[END] The Boy Next Home #เกิดเป็นรักข้ามรั้ว - อัพเดท Special CH. - 17/09/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] The Boy Next Home #เกิดเป็นรักข้ามรั้ว - อัพเดท Special CH. - 17/09/2019  (อ่าน 14855 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณตาหลงหลานอ่ะ  อิอิ

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
:: Chapter 22nd - เปิดตัว ::


Palat’s Part

และแล้วสิ่งที่ผมกับตะวันกังวลก็เป็นจริง เมื่อผมเห็นกรอบข่าวเล็กๆ ในหน้าสังคม เป็นข่าวซุบซิบเรื่องของผมกับตะวันถูกเขียนขึ้น


‘แอบได้ยินมาว่าลูกชายของท่านประธานของนิตยสารหัวใหญ่รายหนึ่งจะแอบคั่วอยู่กับลูกชายของนักวิจารณ์อาหารชื่อดัง อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ลูกชายของทั้งสองฝั่งกำลังคั่วกันอยู่เงียบๆ เสียดายจังเลยนะคะเพราะโปรไฟล์และหน้าตาของทั้งคู่เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็กต์ มากินกันเองแบบนี้ประชากรหญิงของไทยคงน้ำตาเช็ดหัวเข่าเป็นแถบๆ แต่ถึงจะกินกันแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทายาทค่ะ เพราะแว่วมาว่าฝั่งของลูกชายเจ้าของนิตยสารหนีบทายาทตัวน้อยๆ ไว้รออยู่แล้ว ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องจ้างใครมาอุ้มบุญอุ้มบาปให้หนักอกหนักใจ’


ผมกำมือแน่นทันทีที่อ่านจบ ก่อนจะกดอินเอตร์คอมฯ เรียกเลขาคนสนิทเข้ามาหาโดยเร็ว

“คุณฝ้าย เชิญหน่อยครับ ผมมีเรื่องจะให้จัดการ”

.... ในเมื่อเล่นไม้นี้กับผม ผมก็จะเล่นไม้นี้ตอบเหมือนกัน

.

.

.

(จะดีเหรอครับพี่พลัฎฐ์?)

เสียงหวานของอีกฝั่งของสายเอ่ยถามผมอย่างไม่ค่อยสบายใจ เพราะตอนนี้ผมกับตะวันกำลังคุยโทรศัพท์กันอยู่ และผมก็บอกน้องถึงแผนการที่ผมวางไว้ ก็เลยเป็นที่มาให้น้องถามประโยคนั้นออกมานั่นแหละ

“สำหรับพี่ พี่คิดว่ามันดี และพี่ก็อยากทำ แต่พี่ต้องมาถามตัวเล็กก่อนว่าตัวเล็กจะโอเคไหม ถ้าพี่จะทำแบบนี้”

ผมถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและไม่คิดกดดัน ผมตามใจน้องเสมอ ถ้าน้องตกลงผมก็เดินหน้าต่อ แต่ถ้าน้องไม่เห็นด้วยหรือไม่อยากทำตามแผนที่ผมคิดไว้ ผมก็แค่คิดแผนใหม่และล้มเลิกแผนการนี้ไปแค่นั้น

(ตะวันน่ะ ไม่ได้มีปัญหากับแผนที่พลัฎฐ์บอกนะครับเพราะตะวันเองก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้มีใครรู้จักอะไรเท่าไหร่ แต่พี่พลัฎฐ์น่ะสิ พี่เป็นถึงรองประธานฯ บริษัท ถ้าทำแบบนี้ตะวันกังวลว่า...)

“ไม่เอาครับตัวเล็ก ตัวเล็กห้ามคิดแบบนี้” ผมรีบพูดสวนออกไปทันทีก่อนที่ตะวันจะพูดจบประโยค “ห้ามคิดว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้มีชื่อเสียงเลยไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจอะไรมากถ้ามีคนพูดถึง เพราะสำหรับพี่ ตัวเล็กคือคนสำคัญ เป็นคนที่พี่แคร์และพี่ต้องคิดถึงเป็นอันดับต้นๆ ในชีวิต”

(พี่พลัฎฐ์..)

“จำไว้นะครับไม่ว่าตัวเล็กจะเป็นคนธรรมดาหรือไม่ธรรมดา มีชื่อเสียงหรือไม่มีชื่อเสียงนั่นไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญคือตัวเล็กเป็นคนรักของพี่ เป็นคนที่พี่จริงจังและอยากร่วมชีวิตด้วย ดังนั้นพี่จะไม่ยอมเด็ดขาดถ้าตัวเล็กรู้สึกไม่โอเคที่จะให้ใครพูดถึงหรือนินทา เอาที่ตัวเล็กสบายใจที่สุด นั่นคือประเด็นหลักที่พี่มาถามตัวเล็กในวันนี้”

พอผมร่ายจบคนในสายก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบเสียงใสน่าฟัง ให้นึกอยากจับมาฟัดให้หายคิดถึง

(ตะวันไม่มีปัญหาครับ ถ้าพี่พลัฎฐ์คิดมาแล้วว่าดี ตะวันก็สนับสนุน เพราะตะวันเชื่อใจพี่ ตะวันรู้ว่าพี่จะคิดและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตะวันเสมอ)

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง หลังจากได้ยินตะวันพูดจบ จนน้องต้องร้องถามด้วยความแปลกใจ

(เป็นอะไรเหรอครับพี่พลัฎฐ์?)

“คิดถึงหนูจังเลยครับ ยิ่งได้ยินคำพูดคำจาน่ารักแบบบนี้พี่ยิ่งคิดถึงหนู” ผมพูดพลางยิ้มกริ่ม นึกรู้ว่าตอนนี้ตะวันต้องเขินจนแก้มใสทั้งสองข้างแดงก่ำแน่ๆ “อยากกอดอยากหอม ทุกวันนี้ได้เจอก็ได้แค่มองหน้าเฉยๆ เอง พี่ไม่หายคิดถึงเลยครับ”

ผมส่งเสียงออดอ้อนขอความเห็นใจ แต่น้องกลับไม่ได้พูดอะไรตอบเอาแต่หัวเราะอย่างเดียวจนผมนึกมันเขี้ยว

(พี่ต้องอดทนครับ เพราะคุณพ่อไม่ยอม หึๆ .. แต่ตะวันว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอกันเลยนะครับ เพราะสำหรับตะวันแล้ว แค่ได้เห็นว่าพี่สบายดี ไม่เจ็บไม่ป่วยอะไร ตะวันก็พอใจมากๆ แล้ว)

“หนู.. ยิ่งหนูพูดอย่างนี้พี่ยิ่งทรมานนะครับ ... อยากกอดมากกว่าเดิมอีกเนี่ย” ผมอ้อน ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก เลยตั้งใจว่าจะหยอดน้องไว้สักหน่อย เผื่อน้องงงๆ อาจจะยอมตกลงก็ได้ “ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหนูยอมให้พี่พาไปเที่ยวสวนสัตว์ ก็คงจะดี ได้ไหมครับ?”

ตะวันเงียบไปจนผมต้องยกมือถือออกจากหูเพื่อดูว่าสายหลุดหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าตัวเลขเวลาที่หน้าจอยังเดินปกติเหมือนกำลังใช้สายอยู่ ผมเลยเอาโทรศัพท์กลับมาแนบหูอีกครั้ง และตอนที่กำลังคิดว่าจะพูดแก้เก้อไปดีไหมว่าพูดเล่น ตะวันก็ตอบกลับมาก่อน

(กะ.. ก็ไปสิครับ ต.. ตะวันไม่ได้จะห้ามอะไรสักหน่อย) เสียงหวานพูดงุ้งงิ้ง ดูเหมือนจะเอ่ยไม่ได้เต็มปากสักเท่าไหร่ ในขณะที่ผมนี่เนื้อเต้นไปหมด พอได้ยินว่าน้องใจอ่อนยอมตกลง

“จริงนะครับตัวเล็ก! หนูพูดแล้ว!! ห้ามคืนคำนะครับ” ผมย้ำ จนน้องเขินตอบกลับมาเสียงสะบัดนั่นแหละ ผมถึงยอมหยุด ไม่กล้าเซ้าซี้ต่อกลัวน้องเปลี่ยนใจ

(อื้อ! พี่พลัฎฐ์อย่าย้ำนักสิครับ”)

“ฮ่าๆ ไม่ย้ำแล้วๆ” ผมเรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวน้องเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆ “ว่าแต่คุณพ่อกับคุณแม่โอเคใช่ไหมครับกับแผนที่พี่บอกตะวันไว้”

ผมต้องรีบถามไว้ก่อน เพราะสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำมันต้องกระทบเป็นวงกว้างแน่ๆ ... โอเค ใช่ สำหรับตะวัน น้องอาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องเป็นนักวิจารณ์อาหาร แน่นอนว่าต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่พอจะรู้จักพวกท่านอยู่บ้าง ผมเลยจึงจำเป็นต้องถามความสมัครใจไปทางคุณพ่อคุณแม่ของน้องด้วย

“คุณพ่อบอกว่าให้พี่ตัดสินใจไปตามสมควรเลยครับ ท่านบอกว่าท่านเป็นคนบอกให้พี่หาทางจบปัญหาทุกอย่างเอง ดังนั้นถ้าพี่คิดอยากจะทำแบบนี้ก็ทำไปได้เลยครับ ท่านไม่ได้กังวลอะไร”

“ตกลงครับ งั้นเดี๋ยวพี่ไปถามทางทีมก่อนนะครับ แล้วพี่จะโทรไปบอกอีกที” ผมกำชับพร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อทางตะวันเองก็เห็นดีด้วย

(ได้ครับ พี่พลัฎฐ์นัดวันมานะ ตะวันจะได้เตรียมตัว) ผมได้ยินเสียงเรียกคนรักดังแว่วๆ มาในสาย เดาว่าน่าจะเป็นเสียงของเด็กในร้านแน่ๆ (ถ้างั้นตะวันไปก่อนนะครับพี่พลัฎฐ์ ลูกค้าเริ่มเยอะแล้ว)

“ครับ ไปเถอะครับ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับไปทำงานเหมือนกันครับ”

ผมได้ยินเสียงน้องอึกๆ อักๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดสักที จนผมจะอ้าปากจะถาม น้องถึงได้หลุดพูดออกมา เป็นเสียงเบาๆ ฟังดูเขินอาย แต่กลับทำให้ผมใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก

(ตะวันคิดถึงพี่พลัฎฐ์นะครับ) อันนี้ว่าพีคแล้ว เจอประโยคต่อมายิ่งพีคมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม (รีบจัดการให้เสร็จไวๆ นะครับ.. แล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวสวนสัตว์กัน)

ถึงจะเป็นเสียงพูดเบาๆ งุ้งๆ งิ้งๆ แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน ฟังแล้วหน้าบานจนหุบยิ้มแทบไม่ลง

“หนู!! รอเลย!! พี่บอกตามตรงว่าพี่ฮึกเหิมมาก อยากไปสวนสัตว์ที่สุด!!”

พอได้ยินผมสติหลุด หมดมาดของท่านรองประธานฯ ส่วนตะวันเอง พอได้ยินที่ผมพูด ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ทำเอาผมขำไปด้วย

(พี่นี่ทะลึ่งจริงๆ ไม่คุยด้วยแล้ว ตะวันไปทำงานดีกว่า.. ไปนะครับพี่พลัฎฐ์ ไว้ค่อยคุยกัน)

“ครับ พี่รักหนูนะ” ผมบอกน้องเสียงหวานก่อนที่จะได้ยินน้องรับคำเบาๆ ให้ผมได้ชุ่มชื่นหัวใจ

(อื้อ ตะวันก็รักพี่ครับ)

พอสิ้นสุดประโยคนั้นสายก็ตัดไป ผมนั่งมองโทรศัพท์ในมือพร้อมกับยิ้มกว้างเป็นบ้าเป็นหลังไม่หุบ

... มาจัดการให้จบๆ ไปได้แล้วพลัฎฐ์!! สวนสัตว์รออยู่ไม่รู้รึไง!!!

.

.

.

และแล้ววันนี้ก็มาถึง

วันนี้เป็นวันที่ผมอารมณ์ดีมากที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะว่าจะเป็นวันที่ผมจะได้จัดการเคลียร์ปัญหาของตัวเองให้เสร็จสิ้น แต่เป็นเพราะวันนี้เป็นวันที่ผมจะได้เจอตะวันด้วย เลยทำให้ผมอารมณ์ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งผมก็รออยู่ไม่นาน คุณฝ้าย เลขาฯ คนสนิทของผมก็พาตะวันที่วันนี้อยู่ในชุดสูทแฟชั่นทับเสื้อยืดสีฟ้ากับกางเกงสกินนี่และรองเท้าผ้าใบ ซึ่งน่ารักมากๆ ในสายตาผม เข้ามาในห้อง ส่งผลให้ผมยิ้มกว้างดูสดใสมากจนผู้คนที่อยู่รอบข้างที่ไม่เคยเห็นผมในโหมดนี้ต่างพากันลอบมองด้วยความสนใจ และตัวผมเองก็ไม่คิดจะคีพลุคส์หรือรักษาภาพพจน์อะไรทั้งสิ้น เพราะผมมีความสุมากจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าพุ่งเข้าไปกอดแล้วจะโดนน้องด่า ผมคงพุ่งเข้าไปหาตั้งแต่ตะวันเปิดประตูเข้ามาแล้ว

“ตัวเล็ก.. มาแล้วหรอครับ”

ตะวันเดินเขินๆ เข้ามาหาผม ใบหน้าน่ารักดูประหม่าเล็กน้อย ในขณะที่ตากลมก็ดูเหมือนจะไม่กล้ามองไปตรงไหนเลย นอกจากใบหน้าของผม ซึ่งน่าจะเป็นเพราะตอนนี้ทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปที่ตะวันทั้งหมด เลยทำให้น้องทำตัวไม่ค่อยจะถูก

“ครับ ตะวันมาแล้ว” น้องเดินตรงเข้ามาหาผมตอนที่ผมยื่นมือส่งไปให้น้องจับ ตะวันลังเล็กน้อยตอนเหลือบมองไปลอบๆ แต่เมื่อตากลมหันมาสบผม ความลังเลเหล่านั้นก็หมดไป มือเล็กยื่นมาจับมือผมไว้ทันที

มือของตะวันเย็นเฉียบ ผมเลยดึงน้องเบาๆ ให้เข้ามายืนใกล้ๆ ก่อนจะกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบที่ตะวันชอบ

“ไม่ต้องตื่นเต้นนะ ตัวเล็กแค่เชื่อใจพี่ก็พอ”

ซึ่งพอตะวันพยักหน้ารับ ผมก็หันไปส่งสัญญาณให้คุณฝ้ายทันที และคุณฝ้ายก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เธอจัดการปรบมือให้ดังพอสมควรอยู่สองสามที ก็เรียกความสนใจจากทุกคนที่ยืนประจำตามหน้าที่ให้หันมามองได้

“อ่ะ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ท่านรองประธานฯ กับคุณตะวันพร้อมแล้ว เดี๋ยวช่างหน้าช่างผมจัดการดูความเรียบร้อยได้เลยนะคะ” คุณฝ้ายว่าก่อนจะหันไปหาสาวประเภทสองที่ยิ้มอ้อล้อยืนอยู่ไม่ห่างด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่ก็แฝงไว้ด้วยความจริงจัง “เดี๋ยวฝ้ายรบกวนขอแต่งบางๆ พอนะคะ อยากให้เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะคุณตะวันไม่ต้องแต่งมากก็ได้ค่ะ เพราะผิวคุณตะวันดีอยู่แล้ว ถ่ายรูปออกมาน่าจะพอได้อยู่”

“จัดให้ค่ะคุณฝ้าย”

พอได้ยินสาวสองรับปากคุณฝ้ายก็หันไปอีกทาง พร้อมกับกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แล้วคำถาม ฝ้ายขออนุญาตกำหนดนะคะว่าให้ถามตามสคริปต์ ไม่มีถามเพิ่ม ถามลด เอาตามที่ฝ้ายบรีฟไปและบอกไว้เท่านั้น”

“ได้ครับคุณฝ้าย”

ผมมองคุณฝ้ายสั่งงานนู่นนี่นั่นคร่าวๆ ก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งข้างกาย ซึ่งตอนนี้หันไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนคอแทบพลิก ตะวันดูตื่นตาตื่นใจกับการทำงานของทุกฝ่ายจนผมอดยื่นมือไปหยิกแก้มนิ่มของน้องด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“สนใจอะไรครับตัวเล็ก พี่นั่งอยู่นี่ ไม่คิดจะมองมาที่พี่หน่อยเหรอ หื้ม?” ผมขยับเข้าไปถามน้องใกล้ๆ ให้ตะวันผงะตกใจตอนที่หันมามองแล้วเห็นว่าใบหน้าตัวเองอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบ ก่อนที่มือเล็กจะจัดการดันใบหน้าของผมออก แล้วย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก

“ก็พี่พลัฎฐ์ไม่น่าสนใจเท่าคนอื่นนี่ครับ” น้องบอกเสียงเย้ยๆ คงจะนึกซนอยากแหย่ผมเล่นแน่ๆ “ดูคุณฝ้ายสิ เท่มากกกกก ถ้าตะวันมีเลขาฯ เก่งๆ แบบคุณฝ้ายนะ จะให้โบนัสสักร้อยเท่า”

น้องพูดพลางมองไปยังเลขาฯ ของผมด้วยสายตาชื่นชม ให้ผมนึกหึงและหมั่นไส้อยู่หน่อยๆ เลยแกล้งพูดแหย่กลับไปบ้าง

“พูดชื่นชมขนาดนี้ พี่หึงนะ เดี๋ยวคุณฝ้ายจะถูกหักโบนัสแทนที่จะได้เพิ่มเอานะตัวเล็ก” ตะวันทำตาโต ก่อนที่จะตีลงมาเบาๆ ที่แขนของผม พร้อมกับพูดดุ ซึ่งมันดูน่ารักมากกว่าจะน่ากลัว

“พี่พลัฎฐ์นี่นิสัยไม่ดีเลย เป็นเจ้านายมารังแกลูกน้องแบบนี้ได้ยังไงครับ” คำพูดน่ารักๆ ของน้องทำให้ผมหลุดขำออกมาอย่างอารมณ์ดี จนตอนนี้สายตาใคร่รู้ของทุกคนกลับดูอยากรู้มากยิ่งกว่าเดิม

ในขณะที่ผมนั่งเล่นชวนตะวันคุย เพราะไม่อยากให้น้องประหม่าก่อนถึงเวลาจริง ก็ดูเหมือนว่าคุณฝ้ายจะบรีฟงานในส่วนต่างๆ จบแล้ว จึงพูดสรุปปิดท้ายอีกที ซึ่งก็เรียกความสนใจให้ผมกับตะวันตั้งใจฟังตามไปด้วย

“เอาล่ะค่ะ ฝ้ายขอสรุปปิดท้ายอีกทีนะคะว่าการสัมภาษณ์ท่านรองประธานฯ ในวันนี้ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะข่าวที่ออกมาก่อนหน้าทำให้ความคลางแคลงสงสัยกระจายไปทั่ว และเพื่อชี้แจงให้คนทั่วไปที่สนใจข่าวนี้ได้รับทราบตรงกัน ท่านรองประธานฯ จึงตัดสินใจให้มีการจัดทำสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับตัวท่านขึ้น ซึ่งจะเป็นคอลัมน์พิเศษที่จะมีในเล่มนิตยสารฉบับหน้า แน่นอนว่าจะต้องมีการสัมภาษณ์รวมๆ ในเรื่องทั่วไป รวมไปถึงเรื่องส่วนตัวที่กำลังถูกพูดถึงตอนนี้ นั่นก็คือเรื่องคนรักของท่านรองประธานฯ”

คุณฝ้ายพักนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมามองและค้อมศีรษะให้ตะวัน ราวกับจะบอกทุกคนที่อยู่ในห้องกลายๆ ว่า คนรักของผมที่คุณฝ้ายพูดถึงก็คือเด็กหนุ่มที่นั่งข้างผมตอนนี้

“ซึ่งก็คือคุณตะวัน คนที่นั่งอยู่ข้างท่านรองประธานฯ ในเวลานี้”

ตะวันส่งยิ้มเขินให้ทุกคนที่หันมามองตามหลังจากที่คุณฝ้ายพูดจบ เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นโดยรอบ ทุกคนดูตื่นเต้นแต่ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วเพราะถึงแม้ตะวันจะเป็นผู้ชาย แต่ความน่ารักของน้องกลับทำให้ทุกคนไม่คิดว่ามันประหลาด อารมณ์คงแบบ ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วน่ารักขนาดนี้ใครกันบ้างจะไม่เอา อะไรประมาณนั้น

“กลยุทธ์ของเราก็คือ เราจะไม่สนใจในสิ่งที่ข่าวเขียนขึ้นมาลือ ทุกคนอาจจะคิดว่าเดี๋ยวไม่นานทางเราคงมีการออกไปแก้ข่าว แล้วพยายามกดให้เงียบ เพราะฉะนั้นเราจะทำให้แตกต่างค่ะ ท่านรองประธานฯ เลยครีเอทไอเดียว่าให้เราชิงเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับคุณตะวันออกไปเลย จะได้หมดข้อกังขา และดูจริงใจมากกว่าการออกไปแก้ข่าวหรือปิดบังข้อเท็จจริง”

ทุกคนฟังแล้วก็พยักหน้ารับเห็นด้วย แต่ก็มีบางส่วนแย้งว่ามันอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท ที่ท่านรองประธานฯ มีคนรักเป็นผู้ชาย ซึ่งผมเองพอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้ม ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้คุณฝ้ายเงียบ แล้วเป็นคนตอบคำถามๆ นี้เอง

“เราทำนิตยสาร ข้อมูลที่อยู่ในนิตยสารของเราจึงมักสื่อสารโดยตรงถึงคนอ่าน แล้วคุณคิดว่าคนอ่านชอบข้อมูลที่ปิดบังซ่อนเร้นโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือข้อมูลที่จริงใจตรงไปตรงมามากกว่ากันครับ”

ทุกคนเงียบ ผมจึงพูดต่อ

“การที่ผมออกมายอมรับและตัดสินใจเปิดเผยตรงไปตรงมากับคนอ่านนั้น ผมมั่นใจว่าเราจะสร้างความมั่นใจและประทับใจให้กับทุกคนผ่านทางผมได้ ถ้าคนอ่านเห็นว่าผมไม่โกหกปิดบังแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว เขาก็จะเกิดการเรียนรู้ในทิศทางเดียวกันว่านิตยสารที่ผมบริหารอยู่นั้นก็จะเป็นแบบผมเหมือนกัน”

คนที่แย้งก่อนหน้าดูอึ้งไป ผมเลยชี้แจงในส่วนของตัวเองให้ครอบคลุมต่อ

“การที่ผมจะเปิดเผยเรื่องของตัวเองนั้นผมคิดดีแล้วว่ามันจะส่งผลในแง่ดีกับบริษัทของเรามากกว่าผลเสีย ผมไม่ได้จะเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมไม่ใช่ดารา ไม่ได้มีชื่อเสียงที่จะต้องให้ใครตามรักหรือติฉินนินทาไม่ได้ คนจะพูดถึงผมยังไงไม่สำคัญ แต่นิตยสารของเรานั้นต้องไปรอด ... ผมมั่นใจนะว่าจะไม่มีใครเลิกอ่านนิตยสารของเราเพราะผมมีคนรักเป็นผู้ชาย แต่เขาจะเลิกอ่านนิตยสารของเราแน่ถ้าเขารู้ว่าผมโกหกในสิ่งที่เป็นเรื่องจริง”

ผมมองไปรอบๆ เมื่อเห็นทุกคนคล้อยตามก็โล่งใจ และก็ยิ่งมีความสุขสุดๆ เมื่อได้หันมาสบตากับตะวันที่ส่งยิ้มกว้างน่ารักมาให้ผม แล้วไหนจะท่าทางยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างขึ้นมานั่นอีก น่ารักจนผมนึกอยากจะก้มลงไปฝังจมูกลงบนแก้มนิ่มนั่นแรงๆ สักที

“ถ้ายังไงผมฝากทุกคนด้วยนะครับ ผมกับตะวันจะตั้งใจตอบคำถามและทำงานอย่างเต็มที่”

ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดูผ่อนคลายมากกว่าตอนก่อนหน้า จากนั้นผมจึงจัดการเตรียมตัวให้สัมภาษณ์คู่กับตะวัน เพื่อนำไปตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหน้าของตัวเอง

ใช่ครับ.. ผมตัดสินใจแก้เกมของนลินี ด้วยการชิงให้สัมภาษณ์เปิดตัวว่าคบกับตะวัน ก่อนที่นลินีจะเดินหน้าแฉความสัมพันธ์ของผมกับตะวันจนเลยเถิดไปไกลกว่านี้ เพราะนอกจากภาพลักษณ์ผมจะเสียแล้ว น้องอาจจะถูกนินทามากกว่านี้ด้วย เพราะฉะนั้นเปิดตัวไปเลยให้จบๆ อย่างที่บอกไปใครจะมองผมยังไงผมไม่ได้สน แต่คนอ่านนิตยสารผมจะมองเห็นความจริงใจของผม และอีกอย่างน้องก็จะถูกนินทาน้อยลง เพราะผมให้เกียรติน้องเปิดตัวในฐานะคนรัก ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนน้องก็คือคนรักของผม

ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เราเก็บภาพคู่และภาพเดี่ยวของผมกับน้องก่อนเริ่มสัมภาษณ์นิดหน่อย ซึ่งแรกๆ ตะวันก็ดูเกร็งๆ ผมเลยบอกให้น้องทำตัวตามสบาย คิดเสียว่ากำลังถ่ายรูปเล่นก็ได้ หลังจากนั้นท่าทางการโพสของตะวันก็ดูเป็นธรรมชาติขึ้น จนช่างภาพชมเปราะว่าตะวันสดใสอย่างนั้นน่ารักอย่างนี้จนผมเกือบจะหึง ดีว่าที่ได้ช่างภาพผู้หญิงมา ไม่งั้นคงได้มียกเลิกสัมภาษณ์กลางคันแน่ๆ

และแล้วการสัมภาษณ์ก็เริ่มต้นขึ้น คนถามเริ่มจากการพูดประวัติความเป็นมาคร่าวๆ ของนิตยสาร แล้วไล่มาที่ประวัติของท่านประธานฯ ซึ่งก็คือพ่อผม แล้วไล่มาที่ผม และการสัมภาษณ์ประวัติส่วนตัวของผมก็เริ่มขึ้น จากเรื่องทั่วๆ ไปจนกลายเป็นเจาะลึกถึงเรื่องส่วนตัวแบบเนียนๆ เพราะอย่างที่บอกว่าเราเน้นการให้สัมภาษณ์แบบดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การให้สัมภาษณ์เพราะจะแก้ข่าวที่นลินีปล่อยออกมา เราจึงต้องทำเสมือนหนึ่งว่าเราไม่รับรู้และไม่สนใจข่าวลือพวกนั้น แต่การสัมภาษณ์ของผมและตะวันในวันนี้เป็นความตั้งใจจริงของเราทั้งคู่ที่อยากจะเปิดตัวซึ่งกันและกันในฐานะคนรัก... แล้วคำถามสำคัญก็มาถึง

“แล้วทำงานหนักขนาดนี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณพลัฎฐ์อยู่ในช่วงโสดหรือคบหาดูใจกับใครอยู่หรือเปล่าคะ”

ผมยิ้มอ่อนโยนก่อนจะหันไปมองคนข้างตัวอัตโนมัติ มันเป็นไปเองโดยธรรมชาติ ซึ่งก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากคนในห้องได้ โดยเฉพาะสาวๆ ทำเอาตะวันที่ถูกมองเขินจนแก้มแดงก่ำน่าเอ็นดู

“ผมมีคนรักแล้วครับ ตอนนี้เราสองคนอยู่ในช่วงคบหาดูใจกันอยู่ ซึ่งผมก็คบกับน้องเขามาสักระยะแล้ว” ผมตอบคำถามนี้ด้วยรอยยิ้ม “น้องชื่อตะวันครับ ตะวัน... ภานรินทร์ รุ่งวิริยะจรรยา ซึ่งวันนี้น้องก็อยู่ที่นี่กับผมด้วย”

แล้วการเชื่อมเนื้อหาการสัมภาษณ์ก็ถูกโยนกลับไปที่ตะวัน ว่าคุณตะวันคนที่ว่าเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งในคอลัมน์ก็คงจะมีรูปตะวันเสริมไป และทุกคนก็จะเห็นว่าตะวันเป็นผู้ชายคำถามถัดไปจึงถูกส่งมาต่อ

“คุณตะวัน คนรักที่คุณพลัฎฐ์พูดถึงเป็นผู้ชายเหรอคะ”

“ครับ ตะวันเป็นผู้ชาย” เป็นอีกครั้งที่ปฏิกริยาอัตโนมัติของผมโต้ตอบ ผมยื่นมือไปกุมมือน้องที่วางไว้บนตักของน้องเองเบาๆ ซึ่งน้องก็หันมายิ้มตอบ

“แบบนี้ก็ถือว่าคุณพลัฎฐ์เป็นเกย์?”

“ไม่รู้สิครับ ผมไม่รู้จะจำกัดความความรักของผมกับตะวันยังไงเหมือนกัน” ผมยิ้ม ก่อนจะพูดต่อช้าๆ อย่างอ่อนโยน เมื่อหันไปมองหน้าน้อง “ถ้าผมรักตะวันแล้วผมต้องเป็นเกย์ ผมเป็นก็ได้ครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคนจะเรียกหรือมองว่าผมเป็นอะไร ผมไม่ได้รักผู้ชายคนไหนก็ได้ แต่ผมรักได้แค่ตะวัน เพราะฉะนั้นสำหรับผม ถ้าได้รักตะวัน ให้ผมเป็นอะไรผมก็เป็นได้ทั้งนั้นครับ จะเกย์ จะกะเทย จะอะไรก็ได้ ผมไม่ซีเรียส ขอให้ผมได้รักเขาก็พอ”

น้องเขินจนแทบจะก้มหน้าลงไปชิดอก จากนั้นคำถามของตะวันก็ถูกถามขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณตะวัน คุณเป็นผู้ชายที่หน้าหวานมากๆ หน้าหวานกว่าดิฉันอีก ฮ่ะๆ ดิฉันเห็นคุณตะวันแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่คุณพลัฎฐ์จะแสดงออกว่ารักคุณตะวันมากขนาดนี้”

แม้ตะวันจะเขินกับคำชมแต่ก็สามารถตอบกลับคนสัมภาษณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“สวัสดีครับ แล้วก็.. ขอบคุณมากๆ ครับ” แม้จะพูดน้อย แต่ใบหน้าน่ารักและท่าทางที่ดูน่ามองนั้นทำให้คนทั้งห้องรวมไปถึงหญิงสาวที่กำลังทำหน้าที่สัมภาษณ์ถึงกับทำหน้าเคลิ้มไปชั่วขณะ

ก็บอกแล้วว่าตะวันของผมน่ะ... น่ารักมากๆ

“ดิฉันอิจฉาคุณตะวันได้ไหมคะเนี่ย? คุณรู้ใช่ไหมคะว่าคุณมีความรักและคนรักที่น่าอิจฉามากๆ”

ตะวันยิ้มเขินก่อนจะตอบเสียงหวานให้คนในห้องทำงานผมได้เคลิ้มยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ไม่รู้สิครับ เพราะผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคู่รักคนอื่นๆ เขาเป็นกันยังไง แต่สำหรับผม พี่พลัฎฐ์เขาเสมอต้นเสมอปลายกับผมมาตลอด เขาถือให้ผมเป็นคนสำคัญ เขาให้เกียรติ และแคร์ผมมาก ผมรู้แค่ว่าผมโชคดีที่ได้เจอเขา และผมก็โชคดีมากยิ่งขึ้นไปอีกที่เขารักผม”

คำตอบของตะวันทำให้ผมยิ้มกว้าง และเสียงหวีดร้องของทีมงานสาวๆ ก็ดังขึ้นเบาๆ จนตะวันเขินหนัก หน้าแดงลามไปยันคอ

“ช่วยดิฉันด้วยค่ะคุณผู้อ่าน คุณพลัฎฐ์และคุณตะวันน่ารักกันมากๆ ดูรักและแคร์ความรู้สึกกันจนดิฉันเขินเทนไปหมด” หญิงสาวที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์ดูเขินผมกับตะวันจริงๆ ไม่ใช่ตามสคริปต์ ทำเอาผมอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ ซึ่งเหมือนกับว่าเสียงหัวเราะของผมจะทำให้เธอได้สติ เลยเริ่มถามคำถามต่อไปแบบอายๆ

"ถัดมาที่คำถามต่อไปนะคะ แล้วคุณพลัฎฐ์กับคุณตะวันเปิดตัวว่าคบกันแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะเกิดผลกระทบอื่นๆ ตามาเหรอคะ"

ผมเป็นคนตอบก่อนด้วยน้ำเสียงสบายๆ "ไม่เลยครับ ผมมองว่าความรักของเราสองคนก็เป็นความรักที่ปกติเหมือนๆ คู่อื่นๆ ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นผู้ชาย แล้วเราจะต้องแตกต่างหรืออายใคร" ผมยิ้มพลางเลื่อนมือไปกุมมือน้อง "ตรงกันข้าม ผมกลับภูมิใจมากด้วยซ้ำที่จะได้บอกใครต่อใครว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน"

ผมเปลี่ยนเสียงให้ฟังดูเย้าหยอกเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อคล้ายกับพูดกับคนสัมภาษณ์มากกว่าที่จะพูดตรงๆ "คุณก็เห็นนี่ครับว่าตะวันน่ารักขนาดไหน เป็นคุณ คุณจะไม่อยากอวดใครเหรอครับว่าแฟนคุณน่ารักขนาดนี้"

ผมพูดพร้อมยิ้มกว้าง ทำเอาทีมงานเขินกันไปทั้งห้อง

ไม่เว้นแม้แต่ตะวัน ซึ่งก็เขินแก้มแดงไปหมด จนได้รับสายตากรุ้มกริ่มจากคนสัมภาษณ์ส่งมาล้อเลียนด้วย

"แล้วคุณตะวันล่ะคะ กังวลเรื่องผลกระทบอะไรรึป่าว?"

ตะวันยิ้มหวานตาหยี แม้จะเขินแต่น้องก็พยายามที่จะตอบคำถามอย่างจริงใจ

"ไม่เลยครับ ผมไม่มีอะไรต้องกังวลหรือวิตกเลยสักนิด" ตะวันกระชับมือที่ผมกุมไว้แน่น ก่อนที่จะพูดต่อ "ยอมรับเหมือนกันครับว่าก่อนหน้านี้ ผมกังวล ด้วยหน้าที่ ด้วยการงาน และสังคมของพี่พลัฎฐ์ แต่พี่พลัฎฐ์มักจะย้ำกับผมเสมอ ให้เกียรติผมเสมอ และไม่ใช่แค่ตัวผม พี่เขายังให้เกียรติครอบครัวผมไม่ต่าง และเพราะเขาให้เกียรติ ทำให้ผมคิดว่าผมเองก็ควรจะให้เกียรติเขาเหมือนกัน จะว่ายังไงดี อืม.. ไม่ใช่ผมไม่แคร์สายตาคนอื่นนะครับ แต่ถ้าผมมัวแต่แคร์คนอื่นจนลืมที่จะแคร์คนที่รักและให้เกียรติผมมาตลอด แบบนี้คงไม่น่าจะใช่ สุดท้าย ผมเลยคิดว่าเราสองคนแค่รักกัน ไม่ได้ทำอะไรผิด มันก็คงไม่น่าจะแปลกอะไร ถ้าเราจะบอกใครๆ ว่าเรารักกัน"

คำตอบของตะวันทำเอาผมยิ้มกว้างจนหุบปากไม่ลง น้องซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเสมอ และผมก็คิดว่าทุกคนที่อยู่ในห้องนี้น่าจะรับรู้ด้วย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี

เราตอบคำถามที่ถูกบรีฟมาอีกสองสามคำถามจากนั้นการสัมภาษณ์ก็จบลง ผมเห็นตากล้องสาวสุดเท่ที่ชมตะวันไม่ขาดปาก เก็บภาพเบื้องหลังต่ออีกเล็กน้อย มีทั้งที่ตะวันรู้ตัวและไม่รู้ตัว เพื่อเอาไปลงประกอบในคอลัมน์ และใช้เวลาไม่นานการสัมภาษณ์ก็จบลง

คุณฝ้ายเข้ามาเช็คความเรียบร้อย ก่อนที่จะให้เอาเนื้อหาที่สัมภาษณ์ผมและตะวันไปดำเนินการต่อในขั้นต่อไป ซึ่งมีข้อแม้ว่าจะต้องทันปิดต้นฉบับของฉบับที่จะวางแผงในสัปดาห์หน้านี้

แน่นอนว่าเนื้อหาที่สัมภาษณ์ไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับน้องพีเลยสักนิด เป็นเพราะเราคุยกันแล้วว่า การให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ ไม่ใช่การแก้ข่าวที่นลินีได้ให้ไปก่อนหน้านี้ แต่เป็นการชิงเปิดตัวก่อน เพราะยังไงเสียในข่าวลือ ข่าวก็อซซิบพวกนั้นมันไม่ได้เอ่ยหรือระบุถึงใครแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปซะ แล้วเราก็เปิดตัวเราไปเนียนๆ ดีกว่า

ดังนั้น เรื่องของน้องพี เราเลยไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้ เพราะถ้าพูดถึง คนก็ต้องถามว่าน้องพีเป็นลูกใคร ทำไมมาเป็นลูกผม และคำถามอื่นๆ อีกมากมายก็จะตามมา เพราะฉะนั้นผมขอปิดเรื่องนี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อที่ลูกชายสุดที่รักของผมจะได้ไม่ต้องถูกสังคมมองด้วยสายตาตั้งคำถามตั้งแต่ยังเล็ก และเรื่องนี้ผมก็ปรึกษาตะวันแล้วซึ่งน้องเองก็เห็นด้วย เอาไว้ถึงเวลาที่สมควรเมื่อไหร่ ก็ค่อยว่ากันอีกที

.

.

.

- อ่านต่อด้านล่าง -

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
- ต่อจากด้านบน -


หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมก็ขับรถพาตะวันไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียน ซึ่งมันเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมจะได้อยู่กับน้อง เนื่องจากวันนี้ว่าที่คุณพ่อตาอนุโลมให้ผมได้อยู่กับน้องนานขึ้นอีกหน่อย เพราะถึงแม้ผมจะเปิดตัวผ่านการให้สัมภาษณ์แล้ว ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบ จนกว่าหนังสือจะวางแผงนั่นแหละ

"พี่พลัฎฐ์ครับ" ระหว่างที่รถติดไฟแดง น้องก็เรียกชื่อผมให้ผมต้องหันไปมอง

"หื้ม? ว่าไงครับตัวเล็ก"

"เรื่องสัมภาษณ์นี่คุณพ่อกับคุณแม่พี่ทราบแล้วใช่ไหมครับ" น้องถามด้วยสีหน้าติดกังวลน้อยๆ ให้ผมต้องยิ้มบางๆ ตอบ

"ทราบแล้วครับตัวเล็ก ที่จริงคุณพ่อคุณแม่ท่านก็เห็นด้วยเลยล่ะ ท่านบอกว่าพี่ควรทำอะไรให้ชัดเจนตั้งนานแล้ว ไม่ควรจะต้องรอให้คุณพ่อของตะวันมากระตุ้นด้วยซ้ำ"

น้องย่นจมูกใส่ทันทีที่ผมพูดจบ

"ที่จริงตะวันว่าไม่จำเป็นเลย แค่เรากับครอบครัวเรารับรู้ก็พอ" ผมทำท่าจะพูดแก้ แต่ตะวันกลับพูดสวนมาก่อน "แต่ถ้าพี่พลัฎฐ์กับคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าดีแล้ว ก็ดีก็ได้ครับ ตะวันยังไงก็ได้"

ตะวันหันมามองผมให้ผมต้องส่งยิ้มให้ ก่อนจะแกล้งถาม "ว่าแต่หนูอายไหมที่จะบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนกับพี่"

ตะวันหันมามองผมตาโต ก่อนจะตีเบาๆ ที่แขนผม

"ห้ามพูดแบบนี้นะครับพี่พลัฎฐ์" น้องพูดเสียงขึงขังจริงจัง ก่อนที่ประโยคต่อมาจะเปลี่ยนเป็นเสียงอ้อมแอ้ม และเป็นประโยคที่ผมได้ยินแล้วยิ้มแก้มแทบแตก "แฟนผมน่ารักแสนดีขนาดนี้ ผมจะไม่อยากอวดความน่ารักของแฟนให้คนอื่นเห็นได้ยังไงล่ะครับ"

ตะวันพูเดเองก็อายเอง แก้มแดงก่ำจนน่าฟัด ผมได้แต่ยื่นนิ้วชี้ไปเกลี่ยแก้มนิ่มๆ นั่นด้วยความหมั่นเขี้ยวแทน

"เฮ้อ อยากให้หนังสือวางแผงเร็วๆ จัง"

ตะวันเอียงคอเล็กน้อย ก่อนถาม "ทำไมล่ะครับ"

"ก็... พี่อยากไปสวนสัตว์แล้วนี่นา หนูไม่อยากไปกับพี่หรอ หื้ม?"

ตะวันเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตาเบิกโตเมื่อนึกขึ้นได้

"พี่พลัฎฐ์!! ทะลึ่ง!!"

และแล้ว ผมด็โดนน้องฟาดแขนตามระเบียบ โดยมีเสียงหัวเราะลั่นของผมดังไปทั่วรถ

.

.

.

"น้องพีมาแย้วคับคุณตาคุณยาย" เด็กชายพีรยสถ์วิ่งเข้าบ้านตะวันอย่างคุ้นเคยราวกับเป็นบ้านของตัวเอง แถมยังวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่ของตะวันอีกต่างหาก โดยมีเจ้าอาทิตย์ดวงน้อยวิ่งตามไปติดๆ ด้วยท่าทีร่าเริง

"น้องพีติดคุณพ่อกับคุณแม่มากเลยครับ อ้อนให้กอด อ้อนให้หอมตลอด พวกท่านก็ดูจะชอบมากเสียด้วย เพราะปกติอาทิตย์ไม่ค่อยได้อ้อนสักเท่าไหร่น่ะครับ"

ตะวันหันมาพูดกับผมยิ้มๆ ตอนที่ผมเดินตามน้องเข้าไปในบ้าน ให้ผมได้ยิ้มออกมาบางๆ รู้สึกโล่งใจที่น้องพีเข้ากับบ้านตะวันได้ดีเกินคาด

กลายเป็นผมเสียอีกที่ยังลุ่มๆ ดอนๆ สงสัยวันนี้ต้องรีบหาคะแนนให้ตัวเองสักหน่อยแล้ว

และพอเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น ผมก็ได้เห็นลูกชายตัวเองนั่งอยู่บนตักของคุณแม่ของตะวันพลางยิ้มแฉ่ง เล่านั่นเล่านี่เจื้อยแจ้วเสียงใส ในขณะลูกชายคนเล็กตัวจริงของบ้าน กลับนั่งอยู่บนโซฟาตรงกลางระหว่างคุณพ่อและคุณแม่แทน

เอ้อ... ลูกชายผม ให้มันได้อย่างนี้สิ

"สวัสดีครับคุณอา" ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้าน คุณแม่ของอาทิตย์หันมายิ้มหวานให้ผม ในขณะที่คุณพ่อเพียงแค่พยักหน้ารับน้อยๆ ไม่ได้มีทีท่าอะไร

"นั่งก่อนสิจ๊ะคุณพลัฎฐ์ รถติดไหมวันนี้" ผมทรุดลงนั่งทันทีเพราะกลัวคุณพ่อไม่เห็นด้วยกับคุณแม่ แล้วไล่ผมออกจากบ้าน ก่อนจะยิ้มประจบ แล้วตอบคุณแม่ด้วยท่าทีนอบน้อม

"ไม่ติดเท่าไหร่ครับคุณอา"

คุณแม่ของตะวันยิ้มน้อยๆ ตอบ และพอเห็นลูกชายหัวแก้วห้วแหวนขยับตัวไปมาอยู่บนตักของคุณแม่น้องไม่หยุด ผมเลยตัดสินใจเรียกเจ้าตัวน้อยมาหาตัวเองแทน

"น้องพีมาหาปะป๊ามาลูกมา นั่งขยับไปขยับมาแบบนั้น เดี๋ยวคุณยายเจ็บตักนะครับ"

พอได้ยินผมพูดแบบนั้น เจ้าตัวน้อยก็เอียงคอหันไปถามเจ้าของตักด้วยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจนผมได้แต่อ่อนใจ เหมือนตอนที่อ้อนพ่อกับแม่ผมไม่มีผิด

"คุณยายเจ็บหยอคับ?" คุณแม่ของตะวันหัวเราะเสียงใสในขณะที่คุณพ่อของน้องอมยิ้มจนแก้มตุ่ย

"ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าน้องพีเมื่อย จะไปนั่งกับปะป๊าก็ได้นะลูก"

"ฮื่อออ" เจ้าตัวแสบของผมส่ายหน้าหวือ พร้อมกับขยับตัวไปซุกอกของคุณแม่ตะวันทันที ทำเอาผมอ้าปากห้ามแทบไม่ทัน "น้องพีไม่เมื่อย น้องพีหยักนั่งตักคุณยาย"

"น้องพีลูก..." และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ คุณพ่อของตะวันก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

"ปล่อยลูกเถอะ ให้แกนั่งไป ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก แกก็นั่งแบบนี้ทุกวัน"

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะอธิบายให้ทุกคนฟังว่าทำไมน้องพีถึงติดคุณพ่อกับคุณแม่ของตะวันเป็นพิเศษ

"ท่าทางแกจะคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ผมน่ะครับ เพราะปกติน้องพีจะชอบอ้อนคุณปู่กับคุณย่าของแกมากกว่าผมอยู่แล้ว พอเห็นคุณอาทั้งสอง เลยเดาว่าน่าจะคิดถึงพ่อกับแม่ผมขึ้นมา"

พอผมอธิบายจบทุกคนก็พยักหน้าเข้าใจ แต่จู่ๆ ตะวันคงนึกอยากแกล้งเจ้าตัวน้อยของผม จึงแกล้งพูดลอยๆ ขึ้นมาเสียงดัง

"เฮ้อ พี่ตะวันน้อยใจจัง เพราะตั้งแต่คุณตากับคุณยายมา พี่ตะวันก็กลายเป็นหมาหัวเน่าซะแลัว"

ซึ่งก็ได้ผลชะงัดเพราะเจ้าอาทิตย์ดวงน้อยที่รักพี่ชายยิ่งกว่าใครก็ปีนลงจากโซฟา พุ่งเข้ามากอดเอวพี่ชายที่นั่งอยู่ทันที โดยมีน้องพีที่ปีนจากตักคุณแม่ของตะวันตามลงมาติดๆ ให้ตะวันได้ยกยิ้มกว้าง ตอนที่เด็กๆ หันมาให้ความสำคัญกับตัวเอง

ผมเองก็ได้แต่ยิ้มอ่อนโยนให้กับภาพที่เห็น ก่อนจะนึกขึ้นได้เลยหันไปพูดกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องแล้วปล่อยให้เด็กน้อยกับเด็กใหญ่ฟัดกันได้ตามสบาย

"อ้อ คุณอาครับ" ผู้ใหญ่ทั้งสองหันมาทางผมทันทีที่ผมเอ่ยเรียก และจากหางตาผมก็เห็นว่าตะวันเองก็เงี่ยหูฟังอยู่ห่างๆ ด้วยเช่นกัน

"สิ้นเดือนนี้ คุณพ่อกับคุณแม่ของผมจะบินกลับจากต่างประเทศมาเคลียร์งานที่ไทย แล้วพวกท่านก็จะถือโอกาสนี้เข้ามาพบคุณอาทั้งสองด้วย" ผมทำท่าทางนอบน้อมยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ปนกับเกรงอกเกรงใจ "ไม่ทราบว่าคุณอาทั้งสองจะสะดวกนัดเจอกับคุณพ่อและคุณแม่ของผมไหมครับ"

ผมลุ้นคำตอบจนลมหายใจแทบขาดห้วง ก่อนที่เสียงหวานของคุณแม่จะเอ่ยขึ้นให้ผมได้พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

"เอาสิจ๊ะ คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณพลัฎฐ์จะมาเยี่ยมมาหากันวันไหน คุณพลัฎฐ์ก็บอกมาได้เลยนะ จะได้เตรียมอาหารการกินไว้ให้พร้อม"

"ครับคุณอา ขอบคุณนะครับ" ผมรีบพุ่มมือยกมือไหว้ กะเรียกความสนใจจากคุณพ่อของน้องเต็มที และพอเห็นท่านยังเฉยอยู่ ใจผมก็แป้วลง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาได้ เมื่อได้ยินประโยคที่ราบเรียบติดจะเดาอารมณ์ยากดังมาจากปากของคุณพ่อของตะวัน ซึ่งในนาทีนั้นผมยอมรับเลยว่าเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้อย่างแท้จริง

"จะพามาก็พามา รู้จักกันไว้ก็ดี ยังไงก็ตกกระไดพลอยโจนกันมาถึงนี่แล้วนี่"

คุณแม่ยิ้มขำพร้อมกับหันมาพยักเพยิดให้กำลังใจผมแบบไม่มีเสียง ก่อนที่ผมจะหันไปหาตะวันก็ได้เห็นว่าน้องมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว แถมยังยิ้มกว้างส่งมาเติมเต็มกำลังใจให้ผมได้อีกเฮือกใหญ่

"ว่าแต่ที่ไปสัมภาษณ์กันมาวันนี้ เป็นไงบ้างล่ะ" คุณพ่อของน้องเอ่ยถาม ให้ตะวันขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ คนเป็นพ่อ ก่อนจะเอ่ยอ้อนอย่างน่ารัก

"วันนี้ตะวันสนุกมากเลยครับ ทีมงานของพี่พลัฎฐ์ใจดีทุกคนเลย" ผมมองตะวันที่เล่าเรื่องวันนี้ให้พ่อฟังอย่างอารมณ์ดี ให้ต้องได้ยิ้มตามก่อนที่จะกล่าวเสริม

"วันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ตะวันเก่งมาก เก่งจนทุกคนยังชม" แก้มขาวของน้องขึ้นริ้วสีแดงๆ ทันทีที่ผมตอบจบ ให้นึกเอ็นดูจนอยากจะยื่นมือไปหยิกแก้ม แต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้ และหันไปขยายความให้คุณพ่อและคุณแม่น้องฟังต่อ

"นิตยสารวางจะขายอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าครับ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ"

"อืม ดีแล้ว จัดการให้มันเสร็จเป็นเรื่องๆ ไป" คุณพ่อน้องพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกเรื่อง "แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?"

ตะวันหันมาสบตาผมทันทีที่คุณพ่อถามจบ ซึ่งคุณแม่เองก็หันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

"ผมให้เลขาฯ ของผม กับทนายของครอบครัวไปคุยกับเธอเรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งทางนลินีเองก็ยอมเซ็นสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับผมกับตะวันและทุกคนที่เกี่ยวข้องอีก"

ผมรู้สึกขอบคุณคุณพ่อของน้องมากที่ถามเรื่องนี้ขึ้นมา ผมหาจังหวะที่จะบอกเรื่องนี้ให้ตะวันและคุณพ่อคุณแม่ทราบอยู่แต่ยังไม่มีโอกาส ครั้นจะให้โพล่งขึ้นมาโต้งๆ ก็จะดูแปลกๆ ซึ่งพอคุณพ่อถามมาผมเลยได้โอกาสบอกทันที

"แล้วจะวางใจได้เหรอ? ดูท่าทางไม่พอใจขนาดนั้น"

คุณพ่อเอ่ยพาดพิงไปถึงเหตุการณ์วันที่นลินีมาอาละวาดที่ร้านของตะวัน ซึ่งผมเองก็ตอบไปอย่างชัดเจนและมั่นคงให้ท่านทั้งสองสบายใจ และไม่ใช่การตอบแบบขอไปที

"วางใจได้ครับคุณอา เพราะผมสั่งคนของผมไปแล้วว่าให้จัดการได้ตามสมควร ในกรณีที่อีกฝ่ายพยายามเรียกร้องหรือยื่นเงื่อนไขที่ทางเราไม่สามารถให้ได้"

คุณพ่อของน้องสบตาผมนิ่ง เพราะท่านรู้ดีว่านัยยะของประโยคที่ผมพูดคืออะไร ซึ่งท่านก็พยักหน้ารับเบาๆ ไม่พูดอะไรเพิ่ม คงเพราะรู้สึกเหมือนผมว่าให้ตะวันกับคุณแม่รู้และเข้าใจน้อยที่สุดน่าจะเป็นการดีกว่า

เพราะคำว่า ‘จัดการได้ตามสมควร’ นั้นไม่ใช่ความหมายที่ดีเท่าไหร่สำหรับนักธุรกิจแบบผม ซึ่งมันอาจจะหมายความว่า ‘บีบให้จนตรอกจนกว่าจะยอม’ ก็เป็นได้

นั่นคือสาเหตุที่ผมส่งคุณฝ้ายกับทนายไป คุณฝ้ายไปเพื่อยื่นข้อเสนอ และทนายไปเพื่อใช้ข้อกฎหมายบีบนลินีอีกที

จะหาว่าผมใจร้ายก็ได้ แต่คนอย่างนลินีต้องเจอแบบนี้แหละ ถึงจะสมเหตุสมผล

แต่ผมเองก็ไม่ได้จะบีบบังคับอะไรเธอเกินไป เพราะผมให้คุณฝ้ายเสนอเงินให้เธอไปหนึ่งก้อน ผมรู้ดีว่าที่เธอกลับมาไม่ใช่เพราะรักหรือพิศวาสผมมากอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เป็นเพราะตอนนี้เธอกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน เพราะหลังจากเลิกรากับลูกชายบริษัทนำเข้ารถยนต์แล้ว นลินีก็ดูจะดวงตกหนัก ดังนั้นการที่เธอกลับมาหาผม จึงมีเหตุผลไม่กี่ข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน

ดังนั้นผมเลยให้คุณฝ้ายจ่ายเงินให้เธอไปก้อนหนึ่ง ไม่ได้มาก แต่ก็ไม่น้อยพอที่จะเอาไปต่อยอด จากนั้นก็ให้ทนายร่างสัญญากู้ยืมเงินขึ้นมา โดยให้นลินีเซ็นรับทราบและยอมรับเงื่อนไขที่ผมคิดมาแล้วอย่างดี

ซึ่งเงื่อนไขที่ว่าก็คือ นลินีต้องไม่มายุ่งเกี่ยวกับผม กับครอบครัวผม กับตะวัน กับน้องพี หรือแม้แต่คนที่เกี่ยวข้อง ถ้าหากเธอเข้ามาวุ่นวายไม่ว่าจะในทางใด เธอจะต้องชดใช้หนี้สินที่ก่อไว้เพิ่มจากเดิมหนึ่งร้อยเท่า หรือในกรณีที่ไม่มีเงินจ่าย เจ้าหนี้ซึ่งก็คือผมมีสิทธิ์แจ้งความจับเธอข้อหาฉ้อโกงได้ในทุกกรณี แต่ถ้านลินีทำตัวสาบสูญและไม่มาข้องเกี่ยวกันตลอดชีวิตผมจะยกหนี้ให้ และให้เราต่างคนต่างอยู่ไป โดยที่ผมจะไม่ทวงเงินเธอแม้แต่บาทเดียว

ซึ่งทางนลินีก็ยอมลงนามในสัญญาแต่โดยดี ทั้งที่รู้ว่าเสียเปรียบ นั่นก็เพราะเธอโลภ และอยากได้เงินจำนวนไม่น้อยนั้นมาเพื่อสนองความต้องการของตนเอง

และหลังจากคุณฝ้ายโทรมารายงานว่าสิ่งที่ผมสั่งให้ดำเนินการลุล่วงไปด้วยดี ผมก็สบายใจ และมาอธิบายให้คุณพ่อกับคุณแม่น้องรับฟังได้อย่างเต็มปาก

ซึ่งผมเองก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ผมคิด และเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี

.

.

.

To Be Continue

-----------------------------------------------

*จุดพลุ* ... เย่ๆ เคลียร์ไปเป็นประเด็นๆ เนาะคะ ใกล้จบแล้วแหละจ้า อีกไม่กี่ตอน ^^

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และกำลังใจ ยังไงก็ฝากติดแท็ก #เกิดเป็นรักข้ามรั้ว ในทวิตด้วยน้าา เจอกันตอนหน้าค่ะ ... รักทุกคนมาก❤

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

comment ย้อนหลัง

... "หนูชอบทัวร์สวนสัตว์ของพี่ใช่ไหมครับ? วันหลังเรามาอัพเกรดทัวร์กันดีไหม"

เป็น nc ที่น่ารัก และ ทำให้เรามีมุมมองใหม่ๆกับสวนสัตว์ 55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2019 16:04:26 โดย Billie »

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
:: Chapter 23rd - ความบังเอิญที่ไม่สิ้นสุด ::


หลังจากผ่านกระบวนการทุกอย่าง นิตยสาร W.World ปักษ์ล่าสุดก็ถูกวางจำหน่าย พลัฎฐ์อ่านสกู๊ปพิเศษที่ตนเองได้ให้สัมภาษณ์ไว้แล้วก็ต้องอมยิ้ม เพราะในนั้นนอกจากจะมีบทสัมภาษณ์ของเขากับตะวันแล้ว ยังมีรูปตะวันที่น่ารักๆ และดูดีมากๆ อยู่หลายรูปประกอบอยู่ด้วย

พลัฎฐ์ยอมรับเลยว่าตอนเห็นครั้งแรกก็รู้สึกแอบหวงหน่อยๆ เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นความน่ารักของตะวันนอกจากตัวเอง แต่พอคิดไปคิดมาอีกทีพลัฎฐ์ก็นึกภูมิใจขึ้นมาเสียแบบนั้น เพราะถ้าใครได้อ่านเนื้อหาการสัมภาษณ์ในสกู๊ปนี้จนจบก็จะรู้ว่าตะวันเป็นคนรักที่น่ารักของเขา ของพลัฎฐ์คนนี้คนเดียวเท่านั้น

แล้วแบบนี้จะไม่ให้คนขี้อวดแฟนแบบเขาภูมิใจและปลื้มปริ่มได้ยังไงกัน

“ท่านรองประธานฯ คะ ดิฉันเตรียมนิตยสารมาให้สามเล่มนะคะ เล่มนี้ของท่านรองประธานฯ เล่มนี้ของคุณตะวัน และเล่มนี้ของคุณพ่อคุณแม่คุณตะวันค่ะ”

นิตยสารสามเล่มถูกวางตรงหน้าพลัฎฐ์ พร้อมรอยยิ้มบางๆ จากเลขาฯ คนสนิท ในเวลานี้คุณฝ้ายรู้ดีว่าเจ้านายของเธออารมณ์ดีแค่ไหน เพราะตั้งแต่เช้ามาท่านรองประธานฯ ที่ชอบตีหน้าขรึม กลับยิ้มกว้าง ทำเอาพนักงานทั้งบริษัทงุนงงไปตามๆ กัน

“ขอบคุณมากครับคุณฝ้าย ว่าแต่ผลตอบรับเป็นยังไงบ้างครับ”

และเป็นอีกครั้งที่คำตอบของเธอ ทำให้ท่านรองประธานฯ ต้องยิ้มหน้าบานจนหุบไม่ลง

“ดีมากเลยค่ะ ในแฟนเพจ และในเว็บไซต์ของบริษัท มีแต่คนมาคอมเม้นท์ในทางที่ดี ส่วนใหญ่ดูเหมือนคนอ่านจะประทับใจในความตรงไปตรงมาของท่านรองประธานฯ ที่ออกมายอมรับด้วยตัวเองว่ามีคนรักแล้ว ถึงแม้จะเป็นเพศเดียวกันก็ไม่ได้คิดปิดบังและเห็นว่าเป็นเรื่องผิด นอกจากนั้นก็ยังชื่นชมเห็นว่าทั้งท่านรองประธานฯ และคุณตะวันดูเหมาะสมและเป็นคู่ที่น่ารักค่ะ”

เลขาฯ สาวต้องกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น เมื่อเธอเห็นว่าท่านรองประธานฯ ของเธอพยายามที่จะหุบยิ้ม แต่ก็ดูเหมือนจะทำได้ยากเหลือเกิน เธอเลยต้องทำเนียนเป็นไม่เห็น เพื่อที่เจ้านายของเธอจะได้ไม่รู้สึกประดักประเดิดจนเกินไป แต่เธอก็พอจะเข้าใจ เพราะด้วยความเคร่งขรึม และดูเป็นคนจริงจังของพลัฎฐ์ พอจะให้มาอยู่ในเวอร์ชั่นร่าเริง มีความสุข ยิ้มกว้างทุกนาที มันเลยอาจจะดูแปลกไปสักนิด เป็นธรรมดา

“แล้วผู้บริหารท่านอื่นๆ ล่ะ มีผลกระทบอะไรหรือเปล่า” พลัฎฐ์ถามทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลายังมีรอยยิ้มแต่งแต้ม ถึงจะกังวลไม่น้อยแต่เขาคิดว่าตัวเองน่าจะแก้ปัญหาส่วนนี้ได้ แต่คำตอบที่ได้รับจากเลขาฯ คนสนิทกลับทำให้พลัฎฐ์ยิ้มได้กว้างมากกว่าเดิม

“มีบ้างค่ะ แต่ไม่ถึงกับเป็นปัญหาใหญ่อะไร โชคดีที่ผู้บริหารของเราเปิดรับกับเรื่องพวกนี้มากพอสมควร และอีกอย่างก็มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านรองประธานฯ ด้วย เลยไม่ได้จะก้าวก่ายอะไร ถ้าไม่มีผลกระทบกับยอดขายนิตยสารหรือส่งผลด้านลบกับบริษัทค่ะ”

เลขาฯ สาวรายงานตามความเป็นจริง ยิ่งทำให้พลัฎฐ์ยิ่งกว่าโล่งใจ เขานึกกังวลอยู่หลายเรื่อง พอจนกระทั่งนิตยสารวางจำหน่าย ก็ทำให้เขาได้รู้ว่า สิ่งที่กังวลนั้นได้รับผลตอบรับในทางบวก ทีนี้ก็เหลือแค่...

Rrrr

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น และหน้าจอที่โชว์ชื่อคนที่โทรมานั้น ยิ่งทำให้พลัฎฐ์ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

“สวัสดีครับแม่ แม่กับพ่อถึงสนามบินแล้วเหรอครับ”


... รอให้พ่อกับแม่ของตนเองได้มาเจอกับพ่อและแม่ของตะวันเสียที และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะพร้อมอย่างที่พลัฎฐ์ตั้งใจแล้ว


(สวัสดีจ้ะลูก ตอนนี้พ่อกับแม่ถึงสนามบินเรียบร้อยแล้วนะ กำลังรอกระเป๋าอยู่จ้ะ)

น้ำเสียงอบอุ่นของคนเป็นแม่ที่พลัฎฐ์ได้ยินยิ่งทำให้เขารู้สึกดี เจ้าตัวกระวีกระวาดหยิบนิตยสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้น เพราะพอเหลือบมองเวลาแล้วว่าใกล้จะเลิกงาน พลัฎฐ์เลยเตรียมจะวนรถไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบิน แล้วค่อยวกกลับไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาล เพราะเห็นว่าวันนี้เด็กๆ มีเรียนพิเศษกว่าจะเลิกก็คงเย็นพอสมควร แต่อาจจะต้องรีบหน่อย เพราะถ้าเกิดรถติดแล้ว มีหวังได้ให้เจ้าตัวน้อยทั้งสองคอยนานแน่ๆ

“ครับ งั้นพอแม่กับพ่อรับกระเป๋าเสร็จแล้วมารอผมที่ข้างนอกนะครับ เดี๋ยวผมไปรับ”

และในขณะที่พลัฎฐ์ส่งสัญญาณบอกเลขาฯ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่าจะออกไปแล้ว แม่ของพลัฎฐ์ที่อยู่ในสายก็ส่งเสียงห้ามออกมาเสียก่อน

(พลัฎฐ์ลูก ไม่ต้องมาก็ได้ เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับเอง) คนที่อยากไปรับพ่อกับแม่ทำท่าจะค้าน แต่พอได้ฟังเหตุผลของมารดา แล้วก็กลับรู้สึกเห็นด้วยอยู่ลึกๆ (พ่อกับแม่โทรให้คนขับรถที่บ้านมารับแล้ว เพราะว่าจะเอากระเป๋ากับข้าวของไปเก็บก่อน จะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย อีกอย่างลูกจะวกไปวกมาทำไม แม่ว่าพลัฎฐ์รีบไปรับเด็กๆ เถอะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปเจอกันที่ร้านหนูตะวันเลยก็ได้)

พอคิดได้ว่ากว่าจะไปรับ ไปส่งพ่อกับแม่ รอพ่อกับแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าคงจะนาน และถ้าเป็นแบบนั้นน้องพีกับเจ้าอาทิตย์ดวงน้อยจะต้องรอนานจนงอแงแน่ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณลินลดาบอกมาจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และสะดวกที่สุดแล้วในเวลานี้

“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันที่ร้านตะวันเลยนะครับแม่ เดี๋ยวผมไปรับน้องพีกับเจ้าอาทิตย์ก่อน”

(โอเคจ้ะ แล้วเจอกันนะลูก)

จากนั้นปลายสายก็ตัดไป สุดท้ายพลัฎฐ์ก็คว้ากุญแจรถมาถือไว้ในมืออีกข้าง แล้วเปลี่ยนเป้าหมายจากสนามบิน เป็นโรงเรียนอนุบาลของน้องพีกับเจ้าอาทิตย์แทน

.

.

.

“ปะป๊า เมื่อไหย่คุณปู่กับคุณย่าจะมาคับ น้องพียอ ย๊อ ยอ”

หลังจากไปรับสองหนุ่มน้อยที่โรงเรียนอนุบาลและขับรถพาไปที่ร้านอาหารของตะวันนั้น พลัฎฐ์ก็บอกกับลูกชายให้รู้ว่าวันนี้คุณปู่กับคุณย่าเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้ว และกำลังจะมาเจอน้องพี ซึ่งสิ่งที่บอกก็ทำเอาเจ้าหนูตื่นเต้นยกใหญ่ เพราะนี่ก็เป็นรอบที่สามแล้วที่เด็กชายพีรยสถ์ถามคนเป็นพ่อ ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอคุณปู่กับคุณย่าของตัวเองสักที

“รออีกนิดหนึ่งนะครับ คุณปู่กับคุณย่าน่าจะกำลังมา”

และนี่ก็เป็นรอบที่สามอีกเช่นกัน ที่พลัฎฐ์ตอบลูกชายไปแบบนี้

แต่ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นกว่าน้องพีจะเป็นคนที่คาดไม่ถึงอย่างตะวัน เพราะหลังจากที่เอ่ยปากว่าวันนี้ตนเองจะลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง โดยให้แค่ป้าวันดีเป็นลูกมือนั้น คนรักของพลัฎฐ์ก็ดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด จากคนที่มั่นใจในรสมือของตัวเองมาตลอด ก็เอาแต่เรียกให้พลัฎฐ์ลองชิม แล้วให้บอกว่ามีอะไรตรงไหนที่ต้องเพิ่มหรือลดหรือเปล่า เนื่องจากตะวันเองก็ไม่แน่ใจว่าพ่อและแม่ของพลัฎฐ์ชอบทานอาหารรสชาติแบบไหน พาลให้กังวลว่าอาหารที่ตนทำอาจจะเป็นรสชาติที่ไม่ถูกใจพ่อและแม่ของพลัฎฐ์เอา

“พี่พลัฎฐ์ พี่มาชิม..”

“ตัวเล็กฟังพี่... ทำแบบที่ตัวเล็กเคยทำ พี่มั่นใจว่าพ่อกับแม่พี่ต้องชอบ และชมว่าอร่อยแน่ๆ”

พลัฎฐ์ตัดสินใจพูดสวนให้กำลังใจตะวัน เพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นลง และทำอาหารในแบบที่ตัวเองถนัด ไม่ต้องทำเอาใจเขาหรือครอบครัวมากเกินไป เพราะพลัฎฐ์มั่นใจมากว่ากับข้าวฝีมือของตะวันจะทำให้พ่อกับแม่เขาประทับใจได้ไม่ยากแน่ๆ

“ก็ตะวันกลัวว่าจะไม่ถูกปากพวกท่านนี่นา”

คนตัวเล็กกว่าอ้อมแอ้มตอบ ให้พลัฎฐ์ต้องลุกไปยืนซ้อนคนที่ยืนหันหลังให้เพราะกำลังชั่งใจเรื่องรสชาติของอาหารอยู่หน้าเตา ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ว่าหอมลงบนแก้มนิ่มเร็วๆ

“เชื่อพี่สิครับว่าพ่อกับแม่จะชอบอาหารฝีมือตะวันเหมือนที่พี่กับน้องพีชอบ ไม่ต้องกังวลนะ”

“แต่...” พอตะวันทำท่าจะแย้ง พลัฎฐ์ก็หันไปหาลูกชายตัวเองกับน้องชายของตะวันที่กำลังง่วนอยู่กับการช่วยป้าวันดีชิมขนมอย่างขะมักเขม้น

“น้องพีครับ อาหารพี่ตะวันอร่อยไหมครับ ไหนน้องพีบอกพี่ตะวันหน่อยเร็ว พี่ตะวันอยากรู้แหนะ”

น้องพีหันมามองคนถามด้วยสีหน้ามีความสุข มือเล็กๆ ถือขนมที่ป้าวันดีให้ไว้นิ่ง ในขณะที่ปากเล็กๆ ก็เคี้ยวหนุบหนับอย่างน่าเอ็นดู ซึ่งพอขนมหมดปากแล้ว เจ้าตัวเล็กก็ตะโกนตอบปะป๊าและพี่ตะวันเสียงจ๋อย

“อะหย่อยค้าบบบ พี่ตะวันทำข้าวกับขนมอะหย่อยที่สุดในโยก”

พอได้ยินคำชมจากเด็กชาย ใบหน้าน่ารักที่ดูกังวลในตอนแรกก็สดใสขึ้น ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมั่นใจขึ้น เมื่อได้รับคำยืนยันจากน้องชายตัวเองอีกที

“ใช่ๆ ฝีมือพี่ตะวันอร่อย อร่อยกว่าใครเลย”

อาทิตย์ว่าพลางหันมายิ้มแฉ่งจนตาหยีส่งให้พี่ชาย จนทำให้ตะวันที่ได้รับรอยยิ้มนั้นอดยิ้มตามออกมาไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าได้ยินเสียงทุ้มครางตัดพ้อมาแทน

“ตัวเล็กลำเอียง” ตะวันหันไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังเอามือเท้าเคาน์เตอร์ปรุงอาหาร คล้ายๆ จะกักตะวันไว้ในอ้อมกอดกลายๆ ด้วยการทำหน้าสงสัยน้อยๆ เพราะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พลัฎฐ์ถึงได้กลายร่างเป็นเด็กงอแงไปได้ ทั้งที่เมื่อกี้ก็ปลอบเขาอยู่ดีๆ แท้ๆ

“หือ? ตะวันใจร้ายยังไครับ”

“ตัวเล็กใจร้ายที่เชื่อแต่เด็กๆ น่ะสิ” พลัฎฐ์ว่าพลางทำปากยื่นในแบบที่คิดว่าน่ารักสุดๆ แต่พอตะวันเห็นกลับเอาแต่หัวเราะไม่เลิกแทน “พี่พูดให้กำลังใจแทบแย่ ตัวเล็กไม่เห็นเชื่อเลย แต่พอน้องพีกับอาทิตย์พูดคนละประโยคกลับเชื่อง่ายๆ ซะงั้น พี่น้อยใจนะเนี่ย”

พลัฎฐ์แสร้งทำเป็นน้อยใจได้น่าหมั่นไส้มากๆ แต่ตะวันกลับไม่ถือสา ตรงกันข้ามคนตัวเล็กกว่ากลับรู้สึกอยากจะเอาใจคนตัวโตกว่าให้หายงอนเสียอีกด้วยซ้ำ

“ถ้างั้นตะวันง้อ” พอพูดจบ จู่ๆ คนที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาก็หันหน้ากลับมาหาคนขี้งอน แล้วเขย่งตัวพร้อมกับยื่นหน้าไปจูบเบาๆ เร็วๆ ลงบนริมฝีปากหยัก โดยที่คนถูกง้อแทบจะไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด

และยิ่งไปกว่านั้นพลัฎฐ์ยังถูกตะวันจู่โจมด้วยคำพูดน่ารักๆ จนทำเอาเขาเกือบใจละลายแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง

“พี่พลัฎฐ์หายงอนตะวันนะครับ” แล้วมีหรือที่คนขี้สปอยล์ตะวันแบบพลัฎฐ์ จะไม่ใจอ่อนระทวยทำตามที่อีกฝ่ายขอโดยไม่มีบิดพริ้ว

“หายงอนแล้ว... คืนนี้ไปสวนสัตว์กับพี่นะ”

“พี่พลัฎฐ์!!!”

และสุดท้ายก็กลายเป็นตะวันงอนพลัฎฐ์ไปแทน เมื่อเจออีกฝ่ายขออะไรซึ่งๆ หน้าแบบนี้มา

.

.

.

ตอนนี้อาหารทุกจานที่ตะวันตั้งใจทำด้วยตัวเอง ถูกวางอยู่บนโต๊ะอาหารในร้านที่ถูกยกมาวางต่อกันให้กลายเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ เพื่อรองรับสมาชิกที่เพิ่มขึ้น โดยมีพ่อและแม่ของตะวัน น้องพี พลัฎฐ์ อาทิตย์ และตะวัน นั่งรอท่าอยู่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้พลัฎฐ์โทรไปเช็คว่าพ่อกับแม่ตัวเองถึงไหนแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่ารถติดนิดหน่อยจึงทำให้ถึงที่หมายช้ากว่าที่กะเวลาไว้ตอนแรก และอีกไม่นานน่าจะถึง เพราะกำลังจะลงทางด่วนแล้ว

และในระหว่างที่รอพ่อกับแม่ของตัวเอง พลัฎฐ์ก็ไม่อยากที่จะให้เสียเวลาไปเปล่าๆ เขาจึงยื่นนิตยสารปักษ์ล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายให้คุณพ่อกับคุณแม่ของตะวันดูทันที

พ่อของตะวันเป็นคนยื่นมือมารับไว้ และทันทีที่นิตยสารอยู่ในมือ ทั้งพ่อและแม่ของตะวันก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางจ้องไปยังชื่อนิตยสารด้วยความไม่แน่ใจ

“ดับบลิว.เวิลด์ งั้นหรือ?”

พ่อของตะวันพึมพำชื่อหนังสือ ก่อนที่จะพยายามนึกว่าเขาเคยได้ยินชื่อนิตยสารนี้ที่ไหน เพราะมันคุ้นมาก ซึ่งไม่ใช่แค่พ่อของตะวันเท่านั้นที่คุ้น เพราะแม่ของตะวันเองก็รู้สึกคุ้นด้วยไม่ต่างกันเลย

“นั่นสิคะคุณ ฉันคุ้นจัง แต่นึกไม่ออกว่าได้ยินที่ไหน”

และเมื่อพลัฎฐ์เห็นว่าพ่อกับแม่ของตะวันมีท่าทีแปลกไป จึงรีบพูดอธิบายเพื่อทำคะแนน

“ใช่ครับ ดับบลิว.เวิลด์ เป็นนิตยสารของครอบครัวผมเองครับ”

แต่ยังไม่ได้ทันที่จะได้คุยอะไรต่อ เสียงกระดิ่งตรงประตูก็ดังขึ้น ราวกับจะบอกว่าตอนนี้มีคนมาใหม่กำลังจะเข้ามาในร้าน และเป็นพลัฎฐ์ที่หันไปเห็นพ่อกับแม่ของตัวเองก่อนใคร

“คุณพ่อ คุณแม่ มาแล้วเหรอครับ?”

เสียงทักของพลัฎฐ์ก็เรียกความสนใจให้ทุกคนที่ไม่ว่าจะนั่งดูนิตยสาร หรือตะวันที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะ รวมไปถึงเด็กๆ เองที่กำลังหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน หันมามองกันโดยพร้อมเพรียง โดยมีเสียงน้องพีที่ตะโกนออกมาดังลั่นร้านด้วยความดีใจ

“คุณปู่ คุนย่า มาแย้วววว น้องพีคิดถึงมากกกกก” เจ้าตัวน้อยบอกพร้อมอ้าแขนกว้าง ราวกับเชื้อเชิญให้ผู้สูงวัยทั้งสองเข้าไปกอด ซึ่งทั้งคุณปู่และคุณย่าของน้องพีก็ไม่มีปฏิเสธ รีบตรงรี่เข้าไปหาหลานชายสุดที่รัก แล้วฟัดกอดด้วยความคิดถึง แถมยังเผื่อไปแผ่ไปโอบกอดเด็กชายตัวน้อยที่นั่งข้างหลานชายด้วยความเอ็นดูอีกด้วย

“นี่คงเป็นน้องอาทิตย์สินะลูก หน้าตาหล่อเหลาเชียว โตขึ้นสงสัยสาวต้องติดเต็มไปหมดแน่ๆ”

เจ้าอาทิตย์ดวงน้อยยิ้มแฉ่งหลังจากได้รับคำชมจากคุณย่าของน้องพี ก่อนที่จะพุ่มมือขึ้นสวัสดีอย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับคุณปู่คุณย่า อาทิตย์ชื่อ อาทิตย์ครับ เด็กชายภานวีย์ รุ่งวิริยะจรรยาครับ”

เจ้าตัวจิ๋วพูดรายงานตัวเสียยาวเหยียดด้วยเสียงดังฟังชัด ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองที่ได้ยิน อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้

“ฉลาดจริงๆ ตัวแค่นี้เอง” บิดาของพลัฎฐ์เอ่ยชม ก่อนจะหันไปหาลูกชาย แล้วถามพลางหันไปมองรอบๆ ร้าน “ว่าแต่ไหนหนูตะวันแฟนเราล่ะ คุณพ่อคุณแม่ของน้องเขามาถึงแล้วใช่ไหม”

“นั่นสิลูก พวกคุณๆ เขาอยู่ไหนกันล่ะหื้ม?”

คุณลินลดากระซิบถามลูกชายเบาๆ พร้อมกับสามีที่เขยิบเข้ามายืนข้างๆ พลัฎฐ์จึงผายมือไปทางพ่อกับแม่ของตะวันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่กำลังมองมาที่ใบหน้าของพ่อและแม่ของพลัฎฐ์อย่างอึ้งๆ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างจนพลัฎฐ์นึกแปลกใจ

“พ่อครับ แม่ครับ นั่น....”

แต่ยังไม่ทันที่พลัฎฐ์จะได้เอ่ยแนะนำ พ่อของเขาก็เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยท่าทีสนิทสนมเสียก่อน

“อ้าว.. คุณภาสกร คุณรวิวรรณ มาทำอะไรที่นี่ครับ” แต่แล้วบิดาของพลัฎฐ์ก็ชะงัก ก่อนที่จะพึมพำออกมาเบาๆ “หรือว่า...”

“สวัสดีครับ คุณพศิน คุณลินลดา ผมกับภรรยาคือพ่อกับแม่ของเจ้าตะวันกับเจ้าอาทิตย์ครับ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ”

ซึ่งพอจบคำของคุณภาสกรบิดาของตะวัน ทุกคนในร้านรวมถึงตะวันที่เดินมายืนข้างพลัฎฐ์ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ได้แต่มองแล้วอึ้งๆ ปนงงๆ ก่อนที่เสียงหัวเราะของบรรดาพ่อๆ และแม่ๆ จะดังประสานขึ้นราวกับชอบอกชอบใจอะไรนักหนาก็ไม่รู้

“นั่งๆ ครับ สงสัยวันนี้เราน่าจะได้คุยกันยาวๆ ฮ่า”

.

.

.

- อ่านต่อด้านล่าง -

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
- ต่อจากด้านบน -


Tawan’s Part


กลายผมกับพี่พลัฎฐ์ที่ทำหน้างงกันไปงงกันมา ในขณะที่พ่อกับแม่ของพวกเราหัวเราะร่วน พูดคุยกันสนิทสนม ราวกับรู้จักกันมาก่อน

เอ่อ... ก็รู้จักกันมาก่อนจริงๆ นั่นแหละ

“สรุปว่า... ที่พ่อกับแม่บอกว่ามีนิตยสารมาติดต่อขอให้เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการวิจารณ์อาหารนี่คือนิตยสารของคุณลุงกับคุณป้าเหรอครับ...?”

ผมถามด้วยสีหน้างงงวย ก่อนที่คุณแม่ของพี่พลัฎฐ์จะยื่นมือมาแตะที่ท่อนแขนของผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

“ไม่เอาคุณลุงกับคุณป้าค่ะหนูตะวัน เรียกคุณพ่อคุณแม่แบบพี่เขาเถอะนะ ไหนๆ เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” แม้คำตอบที่ผมได้รับ จะไม่ค่อยตรงกับคำถามที่ถามไปเท่าไหร่ แต่ได้ยินแล้วก็อดหน้าร้อนไม่ได้ “ส่วนที่หนูตะวันถาม.. คำตอบคือใช่ค่ะ คุณพ่อพศินกับคุณแม่น่ะ ติดต่อคุณภาสกรและคุณรวิวรรณ คุณพ่อและคุณแม่ของหนูให้มาทำงานด้วยกัน ที่เรากลับมาไทยเที่ยวนี้ นอกเหนือจากเรื่องของเจ้าลูกชายกับหลายชายตัวแสบแล้ว ก็กลับมาเพื่อที่จะคุยธุรกิจกับคุณพ่อคุณแม่หนูด้วยนี่ล่ะจ้ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ใช่ไหมคะคุณ”

ปลายประโยคคุณป้า เอ่อ.. คุณแม่ก็หันไปถาม อะ.. อืม คุณพ่อนั่นแหละ ก่อนที่คุณพ่อท่านจะยิ้มกว้างและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

“นั่นสิครับ คนกันเองแบบนี้ ผมก็คงไม่กังวลอะไรมากแล้ว”

ผมกับพี่พลัฎฐ์ก็หันไปมองฝั่งคุณพ่อของผมบ้าง เพราะไม่แน่ใจว่าท่านจะมีปฏิกริยายังไงบ้างกับเรื่องนี้ เพราะถึงแม้พวกท่านจะดูสนิมสนมและมีวี่แววว่าจะร่วมงานกัน แต่เรื่องระว่างผมกับพี่พลัฎฐ์ก็เป็นอีกไม่เรื่อง ไม่แน่...

“ใช่ครับ ถ้าผมรู้ว่าคุณพลัฎฐ์เป็นลูกชายคุณพศินแต่แรก ก็คงไม่ต้องให้ทำเรื่องทำราวปกป้องตะวันอะไรขนาดนี้หรอก”

อ่าว... พ่อผม ทำไมยอมง่ายยอมดายขนาดนี้

ซึ่งสิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาผมหน้ามุ่ยไม่น้อย ในขณะที่พี่พลัฎฐ์กลั้นขำจนไหล่สั่น แถมยังเอื้อมมือมาบีบจมูกผมเบาๆ อีกต่างหาก ตอนผมหันไปย่นจมูกใส่อีกฝ่ายที่เอาแต่ส่งสายตาล้อเลียนผมไม่เลิก

“โถ นั่นหนูตะวันหน้าบึ้งแล้ว ไม่เอาค่ะคุณ ไม่พูดล้อหนูตะวันแล้วนะคะ” และก็เป็นแม่พี่พลัฎฐ์ที่หันมามองและพูดกับผมด้วยน้ำเสียงใจดี ซึ่งผมเองพอมีคนเข้าข้างก็คิดเปลี่ยนฝั่งทันที เพราะท่าทางแล้วคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์จะเอ็นดูผมอยู่ไม่น้อย ผมเลยจัดการพาตัวเองไปนั่งข้างคุณแม่ทันทีพร้อมกับเกาะแขนท่านเบาๆ ทำหน้าอ้อนๆ ยิ้มกว้างๆ แบบที่ผมชอบทำกับพี่พลัฎฐ์บ่อยๆ และมั่นใจมากว่าคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์ต้องชอบมากแน่ๆ

“ตัวเล็กกกก ย้ายกลับมานั่งข้างพี่นี่มา มาอ้อนพี่ ไม่ต้องไปอ้อนแม่พี่เลย” ผมลอบยิ้ม เพราะยังไม่ทันที่คุณแม่จะออกอาการ กลับเป็นพี่พลัฎฐ์ที่ร้อนรนขึ้นมาแทน

พี่พลัฎฐ์น่ะ ขี้หวงผมจะตายไป ... คอยดูนะผมจะแกล้งคืนบ้าง ชอบแกล้งผมดีนัก

“คุณแม่ครับ ดูสิครับ พี่พลัฎฐ์ชอบแกล้งตะวัน ตะวันอยู่กับคุณแม่ดีกว่าเพราะคุณแม่ใจดี แถมยังปกป้องไม่ให้ใครแกล้งตะวันด้วย”

คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์หัวเราะชอบใจ ก่อนที่มือเรียวๆ นุ่มๆ ของคุณแม่จะยื่นมาลูบศีรษะผมด้วยความเอ็นดู

“ได้ค่ะ หนูตะวันอยู่กับแม่นะคะ แม่จะไม่ให้พี่พลัฎฐ์เข้าใกล้มาแกล้งหนูเลยดีไหมคะ”

ผมยิ้มกริ่มก่อนจะหันไปทำหน้าเยาะเย้ยใส่พี่พลัฎฐ์ ก่อนจะหันมาพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงเห็นด้วยกับคุณแม่

“ดีครับ ดี ตะวันอยากอยู่กับคุณแม่ครับ”

“นี่พี่ตะวัน ได้ทีก็อ้อนคุณลินลดาใหญ่เลยนะคะลูก แบบนี้ให้คุณพลัฎฐ์มาอ้อนแม่บ้างดีไหมคะเนี่ย”

ผมตาโตทันทีที่ได้ยินแม่ตัวเองพูดแบบนั้น ก่อนจะหันมาส่งสายตาเป็นลูกหมาอ้อนให้กับแม่พี่พลัฎฐ์ พอคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์พยักหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ผมก็ลุกไปหาแม่ตัวเอง พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งแล้วกอดเอวแม่เอาไว้แน่น

“ไม่เอาครับ ตะวันเหมาหมดเลยคนเดียว เหมาคุณพ่อกับคุณพ่อด้วย”

และคำพูดของผมก็เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเด็กน้อยทั้งสองที่เมื่อกี้นั่งเล่นวาดรูป ไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด

“นี่ล่ะครับเจ้าตะวันลูกผม ร้ายน้อยที่ไหน ชอบขี้อ้อน บางทีติดอ้อนผมกับคุณรวิวรรณมากกว่าเจ้าอาทิตย์เสียอีก” พอจบคำพูดของคุณพ่อผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึของพี่พลัฎฐ์ เลยจัดการหันไปย่นจมูกใส่ แต่ก่อนจะยิ้มหน้าบานเมื่อได้ยินพ่อพี่พลัฎฐ์พูด ผมก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มทันที

“ดีครับ เอามาปราบลูกชายขี้เย็นชาของผมให้หนัก ดูท่าจะหลงหนูตะวันมาก ถึงกับโทรมาขอให้แม่เขาช่วยพูดกับผม ตอนที่จะไปขอหนูตะวันเป็นแฟน”

“โถ่ พ่อครับ เผาผมแบบนี้จะเหลืออะไร” จากที่กำลังยิ้มกริ่มก็เปลี่ยนเป็นรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที และยิ่งเหมือนโดนน็อคเอ้าท์พ่ายแพ้ราบคาบก็ตอนที่พี่พลัฎฐ์พูดยิ้มๆ ด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านให้ทุกคนรับฟังโดยพร้อมเพรียงกัน

“ที่จริงก็ไม่ต้องให้ตะวันปราบอะไรผมหรอกครับ เพราะแค่ทุกวันนี้ผมก็ทั้งรักทั้งหลงน้องจะแย่ แค่เอ่ยปากสั่งคำเดียว ผมก็ยอมทุกอย่างแล้ว”

ผมอ้าปากค้าง ก่อนจะกวาดสายตามองบรรดาพ่อๆ และแม่ๆ ของผมกับพี่พลัฎฐ์ที่กำลังมองมาที่ผมซ้ำยังยิ้มล้อเลียนให้ผมได้ยิ่งเขินหนักกว่าเดิม

ฮึ่ยยย!! สรุปไอ้ที่แกล้งๆ มา ผมแพ้พี่พลัฎฐ์เพราะประโยคนี้ประโยคเดียวเนี่ย!

คอยดูนะไม่ต้องไปแล้วสวนส่งสวนสัตว์เนี่ย!!

.

.

.

อาหารเย็นมื้อนั้นจบลงพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คุณพ่อและคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์เอ่ยชมไม่ขาดปากว่ากับข้าวอร่อยอย่างนั้น น่ากินอย่างนี้ ทำเอาพ่อครัวอย่างผมยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก ไม่เสียแรงที่ลงมือทำเองทุกเมนูเพราะอยากให้พวกท่านประทับใจ และดูเหมือนทุกอย่างล้วนเป็นไปตามความตั้งใจผม ทำเอาผมมีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้

และแน่นอนว่าสถานการณ์ของคุณพ่อผมกับพี่พลัฎฐ์ก็ดีตามขึ้นลำดับ บรรยากาศกดดันและรังสีอำมหิตที่พ่อผมเคยแผ่ใส่พี่พลัฎฐ์ทุกครั้งที่เห็นหน้าก็หมดไป เหลือแต่รอยยิ้มใจดี และสายตาชื่นชมเมื่อได้พูดคุยกันแล้วรู้ว่าพี่พลัฎฐ์ต้องเสียสละและทำอะไรเพื่อครอบครัวบ้าง ซึ่งนั่นคือจุดอ่อนของพ่อ เพราะพ่อเป็นคนรักครอบครัว พอเห็นพี่พลัฎฐ์ทำทุกอย่างและเห็นความสุขของคนในครอบครัวเป็นหลักเลยทำให้พ่อเปิดใจให้พี่พลัฎฐ์มากขึ้น

ครอบครัวของเราทั้งสองเข้ากันได้ดี บรรดาพ่อๆ แม่ๆ ของพวกเราพูดคุยกันถึงคอลัมน์ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นมาในนิตยสารโดยให้พ่อกับแม่ของผมเป็นผู้เขียนหลัก ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารอร่อย ร้านอาหารขึ้นชื่อ หรือเมนูแนะนำอะไรต่างๆ ที่พ่อกับแม่ของพี่พลัฎฐ์เพิ่งคิดได้ว่าจะเอามาเสริมในนิตยสาร ถึงได้ติดต่อพ่อกับแม่ผมไปก่อนหน้านี้ นั่นเพราะพวกกท่านเคยมีโอกาสได้เจอกันในงานเลี้ยงงานหนึ่งตอนที่อยู่ที่อเมริกา พอหลังจากได้แลกเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ ก็เลยเกิดคุยกันถูกคอ จนพ่อกับแม่ของพี่พลัฎฐ์วางแผนจะเชิญพ่อกับแม่ของผมมาร่วมงานด้วย แล้วก็จับพลัดจับผลูมาเจอกันในวันเปิดตัวคนรักของลูกชายของทั้งสองครอบครัวแทน


ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าความบังเอิญหรือพรหมลิขิตดี...


แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ผมรู้สึกขอบคุณและมีความสุขมากๆ เพราะก่อนหน้าที่พวกท่านทั้งสี่จะได้พบกัน ผมกังวลไปล้านแปด กลัวพ่อกับแม่ผมจะไม่ยอมรับ กลัวพ่อกับแม่พี่พลัฎฐ์จะไม่ชอบผม กลัวไปทุกอย่าง แต่พอผลลัพธ์มันออกมาเป็นตรงข้ามแบบนี้ ผมก็สบายใจ และรู้สึกโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็น แม้ตอนนี้จะมีบางอย่างทีทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยก็ตาม

ผมว่าอันตราย ขืนสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผมต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ

“พี่ตะวันคะ วันนี้พ่อกับแม่จะกลับไปนอนที่บ้านใหญ่นะคะ แล้วจะเอาน้องอาทิตย์ไปด้วย พี่ตะวันจะไปด้วยกัน หรือจะกลับไปบ้านตัวเองคะ”

ผมยิ้มร่าเริง เตรียมจะตอบแม่เต็มที่ว่าจะขอกลับไปนอนด้วย เพราะตั้งใจแล้วว่าจะขอนอนกอดแม่กับพ่อให้หายคิดถึง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากพูด พี่พลัฎฐ์ก็พูดสวนขึ้นมาก่อนเสียแบบนั้น

“แต่คุณแม่ครับ ตะวันรับปากผมไว้น่ะครับว่าคืนนี้จะทำขนมให้ผม” พอเห็นคุณแม่ทำหน้างง พี่พลัฎฐ์ก็พูดเสริม “พอดีผมจะเอาขนมไปอวยพรวันเกิดให้กับลูกค้าของนิตยสาร เลยไหว้วานให้น้องช่วยทำขนมให้”

“อ่าวเหรอจ๊ะ” คุณแม่ผมพยักหน้ารับว่าเข้าใจ ก่อนจะพูดอย่างใจดี “งั้นพี่ตะวันอยู่ทำขนมให้พี่เขาแล้วกันนะลูก ไม่ต้องเป็นห่วงน้องอาทิตย์ เดี๋ยวคืนนี้คุณพ่อคุณแม่ดูแลน้องเอง”

พี่พลัฎฐ์ยิ้มกว้าง พร้อมกับยกมือไหว้คุณแม่ผมอย่างนอบน้อม “ขอบคุณมากครับคุณแม่”

ในขณะที่ทางฝั่งครอบครัวพี่พลัฎฐ์เองก็ดูเหมือนจะได้ยินในสิ่งที่พลัฎฐ์บอกเหมือนกันคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์เลยหันมาหาเราสองคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่ต่างจากแม่ผมสักนิด

“พลัฎฐ์ไปรบกวนน้องทำไมล่ะลูก ทำไมไม่สั่งร้านให้ทำให้”

ผมหันไปมองพี่พลัฎฐ์ที่ถูกแม่ดุ ทั้งที่ยังงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก ก่อนที่จะเห็นว่าพี่พลัฎฐ์กำลังยิ้มอ้อนแม่ตัวเอง พลางกอดเอวท่านไว้หลวมๆ

“ก็น้องทำขนมอร่อยนี่ครับแม่ ผมอยากให้ลูกค้าประทับใจ” ผมมองหน้าพี่พลัฎฐ์งงๆ และยังคงงงต่อไปเรื่อยๆ “แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เพราะเดี๋ยววันนี้ผมจะไปช่วยน้องทำขนมเอง ซึ่งผมคงต้องฝากน้องพีไว้กับคุณแม่และคุณพ่อสักคืน”

“ดีจ้ะดี ไปรบกวนน้องเราก็ต้องไปช่วยน้องทำ” แม่พี่พลัฎฐ์หันยิ้มใจดีให้ผม “แม่ฝากพี่พลัฎฐ์ด้วยนะคะหนูตะวัน ส่วนน้องพีก็ไม่ต้องเป็นห่วงกัน เดี๋ยวแม่ดูแลเอง คิดถึงหลานจะแย่ คืนนี้จะนอนกอดให้หนำใจเลย”

พูดไม่พูดเปล่าคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์ยังก้มไปอุ้มน้องพีที่ยืนเกาะกุมมือเธออยู่ข้างๆ ขึ้นมากอดอีกต่างหาก

“น้องพี คืนนี้ไปนอนกับย่านะลูก ย่าจะได้ฟังหนูเล่าเรื่องที่ไปโรงเรียนมาดีไหมครับ”

น้องพียิ้มกว้างพร้อมกับหยักหน้าหงึกหงักอย่างถูกใจ “ไปคับไป น้องพีหยักนอนกับคุณย่า น้องพีคิดถึงคุณย่า โอ๊ะๆ คิดถึงคุณปู่ด้วยยย”

และถ้อยคำแสนฉลาดของน้องพี ก็ทำเอาทุกคนส่ายหัวขำด้วยความเอ็นดู ก่อนที่น้องชายของผมจะพูดโพล่งขึ้นมาทำเอานิ่งอึ้งกันทั้งบาง ยกเว้นผม ที่ยังงงกับเรื่องที่พลัฎฐ์ พยายามนึก นึกยังไงก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่าอันตราย อันตรายแน่ๆ

“แต่อาทิตย์อยากให้น้องพีไปนอนด้วยกันจังเลยครับคุณพ่อ ไม่ได้เหรอครับ”

แล้วคุณพ่อของผมก็ต้องหันไปส่งสายตาขอโทษขอโพยให้กับคุณพ่อและคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์เมื่อเห็นว่าน้องพีเองก็ดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยเพราะคำพูดของเจ้าอาทิตย์ และดูคล้ายว่าจะมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่น้องพีกำลังจะเรียกร้องในสิ่งเดียวกับที่เจ้าอาทิตย์ของผมเพิ่งขอไป

“ไม่ได้นะครับน้องอาทิตย์ คุณปู่คุณย่าไม่ได้เจอน้องพีนานแล้ว น้องอาทิตย์เจอน้องพีทุกวัน ผลัดให้คุณปู่กับคุณย่าเจอกันบ้างนะลูก”

น้องชายผมหน้าจ๋อย แต่ก็พยักหน้ารับยอมเข้าใจ ในขณะที่น้องพีเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน อาจะเป็นเพราะวันนี้เด็กสองคนเล่นด้วยกันและอยู่ด้วยกันนานเกินไป พอจะแยกจากกันเลยต้องมีดราม่ายกใหญ่สักหนึ่งยก

และก่อนที่จะได้พูดหรือได้แย้งอะไร คุณพ่อของพี่พลัฎฐ์ก็เอ่ยถามขึ้นเสียก่อน

“หรือว่าเอาแบบนี้ดีครับคุณภาสกร” คุณพ่อพี่พลัฎฐ์ยิ้มกริ่ม ก่อนที่จะเฉลย “คือถ้าคืนนี้ไม่รบกวนคุณกับคุณรวิวรรณมากเกินไป ผมกับภรรยาอยากจะขอไปค้างที่บ้านพวกคุณสักคืน น้องพีกับน้องอาทิตย์จะได้อยู่ด้วยกัน แล้วเราจะได้สังสรรค์กันตามภาษาผู้ใหญ่ด้วย”

และแน่นอนว่าทั้งสามคนที่เหลือเห็นด้วย เพราะดูจะพยักหน้าหงึกหงัก ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มกว้างราวกับชอบใจ

“ดีเหมือนกันนะคะคุณ เพราะฉันก็ยังคุยเรื่องอาหารขึ้นชื่อแถวนี้ยังไม่จบเลย จะได้คุยต่อด้วย ดีไหมคะคุณลินลดา”

ท้ายประโยค แม่ผมหันไปถามคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์ ซึ่งแน่นอนว่าท่านเห็นดีเห็นงามด้วย

“ดีค่ะ ดีเลย”

แล้วพ่อผมก็ทำการจบบนสนทนาด้วยการเชื้อเชิญ พ่อและแม่ของพี่พลัฎฐ์ขึ้นรถ

“งั้นเชิญครับคุณพศิน คุณลินลดาทางนี้เลยครับ” พ่อของผมผายมือ ก่อนออกเดินนำ “พอดีเลย ผมมีไวน์ที่อยากเปิดชิมอยู่ เดี๋ยวคืนนี้อยู่ทานด้วยกันนะครับคุณพศิน”

“โอ้ ยินดีเลยครับคุณภาสกร ขอบคุณมากนะครับ” พ่อของพี่พลัฎฐ์หันมาขอบคุณคุณพ่อของผมเสียยกใหญ่ ก่อนที่คุณพ่อจะหันไปบอกข่าวดีให้น้องพีรู้

“น้องพีครับ คืนนี้เราไปนอนบ้านคุณตาคุณยายและคุณอาทิตย์กันนะครับ หนูขอบคุณคุณตาคุณยายก่อนเร็วลูก”

น้องพียิ้มกว้างก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณพ่อกับแม่ของผมอย่างน่ารัก ทำเอาพ่อกับแม่ผมอดไม่ได้ต้องยื่นหน้าหันไปหอมแก้มนิ่มที่ผมเองก็ชอบหอมเบาๆ

ฟอด ~

“เย่ๆ น้องพีได้ไปนอนกับคุณอาทิตย์แย้ว ไปกันๆ ไปกัน”

“ใช่ๆ ไปบ้านคุณอาทิตย์กันนะน้องพี”

เด็กทั้งสองดูมีความสุขมาก ผมเองก็ได้แต่มอง มองจนกระทั่งคุณแม่ของพี่พลัฎฐ์หันมาฝากฝัง

“พลัฎฐ์ดูแลน้องด้วยนะลูก ส่วนเด็กๆ เดี๋ยวพ่อกับแม่ดูแลเอง” ซึ่งพี่พลัฎฐ์ก็หันไปรับปากรับคำแม่ตัวเอง รวมถึงสัญญิงสัญญากับพ่อและแม่ผมเรียบร้อยเช่นกัน

“ได้ครับแม่ ผมจะดูแลน้องเอง ถ้ายังไงผมฝากน้องพีด้วยนะครับ” พี่พลัฎฐ์หันไปทางครอบครัวผมก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม “แล้วก็ขอบคุณคุณอากับคุณแม่มากนะครับ อุตส่าห์เชิญพ่อกับแม่ผมไปค้างที่บ้านด้วย”

“ไม่เป็นไรๆ” พ่อผมโบกมือปัดไปมา “เอาล่ะๆ แยกย้ายเถอะ ก่อนที่จะดึกเกินไป” พอจบคำพ่อก็เดินมาลูบหัวผม พร้อมๆ กับแม่ที่อุ้มเจ้าอาทิตย์เดินมาหอมแก้มผมคนละที

“แม่ไปนะคะพี่ตะวัน ถ้ายังไงพรุ่งนี้แม่จะโทรหานะคะ”

“ไม่ได้กอดอาทิตย์คืนนึง พี่ตะวันไม่ต้องเหงาน้า บ๊ายบายยย” ซึ่งผมก็ได้ยินประโยคคล้ายๆ แบบนี้จากไม่ใกล้ไม่ไกล น่าจะเป็นน้องพีที่บอกพ่อตัวเองอยู่ข้างๆ ผมด้วย

“น้องพีไปนะปะป๊า คืนนี้อยู่น้องพีไม่อยู่ด้วย โอ๋ๆ ให้ ฝันดีนะคับ”

“ครับๆ น้องพีก็อย่าดื้อกับคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายนะลูกเข้าใจไหม” ผมเลยหันไปมอง จึงได้เห็นพี่พลัฎฐ์ก้มลงหอมแก้มน้องพีที่กำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจฟอดใหญ่

“น้องพีไม่ดื้อๆ เป็นเด็กดีคับปะป๊า คุณอาทิตย์ด้วยๆ”

และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้าย ในขณะที่พ่อกับแม่ของผมและของพี่พลัฎฐ์อุ้มอาทิตย์กับน้องพีไปขึ้นรถ แล้วขับตามกันไปในขณะที่ผมกับพี่พลัฎฐ์ยังยืนอยู่หน้าร้านเหมือนเดิม และผมก็ยังคงงงไม่หาย

งงว่าผมไปรับปากทำขนมอะไรให้พี่พลัฎฐ์เมื่อไหร่กัน ผมจำได้ว่าไม่มีจะมีก็แต่....

ฮึ่ยยย!!! …. พี่พลัฎฐ์!!! ไอ้คนเจ้าเล่ห์!!!

.

.

.

To Be Continue

----------------------------

ตอนหน้าไม่ต้องเดาค่ะ รอเจอกับ NC เต็มรูปแบบได้เลย 55555555555555555

อีกสองตอนจะจบแร้วจ้าาา ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์ด้วยนะคะ ที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอนนี้ ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่พวกคุณคือแรงใจที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเราเลยยย ขอบคุณมากๆ จนไม่รู้จะเอ่ยขอบคุณอีกกี่ครั้งดี .. นิยายเรื่ิองนี้มาถึงตรงนี้ก็เพราะมีพวกคุณคอยสนับสนุน ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

รักพวกคุณมากๆ เจอกันตอนหน้าจ้าาาา .. เริ้บ❤

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

อ่าาาจะจบแล้ว เสียดาย อ่านสบายๆ มีเด็กๆน่ารักด้วย
ขอให้มีตอนพิเศษน้า

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
น่ารัก​ อบอุ่น​มาก​ๆ​ค่ะ​ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
:: Chapter 24th - ขนมหวานที่ต้องทำในห้องนอน ::


"พี่บอกตะวันตอนไหนว่าจะให้ตะวันทำขนมไปให้ลูกค้า"

หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายแยกย้ายไปพร้อมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง คนถูกอ้างชื่อก็หันมาแหวใส่คนขี้โกหกที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ ทันที

แต่แทนที่พลัฎฐ์จะตอบคำถามของตะวันเขากลับดึงคนที่กำลังยืนทำหน้าเป็นยักษ์เข้าหาตัว ก่อนจะโอบเอวบางแน่น แล้วพาเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ทันที

“....”

"พี่พลัฎฐ์!!" ตะวันตีลงบนท่อนแขนแข็งแรงที่โอบเอวตัวเองอยู่ซ้ำๆ แต่พลัฎฐ์กลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เอาแต่โอบจนแทบจะอุ้มพาตะวันไปถึงรถจนได้

“.....”

"พี่พลัฎฐ์! ยังอีก ถ้าไม่ตอบตะวันดีๆ ตะวันจะไม่ไปกับพี่นะครับ"

พอได้ยินคนรักยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง แถมยังขืนตัวไว้ไม่ยอมเข้าไปนั่งในรถ พลัฎฐ์เลยต้องหันมาทำหน้าอ้อน พร้อมกับกอดตะวันไว้หลวมๆ แถมยังยื่นหน้ามาคลอเคลียกับแก้มนุ่มของตะวันเหมือนหมาตัวโตๆ ไม่หยุด

"หนูครับ ไหนหนูสัญญากับพี่ไว้ว่าจะไปเที่ยวสวนสัตว์ไง หนูจะผิดสัญญากับพี่เหรอ"

แม้จะรู้อยู่บ้างว่าทำไมพลัฎฐ์ถึงโกหกบรรดาพ่อกับแม่แบบนั้น แต่ตะวันก็ไม่ได้คิดเผื่อไว้ว่าจะต้องมาได้ยินพลัฎฐ์บอกตรงๆ กันขนาดนี้ ซี่งพอได้รับรู้ตะวันก็อดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้

"แล้วพี่จะมาพูดอะไรตรงๆ แบบนี้เล่า"

พลัฎฐ์อมยิ้ม ตอนเห็นคนในอ้อมกอดเขินอาย

"พี่ไม่อยากอ้อมค้อมนี่" ว่าพลางไล้จมูกไปตามแก้มแดงๆ ที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะความเก้อเขิน "พี่รอหนูมานานแล้วหนูก็รู้ หนูไม่เห็นใจพี่เหรอครับ หื้ม?" พอเห็นตะวันอึกอัก พลัฎฐ์ก็ยิ่งรุกอ้อนหนัก

"พี่รักหนูนะครับ รักมาก รักจนจะห้ามใจไม่ไหวมากขึ้นทุกที"

"แต่ตะวัน..."

พลัฎฐ์ก้มลงไปจูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากสีสดที่คิดจะเอ่ยห้าม ก่อนแย้งบอกเหตุผล

"อีกอย่างคืนนี้เด็กๆ ก็มีพ่อกับแม่ของเราสองคนดูแลอยู่ เราจะได้ไม่ต้องกังวล นานๆ ครั้งเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ หนูไม่อยากอยู่กับพี่เหรอครับ หรือว่ามีแค่พี่คนเดียวที่อยากอยู่กับหนูมากขนาดนี้"

ปลายประโยคแผ่วๆ ที่ตัดพ้อน้อยๆ ของพลัฎฐ์ทำให้ตะวันใจอ่อนยวบ เลยทำให้คนขี้ใจอ่อนเผลอโพล่งออกมา

"ไม่ใช่สักหน่อย! ตะวันไม่ได้ไม่อยากอยู่กับพี่พลัฎฐ์นะ ตะวันแค่.. แค่.." พอเห็นอีกฝ่ายไม่กล้าพูด พลัฎฐ์เลยไม่เซ้าซี้ แต่เลือกที่จะรอให้น้องบอกอย่างใจเย็นแทน

ตะวันเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของอ้อมกอด ก่อนจะก้มงุดลงมองพื้นแล้วพึมพำตอบ

"ตะวันแค่.. แค่เขิน ตะวันไม่เคย คือ.. มัน.."

พลัฎฐ์เองพอได้ยินแบบนั้นก็กลั้นยิ้มจนแก้มตุ่ย ก่อนจะดึงตะวันเข้ามาโอบกอดไว้แน่น แล้วจูบลงบนหน้าผากมน พร้อมกับมองเข้าไปในดวงตากลมโตของตะวันอย่างแน่วแน่และมั่นคง พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ตะวันครับ ตะวันเชื่อใจพี่ไหมครับ"

เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งตั้งแต่เริ่มคบกันเป็นแฟนที่พลัฎฐ์จะเรียกตะวันด้วยชื่อเต็มๆ แบบนี้ ซึ่งทุกครั้งที่พลัฎฐ์เรียกตะวันแบบนี้ก็เป็นทุกครั้งที่พลัฎฐ์จริงจัง และอยากให้ตะวันมั่นใจ

ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน…

พอได้มองสบเข้าไปในดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความจริงใจของอีกฝ่าย ก็ให้ตะวันนึกโอนอ่อนเลยพยักหน้าตอบรับ สำหรับคำถามนั้น

"ถ้าตะวันเชื่อใจพี่ ก็ไม่มีอะไรที่ตะวันต้องกลัว เพราะพี่รักตะวันมาก พี่จะทำให้ตะวันมีความสุข ทำให้คืนนี้เป็นคืนที่ดีของเราสองคน พี่สัญญา"

แววตากลมที่พลัฎฐ์กำลังมองสบดูลังเลอยู่แค่เสี้ยววินาที แต่หลังจากที่พลัฎฐ์ถ่ายทอดทุกความรักและความจริงใจผ่านม่านตาของตัวเองนั้น ความลังเลและไม่แน่ใจของตะวันก็เลือนหายไป เหลือแต่ความรักและความเชื่อใจที่ส่งกลับมาแทน ทำเอาพลัฎฐ์เผลอยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี

"พี่พลัฎฐ์สัญญาแล้วนะ"

คนตัวเล็กกว่าโผเข้าซุกอกกว้างพร้อมกับพูดอู้อี้ด้วยความเขินอาย ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวโตกว่าสักนิด ให้พลัฎฐ์ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

"ครับ พี่สัญญา" พลัฎฐ์ตอบรับ ก่อนจะจูบหนักๆ ลงบนกระหม่อมของคนขี้อายที่อยู่ในอ้อมกอด "พี่รักหนูนะ"

ตะวันขยับยุกยิก ก่อนจะตอบกลับมาด้วยรูปประโยคและความรู้สึกแบบเดียวกัน

"อื้อ.. ตะวันก็รักพี่เหมือนกันครับ"

.

.

.

หลังจากที่กลับมาถึงบ้านของพลัฎฐ์ ตะวันก็วิ่งไปหยิบเสื้อผ้าที่ตัวเองเคยเอามาทิ้งไว้ที่นี่บางส่วน แล้วหนีเข้าไปในห้องน้ำทันที ส่วนพลัฎฐ์เองก็ไม่คิดจะเร่งรัดอะไรอีกฝ่าย เขาอยากให้ตะวันพร้อม และเต็มใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้มากที่สุด ถ้าถามว่าพลัฎฐ์กลัวว่าตะวันจะเปลี่ยนใจไหม แน่นอนว่าพลัฎฐ์กลัว แต่เขาก็เลือกที่จะเคารพการตัดสินใจของตะวันเสมอ ถ้าตะวันยังไม่พร้อมพลัฎฐ์ก็จะไม่เซ้าซี้ให้ตะวันลำบากใจ เพราะถึงแม้เขาอยากจะกอดตะวันมากแค่ไหน แต่ถ้าตะวันยังกลัวหรือยังไม่แน่ใจ พลัฎฐ์ก็ไม่คิดจะหักหาญน้ำใจตะวันเช่นกัน

หลังจากรออยู่นานจนเกือบจะถอดใจ ตะวันก็เดินก้มหน้างุดตัวหอมฟุ้งออกมาจากห้องน้ำ เป็นกลิ่นหอมปกติที่ติดตัวตะวันอยู่ทุกวัน แต่พลัฎฐ์กลับรู้สึกว่าวันนี้มันช่างหอมหวานจนเกินกว่าที่เขาจะห้ามใจได้ เขาจึงเดินเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่จะต้องหน้าเสียเมื่อถูกมือเล็กๆ ของตะวันดันอกไว้ ไม่ให้ขยับเข้ามาใกล้กว่าที่เคย

"ตัวเล็ก..." พลัฎฐ์ครางเสียงหงอยให้ตะวันได้แอบอมยิ้ม ในใจก็นึกอยากจะแกล้งพลัฎฐ์ต่อ แต่อีกใจก็คิดว่าไม่อยากจะดึงให้เวลาผ่านไปนานจนเกินไป เพราะกว่าเขาจะทำใจรวบรวมความกล้า แล้วเตรียมตัวสำหรับเรื่องคืนนี้แล้ว ก็ต้องใช้เวลานานพอควร ตะวันไม่อยากให้ความกล้าของตัวเองหดหายหากต้องรอพลัฎฐ์นานเกิน

"พี่ไปอาบน้ำก่อนสิครับ เดี๋ยวตะวัน.. ตะวันจะรอ"

ใบหน้าและน้ำเสียงหงอยเหงาของพลัฎฐ์แปลเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันทีพอคนตรงหน้าบอกแบบนั้น เขาก้มลงยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เพิ่งจะพูดประโยคที่น่าฟังหนักๆ เร็วๆ ก่อนจะผละออกแล้วบอกอย่างเริงร่าก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป

"รอพี่แปปเดียวนะตัวเล็ก แปปเดียวครับพี่สัญญา"

และพลัฎฐ์ก็ทำตามสัญญาอย่างเคร่งครัด เมื่อผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เจ้าของรูปร่างสมบูรณ์แบบก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมเสื้อคลุมที่ผูกเชือกไว้ที่เอวหลวมๆ เพียงตัวเดียว ทำเอาตะวันที่นั่งรออยู่ที่เตียงต้องเสหน้าไปมองทางอื่นทันที เมื่อสบตากับเจ้าของเรือนร่างที่ตะวันดันเผลอมองอย่างไม่ตั้งใจแทน

พลัฎฐ์ก็ไม่ปล่อยให้ตะวันรอนาน เขาตรงเข้ากอดร่างนุ่มนิ่มที่นั่งตัวหอมฟุ้งอยู่ตรงปลายเตียงทันที

"อื้อ.. พี่พลัฎฐ์"

ตะวันครางงุ้งงิ้งเมื่อถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว พลัฎฐ์ไม่พูดพร่ำ แต่ลากริมฝีปากหยักพรมจูบไปทั่วใบหน้าเล็กอย่างแสนรัก ตะวันเลยได้แต่หลับตาพริ้มรอรับสัมผัสของพลัฎฐ์ด้วยความเต็มใจ

"พี่รักตะวันนะครับ"

คำบอกรักที่อีกฝ่ายกระซิบข้างหู ทำให้ตะวันเผลอขยับเข้าซุกอกอุ่นๆ ของพลัฎฐ์อย่างออดอ้อน ท่าทางที่เป็นไปโดยธรรมชาติของตะวันทำให้พลัฎฐ์แทบคลั่ง เขาพยายามยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ใผ้ผลีผลามเผลอผลักตะวันลงนอนราบบนเตียง แล้วรักแรงๆ อย่างที่ใจปรารถนา

เพราะนี่เป็นครั้งแรกของทั้งเขาและตะวัน พลัฎฐ์จึงอยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่สุด เขาอยากจะถนอมตะวัน แม้สัญชาตญาณดิบในใจลึกๆ จะไม่เห็นด้วยก็ตาม

พลัฎฐ์ยอมรับแบบแมนๆ เลย ว่าทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดตะวัน พลัฎฐ์มักจะตื่นตัวตลอด แรกๆ ก็พอจะห้ามใจไว้ได้บ้าง แต่มาระยะหลังนี่ เขามักจะตอดนิดตอดหน่อยตะวันอยู่เรื่อย เมื่อได้สัมผัสแล้วก็อยากจะสัมผัสอีก ไม่มีวันที่จะรู้สึกพอเลยสักนิด

"ตะวันก็รักพี่พลัฎฐ์ครับ .. ขอบคุณนะครับที่พยายามทุกอย่างเพื่อความสัมพันธ์ของเราสองคน ตะวันดีใจที่พี่รักตะวัน และตะวันได้รักพี่"

จบประโยคหวานหูที่ตะวันบอก ก็ดูเหมือนความยับยั้งชั่งใจที่จะค่อยเป็นค่อยไปของพลัฎฐ์แทบจะต่ำเตี้ยจนติดลบ ใบหน้าหล่อเหลาจึงโน้มลงไปป้อนจูบให้ริมฝีปากช่างเจรจานั่นทันที เพื่อเป็นรางวัลให้คนน่ารักที่พูดจาได้น่าฟัดกว่าทุกวัน

ตะวันหลับตาพริ้ม พร้อมเผยอริมฝีปากน้อยๆ รอให้พลัฎฐ์ทาบทับริมฝีปากหยักลงมา คนป้อนจูบดูดดึง ขบเม้มริมฝีปากล่างของตะวันอย่างหยอกล้อผสมกับความเอาอกเอาใจ ให้ตะวันได้รู้สึกพอใจก่อนจะล่อลวงโดยการไล้ลิ้นไปตามร่องปากสีสดที่เผยออยู่นิดหน่อย ให้เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งตะวันเองก็เข้าใจได้ไม่ยาก จึงเปิดริมฝีปากให้ลิ้นร้อนของพลัฎฐ์แทรกเข้ามาในโพรงปาก พลางกวาดต้อนเรียวลิ้นไปทั่วราวกับกำลังสำรวจตรวจตราอย่างใกล้ชิด

เสียงน้ำลายเฉอะแฉะ และเสียงดูดดึงลิ้นของอีกฝ่ายดังอื้ออึงอยู่ในหูของทั้งคู่ แต่กลับไม่ได้มีผลอะไรกับคนที่กำลังหลงใหลอยู่ในรสสัมผัสที่ป้อนให้ซึ่งกันและกัน

พลัฎฐ์รั้งท้ายทอยของตะวันให้เข้ามาแนบชิด พร้อมกับเอาแขนอีกข้างที่ว่างของตัวเองโอบยกตะวันขึ้นมานั่งบนตัก โดยที่ริมฝีปากของทั้งสองไม่ได้ผละออกจากกันสักนิด

เสียงจูบที่ดังระงมไปทั้งห้อง ลมหายใจที่รดรินอยู่ข้างแก้มของกันและกันทำให้ตะวันหูอื้อและตาพร่าลาย ยอมทำตามการชักจูงของเรียวลิ้นร้อนและริมฝีปากหยักลึกของพลัฎฐ์ คนตัวเล็กกว่าเรียนรู้ที่จะดูดดึงริมฝีปากของพลัฎฐ์คืน และส่งลิ้นของตัวเองไปเกี่ยวกระหวัดกับอีกฝ่ายอย่างไร้เดียงสาและเก้ๆ กังๆ

แต่แทนที่จะทำให้พลัฎฐ์นึกรำคาญ กลับส่งผลตรงกันข้าม เพราะจูบที่ไม่ประสาของตะวันกลับเร้าอารมณ์ของพลัฎฐ์ให้พุ่งทะยานมากขึ้น จนเขาแทบทนไม่ไหว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลมหายใจของตะวันเริ่มถี่กระชั้น ประท้วงว่าอากาศที่อยู่ในปอดของอีกฝ่ายลดน้อยลงไปทุกที

ตะวันบีบเบาๆ ลงบนบ่าแกร่งทั้งสองข้างของพลัฎฐ์เป็นสัญญาณบอก ให้พลัฎฐ์ต้องผละออกจากอีกฝ่ายอย่างเสียดาย แต่ก็ไม่วายจูบย้ำๆ ลงไปริมฝีปากสีสดที่ตอนนี้กำลังบวมเจ่อ ราวกับยังไม่อยากจะหยุดรังแกคนในอ้อมกอดเลยสักนิด

"หวาน.. หนูหวานมากเลยรู้ไหมครับ"

พลัฎฐ์กระซิบชิดริมฝีปากบอกอีกฝ่ายราวกับอยากให้เข้าใจความนัยว่าเขาหมายถึงอะไรที่ว่าหวาน ยิ่งเห็นคนบนตักเขินอาย พลัฎฐ์ก็ยิ่งอยากจะย้ำคำพูดตัวเองด้วยการก้มลงไปใช้ลิ้นเลียลงไปบนมุมปากของตะวันเบาๆ เมื่อเห็นว่ามีน้ำใสไหลย้อยออกมาติดตอนที่พวกเขาจูบกันและกันอย่างหลงใหล

ตะวันเขินจนหน้าแดง คอแดง ตัวแดงไปหมด ทำให้พลัฎฐ์ที่กำลังมองอยู่ยิ่งหมดความอดทน เลยเอื้ิอมมือไปปลดกระดุมชุดนอนที่ตะวันใส่อยู่ช้าๆ พลางซุกใบหน้าและจมูกลงไปบนซอกคอหอมกรุ่นของคนขี้อาย โดยไล้จมูกสลับกับใช้ปากจูบเบาๆ ไปทั่วซอกคอขาวของตะวัน

คนถูกไล่ต้อนด้วยรสสัมผัสที่ไม่คุ้นจึงได้แต่แหงนคอขึ้นหลับตาพริ้ม สัมผัสของพลัฎฐ์ทำให้ตะวันลืมตัว เขารู้แต่ว่ามันดี มันทำให้เขามีความสุขและรู้สึกตัวลอยอย่างประหลาด ตะวันเคลิบเคลิ้มปล่อยให้พลัฎฐ์ลากริมฝีปากและจมูกไปทั่ว กว่าจะรู้ตัวอีกที แผ่นหลังเปลืิอยเปล่าของตัวเองก็สัมผัสกับพื้นที่นอนเย็นๆ บนเตียงหลังกว้างแล้ว และพอลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าร่างกายสูงใหญ่ของพลัฎฐ์ที่ตอนนี้สาบเสื้อคลุมหลุดลุ่ย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อบางส่วนที่เรียงตัวสวยงามจนตะวันนึกอิจฉากำลังคร่อมทับบนตัวเขาอยู่

พลัฎฐ์หัวเราะเบาๆ ตอนเห็นสายตาเด็กน้อยขี้อิจฉา ก่อนจะยกแขนเรียวทั้งสองข้างของคนที่ราบอยู่กับที่นอนขึ้นมาคล้องรอบคอของตัวเอง จากนั้นก็ก้มลงไปจูบริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อยั่วเย้าสายตาของตะวันอีกครั้ง

จูบครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกจนตะวันรู้สึกได้ เพราะก่อนหน้ามันทั้งอ่อนหวาน อ่อนโยน ค่อยเป็นค่อยไปชวนให้เคลิบเคลิ้ม แต่จูบครั้งนี้ของพลัฎฐ์กลับเร่งเร้า ร้อนแรง เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นของตะวันดังผสมกับเสียงดูดดึงริมฝีปากที่ระงมไปทั่วทั้งห้อง

คนตัวเล็กกว่ารู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่แล่นปราดอยู่ภายใน มันไม่ได้เป็นจูบที่แย่ แต่ในทางตรงกันข้าม มันเป็นจูบที่พิเศษที่สุดและทำให้ตะวันตื่นตัวกว่าที่เคย จนเผลอโน้มคอของพลัฎฐ์ลงมาให้มอบสัมผัสของจูบนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

คนตัวโตกว่าผละออกเมื่อรู้สึกว่าตะวันเริ่มหายใจไม่ทัน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินหน้าไปอีกขั้นโดยลากริมฝีปากไปที่แก้มนิ่ม เรื่อยไปจนถึงติ่งหู แล้วขบเม้มเบาๆ เพื่อกระตุ้นคนที่กำลังนอนอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างและแน่นอนว่ามันได้ผลดีเสียจนตะวันเผลอครางออกมาเบาๆ

"อือ..."

- อ่านต่อด้านล่าง -

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
- ต่อจากด้านบน -

พลัฎฐ์นึกได้ใจจึงไล้ลิ้นไปตามติ่งหู ซอกหู และใบหูนิ่ม พอเห็นว่าเล้าโลมอารมณ์อีกฝ่ายได้มากพอแล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทิศทางของริมฝีปากลงมาที่ซอกคอ พรมจูบเบาๆ ไปตราแนวไหปลาร้า ให้ตะวันได้กระตุกสะท้านเป็นระยะๆ ก่อนที่พลัฎฐ์จะตัดสินใจรุกขยับไปอีกขั้นด้วยการยื่นนิ้วไปสะกิดที่ยอดอกสีิอ่อนที่ชูชันเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศและแรงอารมณ์ที่โหมกระพือของตะวัน ซึ่งท้าสายตาของพลัฎฐ์มาได้พักใหญ่แล้ว

"อ๊ะ!"

ตะวันสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสวิ่งพล่านไปทั่วร่างทันที ตากลมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย และก็ต้องเผลอกระตุกตัวรั้งคอของพลัฎฐ์ลงมาให้ต่ำลง เมื่อคนตัวโตกว่าใช้ริมฝีปากครอบลงมาบนตุ่มไตสีอ่อนที่ชูชันเพราะแรงอารมณ์ ซึ่งนิ้วเรียวยาวอีกข้างของพลัฎฐ์ก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตก ด้วยการสะกิดถี่รัวลงไปยอดอกอีกข้างที่ว่าง

"อ๊ะ.. พี่.. อื้อ.. พี่พลัฎฐ์ ตะวัน.. ตะวัน"

คนถูกปรนเปรอร้องครางเสียงหลง จัดการอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นของตัวเองไม่ถูก ตะวันรู้ว่าสิ่งที่พลัฎฐ์ทำอยู่มันน่าอาย แต่เขาก็ไม่อยากให้พลัฐฏ์หยุด เพราะรู้สึกดีเดินกว่าจะปฏิเสธได้

คนที่กำลังได้ใจเพราะเสียงครางหวานๆ จากอีกฝ่ายที่ได้ยินยังคงย้ำดูดยอดอกทั้งสองข้างของตะวันอย่างเท่าเทียม ยิ่งตะวันร้องคราง แผ่นอกลอยคว้างไม่ติดที่นอนพลัฎฐ์ยิ่งพอใจ ใช้ลิ้นเลียย้ำๆ จนกลายเป็นตัวเองที่ทนไม่ไหวแทน

พลัฎฐ์ตัดสินใจข้ามไปขั้นต่อไปก่อนที่เขาจะหมดความอดทน เขาจับขาเรียวของตะวันอ้ากว้าง แล้วใช้มือข้างหนึ่งเกี่ยวกางเกงยางยืดข้างหนึ่งของตะวัน ที่กำลังนอนตัวบิดเร่า แก้มแดงก่ำ นัยน์ตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเพราะแรงอารมณ์ ริมฝีปากบวมเจ่อส่งเสียงครางน่าฟัง และสุดท้ายกางเกงของตะวันก็ไหลหลุดลงไปกองที่ข้อเท้าเล็ก และถูกพลัฎฐ์ถอดออกเหวี่ยงลงไปข้างเตียงในที่สุด

ตะวันรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าคนรักก็ตอนที่รู้สึกถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศลอยมากระทบกับแกนกายเล็กน่ารักที่ตอนนี้ตั้งชันเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกพลัฎฐ์เล้าโลมก่อนหน้า

คนตัวเล็กกว่าพยายามจะหุบขาเข้าหากัน เมื่อสติอันน้อยนิดบอกให้เขารู้สึกถึงความเขินอาย แต่พลัฎฐ์กลับไม่ยอมให้ตะวันทำแบบนั้น

"ฮื่ออ.. พี่พลัฎฐ์"

พลัฎฐ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ใจอ่อนให้เสียงออดอ้อนของคนที่กำลังนอนระทดระทวยบนเตียงกว้าง

"ชู่ว เด็กดี... หนูไว้ใจพี่นะครับ"

พลัฎฐ์จัดการแทรกตัวเข้าไปตรงกลางหว่างขาที่แยกออกของตะวัน พลางใช้มือใหญ่กดรั้งสะโพกของคนตัวเล็กกว่าไว้ไม่ให้ขยับหนี ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ตะวันเขินจนตัวแดงเป็นกุ้งสุกไปทั้งตัว เพราะท่านี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าแกนกายน่ารักของตะวันตั้งชันมากขนาดที่ว่ามันชี้จ่ออยู่ตรงหน้าของพลัฎฐ์ ตะวันเลยได้แต่หันหน้าหนีไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย ตอนได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะด้วยความชอบใจ

ตะวันไม่รู้ว่าพลัฎฐ์จะทำอะไร แต่เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหว จากทั้งสายตาของพลัฎฐ์ที่กำลังมองมา และจากทั้งแรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นก่อนหน้า แกนกายของตะวันปวดหนึบ สะโพกเล็กได้แต่ขยับไปขยับมา เพื่อหวังว่าจะลดความกระหายอยากของตัวเอง

แต่สุดท้ายคนตัวเล็กก็ทนไม่ไหว เลยต้องหันไปสบกับเรียวตาคมที่มองมาอยู่ก่อนราวกับรู้ทัน ตะวันได้แต่ฮึดฮัด ก่อนจะขอร้องคนรักเสียงอ่อย

"พี่พลัฎฐ์.. อื้อ! ตะวัน ตะวันไม่ไหว"

"แล้ว..?" พลัฎฐ์แกล้งลากเสียงเย้า ตะวันเลยต้องร้องของพลัฐฏ์ออกมาตรงๆ

"ช่วยตะวัน.. ฮึ่ก! ช่วยตะวันหน่อยครับ"

"ได้ตามบัญชาครับที่รัก"

พลัฎฐ์ยิ้ม ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหนักๆ ที่ปากบวมเจ่อที่เพิ่งเอ่ยขอออกมาอย่างน่ารัก จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ถูกลดลงไปที่หว่างขาของคนรัก แล้วจัดการครอบริมฝีปากหยักลงบนแกนกายน่ารักของตะวันทันที

ทันทีที่ถูกสัมผัสด้วยริมฝีปาก ตัวของตะวันก็กระตุก ตากลมเบิกกว้าง จะเอ่ยห้ามก็ไม่ทัน เพราะเขาไม่คิดว่าพลัฎฐ์จะใช้ปากช่วย คิดว่าอีกฝ่ายอาจจจะใช้แค่มือเท่านั้น แต่แล้วทุกความคิดของตะวันก็หยุดชะงัก เมื่อพลัฎฐ์รูดริมฝีปากขึ้นลงตามความยาวของท่อนเนื้อน่ารักที่ตั้งชันราวกับกำลังรอการปลอบประโลม

"อ๊ะ.. อ๊า"

ตะวันครางเสียงหลง เมื่อพลัฎฐ์ดูดแกนกายของเขาขึ้นลงราวกับเป็นไอศรครีมแสนหวาน สลับกับการใช้มือรูดรั้งเป็นจังหวะ เสียงลามกดังประสานไปกับเสียงครางและเสียงหอบหายใจของตะวันยิ่งทำให้อารมณ์ของพลัฎฐ์ลุกฮือ

ยิ่งตะวันแอ่นเอวลอยคว้างจนสะโพกไม่ติดที่นอนยิ่งทำให้พลัฎฐ์ได้ใจ ออกแรงรูดรั้งหนักขึ้นพลางใช้มือสาวรั้งเข้าช่วย

ตะวันเริ่มเกร็งหน้าท้อง สัญญาณที่ว่าอีกฝ่ายใกล้ถึงฝั่งฝันมีมาให้เห็นเป็นระยะ พลัฎฐ์จึงยิ่งออกแรงและเร่งจังหวะมากขึ้น จนกระทั่งเสียงหอบหายใจของตะวันเริ่มกระชั้น เสียงครางเริ่มร้องสั่งไม่เป็นภาษา

"อ๊ะ อ๊า.. ฮึ่ก พี่พลัฎฐ์ ... ตะวัน ตะวันจะ..อ๊ะ! จะเสร็จ"

สะโพกของตะวันลอยไม่ติดที่นอน พลัฎฐ์จึงเร่งจัวหวะเร็วขึ้นจนหน้าท้องของตะวันกระตุก ปลายเท้าหงิกเกร็ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่น้ำรักของตะวันพุ่งทะลักเข้าปากพลัฎฐ์ พร้อมกับเสียงหวานที่ครางอย่างสุขสมที่ดังขึ้นมาอย่างน่าฟัง

"อาาาาา ฮึ่ก.."

ตะวันนอนหมดแรงตาปรือหลังจากปลดปล่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดหลบตาคนที่กำลังคร่อมร่างตัวเองอยู่ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าพลัฎฐ์กลืนน้ำรักของตัวเองลงไปทั้งหมด ทั้งยังยกมือปาดริมฝีปากลวกๆ อีก แล้วแบบนี้จะไม่ให้ตะวันอายได้ยังไงกัน

และผ่านไปไม่ถึงนาที พลัฎฐ์ก็โน้มตัวลงมาคร่อมทับตะวันอีกครั้ง พร้อมกับป้อนจูบที่มีรสชาติตัวตนของตะวันติดอยู่ ให้คนถูกจูบรู้สึกแปลกๆ แต่ก็เป็นความแปลกที่รู้สึกดี

เมื่อจูบกันจนหนำใจ พลัฎฐ์ก็ละริมฝีปากออก ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากที่บวมเจ่อของตะวัน ให้ตะวันทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนโจมตีโดยตรง

"พี่ไม่ไหวแล้วครับเด็กดี หนูช่วยพี่หน่อยนะครับ"

พอจบคำพลัฎฐ์ก็ช้อนใต้รักแร้ตะวันขึ้นแล้วจับอีกฝ่ายนั่งพิงหัวเตียง ก่อนที่คนตัวโตกว่าจะถอดเสื้อคลุมที่คาอยู่บนร่างกายอย่างหมิ่นเหม่ออก โชว์มัดกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามน่ามองให้ตะวันได้ดู

แต่ในเวลานี้สิ่งที่ตะวันเห็นกลับเป็น แกนกายของพลัฎฐ์ที่ขยับขยายอย่างใหญ่โต และดูเหมือนว่ามันจะใหญ่มากกว่าครั้งที่ช่วยกันเมื่อคราวที่แล้วเสียอีก

"หนูช่วยพี่หน่อยนะครับ มันอยากเข้าไปในปากหนูจะแย่แล้ว"

ตะวันเผลอเม้มปากแน่น คำพูดลามกที่ไม่ได้ยินบ่อยๆ จากพลัฎฐ์นอกเหนือจากช่วงเวลาแบบนี้ทำให้ตะวันเขินจนอยากจะกลั้นใจตาย แต่เขาก็อดยอมรับไม่ได้ว่าคำพูดสองแง่สองง่ามแบบนี้มันช่างกระตุ้นอารมณ์ดิบลึกๆ ในตัวเขาได้ดีเหลือเกิน

คนถูกอ้อนไม่พูดตอบอะไรพลัฎฐ์แต่เลือกที่จะลุกขึ้นคุกเข่า โน้มใบหน้าลงไปที่แกนกายของอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังยืนเข่า และมีท่อนเนื้ิอใหญ่โตที่ขยายตามแรงอารมณ์ชี้ตั้งชันอยู่ตรงหน้าของตะวัน ที่กำลังพยายามโก้งโค้งเท้าแขนและศอกนาบไปกับพื้นที่นอน และกำลังอ้าริมฝีปากเล็กๆ ออกกว้าง เพื่อรับเอาทั้งหมดของพลัฎฐ์เข้าไปในปากของตัวเอง

"อ่ะ.. อาาาา" พลัฎฐ์สูดปาก เมื่อตะวันพยายามอ้ารับเอาท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าไป มันดูทุลักทุเลเพราะปากจิ้มลิ้มของตะวันนั้นเล็กมากเมื่อเทียบกับแกนกายขนาดใหญ่ของพลัฎฐ์

"อึ่ก.. เด็กดี ค่อยๆ .. อา แบบนั้นแหละแบบนั้น"

พลัฎฐ์ยื่นมือไปลูบแก้มนิ่มของตะวันเบาๆ ราวกับอยากให้กำลังใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ตะวันได้ลองทำแบบนี้ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคย แต่เพราะอยากให้เขามีความสุข จึงได้พยายามที่ทำ

เมื่อเจ้าของริมฝีปากจิ้มลิ้มรับเอาตัวตนของพลัฎฐ์เข้าไปไว้ในปากได้แล้ว ตะวันก็เริ่มรูดริมฝีปากเบาๆ ก่อนที่พลัฎฐ์จะนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากความไม่เคยและอ่อนประสบการณ์ของร่างเล็กทำให้ฟันขาวเผลอครูดลงบนท่อนเนื้อของพลัฎฐ์โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ

"ระวังฟันหน่อยครับที่รัก.. อึ่ก..!"

ตะวันหยุดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มใหม่ ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับปากรูดรั้งช้าๆ สลับห่อปากเป็นจังหวะ โดยอาศัยจำเอาจากความรู้สึกที่เคยถูกพลัฎฐ์ทำให้

และในที่สุดตะวันก็จับจังหวะได้ แต่เนื่องจากเจ้ามังกรยักษ์ของพลัฎฐ์ใหญ่มากเกินไป ตะวันจึงต้องใช้มือคอยสาวรั้งช่วย โดยสลับกับใช้ลิ้นเล็กๆ แดงๆ ไล้เลียไปตามความยาวของแก่นกาย

พลัฎฐ์สูดปากด้วยความเสียวซ่าน อารมณ์ภายในปะทุ แต่ชายหนุ่มก็รู้ตัวเองดีว่าเขาไม่อยากเสร็จในปากตะวัน จึงตัดสินใจเอื้อมมือไปที่บั้นท้ายของร่างนุ่มนิ่มที่โก้งโค้งท้าสายตาอยู่ตรงหน้า แล้วแทรกนิ้วที่ชะโลมเจลหล่อลื่นจนชุ่มเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มช้าๆ โดยอาศัยจังหวะที่ตะวันกำลังง่วนอยู่กับการปรนเปรอเจ้ามังกรยักษ์ของเขา

คนถูกลุกร้ำ สะดุ้งตัวโยน เผลอหยุดรูดริมฝีปาก พลัฎฐ์จึงต้องปลอบโยนด้วยการเอื้อมมืออีกข้างไปใต้ร่างขาว แล้วสาวแกนกายเล็กของตะวันให้อย่างเอาใจ พออิีกฝ่ายเคลิ้ม เขาก็ค่อยๆ ดันนิ้วชี้ที่เพิ่งแทรกเข้าไปในช่องทางได้นิดหน่อย ให้สอดลึกจนจมหายไปแทบจะมิดก้าน

พลัฎฐ์สวนนิ้วเข้าออกช้าๆ ที่ช่องทางของตะวันจนตะวันคุ้นชิน และเริ่มรู้สึกเสียวซ่านเมื่อพลัฎฐ์จับทางปรนเปรอไดั

ริมฝีปากเล็กๆ ค่อยๆ ผ่อนแรงในการรูดรั้งลง ซึ่งพลัฎฐ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะอย่างที่บอกว่าเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เสร็จด้วยปากของตะวัน

เมื่อเห็นว่าตะวันยอมโอนอ่อนและเกร็งน้อยลง พลัฎฐ์จึงอุ้มตะวันนอนราบลงบนที่นอนอีกครั้ง เรียวขาของตะวันถูกจับแยกกว้าง โดยที่ตัวของพลัฎฐ์แทรกอยู่ตรงกลาง

ใบหน้าของร่างเล็กในยามนี้ทั้งเซ็กซี่และน่าฟัดอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากบวมเจ่อมีน้ำลายติดอยู่ที่มุมปาก ตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ตามซอกคอมีรอยจูบจางๆ อยู่เป็นหย่อมๆ ตัวแดงไปทั้งตัว แถมแกนกายยังดีดชันขึ้นมาเพราะการถูกเล้าโลมก่อนหน้าอีก

พลัฎฐ์ลอบยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงไปจูบที่ปลายจมูกโด่งรั้นของคนรักเบาๆ

"เก่งมากเลยครัยเด็กดีของพี่.. จากนี้จะเจ็บนิดนึงนะครับ พี่สัญญาว่านิดเดียว แล้วจากนั้นพี่จะทำให้หนูน้อยของพี่มีความสุข ตกลงไหม"

ตะวันพยักหน้าเออออ เพราะตอนที่พลัฎฐ์พูด พลัฎฐ์เอื้อมมือไปสาวแกนกายเล็กๆ ของตะวันให้ด้วย

พอคนตัวโตกว่าเห็นว่าตะวันพร้อมมากพอแล้ว ในขณะที่ตัวเขาเองนี่แหละที่แทบจะทนไม่ไหว จึงจัดการก็ชะโลมเจลลงบนนิ้วมือ แล้วเอาหมอนมารองใต้สะโพกของตะวันไว้ให้ลอยเหนือที่นอนขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะจับเรียวขาของตะวันอ้าออกอีกนิดแล้วพลัฎฐ์ก็จัดการล้มลงไปใช้ลิ้นของตัวเองสอดเข้าไปที่ช่องทางสีหวานเพื่อเบิกทางกระตุ้นให้ตะวันรู้สึกและผ่อนคลายมากขึ้น

"อ๊ะ.. อ๊าาา"

และก็เป็นไปตาม เพราะตะวันครางร้องเสียงหลงทันทีที่ได้สัมผัสกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับ สะโพกสวยแอ่นคว้างลอยจนแทบไม่ติดกับที่นอนและหมอนที่วางรองอยู่ พลัฎฐ์แทรกลิ้นของตัวเองเข้าไปให้ลึกขึ้น แม้ก่อนหน้ามือเล็กจะพยายายามผลักพลัฎฐ์ออก เพราะสติอันน้อยนิดของตะวันเห็นว่ามันสกปรก แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงปรารถนาและความต้องการที่ล้นทะลักได้ สุดท้ายมือเล็กที่ผลักไสก็เปลี่ยนเป็นเกาะกุมและร้องขอแทน

พลัฎฐ์ปรนเปรอให้ตามที่ตะวันต้องการ เขาหลอกล่อคนที่นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างด้วยสัมผัสที่แปลกใหม่ ตะวันได้แต่นอนบิดเร่าหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่พลัฎฐ์จึงตัดสินใจถอนลิ้นออกจากช่องทางแสนหวาน เพราะดูเหมือนว่าความอดทนของเขาจะลดน้อยลงทุกทีแล้วไม่ต่างกัน

และคนที่กำลังจะทนไม่ไหวก็ต้องหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้างอแงของตะวันยามมองสบมาที่เขา ราวกับกำลังต่อว่าต่อขานที่อยู่ๆ ก็ผละออกกลางคัน พลัฎฐ์จึงไม่ทำให้คนขี้หงุดหงิดรอนาน เขาจัดการค่อยๆ แทรกนิ้วทั้งสองที่ชะโลมเจลหล่อลื่นจนชุ่ม เข้าไปในช่องทางสีหวานช้าๆ ตะวันนิ่วหน้าทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมดุนดันเข้ามา และเพราะความไม่เคยคนที่ถูกล่วงล้ำจึงพยายามถดกายหนี แต่พลัฎฐ์กลับรั้งสะโพกเล็กไว้แน่น พลางปลอบประโลมหยอกเย้าด้วยการโน้มหน้าลงไปดูดเลียที่ติ่งไตสีสวยแทนเพื่อเป็นการเบนความสนใจ

แน่นอนว่ามันได้ผล เพราะตอนนี้ตะวันหันมาครางเสียงแผ่วแทน และเลิกความพยายามที่จะถดกายหนีพลัฎฐ์ จนพลัฎฐ์สามารถดันนิ้วทั้งสองของตัวเองเข้าไปได้จนสุด พร้อมๆ กับการตอดรัดของช่องทางที่เกิดขึ้นในแทบจะทันทีทันใด จนพลัฎฐ์ตัวสั่นไปหมด เมื่อจินตนาการถึงการถูกช่องทางของตะวันตอดรัด ยามที่เขาฝังตัวเข้าไปแทนนิ้วตัวเอง

“อื้อ.. ฮ่ะ...”

ตะวันสะบัดส่ายศีรษะไปมา จนหน้าแดงตัวแดงไปหมด พลัฎฐ์รอให้อีกฝ่ายปรับตัวอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออก จนมันกระแทกกับจุดๆ หนึ่งที่ทำให้ตะวันร้องครางเสียงหลงออกมา

“อ๊า อ๊ะ!”

พลัฎฐ์โน้มใบหน้าลงไปจูบบนปากบวมเจ่อของตะวันก่อนจะกระซิบถามชิดริมฝีปากสีสด พร้อมกับขยับนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ

“ตรงนี้ใช่ไหมครับเด็กดี... ตรงนี้ใช่ไหม หื้ม?”

“พี่พลัฎฐ์ มัน.. มัน อ๊ะ!”

พลัฎฐ์ยังคงขยับนิ้วไม่หยุด ในขณะที่ตะวันเองก็ดูสับสนปนๆ กับพึงพอใจในรสสัมผัสที่พลัฎฐ์มอบให้

“มันทำไมครับหื้ม? ไหนบอกพี่สิ หนูชอบไหม?”

ตะวันยังคงไร้สติที่จะโต้ตอบคนรัก ใบหน้าหวานสวยชื้นไปด้วยเหงื่อยิ่งกลับกระตุ้นอารมณ์พลัฎฐ์ให้พุ่งสูงได้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม คนที่มองภาพร่างเล็กบิดเร่าอยู่ใต้ร่างแทบจะทนไม่ไหวเมื่อรู้สึกถึงการตอดรัดของช่องทางที่ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่นิ้วเขาขยับ พอพลัฎฐ์รู้สึกว่าตะวันน่าจะพร้อมมากพอแล้วเลยตัดสินใจถอนนิ้วของตัวเองออก และอาศัยช่วงที่ตะวันยังคงมึนงง จับขาของอีกฝ่ายให้อ้ากว้างขึ้น จนเห็นช่องทางสีสวยที่ตอนนี้แดงช้ำเล็กน้อย ยิ่งกลับทำให้ดูน่ารังแก พลัฎฐ์พยายามยั้งตัวไม่ให้ผลีผลามโถมกดแกนกายเข้าไปในช่องทางอย่างรีบร้อนเกินไป แม้ว่าความอดทนของเขาจะลดลงจนแทบไม่เหลือแล้วก็ตาม

“เจ็บนิดนะครับเด็กดี หนูอดทนเพื่อพี่หน่อยนะ”

ตะวันจ้องมองใบหน้าพลัฎฐ์ด้วยตากลมที่ปรือปรอย และฉ่ำคลอไปด้วยน้ำใสที่เพิ่มขึ้นเพราะแรงอารมณ์ ใบหน้าน่ารักที่ชื้นเหงื่อดูยั่วเย้าจนพลัฎฐ์อดใจไม่ไหว ต้องยื่นหน้าไปกดจมูกและปากของตัวเองฝังไปบนแก้มนิ่มของอีกฝ่ายแรงๆ ก่อนที่จะค่อย ขยับสะโพกของตัวเองกดทับและสอดแกนกายใหญ่โตที่ชะโลมเจลจนชุ่มไปในช่องทางสีสวยที่อวดสายตาอยู่ตรงหน้า ตะวันสะดุ้งเฮือกเมื่อสิ่งแปลกปลอมที่ว่ามีขนาดใหญ่ว่าที่ตัวเองเคยได้รับ

ใบหน้าสวยหวานเหยเกบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด น้ำใสไหลอาบแก้มทันทีเมื่อส่วนหัวที่ผลุบเข้ามาทำให้ช่วงล่างตรงช่องทางดังกล่าวรวดร้าวเหมือนแทบจะฉีกขาด ริมฝีปากบางกรีดร้องขอความเห็นใจ อยากให้พลัฎฐ์หยุดการล่วงล้ำที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

“พี่พลัฎฐ์ ฮึ่ก.. ตะวัน ตะวันเจ็บ ... เอาออกไป ตะวัน ฮึ่ก เจ็บ”

พลัฎฐ์เองก็เกร็งตัวจนใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว เขาต้องพยายามยั้งตัวเองไม่ให้โถมกายลงไปที่ช่องทางของตะวันแรงๆ แม้อยากจะทำอย่างนั้นใจจะขาด แต่เมื่อเห็นคนรักร้องไห้ เขาจึงต้องบอกตัวเองให้พยายามใจเย็นมากกว่านี้ เจ้าของร่างสูงใหญ่จึงตัดสินใจก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากบวมช้ำ ริมฝีปากที่กำลังขอร้องให้เขาหยุด ด้วยรสจูบที่อบอุ่นและอ่อนโยน สลับกับการกระซิบย้ำๆ ให้อีกฝ่ายได้ยินและทำตาม

“หนูต้องไม่เกร็ง เชื่อพี่นะครับเด็กดี”

จากนั้นพลัฎฐ์ก็ก้มลงไปดูดเลียที่ติ่งไตตรงยอดอกสองข้างของตะวันสลับไปมา พยายามหลอกล่อด้วยการใช้ทั้งปากและนิ้วสะกิดเบี่ยงเบนให้ตะวันสนใจและรู้สึกเสียวซ่านมากกว่าที่จะจดจ่อกับแกนกายของเขาที่กำลังผลุบเข้าไปในช่องทางช้าๆ

“อ๊ะ อ๊า”

“อย่างนั้นแหละครับเด็กดี ผ่อนคลายให้พี่หน่อย หนูผ่อนคลายนะครับ”

พลัฎฐ์ว่าก่อนจะเอื้อมมือไปสาวรั้งแกนกายน่ารักของตะวันอีกครั้ง เพราะก่อนหน้ามันไม่ตั้งชันและไม่เกิดอารมณ์เพราะความเจ็บที่ตะวันได้รับ และตอนนี้ถือว่าการเบนความสนใจของพลัฎฐ์กำลังได้ผล เพราะช่องทางของตะวันไม่รัดแน่นจนเขาเข้าไม่ได้เหมือนตอนแรก แต่ตอนนี้มันกำลังขยับขยายให้เขาได้แทรกตัวเข้าไปช้าๆ จนในที่สุดมันก็เข้าไปจนมิดความยาวโดยที่ตะวันโอบรับมันไว้ได้หมดแทน

“อึ่ก.. อ่า เก่งมากเด็กดี เก่งมากครับ”

ตะวันนอนอ้าขากว้างอีกทั้งยังสะอื้นฮักเพราะยังเจ็บและปรับตัวไม่ได้ ให้พลัฎฐ์ต้องคอยจูบปาก คอยดูดยอดอก พร้อมๆ กับสาวรั้งแกนกายเล็ก จนตอนนี้มันเริ่มที่จะตั้งชันและมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

ความเจ็บแปรเปลี่ยนไป เมื่อพลัฎฐ์อดทนยอมแช่ค้างอยู่ท่านั้นเพื่อให้ได้ตะวันปรับตัว และเมื่อเห็นว่าสีหน้าของคนใต้ร่างดีขึ้น พลัฎฐ์จึงตัดสินใจค่อยๆ ขยับช้าๆ เพราะรู้ดีว่าถ้ายังถูกรัดแน่นโดยไม่ขยับแบบนี้อีกสักพักเขาต้องเสร็จก่อนถึงเวลาที่ควรจะเป็นแน่ๆ

“ให้พี่ขยับนะครับ ไม่งั้นขืนหนูรัดพี่อยู่เฉยๆ แบบนี้ พี่เสร็จแน่ๆ เลย”

ตะวันแก้มแดงก่ำ ตอนได้ยินถ้อยคำลามกของอีกฝ่าย จากนั้นจึงพยักหน้ายินยอมเมื่อรู้สึกว่าช่วงล่างของตัวเองไม่เจ็บเท่าตอนแรกแล้ว

และทันทีที่พลัฎฐ์ขยับ ตะวันก็หลุดเสียงครางทันที

“อ๊ะ อ๊า อ๊า”

“อะ อาา... ตรงนี้ใช่มั้ยครับ หื้ม?”

พลัฎฐ์โถมตัวเข้าหาตะวันเป็นจังหวะ เขาต้องยั้งตัวเองแทบแย่ตอนที่รู้ว่าตัวเองกระแทกถูกจุด เพราะตะวันตอดรัดถี่ยิบไม่หยุด แถมสีหน้าตอนเสียวซ่านของคนใต้ร่าง ยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ดิบของเขาลุกฮือ พลัฎฐ์ซอยเอวเป็นจังหวะเรื่อยๆ พร้อมๆ กับใช้มือสาวรั้งแกนกายเล็กช่วยอีกฝ่ายอย่างเอาอกเอาใจ ตะวันครางแทบจะไม่เป็นภาษา แถมยังเบียดตัวเข้าหาพลัฎฐ์ด้วยความลืมอาย สะโพกเล็กลอยแอ่นคว้างสอดรับแกนกายใหญ่โตของพลัฎฐ์ที่กำลังโถมเข้ามา พลัฎฐ์เร่งจังหวะกระแทกจนตะวันนึกจุก เลยใช้มือเล็กยันหน้าท้องอีกฝ่ายไว้ให้เพลามือหน่อย ก่อนที่เอวของเขาจะขาดเป็นสองท่อนเพราะความลืมตัวของพลัฎฐ์

“พี่.. อื้อ เบาหน่อย... ตะวัน อ๊ะ อ๊ะ จุก..”

พลัฎฐ์ผ่อนแรงลง แต่ยังโถมตัวเข้าออกเป็นจังหวะเรียกเสียงครางหวานได้จากตะวันไม่หยุด ตัวพลัฎฐ์เองก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเขากำลังรู้สึกดีมากๆ ช่องทางอุ่นที่โอบรับตัวตนตนของเขาไว้ทั้งหมดกำลังตอดรัด จนทำให้เขาเผลอกระแทกแรงเข้าใส่ตะวันอยู่บ่อยครั้ง เสียงหอบหายใจ และเสียงเรียกชื่อเขาของตะวัน ยิ่งทำให้อุณหภูมิในห้องสูงจนแทบจะทะลุจุดเดือด

พลัฎฐ์ก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอขาวของตะวันอย่างหมั่นเขี้ยว ในขณะที่ตะวันก็สอดมือเข้าไปขยุ้มกลุ่มผมของพลัฎฐ์ราวกับต้องการหาที่ระบายความเสียวซ่าน ต่างฝ่างต่างสอดรับและขยับหาเข้ากันอย่างค่อยไปค่อยไป และเมื่อพอพลัฎฐ์เร่งมือสาวรั้งแกนกายของตะวันพร้อมๆ กับขยับโถมสะโพกเข้าใส่ช่องทางของตะวันเร็วขึ้น เสียงครางเครือก็ยิ่งดังเร่งจังหวะ กระตุ้นให้พลัฎฐ์เผลอกระแทกตัวตนเข้าใส่ตะวันจนร่างเล็กบนที่นอนหัวสั่นหัวคลอน แล้วจังหวะสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายก็มาถึง เมื่อตะวันเอ่ยปากเร่งเร้า พร้อมกับแรงตอดรัดที่ของผนังอุ่นที่โอบล้อมตัวตนของพลัฎฐ์ขมิบตอดรัดถี่รัว

“พี่พลัฎฐ์ อ๊ะ ตะวัน ฮึ่ก.. ตะวันจะเสร็จ”

“จะเสร็จแล้วเหรอครับ อึ่ก.. เด็กดี”

พลัฎฐ์ขยับข้อมือสาวรั้งถี่รัวขึ้น จนตะวันตัวกระตุก ปลายเท้าหงิกเกร็ง และปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สอง พร้อมๆ กับเสียงครางหวาน จนเลอะมือพลัฎฐ์ไปหมด

“อะ.. อาห์”

พลัฎฐ์ยกมือข้างที่เลอะน้ำรักของตะวันยกขึ้นเลียช้าๆ ให้คนที่กำลังนอนอ้าขารองรับการกระแทกแอบมองด้วยใบหน้าและสายตาเขินอาย ก่อนที่ความเขินอายนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านอีกระลอก เมื่อพลัฎฐ์ขยับกระแทกสะโพกเร็วขึ้นที่จุดเดิมซ้ำๆ ถี่รัวขึ้น ก่อนที่พลัฎฐ์จะค่อยๆ ผ่อนความเร็วลง แล้วถอนแกนกายออกมาจากช่องทางของตะวันจนแทบสุดแล้วสวนกระแทกกลับเข้าไปแรงๆ อยู่สองสามครั้ง ก่อนที่พลัฎฐ์จะเกร็งหน้าท้องแล้ว ครางเสียงทุ้มอย่างสุขสม พร้อมๆ กับที่ปลดปล่อยออกมามากมายจนน้ำสีขาวๆ ไหลย้อยออกมาตามช่องทางสีหวานที่ตอนนี้แดงช้ำอย่างเห็นได้ชัด

“อาห์”

พลัฎฐ์โถมตัวลงกอดตะวันไว้ทั้งตัวหลังจากความเร่าร้อนทั้งหมดจบลง พร้อมกับกดจูบซ้ำๆ ที่แก้มนิ่มของคนใต้ร่างที่ตอนนี้กำลังแดงก่ำเพราะแรงอารมณ์

คนตัวโตกว่าบอกรักตะวันอย่างมีความสุข สิ่งที่เขาเคยจินตนาการไว้ ไม่ผิดจากที่คิดเลยสักนิด พลัฎฐ์มีความสุขมาก และรู้ว่าตะวันเองก็คงมีความสุขไม่ต่างกัน

“พี่รักหนูนะครับ รักมาก มากที่สุดในชีวิตเลย หนูรู้ใช่ไหม”

ในขณะที่ตะวันเองยังคงไม่ตอบอะไร เพราะเหน็ดเหนื่อยและแทบจะหมดแรงจากการปลดปล่อยไปสองรอบ หนำซ้ำตอนนี้ร่างกายด้านล่างก็ทั้งปวดทั้งเมื่อยทั้งเจ็บไปหมด เขาจึงได้แต่ซุกหน้ากับอกให้พลัฎฐ์กอดนิ่งๆ ก่อนที่จะจูบลงไปบนไหปลาร้าของเจ้าของอ้อมกอด แล้วกระซิบเสีงยงแผ่วตอบอีกฝ่ายก่อนจะผล็อยหลับไป

“ตะวันก็รักพี่พลัฎฐ์มาก.. มากที่สุดเหมือนกันครับ”

.

.

.

To Be Continue

----------------------------------------

ตอนหน้าจบแล้วจ้าาา ตอนนี้เลยขอทิ้งทวนสักนิด จัดยาว จัดเต็ม จัดให้เกือบทั้งตอน 5555555555

ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกกำลังใจที่ผ่านมา เราหวังว่าทุกคนจะอยู่ถึงบทส่งท้ายในตอนหน้า เราอยากจะขอบคุณทุกคนจริงๆ จังๆ อีกสักครั้งในตอนนั้นค่ะ

เจอกันวันอังคารค้าบบบ อ่านให้สนุกน๊าาา

รักฉะเหมอ♡

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
:: Epilogue - บ้านของเรา ::


เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พลัฎฐ์กับตะวันก็เปิดเผยความสัมพันธ์ของกันและกันมากขึ้น หลังจากนิตยสารที่มีบทสัมภาษณ์ของทั้งสองวางแผงไป กระแสทั้งทางบวกและลบมีเข้ามาตลอด แต่ในเมื่อไม่ได้กระทบอะไรกับงานของทั้งคู่จึงไม่มีอะไรที่ตะวันและพลัฎฐ์รู้สึกกังวล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ปรากฎตัวอีกเลยของนลินี ทำให้ทั้งคู่ต่างเบาใจและอยู่อย่างสงบมากขึ้น จะมีก็แต่พลัฎฐ์ที่ยังคงขี้หึงไม่เลิก โดยเฉพาะกับคุณครูประจำชั้นของอาทิตย์กับน้องพี เรียกได้ว่าถ้าไม่ติดงานหรือธุระอะไรจริงๆ พลัฎฐ์ก็แทบไม่เคยปล่อยให้ตะวันไปรับเด็กๆ คนเดียวเลย

ดังนั้น สิ่งที่เห็นกันจนชินตาของพนักงานในออฟฟิศของพลัฎฐ์ ก็คงจะเป็นการที่ตะวันไปส่งข้าวส่งน้ำให้พลัฎฐ์บ่อยๆ ในตอนกลางวัน ส่วนในตอนเย็น ก็จะเป็นภาพตะวันที่จูงมือน้องพีกับอาทิตย์เดินข้ามาพร้อมกับแวะทักทายบรรดาพนักงานที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีตามรายทางในวันที่พลัฎฐ์ไม่สามารถไปรับเด็กๆ ด้วยได้ เพราะใครๆ ก็ล้วนแล้วแต่เอ็นดูเจ้าหนูน้อยทั้งสองทั้งนั้น แต่ก็มักจะน้อยครั้งมาก เพราะอย่างที่ว่าพลัฎฐ์ขี้หึงเกินกว่าจะปล่อยให้ตะวันไปเจอกับครูกวินทร์ของเด็กๆ ได้ตามลำพัง

และเมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ทุกอย่างทางนี้เรียบร้อยดี และการตกลงกันร่วมงานของบรรดาพ่อๆ แม่ๆ ของทั้งสองฝ่ายเป็นอันเรียบร้อย เซ็นสัญญากันเสร็จสิ้น ทั้งพ่อและแม่ของพลัฎฐ์ รวมไปถึงพ่อและแม่ของตะวันและอาทิตย์ ก็ตัดสินใจกลับไปที่สหรัฐอเมริกาต่อ เพื่อสานงานต่างๆ ที่ค้างไว้ให้เสร็จสิ้น และจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ทั้งลูกและหลานที่ไทยเป็นการถาวรเสียที

“น้องพีไม่หยักให้คุณปู่กับคุณย่า คุณตากับคุณยายไปประเทศเมืองนอกเยย น้องพีคิดถึง”

เจ้าหนูน้อยคนขี้อ้อนที่ตอนนี้กำลังกอดปู่กับย่าของตัวเองอยู่พูดจาออดอ้อน ฟังแล้วชวนให้ใจอ่อน จนคนเป็นปู่กับย่าเกือบจะเผลอเลื่อนเดินทางเพื่อจะได้ยืดเวลาอยู่กับหลานต่อ ซึ่งฝั่งของครอบครัวตะวันก็ไม่ต่าง เพราะตอนนี้เจ้าอาทิตย์ดวงน้อยกำลังกอดพ่อกับแม่ของตัวเองแน่น แม้จะไม่ได้พูดอ้อนอะไรเหมือนน้องพี แต่คนเป็นพี่อย่างตะวันรู้ดีว่าการทำแบบนี้ของอาทิตย์เป็นสิ่งที่ซื่อตรงที่สุดในความรู้สึกของน้องชายแล้ว

“อาทิตย์อยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่นานๆ ทำงานเสร็จแล้วรีบกลับมาหาอาทิตย์นะคับ” แม้จะเศร้าแต่เจ้าอาทิตย์ดวงน้อยของตะวันก็เข้มแข็งกว่าใคร

และไม่ใช่แค่จะดูแลความรู้สึกตัวเองได้เท่านั้น เพราะพออาทิตย์หันไปเห็นน้องพีที่กำลังยืนเศร้าอยู่ตรงหน้าคุณปู่กับคุณย่าของตัวเองแล้ว เจ้าตัวก็ผละออกจากพ่อกับแม่ แล้วหันเดินไปจับมือน้องพีมากุมไว้หลวมๆ ให้ตะวันและครอบครัวต้องอมยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นว่าอาทิตย์ทำหน้าที่ดูแลน้องพีได้ดีเพียงใด

“คุณปู่กับคุณย่าไปไม่นานหรอกน้องพี แปปเดียวก็กลับ กลับมาพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณอาทิตย์ไง น้องพีรอเจอคุณปู่กับคุณย่าพร้อมคุณอาทิตย์นะ”

คำพูดซื่อๆ หนักแน่น แต่ก็ฟังดูปลอบประโลมทำให้เด็กชายพีรยสถ์ยิ้มออก ก่อนที่จะหันไปขอสัญญาจากกคุณปู่กับคุณย่าของตัวเองแทน

“คุณปู่กับคุณย่ายีบกลับมาหาน้องพีนะคับ น้องพีจะเชื่อตามที่คุณอาทิตย์บอก ... สัญญาๆ”

เด็กชายพีรยสถ์ยื่นนิ้วก้อยของมือข้างที่ว่างออกมาตรงหน้าของปู่กับย่า ให้คนเป็นย่าดึงเจ้าหนูน้อยเข้ากอด ก่อนจะเอานิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของหลานชายเบาๆ

“ครับลูก ย่าสัญญา ย่าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหาน้องพีนะครับ”

“เป็นเด็กดีนะครับน้องพี ตั้งใจเรียน ไม่ดื้อไม่ซนกับปะป๊า แล้วปู่กับย่าจะรีบกลับมานะ”

ส่วนคนเป็นปู่ก็ยื่นมือใหญ่มาลูบศีรษะกลมของลายชายเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มนุ่มๆ ของเจ้าหนูอย่างแสนรัก ซึ่งพอปู่กับย่าผละออก น้องพีก็กดจมูกเล็กของตัวเองลงไปบนแก้มของปู่กับย่าเช่นกัน

“น้องจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน แย้วก็ยักปะป๊าด้วย”

พอว่าจบพลัฎฐ์ก็ขยับมายืนซ้อนหลังลูกชาย พร้อมกับวางมือไว้บนไหล่เด็กชายหลวมๆ พลางบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นกังวล

“พ่อกับแม่ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวน้องพีผมดูแลเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“ใช่ครับ มีตะวันทั้งคน รับรองน้องพีได้อ้วนจนพุงกางเหมือนเจ้าอาทิตย์แน่ๆ” ตะวันเลยจัดการพูดเสริม ให้พ่อกับแม่ของตะวันได้ส่ายหัวให้กับคำพูดลูกชายตัวแสบเบาๆ

“หายปวดหัวหรือจะปวดหนักกว่าเดิมให้พี่เขาต้องดูแลเราเพิ่มก็ไม่รู้นะคะพี่ตะวัน”

พอจบคำของคุณรวิวรรณทุกคนก็หัวเราะร่า ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหนูน้อยทั้งสองรวมถึงพลัฎฐ์เองด้วย

“หัวเราะอะไรกันครับ?”

ตะวันระดมตีพลัฎฐ์คนเดียวโดยไม่ได้แตะตัวเด็กๆ ทั้งสองเพราะกลัวจะเจ็บ ซึ่งทุกคนก็ยืนคุยกันอีกนิดหน่อยจนทางสายการบินประกาศเรียกผู้โดยสารให้ขึ้นเครื่อง คุณภาสกรบิดาของตะวันจึงหันมาฝากฝังตะวันไว้กับพลัฎฐ์

“ฝากเจ้าพี่น้องสองคนด้วยไว้ด้วยนะคุณพลัฎฐ์ ให้อยู่กันเองยอมรับว่าลึกๆ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอมาตอนนี้ได้เห็นว่าพี่ตะวันมีคุณพลัฎฐ์มาดูแล เราสองคนก็เบาใจ”

พลัฎฐ์หันไปมองคนรักที่ตอนนี้กำลังเจื้อยแจ้วเจรจากับพ่อแม่เขาอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู ก่อนจะหันมารับปากให้พ่อและแม่ของคนรักได้สบายใจ

“คุณอา..”

“เรียกพ่อว่าพ่อ แล้วเรียกแม่ของตะวันว่าแม่เถอะคุณพลัฎฐ์ ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว”

และคำพูดของพ่อตะวันก็ทำให้พลัฎฐ์ยิ้มกว้างได้เต็มแก้ม เขายอมรับว่าแอบกังวลไม่น้อยเพราะกลัวว่าพ่อและแม่ของตะวันอาจจะยังไม่ยอมรับ แต่เมื่อผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาได้จนถึงขนาดที่พ่อของตะวันฝากฝังตะวันไว้กับเขา ก็ไม่มีอะไรให้พลัฎฐ์ต้องหนักใจอีก

“ครับคุณพ่อ ... คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลตะวันและอาทิตย์ให้ดีที่สุด คุณพ่อกับคุณแม่ทำงานให้สบายใจได้เลยครับ”

คุณภาสกรยกมือขึ้นตบบ่าของพลัฎฐ์เบาๆ เป็นเชิงขอบคุณ ก่อนที่พ่อและแม่ของพลัฎฐ์จะเดินมาสมทบ กลุ่มชายหนุ่มและเด็กน้อยทั้งสี่ จึงได้มีโอกาสร่ำลาบุพการีก่อนเดินทางอีกครั้ง

“เดินทางปลอดภัยนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ผมจะดูแลทั้งตะวันและเด็กๆ เอง” พลัฎฐ์ว่า ก่อนที่จะเดินเข้าไปกอดคนเป็นพ่อและแม่ โดยมีน้องพีที่พลัฎฐ์อุ้มอยู่แทรกระหว่างกลาง โอบแขนรอบคอทั้งพ่อและปู่กับย่าไว้

“บ๊ายบายคับคุณปู่คุณย่า คิดถึงน้องพีเยอะๆ นะคับ”

“เดินทางปลอดภัยนะครับ” ตะวันบอกรวมๆ ก่อนที่จะหันไปหาพ่อกับแม่ของตัวเอง “อากาศที่นู่นหนาว คุณพ่อกับคุณแม่ต้องรักษาสุขภาพนะ แล้วตะวันจะโทรไปอ้อนบ่อยๆ”

เจ้าลูกชายคนโตของครอบครัวโผเข้ากอดพ่อกับแม่แน่น โดยมีเจ้าอาทิตย์กอดเอวทุกคนอยู่ตรงกลาง ก่อนที่คุณภาสกรจะอุ้มลูกชายคนเล็กที่ไม่ค่อยอ้อนเท่าพี่ชายมาหอมแก้มทั้งสองข้าง

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ กลับมาไวๆ นะคับ”

เด็กชายตัวน้อยว่าพร้อมกับยกมือไหว้คนเป็นพ่อและแม่อย่างสวยงาม ทำเอาหัวอกของบุพการีรู้สึกทั้งตื้นตันและภูมิใจ

เมื่อร่ำลากันเรียบร้อย พลัฎฐ์และตะวันก็อุ้มอาทิตย์และน้องพีแยกออกมา ทั้งสี่ยกมือไหว้บรรดาพ่อกับแม่และโบกมือบ๊ายบายกลับ เมื่อพวกท่านโบกมือมาให้ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในเกท

โดยที่พวกเขาก็ได้แต่รอเวลาเพื่อที่จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

.

.

.

น้องพีหงอยลงไปถนัดตาเมื่อคุณปู่กับคุณย่าบินไปทำงานต่อที่ต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งพลัฎฐ์เองก็อธิบายให้ตะวันว่าเป็นอาการปกติของน้องพีที่มักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อต้องห่างกับคนในครอบครัว หรือมีใครเดินทางไปไหนไกลๆ ซึ่งพลัฎฐ์เดาว่าน่าจะเป็นเพราะน้องพีฝังใจเกี่ยวกับการที่แม่จากไปไม่ลา ทำให้เด็กน้อยกลัวว่าทุกคนจะทิ้งแกไปและทำให้แกอยู่คนเดียว

ตะวันได้ฟังแล้วก็นึกสงสาร ซึ่งพลัฎฐ์บอกว่าการกลับไปครั้งนี้ของพ่อกับแม่ยังถือว่าอาการของน้องพีดีกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา น่าจะเป็นเพราะโชคดีที่มีอาทิตย์และตะวันอยู่ใกล้ๆ ทำให้เด็กน้อยยังอุ่นใจว่าจะยังมีตะวันและอาทิตย์ที่ไม่ทอดทิ้งตัวเองไปไหน

“พี่เองก็จนใจ บอกลูกไปก็หลายครั้งแล้ว แต่ตัวเล็กก็รู้ว่าปมในใจมันแก้ยาก คงจะต้องค่อยๆ ปรับๆ ค่อยๆ ฝังความรู้สึกใหม่ๆ ให้น้องพีไปเรื่อยๆ”

เวลานี้พวกเขากลับมาถึงบ้านแล้ว และเด็กๆ เองก็นั่งเล่นวาดรูปกันอยู่ที่ห้องรับแขก ในขณะที่พลัฎฐ์กำลังวอแวตะวันอยู่ในครัว เพราะนี่ขนาดว่าเล่าเรื่องน้องพี พลัฎฐ์ยังโอบแขนไว้รอบเอวตะวันแน่นไม่ปล่อยไปไหนเลย

ซึ่งตะวันเองก็รู้ดีว่าภายใต้ท่าทีเจ้าชู้ที่พลัฎฐ์แสดงออกกำลังแฝงไว้ด้วยความไม่สบายใจลึกๆ ของเจ้าตัวในเรื่องของลูกชาย คนตัวเล็กกว่าจึงปล่อยให้พลัฎฐ์กอดแล้วไล้จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มนิ่มของตัวเองให้สมใจ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรดีๆ ออก แล้วลากแขนของพลัฎฐ์ออกไปนั่งเล่นกับเด็กๆ แทน

พลัฎฐ์แม้จะงงๆ แต่ก็ยอมเดินตามแรงลากของตะวันออกมา ก่อนที่จะทรุดลงนั่งที่พื้นพรมข้างลูกชายของตัวเอง

“มาครับ วันนี้เราจะมาช่วยกันวาดรูปกับระบายสีดีไหม” ตะวันเอ่ยปากเริ่มพูด พร้อมกับวางกระดาษแผ่นใหญ่ไว้ตรงกลาง “พี่ตะวันวาดพี่ตะวันลงไปในกระดาษ อาทิตย์ก็วาดตัวอาทิตย์ลงไป น้องพีก็วาดน้องพี ส่วนปะป๊าพลัฎฐ์ก็จะวาดตัวเองด้วยเหมือนกัน”

ตะวันว่าพลางทำสีหน้าภูมิใจในไอเดียของตัวเอง ก่อนที่น้องพีจะเอ่ยถาม

“วาดเยาสี่คนยงไปในกระดาษใบนี้หยอคับพี่ตะวัน”

“ใช่ครับ วาดเราสี่คนลงไปด้วยกัน แทนคำสัญญาว่าเราสี่คนจะไม่ทิ้งกันไปไหน” ตะวันชี้แทนตัวเอง แล้วพูดเสียงหนักแน่น สบตากับพลัฎฐ์และน้องพีด้วยแววตาใสแจ๋วจริงใจ

“พี่ตะวันจะไม่ทิ้งปะป๊าพลัฎฐ์กับน้องพีไปไหน ยกเว้นแต่ว่าปะป๊าพลัฎฐ์กับน้องพีจะไม่อยากเจอพี่ตะวันอีก วันนั้นพี่ตะวันถึงจะไป”

พลัฎฐ์ยิ้มตอนที่ได้ยินตะวันพูดแบบนั้น เขารู้ดีว่านี่เป็นคำสัญญาที่ตะวันพยายามจะมอบให้เขากับลูกชายของเขา เพราะพลัฎฐ์รู้ว่าจะไม่มีวันที่เขาไม่ต้องการตะวัน เขารักตะวันมาก และก็ยิ่งรักมากขึ้นทุกวัน

“ฮื่อออ ไม่ทิ้ง น้องพีไม่ทิ้ง น้องพียักพี่ตะวัน” เด็กชายว่าพลางโผเข้าไปกอดพี่ชายข้างบ้านไว้แน่น ซึ่งเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากพลัฎฐ์ได้ไม่ยาก

ส่วนตะวันเองพอเห็นท่าทางออดอ้อนของน้องพีก็ยิ้มกว้าง โอบรอบแขนกระชับอ้อมกอดไว้แน่น พร้อมทั้งใช้อีกมือลูบศีรษะกลมของเจ้าหนูน้อยเบาๆ

“ครับ พี่ตะวันก็รักน้องพี จะอยู่กับน้องพีไปเรื่อยๆ จนน้องพีตัวโตๆ เลยดีไหมครับ”

“อื้อ! ดีคับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงักซุกอยู่กับอกอุ่นๆ ของตะวัน ท่าทางน่ารักนั้น ทำเอาตะวันต้องก้มลงไปจูบหนักๆ ที่ศีรษะเล็กอย่างมันเขี้ยวอยู่หลายที

แล้วจู่ๆ เจ้าอาทิตย์น้อยก็เดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้า แล้วยกแขนเล็กๆ ของตัวเองขึ้นโอบน้องพีไว้อีกที

“คุณอาทิตย์ก็ไม่ทิ้ง จะอยู่กับน้องพีตลอดไปเลย”

“คุณอาทิตย์ห้ามหนีน้องพีไปนะ”

“อื้อ ไม่ไปไหน สัญญา”

เด็กชายตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของตะวันได้ยินเพื่อนสนิทบอกแบบนั้น ก็หันมายิ้มกว้างให้อย่างน่ารัก ก่อนที่อาทิตย์ยิ้มตอบให้น้องพี และพอตะวันกดริมฝีปากลงไปบนแก้มนุ่มๆ ของเด็กชายพีรยสถ์ เจ้าหนูก็หันกลับไปให้ความสนใจกับพี่ชายคนโปรดแทน

ซึ่งในขณะที่ตะวันเผลอๆ งุ้งงิ้งอยู่กับน้องพี ก็เลยไม่ได้รู้ว่าน้องชายตัวเองโผไปกระโดดเกาะหลังพลัฎฐ์ตอนไหน หนำซ้ำยังหัวเราะคิกคัก ก่อนที่พลัฎฐ์จะยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูนิ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“หนูสัญญาแล้ว ห้ามผิดสัญญานะครับ”

ตะวันหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พลัฎฐ์ ก่อนจะเอ่ยเสียงใสอย่างน่ามันเขี้ยว “ตะวันสัญญากับน้องพี ไม่ได้สัญญากับพี่พลัฎฐ์สักหน่อย”

“อ่าว ทำไมใจร้ายกับพี่อย่างนี้ล่ะครับ” พลัฎฐ์โอดครวญ ซึ่งเจ้าหนูอาทิตย์ก็ได้ยินประโยคดังกล่าวพอดี เลยโอบแขนเล็กๆ ไปที่รอบคอของพลัฎฐ์แล้วพูดเสียงเจื้อยแจ้วแต่หนักแน่นตามประสาเด็กน้อยแทน

“งั้นเดี๋ยวอาทิตย์อยู่กับปะป๊าพะลัดก็ได้ อยู่ด้วยกันๆ”

และพอสิ้นเสียงคำตอบของน้องพี ทั้งพลัฎฐ์และตะวันก็หัวเราะขึ้น ราวกับว่าความไร้เดียงสาของเด็กๆ ช่างบริสุทธิ์และงดงามเกินกว่าที่พวกเขาจะเมินเฉยไม่สนใจได้ ก่อนที่ตะวันจะหันไปพูดจริงจังกับพลัฎฐ์อีกครั้ง

“ตะวันพูดจริงๆ นะครับ เพราะต่อถึงให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนจบลงหรือไปไม่รอด ยังไงตะวันก็จะไม่ทิ้งน้องพี แกเป็น...”

พลัฎฐ์ก้มลงมาจูบเร็วๆ ที่ปากตะวันทันที ตอนที่เด็กๆ เผลอ โดยที่คนถูกจูบยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ

“เหมือนที่ตะวันสัญญากับลูกชายพี่ พี่ก็ขอสัญญากับตะวันเหมือนกันว่าพี่จะไม่มีวันไปไหน จนกว่าตะวันจะไม่ต้องการ”

ตะวันยิ้มบางๆ ทันทีที่พลัฎฐ์พูดจบ ทั้งสองต่างมองสบตากันและกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เขาทั้งสองไม่รู้หรอกว่าเรื่องความรักและความสัมพันธ์ในอนาคตของเขาทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร

แต่สิ่งหนึ่งที่พลัฎฐ์และตะวันมั่นใจคือเขาทั้งคู่จะประคับประคองความรักและครอบครัวที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยการมีกันและกันในตอนนี้ก็ได้ทำให้เขาทั้งสองรู้ว่าพวกเขาจะผ่านมันไปได้ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะมีอุปสรรคอะไรก็ตาม

และที่สำคัญ เขาทั้งสองจะทำให้บ้านทั้งสองหลังของทั้งพลัฎฐ์และตะวัน เป็นหลุมหลบภัยที่ดีที่สุดของเด็กชายภานวีย์และพีรยสถ์ เขาทั้งคู่จะทำให้เด็กๆ ได้มั่นใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่เด็กๆ จะต้องพบเจอเมื่อโตขึ้นในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า แต่ทันทีที่กลับมาที่นี่ เด็กน้อยทั้งคู่จะได้รับความรักและความอบอุ่นที่เต็มเปี่ยม ความรักและความอบอุ่นของการเป็นครอบครัวเสมอและตลอดไป


THE END

----------------------------------

Talk: *จุดพลุ* เย่ๆ ก็ลงตอนสุดท้ายให้แล้วนะคะ #เกิดเป็นรักข้ามรั้ว ปิดฉากลงแล้ว เราอยากจะขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ตรงนี้ อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกคลิก ทุกวิวที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณมากๆ นะคะ นิยายเราอาจจะไม่สนุกอะไรมาก แต่ถ้าทุกครั้งที่คุณเข้ามาอ่านแล้วมีความสุข หรือได้รับรอยยิ้มกลับไป แค่นี้เราก็รู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จมากๆ แล้ว

และถึงแม้นิยายของเราจะไม่ได้รับความนิยมอะไรมากมาย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกดาวน์อะไรขนาดนั้นนะ ฮ่าๆๆ หรือเรามันเป็นพวกหวังน้อยด้วยล่ะมั้ง เพราะสำหรับเรา แม้มีคนรออ่านแค่เพียงคนเดียว แค่นั้นก็อยากทำให้เราเขียนต่อจนจบแล้ว~

ดังนั้น ขอบคุณพวกคุณทุกคนมากนะคะ ทั้งจากในเด็กดี คุณ HongTea_ และคุณ tounoi_JJ

คุณ AkuaPink, คุณ Billie, คุณ fc_fic, คุณ route rover, คุณ B25, คุณ DrSlump, คุณ Tiffany, คุณ GBlk, คุณ Kaamnutt และคุณ noy จากเล้าเป็ด

และจากในธัญวลัย คุณ Natha, คุณโสม, คุณ Nin19901 รวมทั้ง Guest ทุกคนจากทุกๆ คอมเม้นท์ด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆ แล้วก็ขอบคุณนักอ่านเงา ที่อาจจะตามอ่านอยู่เงียบๆ ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามนิยายเรื่องแรกของเรามาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาด อยากให้ปรับปรุง เรื่องหน้าขอแก้ตัวนะคะ เราเขียนแต่ฟิคมาตลอด เพิ่งจะจับนิยายเป็นเรื่องแรก เลยอาจจะมีอ๊องๆ งงๆ ออกทะเลไปบ้าง เรื่องหน้าสัญญาจะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ อาจจะเป็น mpreg เพราะเริ่มเขียนไปบ้างแล้ว และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะมีเรื่องของน้องพีกับอาทิตย์ต่อด้วย เพราะวางพล็อตไว้ในหัวคร่าวๆ แล้ว ยังไง ก็จะลองพยายามเขียนเนาะ เป็นกำลังใจให้เราด้วยย 555555555

ไปละค่ะ รู้สึกว่าจะทอล์คนานไปแล้ว 55555555555 ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้าเนาะ ... รักพวกคุณมากๆ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขอบคุณคุณนัคเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆเช่นกัน
น้องพี่กับอาทิตย์ต้องน่ารักแน่เลย รออ่าน  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
ขอบคุณ​ผู้แต่ง​มากๆค่ะ​ นิยาย​น่ารัก​ดี​ค่ะ​แต่จะติด​ตรงบทแฟนเก่า​ของพระเอก​ รู้​สึกยัง​แต่ง​ได้ไม่ลื่นไหล​เท่าที่ควร​ แต่บทของเด็​กๆน่ารัก​มาก​ค่ะ​ เป็น​กำลัง​ใจ​ให้​นะ​คะ​ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
:: Special Chapter - Together ::


“ไหนน้องพี บอกปะป๊าหน่อยสิครับ ว่าพวกหนูสองคนจะแสดงอะไรให้ปะป๊ากับพี่ตะวันดูในงานโรงเรียนที่จะถึงนี้ครับ?”

ตอนนี้พลัฎฐ์กับตะวันพาเด็กๆ ออกมานั่งกินข้าวในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เนื่องจากอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ และอยากจะเลี้ยงฉลองที่เจ้าอาทิตย์กับน้องพีได้เป็นตัวแทนอนุบาลหนึ่งเอ ห้องปลาโลมา แสดงละครเวทีโชว์ผู้ปกครองในงานวันคริสมาสต์ที่โรงเรียนจะจัดให้มีกิจกรรมรื่นเริงในทุกปี ซึ่งปีนี้ไฮไลท์สำคัญของงานก็อยู่ที่ละครเวทีที่เจ้าหนูสองคนได้ไปมีส่วนร่วมนี่แหละ

“น้องพีเย่นเป็นแองเจิ้น ส่วนคุณอาทิตย์เย่นเป็นพิ๊นซ์คับ”

เจ้าหนูน้อยตอบเสียงใสพร้อมรอยยิ้มกว้าง แม้จะยังพูดไม่ชัด แต่คนเป็นพ่อกับคนเป็นพี่ก็พอจะเดาออกว่าเด็กทั้งสองสวมบทบาทเป็นอะไร และตะวันก็ต้องหลุดขำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าน้องชายตัวแสบที่เมื่อกี้ยังก้มหน้าก้มตาสนใจจานข้าวตัวเองอยู่ แอบยืดตัวขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินน้องพีบอกจบว่าตัวเองได้แสดงเป็นเจ้าชาย ที่เปรียบเสมือนพระเอกของเรื่อง

“โอ้โห คุณอาทิตย์ได้เล่นเป็นเจ้าชายเลยเหรอเนี่ย?” ซึ่งพลัฎฐ์เองก็สังเกตเห็นท่าทีของเจ้าตัวแสบเหมือนกัน เลยเนียนแสดงอาการตื่นเต้นออกนอกหน้า ให้เจ้าอาทิตย์ได้ยืดหลังตรงยิ่งกว่าเดิม

ตะวันเห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงพูดหยอกเจ้าน้องชายตัวแสบไปหนึ่งประโยค

“นั่นสิครับ ตะวันไม่ยักรู้ว่าเขาให้หมูตอนแสดงเป็นพระเอกได้ด้วย ฮ่าๆๆๆ”

“พี่ตะวันอ่ะ ไม่ใช่สักหน่อยนะ”

และแน่นอนว่าสำหรับอาทิตย์แล้ว เรื่องอ้วนเรื่องหล่อนี่ว่าไม่ได้ ความมั่นใจล้นเหลือมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งพักหลังน้องพีสปอยล์ว่าอาทิตย์หล่อเหมือนพลัฎฐ์ เจ้าตัวแสบยิ่งปักใจเชื่อ ... จะไม่ให้เชื่อได้ยังไง ในเมื่อน้องพีของคุณอาทิตย์น่ะ ไม่เคยโกหกหรอก ถ้าน้องพีพูดว่าคุณอาทิตย์หล่อ นั่นก็หมายความว่าคุณอาทิตย์หล่อแบบที่น้องพีพูดจริงๆ

ตะวันยังคงหัวเราะไม่เลิกเมื่อเห็นน้องชายงอนตุ๊บป่อง เดือดร้อนต้องให้แองเจิ้ลตัวน้อยต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์

“คุณอาทิตย์ไม่อ้วนน้าพี่ตะวัน คุณอาทิตย์หย่อ หย่อที่สุดในห้องเยย คุณครูวินเก๊าะบอก”

“ช่ายๆ น้องพีก็น่ารัก น่ารักกว่ามะนาวอีก เลยได้เล่นเป็นแองเจิ้นที่อยู่บนท้องฟ้า”

อาทิตย์ยิ้มแฉ่งเปลี่ยนสีหน้าทันทีตอนน้องพีเอ่ยชม และชมน้องพีกลับทันทีเช่นกัน ทำเอาตะวันต้องยอมแพ้ให้กับความสปอยล์กันและกันของเด็กทั้งคู่

“โอเคๆ ก็ได้ๆ พี่ตะวันยอมแล้ววว ทั้งหล่อทั้งน่ารักสองคนนั่นแหละ”

เด็กน้อยหัวเราะร่าขึ้นมาทันทีพอได้ยินตะวันบอกแบบนั้น ทำเอาพลัฎฐ์อดยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้เมื่อเห็นบรรยากาศอบอุ่นในครอบครัว

“ถ้างั้นวันงาน คุณอาทิตย์กับน้องพีต้องทำให้เต็มที่นะครับ เดี๋ยวปะป๊ากับพี่ตะวันจะไปให้กำลังใจหน้าเวทีเลย”

มือใหญ่ของหัวหน้าครอบครัวยื่นไปลูบศีรษะกลมของเด็กทั้งสองที่กำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ อย่างน่าเอ็นดู และพอเคี้ยวจนกลืนอาหารหมดปาก เจ้าอาทิตย์ดวงน้อยก็รีบรับปากรับคำพลัฎฐ์ทันที

“ได้เลยคับปะป๊า ปะป๊ากับพี่ตะวันรอดูได้เลย”

“ใช่ๆ น้องพีเย่นเป็นแองเจิ้น ใส่ชุดมีปีกสวยๆ ด้วย ปะป๊ายอดูนะคับ”

เจ้าหนูทั้งสองพูดเจื้อยแจ้วนำเสนอยกใหญ่ ทำเอาผู้ปกครองทั้งสองอดแอบตื่นเต้นไม่ได้ จะว่าๆ พวกเขาเห่อไม่แพ้เจ้าหนูทั้งคู่ ก็คงไม่ผิดสักเท่าไหร่นัก ก็นี่เป็นกิจกรรมใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่เจ้าหนูเริ่มเข้าเรียนมาได้สี่ห้าเดือน แล้วจะไม่ให้ตะวันกับพลัฎฐ์รู้สึกมีส่วนร่วมไปกับเด็กๆ ได้ยังไงกัน

“เก่งมากเลยครับเด็กๆ” ตะวันว่าพลางยิ้มใจดี ก่อนจะบอกในสิ่งที่ตนเองกับพลัฎฐ์ปรึกษากันไว้แล้วให้เจ้าหนูทั้งคู่ได้รับรู้ “แล้วพอแสดงละครเวทีที่โรงเรียนเสร็จ พวกเราไปเที่ยวกันดีไหมครับ” ตะวันเอ่ยบอกให้เด็กทั้งสองตาโตขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“ไปเที่ยวหยอคับพี่ตะวัน”

“ไปเที่ยวๆ อาทิตย์อยากไปเที่ยว”

ผู้ใหญ่ทั้งสองหันมามองหน้าพลางส่งยิ้มให้กันเมื่อเห็นอาการยินดีปรีดาของเด็กๆ ก่อนที่พลัฎฐ์จะเป็นคนหันไปตอบ

“ใช่ครับ ไปเที่ยวกัน” พลัฎฐ์ว่าพลางเอื้อมมือไปเช็ดปากให้น้องพีเบาๆ “พี่ตะวันกับปะป๊าจะพาหนูสองคนไปเที่ยวเชียงใหม่ อากาศช่วงนี้น่าจะกำลังเย็น อาทิตย์กับน้องพีอยากไปไหมลูก?”

“หยักคับ น้องพีหยักไปประเทศเชียงใหม่”

“ใช่ๆ อาทิตย์ก็อยากไปคับปะป๊าพะลัด”

ตะวันกับพลัฎฐ์ได้แต่ขำออกมาเบาๆ กับความไร้เดียงสาของเจ้าหนูน้อยทั้งคู่ จะไปเที่ยวทั้งที ยังไม่รู้เลยว่าเชียงใหม่อยู่ตรงไหน เอาเข้าจริงพลัฎฐ์ก็รู้ดีแหละว่าทั้งเจ้าหนูอาทิตย์และน้องพีไม่ได้สนใจหรอกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน สำหรับเด็กสองคนแค่บอกว่าจะไปเที่ยวก็ดีใจจนเนื้อเต้นไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นขอแค่พาพวกแกไปด้วยกัน เท่านี้พวกเด็กๆ ก็มีความสุขแล้ว

อันที่จริงแผนการเที่ยวนี้ก็วางกันมาสักระยะแล้ว ตะวันกับพลัฎฐ์เห็นว่าพวกเขายังไม่เคยพาน้องพีกับอาทิตย์ไปเที่ยวพักผ่อนในที่ๆ อากาศและบรรยากาศดีๆ เลยสักครั้ง จึงตั้งใจว่าจะพากันหนีงานสักสี่ห้าวันแล้วพาเด็กๆ ไปพักผ่อนหย่อนใจกันตามประสาสี่คน แล้วมาได้จังหวะเอาที่โรงเรียนอนุบาลของอาทิตย์กับน้องพีปิดยาวช่วงคริสมาสต์ลากเลื้อยไปจนถึงปีใหม่ เลยทำให้ตะวันกับพลัฎฐ์ได้โอกาส ตัดสินใจพาเด็กๆ ไปเปิดหูเปิดตา ประกอบกับช่วงสิ้นปีแบบนี้อากาศทางเหนือจะดีเป็นพิเศษ พลัฎฐ์เลยเร่งเคลียร์งานและมอบหมายงานเร่งด่วนให้กับผู้บริหารที่ไว้ใจได้ช่วยดูแล ส่วนเขาก็จะขอลาพักร้อนยาวหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้เวลากับครอบครัว ตะวันเองก็ไม่ต่าง เจ้าของร้านอาหารคนเก่งก็ตัดสินใจปิดร้านเพื่อให้ลูกจ้างในร้านได้ลากลับบ้าน หรือไปเที่ยวพักผ่อน ก่อนจะเริ่มงานกันใหม่ในปีถัดไป

ดังนั้น เมื่อตัดสินกันได้แล้ว ทั้งคู่จึงจัดการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักเป็นอันเสร็จเรียบร้อย และยิ่งพอมาได้ข่าวจากเด็กๆ ว่าจะได้แสดงละครเวทีในกิจกรรมงานคริสมาสต์ของโรงเรียนก่อนหยุดยาวอีก เลยถือโอกาสเลี้ยงฉลองให้เด็กๆ พร้อมกันไปในตัว ถือว่าเป็นรางวัลให้กับเจ้าหนูทั้งคู่ด้วย

“โอเค งั้นวันหยุดยาวเราสี่คนไปเที่ยวกันนะครับ” ตะวันพูด ก่อนจะย้ำกำชับกับเจ้าหนูทั้งคู่ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ “แต่น้องพีกับคุณอาทิตย์ต้องตั้งใจซ้อมละครเวทีนะครับ คุณครูบอกอะไรก็ต้องทำตาม วันแสดงหนูสองคนจะได้แสดงดีๆ เก่งๆ ตกลงไหมครับ”

พอจบคำที่ตะวันสอน เจ้านหูทั้งคู่ก็พยักหน้ารับทันที

“ตกลงคับพี่ตะวัน/ตกยงคับพี่ตะวัน”

.

.

.

“พี่พลัฎฐ์ครับ คริสมาสต์นี้เราจะซื้ออะไรให้เด็กๆ ดี”

ตะวันถามหลังจากอาบน้ำเสร็จ และพอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพลัฎฐ์ที่อาบน้ำเสร็จแล้วเหมือนกันกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านเอกสารหน้าตาเคร่งเครียด และพอคนตัวโตกว่าเห็นแฟนเด็กเดินตัวหอมฉุยออกมาจากห้องน้ำ เอกสารที่ว่าก็กลายเป็นของไม่มีค่าทันที เมื่อพลัฎฐ์ปิดแฟ้มแล้ววางมันลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปกระตุกข้อมือของตะวัน จนคนตัวเล็กกว่าเสียหลัก ล้มลงมานั่งแอ้งแม้งทับอยู่บนตักแกร่งของคนตัวโตกว่าที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้วางใจ

“พี่ตามใจหนูครับ แล้วแต่หนูเลย” พอพูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็ยื่นมาประชิดกับใบหน้าน่ารักของตะวันทันที ก่อนที่เจ้าของจมูกโด่งเป็นสันจะฉกลงมาแก้มนุ่มของคนเด็กกว่า พลางซุกไซ้ดอมดมจนตะวันแทบจะระทวยไปทั้งตัวเพราะตั้งหลักรับการจู่โจมของคนเจ้าเล่ห์กว่าไม่ทัน

“พี่พลัฎฐ์ ทำไมเป็นคนแบบนี้?” ตะวันดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ใช่ว่าพลัฎฐ์จะหยุดจู่โจม “ตะวันให้พี่ตอบ ไม่ใช่ให้มาทำแบบนี้สักหน่อย”

คนตัวเล็กกว่าต่อต้าน แต่ก็ไม่ถึงกับผลักไส ซึ่งพลัฎฐ์เองก็รู้ดีว่าตะวันไม่ปฏิเสธหรอก เพราะพวกเขาเองก็ต่างรอเวลานี้กันมาทั้งอาทิตย์ ตอนนี้พอมีโอกาสอยู่ด้วยกัน มีหรือที่ตะวันจะไม่อยากใกล้ชิดเขาแบบที่เคยเป็น

“เดี๋ยวพี่ค่อยตอบหนูได้ไหมครับ” พลัฎฐ์กระซิบเสียงพร่า ก่อนจะซุกจมูกลงที่ซอกคอขาวพร้อมกับไล้ไปไล้มาเบาๆ ให้ตะวันได้สะท้านไปทั้งตัว “พี่รอหนูมาทั้งอาทิตย์แล้ว พี่รอต่อไปไม่ไหวหรอก... หรือหนูไม่คิดถึงพี่ หื้ม?”

พลัฎฐ์เงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอหอมๆ ก่อนจะเอ่ยถามตะวันอย่างตัดพ้อ ให้ตะวันได้ใจอ่อน และหน้าแดงก่ำไม่กล้าตอบ เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพลัฎฐ์

“ไม่ใช่ไม่คิดถึงสักหน่อย แต่ตะวัน...”

“ไม่เอาไม่มีแต่สิครับ ขอพี่หน่อยนะ อาทิตย์นึงพี่จะได้กอดหนูแค่วันสองวันเอง เห็นใจพี่หน่อยนะครับ”

ตะวันจนใจ รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ เพราะตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างจากพลัฎฐ์เท่าไหร่ เนื่องจากวันธรรมดาเป็นวันที่เด็กๆ ต้องไปโรงเรียน ต่างคนต่างเลยต้องค้างอยู่ที่บ้านตัวเอง นอกจากวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ตะวันกับพลัฎฐ์จะพาให้เด็กๆ มาค้างด้วยกัน ก็สุดจะแล้วแต่ว่าสัปดาห์ไหนสะดวกบ้านใคร บางทีก็ค้างบ้านตะวัน บางทีก็ค้างบ้านพลัฎฐ์ ดังนั้น พวกเขาทั้งคู่จึงมีเวลาที่จะได้กอดกันแค่อาทิตย์ละวันหรือสองวันเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นเงื่อนไขที่ตะวันตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มคบกับพลัฎฐ์แรกๆ นั่นเพราะตะวันไม่อยากให้การคบกันของเขาทั้งคู่ไปเบียดเบียนเวลาที่ควรมีให้แก่เด็กๆ ซึ่งพลัฎฐ์เองก็เห็นด้วย... แต่ก็เห็นด้วยแค่ในช่วงแรกๆ เท่านั้น

เพราะช่วงหลังที่ผ่านมา ความรักทั้งคู่เริ่มสุกงอม เวลาที่มีให้กันแค่ครั้งหรือสองครั้งต่ออาทิตย์ทำให้พลัฎฐ์เริ่มงอแง เจ้าตัวอ้างว่า ถึงแม้เขากับตะวันจะค้างด้วยกันมากกว่าสองครั้งต่ออาทิตย์ก็ไม่เป็นปัญหา พลัฎฐ์มั่นใจว่าเขาสามารถดูแลทั้งอาทิตย์และน้องพีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ตะวันกลับไม่คิดแบบนั้น...


‘พี่ก็พูดได้สิ พี่ลองมาเป็นตะวันบ้างไหมล่ะ พอพี่ได้กอดตะวันที พี่ก็กวนตะวันทั้งคืน แล้วเช้ามาตะวันจะเอาแรงที่ไหนมาดูแลเด็กๆ’

ซึ่งพลัฎฐ์เองก็เถียงไม่ออก เพราะตะวันพูดเรื่องจริง

ทำไงได้ ใครไม่มานอนเตียงเดียวกับตะวันก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันห้ามใจได้ยากแค่ไหน

สุดท้าย จึงวนกลับมาที่ข้อตกลงแรกนั่นก็คือการค้างด้วยกันสองคืนต่ออาทิตย์ นอกจากอาทิตย์ไหนจะมีวันหยุดเพิ่ม ตะวันจึงจะอนุโลมยอมให้พลัฎฐ์มาค้างด้วยได้

และถึงแม้ว่าตะวันจะมีข้อแม้ของตะวัน พลัฎฐ์เองก็มีเงื่อนไขไม่ต่างเช่นกัน ซึ่งเงื่อนไขของพลัฎฐ์นั้นไม่มากไม่มาย แต่เป็นเงื่อนไขที่ทำเอาตะวันพูดไม่ออก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะคนตัวเล็กเองก็รู้ดีว่าในใจลึกๆ ของตัวเองนั้นรู้สึกดีกับสิ่งที่พลัฎฐ์ขอแค่ไหน


‘ถ้างั้น เสาร์อาทิตย์เป็นของพี่ หนูต้องตามใจพี่ ‘ทุกอย่าง’ ตามนี้นะครับ’


ซึ่ง... มันหมายรวมทุกอย่างจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วย

พลัฎฐ์ก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมของตะวันอีกครั้ง และตะวันเองก็เห็นว่าเปล่าประโยชน์ที่จะดื้อดึงในเมื่อตัวเขาเองก็ต้องการไม่ต่าง แขนเรียวจึงตัดสินใจยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง และแหงนเงยคอเพื่อให้พลัฎฐ์ซุกไซ้ได้ถนัดยิ่งขึ้น

“เด็กดี ... เด็กดีของพี่”

พลัฎฐ์ยังคงไล้ปลายจมูกไปเรื่อยๆ ในขณะที่มือใหญ่เองก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง ด้วยการสอดเข้าไปในสาบเสื้อคลุมอาบน้ำที่คนตัวเล็กกว่าใส่ ก่อนจะลูบไล้ไปทั่วผิวเนียนของคนในอ้อมกอด

ตะวันเองก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ด้วยการขยับแนบชิดกับอกกว้างที่คุ้นเคย ในขณะที่มือเล็กก็สอดเข้าไปในกลุ่มผมสีเข้มของคนรัก รวมทั้งออกแรงกดรั้งเบาๆ ราวกับจะบอกความต้องการของตัวเอง

“อื้ออ..”

เสียงครางหวานหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสด ให้พลัฎฐ์ต้องก้มลงไปฉกชิมความหอมหวานที่สัมผัสกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเบื่อ

ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนอวัยวะเดียวกันของคนในอ้อมกอด ความหยุ่นนุ่มที่ประทับทำให้พลัฎฐ์รู้สึกดีจนไม่อยากถอนริมฝีปากออก และแน่นอนว่าตะวันเองก็คงไม่อยากให้พลัฎฐ์ทำแบบนั้น ร่างเล็กในอ้อมกอดคนตัวโตขยับแหงนเงยปรับองศาหน้าเพื่อรับจูบของพลัฎฐ์ให้ถนัดยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับการเผยอริมฝีปากออก เพื่อรอรับการสอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาให้จูบของกันและกันลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งพลัฎฐ์ก็ไม่ทำให้ตะวันผิดหวังเขาสอดลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพรงปากอุ่น เพื่อกวาดต้อนเอาความหอมหวานที่เขามักจะเสพติดได้อย่างไม่รู้เบื่อมาเป็นของตัวเอง เรียวลิ้นของคนทั้งสองเกี่ยวพันและรัดรึงกันจนแทบแยกไม่ออก เสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังไปทั่วห้องกว้าง และถึงแม่อุณภูมิของเครื่องปรับอากาศที่อยู่ในห้องจะสูงแค่ไหน ก็ไม่สามารถบรรเทาความร้อนรุ่มจากร่างกายของชายหนุ่มทั้งสองที่ส่งผ่านไปถึงกันและกันได้ จนกระทั่งความอดทนของพลัฎฐ์จะสิ้นสุดลง


- อ่านต่อด้านล่าง -

ออฟไลน์ Gade_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-4
- ต่อจากด้านบน -


คนตัวโตกว่าจับร่างเล็กในอ้อมกอดนอนราบลงกับที่นอนบนเตียง ก่อนจะพยายามปลดชุมคลุมอาบน้ำที่ตอนนี้หลุดลุ่ยจนแทบจะไม่เกาะอยู่บนร่างขาวๆ ของคนอายุน้อยกว่าออก ซึ่งตะวันเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี

“หนู... พี่ว่า.. พี่กำลังจะไม่ไหว”

พลัฎฐ์ไม่พูดอะไรให้มากความ เขาตัดสินใจจับมือเล็กของตะวันที่วางอยู่บนอกออก แต่เอาไปวางสัมผัสตรงกลางร่างกายที่ตอนนี้กำลังแข็งขืนเต็มกำลัง

ตะวันหน้าแดงก่ำ เพราะนึกรู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังสัมผัสอยู่นั้นตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการมากแค่ไหน คนตัวเล็กกว่าตัดสินใจสอดมือเข้าไปตามรอยแยกของเสื้อคลุม ซึ่งเขาเดาได้ไม่ยากว่าไม่น่าจะมีปราการอะไรป้องกัน เพราะพลัฎฐ์น่าจะเตรียมพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม แล้วก็ไม่ผิดจากที่ตะวันคิดสักเท่าไหร่นัก เมื่อมือเล็กสัมผัสเข้ากับเจ้ามังกรยักษ์ที่ตอนนี้กำลังแข็งขืนชูชันสู้มือเขาเต็มที่

คนตัวเล็กที่กำลังนอนระทดระทวยจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคนรัก ตัดสินใจขยับข้อมือช้าๆ รูดรั้ง ให้พลัฎฐ์ได้ครางคำรามในคออย่างคนที่กำลังจะหมดความอดทนในทุกขณะ

พลัฎฐ์ตัดสินใจจับตะวันพลิกร่างนอนคว่ำลงกับเตียง ก่อนที่จะยกสะโพกเล็กให้ลอยขึ้นมา ในขณะที่ตะวันก็โอนอ่อนไปกับทุกการกระทำ เพราะดูเหมือนสติจะยังไม่ถูกฟื้นฟูเต็มที่กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองกำลังอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลม ก็ตอนที่มือใหญ่ของพลัฎฐ์เอื้อมมารูดรั้งที่แก่นกาย ราวกับกำลังจะเอาใจ เพื่อให้คนที่อยู่ใต้ร่างคล้อยตาม

ซึ่งก็ไม่ผิดจากความตั้งใจของพลัฎฐ์เท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้ตะวันแทบจะไม่หลงเหลือแรงให้ยั้งคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่คนตัวเล็กรู้สึกมีเพียงแค่สัมผัสจากมือใหญ่ที่ปรนเปรอเอาอกเอาใจอยู่ไม่ห่าง ให้เขาได้ครางเสียงหวานอย่างพึงพอใจโดยไม่มีทีท่าว่าจะได้สติง่ายๆ

“อ๊ะ.. อา”

และพอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ลึกล้ำ พลัฎฐ์ก็จัดการพาตัวเองเข้าไปซ้อนอยู่ด้านหลังสะโพกกลมกลึงของคนรักทันที ก่อนจะค่อยๆ แทรกก้านนิ้วที่เพิ่งชะโลมเจลหล่อลื่นเรียบร้อยแล้ว เข้าไปในช่องทางสีหวานช้าๆ ซึ่งตะวันก็เผลอเกร็งตัวในคราวแรกเพราะยังไม่ทันได้ตั้งรับ แต่เมื่อพลัฎฐ์ยังคงเอาอกเอาใจโดยการสาวรั้งแก่นกายน่ารักไม่หยุด ก็ทำให้ตะวันผ่อนคลายขึ้น จนพลัฎฐ์ดันนิ้วเรียวเข้าไปได้ในที่สุด

คนตัวโตกว่าสวนนิ้วเข้าออกสลับกับที่มืออีกข้างก็ยังคงรูดรั้งไม่หยุด ในขณะที่ตะวันยังคงครางเสียงหวานอย่างสุขสม พลัฎฐ์จึงค่อยๆ แทรกนิ้วเข้าไปเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองและเป็นสามในที่สุด จนกระทั่งเห็นว่าช่องทางของตะวันพร้อมมากพอแล้วจึงถอนนิ้วออก ทำเอาคนที่กำลังเตลิดไปกับความพอใจหันมามองค้อนทั้งที่กำลังโก่งสะโพกใส่ ให้พลัฎฐ์ต้องลอบยิ้มด้วยความเอ็นดู

“อื้อ.. พี่พลัฎฐ์...”

“ชู่วว ใจเย็นๆ นะครับเด็กดี”

พลัฎฐ์จับเจ้ามังกรยักษ์ที่ตอนนี้ชะโลมเจลหล่อลื่นไว้จนชุ่มถูไถไปตามรอยจีบของช่องทาง ให้ตะวันตัวกระตุกด้วยความเสียวซ่านอย่างทรมาน เพราะไม่ได้รับการเติมเต็ม

“พี่.. พี่อย่า... อย่าแกล้ง”

“หึ...”

และเมื่อเห็นว่าร่างขาวบนเตียงที่กำลังบิดเร่าเพราะความต้องการที่ไม่ได้รับการสานต่อ พลัฎฐ์ก็จัดการดันท่อนเนื้อของตัวเองเข้าไปในช่องทางสีหวานของตะวันช้าๆ เพราะดูเหมือนว่าความยั่วยวนของสะโพกที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า และท่าทางของตะวันที่ตอนนี้ทั้งเซ็กซี่และกระตุ้นอารมณ์ดิบของคนที่กำลังจ้องมองอย่างเขาให้พุ่งทะยานจนยากจะควบคุม

ตะวันครางเสียงหลงตอนที่มังกรของพลัฎฐ์ผลุบเข้าไปในช่องทางแม้จะแค่ส่วนหัว แต่มันก็ใหญ่โตและไม่คุ้นชิน จนพลัฎฐ์ต้องเบนความสนใจด้วยการเอื้อมมือไปด้านหน้าแล้วรูดรั้งแก่นกายน่ารักขึ้นลงตามความยาว พร้อมๆ กับก้มลงพรมจูบบนหลังเนียของคนรักเพื่อให้ตะวันได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เพราะพอตะวันเลิกเกร็งอาวุธใหญ่โตของพลัฎฐ์ก็ค่อยๆ แทรกดันเข้าไปในช่องทางของตะวันได้จนสุดความยาว ตะวันสะท้านร่างเมื่อมันดันเข้าไปได้จนสุด เพราะการที่อยู่ในท่านี้ ทำให้เจ้าท่อนเอ็นที่ว่าเข้ามาได้ลึกกว่าทุกคราวกว่าที่ตะวันเคยรู้สึก

“อึก!... ลึก... ตะวัน อะ ... จุก”

คนตัวเล็กกว่าละล่ำละลักบอก พร้อมทั้งส่งมือมายันหน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามเนื้อ ให้พลัฎฐ์ต้องยั้งตัว ไม่ผลีผลามโถมกายใส่เพราะดูเหมือนว่าตะวันยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก

พลัฎฐ์ตัดสินใจจับขาของตะวันให้แยกกว้างมากกว่าเดิมพร้อมทั้งขยับข้อมือและใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนหัวซ้ำ จนตะวันคล้อยตามมากขึ้น และพอเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเท่าตอนแรกแล้ว จึงตัดสินใจเอ่ยขอคนใต้ร่างเสียงพร่า

“อ่า.. หนูรัดพี่แน่นมากเลยครับ ถ้าหนูยังตอดพี่ แล้วไม่ยอม.. อึก! ให้พี่ขยับ ... อีกสักพักพี่ต้องเสร็จทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มแน่ๆ”

ตะวันหันมามองค้อนทันทีที่ได้ยินประโยคกึ่งๆ ลามกจากคนรัก ให้พลัฎฐ์ต้องหลุดขำออกมาเบาๆ เพราะดูท่าแล้วตะวันน่าจะต้องทั้งงอนทั้งอายแน่ๆ ไม่งั้นแก้มไม่แดงก่ำขนาดนั้นหรอก

แล้วก็เป็นพลัฎฐ์ที่อดใจไม่ไหวต้องช้อนใบหน้าน่ารักนั่นให้เอี้ยวขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปจูบแรงๆ บนริมฝีปากสีสดที่กำลังบวมเจ่อ จากนั้นก็กระซิบชิดริมฝีปากบาง เอ่ยขอตามความต้องการของตัวเองทันที

“ขอพี่ขยับนะครับ..เด็กดี”

ตะวันเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่จูบกลับลงไปบนริมฝีปากหยักลึกของคนถามแทน

และเท่านั้น.. ก็ดูเหมือนความอดทนของพลัฎฐ์จะหมดลงทันที

คนตัวโตกว่าโยกขยับ โถมเอวใส่ร่างเล็กกว่าเต็มแรง ตะวันครางแทบจะไม่ได้ศัพท์เคล้ากับเสียงคำรามของพลัฎฐ์ดังระงมไปทั่วห้อง

“อ๊ะ.. อ๊ะ อ๊า..”

“อึก.. อาห์ ดี.. รัดพี่อีกเด็กดี”

และยิ่งได้ยินคำขอลามกของเสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างหูยิ่งทำให้ตะวันตอดรัดท่อนเนื้อของอีกฝ่ายไม่หยุด ตะวันยอมรับว่าคำพูดแบบนี้จากพลัฎฐ์เร้าอารมณ์ดิบของเขาให้พุ่งทะยาน ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เสียงหอบหายใจ เสียงหยาบโลนของเนื้อที่กระทบกัน แทนที่จะทำให้ร่างทั้งสองที่กำลังเชื่อมโยงและมัวเมาซึ่งกันและกันเขินอาย แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะคนทั้งคู่กำลังหลงใหลในรสสัมผัสของอีกฝ่าย เกินกว่าจะให้ความสนใจกับเรื่องใดๆ

พลัฎฐ์โอบรัดร่างของตะวันให้แหงนเงยขึ้นใขณะที่เอวสอบยังคงโถมรั้งใส่ช่องทางของอีกฝ่ายไม่หยุด ริมฝีปากหยักพรมจูบไปทั่วต้นคอและหลังใบหูของร่างเล็กจนได้ยินเสียงครางหวานดังระงมไปทั้งห้อง

และในช่วงที่ทั้งคู่กำลังจะเดินทางไปแตะฝั่งฝัน พลัฎฐ์ก็รั้งใบหน้าน่ารัก ให้หันกลับมาพร้อมกับประกบริมฝีปากลงไปบนอวัยวะเดียวกัน เขาแทรกลิ้นดูดดึง เกี่ยวพัน จนเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังไม่หยุดหย่อน ในขณะเดียวกันเอวหนาก็ยังคงโถมรั้งใส่ช่องทางของตะวันไม่หยุด และมีแต่จะเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนแก่นกายของตะวันที่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะได้รับการปลอบประโลมหรือเอาอกเอาใจจากมือใหญ่ กลับตั้งชันและแข็งขืนขึ้นมา และยังไม่ทันที่พลัฎฐ์จะได้เอื้อมมือมาช่วยรูดรั้ง ตะวันก็กระตุก หน้าท้องหดเกร็ง พร้อมกับปลดปล่อยออกมาในที่สุด

“อื้อ....”

เสียงครางของตะวันดังอึกอักอยู่ในลำคอ เพราะพลัฎฐ์ไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากรสหวานเป็นอิสระ คนตัวโตกว่ายังคงตะโบมจูบ และเร่งจังหวะขยับเอวเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตัวกระตุก และปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางคล้อยหลังจากที่ตะวันปลดปล่อยไม่นาน

พลัฎฐ์ค่อยๆ ละริมฝีปากออกจากริมฝีปากของคนตัวเล็กกว่าช้าๆ ในขณะที่ตะวันก็แทบทรุดลงไปกองกับเตียง ถ้าไม่ได้ท่อนแขนใหญ่โตของพลัฎฐ์ประคองร่างเอาไว้

เสียงหอบหายใจของคนที่เพิ่งผ่านศึกรักมาทั้งคู่ดังคละเคล้ากันจนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร ก่อนที่พลัฎฐ์จะค่อยๆ จับตะวันนอนตะแคงราบไปกับเตียง ทั้งที่ยังไม่ถอนแกนกายออก

ริมฝีปากหยักพรมจูบไปทั่วแก้มและใบหูของคนรักที่ตอนนี้แดงไปทั้งตัว และนอนระทดระทวยอยู่บนเตียงอย่างน่ามอง ก่อนจะอ้อนขอในสิ่งที่ทำให้ตะวันต้องตาโต

“หนู.. เมื่อกี้มันดีมากเลยครับ..” สะโพกสอบขยับเบาๆ พร้อมกับการตื่นตัวของอวัยวะบางอย่างที่ยังคงค้างอยู่ในช่องทางของตะวัน “พี่.. ขออีกรอบนะ คือว่า.. มันแข็งอีกแล้วอ่ะครับ”

ตะวันหันมองตาเหลือก และในที่จะเอ่ยห้ามก็ถูกพลัฎฐ์จูบปิดปากไปเสียก่อน “พี่... อื้อๆๆๆ”

และจากเสียงห้ามก็กลายเป็นเสียงหอบหายใจและเสียงครางหวานน่าฟังแทน

.

.

.

“เจ้าปีศาจไปให้พ้นนะ อย่ามารังแกคนอื่นแบบนี้”

ตะวันกับพลัฎฐ์ที่นั่งอยู่หน้าเวทีกำลังยิ้มภูมิอกภูมิใจกับเจ้าหนูน้อยทั้งคู่ ที่ตอนนี้กำลังวาดลวดลายแสดงละคร ต่อหน้าผู้ปกครองหลายร้อยชีวิตที่มาดูการแสดงที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ ทำเอาทั้งตะวันและพลัฎฐ์อดไม่ได้ที่จะหน้าบาน เมื่อได้เห็นว่าพ่อแม่ของเด็กคนอื่นๆ ชื่นชมลูกและน้องชายของตัวเองมากแค่ไหน

“ข้าไม่ไป ข้าจะจับเทวดาตนนี้ไปต้มกินให้อิ่มเลย ฮ่าๆๆๆ”

“เจ้าชายย ช่วยแองเจิ้นด้วยยย”

แล้วทั้งเจ้าปีศาจ เจ้าชาย และแองเจิ้ลตัวน้อยๆ ก็วิ่งไล่กันไปมาบนเวที ก่อนที่เจ้าอาทิตย์ดวงน้อยที่รับบทเป็นเจ้าชายจะแกล้งฟันดาบปลอมลงไปเบาๆ บนตัวเจ้าปีศาจที่แสดงโดยเด็กชายจากห้องอนุบาลหนึ่งบี แล้วเจ้าปีศาจตัวน้อยที่ช่างแสดงได้สมบทบาทตามที่ได้ซ้อมมา ก็ล้มลงนอนแผ่หลา แกล้งตายได้เหมือนจริง ก่อนที่แองเจิ้ลตัวน้อยๆ ที่รับบทโดยน้องพีจะวิ่งออกมาจากหลังก้อนหินปลอมที่เป็นที่ซ่อน

“แองเจิ้นขอบคุณเจ้าชายมากๆ”

“ไม่เป็นไรแองเจิ้น หน้าที่ช่วยเหลือทุกคนเป็นของเจ้าชายอยู่แล้ว”

“ดีๆ เจ้าชายใจดี งั้นแองเจิ้นจะเสกคาถาให้พรนะ”

ตะวันกับพลัฎฐ์มองเด็กทั้งสองที่สวมบทบาทที่ตัวเองแสดงเจื้อยแจ้วอยู่บนเวทีก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ ท่าทางที่ได้เห็น คำพูดที่ซุ่มซ้อมมานาน ทั้งอาทิตย์และน้องพีทำได้ดีโดยไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งเจ้าหนูทั้งคู่ ทำให้ผู้ปกครองอย่างพวกเขาปลื้มใจไม่หยุด

“โอมมมมม ขอให้เจ้าชายมีแต่ความสุข เพี้ยงๆๆๆ”

น้องพีทำท่าเสกคาถาได้น่ารักน่าหยิก จนบรรดาผู้ปกครองที่นั่งชมอยู่พากันหัวเราะและชื่นชมเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

ตัวตะวันและพลัฎฐ์เองก็ไม่ได้ต่างกัน...

จวบจนถึงฉากสุดท้ายของการแสดงจบลง เจ้าหนูนักแสดงทุกคนก็วิ่งออกมาหน้าเวที พลางโค้งศีรษะและกล่าวขอบคุณบรรดาคนดูและผู้ปกครองทุกคนด้วยท่าทางน่าเอ็นดู และจากนั้นก็เป็นช่วงวลาที่ทางโรงเรียนอนุญาตให้บรรดาพ่อแม่และผู้ปกครองทั้งหลายเอาของขวัญดอกไม้ และสิ่งต่างๆ ไปมอบให้เด็กๆ ซึ่งพลัฎฐ์กับตะวันเองก็เดินไปหน้าเวทีแต่เขาทั้งคู่ไม่ได้มีของขวัญอะไรให้เจ้าหนู เพียงแต่เดินไปถึงแล้วก็อุ้มเด็กทั้งสองมากอดไว้แนบอก พร้อมกับทั้งระดมจูบแก้มทั้งอาทิตย์และน้องพีด้วยความภาคภูมิใจ

“เก่งมากเลยลูก น้องพีของปะป๊าเก่งมาก”

พลัฎฐ์กอดลูกชายไว้แน่น พร้อมกับระดมหอมแก้มเด็กน้อยด้วยความรัก ทำเอาเจ้าหนูที่ถูกหอมถึงกับหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ในขณะที่ตะวันเองก็ไม่ได้ต่างกับพลัฎฐ์เลยแม้แต่น้อย

“อาทิตย์ของพี่ตะวันเจ๋งที่สุด!! พี่ตะวันภูมิใจในตัวอาทิตย์มาก มากๆ ที่สุดในโลกเลย”

พอว่าจบตะวันก็จูบไปที่ริมฝีปากน้องชายอย่างแสนรัก ทำเอาเจ้าอาทิตย์ดวงน้อยยิ้มกว้าง เมื่อได้รับคำชมและความรักจากคนเป็นพี่อย่างเต็มเปี่ยม

แล้วตะวันก็ต้องหันมาตามเสียงเรียกของเด็กชายข้างบ้าน ที่คนเป็นพ่อยืนอุ้มอยู่ข้างกัน

“แล้วน้องพีเก่งมั้ยคับพี่ตะวัน”

ตะวันยิ้มก่อนที่เขยิบเข้าไปยืนใกล้ๆ พลัฎฐ์แล้วยื่นใบหน้าไปหอมแก้มนิ่มๆ ของเจ้าหนูข้างบ้าน พลางเอ่ยตอบ

“เก่งครับ เก่งมากๆ เลย แองเจิ้ลตัวน้อยของพี่”

เด็กชายพีรยสถ์ยิ้มกว้าง ก่อนจะขยับกลับไปซุกอกพ่ออย่างเขินๆ ให้ตะวันต้องอมยิ้มด้วยความเอ็นดู

“ป่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านเรากันดีกว่า ปะป๊ากับพี่ตะวันมีของขวัญวันคริสต์มาสจะให้น้องพีกับคุณอาทิตย์ด้วยน้า”

เจ้าหนูทั้งสองตาโตทันทีที่ได้ยินว่าจะได้ของขวัญ จึงพากันร้องอู้หูอ้าหา อยากจะรีบกลับกันยกใหญ่

“เย่ๆ กลับบ้านกันคุณอาทิตย์ น้องพีหยักได้ของขวัญแย้ว”

“กลับบ้านๆ ใช่ๆ น้องพี คุณอาทิตย์ก็อยากได้”

ซึ่งท่าทางตื่นเต้นของเจ้าหนูทั้งคู่ก็ทำเอาพลัฎฐ์และตะวันอดขำออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณครูที่ดูแลเรื่องการแสดงมาขออนุญาพาเด็กๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี พวกเขาเลยปล่อยคืนน้องพีและอาทิตย์ให้ครูดูแล จะได้รีบพากลับบ้าน พาไปดูของขวัญให้สมใจเด็กๆ ทั้งคู่

.

.

.

พอกลับมาถึงบ้านตะวันกับพลัฎฐ์ก็มอบของขวัญให้เจ้าหนูทั้งคู่เป็นเซ็ทสีไม้ สีน้ำ และสีเทียน รวมไปถึงอุปกรณ์วาดรูปครบชุดเซ็ทใหญ่ให้น้องพีกับอาทิตย์คนละชุด เอาไว้ทั้งวาดเล่น และเอาไว้ทั้งใช้เวลาเรียน ซึ่งของขวัญชิ้นนี้ดูจะถูกใจเจ้าหนูทั้งคู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอาทิตย์ที่ชอบวาดรูปเป็นทุนอยู่แล้ว ส่วนน้องพีเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยหน้า เอาแต่พูดว่าดีใจ เพราะจะได้ให้คุณอาทิตย์สอนวาดรูปให้เยอะๆ

และหลังจากถูกอกถูกใจกับของขวัญกันแล้ว ตะวันกับพลัฎฐ์ก็จับเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่ตามแพลนที่ได้วางไว้ คาดว่าน่าจะถึงสนามบินเชียงใหม่ในช่วงเย็น และคงพาเด็กๆ เข้าโรงแรมที่พัก ทานอาหารเย็นและพักผ่อนเลย เพราะผู้ใหญ่ทั้งคู่ตั้งใจกันไว้ว่าจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวม่อนแจ่มกันตั้งแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น

ทั้งอาทิตย์และน้องพีดูตื่นเต้นกันยกใหญ่กับการได้นั่งเครื่องบิน ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้นั่ง แต่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหนูทั้งคู่ได้ไปด้วยกัน อะไรๆ ก็เลยจะดูตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ และถึงแม้เครื่องจะเทกออฟแล้ว น้องพีกับอาทิตย์ก็ยังคงชี้ชวนพากันดูนั่นนี่ไม่เลิก โชคดีที่พลัฎฐ์เลือกที่นั่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและนั่งสบายมากพอให้เด็กๆ ได้พูดคุยกันได้โดยไม่รบกวนคนอื่น ซึ่งเจ้าหนูทั้งคู่ก็พากันกระซิบกระซาบคิกคักไปจนถึงปลายทางที่เชียงใหม่นั่นล่ะ ถึงจะพอสงบลงบ้างได้

“ปะป๊าๆ เยาถึงประเทศเชียงใหม่แย้วหยอคับ”

น้องพีเอ่ยถามคนเป็นพ่อที่อุ้มตัวเองอยู่ขณะเดินออกจากเครื่องมายังสายพานรับกระเป๋า โดยมีตะวันที่จูงอาทิตย์เดินตามมาติดๆ

“ถึงแล้วครับลูก” พลัฎฐ์จูบแก้มลูกชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดูที่เด็กชายยังคงฝังใจว่าเชียงใหม่เป็นประเทศอยู่ ก่อนจะแก้ไขความเข้าใจผิดให้ลูกชายเสียใหม่ “แต่เชียงใหม่ไม่ใช่ประเทศนะครับน้องพี เชียงใหม่เป็นจังหวัด น้องพีต้องพูดว่าจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ใช่ประเทศเชียงใหม่.. ไหนน้องพีลองพูดใหม่สิครับ”

“งืมๆ จังหวัดเชียงใหม่... ถูกไหมคับปะป๊า”

เด็กชายยิ้มร่าตอนคนเป็นพ่อพยักหน้ารับ “ถูกครับ น้องพีของปะป๊าเก่งมาก”

ทั้งสี่เดินมาตามทางเดินจนถึงจุดรับกระเป๋าตรงสายพานด้านล่างของอาคาร และพอหยิบฉวยสัมภาระมาครบ สองผู้ใหญ่กับสองเด็กน้อยก็เดินออกมานอกอาคารและได้เจอกับรถที่พลัฎฐ์จองไว้กับทางโรงแรมมาจอดรอรับพอดี

เนื่องจากทั้งสี่มาถึงที่เชียงใหม่เป็นเวลาเย็นมากแล้ว และเด็กๆ เองก็ดูจะเพลียกับการเดินทางไม่น้อย พลัฎฐ์และตะวันจึงให้รถของโรงแรมตรงกลับที่พักเลยตามแพลนที่เขาได้วางไว้แต่แรก เพราะตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเริ่มออกเดินทางไปม่อนแจ่มแต่เช้า เพราะอยากให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับอากาศดีๆ

.

.

.

เช้าวันต่อมาทั้งสี่คนเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะตั้งใจว่าคืนนี้จะไปพักค้างที่บ้านม่อนม่วนใกล้ๆ กับม่อนแจ่ม ด้วยรถที่พลัฎฐ์จองไว้กับทางโรงแรม และเพราะต้องขับรถขึ้นเขา และมีความซับซ้อนสูงชันของเส้นทาง พลัฎฐ์จึงขอให้ทางโรงแรมหาคาร์ซีทสำหรับเด็กมาเสริมไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของทั้งอาทิตย์และน้องพี

ทั้งสี่มาถึงบ้านม่อนม่วนก็แวะเช็คอินเอาสัมภาระเก็บ และกินอาหารเช้ากันที่นั่น โชคดีที่ตอนนี้เป็นหน้าหนาว อากาศช่วงเช้าเลยยิ่งเย็นสบายแทบไม่มีแดดให้เห็นแม้จะล่วงเลยเข้าเก้าโมงแล้วก็ตาม

เด็กๆ และตะวันดูมีความสุขมากจนพลัฎฐ์แทบจะหุบยิ้มไม่ได้ เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหนูยามถามถึงสิ่งๆ ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้เห็น ไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อและเป็นพี่นึกคร้านที่จะตอบ ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความสดใสมากขึ้นทวีคูณ จนกระทั่งเมื่อพลัฎฐ์จอดรถและจับน้องพีขี่คอ จูงมือตะวันที่อุ้มอาทิตย์ไว้ในอ้อมกอด พากันเดินขึ้นทางสูงชันก่อนที่จะถึงม่อนแจ่ม ทำเอาหอบฮักจนหายใจแทบจะไม่ทัน และความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ก็ทำให้ตะวันและพลัฎฐ์แทบจะลืมเหนื่อยจนเป็นปลิดทิ้ง

“พี่ตะวันๆ อันนี้ต้นอะไรคับ ทำไมดอกใหญ๊ใหญ่”

“ดอกทานตะวันครับ สวยมั้ย อาทิตย์อยากดูใกล้ๆ รึป่าว”

พอจบคำถามของพี่ชาย อาทิตย์ก็พยักหน้ารับ ให้ตะวันได้อุ้มเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะพากันได้ถ่ายรูป รัวชัตเตอร์กันสมใจ ก่อนที่ผู้ใหญ่จะเริ่มเหนื่อย เลยมาหาที่นั่งพักใกล้ๆ กับจุดชมวิว โดยมีอาทิตย์กับน้องพีนั่งกินน้ำส้มที่สั่งมาจากร้านค้าในม่อนอยู่ข้างๆ

พลัฎฐ์หันไปรอบๆ ม่อนที่วันนี้คนไม่เยอะมาก อาจจะเนื่องจากยังเช้าอยู่ด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนจะขยับเข้าใกล้ตะวันอีกนิด แล้วเอื้อมมือไปกระชับผ้าพันคอที่เขาเป็นคนพันให้ตะวันเองเมื่อเช้าให้เข้าที่มากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างตัวมือเย็นขึ้นน่าจะเนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างหนาวเมื่อมาอยู่ข้างบน

“ตัวเล็กชอบที่นี่ไหมครับ”

พลัฎฐ์ถามก่อนที่วาดแขนรั้งคนรักเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ซึ่งตะวันเองก็ไม่ได้อิดออดเนื่องจากเห็นว่าคนไม่เยอะและไม่ได้มีใครสนใจพวกเขาสักเท่าไหร่

“ชอบครับ อากาศดี คนไม่เยอะและที่สำคัญ มีพี่กับเด็กๆ อยู่ด้วย.. ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนตะวันก็ชอบทั้งนั้น”

พลัฎฐ์ยิ้มให้กับคำตอบออดอ้อนของคนรัก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ทำตามความตั้งใจที่เขาคิดมาตั้งแต่เริ่มวางแพลนทริปนี้


... อยากจะอาศัยบรรยากาศดีๆ ช่วงเวลาดีๆ และสถานที่ดีๆ มาเป็นตัวช่วยในสิ่งที่เขาคิดไว้ว่าจะพูดกับตะวัน


“ตะวันครับ.. พี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย ตะวันพอจะคุยกับพี่ได้ไหมครับ”

คนตัวเล็กกว่าผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นทันทีเมื่อได้ยินว่าพลัฎฐ์มีเรื่องอยากจะคุย ตะวันหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย เมื่อมองเห็นว่าพลัฎฐ์ดูจริงจังกับหัวข้อสนทนาไม่น้อย เขานึกรู้ได้ตั้งแต่พลัฎฐ์เรียกเขาด้วยชื่อที่นานๆ จะเรียกสักครั้งถ้ามีเหตุให้ต้องจริงจัง หรือซีเรียสพอสมควร

“ครับ? พี่พลัฎฐ์มีอะไรเหรอ?”

คนตัวเล็กกว่าใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดด้วย เขาเองก็เดาไม่ออกเพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งเขาและพลัฎฐ์ต่างก็ดูมีความสุขดีตั้งแต่เริ่มคบกัน แต่พอพลัฎฐ์มาเกริ่นๆ แบบนี้ตะวันก็อดแปลกใจปนกังวลนิดๆ ไม่ได้

“คือพี่คิดมาสักระยะแล้วเรื่องที่เราผลัดกันไปมาค้างบ้านอีกฝ่าย พี่ว่าเราเลิกทำแบบนี้กันดีไหมครับ”

ตะวันอึ้งพอได้ยินพลัฎฐ์พูดออกมาแบบนั้น ตัวเขาชาวาบไปหมด เพราะการพูดแบบนี้ของพลัฎฐ์แทบไม่ได้ต่างอะไรกับการขอเว้นระยะห่างเลยสักนิด

“พี่.. พี่พลัฎฐ์หมายความว่าไงครับ?”

และพลัฎฐ์เองก็คงเห็นความผิดปกติของตะวันเลยนึกขึ้นได้เมื่อมาทบทวนคำพูดของตัวเอง จึงต้องรีบแก้จนลิ้นแทบจะพันกันให้จ้าละหวั่น

“เฮ้ย!! พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะตะวัน พี่แค่หมายความว่า เรามาทุบกำแพงบ้านเรากันดีไหม ทำให้บ้านเราเป็นรั้วเดียวกัน จะได้ไม่ต้องผลัดค้างบ้านพี่ทีบ้านตะวันที หรืออีกทีก็คือพี่หมายถึงว่า...”

พลัฎฐ์จ้องมองสบไปที่ตากลมของคนข้างหน้าที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าแปลกๆ เพราะอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาและดูสับสนของตัวเอง ก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างเพราะประโยคต่อมาของพลัฏฐ์


“แต่งงานกับพี่นะตะวัน เรามาอยู่ด้วยกัน มาสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันนะครับ”


มือใหญ่ตรงเข้ากอบกุมมือเล็กที่เย็นเฉียบยิ่งกว่าเมื่อกี้ ตะวันอ้าปากค้างเพราะตกใจไม่คิดว่าสถานการณ์จะกลับตาลปัตรจากที่คิดว่าตัวเองจะถูกบอกเลิกกลับกลายเป็นถูกขอแต่งงานแทน และในขณะที่สมองยังคงไม่ประมวลผลนั้น จู่ๆ น้องพีที่เมื่อกี้ยังนั่งกินน้ำส้มคั้นอยู่จะคลานมานั่งจุ้มปุ้กอยู่ข้างๆ พร้อมกับพูดเสียงใสราวกับเตี๊ยมมากับคนเป็นพ่อแล้วอย่างดี

“มาอยู่กับน้องพีนะคับพี่ตะวัน น้องพีสัญญาว่าจะไม่ดื้อ จะเป็นเด็กดีที่สุดในโยกให้พี่ตะวันเยย”


ส่วนอีกข้างก็ขนาบด้วยเจ้าน้องชายตัวแสบ ที่ดูท่าจะรับสินบนมาจากปะป๊าพลัฎฐ์ไม่ต่าง


“เราสองคนไปอยู่กับปะป๊าพะลัดกับน้องพีเถอะนะพี่ตะวัน อาทิตย์สัญญาเหมือนกันว่าจะเป็นเด็กดี”


ตะวันหันมองเด็กทั้งสอง แล้วสลับกับมามองใบหน้าหล่อเหลา และสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของพลัฎฐ์อีกครั้ง ก่อนที่น้ำตาแห่งความดีใจจะไหลมาคลอหน่วยที่หางตาอย่างห้ามไม่ได้

ตะวันรู้แค่ว่าตอนนี้เขามีความสุขมากเหลือเกิน มากจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดแทบไม่ไหว

“ตะวันครับ...”

และแน่นอนตะวันไม่ยอมให้พลัฎฐ์พูดจบประโยค คนตัวเล็กกว่าโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นที่คุ้นเคย จนพลัฎฐ์ที่ยังไม่ทันตั้งตัวแทบจะอ้าแขนรับอีกฝ่ายไว้ไม่ทัน ก่อนที่เสียงอู้อี้ของคนที่กำลังพึมพำอยู่ที่อกกว้างของเขาจะทำให้คนตัวโตยิ้มกว้าง


“แต่งครับแต่ง พี่รับตะวันกับอาทิตย์ไปอยู่กับพี่กับน้องพีด้วยนะครับ”


คนตัวเล็กกว่าสะอื้นเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความดีใจ ให้พลัฎฐ์ต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ราวกับจะแทนคำสัญญาทั้งหมดที่มี


“ครับ เราสี่คนมาอยู่ด้วยกันนะ”


พลัฎฐ์จูบย้ำๆ ลงบนขมับของคนในอ้อมกอด ก่อนที่ตะวันจะหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นน้องพีกับอาทิตย์ก็โถมตัวเข้ามากอดบ้างพอเห็นว่าพี่ตะวันกับปะป๊าพลัฎฐ์ไม่ยอมผละออกจากกันเสียที

“กอดด้วยๆ อาทิตย์กอดด้วยยย”

“ใช่ๆ ยักกันๆ น้องพีก็ย๊ากก”

พลัฎฐ์กับตะวันจึงผละออกมามองหน้ากันแล้วก็อุ้มเด็กทั้งสองมานั่งตรงกลาง พลางขยับเข้ามากอดกันเป็นก้อนกลมๆ โดยมีเจ้าหนูทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนอันอุ่นทั้งของพลัฎฐ์และตะวัน

“พี่รักตะวันนะครับ”

พลัฎฐ์จูบลงหน้าผากมนเบาๆ ก่อนที่กระซิบถ้อยคำบอกรักให้ตะวันได้รับรู้

“ตะวันก็รักพี่พลัฎฐ์ครับ”

ซึ่งตะวันเองก็ตอบรับความรู้สึกของพลัฏฐ์ด้วยประโยคเดียวกัน


ด้วยความรักจนหมดหัวใจของคนทั้งสอง โดยมีท้องฟ้า ภูเขา และเด็กชายทั้งสองคนเป็นพยาน

.
.
.

THE END

อุทิศให้กับความรักที่บริสุทธิ์ของทุกคู่รักบนโลกใบนี้

-------------------------------

LAST TALK: ขอบคุณทุกการติดตามและการสนับสนุน ขอบคุณหลายๆ คน หลายๆ คอมเม้นท์ ที่อยู่กับ #เกิดเป็นรักข้ามรั้ว มาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาให้กำลังใจ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนที่คลิกเข้ามามีความสุขบ้างไม่มากก็น้อยเนาะ ^^

ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ ... รักพวกคุณมากๆ ♡♡

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด