#แสนแสบแสนรัก
บทนำ
บรรยากาศชนบทรายล้อมด้วยด้วยป่าเขา หมู่บ้านที่รัตนะมาพักผ่อน หม่อมเจ้ามณีรัตน์ผู้เป็นมารดาซื้อที่ดินในชนบทไว้เพื่อหลบหนีจากความวุ่นวายจากเมืองกรุง
รัตนะ บุตรชายคนเล็กมีศักดิ์เป็นหม่อมราชวงศ์ ทว่าอย่างไรก็เป็นคนสามัญธรรมดา รัตนะจึงเปลี่ยนมาใช้นามสกุลทางฝั่งบิดาแทน
“ว่าแต่แถวนี้ไม่มีโจรหรือไงถึงไม่ได้กั้นรั้วไว้”
รัตนะถามพ่อบ้านประจำเรือนไทย ขณะที่เดินมาสำรวจบริเวณลานหลังบ้าน เมื่อสิบกว่าปีก่อนจำได้ว่าเป็นป่ารกทึบ แต่ในเวลานี้ลานหลังบ้านเป็นสวนร่มรื่นติดกับคลองน้ำใส มีดอกบัวแตกใบอยู่กลางคลองน้ำ ทว่าอีกฝากฝั่งยังมีบ้านเรือนไม้เป็นแถวเห็นแนวสวนผักเล็ก ๆ อยู่ข้างบ้าน
“ไม่มีครับ แถวนี้มีชาวบ้านคอยเฝ้าระวัง คนทางฝั่งนั้นก็ไม่ใช่ขโมย ตานันเป็นหัวหน้าชาวสวน จึงไม่ใช่คนไม่ดี”พ่อบ้านอธิบาย เมื่อรัตนะเดินมาถึงริมตลิ่งใกล้คลองสีใส มีต้นมะขามเทศปลูกไว้เป็นร่มเงา ขณะที่คนรับใช้เร่งยกเก้าอี้ผ้าใบออกมากางเพื่อให้คุณชายได้มีที่ได้พักพิงหลังเดินทางมาเหนื่อยๆ คนรับใช้ในบ้านต่างได้ยินว่าคุณรัตนะมีวังผู้ดีอยู่ที่บางกอกนู่นแหนะ เป็นถึงคุณหญิงคุณชาย แต่ไม่รู้คิดพิลึกอะไรมาหลงสเน่ห์เมืองนอกสายตาแบบนี้
หลังฟังคำของพ่อบ้านจนจบ ลานหลังบ้านกับมาสงบเงียบ รัตนะนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบ ทอดสายตามองไปยังลำคลองสายยาว อากาศเย็นสบาย ลมพัดมาหนึ่งครั้ง มีกลิ่นหอมของดอกไม้ผ่านจมูก เขายิ้มกับตัวเองหยิบเอาหนังสือมาอ่านเล่นฆ่าเวลา
ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ราวกับมีคนกระโดดลงน้ำ รัตนะเหลือบมองผ่านสันหนังสือ เสียงสาดกระเซ็นของน้ำดังขึ้นอีก รัตนะเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะลุกเดินไปตามเสียง ไล่ไปตามแนวตลิ่งที่มีพุ่มไม้คอยบดบัง เขากวาดสายตามองที่มาของเสียง หากว่าเป็นตอนดึกเขาคงนึกหวาดระแวงอยู่หรอก
เสียงน้ำแตกกระจายพร้อมด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน
“ฮึ้บ…”เสียงนุ่มดังจากเหนือผิวน้ำ กลางลำคลองใสมีกอบัวแผ่ใบและดอกชูช่ออวดสีสัน ศีรษะทุยโผล่เหนือน้ำ ในมือถือฝักบัวสีเขียวที่แก่พอจะเก็บเมล็ดได้ รัตนะจ้องมองอึ้งๆไม่คิดว่าจะมีเด็กตัวกระเปี๊ยกมาเล่นน้ำในคลองหลังบ้านพักของเขา
ตั้งท่าจะโผล่ออกไปตักเตือน ทว่าสองขาหยุดชะงัก เมื่อเด็กหนุ่มกระโจนขึ้นแพห่วงยางเล็กที่ลากมาด้วย
เจ้าเด็กนั่นล่อนจ้อนเหลือแต่ผ้าเตี่ยวปกปิดโตงเตงน้อยเอาไว้ รัตนะทำหน้าเหมือนเห็นสาวๆอาบน้ำไปได้ เขาหัวเราะ ยืนกอดอกมองเจ้าเด็กคนนั้นจุ่มขาลงน้ำ เอื้อมแขนไปดึงดอกบัวที่บานแล้วมาใส่ตระกร้าสาน ในนั้นอัดแน่นด้วยดอกบัวสีชมพูแซมสีขาว
เด็กคนนั้นมีดวงตากระจางใส ผิวกายขาวทว่าออกมาเล่นกลางแดดอยู่บ่อยๆ จึงดูคล้ำแดดที่นอกร่มผ้าส่วนร่างกายในร่มผ้ามีผิวขาวปกติ เด็กหนุ่มหยิบดอกบัวขึ้นดมก่อนจะย่นจมูก แกว่งขาอยู่บนแพรฮัมเพลงเบาๆคลอ ใช้ไม้ไผ่ด้ามยาวเป็นตัวขับเคลื่อนทิศทาง
รัตนะเหลียวมองไปรอบๆตัว มองหาคนรับใช้สักคนเพื่อมาถามไถ่ว่าเด็กคนนั้นลูกเต้าเหล่าใคร ไม่ทันไร เด็กตัวกระเปี๊ยกก็เตรียมถอดผ้าเตี่ยวตัวจิ๋วออก เขาผงะเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลดังจ๊อก…
เจ้าเด็กนั่นมันฉี่งั้นเรอะ ไม่ทันก้าวขาไปตักเตือน เสียงฝีเท้าและเสียงเรียกชื่อทำให้เขาสะดุ้งเฮือก
“คุณรัตนะครับ…” พอมีเสียงเรียเขารีบหันมองพ่อบ้านที่เข้ามารายงานความเรียบร้อยรอบๆบ้าน เสียงต่ำๆของพ่อบ้านทำให้รัตนะหมดความสนใจ สองหูสนใจฟังแต่เสียงเด็กหนุ่มเล่นน้ำทางด้านหลังมากกว่า
เสียงน้ำแตกกระจายดังแผ่วๆ เขาเหลียวมองไปยังจุดที่เจอเด็กคนนั้น วงน้ำกระเพื่อมเหลือแต่แพห่วงยางที่ลอยกลางลำคลอง ไร้วี่แววของเด็กหนุ่มทีแรกคิดว่าจะเป็นอันตราย แต่เขาเห็นร่างไวๆของเด็กคนนั้นำผุดดำว่ายหลังแพห่วงยาง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”เสียงพ่อบ้านถามด้วยความงุนงง
“อ้อ เปล่า”รัตนะปฎิเสธ เลิกสนใจเด็กคนนั้น
ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังสวนหลังบ้าน ทิศทางของเก้าอี้ผ้าใบตัวเดิม คราวนี้มีร่มคันใหญ่กางไว้พร้อมโต๊ะตัวเล็กวางน้ำดื่มและอาหารว่าง
ลับร่างของเจ้าของบ้าน เด็กหนุ่มเมื่อครู่ก่อนโผล่หน้าออกมาจากน้ำ ใบหน้าแดงก่ำด้วยรอยแดด ดวงตากลม ก่อนพ่นน้ำออกมาเป็นฟองแล้วหัวเราะดังพรืด
ตลกคุณผู้ชายรูปหล่อเมื่อครู่นี้อยู่เหมือนกัน
“มาแอบมองตั้งนาน นึกว่าจะมาไล่ซะอีก”เด็กวัยทะโมนย่นปากก่อนจะว่ายกลับไปที่แพห่วงยาง แล้วลอยคอกลับไปยังริมตลิ่งฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ยากเย็น สายตาจดจ้องไปทางต้นมะขามเทศใหญ่ที่เห็นเก้าอี้ผ้าใบลิบๆ ใบหน้ากลมผุดยิ้มซุกซน
. . .
รัตนะคิดว่าตัวเองหูฝาดอีกแล้ว เสียงเล่นน้ำดังแผ่วๆจากคลองน้ำใสไม่ไกล เขาหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วลุกเดินลัดเลาะไปตามริมตลิ่ง อากาศวันนี้แจ่มใสไร้เมฆ พอหยุดอยู่ที่ใต้ต้นลำพู เขาเห็นเด็กคนเดิมมาเล่นเล่นน้ำอีกครั้ง นั่งอยู่บนแพรห่วงยาง แต่ว่าคราวนี้เปลี่ยนมานุ่งผ้าขาวม้าธรรมดา โชว์ผิวกายขาวท้าแสงแดดยามรุ่งเช้า ชะโงกหน้ามองเหนือผิวน้ำ ราวกับว่ากำลังเพ่งมองเงาสะท้อนจากน้ำในคลอง
เขารู้สึกชอบใจเด็กตัวกระเปี๊ยกนั่นตรงที่ไม่สนใจโลกภายนอก แค่เล่นน้ำมีความสุขอย่างกับปลาในอ่าง เด็กนั่นยกขาขึ้นมาตั้งเข่าขัดถูทำความสะอาด ไปๆมาๆ รัตนะรู้สึกผิดบาปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาดูโรคจิตที่มาเมียงมองเฝ้าดูเด็กอายุไม่ถึงสิบห้าปีเลยกระมัง
กำลังจะหันหลังกลับ แต่การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้ชะงัก เมื่อคนบนแพห่วงยางเลิกชายผ้าขาวม้าขึ้นดูเจ้าหนูของตัวเอง แม้จะหันหลังให้ แต่รัตนะรู้สึกอาบแทน เร่งสืบเท้าออกห่างจากแนวตลิ่ง จากที่รู้สึกโมโหที่มาจับจ้องมองเด็กผู้ชาย
คิดใคร่ครวญดูแล้ว เด็กก็ยังเป็นเด็ก ก็แค่สงสัยในร่างกายของตัวเอง เด็กตามชนบทก็เป็นแบบนี้ รัตนะส่ายหน้าที่ตนเองไปเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้
“บ้าชะมัด”
เสียงแว่วตูมตามจากการกระโดดน้ำดังมาให้ได้ยิน ตามมาด้วย ‘อูย แสบอะ’
แสบ…
เจ้าแสบ!?
ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในใจ ทำให้รัตนะหันร่างเดินกลับไปทางเดิม ข้างต้นลำพูยังคงมีเส้นทางให้ลงไปยังริมตลิ่ง เขามองไม่เห็นร่างของเด็กแสบแล้ว เหลือแต่แพห่วงยางที่ลอยเอื่อยๆ กวาดสายตามองไปรอบๆแล้วไม่เห็นแม้แต่เงา กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“นี่...ไอ้หนูน้อย!”รัตนะก้าวขาลงไปยังริมตลิ่ง จนมาถึงจุดที่ปริ่มน้ำ เขาจับกิ่งลำพูเพื่อทรงตัว ยื่นคอมองหาเด็กหนุ่มคนนั้น
“ไม่ใช่หนูน้อย”เสียงนุ่มยังไม่แตกหนุ่มดีเอ่ยเจื้อยแจ้วจากด้านหลัง พอหันไปมองเขาเห็นเด็กแสบยืนยิ้มกริ่ม
“เฮ้ย”
รัตนะตกใจ ไม่ทันระวัง รู้สึกตัวอีกทีก็เอนหงายหลังล้มลงปะทะเข้ากับผืนน้ำเย็นดังตู้ม ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากเด็กแสบด้านบน รัตนะโผล่พ้นจากน้ำ ระดับน้ำในคลองไม่ลึกเท่าเอวของเขาเท่านั้นจึงยืนขึ้นอย่างหมดท่า เด็กแสบไม่สวมเสื้อ เปลือยท่อนบนจนเห็นรอยแดงจากแดด นุ่งผ้าขาวม้าพันรอบเอว แต่เพราะเปียกแรงถ่วงจึงดึงรั้งให้ขอบผ้าขาวม้าต่ำจนเห็นร่องกระดูก
“ตกน้ำไปซะแล้ว เจ้าพรานป่า”
“นี่...”รัตนะเร่งเดินลุยน้ำขึ้นมาหา แต่เด็กนั่นไวกว่า หัวเราะเสียงดังก่อนจะกระโดดตูมลงน้ำ เวียนว่ายไปยังแพห่วงยาง คว้าไม้ไผ่แล้วพายกลับไปยังริมตลิ่งอีกฝั่งอย่างชำนาญ ทิ้งให้รัตนะหัวเสีย เดินกลับไปยังลานหลังบ้านด้วยสภาพเปียกโชกไม่ต่างจากลูกหมา
ได้แต่บ่นพึมพำ นึกถึงกิริยาของอีกฝ่ายกระตุ้นให้นึกถึงเด็กน้อยตัวแดงๆคนหนึ่ง ที่เลือนรางในความทรงจำมานาน พอคิดทบทวนจึงเข้าใจ
เจ้าแสบ!
อายเด็กมันไหมล่ะรัตเอ๋ย
. . .
เจ้าแสบแอบตานันมาเล่นน้ำที่คลองท้ายบ้านใหญ่ของเศรษฐีอีกแล้ว วันนี้มันแอบมาขุดรากบัว พอได้หลายกำมือแล้วจึงหยุดเล่นน้ำ นึกหวั่นๆได้ยินว่าเจ้ากกถูกปลิงเกาะจนเลือดอาบ มันร้องไห้ไปฟ้องแม่เสียงดังไปสามบ้านเจ็ดบ้าน เจ้าแสบเลยกลัวๆ แต่สุดท้ายก็กระโดดตู้มดำผุดดำว่ายในคลองใส
ขณะที่ปีนขึ้นไปนั่งบนแพหวงยาง มันเอื้อมไปเด็ดดอกบัวสีชมพูบานออกมาเล่น อากาศช่วงเช้าไม่ร้อนมันจึงมีเวลาพิรี้พิไรขัดถูร่างกาย ลอบมองเข้าไปทางริมตลิ่งของอีกฝั่ง
จดจำได้ว่าเมื่อคราวก่อนมีผู้ชายหน้าตาดีมากางเก้าอี้ผ้าใบนอนกินลมชมวิวอยู่ กว่าเขาจะรู้ตัวก็ถูกสายตาคมเข้มจับจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย นึกถึงคุณผู้ชายที่ตกน้ำไปแล้วเขาหัวเราะฮ่าๆใส่แล้วอดหวั่นไม่ได้ เจ้าแสบคิดกลัวว่าจะถูกไล่ห้ามไม่ให้มาเก็บดอกบัวอีก จึงคิดว่ายน้ำหนีกลับบ้าน แต่ถูกคนบนฝั่งร้องเรียกกวักมือให้เข้าหา
“เฮ้ เจ้าหนู มานี่ๆ”
เสียงคุณผู้ชายอ่อนนุ่มท่าทางใจดี แต่ดวงตาดุมองมาแปลก ๆ เจ้าแสบนึกสงสัยว่าเพราะเขาตัวคล้ำแดดเปลือยล่อนจ้อนหรือเปล่านะ แต่วันนี้เขาสวมผ้าขาวม้านุ่งสั้นๆเพื่อกันปลิงเข้ามาหาไอ้แสบน้อย
“มานี่ พี่ไม่ตีหรอกน่า ไม่เคืองเรื่องที่ตกน้ำหรอก”
พอได้ยินคนโตกว่าพูดแบบนั้นมันก็โล่งใจ แต่ส่ายศีรษะ “โป๊อยู่ ขึ้นฝั่งไม่ได้”
เจ้าแสบร้องบอกลอยคอในน้ำ สอดส่องไปทั่วตลิ่งรมรื่น มองเลยเก้าอี้ผ้าใบมีสวนร่มรื่นต้นไม้เรียงตัวเป็นระเบียบ มีโรงเพาะต้นไม้อยู่ข้างๆ เป็นคนมีสตางค์เหมือนที่ตาบอกไว้จริงๆ ว่าลูกผู้ดีมาพักที่เรือนไทยหลังใหญ่ ไม่ให้มันมาวุ่นวายที่คลองท้ายบ้านอีก เดี๋ยวจะขัดหูขัดตาแล้วจะเป็นเรื่องเอา
ขณะที่รัตนะลุกจากเก้าอี้ผ้าใบเดินมานั่งมองเจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยก ที่ใบหน้าฝาดเลือดกร้านแดดจนแดงไปหมด แม้เนื้อตัวจะถูกแดดเผาไปบ้างแต่ผิวกายในน้ำนั้นขาวสะอาด
“ฮะๆ ระวังนะ….”
รัตนะร้องเตือนนึกสนุกที่ได้อำเด็กแสบ ทั้งที่เคยอุ้มเมื่อครั้งยังแบเบาะตอนนั้นยังตัวแดงๆอยู่เลย โตมาแล้วจำแทบไม่ได้ ไม่คิดว่าจะหน้าตาน่ารักมีดวงตาซุกซน อายุเท่าไรก็จำไม่ได้ แต่ยังไม่โตเต็มที่ เดาๆว่าคงสิบสามสิบสี่ปี เขาถึงได้อยากแกล้ง
“อะไรเหรอ”
“ปลาจะตอดเอาน่ะสิ”รัตนะเอ่ยเสียงจริงจัง
“หือ ไม่มีปลา มีแต่ปลิง”เจ้าแสบว่า หันรีหันขวาง ในน้ำเย็นสบายปลาสักตัวยังไม่เห็น
“มีสิ มองเฉยๆก็ไม่เห็นหรอกน่า ไม่รู้เหรอว่าต้องงมหาลึกๆถึงจะเจอ แต่พอเจอเข้านะ หนูจะตกใจ”รัตนะเอ่ยเสียงนุ่มนวลหลอกล่อ จริงๆไม่คิดว่าเด็กอายุเท่านี้จะไม่รู้อะไรเลย วัยแบบนี้ควรสนใจร่างกายของตัวเองได้แล้ว แต่การกระทำเมื่อหลายวันก่อนก็พอจะตอกย้ำว่า เจ้าแสบก็ยังสนใจช้างน้อยของตัวเอง
“ทำไมอะ”เจ้าแสบทำหน้างง ดวงตาใสซื่อ ชายหนุ่มหัวเราะเกาศีรษะอดนึกเอ็นดูในความไร้เดียงสา คงจะผิดบาปหากว่าเขาเอ่ยสองแง่สองงามกับเด็ก แต่ปากไวกว่าสมองไปแล้ว
“เพราะตัวใหญ่มาก”
“อา...ไม่ยักจะเห็นมี”เจ้าแสบจ้องมองลงในน้ำ ถ้าตัวใหญ่อย่างที่ว่ามันไม่พลาดแน่ ยังก็ต้องจับได้ จู่ๆเจ้าแสบก็สะดุ้งราวกับโดนช็อตก่อนจะดิ้นขยุกขยิกไปมา จนผิวน้ำกระจาย สีหน้าคล้ายจะร้องไห้
“เป็นอะไร”รัตนะถามห่วงๆ ยื่นคอมอง
“โอ้ย สงสัยปลิงจะเกาะขาหนูแล้ว พี่ช่วยด้วย!”เสียงน้ำดังตูมตามเมื่อเจ้าแสบพยานามว่ายึ้นฝั่งด้วยอาการเร่งร้อน นึกถึงไอ้ปลาที่โดนปลิงดูดเลือดแล้วกลัว
“ช่วยยังไง”
เจ้าแสบรีบว่ายน้ำมาใกล้จนถึงฝั่งตื้นผุดลุกเดินขโยกเขยกเข้ามาหา ผ้านุ่งสั้นๆถูกแรงน้ำเปียกทำให้ร่นลงมาจนเห็นสะโพกน้อยๆ เจ้าแสบเดินเข้ามาหาสีหน้ากลั้นน้ำตา
“มันจะดูดเลือดหนูหมดตัวแน่”อีกฝ่ายเอ่ยเหมือนเด็กเล็กๆ รัตนะแค่ยิ้ม
“มา เดี๋ยวพี่จะช่วยจับมันออก”ขยับเข้าไปใกล้เพื่อปลดผ้าขาววม้า แต่เจ้าแสบคว้าปมผ้าไว้มั่น พร้อมส่ายหน้าดิก
“ไม่ได้ เดี๋ยวมันโป๊ มันเกาะตรงนี้ ตรงขาหนู”เจ้าแสบร้องลั่น ไม่ยอมให้ถอดผ้าขาวม้า ตะปบมือลงที่บริเวณขาหนีบไม่กล้าล้วงมือเข้าไป
“อ้าว...จะให้ล้วงเลยเหรอ”รัตนะตกใจกว่าเดิม จ้องมองใบหน้าฝาดเลือดของเด็กหนุ่มอยู่ไม่ห่าง
“เร็วเข้า มันกระดึ้บมาใกล้ช้างน้อยหนูแล้ว”เสียงร้องตื่นๆ เร่งให้รัตนะเอื้อมมือเข้าไปจับที่เอว มืออีกข้างล้วงเข้าไปใต้ผ้านุ่งเปียกพยายามควานหาตัวปลิงดูดเลือด บนต้นขาเย็นๆนิ่มๆ
“เจอยัง!”
“อีกเดี๋ยวสิ ใจร้อนจริงไอ้หนู”รัตนะหัวเราะเจื่อนๆรู้สึกประดักประเดิดเหลือเกิน ปัดป่ายมือไปที่ซอกขาด้านในกระทั่งเจอกับปลิงลื่นๆจึงออกแรงดึง แต่เจ้าแสบร้องจ๊าก
“มันเจ็บนะพี่ เบาๆ”
“ชู่ๆ แข็งใจไว้นะ เดี๋ยวพี่มีรางวัลให้”รัตนะเอ่ยปลอบไปแบบนั้น เหงื่อผุดตามใบหน้าและแผ่นหลังก่อนจะออกแรงดึงเอาเจ้าปลิงตัวใหญ่ออกจากต้นขาด้านในของเด็กหนุ่ม แต่ปลิงมันเกาะหนึบจึงต้องใช้แรง
ดึงออกหนเดียวจนหลุดออกมา ในมือของรัตนะมีรอยเลือดจากปลิง พอเห็นเจ้าตัวดำๆหลุดออกมาเจ้าแสบก็เบะปากไปซะแล้ว
“..พี่โกรธหนูใช่ไหม ทำพี่ตกน้ำแล้วก็แอบมาลักดอกบัวไปบ่อยๆ”เจ้าแสบร้องบอก สองมือคลำที่ต้นขาป้อย ๆ เพราะร่องรอยเมื่อครู่ทำให้เจ็บแสบ
กลับกันรัตนะสลัดเอาปลิงตัวดำออกจากมือก่อนจะคว้าไม้มาบี้ให้ตายจนเลือดแดงฉาน
“นี่ไง..เจ้าปลิงมันคงโกรธแสบมากกว่านะ”ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ชี้มือให้เด็กแสบดูปลิงตายบนพื้น เจ้าแสบชะเง้อมอง มืออีกข้างปาดน้ำตา ชายผ้านุ่งเลิกจนเห็นต้นขาข้างหนึ่งกึ่งๆจะเห็นเจ้าโตงเตงน้อยแล้ว รัตนะส่ายหน้า ยังเด็กยังเล็กแท้ๆ ไม่ทันระวังเลยเอื้อมไปดึงผ้านุ่งให้ปิดขา
“อืม มันตายเลย”
“ไม่งั้นเราคงถูกปลิงดูดเลือดหมดแน่… เอ้า ไปใส่เสื้อผ้าไปเดี๋ยวเป็นไข้เอา”รัตนะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชี้มือไปยังทางประตูหลังบ้านไม่ไกล
“หนูจะกลับบ้านแล้วแอบตามาเล่น”เจ้าแสบทำท่าจะลงน้ำใหม่ แต่รัตนะคว้าตัวไว้จับไหล่แน่น ตัวเปียกแบบนี้ยังจะลงไปว่ายน้ำกลับบ้านอีกเกิดป็นอันตรายขึ้นมาก็แย่พอดี
“เดี๋ยวก็ถูกปลิงเกาะอีก มาๆ พี่จะพาไปส่ง”ไม่พูดเปล่า รัตนะพาเจ้าแสบเดินไปยังทางหลังบ้าน ขณะที่เด็กหนุ่มเงยมอง
“แล้วรู้จักหนูได้ยังไง”
เจ้าแสบสูดจมูก เมื่อครู่ก่อนมันได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อ รัตนะยิ้มขำเดินพาเจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกที่ผิวขาวเป็นบางส่วนโดยเฉพาะในร่มผ้า
“ก็เห็นมาเล่นน้ำคลองทุกวัน จะไม่รู้จักได้ยังไง ชื่อแสบใช่ไหมล่ะ”
“อือ”เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ เดินจับปมผ้านุ่งไว้แน่นตลอดทาง
“แค่อือ ได้ยังไง พูดเพราะๆสิครับ”รัตนะเอ่ย แต่ไม่ได้เอาจริงเอาจริงอะไร
“ครับชื่อแสบ เพราะว่าเป็นเด็กดื้อครับ ตาเลยตั้งให้ใหม่”เจ้าแสบตอบไม่สะทกสะท้านอะไรกลับชอบใจในชื่อใหม่
“แล้วชื่อเก่าล่ะ”รัตนะเลิกคิ้วสงสัยจ้องมองคนตัวเตี้ยกว่า ทว่าเจ้าแสบเงยมองด้วยดวงตาซุกซน รอยยิ้มผุด
“ไม่บอกหรอก พี่ก็พูดเพราะๆบ้างสิครับ”เจ้าแสบยอกย้อน ทำเอาคนโตกว่าอ้ำอึ้ง นึกในใจว่า เจ้าแสบนี่มันแสบจริงๆ
รัตนะนึกขำพาเด็กหนุ่มไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัวให้แห้ง บ้านของตานันของเจ้าแสบอยู่ที่คลองอีกฝั่งก็จริงแค่ถ้าใช้ถนนลัดเลาะไปในหมู่บ้านข้ามสะพานไปยังฝั่งบ้านของตานันก็ไม่ยากเย็น แม้จะใช้เวลานานกว่าว่ายข้ามกลับไปยังอีกฝั่ง
หลังจากให้เจ้าแสบเปลี่ยนเสื้อผ้า หาเอาเสื้อกางเกงของรัตนะที่ไม่ใส่แล้วให้เด็กตัวกระเปี๊ยกใส่ก็ออกจะหลวมโพลกแต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ระหว่างทางพากลับบ้าน รัตนะขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งโดยให้คนอายุน้อยกว่าซ้อนท้าย เจ้าแสบเล่นน้ำจนตัวร้อน หวั่นๆว่าจะเป็นไข้บ่นอุบอิบว่าลืมเก็บรากบัวมาด้วย
“ไม่ต้องเอาแล้ว รากบัวแค่กี่อันเอง อย่าซนอีกนะเรา”
“..ฮึ ทีพี่ล่ะ ยังชอบทำตัวซนๆ”
“อะไรล่ะ”
“ก็ชอบแอบมองหนูไง หนูเห็นนะวันแรกๆที่พี่มาน่ะ แอบมองหนูอยู่ จ้องมาตาอย่างกับไข่ห่านเลย”เจ้าแสบว่าพลางหัวเราะคิกๆ กับแผ่นหลังของรัตนะ มันกอดเอวพี่ชายใจดีแน่นกลัวตกเพราะรถของพี่คนนี้คันใหญ่และเสียงดังมากๆ
สองมือกำสะโพกคนขับขี่แน่น เมื่อรถมอเตอร์ไซค์เร่งความเร็ว เจ้าแสบหลับตาปี๋เพราะแรงลมปะปนว่ากลัว
“โอย ขี่เร็วไปแล้วพี่จ๋า”เจ้าแสบร้องบอก แม้ว่าเส้นทางขับขี่จะสะดวกไร้รถสัญจรสวนมาก ขนาบข้างด้วยทุ่งนาและป่าหญ้าสีเขียว เจ้าแสบก็กลัว
“…ที่มองก็เพราะคุ้นๆว่าใช่คนหรือผี กลัวเป็นผีน้ำน่ะสิ”รัตนะแก้ตัว ลดความเร็วลงเมื่อเข้าเขตชุมชนเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านของตานัน ผู้ปกครองของเจ้าแสบ
“คนนะไม่ใช่ผี ตัวเบอเร่อขนาดนี้”
“หึๆตัวแค่นี้คิดจะวัดเหรอ”รัตนะส่ายหน้า ก่อนจะเข้ามาจอดรถที่ลานหน้าบ้าน บ้านในชนบทจะไม่มีรั้วกั้น ทำให้เขาสามารถขี่รถเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบันไดบ้านได้ง่ายๆ ถัดไปไม่ไกลทางซ้ายมีแปลงผักสวนครัวอยู่ ทำเป็นร่องดินยาว และเล้าไก่เล็กๆทางด้านขวา
เจ้าแสบรีบลงจากรถแต่ขาไม่ถึงพื้นด้วยความที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาเป็นคันใหญ่ใช้วิ่งในงานวิบาก รัตนะยิ้มขำใส่ข้าตั้งรถเสร็จก็เหวี่ยงตัวจากรถเข้าไปช้อนไหล่หิ้วปีกจับลงพื้นได้ง่ายไม่ เจ้าแสบย่นคิ้วนิ้วหน้าบ่นอุบ
“โตแล้วครับ”
“จะอายุเท่าไหร่กันเชียว”รัตนะยิ้ม ยีศีรษะทุยๆ ผมเกรียนของเด็กหนุ่มไปด้วย แต่ฝ่ายนั้นเอนตัวออกห่าง ทำเสียงตึง ใบหน้ายับย่น
“สิบสามขวบแล้ว”
“อือ แสบโตก็โต”รัตนะไม่อยากเถียงกับเด็กๆ จึงไม่ได้สนใจจะเถียงกลับ ขณะเดียวกันก็เดินไปสอดส่องทางใต้ถุนบ้านที่ไร้คนอยู่อาศัย
“พี่ชื่ออะไรนะ หนูจะได้จดไว้”เจ้าเด็กแสบเดินมาอยู่ข้างๆ จ้องหน้าคนโตกว่าอย่างสนใจ พี่ชายคนนี้ตัวสูงมากทั้งยังดูน่ามองกว่าใครในหมู่บ้านซะอีก
รัตนะหัวเราะหนักกว่าเก่า “รัตนะ เรียกว่าพี่รัตก็ได้”
“รัดตานะ ชื่อแปล๊กแปลกไม่เหมือนหนูเลย เพื่อนหนูก็ชื่อเพราะๆตั้งเยอะ ชื่อแดง เต้ ไก่ กก น้ำ”
“อืม แล้วตาไปไหนล่ะ”เขาเหลียวมองเจ้าไปในใต้ถุนบ้านที่ว่างเปล่า ส่วนประตูบ้านปิดสนิทหมด หันมองเด็กหนุ่มที่เดินเข้าไปด้านในใต้ถุนบ้าน บริเวณนั้นมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับรับแขก
“สงสัยไปจับปลายังไม่กลับครับ”
“อยู่คนเดียวได้ไหม”รัตนะนึกป็นห่วง เด็กอายุเท่านี้อยู่บ้านคนเดียวอันตราย กลับกันเด็กทะโมนแค่ยิ้มกว้างตอบกลับมาอย่างไม่คิดอะไรมากตามประสา
“สบายมาก …อ้อ หนูไม่ลืมนะ จดชื่อไว้แล้ว”
“จดไว้ว่า..?”
“จดว่าพี่รัดเป็นคนไม่ดี จ้องๆมองๆ ตางี้ดุเชียว เหมือนนายพรานที่จับกินรีสวยๆไปไง พี่รัดตานะเป็นพวกเดียวกันไหม”คำพูดของเด็กแสบทำให้เขาหัวเราะในลำคอ จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างชอบใจ ไม่ถือสาเด็ก
แต่ชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆนั้นทำให้รู้สึกตื่นเต้นไม่เบา ไม่เบาจริงๆ โดยเฉพาะจ้าเด็กแสบคนนี้ ไว้คอยเป็นเพื่อนเล่น แกล้งอำอีกหลายๆหนให้หลาบจำ ปราบเด็กแสบให้หายดื้อเสียบ้าง
___________________________
เรื่องนี้ได้พล็อตมาจาก คุณเฟิร์น @FernhaeYnovel ในทวิตเตอร์ค่ะ
แต่ว่าเราเอามาปรับให้เข้ากับบรบทในเรื่อง เซตติ้งไม่ใช่ปัจจุบัน เป็นช่วงหลังเปลี่ยนการปกครอง (ยังไม่ระบุช่วงเวลาชัดเจน) แต่ก็ยังคงความเป็นน้องเล่นน้ำคลองอยู่ (รอก่อนๆ)
ยังไงก็เผยตัวเจ้าแสบมา ไม่รู้แสบสมชื่อไหม ส่วนเรื่องงูๆปลาๆในน้ำ ตอนนี้น้องยังเด็ก เสี่ยงคุกมาก 555 รอให้น้องโตกว่านี้อาจเป็นฝ่ายมาอำรัตนะกลับก็ได้นะ
ฝาก #แสนแสบแสนรัก ด้วยน้า (ไม่ใช่คลองแสนแสบนะ 55)
ขอบคุณค่ะ