...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304684 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
รอจนเรื่องจบแล้วเพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
เอ็นดูน้องจิณจริงๆ นายเอกของพี่บัวยังคงคอนเซ็ปเป็นเอกลักษณ์เสมอ พระเอกก็เช่นกัน อยากได้แบบพี่ทิศมาไว้กับตัวสักคน 5555
เรื่องสายสัมพันธ์ของครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบในงานพี่บัวค่ะ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นใจดี

ขอบคุณพี่บัวสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนี้นะคะ



ออฟไลน์ Tonson777

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o13 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะค่ะ

ออฟไลน์ tomnub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะครับ

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
นางเอกคือคุณย่าจริงๆด้วย
ทุกอย่างคือผลประโยชน์กับลูกหลาน
ชอบคุณย่ามาก คนละอย่างกับอาม่าอีกตระกูล
อันนู้นสายชิล ลูกหลานทำตามใจได้
อันนี้สายเอาแต่ใจ หลานๆลูกล่อลูกชนแพรวพราว
รออ่านตอนพิเศษอยู่นะคะ จะเกี่ยวกับวรชิตยังไง
เป็นกำลังใจให้คุณบัวสร้างผลงานดีๆออกมาให้อ่านอีกนะคะ

ออฟไลน์ ladyzakura

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
คอมเม้นจากตอนที่ 10

นิยายคุณบัวสนุกมากกกก ตอนแรกว่าจะอ่านให้จบแล้วเม้นที่เดียว แต่แบบ เอ็นดูความญาติพี่น้องไม่ไหว

จะมาสืบความแต่ไม่ได้ความอะไรเลย ตลกบ้านนี้ 5555

ออฟไลน์ MM04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือ จบแล้ว คุณบัวเทพมากค่ะ ที่ทำอะไรหลายๆอย่างได้ กำลังใจมาเต็ม สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องที่ดูสุ่มเสี่ยง แต่ก็สื่อความหมายออกกลางๆ สุดยอกมากค่ะ :impress2:

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 887
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
คุณย่ายืนหนึ่งค่ะ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
รักนิยายของคุณบัวทุกเรื่องครับ

ขอบคุณครับ  :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี


   บ่ายวันเสาร์ จิณณะหนุ่มกรุงเทพฯที่ย้ายสำมะโนครัวไปยังจังหวัดข้างเคียง มีโอกาสได้เข้าไปทบทวนความหลังครั้งวัยรุ่นกับพื้นที่ใจกลางเมือง ถึงแม้สยามจะยังคงพลุกพล่านเหมือนเดิม แต่อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไป ร้านตรงนั้นก็มาใหม่ ตึกตรงนี้ก็รีโนเวท หัวมุมตรงนั้นก็เพิ่งสร้าง


   อดีตวัยรุ่นสยามตื่นตาตื่นใจกับความมีชีวิตชีวา มองไปทางไหนก็เห็นผู้คนหลายวัยหลากเพศ มีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ คึกคักอย่างที่หาไม่ได้ในต่างจังหวัด   


“จิณอยากทานอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างกาย ทำเอาคนที่กำลังตาเป็นประกายกับร้านรวงรอบตัวต้องหันมองต้นเสียง


อย่าว่าแต่โลกจะเปลี่ยน สยามจะเปลี่ยน ตัวจิณณะเองก็เปลี่ยนเช่นกัน


สมัยวัยรุ่น เคยคิดไหมน้อ ว่าพออายุเข้าใกล้เลขสาม จะได้ผู้ชายมาอยู่ข้างกายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายตาดุ หน้าดุ นิสัยก็ชอบดุ แต่พอบอกว่าจะมาเที่ยวสยามด้วยรถไฟฟ้า ผู้ชายคนนั้นก็ยอมจอดรถหรูไว้ที่บ้านแล้วโหนรถไฟฟ้ามาด้วยกันโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ


“ชานมไข่มุก!”


คนฟังส่ายหน้า ก่อนจะแย้ง


“กินข้าวก่อน แล้วค่อยไปกินอย่างอื่น”


“กินอย่างอื่นก่อนก็อิ่มพอดี...” ประโยคนี้จิณณะอยากพูด แต่คนพูดไม่ใช่จิณณะ สยามมีคนพลุกพล่าน เหตุบังเอิญคือทันทีที่พิทักษ์ปราม คนที่เพิ่งเดินผ่านไปก็ดันเอ่ยปากในสิ่งที่จิณณะคิดอยู่พอดี


ว่าแล้วก็ขอมองตาม แล้วยกนิ้วโป้งตามหลังให้ทีหนึ่งสมกับที่กล้าพูดในสิ่งที่จิณณะคิด


“กูไม่ให้มึงกินอะไรทั้งนั้นถ้าไม่กินข้าว!” พอหันมองก็ถึงได้เห็นชายหนุ่มสองคนยืนกันอยู่หน้าป้ายแผนที่ร้านอาหารของตึก คนตัวเล็กกว่าทำหน้าตานิ่งเฉย ในขณะที่หนุ่มตี๋ตัวใหญ่หน้าหงิกคิ้วขมวด


“มึงเข้าใจที่กูพูดมั้ยไอ้ปก กูบอกว่าไม่ให้กินบิงซู ถ้าไม่กินข้าว!” แลดูเหมือนจะเกิดสงคราม แต่พอคนหน้าตานิ่งเฉยหันไปมอง ไอ้หนุ่มตี๋ก็ถึงกับเม้มปาก


“ผมอยากกินอะไรเย็นๆนี่นา...”


“ก...ก็! ก็กินข้าวก่อน...อาหารญี่ปุ่นไหมล่ะ ถ้ามึงไม่อยากกินของร้อน” เสียงโวยตอนแรกลดดีกรีลงมาไม่ถึงครึ่งของเสียงเดิมเมื่อครู่นี้


ไม่มีคำตอบจากหนุ่มร่างโปร่ง สุดท้ายไอ้คนหน้าหงิกเลยถอนหายใจเฮือกแล้วฉวยแขน


“ไป...ไปนั่งเป็นเพื่อนกูก็ได้ แล้วค่อยไปกินบิงซู...” ไม่แน่ใจนักว่าไปนั่งเป็นเพื่อน หมายถึงนั่งเฉยๆหรือต้องกินด้วย แต่สุดท้ายคนที่ถูกจับแขนก็ยอมเดินตามไปอย่างไม่มีอิดออด


จิณณะมองตามจนเห็นไอ้หนุ่มตาเรียวหน้าหงิกพาเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น เขาไม่ได้อยากรู้อยากเห็นถึงขั้นตามไปดูว่าสุดท้ายแล้วสองหนุ่มนั่นได้กินบิงซูหลังกินข้าวไหม แต่ที่แน่ๆ...เขาอยากกินชานมไข่มุกก่อนกินข้าวนี่หว่า!


จารีตย้ำนักย้ำหนาว่ามาสยามต้องกินชานมไข่มุก มันให้ชื่อมา 2-3 ร้านที่เขาสั่งแล้วว่าเอาเด็ดสุด เพราะสุขภาพของผู้ชายอายุใกล้เลขสาม ไม่อาจใช้ปากและกระเพาะนำทางได้อีกแล้ว จะกินจะดื่มก็ต้องคิดถึงคอเลสเตอรอล ไขมันดี ไขมันเลวไว้บ้าง


แต่ยังไงก็เถอะ! วันนี้ก็ต้องได้กินชานมไข่มุก!!


“จิณ สรุปว่าจะกินอะไร” คำถามเหมือนเปิดกว้าง แต่แน่นอนว่าก่อนที่จิณณะจะตอบว่า ชานมไข่มุก พิทักษ์ก็พูดต่อขึ้นมาเสียก่อน


“กินข้าวก่อน ชานมไข่มุกไว้ทีหลัง”


จิณณะทำหน้าบูด รู้แน่แล้วว่าอย่างไรเสียก็ต้องกินอาหารหลักสักอย่าง ก่อนจะได้กินชานมไข่มุก ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโอ้เอ้เลย รีบๆเลือกสักร้าน รีบๆกินสักอย่าง แล้วจะได้ไปต่อชานมไข่มุก!


“งั้น...” ตอนที่กวาดตาจะดูร้านอาหาร สายตาก็ดันไปสบเข้ากับสายตาของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองตรงมาที่เขา จิณณะชะงักไปเล็กน้อย จากตอนแรกที่กำลังตัดสินใจจะเลือกร้านอาหารสักร้าน ก็กลายเป็นทิ้งสายตามองสบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่อึดใจใหญ่ๆ สมองประมวลผลความทรงจำอย่างรวดเร็วก่อนจะเบิกตากว้าง


“แคลร์!” เขาร้องออกมาแล้วยิ้มกว้าง หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาแล้วก้าวเร็วๆเข้ามาหา


“จิณ!”


หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวก้าวเท้าเข้าหากันโดยอัตโนมัติ พิทักษ์ได้แต่มองด้วยความสงสัย


“เราก็ว่าแล้วว่าหน้าตาคุ้นๆ มองตั้งนานนึกว่าไม่ใช่ แล้วจิณเป็นไงบ้าง เห็นมีเพื่อนบอกว่าจิณออกมาทำธุรกิจของที่บ้าน”


“อื้อ”


“แล้วนี่...จิณมากับเพื่อน?” หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่ามีชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ใกล้ๆ จิณณะชะงักไปเล็กน้อย หันไปมองพิทักษ์ที่ยืนอยู่แล้วก็พลันมีความคิดสองชุดเกิดขึ้นในสมอง


จริงอยู่ว่าความสัมพันธ์ของเขาและพิทักษ์ไม่ใช่เรื่องปิดบัง แต่...มันเป็นเรื่องที่อวดอ้างได้อย่างหน้าชื่นตาบานไหมน้อ


ทว่าพอคิดไปถึงขั้นตอนกว่าจะได้พิทักษ์มา ความยากลำบากกว่าจะได้อยู่ด้วยกันในวันนี้ จิณณะก็ตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น


ใช่! มันเป็นเรื่องที่อวดอ้างได้ ในเมื่อเขาและพิทักษ์รักกันจริง พยายามจนกระทั่งวันนี้ได้อยู่ด้วยกัน ไม่เห็นจะเสียหายเลย หากจะยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร


“แฟน...” เขาตอบหญิงสาวเสียงเบา แล้วบุ้ยใบ้ไปทางพิทักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขา แน่นอนว่าพิทักษ์ไม่ได้ยิน แต่หญิงสาวได้ยินชัดเจน หล่อนทำตาโต มองชายหนุ่มคนที่จิณณะออกปากว่าเป็นแฟนแล้วหันกลับมามองจิณณะอีกครั้ง


“จริงน่ะ?!”


“จริงสิ เราเคยโกหกแคลร์ด้วยหรือ”


“เออ ก็ไม่เคยโกหก แต่เลิกกับเราปุ๊บ มีผู้หญิงใหม่ปั๊บ” จิณณะทำหน้าปุเลี่ยน ความจริงหลายๆข้อในชีวิตของจิณณะ  วงศ์กีรติคือเป็นคนอัธยาศัยดี หน้าตาดี กีฬาพอใช้ เรียนไม่แย่ ที่สำคัญคือนามสกุลกับฐานะทางบ้านอู้ฟู่มาก เมื่อรวมความจริงเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว เรียกว่าเข้าตาผู้หญิงแปดในสิบยังได้ แต่ถึงจะมีคนเตะตาเตะใจมากมาย จิณณะก็ไม่เคยคบซ้อน จะมีก็แต่โสดไม่นาน มาโสดนานก็ตอนก่อนจะมาเจอพิทักษ์นี่ล่ะ ช่วงนั้นเป็นปลัดอำเภอต่างจังหวัด นอกจากทำงานก็สนุกสนานเฮฮากับเพื่อน วรชิตก็โสด เลยพลอยมีเพื่อนโสดไปด้วยอย่างไม่ทุกข์ร้อน


“แต่เราไม่เคยนอกใจแคลร์จริงๆนะ...”


“รู้จ้า แล้ว...นี่ไปไงมาไง ทำไมมีแฟนเป็นคนนี้...”


“ก็...เรื่องมันยาว” ถ้าอยากฟัง น่าจะต้องแวะร้านกาแฟสักร้าน สั่งเครื่องดื่มมานั่งจับเข่าคุยเพื่อเล่าประวัติความรักครั้งนี้ที่แสนสมบุกสมบัน


“เรื่องมันยาวหรือเขินไม่อยากเล่า” หญิงสาวทำหน้าเป็น ดวงตาเป็นประกาย


ความรักระหว่างหล่อนและเขาแม้จะเคยมีแต่ก็จบลงไปนานแล้ว แม้ตอนจบจะมองหน้าไม่ติดกันไปพักหนึ่งเพราะจิณณะมีคนรักใหม่ภายในเวลาอันรวดเร็วชนิดที่หล่อนยังทำใจไม่ได้ แต่สุดท้ายรักใหม่ครั้งนั้นก็ไปกันไม่รอด ไม่อย่างนั้นคนที่จิณณะออกปากว่าเป็นแฟนในวันนี้ คงไม่ใช่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาหรอก


“ไม่น่าเชื่อ...คาสโนว่าโดนฆ่าตายด้วยผู้ชายเหรอเนี่ย” หล่อนหยอก ทำเอาคนถูกหยอกทำหน้าปั้นยากขึ้นมาอีก


“ฟังดูไม่ดีเลยแหะ เหมือนโดนด่าแล้วแช่งซ้ำ” หญิงสาวหัวเราะกิ๊ก ก่อนที่เสียงเล็กๆจะดังขึ้น


“หม่าม้า...” จิณณะมองซ้ายมองขวา ก่อนจะชะงักไปอีกรอบเมื่อลดสายตาลงที่ข้างกายของหญิงสาว และพบว่าหล่อนไม่ได้มาเพียงลำพัง เด็กหญิงตัวน้อยคือเจ้าของเสียงนั้น พอสบตากับเขา เจ้าของเสียงเล็กๆก็โผเข้ากอดขา ‘หม่าม้า’


“หม่าม้า?” เขาทวนคำ หญิงสาวอดีตรักครั้งเก่าของเขายิ้มกว้าง หน้าตาสดใส


“ลูกสาวเราเอง” 


“จริงดิ?!” เขาร้อง ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองกับพื้น มองใบหน้าอูมของเด็กหญิงที่กอดขามารดา ดวงตากลมใสแจ๋วที่มองเขานั้น น่ารักน่าชัง


“ชื่ออะไรคะ คนสวย”


เด็กหญิงไม่ตอบ แต่เงยหน้ามองมารดาเหมือนสงสัย


“อันดาสวัสดีคุณลุงจิณสิคะ”


สถานะลุงนั้นชวนให้ยอกใจเล็กน้อย ถึงจะอายุใกล้สามสิบ แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าแก่เท่ากับการที่คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมีทายาทพร้อมกับอัพเกรดให้เขากลายเป็น ‘ลุง’ เลย


เด็กหญิงปล่อยขามารดา ก่อนจะพนมมือไหว้แล้วก้มศีรษะให้ปลายนิ้วจรดหว่างคิ้ว ท่วงท่าถูกต้องตามหลักการ เชื่องช้าอ่อนช้อยจนจิณณะยังเอ็นดู


“สวัสดีค่ะ หนูชื่ออันดา”


ชายหนุ่มยิ้ม


“อันดาอายุเท่าไรแล้วคะ”


“สี่ขวบ” ไม่พูดอย่างเดียวยังชูนิ้วให้ดูด้วย เด็กน้อยแสนฉลาดชูสี่นิ้วตรงตามคำตอบ


“สี่ขวบ สี่นิ้วถูกต้อง อันดาเก่งมากเลยค่ะ” ชายหนุ่มยอ


เด็กหญิงแก้มแดงจัดที่ได้รับคำชม ก่อนจะกลับไปกอดขามารดาอีกรอบ ทว่าคราวนี้ดวงตากลมจับจ้อง ‘ลุงจิณ’ อย่างตื่นเต้นมากกว่าตื่นกลัว


“ต้องไปแล้ว จิณ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น จิณณะเงยหน้ามองก่อนจะลุกขึ้นยืน พวกเขาบอกลากัน เด็กหญิงยกมือไหว้เขา ทว่าก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินจากไป คนเป็นแม่หันกลับมาอีกครั้งแล้วชะโงกหน้าไปมองพิทักษ์


“เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณแฟนของจิณ” ไม่พูดอย่างเดียว หล่อนยังขยิบตาแล้วยกนิ้วโป้งให้ด้วย จากนั้นก็หัวเราะสดใส จูงมือเด็กหญิงจากไป จิณณะหน้าเหวอ หันไปมอง ‘คุณแฟนของจิณ’ ที่ยืนกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง


“เอ่อ...พี่อย่าไปฟังยัยนั่นมาก ไปกินชานมไข่มุกกันดีกว่า...” ทว่าคนโมเมจะหาเรื่องกินอย่างอื่นก่อนกินข้าวไม่อาจทำอย่างที่ใจอยาก เพราะพอจะเดินตรงดิ่งไปยังร้านที่หมายตา คอเสื้อก็ถูกดึงเอาไว้


“ไปกินข้าวก่อน”


จิณณะทำตาละห้อย ได้แต่ส่งเสียงประท้วงแผ่ว


“โธ่...” ก่อนจะถูกลากเข้าร้านอาหารไป

………………………

พิทักษ์เป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ว่าจะมีเรื่องพอใจหรือไม่พอใจก็เงียบ ในขณะที่จิณณะเป็นคนช่างพูด แม้จะอยากกินชานมไข่มุกแต่ถูกลากมาทานข้าวเที่ยงก่อน ก็ยังพูดเก่ง เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด อาหารอร่อยก็ชมเปาะว่าอันนั้นอร่อย อันนี้อร่อย อันไหนอร่อยไม่มากพอ ก็ออกปากว่ามีอีกร้านที่อยากให้พิทักษ์ได้ชิม ไว้จะพาไป


คนหนึ่งไม่พูด คนหนึ่งพูด โต๊ะอาหารจึงไม่เงียบจนเกินไปนัก แต่แม้จะเป็นคนช่างพูด จิณณะก็พอจะดูออกว่าคนรักไม่ค่อยเอนจอยกับมื้อนี้เท่าไรนัก 


ออกจากร้านอาหาร พิทักษ์ก็ยังเงียบ จิณณะกำลังจะชวนเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารก่อน แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นเด็กชายหุ่นอ้วนกลมคนหนึ่งยืนอ้าปากกว้าง เอาขนมเขียวๆเข้าปากแล้วเคี้ยวเอร็ดอร่อย มีชายหนุ่มยืนประกบข้าง แม้จะมีสีหน้าหงุดหงิด แต่สายตาที่ทอดมองเด็กชายผู้เอร็ดอร่อยกับการกินก็ดูจะเอ็นดูอยู่มาก


“โตขึ้นมาต้องอ้วนแน่ๆ คราวนี้จะหล่อแบบอาของขวัญไหม”


“หล่อซี่! ขนมหล่ออยู่แล้ว งั่ม!” เด็กอ้วนตอบแต่ไม่ละสายตาจากขนมนุ่มหนึบสีเขียวที่ถืออยู่แล้วยัดมันเข้าปากไปอีกชิ้น


“แต่ถ้ากินแบบนี้ ยังไงก็ไม่หล่อ” เด็กชายไม่ได้สนใจกับคำบ่น เคี้ยวงับๆก่อนจะเงยหน้าบอก


“พ่อ อร่อย ซื้อไปฝากคุณย่าไหม” แก้มกลมขยับเป็นจังหวะ คนถูกเรียกว่าพ่อยังอดไม่ไหวต้องหัวเราะออกมา


“งั้นเดินกลับไปซื้อ” พอคนพ่อว่าอย่างนั้น หมุนตัวจะจูงมือพาลูกชายหุ่นอ้วนกลมเดินกลับไปยังทางเดิม ก็ปรากฏว่าคนเป็นลูกกลับยื้อแขนไว้จนต้องก้มลงมอง


“พ่อจูงมือแบบนี้ ขนมจะกินยังไง” เด็กชายช้อนตาถาม มือหนึ่งถือขนมสีเขียว อีกมือถือถุงกล่องขนม


บิดากะพริบตาปริบๆ คงไม่คิดว่าจะต้องมาแก้ปัญหาของเด็กน้อยรักการกินกันกลางสยามแบบนี้


“งั้นขนมก็หยุดกินก่อน”


“มันอร่อย ขนมหยุดไม่ได้” เหตุผลของเด็ก จะวางเฉยก็ไม่ได้เสียด้วย สุดท้ายคนเป็นพ่อเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาหูหิ้วถุงพลาสติกคล้องแขนป้อมไว้ข้างหนึ่ง แล้วจูงมือข้างนั้น ปล่อยให้มืออีกข้างสามารถล้วงหยิบขนมจากถุงได้ตามสะดวก


“เอ้า! ได้รึยัง”


“ได้แล้ว! พ่อของขนมเก่งที่สุด!” เด็กชายยิ้มกว้างจนตาหยี แล้วอัดขนมเข้าปากอีกชิ้น เคี้ยวหนุบหนับ เอร็ดอร่อยอย่างที่ชม ถูกจูงพาเดินก็ไม่ได้สนใจเส้นทางแต่อย่างใด มัวแต่ล้วง มัวแต่กิน สุขสบายสมกับเป็นเด็ก


จิณณะมองตามหลังสองพ่อลูกแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ไหว


“เด็กนั่นท่าทางจะแสบ”


“อือ...” มีเสียงตอบกลับมาเพียงสั้นๆ พอหันมอง ก็พบว่าพิทักษ์มองเมินไปทางอื่นด้วยซ้ำ ดูท่าจะมีเรื่องคาใจจริงๆแล้วแบบนี้


“อ่า...กินข้าวแล้ว งั้นไปกินชานมไข่มุกได้แล้วใช่ไหม ไปกัน ร้านนี้ไอ้จารับประกันว่าเด็ด”


พิทักษ์ไม่ห้ามปรามอีก คนถูกดุจนเคยตัว พอมาถึงจุดที่ไม่ถูกดุแล้วก็ชักใจแกว่ง


ทำยังไงดีล่ะทีนี้ เรื่องง้อไม่ใช่เรื่องยาก แต่มายากตรงที่สถานที่ไม่เอื้ออำนวยสักนิด


ใจกลางสยาม ใจกลางกรุงเทพฯ


ถึงจิณณะจะไม่ใช่คนเด่นดัง แต่ความบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอ ดูอย่างที่จู่ๆก็พบแฟนเก่าเมื่อครู่นี้ หรือถึงจะไม่บังเอิญเจอคนรู้จัก ก็อาจจะโด่งดังมีคนรู้จักชั่วข้ามคืนตอนง้อกันใจกลางเมืองนี่ล่ะ


แต่จะไม่ง้อก็...


หลานชายคุณกอบกุลเหล่มองคนรักที่ยืนหน้านิ่ง เรื่องนี้เป็นปกติของพิทักษ์อยู่แล้ว แต่ที่ไม่ปกติคือบรรยากาศรอบตัวที่ไม่น่าเข้าใกล้สักนิดนั่นต่างหาก


ชายหนุ่มคิดไม่ตกอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งรับชานมไข่มุกจากคนขายมาถือไว้ในมือ


นี่ไงล่ะ! อุปกรณ์กระชับมิตร!!


ทายาทตระกูลวงศ์กีรติผู้มีลูกเล่นแพรวพราวไม่ต่างจากต้นตระกูลรีบดูดชานมไข่มุกเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็หันมองพิทักษ์ด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบ


“อร่อยมาก! พี่ทิศชิม” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ยื่นแก้วในมือให้คนรักด้วย พิทักษ์สั่นหน้าปฏิเสธ แต่คนยื่นยังทำสีหน้าคะยั้นคะยอ จนคนปฏิเสธต้องตัดใจ ทว่าพอจะรับแก้วมาถือ คนคะยั้นคะยอกลับยื้อมือหนี


“ผมให้พี่ชิม ไม่ใช่ให้พี่เอาไปหมดทั้งแก้วนะ” พูดแล้วก็ยื่นแก้วเข้าไปใหม่ คราวนี้ใกล้แทบถึงปาก ต่อให้จะเป็นเด็กชายพิทักษ์อยู่อนุบาลสามก็รู้ว่าท่าทางแบบนี้หมายถึงจะให้เขาดูดอย่างเดียวไม่ต้องถือ หรือพูดง่ายๆก็คือจิณณะจะป้อนนั่นแหละ


แต่นี่...ใจกลางสยาม


กับผู้ชายสองคนและการยื่นแก้วเอาหลอดมาจ่อปาก


พิทักษ์มองคนตรงหน้าราวกับจะส่งสัญญานให้เจ้าตัวรู้สักนิดว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานสองต่อสอง แต่อยู่กันสองคนท่ามกลางลูกค้าเป็นสิบที่หน้าร้านขายชานมไข่มุก และคนเป็นร้อยที่เดินไปมาขวักไขว่


“ดูดดิพี่ อร่อยจริง” ทว่าจิณณะยังทำตาใสไม่รู้เรื่อง จ่อแก้วที่ปากเขาอยู่อย่างนั้น


สุดท้ายพิทักษ์เลยต้องยอมก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วดูดชานมไข่มุกจากแก้วในมือของคนรัก


“ดีขึ้นมั้ย...” คำถามดังเสียงเบามาจากคนถือ ทำเอาชายหนุ่มต้องเหลือบตาขึ้นมอง คำถามนี้แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับชานมไข่มุกที่เขากำลังดูด แต่จิณณะถามถึงเรื่องอื่น ดวงตาของคนถามมองเขาอยู่ มันไม่ได้แพรวพราวหลุกหลิก หรือใสซื่อไม่รู้เรื่องราว


เจ้าตัวรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน รู้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน แต่ก็เป็นตัวจิณณะ...ที่อยากป้อนเขา


...ดีขึ้นมั้ย...


เป็นคำถามสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย


พิทักษ์เงยหน้าขึ้นมา รสหวานอมขมและกลิ่นชาละมุนผสมกับเนื้อสัมผัสของไข่มุกหนึบหนับ


อร่อยสมกับจารีตแนะนำมา


แต่ถ้าถามว่า ‘ดีขึ้นมั้ย’ อันที่จริงก็ยังมีเรื่องค้างคาในใจ แต่พอมองคนตรงหน้าที่มองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง และการกระทำที่เจ้าตัวพยายามสื่อก็พอจะทำให้ ‘ดีขึ้น’


“อืม...” แม้จะตอบสั้น แต่สุ้มเสียงก็ไม่แข็งกระด้าง พิทักษ์คลายความรู้สึกบางอย่างในใจลง บรรยากาศรอบตัวก็พลอยลดความทะมึนลงด้วย


จิณณะยิ้มกว้าง


“อร่อยเนอะ เอาอีกแก้วไหม” ไม่ใช่คำถาม เพราะสายเปย์กำลังจะหมุนตัวกลับไปต่อแถวใหม่ แต่ถูกดึงแขนไว้เสียก่อน


“ไม่ต้อง แก้วเดียวนี่แหละ...กินด้วยกัน” พิทักษ์เอ่ย ในดวงตาของคนรักที่มองมาที่เขานั้นยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นเคย ในเมื่อจิณณะยังรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่...เขาจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น...


“ก็ได้ เผื่อจะได้ลองอย่างอื่นมั่ง ผมได้ยินว่ามีขนมร้านใหม่มาเปิดด้วยนะ เราเดินย่อยแล้วค่อยไปแวะกินขนมก่อนกลับดีไหม” จิณณะเสนอพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง


ไม่มีการขัดใจห้ามปรามอีก และก็ไม่ปรากฏบรรยากาศขะมุกขะมัวแบบเมื่อครู่เช่นกัน


สองหนุ่มเดินเข้าตึกนั้นออกตึกนี้ จิณณะหมดเงินไปกับขนมร้านใหม่ๆหลายร้าน ทั้งซื้อฝากบ้านเขาและบ้านของพิทักษ์ ไหนจะซื้อกลับไปกินที่บ้านของพวกเขาอีก สุดท้ายก็เต็มสองมือ...หมายถึงสองมือของพิทักษ์ เพราะสองมือของจิณณะนั้น มือหนึ่งยังถือชานมไข่มุกแก้วที่สองจากร้านที่อยากลอง ที่ข้อมือห้อยถุงขนมครกเขียว ส่วนอีกมือ...คอยแต่จะหยิบขนมในถุงเข้าปากเคี้ยวเอร็ดอร่อย


“เด็กนั่นพูดถูกแหะ ขนมนี่อร่อยจริงๆด้วย” คนชอบกินของอร่อยออกปากอย่างเริงร่า ทว่ากลับเป็นประโยคแห่งความเอร็ดอร่อยที่ดึงทึ้งความรู้สึกในใจของพิทักษ์ให้ดิ่งวูบลงไปในหลุมลึกก้นบึ้งหัวใจ


...เด็กนั่น...


...เด็ก...


ภาพของเด็กชายร่างอ้วนกลมช่างพูด เคี้ยวขนมตุ้ยๆในขณะที่เจรจากับบิดาหวนกลับมาในความคิดอีกครั้ง ภาพนั้นหากเป็นใครเห็น ก็คงทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยวความตุ้ยนุ้ยช่างกินช่างพูดของเด็กชาย ทว่า...สำหรับพิทักษ์ เขากลับมองไกลไปกว่าการเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู


...เด็ก...


แล้วจิณณะ...จะอยากมีเด็กบ้างไหม

…………………..

คำถามนี้ค้างคาใจพิทักษ์มาตลอดนับตั้งแต่ออกจากสยามกลับมาที่บ้าน ตอนแรกจิณณะคิดว่าอีกฝ่ายดีขึ้นแล้วนับตั้งแต่ได้รับการง้อใจกลางสยามของเขา แต่แล้วก็พบว่าสิ่งที่คาดเอาไว้นั้นผิดถนัด


พิทักษ์ไม่ดีขึ้น


ชานมไข่มุกไม่ช่วยอะไร


ง้อยังไงดีล่ะทีนี้


ขอคืนคำพูดได้ไหมที่ว่าง้อไม่ยาก จริงๆแล้วต้องบอกว่าง้อพิทักษ์ยากมากกกกกก...มากที่สุดในโลก!!


“พี่ทิศ...ดูนี่ๆ เกมนี้น่าเล่นมากเลย พี่ว่าผมซื้อมาเล่นดีเปล่า” คิดอะไรไม่ออก หาเรื่องโดนด่าด้วยการใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายก็แล้วกัน บางทีอาจทำให้พิทักษ์ยอมพูดอะไรมากขึ้นก็เป็นได้


คนที่นั่งดูโทรทัศน์หันกลับมามอง เพียงแค่เหลือบมองสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของจิณณะเพียงวูบเดียวก็กลับไปจดจ้องใบหน้าของคนรักนาน


คนถูกจ้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เดาเอาไว้ก่อนหน้าว่าจะต้องถูกบ่นเรื่องราคาของเจ้าของเล่นชิ้นที่ว่านี่แน่นอน แต่...ระดับหลานชายคุณกอบกุล เมื่อคิดจะใช้วิธีใด ก็ย่อมหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว


“เอ่อ...ผม...ผมเอาไว้เล่นแก้เครียดเฉยๆ รู้อยู่ว่ามันแพง แต่ถ้าเล่นทุกวัน วันละชั่วโมงก็คุ้มนะพี่”


“ถ้าจิณมีลูก จิณจะได้เล่นกับลูก” ทว่า...ประโยคต่อมาของพิทักษ์กลับไม่ใช่การดุเรื่องใช้เงินจำนวนมากกับของเล่นสักชิ้น แต่เป็นเรื่องอื่น


ไม่ใช่เรื่องเกม แต่เป็นเรื่องลูก


จิณณะขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง


“หะ? พี่ว่าอะไรนะ”


“พี่บอกว่าถ้าจิณมีลูก จิณจะได้เล่นกับลูก” คนฟังเกาหัวแกรกๆ ยังไม่เข้าใจ


“แล้วผมจะไปเอาลูกมาจากไหน”


ดวงตาของพิทักษ์ยังจับจ้องใบหน้าของคนรัก 


“อยากมีลูกไหม” ชายหนุ่มถามเรียบ คราวนี้คนทำหน้างงถึงกับกะพริบตาปริบๆ


“ม...มีลูก? ผมจะมีได้ไงก็...” เหตุผลของการมีลูกไม่ได้คือการที่พวกเขาต่างเป็นชาย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกไป เพราะรู้กันอยู่เต็มอก


“พี่ถามว่าจิณอยากมีไหม” พิทักษ์ถามซ้ำ คราวนี้จากที่งงงันมาตั้งแต่แรก จิณณะเริ่มเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรในใจ


ตั้งแต่ที่พบคนรักเก่าของเขามาพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อย ไหนจะเด็กอ้วนกินเก่งกินอะไรก็อร่อยคนนั้น...


พิทักษ์คิดว่าเขาอยากมีลูก แต่ประเด็นคือต่อให้อยากมีหรือไม่อยาก พวกเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะมีลูกโดยเกิดจากพันธุกรรมของพวกเขาสองคนผสมกัน ลูกของเขาและพิทักษ์จะไม่มีทางหน้าเหมือนเขา ตาเหมือนพิทักษ์ หรือสมองเหมือนพิทักษ์ แต่ปากเหมือนเขา


พอเข้าใจความคิดอ่านของอีกฝ่าย จากสีหน้างุนงงก็คลายลง ประกายในดวงตาของจิณณะเปลี่ยนเป็นแววจริงจัง


“ผมไม่ปฏิเสธว่าอยากมี”


ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่คิดว่าตนเองจะมีคนรักเป็นผู้ชาย ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เคยคิดว่าหากมีแฟนที่คบหากันได้ คุยกันรู้เรื่อง วันหนึ่งจะแต่งงาน สร้างครอบครัวเล็กๆ มีลูกสักสองคนกำลังดี ตัวเขาอุ้มลูกคนเล็ก ภรรยาจูงลูกคนโต ในขณะที่ทั้งเขาและภรรยาก็ยังสามารถจับมือกันเดินได้


ภาพเหล่านี้จะไม่มีวันเป็นจริง ถ้าคนรักของเขาไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นพิทักษ์


“แต่อยากมีแล้วไง ผมก็แค่มีไม่ได้” เจ้าตัวพูดแล้วยักไหล่หน้าตาไม่ยีหระเท่าไรสมกับที่ออกปากว่า ‘แค่’


จิณณะเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบาย หน้าตาดูไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่อยากมีแต่แค่มีไม่ได้นั่นเลย


“พี่คิดว่าผมถูกเลี้ยงมาแบบไหน คุณชายจิณณะ  วงศ์กีรติ อยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็เรียกร้อง อยากจะเอาทุกอย่างที่หวังงั้นเหรอ พี่ดูถูกตระกูลผมมากไปแล้วนะ” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะฮ่าฮ่า ยามพูดถึงตระกูล ไม่ต้องบอกเลยว่าเจาะจงไปที่ใคร


แม้จิณณะจะเกิดมาในตอนที่วงศ์กีรติตั้งหลักมั่นในวงการธุรกิจได้แล้ว แต่เขาหรือแม้แต่รุ่นหลานคนไหนในตระกูลก็ไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจไร้เหตุผล ส่วนหนึ่งเพราะคุณกอบกุลเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ช่างบังคับ ถ้าอยากจะได้อะไรต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เว้นเสียแต่ว่าจะสิ่งที่อยากกับสิ่งที่คุณกอบกุลบังคับจะเป็นเรื่องเดียวกัน อีกส่วนก็เพราะคุณกอบกุลเคยตกอับและแสนตระหนี่ แม้จะใจกว้างกับลูกหลานอยู่พอสมควร แต่ครั้นลูกหลานออกปากขอแล้วจะให้โดยทันทีก็เห็นจะไม่ใช่คุณกอบกุล


“ผมรู้จักความผิดหวังนะพี่ เคยอกหักด้วย ผมรู้ว่าโลกความจริงกับโลกความฝันบางทีมันก็ไกลกัน เรื่องมีลูก ผมยอมรับว่าผมฝัน เหมือนผมเคยฝันว่าอยากเป็นซุปเปอร์แมน แต่แล้วไง...ก็แค่ความฝัน โลกความจริงคือผมไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นซุปเปอร์แมน โลกความจริงคือผมมีลูกไม่ได้ ก็แค่นั้นเอง”


“แต่ถ้าจิณแต่งงานกับผู้หญิง...” 


“ใช่ ถ้าผมแต่งงานกับผู้หญิง ป่านนี้ลูกหัวปีท้ายปีล่ะ น้ำยาผมดี แต่ถ้าผมไม่มีพี่ ผมคงตายห่าไปตั้งแต่ตอนไพศาลส่งคนมายิงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนแต่งงานมีลูกหรอก” เป็นอีกครั้งที่สิ่งที่ฝันกับสิ่งที่เป็นจริงไม่ใช่ปัญหาของจิณณะ ถ้ามันไม่ทับซ้อนกันสักเรื่องสองเรื่องจะเป็นอะไรไปเล่า ในเมื่อชีวิตจริง โลกแห่งความจริงที่เขามีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายเสียหน่อย


 “แต่...” ทว่าในความคิดของพิทักษ์ หากสิ่งที่คนรักของเขา ‘ขาด’ เป็นเรื่องอื่นๆที่พอจะมีสิ่งอื่นมาทดแทนได้ เขาก็คงไม่คิดมากอย่างนี้ ยิ่งเมื่อรวมกับต้นเหตุของการทำให้จิณณะมีลูกไม่ได้คือตัวเขาเอง พิทักษ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นอุปสรรคในชีวิตของคนรัก


“หรือพี่อยากให้ผมมีลูก? ถ้าลูกออกมาตาเหมือนพี่ จมูกเหมือนผม ปากเหมือนพี่ ผมว่าดี”


พิทักษ์ส่ายหน้าไปมาเมื่อคนข้างกายชักพูดจาเลื่อนเปื้อน


“ผมพูดจริงนะ ผมอยากให้ลูกผมหน้าเหมือนผมกับพี่”


“มันจะเป็นไปได้ยังไง” 


“ใช่ไง มันเป็นไปไม่ได้ เราก็แค่ยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้ ชีวิตคนเราไม่ต้องเป็นไปได้ทุกอย่างหรอก วันนี้ผมมีกินมีใช้ มีครอบครัวที่ดี มีร่างกายแข็งแรง มีพี่อยู่ข้างๆ ถ้าจะขาดสักอย่างในชีวิต ผมว่ามันก็ไม่เป็นไรนี่นา”


พิทักษ์ได้แต่มองคนรักนิ่งนาน ถึงจิณณะจะดูเป็นคนเหลาะแหละไม่จริงจัง แต่ความไม่จริงจังบางครั้งก็ทำให้เจ้าตัวปรับตัวเข้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย การมองในสิ่งที่เป็นไปได้และไม่ดันทุรังไปกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อาจทำให้ชีวิตเสถียรจนไม่น่าสนุก ทว่าในบางครั้งมันก็ทำให้รู้จักปล่อยวางและใจสบาย


หากจิณณะมองว่าพิทักษ์คือความสงบ พิทักษ์ก็มองจิณณะเป็นความสบายเช่นเดียวกัน


เป็นความสบายอกสบายใจ ผ่อนคลายและปล่อยวาง


ผิวแก้มของพิทักษ์ถูกลูบด้วยปลายนิ้วแผ่วเบา สายตาที่ทอดมองมานั้นไม่หลุกหลิกซุกซน ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกมากล้น


“พี่ทิศมีค่ากับผมมากนะ อย่าคิดว่าตัวเองทำให้ผมต้องเสียโอกาสกับเรื่องอื่นเลย พี่ต่างหากที่ให้โอกาสผม ทำให้ผมรู้ว่าการมีพี่ มันดียังไง”


หลังประโยคนั้น ไม่เพียงแต่ปลายนิ้วที่ไล้ไปมาบนผิวแก้ม แต่ยังยื่นหน้าเข้าหา ประกบริมฝีปากเพื่อย้ำให้คนฟังมั่นใจ ความรู้สึกที่จิณณะมีให้ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย และการมีอยู่ของพิทักษ์ไม่ใช่เรื่องที่จิณณะมองข้าม พิทักษ์มีค่ามากเกินกว่าจะถูกมองว่าเป็นอุปสรรคที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่อาจมีทายาท


สำหรับคนอื่น ทายาทอาจสำคัญ สำหรับจิณณะก็สำคัญ เพียงแต่เมื่อเทียบกับพิทักษ์แล้ว ความสำคัญของพิทักษ์มีมากกว่าหลายขุมจนเรื่องทายาทไม่ใช่ประเด็นของชีวิตอีกต่อไป


รสจูบของจิณณะไม่ได้อ้อล้อชวนหวั่นไหว ทว่าหนักแน่นจริงจังราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายเชื่อมั่น ช่วยสมานร่องรอยของความรู้สึกผิด เติมความชุ่มฉ่ำลงในความแห้งแล้งของหัวใจของพิทักษ์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2019 21:16:21 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


โซฟาที่ชั้นล่างของบ้านออกจะคับแคบแต่ไม่ใช่ปัญหาที่จะใช้เป็นพื้นที่เน้นย้ำความรู้สึกของพวกเขาเลย เสื้อผ้าที่สวมใส่ร่วงหล่นทีละชิ้นยามที่มือล่วงล้ำไปตามผิวเนื้อ ริมฝีปากยังบดจูบเชื่อมกระชับไม่คลาย ก่อนที่พิทักษ์จะพาร่างกายดำดิ่งสู่ความร้อนรุ่มที่คุ้นเคย


เพราะไม่ได้เตรียมตัวเหมือนคราวก่อนๆ จิณณะต้องตั้งสติ สูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนคลายร่างกาย ทว่ามันก็ยังอึดอัดคับแน่นจนหน้าตาเหยเก แต่พออีกฝ่ายจะผละไปรื้อหาตัวช่วย เขากลับคว้าร่างคนที่ทาบทับอยู่เบื้องบนเอาไว้


“ผมไม่ชอบให้เอาออก ถ้ายังไม่เสร็จ” สั้น ตรง ได้ความหมาย และพิทักษ์ต้องทำตามสถานเดียวเท่านั้น ทว่าพอความแข็งแกร่งขยับเข้าหา จิณณะก็ข่มตาหน้าเบี้ยวสูดปาก มือจิกลาดไหล่คนรักเพื่อระบายความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นพอลืมตาขึ้นมามอง กลับไม่มีความหวั่นไหวหรือลังเลสักนิด


ความรู้สึกของจิณณะมั่นคงเพียงใด ดวงตาคู่นี้บอกทุกอย่าง


ไม่ว่าพวกเขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไร ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน แต่พวกเขาจะยังมีกัน จะเป็นแรงใจให้กัน อุปสรรคบางอย่างอาจไม่มีทางข้ามพ้น ข้อจำกัดบางอย่างอาจต้องติดตัวไปจนวันตาย แต่ความรู้สึกที่มีให้กัน จะเป็นแสงสว่างชั้นดีในเส้นทางที่เลือกเดิน


ห้วงรักเป็นไปอย่างหนักแน่น ยิ่งเมื่อมีชนวนเหตุเป็นเรื่องที่ชวนให้ผิดหวังก็ยิ่งทำให้พิทักษ์อยากจะมอบความรู้สึกผ่านทางการกระทำให้มากที่สุด จิณณะไม่ใช่มนุษย์บอบบางขี้โรค เมื่ออีกฝ่ายโหมแรงโถมเข้าใส่ด้วยความรู้สึกลึกล้ำเต็มอก ก็มีแต่จะต้องหยัดร่างกายรับการตอกลึก เสียงครางอื้ออึงดังประสาน เมื่อเบื้องล่างกระแทกกระชั้นถี่ ก็ยิ่งกระพืออารมณ์ให้ลุกไหม้ จิกเล็บลงครูดไปกับลาดไหล่ บดจูบหนักให้สาแก่อารมณ์รักสลับกับเรียกชื่อกันและกัน


ท่วงท่าไม่ได้พิสดารเลย ทว่าลึกล้ำจนแทบไม่มีช่องว่าง ยิ่งเมื่อพิทักษ์จับขาข้างหนึ่งของคนรักขึ้นพาดไหล่ เขาก็ยิ่งสอบกายเข้าออกได้ถี่ยิบตามแต่อารมณ์จะนำพา ร่างกายฉ่ำชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ อารมณ์หวามถูกพัดโหมยิ่งกว่าราดน้ำมันลงบนกองไฟ จิณณะบิดเร้าไปทั้งร่างด้วยความทรมาน ไม่เพียงแค่เบื้องหลังถูกชำแรกจนร้อนฉ่า แต่เบื้องหน้าก็ถูกรูดรั้งจนแสบเสียวร้อนเห่อ ห้วงสุดท้ายของการเคลื่อนไหวที่แสนเร่าร้อนนี้ เรียกเสียงครางยาวพร้อมกับอาการเกร็งเฮือก พิทักษ์บดเบียดร่างกายตัวเองเข้าสู่ความคับแน่นจนมิด ในขณะที่จิณณะตอดรัดความแข็งขืนถี่ยิบ อารมณ์รักของพวกเขาพุ่งทะยานออกมาเป็นสาย


ร่างสูงทิ้งกายลงทาบทับแม้ว่าต่างคนต่างจะเปียกปอนไปด้วยเหงื่อและหยาดรัก เสียงหอบยังดังเป็นจังหวะถี่ เหงื่อยังผุดพรายเกาะเต็มใบหน้า แต่ถึงอย่างนั้นหยาดเหงื่อเหล่านี้ก็ไม่อาจบดบังความหน้าตาดีของจิณณะได้เลย


รูปตาสวย จมูกโด่ง ดีเสียจน...ถ้ามีลูกหน้าตาแบบจิณณะ ก็คงจะดี


“ถ้ามีลูก...พี่ก็อยากให้ลูก หน้าเหมือนจิณ...”


“ตาแบบจิณ...” ปลายนิ้วยาวเกลี่ยเบาๆที่หางตา ลากมายังดั้งจมูกโด่ง


“จมูกแบบจิณ...” จากนั้นจึงลากลงสู่ปลายจมูกลงมาที่ปาก จิณณะยิ้ม


“อย่าบอกนะว่าจะเอาปากแบบผม มีหวัง คุณย่ากระอักเลือดสามเวลา” ดวงตาของพิทักษ์จับจ้องริมฝีปากช่างพูดนั่น ก่อนจะเหลือบขึ้นสบกับดวงตาเจ้าของ


“ปากแบบจิณก็ดี...จะได้ไม่เหงา” คนฟังยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายระยิบอย่างนึกสนุก


“ไม่เหงาหรือหนวกหู”


ไม่มีคำตอบ เพราะต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่พิทักษ์พูดย่อมไม่มีทางเป็นจริง ในดวงตาของเขามีแววเศร้า ต่อให้ความรู้สึกอัดอั้นในใจจะถูกผ่อนคลายลงแล้ว แต่เสี้ยวหนึ่งก็ยังรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ทำให้จิณณะไม่อาจมีลูกได้อย่างที่ต้องการ


การอิงแอบแนบชิดดูจะเป็นข้อดีก็ตรงที่ต่อให้จะรู้สึกอย่างเบาบางเพียงใด หากมันสะท้อนอยู่ในแววตา ให้อย่างไรก็ดูออก จิณณะมองเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาคนรัก จึงโอบกอดเขาเอาไว้


“ถ้าเป็นลูกชาย หน้าเหมือนผมต้องหล่อแน่ๆ แต่ถ้าลูกสาวหน้าเหมือนพี่ ผมว่าต้องไม่มีคนกล้าจีบเพราะตาดุเกิน หน้าเหมือนผมทั้งคู่เลยมั้ย แต่สมองกับนิสัยแบบพี่ ไม่อย่างนั้นมีบ้านกี่หลังก็ไม่พอ เละทุกหลัง รับประกันดีเอ็นเอ”


“ถ้าเรามีลูกด้วยกันได้ก็คงจะดี...”


“แต่ถึงเรามีไม่ได้ ก็ไม่ได้แย่ไม่ใช่หรือ” จิณณะถาม น้ำเสียงสบาย ดวงตาที่ทอดมองคนรักเต็มไปด้วยความรู้สึก


ในเมื่อวันนี้พิทักษ์ยังมีจิณณะ และจิณณะยังมีพิทักษ์ ยังตื่นมาพบหน้ากัน ได้กินข้าวด้วยกัน ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ได้ดูแลกัน หากชีวิตจะขาดอะไรสักอย่าง จะผิดหวังสักเรื่อง แต่ชีวิตก็ไม่แย่ไม่ใช่หรือ


“อืม...ไม่แย่เลย...”


เพราะมีจิณณะอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้าง อยู่เป็นความสบายอกสบายใจอย่างนี้ มันดีมากด้วยซ้ำ


สองร่างบนโซฟาที่ทาบทับเป็นเนื้อเดียว มอบสัมผัสแห่งความรัก มอบรสจูบแห่งความรู้สึก ไม่เพียงแค่เรื่องเหล่านี้ แต่ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาล้วนบอกแน่ชัด


...ชีวิตไม่ได้แย่เลย...เพราะมีกัน มันถึงได้ดีมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ…

……………………

โซฟาไม่ใช่จุดเดียวของค่ำคืนนี้ จิณณะรู้ว่าคนรักผิดหวังเพราะคิดว่าตนเองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขามีลูกไม่ได้อย่างที่หวัง ดังนั้นพระเอกตัวอย่าง ย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนรักของตนเองต้องทุกข์ใจ เสร็จสมที่โซฟาก็ตามไปง้อพิทักษ์ต่อในห้องน้ำ รอบนี้แบบเบาๆ กอดจูบลูบคลำแล้วค่อยมาเพิ่มดีกรีความง้อที่เตียงอีกรอบ เบ็ดเสร็จสองรอบถ้วน พระเอกนักง้อนามว่าจิณณะก็เกือบหมดแรงข้าวต้ม


หวังว่าจะไม่มีใครมาจุดประเด็นเรื่องลูกให้พิทักษ์อีกแล้วนะ


ตอนกำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ จู่ๆสมองแสนฉลาดของจิณณะก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


“พี่ทิศ...แล้วพี่อยากมีลูกรึเปล่า”


จิณณะมัวแต่ง้อให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในความรู้สึกของเขา มานึกออกก็ตอนเสร็จสมกิจการทุกอย่าง ง้อแล้ว กอดแล้ว พิทักษ์หายงอนแล้ว


คำถามของพิทักษ์ที่ว่า ‘อยากมีลูกไหม’ อาจจะเป็นการโยนหินถามทางก็ได้นี่หว่า จริงๆแล้วพิทักษ์อาจจะอยากมี แต่ไม่กล้าบอกตามตรงเลยโยนคำถามมาทางฝั่งเขาก่อน


แล้ว...ถ้าจริงๆแล้ว พิทักษ์เป็นฝ่ายที่อยากมีลูกล่ะ...


...งานเข้าแล้วไงไอ้จิณ! จะไปเอาลูกจากไหนมาให้!...


คนที่นอนอยู่เคียงข้างหันมามอง ดวงตาของจิณณะมีแววเป็นกังวลไม่เล็ก แถมยังมองอย่างไม่วางใจ ดูก็รู้ว่าตัวแสบคงนึกอะไรแผลงๆแน่


พิทักษ์พลิกกายตะแคง วาดแขนโอบร่างคนรักเข้ามากอด ตามด้วยจูบหน้าผากไปทีหนึ่ง


“มีตรงนี้อยู่คน พี่ว่าพี่ได้ครบแล้วนะ ทั้งลูกทั้งเมีย” เหมือนจะเป็นคำชมว่าจิณณะช่างครบเครื่องอะไรเช่นนี้ แต่ท้ายประโยคนั่นสิ


...ทั้งลูกทั้งเมีย…


“ทั้งลูกทั้งเมียอะไรเล่า”


ฟังยังไงก็คันรูหูจนนอนเฉยไม่ได้ ดิ้นรนจะออกจากอ้อมกอดของคนรัก แต่ระดับพิทักษ์มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือ กอดอย่างไรก็กอดอย่างนั้น


“ตอนเป็นลูกก็ซนที่หนึ่ง ตอนเป็นเมียก็...” นี่ก็เหมือนจะชม ว่าทำหน้าที่ทุกอย่างได้ดีไม่มีที่ติ แต่การทิ้งท้ายแบบพูดไม่จบประโยคนั่น อย่าว่าแต่คันรูหูจนนอนเฉยไม่ได้เลย จิณณะรู้สึกเหมือนขนอ่อนตามแนวสันหลังพากันลุกชันขึ้นมาจนถึงหนังหัว


“พ...พูดอะไรของพี่วะ ฟังไม่รู้เรื่อง นอนๆ ผมง่...”


“อีกทีไม่ได้หรือ” คนที่ทำท่าจะหลับหนีปัญหาถึงกับลืมตาพรึ่บ แต่พอลืมตาขึ้นมาแล้วก็อยากจะหลับตาลงใหม่ เพราะสายตาที่พิทักษ์ใช้มองเขานั้น บอกได้เป็นอย่างดีว่าขออะไรอีกที


“แบบเมื่อกี้อีกที...” คราวนี้คนที่ทำแบบเมื่อกี้ถึงกับหน้าแดงเถือก ตาเหลือก อ้าปากค้าง เมื่อกี้ที่ทำก็ทำเพราะอยากจะง้ออยากจะทำให้พิทักษ์มั่นใจในความรู้สึกของเขาต่างหาก ไม่ได้คิดจะทำเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายติดใจซะหน่อย


“นะ จิณ...ทำแบบเมื่อกี้...” ไม่ใช่แค่คำขอแต่ริมฝีปากยังแนบจูบลงกับผิวแก้มอย่างอ้อล้อ อ้อมแขนที่คิดว่าแค่โอบกลับไม่อยู่เฉย ลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าก่อนจะเลื่อนลงสู่สะโพกแล้วบีบขย้ำก้อนเนื้อกลม


อย่าว่าแต่จนอ่อนจะลุกชันเลย ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างของจิณณะก็ชักจะลุกแล้วเช่นกัน


“อื้อ...พี่ทิศ...แม่ง...” ได้แต่สบถเสียงอ่อนระโหย ทว่าพอถูกรั้งให้ขึ้นทาบทับ จิณณะก็ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน แต่มีเรี่ยวแรงจะขึ้นไปนั่งคร่อมอีกฝ่าย ผ้าห่มที่คลุมร่างกายเปลือยเปล่าเลื่อนลงไปกองอยู่ที่สะโพก แต่ข้างหน้าล่อนจ้อนท้าสายตาคนที่นอนให้เขาคร่อม พิทักษ์จับจ้องร่างกายสมส่วนของคนรักไม่วางตา ยิ่งตอนที่จิณณะเข้าครอบครองร่างกายของเขา ใบหน้าแดงซ่าน ครางเครือเสียงกระเส่า ก็ยิ่งอยากจะมีตาหลายคู่ จะได้มองทุกส่วนของคนรักได้อย่างถนัดถนี่มากกว่านี้


“พ...พี่ทิศ...หลับตา...อ่า...”


ดวงตาของพิทักษ์เดิมทีนั้นส่อแววดุ แต่เวลาอย่างนี้กลับเต็มไปด้วยไฟพิศวาสเสียจนคนถูกจ้องร้อนเห่อไปทั้งร่าง เบื้องล่างโดนทิ่มแทงกระแทกสวนกับการขยับร่างกายขึ้นลงของเขา ในขณะที่ร่างกายเปลือยเปล่าถูกจับจ้องโลมเลียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จิณณะเอ๋ย จิณณะ ชีวิตนี้เคยคิดบ้างไหมว่าจะถูกผู้ชายด้วยกันมองแบบนี้ ตอนที่กำลังทำแบบนี้


“...ห...หลับตาสิ...อื้อ...อ๊ะ...” ปากร้องบอก แต่อารมณ์หวามไม่อาจทำให้หยุดร่างกายตัวเองได้เลย แรงกระทั้นจากเบื้องล่างกับการกดกระแทกจากเบื้องบนเร่าร้อนจนได้แต่ร้องเสียงหวีดหวิว การเคลื่อนไหวกระชั้นขึ้นทุกทีจนน่ากลัวว่าจะลืมหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นในสมองก็ขาวโพลนจนแทบไม่มีสตินึกคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว วินาทีนี้และวินาทีต่อจากนี้ มีเพียงการโหมกระหนำพากันไปสู่ปลายทาง


เสียงร้องห้วงสุดท้ายดังก้อง สองร่างบดขยี้เชื่อมสนิทแนบจนแทบไร้ช่องว่าง ร่างกายกระตุกเฮือกกับหยาดข้นกระฉอกเพียงเล็กน้อย เรี่ยวแรงสุดท้ายของค่ำคืนนี้หมดลงในวินาทีนี้แล้ว


พิทักษ์รั้งร่างปวกเปียกของคนที่ตัวสั่นระริกลงมาจูบ ต่างคนต่างยังหอบกระชั้น


“เอาออกให้หน่อย” คนเหนื่อยสายตัวแทบขาดเรียกร้องเสียงระโหยอย่างเอาแต่ใจ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังอยู่ข้างหูก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าสะโพกของตนถูกยกขึ้นและบางส่วนที่ฝังแนบอยู่ภายในเคลื่อนออกไป ความอึดอัดจากไปแล้วก็ชวนให้ถอนหายใจอย่างโล่งอกขึ้นมาทีหนึ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นมาอีกแต่หมดแรงจะเงยหน้ามองได้แต่นอนนิ่งจนกระทั่งตามมาด้วยคำชมอีกหนึ่งประโยค


“เป็นเมียที่เซ็กซี่มาก” คนฟังหรี่ตาขึ้นมองข้างหนึ่งขึ้นมอง


“นี่คำชมหรือ”


“ชม”


“ผมไม่ค่อยชอบคำว่าเมียเท่าไร ยกเว้นแต่ว่าพี่เป็นผู้ชายกลัวเมีย ถ้าอย่างงั้นผมโอเคกับคำนี้” พิทักษ์หัวเราะเบาๆ แม้จะเหนื่อยจนตาจะปิด แต่จิณณะ  วงศ์กีรติก็ช่างเจรจาไม่เปลี่ยน


“พี่ไม่ได้กลัวเมีย...พี่กลัวจิณ”


“พูดจริงน่ะ” ตัวแสบเงยหน้ามองตาเป็นประกายระยิบทันที แลดูจะภาคภูมิใจที่อีกฝ่ายพูดว่ากลัวเขา


พิทักษ์ไม่ตอบ มีเพียงสายตาที่เจือรอยยิ้มมองมา จิณณะตัดใจจะได้ยินคำยืนยันเลยซุกหน้าลงกับอกอีกฝ่ายแทน


“พูดเล่นล่ะสิ”


สัมผัสอุ่นแนบลงกับศีรษะแผ่วเบา อ้อมแขนของพิทักษ์กระชับกอดคนที่นอนทับเขาอยู่


“พี่กลัวจิณจะไม่อยู่ด้วยกัน” จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมองอย่างจริงจัง


“ผมนอนทับอยู่นี่ จะไม่อยู่ด้วยได้ยังไง”


“...ผมไม่ได้อยากมีลูก มากกว่าอยากมีพี่หรอกนะ ถ้าวันหนึ่งเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็เป็นเพราะเราเลิกรักกันแล้ว ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว และตกลงกันแล้วว่าจะแยกกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเราไม่มีลูก วันนี้เรายังไม่เลิกกัน เรายังอยากอยู่ด้วยกัน ก็อย่าให้เรื่องไม่มีลูกมาเป็นปัญหาของเราเลย”


ความสัมพันธ์นี้มีเงื่อนไขเรื่องทายาทมาตั้งแต่แรก พวกเขาต่างก็รู้ดี ดังนั้นหากวันหนึ่งจะแยกจากกันไปก็ต้องไม่ใช่เพราะประเด็นนี้ที่รู้อยู่แล้ว และในเมื่อรู้แต่แรกว่าความสัมพันธ์นี้จะมีเงื่อนไขนี้ เวลานี้ที่รักกัน มีความรู้สึกดีต่อกัน จะไปขุดข้อจำกัดที่รู้แต่แรกขึ้นมาสร้างเสี้ยนสากในใจทำไม


คนที่ดูเหมือนเหลาะแหละ ไม่จริงจัง ทว่ากลับซุกซ่อนความมั่นคงยิ่งกว่ากำแพงหิน พิทักษ์รู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกินที่ชีวิตนี้มีอีกฝ่ายอยู่เคียงข้างกันแบบนี้



ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าคนรักแผ่วเบา ก่อนจะรั้งปลายคางลงมาเล็กน้อยเพื่อมอบความรู้สึกลึกซึ้งผ่านทางริมฝีปาก


ชีวิตที่มีจิณณะ...ครบถ้วน เต็มอิ่มที่สุดแล้ว


FIN

สวัสดีวันพุธค่ะ พอดีวันพฤหัสไม่ว่างก็เลยมาลงวันนี้แทน

สำหรับตอนนี้ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะเต็มอิ่มมั้ย แต่พี่ทิศอิ่มมากนะ ฮ่าฮ่า

ที่สำคัญคือตัวประกอบเยอะเชียว จ่ายค่าเอ็กตร้ารัวๆ ส่วนพระเอกนักง้อ(?) ตอนแรกก็เหมือนจะได้เป็นพระเอกนะ ไปๆมาๆ ยอมให้พี่ทิศกดเฉยเลย น่าสงสารเขานะคะ (ในความสงสารมีแต่เสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่า)

หลังจากตอนนี้ จะขอพักหน่อย เจอกันใหม่เดือนหน้าที่ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาอะไรมาลงดี ระหว่างเรื่องใหม่กับตอนพิเศษ (สต็อกเยอะ ฮ่าฮ่า) ส่วนรวมเล่มเรื่องนี้ ถ้ามีรายละเอียดที่แน่นอน จะแจ้งทางเพจและทางทวิตเตอร์ให้ได้ทราบกันนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามมาจนถึงตอนพิเศษนี้ ดีใจมากๆที่เรื่องนี้เป็นที่รักที่ชอบของคนอ่านค่ะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันใหม่เดือนหน้าค่ะ (ลุ้นกันดีกว่า ว่าจะได้อ่านอะไร ฮ่าฮ่า)

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
อย่าว่าแต่พี่ทิศจะเต็มอิ่มเลย คนอ่านก็ก็อิ่มมากเช่นกันค่ะ
อะเฮือก ขออนุญาตเช็ดเลือดแปป
จิณลูกกกกร้อนแรงอะไรเบอร์นี้ :pighaun:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ขอบคุณ​มาก​ๆ​เลยครับ  สนุกมากเลย :mew1:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เขางั้อกันน่ารักจังเลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตอนพิเศษก้ออยากได้ เรื่องใหม่ก้ออยากอ่าน ขอสองจะโลภไปไหมน้องบัว  :impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
เพิ่งอ่านจบไป ตอนพิเศษก็มาเลย

คุณบัวเขียนNC ได้เผ็ดมันเหมือนเคย

ขอบคุณมากครับ :L2:

ออฟไลน์ กล้วยจังหวะนรก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฉากใต้โคมไฟบรรยายได้ลื่นไหลดีจังเลยค่ะ ชอบมาก ncแบบไม่ต้องdirty talk  :o8:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
น้องขนมเอ็นดูมากกก แย่งซีนในใจเราสุดๆ แต่คำพูกช่วงสุดท้ายคือกินใจเรามากค่ะ ชอบมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ขนมน้อยกับขนมของเขา เข้ามาทำให้พี่ทิศหวั่นไหวได้นี่ไม่ธรรมดา 555

คนพี่กังวลจนคนน้องต้องหาทางง้อ...หลายที่ซะด้วย อิอิ

เอ็กซ์ตร้าค่าตัวแพงทั้งหลายมาให้คิดถึงแล้วจากไป...น้องขนมโขมยซีนสุด น่าร้ากกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ในขณะที่จิณนะบอกด้วยความเขิลอาย
“พ...พี่ทิศ...หลับตา...อ่า...”  แต่พี่ทิศกลับอยาก
จะมีตาหลายคู่ จะได้มองทุกส่วนของคนรัก
ได้อย่างถนัดถนี่มากกว่านี้...เนี่ยๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ทิศอะร้าย 5555555
...
ขอบคุณคุณบัวที่มอบความดุของจิณและพี่ทิศให้ในตอนพิเศษนะคะ เลือดกำเดาพุ่งปรี๊ดดดด 5555555 อ่านไปขำไป ฮาที่จิณบอกว่า..“ผมไม่ชอบให้เอาออก ถ้ายังไม่เสร็จ” สั้น ตรง ได้ความหมาย และพิทักษ์ต้องทำตามสถานเดียวเท่านั้น !!! เมียพี่ดุจริงว้อยพี่ทิศ 5555555555555

รอเรื่องใหม่ และตอนพิเศษเรื่องอื่นๆ นะคะ
ขอบคุณค่าาาาาาา :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ Readingissexy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แวะเข้ามาอ่านอีกรอบบบ คราวนี้มีตอนพิเศษด้วยๆๆๆ
เรายังรักความเป็นพี่ทิศและน้องจิณเหมือนเดิม น่ารักมากๆๆๆ
ขอบคุณนะคะ  :man1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เต็มอิ่มตามพี่ทิศไปจ้าา
เอ็กซ์ตร้าเราคุ้มเลย

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ขนมลูกกกกกกกกเอ็นดูแรงมากกกกโผล่มาแบบน่าฟัดสุดๆ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
อยากเห็นพี่ทิศหึงและง้อแฟนค่ะ
หน้านิ่ง พูดน้อย จะเปลี่ยนไปได้ขนาดไหนกันนะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เป็นตอนพิเศษที่คุ้มค่ามากครับ ทั้งคนอ่านทั้งพี่ทิศ  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เป็นตอนพิเศษที่น่ารักมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อิ่มมากจ้า ชอบจริงๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอบคุณนิยายดีๆ ที่เป็นมากกว่านิยาย
มีทุกความดีงามจริงๆเลยค่ะ ผล็อตน่าสนใจ มีเรื่องให้ติดตาม มีอะไรให้จต้องคาดเดา ทั้งเดาได้ เดาไม่ได้

จริง อิทธิผล ผลแระโยชน์ ระบบอุปถัมภ์เราเห็นได้ตลอดเลย ทั้งเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เอื้อให้คนที่พร้อมเอื้อให้กัน พร้อมกำจัดคนขัดแข้งขัดขา กำจัดคนไม่เอื้อทางเดิน

เราชอบความสัมพันธ์ทุกรูปแบบในเรื่องเลย ทั้งเพื่อนอย่างวรชิต ครอบครัวทั้งพ่อ แม่และน้องของจิณณะ พร้อมสนับสนุนแต่ก็เป็นห่วงอยู่ตลอด ความเป็นครอบครัวของพี่เชน อีกความสัมพันธ์คือคุณน้าจิดาภาให้ความรู้สึกในหลายๆมุมเลย เราชอบน้าภานะ น้ากจิณ แต่วันหรึ่งคนในครอบครัวเราอันตราย น้าเลือกปกป้องคนในครอบบครัวด้วยความเป็นห่วงแต่น่าภาอาจจะลืมมองในมุมอื่น ลืมมองหลายมุม แต่ตอนน้าหลานกลับมาคุยกันแล้วน่ารักทั้งน้าทั้งหลานเลย

แต่นางเอกอีกคนคือคุณย่า ไม่มีคุณย่าก็ไม่น่ามีปลัดจิณณะนะ จิณนี่หลานย่าจริงๆเลย คำว่าหลายนอกคอกนี่เหมือนคุณย่าเอาไว้ปกป้งอีโก้ตัวเองอ่ะ ย่ารัก ย่าเป็นห่วงหลานคนนี้จะเป็นจะตาย คู่รบของย่าจะอันตรายไม่ได้ เดือดร้อนไม่ได้ หลานย่าทุกข์ย่าพร้อมยื่นมือไปมาช่วย พร้อมประกาศความเป็นเจ้าของพี่ทิศแทนจิณ

ส่วนพระ นายของเรื่อง เหมืนเห็นจิณเติบโตใรทุกๆเหตุการณ์ จากวู่วาม บ้าดีเดือด ล่อโจรด้วยชีวิตเพราะห่วงเพื่อน ปากไว ใจด่วน จิณมีพี่ทิศเป็นความสงบจริงๆ เตือนสติ สอน ชวนคิด มีพี่ทิศอยู่ข้างๆ

ส่วนคุณพระเอก ก็สมกับเป็น 'พิทักษ์' และ 'เข็มทิศ' จริงๆเลย อยากมีพี่ทิศเป็นของตัวเอง พ่อเสือหลับ 55 5 ชอบความเป็นผู้ใหญ่ แม้แรกๆจะหงุดหงิดที่ต้องมาช่วยน้องแต่ก็คอยดุ คอยเตือนสติน้องอยู่ข้างๆน้องในวันที่น้องเหยื่อน น้องท้อ ในวันที่จิณรู้สึกว่าไม่มีใคร ก็ยังมีพี่ทิศเคียงข้าง เนี่ยงจนหลงจิณหัวปักหัวปำอ่ะคนเรา พ่อคนหลงเมีย

ชอบทุกอย่าเลยค่ะ ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ มันให้อะไรมากกว่าความสนุก ความบันเทิง มีข้อคิด มีเหตุการณ์ชวนคิด

ภาษาก็ดีไม่มีคำผิดเลย อ่านแแล้วไม่อยากให้จบเลยค่ะ รอผลงานเรื่องใหม่นะคะ

อยากมีพี่ทิศเป็นของตัวเองมากเลย แต่จิณณะต้องตามมาแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเวลาแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด