พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒  (อ่าน 57124 ครั้ง)

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************************






สารบัญ




พระลอตามไก่



ลลิตภัทร-พระลอ
หนุ่มใหญ่วัย 32 หนีจากบ้านาเพราะความชอกช้ำอกหักจากความรักเมื่อสาวเจ้าดันท้อง
ความเจ็บช้ำทำให้ไม่ยอมกลับมาเหยียบบ้านเกิดอีกเลยเป็นเวลา 16 ปี เต็ม จนกระทั่งพ่อต้องตามตัวกลับมา
อาลอจึงได้พบกับลูกเจี๊ยบลูกชายคนโตของอดีตคนรักกับแดนดินศัตรูหัวใจหมายเลข 1


ศตายุ-ลูกเจี๊ยบ
เด็กน้อยอายุ 15 ปี มีดรีกรีเป็นลูกชายคนโตของกำนันแดนดินกับแม่จิ๊บคนสวย
ใครๆก็ชมว่าเจี๊ยบเป็นเด็กน่ารัก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นมิตรกับอาลอด้วยนะ
เกลียดพ่อเจี๊ยบได้แต่ห้ามเกลียดเจี๊ยบนะ



พระลอหนุ่มวัยสามสิบเศษต้องมาตกหลุมรักน้องเจี๊ยบลูกของอดีตคนรัก
แถมพ่อของน้องคือศัตรูหัวใจในอดีตซะด้วยสิ จะทำยังไงดีเนี่ย
อยากได้น้อง อยากมีลูกเจี๊ยบเป็นของตัวเอง
เขาว่ากินเด็กเป็นอมตะ โดยเฉพาะเด็กผู้ชายกรุบๆอายุ 15-16 นี่ล่ะกำลังดี



หากคุณชอบแนวผู้ใหญ่กินเด็ก อาลอจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ


พูดคุยกับไรท์ได้ในทวิตเตอร์นะคะ @il_LoVe_li






Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2019 15:50:27 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2



พระลอตามไก่


ตอนที่ ๑












                ลลิตภัทรหรือพระลอชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาคมสันหักพวงมาลัยเข้ามาบนถนนดินแคบๆที่แยกตัวจากถนนใหญ่อย่างระมัดระวัง ฝุ่นสีเทาคลุ้งบนอากาศยามชายหนุ่มเร่งความเร็ว สองข้างทางมีรูปของเขาเด่นหราพร้อมสโลแกนที่พ่อของเขาไปจ้างร้านทำป้ายทำมาซะยิ่งใหญ่อลังการ ชายหนุ่มกวาดตามองต้นข้าวเขียวขจีที่ไหวลู่ตามแรงลมเป็นภาพสวยงามที่เขาทิ้งไป 16 ปีเต็มอย่างหลงใหล ลดกระจกลงกลิ่นข้าวที่เริ่มตั้งท้องหอมระรื่นตามกระแสลม ชายหนุ่มสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดอย่างโหยหา  เด็กนักเรียนหลายคนเดินกลับบ้านตามขอบทางอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นมีรถเก๋งคันหรูแล่นเข้ามาหลายคนยืนมองอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

ก็แน่ล่ะ ส่วนมากรถในหมู่บ้านนี้จะเป็นรถกระบะไม่ก็อีแต๋นอีแต๊กไปตามเรื่อง ควายตัวอ้วนพียืนเคี้ยวหญ้าอยู่ใกล้เถียงนาที่เจ้าของผูกไว้อย่างสบายอารมณ์ บางตัวนอนกินลมชมวิวอยู่ในบ่อโคลนอย่างชิลสุดๆ ตรงไหนที่เป็นแอ่งน้ำใหญ่หน่อยเด็กเล็กๆราว 4-5 ขวบ ก็นั่งเล่นนั่งแช่กันอย่างไม่กลัวเชื้อโรค มืออูมๆช้อนลูกอ๊อดลูกปลาเล่นอย่างสนใจใคร่รู้  ตามริมคลองมีชาวบ้านมาหว่านแห ยกยอหาปลา เด็กชายวัยกำลังก๋ากั่นบางคนต่างพากันโดดน้ำเสียงดังตูมๆจนโดนคนหาปลาด่าแทรกกับเสียงหัวเราะใสๆนั้นเป็นภาพที่เรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากสวยได้รูปนั้นอย่างไม่ยาก

 

บรรยากาศที่เขาห่างหายไปเสียเนิ่นนาน  พ่อของลลิตภัทรเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นี้มาเนิ่นนานหลายสิบปี ผู้คนต่างนับหน้าถือตาเพราะไม่ได้กินตำแหน่งไปวันๆ พ่อพยายามพัฒนาหมู่บ้านของเขาให้เจริญแต่ก็ยังคงรณรงค์ให้ชาวบ้านอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบชนบทไว้



บ้านของพระลอมีลูกชายทั้งหมด 3 คน คือพระราม พระลักษณ์และพระลอ พระรามกับพระลักษณ์นั้นได้ผิวจากทางพ่อมาทั้งคู่คือผิวค่อนข้างคล้ำมีเพียงพระลอเท่านั้นที่ได้ผิวจากทางแม่มาเต็มๆ



เด็กชายลลิตภัทรเกิดมาตัวขาวผ่องเป็นยองใย หน้าตารึก็น่ารักน่าเอ็นดูตั้งแต่แรกเกิด

 

พ่อแม่ของเขาภูมิใจนักล่ะตอนที่แม่คลอดเขาออกมาเป็นผู้ชายตั้งชื่อเล่นให้ซะงดงามน่ารักว่าพระลอเพราะหล่อเหมือนพระเอกในวรรณคดี

 

                “โตไปสาวๆต้องวิ่งตามมันจนหัวกระไดบ้านไม่แห้ง”เขาเคยได้ยินคำนี้ในวงเหล้าที่พ่อกับเพื่อนๆนั่งก๊งกันในตอนเย็น

 

                “หล่อเหมือนพ่อแต่ผิวขาวเหมือนแม่”นับเป็นส่วนผสมดีๆที่พ่อแม่มอบให้เขา พระลอถูกเลี้ยงดูอุ้มชูราวไข่ในหิน การเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่เกิดห่างจากพระรามพี่ชายคนโต 10  ปี พระลักษณ์พี่ชายคนกลาง 7 ปี ทำให้พระลอถูกเลี้ยงมาอย่างเอาอกเอาใจ พระรามและพระลักษณ์ที่แต่งงานแยกบ้านไปแล้วทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกับน้องชายไม่ได้ขาด ยามที่เข้ากรุงเทพก็หอบของกินของฝากจากทางบ้านไปให้ราวกับจะไปเปิดบูธขายงานโอทอปธงฟ้า ทั้งข้าวหอมมะลิที่ปลูกเอง ไข่ไก่ พืชผักต่างๆ พระรามพี่ชายคนโตเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนประจำจังหวัด ภรรยาของพระรามก็เป็นอาจารย์อยู่ที่เดียวกันมีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคน 7 ขวบกับ 4 ขวบ วัยกำลังน่ารัก ส่วนพระลักษณ์ดูแลโรงสีข้าวรวมทั้งกิจการต่างๆให้ครอบครัวพระลักษณ์พอใจที่จะกลับมาอยู่บ้านนอกมากกว่าทำงานหัวหมุนในกรุงเทพแม้ว่าจะเรียนจบปริญญาโทด้านนิติศาสตร์รวมทั้งสอบเนติผ่านว่าความได้เรียบร้อย เขาพับความฝันที่อยากเป็นอัยการเพราะอยากให้น้องชายได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากเป็นในกรุงเทพ พี่ชายคนรองของเขาเพิ่งแต่งงานได้ 2 ปีกับพยาบาลสาวที่พบรักกันตอนพระลักษณ์ไส้ติ่งแตกเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้พี่สะใภ้คนรองท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที

 

เดิมทีพ่อตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้พระลอเป็นคนดูแลโรงสี ที่นาและคอกสัตว์เพราะพระลอชอบไปออกนากับพ่อตั้งแต่เล็กๆแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังลงก่อนที่ลูกชายคนเล็กจะเรียนจบ ม.3 เพียงไม่กี่เดือน

 

พระลอมีเพื่อนสนิทเป็นลูกสาวของป้าประไพกับลุงประจวบ จิ๊บเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเกิดไล่เลี่ยกับพระลอ แม่โฉมของเขากับป้าประไพก็เป็นเกลอเก่ากันมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นเวลากลางวันว่างจากงานบ้านงานเรือนสองแม่ก็มักจะมานั่งทำขนม บางครั้งก็เอาเสื้อคอกระเช้ามานั่งถักคอเสื้อแน่นอนว่าลูกๆก็ถูกเอามาเลี้ยงคู่กัน ตั้งแต่จำความได้พระลอกับจิ๊บก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอด

 

เข้าอนุบาลพร้อมกัน นั่งร้องไห้หาแม่ด้วยกันในวันที่ถูกพาไปโรงเรียนวันแรก จนโตพอรู้ความพ่อก็บอกให้พระลอเดินไปโรงเรียนกับจิ๊บตามลำพัง เด็กน้อย ป.1 ชายหญิงสองคนเดินจูงมือลัดคันนาไปโรงเรียนประถมใกล้บ้านและกลับมาพร้อมกันทุกวันในตอนเย็น วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จิ๊บจะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในละแวกบ้านมาเล่นด้วย

 

และแน่นอนพระลอก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่บรรดาเพื่อนๆกลับมีแต่เด็กผู้หญิงเวลาเล่นพ่อแม่ลูกพระลอก็ได้รับบทบาทคุณพ่อส่วนจิ๊บก็เป็นคุณแม่คนสวย มีลูกสาวอีกขโยงใหญ่ แม้จะเบื่อแสนเบื่อแค่ไหนแต่พอจิ๊บมาเกาะแขนพระลอก็สามารถเล่นบทเดิมๆได้ทุกวัน

 

เด็กชายลลิตภัทรของเด็กหญิงจีรนันท์เป็นแฟนกลางงานวันเด็กแห่งชาติในตอนที่เด็กทั้งคู่อยู่ ป.4 เด็กชายลลิตภัทรรู้สึกว่าแม้จะเป็นเด็กแต่ความรักของพวกเขาก็จริงจังมาก ทุกพักกลางวันพระลอจะเป็นคนเดินไปซื้อข้าวกลางวันให้จิ๊บ เจียดเงินค่าขนมซื้อเฉาก๊วยใส่น้ำแข็งให้จิ๊บสลับกับไอติมทุเรียนร้านป้าโสภา วันไหนมีลูกชิ้นทอดเขาก็ซื้อให้จิ๊บวันละ 2 ไม้ทุกวัน ถ้ามีของเล่นใหม่ๆโฆษณาทางทีวีพระลอก็เขียนจดหมายไปบอกพระรามกับพระลักษณ์ที่เรียนและทำงานที่กรุงเทพให้ส่งพัสดุมาให้

 

ในหมู่บ้านของเล่นใหม่ๆเสื้อผ้าโก้ๆขนมแปลกๆมีเพียงพระลอคนเดียวที่นำแฟชั่น พระลอเลยกลายเป็นคนเพื่อนเยอะในโรงเรียนพอๆกับจิ๊บ แต่ไม่ว่าจะมีเพื่อนเยอะเพียงใดพระลอก็ชอบจิ๊บที่สุด

 

พระลอชอบแก้มอ้วนๆของจิ๊บ ชอบปากสีชมพูของจิ๊บ ชอบเวลาที่จิ๊บเรียกชื่อเขา

 

อีกอย่างที่สำคัญพระลอชอบที่จิ๊บแบ่งการบ้านให้ลอกทุกวัน ความรักของเด็ก ป.4 โคตรยิ่งใหญ่แบบที่คิดว่า บ่มีอีหยังมาพังทลายความฮักของสองเฮาได้...

 

จนกระทั่งพระลอและจิ๊บเรียนจบชั้นประถมพระลอถูกส่งไปเรียนโรงเรียนชายล้วนในตัวเมืองที่ทั้งบ้านของเขาเป็นศิษญ์เก่าทั้งบ้าน ความห่างของระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคความรักของพระลอกับจิ๊บเลย จิ๊บเรียนโรงเรียนสหที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ส่วนพระลอต้องนั่งรถประจำไปเรียนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ดังนั้นเด็กสองคนจะได้เจอกันก็ตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์

 

ยิ่งนานวันพระลอก็รู้สึกว่าจิ๊บน่ารักขึ้นทุกวัน ผิวขาวแก้มตึงใสปากสีชมพูถูกแต้มสีสันด้วยอุทัยทิพย์ วันหยุดแต่งตัวน่ารักๆรอเขาขับมอเตอร์ไซค์มารับไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแช่มตอนเที่ยงๆ

 

จนกระทั่งเด็กทั้งคู่ขึ้นมัธยมปีที่ 3

 

จิ๊บเริ่มเปลี่ยนไป เย็นๆเริ่มกลับบ้านช้าลง เสาร์-อาทิตย์มักจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน หลังๆเวลาคุยกันมักมีชื่อของใครบางคนโผล่เข้ามาในบทสนทนา

 

                “พี่ดินเขาเก่งมากเลยนะลอ เนี่ยวันก่อนเขาแข่งบาสทีมเขาอ่ะตามอยู่ 10 กว่าแต้ม แต่พี่ดินก็ทำแต้มแล้วชู๊ต 3 แต้มสุดท้ายก่อนหมดเวลาเลยชนะสีแดงไปเลย”

 

                “พี่ดินเรียนเก่งมากเลยลอ เนี่ยจิ๊บทำการบ้านเลขไม่ได้พี่ดินมาช่วยติวให้จิ๊บก็เข้าใจเลยอ่ะ สอนสนุกเข้าใจง่ายกว่าครูอีก”พระลอกลายเป็นผู้ฟังที่ดีคอยฟังจิ๊บชื่นชมพี่ดิน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นลูกชายกำนันแดง แดนดินแก่กว่าพวกเขา 3 ปี ตอนนี้เรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเดียวกับจิ๊บ แถมยังสนิทกับพระลอพอสมควร ตอนแรกพระลอก็ไม่เอะใจอะไรเพราะแดนดินก็รู้ว่าพระลอกับจิ๊บคบกันอยู่ เด็กหนุ่มยังเคยบอกกับรุ่นพี่เลยว่ากับจิ๊บเขารักจริงคิดไว้ถึงขั้นเรียนจบปริญญาแล้วก็จะไปสู่ขอจิ๊บแต่งงาน พระลอฝากฝังจิ๊บให้แดนดินช่วยดูแลเวลาไปโรงเรียนคอยกันไม่ให้ใครมาจีบจิ๊บซึ่งแดนดินก็รับปากเขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขาไม่ไว้ใจใครนอกจากแดนดินที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งจิ๊บหลบหน้าเขาและไม่ยอมไปไหนมาไหนกับเขาเหมือนเก่า พระลอทนความอึดอัดนานนับสัปดาห์จนกระทั่งทนไม่ไหวเด็กหนุ่มพายเรือข้ามคลองไปบ้านจิ๊บตอนทุ่มกว่าๆไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเพราะคลองกั้นบ้านเด็กทั้งสองไม่ได้กว้างมากนัก หลายครั้งตอนเย็นๆทั้งจิ๊บและพระลอยังมานั่งคุยกันที่ตีนท่าอยู่ประจำ หน้าบ้านของจิ๊บมีรถกระบะจอดอยู่ บนบ้านมีคนนั่งกันอยู่ 4-5 คน ที่สะดุดตาคือแดนดินกับกำนันแดงและแม่ของแดนดิน มีพ่อแม่ของจิ๊บนั่งอยู่สีหน้าไม่ดีนัก ส่วนจิ๊บได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆแม่

 

                “ไหนๆเรื่องมันก็เกินเลยไปถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็อยากจะทำให้มันถูกต้องตามขนบธรรมเนียมไปซะ นังหนูจิ๊บก็เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกฉันก็ยินดีจะมาสู่ขอตบแต่งเป็นสะใภ้ เรื่องสินสอดทองหมั้นพ่อจวบกับแม่ไพจะเรียกเท่าไหร่ก็สุดแล้วแต่เลย รีบแต่งกันซะก่อนที่ท้องจะโตมากไปกว่านี้”

 

                เหมือนมีน้ำเย็นผสมน้ำร้อนราดรดลงบนหัวของพระลอ เด็กหนุ่มนิ่งฟังคำสนทนาของคนบนบ้านด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ความผิดหวังซัดเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิ

 

อะไรคือรีบแต่งกันก่อนที่ท้องจะโตไปกว่านี้วะ

 

                “ถ้าเด็กมันรักมันชอบกันฉันก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เสียแต่ว่ามันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน จิ๊บมันก็ยังไม่เต็ม 15 ดีเลยด้วยซ้ำ ทำไมชิงสุกก่อนห่ามกันแบบนี้ ฉันก็อยากจะโกรธอยู่หรอกดีว่าดินมันมากราบขอขมาก่อนหน้านี้ กลัวแต่ว่าพอแต่งกันไปพอเบื่อพอโตมากขึ้นก็จะเบื่อลูกสาวฉันทิ้งมันหอบผ้าหอบผ่อนขึ้นมาคนอายคือทางนี้นะ”

 

                “ผมรักจิ๊บจริงๆครับ รักมาได้ 2 ปี แล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรักและดูแลจิ๊บเป็นอย่างดี”พระลอไม่รู้หรอกว่าคนโดนฟ้าผ่าน่ะมันเจ็บยังไง แต่ในตอนนี้ใจของเด็กหนุ่มเหมือนจะขาด จิ๊บเป็นรักแรกและคิดว่าจะเป็นรักสุดท้าย เหมือนพระลอรักจิ๊บมาทั้งชีวิตแต่จิ๊บกลับแปรเปลี่ยนไปรักคนอื่น เด็กหนุ่มกุมอกข้างซ้ายของตัวเอง น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอย่างช้าๆ

 

นี่สินะสาเหตุที่จิ๊บห่างหายจากเขาไปเรื่อยๆ

 

นี่สินะสาเหตุที่พักหลังๆแดนดินเริ่มคุยเล่นสนิทกับเขาน้อยลง

 

เพราะคนสองคนที่เขารักและไว้ใจที่สุดหักหลังเขาอย่างร้ายกาจแบบนี้นี่เอง

 

เขาผิดอะไร แม้พระลอจะยังเป็นเด็กอายุ 15 แต่พระลอเรียนรู้การให้เกียรติฝ่ายหญิง มากสุดสำหรับพระลอคือการจับมือจิ๊บและหอมแก้มไปเพียงแค่ครั้งเดียวเพราะพระลอกลัวคนจะมองจิ๊บในทางไม่ดี

 

แล้วไอ้แดนดินมันคือใคร

 

มันบอกว่ามันรักจิ๊บแต่มันก็ทำเรื่องชิงสุกก่อนห่าม

 

แบบนี้สินะที่เขาบอกว่าพระลอทำตัวเหมือนมดแดงได้แต่คอยหวงมะม่วงลูกสวยสุดท้ายแมลงวันทองอย่างแดนดินก็มาเจาะเนื้อในกินอย่างอร่อยปาก

 

เด็กหนุ่มพาร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำกลับมาที่บ้านแม้ว่าแม่จะเรียกกินข้าวเย็นพระลอก็ไม่สนใจปิดประตูห้องดังปังใหญ่ ไม่นานเสียงโครมครามจากในห้องพร้อมกับเสียงร้องไห้โฮของพระลอก็ดังขึ้น แม่เคาะประตูห้องเรียกเขาอย่างร้อนใจ ส่วนพ่อที่เพิ่งกลับบ้านได้แต่บอกแม่ว่าให้ปล่อยให้ลูกชายคนเล็กอาละวาดให้สมใจแล้วค่อยเรียกมาคุย

 

แน่นอนเสียงโวยวายและร้องไห้ของพระลอดังไปถึงบ้านจิ๊บ

 

หลังจากวันนั้นพระลอก็กลายเป็นเด็กเก็บตัวเงียบ จิ๊บพยายามมาหาพระลอที่บ้านอยู่หลายครั้งแต่พระลอก็ไม่ออกมาพบเด็กหนุ่มเลือกเก็บตัวอยู่ในห้องฟังเสียงพูดคุยระหว่างจิ๊บกับแม่

 

                “จิ๊บฝากแม่คืนแหวนให้ลอด้วยนะจ๊ะ ฝากขอโทษลอที่จิ๊บไม่หนักแน่นพอ แต่จิ๊บยังอยากเป็นเพื่อนลอจริงๆนะจ๊ะ จิ๊บอาจจะผิดเองที่ไม่พูดกับลอไปตั้งแต่แรกว่าจริงๆแล้วจิ๊บรักลอแบบเพื่อนไม่ใช่แฟน ไม่ว่าลอจะเกลียดจิ๊บยังไงจิ๊บก็ยังอยากให้ลอเป็นเพื่อนกับจิ๊บตลอดไปนะจ๊ะ”

 

และนั่นคือความจริงอีกอย่างคือที่ผ่านมาจิ๊บไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนอกจากเพื่อน

 

ความรักของเขาเป็นรักข้างเดียวรักแบบคิดไปเอง

 

หลังจากสอบปลายภาคเสร็จไม่ถึงอาทิตย์เสียงแห่ขันหมากก็ดังไปทั่งคุ้งน้ำพระลอปิดหน้าต่างห้องแน่นสนิท นอนบนเตียงแล้วตลบผ้าห่มมาคลุมโปงราวกับว่ามันจะช่วยให้เขาปิดกั้นเสียงเหล่านั้นได้

 

แต่เปล่าเลย ยิ่งหนี เสียงกลับยิ่งดัง เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าตามบ้านนอกเวลามีงานบุญอะไรแต่ละครั้งบรรดาเครื่องไฟจะเปิดกันให้กระหึ่มตั้งแต่ ตี 5 เพื่อเรียกแม่ครัวมาช่วยงานรวมทั้งแขกเหรื่อ จิ๊บและแดนดินเอาการ์ดแต่งงานมาให้พี่บ้านของเขาเมื่อเดือนก่อน โชคร้ายที่วันนั้นพระลอก็อยู่บ้านด้วย เด็กหนุ่มนอนทอดอารมณ์บนเปลยวนอยู่ใต้ถุนบ้าน พอเห็นแดนกับจิ๊บพระลอก็ลุกหนี

 

                “เด็กว่ะมึงไอ้ลอ แพ้ก็ให้รู้จักแพ้สิวะ มาทำมึนทำตึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย มึงจะโกรธจะงอนก็เปลี่ยนความจริงที่จิ๊บกับกูกำลังจะแต่งงานกำลังจะมีลูกด้วยกันไม่ได้หรอก”

 

                “พี่ดิน!!”จิ๊บส่งเสียงดุคนรักที่ตะโกนด่าพระลอ เด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านหันมามองอดีตคนรักและพี่ที่สนิทก่อนจะกระโจนพรวดเข้าใส่แดนดิน หมัดหนักๆถูกประเคนใส่หน้าคนพี่ในขณะที่แดนดินไม่ได้ต่อสู้ตอบโต้ทำเพียงปัดป้องเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนหมัดปะทะตรงๆเท่านั้น

 

                “ลอ พอเถอะลอ อย่าทำพี่ดิน”จิ๊บรีบเข้ามาดึงพระลอแต่เด็กหนุ่มในตอนนี้ไม่มีสติพอเสียแล้ว พระลอผลักจิ๊บจนกระเด็นล้มลงกับพื้น แดนดินเห็นดังนั้นถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้าคนโตกว่าเหวี่ยงหมัดเต็มแรงเข้าซีกหน้าของพระลอจนเด็กหนุ่มเห็นดาว

 

                “ทำเหี้ยอะไรของมึงจิ๊บท้องอยู่นะไอ้สัตว์”แดนดินรีบเข้าไปประคองจิ๊บพลางสอบถามคนรักว่าเป็นอะไรมั้ย ลลิตภัทรมองใบหน้าซีดๆของจิ๊บถึงรู้ตัวว่าตัวเองทำแรงเกินไปรีบเข้าไปช่วยประคองจีรนันท์ให้ยืนขึ้น

 

                “จิ๊บ เป็นอะไรมั้ย ลอขอโทษ ลอไม่ได้ตั้งใจ”

 

                ไม่เป็นไร ไม่ได้ล้มแรง”

 

                “มึงไม่ต้องมาจับเมียกู พ่อกับแม่มึงอยู่มั้ยถ้าไม่อยู่กูฝากการ์ดแต่งงานให้ด้วย ส่วนมึงก็ควรรู้ตัวว่าต่อไปนี้มึงไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับจิ๊บอีกต่อไปแล้ว จิ๊บเป็นเมียกูแล้ว เข้าใจไว้ด้วย”

 

นั่นแหล่ะ ความสัมพันธ์ของจิ๊บ แดนดิน และพระลอ ก็ขาดสะบั้นลงอย่างสมบูรณ์

 

งานแต่งของแดนดินและจิ๊บผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ พระลอก็บอกกับพ่อว่าตนเองจะสอบเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ  ผู้ใหญ่ชลิตเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีของพระลอทั้งทางด้านสภาพจิตใจและการศึกษา ยังไงเสียเรียนในกรุงเทพพระลอก็จะมีโอกาสมากกว่าโรงเรียนตามบ้านนอกเขาเองก็ไม่ต้องห่วงอะไร พระรามเองก็ใกล้จบปริญญาโทแล้วลูกชายคนโตจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่บ้านเกิด พระลอก็ไปอยู่กับพระลักษณ์พี่ชายคนกลาง

 

แต่เหมือนผู้ใหญ่ชลิตจะคิดผิดตรงที่ว่าลูกชายไปเรียนแล้วคงจะกลับมาทำงานที่บ้านเหมือนพี่ๆจนกระทั่งชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาแถมยังบอกว่าตอนนี้งานของตนกำลังไปได้ดี

 

พระลอไม่เคยก้าวเท้ากลับมาที่บ้านอีกเลย มีเพียงคนเป็นพ่อแม่ที่ไปหาลูกชายอยู่ทุกเดือน

 

พระลอเป็นคนจำฝังใจ รักแรงเกลียดแรง

 

ขนาดพี่ชายเข้าโรงพยาบาลลูกชายคนเล็กของเขามาเยี่ยมแต่ไม่กลับมานอนที่บ้าน ชายหนุ่มไปเปิดโรงแรมนอนในตัวเมือง เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานต่อ

 

                “กลับมาบ้านได้แล้วไอ้ลอ เอ็งไปอยู่กรุงเทพนานเกินไปแล้ว กลับมาช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านของเราสิวะ พ่อจะหมดวาระแล้วลงชื่อสมัครผู้ใหญ่บ้านให้เอ็งแล้วยังไงก็ได้ตำแหน่งแน่นอน”นั่นคือสายด่วนของผู้เป็นพ่อโทรมาหาเขาตอนที่พระลอกำลังไปท่องราตรีกับเพื่อนๆในคืนวันเสาร์ที่เขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในวันอาทิตย์

 

ชายหนุ่มค้านหัวชนฝาที่จะไม่กลับไป

 

ใครจะอยากเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาอยากอยู่กรุงเทพมากกว่า คอนโดก็เพิ่งผ่อนหมดจะให้เขากลับไปอยู่บ้านนอกทำไม

 

                “พ่อก็ให้พี่ลักษณ์สมัครสิทำไมต้องผมด้วยอ่ะ”

 

                “พี่มึงเขาดูโรงสีกับงานที่บ้านก็ยุ่งพอแล้ว เหลือแค่มึงนี่แหล่ะที่ยังว่าง”พอเริ่มโมโหภาษาพ่อขุนก็เริ่มมาทีละน้อย

 

                “ผมก็ไม่ว่างป่าวเนี่ยงานก็กำลังไปได้สวย”

 

                มึงไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่เลยไอ้ลอ มึงจะหนีนังจิ๊บไปทั้งชีวิตไม่ได้ จนเขามีลูก 2-3 คนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้วมึงยังไม่เลิกทิฐิ สงสารแม่มึงเหอะจะตรอมใจเพราะคิดถึงมึงอยู่แล้ว”พระลอนิ่งเงียบไปหลังจากพ่อพูดแทงใจดำ  ชื่อของจิ๊บยังคงเป็นหนามยอกอกเขานานนับ 16 ปี แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงเท่าเมื่อก่อนแต่ความเคืองในใจก็ยังมีอยู่

 

เขาเหมือนโดนหักหน้า ชาวบ้านใกล้เคียงต่างพูดกันราวกับเรื่องของเขาเป็นลิเกโรงใหญ่ตั้งหลายเดือน แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปทุกคนต่างลืมเลือนเหตุการณ์นี้ คนเฒ่าคนแก่หลายคนล้มหายตายจากไปบ้างแล้ว แต่พระลอก็ยังคงไม่ลืม

 

ชายหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาปฎิเสธพ่อคอเป็นเอ็นสุดท้ายพ่อก็ขู่เขาว่าจะไม่ยกสมบัติให้ซักกะแดงเดียว ส่วนของเขาจะถวายวัดให้หมด

 

พระลอยอมไม่ได้ เงินทั้งนั้น!!!

 

แม้จะไม่เต็มใจอยากกลับมาที่บ้านเกิดซักเท่าไหร่แต่การที่พ่อบอกว่าจะตัดเขาออกจากกองมรดกและยกทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองรวมทั้งตึกแถวห้องเช่าที่ปล่อยให้เช่าในตลาดสดใจกลางตัวเมืองถวายวัดทั้งหมดทำให้ชายหนุ่มต้องทิ้งงานที่กำลังไปได้สวยในกรุงเทพกลับมายังบ้านเกิด

 

ทั้งๆที่คิดว่าชาตินี้จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกจนกว่าจะแต่งงานแต่งการมีครอบครัวบั้นปลายชีวิตค่อยกลับมาแต่พ่อของเขากลับทำพังไปซะหมดเลย

 

ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนะไม่ใช่ตะขาบของคุณยายวรนาถถึงจะคายให้ทายาทได้

 

คือให้คนดีๆมีความรู้ความสามารถกว่าเขาเขาทำไปก็ได้มั้ยอ่ะ

 

พระลอเหม่อลอยยามคิดถึงอดีตเมื่อ 16 ปีก่อนโดยไม่ทันได้สังเกตว่าถึงสามแยกที่ลัดริมคลองเข้าบ้าน กว่าจะได้สติก็ได้ยินเสียงกริ่งจากจักรยานดังรัวพร้อมกับเสียงเด็กผู้ชายร้องเสียงหลงดังมาแว่วๆ พอดึงสติกลับมาวัตถุบางอย่างก็พุ่งเข้ามาหาหน้ารถเขาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

                “เหวอออออออออออออออออ”

 

          “พี่เจี๊ยบ เบรคคคคคค เอาตีนเบรคเลย!!!!”

 

โครม!!!!

 

ร่างของใครบางคนลอยละลิ่วจากจักรยานคันเก่าที่พุ่งจูบกระโปรงรถของลลิตภัทรด้วยความเร็วก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะถลาลงมาแหม่ะบนกระจกรถของเขา เด็กผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาแปะแหมะลงบนกระจกหน้าจ้องตากับความเหงากับพระลอราว 30 วินาทีก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆลื่นราวกับขี้ผึ้งหล่นไปด้านหน้ารถ สภาพไม่ต่างจากจิ้งจกตกจากที่สูงแล้วจุกจนคลานไปไหนไม่ได้ ลลิตภัทรร้องเรียกเสียงหลงด้วยความตกใจก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยลงไปดูซากรถกับสภาพเด็กชายวัยรุ่นคนนั้นด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองร่างบอบบางทีนอนหน้าเขียวหน้าเหลืองอยู่บนพื้นอย่างเป็นห่วง แพขนตาสวยบนเปลือกตาหนาปิดสนิทจนน่าใจหาย

 

                “เฮ้ย ไอ้หนู ตายป่าววะ!!!”

 

               







.............................................................





หวังว่าจะชอบบรรยากาศท้องทุ่งและวิถีชนบทนะคะ



โบราณว่ากินเด็กเป็นอมตะ เด็กกว่าซัก 15-16 ปีนี่จะเป็นอมตะจริงหรือเปล่าน๊า



ชอบถูกใจก็เม้นท์ให้ไรท์หรือติดแท็กในทวิตให้หน่อยนะคะ



#พระลอตามไก่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2018 23:55:58 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชอบพล็อตกับความโลเคชั่นลูกทุ่งๆ รอดูคุณพระลอมาตามน้องลูกเจี๊ยบนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

พระลอตามไก่


ตอนที่ ๒







                “เฮ้ย ไอ้หนู ตายป่าววะ!!!”

