บทที่ 26
พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ผมโดนแหกแต่ยังไม่ตาย![พระพาย]“ครับพี่เปเป้ ได้ครับ ฝากบอกพี่พริ้งด้วยว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟัง สวัสดีครับ”
ผมวางสายโทรศัพท์จากพี่เปเป้ พอมีข่าวฉาวของผมออกมาปุ๊บ ไม่นานหลังจากนั้นพี่เปเป้ก็โทรมาปั๊บพร้อมเนื้อหาใจความว่าพี่พริ้งรู้ข่าวแล้ว เธอเป็นห่วงผมมาก และต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นมายังไง ผมยังไม่พร้อมเลยบอกปัด รอให้พี่พริ้งกลับจากถ่ายละครที่ต่างจังหวัดแล้วจะเล่าให้ฟังพร้อมกันทีเดียวทั้งครอบครัว
“เอาไงดีมึงคราวนี้” สายฟ้าถาม มันนั่งอยู่บนเตียงตัวเอง นิ้วเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อ่านข่าวของผมสลับกับเงยขึ้นมามอง
“กำลังคิดอยู่” ผมนั่งขัดสมาธิกับพื้น กินขนมปังนมสดที่ดารัญซื้อมาให้ระหว่างคิด ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆ ย้ายกันมาที่ห้องของสายฟ้า ปล่อยให้สองแฝดอยู่ที่ห้องของผม ส่วนแผลที่หัวดารัญจัดการปฐมพยาบาลให้แล้ว สมกับที่มันอยู่ฝ่ายสวัสดิการ แผลไม่ลึกมากเลยไม่ต้องถึงขั้นเย็บ
“มึงอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรในทวิตนะ” ดารัญเตือน มันจ้องผมนิ่ง “ไม่งั้นคนเขาจะจับสังเกตได้ว่าแอคเค่อของมึงเคลื่อนไหวตอนมีข่าวพอดี”
“รู้แล้วน่า”
“แต่ล็อกแอคไว้หน่อยก็ดีมั้ย?” สายฟ้าเสนอ “ถึงยอดฟอลมึงจะเยอะจนล็อกไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ถ้าคนที่ฟอลมึงไว้จะแคปอะไรออกมา แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้พวกนักข่าวเข้ามาขุดคลิปมึงไปแฉปะวะ”
“แบบนั้นจะดูร้อนตัวไปหรือเปล่า” ดารัญแย้งขึ้น มันขมวดคิ้วแน่นพอๆ กับสายฟ้า “ในข่าวไม่ได้เอ่ยเจาะจงว่าเป็นแอคไหน ส่วนในทวิตก็ยังเดาสุ่มกันอยู่ จู่ๆ มึงมาล็อกแอคไม่กลายเป็นเผยพิรุธหรือไง”
“อันที่จริง” ผมกระแอม “กูล็อกแอคไว้นานแล้วเว้ย”
“อ้าว เหรอวะ” สายฟ้าถาม “หรือมึงรู้ว่าถ้าเข้าวงการจะโดนคุ้ยเลยชิงล็อกไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย?”
“ไม่ๆ ที่บอกว่าล็อกไว้นานแล้วคือนานแล้วจริงๆ”
“ตั้งแต่ตอนไหนล่ะ?” ดารัญเลิกคิ้ว ผมเกาแก้มตัวเองเบาๆ จะว่าไปเรื่องนี้มันก็…
“ตั้งแต่ที่กูไม่รู้จะระบายความน่ารักของเฟนยังไง กูเลยล็อกแอคแล้วหวีดน้องในนั้น…”
“...”
“สามสิบทวิตในหนึ่งนาทีอะมึง”
“แล้วพวกคลิป?”
“ทยอยลบทิ้งหมดไปนานแล้ว” ผมยักไหล่ “เฉพาะพวกคลิปที่เอากัน ส่วนคลิปโชว์หุ่นโชว์กล้ามวับๆ แวมๆ กูก็คาไว้เหมือนเดิม กูเริ่มไล่ลบทิ้งทั้งแต่ช่วงที่รู้ตัวว่าจริงจังกับเฟน พอมาเห็นคลิปเก่าๆ ในแอคตัวเองมันก็แบบ...ยังไงดีวะ เหมือนกูนอกใจนอกกายน้องทั้งที่มันเป็นเรื่องก่อนที่กูจะเจอเฟนด้วยซ้ำ”
“ไอ้รัญ กูรู้สึกน้ำตาจะไหล” สายฟ้าแม่งเล่นใหญ่จนผมต้องกลอกตาใส่
“เว่อร์ ไอ้สัส!”
“น้องอาจไม่ได้โชคดีที่มาเจอคนอย่างมึง” ดารัญออกความเห็นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามแบบฉบับมัน “แต่กูว่ามึงโชคดีที่ได้เจอน้อง”
“เหมือนมึงหลอกด่า แต่ครั้งนี้กูเห็นด้วย” ผมพยักหน้ารับ “กูก็แค่อยากเป็นคนดีพอให้น้องไม่อายที่มีกูเป็นแฟนแค่นั้นแหละ”
“หล่อมากซีนนี้ หล่ออยู่ซีนเดียวนอกนั้นเป็นบ้า”
“ถึงมึงกัดกูทุกวันรัฐบาลใหม่ก็ไม่จัดตั้งเร็วขึ้นหรอก”
“บทกู แอคเห็บกูสั่นระริกไปหมดแล้ว สัสเอ๊ย!”
“ตลกกันพอแล้วมั้ง” ดารัญปรามก่อนลากกลับมาประเด็นจริงจัง มันมองหน้าผม “คราวนี้งานช้าง ทั้งที่บ้านมึง ไหนจะพวกนักข่าวอีก”
“มึงจะตอบรับแมนๆ หรือเลี่ยง?” สายฟ้าเสริม
“อนาคตมึงเลยนะพระพาย คิดดีๆ”
“กูบอกตามตรงนะพวกมึง” ผมกินขนมปังนมสดชิ้นสุดท้ายจนหมด มองหน้าพวกมันสองคนสลับไปมา “กูไม่ได้สนเรื่องอนาคตในวงการบันเทิงอยู่แล้ว เพราะกูไม่ได้อยากเข้าตั้งแต่แรก ที่ไปถ่ายแบบก็เพราะพี่พริ้งกับพี่เปเป้ชวน พอเขาเสนองานใหม่ให้กูไปแคสกูก็ปฏิเสธแล้ว”
“ไหงงั้นวะ?”
“กูไม่อยากให้เฟนไม่สบายใจ”
“กูไม่ชินที่มึงเป็นแบบนี้เลย” ดารัญขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา
“ไม่ชินที่ตัวเองเป็นแบบนี้เหมือนกัน” ผมหัวเราะหึๆ “แต่รักน้องมากก็แคร์มากปะวะ เห็นเฟนนิ่งๆ ไม่ค่อยงอแงแบบนั้นแต่หวงกูจะตาย”
“อันนี้คืออวดถูกมั้ย?”
“รู้ทันสมกับเป็นเพื่อนกู” ผมทำท่าถูกต้องนะค้าบบบ ใส่หน้าสายฟ้า “แล้วเรื่องนี้...กับที่บ้านกูคงต้องบอกไปตามจริงนั่นแหละ”
“พ่อมึงจะไม่เม้งแตกไล่มึงออกจากกองมรดกอีกเหรอวะ” สายฟ้านิ่วหน้า “มึงกับพ่อเพิ่งจะกลับมาคุยกันดีๆ ด้วย…”
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กูห้ามได้ที่ไหน” ผมยักไหล่ ทำเป็นไม่สนใจ แต่เอาเข้าจริงในใจมันไม่ได้สงบเหมือนกับที่แสดงออกหรอก “ส่วนพวกนักข่าวคงหาทางตอบเลี่ยงไป ใครมันจะไปอยากตอบให้คนทั้งประเทศรู้วะว่าเป็นแอคนัดเย ถ่ายคลิปเสียวลงทวิต เรื่องในมุ้งกูทั้งนั้นเสือกอยากรู้กันจัง อีกอย่างกูไม่อยากให้เรื่องของกูกระทบชื่อเสียงพี่พริ้ง พี่เพลิง ตระกูลกูอีก สัสเอ๊ย ตัวกูคนเดียวไม่เท่าไหร่หรอก”
“ค่อยๆ คิดไปมึง” ดารัญตบไหล่ผมหนักๆ ทีนึง
“อย่างน้อยคลิปมึงที่เคยถ่ายไว้ก็ไม่เห็นหน้า” สายฟ้าถอนหายใจ “ถึงใครเซฟไว้ทันก็ไม่รู้หรอกว่ามึง”
“สายฟ้า”
“หือ” มันขานรับในลำคอ
“มึงดูคลิปกูเหรอวะ…” สายฟ้าสีหน้าเลิ่กลั่ก ผมถามต่อ “เป็นไง เด็ดมั้ย?”
“...”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ก่อนดารัญจะกระแอม
“ข้ามเรื่องกระอักกระอ่วนนี่กันเถอะ”
“โอเค กูจะทำเป็นเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น” ผมพยักหน้ารับ พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดัง พอเห็นชื่อหน้าจอก็ต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ “พี่เพลิงว่ะ”
“จะรับมั้ย?”
“ถ้าไม่รับพี่แกคงขับรถบึ่งมาเค้นคอกูถึงหอนี่แหละ” ผมตัดสินใจสไลด์หน้าจอรับสาย “ฮัลโหลพี่ อย่าเพิ่งถามอะไรเลย ผมรู้ว่าพี่โทรมาเรื่องข่าวนั่น เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังพร้อมกันทีเดียวตอนพี่พริ้งกลับจากถ่ายละครที่ต่างจังหวัด...อืม ใช่ รวมทั้งพ่อกับแม่ด้วย เอาให้ครบทีเดียวผมไม่อยากพูดหลายรอบ รู้แล้วพี่ ขอบคุณ แค่นี้ก่อนนะ ครับ บายพี่”
“พี่เพลิงด่ามั้ยวะ”
“ไม่ เขาแค่...โอ๊ย โทรมาอีกแล้ว รอบนี้ใครอีก” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ “แม่ว่ะรอบนี้ ฮอตเหลือเกินมึง ไอ้พระพายเอ๊ย!”
ผมได้แต่บ่นกับตัวเอง กดรับสายแม่แล้วตอบแบบเดียวกับที่ตอบพี่เพลิง เสียงแม่ฟังดูกังวลจนผมสัมผัสได้ ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นจุกอก ผมวางสายแม่ไปในขณะที่ใจหนักอึ้ง
“นัดเยไม่ใช่เรื่องผิดหรอกมึง” สายฟ้าโยนขนมปังให้ผมอีกห่อ “มึงเต็มใจ คู่นอนมึงก็เต็มใจ ได้กันจนพอใจแล้วแยก ไม่ได้ไปฉุดใคร”
“แค่สังคมสมัยนี้ขี้เสือก” ดารัญเสริม “มึงดันมาเริ่มมีชื่อเสียงด้วยพอดี ธรรมดาของวงการบันเทิง ข่าวฉาวๆ มันขายได้มากกว่า”
“คงงั้นล่ะมั้ง” ผมถอนหายใจ โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมกำลังจะบ่นด้วยความหงุดหงิดแต่พอเห็นชื่อบนหน้าจอก็ชะงัก ผมลุกขึ้น หันไปบอกเพื่อนๆ “กูไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงนะ เฟนโทรมา”
“เออ ตามสบาย”
สายฟ้าปัดมือไล่ ผมเดินออกมายืนตรงระเบียงนอกห้อง บรรยากาศข้างนอกร้อนวูบต่างจากข้างในที่สายฟ้าเปิดแอร์เอาไว้ ผมสูดหายใจ กระแอมปรับน้ำเสียงตัวเองแล้วกดสไลด์หน้าจอรับสายน้อง
“แหม คิดถึงพี่เหรอหนู ห่างกันแป๊บเดียวเองนะเรา โทรตามซะแล้ว”
“พี่…”
“ครับ ว่าไงเอ่ย?”
“เราเป็นห่วงพี่นะ…” เสียงของเฟนจริงจังและจริงใจจนผมสัมผัสได้ ผมเงียบไปจนน้องต้องพูดซ้ำ “พี่ก็รู้ใช่มั้ยว่าเราอยู่ข้างพี่เสมอ ไม่ว่าพี่จะเจอกับอะไร”
“เฟน…” ผมเรียกชื่อน้อง เงียบไปพักนึง เฟนไม่ได้แทรกขึ้นมา เขารอให้ผมพูดต่ออย่างใจเย็น “หนูเห็นข่าวแล้วคิดว่าไง รังเกียจพี่มั้ยที่พี่เคยทำอะไรแบบนั้น”
“พี่เครียดจนบ๊องไปแล้วเหรอ”
“อ้าว ไหงมาด่าพี่ล่ะเนี่ย?”
“พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าเรารู้จักกันได้ยังไง” น้องเตือนความจำผม “เราหารูมเมตแล้วติดแท็กผิดจนพี่ที่เป็นแอคเค่อทักมาดีลเรา หมายความว่าเรารู้จักพี่ในด้านนั้นตั้งแต่แรกแล้ว เรารู้ว่าแอคเค่อเป็นยังไง แล้วเราก็รู้ด้วยว่าตัวตนจริงๆ ของพี่เป็นแบบไหน”
“...”
“แต่เราก็ยังชอบพี่มากๆ ชอบทุกอย่างที่พี่ดูแลเรา ทำให้เราสบายใจเวลาอยู่กับพี่ ถึงจะขี้แกล้งเราไปหน่อยแต่พี่ก็รักเรามากๆ เรารู้ เราแค่อยากบอกพี่ว่าเราไม่ได้รังเกียจพี่เลยนะ พี่ยังเป็นพี่พระพายคนเดิมที่เรารู้จักเสมอนั่นแหละ”
“พี่อยากเป็นคนที่ดีพอให้หนูคบได้แบบไม่อายใคร” ผมบอกความรู้สึกตัวเองออกไป เฟนหัวเราะเสียงใส
“เราไม่อายที่คบกับพี่ พี่ดีที่สุดในใจเราเลย”
ผมยิ้มออกเมื่อได้ยินน้องพูดแบบนั้น ใจที่หนักอึ้งผ่อนคลายลง ผมเท้าแขนกับราวระเบียง สายตามองออกไปไกล เห็นการจราจรที่วุ่นวายบนถนน ก่อนหน้านี้ในใจผมก็เป็นแบบนั้น วุ่นวายยุ่งเหยิง แต่พอได้คุยกับเฟนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป น้องเป็นคนที่ฮีลลิ่งผมได้จริงๆ นั่นแหละ
“หนูก็น่ารักที่สุดในใจพี่เหมือนกัน”
“อื้ม...คิดถึงพี่แล้ว อยากกอด” น้องพูดเสียงเบาลงกว่าเดิม คงอยากอ้อนแต่ก็อายผมนั่นแหละ “พี่ลงมากอดหนูได้แล้ว ฟรองซ์ให้อภัยพี่แล้วนะรู้ยัง”
ผมหลุดหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินแบบนั้น พยักหน้ารับแม้น้องจะไม่เห็น
“งั้นหนูเตรียมแก้มรอเอาไว้เลยค่ะ เดี๋ยวพี่จะลงไปหอมเป็นรางวัลให้คนน่ารัก
”
“พี่รอหนูอยู่หน้าตึกบริหารนะเฟน เสร็จแล้วรีบมานะครับ”
ผมกดวางสายโทรศัพท์จากน้องหลังเจ้าตัวรับคำเรียบร้อย มองซ้ายขวาหาที่นั่งก่อนพาตัวเองไปนั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนใกล้ๆ นั้น ผมหยิบโทรศัพท์มากดเล่นไปเรื่อยระหว่างรอน้อง ข่าวเรื่องนายแบบหน้าใหม่ที่เป็นแอคเค่อยังไหลผ่านไทม์ไลน์แอคหลักผมมาเป็นระยะๆ แต่โชคยังดี เท่าที่เห็นยังไม่มีใครเดาว่าเป็นแอคนั้นของผมเลย
หลังข่าวถูกปล่อยผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ามาเรียนตามปกติ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป้าสายตามากกว่าเดิม ต่างกันก็แค่เมื่อก่อนคนมองผมเพราะเป็นเป็นเด็กกิจกรรมและติดโผจัดอันดับหนุ่มหน้าตาดีประจำมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้สายตาที่มองมามีแต่ความสงสัยใคร่รู้
เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี ผมเองก็เบื่อแล้วเหมือนกันเวลามีแต่คนมองเพราะหล่อ ลองมีคนมองเพราะข่าวฉาวก็ไม่เลว โชคดีหน่อยที่ข่าวมันค่อนไปทางเชิงซุบซิบไม่ได้มีการเปิดเผยหรือลงรูปแฉระบุตัวตน ถ้าขนาดนั้นผมคงไม่รอดโดนคณบดีเรียกพบแหงๆ
แต่ถ้าจะแฉกันจริงๆ ผมฟ้องแน่ จะเอาให้ล้มละลายกันไปข้าง
บ้านกูรวยนะบอกไว้ก่อน
อำนาจเงินน่ะเคยได้ยินมั้ย?
ผมหัวเราะหึๆ กับความคิดตัวเอง ก่อนรู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเฟน แต่พอเงยหน้าขึ้นถึงเห็นเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ดูไม่เหมือนนักศึกษาเอาซะเลย แถมในมือที่มีไมค์กับเครื่องบันทึกเสียงพร้อมกับตากล้องนั่นอีก ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกรู้ชะตากรรมตัวเองทันทีที่สบสายตาเข้ากับหนึ่งในนั้น
“น้องพระพายคะ พี่ขอรบกวนเวลาสัมภาษณ์หน่อยค่ะ!”
ยังไม่ทันอ้าปากอนุญาตพี่แกก็ทิ่มไมค์เข้ามาจนเกือบเสยปากผมพร้อมๆ กับสามไมค์ โห ขนาดนี้ไม่ต้องถามกันก็ได้ปะวะ
“ขอโทษนะครับ ผมไม่สะดวก” ผมลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินเลี่ยงแต่ก็ถูกล้อมหน้าล้อมหลัง แม่งเอ๊ย พี่ยามปล่อยนักข่าวเข้ามาในมอได้ไงวะ
“แต่น้องพระพายคะ ตอนนี้ชาวโซเชียลอยากรู้มากๆ เลยว่านายแบบหน้าใหม่ที่เป็นแอคเค่อในข่าวใช่น้องหรือเปล่าคะ?”
“น้องพระพายคิดยังไงกับเรื่องนี้คะ”
“ได้คุยเรื่องนี้กับคุณพะพริ้งหรือยังครับ?”
และอีกสารพัดคำถามที่ยิงใส่ผมรัวๆ ไม่ทันให้ตั้งตัว ตอนนี้ผมกับกลุ่มนักข่าวบันเทิงกำลังกลายเป็นจุดสนใจ คนอื่นๆ ที่อยู่แถวนี้ยกมือถือขึ้นถ่ายกันเป็นแถว ผมชักคิดถึงเพื่อนรักทั้งสองที่ตัวเองทิ้งให้พวกมันคุยงานกับอาจารย์แล้วชิ่งหนีมาก่อนชะมัด หรือนี่จะเป็นเวรกรรมแบบสี่จีติดจรวดมาตามสนองผมวะ?
“นี่พวกคุณหยุดเลยนะ!”
จู่ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นพร้อมร่างเล็กๆ ของใครบางคนแหวกฝูงนักข่าวเข้ามาประชิดตัวผม เขายกกระดานวาดรูปแผ่นใหญ่ขึ้นบังผมออกจากกล้องและไมค์ที่จ่อมา
“เฟน?”
“พี่ๆ จะมารุมกันแบบนี้ไม่ได้นะครับ พี่พระพายไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกพี่จะมาทำแบบนี้นะ ไม่ให้เกียรติสถานที่กันเลย”
น้องเอาตัวมายืนขวางผมเอาไว้โดยมีกระดานวาดรูปเป็นโล่กั้นอีกชั้นหนึ่ง ผมไม่เห็นสีหน้าของเฟน แต่แค่น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็กก็พอจะบอกให้รู้แล้วว่าเฟนไม่พอใจที่นักข่าวพวกนี้มารุมผม พอน้องโดนนักข่าวชักสีหน้าใส่ที่มาขวางเสียงเล็กที่เหมือนลูกแมวก็ขู่ออกไป
“ผมเรียกพี่ รปภ.มาแล้ว พี่ๆ จะออกไปดีๆ หรือจะให้โดนลากไปโทษฐานบุกรุกสถานศึกษาครับ?” พอโดนขู่ไปแบบนั้นพวกเขาก็เริ่มหน้าเสีย สงสัยพากันแอบเข้ามาจริงๆ นั่นแหละ เฟนฉวยโอกาสนั้นจับมือผมไว้แน่นแล้วออกแรงดึง “ไปกันเถอะพี่พระพาย เราหิวแล้ว”
จากนั้นเฟนก็ลากผมออกจากกลุ่มนักข่าวได้สำเร็จ โชคดีอีกอย่างที่พวกเขาไม่ตามมาเพราะ รปภ.ที่น้องเรียกมากักตัวพวกเขาเอาไว้พอดี ผมมองมือเฟนที่จับมือผมไว้แน่น น้องจ้ำเท้าเร็วๆ เดินนำหน้า แผ่นหลังเล็กๆ นั้นเหมาะแก่การถูกปกป้องมากกว่าการปกป้องคนอื่น
แต่คราวนี้น้องปกป้องผม
ความกล้าหาญของเขาใหญ่ยิ่งกว่าตัวของผมซะอีก
“เฟน” ผมกระตุกมือเบาๆ เป็นสัญญาณ น้องหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมา เราสบตากัน ผมยิ้มให้เขา “ขอบคุณครับคนดีของพี่”
“พี่น่าจะวิ่งหนีออกมาเลย” น้องหน้ามุ่ย “รู้มั้ยว่าเราตกใจมากแค่ไหนที่เห็นพี่โดนรุมแบบนั้นอะ คนอื่นก็เอาแต่ถ่ายรูปถ่ายคลิปกันสนุกเลย ไม่มีใครเข้าไปช่วยพี่สักคน”
“มันไม่ใช่เรื่องของเขาอะเนอะ จะมาช่วยพี่ทำไม” ผมยักไหล่เบาๆ
“แล้วพี่รัญกับพี่สายฟ้าล่ะ?”
“มันคุยงานกับอาจารย์อยู่บนตึกน่ะ พี่ลงมาก่อน” ผมตอบน้อง ยกมือโอบพาดไหล่เขา เราสองคนออกเดินอีกครั้ง “รู้งี้น่าจะลงมาพร้อมพวกมัน พี่ไม่ชินกับกล้องกับไมค์เหมือนพี่พริ้งเวลาโดนนักข่าวรุมซะด้วย”
“คราวหลังเกาะติดพี่รัญกับพี่สายฟ้าแน่นๆ เลยนะ”
“เอางั้นเลย?”
“อื้อ เรามาช่วยพี่ทุกครั้งไม่ได้หรอกนะ”
“จ้า คนเก่งของพี่” ผมหอมหัวน้องเร็วๆ ทีนึงจนโดนฟาดไหล่โทษฐานแสดงความรักในที่สาธารณะ “ต่อไปพี่จะเกาะติดเพื่อนแน่นๆ ไม่ให้นักข่าวหน้าไหนเข้ามารุมเลยโอเคมั้ย?”
“อื้ม…” เฟนพยักหน้ารับ น้องเงยหน้ามองผม “พี่พระพาย”
“ครับ ว่าไงเรา?”
“วันนี้เปลี่ยนจากไปกินข้าวดูหนังที่ห้างไปที่อื่นได้มั้ย?”
“หนูอยากไปไหนล่ะ พี่พาไปได้หมดแหละ”
“เราอยากพาพี่ไปบ้าน” น้องตอบ เขายิ้มน้อยๆ แก้มแดงขึ้นกว่าเดิมตอนพูดประโยคต่อมา “อยากพาพี่ไปแนะนำกับแม่ว่านี่แฟนเรา”
“หนู…”
“หือ?”
“เบาหน่อย พี่ใจบางไปหมดแล้ว” ผมแกล้งทำเป็นกุมใจตัวเอง เฟนหลุดหัวเราะจนตาหยี ผมลูบหัวน้องเบาๆ พยักหน้ารับคำขอเขา “เอาสิ พี่ก็อยากเจอแม่หนูเหมือนกัน แต่ว่า…”
“ทำไมเหรอพี่?”
“แม่เฟนจะโอเคมั้ย ช่วงนี้ข่าวพี่มัน…”
“อ๋อ ไม่เป็นไรเลยพี่พระพาย” เฟนส่งยิ้มน่ารักให้ผมอีกครั้ง “แม่ชอบดูละครอย่างเดียวแต่ไม่ชอบตามข่าวบันเทิงซุบซิบอะไรพวกนี้ แม่ไม่รู้หรอก”
“งั้นก็โอเคครับ พี่ไม่ติดอะไรแล้ว วันนี้เราไปบ้านหนูกัน” ผมเคลื่อนมือลงมากุมมือน้องไว้ กระชับแน่น “อยากบอกคุณแม่แทบแย่แล้วว่าชอบลูกชายคุณแม่มากขนาดไหน”
“บ้า”
เจ้าตัวเล็กเขินจนหน้าแดง ผมหัวเราะ จับมือน้องไม่ปล่อย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ปล่อยเด็ดขาด
รักมากขนาดนี้แล้วนี่นา
v
v
v