+++ หล่อแค่ไหนก็ไม่รัก +++ Update ตอนที่ 19 ตอนจบ (22-02-19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +++ หล่อแค่ไหนก็ไม่รัก +++ Update ตอนที่ 19 ตอนจบ (22-02-19)  (อ่าน 46428 ครั้ง)

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ขอกรรไกรมาตัดเลยได้ป่ะ เงื่อนเยอะจริงๆ 555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบคาแร็กเตอร์ตี้ ชอบที่ไม่เหมือนนายเอกนิยายเรื่องอื่นๆ
ให้ความรู้สึกแบบคนธรรมดาไม่ได้เลิศอะไรมาก
 :pig4:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะครับ
อยากอ่านอีกเยอะๆ เลย  :กอด1:
ขอบคุณมากครับ/ เบน

+++


15

เมษายน

แม้อากาศข้างนอกจะร้อนจนปิ้งไก่สุกพร้อมขาย แต่ยามบ่ายในจตุรคารที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแล้วนั้น แสนจะเย็นสบาย จนนักศึกษาหลายคนพากันง่วงหงาวหาวนอนกันเป็นแถบๆ ผมเองก็กำลังใจลอยไปถึงน้อง มช. คนที่เจอกันวันก่อนตอนไปดูหนังที่เมญ่า แล้วเขาให้เพื่อนเดินเข้ามาขอไลน์

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาดี เออ ก็เป็นไปได้นะ เพราะนี่คืออุตส่าห์ดูแลตัวเองแบบดีมาก ตั้งแต่ย่างเข้าหน้าร้อน เพราะกลัวตัวจะดำไปกว่านี้ ตัดผมตัดเผ้า ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปทำเลเซอร์ (ผ่อนเอา) ตามคำแนะนำของยัยปอ ก็เลยดูดีขึ้นมานิดหนึ่ง

แล้วนี่ก็คุยไลน์กันมาได้ อืม สองวันแล้ว เร็วไปไหมถ้าจะไปเจอเลยตามที่น้องเขาชวน
แล้วถ้าเกิดเขาชวนไปที่ห้องอะ

เนี่ย สุดท้ายมันก็หนีเรื่องอะไรแบบนี้ไม่พ้น คุยนาน ก็หาว่าเล่นตัว เผลอๆ หมาคาบไปแดก ไม่ก็หายหัวไปเลย แต่เร็วเกินไปก็หาว่าใจง่าย โชคร้ายก็อาจจะโดนฟันแล้วทิ้ง ถึงว่า หลายคนๆ คนจึงหาเอาจากเพื่อนหรือคนใกล้ๆ ตัว เพราะรู้จักนิสัยใจคอกันดีอยู่แล้ว และรู้สึกเป็นตัวของตัวเองกว่า

ผมมองไปรอบๆ ตัว ไอติมเหรอ เอ่อ มันก็หล่อนะ แต่ ยี้ เอาไม่ลง ขืนคิดอะไรกับมันคงมองหน้ากันไม่ติด โน ไอ้เตอร์เหรอ ไม่ใช่แนวเลยอะ

แล้วนี่อย่างน้องเฟมกับไอ้เด็กวิน ถ้าเป็นเรื่องจริง มันเอากันลงได้ไงวะ หรือเพราะว่าต่างคนต่างแอบชอบกันมาตั้งแต่แรกเจอ ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันจริงๆ

ถ้าให้พูดกันอย่างยุติธรรม เขาก็สองคนก็เหมาะสมกันดี
ทั้งหน้าตา ฐานะ การศึกษา …

“มึงเป็นไรวะ ฝันกลางวันถึงผัวเด็ก มช. มึงเหรอ”

ไอติมแซวพร้อมๆ กับเอาศอกมาถอง ผมมองไปรอบๆ ห้อง ไม่ยักกะรู้ว่าอาจารย์พักเบรคแล้ว

“พ่อมึงดิ”
“ได้กันแล้วเหรอวะ เป็นไงมั่ง เหลาๆ”
ไอ้เตอร์เข้ามาผสมโรง
“ยังโว้ย” ผมตะโกน “ตัวจริงยังไม่เคยไปเจอเลย อย่ามาพูดให้กูเสียหาย กูไม่ใช่มึง”
“อ้าว ถามแค่นี้ ด่ากูเป็นชุด ดูร้อนตัวนะมึงอะ”
“เดี๋ยวมึงจะโดน”
“เออ ลีลาเยอะ ถ้าไม่เอากูเอานะเว้ย”
“มึงกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้ามิกซ์ปะล่ะ”
“กล้าดิ ทำไมอะ กูจะเลิกกับแม่งแล้วเว้ย”
“อ้าว เป็นไรวะ งอนกันเหรอ”
ไอติมถาม
“ไม่ได้งอน แต่ช่างแม่ง ว่าแต่มึงเหอะ” ไอ้เตอร์พยักหน้าไปทางไอติม “ตกลงยังไงวะ มึงกลับไปคบน้องคิวท์บอยมึงเหรอ”

ไอ้เตอร์คงหมายถึงน้องเฟม ไอติมถลึงตาใส่มัน แล้วหันมายิ้มอ่อนกับผม

“กูขอแก้ข่าวนิดนึงเพื่อน กูก็ยังไม่ได้กลับไปคบ แค่คุยกันเฉยๆ”
“อ้าว”
ไอ้เตอร์อุทาน เหมือนที่ผมกำลังอุทานอยู่ในหัวตอนนี้เลย
“เออ ก็กูกลัวมึงด่า หาว่ากูโง่อะ กูเลยไม่ไดบอกมึง” มันรีบหันมาอธิบายกับผม “ที่จริง กูก็คุยกับเฟมมาเรื่อยๆ นั่นแหละ ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็เขามาง้อกู บอกจะไม่เลิกแล้ว เขารู้ตัวแล้วว่าเขารักกู”
“อ้าว ถ้างั้น แล้วเขามาบอกเลิกมึงแต่แรกทำไม”
“ก็ไอ้วิน…” ไอติมมองหน้าผมอย่างเกรงใจ “มาขอคบกับมันตอนไปเที่ยว เฟมมันก็เลยสับสน”
“อ้าว เหรอ มีคนมาบอกชอบ ก็เลยเลิกกับมึงจะไปคบกับคนนั้น แล้วพอมึงเจ็บ ก็ไม่เอาแล้ว มาขอคืนดี คืออะไรวะ ตกลงมันชอบมึงจริงๆ หรือกั๊กกันแน่วะ”
“ก็บอกว่าน้องมันสับสนไง มันเคยแอบชอบเพื่อนมันมาก่อน ก่อนที่จะมาเจอกู พอโดนขอเป็นแฟน มันก็เลยทำอะไรไม่ถูก ถ้ามึงจะโกรธก็ไปโกรธเพื่อนน้องมันโน่น อย่ามาโกรธแฟนกู” น้องมัน แหวะ แถมยังหลุดคำว่าแฟนออกมาเต็มๆ “เอ่อ กูหมายถึง อย่าโกรธน้องเฟม”

ผมฟัง คิดตาม และเข้าใจสถานการณ์ของน้องเฟม แต่คนที่ผมไม่เข้าใจคือ ไอ้เด็กวิน มันชอบเฟมจริงๆ หรือแค่อยากเอาชนะ เพียงเพราะคิดว่าเด็กภูธรอย่างไอติมหรือผม ไม่เหมาะสมกับเพื่อนไฮโซของมันเท่านั้น

“แต่กูก็ไม่ได้เชื่อซะทีเดียวเลยนะ ถึงกูจะยังชอบเขามากๆ อยู่ ก็ขอเล่นตัวนิดนึง ดูพฤติกรรมกันไปก่อน ให้แน่ใจว่า เฟมมันไม่ได้มีอะไรกับ… เพื่อนมันจริงๆ”

ไอติมไม่อยากจะเอ่ยชื่อไอ้เด็กวินตรงๆ คงเพราะอยากจะถนอมน้ำใจผม ซึ่งไม่จำเป็นเลยสักนิด

“อ้าว ละมึงอะ เงียบไปเลย เป็นไรวะ”
ไอ้เตอร์ถามผม
“อ้าว ละให้กูพูดอะไรล่ะ ไม่ใช่เรื่องของกู”
“รีบๆ เข้านะเว้ย จะปีใหม่เมืองอาทิตย์หน้าแล้วนะเว้ย เดี๋ยวไม่มีคู่เข้าขนทรายวัด ก่อเจดีย์ เล่นน้ำ”
“กูก็โสดมาตลอดชีวิตมะ มันเรื่องอะไรต้องมารีบมีแฟนเพราะจะปีใหม่เมือง กูไปเล่นกะมิกซ์ก็ได้ปะ”
“เออ เอาไปเลย กูยกให้”
ไอ้เตอร์ทำน้ำเสียงประชดแปลกๆ
“มึงท้าเหรอ กูเอาจริงนะ”
“ตามสบาย”
อ่ะ อะไรของมัน
“ทะเลาะกันอีกแน่ๆ กูว่าละ”
“เออ แล้วมึงก็ไม่ต้องถามกูต่อนะ ขี้เกียจพูดถึง”
“มึงไปทำเชี่ยอะไรใส่เขาอีกล่ะ”

ไอ้เตอร์กับมิกซ์ คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ถ้านับเวลา ก็คงประมาณสามปีนิดๆ แล้ว ปกติก็มีทะเลาะกันบ้าง เพราะต่างคนต่างหน้าตาดี มีคนเข้าหาเยอะเพราะติดเที่ยว แต่ก็เห็นกลับมาปกติกันดีทุกครั้ง แต่คราวนี้ไอ้เตอร์พูดเหมือนไม่ใส่ใจยังไงไม่รู้ ถ้าให้เดาต้องเรื่องมือที่สามแน่ๆ

แต่ช่างมันก่อน เรื่องไอติมกับน้องเฟมยังไม่จบ ผมแอบรู้สึกแย่นิดๆ ที่มันไม่เล่าให้ผมฟังหรือบอกตรงๆ ถึงจะบอกว่ากลัวผมจะด่าก็เหอะ มันไม่คิดเหรอว่าถ้าผมมารู้ทีหลังแล้วจะโกรธมันกว่านี้ ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลถึงขนาดนั้นก็เถอะ แต่นี่มันยังคุยกับน้องเฟม โดยปล่อยให้ผมเข้าใจว่าน้องเป็นคนหักอกมัน เลิกกับมันไปคบกับไอ้เด็กวินอย่างใจดำ แบบนี้ก็ได้เหรอ

แล้วไอ้เด็กวินอะ มันยอมเหรอ มันจะยังไงต่อ

ดังนั้น พอมันพูดถึงเรื่องแพลนเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่เมืองหรือสงกรานต์ ผมก็เลยปฏิเสธไป

“ไม่อะ กูอยู่ในเมืองแค่สิบสองกับสิบสาม สิบสี่ถึงสิบเจ็ดกูอยู่บ้าน ที่บ้านกูมีงาน ขี้เกียจเข้ามาด้วย รถเยอะ คนเยอะ”
“มึงมาเหอะ สิบสี่หรือสิบห้าก็ได้ กลับมานอนในเมืองซักคืน บ้านมึงก็อยู่แค่นี้เอง กูไปรับก็ได้ สิบสองสิบสามกูต้องกลับลำปาง เฟมจะนั่งเครื่องไปลงที่บ้านกูเลย ต้องพามันเที่ยวก่อน มึงไม่ต้องกลัว คราวนี้ ไอ้วินไม่ได้มาด้วย กูไม่ให้มา”

ไม่ได้กลับมาคบกัน แต่ไปค้างบ้านกันเลย เนี่ยนะที่บอกค่อยๆ ดู ไอ้…

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ มึงจะไปไหนก็เรื่องของมึงสิ กูนัดพวกยัยป๋อมไว้แล้ว จะไปห้วยตึงเฒ่ากันวันที่สิบสอง ส่วนมึง มึงก็เที่ยวกับแฟนมึงสองคนไปก็ได้มะ ทำไมต้องเอากูไปเป็น กขค มึงด้วย เที่ยวกันเองสองคนจะตายรึไง”
“ตี้” ไอติมมองหน้า “มึงโกรธกูเหรอ”
“ไม่ได้โกรธเว้ย แค่รำคาญ กูเบื่อจะเล่นบทเพื่อนพระเอกคอยตามเชียร์มึงกับแฟนมึงแล้ว จะชวนกูไปโน่นมานี่ เคยถามแฟนมึงรึยังว่าเขาโอเครึเปล่า ส่วนกูอะ ไม่โอเค”
“กูบอกแล้วไงว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“มึงไปตอแหลแม่มึงโน่นไป”

โชคดีที่หมดเวลาพักเบรคพอดี อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้องเพื่อสอนต่อ ผมกับมันเลยไม่ต้องเถียงกันอีก ไอติมมองหน้าผมแล้วเงียบๆ ไป

จะโกรธก็ช่างแม่งเถอะ ผมก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ
แต่แทนที่จะเป็นไอติม ทำไมผมรู้สึกโกรธน้องเฟมมากกว่า
แล้วความรู้สึกของเพื่อนมันล่ะ

+++

ช่วงนี้พวกเราต้องเรียนกันหนักเป็นพิเศษ เพราะการสอบปลายภาคใกล้จะมาถึงแล้ว และยังเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาปริญญาตรีอีกด้วย

พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็รู้สึกใจหาย ยังแอบรู้สึกว่าวันแรกอันแสนวิตกกังวลและแปลกที่แปลกถิ่น เหมือนมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

นักศึกษาปีที่สี่ที่มหาวิทยาลัยไหนๆ ก็คงรู้สึกอย่างเดียวกันนี่แหละ
ที่โน่นก็คงเหมือนกัน


หลังเลิกเรียนวันสุดท้าย ก่อนหยุดสงกรานต์ ผมรับปากแกงค์สาวๆ ว่าจะไปเดินเล่นที่ประตูท่าแพ ซึ่งจัดงานถนนคนเดินเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่วันที่วันที่สิบจนถึงวันที่สิบห้า ผมไม่ได้ชวนไอติมเพราะรู้ว่ามันต้องรีบขับรถกลับบ้านก่อนที่ถนนจะคลาคร่ำไปด้วยรถที่มุ่งหน้าเข้าและออกเชียงใหม่ในช่วงเทศกาล อีกอย่าง ช่วงนี้ผมกับมันก็ตึงๆ กันอยู่นิดหน่อยเรื่องที่มันกลับไปคุยกับน้องเฟม

เมื่อครบแกงค์แล้ว เราก็เริ่มต้นเดินหาของกินและของฝากกลับบ้านตั้งแต่แยกกลางเวียงหรือหน้าอนุเสาวรีย์สามกษัตริย์กันเลยทีเดียว โดยทีแรกตั้งใจว่าจะตรงไปจนถึงประตูท่าแพเลย แต่ยัยโอปอล์ออกไอเดีย อยากให้เพื่อนๆ ได้ไปไหว้สาพระประธานและสะดือเมืองที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับบ้านต่างจังหวัด ซึ่งทุกคนก็โอเค ไม่ขัดศรัทธา

“แก เราขอเนื้อคู่จากสะดือเมืองได้ไหมอะ”
ยัยต้อมสะกิดถามผม
“ไม่รู้เหมือนกัน ถามโอปอล์ดิ มันเป็นเด็กในเมือง แต่คงไม่ได้หรอกมั้ง ไม่เคยได้ยิน คงไม่มีใครเขาทำกันหรอก”
“โว้ย หมกมุ่น” พอลล่าเอ็ด “ในวัดในวาก็ให้มันน้อยๆ หน่อยก็ได้ ความคันเนี่ย”
“เออ รู้ ในวัด ส่วนแกก็พูดจาระวังปากหน่อย”
ยัยต้อมเถียง
“มึง เสียงดัง กูอายนักท่องเที่ยวจีน”
โอปอล์เตือนเพื่อน
“เออ แล้ว ไอติม ไอ้เตอร์ มันไปไหนกันอะตี้ ทำไมไม่ชวนมาด้วย”
ยัยป๋อมถามผม
“ไอติมมันรีบกลับบ้าน ส่วนไอ้เตอร์ไม่รู้มัน”
“แล้วมันจะไปห้วยตึงเฒ่ากับพวกเราไหมอะ”
“คงไม่หรอกมั้ง มันกลับลำปางไปแล้ว แต่บอกว่าจะกลับมาเล่นน้ำที่นี่วันที่สิบสี่ ส่วนไอ้เตอร์เห็นบอกว่าจะไปกรุงเทพฯ แต่ไม่รู้วันไหนนะ สงสัยพามิกซ์ไปเที่ยวมั้ง พรุ่งนี้ค่อยลองโทรชวนมันละกัน ถ้ามันยังไม่ไปอะนะ”
“เออ แล้วแกอ่ะ ไม่ไปเล่นน้ำกับแฟนเหรอจ๊ะ” โอปอล์แกล้งแซว “ได้ยินข่าวว่ากำลังกิ๊กกับเด็ก มช. ไม่ใช่เหรอ”
“จริงดิ ใครเหรอแก หล่อไหม” ยัยต้อมดึงแขนผมจะเอาคำตอบ “อยากรู้”
“ยัง แค่คุยๆ ไม่ได้กิ๊กเว้ย”

พวกนั้นแซวจนทำเอาผมเขินหน่อยๆ ถึงจะยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องเขาก็เถอะ แต่ก็แอบคิดไว้แหละว่า คงต้องใช้โอกาสช่วงสงกรานต์นี่แหละ ลองศึกษาดู ถ้าน้องเขาไม่ได้หวังแค่เรื่องนัดยิ้มอะนะ

“วุ๊ย หมั่นไส้” ยัยป๋อมว่า “แล้วเพื่อนแฟนไอติมอะ ไม่เอาแล้วเหรอ ชื่ออะไรนะ”
“น้องวิน ใช่ไหม”
ยัยต้อมตอบ
“เออ น้องวิน เห็นไอติมบอกว่า ตอนไปกรุงเทพฯ ตัวแทบจะติดกันเลยนี่”
“กะผีสิ มันกับแฟนมันรึเปล่าที่ตัวติดกัน แล้วพวกแกก็เชื่อมันเนาะ”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ”
“โดนมันหลอกแล้ว”

ยัยป๋อมทำท่างง ตัวติดกันกับไอ้เด็กวิน เมาท์อะไรกันไม่มีใกล้เคียงเลย แค่อยู่กันตามลำพังสองสามครั้งตลอดทริป แล้วมันก็คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

สารภาพก็ได้ว่า เวลาที่นั่งเหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็มีหลายครั้งที่ผมนึกสงสัยว่า มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าสมมุติว่าวันนั้น ที่มันถามผมว่าผมชอบมันหรือเปล่า แล้วผมตอบออกไปว่า ‘ใช่’ เรื่องราวต่างๆ มันจะเปลี่ยนไปไหม หรืออย่างตอนนี้ที่ผมนึกสงสัยว่า มันจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร แล้วก็เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องเฟมถึงกลับมาคบกับไอติม แล้วตัวมันเป็นยังไงบ้าง รู้สึกยังไงบ้าง
เอาจริงๆ ตอนที่ไอติมบอกว่าน้องเฟมจะมาหามัน มาเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ แวบนึงผมแอบคิดดีใจ แต่พอได้ยินว่าไอ้เด็กวินไม่ได้มาด้วย ผมแอบรู้สึกเฟลนิดหน่อย แต่ก็คิดได้ว่า สมควรแล้ว ไม่งั้นคงอิหลักอิเหลื่อชอบกล ตอนนี้ผมก็ยังงงๆ กับสถานการณ์รักสามสี่เส้านี่อยู่เลย

แต่ก็นั่นแหละ ในขณะที่ผมกำลังมโนถึงมันที่กำลังเหงา เศร้า ไม่มีใคร หรือต้องไปเที่ยวสงกรานต์แบบง่อยๆ กับครอบครัวอยู่นี้ มันอาจจะกำลังมีความสุขสุดขีด กำลังออกไปใช้เงิน ช้อปปิ้งกับเพื่อน กินอาหารอร่อยๆ อยู่กับครอบครัวประสาวัยรุ่นบ้านรวย สวีทอยู่กับแฟนใหม่ หรือกลับไปคบกับแฟนเก่าอดีตไอดอลอย่างน้องมิวอยู่ก็ได้

เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู
น้อง มช. ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์เข้ามา พร้อมกับถามว่า

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ”

+++

ทุ่มครึ่ง ผมรีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัว เพียงเพราะข้อความในไลน์ที่น้องส่งมา

‘มาเจอกันเถอะครับ คิดถึงพี่ตี้ พรุ่งนี้ผมต้องกลับกำแพงเพชรแล้วนะ’

ผมปฏิเสธมาแล้วหลายครั้ง โดยอ้างโน่นนี่ ทั้งที่เราก็อยู่กันใกล้ๆ นี่เอง คราวนี้ผมจึงไม่อาจจะปฏิเสธได้อีก ขืนปฏิเสธไปบ่อยๆ กลัวจะโดนเทไม่รู้ตัว มีคนชอบดีกว่าไม่มี ถูกไหม

ผมเลือกชวนน้องไปดูหนังรอบดึก เพราะไม่อยากไปลงเอยที่ร้านเหล้า แต่ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้อยู่มากที่คืนนี้จะ เอ่อ… ได้กินกล้วยไข่เมืองกำแพงของจริง

ตื่นเต้นอะ เป็นอารมณ์ที่แบบ ทั้งอยากและไม่อยากในเวลาเดียวกัน คือผมยังไม่แน่ใจเลยว่า ผมจะชอบน้องเขาได้จริงๆ ไหม
ผมกำลังเซ็ตผมทรงใหม่ที่เพิ่งจะทำเป็นไม่กี่วันมานี้ (เกิดมายี่สิบปี เพิ่งเคยเซ็ตผมเป็นเรื่องเป็นราว) ตอนที่มีคนมาเคาะประตูห้อง

ผมรู้สึกแปลกใจจึงยังไม่เดินไปเปิด ปกติเพื่อนคนไหนจะมาหาจะต้องโทรมาก่อน เพราะต้องใช้คีย์การ์ดที่ชั้นล่าง แต่เมื่อมีเสียงเคาะอีกชุด ผมจึงลุกขึ้นไปส่องดูที่ตาแมว

อ่อ มิกซ์ นั่นเอง แฟนไอ้เตอร์

มิกซ์อยู่หอเดียวกับผมแต่อยู่กันคนละชั้น
อ้าว แล้วมิกซ์มันไม่ได้ไปกรุงเทพฯ กับไอ้เตอร์เหรอวะ

ผมต้องเปิดประตูให้เขาเข้ามา จึงจะสังเกตเห็นได้ว่ามิกซ์กำลังร้องไห้ ตาแดงก่ำ

“มิกซ์ เป็นไรป่าว ร้องไห้ทำไม แล้วนี่ไอ้เตอร์ไปไหน”
“ตี้ ช่วยอะไรมิกซ์หน่อยสิ ตี้รู้จักไอ้เซนใช่ไหม มิกซ์ขอเบอร์มันหน่อย”
มิกซ์ถามเสียงสั่น
“ใจเย็นก่อน มิกซ์ มีอะไรรึเปล่า เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกับไอ้เตอร์เหรอ”
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองถามอะไรเยอะแยะ
“ตี้รู้จักมันใช่ไหม เตอร์มันเคยบอกมิกซ์ว่ามันจีบตี้อยู่”
“เอ่อ ก็รู้จักนะ แต่เราไม่ได้คุยแล้วอะ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน นั่งก่อนๆ”

ผมดึงให้มิกซ์นั่งลงบนเตียง จะได้ใจเย็นลง

“เตอร์มันขอเลิกกะมิกซ์ แต่มิกซ์ไม่ยอมเลิก มันหาว่ามิกซ์นอกใจมันไปเอากับคนอื่น มิกซ์ไม่ได้มีอะไรกับใครจริงๆ นะเว้ย มิกซ์แค่ไปค้างบ้านเพื่อนทำงานกลุ่ม มันนั่นแหละ หาเรื่องจะเลิก รู้ปะ มิกซ์เจอคลิปมันกับไอ้เซนในทวิต พอมิกซ์ไปถามมัน เตอร์มันก็โวยวาย แล้วก็หนีมิกว์ไปหาไอ้เซนที่กรุงเทพฯ เลย โคตรเลวอะ”
“โอเค เราเข้าใจๆ มิกซ์ใจเย็นๆ มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้”
“ขอเบอร์ไอ้เซนให้มิกซ์หน่อย นะตี้ มิกซ์พยายามหาเองแล้ว แต่ไม่เจอ ทักข้อความในเฟสไปมันก็ไม่ตอบ”
“โอเค ได้ดิ แต่เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวเราโทรถามเซนให้ว่าไอ้เตอร์อยู่กับมันหรือเปล่า”
“มันต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว แต่มันไม่รับโทรศัพท์มิกซ์ ตี้รู้ที่อยู่มันใช่ไหม บอกหน่อย มิกซ์จะตามไปเคลียร์ที่กรุงเทพคืนนี้เลย”
“เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็นก่อนมิกซ์ มิกซ์จะตามมันไปทำไม”
“มิกซ์ไม่รู้จะทำยังไงอะตี้ แต่มิกซ์ไม่อยากให้มันอยู่ด้วยกัน ตี้เข้าใจไหม”
“ตั้งสติก่อนนะมิกซ์ เดี๋ยวเราจัดการให้ แล้วมิกซ์โทรหาไอ้เตอร์แล้วเหรอ”
“โทรแล้ว แต่มันปิดเครื่อง มิกซ์ตามไปถึงสนามบินแล้ว แต่ไฟลท์มันออกไปแล้ว เลยกลับมาเก็บของ แล้วก็มาหาเบอร์กับที่อยู่ไอ้เซน ตี้ให้มิกซ์เหอะนะ”
“มิกซ์ ช่วงนี้มันเทศกาลนะ ถ้าไม่จองไว้ก่อน…”
“ไม่เป็นไร มิกซ์ไปรถทัวร์ก็ได้”
“ใจเย็น เดี๋ยวเราโทรให้ไง นะ เดี๋ยวรู้เรื่อง”

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ไอ้เตอร์ แล้วโทรออก แต่มันปิดเครื่องอย่างที่มิกซ์ว่าไว้จริงๆ เลยเปลี่ยนไปค้นหาเบอร์เซน พอเซนรับสาย ผมก็เปิดสปีกเกอร์ แล้วบอกให้มิกซ์อยู่เงียบๆ

“ว่าไงตี้ มีอะไรเหรอ ดีใจจังที่ตี้โทรมา ไม่ได้คุยกันนานแลยนะ ตี้สบายดีไหม”
“อ๋อ เราสบายดี เอ่อ เราจะโทรมาถามว่าเตอร์อยู่กับเซนไหม”
ปลายสายเงียบไปประมาณสี่วิ
“อ้าว ถามถึงเตอร์หรอกเหรอ อยู่ นี่เราเพิ่งไปรับเตอร์มาจากดอนเมือง กำลังจะไปหาอะไรกินกันน่ะ”
“เอ่อ…” มีเสียงเหมือนคุยกันเบาๆ “คือ มันนอนอยู่น่ะ บอกว่ายังไม่อยากคุย”
ได้ยินคำตอบดังนั้น มิกซ์ก็เลยอาละวาดใส่โทรศัพท์
“ไอ้เตอร์ มึงมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้เลย มึงจะเอายังไง มึงปิดโทรศัพท์ทำไม!”

ผมรีบกดวางสาย

“มิกซ์ ตี้บอกให้ใจเย็นๆ ไง”
“เอาเบอร์ไอ้เชี่ยนั่นมา เดี๋ยวมิกซ์โทรเอง”
“มิกซ์ สติ!” ผมเอ็ด “ไอ้เตอร์มันยังไม่อยากคุย รีบคุยกันตอนนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา ต่างคนต่างโกรธอยู่แบบนี้ เดี๋ยวเราคุยกับเซนเอง โอเคไหม มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้”
“มันจะไม่มีอะไรกันได้ไงตี้ มันไปเอากันนั่นแหละ มิกซ์เห็นคลิปที่มันถ่ายแล้ว ไม่ใช่คลิปเดียวด้วย”

ผมเชื่อ เคยมีคนบอกผมไว้แล้ว ผมยื่นมือถือผมให้มิกซ์เพื่อเมมเบอร์ที่ผมเพิ่งโทรออกไป

“อะ อยากได้ก็เอาไป แต่เชื่อเหอะ ไอ้เตอร์มันไม่ยอมคุยด้วยกับมิกซ์แน่ๆ ถ้ามิกซ์ยังเป็นแบบเนี้ย มิกซ์ก็รู้นิสัยมันดี แล้วนี่นะ ต่อให้มิกซ์ลงไปหามันถึงกรุงเทพ ถ้าโชคดีหาเจออะนะ นอกจากจะเป็นการหาเรื่องทะเลาะกันให้มันใหญ่โตขึ้นไปอีกแล้ว มันจะได้อะไรขึ้นมา”
“แล้วมิกซ์ต้องยังทำไงอะตี้”

มิกซ์หงายหลังลงบนเตียง เอามือปิดใบหน้า

“รอไงมิกซ์ เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ รอให้ตัวเองใจเย็นๆ รอให้มันกลับมา ยังไงมันก็ต้องกลับมา ไปไม่กี่วันหรอก หยุดสงกรานต์แค่ไม่กี่วัน แล้วเดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยคุยกันให้เคลียร์ ว่าจะเอายังไง จะคบกันต่อยังไง”

เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ คนน่ารักขนาดนี้ยังโดนเพื่อนเห้ของผมเท ไม่อยากจะนึกถึงตัวเองเลย

“เชื่อตี้นะ สงกรานต์มิกซ์กลับบ้านไปอยู่บ้านก่อน ไปเที่ยว อยู่กับเพื่อนให้สบายใจ ละเดี๋ยวค่อยว่ากัน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวตี้รีบบอกเลย ไอ้เตอร์มันก็คงคิดแบบนี้เหมือนกันแหละ มันถึงได้หนีไปพักก่อน บางทีมันอาจจะแค่อยากไปทำสมองให้โล่งๆ แล้วค่อยมาคุยกับมิกซ์ไง ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรไปละกัน แต่ตี้ว่ามิกซ์ก็รู้อยู่แล้วว่าอย่างไอ้เตอร์ ถ้ามันพร้อมจะคุยวันไหน มันก็จะติดต่อมาเองแหละ แต่ถ้าไม่ใช่ โทรให้ต่ายมันก็ไม่รับ”

เวลาปกติแล้ว มิกซ์ไม่ใช่คนไร้เหตุผลซะทีเดียว ตอนนี้อาจจะกำลังชั่งน้ำหนักที่ในสิ่งที่ผมพูดอยู่ว่า มันเชื่อได้แค่ไหน

“เดี๋ยวตี้จะช่วยตามไอ้เตอร์อีกที แล้วจะช่วยคุยกับมันให้ โอเคมั๊ย แล้วเดี๋ยวตี้จะถามไปทางแฟนไอติมให้ช่วยดูให้อีกทีด้วย”

มิกซ์เช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้าอย่างคนไม่มีทางเลือก

“มิกซ์อยู่คนเดียวไม่ได้อะตี้ ออกไปกินเหล้าเป็นเพื่อนมิกซ์หน่อยดิ”
“เอ่อ…”
“อ้อ” มิกซ์คงเพิ่งสังเกตเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ “โทษที ตี้กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ”
“ใช่… เอางี้ พอดีตี้นัดน้องไปดูหนังกัน มิกซ์ไปดูหนังกะตี้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปหาร้านนั่งคุยกันต่อ โอเคป่าว”
"ไม่เป็นไรหรอก ตี้ไปเหอะ ขอโทษจริงๆ นะที่มารบกวน"
"เฮ้ย ไม่เป็นไร ไปด้วยกันเหอะ อย่าอยู่คนเดียวเลย"
มิกซ์ทำท่าลังเล
“แต่…”
“เอาตามนี้แหละ”

อืม แบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว

+++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-02-2019 13:29:41 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัยตั้งแต่แรก ๆ แล้ว  เรื่องเตอร์กับเซนเนี่ย

ป.ล. ไม่ใช่ว่าน้องกำแพงเพชร  จะเปลี่ยนมาสนใจมิกซ์นะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4: แม้จะงงๆ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
จะจบจะไดนิ เหลือแหมบ่กี่ตอนเหีย แงงงงงง :ling3:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
เรื่องมันยุ่งดีจัง
แล้ววินยังเป็นพระเอกอยู่ไหมเนี่ยะ
รออ่านต่อค่าาา

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
น้องกำแพงเพชรต้องหันมาสนใจมิกแน่เลยอะ ฮือ

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ขอโทษที่จะต้องบอกว่าคนอย่างวิน ห้ามไม่ให้เกลียดยังไงก็จะเกลียด 555 อินมาก
ตลกที่พยายามจะใช้เหตุผลกับทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่ต้องใช้ความรู้สึก
เรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนไม่มีทางที่จะคาดเดาอะไรได้เลย จะคบกันได้ไม่ได้มีหลายปัจจัยมาก
ความเหมือนความต่างเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่ง
ต้องให้คบกันไปเรื่อยๆนั่นแหละถึงจะรู้ว่ารอดไม่รอด
แต่ที่อภัยให้ไม่ได้อย่างหนักคือบอกให้เฟมเลิกกับไอติมเพื่อมาคบตัวเอง
อันนี้คือเห็นแก่ตัวแบบไม่อ้อมค้อมเลย
รู้สึกดีที่ตี้เป็นผู้ใหญ่พอ
ชอบความคิด การตัดสินใจ การใช้คำพูดของคนนี้มาก

ส่วนเฟมกับไอติมจะกลับมาคบกันนี่จะดีมาก
ให้รู้กันไปเลยว่าคนมันจะคู่กันเอาอะไรมาแยกก็ไม่ได้
แต่น้องเฟมอย่ามาโลเลอีกนะ ความผิดนี้ให้อภัยได้ครั้งเดียว 555

ชอบเรื่องนี้ที่ setting มันดูธรรมดาดี
ธรรมดาจนทำให้มันสมจริง
ตัวละคร เหตุการณ์ดูจับต้องได้ ดูเป็นไปได้
ซึ่งกลายเป็นความพิเศษที่หาได้ยากในเรื่องแต่ง
ส่วนความสั้นของตอนเราไม่มีปัญหาเพราะอัพถี่มาก 555
จบที่ 19 ตอนอาจจะสั้นไปก็จริง
แต่ส่วนตัวเรื่องที่สั้นแล้วทำให้เรารู้สึกอยากอ่านอีก(แต่ไม่มีให้อ่านต่อแล้ว)
ดีกว่าเรื่องยาวที่ถึงจุดหนึ่งแล้วรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะจบสักที
การที่สั้น กระชับ แบบนี้ก็มีเสน่ห์ครับ

ปล. เด็กๆเรื่องนี้เที่ยวกันบ่อยมาก อ่านแล้วอยากไปเชียงใหม่ขึ้นมาเลย

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใครคบกับเซ็นก็เปลืองตัวเหมือนกับที่วินเคยบอกไว้ ส่วนตี้พยายามจะลองคบกับใครก็มีเหตุให้เลิกตลอด

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ความสัมพันธ์ของแต่ละคนคือวุ่นวายมาก ฮืออ
ก็คือจะจบแล้วยังไม่รู้เลยว่าวินเป็นพระเอกจริงไหม555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคอมเมนท์นะครับ
ดีใจที่หลายคนชอบนิยายที่เล่าเรื่องเรียบๆ เรื่อยๆ เรื่องนี้
อ่านคอมเมนท์แล้วรู้สึกดีมากจริงๆ
ฝากด้วยนะครับ

 :mew1:


+++

16

วิน

ตั้งแต่เด็กๆ ผู้ใหญ่รอบตัวมักจะพูดถึงผมว่าเป็นเด็กมีนิสัยที่ช่างเลือก ไม่รู้ว่านั่นเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำแรงๆ อย่าง ”เรื่องมาก” หรือ “จุกจิก” เพื่อถนอมน้ำใจหรือเปล่า แต่รสนิยมไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างกันได้ภายในวันสองวัน ถ้าจะบอกว่าผมเรื่องมาก ผมคงต้องยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การเป็นคนช่างเลือกของผม จะถูกมองว่าเป็นนิสัยที่ไม่พึงปารถนาในที่สุด แต่ในเมื่ออยู่ในจุดที่สามารถเลือกได้ ทำไมเราถึงจะไม่เลือกล่ะ

อย่างในชีวิตประจำวัน ผมชอบให้ข้าวของทุกชิ้น อยู่ในที่ที่มันควรจะอยู่ และต้องถูกออกแบบมาให้เข้ากับข้าวของชิ้นอื่นๆ ที่มี ราคาหรือมูลค่า ยังไม่สำคัญเท่ากับประโยชน์และความเข้ากันได้โดยรวม พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่ได้มีปัญหากับข้าวของราคาถูก ผมให้ความสำคัญกับการใช้งานและความเหมาะสมมากกว่าอย่างอื่น มากกว่าของที่ถูกใจ

แต่สิ่งที่ผมลืมนึกถึงไปก็คือ เราไม่สามารถทำแบบนั้นกับสิ่งที่มีความนึกคิดเป็นของตัวเองได้ เราเลือกไม่ได้ว่าจะให้คนแบบไหนก้าวเข้ามาในชีวิต หรือเลือกให้คนเหล่านั้นรู้สึกแบบไหนกับเรา

เฟม คือคนแรกที่ถูกผมพิสูจน์ด้วยแนวคิดนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

“มึงมีคำตอบให้กูแล้วใช่ไหม”

ผมถามมันในบ่ายวันหนึ่งที่เราอยู่กันตามลำพังในร้านข้าวร้านประจำใกล้ๆ มหาวิทยาลัย เราแทบไม่ได้คุยกันเลยหลังจากที่มันกลับมาจากเชียงใหม่

“อืม กูว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่ถูกต้องสำหรับมึงกับกูว่ะวิน หรือมันอาจจะไม่มี ไม่เคยมีเลย”

ผมสูดหายใจลึก ไม่รู้ว่าเพราะผิดหวังหรือโล่งใจ แม้จะเดาคำตอบคร่าวๆ ได้แล้วก็ตาม

“กูเข้าใจ” ผมยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข “แต่มันสำคัญมากนะเฟม มึงควรรู้ตัวก่อนว่าที่มึงเลือกพี่เขา เพราะมึงชอบเขาจริงๆ หรือมึงแค่รู้สึกผิด”
“ก็ทั้งสองอย่าง” มันตอบอย่างไม่ลังเล “ทำไมจะไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือกูชอบเขาและเขาก็ชอบกู ส่วนระหว่างมึงกับกู ถ้ามันจะมันจะ Meant to be มันคงเกิดขึ้นนานแล้วป่ะ อย่าโกรธกูนะ ถ้ากูจะบอกว่า ที่กูเคยชอบมึง นั่นคือเรื่องจริงแค่เรื่องเดียวจริงๆ ส่วนที่มึงบอกว่าชอบกู มึงไม่ได้ชอบกูจริงๆ หรอก”


ผมนึกอยากจะเถียง แต่ก็นึกอะไรไม่ออกจริงๆ
“มึงไม่เคยชอบกู จนกระทั่งมึงรู้สึกว่าจะเสียกูไปจริงๆ เพราะครั้งนี้คนที่กูคบด้วย ไม่ใช่คนเหี้ยๆ อย่างคนก่อนๆ ที่มึงจะได้เข้ามาช่วยจัดการนั่นนี่ให้กูได้”
“เฟม กูไม่ได้…”
“ตลกดี ที่กูเผลอคิดไปว่ามึงอาจจะชอบกูจริงๆ จนกูได้เห็นกับตากูนั่นแหละ ว่ามีคนที่มึงแคร์มากกว่ากู มึงคงไม่เห็นหน้าตาท่าทางตัวเองเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขาสินะ มึงกลัวถูกเขาเกลียดจนไม่เป็นตัวเอง”
“มึงหมายถึงใครวะ”
“พี่ตี้ไง มึงชอบพี่ตี้ กูพูดถูกไหม”

ผมกำลังจะหัวเราะเยาะความคิดนั้นของเฟม แต่ก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง

“แค่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง มันไม่ทำให้มึงดูแย่อะไรเลยเว้ย กูรู้ว่ามึงก็เจ็บ ที่ไปทำให้เขาเกลียด มึงอาจจะคิดว่าการยอมรับและปล่อยให้เขาเกลียดมึงต่อไปนั่นคือการชดใช้ที่มึงสมควรได้รับ แต่ไม่ใช่หรอกวิน ไม่มีใครได้อะไรจากเรื่องนี้เลยเว้ย เพราะพี่เขาก็ชอบมึงเหมือนกัน มึงดูไม่ออกเลยเหรอวะ”
“อ่ะ สมมติว่ากูชอบเขาจริงๆ …”
“มึงชอบเขาจริงๆ ไม่ได้สมมติ”
 “ไม่ เขาไม่ได้ชอบกู”
“มึงรู้ได้ยังไง”
“ก็กูนี่แหละ ที่ถามเขากับปาก ได้ยินอยู่กับหู” ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลบๆ กับคำตอบของตัวเอง “เออ กูถามเขาเอง เขาบอกเขาไม่ได้ชอบกู นอกจากไม่ชอบแล้วยังเกลียดกูด้วย”

รู้สึกจุกจนอธิบายไม่ถูก

“ถ้าให้เดา มึงเองก็คงบอกพี่เขาไปว่ามึงไมได้ชอบเขาใช่ไหม” ไอ้เฟมยิ้มแล้วส่ายหัว “กูว่ามึงได้คำตอบแล้วล่ะ มึงนี่นะ”

ตั้งแต่นั้นมา ผมได้ลองนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเองอย่างที่ไอ้เฟมแนะนำ น่าแปลกใจที่ผมต้องยอมรับในที่สุดว่า พี่ตี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจได้จริงๆ และไม่ใช่คุณสมบัติที่ผมเคยมองหามาตลอดด้วย ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกต่ออีกฝ่ายรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ผมคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่าตัวเองอาจกำลังอยู่ในช่วงของการขุดหลุมพรางเพื่อดักให้ตัวเองตกลงไปเจ็บเอง ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาจริงๆ อาจไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น ผมตกหลุมรักคนที่ผมสร้างขึ้นในหัว จากจินตนาการ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา การคิดแบบนี้ช่วยทำให้ผมรู้สึกเจ็บในใจน้อยลง และบรรเทาความอึดอัดที่ไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกเหล่านี้ออกไปได้ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังรู้สึกใจเต้นแรงอยู่ดี เมื่อได้ยินชื่อนี้จากไอ้เฟม ที่โทรหาผมจากลำปาง

และนั่นทำให้ผมเปลี่ยนใจจากทริปญี่ปุ่นที่กำลังเลอยู่พอดีทันที

+++

ตี้


วันที่ 13 วันสงกรานต์หรือวันสังขารล่องของที่นี่ ผมตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปวัดกับแม่ จากนั้น พอกลับมาถึงบ้านตอนใกล้เจ็ดโมง ก็จะเป็นมหกรรมการอาบน้ำ สระผม ซักผ้า และเก็บกวาดบ้าน ตามประเพณีในการเริ่มต้นปีใหม่

เมื่อวานหลังจากไปจอยปาร์ตี้ที่ห้วยตึงเฒ่าและเดินเล่นรอบคูเมืองไปจนถึงถนนห้วยแก้วกับแกงค์สาวๆ แล้ว ผมก็ตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านตอนดึกเลย เพราะถนนจะโล่งกว่าและไม่ร้อนเหมือนตอนกลางวัน แม้ว่าจะต้องเจอด่านมากมายที่ผุดขึ้นมาในช่วงเทศกาลเรียกให้จอดนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม เพียงเพราะอยากมานอนฟังเสียงประทัดแถวบ้านที่เพื่อนบ้านจุดไล่สังขารกันในตอนเที่ยงคืนแบบสมัยเด็กๆ

ส่วนเดทเมื่อคืนวันที่ 11 กับน้อง มช. ก็อย่างที่คิดนั่นแหละครับ พอมีมิกซ์ไปด้วย ก็เลยไม่ได้คุยกันมากนัก น้องดูงอนนิดหน่อย โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ ที่ผมหิ้วมิกซ์ที่หน้าตาน่ารักกว่าไปด้วย

ซึ่งก็ดีเหมือนกัน นั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะคุยกับใครจริงๆ จังๆ

หลังเก็บกวาดห้องตัวเองให้เรียบร้อยจนเหนื่อยแล้ว ผมก็คลานขึ้นเตียงที่ปูใหม่ๆ ผ้าปูเย็นๆ แล้วเปิดพัดลมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง (ทดแทนจากเมื่อคืนที่นอนไม่พอ) โดยมีเสียงเพลงปีใหม่เมืองจากเครื่องเสียงของเพื่อนบ้าน คอยขับกล่อม เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ค่ำๆ ก็ต้องไปขนทรายเข้าวัดตามประเพณีอีก รับปากเพื่อนแถวบ้านเอาไว้แล้ว

นี่แหละ บรรยากาศปีใหม่เมืองที่แท้ทรู

ผมมีความสุขกับการนอนกลางวัน ได้ฝันถึงเรื่องนั้นโน้นนี้ หนีไปจากโลกของความเป็นจริง จนกระทั่งถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ในเวลาเที่ยงกว่าๆ

ไอ้เตอร์โทรเข้ามา ผมรีบกดรับทันที

“ไง มึงพร้อมจะคุยแล้วเหรอ”
ผมถามกวนตีนไป แต่เสียงปลายสายฟังดูแย่ๆ
“อย่าเพิ่งด่าตี้ กูมีเรื่องรบกวนหน่อยว่ะ”
“เรื่องไรอะ ตังหมดเหรอ”
“เปล่า มึงช่วยโทรหาไอ้เซนให้กูที บอกมันให้เอาของของกูกับประป๋าเสื้อผ้าลงมาให้กูด้วย”
“อ้าว มีอะไรวะ”
ผมถึงกับต้องลุกขึ้นจากเตียง
“มันไม่ให้กูเข้าห้อง กูไม่มีคีย์การ์ด ขึ้นไปคอนโดมันไม่ได้ กูแค่จะเอาของของกู จะได้ไปนอนที่อื่น”
“อะไรของมึงวะเนี่ย มึงทะเลาะกับเซนเหรอ”
“เออ แม่งเชี่ยว่ะ มันจับได้ว่ากูแอบลบ…”
ไอ้เตอร์ชะงักไป คงคิดว่าผมยังไม่รู้ ผมเลยต่อให้จบประโยค
“คลิปมึงกับมัน มิกซ์เล่าให้กูฟังหมดละ”
“เออ นั่นแหละ กูเลยต้องรีบมาหาแม่ง มาแอบคลิปมันในเครื่องกับทวิตมั่นนี่ไง กูกำลังจะขโมยเอ็กซ์เทอนอลแม่งได้แล้วเชียว มึงรู้ไหม มันเอาคลิปที่มันนอนกับกู ไปปล่อยขายในกลุ่มทวิตเตอร์”
ผมไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่รู้สึกแย่ที่สิ่งที่ได้ยินคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าเรื่องราวที่เคยได้ยินมา เป็นเรื่องจริง
“นี่มึงมัอะไรกับเซนมาตลอดงี้เหรอ”   
“เออ แต่ไม่ใช่เวลาจะมาด่าไหมสัด กูจะทำยังไงดีวะ มันไล่กูออกจากมาจากคอนโด กูไม่มีไรติดตัวเลยเว้ยนอกจากมือถือ กระเป๋าสตางค์กับกุญแจอะไรก็อยู่ที่ห้องมันหมด”
“แล้วนี่มึงอยู่ไหน มีเงินใช้รึเปล่า”
“มี ดีที่กูกดเงินไม่ใช้บัตรได้ กูอยู่สยามเนี่ย ตอนนี้” แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงมันก็ยังดูร้อนใจอยู่ดี “นะตี้ มึงช่วยพูดกับมันให้หน่อย กูแค่ต้องการของของกูคืน แล้วให้มันลบไฟล์กูในฮาร์ดไดรฟ์ด้วย”
“ได้ เดี๋ยวกูคุยให้ มึงใจเย็นๆ นะ เดินเล่นไปก่อน ยังไงมันก็เอาของมึงไว้กับตัวเองไม่ได้ ผิดกฏหมาย”
“ตี้ กูไม่แจ้งความนะเว้ย กูอาย เดี๋ยวพ่อกูรู้”
“เออรู้แล้วน่า มึงใจเย็น ไปนั่งรอร้านกาแฟก่อนไป”
“อ้อ อีกอย่าง อย่าบอกมิกซ์นะ กูขอ”
“เรื่องไหนอะ มันรู้หมดแล้วมะ”
“ก็เรื่องที่กูมีเรื่องกับไอ้เซนเนี่ย กูไม่อยากให้มันเป็นห่วง”
“รู้ด้วยเหรอว่ามีคนเป็นห่วง เออ กูไม่บอกหรอก”

ผมวางสายจากมัน แล้วลองโทรไปหาเซน โทรติด แต่ไม่มีคนรับ คงตั้งใจจะไม่รับอยู่แล้ว ผมเลยส่งข้อความทางไลน์ไปว่า ช่วยเอาข้าวของของไอ้เตอร์ลงมาไว้ที่ล็อบบี้ให้ด้วย อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

เซนอ่านแต่ไม่ตอบ

จนหลายนาทีผ่านไป ผมไม่อยากให้ไอ้เตอร์ร้อนใจ จึงทำในสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก

“ติม มึงอยู่ไหน อยู่กับน้องเฟมปะ”
“อะ เอ่อ มะ… มีไรวะ”
ไอติมเหมือนกลัวว่าผมจะโทรไปด่า
“กูขอคุยกับเฟมหน่อย มึงมีปัญหาเหรอ”
“เออ ได้ ได้ดิ ได้ๆ แป๊บนะ”

+++

ประมาณสี่โมงเย็น ระหว่างที่ผมอยู่ที่วัด ทั้งไอ้เตอร์และน้องเฟมโทรมารายงานว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ไอ้เตอร์เช็คอินที่โรงแรมแถวราชเทวี เพื่อรอขึ้นเครื่องกลับพรุ่งนี้ พร้อมกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลทุกอย่างและฮาร์ดไดรฟ์เจ้าปัญหาที่เจ้าตัวต้องการให้ทำลาย เว้นก็แต่คลิปถูกเผยแพร่ไปแล้ว ซึ่งทำอะไรไม่ได้ แต่กรุ๊ปลับของเซนก็ถูกปิดเรียบร้อย พร้อมกับคำขู่ที่ว่า ‘ถ้ามีคราวหน้า มึงหมดอนาคตแน่’

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นโดยความช่วยเหลือของ ‘ไอ้เด็กวิน’

จริงๆ มันก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ตัวก็โต แต่มันติดปากไปแล้ว

“น้องวิน เพื่อนแฟนไอ้ติมแม่ง โคตรเท่เลยว่ะ กูนี่ รู้สึกกระจอกฉิบหายเวลาเวลาอยู่ใกล้มัน”

อยากจะบอกว่า กูก็รู้สึกไม่ต่างจากมึงหรอกไอ้เตอร์

เรื่องจากปากคำของไอ้เตอร์ จะมีความจริงอยู่มากน้อยเท่าไหร่ผมไม่อาจทราบได้ แต่อย่างน้อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลุล่วงด้วยดี (มั้ง) เริ่มจากที่มันแอบสงสัยว่ามิกซ์มีคนอื่น (ทั้งที่ตัวมันก็ไม่ธรรมดา) หึงกันไปหึงกันมา มิกซ์ดันไปเจอคลิปส่วนหนึ่งที่มันถ่ายเล่นๆ กับเซนโดยบังเอิญในทวิตเตอร์ แล้วเกิดจำได้ เลยทะเลาะกันใหญ่โต นิสัยมันเป็นคนไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองผิดอยู่แล้ว แทนที่จะขอโทษขอโพยกลับทำเหมือนกับว่ามิกซ์เป็นคนผิดซะเอง

ตัวมันเองก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเซนเป็นแบบนี้ อันที่จริงสองคนนี้ก็รู้จักกันผ่านทวิตด้านมืดนี่แหละ เพียงแต่มันไม่รู้ว่าเซนยังมีอีกแอคเคาท์หนึ่ง สำหรับลงคลิปและขายคลิปในกรุ๊ปลับโดยเฉพาะ และนั่นคือเหตุผลที่มันไปหาเซน คือเพื่อขอให้ลบคลิป เซนรับปาก แต่มันก็ยังไม่ไว้ใจ จึงแอบลบคลิปจากในคอมพิวเตอร์และทวิตของเซนเอง รวมทั้งขโมยเอ็กซ์เทอนอล ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้เก็บคลิปลามก แต่ดันถูกจับได้ซะก่อน เลยมีเรื่องชุลมุนและโดนเซนไล่ออกจากคอนโด

หลังจากที่โทรมันหาผม ไม่ถึงชั่วโมง ไอ้เด็กวินก็โทรหามันโดยการประสานงานของน้องเฟม นัดแนะให้ไปเจอที่คอนโดเซน โดยมีพี่ตำรวจนอกเครื่องแบบกับลูกน้องอีกสองคนตามไปด้วย (ไอ้เตอร์เล่าว่า บรรดาพี่ตำรวจพากันเรียก ‘คุณวินๆ’ โดยพร้อมเพรียง)

เหตุการณ์มีช่วงชุลมุนนิดหน่อย แต่ก็ได้หลักฐานต่างๆ ครบ และทำลายมันต่อหน้าต่อตา เตอร์เล่าว่า ตอนแรกไอ้เด็กวินซึ่งมีท่าทางโกรธจัดคิดจะเอาเรื่องถึงที่สุด เพราะเซนเคยทำแบบนี้กับเพื่อนเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเซนก็รับปากว่าจะหยุด แต่ก็ยังทำอีก คราวนี้ เจ้าตัวถึงกับยกมือไหว้ขอร้องรุ่นน้อง อย่างไอ้เด็กวินอย่างหมดศักดิ์ศรี เพราะเหลืออีกแค่สองเดือน ตัวเองก็จะเรียนจบปีสี่แล้ว คงไม่อยากหมดอนาคต ไอ้เด็กวินให้เตอร์ช่วยบันทึกวิดิโอไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเจ้าตัวประพฤติผิดไปจากที่รับปากไว้อีก รวมทั้งยึดข้าวของที่เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลทั้งหมดของเซนมาทำลายทิ้ง (ผมได้มาเห็นมันในตอนหลัง แอบรู้สึกสงสารเซนอยู่เบาๆ แต่ก็สมควรแล้วเหมือนกัน เขาเลือกของเขาเองนี่นา)

ไม่เท่านั้น จบเรื่องแล้ว ไอ้เด็กวินยังเสนอที่พักให้ไอ้เตอร์อีกต่างหาก แต่มันเกรงใจ เขาจึงขับรถพาไปเช็คอินที่โรงแรมใกล้ๆ โดยระหว่างที่ฟังมันโทรมาเล่า ผมได้ยินแต่คำว่า ‘ดี’ ‘เท่’ ‘มีน้ำใจ’ นับครั้งไม่ถ้วน แหม ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอก ถ้าคนๆ นี้ ไม่ใช่คนเดียวกับคนที่เคยพยายามเข้าไปแทรกกลางระหว่างไอติมกับน้องเฟมอะนะ

หรืออาจจะยังแทรกอยู่ก็ได้

เรื่องราวก็ประมาณนี้แหละ

“กูขอบคุณมึงมาเลยนะที่ช่วยกู คิดไม่ผิดจริงๆ ที่โทรหามึง”
ไอ้เตอร์ย้ำ
“ไม่เกี่ยวกับกูเลย แฟนไอติมกับเพื่อนมันต่างหากที่ช่วยมึง”
ผมแทบไม่ได้ช่วยอะไรมันเลยจริงๆ นอกจากรับฟัง
“แต่น้องเขาบอกว่าที่มาช่วยกูเพราะกูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย น้องมันพูดว่าไงนะ อ๋อ มันบอกว่า มันอยากทำอะไรให้มึงบ้าง ดังนั้น การช่วยกู ก็เท่ากับได้ทำอะไรในนามของมึง แม่ง ซึ้งว่ะ กูว่าน้องมันต้องชอบมึงแน่ๆ”

ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆ

“เขาพูดงั้นเหรอ”
“เออ เนี่ย กูเลยชวนมันกลับมาเชียงใหม่ด้วยกัน เพราะมันบอกว่าเพื่อนมันก็อยู่กับไอ้เตอร์ตอนนี้อะ จริงปะวะ”
เดี๋ยว มึงทำอะไรนะ
“มึงชวนมันกลับมาด้วย?”
“อืม ก็เขาอุตส่าห์ช่วยกู”
“แล้วมันว่าไง”
“ก็ต้องโอเคอยู่แล้วดิ” ไอเตอร์บอกโดยไร้ซึ่งสงสัย “มึงรอต้อนรับได้เลยนะ มึงมีผัวก็คราวนี้แหละ ผัวโคตรดีด้วย กูละอิจฉาจริงๆ ถ้าน้องเขาสนใจกูนะ…”

ผมจำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นไอ้เตอร์พูดอะไร เพราะไม่มีสติที่จะฟัง
รู้แค่ไอ้เด็กวินจะกลับมาพร้อมไอ้เตอร์พรุ่งนี้

โอเค ช่างมันปะไร
ยังไงผมก็ตั้งใจว่าจะไม่กลับเข้าเมืองในช่วง 14 -17 อยู่แล้วนี่นา

ผมวางสายจากไอ้เตอร์ แล้วยืนจ้องกองเจดีย์ทรายปักตุงสีต่างๆ ที่ผมกับเพื่อนเพิ่งขนมาสมทบอย่างสับสน

+++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2019 16:19:30 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่  ไอ่นุ้งวินเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยพรี้เตอร์อ่ะ

คงต้องการลบล้างความผิดที่ผ่านมาที่ได้ทำไว้กับพรี้ปาร์ตี้สินะ    หุหุ

ป.ล. เตอร์นี่มั่วจุงเบย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เริ่ม​เข้าที่​เข้า​ทาง​

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
วินเริ่มยอมรับแล้วว่าชอบตี้

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ยอมรับแล้วใช่มั้ยยยว่าชอบพี่เค้า

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ตี้เป็นตัวละครที่เหมือนคนในชีวิตจริงมาก555555สู้ๆตี้เล่นตัวแบบสวยๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
จะจบแล้วจริงหรอคะ ไม่อยากให้จบเลยย :ling1:

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
มาถึงตอนที่ 17 แล้ว อีกสองตอนก็จะจบแล้ว
ที่อัพช้า ไม่ได้จะเล่นตัวนะครับสามตอนสุดท้ายมันสั้นมาก เลยต้องเพิ่มนั่นนิดนี่หน่อย
เลยใช้เวลาอีดิทเพิ่ม
ยังไงฝากบอกต่อด้วยนะครับ ถ้าชอบเรื่องแนวๆ นี้
สารภาพ ว่าอยากได้คอมเมนท์เยอะๆ 555
แต่แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้วครับ ขอบคุณครับ

+++


17


ผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้าเมืองเชียงใหม่ หรือที่คนแถวบ้านเรียกว่า ‘เวียง’ ในตอนสายของวันที่ 14 เพราะคำขู่ของไอติมที่บอกว่า ถ้าไม่กลับเข้าไป จะตามมาถึงที่บ้าน

ผมเซนส์ได้ว่าคราวนี้มันพูดจริง ผมไม่อยากให้ใครมาที่บ้าน ขี้เกียจดูแล ขี้เกียจต้อนรับ เลยตัดสินใจขับกลับไปรอที่หอ ขณะที่ไอติม กับน้องเฟมไปรอรับไอ้เตอร์ กับไอ้ เอ่อ.. กับไอ้เด็กวิน ที่แอร์พอร์ต

รออยู่ที่ห้องนี่แหละ ไว้มันเรียกให้ออกไปเที่ยวไปแดกฟรีค่อยออกไป ฟังพอดคาสท์ชิลๆ เซ็ตผมไปพลาง

เออ ทำผมแบบนี้แล้วเหมือนยูชอนโฮ เหมือนกันแฮะ
เดี๋ยว ทำไมต้องเซ็ตผมวะ ชุดนี่อีก เดี๋ยวออกไปก็ต้องเปียกอยู่แล้วปะ
โอ้ย ถ้าหัวเปียกน้ำต้องน่าเกลียดแหงๆ เลย โว้ย

ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตู ผมเหลียวไปมองแบบงงๆ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ผมมองลอดตาแมวด้วยความสงสัย อ่อ มิกซ์นั่นเอง นึกว่ากลับบ้านไปแล้วซะอีก
ผมเปิดประตู มิกซ์ยื่นกล่องโดนัทเจ้าดังให้

“เอามาขอบคุณ ขอบคุณนะที่ช่วยเตอร์”
“เฮ้ย เราไม่ได้ช่วยอะไรเลย แฟนไอติมนู่น”
“แล้วก็.. ขอโทษที่เป็นภาระ ต้องให้ลากไปดูหนังด้วย เป็น กขค.เฉยเลย”
ผมโบกมือปฏิเสธ
“แล้วนี่ มิกซ์คุยกับไอ้เตอร์แล้วใช่ไหม”
“อื้ม”
สีหน้ามิกซ์ยังดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่
“แล้วไม่ไปรับเหรอ”
มิกซ์ส่ายหน้า
“ไม่อะ ถ้าเตอร์มันอยากเจอมิกซ์ ยังเห็นว่ามิกว์สำคัญกับมัน เดี๋ยวมันก็มาหาเอง อย่างที่ตี้บอกไง”
“คุยกันดีๆ นะ ลองชั่งน้ำหนัก…”
“รู้แล้วน่า มิกซ์จำได้หมดแหละที่ตี้สอนวันก่อน”
เอ่อ เอาจริง นี่ผมกล้าไปสอนคนที่เขามีแฟนมาตลอดได้ไง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเดียว
“โอเค งั้นขอบคุณนะ แล้วนี่ยังไม่กลับบ้านเหรอ”
“กลับพรุ่งนี้ นี่มิกซ์ก็คิดว่าตี้กลับแล้วเหมือนกันนะ แต่พอดีเห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ข้างล่าง”
“ก็ไอติมแหละ บังคับให้กลับเข้ามา เออ ไปเล่นน้ำด้วยกันสิ”
“อืม ค่อยว่ากันนะ มิกซ์ไม่กวนละ จะเอาเสื้อผ้าลงไปซักด้วย ไว้เจอกัน”
“อื้ม เจอกัน”

ผมรอจนมิกซ์เดินกลับลงบันไดลับตาไปเลยจึงปิดประตู แล้วกลับไปเปลี่ยนชุดให้เป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดา แล้วกลับมานั่งเซ็ตผมต่อ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
น้ำหนักและจังหวะของการเคาะหนนี้ ทำให้ผมรู้ได้โดยทันทีว่าเป็นใคร
ไอ้ควาย ทำไมไม่โทรมาก่อนวะ ยังเซ็ตผมไม่เสร็จเลยด้วย

ผมเดินไปเปิดประตูด้วยความเคยชิน แต่พอเห็นไอ้เด็กวินขยับออกมาจากมุมอับสายตา ผมก็ผลักประตูปิดอย่างอัตโนมัติเช่นเดียวกัน

“เป็นเชี่ยไรของมึงวะ”
ไอติมตะโกนด่า
“กูยังไม่ได้เก็บห้อง มึงลงไปรอข้างล่างเลย อีกสองนาทีกูตามไป”
“เขินเหรอวะ”
“เขินพ่อมึงดิ”
“เออๆ ก็ได้ เร็วๆ นะเว้ย”

มีเสียงซุบซิบเหมือนนินทาผมอยู่หน้าห้อง ผมรอจนเสียงเท้าหายไปจึงกลับมาหาหาซองกันน้ำสำหรับใส่โทรศัพท์และบัตรต่างๆ
และอีกครั้งที่มีเสียงเคาะประตู

นี่มันวันอะไรวะเนี่ย วันเคาะประตูโลกเหรอ

“ใครอะ”
ผมตะโกน
“พี่ตี้ ผมเฟมนะครับ”
อะ
“เอ่อ แป้บนึง เดี๋ยวพี่ลงไป”
“เปล่าครับ ผมมาคุยด้วย พี่ตี้พอจะว่างไหมครับ”
หืม
ผมเดินไปส่องที่ประตู ก่อนจะแง้มประตูเปิด
“ผมมาคนเดียวครับ”
น้องบอกเหมือนจะรู้ทัน
“อือ เข้ามาดิ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่มีใครจะมาเคาะห้องขอคุยด้วยแล้วเนาะ”
“ครับ?”
“เปล่าๆ” ผมแก้ตัว “นั่งดิ เฟมมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”
“ก็เรื่อง พี่ไอติมนี่แหละครับ… พี่ตี้ยังโกรธผมกับไอ้วินอยู่หรือเปล่าครับ”

อ่ะ ต้องตอบจริงๆ เหรอ จะว่าไม่โกรธเลยมันก็… ผมยิ้มอ่อนแทนคำตอบ

“ผมเข้าใจครับ เป็นใครก็คงรู้สึกไม่ดี ผมอยากจะขอโทษพี่ตี้จากใจจริงเลยครับ”
“ไม่ต้องหรอก ที่จริงมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่เลย ถ้าไอติมมันโอเคพี่ก็โอเค แล้วนี่ กลับมาคบกันแล้วเหรอ”
“ครับ”
“แล้วเฟมแน่ใจแล้วเหรอ”
“ครับ”
“งั้นก็ไม่ต้องคิดมากนะ พี่ก็แค่เป็นห่วงไอติมมัน เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เวลาที่เพื่อนอกหักนั่นแหละ แต่ถ้าเฟมคือความสุขของมัน เพื่อนทุกคนก็พร้อมจะสนับสนุนมันเหมือนเดิม ไม่ต้องคิดมาก”
“ขอบคุณครับ ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก”
“อื้ม”
ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
“ผมเดาว่าพี่ตี้คงอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นใช่ไหมครับ ระหว่างผมกับไอ้วิน”
ผมโบกมือ
“ไม่ต้องเล่าหรอก ก็พอจะรู้มาบ้างแล้วล่ะ จากไอติมน่ะ”
“ครับ แต่ผมอยากให้พี่รู้ว่า ผมกับไอ้วินยังไม่ได้คบกันนะครับ ผมกับมันไม่เคยมีอะไรกัน”
“อ่อ อืม ไอติมคงแฮปปี้อะ”
“ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่”
“เอ้อ พี่ยังไม่ได้ขอบคุณเฟมเลย เรื่องไอ้เตอร์”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ช่วยอะไรมาก ไอ้วินต่างหาก”
“อ้อ”

ผมยิ้มแห้งเป็นครั้งที่ล้านของเช้าวันนี้

+++

“ไอ้เตอร์เป็นไงมั่งวะ”

ผมถามไอติม ระหว่างปีนขึ้นเบาะหลัง กลบเกลื่อนความเขินที่ต้องนั่งข้างคนที่ไม่สนิทด้วย
ไอ้เด็กวินสวัสดี ผมรับไหว้

“ขึ้นไปคุยกับไอ้มิกซ์บนห้อง มึงคิดว่าพวกกูขึ้นไปข้างบนได้ไงอะ ป่านนี้เคลียร์กันเสร็จละมั้ง ไม่ก็แทงกันตายอยู่ในห้องนันแหละ”
“พี่ติม ปากเสีย”
เฟมเอ็ด
“เค้าขอโทษ เค้าหมายถึง แทงอย่างงั้นอ่ะ ที่เราแทงกันเมื่อคืนไง”
“เดี๋ยวเหอะ ลกมก”

ผมแอบกลอกตารำคาญ ก่อนหันไปมเจอไอ้เด็กวิน ถ้าจะไม่ทักทายมันเลยก็คงจะดูไร้มารยาทเกินไป
ผมยิ้มให้ มันผงกหัวรับรู้
“ขอบคุณนะเรื่องไอ้เตอร์อะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
มันตอบอย่างสุภาพตามสไตล์
“ดีๆ กันซะทีเหอะ พวกมึงน่ะ”
ไอติมโพล่งขึ้นมา ผมเอื้อมมือไปตบหัวมันด้วยรำคาญ
“เสือก”
“เอาเลยครับพี่ตี้ ตีเผื่อผมด้วย”
“อ้าวเฟม ทำไมเป็นงี้อ่ะ”
ผมสังเกตเห็นกระเป๋าเป้แบรนด์เนมที่มันนั่งกอดอยู่ ทีแรกกะจะไม่ถาม แต่ห้ามตัวเองไว้ไม่ทัน
“ยังไม่มีที่พักเหรอ”
“ยังไม่ได้จองเลยครับ”
“อ้อ”
“จองทำไม มึงก็ให้วินค้างห้องมึงด้วยดิ”
ผมเอื้อมมือจะไปตบหัวมันอีก แต่คราวนี้มันจับมือผมไว้ทันโดยไม่ต้องหันมามอง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ รบกวนเปล่าๆ”
ไอติมมันล้อเล่นไหม ทำไมคิดจริง
“ก็ถ้าไม่มีที่พักจริงๆ…” ผมเว้นจังหวะ ให้ไอติมหูผึ่ง “ไปค้างบ้านไอ้เตอร์ก็ได้นะ”
“โถ่ววววววววววววววววววว ไอ้…”
คนรอฟังสบถออกมาในที่สุด

+++

ไอติมขับพาพวกเราไปกินข้าวซอยที่ร้านข้าวซอยเจ้าดังย่านสันติธรรม ไม่ไกลจากถนนห้วยแก้วที่เริ่มคึกคัก ข้าวซอยเนื้อกับข้าวซอยไก่ที่นี่อร่อย กลมกล่อม จนต้องเบิ้ลกันคนละสองชาม หลังจากนั้นก็หาที่จอดรถในซอยใกล้ๆ เพราะตั้งใจว่าจะเดินไปเล่นน้ำที่ย่านนิมมานกันจากตรงนี้ แล้วค่อยวนกลับมาทางคูเมือง และกาดสวนแก้ว แต่สุดท้ายไอติมกับเฟมก็ปล่อยพวกเราทิ้งไว้ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในนิมมานแล้วแยกไปเดินเล่นกันสองคน ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลย

“สองคนนั้นคงไม่กลับมาแล้วล่ะครับ”
“อีกแล้วเหรอ”
“ไปหาที่เดินเล่นไหมครับ ผมไม่ค่อยชอบร้านกาแฟคนเยอะๆ”

ไอ้เด็กวินชวน ผมมองไปรอบๆ ร้านกาแฟฮิปสเตอร์ชื่อดัง แน่นขนัดไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับทุกร้านในย่านนิมมานตอนนี้

“ไปไหนอะ เดินห้างเหรอ คุณมีที่ที่อยากไปไหมล่ะ”
“เรานั่งรถแดงเข้าไปใน มช. ไหมครับ ผมยังไม่เคยเข้าไปเลย สงกรานต์แบบนี้ คนไม่น่าจะเยอะ”
“จะไปนั่งเล่นอ่างแก้วเหรอ เอาสิ ผมก็ไม่ได้เข้าไปนานแล้วเหมือนกัน”

เราออกมาเรียกรถแดงบนถนน จำได้ว่า ถ้าไปทางเส้นนิมมานเข้าประตู ปตท. เก่า จะถึงเร็วที่สุดและเจอรถน้อยที่สุด ถึงจะไม่ได้เรียนที่นั่น แต่ช่วงก่อนก็เข้ามาหาเพื่อนบ่อยอยู่

“ขอบคุณคุณอีกทีนะเรื่องไอ้เตอร์ ทั้งๆ ที่คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งก็ได้ ผมซึ้งใจมากเลย แล้วก็รู้สึกผิดกับคุณด้วย ผมน่าจะเชื่อที่คุณเคยบอก เรื่องเซนน่ะ”
“พี่ขอบคุณผมไปแล้วนะครับ”
“ก็ ยังไม่ได้ขอบคุณจริงๆ จังๆ เลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ พี่จะใช้คำว่า ผมกับคุณ กับผมตลอดเลยเหรอครับ”
อ้าว ก็ยังไม่สนิท
“แล้วจะให้เรียกยังไงอะ มันคุ้นปากไปแล้ว เรียกน้องวินงี้เหรอ”
“งั้นแบบเดิมก็ได้ครับ ผม คุณ ไม่เหมือนใครดี”
“อ้าว”

รถโดยสารพาเรามาลงที่ อมช. อย่างที่คาด มช. วันนี้แทบจะไม่มีคนเลย แต่รถกอล์ฟโดยสารยังเดินรถตามปกติ แต่ผมแกล้งใช้วิธีเดินลัดเลาะไป แบบนี้ดีกว่าเยอะ จะได้เห็นคนเหนื่อยด้วย

“พี่ตี้ครับ ถ้าพี่มีอะไรที่ยังติดใจเกี่ยวกับผมอยู่ ถามได้นะครับ ผมอยากให้เราคุยกันได้มากกว่านี้”
“ก็… มีแหละ” ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าถามได้ถึงขนาดไหน “แต่ถามได้จริงเหรอ”
“ครับ”
“ทุกเรื่องเลยเหรอ”
“ก็คงไม่ทุกเรื่อง แต่ก็ถามได้เกือบทุกเรื่อง”
“งั้น… ไม่มี”
“อ้าว”
“ทำไมอะ ทำไมถึงอยากให้ถาม”
“ก็ ผมไม่อยากให้พี่รู้สึกอึดอัด ยังไงพี่ไอติมกับเฟมก็เป็นแฟนกันแล้ว แล้วเราก็ต้องเจอกัน ค่อนข้างบ่อยด้วย”
“เรื่องมันก็เกิดจากที่คุณไม่ชอบผมก่อนไม่ใช่เหรอ”
ผมพูดไปตรงๆ
“ครับ ผมยอมรับครับว่าผมอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับพี่กับพี่ไอติม แต่ตอนนี้ผมคิดว่าพี่ก็โอเคดี”
แค่โอเคเองเหรอ
“ก็ยังดี”
“แต่พี่ก็ไม่ชอบผมเหมือนกันนี่”
“แปลกใจทำไม ก็คุณมันขี้เก๊ก แล้วคุณก็ทำท่ารังเกียจผมด้วย ลืมไปแล้วเหรอ คุณพยายามแยกไม่ให้สองคนนั่นคบกัน แล้วยังคิดว่าผมจะชอบขี้หน้าคุณเนี่ยนะ”
“เรื่องนั้น ให้ผมอธิบายไหมครับ”
“อืม ก็ลองอธิบ่ายมาสิ”
“ผมยอมรับครับว่าผมเคยคิดแบบนั้นจริงๆ แล้วผมเองนี่แหละครับ ที่เป็นต้นเหตุให้เฟมมันต้องบอกเลิกพี่ไอติมคราวก่อน”
“เรื่องนั้นอะรู้แล้วไหม”
“ผมกลัวว่าจะเสียเพื่อนสนิทคนเดียวที่ตัวเองมี ก็เลยทำไปแบบนั้น โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา คือผมเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ถึงจะอยู่ในคณะที่มีคนเยอะๆ แบบนั้นก็เหอะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่มั้ง ผมไม่ค่อยไว้ใจใคร เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีคนที่จริงใจกับผมจริงๆ สักเท่าไหร่”
“คิดไปเองป่าว”
“ก็เป็นไปได้ครับ”
“แล้ว… คุณไม่ได้ชอบเฟมจริงๆ เหรอ”
ไอ้เด็กวินส่ายหัว
“เอาจริงๆ ดิ รู้กันแค่คุณกับผม ไม่บอกใครหรอก”
“จริงๆ ครับ ที่ผ่านมา ผมคงแค่กลัวจะเสียมันไป เลยคิดว่าตัวเองหวงเพราะชอบมัน เฟมมันเคยชอบผมมาตั้งนานแล้ว แล้วผมก็รู้ด้วย ถ้าผมชอบมันจริงๆ ผมคงคบกับมันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว อีกอย่าง… ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว แต่แค่ไม่อยากยอมรับ”

กู กูแน่ๆ จุดนี้ต้องเป็นกูแล้วล่ะ – ผมขำกับเสียงที่ผุดขึ้นมาในหัว

“ใครอะ น้องมิวเหรอ”
ผมลองทำเป็นแกล้งโง่
“ไม่ใช่ครับ ผมว่าพี่ก็รู้จักนะ”
“เหรอ ถ้าเป็นคนในระดับที่ผมรู้จัก งั้นก็แปลว่าเขาดีไม่พอที่คุณจะชอบถูกไหม คุณสมบัติก็ไม่ได้เลยสักอย่างเลยอะดิ”
“ก็ประมาณนั้นครับ”
อ้าว
“งั้นก็ สู้ๆ นะ ที่จริงที่มหาลัยคุณ มีคนที่อยู่ในระดับเดียวกับคุณ ที่คุณน่าจะชอบได้อยู่เยอะเลย รีบมีเหอะ ต่อไป คุณก็จะไม่ต้องไปคอยขัดขวางความรักคนอื่นอีก”
“แล้วพี่จะไม่เสียใจเหรอครับ”
“หา” ผมหันไปมองมันที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ “เสียใจทำไมอะ”
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอครับ ว่าผมชอบใคร”
จะขยี้ทำไมเนี่ย
“ไม่อะ”
“ผมชอบ…”
ก็ได้ๆๆๆๆ
“จะบอกว่าคุณชอบผมงี้”
“ยังไม่ได้พูดเลยครับ”
“ไม่ต้องพูดหรอก ใครๆ ก้ชอบผมทั้งนั้นแหละถ้าได้ลองมาอยู่ใกล้ๆ แต่ผมดีไม่พอสำหรับคุณไง ไม่เป็นไรหรอกผมเข้าใจ เอาเป็นว่าเราสองคนเข้าใจตรงกันแล้วเนอะ”
“ครับ”
“แต่ก็ขอบคุณนะ ที่อุตส่าห์ลำบากใจมาชอบ”
“แล้วพี่ละครับ เคยชอบผมบ้างไหม”
“มันสำคัญด้วยเหรอวะ”
“สำคัญสิครับ”
“แล้วคุณคิดว่ายังไงอะ”
“ไม่รู้ครับ ผมไม่รู้จริงๆ แต่ตะกี้พี่เพิ่งจะบอกว่า พี่ไม่ชอบผม เพราผมขี้เก๊ก”
เฮ้อ เหมือนว่ายังทำให้ผมรู้สึกแย่ไม่พอ ยังได้อีกซะอย่างนั้น
“ก็ทำนองนั้นแหละ” ผมตอบ “ไม่เศร้านะ”

ไอ้เด็กวินหัวเราะ เป็นยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

เราเดินมาจนถึงอ่างแก้ว แทบไม่มีคนเลย แดดตอนบ่ายสะท้อนน้ำเกิดเงาระยิบระยับ เรายืนมองวิวภูเขาไกลๆ อยู่เงียบๆ กลางแดดจ้า โดยไม่มีใครพูดอะไร

+++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2019 17:15:25 โดย bennietakky »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
โอ๊ยเล่นตัวกันอยู่ได้. ยอมรับกันสักทีเถอะ วุ้ยย

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
เล่นตัวมากตี้55555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ.....ถูกตอบกลับมาว่าไม่ชอบ  แต่ดันหัวเราะยิ้มสดใส?????

เพี้ยนหรือว่าดี?

อ่อ...ถ้าวินเข้าใจตี้จริง ๆ ก็แสดงว่าต้องรู้นิสัยเด่นของตี้คือ "ปากไม่ตรงกับใจ" แน่เลย  ใช่ป่ะ?  อิอิ

ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เมื่อไหร่จะบอกกันตรงๆ :hao5:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
.......

พี่ตี้เอ้ยยยย. กินน้ำบ่อไหน จะกินบ่อนี้หรือกินน้ำบ่อหน้า

ผลัดไปข้างหน้า ก้อไม่ได้กินสักกะทีนะ

เนี่ย น้องวินคนดีมาให้กินถึงที่ละ. รับเถอะนะ รับเถอะ

ไว้ท่านิดหน่อยพอละ ที่เหลือก้อหยวนๆกันไป

น้องวินมาหาถึงถิ่น ก้อตั้งใจง้อพี่ตี้ให้ถึงที่สุด

อย่านกกกกกกก.  ยิ้มเข้าไว้.  ^_^


 :hao6:  :hao7: :hao6:  :hao7:  :hao6:  :hao7:  :hao6: :hao7:


...........


ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่าจะมีฉากแบบหึงหวงตบจูบบ้าง

ออฟไลน์ bennietakky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-0
สองตอนสุดท้ายนี้จะสั้นๆ นะครับ
ตอนหน้าก็จบแล้ว แต่อาจจะอัพช้านิดนึง ขอกลับไปรีไรต์นิดหน่อยครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจด้วย
แนวที่ผมเขียนก็ประมาณนี้แหละครับ เรียบๆ ไม่หวือหวา NC นี่เขียนไม่เป็นเลย
ถ้าชอบก็ฝากบอกต่อด้วยนะครับ ใครที่ยังไม่เคยอ่าน "หนุ่มโชคร้าย x นายแชมป์ว่าว" ก็ฝากด้วยนะครับ
ขอบคุณมากๆ ครับ ไว้เจอกันตอนสุดท้าย ตอนที่ 19 นะครับ/ เบน

 :L2: :L2: :L2: :L2:

18

หลังจากมาออกจาก มช. เราก็ไปสมทบกับไอติมและน้องเฟมที่หน้าห้างสรรพสินค้าบนถนนห้วยแก้ว แต่ด้วยเพราะไม่ใช่แนวของผมและไอ้เด็กวิน ทั้งการเล่นน้ำและดนตรีแนวอีดีเอ็ม เราจึงตัดสินใจหลบอากาศร้อนไปฆ่าเวลาโดยการเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตแทน
เป็นการเดินห้างที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

“คนเยอะนะครับ”
“อืม รู้งี้อยู่ใน มช. นานๆ ก็ดี คุณอยากซื้ออะไรไหมอะ”
“นอกจากพวกของใช้ส่วนตัวก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เอ่อ พี่ตี้ครับ ตะกี้ไอ้เฟมมันไลน์มามาบอกว่าจองโรงแรมให้ผมได้แล้ว แล้วก็จองโต๊ะที่สกายบาร์ของโรงแรมไว้ด้วย”
“แล้ว…”   
“พี่มีนัดแล้วหรือยังครับ”
“ก็… จริงๆ ก็ไม่นะ”
“งั้นก็ดีเลยครับ ไปกินข้าวที่สกายบาร์ก่อน แล้วค่อยออกไปหาที่เที่นวที่อื่น ถ้าพี่ยังไหว”
ไอ้เด็กวินสรุป ผมเลยต้องเออออไปตามนั้น

เราเดินวนหาของจนได้ครบตามที่ต้องการ เปลี่ยนไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ คุยกันจนไม่มีเรื่องจะคุยแล้ว ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ผมจึงไลน์ไปบอกไอติมว่าให้ไปเจอที่รถ

“ไปเช็คอินเลยไหม”
“ก็ดีครับ”

ส่งวินถึงโรงแรมเสร็จ ไอติมก็วนรถมาส่งผมที่หอ เพื่อพักผ่อน อาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูเป็นผู้เป็นคน เพื่อกลับไปกินมื้อค่ำที่สกายบาร์ชั้น rooftop โรงแรมแห่งนั้นตามที่ได้นัดหมายไว้ ตอนที่มาถึงหอพัก ผมบังเอิญสวนกับมิกซ์และไอ้เตอร์ที่ชานบันได ท่าทางจะปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ไอ้เตอร์บอกว่าต้องรีบไปเอาโต๊ะที่จองไว้ที่กู้ดวิว พร้อมทั้งกำชับให้ผมกับพวกไอติมตามไปในตอนดึก มันจะได้เลี้ยงเหล้าเป็นการตอบแทน ผมรับปากและแกล้งแซวพวกมันสองคนพอเป็นกระษัย

“มิกซ์แม่งใจดีเกินไปปะวะ ถ้าเป็นกูนะแม่งจะเอาให้ตายคาตีนเลย เขาดีกับมึงขนาดนี้ อย่ากลับไปเหี้ยอีกล่ะ”
“เออ กูรู้แล้วน่า” ไอ้เตอร์บ่น “ด่ากูยิ่งกว่าเมียกูอีกนะ หรืออยากเป็น”
“กูพูดยังไม่ทันจะขาดคำ เดี๊ยะ”
“กูล้อเล่น อย่าลืมตามไปล่ะ”
“เออ”

คนอื่นเขาลงตัวกันหมดเลยเนอะ ทั้งไอ้เตอร์ – มิกซ์ ทั้งไอติม – เฟม

ผมขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปเจอไอ้เด็กวิน ซึ่งแต่งตัวหล่อจัดเกินเบอร์รออยู่ล็อบบี้ 

ไอติมกับเฟมยังมาไม่ถึง ไอ้เด็กวินซึ่งหิวแล้วจึงชวนให้ขึ้นไปรอก่อนเลย บรรยากาศยามพลบค่ำที่สกายบาร์ของโรงแรมคือเหนือคำว่า ‘โคตรดี’ ไปอีก ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปในสถานที่ที่หรูๆ เลยออกจะตื่นตาตื่นใจ ผมมองวิวเมืองเชียงใหม่แบบ 360 องศาที่ไกลสุดลูกหูลูกตาแล้วจู่ๆ ก็เกิดอยากร้องไห้ขึ้นมา แบบ อยากให้พ่อกับแม่ น้า ตากับยายมาอยู่ที่นี่ด้วยจัง

“วิวสวยเว่อร์อะ”
ไอ้เด็กวินยิ้มพอใจ
“ดีใจที่พี่ชอบ”
“อืม นี่ถ้าไม่ได้คุณชวนมานะ ชาตินี้ผมก็คงไม่มีโอกาสขึ้นมาเห็นหรอก เอาจริง จะมีคนเชียงใหม่จริงๆ สักกี่คนที่ได้เห็นว่ามันสวยอลังการขนาดนี้ จะมีก็แต่นักท่องเที่ยวหรือคนต่างชาติเท่านั้นแหละ”
“พี่นี่เก่งนะครับ ทำให้ผมรู้สึกผิดโดยที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรก็ได้ด้วย”
คนพูดเหน็บยิ้มอ่อนๆ เซ็งๆ
“อ๊ะ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะว่า”
“ผมรู้ครับ”

ต่างคนต่างสั่งเครื่องดื่มมาจิบคนละแก้ว กับของทานเล่นเรียกน้ำย่อย ระหว่างที่รอ

“แล้วนี่… คุณจะกลับกรุงเทพวันไหนอะ”
“พรุ่งนี้ครับ ไฟลท์สองทุ่ม ไปส่งไหมครับ”
“เหอะ ไงก็เที่ยวให้สนุกละกันนะ พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านแต่เช้า งานรวมญาติน่ะ”
“พี่อยู่อำเภอไหนนะครับ”
ผมบอกชื่ออำเภอที่อยู่ไป
“อ๋อ” อุทานเหมือนรู้ “ที่อยู่บนดอยใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ บ้านอยู่ข้างล่าง ใกล้ตัวอำเภอ แบบเป็นที่ราบ ราบกว่าอีอำเภอเมืองนี่อีก ในเมืองนี่ดอยกว่าอีกนะ”
ผมอธิบายถึงตัวอำเภอที่ผมอยู่เป็นครั้งที่ล้านในชีวิต
“อ่อ น่าไปเที่ยวนะครับ”
“ก็มาดิครับ”

คราวนี้มันหัวเราะแบบ น่ารักมาก ถ้าได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ทุกๆ วัน ก็คงจะดี

“พี่ตี้ครับ ถ้าเมื่อตอนบ่ายผมพูดอะไรไม่ค่อยเคลียร์ ผมขอใช้โอกาสนี้อธิบายเลยนะครับ”
พอเห็นมันทำหน้าจริงจังแบบนี้ จู่ๆ ผมก็รู้สึกใจเต้นแรง

อย่าพูดดีแล้วมาหักคอกูตอนท้ายอีกนะเว้ย

“ตอนนี้พี่ก็รู้แล้วว่าผมชอบพี่ แต่พี่คงจะงงๆ ว่า ผมไปชอบพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน”
ไอ้เด็กวินหลุบตาลงต่ำ ทำท่าเหมือนเขิน แต่ก็ยังดูเก๊กๆ อยู่ดี
“น้ำเน่านิดนึงนะครับ จริงๆ ผมคิดว่าพี่น่ารักพี่ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วครับ ผมแค่ทำตัวไม่ถูก ไม่เคย”
ผมทำปากเบะอัตโนมัติเพราะเขิน
“ผมว่าพี่เข้าใจผิดที่คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ หรืออาจเป็นผมเองที่ตาถั่ว จริงๆ แล้ว ผมต่างหากที่ไม่ดีพอสำหรับพี่ ผมเป็นคนนิสัยแย่ ไม่รู้จักวิธีเข้าหาคน ผมชอบพี่ ผมแค่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้พี่ชอบผม”
“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร คุณก็รู้ตัวเองอยู่แล้วมั้งว่าคุณก็มีดีอยู่เยอะ”
“แต่ผมก็ทำนิสัยไม่ดีกับพี่ ขอโทษนะครับ”


“โอเค ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วยเหมือนกัน ยอมรับว่าผมเองก็อคติกับคุณ แต่ว่า ผมไม่ได้เกลียดคุณเลยนะ หมายถึงตอนนี้อะ” ผมชูนิ้วก้อยขึ้น ไอ้เด็กวินเอานิ้วก้อยตัวเองมาแตะแบบเขินๆ “ถือว่าหายกัน”
“หมายความว่า พี่เริ่มชอบผมใช่ไหมครับ”

เป็นคำถามที่แบบ นี่อยากจะตะโกนตอบไปเลยดังๆ ว่า ใช่โว้ย แต่ในสถานการณ์จริงคือทำได้เพียงพยักหน้าแล้วตอบว่า

“เออ ประมาณนั้นแหละ”
“ขอบคุณนะครับ” ไอ้เด็กวินยิ้มหล่อ แล้วยักคิ้วน่าหมั่นไส้ “ถ้าอย่างงั้น ต่อไปนี้ เรามาลองสนิทกันดูไหมครับ ผมเองก็โดนแย่งเพื่อนสนิทไปแล้ว เลยอยากลองสนิทกับพี่ดูอะครับ”



นี่มัน จริง จริงๆ ใช่ไหม
เรื่องทั้งหมดนี่ วิวอลังการ เครื่องดื่มอร่อยๆ แล้วก็คนที่อยู่ตรงหน้านี่ เรื่องจริงเหรอ
จู่ๆ น้ำตาก็จะไหลขึ้นมาซะงั้น กระทั่งไอ้เด็กวินยังตกใจ

“พี่ตี้ เอ่อ ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า”

ผมส่ายหัว เช็ดน้ำตาแล้วหัวเราะด้วยความเขิน

“เปล่า แสบตาอ่ะ สงสัยฝุน pm 2.5 ไม่เป็นไรละ”
“ให้ผมเช็ดให้ไหม”
“ไม่ต้อง”
“เขินเหรอครับ”
“ถามเยอะแยะ เดี๋ยวกอดเลยนะ”
“ก็ไม่ได้ห้ามนะครับ”

โว้ย ขอเขินหน่อยเหอะ ก็คนมันไม่เคยประสบความสำเร็จเรื่องความรักนี่หว่า วาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็ตีอกชกหัวตัวเองแทบตาย หลายต่อหลายครั้งที่เกือบแพ้ความเหงาหงี่ของตัวเองไปนัดยิ้ม ยังดีที่ดึงตัวเองกลับมาได้

ผมเคยนึกน้อยใจตัวเองที่เกิดมาเป็นแบบนี้ เกิดมาชอบผู้ชายด้วยกัน เกิดมาอยู่ในสภาพแวดล้อมบ้านๆ ไม่รวย ไม่ไฮโซ และไม่สามารถถีบตัวเองให้ขึ้นมามีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้

ก็ใครจะไปคิดว่า เด็กผู้ชายงานดีพรีเมี่ยมขนาดนี้ จะมาชอบคนแบบผมเข้าจริงๆ แม้ว่าจะเริ่มต้นจากการเป็นแค่คนสนิท เป็นพี่เป็นน้องกันก็เถอะ

แค่นี้ก็ดีจนไม่รู้จะหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว

+++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2019 23:17:46 โดย bennietakky »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด