มนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด (YAOI) Chapter 21 /THE END /27.10.2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด (YAOI) Chapter 21 /THE END /27.10.2562  (อ่าน 12891 ครั้ง)

ออฟไลน์ pan19891990

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านเรื่อยๆ ไม่หวืิอหวาแต่ทำให้ยิ้มตามได้ค่ะ คนที่น่าตีที่สุดในเรื่องนี้ไม่ใช่น้องดิ๊กค่ะแต่เป็นพี่ใจ ทำมาบอกว่ายังไม่ได้เลิก ทำให้น้องเสียใจมาตั้งนาน แต่ก็ถือว่าทำให้เข้าใจกันได้และทำให้น้องเริ่มปรับพฤติกรรม
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ปล. อยากรู้เรื่องของคู่เพื่อนกันต์บ้างค่ะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 12 เราสองคน

“ไม่ได้อยู่กรุงเทพแล้วเหรอครับ”

“อืม ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ”

“แล้วบ้านที่กรุงเทพ?”

“พ่อแม่พี่น้องก็อยู่เหมือนเดิม”

“พอกลับไปเรียนแล้วจะได้เจอพี่ใจอีกเมื่อไหร่” ผมถามคนที่ผมนอนทับอยู่เสียงเศร้า ตอนนี้เป็นเช้าของอีกวันที่ผมยังอยู่ที่เชียงราย ผมกับพี่ใจตื่นสักพักแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกออกจากเตียงกัน ผมปืนขึ้นมานอนทับบนตัวพี่ใจตั้งแต่เขาตื่น เรานอนคุยกันไปเรื่อย ๆ มีหลายเรื่องของพี่ใจที่ผมยังไม่รู้

“วันหยุดไง ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนิ เชียงรายกับกรุงเทพห่างกันแค่นี้เอง” ผมอมยิ้มกับคำพูดของพี่ใจ ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ปลายคางพี่ใจเบา ๆ อย่างออดอ้อน เมื่อก่อนตอนที่เป็นแฟนกันผมก็ทำแบบนี้กับพี่ใจถึงจะนาน ๆ ครั้งแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคย แค่ไม่บ่อยแค่นั้นเอง

“อ้อนเหรอ?” พี่ใจถามผมพร้อมกับอมยิ้มที่มุมปาก อย่างหล่ออะบอกเลย

“ก็ปกติ” ผมปฏิเสธทั้ง ๆ ที่หลักฐานมันคาตา

“พี่ชอบความปกติแบบนี้” พี่ใจวาดวงตาสะท้อนความชอบเหมือนที่ปากพูดอย่างปิดไม่มิด มือหนาข้างซ้ายก็ลูบอยู่ที่เอวผม ส่วนข้างขวาเขาใช้มันลูบอยู่ที่ใบหน้าของผม ผมเอียงหน้าเข้าฝ่ามือใหญ่ของพี่ใจอย่างไม่รู้ตัว

“เดี๋ยวผมก็เปิดเทอมแล้ว” ผมบอกพี่ใจที่นอนลูบไม้ลูบมือไปทั่วหน้าและตัวผม

ผมกำลังจะขึ้นปีสามแล้ว เหลือเวลาอีกสองปีก็เรียนจบ ถึงเวลานั้นคนที่จะดีใจในการเรียนจบของผมที่สุดคงไม่พ้นแม่ ครอบครัวผมเรามีกันแค่นี้ แค่ผมกับแม่ ท่านเลี้ยงผมมาตัวคนเดียว ผมยอมรับเลยว่าเก่งมากที่เลี้ยงผมมาได้ถึงขนาดนี้ ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ผมเคยบอกกับแม่ไว้ตอนผมกำลังจะเรียนมหาลัยว่าผมจะตั้งใจเรียนให้จบ จะได้ทำงานหาเงินช่วยแม่ ครอบครัวผมเป็นคนจังหวัดน่าน ในตอนนี้ที่ผมไปเรียนที่กรุงเทพ ท่านอยู่บ้านคนเดียวแม่ผมเป็นนักเขียนคนหนึ่งเท่านั้น รายได้ไม่ได้มากมายแต่ก็ไม่ได้น้อย มันพอดีมากสำหรับครอบครัวเรา

“พี่จะลงไปส่งดิ๊กเอง” พี่ใจบอกผม

“แวะบ้านแม่ผมก่อนได้มั้ย” ผมบอกเขาในสิ่งที่ผมนอนคิดมาตั้งแต่เมื่อคืน ไหน ๆ ก็มีคนขับรถให้แล้วผมก็อยากใช้ให้คุ้มกับที่พี่ใจลากผมมาถึงที่นี่

“ได้สิ แวะเอาชาสูตรใหม่ไปให้ท่านด้วยดีมั้ย” พี่ใจลูบหัวผมไปด้วยพร้อมกับพูด ในตอนนี้เขาดูเหมือนคนใจดีขึ้นมาหน่อยในระดับนึง คงเพราะเป็นตอนเช้าอยู่ถึงได้ไม่ทำหน้าดุ ๆ

“ผมจะรีบเรียนให้จบ อย่าเพิ่งมีกิ๊กนะ” ผมบอกพี่ใจติดตลก พี่ใจเองเมื่อได้ยินที่ผมพูดเขาก็หัวเราะเบา ๆ แต่ก็สะเทือนไปทั้งตัวผมที่นอนทับเอาอยู่ แนบแน่นได้กลิ่นอายความอบอุ่นจนผมไม่อยากลุกจากเตียงเลย เขาคือต้นเหตุที่ทำให้ผมเป็นตัวขี้เกียจติดเตียง

“กิ๊กไม่มีแน่นอน ไม่ต้องรีบเรียนเท่าที่ไหว ยิ่งสมองอื้อ ๆ อยู่ด้วยเราน่ะ พี่เป็นห่วง” เป็นประโยคที่ทำให้ผมมีหลากหลายอารมณ์เสียจริง ทั้งแอบปลื้มที่เขาบอกว่าจะไม่มีคนอื่น ทั้งหงุดหงิดเบา ๆ ที่เขาว่าผมสมองอื้ ทั้งเขาที่บอกว่าเป็นห่วงผม เป็นประโยคที่รวมแล้วก็ถือว่าได้ใจผมไประดับนึงอะนะ

“ตกลงจะบอกใช่มั้ยว่าผมโง่” ผมแกล้งเม้มปากให้เขา ทั้งที่จริงไม่ได้เป็นอะไรกับคำที่เขาบอกว่าผมโง่หรอกนะ ก็มันความจริงทั้งนั้นจะไปว่าเขาจริงจังได้ยัง…

“ไม่ได้พูดว่าโง่สักคำ” แค่รูปประโยคเปลี่ยนแต่ความหมายเดียวกัน ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อยเหอะ

“เราจะลุกจากที่นอนเมื่อไหร่” ผมถามพี่ใจ เริ่มบทสนทนาเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด ผมอยากมีช่วงเวลาแบบนี้กับพี่ใจให้เยอะ ๆ ไม่ใช่เพื่อทดแทนที่เมื่อก่อนเราไม่ได้ใส่ใจกันมากเท่าที่ควร แต่อยากทำเพราะมันคือความสุข ผมมีความสุขที่ได้นอนคุยกับพี่ใจ ถามในหลาย ๆ เรื่องที่เรายังไม่รู้ของกันและกัน เหมือนเราได้เรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ ผมชอบแบบนี้ มันมีความสุขอยากบอกไม่ถูก หรือส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่ผมเสียใจมาตลอดหกเดือนที่ผ่านมา มันเลยทำให้ผมโหยหาเขามากขึ้นไปอีก บอกไม่ถูกรู้แค่ว่าแบบนี้ดีที่สุด คิดแล้วผมก็เผลอเอียงซบใบหน้าลงที่อกหนาตำแหน่งที่สัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจของคนที่ชื่อว่าหัวใจได้อย่างชัดเจน

“งานที่ไร่ไม่ยุ่งเท่าไหร่ นอนแบบนี้ทั้งวันยังได้ถ้าดิ๊กไหว” ผมอมยิ้มกับคำพูดของพี่ใจ รู้สึกได้ถึงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเหนือหัวผม

“คนที่ไม่ไหวน่าจะเป็นพี่ใจมากกว่า ให้ผมนอนทับมาตั้งแต่เช้า” ผมพูดตามความจริง ผมก็ผู้ชายคนนึงถึงจะเตี้ยยังไง ก็น่าจะหนักพอสมควรอยู่นะ

“มีอะไรให้ไม่ไหว ชั่งน้ำหนักครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ไหนบอกพี่ซิ” พี่ใจอมยิ้มมองผม

“ประมาณเจ็ดเดือนก่อน น้ำหนัก 56 ถ้าจำไม่ผิด” ไม่แน่ใจเหมือนกันกับน้ำหนักตัวของตัวเอง ผมจำได้ว่าตอนที่ชั่งคือเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจตัวเองนับตั้งแต่เลิกกับพี่ใจ เอ๊ะ ใช้คำนี้ได้หรือเปล่านะหรือต้องบอกว่าหลังจากที่โดนพี่ใจดัดนิสัยให้ห่างกันสักพัก

“อืมมม ตอนนี้ก็น่าจะสัก…53?” พี่ใจจับ ๆ ลูบคลำไปทั่วตัวผมก่อนจะเดาน้ำหนักผมตอนนี้ตามความรู้สึกของตัวเอง

“ถ้าใช่นี่ผมอึ้งเลยนะ” ผมบอกพี่ใจอย่างขำ ๆ

“เดี๋ยวก็รู้ว่าจะอึ้งไม่อึ้ง” มั่นใจอะไรขนาดนั้นพ่อคุณเอ้ยยย

“แต่ตอนนี้ผมหิวอะ”

“งั้นลุกไปอาบน้ำ จะได้ไปโรงอาหารกลาง” พี่ใจบอกผมพร้อมกับจับเอวผมไว้ให้ลุกขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนั่งทับอยู่หน้าท้องพี่ใจ เอ๊ะ ท่ามันยั่ว ๆ ป่ะวะ

“มองอย่างนี้ ไม่อยากไปกินข้าว?” พี่ใจพูดแซวผม เล่นเอาซะผมเขินแทบโดดลงจากเตียงแทบไม่ทัน

“ผมจะไปอาบอีกห้อง ส่วนพี่ใจรีบลุกเลยนะ” ผมบอกพี่ใจตอนที่กำลังจะเดินออกจากห้อง คนตัวสูงนอนมองผมอยู่บนเตียงสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“จ้าาา” อารมณ์ดีนักเชียวถ้าได้แกล้งผมอะ

เมื่ออาบน้ำเสร็จผมกับพี่ใจก็เดินออกจากบ้านพร้อมกัน ทางที่ได้เดินไปเป็นทางเดียวกันกับที่เลขาพี่ใจพาผมมาคราวก่อน

อากาศตอนเช้าของที่นี่กำลังดีเลย ลมพัดนิดหน่อยให้พอเย็นผิวกาย พระอาทิตย์ขึ้นแล้วถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ร้อนอย่างกรุงเทพเลย

“อีกสองปีก็เรียนจบแล้วใช่มั้ย” พี่ใจถามผมในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ก็เอื้อมมากุมมือผมไว้ด้วย ผมอมยิ้มอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเมื่อพี่ใจเล่นบทหวานๆ แบบนี้

“ใช่ครับ” ผมตอบพี่ใจเสียงเบา สองขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงพร้อมกับพี่ใจ ผมมองไปข้างหน้าเห็นหลังคาโรงอาหารกลางอยู่อีกไม่ไกลนักจึงกะว่าจะรีบเร่งฝีเท้าให้ไปถึงเร็วๆ

แต่ก็โดนมือพี่ใจที่กุมมือผมไว้อยู่ดึงให้ผมหยุดเดิน ผมหันกลับไปมองหน้าพี่ใจอย่างสงสัยว่ามีอะไร

เขาไม่ตอบจนผมตั้งท่าจะเอ่ยปากถามออกไปเอง แต่พี่ใจก็ชิงพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องอ้าปากค้างขึ้นมาก่อน

“เรียนจบแล้วก็มาทำงานที่นี่นะ มาอยู่ด้วยกัน” ไอ้คนพูดมันก็พูดด้วยน้ำเสียงธรรมด๊าธรรมดา แต่ทำไมไอ้คนฟังอย่างผมถึงได้เขิ๊นเขินวะ งงตัวเอง

ผมเผลอตัวบีบมือพี่ใจข้างที่เขากุมมือผมไว้แน่น นี่พี่ใจจะรู้ตัวมั้ยว่าคำถามนี้มันชวนให้ผมคิดไปไกลว่านี่เป็นประโยคสู่ขอแฟนล่วงหน้าด้วยตัวเอง

“ตำแหน่งไหนว่างแล้วน่าสนใจบ้าง ผมจะสมัครล่วงหน้าไว้เลย” ผมทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นถามพี่ใจ ปากก็ยิ้มกว้างอย่างไม่เกรงกลัวต่อสายตาเจ้าเล่ห์

“ภรรยาเจ้าของไร่” ตอบได้หน้าตาเฉยสมกับเป็นพี่ใจจริงๆ

“โอ๊ยยย ตำแหน่งนี้ไม่ต้องสมัครก็ได้มั้งงง” ผมอมยิ้มตอบพี่ใจ

“ทำไมล่ะ?” พี่ใจเลิกคิ้วถามผม

“เอ้า ก็เป็นอยู่นี่ไง จะให้สมัครอะไรอีก” หน้าด้านไปอีกไอ้ดิ๊กเอ้ยยย

“หึ ร้ายนัก” ว่าจบก็ก้มตัวลงมาจุ๊บปากผมอย่างแรงจนเลือดปากผมกระเด็นเลย เป็นจังหวะที่ปากมันสามัคคีกับฟันพอดีไง



TBC.

ยิ้มกรุบบบบ


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 13 อยู่กับพี่แล้วจะปลอดภัย(?)

“เดินทางปลอดภัยนะครับ” เลขาพี่ใจหันมาบอกเราสองคนหลังจากที่เขาเอาของใส่ไว้ที่หลังรถเรียบร้อยแล้ว

“ครับ มีอะไรด่วนก็ติดต่อมานะ” พี่ใจคุยกับเลขาอยู่สักพักก่อนที่เราสองคนจะได้ออกเดินทางไปน่านกันสักที

“อ่อ พี่ใจผมขอยืมโทรศัพท์โทรหาแม่หน่อยได้มั้ย” ผมเกือบลืมไปเลยว่ายังไม่ได้โทรบอกแม่ว่าจะไปหา

“หยิบเลย” พี่ใจบอกผมโดยที่ไม่ละสายตาจากข้างหน้า

“ครับ” ผมหยิบมือถือพี่ใจมาก่อนจะกดเบอร์แม่ที่จำได้ขึ้นใจลงไป รอสายอยู่พักใหญ่ถึงจะมีคนรับสาย

(สวัสดีค่ะ)

“แม่ครับ นี่ดิ๊กเองนะ”

(อ้าว เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่หรือลูก?) แม่ถามผมอย่างแปลกใจ ก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักอยู่พักหนึ่งเหมือนแม่จะเคลื่อนไหวตัว

“ไม่ใช่หรอกครับ พอดีว่าโทรศัพท์ดิ๊กแบตหมดน่ะครับ เลยใช้โทรศัพท์ของพี่ใจแทน” ผมบอกแม่ไปไม่หมดว่าที่โทรศัพท์ผมแบตหมด มันเป็นเพราะพี่ใจไปฉุดผมมาจากกรุงเทพโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย

(เป็นอย่างนี้นี่เอง)

“พอดีว่าดิ๊กจะไปหาแม่ที่บ้านน่ะครับ เลยโทรหาแม่ก่อน” ผมบอกจุดประสงค์ที่โทรหาแม่ไป

(แล้วจะมาวันไหนล่ะ แม่จะได้เตรียมห้องเตรียมกับข้าวไว้ให้)

“ตอนนี้ดิ๊กอยู่เชียงรายครับ พี่ใจกำลังขับรถไปน่านแล้ว” ผมบอกแม่ก่อนจะเหลือบสายตามองพี่ใจเมื่อเขาเอามือมาลูบหัวผมไปมา

(อ้าว ทำไมไวอย่างนี้ละ แม่นึกว่าโทรมาบอกล่วงหน้าสักวันสองวันซะอีก) ฟังจากเสียงแล้วเดาว่าแม่คงตกใจจริงๆ ที่มันกะทันหันขนาดนี้

“เซอร์ไพร์สไงครับ ฮ่าๆ ไม่ต้องตกใจไปนะ” ผมหัวเราะอย่างขำขันเมื่อได้ยินเสียงแม่บ่นเบาๆ มาตามสายว่าไม่มีเวลาให้แม่เตรียมกับข้าวดีๆ ไว้รอลูกชาย

(จริงๆ เลยนะดิ๊กเนี้ย)

“อ่อ แล้วแม่อยากได้อะไรระหว่างทางมั้ยครับ ดิ๊กจะได้ซื้อเข้าไปด้วย”

(ไม่หรอกจ้ะ แค่ดิ๊กมาแม่ก็ดีใจแล้วล่ะ)

“โอเคครับ งั้นแค่นี้นะครับ ดิ๊กวางสายแล้ว”

(จ้ะ เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ)

พอแม่วางสายไปแล้วผมก็จัดการจัดเก็บเบอร์แม่ลงไปในเครื่องพี่ใจเลย จัดการพิมพ์ชื่อให้ด้วยว่า ‘แม่แฟน’

“ผมเมมเบอร์แม่ลงไว้ในเครื่องพี่แล้วนะครับ” ผมหันไปบอกพี่ใจ ก่อนจะวางโทรศัพท์พี่มันไว้ที่เดิมแล้วหันมาสนใจวิวข้างทางแทน

“ง่วงมั้ย หลับก็ได้นะ เดี๋ยวแวะปั๊มแล้วพี่ปลุก” พี่ใจหันมาบอกผม ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเล่นเพลง

“ไม่เอา จะอยู่เป็นเพื่อน” ผมยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับนั่งเอนหลังหันตัวไปทางฝั่งพี่ใจ ผมมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนจะอมยิ้มออกมากับตัวเอง ก็อยู่ๆ ผมรู้สึกอุ่นในใจขึ้นมาเมื่อมองภาพตรงหน้า มันเป็นความจริงที่ผมไม่ได้ฝันไปว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ผมดีใจที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ผมจะไม่โง่เง่าทำตัวเองให้เจ็บอีกแล้ว ผมจะรักษาความรักครั้งนี้ไว้ให้ดีที่สุด

“หึ ผ้าห่มอยู่เบาะข้างหลัง” คนที่ตั้งใจขับรถหันมามองหน้าผมก่อนจะบอก

“กี่ชั่วโมงกว่าจะถึง” เมื่อได้ผ้าห่มมาคลุมตัวในท่านอนงอขาขึ้นมาแล้ว ผมจึงถามพี่ใจเกี่ยวกับระยะทางที่เราจะไป

“สามหรือสี่ชั่วโมงไม่แน่ใจ” พี่ใจหันมาบอกผมที่นอนมองเขาอยู่ มือข้างซ้ายของคนที่บังคับพวงมาลัยรถยื่นมาดึงมือข้างขวาผมไปจับไว้ที่หน้าตักอย่างไม่บอกไม่กล่าว

ทำอะไรน่ะ

เขินเป็นนะ

“ขับรถมือเดียวมันอันตรายนะ” ผมบอกพี่ใจถึงเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ให้เดาว่าพ่อพระเอกสนใจที่ผมพูดมั้ย

“อยู่กับพี่ดิ๊กจะปลอดภัย” สายตาและสีหน้าที่มั่นคงนั้นมันอะไรกัน จะทำให้หลงไปถึงเมื่อไหร่กันนะ

เฮ้อ เอาเถอะ จับไว้ก็ดี

ก็…ไม่ได้อยากให้ปล่อยนักหรอก ที่พูดไปก็แค่เป็นโครงสร้างรูปประโยคที่ควรจะมีเท่านั้นแหละนะ ขัดแย้งแต่พองาม



TBC.

นางน้องนี่มันร้ายค่ะคุณผู้อ่าน

Talk. อาทิตย์นี้คนแต่ง (แป้ง) กะว่าจะมาเลทเพราะคนแต่งไม่สบายค่ะ อาหารเป็นพิษเพิ่งจะหายดี แต่พอคิดไปคิดมาก็คือมาลงดีกว่า เพราะไม่อยากให้คนอ่าน (ที่น่ารัก) รอกันนานกว่านี้แค่สองอาทิตย์ลงทีก็สาหัสแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากจะบอกคนอ่านทุกคนนะคะว่าขอบคุณมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาเกินครึ่งเรื่องแล้ว ขอขอบคุณทุกกำลังใจและทุกคอมเม้นท์ คนแต่งอ่านทุกคอมเม้นท์จริงๆ นะ มันเป็นกำลังใจที่ดีมากเลย รักทุกคน

ปล.อย่าเพิ่งทิ้งกันนะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็อยู่ด้วยกันไปตลอดนะคะ มีอีกหลายเรื่องเลยที่มีแพลนจะแต่งรอติดตามผลงานคนแต่งฝึกหัดคนนี้กันด้วยนะ รักทุกโคนนนน




ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
รออ่านค่ะ อ่านไปแล้วยิ้มตามตลอดเลย  :yeb: :yeb:

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 14 คนเคยจีบ?

“สวัสดีครับคุณน้า” พอลงมาจากรถเสร็จ สิ่งแรกที่พี่ใจทำคือการยกมือไหว้แม่ผมที่เดินออกจากบ้านมาเปิดประตูรั้วให้ เพราะได้ยินเสียงรถที่คาดว่าเป็นลูกชายมาถึงแล้ว

“สวัสดีจ้ะ สบายดีนะลูก ไม่ได้เจอกันนานเลย” แม่ผมรับไหว้พร้อมกับยิ้มให้พี่ใจอย่างเป็นมิตร

“สบายดีครับ” พี่ใจตอบแม่ก่อนจะเดินไปด้านหลังรถเพื่อยกของที่เอามาฝากแม่ไปไว้ในบ้าน ส่วนผมเดินเข้าไปกอดแม่อย่างคิดถึง

“สวัสดีครับ ดิ๊กคิดถึงจัง” แม่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหอมแก้มผมทั้งสองข้าง เราสองคนแม่ลูกยืนกอดกันกลมในขณะที่พี่ใจยกของเข้าบ้านไปแล้ว พี่ใจเคยมาบ้านผมแล้วหลายครั้งเลยคุ้นชินทางเ ดินเข้าออกบ้านได้สบายๆ โดยไม่ต้องถามผม

“ได้หอมแก้มลูกชายก็หายคิดถึงแล้วล่ะจ้ะ มาๆ เข้าบ้านก่อน แม่ทำมื้อเที่ยงไว้แล้ว” แม่โอบไหล่ผมเดินเข้าบ้าน ความลับอีกอย่างหนึ่งคือแม่ตัวสูงกว่าผมที่เป็นลูกชายด้วยซ้ำ ตอนแรกๆ ที่ผมสูงได้แค่ระดับหูของแม่ผมเศร้ามาก ผมไม่สามารถทำใจยอมรับกับความจริงที่ว่าลูกชายสูงน้อยกว่าแม่ได้ ผมเหมือนไม่สามารถปกป้องแม่ได้ เป็นผู้ชายมันต้องสูงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผมเตี้ยล่ะ

“จะค้างกี่คืนล่ะ” แม่ถามผมในขณะที่เราสามคนนั่งกันอยู่ที่โต๊ะทานอาหารพร้อมหน้ากันแล้ว มื้อเที่ยงวันนี้แม่ทำอาหารไว้สามสี่อย่างมีทั้งของโปรดพี่ใจและของโปรดผม

“สองคืนครับ เดี๋ยวเย็นนี้ว่าจะไปถนนคนเดินด้วย” ผมตอบแม่ไปตามที่คุยกับพี่ใจไว้ มาน่านคราวนี้ผมกับพี่ใจกะว่าเราจะไปเที่ยวกันด้วย

“อืม เย็นนี้คุณคมจะมาทานข้าวเย็นด้วยนะ งั้นเจอกันที่ร้านประจำของบ้านเราเลยก็แล้วกัน” แม่บอกผมแบบนั้น ส่วนคุณคมก็คือคนที่มาตามจีบแม่ผมไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ช่วงที่ผมยังอยู่ที่นี่ก็เห็นบ่อย แต่ไม่ยักรู้ว่าทุกวันนี้ยังมาอยู่ พอได้ยินแม่บอกแบบนี้แล้วดูเหมือนว่าบ้านผมจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ด้วย

“ได้ครับ เดี๋ยวดิ๊กโทรไปจองโต๊ะไว้” ผมบอกแม่ยิ้มๆ ก่อนที่เราสามคนจะเริ่มทานข้าวเที่ยงกัน

หลังจากที่ผมล้างจานในครัวเสร็จผมก็ออกมานั่งดูโทรทัศน์ที่กลางบ้านบ้าน ส่วนพี่ใจนั่งทำงานในโน๊ตบุ๊คอยู่ข้างๆ แม่ผมก็เข้าห้องทำงานไปแล้ว

“ถึงกรุงเทพแล้วพี่จะค้างกับผมมั้ย” ผมถามพี่ใจที่ตั้งใจทำงานอยู่ ผมนอนหันหน้าไปทางพี่ใจที่นั่งอยู่ข้างล่างโซฟา

“น่าจะค้างสักสองคืน พี่ไม่อยากปล่อยทางนี้ไว้นาน” ปากตอบแต่ตากลับจ้องอยู่ที่งานเหมือนเดิม เห็นแบบนั้นผมเลยยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ข้างหูพี่ใจหวังจะก่อกวนคนที่ตั้งใจทำงานจนคิ้วขมวด

“ยั่วเหรอ” พี่ใจถามผมยิ้มๆ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากงานที่ทำอยู่ ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ท้ายทอยของคนที่ไม่ยอมหันมามองผม แม้กระทั่งวันหยุดพี่ใจก็ยังทำงาน ตอนไหนของชีวิตที่มีคำว่าพักผ่อนจริงๆ

“เปล่านะ ใครยั่ว” ผมตอบหลังจากที่จูบพี่ใจเสร็จ ผมแอบอมยิ้มกับตัวเองทันทีที่เห็นพี่ใจปิดงานลงไปก่อนจะหันกลับมาหาผมทั้งตัว แต่ก็ยังนั่งอยู่ที่พื้นข้างล่างเหมือนเดิม เมื่อเป็นเช่นนั้นระดับใบหน้าของพี่ใจก็ยังสูงกว่าผมที่นอนอยู่บนโซฟาอยู่ดี คนอะไรตัวสูงชะมัดแถมหล่ออีก โลกไม่ยุติธรรมเลยว่ะ

“เรียกร้องความสนใจเหรอ” พี่ใจเลิกคิ้วขึ้นถามผม หน้าตาพี่ใจตอนถามน่ะก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะว่ากวนเท้ามาก

“แล้วได้ผลมั้ย” ผมย้อนถามกลับบ้างคราวนี้พี่ใจไม่ตอบ แต่ส่งริมฝีปากของตัวเองมาเจรจากับริมฝีปากของผมเลย ดุเดือดเกินไปแล้วพ่อถ้าได้เลือดขึ้นมานะน่าดูเลย ร้อนในเนี้ยแหละที่จะถามหาผมอะ เพราะเวลาปากมีแผลทีไรมันจะชอบเป็นร้อนในต่อเลย ไม่รู้มีใครเป็นบ้างแต่มีผมนี่แหละที่เป็นหนึ่งในนั้นที่เป็น

“อึก อื้อ” จูบนานซะจนผมนึกว่าดูดวิญญาณออกจากร่าง บทจะดุก็ดุเกินเลยนะพี่ใจเนี้ย ผมครางในลำคอเบาๆ เมื่อพี่ใจไม่ยอมถอนจูบออกไปซะที นี่ลืมไปหรือเปล่าว่าแม่ผมก็อยู่ในบ้านด้วย ถ้าบังเอิญแม่เปิดประตูมาเจอฉากนี้แม่คงใจไม่ดีนะผมว่า

“อื้อ!!” ไม่ยอมปล่อยปากผมให้เป็นอิสระสักสี จนต้องยกมือขึ้นมาจับใบหน้าพี่ใจไว้หวังจะผลักให้เขาออกไป

“จ๊วบ อ๊ะ!” เสียงตอนที่ปากของเราสองคนผละออกจากกันนี่มันอะไรกัน ดังฟังชัดซะจนผมหน้าร้อนไปหมด เสียงหอบหายใจของผมกับพี่ใจดังประสานกันเบาๆ เกือบตายเลยอ่ะ นี่แค่จูบเองนะ ไม่ได้เจอกันหลายเดือนดุขึ้นเยอะเลยแฟนผมเนี้ย ไม่ธรรมดาจริงๆ

“เล่นอะไรเนี้ย เกือบตายอะ” ผมทุบไหล่พี่ใจไปหนึ่งทีเพื่อตำหนิเขา ก็ไม่ได้โกรธที่จูบหรอกนะ แค่ตกใจที่หายใจไม่ทันแค่นั้นเอง คราวหลังจะจูบก็ขอแบบนุ่มนวลหน่อยแล้วกัน

“ไม่ชอบเหรอ จะได้ไม่ทำ” พี่ใจถามผมเสียงนิ่งๆ เหมือนโกรธ แต่ผมรู้ทันเขาหรอกน่า ว่าแกล้งอะ

“ขอนุ่มนวลๆ กว่านี้จะดีมาก อ๊ะ!” ตอบยังไม่ทันจบดีก็โดนกระชากไปสูบวิญญาณอีกละ เฮ้อออ ไม่มีหรอกคำว่าอ่อนโยนกับเมียอะ

“เจอกันที่ร้านเลยนะครับแม่”

“โอเคจ้ะ ขับรถกันระวังๆ ล่ะ” ผมเปิดประตูห้องทำงานของแม่ ก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปบอกแม่ว่าผมกับพี่ใจจะออกไปข้างนอกแล้ว

“ครับ” ว่าจบผมก็ออกจากบ้านพร้อมกับล็อคประตูบ้านเสร็จ

เราสองคนเดินทางกันประมาณสิบห้านาทีก็ถึงในตัวเมืองเนื่องจากบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักจึงเดินทางสะดวกหน่อย ที่นี่เงียบสงบพอตัวเลยล่ะ ผมรู้สึกว่าทุกคนใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบกันดีนะบรรยากาศก็ดีถึงหน้าร้อนจะแดดแรงไปหน่อยแต่ก็ถือว่ารับได้นะ

“กินอะไรรองท้องก่อนมั้ย” พี่ใจถามผมในขณะที่เราสองคนจับมือกันกำลังจะเดินเข้าถนนคนเดิน คนไม่ค่อยเยอะมากนักสงสัยคงเพราะตอนนี้ยังไม่ค่ำมาก ส่วนมากคนจะมากันช่วงหนึ่งถึงสามทุ่มมากกว่า

“เดินดูก่อนก็ได้ครับ” ผมเงยหน้าส่งยิ้มให้พี่ใจ เราเคยมาที่นี่ด้วยกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว

“พี่ใจเอาน้ำมั้ย” ผมหยุดอยู่ที่ร้านน้ำมะพร้าวปั่นก่อนจะหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน พี่ใจพยักหน้ารับ

“น้ำมะพร้าวปั่นสองครับ”

“ดิ๊ก!” หืม? ใครเรียกผม ผมหันไปตามเสียงเรียกอย่างอัตโนมัติ

“ดอม?” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ คนที่ผมเรียกชื่อฉีกยิ้มกว้างรีบวิ่งเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด

“จำเราได้ด้วยเหรอดิ๊ก เรานึกว่าทักคนผิดซะแล้ว”

“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ” ใครมันไปจะลืมคนที่เคยจีบตัวเองกัน?



TBC.

ขอโทษที่มาช้า ให้อภัยเราเถอะ








ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวๆ........  :really2: :really2: :really2:
ตกลงคนที่เป็นมนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด ก็คิอดิ๊กเองเหรอ  :z3:

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 15 ลวนลามเก่ง

“เอ่อ แล้วนี่ดิ๊กกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ดอมถามก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้ผม รอยยิ้มของดอมทำให้ผมนึกถึงตอนมัธยมที่เราเคยเรียนด้วยกัน ดอมเขาสดใสไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าจะยืนอยู่ต่อหน้าคนที่ปฏิเสธความรักของเขาก็ตาม ดอมเป็นเพื่อนที่ดีตลอดมาจริงๆ

“เพิ่งมาวันนี้เอง” ผมส่งยิ้มกลับไปให้ดอมบ้าง พี่ใจที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เงียบไม่เอ่ยขัดบทสนทนาระหว่างผมกับดอมเลย

“เหรอ อยู่นานมั้ยล่ะ”

“สองสามวันแหละ ใกล้เปิดเทอมแล้วน่ะ เกือบลืมไปเลย นี่พี่ใจแฟนเราเอง” ผมแนะนำพี่ใจให้ดอมรู้จักก่อนจะหันแนะนำดอมให้พี่ใจรู้จักบ้าง

“พี่ใจครับนี่เพื่อนผมชื่อดอมครับ”

“สวัสดีครับพี่” พี่ใจหันไปรับไหว้ดอมพร้อมกับยิ้มเบาๆ คนที่อยู่กับพี่ใจมาเกือบสองปีอย่างผมก็รู้เลยว่ามันคือรอยยิ้มการค้า ยิ้มแค่ปากแต่ตานี่นิ่งเลยไง

“ครับ” พี่ใจหันกลับมาหลังจากรับไหว้เสร็จพอดีกับน้ำมะพร้าวของเราเสร็จพอดี เขาแยกไปจ่ายเงินผมจึงหันมาชวนดอมคุยรอพี่ใจ

“แล้วเรียนมหาลัยดอมโอเคมั้ย”

“โอเคแหละ แต่ติดอย่างเดียว” ดอมพูดอมยิ้มใส่ผม

“หืม?” ผมเลิกคิ้วขึ้นถามดอมประมาณว่าอะไรมีอะไรที่ติดอยู่อย่างเดียว

“ที่มหาลัยไม่มีดิ๊กเลยคิดถึงบ่อยๆ น่ะ”

“เอ่อ…” ไปไม่เป็นเลยผม ไม่รู้จะแสดงสีหน้ายังไงดี อีกใจคือภาวนาว่าอย่าให้พี่ใจได้ยินที่ดอมพูดเลย ไม่งั้นกลับบ้านไปมีเคลียร์กันยาวแน่

“คิดถึงแฟนคนอื่นบ่อยๆ นิสัยไม่ดีเลยนะ” เอาแล้วไงพ่อมาแล้วเนี้ย สีหน้าผมคงเลิกลั่กแล้วละตอนนี้ พี่ใจกลับมายืนข้างๆ ผมตามเดิมในมือทั้งสองข้างก็ถือแก้วน้ำไว้อยู่ ดอมหน้านิ่งขึ้นทันตาเห็นเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยหลังจากที่พี่ใจพูดแบบนั้น

“เอ่อคือ พี่ใจครับ” ผมเรียกชื่อพี่ใจหลังจากที่เราเงียบไปครู่หนึ่ง ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้สองคนนี้หัวร้อนใส่กันเลย เพราะคนที่จะเละก่อนมันก็คือผมที่เป็นคนกลางนี่แหละ!

“ว่าไง ไปกันเลยมั้ย” พี่ใจหันมาตอบผม ถึงแม้ว่าปากจะไม่ยิ้มแต่น้ำเสียงฟังดูอ่อนลงมากเมื่อเขาคุยกับผม เห้ออ แบบนี้ค่อยใจชื้นหน่อย อย่างน้อยๆ ผมก็มีทีท่าว่าจะรอดละวะ

“อะ คือไปเลยก็ได้ครับ” ผมยิ้มให้พี่ใจก่อนที่จะหันไปบอกดอม

“งั้นไปก่อนนะไว้ว่างๆ จะมาเยี่ยมใหม่ ฝากบอกเพื่อนด้วยว่าคิดถึง” ผมบอกดอมก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำของตัวเองมาจากพี่ใจ

“อืม ไว้เจอกันนะ” ถ้าไม่ได้คิดไปเอง เสียงของดอมมันฟังดูเศร้าสำหรับผม เขาคงตกใจหน่อยๆ ด้วยละนะที่พี่ใจพูดแบบนี้เป็นผม ผมก็กลัวนะเอาจริง ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของพี่ใจไม่มีตรงไหนที่ดูเป็นมิตร ยิ่งบวกกับส่วนสูงที่เหมือนยักษ์นั่นอีก พอมองภาพรวมแล้วพี่ใจเขามันคือตัวร้ายชัดๆ เลยนี่

“ไว้เจอกัน” บทสนทนาสุดท้ายก่อนที่ผมกับพี่ใจจะเดินออกจากจุดนั้น ผมหันหลังกลับไปยกมือลาดอมอีกครั้งก่อนจะโดนพี่ใจกับมือให้เดินหลบคนข้างหน้า แค่สัมผัสของการจับก็รู้แล้วเนี้ยว่าหงุดหงิดนิดหน่อย หึงเป็นเด็กๆ ไปเลย ถ้าผมชอบดอมผมคงไม่มาเป็นแฟนเขาจนถึงตอนนี้หรอก อยากจะบอกคำนี้ออกไปจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้คนเยอะอะนะ

“งั้นเราไปรอแม่ที่ร้านกันเลยมั้ยครับ” ผมบอกพี่ใจในตอนที่เราเดินมาได้ครึ่งทางของถนนคนเดินแล้ว ไม่ได้ซื้อของกินเยอะเพราะยังไงก็ต้องไปทานมื้อเย็นกับแม่อยู่แล้ว

“อืม” พี่ใจตอบรับในลำคอเบาๆ ก่อนที่เราจะเดินออกมาจากถนนคนเดินเพื่อเดินไปร้านอาหารที่จองไว้ ร้านอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดินมันเลยง่ายต่อการเดินทางเพราะแค่ข้ามถนนมาเดินอีกนิดหน่อยก็ถึงร้านแล้ว

เราเข้าไปนั่งรอแม่ที่โต๊ะรอเวลานัด พนักงานมาเสิร์ฟน้ำเปล่าก่อนจะเดินออกไป ร้านอาหารร้านนี้เป็นส่วนตัวมากในความรู้สึกผม แต่ละโต๊ะอยู่ห่างกันพอสมควร ต้นไม้เยอะด้วยผมชอบบรรยากาศดีๆ ตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินนี่มันโรแมนซ์สุดๆ เลยเนาะ

“ดอมนี่มันเป็นใคร” อยู่คนที่นั่งเงียบก็เอ่ยถามผมขึ้นมาในตอนที่บรรยากาศกำลังดี แต่เหมือนคนตัวยักษ์ที่นั่งข้างๆ ผมจะอารมณ์ไม่เหมือนบรรยากาศ

“ดอมเป็นเพื่อนจริงๆ นะครับ แค่ตอนมัธยมดอมมาสารภาพว่าชอบผมแค่นั้นเอง” ตอบความจริงคงไม่เป็นไรใช่มั้ย เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมโล่งใจที่ไม่มีอะไรปิดบังพี่ใจ

จงจำไว้นะดิ๊กว่าต่อแต่นี้ไปแกจะเป็นเด็กดีไม่งี่เง่าอีกตลอดไป ห้ามมีความลับต่อกันด้วย

“แค่นั้นเอง? พูดง่ายนี่ไม่เห็นสายตาที่มันมองดิ๊กหรือไง หงุดหงิดว่ะ” หื่อออ คนคนนี้นี่มันขึ้นง่ายจริงๆ หมายถึงอารมณ์นะที่ขึ้นง่าย เอ๊ะ หรืออย่างอื่นด้วยนะ ไม่ได้พิสูจน์มานานแล้วซะด้วยสิ

“ไม่เอาไม่หงุดหงิดสิครับ ดอมจะมองยังไงก็เรื่องของดอมเถอะเนาะ เพราะยังไงตอนนี้ผมก็เป็นแฟนพี่รักพี่คนเดินนี่นา” เอาน้ำเย็นเข้าลูบหน่อย หัวไหล่พี่ใจว่างๆ น่ะก็หัดเอาหัวไปถูๆ พอให้พี่มันใจเย็นขึ้นหน่อย

“เข้าใจพูดเข้าใจทำนักนะ”

“อื้ออ” โดนดูดปากอะทำไงดี ดีนะที่แถวนี้ไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่น

“ช่างยั่วนักนะ” มือที่บีบสะโพกผมอยู่ตอนนี้คืออารมณ์หมั่นไส้ผมจริงๆ หรือแค่อยากลวนลามอะ



TBC.

ลวนลามกันเก่งคู่นี้ ยอมใจ




ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 16 ความรู้สึกเดิม

“คุณลุงสวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ลุงคมที่นั่งตรงข้ามผมพร้อมกับยิ้มให้เขา ส่วนแม่นั่งข้างลุงคม

“สวัสดีครับ” พอผมยกมือไหว้ลุงคมเสร็จพี่ใจที่นั่งอยู่ข้างก็ยกมือไหว้บ้าง ลุงคมรับไหว้ผมสองคนพร้อมกับยิ้มให้ ชายวัยกลางคนตรงหน้านี้มีรูปร่างสมส่วนตามมาตรฐานชายไทยทั่วไป ลุงคมเป็นคนน่านทำธุรกิจค้าขายอุปกรณ์ช่างมีสาขาทั่วประเทศ แต่ยังไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน แล้วยังไงไม่รู้เผลออีกทีมาจีบแม่ผมแล้ว

“สวัสดีๆ ตามสบายกันเลยนะ” ลุงคมยิ้มให้ผมกับพี่ใจ ก่อนจะหันไปช่วยแม่สั่งอาหาร ลุงคมเป็นคนดีในสายตาผมอย่างน้อย ลุงเขาก็ให้เกียรติแม่ สุภาพพอตัวเลยล่ะ เห็นได้จากตอนที่ผมอยู่มัธยมปลายลุงคมก็แวะมาเยี่ยมบ่อยๆ ส่วนเรื่องที่ไม่แนะนำพี่ใจให้ลุงคมรู้จักก็เนื่องมาจากว่าตอนพี่ใจมาบ้านผมครั้งแรกก็เจอกับลุงคมเลยแนะนำกันไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะน่ะ

“พี่ใจอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ” ผมหันไปยิ้มให้พี่ใจที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ไม่ล่ะ ตามสบายเลย แล้วดิ๊กอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย บอกคุณน้าสิ” คำตอบที่มาพร้อมกับคำถามนั้นทำให้ผมต้องอมยิ้มไว้ที่ข้างแก้ม เดี๋ยวยิ้มกว้างละพี่ใจได้ใจ

“ดิ๊กทานอะไรก็ได้ให้แม่กับลุงตามสบายกันเลย” ผมบอกพร้อมกับมองแม่และลุงที่นั่งอยู่ตรงข้าม แม่ดูมีความสุขมากกว่าปกติผมก็ยิ้มได้สบายใจ ผมไม่ได้คิดมากเรื่องที่แม่จะมีแฟนใหม่ ถ้าเขาเป็นคนดีน่ะนะ

“แม่สั่งของชอบดิ๊กกับของใจไปแล้วนะ เอาอะไรเพิ่มกันอีกมั้ย” แม่หันมาถามเราสามคนก่อนที่ผู้ชายสามคนบนโต๊ะอาหารจะส่ายหน้ากันพร้อมกับอมยิ้มให้แม่

แม่สั่งอาการกับพนักงานไปแล้วคงต้องรอสักพักเพราะตอนนี้ลูกค้าเยอะพอตัว

“ช่วงนี้เรียนเป็นยังไงบ้างล่ะดิ๊ก” ลุงคมหันมาคุยกับผมหลังจากที่เติมน้ำที่แก้วของแม่เรียบร้อย

“ก็ดีครับลุง อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะเปิดเทอมแล้วครับ ขึ้นปีสามแล้วก็คงเหนื่อยขึ้นนิดหน่อยมั้งครับ” ผมตอบคำถามลุงคมอย่างสบายๆ เพราะเราเคยเจอกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่ค่อยมีความเขินอายแล้ว ส่วนพี่ใจก็นั่งฟังผมพูดไปเรื่อยไม่มีปากเสียง

“อืม…ที่จริงแล้ววันนี้ที่นัดมาทานข้าวกันพร้อมหน้าเพราะลุงมีเรื่องอยากจะขอดิ๊กน่ะ” เมื่อลุงคมพูดเสร็จผมถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที ลุงมีเรื่องอะไรที่ต้องขอผม?

ผมหันไปมองหน้าแม่อย่างตั้งคำถามว่าลุงเขามีเรื่องอะไร แต่แม่ก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบผมเบาๆ

“ขอ... อะไรหรือครับ?” ตอนที่ถามลุงไปใบหน้าผมยังติดรอยยิ้มบางๆ ไว้เหมือนเดิมไม่จาง

“ขอแม่ของดิ๊กไปเป็นภรรยาลุง”

“ไปเป็นภรรยาของลุงอย่างนั้นเหรอ” ตอนนี้สติผมลอยนิดๆ ไม่คิดว่าลุงคมจะพูดตรงไปตรงมาและกะทันหันขนาดนี้ ผมไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจหรืออะไรนะ แค่กำลังอึ้งอยู่ถึงได้เงียบจนแม่ต้องเริ่มพูด

“ดิ๊ก ถ้าลูกไม่โอเคแม่ก็ไม่” สีหน้าของแม่ตอนจะพูดประโยคนี้ไม่ดีเลย มันดูเจ็บปวดและห่วงใยปะปนกัน

“แม่ครับ” ผมชิงพูดตัดหน้าแม่ก่อนที่ท่านจะพูดจบ ผมรู้ดีว่าแม่คงต้องตามใจผมที่เป็นลูก แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไรสักหน่อย แค่ยังพูดไม่หมดทุกคนก็แสดงสีหน้าท่าทางตกใจกันแล้ว ไม่เว้นแม้แต่พี่ใจที่เอื้อมมือมากุมมือผมไว้ สงสัยคงกลัวผมรู้สึกแย่

“ดิ๊กยินดีและดีใจมากที่แม่จะได้มีคนดูแลนะ และยิ่งดีมากขึ้นไปอีกเมื่อคนคนนั้นคือลุงคม” ผมยิ้มให้แม่และลุงที่นั่งลุ้นว่าผมจะว่ายังไง

“ดิ๊ก …แม่รักลูกนะ” ผมร้องไห้ แต่ร้องไห้ด้วยอารมณ์ไหนอันนี้ผมไม่แน่ใจ ผมยื่นมือข้างซ้ายที่ว่างไปหาแม่กุมมือท่านไว้แน่น สัมผัสให้แม่รู้ว่าผมอยู่ข้างๆ แม่เสมอ

“แม่มีความสุขดิ๊กก็มีความสุข” ผมน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าลุงคมโอบไหล่แม่ไว้เป็นการปลอบ สุดท้ายแล้ววันนี้ก็มาถึงวันนี้แม่มีคนที่พร้อมจะดูแลและอยู่เป็นคู่ชีวิต…อีกครั้ง



หลังจากกลับมาจากทานมื้อเย็นผมกับพี่ใจก็อาบน้ำเตรียมเข้านอนเรียบร้อย ส่วนแม่ลุงคมมาส่งตอนนี้ก็อยู่ในห้องนอนแล้ว ตอนเช้าเรานัดกันว่าจะไปทำบุญกันที่วัดสามคน

“เป็นไงบ้าง” พี่ใจถามผมเมื่อผมนั่งลงบนเตียงนอนหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ

“ก็…ไม่รู้สิ อธิบายยากแต่มันก็รู้สึกดีที่แม่มีคนดูแลจริงๆ สักที” ผมหันไปตอบก่อนจะเอนตัวนอนซุกลงที่อกพี่ใจที่ใส่แต่กางเกงนอนตัวเดียว

“ดีแล้วล่ะ” มือใหญ่เอื้อมมาโอบเอวผมไว้ ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ ที่หัว พี่ใจกำลังลูบหัวผมไปมาเบาๆ จะเรียกการกระทำนี้ว่าเอ็นดูผมได้ป่ะ? ผมขยับหัวตามอย่างเผลอไผลกับสัมผัสที่อ่อนโยนนั่น

ดีจริงๆ มีคนลูบหัวให้เพลินๆ เกือบจะเคลิ้มหลับทั้งที่พี่ใจยังลูบหัวให้อยู่แบบนี้ แต่ประสาทสัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่จากลูบหัวจนตอนนี้ลูบอยู่ที่สะโพกนิ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“อื้อออ” ผมครางในลำคออย่างขัดใจเมื่อโดนแกล้งด้วยการที่มือใหญ่บีบเค้นสะโพกของผมอย่างแรง

“ดิ๊ก…” ผมเงยหน้าสบตากับคนที่เรียกชื่อผมอย่างรู้กัน ก่อนที่เราสองคนจะจมลงไปกับความรู้สึกและสัมผัสที่เราสองคนไม่ได้รับรู้ถึงมันมานานตั้งครึ่งปี

มันยังร้อนแรง อบอุ่น วาบหวาม และมีความสุขเหมือนวันแรกที่เราได้เรียนรู้ในร่างกายของกันและกันเหมือนเดิม…

ไม่ว่าเราจะห่างกันไปนานแค่ไหนสำหรับผมแล้วมันยังเหมือนเดิมทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ

ผมรักเขา รักพี่ใจ ไม่อยากพลาดสักวินาทีที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขร่วมกับเขาเลย







TBC.

เรื่องนี้รักใสๆ หัวใจสองดวงนะ คึคึ


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 17 คนที่จากไป

“ดิ๊ก”

“…”

“ดิ๊กตื่นเร็ว ต้องไปวัดแต่เช้านะ”

“…”

“ได้ยินที่พี่เรียกมั้ย ตื่นเร็วครับ”

“…” เสียงอะไรแว่วๆ หู ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ใครมันมาส่งเสียงรบกวนแต่เช้าวะ คนยิ่งเหนื่อยๆ อยู่

“ขมวดคิ้วอะไรรีบตื่นเร็ว” อ่อ…เสียงสามีนี่เอง ผมยังไม่ลืมตาแต่ยื่นแขนทั้งสองยื่นไปทางเสียงพี่ใจแล้ว ทำเหมือนจะอ้อนแต่แอบแฝงด้วยความขี้เกียจตื่น ทำตัวยื้อเวลาไปก่อน

“อ้อนเอาอะไร ลืมตาซะ” ปากพูดเสียงเข้มแต่มือกลับจับแขนผมไว้อย่างนุ่มนวลแถมยังดึงตัวผมขึ้นไปกอดไว้ทั้งตัวอีก

อืมมม ขออยู่อย่างนี้นานๆ ได้มั้ย สบายตัวแถมความสบายใจ

“ขออยู่อย่างนี้นานๆ” เสียงอู้อี้ของผมเอ่ยบอกพี่ใจ ซุกหัวลงไปขยี้กับซอกคออุ่นที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่อาบน้ำ พี่ใจคงเตรียมตัวเสร็จแล้วเหลือแค่ผมนี่แหละที่เป็นตัวขี้เกียจ

“หรือจะให้อุ้มไปอาบน้ำ” ก็ดี… ตอบในใจคนเดียว เหลือบมองหน้าพี่ใจนิดหน่อยก่อนจะค่อยๆ ดันตัวออกจากอ้อมกอดพี่ใจ

“ทำเองได้เหอะ” ถึงใจจะอยากให้เขาอุ้มไปอาบน้ำแค่ไหนแต่ก็ต้องหักใจลุกไปอาบน้ำเอง เพราะทำแบบนั้นมันคงไม่งามเท่าไหร่ในขณะที่ผมแทบเละไปทั้งร่างขนาดนี้รอยคงเยอะน่าดูหวังว่าเขาจะไม่ทำนอกร่มผ้าหรอกนะ ไม่งั้นแม่คงมองผมให้อายไปทั้งวัน

“ว่าง่ายๆ ก็ดี มาเดี๋ยวอุ้มไป” เซอร์วิสดีไปแล้วพี่ใจเนี่ย จะทำให้หลงไปถึงไหนอะ งง

“เจ็บ…” ปากพูดแต่มือกอดคอเขาแน่นแล้วเพราะกลัวร่วง พี่ใจยิ่งสูงๆ อยู่ด้วยตกลงไปคงท่าไม่สวยเท่าไหร่

“ลงได้” พอถึงห้องน้ำพี่ใจก็ปล่อยลงก่อนจะชี้มือบอกให้ผมรู้ว่าจะออกจากห้อง

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเราทั้งบ้าน ที่มีสามคนก็เดินทางไปวัดโดยพี่ใจเป็นคนขับรถ วันนี้บ้านเราตั้งใจจะไปไหว้พ่อผมด้วยเลยมีการเตรียมอาหารโปรดพ่อไว้เยอะแยะ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันจะส่งถึงพ่อจริงมั้ย แต่ครอบครัวเราก็ทำมาตลอดตั้งแต่พ่อจากไป

“ลงดีๆ นะ” ผมเงยหน้ามองพี่ใจที่เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูรถฝั่งผม ห่วงใยใส่ใจไม่มีใครเกิน

“โอเคๆ” ผมว่าพร้อมกับอมยิ้มอย่างขำขัน ผมแค่เจ็บนิดเดียวเอง ถึงกับต้องคอยย้ำความปลอดภัยตลอดเวลาเลย?

“มาแล้วเหรอ” เสียงลุงคมดังมาจากศาลาวัดที่เรากำลังเดินไป ลุงเขาคงมารออยู่ก่อนแล้ว แม่เดินเข้าไปพร้อมกับลุงส่วนผมกับพี่ใจแยกตัวไปจัดอาหารที่เตรียมมาถวายพระ

หลังจากเสร็จการเข้าวัดเช้า ทั้งผมและพี่ใจรวมถึงแม่กับลุงคมก็พากันเดินไปไหว้พ่อ ผมกับแม่ช่วยกันเช็ดทำความสะอาดรอบๆ ผมเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันใหม่วางขนมหวานของโปรดพ่อไว้สองอย่าง

“พ่อครับคิดถึงจัง สบายดีใช่มั้ย วันนี้ผมกลับมาหาดีใจมั้ย อ่อ แล้วอีกอย่างคือพาพี่ใจมาไหว้พ่อด้วยเขาเป็นแฟนผมเอง พ่อคงไม่ว่าใช่มั้ยที่ลูกคนนี้มีแฟนเป็นผู้ชาย ไม่โกรธดิ๊กใช่มั้ย…” ผมน้ำตาไหลหลังจากพูดประโยคสุดท้ายจบ ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพ่อจะโกรธหรือเปล่าที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย แม่กำลังจะมีคนอยู่เคียงข้างอีกครั้งหลังจากที่เสียพ่อไปเป็นเวลาหลายสิบปี พ่อจะรับรู้เรื่องของพวกเราอยู่มั้ย

“ผมจะดูแลลูกชายคุณพ่อให้ดีที่สุดครับ” พี่ใจเมื่อเห็นผมร้องไห้เขาก็พูดขึ้นมาบ้าง แม่เอื้อมมือมาจับมือผมไว้เราสองคนแม่ลูกสบตากันทั้งน้ำตาก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกันเมื่อสายลมเย็นๆ พัดผ่านเราไปอย่างเอื่อยๆ

หลังจากที่ใช้เวลาเกือบครึ่งวันไปกับเข้าวัดเช้าต่อด้วยการไปไหว้พ่อบอกข่าวให้พ่อได้รู้ แม่ก็แยกกลับไปกับลุงคมส่วนผมกับพี่ใจเราแวะไปคาเฟ่ที่เปิดใหม่อีกอำเภอหนึ่ง เหมือนเป็นการมาผ่อนคลายนอกบ้านไปเลย

“อากาศดีมากเลยเนอะ” ผมยิ้มกว้างอย่างชอบใจกับอากาศของที่นี่ ตัวคาเฟ่เป็นร้านที่ผมเห็นในอินเตอร์เน็ตเลยถือโอกาสนี้มากับพี่ใจ

“ถ้าชอบจะพามาอีก” พี่ใจบอกแบบนั้นก่อนจะยกกาแฟร้อนของตัวเองขึ้นจิบ อากาศดีขนาดนี้ยังกล้านั่งชิวจิบกาแฟร้อนอีก ส่วนผมได้แต่นั่งดูดชาเขียวปั่นชมวิวภูเขาต่อไป บรรยากาศรอบๆ ดูผ่อนคลายและสบายมากปลอดโปร่งสุดๆ

“พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว คงคิดถึงแม่แน่ๆ เลย”

“ตั้งใจเรียนจะได้รีบจบ” พี่ใจบอกอย่างสบายๆ ตามสไตล์คนเรียนเก่ง

“อืม…ผมห่างไกลกับคำว่าฉลาด คงต้องใช้เวลาอะ” พอผมพูดจบพี่ใจก็ยิ้มอย่างขำๆ

“จริงด้วยพี่ลืมไปได้ยังไงนะ” น่าหมั่นไส้ชะมัด แต่น่ารักมากว่า



TBC.

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ❤


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 18 คืนนี้โดนแน่

“ฮ้าาา ถึงสักที นั่งรถจนเมื่อยก้นไปหมดเลย” พอรถจอดสนิทในที่จอดรถใต้คอนโด ผมก็รีบเปิดประตูรถลงมายืดเส้นยืดสายก่อนเลย นี่ก็ว่ายังไม่แก่นะแต่เส้นยึดบ่อยมาก

พี่ใจมาส่งผมก่อนถึงจะเข้าบ้านตัวเองที่อยู่แถวชานเมือง บ้านเขาอยู่ห่างจากคอนโดผมค่อนข้างไกลขับรถนานเลยกว่าจะถึง บ้านพี่ใจอยู่กันหลายคนเลยต้องใช้พื้นที่เยอะหน่อยในการสร้างบ้านเลยต้องอยู่แถบชานเมือง

“หึ เดี๋ยวได้เมื่อยกว่านี้อีก” คำพูดมีเลศนัยหลุดออกจากปากคนที่ลงรถมาเปิดเอาของที่ท้ายรถ

เอาดีๆ อะไรที่ว่าเมื่อยกว่านี้ แค่คิดหูก็ร้อนแล้วโว้ย

“ป่ะ” พอมือซ้ายหิ้วของมือขวาก็ยื่นมาให้ผมจับทันที หล่อ ใจดี อบอุ่น แฟมิลี่แมนสุดๆ

“มีความสุขจัง” ผมยิ้มกว้างให้พี่ใจพร้อมกับบอกเขา เราสองคนยืนยิ้มให้กันอยู่หน้าลิฟท์จนผมนึกว่าเราบ้าไปทั้งคู่แล้วเนี้ย

“ใกล้เปิดเทอมแล้วมีความสุข?”

“ไม่ใช่สักหน่อย”

“หึ” ถึงจะหัวเราะสั้นๆ แต่การที่ใช้มือขวากอดคอผมไว้นี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยนะ

หลังจากขึ้นลิฟท์จนมาถึงชั้นที่ตัวเองอยู่เราเดินคุยกันเรื่อยๆ ตามทางเดิน ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าห้องสายตาผมเหลือบมองห้องข้างๆ ที่ติดประกาศขายไว้หลายเดือนก่อน แต่ตอนนี้ป้ายหายไปแล้วสงสัยมีคนย้ายมาใหม่แล้วแน่ๆ

“ทำความสะอาดวุ่นแน่เลย ฝุ่นเพียบ” ผมวางของไว้ที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาก่อนจะเดินไปเปิดประตูระเบียงเพื่อถ่ายเทอากาศ ส่วนพี่ใจก็ยกของเข้าไปเก็บในครัว

“วันนี้ก็ไปทานมื้อเย็นที่บ้านพี่แล้วกัน ดีมั้ย?” พี่ใจพูดขณะที่เดินถือขวดน้ำดื่มออกมาจากครัว

“อื้อ!” ผมพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ไม่ได้ไปบ้านพี่ใจนานมากแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้เด็กฝรั่งบ้านตรงข้ามพี่ใจจะโตรึยัง ช่วงที่ผมไปบ้านพี่ใจบ่อยๆ เห็นน้องชายพี่ใจกับเด็กฝรั่งตัวติดกันแจทุกวัน เป็นเพื่อนเล่นต่างวัยที่เข้ากันได้ดีเลยนะจากที่ผมเห็นมา

“จุ๊บ!” อะ อ้าวมีโจรขโมยจุ๊บบปากหนึ่งที

“เหม่ออะไร” โจรถามผมเสียงแข็งพร้อมกับดันตัวผมให้นั่งลงที่โซฟา ไอ้โจรบ้านี่ไม่ดูเลยรึไงว่าห้องยังไม่ได้ทำความสะอาด มีแต่ฝุ่นเนี้ยยย

น้องจะบ้า แต่ถึงในใจจะคิดอย่างนั้นพอสถานการณ์จริงตอนนี้คือผมตามน้ำไปก่อนเลยจ้าาา ถ้าขัดขืนไปกลัวผัวงอนไงเรื่องของเรื่อง

“กำลังคิดว่าพี่จะทำอะไรต่อ” ใจกล้าระดับสิบไม่มีใครเกินไปอีก

“ไม่ชอบคนโกหก” ไอ้เราก็กะจะเล่นซีนอีโรติกแต่พี่ใจคือไม่อินไง

“จริงๆ แค่คิดว่าจะทำความสะอาดห้องจากตรงไหนก่อนดี”

“ไม่ต้องคิดพี่โทรเรียกแม่บ้านให้ขึ้นมาทำความสะอาดแล้ว เดี๋ยวเราลงไปซื้อของเข้าห้องในตู้เย็นมีน้ำเปล่าไม่กี่ขวด” โอเค…พ่อคนชอบจัดแจง รักที่สุดเล้ยยย

“งั้นเดี๋ยวผมเอาโทรศัพท์ไปชาร์จแบตก่อน รอแป๊บ” พูดจบก็รีบดีดตัวเข้าห้องนอนไปทันที

“ป่ะ ไปกัน” ผมยื่นมือให้พี่ใจจับก่อนที่เราสองคนจะก่อนจากห้องตอนที่แม่บ้านมาทำความสะอาดห้องแล้ว

“งั้นแวะทานข้าวเที่ยวก่อนละกัน” พี่ใจพูดจบก็จูงมือผมเข้าร้านอาหารทันทีเลย สงสัยหิวจริงจัง

หลังจากสั่งอาหารไปสี่ห้าอย่างผมกับพี่ใจก็นั่งคุยกันเงียบๆ มีทั้งเรื่องที่เขาไปมีไร่ชาที่เหนือได้ยังไง รวมไปถึงเรื่องไอ้เพื่อนตัวดีของผมที่ซุ่มมีแฟนเงียบไม่บอกเพื่อนเลยอะไรเลย

“อย่าใส่ใจเรื่องคนอื่นมากจนเครียดล่ะ” พี่ใจพูด

“พูดเหมือนเป็นห่วงแต่ที่จริงคือแอบด่าช่ะ?” ผมมองค้อนพี่ใจพร้อมกับแอบหยิกเนื้อเขาไปหนึ่งที ระบายความหมั่นไส้ที่ผมมีให้แฟนคนนี้

“ทำร้ายร่างกายเหรอ คืนนี้โดนแน่” คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมขู่ผมทั้งคำพูดและสายตาดุๆ แต่สำหรับเมียพี่ใจคนนี้คือเห็นแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ ที่ขนลุกไม่ใช่กลัวนะแต่คือตื่นเต้นในหัวคือจินตนาการไปแล้วว่าคืนนี้จะโดนอะไรบ้าง

“เก็บอาการและสายตาด้วย คนอื่นเห็นแล้วเขาจะกลัว” อดอมยิ้มเขินๆ ส่งไปให้คนรู้ทันไม่ได้ แม้กระทั่งสิ่งที่คิดอยู่ในหัวพี่ใจก็มองออกละ ใส่ใจเกิ้นนนน

“แค่คนอื่นเหรอที่กลัว?” พูดจบขยิบตายั่วๆ บดๆ หนึ่งที

“ไปหัดทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนที่ไม่เคยเห็นผมทำอะไรแบบนี้ถามขึ้น เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้นะ แต่ตอนคบกับเขาช่วงก่อนคือผมจะไม่ค่อยแสดงอะไรที่เป็นตัวเองมากกลัวเขารับไม่ได้ แต่พอมาอยู่ในจุดนี้แล้ว ผ่านช่วงเวลาที่เคยห่างกันแล้วเจ็บปวดกันแล้ว ผมก็ไม่อยากแอ๊บแล้วอย่างเป็นตัวเองมากกว่า มันสบายใจดี แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่ใจไม่โอเคกับสิ่งที่ผมเป็นทั้งการพูดจา กิริยาท่าทาง เมื่อถึงตอนนั้นเราคงต้องยอมรับความจริงว่ามันคงต้องจบ

“เหม่ออะไร” คิดอะไรเพลินๆ พี่ใจก็ดึงสติผมกลับมาสู่โลกความเป็นจริง

“เหม่อเรื่องของเรา” ยิ้มหวานให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามหนึ่งที ก่อนจะโดนมือใหญ่ๆ เอื้อมมาขยี้หัวหนึ่งที

“กินข้าวได้แล้ว น่ารักอยู่นั่นแหละ” มัวแต่เขินจนไม่ได้ใส่ใจกับประโยคหลังที่พี่ใจพูดเบาๆ

แต่ก็เห้ออออ ก็เขินง่ะ



TBC.

เป็นแฟนกันแล้วแต่ขยันจีบกันทำไม ถามก่อน


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มาต่อแล้ว  :katai2-1:
แต่ค้างงงงงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 19 ครอบครัวของแฟน

“คุณแม่สวัสดีครับ” หลังจากเข้าบ้านมาไหว้คุณแม่พี่ใจเสร็จผมก็รีบวิ่งดุ๊กๆ เข้าไปกอดคนที่กางแขนรอกอดผมอยู่แล้ว

“หายไปนานเลย แม่คิดถึง” คุณแม่พี่ใจกอดผมแน่น ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนตัวเองโดนกอดอีกชั้น อ่อ พี่ใจนั่นเองที่เดินเข้ามากอดผมกับคุณแม่ไว้อีกที ดูเอาเถอะว่าตัวคุณเขาโตแค่ไหนทั้งผมทั้งคุณแม่ก็คือโดนรวบหมดเลย

“รักนะครับ” ผมอมยิ้มกับประโยคที่พี่ใจพูด ได้ยินเสียงคุณแม่หัวเราะให้กับความน่ารักของลูกชายด้วย

“รักเหมือนกันครับ” คุณแม่ตอบกลับ ส่วนผมไม่ได้พูดอะไรเพราะกำลังยิ้มให้กับความน่ารักของแม่ลูกคู่นี้อยู่

“อีกคนล่ะ” พี่ใจถาม

“รักเหมือนกันครับผม” ผมหัวเราะเบา หูแว่วๆ เหมือนได้ยินเสียงอะไรตึงตังดังมาจากทางประตูหน้าบ้าน ก่อนที่เสียงคนจะตามมา

“คุณแม่! ครามแกล้งงง” สิ้นเสียงเด็กบ้านตรงข้ามรีบวิ่งเข้ามาเกาะทันทีที่วิ่งมาถึงตัวคุณแม่ ผมกับพี่ใจถอยออกมาให้เด็กบ้านตรงข้ามเข้าไปกอดคุณแม่บ้าง

พอถอยออกมามองดูจากมุมนี้แล้วเด็กบ้านตรงข้ามสูงขึ้นนิดหน่อยจากที่ไม่ได้เจอกันครึ่งปี หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนเดิม ปากอิ่มไม่บางเฉียบ จมูกโด่งสวยเพราะน้องเป็นลูกครึ่ง แต่เป็นลูกครึ่งฝรั่งเวอร์ชั่นตัวเล็กปุกปุยนะ ไม่สูงใหญ่เหมือนเด็กฝรั่งทั่วไป อายุสิบสี่แต่ตัวเล็กกว่ามาตรฐานไปนิดหน่อย แถมยังไว้ผมยาวอีก สวยแตกแตนมากบอกเลย

เอ๊ะ หรือว่าน้องจะอยากสวยมากกว่าหล่อ?

“ครามแกล้งอะไรอีกไหนบอกคุณแม่ คุณจะดุครามให้ นิสัยไม่ดีเลยครามเนี้ย” เห็นได้ชัดว่าคุณผู้หญิงบ้านนี้รักเด็กบ้านตรงข้ามมากกว่าลูกตัวเอง

“ครามดึงกางเกง ครามบอกให้เปลี่ยน แต่รักอยากใส่ตัวนี้นะ” น้องช้อนตาฟ้องคุณแม่ก่อนที่ปากอิ่มจะเม้มเข้าหากันอย่างงอนๆ ผมยืนมองแล้วก็เอ็นดูเด็กบ้านอะไรน่ารักน่าแกล้งให้งอนอะไรขนาดนี้ลูกกก

“รักมาหาคราม” คนพี่ที่ตามน้องเข้ามาก็เดินมากดดันน้องด้วยน้ำเสียงและท่าทางทันที น้องชายพี่ใจคนนี้ชื่อครามใจอายุยี่สิบเด็กกว่าพี่ใจสามปี แต่ตัวโตเท่าพี่ชาย บ้านนี้หน้าตากินกันไม่ลงเลย ดีไปหมดทั้งบ้าน ดุ๊กดิ๊กการันตี

“ไม่เอา ครามจะดึงเกง” งุ้ย เอ็นดูท่าทางนุ่มๆ ของน้อง ยิ่งตอนทำท่าทางกลัวครามใจยิ่งน่าแกล้ง

“มันสั้นเกินไปครามจะพาไปเปลี่ยน” ไอ้คนพี่มันก็ไม่ยอมท่าเดียวเลย ผมหันไปสะกิดแขนพี่ใจให้ออกไปจากบทสนทนาของคนทั้งคู่ รวมทั้งคุณแม่ที่แอบยิ้มให้กับความที่ลูกชายคนเล็กหวงเด็กบ้านตรงข้ามก็แอบเบี่ยงตัวออกจากแขนเล็กๆ ที่กอดอยู่

“ครามมาแล้ว งั้นคุณแม่จะไปเตรียมอาหารเย็นกับพี่ดิ๊กรอนะ ไม่โกรธพี่ครามเขานะคะเด็กดี”

“อะ อื้อ” พอเห็นว่าคุณแม่เอ่ยปากพูดแบบนั้น เด็กที่เคยดื้อก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ส่วนน้องชายพี่ใจมารับเด็กตัวเองไปแบบเงียบๆ ก่อนที่ผมกับคุณแม่จะเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น ส่วนพี่ใจแยกตัวไปคุยงานกับคุณเลขาผ่านโทรศัพท์

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ อัพเดตให้คุณแม่ฟังหน่อย” คุณแม่พี่ใจถามในขณะที่ท่ากำลังเตรียมหั่นเนื้อ

“ก็แย่ไปช่วงใหญ่ๆ เลยครับ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากครับ”

“อืม รู้มาจากใจบ้างแล้วล่ะ มีอะไรก็ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจากัน ใจเขาทำงานหนักเข้าใจพี่เขาใช่มั้ย”

“เข้าใจครับ ผมตั้งใจว่าเรียนจบแล้วก็จะไปทำงานที่นู่นกับเขาครับ”

“งานที่ไร่ก็ดีนะ แม่จะให้เป็นเจ้าของไร่ ไม่ต้องทำอะไรรับเงินอย่างเดียว” คุณแม่พูดยิ้มๆ ก่อนที่เราสองคนจะตั้งใจทำมื้อค่ำโดยที่วันนี้ไม่มีคุณแม่บ้านมาช่วยเพราะคุณแม่บอกไว้ว่ามื้อนี้จะทำกันเอง

โดยปกติแล้วบ้านพี่ใจจะมีแม่บ้านสามคนคนสวนอีกหนึ่งคนขับรถอีกหนึ่ง บ้านหลังนี้ใหญ่เอาเรื่องแต่ก็ไม่ถึงระดับคฤหาสน์ขนาดนั้นเพราะแม่พี่ใจบอกว่า บ้านไม่จำเป็นต้องใหญ่โตจนเกินไปเพราะมันรู้สึกไม่อบอุ่น หลังพอดีน่ะดีแล้วเดินไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องเดินไกล พื้นที่ไม่เยอะดี ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่จากที่ผมเห็นนี้คือก็บ้านหลังนี้ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับสมาชิกในครอบครัวที่มีสี่คน ไม่นับพี่สาวคนโตของบ้านที่แต่งงานและย้ายไปอยู่อีกบ้านแล้ว



“กันต์โทรมา บอกว่าโทรไปเบอร์ดิ๊กแล้วไม่มีคนรับ เลยโทรหาพี่” พี่ใจเดินเข้ามาบอกหลังจากที่หายไปพักใหญ่ พอดีกับทำมื้อค่ำเสร็จพอดี หลังจากนี้แค่รอคุณพ่อพี่ใจและรอให้ถึงเวลามื้อเย็นก็ตั้งโต๊ะได้เลย

“ผมชาร์จไว้ที่ห้องอะ” ผมเดินเข้าไปหาพี่ใจก่อนจะกอดแขนเขาเดินมาจากครัว

“อืม ค่อยโทรหาตอนดึกๆ ก็ได้ เพราะก่อนจะวางสายยังฝากพี่บอกดิ๊กว่าอย่าเพิ่งโทรกลับช่วงเย็นเพราะมีดินเนอร์กับแฟน”

“มีแฟนแล้วก็งี้ เวลาว่างก็ยกไปให้แฟน”

“ดิ๊กควรเอาเป็นแบบอย่าง” งุ้ยยย ทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้เจอเพื่อนอยู่แล้วป่ะ โดนชิงตัวไปอยู่เหนือตั้งนานก็เพราะใครละ ถ้ารู้ว่าพี่ใจจะทนไม่ได้แค่มีคนเข้ามาคุยด้วยนะ ผมน่าจะทำตั้งนานละ ไม่ปล่อยให้ตัวเองเศร้ามาหลายเดือนหรอกบอกเลย

“พี่ก็ควรเอาเป็นแบบอย่างเหมือนกันแหละ” เดินมาถึงสวนหลังบ้านพี่ใจก็นั่งลงที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะดึงผมให้นั่งลงที่ตัก



“ก็เอาอยู่ตลอด” พูดเรื่องแบบนี้ไม่เกรงใจศาลพระภูมิที่อยู่มุมนั่นเลยนะอีพี่เนี้ย



“ไม่ใช่เอาแบบนั้นสักหน่อย!” ผมพูดเสียงกลบความเขินของตัวเอง แถมฝ่ามือไปอีกหนึ่งทีที่มือพี่ใจ ก็คนมันเขินง่ะจะทำตัวลนลานก็ไม่แปลกป่ะ

TBC.

ใกล้จบแง้วววว ขอบคุณทุกคนที่ยังรอแม้ว่าไรท์เตอร์จะชักช้าในการอัพนิยาย


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
“ก็เอาอยู่ตลอด”  .........  เอิ่มมม.....ตอนไหน  :z3:

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 20 ยั่วๆ บดๆ

หลังจากวันที่ไปบ้านพี่ใจก็ผ่านมาจนผมใกล้จะเรียนจบ เหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะสอบจบปีสี่ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษา เอาดีๆ ก็แอบใจหายนิดนึงแหละ เพราะเผลอแป๊ปเดียวก็เรียนจบ แถมคบกับพี่ใจโดยที่ยังแฮปปี้กันอยู่ การคบกันของเราคือต้องพึ่งความอดทนและความเชื่อใจเป็นอย่างมาก คุยกันผ่านโทรศัพท์ทุกวันหรือบางวันก็เฟสไทม์ พี่จะมาหาผมเวลาที่ไร่ว่างๆ ไม่มีอะไรให้ยุ่งมาก หรือมาทำธุระที่นี่ก็จะแวะมาอยู่ด้วยสักสองสามวัน

ส่วนผมก็ไปหาพี่ใจตอนช่วงปิดเทอมตลอด ชีวิตก็ถือว่าดีในช่วงนี้อะนะ ผมวางแผนกับพี่ใจไว้แล้วว่าจะรอผมรับปริญญาเรียบร้อยค่อยย้ายพี่อยู่ที่ไร่กับเขา ไม่ต้องห่วงเรื่องผู้ใหญ่ทางบ้านเพราะมีการนัดทานข้าวระหว่างแม่ผมกับครอบครัวพี่ใจเรียบร้อย เป็นอันรู้กันว่าพ่อแม่รับรู้ คบกันอย่างเป็นทางการในระดับนึง

“พักผ่อนบ้างนะครับ ใต้ตานี่ไม่ไหวแล้วนะ” ผมบอกพี่ใจผ่านทางโทรศัพท์ ตอนนี้เราสองคนกำลังเฟสไทม์กันอยู่ ผมตั้งโทรศัพท์ไว้ที่มุมห้องครัว เพราะตอนนี้กำลังวุ่นอยู่กับการทำมื้อเย็นไปด้วยพี่ใจคอลมาพอดีเลยคุยไปทำไป

“บอกแต่พี่ดูตัวเองก่อน ผอมจนพี่ไม่กล้าทำแรงๆ” ผมเงยหน้ามองคนที่กำลังนั่งมองผมอยู่อย่างเขินๆ รับรู้ได้เลยว่าตัวเองต้องหน้าแดงมากแน่ๆ ก็พี่ใจเล่นกลั้นขำจนไหล่สั่นขนาดนั้นอะ

“อะ อะไร ทำอะไรแรงๆ อนาจารจริง” คือเขินแหละเลยได้แต่พูดติดอ่างแก้เขิน เพราะในหัวคือจินตนาการไปแล้วว่าไอ้ที่พี่ใจบอกว่าทำแรงๆ น่ะคือทำอะไร

“คิดไปถึงไหนหละ” คราวนี้พี่ใจขำจนไหล่สั่นเลย เมื่อผมที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบจานกลับค้างมือในอากาศ เงอะงะหยิบจับไปทั่ว จับเกือบทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือยกเว้นของที่ต้องการ

เอากับมันสิเห้ย! เป็นแฟนกันแล้วยังเขินกันไม่หยุด

“จะหยิบจาน หยุดพูดเลยผมไม่มีสมาธิ” คนเราก็นะ แค่หยิบจานเองต้องใช้สมาธิขนาดนั้น

“หึหึ ไม่แกล้งก็ได้ สงสารกลัวไม่ได้กินข้าวเย็น” ปากบอกไม่แกล้ง แต่สายตาคือล้อเลียนอยู่ดูออก



“ฝากไว้ก่อนเถอะ” ขู่ไปงั้นแหละผมอะ พออยู่ด้วยกันจริงๆ ก็มีความสุขจนลืมไปแล้วว่าโกรธอะไรเขาไว้บ้าง



“พี่คิดถึงดิ๊กนะ” คนที่แกล้งผมอยู่เมื่อกี้อยู่ๆ ก็จริงจังขึ้นมาซะงั้น เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกกับคำว่าคิดถึงเลย

“อะไรเนี้ยยยย ทำผมเขินอีกแล้วนะ” สารภาพออกไปตรงๆ ว่าเขิน คือวันนี้มัวแต่เขินจะได้กินข้าวมั้ย เป็นงงไปหมด

“คิดถึงก็บอกว่าคิดถึงสิ พี่ไม่โกหกหรอกนะ”

“ผมก็คิดถึงพี่ครับ คิดถึงม้ากมาก” บอกมาก็บอกกลับไม่โกง แต่ก็ว่าไปขนาดคบกันมานานขนาดนี้แล้ว เวลาพูดอะไรทำนองนี้ก็ยังเขินเหมือนวันแรกๆ เลยนะ นี่หรือเปล่าที่เขาชอบบอกว่ารักเราไม่เก่าเลย

“เชื่อแล้ว ทำหน้าอ้อนซะขนาดนี้” ไม่รู้ตัวเลยแหะว่าทำหน้ายังไงออกไปบ้าง ก็มัวแต่เขินบวกกับกินข้าวอยู่ด้วย

“อ้อนพี่แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ” พูดจบก็ตักข้าวเข้าปากคำใหญ่

“ลองอ้อนคนอื่นดูดิ จะเอาให้เข็ด” หวานไม่ทันไร วกกลับเข้าไอ้เรื่องนี้ตลอด แต่ก็…ชอบนะ เดี๋ยวว่างๆ จะลองอ้อนคนอื่นให้เห็นละกัน เพราะชอบบทลงโทษอะ อยากโดนอะ แค่ก อืมดึงสติแป๊บเกือบหลุดละเมื่อกี้

“โหดจังน้าทีเรื่องเงี้ย” ผมพูดก่อนจะงับปลายช้อนเบาๆ ได้ยินเสียงลมหายใจฟึดฟัดมาจากปลายสาย นี่ไม่ได้ยั่วนะแค่บดๆ ก่อน เจอหน้ากันนู้นถึงจะเต็มที่

“อย่ายั่ว…” ทำไมพี่ใจกัดฟันพูดแบบนั้นหละ

“ไม่ได้ยั่ว” ว่าจบก็แลบลิ้นเลียช้อนเล็กน้อยพองาม ทำจบผมได้แต่แอบขำอยู่ในใจกับสีหน้าพี่ใจ

“ดิ๊ก เก่งขึ้นนะทุกวันนี้”

“เรื่องไหนหละที่เก่งขึ้น?” ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“พี่ว่าดิ๊กรู้ดี”

“เบื่อคนรู้ทันจริงๆ” พูดไปงั้นๆ นะแต่ที่จริงคือไม่เคยเบื่อหรอกคนนี้อะ รักมากขึ้นมากกว่า

“ก็ดิ๊กเป็นเมียพี่จะไม่ให้รู้ทันยังไงไหว”



TBC.

ตอนนี้คนเค้าจีบกับสั้นๆ ไปก่อนเน้อ ตอนหน้าจะจบแล้วค่ะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 21 รักเอยเตยหอม The End

“โหหห กลับมาคราวนี้ทำไมดูเยอะกว่าคราวที่แล้วเยอะจัง” เมื่อเก็บของเข้าบ้านเสร็จผมก็รีบวิ่งออกมายืนตรงจุดที่สามารถมองเห็นพื้นที่ของไร่ได้เกือบหมดทันที พี่ใจขยายไร่ชาออกไปหลายสิบไร่ เพิ่มชนิดชามากขึ้น

“อยากรวยแล้วเลยปลูกเยอะหน่อย” คนที่เดินตามมาทีหลังกอดคอผมไว้จากทางด้านหลังก่อนจะตอบผม

“แค่นี้ก็รวยแล้วนะ” พี่ใจเขารวยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วป่ะ

“ยังรวยไม่พอ ค่าสินสอดลูกชายเขาต้องเยอะเป็นพิเศษ” พูดเบาเหมือนเสียงสายลมในฤดูหนาวที่ใกล้มาถึง แต่มันกลับดังอยู่ในหัวของผมเหมือนเสียงสะท้อน

“ห๊ะ!?” ปากไวกว่าสมอง คือตั้งคำถามไปแล้วว่าเมื่อกี้พี่ใจพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

“แต่งงานกันนะ เดี๋ยวจะให้พ่อแม่ไปขอ” คราวนี้คนที่กอดคอผมอยู่พูดเสียงดังฟังชัด แถวพอพูดจบก็มีการมาซุกซอกคอผมอีก ส่วนผมน่ะเหรอ? คือเขินแหละ

“เป็นการขอแต่งงานที่ปุ๊บปั๊บดี” ผมยิ้มกว้างยกมือขึ้นมาจับแขนพี่ใจที่กอดอยู่ที่คอไว้ เอนศีรษะอิงแอบไปกับหน้าของพี่ใจ บรรยากาศจะดีกว่านี้แล้วนะ ถ้าไม่ติดว่าที่ที่เรายืนอยู่ตอนนี้มันร้อนเกินไปหน่อยอะ ก็ไม่หน่อยแหะยืนขอแต่งงานท่ามกลางแดดร้อนจัดของประเทศไทย

“แล้วตกลงมั้ย” ว่าจบแขนใหญ่ก็รัดคอผมแน่นขึ้นไปอีก คือถ้าไม่ตกลงนี่จะรัดคอฆาตกรรมผมมั้ย

“ไม่…ปฏิเสธแน่นอนครับ จุ๊บ!” เว้นช่วงนานไม่ได้ เดี๋ยวโดนพี่ใจตีจริงๆ

“หึ น่ารัก” โดนหอมแก้มเฉยเลย หอมมาก็หอมกลับไม่โกงอยู่แล้ว

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะมีวันนี้ นึกว่าจะต้องเลิกกันจริงๆ ซะแล้ว” พอในหัวมันคิดถึงเรื่องในอดีตทีไร มันก็อดใจหายไม่ได้ตลอด ระลึกได้เลยว่าครั้งหนึ่งพี่ใจเคยใจร้ายกับผมแค่ไหน

“ฝังใจเลยเหรอ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ก็สะเทือนใจอยู่นะ ช่วงนั้นสุขภาพจิตแย่มาก กันต์ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ ด้วย”

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”

“ผมก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมจะไม่ยอมเป็นแฟนเก่าพี่แน่” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่พี่ใจกลับขำเบาๆ ซะงั้น

“น่ารักจริงๆ เลย”

“อ้อ จริงด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปยื่นใบสมัครงานที่สำนักงานไร่พี่นะ” ผมหมายถึงการสมัครงานเป็นพนักงานในไร่ชาของพี่ใจ

“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้อง เริ่มงานได้เลย”

“ได้ไงเล่า ถึงจะเป็นเมียพี่แต่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้นะ สมัครแหละดีแล้วเข้าไปทำงานแบบคนทั่วไปไง จะได้แอบดูด้วยว่าพนักงานขยันมากน้อยแค่ไหน” อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอกนะ แค่พูดให้พี่ใจยอมก็แค่นั้น

“ไม่ต้องมาแถ” เอ้า! รู้ทันอีก นี่คือข้อดีของการคบกันมานาน เอ๊ะ หรือข้อเสียนะ โกหกไม่โกหกรู้ทันหมดเลย หรืออาจจะเป็นแค่พี่ใจเพราะผมก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ใจเขายังไง ส่วนมากมีแต่เขานี่แหละที่จับผิดผมได้ตลอด

“ไม่คุยด้วยละ จะไปกินข้าว” เนื่องจากเถียงยังไงก็คงไม่ชนะ จึงได้แต่หาข้ออ้างปลีกตัวออกจากบทสนทนา

“เดินไปไหน โรงอาหารอยู่ทางนี้” แค่บอกเฉยๆ ก็ได้ป่ะ ไม่เห็นจะต้องแอบขำกันเลย เห็นนะว่าแอบหันหน้าหลบไปขำอะ

“เดินนำสิ” ดูพี่ใจทำหน้าล้อเลียนดิ จะงอนแล้วนะแกล้งอยู่ได้

“โอ๋ โอเคๆ ไปกินข้าวกันป่ะ” พอเห็นผมเริ่มหน้างอหน่อย ก็เดินเข้ามากอดคอ ลากผมไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางของไร่อย่างรวดเร็ว

“อยากกินไข่เจียวด้วย” ช้อนตาขึ้นมองนิดหน่อย ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้พี่ใจยอมทำให้กินนะ

“ได้ครับ ตามบัญชาเลยครับ”

เดินมาถึงโรงอาหารที่ไม่มีคนอยู่พี่ใจก็เข้าไปครัวด้านหลังทำไข่เจียวให้ผม ก่อนจะกลับออกมาด้วยจานไข่เจียวและอาหารอีกหลายอย่างในถาด ผมลุกขึ้นไปตักข้าวเตรียมน้ำสำหรับสองคน

“มีความสุขรึเปล่า” เมื่อกินข้าวใกล้อิ่ม อยู่ๆ พี่ใจก็ถามขึ้น คิดยังไงถึงถามเนี้ย

“มีมากกกก ไม่มีสิแปลกพี่ใจดีขนาดนี้” ตอบไปตามความจริงเลยนะเนี้ย

“ดีแล้ว พี่จะได้มั่นใจขึ้นไปอีกว่าเราสองคนมีความสุขที่มีกัน” ฮื้อออ แฟนใครเนี้ยน่ารักไปอีก

“ฮื้อออ ดิ๊กรักพี่ใจจัง น่ารักตลอดเลย” ไม่กินมันแล้วข้าวอะ ข้ามฝั่งไปกอดคอพี่ใจอย่างไว วันนี้พี่ใจน่ารักมาก

“เออลืมไปเลยตอนขอแต่งงานลืมสวมแหวนให้ว่ะ เอานิ้วมา” อยู่ๆ คนที่ผมนั่งตักกอดคออย่างรักใคร่อยู่ก็จับนิ้วนางข้างซ้ายผมไว้แล้วยัดแหวนเงินวงสวยที่มีเพรชเม็ดเล็กประดับไว้ครึ่งวงเข้ามาที่นิ้ว น้ำตาคลอแป๊บ

“รักเอยเตยหอมเหมียวเอยกลอยใจหวานกรุบ ฮื้อออ” บอกรักแบบหวานไปหนึ่งที เอาใจสามี

“ภาษาเหี้ยไรวะ”







THE END

และแล้วพี่หัวใจกับน้องดุ๊กดิ๊กก็เดินทางมาถึงตอนจบ อยากจะบอกว่ารักคนอ่านทุกคนจริงๆ ที่อดทนรอแม้ว่าจะอัพช้ามาก ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่มีให้กันค่ะ โปรดติดตามผลงานต่อๆ ไปของเราด้วยนะคะ จะพยายามให้มากขึ้นไปอีกค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ






ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ รวบรัดดีจัง ;]

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ขอบคุณมากค่ะ ที่แต่งเรื่องน่ารักๆ ให้อ่าน  :mew1: :mew1: :impress2: :impress2: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :3123: :3123: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด