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย ชวนให้แอบหลับซักงีบ

ผมเดินสำรวจพีชโดยรอบคร่าวๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีพืชอะไรที่แปลกใหม่ก็หาที่นั่งเหมาะๆ เอนหลังพิงต้นไม้แล้วหลับตาลง ยังไม่ทันที่จะได้ผ่อนคลายเต็มที่ผมก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมจางๆ ที่ลอยมาตามสายลม ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่มาใหม่นี้เป็นโอเมก้า

ผมลืมตาดูก็เห็นว่ามีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งโพกผ้าข้าวม้าปิดไปครึ่งใบหน้า รูปร่างเพรียวเล็กสะโพกผาย แต่หน้าอกกลับแบนราบทำให้ผมไม่กล้าเดาว่าคนที่ผมเห็นนั้นเป็นโอเมก้าเพศอะไรกันแน่

ด้านหลังของเขาสะพายตะกร้าหวายเอาไว้ เท่าที่ผมมองดู สิ่งที่อยู่ในตะกร้านั้นมันคือสมุนไพรป่าหลากหลายชนิดทั้งที่ผมรู้จักและไม่รู้จจัก อีกทั้งยังมีผักและผลไม้ด้วย เด็กคนนั้นล้างสมุนไพรด้วยน้ำจากลำธารจนสะอาด จัดเรียงใส่ตระกร้าไว้ดังเดิม ผมคิดว่าพอล้างสมุนไพรเสร็จแล้วเขาจะเดินจากไป แต่เด็กคนนั้นกลับถอดผ้าคลุมหัวออก...

ใบหน้าจิ้มลิ้มสะกดสายตาผมให้จ้องมอง และเมื่อคนคนนั้นค่อยๆ ถอดเสื้อออกก็ยิ่งมีมนต์สะกดให้ผมละสายตาไม่ได้ ผิวสีแทนสวย ไม่มีจุดด่างดำให้ระคายตาเลยแม้แต่น้อย เรียบเนียนและดูสุขภาพดี ผมนั่งมองด้วยตาเปล่าอยู่ตรงนี้ยังรู้สึกเลยว่าต้องเนียนมือมากแน่ๆ หากได้สัมผัส

ผมแทบหยุดหายใจ ริมฝีปากแห้งผากเมื่อกางเกงขาสามส่วนถูกถอดออก หน้าอกแบบราบ เอวคอดที่รับกันดีกับสะโพกกลมกลึงและ...เขาเป็นเด็กผู้ชาย

ผมนั่งนิ่งไม่ไหวติง มองดูเด็กตรงหน้าที่นุ่งผ้าขาวม้าก่อนจะกระโจนตัวลงน้ำ แหวกว่ายไปมาอย่างสบายอารมณ์ จุดที่ผมนั่งอยู่นั้น มีพุ่มไม้บังอยู่ หากไม่มองดูดีๆ ก็คงไม่รู้ว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ แต่จากมุมของผมที่มองไปยังธารน้ำนั้น...เห็นได้อย่างชัดเจนเชียวล่ะ

“อ๊ะ!”

เด็กคนนั้นอุทานออกมา ผมตาโตและกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เมื่อเห็นว่าเขามุดน้ำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะขึ้นมาพร้อมกับผ้าขาวม้า แต่แทนที่เขาจะใส่มันกลับที่เดิม เจ้าเด็กนั่นดันโยนผ้าบางๆ ผืนนั้นขึ้นไปไว้บนฝั่ง ซึ่งนั่นเท่ากับว่าตอนนี้เขาเปลือยเปล่าไปทั้งตัว

ผมนั่งตัวเกร็งและยกมือขึ้นกุมจมูกตัวเองเอาไว้ มันร้อนๆ เหมือนกับว่าเลือดกำเดาผมกำลังจะไหล แต่ก็ไม่มีอะไรออกมาหรอก

ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ มีความคิดว่าจะเดินออกไป แต่อีกเสี้ยวหนึ่งของสมองก็แย้งว่าหากผมลุกขึ้นยืนตอนนี้เขาต้องรู้แน่ๆ ว่ามีคนแอบมองอยู่ อีกทั้งลำตัวเพรียว เสียงหัวเราะและใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ทำให้ผมนั่งนิ่งๆ มองดูจนเขาเดินเปลือยขึ้นไปแต่งตัวจนเสร็จและเดินออกไปนั่นแหละ

“...นั่นมัน” ผมเพ่งตามองบางที่ตกอยู่ตรงโขดหินบริเวณเดียวกับที่เด็กนั่นวางเสื้อผ้าเอาไว้ ผมเดินไปดูและหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นปลอกคอหนังที่โอเมก้าควรจะใส่เอาไว้...เด็กคนนั้นคงจะเผลอทำหล่น

ผมตำหนิเขาใจเล็กน้อย ลืมของสำคัญแบบนี้ได้อย่างไรกัน ก็ตั้งใจว่ารีบวิ่งตามไปคืน เพราะการที่โอเมก้าไม่ใช้ปลอกคอถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อผมเผลอยกปลอกคอนั้นขึ้นมาดม กลิ่นฟีโรโมนจางๆ ติดอยู่กับบุผ้าเนื้อนิ่มด้านใน กลิ่นอ่อนๆ เหมือนดอกไม้ป่า ไม่ได้หอมหวานแต่ก็ดึงดูดอยู่ไม่น้อยเลย

ผมมองปลอกคอสีเข้มนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจนั่งลงที่โขดหินใกล้ตัวเปลี่ยนใจไม่ตามไป หากเจ้าของเดินย้อนกลับมาหามัน ผมก็ยินดีจะคืนให้ แต่ถ้าไม่...ผมก็จะขอเก็บเอาไว้เอง

ผมนั่งรออยู่จนตะวันใกล้ดินก็ไม่เห็นวี่แววเจ้าของจะกลับมา เลยเก็บปลอกคอเส้นนี้เอาไว้เอง จากนั้นผมเดินกลับมาที่แคมป์ที่จะเป็นที่นอนและทำงานตลอดสามเดือนหลังจากนี้  คณะสำรวจของเรามีกันอยู่หกคน เป็นนักสำรวจสองคน ผู้ช่วยสองคน และมีลุงคำ ซึ่งเป็นคนพื้นที่คอยนำทางเข้าป่าอีกหนึ่งคน

ส่วนผมเป็นนักพฤกษศาสตร์เชี่ยวชาญเรื่องพันธ์ไม้ดอก ส่วนใหญ่จะทำงานในห้องแลปแต่ครั้งนี้ได้รับมอบหมายให้ติดตามออกภาคสนาม เพราะมีรายงานว่าพบพันธ์ไม้ชนิดใหม่หลายชนิดที่หมู่บ้านเล็กๆ กลางป่าที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มากแห่งนี้ และถึงแม้ว่าทางมาหมู่บ้านนี้ต้องผ่านป่าเขาเข้ามาลึก แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดจาดโลกภายนอกเท่าไรนัก มีทั้งถนนตัดผ่าน มีไฟฟ้า มีสัญญาณโทรศัพท์และมีอินเตอร์เน็ต ถึงแม้จะไม่ได้รวดเร็วมากนักแต่ก็พอใช้งานได้

หลังจากเตรียมตัวกันเสร็จ เราก็พากันเดินไปที่บ้านของผู้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแคมป์กันมาก เพราะแคมป์ที่สร้างนี่ก็อยู่ในพื้นที่ที่ดินของผู้ใหญ่บ้าน

“อ้าวๆ มากันแล้วเหรอ หิวกันรึยัง? เด็กๆ ยังเตรียมกับข้าวยังไม่เสร็จเลย”

ผู้ชายร่างใหญ่วัยเกษียณเดินลงมาจากเรือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาแต่งกายด้วยชุดชาวบ้านทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีพื้นและกางเกงทรงกระบอก ที่บั้นเอวก็ผูกผ้าขาวม้าเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็รับรู้ทันที่ว่าเขาเป็นอัลฟ่า เดาได้จากกลิ่นกายและลักษณะร่างกายอื่นๆ ที่ชัดเจนของเขา

“ไม่เป็นไรครับลุงผู้ใหญ่ พวกผมรอได้” คุณปราชญ์ เป็นหนึ่งในนักสำรวจและถือว่าเป็นหัวหน้าทีมในครั้งนี้พูดขึ้น เขาเคยเจอผู้ใหญ่บ้านมาก่อนหน้านี้แล้วเพราะต้องเข้ามาติดต่อขออนุญาตสำรวจพื้นที่ก่อน

“สวัสดีครับลุงผู้ใหญ่ ผมชื่อพนา เป็นนักพฤกษศาสตร์ครับ” ผมยกมือไหว้และแนะนำตัวลุงผู้ใหญ่รับไหว้และยิ้มแย้มก่อนจะลูบคางแล้วทำหน้าครุ่นคิด

“นักพฤกษาเหรอ เอ...ถ้างั้นก็ทำสวนเก่งสิ ใช่มั้ย?”

“ก็พอได้บ้างครับ แต่ผมจะเชี่ยวชาญเรื่องกล้วยไม้หรือพันธุ์ไม้ดอกเป็นพิเศษ”

“อ๋อๆ ที่ว่าจะเข้ามาสำรวจพวกกล้วยไม้ป่ากันใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ”

 ลุงผู้ใหญ่พยักหนร้าและยิ้มรับ จากนั้นคนอื่นๆ ก็ทยอยแนะนำตัวกัน ระหว่างนั้นผมก็แอบสำรวจบ้านของลุงผู้ใหญ่ไปพลางๆ ก็ถือว่าเป็นบ้านที่ค่อนข้างใหญ่หากเทียบกับหลังอื่นแถวนี้ เป็นบ้านไม้สองชั้นด้านล่างเป็นใต้ถุนโล่งมีอุปกรณ์ทำไร่ทำสวนเก็บเอาไว้ ส่วนด้านบนก็เป็นที่พักอาศัย มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นรอบตัวบ้าน ดูร่มรื่นน่าอยู่มากทีเดียว

“งั้นเรียกฉันว่าลุงชัยละกัน เอาล่ะกับข้าวยังไม่เสร็จแต่กินน้ำกินท่ากันก่อนนะ เด็กๆ เว้ย! เอาน้ำมาให้แขกเร็ว” ลุงผู้ใหญ่ หันไปตะโกนบอกใครบางคน แล้วพาพวกเราขึ้นไปนั่งรอบนชานหน้าบ้าน

“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณพนา?” บีม นักสำรวจอีกหนึ่งคนที่นั่งใกล้ๆ ผมถามขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก”

ผมส่ายหน้าไป แต่สายตาก็หันไปมองไปรอบๆ เรือนนี้ เมื่อครู่นี้ผมได้กลิ่นหอมคล้ายกับเด็กผู้ชายคนนั้น มันโชยมาเข้าจมูกเพียงแวบเดียวแล้วก็จางไป แต่นั่งไปสักพักกลิ่นหอมนั้นก็ชัดเจนขึ้นพร้อมเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามา

เด็กคนนั้น...โอเมก้าที่ผมเจอที่น้ำตก

มือผมกุมไปที่กระเป๋ากางเกง ด้านในยังมีปลอกคอของเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้บนลำคอเรียวของเขากลับมีปลอกคอใส่อยู่เช่นกัน

“คนนี้ๆ ลูกสาวของผมชื่อสายน้ำ ส่วนคนนี้ลูกชายคนเล็กชื่อสายธาร”

ลุงชัยแนะนำ เด็กทั้งสองคนนั่งลงอย่างเรียบร้อยและยกมือไหว้ จากนั้นก็ใช้ขันเงินใบเล็กอีกใบตักน้ำเย็นลอยดอกมะลิให้พวกเราดื่ม

“ขอบคุณครับ”

ผมพูดพลางเอื้อมมือไปรับขันเงินใบเล็ก ปลายนิ้วเราสัมผัสกันเล็กน้อย เด็กผู้ชายตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ ต่างจากผมที่สะดุ้งวาบไปทั้งตัว

“ไม่เป็นไรจ้ะ” เสียงใสกังวานกล่าว ดวงตากลมโตช้อนมองผมพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่คลี่ยิ้มอย่างจริงใจ

“...” ผมยกน้ำหอมดอกมะลิขึ้นดื่ม ระหว่างนั้นสายตาก็สอดส่องไปที่เนื้อตัวอีกฝ่าย ตอนนี้เขาใส่ปลอกคอ เสื้อแขนสั้นและกางเกงขายาว แต่ถึงจะแต่งตัวมิดชิดยังไง สมองของผมก็เอาแต่นึกถึงผิวแทนสวยใต้ร่มผ้านั้นไม่หยุด

“เอาอีกขันมั้ยจ๊ะ?”

น้องถามเมื่อผมดื่มน้ำจนหมดแต่ก็ไม่ยอมคืนขันไปเสียที ผมส่งยิ้มและพยักหน้ามอง สองมือน้อยๆ ประคองขันเงินขึ้นมาให้ผมตักดื่มเอง

“น้ำเย็นชื่นใจมากเลยครับ”

“น้ำฝนจากโอ่งดินจ้ะ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะสกปรกนะจ๊ะ พวกเราใช้หินถ่านกรองและต้มเรียบร้อยแล้ว”

“...”

ผมนั่งเงียบๆ ฟังน้องอธิบาย ตอนกินข้าวก็ละสายตาออกจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย น้องเองก็รู้ตัวว่าโดนผมจ้องอยู่แถมไม่ได้มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อย กลับเงยหน้าและส่งยิ้มกลับมาให้ใจผมอยู่ไม่สุขเสียอีก

“คุณพนา พวกผมเห็นนะ…”

หลังจากทานข้าวเย็นและของหวานเรียบร้อยแล้ว เราก็พากันเดินกลับมาที่แคมป์ ระหว่างทางที่เดินนั้นคุณปราชญ์ก็เข้ามาชวนคุย คนอื่นที่เดินอยู่ใกล้ก็หันมามองยิ้มๆ

“เห็นอะไรครับ” 

“ก็ที่คุณจ้องลูกชายคนเล็กของลุงชัยไม่วางตานั่นไงครับ” กานต์ หนึ่งในผู้ช่วยพูดขึ้น คนอื่นก็พากันเสริมขึ้นมาว่าเห็นเช่นกัน ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะไม่แปลกใจเท่าไรนักที่คนอื่นจะรู้ ก็ผมเล่นจ้องเสียขนาดนั้น

แต่ทำไงได้ล่ะ...ผมละสายตาจากน้องเขาไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ผมก็เอาแต่คิดถึงรอยยิ้มของเขาอยู่ตลอดเลย


นอกจากที่พักแล้ว ลุงชัยก็คอยดูแลเรื่องอาการการกินในทุกๆ มื้อด้วย มื้อเช้าและเย็นเราจะไปทานพร้อมกันที่บ้านลุงชัย ส่วนข้าวกลางวันป้าสร้อย ภรรยาของลุงชัยก็เตรียมปิ่นโตเอาไว้ให้

“วันนี้จะเริ่มเข้าป่ากันเลยรึเปล่าจ๊ะ?” สายน้ำ ลูกสาวคนโตของลุงชัยพูดขึ้น เธอเป็นอัลฟ่า สวย ฉลาด และดูท่าจะเข้ากันได้ดีกับคุณปราชญ์ เพราะเห็นว่าพวกเขาคุยกันถูกคอกันมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

“ใช่ครับ แต่ไม่เข้าไปลึกนักหรอก” ปราชญ์ตอบกลับไป สายน้ำก็ยิ้มรับและก้มลงทานข้าวต่อ ต่างจากอีกคนที่รีบเคี้ยวรีบกลืน แล้วถามต่อด้วยแววตาตื่นเต้น

“ขอฉันไปด้วยมั้ยจ๊ะ?”

“เอ็งจะไปทำไมวะ เกะกะพวกเขาเปล่าๆ” ลุงชัยแย้งขึ้น และนั่นทำให้ใบหน้าตื้นเต้นของสายธารเจื่อนลงไปเล็กน้อย ผมมองเด็กชายที่หันไปอ้อนพ่อตัวเองแบบนั้นด้วยสาตาเอ็นดู

“ไม่เกะกะหรอกครับ เดี๋ยวผมเป็นคนดูแลเอง...ไปกับฉันก็ได้นะธาร”

ท้ายประโยคผมหันไปพูดกับเขา คนตัวเล็กดีดตัวนั่งหลังตรงมองมาด้วยแววตาดีอกดีใจ ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางแบบนั้น แล้วหันไปบอกลุงชัยอีกทีว่าจะดูแลให้อย่างดีเลยเชียว

“ถ้ามันดื้อ พูดอะไรไม่ฟังก็ฟาดมันได้เลยนะครับคุณพนา”

“โธ่ พ่ออ่ะ ธารโตแล้วนะ...ฉันจะไม่ดื้อกับคุณพนานะจ๊ะ”

ปากบอกว่าโตแล้ว แต่ก็มาสัญญาว่าจะไม่ดื้อ เด็กคนนี้นี่มันน่าเอ็นดูจริงๆ

“จะไม่ดื้อกับคุณพนาแค่คนเดียวเหรอครับ แล้วพวกผมล่ะ ผมเป็นหัวหน้าทีมนะ สายธารควรที่จะไม่ดื้อกับผมมากกว่าสิ” คุณปราชญ์พูดแซวขึ้นมา คนอื่นๆ ก็พากันยิ้มตาม ผมเองก็รอคอยว่าสายธารจะพูดกลับไปว่าอะไร และคำตอบที่ได้รับฟังก็ทำให้ผมคิดว่า เด็กคนนี้ฉลาดไม่เบาเลย

“ฉันจะไม่ดื้อกับทุกคนจ้ะ แต่จะไม่ดื้อกับคนพนาเป็นพิเศษเพราะดูท่าคุณปราชญ์จะเกรงใจคุณพนาอยู่ไม่น้อยเลย หากคุณพนาไม่ดุฉันก่อน คุณปราชญ์และคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ดุฉันเหมือนกันใช่มั้ยละจ๊ะ”

จริงอย่างที่สายธารพูด คุณปราชญ์เป็นหัวหน้าทีมในครั้งนี้ก็จริงๆ แต่เขาเกรงใจผมมาก เนื่องจากมีอายุเยอะกว่า อีกทั้งยังบังเอิญเป็นรุ่นพี่ในสถาบันการเรียนด้วย

“ฮ่าฮ่าฮ่า หัวหมอนะเราอ่ะ” คนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะเฮฮา มีแต่ลุงชัยที่ยกมือขึ้นกุมขมับกับคำตอบของลูกชายตัวเอง ผมยิ้มเงียบๆ มองเด็กชายที่ยิ้มแป้นด้วยแววตาถูกอกถูกใจมากขึ้น


สายธารตามเราเข้าไปในป่า เขาดูคุ้นเคยกับเส้นทางดี พอได้ลองพูดคุยก็ได้รู้ว่าเขาเข้ามาเก็บผักป่าและสมุนไพรบ่อยๆ แต่ก็คุ้นเคยแค่ชายป่ารอบนอกเพียงเท่านั้น

เราเดินสำรวจกันประมาณสี่ชั่วโมง เป็นระยะเวลาที่ไม่นานแต่ช่วงเวลานั้นก็ทำให้ผมและสายธารสนิทและคุ้นเคยกันมากขึ้น เขาเป็นเด็กที่ใฝ่รู้ เวลาที่ผมอธิบายเรื่องดอกกล้วยไม้ที่บังเอิญเจอ เขาก็จะตั้งใจฟังและมักจะถามเสมอว่ากินได้มั้ย นำไปทำยาหรือทำประโยชน์อะไรได้บ้าง

“ดอกกล้วยไม้พวกนี้ถือเป็นไม้ประดับแต่ก็กินได้เกือบทุกชนิด แต่ก็ต้องดูต้นที่มีมดอยู่นะ ธารอยากลองชิมมั้ยล่ะ?” ผมว่าแล้วก็หยิบดอกที่ล่วงใหม่ๆ ขึ้นมา ปัดเศษดินและพวกมดออก จากนั้นก็ฉีดตรงกลีบบางๆ ไปให้เขาลองชิม

ธารมองดอกไม้ในมือผมเล็กน้อยและอ้าปากรับไป การกระทำของเขาทำให้ผมตาวาวเล็กน้อย เพราะนึกว่าเขาจะรับด้วยมือ ไม่ใช่รับด้วยปากแบบนั้น

“จืด...อึ๋ย! ขมแล้วจ้ะ”

“หึหึ ที่เขาไม่นิยมนำไปทำเพราะรสชาติมันไม่ดีนั่นแหละ ส่วนใหญ่จะแค่ตกแต่งจานเท่านั้น”

“สวยอย่างเดียวแต่กินไม่อร่อยแบบนี้ก็แย่นะจ๊ะ ปลูกไปให้เสียดายค่าปุ๋ย” ผมได้ยินก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เข้าใจว่าชาวบ้านกลางป่าก็ต้องห่วงปากห่วงท้องเป็นธรรมดา

“ถ้าจะให้อร่อยต้องกล้วยไม้ตะกูลหวายนั่นแหละ ถึงจะมีรสชาติขึ้นมาบ้าง”

เขาเป็นเด็กที่พูดเก่ง ถามเก่งแต่ก็รู้จักกาลเทศะ เมื่อปราชญ์หรือคนในทีมพูดขึ้นเขาจะเดินตามเงียบๆ และไม่วุ่นวาย แต่เมื่อทุกคนเงียบเขาจะเป็นฝ่ายชวนคุย ถามนั่นถามนี้ให้ผมตอบตลอด

ลุงคำพาพวกเราเดินเข้ามาจนลึกในระดับหนึ่ง และเจอพรรณไม้ที่น่าสนใจ รูปลักษณ์ใกล้เคียงกับพันธุ์ที่ตามหา ก็หยุดเก็บตัวอย่างและพากันกลับมาที่แคมป์ในช่วงบ่าย แต่เมื่อถึงชายป่า บริเวณที่ธารคุ้นเคยเขาก็ขอแยกตัวออกไปก่อน

“เอ็งจะไปไหนวะ เข้าป่ามาทั้งวัน ไม่เหนื่อยเรอะ” ลุงคำทัก มองเด็กตัวเล็กที่สะพายตะกร้าเตรียมวิ่งไปอีกทาง

“ยังไม่เหนื่อยจ้ะลุง วันนี้แม่กับพี่น้ำจะทำน้ำพริกปลานิล ฉันจะไปเก็บผักมากินเป็นเครื่องเคียง ลุงไม่อยากกินเหรอจ๊ะ ผักสดๆ และน้ำพริก...อร่อยอย่าบอกใครเลยนะจ๊ะ”

คำพูดคำจาฉอเลาะและรอยยิ้มแป้นแล้น บรรยายถึงความอร่อยของน้ำพริกและผักให้ลุงคำกลืนน้ำลายก่อนที่แกจะส่ายหน้าแล้วสะบัดมือไล่ให้เด็กรีบไปเก็บผัก ผมเองก็ยังไม่อยากกลับแคมป์เท่าไรเลยเรียกธารเอาไว้

“ขอฉันตามไปด้วยได้มั้ย? อยากรู้ว่าผักป่ามีอะไรบ้าง”

“ได้เลยจ้ะคุณพนา เดินตามฉันมานะจ๊ะ”

ผมเดินตามเขาไปอีกทาง ฟังเสียงเสียงเจื้อยแจ้วอธิบายรสชาติของผักต่างๆ ว่ามันสดและอร่อยขนาดไหน สอนผมเด็ดยอดผักอ่อนอีกตังหาก

“นั่นผักอะไร ฉันเคยเห็นตามตลาดในเมืองแต่ไม่เคยลองชิมดูเลยซักครั้ง” ผมชี้ไปที่ผักลักษณะคล้ายไม้เลื้อย ลำต้นพาดไปตามพุ่มและกิ่งไม้ใหญ่ ยอดแผ่ไปทั่วบริเวณ และมีลูกกลมๆ ห้อยลงมาทั้งเล็กและใหญ่ปะปนกันไป

“ผักนางนูนจ้ะ เย็นนี้คุณพนาต้องลองกินดูนะจ๊ะ พลาดไม่ได้เลยนะ”

“ทำไมฉันถึงพลาดไม่ได้ล่ะ อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?” พอถามออกไปแบบนั้น สายธารก็เงยหน้ามองผมอย่างจริงจัง แถมเสียงที่ตอบกลับมาก็จริงจังไม่แพ้กันเลย

“อร่อยมากๆ เลยจ้ะ ผลอ่อนๆ แบบนี้เคี้ยวมันดีนัก จะกินสดจิ้มน้ำพริกหรือจะเอาไปต้มกับแกงคั่วก็อร่อยไปหมดเลยจ้ะ ห้ามพลาด เย็นนี้คุณพนาต้องลองกินนะจ๊ะ”

ผมยิ้มขบขัน มองดูเด็กชายตรงหน้าที่อธิบายไป มือก็จัดการเด็ดยอดและผลอ่อนของผักลงตะกร้าไม่หยุด ดูแล้วท่าทางจะอร่อยจริงๆ

“หึหึ อธิบายซะอยากกินขึ้นมาเลย เย็นนี้ฉันจะคงพลาดไม่ได้แล้วล่ะ”

ผมนั่งลงช่วยเด็กเก็บยอดผักและผลอ่อนลงตะกร้า สายตาผมมองไปที่ผัก หูก็ฟังเด็กมันพูดไปเรื่อย เจื้อยแจ้วจ๊ะจ๋าชวนฟังแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกเพลินหูมากกว่ารำคาญ แต่คงจะเพลินไปหน่อยเพราะผมและสายธารดันใจตรงกัน ยื่นมือมาเด็ดผักกิ่งเดียวกัน ทำให้ผมกุมมือเขาเอาไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ

เราต่างก็ชะงักไปครู่หนึ่งและผมไม่ได้ดึงมือออกทันทีเพราะได้กลิ่นหอมจากตัวของสายธารจางๆ แต่เพียงครู่เดียวก็จางหายไป ผมแกล้งใช้ปลายนิ้วลูบไปตามหลังมือเล็กนั้นเบาๆ เขาช้อนตามองผมก่อนจะหัวเราะคิกคักและพูดจาซื่อๆ ออกมา

“คิก คุณพนา นี่มือฉันนะจ๊ะไม่ใช่ผักนางนูน เด็ดไม่ได้นะ”

“อ้าวเหรอ...เห็นว่าน่าอร่อยเหมือนกันก็เลยอยากลองเด็ดดู”

“ฉันเป็นคน กินไม่ได้ แล้วก็ไม่อร่อยหรอกจ้ะ”

“หึหึ กินได้สิ...ธารก็ระวังตัวไว้นะ ระวังจะโดนฉันจับกินเอา” ผมพูดอย่างมีเลศนัย สายธารช้อนตามอง ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นยิ้มที่มุมปากก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาอีกครั้ง

“คุณพนาเป็นยักษ์เหรอจ๊ะ ถึงกินคนได้”

ผมหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่เด็กตรงหน้า เราช่วยกันเก็บผักจนครึ่งค่อนตะกร้า สายธารก็ชวนผมกลับ แต่ระหว่างทางก็ยังไม่วายเด็ดยอดนั่นยอดนี้ติดมือไปอีก

“อ๊ะ หาวโห่นี่”

สายทานอุทานแล้วก็วิ่งไปอีกทาง ผมมองตาก็เห็นต้นไม้พุ่มขนาดใหญ่ ตามกิ่งที่มีหนามแหลมนั้นก็มีผลสีชมพูแดงสลับกับม่วงก่ำขนาดเท่าปลายนิ้วโป้งห้อยอยู่เต็มต้น

“...มะม่วงหาวมะนาวโห่?”

“แหะแหะ ใช่จ้ะ แต่ชื่อมันยาว เราก็เลยเรียกกันสั้นๆ คุณพนาเคยกินมั้ยจ๊ะ”

“เคย...แต่ฉันไม่ชอบ รสชาติมันฝาดและขื่นพิลึก”

“แสดงว่าคุณพนากินผลอ่อนใช่มั้ยจ๊ะ ถ้าเป็นสีชมพูปนขาวแบบนี้จะไม่อร่อย ต้องเอาไปแช่อิ่มหรือเอาไปต้มคั้นน้ำก่อนถึงจะอร่อย ถ้ากินสดต้องลองกินแบบนี้ดู เปรี้ยวอมหวานฝาดนิดๆ ยิ่งกินกับพริกเกลือจะอร่อยมากเลยจ้ะ” ว่าแล้วเขาก็เด็ดผลที่มีสีแดงก่ำมาสองลูก เช็ดกับเสื้อเล็กน้อย โยนเข้าปากตัวเองลูกหนึ่ง ส่วนอีกลูกก็ส่งมาให้ผม

ผมกำลังจะยื่นมือไปรับมาแต่ก็เปลี่ยนใจ จับข้อมือน้อยๆ นั้นไว้แล้วก็ก้มลงไปงับเลย ผมจงใจให้ริมฝีปากตัวเองโดนปลายนิ้วของสายธาร ผมสังเกตุเห็นว่าเขาขนลุกเล็กน้อย แต่พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าน้องเขาแค่อมยิ้มและยืนนิ่งๆ ไม่มีอาการเขินอายหรือหลบสายตาผมเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แค่เพียงกลิ่นหอมอ่อนโชยออกมาอีกครั้งแต่เพียงครู่เดียวก็จางหายไป

“...อร่อยกว่าที่คิดไว้ สงสัยต้องให้ธารป้อนฉันบ่อยเสียแล้ว” ผมยิ้มและหลิ่วตาใส่ เรียกเสียงหัวเราะกังวานจากเด็กตรงหน้าได้ดี

“คุณพนาพูดอะไรตลกอีกแล้ว มันหวานเพราะเป็นลูกที่สุกตังหาก ไม่ได้เป็นเพราะฉันป้อนเสียหน่อย”


ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1

สายธารมักจะตามพวกเราเข้าป่าไปเกือบทุกครั้ง แต่หากวันไหนที่ไม่ได้เข้าป่าหรือไม่มีงานผมก็มักจะเป็นฝ่ายตามเขาไปเก็บสมุนไพรแทน เป็นแบบนั้นตลอดสองอาทิตย์จนเราสองคนสนิทกันมากขึ้น ได้คุยเรื่องต่างๆ ด้วยกันมากขึ้น

และได้รู้ว่าความจริงธารไม่ใช่เด็กชายอายุ 17-18 แบบที่ผมคิด เขาเป็นชายหนุ่มอายุ 24 ปี เป็นหนุ่มเต็มตัว…

“คิก คุณพนาจ๊ะ ลูบแบบนั้นฉันจั๊กจี้นะ” สายธารหัวเราะคิกคัก นั่งยืดขาให้ผมดูข้อเท้าเพราะว่าเขานั้นวิ่งจนล้ม พอเห็นว่าข้อเท้าไม่ได้แพลงอะไรก็โล่งใจ สายตาก็สอดส่องเรียวขาเนียนจนเผลอมือลูบไล้ขึ้นไปจนถึงขาอ่อน

“ขอโทษ...ฉันแค่อยากตรวจให้แน่ใจว่าธารไม่ได้เจ็บตรงไหนอีก”

“ฉันไม่ได้เจ็บตรงไหนเลยจ้ะ มาเก็บสมุนไพรกันต่อดีกว่านะจ๊ะ” สายธารลุกขึ้นแล้วขยับผ้าขาวม้าที่โพกหัวออกเล็กน้อย ทำให้ผมได้เห็นลำคอที่ปราศจากปลอกคอหนังที่ควรจะใส่เอาไว้

“ธาร ทำไมไม่ใส่ปลอกคอ ลืมใส่เหรอ เดินคอเปล่าๆ แบบนั้นมันอันตรายมากนะรู้มั้ย” ผมรั้งแขนธารเอาไว้ ธารหันมามองหน้าแล้วก็ยิ้มให้ ไม่ได้ที่ท่าที่ร้อนใจเลย

“รู้จ้ะ แต่คุณพนาไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ไม่อันตรายหรอก ชาวบ้านที่นี่เป็นเบต้าหมดเลย จะมีก็แค่พ่อกับพี่สาวของฉันเท่านั้นที่เป็นอัลฟ่า...”

“ฉันก็เป็นอัลฟ่านะ” ผมพูดขึ้นทันทีที่ธารพูดจบ ไม่พอใจเล็กน้อยที่เขาพูดเหมือนกับว่าไม่ได้เห็นผมเป็นอัลฟ่า เพศที่เขาต้องระวังตัวเอาไว้หากอยู่ใกล้

“ฉันรู้จ้ะ แต่ฉันไว้ใจและก็รู้คุณพนาจะไม่ทำร้ายหากฉันไม่เต็มใจใช่มั้ยจ๊ะ”

“...เธอไม่ควรไว้ใจอัลฟ่านะสายธาร” ผมพูดเสียงเรียบตักเตือนเขา การที่เขาไว้ใจอัลฟ่าไปทั่วแบบนั้น มันจะเป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับตัวเขาเอง  สายธารเงยหน้ามองผมอีกครั้ง เขาส่งยิ้มน่ารักและพูดด้วยน้ำเสียงซื่อๆ แต่มันให้ความไม่พอใจของผมมลายไปหายไปได้มากเลยทีเดียว

“ฉันไม่ได้ไว้ใจอัลฟ่า ฉันไว้ใจแค่คุณพนาจ้ะ”

“...” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้แล้วนั่งลงช่วยเขาเก็บสมุนไพร ฟังเขาอธิบายและเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง พอสบโอกาสก็หาเรื่องแตะเนื้อต้องตัวบ้างเป็นบางครั้ง หวังจะได้เห็นแววตาและใบหน้าเขินอายของเขา แต่สิ่งที่เห็นก็มีแค่เพียงรอยยิ้มหวานและดวงตาใสที่จ้องมองมาอย่างไม่หลบตาเลยเพียงแค่นั้น

เมื่อได้สมุนไพรจนเต็มตะกร้าเราก็พากันเดินกลับ ระหว่างทางที่ผ่านแคมป์ ผมก็หวังดีขยับผ้าให้คลุมลำคอของธารเอาไว้ดีเพราะที่แคมป์มีปราชญ์ที่เป็นอัลฟ่าเช่นกัน แต่กลับพบว่าลำคอเพรียวนั้นสวมใส่ปลอกหนังเอาไว้อย่างแน่นหนา

“ธาร...เธอใส่ปลอกคอไว้ตั้งแต่เมื่อไร”

“ฉันเจอในกระเป๋ากางเกงเมื่อครู่นี้จ้ะ....นึกว่าลืมเอาไว้ที่บ้าน ที่ไหนได้อยู่ในกระเป๋าฉันนี่เอง” เขาพูดแล้วก็หัวเราะร่วน ส่วนผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายที่เดินนำไป 

ผมรู้ว่าธารเป็นคนซื่อๆ นะ แต่ระยะหลังมานี้ผมรู้สึกเหมือนโดนท่าทางซื่อๆ ไร้เดียงสาของเขาปั่นหัวจนจับทางอีกฝ่ายไม่ได้อยู่หลายครั้ง

เย็นวันนั้นผมไปทางข้าวที่บ้านลุงชัยตามปกติ เพราะไม่เห็นว่าธารมาร่วมโต๊ะด้วย เลยถามออกไปแต่ก็ได้คำตอบแค่เพียงว่าเขาไม่สบาย ผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะช่วงบ่ายที่เจอกันก็ดูเขาปกติดีทุกอย่าง

หลังทานข้าวเย็นเสร็จหลังทานขาวเย็นเสร็จผมลืมของไว้ที่บ้านของลุงชัยจึงต้องเดินย้อนกลับมาเอาแล้วก็เจอกับเด็กหนุ่มที่ยิ้มกว้างวิ่งเข้ามาหาผม

“คุณพนาจ๊ะ”

“ธาร มาทำอะไรที่นี่ ลุงชัยบอกว่าเธอไม่สบาย” ผมถามอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากตัวเขาตลอดเวลาอีกทั้งแก้มเนียนก็ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย ผมนาบฝ่ามือไปตามหน้าผากเพื่อวัดอุณภมิแต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะตัวร้อนอะไรเลยก็เบาใจลง

“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากจ้ะ เห็นว่าคืนนี้ดาวสวยดีเลยเดินออกมาดู คุณพนาอยากไปดูด้วยกันมั้ยจ๊ะ ฉันมีที่ดูดาวส่วนตัวอยู่นะ”

“หึหึ ที่ส่วนตัวด้วยเหรอ”

“ใช่จ้ะ เพราะมีฉันคนเดียวที่รู้จักที่นั่น คุณพนาจับมือฉันไว้นะจ๊ะ...มันมืดแล้วเดี๋ยวคุณพนาจะหลงเอา”

สายธารยื่นมือมาคล้องมือของผมเอาไว้ ฝ่ามือเล็กนั้นชื่อเหงื่อเล็กน้อย ผมลอบมองตากลมโตเขาและธารก็หันมาพอดีทำให้เราสบตากัน สายธารอมยิ้มน่ารักพลางดึงมือผมเข้าป่าพาเดินไปทางน้ำตก

ระหว่างทางนั้นผมก็มองแผ่นหลังเล็กไม่วางตา เขามีบางอย่างที่ผิดปกติไป เขาปล่อยฟีโรโมนหอมๆ ตลอดเวลาทั้งที่เวลาปกติผมแทบจะไม่ได้กลิ่นเลย แก้มเนียนมีสีระเรื่อเข้มขึ้น ทั้งหมดนั้นทำให้ใจผมสั่นไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแปลกๆ

ผมคิดว่าเขาอาจจะฮีท แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะกลิ่นเขาไม่ได้เข้มข้นถึงขนาดนั้น และไม่น่าจะมีโอเมก้าคนไหน กล้ามาเดินเข้าป่าแบบนี้กับอัลฟ่าในช่วงที่ตัวเองฮีทหรอก

“ถึงแล้วจ้ะ” ธารปล่อยมือผมแล้วหันมายิ้ม เขาค่อยเดินไปทางโขดหินแล้วปีนขึ้นไปบนหินก่อนใหญ่

“นี่เหรอ ที่ส่วนตัวของธาร” ผมมองไปรอบๆ ก็รู้สึกคุ้นตา พอลองนึกดูดีๆ ถึงจำได้ว่าที่นี่คือเวิ้งน้ำกว้างที่ผมได้เจอกับธารครั้งแรก...ตอนที่เขามาแก้ผ้าเล่นน้ำนั่นแหละ

“ใช่จ้ะ คุณพนาขึ้นมานอนบนนี้สิ เห็นดาวชัดมากเลย” ผมปีนหินแล้วตาขึ้นนอนข้างเขา มองดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้า แล้วหันหน้ามามองสายธาร

“ทำไมธารถึงคิดว่าที่นี่เป็นที่ส่วนตัวของเธอละ ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็มาได้นี่”

“พวกเขาไม่เข้ามาถึงที่นี่กันหรอกจ้ะคุณพนา ส่วนใหญ่จะหยุดกันอยู่ที่น้ำตกใหญ่นั่นแหละ ฉันเจอที่นี่มาตั้งแต่เด็ก มาเล่นอยู่ที่นี่ก็บ่อย ไม่เคยเจอคนอื่นเลยจ้ะ”

เพราะแบบนี้สินะ เขาถึงได้กล้าแก้ผ้าแบบนั้น

“...เธอมาที่นี่บ่อยเหรอ”

“บ่อยจ้ะ วันไหนอากาศร้อนๆ ฉันก็จะมาเล่นน้ำที่นี่ หรือวันไหนอยากหนีพ่อก็จะมาหลบอยู่ที่นี่”

“แล้วทำไมถึงพาฉันมาล่ะ แบบนี้เธอก็ไม่มีที่ให้หนีฉันน่ะสิ”

ผมมองหน้าเขาเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวหนุนแขนตัวเองตาก็มองดวงดาว สายธารเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตอบออกมา

“...ก็ฉันไม่ได้อยากหนีคุณพนาไงจ๊ะ”

“…” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปมองสายธารอีกครั้ง เขาอมยิ้มดวงตากลมโตยังคงจับจ้องมองขึ้นไปบนฟ้า ผมได้แต่ถามตัวเองในใจว่าที่เขาพูดมันมีความหมายอะไรรึเปล่า หรือจะเป็นคำพูดซื่อๆ ที่ธารพูดออกมาแบบไม่คิดอะไรอีก

“คุณพนามีคู่หรือยังจ๊ะ?”

“ยังหรอก เธอล่ะ...”

“มีแล้วจ้ะ ลูกชายของปลัดอำเภอ”

“...” ใจผมกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินแบบนั้น ผมถูกใจสายธารตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยังไม่มั่นใจว่าถูกใจหรือชอบมากขนาดไหน ตั้งใจว่าจะเต๊าะไปเรื่อยๆ จนเมื่อวินาทีที่แล้วที่น้องบอกว่ามีคู่ ผมก็รู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง แต่ก็เบาใจขึ้นเมื่อน้องหันมามองตาและพูดต่อ

“แต่เราไม่ได้รักกันนะ ฉันไม่อยากไปอยู่กับคนที่ฉันไม่รักเลยจ้ะคุณพนา”

“แล้วทำไมธารไม่บอกลุงชัยไปล่ะ”

“พ่อบอกว่า...พ่อแก่แล้ว แถมพี่น้ำก็กำลังออกเรือนปีหน้า ฉันเป็นโอเมก้าจะให้อยู่คนเดียวมันก็อันตราย พ่อเป็นห่วง จึงต้องหาคนมาดูแลก่อนที่พ่อจะดูแลไม่ไหว”

“...”

“ดังนั้น...พอฉันอายุครบ 25 ปี พ่อจะยกฉันให้ลูกชายของนายปลัดไปดูแลต่อจ้ะ”

“25 งั้นเหรอ…” ผมพึมพำออกไปเบาๆ ตอนนี้ธารอายุสี่สิบสี่ มีเวลาประมาณหนึ่งปีหรือน้อยกว่านั้น แค่ผมอยู่ที่นี่แค่สามเดือน ระยะเวลาเท่านั้น มันมากพอที่จะทำให้เด็กซื่อๆ อย่างสายธารรู้ว่าผมจีบและหันสนใจผมได้รึเปล่า

“อีกแค่สองเดือน ก็จะถึงวันเกิดอายุครบ 25 ของฉันแล้ว ฉันคงต้องทำใจ แต่...”

“...”

“บางครั้งฉันก็แอบคิดว่า...อยากให้มีคนมาพาหนีไปจังเลยจ้ะ”



จงตอบคำถามต่อไปนี้จากเนื้อเรื่องด้านบน :
1. สายธารเป็นเด็กซื่อๆ ตามที่พี่พนาเข้าใจจริงหรือไม่ (5 คะแนน)
2. พี่พนากับสายธาร ใครเจ้าเล่ห์กว่ากัน (3 คะแนน)
3. เรื่องนี้ควรมีตอนต่อไปหรือไม่ (2 คะแนน)

 #โอเมก้าน่ารัก
loammyloammie[/center]

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตอนต่อไป​ สายธาร​ เป็นเด็ก​ไม่ซื่อ​ แน่นอนนน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
1. สายธารเป็นเด็กซื่อๆ ตามที่พี่พนาเข้าใจจริงหรือไม่ (5 คะแนน) คิดว่าไม่น่าจะซื่อนะ
2. พี่พนากับสายธาร ใครเจ้าเล่ห์กว่ากัน (3 คะแนน) น้องน่าจะเจ้าเล่ห์กว่า
3. เรื่องนี้ควรมีตอนต่อไปหรือไม่ (2 คะแนน) มีแน่นวล...ลลลลลลล

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สายธารเจ้าเลห์กว่าที่คิดแน่นอนควรมีตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ดูท่าพี่พนาไม่น่าจะทันเล่ห์ของน้องนะ
น้องมันร้ายยยยย  :katai1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ดอกไม้ป่า : ตอนที่ 2



หลังจากที่ธารพูดแบบนั้น ผมก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจหันหน้าสบตากับอีกฝ่าย ในแววตาสายธารมีประกายระยิบระยับก่อนที่เขาจะหัวเราะคิกคักแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย คล้ายกับว่าสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านั้นเป็นพียงคำพูดขำขันล้อเล่นของเขา และหลังจากคืนนั้นผมก็ไม่ได้เห็นหน้าธารอีกเลย จะมีแค่เพียงกลิ่นที่หอมฟุ้งไปทั่วบ้านให้ทั้งผมและปราชญ์ร้อนรนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร นั่นเป็นเพราะเขาอยู่ในช่วงฮีท ลำบากจนลุงชัยต้องให้เด็กในสวนหิ้วปิ่นโตมาให้พวกเรากินข้าวที่แคมป์เป็นการชั่วคราว

แคมป์ที่เราพักอยู่ไกลจากตัวบ้านของลุงชัยค่อนข้างมาก ผมไม่รู้ว่าธารทานยาระงับชนิดไหนอยู่ แต่อยากจะแนะนำว่ามันไม่ได้ผลเลย ผมรู้สึกเหมือนกับว่าได้กลิ่นของธารโชยมาจางๆ อยู่ทุกคืน ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ที่กลิ่นของธารจะมาไกลได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังแปลกที่ผมจะได้กลิ่นแค่ในช่วงดึกและมีผมเพียงคนเดียวที่ได้กลิ่น ความหอมนั้นโชยมาเป็นระรอกๆ มันบางเบาแต่ก็ชวนให้ใจหวิวจนนอนไม่หลับ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกขนาดไหนผมก็รู้สึกไม่เต็มอิ่ม ในสมองของผมก็นึกถึงอยากจะเจอสายธารอยู่ตลอดเวลา เอาแต่คิดอยากจะฝังจมูกลงบนลำคอเพรียวแล้วสูดกลิ่นของเขาให้เต็มอกเต็มปอด

แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือ ดมปลอกคอของสายธารที่ผมแอบเก็บไว้เพียงแค่นั้น...

คืนที่หกที่ไม่ได้เห็นหน้าธาร ผมนอนพลิกตัวซ้ายทีขวาทีอยู่ค่อนคืน ข่มตาหลับไม่ไหวเพราะเอาแต่นึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของธารจนต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปที่บ้านของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้า ได้กลิ่นให้ชื่นปอดก็ยังดี...

ยิ่งเข้าใกล้ตัวบ้านก็ยิ่งได้กลิ่นชัดเจนขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้มข้นมากนักเพราะคงใกล้จะหมดรอบฮีทแล้ว แต่ก็ทำให้ผมว้าวุ่นได้ไม่น้อยเลย ผมเดินวนรอบๆ ตัวบ้านเพื่อหาว่าธารนอนอยู่ห้องไหน จนมาห้องหนึ่งซึ่งเปิดหน้าต่างเอาไว้ ผมไม่แน่ใจซักเท่าไรว่าห้องนี้จะเป็นห้องของธาร เพราะโดยปกติโอเมก้าจะไม่ค่อยเปิดหน้าต่างห้องเวลาฮีทนักหรอก กลิ่นที่คลุ้งไปทั่วมันจะไม่ปลอดภัยต่อตัวเขา จนกระทั่ง...

“อ๊ะ อือ...อึก”

เสียงหวานครางแผ่วๆ เบาบ้างดังบ้าง ซึ่งผมจำได้ดีว่านี่คือเสียงของสายธาร ใจผมเต้นระส่ำไม่กล้าขยับเท้าเดินต่อ เพราะกลัวว่าเสียงย่ำเท้าบนใบไม้แห้งนั้นมันจะไปกลบเสียงครางที่ได้ยิน ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เอนตัวพิงเสาบ้านแล้วก้มมองกลางกายตัวเองที่เริ่มตื่นตัวดันกางเกงนอนขึ้นมา

“ธาร…” ผมกัดกราม ปวดหน่วงกลางกาย น้ำลายในช่องปากเหนียวและกลืนยาก อาการเหมือนกับว่าผมกำลังจะรัท ซึ่งมันคงไม่ดีแน่... ผมจึงคลึงมือไปรอบเป้าตัวเอง ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ หูก็เงี่ยฟังเสียงหวานที่ดูเหมือนว่าจะครางดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ของเขา

“อือ...อ๊ะ พี่จ๊ะ เร็วอีก...นิด อื้อ”

ผมคลึงแก่นกายตัวเองหนักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงครางแว่วหวานหนักหน่วงกว่าเดิม แม้ว่าจะสงสัยว่ามีใครอยู่ห้องกับเขารึเปล่า แต่อารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่นี่ก็ทำให้ผมไม่สามารถหยุดมือตัวเองได้ ยิ่งฟังจากน้ำเสียงว่าคนด้านบนใกล้จะถึงจุดหมาย ผมก็ยิ่งเร่งมือเพื่อจะได้เสร็จสมไปพร้อมๆ กัน

“อ๊ะ พี่จ๋า...จะเสร็จ อื้อ!”

“ธาร อือ...”

ผมกัดฟันพยายามผ่อนลมหายใจตัวเองไม่ให้กระชั้นถี่จนเกิดเสียงดัง ก้มมองกางเกงนอนที่ชื้นแฉะ อยากจะรีบกลับแคมป์ไปเปลี่ยนกางเกง แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาใจผมอยู่ไม่เป็นสุข

พี่จ๊ะ พี่จ๋า… สรรพนามหวาน ที่สายธารหลุดครางออกมานั่นหมายถึงใคร?

มีใครที่อยู่บนห้องกับธารด้วยเหรอ?

ความสงสัยเหล่านั้นมันคาใจจนผมตัดสินใจหาต้นไม้เหมาะๆ เพื่อปีนขึ้นไปแอบดู แต่ก็พบแค่เพียงร่างเพรียวเปลือยเปล่าอยู่คนเดียว สายธารนอนนิ่งๆ หันหน้ามาทางผมแล้วอมยิ้ม ใจผมกระตุกเพราะคิดว่าเขาจะเห็นผมเสียแล้ว แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้นเมื่อสายธารขยับตัวลุกขึ้นยืน ผมกลืนน้ำลายลงคอมองเขาอย่างไม่วางตา เนื้อตัวนวลเนียน เอวคอดและเนินสะโพกอวบ เป็นทรวดทรงที่ลงตัวมากจริงๆ

ยังไม่ทันที่จะชื่นชมได้เต็มตาดีนักสายธารก็เดินไปปิดไฟ ห้องทั้งห้องมืดแต่ก็เห็นลางๆ ว่าเขาออกมายืนที่หน้าต่าง ผมแนบแผ่นหลังไปกับลำต้น รบเร้นร่างกายตัวเองให้อยู่ภายใต้เงามืดของกิ่งไม้ใหญ่ มองดูใบหน้าจิ้มลิ้มที่อมยิ้มเงยหน้ามองดวงดาวบนฟ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะปิดหน้าต่างไป

ผมเดินกลับแคมป์ไปเหมือนคนกำลังสับสน ได้เห็นหน้าของสายธารให้หายคิดถึงหน่อยมันก็ดี แต่ใจก็มาไม่สงบเพราะเอาแต่คิดถึงคำว่า พี่จ๊ะพี่จ๋า ที่สายธารเรียกนั้นหมายถึงใครกันแน่

“ลุงชัยครับ บนบ้านของลุงมีใครอยู่อาศัยอยู่บ้างเหรอครับ” เช้าวันถัดมา เมื่อมีโอกาสได้เจอกับลุงชัย ผมก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ลุงชัยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

“...ก็มีผม เมียผม ลูกสาวและลูกชาย คุณพนาถามไปทำไมเหรอครับ”

“อ่า...เป็นข้อมูลที่ผมต้องเขียนใส่รายงานด้วยครับ” ผมพูดปดออกไป ซึ่งลุงชัยก็ไม่ได้สงสัยอะไรจะมีก็แต่ผมที่ยังสงสัยไม่หาย 

คืนวันนั้นเมื่อทุกคนในแคมป์หลับกันหมด ผมก็รีบเดินไปที่บ้านของลุงชัยอีกครั้ง แต่คนที่ควรจะอยู่แต่ในห้องกลับเดินลงบันไดลงมา เมื่อเขาเห็นผมก็ส่งยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาหา บนบ่าพาดผ้าขาวม้าเอาไว้เหมือนว่ากำลังจะไปอาบน้ำ

“ธารจะไปไหน...หมดรอบฮีทแล้วเหรอ”

“หมดแล้วจ้ะ แล้วคุณพนาล่ะจ๊ะมาทำอะไรที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ”

“...” ผมเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายที่เอียงคอรอคำตอบ เมื่อผมไม่ได้พูดอะไรสายธารก็อมยิ้มนิดๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับแขนของผม

“คืนนี่อากาศร้อนฉันเลยจะไปเล่นน้ำตก คุณพนาอยากไปกับฉันมั้ยจ๊ะ”

“...อืม” ผมพยักหน้าปล่อยให้คนตัวเล็กจูงมือไป ระหว่างที่เราเดินมาด้วยกันนั้นผมก็มีความคิดอยากจะถามออกไปว่าเมื่อคืนอยู่กับใครแต่มันก็ดูเป็นการขุดหลุมฟังตัวเอง ผมเลยได้แต่เงียบ

 เมื่อถึงน้ำตกตรงส่วนที่เราเคยมาดูดาวด้วยกัน สายธารก็ปล่อยมือผม เขาขยับออกห่างแล้วหันหลังให้ผม ก่อนจะถอดเสื้อออก กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากผิวเนียน ผมมองสายธารที่เปลื้องผ้าออกทีละชิ้นๆ จนเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในตัวเดียว

“คุณพนาจะไม่เล่นน้ำเหรอจ๊ะ?” สายธารหันมาถาม เขาผูกผ้าขาวม้ากับสะโพกตัวเองก่อนจะก้มตัวลงแล้วถอดผ้าชิ้นเล็กนั้นออกมา พับและนำไปวางรวมไว้กับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่โขดหินใกล้ตัวเขา   

“ฉัน...ไม่มีผ้าขาวม้า”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันจะไม่เอาไปบอกใครหรอกว่าเห็นคุณพนาแก้ผ้าเล่นน้ำ”

“...”

“หรือถ้าคุณพนาอาย ฉันไม่ใส่ผ้าขาวม้าเป็นเพื่อนคุณพนาก็ได้นะจ๊ะ”

“...”

สายธารอมยิ้มมองหน้าผม มือเล็กๆ นั่นจับอยู่ตรงขอบผ้าขาวม้า ผมกลืนน้ำลายลงคอ เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพยักหน้า แล้วผิวสีแทนนวลเนียนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า คราวนี้ใกล้จนผมสามารถเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของเขาได้เลย…

“คิก คุณพนาลูบหลังฉันทำไมจ๊ะ...ฉันขนลุกหมดเลยดูสิ”

ผมชักมือกลับแทบไม่ทัน เมื่อผมเผลอทำในสิ่งที่คิดลงไป สายธารหันมาหาผมแล้วยื่นมาให้ดู ผมได้ยิ้มแล้วกำมือตัวเองไว้แน่น สัมผัสเนียนนุ่มยังคงติดอยู่ปลายนิ้ว

“มดมันไต่หลังเธอ...เลยช่วยปัดออกให้” ผมโกหกแต่ก็ดูเหมือนว่าสายธารจะเชื่อ เขาหัวเราะแล้วค่อยๆ เดินลงไปที่ธารน้ำใส หันมายิ้มให้แล้วกวักมือเรียกให้ผมลงไปเร็วๆ

ผมรีบถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วตามลงไป น้ำตกในตอนกลางคืนนี้เย็นไม่ใช่เล่น ผมขนลุกเมื่อสัมผัสโดนน้ำในทีแรก แต่ผ่านไปสักพักร่างกายก็ปรับอุณภูมิได้

“คุณพนาชอบมั้ยจ๊ะ น้ำเย็นสบายมากเลย”

สายธารว่ายเข้ามาใกล้ๆ เขาหัวเราะเสียงใสดำผุดดำว่ายไปรอบๆ ก่อนจะโผล่ขึ้นใกล้ๆ กับผม กลิ่นหอมจากเขาลอยมาเข้าจมูกอีกครั้ง กลิ่นบางเบาเป็นปกติ มันไม่ได้เข้มข้นเหมือนคืนวันที่ดูดาวนั่นเลยด้วยซ้ำ

“สายธาร เธอบอกว่าวันนี้เธอหมดฮีทแล้ว”

“ใช่จ้ะ...หมดตั้งแต่เช้าแล้ว”

ผมสบตากับอีกฝ่าย มองดูดวงตากลมโตที่มองมาอย่างไม่วางตา เขาอมยิ้มมุมปากก่อนจะมุดน้ำเล่นอีกครั้ง ปล่อยให้ผมยืนอยู่คนเดียว เพราะฉุกคิดเรื่องรอบฮีทของเขาขึ้นมาได้…

ปกติโอเมก้าจะฮีทเจ็ดวัน แต่ผมไม่ได้เห็นหน้าสายธารเพียงแค่หกวันไม่นับรวมวันนี้ แล้วอีกวันนึงล่ะ…

“...คืนนั้นที่ธารพาฉันไปดูดาว ธารกำลังฮีทใช่มั้ย?”

ผมถามเมื่อสายธารโผล่ขึ้นมาตรงหน้าอย่างพอดิบพอดีแล้วเกาะไหล่ผมเอาไว้ เขาอมยิ้มแล้วหัวเราะออกมา พอเห็นเขาทำท่าจะมุดน้ำลงไปอีกผมเลยจับไหล่ธารเอาไว้ มองใบหน้าที่ดูสนุกสนานของเขาก็อดไม่ได้ที่ดุออกไป

“อันตรายมากนะรู้มั้ย หากเธอเจอคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน เธอคงแย่ไปแล้ว”

“ก็เพราะฉันรู้ว่าเป็นคุณพนาเลยออกไปหาไงจ๊ะ”

เขายิ้มกว้าง ดวงตากลมโตใสซื่อมองมาจนผมร้อนใจ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าการที่เขาไว้ใจผมขนาดนั้นมันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่ เขาทำเหมือนกับว่าผมไม่มีพิษไม่มีภัย เหมือนเป็นเสือที่ไม่มีเขี้ยวเล็บ มันดูน่าเจ็บใจพิลึก

“ธาร...เธอไม่ควรไว้ใจฉันขนาดนั้น เธอคือโอเมก้าและฉันคืออัลฟ่าที่...ที่…”

“ที่...อะไรเหรอจ๊ะ?” เขาอมยิ้มและเอียงคอถาม ผมถอนหายใจจ้องตาอีกฝ่ายและจับต้นแขนเขาเอาไว้

“ที่เมื่อรัทแล้วจะขาดสติจนทำไม่ดีกับเธอไง”

“...ทำไม่ดี?”

“ฉันไม่ได้เป็นคนที่มีความอดทนมากนักหรอกนะ ถ้าหากคืนนั้นฉันรัทแล้วใช้กำลังข่มขืนเธอขึ้นมาจะทำยังไง?”

“แล้วจะเรียกข่มขืนได้ไงล่ะจ๊ะ ถ้าหากฉันสมยอม...” เขาตอบกลับทันควัน ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นและเรียวแขนก็ยกขึ้นโอบรอบคอผมเอาไว้ แววตากลมวาววับดูเจ้าเล่ห์อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาหัวเราะคิกคักแนบลำตัวเปลือยเปล่าเข้าหาแล้วยืดตัวขึ้นมาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก

“เธอหมายถึง...” ผมชะงัก สมองก็เรียบเรียงเหตุการจับต้นชนปลาย และได้แต่ยืนนิ่งๆ รับสัมผัสแผ่วเบา กลีบปากนุ่มทาบทับเอาไว้เฉยๆ ก่อนจะผละออก

“ฉันชอบคุณพนาจ้ะ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลย”

สายธารบอกเสียงเบาแล้วเม้มปาก ใบหน้าเนียนก้มลงและผมเห็นแก้มเนียนขึ้นสีเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาอมยิ้มน้อยๆ  เรามองตากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วสายธารก็หันหนี ดวงตากลมโตช้อนมองผมแล้วก็หลุบลงมองผืนน้ำ เป็นท่าทีเอียงอายที่เพิ่งจะเคยได้เห็นจากเขา น่ารักเสียจนผมใจสั่นไปหมด

คำที่เขาบอกชอบผมดังซ้ำไปมาอยู่ในหัว ทั้งดีใจและตกใจ คาดเดาความรู้สึกไม่ได้ว่ามีความสุขขนาดไหน แต่สิ่งที่อยากให้รู้คือผมหุบยิ้มไม่ได้เลย

“...” ผมเชยคางอีกฝ่ายขึ้น ปลายนิ้วไล้ไปมาบริเวณกลีบปากอิ่มอย่างหลงไหล และคราวนี้เป็นผมที่ขยับลงไปหา

“คุณพนาเองก็ชอบฉันเหมือนกันใช่มั้ยล่ะจ๊ะ?” สายธารถามก่อนที่ริมฝีปากเราจะทาบทับกัน

ชอบ...ชอบสิ

ผมไม่ได้ตอบออกไป ได้แต่ประกบจูบไล้เลียริมฝีปากนุ่ม มือข้างหนึ่งประคองเอวเขาเอาไว้ก่อนจะพาเดินไปที่โขดหินเรียบใกล้ๆ ตัว ยกสะโพกเขาขึ้นให้นั่งบนนั้น พอได้ระดับที่พอเหมาะก็จับเขาเอนตัวลงเล็กน้อย ปลายนิ้วผมคลึงอยู่ตรงคางมน เซาะปลายลิ้นไปเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายเผยอปากออก แล้วผมก็ได้ลิ้มรสความหวานด้านในโพรงปาก

“อึก อือ” ธารครางในลำคอ เขาจับไหล่ผมเอาไว้จูบตอบอย่างเงอะงะแต่ก็ขยับลิ้นสู้ไม่หยุด เป็นเด็กที่ใจกล้าจริงๆ

“สายธาร…” ผมพึมพำชิดริมฝีปาก กำลังจะจูบอีกแต่อีกฝ่ายก็เอียงหน้าหนี ทำให้ผมได้จูบแก้มเขาแทน

“คุณพนายังไม่ตอบฉันเลยจ้ะ”

“...เธอถามฉันว่าอะไร” ผมขยับ กดจูบไปตามหัวไหล่เนียน ฝังปลายจมูกลงบนต้นคอเปลือยเปล่าเหมือนที่อยากทำมาตลอดหกวันที่ผ่านมา แลบลิ้นออกมาไล้เลียและขบเม้ม รู้สึกได้ถึงขนอ่อนที่ลุกชันของอีกฝ่าย

“คุณพนาชอบฉันรึเปล่าจ๊ะ?” สายธารเอียงตัวหนี เขาดันหน้าอกผมออกห่าง จงใจช้อนดวงตากลมโตพราวระยับมองมา แล้วเรียวขาเนียนก็แยกออกอย่างช้าๆ เปิดเผยให้ผมเห็นสัดส่วนน่ารักตรงหว่างขา

“...”

“คุณพนาจ๊ะ?”

“ชอบจ้ะ ฉันชอบสายธาร...ถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกเลย พอได้เจออีกก็ชอบ ยิ่งได้คุยก็ยิ่งชอบ ยิ่งได้ลูบ...ก็ยิ่งชอบ” ผมตอบออกไปคล้ายคนไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว สมองคิดอะไรปากก็พรั่งพรูพูดออกไปหมด  สายธารหัวเราะคิกคักแล้วเอียงหน้าหนีเมื่อผมยกขาของเขาขึ้น จรดริมฝีปากไปที่หลังฝ่าเท้า ขมเม้มและเลียขึ้นมาจนถึงต้นขา ฝ่ามือก็ลูบไปตามปลีน่องแล้วบีบคลึงไปมาเรียกเสียงครางแผ่วจากอีกฝ่ายได้อย่างดี

“อะ อื้อ...”

สายธารกัดปากมองมาที่ผม เขาบิดเอวเล็กน้อยเมื่อผมลากฝ่ามือขึ้นไปที่ขาอ่อนด้านใน ลากปลายนิ้วไปตามถุงนุ่มนิ่ม ขึ้นมายังส่วนปลายปริ่มน้ำ พอดึงมือออกหยาดน้ำใสด็ยืดตามนิ้วขึ้นมาด้วย

ผมมองหน้าเขา ดันสะโพกอวบของสายธารให้ขยับขึ้นไปนั่งกึ่งกลางแผ่นหิน แล้วผมก็ขยับตามขึ้นไปทาบทับ แก่นกายของผมตั้งตรงถูไถไปกับต้นขาของเขา สายธารอึกอักยกมือมือค้างไว้กลางอากาศ ทำท่าเหมือนกลัวแต่สายตากลับจ้องเขม็งมาไม่เบือนหน้าหนีไป

“...เป็นอะไรไป”

“ของคุณพนา...ใหญ่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้”

“เธอกลัวเหรอ?”

“นิดหน่อยจ้ะ ขอคุณพนาอย่างรุนแรงมากนะจ๊ะ...”

“...”

ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำ เขาเม้มปากแล้วเอียงใบหน้าหอมแก้มของผมก่อนจะผละออกไปด้วยท่าทีเอียงอาย เขาดูเขินอายมากแต่ไม่มีท่าทีอิดออดห้ามปราม กลับยั่วยวนด้วยแววตาใสๆ กับคำพูดซื่อๆ ให้ผมร้อนรุ่มกว่าเดิม

“นี่ครั้งแรกของฉัน...ฉันไม่อยากเจ็บมาก”

ผมตาวาวกับสิ่งที่เขาบอก ถึงแม้ว่าพอจะเดาได้เองอยู่แล้วว่าเด็กตรงหน้าไม่เคยผ่านมือคนอื่น แต่ได้ยินกับหูแบบนี้มันชวนให้ชื่นใจจริงๆ แต่ผมไม่คิดที่จะสอดใส่เข้าไป เขาเพิ่งจะหมดฮีทและผมไม่มีอุปกรณ์ป้องกันซึ่งมันเสี่ยงที่เขาจะตั้งครรภ์ และที่สำคัญคือ...ครั้งแรกของเขาควรจะได้ทำในสถานที่ที่ดีกว่านี้

แต่อารมณ์ของเราทั้งคู่มันก็พุ่งสูงเกินกว่าจะหยุด ผมส่งยิ้มพลางขยับตัวนั่งคุกเข่าและจับมือเขามาวางลงบนหน้าท้องตัวเอง สายธารเงยหน้ามองผมแล้วหลุบตาลง เขาอายแต่ก็รู้ว่าควรทำอะไรต่อ ฝ่ามือเล็กๆ นั่นลูบลงไปที่ท้องน้อยก่อนจะสัมผัสกับแก่นกายของผมอย่างแผ่วเบา ฝ่ามือเขาไม่ได้นุ่มเหมือนคนเมือง มันสากเล็กน้อยตามประสาลูกชาวบ้านที่ทำงานทุกวัน แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย กลับเพิ่มความรู้สึกพึงพอใจให้ผมเสียด้วยซ้ำ

“อือ ธาร...เธอหยุดมือก่อน” ผมบอกเสียงพร่าแล้วดันมือเขาออกเพราะเขากำลังจะทำผมต้องอับอาย สายธารมองมาด้วยสายตาไม่เข้าใจ ผมจึงก้มลงจูบปาก ดันตัวเขาให้นอนราบและแยกขาออกก่อนจะกอบกุมส่วนอ่อนไหวของเขาเอาไว้ รูดรั้งอย่างแผ่วเบา เสียงหวานครางอยู่ข้างหูบ่งบอกว่าเขาพอใจมากแค่ไหน และเป็นตัวเร่งให้ผมขยับมือเร็วขึ้น

“อ๊ะ...อือ” สายธารแอ่นตัวขึ้น แผ่นอกแบนราบประดับไปด้วยยอดอกเม็ดเล็กสีน้ำตาลเข้ม สวยงามน่าลิ้มลอง ไม่ต้องคิดอะไรมากผมก็ก้มลงไปไล้เลียทำให้สายธารสะดุ้งและแอ่นอกเข้าหามากกว่าเดิม

ปากและจมูกของผมแนบชิด ลากผ่านไปมาตามแผ่นอกขึ้นไปที่ลำคอระหง ดอมดมกลิ่นหอมราวกับดอกไม้ป่าที่ซึมออกมาจากผิวของเขา กลิ่นนี้ไม่ได้หอมหวานแต่ก็ยั่วเย้าให้ผมทนไม่ไหว

“หอม...หอมมาก”

“อ๊า พ...พี่จ๊ะ อ๊ะ”

ผมยกสะโพกอวบขึ้นแล้วจ่อแก่นกายตัวเองไปตรงปากทาง ผมไม่ได้สอดใส่แต่ขอแค่ดุนส่วนปลายไปกับช่องทางที่ขมิบเกร็งของเขาเพียงแค่นั้น มือข้างนึงผมจับของตนเองส่วนอีกข้างก็ปรนเปรอให้กับเขา ขยับไปพร้อมๆ กันด้วยจังหวะเดียวกัน

“...อือ”

“อื้อ พี่จ๋า พี่พนา...ฉัน อือ”

สายธารยกขาขึ้นสูงกัดปากและหลับตาลงก่อนจะเกร็งตัวและปลอดปล่อยออกมา ผมมองสายธารคำหวานที่เขาใช้เรียกยิ่งทำให้ผมร้อนรุ่ม ผมมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่หลับตาพริ้มเพราะความสุขสมนั่นแล้วก็เร่งตัวเอง ขยับสะโพกถูไถส่วนปลายสีเข้มไปกับช่องทางนุ่มนิ่ม ไม่นานผมก็ครางเสียงเครือในลำคอดันสะโพกไปด้านหน้าฉีดพ่นน้ำขาวขุ่นใส่ปากทางปิดสนิทของอีกฝ่ายอย่างแรง สายธารสะดุ้งอีกครั้ง แต่ก็แยกขาออกกว้างมองดูสิ่งที่เปรอะซอกขาและก้นของตัวเอง 

“อ๊ะ ร้อน...ของพี่พนาร้อนมากเลยจ้ะ”

ผมสบตากับอีกฝ่าย วางสะโพกเขาลงและก้มหน้าลงไปจูบ ปิดปากที่ช่างพูดของเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะพูดจาให้ผมจะเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีก สายธารเชิดหน้าขึ้นขยับไปมาตามจังหวะการจูบของผม ผมผละออกสบกับดวงตากลมโตหวานเยิ้มของอีกฝ่าย มองจมูกเล็กๆ น่ารักของเขาแล้วบีบอย่างนึกเอ็นดู มองริมฝีปากอวบอิ่มหวานละมุนและประกบจูบอีกครั้ง

“ธารเรียกฉันว่าพี่เหรอ?” ผมถามออกไป มุมปากของสายธารประดับรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะพยักหน้า

“จ้ะ ขอฉันเรียกแบบนั้นได้มั้ยจ๊ะ...พี่พนา”

“ได้สิ เรียกให้ฉันฟังอีกครั้งได้รึเปล่า?”

“พี่พนาจ๋า...” เขาพูดแล้วแย้มยิ้มน่ารัก แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อหนักกว่าเก่า น่าเอ็นดูเสียจนผมอดใจไม่ไหวประคองเอวเขาเข้ามาหอมแก้มลงไปฟอดนึง

“พี่ชอบที่ธารเรียกแบบนั้น” ผมเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกตัวเองบ้างจากนั้นก็หอมแก้มอีกข้างนึง สายธารเองก็เอียงแก้มให้หอมแล้วหัวเราะคิกคักออกมา

ผมขยับตัวเขาให้ไปนั่งขอบหิน วักน้ำในลำธารขึ้นมาล้างคราบน้ำรักบนผิวเนียน ล้างไปลูบไป บ้างก็จรดปลายจมูกลงดมกลิ่นหอมจากผิวกายเขา

“ตัวฉันเปื้อนน้ำกามของพี่พนาเต็มไปหมดเลย แบบนี้ก็เหมือนกับว่าฉันเสียตัวให้พี่พนาแล้วนะจ๊ะ”

“จ้ะ สายธารเป็นของพี่แล้ว” พอผมไปแบบนั้น สายธารก็ยิ้มกว้างจนตาหยี ยืดตัวขึ้นหอมแก้มผมทั้งซ้ายและขวา

“ถ้าเช่นนั้นพี่พนาห้ามทิ้งฉันนะ พี่จะไปไหนก็ต้องพาฉันไปด้วยนะจ๊ะ”


VV
VV

คำถามที่ว่า ใครเจ้าเล่ห์กว่ากัน? น่าจะได้คำตอบกันไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดแค่นี่ค่ะ
เรายังมีตอนหน้าอีกที่อยากจะให้รู้ว่า ใครกันแน่ที่จะโดนล่อลวง
ติดตามนะคะ

 #โอเมก้าน่ารัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอ..อออออออออออออ  :hao6:

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 o13 o13

รอติดตามอยุ่นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Piechicofic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หื้ออออ น้องยั่วมาก อ่านแล้วใจขาดห้วงเลยทีเดียว ชอบเซตติ้งมาก น้องในป่า แง

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องมันวร้ายยยยยยยยย 

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
น้องร้ายกว่าคุณพนาอีกนะะะะ เป็นกรี๊ดกร๊าด น้องลูกจะล่อลวงคนเมืองอย่างนี้ไม่ได้นะลูกกก

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คนร้ายคนนั้นก็คื้อออออออออ อู้หูววว พี่พนาจะทนน้องไหวอีกแค่ไหนกันเชียววว

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 3


เมื่อสายธารหมดรอบฮีทเราก็สามารถกลับมากินข้าวที่บ้านของลุงชัยได้ตามปกติ ทุกคนต่างก็พากันแซวที่สายธารเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกผม แต่ก็ไม่มีใครเอะใจว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนนั้นลึกซึ้งกันเกินพี่น้องไปแล้ว จะมีก็แค่ลุงชัย ที่แกมักจะมองมาด้วยสายตาสงสัยอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร อาจเป็นเพราะปกติผมกับสายธารก็ค่อนข้างสนิทกันอยู่แล้วและเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเราสองคนก็ไม่ได้ทำรุ่มร่ามอย่างโจ่งแจ้ง

“พี่พนาจ๊ะ ช่วงเย็นวันนี้พี่ว่างรึเปล่า”

สายธารเดินเข้ามาหาที่แคมป์ ผมมองเขาอย่าสงสัยเพราะปกติธารจะไม่กล้าเข้ามาในพื้นที่ทำงานนี้ เขานั่งลงที่พื้นวางแก้มลงบนหน้าขาของผมแล้วส่งสายตาออดอ้อนน่ารัก ผมเลยเกลี่ยนิ้วไปที่แก้มกลมอย่างนึกเอ็นดู

“ถ้าเป็นช่วงก่อนมื้อเย็นก็ว่าง ธารจะพาพี่ไปไหนล่ะ”

“ตลาดจ้ะ หมู่บ้านนี้มีตลาดเดือนละครั้ง พี่พนาไปเดินเล่นกับฉันนะจ๊ะ”

“ไปสิ” พอตอบไปแบบนั้นสายธารก็ยิ้มกว้าง ขยับตัวนั่งคุกเข่าแล้วดึงไหล่ผมลงไปพร้อมกับตัวเขาที่ยืดตัวขึ้นจรดริมฝีปากลงแก้มแต่เขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ริมฝีปากชุ่มชื่นลากไปตามสันกรามอ้อยอิ่งมาจนถึงมุมปากและผละออก ดวงตากลมโตแวววาวซุกซนคล้ายกับท้าทายให้ผมสานต่อเอาเอง

“อ๊ะ...พี่พนาจ๊ะ”

เสียงหวานอุทานเมื่อผมดึงเขาขึ้นมานั่งบนตักแล้วโอบสะโพกอวบเอาไว้ สายธารอมยิ้มขยับแขนโอบรอบลำคอผมเอาไว้ ผมจูบเบาๆ ไปที่ปลายคางแล้วไล่ขึ้นไปที่ริมฝีปากอิ่ม กดจูบขบเม้มอยู่ภายนอก คนตัวเล็กอ้าปากเชิญชวนแต่ผมไม่สนใจ ยังเอาแต่ดูดเม้มกลีบปากล่างจนอีกฝ่ายครางฮืออย่างขัดใจ

“หึหึ เป็นอะไรไป ไม่พอใจพี่เหรอ?” ผมแกล้งหยอก 

“พี่พนาอย่าแกล้งฉันสิจ๊ะ”

เขาตีอกผมแล้วหันหนีไปทางอื่น ผมจึงเชยคางเขาให้หันกลับมามองหน้ากัน แล้วประกบปากลิ้มรสความหวานด้านในโพรงปากของสายธาร ผมไล้ปลายลิ้นไปตามเพดานปาก รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายชอบแค่ไหนที่ผมทำแบบนั้น คนบนตักเบียดตัวเข้าหา กดสะโพกถูไถไปมาบนหน้าขาของผม เราจูบกันเนิ่นนานจนพอใจก็ผละออก แก้มนวลของเขาขึ้นสีระเรื่อ ลมหายใจหอบกระชั้นอีกทั้งกลางกายของอีกฝ่ายก็ดุนดันอยู่ที่หน้าท้องผม

“หืม? นี่อะไรกัน” แกล้งถามพลางคลึงมือไปที่บั้นเอวของเขาแทนที่จะจับลงไปตรงๆ สายธารหอบหนักและส่ายสะโพกไปมา หวังจะให้ผมจับไปที่ตรงนั้นเสียที

“พี่พนารังแกฉัน ต้องรับผิดชอบ...”

“แต่เดี๋ยวคนอื่นจะเข้ามานะ”

พอผมพูดไปเช่นนั้นสายธารอมยิ้ม ดวงตากลมโตหรี่ลงพร้อมกับขยับสะโพกเสียดสีตัวผมหนักขึ้น

“พ่อฉันพาพวกคุณปราชญ์ไปดูสวน น่าจะอีกสักพักถึงจะกลับมา”

“เพราะแบบนี้เธอถึงกล้าเข้ามาหาพี่ถึงในแคมป์นี่สินะ”

“...ก็มันเป็นโอกาสที่ดีนี่จ๊ะ”

“เรานี่นะ...”

เขาหัวเราะคิกคักก่อนจะครางเสียงแผ่วเมื่อผมขยับมือทาบไปที่ส่วนอ่อนไหวของเขาผ่านเนื้อผ้า ขยับปลายนิ้ววนไปรอบส่วนปลายชื้นแฉะก่อนจะกอบกุมเอาไว้นิ่งๆ ธารครางและแอ่นหน้าอกขึ้นผมจึงก้มลงขบเม้มยอดอกที่แข็งชันดันเสื้อขึ้นมา มือก็เคล้นคลึงสลับรูดรั้งตรงส่วนอ่อนไหว คนตัวเล็กสบตากับผม เขาจงใจแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวนแล้วขยับสะโพกเข้าหาฝ่ามือผมเสียเอง

“อ๊ะ พี่จ๋า...ฉันจะ...เสร็จ อือ”

เสียงหอบดังกระชั้นอยู่ข้างหู กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่สายธารเกร็งตัวส่งเสียงครางยาวในลำคอ ร่างเล็กกระตุกอยู่บนตัก ของเหลวข้นหนืดถูกปล่อยออกมาจนเลอะกางเกง ความอุ่นเปียกแฉะของเขาซึมผ่านเนื้อผ้ามาที่ฝ่ามือผม

“กางเกงเปื้อนซะแล้ว ทำยังไงล่ะทีนี้”

“นั่นสิจ๊ะ...เกงเกงชั้นในฉันแฉะไปหมดเลย ทำยังไงดีนะ~” คำพูดคล้ายหนักใจแต่สีหน้าของเขากลับตรงกันข้าม สายธารลุกออกจากตักและถอดกางเกงขากระบอกออก ผมมองอย่างตกใจเพราะแคมป์นี้ก็เป็นเพียงแคมป์ผ้าใบไม่ได้มีประตูที่สามารถลงกลอนอย่างมิดชิดได้ และถึงแม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่อยู่ในตอนนี้แต่พวกเขาจะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้

“ธาร...เธอจะทำอะไร”

เขาไม่ตอบแต่ก้มลงถอดกางเกงชั้นในของตัวเองออกมาถือไว้ ก่อนจะหันหลังให้แล้วดึงกางเกงขึ้นใส่อย่างเชื่องช้า ดูเหมือนว่าจงใจให้ผมมองสะโพกกลมเปลือยเปล่า เขาหัวเราะเมื่อผมยื่นมือไปแตะ อยากจะฝาดมือ อยากจะบีบเคล้นให้หายมันเขี้ยวนัก แต่เด็กตรงหน้าก็ขยับตัวออกห่างเมื่อดึงกางเกงขึ้นมาใส่เรียบร้อยแล้วหันกลับมาหาด้วยดวงตากลมโตฉายแววซุกซนเจ้าเล่ห์

“ฉันจะกลับไปบ้านเปลี่ยนกางเกงก่อนแล้วตอนเย็นจะมาหาใหม่นะจ๊ะ”

“ว่าไงนะ...เธอจะเดินกลับโดยถือกางเกงในไปด้วยแบบนั้นน่ะเหรอ?” ผมขมวดคิ้วแล้วดึงข้อมือเล็กเอาไว้

“ก็เสื้อและกางเกงไม่มีกระเป๋าเลย แถมมันแฉะจนฉันไม่อยากใส่ ไม่ให้ถือกลับแล้วจะให้ทำยังไงล่ะจ๊ะ”

“...เดี๋ยวพี่ซักให้” ผมพูดออกไปทันทีรีบแย่งผ้าชิ้นเล็กนั้นมาถือเอาไว้ สายธารเลิกคิ้วขึ้นเอียงคอไปมา ก่อนจะมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มรู้ทัน...

“คืนฉันด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่เอาไปเก็บไว้”

“โธ่ ให้พี่เก็บไว้ไม่ได้เหรอ เผื่อพี่คิดถึงธารตอนกลางค่ำกลางคืน”  เด็กตรงหน้าอ้าปากอย่างคาดไม่ถึงก่อนที่แก้มกลมจะขึ้นระเรื่อแล้วเอียงหน้าไปมาอย่างเขอะเขิน ผมหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางแบบนั้นของเขา

“พี่พนาโรคจิต” เขาทำปากมุบมิบกล่าวว่า ผมจึงดึงเขามานั่งตัก ฝังปลายจมูกลงบนแก้มนวลแดงระเรื่อ เคล้าเคลียริมฝีปากไปมาตามลำคอระหงที่ไร้ปลอกคอหนัง ผมยังคงไม่มั่นใจว่าเขาเป็นเด็กยังไงกันแน่ บางครั้งก็ซื่อเสียจนน่าแกล้งน่าหยอกไปหมด แต่บางครั้งก็เจ้าเล่ห์จนผมจับทางไม่ได้เลย ทำได้ก็แค่คอยระวังตัวไม่ยอมให้เขาปั่นหัวได้ง่ายๆ อีก และเมื่อมีโอกาสผมก็จะหยอดกลับบ้างเป็นครั้งคราว

“สัญญาว่าจะโรคจิตแบบนี้กับธารคนเดียวนะ”

“ถ้างั้น...หากพี่พนาคิดถึงฉันตอนกลางดึกก็ไปหาฉันที่บ้านสิจ๊ะ เดี๋ยวฉันวางบันไดไว้ให้”

นี่ไงล่ะ สุดท้ายผมก็โดนจนได้ เสียงหวานและดวงตาใสแต่คำพูดคำจาของเขานั้นไม่ใสเลยซักนิด นักทอดสะพานของแท้เลยเด็กคนนี้


เมื่อถึงเวลาที่นัดกันไว้ สายธารก็เดินพาผมที่ลานว่างกลางหมู่บ้าน เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าที่ผมคิดเอาไว้ นอกจากคนในหมู่บ้านที่เอาผักและผลไม้ป่าหรือที่ปลูกเองไว้มาขายแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะมีของใช้และขนมจากในเมืองมาวางขายด้วย

“คนมาเดินตลาดเยอะเหมือนกันนะ ครึกครื้นดีจริงๆ”

“ตลาดนี้มาตั้งแต่ฉันเป็นเด็กแล้วจ้ะ คุณปลัดเขามีคนรู้จักนับถือเยอะก็เลยช่วยบอกต่อให้คนเมืองรู้ว่าในนี้มีทุกๆ สิ้นเดือน บ้างก็มาขายของบ้างก็มาซื้อสมุนไพรป่า และเพราะจัดกันเดือนละครั้งคนก็เลยเยอะแบบนี้แหละจ้ะ…”

“...ทำไมไม่อธิบายต่อล่ะ พี่ฟังอยู่”

“พี่พนาอย่ายิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นสิ ฉันหวงนะจ๊ะ” เขาพูดจ้องเขม็งมาที่ผมจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับแววตาแบบนั้น เมื่อครู่นี้ผมแค่มองสิ่งที่หญิงคนนั้นนำมาขายไม่ได้มองหรือยิ้มให้หญิงอื่นอย่างที่สายธารเข้าใจผิดเสียหน่อย แต่การที่เขาบอกตรงๆ ว่าหวงผมแบบนั้นมันชวนให้รู้สึกดีจริงๆ 

“จ้าๆ พี่จะยิ้มให้ธารคนเดียวนะจ๊ะ” ผมหัวเราะอย่างเอ็นดู ก้มลงไปใกล้กระซิบคำหวานให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ต้องมองแต่ฉัน ชอบแต่ฉันคนเดียวด้วยนะจ๊ะ” สายธารยิ้มหวานและหัวเราะคิกคัก เดินเข้ามาชิดผมมากขึ้น เขาอธิบายเจื้อยแจ้วพร้อมที่พาผมเดินดูไปทีละร้าน ร้านส่วนใหญ่เราแวะก็จะเป็นของทานเล่น แต่ระหว่างที่เดินไปเรื่อยนั้นจู่ๆ คนตรงหน้าก็หยุดเดิน เขามองตรงไปที่ที่หนึ่งและพอผมมองตามก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ มีลุงชัยที่ผมรู้จักแต่ผู้ชายอีกสามคนนั้นผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

ชายคนหนึ่งค่อนข้างมีอายุใส่ชุดสีกากีและไว้หนวด ส่วนอีกสองคนเป็นคนหนุ่มหน้าตาคลับคล้ายคลับคากับลุงคนแรก คาดเดาได้ว่าคงเป็นพ่อลูกกันอย่างแน่นอน

“ใครเหรอธาร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“พี่พนาจ๊ะ ฉันว่าเรา...”

เขาหันมามองหน้าผมกำลังจะพาเดินไปทางอื่น แต่ลุงชัยก็หันมาเห็นและเรียกเราเสียก่อน ธารจึงต้องพาผมเดินเข้าไปหาคนกลุ่มนั้น...ซึ่งดูท่าทางเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร

“สวัสดีจ้ะลุงปลัด...”

ใจผมกระตุกกับคำที่ธารเรียก ลุงปลัดงั้นเหรอ...งั้นก็แสดงชายสองคนนี้อาจต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นคู่หมั้นของสายธาร

“สวัสดีจ้ะพี่ต้น เอ่อ...สวัสดีจ้ะพี่กล้า” ชายคนแรกธารก็ยกมือไหว้ก็ยิ้มแย้มดี จนมาคนสุดท้ายเขาชะงักไปเล็กน้อยแล้วจึงก้มหัวไหว้ไป ชายคนที่ชื่อกล้ารีบขยับมือมารับไหว้เอาไว้ด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่ดูประหลาด

“สวัสดีจ้ะสายธาร โตขึ้นเยอะเลยนะ น้องสบายดีมั้ย?” ผู้ชายชื่อกล้าที่มีรูปร่างอ้วนท้วมกุมมือสายธารเอาไว้พลางเขย่าไปมาอย่างดีอกดีใจ ต่างกับสายธารที่พยายามที่จะดึงมือกลับก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่ฝ่ามืออวบนั้นเชยคางจิ้มลิ้มของสายธารให้เงยหน้าสบตากับเขา

“เอ่อ...ฉันสบายดีจ้ะ”

“น้องพาพี่เดินชมตลาดได้มั้ย? พี่เดินคนเดียวแล้วเหงามาก” ชายคนนั้นขยับเข้ามายืนจนชิด สายธารรีบขยับออกจนเกือบจะสะดุดขาตัวเอง ผมกำลังจะประคองหลังเขาแต่โชคไม่ดีเสียเลยที่ชายคนนั้นกลับมือไวกว่า คว้าเอวของสายธารเอาไว้และเนียนไม่ยอมปล่อยจนผมคิ้วกระตุกอยู่หน่อยๆ

“เอ็งจะไปเดินคนเดียวได้ยังไงว่าไอกล้า พี่กับพ่อก็เดินอยู่ด้วยเนี่ย” ชายตัวสูงชื่อต้นดึงมือคนที่ผมคาดว่าจะเป็นน้องชายออกจากเอวของสายธาร เขาเหลือบตามองสายธารเล็กน้อยก่อนจะมองมาที่ผม แววตาบ่งบอกได้ว่าคนนี้เป็นมิตรมากกว่าศัตรู

“ขอโทษนะจ๊ะพี่กล้า แต่ว่าวันนี้ฉันต้องพาพี่พนาเดินชมตลาด” คนตัวเล็กขยับออก แต่ก็ทำได้ไม่มากเท่าไรเพราะสองมือยังคงโดนอีกฝ่ายเกาะกุมเอาไวอย่างแน่นหนา และเมื่อสายธารพูดชื่อผม นายกล้านั่นก็มองมาเหมือนกับว่าเพิ่งจะเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“เขาเป็นใคร ทำไมน้องต้องไปเดินกับ...ใครก็ไม่รู้” เขาพูดลุงปลัดก็หันมามองผมอย่างสนใจ ลุงชัยที่ยืนอยู่ใกล้จึงรีบเข้ามาอธิบายและแนะนำผม

“เอ้อ คนนี้เป็นคนจากในเมืองครับคุณปลัด ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อเดือนก่อนว่าจะมีกลุ่มคนเมืองเข้ามา”

“ผมชื่อพนาครับ เป็นนักพฤกษศาสตร์ที่เข้ามาสำรวจกล้วยไม้ที่นี่” ผมแนะนำตัวอย่างสุภาพ และพยายามยิ้มให้ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่ชอบใจสายตาของคนที่ชื่อกล้า แต่ก็ควรมีมารยาทไว้ก่อน ดูท่าทีสายธารแล้วเขาเองก็คงจะเกรงใจชายกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อยเลย ไม่เช่นนั้นคงต้องสะบัดมือออกมาแล้ว

“น้องให้เขาเดินคนเดียวสิ ตลาดมีอยู่แค่นี้เขาไม่หลงหรอก น้องมาเดินกับพี่ดีกว่านะ น้องอยากได้อะไรพี่จะซื้อให้หมดเลย”

ผมขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเขาเมินผมอย่างตั้งใจ หันไปส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้กับคนตัวเล็กที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ ถึงแม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นว่าที่คู่หมั้นของธารรึเปล่าแต่ท่าทางหยิ่งๆ แบบนั้นมันน่าหมันไส้ชะมัด

“เอ็งจะไปเร้าหรือน้องเขาทำไม มาเดินกับพี่มา จะไปไหนพี่ก็พาไปได้เหมือนกัน”

สายธารยิ้มให้กับชายที่ชื่อต้นและผงกหัวลงคล้ายขอบคุณ อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มให้แล้วดึงแขนน้องชายตัวเองเดินออกไป ส่วนลุงชัยก็พาคุณปลัดเดินไปอีกทาง ในตอนนี้จึงกลับมาเหลือแค่เราสองคนเหมือนเดิม สายธารหันมาส่งยิ้มให้ สองมือเล็กที่โดนนายกล้ากอบกุมเอาไว้ถูกันไปมา ดูเขาไม่สบายใจเท่าไรผมจึงดึงมือเขามากุมเอาไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน

“คนที่ชื่อกล้า...คือชายที่ลุงชัยจะยกเธอให้เขาเหรอ”

“เอ๊ะ! ไม่ใช่จ้ะ พี่ต้นตังหาก...พี่กล้าเขาเป็นเบต้า ดูแลฉันไม่ได้หรอกจ้ะ”

“เขาดูสนใจธารมาก จนพี่นึกว่าเขาจะมาเป็นคู่ของธารเสียเอง ทั้งสีหน้าและแววตาก็ดูประหลาด...”

“พี่ต้นและพี่กล้าเป็นเพื่อนเล่นกับฉันมาตั้งแต่เด็กจ้ะ เขาทั้งสองเป็นคนดีนะ แต่บางครั้งพี่กล้า...เขาก็ดีจนเกินพอดีกับฉันไปหน่อย”

“...”

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่แต่ค่อนข้างไม่พอใจ เดาได้เลยว่าดีเกินไปอย่างไรบ้าง ดูได้จากสิ่งที่เขาถึงเนื้อถึงตัวธารไปเมื่อครู่นี้ คนตัวเล็กบีบมือและยิ้มให้บอกว่าเขารู้สึกดีขึ้นแล้ว จากนั้นก็พาผมไปเดินดูขนมต่อ ระหว่างนั้นก็พูดจา ชวนคุยนั่นนี่จนเราอารมณ์ดีขึ้นมา

“พี่พนารู้จักขนมมัดไต้มั้ยจ๊ะ ฉันชอบมากเลย พี่สาวของฉันก็ชอบ” 

“ข้าวต้มมัด?” ผมพูดอย่างไม่แน่ใจ มองดูขนมที่หอใบตองมัดด้วยเชือก ผมไม่เคยได้ยินชื่อแต่ดูไปก็คล้ายข้าวต้มมัดต่างกันแค่มีรูปทรงยาวเรียวและไม่ได้มัดไว้เป็นคู่

“ไม่ใช่จ้าพ่อรูปหล่อ ข้าวต้มมัดจะเป็นคู่ๆ แบบนี้ อันนี้เขาเรียกมัดไต้เป็นขนมไส้หมู ใส่ถั่วใส่พริกไทย ลองชิมดูนะจ๊ะ” แม่ค้าสาวใบหน้าสะสวยพูดอธิบายเสียงดังฉะฉานพลางแกะใบตองห่อขนมแถมนำมาป้อนให้ถึงปาก ผมเองก็เก้ๆ กังๆ อยู่ครู่หนึ่ง จะรับมาทานเองเธอก็ไม่ยอม ผมจงก้มกัดขนมที่เธอป้อนให้นั้นเข้าปากอย่างเสียไม่ได้

“อื้ม อร่อยมากเลยครับ” ผมส่งยิ้มให้ ก้มลงกัดขนมเข้าปากอีกคำเพราะถูกใจรสชาติเค็มมันของขนมมัดไต้นี้เป็นอย่างมาก ข้าวผสมถั่วและหมูสับ ตัดเลี่ยนด้วยรสเผ็ดร้อนของพริกไทยป่นได้อย่างลงตัว

“ว้าย! หล่อแล้วปากหวานด้วย ลองชิมอันนี้มั้ยจ๊ะ อร่อยเหมือนกันนะ” ว่าแล้วเธอก็แกะขนมอีกห่อและนำมาป้อนให้ ผมเองที่ไม่ได้คิดอะไรก็รับเข้าปากมา พอเห็นว่าอร่อยดีก็ชมไปจนเธอยิ้มแก้มปริ “สายธารเอากี่มัดจ๊ะเดี๋ยวพี่แถมให้เยอะๆ เลย”

“ไม่เอาแล้วจ้ะ ฉันไม่อยากกินแล้ว” คนตัวเล็กพูดเสียงแข็ง ใบหน้าจิ้มลิ้มราบเรียบไร้รอยยิ้มมองมาทางผมคล้ายไม่พอใจ

“ทำไมล่ะ เดี่ยวพี่จ่ายให้นะ ช่วยอุดหนุนเขาหน่อยเถอะ” ผมหยิบกระเป๋าเงินออกมา ออกปากว่าจะจ่ายให้เพื่อเอาใจเขาและมองไปที่แม่ค้าอย่างเกรงใจเพราะผมก็ชิมขนมเขาไปตั้งหลายคำ แถมแม่ค้าสาวก็เตรียมหยิบใบตองห่อขนมให้เราหิ้วกลับบ้านแล้ว แต่สายธารก็ถอนหายใจออกมาดูไม่สบอารมณ์ให้ผมเริ่มจับทางไม่ถูก

“หากพี่พนาอยากซื้อ ก็ซื้อไปเลยจ้ะ”

“เอ่อ...งั้นผมเอาสามมัดนะครับ”

“ฮึ่ย! พี่พนา” ธารขมวดคิ้วและกอดอก เขาเดินย่ำเท้ากลับบ้านไม่สนใจผมที่วิ่งตามหลังไปเลยซักนิด

ตอนทานข้าวเย็นพอผมถามอะไรไปธารก็ปิดปากสนิทไม่พูดกับผมแต่กลับพูดและยิ้มแย้มกับคนอื่นเป็นปกติ จนผมทนร้อนใจไม่ไหวกลางดึกในคืนนั้นจึงตัดสินใจไปหาเขา

“ธาร...สายธารหลับหรือยัง ช่วยพี่ขึ้นไปหน่อย” ตามปกติผมก็ไม่ใช่พวกที่ปีนป่ายได้เก่งนัก แถมบันไดที่ผมเจอนี้ก็สูงไปไม่พอจะถึงหน้าต่างห้องเขาอีกตังหาก จึงต้องเคาะหน้าต่างไม้ที่ปิดสนิทนี่ก่อนที่ตัวผมจะล่วงลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นหญ้า

“พี่พนา!”

“ช่วยพี่ขึ้นไปก่อนเร็ว”

พอเขาเปิดหน้าต่างมา ผมก็รีบคว้าขอบไม้เอาไว้แล้วดึงตัวเองขึ้นไป ส่วนบันไดที่ผมใช้ยืนเมื่อครู่นี้ได้ล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น ไม่มีที่ให้ผมปีนกลับลงไปได้เลยแต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจในตอนนี้ สิ่งเดียวผมอยากรู้คือเด็กตรงหน้างอนผมเรื่องอะไรมากกว่า

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1

“คุณพนามาทำไมจ๊ะ!”

ผมเลิกคิ้วขึ้นกับสรรพนามที่เขาเรียก ไม่แน่ใจเลยว่าผมไปทำเรื่องอะไรให้ธารไม่พอใจจนกลับไปเรียกผมแบบนั้น

“พี่ก็มาง้อเด็กคนนี้ไง ไม่พอใจอะไรพี่เหรอ?”

สายธารเม้มปากแล้วกอดอก ริมฝีปากเล็กยื่นยาวไม่ยอมพูด เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างผมจึงเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังตั้งใจจะกดปลายจมูกลงบนแก้มพองลมนั่น แต่เขาก็เอียงหน้าหนีพลางหันมาดันอกผมออก

“ให้หญิงอื่นป้อนขนมให้ อร่อยมากมั้ยล่ะจ๊ะ?” เขาถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงหวานแต่แววตาไม่หวานตามเลยซักนิด

“โธ่~ สายธาร” ผมเรียกเขาอย่างอ่อนใจ สองมือประคองไหล่เล็กเอาไว้ไม่ให้เดินหนี เรื่องเมื่อตอนเย็นนั่นเองที่ทำให้เขาไม่พอใจ ผมไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลยสักนิดเลยคาดไม่ถึงว่าเขาจะงอนผมในเรื่องนี้

“ฉันเคยได้ยินว่าคงกรุงเจ้าชู้ คงจะจริงอย่างที่เขาว่า...หากเป็นแบบนั้นฉันไปเป็นคู่ของพี่ต้นคนบ้านป่าเหมือนกันคงจะสบายใจกว่า”

ได้ยินแบบนั้นผมก็ร้อนใจ ไอ้เรื่องที่ชาวบ้านจะมองคนเมืองกรุงไม่ดีมันก็เคยได้ยินมาหลายครั้ง แต่ผมไม่อยากให้ธารคิดแบบนั้น ผมไม่ได้เจ้าชู้ หากถูกใจหรือรักใครผมก็ให้ไปทั้งใจไม่แบ่งคนอื่นแน่นอน อย่างเขาผมก็ชอบแต่เขาคนเดียว

“เดี๋ยวๆ แต่ธารไม่รักพี่ไง ไปอยู่กับคนที่ไม่ได้รักแบบนั้นจะไปสบายใจได้ยังไงล่ะ”

“ฉันรักคุณพนาอยู่ฝ่ายเดียว อยู่ไปก็คงจะไม่สบายใจอยู่ดีจ้ะ…”

“รักสิ หากพี่ไม่รักปีนหน้าต่างมาง้อแบบนี้เหรอ” ผมร้อนใจจนตีอกตัวเอง รีบบอกให้เขารับรู้ว่าเรื่องระหว่างเรามันไม่ใช่รักข้างเดียวอย่างที่เขาเข้าใจ สายธารยืนกอดนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มุมปากจะโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วเขาก็หันมาหาผม

“พี่พนา...รักฉันเหรอจ๊ะ?”

“รักจ้ะ…” ผมเริ่มยิ้มออกเพราะเขากลับมาเรียกผมว่าพี่ อีกทั้งใบหน้าบึ้งตึงก่อนหน้านี้ก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มหวาน เรียวแขนสีน้ำผึ่งโอบรอบคอผมแล้วลำตัวเล็กก็ขยับเข้ามาแนบชิด

“รักฉันมากมั้ยจ๊ะ?”

“รักเท่านี้” พูดจบก็กดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่ม สูดลมหายใจดมกลิ่นหอมจนเต็มปอดแล้วก็ย้ายไปที่แก้มนวลอีกข้างทำแบบเดียวกัน สายธารหัวเราะซบใบหน้าลงกับแผ่นอกของผมพลางพูดน้ำเสียงออดอ้อนน่ารัก

“หากรักฉันมากก็พาฉันหนีเสียทีสิจ๊ะ ฉันไม่อยากเป็นคู่กับพี่ต้น ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพี่กล้าด้วย”

“สายธาร พี่พาเราหนีไม่ได้หรอกนะ...” ผมขยับมานั่งบนเตียงแล้วดึงเขาขึ้นมานั่งตักก่อนจะพูดออกไปอย่างหนักใจ คนตัวเล็กเบะปากทำหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ขึ้นมาทันที

“ทำไมล่ะจ๊ะ พี่พนารักฉันไม่ใช่เหรอ...หากรักก็ต้องพาฉันหนีไปสิ ไม่งั้นพ่อจะยกฉันให้คนอื่นนะจ๊ะ”

“พี่เป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่าสายธารเกือบสิบปี หน้าที่การงานก็มี หากพี่พาธารหนีแล้วงานพี่ที่นี่ล่ะ”

“งั้นพาฉันหนีก่อนแล้วพี่ค่อยกลับมาทำงาน…”

“แล้วพี่จะมองหน้าลุงชัยยังไง เขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นพ่อของธารก็ต้องให้เกียรติเขา พี่จะทำอะไรข้ามหัวเขาไม่ได้”

“แต่ฉันรักพี่พนา ฉันอยากอยู่พี่…หากพี่ไม่พาฉันไป เดือนหน้าก็ต้อง…”ธารหยุดพูด ริมฝีปากอวบอิ่มขบเข้าหากันแล้วเบะออกน้อยๆ ดวงตากลมโตมองมาที่ผมคล้ายตัดพ้อก่อนจะหลุบตาลงแล้วเตรียมผละออกจากตัวผม

“ฟังพี่ก่อนสิ หากมีโอกาสพี่จะคุยกับลุงผู้ใหญ่และขอเรามาดูแล ทำให้มันถูกต้องไป...แบบนี้ดีกว่ามั้ย?”

“จ้ะ...พี่จะคุยพรุ่งนี้เลยรึเปล่าจ๊ะ?”

“...” ผมไม่ได้ตอบเพราะไม่แน่ใจเลยว่าโอกาสที่พูดไปน่ะ มันต้องเป็นตอนไหนถึงจะดี ผมบอกว่าไม่อยากทำอะไรข้ามหัวเขาแต่ก็ลวนลามลูกเขาไปไม่น้อยเลย แถมยังมีหน้ามาปีนหน้าต่างบ้านเขาอีก ไม่หัวแตกก็ตัวเป็นรูล่ะผมว่า

“พี่พนาจะกลับแคมป์รึเปล่าจ๊ะ”

“กลับสิ นี่ก็ดึกมากแล้วแต่พี่ไม่รู้ว่าจะลงยังไง...สายธารมีทางอื่นให้พี่ลงมั้ย” ผมเดินไปที่หน้าต่าง บันไดก็ล้มไปแล้ว จะกระโดดลงไปเลยก็คาดว่าขาน่าจะหักได้

“ลงทางหลังบ้านได้จ้ะ”

“งั้นพี่ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ผมเดินไปที่ประตู สายธารก็เดินตามมา เห็นแก้มกลมๆ ผมแล้วก็อดใจไม่ไหว ดึงเขาเข้ามาหอมแก้มจนหนำใจไปหลายหนับ ผมกำลังจะหันเปิดประตูสองมือน้อยก็รั้งแขน พอหันไปมองก็เห็นเขานิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะออกปากพูดพร้อมขยับเข้ามากอดแขนผมเอาไว้

“พี่พนาจ๋า คืนนี้พี่ห้องฉันดีมั้ยจ๊ะ...พี่จะได้ไม่ต้องเดินกลับ ดึกดื่นแบบนี้งูเยอะนะจ๊ะ”

“จะดีเหรอ...หากพรุ่งนี้ลุงชัยตื่นมาเจอ เขาจะโกรธเอาน่ะสิ”

“พ่อฉันตื่นหกโมงเช้า พี่ก็กลับก่อนที่พ่อฉันจะตื่นก็ได้จ้ะ กลับตอนตีห้าครึ่งก็ทัน...นะจ๊ะ คืนนี้พี่นอนกับฉันนะ”

เขาพูดออดอ้อน ซบหน้าลงกับต้นแขนแล้วยิ้มให้ เห็นแบบนั้นก็ใจอ่อนยอมพยักหน้า ให้เขาพาผมไปนอนที่เตียง สายธารปิดไฟแล้วขยับตัวลงนอนใกล้ๆ กลิ่นหอมจากเครื่องนอนเป็นกลิ่นเดียวกับเขา มันหอมอ่อนๆ ชวนให้สบายใจอีกทั้งฝูกนุ่มที่ไม่ได้นอนมาร่วมเดือนทำให้ผมเคลิ้มหลับได้ง่ายๆ

“นอนนิ่งๆ หน่อยสิ” ผมปรือตา ออกเสียงปรามเด็กที่ขยับตัวยุกยิกไปมา สะโพกนุ่มเสียดสีอยู่ตรงกลางกายจนผมกลัวว่ามันจะคึกคักขึ้นมากลางดึก

“พี่พนา ฉันอยากให้พี่พนากอดฉันหน่อย” เขาว่าผมก็เลยวาดแขนไปกอดเอวเล็ก ดึงเข้าหาตัวแล้วกดปลายจมูกลงบนต้นคอหอมกรุ่น

“สายธาร เธอควรหยุดดิ้นได้แล้ว” ผมดุทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แต่คนตัวเล็กก็ดูจะไม่เกรงกลัวผมเลย เขายังดิ้นไปมา ดูตั้งใจขยับบั้นท้ายเสียดสีกับส่วนอ่อนไหวของผม จากที่อยากจะหลับเจอแบบนี้เข้าไป ผมก็อยากจะทำอย่างอื่นมากกว่าเสียแล้ว

“พี่พนาจ๋า กอดฉันหน่อย”

“พี่กอดอยู่ไง”

ผมกอดเขาแน่นขึ้น สายธารหันหน้ามาสบตากับผม แววตาเป็นประกายอยู่ในความมืดก่อนที่ร่างเล็กจะปีนขึ้นมานอนอยู่บนตัวผม วางคางเล็กบนหน้าอกแล้วพูดเสียงใส

“ฉันหมายถึงกอดอีกแบบนึงนะจ๊ะ...”

“กอดแบบไหนล่ะ ทำให้พี่ดูหน่อยได้ไหม?”  ผมเชยคางเขาขึ้น ลุบขึ้นมาที่แก้มนิ่มแล้วบีบอย่างนึกมันเขี้ยว สายธารหัวเราะคิกคักแล้วยืดตัวถอดเสื้อผมออก ริมฝีปากนุ่มประกบจูบลงมา เรียวลิ้นนุ่มปาดเลียไปมาอย่างสะเปะสะปะ เพราะเขาไม่คุ้นเคยแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่ช่วยนำทางบ้างเล็กน้อยเพราะเด็กมันต้องมีเวลาเรียนรู้เสียบ้าง

“พี่พนาจ๋า” เขาเรียกผมเสียงแผ่ว ปากอวบอิ่มแตะแต้มลงไปที่ลำคอ ไล่จูบลงไปถึงหน้าท้อง สองมือของเขาก็ดึงกางเกงผมลง แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรที่เกินพอดีผมก็คว้าปลายคางของเขาเอาไว้

“อย่าทำแบบนั้น เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวเอานะ”

“ทนไม่ไหวก็ไม่เห็นเป็นไรเลยจ้ะ...”

“แล้วคิดจะทำอะไร ทำเป็นเหรอ...” ผมถามพลางไล้ปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากอวบอิ่ม สายธารเผยอปากขึ้นส่งลิ้นสีสดออกมาเลียและขยับปากดูดปลายนิ้ว ผมเบิกตาขึ้นรู้สึกเสียววูบไปทั้งตัว จนอีกฝ่ายผละออกไป สายตาผมก็ยังคงละออกจากริมฝีปากชุ่มฉ่ำนั่นไม่ได้

“ทำแบบนี้ใช่มั้ยจ๊ะ?” เขาถามทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ปลายนิ้วผม แก้มเนียนขึ้นสีระเรื่อ ถึงแม้ว่าในห้องจะไม่ได้เปิดไฟ แต่แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างก็ช่วยให้ผมได้เห็นความน่ารักยั่วยวนของเขาได้อย่างถนัดตา

“...ใช่”

ผมพยักหน้าช้าๆ พลางพยุงตัวพิงหัวเตียงขณะที่สายตายังคงจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มแวววาว ยิ่งเห็นว่ามันเข้าใกล้ส่วนอ่อนไหวของผมมากเท่าไร ผมก็ยิ่งหายใจติดขัดด้วยความตื่นเต้น จนวินาทีที่เห็นปลายลิ้นนุ่มไล้เลียลงบนส่วนปลายผมก็กัดฟันเกร็งหน้าท้อง พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นลงหน่อย ไม่งั้นคงได้แตกทั้งน้ำแตกทั้งหน้าให้อายเด็กเอาแน่ๆ

“อึก อือ...ของพี่พนาใหญ่คับปากฉันไปหมดเลยจ้ะ”

แต่อีกฝ่ายกลับทำให้ผมแย่กว่าเดิม เสียงอึกอักในลำคอและคำพูดของเขาทำให้ผมต้องผ่อนลมหายใจเข้าออกอยากหนัก ยิ่งมองดูแก่นกายตัวเองหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นเกือบครึ่งนึงก็ยิ่งทำให้ผมแทบทนไม่ไหว

“ธาร...พอก่อน อย่าเอาเข้าไปลึกขนาดนั้น”

ผมดันหัวเขาออกเมื่อสายธารพยายามขยับลงไปจนผมรู้สึกได้เลยว่ามันเข้าไปลึกถึงไหน เขาไอในลำคอก่อนจะยอมขยับออกและดุนดันกระพุ้งแก้มกับส่วนปลายแล้วพลางช้อนดวงตาฉ่ำน้ำขึ้นมองผมพร้อมกัยผงกหัวขึ้นลงไปด้วย เขาทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ อาจจะดูเงอะงะและโดนฟันเขาบ้างในบางครั้ง แต่เท่านี้ก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากเกินพอแล้ว

ผมหลับตาแหงนหน้ามองเพดาน กัดฟันและเกร็งหน้าท้องพยายามที่จะอดทนให้ถึงที่สุด แต่เหมือนเขาจะรู้ว่าผมกำลังแย่จึงขยับริมฝีปากเร็วขึ้น สองมือช่วยรูดรั้งส่วนโคนจนผมไม่สามารถทนต่อไปได้ ผมส่งเสียงครางพยายามให้ดังจนเกินไปแล้วปลดปล่อยออกมา ผมคิดว่าเขาจะขยับออก แต่ธารกลับอ้าปากออกกว้างและแลบลิ้นออกมารับน้ำขาวขุ่นที่พุ่งออกไป

“อึ๋ย ขมเหมือนดอกไม้ที่พี่พนาเคยให้ฉันชิมเลยจ้ะ”

เขาเบ้หน้าและยกชายเสื้อขึ้นเช็ดลิ้นเช็ดปากตัวเอง ผมมองพวงแก้มแดงระเรื่อของเขาพลางลูบไล้ไปมา จากนั้นก็เตรียมดันตัวเขาให้นอนราบกับที่นอน ตั้งใจที่จะทำให้เขาบ้าง แต่ธารก็ขืนตัวเอาไว้แถมยังขยับขึ้นมานั่งบนตัวผมอีกครั้งพร้อมกับถอดกางเกงตัวเองออก

“ทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่ทำให้บ้างไง”

เขาอมยิ้มส่ายหน้าไปมา เรียวขาเนียนแยกออกกว้างเหมือนจงใจให้ผมดูส่วนน่ารักของเขา สายธารเอียงหน้าและเม้มปาก มือข้างหนึ่งกุมอยู่ตรงหน้าอกตัวเองส่วนอีกข้าวเท้าลงกับหน้าท้องของผม เขาสบตาผมอีกครั้งก่อนจะขยับโยกตัวไปมาให้ส่วนอ่อนไหวของตัวเองเสียดสีกับกลางกายของผมจนมันตื่นตัวเต็มที่

“ของพี่พนาคึกคักขึ้นมาอีกแล้วนะจ๊ะ”

“เป็นเพราะใครล่ะ หืม?”

เขาหัวเราะเสียงใสแล้วขยับสะโพกเร็วขึ้น ถึงแม้จะดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้างแต่ก็เร้าอารมณ์มากเลยที่เดียว ผมเอื้อมมือไปด้านหลังกอบกุมสะโพกอวบเอาไว้จนเต็มมือแล้วบีบเคล้น เรียกเสียงครางอย่างพึงพอใจจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

ผมจับแก่นกายของเรารวมไว้ด้วยกัน แล้วใช้สองมือเล็กๆ ของสายธารกอบกุมมันเอาไว้ก่อนจะสอนให้เขาขยับมือไปพร้อมกับโยกสะโพกขึ้นลง เขาเป็นเด็กที่หัวไว แนะนำแค่ไม่กี่คำเขาก็ปฏิบัติได้อย่างดีเยี่ยม

“อึก พี่จ๊ะ อือ อ๊ะ”

ผมบีบต้นขานุ่มให้แนบชิดกันแล้วขยับสะโพกสวนขึ้นไป เสียงหวานครางดังขึ้นผมจึงต้องดึงเขาลงมาจูบปิดปากเพราะกลัวว่าเสียงของสายธารจะดังไปจนถึงห้องของลุงชัยเข้า

กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยอยู่รอบตัว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้มข้นเหมือนตอนที่เขาฮีท แต่กลิ่นอ่อนที่เจือจางเท่านี้ก็ปลุกเร้าอารมณ์ผมได้ดีไม่แพ้กัน

เสียงหวานครางอึกอักในลำคอ สะโพกเล็กขยับลงมาเร็วขึ้นก่อนที่สายธารจะหยุดนิ่งแล้วแอ่นตัวขึ้น ผมที่ยังไม่ถึงจุดหมายก็กุมมือของเขาเอาไว้อีกทีแล้วบังคับให้รูดรั้งต่อ น้ำเหนียวข้นของสายธารที่ชโลมไปทั่วอุ้งมือทำให้เกิดเสียงเร้าอารมณ์เวลาที่ผมจับให้เขาขยับเร็วขึ้น

“พี่พนาจ๋า อ๊ะ ฉัน...จะอีกครั้ง อื้อ...” ความลื่นจากสารคัดหลั่งทำแก่นกายของผมและเขาเสียดสีกันได้ดี สายธารครางอีกครั้ง ริมฝีปากเล็กขบกันไปมาก่อนที่จะเริ่มขยับสะโพกอีก ใบหน้าจิ้มลิ้มเหยเก ผมเร่งจังหวะใช้เวลาเพียงไม่นานก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับสายธารที่ถึงจุดหมายเป็นครั้งที่สอง

ผมโอบไหล่เล็กเอาไว้กดจูบที่ลำคอเพรียวและหัวไหล่เนียนอย่างหลงไหลรักใคร่แล้วค่อยๆ ขยับตัวล้มตัวนอนแผ่โดยที่มีคนตัวเล็กนอนทับอยู่ด้านบน เสียงหอบหายใจดังไปทั่วห้อง ถึงแม้จะเป็นการช่วยกันและกันเพียงเล็กน้อยแต่ทำให้เราทั้งคู่อิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก

หลังจากเสร็จสมและนอนพักอยู่ครู่หนึ่ง สายธารก็ลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูผูกเอวแล้วเดินออกไปด้านนอก เพียงครู่เดียวก็เข้ามาพร้อมขันน้ำขนาดเขื่อง เขาจุ่มผ้าผืนเล็กลงไปแล้วบิดจนหมาดจากนั้นนำมาเช็ดคราบน้ำรักออกจากตัวผม มุมปากเขายกยิ้มเล็กๆ ดูเหมือนจะมีความสุขไม่น้อยเลยที่ได้ดูแลผมแบบนี้

“เป็นอะไร เช็ดไปยิ้มไป”

“ฉันชอบที่ได้ปรนนิบัติพี่พนาแบบนี้จ้ะ”

ผมหัวเราะกับคำว่าปรนนิบัติของเขา ผมไม่ค่อยจะได้ยินคนอื่นใช้คำนี้กันซักเท่าไรนัก มันแปลกหูแต่ก็เหมาะกับสิ่งที่เขาทำให้ผมในค่ำคืนนี้ดี

“ขอบใจนะจ๊ะ” ผมพูดเลียนแบบคำหวานจ๊ะจ๋าเหมือนที่เขาชอบพูด ขยับตัวเข้าหาจับปลายคางเอาไว้ แล้วกดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน คนตัวเล็กยิ้มกว้างขึ้นแล้วเงยหน้าประทับจูบที่ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา

เราสองคนช่วยกันใส่เสื้อผ้า แล้วล้มตัวลงนอนโดยผที่ผมกกกอดเขาเอาไว้ไม่ห่างกาย


ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งในเวลาตีสี่กว่าๆ ถึงแม้ตั้งใจจะกลับแคมป์ในเวลาตีห้าครึ่ง แต่พอตื่นมาแล้วเห็นเวลามันค่อนข้างจวนเจียน จะหลับก็อีกก็กลัวเกินเวลาจนใจไม่อยู่สุข เลยตั้งใจว่าจะกลับในเวลานี้แทน ผมลุกขึ้นมองคนข้างตัวที่นอนหลับตาพริ้ม ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขาอยู่ในช่วงหลับลึก ผมตั้งใจว่าจะออกไปเงียบๆ ไม่อยากรบกวนเวลานอนของเขา แต่ยังไม่ทันที่ขาผมจะแตะพื้นดี แขนผมก็โดนคนที่คิดว่าหลับลึกดึงรั้งเอาไว้

“พี่พนาจะไปแล้วเหรอจ๊ะ”

“ใช่...ตอนนี้มันตีสี่กว่าๆ แล้ว”

“แต่ฟ้ายังมืดอยู่เลย นอนรอจนตีห้าก่อนก็ได้จ้ะ ให้ฟ้ามันสางกว่านี่อีกซักหน่อยนะจ๊ะ”

“แต่...”

“นะจ๊ะ...อยู่ต่ออีกซักหน่อยนะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่งพี่พนาเลย”

“หึหึ ไม่ต้องหรอก หากธารไปส่งพี่ ก็ต้องเดินกลับคนเดียวอีกสิ”

ผมลูบเส้นผมนุ่ม ขยับกลับมาบนเตียงแล้วล้มตัวนอนกอดเขาเอาไว้ นอนเล่นอยู่กับธารอีกซักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก…

.

.

.

“ตีห้าสิบนาทีแล้ว พี่พนาจะไปเลยก็ได้นะจ๊ะ” สายธารลุกขึ้นนั่ง ผมเองก็มองนาฬิกาพอเห็นว่าถึงเวลาที่สมควรแล้วก็ลุกเดินไปที่ประตู

“เจอกันตอนมื้อเช้านะ” ผมบอกลาก้มลงหอมแก้มคนตัวเล็ก สายธารหัวเราะเบาๆ แล้วเปิดประตูออกให้

ไฟกลางบ้านถูกเปิดเอาไว้จนสว่างจ้า ต่างกับห้องสายธารที่ผมเพิ่งออกมาจึงต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับแสง แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งกลับทำให้ผมตัวแข็งเพราะคนที่ยืนหนวดกระตุกถือแก้วกาแฟอยู่ตรงหน้า

“อุ๊ย สงสัยฉันจะจำเวลาพ่อตื่นนอนผิดไปน่ะจ้ะ” สายธารพูดเสียงอ่อย แต่มันกลับไม่เข้าหูผมแล้ว เพราะลุงชัยปล่อยแก้วกาแฟลงกับพื้นแล้วปรี่เข้ามาหาผมทันที

“แม่มึ๊ง! ไปเอาลูกซองมา!”



ชัดเจนแล้วเนอะว่าใครล่อลวงใคร 555
มาเอาใจช่วยและภาวนาขออย่าให้พี่พนามีรูที่ตัวหรือที่หัวกันค่ะ

#โอเมก้าน่ารัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อาเมน..นนนนน   :z3:

ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอให้พี่พนาผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ5555

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องสายธารร้ายมาก แต่ถูกใจคนอ่านที่สุด  o13
พี่พนามัวแต่ชักช้ายึกยักอยู่ได้ น้องธารเลยจัดการรวบหัวรวบหางซะเลย ฮา

 :pig4:

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ตอนที่ 4


ช่วงฟ้าสางลุงชัยนั่งหน้าดุอยู่บนตั่งมองมายังผมที่นั่งคุกเข่าอยู่บนบนพื้นเพื่อให้สายธารทาดินสอพองละลายน้ำมะนาวลงบนหน้าผากที่โนขึ้นมาเป็นลูก

“จะเอายังไงล่ะทีนี้ จะทำยังไงกัน”

“พ่อจ๋า นี่ไงจ๊ะคนที่จะดูแลฉันได้ พี่พนาเป็นอัลฟ่านะจ๊ะ” สายธารตอบเสียงใสก่อนจะวางถ้วยดินสอพองแล้วหันไปยิ้มให้ลุงชัย ท่านมองลูกชายตัวเองแล้วปรายตามองมาทางผมก่อนจะจิ๊ปาก ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก

“เอ็งน่ะเงียบไปเลย ถ้าชอบพอกันจริงก็แค่บอกพ่อดีๆ ไม่ใช่พามานอนบนเรือนให้ผิดผีกันแบบนี้ ฮึ่ย! มันน่า

หวดให้หลังลาย” ว่าแล้วลุงชัยก็เงื้อไม้เท้าในมือขึ้น ผมก็ได้แต่หลับตาเตรียมรับไม้ที่จะฝาดลงมาอีกครั้ง แต่ป้าสร้อยก็ดึงมือลุงชัยเอาไว้ก่อน

“พ่อใจเย็นก่อนนะจ๊ะ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ได้บุ่มบ่ามผูกพันธะกันนะ” สายน้ำพูดขึ้นแล้วมองไปที่น้องชายตัวเองด้วยแววตาขบขันปนเหนื่อยใจ สายธารอมยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบต้นคอที่ปราศจากปลอกหนังที่โอเมก้าควรใส่ไว้

 “เอ่อ...ผมรักสายธาร ผมขอโทษที่ทำอะไรลับหลังแต่ผมยินดีที่จะรับผิดชอบและทำอะไรๆ ให้มันถูกต้อง เพียงแค่ลุงชัยและป้าสร้อยให้โอกาสครับ” ผมยกมือไหว้และพูดออกไปอย่างจริงจัง ลุงชัยถอนหายใจออกมาหนักๆ พลางมองไปยังลูกชายตัวเองที่นั่งยิ้ม ผมได้ยินว่าป้าสร้อยหัวเราะออกมาแล้วยื่นมือมาลูบหัวสายธาร

“แล้วเราล่ะ รักคุณพนาเขารึเปล่าลูก?”

“รักจ้ะแม่ ฉันรักพี่พนา” สายธารขยับเข้าไปหาป้าสร้อย ซบใบหน้าลงบนหน้าขาให้ท่านลูบหัว ภาพตรงหน้าเป็นภาพน่ารักจนผมอยากยิ้มออกมา หากไม่มีสายตาดุๆ ของลุงชัยจ้องผมเขม็งอยู่แบบนี้

“งั้นขอให้คุณพนามาขอขมา ไหว้ผีบ้านผีเรือนกันก่อน ส่วนเรื่องผูกข้อไม้ข้อมือค่อยคุยกันวันหลังนะจ๊ะ” ป้าสร้อยหันมาพูดกับผม ใบหน้าใจดีและน้ำเสียงนุ่มนวลทำให้ผมลดอาการเกร็งไปได้บ้าง ท่านให้ผมจดของที่ต้องซื้อมาขอขมาผีบ้านผีเรือน ระหว่างนั้นลุงชัยก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปเข้าไปในห้อง เห็นแบบนั้นสายธารก็จับขาพ่อเอาไว้

“พ่อจะไปไหนเหรอจ๊ะ...พอก็ชอบพี่พนาไม่ใช่เหรอ พ่อยังเคยชมเลยว่าพี่เขาเก่งเลย” คนตัวเล็กพูดเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทีว่าลุงชัยดูไม่เต็มใจท่าไรนัก “พ่อจ๊ะ ฉันมั่นใจว่าพี่เขาดูแลฉันได้แน่นอน และฉันรักพี่เขา...ฉันอยากอยู่กับพี่พนามากกว่าไปอยู่กับชายที่ฉันไม่ได้รัก ฮึก”

“เออ รู้แล้ว พ่อก็กำลังรีบไปขอโทษลุงปลัดให้เอ็งไง ต้องแวะซื้อเหล้าฝรั่งไปให้เขาหน่อย ผิดสัญญากับเขาขนาดนี้” ลุงชัยพูดแล้วส่ายหัวไปมา แต่มือก็ยกขึ้นลูบหัวสายธาร เห็นแบบนั้นคนตัวเล็กก็ยิ้มกว้าง ส่วนผมก็รีบก้มลงกราบขอบคุณเขาทันที

“ขอบคุณนะครับลุงชัย หากเตรียมของเสร็จเมื่อไรผมจะรีบมาผูกข้อไม้ข้อมือกับสายธารทันทีเลยครับ”

“ไปเตรียมของขอขมากับไหว้พี่บ้านผีเรือนก่อน ส่วนเรื่องผูกข้อมือขอให้สายธารมันถึงอายุยี่สิบห้าก่อน คุณพนารอได้มั้ยล่ะ? เหลืออีกไม่ถึงเดือนแล้วนี่”

“ได้ครับ ผมรอได้”

ลุงชัยพยักหน้าแลเดินเข้าห้องไปใส่เสื้อ จากนั้นก็ออกจากบ้านไป ส่วนป้าสร้อยและสายน้ำก็พากันเข้าครัวไปทำมื้อเช้าเหลือผมและสายธารที่นั่งมองหน้ากันอยู่สองคน

“พี่พนาโกรธฉันรึเปล่าจ๊ะ ที่ฉัน...จำเวลาพ่อตื่นนอนผิดไป”

“แน่ใจว่าจำผิดจริงๆ ไม่ใช่ว่าจงใจให้พี่โดนลุงชัยเอาปืนฟาดหัวหรอกเหรอ ดีที่แกไม่ลั่นไกใส่พี่” ภาพตอนที่ลุงชัยคว้าลูกซองแฝดมาเล็งผมยังติดตาไม่หาย ดีที่ป้าสร้อยมาห้ามไว้ทันไม่อย่างนั้นผมไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อยจ้ะ ฉันไม่คิดว่าพ่อจะหยิบปืนเสียด้วยซ้ำ ก็เห็นเขาเคยชมพี่พนาอยู่...ขอโทษนะจ๊ะ” สายธารขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ผม ฝ่ามือเล็กทาบลงบนมือของผมทำหูลู่หางตกดูน่าสงสาร แต่นั่นก็เท่ากับว่าเขายอมรับว่าจงใจให้ผมเจอกับลุงชัยจริงๆ

“แสบนักนะเรา”

“ฉันขอโทษที่ก้าวก่าย ก็ฉันอยากเป็นคู่ของพี่พนานี่จ๊ะ พี่พนาอย่าโกรธฉันนะ” ผมเขาเอียงคอแล้วใช้ดวงตากลมโตมองมา ริมฝีปากเล็กๆ มุบมิบขอโทษอย่างน่ารัก เจอแบบนี้เข้าไปผมโกรธไม่ลงหรอก

“ไม่โกรธก็ได้ครับ แต่คราวหลังอย่ามัดมือชกกันแบบนี้นะ พี่นึกว่าจะไม่รอดจากลูกปืนลุงชัยเสียแล้ว”

“ฉันไม่ปล่อยให้พี่ตายหรอกจ้ะ หากไม่มีพี่แล้วใครจะพาฉันหนีจากบ้านลุงปลัดล่ะจ๊ะ” สายธารหัวเราะ ใบหน้าจิ้มลิ้มหันซ้ายหันขวา พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ก็รีบยืดตัวขึ้นจูบปาก

ผมนั่งนิ่งๆ คำที่เขาพูดออกมาทำให้ใจผมเริ่ม...หนักอึ้ง เป็นความกลัวรึเปล่าก็ไม่แน่ใจนัก แต่ไม่ชอบใจเท่าไรที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น เขาอยากเป็นคู่กับผมเพียงเพราะไม่อยากแต่งงานกับลูกชายคุณปลัดแค่นั้นรึเปล่า?

“ถ้าแค่เรื่องนั้น...อัลฟ่าคนอื่นก็สามารถพาเธอหนีได้เหมือนกันนะ”

สายธารเลิกคิ้วขึ้น ผมจึงส่งยิ้มให้แล้วลืมความรู้สึกเมื่อครู่นี้ไป เพียงแค่สวมกอดร่างเล็กแล้วเขากอดตอบใจผมก็สงบลง 


หลังจากนั้นสองสามวันที่เราจัดการไหว้ผีบ้านผีเรือนผมก็ไม่ค่อยได้เจอสายธารเท่าไรนัก เพราะต้องเร่งทำงาน และเมื่อมีเวลาว่างก็ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างหมู่บ้านกับกรุงเทพเพื่อคุยกับพ่อแม่เรื่องการผูกข้อไม้ข้อมือ สายธารได้เจอกับทางครอบครัวผมแล้วหนึ่งครั้งในวันที่พ่อและแม่มาพูดคุยเรื่องสินสอดกับลุงชัย เขามีท่าทีเกร็งประหม่าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ยังสามารถปากหวานพูดจาฉอเลาะจนแม่ผมหลงเสน่ห์ว่าที่ลูกสะใภ้ไปเต็มๆ

จนเวลาผ่านไป ก่อนวันงานเจ็ดวันผมถูกห้ามไม่ให้เจอหน้าสายธาร มันเป็นประเพณีของบ้านเขาที่ต้องเก็บตัวไม่ให้อีกฝ่ายเจอหน้า ต่างฝ่ายต่างก็มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และเตรียมตัวสำหรับการเป็นครอบครัวเดียวกัน ลุงคำบอกให้ผมต้องรู้ขั้นตอนพิธีของงานผูกข้อไม้ข้อมือคร่าวๆ เขาบอกว่าฝ่ายเราไม่มีอะไรมาก ต่างกับอีกฝ่ายที่ต้องเตรียมตัวเยอะ ผมไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าจะเตรียมตัวอะไรเยอะแยะ บางครั้งผมบังเอิญได้เห็น ได้ยินเสียงของเขาที่คุยอยู่กับชาวบ้านคนอื่น แต่พอจะเดินเข้าไปหาก็มักจะโดนคนรอบข้างห้ามเอาไว้ คืนสุดท้ายก่อนถึงวันงานผมนอนพลิกไปมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

พรุ่งนี้ผมจะได้เจอสายธาร พรุ่งนี้ผมจะได้แต่งงานกับเขา และตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะมีครอบครัวเป็นของตัวเอง...

เรื่องมันฉุกละหุกและรวดเร็วไปหมดแต่ผมกลับไม่มีความคิดลังเลหรือเสียใจเลย คำว่าไม่พร้อมจะแต่งไม่เคยแวบเข้ามาในหัวผมเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะเจ้าสาวของผมคือสายธาร…คนที่ผมหมายตาเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คิดแล้วก็ขำ มาทำงานแท้ๆ ดันได้เมียกลับไปเฉยเลย

ถึงแม้ว่าจะมีความสุขที่ได้คนที่เขามาเป็นคู่ครอง แต่ในใจลึกๆ ผมกลับรู้สึกติดขัดอยู่เล็กน้อย ไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร เป็นความกังวลเล็กๆ ที่อยู่ในหลุมลึกของจิตใจ...รู้เพียงแค่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสายธาร

แล้วปากหลุมของความกังวลนั้นก็ถูกกลบด้วยความตื่นเต้นของพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ ผมถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ามืดเพื่อมาเตรียมตัว ถูกจับให้ใส่เสื้อผ้าฝ้ายตัดเย็บอย่างดี กางเกงสีเดียวกันขาทรงกระบอกและผูกผ้าขาวม้าที่บั้นเอว

“พี่พนาจ๊ะ”

เสียงหวานที่ผมคิดถึงร้องเรียกเรียก ผมเงยหน้ามองแล้วใบหน้าจิ้มลิ้มแล้วยิ้มตาม อยากจะดึงเขาเข้ามากอดให้จมอก สายธารแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวกับกางเกงสีเดียวกัน ที่บั้นเอวผูกผ้าขาวม้าเอาไว้คล้ายๆ กับผม ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียลกว่าเก่า อีกทั้งยังดูเปล่งปลั่งจนผู้ชายในงายพากันมองตาเป็นมัน ผมรู้สึกภูมิใจและขัดใจไปพร้อมๆ กัน ว่าที่เมียของผมน่ารัก แต่ไม่ชอบใจเลยที่คนอื่นต่างมองเขาด้วยสายตาชอบพออยากได้แบบนี้

“สายธาร...”

“เอ่อ...พี่พนามีความสุขกับงานนี้รึเปล่าจ๊ะ” เขาถามเสียงแผ่วแล้วเม้มปาก ดวงตากลมโตสั่นไหวดูไม่มั่นใจ ผมเองก็ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เขาถาม วันนี้เป็นวันดี...ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะ

“แน่นอน พี่มีความสุขมากๆ เลย”

“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ฉันคิดถึงพี่พนาจังเลยจ้ะ” เขายิ้มกว้างจนตาหยี สองมือจับแขนผมเอาไว้

“พี่ก็คิดถึง” ผมก้มลงไปหา สบตากับดวงตาใส ไล่ไปที่แก้มนวลและริมฝีปากระเรื่อ อยากจะหอมแก้ม อยากจะกอดจูบให้หายคิดถึง สายธารยกมือขึ้นมาป้องปากแล้วหัวเราะ เขามีท่าทีเขินอายเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวเข้าหามากกว่าเก่า แล้วกระซิบๆ เบาให้ได้ยินกันแค่สองคน

“คืนนี้เราจะได้เข้าหอกันแล้ว ฉันจะกอดให้หายคิดถึงเลยจ้ะ พี่พนาเตรียมใจไว้ได้เลย”

“หึหึ ใครกันแน่ที่ต้องเตรียมใจเอาไว้”

เรายืนคุยกันไม่นานก็ถูกพาไปทักทายแขกของลุงชัย และเมื่อทางครอบครัวของผมมาถึงก็ได้เวลาทำพิธีผูกข้อมือ ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เรียบง่ายจนผมยังประหลาดใจ หลังเสร็จพิธีเราก็ถูกส่งตัวเข้าหอในช่วงบ่าย เป็นห้องของสายธารนั่นแหละที่เป็นห้องหอชั่วคราวของเรา

แต่อย่าได้คิดว่าเราจะทำอะไรกัน แค่ส่งแขกกลับกันหมดเราก็ง่วงเสียจนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดแทบไม่ไหว เพราะต้องตื่นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า อีกทั้งเมื่อคืนก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พอหลังสัมผัสเตียงก็เลยหลับกันไปทันที


“พรุ่งนี้พี่พนาว่างรึเปล่าจ๊ะ” สาธารเดินเข้ามาผมในแคมป์ พร้อมกับเสื้อผ้าที่ผมวานให้เขานำมาให้ ถึงแม้ว่าผมจะย้ายไปนอนที่ห้องของสายธารแล้วแต่คืนนี้ผมตั้งใจจะนอนที่แคมป์เพราะอยากทำงานให้เสร็จ ซึ่งคาดว่าคงจะดึกเลยไม่อยากขึ้นเรือนให้ไปรบกวนคนอื่นเขา

ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมกับสายธารเข้าพิธีผูกข้อไม้ข้อมือด้วยกัน เขายังไม่ได้เป็นของผมเต็มตัว ผมต้องเร่งทำงานที่ค้างเอาไว้เป็นภูเขาและรู้สึกเกรงใจคนในทีมที่งานเสร็จล่าช้าเพราะผมด้วย

“อืม...ก็ไม่ว่างเท่าไร พี่มีงานค้างอยู่เยอะเลย” ผมพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นกระถางกล้วยไม้ป่า แล้วก็ชะงักมือเมื่อได้ยินเสียถอนหายใจของอีกฝ่าย

“...ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ”

“เดี๋ยวสิ ธารงอนพี่รึเปล่า” ผมรีบละมือจากงานแล้วดึงแขนเล็กเอาไว้หลังจากได้ยินน้ำเสียงหงอยๆ ของเขา คนตัวเล็กส่งยิ้มมาให้แล้วส่ายหน้าจนเส้นผมดำขลับกระจาย ผมจึงหัวเราะด้วยความเอ็นดูพลางตีตักตัวเอง “ธารไม่พอใจรึเปล่าที่พี่เอาแต่ทำงานจนเราไม่ได้เข้าหอกันจริงๆ เสียที”

“เปล่าจ้ะ ฉันรู้ว่าพี่พนากำลังยุ่ง ฉันจึงอยากชวนพี่พนาไปน้ำตก ไปผ่อนคลายเสียบ้าง แล้วก็เพราะ...ฉันคิดถึงพี่พนาด้วย” คนตัวเล็กขยับตัวนั่งลงบนตักผมแล้วกอดคอผมเอาไว้ เขาอมยิ้มแล้วหอมแก้มผมทั้งสองข้าง

ผมสบตากับเขาและนิ่งคิด มือก็ลูบแผ่นหลังเขาไปด้วย ผมคิดว่าสายธารมีอะไรที่ไม่สบายใจอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ร่าเริงแต่มันเป็นความรู้สึกของผมเมื่อมองเข้าในดวงตาของเขา ผมหันกลับไปกองงานแล้วก็มองหน้าสายธารก่อนจะตัดสินใจว่าไปกับเขาก่อนครู่หนึ่งก็ได้ ช่วงหลังมานี้ผมรู้สึกว่ามีเวลาให้เขาน้อยจนเกินไปจริงๆ ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าขาวม้าแล้วส่งยิ้มให้เขา

“งั้นไปตอนนี้เลยได้มั้ย พี่จะได้ถือโอกาสอาบน้ำไปด้วยเลย”

คนตัวเล็กยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า เขาวิ่งกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเราก็พากันเดินไปที่น้ำตก ตรงเวิ้งน้ำที่ประจำของเขา ดวงจันทร์กลมโตสว่างไสวเสียจนเราไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฉายหรือตะเกียงเลย

เมื่อมาถึงที่หมายสายธารก็ชี้ให้ผมดูภาพสวยงาม เงาจากดวงจันทร์ตกกระทบผิวน้ำที่ไหลเอื่อยก่อให้เกิดประกายวิบวับสวยงาม ถึงแม้ว่าอากาศในช่วงนี้จะร้อนแต่พอตกกลางคืนก็เย็นลง มีลมพัดเย็นชวนให้ผ่อนคลายและสบายใจ เราถอดเสื้อผ้าวางลงบนโขดหินแล้วสายธารจะกระโดดลงน้ำไปก่อน

ผมกระโดดตามลงไป ดำผุดดำว่ายไปรอบตัวของสายธาร เราพากันแหวกว่ายไปมาเหมือนปลาสองตัวที่กำลังเกี้ยวกันอยู่ ผมพยายามตามใจเขา เขาอยากว่ายไปทางไหนผมก็พาไป ทดแทนกับเวลาที่ผมไม่ว่าง ว่ายเล่นกันจนเหนื่อยก็พัก ลอยคอให้น้ำใสเย็นสบายนี้โอบอุ้มตัวของเราเอาไว้

“พี่พนาจ๊ะ”

“ว่าไง” ผมตอบรับแล้วหันไปมองเขา สายธารอมยิ้มแล้วมุดน้ำหายไปก่อนจะโผล่มาอยู่ด้านหลังของผม เขาพรมจูบไปตามแผ่นหลังและไหล่ แนบริมฝีปากลงบนใบหูของผมจากนั้นก็กระซิบคำหวานหูให้หัวใจผมเต้นระส่ำ

“ฉันรักพี่มากจริงๆ นะจ๊ะ” เขากอดหลังผมเอาไว้ ใบหน้าเนียนแนบไปกับแผ่นหลังแล้วพูดต่อ ผมชะงักเพราะรู้สึกของเหลวอุ่นที่แผ่นหลัง

“ธาร...ร้องไห้ทำไม”

“ความจริงแล้วฉันกังวลมากๆเลยนะจ๊ะ...เราเพิ่งเจอกันไม่นาน แล้วฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ฉันทำมันเหมือนบังคับให้พี่มาเป็นคู่ครองด้วย”

“...พี่เต็มใจจะเป็นคู่กับสายธาร พี่มีความสุขมากนะที่มีเธออยู่ข้างกายแบบนี้”

“ฉันดีใจมากเลยที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็อยากให้พี่รู้ว่าฉันรักพี่พนามากจริงๆ และอยากให้รู้ว่า…”

“...” สายธารเว้นช่วงไป คนด้านหลังซุกใบหน้าและกระชับอ้อมแขนกอดผมแน่นกว่าเดิม ผมกุมมือเขาเอาไว้ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“ไม่ใช่ว่าจะเป็นอัลฟ่าที่ไหนก็ได้...แต่ต้องพี่พนาเท่านั้นที่ฉันต้องการจะอยู่ด้วย”

ผมพลิกตัวหันไปหาเขา เชยคางมนขึ้นแล้วเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ ดวงตากลมโตที่เคยสดใสในตอนนี้หม่นแสงลงชวนให้ผมใจหายและรู้สึกผิด คำที่ผมพูดในวันนั้นคงติดค้างในใจเขามาตลอด ผมเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาร้องไห้ในวันนี้ แต่คำพูดของเขามันเหมือนดินที่ช่วยกลบหลุมในใจของผม ไอ้ความรู้สึกตะขิดตะขวงก่อนหน้านั้นมันหายไป ไม่ใช่อัลฟ่าคนไหนก็ได้แต่ต้องเป็นผมเท่านั้น

“อย่ากังวล...พี่เชื่อแล้ว พี่ก็รักสายธาร”

“...ฮึก พี่พนา”

“หยุดร้องได้แล้ว พี่ขอโทษที่พูดอะไรแบบนั้นไป ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะครับ” สายธารพยักหน้าแล้วยิ้ม พอเห็นว่าเขาหยุดร้องไห้ดีแล้วก็ยกมือขึ้นขยี้หัว สายธารหัวเราะร่าแววตากลับมาสดใสร่าเริง เห็นเขายิ้มจนแก้มพองแบบนั้นผมก็รู้สึกมันเขี้ยว ก้มลงไปฟัดแก้มจนเขาหัวเราะคิกคักเอียงหน้าหนีเป็นพัลวัน เสียงน้ำกระเพื่อมดังไปทั่วบริเวณที่เงียบสงัดนี้

“หนวดพี่พนาทิ่มฉันจ้ะ”

เพราะมัวแต่ทำงานก็เลยไม่ได้สนใจโกนหนวดจนมันขึ้นตอ ผมหัวเราะจับไหล่เขาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีได้ ก้มลงแกล้งถูไถตอหนวดแข็งๆ ไปที่หัวไหล่ พอเขาเบี่ยงตัวหนีผมก็ซุกหน้าเข้าไปที่ลำคอ แกล้งขบเม้มไปพร้อมกับถูหนวดไปด้วย

ผมหวังไว้ว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะแต่เขากลับมีปฏิกิริยาที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจอยากได้ยินเสียงครางมากกว่า ผมกอดเอวเขาเอาไว้ ร่างกายเล็กก็จงใจเบียดเข้าหาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความปรารถนาของเขาที่ดุนดันอยู่ตรงหน้าขา

“พี่พนาจ๊ะ....เมื่อไรพี่จะจับฉันทำเมียเสียที”

“พี่ว่าคืนนี้แหละ”

พูดจบก็ก้มลงไปประกบปากจูบ โพรงปากหวานล้ำอ้ากว้างให้ผมสอดลิ้นเข้าไป กวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก ฝ่ามือก็บีบฟ้อนเฟ้นไปทั่วลำตัวเนียนนุ่ม เลื่อนลงไปบีบสะโพกอวบที่อยู่ใต้น้ำอย่างแรงจนรู้สึกได้ว่าเนื้อนุ่มล้นตามนิ้วออกมา

“อื้อ พี่พนาจ๊ะ อึก” เด็กคนในอ้อมกอดก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อผมค่อยลากนิ้วไปตรงถึงช่องทางด้านหลัง ผมไม่ได้สอดเข้าไปแค่ลูบไล้พลางมองหน้าเขาไปด้วย

“กลับไปที่บ้านกันดีกว่ามั้ย พี่ว่าที่นี่มัน...โจ่งแจ้งไปหน่อย”

“ฮื่อ! ทำไมพี่พนาอดทนเก่ง ฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาอย่างขัดใจ ผมหัวเราะแล้วจับมือเขามาวางลงบนหน้าท้องตัวเอง

“ไม่หรอก...ถ้าอดทนได้พี่จะเป็นแบบนี้เหรอ” ผมพูดเสียงพร่า ค่อยๆ ดันมือเขาลงไปใต้น้ำให้สัมผัสกับส่วนที่ตื่นตัวของผมเอง สายธารอ้าปากเล็กน้อยก่อนจะเม้มปากช้อนตามองผม ฝ่ามือเล็กกอบกุมมันเอาไว้แล้วรูดรั้งมันเบาๆ

“ทำที่นี่เถอะนะ ฉันทนถึงบ้านไม่ไหวหรอกจ้ะ พี่เองก็ดู...ทนไม่ไหวเหมือนกันนี่จ๊ะ?” ปลายนิ้วนุ่มขยี้ส่วนปลาย ทำให้ผมหลุดครางออกมา สายธารมองตาผมพลางกระชับฝ่ามือให้แน่นกว่าเดิมแล้วพูดชักชวนอีกครั้ง ด้วยคำล่อใจที่ผมปฏิเสธไม่ลง “ที่นี่นะจ๊ะ ทำที่บ้านฉันไม่กล้าครางเสียงดัง”

“จ้ะ ที่นี่ก็ได้จ้ะ” ผมตอบเสียงแผ่ว สมองเอาแต่นึกถึงเสียงครางแว่วหวานที่ปล่อยออกมาอย่างที่ไม่ต้องกลั้นเอาไว้ของเขา แล้วมือข้างนึงของผมบดขยี้ปลายถันเม็ดเล็ก ส่วนอีกข้างก็ดึงเอวเขาเข้ามาใกล้ ก้มลงไปบดเบียดริมฝีปากระเรื่อจนหนำใจ ปลายลิ้นเราทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดกันไปมา ผมผละออกแลบลิ้นเลียน้ำหวานที่ซึมออกมาจากมุมปากของสายธาร เขากัดปากตัวเองแล้วค่อยๆ ดันผมให้เดินถอยหลังไปชนกับก้อนหินขนาดใหญ่

“พี่พนาเชื่อมั้ยจ๊ะ ว่าฉันกลั้นหายใจได้นานเป็นนาทีเลยนะ” เขาจ้องหน้าผมและยิ้มยั่ว ผมไม่เข้าใจจนกระทั่งเขาย่อตัวลงอย่างช้าๆ จนใบหน้าครึ่งล่างจมลงอยู่ใต้น้ำ ริมฝีปากเล็กคลอเคลียพรมจูบอยู่ตรงท้องน้อย ปลายคางของเขามันถูไถไปมากับส่วนปลายให้ผมขนลุก จากนั้นเขาก็จมหายไปทั้งตัว เห็นเพียงเส้นผมที่ลอยขึ้นมาอยู่บริเวณผิวน้ำ

“ธาร…อา” ผมอ้าปากปล่อยเสียงคราง ส่วนอ่อนไหวที่เคยอยู่ใต้น้ำเย็นสบายถูกครอบด้วยโพรงปากอุ่น คนที่อยู่ใต้น้ำขยับริมฝีปากและเรียวลิ้นอย่างเชื่องช้าไม่ทันใจ สายธารพยายามที่จะอ้าปากและดุนลิ้นแต่คงเพราะอยู่ใต้น้ำ มันก็เลยทำให้เขาทรมานกว่าปกติ ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาทีคนที่ว่ากลั้นหายใจได้นานก็โผล่ขึ้นมาสูดอากาศหายใจยกใหญ่

“พี่...อื้อ อึก”

ยังไม่ทันที่เขาจะหายใจได้เต็มปอด ผมก็จับคางเขาไว้แล้วประกบปากจูบอย่างแนบแน่น เนิ่นนานจนหนำใจก็ผละออก คนตัวเล็กอ้าปากกว้างหอบหายใจจนอกกระเพื่อม

ผมออกแรงตัวเขาขึ้นนอนบนโขดหินลาดเอียงริมตลิ่ง ในขณะที่ตัวผมเองก็หาที่ยืนมั่นๆ หยัดสะโพกตัวเองให้ดันกับก้นของเขาเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สายธารลื่นลงมา

แสงจากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมาให้ผมเห็นภาพสวยงามตรงหน้าอย่างชัดเจน ผิวกายสีน้ำผึ้งสวยนวลเนียนที่จับแล้วลื่นมือยิ่งกว่าเก่า แผ่นอกแบนราบประดับด้วยหัวนมสีระเรื่อตั้งชันท้าทายปลายลิ้น เอวคอดพอดีและสะโพกผาย ต้นขากลมกลึงไล่ไปจนถึงเรียวขาเนียนได้รูป ทุกส่วนดูอวบอิ่มและนุ่มนิ่มน่าหลงไหลไปหมด

ผมกุมมือเขา จรดริมฝีปากลงบนหลังมือแล้วจูบไล่ขึ้นไปจนถึงหัวไหล่ ลากไล้ปลายจมูกสูดดมไปตามผิวหอมเนียนอย่างหลงไหล

“เจ้าเนื้ออ่อน ผิวสวยมากเลย” ผมพูดชม สายธารก็อมยิ้มแล้วยกแขนอีกข้างนึงขึ้นให้ผมทำเหมือนกัน

“เจ็ดวันที่เราไม่ได้เจอกัน ฉันโดนแม่และพี่จับพอกตัวทุกเย็นเลยจ้ะ เขาว่าเตรียมตัวไว้สำหรับวันเข้าหอ...อาจจะช้าไปหน่อย แต่ฉันดีใจมากที่พี่ชอบ”

 ผมแยกขาเขาออกกว้าง สายธารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการกอดขาตัวเองเอาไว้แล้วเหยียดตรงจนปลายเท้าชี้ขึ้นด้านบน ผมหัวเราะส่งยิ้มให้แล้วก้มลงหอมแกมนวลสีระเรื่อเป็นการขอบคุณ

จากนั้นก็จูบและขบเม้มไปที่ข้อพับขาด้านซ้าย ส่วนขาขวาของเขาก็โดนผมไล่ฝ่ามือลูบคลำสลับบีบนวดตั้งแต่ปลีน่องลงมาที่แก้มก้นจนมาถึงช่องทางปิดสนิทที่อยู่ปริ่มผิวน้ำของลำธาร

“แล้วตรงนี้ล่ะ เขาได้สอนให้เตรียมอะไรไว้รึเปล่า” ผมแกล้งถาม สายธารเม้มปากแล้วส่ายหน้าไปมา

“อือ พี่จ๊ะ อึก” เขาเกร็งตัว กระดกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมลูบปลายนิ้ววนไปมาที่รอบปากทาง รู้สึกได้ถึงน้ำลื่นที่ไหลออกมาจนพอเหมาะก็สอดนิ้วเข้าไปในตัวเขาอย่างช้าๆ สายตาผมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอด พอเขาเริ่มคุ้นชินก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป

ระหว่างที่กำลังเตรียมพร้อมให้เขา ผมก็ชัดรูดของตัวเองไปด้วย สายธารมองมาตาไม่กระพริบ ยิ่งตอนที่ผมดึงนิ้วออกแล้วดุนดันส่วนปลายไปรอบช่องทางเขาก็เกร็งจนตัวสั่นดูน่าสงสงสาร ผมไม่แน่ใจเลยว่าเขาสั่นสู้หรือสั่นกลัวกันแน่

“สายธารกลัวรึเปล่า” ผมถามในขณะจ่อส่วนปลายเอาไว้แต่ยังไม่ดันเข้าไป ผมเห็นว่าเขาเม้มปากแน่น ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อผมละมือขึ้นไปขยี้ยอดอก

“ป...เปล่าจ๊ะ อ๊ะ อึก พ..พี่พนาใหญ่ อื้อ เจ็บ” สิ่งที่จ่อเอาไว้ถูกดันเข้าไปเมื่อเขาปฏิเสธ เด็กหนุ่มตรงหน้าสะดุ้ง สองขาที่เคยเหยียดตรงก็งอเข้าหากัน ผมจึงจับแยกออกอีกครั้งและพาดไว้บนบ่า สะโพกก็ขยับเข้าและออกอย่างเชื่องช้าเพื่อให้เขาปรับตัวได้   

น้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติของโอเมก้าพากันหลั่งออกมาจนเปียกชุ่ม ทำให้ผมขยับได้สะดวกมากยิ่งขึ้น พอเร่งจังหวะคนตัวเล็กก็งอตัวเข้าหา สองมือที่ดันหน้าท้องเปลี่ยนขึ้นมาคล้องคอ ดึงผมลงไปประกบจูบอย่างดูดดื่มระหว่างนั้นผมก็ดันสะโพกเข้าหาเร็วขึ้น แต่ก็พยายามใจเย็นลงเพราะกลัวว่าเขาจะยังไม่หายเจ็บ

“ดีขึ้นรึยัง เจ็บอยู่รึเปล่า อึก!” ผมหลุดครางเพราะภายในตัวเขากระตุกถี่ๆ ร่างกายเล็กสั่นระริกพร้อมกับน้ำขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมา ผมมองเขาอย่างประปลาดใจแล้วเขาก็หัวเราะสองมือยันตัวเองขึ้นมากอดคอผมเอาไว้ ส่วนสะโพกนุ่มกระดกเข้าหา

“ตอนนี้เสียวมากๆ แล้วจ้ะ อ๊ะ อ๊า!”

คำพูดซื่อๆ ที่เขาพูดออกมา ทำให้ผมใจเย็นไม่ไหว กดเอวเขาลงกับหินแล้วกระแทกสวนขึ้นไป สายธารจิกเล็บลงบนแขนของผม กรีดลงไปเป็นทางยาว ขาเรียวอ้ากว้างปลายเท้าสั่นขึ้นลงอยู่กลางอากาศตามจังหวะที่ผมขยับ เสียงครางหวานดังลั่นป่าในความรู้สึกของผม กลบเสียงน้ำที่กระฉอกยามที่เราขยับตัวเข้าหากัน

“ธาร...สายธาร”

ครางชื่อเขา ก้มลงลงไปหาซุกจมูกและริมฝีปากลงบนลำคอเพรียวระหง กลิ่นหอมรัญจวนของดอกไม้ป่าฟุ้งไปทั่วทำให้ผมทนไม่ไหว ยิ่งเร่งความเร็วเขาก็ยิ่งหอม ยิ่งกระแทกแรงเขาก็ก็ยิ่งตอบสนอง ผมขบเม้มเนื้อนุ่มตรงหน้าอก บ้างก็ลงเขี้ยว จนเกิดรอยแดงไปทั่วตัวเขา เห็นลำคอเนียนเปลือยเปล่าก็มันเขี้ยว อยากจะกัดให้เขาเป็นของผมเพียงแค่คนเดียว

“อือ พี่จ๋า...พี่พนาจ๋า มันดีจังเลย อื้อ”

ผมยกสะโพกเขาขึ้นเล็กน้อยให้เราเข้ากันได้ลึกกว่าเดิม ปากก็กัดไปที่หัวไหล่สลับกับลากลิ้นชิมเนื้อหวานตรงข้างลำคอ ความคิดอยากจะกัดครอบคลุมอยู่ทั่วสมอง ยิ่งเห็นว่าเขาพยายามเอียงคอให้ผมก็ยิ่งอยากจะลงเขี้ยวไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

“ธาร รักพี่รึเปล่า”

“รักจ้ะ อะ อื้ม” เพราะผมขยับสะโพกเข้าหาตลอด การตอบของเขาจึงกระท่อนกระแท่นไม่เป็นคำ

“รักมากแค่ไหน...”

“มากๆ เลยจ้ะ รักมาก มาก มาก เลยจ้ะ”

“งั้นอยู่กับพี่ไปตลอกชีวิตนะ...พี่ขอผูกพันธะได้มั้ย? ขอพี่กัดได้รึเปล่า?”

ผมผ่อนแรงลงแล้วถามไปเพราะคิดว่าการผูกพันธะมันเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้จะแต่งงานกันแล้วผมก็ควรจะถามเขาก่อน ระหว่างที่รอคำตอบผมขยับไปปากไปกัดไหล่อีกข้าง สายธารมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ สองมือประคองใบหน้าผมแล้วดึงลงไปจูบ

“...พี่พนาห้ามทิ้งฉันนะจ๊ะ ห้ามเด็ดขาดเลยนะ”

“พี่รักสายธาร พี่จะไม่ทิ้ง จะอยู่กับสายธารคนเดียว”

“จ้ะ...กัดเลยจ้ะ อ๊า! พี่จ๋า ฮึก”

เขาว่าแล้วเอียงตัวให้ และทันทีที่เขาอนุญาตก็ลงเขี้ยวไปที่หลังคออย่างรุนแรง ผมได้ยินเสียงหวานร้องลั่น กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปเต็มปากพร้อมกับกลิ่นหอมที่ฟุ้งขึ้นจมูกจนผมมึนหัวไปหมด ผ่านไปครู่เดียวก็ถอนเขี้ยวออกปาดเลียไปรอบๆ รอยแผลเพื่อไม่ให้เขาเจ็บจนเกินไป

“ฮึก พี่พนาจ๋า ฉันรักพี่มากๆ เลยนะจ๊ะ”

“พี่ก็รักสายธาร”

สะโพกกลับมาโหมกระหน่ำเข้าหาจนสายธารโยกไหวไปทั้งตัว ไม่นานหลังจากนั้นผมก็กดสะโพกไว้นิ่งๆ ดันให้ลึกที่สุดแล้วปลดปล่อยเข้าไปในโพรงอุ่น คนตัวเล็กเกร็งจนสั่นแล้วน้ำอุ่นของเขาก็พุ่งออกมาจนเลอะไปทั่วหน้าท้องของตัวเอง

ผมหอบหายใจ ซบหน้าลงกับไหล่เล็ก ซุกใบหน้าไปที่ลำคอ เลียรอยฟันที่ตัวเองทิ้งเอาไว้บนผิวสวยๆ พอคนใต้ร่างขยับตัวผมก็ลุกขึ้นดึงตัวออก น้ำกามมากมายที่ผมปล่อยไว้ด้านในพากันไหลออกมาตามจังหวะการขมิบของช่องทางสีสด 

“ธาร อืม...” ผมมองใบหน้าแดงก่ำของเขาแล้วก้มมองฝ่าเท้าเล็กที่บดเบียดอยู่ตรงแก่นกายของผม เขากำลังปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาก็รูดรั้งให้ตัวเองไปด้วย

“อึก พี่พนาจ๋า…ทำกันอีกครั้งนะจ๊ะ เข้ามาอีกนะ...”

เด็กมันชวนขนาดนี้ ใครจะไปปฏิเสธลงล่ะ




ตอนนี้มีดราม่ามากระจึ๋งนึง ไม่รู้ว่าจะเรียกดราม่าได้รึเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาด้วยดีนะคะ
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ สั้นๆ ไม่ยาวมากเนอะ

♥ ตอนนี้เราขอฟีดแบคหน่อยนะคะ ขอกำลังใจให้เราหน่อย และสำหรับคนที่ไม่รู้จะเม้นว่าอะไร สติ๊กเกอร์อันเดียวเราก็ดีใจแล้วค่ะ ♥


#โอเมก้าน่ารัก

Twitter : @loammyloammie

Facebook : LoammyLoammie

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบ...บบบบบบบบบบ  o13

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นึกถึงเพลง... เด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปหน่อยยยย... :-[

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
นึกถึงเพลงพริกขี้หนูเลยค่ะ น้องธารทั้งแสบทั้งเผ็ดร้อน

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แงงงง น้องธาร ตอนแรกเราใจหายว่าเอ๊ะ น้องธารมีอะไรซ่อนอยู่รึเปล่านะ แบบบถ้าไม่มีคนพี่ น้องต้องแต่งกับลูกปลัดเลยรวบวรวบหางคนพี่ซะเลย เพราะแค่พี่เป็นอัลฟ่าแต่ไม่ได้รักขนาดนั้นไรงี้ แต่ที่จริงเข้าใจผิดนิดเดียวเอง สุดท้ายน้องยั่วเก่งมากกก

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องธารhotมากๆ

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องไม่ได้แอบซ่อนเรื่องอะไรไว้ใช่ไหมนะกลัวใจ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
 :pighaun: น้องธาร ร้อนแรงจริงๆจ้าา

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด