♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020  (อ่าน 64942 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ล่อเสือออกจากถ้ำป่ะเนี่ย?

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
แชทได้แต่โทรหาแล้วตัดสายนี่แปลกๆละ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตามอ่านจนทันแล้ว
แต่มาค้างตอนสำคัญเสียนี่
ใครรูปร่างคล้ายๆอลัน
ถ้าเป็นเพืีอนสนิทพายล่ะ
สงสารพายอ่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มีเรื่องแล้วนินะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่ยี่สิบเก้า



ภาสกรกระหืดกระหอบมายืนจุดที่เขาชอบนั่งเป็นประจำยามว่างเมื่อครั้งก่อน ในมือก็คอยกดโทรศัพท์หาเพื่อนรักไปด้วย ทว่าสายก็ถูกปล่อยให้ตัดไปเองโดยไร้คนรับ เขาเปลี่ยนใจส่งข้อความหาอีกฝ่ายแต่ก็เหมือนเดิม คราวนี้นวพลไม่อ่านแม้กระทั่งข้อความ ภาสกรยิ่งร้อนรนใจ



หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับนวพลหรือเปล่า เขายืนหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่งแต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงสายน้ำกระทบฝั่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเงาของเพื่อน ภาสกรจึงตัดสินใจจะไปที่ห้องเพื่อนแทน แม้ว่าความจะแตกเรื่องที่เขากลับมาคาสิโนก็ช่างมัน ในเวลานี้ความปลอดภัยของเพื่อนสำคัญกว่า



หากยังไม่ได้ผละออกจากบริเวณที่ยืนอยู่ เขากลับสัมผัสได้ถึงเงาอะไรบางอย่างที่คืบคลานเข้ามาหาอย่างช้า ๆ ภาสกรกลั้นหายใจ ก่อนจะค่อย ๆ กลับหลังหันไปมอง เขามองไม่เห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ชัดเพราะมีเสื้อคลุมมีหมวกสวมศีรษะอยู่ ทำให้ใบหน้ามืดมิด



เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่ารู้จักคนคนนั้น แต่ก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์จึงเอ่ยทักอีกฝ่ายไปก่อน



“นน”



แค่เอ่ยเพียงพยางค์เดียวกลับเห็นสิ่งของบางอย่างในมือชายคนนั้น ภาสกรบอกกับตัวเองดูท่าแล้วสถานการณ์แปลก ๆ ไม่น่าไว้วางใจ เขาจึงหมุนตัวกลับหมายจะวิ่งเข้าคาสิโนอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ยินเสียงไล่หลังตามมาซึ่งคุ้นหูเขาเหลือเกิน



“จับมันไว้เร็ว!”



ไม่ต้องหันไปดูภาสกรก็แน่ใจว่ามีเสียงฝีเท้ามากกว่าหนึ่งคนที่กำลังวิ่งไล่เขาอยู่ ความรู้สึกกลัวก่อเกิดในใจขึ้นมาเป็นครั้งแรก คนผู้นั้นทำไมต้องคิดร้ายกับเขาด้วยและต้องการจับเขาไปเพื่ออะไรกัน ความคิดในหัวสมองตีกันวุ่นไปหมดแต่ภาสกรก็ไม่ยอมชะลอฝีเท้าแม้เพียงเสี้ยววินาที



“หยุด!”



คนกำลังหนีคิดในใจว่าใครจะยอมหยุดตามคำสั่งกันเล่า ภาสกรวิ่งต่อไปแต่เขาไม่ใช่คนวิ่งเร็วมาแต่ไหนแต่ไร ซ้ำยังออกกำลังกายไม่บ่อย แม้ช่วงนี้จะไปฝึกซ้อมกับอาจารย์เฉินและคุนถี่ขึ้น หากก็ไม่ค่อยได้วิ่งอะไรมากนัก ทำให้ไม่นานเขาก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้จากฝีมือของใครสักคนหนึ่ง



“จับได้แล้ว” น้ำเสียงคนที่จับตัวเขาได้เป็นคนละเสียงกับที่ออกคำสั่ง ภาสกรอยากภาวนาให้มีคนมาช่วยเขาแต่เวลานี้กลับไม่มีใครเลย ฉับพลันในหูก็นึกถึงคำพูดหนึ่งที่เคยบอกเขาไว้ว่าทำไมถึงต้องการให้เขาไปเรียนเอาตัวรอดกับอาเฉินและอาคุน



ภาสกรสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกอบกู้สติกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด คนร้ายจึงย่ามใจว่าเวลานี้คงจับเขาได้อยู่หมัดแล้ว ภาสกรทบทวนท่าทางที่เรียนมาอย่ารวดเร็ว ในหัวยังมีคำพูดหนึ่งของอาคุนที่เคยบอกเขาไว้



“ตอนลงมือห้ามลังเล หาจังหวะแล้วจับมันทุ่มลงไป แบบนี้! ” ภาพในวันนั้นคือภาสกรถูกทุ่มลงกับพื้นเบาะ และวันนี้เขาจะต้องทำให้ได้ จะได้ไม่เสียชื่ออาจารย์



ภาสกรพอสบโอกาสเหมาะจึงรีบลงมือทันที และคาดว่าคนที่จับตัวภาสกรนั้นไม่ทันคาดคิดว่าคนตัวผอมบางนั้นจะมีความรู้สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันได้ คนที่เป็นต่อจึงพลาดท่าถูกจับคนทุ่มลงกับพื้นได้



เมื่อภาสกรเป็นอิสระ เขารีบวิ่งต่อไม่รอช้าแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเหนื่อยและตื่นเต้นมากจนเกินไป เสียงฝีเท้าจึงไล่หลังมาเรื่อย ๆ อีกแล้ว เขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต หากถูกจับตัวไปได้ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง



แต่ทันใดนั้นเขาก็วิ่งชนเข้ากับร่างกายมนุษย์โดยไม่ทันตั้งตัว ใจของเขาหายวาบ ร้องบอกในใจว่าแย่แล้ว งานนี้เขาต้องถูกจับได้แน่นอน เขาเตรียมจะใช้วิธีเดิมจับคนตรงหน้าทุ่มอีกครั้ง แต่ก็ถูกล็อกเอาไว้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย แม้จะดิ้นแรงแค่ไหนก็สู้กำลังอีกฝ่ายไม่ได้



ภาสกรหลับตานึกถึงคนที่ไปจัดการปัญหาอยู่ที่ผับ ทุกอย่างกำลังสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าอรรควัสจะรู้ไหมว่าเขาถูกจับตัวไปและไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เจออีกฝ่ายอีกครั้งหรือเปล่า



ใจห่อเหี่ยว ท้อแท้อย่าปลงตกว่าคราวนี้คงหนีไม่รอดแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงสวรรค์เป็นเสียงที่คุ้นหู ภาสกรรีบลืมตาขึ้นมองอีกฝ่าย เขามองเห็นคนตรงหน้าเหมือนเป็นเทวดามาโปรดเขาในยามคับขัน

“คุณอรรค!” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง “คนพวกนั้น”

“ฉันรู้แล้ว” อรรควัสพูดเพียงเท่านี้ ไม่ต้องเอ่ยปากออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดคู่ใจ พวกเขาสองคนก็วิ่งไปหาคนที่วิ่งไล่ตามภาสกรอย่างรวดเร็ว



คราวนี้คนที่วิ่งไล่ตามกลับชะงักบ้าง หากสายไปที่จะถอยหลังกลับ สองคนนั้นสามารถจับคนที่วิ่งไล่ภาสกรได้อย่างง่ายดาย เห็นชัดว่าฝีมือนั้นคนละระดับกันอย่างเทียบไม่ติด แม้จะเพิ่งเจอเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนมา แต่ภาสกรก็อดชื่นชมอาจารย์ทั้งสองคนของตนไม่ได้



ช่างเก่งอะไรเช่นนี้



“เอาพวกมันไปไว้ที่ห้องนั้น”

ภาสกรได้ยินอรรควัสออกคำสั่งกับอาเฉินและอาคุนด้วยเสียงขรึมและแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว แม้จะเคยถูกดุหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงอรรควัสแล้วกลับขนลุกชันด้วยความกลัว จนลืมสนใจว่าห้องนั้นที่อรรควัสพูดถึงคือห้องไหนกัน



“ครับ” อาเฉินและอาคุนรับคำพร้อมกัน ก่อนที่อาเฉินจะพูดต่อ “บอสครับแต่มีคนหนึ่งหนีรอดไปได้”

“อืม ไม่ใช่ความผิดของพวกนาย แต่อย่าให้สองคนนี้หลุดหนีไปได้ก็แล้วกัน” บอสหนุ่มพยักหน้าเข้าใจเพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ผู้ชายที่มีหมวกของเสื้อคลุมคลุมศีรษะไว้นั้นยืนอยู่ไกลมากและไม่ได้วิ่งไล่ตามภาสกร เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงแอบหนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง

“รับทราบครับ” สองบอดี้การ์ดผงกศีรษะก่อนจะล็อกตัวสองคนร้ายหายไป



ภาสกรเข้ามาในห้องก่อนจะลงบนโซฟาอย่างหมดแรง เหตุการณ์ระทึกขวัญในค่ำคืนนี้เขาคงไม่มีทางลืมเลือนไปได้อย่างแน่นอน

“นึกอย่างไรถึงออกไปคนเดียว หืม” บอสหนุ่มนั่งลงข้างตัวเด็กหนุ่ม ก่อนจะวาดแขนดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด มือที่ติดจะคร้ามแดดนั้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยกว่าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ได้เลยว่าถ้าวันนี้ภาสกรถูกจับไปได้จริง ๆ แล้วละก็ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร

“ขอโทษครับ แต่นนส่งข้อความมาเหมือนมีเรื่องสำคัญมาก”

“เธอเลยเลือกออกไปหา?”

“ครับ พายขอโทษ แต่พายเป็นห่วงนน” คนพูดอยากจะดุอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่เข้าใจเหตุการณ์ดีว่า ภาสกรไม่ได้คิดที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เลย แต่เพราะเจ้าตัวเป็นห่วงเพื่อนอย่างที่บอกไว้จริง ๆ อย่างน้อยเขาก็รู้สึกขอบคุณที่ภาสกรยังนึกถึงที่จะบอกเขาก่อน แม้ว่าเขาไม่สามารถรับสายได้ แต่ก็ยังพอมีไหวพริบอยู่บ้างที่ส่งข้อความมาบอก

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”

“ขอโทษครับ” ภาสกรเอ่ยขอโทษจากใจอีกครั้ง

“ฉันนึกภาพตัวฉันเองไม่ออกเลยว่าถ้ากลับมาห้องนี้แล้วเธอไม่อยู่ ฉันจะทำอย่างไรต่อไป”

“พายจะไม่ให้คุณอรรคต้องเป็นห่วงอีกแล้วครับ” ภาสกรรู้สึกไม่ดีเลยที่ทำให้อีกฝ่ายทุกข์ใจ

“อาจจะคิดว่าฉันกังวลอะไรเกินเหตุแต่เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในอันตรายแค่ไหน พวกนั้นคงรู้เรื่องที่

เธอกลับมาทำงานที่คาสิโนแล้ว เลยส่งคนให้มาจับตัวเธอไป”

“แต่พายบอกเรื่องนี้กับนนแค่คนเดียว นนไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปบอกใครแน่ ๆ”

“เธอแน่ใจงั้นเหรอ”

“ครับ พายแน่ใจ พายเป็นเพื่อนกับนนมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่มีทางทำร้ายพาย” เจ้าตัวยังบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงมุ่งมั่นจนคนฟังไม่อยากขัดแต่ก็จำต้องเตือนสติคนในอ้อมกอดให้รู้ตัวบ้างว่าเพื่อนรักอาจไม่ใช่เพื่อนกันในวันสุดท้ายของบั้นปลายชีวิตก็เป็นได้

“แล้วคนที่หนีไปนั่น..”

“ไม่ใช่นนครับ พายจำนนได้ คนนั้นไม่ใช่นน” ภาสกรผละออกจากอ้อมกอดเพื่อจะสบตากับอีกฝ่ายว่าเขามั่นใจในคำพูดนี้มากแค่ไหน

“แน่ใจนะ” อรรควัสหรี่ตาลงพลางถามย้ำ

“ครับ พายแน่ใจ...แต่พายไม่แน่ใจว่าคนนั้นเป็นใคร แต่เขาคุ้นตาพายมาก ท่าทางหรือน้ำเสียงก็คุ้นหูพายมากเลยครับ น่าจะอยู่ในคาสิโน”

“ใช่ เป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นคนในคาสิโน” อรรควัสพูดเชิงสันนิษฐาน แต่เขากลับมั่นใจว่าเป็นคนภายในแน่นอนเพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิดนั้นเป็นสิ่งยืนยันความคิดนี้ได้ดี

“จริงด้วย!” ภาสกรอุทานร้องขึ้นมาอย่างตกใจ

“มีอะไร”

“นนครับ พายลืมไปเลยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับนนหรือเปล่า”

“นวพลปลอดภัย ฉันให้คนไปดูเขาก่อนที่จะเจอเธอเสียอีก”

“นนเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“เดาสิว่าเพื่อนรักของเธอเป็นอย่างไร”

“พายไม่กล้าเดา พายไม่อยากคิดอะไรร้าย ๆ”

“ตอนที่คนของฉันไปหานวพลน่ะ เขากำลังนอนหลับอยู่”

“นอนหลับ!?” ภาสกรถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย

“ใช่ นอนหลับ เธอคิดว่าไงล่ะ”

“แล้วนนจะพิมพ์ข้อความมาหาพายได้อย่างไร พายไม่ได้โกหกคุณอรรคนะครับ” ภาสกรรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้บอสหนุ่มดู อยากจะพิสูจน์ให้คนสูงวัยกว่ารับรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก

“ฉันรู้ เธอไม่โกหกฉันหรอก ตอนนี้นวพลเพื่อนเธอคงต้องพักงานไปก่อน จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง” บอสหนุ่มดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดอีกครั้ง

“อีกนานไหมครับ”

“คำถามนี้ไม่ได้ถามให้ตัวเองใช่ไหม” อรรควัสถามกลับเพราะรู้จักนิสัยขี้เป็นห่วงเรื่องคนอื่น

“เอ่อ..ครับ”

“ไม่นาน” อรรควัสส่ายหน้าก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมหนานั้น “ที่ฉันตอบคำถามเธอไม่ใช่เพื่อเพื่อนของเธอ แต่เพื่อเธอนะพาย”

“ขอบคุณครับคุณอรรค คุณดีกับพายมาก พายไม่รู้เลยว่าถ้าวันนี้ไม่ได้คุณมาช่วยพายจะทำอย่างไร ตอนนั้นพายคิดว่าถ้าถูกจับตัวไปได้จริง ๆ พายจะได้เจอคุณอีกไหมก็ไม่รู้”

“ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว วันนี้เธอแสดงให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถเอาตัวรอดได้”

“ได้ที่ไหนกันล่ะครับ พายเกือบถูกจับได้แล้ว”

“อย่างน้อยก็ยืดเวลาถูกจับออกไปได้ เธอเก่งมาก คนเก่งของฉัน”

“ต้องขอบคุณคุณอรรคอีกครั้งที่ให้พี่เฉินกับพี่คุนมาสอนผม”

“อืม หลังจากนี้ไม่ต้องไปซ้อมแล้ว..”

“ครับ?” ภาสกรลอบยิ้มในใจ เขาไม่ต้องถูกจับทุ่มอีกต่อไป

“เปลี่ยนไปฝึกวิ่งกับอาเฉิน อาคุนแทน”

รอยยิ้มภาสกรยิ้มค้างเปลี่ยนเป็นแห้งเหือด

งานนี้เขาต้องตายแน่ ๆ!





หลังจากส่งเด็กน้อยเข้านอนเรียบร้อย อรรควัวจึงออกมาจากห้องพักแล้วมุ่งหน้ามาที่ห้องหนึ่ง ห้องที่เขาอยากจะเข้ามาชำระความที่ผู้ร้ายสองคนนั้นบังอาจและกล้ามากที่จะมาจับคนของเขา กล้ากระตุกหนวดเขา ถ้ากล้าทำขนาดนี้แสดงว่าคงไม่นาน หางของคนบงการคงจะโผล่ออกมาเร็ว ๆ นี้



“บอสครับ” เมื่อเห็นบอสใหญ่เปิดประตูเข้ามา อาเฉิน อาคุนก็เอ่ยทักด้วยท่าทางสำรวมทันที

“อืม มันยอมพูดอะไรบ้างหรือยัง” อรรควัสมองผ่านกระจกลงไปยังพื้นด้านล่าง เห็นผู้ร้ายสองคนถูกจับแขวนมัดไว้ในท่ายืน คอของพวกมันพับตกลงไปหมดแล้ว คาดว่าสลบจากการถูกซ้อม

“ยังครับ พวกมันปิดปากเงียบ”

“ดี มันคงอยากลองดีกับฉัน”

“พวกมันพูดแต่ว่ายอมตายดีกว่าจะยอมบอก” อาคุนเปรยขึ้นมาด้วยรู้จักนิสัยของเจ้านายตนดี อรรควัสชอบการท้าทาย

“อย่างนั้นเหรอ” เจ้าของคาสิโนหัวเราะในลำคอพลางกระตุกยิ้มร้ายก่อนจะพูดต่อ “ไปปลุกพวกมันให้ตื่น ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วมันยังอยากตายอยู่ไหมหรือจะร้องขอชีวิต”



อรรควัสเดินลงไปชั้นล่างมองดูลูกน้องเอาน้ำสาดสองคนนั้นให้ตื่น คนถูกจับมัดตื่นขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ไง พวกนายคงรู้จักฉันดีอยู่แล้ว” อรรควัสนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงหน้าคนที่ยืนคู่นั้นแล้วเอ่ยทักพวกมันก่อนอย่างไม่ถือตัว

“...” ไร้เสียงตอบกลับ

“ใครส่งพวกแกมา” บอสหนุ่มยังถามต่อด้วยน้ำเสียง

“...”

“หัวหน้าแกเป็นใคร”

“...” เหมือนเดิม ไร้การตอบกลับ

“แกต้องการอะไรจากฉัน”

“...”

“ฉันถือว่าฉันถามคำถามที่จำเป็นไปครบถ้วนและให้โอกาสพวกแกหมดแล้ว แต่ในเมื่อไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ถ้าเลือกจะเงียบ ก็ขอให้เงียบไปตลอดก็แล้วกัน” อรรควัสค่อย ๆ เหยียดลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ เขาหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาถือไว้พลางเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายทีละนิด

“...” คนที่ถูกมัดมองคนที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเป็นกังวล

“มือไหนที่แกจับคนของฉัน” อรรควัสพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่พวกมันก็รู้ว่าบอสใหญ่ของที่นี่เป็นคนเด็ดขาด พูดจริงทำจริงมากแค่ไหน

“...”

“นิ้วมือพวกนี้สินะที่กล้าจับคนของฉัน ถ้าปล่อยเอาไว้ อีกหน่อยมันคงไปเที่ยวไล่จับคนอื่นอีก แต่ถ้าไม่มี..” อรรควัสเว้นระยะเล็กน้อย “ก็คงไม่ได้ทำอีก”

“กะ..แกจะทำอะไร” คนที่จับตัวภาสกรได้คนแรกยอมพูดขึ้นคำแรกด้วยความกลัว

“พูดได้แล้วงั้นหรือ” อรรควัสถามแม้น้ำเสียงจะฟังดูเนิบนาบ แต่หน้าตาอีกฝ่ายกลับสวนทาง สายตาจริงจังดุดันเริ่มทำให้คนถูกมัดเริ่มลนลานอยู่ไม่สุข “บอกฉันหน่อยสิว่าระหว่างแกกับเพื่อนแก อยากให้ฉันตัดนิ้วใครก่อน”

“แกบ้าไปแล้วหรือไง กะ..แกไม่กล้าทำหรอก”

“พวกแกคงรู้จักดีอยู่แล้วว่าฉันคือใครและ ฉัน..ไม่..เคย..พูด..เล่น” บอสหนุ่มเน้นย้ำทีละคำ “สรุปว่าให้ตัดนิ้วใครก่อน แกหรือเพื่อนแก เลือกมา!”

“มัน!” สองเสียงคนถูกมัดประสานขึ้นพร้อมกัน ไม่มีใครอยากจะพิการจึงรีบโบ้ยให้เพื่อนเป็นผู้รับเคราะห์ก่อน

“หึ ได้ แต่ฉันไม่ใช่คนลำเอียง พวกแกสองคนเท่าเทียมกันแน่” อรรควัสผินหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย ไม่ต้องรอให้ออกคำสั่ง บอดี้การ์ดคู่ใจก็แก้มัดเชือกคนฝั่งซ้ายก่อน

“ไม่เอา ไม่เอาเว้ย ตัดมันก่อน มันก็จับเด็กนั่นเหมือนกัน” คนที่จับภาสกรคนแรกโยนความซวยไปให้คนที่ยังถูกมัดอยู่

“ที่ฉันเลือกแกก่อนเพราะแกจับคนของฉันเป็นคนแรก เข้าใจหรือเปล่า” อรรควัสบอก คนที่ได้ฟังก็ตาเหลือกด้วยความกลัว เจ้าตัวดิ้นพล่านแต่สองบอดี้การ์ดเกร็งตัวรับแรงต่อต้านไว้อยู่แล้วจึงล็อกแขนไว้อย่างแน่นหนา ตอนนี้มือทั้งสองข้างของคนร้ายถูกวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

“อย่า อย่าทำ” คนร้ายร้องขอความเมตตาแต่ไหนเลยที่บอสใหญ่จะยอมฟัง มีดคมกริบตัดสามนิ้วข้างซ้ายพร้อมกันภายในครั้งเดียว เลือดสีแดงสดไหลนองสาดกระเซ็นไปทั่วโต๊ะ เสียงร้องแทบขาดใจเพราะความเจ็บปวดดังขึ้นเสียงดังกระทั่งคนถูกตัดนิ้วเป็นลมสลบไป

“บอกแล้ว ฉันยอมบอกแล้ว”

“ไหนว่ายอมตายดีกว่ายอมบอก” อรรควัสเปรยขึ้น

“ฉันบอกแล้ว บอกแล้วจริง ๆ”

“พูดมา”



คำพูดจากคนร้ายที่ยอมเปิดเผยนั้นเอ่ยออกมาแผ่วเบา จนเกือบไม่ได้ยิน แต่อรรควัสไม่ได้หงุดหงิดใจอะไร เขากลับยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่ผิดจากที่คาดคิดเป็นคู่แข่งคาสิโนของเขาจริง ๆ เร็ว ๆ นี้เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์มาเล่นที่คาสิโนของเขาด้วยซ้ำ

“ขอบใจแกมาก”

“ถ้างั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว”

“ปล่อยแน่ แต่บอกไปแล้วว่าฉันไม่ใช่คนลำเอียง” สิ้นคำพูดบอสใหญ่ อาเฉินและอาคุณก็แก้มัดเชือกคนที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไม่ต่างกับเพื่อนที่สลบไสลไป เจ้าตัวดิ้นพล่านหมายจะให้รอดพ้นจากการถูกจับตัว แต่สู้แรงไม่ไหว สุดท้ายนิ้วมือก็ถูกตัดไปเหมือนกับเพื่อนของตน

“สลบทั้งคู่เลยครับ” อาเฉินรายงาน

“อืม ตัดนิ้วที่เหลือให้หมดแล้วส่งกลับมันไปหาเจ้านาย”

“ถ้าเราทำแบบนี้จะไม่เป็นการบอกให้พวกมันรู้ตัวเหรอครับบอส” อาคุนท้วงขึ้น

“ให้มันรู้ตัว ฉันเบื่อแล้ว อยากจบเกมนี้เสียที”

“บอสแน่ใจเหรอครับว่าที่ไอ้หมอนี่พูดจะเป็นความจริง ถ้ามันตั้งใจบอกชื่อผิดคนล่ะครับ” อาคุนยังไม่วางใจ





“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าเราก็จะรู้เองว่ามันพูดจริงหรือโกหก”




========================================


สวัสดีปีใหม่จีนล่วงหน้าค่ะ ขอให้ได้รับแต๊ะเอียกันถ้วนหน้านะคะ

ปล ยังไม่ได้ตรวจคำผิดหรือเกลาเลย ถ้ามีประโยคเพี้ยนๆ ไปบ้างขออภัยด้วยค่ะ

HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ยังดี มาช่วยทัน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อื้อหือสยอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โชคดีที่คุณอรรคเตรียมการไว้เป็นอย่างดีกับการให้พายฝึกฝนการป้องกันตัวไว้

ป.ล. คนที่โทรคือนนจริงหรือเปล่า?  แต่ข้อความเนี่ยคงไม่ใช่นนหล่ะ(มั้ง)

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
เกือบไปแล้ววววว ไม่เคยเห็นคุณอรรคมาดแบบมาเฟียเลยพอมีepนี้ก็ใจกระตุกนิดๆ  :-[

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คุณอรรค เก่ง และโหด ที่สำมะคัน รักนุ้งพาย มั๊กมาย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไม่โหดก็อยู่ไม่ได้ในวงการนี้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เด็ดขาดดีจริงๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ถ้านนนอนอยู่ที่ห้องแล้วใครกัน?  :ling2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สามสิบ




วันถัดมาภาสกรไม่ยอมพลาดโอกาส เขาหาทางติดต่อกับนวพลจนได้ แม้ว่าเบื้องหลังความพยายามคือการขอร้องบอสใหญ่ให้ช่วยพาเขาไปพบเพื่อนรักคนนี้ก็ตาม สุดท้ายเจ้าของคาสิโนไม่ได้เป็นคนพาคนดื้อดึงไปพบอีกคนด้วยตัวเอง แต่เป็นบอดี้การ์ดคู่ใจคนหนึ่งแทน



ภาสกรเหลือบมองอาเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาระยะสองเมตรแล้วก็ลดเสียงลงโดยอัตโนมัติ มาจากการกระทำที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด ภาสกรเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน นึกแล้วก็ขันตัวเอง ท่าทางเหมือนแอบคุยในห้องเรียนอย่างไรอย่างนั้นเชียว



“ตกลงเมื่อคืนแกไม่ได้ส่งข้อความหาเรา?” ภาสกรถามสิ่งที่ค้างคาใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“อืม เราจะส่งไปได้ไงอะ ในเมื่อเราหลับอยู่” นวพลเองก็ตอบด้วยคำเดิมพลางทำหน้าเบื่อหน่ายที่เพื่อนตรงหน้าไม่เชื่อคำพูดตนสักที

“แต่มันน่าสงสัย แล้วข้อความที่เราได้จากแกอะ ถ้าอย่างนั้นมันมาได้ไง”

“เราไม่รู้ แต่เราไม่ได้โกหก แกก็รู้จักนิสัยเราไม่ใช่เหรอ พาย” นวพลบอกอย่างอ่อนใจ

“ก็เพราะว่ารู้จักนิสัยแกเนี่ยแหละ เราถึงได้แปลกใจไง” ภาสกรครุ่นคิด คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าทำไมข้อความจากโทรศัพท์มือถือนวพลถึงถูกส่งมาหาเขาได้ อีกทั้งข้อความจากเครื่องอีกฝ่ายก็อันตรธานหายไปหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักข้อความเดียว



และอีกอย่างตอนนี้โทรศัพท์ของนวพลก็ไม่ได้อยู่กับเจ้าของแล้วเพราะหลังจากเกิดเรื่องอรรควัสก็ให้คนเอาโทรศัพท์เครื่องปัญหานี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียด คาดว่าอีกสองสามวันคงเอาเครื่องมาคืนนวพลได้ ตอนนี้ภาสกรเลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างต่อไปดี

“ขอโทษนะที่เราเกือบทำให้แกไปเจอเรื่องร้าย ๆ แล้ว” นวพลบอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ถ้าแกถูกจับไปจริง ๆ ละก็ เราคงไม่มีหน้ากลับไปบอกน้าภากับพี่พรีมของแกแน่ ๆ ว่าเกิดเรื่องพวกนี้กับแกได้อย่างไร”

“เฮ้ย ไม่ต้องมาขอโทษสร้างดรามาอะไรตอนนี้เลย” ภาสกรรีบตบไหล่เพื่อนให้คลายความรู้สึกดังกล่าว “แกไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แกยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เราจะโทษแกได้ไง จะบอกให้นะแล้วต่อให้เกิดอะไรกับเราจริง เราก็ไม่โกรธแกหรอกเว้ย”

“แกนี่น้า ถ้าเราเป็นคนร้ายจริง ๆ จะทำอย่างไร” นวพลส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับนิสัยของอีกฝ่าย ช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง

“ไม่ใช่แกหรอก เมื่อคืนถึงแม้เราจะเห็นหน้าเขาไม่ชัดแต่ก็ไม่มีทางเป็นแกแน่นอน”

“เราอาจจะจ้างใครไปจับแกก็ได้” นวพลพูดขึ้นในอีกแง่มุมหนึ่ง

“สรุปว่าแกอยากเป็นผู้ร้ายให้ได้ใช่ไหม” ภาสกรหรี่ตามองเพื่อน

“เปล่า เราก็แค่อยากให้แกคิดอะไรหลาย ๆ มุม คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะเว้ย” นวพลพยายามพูดให้เพื่อนได้คิดเผื่อว่าอีกฝ่ายจะนึกถึงคนอื่นบ้าง คนที่เขาไม่เคยไว้ใจเลยสักครั้ง คนที่เพื่อนรักของเขาเคยช่วยไว้ในตอนที่คนนั้นคิดจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

“แกหมายถึงพี่แอนดี้ใช่ไหม” ภาสกรพูดอย่างรู้ทัน

“อืม”

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นพี่แอนดี้วะ เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก” ภาสกรบอกอย่างไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมแกไม่คิดว่าเป็นพี่แอนดี้ของแกเล่า แกรู้จักเขาดีแค่ไหน ตั้งแต่แกช่วยเขามาก็มีแต่เรื่องไม่ใช่หรือไง”

“นั่นมันเพราะเราซวยเองต่างหาก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย” ภาสกรแก้ตัวให้บุคคลที่สาม

“เราพูดไปแกคงไม่เชื่อเราเลยใช่ปะ”

“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่..”

“เออ ไม่เป็นไร เราหวังว่าเรื่องคงจะคลี่คลายได้เร็ววันอะ อุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้ก็เบื่อ” นวพลเสพูดเรื่องอื่น ไม่อยาก

ให้บรรยากาศตึงเครียด

“คงเร็ว ๆ นี้” ภาสกรคาดเดาจากคำพูดที่อรรควัสเคยบอกเขาไว้ว่าเรื่องราวใกล้จบแล้ว

“งั้นแกก็ระวังตัวให้ดี อย่างไรเราก็เป็นห่วงแกมากนะเว้ยพาย”

“ขอบใจแกมาก เราจะระวังตัวให้มากกว่าเดิม จะพยายามไม่ไปไหนมาไหนคนเดียว” ภาสกรพูดจบก็แอบหันหลังไปมองอาเฉินที่ยังยืนนิ่งเหมือนหุ่นอยู่ตรงมุมห้อง “แกก็เห็นว่าวันนี้พี่เฉินมากับเราด้วย แกไม่ต้องห่วงเราหรอก”

“แกพูดถึงบอดี้การ์ดของบอสขึ้นมาก็ดี”

“ทำไมวะ”

“ตอนนี้ความสัมพันธ์ของแกกับบอสอยู่ในรูปแบบไหนวะ” จู่ ๆ นวพลก็เปลี่ยนเรื่องถามตรงประเด็นอย่างเฉียบพลัน

“ถามบ้าอะไรของแก” ภาสกรรีบหลบตา ไม่กล้ามองหน้าเพื่อน

“เราทำงานมาที่นี่กี่ปีแล้ว ถ้าจะมีบอดี้การ์ดเดินตามใครสักคน หนึ่งในนั้นมักจะเป็นคนที่อยู่ชั้นยี่สิบเก้า...” นวพลจงใจทิ้งคำพูดไว้เท่านั้น

“เฮ้ย ไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะเว้ย” ภาสกรรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เขาไม่ใช่เด็กในสังกัดของบอสใหญ่เสียหน่อย

“แกรู้หรือว่าเราคิดอะไร” นวพลสวนกลับ “แต่ตอนนี้คนชั้นยี่สิบเก้ายังอยู่ดี เท่าที่เรารู้บอสจะมีคนบนชั้นนั้นทีละคน”

“ก..ก็..ใช่ อย่างที่แกคิดนั่นแหละ คุณอลันยังอยู่ชั้นนั้น” ภาสกรรีบพูดคล้อยตามกับอีกฝ่าย

“แกพูดถูกเพราะว่าคุณอลันยังอยู่ชั้นนั้น แล้วทำไมบอสถึงยอมให้บอดี้การ์ดเขามาเดินตามอารักขาแกต้อย ๆ ด้วย?”

“เพราะ...เพราะ..เรื่องที่เกิดขึ้นไง แกก็เหมือนกันนี่ยังถูกส่งมาอยู่ที่ห้องนี้เลย บอสก็ไม่ให้แกไปทำงาน พักงานก่อนไม่ใช่เหรอ” ภาสกรบอกเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเป็นอย่างที่แกบอกแล้วทำไมบอสถึงไม่ให้แกมาอยู่กับเราที่ห้องนี้ล่ะ ทำไมแกต้องแยกไปอยู่ที่อื่น แกว่าไหม บอสไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แยกแกไปไว้อีกที่แล้วส่งบอดี้การ์ดมาดูแลตอนที่มาหาเราเหมือนครั้งนี้”

“แกเลิกสงสัยได้แล้วนน เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าบอสคิดอะไรแบบไหนอะ” ภาสกรเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกปิดอาการที่ถูกจับผิด

“บอกมาไอ้พาย แกนอนกับบอสแล้วใช่ไหม” นวพลเลือกถามแบบยิงเข้าเป้าเลยดีกว่า ไม่อย่างนั้นเพื่อนของเขาคงจะบ่ายเบี่ยงต่อไปไม่หยุด

“ไอ้นน!” คราวนี้ภาสกรเก็บความรู้สึกไม่ได้แล้ว เขาเสียงดังยามเรียกชื่อเพื่อนก่อนจะได้สติหันไปขอโทษอาเฉินที่ยืนอยู่ “ขอโทษครับพี่เฉิน”

“เราพูดถูกใช่ไหม”

“จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา” เขาพยายามใช้น้ำเสียงที่หงุดหงิดเพื่อให้เพื่อนรักนั้นเลิกเซ้าซี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย

“เราเป็นใคร เราไอ้นน รู้จักแกมากี่ปะ หา? อย่ามาทำเสียงไม่พอใจใส่ เรารู้ทันหรอกน่า ตอบมาตรง ๆ นอนหรือยัง”

“...” ภาสกรกัดริมฝีปาก ใบหน้าเพื่อนก็ไม่กล้ามอง

“นอนหรือยัง” นวพลถามซ้ำ เมื่อถูกเร่งรัด ภาสกรเลยตัดสินใจตอบไปให้เสียจบ ๆ จะได้ไม่ถูกซักถามอีก

“เออ ๆ พอใจหรือยัง” ไม่วายที่จะประชดเพื่อนกลับไป

“เออ ๆ นี่คืออะไร ตอบให้ตรงคำถามหน่อย” ทว่านวพลไม่สนใจกลับถามอีกครั้ง

“นอนแล้ว ชัดเจนยัง” คนถูกซักมาก ๆ เข้าเลยกระแทกเสียงตอบ เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยในท่าทีเขินอายของเพื่อนสนิท

“โตเป็นหนุ่มแล้วนะน้องพาย แบบนี้พี่พรีมกับน้าภาคงดีใจที่ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาออกเรือนแล้วล่ะสิ”

“บ้าเหรอไงวะ” ภาสกรด่าเพื่อนแก้เขิน “แม่กับพี่พรีมยังไม่รู้เรื่อง เราไม่กล้าบอกหรอกเรื่องพวกนี้หรอก”

“ทำไมวะ”

“ถ้าแกไปนอนกับใครมา แกจะไปเล่าให้แม่ฟังเหรอไงวะ” ภาสกรนึกฉุน

พอนวพลได้ฟังก็ได้สติกลับมาคืนมา เพื่อนของเขาพูดได้อย่างถูกต้อง มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเล่าให้ใครฟัง ถึงแม้ว่าแม่กับพี่สาวของเพื่อนเขาอยากให้ลูกชายของตนมีคนรักมากไหนก็ตาม

“โทษที ๆ เราคิดน้อยไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร เรารู้ว่าแกหาเรื่องแกล้งเรา”

“รู้ก็ดี” นวพลจุดยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม “ว่าแต่เรื่องแกกับบอส แกคิดดีแล้วใช่ไหม”

“คิดดี? เรื่องอะไร” ภาสกรไม่เข้าใจความหมายในคำพูดอีกฝ่าย

“ที่แกจะอยู่กับบอส ถึงแม้เราจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่หรอก เราไม่อยากเห็นแกเสียใจ ขอโทษที่ต้องพูดกับแกตรง ๆ แต่แกก็คงได้ยินมาบ้างว่าบอสเปลี่ยนคนบ่อยแค่ไหน”

“เรา..” ภาสกรหน้าม่อยลง ที่นวพลพูดมาก็ถูก เขาได้ยินมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานที่คาสิโนถึงกิตติศัพท์เปลี่ยนคนบนชั้นยี่สิบเก้า

ไม่แปลกที่อรรควัสจะเปลี่ยนคนใหม่ไม่ใช่เขา ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่า “รัก” เขาก็ตาม

“ขอโทษ เราไม่น่าปากเร็ว” นวพลขอโทษอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดี

“ไม่ต้องขอโทษ ที่แกพูดมาอะถูกแล้ว มีใครไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้บ้าง...” ภาสกรกะพริบตาถี่ขึ้น กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะพูดต่อ “แกจำผู้ชายคนหนึ่งที่เราชอบได้ไหม”

“นึกไงพูดเรื่องคนอื่น เกี่ยวอะไรกับบอสวะ” นวพลขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“เถอะน่า จำได้ไหม”

“จำได้ ถึงเราจะไม่เคยเห็นหน้าเขาแต่ก็ฟังแกเล่าให้ฟังไม่รู้กี่พันร้อยรอบจนเกือบจะชอบคนนั้นเหมือนแกแล้ว”

“จำได้ก็ดี ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนรักเรา”

“ตกลงแกถามทำไม”

“บอส..คุณอรรค..คือผู้ชายคนนั้น”

“เฮ้ย ไม่จริงน่า” คราวนี้คนเสียงดังกลายเป็นนวพล เขารีบยกมือปิดปากแทบไม่ทันกลัวว่าบอดี้การ์ดหน้านิ่งจะเดินมาจับเขาโยนออกไปจากห้อง

“จริง”

“โลกกลมชะมัดอะพายเอ๊ย”

“เออ เราก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่มีรอยนี่ เราคงไม่เชื่อ” ภาสกรชูแขนข้างที่มีรอยแผลเป็นขึ้นมา “รู้ไหมว่าบอสก็มีรอยแผลเป็นแบบนี้เหมือนกันแล้วถ้าเอาแขนเรากับบอสมาวางต่อกันจะเห็นเป็นรอยแผลเป็นที่ต่อกัน”

“โรแมนติกสุดอะ” นวพลบอกอย่างดีใจแม้ว่าเหตุการณ์ที่ได้แผลนี้มาจะไม่ได้น่ายินดีสักนิด

“เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเราจะเป็นอย่างไร เขาอาจจะเปลี่ยนคนอีกก็ได้ แต่อย่างน้อยนะเว้ย เราก็ได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่กับเขา อยู่กับคนที่เราแอบชอบมาเป็นสิบปีเลย แค่นี้ชีวิตเราก็สมหวังแล้วหรือเปล่าวะ” ภาสกรพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

“แค่เห็นแกมีความสุขเราก็ดีใจแล้ว”

“และสุดท้ายจริง ๆ ถ้ารู้ตัวคนร้ายเมื่อไหร่ เมื่อเรื่องนี้จบลงเราก็คงต้องกลับบ้านเสียที”

“ทำไมอะ แกไม่หาเงินไปรักษาน้าภาแล้วเหรอไง”

“ไม่ต้องแล้ว พี่พรีมโทรมาบอกเราว่ามีคนบริจาคเงินให้แม่ว่ะ โคตรงงเลย”

“เออ โชคดีแล้ว น้าภากับพี่พรีมคงดีใจที่แกกลับไป”

“อืม เขาอยากให้เรากลับไป แต่เราขออยู่ต่ออีกนิด"

“กลับไปอยู่กับครอบครัว อย่างไรก็คงดีกว่าอยู่ที่นี่แหละเว้ย”

“คงงั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าพอกลับไปแล้ว หัวใจของเราจะกลับไปกับเราด้วยไหม” ภาสกรหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นยืน “เราต้องกลับไปกินข้าวกับเขา เดี๋ยวเราไปก่อนนะนน พรุ่งนี้ถ้ามาได้เราจะมาหาแกใหม่”

“เออ ไม่ต้องเป็นห่วงเรา สะดวกแล้วค่อยมา”

“ไปนะ” ภาสกรบอกลาเพื่อนแล้วเดินไปหาบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่นาน “ขอโทษครับพี่เฉิน ผมคุยกับเพื่อนเสร็จแล้ว เราไปกันเถอะ”

“ครับ”







ทางด้านบอสใหญ่คาสิโนหลังจากที่สั่งให้คนสนิทส่งของขวัญกลับไปหาผู้รับแล้ว ในช่วงสายเขาก็มีโอกาสได้เจอกับเจ้าของของขวัญบนชั้นวีไอพีเสียที เขาไม่แปลกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายราวกับแน่ใจมานาน



“คุณชายเสิ่นให้เกียรติมาถึงคาสิโนของเรา มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” อรรควัสก้มศีรษะให้อีกฝ่ายไม่มากจนดูนอบน้อมหรือน้อยไปจนดูเย่อหยิ่ง

“หามิได้ ๆ คุณอรรคบอสใหญ่ที่นี่พูดอย่างนี้ผมก็ลำบากใจเอาน่ะสิครับ” ทางนั้นก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส

“เจ้าสัวเสิ่นสบายดีนะครับ” อรรควัสเอ่ยถามถึงบิดาของผู้มาเยือน

“คุณพ่อสบายดี วันก่อนท่านก็ถามถึงเจ้าสัวหงเหมือนกัน คงสบายดีนะครับ” ในเมื่อถูกถามมาก็ต้องถามความเป็นห่วงกลับไป

“ขอบคุณเจ้าสัวเสิ่นและคุณชายเสิ่นที่นึกถึง อาเปียวสบายดีครับ” อรรควัสหมายถึงหงเปียว เจ้าสัวคนล่าสุดของตระกูล

“จุ๊ ๆ” คุณชายเสิ่นจุ๊ปาก “ตระกูลหงนี่เลือกใช้งานคนเก่งมาก อีกทั้งยังใจกว้างดั่งแม่น้ำนะคุณอรรค ลูกหลานของตระกูลไม่ต้องเข้ามาดูแลกิจการของบรรพบุรุษ กลับให้คนนอกตระกูลมาดูแลบริหารจัดการ โชคดีที่มันยังไปได้ดี ไม่ล่มจมไปเสียก่อน” คำพูดแสดงเจตนาโดยไม่ปิดบัง ทว่าอรรควัสกลับมีสีหน้าดังเดิม ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วหรือนึกโกรธในคำพูดที่ถูกครหาจากอีกฝ่าย

“ขออภัยที่เสียมารยาท แต่เกรงว่าคุณชายเสิ่นคงจะเข้าใจอะไรผิดไป คาสิโนแห่งนี้ตระกูลหงแค่ถือหุ้นอยู่เท่านั้นครับ”

“ผมรู้น่า คุณอรรคอย่าเพิ่งร้อนตัวสิครับ ใครจะไปกล้ากล่าวหาคาสิโนของคุณอรรคได้” คุณชายเสิ่นหัวเราะเสียงดัง จนคนรอบข้างหันมามองเพียงจุดเดียว

“เชิญคุณชายเสิ่นรับเครื่องดื่มอะไรหน่อยไหมครับ” อรรควัสเรียกพนักงานเข้ามาพลางหยิบยื่นเครื่องดื่มให้อีกฝ่ายราวกับรู้ใจ

“คุณอรรคดูแลแขกดีอย่างนี้ไงเล่า แขกจากคาสิโนผมถึงได้มาที่นี่จนไม่กลับไป”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ บางทีเราไปแต่สถานที่เดิม ๆ ก็อาจจะเบื่อกันบ้าง เหมือนเปลี่ยนบรรยากาศน่ะครับ”

“อืม มีเหตุผล สถานที่เราไป ของที่เรากิน อะไรที่มันซ้ำ ๆ ก็คงเบื่อ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ชอบอาหารไทย เบื่ออาหารตะวันตกแล้วเหรอครับ”



เหมือนจะเป็นการชวนคุยเรื่องธรรมดาแต่คนที่มีปัญหากันย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่อถึงอะไร คุณชายเสิ่นจงใจเปิดประเด็นเรื่องภาสกรกับอรรควัสอย่างไม่ปิดบัง



ตั้งใจเปิดเผยแล้ว



“ผมดีใจมากที่คุณชายเสิ่นสนใจเรื่องของผม ที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” หากอรรควัสไม่ได้โต้ตอบรุนแรงเขากลับผงกศีรษะให้อีกฝ่ายนิดหนึ่ง ราวกับนับถือที่อีกฝ่ายให้ความสนใจในเรื่องเขา

“ถ่อมตัวไปแล้ว คนธรรมดาที่ไหนกัน สาวน้อย สาวใหญ่ ลูกคนดังต่างอยากร่วมสกุลกับคุณอรรคทั้งนั้น ไม่ใช่สิ กับตระกูลหงทั้งนั้น” คุณชายเสิ่นพูดจบก็วางแก้วลงบนถาดที่พนักงานเดินผ่านมาโดยไร้การดื่มแม้แต่หยดเดียว

อรรควัสมองตามการกระทำนั้นแต่ไม่พูดหรือทักท้วงอะไร เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาหาเขาฉันมิตร

“ว่าแต่วันนี้ที่คุณชายเสิ่นที่นี่ อยากมาผ่อนคลายหรือแวะมาเยี่ยมเยียนกันครับ”

“แหม้ พูดหมือนไม่อยากต้อนรับผมเสียอย่างนั้น”

“ไม่ใช่ครับ แต่ผมจะได้รับใช้คุณชายเสิ่นถูกอย่างไรล่ะครับ กลัวว่าจะบริการไม่ดี หากคาสิโนเราบริการไม่ถูกใจบอกผมได้ตลอดนะครับ”

“ได้รับการเอาใจใส่จากเจ้าของคาสิโนดีขนาดนี้ ผมก็สบายใจ” คนมาเยือนพูดโดยเน้นคำว่าเจ้าของคาสิโนเหมือนอยากจะตอกย้ำอีกครั้งว่าคาสิโนแห่งนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่ของอรรควัสอย่างที่รู้กัน

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”

“ถ้าเป็นหน้าที่ของคุณ ผมว่าหน้าที่ของคุณก็น่าจะอยู่แต่ในส่วนของตัวเองไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเอาขยะมาทิ้งที่หน้าบ้านของผม” คนพูดไม่ได้หมายถึงบ้านของตนเองจริง ๆ เขาแค่เปรียบเทียบเท่านั้น

อรรควัสได้ยินก็แอบลอบยิ้มในใจ อีกฝ่ายเริ่มเรื่องขึ้นมาแล้ว

“ผมก็ดูแลในส่วนของผม แต่อะไรที่ไม่ใช่ของของผม ผมจำเป็นต้องคืนเจ้าของที่แท้จริง” อรรควัสยิ้มเย็นพลางเลิกคิ้วถาม “หรือว่าเจ้าของตัวจริงไม่ใช่คุณชายเสิ่น”

เจ้าของคาสิโนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เสแสร้ง

“...” อีกฝ่ายเลือกนิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบ

“คุณชายเสิ่นพูดขึ้นมาแล้วก็ดีครับ ผมเองก็เบื่อเล่นอะไรแบบนี้เต็มที เดาว่าคุณชายเองก็คงเบื่อไม่ต่างจากผมใช่ไหม”

“หึ คุณอรรคนี่รู้ใจผมเสียจริง” คุณชายเสิ่นแค่นเสียงตอบกลับไป



“ในเมื่อคุณชายเสิ่นพูดถึงขนาดนี้แล้ว...ถ้าอย่างนั้นเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าไหมครับ”










========================================


เขมว่าเราน่าจะมาถึงโค้งรองสุดท้ายแล้วละค่ะ ^^


HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คิดเหมือนนนเลย  ไอ้เจ้าพี่แอนดี้มันทำเสน่ห์ยาแฝดขนานไหนเหรอ?   พายถึงไว้ใจมากขนาดนั้น

คนอื่นยังไม่ไว้ใจอิตาแอนดี้นี่เลยอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตัดจบเฉยยยยย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ชักปืนออกมายิงกันเลยจ้ะพี่จ๋า

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะกลับบ้านจริงเหรอ ;-;

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ดีๆ เข้าเรืีองกันเถอะ อิฉันลุ้นเต็มที
กลัวน้องพายจะอันตรายอีก

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
โค้งรองสุดท้าย และท้ายสุด

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


วงล้อที่สามสิบเอ็ด



“อาเฉิน...นายบอกว่ามีคนมาจับตัวภาสกรเหรอ” น้ำเสียงที่ถามออกไปแม้คนถามจะตกใจแต่ก็ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ดี

“ใช่ครับ บอสเลยให้ผมมาเรียนแจ้งคุณจิณณ์ว่าช่วงนี้คงจะไม่ได้เข้ามาที่ผับสักระยะหนึ่ง”

“เรื่องนั้นช่างเถอะ อรรคไม่เข้ามาผับก็ไม่เจ๊งในวันสองวันนี้หรอก ว่าแต่ภาสกรเป็นอะไรไหม ปลอดภัยดีหรือเปล่า”

“ปลอดภัยดีครับ โชคดีที่คืนนั้นบอสไปถึงที่เกิดเหตุทันเวลาพอดี”

“เกือบไปแล้วสินะ เฮ้อ” จิณณ์ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวภายในห้อง

“ครับ บอสมองการณ์ไกลเลยให้พายไปเรียนป้องกันตัวพื้นฐานไว้เลยพอจะถ่วงเวลาเอาตัวรอดมาได้บ้างครับ”

“อืม ทำถูกแล้วละ อรรคมันคงเป็นห่วงตามประสาคนขี้กังวลนั่นแหละ ยิ่งรู้ว่าถ้าภาสกรอยู่กับมันด้วยแล้วจะมีอันตรายเพิ่มขึ้นคงหาทางป้องกันเสียแต่เนิ่น ๆ แล้วคุณชายเสิ่นอะไรนั่น สุดท้ายรอไม่ไหวโผล่หางมาจนได้สินะ”



เรื่องสถานการณ์ที่คาสิโน จิณณ์เองก็รู้มาแต่แรก อรรควัสเองก็ไม่เคยปิดบัง จิณณ์คือเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุดดังนั้นหลาย ๆ เรื่องจิณณ์จึงเป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากับอรรควัสอยู่กลาย ๆ

“ครับ”

“แล้วมันจัดการคนที่มาจับภาสกรอย่างไรล่ะ”

“ตัดนิ้วและให้คนเอาสองคนนั่นไปทิ้งที่หน้าคาสิโนคุณชายเสิ่นครับ”

เมื่อฟังจบจิณณ์ถึงกับหัวเราะออกมา “มันนี่น้า นิสัยเสียหวงของหวงคนจริง ๆ พวกนั้นซวยไปเลยสินะ ไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง”

“ครับ” อาเฉินรับคำสั้นเหมือนเดิม

“นายเองก็เหมือนกันอาเฉิน อย่าเข้าไปใกล้หรือทำตัวสนิทกับภาสกรจนเกินความจำเป็น ต่อให้เป็นคนสนิทของอรรค ก็ใช่ว่ามันจะใจดี”

“ผมทราบดีครับ จะพยายามรักษาระยะห่างกับพายให้มากที่สุด”

“ความตั้งใจของนายจะสวนทางกับเจ้าเด็กนั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ” ผู้จัดการผับคาดเดา

“พายเป็นเด็กฉลาด น่าจะเข้าใจครับ”

“อืม แล้วนอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า”

“ไม่มีแล้วครับ”

“ถ้างั้นนายก็กลับไปทำงานต่อเถอะ ทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”



จิณณ์พูดจบก็เอนตัวลงนอนพลางหลับตาอย่างเหนื่อยล้า เวลานี้ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว อันที่จริงเขาควรกลับไปนอนยังที่พักของตน แต่วันนี้ขี้เกียจเกินกว่าจะกลับไปที่นั่น



เขาหลับตาไปได้สักพักแต่สัมผัสได้ว่ายังมีเงาของใครอีกคนยืนอยู่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ผู้จัดการหนุ่มจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและเป็นอย่างที่เขารู้สึก อาเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม

“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่ไป”

“สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจบอสเลยให้ผมอยู่ดูแลคุณจิณณ์ครับ”

“ไม่จำเป็น นายกลับไปเถอะ ตอนนี้ทางอรรคต้องการกำลังจากนายมากกว่า และอีกอย่างที่นี่ก็มีคนของอรรคดูแลอยู่แล้ว ฉันไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่ได้ครับ เป็นคำสั่งของบอส” คนตอบตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ฉันอยากรู้เหลือเกิน” จิณณ์ลุกขึ้นนั่ง เขาไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย แต่เลือกมองไปยังมุมหนึ่งของห้องก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ถ้าหากไม่ใช่คำสั่งอรรค นายจะอยากมาดูแลฉันด้วยตัวเองไหม จะดื้อดึงไม่ยอมกลับไปแบบนี้ไหม”

“...”

“ฉันนี่ถามอะไรโง่ ๆ เนอะ” ผู้จัดการหนุ่มแค่นเสียงเย้ยหยันตัวเอง “ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้”

“ขอโทษครับ ผมทำงานให้ตระกูลหงและบอส เรื่องส่วนตัวจำเป็นต้องมาทีหลัง” คำพูดของคนที่ยืนตรงทว่าสุภาพนั้นทำให้คนฟังถึงกับต้องหันไปมองว่าตัวเองหูฝาดไปแล้วใช่ไหม

“นายกำลังจะบอกฉันว่าถ้านายไม่ได้ทำงานให้พวกเขา ถ้าหากฉันตกอยู่ในอันตรายนายก็จะมาหาฉันใช่หรือเปล่า” ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง เพ้อฝันไปไกลจึงลองถามเพื่อความแน่ใจ

“ครับ เพราะอย่างไรแล้วคุณก็คือเพื่อนที่บอสไว้ใจมากที่สุด เป็นคนสำคัญของบอส” ใจที่กำลังฟูฟ่องขึ้นกลับห่อเหี่ยวลงทันควันเมื่อได้ยินครบทั้งประโยค

ที่แท้อีกฝ่ายไม่ได้ห่วงใยเขาอย่างที่เข้าใจแต่เป็นเพราะเขาคือเพื่อนของอรรควัส ถ้าอย่างนั้นคงแปลได้ว่าต่อหน้าคนพูดแล้วเขาไม่มีค่าต่อสายตาอาเฉินเลย

“ขอบใจที่บอกฉันให้เข้าใจอีกครั้ง” จิณณ์คิดว่าเขาคงเป็นพวกชอบความเจ็บปวดไปเสียแล้ว คำพูดที่ตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายที่บอกเขาให้เจ็บช้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ยังตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้สักที

“ขอโทษครับ” และทุกครั้งประโยคของอาเฉินจะจบลงด้วยคำนี้เสียทุกครั้งไป และมันเป็นหนึ่งคำที่จิณณ์ไม่อยากได้ยินเลย

“ขอฉันอยู่คนเดียวได้ไหม”

“แต่..”

“ถ้านายกลัวว่าจะขัดคำสั่งอรรค งั้นนายเฝ้าฉันที่หน้าประตูก็ได้ ห้องนี้ไม่มีทางออกอื่นนอกจากประตูบานนั้นบานเดียว คงไม่มีใครเข้ามาทำอะไรฉันจากทางอื่นหรอก”

“ครับ”



จิณณ์เอนกายลงนอนบนโซฟาดังเดิม เขาหันหน้าเข้าหาด้านในโซฟา ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นความเจ็บปวดของเขาผ่านใบหน้าที่มักเฉยชาอยู่เป็นประจำ เพราะอีกนิดหนึ่งเขาอาจจะทนฝืนมันต่อไปอีกไม่ไหวแล้วก็ได้

“ทำไมยังไม่ไปอีก” คนนอนอยู่ไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจึงเปรยถามอีกฝ่ายไป

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”

“เปลี่ยนใจ?” จิณณ์มุ่นคิ้วแต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมตา

“ครับ ผมจะรอคุณหลับก่อนแล้วค่อยออกไปข้างนอก”

“อย่าลำบากเลย ฉันไม่ได้อยากทำตัวให้นายมาสงสารจนต้องฝืนใจมาทำอะไรแบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มเม้มปากแน่น นี่อีกฝ่ายอยากจะทำร้ายจิตใจเขาโดยไม่รู้ตัวอีกกี่ครั้งกัน

“ขออนุญาตนะครับ” อาเฉินถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่จิณณ์นอนอยู่ โซฟามีขนาดใหญ่ทำให้รองรับคนสองคนได้สบาย

“นี่นาย!” จิณณ์ทนต่อไปไม่ไหว เขาลืมตามองบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างคาดโทษ “คิดจะทำอะไร”

“บอสบอกให้ผมดูแลคุณจิณณ์ แต่ไม่ได้บอกว่าแบบไหน ผมคิดว่าทำแบบนี้คงไม่เป็นไร ช่วงนี้คุณเองก็เครียดไม่ค่อยได้นอนไม่ใช่เหรอครับ นอนพักสักหน่อยก็น่าจะดี ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะหลับ” อาเฉินยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน แต่น่าเสียดายที่ผู้จัดการหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะเจ้าตัวไม่ยอมสบตากับคนพูดเลย “อีกอย่างผมไม่ได้สงสารคุณและฝืนใจครับ”



ไม่บ่อยนักที่บอดี้การ์ดคนนี้จะพูดประโยคยาว ๆ บอดี้การ์ดที่ดีควรพูดให้น้อยเข้าไว้ เรื่องเจ้านายไม่ควรเข้าไปวุ่นวายนอกเหนือจากคำสั่ง หากครั้งนี้เขากำลังฝืนคำสั่งบอสอย่างจงใจ

“รู้ไหมว่าคำพูดนายกำลังตบหัวแล้วลูบหลังฉัน” ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายตัดรอนเขาเสียจนเจ็บ แต่แล้วตอนนี้กลับพยายามปลอบโยนเอาใจเขา

“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นเพราะคิดว่าผู้จัดการหนุ่มไม่พอใจ

“อยู่กับฉันก่อน” จิณณ์พูดพลางคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาแนบแก้มก่อนจะถูใบหน้าเข้ากับมือสากนั้น “ฉันรู้ว่าฉันคงเจ็บปวดต่อไปถ้ายังตัดใจความรู้สึกที่มีต่อนายไม่ได้ ฉันกำลังพยายามอยู่ แต่ตอนนี้ฉันขอนะ..ขอแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี”



สุดท้ายจิณณ์ก็หักห้ามความรักที่มีให้กับอีกฝ่ายไม่ไหว ใจอ่อนยวบ ไม่อยากอยู่ห่างจากบอดี้การ์ด

“ครับ” อาเฉินตอบสั้นดังเดิม แต่จิณณ์ก็พึงพอใจเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ถอนมือกลับออกไป



อย่างน้อยก็ทำให้นิทรานี้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง











อรรควัสยืนจ้องตากับผู้มาเยือนอย่างไม่ลดละ กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้เร่งรัดอีกฝ่ายหรือแสดงท่าที่ร้อนรน กลับยืนมองอีกฝ่ายนิ่งเฉยอย่างใจเย็น ฝั่งตรงข้ามแสดงตัวตนออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างกำลังเดินทางเข้าสู่จุดจบเต็มทีแล้ว

“เล่นเกมสักตาหน่อยไหมครับคุณอรรค เล่นไปพลาง คุยกันไปพลางน่าจะดีนะครับ” คุณชายเสิ่นออกความเห็น

“คุณชายเสิ่นให้เกียรติถึงเพียงนี้ มีหรือที่ผมจะกล้าปฏิเสธ” สิ้นคำพูดของบอสใหญ่ พนักงานบริเวณนั้นก็รีบจัดการเตรียมโต๊ะพนันอย่างรู้หน้าที่ ให้สมกับพนักงานชั้นวีไอพีที่ผ่านการทดสอบมาอย่างหนักหน่วง



เมื่อทุกอย่างตระเตรียมเรียบร้อย ขณะนี้คนสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกันคนละปลายฝั่งของโต๊ะ โดยมีพนักงานแจกไพ่ยืนอยู่ช่วงกลางโต๊ะ

“เดิมพันครั้งนี้เป็นอะไรดีคุณอรรค” คุณชายเสิ่นเปรยขึ้น

“ผมเป็นเจ้าบ้านถ้าเอ่ยปากเองคงจะไม่เหมาะ แล้วแต่ทางคุณชายเสิ่นดีกว่าครับ” อรรควัสบอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“งั้นเอาอย่างนี้ไหม ง่าย ๆ” คนออกความเห็นนั่งพิงพนักเก้าอี้สบาย ๆ ไร้แรงกดดัน

“เชิญครับ”

“ถ้าผมชนะ คุณอรรคก็ปิดคาสิโนไปดีไหม”

“น่าสนใจครับ แล้วถ้าคุณชายเสิ่นแพ้?” อันที่จริงข้อเสนอของอีกฝ่ายถือเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะให้เกียรติสักเท่าไหร่ หากคนฟังก็ไม่ได้มีทีท่าขุ่นเคืองกลับถามกลับแทน

“คุณอรรคว่ามาเลย”

“ในเมื่อเดิมพันครั้งนี้คือคาสิโน ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ ใครแพ้คนนั้นก็ปิดคาสิโนไปซะและไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก และส่วนเรื่องที่แล้ว ๆ มาก็ให้มันจบกันไป”



อันที่จริงอรรควัสคือผู้ที่เสียผลประโยชน์ อีกฝ่ายทำให้คาสิโนเขาเสียชื่อหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา หรือสร้างสถานการณ์ทะเลาะวิวาทต่าง ๆ แต่เขาต้องการเรื่องให้มันจบยุติให้จบสิ้น จึงตัดสินใจออกมาแบบนั้น

“อืม สมเป็นคุณอรรค คิดอะไรเด็ดขาดตามคำร่ำลือ”

“เริ่มเลยไหมครับ”

“ใจร้อนจริงเชียว แต่เอาเถอะ เริ่มเลยก็ดี”



ขณะนี้ทั่วทั้งคาสิโน ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งชะงักงัน นักพนันในแต่ละชั้นต่าง ๆ เลิกสนใจพนันตรงหน้า ทุกสายตากลับจ้องมองภาพโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ถูกถ่ายทอดสดจากชั้นวีไอพีลงมา



ไม่บ่อยนักที่เจ้าของคาสิโนจะลงมาเล่นเกมด้วยตัวเอง ทุกคนจึงตื่นเต้นไม่เว้นแม้แต่พนักงานในคาสิโนก็เช่นกัน นับว่าเป็นบุญตาของตนอย่างแท้จริง

“กติกาเล่าครับ” อรรควัสถามต่อ

“อย่างไรดี อืม..แจกไพ่ทีเดียวห้าใบ ห้ามเปลี่ยนไพ่ แล้วค่อยหงายไพ่มาทีละใบ จนครบสามใบโดยจะหงายใบไหนก่อนก็ได้ ส่วนอีกสองใบสุดท้ายหงายพร้อมกันทีเดียวเลยดีไหม”

“แล้วแต่ทางคุณชายเสิ่นเลยครับ ผมอย่างไรก็ได้ ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน” อรรควัสยังยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มทางการค้าไม่เปลี่ยนแปลง



กติกาดังกล่าวที่บอกมานั้นเป็นการวัดใจโดยใช้ดวงและจิตวิทยาอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณชายเสิ่นค่อนข้างถนัด นับได้ว่ากติกานี้จึงเอื้อแก่ประโยชน์ของอีกฝ่ายก็ว่าได้ แต่อรรควัสเลือกไม่โต้แย้ง ทำตามกติกาที่อีกฝ่ายกำหนดขึ้นแต่โดยดี

“ผมน่ะนะชอบในความใจกว้างของคุณอรรคจริง ๆ” คุณชายเสิ่นเอ่ยปากชม แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายใต้คำพูดนั้นออกมาจากใจเจ้าตัวหรือไม่

“เริ่มเลยนะครับ” อรรควัสไม่ตอบอะไรกลับถามคำถามใหม่แทน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า พนักงานที่รอแจกไพ่อยู่จึงทำหน้าที่ด้วยความคล่องแคล่วทันที



ไพ่ถูกหงายขึ้นมาใบแรกนั้นคุณชายเสิ่นได้แหม่มหรือควีนโพธิ์ดำ ส่วนเจ้าของคาสิโนนั้นได้เพียงเลขสี่ดอกจิก ดวงตาสองคู่สบตากันโดยไม่มีใครรู้ความหมาย ก่อนจะเปิดไพ่ใบที่สองอย่างไม่เร่งรีบ











เมื่อภาสกรกลับมาถึงห้อง เขาก็ไม่เห็นร่างใครอีกคนภายในห้องทว่าไม่นึกแปลกใจ อีกฝ่ายมีงานที่ต้องจัดการแก้ไขมากมายในแต่ละวัน ถ้าอยู่ห้องสิเขาควรจะแปลกใจ

ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรแก้เบื่อ เขาจึงเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาดูฆ่าเวลาเล่น ๆ กดไล่ช่องไปเรื่อยกระทั่งสายตาสะดุดกับช่องหนึ่ง



นี่มัน? ชั้นวีไอพีของคาสิโนไม่ใช่เหรอ



แล้วทำไมอรรควัสถึงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นได้ ภาสกรรู้ดีว่าโต๊ะตัวใหญ่หรูหรานั้นไว้สำหรับการประลองท้าดวงเท่านั้น



อย่าบอกนะว่า..



ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เขาโยนรีโมททิ้งก่อนจะผลุนผลันวิ่งออกไปจากห้อง เห็นคนที่ยืนทำหน้าที่อารักขาเขา บัดนี้กลายเป็นอาคุนไม่ใช่อาเฉินแล้ว

“พี่คุน”

“ครับ”

“ผมเปิดทีวีแล้วเห็นคุณอรรค..บอสอยู่ที่ชั้นวีไอพี มันไม่ใช่รายการเก่าใช่ไหมครับ” เขาถามออกไปด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ภาวนาให้คำตอบที่เขาหวังนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

“ไม่ใช่ รายการนี้เป็นรายการถ่ายทอดสด”

ภาสกรได้ยินคำตอบก็กลับเข้าห้องไปทันที เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานของคาสิโนอย่างรวดเร็ว แทบเรียกได้ว่าทำลายสถิติการเปลี่ยนชุดเร็วที่สุดในโลกก่อนจะเปิดประตูออกมาอีกครั้งแต่กลับถูกคนหน้าห้องขวางไว้

“ปล่อยผมพี่คุน”

“พายจะไปไหน”

“ผมจะขึ้นไปชั้นวีไอพี”

“ไปไม่ได้ บอสให้พี่ดูแลพายอยู่ที่ห้องนี้”

“ไม่ครับพี่คุน ผมขอร้องให้ผมขึ้นไปเถอะนะ ผมเป็นห่วงบอส”

“นายคิดมาไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เป็นการท้าดวลธรรมดาเกมหนึ่งเท่านั้น” อาคุนพยายามบอกอีกฝ่ายให้เข้าใจ

“ผมรู้ว่าพี่พูดไม่จริง หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คุณอรรคเองก็บอกว่าอีกไม่ช้าเกมนี้จะจบลง คนร้ายปรากฏตัวแล้วใช่ไหมครับ” ภาสกรเขย่าแขนอีกฝ่าย

“...”



เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ตอบ ภาสกรจึงทึกทักเอาเองว่าคำตอบคือ “ใช่” ใจของเขายิ่งร้อนรนเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรแล้วเขาก็จะต้องขึ้นไปบนชั้นให้ได้



ภาสกรอาศัยจังหวะที่อาคุนเผลอ เขาย่อตัวลงก่อนจะมุดลอดแขนที่กั้นขวางประตูเอาไว้อย่างรวดเร็วจนอาคุนจับตัวอีกฝ่ายไม่ทัน

“ขอโทษนะพี่คุน” เขาตะโกนเสียงดังแต่ไม่ชะลอฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย

อาคุนเห็นคนที่เขาต้องดูแลก็พลางคิดในใจว่าไม่แคล้วถูกบอสลงโทษ แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธอีกฝ่าย ตัดสินใจปล่อยภาสกรไป เขาเข้าใจถึงความเป็นห่วงในตัวคนรักดี เพราะเขาเองก็มีคนรักที่เป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน







สถานการณ์บนชั้นวีไอพีสัมผัสได้ถึงความเครียดเขม็งของผู้ชมที่ต่างลุ้นใจจดใจจ่อ อยากรู้ผลแพ้ชนะเต็มทีแล้ว เหลือแต่เพียงผู้แข่งขันสองคนเท่านั้นที่ยังวางสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่มีเรื่องกดดันอะไร



ไพ่ใบที่สองถูกเปิดออกมาแล้วโชคยังเป็นของคุณชายเสิ่น เขาได้ควีนโพธิ์แดงเพิ่มมาอีกใบ ทำให้คุณชายเสิ่นตอนนี้มีหนึ่งคู่แล้ว ในขณะที่เจ้าบ้านนอกจากได้เลขสี่ดอกจิกมาแล้วยังได้เลขเจ็ดข้าวหลามตัดมา จะจับคู่ก็ได้ไม่ได้ จะเล่นสีกลุ่มเดียวกันก็ยิ่งไม่สามารถทำได้เลย

“เรามาเพิ่มกติกากันหน่อยดีไหม จะได้เพิ่มความสนุกมากขึ้น”

“ไม่มีปัญหาครับ คุณชายเสิ่นว่ามาได้เลย”

“อืม หลังจากนี้ทุกการเปิดไพ่คนที่แต้มสูงกว่าจะเรียกเดิมพันก่อน”

“ครับ”

“งั้นเริ่มจากตานี้เลยก็แล้วกัน ถ้าผมชนะเกมนี้ คุณอรรคต้องออกไปจากมาเก๊าและจะกลับมาอีกไม่ได้ตลอดชีวิต โอเคไหมครับ”

บอสใหญ่แทบไม่เสียเวลาคิด เขารับปากอีกฝ่ายทันที “ตามครับ”

“และเพื่อไม่ให้เอาเปรียบคุณจนเกินไป ถ้าฝ่ายที่แพ้เป็นผมละก็ ผมเองก็จะออกไปจากที่นี่และไม่กลับมาอีกเช่นกัน”

“คุณชายเสิ่นช่างยุติธรรมและใจกว้างจริง ๆ ครับ”

“ชมผมเกินไปแล้ว เปิดใบต่อมากันดีกว่า”



ไพ่ใบที่สามโชคเริ่มเข้าทางเจ้าของคาสิโนบ้างแล้ว เขาได้เจ็ดดอกจิกเพิ่มมาอีกหนึ่งใบ แต่โชคคุณชายเสิ่นยังไม่หมดสิ้นเขาได้แหม่มควีนข้าวหลามตัดทำให้ตอนนี้ทางคุณชายเสิ่นมีตองแหม่มหรือควีน ส่วนอรรควัสนั้นมีเพียงคู่เจ็ดหนึ่งคู่

“เชิญคุณชายเสิ่นเรียก” พนักงานแจกไพ่ผายมือไปยังผู้ที่ได้แต้มมากกว่า

“ได้ยินมาว่าคุณอรรควาดรูปสวยมาก”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่มือสมัครเล่นเท่านั้น”

“จุ๊ ๆ อย่าถ่อมตัวเลย อะไรที่เป็นข่าวลือกับเจ้าของคาสิโนแห่งนี้นี่เป็นเรื่องจริงทุกครั้งเชียว ใครต่อใครก็ต่างบอกว่าคุณอรรควาดรูปสวยมาก ลงแสงเงาได้ดีทั้งที่เรียนไม่จบด้วยซ้ำ น่านับถือ ๆ”

“ชมเกินไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอมือขวาของคุณอรรคกลับบ้านแลกกับนิ้วมือของลูกน้องผมที่หายไปแทน”

อรรควัสหลับตาลงนิดหนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มมุมปากออกมาเบา ๆ “ได้สิครับ”



สิ้นคำตอบของอรรควัสกลับเรียกเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่จากเสียงกองเชียร์ที่ดังมาจากทุกสารทิศ เพราะคาสิโนแห่งนี้ไม่เคยเดิมพนันเป็นอวัยวะมนุษย์กันมาก่อน

“เดี๋ยวเราก็จะรู้ผลแพ้ชนะกันแล้ว คุณอรรคจะถือสาไหมถ้าผมจะขอเป็นฝ่ายเรียกเดิมพันล่วงหน้าก่อนจะเปิดไพ่ใบที่สี่พร้อมกับใบที่ห้า”

“ผมจะกล้าขัดคุณชายเสิ่นได้อย่างไร คุณชายอยากเดิมพันอะไรครับ”

“ช่วงนี้บอสใหญ่เหมือนจะหลงเสน่ห์หนุ่มน้อยคนไทยอยู่คนหนึ่งใช่ไหมครับ” แค่เพียงคำพูดที่เกริ่นขึ้นมาก็ทำให้ไหล่หนาของอรรควัสเกร็งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ

“ข่าวโคมลอยหรือเปล่าครับ” อรรควัสหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ “ใคร ๆ ก็รู้ว่าผมจะดูแลคนครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ไม่มีซ้ำซ้อน และตอนนี้คนคนนั้นก็คืออลัน คุณชายเสิ่นคงได้ข่าวมาผิดแล้วละครับ น่าเสียดายอลันไม่ใช่คนไทย”

“หืม? อย่างนั้นหรือเนี่ย” คุณชายเสิ่นทำท่าครุ่นคิด “ถูกอย่างที่คุณอรรคว่าแหละครับ ข้อนี้ผมคงไม่กล้าเถียง แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นคนในสังกัดที่เตรียมปลดระวางแล้ว คุณอรรคจะยังนับอยู่แล้ว”

“...”

“น่าแปลกใจนะครับ ทั้งที่คุณอรรคก็น่าจะรู้ที่มาที่ไปของอลันดีอยู่แล้วแต่กลับยังเลี้ยงไว้ใกล้ตัว”

“ก็เพราะว่ารู้ไงครับว่าอลันเป็นคนของคุณชายเสิ่น ผมเลยอยากให้เขาอยู่ใกล้หูใกล้ตาผม” ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเปิดเผยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดังนั้นอรรควัสจึงเลิกปิดบังอีกฝ่ายเช่นกัน

“ดูถูกความฉลาดเฉียบแหลมของคุณอรรคไม่ได้เลย น่าเสียดายนะครับที่เราอยู่คนละฝั่งกัน”

“ขอบคุณคุณชายเสิ่นที่ชม” อรรควัสแย้มยิ้ม “เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาปิดเกมนี้กันดีกว่า คุณชายเสิ่นอยากเรียกเดิมพันเป็นอะไรครับ”

“ผมอยากขอเด็กคนนั้น”

“เด็กคนนั้น?” อรรควัสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “คุณชายหมายถึงอลันใช่ไหม”

“ไม่เอาน่า คุณอรรคเข้าใจผมดีอยู่แล้วว่าผมหมายถึงใคร”



คราวนี้อรรควัสใช้ความคิดอย่างหนัก คาสิโนแห่งนี้ เขายกให้คุณชายเสิ่นได้ หรือจะให้ปิดมันเลยเขาก็ย่อมทำได้ จะให้เขาตัดมือขวาหรือห้ามกลับมาเหยียบที่มาเก๊า เขาก็ย่อมทำได้ ไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด



เขามั่นใจในดวงตัวเองแต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอาดวงและโชคชะตามาทำให้คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่พลอยโดนลูกหลงไปด้วย แค่นี้ภาสกรก็ซวยเพราะเขามากแล้ว หากครั้งนี้โชคชะตาไม่เข้าข้างเขาล่ะ จะทำอย่างไร



และยิ่งเดิมพันนี้เป็นภาสกรแล้ว เขาทำใจไม่ได้ ยิ่งรู้ในสถานการณ์อนาคตได้เลยว่าภาสกรจะเจอกับอะไรบ้างเขายอมรับไม่ได้เลย เด็กที่จิตใจดีอย่างภาสกรไม่สมควรที่จะมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ อย่างไรเขาก็เอาชีวิตอีกฝ่ายมาเสี่ยงไม่ได้

“ว่าอย่างไรครับคุณอรรค หรือเดิมพันนี้ยากไปจึงตัดสินใจไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นยอมแพ้ไปก็ได้นะครับ เราจะหยุดเปิดไพ่เท่านี้ ผลแพ้ชนะก็เห็น ๆ กันอยู่แล้ว” คุณชายเสิ่นบอกอย่างเป็นต่อ

“คุณชายเสิ่นเก่งที่ดูผมออก”

“อย่างนั้นเหรอครับ”







“ถ้าเดิมพันเป็นเด็กคนนั้น ผมคงต้อง..ยอม




========================================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ลุ้นๆ กลัวแขนคุณอรรคจะขาดจัง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ยิงรำคาญคุณชายเสิ่น o18

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ยอมอะไร ไม่เอา ไม่ยอมมมม มาเปิดไพ่ต่อเลยค่ะ เปิดให้มันจบๆไปปปปปป  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด