บทที่ 1
ตอนนี้คงเป็นช่วงที่นักศึกษาวัยยี่สิบสองปีตื่นเต้นที่สุดวันหนึ่ง พวกเขากำลังจะได้เริ่มต้นจำลองชีวิตการทำงานนอกรั้วมหาวิทยาลัย นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมชั้นปีสี่แต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานในบริษัทหรือหน่วยงานที่ตัวเองประสงค์
ภัทรเองก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกฝึกงานในบริษัทเอกชน เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาเดินออกจากลิฟต์บนตึกสูงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ครั้งนี้เขามาคนเดียว ไม่มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยมาด้วยเลยสักคน
“เอ้า เด็กใหม่มา ใครเป็นพี่เลี้ยงมารับขวัญน้องมันหน่อยเว้ย” ชายวัยสามสิบที่เดินผ่านมามองภัทรปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนักศึกษาฝึกงาน เสียงห้าวตะโกนดังสนั่นเรียกพนักงานที่กระจุกตัวอยู่ในโซนออฟฟิศมาดู
“พี่เลี้ยงไม่อยู่ แต่กูเนี่ยอยู่” ชายวัยห้าสิบกลาง ๆ เดินออกมาจากโซนนั้น ประโยคมึงมาพาโวยทำเอาเหล่าสถาปนิกหดหัวกันเป็นเเถบ
“สวัสดีครับ ผมมีนัดฝึกงานวันเเรก มีเอกสารจากทางมหาวิทยาลัยมาให้ด้วยครับ” ภัทรยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ในขณะที่อีกคนรับไหว้ก่อนจะผายมือเข้าไปยังออฟฟิศ
“มา เข้ามาก่อน วันนี้ยังไม่มีโต๊ะให้นะ”
ภัทรจำได้ว่าชายคนนี้เป็นเจ้าของบริษัท เมื่อวันที่เขามาสัมภาษณ์ก็เป็นคุณอาคนนี้ที่ใจดีรับเขาเข้ามาฝึกงานโดยไม่ถามคำถามประลองปัญญาให้มากความ
เขาเพียงแต่เปิดดูพอร์ตที่ภัทรพกมาด้วย ส่งต่อไปให้รุ่นพี่สถาปนิกที่อยู่อีกห้อง ไม่ถึงห้านาทีภัทรก็ได้รับคำยืนยันว่าทางบริษัทจะรับเขาให้เป็นนักศึกษาฝึกงาน
ภัทรถูกเหวี่ยงมาไว้มุมหนึ่งของห้องทำงาน ได้ยินเเว่ว ๆ ว่าวันนี้จะให้เขาร่วมใช้โต๊ะกับพี่เลี้ยงที่จะคอยดูเเลภัทรตลอดสองเดือนที่จะอยู่ที่นี่ เด็กหนุ่มชำเลืองมองข้าวของบนโต๊ะ มันไม่ได้มีอะไรมากนัก มีคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่หน้าจอความละเอียดสูงกำลังเรนเดอร์ภาพ
มุมอีกครึ่งหนึ่งของโต๊ะทำงานมีโมเดลที่ยังต่อค้างไว้ กาวหลอดเล็กไม่ได้ถูกปิดฝาเพราะความไม่ใส่ใจหรือความเร่งรีบคนเพิ่งมาใหม่ก็ไม่อาจบอกได้ มือเรียวถือวิสาสะเอื้อมไปปิดหลอดด้วยกลัวว่ามันจะเเห้งจนต้องทิ้ง
“ไง มาวันแรกก็ซนเลย?”
ภัทรสัมผัสได้ว่ามีเเรงกดจากการเท้าเเขนบนพนักพิงเก้าอี้ เขาปล่อยเจ้าหลอดกาวไว้ที่เดิม หดมือกลับเข้ามาราวกับจับถูกของร้อน เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเงาซึ่งทอดทับเเสดงไฟอยู่เหนือศีรษะ
“พะ… พี่”
“เออ พี่สิ ไม่ใช่ลุงที่ไหน” เสียงห้าวขัดเขา การปราฏตัวของผู้พูดทำให้ดวงตากลมของเด็กฝึกงานเบิกกว้าง
เขาพิจารณาดวงหน้าสลักเสลา คิ้วเข้ม ตาโต จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูปพร้อมกับผิวสีน้ำผึ้ง ภัทรไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันโชคดีของเขา
...พี่คุณเองก็ทำงานอยู่ที่นี่…
คุณานนท์นั่งลงข้างกับภัทร ชายหนุ่มเพียงแต่เงยหน้ามองจอ ดูว่าเมื่อไหร่สิ่งที่ทำไว้จะเสร็จสิ้นเสียที ภัทรผิดหวังเล็กน้อยที่เขาจำกันไม่ได้ แต่อย่างไรก็ไม่ได้คาดหวังแต่อย่างใด
เป็นธรรมดาที่ทานตะวันทุกต้นจดจำพระอาทิตย์ได้ ทว่าพระอาทิตย์คงไม่มีทางจดจำทานตะวันได้ครบทุกต้น
พี่คุณเรียนอยู่ปีสี่ ในขณะที่ภัทรเรียนอยู่ปีหนึ่งในคณะสถาปัตยกรรม น่าเสียดายที่ภัทรได้เห็นเขาเพียงไม่กี่ครั้ง ก่อนที่เขาจะจบการศึกษา คุณานนท์เป็นนักศึกษาที่จบไปด้วยเกียรตินิยมเหรียญทอง งานโปรเจ็คเเละวิทยานิพนธ์ของเขาทุกชิ้นยังคงถูกเก็บไว้โชว์ที่คณะ
ภัทรคลั่งไคล้ผลงานของอีกฝ่ายพอ ๆ กับตัวตน เด็กหนุ่มไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเขาเองจะอยู่ในการดูเเลของพี่คุณไปตลอด
หากนี่เป็นฝัน เขาก็ขอให้เป็นฝันที่ไม่มีใครมาปลุกให้ตื่น
“เอ้า นั่งหน้าเป็นปลาทองอยู่ได้ ชื่ออะไร” คุณานนท์หรี่ตามองเด็กเอ๋อตรงหน้า เขาถามชื่อเป็นรอบที่สามเเล้วยังมานั่งอ้าปากหวอใส่อยู่ได้
“ชะ ชื่อ ภัทรครับ” เสียงอ่อน ๆ ของอีกฝ่ายทำให้เขากระตุกยิ้ม เขาเป็นพวกเห็นเหยื่อไม่ได้ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจิ้งจอกที่วิ่งไล่ฝูงแกะจนเเตกกระเจิง
“ดัง ๆ หน่อย เสียงเเค่นั้นคนเขาจะนึกว่าคุยกับแม่ซื้อ” คุณทำท่าแคะหู เขาสั่งให้ภัทรเอ่ยชื่อตัวเองอีกหน
“ชื่อภัทรครับ!”
เสียงแว่วหวานดังไปทั้งฟลอร์ พนักงานเกือบสิบชีวิตหันมามองภัทรเป็นตาเดียวในขณะที่เด็กหนุ่มอยากจะม้วนตัวให้เล็กที่สุดเเล้วหนีหายจากตรงนี้ไปเสียเลย
“น้องแม่ง...ตลกดีว่ะ” คุณานนท์หัวเราะในลำคอ ได้ยินเสียงเเว่ว ๆ ว่าไอ้คุณมันรับน้องใหม่อีกเเล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระอะไร
“ทำอะไรได้บ้าง ตัดโมได้มั้ย” คุณานนท์เห็นว่างานบนหน้าจอคงไม่เสร็จง่าย ๆ เขาจึงเบนเข็มมาที่โมเดลซึ่งยังประกอบไม่เสร็จ
“ตัดได้ครับ” ภัทรพยักหน้าหงึก ๆ พยายามควบคุมหัวใจไม่ให้สั่น
“เออดี ถ้าตัดไม่ได้จะไล่ออกตอนนี้เลย” มือใหญ่หยิบเอาคัตเตอร์สีฟ้าที่เขาเพิ่งจะซื้อมาใหม่แต่ไม่ได้ใช้เพราะเห็นว่าสีมันน่ารักเกินไปหยิบให้อีกฝ่าย
“ตัดสี่เหลี่ยมไซส์นี้ให้กูหกอัน เจาะหน้าต่างให้ด้วย ดูดี ๆ อย่าเจาะมั่วนะ”
กระดาษอาร์ตถูกส่งมาให้เด็กหนุ่มพร้อมกระดาษเอสามเเผ่นใหญ่ซึ่งมีรายละเอียดว่าภัทรจะต้องตัดกระดาษอยางไรเพื่อที่จะให้ตรงสเป็คชิ้นส่วนของโมเดลอาคารหลังนี้
ภัทรค่อย ๆ ทำงานทีละชิ้นอย่างใจเย็นในขณะที่รุ่นพี่กำลังนั่งจ้องเด็กฝึกงานอย่างประเมิน คุณเห็นว่าภัทรทำงานเนี้ยบมากก็จริง แต่เรื่องความเร็วนี่ไม่เอาอ่าวเลยสักนิด
“ถามจริงนะ ตอนโปรเจ็คมึงได้นอนมั้ยเนี่ย ตัดช้าขนาดนี้”
“ผมนอนวันละหกชั่วโมงทุกวันครับ” ภัทรเงยหน้าขึ้นมองพี่เลี้ยงที่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เชื่อถือ ขนาดเขาที่ว่าทำงานเร็วงานโหด ก็ยังมีวันที่ต้องโต้รุ่ง
“โกหกเป็นพีน็อคคีโอ้นะโว้ย จมูกยาว ๆ เลย” คนพูดชี้ที่จมูกตัวยเอง หากทำให้อีกคนหัวเราะออกมาได้ ถ้าพี่คุณเป็นพีน็อคคีโอ้คงน่าขัน และน่ารักด้วย
“พี่เป็นไปคนเดียวเถอะ” ภัทรยิ้มกว้างขวาง ไม่นึกว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาจะได้เฉียดใกล้พี่คุณถึงขั้นหยอกล้อกันได้
“เย็นนี้กินอะไรดี” คุณานนท์เอนหลังพิงเก้าอี้ ขบคิดถึงมื้อเย็นที่มักจะมีการพาน้องเข้าใหม่ไปเลี้ยงเป็นพิธี สาตาเขาทอดมองเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาตัดโมเดลอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วก็รู้สึกคุ้นหน้าค่าตาอย่างประหลาด
“อันนี้กูต้องเซ็นทุกอาทิตย์ใช่ป่ะ” สมุดฝึกงานมีตราสถาบันเด่นชัดของภัทรถูกอีกคนหยิบขึ้นมา นาทีนี้คุณได้คำตอบเเล้วว่าเขาคงจะเคยเห็นเด็กนี่ผ่าน ๆ ที่มหาวิทยาลัย
“ครับ ผมต้องเขียนว่าผมทำอะไรบ้าง พี่ก็ให้คะแนนผมตามช่องนี้ แล้วก็เขียนความเห็นทุกสัปดาห์” ปลายเล็บเจียรมนชี้ลงในเเต่ละส่วนของหน้ากระดาษแล้วอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ
ตลอดวันภัทรช่วยให้โมเดลของคุณานนท์คืบหน้าไปมากโข ดูเหมือนภัทรจะตัดช้าไม่คล่องเเคล่ว หากเมื่อคำนวณเวลากับผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ต้องถือว่าว่องไวมากทีเดียว
“หมดเวลางานก็เลิกงาน เเบบขยายค่อยมาตัดพรุ่งนี้” พี่เลี้ยงสะกิดภัทร เขาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง เก็บของใส่กระเป๋าสะพายอย่างว่องไว
“ไว ๆ เดี๋ยววันนี้พาไปกินชาบู” คุณเอ่ยเท่านั้นก่อนจะเดินนำภัทรไปสมทบกับพี่สถาปนิกคนอื่น ที่นี่เป็นออฟฟิศขนาดเล็กตาดูท่าเเล้วความอบอุ่นเเละสัมพันธภาพของพนักงานไม่เล็กตาม
ร้านชาบูที่ว่าเป็นร้านชาบูญี่ปุ่นที่เปิดสาขาในเมืองไทยมาหลายปีเช่าพื้นที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกเดียวกันกับออฟฟิศ ภัทรกินได้ไม่เยอะนักเพราะเขาไม่สันทัดที่จะรับประทานเนื้อ ในขณะที่อีกคนซึ่งนั่งข้างกันได้แต่กินเอากินเอาราวกับว่าพรุ่งนี้อาหารจะหมดโลก
“แบ่งน้องบ้างไอ้เหี้ย ให้มาดูเเลไม่ใช่ให้มาเเย่งกิน” พี่สถาปนิกอีกทีมทั้งปรามทั้งหัวเราะ
“ก็ผมเป็นเหี้ยไง” คุณานนท์ยักคิ้วให้อีกฝ่าย พลางใช้ตะเกียบมาดักตะเกียบของภัทร เเล้วขโมยเนื้อลายหินอ่อนของรุ่นน้องชิ้นนั้นเข้าปากไปต่อหน้าต่อตา
“มีพี่นิสัยไม่ดีก็ทน ๆ เอาหน่อยนะ” ทุกคนหัวเราะ ภัทรเองก็ด้วยเมื่อคนข้างกายเเสร้งทำเป็นคนนิสัยไม่ดีด้วยการคีบเอาเนื้อของภัทรไปอีกชี้น
ภัทรไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรด้วยเขาก็เริ่มจะอิ่ม ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีพื้นที่กระเพาะกี่เอเคอร์กันถึงดูคล้ายจะไม่มีวันอิ่มเลย
“อ่ะ กูให้” เนื้อชิ้นที่ดีที่สุดในถาดถูกต้มจนสุกพอดีแล้วคีบมาไว้ในจานของภัทร เด็กหนุ่มได้เเต่มองตามรุ่นพี่อย่างตั้งคำถาม
เขาไม่เข้าใจว่าอยู่ ๆ อีกฝ่ายจะมาคีบให้กันทำไม ตอนนี้ใจเขาเต้นเเรงจนเกือบจะกระดอนออกมาอยู่เเล้ว
“ครับ”
“ใช้คืนที่ขโมยไป” เขาพูดโดยไม่มองหน้า มือใหญ่ยังคงง่วนกับการตักไอ้นั่นใส่ไอ้นี่อย่างสนุกสนาน
“ขอบคุณครับ”
เมื่อสิ้นสุดมื้ออาหารภัทรอิ่มก่อนทุกคนจริง ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขารับประทานของหวานไปถึงสองถ้วย ภัทรยกมือไหว้ขอบคุณเจ้ามือและพี่คนอื่น ๆ ที่กำลังเเยกย้ายกันกลับบ้าน
“ภัทรกลับยังไง” เสียงพี่สถาปนิกสาววัยสามสิบเอ่ยขึ้น ทุกคนมีรถเป็นของตัวเอง ใครไม่มีก็พึ่งพาอาศัยกันหมดเเล้ว เหลือเพียงเเต่เจ้าเด็กน้อยคนนี้
“เดี๋ยวผมกลับรถเมล์ครับ ไปไม่ไกลมาก” สถานที่ปลายทางที่ภัทรเอ่ยถึงทำให้ใครอีกคนหันขวับ
“งั้นกลับกับกู อยู่ใกล้กัน”
คนตัวสูงดึงสายกระเป๋าภัทรเอาไว้ คุณานนท์ปล่อยให้ภัทรล่ำลากับรุ่นพี่ที่ยังไงก็ต้องเจอกันพรุ่งนี้อยู่ดีพอหอมปากหอมคอ ภัทรเดินตามพี่คุณไปยังลานจอดรถจนพบว่าเขาไม่ได้มีรถยนต์ แต่เป็นรถบิ๊กไบค์สัญชาติญี่ปุ่นสีดำตลอดคัน
“มึงนี่” วันนี้ภัทรไม่เเน่ใจว่าเขาได้ยินคำนี้จากพี่คุณกี่หน อีกฝ่ายยื่นหมวกกันน็อคอีกใบให้เขา ทว่าภัทรไม่คุ้นชินกับการใส่มันจนทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทนดึงตัวเขาไปใส่ให้เเทน
“ขอบคุณครับ” อันที่จริงภัทรของคุณเจ้าหมวกใบใหญ่นี้ด้วย มันช่วยอำพรางใบหน้าที่กำลังขึ้นสีของเขาได้ดีนักเชียว
“เออ จับดี ๆ ถ้าตกลงไปกูไม่กลับมาเก็บนะ”
ภัทรกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรุ่นพี่ เขากำชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้ เเต่เจ้าของเสียงห้าวดุดันกลับหันมาพูดกับเขาหนักเเน่น
“กอดเลย ตัวเเค่นี้ถ้าตกลงไปไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตเเล้ว” คุณานนท์รู้ตัวดีว่าเขาขับรถเร็ว ไอ้ท่าทีเก้กังอย่างนี้หากไม่ให้กอดไว้คงรังแต่จะเกิดอุบัติเหตุเสียเปล่า ๆ
ระหว่างทางภัทรกอดเอวเขาเเน่นขึ้น คงเป็นเพราะการจราจรไม่ติดขัดเเล้วอีกฝ่ายถึงขับรถได้คล่องตัวจนภัทรไม่กล้าเงยหน้ามองทาง เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อนอกของอีกฝ่ายสั่นไม่หยุด แต่พี่คุณก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะจอดรถ
ในที่สุดเจ้าบิ๊กไบค์ก็ชะลอตัวลงเมื่อเข้าเขตคอนโด ภัทรเเปลกใจนิดหน่อยที่ไม้กระดกนั้นยกขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องให้สัญญาณหรือเเตะคีย์การ์ด
“ถึงเเล้ว จะนั่งจนเช้าเลยมั้ย” เสียงดุ ๆ ของพี่เลี้ยงทำให้ภัทรสะดุ้ง เด็กหนุ่มคลายอ้อมกอดที่เเทบจะเรียกได้ว่ารัดออก ก่อนจะกระโดดลงจากรถ คงเป็นเพราะสมองของเขายังคงชินกับความเร็วหวิดตายอยู่ เมื่อสองเท้าเเตะพื้นภัทรก็เเทบทรุด
“ไหวมั้ยเนี่ย นี่มึงเป็นคนหรือเต้าหู้ไข่วะ” คุณานนท์ส่ายหัวอย่างระอาใจ หากใบหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้มเอื้อเอ็นดู
“หัดเเกะเอง ใส่เอง วันหลังจะติดรถไปกูไม่ใส่ให้นะ ชักช้า” เจ้าของหมวกกันน็อคไม่ได้สนใจภัทรอีก เขาหยิบเอาโทรศัพท์ที่สั่นเหมือนจะสั่นไปจนถึงโลกหน้าขึ้นมาดู
อ่านข้อความเเล้วได้เเต่หัวเสีย กดโทรกลับไปยังเบอร์ปลายทางเเล้วก็เห็นว่าเขาถูกบล็อกเบอร์เเละการติดต่อจากทุกเเอพลิเคชั่น
“นี่เต้าหู้ กินเหล้าเป็นป่ะ” กว่าภัทรจะสะบัดหัวหลุดออกจากหมวกก็กินเวลาไปนานทีเดียว เผลอพักเดียวภัทรก็ได้ชื่อใหม่
จะชื่ออะไรก็ได้ที่พี่คุณเรียก จะเรียกหมูเรียกหมาเขายังยอมเลย
“กินได้ครับ แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ผมรักสุขภาพ” ภัทรเอ่ย
“เสียใจด้วยที่วันนี้มึงเลี่ยงไม่ได้” คุณานนท์เลิกคิ้ว เขาโอบรอบคอรุ่นน้องแล้วก้าวออกไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ
“พี่ไม่กลับบ้านหรอ บัตรก็ไม่ได้เเลกเดี๋ยวรปภมาไล่หรอก” ดวงตาคู่กลมสวยมองคนแก่วัยกว่าอย่างสนเท่ห์ หากได้รับคำตอบเป็นมะกอกลูกใหญ่กลางหน้าผาก
“ใครจะไล่ กูอยู่ตึกนู้น” นิ้วชี้ยาวของพี่คุณชี้ไปคนละทิศกับตึกของเขา ภัทรอยากจะตบหน้าผากตัวเองสักที่ที่จุดใต้ตำตอ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่คอนโดเดียวกับพี่คุณมานานเเค่ไหนเเล้ว
ที่สุดเเล้วเด็กหนุ่มก็เลี่ยงไม่ได้ ภัทรเดินหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ เห็นพี่คุณคว้าเอาตะกร้าขึ้นถือ ตรงดิ่งไปยังโซนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“จะกินขนมอะไรก็ไปหยิบ กูไม่ได้อยากทรมานทรกรรมเต้าหู้ไข่ขนาดนั้น” พี่คุณโบกมือไล่เขาไปยังโซนขนม ส่วนตัวเองก็เเทบจะกวาดเบียร์ทั้งเชลฟ์ลงมา
“ทำไมอยู่ดี ๆ พี่ถึงจะกิน” ภัทรมองเสี้ยวหน้าคมสันเเล้วก็เกิดคำถาม มันคงไม่ใช่อารมณ์ศิลปินที่นำภาให้เขาต้องมาเดินเปิดเบียร์จิบไปคุยไปกับอีกฝ่าย
“โดนทิ้ง” เสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้นเท่านั้นเเล้วก็ยกเบียร์ดื่มจนหมดกระป๋อง คุณหย่อนมันลงถังขยะก่อนจะพาเด็กที่เขาบังคับให้ติดสอยห้อยตามเขามาด้วยขึ้นห้องพัก
“งั้นพี่ก็โสดแล้วถูกมั้ย”
“เออ!” น้ำเสียงกระเเทกกระทั้นทำให้ภัทรตัวลอย ทีเเรกเขาไม่ได้คาดหวังว่าพี่คุณจะต้องครองโสดประหนึ่งเพศสมณะเพราะเขาก็รู้ดีมาตลอดว่าพื้นที่ข้างกายของคุณานนท์ไม่เคยว่าง เด็กหนุ่มคิดตื้น ๆ แต่เพียงว่าเมื่ออีกฝ่ายไม่มีพันธะ ก็คงไม่ผิดที่เขาจะเดินหน้า
วันนี้คือวันโชคดีของเขาจริง ๆ ด้วย
ภัทรเดินผ่านเข้าห้องนอนของรุ่นพี่ไปด้วยหัวใจลิงโลด ถึงพลาสติกใส่เครื่องดื่มมากกว่าสิบกระป๋องถูกวางลงที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา ภัทรทิ้งตัวลงข้างรุ่นพี่ เขาเเกะถุงขนมออกมาเเบ่งเเต่อีกฝ่ายโบกมือปฏิเสธ เขาจึงได้เเต่นั่งเล็มขนมกรุบกรอบไป นั่งมองคนที่ซดเบียร์เเทนน้ำเปล่าไป
จริง ๆ ภัทรหวังว่าจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวอย่างละเอียด หากพี่คุณกลับไม่เอ่ยอะไรออกมาเเม้เเต่คำเดียว ทั้งท่าที่เหนื่อยหน่ายเเละดวงตาวูบไหวนั้นยากเกินเเก่การคาดเดาของเด็กหนุ่ม
“กูแค่ไม่เข้าใจว่าทุกวันนี้กูยังดีไม่พออีกหรือไง” คนแก่วัยกว่าเปรย มือข้างที่ถือกระป๋องเปล่าใบที่หกโยนมันออกไปทางถังขยะเเต่พลาดเป้า เขาไม่สนใจ เอื้อมมือคว้ากระป๋องที่เจ็ดขึ้นมาเปิด
“พี่ดีกว่าที่ใคร ๆ รู้อีก” ภัทรนั่งจ๋อง ในมือถือมันฝรั่งทอด
“หึ.. ไม่หรอก ขนาดกูให้เขาทุกอย่างเขายังไปเลย” คุณแค่นหัวเราะ มือใหญ่คล้ายจะถือกระป๋องเเทบไม่อยู่ ดวงตาของเขาฉ่ำเยิ้มไปหมด
“แล้วถ้าผมขอพี่จะให้มั้ย” ภัทรขยับตัวเข้าใกล้ร่างสูงใหญ่ที่คล้ายจะเริ่มคุมสติตัวเองไม่ได้ ร่างเล็กบางแนบชิดจนกลิ่นเเอลกอฮอล์ที่อีกฝ่ายดื่มลอยมาปะทะจมูก
“ถ้าให้เเล้วมึงจะทิ้งกูไปอีกคนรึเปล่า” คุณานนท์ตอบคำถามด้วยคำถาม เขารู้สึกว่าเห็นหน้าเจ้าเต้าหู้ไข่ใกล้กว่าปกติ
“ไม่ไปหรอก ไม่ทิ้ง” มือเรียวเเตะลงบนเสี้ยวหน้าคมสัน ภัทรเห็นว่าอีกคนไม่ปฏิเสธเเล้วก็นึกย่ามใจ
“งั้นจะเอาอะไรมึงเอาไปเลย เงินอูยู่นกระเป๋า โน๊ตบุ๊คอยู่บนโต๊ะ จะหยิบอะไรก็เอาไปเลย” พี่คุณเริ่มชักจะเลอะเทอะ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ตะกายขึ้นมานั่งบนตักเเล้ว
“ผมไม่ได้อยากได้ข้าวของเงินทองอะไร ผมเเค่อยากได้ตรงนี้” ภัทรวางลงมือลงบนกึ่งกลางหน้าอกที่กระเพื่อมไหวตามจังหวะหายใจ
“จะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ” คนเมาโบกมืออย่างตัดรำคาญ
“งั้นผมขอนะ” ภัทรทวน ดวงตากลมใสเเจ๋วสบกับนัยน์ตาหวานเชื่อม เมื่อคุณานนท์พยักหน้า เด็กหนุ่มที่นั่งลงบนตักจึงโน้มหน้าลงไปเอ่ยปาก ‘ขอ’ อย่างใกล้ชิด
---------------------------------------------------------------
เขาก็ให้กันง่ายดีนะคะ