ทะเลรสหวาน
--คราม
"ตื่นเต้นจังเลย" ผมเดินวนไปมาเหมือนเวลาที่คนดีตื่่นเต้น แต่คราวนี้คนขี้ตื่นกลับยืนมองกันนิ่งๆ
"คุณหมีไม่เคยไปทะเลเหรอครับ" เขาตั้งใจกวนผม
สิ่งหนึ่งที่พอรู้หลังจากแต่งงานและสนิทกันมากขึ้นแล้วคือเอาจริงๆคนดีก็แสบใช่ย่อย ผมเคยนึกว่าเวลาที่เขาอยู่กับเพื่อนจะโดนแแกล้งอย่างเดียวคิดผิดไปถนัด บางทีที่โดนแกล้งอาจจะเพราะมันเขี้ยวแบบผมก็ได้
"เคยค่ะ แต่ไม่เคยไปกับเมีย" พอหันไปบอกแบบนั้นคนขี้เขินก็เดินหนีด้วยหูแดงๆของตัวเอง
"อ้าว หนีครามทำไม"
ผมออกมาโรงรถเพื่อเช็คลมยาง น้ำมันเครื่อง น้ำ แอร์ พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปช่วยคนสวยเก็บของในบ้าน ผมขอลาหยุดงานสี่วันรวมกับเสาร์อาทิตย์ด้วยเหตุผลว่าไปฮันนีมูน แต่จริงๆก็แค่อยากไปเที่ยวกับเขา
นี่ถือเป็นการเที่ยวครั้งแรกด้วยกันของเรา เพื่อนหลายคนแนะนำผมให้ไปต่างประเทศแต่ผมกลัวจะเหนื่อย ทั้งไม่ชินทาง ทั้งปัญหาอาหารการกิน อาจจะปวดหัวมากกว่าผ่อนคลาย เลยได้เอาเงินที่เก็บไว้ตั้งแต่เริ่มๆคบกันจองโรงแรมราคาแพงที่หัวหิน อย่างน้อยก็อยากได้บรรยากาศดีๆไว้นอนกอดลูกเจี๊ยบ
"ถ้าครามใส่เสื้อแบบนี้บ้างคนดีจะว่ายังไง" ผมถามถึงเสื้อแหวกข้างของเขา เพราะอยู่กันสองคนถึงยอมให้ใส่ แต่ก็ไม่ชอบใจเลย
"ผมไม่ว่าอะไรนะครับ" คนดีว่า มือยังพับเสื้อผ้าของผมกับของตัวเองลงกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ดูแล้วเหมือนคุณแม่บ้าน
“แล้วถ้าครามเดินไปแล้วมีคนมองเข้ามาแบบนี้ล่ะ” ผมถามพร้อมกับมองลอดเสื้อเข้าไปเห็นรอยสักวับๆแวมๆ ไหนจะหน้าอกที่ถูกเจาะมาล่อสายตาแบบนั้นอีก
“ก็ไม่เป็นไรครับ” คนดีส่ายหัวไปมา ผมถึงได้ยกมือขอยอมแพ้
“ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่มีคนมองหรอกครับ” เจ้าตัวยืนยัน
คนดีเขามักจะไม่ค่อยเชื่อว่าตัวเองสวยหรือ sex-appeal สูง เขามองตัวเองเป็นคนจืดชืด เคยพูดด้วยว่าตัวเองงุ่มง่ามเหมือนคนแก่ๆ ผมเลยขี้เกียจจะเถียงทั้งๆที่ในใจแอบเถียงว่าคนงุ่มง่ามที่ไหนจะน่า…. ขนาดนี้
“ขอกำลังใจหน่อย เดี๋ยวครามจะขับรถให้นั่งนะ” ผมนั่งขัดสมาธิลงข้างคนดี ลูกเจี๊ยบหันมาหรี่ตามอง
"แต่ก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยครับ" คนดีเองก็ชอบว่าผมเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงาน เขาบอกว่าผมใจร้อนและขี้บังคับขึ้นในเรื่องเล็กน้อย เช่นเรื่องงานและเรื่องของเชา
"ก็แต่ก่อนยังไม่ได้แต่งงานนี่" ผมว่าแล้วชี้เข้าตรงปากตัวเอง
"คุณหมีมั่ว"
เพื่อนผมชอบบอกว่าผมเห่อเมียซึ่งผมเองก็ไม่ได้เถียงอะไร
“ครามไม่ได้มั่ว เร็วๆเลย”
"งั้นเดี๋ยวผมขับเอง"
“ดื้อเหรอลูกเจี๊ยบ” ผมกดปากลงที่แก้มเขาซ้ำๆจนคนโดนแกล้งหัวเราะเสียงดัง
"พอแล้วๆ" คนดีดันหน้าผมออก ปากอิ่มคลี่ยิ้มกว้าง เห็นแล้วอยากจะจับจูบแต่เดี๋ยวคงไม่ได้ไปไหนกันพอดี
"อยากชวนน้องแนนไปด้วยนะครับ"
"แล้วเขาจะเรียกว่าฮันนีมูนเหรอคนดี" ผมลุกขึ้นถือกระเป๋ามือนึง อีกมือเอื้อมไปจับมือเขาไว้
"ก็ไปกับครามสองคนมัน…"
"มันทำไม"
"ก็จะเป็นแบบตอนนั้นไงครับ"
ผมหันไปมองหน้าเขา ภาพจำตอนที่ไปเที่ยวทะเลกันครั้งแรกกับกลุ่มเพื่อนยังแจ่มชัด ผมไม่ค่อยชอบตัวเองในตอนนั้นนักเพราะเหมือนคนเอาแต่ได้ แต่พอนึกถึงร่างกายขาวๆใต้ร่างตัวเองแล้วก็คิดว่ายังไงก็คงห้ามตัวเองไม่ไหว
"ตอนไหนคะ" ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ คนดีเลยหน้าบูด
"ไม่ให้ครามทำนะครับ"
ผมมองเขา คนดีหลบตา
"ไม่อยากให้ทำตอนกลางวัน"
"ทำอะไร ครามทำอะไร" ผมทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่รู้เรื่อง เลยทำคนดีโมโห
"คุณหมี ฮึ่ย" ลูกเจี๊ยบเอาหัวมาไถที่ไหล่ผมเพราะเถียงไม่ออก ผมเปลี่ยนมาโอบเอวเขาไว้แทนแล้วลูบมันเบาๆ
"ก็คนดีไม่พูดให้ชัดๆ ใครจะไปรู้ล่ะ"
"ผมจะเล่นน้ำไม่สนุก" เขาว่าเสียงอ่อย
"ก็เล่นน้ำของคราม โอ้ย" พูดยังไม่ทันจะจบก็โดนบิดที่สีข้างไปที มันไม่ได้เจ็บมากแต่ก็แสบๆคันๆอยู่เหมือนกัน
"ตัวครามมีแต่รอยจากลูกเจี๊ยบทั้งนั้นเลย" ผมว่า สาเหตุทั้งหมดก็เพราะผมชอบกวนเขาแบบนี้ คนดีทำหน้าเสียใจอยู่แป๊บเดียวก็หันขึ้นมาเถียง
"ทีครามยังทำตัวผมเป็นรอยเลยครับ"
"จากลูกเจี๊ยบกลายเป็นแม่ไก่แล้ว" ผมว่าพร้อมกับก้มฟัดแก้มกับคอเขา คนดีเลยไม่ยอมสบตาอีก
"อ้าว งอนแล้ว" ผมปล่อยให้คนดีเข้าไปนั่งในรถก่อน ก่อนจะเดินอ้อมไปเก็บกระเป๋า พอกลับมานั่งคนสวยก็ยังหน้างออยู่เหมือนเดิม ผมเป็นพวกติดสกินชิพ บางวันนัวเนียเขาทั้งวัน จนคนดีต้องทำเป็นงอนเพื่อให้ผมรู้ตัวว่ากำลังกวนเขาอยู่
ผมยิ้มล้อๆเขาเพราะรู้ว่าไม่ได้โกรธจริงๆ คนดีไม่ใช่คนโกรธง่าย แต่ถ้างอนหรือโกรธจริงลูกเจี๊ยบจะหายไปเลย...และคงเป็นผมที่อยู่ไม่ได้
"ไม่แกล้งแล้วค่ะ คุณหมีขอโทษนะคะ ดีกันๆ" ผมเอื้อมมือไปลูบผมเขา คนดีเลยจับมือผมไปกัดคืน
“มือเจ็บขับรถไม่ไหวแล้ว” ผมสะบัดมือไปมาคนดีเลยจับมันไปจูบ ทำเอาผมยิ้มกว้าง
“หายแล้ว ขับรถได้แล้วนะครับ”
“ได้เลยค่ะ”
.
.
.
.
ตอนแรกผมบอกว่าจะไม่แกล้งคนดีตอนกลางวัน แต่เห็นบรรยากาศที่พักแล้วต้องคิดใหม่ เราเดินเข้ามาใน pool villa ส่วนตัว ด้านในบ้านไม้สวยมีเตียงขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง มองออกไปด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวกับวิวทะเลสีฟ้า ในบ้านตกแต่งสวย มีทีวี ครัว และข้าวของเครื่องใช้ครบครันเกินความจำเป็นของคนพักแต่ก็ดูคุ้มค่ากับเงิน ในตอนที่พนักงานอธิบายทุกอย่างแล้วเดินออกไป ผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง
"สบายจังเลยคนดี มานอนนี่เร็ว" ผมตบลงบนเตียง แต่อีกคนทำหน้าไม่ไว้ใจ ผมถึงได้เดินไปดึงลงมากอด คนดีหัวเราะคิกในตอนที่โดนมือกับขาผมล็อคตัวไว้แน่น
"ขอออกไปดูสระว่ายน้ำก่อนครับ" คนตัวเล็กกว่าต่อรอง
"ขอกอดก่อนนะคะ" ผมเลยต่อรองบ้าง คนดีเอื้อมมือมากอดผมแค่เสี้ยววิแล้วก็รีบบอก
"กอดแล้ว ครามปล่อยก่อนนะ ผมจะออกไปดูข้างนอก" เขาว่าเพราะคงไม่อยากนัวเนียกับผมเท่าไหร่
“คนดีอยากเล่นน้ำ” ลูกเจี๊ยบอ้อน...ผมก็เลยต้องยอม
"โอเค ไปก็ไป" ผมลุกขึ้นแล้วช้อนตัวคนตัวเล็กกว่าขึ้น
"อย่า! เดี๋ยวครับ คราม!" คนโดนแกล้งตกใจแต่ก็ไม่กล้าดิ้นเพราะกลัวจะร่วงลงจากอกผม ผมใช้เท้าเลื่อนประตูกระจกออกแล้วทิ้งตัวอีกคนลงในสระ คนดีเลยกลายเป็นเป็นลูกเจี๊ยบขนลู่
"คราม!"
"ก็เห็นบอกอยากจะเล่นน้ำ"
"ผมเปียกหมดเลย"
"เล่นน้ำก็ต้องเปียกสิคะ" ผมว่าพร้อมกับยืนมองคนโดนแกล้ง คนดีบ่นว่าเดี๋ยวจะขึ้นมาทุบผมแต่เจ้าตัวกลับถอดเสื้อวางไว้ข้างสระแล้วได้ทีว่ายน้ำอยู่คนเดียว ผมเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง และเพราะมัวแต่ติดพันกับโทรศัพท์ของลูกน้องที่ทำงาน ออกมาก็เจอลูกเจี๊ยบนอนอยู่ที่เก้าอี้ข้างสระ ดีที่วันนี้ไม่มีแดด ผมถึงได้เดินกลับมาหยิบผ้าขนหนูให้เขาแทน
"สั่งอะไรมาดื่มไหมคะ"
"เอาน้ำแตงโมครับ"
"หิวยัง"
"ยังครับ ครามหิวยัง"
"หิวแล้วค่ะ" ผมว่าพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้อีกคน ส่วนผืนเล็กก็เช็ดผมเปียกให้เขาแล้วมองท่อนบนเปลือยเปล่า ตรงจุกเล็กๆที่มีจิวสีเงินอยู่น่าก้มลงไปกัดเหลือเกิน
"หิวลูกเจี๊ยบ"
"ไม่คุยด้วยแล้ว" คนดีว่าพร้อมกับเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด
เขาหยิบหนังสือมาอ่าน ส่วนผมนั่งดูหนังอยู่ข้างกันที่เก้าอี้สานขนาดใหญ่ข้างสระ ซ้ายขวาเป็นต้นไม้ใหญ่ของทางรีสอร์ทส่วนข้างหน้าเป็นทะเลสีคราม
นอกจากที่นี่จะบรรยากาศดีมากแล้วคนดียังเป็นความสบายใจอีกอย่างที่ผมคิดว่าผมไม่ได้เคยได้มาจากแฟนคนไหน เขาสงบนิ่ง สุภาพและมีเหตุผลอยู่เสมอ คนดีไม่เคยบังคับ ไม่เคยเรียกร้องอะไรแต่ก็ไม่ใช่ไม่สนใจ ถ้าผมทำงานดึกกลับไปบ้านก็จะเจอลูกเจี๊ยบนั่งรอพร้อมกับกับข้าวที่ทำไว้ให้ หรือถ้าเขาหลับไปแล้วก็จะลุกมากอดแล้วถามว่าผมเหนื่อยไหม
อาจจะเพราะเขาโลกส่วนตัวสูง...คนดีเลยให้พื้นที่ส่วนตัวกับผมเสมอ
และเป็นเพราะผมติดเขามาก...พื่นที่ส่วนตัวของผมถึงเป็นการเข้าไปกวนเขา
“หนังสืออะไรคนดี” ผมถามคนที่ยังจดจ่ออยู่กับหนังสือข้างหน้า
“เรื่องสมัยโรมันครับ” คนข้างตัวบอกแต่ก็ไม่ได้หันมาสนใจกัน เขานั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ผมเองถึงได้ละสายตาจากหน้าของอีกคนมาที่ไอแพดที่เปิดหนังทิ้งไว้
เราเอนตัวอยู่บนเก้าอี้หวายอันใหญ่ข้างๆกัน
“อะไรคะ” ผมถามคนที่เบียดตัวเข้ามาหา
“ขอหนุนตักครามได้ไหมครับ” คนดีถาม
“คนดีต้องจ่ายค่าเช่าตักนะ” ผมว่าพร้อมกับลูบยาวประบ่าเบามือ
“แพงไหมครับ”
“แพงสิ”
“งั้นเดี๋ยวคนดีจ่าย”
ผมยิ้มให้ในตอนที่เขาวางหัวลงบนต้นขาผมแทนหมอน เพราะคนดีเป็นแบบนี้เลยกลายเป็นผมเองที่ไม่กล้าทำตัวไม่ดี ผมว่าผู้ชายไทยส่วนใหญ่มักจะมีข้ออ้างสำหรับการออกนอกบ้านเสมอ ผมเองก็เคยเป็น แต่ก่อนเวลาเบื่อบ้านหรือทะเลาะกับแฟนผมมักจะไปหาเพื่อน ไปหาความสบายใจ ไปด้วยความรู้สึกไม่พอ แต่เมื่อโตขึ้นหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไป
และเพราะเป็นเขา ผมถึงได้มีความสุขกับอะไรเล็กน้อยแบบนี้
“สมัยโรมัน ผู้ชายกับผู้ชายรักกันเป็นเรื่องธรรมดาเลยนะครับ” เขาคงพูดถึงหนังสือที่ตัวเองอ่านอยู่
“ครามครับ”
“ว่าไง” ผมละสายตาจากหนังแอคชั่นในจอมองที่เขาแทน คนดีเหมือนอยากจะถามอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป ผมเลยเอื้อมมือไปแตะแก้มเขาไว้
“ไหนสัญญาว่ามีอะไรก็ต้องบอกกันไง”
“ผมแค่กำลังคิดว่า ถ้าคุณหมีอยู่กับคนอื่นจะมีความสุขมากกว่านี้หรือเปล่า คิดเฉยๆนะครับ”
ผมอมยิ้มพร้อมกับมองคนชอบคิดมาก เห็นเขาว่าพวกศิลปินมักมีจินตนาการสูงท่าจะจริง
“แต่ครามคิดไม่ออกเลย ว่าถ้าตรงนี้ไม่ใช่คนดีแล้วจะเป็นยังไง”
ลูกเจี๊ยบยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้น ดูก็รู้ว่ากำลังเฉไฉ
"หิวแล้วครับ"
"กินอะไรดี กุ้งเผาดีไหมคะ หรือสเต็กเนื้อดีๆสักจาน ในรีวิวเขาบอกว่าที่นี่อาหารอร่อยมาก"
"สเต็กเนื้อคุณหมี" เขาว่าไปขำไป
"ให้ชิม อร่อยไหม" ผมยื่นแขนให้ เลยโดนฟันคมๆงับไปที
"ไม่อร่อยครับ"
"ไม่อร่อยเลยเหรอคะ"
"กับข้าวที่แฟนผมทำอร่อยกว่า" คนดีว่า ทำผมยิ้มกว้าง อีกสิ่งที่ทำให้ผมหลงเขามากเป็นเพราะหลังจากที่คนดีเลือกที่จะเชื่อใจผมแล้ว ลูกเจี๊ยบก็แสดงออกว่าเขาเองก็ดีใจที่มีผม คนดีในตอนนี้ต่างจากคนดีเมื่อปีก่อนอยู่เยอะทีเดียว แต่ก็เป็นคนดีที่น่ารักคนเดิม
"มีแฟนแล้วเหรอคะ กะว่าจะจีบสักหน่อย"
"จีบไม่ได้นะครับ" คนดีว่าด้วยสีหน้าจริงจัง
"แฟนหวงเหรอคะ"
"หวงมากๆครับ"
"แลัวรำคาญเขาบ้างไหม"
คนดีส่ายหน้า
"ไม่ครับ ไม่รำคาญเลย แต่อยากให้คุณหมีเชื่อใจ"
ผมก้มจูบตรงหลังคอเขา
"เชื่อใจสิคะ แต่กับเรื่องหวงมันห้ามไม่ได้นะ เหมือนคนดีชอบหึงครามเวลาเมาไง"
คนดีพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็บ่นๆว่าไม่เห็นจะเข้าใจเลย ผมขำคนตัวเล็กกว่าแต่ก็ไม่เถียงอะไร เพราะผมขี้หวงแบบที่คนดีว่าจริงๆ
“แสดงว่าแฟนต้องหล่อมากเลยนะคะถึงขี้หึงแบบนั้น”
“ทฤษฎีอะไรเนี่ย” คนดีย่นจมูกพร้อมกับขำ
"แฟนผมเหมือนหมีเลยครับ" เขาว่าพร้อมกับหัวเราะ
"งั้นก็หล่อแน่ๆ"
"ผมหล่อกว่า" คนดีหันมาบอกพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มือถือ
"เรื่องหล่อนี่ครามยอมให้คนดีคนเดียวเลยนะ" ผมว่าบ้าง ทำเอาอีกคนหัวเราะแล้วบ่นว่าผมขี้แกล้ง
.
.
.
.
พอโตแล้วผมว่าผมเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คน้อยลง ผมลังเลอยู่นานว่าจะลงรูปตอนเขาหลับดีไหม สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะกดโพสต์ลงในพื้นที่ส่วนตัว และคอมเมนต์แรกไม่ถึงนาทีก็มาจากไอ้แอล
"เห่อเมีย"
ผมชินแล้วแต่ก็อดขำไม่ได้
"นอนมากกว่านี้จะปวดหัวนะคนดี" ผมบอกคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง เมื่อคืนก่อนจะมาคนดีเขาเคลียร์งานจนดึก หลังจากกินข้าวตอนบ่ายเสร็จเรากะว่าจะนั่งดูหนังกันต่อในห้อง พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ผมปล่อยให้คนดีก็หลับไปส่วนตัวเองนั่งทำงานที่ค้างอยู่ต่อ จนถึงบ่ายสี่โมงเลยอยากปลุกเขา
"กี่โมงแล้วครับ"
"สี่โมงเย็นแล้ว มาฮันนีมูนไม่ได้ให้มาหลับนะคะ" ผมแกล้งว่า แต่คนพึ่งตื่นกลับหาวหวอด
"ง่วงครับ" เขาว่าพร้อมกับขยับตัวมากอดผมไว้ ผมที่สวยของเขากระจายลงบนเตียงสีขาว แพขนตาของเขาดำสนิทและยาว ผมใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกเรียวเล็ก
"เป็นลูกเจี๊ยบขี้เซา" ผมลูบแก้มเขาเบามือก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้
"มาเร็ว ไปเดินเล่นกัน เดี๋ยวค่อยมานอนต่อนะ"
.
.
.
.
รีสอร์ทที่นี่มีหาดส่วนตัวก็จริงแต่คนเยอะพอสมควร เพราะสามารถเดินต่อมาจากหาดหลักได้ ผมถ่ายรูปหาดทรายสวยส่งให้พี่จอยและน้องแนนดูหลายรูปก่อนจะเดินไปหาคนที่นั่งเล่นทรายอยู่ไกลๆ
"ครามครับ ผมอยากลงเล่นน้ำ"
"ไม่เอาคนดี คนเยอะ"
"ทำไมล่ะครับ"
คนดีสวมเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขาสั้น ผมส่ายหน้าอีกรอบ
“ไม่อยากให้เล่น”
และคนดีก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ขอคนดีเล่นนะ”
"หยุดเลยนะลูกเจี๊ยบ!" ผมบอกคนที่ก้าวเท้าลงไปในทะเล แต่ก็ได้แค่ห้าม เพราะไม่นานอีกคนก็ลงไปดำผุดดำว่ายสมใจ ผมว่ามันอันตรายเพราะไม่ได้มีพื้นที่จำกัดและก็ไม่รู้ด้วยว่าที่พื้นดินลึกเท่าไหร่ มีอะไรใต้นั้นบ้าง
"คราม ลงมาเล่นด้วยกัน"
ผมถอดเสื้อยืดไว้ตรงโขดหิน ก่อนจะเดินลงไปหาเขา ทั้งๆ ที่ไม่ชอบน้ำเค็มและกลิ่นเกลือแบบนี้เลย
"ชอบแบบนี้เหรอเนี่ย" ผมถามคนที่มุดน้ำมาเกาะหลังผมไว้เป็นลูกลิง
"ครับ โต้ซังก็ชอบ เล่นกันแบบนี้ประจำ"
คนดีน้ำว่ายไปรอบตัวผม ตัวแค่นั้นไปเอาแรงมาจากไหนไม่รู้
“ครามครับ!” คนสวยเบิกตากว้างเมื่อผมดึงตัวเขาเข้ามาใกล้แล้วสอดมือเข้าไปในกางเกงขากว้าง ผมไม่ชอบน้ำทะเลเพราะมันเหนียว แต่ผิวนุ่มลื่นของเขาในน้ำทะเลกลับให้ความรู้สึกที่ดี
“คะ?”
“ครามทำอะไร” คนดีถามหน้ายุ่ง ผมไล้มือไปทั่วก้นขาวนุ่มมือ แล้วจับมันไว้เต็มมือทั้งสองข้าง
“หาว่าซากุระอยู่ตรงไหน” พอบอกออกไปแบบนั้นอีกคนก็ทำตาโตพร้อมกับอ้าปากเหมือนจะเถียง มือเพรียวบีบที่เอวผมแน่น ผมเดาว่าอีกไม่นานผมน่าจะโดนหยิกอีกที
“ถ้าลูกเจี๊ยบหยิกคราม ครามสัญญาว่าจะบีบให้ก้นช้ำเลยค่ะ”
คนโดนแกล้งหน้าตึง ริมฝีปากเม้มแน่น
“ไม่แกล้งตรงนี้ ไม่เอาครับ” เขาว่าพร้อมกับดันอกผมออก
“งั้นครามขอกลับไปแกล้งนะ”
พี่จอยชอบหาว่าผมโรคจิตที่ชอบแกล้งเมีย แต่ผมว่าถ้าได้แต่งงานพี่จอยก็คงเข้าใจว่าทำไม
“ผมจะโกรธแล้วนะ”
“ไม่ทำแล้วๆ” ผมละมือออกจากตัวเขาอย่างเสียดาย คนดีว่ายน้ำออกไปไกล ผมเห็นว่ามันเริ่มมืดถึงได้ลากอีกคนขึ้นมานอนแผ่ตรงหาด เพื่อนผมชอบถามว่าคบกับผู้ชายต่างจากผู้หญิงยังไง ผมว่ามันแทบจะไม่ต่างกันเลยนะ แต่บางก็ก็เหมือนได้เพื่อนมากกว่าเมีย
"คุณหมีตัวแดงหมดเลย" คนดีมองหลังผมที่เริ่มขึ้นผื่น
"ครามเลยไม่ค่อยชอบน้ำทะเล มันเหนียวๆคันๆ" ผมตอบตามจริง
"แพ้เหรอครับ”
“น่าจะแพ้มั้งคะ เป็นตั้งแต่เด็กๆแล้ว” พอบอกแบบนั้นคนที่ดื้อลงไปเล่นน้ำเลยทำหน้าจ๋อย
“ไปอาบน้ำแล้วทายาเถอะกันครับ” คนดีว่าพร้อมกับยื่นมือมาให้ เห็นรู้สึกผิดแล้วซึมแบบนี้ก็เอ็นดู
.
.
.
.
“น่ารักจังเลย ขอบคุณนะคะ” ผมขอบคุณคนที่ตั้งใจอาบน้ำและออกมาทายาให้ ผมแพ้พวกกุ้งและอาหารทะเลด้วยถึงติดยามาเพียบ
“ผมขอโทษนะ” เขามองไปทั่วหลังผมที่เป็นจุดแดงๆ
“ขอโทษทำไม ครามไม่ได้เป็นอะไรเลย ยังเป็นหมีแข็งแรงอยู่ เดี๋ยวมันก็หายแล้วค่ะ”
“ไม่คันใช่ไหมครับ”
“ไม่คันๆ”
ผมมองตาคนขี้กังวล แตะที่เอวของเขาก่อนจะปลดผ้าเช็ดตัวออก ผมชอบมองเวลาเขาเปลือยมากกว่าวิวทะเลอีก
เหตุผลเดียวที่ผมไม่ชอบผิวตรงรอยสักของเขาก็คือ...ต่อให้ผมขบกัดแค่ไหนมันก็ไม่เป็นรอย
“มานี่มา”
“กินข้าวเย็นก่อนไหมครับ” คนดีถาม แขนเพรียวของเขาดันอกผมไว้...แต่ก็ไม่ทันแล้ว
“ทำก่อนนะคะ ค่อยกิน”
ผมดึงผ้าเช็ดตัวของตัวเองออกแล้วทาบทับตัวเปลือยเปล่าของตัวเองลงไปบนร่างกายของอีกคน อาจจะเป็นเพราะเตียงมันนุ่มมาก หรือไม่ก็เพราะผมหนักมาก คนดีเลยเหมือนจมลงไปในเตียง
เราจูบกันอย่างไม่รู้เบื่อ ลูกเจี๊ยบเงอะงะเมื่อหลายปีที่แล้วกำลังดูดลิ้นและงับริมฝีปากล่างของผมคืน ผมลากมือไปทั่วร่างกายเขา บีบเค้นทุกที่ให้ติดมือ นึกแปลกใจตัวเองที่ทนมาได้ทั้งวัน
“คราม...” คนดีเรียกเสียงแผ่ว ผมจับขาเพรียวแยกออกเพื่อแทรกตัวเข้าไปหาเขาได้ชิด จับมันเกี่ยวเอวตัวเองเอาไว้แล้วยกตัวคนดีขึ้นเพื่อสอดหมอเข้าไปตรงสะโพกเขา เวลากระแทกลงไปแฟนผมจะได้ไม่เจ็บมาก
“ครามจะทำเบาๆ” ผมบอกพร้อมกับจูบหน้าผากเขา คนดีย่นจมูก
ลูกเจี๊ยบคงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมโกหกเขาอยู่ประจำ
.
.
.
.
--คนดี
ผมพึ่งไปเรียนโยคะมาไม่นาน เพราะว่าทำงานนั่งโต๊ะมากแล้วร่างกายตึงไปหมด พี่จอยถึงได้แนะนำว่าโยคะน่าจะดี ผมเคยสอนครามไปแค่ท่าง่ายๆ แต่แค่วอร์มร่างกายคุณหมีก็บ่นว่าแขนจะหลุดแล้ว เขาว่าเล่นบาสหรือเตะบอลยังเมื่อยน้อยกว่านี้เลย
และคนที่พึ่งนึกถึงก็เดินออกมาหา
“ทำไมตื่นเช้า”
“เมื่อคืนนอนเร็วมั้งครับ” ผมที่กำลังคูลดาวน์ร่างกายหลังจากโยคะตอบ
ผมไม่รู้เลยว่าฮันนีมูนที่ครามบอกต่างจากเวลาอยู่บ้านตรงไหน แต่การเปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ก็ดีมากเหมือนกัน
“กอดหน่อยเร็ว” คนตัวโดนเดินเข้ามาใกล้ ผมลุกขึ้นแล้วโผเข้าไปกอดเขาแม้ตัวจะมีแต่เหงื่อก็ตาม ผมซบหน้าลงตรงรอยสักที่เหมือนกันของเรา ครามชอบตื่นมาแล้วขอกอด
ผมแกล้งถามเขาอยู่หลายครั้งว่าขาดความอบอุ่นหรือเปล่าซึ่งคุณหมีเองก็ตอบว่าแค่อยากกอด
“เมื่อยตัวไหม” คนตัวใหญ่ถามพร้อมกับลูบหลังผมไปมา
“ก็ดีกว่าแต่ก่อนครับ” ผมตอบตามจริง
“หมายถึงครามทำเบาลงเหรอ”
คุณหมีชอบทำแรงๆแล้วก็มือหนัก แต่หลังๆเหมือนเขาพยายามบอกตัวเองให้เบาลง ผมรู้ว่าครามกำลังอดทนอยู่
“เพราะผมออกกำลังกายต่างหากครับ” ผมบอกเขา ครามเลยได้แต่ขำ
“ไม่เห็นใส่ตรงแก้มนานแล้วนะคะ” ครามแตะที่รอยเจาะแดงๆตรงแก้มผม ถ้ามองปกติจะไม่เห็น ยกเว้นก็แต่ตอนที่มองใกล้ๆแบบนี้
“ครามใส่จิวให้ไหม” เขาถาม ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ
“ใส่ให้หน่อยนะครับ”
“ทำไมอันเล็กจังคะ” เขาถามจิวอันเล็กสีเงินที่เป็นรูปดาวตรงปลาย
“ถ้าใส่อันใหญ่ มันก็จะเป็นรูใหญ่ครับ ผมไม่ค่อยชอบ”
“บางๆน่ารักกว่าเนอะ”
“ของพวกนี้ ครามไม่ชอบหรือเปล่าครับ” ผมถามเพราะไม่เคยถามเขาเลย บางทีผมก็เอาแต่ใจเหมือนกันที่ทำเฉพาะเรื่องที่ตัวเองอยากทำ
“ครามไม่อยากให้คนดีเจ็บตัว ไม่อยากให้เจาะหรือสักแล้ว แต่ถ้าคนดีอยากทำอีกครามก็เคารพการตัดสินใจนะ”
“ไม่ทำแล้วครับ”
ครามยิ้มให้ก่อนจะกดจูบลงที่แก้ม
“อย่างตรงนี้ก็สวยดี” เขาชี้ลงที่แก้มผม
“ตรงอกก็สวย”
ผมยิ้มก่อนจะบอกเขาบ้าง
“แล้วถ้าอยากให้ลบหรือถอด ครามบอกผมได้นะครับ”
“ถ้าลบก็เจ็บอีกใช่ไหมคะ ไม่เอา” คุณหมีส่ายหน้าไปมา
“เป็นแบบที่คนดีอยากจะเป็นดีกว่า”
ผมเกรงใจครามมาก เพราะเขาทำทุกอย่างที่เขาทำให้ได้ ต่างจากผมที่แทบจะทำอะไรเพื่อเขาได้ไม่ดีพอ แม่ของครามเคยถามอยู่เหมือนกันว่าอยากจะมาช่วยครามทำงานไหม แต่ผมปฏิเสธเพราะผมเองไม่ถนัดงานแบบนั้นด้วย แล้วก็กลัวกลายเป็นภาระครามเขาด้วย
“ผมอยากทำอะไรเพื่อครามบ้าง”
“เป็นลูกเจี๊ยบขี้คิดมาก” ครามบอก เขายิ้มเหมือนทุกที
“แค่เป็นคนดีก็พอแล้วจริงๆนะ”
“คุณหมีใจดี” ผมว่าก่อนจะกอดเขาไว้บ้าง
“ทำไมเมื่อคืนยังบอกว่าครามใจร้ายอยู่เลย”
“ก็ครามแกล้ง” พอบอกไปแบบนั้นอีกคนก็ขำร่วน
“ก็คนดีน่าแกล้ง”
.
.
.
.
ผมไม่รู้ว่าการฮันนีมูนของคนอื่นเป็นยังไง แต่ของเราหมดไปกับการกิน นอนแล้วก็ออกมาเดินเลานที่หาดเหมือนเคย
“ทำไมครามถึงพาผมมาทะเล ครามดูไม่ค่อยชอบ” ผมถามคนที่บ่นมาตลอดทางว่าทรายเข้าเท้า เขาหัวเราะก่อนจะตอบ
“เพราะครามรู้ไงว่าคนดีชอบ”
เราเดินทอดน่องมาเรื่อยๆตามริมชายหาดสีขาวที่มีคนอยู่ประปราย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใกล้ๆกับต้นสนต้นใหญ่ ผมชอบมะเลมากๆเพราะว่าเป็นที่เที่ยวที่แรกที่ได้มาพร้อมหน้ากันทั้งพี่คู้ พี่อามิ โต้ซังแล้วก็ผม ผมจำได้ว่าผมกับพี่อามิตอนเด็กๆเราใช้ภาษาเด็กสื่อสารกันถึงได้ช้วยกันห่อปราสาททรายอันใหญ่ด้วยกันจนเสร็จ รูปของเราทั้งสี่คนยังเป็นรูปที่โต้ซังติดไว้ในบ้านอยู่เลย
“ขอบคุณนะครับ” ผมหันไปหาเขา
“ไม่ต้องขอบคุณ ครามทำหวังผล” ใครๆก็บอกว่าครามสายตาเหมือนคนเจ้าชู้ ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย ผมมองคุณหมีนิ่ง
“ครามหวังผลอะไร”
“คนดีรู้ไหม สระน้ำเขาเอาไว้ทำอะไร” ผมมองหน้าตาเจ้าเล่ห์ของคนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน คุณหมีหัวเราะ มือใหญ่ของเขาเอื้อมมาจะจับข้อมือผมไว้...แต่ก็ไม่ทัน
“โอ้ย ลูกเจี๊ยบ! หยุดหยิกคราม!”
END.
_________________________
ได้แต่คิดมาตั้งแต่ตอนแรกว่าว่าทำไมพระเอกไม่เป็นเรานะ 5555
เราพยายามเลี่ยงฉาก nc เพราะรู้สึกว่านังหมีชักจะได้ใจเกินไปค่ะ แต่สุดท้ายก็มาเลี่ยนกับบทของหมีมันอยู่ดี 555555555