 

ชายหนุ่มเขย่าร่างบอบบางในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างนั้นขึ้นอุ้มเดินกลับไปที่รถของตัวเองโดยไม่สนสภาพมอมแมมของคนในอ้อมแขน เขาเป็นห่วงเด็กนี่มากกว่าจะกลัวรถเปื้อน ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วยัดเด็กคนนั้นเข้าไปนั่งข้างในตั้งใจจะพาไปส่งโรงพยาบาล จัดการลากซากจักรยานที่นอนล้อบิดระทดระทวยให้พ้นทาง ซากกระป๋องพลาสติกที่ใส่ปลาหมอปลาซิวปลาช่อนแตกปลาหลายตัวพยายามกระดื๊บๆหาทางเอาชีวิตรอด แต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีจิตเมตตากับสัตว์โลกตัวไหนทั้งนั้นนอกจากเด็กตัวผอมที่ยังคงหลับตานิ่งสนิทบนรถชายหนุ่มเดินอ้อมกลับมาทางประตูด้านคนขับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียก

 

                “ลุงๆ ลุงจะพาพี่หนูไปไหน เป็นพวกตาแก่โรคจิตที่จับเด็กไปขายใช่ป่าว หนูจะไปฟ้องพ่อ”เสียงเด็กชายวัย 9  ขวบ ที่ร้องบอกให้พี่ชายตัวเองใช้เท้าเบรกกับพื้นตอนที่รถจักรยานของคนพี่พุ่งใส่รถของลลิตภัทรร้องถามขึ้นอย่างตกใจ

 

ต้องเป็นพวกแก็งค์รถตู้ปลอมตัวมาจับเด็กไปตัดมือตัดเท้าแล้วส่งไปขอทานแถวพัทยาแบบที่พ่อกำนันของเขาสอนมาแน่ๆ

 

พ่อแดนดินสอนเจ้าจอมเสมอว่าห้ามไว้ใจคนแปลกหน้า ใครมาชวนขึ้นรถห้ามไปด้วยเด็ดขาด

 

ลลิตภัทรคิ้วกระตุกยิกยักพอๆกับนิ้วเท้าเมื่อได้ยินสรรพนามที่ไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกนั่นเรียกเขา เจ้าของสรรพนามว่าลุงหันไปมองไอ้เด็กนั่นที่เพิ่งปั่นจักรยานมาจอดข้างๆเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

คือเขาเพิ่งจะ 32 เองป่าววะ จริงๆไม่ควรโดนใครเรียกลุงทั้งนั้น ก็เพิ่งพ้นช่วงวัยรุ่นตอนปลายได้ไม่เท่าไหร่ป่าวเอง

 

ยังไม่ทันจะเอ่ยปากด่าอะไรไอ้เด็กนั่นก็ออกตัวล้อฟรีปั่นไปกลับไปทางเดิมด้วยสเต็ปสี่คูณร้อย

 

ต้องรีบไปฟ้องพ่อ เรื่องนี้ต้องถึงหูพ่อกำนัน!!!

 

ถ้ามีใครได้หน้าคนๆนั้นต้องเป็นแก้วเจ้าจอมคนนี้!!!

 

                “อ้าว เฮ้ยไอ้หนูจะไปไหน กลับมาก่อน”ลลิตภัทรโบกมือร้องเด็กไอ้เด็กตัวแกรนที่ปั่นจักรยานลัดโค้งทุ่งหวังจะถามว่าบ้านอยู่ไหนมันก็ไปนู่นแล้วแบบไม่เห็นฝุ่น

 

                “อูย....”ยังไม่ทันจะได้แหกปากเรียกไอ้เด็กแปลกคนนั้นดีเสียงคนบนรถก็ร้องโอดโอยขึ้นเบาๆเรียกความสนใจของพระลอ ชายหนุ่มก้มตัวลงไปมองเด็กหนุ่มที่เริ่มขยับตัวเบาๆเลยตัดสินใจปิดประตูรถแล้วอ้อมกลับมาประจำที่คนขับ ศตายุค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว

 

นี่เขาคงทำบุญไว้เยอะสินะ ตายแล้วก็เจอเทวดาเลย หล่อด้วย แถมขับรถส๊วยสวย

 

เอ๊ะ...ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

 

                “เฮ้ย ลุง เป็นใครอ่ะ มาพาขึ้นรถทำไมวะ เป็นโจรขโมยเด็กใช่ป่ะ ไม่ก็พวกจับเด็กไปขายทัวร์วิปริตใช่มั้ย ต้องใช่แน่ๆเลย เนี่ยเจี๊ยบรู้พ่อสอนมา ปล่อยเจี๊ยบลงเลยนะไอ้แก่ไอ้หื่นกามไอ้วิปริตไอ้ลามก”ศตายุหันไปทุบคนที่ทำหน้าเหรอหราอยู่ข้างๆ ลลิตภัทรที่โดนด่าเป็นชุดแถมถูกประทุษร้ายได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกันหน้าตาและร่างกายส่วนอื่นของตนเองอย่างไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้และต่อสู้เลยซักนิด ศตายุยิ่งได้ใจเมื่อเห็นคนแก่กว่าไม่มีทางสู้เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าบนเบาะรถแคบๆหันไปทุบลลิตภัทรอย่างเต็มตัวแต่เพราะความแคบกับร่างกายที่ยังเจ็บอยู่ขณะที่ลลิตภัทรจับแขนเขาเพื่อดึงให้หยุดการทุบตีร่างบางก็เสียหลักล้มลงไปหาคนตรงหน้าทันที

 

                “อ๊ะ!!!”เด็กน้อยตาเหลือกเมื่อหน้าผากของตัวเองโขกเข้ากับปลายจมูกของลลิตภัทรแบบเต็มๆรีบดึงตัวออกเมื่อได้ยินเสียงคนแก่กว่าร้องลั่น

 

                “โอ้ย....วันซวยอะไรของกูวะเนี่ย เลือดกำเดาไหลเลย!!”พระลอจับแขนไอ้เด็กแสบที่บังอาจทำเขาเจ็บตัวกระชากกลับมาอย่างแรงจนศตายุที่กำลังจะเปิดกระจกหนีร้องลั่น

 

มันไม่ใช่ฉากโรแมนติกแบบละครที่นางเอกเสียหลักไปปากชนปากหรือปากชนแก้มกับพระเอกแล้วจะเขินอาย ตอนนี้เหมือนศตายุกำลังอยู่ในหนังสยองขวัญเมื่อเด็กน้อยดันฟาดมือไปโดนหน้าลลิตภัทรเข้าอีกผลั่วะอย่างแรงจนลลิตภัทรหน้าหัน นั่นแหล่ะคนแก่กว่าก็จับเขานอนพาดลงบนตักแล้วฟาดฝ่ามือลงบนก้นงอนๆของคนเด็กรัวๆ 3 ทีซ้อน  ศตายุแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บใช้มือปิดก้นตัวเองไว้เมื่อตาลุงหื่นกามวิปริตแปลกหน้าทำท่าจะฟาดลงมาอีก

 

ต้องเป็นพวกซาดิสม์แน่ๆ

 

                “แง้ๆๆๆๆๆๆ ลุงอย่าทำอะไรหนูเลยหนูกลัวแล้ว ถ้าไม่ปล่อยหนูถ้าพ่อหนูมาเจอลุงตายแน่ รู้มั้ยหนูลูกใคร”ในเมื่อคนตรงหน้าที่ทำหน้าดุใส่จ้องหน้าเขม็งแถมง้างมือค้างไว้รอเจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆก็ขอใช้บารมีพ่อมาข่มหน่อยเถอะ  ศตายุเวลาตกใจจนลืมตัวมักจะใช้สรรพนามแทนตัวว่าหนูเหมือนเวลาคุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ในตอนนี้ก็เช่นกัน ลลิตภัทรแอบขำกับความเด็กน้อยนั้นแต่ก็ยังเก๊กหน้าขรึมตอบด้วยเสียงดึงตึงเต็มที่

 

                “ไม่รู้!!”

 

                “พ่อหนูเป็นกำนันนะ ชื่อกำนันแดนดิน ดุมากด้วยรีบปล่อยหนูไปเลยนะไม่งั้นถ้าเจ้าจอมไปฟ้องพ่อ พ่อมาพ่อจะเอาปืนไล่ยิงลุง”

 

นี่!!! กลัวมั้ย พ่อเค้าๆๆๆ ออฟชันเสริมเป็นปืนลูกซองแฝดด้วยนะ ปีที่แล้วมีโจรมาขโมยควายที่คอก พ่อกำนันของเขาใช้ไล่ยิงโจรจนวิ่งไปโดดลงคลองหน้าบ้านโดนจับได้ทั้งสองคนเลยนะ

 

                “แดนดิน?”ชายหนุ่มทวนชื่อแสลงหูนั่นอีกครั้ง เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยเห็นท่าทางนิ่งไปก็ใจชื่น รีบยืนยันเพราะคิดว่าตาลุงนี่น่าจะกลัวพ่อของเขาอยู่พอสมควร รีบลุกขึ้นนั่งขลุกขลักบนตักของลลิตภัทรทันทีเพื่อจะทำสีหน้าของผู้ชนะให้ลุงแปลกหน้านี่ดูได้เต็มที่

 

พ่อดินของเจี๊ยบน่ะ ดังที่สุดในตำบลเลยด้วย

 

                “ใช่ พ่อกำนันแดนดิน”

 

                “แม่ชื่ออะไร ชื่อจิ๊บหรือเปล่า”

 

                “แหน่ะ ลุง ทำไมรู้จักแม่จิ๊บของหนูอ่ะ แอบสืบประวัติบ้านหนูเพื่อจะยกพวกมาปล้นใช่มั้ย”  เหวออออ!!!!” ศตายุยังไม่ทันจะพูดจบก็ต้องใช้มือคล้องคอของลลิตภัทรไว้แน่นเมื่อชายหนุ่มออกรถอย่างแรง

 

                “ลุ๊งงงงงงงงงง จะพาหนูไปไหน หนูจะกลับบ้าน!!!”

 

เสี่ยงห้ามล้อดังเอี๊ยดสนั่นลั่นหน้าบ้านทำให้แม่โฉมที่กำลังเตรียมอาหารต้อนรับลูกชายคนเล็กกับนิดาลูกสะใภ้คนรองต้องรีบชะโงกหน้าออกมามองอย่างตกใจ รถยุโรปคันสวยสีดำเงาวับมีรอยบุบที่กันชนและกระโปรงรถจอดสนิทก่อนที่จะมีสองร่างยื้อยุดฉุดกระชากกันออกมาจากในรถ เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกให้พระลักษณ์และผู้ใหญ่ชลิตที่อยู่ในนาใกล้บ้านต้องรีบสาวเท้ายาวๆออกมาดู

 

                “ปล่อยหนู หนูจะกลับบ้าน แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงเด็กชายยังคงหลับหูหลับตาแหกปากโวยวาย สองมือก็เกาะขอบประตูรถแน่นในขณะที่ตัวก็ถูกลลิตภัทรอุ้มออกมาจนพ้นตัวรถแล้วแท้ๆ

 

เด็กเวรเอ๊ย ทำไมมันแรงเยอะขนาดนี้ แน่ใจนะว่านี่คือเด็กที่มันเพิ่งลอยละลิ่วเป็นจิ้งจกตกตกเมื่อไม่ถึง 20 นาทีที่แล้ว

 

                “ตายแล้วๆๆๆๆๆ พ่อลอ ทำอะไรน่ะลูก”แม่โฉมรีบเดินลงบันไดมาดูอย่างตกอกตกใจ ศตายุเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูก็รีบเปิดเปลือกตาขึ้นทันที

 

                “ย่าโฉม ย่าโฉมจ๋าช่วยเจี๊ยบด้วยไอ้โรคจิตนี่จะจับเจี๊ยบไปขาย  มันจงใจขับรถพุ่งชนหนูเพื่อที่จะให้หนูสลบแล้วลักพาตัวไปขายแน่ๆ”เจ้าเจี๊ยบน้อยพอเห็นใบหน้าของคนคุ้นตาก็ปล่อยประตูรถอย่างรวดเร็วแล้วดิ้นขลุกขลักหนีจากอ้อมแขนของลลิตภัทรเข้าไปกอดเอวแอบหลังหญิงชราทันที ปากงุ้ยๆเอ่ยฟ้องอย่างไม่ติดเบรก

 

                “เดี๋ยวๆ โรคจิตที่ไหนกันลูกนั่นอาลอลูกชายคนเล็กของย่าเอง ที่ย่าเคยเล่าให้ฟัง ที่ปู่ลิตจะให้กลับมาสมัครผู้ใหญ่บ้าน แล้วทำไมเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี้”ย่าโฉมพลิกเนื้อพลิกตัวหลานชายเพื่อนสนิทก็พบว่าเจี๊ยบเนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยคราบฝุ่นแถมยังมีโคลนติดตามเนื้อตามตัวอีกด้วย แก้มที่เคยใสสะอาดบัดนี้มีโคลนติดเป็นปื้นใหญ่เพราะก่อนหน้านี้ศตายุกับแก้วเจ้าจอมไปจับปลาตกคลักในนาเล่นตั้งแต่บ่ายแก่ๆ แถมแขนก็มีรอยเลือดซิบๆตรงข้อศอก พระลอมองแม่กับเด็กขี้โวยวายคุยกันแบบไม่ได้หันมาสนใจเขาอีกก็ยืนกอดอกมองอย่างเซ็งๆ

 

ไหนว่าแม่คิดถึงเขาจนแทบตรอมใจตายแล้วนี่คืออะไร ห่วงไอ้เด็กเวรนั่นจนลืมเขาเนี่ยนะ

 

เหอะ

 

มันน่าขับรถกลับกรุงเทพชิบเป๋งเลยว่ะ

 

                “ลอทำไมหลานมอมแมมแบบนี้ล่ะลูก”หลังโอ๋เอ๋ปลอบใจกันไปได้ซักพักย่าโฉมก็เหมือนจะนึกได้ว่าลูกชายก็ยืนหัวโด่อยู่ที่เดิม

 

                “ใครหลานผม นอกจากลูกพี่รามพี่ลักษณ์ผมก็ไม่มีหลานที่ไหนแล้วนะ”ลลิตภัทรยกมือไหว้แม่รวมไปทั้งพ่อและพี่ชายพี่สะใภ้ที่เดินมาสมทบทีหลัง

 

                “แล้วก็ไอ้เด็กนี่ปั่นจักรยานมาพุ่งชนรถของผมเอง ผมเลยจะพามาให้พี่นิดาทำแผลแต่โวยวายหาว่าผมจะเอาไปขาย”ลลิตภัทรเอ่ยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

                “แถมยังออกฤทธิ์จนผมได้เลือดเนี่ย พ่อมันไม่เคยสั่งสอนหรือไง”

 

                “สอนโว้ย กูสอนลูกกูตลอดแหล่ะ ไหนขอดูหน้าไอ้โจรลักพาตัวเด็กหน่อยซิ๊ เจ้าจอมไอ้คนไหนที่มันลักพาตัวพี่เอ็งมา” อยู่ๆเสียงทุ้มห้าวจากบุคคลที่สามก็ดังขึ้นด้านหลังพร้อมๆกับเสียงขึ้นรังปืนลูกซอง

 

                “ไอ้ลุงสูงๆนั่นเลยพ่อมันอุ้มพี่เจี๊ยบขึ้นรถ”

 

                “มึงยกมือขึ้นสูงๆเลย แหยมกับใครไม่แหยมเสือกมาแหยมในถิ่นกำนันแดนดิน เงาหัวมึงหาไม่แล้ว”ลลิตภัทรเบะปากจนลักยิ้มที่แก้มซ้ายเป็นรอยบุ๋มลึกแล้วค่อยๆยกมือขึ้นเสมอหัว ศตายุมองภาพนั้นอย่างลืมตัว

 

เชี่ย โคตรหล่ออ่ะ...

 

ทันทีที่ร่างสูงหันไปเผชิญหน้า แดนดินถึงกับตะลึง

 

                “ไอ้ลอ!!!”

 

                “เออ...กูเอง ไม่ใช่โจรที่ไหน”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อชายหนุ่มทั้งสองคนเดินมายืนประจันหน้ากัน แดนดินมองหน้าลลิตภัทรอย่างพิจารณา ลลิตภัทรคนตรงหน้าเปลี่ยนไปมาก สูงมากกว่าเขาทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาสูงกว่าแท้ๆ ใบหน้าหล่อคมสันเครื่องหน้าได้รูป ดวงตารีเรียวเหมือนอัลมอนด์จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากได้รูป ผิวขาวละเอียดอย่างคนดูแลตัวเองมาอย่างดีรูปร่างสมส่วนดูภูมิฐาน

 

บอกเลยว่าการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้พระลอจะได้คะแนนก็จากพวกสาวๆนี่แหล่ะ

 

                “ไม่ได้เจอกันนานนะสบายดีมั้ย”แดนดินทำใจกล้าเอ่ยทักทายไปก่อน

 

เขาคิดว่าเรื่องในอดีตมันก็ผ่านมา 16 ปีแล้ว บางทีพระลออาจจะลืมมันไปแล้ว

 

                “เกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ นั่นลูกชายมึงใช่มั้ย ปั่นจักรยานมาชนรถกู เตรียมค่าซ่อมด้วยล่ะ แพงซะด้วยสิ”ลลิตภัทรพูดจบก็หมุนตัวเดินขึ้นบ้านไปทันทีไม่ได้หันกลับไปมองแดนดินอีก ไม่ได้สนลูกของศัตรูหัวใจที่ยกมือไหว้ขอโทษเขาด้วยซ้ำ

 

                “เจี๊ยบ กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้!! แม่ ผมพาลูกกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ไอ้ตัวดีมาทำให้วุ่นวาย”แดนดินยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองรวมทั้งพระลักษณ์ที่พยักหน้ารับอย่างคนคุ้นกัน

 

คือความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านนี่น่ะ ทุกคนสนิทสนมไปมาหาสู่กันดีตามปกติ ที่ไม่ปกติก็มีแค่พระลอคนเดียวเท่านั้น ศตายุกอดย่าโฉมอีกครั้งก่อนจะเดินตามพ่อตัวเองกลับบ้าน

 

คือจริงๆที่บ้านมีรถแต่กำนันแดนดินด้วยอารามห่วงลูกเลยวิ่งลัดทุ่งมาลืมรถซะสนิท สามพ่อลูกจึงได้แต่พากันเดินกลับ

 

                “เจอลูกมั้ยพี่ดิน”จิ๊บเอ่ยถามสามีทันทีที่แดนดินขึ้นมาบนบ้าน ผู้เป็นสามีไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่บุ้ยปากไปทางด้านหลัง ภาพลูกชายคนโตที่เปื้อนคลั่กไปด้วยโคลนแข็งๆกำลังจะก้าวขึ้นบ้านทำให้จิ๊บรีบร้องห้ามเสียงหลง

 

                “หยุดเลยเจี๊ยบ เจ้าจอมด้วยหยุดอยู่ตรงนั้น ไปอาบน้ำที่คลองเลยอย่าขึ้นมาบนบ้านเจ้าขาเพิ่งถูบ้านไป”คนเป็นแม่เดินเข้าไปในห้องนอนของลูกชายหยิบเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูที่จะให้ลูกชายใช้ผลัดเปลี่ยนยื่นให้เจ้าจอมลูกชายคนเล็กเอาไปให้คนพี่ที่เดินดุ่มๆหายไปทางศาลาริมคลองหลังบ้าน ศตายุค่อยๆหย่อนกายลงในน้ำเย็น แผลที่ข้อศอกแสบหน่อยๆจนต้องยู่ปากเด็กหนุ่มค่อยๆล้างคราบโคลนที่แห้งกรังติดตามเนื้อตัวออกโดยมีเจ้าจอมตามมาอาบข้างๆ สองพี่น้องช่วยกันล้างตัวก่อนที่เจ้าจอมจะขอขึ้นบ้านก่อนเพราะมีการบ้านที่ต้องทำ

 

                “แม่ ทำไมน้ำมันไม่ไหลล่ะครับ”ลลิตภัทรโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนเก่าของตัวเอง ชายหนุ่มจะอาบน้ำล้างตัวให้คลายความเหนียวแต่กลับพบว่าน้ำในห้องน้ำไม่ไหล

 

                “เครื่องปั๊มน้ำมันเสียน่ะ ลอรีบอาบมั้ยลูก ต้องให้รามมาแก้ให้ ถ้าลออยากอาบน้ำก็ไปอาบที่คลองก่อนไปลูก น้ำยังสะอาดไม่มีใครทำสกปรก”

 

                “งั้นเดี๋ยวลอไปอาบที่คลองก็ได้ ดีเหมือนกันไม่ได้เล่นน้ำคลองมานานแล้ว”ชายหนุ่มตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะจัดการหยิบอุปกรณ์อาบน้ำใส่ตะกร้าใบเล็กผลัดผ้านุ่งเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียว

 

คลองที่เคยเป็นคลองหน้าบ้านบัดนี้กลายเป็นคลองหลังบ้านไปแล้วเพราะเมื่อ 5  ปีก่อนพี่ชายทั้งสองได้ปรับปรุงบ้านใหม่โดยหันหน้าบ้านให้ออกสู่ถนนที่ตัดเข้าบ้าน การเดินทางทางเรือถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา พระลอนั่งมองบรรยากาศโดยรอบ ศาลาริมน้ำของบ้านตรงข้ามที่เขาเคยนั่งเล่นพูดคุยกับจิ๊บก็ยังอยู่เช่นเดิมบัดนี้เงียบเหงา ภาพวันคืนเก่าๆผุดขึ้นมาในความทรงจำ พระลอค่อยๆพาร่างกายลงไปว่ายในสายน้ำเย็น น้ำในคลองสะอาดจนทำให้รู้สึกสดชื่น ความขุ่นข้องกับเหตุการณ์เมื่อเย็นถูกลืมเลือนไปจนสิ้นชายหนุ่มแหวกว่ายราวกับมัจฉาหนุ่มโตเต็มวัยที่โลดแล่นในท้องน้ำ โดยไม่รู้สึกตัวถึงภัยมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เลยซักนิด

 

                “เฮ้ย!!! อะไรวะ!!!”ลลิตภัทรสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆร่างใครบางคนก็ทะลึ่งพรวดขึ้นสู่ผิวน้ำด้านหลังของเขาก่อนที่จะมีฝ่ามือซุกซนคว้าหมับเข้ากับชายผ้าขาวม้าแล้วกระตุกพรึ่บจนผ้าชิ้นบางหลุดตามมือไป

 

เสียงหัวเราะใสอย่างสะใจคุ้นหูดังขึ้นพร้อมเสียงน้ำที่แตกกระเซ็น ช่วงล่างที่ว่าเย็นเพราะสายน้ำบัดนี้กลับเย็นวาบยิ่งกว่าเดิมเมื่อไม่มีอะไรปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว

 

                “อุ้ย ผ้าขาวม้าใครเนี่ย ติดมือหนูมาได้ยังไงกันน๊า เอาไปฝากพ่อดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”ศตายุที่มีดีกรีแชมป์ว่ายน้ำประจำจังหวัดแกว่งผ้าขาวม้าผืนบางในมือพลางหัวเราะลั่นอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนแก่กว่า เขาเห็นพระลอตั้งแต่แรกแล้ว เด็กน้อยที่ว่ายน้ำเล่นรีบดำน้ำหลบสายตาของพระลอตรงกอบัวสายแล้วค่อยๆว่ายเข้าหาโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้ระวังตัวเลยซักนิด เมื่อได้ของที่ต้องการเด็กน้อยก็จ้วงกรรเชียงกลับมาฝั่งบ้านของตัวเองทันที

 

                “เจี๊ยบ!! เอาผ้าคืนอาเดี๋ยวนี้!!” ชายหนุ่มตะโกนบอกเจ้าเด็กแสบที่ปีนบันไดคลองบ้านตัวเองขึ้นไปนั่งตีขาลอยหน้าลอยตายั่วเขาแล้วก็ต้องชะงัก  ศตายุในตอนนี้อยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมก็จริง แต่คราบโคลนที่ติดตามตัวถูกล้างออกไปจนสะอาดแล้ว ใบหน้าที่เขาเห็นคือใบหน้าของเด็กผู้ชายที่มีแววหวานดวงตากลมมีแววซุกซน ผิวที่คิดว่าคล้ำแต่จริงๆแล้วแม้ไม่ได้ขาวจัดแต่กลับเนียนตา ริมฝีปากอิ่มรับกับแก้มฟูๆยามยกยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆที่เรียงตัวสวยภายใต้กลีบปากสีแดงเรื่อหัวเราะทำเอาใจคนแก่กว่ากระตุก

 

ศตายุมีส่วนคล้ายจิ๊บจนน่าใจหาย

 

ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่จะมองว่าหล่อได้เลยซักนิด ในสายตาของลลิตภัทรตอนนี้คำที่ผุดมาในหัวกับภาพที่เห็นตรงหน้าคือ

 

ศตายุนั้น...น่ารัก

 

                “อ้าว เหม่ออะไรอยู่อ่ะอาลอ ไม่รีบขึ้นจากน้ำระวังปลาตอดนะ ในคลองนี้มีปลาชะโดด้วยอาลอรู้ป่าว ยิ่งช่วงนี้มันมีลูกครอกดุน่าดู เดี๋ยวอะไรๆของอาโดนแม่ปลากัดขาดโทษหนูไม่ได้นะ” เด็กแสบยังคงแกว่งผ้าในมือไปมาอย่างสนุกสนาน พระลอที่ลืมหยิบผ้ามาผลัดทำอะไรไม่ได้นอกจากดำลงไปในน้ำ ศตายุมองการกระทำนั้นอย่างนึกขำ แต่พระลอกลับหายลงไปในน้ำนานจนศตายุใจเสียเมื่อพระลอไม่โผล่ขึ้นมาซักที เด็กน้อยเริ่มกวาดตามองหาคนแก่กว่าด้วยสายตาเลิ่กลัก

 

                “อาลอ...ไม่เล่นแบบนี้สิ เจี๊ยบคืนผ้าให้ก็ได้อาลอขึ้นมาเถอะ"

 

หันซ้ายแลขวา ก็ยังไร้วี่แววของพระลอ แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องเรียกร่างของคนที่ตามหาก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาอยู่กลางหว่างขาของเขาซะแล้ว ศตายุที่ไม่ทันตั้งตัวถูกพระลอดึงลงน้ำทันที เด็กน้อยตาลีตาเหลือกทะยานตัวขึ้นผิวน้ำมือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากผ้าขาวม้าเจ้าปัญหา และพระลอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะแย่งคืน สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงแย่งผ้ากันในน้ำ เนื้อแนบเนื้อโดยไม่รู้ตัวพระลอประคองเอวบางของคนเด็กไว้เพื่อไม่ให้หลานจมลงไปมืออีกข้างก็พยายามคว้าผ้าผืนน้อยนั้นที่ศตายุเอี้ยวตัวหนีอยู่เรื่อยๆศตายุไม่กล้าโวยวายเสียงดังเพราะถ้าพ่อกับแม่ได้ยินเขาจะต้องโดนดุแน่ๆที่ไปแกล้งพระลอก่อน ศตายุแค่อยากทำความรู้จักกับพระลอไว้เพราะตนเองก็สนิทกับลุงรามลุงลักษณ์แล้ว เคยได้ยินแค่คำบอกเล่าว่าลุงทั้งสองมีน้องชายอยู่ที่กรุงเทพแต่ศตายุก็ไม่เคยเห็นอาคนนี้ซักที จนกระทั่งเมื่อเย็นนั่นแหล่ะ แม้ว่าการพบกันครั้งแรกจะไม่ค่อยน่าประทับใจนัก ศตายุอยากขอโทษแต่ตอนนั้นบรรยากาศกลับไม่เป็นใจ แถมตอนตนยกมือไหว้พระลอกลับไม่เห็นซะด้วย เอวบางถูกประคองเบาๆบางครั้งก็แตะลงบนสะโพกกลมกลึงอย่างไม่รู้ตัว

 

เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนๆนี้  แต่แล้วเพราะความใกล้ชิดอะไรๆบางอย่างของพระลอก็ถูไถไปกับต้นขาขาวอย่างไม่ได้ตั้งใจศตายุรู้สึกจั๊กจี้เลยเอามือลงไปปัดก็พบว่าตนเองนั้นปัดโดนอะไรๆของลลิตภัทรไปเต็มๆ

 

เพราะพระลอไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

ศตายุคิดว่าพระลอมีกางเกงในใส่ไว้อีกชั้น

 

ใบหน้าขาวใสขึ้นสีเรื่อลามไปยั้นใบหูและลำคอและพระลอเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อร่างบางที่พยายามดิ้นหนีมาตลอดเริ่มนิ่ง

 

                “ฮื้ออออ...อาลอ...ปล่อยหนูเลยนะ เอาผ้าของตัวเองไปเลยหนูไม่เล่นแล้ว”คนเด็กกว่าปาผ้าขาวม้าใส่หน้าพระลอก่อนจะผลักร่างหนาออกจากตัว

 

                “อ่า...สงสัยปลาชะโดมันตอดขาหนูสินะคะ แก้มแดงเชียว น้ำก็เย็นดีนะทำไมหนูหน้าแดงล่ะ”คนแก่กว่าเมื่อเห็นคนเด็กลนลานปีนขึ้นบันไดก็เอ่ยแซ็วทันที

 

                “ปลาตัวใหญ่ดีมั้ยคะหนู อาลอจับขึ้นมาให้ดูดีมั้ยเอ่ย?”

 

                “คนบ้า กลับบ้านไปเลยนะ ลามกจริงๆด้วย”ศตายุคว้าผ้าขนหนูมาคลุมตัวหยิบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนวิ่งหนีกลับบ้านไป พระลอมองก้อนกลมๆที่หายเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้แต่หัวเราะขำ

 

                “สนุกพอหรือยังไอ้ลอ ถ้าสนุกพอแล้วก็ขึ้นบ้านซักที พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่พี่รามกับพี่ขวัญมาแล้วด้วย” เสียงของพี่ชายคนรองดังมาจากศาลาท่าน้ำจนคนเป็นน้องต้องหันไปมองแล้วรีบว่ายน้ำกลับมาฝั่งบ้านตัวเอง พระลักษณ์ที่จะมาล้างมือล้างเท้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่พระลอดำน้ำแล้วไปแอบใต้ศาลาบ้านของแดนดิน โชคดีที่แถวนี้มีแค่บ้านของเขากับบ้านของแดนดินแค่สองหลัง ถ้ามีคนอื่นมาเห็นภาพเมื่อกี๊คงได้เอาไปลือกันทั้งบางแน่ๆ

 

                “นั่นน่ะลูกแฟนเก่ามึงนะไอ้ลอ ทำอะไรระวังหน่อย แล้วเจี๊ยบน่ะมันเด็กผู้ชาย มึงทำเหมือนกำลังหยอกเล่นกับเด็กผู้หญิง พ่อมันหวงยังกับอะไรดี ระวังจะมองหน้ากันไม่ติดอีก”

 

                “ก็ไม่ได้คิดอะไร เด็กมันมาแกล้งผมก่อนนะพี่”พระลอยักไหล่ในขณะที่ใช้สบู่ถูตัวลวกๆ

 

                “แต่ว่าลูกชายมันก็น่ารักดี"





.......................................................





ปลาชะโดเหรอ นึกว่าปลาดุกอุ๊ย...เอ้ย อุย อย่าจับแรงเดี๋ยวเงี่ยงทิ่มมือ



รักเจี๊ยบหลงเจี๊ยบเม้นท์เยอะๆให้กำลังใจได้ทั้งหน้าฟิคและในแท็กนะคะ



#พระลอตามไก่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 00:08:19 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ถ้าว่ากันตามตรง แดนดิน กับจิ้บนี่ ชั่วมากนะ แบบสุดๆเลยด้วย เกลียดอ่ะ :katai1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓


              หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วพระลอก็ขึ้นบ้านมาแต่งตัวเป็นชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเลแบบที่ชอบใส่ ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เช็คไลน์ บรรดาเพื่อนๆทั้งที่บริษัทและเพื่อนสนิทต่างส่งข้อความไต่ถามมานับร้อยข้อความ พระลอกดตอบกลับไปแค่ว่าถึงบ้านแล้วปลอดภัยดีและกำลังจะออกไปกินข้าวกับพ่อแม่และพี่ๆ เสียงเด็กเล่นกันดังแว่วเข้ามา พระลอหยิบโทรศัพท์ติดมือออกมาพร้อมถุงของฝากที่ซื้อมาให้สมาชิกในบ้าน

 

                ทันทีที่ประตูห้องของชายหนุ่มผู้เป็นทายาทคนเล็กของบ้านเปิดออกเด็กสองคนที่ยังคงไม่ได้เปลี่ยนชุดนักเรียนก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างดีใจ เด็กหญิงบัวบูชาและเด็กชายบุญรักษาแข่งกันเรียกอาคนโปรดเสียงดังเซ็งแซ่ แม้ว่าพระลอจะไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ชายหนุ่มนั้นสนิทกับหลานๆพอสมควร เกือบทุกวันที่เขาว่างชายหนุ่มจะวีดีโอคอลคุยกับพี่ชายและหลานตลอด

 

                “อาลอมานานยังคะบัวคิดถึงอาลอที่สุดเลย”เด็กหญิงบัวบูชาหรือใบบัวคนพี่กอดคออาหนุ่มพลางซบหน้าเล็กๆกับไหล่ของอา มือเล็กๆนั้นก็คล้องคอไว้อย่างอออดอ้อน ส่วนเด็กชายบุญรักษาหรือเจ้าใบบุญไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลยกระโดดเกาะเอวอาทันทีที่พระลอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือหนึ่งก็อุ้มหลานสาวอีกมือก็ประคองร่างหลานชายที่เกาะแน่นราวกับลูกลิง

 

                “อ้าวเด็กๆทำไมไปเกาะอาลอเค้าอย่างนั้นล่ะลูก ลงมาเลยอาเค้าหนักนะ”ขวัญชีวาเดินมารับลูกสาวออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นอาพร้อมกับดึงเจ้าลูกชายตัวแสบให้ลงมายืนดีๆ พระลอยกมือไหว้พี่สะใภ้คนโต ขวัญชีวาเป็นหญิงสาวร่างระหงสูงเพรียวเกินมาตราฐานหญิงไทยโดยเฉลี่ย หญิงสาวสูง 175 เซ็นติเมตร ใบหน้าสะสวยผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาอย่างสาวไทยแท้ บ้านของขวัญชีวารับราชการกันทั้งบ้านเมื่อแต่งงานกับรามฤทธิ์ก็แยกมาปลูกบ้านอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันกับพ่อแม่ของเขา พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองต่างแยกบ้านของตัวเองเป็นสัดส่วนโดยมีเรือนไทยโบราณหลังใหญ่ของพ่อแม่อยู่ตรงกลาง

 

                “พี่ขวัญ เห็นพี่บ่นอยากได้น้ำหอมผมไปซื้อมาฝากแล้วนะ”ขวดน้ำหอมแบรนด์เนมราคาแพงพอประมาณถูกส่งมอบให้กับพี่สะใภ้คนโต

 

                “แหม เธอนี่รู้ใจพี่เสียจริง เข้าเมืองทุกวันแต่ไม่มีเวลาเดินห้างเลย”ขวัญชีวาเปิดฝาขวดออกดมกลิ่นอย่างชื่นชม พระลอเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมดี เธอรู้จักกับน้องสามีตั้งแต่ยังเรียนปริญญาโทที่กรุงเทพแล้ว พระรามเป็นคนรักน้องมากเพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวที่ไหนก็มักพาน้องๆไปด้วยเลยทำให้เธอสนิทกับพระลอและพระลักษณ์ไปโดยปริยายตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงาน

 

                “คราวหน้าถ้าอยากได้อะไรพี่ส่งรูปเข้าไลน์ผมได้เลยนะเดี๋ยวให้เพื่อนๆที่กรุงเทพซื้อส่งมาให้ ส่วนนี่ของพี่นิดาครับ”พระลอแจกจ่ายของฝากให้สมาชิกในบ้านของพี่ชายคนโตนั้นเขาซื้อเสื้อเชิ้ตสีเรียบๆให้ครึ่งโหลกับเน็คไทด์อีก 3 เส้น ส่วนพระลักษณ์พี่ชายคนกลางได้ไวน์ราคาแพงที่พระลอฝากเพื่อนซื้อมากจากฝรั่งเศส ใบบัวและใบบุญได้ของเล่นที่หลานเคยบอกว่าอยากได้ ส่วนพ่อกับแม่ได้ถุงสีแดงเล็กๆด้านหน้ามีโลโก้ห้างทองชื่อดังแถวเยาวราช ย่าโฉมยิ้มแก้มแทบจะปริรีบเอาไปเก็บไว้ในห้อง

 

                “มานี่มาพระลอมาใกล้ๆพ่อกับแม่”ผู้ใหญ่ชลิตเอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กให้มานั่งใกล้ๆ ก่อนจะหยิบฝ่ายเส้นเล็กขึ้นมาผูกข้อมือให้ลูกชาย

 

                “กลับมาอยู่บ้านเรานะลูกนะ ให้อายุมั่นขวัญยืน กลับมาทำประโยชน์ให้หมู่บ้านเรา”ผู้ใหญ่ลูบหัวลูกชายเบาๆหลังจากผูกฝ้ายที่ข้อมือของพระลอเสร็จ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่กระบอกตาแต่ก็รีบกระพริบตาไล่ความพร่ามัวชั่วขณะนั้นออกไปแล้วกราบลงบนหลังเท้าของพ่อ จากนั้นก็ค่อยๆใช้เข่าคลานเข้าไปหาคนเป็นแม่ที่รอผูกแขนอยู่ก่อนแล้ว

 

                “ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ กลับมาอยู่กับแม่นะลอ แม่คิดถึงไม่อยากให้ไปไหนไกลแล้ว อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันเป็นอดีตไปนะลูกอย่าไปยึดติดกับมันนักเลย”แม่ลูบผมพระลออย่างรักใคร่คิดถึง ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าแม่ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปกอดและฝังจมูกลงบนผิวแก้มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาของแม่ไว้ เห็นความคิดถึงและหยาดน้ำตาเล็กๆของแม่แล้วเขาก็ได้แต่นึกด่าตัวเองในใจ ตลอดเวลา 16 ปีที่เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวทิ้งให้พี่ๆดูแลพ่อและแม่ที่วัยชราค่อยๆคืบคลานเข้ามากัดกินความกระฉับกระเฉงของคนทั้งสองแล้วตัวเองอยู่อย่างสุขสบาย บรรดาพี่ชายและพี่สะใภ้ต่างก็ผลัดกันผูกฝ้ายรับขวัญน้องชายคนเล็กของบ้านจนครบรวมทั้งใบบุญใบบัวที่ขอมีส่วนร่วมด้วย สมาชิกครอบครัวกลับมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งบรรยากาศบนโต๊ะอาหารชื่นมื่นเสียงพูดคุยหยอกล้อหัวเราะกันดังแว่วมาจนถึงบ้านของกำนันแดนดิน

 

                “วันนี้บ้านปู่ลิตครึกครื้นจังเลยนะจ๊ะแม่จ๋า”เจี๊ยบที่ช่วยแม่ล้างจานอยู่ในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาแว่วๆ

 

                “ปู่กับย่าคงมีความสุขน่ะลูก อาลอเค้าไม่ได้กลับบ้านมา 16 ปีแล้ว” จิ๊บที่บัดนี้กลายเป็นแม่ของลูกน่ารักๆถึงสามคนเดินมายืนข้างลูกชะเง้อมองไปทางเรือนไทยหลังใหญ่ที่เปิดไฟสว่างไสว

 

                “เค้าไปอยู่ไหนมาเหรอจ๊ะแม่ทำไมใจร้ายไม่ยอมกลับมาอยู่กับย่าโฉมเลย เนี่ยเจี๊ยบไปเล่นกับย่าทีไรย่าโฉมชอบเล่าให้ฟังว่าอาลอดีอย่างนู้นอาลอดีอย่างนี้ ถ้าดีจริงแล้วทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปทำไมล่ะจ๊ะ”

 

                “เจี๊ยบ ไม่น่ารักเลยนะลูก แม่สอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปวิจารณ์ใครถ้าเราไม่รู้จักเค้าดีพอ”แม่จิ๊บหันไปดุลูกที่วิจารณ์พระลอทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้รู้จักพระลอเลยซักนิด

 

จิ๊บรู้คำตอบที่ถูกถามดีว่าอะไรทำให้พระลอต้องทิ้งบ้านเกิดและพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่าไว้เบื้องหลัง

 

ศตายุเมื่อถูกแม่ดุใบหน้าหวานก็สลดลงทันที เด็กน้อยนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป พ่อและแม่คอยพร่ำสอนตลอดไม่ให้พูดถึงคนอื่นถ้ามันไมเกี่ยวกับเราศตายุท่องจำคำสั่งสอนของพ่อแม่อย่างขึ้นใจแต่ก็มาหลุดจนได้ จิรนันท์เลี้ยงลูกคนโตมาอย่างประคบประหงม คราวที่ลูกเกิดศตายุเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆของหล่อน เพราะต้องทิ้งช่วงเวลาในวัยรุ่นวุ่นอยู่กับการเลี้ยงลูกทำให้เธอที่อยากได้ลูกสาวเลี้ยงเจี๊ยบมาแบบลูกสาวจริงๆต่างจากแดนดินที่พยายามปลูกฝังความเป็นเด็กผู้ชายให้ลูก เจี๊ยบเลยมีคำพูดคำจาอ่อนหวานน่ารักจ๊ะจ๋าจนคนเฒ่าคนแก่เอ็นดูแต่ก็ซนเหมือนลิงทะโมนตามแบบฉบับของเด็กผู้ชายทั่วไปเช่นกัน จริงๆตอนเกิดเจี๊ยบไม่ได้ชื่อเจี๊ยบ เพราะจิ๊บอยากให้ลูกมีชื่อที่ต่างจากบ้านอื่นๆจะได้เป็นเอกลักษณ์เธอตั้งชื่อลูกชายคนโตว่าเจ้านายแต่ว่าเด็กน้อยกลับเลี้ยงยากสามวันดีสี่วันไข้ร้องไห้โยเยไม่ได้หยุดจนกระทั่งประไพผู้เป็นยายที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการเลี้ยงหลานส่งเสียงเรียกหลานอย่างปลอบโยน

 

                “ร้องโยเยเป็นลูกเจี๊ยบเลยนะ เปลี่ยนชื่อดีมั้ยเป็นลูกเจี๊ยบเอามั้ย เจี๊ยบเอ้ย เจ้าเจี๊ยบคนเก่งของยาย”และเหมือนปาฏิหาริย์เจ้านายที่ร้องจนตัวแดงก็หยุดร้องแล้วจ้องหน้ายายตาแป๋ว เมื่อไหร่ที่ถูกเรียกว่าลูกเจี๊ยบเด็กน้อยจะคุยอ้อแอ้ได้ตลอดชื่อเจ้านายจึงถูกกลืนหายไปในที่สุดแล้วก็กลายเป็นเด็กชายลูกเจี๊ยบถึงแม้ตอนแรกจิ๊บจะไม่ชอบนักแต่พอลูกเลี้ยงง่ายไม่ป่วยไม่ไข้หล่อนก็ทำใจว่าลูกจะต้องมีชื่อซ้ำกับคนในหมู่บ้านอีก 3-4 คน แรกๆใครๆก็เรียกลูกเจี๊ยบๆหลังๆก็เหลือแค่เจี๊ยบเป็นขวัญใจของบ้านหลังจากนั้นจันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอมก็มาเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของบ้านตามลำดับ

 

ลูกชายของหล่อนอายุ 15 ปี แต่ศตายุชอบบอกว่าตนเองอายุ 16 เพราะจะนับเวลาที่อยู่ในท้องแม่รวมด้วย

 

                “เจี๊ยบอยากโตไวๆ”นั่นคือสิ่งที่ลูกบอกไว้

 

                “หนูขอโทษจ้าแม่ คราวหลังจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว”

 

                “ดีแล้วลูก ยิ่งเราโตคำพูดคำจาอะไรก็ยิ่งต้องระวัง อย่าไปตัดสินใคร อาลอเป็นคนดีนี่คือความจริง ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดก็จะกลายเป็นนายเราไปเถอะรีบล้างจานให้เสร็จ”

 

                “จ้าแม่”

 

 

                เช้านี้พระลอวิ่งวุ่นกับการไปเยี่ยมคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านตามคำสั่งของพ่อ นามบัตรที่มีใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมสโลแกนหาเสียงเบอร์ประจำตัวถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนที่พบเจอ พระลอรู้สึกว่าวันนี้ตนเองยกมือไหว้มากกว่าที่เคยไหว้มาทั้งชีวิตซะอีกหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเป็นเพื่อนเก่ากันเข้ามาทักทายเขาอย่างดีใจ พระลอจำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะไม่ได้เจอนานและเพื่อนบางคนแปลกตาไปจนน่าตกใจ

 

                “โหยไอ้ลอไปอยู่กรุงเทพสิบกว่าปีหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ”เพื่อนคนหนึ่งออกปากชมเอาอย่างตรงไปตรงมาในขณะที่พระลอใส่เสื้อเชิ๊ตปลดกระดุมสองเม็ดเพื่อนของเขาก็ใส่เสื้อลายสก็อตเก่าๆสีเขรอะๆเพราะกรำแดดทำนาทำไร่มาตั้งแต่เริ่มโต พระลอแวะคุยตามแต่จะมีคนเรียก การกลับมาของเขาสร้างความตื่นเต้นให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันส่งยิ้มบ้างก็ทำท่าเอียงอาย

 

พระลอก็มองว่าบางคนก็สวยดี แต่ก็ไม่รู้ผู้หญิงผิวเนียนๆสวยๆในกรุงเทพไม่ได้ หลังจากเยี่ยมตามบ้านทำคะแนนเสียงจนบ่ายพระลอก็ไปส่งพ่อที่วัดเพราะพ่อจะไปคุยเรื่องเปลี่ยนหลอดไฟในโบสถ์ต่อส่วนชายหนุ่มก็ขับรถกลับมาบ้านทักทายแม่ที่นั่งทำขนมอยู่ที่บ้านพระลักษณ์กับพี่สะใภ้แล้วก็ขอตัวกลับขึ้นเรือนใหญ่เข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงบอลง่ายๆหยิบโดรนบังคับของเล่นใหม่ที่เอากลับมาด้วย เขากะว่าจะเอาไปลองบินเล่นอีกหน่อยจะติดกล้องแล้วถ่ายคลิปมุมสูงมาดูว่าจะทำอะไรกับที่ดินของที่บ้านได้บ้าง ชายหนุ่มบังคับโดรนให้ค่อยๆบินขึ้นรอบบ้านก่อนจะบังคับให้บินไปที่ศาลาริมน้ำกะว่าจะเก็บภาพของคลองไว้ด้วย โดรนตัวนี้เขาซื้อมาในราคาเกือบสองหมื่นบาท เพราะเพิ่งหัดเล่นกะว่าคล่องมือแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นตัวที่แพงขึ้นแล้วจะไปทำใบอนุญาตในภายหลัง

 

                อีกฝั่งของคลองแก้วเจ้าจอมเด็กชายวัย 9 ขวบ กำลังเพ่งสมาธิกับลูกมะม่วงลูกโตที่อยู่สูง ต้นมะม่วงทอดกิ่งย้อยลงไปในคลองข้างๆไม่ไกลกันลูกเจี๊ยบก็ง้างหนังสติ๊กจนสุดแขนสมาธิแน่วแน่หยีตาลงหนึ่งข้างเพื่อเล็งก่อนจะปล่อยกระสุนดินเหนียวที่จะจกจากในนามาปั้นเป็นก้อนกลมเท่าเหรียญบาทแล้วตากแห้งมาสามแดดไปอย่างมั่นใจ

 

ฟึ่บ!!!

 

เคร้ง!!

 

จ๋อม!!

 

                “เฮ้ย!!!///เฮ้ย!!!”

 

ใครๆต่างก็ชมว่าลูกเจี๊ยบน่ะยิงหนังสติ๊กแม่นมาก เล็งอะไรไว้ไม่เคยพลาด วันนี้ลูกเจี๊ยบพิสูจน์คำกล่าวขวัญนั้นด้วยมะม่วงลูกละ 15490 บาท เลยล่ะ

 

                “แย่แล้ว!!!”ลูกเจี๊ยบที่อาวุธสังหารยังคงคาอยู่ในมือรีบวิ่งไปที่ริมตลิ่ง โดรนที่เคยบินฉวัดเฉวียนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลงจมลงไปในน้ำที่กลางคลองอย่างช้าๆโดยที่คนบังคับเพิ่งจะวิ่งมาถึงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

เมื่อตาต่อตามาประสาน ป๊ะเท่งเท่ง...

 

หนังสติ๊กในมือของศตายุก็หล่นตุ่บลงข้างๆเท้าที่คีบรองเท้าแตะช้างดาวในทันใด

 

โดรนค่อยๆจมลงไปในน้ำเหมือนกับใจของพระลอที่บัดนี้กำลังถูกแทนที่ด้วยไฟโกรธ ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าเด็กนักแม่นปืนตาเขียวปั๊ด เขียวยิ่งกว่าตะไคร่น้ำที่เกาะตรงตีนบันไดไม้ที่ยื่นลงไปในน้ำซะอีก เจี๊ยบน้อยทำตาปริบๆ ส่วนเจ้าจอมก็ใช้คาถาพรางตัวแอบอยู่หลังต้นมะม่วงอย่างแนบเนียน

 

จะไม่มีใครเห็นเจ้าจอมเด็ดขาด

 

พี่เจี๊ยบซี่ที่ยิงเจ้าจอมแค่เล็งเป็นเพื่อนเฉยๆนา..เรื่องเอาหน้าเป็นที่หนึ่ง แต่ถ้าเรื่องทำผิดจอมก็หลบเก่งเช่นกันนาจ๊ะ

 

                “อาลอหนูขอโทษ...”เสียงอ่อยๆจากเด็กซนพร้อมกับมือพนมราวกับดอกบัวตูมนั้นไม่ได้ทำให้พระลอใจอ่อนลงเลย ชายหนุ่มปาคันบังคับทิ้งก่อนจะกวักมือเรียกให้เด็กแสบข้ามมาหาตน

 

                “ไม่ไปได้มั้ยอ่า ไอ้อันนั้นของอาลอมันเท่าไหร่เดี๋ยวเจี๊ยบแคะกระปุกเอาตังค์มาใช้คืนให้”เด็กน้อยหน้าเสียเมื่อคนฟากขะนู้นกวักมือเรียกหน้าหงิก กวักเหมือนลุงตำรวจจราจรที่โบกรถหน้าโรงเรียนตอนเช้าๆของเจี๊ยบเลย

 

                “ในกระปุกหนูมีเงินเท่าไหร่คะ ไหนบอกอาลอซิ๊จะได้รู้ว่าพอมั้ย”

 

                “น่าจะซัก...”ลูกเจี๊ยบกรอกตาพลางคำนวณจำนวนเงินคร่าวๆ เขาเก็บเงินจากค่าขนมทุกวันหยอดใส่กระปุกทีละ 10-20 บาท ตอนนี้ก็น่าจะมีซัก....

 

                “น่าจะมี 2-3 พัน หนูหยอดไว้ซื้อ G Shock ironman”พระลออยากจะแหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าให้ฟันร่วงลงคอไปซะ

 

                “จะพายเรือข้ามมาดีๆหรือจะให้อาลอไปฟ้องแม่ว่าหนูทำของอาพังอีกแล้ว เจอกันสองวันหรือทำรถอาเป็นรอยกับยิงโดรนของอาตกน้ำ เมจิกแฮนด์จริงๆเลยนะคะ”

 

เมจิกแฮนด์=จับอะไรกับชิบหาย

 

                “ไม่เอานะ เมื่อวานเจี๊ยบก็โดนแม่ดุเป็นชั่วโมงถ้าวันนี้อาลอฟ้องแม่ต้องตีเจี๊ยบแน่เลย”

 

                “ถ้างั้นก็ข้ามมาค่ะอย่าให้อาต้องพูดซ้ำ” ที่สุดแล้วเด็กที่มีความผิดก็จำยอมพาร่างขึ้นเรือแล้วพายข้ามมา พระลอยื่นมือไปให้หลานจับเพื่อพยุงตัวขึ้นมาบนฝั่ง

 

                “ฮื้อ...อาลออย่าฟ้องแม่นะ เจี๊ยบไม่อยากโดนแม่ดุ”

 

                “ถ้างั้นจะให้อาลอตีกี่ทีคะ?”พระลอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำไมจะต้องใจเย็นกับเด็กที่ทำตัวลีบๆตรงหน้า ยิ่งคำพูดคะขาที่ปกติเขาจะใช้กับผู้หญิงสวยๆที่เคยควงเล่นที่กรุงเทพ แต่พอเป็นเด็กตรงหน้าคำลงท้ายคะขาก็ดูเหมาะกับลูกเจี๊ยบตัวโตนี่ดีเหมือนกัน

 

                “ตีเลยเหรอ...”ลูกเจี๊ยบทำหน้าแหยๆ มืออาลอหนักน้อยไปซะเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อวานที่อาลอเอาเขาพาดตักแล้วตีในรถอ่ะ ก้นเขาเป็นรอยนิ้วของอาลอเลยนะ ตอนนี้ก็ยังไม่จางเลย

 

                “ก็ตีสิคะ หนูเล่นซนจนข้าวของอาเสียหายนี่นา”

 

                “แต่หนูไม่ได้ตั้งใจนะอา ปกติหนูก็ยิงมะม่วงกินตลอดแล้วอาเอาไอ้นั่นมาเล่นตรงนี้ทำไมอ่ะ”

 

                “นี่หนูเถียงผู้ใหญ่เหรอคะ แม่จิ๊บรู้หรือเปล่าว่าเป็นเด็กขี้เถียง?”

 

                “หนูป่าว...ฮึ่ย!!”ว่าแล้วเด็กแสบก็ทำปากคว่ำกระทืบเท้าทีหนึ่งแล้วหันหนีไม่มองพระลออีก

 

อ่าว...งอนว่ะ

 

อยู่ๆมางอนเฉยเลย มันไม่ใช่ป่าววะ

 

                เงยหน้ามองอา”

 

                “หนูไม่อยากคุยกับอาลอแล้ว จะทำอะไรก็ทำ”ลูกเจี๊ยบหันหลังให้พระลอพลางกอดอก

 

                “พูดจาไม่น่ารัก หนูทำผิดอยู่นะคะ”พระลอไม่เคยรู้สึกว่าตนเองจะต้องใช้ความใจเย็นกับเด็กที่ทำความผิด ขนาดใบบัวกับใบบุญเขายังไม่เคยต้องใจเย็นแบบนี้มาก่อน ดึงตัวคนเด็กกว่าให้หันกลับมาหาตนใช้ปลายนิ้วเชยคางของร่างบางให้แหงนขึ้นมาสบตากับตน แต่นั่นแหล่ะ เด็กขี้งอนก็ยังหลบตามองไปทางอื่น

 

                “เจี๊ยบ...โดรนอันนั้นราคาเกือบหมื่นหก”

 

                “ห๊ะ!!”คราวนี้เด็กขี้งอนหันมามองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด แก้มอูมๆดูน่าเอ็นดูยามเจ้าตัวเม้มปากกอดอกหลับตาแน่น

 

                งั้นอาลอตีหนูเลย หนูทำของแพงๆพัง”

 

                “ต้องตีซักกี่ทีถึงจะคุ้มเนี่ย”พระลอทำท่าครุ่นคิดพลางลอบสังเกตท่าทางของศตายุไปด้วย ร่างบางเป็นเด็กสูงโปร่ง แขนไร้กล้ามแบบเด็กผู้ชาย เรียวขาเพรียวระหง ช่วงเอวคอดหน้าท้องแบนราบอย่างเด็กที่เพิ่งยืดตัวไม่นาน ทั้งเนื้อทั้งตัวคงมีแค่แก้มนั่นแหล่ะที่อ้วนสุดๆ คงจะนุ่มน่าดู

 

                “ไม่รู้...”

 

                “คงจะเกินสิบทีแน่ๆ งั้นไม่ใช้มือตีล่ะ เจ็บมือ เมื่อวานที่ตีหนูไปก็เจ็บรอตรงนี้นะอาลอไปหาไม้ก่อน”

 

ฮื้อ...อาลอจะตีหนูจริงๆเหรอเนี่ย ลูกเจี๊ยบน้อยร้องประท้วงอยู่ในใจ สายตามองตามพระลอที่เดินไปในดงกระถินเริ่มหักกิ่งกระถินต้นยาวรูดใบทิ้งแล้วเดินกลับมาหาผู้ต้องหาตัวน้อยสูงประมาณ 180 คือถ้าใจเราคิดว่าเด็กมันตัวเล็กต่อให้ลูกเจี๊ยบสูงกว่าเขาพระลอก็จะมองว่าแป็นตะเร้กตะน้อยอยู่ดีใครจะทำไม แกล้งตวัดข้อมือให้ไม้เรียวในมือหวดอากาศดังควับๆเป็นการข่มขวัญ

 

ตาย...หวดยังกับวงสวิงไม้กอล์ฟถ้าตีลงมานี่ตูดแหกแน่ๆเจี๊ยบเอ๊ย

 

                “อ..อาลอ จะตีหนูจริงๆเหรอ”ศตายุเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ อาลอไม่มีทีท่าว่าจะออมมือแน่ๆ

 

                “จริงสิคะ เด็กทำผิดต้องโดนลงโทษ ว่าไงคิดได้ยังว่าจะให้ตีกี่ที”

 

                “ไม่ตีได้มั้ยอ่ะ เมื่อวานที่อาตีหนูๆยังเจ็บอยู่เลย รอยเก่ายังไม่หายอาลอจะตีหนูได้ลงคอเหรอจ๊ะ”คนเด็กกว่าช้อนตาขึ้นมองอ้อนๆ พระลอแทบจะปล่อยไม้เรียวให้ร่วงจากมือ ขนตางอนๆนั่นกับตากลมๆนั่นใครจะไปตีลงละคะ ปั๊ดโธ่!!!

 

พระลอมองกวาดตาไปรอบๆอย่างละเอียด ก่อนรอยยิ้มร้ายจะผุดขึ้นบนหน้าหล่อๆเมื่อคนเด็กเผลอก้มหน้าลง

 

                “เอางี้อาลอไม่ตีแล้วก็ได้ แต่เจี๊ยบต้องชดใช้ให้อาลอด้วยอย่างอื่น”

 

                “อะไรเหรอ อาลอเอาตังค์มั้ยเดี๋ยวเจี๊ยบข้ามไปเอากระปุกมาให้”เจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยทำท่าจะก้าวไปที่เรือแต่ว่าพระลอก็คว้าแขนหลานไว้ได้ก่อน

 

                “เก็บเงินเจี๊ยบไว้เถอะค่ะเอาไว้ซื้อของที่อยากได้อาขออย่างอื่น”

 

                “แล้วอาลอจะเอาอะไรอ่ะ”

 

                “หอมแก้มอาลอครั้งละ 2000 หักลบกัน”

 

                “ฮื้อ...มันใช่เหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อค่าเสียหายมันแปลกๆ

 

                “หรือจะให้อาตีคะ หอมแก้มอาแล้วอาหอมแก้มหนู 2 ทีเป็นอันจบ เอามั้ย ถ้าไม่เอาอาก็จะตีแล้วนะ เสียเวลาเนี่ย”แกล้งขยับไม้อีก 2-3 ที จนเกิดเสียงแหวกอากาศ ลูกเจี๊ยบน้อยทำท่าครุ่นคิด ไม่เป้นไรหรอกมั้ง เจี๊ยบก็หอมแก้มพ่อกับแม่ออกจะบ่อย หอมแก้มอาลออีกคนคงไม่เป็นไร

 

คิดได้ดังนั้นร่างบางก็ยืดตัวขึ้นสูงแล้วกดปลายจมูกหอมแก้มซ้ายขวาของพระลอรัวๆไป 4 ครั้ง หักหนี้ไปแล้วนะ 8000 พระลอยิ้มกับสัมผัสที่ผิวหน้านั้นแม้จะเป็นการหอมแบบเร็วๆแต่ก็ทำเอาเขาใจเต้นแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาจับข้อมือสองข้างของหลานไว้ศตายุมองหน้าพระลอที่ยิ้มกริ่มก็รู้สึกร้อนๆที่ผิวแก้ม ใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพระลอค่อยๆโน้มหน้าลงจนกระทั่งปลายจมูกแตะลงบนแก้มนุ่มนั้นละเลียดสูดกลิ่นเด็กเข้าไปจนเต็มปอดจนเกิดเสียงดังฟอดใหญ่

 

อ่า...ชื่นนนนนนนนน.....จายยยยยยย

 

กลิ่นเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อสาว(?)มันหอมได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

 แก้มใสขึ้นสีแดงจัดราวกับมะเขือเทศที่ค่อยๆสุกยิ่งทำให้น่าลิ้มน่าลองมากขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกกัดไว้ขึ้นสีแดงจัดอย่างเด็กสุขภาพดี

 

เขิน...ลูกเจี๊ยบรู้สึกเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว

 

ทำไมพ่อแดนดินกับแม่จิ๊บหอมแก้มเจี๊ยบยังไม่รู้สึกแบบนี้เลยล่ะ

 

พระลอฝังจมูกลงบนแก้มอีกข้างและทำอย่างเดียวกันอ้อยอิ่งและนุ่มนวลโดยไม่เห็นเลยว่าฝั่งตรงข้ามร่างเล็กๆของแก้วเจ้าจอมวิ่งปรู๊ดกลับขึ้นบ้านไปแล้ว

 

                “พ่อจ๋าพ่อกำนัน อาลอกินแก้มพี่เจี๊ยบ!!!”

 

บอกแล้วว่าเรื่องเอาหน้าอ่ะแก้วเจ้าจอมคือนัมเบอร์วัน!!

 







................................................



หอมกลิ่นโอเลี้ยงกับข้าวผัดแปลกๆ



เม้นท์ได้ตามอัธยาศรัยจ้า แบ่งฝั่งมาเลย ขอเสียงทีมคนคุกหน่อยจ้า แหนบถอนผมหงอกในมือสั่นไปหมดแล้วจ้า



หลอกเด็กๆๆๆๆๆๆๆๆ



#พระลอตามไก่

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุกๆๆๆๆๆๆ  แค่ไอเฉยๆนะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔

  แดนดินโกรธเหมือนมีไฟลุกไหม้อยู่บนหัวทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของแก้วเจ้าจอมลูกชายคนเล็ก แดนดินที่นอนเอนหลังพักเหนื่อยก็ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งก่อนจะตะโกนให้จิ๊บหยิบปืนให้ทีร้อนถึงภรรยาต้องห้ามปรามเสียยกใหญ่

 

                “เจ้าจอมไหนบอกพ่อซิ๊ไอ้ลอมันทำอะไรพี่เจี๊ยบนะ”

 

         “พี่เจี๊ยบยิงมะม่วงแล้วไปโดนไอ้ที่มันบินๆได้ของอาลอ อาลอเลยเรียกให้พี่เจี๊ยบข้ามไปหาแล้วอาลอก็กัดแก้มพี่เจี๊ยบเลยพ่อ”

 

โหย...ไอ้ลอ ไอ้ชาติชั่ว ลูกกูเลี้ยงแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมขนาดมดกัดกูยังเอาส้นตีนกระทืบมดจนขี้แตกแล้วมึงเป็นใครมากัดแก้มลูกกู นี่มึงโกรธมึงเกลียดกูจนเอามาลงกับลูกกูเลยเหรอ เดี๋ยวมึงเจอลูกซองแฝดของกูแน่ แดนดินเข้าไปแย่งปืนจากมือจิ๊บแล้วเดินลิ่วๆมาที่ท่าน้ำ ไฟร้อนบนหัวแทบจะทำให้น้ำละเหยจนหมดคลองโมโหจนลืมใส่รองเท้า เขาคิดว่าเขาจะพยายามญาติดีกับพระลอแล้วเชียวแต่ท่าทางมึนตึงของไอ้คนอ่อนวัยกว่าเป็นตัวบ่งชัดได้ดีว่ามันไม่คิดจะให้อภัยความผิดเมื่อครั้งก่อน

 

แล้วยังไงโกรธพ่อแม่มาลงกับลูกเนี่ยนะ ไม่มีเหตุผลไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย หากในใจของพระลอยังขุ่นข้องอะไรจะนัดต่อยนัดตีกับเขาก็ย่อมได้มาเคลียร์กันให้ชัดๆให้มันจบๆไปเพราะไม่ว่าการใช้กำลังจะจบลงยังไงจิ๊บก็ยังเป็นภรรยาที่น่ารักและรักเขาอยู่ดี

 

พระลอมันขี้แพ้จะตอนนั้นหรือตอนนี้ก็ขี้แพ้ แต่ลูกน้อยลูกชายตัวน้อยๆของเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับความบาดหมางของผู้ใหญ่งี่เง่าแบบพระลอและพ่อแม่เลยซักนิด ทำไมต้องมากัดแก้มลูกเขาด้วย

 

เป็นหมารึไง??

 

                “ไหน ไอ้ลอมันอยู่ไหน เจี๊ยบลูกพ่อ พ่อมาช่วยแล้ว”กำนันแดนดินร้องเรียกลูกก่อนจะถึงท่าน้ำซะอีก แต่เมื่อไปถึงภาพที่เห็นคือพระลอกับศตายุกำลังยืนคุยกันอยู่ พระลอใช้มือลูบแก้มของศตายุอย่างแผ่วเบา

 

                “ยังขาดอีกสี่พันนะแล้วอาจะเอาคืนวันอื่น”พูดจบก็เหล่ตามองแดนดินที่เล็งปืนมาทางตนพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ศตายุเมื่อเห็นพ่อเล็งปืนมาทางพระลอร่างบางก็รีบกางแขนแล้วเข้าขวางตัวของพระลอทันที

 

                “พ่อ ทำอะไรอ่ะ เอาปืนมาทำไม??”คนลูกตะโกนถามพ่อในขณะที่แม่จิ๊บกับจันทร์เจ้าขาก็วิ่งตามมาสมทบพอดี พระลอมองภาพครอบครัวของแดนดินด้วยใจที่กระตุก

 

จิ้บยังคงสวยและดูอ่อนหวานเหมือน 16 ปีก่อนไม่มีผิด จะแตกต่างจากเดิมคือดูเป็นผู้ใหญ่และสวยจัดอย่างเหลือเชื่อ สวยจนไม่คิดว่าจะมีลูกให้แดนดินถึงสามคน สองสายตายสบกันราวโลกหยุดหมุน

 

                “มึงปล่อยลูกกูกลับมาเลยนะ มึงเป็นหมาบ้าหรือไงมากัดแก้มลูกกู”

 

หืม...กัดแก้ม ศตายุกับลลิตภัทรมองหน้ากันก่อนจะเบนสายตาไปหาแก้วเจ้าจอมที่รีบหลบอยู่ข้างหลังผู้เเป็นพ่อ

 

ลูกผู้ชายแมนๆกล้าทำก็ต้องกล้ารับเว้ยแต่ตอนนี้เจ้าจอมยังเด็กอยู่ขอหลบหลังพ่อกำนันไปก่อนนาจ๊ะ รอโตกว่านี้ก่อนค่อยยืดอกยอมรับว่าเออ หนูฟ้องเองแหล่ะ จะทำแม๊ะๆๆๆ

 

                “พ่อ อาลอไม่ได้กัดแก้มหนูนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบรีบตะโกนบอกพ่อ

 

                “แต่หนูเห็นนะพี่เจี๊ยบ อาลอดมแก้มพี่เจี๊ยบแล้วทำท่าเหมือนจะกินด้วย”แก้วเจ้าจอมโผล่ออกมาแค่ใบหน้าส่วนตัวยังแอบอยู่ข้างหลังพ่อออกมารีบแก้แทนคำพูดให้พี่ชาย

 

เนี่ย พี่เจี๊ยบต้องกลัวอาลอตีแน่ๆถึงต้องโกหกไปแบบนั้น

 

                “พี่เจี๊ยบไม่ต้องกลัว จอมพาพ่อมาช่วยแล้ว อาลอขู่จะตีพี่เจี๊ยบใช่มั้ยล่ะถึงต้องโกหกอ่ะ พ่อจ๋าพ่อกำนันดูนั่นเลย อาลอเอาไม้จะมาตีพี่เจี๊ยบด้วยนั่นน่ะหนูไม่ได้โกหกนะ”นิ้วจ้อยๆชี้ตรงไปยังไม้กระถินที่พระลอทิ้งไว้ใกล้ๆ

 

โอโห ไม้อันเบ้อเริ่ม มึงจะเอามาตีลูกกูหรือจะเอาไปล้มช้างเหรอไอ้ลอ

 

                “ไอ้ลอ ไอ้ชิบหาย มึงจะตีลูกกูได้ยังไงตั้งแต่เล็กจนโตซักแปะกูยังไม่เคยแตะลูกกูเลย มึงตายวันนี้แหล่ะ”แดนดินบรรจุลูกปืนใส่รังมือไม้สั่น ปกติเขาก็เป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของลูกน่ะแดนดินร้อนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จิ๊บกับเจ้าขารีบยึดมือพ่อไว้

 

                “พี่ดินมีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้”

 

                “ใช่จ้าพ่อค่อยๆพูดกัน อาลอไม่ได้จะตีหนูนะจ๊ะพ่อ เจ้าจอมเข้าใจผิด”

 

                “ถ้าไม่ได้ตีแล้วจะเอาไม้มาทำไม “

 

                “อาลอแค่เอามาขู่เลยๆ”ลูกเจี๊ยบตัดสินใจว่าเอาไงเอากันวะ โดนแม่ดุก็ได้แต่ลูกเจี๊ยบไม่อยากให้ต้องมีใครตายในวันนี้

 

                “จะบอกพ่อเหรอ เดี๋ยวแม่ดุนะ บอกเค้าไปก็ได้ว่าอาลอหอมแก้มหนู”คนข้างหลังที่ดูจะไม่สะทกสะท้านเลยซักนิดกระซิบเบาๆ

 

                “อยากตายหรือไงเล่า อยู่เฉยๆไปเลย ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ เจี๊ยบเป็นลูกผู้ชาย”

 

                “อาหอมแก้มหนูอาก็กล้ารับนะคะ อาก็ลูกผู้ชายเหมือนกัน”

 

                “มึงขู่อะไรลูกกูอีกไอ้ลอ ไอ้ชั่ว”

 

                “พ่อจ๋า อาลอไม่ได้จะตีหนูจริงๆ อาลอแค่เอามาขู่เฉยๆ หนูทำโดรนบังคับของอาลอพังจมน้ำไปแล้ว มันแพงมากด้วยอาลอแค่เรียกมาคุยเฉยๆ หนูไม่อยากให้อาลอบอกแม่ก็เลยข้ามมาขอโทษ”ลูกเจี๊ยบน้อยเมื่อเห็นสายตาดุๆของแม่ก็จ๋อยลงไปทันที พระลอมองตามก็ให้สงสาร สายตาของพระลอจ้องตอบจิ๊บที่มองมา

 

น่าแปลก ทั้งๆที่เคยคิดว่าคงไม่สามารถมองหน้าจิ๊บได้อีกแล้วในชาตินี้แต่ในตอนนี้ใจของพระลอกลับสงบนิ่งราวกับที่ผ่านมาตนนั้นไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน

 

                “สบายดีมั้ยจิ๊บ?”และนี่เป็นอีกสิ่งที่พระลอไม่เคยคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายกล้าทักทายพูดคุยกับจิ๊บก่อน และทันทีที่เอ่ยทักทายไปเหมือนพระลอใช้มีดตัดเชือกที่ผูกกับหินก้อนใหญ่ที่เจ้าตัวใช้ถ่วงใจมานานนับ 16 ปีให้ขาดออกไปความหน่วงที่มีในใจพลันสลาย จิ๊บเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักของพระลอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

                “จิ๊บสบายดี แล้วลอล่ะตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”จิ๊บตะโกนตอบกลับคำถามของพระลอ แดนดินมองภรรยาคุยกับอดีตคนรักเก่าก็ให้หนวดกระตุกเล็กน้อยแต่เมื่อภรรยากระชับฝ่ามือที่จับต้นแขนเขาไว้แดนดินก็สงบลงได้ เรื่องลูกเอาไว้ก่อน อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าตลอด 16 ปี จิ๊บเองก็มีเรื่องลำบากใจเรื่องที่ทำให้นึกโทษตัวเองมาเสมอที่ทำให้บ้านฟากขะนู้นต้องพลัดพรากจากลูกชายไปนาน

 

                “เราสบายดี แล้วตอนนี้เราก็ดีขึ้นแล้ว ลูกจิ๊บเป็นเด็กน่ารักดีเนอะ”พระลอจับไหล่เจ้าลูกเจี๊ยบที่ยืนทำหน้าจ๋อยโยกไปมาเบาๆอย่างหยอกล้อ

 

                “ซนยังกับอะไรดี แล้วของๆลอ แพงมากมั้ย เดี๋ยวเราชดใช้ให้”

 

                “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น แต่เราขอตัวหลานมาช่วยพาทัวร์รอบหมู่บ้านหน่อยได้มั้ย เราเพิ่งกลับมาอะไรๆมันเปลี่ยนไปเยอะ ค่าซ่อมรถกับค่าโดรนเราถือเป็นค่าจ้างไปได้มั้ย”

 

                “ไม่ให้//ได้สิ”สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันทันที สายาเย็นๆของจิ๊บเหมือนจะสาปให้แดนดินเป็นน้ำแข็งซะตรงนั้น

 

                “เอ่อ...ลูกเราต้องไปโรงเรียนนะจิ๊บ”

 

                “เราขอเย็นๆหรือก็เสาร์-อาทิตย์ก็ได้”คนอีกฝั่งที่คิดสะระตะในในถึงความคุ้มรีบตะโกนกลับมา

 

                “เย็นคงไม่ได้หรอกนะลอ เจี๊ยบกว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมงแล้วกว่าจะทำการบ้านอีกเราให้เสาร์อาทิตย์กับวันว่างๆแล้วกัน แล้วก็ขอโทษด้วยที่ลูกเราซนจนทำของๆลอเสียหาย”

 

                “เอาล่ะหมดเรื่องของแล้ว คราวนี้มึงตอบมาว่ามึงทำอะไรลูกกู กูมั่นใจว่าเจ้าจอมเห็นจริงๆลูกกูไม่โกหก ใช่มั้ยจอม”

 

                “หนูไม่โกหกจ้าพ่อ”ไอ้เด็กแสบรีบพยักเพยิดกับพ่อทันที((หนูแค่เติมบทนิดๆหน่อยๆเพราะหนูเป็นเด็กมีจินตนาการ))

 

                “ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ยางมะม่วงติดแก้มหลาน กู...เอ่อ ผมก็เลยปัดออกให้ เดี๋ยวมันกัดหน้าแหกทำไง”

 

                “แต่อาลอเอาจมูกกับปากโดนแก้มพี่เจี๊ยบนะหนูเห็น”

 

          “มึงหอมแก้มลูกกูเหรอไอ้ลอ!!”

 

พระลออยากจะกระโจนข้ามไปกระชากหัวแก้วเจ้าจอมแล้วเหวี่ยงให้จมน้ำตามโดรนของเขาไปซะจริงๆ ไอ้เด็กฆ้องปากแตกนี่ทำยังไงถึงจะปิดปากมันได้วะ แล้วดูนั่นได้แดนดินหน้าดำหน้าแดงบรรจุกระสุนขู่อีกแล้ว ไอ้ห่านี่ก็ยิ่งแก่ยิ่งเลือดร้อนหรือไงวะ กูไม่ใช่กระป๋องที่งานวัดนะมึงจะมาเอะอะยิงเอะอะยิงม่ายด๊ายยยย!!!

 

                “อาลอไม่ได้หอมแก้มพี่เจี๊ยบซักหน่อย มันเป็นมุมกล้อง อาลอแค่ก้มหน้าไปดูชัดๆว่ายางมะม่วงติดอยู่ตรงไหนบ้าง”นิ่งไว้ลอ นิ่งไว้ อย่าให้ใครรู้ว่าใจเต้นดังมาก แต่เหมือนจะมีคนๆหนึ่งรู้นะ เพราะหลังแนบชิดติดกับอกของเขาซะขนาดนี้ เจ้าเจี๊ยบน้อยหันหน้ามามองเขาสายตาของเด็กกล่าวโทษเขาอย่างเห็นได้ชัด ในนั้นมีคำว่า “อาลอโกหก” ติดไว้ตัวเบ้อเริ่ม พระลอจ้องตาหลานตอบกระตุกยิ้มเล็กน้อยเป็นเชิงท้าทายว่าหรือจะให้พูดความจริงดีว่าอาลอหอมแก้มเจี๊ยบจริงๆ เจ้าเจี๊ยบน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันไปพยักหน้าบอกกับพ่อแม่ว่าที่เขาพูดออกไปนั้นคือเรื่องจริง

 

                “ถ้างั้นเจี๊ยบกลับมาบ้านเราได้แล้ว”แดนดินสั่งลูกเสร็จก็ยื่นปืนให้จิ๊บถือแล้วกวักมือเรียกลูกเหย๋งๆ เจี๊ยบกรอกตามองบนความรู้สึกตอนนี้ยังกับเดจาวู คนฟากขะนี้ก็เพิ่งกวักมือเรียกเขามาคนฟากขะนู้นก็กวักมือเรียกเขากลับ เด็กน้อยผละตัวออกจากการเกาะไหล่ของพระลอก้าวลงเรือพายกลับบ้าน พอลูกขึ้นฝั่งจิ๊บก็หยิกหมับเข้าที่ต้นแขนลูกแล้วบิดโดยแรงจนเจ้าเจี๊ยบสะดุ้งร้องโอดโอยกลับบ้านตามพ่อกับแม่ไป ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างขบขันมองคันบังคับโดรนแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเอง

 

ไปสำรวจใต้น้ำแทนแล้วกันนะเพื่อนรัก

 

 

                “ย่าจ๋า ทำไมเราต้องทำขวัญข้าวด้วยล่ะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบนั่งมองย่าโฉมจัดเตรียมข้าวของอันได้แก่ หมาก พลูจีบ 1 คำ กล้วยอ้อยส้มถั่วงาอย่างละ 1 คำ อีกทั้งผ้าแดงผ้าขาว เครื่องสำอางอีก 2-3 ชิ้น มีน้ำอบไทยขวดเล็กๆ ใส่ชะลอม ย่าโฉมใช้ธงกระดาษปักลงตรงกลางชะลอมก่อนจะอธิบายให้ลูกเจี๊ยบฟังอย่างตั้งใจ เป็นเรื่องปกติของชาวนาที่พอเข้าเดือนสิบข้าวเริ่มตั้งท้องเจ้าของนาก็จะทำพิธีทำขวัญข้าว พระลอที่นอนเล่นโทรศัพท์อยูไม่ไกลอดขำไม่ได้กับความช่างซักช่างไซร้ของเจ้าหนูจำไมที่พายเรือข้ามมาบ้านของเขาตั้งแต่ 9 โมงเช้า มาช่วยแม่ของเขาหยิบจับนู่นนี่จนคนเป็นลูกอย่างเขาสบายไปเลย

 

                “เราต้องทำขวัญข้าวเพื่อเป็นการขอขมาพระแม่โพสพ แล้วก็ขอพรให้แม่โพสพช่วยดูแลข้าวในนาให้เราไงลูก”

 

                “แล้วเราอธิฐานอย่างเดียวไม่ได้เหรอจ๊ะ ทำไมต้องใส่ของเซ่นไหว้ลงไปด้วยล่ะ แล้วทำไมต้องให้ผู้หญิงเป็นคนไหว้ล่ะจ๊ะผู้ชายทำไม่ได้เหรอ”

 

                “ก็ช่วงนี้ข้าวตั้งท้อง เราก็ใส่ของแบบที่คนท้องชอบกินลงไป พวกของเปรี้ยวของหวาน อีกอย่างแม่โพสพเป็นผู้หญิงก็ต้องอยากแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยๆก็ใส่เครื่องสำอางให้ท่าน ของเซ่นดีๆท่านจะได้ดูแลข้าวของเราให้ดีๆไงลูก แล้วก็ตามประเพณีช่วงข้าวตั้งท้องจะให้ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของที่นาเป็นคนทำ อ่ะ ลอมาช่วยแม่ถือของ เอาไม้ง่ามที่ใต้ถุนไปด้วย ไปกันๆ สายกว่านี้แดดจะร้อน”พระลอเก็บโทรศัพท์แล้วลุกมารับชะลอมที่แม่ยื่นให้แขนก็ยื่นให้แม่จับเดินเพราะย่าโฉมอายุ 70 ปีแล้ว ส่วนศตายุช่วยประคองอีกข้างหนึ่ง พระลอถืออุปกรณ์ทั้งหมดรวมทั้งไม้ง่ามที่จะเอาไว้ปัก แม่ของเขาพาเดินมาจนถึงคันดินกลางนา จัดแจงปักไม้ลงกับดินแล้วเอาชะลอมมามัดผูกด้วยตอกเส้นเล็กๆ จุดธูปแล้วนั่งลงเริ่มท่องบททำขวัญข้าวเป็นทำนองที่ศตายุรู้สึกว่ามันเพราะมากๆ น้ำเสียงหวานแหลมสั่นเล็กน้อยเอื้อนเอ่ยอย่างตั้งใจ บางช่วงบางตอนก็กู่ร้องราวกับเรียกใครซักคนที่อยู่ไกลแล้วสวดต่อ

 

“สาธุแม่โพสพแม่โพศรี แม่จันทร์เทวีแม่ศรีสุดา

แม่โพสพแม่นพดารามิ่งมาขวัญมาเอหิมามา

ขวัญโว้ยยยย มาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้ามิ่งมาขวัญมา

ขอให้ได้รวงละหม้อช่อละเกวียน ขวัญโว้ยยยย มาเถอะ มาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้า

แต่งเนื้อแต่งตัวลูกผัวจะมามาเถอะ มาเถอะ((วู้วววววววววววว))

อยู่ต้นไร่ปลายนามิ่งมาขวัญมาก็ให้พากันมากิน

อยากเปรี้ยวให้กินเปรี้ยวอยากหวานให้กินหวาน

ส้มสุกลูกไม้กล้วยอ้อยมะพร้าวอ่อนถั่วงาเชิญมารับประทานมิ่งมาขวัญมา

กันนกกันหนูกันปูกันปลากันตะกวดกันเหี้ยกันเพลี้ยลงนา

กันหนอนอัปปรีย์อย่าได้มีมามิ่งมาขวัญมา ขวัญโว้ยยยย มาเถอะมาเถอะ((วู้ววววววววววว))

อยู่ต้นไร่ปลายนามิ่งมาขวัญมาก็ให้พากันมากิน

ขอให้ได้รวงละหม้อช่อละเกวียนขวัญโว้ยมาเถอะ มาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้า

กันนกกันหนูกันปูกันปลากันตะกวดกันเหี้ยกันเพลี้ยลงนา

กันหนอนอัปปรีย์อย่าได้มีมามิ่งมาขวัญมา ขวัญโว้ยยยย มาเถอะมาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้า

ให้ได้รวงละหม้อช่อบะเกวียนมิ่งมาขวัญมา((วู้วววววววววววว))

อยู่ต้นไร่ปลายนามิ่งมาขวัญมาก็ให้พากันมากิน

อยากเปรี้ยวให้กินเปรี้ยวอยากหวานให้กินหวาน

ส้มสุกลูกไม้กล้วยอ้อยมะพร้าวอ่อนถั่วงาเชิญมารับประทานมิ่งมาขวัญมา

สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม”

 

ย่าโฉมเอ่ยคำอธิฐานขอพรจากพระแม่โพสพเบาๆ

“ขอให้มิ่งมาขวัญแม่แม่โพสพจงรับรู้เครื่องกระยาบวชทั้งหลายนี้ขอให้แม่โพสพมากินอยากเปรี้ยวให้กินเปรี้ยวอยากหวานให้กินหวานส้มสุกลูกไม้แพ้ท้องก็ให้พากันมากิน สาธุ”ทั้งสามคนจรดมือที่พนมไหว้กับหน้าผาก มองผืนนาเขียวขจีที่กำลังออกรวง ลมเย็นพัดจนใบข้าวพลิ้วไหวเป็นคลื่นอย่างคนที่มีความสุขซ่านลงไปในหัวใจ เหมือนพระแม่โพสพกำลังตอบรับคำขอของย่าโฉมอยู่ยังไงยังงั้น พระลอมองภาพนั้นด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ต่อให้โลกภายนอกจะพัฒนาไปมากมายซักแค่ไหน แต่รากเหง้าของเขาอยู่ที่ที่ ที่แห่งนี้คือชีวิต คือจิตวิญญาณ เป็นแผ่นดินของเราที่เขาอยากจะรักษาไว้ให้คงอยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน บ้านของเขาสืบทอดความเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และตอนนี้ในตัวของเขาเองก็ยังคงมีเลือดของชาวนาไหลวนอยู่ เขาจะไม่ทิ้งวิถีชีวิตแบบนี้ไปแต่จะรับวิวัฒนาการใหม่ๆเข้ามาช่วยให้การทำนาง่ายขึ้น ชายหนุ่มหวังว่าเด็กรุ่นใหม่ อย่างน้อยซัก 3 ใน 10 คน ยังรักบ้านเกิดรักการเป็นลูกชาวนายังอยากสืบสานวัฒนธรรมดีๆนี้ ก็พอ

 

ลลิตภัทรอยากอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบเก่านี้ไว้แม้ว่ารถไถนาจะนำความสะดวกสบายในการทำนามาให้แต่ควายจะต้องไม่หายไป ชายหนุ่มคิดแผนการณ์ที่จะพัฒนาหมู่บ้านไว้ในใจแม้ว่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหรือไม่ ถ้าได้เขาก็จะค่อยๆทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าไม่ได้เขาก็จะกลับไปทำงานที่กรุงเทพตามเดิม แต่ก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยๆ

 

ทั้งสามคนกลับถึงบ้านในตอนเพล เสียงพระตีกลองเพลดังแว่วๆมาทางท้ายทุ่ง ย่าโฉมชวนให้ลูกเจี๊ยบกินข้าวกลางวันซะด้วยกันเลย อาหารในสำรับมีเพียงของง่ายๆพวกน้ำพริกกะปิจิ้มกับผักสดที่พระลักษณ์ปลูกๆไว้ที่หลังบ้าน มะเขือเปราะอ่อนๆกรอบๆถูกผ่าตูดเป็นรูปกากบาท แตงกวาลูกยาวน่ารักย่าโฉมใช้มีดบางฝานเป็นชิ้นๆ มีแตงโมอ่อนต้มกับขนุน มะเขือเปราะต้มกับถั่วฝักยาววางคู่กัน ปลานิลตัวใหญ่ทอดจนเหลืองกินกับพริกน้ำปลาที่ซอยหอมแดงบุบกระเทียมและพริกขี้หนูสวนรสชาติทั้งเผ็ดและหอม ต้มจืดฟักใส่มะนาวดองที่ย่าโฉมดองไว้ตั้งแต่ต้นปีซดน้ำร้อนๆแล้วชื่นใจ ข้าวหอมมะลิหอมกรุ่นยามเปิดฝาหม้อทำให้น้ำย่อยในกระเพาะตีให้วุ่น ศตายุรับหน้าที่ตักข้าวให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนแล้วถึงจะตักให้ตัวเอง บทสนทนาง่ายๆแต่เรียกเสียงหัวเราะให้กับย่าโฉมเป็นระยะ พระลอมองลูกเจี๊ยบที่ช่างคุยช่างเจรจาแล้วก็นึกเอ็นดู อยากจะข้ามไปถามจิ๊บจริงๆว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้เป็นเด็กน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้ แม้ว่าเดิมทีเขาจะไม่ชอบคนพูดมากแต่กับลูกเจี๊ยบเขากลับอยากฟังคนเด็กกว่าเล่านู่นเล่านี่ให้ฟังซะอย่างนั้น

 

หลังจบมื้ออาหารกลางวันย่าโฉมก็ขอไปเอนหลังในห้อง ส่วนลลิตภัทรกับศตายุก็นั่งเล่นที่นอกชานบนบ้านกันสองคน ศตายุที่เป็นเด็กไฮเปอร์ก็เริ่มยุกยิกอยู่ไม่สุขจนพระลอที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆสังเกตได้

 

“เป็นอะไรคะ?”

 

“หนูเบื่อ มันเงียบเกิน หนูอยากหาอะไรทำเล่น”

 

“ซน”

 

“หนูป่าวซนนะ เอ้อ อาลอ อาลอทำไก่อบฟางเป็นมั้ยอ่ะ?”

 

“ทำไม่เป็นแต่กินเป็น”

 

“หนูทำเป็นนะ อยากกินมั้ยเดี๋ยวหนูทำให้กิน”เจ้าเด็กมันทำท่ากระตือรือร้นซะจนพระลอนึกขำ

 

ดูก็รู้ว่าขี้คุย แค่จะหาเรื่องซนเท่านั้นแหล่ะ

 

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวไฟไหม้บ้านอา”คนเด็กทำปากคว่ำทันที เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้

 

“อ่ะๆ อยากทำก็ทำ แล้วจะเอาไก่ที่ไหน?”

 

“บ้างตาเฉียบไง เขาขาย ไปเลือกๆเดี๋ยวเขาฉีให้”

 

“งี้มันก็ยังไม่ตายน่ะสิ บาปนะหนู”

 

“งั้นบ่ายสองมีนัดตรงสามแยก เราไปซื้อไก่ที่ตลาดนัดก็ได้”คนเด็กกว่ายังต่อรอง

 

“เอางั้นก็ได้”

 

“ขี่รถเครื่องไปนะอาลอ รถยนต์ไม่ค่อยมีที่จอด”เนี่ยพอหาเรื่องซนล่ะขั้นตอนเยอะนักแล้วพระลอจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องพยักหน้าไปตามเรื่อง ศตายุถึงยอมเงียบปากแล้วก็เคลิ้มหลับไปตอนเที่ยงกว่าๆเดือดร้อนคนแก่กว่าต้องไปเอาหมอนมาให้หลานหนุนลากพัดลมตัวใหญ่มาเปิดคลายความอบอ้าวแถมต้องมานั่งปัดยุงให้เป็นพักๆอีก

 

ลูกเต้าก็ไม่ใช่ โว๊ะ!!!

 

แต่แบบพอหลับแล้วเห็นขนตายาวๆนี่ชัดมากเลยอ่ะไหนจะแก้มฟูๆที่เบียดลงไปกับหมอนนี่ก็ดูน่ารัก ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปมองใกล้ๆใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนุ่มนั่นเบาๆก่อนจะชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวา

 

ปลอดคน...

 

งั้นขอหน่อยแล้วกัน

 

ฟอด.....

 

อ่า...ชื่นใจ ชื่นจ๊ายชื่นใจ ชื่นใจสุดๆ

 

 

บ่ายสองตรงเป๊ะศตายุก็ลืมตาตื่นขึ้นมา มืออูมๆขยี้หน้าขยี้ตาตัวเองอย่างคนงัวเงียสุดๆ

 

“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าในห้องอาลอก็ได้นะคะ เอาหมอนไปเก็บให้อาด้วย ดูสิมีคราบน้ำลายด้วยอ่ะ ยี้”พระลอแกล้งหยอกแล้วหัวเราะขำเมื่อศตายุรีบใช้หลังมือเช็ดมุมปากตัวเอง คนเด็กยู่จมูกใส่อย่างคาดโทษในขณะที่พระลอชี้ไปที่ประตูห้องของตัวเอง

 

“โฟมล้างหน้ามีอยู่ในห้องน้ำแล้วหนูใช้ได้เลย ผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ลิ้นชักแรกแกะออกมาใช้ได้อาอนุญาต”ศตายุทำตามอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนของลลิตภัทร ภายในห้องจัดแบบเรียบง่ายบนโต๊ะทำงานมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ มีหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษวางเรียงรายเต็มชั้น ตู้เสื้อผ้าเป็นไม้เข้ากับตัวห้องอยู่ชิดริมในสุดโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กมีพวกครีมบำรุงและน้ำหอมวางเรียงรายเป็นระเบียบ ศตายุเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างหน้าล้างตาจนสดชื่นแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าของพระลอเพื่อจะหยิบผ้าขนหนูตามที่เจ้าตัวบอก พระลอเรียงสีเสื้อผ้าจากอ่อนไปเข้มอย่างเป็นระเบียบสุดๆ

 

โอ้โห...แม่จิ๊บยังไม่ระเบียบจัดอย่างนี้เลย

 

“หาอะไรอยู่คะ ผ้าขนหนูอยู่ลิ้นชักแรกนะ ถ้าเปิดผิดจะเจอชั้นในของอาลอ หรือหนูอยากดูเดี๋ยวอาเปิดให้” ศตายุสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆเจ้าของห้องก็มายืนซ้อนจากทางด้านหลังแล้วทำท่าจะเปิดลิ้นชักชั้นสองจนเด็กหนุ่มต้องรีบตะปบมือของคนแก่กว่าไว้

 

“ไม่ต้อง เจียบกำลังจะหยิบผ้าขนหนูฮะ แล้วก็อาลอเขยิบออกไปหน่อยหนูอึดอัด”

 

“ขอโทษที อาจะเข้ามาบอกให้หนูเอาเสื้อคลุมของอาไปใส่ด้วยแดดมันร้อนเดี่ยวไม่สบาย”พระลอหยิบเสื้อวอร์มออกมาส่งให้หลานตามด้วยหมวกแก๊ปเป็นอันเสร็จพิธี

 

“ร้อนอ่ะไม่ใส่ได้มั้ย?”

 

“ไม่ใส่ก็ไม่ต้องไปค่ะถ้าจะไปก็ตามมา”ชายหนุ่มหยิบเสื้อวอร์มอีกตัวมาใส่ตามด้วยหมวกแบบเดียวกับคนหลานแล้วเดินนำออกมาหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่แขวนไว้บนเสากลางบ้าน

 

อันที่จริงก็ไม่ได้ขับนานแล้วนะเนี่ย

 

“นัดอยู่ตรงไหนบอกทางอาด้วยแล้วกัน”

 

ทางไปตลาดนัดเป็นถนนลูกรังที่มีฝุ่นสีแดงคลุ้ง พระลอย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะแดกฝุ่นจนอิ่มก่อนจะไปถึงตลาดนัดแน่ๆ บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อจนทำให้เขาที่ไม่ชินทางขับตกลงไปหลายครั้ง

 

แต่พระลอก็ม่ายโกด กลับยินดีที่จะตกอีกซักร้อยหลุมพันหลุมซะด้วยซ้ำ เมื่อยิ่งตกหลุม ร่างของหลานที่นั่งปลายเบาะก็ค่อยๆขยับเลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นอกบอบบางเนินอกตุ่ยหน่อยๆเพราะกินเก่งก็แนบชิดกับแผ่นหลังของเขา แม้จะไม่ได้นุ่มเด้งดึ๋งแบบสาวๆแต่ก็ให้ความรู้สึกฟินแปลกๆ ยิ่งช่วงไหนเบรกแรงๆก็ทิ่มจึ้ก ทิ่มจึ้ก

 

“อาลอขับดีๆสิ หนูเจ็บตูดไปหมดแล้วนะ”เสียงแง้วๆบอกกับเขาเมื่อแรงกระแทกทำให้ก้นกกแทบจะพังอยู่รอมร่อแล้ว และแน่นอนนมของหลานก็ทิ่มหลังอีกแล้วอ่ะ ฮิฮิ

 

อ่า...สงสัยพระลอต้องชวนลูกเจี๊ยบมาตลาดนัดบ่อยๆซะแล้วสิ

 

จะต้องแดกฝุ่นซักตันก็ยอมล่ะวะงานนี้

 



.............................





อยากซ้อนท้ายอาลอ อยากเอานมจึ้กหลังอาลอรัวๆต้องทำยังไง



1 เม้นท์-1 กำลังใจ



1 แท็ก-1 กำลังใจ เช่นกันค่ะ

 

#พระลอตามไก่



ประเพณีทำขวัญข้าวเดี๋ยวนี้ก็ให้ผู้ชายทำได้แล้วนะคะ บทสวดเราแกะจากในยูทูปนะคะไม่ได้คิดเอง การทำขวัญข้าวทำกันสามช่วง คือช่วงข้าวตั้งท้อง ช่วงเอาข้าวขึ้นยุ้งฉาง และช่วงที่ขายข้าวไปแล้ว  แต่บางที่ก็เหลือช่วงเดียวคือช่วงข้าวตั้งท้องค่ะ

 

 

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
เจ้าจอม ไอ้เด็กผี555555555555 เจี๊ยบน่าเอ็นดูเกินนนนน จ้องจะโดนกินอยู่แล้วลูกกกกป

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
เรื่องนี้สนุกม๊วกกกกกก… อ้า    :m3:


ชอบที่พี่ลอพูดคะขากับนังหนูเจี๊ยบจัง    :m1:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักอ่ะ ลูกเจี๊ยบก็คือเด็กมากกกก แพ้ผู้ชานพูดคะขา ฮ้ออออออ หยั่กได้อาลอเป็นของตัวเองงงง

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น่ารักมาก เหมือนอาลอจ้องจะกินเจี๊ยบตลอดเวลา555

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


พระลอลตามไก่ ตอนที่ ๕



          พระลอมองดูเด็กที่ง่วนอยู่กับการเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำไก่อบฟางอย่างเพลิดเพลิน มีบางครั้งที่ลูกเจี๊ยบขอให้เขาหยิบของให้ คนแก่กว่าก็ยอมทำตามโดยง่าย ลูกเจี๊ยบตำพริกไทยกระเทียมและรากผักชีเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ได้ดูคล่องแคล่วมากนักแต่ก็ไม่ได้ดูเงอะงะจนน่ารำคาญ ศตายุปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และรสดีแบบไม่มีสูตรตายตัว แก้วเจ้าจอมที่ตามมาทีหลังเป็นผู้ช่วยที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อเจ้าตัวดูจะมาป่วนและมาเกะกะซะมากกว่า ลลิตภัทรมองเจ้าเด็กยุ่งนั่นด้วยความรู้สึกอยากจับเด็กถ่วงน้ำทุก 2 นาที แก้วเจ้าจอมเป็นเด็กพูดมากและมีสายตาเหมือนหมาจิ้งจอกคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา ยามใดที่เขาเข้าไปใกล้ลูกเจี๊ยบแก้วเจ้าจอมก็จะเสนอหน้าเอาตัวแห้งๆเข้ามาแทรกกลางซะทุกครั้งไป


คำว่าก้างขวางคอไม่ได้ดูเกินจริงเลยซักนิดถ้าจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับเจ้าเด็กที่มีผมม้าเต่อคิ้วบางและรอยยิ้มน่าเตะให้คอหลุด


           “ทำไมใส่เกลือเยอะล่ะไม่เค็มเหรอ?”


          “เดาๆเอา”คนเด็กว่าเมื่อเขาท้วงตอนที่ลูกเจี๊ยบซัดเกลือลงไปหยิบมือหนึ่ง


กินเสร็จอาจจะต้องไปเช็คไตว่าเสื่อมระดับไหน พระลอผูกลวดกับไม้ที่เอามาทำหลัก ลูกเจี๊ยบบอกให้เขาทำเป็นรูปไม้กางเขนเพื่อจะใช้พยุงตัวไก่ที่จะเสียบลงไปแถมหุ้มฟรอยด์สวยหรู ดูเป็นไก่อบฟางที่น่าจะมีชาติมีตระกูลพอสมควรจัดการตอกหลักลงบนพื้นดินข้างบ้านที่ไกลจากวัตถุไวไฟทั้งปวงเป็นที่โล่งพอให้ควบคุมได้ ปี๊บที่แม่เก็บไว้ตอนที่ซื้อน้ำตาลปี๊บมาให้ล้างสะอาดเตรียมพร้อมสำหรับการแปลงร่างเป็นเตาอบ ลูกเจี๊ยบหอบเอากาบมะพร้าวที่เก็บไว้ใต้ถุนบ้านออกมากองใหญ่ ไก่ตัวโตถูกเสียบไว้บนหลังแล้วใช้ปี๊บครอบลงไปจนมิด ลูกเจี๊ยบจัดการเอากาบมะพร้าวมาสุมถึงครึ่งปี๊บหันซ้ายแลขวาตบๆกระเป๋ากางเกงแล้วพบว่าตัวเองลืมหยิบไฟแช็คมา


           “อาลอมีไฟแช็คมั้ย หนูลืมหยิบมา”ลลิตภัทรล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบ lighter ออกมาพร้อมกับซองบุหรี่ที่สูบ ลูกเจี๊ยบยู่หน้าอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นบุหรี่


          “อาลอสูบด้วยเหรอ?”


          “ก็สูบแต่ไม่ได้สูบบ่อย”


          “ติดหรือเปล่า?”


           “ไม่นะไม่สูบก็ไม่ได้รู้สึกอะไร”


          “เลิกได้ก็เลิกนะมันไม่ดีกับสุขภาพ อีกอย่างครูบอกว่าสูบบุหรี่ปากจะดำเหงือกจะดำหนูชอบที่อาลอปากแดงเหงือกแดงมากกว่า”ลูกเจี๊ยบพูดจบก็เดินกลับไปที่กองกาบมะพร้าวโดยไม่ได้สนใจคนแก่กว่าที่ยืนนิ่งอยู่ รอยยิ้มค่อยๆเผยขึ้นทีละนิดจนเต็มดวงหน้า


เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กมันพูดตามประสาซื่อ พูดแบบไม่คิดหรือว่าอะไร


แต่เขาชอบประโยคหลังสุดนั่นมากๆ ฟังแล้วใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ควันไฟลอยอ้อยอิ่งแบบกวนส้นตีนพระลอเป็นที่สุด เขาพยายามเดินหลบควันสีขาวที่คละคลุ้งพวกนั้นไปทางซ้ายทีทางขวาที แต่ก็เหมือนอีควันนรกพวกนั้นจะเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพระลอเพราะพอมันมาทางขวาที่เขายืนอยู่พระลอก็ย้ายที่ไปยืนทางซ้ายและเช่นกันอีควันเวรนั่นก็ลอยแบบเสนอหน้ามาทางซ้ายรมเขาเช่นเดิม พอย้ายไปอีกฝั่งอีควันนรกก็ม้วนตัวพัดมาทางเขาจนชายหนุ่มแสบจมูกไปหมด




ไก่น่ะอบฟางแต่กูน่ะอบควัน



ส่วนสองพี่น้องจอมแสบก็ช่วยกันโรยฟางเป็นระยะๆ กลิ่นหอมลอยออกมาจากในปี๊บจนอดน้ำลายสอไม่ได้ ในหัวของลลิตภัทรตอนนี้เหมือนเห็นแจ็คสันวง GOT7 ยืนแหกปากกู่ร้องอยู่บนยอดตึก Jeddah’s Kingdom tower นั่นคือเขาคาดหวังสูงมาก


           “เอาล่ะได้เวลาเปิดปี๊บ”หลังจากใช้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง เชฟปี๊บเหล็กก็ประกาศกร้าวกองไฟมอดลงไปเหลือแค่ขี้เถ้าศตายุใช้ผ้าเก่าๆจับปี๊บให้เปิดออก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ทั้งพระลอ ลูกเจี๊ยบ และแก้วเจ้าจอมตะลึงงัน


          “ลาก่อย...”แก้วเจ้าจอมบอกลาแล้วเดินลัดทุ่งกลับบ้านไปทันที ส่วนลลิตภัทรก็หันหลังหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านแบบไม่พูดไม่จาโดยที่ลูกเจี๊ยบไม่เห็นว่าคนแก่กว่ากลั้นขำจนแก้มแทบแตก


จะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะก็ไก่อบฟางของศตายุดำปี๋เป็นตอตะโกผิดจากภาพที่คิดไว้โข


ถ้าจะให้เดาคงไหม้ยั้นกระดูกอ่ะ


           “ฮือ...อาลอ...กลับมาช่วยหนูก่อน”คนเด็กกว่าทิ้งปี๊บดังโครมแล้วกระทืบเท้าอย่างเอาแต่ใจ


อายก็อายเสียดายก็เสียดาย เสียหน้าด้วยอ่ะ คุยไว้เยอะ สุดท้ายลูกเจี๊ยบก็ได้แต่เก็บของเงียบๆเอาไก่ไปโยนทิ้งข้างทางแล้วกลับบ้านไปอย่างหงอยๆ








           เสียงไก่ขันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง พระลอลืมตาตื่นอย่างเคยชิน ตอนตี 5 เสียงพระย่ำระฆังกับกลองดังมาจนถึงที่บ้านเป็นเสียงที่คุ้นชินมาตั้งแต่เกิด เพราะการทำงานในกรุงเทพต้องเร่งรีบแทบทุกวันทำให้ชายหนุ่มเป็นคนตื่นเช้า เขาคัดจมูกนิดหน่อยเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกลงมาปรอยๆทำให้บรรยากาศโดยรอบชุ่มชื้น เสียงตำน้ำพริกดังมาจากครัวด้านล่างแปลว่าแม่ของเขาตื่นแล้ว


พระลอจำได้เมื่อสมัยเด็กๆแม่จะตื่นมาเตรียมหุงหาอาหารสำหรับตักบาตรและให้พ่อกินก่อนไปทำนารวมทั้งเตรียมไว้ให้ลูกๆกินก่อนไปโรงเรียนตั้งแต่ตี 4 ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่นก็ลงไปหาแม่ที่ในครัว แม่ไม่ได้ทำกับข้าวเพียงคนเดียวบ้านเขามีลูกของลูกพี่ลูกน้องอยู่ด้วยแต่พระลอไม่ค่อยได้คลุกคลีด้วย เด็กสาวมีหน้าที่ทำงานบ้านและช่วยดูแลแม่ของเขาพอตกสายเธอก็จะมีหน้าที่ในไร่ตามแต่ที่พี่ชายของเขาจะมอบหมายให้


           “ทำแกงอะไรครับแม่”พระลอเดินไปโน้มตัวสวมกอดแม่ไว้หลวมๆแล้วกดจูบลงบนผิวแก้มเหี่ยวย่นอย่างเอาใจ


          “เห็นลอบ่นอยากกินแกงส้มชะอมไข่ เมื่อวานตอนเย็นๆลูกเจี๊ยบแวะเอาผักกระเฉดมาให้ยอดอ๊วบอวบกับปลาช่อนตัวเบ้อเริ่มพ่อดินเค้าไปยิงมาจากท้ายห้วย แม่เลยทำแกงส้มให้ลอกินดีมั้ยลูก”


          “อ้าว เจี๊ยบมาตอนไหนเหรอครับทำไมผมไม่เจอ”พระลอถามอย่างแปลกใจ เมินชื่อของแดนดินไปสนใจกับชื่อของคนลูกมากกว่า เขาไม่เจอเจ้าลูกเจี๊ยบมา 2-3 วันแล้วเพราะออกไปหาเสียงกับพ่อทุกวัน ยิ่งใกล้เลือกตั้งพระลอก็แทบจะไม่ได้อยู่ติดบ้านเลย


          “มาตอนเกือบค่ำแหล่ะกลับจากโรงเรียนก็ข้ามมาหา ลอไปกับพ่อเลยไม่เจอ เห็นบ่นการบ้านเยอะแล้วก็ยากพ่อกับแม่ก็สอนไม่เป็น ลักษณ์มันก็ไม่ว่างมาสอนให้เลยต้องรีบกลับไม่ได้อยู่ซนแบบทุกที ถ้าอยากเจอหลานตอน 6 โมงหน่อยๆไปที่ศาลาสิเจี๊ยบมาตักบาตรหลวงตาทุกวัน”


          “งั้นเดี๋ยวผมออกไปวิ่งซักพักนะครับ เช้าๆอากาศดี ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายวันร่างกายชักจะเฉื่อย”


          “ไปเถอะลูกแต่ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอนะเมื่อคืนฝนตกงูกับตะขาบชอบออกมาเพ่นพ่าน”แม่ยังไงก็ยังเป็นแม่อยู่วันยันค่ำถึงแม้ลูกชายจะโตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วแต่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี พระลอหอมแก้มแม่แรงๆอีกรอบแล้วกลับขึ้นไปหยิบรองเท้าวิ่ง ชายหนุ่มออกวิ่งไปตามคันนาแม้จะต้องใช้ความระมัดระวังอยู่บ้างเพราะพื้นยังค่อนข้างเปียกหยาดน้ำเกาะพราวบนปลายหญ้าเสียงกบเขียดร้องกันระงม โชคดีที่ฝนไม่ได้ตกแรงนักข้าวในนาจึงไม่ได้ล้ม พระลอวิ่งไปจนเกือบรอบแล้ววกกลับมาแสงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าระบายสีหลากหลายเหมือนภาพวาดสีน้ำของจิตกรเลื่องชื่อ สีส้ม แดง ม่วง ชมพูค่อยๆจางลงเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงจ้า พระลอก็วิ่งกลับมาถึงบ้านพอดีชายหนุ่มเดินเลยตัวบ้านไปยังท่าน้ำกะจะไปวักน้ำล้างหน้าแต่ภาพที่เห็นก็คือหลวงลุงประจวบกำลังพายเรือเข้าไปจอดเทียบท่าน้ำบ้านของตนโดยมีร่างขาวๆที่คุ้นตาอยู่ในชุดนักเรียนกางเกงสีกากีสั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อยยกมือไหว้นิมนต์พระหลวงตาของตนให้เข้ามารับบาตร ศตายุเอ่ยทักทายหลวงตาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้ยินเสียงสนทนาแว่วๆ


           “วันนี้หลวงตามาช้า”มือเรียวหยิบทัพพีตักข้าวใส่ลงไปในบาตร กับข้าวใส่ปิ่นโตเถาเล็กถวายให้หลวงตาตามด้วยช่อดอกไม้ที่ดูก็รู้ว่าทำเองแล้วรับศีลรับพร


           “รีบกลับเข้าบ้านไปเถอะ เดี๋ยวรถมาจะไปสาย”

 
           “ถ้าหนูไปสายหลวงตาก็พายเรือไปส่งหนูสิ”


           “กว่าจะพายไปถึงท่าน้ำในเมืองหลวงตาก็ตายก่อนพอดี”สองตาหลานพูดคุยกันอีกซักพักหลวงตาจวบก็พายเรือกลับวัดไป ศตายุเก็บของเตรียมจะกลับเข้าบ้านพลันสายตาก็เหลือบเห็นคนตัวขาวๆที่อยู่อีกฝั่ง เด็กน้อยยิ้มกว้างโบกมือให้กับพระลอทันที ชายหนุ่มรู้สึกว่าพระอาทิตย์ที่กำลังเปล่งแสงน่ะยังสดใสได้น้อยกว่าลูกเจี๊ยบซะอีก


           “อาลอไปไหนมาจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยถาม


           “อาไปวิ่งมา ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ”


            “ฮื่อ ก็อาลอไม่อยู่บ้านนี่ เจี๊ยบก็ไปบ้านอาลอทุกวัน”


           “ก็อาต้องออกไปหาเสียงทุกวัน อดเจอกันเลยเนอะ”


           “ทำไมอ่ะ อาลอคิดถึงหนูเหรอ”คนเด็กทำหน้าทะเล้นถามกลับมา พระลอกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบออกไปโดยไม่ต้องใช้สมองไตร่ตรองอะไรเลยซักนิด



           “อืม อาลอคิดถึงหนู”



เคร้งงงงงง


ทันทีที่พระลอพูดจบศตายุก็ทำขันทองเหลืองลงหินที่อยู่ในมือหล่นทันที


            “อ้าว เป็นอะไรคะหนู มือไม้อ่อนหิวข้าวหรือไง ให้อาลอไปช่วยเก็บมั้ยคะ”ศตายุที่กำลังลนลานตามไปเก็บทัพพีที่กระเด็นอยากจะเขวี้ยงขันใส่หน้าคนปากเก่งฟากขะนู้นนัก ดูเถอะเห็นเขาเงอะงะก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเข้าไปใหญ่


อาลอนิสัยไม่ดีอ่ะ


           "อ้าว จะรีบไปไหนคะ ไม่อยู่คุยกับอาให้หายคิดถึงหน่อยเหรอ”


            “ไม่เอา หนูจะไปโรงเรียนแล้ว อาลอนิสัยไม่ดี”พูดจบศตายุก็วิ่งปรู้ดกลับบ้านไปทันที พระลอนั่งเล่นที่ท่าน้ำอีกพักก็กลับเข้าบ้านไป ที่นอกชานอาหารถูกนำมาวางเตรียมไว้รอแล้ว พระรามกับขวัญชีวารวมทั้งลูกๆทั้งสองเดินมาจากบ้านตัวเองเพื่อมากินข้าวที่เรือนใหญ่ ส่วนพระลักษณ์กับนิดาก็มานั่งรออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน


            “ไปไหนมาวะ เห็นกลับมาได้ซักพักแล้วไอ้ลอ”พี่ชายคนโตเอ่ยถามหลังจากจัดการตักอาหารให้ลูกๆเรียบร้อยแล้ว พระลออ้าแขนรับหลานสาวที่วิ่งเข้าไปกอดก่อนจะอุ้มกลับมาส่งคืนพี่สะใภ้


             “แวะไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำมาน่ะพี่ อากาศดี เอ้อ พี่ราม เจี๊ยบเรียนโรงเรียนเดียวกับเราเหรอ”

 
            “ไปเจอหลานมาเหรอ?”คราวนี้พระลักษณ์เป็นคนถามในขณะที่รับจานข้าวจากภรรยา พ่อแม่เริ่มลงมือกินข้าวอย่างเงียบๆโดนที่พระลอเป็นคนคอยตักกับข้าวให้


            “พอดีเจี๊ยบตักบาตรหลวงลุงอยู่เลยได้คุยกันนิดหน่อย”


            “ดินมันส่งไปเรียนตั้งแต่ ม.1 แล้ว”


          “ปีนี้ก็ ม.3 แล้วสิ”พระลอถามเหมือนถามไปเรื่อยๆแต่ในหัวกลับบันทึกไว้อย่างแม่นยำ


          “ปีนี้อยู่ ม.4 แล้ว เจี๊ยบมันเรียนเร็วกว่ารุ่นเดียวกัน พอดีมันเกิดต้นปีเลยก่อนเกณฑ์”


          “อืม เก่ง “พระลอตัดบทสนทนาเพียงเท่านั้นหลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเลือกตั้งที่จะมาถึงในต้นเดือนหน้า มื้ออาหารในตอนเช้าจบลงตอน 7 โมง นิดๆ พระรามและขวัญชีวาพาลูกๆขึ้นรถโดยมีลลิตภัทรขับรถของตัวเองตามไปด้วยเพราะจะเอารถไปเข้าอู่ซ่อมกันชนที่เป็นรอยนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ไปนั่งแกร่วในห้างเพื่อรอเวลารับรถในตอน 4 โมงเย็น ถนนที่ผ่านตามหน้าโรงเรียนต่างๆคลาคล่ำไปด้วยรถของผู้ปกครองที่มารับลูกๆรวมไปทั้งรถรับส่งนักเรียน ร่างบางของเด็กที่คุ้นตาทำให้ลลิตภัทรตบไฟเลี้ยวไปจอดด้านหน้าก่อนจะเดินไปที่ท้ายรถสองแถวที่มีเด็กๆอัดกันแน่น


          “เจี๊ยบ”แรงสะกิดพร้อมเสียงเรียกด้านหลังทำให้ศตายุที่นั่งเสียบหูฟัง ฟังเพลงอยู่เอาหูฟังออกจากหูแล้วหันมาอย่างแปลกใจ


          “อ้าว อาลอ มาทำอะไรอ่ะ”


           “อาเอารถมาซ่อม กำลังจะกลับบ้าน เจี๊ยบกลับกับอามั้ย”


          “ไม่เป็นไรๆ อาลอกลับเลย เจี๊ยบกลับรถประจำทุกวัน”


           “ไปกับอาก็ได้ รถแน่น แล้วนี่กว่ารถจะออกกี่โมงเนี่ย”


           “ก็ต้องรอให้คนครบก่อนน่ะ  5 โมงครึ่งก็กลับแล้ว”


          “อีกเป็นชั่วโมง ไปบอกคนขับว่าจะกลับกับอาเร็วๆอย่าดื้อ”


           “หนูไม่ได้ดื้อซักหน่อย อาลอนั่นแหล่ะเอาแต่ใจ”


           "ลงมาเร็วๆเจี๊ยบ อย่าให้อาต้องขึ้นไปลากเราลงมา”ที่สุดศตายุก็ได้แต่เดินลงส้นหนักๆลงมาจากบนรถแล้วอ้อมไปบอกกับคนขับ โชคดีที่คนขับรู้จักพ่อของพระลอจึงเอาลูกเจี๊ยบมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้โดยง่ายและเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้ห้างอีกแห่งหนึ่งพระลอจึงพาศตายุแวะเข้ามาโดยที่คนเด็กก็มองอย่างไม่เข้าใจ


           “พอดีหิว”และเหมือนลลิตภัทรจะรู้คำถามในใจเด็กเป็นอย่างดีจึงหันมาบอกระหว่างหาที่จอดรถ สองอาหลานเดินลงมาจากรถก่อนที่พระลอจะเลือกเข้าร้านสุกี้ชื่อดังที่ราคาแพงแต่ของในถาดมีอย่างละกระจึ๋ง


           “อยากกินอะไรสั่งเลยนะ”พระลอบอกกับลูกเจี๊ยบเมื่ออีกฝ่ายนั่งมองเมนูนิ่ง


            “ไม่เป็นไรอาลอสั่งเถอะหนูกินอะไรก็ได้”


           “คนเราชอบกินไม่เหมือนกัน อาพาหนูมาเลี้ยงหนูอยากกินอะไรหนูก็สั่งเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ”


          “เอางั้นเหรอ งั้นหนูสั่งแล้วนะ”เจ้าตัวแสบเมื่อเห็นอาอนุญาตก็พลิกเมนูทันที


           “พี่ครับ วากาเมะ 5 ถาด กุ้ง 5 หมึก 5 ตับหมู 2 สาหร่ายทรงเครื่อง 2 เต้าหู้ 1 ไข่ 1 อ๊ะๆ เอาหมูทรงเครื่อง 1 แมงกะพรุน 3 คุโรบุตะสไลด์ 4 อาลอกินเนื้อวัวมั้นฮะ”คนเด็กเงยหน้าจากเมนูมาถามพระลอที่นั่งอึ้งกับการสั่งสไตล์แร๊พเปอร์ของศตายุ


           “สั่งเลยค่ะ อากินได้ทุกอย่าง”


            “งั้นเอาเนื้อวัว 3แล้วก็เกี๊ยวปลา 4 ผักกาดขาว ข้าวโพดอ่อน เห็ดออริจิกับห็ดเข็มทองอย่างละถาดฮะ   แล้วก็เป็ดย่างจานใหญ่ 1 บะหมี่หยก 2 เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไม่อิ่มค่อยสั่งเพิ่มครับ”


           “ห๊ะ!!”พระลอถึงกับร้องเสียงหลงกับประโยคสุดท้ายจนศตายุเงยหน้าขึ้นมองอย่าง งงๆ


           “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”


          “อ๋อ เปล่าค่ะ เห็นเจี๊ยบเจริญอาหารเลี้ยงง่ายอาก็ดีใจ”


           “เจี๊ยบไม่อยากกินเยอะอ่ะเดี๋ยวกลับไปกินข้าวเย็นไม่ลง”


อื้อหือ นี่ไม่เยอะ ขนาดเขาไปกินกับเพื่อนสามคนยังสั่งไม่เยอะขนาดนี้เลย เจ้าลูกเจี๊ยบมันสั่งเพราะอยากหรืออะไร เขาไม่เชื่อว่าจะกินกันหมดแน่ๆ


ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเลี้ยงเด็กนี่จนโตมาได้ถึงขนาดนี้กันนะ


ระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟลลิตภัทรก็ได้แต่คิดวนๆในใจ จนกระทั่งถาดอาหารเริ่มมาวางบนโต๊ะ มันวางเรียงรายเต็มโต๊ะเกินกว่าที่คนสองคนจะกิน แต่ศตายุกลับจัดการเทของพวกนั้นลงหม้ออย่างมีลำดับขั้นตอน


          “อาลอกินเลยๆ”คีบอาหารในหม้อใส่จานให้กับลลิตภัทรจากนั้นเครื่องจักรสังหารก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ศตายุเหมือนหลุมดำที่สูบอาหารเข้าปากแบบนันสต๊อป อาหารคำใหญ่คำแล้วคำเล่าถูกยัดเข้าปากไม่ได้หยุด กินไปด้วยคุยไปด้วย น้ำเสียงที่เล่านู่นเล่านี้ดังจ้อทำให้ลลิตภัทรหัวเราะออกมาได้หลายต่อหลายครั้งกับมุกตลกของเด็กๆ โดยไม่รู้ตัวอาหารในหม้อก็ยุบหายจนเหลือเพียงน้ำซุป ลลิตภัทรคิดว่าถ้ามีแข่งกินจุชิงรางวัลเขาจะส่งลูกเจี๊ยบไปแข่ง พระลอจ่ายเงินค่าสุกี้เสร็จแล้วก็หันมาถามคนที่เดินข้างๆ


          “กินไอติมมั้ยคะ”ชี้มือไปยังร้านไอติมที่อยู่ตรงข้ามกับร้านสุกี้


           “ง่า ไม่เอาดีกว่า เจี๊ยบเกรงใจ”




หนูเลยคำนั้นไปตั้งแต่ที่กินสุกี้แล้วค่ะ



นั่นเป็นเพียงความคิดที่อยู่ในใจ ลลิตภัทรจับมือหลานจูงเข้าไปในร้านโดยไม่ได้พูดอะไร

 
          “อยากกินอะไรหนูสั่งเลยนะคะ”


          "งั้นพี่ครับผมเอาบานาน่าสปริทนะครับ ไอติมเอาสตรอเบอรี่ สติ๊กกี้ชูวี่ แล้วก็มิ้นท์ เพิ่มเชอร์รี่ด้วยฮะ”


          “ผมไม่เอาครับพาหลานมากินเฉยๆ”พระลอเอ่ยปฎิเสธเมื่อพนักงานสาวหันมาถามเมนูจากเขา หญิงสาวเก็บเมนูพลางเอาออเดอร์ไปส่งพระลอนั่งไขว่ห้างมองเด็กที่หันมายิ้มหวานให้เขา แค่รอยยิ้มน้อยๆที่ส่งมาให้พระลอก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ตนเองไม่จำเป็นต้องกินของหวานชนิดไหนบนโลกอีกแล้ว ไม่นานไอศกรีมของศตายุก็มาส่งเด็กน้อยตักไอติมเข้าปากมองเขาอย่างลังเล


           “อาลอไม่กินจริงๆเหรอ กินกับเจี๊ยบก็ได้นะ”


           “กินเถอะค่ะ อาชอบมองเวลาหนูกินมากกว่า”ชายหนุ่มตอบหลานด้วยดวงตายิ้มๆ


เลี้ยงให้อ้วนๆมือเนื้อมีหนังค่อยจับกินทีหลังก็ยังไม่สาย


            “อาลอ อ้ามมมม”เด็กน้อยที่ไม่รับรู้ความคิดด้านมืดของพระลอตักไอติมจ่อมาที่ปากของลลิตภัทร ชายหนุ่มมองใบหน้าใสของหลานกระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะอ้าปากรับไอติมเข้าปาก


หวาน...ไม่ใช่เพราะไอติมหรอก แต่เป็นเพราะได้กินไอติมช้อนเดียวกับที่หลานใช้ต่างหากล่ะ


ช้อนยังหวานขนาดนี้ แล้วปากที่อมช้อนไปตั้งหลายทีจะหวานขนาดไหนกันนะ


อยากชิมจังเลย...







..........................

ขับเลยห้างไปอีกประมาณ 2-3 กม. ก็ถึงโรงพัก สภอ.เมือง พอดีค่ะอาลอ

1 เม้น 1 แท็ก 1 กำลังใจนะคะ



#พระลอตามไก่


ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พอเห็นเจี๊ยบกินเยอะก็เริ่มแอบคิดว่าถ้าน้องโตขึ้นมาแล้วดันสูงกว่าอาลอ..อาลอจะถูกกินแทนไหม...

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๖


         พระลอนั่งมองลูกเจี๊ยบตักไอติมเข้าปากด้วยความเพลินเพลิน ริมฝีปากอิ่มอมลูกเชอร์รี่สีแดงมันวาวมีก้านยาวโผล่ออกมา ดวงตาของเด็กน้อยมีความสุขกับสิ่งที่กินอยู่จนพระลออดที่จะขำไม่ได้ ชายหนุ่มโน้มตัวไปใกล้ๆก่อนจะดึงก้านเชอร์รี่ออกจากปากหลาน


                “ฮื้อ อาลอ”เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อคนเป็นอาเอาก้านเชอรี่ออกจากปากตนไปถือ


                “รู้มั้ยคะว่าอาลอน่ะ ใช้ลิ้นพันก้านเชอรี่ได้ด้วย”พระลอเอ่ยประโยคบอกเล่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ


                “แล้วจะต้องไปพันมันทำไมล่ะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความซื่อ ดวงตาเป็นประกายอยากรู้แต่สีหน้าก็ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อที่คนแก่กว่าบอกซักเท่าไหร่


                “ก็ถ้าใครเอาลิ้นพันก้านเชอรี่ได้แปลว่าใช้ลิ้นเก่ง”พระลอจ้องตากับลูกเจี๊ยบด้วยสายตาที่สื่อความนัยบางอย่าง ลูกเจี๊ยบรู้สึกว่าสายตาแบบนั้นมันไม่ปลอดภัยแต่ก็น่าเข้าใกล้อย่างประหลาด เด็กน้อยรู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง พระลอค่อยๆส่งก้านเชอรี่ที่เพิ่งดึงออกจากปากหลานเข้าไปในปาก ชั่วครู่ปลายลิ้นก็ยื่นก้านเชอรี่ที่มัดกันเป็นปมออกมาหยิบวางลงบนกระดาษทิชชู่ ศตายุปรบมือให้กับความสามารถพิเศษนั้น


                “อาลอเก่งจังเลย หนูอยากใช้ลิ้นเก่งแบบอาลอมั่งจัง”


                “มาฝึกกับอาสิ ไว้อาจะสอน รับรองไม่ถึงเดือนหนูจะใช้ลิ้นเก่งมากๆแบบอาแน่ๆ หนูนั่งกินไปก่อนนะคะ อาขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”ศตายุยุยิ้มรับแล้วเอาเชอรี่อีกลูกเข้าปาก นั่งรอจนพระลอกลับมาแล้วไปจ่ายเงินเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน พนักงานเดินมาเก็บโต๊ะ บนโต๊ะปรากฏก้านเชอรี่ที่ถูกพันปมวางไว้ 2 ก้าน

 

                ตั้งแต่เกิดมาพระลอก็เจอของขาวระยะประชิดมาก็เยอะ แต่ขาขาวๆที่มีกางเกงนักเรียนขาสั้นสูงเหนือเข่าไปเป็นคืบแบบนี้พระลอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก สมาธิในการขับรถถูกรบกวนเสมอยามที่หางตาไม่รักดีมันชอบวอกแวกกลับมามองขาอ่อนของลูกเจี๊ยบน้อยจอมคุย พระลอลอบกลืนน้ำลายลงคอเป็นระยะๆ มองจากสายตายังขาวยังเนียนขนาดนี้ ถ้าลองจับลองลูบลองเลียจะนุ่มมือนุ่มลิ้นขนาดไหน


คิดอะไรอยู่วะ

 
ทำไมศตายุถึงมาทำให้จิตใจด้านมืดของเขามันออกสีเข้มข้นได้มากขนาดนี้

 
จริงอยู่ว่าพระลอก็ผ่านเรื่องอย่างว่ามาเยอะ สังคมในเมืองหลวงทั้งด้านดีด้านมืดเขาเคยลองมาหมดแล้ว และชายหนุ่มควบคุมตัวเองได้เสมอมา บางอย่างก็แค่ลองให้รู้แล้วก็หยุด เรื่องเซ็กส์เขาก็มีตามความต้องการแต่ไม่เคยจริงจังกับใครเลยซักครั้ง ตั้งแต่ผิดหวังจากจิ๊บเขาก็คิดว่าการรอหรือถนอมอะไรซักอย่างมันไม่ตอบโจทย์ คำว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานมันแม่งไม่มีจริง อดเปรี้ยวรอกินตอนหวานสุดท้ายหมาคาบไปแดก

 
แต่นั่นแหล่ะ เขาไม่เคยถูกใจใครจนเสียจริตมากขนาดนี้ นอกจากจิ๊บแล้วทุกคนที่ผ่านมาเป็นแค่ของแก้เหงา จนกระทั่งมาเจอลูกเจี๊ยบ

 
แน่นอน ตอนแรกเขาเอ็นดู ลูกเจี๊ยบน่ารัก สดใส ช่างพูดช่างเจรจา อยู่ด้วยแล้วไม่เหงา

 
แต่ยิ่งอยู่ใกล้จากความเอ็นดูก็เปลี่ยนเป็นอยากดูเอ็นหลานไปซะอย่างนั้น ลอบมองเนื้อตัวหลานตอนที่รถติดไฟแดงแล้วก็คอแห้งก็เจ้าลูกเจี๊ยบบ่นว่าร้อนตอนเดินกลับมาที่รถเจ้าตัวเลยปลดกระดุมเสื้อออกเม็ดหนึ่ง ดึงชายเสื้อออกนอกกางเกง เวลาขยับตัวเนื้อขาวๆก็โผล่ให้เห็นรำไร ไหนจะขาที่สั่นไปมายั่วตานั่นอีก

 
เด็กนี่จะรู้มั้ยว่าคนที่นั่งใกล้ๆคิดบาปไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พระลอเร่งแอร์ให้เย็นมากขึ้น

 
                “ฮื้อ...แอร์แรงจังเลยอาลอ”ผ่านไปซักพักเจ้าตัวเล็กถึงเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ได้รับ

 
                “หนูหนาวเหรอคะ?”

 
                “หนาวสิ เสื้อนักเรียนหนูบางกางเกงก็ขาสั้นโดนแอร์เต็มๆเลยอ่ะ”คนเด็กยู่ปากพลางปรับทิศทางแอร์ให้ไปทางอื่น

 
                “ไหนขออาดูหน่อยว่าตัวเย็นมั้ย”พระลออาศัยจังหวะนั้นวางมือลงบนต้นขาขาวๆของหลานแล้วลูบเบาๆ

 
เชี่ย...นุ่มจริงๆด้วย เนียนมืออีกต่างหาก


                “เย็นจริงๆด้วย” เลื่อนมือขึ้นไปคลำเนื้อส่วนที่โผล่พ้นกระดุมเสื้อเบาๆจนคนหลานนั่งตัวแข็งทื่อราวโดนสาป


                “หนาวมากมั้ยคะ เดี๋ยวอาหรี่แอร์ให้นะ”ทำเนียนกลับมาหรี่แอร์แล้วเอื้อมไปที่เบาะหลังหยิบเสื้อวอร์มที่ทิ้งติดรถไว้เมื่อเช้ามาคลุมให้หลานเหมือนหวังดี

 
แต่จริงๆลลิตภัทรกำลังทำเพื่อตัวเอง

 
ขืนนั่งมองไปเรื่อยๆได้ขับรถตกเขาตายกันทั้งอาทั้งหลานนี่แหล่ะ

 
ลูกเจี๊ยบรับเสื้อวอร์มไปคลุมขาพลางติดกระดุมเข้าที่ ขยับตัวไปนั่งชิดกับประตูรถอย่างอายๆ ความรู้สึกแปลกๆบางอย่างรบกวนจิตใจเด็กน้อยจนน่าสงสาร

 
ฮือ...อาลออ่ะ ทำเหมือนไม่คิดอะไร แต่ทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวด้วยล่ะ แล้วทำไมต้องลูบด้วย เขินไปหมดแล้ว

 

 

เกือบ 6 โมงเย็นรถของพระลอก็มาจอดที่หน้าบ้านของจิ๊บ จิ๊บที่สอนการบ้านให้แก้วเจ้าจอมเดินออกมาดูก็เห็นลูกชายคนโตเดินลงมาจากรถยนต์คันคุ้นตา เมื่อพระลอลงจากรถมาหล่อนจึงเดินออกมาทักทาย

 
                “อ้าวลอ ทำไมพาลูกเจี๊ยบกลับมาได้ล่ะ”ลูกเจี๊ยบยกมือไหว้ผู้เป็นแม่ จิ๊บรับกระเป๋านักเรียนแสนหนักของลูกมือถือไว้อย่างเคยชิน

 
                “พอดีลอเอารถไปทำในเมืองมาน่ะแล้วขากลับเจอเจี๊ยบนั่งบนรถรอกลับเลยพาหลานกลับมาพร้อมกันเลย”

 
                “ขอบใจมากนะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังกินข้าวเย็นกับเรามั้ย”

 
                “ไม่เป็นไรพอดีกินอะไรเล่นๆกันมาแล้ว งั้นเดี๋ยวลอกลับก่อนนะ แล้วเจอกันนะเจี๊ยบ”เด็กน้อยก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา ความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างยังคงหลงเหลืออยู่ ได้แต่พยักหน้ารับแบบส่งๆ พระลอไม่ได้เซ้าซี้วุ่นวายอะไรกับศตายุอีก วันนี้เขาเล่นกับเหยื่อมากพอสมควรแล้ว ถ้าเล่นมากไปกว่านี้เกรงว่าเหยื่อจะรู้ตัวแล้วหนีไปซะก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงเฉาแย่ ลลิตภัทรขับรถกลับบ้าน อันที่จริงบ้านของจิ๊บเดินกลับได้แม้จะมีคลองกั้นอยู่ แต่ก็มีสะพานข้ามไปที่ฝั่งนู้นเพียงแต่ก็จะอ้อมไกลหน่อย เวลาแก้วเจ้าจอมมาตามศตายุที่บ้านเด็กน้อยจะเดินหรือไม่ก็ปั่นจักรยานข้ามมา แต่ถ้าเป็นศตายุมาบ้านเขาเจ้าลูกเจี๊ยบจะพายเรือข้ามมาเพราะถือเป็นการเดินทางที่ใกล้ที่สุด ลลิตภัทรชะลอรถทักทายพี่ชายที่เพิ่งกลับจากโรงสีที่ตั้งอยู่ท้ายทุ่ง พระลักษณ์กำลังดูความเรียบร้อยของคนงานที่เก็บอุปกรณ์พ่นยาสองพี่น้องคุยกันนิดหน่อยแล้วตกลงจะกลับไปคุยรายละเอียดงานที่จะให้พระลอช่วยทำ

 
หลังอาหารค่ำจบไปอย่างเรียบง่ายพระลอก็เดินมานั่งเล่นที่ท่าน้ำ แสงไฟนีออนที่ศาลาริมน้ำบ้านของจิ๊บติดอยู่ ร่างของศตายุยังคงอยู่ในชุดนักเรียนเหมือนเมื่อเย็นนั่งทำการบ้านด้วยสีหน้ายุ่งๆ การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ยากมากมีโจทย์หลายข้อที่เด็กน้อยไม่เจ้าใจ ศตายุอยากเรียนพิเศษแต่ว่าเพราะบ้านไกลทำให้ไม่สามารถเรียนในตอนเย็นได้ และพ่อกำนันก็ไม่ได้เรียนเก่งถึงขนาดมาสอนลูกที่เรียนห้องวิทย์-คณิต อย่างเขาได้ แดนดินแม้จะจบ ม.6 แต่จบมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด พอรับใบรับรองก้าวเท้าออกนอกรั้วปุ๊บความรู้ที่เรียนมาแดนดินก็คืนครูไปทั้งหมด อีกทั้งแดนดินกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำชายหนุ่มถ้าไม่อยู่ในนาก็อยู่ที่ทำการกำนันคอยรับเรื่องจากชาวบ้าน วนเวียนอยู่ที่ทำการกับ อบต. บางครั้งก็ต้องไปช่วยงานบุญบ้านนั้นทีบ้านนี้ที แดนดินรับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเพราะบารมีกำนันแดงหนุนลูกไว้ ชายหนุ่มกลายเป็นพ่อลูกสามตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เพราะความมีน้ำใจและอัธยาศัยดีก็ซื้อใจลูกบ้านได้ไม่ยาก  ส่วนจิ๊บเองพอจบ ม.3 ก็ต้องเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน เรื่องเรียนต่อเป็นอันต้องพับโครงการไป

 
                “เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้ายุ่งแบบนั้นล่ะ”ลูกเจี๊ยบสะดุ้งเมื่อได้ยินคนฝั่งนู้นตะโกนถามมา เมื่อหันไปดูก็พบพระลอที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเลผ้าแพรยืนยิ้มมาให้

 
                “การบ้านยากจ้า หนูพยายามแก้โจทย์แล้วแต่ทำไม่ได้”


                “ให้อาลอสอนมั้ย อาลอเรียนเก่งนะ”((ตอแหล))

 
                “จริงเหรอ อาลอสอนได้จริงๆเหรอจ๊ะ”สีหน้าของศตายุดีขึ้นมาทันที ท่าทางกระตือรือร้นนั้นทำให้พระลอส่งยิ้มกว้างกลับไปให้

 
                “อาลอจะหลอกหนูทำไมล่ะคะ ไปบอกแม่ไปว่าจะมาทำการบ้านที่บ้านอาลอ เดี๋ยวเสร็จจะกลับ”

 
                “งั้นอาลอรอหนูแป๊บนะจ๊ะ”ศตายุลุกพรวดเตรียมจะวิ่งกลับบ้าน พระลอเหมือนนึกอะไรได้รีบเรียกหลานไว้ก่อน

 
                “เดี๋ยวเจี๊ยบ มาคนเดียวนะไม่ต้องให้เจ้าจอมตามมาด้วย”

 
                “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ”

 
                “เดี๋ยวอาไม่มีสมาธิสอน เลขมันต้องใช้สมาธิเยอะ”

 
                “งั้นก็ได้จ้า”ศตายุตอบรับแล้ววิ่งปรู้ดเข้าบ้านไปหาแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่กับจันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอม ข้างหน้ามีกะละมังใส่ข้าวโพดต้มที่หักมาจากในไร่เมื่อตอนเย็น

 
                “อ้าวเจี๊ยบ ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก?”

 
                “ยังจ้าแม่ เจี๊ยบจะมาขอแม่ข้ามไปบ้านฟากขะนู้น”

 
                “ไปทำไมลูก ไปกวนเขามันไม่ดีนะ มืดแล้วด้วย”

 
                “หนูทำการบ้านไม่ได้ อาลอบอกจะช่วยสอนให้จ้า ให้หนูไปนะจ๊ะแม่ เนี่ยทำเองไม่เสร็จแน่ เพื่อนๆเขาเรียนพิเศษกันแต่หนูไม่ได้เรียนมันยากมากๆเลยแม่”


                “เอางั้นก็ได้ แต่ตั้งใจเรียนล่ะอย่าเอาแต่ซน ไปรบกวนเขามืดๆค่ำๆมันไม่ดี”


                “ได้จ้าหนูจะรีบทำเสร็จแล้วจะรีบกลับ”ลูกเจี๊ยบยิ้มรับคำพูดของแม่ แก้วเจ้าจอมรีบคว้าข้าวโพดมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืนทันที

 
                “ไปด้วย”น้องคนเล็กรีบเสนอหน้าทันที แก้วเจ้าจอมเป็นลูกพ่อ พ่อสั่งไว้ว่าถ้าพี่ลูกเจี๊ยบหรือพี่เจ้าขาไปไหนมืดๆค่ำๆหรือไปเล่นไกลบ้านให้แก้วเจ้าจอมไปด้วยทุกที่

 
เจ้าจอมจะทำตามที่พ่อสั่งอย่างเคร่งครัด

 
                “ไม่ต้องไป ตัวไปก็ไปกวน พี่จะรีบทำการบ้านให้เสร็จ มีทั้งเลขทั้งวิทย์ ไปเรียนไม่ได้ไปเล่น”

 
                “แต่พ่อสั่งไว้ว่าถ้าไปไหนให้หนูไปด้วย”เจ้าคนน้องกอดอกฉับอย่างเอาแต่ใจ

 
                “แต่พี่ไม่ให้ไป แม่ ไม่ให้เจ้าจอมไปนะเดี๋ยวไปกวน”ลูกเจี๊ยบหันไปขออำนาจแม่ในการตัดสิน อำนาจพ่อหรือจะสู้บารมีแม่ ในที่สุดเจี๊ยบน้อยก็หอบกระเป๋าเรียนพายเรือข้ามไปบ้านพระลอเพียงลำพังโดยมีเสียงเจ้าจอมร้องไห้งอแงตามมาข้างหลังแว่วๆจับใจความได้ว่า

 
                “พ่อมาหนูจะฟ้องพ่อ”

 

พระลอรับกระเป๋าหนังสือของหลานมาถือไว้แล้วเดินนำลูกเจี๊ยบขึ้นมาบนบ้าน นอกชานไม่มีใครอยู่แล้วเพราะแม่ของเขาเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระ ส่วนพระลักษณ์ก็กลับบ้านของตนเองไปแล้วตั้งแต่กินข้าวเสร็จ

 
               “ย่าโฉมนอนแล้วเหรอจ๊ะ”

 
                “อยู่ในห้องพระน่ะ แต่เดี๋ยวสองทุ่มก็คงนอน เข้าไปทำการบ้านในห้องอากันค่ะ ข้างนอกยุงเยอะ ร้อนด้วย”พระลอเดินนำศตายุเข้าไปในห้องนอน ไฟถูกเปิดให้สว่างขึ้น เด็กน้อยเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย พระลอปิดหน้าต่างและประตูแล้วเปิดแอร์ไม่นานความเย็นฉ่ำก็ครอบคลุมในห้อง ศตายุยิ้มอย่างชอบใจ บ้านของลูกเจี๊ยบไม่ได้ติดแอร์ ลูกเจี๊ยบเป็นเด็กขี้ร้อนดังนั้นเขาจึงชอบไปนั่งทำการบ้านที่ศาลาริมน้ำอาศัยลมเย็นช่วยคลายความร้อน พระลอนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง

 
                “ไหนคะ มีการบ้านอะไรบ้าง เอามาให้อาดูหน่อยสิคะ”คนแก่กว่าถือโอกาสดึงข้อมือเล็กของหลานให้เดินมาใกล้

 
                “มีเก้าอี้ตัวเดียวเหรออาลอ แล้วจะให้เจี๊ยบนั่งไหนอ่ะ”เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆห้องเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวก็ถูกเจ้าของห้องจับจองไปแล้ว

 
                “นี่ไงก็นั่งตัวเดียวกัน แบ่งกันนั่ง”พระลอหมุนเก้าอี้เก้าอี้หนังไปมา


                “ฮื้อ ไม่เอาหรอก ถ้าหักทำไง”ลูกเจี๊ยบมองเก้าอี้ที่ดูท่าทางไม่น่าจะรับน้ำหนักตัวของผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนได้

 
                “น่า นั่งเถอะไม่ต้องกลัวเก้าอี้อาแข็งแรงทนแรงกระแทกได้ดีด้วย ไหนว่าจะรีบทำไง ชักช้าโอ้เอ้เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี”พระลอไม่รอให้คนเด็กกว่าได้คิดอะไรมากนักกระตุกข้อมือจนร่างของคนเด็กวางก้นแหมะลงบนหน้าขาของตัวเองอย่างพอดิบพอดี


                “หนูนั่งพื้นก็ได้นะอาลอ”ลูกเจี๊ยบก้มหน้างุดเมื่อพระลอเอาคางมาเกยกับไหล่ของตนเอง ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่หลานบอก

 
                “ไหนคะ ไม่เข้าใจตรงไหน ศตายุกัดปากนิ่งคิด


บางทีอาลออาจจะไม่ได้คิดอะไร เขาอาจจะคิดไปเองว่าท่าทางมันล่อแหลม อาลออาจจะเห็นว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆเหมือนใบบุญและใบบัว คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยจึงขยับท่านั่ง ลลิตภัทรอ้าขาตัวเองให้เกิดช่องว่างให้ศตายุหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นเก้าอี้ที่เหลือได้มือหนาจับเอวหลานให้ขยับนั่งได้ถนัดขึ้นปลายจมูกก็ปัดผ่านผิวแก้มหลานเพียงเฉียดๆสอนการบ้านข้อที่หลานไม่เข้าใจอย่างใจเย็นจน บางครั้งปลายนิ้วร้อนที่วางบนหน้าท้องของหลานก็เกลี่ยเบาๆจนศตายุตัวสั่น เด็กน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากมายขนาดนี้มาก่อน หัวใจเต้นแรงอย่างน่ากลัวแต่เมื่อหันไปมองลลิตภัทรก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางอะไรที่มากไปกว่านั้นศตายุจึงคิดเอาว่าอาลออาจจะเผลอลูบหน้าท้องเขาแบบที่เคยทำเป็นนิสัยจึงได้แต่นั่งนิ่งใจโครมครามอยู่คนเดียว

 
พระลอลอบยิ้มกับท่าทางสับสนนั้นของคนเด็ก ศตายุไม่ได้เบี่ยงตัวหลบหรือโวยวาย เด็กน้อยเพียงแค่ตัวสั่น หลายครั้งที่ลมหายใจสะดุดเพราะเขาแกล้งลูบเบาๆที่หน้าท้อง ยิ่งตอนไหนที่เขาหันไปอธิบายใกล้ใบหูศตายุได้แต่ย่นคอหนีเบาๆเขายิ่งสนุก

 
เล่นให้ชินมือ ให้เหมือนลูกแมวที่เจ้าของลูบคลำทุกวัน เขาเชื่อว่าซักวันหนึ่งศตายุจะเสพติดสัมผัสของเขา

 
เด็กมันใสจนเขาอยากจะค่อยๆสอนสัมผัสทางกายต่างๆทีละนิด ยิ่งเด็กไม่โวยวายตามไม่ทันแบบนี้สัญชาติญาณของผู้ล่าของเขายิ่งพลุ่งพล่าน

 

ยอมรับก็ได้ว่าเป็นคนบาป เข้าข่ายภัยสังคม แต่ลูกเจี๊ยบน่ารักจนเขาไม่คิดที่จะห้ามใจ

 
เพราะเคยห้ามมาแล้วไง  ห้ามจนมีลูกเจี๊ยบมา 1 คน ตัวนิ่มๆให้เขาละเลียดเล่น

 
นึกขอบใจแดนดินที่มาทำให้จิ๊บท้องไม่งั้นเขาคงไม่ได้เจอความนุ่มนุ่มฟูๆแบบศตายุในวันนี้แน่ๆ

 
ถ้าศตายุต้องเป็นลูกของเขาพระลอคงเสียดายแย่

 
รอดจากการเป็นลูกมาเป็นเมียอา อาก็คิดว่ามันก็ไม่เสียของนะหนูนะ

 
พระลอไม่ใช่คนใจเย็น แต่กับศตายุเขาชอบเด็กนี่ ถูกใจ เพราะฉะนั้นจะเล่นด้วยนานหน่อยก็ไม่เป็นไร

 
ยังมีเวลาให้เล่นอีกเยอะ

 
มีเวลาทั้งชีวิตล่ะ

 

 

                แดนดินกลับถึงบ้านตอนสามทุ่มกว่า เจ้าจอมกับเจ้าขาเข้านอนไปแล้วเหลือเพียงจิ๊บที่นั่งถักโครเชต์รอสามีและลูกคนโตอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปหาสามีรับข้าวของที่แดนดินถือมา ใบหน้าหวานขึ้นสียามที่กำนันหนุ่มเห็นว่าปลอดจากลูกๆก็หอมแก้มนวลนั้นฟอดใหญ่

 
                “ลูกๆนอนกันหมดแล้วเหรอจิ๊บ”

 
                “เจ้าขากับเจ้าจอมเข้านอนแล้วจ้า”

 
                “แล้วลูกเจี๊ยบล่ะ?”


                “เจี๊ยบไปบ้านฟากขะนู้นยังไม่กลับ”

 
                “ไปทำไม นี่มันดึกแล้วนะ ไม่รู้เวลาร่ำเวลาหรือไง”แดนดินว่าอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่เคยว่าลูกที่จะไปเล่นที่บ้านนู้นเพราะย่าโฉมช่วยเลี้ยงลูกเจี๊ยบมาตอนยายประไพยังไม่ตาย เด็กจึงสนิทกับคนบ้านนู้นผู้ใหญ่ชลิตและภรรยารักเจ้าลูกชายคนโตของเขาราวกับเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ แต่การที่ลูกไปบ้านนู้นตอนมืดค่ำแดนดินก็เห็นว่ามันไม่สมควร

 
                “พอดีลูกมาขอ บอกว่าทำการบ้านไม่ได้แล้วลอจะช่วยสอนให้จิ๊บเห็นว่ายังไงจิ๊บก็สอนหนังสือลูกเองไม่ได้ ก็เลยให้ไปน่ะ เดี๋ยวทำเสร็จก็คงจะกลับมา”

 
                “แล้วปล่อยให้ลูกไปคนเดียวเนี่ยนะ จิ๊บ พี่บอกตรงๆ พี่ไม่ไว้ใจไอ้ลอเลย”แดนดินเดินตามภรรยาเข้าห้อง จิ๊บชวยปลดกระดุมและถอดเสื้อให้กับสามีตามความเคยชินที่เคยทำ หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆให้กับความอคติของสามี

 
                “จิ๊บก็ไม่เห็นว่าลอเค้าจะมีอะไรเลยนะพี่ดิน ดีซะออก เขาเอ็นดูลูกเรา ไอ้ที่เคยขุ่นข้องหมองใจกันเขาก็ไม่เอามาพูดอีก เมื่อเย็นยังไปรับเจี๊ยบมันกลับมาด้วย”

 
                ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเวลามันมองลูกเรา มันมีสายตาแปลกๆ มันคงไม่ได้ตีสนิทกับลูกเราให้ลูกเราตายใจแล้วจับลูกเราฆ่าถ่วงน้ำล้างแค้นนะ”


                “โอ้ย พี่ดิน คิดอะไรพิลึกคน ดูละครมากไปป่าวเนี่ย ไปไป๊ ไปอาบน้ำจะได้ดับความฟุ้งซ่าน จิ๊บว่าลอน่ะคงเห็นว่าลูกเราน่าเอ็นดู เมื่อก่อนลอเกลียดเด็กจะตาย แต่มาเอ็นดูลูกเราทั้งๆที่เจี๊ยบเป็นเด็กที่ลอควรจะเกลียดที่สุดด้วยซ้ำ จิ๊บก็ดีใจนะ เด็กๆน่ะมีความน่ารักน่าเอ็นดู ผู้ใหญ่ที่เคืองๆกันส่วนมากก็มาดีกันเพราะความไร้เดียงสาของเด็กนี่แหล่ะ ยิ่งลอเค้าเป็นคนพูดไม่เก่งมาเจอเจ้าเจี๊ยบลูกของเราคงหายเหงาพี่ก็อย่าไปคิดมากเลย อย่างเจี๊ยบเนี่ยใครจะมาทำอะไรได้ แสบจะตาย”

 
                “ไม่รู้แหล่ะ ยังไงๆจิ๊บก็คอยดูๆลูกไว้บ้างก็แล้วกัน”แดนดินยังไม่คลายห่วงลูก ชายหนุ่มคิดว่าคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างพระลอน่ะหรือจะมาหายโกรธได้ในเวลาเพียงอาทิตย์กว่าๆ


หรือว่า พระลอจะเข้าทางลูกแล้วมาเขี่ยถ่านไฟเก่ากันนะ


มันอาจจะมีแผนมาแย่งเมียรักของเขาไปก็ได้

 
ไม่ได้การณ์ล่ะ เขาต้องทำอะไรซักอย่างแล้วเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เดี๋ยวว่างต้องเรียกลูกชายคนโตมาคุยซักหน่อยล่ะ

 

                “เสร็จแล้วววว”ศตายุร้องอย่างดีใจเมื่อการบ้านข้อสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เด็กน้อยหันไปยกมือไหว้พระลอที่นั่งยิ้มกริ่มโดยที่ฝ่ามือวางแหม่ะอยู่บนต้นขาขาวๆของศตายุโดยที่คนเด็กเองก็ไม่ได้สนใจ ก็อาลอน่ะจับตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยตลอด

 
                “เจี๊ยบก็เรียนเก่งนี่นา อาสอนนิดเดียวก็เข้าใจแล้ว ทำไมถึงทำเองไม่ได้ล่ะ”

 
                “ก็หนูสับสนว่าต้องเอาตัวไหนแทนค่าอะไร พออาลออธิบายหนูก็เข้าใจไงถ้าหนูได้เรียนพิเศษกับเพื่อนก็น่าจะเข้าใจแหล่ะ ขอบคุณอาลอมากๆนะจ๊ะ”


                “งั้นตอนเย็นๆเจี๊ยบมาเรียนพิเศษกับอามั้ยคะ เดี๋ยวอาสอนให้”

 
                “จริงเหรอ เนี่ย เจี๊ยบให้ลุงรามกับป้าขวัญสอนให้แต่เขาไม่ค่อยว่าง ถ้าอาลอสอนหนูๆจะได้ขอพ่อกับแม่มา อาลอคิดค่าสอนเท่าไหร่จ๊ะ”


                “อาลอไม่เอาค่าสอนหรอก ให้หนูเป็นเด็กดีพูดง่ายๆก็พอ แล้วก็ไม่เอาเจ้าจอมมาวุ่นวายกับอาแค่นี้ทำได้มั้ย?”


                “ได้จ้า ดีจังเลย งั้นเดี๋ยวเจี๊ยบกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ จะสี่ทุ่มแล้วเดี๋ยวแม่เป็นห่วง”


               "โอเคเดี๋ยวอาเดินไปส่ง แต่ว่าวันนี้จะไม่จ่ายค่าสอนอาหน่อยเหรอคะ หืม?”

 
                “อ่า...อาลอจะเอาอะไรล่ะ เจี๊ยบไม่ได้พกตังค์มาหรอกนะ คิดว่าจะสอนฟรี”

 
                “ตังค์อาลอมีเยอะแล้ว อาลอไม่เอาของหนูหรอกค่ะ”

 
                “งั้นอาลอจะเอาอะไรล่ะ?”พระลอดึงเอวหลานให้ศตายุขยับมานั่งบนหน้าขาหันข้างเข้าหาตน รอยยิ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา


                “หอมแก้มอาลอสิคะ แค่นั้นก็พอแล้ว”

 
                “ฮื้อ...ไม่เอาหรอก อาลอขี้โกงนี่” คนเด็กย่นจมูกใส่ มีอย่างที่ไหนมาขอค่าสอนเป็นการหอมแก้ม

 
                “ขี้โกงตรงไหน ก็หอมแบบหลานหอมอา ใบบุญกับใบบัวก็ทำแบบนี้เสมอเวลาอาสอนการบ้าน เร็วๆ ไม่ทำไม่ให้กลับบ้านนะ พระลอเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเองเบาๆพลางทำแก้มป่องยื่นหน้าเข้าหาหลาน ศตายุที่กอดคอพระลอไว้ได้แต่กำมือเข้าหากันเพราะความเขิน

 
อาลออ้อนยังกับพวกพระเอกละครหลังข่าว

 
แล้วความรู้สึกนี้ของศตายุมันคืออะไรกันนะ ทำไมต้องยิ้มจนแก้มแทบแตกกับท่าทางน่ารักๆของอาลอด้วย ทำไมรู้สึกโหวงๆในช่องท้องลามไปจนถึงปลายนิ้วเท้ากันนะ


ศตายุมองแก้มป่องๆที่ลอยอยู่ตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจจรดริมฝีปากลงไปบนผิวแก้มของพระลอเบาๆ


                “หอมแล้ว หนูกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ” เด็กน้อยดีดตัวลงจากตักของพระลอ รีบรวบข้าวของแล้วเดินออกไปจากห้องทันที พระลอหัวเราะเบาๆกับความสำเร็จขั้นแรกที่ได้รับนี้ ชายหนุ่มเดินตามหลังหลานอย่างอารมณ์ดีเพื่อไปส่งศตายุกลับบ้าน

 
                “พายดีๆนะหนู อย่าเอาแต่ยิ้มจนแก้มเบียดลูกกะตาจนพายเรือคว่ำตกน้ำตกท่าไปนะ อาขี้เกียจตามไปงม”


                “พูดมากกลับขึ้นบ้านไปเลยไป”ศตายุสาบานเลยถ้าอาลออายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ศตายุจะตบด้วยพายให้อาลอหัวทิ่มตกน้ำไปเลย


คนนิสัยไม่ดี...คนฉวยโอกาส

 
ทั้งๆที่รู้ว่าโดนคนแก่กว่าหลอกลวนลาม แต่ทำไมลูกเจี๊ยบน้อยกลับรู้สึกชอบกันนะ ปล่อยให้เขาลูบขาลูบพุงโดยไม่ห้ามเลยซักนิด

 
ฮือ...จะไปปรึกษาใครได้บ้าง ลูกเจี๊ยบสับสนกับความรู้สึกของตัวเองจังเลย





...............................



สนใจมาเรียนพิเศษกับอาลอมั้ยคะ แอร์เย็น เบาะนุ่ม เตียงนอนคิงส์ไซส์ ห้องเก็บเสียงได้



คติพจน์ของอาลอ : ช้าๆหมาคาบเอาไปแดรก



อาลอภัยสังคมของแท้ ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย สุภาพบุเริงบุรุษอะไรไม่มีหรอกค่ะ



เพราะเคยรอแล้วไม่ได้อะไร ครั้งนี้อาลอจึงไม่รอค่ะ อยากได้ต้องได้



#ทีมคนคุก กด 1

#ทีมเด็ก กด 2



#พระลอตามไก่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2018 01:15:13 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ลอใจเย็นนะ หลานยังเด็ก 5555

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
กด 2  #ทีมเด็ก

ถ้าพระลอลดความหื่นลงนิด เรื่องน่าจะตั๊ลล๊ากขึ้นนะเราว่า     :try2:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ชื่อเรื่องน่าอ่านมากกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lautenyu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-3
ทีมคนคุกจ้า :jul1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๗

หอม..เอย หอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาย่านาง
มองเห็นบัว สล้าง ลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อยก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้า
เจ้าบัวตูมบัวบาน


ฟิลมันได้ ฟิลมันใช่ อารมณ์พาไปสุดๆ แต่อาจจะไม่ใช่กลิ่นกองเฟิงกองฟางอะไรหรอก กลิ่นโคลนสาบคุกดีๆนี่แหล่ะ เพราะตอนนี้พระลอฟินสุดๆไปเลย ร่างกายของคนทั้งคู่โยกขยับไปตามจังหวะ เนิบช้าแต่ทว่ามันคง เหงื่อเม็ดใหญ่ค่อยๆไหลจากขมับสู่อกเสื้อ อุณหภูมิในร่างกายของพระลอและลูกเจี๊ยบค่อยๆทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

                “อาลอ...”เสียงที่แตกหนุ่มได้ไม่นานเอ่ยเรียกคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังตนเบาๆ ริมฝีปากแดงจัด สองแก้มขึ้นริ้วแดงร้อนผ่าวราวกับกำลังวิ่งวนในกองเพลิง

 

                “ขยับหน่อย หนูอึดอัด”เจ้าหลานตัวน้อยบ่นเสียงอุบอิบบอกคนที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ชมนกชมไม้ไปตามเรื่อง ควายตัวใหญ่เล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจมนุษย์สองคนที่นั่งจนแทบจะเกยกันอยู่บนหลัง

 

พระลอนึกหมั่นไส้เหลือเกินกับไอ้ควายฟรีด้อมนี้ แต่ก็แอบชอบใจที่มันเดินในจังหวะสโลว์เขาก็ค่อยๆเนียนขยับเข้าไปชิดหลานที่ทำหน้าที่บังคับควายโดยมีแก้วเจ้าจอมเดินตามต้อยๆจูงควายตัวโตตามมาด้านหลัง

 

            ไม่ขาว ไม่ฟูก็เหนื่อยหน่อยนะ

 

                “พี่เจี๊ยบหนูเหนื่อยแล้วนะ อยากกินน้ำแข็งใส” พูดไม่ทันขาดคำไอ้ตัวขัดลาภก็ส่งเสียงอย่างตะบึงตะบอนขั้นสุดมาเลย ฟิลไอ้คล้าวกับอีทองกวาวปลิวหายไปในพริบตาเมื่อลูกเจี๊ยบขยับยุกยิกแล้วโดดลงจากหลังควายไปไปโอ๋น้อง ช่วงนี้แก้วเจ้าจอมงอนเขาบ่อยมาก อย่างวันแรกที่ไม่ยอมให้ตามไปเรียนพิเศษด้วยพอกลับถึงบ้านน้องก็เข้านอนไปแล้วศตายุก็คิดว่าไม่มีอะไรน้องน่าจะเข้าใจว่าเขาไปเรียนไม่ได้ไปเที่ยวเล่น((แม้ว่าจะโดนทำให้กลายเป็นของเล่นคุณครูจอมหื่นไปบ้างก็ตามเถอะ)) แต่พอรุ่งเช้าน้องไม่คุยกับลูกเจี๊ยบเลย แถมยังไปนั่งแอบตรงมุมเสาหันหลังหนีเขาที่ชวนเล่นเป็นการงอนเต็มรูปแบบ กว่าจะง้อได้ก็หมดปีโป้ไป 2 ถุงใหญ่ แก้วเจ้าจอมกินหมดจนเรอออกมาเป็นเศษปีโป้ นั่นแหล่ะ นิ้วก้อยเล็กๆถึงยื่นมาเกี่ยวก้อยกับคนพี่เป็นสัญญาณสงบศึก ตอนนี้ลูกเจี๊ยบมาเรียนพิเศษกับพระลอได้เกือบสามอาทิตย์แล้ว และแน่นอน ชายหนุ่มก็เหมือนวัวที่กำลังอยู่ในช่วงเจริญอาหาร เขาค่อยๆเล็มหญ้าอ่อนอย่างแนบเนียนกลายเป็นว่าตอนนี้พระลอจับจับจะลูบขาลูบแขนบีบพุงยังไงก็ได้ศตายุไม่ได้มีท่าทีระแวงอะไรเขาแล้ว คงคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ในใจของพระลอน่ะไม่ใช่เลย เขาไม่เคยคิดธรรมดากับเด็กคนนี้เลยซักครั้ง หลายวันมานี้เขาเนียนหอมแก้มหลานออกจะบ่อยเวลาที่ศตายุแก้โจทย์ที่ให้ได้

 

รางวัลของคนเก่ง เขาใช้คำนี้บ่อยจนเบื่อ

 

                “งั้นเดี๋ยวผูกปีเตอร์กับเบลล่าไว้ตรงนี้ก่อนเนอะแล้วเราไปกินขนมกัน”ศตายุรับเชือกจากมือน้องแล้วจูงควายทั้งสองตัวไปผูกใกล้ๆต้นไม้ที่พอจะให้ร่มเงาได้ พระลอเดินมองท่าทางคล่องแคล่วของศตายุแล้วก็ให้นึกเอ็นดู คอเสื้อย้วยๆนั่นมันดีไม่หยอก ก้มทีหัวใจคนหนุ่มจะวายแต่ก็ต้องรีบเบือนสายตาหนีเมื่อไอ้เด็กตัวแกรนๆมาเดินบังรัศมีสายตาก่อนที่เขาจะมองเห็นยอดบนเนินน้อยๆ

 

มันน่าจับผูกไว้กับควายแล้วเขาไปกินกันสองคนกับศตายุจริงๆ

 

หมายถึงกินขนมนะ ส่วนกินกันรออีกหน่อย รับรองอร่อยแน่ พ่อจะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวเลย

 

เอ๊ะ...คิดไปถึงไหนเนี่ย

 

สามชีวิตพากันเดินฝ่าเปลวแดดที่ร้อนปานขุมนรกลัดทุ่งมาที่ร้านค้าประจำหมู่บ้านที่มีขายสากกะเบือยั้นเรือรบ ถังน้ำมันหลอด 2 ถังมีคราบน้ำมันเหนียวเขรอะตั้งเด่นเป็นสง่า โต๊ะไม้ตัวยาววางกับข้าวสารพัดชนิดทั้งสดและแห้ง แมลงวันนับร้อยบินหึ่งยามที่แม่ค้าเปิดผ้าขาวบางสีเขรอะหยิบเนื้อสัตว์มาตัดขาย ด้านในมีตู้แช่น้ำสารพัดชนิดที่แก้วเจ้าจอมพุ่งปรี่ไปหยิบโค้กออกมาเปิดอย่างรู้งาน ติดจากห้องที่เป็นร้านค้าเทปูนแบบหยาบๆหลังคาสังกะสีทีกันแดดแต่ก็ดูดความร้อนลงมาเช่นกัน เก้าอี้พลาสติกแตกๆที่ถ้าไม่ดูดีๆนั่งลงไปก็หนีบตูดให้ได้แสบๆคันๆเล่นวางเรียงตามความยาวของโต๊ะพระลอเลื่อนเก้าอี้ให้ศตายุแต่แก้วเจ้าจอมตัวแสบก็เดินมาแทรกตูดเบียดคนพี่จนศตายุต้องขยับไปนั่งติดป้าตัวอ้วนๆอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พระลออยากจะกระชากหัวเจ้าเด็กแสบนี่แล้วยัดลงในหม้อก๋วยเตี๋ยวนัก ถ้าไม่ติดว่าต้องคีพลุคคุณอาใจดี จะจับหัวจับเท้าแล้วตีเข่าให้เอวหักซัก 2-3 ที ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่อยากจะกระชากหัวเจ้าจอมแล้วเหวี่ยงเข้าดงอ้อยไปซะชายหนุ่มก็ทำได้เพียงฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งกว่าโฆษณาสบู่ล้างจุดซ่อนเร้นแล้วลูบหัวแก้วเจ้าจอมด้วยความอ่อนโยน

 

หวงจริงๆนะเมิ๊ง เฝ้าให้ได้ตลอดนะ อย่าให้คลาดสายตาเชียว

 

อย่าเผลอนะมึ๊ง!!!

 

                “เจ้าจอมกับเจี๊ยบจะกินอะไรครับเดี๋ยวอาลอสั่งให้”พระลอใช้น้ำเสียงอ่อนหวานถามแก้วเจ้าจอม เด็กน้อยชะเง้อมองไปตรงที่แม่ค้ากำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างชั่งใจ

 

                “กินอะไรสั่งเลยอาจ่ายตังค์ให้”

 

                “ไม่เป็นไรอาลอ หนูจ่ายเองพ่อให้ตังค์ไว้”ศตายุรีบเอ่ยขัด เด็กน้อยไม่อยากรบกวนเงินของลลิตภัทรเพราะตัวเองก็มีแบงค์ร้อยติดกระเป๋ามาพ่อกำนันให้เขามาเมื่อเช้าเพราะรู้ว่าวันหยุดลูกชายสองคนต้องออกมาตะลอนเที่ยวเล่นจึงทิ้งค่าขนมไว้ให้ ส่วนจันทร์เจ้าขารายนั้นอยู่ติดบ้านเหมือนแม่บางทีก็มีเพื่อนผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาเล่นด้วยที่บ้าน หรือไม่ก็ทำนู่นทำนี่กุ๊กกิ๊กกันสองคนกับแม่ไม่น่าห่วงอะไร

 

                “เก็บไว้เถอะค่ะเดี๋ยวอาเลี้ยงเอง เอาอะไรสั่งไปเลย”

 

                “หนูกินก๋วยเตี๋ยวได้มั้ยอาลอ”

 

                “ได้สิ”

 

                “งั้นหนูเอาบะหมี่เกี๊ยวเพิ่มลูกชิ้นไม่เอาผักต้นหอม พี่เจี๊ยบเอาเหมือนหนูมั้ย”แก้วเจ้าจอมหันไปหาคนพี่ถามความเห็น

 

                “ไม่เอาพี่จะกินเส้นใหญ่ลูกชิ้นหมูสับ”

 

                “โอเคนั่งรอเดี๋ยวอาไปสั่งให้”ร่างสูงรับเมนูจากเด็กทั้งสองคนแล้วเดินไปสั่งตามที่หลานๆบอก ไม่ลืมหยิบชอกโกแลตติดมือมาให้แก้วเจ้าจอมกินรอ พระลอเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก



 และเด็กซื้อได้ด้วยของกินและของเล่นเสมอ



เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างถูกอกถูกใจเมื่อก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟเจ้าจอมก็มองชามของพระลอกับลูกเจี๊ยบสลับกันไปมา

 

                “ทำไมอาลอกินเหมือนพี่เจี๊ยบเลยล่ะ?”

 

                “อาลออยากกินเส้นใหญ่แบบพี่เจี๊ยบมั่งไงครับ”พระลอตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่สายตามองไปที่ศตายุที่กำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวให้น้องอย่างคล่องแคล่ว มื้อกลางวันง่ายๆจบลงตามด้วยขนมหวานล้างปาก ลูกเจี๊ยบสั่งเฉาก๊วย ลูกจาก และมันเชื่อม พระลอมองขนมในชามหลานพลางคิดถึงสมัยก่อนที่เขาเป็นคนซื้อขนมให้จิ๊บกินตลอด จิ๊บก็ชอบกินเฉาก๊วยแบบนี้ ส่วนเจ้าจอมสั่งขนมปังกับวุ้นมะพร้าวใส่น้ำแดงและราดนมเต็มพิกัด พระลอมองลูกเจี๊ยบที่ตักขนมหวานเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างอารมณ์ดี ปากแดงๆยิ่งพอกินขนมที่ราดน้ำแดงก็ยิ่งขึ้นสีแดงจัดเข้าไปใหญ่แถมนมข้นที่ราดด้านบนเวลาติดที่ริมฝีปากอิ่มนั้นยิ่งทำให้คนมองใจไม่ดียามที่ลูกเจี๊ยบส่งปลายลิ้นออกมาเลียคราบนมที่ติดมุมปากพระลอก็รู้สึกเหมือนจะวูบ อยากจะเหมายาดมมาดมยกแผง ตอนนี้ถ้าไม่เลิกมองเลือดกำเดาต้องไหลในไม่ช้าแน่ๆ

 

เด็ก 15-16 มันกินขนมได้เซ็กซี่ขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

คือไม่ๆ

 

เด็กมันก็กินของมันธรรมดานี่แหล่ะ

 

เป็นตัวเขาเองใจเขาเองที่คิดบาป

 

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิตและหมกมุ่นจนมากเกินไป เขาควรแก้ไขปัญหานี้ด้วยการออกกำลังกาย เข้าวัด ฟังธรรม ดำน้ำ ดูปะการังอะไรก็ว่าไป

 

แต่คิดๆแล้วทำแล้วก็เหนื่อยแถมไม่มีความสุขงั้นก็กลับมากามใส่เด็กมันตามเดิมดีกว่า มีความสุขแถมอีกหน่อยจะพาเด็กออกกำลังกายในร่ม แต่อาจจะต้องขยับหลายท่า บางท่าก็อาจจะตั้งชันเข่า แยกขา ฉีกขากว้าง บิดตัวจนหลังแอ่น แต่ก็เรียกเหงื่อได้ดี อาจจะมีคอแห้งนิดหน่อยเพราะใช้เสียงเยอะ อย่าคิดไกล นี่กำลังจะชวนหลานเล่นโยคะร้อนเฉยๆ

 

                “เอิ๊กกกกกกกกกกกก”ความคิดถึงอย่างสะดุดลง พระลอสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆแก้วเจ้าจอมก็โก่งคอเรอเสียงดังลั่น

 

เรอขนาดนี้ไปอ้วกเลยมั้ยครับหลาน

 

                “เจ้าจอมทำน่าเกลียด ไม่มีมารยาทเลยถ้าแม่จิ๊บเห็นตัวโดนตีน่องลายแน่”ศตายุเอ็ดน้องพลางหยิกลงบนเอวน้องแรงๆ 1 ที อย่างไม่ชอบใจ แม่จิ๊บสอนเสมอเรื่องมารยาท การอิ่มแล้วเรอมันไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ถ้าอยู่ในที่สาธารณะต้องหัดยับยั้งไว้บ้าง หาวิธีเรอเบาๆหรือกลั้นไว้ไปเรอในที่ไกลคน แก้วเจ้าจอมทำปากคว่ำอุบอิบพูดคำว่าขอโทษเบาๆ ชายหนุ่มแอบเยาะเย้ยเจ้าเด็กแสบเบาๆในใจ

 

ว้ายๆโดนดุ สมน้ำหน้า หยิกมันอีกหยิกมันเยอะๆเลย หมั่นไส้นัก

 

แต่ในความเป็นจริง...

 

                “น้องยังเล็กค่อยๆสอนก็ได้นี่คะ อย่าทำน้องเจ็บเลย ไปเถอะอิ่มแล้วกลับกันเถอะ”

 

สร้างภาพครับ ในตอนนี้ลลิตภัทรต้องสร้างภาพคนดีให้สังคมในร้านก๋วยเตี๋ยวรับรู้และมองเห็น บรรดาป้าๆลุงๆในร้านมองเขาด้วยสายตาชื่นชมเอ็นดู ถ้ากะคร่าวๆจากสายตาเขาน่าจะได้คะแนนเสียงเพิ่มราวๆ 12-13 คน ในที่นี้

 

ตอนนี้สร้างภาพไปก่อน อีกหน่อยค่อยไปสร้างอนาคตลูกเจี๊ยบสองคน

 

เนี่ยเห็นมั้ย พระลอเป็นชายหนุ่มใสๆ ตอนนี้ก็ใสๆไปก่อนอีกหน่อยจะเปลี่ยนเป็นขาวขุ่นอะไรยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที

 

 

ทั้งสามคนเดินกลับมาตรงที่ผูกควายไว้ ในนาเด็ก 3-4 คนกำลังขะมักเขม้นช่วยกันวิดน้ำจากแอ่งหนึ่งเข้าไปอีกแอ่งหนึ่งโดยมีคันดินกั้นไว้ ศตายุกับแก้วเจ้าจอมรีบวิ่งเข้าไปดูทันที

 

                “พี่เจี๊ยบจับปลาด้วยกันป่าว”เด็กผู้ชายอายุน่าจะราวๆ 13-14 ปี ที่ดูโตที่สุดในกลุ่มยืดตัวขึ้นมาถามหลังจากเห็นเด็กของเขาวิ่งดุ๊กๆเข้าไปหา ศตายุแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ยากเด็กหนุ่มพยักหน้าพลางถอดรองเท้าทิ้งไว้บนคันดินแล้วลุยโคลนลงไปทันที มือขาวรับกระป๋องพลาสติกที่ชัยชาญยื่นให้แล้วช่วยวิดน้ำออกอย่างรู้งาน

 

                “อาลอ มาช่วยกันเร็ว”ไม่ลืมที่จะหันมากวักมือเรียกคนที่โตที่สุดให้ลงไปช่วย พระลอชั่งใจอยู่อึดใจหนึ่ง เขาเองทิ้งช่วงเวลาสดใสในวัยรุ่นไปเสียนาน ลองทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเด็กๆบ้างก็คงจะดีไม่น้อย ร่างสูงพับขากางเกงของตนเองขึ้นไปไว้เหนือหน้าแข้งตามด้วยถอดรองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่ออกแล้วค่อยๆเดินตามลงไปในบ่อโคลน กระป๋องถูกยื่นให้ด้วยแก้วเจ้าจอมส่วนเจ้าเด็กจอมจุ้นกลับขึ้นไปยืนเชียร์อยู่บนคันนา ราวๆครึ่งชั่วโมงหลังจากออกแรงวิดน้ำภาพสิ่งมีชีวิตที่พยายามว่ายไปบนพื้นโคลนมากมายก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ปลาเล็กปลาน้อยหลายชนิดถูกไล่จับอย่างสนุกสนาน บ่อยครั้งที่น้ำหนักตัวและดินที่นิ่มทำให้เท้าติดจนต้องออกแรงดึงออกแต่พระลอกลับรู้สึกสนุกไปกับเด็กๆด้วย

 

                “อาลอ ล้วงลงไปในรอยเท้าสิ ปลามันจะตกลงไป ระวังมันยักใส่นะปลาหมอครีบมันคม”ลูกเจี๊ยบหันมาบอกคนที่ไล่ตะครุบปลาข้างๆตนตลอดพลางทำตัวอย่างให้ดู มือขาวที่บัดนี้เปื้อนเปรอะไปด้วยโคลนล้วงลงไปในรอยเท้าของตนเมื่อดึงมือขึ้นมาก็จับปลาตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ขึ้นมาด้วย พระลอดึงเท้าตัวเองออกแล้วล้วงตามบ้าง ปลาหมอตัวขนาดพอเหมาะถูกจับขึ้นมาอย่างง่ายดาย

 

                “พี่เจี๊ยบเอาปูด้วย”

 

                “ปูเนื้อมันไม่ค่อยมีปล่อยมันไปเถอะ แค่ตัวสองตัวกินไม่อิ่มหรอก เอาไว้วันอื่นค่อยมาขุดกันเนอะ”ศตายุบอกกับน้องชายที่พยายามไล่จับปูนาตัวใหญ่ที่ชูกล้ามสู้ แก้วเจ้าจอมชอบกินปูเผา หรือถ้ามีเยอะแม่จิ๊บจะขังให้คลายขี้โคลนออกแล้วชุบแป้งทอดให้กิน เด็กน้อยทำท่าเสียดายก่อนจะผละออกจากเจ้าปูตัวนั้นอย่างตัดใจ พระลอสนุกสนานกับการช่วยเด็กๆจับปลา ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเป็นระยะยามที่มีใครลื่นล้ม ไม่เว้นแม้กระทั่งเขาเองที่ล้มไป 2 ครั้ง เด็กๆตามบ้านนอกแม้จะไม่ได้ไปเดินเล่นตากแอร์หรือดูหนังตามห้างสรรพสินค้าแต่พวกเขาก็มีกิจกรรมให้ทำไม่ได้ขาด แม้กิจกรรมที่ว่ามักจะต้องออกไปตากแดดกันจนหัวแดง แต่นี่ก็คือแบบเรียนทางธรรมชาติที่สร้างเสริมทักษะและประสบการณืชีวิตให้ได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ได้เด็กๆไม่ได้จับเล่นเพื่อเอาชีวิตพวกนั้นไปทิ้งแบบเปล่าๆปรี้ๆแต่ทุกอย่างที่จับไปนั้นมันคืออาหารที่จะเลี้ยงชีพในแต่ละวัน จนเกือบสี่โมงเย็นทั้งสามคนก็หิ้วกระป๋องที่ใส่ปลาหมอ ปลาช่อนนา ปลากระดี่รวมทั้งปลาซิวกลับมาที่บ้าน ระหว่างทางเดินผ่านชาวบ้านที่กำลังยกยอกันอยู่ศตายุก็ได้ปลาซิวและกุ้งฝอยตัวเล็กๆที่ชาวบ้านแบ่งมาให้อีกจำนวนหนึ่งและมากพอที่จะทำกับข้าวได้ 1 มื้อ พระลอรู้สึกได้เลยว่าชาวบ้านรักและเอ็นดูเด็กทั้งสองคนรวมไปถึงจันทร์เจ้าขาที่ไม่ได้มาเล่นซุกซนด้วย ความรักความเอ็นดูถูกส่งมาให้พระลอที่ตามเด็กๆมาด้วยอีกต่างหาก แก้วเจ้าจอมที่งอแงไม่ยอมเดินได้ขึ้นไปนั่งบนหลังควายโดยมีพระลอกับศตายุจูงควายคนละตัวเดินนำกลับบ้าน

 

                “ไปทำอะไรกันมาลูก คลั่กกลับมาเชียว” ย่าโฉมส่งเสียงทักเมื่อเห็นลูกชายกับหลานๆบ้านฟากขะนู้นมอมแมมกันกลับมาทั้งสามคน โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่ถูกพระลอแกล้งพากันล้มลุกคลุกคลานในโคลนจนเปื้อนไปทั้งตัวทั้งหัว

 

                “ไปจับปลามาจ้าย่าจ๋า”ศตายุเอากระป๋องใส่ปลาไปวางให้ย่าโฉมดู หญิงชรายิ้มอย่างพอใจ

 

                “แหม ปลาซิวได้มาแยะเชียว ดีเลยพ่อรามเพิ่งบ่นว่าอยากกิน งบ**อยู่พอดี เดี๋ยวไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวซะนะลูกเย็นๆค่อยข้ามมาย่าจะทำไว้ให้”

((**งบ ห่อหมกย่างไม่ใส่กะทิ))

 

                “เดี๋ยวเจี๊ยบกลับมาช่วยย่าทำกับข้าวดีให้เจ้าจอมกลับบ้านเจี๊ยบไปล้างตัวที่คลองแป๊บเดียว”

 

                “ไม่เอาหนูจะอยู่ด้วย”

 

                “อยู่ก็เกะแกะ ตัวไปอาบน้ำให้เกลี้ยงๆเหอะ การบ้านยังทำไม่เสร็จจำไม่ได้เหรอ ในครัวควันเยอะ พี่จะช่วยย่า”

 

                “กลับไปทำการบ้านเถอะ พูดง่ายๆเดี๋ยวอาลอให้ของเล่น”แก้วเจ้าจอมที่ตอนนี้เห็นแต่ลูกนัยน์ตาทำตาโตเมื่อได้ยินคำว่าของเล่น เด็กน้อยเกาะแขนที่เปื้อนไปด้วยโคลนของลลิตภัทรทันที

 

                “ของเล่นอะไรอ่ะอาลอ”

 

                “อาลอมีรถบังคับ เล่นเบื่อๆอยู่พอดี ถ้าเจ้าจอมไม่ดื้อพูดง่ายๆอาลอจะให้”

 

                “พี่เจี๊ยบ พายเรือไปส่งหนูที หนูจะกลับไปทำการบ้าน”เจ้าจอมพูดจบก็ดึงมือพี่ให้ตามตนเองไปทันที

 

                “ลอก็ไปล้างเนื้อล้างตัวที่คลองไปลูกค่อยขึ้นมาอาบน้ำบนบ้าน”พระลอรับคำแม่ก่อนจะคว้าผ้าขาวม้าที่แขวนไว้ไม่ไกลติดมือไปด้วย ทางด้านลูกเจี๊ยบก็เอาเรือของบ้านเขาพายไปส่งเจ้าจอม เด็กน้อยหายไปพร้อมน้องได้ยินเสียงจิ๊บเอ็ดลูกดังมาแว่วๆ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นลูกเจี๊ยบวิ่งหนีมาพร้อมเสียงหัวเราะร่าเด็กน้อยชะงักเมื่อเห็นเขายืนเท้าสะเอวมองอยู่อีกฝั่ง  ศตายุลงเรือพายมาช้าๆ พระลอโดดลงน้ำว่ายมาหาศตายุเกาะกาบเรือไว้ส่งสายตาพราวระยิบแข่งกับประกายของน้ำที่ถูกแสงอาทิตย์ส่อง

 

                “ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิคะ ล้างตัวด้วยจะได้รีบไปช่วยแม่ทำกับข้าว”ชายหนุ่มออกแรงดึงเรือกลับมาที่ฝั่งของตนเองก่อนจะดึงลูกเจี๊ยบตัวโตลงมาในน้ำด้วยกันตรงตีนตลิ่งน้ำลึกแค่เอวทำให้เขาทรงตัวยืนได้อย่างสบายๆ ชายหนุ่มจับแขนหลานมาช่วยขัดโคลนให้เบาๆ

 

                “อ...อาลอ หนูล้างเองก็ได้” เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อฝ่ามืออุ่นของลลิตภัทรลูบไล้บนผิวเนื้อของตนเองแผ่วเบา

 

                “อาล้างให้ก็ดีแล้วนี่คะ ตรงไหนที่โคลนเกาะแล้วหนูไม่เห็นแต่อาเห็น อาจะได้เอาออกให้ หนูก็ช่วยดูให้อาด้วยสิคะว่าโคลนมันเปื้อนตรงไหนบ้างช่วยๆกันจะได้เสร็จเร็วๆ”ลลิตภัทรพูดหน้าตาเฉย มือยังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหลานอย่างว่องไว สอดส่ายสายตามองรอบๆเมื่อเห็นว่าปลอดคนก็กดจมูกลงบนแก้มนุ่มเบาๆ

 

                “อาลอ หอมแก้มหนูทำไมเนี่ย”ศตายุใช้แขนดันอกของคนแก่กว่าที่ชักจะเบียดตนมากขึ้นทุกทีออก

 

                “โคลนติดแก้มหนูไงคะอาเอาออกให้”

 

                “ใครเขาใช้จมูกปัดออกกันล่ะ อย่ามาหลอกกันหนูไม่โง่นะ”

 

                “ถ้าหนูไม่โง่แล้วทำไมไม่รู้ล่ะคะว่าอาทำไปทำไม”ลลิตภัทรกอดเอวหลานพลางดึงให้เข้ามาใกล้เหมือนเดิม แม้ว่าศตายุจะใช้มือดันอกไว้แต่ก็สู้แรงไม่ได้

 

                “อาลอทำไมชอบแกล้งหนู?”คนเด็กว่าเสียงเบา หลบสายตาหวานเชื่อมที่ลลิตภัทรจ้องมองตนไปทางอื่น

 

                “อาไม่ได้ชอบแกล้งหนูซักหน่อย”ใช้ปลายนิ้วดันใบหน้าของหลานให้หันกลับมาที่ตนดันปลายนิ้วที่ปลายคางบังคับให้คนเด็กกว่าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตน รอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น คำพูดประโยคถัดมาทำให้คนเด็กกว่าขาแข้งอ่อนขึ้นมาโดยพลัน

 

 

 

 

            “อาชอบหนูต่างหากล่ะคะ”

 

 



 
มีต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


หลังจากคำพูดประโยคนั้นศตายุไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเขาอีก เด็กน้อยผละกายออกจากการกอดของเขา มือไม้คล้ายจะเกะกะไปหมด ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดสลับกันจนกระทั่งเหมือนเจ้าตัวไม่รู้จะทำอะไรดีก็พุ่งตัวลงน้ำว่ายกลับไปกลับมาเสีย 4-5 รอบ จนลลิตภัทรหัวเราะลั่นด้วยความขำ

 

ศตายุเขินจนไม่รู้จะระบายด้วยวิธีไหนเด็กน้อยจึงใช้วิธีว่ายน้ำหนีเขาไปมา แม้จะพยายามว่ายตามแต่เขากลับว่ายไม่ทันเด็กนั่น

 

                “อาลอ กินสายบัวต้มกะทิกัน”เมื่อปรับอารมณ์ในอกได้ศตายุก็ว่ายไปตรงกลุ่มบัวสายสีแดงอมม่วงกอใหญ่ น้ำลึกมิดหัวแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้กลัว

 

เขาเกิดและโตมากับสายน้ำนี้ และศตายุเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เพียงแต่ตอนนี้เลิกแล้วเพราะปีที่แล้วบาดเจ็บและซ้อมหนักเกินไป ดังนั้นศตายุจึงไม่กลัวน้ำและว่ายน้ำได้คล่องราวกับปลา เด็กน้อยดึงเอาบัวสายขึ้นมาทีละต้น ลลิตภัทรที่ว่ายตามมาทีหลังก็ช่วยกันเก็บโดยลอบสังเกตดวงหน้าหวานนั้นไปด้วย เขาไม่ได้รุกอะไรคนเด็กกว่าอีกเมือได้สายบัวจำนวนพอเหมาะและล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ขึ้นมาผลัดผ้าบนฝั่ง ศตายุต้องก้มหน้างุดอีกครั้งเมื่อลลิตภัทรเปลี่ยนกางเกงต่อหน้าเขา ร่างสูงพันเอวด้วยผ้าขาวม้าเก่าๆแต่กลับทำอะไรกับความดูดีของลลิตภัทรไม่ได้เลย ผิวขาวตัดกับผ้าลายตารางสีแดงดำนั้นอย่างลงตัว รูปร่างของลลิตภัทรแม้ไม่ได้มีซิกแพ็คก้อนใหญ่เด่นชัดแบบพวกนายแบบที่เคยเห็นในทีวีแต่ชายหนุ่มก็มีพอให้เห็นเป็นรูปเป็นรอยสวย กล้ามแขนพอมีให้เห็นตามแบบฉบับของคนที่ออกกำลังกายดูแลรูปร่างตัวเองอยู่บ้าง แผงอกครัดตึงจนคนมองใจสั่นแปลกๆ

 

                “ขึ้นไปเปลี่ยนผ้าบนบ้านไป”ชายหนุ่มหยิบผ้าเปียกของตัวเองมาถือแล้วจูงมือหลานให้เดินตามขึ้นมาบนห้อง หยิบเสื้อยืดของตัวเองและกางเกงเลชายหนุ่มเปิดลิ้นชักหยิบกางเกงในแพคใหม่ให้หลานเปลี่ยน ศตายุเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอีกรอบแล้วออกมาด้วยเสื้อผ้าที่เขาให้เมื่อออกมาก็พบว่าลลิตภัทรยังนั่งอยู่ในผ้าขาวม้าตัวเดิม

 

                “เอาผ้าเปียกใส่ตะกร้าไว้เดี๋ยวค่อยเอาลงไปซัก”

 

                “หนูเอาไปซักที่บ้านก็ได้จ้า”

 

                “จะข้ามไปข้ามมาทำไมล่ะ ป่านนี้แม่ล้างปลาเสร็จแล้วมั้ง”

 

                “งั้นเดี๋ยวหนูลงไปช่วยย่าโฉมทำกับข้าวก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวจะช้า”ศตายุเดินเตรียมตัวจะออกไปจากห้องแต่คนที่เดาทางไว้ถูกอยู่แล้วก็ฉวยข้อมือเล็กนั้นไว้ออกแรงดึงเพียงนิดเดียวหลานก็ล้มลงมานั่งบนตักเสียแล้ว

 

                “อาลอ ปล่อยหนู หนูจะรีบลงไปช่วยย่า”

 

                “ฟังอา แป๊บเดียว ที่อาบอกว่าชอบหนูอาพูดจริงนะคะไม่ได้พูดเล่น”

 

                “ฮื่อ...ได้ยินแล้ว”คนเด็กก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาอีกแล้ว

 

                “แล้วหนูชอบอาบ้างมั้ยคะ อารู้ว่าหนูเป็นเด็กฉลาด น่าจะพอรู้ว่าที่ผ่านมาอาคิดยังไง”

 

                “ก็...พอรู้ แต่หนูไม่มั่นใจ มันเร็วไป”

 

                “สำหรับอามันไม่ได้เร็วไปเลยค่ะ อายุอาเยอะแล้วความรู้สึกที่มีมันชัดเจน อาไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะมารู้สึกกับใครเล่นๆ และอาจะไม่บังคับหนู อาเข้าใจ หนูอายุยังน้อยตัวเลือกก็คงจะมีหลายคนเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่โรงเรียนหน้าตาดีๆนิสัยดีๆคงจะมากถ้าหนูชอบอาก็แค่คนแก่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ยังไงก็สู้คนพวกนั้นไม่ได้”

 

                “มันไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย หนูไม่ได้คิดอย่างนั้น”คนเด็กเงยหน้าขึ้นท้วงทันที

 

                “เอาเถอะอาจะยังไม่เอาคำตอบในตอนนี้ อาอยากให้หนูได้เก็บเอาไปคิดว่ารู้สึกยังไงกับอา สิ่งที่อาบอกไปหนูอาจจะไม่ชอบหรือไม่ได้รู้สึกอะไร พรุ่งนี้อาจะรอคำตอบ ถ้าหนูก็ชอบอาเหมือนกันก็ให้พายเรือมาหาอา อาจะไปรอที่ท่าน้ำ แต่ถ้าไม่ชอบไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันให้หนูปั่นจักรยานมานะแล้วอาจะเป็นอาที่ดี จะไม่ถูกเนื้อต้องตัวหนูอีก จะยังสอนพิเศษหนูต่อไป แต่คงไม่สนิทสนมแบบเดิมแล้ว โอเคมั้ย?”

 

                “ไว้ค่อยคุยกันเถอะจ้า หนูลงไปช่วยย่าโฉมก่อนนะจ๊ะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักออกจากตักของเขาลงไปด้านล่าง เสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกับแม่ของเขาดังมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มรีบแต่งตัวลวกๆแล้วตามลงไปในครัว

 

                “ลอมาพอดีเลยลูก เดินไปตัดใบกล้วยให้แม่ซัก 2-3 ใบสิลูก”ย่าโฉมที่ขยี้เอาขี้ปลาออกจากตัวปลาเสร็จแล้วกำลังเอาพริกแห้ง ข่าหั่น ผิวมะกรูด ตะไคร้หั่น กระชายหั่น หอมแดง กระเทียม กะปิ และข้าวสารนิดหน่อยรวมทั้งเกลือหยิบมือหนึ่งใส่ลงไปในครกหินที่มีศตายุนั่งประจำที่เตรียมตำ ชายหนุ่มคว้ามีดที่เหน็บอยู่ไม่ไกลออกไปหลังบ้านตัดใบตองกลับมาตามที่แม่สั่งแล้วนั่งดูคนเด็กกว่าตำพริกแกงเงียบๆ

 

ศตายุในตอนนี้มีสีหน้านิ่งแบบที่เขาไม่เคยเห็นเด็กน้อยแม้จะพูดคุยเจรจากับแม่เขาดีแต่พระลอรู้ดีว่าในใจของศตายุกำลังคิดตามเรื่องที่เขาพูดอยู่

 

เขายอมวัดใจกับเด็กนี่เพราะคิดว่าการรอโดยไม่มีจุดหมายมันเปล่าประโยชน์

 

แต่ถ้าเด็กมันไม่มีใจเขาจะได้รู้แต่ก็อย่าหวังว่าเขาจะตัดใจ เขาก็จะหาทางทำให้ศตายุชอบเขาให้ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

 

กว่า 10 นาทีที่ศตายุตำพริกแกงในที่สุดส่วนผสมทั้งหมดก็ละเอียดแม่ของเขาจัดการเอาพริกแกงเทใส่ลงไปในเนื้อปลาและกุ้งที่เตรียมไว้ ไข่ไก่ถูกตอกใส่ลงไป 1 ฟองตามด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยและในบกระเพราปรุงรสด้วยน้ำปลาและรสดีเล็กน้อยจึงนำไปห่อใส่ใบตองและย่างกับตะแกรงที่หนีบกันหล่นได้ ระหว่างที่รองบสุกศตายุกับพระลอก็ช่วยกันลอกเปลือกบัวสายเพื่อเตรียมไว้ทำกะทิสายบัว ทั้งสองคนทำงานไปเงียบๆแต่ลลิตภัทรก็รู้ว่าคนเด็กแอบมองตนเป็นระยะๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่นานงบก็ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ศตายุปฏิเสธคำชวนให้กินข้าวเย็นด้วยกัน เด็กหนุ่มกลับบ้านไปพร้อมงบย่างและสายบัวต้มกะทิ วันนี้เขามีเรื่องให้ต้องคิดมากจนไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้าวเย็นแสนอร่อยกับของที่ชอบก็ดูจะไม่รู้รสลูกเจี๊ยบผู้เจริญอาหารกินข้าวได้น้อยจนจิ๊บสังเกตได้

 

                “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?”

 

                “เปล่าจ้าแม่”

 

                “เปล่าแล้วทำไมดูซึมๆล่ะ”

 

                “วันนี้ไปเล่นทั้งวันแดดร้อนหนูปวดหัวนิดหน่อยจ้า”เด็กน้อยไม่ได้ปดแม่นะ แดดร้อนจริงๆ และเขาก็ปวดหัวจริงๆเพียงแต่ไม่ได้เป็นเพราะแดดหรอก เป็นเพราะคำพูดของลลิตภัทรต่างหากล่ะ จิ๊บใช้หลังมืออังหน้าผากลูกเบาๆ

 

                “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่เดี๋ยวกินยาดักไว้ซัก 2 เม็ดนะลูก”ศตายุพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปรับยาพาราที่แม่ลุกไปหยิบให้กรอกเข้าปาก

 

                “หนูขอไปนอนพักก่อนนะแม่”เมื่อช่วยแม่ล้างจานเสร็จแล้วลูกเจี๊ยบก็ขอตัวเข้าห้องไป เด็กน้อยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างคิดไม่ตก

 

เขาอายุเพิ่งจะ 15 เองนะ นอกจากพ่อแม่และน้องๆศตายุก็ไม่รู้จักความรักในรูปแบบอื่นเลยด้วยซ้ำ

 

แต่ศตายุก็อยากคุยกับอาลอ อยากเล่นกับอาลอ อาลอใจดี คุยสนุก อาลอพูดเพราะ อาลอเป็นคนอ่อนโยน ถ้าถามว่าชอบมั้ย แน่นอน ศตายุกล้าตอบได้เต็มปากเลยว่าศตายุก็ชอบอาลอเหมือนกัน

 

แต่มันจะใช่คำว่าชอบในแบบที่อาลออยากให้เป็นมั้ยอันนี้ศตายุก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยซักนิด

 


ปัญหาที่ตีรวนในหัวทำเอาเด็กน้อยนอนไม่หลับไปค่อนคืนเลยทีเดียว





 ......................................


ติดแท็กได้ในทวิตเตอร์นะคะ #พระลอตามไก่

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๘


   ศตายุไม่มา...

ไม่ว่าจะทางน้ำหรือทางบกก็ไร้วี่แววของศตายุ

ปกติลูกเจี๊ยบจะมานั่งทำการบ้านไม่ก็มานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ วันนี้ทุกอย่างว่างเปล่า  ไม่เห็นทั้งเงาของศตายุและแก้วเจ้าจอม  ลลิตภัทรที่หอบหัวใจอันเต็มเปี่ยมด้วยความหวังไปช่วยงานพี่ชายที่โรงสีและรีบกลับมาเมื่อตะวันใกล้จะตกดินรู้สึกห่อเหี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

จากท้องฟ้าที่สว่างไสวก็ค่อยๆถูกแต่งแต้มสีทีละนิดๆ ผีตากผ้าอ้อมค่อยๆจางหายความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาจนกลืนกินไปทั่วท้องฟ้า เสียงจักจั่นร้องดังระงมไปจนสุดคุ้งน้ำ ความร้อนอบอ้าวที่มีมาตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเที่ยงแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างวาบที่ยอดเขา ฟ้าส่งเสียงร้องครืนครั่นไม่ต่างจากเสียงในใจของเขาเลยซักนิด

หลากหลายอารมณ์สุมรุมอยู่ภายในใจคล้ายปีศาจร้ายที่ถูกกักขังไว้เนิ่นนานเริ่มร้องประท้วง

เด็กนั่นคิดว่าเขาพูดเล่นหรือยังไง คิดว่าเขาจะใจดีได้ตลอดไปเหรอถึงมาเล่นกับใจของเขาอย่างนี้ พระลอยังคงรอจวบฟ้ามืดสนิทละอองฝนค่อยๆร่วงลงมีทีละนิดจนกระทั่งฝนลงเม็ดหนักจนมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้า

ร่างบางแสนนุ่มนิ่มที่เคยกอดเคยหอมก็ไม่มา ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา

คล้ายที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพมายาล่อลวงให้หลงใหลแล้วก็สลายไปคล้ายกลุ่มควันบางเบา

“ไอ้ลอ มึงจะนั่งทำห่าอะไรตรงนั้นวะ ฝนตกแล้วเนี่ย เข้าบ้านแม่ให้มาเรียก ทำตัวเป็นพรเอกมิวสิควีดีโออยู่ได้ไอ้ห่า รู้แล้วว่าหล่อ” เสียงพระลักษณ์ที่ตะโกนมาทำให้พระลอรู้สึกตัว เขาละสายตาจากบ้านของกำนันแดนดินพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีลูกเจี๊ยบอาจจะยังไม่พร้อม เขาอาจจะใจร้อนและเร่งรัดหลานเกินไป

แต่ว่า มาไม่มาหรือยังไง โผล่หน้ามาให้เห็นก็ยังดี นี่เล่นหายไปเลยไม่มานั่งที่ท่าน้ำให้เห็นหน้าค่าตากันเลยซักนิด มันจะใจร้ายเกินไปป่าววะ

คิดถึง...คิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย

คิดถึงน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยถามนู่นถามนี่ตลอด

คิดถึงแก้มนุ่มๆที่ยิ่งฝังจมูกก็ยิ่งติดใจ

คิดถึงตัวสั่นๆยามที่เขาลูบไล้ไปบนผิวเนื้อ

คิดถึงกลิ่นหอมๆยามฝังจมูกลงบนต้นคอเบาๆ

คิดถึงก้นนุ่มๆที่นั่งบดเบียดอยู่บนตัก

เขาคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นศตายุ

พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ต้องมานะ ไม่ว่าจะทางไหนยังไงพรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องมาหาอานะคะ…อาจะรอ





รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น พระลอไม่ได้ออกไปวิ่งตามปกติ ชายหนุ่มยังคงนอนโง่ๆอยู่บนเตียง เขานอนไม่หลับเลยซักนิด ตลอดคืนเอาแต่คิดถึงเรื่องของศตายุ

กลัว...พระลอกลัวว่าหลานจะเกลียดหรือกลัวจนหลบหน้าเขา ความมั่นใจที่เคยมีบัดนี้พังทลายไม่มีชิ้นดี

ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าศตายุปั่นจักรยานมา เขาจะทิ้งห่างความสนิทสนมให้มากขึ้นกว่าเดิมซักหน่อยแล้วค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่านี้

เขาดูออกว่าศตายุเองก็ชอบเขาอยู่ไม่น้อยเพียงแต่เด็กนั่นอาจจะยังไม่รู้ว่าควรจะวางความรู้สึกของตนที่มีไว้ตรงจุดไหน ชอบแบบหลานที่มีอาใจดีๆหรือชอบในรูปแบบของคนที่จะรักกัน

ชายหนุ่มดึงตัวเองให้ลุกออกจากที่นอนเมื่อนึกได้ว่าศตายุต้องมาใส่บาตรหลวงตาทุกเช้า คิดได้ดังนั้นจึงสวมกางเกงอย่างลวกๆเดินลงจากบ้านตรงดิ่งไปยังศาลาริมน้ำ แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้ต้องผิดหวังเมื่อคนที่กำลังตักบาตรกลับไม่ใช่ศตายุกลายเป็นแดนดินกับจิ๊บกำลังช่วยกันใส่บาตรด้วยท่าทางสงบมีจันทร์เจ้าขาคอยหยิบของให้พ่อกับแม่ใกล้ๆ พระลอถอนหายใจหนักแล้วเดินกลับเข้าบ้านตัวเองไป

วันนี้ทั้งวันพระลักษณ์สังเกตได้ถึงความหัวเสียของพระลอ น้องชายคนเล็กของเขาทำงานไปถอนหายใจไปแถมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พาลทำให้อ็อกซิเจนรอบตัวเขาสกปรกไปกับอารมณ์ของพระลอด้วย

“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย มานั่งถอนหายใจอยู่ได้”ที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถามซะเอง เขากับพระลอแม้อายุจะห่างกัน 7 ปี แต่ก็สนิทกันมาก ก็พระลักษณ์น่ะเลี้ยงพระลอตั้งแต่เล็กๆแถมตอนเจ้าตัวดีช้ำรักหนีไปเลียแผลใจที่กรุงเทพก็ได้เขานี่แหล่ะคอยดูแลน้องมา แล้วมานั่งทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้แบบนี้ทำไมจะไม่รู้ว่ามันอยู่ในอารมณ์ไหน

เหมือนหมาที่โดนเอาผ้าเน่าไปซ่อนไม่มีผิด

“เปล่า”ตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“เปล่าห่าอะไร ตั้งแต่เช้ามึงนั่งถอนหายใจไปร้อยกว่ารอบแล้วมีอะไรอยากเล่าให้กูฟังมั้ย?”

“มันก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆพี่ เพียงแต่ผมเบื่อ ช่วงนี้มันเงียบๆ”บอกปัดแบบผ่านๆ พระลักษณ์พยักหน้าหงึกหงักแม้จะไม่เข้าใจนักก็ตาม

“มึงคงชินกับชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยแสงสีแบบในกรุงเทพสินะ แบบถ้าไม่ได้รับเลือกจะทำยังไงต่อคิดไว้ยัง?”

“ตอนแรกก็กะว่าจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม บริษัทก็อยากให้กลับไป แต่ตอนนี้มาคิดๆดู อยู่บ้านก็ดีเหมือนกันไม่ต้องทำอะไรรีบๆแบบอยู่กรุงเทพ แต่มันก็เหงาแหล่ะเพื่อนๆอยู่นู่นหมด”

“กูไม่เห็นมึงจะดูเหงาอะไร เด็กบ้านนู้นติดมึงแจยิ่งกว่ามันติดพ่อมันอีก เออ ว่าแต่ทำไมเมื่อวานไม่เห็นเจี๊ยบกับเจ้าจอมมาเลยวะ”นั่น...พระลอแอบเหล่มองหน้าพี่ชาย  หรือมันไปรู้อะไรมาวะ แต่หน้าตาก็เฉยๆนี่หว่า ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอมความลับอะไรไว้ ไม่ได้ดูว่าจะมาหลอกถาม

“ไม่รู้สิ”ทำเป็นยักไหล่ราวกับไม่สนใจ

“สงสัยจะเบื่อมึงแล้วมั้ง”พระลักษณ์แกล้งพูด ในขณะที่เริ่มเก็บของบนโต๊ะเพราะได้เวลาเลิกงาน คำพูดที่หยอกเล่นๆกลับแล่นเข้ามาปะทะใจคนฟังอย่างจัง ไอ้หน้าที่หงิกอยู่แล้วกลับยิ่งบึ้งมากกว่าเดิมเข้าไปอีก และพระลอก็แบกความหงุดหงิดกลับบ้านไม่พูดไม่จากับใคร ทำเพียงทักทายแม่เพียงเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งที่ท่าน้ำ





เหมือนเมื่อวาน...ศตายุไม่มา ไม่โผล่และไม่เฉียดกรายมาให้เห็นแม้แต่เงา ชายหนุ่มนั่งไหล่ห่อราวกับเป็นคนแก่อายุซัก 60 ปี ชะเง้อมองก็แล้วเงี่ยหูฟังก็แล้ว ลูกเจี๊ยบน้อยๆก็ไม่ส่งเสียงหรือเดินมาให้เห็นเลยซักนิด

เป็นอีก 1 วันที่พระลอขึ้นบ้านพร้อมความเหงาหงอยในใจ

ตอนแรกเขาคิดว่าลูกเจี๊ยบน่ะติดเขา แต่ตอนนี้พระลอคงต้องคิดใหม่ อาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่ติดเจ้าลูกเจี๊ยบตัวนั้น

เรียกว่าติดยังคงเบาไปด้วยซ้ำ เขาน่ะหลงเจ้าลูกเจี๊ยบจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วต่างหากล่ะ

คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว...

เช้าวันที่ 3 พระลอรีบลงมาที่ท่าน้ำเพื่อดักรอลูกเจี๊ยบ แต่วันนี้ก็ยังคงเป็นจิ๊บกับเจ้าขาที่มาใส่บาตร วิวค่อยดีขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีแดนดินมาอยู่ในกรอบสายตา แม้จะไม่คิดอะไรแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้าอยู่นิดๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้หลวงลุงจวบเอ่ยคุยกับภิกษุชรา 2-3 ประโยคสั้นๆ เมื่อพระไปแล้วที่สุดพระลอก็เอ่ยปากคุยกับจิ๊บ

“จิ๊บ ลูกเจี๊ยบไปไหนเหรอ ทำไมไม่เห็นมาเรียนพิเศษกับเราเลยล่ะ”

“อ้อ ขอโทษทีนะลอ เราลืมไปบอก เจี๊ยบกับเจ้าจอมไม่สบายน่ะ กลับมาวันนั้นตอนกลางคืนไข้ขึ้นเลยต้องหยุดเรียนไปก่อน ส่วนเจ้าจอมหายแล้ววันนี้ไปโรงเรียนได้”พอได้ยินคำตอบของจิ๊บ ใจของพระลอที่เหมือนกระเด็นลงน้ำก็กลับฟื้นคืนราวทศกัณฐ์ที่ถอดดวงใจไปฝากพระฤษีไว้

ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าเขา

หลานไม่สบาย อาจจะเป็นเพราะไปตากแดดมาทั้งวันแล้วตอนเย็นก็มาลงน้ำอีก

“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า ลอไม่รู้เลย นึกว่าหลานเบื่อจะมาเรียนแล้วซะอีก”

“วันแรกก็นอนซมกันทั้งพี่ทั้งน้องแหละ ต้องคอยเช็ดตัวกันทั้งคืนเลย เจี๊ยบแข็งแรงก็จริงแต่พอป่วยแล้วก็จะหนักกว่าคนอื่น”

“ลอข้ามไปเยี่ยมหลานได้มั้ย?”

"ได้สิ มาตอนไหนก็ได้ เจี๊ยบคงดีใจ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากจิ๊บ ถามหาอาลอไม่ขาดปากเลย แปลกนะ ปกติลูกเราไม่ค่อยติดใครมากนอกจากย่าโฉมกับปู่ลิต นี่มาติดลออีกคน เอาอะไรเลี้ยงลูกเราเนี่ย”

“ก็ไม่ได้ทำอะไร  งั้นเดี๋ยวบ่ายๆเรากลับมาเยี่ยมหลานนะ วันนี้ต้องไปกับพ่อ โค้งสุดท้ายแล้ว”

“ยังไงลอมาช่วงบ่ายสามก็ได้ จิ๊บจะอาศัยฝากลูกไว้หน่อยต้องไปรับเจ้าจอมกับเจ้าขาที่โรงเรียน พี่ดินเข้าเมืองค่ำๆนั่นแหล่ะถึงจะกลับ”

“อื้อ ได้ๆ งั้นเดี๋ยวบ่ายสามเราข้ามไป”





พระลักษณ์มองพระลอที่เดินไปเดินมายกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นพักๆอย่างเวียนหัว วันนี้แม้จะไม่ได้มานั่งหน้าบูดหน้าบึ้งแต่พระลอเอาแต่จ้องนาฬิกาไม่หยุด

“ถามจริงๆเถอะไอ้ลอ มึงไปติดสาวบ้านไหนมาป่าววะ?”

“อะไร?”คนน้องหันมาทำหน้างงใส่พี่ชายคนรอง

“เนี่ย ที่มึงเป็นอยู่เนี่ยเหมือนมึงติดสาวเลย มึงชอบลูกสาวบ้านไหนบอกกูนะ กูรู้จักเกือบทุกบ้านแหละ”

“ผมไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละพี่ เออ บ่ายสองแล้ว ขอกลับบ้านก่อนนะ”พระลอไม่ได้รอให้พี่ชายเอ่ยคำอนุญาตด้วยซ้ำ เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคบอกเล่าเฉยๆ ร่างสูงขับมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านก็ปรี่เข้าไปในครัวทันที ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปถึงข้อศอกจัดการหยิบหม้อใบเล็กมาตักข้าวสารใส่ลงไปแล้วซาว

“ทำอะไรเหรอลอเอ้ย” ย่าโฉมเดินตามเข้ามาในครัวมองลูกชายซาวข้าวด้วยท่าทางคล่องแคล่วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“หิวข้าวเหรอ กับข้าวในตู้ก็มีนะลูก”

“เปล่าครับ ลอจะต้มข้าวต้มเฉยๆ”ชายหนุ่มหันไปตอบแม่แล้วเอาข้าวขึ้นไปตั้งบนเตาจุดแก๊สเสร็จก็เริ่มค้นตู้เย็น

“แม่ครับ ปลาสลิดอยู่ตรงไหนน่ะ”หญิงชราเดินมายืนข้างหลังลูกชายแล้วแตะไหล่ให้ลูกชายหลบไปส่วนตนเองก้มๆเงยๆชั่วครู่กล่องใส่ปลาสลิดตัวโตก็ถูกหยิบออกมา

“นึกยังไงจะกินข้าวต้มกับปลาสลิด”

“ไม่ได้กินเองหรอกครับ ทำไปให้ลูกเจี๊ยบน่ะ จิ๊บบอกว่าหลานไม่สบาย”

“อ้าว ตายจริง ถึงว่าไม่มาที่บ้านเลย งั้นลอไปตรียมเครื่องยำให้แม่ที เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด ทอดไปเฉยๆหลานไม่ค่อยกินหรอก นอกจากปลาสด”เป็นอีกข้อหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากแม่

ลูกเจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด และชอบกินปลาสดทอดเท่านั้น หญิงชราล้างปลาแล้วผึ่งจนสะเด็ดน้ำจึงตั้งกระทะทอดปลา ไหนๆก็ทำแล้วจึงทอดเผื่อไว้เป็นอาหารเย็นของคนในบ้านด้วยเลยทีเดียว ส่วนพระลอรับหน้าที่จัดเตรียมเครื่องยำโดยการซอยพริกขี้หนูสวน หอมแดง ต้นหอมคึ่นฉ่าย รวมทั้งซอยมะม่วงที่ไปสอยมาจากต้นข้างบ้าน ย่าโฉมจัดการเลาะก้างปลาออกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆจากนั้นจึงนำไปทอดในไฟแรงจนกรอบทั่วกันหมดแล้วปรุงน้ำยำราด ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย ใส่ส่วนผสมที่ลูกชายเตรียมไว้ลงไปคลุกแล้วนำเนื้อปลาเทใส่อย่างคล่องแคล่ว

“แม่ทำกับข้าวเก่งจังเลยครับ” พระลอที่รับจานยำปลาสลิดจานใหญ่จากแม่มาถืออดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ ตอนนี้กับข้าวในมือพร้อมหม้ออวยใบเล็กใส่ข้าวต้มพร้อมเยี่ยมคนป่วย ชายหนุ่มเดินมาท่าน้ำหลังบ้านพายเรือข้ามไปที่บ้านจิ๊บ

เขาไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานมากแล้ว

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป จากบ้านไม้หลังเล็กๆกลายเป็นก่ออิฐถือปูนขยายใหญ่กว่าเดิม ใต้ถุนบ้านเทปูนมีอุปกรณ์การเกษตรวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านข้างตัวบ้านมีคอกควายฝูงใหญ่ราวๆ 10 ตัว บ้านทั้งหลังเงียบสงบจนชายหนุ่มรู้สึกประหม่า จิ๊บนั่งถักไหมพรมอยู่ที่ชานเรือน

“จิ๊บ” ส่งเสียงเรียกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว จิ๊บหันมามองแล้วยิ้มรับเขาไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยซักนิด

ยังคงอ่อนหวานและสวยงามเหมือนเดิม ความสาวสะพรั่งงดงามมากกว่าสมัยที่ยังเด็กๆซะอีก หญิงสาวเก็บไหมพรมใส่ตะกร้าแล้วเอ่ยชวนให้ชายหนุ่มขึ้นมาข้างบน

“หลานเป็นไงบ้าง?”

“ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่งอแงเหลือเกิน อ้อนจนเราเหนื่อย นี่หลับไปตั้งแต่บ่ายยังไม่ตื่นเลย”

“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปดูหลานหน่อยนะ”

“ดีเลย เดี๋ยวเราไปรับลูกที่โรงเรียนก่อนยังไงก็ฝากลูกด้วยถ้างอแงมากก็ตีได้เลย”

“บ้าเถอะ ใครจะไปตีลง จิ๊บไปเถอะ ขับรถดีๆไม่ต้องรีบเดี๋ยวเราดูลูกให้เอง”เราจะดูแลลูกจิ๊บให้อย่างดีเลยล่ะ

“ห้องลูกเจี๊ยบอยู่ริมสุดเลยนะ แล้วนี่ทำอะไรมาเหรอ”

“ต้มข้าวต้มมาให้น่ะ แม่ทำยำปลาสลิดมาฝากด้วย”

“ป้าโฉมรู้ใจหลาน เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด เพิ่งบ่นๆอยู่เมื่อเช้า ลาภปากจริง ยังไงเราไปรับลูกก่อน ลอก็อยู่เล่นกับเจี๊ยบไปก่อนแล้วกันนะ”

เออ จิ๊บไปรับลูกซักทีเถอะ ยำจะเซ็งแล้วเนี่ย

“โอเค เราจะรอจนกว่าจิ๊บจะกลับมาแล้วกันนะ”

เสียงมอเตอร์ไซค์ของจิ๊บค่อยๆหายไปเรื่อยๆจนบัดนี้บ้านทั้งบ้านเงียบสนิท พระลอสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ริมสุดของศตายุ หน้าประตูมีสติ๊กเกอร์แปะชื่อเจ้าตัวบอกไว้อย่างชัดเจน พระลอถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไปอย่างแผ่วเบา

ลูกเจี๊ยบของเขานอนหลับอยู่บนเตียง เหงื่อโทรมกายแม้จะมีพัดลมเปิดพัดความร้อนอยู่ที่ปลายเท้าก็ตามที ชายหนุ่มวางของเยี่ยมลงบนโต๊ะหนังสือแล้วนั่งลงบนของเตียงใช้หลังมืออังกับหน้าผากชื้นเหงื่อนั้นเบาๆ ไอความร้อนแล่นเข้าสู่หลังมือของเขาทันทีที่แตะสัมผัส ริมฝีปากของหลานแดงเพราะพิษไข้

“เจี๊ยบครับ”ส่งเสียงเรียกเบาๆแตะแก้มหลานเพียงผะแผ่วแต่เจ้าของห้องยังคงจมสู่ห้วงนิทรา ชายหนุ่มเดินออกไปด้านนอกหากะละมังแล้วรองน้ำจากในห้องน้ำเข้ามาอีกหน เปิดตู้เสื้อผ้าที่อัดแน่นไปด้วยชุดนักเรียนและเสื้อผ้าของเจ้าตัว ค้นหาผ้าที่พอจะเช็ดตัวให้หลานได้จนเจอผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ในลิ้นชัก

ศตายุสะดุ้งเฮือกเมื่อความเย็นถูกแตะลงมาบนผิวแก้ม เด็กน้อยที่นอนไม่สบายตัวนักเพราะความร้อนทั้งจากอากาศและพิษไข้ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรคุ้นตาลอยอยู่ตรงหน้า

ฝัน...

หนูฝันเห็นอาลออีกแล้ว

“เป็นยังไงบ้างคะ ไปหาหมอมั้ยเดี๋ยวอาพาไป”

วันนี้ฝันดีจัง อาลอคุยกับเขาด้วย

เด็กน้อยยิ้มซีดเซียวพลางกุมมือที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดหน้าของตนอยู่

“วันนี้หนูฝันดีจัง”

“ฝันว่าอะไรคะ?”คนแก่กว่าคุยตามน้ำไปกับเด็ก

“ฝันว่าอาลอมาหาหนู มานั่งคุยกับหนู”

“แล้วชอบมั้ยคะที่อามาหาหนูในฝัน”

“ชอบสิจ๊ะ หนูอยากเจออาลอ”

“แล้วในฝันกับตัวจริงหนูชอบอาลอคนไหนมากกว่ากันคะ?”

“ฮื้อ...หนูต้องเลือกด้วยเหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงกับคำถามนั้นกัดปากอย่างใช้ความคิดคิ้วขมวดจนพระลอรู้สึกขำ

“หนูเลือกไม่ได้หรอก...”ที่สุดหลังจากเงียบไปซักพักศตายุก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ





“เพราะไม่ว่าจะเป็นอาลอในฝันหรืออาลอตัวจริงหนูก็ชอบเหมือนๆกัน”





ท่านผู้ชมครับ นายลลิตภัทรได้ตายไปแล้ว ที่เห็นอยู่นี่คือกายทิพย์ที่อิ่มสุขมากๆ



“ชอบอาจริงๆเหรอคะ ชอบมากมั้ย?”ยังคงหลอกถามเด็กที่เหมือนจะยังเบลอๆอยู่ก่อนจะค่อยๆซับผ้าลงบนต้นคอหลานให้คนป่วยย่นคอหนีเล่น

เอ๊ะ...

เดี๋ยวนะ ทำไมหนูฝันเหมือนจริงอะไรอย่างนี้ ทั้งกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของอาลออีกล่ะ มองดูปลายนิ้วที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองทีละเม็ดๆแล้วก็เริ่มประมวลผลในสมอง

ไหน หยิกตัวเองดูซิ๊

“โอ้ย...”เด็กน้อยร้องเสียงดังเมื่อลองหยิกต้นขาตัวเองแล้วมันเจ็บ

ไม่ได้ฝันนี่หว่า

“อ๊ะ อาลอ...”เด็กน้อยร้องทันทีที่สาบเสื้อถูกดึงออกมือเล็กพยายามคว้ามาปิดไว้ สีหน้าคนแก่จอมเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม

“เอามือออกค่ะ อาจะเช็ดตัวให้ เหงื่อออกเต็มไปหมดแล้ว”

“ไม่เอา เดี๋ยวหนูรอแม่จิ๊บมาเช็ดให้ก็ได้”

“อาก็เช็ดให้ได้เหมือนกัน หนูไม่ต้องอายหรอกค่ะ ผู้ชายเหมือนกัน มาเร็วค่ะเด็กดี ว่าง่ายๆโตไวๆเช็ดตัวเสร็จจะได้กินข้าว อาลอต้มข้าวต้มกับยำปลาสลิดมาให้ด้วยนะ”เด็กน้อยพอได้ยินคำว่ายำปลาสลิดก็หูผึ่งยืดตัวมองหาทันที เมื่อเห็นเป้าหมายวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือก็ทำท่าจะเดินไปหาแต่ลลิตภัทรกดไหล่เอาไว้ก่อน

“ว่าไงคะ จะให้อาเช็ดตัวให้ดีๆหรือให้อายกกับข้าวกลับ”

“ฮื้อ...ไม่ยกกลับ น้องอยากกิน”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นสบด้วยสีหน้าอ้อนๆ แล้วอะไรคือแทนตัวเองว่าน้อง

ตาย...ลลิตภัทรที่เห็นตอนนี้คือสสาร เพราะแม้แต่กายทิพย์ก็ดับสลายไปแล้ว

“งั้นคนเก่งถอดเสื้อนะคะ อาจะเช็ดตัวให้”

“ก็ได้ อาลอเช็ดเร็วๆนะ หนูหิวแล้ว”

ค่ะ หนูหิว อาก็หิวเหมือนกัน...อาหิวหนูเนี่ย อยากจะกลืนกินไปทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น ขอยืมเพลงพี่แจ้มาร้องหน่อยนะครับ

แล้วเนี่ย...ตายๆๆๆ พอถอดเสื้อหลานแล้วความขาวก็กระแทกตามาเต็มๆ

หนูขา หนูใช้อะไรอาบน้ำคะ โอโม่หรือบรีสเอ็กเซลคะ ทำไมขาวเนียนไปทั้งตัวขนาดนี้ล่ะ

โอ้ย...มือสั่น...เย็นไว้ไอ้ลอ  เอาผ้าชุบน้ำสิไอ้เหี้ย มึงหยุดมองเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวเด็กกลัว

แต่มึง แป๊บนึง

นม...นมเด็ก

โอ้ย...กูขอบรรยายหน่อยเถอะ

ยอดอกสีเนื้ออ่อนอมแดงเด่นหราสองจุดแต้มบนเนินอกที่นูนนิดๆ คือน่าบีบมาก นมไม่แบนเรียบแบบเด็กผู้ชายแห้งๆอ่ะ หลานมีเนื้อมีหนังเพราะกินเก่ง แต่ว่าเอวบางร่างน้อย ที่ฟูก็มีแก้มกับนมนี่แหละ

กินอกไก่ผสมเวย์โปรตีนมาเหรอคะ

อยากจับ อยากลูบ อยากบีบ อยากอมมากๆ อยากลิ้มรสแต่ต้องข่มใจ



ยุบหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ…



เหี้ย มึงจะเอาแต่พองไม่ได้ มึงต้องยุบบ้าง



ลลิตภัทรพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมไม่ให้มือของตัวเองสั่นยามที่ลากผ้าบิดหมาดนั้นลงบนตัวหลาน ศตายุหลับตาปี๋ยามความเย็นลากไล้ทั่วแผ่นอก เด็กน้อยตัวสั่นยามที่ปลายผ้าปัดผ่านยอดอก มันค่อยๆตึงตัวตามกลไกของธรรมชาติเม็ดทับทิมสวยปรากฏสู่สายตาจนคนมองแทบจะเลือดกำเดากระฉูด

ตายๆ กูต้องตายวันละกี่หน ชายหนุ่มแทบจะละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้เลย ห้ามใจไม่ให้เผลอไปสะกิดที่ปลายยอดอกสวยนั้นลากผ้ามาที่หน้าท้องก็พอดีกับที่เจ้าตัวหดท้องหนีสองมือกำปลายหมอนหนุนแน่น ลลิตภัทรพยายามรวบรวมสติตัวเองกลับมาไม่ให้ความขาวและความเย้ายวนมาทำให้ไขว้เขว ชายหนุ่มชุบผ้าอีกหนก่อนจะประคองตัวหลานให้ลุกขึ้นนั่ง โอบร่างเล็กไว้ทั้งร่างแล้วเช็ดแผ่นหลังให้จนทั่ว ศตายุที่เหมือนถูกโอบกอดอยู่กลายๆลอบสูดดมกลิ่นของคนเป็นอาไว้อย่างโหยหา

คิดถึง...คิดถึงอาลอที่สุดเลย

"เสร็จแล้ว เดี๋ยวอาเอาเสื้อตัวใหม่ให้เปลี่ยนนะคะ”พระลอวางผ้าลงบนกะละมังหลังจากเช็ดตัวให้หลานเสร็จแล้ว ลูกเจี๊ยบนั่งรอนิ่งๆไม่ได้ส่งเสียงถามอะไรออกไปตามนิสัยแม้แต่น้อย เสื้อยืดสีเหลืองจ๋อยถูกสวมลงบนตัวให้อย่างเรียบร้อยชายหนุ่มหยิบแป้งเด็กบนโต๊ะมาทาแก้มให้หลานก่อนจะฉวยโอกาสหอมลงมาบนผิวแก้มร้อนผ่าวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว อยากจะฟัดให้สมกับที่คิดถึงแต่ติดว่าเด็กยังป่วยอยู่ พระลอพาคนป่วยมานั่งที่เก้าอี้แล้วเดินไปหยิบชามกับช้อนในครัวมาตักข้าวต้มให้หลานกิน

ศตายุกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะยำปลาสลิดมันอร่อยหรือเพราะมีอาลอมานั่งป้อนกันแน่

รู้แต่ว่าถ้ามีพยาบาลดีแบบนี้เขาคงหายป่วยแล้วไปวิ่งเล่นได้ในเร็ววันแน่ๆ


ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :z13: จิ้มไว้ก่อน รอเผื่อพระลอจะปิ้งไก่ (ว่าไปนั่น) 5555
------------------------
อ่านไปอ่านมาชักจะหิวตามแล้วสิเนี่ย กับข้าวน่ากินทั้งนั้น

ส่วนพระลอนั้นคุกคงจะเข้าช้ากว่าการได้กินลูกปืนดินแดนนะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2018 06:17:45 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ตลกมาก  :m20: นึกถึงตอนย้งเด็กเลยค่ะ ปั่นจักรยานเอาเท้า

ช่วยเบรก 5555555 เจี๊ยบก็อย่างฮา

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ท่าทางจะแสบทั้งครอบครัวอะ ดูแสบสุดไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าจอม

หรอกนะ :m20: ตีโพยตีพายกันไปก่อนเลย โอ๊ยขำ 5555

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ๊ย เจ้าแก้วเจ้าจอมตัวแสบ!  :m20: งานเข้าไหมละพระลอ

ไหนจะไอคุกๆๆๆ ไม่หยุดทีเดียว น้องยังเป็นเยาวชนยังเป็นผู้เยาว์

อยู่เด้อ ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าคุกไปแล้วนะพระลอ จะทันได้เป็น

ผู้ใหญ่บ้านไหมละเนี่ย  :laugh:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เจ้าจอมมมมม อยากจับมาฟาดก้นสักทีสองที 5555 แสบมาก

ไหนจะพระลอที่ขยันแอบตอดเล็กตอดน้อยเจี๊ยบตลอด

ละโคตรฮาตรงขับรถตกหลุมจนเจ็บก้นกบอะ 55555555

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มีเล่นมุกมีมคาดหวังสูงนะคะ ส่วนแก้วเจ้าจอมเรานี่อารมณ์เดียว

กับพระลอเลยค่ะ 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด