ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)  (อ่าน 12014 ครั้ง)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
   การเดินปูพรมเพื่อค้นหาคนที่หายไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนกำลังดำเนินไปอย่างรีบเร่ง หลายฝ่ายประสานงานกันทำงานเป็นทีมรวมทั้งชาวบ้านและผู้มีจิตใจช่วยเหลือ วางแผนแนวทางค้นหา ถ้าไม่พบศพก็ถือว่ามีชีวิตอยู่

“วันนี้ เราจะขยายวงกว้างค้นหาขึ้นอีกหลายพื้นท้นที่ ต้องทำกันอย่างรัดกุม” สมศักดิ์กล่าวกับลูกน้อง


“ดีนะครับ วันนี้มีคนมาเยอะ” ต๊อดเอ่ย มองดูรอบๆ อำเภอ


“แปลกนะนาย ทำไมนายอำเภอไม่ค่อยจะพอใจนัก” โม่งเอ่ย


“แต่ก็ยังส่งคนมาช่วยนั้นไง” สมศักดิ์ หันไปทางลูกน้องของนายอำเภอ ซึ่งทั้งต๊อดและโม่งหันไปมอง


“ตั้งทีมคนหา เซอะคงได้เห็นหรอก ปานนี้มันเป็นอาหารปูปลาหมดแล้ว” ชายร่างใหญ่หนาเทอะเอ่ยกับคนที่เดินมาด้วย


“ยังไงช่วงนี้พวกมึง เงียบๆไว้ก่อนนะ นายใหญ่สั่งมา พวกนั้นกำลังเพ่งเล็ง คนหายไปทั้งคน” ชายร่างใหญ่หนา รีบสั่งลูกน้อง


“ครับพี่ยักษ์” ลูกน้องร่างผอม น้อมรับคำ


“โดยเฉพาะมึงไอ้สน นายสำราญกำชับหนักหนา อย่าปากโป้งไปเชียวมึง” ยักษ์หันไปกำชับทางลูกน้องที่ชื่อว่าสน 


“ไม่ต้องห่วงพี่ยักษ์ ฉันจะรูดซิบปากเชียว” สนกล่าวให้คำมั่น ทั้งสามเดินมาสมทบกับสมศักดิ์


“นายสำราญให้มาช่วย” ยักษ์กล่าวกับสมศักดิ์ ซึ่งสมศักดิ์กดโทรศัพท์รายงานความคืบหน้า


“ท่านครับ พบโทรศัพท์ปลัดสาโรชตรงทางลงสะพานครับ แบตหมดครับ นอกนั้นยังไม่มีเบาะแสเลยครับ” สมศักดิ์รายงาน สำราญ


“ให้ลูกน้องไปช่วยอีกแรง พวกเขาไปถึงหรือยัง” สำราญกล่าว สมศักดิ์สบตากับยักษ์


“ครับท่าน มาถึงแล้วครับ” สมศักดิ์รับคำ


“ตามเบาะแสให้ได้นะปลัด ผมเชื่อมือคุณ” สำราญกำชับ สมศักดิ์ปรับสีหน้าเข้ม แล้วกดวางสาย


“วันนี้ ตามแผนเราจะเข้าโรงเรียน” สมศักดิ์เอ่ยกับทุกคน


“ไกลไหมครับท่านปลัด” เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ ๆ ถามขึ้น


“ถ้าเราออกตอนนี้ คงถึงบ่าย ๆ ครับ อย่างไรเราก็ต้องรีบ” สมศักดิ์ตอบ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงรีบจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง 


“เราใช้เส้นทางตรงนี้ไปถึงโรยงเรียนกี่กิโล” สมศักดิ์ถาม เมื่อกางแผนที่ออกมาดู


“ประมาณ 50 กิโลเมตรครับท่านปลัด” เจ้าหน้าที่อีกคนเอ่ย


“อย่างไรก็อย่าทำให้ แตกตื่นกันละ” สมศักดิ์กำชับลูกน้อง


 ตอนนี้โรงเรียนปิดหยุดยาว ก็จะมีแค่พวกครูครับที่ยังทำงานอยู่” เจ้าหน้าที่คนเดิมรายงาน


“ขอความอนุเคราะห์ทางพื้นหรือยัง” สมศักดิ์หันไปหาลูกน้องตัวเอง


“เรียบร้อยครับนาย” โม่งเอ่ย


“ถ้าอย่างนั้นเราเดินทางกัน อย่างไรต้องทำให้กระจ่างโดยเร็วทางผู้ใหญ่สนใจอยู่” สมศักดิ์กล่าว กระชับอีกครั้งจากนั้นทุกคนพร้อมเดินทาง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 


    อากาศยามเช้าเย็นสบาย แว่วเสียงประกาศในหมู่บ้านดังแว่วมา  แม้จะอยู่ในช่วงฤดูพระพิรุณ พระพายยังหอบเอาความชื่นมาให้ หน่อเนื้อสองหนุ่มต่างให้ไออุ่น ซึ่งกันและกัน ชายหนุ่มร่างสันทัดกว่าซุกตัวตรงอกหนา นกกระจิบร้องริมหน้าต่าง ปลุกให้ชายอัฐณพรู้สึกตัว พอจะขยับกายก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพกาย ลืมตามองหน้าอก ความรู้สึกมื้อคืนกลับมาในห้วงความคิด


“ไอ้ดาร์ว ไอ้เลว” อัฐณพผลักให้หนายหนุ่มอีกคนออกจากร่าง ซึ่งไร้แรงตอบโต้เช่นกัน


“ตื่นขึ้นมานะ แกไอ้ ๆ.....” อัฐณพคิดหาคำสบถ แต่ก็ไร้วี่แววของอีกคน อัฐณพชักไม่แน่ใจ เลยเข้าไปขยับร่าง


“อุ้ย ตัวร้อนเลยหรือเนี้ย” อัฐณพพูดกับตัวเอง



“ไอ้ดาร์ว ๆ” อัฐณพปลุก ใช้ฝ่ามือตบที่แก้มเบา ๆ ซึ่งอีกฝ่ายยังเงียบอยู่



“เฮ้ย อย่างมาตายในนี้นะเว้ย” อัฐณพร้องขึ้น ใช้สมองครุ่นคิด แล้วรีบลงไปชั้นล่าง ในสภาพเปลือยเปล่า หาผ้าเช็ดตัว ขึ้นมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและน้ำธรรมดา จากนั้นจึงทำการเช็ดตัวให้อีกฝ่าย พร้อมกับสำรวจร่างกายของคนที่หยังหลับแบบพิจารณา


“พ่อเทพบุตร ทำไมต้องเป็นคนชั่ว คนเลวได้ หน้าตาก็ดี ทำผิดซ้ำไปซ้ำมา สงสารก็แต่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง” ปากบ่นไป ก็เช็ดตัวไป จนมาถึงจุดยุทธศาสตร์ จากหนอนชาเขียวเริ่มกลายเป็นปลาชะโดตัวใหญ่ อัฐณพหน้าแดง


“อย่ามาหาเรื่อง ตายตอนนี้นะเว้ย” อัฐณพขู่ ปลาชะโดเลยต้องกลับมาเป็นหนอนชาเขียว ยอมรับกับตัวเอง รสชาติแปลกๆ ที่ได้รับ มันทำให้รู้สึกสับสนอย่างไรชอบกล หันไปมองนาฬิกาปลุกข้างหัวนอนบอกเวลาเก้าโมงเช้า พอจะลุกขึ้นอีกครั้งก็รู้สึกระบบไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง ความรู้โล่ง ๆ พอได้สติก็ตัดใจลุกขึ้น ไปหาผาเช็ดตัวมาพันรอบกายมองไปดูอีกคนที่นอนอยู่ไม่ห่มผ้าปล่อยกายเปลือยเปล่า ก็รู้สึกโกรธอย่างแรง ชาตินี้อย่าได้เผาผีกันเลย ไปตายไหนก็ไปซะ  อัฐณพ ค่อย ๆ เดินผ่านร่างที่นอนนิ่ง ก็ได้ยินเสียงครางเบา ๆ


“หิวน้ำ” สาโรชออกแสนจะยากเย็น


“เซ็ง ต้องให้ดูแลกันอีกแล้ว หายคราวนี้ไล่ออกจากบ้านไปเลย” อัฐณพพูดด้วยความโมโห


“น้ำ.......หนาวๆ” สาโรชเอ่ยซ้ำๆกันไป


“แน่ละซิ นอนแก้ผ้าตากลมอย่างนี้ ไม่ปอดบวมให้รู้ไป” อัฐณพจึงจำใจคลี่ผ้าห่ม ห่มให้แล้วรีบลงไปชั้นล่างถือขวดน้ำดื่มขึ้นมา



 “น้ำได้แล้วนะไอ้ดาร์ว ลุกขึ้นมากิน” อัฐณพพูดเสียงห้วน ๆ ด้วยอารมณ์โกรธยังไม่จางหาย สาโรชปรือตาขึ้น หนังตาหนักเสียเหลือเกิน อัฐณฑจ่อขวดน้ำที่ปาก สาโรชรีบดื่มจนสำลัก


“จะตายเพราะสำลักน้ำนี้ละไม่ได้ตายเพราะไข้ ไหนเอาแผลมาดูซิ” อัฐณพกล่าวพลักให้สาโรชลงนอนอีกครั้งจากนั้น จึงร่นผ้าห่มออก  ดูตรงแผลที่ตัวเองกัดมื้อคืนเริ่มบวม นี้คือสาเหตุ


“ต้องกินยาแก้อักเสบ” อัฐณพกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง หันไปคว้าซองยาที่เหลืออยู่ออกมาแกะแล้วป้อนให้ตามด้วยน้ำ คนถูกป้อนคว้ากอดคนป้อนยาเอาลงไปนอนอีกครั้ง แรงกอดเริ่มแน่นเข้า


“ไอ้ดาร์ว ปล่อยหายใจไม่ออก” อัฐณพประท้วง ไร้การตอบรับ


“หนาว ขอกอดคลายหนาว” สาโรชเอย พลางแกะและดึงผ้าเช็ดตัวพันกายของอัฐณพออก อัฐณพตกใจไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไร สาโรชรวบตัวแล้วกอดไว้อีกครั้ง อัฐณพหน้าแดงจนร้อน เมื่อร่างกายต่างสัมผัสกัน ความรู้สึกเริ่มมาอีกแล้ว จากหนอนชาเขียวปลายเป็นปลาชะโด


“ไม่เอา ตอนนี้เจ็บอยู่เลย” อัฐณพพูดอ่อนหวานทำให้อีกคนรู้ดีมากจึ่งรัดอ้อมกอดเข้าอีก


“พักรักษาตัวก่อน” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ สาโชเริ่มสงบลง


“ตอนนี้พี่บอกอะไรไม่ได้ เมื่อถึงเวลาพี่จะบอกเอง เชื่อพี่นะ” สาโรชเอ่ย แววตามุ่งมั่นมองมา อัฐณพหลบสายตา พยายามดิ้นแต่อีกฝ่ายก็คงกอดไว้เหมือเดิม


“จะต้องบอกอะไร ไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น” อัฐณพเอ่ยออกมา ความรู้กำลังคัดค้านกันเอง


“พวกค้ายา ขนยาเสพติด ชั่วทุกคน” อัฐณพเอ่ยต่อ


“พี่ไม่ชั่วก็แล้วกัน”สาโรชกล่าว แล้วคลายอ้อมกอดออก ปล่อยให้อีกคนเป็นอีสระ จึงไปนอนที่นอนตัวเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้าสู่สถานีขนส่ง ชัชวาลลงจากรถ อัฐณพที่นั่งด้านหลังรีบเปิดประตูออกมา แล้วรีบมาเปิดประตูรถด้านหน้า


“ไหวไหมน้องนพ” ชัชวาลถามด้วยความห่วงใย


“ไหวครับพี่ชัช ขอบคุณมากนะครับที่มาส่งพวกเรา” อัฐณพเอ่ย พลางพยุงร่างของชายหนุ่ม


“ขอบคุณมากนะครับพี่” สาโรชพยายามเอ่ย


“อือ ไม่เป็นไร รีบไปหาหมอเถอะ” ชัชวาลตอบพร้อมตบที่ต้นแขนชายหนุ่มเบา ๆ


“ลืมไป ยังไม่ได้เอากระเป๋าออกมาเลย” ซัชวาลกล่าวพร้อมไปเปิดประตูรถอีกด้านแล้วยกกระเป๋ามาให้


“ขอบคุณครับ” อัฐณพกล่าวขอบคุณ


“แล้วกลับมาเที่ยวบ้างนะ หนุ่ม”ชัชวาลกล่าวซึ่งหมายถึง สาโรชนั้นเอง อัฐณพทำหน้าสงสัยและรู้สึกอย่างไรไม่รู้


“คงไม่มาแล้วละพี่ชัช” อัฐณพเองเป็นคนตัดสินในพูดออกไป สาโรชจึงแอบชำเลืองมอง เขาคงไม่ต้องการเราแล้วละมั่งแบบนี้ อัฐณพพยุงสาโรชไปนั่งที่ชานศาลารอรถ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ดีขึ้น อัฐณพจึงพาไปที่คลินิกใกล้ ๆ กัน


“วัดดวงเอาละกัน” อัฐณพเอย แล้วพยุงเข้าไปภายใน 


“คนไข้ชื่ออะไรค่ะ” พนักงานคลินิกเอยถาม


“เอ่อคือ...” อัฐณพติดอ่าง


“อัฐณพครับ” คนข้าง ๆ ตอบแทน พนักงานคลินิก รีบจดรายชื่อ


“นั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอจะเข้ามาอีกชั่วโมงคะ” พนักงานคลินิกกล่าว


“ทำไมไม่แจ้งชื่อนาย” อัฐณพกระซิบ กับคนเจ็บที่นั่งอยู่ข้าง ๆ


“จะให้พี่โดนจับหรือไง” สาโรชกล่าว อัฐณพถอนหายใจ


“ฉัน ไม่มีพี่อย่างนาย” อัฐณพเริ่มฉุน ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วรู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่ก่อนเรียกแต่นาย ๆ พอมามีเรื่องเกิดขึ้น กลับกลายได้พี่ได้น้องเพิ่มชะงั้น อัฐณพหันไปมองด้านนอกแทน 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    เป็นอันว่า การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ มีบุคคลติดสอยห้อยตาม โดยมีชายหนุ่มร่างใหญ่ นั่งพิงไหล่ไปตลอดทาง รถเคลื่อนออกมาเรื่อย ๆ ผ่านหมู่บ้าน ผ่านตำบล


“หมอฉีดยาแก้อักเสบให้แล้ว และทานยาตามนี้นะคะ” หมอสาวกล่าว อัฐณพหยิบซองยาขึ้นมาดู


“ระวังหน่อยนะคะ เล่นกันก็ระวังด้วย ริมฝีปากคนเราอาจจะมีเชื้ออยู่ ต้องระมัดระวัง” หมอสาวกล่าวต่อ อัฐณพทำหน้าตกใจ ทำไหมหมอถึงรู้ว่าโดนกัด หันไปดูอีกคนที่นั่งทำตาปรือ จะหลับให้ได้


“หมอดูจากบาดแผล คนเราคงก้มลงกัดตัวเองไม่ได้แน่นอน” หมอสาวกล่าวต่อ อัฐณพยิ้มเขิน ๆ


“แล้วทำไม เขาเป็นแบบนั้น” อัฐณพถาม หมอยิ้มให้


“พอดีหมอให้ยานอนหลับไปด้วย จะได้พักผ่อนยาว ๆ” หมอสาวอธิบาย


“ชวยเลยที่นี้” อัฐณพพูดออกมา จึงเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ ชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งหน้าใสแต่บึ่ง อีกคนหน้าครึ้มไปด้วยเคราเข้ม นอนพิงไหล่ ตลอดทาง ‘ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ของให้นักเท่าเดิม .......’  ริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น อัฐณพรีบล้วงเข้าไปใน
กระเป๋าเสื้อ เอาออกมาดู หมายเลขที่ปรากฎบนหน้าจอเป็นหมายเลขแปลกๆ 


“สวัสดีครับ นพพูดสายครับ” อัฐณพรีบกดรับ เพราะเสียงเริ่มรบกวนคนอื่น ๆ แล้ว


“สวัสดีครับ พี่กรเองครับ” ปลายสายตอบมาก่อน อัฐณพสะดุ้ง ได้หมายเลขโทรศัพท์ไปได้อย่างไรเนี้ย


“ครับพี่กร ว่าไงครับ ตอนนี้นพกำลังเดินทางกลับบ้านครับ”  อัฐณพกล่าวกลับไป คนข้างๆ เริ่มยุบหยิบ แถมกระแอมใส่


“พี่กรมาหาน้องนพ ตามใจเรียกร้องครับ แต่ไม่พบ” นิติกรหยอดคำหวาน เสียงปลายสายดังทำให้คนที่นอนอยู่ได้ยิน ลืมตาขึ้นมอง แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง 


“ออครับ ....เดียว” อัฐณพยังพูดไม่ทันได้จบ มือใหญ่ก็คว้าหมับที่โทรศัพท์ ก่อนจะทิ้งลงพื้น ใช้เท้าขยี้ให้แตกละเอียด สายตาคนข้าง ๆ หันมาดูเหตุการณ์


“ไอ้ดาร์ว” อัฐณพลุกพรวดขึ้นทำท่าจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาหลายคู่หันมามอง เกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น


“รบกวน คนจะหลับ” สาโรชเอ่ย เสียงเข้ม อัฐณพรู้สึกเจ็บแปลบ อารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ด น้ำตาความอ่อนแอความพ่ายแฟ้ไหลออกมา จนต้องนั่งลงนิ่งๆ หน้าเชิดขึ้นหันไปมองหน้าต่าง ปล่อยความเงียบให้ครอบงำอีกครั้ง สาโรชจึงพิงไหล่ตามเดิน อัฐณพขยับจนคนนอนหลุดไหล่ลง รถโดยสารประจำทางเดินทางมานานแล้ว อัฐณพยังคงนั่งเชิดหน้าอยู่ริมหน้าต่าง สาโรชเห็นดังนั้น จึงเอื้อมมือรั้งให้อัฐณพหักบ้าง อัฐณพขัดขืนเล็กน้อย เวลานี้ทุกคนในรถกำลังหลับ เลยไม่อยากทำให้เกิดความรำคาญ จำต้องยอมผ่อนตาม อารมณ์โมโหยิ่งเพิ่มทวี ทำให้น้ำตาไหลออกมาอีก


“จุ อย่าทำเป็นเด็ก” สาโรชทำเสียงปราม กระซิบเบา ๆ


“ถึงบ้านเมื่อไร ตายแน่ไอ้ดาร์วซินโดม ไม่ปล่อยไว้เป็ฯเสี้ยนหนามสังคมหรอก” อัฐณพพูดเบา ๆ กับตัวเอง แต่ก็ยอมนอนพิงอกกว้างของชายหนุ่ม  สาโรชได้ทีจึงโอบกอดกระชับให้อัฐณพอยู่ในวงแขนให้เกิดความอบอุ่น อัฐณพรู้สึกอึดอัดจึงศอกถองเข้าสีข้างตรงแผล


“อุ๊ป” สาโรชอุทาน พยายามกลืนก้อนจุกให้ลงท้อง แล้วจึงเงียบเสียง รถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าต่อผ่านไปหลายชั่วโมง จากที่ขัดขืนความอ่อนแอของร่างกายต้องพ่ายแพ้ จึงซุกหน้าเข้าอกกว้าง อัฐณพหลับอย่างสบาย แสงไฟจากเสาไฟข้างทางทำให้เห็นใบหน้าเรียวยาวรับจมูกโด่ง ๆ บ่งบอกนิสัย ดื้อ รั้น ริมฝีปากแดงจิ้มลิ้ม คิ้วหนาดำรับกับใบหน้าที่ขาวนวล คงนอนฝันดีแน่น อยากเก็บห้วงเวลานี้ไว้นาน ๆ สาโรชยิ้มกับตัวเอง ร่างที่หลับกอดตอบคงเพราะหนาวจากเครื่องปรับอากาศ  สาโรชจึงขโมยหอมตรงไรผม ถามใจตัวเองว่า แปลกหรือ ที่รู้สึกผูกพันกับคนที่กอดเขาอยู่ตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนเคยทอดสะพาน ก็ไม่เคยวอกแวก หรือจะไม่ชอบ แต่ก็เคยผ่านผู้หญิงหลายคนมาเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้ชายบริสุทธิ์อะไร แต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็สร้างความลำบากใจ จนไม่ต้องการมีชีวิตคู่ กลับคนนี้ ที่ยังจำได้ วินาทีที่พยายามช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตาย ด้วยความมุ่งมั่น ไม่เคยรังเกียจว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า อาจจะระแวงอยู่บ้างว่าเป็นพวกขายยา อืม แต่ก็ยอมมาดูแลอย่างดี ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา รู้สึกว่าห่วงตลอดเวลา กลัวจะไม่รอด เอ้หรือคิดว่า เป็นสัตว์ทดลองวะ ก้มมองดูอีกครั้ง ทำไงได้ เกินเลยมาขนาดนี้แล้ว จะลองสักตั้งวะ


“ผู้ชายคนนี้ขอดูแลครูนพจนแก่จนเฒ่า พี่โรชให้คำมั่นสัญญานะ” สาโรชเอ่ยเบา ๆ พรางจูบเบา ๆ ที่กลางกระหม่อม 


“อะไร เจ็บแผลหรอ ระวังนะไอ้ทำลายชาติ” เสียงพูดเบาๆ ทำเอาสาโรชสะดุ้งเล็กน้อย ก้มดูใบหน้าอีกครั้ง ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียงจากริมฝีปากน้อย ๆ นั้น ขมุบขมิบ สาโรชอดขำ หลับ เออ ละเมอ  ขนาดนี้ยังห่วงอีก คิดว่านิสัยดีแน่ ๆ เรื่องอื่น ๆ ค่อย ๆ แก้กันไป พลางกระชับกอด


“ว่าไงครับคุณนายของพี่” สาโรชเอยเบาๆ คลี่ผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งสองคนอีกครั้ง



   รถโดยสารประจำทางเข้าจอดเทียบท่า ผู้โดยสารหลายคนกำลังเก็บสัมภาระต่าง ๆ แล้วทยอยลงจากรถ

“คุณครับ รถหมดระยะแล้วครับ” พนักงานขับขึ้นมาสำรวจความเรียบร้อยเอ่ย สองหนุ่มสะดุ้งสะลืมสะลือขึ้นมา อัฐณพกำลังงงว่านอนหนุนอกอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่


 “ดาร์ว ๆ ถึงแล้ว” อัฐณพเขย่าเล็กน้อย


“อือ รู้แล้ว” สาโรชเอ่ยพลางบิดขี้เกียจ อาการเจ็บหายแล้ว แต่ก็เอามือลงลูบตรงบาดแผล หันมองคนข้าง ๆ ทำหน้าบึ้ง เหมือนโกรธมาเป็นชาติ


“จะลุกไหม” อัฐณพเอ่ยน้ำเสียงเข้ม สาโรชมองดู มองดูนาฬิกาตรงพนังหน้ารถ เวลาเก้านาฬิกากว่า   


 “ถึงแล้วหรือคุณนาย” สาโรชพูดกึ่งหยอก แต่อัฐณพไม่ได้ยินเก็บสัมภาระลงมาจากช่องเก็บของ สาโรชจึงต้องลุกแล้วถอย อัฐณพลุกเดินลงจากรถด้านหน้า สาโรชรีบตามลงจากรถด้วย


“รอพี่ด้วย คุณ ...นาย”  สาโรชเอ่ยเบาๆ อัฐณพหันซ้ายทีขวาที วันก่อนนัดกับนิมิตไว้ ว่าจะมารอรับที่สถานี สงสัยไม่มาแน่ๆ เนื่องจากผิดเวลานั้นเอง


“รอคนไม่สบายด้วยซิ” สาโรชประท้วง


“นายไม่มีที่จะไปแล้วหรือ นายดาร์ว” อัฐณพหันมาเอ่ย กับชายหนุ่มที่เดินตามมา จนเกือบชน


“จะช่วยก็ขอให้ไปตลอดรอดฝั่งได้ไหม” สาโรชเอ่ย ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ขอความเห็นใจ


“นายจะตามไปบ้าน ฉันไม่ได้” อัฐณพพูดเสียงเข้ม สาโรชเมมริมฝีปากเป็นเส้นตรง


“ถ้าอย่างนั้น ขอให้แผลนี้หาย จะไปตามทาง” สาโรชเอ่ย อัฐณพรู้สึกใจหายอย่างไรชอบกล ถอนหายใจออกมาเบา ๆ


“รอตรงนี้ จะไปซื้อยาให้อีก” อัฐณพเอ่ย


“คงอยากให้ไปเร็ว ๆ มั่งแบบนี้” สาโรชเอ่ย ในใจยังรู้สึกขอบคุณ อือก็ยังเป็นห่วงอยู่ แล้วยิ้มให้คนที่กำลังเดินไปร้านยา ท่าเดินแปลกๆ ปกติจะเดินก้าวซับๆ และเร็ว คราวนี้ทำไมเดินช้า หรือว่าคงยังเจ็บอยู่ บ่อย ๆ เดี๋ยวก็หาย อดขำไม่ได้ ชายหนุ่มร่างสันทัด ผมรองทรงสูง เสื้อเข้ารูปกางเกงยีน แต่เดินคล้ายขาไม่เท่ากัน  ที่ว่าซื้อยาให้นี้ อย่าซื้อให้ตัวเองด้วยนะคุณนาย อดขำจนตัวงอไม่ได้ สาโรชมองโดยรอบ เป็นเมืองที่น่าอยู่เหมือนกันนะ ลองพิจารณาคนที่เดินจับจ่ายของ คงเป็นคนที่มีจิตใจดี เหมือนกันชายหนุ่มคนนั้นที่ไปหาซื้อยามาให้นั้นเอง มองดูอะไรอย่างเพลิดเพลิน 


“ยาลดไข้ครับ” อัฐนพเอ่ย เมื่อเข้าไปในร้านขายยา


“ไม่สบายเป็นอะไรครับ”เภสัชกรสอบถาม


“เป็นไข้ครับ” อัฐณพตอบ ประตูร้านขายยาถูกผลัดเข้ามา ชายหนุ่มผู้มาใหม่เข้ามาพิจารณา


“นพหรือเปล่า?” เสียงทักดังขึ้น อัฐณพหันไปตามเสียง กำลังทบกวนว่าบุคคลตรงหน้าที่นี้คือใคร ชายหนุ่มตรงหน้า ร่างสูง อวบนิดหนึ่ง ไม่ถึงกับอ้วน เริ่มมีเนื้อมีหนัง


“เรามิตไง” ชายหนุ่มแนะนำตัว อัฐณพยิ้มออกโผเข้ากอด ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกันได้รับการปกป้อง


“นิมิต นายจริง ๆ ด้วย นายไม่เคยทิ้งเรา” อัฐณพกระโดดกอดคอ


“โอยๆ หนักเว้ย จะทิ้งก็ตอนนี้ละ” นิมิตกล่าวพร้อมรั้นให้คนตัวเล็กกว่า ยืนให้มั่น


“อย่าพูดแบบนี้นะ เพื่อนกันแล้วไม่ทิ้งกันนะเว้ย” อัฐณพกล่าว ค้อนให้เพื่อนวงใหญ่


“ทำไม ไปทำอะไรมา ถึงกับมีเนื้อมีหนังขนาดนี้ แต่ก่อนผมกว่าเราอีก” อัฐณพกล่าว นิมิตกางแขนแล้วหมุนตัวให้ดู


“ถ้ารักกันจริงอย่าทักท้วงเรื่องนี้ เป็นเหมือนปมด้อย เลยนะเนี้ย เอาเป็นว่าพ่อแม่เลี้ยงดี” นิมิตกล่าว พลางทำท่าให้ไปดูเจ้าของร้านยา   


“ออ ลืม สักครู่นะ” อัฐณพหันไปจ่ายเงินกับเจ้าของร้านขายยา


“เป็นอะไรจึงต้องมาซื้อยา” นิมิตถามขึ้น อัฐณพชะงัก



“ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ” อัฐณพชวน นิมิตจึงออกจากร้านตามมา


“รอตั้งแต่บ่าย ทำไมเพิ่งถึง  โทรไปก็ปิดเครื่อง” นิมิตกล่าวตามหลัง 


“มีปัญหานิดหน่อย” อัฐฯพตอบยิ้ม


“ปัญหาอะไร ให้เพื่อนคนนี้ช่วยได้ไหม” นิมิตเอ่ย พยายามข่มใจตัวเอง ตอนที่เห็นอัฐณพลงมาจากรถเขาก็รู้สึกหัวใจเต้นตุ้ม ๆต่อมๆ แล้ว ดูว่าอัฐณพนั้นไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปจากเดิมเลย เขาจำได้ดี สมัยเด็ก เคยเล่นกันยังไง อัฐณพก็ยังเป็นอย่างนั้น แม้ว่าชายหนุ่มนั้นจะรู้สึกดี รู้สึกเกินคำว่าเพื่อน แต่อัฐณพก็ยังคงเส้นคงวา


“นพยังเหมือนเดิม” นิมิตเอ่ยต่อ ขณะที่เดินตามหลังมา อัฐณพจึงหันมามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง


“เราเหมือนเดิม” อัฐณพกล่าว โผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้า ท่ามกลางสายตาหลาย ๆ คู่ที่มองมา แต่ไม่เท่ากับสายตาของชายหนุ่มอีกคน สันกรามขึ้นนูนอย่างเห็นได้ชัด พายุอารมณ์เริ่มก่อตัว แต่แสดงออกทางสายตาและสีหน้า ตัดสินใจเดินข้ามฝากถนนมาหาคนทั้งคู่


ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตายแน่ครูนพ ทำอะไรไม่ระวัง อ้อ ยังไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบหึงอยู่
 :hao3:  :hao7:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ

   พายุอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความหึงหวง โหมเข้าสู่หัวใจ ทำไมต้องทำตัวแบบนี้ เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเขาไปได้ ขาก้าวเดินเท่าความคิด พุ่งตรงไปยังร่างทั้งคู่ที่กอดรัดกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะรอยยิ้มอย่างกับคนรักที่เพิ่งจะพบกันนั้นเอง


“ยิ่งกอด ยิ่งอุ่น”อัฐณพเอ่ย ยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า


“ทำอะไรกัน” เสียงดังมาจากบุคคลอื่น สองหนุ่มหันไปตามเสียง นิมิตมองมาทำหน้าไม่ถูก ผู้ชายตรงหน้า สูง ผมเผ้ายาวหนวดยาวจนจะปิดใบหน้าสีเข้ม สายตาปานเหล็กล้า ใส่เสื้อกระดุมแทบปริ กางกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ  หันไปมองเพื่อนที่พบกันทำหน้าสงสัย


“เสร็จหรือยัง” สาโรชเอยขึ้นห้วนๆ เหมือนจะหาเรื่อง แล้วหันไปสบตากับนิมิต อัฐณพหันหน้าประจัน ท่าทีปกป้องชายหนุ่มผู้มาใหม่ ทำให้สาโรชเจ็บนิด ๆ 


“เสร็จแล้ว กำลังจะกลับ อย่ามาทำเป็นเจ้าถิ่นที่นะ” อัฐณพตอบเสียงพูดห้วน ๆ เช่นกัน เพราะถือว่าตัวนั้นมีเพื่อนแล้ว


“ใครนพ เพื่อนหรอ” นิมิตถามเพื่อความแน่ใจ จ้องอีกฝ่ายกลับเช่นกันอย่างไม่ยอมแพ้


“ใช่ หรือมากกว่า” สาโรชตอบแทนพยายามทำให้อีกคนเข้าใจในความคิด


“อะไร คือมากกว่า อย่ามาพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดนะ” อัฐณพกล่าวพร้อมผลักให้สาโรชถอยห่าง


“นพ พอ ๆ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่” นิมิตเข้ามาดึงอัฐฐณพไว้


“อย่ามาพูดแบบนี้นะ” อัฐณพชี้หน้าอีกคน


“นพ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องไปหาเรื่อง” นิมิตพยายามเตื่อนสติ แล้วดึงให้อัฐณพห่างออกมา สาโรชยืนมองแล้วรีบก้าวตามมา


“จะให้บอกไหมว่าเป็นอะไรกัน” สาโรชเอ่ย อัฐณพจึงยอมหยุด นิมิตสะดุดค้าง


“ตกลงเป็นเพื่อน” นิมิตเอ่ยหันมามองอัฐณพ


“ไม่ใช่” อัฐณพสวนออกมา สาโรชทำท่าหยักไหล่ ยิ้มยี่ยวนให้อัฐณพ


“อาว ใช่หรือไม่ใช่” นิมิตกล่าวย้ำอีก มองหน้าสลับกันไปมา 


“ใช่/ไม่ใช่”สาโรชและอัฐณพตอบขึ้นพร้อมกัน


“เอา เป็นว่า มีคนติดตามเรามานะ นิมิต” อัฐณพเอ่ยต่อ เพราะนิมิตเริ่มสงสัยมากแล้ว อีกอย่างคนที่อยู่ข้าง ๆ นี้ก็พร้อมที่จะเปิดเผยตัวตนอยู่แล้ว ทั้งหมดจึงยุติเรื่องทั้งหมด นิมิตเดินนำหน้าไปก่อน อัฐณพถอนหายใจเดินตาม สาโรชจึงค่อยออกเดิน สักครู่อัฐณพหยุดยืน


“อุย หยุดยืนทำไม” สาโรชเอ่ย เมื่อชนเข้าเต็มแรง


“จะเข้าบ้านตอนนี้ไม่ได้” อัฐณพเอ่ย



“มีอะไรอีกหรือเปล่านพ” นิมิตกลับมาหาอัฐณพ สายตามองสาโรชไม่ค่อยไว้วางใจ



“นิมิตเอารถอะไรมารับเรา” อัฐณพถามนิมิต


“รถมอไซต์” นิมิตตอบ อัฐณพทำท่าครุ่นคิด


“ถ้าอย่างนั้น เราขอความช่วยเหลือจากนายหน่อยได้ไหม” อัฐณพเอ่ย


“ได้ซิสำหรับนพ เรายอมช่วยตลอด” นิมิตกล่าว



“หาชุดให้ผู้ชายคนนี้ที กลับบ้านแม่เพ็งกระบาลแน่” อัฐณพเอ่ย นิมิตพยักหน้าเข้าใจ



“เราจะอยู่ที่ร้านตัดผมนะ” อัฐณพเอ่ยต่อ นิมิตยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู



“จะดึกแล้ว ร้านมันจะเปิดไหม” นิมิตกล่าว



“ขอร้องละช่วยเราสักครั้ง” อัฐณพกล่าวพลางคว้ามือของนิมิตมากุมไว้ นิมิตชั่งใจสักครู่แล้วพนักหน้า



“ตรงหัวมุมนั้นมีร้านตัดผมนะ อีกสามสิบนาทีเจอกันที่นั้น” นิมิตกล่าวพลางชี้มือไปที่ร้าน


“เดี๋ยวมิต เราไปด้วย เอาตัวนายนี้ไปที่ร้านก่อน” อัฐณพเปลี่ยนใจ หันมาคว้ามือของสาโรชเดินนำไปที่ร้านที่นิมิตบอก ซึ่งพอดีกับทางร้านกำลังจะปิดร้าน 


“ขอโทษครับช่าง ผมขอให้ช่วงช่วยแปลงโฉมเขาให้ผมที” อัฐณพเอ่ยอย่างเกรงใจ ช่างตัดผมจึงกวักมือเรียกให้สาโรชเข้าไป


 “ทรงไหนดีครับ” ช่างตัดผมถาม สาโรชมองตัวเองในกระจก ก็รู้สึกตกใจ ปล่อยตัวได้ถึงเพียงนี้ 


“เอาสั้น ๆ นะช่าง” อัฐณพเอ่ย


“จะดีหรอ ต้องตามใจเจ้าของผม” ช่างตัดผมเอ่ย



“ตามใจเขาครับช่าง เขาอยากได้อะไรก็ตามใจเขาเถอะผมยอม” สาโรชเอ่ยกึ่งประชด อัฐณพสบตาผ่านกระจก นึกมั่นไส้ยิ่งนัก



“ตัดคอเลย ช่าง อยากรู้นัก” อัฐณพประชดคืนเสียเลย



“ตายเลยนะครับนั้น” ช่างตัดผมหันมาทางอัฐณพ


“นพ ไปกันเถอะ ร้านจะปิดนะ” นิมิตค่อยดึงอัฐณพออกมา ถึงหน้าประตู


“เอาทรงเดิมก็ได้ครับช่าง” สาโรชกล่าวรู้สึกเริ่มร้อนๆหนาวๆ


“เสร็จแล้วคอยที่นี้ก็แล้วกัน เดียวมา” อัฐณพเอ่ย นิมิตจึงดึงออกจากร้านตัดผม เมื่ออยู่กันสองคนนิมิตจึงเอ่ยถาม



“ตกลงเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่านพ” นิมิตถามเดินเคียงข้างและหันไปที่ร้านตัดผม



“เฮ้อ เรื่องมันยาว ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้” อัฐณพตอบ



“ขนาดนั้นเชียวหรอ มีอะไรบอกเราได้นะเราจะอยู่เคียงข้างนายเสมอ” นิมิตเอ่ยอีกครั้ง อัฐณพหันมามองด้วยความรู้สึกขอบคุณ



“เมื่อถึงเวลา เราจะบอกนายเองมิต” อัฐณพเอ่ยอย่างกับเหนื่อยมาเป็นปี ๆ แล้วพิจารณารูปร่างของนิมิตอีกครั้ง



“หุ่นคงเกือบพอ ๆ กัน คงได้อยู่หรอก” อัฐณพกล่าวต่อ พร้อมเดินเข้าร้าน เลือกชุดใหม่สามชุด แบบลำลองแขนสั้น



“เอาตัวเล็กลงกว่าเพื่อนผมก็ได้ครับ” อัฐณพเอ่ยเมื่อเจ้าของร้านเลือกชุดมาให้ตามที่ชายหนุ่มต้องการ ทั้งสองลองเลือกชุดมาดู



“นิมิต จะเอาไหม เราออกให้” อัฐณพเอ่ย นิมิตรู้สึกลังเลนิดหนึ่ง



“เอาน่า เราได้ทำงานแล้ว เราซื้อให้มิต” อัฐณพกล่าว และหันไปพักหน้ากับเจ้าของร้าน



“เราเพิ่งจบ เลยไม่ค่อยจะมีตังส์” นิมิตกล่าวอย่างเกรงใจ



“ก็ใครให้ออกไปทำไร่ทำสวนก่อนละ” อัฐณพแซว นิมิตเลยได้แต่เกาศีรษะ เพราะเศรษฐกิยมันย่ำแย้ไม่มีใครมาเห็นใจนัก นิมิตจำใจต้องมาทำงานช่วยพ่อแม่ก่อน



“พ่อบังคับให้เอาเมีย” นิมิตกล่าวออกมาจนได้



“ห๊า !!!! ทำไม เราไม่รู้เรื่องเลย” อัฐณพร้องเสียงดัง นิมิตอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง



“ตกลงมีลูกมีเมียหรือยัง” อัฐณพถามต่อ สนใจใคร่รู้ความเป็นไปของเพื่อน



“เราไม่เอา เหตุนพน่าจะรู้” นิมิตเอ่ยเศร้า ๆ อัฐณพเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน



“สักวัน มิตจะเจอคนที่ดี” อัฐณพเอ่ยปลอบใจเพื่อน



“นพพูดแบบนี้ คืออะไร” นิมิตถามกลับแทบจะทันที อัฐณพอ่ำอึ่ง



“เกี่ยวกับนายคนนั้นหรือเปล่า” นิมิตถามต่อ อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า



“ตอนนี้ เราไม่พร้อมสำหรับทุกเรื่อง” อัฐณพเอ่ยออกมาเบา ๆ พอดีกับเจ้าของร้านนำชุดที่ได้มาส่ง อัฐณพจ่ายเงิน จึงได้ออกจากร้าน ทั้งสองกลับมาถึงร้านตัดผม ชายหนุ่มนั่งรออยู่ด้านหน้าของร้านพร้อมเจ้าของร้าน



“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” สาโรชเอ่ย ยิ้มอวดฟันขาวให้อัฐณพ นิมิตตะลึงนิดหนึ่ง แล้วมองเพื่อนสลับกับชายตรงหน้าไปมา ความรู้สึกใจหายเข้ามาแทนที่ มือเท้าเย็นเฉียบ




“เอานี้ ชุดใหม่เอาไปเปลี่ยนในห้องน้ำร้านก็ได้ ขออนุญาตนะครับคุณลุง” อัฐณพเอ่ยหันไปหาเจ้าของร้านพร้อมยื่นถุงชุดใหม่ให้กับชายหนุ่ม เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วชี้เข้าไปในร้าน




“นพ รอเราที่นี้ก่อนนะ เราจะไปเอารถยนต์กับพ่อที่ทำงานพ่อ” นิมิตตัดสินใจเอ่ย หลังจากลังเลนิดหนึ่ง



“ไม่เป็นไร นิมิตเรากลับเองได้” อัฐณพรีบปฏิเสธ แต่ก็ช้าไปนิมิตรีบวิ่งกลับไปตรงที่จอรถจักรยานยนต์ไว้  อัฐนพจึงมาเคลียร์ค่าตัดผม ‘ไม่รู้จะได้คืนไหม แต่เอาเถอะ ช่วยให้ถึงที่สุด สักหน่อยคงไปอยู่ในคุก หรือไม่ก็ตายเพราะโดนยิงอีกครั้ง’ อีกด้านของร้าน ชายหนุ่มกำลังรื้อดูชุดที่อัฐณพซื้อมาให้ หยุดกางเกงในอีกสองตัวขึ้นมา



“เข้าใจเลือกให้ผัว คุณนายปลัด” สาโรชเอย แล้วอมยิ้มไป จากนั้นรีบเปลี่ยนชุดใหม่ทันที เปลี่ยนลุกซ์ไปอีกแบบจากที่เคยใส่แต่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว กลับเป็นกางเกงขาสามส่วน เสื้อแขนสันปล่อยชาย สีก็ถูกใจเพราะเลือกสีอ่อนไว้ไม่เน้นฉูดฉาด มองตัวเองผ่านกระจกก็ยิ้มไป



“ดาร์ว เสร็จหยัง” อัฐณพเรียกหน้าประตู



“เสร็จแล้ว” สาโรชเอ่ยพร้อมประตูถูกเปิดออก ทำให้คนที่อยู่นอกห้อง ตะลึง หนุ่มแอนดี้ วัชระ มาได้ไง อัฐณพถอยออกมาหน้าร้าน



“อาวคุณนาย ไปไหน รอพี่ด้วยซิ” สาโรชรีบหอบของตามออกมา ถึงหน้าร้าน เจ้าของร้านรีบปิดร้านทันทีเมื่อทั้งสองออกมาจากร้าน   



“นายดาร์ว นายเป็นใคร ทำไมมาขนยา” คำถามแรกที่ออกจากปากอัฐณพ พร้อมจ้องหน้า 



“เฮ้อ....ทำไม คนเราเลือกเกิดไม่ได้ รับไม่ได้ที่พี่เป็นแบบนี้หรือ” สาโรชเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง น้ำเสียงเรียบๆ



“เปล่า แค่แปลกใจ ว่าคนหน้าตาดี ๆ ทำไมถึงทำแต่เรื่องไม่ดี ไม่รู้จักคิดเสียก่อน” อัฐณพโพล่งออกมาทันที



“เรื่องอะไร ที่ไม่ดี” สาโรชตอบสวนกลับแทบทันทีแต่ยังคงน้ำเสียงเรียบๆ


“ก็......นายทำ   ร้าย    ฉัน” อัฐณพเอ่ยออกมา



“เคยทำร้ายตรงไหบ้าง” สาโรชตอบ ก้าวเดินเข้ามาประชิดตัว



“มื้อคืน นายทำอะไร”  อัฐณพกลั้นลมหายใจ เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สาโรชรู้ว่าคนที่ยืนข้างหน้าตัวกำลังสับสน กลั่นหัวเราะไว้ในที



“จริงหรือ พี่ทำร้ายหรือ เท่าที่รู้ นพผ่อนปรนตามพี่นะ” สาโรชเอ่ยเบาๆ เกือบกระซิบข้างใบหูแล้วยิ้มอย่างเป็นต่อ อัฐณพหน้าแดง อยากจะตะบันหน้าสักหมัด



“ไปเถอะเพื่อนคุณมาแล้ว” สาโรชกล่าวพร้อมฉุดแขนให้เดินตามไปที่รถยนต์ที่นิมิตขับมาจอดพอดี อัฐณพแสดงอาการไม่พอใจนิด ๆ  จะสะบัดออก คนอื่นจะมองว่าจริตเป็นกะเทยแตกสาว จึงต้องเดินตาม



“ผมนึกว่า คุณเป็นดาราหนัง” นิมิตเอ่ย เมื่อทั้งสองมายืนตรงหน้า อัฐณพและสาโรชเปิดประตูรถ นิมิตตั้งสติรีบกลับขึ้นรถเช่นกัน



“รับรองผมเป็นได้มากกว่านั้น” สาโรชตอบ พลางหันชำเรือง เห็นอัฐณพนั่งมองความดำมืดข้างทาง แสงจากเสาไฟทำให้เห็นสวนสนุกขนาดใหญ่



“นิมิต ตรงนี้เราเคยมาถ่ายรูปด้วยกัน เขาปรับใหม่แล้วหรอวะ” อัฐณพไม่สานใจเปลี่ยนเรื่องใหม่



“อือ เจ้าของที่เขาทำเป็นสวนสนุกให้เด็ก” นิมิตตอบ มองผ่านกระจกหลัง 



“ตอนนั้น เรายังมาที่นี้บ่อย ๆ น่าเสียดายจัง บรรยากาศตรงนี้ เราชอบมาก” อัฐณพกล่าวพร้อมหลับตาหวนนึกถึงสมัยเด็กรอยยิ้มจางๆปรากฏ



“เราก็ชอบ” นิมิตตอบน้ำเสียงราวกับอยู่ให้ห้วงแห่งความสุข บทสนทนาปลื้มกัน สาโรชรู้สึกไม่ชอบใจอย่างไรไม่รู้ เอ๊ะใจ หันมามองคนขับรถชัด ๆ อีกครั้ง 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ตึกทำงานขนาดใหญ่ เวรยามรักษาการณ์อย่างแน่นหนา สายหญิงสูงวัย สองคนกำลังเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร


“เชิญคุณหญิงนั่งครับ” ชายสูงวัยเอยพลางผายมือไปยังโซฟาตัวนุ่ม หญิงสูงวัยนั่งลงตามคำเชิญ


“ได้ข่าวตาโรชแล้วหรอยังค่ะท่าน” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย ชายวัยกลางคนล้วงบางสิ่งจากอกเสื้อแล้วเรียกลูกน้องคนสนิท


“พิทักษ์ เอาอันนี้ไป ติดตามให้ได้นะ ตามเบอร์นี้ ความลับสุดยอด” ชายสูงวัยกำชับลูกน้อง ชายนามว่าพิทักษ์รับขึ้นมาเปิดดู


“ครับ” พิทักษ์รับคำแล้วถอยออกจากห้อง


“ตอนนี้เราได้เบาะแสเดียวคือ เบอร์มือถือ ที่จับสัญญาณได้จากการส่งข้อความออกมา” ชายสูงวัยเอ่ย


“ท่านคะ ในฐานะที่ท่านเป็นถึงหัวหน้าลูกชายดิฉัน ถามตรง ๆ นะคะ ลูกชายดิฉันจะได้กลับมาไหม” คุรหญิงพิมประภากล่าว น้ำตารื้อขึ้นมา สาโรชเป็นลูกชายคนเดียว คนสุดท้าย อุปนิสัยนั้นชอบในความท้าทาย มุทะลุเหมือนกับผู้เป็นบิดา ต้องการเอาชนะด้วยกำลังของตัวเอง จึงเป็นจุดบอดของการทำงาน   


“ผมพยายามถึงที่สุดครับคุณหญิง สาโรชเป็นมือดีของผม อย่างไรเสียเขาก็เปรียบเสมือนลูกชายผม พ่อเขาก็เพื่อนผม”ชายสูงวัยเอย


“ดิฉันกลัวใจเขานี้ละค่ะ ทำอย่างไรก็แก้ไม่หาย” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย สีหน้ามีแววกังวลเช่นกัน


“หาแฟนให้สักคน ผมว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้นมาเอง ผมมีลูกสาวคุณหญิง คุณนายนิสียดี ๆ หลายคน” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างอารมณ์ดี


“จะดี หรือค่ะ คราวก่อน ทำบ้านแทบแตก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย นึกถึงครั้งก่อน ที่สามีเธอไปรู้สึกกับเพื่อนแล้วจะแนะนำให้ลูก ๆได้รู้จักกันจะได้มั่นหมายกันไว้ พอสาโรชรู้ว่าจะไปดูตัวถึงกับอาละวาท จนอีกฝ่ายต้องถอยกลับ สงสารก็แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิง ที่ถูกลูกชายถอนหงอก ชายสูงวัยหัวเราะเบา ๆ เพราะเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ สงสารหลานสาวก็สงสาร เป็นแม่เหย้าแม่เรือน มาเจอฤทธิ์พายุอารมณ์ก็เหวอเหมือนกัน


“ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ คุณหญิง คราวนี้เราก็ทำแบบให้มาเจอกันโดนบังเอิญก็ได้” ชายสูงวัยแนะนำ


“ไม่เอาหรอกค่ะ ท่านจะหาให้ก็เชิญคะ ดิฉันกลัว” คุณหญิงพิมประภามีท่าทีอ่อนลง และผ่อนคลาย


“ประทานโทษครับท่าน ตรวจสอบหมายเลขเป็นของค่าย.....แบบเติมเงิน ขณะนี้สัญญาณปิดครับ ผมให้เจ้าของค่ายเช็คหมายเลขนี้มีการโทรเข้าออกย้อนหลังที่ไหนบ้าง ในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมามีการโทรเข้าหกหมายเลขที่ซ้ำ ๆ พิกัดจังหวัดชายแดน ครั้งสุดท้ายที่ใช้งานกำลังเดินทางขึ้นเหนือครับ ได้ตรวจสอบหมายเลขกับอีกหมายเลขที่โทรเข้า นี้คือเจ้าของเบอร์นี้ครับ” พิทักษ์ รายงานพร้อมยื่นกระดาษที่มีชื่อ อัฐณพ พร้อมสถานที่ ชายวัยกลางคนยิ้มออก


“ขอบใจมาก” ชายวัยกลางคนกล่าว พิทักษ์ คำนับแล้วถอยออกห่าง


“โล่งอก เท่าที่ผมได้รับข้อความที่เขาฝากไว้ ผมว่ามีชีวิตอยู่แน่” ชายวัยกลางคนหันมาทางคุณหญิงพิมประภา รู้สึกโล่งใจขึ้นด้วยเช่นกัน


“ฉันมีลูกชายเดียว ที่จะฝากเผาผี อย่าให้คนหัวหงอกมาส่งคนหัวดำก่อนเถอะค่ะท่าน” คุณหญิงพิมประภากล่าว 


 “ตอนนี้ขอให้ลูกน้องทางผมตรวจสอบ อีกครั้งก่อนคุณหญิง อย่าพึ่งตีโพยตีพายไปเลย” ชายวัยกลางคนปลอบ


“ดิฉันอดห่วงลูกชายไม่ได้ กลัวแต่ลูกจะเป็นอันตราย” คุณหญิงพิมประภากล่าว


 “คุณหญิง อย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ คิดสิ่งดี ๆ ภาวนาให้สาโรชทำงานสำเร็จและปลอดภัย” ชายวัยกลางคนเอ่ย พร้อมกับไนไปทางพิทักษ์ที่ยืนข้าง ๆ


“แจ้งพิกัดที่ได้ไปหรือยัง” ชายวัยกลางคนกล่าว


“ส่งไปแล้วครับ ทางโน้นรอรับคำสั่งอยู่ครับ” พิทักษ์รายงาน


“ให้การช่วยเหลือ ปลัดสาโรชให้เร็วที่สุด และถ้าเขาขอความต้องการอะไรก็พร้อมส่งให้เขา” ชายวัยกลางคนเน้นย้ำ พิทักษ์คำนับแล้วออกจากห้องไป


“ผมว่า สาโรช ต้องมีข้อมูลอะไรบางอย่างแล้ว เพียงแต่ต้องการให้ได้มากขึ้น  ถึงยังไม่ติดต่อเรา ส่วนทางเราต้องหาคนที่ชื่ออัฐณพให้เจอ จะรู้ว่าสาโรชเป็นอย่างไร งานนี้ผมสนับสนุนเขาเต็มที่ อนาคต นายอำเภออยู่ใกล้ ๆ ไม่แน่ ถ้าผลงานเขาดีจริง ๆ ผมว่า ผู้ว่าฯ ก็ไม่พ้นมือเขา หรือจะได้เป็นอธิบดีด้วยก็ได้” ชายวัยกลางคนหมายมาด ทำให้คุณหญิงพิมประภายิ้มออกมา มองเห็นอนาคตของลูกชายแล้วก็ใจชื้นขึ้นเยอะ พิทักษ์เดินออกมาที่ห้องสื่อสาร


“เจ้านายอนุมัติคำสั่งให้ช่วยเหลือปลัดสาโรช โดยเร็วที่สุดและรัดกุมด้วย” พิทักษ์สั่งลูกน้อง


“ต้องแจ้งสายด้วยไหมพี่” เจ้าหน้าที่อีกคนเอ่ย


“แจ้งไปเลย” พิทักษ์ตอบ


“ทางอำเภอละครับ” เจ้าหน้าที่อีกคนถาม


“ไม่ต้อง ความปลอดภัยของปลัดสาโรชคือความลับสุดยอด” พิทักษ์เอ่ย เจ้าหน้าที่ที่ถามพนักหน้ารับ พร้อมจดรหัสบางอย่างส่งออกไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   รถยนต์จอดตรงหน้าบ้านพอดี เงาตะคลุมบนบ้านเกินออกมาตรงชาน ดวงยี่หว่านั้นเอง สาวร่างเล็กรีบลงมาจากบ้าน


“พี่นพมาแล้ว” เสียงหวีดร้องดังขึ้น อัฐณพรีบลงจากรถ โผสวมกอดกับน้องสาว


“ไอ้หว่าคิดถึงจัง แม่ละ” อัฐณพเอ่ยถามน้องสาว


“แม่ไปจำศีลที่วัดจ๊ะ พรุ่งนี้ออกศีล” ดวงยี่หว่ากล่าว ยิ้มหวานแจกทุกคน สายตาพลันมาหยุดตรงหน้าข้างหลังพี่ชาย แล้วทำหน้าสงสัย


“พี่นพ ใครจ๊ะ หล่อมากเลย” ดวงยี่หว่าเอ่ย พร้อมทำหน้าปลื้ม อัฐณพแต่สายหน้า


“ห้าม เข้าใจ รู้ไหม” อัฐณพออกเสียงเข้ม ดวงยี่หว่าเลยทำหน้าสลด นิมิตหัวเราะกับกริยาของของสาวเพื่อนรัก แล้วเข้าไปหยิบกระเป๋าออกมาให้


“มิต ขึ้นไปกินข้าวด้วยกัน” อัฐณพเอ่ยชวน


“จะดีหรอ” นิมิตถามอย่างเกรงใจ เพราะมากันเหนื่อย ๆ อยากให้พักผ่อน อีกอย่างก็ดึกมาแล้ว


“ทำอย่างกับไม่เคยมากินมานอนที่นี้” อัฐณพกล่าว รับกระเป๋าจากเพื่อนมาถือเอง


“ไปกันพี่มิต” ดวงยี่หว่า เอ่ยชวนอีกครั้ง ดวงยี่หว่าเดินนำหน้าตามด้วยนิมิต และอัฐณพ ส่วนสาโรชยังคงยืนที่เดิม มองดูบริเวณโดยรอบ บ้านยกพื้นสูง ใต้ถุนบ้านโล่ง


“เอา หิวไหมละนั้น มากินข้าวจะได้กินยา จะได้หายเร็ว ๆ” อัฐณพเอ่ยขึ้น สาโรชได้สติ รีบก้าวเดินขึ้นไปบนบ้าน


“รอสักครู่ได้ไหม หว่าจะทำไข่เจียวเพิ่ม ไม่คิดว่าจะมีแขกมาเพิ่ม” หญิงสาวเอ่ย


“ไปเลย พี่มิตหิวจะแยกอยู่แล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย” นิมิตเอ่ยพลางลูบตรงท้องที่แบนราบ


“อย่าอ้วนกว่านี้นะพี่มิต สาว ๆ จะไม่ชอบ” ดวงยี่หว่าแซวก่อนวิ่งหลบมะเหงก


“ไม่ได้กลับมาหลายเดือนมากแล้ว ยังดูเหมือนเดิม” อัฐณพกล่าว พลางวางกระเป๋าไว้ตรงหน้าห้อง แล้วกลับมานั่ง ตรงชานบ้านด้านหน้า สาโรชอยากสำรวจดูตรงหลังบ้านด้วย


“ห้องน้ำตรงไหน” สาโรชถาม


“เดินเลยไปตรงนั้น ข้าง ๆ ห้องครัวโน้นละ” อัฐณพเอ่ยพร้อมชี้นิ้วไปตรงไป


“ยังจำได้ดี เมื่อก่อน เคยมานอนฟังเพลงอ่านหนังสือตรงนี้” นิมิตเอ่ย สาโรชหยุดเดินหันไปมองทั้งสอง


“เอา รออะไร ก็ไปซิ” อัฐณพออกไปไล่ เมื่อเห็นว่าสาโรชยังยืนอยู่ที่เดิม


“กลัวไปไม่ถูก” สาโรชเอ่ยเบา ๆ อัฐณพจึงต้องลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไป   

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม นายดาว์น วิธีการแยกคนของนายจะเนียนไปไหน
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ตามมาถึงบ้านจะฝากตัวกะแม่ยายเลย

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไปห้องนำไม่ถูก
จ๊ะดีมากเลย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากครับ รอตอนต่อไปนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
ขออภัยที่ให้รอครับ พอดีเครื่องคอม ไปพบหมอ ต้องขออภัยอย่างยิ่งครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ 8  พบปะ หน้าตา

   รถตู้สามคันวิ่งเข้ามาจอดตรง ลานกีฬาหน้าอำเภอ แต่ละคนทยอยลงจากรถด้วยท่าที่ที่อ่อนล้า สมศักดิ์ และลูกน้องคนสนิทมานั่งอยู่ด้านหนึ่งของตัวอาคาร


“แก้เมื่อยหน่อยไหมลูกพี่” ต๊อดเอ่ยขึ้นก่อน


“นั้นซิพี่ เมื่อยมาทั้งวัน” โม่งเอ่ย ลูบริมฝีปาก


“เออ เหนื่อยมาทั้งวัน เอาซิวะ” สมศักดิ์สนับสนุนลูกน้อง


“ลูกพี่ ดูนั้น” โม่งโบยหน้าไปทางหน้าอำเภอ สำราญ แววมยุรา ลงจากรถ ทีมของนายอำเภอสำราญที่มาช่วยสมศักดิ์ เข้ารับหน้า ส่วนแววมยุราเดินเลยมาหาสมศักดิ์


“ปลัดสมศักดิ์ ตกลงได้ข่าวพี่โรชบ้างหรือยัง” แววมยุรา เดินนวยนาดมาแต่ไกล ลูกน้องคนสนิทสมศักดิ์เลี่ยงออกมา


“โอ้ วันนี้ช่างเป็นวันดีจริง ๆ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ต้อนรับคนสวยลูกสาวท่านนายอำเภอ” สมศักดิ์กล่าวยี่ยวน พร้อมส่งสายตาหวาน


“อย่างมาทำอะไรแบบนี้นะ ฉันมาถามข่าวพี่โรช” แววมยุราแทบจะปรี๊ดแตก


“ถามหาแต่ไอ้สาโรช ทำไมไม่ลองถามพวกผมดูบ้าง พวกผมก็มีเลือดเนื้อเชื้อไข” สมศักดิ์เค้นคำพูดออกมา แววมยุราเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ค้อนวงใหญ่ไม่พอใจที่สมศักดิ์พูดแบบนี้


“ก็ฉันร้อนใจ” แววมยุราเอ่ยออกมา พร้อมสะบัดหน้ากลับไปสมทบกับผู้เป็นบิดา ลูกน้องสามคนของนายอำเภอขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว



“เป็นไงลูกพี่นางฟ้ามาหา” โม่งเอ่ยขึ้นด้วยความสนิทสนมกัน



“ปากดี อวดดีนัก คอยดูถ้าได้ทำเมียเมื่อไร จะเอาให้อยู่หมัด” สาศักดิ์เอ่ย ลูกน้องสองคน อดขำ



“จะรับเดนปลัดสาโรชหรือครับลูกพี่” ต๊อดเอ่ยบ้าง สมศักดิ์หันไปมองลูกน้องสองคนเชิงปรึกษา



“ไม่มีทางเสียละ” สมศักดิ์เอ่ยหมายมั่น



“ไม่แน่หนา” โม่งเอ่ยบ้าง



“ไม่แน่อะไรวะ” สมศักดิ์หันไปหาลูกน้อง แล้วเดินนำหน้าไปที่ร้านค้าหน้าอำเภอ



“ใครจะไปรู้ละครับ ว่าคุณแวว เที่ยวไล่เที่ยวขื่อปลัดสาโรช แล้วปลัดจะไม่เอาบ้าง” โม่งออกความคิดเห็น



“ไม่มีทางหรอก สาโรชไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก อุปนิสัยไม่ชอบผู้ใหญ่เก่งกว่าและไม่ชอบผู้หญิงเรียบร้อยจนเกินไป ชอบลักษณะคนลุย ๆ เหมือนกัน” สมศักดิ์เอ่ยให้ลูกน้องฟัง



“ทำไมลูกพี่รู้ละครับ” โม่งเอ่ยถาม



“ก็สืบมาจนหมดแล้ว เป็นลูกคุณหญิงพิมประภา กับท่านปพน ที่เสียชีวิตไปเมื่อห้าหกปีที่แล้ว ลูกชายเลยเจริญรอยตามพ่อ” สมศักดิ์อธิบาย



“รู้จริงรู้ลึก” โม่งเอ่ยพร้อมยกนิ้วให้ สมศักดิ์จึงเดินเข้าร้านค้าเลือกของกับแกล้มขบเคี้ยวได้สักครู่



“สมศักดิ์” เสียงเรียกดังอยู่หน้าร้าน จำเสียงได้ดี กระจำรถถูกเลื่อนลง



“ครับท่าน” สมศักดิ์รีบออกมา ยืนข้างรถยนต์



“คงพักสักวันสองวันนะ ผมให้ลูกน้องผมออกตามก่อนล่วงหน้าไปแล้ว” นายสำราญกล่าว



“ท่านรู้แล้วหรือครับ ว่าปลัดสาโรชอยู่ไหน” สมศักดิ์ถามคืนบ้าง



“ปลัดสมศักดิ์ ทำอะไรล้าช้า ถ้าไม่ได้ลูกน้องคุณพ่อนะ ปานนี้คงไม่ได้ข่าวพี่โรชแน่” แววมยุราเอ่ย นั่งข้าง ๆ บิดา สมศักดิ์จ้องหน้าหญิงสาวที่นั่งเชิดราวกับหงส์



“เฮ้ย เอานา ปลัดสมศักดิ์ เขาก็ทำงานเต็มที่แล้ว” สำราญหันไปปรามลูกสาว



“เสียเงินภาษีประชาชนเปล่าๆ” แววมยุราไม่หยุด ดวงตาสมศักดิ์แข็งกร้าวขึ้น



“ลูกแวว ถือว่าดูถูกเจ้าพนักงานนะแบบนี้” สำราญปรามลูกสาวเสียงเข้ม




“อย่าถือสาลูกแวว นะปลัด ขอโทษแทนด้วย” สำราญหันมาสมศักดิ์ พร้อมตบมือลงที่บ่าชายหนุ่มเบา ๆ




“ครับ นาย” สมศักดิ์เอ่ยเบา ๆ รถยนต์เคลื่อนออไป




“นี้หรอนาย แม่ของลูกนาย” ต๊อดโดดเข้ามาใกล้ ๆ




“หึ หึ คอยดูนะ จะกำราบพยศแม่ม้านี้ให้อยู่หมัด” สมศักดิ์เอ่ย ลูกน้องสองคนมองหน้ากัน งงในความคิดของเจ้านายตัวเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ทั้งสี่คนก็นั่งสนทนากันพลาง ๆ จนเริ่มดึกแล้ว นิมิตเริ่มขยับตัวก่อนเพื่อน


“นพ พรุ่งนี้เราจะมาหาแต่เช้านะ” นิมิตเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนเข่า สาโรชมองหน้าอัฐณพแว๊ปแรกแล้วหันไปหายาที่ซื้อมาทาน



“พี่มิต หว่าจะเตรียมของใส่บาตรให้ละกัน” ดวงยี่หว่ากล่าว อัฐณพพยักหน้าแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย



“อย่ายิ้มแบบนี้ซิ ใจจะละลาย” นิมิตโน้มตัวเข้ามากระซิบ 



“คิดอะไรบ้า ๆ” อัฐณพตอบทันที



“หยอดเข้าไป หว่าชักอิจฉาพี่นพแล้ว ซิ” ดวงยี่หว่าเอ่ย พลางค้อนให้วงใหญ่



“อะไรน้องสาวพี่ เราก็น่ารัก แต่ทำไงได้พี่มีใจให้คนอื่นไปหมดแล้ว” นิมิตหันมากล่าวกับดวงยี่หว่า



“คอยดู จะแอบปล่อยลมรถพี่มิต” ดวงยี่หว่ากล่าว ที่เล่นที่จริง



“โอ้ ๆ  มีให้น้องยี่หว่าด้วยก็ได้ เนาะนพเนาะ” ท้ายประโยคนิมิตหันไปทางอัฐณพ



“ไม่เกี่ยวกัน” อัฐณพตอบแวหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ทั้งสามคน พอดีกับหญิงสูงวัยเดินขึ้นมาบนบ้าน



“มากันแล้วหรือลูก” เสียงหวานของผู้สูงวัยเอยขึ้น นางอยู่ในชุดพราหมณี



“แม่” อัฐณพรีบลุกขึ้นเข้าโอบกอดผู้เป็นมารดา




“แม่ดูผอมไปนะ นพว่า” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ นางบุบผาใช้มือลูบตรงหน้าตาบุตรชายคนเดียวของนาง



“ลูกนพก็ผอมลงนะ แม่ว่า” บุบผาเอ่ยเสียงเครือ สองแม่ลูกโอบกอดกันเหมือนกับอยากจะให้ความรู้สึกแผ่ไปถึงกันนั้นเอง 



“มาเหนื่อย พักกินข้าวกินปลากันหรือยัง” บุบผาเอ่ยกับบุตรชาย



“เรียบร้อยแล้วแม่” อัฐณพตอบเสียงเครือ บุบผาค่อยๆ ดันร่างลูกชายออก แล้วพิจารณาเค้าหน้า ซึ่งอัฐณพเองก็หลบสายตาของมารดา กิริยาแบบนี้บุบผารู้ดีว่าในใจลึก ๆ ของบุตรชายนั้นมีเรื่อง



“เอาไว้ ให้คลายเหนื่อย ค่อยมาคุยกับแม่” บุบผาเอ่ยกับลูกชาย อัฐณพพยักหน้าช้า ๆ



“แม่ไปจำศีล ทำไมขึ้นมาได้ละ” นิมิตนั้นเองเอ่ยขึ้น บุบผาหันไปมองเพื่อนลูกชายของนางแล้วเลยไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้ บุบผารับไหว้แล้วยิ้มให้



“แม่เป็นห่วงบ้าน เลยกลับมาก่อน แล้วนี้ใครละ ตานิมิต” บุบผาเอ่ย สำเนียงนี้ชายหนุ่มจำได้ดี



“เพื่อน นพมั่งครับแม่ มาด้วยกัน” นิมิตกล่าวตอบ พลางยิ้มบาง ๆ



“เพื่อนนพเองครับแม่” อัฐณพเอ่ยรับ



“เป็นไงละพ่อหนุ่ม มาเที่ยวบ้านนอกบ้านนา” บุบผาเอ่ยเป็นกันเอง อัฐณพพยุงมารดาไปนั่งในเรือน




“น่า...น่าอยู่มากครับ” สาโรชเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม อัฐณพอดแปลกใจไม่ได้ ปกติพวกโจร พวกทำผิดกฎหมายจะชอบแสดงกริยากักขฬะ




“หรอ ถ้าน่าอยู่ก็มาบ่อย ๆ” บุบผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ น่าฟัง อัฐณพนั้นสะกิดมารดา



“นี้ต่างกันกับ ตานพ นาน ๆ ถึงจะมาที มาแล้วก็รีบกลับชะอย่างนั้น” บุบผาได้ทีนินทาลูกชายตัวเอง



“แม่” อัฐณพเรียกมารดาเสียงยาว 



“ถ้าอย่างนั้นเรากลับก่อนนะ นพ จะเอารถไปคืนพ่อ” นิมิตเอ่ยเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว




“ขับรถดี ๆ ละ” อัฐณพเอ่ย แล้วลุกขึ้นเดินไปส่งเพื่อน



“พรุ่งนี้เราจะมารับแต่เช้า” นิมิตกล่าว ขณะเดินเคียงข้างกันไป



“เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยทิ้งกัน” บุบผาเอ่ย ชายหนุ่มจึงหันมายิ้มให้



“แล้วพ่อหนุ่ม ชื่อไรละลูก คนเดียวกันกับที่รับโทรศัพท์แม่หรือเปล่า” บุบผาเอ่ยมาถามต่อ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ น่าฟัง



“สาโรชครับคุณแม่” ชายหนุ่มตอบด้วยความนอบน้อม บุบผาพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มให้ชายหนุ่ม ดวงหยี่หวากลับมาจากครัวจึงมานั่งฟังข้าง ๆ 



“เป็นเพื่อนครูที่โรงเรียน” บุบผาเริ่มซักไซ แต่ไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดสักนิด สาโรชยิ้มที่มุมปากแล้วตอบ



“เปล่าครับ พอดีผมไม่ค่อยสบาย ได้นพเขาช่วยชีวิต และดูแลครับ” สาโรชตอบตามความเป็นจริง บุบผายิ้มบาง ๆ



“ออ แล้วหายหรือยังละ” บุบผาถามต่อ ชายหนุ่มยืดตัวตรง 



“ใกล้แล้วครับ ถ้าไม่มีลูกแม่ ผมไม่รู้จะไปถึงไหนแล้ว ลูกชายคุณแม่รักษาดีวันดีคืน” สาโรชตอบ บุบผายิ้มเปิดเผยให้ชายหนุ่ม



“ยี่หวา พาพี่เขาไปพักไป” บุบผาเอ่ยกับบุตรี สาโรชสงสัยนิดหนึ่ง ดวงยี่หว่าพยักหน้าให้สาโรชเดินตาม ส่วนบุบผานั่งรอลูกชาย อัฐณพกลับขึ้นมาแล้วเข้าสวมกอดมารดา น้ำตาซึม คิดว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าแม่อีกแล้ว



“นิมิต กลับแล้วหรอ” บุบผาถามลูกชาย



“ห่วงแต่คนอื่น” อัฐณพเอ่ยกับอกมารดา บุบผาได้แต่ส่ายหน้ามองลูกชายด้วยความเอ้นดู



“ห่วงทุกคน ไม่ได้รักใครไปมากกว่ากัน มาคราวนี้เป็นอะไร แล้วจะมาอยู่กับแม่กี่วัน” บุบผาเอ่ยเสียงเย็นตามบุคลิก เว้นวรรค คนฟังรู้สำชุ่มฉ่ำใจ



“มาก็จะไล่ลูกแล้วหรือครับ” อัฐณพประท้วงเบา ๆ



“โตปานนี้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กนะเรานะ” บุบผาเอ็ดลูกชาย ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก



“เปล่า ไม่ได้เด็ก นพคิดถึงแม่ เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาเจอหน้าแม่” อัฐณพกล่าวท้ายประโยคพูดให้ดูตื่นเต้น



“เกี่ยวกับพ่อหนุ่มคนนั้นด้วยหรือเปล่า” บุบผาเอ่ย อัฐณพเอนตัวตรง



“หะ ไปไหนแล้วแม่ ไอ้ดาร์วไปไหนแล้ว” อัฐณพรีบถาม หันซ้ายทีขวาที



“แม่ให้ยี่หว่าพาไปที่ห้องแล้ว” บุบผาเอ่ย



“ตายละหว่า” อัฐณพรีบลุกขึ้น วิ่งเข้าไปในบ้าน บุบผาได้แต่ส่ายหน้า



    ในห้องนอนของอัฐณพจัดเป็นระเบียบการจัดว่างเป็นไปอย่างลงตัว โทนสีฟ้าครามเป็นสีที่อัฐณพชอบอยู่แล้ว เตียงเดียวขนาดหกฟุตอยู่มุมห้องด้านใน มีโตอ่านหนังสือเล็ก ๆ อยู่อีกมุม ต่อจากนั้นเป็นชั้นวางหนังสือแบบสามชั้นติดกันสองอันมีหนังสือยู่จนเต็ม หักมุมห้องเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กๆ



“น่าอยู่เหมือนกันนะ ห้องนี้” สาโรชเอ่ย



“ตามสบายนะพี่” ดวงยี่หว่ากล่าวแล้วออกจากห้อง สาโรชพยักหน้า



“ไม่ยักรู้ ว่ามีสไตล์เหมือนกัน คิดว่าจะเป็นครูตามแนวตะเข็บชายแดนไม่มีสีสัน” สาโรชเอ่ยเบา ๆ จากนั้นจึงวางกระเป๋าและถุงชุดที่อัฐณพซื้อให้ แล้วนั่งลงตรงปลายเตียง มือลูบไปตามผืนผ้าห่ม กลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มแตะจมูก



“สมแล้วที่เป็นแม่ศรีเรือน แล้วลูกชายแม่จะได้เชื้อมาบ้างไหม” สาโรชเอ่ยพร้อมกับเอนตัวลงนอน



“ไอ้ดาร์ว” เสียงเรียกมาถึงก่อนที่ตัวจะโผล่ สาโรชหันไปตามเสียง


“ครับ...คุณ....” สาโรชกลื่นคำสุดท้ายลงคอ เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะกลายร่างแล้ว สาโรชรีบลุกขึ้นนั่ง



“กรุณา ไปอาบน้ำ เนื้อตัวสกปรก ลงไปนอนที่นอนสะอาด ๆ” อัฐณพกล่าวพยายามข่มน้ำเสียง พร้อมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้



“ออกไปอาบน้ำตรงข้างห้องครัว” อัฐณพชี้นิ้วไปทางประตูห้อง สาโรชจำใจลุกจากที่นอน มาหยิบผ้าเช็ดตัวที่อัฐณพยื่นให้



“จัดยาให้ด้วย กลับมาจะได้มากิน” สาโรชเอ่ยเสียงเข้ม



“นายก็จัดกินเองก็เป็นทำไมต้องให้คนอื่นทำให้ด้วย” อัฐณพกล่าวพยายามข่มเสียงให้เบาลง



“ภรรยาต้องดูแลสามีซิครับ คุณนาย” สาโรชเล่นลิ้น



“อะไรนะ ว่าอะไร” อัฐณพถามกลับทันที สาโรชทำหน้าเซ่อ



“ไม่มีอะไร แค่เห็นคุณครูนพชอบออกคำสั่งเหมือนเจ้านาย ก็เลยบอกว่าคุณเจ้านาย” สาโรชแถไปก่อน ยิ้มกับตัวเองแล้วออกจากห้อง



“อย่าลืมจัดยาให้ด้วย” สาโรชหันกลับมาอีกครั้ง อัฐณพทำหน้าบึ้ง




“โอย ทำไมไม่ตายไปตั้งแต่วันนั้นนะ จะไม่ต้องมีวันนี้” อัฐณพสะกดความโกรธ แต่ก็ต้องเดินไปจัดยาไว้ให้เหมือนเดิม เสียงเคาะประตูดังขึ้น



“อะไรอีกละ” อัฐณพเอ่ย วางยาลงตามเดิม




“พี่นพ หว่าเอาผ้าห่มมาให้” ดวงยี่หวาเอ่ย ตรงประตู



“หวาหรอ เข้ามาซิ” อัฐณพตอบ หันไปจัดยาให้ชายหนุ่มเหมือนเดิม ดวงยี่หวา เข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนใหญ่




“แม่กลัวว่าจะแย่งกันเลยให้เอามาให้” ดวงยี่หวากล่าว อัฐณพพยักหน้ารับทราบ




“พี่จะมากี่วันละ” ดวงยี่หวาถามต่อ ขณะที่จัดผ้าห่มและที่นอนให้พี่ชาย




“ไม่กี่วันหรอก นี้ก็หยุดคลอมวันเสาร์อาทิตย์เฉยๆ ถามทำไมหรอ” อัฐณพตอบน้องสาว




“ไม่มีอะไรหรอ อยากรู้โปรแกรมเที่ยวพี่นพ” ดวงยี่หว่าตอบ




“ไม่ได้ไปไหน อยากกลับมาบ้าน พักผ่อนอยู่กันครบหน้า” อัฐณพตอบ วางยาให้กับชายหนุ่มตรงโต๊ะเครื่องแป้ง




“ดีจัง ยี่หวาก็อยากอยู่ครบพร้อมหน้า” ดวงยี่หวาตอบเศร้า ๆ ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต ก็เหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด อัฐณพต้องทำหน้าที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ



“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปวัด จากนั้นแล้วแต่มิต จะพาพวกเราไปไหน”  อัฐณพตอบ ดวงยี่หวา โผเข้ากอดพี่ชาย




“ถ้าอย่างนั้น ไม่รบกวนแล้ว ไปนอนก่อนละ” ดวงยี่หวากล่าว เมื่อผละออกจากพี่ชาย แล้วเดินไปเปิดประตู




“อุ้ย” ดวงยี่หวาอุทานออกมา เพราะตรงหน้าประตู คือชายหนุ่ม มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันกาย หยดน้ำยังเกาะตรงอกกว้าง สาโรชรีบถอยออกห่าง ดวงยี่หวาหัวเราะคิกคัก




“ทำอะไร ควรจะมิดชิดบ้าง” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ




“ไม่รู้ ว่าน้องเขาเข้ามา ปกติที่บ้านพัก ยังแก้ผ้าเดินโทง ๆ เลย” สาโรชตอบ เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมผิดประตูห้อง



“ที่บ้านพัก มีแต่.....” อัฐณพเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สาโรชเลยยิ้มยี่ยวนพร้อมยักคิ้วให้



“ไปหาเช็ดตัวให้แห้ง แล้วยาอยู่ตรงนั้น” อัฐณพเอ่ย พร้อมผลักหน้าอกชายหนุ่มให้หลีกไป สาโรชเอียงตัวนิดหนึ่ง อัฐณพเลยเสียหลัก สาโรชรีบคว้าไว้



“ปล่อยนะ อย่ามาทำอะไรในบ้านนะ” อัฐณพเอ่ยออกมาเสียงเข้ม พยายามปัดป้องตัวเอง สาโรชจึงมองด้วยแววตาสงสัย



“ทำเป็นผู้หญิงไปได้ รู้ไหม ถ้าผู้หญิง เห็นรูปร่างพี่แบบนี้นะ อย่าให้พูดเลย” สาโรชเอ่ยพร้อมดันให้อัฐณพยืนตัวตรง



“สำคัญตัว” อัฐณพเอ่ยเมื่อยืนเต็มตัว พลางค้อนให้วงใหญ่




“ไม่ได้สำคัญตัว แต่สำคัญที่ลีลา” สาโรชกล่าวแล้วหัวเราะเสียงดัง




“ไอ้ดาร์ว อย่างมาทำเสียงดัง” อัฐณพแทบกระโจนเข้าใส่ พอสติมาเบรกตัวโก่ง




“ทำไม รับฟังไม่ได้” สาโรชกล่าว ชำเรืองมองอัฐณพนิดหนึ่ง แล้วจับปมผ้าเช็ดตัวคลีออกจากตัว ชายผ้าเช็ดตัวที่ผันกายไหล่ลงไปกองกับพื้น อัฐณพอ้าปากค้าง สาโรชยักคิ้วยกยิ้มให้ 



“ไอ้บ้า มาทำอะไรแบบนี้” อัฐณพกล่าว สาโรชหัวเราะชอบใจ 



“ทำอย่างกับไม่เคยเห็น หนอนน้อยอันนี้ ของน้องนพ พี่ไม่คิดจะให้ใคร” สาโรชเอ่ยแล้วเดินโท่ง ๆ ไปหยิบยาขึ้นมา อัฐณพตามหลังมา



“อ๊ะ ๆ พี่พร้อมแล้ว” สาโรชหันมาพร้อมโยกเอวพลิ้ว อัฐณพ เม้มริม แสดงอาการไม่พอใจ   




“น้ำละ ไม่มีหรอ ” สาโรชถามเปลี่ยนเรื่อง พร้อมชูเม็ดยาในมือให้ดู เพื่อสื่อให้รู้ว่าจะกินยาต้องมีน้ำด้วย 




“ไม่อายคน ก็หัดอายผีบ้านผีเรือนบ้านนะ” อัฐณพกล่าว กระแทกน้ำเสียง แล้วรีบเดินลงส้นออกจากห้อง



“อายทำไม ผัวเมียกัน” สาโรชกล่าวตามหลัง แล้วไปนั่งรอน้ำจากอัฐณพ ที่กำลังเดินกลับเข้ามาในห้อง สายตาพลันเห็นกรอบรูปเล็ก ๆ จึงหยิบขึ้นมาดู เป็นภาพชายวัยรุ่นสองคนหุ่นเท่า ๆ กัน โดยที่อีกคนอุ้มอีกคน ไว้ในอ้อมกอด อัฐณพเดินเข้ามาหยิบเอากรอบรูปจากมือไปถือ แล้วยื่นแก้วน้ำให้



“นี้น้ำ” อัฐณพกล่าว พร้อมยื่นแก้วน้ำ สาโรชนิ่งมองหน้าชายหนุ่ม แล้วรับแก้วน้ำขึ้นดื่ม



“อย่าแตะต้องของในห้องนี้ จะหาไม่เจอ” อัฐณพเอ่ย แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้อง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก สำราญลุกขึ้นมองนาฬิกาแล้วรีบยกหูรับ ดึกปานนี้แล้ว ใครมันจะโทรมาอะไรนักหนา


“นายครับ” ปลายสายตอบกลับมา



“ว่าไง ได้เรื่องไหม” สำราญกล่าวพลางลุกขึ้นนั่งรอฟังผลจากลูกน้องคนสนิท



“ได้เรื่องครับ ผมลองสืบดูรู้แล้วว่าบ้านครูอะไรนั้นอยู่ที่ไหน ตอนนี้กำลังลงพื้นที่ครับ” ปลายสายรายงาน



“ทำอะไรอย่างให้สาวมาถึงข้า เก็บให้มิดด้วย” สำราญกล่าวสำทับ



“ครับ นาย จะไม่ให้เห็นเลยว่ามีชีวิตอยู่แน่นอน” ปลายสายตอบ



“ดี ถ้าเรื่องนี้เสร็จ พวกเอ็งออกจากพื้นที่ก่อนนะ มันคงจะดังใหญ่แล้ว” สำราญกล่าว



“ครับ พวกผมขอเบิกล้วงหน้าก่อนได้ไหมครับ” ปลายสายเอ่ยปากขอ



“ขอให้งานเสร็จก่อนเถอะ โอนไปให้แน่” สำราญเอ่ย ก่อนกดวางสาย



“พวกมึงนี้ไม่รู้จัก นายอำเภอสำราญชะแล้ว” สำราญกล่าวกับตัวเอง แล้วกดเบอร์โทรออกไปอีกสาย รอสักครูปลายสายรับ



“ครับนาย” ยักษ์กรอดเสียง



“ไอ้ยักษ์ พรุ่งนี้เอ็งกับลูกน้องของเอ็ง ตามกลุ่มของไอ้หมอกไป” สำราญกล่าว



“ได้เรื่องแล้วหรอครับ” ยักษ์ถาม



“เออ หลังจากที่มันเก็บไอ้ปลัดนั้นได้ พวกเอ็งก็เก็บมันด้วย อย่าให้เหลือสาวมาถึงกูได้ละ” สำราญกระแทกเสียงแล้ววางโทรศัพท์



“พวกมือ พรุ่งนี้เตรียมตัว นายเขาให้พวกเราเก็บ ทั้งสอง” ยักษ์หันไปหาลูกน้องที่นอนบนเปลยวนในป่า



“ดี พี่ จะได้ออกจากป่าสักที” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น




“เมื่อจัดการงานนี้เสร็จ พวกเราก็ต้องออกจากพื้นที่โดยเร็ว” ยักษ์เอ่ย



“จะไปไหนละพี่” ลูกน้องคนเดิมถาม



“ไปอยู่กับนายใหญ่สักพัก แล้วค่อยออกมา” ยักษ์ตอบ ทุกคนจึงเอนตัวลงพักผ่อน ตามมุมของตัวเอง     


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
นพน่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนสาโรชก็กวนได้ไม่หยุด
ระวังตัวด้วยน้าาา ภัยกำลังจะมาถึง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลุ้นจัง
เมื่อไหรจะบอกนพนะ
เหมือนช่วยแล้วมีแต่เรื่องไม่ดี
ปลัดนี่น่าจะโดน..ซักหน่อย
 :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:


เป็นห่วงครอบครัว แม่กับน้องสาว

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป รอลุ้น

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ dusitta

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-0
9.ก้าวพิสูจน์.....


   นกดุเหว่า ส่งเสียงร้องเมื่อยามเช้า  ลมเย็นช่วงเช้ามืดพัดมา ทำให้ต้องซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผื่นใหญ่ เสียงเจื้อยแจ้วของน้องสาวดังมาเป็นระยะ ๆ จากหลังบ้านที่เป็นสวนผลไม้และพืชหลายชนิด อัฐณพลืมตา มองดูรอบห้อง ไม่พบคนที่เคยนอนข้าง ๆ  เลยรีบลุกออกไปนอกบ้าน


“หว่า แม่ละ” อัฐณพเดินมาที่ชานหลังบ้านแล้วเอ่ยกับน้องสาวที่กำลังนั่งเตรียมสำหรับอาหารไว้ไปวัด เนื่องจากมีงานประจำปี


“โน้น อยู่กับพี่เขา ท้ายสวนโน้น” ดวงยี่หวาชี้นิ้วไปท้ายสวน อัฐณพมองตาม เห็นคนสองคนกำลังช่วยกันสอยผลไม้ลงมา จึงกลับมานั่งชวนน้องสาว จัดสำหรับ



“พี่นพไปอาบน้ำดีกว่าไหม เดียวพี่มิตรมารับ” ดวงยี่หวากล่าว



“อาว  นัดกันตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง” อัฐณพเอ่ยด้วยความสงสัย



“พี่มิตร โทรมาเมื่อเช้านี้” ดวงยี่หว่าตอบ พอดีกับบุบผาและสาโรชเดินขึ้นมาบนบ้าน



“เอาไปวางตรงนั้นก่อนก็ได้ลูก” บุบผาชี้มือไปตรงชานบ้าน สาโรชจึงหิ้วเครือกล้วย และกระท้อนลูกใหญ่ไปวางไว้



“เอาไปขายไหมแม่” อัฐณพเอ่ย



“แม่จะเอาไว้ไปวัด กระท้อนเอาไว้แช่อิ่ม” บุบผากล่าว แล้วมานั่งสมทบกับลูก ๆ ดวงยี่หว่าจึงลุกไปดูเครือกล้วยที่กำลังแก่เต็มที่



“นพ เป็นอะไร เหมือนไม่ได้นอน หึ พ่อโรช มื้อคืนพากันไปทำอะไรมา” บุบผาหันไปถามสาโรช เมื่อเห็นลูกชายหน้าซีดๆ ดวงยี่หวาหัวเราะเบา ๆ สาโรชได้แต่ยิ้ม



“สงสัย ไล่ตีแมวกันแม่ แมวตัวใหญ่มาก ๆ” ดวงยี่หว่าชิงตอบ ลากเสียงยาว มองหน้าพี่ชายยิ้ม ๆ ดวงยี่หว่านั้นพอจะมองออก ว่าตอนนี้พี่ชายตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน สมัยก่อนนั้น พี่ชายตัวเองยังปกติอยู่ แต่พอเริ่มเรียนหนังสือที่ต้องห่างกันไป และเห็นนิมิตตามแจทำให้แน่นใจมากขึ้น



“บ้านเรามีแมวด้วยหรอ” บุบผาเอ่ย ดวงยี่หว่าแทบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา



“ ไม่มีอะไรหรือแม่ นพนอนดึกนะ เปลี่ยนที่ด้วย หว่าก็เดาไปเรื่อย ๆ ขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมิตมาจะไม่ทัน” อัฐณพแก้ตัวไม่อยากให้แม่สงสัย และเลี่ยงออกไป



“พ่อโรช ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วจะได้ไปวัดกัน” บุบผาหันมาทางสาโรชที่นั่งข้าง ๆ



“คือ ผมไม่มีชุดจะใส่ไปวัดเลยครับ” สาโรชเอ่ย



“ลองไปถามกันดู ซิ ตานพน่าจะมีชุดอยู่ในตู้ หุ่นจะเท่า ๆ กันน่าจะใส่ได้” บุบผากล่าว สาโรชจึงลุกตาม 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   เช้ามืดมีแค่เสียงนกร้องในตอนเช้า แววมยุรารีบลงจากบ้านออกประตูหลังบ้าน ตัวเธอแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เมื่อคืนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เธอจึงลองยกหูฟังการสนทนาด้วย ทำให้เธอต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด และมุงหน้าไปยังอำเภอที่บิดาตัวทำงานอยู่


“ปลัด” แววมยุราเอ่ย เงียบไม่มีเสียงตอบรับใด ๆทั้งสิ้น


“เมาตามเคย หายหัวกันไปไหนหมดวะ” แววมยุราสบถกับตัวเอง เดินออกมาด้านหลังบ้านพัก ก็พบกับสามหัวหน้าลูกนอนนอน
กองกันตรงแคร่ไม้ไผ่


“ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราเค้นเสียงใส่ สามคนลูกพี่ลูกน้องค่อย ๆ ขยับตัว


“หมาตัวไหนมาเรียกลูกพี่กูวะ” ต๊อดเอ่ย พลางลูบหน้าลูบตา



“ระวังปากด้วยนะ” แววมยุราเอ่ยสวนแทบทันที ต๊อดสะดุ้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นตรงหน้า



“ลูกพี่ ๆ ตื่น ๆ”ต๊อดรีบเขย่าร่าง



“หือ อะไรวะ ไอ้นี้” สมศักดิ์เอ่ย ๆ



“ลูกพี่ นางฟ้ามาบ้าน” โม่งตื่นก่อน เอ่ยตามมา



“นางฟ้าที่ไหน กูจะเอาเป็นเมีย” สมศักดิ์เอ่ย



“ไอ้ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราเริ่มมีอารมณ์โมโห หันไปเห็นกระติกน้ำแข็งที่ปิดฝาทิ้งไว้ จนน้ำแข็งละลายหมด จึงจับได้พร้อมยกสาดลงไปหาทั้งสามคน  คราวนี้สมศักดิ์รีบลุกขึ้นนั่งทันที



“คุณแวว มาแต่เช้าจังครับ” สมศักดิ์เอ่ย ลิ้นยังพันกัน ดวงตาแดงก่ำ



“ลุกไปเตรียมรถ” แววมยุราออกคำสั่ง



“คุณนางฟ้าจะไปไหนหรือครับ” สมศักดิ์เอ่ย



“จะลุกหรือไม่ลุก” แววมยุรา เดินเข้ามาประชิด สมศักดิ์ส่งแววตายี่ยวน แววมยุราเลยส่งหมัดตรงเข้าเบ้าตา



“โอ้ย เล่นกันแบบนี้เลยหรือ” สมศักดิ์ประท้วง โม่งและต๊อดรีบลุกถอยห่าง แววมยุราตาขวางใส่สองหนุ่ม แล้วหันมาทางสมศักดิ์



“ไปขึ้นรถถ้าไม่อยากเจ็บตัว” แววมยุราหันมาพูดกับสมศักดิ์



“จะไปไหนครับ คุณ” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น มือปิดตาข้างที่โดนหมัดแววมยุรา



“นั้นซิครับ ไปไหนครับนี้ยังไม่สว่างเลย” โม่งพยายามเข้ามาช่วยลูกพี่



“จะไปดี ๆ หรือจะให้ลากตัวไป” แววมยุราเอ่ยพร้อมกับคอเสื้อสมศักดิ์ โม่งรีบปล่อยลูกพี่ทันที แววมยุราจึงออกแรกฉุดให้สมศักดิ์ลุกขึ้น



“ไปดีนะลูกพี่” ต๊อดโบกมือลา




“พวกมึงช่วยกูด้วยซิวะ” สมศักดิ์หันมาพูดกับลูกน้อง แววมยุราลากสมศักดิ์มาถึงรถยนต์



“คุณบอกผมก่อนซิจะไปไหน” สมศักดิ์เอ่ยใช้น้ำเย็นเข้าลูบ



“ไปช่วยพี่โรช” แววมยุราเอ่ย บึ้งหน้าใส่สมศักดิ์



“ไม่ไป” สมศักดิ์ตอบทันที



“นี้ไอ้ปลัดกิ๊กก๊อก” แววมยุราเอ่ยพร้อมส่งหมัดเข้าชายโครงของสมศักดิ์จนตัวงอ



“มึงว่าไหม สองคนนี้ถ้าได้กัน ลูกจะออกมายังไง กูคิดภาพไม่ถูก” โม่งเอ่ยกับต๊อดที่ตามมาแอบดูตรงมุมบ้าน



“กูไม่อยากคิด ลูกพี่กูติดคุกทั้งชีวิต” ต๊อดเอ่ยแล้วค่อย ๆ คอยกลับ



“ไอ้โม่ง ไอ้ต๊อดมาช่วยกูที” สมศักดิ์ตะโกนไปหาลูกน้อง แววมยุราพยุงร่างของสมศักดิ์เปิดประตูรถยนต์แล้วผลักร่างหนานั้นเข้าไป แล้วไปอีด้านฝั่งคนขับ



“เจ้า ๆ นาย จะให้ช่วยยังไง” ต๊อดรีบวิ่งมาหาที่รถ แววมยุราออกตัวรถเหวี่ยงซ้ายทีขวาที



“คุณ ขับเป็นหรือเปล่า” สมศักดิ์เอย แววมยุราชำเรืองมาทางสมศักดิ์ แล้วออกรถอีกครั้งพุงไปที่หน้าประตู



“เร็วพวกมึงมาช่วยกูด้วย กูไม่อยากตาย” สมศักดิ์เรียกลูกน้อง ทั้งสองกำลังพยายามเปิดประตู แล้วโดดขึ้นกระบะหลังแทน รถจิ๊ปกลางเก่ากลางใหม่ทะยานออกไปเรื่อย ๆ



“คุณแวว ตกลงจะไปช่วยไอ้ปลัดสาโรช รู้ที่อยู่หรือยัง” สมศักดิ์ค่อย ๆกล่าว เมื่อรถออกมาห่างจากตัวอำเภอและมุ่งตรงไปยังเส้นทางหลัก


“รู้ ถึงให้มาช่วยนี้ไง” แววมยุราเอ่ยเสียงเครียด สมศักดิ์รีบลุกนั่งตัวตรงทันที


“ถ้าอย่างนั้นผมว่าให้ลูกน้อง มันขับดีกว่าไหม สงสารมัน” สมศักดิ์เอย พยายามมองไปที่กระบะหลัง สภาพสองคนไม่ต่างกัน ลมพัดตีใบหน้าจนมองแทบไม่ออกแล้ว



“สภาพเมาแบบนี้จะขับได้ไง” แววมยุราเอ่ย


“ก็ยังดีกว่าคุณขับตอนนี้ ผมกลัวว่าพวกเราจะไม่ได้ไปช่วยปลัดสาโรชของคุณ ต้องมาตายกันก่อน” สมศักดิ์เน้นคำว่าของคุณ
แววมยุราจึงค่อย ๆ ผ่อนความเร็วรถลง


“คุณพ่อ สั่งฆ่าพี่โรช” แววมยุราเอ่ยขึ้น ความคิดเริ่มสับสน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แววมยุราค่อย ๆ ประคองรถเข้าข้างทาง



“นายอำเภอ สั่งฆ่า” สมศักดิ์เอ่ยทบทวน พลางใช้ความคิดและทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่พอจะเป็นเหตุให้เกิดการสั่งฆ่า สมศักดิ์มองไปที่แววมยุราอย่างเต็มตัวอีกครั้ง



“คุณแวว ถ้าผมจะถามอะไรคุณจะตอบผมตามตรงไหม” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์



“นายจะถามอะไร” แววมยุราเชิดหน้าขึ้น



“เจ้านาย เป็นไงบ้างครับ” ต๊อดโดดลงจากหลังรถ เข้ามาเปิดประตูถาม สมศักดิ์ส่ายหน้า



“ผมว่า เราไปนั่งตรงโน้นดีกว่า ไอ้ต๊อด ไอ้โม่ง ไปหากาแฟ ปาท่องโก๋มาให้คุณแวว กับกูที” ท้ายประโยคหันไปสั่งลูกน้อง แล้วเปิดประตูออกมา แววมยุรามีอาการลังเลนิดหนึ่ง จึงตามลงจากรถ แล้วตามสมศักดิ์ไปนั่งที่ศาลารอรถริมทาง โม่งและต๊อดจึงขับรถออกไป



“คุณกับท่านนายอำเภอ มีเหตุอันใดที่ต้องสั่งฆ่าไอ้สาโรช” สมศักดิ์เอ่ยเสียงเข้มแต่พอได้ยินแค่สองคน แววมยุราจึงเชิดหน้าขึ้น



“ไม่รู้” แววมยุราตอบ



“ผมคิดว่า ไอ้สาโรช มันคงไปรู้เรื่องอะไรเข้า” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด



“ธุรกิจผิดกฎหมาย” สมศักดิ์เอ่ยออกมาเบา ๆ แววมยุราเริ่มเปลี่ยนสีหน้าจากบึ่งตึงเป็นแววกังวลใจ



“คุณพ่อไม่เคยพูดอะไรให้รู้ เรื่องธุรกิจ แม้แต่ตัวฉันเอง” แววมยุราตอบ สมศักดิ์จ้องหน้าแววมยุราหาข้อพิรุธ แต่ก็ไม่พบอะไรในแววตา



“แล้ว ลูกน้องของพ่อคุณ มาจากไหน” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น แววมยุราได้แต่ส่ายหน้า




“รู้แต่ว่า ลูกน้องของพ่อ ติดตามพ่อมานานหลายปีแล้ว ตอนแรกมาทำหน้าที่เป็นคนสวนดูแลบ้าน ฉันเองก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร เพราะพ่อชอบเลี้ยงคนมาก ๆ” แววมยุราตอบ



“ย้อนหลังไปก่อนนั้น ท่านนายอำเภอสำราญได้ไปท่องเที่ยวอะไรที่ไหนบ้างหรือไม่” สมศักดิ์ถาม แววมยุราส่ายหน้าอีกครั้ง



“ตั้งแต่แม่ตาย พ่อก็เก็บตัวเงียบ เอ๊ะ หรือว่า” แววมยุราเอย สีหน้าตื่นเต้น สมศักดิ์ที่มองอัปกิริยาอยู่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย



“ก่อนแม่เสีย แม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง คุณพ่อทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้แม่หาย กู้เงินหยิบยืมพ่อทำมาหมด แต่พ่อก็ไม่สามารถจะรั้งชีวิตแม่ไว้ได้” แววมยุรากล่าว หวนคิดถึงวันที่แม่จากไปด้วยอาการที่ทรมาน



“พ่อหายออกจากบ้านไปเกือบอาทิตย์” แววมยุราเอ่ยต่อ



“ท่านไปไหน พอจะบอกได้ไหม” สมศักดิ์ถามต่อ



“พอกลับมา พ่อมีแต่เงียบ จากนั้นก็ไม่พูดเรื่องใด ๆ อีกเลย” แววมยุรากล่าวแล้วถอนหายใจ



“ไอ้สาโรชคงรู้เรื่องอะไรเข้า” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันไปมองสมศักดิ์ พยายามค้นหาคำตอบ



“แล้วคุณรู้นี้คือที่ไหน” สมศักดิ์เอ่ยถามต่อ



“รู้แต่ที่อยู่ครู เราต้องตามเจ้ายักษ์ให้เจอ เพราะเจ้ายักษ์จะเป็นกุญแจสำคัญ” แววมยุราเอ่ย ขึ้น



“คุณอย่าพลีพล่ามออกไปนะ อยู่กับผมคุณจะปลอดภัย” สมศักดิ์เอ่ยด้วยความเป็นห่วง



“คนอย่างนายจะปกป้องฉันได้ไง ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะมาหาปกป้องคนอื่น” แววมยุราเปลี่ยนอารมณ์ทันที ตะโกนใส่หน้า จนสมศักดาต้องถอยออกมา



“หรือจะเอาอีกสักหมัด” แววมยุราเอ่ยลุกขึ้นจะส่งหมัดอีกข้าง เสียงรถเข้ามาจอด



“เอาอีกแล้ว ถ้าได้เป็นคู่กันนี้ หัวปีท้ายปีแน่” ต๊อดเอ่ย โม่งหัวเราะแล้วทั้งสองจึงลงมา พร้อมยื่นแก้วกาแฟมาให้ทั้งสอง



“ออกเดินกันเถอะ” สมศักดิ์หันมาคุยกะลูกน้อง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   ลานวัดตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คน ทุกสารทิศ ต่างมุ่งมาร่วมกิจกรรม อันมีจิตใจเลื่อมใสศรัทรา บางก็ถือเพศพรหมจรรย์ นุ่งขาวห่มขาว แต่ก็จะบริสุทธิ์ชะเทียเดียว  ศาลาการเปรียญยกกพื้นสูง ด้านล่างมีกลองหลายขนาดและหลายใบถูกห้อยอยู่ ทุกคนต่างขึ้นไปชั้นบน เมื่อไหว้พระประธานเสร็จแล้วจึงเลี่ยงออกมาสำหรับหาที่นั่งของตนเอง


“แม่บุบผา มาแล้วหรอ ตายจริงมีแต่คนหล่อๆ” เสียงทักขึ้นบนศาลาวัด ขณะที่ครอบครัวของบุบผากำลังนั่งลงพร้อมจัดของสำรับถวายพระ บุบผายิ้มหใคนที่ทัก


“ตายจริง คนไหนละลูกเขย นางยี่หว่าก็ไวไฟ ไม่ต่างจากพี่มัน” คนที่นั่งเยื่องกันไปเอ่ย


“ยาย สงบปากสงบคำหน่อยซิครับ” นิมิตเหลืออดเอ่ยขึ้น


“ตาย เขยใหญ่ออกตัว” เจ้าเดิมเอ่ยเรียกเสียงหัวเราะครึงศาลาวัด นิมิตมีอาการฮึด อยากจะไปเอาเรื่อง บุบผาจึงแตะที่มือของนิมิต


“ปล่อยไปเถอะลูก บางครั้งหมามันก็อยากเห่าหอนหาพวก ถ้าเราไม่ไปเขี่ยของเล่นมัน มันก็คงไม่เห่า” บุบผาเอ่ยเสียงเย็น ๆ อัฐณพยิ้มกว้าง ๆ หน้าบานเป็นจาน


“ยี่หวาเอาสำรับไปจัดได้แล้ว” บุบผาบอกลูกสาวคนเล็กที่กำลังรื้อเถาปิ่นโต สาโรชจึงหันไปช่วย


“ไม่ต้องหรอพี่ หว่าทำได้” ดวงยี่หว่ากล่าวยิ้มกว้าง สาโรชจึงขยับเขามาใกล้ๆ อัฐณพแทนพร้อมยกจานของที่จะใส่บาตรเข้ามาชิดกัน


“ตาหนุ่มคนนั้นหล่อจริง ๆ ผิดกับ อ้วนดำนี้” เสียงแทรกขึ้นจาดก้านหลังของกลุ่ม


“ใครดำ” นิมิตหันหลังมา ดีที่อัฐณพคว้าตรงบ่าชายหนุ่มไว้ไม่อยากให้ก่อเรื่อง


“ตายจริง พูดแค่นี้ทำเป็น จะพาลหาเรื่อง ถ้าไม่ติดว่าพ่อเป็นถึงนายก อบต. จะเอาขันนี้เพ็งกะบาลเลยนะ” เสียงอีกคนพูดขึ้น


“ช่างเถอะมิต  อย่าไปถือสาเลย” อัฐณพค่อยปลอบ ข้าง ๆ


“ก็เพราะลูก นายกอบต.นี้ละที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้” นิมิต เอ่ย       


 “ไปตักบาตร ไป๊ ถวายภัตตาหารได้แล้ว” บุบผาหันมาไล่ลูก ๆ ไปใส่บาตร ทั้งสามค่อย ๆ คลานเข้าไปตักบาตร เมื่อถือที่บาตรสาโรชจึงเอื้อมมือมาจับเอาถาดใส่ของที่อัฐณพถือ


“เดียว เอามานี้ให้พี่ถือ”สาโรชเอ่ยหน้าตาเฉย อัฐณพมองหน้าการกระทำของชายหนุ่ม โดยเขาเอาของที่เจรียมมาใส่บาตรเทลงไปรวมกันในถาดใบเดียวกัน


“คุณ....นาย....ต้องจับบนมือพี่” สาโรชจัดแจงเสร็จสรรพ อัฐณพทำหน้างง คนข้างหลังเริ่มดันให้ต้องขยับ สาโรชจึงต้องดันอัฐณพให้ขยับ


“ทำไม” อัฐณพถาม แต่ก็ทำตามอยู่ดี การกระทำดังกล่าวไม่ได้ลอดพ้นสายตาของนิมิตเลย ชายหนุ่มมองทั้งของคนกระทำ เหมือนกับคู่แต่งงานเขากำลังทำกัน จึงยอมถอยออกมาห่าง ๆ และไปช่วยยกเข่งมารัมารับของใส่บาตรที่ล้น ตัดบาตรเสร็จ ก็เตรียมถวายภัตตาหาร โดยให้ยกขันโตกพร้อมกัน


“เออ ให้มีความสุข อยู่รอดปลอดภัย ค่อยพูดค่อยจ้ากันนะ” หลวงตาแก่ให้พร ทั้งสองน้อมรับคำแล้วถอยออกมาให้คนอื่นถวายองค์อื่น ๆ บ้าง


“แม่บุบผา มีลูกน่ารักนะ ทั้งลูกสาวลูกชาย” เสียงเอ่ยจากป้า ๆ ด้านหลัง บุบผาได้แต่ยิ้มรับ


“เด็กมันรักดี มันก็เลยได้ดี” บุบผาเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน


“ได้ข่าวว่าลูกชาย สอบได้ครูหรอ ดีใจด้วยนะ” อีกคนเอ่ย


“จ๊ะ กว่าจะได้อ็นานโขเหมือนกัน” บุบผาเอ่ยตอบ


“แล้วนั้นใครละ” ป้าคนเดิมชี้ไปทางสาโรช บุบผาหันไปมองแล้วยิ้ม


“ออ เพื่อนเขานะ มาเที่ยว” บุบผาตอบ


“ลูกนายก อบต. นี้ก็ยังเหมือนเดิมนะ” ป้าคนเดิมเอ่ย บุบผาเลยได้แต่ยิ้ม


“พี่โรช ระวังขี้ปากชาวบ้านนะ” ดวงยี่หว่ามากะซิบข้าง ๆ 


“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ถือ ชาวบ้านก็คือชาวบ้าน” สาโรชตอบเบา ๆ แล้วนั่งนิ่งดูชาวบ้านเข้าไปประเคยสำรับ


“สวัสดีครับ ทุกคน สวัสดี” เสียงจากชายร่างท้วม เดินขึ้นศาลาวัด หลายคนยกมือรับไหว้ สาโรชมองตาม


“ใครหรือหว่า” สาโรชเอ่ยถาม


“พ่อพี่มิต” ดวงยี่หว่าตอบ สาโรชพยักหน้า จากนั้นจึงขยับตัวให้ ชายสูงวัยเดินผ่านไปด้านหน้า นิมิตขึงกลับมานั่งกับกลุ่ม


“ทำตัวเป็นคนดีศรีสังคม อนาคตนายกอบต.แทนพ่อแน่ ๆ” อัฐณพเอ่ยกับเพื่อน นิมิตถอนหายใจ


“เพราะแบบนี้ละ มิตรจึงไปไหนไม่ได้” นิมิตเอ่ย


“ดีแล้ว มิต เข้ากับสังคมไว้ อนาคตจะได้ดีเอง” สาโรชเอ่ยบ้าง อัฐณพแปลกใจกับคำพูดที่ชายหนุ่มเอ่ย


“บางครั้งก็เหนื่อย อยากหลุดออกจากวงจรนี้สักที” นิมิตเอ่ยต่อ เมื่อทุกอย่างจัดพร้อมไว้หมดแล้ว เสียง มัคทายกจึงเอ่ยขันตอนการปฏิบัติต่อไป  นายกอบต.สุทินและภรรยาพิกุลทอง จึงมานั่งกับทางบุบผาด้วย อัฐณพและนิมิต จึงเลี่ยงลงไปด้านล่าง สาโรชนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม


“คิดถึงวันเก่าๆ ที่เราเคยมาช่วยเขาจัดงาน” นิมิตเอ่ย อัฐณพยิ้มบางให้ชายหนุ่ม


“วันเก่า มีแต่สิ่งดีๆที่ควรจำ” อัฐณพเอ่ย นิมิตยิ้มรับ


“เราไปดูเขาตั้งร้านยิงตุ๊กตากันดีกว่า” นิมิตกล่าวพร้อมกับจับมือของอัฐณพให้เดินตาม ภาพชายหนุ่มสองคนเดินคู่กันไปไม่ได้พ้นสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่เดินไปยืนดูนอกชานศาลา ใบหน้าเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ สายตามองผ่านเลยไปนอกเขตอาราม กำลังใช้ความคิด 


“ที่ นี้ บ้านทุ่ง บ้านป่า คงไม่ค่อยสะดวกสบาย” เสียงทักขึ้นจากด้านหลัง สาโรชหันไปก็พบว่าเป็นนายก อบต.สุทินนั้นเอง ถึงแม่จะอายุเยอะแล้ว แต่ดูแข็งแรง และน่าเกรงขาม


“พอดี แม่บุบผาเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนกับพ่อนพ ตามมาเที่ยว” สุทินเอ่ยเป็นกันเอง สาโรชจึงคำนับแทนการตอบ


“มี ว.9 เหตุ 231” สาโรชเอ่ยเบาๆ สุทินนิ่งพิจารณาชายตรงหน้า อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง


“ทราบแล้วครับ” สุทินตอบ แล้วคอยชำเลืองบุคคลรอบ ๆ งาน


“ผมคือเป้า” สาโรชเอ่ย สุทินหันกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง


“ตามผมมา เราต้องคุยกัน” สุทินเอ่ย จากนั้นก้าวขาลงจากศาลาการเปรียญทันที สาโรชจึงเดินตามด้วย


“ผมขอรายละเอียดคราว ๆ” สุทินเอ่ย เมื่อเดินห่างออกมาจากผู้คน


“นั้นพ่อจะไปไหน” อัฐณพเอ่ย เมื่อเห็น สุทินและสาโรชเดินออกห่างไปจากวัด นิมิตหันมามองตาม


“คงอยากให้พี่เขาช่วยยกของละมั่ง อย่าไปสนใจเลย เราไปทางโน้นดีกว่า” นิมิต กล่าวแล้วดึงแขนให้อัฐณพเดินตามไปอีกทาง อัฐนพยังคงมองเหลียวหลัง ตามหลังสาโรชออกไป


“อย่าให้เกิดเรื่องนะไอ้ดาร์ว” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ กับตัวเอง


“สารเสพติด เกลือเป็นหนอน” สาโรชเอ่ย สุทินหน้าเคร่งเครียดขึ้น


“ต้องแจ้งส่วนกลางเลยไหม” สุทินเอ่ย ถึงแม้ว่าจะไม่รู้เกลือเป็นหนอนนั้นเกี่ยวกับอะไร แต่สิ่งที่ชายหนุ่มพูดคงทำให้วงการบางอย่างสะเทือนแน่


“ตอนนี้คิดว่าส่วนกลาง คงได้ข่าวแล้วครับ เขาคงส่งลูกทีมลงมาช่วยแน่ และทางเหลือเป็นหนอน ก็คงต้องส่งทีมสังหาร ออกมาด้วย” สาโรชเอ่ย เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว


“ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าใครเช่นกัน” สุทินเอ่ย


“ครับ” สาโรชเอ่ย


“พรุ่งนี้ผมจะเข้าอำเภอ จะไปด้วยไหมครับ” สุทินถาม


“จะเป็นเป้าสายตามากกว่า ผมขอดำเนินการเอง” สาโรชตอบ


“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้กำลังพลคอยสอดส่อง การเคลื่อนไหวของคนแปลกหน้า ส่วนคุณปลัด ขอโทษนะครับ” สุทินเอ่ย สาโรชพยักหน้าอนุญาตให้เปิดเผยได้


“ขอให้เก็บตัวเงียบ ๆ ก่อน อยู่ทีนี้ผมรับรองความปลอดภัย” สุทินกล่าวต่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด