- - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่22 - - 06/08/62  (อ่าน 18412 ครั้ง)

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #150 เมื่อ12-07-2019 09:42:48 »

ชอบๆ

ช่างแสดงออกโดยเฉพาะท่านอ๋อง ใส่ใจ หวานละมุนมากๆ ส่วนซูฉวา น่าจะเริ่มพึงใจแล้ว

รอวันรู้ใจตนเอง และรักกัน

ว่าแต่ตอนจบ แลอึมครึม

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #151 เมื่อ12-07-2019 11:15:42 »

ให้เวลาพี่หยางจินหน่อยนะ
เพิ่งรักครั้งแรกเลยเข้าใจช้าไปนิด

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #152 เมื่อ12-07-2019 12:05:25 »

หยางจินเขาคงรักซูฮวาแล้วแหละ ปล่อยเค้าบ้าง

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #153 เมื่อ12-07-2019 13:01:25 »

ท่านอ๋องไม่เคยมีความรัก เลยยังไม่ชิน ไม่เป็นไรแค่นี้ก็เอาอกเอาใจ ตามใจจนน่าเอ็นดูแล้ว
ความน่ารักของซูฮวาใครจะไม่อดใจไม่รักไหววว :-[

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #154 เมื่อ12-07-2019 13:23:12 »

กำลัง​หวาน​อยู่​แล้ว​เชียว​

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #155 เมื่อ12-07-2019 13:42:58 »

 :pig4:
 :L2: :L1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่17 - - 12/07/62
«ตอบ #156 เมื่อ15-07-2019 16:58:01 »

หึหึ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #157 เมื่อ17-07-2019 09:01:50 »

บทที่๑๘





คืนวันแรกของเทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้ว

หานชินอ๋องมารับซูฮวาที่วัง วันนี้เขาเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในไม่ได้นั่งรอบนม้าเหมือนทุกครั้ง เพราะว่าในงานเทศกาลสำคัญงานนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์แห่งต้าจินจะต้องเข้าร่วมพระราชพิธี ชายหนุ่มเคยสัญญาว่าจะพาซูฮวาไปเที่ยวเล่นในงานเทศกาลแต่ต้องเป็นคืนวันพรุ่งนี้

ร่างสูงของแม่ทัพใหญ่นั่งมองพระชายาคนงามของตนแต่งกายด้วยชุดประจำตำแหน่ง จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หยางจินเห็นซูฮวาในชุดเต็มยศอย่างนี้ แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ คนผิดก็คือเขาเองที่ปฏิเสธเข้าร่วมพิธีอภิเษก

มู่ซูฮวาในชุดประจำตำแหน่งพระชายาของชินอ๋องดูสง่างามราวกับมีแสงพุ่งออกมาจากร่าง แต่ใบหน้าหวานกลับดูอมทุกข์ประหนึ่งกำลังจะไปรับโทษในวังไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเทศกาล

“เจ้าไม่อยากเข้าวังหรือ” หยางจินถามเมื่อหลี่หมิงช่วยแต่งตัวเสร็จและเดินออกไปแล้ว

ทั้งห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคน หยางจินจึงเดินไปโอบคนหน้ามุ่ยจากด้านหลัง

ซูฮวาพยักหน้าเศร้าๆ “ข้ากลัวพระมเหสี”

“นางใจดีจะตาย” เพราะหยางจินอยู่ข้างหลังซูฮวาก็เลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกล่าวคำนี้ด้วยสีหน้าแบบไหน

“นางไม่ชอบข้า ตอนข้าเข้าวังไปถวายความเคารพนางก็ให้ข้าคุกเข่าอยู่ร่วมสองชั่วยาม” ซูฮวาถอนหายใจ

หยางจินไม่ได้ตอบเพื่อแบ่งรับแบ่งสู้อะไร ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินจูงมือคนตัวเล็กกว่าออกมาขึ้นรถม้าที่จอดรอไว้พร้อมแล้ว

ขึ้นชื่อว่าเทศกาลไหว้พระจันทร์ย่อมต้องจัดงานตอนกลางคืน วันนี้ท้องถนนยามราตรีคึกคักมากเป็นพิเศษ เหล่าประชาชนต่างออกมาเที่ยวเล่นในงานเทศกาล รถม้าของพวกซูฮวาจึงต้องใช้เส้นทางอ้อม กว่าจะมาถึงพระราชวังก็ใช้เวลาพอสมควรแต่ซูฮวากลับโปรดการนั่งรถม้ามากกว่าการอยู่ในวัง

ตลอดทางแม้หยางจินจะไม่ปล่อยมือจากซูฮวาเลยแต่ร่างบางก็ไม่ได้รู้สึกอุ่นใจมากนัก

กระทั่งเข้ามาถึงท้องพระโรง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ซูฮวาเห็นพระพักตร์ของฝ่าบาท

ร่างบางอดแปลกใจไม่ได้ที่โอรสสวรรค์ยังคงมีใบหน้าหล่อเหลาแม้จะเริ่มมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาและเส้นผมบางเส้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว ขณะย่อกายทำความเคารพพระองค์ซูฮวาก็เผลอไปสบตากับฝ่าบาทเข้า

และพระองค์ก็กล่าวในสิ่งที่ซูฮวาไม่เคยรู้มาก่อนออกมา “เจ้ามีส่วนคล้ายเสี่ยวเหมยตามคำร่ำลือจริงๆ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซูฮวาไม่แน่ใจนักว่ามันคือคำชมหรือเปล่าจึงขอบคุณไว้ก่อน

เสี่ยวเหมยที่ว่าน่าจะเป็นหานเหมยเหม่ย พระมารดาของหานชินอ๋อง

ร่างบางเหลือบมองหยางจินเล็กน้อยแต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเหมือนเคย หลังจากถวายบังคมเสด็จพ่อเสร็จหยางจินก็จูงมือซูฮวามานั่งที่โต๊ะ ที่โต๊ะตัวข้างๆ มีจินเยว่นั่งรออยู่ก่อนแล้วอย่างเงียบเหงา ซูฮวามองไปทั่วงานเลี้ยงก็พบว่าท่านอ๋องและเหล่าขุนนางทุกคนต่างสนทนากันอย่างสนุกสนาน

มีแค่จินเยว่ที่ถูกทิ้งไว้คนเดียว

และพี่ชายของจินเยว่ก็ตัดสินใจไม่ลุกไปรื่นเริงกับทุกคน ไม่รู้ว่าเพราะเป็นห่วงน้องหรือเป็นคนไม่ชอบสนทนาพาทีกับใครอยู่แล้วกันแน่

“จินเยว่ สบายดีไหม” ซูฮวาเห็นว่าสองพี่น้องเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาก็เลยลองชวนคุยดู

“อื้ม เจ้านั่นแหละ ได้ข่าวว่าตอนนี้กลายเป็นภรรยาคนเดียวในวังของเสด็จพี่แล้วหรือ คิกๆ ร้ายไม่เบาเลยนี่” คนที่ตัวพอๆ กับซูฮวาขยับโต๊ะเตี้ยของตนเองเข้ามาใกล้พระชายาน้อยอีกนิด

ดวงตาสีดำขลับของจินเยว่ทอประกายราวกับดีใจที่ในที่สุดก็มีเพื่อนคุยเสียที เห็นแล้วซูฮวาที่อายุมากกว่าปีหนึ่งก็อดเอื้อมมือไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันจะเอื้อมมือไปถึงจินเยว่ก็ยกพัดขึ้นมาตีมือขาวจนเกิดรอยแดงเสียก่อน

“คิดจะลูบหัวข้ายังเร็วไปร้อยปี!” ท่านอ๋องที่ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณีหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง

หลังจากที่ทั้งสองเริ่มคุยเล่นกันคิกคักได้ไม่นานก็มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเลื่อนรถเข็นเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าสะอาดสะอ้าน ดูทรงภูมิอย่างปัญญาชนและดูอ่อนโยนเป็นมิตร “พระชายามู่”

อีกฝ่ายกล่าวทักทายซูฮวาก็เลยจะทักทายกลับแต่ดันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครเสียนี่

“เสด็จพี่ใหญ่” เป็นจินเยว่ที่ทักขึ้นมาก่อน

คนผู้นี้คือองค์ชายใหญ่อย่างนั้นหรือ

ซูฮวาแอบสังเกตผู้มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชายผู้นี้นั่งอยู่บนรถเข็นซึ่งทำจากไม้อยู่ตลอดเวลา ขาทั้งสองข้างดูเล็กลีบเมื่อเทียบกับลำตัวซูฮวาจึงคิดว่าขาของอีกฝ่ายน่าจะมีปัญหาจนเดินไม่ได้และต้องนั่งอยู่บนรถเข็นมานานปีแล้ว

องค์ชายใหญ่เกิดจากนางกำนัลสถานะต่ำต้อยจึงไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์แม้จะเป็นลูกชายคนโต แต่ถึงกระนั้นยามที่เขาหันไปกล่าวคำทักทายกับหยางจินผู้เป็นถึงอดีตองค์รัชทายาทและพระโอรสที่ฝ่าบาททรงรักมากที่สุดกลับไม่มีแววริษยาเจือปนอยู่เลย

“น้องห้า ไม่ได้เจอหน้าเจ้าเสียนาน กลับเมืองหลวงก็ไม่ยอมมาทักทายกันเลย หรือเจ้าจะลืมพี่ชายผู้นี้ไปเสียแล้ว”

“ข้าจะลืมได้อย่างไรว่าใครเป็นคนสอนศาสตร์ความรู้มากมายให้ข้า” หยางจินก็ดูเหมือนจะให้ความเคารพองค์ชายใหญ่ไม่น้อย หลังจากทักทายกันเสร็จทั้งสองคนก็เริ่มพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกัน

ซูฮวากับจินเยว่เลือกที่จะเลี่ยงบทสนทนาขององค์ชายทั้งสองออกมาอีกทางหนึ่ง จินเยว่ที่เดินไปทางไหนก็มีแต่คนหลีกทางหรือหลบหน้าจูงมือซูฮวามาที่สวน ในสวนเองก็คึกคักไปด้วยเหล่าขุนนางชั้นสูงหลายท่านที่กำลังนั่งดื่มสุรา ต่อกลอนและชมจันทร์กันอยู่แต่คนงามทั้งสองไม่ได้สนใจนัก

“ขอพรสิ” จินเยว่ชี้ไปยังพระจันทร์และทำท่าประสานมือให้ซูฮวาดู

“ขออะไรดี” พระชายาน้อยไม่มีสิ่งที่ต้องการเป็นพิเศษ ความฝันที่อยากรับราชการบัดนี้ก็เป็นจริงแล้วแม้จะถูกบังคับให้ทำงานในกองทัพก็เถอะแต่คนมักน้อยอย่างซูฮวาก็รู้สึกว่าทุกอย่างตอนนี้ดีพอแล้ว

“ข้าไม่มีอะไรอยากได้เป็นพิเศษเลย งั้นข้าขอให้เจ้าแล้วกัน ปีนี้เจ้าจะได้พรถึงสองข้อ”

ได้ยินแล้วจินเยว่ก็หัวเราะออกมา “เจ้าช่างเหมือนท่านพี่เหลือเกิน เขาน่ะนะ ทุกปีไม่เคยขอพรให้ตัวเองเลยแต่กลับขอให้ข้าตลอด เขาขอให้ข้ามีความสุขน่ะ!”

“อ้า อืมมม” ซูฮวาไม่รู้จะตอบอะไรดีเลยอือๆ ออๆ

สถานะของจินเยว่เป็นอย่างไรคนทั้งต้าจินรู้ดี เป็นถึงอ๋องแต่กลับมีชะตากรรมน่าเศร้า ต้องหลบอยู่ในป่าไผ่กับสาวใช้ที่เป็นใบ้ลำพัง จะมีก็แต่หยางจินที่ไปค้างคืนด้วย

คิดมาถึงตรงนี้ซูฮวาก็เบิกตาขึ้นน้อยๆ

ที่แท้หานชินอ๋องก็เป็นพี่ชายที่ดีมากนี่เอง ความจริงถ้าขี้เกียจเดินทางไกลเขาจะค้างคืนที่กองทัพหรือซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่แถวนั้นเลยก็ได้แต่กลับเลือกที่จะอยู่ในวังของเทียนชินอ๋องที่ทุรกันดาร ที่แท้ก็เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนน้องชายนี่เอง

“เขาเป็นพี่ชายที่ดีนะ” ซูฮวากล่าว

“เขายังเป็นลูกที่ดีอีกด้วย พระมเหสีจางก็รักเขา เสด็จพ่อก็รักเขา” จินเยว่โอ้อวด

“พระมเหสีจางด้วยหรือ” ซูฮวาแปลกใจมาก

“พระมเหสีจางน่ะใจดีนะ นางให้องค์ชายทุกคนเรียกนางว่าเสด็จแม่ได้ แม้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ โดยเฉพาะข้า ตอนเด็กๆ ข้าก็ได้นางเลี้ยงดูมากับมือ” จินเยว่ยิ้มอย่างมีความสุขยามกล่าวถึงมารดาของแผ่นดินคนใหม่

และแล้วคนที่เทียนชินอ๋องกล่าวถึงก็เดินเข้ามาในบทสนทนา พระนางยังคงเพิกเฉยต่อพระชายาน้อยแต่กลับยกมือขึ้นลูบหัวจินเยว่อย่างรักใคร่เอ็นดู

“จินเยว่ ไปกับแม่ทางนี้หน่อย”

“แต่ซูฮวา...” เทียนชินอ๋องทำท่าจะไม่ไปแต่พระมเหสีจางกลับดึงมือเขาไปทั้งอย่างนั้น

เมื่อเหลือตัวคนเดียวแล้วซูฮวาก็เดินกลับเข้าไปภายในงานเลี้ยง ร่างบางกวาดตามองหาพระสวามีแต่กลับพบองค์ชายใหญ่เท่านั้น

“หานชินอ๋องเล่า” ร่างบางเดินเข้าไปถามหาพระสวามีจากคนที่อยู่สนทนากับพระสวามีเป็นคนสุดท้าย

“ฝ่าบาทเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัวน่ะ” องค์ชายใหญ่ตอบ เขาเลื่อนรถเข็นหลีกทางให้ซูฮวากลับเข้าไปนั่งที่

ชายหนุ่มผู้มีขาพิการถอนหายใจออกมายามจับจ้องใบหน้างาม “กระทั่งบัดนี้ความลุ่มหลงที่มีต่ออดีตพระมเหสีหานก็ไม่เคยลดทอนลงเลย แต่เพราะสมัยนั้นมีกระแสทัดทานมากมายจากเหล่าขุนนางเสด็จพ่อเลยจำใจปลดหยางจินออกจากตำแหน่งรัชทายาท”

“...”

“หากอดีตพระมเหสีเป็นภรรยาที่ฝ่าบาทรักที่สุดโดยไม่มีใครอาจโค่นได้แล้วล่ะก็หยางจินก็ยังคงเป็นโอรสอันดับหนึ่งในพระทัยของพระองค์จนถึงบัดนี้” องค์ชายใหญ่กล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ

“หากยังได้รับความโปรดปราณอยู่แล้วทำไมพระองค์จึงส่งหยางจินไปรบตลอดเจ็ดปีเล่า” ทีแรกซูฮวาคิดว่าหยางจินโดนพระมเหสีจางกลั่นแกล้งจึงเฉดหัวเขาออกไปแต่ดูเหมือนพระชายาน้อยจะคิดผิดไปไกลโพ้น

“หยางจินมีพรสวรรค์ ยิ่งเขาทำสงครามพิชิตข้าศึกมามากเท่าไร อำนาจบารมีของเขายิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อโอกาสเหมาะมาถึง ข้า...คิดว่า” พูดมาถึงตรงนี้องค์ชายใหญ่ก็หยุด

หยุดพูดยังไม่ทันไรเสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกเข้ามา

“เมื่อโอกาสอันสมควรมาถึง เสด็จพ่อก็จะปลดข้าออกจากตำแหน่ง รัชทายาทแล้วก็คืนตำแหน่งให้พี่ห้าผู้เป็นลูกชายของนางอันเป็นที่รัก” ผู้มาใหม่เป็นเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซูฮวา แต่ถึงจะอายุเท่ากันแต่อีกฝ่ายก็สูงกว่าซูฮวานัก สมแล้วที่สืบสายเลือดของราชวงศ์ไท่ติงมา

และฟังจากคำพูดคำจาแล้ว อีกฝ่ายก็น่าจะเป็น...

“รัชทายาท” ซูฮวากับองค์ชายใหญ่รีบทำความเคารพอีกฝ่าย

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสดใสสมวัยยกยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวอย่างไม่ถือสาว่า “พวกท่านอย่ามากพิธีไปเลย ข้าก็แค่รัชทายาทตัวสำรองเท่านั้น” พูดจบแล้วก็หัวเราะคิกคักเหมือนอยากโดนปลดออกจากตำแหน่งเต็มแก่

ซูฮวาแปลกใจเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน คงเพราะเจอพระมเหสีจางทำเรื่องเจ็บแสบเอาไว้มากจึงไม่คิดว่าโอรสของนางจะมีอุปนิสัยเป็นมิตรถึงเพียงนี้

แล้วหลังจากนั้นทั้งสามคนก็กล่าววาจากันอีกเล็กน้อยตามมารยาท องค์รัชทายาทกล่าวชมความงามของซูฮวาไม่ขาดปาก เขามีแผนว่าจะทูลขอหญิงที่งามกว่าซูฮวาจากเสด็จแม่ แต่องค์ชายใหญ่บอกว่าพระมเหสีคงหาให้ไม่ได้หรอก คนแบบมู่ซูฮวาต่อให้พลิกแผ่นดินก็ใช่ว่าจะพานพบ

หลังจากนั่งคนเดียวอีกสักพักจินเยว่ก็กลับมาพร้อมขนมไหว้พระจันทร์หอบใหญ่ แถมยังยื่นขนมไหว้พระจันทร์ก้อนที่เล็กที่สุดในมือมาให้ซูฮวาพร้อมบอกว่าชิ้นนี้พระมเหสีจางอยากให้ซูฮวาลองชิมดู “เสด็จแม่ฝากให้เจ้า ลองชิมดูสิ”

พระชายาน้อยน้ำตาแทบกระเด็น ไม่รู้ว่าจินเยว่ไปช่วยพูดอะไรหรือเปล่าพระนางจึงยอมมอบขนมให้ตั้งหนึ่งชิ้น ถึงจะเป็นชิ้นเล็กๆ ก็เถอะแต่ซูฮวาก็ตั้งใจว่าจะเอากลับไปตั้งไว้ที่ข้างหัวเตียง

และในขณะเดียวกันหยางจินที่โดนเรียกตัวไปคุยก็เดินกลับมาด้วยใบหน้าหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะเดินกลับมาที่โต๊ะก็มีเสนาบดีท่านหนึ่งเดินเข้าไปขวางทางเขาไว้พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อมว่า “ได้ยินว่าบัดนี้ในวังของท่านอ๋องไม่เหลือภรรยาคนอื่นนอกจากพระชายามู่แล้ว บุตรีของกระหม่อมอายุย่างเข้าสิบแปดปีพอดี กระหม่อมคิดว่าท่านอ๋องน่าจะ---”

“ไสหัวไปซะ!”

แม้จะอยู่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไกลจนไม่ได้ยินบทสนทนา

ตอนที่เห็นว่ามีขุนนางตรงปรี่เข้ามาเสนอบุตรีกับหยางจิน พระชายาน้อยก็เกิดอาการหัวใจตีบไปแล้ว แต่พอได้ยินพระสวามีไล่ขุนนางท่านนั้นอย่างไม่ไยดีหัวใจก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์

“ฮ่าๆ ใครอยากให้ลูกสาวเป็นพระสนมในอนาคตก็ต้องรีบมาเสนอขายตั้งแต่ตอนนี้ เผลอๆ ก่อนจบงานเลี้ยงเสด็จพ่ออาจจะถือโอกาสประกาศปลด รัชทายาทก็ได้” ขนาดจินเยว่ที่อยู่ในป่าไผ่ยังรู้เรื่องที่โอรสสวรรค์ต้องการให้พี่ชายของตนกลับมาเป็นรัชทายาทเลย แสดงว่าเรื่องนี้คงไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น

เมื่อใดที่หยางจินขึ้นครองราชย์เขาก็จะมีสนมมากมายเป็นร้อยเป็นพัน

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วพระชายาน้อยก็เกิดอาการไหล่ตก ใจบางไปหมด

“กลับกันเถอะ” พอกลับมาที่โต๊ะหยางจินก็ดึงมือซูฮวาให้ลุกขึ้นยืนก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปดึงตัวน้องชายขึ้น “เจ้าเองก็กลับได้แล้ว”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” จินเยว่ถาม

หยางจินส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ทุกอย่างเหมือนเดิม”

“อ้อ” พออ้อเสร็จ จินเยว่ก็หันมาร่ำลาสหายรัก



ยามนี้พระชายามู่กับหานชินอ๋องเดินขึ้นมาบนรถม้าแล้ว เนื่องจากเป็นงานใหญ่ซูฮวาจึงพาพวกหลี่หมิงมาด้วยไม่ได้ พอรถม้าเริ่มเคลื่อนตัวร่างบางก็เริ่มขยุกขยิกนั่งไม่ติด อยากถามใจจะขาดว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาทเรียกท่านไปพูดเรื่องอะไร แล้วเรื่องที่ว่าท่านจะได้เป็นรัชทายาทนั้นเป็นเรื่องจริงไหม

แต่ซูฮวายังไม่ทันลำดับความคิดเสร็จหยางจินก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“เจ้าอยากเป็นพระมเหสีไหม”

“พะ พูดอะไรของท่านน่ะ” ร่างบางรีบกระซิบกระซาบถามกลับ

หยางจินถามออกมาแบบนี้เป็นเรื่องไม่สมควรเลย เป็นคนธรรมดาล่ะก็มีโทษถึงประหารเลยนะ เล่นข้อหาสาปแช่งพระมเหสีองค์ปัจจุบันแบบนี้ ที่สำคัญก็คือ... “ถึงข้าจะมีใบหน้าเหมือนอดีตพระมเหสีหานก็เถอะ แต่ท่านจะยกข้าให้เสด็จพ่อของท่านไม่ได้นะ”

ซูฮวาคิดว่าฝ่าบาทเรียกหยางจินไปคุยเรื่องขอรับตัวซูฮวาเข้าวัง ก็ตอนถวายบังคมซูฮวาเผลอสบตาฝ่าบาทเข้าด้วยนี่สิ

“เจ้าไม่ได้เหมือนพระมารดาขนาดนั้น สิ่งเดียวที่เหมือนก็คืองดงามล่มเมืองเหมือนกัน” หยางจินรู้สึกหนักใจนิดๆ ทำไมพระชายาของเขาถึงตีความคำถามของเขาไปทางนั้นได้เล่า!

“ฟังคำถามของข้าใหม่นะ”

“อ้อ อื้ม” ซูฮวาหัวเราะแหะๆ

“เจ้าอยากเป็นพระมเหสีไหม”

“ในกรณีที่ท่านขึ้นครองราชย์หรือ” ซูฮวาย้อนถาม

หยางจินพยักหน้าร่างบางจึงนั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

พี่หยางจินเป็นจักรพรรดิ ตนเป็นพระมเหสี มีอำนาจล้นฟ้าคับแผ่นดิน แต่ก็ต้องแบ่งปันพี่หยางจินกับสตรีนางอื่นอีกนับร้อยและราชกิจต่างๆ มากมาย ชั่งน้ำหนักดูแล้วซูฮวาคิดว่าถ้าหยางจินครองราชย์เมื่อใดทุกอย่างในปัจจุบันก็คงมลายหายไป

“ข้าคิดว่าข้าคงไม่เหมาะกับวังหลังเท่าไร หากท่านอยากครองราชย์จริงๆ ก็หย่าขาดกับข้าเถิด ไม่ต้องห่วง หลังจากหย่ากับท่านแล้วข้าจะออกบวชละซึ่งทางโลก” ซูฮวาตอบได้แค่นี้ บอกตรงๆ ว่าทำใจไม่ได้

ทั้งๆ ที่ทำใจไว้นานแล้วแท้ๆ ต่อให้ไม่ครองราชย์แต่สักวันหยางจินก็ต้องตบแต่งอนุคนใหม่เข้ามาอยู่ดี

“ข้า...ไม่เคยอยากเป็นภรรยาอยู่แล้ว ข้าอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ เป็นขุนนาง เป็นจอมยุทธ เป็นคนที่เข้มแข็ง ฮึก...เรื่องแค่นี้ทำข้าร้องไห้ไม่ได้หรอกนะ ฮือ” ปากพูดว่าไม่ แต่น้ำตานี่ไหลแหมะๆ

หยางจินตามซูฮวาไม่ทันอีกแล้ว เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าประโยคคำถาม สั้นๆ ของเขาทำให้พระชายาน้อยจินตนาการไปไกลถึงไหนแล้ว ร่างสูงรีบลากคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดปลอบ ทีนี้คนที่ร้องอยู่ก็ยิ่งร้องหนักขึ้นไปอีก

ซูฮวาใช้แขนทั้งสองข้างกอดพระสวามีเอาไว้แน่นอย่างหวงแหน

ใครใช้ให้พี่หยางจินใจดีกับซูฮวานัก ใครใช้ให้เขาเป็นท่านอาจารย์จินที่สอนตนอย่างทุ่มเท แล้วใครใช้ให้เขาเป็นหานชินอ๋องสามีของมู่ซูฮวากัน! ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของชายคนนี้! ถ้าไม่ใช่ชายคนนี้ล่ะก็ซูฮวากล้าสาบานได้เลยว่าจะไม่มีวันเกิดความรู้สึกรักขึ้นมาหรอก

ใช่แล้ว ซูฮวาหลงรักหยางจินเข้าแล้ว

รักทั้งๆ ที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายแค่ลุ่มหลงนั่นแหละ

“ข้าปฏิเสธเสด็จพ่อไปแล้ว แต่พระองค์บอกว่าให้ข้ากลับมาคิดดูอีกทีหนึ่งข้าก็เลยลองถามเจ้าดูว่าเจ้าอยากเป็นพระมเหสีไหม หากเจ้าอยากเป็นข้าก็จะยอมเป็นโอรสสวรรค์ให้เจ้า...”

“ฮึก หือ เห...” คนงามเงยหน้าขึ้นมากะพริบตาปริบๆ “ท่านปฏิเสธไปหรือ!”

ซูฮวาตกใจมาก เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นแต่หยางจินก็ยังคงยืนยันคำเดิม “ข้าไม่เคยปรารถนาในเรื่องนี้แม้แต่ครั้งเดียว ไม่สิ ข้าน่ะ ไม่เคยมีสิ่งที่ต้องการเป็นพิเศษเลยดังนั้นทุกๆ ปีข้าจึงขอพรจากพระจันทร์ให้จินเยว่ แต่ว่าปีนี้ข้าไม่ขอพรให้คนอื่นแล้ว”

“ท่านมีสิ่งใดที่ปรารถนาหรือ”

“เจ้า”

“...”

“ข้าปรารถนาในตัวเจ้า”

“...”

“ดังนั้นถ้าเจ้ากล้าพูดว่าจะออกบวชอีกข้าจะตีเจ้าให้เจ้าเดินไม่ได้ไปเดือนนึงเลย”

ซูฮวาเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ

“เจ้าก็น่าจะรู้จักคำว่าตีก้นของข้าดี”

พระชายาน้อยหน้าแดงไปหมด แต่ก็ยังคงพยายามเก็บซ่อนรอยยิ้มและความในใจของตนต่อไปอย่างสุดความสามารถ

หลี่หมิงสอนว่าเจ็บใหญ่ครั้งเดียวไปเลยดีกว่าเจ็บน้อยๆ แต่เจ็บนานๆ

แต่ซูฮวาคิดว่าได้รับความหลงใหลจากหานชินอ๋องแม้เพียงชั่วขณะ แต่ชาตินี้ก็นับว่าเกิดมาคุ้มค่าแล้ว

ร่างบางขยับตัวเข้าไปกอดซบอีกฝ่าย นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฮวาเป็นฝ่ายเข้ามาออดอ้อนหยางจินจึงรู้สึกแปลกใจแต่ก็สวมกอดเอวเล็กเอาไว้แน่น ใบหน้าคมคายก้มลงซุกไซ้บริเวณซอกคอขาวอย่างเผลอไผล หลังจากสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนงามจนหนำใจแล้วก็ผละตัวออกมาก่อน เพราะขืนกอดต่อไปล่ะก็คงยาวแน่









-------------------------------------



พี่หยางจินนนนนนนนนนนนนน โดนน้องเรียกว่าพี่หยางจินหน่อยเดียวก็สูญเสียมาดเย็นชาไปหมดดดดดดดด



#มาลาสุราลัย



ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #158 เมื่อ17-07-2019 09:54:04 »

น้องน่าเอ็นดูจริง ๆ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #159 เมื่อ17-07-2019 10:56:30 »

รักกัน รักกัน น่ารักดี

เรื่องในวังดูซับซ้อนเหมือนกันนะเนี่ย
ต้องติดตาม

สนุกค่ะ ขอบคุณนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
« ตอบ #159 เมื่อ: 17-07-2019 10:56:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #160 เมื่อ17-07-2019 12:22:50 »

ซูฮวาลู๊กก ออดอ้อนเก่งงงง น่ารักน่าบีบล่ะเกิ้นน  :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #161 เมื่อ17-07-2019 14:36:10 »

แอร๊ยยยย  พี่หยางจิน :hao3:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #162 เมื่อ17-07-2019 15:32:04 »

โอยยย รักพี่หยางจินเข้าแล้ว พระชายาไม่ธรรมดานะคะ
ทำพี่หยางจินทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ อย่าได้แคร์ใครอื่นจ้า

เอ็นดูซูฮวานะ คิดว่าพี่แค่หลง ไม่ได้รักกัน
แต่น้องก็ยอมให้ตัวเองมีความสุข ถึงจะแค่ตอนนี้
ซูฮวาสอบได้ที่หนึ่งจ้า เก่งจริงเลย พี่แค่อยากให้อยู่ใกล้นะ
ไม่ได้คิดเป็นอื่น หรือควบคุมอะไร น้องอย่านอยด์มากนัก

ขนมที่ได้มา คงไม่มีอะไรแปลกใส่มาด้วยนะคะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #163 เมื่อ17-07-2019 15:50:26 »

โถๆๆๆ ตอนนี้อาจแค่หลง แต่ไม่นานจะทั้งรักทั้งหลงเลยแหล่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #164 เมื่อ17-07-2019 19:55:58 »

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่18 - - 17/07/62
«ตอบ #165 เมื่อ19-07-2019 14:26:09 »

อ่อยจ้าาาทา

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #166 เมื่อ21-07-2019 07:30:53 »

บทที่๑๙





วันนี้เป็นวันแรกที่ซูฮวาจะได้ทำงานในกองทัพ ร่างบางตื่นแต่เช้าเพื่อมาสวมชุดประจำตำแหน่งขุนนางฝ่ายบุ๋นและออกมานั่งแกว่งขารออยู่ตรงริมสระบัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง เดือดร้อนข้ารับใช้ทั้งสองที่ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูแลเจ้านายตัวน้อยซึ่งดูจะคึกคักมากเป็นพิเศษ

“พี่หยางจินมาหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามคำถามนี้เป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

“ท่านอ๋องยังมาไม่ถึงเพคะ” หลี่หมิงตอบเสียงอ่อน

ซูฮวาเบะปากอย่างงอแง ความจริงแล้วซูฮวาอยากเดินทางไปที่กองทัพด้วยตัวเองมากกว่า แต่หานชินอ๋องกลับสั่งเอาไว้ว่าอย่าทะเล่อทะล่าเข้าไปเองคนเดียวให้มาพร้อมกับเขาแทน แต่เพราะเมื่อวานท่านแม่ทัพใหญ่เลิกงานดึกเขาจึงต้องนอนค้างที่วังของเทียนชินอ๋อง

“พวกเราไปกันก่อนดีไหม” ท่านขุนนางหน้าใหม่ไฟแรงนั่งไม่ติดอีกต่อไป

ร่างบางลุกขึ้นมาเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะได้เป็นขุนนางแล้วนะ ข้าเก่งไหม!”

ซูฮวาคิดว่าตนเองเก่งมากจริงๆ อยากนำข่าวนี้ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ที่บ้านเกิดเหลือเกิน พวกท่านต้องตกใจมากแน่ๆ “ท่านแม่ที่เลี้ยงข้ามาเหมือนลูกสาวมาตลอดจะต้องไม่อยากจะเชื่อแน่ว่าข้ากลายเป็นขุนนางแล้ว! หากนางรู้ว่าฝีมือกระบี่ของข้าก็รุดหน้าไปไกลนางจะต้องยิ่งอึ้ง! ทั้งหมดนี้เพราะพี่หยางจินช่วยสอนให้แท้ๆ”

ร่างบางหัวเราะคิกคักมีความสุข

ในขณะที่เจ้าของใบหน้างดงามดูจะมีชีวิตชีวากว่าปกติหลายเท่า หลี่หมิงสาวใช้คนสนิทกลับมีสีหน้าหมองคล้ำลงหลายส่วนเมื่อเจ้านายของนางพูดถึง หานชินอ๋องด้วยรอยยิ้มคล้ายหลงใหลได้ปลื้มนั่น

นางไม่อยากให้เจ้านายผู้น่ารักของนางต้องเจ็บปวดให้ความรักเลย

“พระชายาเพคะ หลังจากเทศกาลไหว้พระจันทร์จนถึงบัดนี้ หม่อมฉัน ได้ยินพวกสาวใช้คนอื่นพูดกันว่ามีขุนนางราชสำนักหลายคนติดต่อหานชินอ๋องเพื่อส่งบุตรีให้เขา ถึงขนาดได้เป็นแค่อนุก็ยอมเพคะ” พูดไปแล้วหลี่หมิงก็อยากจะตบปากตัวเอง

ดูเข้าสิว่านางทำอะไรลงไป ท่านซูฮวาผู้มีรอยยิ้มสว่างไสวคนเมื่อครู่หายไปแล้ว เหลือแต่คนงามหน้าเศร้า!

“ตะ แต่ก็ได้ยินมาอีกว่าหานชินอ๋องปฏิเสธไปหมดเลยเพคะ น่าแปลก นะเพคะ ทำไมขุนนางเหล่านั้นจึงต้องการเกี่ยวดองกับหานชินอ๋องแทนที่จะเข้าหาองค์รัชทายาทกัน” หลี่หมิงรีบปลอบใจคนตัวเล็กพัลวัน

ซูฮวาหัวเราะเสียงอ่อน “เจ้าอย่าไปสนใจเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของเจ้าเลย”

พระชายากล่าวถึงขนาดนี้แล้วนางก็ได้แต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตนอย่างรู้สึกผิด จังหวะนั้นเองคนที่พระชายาเฝ้ารอก็มาถึง ดวงตาคู่โตทอประกายสดใสทันทีที่เห็นใบหน้าของหานชินอ๋อง

ร่างบางวิ่งตรงไปยังร่างสูงซึ่งกำลังขี่อาชาสีดำตัวเดิมรออยู่หน้าวัง พอไปถึงแล้วก็เห็นว่าฝ่ามือหนาของอีกคนยื่นส่งมาให้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าซูฮวาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากประคองตนขึ้นม้า เพียงแต่ไม่อยากทำตัวฉอเลาะเปราะบางมากจนเกินไปจึงแสร้งเมินมาตลอด

แต่คราวนี้ซูฮวากลับละเมิดกฎเดิมของตน ร่างบางส่งมือไปวางบนมือของหยางจิน ปล่อยให้อีกคนช่วยประคองขึ้นไปบนหลังม้าอย่างว่าง่าย พอขึ้นมาซ้อนท้ายเขาแล้วก็ลอบกอดเอวของคนข้างหน้าให้แน่นขึ้นอีกนิด

หลังจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ซูฮวาก็ชัดเจนในความรู้สึกของตนมากขึ้น

ซูฮวาหลงรักหานชินอ๋องเข้าให้แล้ว แม้ว่าการอยู่ในตำแหน่งภรรยาของอีกฝ่ายอย่างหน้าชื่นตาบานจะเป็นการกลืนน้ำลายตนเองก็เถอะ แต่คนมันรักไปแล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า! แต่ถึงจะเป็นภรรยาแต่ซูฮวาก็ได้เป็นขุนนางแล้วนะ ได้เป็นตั้งขุนนางขั้นเจ็ดเชียวนะ!

“รบกวนพี่หยางจินแล้ว” ขณะที่หานชินอ๋องเริ่มกระตุกบังเหียนบังคับให้ม้าเคลื่อนตัวช้าๆ ไปข้างหน้าซูฮวาก็กล่าวออกมาอย่างเกรงใจ

ระยะทางจากวังหานชินอ๋องไปยังกองทัพว่าไกลแล้ว แต่นี่อีกฝ่ายกลับต้องเดินทางมาจากวังของเทียนชินอ๋องเพื่อรับตนก่อนซูฮวาจึงอดรู้สึกตื้นตันใจไม่ได้

“ความจริงท่านให้ข้าเดินทางไปเองก็ได้นะ ข้าขี่ม้าได้” ซูฮวาคิดว่าท่านแม่ทัพน่าจะไม่อยากให้ตนซึ่งเป็นแค่ขุนนางชั้นผู้น้อยนั่งเกี้ยวไปเข้างานอย่างเอิกเกริกก็เลยลงทุนมารับด้วยตนเอง

“ในกองทัพมีแต่ชายฉกรรจ์ทั้งนั้น วันแรกอาจมีหลายคนเข้ามาเกี้ยวเจ้าเพราะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร”

ซูฮวารู้สึกว่าเจ้าก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นแรงจะแย่แล้ว ใบหน้างามแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่ออย่างเขินอาย โชคดีที่หานชินอ๋องขี่ม้าอยู่ข้างหน้าจึงไม่เห็นสีหน้าของพระชายาน้อย

ร่างบางลอบถอนหายใจก่อนจะค่อยๆ เอนหน้าลงไปซบกับแผ่นหลังกว้างอย่างปลื้มปริ่ม

ทัพหลวงซึ่งหยางจินบัญชาการอยู่นั้นมีจำนวนทหารทั้งสิ้นสามแสนนาย แต่จะให้ทางการจ่ายเงินค่างจ้างคนสามแสนคนให้มาฝึกขี่ม้าฟันดาบเปล่าๆ ในยามบ้านเมืองสงบสุขก็คงไม่ได้ ดังนั้นทหารกว่าเก้าในสิบส่วนจึงเป็นทหารเกณฑ์ที่จะระดมพลเมื่อบ้านเมืองเกิดศึกสงครามเท่านั้น

ภายในกองทัพหลวงซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอแถบชานเมืองหลวงจึงประกอบไปด้วยทหารม้าและพลธนูซึ่งเป็นหน่วยรบที่มีความสำคัญ และต้องใช้ความชำนาญการสูง รวมไปถึงนายพลทหารราบฝีมือดีอีกจำนวนหนึ่ง

ตอนที่ซูฮวาเข้ามาในเขตของกองทัพ สิ่งแรกที่ซูฮวาคิดก็คือ...ไกลมาก

ถ้าซูฮวาเป็นหยางจินล่ะก็ซูฮวาจะนอนในกองทัพไปเลย เหมือนกับพวกทหารทั้งหมดที่อยู่กินในกองทัพ

และความรู้สึกที่สองที่แล่นเข้ามาปรี่อกก็คือตื่นเต้น เนื่องจากต้องเสียเวลาเดินทางไปมากทำให้พวกเขาทั้งสองมาถึงค่ายตอนที่เริ่มการฝึกซ้อมเช้าไปได้สักพักแล้ว

ผ่านตรงไหนหยางจินก็ชี้นิ้วแนะนำซูฮวาว่าที่นี่มีไว้เพื่ออะไร ลานฝึก ลานประลอง โรงครัว ห้องทำงานของพนักงานตรวจบัญชี ห้องของเสนาธิการ รองแม่ทัพและขุนศึกทั้งหลาย จวบจนกระทั่งมาถึงห้องทำงานของแม่ทัพ

“ห้องทำงานของเจ้าก็คือที่นี่” เสียงทุ้มกล่าวก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน

อีกสิ่งหนึ่งที่ซูฮวารู้สึกดีก็คือหานชินอ๋องวางตัวดีมาก

อยู่ที่นี่หยางจินคือแม่ทัพและซูฮวาคือขุนนางเล็กๆ ท่านแม่ทัพไม่ได้ปฏิบัติกับซูฮวาเหมือนกับพระชายาของตน ไม่มีการเดินจูงมือหรือมองด้วยสายตาหวานเชื่อมทั้งสิ้น

ทีแรกซูฮวาแอบกังวลว่าการทำงานกับพระสวามีจะกลายเป็นว่าตนต้องอยู่ในสถานะภรรยาตั้งแต่เช้าจรดเช้าของอีกวันไม่สิ้นสุด แต่การกระทำของ ท่านแม่ทัพทำให้ซูฮวามั่นใจแล้วว่าอยู่ที่นี่ซูฮวาจะเป็นขุนนางคนหนึ่งจริงๆ

“ในทุกวันข้าจะต้องตรวจสอบบัญชีที่ฝ่ายบัญชีทำ ในนี้จะมีตั้งแต่เรื่องเงินเดือน ค่าเสบียง รายชื่อทหารกองเกินและทหารเกณฑ์ที่รอเรียกตัว รวมไปถึงจำนวนอาวุธที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและส่วนที่ต้องสั่งทำเพิ่ม เบื้องต้นเจ้าลองอ่านรายงานย้อนหลังตรงนี้ก่อน” หยางจินหยิบหนังสือเกี่ยวกับบัญชีที่เขารวบรวมเอาไว้เมื่อวานมาให้ซูฮวา

และสาเหตุที่เขาเลิกงานดึกดื่นเมื่อวานก็เพราะมัวแต่เตรียมของพวกนี้นี่เอง

ถึงจะเป็นขุนนางก็เถอะ แต่ก็เป็นขุนนางที่เป็นภรรยาของเขาด้วย ดังนั้นท่านแม่ทัพจึงดูแลดีเป็นพิเศษ ปกติน่ะหรือ เจ้าอยากรู้สิ่งใดก็หาคำตอบเอาเองสิ ข้าเป็นถึงแม่ทัพเหตุใดต้องเสียเวลามาสอนงานเจ้าด้วย

“อ้อ อื้ม!” ร่างบางยิ้มกว้างพลางเอื้อมมือไปรับสมุดบันทึกบัญชีย้อนหลังมาแนบอก

“พอเข้าใจบัญชีแล้วให้บอกข้า ข้าจะได้บอกว่าเจ้าต้องทำอะไรต่อ”

แล้วทั้งสองคนก็แยกย้ายกันนั่งทำงาน ในห้องทำงานของท่านแม่ทัพที่แต่ก่อนเคยมีแค่โต๊ะทำงานตัวเดียวกับคนหนึ่งคนนั่งทำงานอยู่บัดนี้ได้มีใครอีกคนเพิ่มขึ้นมา มู่ซูฮวาผู้เป็นขุนนางน้องใหม่ไฟแรงนั่งพลิกสมุดบัญชีอยู่ที่มุมห้องซึ่งมีฉากกั้นเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวอย่างกระตือรือร้น

การเริ่มงานวันแรกของซูฮวาก็เป็นเช่นนี้ วันต่อมาก็เป็นเช่นนี้ กระทั่ง วันที่สามซูฮวาก็ลองทำสรุปไปส่งท่านแม่ทัพเพื่อให้ชายหนุ่มลองดูว่าตน จับใจความมาเพียงเท่านี้เพียงพอหรือไม่

ร่างบางยืนลุ้นจนตัวโก่งขณะที่รอหานชินอ๋องตรวจสรุปบัญชี

“ซูฮวา” ในที่สุดหยางจินก็ปิดสมุดและเงยหน้าขึ้นมา

“อื้ม!” ร่างบางสะดุ้งน้อยๆ

“ต่อไปให้เจ้าเริ่มอ่านบันทึกเกี่ยวกับเชลยศึกที่จับตัวมายังต้าจินนะ ข้าวางส่วนที่จำเป็นต้องรู้ไว้บนชั้นตรงนั้นแล้ว” ท่านแม่ทัพพเยิดหน้าไปยังหนังสือ กองหนึ่ง

“แล้วสรุปบัญชีที่ข้าทำ ท่านอ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรบ้าง” มองจากชายแดนก็รู้ว่าขุนนางน้อยคนนี้กำลังเฝ้ารอคำชมจากท่านแม่ทัพ สีหน้าแววตาน่ารักน่าเอ็นดูจนคนที่แสร้งทำเป็นเคร่งขรึมมาร่วมสามวันอดรนทนไม่ได้ต้องเอื้อมมือไปลูบศีรษะของคนตัวเล็กกว่า

“เก่งมาก”

พอได้ยินคำชมแล้วร่างบางก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นอีก ตาคู่โตเป็นประกายสดใสก่อนที่ร่างบางจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบงานชิ้นใหม่มาอ่านอย่างกระตือรือร้น

เพราะเจ้าน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ไงข้าจึงให้ไปทำงานใต้บังคับบัญชาของคนอื่นไม่ได้ ท่านแม่ทัพคิดในใจ เขาเดินกลับมาที่โต๊ะพลางพลิกดูสรุปบัญชีที่ซูฮวาทดลองทำมาให้ดูเมื่อครู่อีกครั้งด้วยรอยยิ้มเล็กๆ มุมปาก

บอกตรงๆ ว่าทีแรกเขาไม่ได้คาดหวังในตัวซูฮวามากนัก ที่ให้มาทำงานด้วยก็เพราะว่าหวงล้วนๆ แล้วก็กลัวพระชายาน้อยจะผิดหวังกับระบบการทำงานของขุนนางในหกกรมที่เน้นหนักไปทางประจบสอพลอเสียมากกว่า เขาก็เลยดึงตัวซูฮวามาทำงานด้วยกัน

แต่ดูเหมือนพระชายาน้อยจะไม่ได้มีค่าแค่ดอกไม้ประดับห้องทำงานท่านแม่ทัพเท่านั้น

ระดับความภาคภูมิใจในตัวพระชายาน้อยของหยางจินพุ่งสูงจนแทบทะลุเพดาน เขาเปิดอ่านอีกรอบก็ไม่พบข้อบกพร่องในสรุปที่ซูฮวาทำมาให้เลย แบบนี้งานของเขาก็จะได้เบาลงหน่อย

“ไม่ทราบว่าสมุดบัญชีมันมีข้อความอะไรอยู่งั้นหรือ ท่านแม่ทัพของเราถึงได้ทำหน้ามีความสุขขนาดนี้” และในขณะนั้นเองเสียงของผู้มาเยือนก็ได้ทำลายความสงบสุขภายในห้องทำงานส่วนตัว

ซูฮวาที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องแถมยังมีฉากกั้นอยู่ต้องชะโงกหน้าออกมาเพื่อดูว่าใครมา เมื่อเห็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาปานบัณฑิตผู้สูงส่งอย่างถังเฟยแล้วซูฮวาก็แค่กล่าวคำทักทายสั้นๆ ก่อนจะหดคอกลับไป

“คารวะท่านรองแม่ทัพ”

“ทำงานกับแม่ทัพผู้โหดร้ายคนนี้หนักไปหรือไม่ ความจริงรองแม่ทัพอย่างข้าก็ต้องการลูกมือเหมือนกันนะ เจ้าอยากย้ายมาทำงานกับข้าไหมล่ะ” แต่ไรมาถังเฟยก็เป็นคนง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว ยามนี้ซูฮวาเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดแต่ก็ควบตำแหน่งพระชายาด้วย แต่ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะใช้ถ้อยคำภาษาชาวบ้านกับซูฮวาอย่างเป็นกันเอง

“พี่หยาง— ท่านแม่ทัพไม่ได้โหดร้ายเลย ใจดีมาก” เมื่อหลบฉากเข้าไปแล้วแต่ก็ยังโดนชวนคุยซูฮวาก็เลยเดินออกมาสนทนาด้วยเสียเลย

ดูเหมือนทั้งสองคนจะมัวแต่คุยกันจนลืมเจ้าของห้องที่แท้จริงไปแล้ว หานชินอ๋องเลยจำเป็นต้องกระแอมไอเพื่อดึงสติของคนทั้งคู่ “ถังเฟย เจ้ามาถึงที่นี่คงไม่ได้แวะมาเที่ยวเล่นหรอกจริงไหม”

“ฮ่าๆ ๆ ท่านช่างขี้หวงเหลือเกินนะ ข้าก็แค่เห็นน้องใหม่คนงามโดน ท่านแม่ทัพใหญ่เก็บซุกเอาไว้ในห้องทำงานอย่างเดียวแลดูน่าสงสาร ข้ากลัวจะอับเฉาไปเสียก่อนก็เลยแวะมาทักทาย” ถังเฟยกล่าว

หยางจินถอนหายใจ “เวลางานก็ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานถูกต้องแล้ว เจ้าเองก็สมควรกลับไปยังห้องทำงานของเจ้า”

“เพราะข้ากลัวว่าพระชายาน้อยจะติดโรคเคร่งเครียดกับทุกสรรพสิ่งมาจากท่านนี่ไงเล่า!” ถังเฟยเถียง

“อยู่ที่นี่เขาคือขุนนางไม่ใช่พระชายา” หยางจินกดหัวคิ้วลง บ่งบอกว่าเขาเริ่มไม่พอใจแล้ว

ถังเฟยรีบพลิกลิ้นแทบไม่ทัน “พวกทหารอยากยลโฉมท่านขุนนางน้อยจะแย่แล้ว ข้าอยากพาออกไปอวดหน่อย ถือว่าพาไปเดินดูรอบๆ ด้วยเพราะเท่าที่ข้ารู้ตั้งแต่ท่านขุนนางน้อยมาทำงานที่นี่ท่านยังไม่เคยพาเขาไปทำความเข้าใจระบบการฝึกซ้อมของกองทัพเราหน้างานเลย”

“ข้าไม่อนุญาต”

“ข้าไม่ได้ขออนุญาตจากท่าน! ท่านเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ขุนนางน้อยเดินไปไหนมาไหน!” ถังเฟยเถียงหน้าซื่อตาใส แต่ภายในใจนั้นกลับมีแต่ความคิดชั่วร้าย!

หานชินอ๋อง เมื่อครู่ท่านพูดออกมาเองนะว่าอยู่ที่นี่พระชายาไม่ใช่ พระชายาแต่เป็นขุนนางน้อย เป็นขุนนางในกองทัพจะไม่เคยโผล่หัวออกมาดูการฝึกซ้อมเลยก็คงไม่ได้!

เส้นเลือดตรงขมับของท่านแม่ทัพกระตุกคล้ายกำลังจะแตก เพราะไฟโทสะที่สุมทรวง เขากำลังจะออกปากไล่เจ้ารองแม่ทัพผู้ชอบแส่เรื่องชาวบ้านออกไป แต่พอหันไปเห็นใบหน้าของคนตัวเล็กแล้วหยางจินก็รีบเก็บคำพูดของตนแทบไม่ทัน

ใบหน้างามยามได้ยินว่าจะมีคนพาออกไปดูรอบๆ ดูดีใจราวกับเด็กน้อยกำลังจะได้ไปเที่ยวงานเทศกาล

หยางจินประเมินความบ้างานของภรรยาตนต่ำเกินไปนัก เขาคิดว่าแค่ชี้ให้ดูด้วยตาตอนขี่ม้าเข้ามาทำงานยามรุ่งสางก็น่าจะพอแล้วแต่ขุนนางน้อยกลับอยากเห็นว่าเวลาจริงๆ เหล่าทหารปฏิบัติงานอย่างไรมากกว่า

สุดท้ายท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรก็ทนทานต่อสายตาคู่นั้นไม่ไหว “เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะพาซูฮวาไปเอง”

“เห็นไหมว่าพี่หยางจินใจดีจะตาย” คนตัวเล็กไม่ได้รู้เลยว่ากว่าคำอนุญาตจะหลุดออกมาได้นั้นหยางจินจะต้องคิดหนักกี่ตลบ

“แต่พรุ่งนี้จินเยว่บอกว่าจะมาเยี่ยมเจ้านะ” ถังเฟยเอ่ยขัด

“จินเยว่จะมาที่กองทัพหรือ” หยางจินเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

ซูฮวาที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับขมวดคิ้วงง ร่างบางเข้าใจว่าหยางจินไม่รู้เรื่องจินเยว่จะมาหานั้นไม่แปลก เพราะว่าตลอดสามวันที่ผ่านมาหยางจินกลับมานอนค้างที่วังอ๋องกับซูฮวาตลอดและไม่ได้เจอน้องชายของตนเลย แต่แล้วถังเฟยเล่า? หมอนี่ก็เป็นแค่รองแม่ทัพคนหนึ่งไม่ใช่หรือ แล้วไปคบค้าสมาคมกับจินเยว่ ชินอ๋องผู้ถูกต้าจินรังเกียจได้อย่างไร

และพอกล่าวถึงนามของท่านอ๋องน้อยแล้วเหตุใดรอยยิ้มจึงได้หายไปจากใบหน้าของถังเฟยผู้นั้นกันเล่า





--------------------------------

ถังเฟยกับจินเยว่เป็นอะไรกัน ใครทายถูกให้ห้าบาท (ล้อเล่น) 5555


#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #167 เมื่อ21-07-2019 08:57:02 »

 :pig4:
 :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #168 เมื่อ21-07-2019 09:10:48 »

คู่หลักค่อยกลับมาลุ้นใหม่
ตอนนี้แอบเทใจไปลุ้นคู่ใหม่ดีกว่า
หวังว่าจะมีนะ ถังเฟยจินเย่ว

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #169 เมื่อ21-07-2019 11:08:08 »

ซูฮวา จริงใจกับความคิดของตัวเองดี
รักษาอาการได้พอควรหากเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร
ชอบความตั้งใจใฝ่รู้มาก น่ารัก น่ารัก
พี่หยางจินจะไม่รักน้องได้อย่างไร หวงปานนี้
ดูแลน้องดีๆ นะ

ขอบคุณนะคะ สนุกค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
« ตอบ #169 เมื่อ: 21-07-2019 11:08:08 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #170 เมื่อ21-07-2019 12:43:05 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #171 เมื่อ21-07-2019 12:53:02 »

หวงภรรยาเหลือเกิน5555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #172 เมื่อ21-07-2019 15:20:37 »

ซูฮวาน่ารักมาก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #173 เมื่อ22-07-2019 20:16:42 »

เอ็นดูความอยากไปทำงาน ถึงกับตื่นเช้า แต่งตัวรอพี่มารับ
เอ็นดูในความนั่งแกว่งขารอพี่ คงน่ารัก น่าอุ้มมากน่ะ 5555

ซูฮวาเรียนรู้ไว รู้งานเยอะเลย แต่ก็ยังมีความเด๋ออยู่
น้องรู้นะว่าพี่หยางจินอยากให้จับมือขึ้นหลังม้า
แต่น้องทำเมินเพราะไม่อยากอ่อนแอ เป็นไงล่ะ
ตอนนี้ทั้งอยากอ่อนแอ ทั้งรักพี่เข้าแล้ว จับหมดค่ะ

หยางจินไม่ค่อยหวงเนาะ แค่ให้มาอยู่ในห้องด้วย
แค่พาขี่ม้าชมงานก็เข้าใจว่า แค่นั้นพอ จบ
สุดท้ายก็ต้องพาน้องไปอีกอยู่ดี เพราะความตาวาวของน้อง

นั่น ยังไงคะ ถังเฟยจินเยว่ รอเลยจ้าว่ามีอะไรให้ติดตาม

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #174 เมื่อ23-07-2019 02:14:03 »

มีพิรุจๆ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #175 เมื่อ23-07-2019 11:28:36 »

เอ็นความขยันทำงานของซูฮวาตัวน้อยยย
พี่หยางจิน ไม่หวงเลย ไม่เลยสัดนิ๊ด อุตส่าห์พาเก็บซุกไว้ในห้องทำงานเดียวกัน เจอตาวิ๊บวาวเข้าเท่านั้น จบ!555555


คู่รองมาแล้ววว

ออฟไลน์ hikkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่19 - - 21/07/62
«ตอบ #176 เมื่อ23-07-2019 18:06:53 »

พอรักแล้วก็หวงและรักมากจนหยุดไม่ได้เลยนะคะที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ ท่านอ๋อง

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่20 - - 26/07/62
«ตอบ #177 เมื่อ26-07-2019 06:29:44 »

 

บทที่๒๐

“ยังไม่นอนอีกหรือ” หยางจินเดินเข้ามาพบว่าพระชายาของตนยังเอาแต่นั่งอ่านสมุดบันทึกเกี่ยวกับเชลยศึกอยู่เลย เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับถังเฟยท่านแม่ทัพจึงไม่ทันสังเกตว่าขุนนางน้อยของเขาแอบหยิบสมุดบันทึกสำคัญติดมือมาอ่านที่บ้านด้วย

“ข้าเห็นว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินดูรอบๆ กองทัพ อาจจะไม่ได้งานทั้งวันก็เลยอยากอ่านตรงนี้อีกหน่อยน่ะ” ร่างบางที่นั่งพิงหลังอยู่ตรงหัวเตียงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เปลวไฟแห่งขุนนางผู้ขยันขันแข็งลุกโชติช่วง

แม้จะดูใจร้ายแต่หยางจินก็ต้องดับไฟนั่น

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าซึ่งเพ่งสมาธิจดจ่อกับหนังสือในมือ เขาลูบหัวซูฮวาเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “ความจริงของพวกนี้ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนเจ้าก็ไม่ควรนำมันออกมา”

“โอ๊ะ” ใบหน้างามซีดเผือด ซูฮวาเงยหน้าขึ้นมามองหยางจินอย่างรู้สึกผิด “ข้าลืมคิดไปเลย”

คนตัวเล็กดูเหมือนจะตัวหดลงอีกหลายส่วนหยางจินก็เลยดุอะไรไม่ออกแล้ว เขาหยิบสมุดออกมาจากมือบางและนำมันไปวางไว้ใต้หมอนก่อนกวักมือเรียกให้ภรรยามาเข้านอนได้แล้ว

ซูฮวาผู้มีความผิดติดตัวไม่กล้าพิรี้พิไร รีบเดินตามคำเรียกของอีกฝ่ายไปที่เตียงทันที “ข้าขอโทษ”

ร่างบางนั่งพับเพียบบนเตียง ก้มหน้าขอขมาอย่างรู้สึกผิด ซูฮวาสำเหนียกตนเองเสมอว่าตนเป็นแค่ขุนนางขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง ยามนี้โดนท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินจับได้แล้วว่าแอบเอาเอกสารสำคัญออกมาจากกองทัพ คาดว่าพรุ่งนี้ต้องโดนโทษหนักแน่ๆ

“กลัวโดนลงโทษหรือ” หยางจินกล่าวกลั้วหัวเราะ เห็นท่าทางเหมือนลูกกวางน้อยโดนนายพรานล่าแล้วเขาอดแกล้งไม่ได้จริงๆ

ร่างสูงรั้งท้ายทอยของพระชายาน้อยเข้ามาใกล้ก่อนจะแนบริมฝีปากมอบจุมพิตแผ่วเบาให้คนที่เสียขวัญไปแล้ว

เมื่อผละออกซูฮวาก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากหน้าแดงก่ำ เพราะโดน เล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัว พอสบสายตาของพระสวามีที่มองมาอย่างแพรวพราวแล้วร่างบางก็ต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่น “ข้า...ข้าทำผิดก็สมควรโดนลงโทษแล้ว”

“ตะ แต่...เห็นแก่ความเป็นสามีภรรยา พี่หยางจินอย่าลงโทษข้ารุนแรงเลยนะ”

ได้ยินคำว่าสามีภรรยาแล้วเส้นความอดกลั้นของคนฟังคล้ายขาดผึง

หานชินอ๋องจับร่างบางกดลงกับเตียง ท่ามกลางความตื่นตกใจของคนโดนกด เพราะนับตั้งแต่เทศกาลไหว้พระจันทร์หานชินอ๋องก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้กับตนเลย

“ทะ ท่าน...จะทำอะไร”

“ลงโทษเจ้าไง” หยางจินตอบพลางกระตุกยิ้มร้ายมุมปาก

ซูฮวาหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก ยามนี้รู้สึกเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าพระสวามีแล้ว ก้อนเนื้อในอกซ้ายร้องระงม ศักดิ์ศรีในใจพยายามตะโกนคัดค้านว่าไม่มีแม่ทัพบ้านเมืองไหนลงโทษขุนนางใต้บังคับบัญชาด้วยวิธีดังต่อไปนี้ แต่ความคิดไร้ยางอายก็บังเกิดขึ้นมาต่อต้าน

อยากโดนกอด

อยากให้พี่หยางจินกอด

ซูฮวารู้สึกละอายอย่างยิ่ง แต่หานชินอ๋องกลับไม่ได้สังเกตใบหน้าวุ่นวายสับสนของพระชายาน้อยเลย เพราะชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการปลดเปลื้องอาภรณ์ของคนใต้ร่าง

ผิวกายของมู่ซูฮวาขาวสว่างจนเหมือนเปล่งแสงได้ มองดูแล้วช่างลงตัวกับติ่งสีชมพูหวานตรงหน้าอก ไม่รอช้า หยางจินรีบก้มลงไปดื่มดำความหอมหวานบนยอดอกของคนตัวเล็กอย่างจาบจ้วง ชายชาติทหารอย่างเขาคงทิ้งคำว่าอ่อนโยนไว้ที่สนามรบนานแล้ว หลังจากละเลงจนผิวกายสีขาวปรากฏรอยจ้ำแดงแล้ว หยางจินก็เลื่อนหน้าขึ้นมาซุกไซ้ตรงซอกคอของซูฮวา

ในขณะที่หานชินอ๋องกำลังเริ่มต้นบทรักเหมือนทุกคืน ฝ่ายที่ถูกกระทำกลับรู้สึกแตกต่างออกไปจากที่แล้วมา

ก็ทุกครั้งน่ะพระชายาน้อยเอาแต่นอนแห้งเหมือนคนปลงสังขาร แต่คราวนี้ไม่เหมือน ไม่เหมือน ไม่เหมือนเลย ซูฮวาไม่ได้ทำตามหน้าที่ของภรรยาที่ดีต้องปรนนิบัติสามี แต่ซูฮวากำลังจะร่วมราตรีกับหานชินอ๋องอย่างเต็มใจ

“อื้อ” ร่างกายบอบบางเริ่มบิดเร่าเมื่อกำลังคิดหนักอยู่ดีๆ มือหยาบกร้านก็เริ่มล้วงเข้ามาในกางเกงแล้ว

คนตัวเล็กรู้สึกเขินจนตาพร่าไปหมดแล้ว พอรู้ว่าพี่หยางจินอยากสอดใส่เข้ามาข้าก็พลิกตัวหันหลังให้เขาอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าตอนที่ข้าหันหลังมาแล้วพี่ หยางจินจะมองข้าด้วยสายตาเช่นไร

ร่างบางรู้สึกว่าแค่เอาหน้าซุกหมอนคงไม่พอเลยคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมเฉพาะส่วนหัวเพื่อหลีกหนีความเป็นจริง

ความเป็นจริงที่ว่ามู่ซูฮวานอนคว่ำและยกสะโพกขึ้นมาให้หานชินอ๋องป้ายขี้ผึ้งหอมถนัดมือ

ถ้าหลี่หมิงรู้ว่าข้าปล่อยตัวให้พี่หยางจินขนาดนี้ล่ะก็นางต้องดุข้าเละเทะแน่ๆ ยิ่งคิดพระชายาน้อยก็ยิ่งหน้าแดง แต่ก็เขินกับความคิดของตนเองได้ไม่นานก็ถูกคนเบื้องหลังดึงกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

นิ้วชี้หยาบกร้านเต็มไปด้วยไตแข็งของคนที่จับทวนจับอาวุธสู้ศึกมานานปีสอดเข้ามาในร่างของคนงามแล้ว ซูฮวาจิกเล็บกับหมอนแน่น หมายใช้มันเป็นที่ระบายความรู้สึกอันท่วมท้น แต่แล้วหยางจินก็ทำเรื่องโหดร้ายเมื่อเขาสอดนิ้วเพิ่มเข้ามาทีเดียวอีกสอง กลายเป็นสามนิ้วกำลังเขยื้อนอยู่ในช่องทางสีหวาน

“อึก อ้า...” เสียงหวานปนหอบร้องระงม

“เจ้าเนี่ยเป็นที่รักของสวรรค์จริงๆ นะ” ซูฮวาซ่อนหัวอยู่ใต้ผ้าห่มก็เลยไม่รู้ว่าคนข้างหลังกำลังพูดด้วยสีหน้าแบบใด

“อะไรหรือ” ดวงตาใสโผล่ออกมาจากผ้าห่มนิดหน่อย ซูฮวาอยากรู้จริงๆ นะว่าพระสวามีกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่พอสบเข้ากับดวงตาสุดร้อนแรงของอีกฝ่ายเข้าให้ซูฮวาก็รีบคลุมโปงอีกรอบแทบไม่ทัน

เกือบโดนแผดเผาทางสายตาเสียแล้ว

ซูฮวาไม่ได้คิดเลยว่าที่ผ่านมาหานชินอ๋องก็มองตนด้วยสายตาแบบนี้เสมอยามร่วมราตรีกัน มาคราวนี้ซูฮวาเริ่มมีใจให้อีกฝ่ายก็เลยเพิ่งจะตาสว่างมองเห็นความเป็นจริง

และในขณะที่กำลังใจเต้นแรงเพราะสายตาของพระสวามีอยู่นั่นเอง พระสวามีที่เคารพก็กดส่วนปลายเข้ามาอย่างไม่ให้ตั้งตัว ร่างบางสะดุ้งเฮือกแต่ก็พยายามยกสะโพกของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงมา ซึ่งตามปกติหยางจินจะต้องช่วยประคองเอาไว้อีกทีหนึ่ง

คืนนี้พระชายาน้อยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปลวไฟในใจของ หานชินอ๋องเลยยิ่งลุกลามใหญ่โต

ชายหนุ่มไม่รั้งรออะไรอีกแล้ว จับก้อนซาลาเปาสีขาวผ่องให้แบะออกแล้วก็ถลำแก่นกายของตนเข้าไปในรวดเดียว

“อ๊ะ อ้า...” มู่ซูฮวาแผดร้องเสียงหลง

แน่นอนว่าซูฮวาไม่ได้เจ็บ ทว่าดวงตาทั้งสองข้างก็รื้นไปด้วยหยาดน้ำตา

แล้วหานชินอ๋องก็ดึงผ้าห่มที่ลูกกวางน้อยใช้เป็นที่ซุกซ่อนออก เมื่อสัมผัสกับความเย็นของอากาศผิวแก้มทั้งสองข้างของซูฮวาก็กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ ดูแล้วน่ารักขนาดคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยังรู้สึกว่าน่ารักจนอดรนทนไม่ได้

หานชินอ๋องตัดสินใจรักซูฮวาแรงๆ สะโพกสอบที่เคยทำอย่างออมแรง มาตลอดกระแทกเข้าไปในช่องทางที่ตอดรัดอย่างถี่ยิบ

เสียงเนื้อกระทบกันผสานกับเสียงเหนอะหนะของขี้ผึ้งหอม

“อ๊ะ พี่ ฮึก พี่หยางจิน” ร่างบางที่เป็นฝ่ายหันหลังด้วยตัวเองแท้ๆ ยามนี้กลับทำหน้ากระเง้ากระงอดราวกับอยากหันหน้ากลับมาเสียอย่างนั้น

ชายหนุ่มขบฟันอย่างขัดใจแต่ก็ยอมจับร่างกายบอบบางให้พลิกกลับมานอนหงาย แต่เพราะหยางจินไม่ได้จับซูฮวาหมุนแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่จับหมุนมาดื้อๆ โดยที่ร่างกายยังเชื่อมประสานกันอยู่ทำให้ซูฮวาร้องเสียงหลง สะโพกมน สั่นระริกอย่างน่าสงสาร น้ำตาไหลเผาะๆ ออกมาจากหางตาตามความรู้สึกเสียวสะท้านที่แล่นลามไปทั่วทั้งร่าง

เพราะช่องทางของซูฮวาถูกการจับพลิกตัวครั้งนี้กระตุ้นจุดกระสันเข้าก็เลยยิ่งรัดตัวแน่นเข้าไปใหญ่

หยางจินต้องกัดฟันพลางเปล่งเสียงทุ้มต่ำออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก

“อ๊ะ พี่หยางจิน อา อย่า เพิ่ง อื้อ” เจ้าของสะโพกที่กระตุกรัวๆ พูดไม่เป็นภาษา

มือเรียวพยายามเลื่อนมาจับเอวสอบเอาไว้เพื่อกันไม่ให้พระสวามีเริ่มขยับตัวกระแทกอีกครั้ง ซูฮวารู้สึกว่าตัวเองถูกกระตุ้นจนน่าอับอายมากเกินไปแล้วและไม่อยากอายมากไปกว่านี้ก็เลยพยายามห้ามร่างแกร่งเอาไว้ แต่หยางจินกลับคิดต่าง ร่วมราตรีกันมาหลายครั้ง ตัวเขาก็เคยกระแทกโดนจุดกระสันของภรรยา มาหลายรอบ แต่ไม่มีจุดไหนเลยที่ทำให้ซูฮวาเสียอาการมากขนาดนี้

ไวเท่าความคิด หานชินอ๋องค่อยๆ กดย้ำตรงจุดเดิมเบาๆ

เมื่อหัวมังกรสัมผัสโดนผนังส่วนอ่อนไหวร่างบางก็สะดุ้งเฮือก

ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาตวัดมองคนที่กำลังคร่อมร่างอยู่อย่าง แง่งอน

เป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน หยางจินรีบก้มลงไปจูบอย่างดูดดื่ม ส่งลิ้นเข้ามากวาดต้อนตักตวงความหวานอย่างอิ่มเอม ในขณะเดียวกันก็ขยับเบาๆ เอวดุนดันจุดกระสันของพระชายาน้อยอย่างโหดเหี้ยม

“อื้อ” พระชายาน้อยน้ำตาร่วงไม่ขาดสาย

รู้สึกไม่พอใจพระสวามีที่ไม่ยอมฟังคำขอร้องกันบ้างเลย แต่ก็รู้สึกดีจนต้องแอ่นสะโพกให้สูงขึ้น

หยางจินสัมผัสได้ถึงการขยับตัวของคนใต้ร่างจึงถอนริมฝีปากออก ชายหนุ่มใช้ลิ้นตวัดเลียคราบน้ำลายตรงมุมปากของซูฮวาให้ก่อนจะเริ่มขยับเอวแกล้งกดหนักๆ ไปตรงจุดนั้นของพระชายาน้อยอีกสามสี่ครั้งแล้วก็หยุด

คราวนี้ซูฮวารู้แล้วว่าตนโมโหอะไร ไม่ใช่เพราะพระสวามีไม่ยอมปล่อยให้พักหรอก ก็แค่ไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อย

ท่านรังแกข้าเกินไปแล้ว จะกระทำอันใดก็เร่งกระทำไปสิ มาทำๆ หยุดๆ หลอกให้ข้าสั่นสะท้านแล้วก็เงียบหายไปแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน

ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ขณะช้อนตาขึ้นมาสบตาคนตัวสูงกว่าก็พลั้งปากเอ่ยความต้องการในใจออกมา

“ขยับต่อสิ”

มู่ซูฮวารู้ตัวในเวลาต่อมาว่าคำกล่าวของตนเมื่อสักครู่น่าอับอายเพียงใด! ร่างบางอยากกลายร่างเป็นเต้าหู้แล้วก็ละลายหายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่หานชินอ๋องกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น คำว่าขยับต่อสิช่างมีอิทธิพลมากมาย ทีแรกเขาก็แค่อยากแกล้งให้คนใต้ร่างบิดตัวเร่าๆ อย่างอึดอัดเล่นๆ เท่านั้น

หยางจินรู้ว่าซูฮวาต้องการอะไร แต่ไม่คิดว่าซูฮวาจะถึงกับเอ่ยปากออกมา

คราวนี้ซูฮวาร้องไห้จริงๆ แล้ว

“ฮึก อะ อา...” พระชายาน้อยรู้สึกว่าศักดิ์ศรีความเป็นบุรุษที่ตนพยายามไขว่คว้ามาตลอดชีวิตกำลังลอยห่างไกลออกไปอีก

“ซูฮวาของข้า ไม่ต้องร้อง มันไม่มีอะไรน่าอาย” หยางจินประคองร่างบางขึ้นมากอดแนบอก

หลังจากจับสะโพกมนให้นั่งบนตักของตนเรียบร้อยแล้วเขาก็เริ่มขยับเอวกระแทกสวนขึ้นลงหลายครั้ง

“ฮึก” ซูฮวากอดรอบคอของคนตัวสูงกว่า ฝังหน้าลงบนไหล่กว้างในขณะที่น้ำตายังร่วงไม่หยุด

“ฮ้า อ๊ะ” เสียงอันเกิดจากการสะอื้นปนครางกระเส่าดังคลอเคลียอยู่ข้างหูกระตุ้นความต้องการของบุรุษเพศ หยางจินไม่อาจตอบได้ว่าตนควรจะหยุดเพื่อปลอบขวัญพระชายาตัวน้อยก่อนดีหรือจะเร่งทำให้เสร็จก่อนดี เมื่อเลือกไม่ได้ ชายหนุ่มจึงทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน

เขากระแทกเอวแรงๆ คล้ายไม่ตั้งใจแต่ในสี่ครั้งจะต้องสะกิดโดนจุดนั้นของคนในอ้อมแขนเล่นงานให้ร่างเล็กสะท้านเบาๆ เสมอ และหนึ่งในสิบครั้งจะต้องกระแทกโดนจุดดังกล่าวเต็มๆ

“ซูฮวาของข้า ไม่ต้องกลัว ระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรต้องกลัว” เขาไม่ลืมหน้าที่ของสามีที่ดี ตลอดเวลามือหยาบกร้านของเขาไม่ได้หยุดลูบเส้นผม นุ่มสลวยของคนในอ้อมแขน

“ฮื่อ” ซูฮวาพยักหน้าหงึกหงัก ความอายเริ่มทุเลาลงแล้ว

“เจ้าพูดแบบเมื่อครู่อีกสักครั้งได้ไหม” เมื่อเห็นว่าเสียงสะอื้นหายไปแล้ว หยางจินก็เอ่ยปากขอ

“ไม่” เสียงหวานงุบงิบตอบ ให้ตายซูฮวาก็ไม่เอ่ยคำพูดน่าละอายเช่นนั้นออกมาอีกแล้ว แค่ช่วยยกสะโพกตอบรับแรงกระทุ้งของร่างสูงอยู่นี่ซูฮวาก็เขินจนแทบขาดใจแล้ว

แต่เพราะซูฮวาขยับสะโพกตามจังหวะเบามาก เบาจนหานชินอ๋องไม่รู้ ชายหนุ่มก็แค่คิดว่าเอวบางแค่สั่นเทา เพราะช่องทางสีหวานถูกรุกล้ำเหมือนทุกทีก็เท่านั้น

แต่ขนาดไม่รู้ว่าตนได้เปรียบกว่าขนาดไหนหานชินอ๋องยังแกล้งหยุด การกระทำของตน

พายุเพิ่งซัดกระหน่ำอยู่เมื่อประเดี๋ยวนี้หยุดลงกะทันหัน ปุบปับเสียจนพระชายาน้อยตามไม่ทัน

ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่แกร่ง คล้ายอยากกล่าวพูดอะไรบางอย่างแต่หยางจินกลับกดใบหน้างามให้ซบกลับไปดังเดิม สืบเนื่องมาจากเขาต้องการแกล้งหยุดเพื่อบีบให้ซูฮวาพูดจาน่ารักเหมือนก่อนหน้านี้ออกมาอีกครั้ง ขืนเห็นใบหน้างามที่เต็มไปด้วยอารมณ์ราคะฉายแวววิงวอนร้องขอเข้าชายหนุ่มคงได้ตบะแตกก่อนแผนสำเร็จแน่ๆ

“ถือว่าข้าขอร้องก็ได้ พูดเถอะ ข้าอยากฟัง” แผนการครั้งนี้นับว่าเจ็บตัวทั้งสองฝ่าย

เมื่อเจ้ามังกรยักษ์ที่บุกทะลวงกระหน่ำเข้ามาจู่ๆ ก็แน่นิ่งแช่ค้างอยู่ข้างในเฉยๆ ผนังรอบด้านของช่องทางรักก็บีบรัดคล้ายกำลังร้องขอแทนคำพูดว่าได้โปรดสอดใส่ข้าอีกเถิด ข้าอยากนวดท่านจะแย่แล้ว หยางจินเองก็ต้องกัดฟันข่มความรู้สึกแทบแย่

“ซูฮวา” เสียงทุ้มเร่งเร้า

สะโพกสอบเจตนากระแทกกายเข้าไปตรงจุดอ่อนไหวของร่างบางแทนการลงโทษที่มัวแต่ชักช้า

ซูฮวาเปล่งเสียงร้อง อ๊ะ อ้า ออกมาตามจำนวนครั้งที่ถูกกระแทก แต่พอ หยางจินหยุดซูฮวาก็หยุด!

กลายเป็นสงครามประสาทไปแล้ว!

ซูฮวาก็ไม่ใช่คนที่ท่านจะรังแกเท่าไรก็ได้โดยไม่ตอบโต้หรอกนะ!

พระชายาน้อยตัดสินใจดำเนินการขั้นเด็ดขาด ให้ตายก็ไม่พูดออกมาหรอก...หึ

“เชอะ” เสียงหวานเปล่งออกมาอย่างแง่งอน แน่นอนว่าหยางจินได้ยินเต็มๆ สำหรับชายหนุ่มแล้วมันช่างน่ารักจนแทบอดใจไม่ไหวแต่ เพราะเขาเริ่มเข้าใจเจตนาอันดื้อรั้นของซูฮวาแล้วเขาก็เลยไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน

“เด็กน้อย ริอาจขัดขืนข้าหรือ” เทียบกับพระชายาที่นอนให้ทำเฉยๆ อย่างเรียบร้อยมาตลอดแบบนี้ดีกว่ากันมาก หยางจินกลั้นยิ้มจนแทบเป็นบ้า

ร่างสูงขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียง ทุกการขยับจะจงใจสอดกายเข้าออกช่องทางน้อยที่แสนคับแน่นเบาๆ ส่งผลให้ซูฮวาได้แต่ครวญครางเสียงแผ่วและมองเขาตาเขียวปั๊ด

หยางจินคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เขาใช้แขนอันแข็งแรงของเขาจับเอวของซูฮวาเอาไว้มั่นและเริ่มยกร่างบางขึ้นลงช้าๆ

ซูฮวาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ทีแรกที่โดนหยางจินยกตัวขึ้นซูฮวาคิดว่าอีกฝ่ายจะถอนกายออกไป แต่พอโดนดึงกลับลงมาร่างบางก็แอบมีสีหน้าโล่งอก

“เจ้าต้องการหรือ” เพราะหยางจินมองอยู่ตลอด ใบหน้างามเปลี่ยนแปลงอย่างไรเขาย่อมสังเกตเห็น

ซูฮวารู้สึกเหมือนศักดิ์ศรีของตนโดนทุบรัวๆ เจ้าต้องการหรือ แม้ในประโยคจะไม่ได้บอกว่าต้องการสิ่งใดแต่ซูฮวากลับเข้าใจดีว่าหยางจินหมายถึง เจ้าต้องการความเป็นชายของข้าหรือ

“ฮื่อ” ร่างบางร้องประท้วง เพราะโกรธแทบแย่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้คนตัวใหญ่กว่าจับเอวของตนยกขึ้นยกลง ก้นนุ่มถูกทำให้ถูครูดไปกับแก่นกายแกร่งที่ชูชันอยู่อย่างเชื่องช้า ซูฮวารู้สึกทรมานจนแทบเป็นบ้าแล้ว

และพระชายาน้อยก็ทนไม่ไหวเสียเอง ก้นลูกท้อที่สั่นระริกเริ่มขยับ บดเบียดหน้าขาของแม่ทัพใหญ่

คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างแปลกใจแต่ก็กัดฟันอดทนมองการกระทำต่อไปของพระชายาน้อยอย่างใจเย็น

มู่ซูฮวาโยนสติทิ้งไปอีกด้านหนึ่ง มือเล็กทั้งสองข้างจับไหล่กว้างเอาไว้เป็นหลักยึดก่อนจะค่อยๆ หลับตาปี๋และขยับสะโพกของตนเองขึ้นลงอย่างเร็วขึ้น อาจจะไม่เร็วมากเมื่อเทียบกับจังหวะยามปกติของหยางจิน แต่อย่างน้อยก็เร็วกว่าการยกขึ้นยกลงอย่างน่าทรมานใจเมื่อครู่

“ฮะ อ้า...” ร่างบางลงมือเอง ครางกระเส่าเอง

หยางจินขบฟันแน่น

เขาอยากกระแทกกระทั้นภรรยาน้อยในอ้อมแขนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็อยากเห็นลูกกวางน้อยลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองต่ออีกสักนิด

สุดท้ายหานชินอ๋องก็นั่งพิงหัวเตียงเฉยๆ จับจ้องร่างบางที่หลับตาแน่นอย่างหลงใหล

มู่ซูฮวายามนี้งดงามเหลือเกิน เกินกว่าบุรุษคนหนึ่งจะต้านทานไหว เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบแก้มนุ่มของคนที่พยายามขยับเอวอยู่อย่างยากลำบาก ร่างบางสะดุ้งเบาๆ เมื่อโดนแตะแต่ก็ไม่ได้หยุดการขยับช่องทางเบื้องล่างให้ดูดกลื่นความเป็นชายของพระสวามี

“อื้อ” ซูฮวาเด็กโง่เผลอขยับจนไปโดนจุดกระสันของตนเข้าให้

“แฮ่ก” และแล้วร่างบางก็หยุด ร่างกายสั่นเทาจนน่าเห็นใจ

หานชินอ๋องยกยิ้มมุมปาก ได้เท่านี้ก็เก่งมากแล้ว เขาลูบหัวซูฮวา อย่างเอ็นดูขณะเริ่มขยับสะโพกสอบกระทุ้งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

“ฮะ ฮ้า” ซูฮวายังคงหลับตาปี๋ เพียงแต่เปลี่ยนมาซบหน้ากับไหล่กว้างเหมือนเดิมแล้ว

หยางจินหัวใจพองโตจนอกแทบระเบิด เขาก้มลงไปจูบขมับของคนในอ้อมแขนอย่างรักใคร่ ลูบมือไปทั่วแผ่นหลังบางอย่างหลงใหล และขยับมังกร ไม่ขาดสาย

“พี่หยางจิน อื้อ จะ จูบ” ในที่สุดพระชายาน้อยก็ยอมลืมตาขึ้นมา

ดวงตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอขึ้นนิดๆ เพื่อหอบหายใจ ดูแล้วเกิดความรัญจวนเหมือนแมวข่วนหัวใจ นี่นับว่าเป็นการยั่วยวนโดยไม่รู้ตัวทว่าได้ผล ชะงัด

ร่างบางร้องขอให้จูบแต่ทว่ากลับเป็นฝ่ายเลื่อนหน้าเข้ามาแตะริมฝีปากคนตัวสูงกว่าแทน ลิ้นเล็กๆ ค่อยๆ สอดเข้ามาก่อนอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วหลังจากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มก็โดนหานชินอ๋องละเลงจนบวมช้ำ

แต่ซูฮวากลับรู้สึกพึงพอใจมาก ปล่อยกายไปตามสัญชาตญาณ ยามพระสวามีโน้มลงมาขบเม้มติ่งไตสีชมพูก็ยอมแอ่นอกให้โดยดุษฎีและเริ่มขยับสะโพกตอบสนองบทรักมากขึ้นอีกนิด อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ แต่ในที่สุดหานชินอ๋องก็รับรู้แล้ว

หยางจินบดจูบคลอเคลียริมฝีปากที่โดนเขารังแกจนช้ำไปหมดอย่างคลั่งไคล้

เขารู้สึกว่าตนกำลังจะเป็นบ้า เหตุใดภรรยาของเขาถึงได้น่ารักเพียงนี้กันนะ

หยางจินตั้งคำถามในขณะที่สติของมู่ซูฮวาหลุดลอยไปแล้ว ร่างบางกระตุกถี่ยิบ ซูฮวาน้อยที่ไม่เคยได้ใช้งานผงกหัวหงึกๆ ก่อนจะพ่นของเหลวสีขุ่นออกมาเต็มหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของหยางจิน

“แฮ่กๆ” ร่างกายบอบบางหมดเรี่ยวแรง

การร่วมรักครั้งนี้หนักกว่าครั้งไหนๆ เพราะซูฮวาไม่เคยต้องขยับเอวตอบสนองพระสวามีมากมายเท่านี้มาก่อน

แล้วหยางจินก็จับร่างบางกดลงนอนบนเตียง เขาบดจูบคนที่กล้าดีไปถึงจุดสูงสุดก่อนย้ำๆ หลายครั้งในขณะเอวสอบก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวเลย ซูฮวารู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังสั่นคลอน เตียงไม้หลังใหญ่เองก็ส่งเสียงลั่นจนน่าสงสาร

ค่ำคืนนี้หานชินอ๋องรุนแรงมากจริงๆ แต่เขาคิดว่าตนยังสามารถแรงได้มากกว่านี้จึงกระหน่ำเข้าอีกระรอกใหญ่

“อ๊ะ อ้า อ้า...” ขนาดซูฮวาเพิ่งถึงจุดสูงสุดไปหมาดๆ ยังโดนทำให้รู้สึกเสียวซ่านขนาดนี้

และแล้วน้ำรักจำนวนมากก็ทะลักทลายเข้ามาในร่างกายของพระชายาน้อย ก้นลูกท้อสั่นเทาและกระตุกอีกครั้งราวกับดีใจที่ได้ดื่มกินของเหลวสีขุ่นข้นพวกนี้

“พี่หยางจิน อา อื้อ” หยางจินไม่ได้ถอนกายออกแต่กลับก้มลงมาประทับริมฝีปากจุมพิตพระชายาของตนอีกครั้ง

คราวนี้ไม่ได้อุกอาจรุนแรง หานชินอ๋องลูบไล้แก้มเนียนของผู้เป็นภรรยาอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

“พี่หยางจิน อะ อืม กอดข้าทีสิ” ร่างบางกลับรั้งไหล่ของเขาไว้

หยางจินเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เขายังคงไม่ได้ถอนกายออกมาแต่เปลี่ยนท่าลงไปนอนข้างๆ ร่างบางแทน ดูลำบากนิดหน่อยเพราะ พระชายาน้อยต้องยกขาขึ้นมาก่ายเอวหนาเอาไว้ แต่พอกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นก็ไม่มีอะไรลำบากแล้ว

“เหตุใดวันนี้เจ้าถึงได้แสนอ้อนนัก”

ซูฮวาหน้าขึ้นสี ไม่รู้จะตอบพระสวามีอย่างไรจึงได้แต่เงียบไว้

ก็จะให้บอกได้อย่างไรเล่าว่าข้าหลงรักท่านแล้ว และข้าไม่รู้ว่าข้าจะเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของท่านไปอีกนานแค่ไหน หากวันหน้าท่านรับอนุคนงามหรือ ฮูหยินบุตรีขุนนางนางใหม่เข้ามาในวังแล้วข้าจะยังได้รับความโปรดปรานจากท่านมากมายเช่นนี้อีกหรือ

สายตาที่มองมาอย่างรักใคร่นั้นจะถูกใช้เพื่อมองภรรยานางอื่น แค่คิด ข้าก็ปวดใจแล้ว ข้าจึงอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ท่านเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวนี้เอาไว้ แม้ว่าในความจริงแล้วข้าอยากครอบครองท่านเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวก็ตาม

----------------------------------------

ตายแร้ววว เขินนนน นิคโค่อยู่ในโหมดหื่น 5555

 


#มาลาสุราลัย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่20 - - 26/07/62
«ตอบ #178 เมื่อ26-07-2019 08:48:51 »

 :pig4:
 :3123:
 :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: - - มาลาสุราลัย - - ตอนที่20 - - 26/07/62
«ตอบ #179 เมื่อ26-07-2019 09:02:54 »

 :jul1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด