[เรื่องสั้น]▐▐ Pause & Play ► เพราะพักพาพบ [UP! 22/01/62] page.2 [END]

Boy's love > เรื่องสั้น

[เรื่องสั้น]▐▐ Pause & Play ► เพราะพักพาพบ [UP! 22/01/62] page.2 [END]

(1/17) > >>

Indigo:

--- อ้างถึง ---ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
--- ปิดอ้างถึง ---


**คำเตือน อย่าคาดหวังสาระใด ๆ จากเรื่องนี้นะคะ 55555**

สารบัญ
Track #01: ▇ Stop Dreaming
Track #02: ⏪ Rewind The Memories
Track #03 :▐▐ Pause The Feelings
Track #04: ⤭ Shuffled Mind
Track #05: ✖ Mute Heart
Track #06: ⏩ Forward Sentiments
Track #07: ► Play Our Beats
Final Track :⥁ Loop the Happiness

Character

Indigo:
Track #01: ▇ Stop Dreaming


Hi Everyone I’m Jay Eight สวัสดีครับ  ผมเจย์เอดท์เอ็นโดรฟินแห่งเสียงเพลง from Thailand

Today I wanna sing this song for you guys  Umm…maybe you don’t know about meaning

This’s thai song talking about see another point of view and adjust it! ครับ...ก็....เพลง ‘เปิด’  เจย์เอดท์เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตนะคร้าบ~

“แม่  เลิกดูคลิปนี้เหอะ”

เสียงทุ้มต่ำเรียกให้หญิงวัยกลางคนที่หน้าคอมพิวเตอร์ผินใบหน้ากลับมา “ทำไมล่ะ  น้องเจตน์ร้องเพราะจะตาย”
“เลิกเรียกน้องเจตน์ด้วย”
“เพลงโปรดแม่นี่นา”
“แม่ก็ฟังเวอร์ชั่นบอยโกฯ สิ” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับชายหนุ่มก็ยึดเม้าส์ไปไว้ในมือ พร้อมกดเปลี่ยนคลิปใหม่ให้เสร็จสรรพ “พี่เบนร้องเพราะกว่า”
“แหม ขี้อายจริงลูกคนนี้”
คำตัดพ้อไม่ได้ทำให้ ‘น้องเจตน์’ รู้สึกผิดแต่อย่างใด  เขาเดินกลับไปยังด้านหลังบ้าน  คว้ากระเป๋าเป้ใบโตขึ้นสะพาย “ไปทำงานแล้วนะแม่”
“เจตน์! เดี๋ยวก่อนลูก” หญิงวัยกลางคนหยิบกล่องพลาสติกสีชมพูขึ้นมา “แม่ทำข้าวกลางวันให้ด้วย”
“ผมไม่ใช่เด็กนะครับแม่”
“เราน่ะคุยกับใครไม่เก่ง  เกิดวันแรกไม่มีเพื่อนชวนไปกินข้าวจะได้อยู่ที่โต๊ะไง” ไม่รอให้ตัดสินใจคนเป็นแม่ก็ยัดกล่องข้าวใส่มือ “ไปทำงานวันแรกสู้ ๆ นะลูก”
“ครับ”
เจตน์ก้มลงหอมแก้มมารดา  แม้จะอายุยี่สิบสามแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องเดียวที่แม่ขอเอาไว้ ‘โตขึ้นก็อย่าลืมหอมแก้มแม่นะ’  ดังนั้นถึงจะโดนปฏิบัติเหมือนเป็นเด็กแค่ไหน  เขาก็จะไม่ต่อต้านเรื่องนี้เด็ดขาด

   ‘เจตน์  จงรักษ์’ ในวัยยี่สิบสามกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหลังจังหวะหยุดชะงักไปร่วมครึ่งปี  เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์ตอบกลับเข้าร่วมงานจากเวิร์ลไวด์เซล บริษัทนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก  ตำแหน่งของเขาคือเจ้าหน้าที่แผนกประสานงาน  ความถนัดเฉพาะทางภาษาอังกฤษและเกาหลี
   ใช่....เกาหลี....
   ภาษาที่ผู้ชายทั่วไปคงไม่เลือกเรียน  ทว่าเจตน์ไม่ได้แค่เรียนอย่างเดียว  เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ใช้งานอย่างโชกโชนตลอดสองปีที่เป็นเทรนนี่
   ที่แปลว่าเด็กฝึกนั่นแหละ….
   เจตน์ดรอปเรียนมหาวิทยาลัยบินไปตามฝันถึงต่างแดน  ออดิชั่นเข้าค่ายเพลงเล็ก ๆ  โนเนมระดับที่ว่าง่อยเปลี้ยไร้เงินทุนต้องอัดคลิปลงยูทูปเต้นข้างถนนโปรโมทกันเอง  เจตน์ฝึกอยู่ที่นั่นถึงสองปีเต็ม  ในที่สุดบอสก็ประกาศว่าเขามีรายชื่ออยู่ในทีมเดบิวต์!!  ทุกอย่างสวยงามดั่งฝัน  ได้จมูกใหม่  ถ่ายเอ็มวี  เตรียมแหงนหน้ารับแสงไฟ
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น....
   หนึ่งเดือนก่อนวันเปิดตัวเขาได้รับข้อความจากพี่ชายว่าจู่ ๆ แม่ก็ล้มพับในที่ทำงาน  เจตน์จองตั๋วเครื่องบินกลับบ้านในคืนนั้นโดยไม่รอคำอนุญาต  พอติดต่อพี่ชายได้ก็โล่งใจที่แม่ปลอดภัยแล้ว  หมอแจ้งว่าเส้นเลือดในสมองตีบ แต่โชคดีที่มาโรงพยาบาลได้ทันเวลา
   เรื่องควรจะจบลงแบบเทพนิยาย แต่นี่ยังไม่ถึงตอนจบ....
   หลังติดต่อบริษัทและเพื่อนร่วมวงไม่ได้อยู่ร่วมสัปดาห์วันเจตน์ก็ตัดสินใจบินกลับไป  ทว่าสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงตึกร้าง ๆ พร้อมป้ายขยี้ซ้ำเติมว่า ‘ปิดกิจการ’ เท่านั้น  เจ๊งไปแล้ว!!  ไอ้บริษัทเส็งเคร็งนั่น!!
   ท่ามกลางชีวิตฉิบหายมืดแปดด้านเพื่อนร่วงวงก็ติดต่อกลับมาพร้อมเรียกไปนัดพบที่ร้านทำผม  วินาทีที่เปิดประตูเข้าไปเจตน์ก็ผงะ  เพื่อนสแว๊ก ๆ ผมรากไทรไดร์ตรงของเขาโล้นเลี่ยนเป็นพระพุทธรูป  มันบอกว่าจะเข้ากรมแล้ว  พอกันทีกับชีวิตเทรนนี่  สันยงสัญญาห่าเหวอะไรที่เซ็นไว้ก็ลืม ๆ ไปซะเถอะ  ค่ายเรามันล่มจมไปแล้ว....
   ชาวต่างชาติยืนเคว้งอยู่กลางโซลนครกินคนร่วมอาทิตย์  ในที่สุดเจตน์ก็หอบเอาหัวใจที่พังยับเยินกลับสู่บ้านเกิด

ไอ้คติ YOLO  ความพยายามอยู่ที่ไหน  จะออกไปแตะขอบฟ้าห่าเหวอะไรนั่นน่ะพอเถอะ!!  ไปตายซะ!!!

กลับสู่ชีวิตจริงราวกับที่ผ่านมาแค่ฝันไป  เขาเรียนต่อจนจบ  ระหว่างนั้นก็คอยช่วยแม่ทำกายภาพบำบัดไปด้วย  ชีวิตในแสงไฟค่อย ๆ หรี่ลงจนดับสนิทในวันนี้.....
วันที่เริ่มงานในออฟฟิศ.....

“สวัสดีครับ  เจตน์  จงรักษ์ครับ”
“นามสกุลอะไรล่ะ”
“จงรักษ์ครับ”
   “........” ตาลุงวัยกลางคนมองลอดแว่นคล้ายจะถามว่า ‘กวนตีนเหรอ?’
   “ชื่อเจตน์  นามสกุลจงรักษ์ครับ”
   “อืม” เจตน์ไม่เข้าใจว่าแค่เข้าใจชื่อผิดมันเป็นการหักหน้ากันตรงไหน แต่ช่างเถอะ  เขาคงไม่ได้ร่วมงานกับพวก HR เท่าไหร่อยู่แล้ว “จง...เอ๊ย! เจตน์”
   จะเรียกนามสกุลแทนชื่อก็เรียกเถอะ....
   “แผนกประสานงานอยู่ชั้น 4 ห้องสุดท้ายทางขวามือ” คนพูดเลิกคิ้วขึ้น “ต้องให้ไปส่งไหม”
   “ไม่ต้องครับ”

   โดนเกลียดขี้หน้าตั้งแต่วันแรกแน่นอน....
   เจตน์รู้ตัวดีว่าเขามนุษยสัมพันธ์แย่แบบติดลบ  ตัวสูงใหญ่   เหมือนตึกแถมยังหน้าตายไร้อารมณ์  ความประทับใจแรกพบมีแต่ชังน้ำหน้าเท่านั้น  ทั้งที่พูดจาสุภาพ แต่คู่สนทนาก็ทำเหมือนเขาไปเหยียบเท้าอยู่ดี  มาถึงตรงนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนร่วมงานกลุ่มใหม่ไม่แย่เกินไปนัก
   เวิร์ลไวด์เซลคอมปานีเช่าพื้นที่อยู่บนชั้น 3 และ 4 ของตึกย่านเอกมัย  อาคารเก่าถูกรีโนเวทให้ทันสมัยมีเส้นสแตนเลสวิ่ง ๆ อยู่ตามพื้นและผนังที่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร  เจตน์อยู่ที่ชั้น 4 มองทางเดินปูด้วยพรมสีน้ำเงินทอดยาวไปด้านหน้า เพราะเป็นชั้นสำหรับพนักงานล้วน ๆ จึงจัดแต่งแบบแค่พออยู่ได้  ต่างกับชั้น 3 ที่ใช้รองรับลูกค้า
   ห้องสี่เหลี่ยมถูกแบ่งเป็นล็อก ๆ ตามแผนก เพราะเลยเวลาเข้างานมาแล้วทางเดินจึงร้างผู้คน  เจตน์ไม่อยากจินตนาการถึงช่วงเช้าก่อนปิดเครื่องสแกนนิ้วเลยว่าไอ้ถนนพรมน้ำเงินเส้นนี้จะวุ่นวายขนาดไหน  นี่แหละสาเหตุที่เขาไม่อยากทำงานในออฟฟิศใหญ่  เอาเถอะ...อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่ต้องแย่งกันใช้ลิฟต์...
   ดวงตาเรียวลอบสังเกตผ่านกระจกห้องต่าง ๆ  พนักงานหลายชีวิตนั่งประจำตำแหน่งที่หลังโน้ตบุค  บ้างก็รัวแป้นพิมพ์อย่างบ้าคลั่ง  บ้างก็หาเรื่องอู้ชวนกันคุยข้ามโต๊ะ  บรรยากาศแบบนี้เจตน์ไม่คุ้นเคยนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาหมกตัวอยู่แต่ในห้องซ้อม  จิตนาการไม่ออกเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมายืนในที่แบบนี้....
   รองเท้าหนังสีดำหยุดชะงักตรงหน้าป้าย ‘ฝ่ายประสานงานและฝ่ายขาย’  เจตน์สูดลมหายใจเข้าสุดปอดก่อนจะผลักประตูเข้าไป
   “สวัสดีครั---”

   โป๊ะ!
   เศษกระดาษกระจายเข้าหน้าเด็กใหม่  เจตน์ที่หุบปากไม่ทันถึงกับต้องรีบถุยมันออกมา  ระหว่างที่ยังมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้ารุ่นพี่ก็ปรบมือกันเกรียวกราว
   “ยินดีต้อนรับเด็กใหม่จ้า” ลมหายใจคนฟังสะดุดเล็กน้อย  อย่าบอกว่าต้องมาเจอโซตัสในที่ทำงานอีกนะ “เอ้า!  โทษที ๆ พี่กะจังหวะยิงผิด”
   “เจ๊อะ  ทำน้องเขากลัว”
   “มะ...ไม่เป็นไรครับ” หรือต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจมีปากมีเสียง  เจตน์ปัดกระดาษที่ติดเต็มใบหน้าออก เพราะไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางตรงไหนเลยยกขึ้นประนมไว้ที่อก “เอ่อ...สวัสดีครับ”
“น้องจงรักษ์ใช่ไหม”
เจ้าของชื่อเกือบหลุดถอนหายใจ “เจตน์ครับ”

ให้ตายสิ....ไอ้บริษัทนี้จะไม่มีคนทักชื่อถูกเลยหรือไง....

เคร้ง!!

   ในจังหวะที่บรรยากาศกำลังวุ่นวายอยู่นั้นกองแฟ้มก็ร่วงหล่นกระแทกพื้น  เรียกให้ทุกสรรพสิ่งหันขวับไปยังต้นเสียง  ทั้งที่เป็นคนเริ่มแท้ ๆ แต่ชายซุ่มซ่ามคนนั้นกลับเบิกตากว้างราวกับเห็นผี  ก่อนจะยกมืออันสั่นเทาชี้ตรงมายังเด็กใหม่....


“จะ...เจย์เอดท์!!”

เท่านั้นแหละเจ้าของชื่อก็หน้าซีดเผือด....

ไอ้.....ฉิบ.....หาย.....

“อ้าว!  รู้จักกันมาก่อนเหรอ” เจ้าของพลุกระดาษมองซ้ายขวาไปมา  ตอนนั้นเองที่ชายปริศนาเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าเจตน์
“เจย์เอดท์จริง ๆ ด้วย”
“มะ....ไม่...”
“แหม  ไหนว่าชื่อเจตน์  ทำไมเมื่อกี้พอสเรียกเจย์เอ็ดอะไรปะ  ชื่อเหมือนพระเอกแจ่มใสเลย”

ตาย! ตาย! ตาย!
ระยำบัดซบไปหมด  เจตน์สบถรัวยิ่งกว่าท่อนแร็พ  สมองว่างเปล่าพยายามฉุดรั้งตัวเองขึ้นมาจากหลุมนรก และเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากสัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ทำงานโดยฉับพลัน…

“พะ..เพื่อนสมัยมัธยมครับ!!”
“หา!?”
ไม่ทันให้คู่ต่อสู้ได้ตอบโต้  เจตน์ก้าวไปด้านหน้า สายตาพุ่งตรงไปยังป้ายชื่อพนักงานบนคอเหยื่อ อ่านมันอย่างหน้าด้าน ๆ เหมือนท่องอาขยาน “พสุ ธนากรกุล เป็นเพื่อนสมัยมัธยมเรียนห้องม.4/2  ถนัดวิชาภาษาอังกฤษ  โง่คณิต  เด็กกิจกรรม  เวลาว่างชอบเตะบอลครับ!!”
เพราะตกใจมากเลยเผลอโกหกไปใหญ่โตอลังการงานสร้าง   เจตน์เหงื่อแตกพลั่กด้วยกลัวสัญชาตญาณดิบของตนเอง  ราวกับเพิ่งรู้จักอีกร่างที่ซ่อนอยู่  ไม่น่าเชื่อว่าคนเงียบ ๆ อย่างเขาจะมีสกิลตอแหลไฟแล่บถึงเพียงนี้.....
“โอ้โห สนิทกันน่าดูเลยนะเนี่ย” พี่สาวคนนั้นอ้าปากหวอเพราะฟังไม่ทัน “ดีเลยพี่จะได้ให้พอสช่วยดูแล----”
“ขะ...ขอผมไปเข้าห้องน้ำกับ......พะ...พอสแป๊บนึงนะครับ”
“เอ๋?  ได้สิ แต่อย่านานนะ”

หมับ!!
ไม่เปิดโอกาสให้เลือก  ไอ้เด็กใหม่คว้าแขนเพื่อนรักเดินดุ่ม ๆ ออกไปทันที  ท่ามกลางความสงสัยของเหล่าพนักงานที่โดนแย่งซีนเก้อ  เอาเถอะ....ก็เพื่อนมัธยมอะเนอะ  คงชินนิสัยไปเข้าห้องน้ำเป็นหมู่คณะ

เสียงรองเท้าดังรัว ๆ ไปตลอดทางเดิน  เจตน์ชะงักที่ประตูห้องน้ำเล็กน้อยทว่าเขาเลือกที่จะมุ่งต่อไปยังประตูบันไดหนีไฟแทน
ฝ่ามือชุ่มเหงื่อบีบมือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายไว้แน่น  ระหว่างที่สมองยังไม่ทันประมวลผลดีเจตน์ก็ปิดประตูดังปัง  ขังสองเราไว้ในโถงบันไดหนีไฟเพียงลำพัง
เพราะยังเรียบเรียงประโยคไม่ถูกเจตน์จึงมองสำรวจ ‘ตัวอันตราย’ ไปพลาง ๆ  พสุเป็นชายรูปร่างผอม  สูงประมาณจมูกเจตน์  ย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนแถมดัดหยิกเป็นทรง  เจาะหูข้างละหนึ่งรู  สวมเสื้อโปโลบริษัทแต่ใส่กางเกงขาเดฟกับรองเท้าบูทข้อสั้น  ถือว่าแฟชั่นจัดจ้านประมาณหนึ่ง  ไหนจะฉีดน้ำหอมอีก....
เจตน์ผละมือออกจากอีกฝ่าย  ระหว่างคุ้ยค้นคำพูดในสมองไม่ทันเสร็จดีพสุก็ชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เจย์เอดท์จริง ๆ ด้วย!!” ไอ้หมอนั่นตบเข่าฉาด “แว้บแรกนึกว่าไม่ใช่ แต่พอมองใกล้ ๆ แล้วใช่เลย  นายแก้ทรงจมูกมาใหม่เหรอ”
ถึงจะอยากให้มีคนเรียกชื่อถูกแต่ไม่ใช่แบบนี้โว้ย!
“ไม่....ฉันไม่...”
“เฮ้ย!  ไม่ต้องเขินน่า  ฉันเป็นแฟนคลับนายนะ” นอกจากไม่หยุดแล้วมันยังกระตือรือร้นจะโชว์สกิลแฟนพันธุ์แท้อีก “นี่ไงฉันโพสต์ท่า J.8ight เป็นด้วย”
เดี๋ยวนะ....ไอ้ท่านั้นมัน.....
ไม่ทันห้ามมันก็ชี้นิ้วลงพื้นเป็นรูปตัวเจ “แอม-เจยยยยย์”
สองแขนยกขึ้นไขว้กัน  ข้างหนึ่งชูเลขห้า  อีกข้างทำสัญลักษณ์ปืน  พร้อมกับตะโกน “เอดท์!!”
ความอับอายในวัยเยาว์แล่นวาบไปทั่วร่าง  ย้อมร่างสูงใหญ่ให้แดงก่ำไปทั้งตัว และเพื่อตอกย้ำความรักที่มีให้ไอ้พสุก็พล่ามต่อ
“ชื่อผมสะกดว่า J-8-i-g-h-t  อย่าลืมเลขแปดล่ะ!”
“พอ!!  หยุด!!” เจตน์เผลอตบลงไปบนกำแพง  กักขังอีกฝ่ายไว้ใต้อ้อมแขน  เหมือนจะโรแมนติก แต่สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งกว่า BTS ในชั่วโมงเร่งด่วน “รู้แล้วว่านายรู้จัก”
“อา....เห็นใกล้ ๆ ดูดีกว่าในคลิปอีก”

บัดซบ!!  ชีวิตครั้งใหม่ของไอ้เจตน์จะบัดซบเกินไปแล้ว!!  ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ช่องยูทูปยอดวิวหลักร้อย  คอมเม้นหลักสิบ  เป็นแม่ไปแล้วสอง  เพื่อนอีกห้า  หน้าม้าวิ่งกันกุบกับ ทั้งที่ไร้ตัวตนขนาดนั้นแต่ไอ้หมอนี่ดันเคยดู.....
แถมยังจำรายละเอียดกระทั่งท่า ‘J.8ight’ ได้อีก.....

“นาย....” เจตน์ก้มมองอีกฝ่าย “ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด”
“เอ๊ะ!” คนด้านล่างตาโต “ทำไมอะ  เท่จะตาย!  นายเป็นเทรนนี่ที่เกาหลีเชียวนะ”
“ไม่เท่อะไรทั้งนั้นแหละ” แรงกดที่กำแพงค่อย ๆ คลายออก  เจตน์ผละออกจากอีกฝ่าย “ฉันไม่อยากพูดถึงมัน”
“อ๋อ  ความลับบริษัทสินะ” ดูเหมือนพสุจะเออออเองไปเรียบร้อยแล้ว “นายหายไปตั้งเกือบปี  เปลี่ยนลุคไปเยอะเลยนะ  อันที่จริงฉันชอบตอนทำผมสีควันบุหรี่มากกว่า แต่สีดำตัดสั้นแบบนี้ก็-----”
“มันเจ๊งไปแล้ว”
“หา!?”
“บริษัทเจ๊งไปแล้ว” เจตน์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันถึงได้มาสมัครงานนี่ไง  จะไม่มีการเดบิวต์อะไรทั้งนั้น”
“แต่นาย.....เสียงดีมากเลยนะ”

มันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ต้องสู้ต่อสักหน่อย.....

เจตน์ถอนหายใจ “พอแล้วล่ะ  จากนี้ไปฉันเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา”
   “..........”
   “นายห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร” ชายหนุ่มเสียงอ่อนลงเล็กน้อย เพราะแสดงทางสีหน้าไม่เก่งเจตน์จึงเริ่มกังวลว่าอีกฝ่ายจะยอมจบ แต่โดยดีหรือเปล่า  เขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้พยายามทำคิ้วตก ๆ ให้ดูน่าสงสาร “ขอร้องนะ”
   “อ่า...อืม...” พสุอ้าปากพะงาบ ๆ หากมองไม่ผิดหน้าเขาแดงขึ้นนิดหน่อย “ถ้านายไม่ชอบก็จะไม่พูดนะ”
   “ขอบใจ”

คนฟังถอนหายใจโล่งอก  เจตน์พยักหน้าให้เป็นการขอบคุณ  เมื่อหมดธุระแล้วก็รีบหันหลังกลับ  ขณะจะผลักประตูออกไปนั้นเองบางอย่างก็วาบขึ้นมาในหัว  ชายหนุ่มหันหลังกลับไปย้ำอีกครั้ง....

“แล้วก็ห้ามเรียกชื่อนั้นด้วย!”

...........................................................

   ‘พี่ชื่อข้าวนะ  ส่วนนี่พี่กุ้งหัวหน้าฝ่ายขายจ้า’

จำได้สิ....  พี่ข้าวหัวหน้าฝ่ายประสานงานที่เขาสังกัด  อายุสามสิบสี่จะแต่งงานเดือนหน้า  เป็นสาวหมวยขาว ๆ ที่ยิงพลุกระดาษอัดหน้าเขา  ภายนอกดูใจดี แต่เจตน์สัมผัสได้ถึงความฉะฉานในการพูดจา  ส่วนพี่กุ้งเป็นชายวัยใกล้สี่สิบ  สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม  ดูขี้แอค  เขาพยักหน้าให้เจตน์นิดเล็กน้อยแล้วหันไปคุยกับลูกน้องต่อ  แน่นอนว่าความประทับใจแรกพบค่อนข้างติดลบ แต่ช่างเถอะ....เขาไม่ใช่หัวหน้าเจตน์
นอกจากนั้นก็มีพี่หน่อย พี่ครีม  พี่ชมพู่  แล้วก็....เอ่อ....ช่างมันเถอะ  ที่เจตน์จำได้แม่นหน่อยคือพี่เบสกับพี่วิทย์ที่ดูแลเรื่องภาษาเยอรมันกับอาหรับ เพราะเป็นผู้ชายเพียงสองคนในแผนกเดียวกัน
ทั้งที่เป็นบริษัทใหญ่ แต่ดันจับฝ่ายประสานกับฝ่ายขายมายัดรวมกันโดยจัดโต๊ะแบ่งเป็นฝั่งซ้ายขวา หันหน้าไปทิศเดียวกันเหมือนห้องเรียน  โต๊ะทำงานเป็นแบบเซตละสองที่นั่งมีฉากกั้น  เจตน์ถูกพามายังแถวสุดท้าย  โต๊ะของเขาไม่มีคนแชร์พื้นที่ด้วย ซึ่งก็ดีเหมือนกัน
พี่ข้าวอธิบายถึงสโคปงานให้ฟัง  เจตน์มีหน้าที่ติดต่อกับคู่ค้ารวมไปถึงบริษัทชิปปิงจากเกาหลี  ฟังดูเล็กน้อย แต่ร้านค้าที่อยู่ในระบบมีเป็นร้อย  รายการสินค้านับพันแบบ  แถมยังลำดับการส่งของหรือเรียกเก็บเงินไม่พร้อมกันด้วย  คนที่ไม่ได้ใช้สกิลในการอ่านนานถึงกับมึนไปชั่วขณะ
“เจตน์ล็อกอินตรงนี้นะ  ใช้ยูสเซอร์ของพี่คนเก่าไปก่อน” ชายหนุ่มคลิกเม้าส์ตามที่หัวหน้าบอก “กรอกตามป้ายที่ติดบนโต๊ะน่ะ”
“ครับ”
“ลำบากหน่อยนะ  บริษัทใหญ่ แต่พนักงานมีกันอยู่แค่นี้”
“ครับ” พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนก่อนถึงลาออก แต่เผลอตอบออกไปตรง ๆ แบบนั้นคงไม่ดี  เจตน์เลยอ้อมแอ้มต่อ “เอ่อ....ก็ดีครับ”
แม้จะไม่แน่ใจว่าตรงไหนดีแต่สาวหมวยก็สอนงานต่อ “เจตน์ต้องกรอกเลขยอดสั่งตรงนี้นะ  แล้วมันจะสรุปรวมออกมาตรงนี้  เวลาประชุมต้องส่งเรื่องให้พี่รวบรวมยอดขายก่อน  แล้วพวกมาร์เก็ตติ้งเขาจะปรับยอดสั่งสินค้าเอง  เตรียมใจไว้เลยว่าปรับจำนวนทุกครั้งหลังประชุม”
“ครับ....”
“บางทีถ้าพาร์ทเนอร์มาดูงานที่ไทยเจตน์ก็ต้องไปต้อนรับนะ  ถ้ารายเล็กก็ไปกับฝ่ายขาย แต่ถ้าตัวเป้งต้องไปกับบอส แต่ไม่ต้องเครียดนะ  ฝั่งเกาหลีรายใหญ่ไม่ค่อยมาหรอก”
ไม่แน่ใจนักว่ากะโหลกระเบิดไปแล้วหรือยัง  เจตน์แน่นิ่งพยายามยัดข้อมูลปริมาณมหาศาลลงไปให้หมด แต่สมองก็ถุยทิ้งถุยขว้างออกมาบ้าง  สุดท้ายก็ได้แต่บอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ  อันไหนจำไม่ได้ค่อยถามอีกที
ครึ่งเช้าหมดไปกับการอัดข้อมูลเต็มอัตรา  พอเงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าอีกห้านาทีเข็มยาวเข็มสั้นจะรวบกันที่เลข 12 พอดีแล้ว  พนักงานหลายคนเริ่มลุกออกจากที่นั่งเตรียมออกไปแย่งโต๊ะในร้านอาหารก่อนชาวบ้าน
   “อ้าว  เที่ยงแล้วเหรอ” คุณหัวหน้าเงยหน้าขึ้นจากจอคอม “เจตน์ไปกินข้าวกับพวกพี่ ๆ เขาสิ”
   “เอ่อ....”
   “ความจริงก็อยากพาน้องไปแนะนำร้านแถวนี้อยู่หรอกนะ แต่พอดีพี่มีนัดแล้วน่ะ” ดูสีหน้าก็รู้แล้วว่าหมายถึงผู้ชายที่จะแต่งงานกันเดือนหน้า “เดี๋ยวพี่ให้วิทย์พาไปนะ  เป็นผู้ชายเหมือนกันน่าจะสนิทกันเร็ว”
   “พี่ข้าวครับ....คือ....”
   “หือ?”
   “แม่ผมห่อข้าวมาให้  ถ้าไม่กินแกคงจะน้อยใจ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ล้วงกล่องข้าวสีชมพูออกมาจากกระเป๋าเป้  ตั้งมันลงบนโต๊ะอย่างเลือดเย็น “ไว้พรุ่งนี้นะครับ”
   “งั้นพี่ไปก่อนนะ”

   และทันทีที่หัวหน้าออกห้องไปฝูงชนก็ลุกฮือกรูกันออกประตูราวกับฝูงซอมบี้หิวโหย  พี่สาวสามคนมาชวนเด็กใหม่กินข้าวเหมือนกัน แต่เจตน์ปฏิเสธไป  เขานั่งอยู่ด้านหลังเท้าคางมองดูพนักงานทยอยออกไปทีละคน  ไม่น่าเชื่อว่าเข็มยาวไม่ทันแตะเลขสิบสองห้องก็ว่างเปล่าแล้ว  พลังแห่งพักเที่ยงช่างน่ากลัวจริง ๆ
   ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ บรรยากาศวุ่นวายเมื่อครู่หายวับไปในพริบตา  เจตน์รักการนั่งเงียบ ๆ คนเดียวมากกว่าแย่งชิงร้านอาหารในยามเที่ยงเป็นไหน ๆ
   พอได้อยู่กับตัวเองในความสงบนั้นกลับวูบโหวงชอบกล  เจตน์จัดระเบียบความคิดตัวเองแทบไม่ถูก  เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเขายังอยู่ในห้องซ้อมที่เกาหลี  ส่องกระจกตาเป็นประกายเมื่อคิดถึงวันเดบิวต์  ใครจะไปคิดว่าไม่กี่เดือนต่อมาชีวิตจะพลิกผันได้ถึงเพียงนี้  เจตน์ไม่เคยจินตนาการภาพตัวเองนั่งอยู่หน้าคอมเลยสักนิด แต่ตอนนี้เขากลับนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไร้กระจก  จืดชืดราวกับจิตวิญญาณหายไป แต่มันคือความเป็นจริงของชีวิต
จากนี้จะต้องอยู่แบบนี้สินะ....
   มือวางทาบลงบนกล่องพลาสติก  ผิวของมันเย็นเยียบต่างจากข้าวอุ่นร้อนที่แม่เพิ่งคดให้เมื่อเช้า  เขาแงะมันออกช้า ๆ เพื่อพบกับ......

   “น้องเจตน์สู้ ๆ”

   เคร้ง!
   ส้อมในมือซ้ายร่วงลงบนโต๊ะก่อนร่างทั้งร่างจะผงะไปด้านหลัง  เจตน์เบิกตากว้าง “นะ...นาย....”
   “แม่นายน่ารักจัง”
   “พสุ...”
   “เรียกพอสเถอะ” อีกฝ่ายเดาะลิ้น “เราเป็นเพื่อนมัธยมกันไม่ใช่เหรอ”
   เจตน์น้ำท่วมปาก จะเถียงก็ไม่ได้ตอแหลเองเจ็บเองนักเลงพอ  หน้าร้อนฉ่าที่มีคนอื่นมาเห็นกล่องข้าวเปี่ยมรักของมารดา  เมนูเพื่อลูกน้อยวันนี้คือหมูทอดโปะด้วยไข่เจียวกุ้งสับมีซอสมะเขือเทศเขียนด้านบนว่า ‘น้องเจตน์สู้ ๆ’
   “มีรูปดาวด้วยอะ  ฉันก็อยากได้บ้าง”
   คนฟังรีบใช้หลังช้อนละเลงซอสไปทั่วไข่เจียว  ท่าทีกลบเกลื่อนความเขินแบบนั้นทำเอาพอสหลุดขำออกมา “อะไรเล่า  ฉันไม่แย่งนายกินหรอก”
   เจตน์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ  ไอ้หมอนี่ชักจะคุกคามเขามากเกินไปแล้ว  ตั้งแต่เรื่องเจย์เอดท์นี่ยังลามมาถึงไข่เจียวแม่น้องเจตน์  มันชักจะรู้เยอะไปแล้วนะ....
   เพราะสายตาที่เหมือนกำลังวางแผนฆ่าปิดปากทำให้พสุรีบยกมือยอมแพ้ “อย่าโกรธน่า  ฉันอิจฉานายจริง ๆ นะที่ไม่ต้องกินข้าวเซเว่นน่ะ”
   ไม่รอให้เด็กใหม่เชื้อเชิญคุณฝ่ายขายก็ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ว่างด้านข้าง  แถมยังขยับเข้ามาใกล้ฉากกั้นหน้าตาเฉย  พสุฉีกยิ้มให้ “ขอกินข้าวด้วยนะ”
   ชายหนุ่มดึงถุงเซเว่นบนโต๊ะมาแกะออก  เจตน์เหลือบมองด้วยหางตาเหมือนจะเป็นแซนด์วิชอะไรสักอย่าง  อุตส่าห์ดีใจที่ได้นั่งโต๊ะคนเดียว  กลายเป็นว่ามีที่ว่างให้ไอ้หมอนี่กินข้าวด้วยเสียอย่างนั้น
   “บ่ายนี้มีประชุมแต่ละฝ่ายแหละ”
   “อืม”
   พอสพูดต่อทั้งที่อาหารเต็มปาก “ช่วงนี้ยอดขายของฝั่งจีนพุ่งมาก ๆ  นายเข้ามาใหม่คงโดนกดดันไปด้วยแหงม ๆ”
   “อืม”
   “แต่ไม่ต้องห่วงนะ  ฝ่ายขายน่ะเก่งกว่าที่คิด  เดือนที่แล้วฉันปิดยอดได้เป็นอันดับสามเชียวนะ”
   “อ๋อเหรอ”
   “อย่าเย็นชานักซี่” พอสเคี้ยวขนมปังกร้วม ๆ ก่อนจะรีบกลืนลงคอเพื่อพูดต่อ “เราอายุเท่ากันสนิทกันไว้ดีกว่านะ”
   “นายรู้ได้ไง”
“ก็บอกว่าแล้วว่าเป็นแฟนคลับ”
“.........”
“ไม่เชื่อเหรอ?” ชายหนุ่มวางของกินในมือลงแล้วยกขึ้นชูสองนิ้วไว้ที่ข้างขมับแบบสแว๊ก ๆ “I'm twenty years old. You can call me oppa if you want----”
“โอเค!  เชื่อแล้ว”
   “ใช่ไหมล่ะ!” เจ้าตัวยืดอกภูมิใจ “ฉันน่ะดูคลิปนี้ที่นายเต้นเพลง Get Lucky บ่อยจะตาย  ทำไมจะจำอายุไม่ได้ล่ะ แต่อย่างว่าแหละเนอะ  นายเต้นผิดจังหวะไปเยอะ”
   “พสุ...”
   “พอส”
   “ก็ได้....พอส” เจตน์ถอนหายใจ “นายต้องการอะไรกันแน่  คิดจะแบล็กเมล์ฉันเหรอ”
   “เฮ้ย! จะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้ว” พอสถึงกับขยำกระดาษห่อแซนด์วิชอย่างก้าวร้าวแล้วโยนลงโต๊ะ “อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น”
   “ก็นายเอาแต่พูดเรื่องน่าอายของฉันไม่หยุด”
   “ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลย!”

ครืด!!
เขาถูกอีกฝ่ายคว้าเท้าแขนของเก้าอี้ หมุนองศาให้หันมาเผชิญหน้ากัน  พอสจ้องเข้ามาดวงตาคู่นั้นสะท้อนภาพของเจตน์อย่างซื่อตรง

“เพราะฉันชอบเจย์เอดท์มาก ๆ ไง!  ทำไมฉันจะชมไม่ได้ล่ะ!”

ประโยคนั้นทะลุทิ่มแทงเข้ามากลางใจของเจตน์  ทั้งเจ็บปวดและอุ่นวาบ  ราวกับรอยแผลในอกทะลักไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง....
“ไม่ต้องโกหก”
“ทำไมฉันต้องโกหกด้วยล่ะ  เสียงนายเป็นเอกลักษณ์จะตาย” พอสแกะกล่องป็อกกี้รสสตรอเบอร์รี่ออก  เคี้ยวอย่างหิวโหย “ทุ้มต่ำ แหบนิด ๆ  มีไดนามิก  ฉันชอบเวลานายดึงจังหวะไม่ให้เหมือนต้นฉบับ  มันเฟรชมาก ๆ จนหยุดฟังไม่ได้เลย”
“อืม”
“แถมยังสื่ออารมณ์ดีมาก ๆ  ฉันชอบคลิปที่ร้องเพลง ‘เปิด’ ที่สุดเลย”
“อืม”
“หูแดงหมดแล้ว”
   “..........”

   เจตน์แทบสำลักไข่เจียวออกมา  เขาก้มหน้าลงจนสันจมูกแทบเสียบเข้าไปในหมูทอด  ไอร้อนผ่าวลอยกรุ่นอยู่บนผิวหน้าจนสัมผัสได้  ไม่ไหว.....จะตายแล้ว......
   นอกจากแม่ก็เพิ่งเคยมีคนบอกว่าชอบเสียงเขา.....
   มัน....มีความสุขขนาดนี้เลยเหรอ...

   “จะว่าไปแล้วเจย์เอดท์-----”
“เรียกเจตน์เถอะ” เจ้าของสเตจเนมน่าอายตักข้าวใส่ปากคำใหญ่แล้วพูดต่อด้วยเสียงอู้อี้ “ไหว้ล่ะ”
“งั้น.....เจตน์”
“อะไร”
“เปล่า  อยากฟังเสียงเฉย ๆ”

ขอถอนคำพูด ไอ้เวรนี่ต้องแกล้งเขาอยู่แน่ ๆ!!!

   “อย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ”
   “ฉะ...ฉันจะไปล้างกล่องข้าว”

   ครืด…
   เก้าอี้เลื่อนออกอย่างแรงจนไถไปกระแทกผนังดังปัง!!  เจตน์ลนลานจนเสียงจังหวะตอนลุกจนเอวกระแทกเข้ากับฉากกั้นโต๊ะ…

   แอ่ก!!
   ชายหนุ่มขบฟันแน่นคีพคาแรคเตอร์ทั้งที่เจ็บฉิบหายวายวอด  นรกชัด ๆ!! นี่ใครตั้งกล้องกลั่นแกล้งเขาอยู่หรือเปล่าวะ!
   “ไปดีมาดีล่ะ” คุณฝ่ายขายโบกมือหย็อย ๆ “พรุ่งนี้ก็ห่อข้าวมากินด้วยกันอีกนะ”

   เรื่องอะไรล่ะ.....

   หนีเสือปะจระเข้แท้ ๆ รู้อย่างนี้ออกไปกินข้าวกับพี่ในแผนกเสียก็ดี  เจตน์ชักไม่แน่ใจแล้วว่ากำลังถูกบูลลี่ในที่ทำงานหรือเปล่า  อายุเท่ากันแต่ในแง่การทำงานพอสก็ถือเป็นรุ่นพี่ หรือนี่จะเป็นระบบโซตัสหว่า...
เจตน์รับมือไม่ถูกเกิดมาเพิ่งเคยคนแบบนี้  ไอ้สีหน้าท่าทางวิบวับเจ้าเล่ห์นั่นอีก  ไม่รู้ว่าถ้าอยู่ ๆ ผีเข้าเอาเรื่องไอ้เจย์เอดท์ไปป่าวประกาศเขาจะมีชีวิตต่อในสังคมออฟฟิศได้อย่างไร แค่คิดว่าต้องย้ายที่ทำงานอีกเจตน์ก็ปวดร้าวไปถึงก้านสมอง
ตัวอันตรายต้องอยู่ห่าง ๆ ไว้...
   ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ลึก ๆ เจตน์กลับสลัดภาพดวงตาเป็นประกายออกจากหัวไม่ได้เลย  ไอ้ประโยคที่บอกว่าชอบเสียงของเขานั่นน่ะ....

คนอะไรประหลาดชะมัด.....


TBC

สวัสดีค่ะ  ห่างหายไปเกือบปี  กลับมาแล้วค่า  ฮิ้ววววววววว

พอดีเรื่องยาวที่เขียนอยู่มันกดดันตัวเองมากเลยขอพักสมองมาเขียนเรื่อง(ค่อนข้าง)สั้นสักหน่อยค่ะ

อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้เบาสมองมาก  อย่าคาดหวังสาระอะไรนะคะ  เราอยากเขียนอะไรเบียว ๆ แก้เครียดจากเรื่องยาว(ที่เบียวเช่นกัน 5555)

ตอนนี้แพลนเอาไว้ประมาณ 6 - 7 ตอนจบ  มาใส ๆ เบาสมองด้วยกันนะคะ ╭( ・ㅂ・)و ̑̑

อยากร่วมหวีด/เม้นต่าง ๆ ตามทวิตเชิญได้ที่ #เพราะพักพาพบ นะจ๊ะ  บางทีไม่ได้ตอบ ไม่ได้ RT เพราะเกรงใจคนฟอล  กลัวรก แต่อ่านทุกคอมเม้นจริง ๆ ค่ะ

ขอฝากน้องเจตน์น้องพอสไว้ใจอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยค่ะ //ก้มรอบทิศ

ป.ล. คติที่เจตน์พูดถึง YOLO = You Only Live Once ประมาณว่ามีชีวิตเดียวใช้ให้คุ้มจ้ะ
ป.ล. เผื่อใครนึกไม่ออก  ท่าเจย์เอดท์ก็คื้ออออออ.....

helios-ag:
กรี้ดดดดดด เรียกเจตน์อปป้าจะเขินมั้ยเนี่ย 5555555555

เด็กแฝดรักการอ่าน:
ฮืออออ น่ารักก อยู่ไปอยู่มาเจตน์ต้องร้องเพลงให้พอสฟังแน่เลย คิดแล้วเขินนน ><

ืniyataan:
สนุก..กกกกกกกกกกกกกกก    :m3: :m3: :m3:

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

ไปที่เวอร์ชันเต็ม