[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267042 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ครอบครัวสำคัญที่สุด คุณฌาณเลือกได้ถูกต้องแล้ววว เป็นกำลังใจให้จ้าาา :katai2-1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ใจหายแทนเหมือนกัน

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนหน้าบู้บี้ก็จบแล้วเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ไม่สิ...โถ่ๆๆๆ
ยังไม่อยากให้จบอ่ะ T^T

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจหายมากๆ จะจบซะแล้ว
 แต่เราก็ยินดีเช่นกัน ยินดีที่บู้บี้จะมีความสุขแล้ว
ความสุขที่เป็นความสุขจริงๆซะที

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ไม่รู้จะพูดอะไร อ่านแล้วแบบ ไม่ได้นึกถึงที่ไหนจริงๆ นะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เลือกทางนี้แหละ มันคือความจริงที่เราต้องปล่อยบางอย่างที่เกินตัวไปเพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดไว้
สู้ๆๆนะทั้งคู่เลย ปล่อยโลกที่บ้าบอไป แล้วไปปั๊มเบบี๋บู้บี้กันเหอะ :katai3:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
จะจบแล้วหรอ ยังรู้สึกค้างคาอยู่เลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คนๆเดียวไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ก็จริงแหละ
แต่ผลกระทบของมันก็คงเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
 :hao5: :hao5: :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ใจหายเหมือนกันนะคะ​ สู้กับปัญหามาตั้งนานแล้วอยู่ๆมันเหมือนนกปีกหักที่บินต่อไม่ได้​ แล้วเลี่ยวหันไปเดินอีกทางนึงเลย

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ตาม​อ่าน​ใน​นี้​มั้ง

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เราไม่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งได้แค่ผลิกฝ่ามือ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคุณฌาณและน้องอัยย์

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คนชั่วต้องใหญ่แค่ไหน กินบ้านกินเมืองของจริง อ่านแล้วโมโหเลย เกลียดมากกกกก แง  :fire: :m31: :angry2: สงสารคุณไตรคุณ สงสารทุกคน สงสารคุณฌานที่สุดสู้ไม่ไหวอีก แงงงง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ดีแล้วล่ะที่เลือกทางนี้ ไม่อยากคิดถ้าไม่ลงจากตำแหน่งต่อไปจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คุณพิช ลงพื้นที่ ช่วยเหลือน้ำท่วม ที่ภาคใหนคร้า จะไปส่อง เลขทะเบียนรถ อิอิ ผู้อยู่เบื้องหลัง คงอยู่เบื้องบน ของทุกคนซิเนอะ ภูมิใจ ที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
แค่นี้ก็แข็งแกร่งกันทั้งสองคนแล้วค่าาา

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ใจหายจะจบแล้วเหรอ เจ้าโอเมก้าปุ๊กปิ๊กได้ไปเที่ยวสมใจแล้วววว

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โกรธที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้กับฝั่งอำนาจมืดพวกนั้น ตอนหน้าจะจบแล้วใจห่ยเหมือนกันนะเนี่ย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
อ่านแล้วอิน อ่านแล้วอยากจะลุกมาทำอะไร แต่สุดท้ายก็คือ ได้แต่รอว่าสักวันมันจะมาถึง เข้าใจในการตัดสินใจ มันอยากสู้แต่ก็เกินกำลัง ไปใช้ชีวิตให้มีความสุข มีบู้บี้ที่ 2 3 4 จะจบแล้วอ่าาาา ใจหาย ชอบมาก ชอบความโรแมนติกดราม่า นิยายที่มีอะไรให้เราคิดตาม นิยายน้ำดี เป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆ ไปด้วยนะคะน้อง

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :angry2:อำนาจมันน่ากลัวเสมออ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เข้าใจนายพิชช์ฌานนะ ถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่า ในเวลานี้คนที่สำคัญที่สุดก็คือครอบครัว และในที่สุดบู้บี้ก็จะได้ไปเที่ยวแล้ว ขากลับต้องมีตัวน้อยๆมาฝากคุณปู่คุณย่าแล้วนะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 50

 



 

 

 

 

 

         “หันมาทางนี้หน่อย  ดีมาก”  ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กดชัตเตอร์ถ่ายรูปนายแบบที่หันมาส่งยิ้มกว้างให้กล้องไปหลายรูป  “เงยหน้าขึ้นอีกนิด”

          “แดดแรงจัง”  นายแบบเริ่มบ่น  แต่ก็ยังแอคท่าส่งยิ้มหวานให้กล้องต่อไป   “คุณมาถ่ายคู่กันเร็ว”  อาคิราห์กวักมือเรียก  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ส่งกล้องให้คนสนิทรับไป

          เขาเดินเข้าไปโอบเอวคนรักเอาไว้  ภาพวิวข้างหลังเป็นปราสาทโบราณสวยจับตา  ข้างหน้าเป็นสวนดอกไม้หลากสีหลายสายพันธุ์ที่ทำเอาอาคิราห์ตื่นตาตื่นใจใหญ่  เดินเล่นอยู่ทั้งวันไม่ยอมกลับ

          “อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปจัง”  เจ้าโอเมก้าว่า  สูดลมหายใจเข้าปอดลึก  “คุณซื้อที่นี่เลยได้มั้ย”

          คนฟังเกือบสำลัก  เหลือบมองคนพูดเหมือนจะค้อน

          “ตอนนี้ฉันเป็นคนตกงานอยู่  จะเอาเงินจากไหนมาซื้อล่ะเธอก็”  พิชช์ฌานพูด  “เราลงเขาแล้วนั่งรถไฟไปต่อดีกว่า  เดี๋ยวมืดแล้วจะนั่งกระเช้าไม่ได้  ...อย่าทำหน้างั้น  ใครบอกอยากเล่นสกี”

          “อัยย์อยากเล่นสกี”  อาคิราห์พูด  แนบหน้าเข้ากับต้นแขนล่ำสันของสามี  ช้อนตาขึ้นมองอย่างที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางปฏิเสธ  “แต่ว่าอยากเดินขึ้นไปดูตรงนู้นอีกหน่อย  นะครับ”  ตรงนู้นที่ว่าคือหอคอยโบราณสูงลิบที่มีกุหลาบเลื้อยปกคลุม  พิชช์ฌานมองตามแล้วถอนหายใจเฮือก  ยอมเดินไปดูด้วยกันแต่โดยดี

          นั่งรถไฟข้ามประเทศไปยังอีกประเทศหนึ่ง  ทิวทัศน์หุบเขาสลับซับซ้อนสวยราวกับภาพวาด  อาคิราห์นั่งมองวิวข้างนอกหน้าต่างไปตลอดทางพลางยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเป็นระยะ ๆ อดหมั่นไส้สามีไม่ได้ที่เอาแต่นอนหลับกรนคร่อกเหมือนไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนงั้นแหละ

“คุณฌานทำงานหนักเลยไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะครับ”  เจนภพพูดแก้ให้พี่ชายยิ้ม ๆ “เดี๋ยวพอถึงยอดเขาแล้วก็จะตื่นขึ้นมาเอง  คุณอัยย์ไม่ต้องห่วง”

“มาเที่ยวเอาแต่หลับ”  อาคิราห์งึมงำ  หันไปเห็นแม่บ้านอาวุโสนั่งอมยิ้มอยู่ก็พูดขึ้น  “ป้านิ่มหนาวไหมครับ  อัยย์มีผ้าพันคออีกผืนนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ  ป้าไม่หนาว  คุณอัยย์ใส่เถอะ”

“อัยย์ไม่มีที่ให้ใส่เพิ่มแล้ว”  อาคิราห์หัวเราะ  เจ้าตัวเล่นพอกทั้งเสื้อกันหนาวหมวกและผ้าพันคอหลายชั้นจนกลมไปหมด  “หนาวมาก ๆ หิมะก็ตกไม่หยุดเลย”

“นี่ขนาดมีฮีทเตอร์นะคุณอัยย์  ถ้าออกไปสกีล่ะก็”  เจนภพหัวเราะ  “ตัวแข็งเหมือนอยู่ในช่องฟรีซแน่ ๆ”

“เด็ก ๆ อัยย์จะโชว์ความสามารถด้านสกีให้ทุกคนได้ชม”  อาคิราห์โอ่

“แข่งกันไหมล่ะ  ใครแพ้โดนลงโทษ”  คนที่นอนกรนอยู่พูดขึ้น  อาคิราห์สะดุ้ง  หันไปเห็นสามีลืมตาขึ้นมองตัวเองยิ้ม ๆ อยู่ก่อนแล้ว

“ก็ได้  แต่ผมขอเรียนก่อนนะ”  อาคิราห์รีบพูด  “แข่งหลังจากที่ผมเล่นเก่งแล้ว”

“ถึงตอนนั้นฉันอาจจะต้องตะบันน้ำกินก่อน”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ  ดันตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรง  “ถึงไหนแล้วเจนภพ  ใกล้หรือยัง”

“ใกล้แล้วครับ  ตอนนี้อยู่ห่างจากยอดเขา...”  เจนภพบอกอย่างคล่องแคล่ว  “แต่วันนี้คาดว่าพายุหิมะเข้าคิดว่าน่าจะไม่ให้ขึ้นกระเช้าครับคุณฌาน”

“อ้าว”  อาคิราห์อุทาน  หน้าจ๋อย  หันไปมองสามีอีกรอบ

“ก็ค้างอีกคืนก็ได้  ไม่รีบไปไหนไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รีบไปไหนเลย  อยู่ที่นี่เลยได้มั้ย”  อาคิราห์พูดแกมหัวเราะ

พิชช์ฌานส่ายหน้ากึ่งระอากึ่งเอ็นดู

คืนนั้นพวกเขาเข้าพักในโรงแรมที่เจนภพจัดการจองเอาไว้ให้ก่อนเรียบร้อยแล้ว  วันรุ่งขึ้นถึงได้นั่งกระเช้าต่อขึ้นไปบนยอดเขา  หิมะสีขาวปกคลุมทั่วอาณาบริเวณทำเอาคนไม่เคยเห็นถึงกับส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นตลอดเวลา

“คุณฌาน  ดูนั่นสิ  หมี..หมีขาวล่ะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นชี้  พิชช์ฌานกำราวเหล็กเอาไว้แน่น  ไม่ยอมหันไปมองตามที่คนรักชี้บอก  อาคิราห์พูดต่อ  “หมีจริง ๆ ด้วยแฮะ  ทำไมถึงมีหมีบนนี้ได้”

“ไหนคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลเริ่มสนใจ  ยอมขยับตัวมาชะโงกดูข้างล่างบ้าง  “โธ่  ไม่ใช่หมีค่ะ  นั่นมันคนชัด ๆ”

“ผมรู้แล้ว”  อาคิราห์ยอมรับง่าย ๆ แล้วบุ้ยใบ้ไปทางร่างสูงใหญ่ที่นั่งเกร็งมาตั้งแต่ขึ้นกระเช้า  “ผมอยากให้คุณฌานขยับตัวบ้าง  ไม่น่าเชื่อว่าคุณฌานจะกลัวความสูง”

“ฉันไม่ได้กลัวความสูง”  พิชช์ฌานพูดทันควัน  ไม่มองไปทางไหนเลยนอกจากคนที่นั่งตรงข้ามเท่านั้น  “ฉันแค่ไม่ชิน  โอ๊ะ...อย่าลุกเดิน  นั่งนิ่ง ๆ ไม่งั้นกระเช้ามันจะแกว่ง”  ชายหนุ่มรีบห้ามไม่ให้เจ้าโอเมก้าลุกขึ้นเดิน

อาคิราห์ยิ้มกว้าง  เดินไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนสามีเริ่มตาเขียวถึงได้ยอมถอยกลับมานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ ยกมือขึ้นลูบหลังคนตัวใหญ่กว่าไปมาเหมือนผู้ใหญ่ปลอบเด็ก

“โอ๋ ๆ ไม่ต้องกลัวนะ  มาซบอกพี่อัยย์มา”  เจ้าโอเมก้าพูด  ยืดตัวขึ้นตบอกตัวเองปุ ๆ  ยิ่งเห็นสามีหน้าซีดหน้าเซียวก็ยิ่งรู้สึกสนุกกว่าเดิม

“แค่ซบอย่างเดียวเหรอ”  พิชช์ฌานกระซิบ  หรี่ตาลงมองหน้าอีกฝ่ายแบบฝากไว้ก่อน  คนฟังเบิกตาโต  แก้มขึ้นสีเรื่อทันตาเห็น

“แค่ซบสิ”  อาคิราห์ว่า  “หยุดคิดเรื่องอื่นเลยนะ  รอยเดิมยังไม่หายเลย”  ประโยคหลังเจ้าตัวลดเสียงลงให้พอได้ยินกันสองคน  “เมื่อยด้วย”

พิชช์ฌานเอียงคอฟังเสียงบ่นงุ้งงิ้งนั้นแล้วอมยิ้ม

“เดี๋ยวคืนนี้นวดให้อีก”  พูดจบก็เอื้อมมือไปบีบคลึงต้นขาของภรรยาหนัก ๆ อาคิราห์รีบยึดมือของเขาเอาไว้แล้วดึงออก

“ไม่คุยด้วยแล้ว ...ป้านิ่มครับ”  อาคิราห์ย้ายที่  รีบลุกไปนั่งกับแม่บ้านอาวุโสแทน  ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ ดังขึ้นตามหลัง

ยอดเขาสูงลิบที่พวกเขานั่งกระเช้าขึ้นมาสวยจับตาจับใจ  หิมะสีขาวปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ  บรรดานักท่องเที่ยวเดินขึ้นลงกันขวักไขว่  บ้างก็เล่นสกีจากยอดเขาลงไปข้างล่าง  อาคิราห์ยืนเกาะกระจกโรงแรมดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“อู้หู  ดูนั่นสิคุณฌาน  คนนั้นเล่นเก่งสุด ๆ เท่เหมือนในหนังเลย”  เจ้าโอเมก้าชี้นิ้วไปยังนักสกีชุดแดงที่ลงจากยอดเขาไปอย่างรวดเร็ว  “ว้าว  ดูคนโน้นเมื่อกี้เขากระโดดลงมาด้วยล่ะ”

“ขึ้นไปดูห้องพักก่อนอาคิราห์  เดี๋ยวค่อยลงมา”  พิชช์ฌานพูด  ลากตัวคนที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องพักที่วิวดีที่สุดเท่าที่เจนภพจะจองให้ได้  อดีตนายกฯอยากจะล้มตัวลงนอนสักงีบทว่าคนข้างตัวกลับกระตุกแขนเขาไม่เลิกจนต้องยอมออกมาจากโรงแรมด้วยกัน

อากาศข้างนอกหนาวจัดจนลมหายใจกลายเป็นไอ  อาคิราห์ตัวสั่นกึก ๆ ยกมือขึ้นกอดอกตัวเองเอาไว้แน่นแม้ว่าจะพอกตัวด้วยเครื่องกันหนาวเต็มสตรีมแล้วก็ตาม

“ไหนใครบอกว่าฤดูใบไม้ผลินะ”  เจ้าโอเมก้าพูด  ฟันกระทบกัน  เดินเข้ามากอดแขนสามีเอาไว้

“ก็ใครบอกอยากเล่นสกี”  พิชช์ฌานย้อน  ก้มลงมองใบหน้ากลม ๆ ที่ถูกปกปิดด้วยแว่นตาอันใหญ่กับผ้าพันคอและหมวกเต็มยศ  “ไปเล่นสิ  เมื่อกี้ใครบอกอยากเล่นนะ”  ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าบู้บี้ของเขาไม่ยอมขยับตัว

“ไม่เอาแล้ว  หนาวจะตายแล้ว”  อาคิราห์โอดครวญ  “อยากกลับเข้าไปในโรงแรม”

“ไม่ได้  มาจนถึงที่แล้วต้องเล่น”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม

“นี่คุณเอาคืนผมเหรอ”  คนฟังหน้าหงิก  ยกมือขึ้นทุบร่างสูงใหญ่ดังอั้ก  “คุณเล่นกับคุณเจนภพไปก็แล้วกันนะ  หนาวจนเหมือนหูผมจะหลุดออกมา”

“ถ้าเธอตบหูแรง ๆ มันก็จะหลุดออกมา  จริง ๆ นะ”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  ยิ่งเห็นคนฟังเบิกตาโตทำหน้าเลิ่กลั่กก็ยิ่งขำแกมเอ็นดู

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระวังหูคุณเอาไว้ให้ดีเลย  ลมพัดมาแรง ๆ อาจจะหูหลุดไปเลยก็ได้”  อาคิราห์พูดเสียงอู้อี้  ยกมือขึ้นมาล้อเลียนหูกาง ๆ ของเขา  พิชช์ฌานเกือบสำลักน้ำลาย  ได้ยินเสียงหัวเราะกึก ๆ ดังมาจากเหล่าผู้ติดตามก็ชักฉุน  ออกแรงลากเจ้าตัวบู้บี้กลมปุ๊กให้เดินตามมาอีกทาง

อัยย์บ่นกระปอดกระแปดอยากกลับเข้าไปในโรงแรมให้ได้  แต่พอได้ลองเล่นสกีดูแล้วก็หายหนาวเป็นปลิดทิ้ง  เหงื่อแตกแทบจะถอดผ้าพันคออกแทน  เขาหัดเล่นต้วมเตี้ยมอยู่กับนิ่มนวลและครูฝึกสองคน  ส่วนพิชช์ฌานกับเจนภพนั้นกลับเล่นสกีอย่างคล่องแคล่วลงไปถึงข้างล่างแล้ว

“สนุกมั้ยคะคุณอัยย์”  แม่บ้านอาวุโสถอยมายืนดูเจ้านายล้มลุกคลุกคลานแทน  เธออุทานแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูที่เห็นเจ้าโอเมก้าเสียหลักหน้าทิ่มลงไปบนหิมะ  อาคิราห์หัวเราะร่า  เขาลุกไม่ขึ้นร้อนถึงครูฝึกกับนิ่มนวลต้องมาช่วยกันดึงขึ้นมา

“เหนื่อยมากเลยป้านิ่ม  อัยย์เหนื่อยสุด ๆ  แต่สนุกมาก”  ชายหนุ่มยิ้มกว้าง  “แล้วนี่คุณฌานกับคุณเจนภพไปไหนแล้ว”   

“เดี๋ยวก็กลับขึ้นมาค่ะ  คงเล่นเพลิน”  นิ่มนวลตอบยิ้ม ๆ “คุณอัยย์เหนื่อยยังคะ  เรากลับเข้าไปพักในโรงแรมกันก่อนดีไหม”

“ดีเหมือนกันครับ  ท้องร้องแล้ว”  เสียงร้องโครกดังขึ้นประกอบ  อาคิราห์ยิ้มจนตาหยี  เดินตามแม่บ้านอาวุโสกลับเข้าไปในโรงแรมเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนจะถึงมื้อเย็นที่พิชช์ฌานจองโต๊ะดินเนอร์สุดหรูเอาไว้

พิชช์ฌานตามกลับมาที่โรงแรมในอีกชั่วโมงถัดมา  ใบหน้าคมเข้มแดงจัดและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  ดูเหมือนพิชช์ฌานจะอายุลดลงไปสักสิบปี  ริ้วรอยความเคร่งเครียดในแววตาจางหายไปไม่มีเหลือ  ราวกับว่าชายหนุ่มทิ้งคราบของนักการเมืองมากประสบการณ์คนเก่าเอาไว้ที่ตีนเขาแล้ว

เจนภพเองก็เช่นกัน  ชายหนุ่มเดินพูดคุยอะไรสักอย่างกับพี่ชายอย่างออกรส  ท่าทางผ่อนคลายเต็มที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวแจเหมือนเดิม

“ไว้คราวหน้าฉันจะเอาจริงแน่ ๆ เจนภพ  หนนี้แค่ซ้อม ๆ เอาไว้ก่อน”  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  โบกมือให้น้องชาย

“ครับผม  ผมจะรอแก้มือนะครับคุณพิชช์ฌาน”  เจนภพก้มศีรษะให้อย่างล้อเลียน

“เป็นยังไงบ้าง  สกีแข่งกันเหรอครับ  ผมขอเดาว่าคุณฌานแพ้แน่ ๆ”  อาคิราห์พูด  มองคู่ชีวิตแล้วอมยิ้ม  พิชช์ฌานเอื้อมมือมาบีบจมูกคนพูดอย่างมันเขี้ยว

“ไม่เคยเข้าข้างฉันเลยนะ  เจ้าบู้บี้”

อาคิราห์ปัดมือออก  ยกมือขึ้นคลำจมูกของตัวเองป้อย ๆ

“ฮื้อ  อย่ามาจับ  เดี๋ยวจมูกหลุดออกมา”  เจ้าตัวยังกลัวอยู่  “ผมเห็นก็รู้แล้ว  คุณเจนภพเป็นยอดฝีมือแน่ ๆ”

“ฉันอ่อนให้เจนภพต่างหาก”  พิชช์ฌานแก้

“คุณฌานยอมให้ผมไปก่อนจริง ๆ ครับ”  เจนภพยืนยัน  “ถ้าแข่งกันจริง ๆ ผมแพ้ตั้งแต่ออกตัวแล้ว”

“อยากได้อะไรเจนภพ  ว่ามาเลย”  พิชช์ฌานพูดขึงขัง  มือขวาคนสนิทหัวเราะลั่น

“ผมขอตัวคุณอัยย์สักวันได้มั้ยครับ”  เจนภพยิ้มพราย  คนฟังขมวดคิ้วฉับ  พูดเสียงดุทันที

“ฉันไล่นายออกแน่เจนภพ”

“คุณเจนภพจะพาผมไปไหนเหรอ”  อาคิราห์หันไปหาอย่างสนใจ  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  ยกมือขึ้นบังหน้าเจ้าโอเมก้าเอาไว้

“ไม่ต้องไปสนใจมัน  เธอสนใจฉันคนเดียวพอแล้ว  ไป...ขึ้นห้อง”

          อาคิราห์หัวเราะ  ยอมเดินตามสามีไปอย่างว่าง่าย

          ช่วงเวลาบนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะนั้นติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาพอ ๆ กับตอนที่ได้นั่งเรือเล่นในทะเลสาบกว้างใหญ่สีเขียวมรกต  นอนจับมือกันดูดาวในสวนใบไม้เปลี่ยนสีและจบลงที่การเดินช็อปปิ้งหาของกินอร่อย ๆ ในตัวเมือง

          “กลับไปเธอได้กลิ้งแน่ ๆ อัยย์”  คนพูดกำลังหยิบช็อคโกแลตชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยว  “กลิ้งกลับแน่ ๆ เดินไม่ไหวแน่นอนอัยย์หยุดกินเดี๋ยวนี้”  ปากพูดแต่มือก็หยิบขนมเข้าปากเคี้ยวต่ออยู่ดี

          “เธอพูดกับใครน่ะอาคิราห์”  สามีหันมาถามงง ๆ “พูดกับฉันเหรอ”  พิชช์ฌานกำลังยืนเลือกนาฬิกาเรือนใหม่อยู่อย่างขะมักเขม้น

          “เปล่า  ผมพูดคนเดียว”  อาคิราห์ส่ายหน้า  เผลอนิดเดียวขนมในมือก็หมดเกลี้ยง  “คุณแอบกินของผมหรือเปล่า”

          “กินอะไรล่ะ  เห็นถือกินอยู่คนเดียวไม่ยอมแบ่งใคร”  พิชช์ฌานขมวดคิ้วใส่  “บ่นว่ากางเกงคับแต่ก็ไม่ยอมหยุดกินหมายความว่าอะไรนะ”

          “ถ้าผมตัวอ้วนตุ๊ต๊ะ  คุณจะยังรักผมมั้ย”  จู่ ๆ คนที่ดูดนิ้วเลียคราบหวาน ๆ ของขนมอย่างเพลิดเพลินก็ถามขึ้น  ร่างสูงใหญ่หันมามอง  หรี่ตาลงจับอารมณ์คนถามไม่ถูก

          “ถามทำไมเนี่ย”

          “ก็อยากรู้  ตอบสิ ๆ”

          “เธอถามตอนฉันเลือกนาฬิกาเนี่ยนะ”

          “ถามตอนนี้ไม่ได้เหรอ  ก็มันสงสัย”

          “ฉันก็ไม่ได้รักเธอเพราะเธอดูดีตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่”  พิชช์ฌานตอบตรง ๆ “หน้าตาบู้บี้ขนาดนี้ต่อให้ตัวกลมป๊อกก็คงบู้บี้เหมือนเดิม  หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วย  ไม่แน่อาจจะเข้ากับเธอมากกว่าผอมแห้งหัวโตก็ได้นะ  ฉันหมายถึงว่าน่ารักดี”

          “เหมือนถูกหลอกด่ายังไงไม่รู้”  อาคิราห์อุบอิบ

          “แล้วถ้าฉันแก่กว่านี้ล่ะ  เธอจะยังรักฉันอยู่ไหม”

          “คุณแก่อยู่แล้ว  คงไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอกนอกจากหัวล้านมากขึ้น  ผมหมายถึง...จะหาวิกให้นะ”  เจ้าโอเมก้าตอบหน้าตาเฉย  หมุนตัวเดินออกจากร้านนาฬิกาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวโดนเอาคืน

          พิชช์ฌานพาเขาเที่ยวแถบยุโรปและอเมริกาจนทะลุปรุโปร่ง  อาคิราห์เพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีบ้านที่ซื้อเก็บเอาไว้อยู่หลายประเทศแถมยังมีเงินฝากเอาไว้ในธนาคารอีกหลายแห่ง

          “ฉันก็ต้องเตรียมตัวบ้างสิเธอ  ใครจะรู้  เกิดต้องหนีออกนอกประเทศขึ้นมาจะได้ไม่อดตาย”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ มือก็พิมพ์ตอบอีเมล์ในคอมพิวเตอร์ไปด้วย  “เธอชอบเมืองไหนมากที่สุดล่ะ”

          “ผมเหรอ..”  อาคิราห์ครุ่นคิดแล้วก็บอกชื่อประเทศที่ชอบที่สุด  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง

          “กะแล้วเชียว”  เขาโอบภริยาเข้าหาตัว  “ที่นั่นเป็นประเทศเสรีที่สุด  แม้แต่โอเมก้าก็มีโอกาสเป็นประธานาธิบดีได้  เธอคงจะมีความสุข”

          “ผมมีความสุขเสมอถ้าอยู่กับคุณ”  อาคิราห์ตอบ  ซบหน้าลงกับอกกว้าง  พวกเขานอนคุยกันบนเตียงเหมือนทุกคืน   พิชช์ฌานยิ้มออกมาในความมืดสลัว  วางโน๊ตบุ๊คลงข้างตัว

          “ไปหัดพูดหวาน ๆ แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ไม่เห็นต้องหัด  ผมพูดออกมาจากใจ”

          “ต้องมีอะไรแน่ ๆ นี่ไม่ใช่เจ้าบู้บี้ของฉันตัวจริง”  พิชช์ฌานหรี่ตาลงอย่างระแวง  “วางแผนอะไรเอาไว้บอกมานะ”

          อาคิราห์หัวเราะ  กอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น

          “ผมมาคิดดูแล้ว  ผมไม่อยากเที่ยวแล้วล่ะ  อยากจะลงหลักปักฐานสักที่หนึ่ง  หาที่เรียนต่อให้จบ”  อาคิราห์พูดเสียงจริงจังขึ้น  “ผมเห็นโอเมก้าที่นี่แล้วอิจฉาจัง  พวกเขามีชีวิตที่เป็นอิสระ  ไม่ต้องติดอยู่กับกรอบเดิม ๆ ของโอเมก้า  ผมอยากเป็นอย่างนั้น”

          “เธอโตขึ้นอีกแล้ว”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ “ฉันก็กำลังคิดอยู่ว่าจะหยุดพักที่ไหนดี  รอให้เธอเรียนจบ  ออกท่องเที่ยวหาประสบการณ์ด้วยกันไปเรื่อย ๆ ดีไหม”

          “ดีที่สุดเลย”  อาคิราห์ดึงตัวขึ้นหอมแก้มของพิชช์ฌานเบา ๆ

          “ว่าแต่...เมื่อไหร่ตัวเล็กจะกลับมาหาเราเสียทีนะ”  มือใหญ่นวดคลึงบนหน้าท้องนิ่ม ๆ ไปมา

          “เมื่อเขาพร้อมก็จะมาเอง”  อาคิราห์ตอบ  วางมือทาบทับบนหลังมือของสามี  “อย่าใจร้อนสิครับ”  คนพูดนิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นที่ไกลตัว

          “คิดถึงเฌอริชช์เหรอ”

          “ผมฝันเห็นเด็กผู้หญิง ...บางครั้ง”  อาคิราห์กระซิบ

          “ใกล้จะครบรอบหนึ่งปีที่เฌอริชช์จากไปแล้ว  เวลาผ่านไปเร็วมาก”  พิชช์ฌานพึมพำ  อดคิดในใจด้วยความวูบโหวงไม่ได้ว่าป่านนี้ลูกสาวคงไปเกิดใหม่ในที่ ๆ ดีกว่า  อาจจะดีก็ได้ที่เธอไม่ได้มาอยู่กับพวกเขาตอนนี้  “เธออยากกลับไปหาลูกหรือเปล่า”

          นั่นหมายความว่าต้องกลับประเทศสินะ...อาคิราห์คิดในใจ  เวลาเกือบหนึ่งปีที่จากบ้านเกิดมานั้นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายทั้งกับตัวเขาและพิชช์ฌาน   โลกกว้างที่ได้มาทำความรู้จักทำให้อาคิราห์ยังไม่นึกอยากกลับไปสู่จุดเดิม

          “ยังไม่ถึงเวลานั้นครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “ผมยังไม่พร้อมกลับไป”

          ...........................................................

ถึง คุณแม่

          อัยย์เพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยเมื่อตอนบ่าย  โปรเฟสเซอร์ชมว่าธีสิสของอัยย์ดีมาก  ถ้าอัยย์ผ่านหมดล่ะก็คงจะเรียนจบทันฟอลแน่ ๆ  อัยย์ได้เป็นประธานชมรมโอเมก้าสัมพันธ์ด้วย  คุณแม่เคยได้ยินไหม  คุณพิชช์ฌานหัวเราะใหญ่เลยตอนที่อัยย์เล่าให้ฟัง  ไม่เข้าใจเลยว่ามันน่าขำตรงไหน  ชมรมของเราออกจะมีประโยชน์  ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสมาชิกมากมายหลายร้อยคนหรอก  นี่อัยย์ไม่ได้โม้นะ 

          อยากให้คุณแม่ได้มาเห็นมหาวิทยาลัยของอัยย์  ตอนนี้ใบไม้เปลี่ยนสีแล้วสวยมาก ๆ เลยครับ  วันก่อนอัยย์ไปพายเรือเล่นในทะเลสาบมาด้วย  กลับมาปวดแขนไปหมดเลย  โดนคุณพิชช์ฌานดุซ้ำอีกต่างหาก  อัยย์ล่ะหมั่นไส้คุณพิชช์ฌานชะมัด  ทีตัวเองแอบไปขี่จักรยานเสือภูเขากับคุณเจนภพทั้งวัน  กลับมาปวดขาลุกไม่ขึ้นอัยย์ยังไม่เคยบ่นเลยสักคำ  คอยดูนะถ้าอัยย์สอบเป็นทนายได้เมื่อไหร่ล่ะก็  อัยย์จะไม่ต้องง้อขอเงินเขาอีกต่อไป

          ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้างครับ  คงเข้าหน้าฝนแล้วใช่มั้ย  คุณแม่ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ  อัยย์เป็นห่วง  พี่ภพกับพี่อริศด้วย  ฝากความคิดถึงด้วยนะครับ  ส่วนอัยย์สบายดี  คุณพิชช์ฌานก็สบายดี  เราอ้วนขึ้นหลายกิโลเลยครับ  อัยย์แนบรูปล่าสุดของเราไปด้วย  คุณแม่ต้องจำไม่ได้แน่ ๆ อัยย์ไว้ผมยาวล่ะ

 

คิดถึงนะครับ

อาคิราห์

 



ถึง  อาคิราห์

          แม่ได้รับจดหมายของลูกแล้ว  ขอบใจมากที่เขียนมาถึง  มหาวิทยาลัยของลูกดูน่าเรียนดี  ตั้งใจเรียนให้จบเร็ว ๆ นะ  อากาศเปลี่ยนระวังสุขภาพด้วย  ตอนนี้แม่มาเที่ยวหมู่เกาะทางใต้กับอริศรา  ก็สนุกดีเหมือนกันนาน ๆ ได้ไปเที่ยวบ้าง  ลูกคงไม่รู้ข่าวล่าสุดว่าพี่อริศของลูกตั้งท้องแล้ว  น่าจะสักสองเดือนกว่า ๆ ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่

          หวังว่าลูกจะสบายดี  คุณพิชช์ฌานก็ด้วย

คิดถึงเช่นกัน

แม่ของลูก

 





ถึง  คุณแม่นวลพรรณ

          อัยย์ส่งขนมมากับจดหมายนี้ด้วย  อัยย์ไปกินมาวันก่อนอร่อยมาก  คิดว่าคุณแม่จะต้องชอบก็เลยเหมาร้านเขาส่งกลับไปให้  คุณพิชช์ฌานเล่าหรือยังครับว่าอัยย์ได้เป็นทนายสมใจแล้วนะ  เท่สุด ๆ ไปเลย  อัยย์ว่าความให้กับพวกโอเมก้าด้อยโอกาสทั้งหลาย  ค่าตอบแทนไม่มากเท่าไหร่แต่อัยย์ชอบมาก  คุณพิชช์ฌานบอกว่าอัยย์ว่าความชนะเพราะอัยย์พูดไม่หยุดจนผู้พิพากษารำคาญเลยให้ชนะจะได้หยุดพูด  คุณแม่ดูลูกชายคุณแม่สิครับ  นี่อัยย์ไม่ได้ฟ้องนะ

          คุณพิชช์ฌานตอนนี้ก็รับงานหลายอย่างจนอัยย์เริ่มงงว่าเขาแบ่งภาคไปได้ยังไง  ทั้งเป็นที่ปรึกษาบริษัทต่าง ๆ แล้วยังเล่นหุ้นเล่นอะไรเต็มไปหมด  ล่าสุดได้เข้าพบท่านประธานาธิบดีด้วย  มีนักการเมืองแวะมาหาเขาบ่อย ๆ จนบางครั้งอัยย์ก็กลัวว่าเขาจะกลับไปเล่นการเมืองอีก  ถึงแม้ว่าที่นี่จะดูมีเสรีภาพมากกว่าที่บ้านเราแต่อัยย์เชื่อว่ายังไงก็ต้องมีเรื่องอำนาจผลประโยชน์ซ่อนอยู่แน่นอน  มีข่าวคนถูกเก็บอยู่บ่อย ๆ ให้เห็น  แต่คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ  ถ้าคุณพิชช์ฌานดูท่าจะออกนอกลู่นอกทางล่ะก็  อัยย์จะจัดการดึงเขากลับมาเอง

          เห็นคุณพิชช์ฌานบอกว่าคุณแม่อยากมาเที่ยวเหรอครับ  ผมอยากเจอคุณแม่มาก  จะรอนะครับ

ด้วยรัก

อาคิราห์




ถึง อาคิราห์

          ฉันได้รับจดหมายของเธอแล้ว  ได้ขนมของเธอแล้วด้วย รสชาติอร่อยดีมาก  ฉันเลยลองทำดูแล้วส่งกลับไปให้เธอชิมว่าอร่อยสู้ของต้นตำรับได้ไหม  แบ่งให้ฌานชิมด้วยนะ  ไม่ใช่กินหมดคนเดียวล่ะ  ฉันเห็นในรูปแล้วเธออ้วนขึ้นเยอะอาคิราห์  หน้ากลมอิ่มเชียว  อาหารที่นั่นคงถูกปากล่ะสิ  ฉันอยากจะไปเยี่ยมพวกเธออยู่เหมือนกันติดตรงที่ช่วงนี้ฉันปวดเข่า  เดินไม่ค่อยไหว  คงต้องรอให้ดีก่อนถึงค่อยไป  พวกเธอกลับมาเยี่ยมบ้านบ้างสิ

          ปล. เธอก็เรียนจบแล้ว  เมื่อไหร่ฉันจะได้ยินข่าวดีเรื่องหลานบ้าง

อย่าลืมแบ่งขนมให้ฌานด้วย

นวลพรรณ     


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
 







           อาคิราห์พับจดหมายฉบับนั้นเก็บเข้าซองตามเดิม  อดเป็นห่วงนิดหน่อยไม่ได้ที่เห็นคุณนวลพรรณบ่นปวดเข่า  สงสัยเขาต้องไปยาบำรุงอะไรส่งไปให้เสียแล้ว  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนหน้าชั้นหนังสือที่มีหนังสือวางเรียงรายแน่นขนัด  เกินครึ่งเกี่ยวกับกฎหมายทั้งหมดตามวิชาที่เขาร่ำเรียนมาจนจบปริญญาโท  เจ้าโอเมก้าเลือกเล่มที่เกี่ยวข้องกับคดีที่เขากำลังช่วยเหลือเพื่อนโอเมก้าด้วยกันมานั่งอ่าน

          เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นเบา ๆ อย่างเกรงใจก่อนที่ร่างของเลขานุการของเขาจะเข้ามาหา  เธอถือแฟ้มหนามาด้วยท่าทางตื่นเต้น

          “คุณอัยย์คะ  มีคนมาหาคุณค่ะ”

          “ใครน่ะคุณมิเชล”   อาคิราห์ละสายตาจากตัวหนังสือตรงหน้า

          “เป็นดาราค่ะ  หน้าเหมือนคุณเปี๊ยบเลย”  เธอพูดแค่นั้นอาคิราห์ก็เดาออกทันทีว่าคือใคร  ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนก้าวยาว ๆ ออกมาจากห้องทำงาน  ร่างสูงโปร่งของใครบางคนยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้วข้างหน้าสำนักงานทนายความ

          “คิน”  อัยย์อุทาน  ก้าวเข้าไปกอดพี่ชายฝาแฝดเอาไว้แน่น  ฝ่ายนั้นกอดตอบแน่นพอกัน  อคินทร์ดูผอมลงไปนิดหน่อยจากที่เจอกันคราวก่อน  “มาได้ยังไงเนี่ย  ไหนว่ามีถ่ายหนัง”

          อคินทร์ที่ตอนนี้มีชื่ออยู่ในแถวหน้าของดาราฮอลลีวูดยิ้มกว้างให้น้องชาย

          “ฉันแอบแวบมา  คิดถึงนาย”

          “คิดถึงฉันหรือว่าคิดถึงใครกันแน่”  อาคิราห์ยิ้มกริ่ม  มองหน้าอย่างรู้ทัน  “คุณเจนภพไม่อยู่หรอกนะ  ไปกับคุณพิชช์ฌาน”

          “อ้าว งั้นเหรอ”  คนพูดมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย  แล้วก็ยักไหล่  “ฉันก็ไม่ได้อยากเจอเขาเท่าไหร่หรอก”

          “เชื่อมาก”  อาคิราห์ลากเสียง  โดนพี่ชายยกมือขึ้นเขกหัวไปหนึ่งทีข้อหาล้อเลียน  พวกเขาออกไปหาที่นั่งคุยกันต่อ  อคินทร์มีของมาฝากเขาด้วยจากการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งล่าสุด

          “นึกว่าคินจะเลิกร้องเพลงแล้วเสียอีก  เห็นเล่นแต่หนัง”  อาคิราห์ว่า  หยิบเข็มกลัดรูปดอกไม้ขึ้นดูอย่างพอใจ  “สวยจังเลยนะ”

          “เล่นหนังก็แค่อาชีพรอง  จริง ๆ ฉันชอบร้องเพลงมากกว่า นายก็รู้”  อคินทร์ยกขาขึ้นไขว่ห้าง  บุคลิกของเขาโดดเด่นจับตาจนใครต่อใครที่เดินผ่านอดหันมามองไม่ได้  อาคิราห์ยิ้มมุมปาก  เมื่อก่อนเขาเคยนึกอิจฉาความโดดเด่นของพี่ชายทว่าตอนนี้เขาไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอีกต่อไป

          ทุกคนก็มีดี...ในแบบของตัวเอง

          “แล้วหนังเรื่องใหม่เล่นคู่กับใคร”

          “......”  อคินทร์บอกชื่อดาราหญิงตัวท้อปมาคนหนึ่ง  อาคิราห์พยักหน้าเนิบ ๆ นั่งฟังพี่ชายเล่าเรื่องที่ไปเจอมาจากกองถ่ายอย่างเพลิดเพลินเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก  เวลาผ่านไปรวดเร็วรู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้ค่ำเสียแล้ว

          “อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”  อาคิราห์พูดยิ้ม ๆ  “รีบกลับหรือเปล่า”

          พี่ชายก้มลงมองนาฬิกา

          “ไม่รีบ  ฉันมีคิวถ่ายต่อพรุ่งนี้”  อคินทร์ว่า  ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

          “นายผอมลงคิน  ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า”

          คิ้วเรียวยาวของคนฟังเลิกสูงแล้วยิ้มขัน ๆ     

          “นายอ้วนขึ้นต่างหากล่ะอัยย์  ถึงได้มองคนอื่นผอมไปหมด  เป็นทนายนี่วัน ๆ ไม่ต้องลุกเดินเลยใช่มั้ย  เอาแต่นั่งจุ้มปุ๊กล่ะซิ”

          “ฉันก็พยายามจะออกกำลังกายอยู่”  อาคิราห์งึมงำ  แอบยกมือขึ้นลูบพุงของตัวเองที่เริ่มนูนเป็นชั้น  “ช่วงนี้กินเยอะไปหน่อย”

          “งั้นเย็นนี้ไดเอทแล้วกันนะ”

          “ไม่เอา  กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิคิน”  อาคิราห์ย่นจมูก  พี่ชายทอดสายตามองอย่างเอ็นดู  ต่อให้เวลาผ่านไปกี่ปี  อีกฝ่ายก็ยังเป็นน้องของเขาอยู่เสมอ

          “เรื่องกินเรื่องใหญ่”  ฝาแฝดพูดล้อ ๆ กอดคอพาแฝดน้องเดินกลับไปตามทางเดินที่สว่างไสวด้วยไฟสองข้างทาง  บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบ  ทางเท้าเรียบกริบไม่มีหลุมบ่อตะปุ่มตะป่ำให้ต้องคอยระวัง  ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดสมกับเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอันดับต้น ๆ ของโลก

          “นายเคยคิดเรื่องกลับบ้านบ้างมั้ย”  จู่ ๆ อคินทร์ก็ถามขึ้นขณะที่กำลังหั่นเสต็กเป็นชิ้นพอคำ  “เคยคุยกับคุณพิชช์ฌานบ้างหรือเปล่า”

          “เคยเหมือนกัน”  อาคิราห์ตอบ  เคี้ยวเนื้อเต็มปาก  “คุณฌานบอกว่าแล้วแต่ฉัน”

          “แล้วนายคิดว่ายังไง”

          “ฉันอยากกลับบ้านนะ  แต่อีกใจหนึ่งฉันก็กลัว  ฉันจากที่นั่นมานานเกินไป  ถ้ากลับไปก็เหมือนต้องเริ่มใหม่”  อาคิราห์พูด  กลืนอาหารลงคอ  “ตอนนี้ฉันเป็นรองหัวหน้าสำนักงานทนายความแล้วอีกไม่นานก็คงได้ขึ้นเป็นหัวหน้า  นายคิดว่าถ้าฉันกลับไปที่นู่น  พวกเขาจะยอมให้โอเมก้าอย่างฉันทำงานต่อไหม  อย่าว่าแต่เป็นทนายเลย  เอาแค่ออกจากบ้านได้อย่างปลอดภัยก่อนยังยาก”

          คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย

          “นายเปลี่ยนไปอัยย์  เมื่อหลายปีก่อนตอนที่นายมาถึงนี่ใหม่ ๆ นายไม่ได้พูดแบบนี้”  อคินทร์พูดเรียบ ๆ “ตอนนั้นนายบอกว่าอยากเรียนกฎหมายจะได้กลับไปช่วยโอเมก้าที่บ้านเกิด”

          “เวลาเปลี่ยน  คนเปลี่ยน  อคินทร์....ฉันมาถึงนี่แล้ว  ทำไมฉันจะต้องกลับไปลำบากด้วยล่ะ”  อาคิราห์ยักไหล่  “ฉันเคยยอมเสี่ยงเพื่อโอเมก้าจนเกือบตาย  แล้วดูสิว่าตอนนี้ฉันได้อะไรกลับมาบ้าง  พวกเขาลืมฉันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ  ไม่มีประโยชน์ที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่”

          “นายคงไม่รู้ว่าตอนนี้ที่นู่นเริ่มมีกระแสโอเมก้าแล้วนะ  มันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่รอวันระเบิด”

          “ฉันจะไม่ใช่คนจุดชนวนแน่ ๆ คิน”  อาคิราห์ตอบหนักแน่น  “ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ ไม่ใช่เอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว”

          “นายพูดถูก”  อคินทร์ถอนหายใจยาว  เอนหลังพิงพนักพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นแกว่งเบา ๆ “แด่อิสรภาพของโอเมก้าประเทศเราที่ไม่มีวันมาถึง”

          อาคิราห์ชะงัก  แล้วหยิบแก้วของตนเองขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

          คืนนั้นอคินทร์มาค้างที่บ้านเป็นเพื่อนเขาเพราะพิชช์ฌานไม่อยู่  อาคิราห์นั่งคุยกับพี่ชายจนดึกดื่นถึงได้แยกย้ายกันเข้านอน  เจ้าโอเมก้านอนไม่หลับทั้งคืน  คำพูดของอคินทร์วนเวียนอยู่ในหัวของเขาจนทนไม่ไหว  ต้องลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์เช็คข่าวคราวของประเทศบ้านเกิดอีกฟากหนึ่งของโลก

          กระแสโอเมก้ากำลังเริ่มจุดติดจริง ๆ ตามที่อคินทร์บอก  คลื่นใต้น้ำที่รอวันปะทุ  คราวนี้ไม่ใช่แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ แล้วแต่การชุมนุมประท้วงของโอเมก้าเริ่มขยายวงกว้างไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ  แม้รัฐบาลจะพยายามออกกฎต่าง ๆ ห้ามปรามก็ตาม

          ...คงอีกไม่นาน...

          ทนายโอเมก้าชื่อดังคิดในใจ  ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาในห้องนอนอย่างกังวลปนกับความรู้สึกกระวนกระวายแปลก ๆ บอกไม่ถูก  ชายหนุ่มผุดลุกผุดนั่งเหงื่อแตกเพราะไม่สบายตัว

          หรือว่าจะใกล้ช่วงฮีท  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  ลุกไปนั่งนับปฏิทินที่จดเอาไว้ทุกเดือน  ก่อนหน้านี้เขากินยาคุมมาตลอดเพราะไม่อยากท้องป่องตอนเรียน  แต่พอเรียนจบก็หยุดกินไปพักใหญ่

          แย่ล่ะสิ  เขาจะปล่อยให้ตัวเองฮีทตอนพิชช์ฌานไม่อยู่ไม่ได้

          เจ้าโอเมก้าลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหายาระงับอาการฮีทที่เก็บเอาไว้ในลิ้นชัก  กลิ่นหอมประหลาดเหมือนหนังสือเล่มโปรดที่เขาจำได้ดีว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของพิชช์ฌานลอยมาจากเสื้อกันหนาวไหมพรมตัวใหญ่ของสามี  อาคิราห์เม้มปาก  ดึงเสื้อตัวนั้นจากไม้แขวนออกมาดมใกล้ ๆ

          ...กลิ่นมาจากเสื้อจริง ๆ ด้วย...เขายกเสื้อขึ้นสูดกลิ่นเข้าปอดลึก ๆ อะไรหนัก ๆ ในอกค่อยจางลงอย่างน่าประหลาด  เจ้าโอเมก้าขยับจะถอยกลับไปนั่งที่เตียงทว่ากลิ่นหอมรุนแรงนั้นกลับระเหยออกมาจากผ้าพันคอผืนโปรดของพิชช์ฌานอีก  มันหอมกว่าเสื้อในมือของเขาเท่าตัว

          มือไวกว่าความคิด  เจ้าโอเมก้าคว้าผ้าพันคอผืนนั้นมาพันรอบคอตัวเอง  ตามด้วยหมวกและเสื้อโค้ท  รู้ตัวอีกทีบนเนื้อตัวของเขาก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของสามีโปะเอาไว้แน่นหน้าเหลือแต่ลูกตาโผล่ออกมา  อาคิราห์เลือกไม่ถูกว่าควรจะเก็บชิ้นไหนเข้าตู้ดี  แต่ละอันดูจะมีกลิ่นที่น่าพึงพอใจไปเสียหมด

          เขาคัดเลือกชิ้นที่ดีที่สุดมาห่อตัวเอาไว้  เพิ่งค้นพบว่าหมอนของสามีก็มีกลิ่นที่เขาไม่สามารถปล่อยให้วางอยู่เฉย ๆ ตามเดิมได้  แม้แต่หมอนข้างก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังกอดสามีอยู่

          อาคิราห์พยายามฝืนลืมตาลุกจากเตียง  เขาไม่ควรปล่อยให้ห้องรกรุงรังด้วยเสื้อผ้าแบบนี้  ขืนพิชช์ฌานกลับมาเห็นเข้าจะต้องโดนดุแน่ ๆ คุณชายเจ้าระเบียบไม่มีทางยอมให้เขาคุ้ยเสื้อมาโยนเล่นรอบเตียงแน่นอน แต่ว่าหนังตาของเขาหนักเกินไป  อาคิราห์คิดอย่างมึนงง  กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยวนรอบตัวทำให้ผ่อนคลายจนไม่นึกอยากลุกไปเก็บของ  เตียงนุ่ม ๆ กับหมอนที่วางรองที่หลังก็ช่างพอดิบพอดี

          ช่างเถอะ...งีบสักสิบนาทีแล้วค่อยตื่นมารีบเก็บของก่อนพิชช์ฌานกลับมาก็ได้...เขาคิดอย่างง่วงงุน

          พิชช์ฌานกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าตรู่  ก่อนที่ใครบางคนจะลุกขึ้นมาเก็บของได้ทัน  ชายหนุ่มจุ๊ปากทันทีที่เห็นสภาพห้องนอนที่เละเทะด้วยฝีมือของคนที่นอนกลิ้งเป็นดักแด้บนเตียง  ตู้เสื้อผ้าเปิดทิ้งเอาไว้อ้าซ่า  ข้าวของของเขากระจัดกระจายมาจนถึงเตียงนอน  เห็นแล้วก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที

          “อัยย์...อาคิราห์  ตื่นสิ  ตื่นเร็ว”  เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าพันคอของตัวเองออกจากหัวกลม ๆ ของเจ้าโอเมก้า  “เล่นอะไรเนี่ย  ห้องรกเหมือนรังหนูเลย”  เขาบ่น  ก้มลงเก็บกางเกงของตัวเองเข้าที่  “อัยย์  ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลยนะ  รู้ว่าตื่นแล้ว”

          “ยังไม่ตื่น”  เสียงอู้อี้ดังตอบกลับมาจากคนที่พลิกตัวนอนคว่ำไม่ยอมลุก

          “ยังไม่ตื่นแล้วตอบได้ยังไงฮึ”  พิชช์ฌานโคลงหัว  เขย่าตัวคนที่เล่นเป็นเด็ก ๆ ให้ลุกขึ้นมา  “ลุกมาเก็บของเร็ว ๆ รื้อของฉันเละไปหมดเลย”

          “อัยย์ไม่ตื่น”  เจ้าโอเมก้าตอบงึมงำ  ไม่ยอมลืมตาขึ้น

          พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก  ก้มลงช้อนตัวดักแด้ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน  ทำเอาคนแกล้งหลับเบิกตากว้าง  ตื่นเต็มตา

          “ปล่อยผม  เดี๋ยวหล่น”  อาคิราห์รีบคล้องคอสามีเอาไว้เพราะกลัวตก  “ตื่นก็ได้  วางลงก่อน”

          “เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ อยู่เรื่อย”  พิชช์ฌานว่า  “ตัวหนักขึ้นนะเนี่ย”

          “คุณแก่ลงต่างหากล่ะ  ผมหนักเท่าเดิม”  เจ้าโอเมก้าพูดหน้าตาย  “ดูสิ  กล้ามเหี่ยวหมดแล้ว  วัน ๆ เอาแต่ประชุม ไม่ยอมออกกำลังกาย”

          “ฉันว่าฉันก็ออกกำลังกายบ่อยนะ  ...เกือบทุกคืน”  พิชช์ฌานพูด  คนฟังหน้าแดง  เบือนหน้าหนีไปซุกกับซอกคอของสามี  แอบสูดกลิ่นหอม ๆ ของอัลฟ่าเข้าปอด  “เอ้า...ปล่อยมือจากคอฉันได้แล้ว  จะลงไม่ใช่เหรอ”

          “ปล่อยแล้วนี่ไง” ปากบอกว่าปล่อยแต่มือกลับเหนี่ยวรั้งต้นคอของอีกฝ่ายเอาไว้เต็มที่  สีหน้าของอาคิราห์ก็งุนงงกับการกระทำของตัวเองเต็มที  เงยหน้าขึ้นมองสามีแล้วพูดเสียงอ่อย  “มือมันไม่ยอมปล่อย  ทำไงดี”

          “เล่นแบบนี้เดี๋ยวไม่ต้องไปทำงานกันพอดี”  คนตัวสูงขมวดคิ้ว  ก้มลงมองศีรษะเล็ก ๆ ที่นัวเนียอยู่แถวซอกคอไม่ยอมห่าง  “อาคิราห์  ฉันมีประชุมกับผู้ถือหุ้นตอนบ่ายอีกนะ”

          “ไม่อยากให้คุณไปเลย”  อาคิราห์ว่า

          “งานต้องเป็นงานสิ  เป็นอะไรไป...มีอะไรหรือเปล่า  หรือว่าอคินทร์มาพูดอะไร”  ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม  “ไม่สบายใจอะไร  เล่าให้ฉันฟังสิอัยย์”

          “มันแค่...”  เจ้าโอเมก้าส่ายหน้าไปมา  พูดไม่ถูก  แต่ก็ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่าย

          พิชช์ฌานยิ้ม  ก้มลงหอมแก้มอย่างเอ็นดูแล้วก็ผละเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ  พอกลับออกมาแต่งตัวก็พบว่าร่างโปร่งบางยังคงนั่งห่อตัวอยู่บนเตียงตามเดิม  ดวงตากลมโตจับจ้องมองเขาทุกอิริยาบถราวกับไม่ให้คลาดสายตา

          “มีอะไรหรือเปล่า  ฉันว่าต้องมีอะไรแน่”  พิชช์ฌานเลื่อนหมอนข้างกับกองเสื้อของเขาออกไปไว้อีกมุมหนึ่งของเตียงแล้วนั่งลงใกล้ ๆ  “คิดถึงฉันมากล่ะซิ  ฉันไปประชุมเดี๋ยวก็กลับมาเย็นนี้”

          “อยากไปด้วย”  อาคิราห์งึมงำ  ก้มหน้างุด

          “จะไปยังไง  วันนี้เธอมีบรรยายที่มหาลัยไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์รับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษด้วยในบางวัน  “ไม่ไปทำงานหรือไง  จะสิบโมงแล้วนะ  หรือไม่สบาย  ตัวก็ไม่ร้อนนี่”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นอังที่หน้าผาก  อีกฝ่ายคว้ามือของเขาเอาไว้แล้วยกแนบแก้ม

          เจ้าของมือหัวเราะเบา ๆ ดึงตัวอีกคนเข้ามากอด

          “จู่ ๆ ก็งอแง  ฉันว่าเมื่อคืนอคินทร์ต้องพูดอะไรแน่ ๆ เลยใช่ไหม  ฉันเดาถูกหรือเปล่า”  พิชช์ฌานกระซิบกับข้างแก้มนวลเรื่อด้วยเลือดฝาดนั้น  “เมียฉันถึงได้กลายเป็นเด็กแบบนี้”

          “คินไม่ได้พูดอะไร  แต่ผมเป็นอะไรไม่รู้  น่าจะใกล้ฮีทล่ะมั้ง”  อาคิราห์ตอบ  ซบหน้ากับแผ่นอกกว้างแล้วถูไปมาอย่างที่ไม่ได้ทำบ่อยนัก  “คุณไปทำงานเถอะ”

          “เธอจะฮีทแล้วฉันจะไปทำงานได้ยังไง”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันต้องอยู่ดูแลเธอสิอัยย์”

          “ผมกินยาระงับไปแล้ว  ไม่ฮีทหรอก  แต่คงเป็นผลข้างเคียงของยามั้ง”  อาคิราห์โกหก  เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่ายังไม่ได้กินยา  เดี๋ยวพอพิชช์ฌานกลับออกไปค่อยหามากินตามหลังก็ได้มั้ง  “คุณไปทำงานเถอะครับ  เดี๋ยวสาย”

          “อยู่ได้แน่นะ  ถ้างั้นเลคเชอร์ตอนบ่ายก็โทรไปยกเลิกคลาสเถอะ  นอนพักที่บ้านปลอดภัยกว่า”

          “ผมจะโทรไปครับ”  อัยย์พูดอย่างสงบเสงี่ยม

          กว่าพิชช์ฌานจะตัดใจกลับออกมาจากบ้านได้ก็ผ่านไปอีกพักใหญ่  ไม่รู้ทำไมวันนี้อาคิราห์ถึงได้อ้อนเขานัก  เดี๋ยวก็ได้ตบะแตกกันตอนกลางวันพอดี  ชายหนุ่มคิดขณะที่นั่งรถกลับออกมาจากบ้านตรงไปยังบริษัทที่เขารับเป็นที่ปรึกษาอยู่  เจนภพเองก็เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาตั้งแต่เห็นหน้าพี่ชายฝาแฝดของอาคิราห์เข้าเมื่อเช้า

          แต่พิชช์ฌานก็ไม่มีอารมณ์จะแซวน้องชาย  เพราะเขาเองก็รู้สึกตะครั่นตะครอแปลก ๆ บอกไม่ถูก  เหมือนคนจะเป็นหวัด

          “ฉันขอกาแฟอีกแก้วนะ”  พิชช์ฌานพูดกับมือขวาคนสนิทขรึม ๆ หลังจากที่ออกจากห้องประชุมในตอนบ่ายแล้ว  ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ กลับไปที่รถของตัวเอง

          “วันนี้คุณกินไปสามแก้วแล้วนะครับคุณฌาน”  เจนภพท้วง  “เดี๋ยวนอนไม่หลับหรอกครับ”

         “ไม่เป็นไร  ฉันอยากกิน”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “ฝากส่งแฟ้มรายงานวันนี้เข้าอีเมล์ของฉันด้วยนะ  คืนนี้จะได้นั่งอ่าน”

          “คุณฌานมีนัดกับคุณหวังเย็นนี้นะครับ”

          “จริงสิ  ฉันลืมไปเลย”  ชายหนุ่มชะงัก  นึกแวบถึงคนที่บ้านขึ้นมาทันที  “เลื่อนไปก่อนได้มั้ย  บอกว่าฉันติดธุระสำคัญจริง ๆ”

          “ผมจะจัดการให้ครับ”  เจนภพรับคำ  “ผมขอถามเรื่องนึงได้ไหมครับ”

          “ได้สิ  เรื่องอะไร”  คนเป็นน้องอึกอัก

          “คือ...ตอนที่คุณฌานขอคุณอัยย์แต่งงาน  คุณบอกเธอว่าอะไรครับ”

          คราวนี้พี่ชายหยุดเดิน  หันขวับมาจ้องหน้าน้องชายเขม็ง เจนภพหน้าแดงจัดจนถึงใบหู  ท่าทางตกใจพอสมควรที่โพล่งถามออกไปแบบนั้น

          “นายจะแต่งกับใคร”

          “ผมแค่ถามดูเฉย ๆ”

          “ถ้าไม่บอก  ฉันก็ไม่บอกหรอกนะ”

          “งั้นผมไม่ถามแล้ว”  ชายหนุ่มรุ่นน้องพูดเร็วปรื๋อ  หมุนตัวเดินจ้ำอ้าวไปที่รถโดยไม่รอ  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ ...เดี๋ยวกลับถึงบ้านต้องไปเล่าให้อัยย์ฟังเสียหน่อยแล้ว  ในที่สุดก็มีคนยอมทุบกำแพงน้ำแข็งของตัวเองเสียที

          พิชช์ฌานกลับมาถึงบ้านในตอนเย็นวันนั้น  นิ่มนวลบอกเขาว่าคุณอาคิราห์ไม่ยอมลงมาจากห้องนอนเลย  เอาแต่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงท่าเดียว  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  เขามั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่สบายแน่ ๆ บางทีอาจจะเกี่ยวกับช่วงใกล้ฮีทอย่างที่เจ้าตัวบอก

          “อัยย์  ไปโรงพยาบาลไหม  ให้คุณหมอเขาดูให้”  อาคิราห์มีนายแพทย์ประจำตัวที่เป็นโอเมก้า  คุณหมอคอยดูแลตรวจสุขภาพของเขาอยู่เป็นประจำ  “ไม่สบายตัวใช่หรือเปล่า  ฉันอาบน้ำให้ดีไหม”  พิชช์ฌานพูดอย่างเอาใจ

          “อุ้มหน่อย”  อาคิราห์ตอบกลับมาประโยคเดียว  ยกมือขึ้นชูสูง  สีหน้าเว้าวอนทั้งน่ารักน่าเอ็นดูและน่าเขกหัวในเวลาเดียวกันนั้นทำให้พิชช์ฌานปฏิเสธไม่ลง  เขาพาอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำ  ช่วยถอดเสื้อผ้าออกให้ทีละชิ้นจนร่างเนียนสีน้ำผึ้งเปล่าเปลือย

          พิศดูทีละส่วนของร่างกายภริยาอย่างระมัดระวัง  อาคิราห์ดูเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย  ผิวพรรณเปล่งปลั่งกว่าตอนสมัยเพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ เสียอีก  เนื้อนิ่ม ๆ นั้นก็เต็มไม้เต็มมือโดยเฉพาะช่วงสะโพกกลมกลึงสวยเหมือนรูปปั้น

          เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นปิดหน้า

          “รุ่นนี้แล้วยังอายกันอยู่อีกเหรอ”  พิชช์ฌานหัวเราะขำ  ใช้ฝักบัวบรรจงสระผมให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ  อาคิราห์หลับตาลงปล่อยให้สามีล้างยาสระผมให้ตามสบายจนสะอาด  พิชช์ฌานถูสบู่ไปตามเนื้อตัวลื่น ๆ เนียนมือทุกซอกทุกมุม  อีกฝ่ายก็ยกมือยกขาคุกเข่าให้อย่างว่าง่าย

          “ผมว่าตรงนั้นมันเกลี้ยงแล้วนะ”  อาคิราห์พูด  สะดุ้งเล็กน้อยเพราะถูกนิ้วยาว ๆ แกล้งลูบไปมาให้ขนลุกเล่น  อีกคนไม่ยอมหยุดมือทำเอาเขาต้องหันขวับไปมอง  พอเห็นใบหน้าคมเข้มแดงก่ำ  นัยน์ตาเยิ้มด้วยแรงอารมณ์ก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแน่เลยรีบลุกขึ้นยืน   “ผมอาบต่อเองดีกว่า”

          “ไม่ทันแล้วอัยย์”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ  “มารับผิดชอบด้วยเลยนะ”

          “ง่า...ผมต้องไปเตรียมเอกสารพรุ่งนี้”

          “อาคิราห์”  อัลฟ่าของเขาเรียกเสียงเรียบ  ตบมือลงกับหน้าขาแข็งแรงของตัวเองอย่างแรง  “มานั่งนี่มา”

          เจ้าโอเมก้ายิ้มแหย่  หน้าจ๋อยเพราะเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองดี  ลงถ้าพิชช์ฌานพูดเสียงเข้มขนาดนี้ล่ะก็  มีหวังยาวถึงเช้าแน่ ๆ ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยอาคิราห์...แต่เขาไม่สามารถอยู่ห่างพิชช์ฌานได้เลย  ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา

          พิชช์ฌานสูดกลิ่นหอมหวานเหมือนคุกกี้รสนมของโอเมก้าเข้าปอด  มันจุดอารมณ์ของเขาให้ลุกโชนยากจะดับลงได้โดยง่าย  อาคิราห์ก็น่ารักไปทุกส่วนสัดจนยากจะถอนตัว  เสียงร้องครวญครางเรียกชื่อเขาดังอยู่ข้างหูตลอดทั้งคืน  แผ่นหลังของชายหนุ่มแสบไปหมดเพราะรอยเล็บของเจ้าตัวที่ฝากเอาไว้ทุกครั้งที่เขาขยับเข้าลึกเกินไป

          จากห้องน้ำมาถึงเตียงนอนที่ยังคงเละเทะ  โอเมก้าของเขาน่ารักกว่าปกติจนพิชช์ฌานรู้สึกเหมือนตัวเองดื่มไวน์เข้าไปทั้งขวด  ได้แต่ลิ้มชิมรสชาติหวานหอมของคนในอ้อมแขนไปจนถึงเช้า  อาคิราห์หลับสนิทเหมือนถูกปิดสวิตช์ทีเดียว  ผิวเนียนสีน้ำผึ้งใสเต็มไปด้วยริ้วรอยจากฝีมือของเขา  พิชช์ฌานนอนรออย่างใจเย็นจนกระทั่งร่างกายของพวกเขาหลุดออกจากกันถึงได้อุ้มภรรยาไปทำความสะอาดให้ในห้องน้ำ





ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






         ของเหลวสีขาวขุ่นไหลเปรอะเปื้อนต้นขาด้านในของอาคิราห์  พิชช์ฌานใช้ฝักบัวล้างให้เหมือนทุกครั้ง  เจ้าตัวปรือตาขึ้นมองเขาแล้วก็ซบหน้าลงกับอกตามเดิม  ปล่อยให้เขาจัดการให้อย่างเชื่อใจเต็มที่  พิชช์ฌานรับหน้าที่นี้มาหลายปีแล้ว  ใกล้จะย่างเข้าปีที่เจ็ดอยู่ร่อมร่อ  คล่องแคล่วคุ้นเคยดีว่าต้องทำอย่างไรบ้างอีกฝ่ายถึงจะสบายตัว

          คราบแดง ๆ ไหลปนออกมาจากข้างหลัง  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  ลูบดูร่องรอยแล้วก็ไม่เจอรอยฉีกขาดอะไร  ทว่าของเหลวสีแดงสดนั้นยังไหลออกมาปนกับสายน้ำจนชายหนุ่มใจเสีย   เป็นเลือดไม่ผิดแน่  หรือว่าเขาจะรุนแรงกับคู่เกินไปโดยไม่รู้ตัว  พิชช์ฌานเขย่าตัวปลุกคนที่หลับอยู่

          “อัยย์...ปวดหรือเปล่า  เจ็บตรงนั้นมากมั้ย”

          “หือ  ไม่นะ”  อาคิราห์ใช้มือแตะ ๆ คลำ ๆ ดูแล้วก็ส่ายหน้าไปมา  “ทำไมเหรอ  ...เลือดนี่  เลือดออก”  ดวงตากลมโตเบิกกว้างตอนที่เห็นเลือดติดมือตัวเองมา  “ผมเลือดออกเหรอ”

          “ใช่  เธอไม่เคยเลือดออกมาก่อนเลย”  พิชช์ฌานเริ่มเครียดแล้ว  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  ก้มลงสำรวจร่างกายของเจ้าโอเมก้าอย่างละเอียดอีกครั้ง  “เลือดยังซึม ๆ ออกมาตลอด  น่าจะไหลออกมาจากข้างใน...  ฉันมองไม่เห็นมากกว่านี้แล้ว”

          อาคิราห์หน้าซีด  จับสะโพกของตัวเองเอาไว้อย่างกังวล

          “แต่ผมไม่ปวดเลยนะ  ไม่เจ็บเลยด้วย”

          “ไปโรงพยาบาลกัน”  พิชช์ฌานตัดสินใจได้ทันที  เขาอุ้มภรรยาออกมาจากห้องน้ำแล้วจัดการสวมชุดให้เรียบร้อย  อีกมือก็โทรตามมือขวาคนสนิทให้ช่วยติดต่อคุณหมอประจำตัวของอาคิราห์ให้  ไม่นานเจนภพก็ขับรถมารับทั้งคู่ตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด

          “อัยย์ไหวไหม  จะเป็นลมหรือเปล่า”

          “เวียนหัวมากเลย”  อาคิราห์พึมพำ  หน้าซีดเผือดจนสามีใจเสียกว่าเดิม  เลือดซึมออกมาจนเปื้อนกางเกงเป็นดวง ๆ “ผมยังไม่ตายเสียหน่อย  ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น”

          พิชช์ฌานชะงัก  ยกมือขึ้นจิ้มหน้าผากของเจ้าโอเมก้าไปที

          “ยังจะมาพูดเรื่องตายอีก  ใช่เวลาเล่นไหม”

          “คุณกอดผมแน่น ๆ หน่อยสิ  แล้วผ้าพันคอของคุณล่ะ...เอามาด้วยหรือเปล่า”  พิชช์ฌานส่งผ้าพันคอของตัวเองให้อย่างงง ๆ  เห็นอีกฝ่ายรับไปพันรอบคอตวัดขึ้นมาจนถึงศีรษะเห็นแต่นัยน์ตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ในความมืดของรถ

          “หนาวเหรอ  ทำไมพันผ้าขนาดนั้น”

          “กอดผมแน่น ๆ”  อาคิราห์พึมพำ

          คุณหมอประจำตัวมารออยู่ก่อนแล้วที่โรงพยาบาล  อาคิราห์นอนนิ่งให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างว่าง่ายโดยมีร่างสูงใหญ่ยืนบีบมือกระวนกระวายอยู่ข้างหลังม่าน  คุณหมอให้เขาเจาะเลือดเก็บปัสสาวะแล้วก็หายเงียบไปเลยพร้อมกับพิชช์ฌาน

          “คุณเจนภพ  อยู่ข้างนอกหรือเปล่า”  อาคิราห์เรียก  มือขวาคนสนิทโผล่เข้ามาในห้องพักอย่างรวดเร็ว

          “ครับคุณอัยย์  มีอะไรหรือ”

          “คุณหมอยังไม่มาอีกเหรอ  แล้วคุณฌานล่ะครับ”

          “คุณหมอให้คุณอัยย์นอนพักก่อนครับ  ส่วนคุณฌานกำลังคุยกับคุณหมออยู่”

          “สรุปผมเป็นอะไรน่ะ”

          “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”  เจนภพส่ายหน้า

          “ผมรู้ว่าคุณเจนภพรู้  ถ้าคุณบอกผม  รับรองว่าผมจะช่วยให้คุณสมหวังเรื่อง...นั้นน่ะ  อย่างแน่นอน”  อาคิราห์พูด  มองหน้าน้องชายสามีอย่างเจ้าเล่ห์  “ผมมีไฟล์ทและตารางงานของ ‘เขา’ นะครับ”

          “ผมก็มีครับคุณอัยย์”  เจนภพตอบอย่างสงบแล้วยิ้มมุมปาก  “คุณอัยย์รอคุณฌานดีกว่าครับ  เดี๋ยวก็คงเข้ามา”

          เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ เจนภพรีบถอยกลับออกไปจากห้องทันทีที่ร่างสูงใหญ่ปรากฎตัว  พิชช์ฌานมองร่างโปร่งบางที่นั่งจ๋องอยู่บนเตียงครู่หนึ่งแล้วก็เดินเข้ามาสวมกอดเอาไว้ทั้งตัว

          อาคิราห์แทบจะจมหายเข้าไปในแผ่นอกกว้างนั้น  เขาได้ยินเสียงหัวใจของพิชช์ฌานเต้นรัวแรงอยู่ข้างหูนี่เอง  เสียงอีกฝ่ายสูดลมหายใจลึกยาวเข้าปอดทำให้เขารู้สึกใจเสียชอบกล  เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นแตะที่หลังอย่างไม่แน่ใจเมื่อได้ยินเสียงคล้ายสะอื้นดังมาจากคนที่กอดเขาอยู่

          “...หมอบอกว่าผมจะอยู่ได้อีกกี่เดือนเหรอ”  อาคิราห์รวบรวมความกล้าถามขึ้น  มั่นใจเกินครึ่งแล้วว่าคงไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นพิชช์ฌานก็คงไม่เข้ามากอดเขาร้องไห้อย่างนี้  “คุณฌาน...บอกผมมาเถอะ  ผมรับได้  ไม่เป็นไร”  ผ่านความเป็นความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง  ได้ใช้ชีวิตตามอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้  อาคิราห์รู้สึกว่าเขาไม่เสียดายอะไรอีกแล้ว  เว้นอย่างเดียว...เจ้าของอ้อมแขนนี้เท่านั้น

          “แปดเดือน...อีกแปดเดือน”  พิชช์ฌานตอบกลับมาเสียงสั่น

          ขอบตาของอาคิราห์ร้อนผ่าวตามด้วยน้ำตาร้อน ๆ ไหลอาบแก้มทันที  ถึงจะรู้ว่าร่างกายของตนเองไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนเมื่อก่อนที่จะถูกยิง  แต่ก็ไม่นึกว่าจะอายุสั้นถึงเพียงนี้  เป็นเพราะเขาเอาแต่กินขนมไม่ยอมออกกำลังกายแน่ ๆ กรรมถึงได้ตามสนองอย่างรวดเร็ว

          “ฮือ”  อาคิราห์เบะปาก  ปล่อยโฮออกมาเต็มเสียงจนคนที่กอดอยู่ตกใจ  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นมองภรรยาอย่างตระหนก

          “เธอตกใจใช่มั้ย  ไม่เป็นไร  ไม่ต้องร้อง  ฉันก็ตกใจเหมือนกัน  ไม่นึกเลย..”

          “ผะ...ผม ฮึก เสียใจ  แค่ แปดเดือน ...แปดเดือนเอง”

          “ใช่  อีกแค่แปดเดือน”

          “ผมไม่ทัน ฮึก เตรียมตัวเลย  จะเตรียมอะไรทัน  ฮึก  ผมยังไม่ได้เป็นผู้พิพากษาเลยนะ  ฮือ”

          พิชช์ฌานรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดอีกครั้ง  โยกตัวไปมาปลอบประโลม  เข้าใจอยู่ว่าเจ้าโอเมก้าของเขาคงจะไม่ทันตั้งตัวแน่ ๆ

          “ใจเย็น ๆ นะอัยย์  ยังมีเวลา  เราค่อย ๆ เตรียมไปทีละอย่างก็ได้  แต่ว่าตอนนี้เธอต้องนอนลงก่อน  คุณหมอบอกว่าเธอต้องนอนนิ่ง ๆ รอดูอาการ  ให้เลือดหยุดไหล”  ชายหนุ่มดันตัวอีกฝ่ายนอนลงตามเดิม  อาคิราห์น้ำตาไหลพราก  จับมือสามีเอาไว้แน่น       

          “คุณอย่าเพิ่งไปไหนนะ  อยู่กับผมก่อน”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  “คุณหมอบอกว่าผมอยู่ขั้นไหนแล้ว”  ต้องเป็นมะเร็งแน่ ๆ ไม่ต้องถามกูเกิ้ลก็รู้ว่ามะเร็งแหง ๆ หัวใจของอาคิราห์ฝ่อเหลือนิดเดียว

          “ขั้นเหรอ?”  คนฟังงงไปเล็กน้อย  “เอ่อ...ไม่น่าจะเป็นเยอะนะ  หมอบอกให้นอนพักดูอาการไปก่อน  ส่วนใหญ่เลือดก็จะหยุดเอง  เธอไม่ปวดท้องไม่ใช่เหรอ”

          “ไม่ปวด”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “มันแพร่กระจายหรือยัง”

          “แพร่กระจายอะไร”  คราวนี้พิชช์ฌานขมวดคิ้ว  คราบน้ำตายังค้างอยู่บนใบหน้าคมเข้ม

          “คุณบอกผมมาตามตรงเถอะ  ผมรับได้”  อาคิราห์พูดทั้งน้ำตา  “ไม่ต้องปิดผมหรอก  มาถึงขั้นนี้แล้ว  ผมต้องผ่าตัดใช่มั้ย”

          “หมอก็บอกว่าต้องผ่าตัดคลอดแน่ ๆ แต่ก็รอดูก่อนให้พ้นช่วงแท้งคุกคามนี่ไป” พิชช์ฌานพูดจริงจัง  “มดลูกของเธอเคยเย็บซ่อมมาก่อนอาจจะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวไม่สมบูรณ์  ต้องรอลุ้นเอาว่าจะเป็นยังไง”

          “ผ่าคลอด...ตัวอ่อน.. คุณพูดถึงอะไร”  อาคิราห์มองหน้าสามี  “ผมเป็นมะเร็งมดลูกเหรอ”

          “มะเร็งมาจากไหน”  ถึงคราวพิชช์ฌานงงบ้าง  จ้องหน้าเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตาครู่หนึ่งแล้วก็ตามเรื่องทัน  “อย่าบอกนะว่าเธอเข้าใจว่าตัวเองเป็นมะเร็ง”

          “ไม่ใช่เหรอ”  อาคิราห์อ้าปากค้างเมื่อคิดออก  เขายกมือขึ้นทุบไหล่กว้างเต็มแรง  “ใครให้คุณร้องไห้ล่ะคุณพิชช์ฌาน  ผมเข้าใจผิดหมดเลย  ร้องไห้ทำไมเนี่ย”

          “อ้าว ก็ฉันดีใจนี่”  พิชช์ฌานยิ้มกว้างจนเห็นรอยพับที่หางตา  พอเห็นเจ้าบู้บี้ของเขาหน้าหงิกก็ยิ่งขำ  “นี่เข้าใจว่าตัวเองเป็นมะเร็งจริง ๆ เหรอ  อ๋อ...ที่บอกว่าอยู่ได้แปดเดือนน่ะนะ”

          คนฟังตวัดค้อน  ยกมือขึ้นปิดหน้า

          “ก็คุณนั่นแหละ  เดินมาปล่อยโฮก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องร้ายสิ  โธ่  หยุดยิ้มเลยนะผมซีเรียส”

          “ฉันก็ซีเรียสเหมือนกันนะเธอ”  พิชช์ฌานยิ้มกริ่ม  ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองออกจากหางตาง่าย ๆ “ตอนที่หมอบอกว่าเธอท้อง  ฉันดีใจจนพูดไม่ถูกเลย”

          “ท้องจริง ๆ เหรอเนี่ย”  อาคิราห์ทวนคำ  ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องนิ่ม ๆของตัวเองเบา ๆ “ผมนึกว่าพุงออกเสียอีก”

          “พุงนั่นแหละ  เธอท้องอ่อนมากแต่ที่นูนออกมาน่ะไขมันล้วน ๆ”  สามีพูดหน้าตาเฉย

          อาคิราห์ย่นจมูกใส่แล้วก็อ้าแขนออกกว้าง  โอบกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  ซบหน้าลงกับแผ่นอกพ่อของลูก

          “ลูกกลับมาแล้ว”  อาคิราห์พึมพำ

          พิชช์ฌานเชยคางเขาขึ้นแล้วก้มลงมาจูบหนักหน่วง  ความยินดีแกมตื้นตันท่วมท้นโดยไม่ต้องบรรยายออกมาเป็นคำพูด  อาคิราห์รู้ดีพอ ๆ กับอีกฝ่ายว่าพวกเขาเฝ้ารอลูกคนนี้มานานแค่ไหน

          เจ็ดปีที่สูญเสียลูกคนแรกไปจากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำให้สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ ไม่นึกเลยว่าวันนี้การรอคอยจะสิ้นสุดลงแล้ว

          “อีกแปดเดือนแน่ะ”  อาคิราห์พูด

          “รอมานานกว่านั้นยังรอได้  แค่แปดเดือน ..”  คนพูดยักไหล่  ก้มลงมาจูบอีกครั้ง  “คราวนี้ไม่ตั้งชื่อรอแล้วนะ  แก้เคล็ด  ไม่อยากรู้เพศด้วย  ไปลุ้นวันคลอดเลย”

          อาคิราห์หัวเราะ

          “กำลังคิดเรื่องจะกลับบ้านเสียหน่อย”

          “รอให้คลอดก่อนค่อยว่ากัน”  พิชช์ฌานตอบ

          “ก็คงจะต้องอย่างนั้น”  อาคิราห์ยิ้ม         

          ..............................................................................

          อาคารสีขาวสองชั้นตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะที่จัดเอาไว้สวยงามเป็นระเบียบนั้นคือห้องสมุดเพื่อประชาชนที่เพิ่งถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน  นัยว่ามีผู้ใหญ่บริจาคเงินมาให้เพื่อปรับปรุงอาคารโดยเฉพาะ  ผู้อุปการะคุณคนนั้นยังย้ำอีกด้วยว่าอยากให้มีสนามเด็กเล่นอยู่ทางด้านหลัง  เลยเป็นที่มาของเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานดังมาแว่ว ๆ

          “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”  บรรณารักษ์สาวเดินเข้าไปถามชายหนุ่มร่างโปร่งบางที่ก้าวเข้ามาหยุดยืนมองรอบ ๆ อย่างสนใจ  เขาหันมาส่งยิ้มให้

          “ผมแวะมาหาหนังสืออ่านเล่นน่ะครับ”

          “ชอบอ่านแนวไหนคะ”

          “เกี่ยวกับ...กฎหมายก็ได้ครับ”  ชายผู้นั้นตอบกลับมาอย่างสุภาพ  ใบหน้าเรียวหวานแต้มรอยยิ้มมีเสน่ห์นั้นดูคุ้นตาเธออย่างประหลาด  แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน   

          “หมวดกฎหมายอยู่ชั้นสองค่ะ  เชิญตามสบายนะคะ”  เธอตอบ

          ชายหนุ่มผู้นั้นก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน  บรรณารักษ์สาวหันไปซ่อมแซมหนังสือต่ออย่างขะมักเขม้น  เธอเกือบลืมผู้ชายคนนั้นจนกระทั่งประตูห้องสมุดเปิดออกอีกครั้ง  คราวนี้เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาพร้อมกับจูงมือเด็กผู้ชายวัยไม่เกินห้าขวบคนหนึ่ง  กับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้มอีกคนหนึ่งเข้ามาด้วย

          “สวัสดีค่ะ  ให้ช่วยอะไรไหมคะ”

          “ผมมารับคนน่ะครับ เอ่อ...สูงประมาณนี้  ใส่เสื้อสีครีม..”  เขาพยายามอธิบาย  ขยับไม้ขยับมือ  ดูจากผิวพรรณที่ขาวนวลอมชมพูแล้ว  เธอเดาว่าเขาเพิ่งกลับจากเมืองนอกแน่ ๆ เด็ก ๆ ทั้งสองคนก็เช่นกัน

          “คุณฌาน”  เสียงเรียกดังมาจากบันได  คนที่อธิบายให้เธอฟังอยู่ชะงัก  เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนที่เดินลงบันไดมาหา

          ยังไม่ทันถึงตัว  เด็กน้อยสองคนก็วิ่งเข้าไปหาเสียก่อน  จับมือชายคนนั้นเอาไว้คนละข้าง

          “มัมมี๊  อีฟอยากขึ้นไปข้างบนบ้าง”  เด็กหญิงชี้

          “แอลด้วย”  เด็กชายบอกอย่างกระตือรือร้น  ใบหน้าข้างใต้หมวกใบใหญ่นั้นดูจริงจังจนน่าขัน  “แอลอยากอ่านหนังสือ”

          “ไม่ต้องมาขยันตอนนี้เลยแอล  มัมมี๊รู้ทันหรอกน่ะ”  คนพูดย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กทั้งสองที่น่าจะเป็นลูกของเขา  “กลับบ้านกันได้แล้วลูก  คุณย่ากับคุณยายรออยู่นะครับ  มีขนมอร่อย ๆ รออยู่เพียบเลย”

          “อู้ว  อีฟอยากกินขนม พี่แอลขึ้นไปดูหนังสือสิ  อีฟจะไปกับมัมเอง”  เด็กหญิงพูดจ้อย ๆ กระตุกมือมารดาให้ออกเดิน

          “เห็นแก่กินเหมือนใครเนี่ย”  ชายร่างสูงใหญ่หัวเราะ  เดินเข้ามาอุ้มเด็กชายขึ้น  “ไปกับแด๊ดดีกว่าแอล  ถ้าแอลชอบไว้เราค่อยแวะมาใหม่ดีไหม”

          “ดีครับ”  เด็กคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดีขึ้น  ดูไปดูมาบรรณารักษ์สาวก็เริ่มรู้สึกว่าเด็กทั้งสองคนมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันไม่น้อย  บางทีอาจจะเป็นฝาแฝด

          “ไปกันเถอะ”  คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวหันมาโอบไหล่คนที่ตัวเล็กกว่าให้ออกเดินกลับออกไปจากห้องสมุดแห่งนั้น

          ใบหน้าของผู้ชายทั้งสองคนยังติดอยู่ในความทรงจำของหญิงสาว  แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหน  จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน  เธอเดินกลับบ้านผ่านแผงหนังสือที่มีหนังสือพิมพ์วางเรียงรายเต็มชั้น  ใบหน้าของผู้ชายสองคนนั้นเด่นหราอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

          กลับมาแล้ว...คุณพิชช์ฌานและคุณอาคิราห์  อัศวลักษณ์  เดินทางถึงสนามบินเมื่อเช้ามืดของวันนี้พร้อมกับคณะผู้ติดตามและกลุ่มผู้สนับสนุนที่ไปรอรับกันคับคั่ง  โดยอดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าเขาเพียงแต่เดินทางกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเกิดและพักผ่อนกับครอบครัวเท่านั้น  ไม่ได้มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด  และไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มปฏิวัติโอเมก้าในขณะนี้ด้วย  ย้ำว่าดอกกุหลาบแดงที่ทุกคนนำมาให้เป็นเพราะภรรยาของตนชอบดอกกุหลาบสีแดง  ไม่ใช่สัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างที่ลือกัน

 

 

          ...............................จบบริบูรณ์....................................

         

          โอ้มายก้อดดดอ  จบแล้วค่า  ในที่สุด  น้ำตาจะไหล  เป็นการเขียนที่ยาวนานก้าเดือนกว่าเกือบสิบเดือน  ดีใจมาก ๆ นะคะที่มาถึงบทสรุปของเรื่องแล้ว  เป็นอย่างไรกันบ้าง  การเดินทางของอาคิราห์กับพิชช์ฌานก็มาถึงตอนจบแล้วนะคะ  แต่เรื่องราวของพวกเขาก็จะต้องดำเนินต่อไปเนอะ

          ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมายาวนานมากกกก ประทับใจมากค่ะ  โดยเฉพาะคอมเม้นท์ที่ดุเดือดเมามัน วิเคราะห์แกทเชื่อมโยงกันเต็มไปเลยค่ะ อิอิ  เขียนเรื่องนี้สนุกมาก ๆ นะคะ ขอบคุณฟีดแบ็คจากทุกช่องทางด้วย โดยเฉพาะทางทวิตที่สนุกกันมาก ฮ่าๆ

          อย่าลืมฝากความทรงจำกันเอาไว้ด้วยนะคะ  นักอ่านเงาแสดงตัวได้แล้วเด้อ  ตอนจบแล้วค่ะ อิอิ  ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกต่อนะคะ  เย่ๆ

          แจ้งข่าวด้วยว่าเรื่อง ขอรักแค่คุณ มีร่วมเล่มนะคะ  ตอนหลักห้าสิบตอนและตอนพิเศษห้าตอน  รีเควสตอนพิเศษกันมาได้นะคะ  น่าจะเป็นช่วงปลายปีค่ะ  ยาวๆปายยย

          เจอกันในเล่มแล้วกันนะคุณ

          ปล.  ตอนนี้เปิดเรื่องใหม่เอาไว้แล้วสองเรื่องสองรส

          เรื่องแรก  Nevertheless, I still love you. #เวฬาหยุดรัก Mpreg แนวโรแมนติกดราม่าแฟนเก่าค่ะ

          เรื่องที่สอง BeluKailoveyou #หวาฬรัก  แนวรักเบา ๆ ไฮบริดวิทยาศาสตร์สายลับค่ะ

          สนใจเรื่องไหน  ไปเจอกันต่อได้นะคะ

          ขอบคุณอีกรอบ

          #ขอรักแค่คุณ  (ไม่ใช่ ขอแค่รักคุณ นะคะ อิอิ)




ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จบดีมากๆๆๆ T________T
เจ้าบู้บี้ก็ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อยากจะร้องไห้​ ให้กับทุกความสำเร็จของอัยย์

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: :pig4: เป็นตอนที่ยาวสามการรอคอย ขอบคุณผู้แต่งสำหรับเรื่องนี้ค่ะ ยินดีกับบู้บี้เเละสามีที่มีความสุขซะที

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เสียดายแต่คุณไตรไม่ได้เห็นความสำเร็จของลูกชายที่รักอย่างอัยย์ว่าทำสำเร็จตามที่ฝันไว้แล้วน่าเสียดายจริง ๆ ใจหายที่เรื่องนี้จบแล้วสนุกและลุ้นทุกตอนเลย ขอบคุณไรท์จริงที่แต่งได้ออกมามีอรรถรสแบบนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด