วงล้อที่สามสิบเอ็ด
“อาเฉิน...นายบอกว่ามีคนมาจับตัวภาสกรเหรอ” น้ำเสียงที่ถามออกไปแม้คนถามจะตกใจแต่ก็ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ดี
“ใช่ครับ บอสเลยให้ผมมาเรียนแจ้งคุณจิณณ์ว่าช่วงนี้คงจะไม่ได้เข้ามาที่ผับสักระยะหนึ่ง”
“เรื่องนั้นช่างเถอะ อรรคไม่เข้ามาผับก็ไม่เจ๊งในวันสองวันนี้หรอก ว่าแต่ภาสกรเป็นอะไรไหม ปลอดภัยดีหรือเปล่า”
“ปลอดภัยดีครับ โชคดีที่คืนนั้นบอสไปถึงที่เกิดเหตุทันเวลาพอดี”
“เกือบไปแล้วสินะ เฮ้อ” จิณณ์ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวภายในห้อง
“ครับ บอสมองการณ์ไกลเลยให้พายไปเรียนป้องกันตัวพื้นฐานไว้เลยพอจะถ่วงเวลาเอาตัวรอดมาได้บ้างครับ”
“อืม ทำถูกแล้วละ อรรคมันคงเป็นห่วงตามประสาคนขี้กังวลนั่นแหละ ยิ่งรู้ว่าถ้าภาสกรอยู่กับมันด้วยแล้วจะมีอันตรายเพิ่มขึ้นคงหาทางป้องกันเสียแต่เนิ่น ๆ แล้วคุณชายเสิ่นอะไรนั่น สุดท้ายรอไม่ไหวโผล่หางมาจนได้สินะ”
เรื่องสถานการณ์ที่คาสิโน จิณณ์เองก็รู้มาแต่แรก อรรควัสเองก็ไม่เคยปิดบัง จิณณ์คือเพื่อนที่เขาไว้ใจมากที่สุดดังนั้นหลาย ๆ เรื่องจิณณ์จึงเป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษากับอรรควัสอยู่กลาย ๆ
“ครับ”
“แล้วมันจัดการคนที่มาจับภาสกรอย่างไรล่ะ”
“ตัดนิ้วและให้คนเอาสองคนนั่นไปทิ้งที่หน้าคาสิโนคุณชายเสิ่นครับ”
เมื่อฟังจบจิณณ์ถึงกับหัวเราะออกมา “มันนี่น้า นิสัยเสียหวงของหวงคนจริง ๆ พวกนั้นซวยไปเลยสินะ ไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง”
“ครับ” อาเฉินรับคำสั้นเหมือนเดิม
“นายเองก็เหมือนกันอาเฉิน อย่าเข้าไปใกล้หรือทำตัวสนิทกับภาสกรจนเกินความจำเป็น ต่อให้เป็นคนสนิทของอรรค ก็ใช่ว่ามันจะใจดี”
“ผมทราบดีครับ จะพยายามรักษาระยะห่างกับพายให้มากที่สุด”
“ความตั้งใจของนายจะสวนทางกับเจ้าเด็กนั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ” ผู้จัดการผับคาดเดา
“พายเป็นเด็กฉลาด น่าจะเข้าใจครับ”
“อืม แล้วนอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า”
“ไม่มีแล้วครับ”
“ถ้างั้นนายก็กลับไปทำงานต่อเถอะ ทางนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
จิณณ์พูดจบก็เอนตัวลงนอนพลางหลับตาอย่างเหนื่อยล้า เวลานี้ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว อันที่จริงเขาควรกลับไปนอนยังที่พักของตน แต่วันนี้ขี้เกียจเกินกว่าจะกลับไปที่นั่น
เขาหลับตาไปได้สักพักแต่สัมผัสได้ว่ายังมีเงาของใครอีกคนยืนอยู่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ผู้จัดการหนุ่มจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและเป็นอย่างที่เขารู้สึก อาเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่ไป”
“สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจบอสเลยให้ผมอยู่ดูแลคุณจิณณ์ครับ”
“ไม่จำเป็น นายกลับไปเถอะ ตอนนี้ทางอรรคต้องการกำลังจากนายมากกว่า และอีกอย่างที่นี่ก็มีคนของอรรคดูแลอยู่แล้ว ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ได้ครับ เป็นคำสั่งของบอส” คนตอบตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันอยากรู้เหลือเกิน” จิณณ์ลุกขึ้นนั่ง เขาไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย แต่เลือกมองไปยังมุมหนึ่งของห้องก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ถ้าหากไม่ใช่คำสั่งอรรค นายจะอยากมาดูแลฉันด้วยตัวเองไหม จะดื้อดึงไม่ยอมกลับไปแบบนี้ไหม”
“...”
“ฉันนี่ถามอะไรโง่ ๆ เนอะ” ผู้จัดการหนุ่มแค่นเสียงเย้ยหยันตัวเอง “ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้”
“ขอโทษครับ ผมทำงานให้ตระกูลหงและบอส เรื่องส่วนตัวจำเป็นต้องมาทีหลัง” คำพูดของคนที่ยืนตรงทว่าสุภาพนั้นทำให้คนฟังถึงกับต้องหันไปมองว่าตัวเองหูฝาดไปแล้วใช่ไหม
“นายกำลังจะบอกฉันว่าถ้านายไม่ได้ทำงานให้พวกเขา ถ้าหากฉันตกอยู่ในอันตรายนายก็จะมาหาฉันใช่หรือเปล่า” ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง เพ้อฝันไปไกลจึงลองถามเพื่อความแน่ใจ
“ครับ เพราะอย่างไรแล้วคุณก็คือเพื่อนที่บอสไว้ใจมากที่สุด เป็นคนสำคัญของบอส” ใจที่กำลังฟูฟ่องขึ้นกลับห่อเหี่ยวลงทันควันเมื่อได้ยินครบทั้งประโยค
ที่แท้อีกฝ่ายไม่ได้ห่วงใยเขาอย่างที่เข้าใจแต่เป็นเพราะเขาคือเพื่อนของอรรควัส ถ้าอย่างนั้นคงแปลได้ว่าต่อหน้าคนพูดแล้วเขาไม่มีค่าต่อสายตาอาเฉินเลย
“ขอบใจที่บอกฉันให้เข้าใจอีกครั้ง” จิณณ์คิดว่าเขาคงเป็นพวกชอบความเจ็บปวดไปเสียแล้ว คำพูดที่ตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายที่บอกเขาให้เจ็บช้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ยังตัดใจจากอีกฝ่ายไม่ได้สักที
“ขอโทษครับ” และทุกครั้งประโยคของอาเฉินจะจบลงด้วยคำนี้เสียทุกครั้งไป และมันเป็นหนึ่งคำที่จิณณ์ไม่อยากได้ยินเลย
“ขอฉันอยู่คนเดียวได้ไหม”
“แต่..”
“ถ้านายกลัวว่าจะขัดคำสั่งอรรค งั้นนายเฝ้าฉันที่หน้าประตูก็ได้ ห้องนี้ไม่มีทางออกอื่นนอกจากประตูบานนั้นบานเดียว คงไม่มีใครเข้ามาทำอะไรฉันจากทางอื่นหรอก”
“ครับ”
จิณณ์เอนกายลงนอนบนโซฟาดังเดิม เขาหันหน้าเข้าหาด้านในโซฟา ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นความเจ็บปวดของเขาผ่านใบหน้าที่มักเฉยชาอยู่เป็นประจำ เพราะอีกนิดหนึ่งเขาอาจจะทนฝืนมันต่อไปอีกไม่ไหวแล้วก็ได้
“ทำไมยังไม่ไปอีก” คนนอนอยู่ไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจึงเปรยถามอีกฝ่ายไป
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
“เปลี่ยนใจ?” จิณณ์มุ่นคิ้วแต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมตา
“ครับ ผมจะรอคุณหลับก่อนแล้วค่อยออกไปข้างนอก”
“อย่าลำบากเลย ฉันไม่ได้อยากทำตัวให้นายมาสงสารจนต้องฝืนใจมาทำอะไรแบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มเม้มปากแน่น นี่อีกฝ่ายอยากจะทำร้ายจิตใจเขาโดยไม่รู้ตัวอีกกี่ครั้งกัน
“ขออนุญาตนะครับ” อาเฉินถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่จิณณ์นอนอยู่ โซฟามีขนาดใหญ่ทำให้รองรับคนสองคนได้สบาย
“นี่นาย!” จิณณ์ทนต่อไปไม่ไหว เขาลืมตามองบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างคาดโทษ “คิดจะทำอะไร”
“บอสบอกให้ผมดูแลคุณจิณณ์ แต่ไม่ได้บอกว่าแบบไหน ผมคิดว่าทำแบบนี้คงไม่เป็นไร ช่วงนี้คุณเองก็เครียดไม่ค่อยได้นอนไม่ใช่เหรอครับ นอนพักสักหน่อยก็น่าจะดี ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะหลับ” อาเฉินยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน แต่น่าเสียดายที่ผู้จัดการหนุ่มไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะเจ้าตัวไม่ยอมสบตากับคนพูดเลย “อีกอย่างผมไม่ได้สงสารคุณและฝืนใจครับ”
ไม่บ่อยนักที่บอดี้การ์ดคนนี้จะพูดประโยคยาว ๆ บอดี้การ์ดที่ดีควรพูดให้น้อยเข้าไว้ เรื่องเจ้านายไม่ควรเข้าไปวุ่นวายนอกเหนือจากคำสั่ง หากครั้งนี้เขากำลังฝืนคำสั่งบอสอย่างจงใจ
“รู้ไหมว่าคำพูดนายกำลังตบหัวแล้วลูบหลังฉัน” ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายตัดรอนเขาเสียจนเจ็บ แต่แล้วตอนนี้กลับพยายามปลอบโยนเอาใจเขา
“ขอโทษครับ” อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นเพราะคิดว่าผู้จัดการหนุ่มไม่พอใจ
“อยู่กับฉันก่อน” จิณณ์พูดพลางคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาแนบแก้มก่อนจะถูใบหน้าเข้ากับมือสากนั้น “ฉันรู้ว่าฉันคงเจ็บปวดต่อไปถ้ายังตัดใจความรู้สึกที่มีต่อนายไม่ได้ ฉันกำลังพยายามอยู่ แต่ตอนนี้ฉันขอนะ..ขอแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี”
สุดท้ายจิณณ์ก็หักห้ามความรักที่มีให้กับอีกฝ่ายไม่ไหว ใจอ่อนยวบ ไม่อยากอยู่ห่างจากบอดี้การ์ด
“ครับ” อาเฉินตอบสั้นดังเดิม แต่จิณณ์ก็พึงพอใจเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ถอนมือกลับออกไป
อย่างน้อยก็ทำให้นิทรานี้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
อรรควัสยืนจ้องตากับผู้มาเยือนอย่างไม่ลดละ กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้เร่งรัดอีกฝ่ายหรือแสดงท่าที่ร้อนรน กลับยืนมองอีกฝ่ายนิ่งเฉยอย่างใจเย็น ฝั่งตรงข้ามแสดงตัวตนออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างกำลังเดินทางเข้าสู่จุดจบเต็มทีแล้ว
“เล่นเกมสักตาหน่อยไหมครับคุณอรรค เล่นไปพลาง คุยกันไปพลางน่าจะดีนะครับ” คุณชายเสิ่นออกความเห็น
“คุณชายเสิ่นให้เกียรติถึงเพียงนี้ มีหรือที่ผมจะกล้าปฏิเสธ” สิ้นคำพูดของบอสใหญ่ พนักงานบริเวณนั้นก็รีบจัดการเตรียมโต๊ะพนันอย่างรู้หน้าที่ ให้สมกับพนักงานชั้นวีไอพีที่ผ่านการทดสอบมาอย่างหนักหน่วง
เมื่อทุกอย่างตระเตรียมเรียบร้อย ขณะนี้คนสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกันคนละปลายฝั่งของโต๊ะ โดยมีพนักงานแจกไพ่ยืนอยู่ช่วงกลางโต๊ะ
“เดิมพันครั้งนี้เป็นอะไรดีคุณอรรค” คุณชายเสิ่นเปรยขึ้น
“ผมเป็นเจ้าบ้านถ้าเอ่ยปากเองคงจะไม่เหมาะ แล้วแต่ทางคุณชายเสิ่นดีกว่าครับ” อรรควัสบอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“งั้นเอาอย่างนี้ไหม ง่าย ๆ” คนออกความเห็นนั่งพิงพนักเก้าอี้สบาย ๆ ไร้แรงกดดัน
“เชิญครับ”
“ถ้าผมชนะ คุณอรรคก็ปิดคาสิโนไปดีไหม”
“น่าสนใจครับ แล้วถ้าคุณชายเสิ่นแพ้?” อันที่จริงข้อเสนอของอีกฝ่ายถือเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะให้เกียรติสักเท่าไหร่ หากคนฟังก็ไม่ได้มีทีท่าขุ่นเคืองกลับถามกลับแทน
“คุณอรรคว่ามาเลย”
“ในเมื่อเดิมพันครั้งนี้คือคาสิโน ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ ใครแพ้คนนั้นก็ปิดคาสิโนไปซะและไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก และส่วนเรื่องที่แล้ว ๆ มาก็ให้มันจบกันไป”
อันที่จริงอรรควัสคือผู้ที่เสียผลประโยชน์ อีกฝ่ายทำให้คาสิโนเขาเสียชื่อหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา หรือสร้างสถานการณ์ทะเลาะวิวาทต่าง ๆ แต่เขาต้องการเรื่องให้มันจบยุติให้จบสิ้น จึงตัดสินใจออกมาแบบนั้น
“อืม สมเป็นคุณอรรค คิดอะไรเด็ดขาดตามคำร่ำลือ”
“เริ่มเลยไหมครับ”
“ใจร้อนจริงเชียว แต่เอาเถอะ เริ่มเลยก็ดี”
ขณะนี้ทั่วทั้งคาสิโน ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งชะงักงัน นักพนันในแต่ละชั้นต่าง ๆ เลิกสนใจพนันตรงหน้า ทุกสายตากลับจ้องมองภาพโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ถูกถ่ายทอดสดจากชั้นวีไอพีลงมา
ไม่บ่อยนักที่เจ้าของคาสิโนจะลงมาเล่นเกมด้วยตัวเอง ทุกคนจึงตื่นเต้นไม่เว้นแม้แต่พนักงานในคาสิโนก็เช่นกัน นับว่าเป็นบุญตาของตนอย่างแท้จริง
“กติกาเล่าครับ” อรรควัสถามต่อ
“อย่างไรดี อืม..แจกไพ่ทีเดียวห้าใบ ห้ามเปลี่ยนไพ่ แล้วค่อยหงายไพ่มาทีละใบ จนครบสามใบโดยจะหงายใบไหนก่อนก็ได้ ส่วนอีกสองใบสุดท้ายหงายพร้อมกันทีเดียวเลยดีไหม”
“แล้วแต่ทางคุณชายเสิ่นเลยครับ ผมอย่างไรก็ได้ ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน” อรรควัสยังยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มทางการค้าไม่เปลี่ยนแปลง
กติกาดังกล่าวที่บอกมานั้นเป็นการวัดใจโดยใช้ดวงและจิตวิทยาอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณชายเสิ่นค่อนข้างถนัด นับได้ว่ากติกานี้จึงเอื้อแก่ประโยชน์ของอีกฝ่ายก็ว่าได้ แต่อรรควัสเลือกไม่โต้แย้ง ทำตามกติกาที่อีกฝ่ายกำหนดขึ้นแต่โดยดี
“ผมน่ะนะชอบในความใจกว้างของคุณอรรคจริง ๆ” คุณชายเสิ่นเอ่ยปากชม แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าภายใต้คำพูดนั้นออกมาจากใจเจ้าตัวหรือไม่
“เริ่มเลยนะครับ” อรรควัสไม่ตอบอะไรกลับถามคำถามใหม่แทน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า พนักงานที่รอแจกไพ่อยู่จึงทำหน้าที่ด้วยความคล่องแคล่วทันที
ไพ่ถูกหงายขึ้นมาใบแรกนั้นคุณชายเสิ่นได้แหม่มหรือควีนโพธิ์ดำ ส่วนเจ้าของคาสิโนนั้นได้เพียงเลขสี่ดอกจิก ดวงตาสองคู่สบตากันโดยไม่มีใครรู้ความหมาย ก่อนจะเปิดไพ่ใบที่สองอย่างไม่เร่งรีบ
เมื่อภาสกรกลับมาถึงห้อง เขาก็ไม่เห็นร่างใครอีกคนภายในห้องทว่าไม่นึกแปลกใจ อีกฝ่ายมีงานที่ต้องจัดการแก้ไขมากมายในแต่ละวัน ถ้าอยู่ห้องสิเขาควรจะแปลกใจ
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรแก้เบื่อ เขาจึงเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาดูฆ่าเวลาเล่น ๆ กดไล่ช่องไปเรื่อยกระทั่งสายตาสะดุดกับช่องหนึ่ง
นี่มัน? ชั้นวีไอพีของคาสิโนไม่ใช่เหรอแล้วทำไมอรรควัสถึงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นได้ ภาสกรรู้ดีว่าโต๊ะตัวใหญ่หรูหรานั้นไว้สำหรับการประลองท้าดวงเท่านั้น
อย่าบอกนะว่า..ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เขาโยนรีโมททิ้งก่อนจะผลุนผลันวิ่งออกไปจากห้อง เห็นคนที่ยืนทำหน้าที่อารักขาเขา บัดนี้กลายเป็นอาคุนไม่ใช่อาเฉินแล้ว
“พี่คุน”
“ครับ”
“ผมเปิดทีวีแล้วเห็นคุณอรรค..บอสอยู่ที่ชั้นวีไอพี มันไม่ใช่รายการเก่าใช่ไหมครับ” เขาถามออกไปด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ภาวนาให้คำตอบที่เขาหวังนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
“ไม่ใช่ รายการนี้เป็นรายการถ่ายทอดสด”
ภาสกรได้ยินคำตอบก็กลับเข้าห้องไปทันที เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานของคาสิโนอย่างรวดเร็ว แทบเรียกได้ว่าทำลายสถิติการเปลี่ยนชุดเร็วที่สุดในโลกก่อนจะเปิดประตูออกมาอีกครั้งแต่กลับถูกคนหน้าห้องขวางไว้
“ปล่อยผมพี่คุน”
“พายจะไปไหน”
“ผมจะขึ้นไปชั้นวีไอพี”
“ไปไม่ได้ บอสให้พี่ดูแลพายอยู่ที่ห้องนี้”
“ไม่ครับพี่คุน ผมขอร้องให้ผมขึ้นไปเถอะนะ ผมเป็นห่วงบอส”
“นายคิดมาไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เป็นการท้าดวลธรรมดาเกมหนึ่งเท่านั้น” อาคุนพยายามบอกอีกฝ่ายให้เข้าใจ
“ผมรู้ว่าพี่พูดไม่จริง หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คุณอรรคเองก็บอกว่าอีกไม่ช้าเกมนี้จะจบลง คนร้ายปรากฏตัวแล้วใช่ไหมครับ” ภาสกรเขย่าแขนอีกฝ่าย
“...”
เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ตอบ ภาสกรจึงทึกทักเอาเองว่าคำตอบคือ “ใช่” ใจของเขายิ่งร้อนรนเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรแล้วเขาก็จะต้องขึ้นไปบนชั้นให้ได้
ภาสกรอาศัยจังหวะที่อาคุนเผลอ เขาย่อตัวลงก่อนจะมุดลอดแขนที่กั้นขวางประตูเอาไว้อย่างรวดเร็วจนอาคุนจับตัวอีกฝ่ายไม่ทัน
“ขอโทษนะพี่คุน” เขาตะโกนเสียงดังแต่ไม่ชะลอฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย
อาคุนเห็นคนที่เขาต้องดูแลก็พลางคิดในใจว่าไม่แคล้วถูกบอสลงโทษ แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธอีกฝ่าย ตัดสินใจปล่อยภาสกรไป เขาเข้าใจถึงความเป็นห่วงในตัวคนรักดี เพราะเขาเองก็มีคนรักที่เป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
สถานการณ์บนชั้นวีไอพีสัมผัสได้ถึงความเครียดเขม็งของผู้ชมที่ต่างลุ้นใจจดใจจ่อ อยากรู้ผลแพ้ชนะเต็มทีแล้ว เหลือแต่เพียงผู้แข่งขันสองคนเท่านั้นที่ยังวางสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่มีเรื่องกดดันอะไร
ไพ่ใบที่สองถูกเปิดออกมาแล้วโชคยังเป็นของคุณชายเสิ่น เขาได้ควีนโพธิ์แดงเพิ่มมาอีกใบ ทำให้คุณชายเสิ่นตอนนี้มีหนึ่งคู่แล้ว ในขณะที่เจ้าบ้านนอกจากได้เลขสี่ดอกจิกมาแล้วยังได้เลขเจ็ดข้าวหลามตัดมา จะจับคู่ก็ได้ไม่ได้ จะเล่นสีกลุ่มเดียวกันก็ยิ่งไม่สามารถทำได้เลย
“เรามาเพิ่มกติกากันหน่อยดีไหม จะได้เพิ่มความสนุกมากขึ้น”
“ไม่มีปัญหาครับ คุณชายเสิ่นว่ามาได้เลย”
“อืม หลังจากนี้ทุกการเปิดไพ่คนที่แต้มสูงกว่าจะเรียกเดิมพันก่อน”
“ครับ”
“งั้นเริ่มจากตานี้เลยก็แล้วกัน ถ้าผมชนะเกมนี้ คุณอรรคต้องออกไปจากมาเก๊าและจะกลับมาอีกไม่ได้ตลอดชีวิต โอเคไหมครับ”
บอสใหญ่แทบไม่เสียเวลาคิด เขารับปากอีกฝ่ายทันที “ตามครับ”
“และเพื่อไม่ให้เอาเปรียบคุณจนเกินไป ถ้าฝ่ายที่แพ้เป็นผมละก็ ผมเองก็จะออกไปจากที่นี่และไม่กลับมาอีกเช่นกัน”
“คุณชายเสิ่นช่างยุติธรรมและใจกว้างจริง ๆ ครับ”
“ชมผมเกินไปแล้ว เปิดใบต่อมากันดีกว่า”
ไพ่ใบที่สามโชคเริ่มเข้าทางเจ้าของคาสิโนบ้างแล้ว เขาได้เจ็ดดอกจิกเพิ่มมาอีกหนึ่งใบ แต่โชคคุณชายเสิ่นยังไม่หมดสิ้นเขาได้แหม่มควีนข้าวหลามตัดทำให้ตอนนี้ทางคุณชายเสิ่นมีตองแหม่มหรือควีน ส่วนอรรควัสนั้นมีเพียงคู่เจ็ดหนึ่งคู่
“เชิญคุณชายเสิ่นเรียก” พนักงานแจกไพ่ผายมือไปยังผู้ที่ได้แต้มมากกว่า
“ได้ยินมาว่าคุณอรรควาดรูปสวยมาก”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่มือสมัครเล่นเท่านั้น”
“จุ๊ ๆ อย่าถ่อมตัวเลย อะไรที่เป็นข่าวลือกับเจ้าของคาสิโนแห่งนี้นี่เป็นเรื่องจริงทุกครั้งเชียว ใครต่อใครก็ต่างบอกว่าคุณอรรควาดรูปสวยมาก ลงแสงเงาได้ดีทั้งที่เรียนไม่จบด้วยซ้ำ น่านับถือ ๆ”
“ชมเกินไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะขอมือขวาของคุณอรรคกลับบ้านแลกกับนิ้วมือของลูกน้องผมที่หายไปแทน”
อรรควัสหลับตาลงนิดหนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มมุมปากออกมาเบา ๆ “ได้สิครับ”
สิ้นคำตอบของอรรควัสกลับเรียกเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่จากเสียงกองเชียร์ที่ดังมาจากทุกสารทิศ เพราะคาสิโนแห่งนี้ไม่เคยเดิมพนันเป็นอวัยวะมนุษย์กันมาก่อน
“เดี๋ยวเราก็จะรู้ผลแพ้ชนะกันแล้ว คุณอรรคจะถือสาไหมถ้าผมจะขอเป็นฝ่ายเรียกเดิมพันล่วงหน้าก่อนจะเปิดไพ่ใบที่สี่พร้อมกับใบที่ห้า”
“ผมจะกล้าขัดคุณชายเสิ่นได้อย่างไร คุณชายอยากเดิมพันอะไรครับ”
“ช่วงนี้บอสใหญ่เหมือนจะหลงเสน่ห์หนุ่มน้อยคนไทยอยู่คนหนึ่งใช่ไหมครับ” แค่เพียงคำพูดที่เกริ่นขึ้นมาก็ทำให้ไหล่หนาของอรรควัสเกร็งขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
“ข่าวโคมลอยหรือเปล่าครับ” อรรควัสหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ “ใคร ๆ ก็รู้ว่าผมจะดูแลคนครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น ไม่มีซ้ำซ้อน และตอนนี้คนคนนั้นก็คืออลัน คุณชายเสิ่นคงได้ข่าวมาผิดแล้วละครับ น่าเสียดายอลันไม่ใช่คนไทย”
“หืม? อย่างนั้นหรือเนี่ย” คุณชายเสิ่นทำท่าครุ่นคิด “ถูกอย่างที่คุณอรรคว่าแหละครับ ข้อนี้ผมคงไม่กล้าเถียง แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นคนในสังกัดที่เตรียมปลดระวางแล้ว คุณอรรคจะยังนับอยู่แล้ว”
“...”
“น่าแปลกใจนะครับ ทั้งที่คุณอรรคก็น่าจะรู้ที่มาที่ไปของอลันดีอยู่แล้วแต่กลับยังเลี้ยงไว้ใกล้ตัว”
“ก็เพราะว่ารู้ไงครับว่าอลันเป็นคนของคุณชายเสิ่น ผมเลยอยากให้เขาอยู่ใกล้หูใกล้ตาผม” ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเปิดเผยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดังนั้นอรรควัสจึงเลิกปิดบังอีกฝ่ายเช่นกัน
“ดูถูกความฉลาดเฉียบแหลมของคุณอรรคไม่ได้เลย น่าเสียดายนะครับที่เราอยู่คนละฝั่งกัน”
“ขอบคุณคุณชายเสิ่นที่ชม” อรรควัสแย้มยิ้ม “เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาปิดเกมนี้กันดีกว่า คุณชายเสิ่นอยากเรียกเดิมพันเป็นอะไรครับ”
“ผมอยากขอเด็กคนนั้น”
“เด็กคนนั้น?” อรรควัสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “คุณชายหมายถึงอลันใช่ไหม”
“ไม่เอาน่า คุณอรรคเข้าใจผมดีอยู่แล้วว่าผมหมายถึงใคร”
คราวนี้อรรควัสใช้ความคิดอย่างหนัก คาสิโนแห่งนี้ เขายกให้คุณชายเสิ่นได้ หรือจะให้ปิดมันเลยเขาก็ย่อมทำได้ จะให้เขาตัดมือขวาหรือห้ามกลับมาเหยียบที่มาเก๊า เขาก็ย่อมทำได้ ไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด
เขามั่นใจในดวงตัวเองแต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอาดวงและโชคชะตามาทำให้คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่พลอยโดนลูกหลงไปด้วย แค่นี้ภาสกรก็ซวยเพราะเขามากแล้ว หากครั้งนี้โชคชะตาไม่เข้าข้างเขาล่ะ จะทำอย่างไร
และยิ่งเดิมพันนี้เป็นภาสกรแล้ว เขาทำใจไม่ได้ ยิ่งรู้ในสถานการณ์อนาคตได้เลยว่าภาสกรจะเจอกับอะไรบ้างเขายอมรับไม่ได้เลย เด็กที่จิตใจดีอย่างภาสกรไม่สมควรที่จะมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ อย่างไรเขาก็เอาชีวิตอีกฝ่ายมาเสี่ยงไม่ได้
“ว่าอย่างไรครับคุณอรรค หรือเดิมพันนี้ยากไปจึงตัดสินใจไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นยอมแพ้ไปก็ได้นะครับ เราจะหยุดเปิดไพ่เท่านี้ ผลแพ้ชนะก็เห็น ๆ กันอยู่แล้ว” คุณชายเสิ่นบอกอย่างเป็นต่อ
“คุณชายเสิ่นเก่งที่ดูผมออก”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ถ้าเดิมพันเป็นเด็กคนนั้น ผมคงต้อง..
ยอม”
========================================
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