[END] Unclear จริงจังหรือแค่ขำๆ [บทส่งท้าย : 1/1/2020] หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] Unclear จริงจังหรือแค่ขำๆ [บทส่งท้าย : 1/1/2020] หน้า 3  (อ่าน 10996 ครั้ง)

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 9 ครึ่งๆ กลางๆ



Charit @Charitpedd

อิจฉาตัวเองเนอะ

ตื่นมาก็ได้เห็นคุณก่อนใครเลย



#พี่แช่มได้กล่าวไว้






ขี้ขิงสุดๆ ไปเลย

ผมอิจฉาเขามากกว่าเขาอิจฉาตัวเองอีก

เอ๊ะ....หรือจะไม่อิจฉาดี

“ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย” ผมมองร่างโปร่งที่ยังไม่ได้สติบนเตียงของตัวเอง เขาจะนอนนานเกินไปแล้วนะ

ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วและพี่ก้องยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักนิด ผมควรปลุกหรือปล่อยให้เขานอนไปแบบนี้ดีนะ ใจนึงก็อยากให้นอนเยอะๆ อีกใจก็อยากให้ตื่นเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าเมื่อคืนได้นอนที่ห้องผม จะบ่น จะด่า จะอาละวาดไหมนะ หรือว่าจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็กลับไปเงียบๆ ผมเลื่อนหน้าไปใกล้คนที่หลับอยู่ก่อนจะเกลี่ยแก้มใสนั่นเบาๆ

ถึงเขาจะเหมือนพี่หอม

แต่พี่ก้องก็ยังคงเป็นพี่ก้อง

ผมลุกออกมาจากเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง วันนี้วันหยุด ตอนแรกพวกเพื่อนๆ ชวนผมไปทะเลด้วย ไปปลอบใจที่อกหัก แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะไปดีไหม มันนัดว่าจะไปกันเย็นนี้อะครับ ถ้ารวมผมด้วยก็มีอยู่สี่คน แก๊งค์ผมมันจะเป็นอะไรที่โคตรน่ารำคาญ ผมถือว่าเป็นคนที่สงบปากสงบคำที่สุดแล้ว เป็นขั้วต่างของไอ้เนย ไอ้เวรนั่นคือเงียบไม่เป็น

เงียบได้สัก 5 นาทีคือเก่งที่สุด

รองลงมาจากไอ้เนยก็จะเป็นไอ้ภัทร รายนั้นจะพูดน้อยลงมานิดนึง ส่วนคนสุดท้ายก็จะเป็นไอ้ฟรังก์ มันก็จะเงียบลงมาหน่อย แต่โดยรวมเพื่อนทั้งสามคนของผมก็คือพูดมากขั้นสุด ไม่รู้เหมือนกันว่าทนอยู่กับพวกมันได้ยังไง ลองนึกถึงเวลามันเถียงอะไรกันสักอย่างแล้วมันก็จะพูดๆ ๆ ๆ กันไม่หยุดสิ แล้วบางทีก็ตีกันเหมือนเด็กๆ ด้วย แล้วคนห้ามจะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่ผม

พอดุมากๆ ก็ชอบงอน

ใช่ครับ นั่นเพื่อนผมเอง

ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพักใหญ่ก่อนจะเดินออกมาในสภาพที่มีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวแค่ผืนเดียว พี่ก้องยังคงหลับอยู่ ใจคอจะไม่ตื่นเลยใช่ไหมเนี่ยะ ผมเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่แล้วยืนเช็ดหัวอยู่อย่างนั้น คอนโดฯ ผมอยู่ชั้น 14 มันก็เลยทำให้ได้เห็นวิวเมืองกรุงสวยๆ อะนะ แต่ผมก็มีฟีลอยากเห็นวิวป่าเขาอยู่เหมือนกัน เนี่ยะ เรียนจบเมื่อไหร่ว่าจะหนีพ่อไปสร้างบ้านอยู่ในป่า

นี่คิดจริงจังเลยนะ

“บวร”

ผมหันไปตามเสียงเรียก “ตื่นแล้วเหรอครับ”

“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คนเพิ่งตื่นถามพลางยกมือกุมขมับตัวเอง ปวดหัวสิท่า ก็ไม่แปลกหรอก เล่นเมาซะขนาดนั้นอะ

“พี่เมามาก ผมก็เลยพาพี่กลับมาด้วย เท่านั้นเองครับ”

“งั้นก็ขอบใจละกัน” พี่ก้องบอกก่อนจะลุกออกมาจากเตียงแต่ก็เซจนล้มลงไป อะไรของเขาล่ะนะ

ผมหลุดออกมาทันที “ทำอะไรของพี่น่ะครับ” ว่าแล้วผมก็เดินมาพยุงเขาขึ้น

“ไม่เคยเมาหนักๆ จนตื่นมาแล้วปวดหัวงั้นเหรอ”

“เคยครับ แต่ไม่เซจนล้มแบบนี้”

“ปกติผมก็ไม่ล้ม” เจ้าตัวเอ่ยพลางเบือนหน้าหนีผม “นี่เป็นครั้งแรก”

“งั้นเหรอครับ”

“อืม ผมอยากกลับหอ”

“แค่เดินยังเซเลย อยู่ที่นี่ให้หายมึนก่อนก็ได้นะครับ”

“ผมไม่อยากรบกวน”

“ผมยังไม่ทันพูดเลยว่าพี่รบกวน อย่าไปคิดแบบนั้นเลยนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินไปแต่งตัวที่หน้าตู้เสื้อผ้า ในหัวก็กำลังตัดสินใจเรื่องไปทะเลเย็นนี้

ผมเหลือบมองร่างโปร่งเป็นระยะๆ ผ่านกระจก เขานั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่ขยับตัวเลยด้วยซ้ำไป คงคิดอะไรอยู่ล่ะมั้ง ก็อาจจะเป็นเรื่องของเราในคืนนั้นก็ได้ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงชอบสภาพเพิ่งตื่นของพี่ก้องจัง อาจเพราะปกติเขาเป็นคนที่ดูเนี้ยบอยู่ตลอดล่ะมั้ง ผมเขาไม่เคยฟูแบบนี้เลยสักครั้ง ไหนจะหน้าสดๆ ที่เพิ่งตื่นนั่นอีก ดูดีชะมัด ผมอยากรู้เหมือนกันนะว่าถ้าพี่หอมตื่นขึ้นมา สภาพเขาจะเป็นแบบนี้รึเปล่า

ก็คงทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละนะ

พอแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินไปนั่งลงบนเตียงใกล้ๆ พี่ก้อง เจ้าตัวหันมองผมนิ่งๆ อยู่แบบนั้น อะไหนดูซิว่าใครจะจ้องตาใครได้นานมากกว่ากัน ดวงตาคมสีดำสนิทนั่นมีเสน่ห์อย่างมากถึงที่สุด ถ้าถามถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นฝาแฝดของเขา สายตานี่แหละที่น่าจะแบ่งออกได้ชัดเจนเหมือนกัน คนตรงหน้าผมจะดูดุกว่ามาก นี่คิดเหมือนกันนะว่าถ้าจ้องไปสักพัก เขาจะต่อยผมตาแตกรึเปล่า

พี่ก้องจะแบดขนาดนั้นไหมนะ

“มองผมขนาดนั้น”

“พี่ก็มองผมเหมือนกัน”

“ก็คุณมองก่อน”

“ใช่” ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “.....คงเพราะพี่น่ามองมั้งครับ”

“ผมไม่ได้น่ามองสักนิด” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะพิมพ์อะไรไม่รู้ยุกยิกๆ

“พรุ่งนี้พี่หยุดไหมครับ”

“ถามทำไม”

“ไป....ทะเลกันไหมครับ”

พี่ก้องละจากโทรศัพท์ขึ้นมามองผม “....ชวนผม”

“ใช่ เผื่อพี่อยากไปพักผ่อนหรือเปลี่ยนบรรยากาศก่อนสอบไฟนอลบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ เพราะนอกจากผมก็มีเพื่อนๆ ผมไปด้วย”

“งั้นคุณไปกับเพื่อนไม่ดีกว่าเหรอ”

“ก็แค่อยากลองไปกับคนที่ไม่ใช่เพื่อน....สักครั้งน่ะครับ”

“.....”

“ว่าไงครับพี่ก้อง....จะไปหรือไม่ไป”



[จบบันทึกพิเศษ : บวร]



“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะน้องหอม”

“หงุดหงิดใจ”

“หงุดหงิดใจเรื่องอะไร”

“ไอ้ก้อง”

“ข้าวก้องทำไม”

“อยู่ดีดีมันก็นึกครึ้มอยากไปทะเลเฉยๆ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็เมาแล้วก็โทรมาพูดอะไรไม่รู้เรื่อง แถมยังติดต่อกลับไม่ได้อีก หอมว่าทั้งหมดนี่มันแปลกๆ  อะ”

แปลกมากๆ เลยด้วย

ผมนั่งมองข้อความในไลน์ที่ไอ้น้องเวรมันส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน อะไรทำให้คนที่ไม่ชอบทะเลไปทะเลได้วะ ร้อยวันพันปีข้าวก้องไม่เคยคิดอยากไปทะเลด้วยซ้ำเพราะมันไม่ชอบลมทะเล ไม่ชอบเสียงคลื่น ไม่ชอบการที่ทะเลกว้างใหญ่เกินไปจนคาดเดาอะไรไม่ได้ ปกติแล้วถ้าไม่ไปเพื่อทำงานก็อย่าหวังเลยว่ามันจะไป เนี่ยะ พอเป็นแบบนี้ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ กับข้อความไลน์ที่เจ้าตัวทักมาบอก

ไปกับใครวะ

“คิ้วจะชนกันอยู่แล้วนะ” นิ้วเรียวจิ้มตรงกลางระหว่างคิ้วผม “แปลกมากขนาดนั้นเชียว”

“แปลกสิพี่แช่ม ข้าวก้องไม่ชอบทะเลแต่อยู่ดีดีก็ไปทะเล หอมว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ”

“ก็อาจจะอยากไปเฉยๆ ก็ได้”

“แต่มันก็แปลกอยู่ดี”

“เอาเถอะน่ะ อย่าไปคิดอะไรให้มันวุ่นวายใจเลย ดูสิ คุณเฉลิมมองน้องหอมใหญ่แล้วนะ”

ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวเจ้านกอ้วนเบาๆ “คุณเฉลิมก็สงสัยเหมือนหอมใช่ไหมล่ะ”

“คุณเฉลิมบอกเปล่า”

“พี่รู้ได้ไงว่าคุณเฉลิมบอกแบบนั้น”

“เพราะพี่เลี้ยงคุณเฉลิมมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ ไง พี่ฟังภาษานกรู้เรื่อง น้องหอมไม่รู้เหรอ เนอะๆ คุณเฉลิมเนอะ”

พรึ่บบบบ

“จ้า เข้ากันดีนักนะ” ผมมองคุณเฉลิมที่กางปีกกว้างเหมือนรับคำในสิ่งที่พี่แช่มพูด มันน่าฟัดซะจริงๆ เลยนะเจ้าอ้วนนี่น่ะ

ผมมองร่างสูงที่ลุกไปหยิบหนูแช่แข็งในตู้เย็นออกมาป้อนให้คุณเฉลิม นี่เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้วครับและผมก็รู้สึกหิวแล้วด้วย น่าจะเป็นเพราะกินไปแค่ข้าวเช้าล่ะมั้ง ผมกะว่าถ้าพี่แช่มป้อนอาหารคุณเฉลิมเสร็จ ผมจะชวนเขาไปหาอะไรกิน หลายวันมานี้ผมขลุกอยู่แต่กับเขา ไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องตัวเองเลย แต่เชื่อไหมว่าต่อให้เรานอนอยู่ข้างกัน พี่แช่มเขาก็ไม่ทำอะไรผมเลยนะ

เต็มที่คือแค่นอนกอดเท่านั้นเอง

เพราะเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอเขาก็เลยไม่คิดอยากจะคลอเคลียผม ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนที่ไปกาญฯ ด้วยกันเขายังจูบผมเลยนะ จูบครั้งนั้นเป็นจูบแรกและจูบเดียวที่เกิดขึ้นระหว่างเรา เขาไม่คิดจะจูบผมอีกเลยอะ ทำไมวะ ปากผมไม่น่าจูบหรือเขาอยากจะให้เกียรติผมโดยการไม่ทำอะไรเกินเลยจนกว่าเราจะคบกันอย่างนี้น่ะเหรอ

หื้มม.มม....แค่คิดก็ห่อเหี่ยวแล้ว

ผมชอบการสกินชิพนะ ยิ่งถ้าได้ทำกับคนที่ชอบมันก็มีความสุขป้ะวะ แต่จะบอกไปตรงๆ ว่าพี่แช่มทำแบบนี้ๆ ๆ กับหอมสิมันก็เขินไปอะ จะเป็นฝ่ายเริ่มก็เงอะงะไม่รู้เรื่องอีก ลองไปถามคนที่โชกโชนในด้านนี้อย่างไอ้ขุนหรือไอ้หยัมดีไหมนะ พอนึกคำตอบออกเลยว่ามันจะมาในรูปแบบไหน หรือว่าผมควรจะอดทนและรออย่างใจเย็น ถ้าพี่แช่มอยากวอแวผมก็ค่อยให้เขาทำตามใจอย่างงี้

แล้วถ้าเขาไม่อยากทำล่ะ

ฮืออ.อ.อ...เบะปากแล้ว

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรล่ะ” พี่แช่มบีบแก้มผมเข้าหากัน “พี่เห็นน้องหอมทำหน้าเป็นเป็ดอยู่”

“อื้อออ.อ....หอมก็แค่สงสัย”

“สงสัยอะไรหืม”

“พี่แช่มไม่คิดอยากจะแบบ....”

เขาหรี่ตามองผม “แบบอะไร”

“ก็แบบ....” ผมทำปากจู๋ใส่เขาแวบนึงก่อนจะหันมองไปทางอื่น พี่แช่มจะรู้เรื่องในสิ่งที่ผมสื่อไหมนะ อาจจะไม่เพราะว่าเขาเป็นประเภทไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

“หันหนีพี่ทำไม”

“ก็พี่อื้อออ..อ.อ....” จังหวะที่ผมหันกลับมาร่างสูงก็เลื่อนริมฝีปากเข้ามาทาบทับกับปากผม

พี่แช่มกดจูบลงมาหนักๆ ก่อนจะย้ายขึ้นมาคร่อมผมไว้ สัมผัสอุ่นๆ ที่ได้รับมานี่มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ ผมเปิดปากรับลิ้นร้อนให้เข้ามาด้านใน ร่างสูงสอดลิ้นเข้ามาคลอเคลียหยอกเย้าไล่กับลิ้นผมอยู่อย่างนั้น มือเรียวลูบเบาๆ อยู่แถวสะโพก ตอนนี้เริ่มหายใจติดขัดยังไงก็ไม่รู้ ทำไมมันเป็นจูบที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนสูบวิญญาณออกไปด้วยเลยวะ

อื้ออ.อ.อ.อ....จะตายไหมเนี่ย

ร่างสูงถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะมองผมอยู่อย่างนั้น รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าร้อนมาก แต่มันอาจจะไม่ร้อนเท่ากับสายตาที่กำลังมองผมอยู่ก็ได้ พี่แช่มจะรู้ตัวไหมนะว่าการมองของเขาทำให้ผมรู้สึกเขินจนตัวแทบแตกมากแค่ไหน นิ้วเรียวไล้ริมฝีปากของผมเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าคมจะเลื่อนลงมาจูบอีกครั้ง อื้มมม.ม.ม....ทำไมพอได้จูบแล้วถึงจูบไม่หยุดเลยล่ะพ่อคุณ

เกินไปแล้วน้า

ผมนอนนิ่งๆ ปล่อยให้พี่แช่มทำตามใจ หมดแรงจะขัดขืนโดยสิ้นเชิง คนที่อยู่ด้านบนยังคงตักตวงความหวานไม่ยอมหยุด ยิ่งสัมผัสวาบวามที่อยู่ใต้เสื้อนี่อีก พี่จะไล้มือไปทั่วแบบนี้ไม่ได้นะ ผมไม่เคยถูกทำมากถึงขนาดนี้เลย ไม่รู้ด้วยว่ามันจะจบลงที่ตรงไหน คนขี้เมาจะไม่หยุดแล้วทำต่อไปจนถึงขั้นสุดเลยรึไงนะ

แบบนั้นผมต้องตายแน่ๆ

พี่แช่มไล่จูบมาตามซอกคอผม “หายใจแรงจังเลยล่ะหืม....”

“พี่....พี่ไม่เข้าใจหอมหรอก”

“หึ...” ใบหน้าคมขยับมามองผมในระดับเดียว “ใครกันที่อยากให้พี่จูบ”

“พี่ทำมากกว่าจูบอีก”

“พี่ทำอะไร”

“ก็ทำเหมือน....จะกินหอมเข้าไปทั้งตัว”

“ก็น่ากินอยู่”

“พี่แช่ม” ผมทำแก้มป่องใส่เขา เจ้าตัวหัวเราะชอบใจก่อนจะก้มลงมาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ

“หิวไหม ไปหาข้าวกินกัน”

“พี่ก็ลุกออกไปสิ” สิ้นเสียงผม ร่างสูงก็ลุกออกไปก่อนจะดึงให้ผมลุกตาม ใจยังเต้นแรงมากอยู่เลย แอร์ในห้องก็เย็นนะแต่เหงื่อนี่ออกไม่หยุด

เกินไปแล้ว

ผมมองพี่แช่มที่ดูอารมณ์ดีหยิบโน่นหยิบนี่ใส่กระเป๋า ใช่สิ สูบพลังชีวิตผมไปตั้งเยอะหนิ เมื่อกี๊ผมคิดจริงจังเลยนะว่าถ้าเขาไม่หยุดไว้แค่จูบมันจะเป็นยังไง ถ้าสมมุติว่าเขาทำมันจริงๆ ผมก็คงจะ....อื้อออ.อ..อ...คิดอะไรเนี่ยะข้าวหอม พอเลยพอ หยุดทุกความคิดเอาไว้ตรงนี้และเปลี่ยนไปคิดซะว่าจะกินอะไรดี ขืนชักช้าอีกผมน่าจะเป็นฝ่ายโดนกินแทนข้าวแน่ๆ

ดูสายตาที่พี่แช่มมองมาสิ

“อย่ามองแบบนั้นสิ” ผมลุกออกจากเตียงก่อนจะหยิบกระเป๋ากับกุญแจรถ

“มองแบบไหน”

“พี่ก็รู้ตัวเองดีว่าใช้สายตาแบบไหนมองหอมอยู่” ว่าแล้วผมก็เดินนำเขาออกมาจากห้อง

“น้องหอมคิดไปเองรึเปล่า”

“ไม่ได้คิดไปเองเถอะ แล้วนี่พี่จะกินอะไร”

“พี่กินได้ทุกอย่างที่น้องหอมอยากกิน” ร่างสูงบอกก่อนจะยิ้มแป้นออกมา น่าบีบแก้มนัก รอยยิ้มแบบนี้อย่าให้ใครเห็นเชียว ไม่งั้นเขาคงหลงรักกันจนหัวปักหัวปรำ

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

“งั้น....กินปิ้งย่างเนอะ”

“ตามใจจ่ะ”

ชอบจริงๆ เลยคนตามใจเนี่ย



***



“หอมจะกินชิ้นนั้นอะ”

“ของพี่”

“ให้หอมไม่ได้เหรอ”

มือเรียวคีบเนื้อใส่ปาก “เอาสิอะ อยากกินก็ต้องกินจากปากพี่เท่านั้น”

“ขี้โกง” มากๆ เลยด้วย

พี่แช่มนี่โคตรพี่แช่มจริงๆ

ผมทำหน้ามุ่ยใส่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันน่านัก นี่ไม่ใช่เนื้อชิ้นแรกที่ผมเป็นคนปิ้งแต่พี่แช่มเป็นคนแย่งไปกินนะ มันน่าจะเป็นชิ้นที่สามร้อยห้าสิบได้ละ ผมน่ะอยากเอาตะเกียบตีขาเขาให้แตกมากเลย เรื่องอื่นพอยอมได้แต่เรื่องเนื้อย่างมันยอมไม่ได้ป้ะวะ นี่เรื่องใหญ่ระดับชาติเลยนะครับ ก็ถือว่ายังดีที่ผมไม่ได้หิวจนหน้ามืด ไม่งั้นคงได้เกิดเหตุฆาตกรรมกันในร้านปิ้งย่างแล้วล่ะ

รอดตัวไปนะพี่แช่ม

ตอนนี้เกือบ 1 ทุ่มแล้วครับ เราสองคนนั่งกินกันมาสักพักพลางพูดเรื่องงานของคณะที่ต้องรับผิดชอบต่างๆ นานา จะว่าไปนี่ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้ว เดี๋ยวต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือ เมื่อวานซืนผมส่งแผนงานการไปค่ายอบรมให้เพื่อนขุนไปแล้วล่ะครับ มันน่าจะแก้แล้วก็เอาส่งอาจารย์วิชัยไม่เกินอาทิตย์นี้ ขอให้ผ่านด้วยเถอะ เพราะถ้าไม่ผ่านก็ต้องมาไล่แก้อีกรอบซึ่งมันต้องกระทบต่อการอ่านหนังสือสอบของผมแน่ๆ

ข้าวหอมจริงจังกับการสอบมากเลยนะครับ

“น้องหอม”

“หืม....”

“หลังสอบไฟนอล เราไปเที่ยวกันไหม”

“เที่ยวที่ไหน”

“ที่ไหนก็ได้ที่น้องหอมอยากไป พี่จะพาไป” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะคีบเนื้อมาใส่ในจานผม

“พี่จะว่างพาไปได้เหรอ”

“ว่างสิ พี่พูดเองขนาดนี้ก็แปลว่าต้องพาไปได้”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “งั้นเดี๋ยวหอมคิดก่อนละกันว่าจะไปไหน เออพี่แช่ม พี่รู้แล้วใช่ไหมว่าค่ายอบรมของโยธาปีนี้มันไปช่วงก่อนเปิดเทอม”

“รู้แล้วและค่อนข้างหงุดหงิดมากเลย พี่จะไม่ได้เจอน้องหอมตั้ง 10 วันแน่ะ”

“ก็ปี 4 แล้วหนิ ช่วงที่หอมไม่อยู่ก็ทำตัวดีดีนะ” ผมยิ้มหวานให้คนขี้เมาที่กำลังทำหน้ามุ่ยอยู่ “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

“พี่ต้องคิดถึงน้องหอมจนตายแน่ๆ เลย”

“เว่อร์น่ะ คิดถึงก็โทรหาหอมก็ได้ ปีนี้เขาไม่ยึดโทรศัพท์แล้วนะเพราะว่าเมื่อปีก่อนมีใครก็ไม่รู้หลงทาง”

“เอาจริงๆ มันเป็นแผนของพี่เอง ไงล่ะครับ เพราะแผนอันเฉียบแหลมของชริต น้องๆ ในปีนี้ก็เลยได้ใช้โทรศัพท์” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะยักคิ้วให้ แหมๆ ๆ ๆ กล้าพูดเนอะว่าเป็นแผน

ตัวเองเด๋อด๋าเองแท้ๆ

ผมคีบเนื้อเข้าปากพลางนึกถึงเหตุการณ์ไปค่ายที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว วันที่มีกิจกรรมต้องหาของเนี่ยะ พี่แช่มเขาหลงทางครับ ไม่มีใครหาตัวเจอแล้วก็ติดต่อไม่ได้ ที่ผมรู้เรื่องนี้เพราะว่าตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของทางค่ายเขาประกาศให้ฟังว่ามีคนหลงทางและก็ให้พวกเรารวมกลุ่มกันไว้ ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าใครที่หลงทาง นึกว่าเป็นน้องปี 1 ด้วยซ้ำแต่ที่ไหนได้ล่ะ

เนี่ยะ ไม่ให้เรียกว่าเด๋อด๋าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

ตอนที่รู้ว่าพี่แช่มหายไป ผมก็เป็นห่วงเขามากเลยนะ โชคดีที่หาตัวเจอ คนขี้เมาเดินหลงไปจนถึงหน้าถ้ำค้างคาวแน่ะ แล้วมีการมาเล่าให้ฟังด้วยนะว่าตัวเองไปผจญภัยมาอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็ตีมือเขาไปแล้วก็บอกว่านั่นไม่ใช่การผจญภัยแต่มันเป็นเพราะเขาหลงทาง เจ้าตัวก็ทำเป็นเนียนเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย ขนาดเวลาผ่านมาจะปีนึงเขายังไม่ยอมรับเลยว่าตัวเองหลง แล้วตอนนี้ก็มาบอกว่ามันเป็นแผน

แผนที่หน้าสิ

“น้องหอม” มือเรียวเลื่อนมากุมมือผมไว้ “ช่วงที่ห่างกัน.....อย่าปล่อยให้ใครมายุ่มย่ามกับตัวเองรู้ไหม”

“ใครมันจะมายุ่มย่ามกับหอม”

“มันก็มีอยู่ ถ้าสมมุติว่ามีคนมาวอแวก็มาบอกพี่เลยนะ”

“พี่จะทำไมหืม....”

“พี่จะเตะเข้าให้”

“เตะคนที่มาวอแวหอมอะนะ”

“เตะน้องหอมนี่แหละ” เขาทำหน้าเหี้ยมใส่ “ปล่อยให้คนอื่นมาวอแวตัวเองได้ไง”

ผมตีมือพี่แช่มแรงๆ “พี่กล้าทำหอมเหรอ” เดี๋ยวนี้มีคิดจะเตะผมด้วย ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะชริต

“ล้อเล่นน่ะจ่ะ ใครจะกล้าทำน้องหอมล่ะเนอะ” เจ้าตัวเอ่ยพลางยิ้มแฉ่งให้ผม “อิ่มยัง จะได้ไปกัน”

“อิ่มละ เช็กบิลเลย” ผมบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไลน์ที่เพิ่งส่งมา

ข้าวก้องส่งรูปดาวบนท้องฟ้ามาครับ รูปลังเบียร์แล้วก็มือมันที่ชูนิ้วกลางใส่ทะเล อีเลว ไปทำมือแบบนั้นใส่ทะเลได้ยังไง เดี๋ยวกลับถึงหอเมื่อไหร่ผมจะโทรไปด่ามัน แล้วนี่กินเบียร์เป็นลังเลยเหรอวะ งั้นแปลว่าที่ผมสงสัยว่ามันไม่ได้ไปคนเดียวก็ชัดเจนแล้วล่ะ สงสัยเหมือนกันนะว่าคนแบบไหนถึงทำให้ข้าวก้องยอมไปทะเลได้ เรื่องนี้ต้องสืบให้รู้ เราจะปล่อยผ่านไปไม่ได้เพราะว่าเราอยากเสือกไง

อันนี้ยอมรับแบบจริงใจเลยครับ

หลังจากที่เช็กบิลเสร็จพี่แช่มก็ลากผมออกมาจากร้าน เดี๋ยวต้องไปซื้อของใช้เข้าหอด้วยเพราะว่ามันหมดแล้ว ถือว่าเป็นการเดินย่อยไปในตัวด้วยก็แล้วกัน พี่แช่มเลื่อนมือจับมือผมเอาไว้ ชอบนะครับที่เขาไม่สนสายตาที่คนอื่นมองเลย ผมรู้นะว่าเดี๋ยวนี้เรื่องเพศมันเปิดกว้างมากขึ้น แต่มันก็ยังมีเหมือนกันคนที่มองมาทางเราโดยใช้สายตาแปลกๆ ยอมรับว่ามันค่อนข้างน่าหงุดหงิด

แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากช่างมันนะครับ

ผมเคยถามพี่แช่มว่าไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอเวลามีคนมองตอนที่เดินจับมือผม เขาบอกว่าช่างมัน เขาแคร์แค่ผม เขาไม่ได้แคร์คนอื่น เพราะแบบนั้นมันก็เลยเป็นเรื่องปกติที่เราจะจับมือกันเวลาไปไหนมาไหน เคยคิดด้วยนะว่าถ้าคนที่บ้านมาเห็นผมเดินจับมือกับพี่แช่มแบบนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่จะโอเคไหม ผมไม่เคยบอกพวกเขาเรื่องพวกนี้เลย

ยังไม่คิดจะบอกตอนนี้ด้วย

“แช่ม....ใช่แช่มรึเปล่า”

ผมหันไปมองตามเสียงก็พบกับป้าคนนึง “เขาเรียกพี่แช่มอะ” ทันทีที่ผมบอกแบบนั้นร่างสูงก็หันไปมอง

“คุณนายสร้อย” ดวงตาคมมองคนตรงหน้านิ่งๆ ป้าคนนี้เขาเป็นใครกันนะ รู้จักพี่แช่มด้วยแฮะ

“เธอดูดีขึ้นนะ” เขามองคนที่อยู่ข้างๆ ผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “หายดีแล้วงั้นเหรอ”

หายดีเหรอวะ

“ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเรียบ ผมไม่เคยเห็นพี่แช่มทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลย มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

“ถ้าหายดีแล้วก็ดีนะ แล้วนี่เรียนถึงชั้นไหนแล้วล่ะ”

“ปี 4 แล้วครับ”

“จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้เจอเธอนานเหมือนกันนะตั้งแต่ตอนนั้น ฉันเคยไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลแต่หมอบอกว่าเธอไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย ฉันเสียใจกับเธอนะที่ต้องเสียชะ....”

“ขอบคุณนะครับ” พี่แช่มพูดขัดขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “ผมมีธุระต้องไปทำต่อเพราะงั้นขอตัวก่อน” สิ้นเสียงพูด ร่างสูงก็หันหลังให้ทันที

“ฉันยังอยากได้ที่ดินตรงนั้นอยู่นะ ถ้าเธอคิดว่าการอยู่ตรงนี้มันดีกว่า เธอติดต่อฉันมาได้เสมอ”

พี่แช่มหันกลับไปมองก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ “ผมไม่คิดจะขายที่ของพ่อหรอกครับ” ว่าแล้วเขาก็จูงมือผมออกมาจากตรงนั้นทันที

สถานการณ์วายป่วงเมื่อกี๊มันคืออะไรกันวะ ฟังจากที่พวกเขาพูดกันมันก็พอปะติดปะต่อเรื่องได้อยู่หรอก ป้าคนนั้นคือคนที่อยากได้ที่ดินตรงบ้านพี่แช่มแน่นอน เรื่องที่เขาถามว่าหายดีแล้วมันอาจจะเกี่ยวกับโรคจิตเวชที่พี่แช่มเป็น แล้วไอ้เรื่องที่หมอบอกว่าไม่รู้สึกตัวล่ะ แล้วเรื่องที่เสียอะไรไปสักอย่างนั่นมันคืออะไรวะ พี่แช่มไม่น่าพูดขัดก่อนเลย เกือบจะได้รู้เรื่องแล้วแท้ๆ

น่าตีซะจริง

ต่อให้ผมอยากตีเขาแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงไม่เหมาะ สีหน้าของพี่แช่มแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน มือเขาก็สั่นยังไงก็ไม่รู้ อาการดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย พอเป็นแบบนั้นผมก็แลยตัดสินใจลากร่างสูงแวะที่ร้านขายไอศกรีม

“กินติมกัน”

“.....”

“พี่แช่มจะกินอันไหน” ผมเอ่ยถามแต่เขาก็ไม่ตอบ “งั้นหอมเลือกให้เอง เอาอันนี้กับอันนี้ครับ” พอสั่งไอศกรีมเสร็จผมก็รับรู้ได้ถึงน้ำหนักที่หัวไหล่ตัวเอง

ผมยกมือลูบหัวร่างสูงเบาๆ เขาคงรู้สึกแย่กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ล่ะมั้ง สิ่งที่ป้าเขาพูดออกมามันคงมีอิทธิพลต่อพี่แช่มพอสมควรเลย เขาถึงได้ซึมแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร ต่อให้ใครมาทำให้เขาซึม ผมก็จะทำให้เขากลับมายิ้มให้ได้

“ขอบคุณครับ” ผมรับไอศกรีมมาก่อนจะส่งให้พี่แช่ม “ของพี่”

“.....”

“ต้องกินนะ จะได้รู้สึกดีขึ้นไง” ผมจ่อที่ปากเขา

“อยากกินเหล้า”

“ไม่ได้นะ ตัวเองบอกว่าจะเลิกแล้วก็สั่งหอมให้ช่วยห้ามด้วย เพราะงั้น....ล้มเลิกความคิดที่อยากกินเหล้าไปเลย เนี่ยะ กินไอติมแทนไปซะ”

“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลยอะ”

“แล้วพี่รู้ใช่ไหมว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น” ผมยกมือขึ้นไปกุมแก้มเจ้าตัว “หอมไม่รู้ว่าสิ่งที่ป้าคนนั้นพูด ทำให้พี่รู้สึกแย่แค่ไหน แต่พี่จะจมอยู่กับมันไม่ได้”

“....”

“ขนาดเวลามันยังเดินต่อไปเรื่อยๆ เลย.....แล้วพี่จะอยู่ที่เดิมไปทำไม”

“นั่นสินะ” พี่แช่มคลี่ยิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงเลื่อนมาจุ๊บปากผม “ขอบคุณนะครับที่ทำให้พี่คิดได้”

ตึกตัก

ผู้ชายคนนี้นี่มันจริงๆ เลย

ผมยกมือตีไหล่เขา “พี่จุ๊บหอมกลางห้างเลยนะ” ไม่คิดจะแคร์สายตาใครเลยรึไงพ่อหนุ่ม นั่นจุ๊บนะไม่ใช่จับมือ นั่นมันจุ๊บ!!!!

“ก็น่าจุ๊บอะ” เขาเอียงหัวมาใกล้หัวผม “แต่ถ้าน้องหอมไม่โอเค เราค่อยกลับไปจุ๊บกันที่หอก็ได้นะ”

“ไม่ต้องเลยนะ” ผมตีเขาอีกทีก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง เมื่อกี๊ยังซึมอยู่เลยแท้ๆ ทำไมถึงกลับมาบ้ากามไว้นักล่ะ เขาเป็นไบโพล่าร์รึเปล่าวะเนี่ย

ถึงภายนอกจะดูเหมือนไม่เป็นไรแต่ภายในนั้นไม่อาจรู้ได้เลย ตอนนี้เขายังดีอยู่แต่ไม่รู้นะครับว่าหลังจากนี้จะดาวน์อีกไหม ผมไม่อยากเห็นเขาซึมหรือทำหน้าเศร้าแล้วก็เหม่อมองท้องฟ้าอีกแล้ว มันคงจะดีนะถ้าผมได้รับรู้สักครึ่งนึงในสิ่งที่พี่แช่มกำลังเผชิญอยู่ อย่างน้อยผมจะได้เข้าใจเขามากขึ้นอีกนิดก็ยังดี แต่ก็แย่หน่อยที่ผมไม่รู้อะไรเลยและก็ไม่รู้ด้วยว่าจะได้รู้เรื่องทุกอย่างวันไหน

อา...หน่วงเฉยเลยว่ะ

ผมหันไปมองร่างสูงพลางยิ้มบางๆ ให้ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปทวิตเตอร์ ความรู้สึกหนึบหนับใจเมื่อกี๊ต้องเอาออกไปให้ไวที่สุด เพราะว่าต่อให้เก็บเอาไว้ในหัวมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากจะทำให้รู้สึกแย่เปล่าๆ ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันก็ยังดี ขอแค่ผมอดทนรออีกหน่อย แล้วก็ขอแค่ให้วันที่พี่แช่มพร้อมจะบอกทุกอย่างมาถึงเร็วๆ ก็พอ

ขอแค่เท่านี้จริงๆ





Kh. @KhH22_luc

เพราะคุณสำคัญ....เราถึงยังอยู่ตรงนี้



#CloverBad








TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้ว ขอโทษด้วยที่หายไป 3 อาทิตย์เลยสำหรับเรื่องนี้นะคะ ตอนนี้ยังไม่ได้แก้คำผิดนะ แต่เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะคะ

วันเป็นวันสงกรานต์ ก็ขอให้มีความสุขกับช่วงเทศกาลครอบครัวนะคะ เดินทางปลอดภัยกันด้วยน้า สำหรับเรื่องของแช่มหอมก็ต้องติดตามกันต่อไป กุมใจกันเอาไว้ให้ดีๆ นะคะ เพราะว่ามันใกล้ช่วงมรสุมจริงๆ จังๆ แล้ว

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พี่แช่มอุตส่าห์ชวนแล้ว รีบกลับห้องเลย  :impress2:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 10 เปราะบาง




Charit @Charitpedd

ความผิดของผมเองที่ทำให้รอยยิ้มของคุณหายไป



#พี่แช่มได้กล่าวไว้






รู้ตัวก็ดีแล้วชริต

หึ้ย..ย....น่าทุบจริงๆ

ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่หลังตึกด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดขั้นสุด วันนี้เป็นวันสอบไฟนอลวันสุดท้ายแล้วครับ ผมสอบเสร็จแล้วแต่ยังลีลาเยอะไม่ยอมกลับหอ คือใจก็อยากกลับแหละแต่มีประชุมเรื่องค่ายไง แผนงานที่ส่งอาจารย์วิชัยไปผ่านแล้วล่ะ วันนี้ก็คือนัดรับตารางงานและก็แบบของการจัดกิจกรรม ก็อีกหลายอาทิตย์อะนะกว่าจะไปค่าย ไม่รู้ว่าทำไมถึงให้รีบรับใบนัก ผมหวั่นใจกลัวจะทำมันหายก่อนได้ไปเหลือเกิน

ทุกปีก็ทำหายตลอด

เรื่องที่ผมหงุดหงิดมันไม่เกี่ยวกับเรื่องค่ายหรืออะไรหรอก สิ่งที่ทำให้ผมไม่ชอบใจก็คือพี่แช่มครับ ช่วงก่อนสอบมันเป็นช่วงที่ผมไปนอนกับเขาค่อนข้างบ่อยและจะได้ยินอะไรที่ไม่เข้าหูทุกคืน ผมไม่ได้เล่าให้เจ้าตัวฟังหรอกเพราะถ้าเล่าไปแล้วเขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เราก็จะพาลทะเลาะกันเปล่าๆ เรื่องนี้มันเคยเกิดขึ้นและตอนนี้มันเกิดขึ้นถี่มาก ช่วงวันสอบผมเลยนอนคนเดียวที่หอ อย่างน้อยก็ทำให้ผมนอนหลับมากขึ้น

ข้าวหอมควรจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีวะ

พี่แช่มเขาละเมอชื่อชะเอมน่ะครับ บางคืนหนักในระดับที่สะดุ้งตื่นมาแล้วเพ้ออะไรไม่รู้ เพ้อไม่หยุด ขนาดผมเรียกชื่อเขาซ้ำๆ เขายังทำเหมือนไม่ได้ยินเลย ใช้เวลาสักพักเลยล่ะถึงจะดึงสติได้ เขาไม่พูดอะไรเลยนะ ทำแค่เดินมากอดผมแน่นๆ เท่านั้น เขาสั่นไปทั้งตัวเหมือนคนกลัวอะไรบางอย่าง ใจนึงผมก็หัวเสียที่เขาเอาแต่เพ้อถึงชะเอม ส่วนอีกใจก็สงสารที่เขาต้องเป็นแบบนั้น

แต่ที่สุด....ผมควรสงสารตัวเอง

เพราะตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย

พอเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยก็มักจะไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงด้วยซ้ำ ผมอยู่ในสถานะไม่รู้อะไรเลยมานานเหมือนกันนะ ตลกตัวเองชะมัด ทนมาได้ยังไงตั้งนาน ผมไม่รู้ว่าเหตุผลที่เรียกว่าความรักมันจะใช้ได้อีกนานแค่ไหน ผมรักเขา เขาก็เหมือนว่ารักผมแต่มันคล้ายกับว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความรักนั้นเลย ไม่รู้สิ แค่ผมไม่รู้ว่าชะเอมเป็นใคร มันก็ส่งผลต่อความรู้สึกพอสมควรเลย

จิ๊....หงุดหงิด

“ไหนว่าเลิกสูบบุหรี่แล้ว”

“เบื่อ อยากตายห่าไวไว” ผมมองร่างโปร่งของฝาแฝดที่นั่งลงข้างๆ “แต่ดูทรงแล้วน่าจะตายหลังมึง”

“ปากดีไอ้สัส”

“หึ....ตกลงจะไม่บอกกูจริงๆ สิว่าวันที่ไปทะเลนั่น มึงไปกับใคร” ผมเอ่ยถามพลางจ้องมันอย่างจับผิด

“ผ่านมาตั้ง 2 อาทิตย์กว่าแล้วนะ ยังไม่ลืมอีกเหรอวะ” มือเรียวหยิบมาโบโร่ อาร์กติก แบล็กออกมาก่อนจะจุดไฟแล้วสูบ

“ผ่านไป 2 ปีก็ไม่มีทางลืม มึงไม่ใช่คนชอบทะเล แต่อยู่ดีดีก็ไปทะเล ใครมันจะไม่สงสัยวะ”

“สะเหล่อ”

ผมถลึงตาใส่มัน “เดี๋ยวกูก็เอาบุหรี่จี้ซะหนิ” อย่าคิดว่าไม่กล้านะไอ้เวร

“ช่างกูเถอะน่ะ” ข้าวก้องยิ้มบางๆ ให้ผม “ตอนนี้กูอาจจะชอบทะเลขึ้นมานิดนึงก็ได้มั้ง”

“ชอบทะเล หรือชอบคนที่ไปทะเลด้วยกัน”

“สะเหล่อ”

“มึงนี่แม่ง” ผมตีขามันไปแรงๆ สองทีด้วยความหมั่นไส้ คนโดนตีก็หัวเราะออกมาหลังจากที่กวนประสาทผมได้สำเร็จ

เรื่องที่ข้าวก้องไปทะเลยังคงคาใจผมไม่หาย ถึงตอนนี้มันจะผ่านมา 2 อาทิตย์กว่าก็เถอะ มันจะไม่ให้คาใจก็จะแปลกๆ อะนะ ฝาแฝดผมมีรอยจูบกลับมาเต็มคอด้วยล่ะ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอก ใช้คำว่าสะเหล่อกรอกหูผมอยู่อย่างนั้น อยากจะจับมันมัดแล้วเค้นคอถามจริงๆ ถ้าไม่ยอมพูดก็จั๊กจี้เอวให้ขำตายไปซะ จะว่าไป....ข้าวก้องกับพี่แช่มนี่คล้ายๆ กันเลย มีอะไรก็ไม่ยอมพูด

น่าจับไปถ่วงน้ำทั้งคู่

“หอม”

“อะไร”

“มึงทะเลาะกับพี่แช่มเหรอ”

“เปล่า ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้น”

ดวงตาคมมองบุหรี่ที่มือผม “มึงกลับมาสูบบุหรี่”

“ก็แค่อยากสูบ”

“เล่ามา”

“พี่แช่มเขาละเมอถึงชื่อคนที่ว่าชะเอม กูไม่รู้ว่าชะเอมเป็นใคร มันไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่เขาละเมอถึง ครั้งแรกที่กูได้ยิน กูถามเขาก็ไม่พูด ขอแค่ให้กูรอ กูไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่ กูไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไงที่ต้องได้ยินเขาเพ้อถึงใครก็ไม่รู้ ใจกูอยากจะถามวันละล้านรอบด้วยซ้ำว่าชะเอมเป็นใคร แต่ทุกอย่างมันก็เป็นได้แค่ความคิดเพราะถึงถามไปกี่ครั้งเขาก็จะไม่บอก”

“เจ็บเนอะ”

“.....ยิ่งกว่าเจ็บอีก”

ผมอัดควันเข้าปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาช้าๆ ไม่ไหวว่ะ สอบเสร็จแล้วก็จะว่างให้ฟุ้งซ่านมากความไง ก่อนหน้านี้ยังมีหนังสือให้อ่านเพื่อเยียวยาจิตใจแต่หลังจากนี้จะไม่มีอะไรให้ทำละ ผมหนีเข้าป่าดีป้ะวะ ไปใช้ชีวิตแบบทาร์ซานสักพักนึง ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้วุ่นวายใจ เออ จำได้ว่าตกลงกับพี่แช่มไว้ว่าถ้าปิดเทอมจะไปเที่ยวด้วยกันนี่หว่า

ว่าแต่ถ้านอนด้วยกัน....เขาจะละเมอถึงชื่อชะเอมอีกไหมอะ

แม่ง....ชะเอมเป็นใครวะ

“ทำหน้าอย่างกับส้นตีน” มือเรียวบีบแก้มผม “ไหนลองยิ้มซิ”

“ไม่ยิ้มห่าไรทั้งนั้นแหละ”

“อย่าเกรี้ยวกราดสิวะ” เจ้าตัวบอกผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล....”

ผมเอาหูไปแนบด้วย “ใครอะ”

“มึงนี่เปลี่ยนชื่อจากข้าวหอมไปเป็นข้าวเสือกไป” มันผลักหัวผมออกก่อนจะลุกไปอีกทาง

“ปากดีนักนะมึง เดี๋ยวจะโดนกูเตะ เดี๋ยวก่อน” พอผมบอกแบบนั้น ข้าวก้องก็แลบลิ้นใส่ไม่หยุด ตอนนี้ก็หงุดหงิดเฉยๆ นะแต่ตอนนี้หงุดหงิดชิบหายละ

“อืม เดี๋ยวผมไป” มือเรียวกดวางสายก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเอง “กูไปก่อนนะ อย่างอแงมากนักล่ะ”

“กูไม่ได้งอแง” ผมโวยวายไล่หลังก่อนจะหยิบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมาสูบ วันนี้คือสูบจัดสุดๆ จัดจนปอดพังไปแล้วครึ่งซีก   

ผมรู้ว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น มันแค่ต้องใช้เวลาเท่านั้น ผมจะอดทน จะใจเย็นและ.....ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมจะกลับไปคนไม่รู้เรื่องอะไรเลยที่ร่าเริงกว่านี้นิดหน่อย ข้าวหอมคนเฮงซวยจะมีแค่วันนี้เท่านั้นแหละ คืนนี้มีนัดกับเพื่อนๆ แล้วด้วยว่าจะไปฉลองที่สอบไฟนอลเสร็จ ก็คงจะเมาหนักน่าดู ฟีลอ้วกไม่นับหลับแพ้ต้องมาอะเอาดิ วันนี้ฉายาคนขี้เมาต้องหมายถึงผมแล้วล่ะ

ว่าแล้วก็อยากให้มืดเร็วๆ จัง



[บันทึกพิเศษ : ข้าวก้อง]



การไปทะเลวันนั้นแม่งโคตรพลาดเลย

พลาดทั้งตัวแล้วก็พลาดทั้งหัวใจ

ผมเดินมาขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่หน้ามหา’ลัย คนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับยิ้มให้ผมบางๆ เห็นแล้วมันเขี้ยวชะมัด 2 อาทิตย์กว่าแล้วครับหลังจากวันที่ไปทะเลมาด้วยกัน เกิดเรื่องบัดซบขึ้นเยอะแยะระหว่างเราแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นเรื่องบัดซบที่ผมมีความสุขเอามากๆ มีความสุขจนน่ารำคาญด้วยซ้ำไป ผมเป็นข้าวก้องคนโป๊ะแตกที่ทำความลับของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้แล้วพอไอ้เด็กเวรนั่นรู้ มันก็.....

เฮ้อ

ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าชีวิตผมต้องเจอกับอะไรบ้าง

“คุณรู้ใช่ไหมว่าคณะกรรมการมีประชุม”

“รู้ครับ”

“แล้วคุณจะเรียกผมมาทำไม”

“ไม่อยากพูดจาหวานๆ เลย ผมกลัวพี่เขิน”

ผมมองค้อนใส่ทันที “กวนส้นตีน”

“อย่าดุสิครับ” บวรยิ้มแฉ่งให้พร้อมกับเอียงหัวเข้ามาใกล้ “ผมมีเรื่องสำคัญที่คิดว่าพี่ควรจะได้รับรู้เอาไว้ จริงๆ แล้วผมอยากบอกเรื่องนี้กับพี่หอมมากกว่า แต่อย่างว่า....พี่หอมเขาสั่งห้ามไว้ว่าไม่ให้ผมไปยุ่งกับเขา”

“คุณกำลังพูดให้ผมรู้สึกแปลกๆ ” แปลกและอยากจะงัดหน้าให้อีกทีด้วย ถ้าอยากพูดกับข้าวหอมก็ไปหาข้าวหอมสิวะ จะเรียกผมมาทำไม

ไอ้สัส

“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับพี่แช่มครับ” เจ้าตัวจิ้มแก้มผม “ทำหน้าเหมือนหึงเชียว”

“ใครหึงคุณ” ผมปัดมือบวรออกก่อนจะหันหนี สำคัญตัวผิดเก่ง คนอย่างข้าวก้องเนี่ยนะจะหึง

ไม่มีทาง

“พี่นี่จริงๆ เลยนะ หัดยอมรับบ้างก็ได้ อะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้น อีกอย่าง....ผมยังไม่ได้จัดการที่พี่หายไปหลายปีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยนะ หึ....ระวังตัวเอาไว้เลย”

“บวร” ผมหันไปมองคนพูดก่อนจะตีแขนเขาหลายที อย่าห้าวนักได้ไหมวะ คุณไม่มีสิทธิ์ห้าวกับผมนะ

“เดี๋ยวค่อยตีกันต่อนะครับ แต่ว่าตอนนี้พี่ต้องไปกับผมก่อน” ว่าแล้วเขาก็ออกรถทันที แล้วจะไปไหนก็ไม่บอกด้วยนะ เนี่ยะ เด็กเอาแต่ใจก็จะเป็นคนประมาณนี้แหละ

ผมนั่งมองข้างทางพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เรื่องที่ว่าเกี่ยวกับพี่แช่มนั่นมันเรื่องอะไรนะ สำคัญมากขนาดไหนถึงขั้นต้องโดดประชุมของคณะกรรมการมา แล้วเนี่ยะ พอหายไปสองคนพร้อมกันก็จะน่าสงสัยอีก บวรนี่มันจริงๆ เลยนะ ไว้ถ้าเคลียร์เรื่องพี่แช่มเสร็จเดี๋ยวผมจะจัดการเขา ตั้งแต่กลับจากทะเลมานี่เอาใหญ่เลย เหิมเกริมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร คิดจะข่มผมก็หลายรอบ สงสัยว่าถึงเวลาที่กำราบแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ

จะได้รู้ว่าใครเป็นใหญ่

วันที่ไปทะเลด้วยกันก็ดีครับ ดีบ้างไม่ดีบ้าง เพราะผมไม่ชอบทะเลไงมันก็เลยไม่ได้มีความประทับใจอะไรมากนัก แต่กับคนที่ไปด้วยมันก็โอเค เพื่อนๆ ของบวรก็ฮาดี ไม่ได้ต่างอะไรจากแก๊งค์ผม ติดตรงที่แต่ละคนคือพูดมากขั้นสุด ร่างสูงนี่ดูเงียบไปเลย ก็น่าจะเงียบเฉพาะกับกลุ่มเพื่อนแหละมั้ง เห็นทุกเวลาที่อยู่กับผมก็พูดมาก กวนประสาท น่าซัดให้คว่ำ นิยามของความน่ารำคาญก็ยกให้บวรได้เลย

ไม่มีใครให้มากกว่าไอ้เด็กเวรนี่อีกแล้ว

ใช้เวลาสักพักรถก็จอดอยู่หน้าตึกแห่งหนึ่ง ดูเหมือนคลินิกเลยครับ ผมอ่านป้ายด้านหน้ามันเขียนไว้ว่า นวัตรจิตเวชคลินิก ทำไมบวรถึงพาผมมาที่นี่ มันมีอะไรเกี่ยวกับพี่แช่มรึยังไง

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม”

“เพราะว่าทุกวันอังคาร พี่แช่มจะมาที่นี่ครับ ผมคิดว่าเขาอาจจะ....ป่วย”

ผมเหลือบมองคนพูด “คุณรู้ได้ไงว่าเขามาที่นี่ทุกวันอังคาร”

“ผมแอบตามเขามา”

“เหมือนพวกโรคจิตเลยนะคุณน่ะ” พอผมพูดจบ บวรก็ทำหน้ามุ่ยใส่ทันที

“ถ้าไม่ตามมาก็ไม่รู้น่ะสิครับ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ร่างสูงเดินนำลงไป ผมหยิบของก่อนจะเดินตามลงมา ตอนนี้ประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว ในคลินิกไม่มีใครนอกจากเจ้าหน้าที่เลยครับ

ผมมองร่างสูงที่เดินไปอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ถ้าสมมุติว่าพี่แช่มเขามาหาหมอที่นี่จริงๆ ก็ต้องแปลว่าเขาป่วย แล้วเขาป่วยเป็นอะไร ข้าวหอมรู้เรื่องนี้รึเปล่า แต่ดูทรงแล้วอาจจะไม่ เพราะถ้ามันรู้ มันคงเล่าให้ผมฟังแล้ว พี่แช่มน่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเหมือนกับทุกๆ เรื่องที่เขาไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง ตัวตนเขามันเข้าถึงยากมากเลยนะในความรู้สึกผม เหมือนเป็นคนเก็บอะไรไว้ข้างในมากมายเหลือเกิน

ดูลึกลับไปหมด

“นะครับ อย่างน้อยขอให้ผมได้บอกเหตุผลกับคุณหมอ”

“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ทางคลินิกเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลคนไข้ได้” เจ้าหน้าที่เอ่ยบอก มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะที่เขาจะไม่ยอมบอก แต่ใจผมก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าพี่แช่มเป็นอะไร

“มีอะไรกันรึเปล่าครับ” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงก็ผมกับร่างสูงสวมเสื้อกาวน์ยืนอยู่ นั่นคงเป็นคุณหมอสินะ

“คุณเขาอยากทราบข้อมูลคนไข้น่ะค่ะ บอกว่าเป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัย”

คุณหมอยิ้มบางๆ ให้ “คนไข้ชื่ออะไรเหรอครับ”

“เอ่อ....ชริตครับ เขาชื่อชริต” บวรเอ่ยบอก คุณหมอพยักหน้ารับก่อนจะหันไปกระซิบบอกอะไรเจ้าหน้าที่ไม่รู้

“เดี๋ยวเชิญที่ห้องตรวจละกันนะครับ” สิ้นเสียงพูด เจ้าตัวก็เดินนำเข้าไปในห้องตรวจ ผมกับบวรเดินตามเข้ามาก่อนจะนั่งฝั่งตรงข้ามกับคุณหมอ

“ผมขอบอกคุณหมอก่อนนะครับว่าผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของคนที่เป็นเหมือนคนรักของพี่แช่ม แล้วดูเหมือนว่าน้องผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย”

“หมอพอเข้าใจนะครับ เพราะว่าชริตไม่คิดที่จะบอกใครทั้งนั้น” เขายิ้มออกมาบางๆ “คุณใช้คำว่าเหมือนคนรัก นั่นแปลว่าน้องคุณไม่ใช่คนรักของชริต”

“ใช่ครับ ผมไม่เข้าใจส่วนนี้เหมือนกัน ตอนแรกความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนมันดีมาก ดีมากจนถ้าจะคบกันมันก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ผมไม่รู้ว่าพี่แช่มรออะไร เขาดูเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง”

“ใช่ครับ เขากลัว ความจริงเรื่องข้อมูลของคนไข้หมอจะเปิดเผยไม่ได้นะครับ แต่ว่าชริตเนี่ยะเป็นเคสที่ค่อนข้างน่ากังวลโดยเฉพาะช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา คนรอบข้างไม่รู้ว่าเขากำลังเจอกับอะไร เขาคิดว่าเขาจะรับมือมันไหวแต่ความจริงมันไม่ใช่ อย่างน้อยถ้ามีคนเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังเจอมันอาจจะดีกว่า และยิ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดเขามากอย่างน้องของคุณด้วย แต่เรื่องนี้....ชริตต้องไม่รู้นะครับ”

“ได้เลยครับ ผมจะไม่บอกเขา”

“โอเคครับ ชริตเนี่ยะ ป่วยเป็น PTSD ครับ สาเหตุมันเกิดมาจากที่เขาสูญเสียครอบครัวตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นหนักเหมือนตอนนี้นะครับ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอาการเขาดีขึ้นแต่ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขากลับมาหาหมออีกครั้งเพราะอาการต่างๆ มันกำเริบ เขาบอกว่าเขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แต่เขาอยากหายเพราะไม่อยากทำตัวแย่ใส่ใคร หมอคิดว่าอีกนัยนึงมันหมายถึงเขาไม่อยากทำตัวแย่ใส่น้องของคุณ”

ผมพยักหน้ารับ “ก่อนหน้านี้พี่แช่มเขาทะเลาะกับน้องผมค่อนข้างบ่อย แต่เขาก็จะดีกันเร็วนะครับ น้องผมเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพี่แช่ม พอเขาไม่รู้ ผมคิดว่าเขาทำตัวไม่ถูก อีกเรื่องนึงคือพี่แช่มเขาจะละเมอถึงคนที่ชื่อชะเอมบ่อยมากเลยครับ หมอทราบไหมครับว่าชะเอมเป็นใคร”

“ทราบครับ เพราะชะเอมเป็นตัวแปรสำคัญของอาการป่วยทั้งหมด”



***



“หนักเนอะพี่ก้อง”

“อืม” ผมมองวิวแม่น้ำเจ้าพลางพ่นควันสีขาวออกจากปาก ไม่ไหวว่ะ นี่ขนาดไม่ใช่เรื่องของตัวเองยังรู้สึกเจ็บปวดแทนเลย

พี่แช่มผ่านมันมาได้ยังไงวะ

“ผมไม่คิดเลยนะพี่ว่าพี่แช่มเขาจะแบบ....”

“ใครจะคิดอะ เห็นภายนอกดูสดใสมีพลังบวกเยอะชิบหายขนาดนั้น ไม่มีใครคิดหรอกว่าเขาป่วย แถมหนักมากด้วย”

“นั่นสินะ”

เมื่อชั่วโมงก่อนที่ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพี่แช่มทั้งหมดมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก ผมเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะไม่พูดถึง ไม่ใช่ไม่อยากพูดแต่เพราะมันพูดไม่ได้ต่างหาก พอเป็นแบบนั้นก็เลยต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้ข้างใน ส่วนคนที่ไม่รู้อะไรเลยก็นะ มันไม่แปลกที่เหตุผลเหล่านี้จะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่มันไม่แข็งแรง แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ข้าวหอมต้องได้รับรู้

อย่างน้อยน้องผมต้องไม่หัวเสียเวลาพี่แช่มเรียกชื่อชะเอมอีก

ตอนนี้เราสองคนมาตั้งสติกันอยู่ที่ท่าเรือริมแม่น้ำ เรื่องที่รู้มามันก็หนักนะแล้วก็คิดไม่ออกเลยว่าควรทำยังไงต่อไปดี แต่วันนี้ยังไงผมก็ต้องบอกข้าวหอมให้ได้ รอพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ด้วย เพราะว่ายิ่งเขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดเร็วเท่าไหร่ มันก็ดีเท่านั้น ผมหยิบโทรศัพท์ก่อนจะกดโทรไปหาเจ้าตัวทันที ใช้เวลาไม่นานปลายสายก็รับ

“อยู่ไหน”

(มึงเถอะอยู่ไหน โดดประชุมเดี๋ยวจะโดนตบนะ)

“เออน่ะ ว่าแต่มึงอะอยู่ไหน”

(หอพี่แช่ม)

“อยู่กับพี่แช่มเหรอ”

(เปล่า อยู่คนเดียวนี่แหละ พี่แช่มไปธุระกับเพื่อนๆ อะ มึงมีอะไรรึเปล่า)

“มีเรื่องอยากคุยด้วย เดี๋ยวกูไปหาละกัน”

(ทำไมวะ มีเรื่องไรจะคุย)

“ก็เรื่องพี่แช่มนั่นแหละ รอก่อนละกัน”

(เออ)

“อืม แค่นี้แหละ” ผมกดวางสายก่อนจะมองคนที่จ้องอยู่ “มองอะไร”

“พี่นี่เป็นห่วงพี่หอมมากเลยนะครับ”

“นั่นน้องผมหนิ” อะไรก็ตามที่จะไม่ทำให้ข้าวหอมเศร้า ผมต้องทำอยู่แล้ว

หวังว่าถ้าเล่าทุกอย่างให้ฟังมันอาจจะดีขึ้นนะ อย่างน้อยข้าวหอมน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไงเวลาอยู่กับพี่แช่ม ไอ้น้องเวรของผมน่ะรักเขามาก มากจนเจ็บเจียนตายก็ยังอดทนอยู่ตรงนั้น ผมว่าถ้าเจ้าตัวรับรู้ทุกอย่าง มันจะต้องเข้าใจและอะไรๆ ก็จะต้องโอเค

ผมหวังให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ



[จบบันทึกพิเศษ : ข้าวก้อง]


----- 50% -----

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
----- ต่อจากบท 10 -----


สำหรับข้าวหอมแล้ว....วันนี้เป็นวันที่เปื่อยมาก

เปื่อยขั้นสุด

ผมนอนกลิ้งไปมาบนเตียงพี่แช่ม เจ้าของห้องยังไม่กลับมาครับ ไปทำธุระอะไรกับเพื่อนไม่รู้ เขาบอกว่าให้ผมมารอที่หอก่อน รู้สึกเหงาๆ อะ คุณเฉลิมก็ไม่อยู่เพราะนางไปตรวจสุขภาพแล้วคุณหมอให้อยู่ที่คลินิกก่อน อยากเล่นกับเจ้าอ้วนชะมัด แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้วล่ะ เมื่อเย็นตอนประชุมเสร็จ คนขี้เมาโผล่มาหาผมแถมยังขโมยหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่พร้อมกับให้เหตุผลว่า....พลังงานชีวิตหมดไปกับข้อสอบแล้ว ขอพลังหน่อย

ทำมาเป็นอ้อน

ผมเอื้อมมือไปหยิบน้ำแดงที่ชงไว้มากิน เอาจริงๆ เมื่อเย็นที่โดนขโมยหอมแก้มไปมันก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาจึ๋งนึงอะนะ อย่างน้อย....ภายใต้ความสัมพันธ์แปลกๆ นี่มันก็ยังมีโมเม้นต์หวานๆ ให้ได้รู้สึกดีอยู่ ในจังหวะที่ผมพลิกตัวนั้น น้ำแดงเจ้ากรรมก็หกใส่เสื้อทันที แหม่ อยู่ดีไม่ว่าดีชิบหาย นี่ดีนะไม่หกใส่เตียง ไม่งั้นพี่แช่มต้องบ่นผมหูดับแน่ๆ

ดีไม่ดีตีผมด้วย

ข้าวหอมลากสังขารตัวเองเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะถอดเสื้อนักศึกษาที่สวมอยู่ออก แช่ไว้ก่อนละกันเดี๋ยวค่อนซัก ผมมีเสื้ออยู่หอพี่แช่มหลายตัวมากเพราะงั้นไม่มีปัญหาว่าจะไม่มีเสื้อใส่ ความจริงผมใส่เสื้อพี่แช่มก็ได้แหละ เจ้าตัวไม่กล้าว่าอะไรผมหรอก หลังจากที่เอาน้ำล้างตัวเสร็จผมก็เดินมาที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเสื้อยืดออกมาสวม ตาก็สะดุดกับกล่องๆ นึงที่อยู่ในซอกด้านใน

กล่องอะไรวะ

ผมหยิบมันออกมาดู หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันแฮะ เอาจริงๆ ผมไม่เคยเห็นกล่องนี่เลย ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีด้วยนะครับ สงสัยพี่แช่มซื้อมาเพื่อไว้ใส่ของล่ะมั้ง ผมพาเจ้ากล่องสีดำนั่นเดินมาจนถึงเตียงก่อนจะเปิดฝาออก ของที่อยู่ด้านในทำให้ผมชะงักไปทันที ด้านในนี้มีอัลบั้มรูป ช่อดอกไม้แห้งๆ จดหมาย แล้วก็โหลที่ใส่ใบโคลเวอร์สี่แฉกแห้งๆ ไว้ มันเยอะจนเกินครึ่งโหลมาเลยครับ

บนฝาเขียนไว้ว่า....คำสัญญา

ผมหยิบอัลบั้มรูปมาเปิดดู มันเป็นรูปผู้หญิงที่หน้าตาดีมากเลยล่ะ รอยยิ้มนั้นมันสดใส มีรูปเธออยู่เต็มไปหมด ผมเปิดมาเรื่อยๆ จนพบกับรูปของพี่แช่มที่อยู่ในชุดนักเรียนสมัยมัธยมฯ ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็สวมชุดนักเรียนมอต้น ดาวที่ปกปักไว้ 3 ดวง รูปพวกนี้มันคงจะหลายปีแล้วล่ะนะ ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในใจผมมันคืออะไรก็ไม่รู้ เหมือนสิ่งที่คิดมันกำลังจะเป็นไปตามนั้นเลยว่ะ

ผู้หญิงคนนี้คือชะเอม

รอยปากกาที่เขียนเอาไว้บนภาพสุดท้ายเป็นสิ่งยืนยัน ชะเอมเป็นคนสวยมากเลย ใครได้เห็นก็คงตกหลุมรักง่ายๆ รอยยิ้มนั่นมีเสน่ห์เป็นที่สุด ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไงดีที่ยังเห็นพี่แช่มเก็บของๆ เธอเอาไว้ทุกอย่าง ผู้หญิงคนนี้คงเป็นแฟนเก่าของพี่แช่มจริงๆ นั่นแหละ มีรูปที่จุ๊บหัวกันด้วย ยังอาลัยอาวรณ์อยู่เหรอวะถึงยังได้เก็บเอาไว้ ก็อาจจะอะนะ ทุกวันนี้ละเมอเพ้อถึงอยู่เลย

ทำไมหงุดหงิดจังวะ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางหยิบจดหมายที่อยู่ในซองมาอ่าน ใจความของมันยิ่งทำให้หัวใจผมเจ็บแปล๊บๆ มันดีรึเปล่านะที่ผมได้มาเห็นของพวกนี้ นี่เป็นจดหมายที่ผมคิดว่าชะเอมเป็นคนเขียน แน่ล่ะ เธอเขียนชื่อตัวเองไว้ตรงท้ายหนิ

 

8/4/2015

วันนี้เป็นวันครบรอบ หนูดีใจนะที่เราได้ไปที่นั่นด้วยกัน เห็นพี่ยิ้มได้หนูก็มีความสุข หนูชอบของขวัญที่พี่แช่มให้มากๆ สร้อยใบโคลเวอร์สี่แฉกนี่สวยมากจริงๆ หนูจะใส่เอาไว้ตลอดเวลาเลย หนูอยากขอบคุณที่จากวันนั้นจนถึงตอนนี้พี่ยังทำตามคำสัญญาที่เรามีให้กันอยู่ มันอาจจะต้องใช้เวลาแต่หนูคิดว่าเราต้องทำได้แน่นอน

หนูไม่รู้เลยว่าถ้าไม่มีพี่แช่มอยู่ หนูจะเป็นยังไง พี่อยู่กับหนูตลอดไปเลยนะคะ ชะเอมคนนี้จะเป็นเด็กดีของพี่แช่ม จะไม่ทำให้พี่แช่มเหนื่อย เราจะให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆ เราจะกอดกันเหมือนทุกครั้ง เราสองคนจะมีกันและกันเสมอ

รักนะคะความสุขของหนู

ชะเอม[/i]


ความรู้สึกมือชานี่มันคืออะไรกัน

ไหนจะขอบตาร้อนๆ นี่อีก

ผมดูรูปคู่ของพี่แช่มและชะเอม บนคอของเธอสวมสร้อยเส้นเดียวกันกับที่ผมสวม สร้อยใบโคลเวอร์สี่แฉกนี้มันเคยมีเจ้าของมาก่อน ผมไม่ใช่คนแรกที่ได้สวมมัน พี่แช่มทำเหมือนผมเป็นตัวแทนของชะเอมยังไงอย่างงั้น รู้สึกแย่ชะมัด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมระหว่างเรามันถึงไม่ไปไหน เพราะเขายังยึดติดกับผู้หญิงคนนี้ คนที่เขารักมาก มากกว่าผมด้วยซ้ำ เวลาผ่านมาขนาดนี้แล้วเขายังไม่ลืมเธอเลย

แล้วผมคืออะไรวะ

สิ่งที่เห็นวันนี้มันคงเป็นคำตอบของทุกอย่างแล้ว คำตอบของความสัมพันธ์ที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ของผม รออะไรมาตั้ง 2 ปีกว่าอะข้าวหอม ไงล่ะ รักเขามากเลยหนิ อดทนทุกอย่าง ทำเพื่อเขาแทบทุกอย่าง สุดท้ายแล้วก็เป็นได้แค่เงาของใครอีกคนเท่านั้นเอง พี่แช่มทำแบบนี้กับผมทำไม เขาเอาสร้อยของผู้หญิงคนนั้นมาให้ผมทำไม ไหนจะเกียร์ของเขาอีก ผมไม่เข้าใจเลยว่าทั้งหมดมันหมายความว่ายังไงกันแน่

ฮึก....พอแล้ว

ที่ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ของผมอีกแล้ว

แอ๊ดดดด

“น้องหอมมมม” ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง “พี่กลับ..มา.......น้องหอมทำอะไร”

ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง “หอมต้องถามพี่มากกว่าว่าพี่ทำอะไร”

เจ้าของห้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น แววตาสั่นอย่างเห็นได้ชัด ตกใจล่ะสิที่เห็นผมเอากล่องนี้ออกมาดู ตกใจที่ผมได้รับรู้ทุกๆ อย่างที่เขาซ่อนเอาไว้ ผมรู้สึกแย่กับสิ่งที่ไม่ชัดเจนมาตลอด แต่วันนี้ผมจะไม่ยอมทนกับมันอีกแล้ว เรื่องอะไรก็ตามที่ผ่านมา ผมยอมเสมอเพราะผมรักเขามาก รักจนลืมรักตัวเอง รักจนทำให้ตัวเองเจ็บปวด

ผมมันโง่จริงๆ

“วาง....จดหมายนั่นได้ไหม”

“ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยเหรอ”

คนตรงหน้าน้ำตาคลอเบ้าแล้วมองผม “ช่วย....วาง....มันลง” เสียงสั่นนั่นเอ่ยบอกผมเบาๆ

“ชะเอมสำคัญกับพี่มากขนาดนั้นเลยสินะ” ผมวางจดหมายลงบนเตียง “แล้วหอมอะ หอมเป็นอะไรสำหรับพี่เหรอพี่แช่ม”

“พี่....พี่รักน้องหอมนะ” เขาเอ่ยก่อนจะเดินมาที่เตียงช้าๆ ก่อนจะใช้มือสั่นๆ นั่นเก็บจดหมายและอัลบั้มรูปใส่เอาไว้ในกล่อง บอกรักผมแต่ยังสนใจของพวกนั้นมากกว่าผมเลย

“รักหอมแล้วทำแบบนี้กับหอมน่ะนะพี่แช่ม พี่ยังเก็บของทุกอย่างของชะเอมไว้อย่างดี พี่ยังลืมเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าพี่ยังลืมอดีตไม่ได้ พี่จะมายุ่งกับหอมทำไมวะ”

“มัน....มันไม่ใช่แบบที่น้องหอมคิดนะ” เขาเอ่ยก่อนจะหันมองผม “....มันไม่ใช่”

“แล้วพี่จะให้หอมคิดยังไง พี่เชื่อไหมว่าเวลาหอมได้ยินพี่เรียกชะเอม ชะเอม ชะเอม ชะเอม ตอนที่นอนอยู่ หอมต้องรู้สึกยังไง มันไม่ใช่ครั้งแรกด้วย พี่ไม่เคยให้หอมรับรู้อะไรสักอย่าง พี่บอกให้หอมรอ รอไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย นี่อะนะที่พี่บอกว่าความรักอะ ความรู้สึกที่พี่มีต่อหอมมันไม่ได้เศษเสี้ยวของที่พี่มีให้ชะเอมเลยมั้ง” ผมมองเขาทั้งน้ำตา “ถ้ายังรักและอาวรณ์กันขนาดนั้นก็ไปอยู่ด้วยกันเลยสิ”

“ฮึกก.ก....น้องหอม.....” มือเรียวจับข้อมือผม “ไม่เอา....อย่าไล่พี่ไปไหน....”

ผมดึงข้อมือตัวเองออกก่อนจะผลักเขา “พี่ทำหอมเสียใจมามากจนเกินพอแล้ว หอมอดทนเพื่อพี่มามากแค่ไหน พี่คือคนที่รู้ดีที่สุด คำสัญญาอะไรก็ตามที่พี่ให้ไว้กับหอมมันมีค่าไม่เท่ากับคำสัญญาระหว่างพี่กับชะเอมด้วยซ้ำ!!!!” ผมหยิบโหลใบโคลเวอร์สี่แฉกขึ้นมาก่อนจะปาใส่กำแพงจนแตกละเอียด

“ไม่....ไม่นะ ไม่!!!!!!” ร่างสูงก้มไปกวาดเศษแก้วกับใบโคลเวอร์บนพื้นทันที รู้อยู่แก่ใจว่าจะทำให้ตัวเองเจ็บแต่เขาก็ยังยอมเก็บมัน

ทุกอย่างยิ่งตอกย้ำความสำคัญเข้าไปอีก

ผมยืนมองพี่แช่มที่นั่งเก็บเศษแก้วกับใบโคลเวอร์อยู่แบบนั้น ความรู้สึกของเราทั้งสองคนมันคงแตกเหมือนกับโหลนั่นแหละ ไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีทางเหมือนเดิม เขาไม่มีทางลืมคนๆ นั้นแล้วรักผมจนหมดหัวใจได้ เขาเห็นผมเป็นแค่ตัวแทนของชะเอม สร้อยใบโคลเวอร์นี้มันแสดงชัดเจนแล้วว่าผมเป็นได้แค่นั้น ของๆ คนอื่นผมไม่ต้องการ หัวใจของเขาที่มีคนอื่นอยู่ผมก็ไม่ต้องการเหมือนกัน

ผมไม่อยากอยู่กับความไม่ชัดเจนนี้อีกแล้ว

“ฮึก....” ผมดึงสร้อยใบโคลเวอร์พร้อมกับเกียร์ของเขาออกมาจากคอ “หอมขอให้เรื่องระหว่างเรามันจบแล้วกัน หอมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว”

“ฮืออ.อ.อ....น้องหอม....ฮึก....ไม่....อย่าไป....พี่....พี่รักน้องหอมนะ”

“หอมก็รักพี่”
ผมปล่อยสร้อยทั้งสองเส้นให้มันตกลงด้านหน้าเขา “แต่หอมก็เลิกรักพี่ได้เหมือนกัน” พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องนั้นทันที ได้ยินเสียงเรียกไล่หลังแต่ผมจะไม่สนใจอะไรอีกทั้งนั้น

พอแล้วกับความสัมพันธ์ทั้งหมดนี้ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา สิ่งที่ดีที่สุดผมจะเก็บมันเอาไว้ในความทรงจำ ผมรู้ว่าพี่แช่มคงเจ็บปวดมากแต่เขาต้องรับรู้ว่าผมเองก็เจ็บไม่ต่างกัน เขายังจัดการตัวเองไม่ได้และทุกอย่างมันยิ่งทำให้เรื่องระหว่างเราแย่ ผมทนมามาก และวันนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว อย่างน้อยถ้าผมต้องอยู่ในชีวิตเขา ผมก็อยากอยู่ในที่ของข้าวหอม ไม่ใช่ชะเอม การอยู่ในที่ของคนอื่น....มันไม่มีความสุขหรอก

มันไม่มีความสุขจริงๆ



[บันทึกพิเศษ : บวร]



“พี่อย่าทำหน้างอนแบบนั้นสิครับ”

“คุณทำผมเสียเวลา”

“พี่เป็นคนหิวนะครับ ผมแค่พาแวะกินข้าวเอง งอนอะไรขนาดนี้”

“ก็คุณกินช้าอะ” เจ้าตัวเอ่ยพลางหน้ามุ่ย “หัดกินข้าวให้มันเร็วๆ บ้างนะ”

“ครับ ถึงแล้วเนี่ยะ” ผมจอดรถที่หน้าหอพี่แช่ม ร่างโปร่งรีบเดินลงไปทันที ใจคอจะไม่รอกันสักนิดเลยเหรอครับ

ผมเดินตามร่างโปร่งไปจนถึงหน้าห้องของพี่แช่ม พี่ก้องยืนเคาะประตูพร้อมกับเรียกพี่หอมแต่ดูเหมือนในห้องจะเงียบนะ ไม่มีคนอยู่เหรอ แต่นี่มันยังไม่ถึงเวลาที่พวกพี่เขานัดจะไปตี้กันเลยหนิ หรือว่าเขาออกไปหาอะไรกินก่อน

“ลองโทรหาไหมครับ เผื่ออยู่ที่อื่นกัน”

“อืม” มือเรียวล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะกดโทรไปหาพี่หอม “....ไม่มีสัญญาณว่ะ ปิดเครื่องหรือแบตฯ หมดมั้ง”

ผมลองหมุนลูกบิดประตู “ไม่ได้ล็อกนี่ครับ”

“งั้นเข้าไปเลย” ทันทีที่พี่ก้องบอกแบบนั้นผมก็เปิดประตูห้องเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือร่างสูงของพี่แช่มที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางห้อง

“พี่แช่ม!!!!” ผมรีบเข้ามาประคองเขาทันที “พี่แช่มได้ยินไหมครับ”

“พาไปโรงพยาบาล เร็วบวร” ผมกับพี่ก้องช่วยกันพยุงร่างของเขาขึ้นมาก่อนจะพาลงมาที่รถ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เลือดที่ออกนั่นเยอะมาก

ผมออกรถทันทีเพื่อที่จะไปโรงพยาบาลให้ไวที่สุด หัวใจเขายังเต้นอยู่ครับแต่สภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัวเขาซีดน่าจะเพราะเสียเลือดมาก เมื่อกี๊เท่าที่ผมเห็นคือมีเศษแก้วแตกเต็มพื้นไปหมดเลย ใครทำอะไรเขางั้นเหรอ หรือว่ามีโจรขึ้นหอพักเหรอวะ จิ๊....แม่งเกิดอะไรขึ้นเนี่ยะ แล้วพี่หอมก็มาติดต่อไม่ได้อีก

หรือว่าเขาทะเลาะกับพี่หอมวะ

ช่างแม่งก่อนละกัน

ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาลก่อนจะจอดตรงฝ่ายเปล เจ้าหน้าที่เห็นพวกผมแบกพี่แช่มที่หมดสติก็เข้ามาช่วยแล้วเข็นเปลเขาเข้าห้องฉุกเฉินไป ผมมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดก็รู้สึกหวั่นใจยังไงไม่รู้ เข้าใจฟีลว่าวันนี้เพิ่งได้รับรู้เรื่องของพี่แช่มมาไหมครับ แล้วพอมาตอนเย็นก็ได้เห็นเขาอยู่ในสภาพแบบนั้นน่ะ

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ

“พี่ก้อง ไปล้างมือกันก่อนดีกว่าครับ”

“อืม” เจ้าตัวรับคำก่อนจะเดินมาห้องน้ำพร้อมกับผม “คุณเห็นที่ข้อมือพี่แช่มรึเปล่า”

“ผมไม่ได้สังเกต มีอะไรเหรอครับ”

“รอยกรีด เต็มไปหมด” พี่ก้องเอ่ยเสียงสั่น ดวงตาคมที่มีน้ำตาเอ่อหันมองผม “ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป แล้ว....พอติดต่อข้าวหอมไม่ได้แบบนี้ผมยิ่งกังวล”

“พี่แช่มจะไม่เป็นอะไรครับ” ผมปลอบเขา “เขาต้องปลอดภัย พี่เชื่อผมนะ”

“ดีแค่ไหนที่เราไปทัน ถ้าช้ากว่านี้เราคงไม่มีโอกาสแล้ว” เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา พอเห็นแบบนั้นผมจึงรั้งเขามากอดเอาไว้

รู้สึกผิดเหมือนกันที่ผมพาพี่ก้องไปถึงช้ากว่าที่ควรจะเป็น ถ้าเราไปถึงไวกว่านี้พี่แช่มอาจจะไม่แย่แบบนั้นก็ได้ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนั้นอาจจะต้องให้เจ้าตัวฟื้นเพื่อมาเล่าเอง หรือไม่ก็ต้องถามพี่หอมเพราะเขาอาจจะรู้เรื่องนี้ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเลยด้วยเพราะตอนนี้เขาติดต่อไม่ได้

ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยนะ

ผมพาพี่ก้องมานั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ร่างโปร่งโทรแจ้งข่าวกับเพื่อนๆ ของพี่แช่ม ผมก็โทรหาเพื่อนๆ วานให้ตามหาตัวพี่หอมให้หน่อย เขาอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้ ผมเห็นแจ้งเตือนในทวิตเตอร์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ข้อความนั้นมันค่อนข้างยืนยันเลยว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่แช่มและพี่หอมแน่นอน ผมไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหนแต่ว่าพี่หอมคงไม่รู้แน่ๆ ว่าพี่แช่มเขาเป็นแบบนี้

เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ





Kh. @KhH22_luc

มันไม่ใช่ความจริงจัง....มันก็แค่ขำๆ



#CloverBad












TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้วนะคะ ยังไม่ได้แก้คำผิดนะแต่ว่าเดี๋ยวจะตามแก้ให้ค่ะ

หนักสุดของเรื่องคือบทนี้นะคะ ต่อจากนี้ก็สู้ๆ เนอะ

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2019 11:37:16 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จับเข้าบำบัดจิตด้วยกันทั้งคู่เลยแล้วกัน รักเป็นพิษเล่นงานทั้งคู่เลย  :hao5:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 11 ชะเอม



Charit @Charitpedd

สุดท้ายแล้ว....ผมก็เสียเขาไป




#พี่แช่มได้กล่าวไว้






ข้อความจากทวิตเตอร์ของพี่แช่มเมื่อ 10 กว่าชั่วโมงก่อน

ไม่ได้มีแค่ข้อความที่แจ้งเตือนในโทรศัพท์

ผมฟื้นมาตอนเที่ยงของอีกวันบนเตียงของโรงแรม เมื่อวานหลังจากที่ทะเลาะกับพี่แช่มผมก็ปิดโทรศัพท์เอาไว้ พาตัวเองไปเสเพลมาเต็มที่ด้วย รู้สึกเมาค้างชะมัด การที่เราลืมทุกอย่างในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็ดีนะ แต่พอสร่างมันก็อีกความรู้สึกนึง ผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้ มันอาจจะต้องใช้เวลานานมากพอสมควร

ฝั่งพี่แช่มเองก็เหมือนกัน

ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้เวลาเจอหน้ามันจะเป็นยังไง ในเบอร์รายชื่อที่โทรหาผมเมื่อวานไม่มีเบอร์เขานะ ไม่มีข้อความทักมาหาด้วย ผมว่าเขาอาจจะคิดว่าผมโกรธเฉยๆ แล้วก็ต้องมาตามขอโทษเหมือนกับทุกครั้งแน่ๆ จะว่าไปเมื่อวานผมก็พูดออกไปชัดเจนแล้วนะว่าให้มันจบไป เกียร์เขา สร้อยเขาผมก็คืนไปให้จนหมด ผมจริงจังมากพอในสิ่งที่ผมพูด

ตัดใจแล้วเริ่มต้นใหม่น่าจะดีกว่า

ครืดดดด....ดดด

ผมกดรับสาย “ว่าไง”

(ติดต่อไม่ได้เลยนะมึง อยู่ไหนล่ะ)

“โรงแรม เมื่อคืนเมาหนักไปหน่อย กูกลับหอไม่ไหว ว่าแต่มึงมีอะไร”

(มาโรงพยาบาล H หน่อยได้ไหม)

“ทำไมวะ ใครเป็นไรอะ”

(....พี่แช่ม)

“พี่แช่มทำไม”

(เขาจะฆ่าตัวตายเมื่อวาน แต่ดีว่ากูไปเจอก่อน)

พี่แช่มฆ่าตัวตาย

“เดี๋ยว....กูไป” ผมตอบรับเสียงสั่นก่อนจะรีบหยิบกุญแจรถแล้วออกมาจากห้องทันที ทำไมใจโหวงไปหมดแบบนี้วะ ผมคิดว่าสาเหตุที่พี่แช่มคิดสั้นมันน่าจะเป็นเพราะเราทะเลาะกันเมื่อวานแน่ๆ

ผมไม่คิดว่ามันจะรุนแรงถึงขั้นนั้นจริงๆ ถ้าเขาเป็นอะไรไปผมต้องรู้สึกผิดมาก เมื่อวานที่ทะเลาะกันผมไม่ได้คิดเลยว่าเขากำลังป่วย ซึ่งป่วยเป็นอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ถึงผลกระทบของคำพูดของตัวเอง ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลเลวร้ายถึงขนาดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั่นสำหรับพี่แช่มแล้วมันทำให้เขาเสียใจมากผมรู้ แต่ผมก็มีเหตุผลของผมซึ่งตัวเขาเองก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน

อืม....ทำไมมันรู้สึกแย่ไปหมดแบบนี้วะ

ใช้เวลาสักพักผมก็ขับรถมาจนถึงโรงพยาบาลก่อนจะเดินขึ้นตึกไปยังชั้นที่ข้าวก้องบอกมาในไลน์ ผมหยุดอยู่ที่หน้าห้องพิเศษ 403 ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป สิ่งแรกที่ผมเห็นคือบรรดาเพื่อนๆ พี่แช่มที่ยืนอยู่รอบเตียงรวมถึงข้าวก้องกับบวร ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียง หน้าเขาซีดมาก ตามฝ่ามือรวมถึงแขนข้างซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผล ข้อมือฝั่งขวามีสายน้ำเกลือกับสายเลือดติดอยู่

ต้องให้เลือดด้วยงั้นเหรอ

“พี่แช่มเขา....”

“มันกรีดข้อมือตัวเองน่ะ” พี่ขันเอ่ยบอก “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น”

“ผมทะเลาะกับพี่แช่มครับ เราทะเลาะกันหนัก และผม....ผมขอตัดความสัมพันธ์กับเขา”

“ถึงขั้นนั้นเลยเหรอ” พี่เฌอมองผมกับพี่แช่มสลับกัน “บอกสาเหตุได้ไหม”

“ผมเจอของๆ ผู้หญิงคนนึงที่เขาเก็บเอาไว้ เขายังไม่ลืมเธอ การเพ้อถึงมันเป็นสิ่งยืนยันชัดเจน พี่แช่มเอาสร้อยที่เป็นของผู้หญิงคนนั้นมาให้ผมใส่ เหมือนผมเป็นตัวแทนเขา”

“มึงกำลังเข้าใจผิดนะหอม” ข้าวก้องเอ่ยขึ้นมาในจังหวะเดียวกันกับที่มีคนเดินเข้ามาในห้อง ผมหันไปมองร่างสูงของผู้ชายสองคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่พอสมควร เขาเป็นใครกันนะ

“พี่ๆ ครับ นี่หมอนวัตรครับ เป็นหมอประจำตัวของพี่แช่ม” สิ้นเสียงบวรพูด ทุกคนในห้องก็ยกมือไหว้ ผมเคยเห็นชื่อหมอนวัตรบนบัตรประจำตัวผู้ป่วยของพี่แช่ม เป็นเขาเองสินะ

“สวัสดีนะครับ นี่เป็นคุณลุงของชริตนะครับ ชื่อลุงเชต” คุณหมอแนะนำคนที่มาด้วยกันข้างๆ ลุงเชตเดินไปลูบหัวคนที่หลับอยู่เบาๆ ลุงเชตน่าจะเป็นเพื่อนของพ่อพี่แช่ม ผมจำได้ว่าเขาเคยบอกไว้ตอนที่เราไปกาญฯ

“ตอนนั้นเขาก็แย่แบบนี้” ลุงเชตพูดขึ้นมา “เราได้แค่หวังให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร”

“หมายความว่ายังไงครับลุง”

“เขาเคยเป็นแบบนี้เมื่อตอนอายุ 17 เขาคลั่งและหลับไป ตื่นขึ้นมาก็สูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่รับรู้อะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครหรือมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เขารักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชนานหลายเดือนกว่าจะกลับมาเป็นตัวเองได้ สิ่งที่ดึงเขากลับมาคือคำสัญญาที่เขายังทำไม่สำเร็จ”

คุณหมอมองผม “หมอและคุณเชตอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว ได้ไหมครับ”

“ได้ครับ” พอผมรับคำ ร่างสูงของทั้งสองคนก็เดินนำผมออกไปด้านนอก

ผมเดินตามมาเรื่อยๆ จนถึงร้านกาแฟชั้นล่างของโรงพยาบาล โกโก้เย็นถูกส่งมาตรงหน้าผม คุณหมอกับน้าเชตนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าเขาดูใจเย็นพอสมควร ผมประหม่ายังไงไม่รู้ คงเป็นเพราะผมทะเลาะกับพี่แช่มจนทำให้เขาทำเรื่องแบบนั้น แต่จะว่าไป....การได้พูดคุยกับเขาสองคนอาจจะทำให้ผมรู้ว่าพี่แช่มเป็นอะไรกันแน่ สิ่งที่แคลงใจผมมาตลอดมันอาจจะถึงเวลาคลายออกแล้วก็ได้

ทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้น

“มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”

“หมอขอถามก่อนนะครับว่าคุณรู้จักชริตมากแค่ไหน คุณรู้ไหมว่าเขาป่วย”

ผมพยักหน้ารับ “รู้เพราะเห็นบัตรผู้ป่วยครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาป่วยเป็นอะไร เวลาที่ผมถามเขาไม่เคยบอกอะไรผมเลย ขอแค่ให้รออย่างเดียว ส่วนเรื่องครอบครัวเขาเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่เสียไปนานแล้ว เขามีลุงเชตคอยให้ความช่วยเหลือ”

“เขาพูดถึงแค่พ่อแม่ใช่ไหมครับ”

“ครับ”

“อย่างที่ทราบนะครับว่าพ่อแม่ของชริตเสียชีวิตโดยการฆ่าซึ่งมันกลายเป็นโศกนาฏกรรมในใจของเขา เหตุการณ์นั้นสะเทือนใจมากสำหรับเด็ก 8 ขวบที่เห็นพ่อกับแม่จากไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นเขามีอาการของ PTSD หรือว่าอาการสะเทือนใจอย่างรุนแรงหลังจากเกิดเหตุการณ์บางอย่าง แต่ในตอนที่เขาเป็นเด็กมันยังมีสิ่งนึงที่ช่วยเหนี่ยวรั้งจิตใจของเขาเอาไว้ได้ ตอนนั้นชริตคิดว่าตัวเองต้องเข้มแข็งและเป็นหลักเพื่อใครอีกคนที่ยังอยู่”

“ใครอีกคนที่ยังอยู่หมายถึงใครครับ”

“แช่มน่ะมีน้องสาวคนนึงอายุห่างกันแค่ 2 ปีเท่านั้น วันที่พ่อแม่เขาเสีย เขาก็ซ่อนกันอยู่ในตู้สองคน ลุงไปเจอพวกเขาในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ตั้งแต่ตอนนั้นมาลุงก็ให้ความช่วยเหลือสองพี่น้อง ตอนแรกอยากจะให้มาอยู่ที่บ้านด้วยกันแต่แช่มก็ยังยืนยันว่าจะอยู่ที่บ้านของพ่อแม่กับน้องสาวเขาสองคน ลุงก็เลยตามใจ ทำได้แค่คอยส่งคนไปเฝ้าเขาเท่านั้น มันเป็นแบบนี้หลายปีจนทั้งสองคนโตเลยล่ะ”

“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่แช่มมีน้องสาว เธอชื่ออะไรครับ”

“ชะเอมครับ”

ชะ...เอม

ไม่ใช่แฟนเก่าแต่เป็นน้องสาว

ของที่อยู่ในกล่องนั่นไม่ได้เป็นความทรงจำของแฟนเก่า แต่มันเป็นของน้องสาวเขา ชะเอมเป็นน้องสาวของพี่แช่ม ทำไมเขาไม่ยอมบอกผมเรื่องนี้ แล้วทำไมที่ผมถามว่าชะเอมเป็นใครเขาถึงไม่พูด ขอแค่ให้ผมรอเท่านั้นอะ ถ้าชะเอมเป็นน้องสาวมันก็ไม่น่าใช่เรื่องยากที่จะบอกมาตรงๆ รึเปล่า ผมเข้าใจผิดไปหมดทุกอย่างและไม่สามารถกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้เลย

นี่มันแย่มากจริงๆ

“คุณไม่เคยรู้เรื่องของชะเอมเลยสินะครับ”

“ใช่ครับ เขาแค่ละเมอถึง เวลาผมถามเขาก็จะสั่นแล้วก็เลี่ยงที่จะตอบ ขอแค่ให้ผมรอแล้ววันนึงเขาจะเล่าให้ผมฟังเองแต่ผมก็คิดว่าเขาคงไม่มีวันเล่าให้ฟัง”

“เขาไม่มีทางเล่าให้ใครฟังเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาพูดไม่ได้” ลุงเชตผ่อนลมหายใจเบาๆ “ชะเอมเป็นครอบครัวคนสุดท้ายที่แช่มเหลืออยู่ แช่มรักน้องมาก ดูแลอย่างดีตั้งแต่เด็กจนโต แต่เรื่องเลวร้ายมันขึ้นในวันเกิดอายุ 17 ของเขา ปกติแช่มจะเป็นคนไปรับชะเอมที่โรงเรียนทุกวัน แต่วันนั้นชะเอมกลับมาที่บ้านก่อน ส่วนแช่มยังกลับมาไม่ถึง ลุงคิดว่าชะเอมคงจะมาเซอร์ไพรส์วันเกิดแช่มนั่นแหละ”

“แล้วยังไงต่อครับ”

“มันมีคนงานของสวนยางข้างๆ ลักลอบเข้ามาแล้วก็....ข่มขืนชะเอมพร้อมกับฆ่าเธอ”

ผมยกมือขึ้นกุมอกตัวเองทันทีหลังที่ลุงเชตพูดจบ ขอบตาร้อนผ่าวเพราะรู้สึกสงสารกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนึงต้องเผชิญ มันเลวร้ายมาก มากถึงมากที่สุด ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาที่พูดถึงชะเอมพี่แช่มถึงเป็นแบบนั้น

“เพราะแบบนี้เองเขาถึงไม่พูดถึงชะเอม”

ลุงเชตพยักหน้ารับ “ตอนเย็นที่แช่มกลับไปถึงบ้านแล้วเจอศพน้องสาวเขาก็สติหลุด ตอนลุงไปเจอช่วงค่ำๆ คือเขานั่งร้องไห้แล้วกอดชะเอมไม่ปล่อยเลย มันเป็นเรื่องน่าสลดใจมาก เค้กฉลองวันเกิดของเขาก็อยู่ตรงนั้น ทั้งจดหมายหรือของขวัญที่ชะเอมเตรียมไว้ ตอนนั้นความรู้สึกแช่มคงเหมือนสูญเสียทุกอย่างไปจนหมด เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ตอนที่ต้องย้ายศพเขาก็คลั่งจนต้องใช้ยาสลบเพื่อทำให้เขาหลับ แล้วก็อย่างที่บอกคือตอนที่เขาตื่นมา เขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว”

“นี่มันหนักมากจริงๆ ครับ” ผมยกมือเช็ดน้ำตาตัวเอง “เพราะชะเอมจากไปใช่ไหมครับ พี่แช่มถึงป่วยหนักมากกว่าเดิม”

“ใช่ครับ 2 ปีที่ผ่านมาเขาอาการดีขึ้น แต่เหมือนถูกกระตุ้นด้วยความทรงจำเก่าๆ ที่เกี่ยวกับชะเอม ทุกครั้งที่เขาได้ยินชื่อน้องสาว ภาพเหตุการณ์เลวร้ายมันจะย้อนกลับมาและเขาไม่สามารถทนรับกับมันได้ เจ้าตัวถึงได้หลีกเลี่ยงการพูดถึงหรือการเคยมีตัวตนของน้องสาวมาตลอด ไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่เขารู้ว่าถ้าเล่าทุกอย่างออกไป เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และอาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

ผมพยักหน้ารับรู้ ตอนนี้เข้าใจทุกอย่าง ทุกเหตุผลและรู้ด้วยว่าสิ่งที่ทำไปเมื่อวานมันเลวร้ายมากที่สุด ผมเกือบทำให้พี่แช่มตาย ผมเกือบเสียเขาไปเพราะการกระทำของตัวเอง แต่ผมไม่รู้เลยสักอย่างไง ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาแบกรับไว้มันหนักมากมายขนาดนี้ ถ้าผมรู้ว่าเขาต้องเผชิญกับอะไร ผมคงจะไม่ทำกับเขาแบบนั้น

ผมไม่น่าเลย

“ฮึก....ลุงรู้เรื่องคำสัญญาไหมครับ มันเขียนบนฝาของขวดโหลที่ใส่ใบโคลเวอร์แห้งๆ ”

“รู้ มันเป็นคำสัญญาของสองพี่น้องตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่เขาเสียใหม่ๆ แล้วล่ะ แช่มกับชะเอมตกลงกันว่าจะหาใบโคลเวอร์สี่แฉกใส่โหลจนเต็มเพื่อเอาไปวางไว้ที่หน้าเจดีย์ใส่อัฐิพ่อกับแม่ของเขา คำสัญญานี้คือสิ่งที่ดึงแช่มให้กลับมามีสติและรับรู้ว่าตัวเองเป็นใคร”

“ฮึกก.ก.....ผมปามันแตก....ต่อหน้าเขาเมื่อวานนี้...ฮืออ.อ.อ....ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผม”

“ใจเย็นไว้ก่อนนะครับ”

“ฮือออ..อ....ผมเข้าใจผิด ผมนึกว่าชะเอมเป็นแฟนเก่าเขา...ฮึก....ผมพูดกับเขาเองว่าถ้ายังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ก็ให้เขาไปอยู่กับชะเอม....ฮือออ..อ....ผมทำให้พี่แช่มเป็นแบบนี้”

“ฟังลุงนะ ลุงเข้าใจว่ามันเป็นเพราะเราไม่รู้อะไรเลย ลุงไม่อยากให้คิดว่าใครเป็นฝ่ายผิด แต่ขอให้คิดว่ามันเป็นบทเรียน สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วเราย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี่ต่างหาก เราจะรับมือกับมันยังไง”

“จริงแบบที่ลุงเชตพูดนะครับ ช่วงหลังมานี้ชริตกลับไปหาหมอเพื่อรักษาอาการกำเริบ หมอคิดว่าคุณเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาอยากหายเป็นปกติ ในตอนแรก....ชริตไม่เหลือใคร เขากลับมาได้ด้วยคำสัญญาและใช้ชีวิตปกติได้แบบสมบูรณ์เมื่อได้รู้จักกับคนๆ นึง ผมยังจำวันนั้นที่เขาบอกกับผมว่าเหมือนเขาเจอคนสำคัญ เขาก็เลยให้สิ่งนึงที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเขาจะสูญเสียมันไปไม่ได้นั่นก็คือสร้อยใบโคลเวอร์สี่แฉก”

“....เขาให้มันกับผม”

“ใช่ครับ เพราะคุณสำคัญและเขาจะไม่ยอมเสียคุณไป” มือเรียวยื่นสร้อยใบโคลเวอร์สี่แฉกรวมถึงเกียร์ของพี่แช่มมาให้ผม “พยาบาลบอกว่าเขากำมันไว้แน่นเลยครับ”

ผมรับสร้อยนั้นมา “ผมทำร้ายเขาด้วยมือของผมเองเลย”

“ถ้าคิดแบบนั้น....หลังจากนี้ลุงขอให้เราช่วยเอาเขากลับมาได้ไหม”

“ครับ ผมจะเอาเขากลับมาเอง ผมได้รับรู้เรื่องทุกๆ อย่างที่ต้องการอยากรู้มาตลอด ไม่มีอะไรคาใจ ผมพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้” ผมยกมือไหว้พวกเขา “ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พี่แช่มเป็นแบบนั้น”

“ไม่เป็นไร.....ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ”

“หมอครับ โรคที่พี่แช่มเป็น มันต้องรักษายังไงครับ”

“ช่วงที่ผ่านมาชริตเข้ารับการบำบัดและกินยาครับ แต่การบำบัดที่ค่อนข้างสำคัญคือการให้เขากลับไปเผชิญกับอดีต สิ่งของหรือสถานที่ที่เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นั้นๆ คุณบอกว่าคุณเป็นคนขว้างโหลคำสัญญาแตกแปลว่าคุณเจอกล่องสีดำอันนั้น ใช่ไหม”

“ใช่ครับ ผมเจอมัน ทั้งๆ ที่มันไม่เคยอยู่ที่ห้องพี่แช่มมาก่อน”

“เพราะตอนแรกมันอยู่กับหมอครับ ชริตเพิ่งรับไปเมื่อไม่กี่วันนี่เองเพื่อจะบำบัดในขั้นต่อไป เราจะเริ่มจากสิ่งของก่อนแล้วก็จะไปสถานที่น่ะครับ”

“พอรู้แบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่” ผมลูบหน้าตัวเองก่อนจะตั้งสติ “ต้องขอบคุณนะครับที่เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง มีเรื่องที่ผมต้องกลับไปจัดการ ผมขอตัวก่อน”

“ตามสบายครับ มีอะไรปรึกษาหมอได้ตลอด คุณเชตก็ด้วย”

“ขอบคุณจริงๆ ครับ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถ

ผมมีเรื่องต้องไปทำและคิดว่ามันสำคัญ อย่างน้อยมันคือการไถ่บาปของผมเอง ผมรู้สึกผิดต่อพี่แช่ม รู้สึกผิดต่อชะเอม ผมนึกโกรธเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ผมทำพี่ของเธอเสียใจ ทำลายสิ่งที่เป็นคำสัญญาของทั้งสองคน ยิ่งรู้ว่าโหลนั่นมีไว้เพื่อที่จะนำไปไว้หน้าเจดีย์อัฐิของพ่อกับแม่เขาผมก็รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ นี่มันเป็นบทเรียนครั้งที่หนักสุดในชีวิตของผมเลย แต่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายครับ

เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก

มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว



***


---------- 50% ----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2019 11:52:05 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบท 11 ----------


ผมเดินเข้ามาในห้องของพี่แช่มที่หอ สภาพทุกอย่างยังเหมือนเมื่อวาน เศษแก้วยังร่วงอยู่เต็มพื้น คราบเลือดนั่นเยอะมากเลย ใบโคลเวอร์แห้งๆ กระจายอยู่เต็มไปหมด ผมเดินเข้าไปหยิบกะละมังในห้องน้ำออกมาก่อนจะไล่เก็บเศษแก้วทั้งหมด ส่วนใบโคลเวอร์ก็เอาไว้ในกะละมังอีกใบ เดี๋ยวผมจะต้องเอาไปล้างแล้วตากให้แห้ง มันต้องเหมือนเดิม อย่างน้อยก็ต้องเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด

ผมจะทำให้มันเป็นแบบนั้น

พอเก็บใบโคลเวอร์ทั้งหมดเสร็จผมก็เอาไปล้างคราบเลือดออกก่อนจะเอามาตากไว้บนตะแกรงลวดแบบถี่ ผมแวะซื้อของทั้งหมดนี้ก่อนจะมาหอ ผมใช้ตะแกรงอีกอันกดไว้ก่อนจะวางบนซิงค์ล้างจาน เดี๋ยวค่อยเอาไดร์เป่าให้แห้งครับแต่ตอนนี้ผมควรเช็ดคราบเลือดที่พื้นก่อน พอคิดได้แบบนั้นผมก็เริ่มทำความสะอาดห้องของพี่แช่ม ผมอยากให้มันสะอาด เวลาที่เขากลับมาเห็นจะได้รู้สึกดี

อยากให้เขาคิดแบบนั้นจริงๆ

แอ๊ดดดด


“เดาถูกจริงๆ ด้วยที่มึงอยู่นี่” เจ้าของเสียงเดินเข้ามาในห้อง ในมือถือถุงข้าวมาด้วย

“สวัสดีครับพี่หอม” บวรเอ่ยก่อนจะเดินไปหยิบจาน “พี่ก้องจะกินด้วยเลยไหมครับ”

“อืม”

ผมมองมันอย่างจับผิด “มาด้วยกันเหรอ”

“เห็นว่ากูมาคนเดียวป้ะล่ะ”

“ไปทะเลด้วยกันมาใช่ไหม”

“มึงเปลี่ยนอารมณ์ไวเกินไปละนะ ไบโพล่าร์แดกป้ะเนี่ยะ” ข้าวก้องโขกหัวผมก่อนจะเดินมาดูกล่องบนเตียง “นี่น่ะเหรอ สิ่งของที่ว่า”

“อืม มึงรู้เรื่องของชะเอมรึเปล่า”

“รู้เมื่อวาน ก็นั่นแหละเรื่องที่กูอยากจะเล่าให้มึงฟังแต่ว่าช้าไปหน่อย กูกลับมาไม่ทัน มาอีกทีพี่แช่มก็นั่นแหละ”

“ขอบใจที่มึงมาช่วยเขาทัน” ผมเดินเอาไม้ถูไปซักก่อนจะเดินออกมาด้านนอก ข้าวก้องกลางโต๊ะญี่ปุ่นพร้อมกับเทข้าวไว้ให้ จะว่าไปตั้งแต่ตื่นมาผมยังไม่ได้กินอะไรเลย

เอาจริงๆ ก็อาจจะกินไม่ค่อยลงด้วยแหละ

ผมนั่งมองข้าวผัดในจานกับสองคนตรงหน้าสลับกันไปมา สายตาของบวรมองข้าวก้องแบบเดียวกับที่เคยมองผม ดูมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นด้วย ระหว่างสองคนนี้มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เรื่องนั้นเดี๋ยวเอาไว้ตามสืบทีหลัง ผมไม่ได้อะไรกับบวรแล้วแหละ อย่างน้อยมันก็เป็นคนที่ช่วยแบกพี่แช่มไปโรงพยาบาลอะนะ อีกอย่างถ้าผมตั้งแง่เกลียดขี้หน้าเจ้าตัว ข้าวก้องน่าจะลำบากใจน่าดู

ผมอ่านเกมออก....เชื่อสิ

ข้าวผัดจืดๆ ถูกยัดใส่เข้าปากผมหงุบหงับๆ ของทุกอย่างถูกเก็บเสร็จหมดแล้ว เดี๋ยวพอทำให้ใบโคลเวอร์แห้งผมก็จะเก็บใส่โหลใบใหม่ที่ซื้อมา รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันไม่มีทางแทนที่โหลใบเดิมได้แต่มันก็แตกไปแล้ว ผมไม่มีปัญญาเอาเศษแก้วพวกนั้นมาประกอบกันได้ ให้โหลใหม่นี้เป็นเหมือนการเริ่มใหม่ หวังว่าพี่แช่มจะเข้าใจ ถ้าเขาฟื้นเมื่อไหร่ก็ต้องรอดูอาการก่อนว่าเจ้าตัวจะเป็นยังไง

เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองไปไหมนะ

ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเสียใจมาก กว่าจะเอาเขากลับมาได้ครั้งแรก หมอบอกว่าต้องใช้เวลาตั้งหลายเดือน ผมไม่รู้ว่าถ้าเขากลับไปเป็นเหมือนเดิม อาการมันจะหนักกว่าตอนแรกรึเปล่า แต่ถ้าโชคดี เขาตื่นมาแล้วยังจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ผมคงเปิดใจคุยกับเขา ผมจะบอกว่าผมรับรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเราจะต้องหาทางรักษามัน เขาจะต้องหาย และทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับชะเอมจนเสร็จ

ผมจะสานต่อในส่วนที่มันขาดเอง

สิ่งที่พี่แช่มเคยบอกเรื่องบ้านของเขาที่ยังไม่คิดจะกลับไป ผมรู้แล้วว่ามันเป็นเพราะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นที่นั่น การกลับไปหมายถึงการตอกย้ำความทรงจำเก่าๆ และมันจะทำให้เขาอาการกำเริบ แต่นั่นมันเป็นเพราะเขาคิดจะรับมือมันคนเดียว ผมจะต้องพาเขากลับไปบ้านหลังนั้นให้ได้ อย่างน้อยในช่วงเวลานึงที่เขายังเป็นเด็ก ช่วงที่เขาได้ใช้ชีวิตกับน้องสาวมันจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ

พี่แช่มต้องเข้มแข็งมากพอที่จะยอมรับมันให้ได้

ผมอยากเห็นเขามีความสุข

“คิดไว้รึยังว่าจะทำยังไงต่อไป”

“คิดไว้บ้างแล้ว แต่ต้องคิดอีกทีตอนที่พี่แช่มฟื้น”

“เอาจริงๆ คือเขาฟื้นแล้ว”

ผมหันขวับมองมันทันที “ตอนไหน”

“ก่อนกูมา”

“เขาเป็นยังไงบ้าง เขาจำตัวเองได้ไหม....เขา”

“เขาก็แค่ลืมตามองทุกคนแล้วก็หลับไปอีกรอบ” ข้าวก้องเอ่ยก่อนจะแย่งกุ้งในจานผมไป “ก่อนหลับก็เรียกชื่อมึง....แค่นั้น”

“งั้นแปลว่า....”

“ก็อาจจะไม่ได้แย่ขั้นก่อน ไม่รู้ว่ะ เขายังขี้เซาอยู่อะ ยังเดาอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่ามึงใจร่มๆ ไว้ก่อน กูว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น”

“กูก็ขอให้เป็นแบบนั้น” ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะมองบวรที่แย่งกุ้งในจานข้าวก้องไปอีกที คนพวกนี้เป็นอะไรกับกุ้งนั่นอะ

รู้สึกโล่งใจเหมือนกันที่รู้ว่าเขาฟื้นแล้วและเรียกชื่อผม มีความเป็นไปได้ว่าเขายังคงเป็นพี่แช่มอยู่ ถ้าแบบนั้นมันก็ดีนะ ถ้าเขาฟื้นผมจะขอโทษเขาสำหรับเรื่องทุกอย่าง หวังว่าคนขี้เมาจะให้อภัย หลังจากนี้จะพูดจะคิดหรือทำอะไรผมก็ต้องรอบคอบให้มากขึ้น เรื่องแบบนี้มันจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก เอาจริงๆ ผมว่าตัวเองใจเย็นแล้วก็อดทนเก่งมากเลยนะแต่มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ระเบิดลงอะมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

เอาวะ....มันเป็นบทเรียน

เรียนแล้วจะไม่เรียนซ้ำอีก

ผมลุกเอาจานไปเก็บก่อนจะหยิบตะแกรงที่ตากใบโคลเวอร์มาเป่าด้วยไดร์เป่าผม ต้องทำให้แห้งสนิทนะครับไม่งั้นมันอาจจะขึ้นราได้ ผมจัดแจงยืนเป่ามันจนแห้งก่อนจะนำใส่โหลแก้วทั้งหมด เดี๋ยวจะเอาไปโรงพยาบาลด้วย ไม่รู้ว่าถ้าพี่แช่มฟื้นขึ้นมาแล้วได้เห็นเขาจะรู้สึกยังไง ตอนนี้เกือบ 4 โมงเย็นแล้ว ผมจะเฝ้าจนกว่าเขาจะตื่น เจ้าตัวจะต้องได้เห็นหน้าของผมเป็นคนแรกเลยคอยดู

“นี่พวกมึงจะไปโรงพยาบาลอีกรอบไหม กูจะได้ติดรถไปด้วย”

“ไปครับ พี่หอมจะไปเลยไหม”

“อืม กินเสร็จแล้วก็ไปกันเลยก็ได้ เผื่อพี่แช่มฟื้นอีกรอบ”

ข้าวก้องยื่นจานไปหน้าบวร “ล้างด้วย”

“ครับ” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินเอาจานไปล้าง ตกลงเป็นเบ๊น้องผมไปแล้วสินะ ดูท่าทางฟังคำสั่งดีมากซะด้วย

“ดีเนอะที่เรื่องมันเกิดหลังจากสอบไฟนอลเสร็จแล้ว”

“อืม ดีว่าปิดเทอมอะนะ” ผมนำโหลแก้วใส่กระเป๋า “ยังพอมีเวลาให้จัดการอะไรๆ ได้อีกหลายอย่าง”

“กูจะช่วยมึงเอง”

“ขอบใจ”

“ไม่อยากเห็นมึงร้องไห้เท่านั้นแหละวะ” เจ้าตัวเบ้ปากใส่ผม “ดูสะเหล่อ”

“กวนส้นตีน” ได้ทีเอาใหญ่เลย อย่าให้เห็นมึงร้องไห้บ้างนะ มีวันนั้นเมื่อไหร่กูจะเอาคำว่าสะเหล่อไปตอกให้หน้ายับเลย

“เสร็จแล้วครับ ไปกัน”

ผมเดินนำลงมาหน้าหอก่อนจะขึ้นไปนั่งเบาะหลังรถของบวร เดี๋ยวต้องโทรไปหาทางคลินิกที่คุณเฉลิมอยู่ว่าขอฝากไว้ที่นั่นก่อน ตอนนี้ทุกคนยังวุ่นอยู่ คงจะดูแลนางได้ไม่เต็มที่ ป่านนี้เจ้าอ้วนอาจจะคิดถึงพี่แช่มแย่แล้วมั้ง

อดทนหน่อยนะคุณเฉลิม

“ทำหน้าเหมือนส้นตีนอีกละ”

ข้าวก้องนี่มันน่าทุบจริงๆ เลยนะ

“นั่งเงียบๆ ไปเลยนะมึงอะ”



***



ผมเดินเข้ามาในห้องพิเศษ 403 ซึ่งไม่มีใครอยู่เลย ทุกคนอาจจะกลับไปพักแล้วค่อยมาใหม่ล่ะมั้ง ส่วนข้าวก้องกับบวรก็ไปนั่งกินกาแฟกันข้างล่าง บอกว่าเดี๋ยวตามขึ้นมาทีหลัง ผมหยิบโหลใบโคลเวอร์ออกมาจากกระเป๋าก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงเขา พี่แช่มยังคงหลับสนิท ไม่รับรู้ในการมาของผมแม้แต่นิดเดียว อยากให้เขาตื่นจัง ผมอยากคุยกับเขาถึงเรื่องราวทั้งหมด

เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากขอโทษ

“พี่แช่ม” ผมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะเลื่อนมือไปกุมมือเขาไว้ “นอกจากขี้เมาแล้วพี่ยังขี้เซาด้วยเหรอ”

“....”

“ข้าวก้องบอกว่าพี่ฟื้นแล้วเรียกชื่อหอมสินะ พี่ยังจำทุกอย่างได้ใช่ไหมล่ะ ดีจังเลยเนอะ” ผมยิ้มบางๆ ให้เขาก่อนจะเลื่อนมือเรียวมาแนบแก้มตัวเองไว้ “ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อให้หอมได้ไถ่โทษในสิ่งที่ทำผิดไปนะ”

“....”

“หอมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ เข้าใจทั้งหมดด้วย หอมเก็บใบโคลเวอร์ทั้งหมดมาให้พี่แล้ว คำสัญญาที่พี่เคยทำเอาไว้ หอมจะเป็นคนช่วยทำมันต่อเอง เราจะหาใบโคลเวอร์สี่แฉกมาใส่ในโหลจนเต็มแล้วเอาไปให้พ่อกับแม่พี่ด้วยกัน”

แหมะ

“....”

“ฮึกก.ก.....หอมจะพยายามทำทุกอย่างให้พี่หาย เราจะไปที่บ้านพี่ หอมจะพาพี่กลับบ้านให้ได้ ฮึกก....พี่ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....หอมจะอยู่ข้างพี่ จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”

“....”

“หอมรู้แล้วว่าพี่รักหอมแค่ไหน รู้แล้วว่าทำไมพี่ถึงให้สร้อยเส้นนี้ไว้กับหอม” ผมจูบที่หลังมือเขาเบาๆ “หอมรักพี่แช่มนะ”

“....”

“รีบตื่นขึ้นมายิ้มให้หอมนะครับ”



[บันทึกพิเศษ : แช่ม]



ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผม....มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว

ครั้งแรกเพราะผมสูญเสียพ่อกับแม่

ครั้งที่สองเพราะผมสูญเสียน้องสาว

ส่วนครั้งนี้มัน....

ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนทุ่งหญ้า ชันตัวลุกขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันเป็นทุ่งที่อยู่ท้ายสวนยางของบ้านผมเอง ทำไมผมมาอยู่ที่นี่ หรือว่าผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก ผมหันไปมองรอบๆ กาย นานแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นมัน ดอกหญ้าพวกนี้มีใครบางคนชอบให้ผมถักเป็นมงกุฎให้ เธอจะเปรียบตัวเองเป็นเจ้าหญิงและผมเป็นอัศวิน ทุ่งหญ้านี้เป็นอาณาจักรของเรา

คุณเฉลิมจะเป็นเพื่อนคนสนิทของเธอ

ผมลุกเดินไปที่ต้นพญาเสือโคร่งต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ใต้ต้นจะมีชิงช้าสีขาวที่ผมเป็นคนผูกเอาไว้ให้ เธอชอบนั่งมันและให้ผมเป็นคนแกว่ง รายละเอียดทุกอย่างผมยังจำมันได้ทั้งหมด สิ่งที่เธอชอบหรือไม่ชอบ ผมไม่เคยมีวันลืม

เจ้าหญิงของผม

น้องสาวของผม

“ชะเอม”

ร่างบางที่นั่งอยู่บนชิงช้าหันมามองผม “....พี่แช่ม”

“หนูอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”

“หนูรอพี่ตั้งนาน” เธอยิ้มหวานให้ ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวชะเอมเบาๆ “หนูไม่เคยสู้กับปีศาจในหัวพี่ได้เลยนะ มันร้ายกาจมาก”

“พี่ไม่เข้าใจ”

“หนูเสียใจที่ทำให้ปีศาจเกิดขึ้นในหัวของพี่” เจ้าตัวเอ่ยเสียงเศร้า “หนูพยายามแล้วแต่มันไม่เคยสำเร็จ”

“ไม่เป็นไรนะคะ”

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ เพราะตอนนี้พี่อยู่ตรงหน้าหนูแล้ว” เธอยิ้มหวานให้ผมก่อนจะขยับเข้ามากอด “หนูคิดถึงพี่แช่มมากเลยนะคะ”

“พี่ก็คิดถึงหนูเหมือนกัน” ผมกอดน้องเอาไว้แน่นพลางปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆ

ผมคิดถึงน้องมาก เธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมมีหลังจากที่เสียพ่อกับแม่ไป ผมรักเธอ ดูแลเธออย่างดี แต่มันก็มีคนมาทำร้ายน้องผม เธอจากไปทั้งๆ ที่อายุแค่ 15 เธอไม่มีโอกาสได้ทำตามความฝันที่อยากเป็นพยาบาลเพราะมีคนที่จิตใจหยาบช้ามาทำลายมัน ชะเอมไม่ควรต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอะไรแบบนั้นเลย ถ้าวันนั้นผมดื้อสักหน่อย ไม่ยอมให้น้องกลับบ้านก่อน เรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้

มันผิดที่ผมเอง

“พี่แช่ม” ร่างบางคลายกอดก่อนจะเงยหน้ามองผม “หนูรู้นะคะว่าพี่เหนื่อยมากที่ต้องสู้กับปีศาจในหัวตัวเอง หนูรู้ว่ามันยากที่จะเอาชนะ แต่คนเก่งของหนูรู้ใช่ไหมว่ามันสามารถทำได้”

ผมพยักหน้ารับ “พี่รู้ค่ะ พี่พยายามอยู่”

“หนูไม่อยากให้พี่เศร้าหรือโทษตัวเองเรื่องของหนูอีกแล้ว พ่อกับแม่ไม่เคยโทษพี่ ไม่มีใครโทษพี่ทั้งนั้น เราไม่สามารถฝืนในสิ่งที่ถูกกำหนดมาได้เพราะงั้นพี่ต้องเข้มแข็ง”

“ชะเอม”

“หนูอยู่ตรงนี้เสมอ” นิ้วเรียวชี้ที่หัวใจของผม “หนูไม่เคยไปไหน ทุกครั้งที่พี่เสียใจในเรื่องของหนู หนูก็จะรู้สึกไม่ต่างกันเพราะงั้นช่วยมีความสุขได้ไหมคะ หนูจะมีความสุขต่อเมื่อพี่มีความสุข”

“พี่จะทำค่ะ เพื่อหนู....พี่จะพยายาม”

“ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เพื่อหนูคนเดียวค่ะ ตรงนี้มีคนอื่นอยู่เหมือนกัน คนที่พี่ยกให้เขาสำคัญ คนที่พี่ยกใจให้เขา พี่ต้องทำให้เขามีความสุข ดูแลเขาเหมือนที่เคยทำกับหนู”

น้องหอม

อีกคนนึงที่อยู่ในหัวใจของผม

“ค่ะ พี่เข้าใจแล้ว”

มือเรียวเช็ดน้ำตาให้ผม “สู้หน่อยนะคะ พี่ต้องชนะปีศาจในหัวนั่น สัญญานะว่าจะชนะมัน” นิ้วก้อยเรียวยื่นมาทางผม ผมก็เกี่ยวมันไว้

“สัญญาค่ะ พี่จะชนะมันให้ได้”

“เยี่ยมเลยค่ะคนเก่ง” เธอยิ้มหวานให้ผม “ได้เวลาที่พี่ต้องกลับไปแล้วนะคะ คนๆ นั้นรออยู่ มีอีกอย่างที่หนูอยากจะขอ....”

“อะไรคะ”

“กลับไปบ้านเราด้วยนะคะ ถึงเวลานั้น....พี่จะชนะปีศาจนั่นอย่างสมบูรณ์”

“ค่ะ พี่จะกลับบ้านนะ” ผมยิ้มหวานให้น้อง “พี่รักชะเอมนะคะ”

“หนูก็รักพี่แช่มค่ะ....แล้วเจอกันนะคะ”

เจอกันค่ะ....ที่บ้านของเรา



[จบบันทึกพิเศษ : แช่ม]



หลายชั่วโมงผ่านไปแล้วนะคุณชริต

ยังไม่ยอมตื่นอีก

ผมนั่งมองหน้าพี่แช่มอยู่อย่างนั้น เขาหลับยาวนานตั้งแต่บ่ายยันดึก ดีไม่ดีจะลากไปยันเช้าด้วย เพื่อนฝูงเวียนมาเยี่ยมจนกลับไปแล้วมาเยี่ยมใหม่ละเนี่ยะ ขี้เซาว่ะ ถ้าตื่นมาแล้วเคลียร์กันเสร็จผมจะบ่นเขา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปท้องฟ้าด้านนอก ก่อนจะกดเข้าไปทวิตเตอร์มันอัปโหลดมัน คืนนี้ดาวสวยนะครับ เป็นไปได้ผมก็อยากให้คนที่หลับอยู่ตื่นมาดูมันด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมทำอะไรไม่เลยนอกจากรอเขาเท่านั้น

....แค่รอ





Kh. @KhH22_luc

ดาวจะสวยกว่านี้อีกถ้าได้ดูมันกับคุณน่ะ

.....กลับมาได้แล้วนะ



#CloverBad​
























​TBC.

สวัสดีค่ะ ชาลมาส่งแช่มหอมแล้วนะคะ ยังไม่ได้แก้คำผิดนะแต่เดี๋ยวจะตามแก้ให้ค่ะ

เฉลยแล้วเนอะว่าชะเอมเป็นใคร มีคนเดาถูกด้วย เก่งมากเลย บันทึกพิเศษของพี่แช่มนัั่นมันเหมือนจิตใต้สำนึกของเขานะคะ เขาอยากเอาชนะอาการป่วยแต่เขาทำไม่ได้ ตัวตนของชะเอมที่ถูกสร้างมาคือแรงใจในส่วนลึกของเขาเอง รอลุ้นนะคะว่าเนื้อเรื่องต่อไปจะเป็นยังไง

ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นไงล่ะหอม หงอยเชียวนะ  :o11:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 12 สิ่งที่เฝ้ารอ




Kh. @KhH22_luc

คนหลับไม่รู้จริงๆ สินะว่าคนที่ตื่นอยู่ คิดถึงเขามากแค่ไหน



#CloverBad





3 วันกับการรอคอยให้คนขี้เซาตื่น

มันเป็น 3 วันที่ข้าวหอมไม่เป็นอันทำอะไรเลย

ผมนั่งมองคนที่หลับอยู่บนเตียงคนไข้และยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น ทำไมเขาฟื้นแล้วก็หลับยาวมา 3 วันแบบนี้ก็ไม่รู้ ร่างกายเพลียขั้นไหนกันนะ หมอบอกว่าด้านร่างกายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ แผลที่แขนไม่ได้อักเสบ การที่เขาไม่ตื่นมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนทำโทษเลย ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ไง เจ้าตัวก็เลยเอาคืนด้วยการขี้เซาหนักมาก ตอนนี้ในใจเขาอาจจะคิดว่าสมน้ำหน้า รอกูฟื้นอยู่น่ะสิไอ้เวรหอม ฝันไปเถอะ ใครจะอยากฟื้นไปเจอหน้าคนที่ทำให้ช้ำใจวะ

พี่แช่มต้องคิดแบบนี้แน่เลย

ช่วง 3 วันที่ผ่านมาผมสิงอยู่โรงพยาบาลกับเวียนไปที่หอ แล้วก็ทำความเข้าใจและวิธีการรับมือกับผู้ป่วยโรค PTSD ครับ อาจจะไม่เข้าถึงแบบถ่องแท้แต่เข้าใจและรับรู้ว่าหลังจากนี้ควรทำยังไง หมอบอกว่าพลังใจสำคัญมากเพราะตัวกระตุ้นที่ทำให้อาการต่างๆ ของเขากำเริบมันมาจากความคิด เพราะควบคุมความคิดไม่ได้มันก็เลยทำให้สู้กับภาพเหตุการณ์เลวร้ายไม่ไหว

มันค่อนข้างหนักมากเลยล่ะ

ทุกคนย่อมมีเรื่องราวที่ฝังใจมากๆ นะแต่ผลกกระทบจากมันจะต่างกัน เรื่องฝังใจสำหรับผมคือเคยขับจักรยานตกสระน้ำหลังบ้านแล้วจมครับ เกือบตายเลยนะตอนนั้นอะ ดีกว่าข้าวก้องเป็นคนมาช่วยผมเอาไว้ จากเหตุการณ์นั้นผมก็ไม่แตะจักรยานไปอีกหลายปีเลย ปกติผมว่ายน้ำเป็นนะแต่วันนั้นมันน่าจะตกใจเกินเหตุ พอสติไม่มีมันก็ทำอะไรไม่ถูกไง

นั่นแหละเรื่องฝังใจของข้าวหอม

“อื้มม...ม..ม....” เสียงครางในลำคอดังขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองตามเสียงทันที คนที่หลับมา 3 วันลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาคมไล่มองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ผม

“พี่แช่ม”

“....ใคร”

“.....”

“คุณเป็นใคร”


“พะ....พี่จำหอมไม่ได้เหรอ” ผมมองร่างสูงที่เบือนหน้าไปมองหน้าต่างแทน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจนี้มันคืออะไร ความเจ็บปวดแปล๊บๆ ที่สัมผัสได้ทำไมมันถึง....

ขอบตาผมร้อนผ่าวทันทีที่พี่แช่มเอ่ยถามว่าผมเป็นใคร เขาจำผมไม่ได้ ตลอด 3 วันผมคิดนะว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นผมจะรับมือกับมันยังไง คิดเอาไว้ว่าน่าจะไหวแต่พอมันเป็นแบบนี้ผมไม่รู้เลยว่าควรทำยังไงต่อ นี่เป็นบทลงโทษที่ผมต้องยอมรับมันใช่ไหมที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ผม....ผมต้องทำยังไงให้เขาจำผมให้ได้

ฮึกก...กก....ไม่เอาแบบนี้สิ

ไม่เอานะ

“ถ้าพี่พูดแบบนั้น....น้องหอมต้องเสียใจมากแน่ๆ เลย”

“พะ...พี่แช่ม”

เจ้าตัวหันกลับมามองผม “ดูสิ แค่นี้ยังร้องไห้เลย”

“ฮืออ.อ....พี่แกล้งหอมงั้นเหรอ” ผมปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กๆ “ฟื้นมาก็เอาเลยใช่ไหม...ฮืออ...อ...”

“ดูทำหน้าเข้า” มือเรียวเกลี่ยน้ำตาผมออก “พี่ดีใจนะที่ตื่นมาแล้วได้เห็นน้องหอมอยู่ตรงนี้ ก่อนหน้ามันเหมือนฝันร้ายเลย”

“หอม....ฮึกก.ก....หอมขอโทษ หอมผิดเองที่ทำแบบนั้น”

“น้องหอมไม่ผิดหรอก พี่เองที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้” พี่แช่มกุมแก้มผมเอาไว้ “เพราะพี่ไม่เคยบอกอะไรกับน้องหอมเลยสักอย่าง มันคงทรมานมากเลยสินะกับการที่ไม่เคยรู้อะไรเลย”

“ฮึกก.ก.ก....พี่แช่ม”

“พี่ผิดเองน้องหอม”

“ฮือออ...อ....”

“พี่ขอโทษ”

ผมซุกหน้าอยู่กับมือพี่แช่มอยู่อย่างนั้น ร้องไห้หนักแบบนี้หน้าต้องทุเรศมากแน่ๆ ฮึกก.ก.ก....แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้เลยหนิ ผมรู้สึกดีที่เขาไม่โทษว่ามันเป็นความผิดผม รู้สึกดีที่เขาเองก็ขอโทษผมเหมือนกัน ระยะเวลาก่อนหน้านี้ของเรามันมีแต่ความไม่เข้าใจเต็มไปหมด แต่หลังจากนี้เราต้องเข้าใจกันให้มากขึ้น ความสัมพันธ์มันแตกเป็นเสี่ยงไปเพราะความไม่รู้ มันยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ถึงยังไงผมก็จะเริ่มใหม่

ผมจะเริ่มความรักระหว่างเราใหม่

จะทำมันให้ดีกว่าเดิมด้วย

มือเรียวเช็ดน้ำตาให้พลางลูบหัวผมเบาๆ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เห็นสีหน้าที่ดูดีขึ้นก็ค่อยยังชั่ว ดวงตาคมเหลือบไปมองโหลใส่ใบโคลเวอร์ที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ เขามองมันนิ่งๆ พอเห็นแบบนั้นผมก็หยิบมันมาให้ พี่แช่มมองใบโคลเวอร์ในโหลอยู่อย่างนั้น แววตาฉายความเศร้าออกมาชัดเจน ผมกุมมือพี่แช่มไว้แน่นเพื่อต้องการจะยืนยันว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว อย่างน้อยก็มีผมที่อยู่กับเขา

ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว

“หอมเก็บล้างให้ทุกใบเลยนะ” ผมยิ้มให้เขา “หอมรู้ว่ามันสำคัญกับพี่มากแค่ไหนก็ตอนที่ทำลายมันไปแล้ว”

“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นโหลอันเดิม พี่จะทำตามคำสัญญาได้ไหม”

“พี่ต้องทำได้สิ หอมจะช่วยพี่สานต่อคำสัญญาเอง”

“น้องหอม”

ผมยกมือพี่แช่มมากุมแก้มตัวเองก่อนจะมองเขา “หอมรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะ เข้าใจทุกอย่าง ใจนึงก็เสียใจที่รู้ช้าไป ถ้าหอมรู้ไวกว่านี้ หอมคงไม่ทำให้พี่แช่มเจ็บปวด หอมกลับไปแก้ไขเรื่องทั้งหมดไม่ได้แต่ว่า....อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ หอมจะทำมันให้ดีที่สุด”

“.....”

“หอมจะทำให้พี่หายป่วย” ผมคลี่ยิ้มให้ “หอมจะเป็นคน...ฮึกกก....พาพี่กลับบ้าน กลับเอาโหลอันนี้ไปไว้ที่หน้าเจดีย์อัฐิของพ่อแม่พี่ พาพี่กลับไปหาน้องสาวคนเก่งของพี่ หอมจะต้องพาพี่กลับไปให้ได้ หอมรู้ว่าพี่คิดถึงพวกเขามากแค่ไหน ตลอดหลายปีของความทรมานมันจะต้องจบ”

“.....”

“หอมอยากเห็นพี่มีความสุขจริงๆ เรื่องในอดีตต้องไม่ทำร้ายพี่อีก....สัญญากับหอมนะว่าพี่จะสู้มัน สู้ไปด้วยกัน”

“....พี่จะสู้” นิ้วก้อยเรียวเกี่ยวเข้าที่นิ้วก้อยผม “พี่จะต้องชนะมันให้ได้”

“พี่ต้องชนะมันแน่ๆ ยังไงก็ต้องชนะ”

“นั่นสินะ” พี่แช่มอ้าแขนออก “ขอกอดหน่อยครับ” สิ้นเสียงเขา ผมก็ลุกขึ้นไปกอดเจ้าตัวไว้ทันที

ฮึกกก...ก....อบอุ่นที่สุดเลยอ้อมกอดนี้ ผมจะไม่ยอมเสียมันอีกแล้ว ดีจังที่เขาบอกว่าจะสู้ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นผมเชื่ออย่างนั้น มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ตลอดมาผมไม่ได้มีปัญหากับเรื่องของเวลา ผมรอได้ จนกว่าวันที่พี่แช่มจะหาย ผมจะอยู่ข้างเขาตรงนี้นี่แหละ

ถึงไล่ก็ไม่ไป

“หอมรักพี่แช่มนะ”


“นะ....น้องหอม”

“หอมไม่เคยบอกพี่เลยว่าหอมรักพี่มากแค่ไหน ตอนที่พี่ไม่ฟื้น หอมนึกเสียใจด้วยว่าทำไมก่อนหน้านี้หอมไม่พูดให้พี่ฟัง” ผมละกอดออกมาแล้วยิ้มหวานให้เขา “แต่ตอนนี้ได้พูดแล้วนะ หลังจากนี้ก็จะพูดให้ฟังบ่อยๆ ”

“ขอบคุณนะครับ” เจ้าตัวเลื่อนหน้าผากมาชนหน้าผากผมไว้ “พี่ก็รักน้องหอมเหมือนกันนะ”

“....พี่แช่ม”

“พร้อมแล้วใช่ไหมที่จะใช้ชีวิตหลังจากนี้ไปด้วยกันน่ะ”

“พร้อมมาตั้งนานแล้ว”

“นั่นสินะ....งั้นก็”

“.....”

“เป็นแฟนพี่นะข้าวหอม”

ความชัดเจนที่ผมรอมันมาตลอด....ในที่สุดก็มาถึงแล้วครับ

“อื้ม....หอมจะเป็นแฟนพี่แช่ม”


***



“แล้วคือยังไงนะ”

“ก็ไม่ยังไง”

“ไม่ยังไงก็เชี่ยละ” คนหน้าเหมือนผมจ้องอย่างคาดคั้น “บอกกูมาซะดีดี”

“ก็ไม่มีอะไร”

“ข้าวหอม”

“ข้าวก้อง”

“อย่ามาเรียกชื่อกูนะ บอกมาซะดีดีเลยว่าทำอีท่าไหนถึงคบกันอะ”

“ต้องทำท่าไหนด้วยเหรอวะ”

“เอ๊ะ มึงนี่” ร่างโปร่งถลึงตาใส่พร้อมกับหยิกมือผมเบาๆ เอาใหญ่แล้ว เห็นข้าวหอมยอมเข้าหน่อยก็ทำตัววางอำนาจนะข้าวก้องนะ

ไม่รู้ว่าใครเป็นใครซะแล้ว

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ไอ้น้องเวรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้มาสิงกันอยู่ที่ร้านข้าวมันไก่ใกล้ๆ โรง’บาลครับ ปล่อยให้พี่แช่มอยู่กับเพื่อนเขาไปก่อน แก๊งค์ปลาทองดีใจกันน่าดูเลยที่คนขี้เมาฟื้นแล้ว ตอนนี้พี่แช่มอาจจะโดนเทศน์อยู่เรื่องที่คิดสั้น แต่ผมเข้าใจความรู้สึกนะ ถ้าผมเป็นเขาแล้วต้องสูญเสียทุกอย่างไปมันคงแย่มาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ต่อแล้ว จิตใจของคนเรามันเปราะบางมากเลยเนอะ

มองจากภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ

โล่งใจอยู่ที่เหมือนทุกอย่างจะโอเค พี่แช่มดูมีสติดีหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ไม่แสดงอาการเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้หลังจากได้เห็นโหลใบโคลเวอร์นั่น ก่อนหน้านี้คุยกับหมอเรื่องการรักษาต่อแล้วนะครับ จะกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ผมต้องให้พี่แช่มกินยาและก็พาเขาเข้าบำบัด ช่วงหวั่นใจคือช่วงที่ผมไปค่าย จริงอยู่ว่ากว่าจะไปมันเกือบ 3 อาทิตย์แต่ต้องเข้าใจว่า PTSD ไม่มีทางหายได้ในเวลาที่สั้นขนาดนั้น

พี่แช่มเขาป่วยมาตั้งกี่ปี

“ยังไม่บอกอีก”

“เขาขอเป็นแฟน เท่านั้นแหละจบ” ผมเท้าคางมองคนตรงข้าม “ว่าแต่มึงเถอะ กับไอ้เบย์มันยังไงกันแน่ มันเข้าหามึงเองหรือว่าอะไร”

“ซับซ้อน ขอไม่เล่า”

“ไม่ได้” ผมจ้องมันคืน “มึงต้องเล่าให้กูฟัง มึงอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้มันทำอะไรไว้บ้าง กูไม่รู้ว่าการที่มันไปยุ่งกับมึงมันเป็นเพราะกูไหม ถ้ามันคิดจะเอามึงมาแทนกูเพราะหน้าเราเหมือนกัน แบบนั้นกูก็ไม่ยอมนะ”

“มึงรู้ใช่ป้ะว่ากูกลัวความรักมากเลยอะ”

ผมพยักหน้ารับ “แล้วไงต่อ”

“ตอนที่อกหักใหม่ๆ กูไปที่สวนสาธารณะหลังโรงเรียนทุกวันเลย กูเจอเด็กโง่ๆ คนนึง เด็กคนนั้นคือไอ้เบย์”

“แล้ว....ยังไงอีก”

“มันก็มีอาการแบบ....เผลอใจมั้ง ไม่รู้ว่ะ ความเป็นมันในตอนนั้นทำให้กูรู้สึกชอบ แต่เพราะกูกลัวกูก็เลยถอยห่างออกมา กูเคยบอกมันไว้ว่ากูชื่อข้าว แล้วมึงเองก็คงรู้ว่าเราสองคนเป็นฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันขนาดไหน”

“แปลว่าไอ้เบย์ก็ชอบมึงมาตั้งแต่ที่เจอกันตอนโน้น แต่เข้าใจผิดว่ากูคือมึง”

“อืม มันก็ประมาณนั้นแหละ”

เพราะอย่างนี้นี่เอง

ถึงว่าทำไมบวรเคยถามผมว่าจำมันไม่ได้เหรอ

เพราะผมไม่รู้จักมันตั้งแต่แรกเลยไง ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผมจะจำมันไม่ได้ แล้วไอ้คนที่จำได้ก็เงียบกริบ เก็บเงียบมาหลายเดือนไม่บอกไม่กล่าวใครเลยด้วย ผมคิดว่าจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ข้าวก้องก็น่าจะยังชอบบวรอยู่ คิดไม่ออกเลยว่าเวลาที่ผ่านมา มันทนได้ยังไงเวลาเห็นคนที่ตัวเองชอบมาวอแวผม แต่จะบ่นมันมากก็ไม่ได้หรอกเพราะความรักครั้งเก่าของมันทำไว้เจ็บแสบมาก

แผลในใจนั่นเหมือนจะไม่มีวันหายด้วย

“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”

“นั่นสิ”

“เกิดอะไรขึ้น” จะว่าไปผมไม่เห็นไอ้เบย์มา 2 วันแล้ว สีหน้าของข้าวก้องก็ดูเศร้าๆ ไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันรึเปล่า

“เบย์เป็นน้องของบีมว่ะ”

ผมมองมันตาโตทันที “ถามจริง”

“กูก็ไม่รู้ว่าจะโกหกมึงไปทำไม” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เกินคาดกูมากเหมือนกันนะเรื่องนี้”

“คิดไว้รึยังว่าจะเอายังไง”

“คิดไว้ว่าอาจจะห่าง ไม่รู้ว่ะ ไม่อยากเจอหน้าเบย์เลย”

“กูว่าก่อนที่มึงจะตัดสินใจว่าจะเอายังไง มึงควรถามตัวเองนะว่ารู้สึกอะไรกับไอ้เบย์รึเปล่า”

“.....อยากสูบบุหรี่เฉยเลยว่ะ”

“เอาน่ะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ หาทาง”

“อืม” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามรับคำก่อนจะกินข้าวต่อเงียบๆ ลำบากใจหนักเลยสินะ

บีมคือแฟนเก่าของข้าวก้องครับ คบกันนานพอสมควร น้องผมรักเธอมากแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะนอกใจ วันนั้นที่ข้าวก้องเสียใจมากจนไม่เป็นอันทำอะไรผมยังจำได้ดี ผมไม่อยากเห็นมันกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ผมควรลองคุยกับบวรเรื่องนี้ดีไหมนะ แต่ถ้าคุยก็ต้องคุยต่อหน้าพี่แช่มด้วย เพื่อความสบายใจผมควรทำแบบนั้น ถึงตอนนี้สถานะของเราจะชัดเจนแล้วแต่เรื่องนี้มันก็ยังควรระวังเอาไว้

ไม่อยากให้พี่แช่มคิดมากน่ะครับ

ดีใจนะที่ได้เป็นแฟนกันสักที รอมานานตั้ง 2 ปีกว่า อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่าเขาเป็นแฟนผม จะบอกพ่อแม่เรื่องนี้เลยดีไหมนะ ไม่อยากปิดบังเลยอะ ความจริงก็ปิดเรื่องที่ชอบผู้ชายมา 2 ปีกว่าแล้ว แล้วเนี่ยะ ทั้งผมทั้งข้าวก้องดันชอบผู้ชายทั้งคู่เลย พวกเราเป็นลูกชายสองคนของพวกเขาด้วย ไม่รู้เลยครับว่าเขาจะโอเคกับเรื่องนี้ไหม ถ้าสมมุติว่ารับได้ก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าไม่.....ก็อาจจะแย่หน่อย

ไม่ก็แย่มาก

“มึงว่ากูบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ดีไหม”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องที่เป็นแฟนกับพี่แช่ม”

“มึงคิดไว้รึยังว่าจะรับมือกับมันยังไงถ้าพ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยเรื่องความรักของมึง”

“ยังไม่ได้คิดเลยว่ะ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “แต่กูอยากบอกนะ ของบางอย่างก็ต้องลองดูก่อน”

“งั้นก็เอาเลยดิ” มือเรียวส่งโทรศัพท์มาให้ผม “ผลจะเป็นยังไงค่อยมาหาทางแก้กันทีหลังก็ได้”

“เนอะ” ผมหยิบโทรศัพท์ข้าวก้องก่อนจะกดโทรไปหาพ่อ ใช้เวลาไม่นานเขาก็รับสาย “สวัสดีครับพ่อ”

(เหมือนไม่ได้โทรหานานเลยนะ เป็นยังไงบ้างล่ะ)

“สบายดีครับ ข้าวก้องก็เหมือนกัน คืองี้นะพ่อ หอมมีอะไรจะบอกพ่อด้วยอะ” หายใจเข้าลึกๆ นะข้าวหอม เป็นไงเป็นกัน สู้ๆ

(เรื่องอะไร)

“หอม....มีแฟนแล้วนะพ่อ”

(เพิ่งมีปัญญาหาแฟนได้เหรอ)

พ่อไม่อ่อนโยนเลย

“ก็มีแล้วนี่ไงพ่อ” ผมเลื่อนมือไปจับมือข้าวก้องไว้แน่น “....แต่ไม่ใช่ผู้หญิงนะ”

(....)

“....ฮัลโหลพ่อ พ่อได้ยินไหม” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป

ชิบหายแล้วววว

“พ่อตัดสายว่ะมึง”

“งานหยาบสัสๆ ” มือเรียวบีบมือผมเบาๆ เหมือนปลอบใจ “มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่มึงคิดก็ได้นะหอม”

“มันอาจจะแย่กว่าที่กูคิดก็ได้นะก้อง”

ผมเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออกก่อนจะนั่งกุมใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก พ่อรับไม่ได้แน่ๆ เลยว่ะถึงได้วางสาย ก็นะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะรับได้ง่ายๆ นี่หว่า ผมไม่รู้เลยว่ามุมมองเรื่องความรักกับเพศในครอบครัวมันเป็นยังไง แล้วก็เนี่ยะ ห้าวหาญสุดคือโทรหาพ่อเลย ทำไมไม่เข้าทางแม่ก่อนวะหอม แม่น่าจะเข้าใจมากกว่ารึเปล่า โอ๊ยยยย คิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วอะ

พ่อต้องโกรธมากแน่ๆ

ผมกลัวการโกรธของพ่อมากเลยอะ ไม่รู้ว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นไหน ผมกลัวการตัดขาดจากครอบครัวมาก ถ้าพ่อบอกจะตัดผมออกจากการเป็นลูกเพราะผมชอบผู้ชายมันต้องแย่มากแน่ๆ หรือถ้าเขาให้เงื่อนไขมาว่าถ้าอยากอยู่ในบ้านต่อไปก็ต้องเลิกกับพี่แช่มล่ะ ผมจะทำแบบนั้นได้ไงวะ เพิ่งคบกันวันนี้เองด้วย อีกอย่างคือตอนนี้พี่แช่มมีแค่ผมที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของเขา

ถ้าไม่มีผม....มันต้องไม่มีเขาแน่ๆ

ทำไมรู้สึกเหมือนจะร้องไห้แบบนี้วะ

ครืดดดด....ดดด

“มึง พ่อโทรกลับมาว่ะ”

“รับสิรับ” พอข้าวก้องบอกแบบนั้นผมก็กดรับสายทันที ปลายสายเงียบมากครับ ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย

“....พ่อ”

(....ถ้าพ่อกับแม่บอกว่ารับไม่ได้ แกจะรู้สึกยังไง)

“คงเสียใจครับ เสียใจมากๆ ”

(อืม แล้วรู้ไหมว่าไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากให้ลูกตัวเองเสียใจหรอก มันก็อาจจะมีแหละแต่ไม่ใช่สำหรับครอบครัวเรา)   

“พ่อหมายความว่า....”

(จะรักใครก็เอาเถอะ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกคือสิ่งที่ดีที่สุด พ่อก็เคารพในการตัดสินใจของแก)

“ขอบคุณนะครับพ่อ” ผมหลุดยิ้มออกมาทันที “แล้ว....ถ้าพ่อโอเค พ่อจะตัดสายหอมทำไมอะ”

(โทรศัพท์มันดับมั้งเถอะ พ่อบอกแม่แกไปหลายรอบแล้วว่าซื้อใหม่ให้หน่อย ก็ยังบอกว่าให้ใช้เครื่องเดิมอยู่ได้ บางทีก็หงุดหงิดนะ เงินมีตั้งกี่สิบล้านแต่จะซื้อโทรศัพท์เครื่องละไม่กี่หมื่นนี่คิดแล้วคิดอีก จะขัดใจไปซื้อเองก็ไม่ได้ด้วย)

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะครับ”

(พ่อรักแม่แกมากๆ เลยไงก็เลยไม่อยากขัดใจ แต่เดี๋ยวคงต้องคุยกันด้วยเหตุผลซะหน่อยละ)

“เดี๋ยวให้ข้าวก้องช่วยคุยให้ครับ เรื่องคุยกับแม่ไม่มีใครเก่งเท่ามันอีกแล้ว”

(อืมเอาเถอะ ถ้ามีเวลาว่างก็กลับบ้านบ้างนะ พาแฟนมาด้วยก็ได้ พ่ออยากเห็นน้ำหน้าไอ้คนที่หลงผิดว่ามันเป็นยังไง)

“พ่ออออ”

(ตั้งใจเรียนนะ เดี๋ยวพ่อเคลียร์งานต่อก่อน)

“โอเคครับ ขอบคุณนะครับที่เข้าใจหอม”

(....จะเข้าใจเสมอนั่นแหละ แค่นี้ลูก)

“ครับ” ผมกดวางสายก่อนจะกระโจนเข้าไปกอดข้าวก้องจนตัวกลม ไม่สนสายตาคนอื่นที่มองมาด้วย ฮืออ.อ.อ....ดีใจที่พ่อยอมรับอะ

เหมือนฝันเลย

ปล่อยวางได้เลยสำหรับเรื่องครอบครัวเพราะเขายอมรับแน่ๆ เรื่องนี้ต้องเล่าให้พี่แช่มฟังด้วย เจ้าตัวน่าจะใจชื้นพอสมควร ตอนนี้รู้สึกโล่งแบบโล่งถึงที่สุดเลยครับ พ่อผมคือเดอะเบสท์พ่อจริงๆ นั่นแหละ อาจเพราะว่าเขาไม่ได้อายุเยอะเว่อร์ล่ะมั้ง พ่อกับแม่แต่งงานกันตอนอายุยังน้อย มีพวกผมก็ตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ เลย พ่อบอกว่าตัวเองเป็นคุณพ่อลูกแฝดตอนอายุ 22 เอง

แล้วตอนนี้พ่อผมเพิ่ง 40 กว่านิดๆ

ดีเนอะที่ครอบครัวเข้าใจน่ะ เดี๋ยวถ้าพี่แช่มออกจากโรง’บาลเมื่อไหร่ ผมพาเขาไปกินข้าวที่บ้านดีกว่า ไหนๆ พ่อก็บอกว่าอยากเจอเขาแล้ว หลังจากนี้มีเรื่องต้องทำเยอะอยู่เหมือนกัน สำคัญสุดก็คือการรักษาอาการป่วยของพี่แช่ม เรื่องเตรียมไปค่ายแล้วเดี๋ยวผมต้องไปรับคุณเฉลิมมาจากคลินิกด้วย ฝากไว้ที่นั่นมาเป็นอาทิตย์แล้ว ป่านนี้นางอาจจะน้อยใจแย่ ถ้าพี่แช่มออกจากโรง’บาลแล้วเห็นเจ้าอ้วนรออยู่ที่หอ เขาน่าจะดีใจ

รอยยิ้มของพี่แช่มคือสิ่งที่ผมอยากเห็นที่สุดเลย

ก่อนหน้านี้เหมือนมรสุมเข้าเลยครับแถมยังลูกใหญ่มากด้วย ดีที่ว่าหลังจากมรสุมนั้นมีท้องฟ้าที่สดใสรออยู่ อะไรที่เสียหายจากมัน ก็ต้องซ่อมแซมและพยายามทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างน้อยก็ให้มากที่สุด เพิ่มเติมจากมรสุมคือได้บทเรียนที่สำคัญหลายอย่างเลยสำหรับเราทั้งสองฝ่าย ความไม่รู้ ความไม่เข้าใจกันมันเลวร้ายมากในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์

มันเป็นบทเรียนที่ผมจะไม่มีวันลืม

“กลับโรง’บาลกันเถอะ พี่แช่มคิดถึงมึงละ”

“รู้ได้ไง”

“ทวิตเตอร์” พอข้าวก้องพูดแบบนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในทวิตเตอร์

ข้อความที่คนขี้เมาเพิ่งทวิตเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมันทำให้ผมยิ้มออกมาแก้มปริทันที มันก็แค่คำว่าคิดถึงแต่ไม่รู้ว่าทำไมมันทำให้ผมหัวใจเต้นแรงได้มากขนาดนี้ คงเพราะสถานะระหว่างเราเปลี่ยนไปมั้งครับ ความหน้าร้อนที่กำลังสัมผัสได้จะหายไปเมื่อได้กอดคนที่ทำให้มันร้อนเท่านั้นเพราะงั้นผมรีบกลับไปหาแฟนผมดีกว่า

อยากกอดจะแย่แล้ว





Charit @Charitpedd

คิดถึง ‘แฟน’ จังครับ



#พี่แช่มได้กล่าวไว้










TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้วหลังจากที่หายไปหลายวันเลย ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ช่วงวีคนรกจริงๆ งานเยอะมาก ใกล้ไฟนอลแล้วขอให้ชาลมีชีวิตรอดผ่านมันไปได้เนอะ

เขาคบกันแล้วนะคะ ฮิ้ววววว

ติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พาพี่แช่มไปหาพ่อด่วนเลย ให้พ่อกับแม่รับขวัญเขยหน่อย เผื่ออาการป่วยจะดีขึ้น  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 13 ผูกพัน



Charit @Charitpedd

บอกตัวเองว่าเราต้องลืมเรื่องราวที่ผ่าน....แม้ความจริงทรมาน

   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้






เห็นสภาพแฟนตัวเองแล้วสงสารจับใจเลย

ถ้าเขาดีขึ้นไวไวก็ดีน่ะสิ

ผมวางโทรศัพท์ก่อนจะพับผ้าต่อพลางมองคนที่นั่งนิ่งเป็นท่อไม้ให้คุณเฉลิมเกาะอยู่บนหัว พี่แช่มเขานิ่งมาชั่วโมงกว่าๆ แล้ว ไม่มีการขยับตัวเลยนอกจากกระพริบตาและหายใจ ผ่านไป 2 อาทิตย์แล้วครับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เราเริ่มรักษา PTSD กันอย่างจริงจัง เริ่มด้วยการให้เขากินยาตามที่หมอสั่ง ผลข้างเคียงก็ออกมาตามที่เห็น เขาเซื่องซึมเหมือนที่เคยเป็นมาก่อน บางวันก็นอนเยอะ บางวันก็ไม่นอนเลย

อย่างวันนี้นี่ไง

เขายังไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อวาน ผมรู้ว่าเจ้าตัวกำลังพยายามทำให้ตัวเองรีแลกซ์โดยการเล่นเกม อ่านหนังสือ หาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย มีมานิ่งสงบก็เมื่อชั่วโมงที่แล้วเนี่ยแหละ ผมเรียกเขาก็ไม่ตอบ เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย ช่วงแรกๆ ที่เขาเป็นแบบนี้ผมก็ไม่เข้าใจนะ แต่หมอบอกว่ามันเป็นอาการปกติ ไม่ต้องไปสุงสิงเพราะเดี๋ยวเขาจะกลับมาเอง

อดทนอย่างเดียวเลยข้าวหอม

หลังจากที่พับผ้าเสร็จผมก็เดินเอาไปเก็บพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปพี่แช่มที่มีคุณเฉลิมนั่งจุมปุ๊กอยู่บนหัว เจ็บบ้างไหมน่ะ กรงเล็บของเจ้าอ้วนนั่นคมไม่ใช่เล่น ผมยังจำวันที่ไปรับนางกลับได้เลย เหมือนจะมีงอนกันเล็กน้อย คงนอยด์ที่ปล่อยให้อยู่คลินิกนานล่ะมั้ง แต่ก็นะ คุณเฉลิมต้องเข้าใจแหละว่าพ่อนางป่วย ไม่มีใครว่างดูแล ผมเพิ่งรู้มาจากลุงเชตด้วยว่าเจ้าอ้วนนี่ไม่ใช่นกของพี่แช่ม

แต่เป็นของชะเอม

ลุงเชตทำสวนปาล์มและเลี้ยงนกแสกไว้เพื่อล่าหนูในสวน คุณเฉลิมเป็นลูกนกที่ชะเอมขอมาเลี้ยงตั้งแต่สมัยเธอเรียนประถมฯ จะว่าไปเจ้าอ้วนคงคิดถึงเจ้าของตัวจริงน่าดู พูดถึงชะเอม....ถ้าเธอยังอยู่ก็คงจะอายุน้อยกว่าผมปีนึง แล้วดูทรงคนเป็นพี่ชายก็คงหวงน้องมากซะด้วย จากรูปที่ผมเห็นคือเธอเป็นคนที่สวยมาก น่ารัก ใครเห็นก็ต้องหลงแน่นอน พอได้รู้ว่าเธอจากไปโดยเรื่องแบบนั้นผมยังรู้สึกเสียใจไม่หายเลย

ไม่ควรมีใครได้เจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้น

พรึ่บ

“ว่าไงคุณเฉลิม” ผมลูบหัวเจ้าอ้วนที่บินมาหา “พี่แช่มเขาไม่เล่นด้วยสินะเลยมาหาหอมเนี่ยะ”

“แอ๊กกกก”

“งั้นเหรอๆ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวหอมตีพี่แช่มให้”

“แอ๊กกกก”

“น้องหอม” เสียงอ่อนดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของคนพูดโถมตัวเข้ามากอดผมจนจมเตียง คุณเฉลิมตกใจจนบินหนีไปโน่นแน่ะ

เขานี่มันจริงๆ เลยนะ

“กลับมาได้แล้วเหรอ” ผมเขี่ยผมที่ปรกใบหน้าคมออก “หอมนึกว่าพี่จะนั่งมองกำแพงยันเย็นซะแล้ว”

“พี่ไม่ได้ไปไหนมาสักหน่อย” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะซุกหน้าลงกับอกผมอย่างอ้อนๆ “เบื่อไหม”

“เบื่ออะไรอะ”

“เบื่อที่พี่เป็นแบบนี้ไง”

ผมส่ายหน้าเบาๆ “ถ้าเมื่อก่อนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงเป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้เข้าใจทุกอย่าง หอมไม่เบื่อพี่หรอก ใครเขาจะเบื่อแฟนตัวเองล่ะจริงไหม”

“แต่พี่เบื่อนะ”

“เบื่ออะไร”

“เบื่อไอ้แช่ม”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อย่าเบื่อพี่แช่มสิ” ผมกอดร่างสูงไว้แน่นพลางลูบหัวเขาเบาๆ

อ้อนเป็นแมวเลยทั้งๆ ที่ตัวอย่างกับยักษ์ ผมว่าอีกสักพักเขาน่าจะหลับ ก็นะ....เมื่อวานไม่ได้นอนเลยหนิ ตื่นอีกทีคงดึกน่าดู นี่เกือบบ่าย 3 แล้ว ชีวิตในช่วง 2 อาทิตย์ของเรามันวนเวียนอยู่แค่นี้จริงๆ ไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วย ผมกังวลอยู่เหมือนกันนะช่วงที่ต้องไปค่ายน่ะ เหลือแค่อาทิตย์เดียวเอง ไม่รู้ว่าถ้าถึงตอนนั้นพี่แช่มจะอยู่คนเดียวได้ไหม อาจจะต้องฝากบรรดาเพื่อนๆ เขาให้ดูแลหน่อย

ผมเป็นห่วงเขามากขนาดนี้เลยนะ

“พี่แช่ม”

“หืม....”

“อยู่ได้ใช่ไหมช่วงที่หอมไปค่ายน่ะ”

“อยู่ได้สิ พี่ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย” เจ้าตัวผงกหัวขึ้นมามองหน้าผม “พี่ไม่ได้กิ๊กก๊อกขนาดนั้นนะน้องหอม นี่ก็ยังมีสติอยู่ ที่เซื่องๆ ก็เพราะยา เนี่ยะ รู้เหตุผลรึยังว่าทำไมเมื่อก่อนพี่ถึงไม่อยากบอกใครว่าพี่เป็นอะไร”

“เพราะเขาจะเป็นห่วงพี่มากจนเกินไป”

“ใช่ ตอนนี้น้องหอมก็เป็นแบบนั้น ไม่ใช่ว่าความเป็นห่วงมันไม่ดีหรอกนะ พี่มีความสุขที่น้องหอมเป็นห่วงและดูแลพี่อย่างดี แต่พี่รู้นะว่าลึกๆ แล้วน้องหอมก็เหนื่อยที่ต้องทำแบบนี้”

“.....”

“อย่าฝืนตัวเองทำเพื่อพี่เลยนะ ทำเหมือนปกติอย่างที่เคยทำดีกว่า ครั้งนี้ถ้าพี่ไม่ไหวพี่จะบอกน้องหอมไปตามตรง พี่จะไม่ฝืนตัวเองเหมือนกันเพราะสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมันสอนเอาไว้แล้วว่าผลจะออกมาเป็นยังไง”

“หอมเข้าใจแล้ว”

“ดีมากจ่ะที่รัก” พี่แช่มจุ๊บหน้าผากผมก่อนจะซุกอยู่ที่ซอกคอ “พี่นอนละนะ ง่วงแล้ว”

“ฝันหวานครับ”

สิ่งที่เขาพูดเหมือนทำให้ผมคิดได้ขึ้นมานิดหน่อยเลย มันจริงเลยนะที่ผมเป็นห่วงเขามาก คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมทำให้เขาเกือบตายด้วยแหละ ผมกลัวว่าตัวเองจะพลาดอีก อะไรที่ทำได้ก็อยากทำแต่ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมากเกินไปจนเป็นการฝืนตัวเองแบบนี้ ถ้าพี่แช่มไม่บอกผมก็คงทำเหมือนเดิมและอาจจะเครียดกว่าเดิม สุดท้ายแล้วคนที่จะแย่ก็คือเราทั้งคู่

ตึงไปหย่อนไปไม่ดีจริงๆ ด้วย

ครืดดดด....ครืดดดด

ผมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย “ฮัลโหล”

(หิว)

“ก็ไปกินข้าวสิ”

(อยากกินปลาดิบ)

เอาละ....อาการแบบนี้

“เป็นไรอีกเนี่ยะ”

(เดี๋ยวเลี้ยงแซลม่อน)

“ข้าวก้อง”

(เจอกันร้านเดิม แค่นี้นะ)

“อะไรของมันวะ” ผมมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแล้ว เอาแต่ใจเกินใครก็ไอ้น้องเวรของผมนี่แหละ

ผมจัดแจงท่านอนให้พี่แช่มใหม่ก่อนจะหยิบหมอนข้างมาให้เขากอดแทน ร่างสูงหลับสนิทไปแล้วล่ะครับ ดีละ ให้เขาพักผ่อนมากๆ ผมหยิบกระดาษโน้ตมาเขียนก่อนจะวางไว้ที่หัวเตียง เผื่อผมกลับมาไม่ทันเขาตื่น คนขี้เมาจะได้รู้ว่าผมหายไปไหน จะว่าไปช่วงนี้ข้าวก้องติสท์แตกบ่อยจนผมปวดประสาท ไม่รู้ว่าปัญหาของมันจะจบลงยังไงเลย ตอนนี้ก็คาราคาซังจนหาทางแก้ไม่ได้ด้วย

คิดแล้วปวดหัวแทนชิบหาย

ไอ้น้องเวร

   
***

   

“มึงทำหน้าเหมือนจะอ้วกขนาดนั้นอะ ความจริงกูกินส้มตำก็ได้นะ”

“กูกำลังดื่มด่ำรสชาติปลาแซลม่อนต่างหาก”

“ลองพูดให้ตรงกับสิ่งที่คิดซิ”

“เออจะอ้วก” ข้าวก้องเบ้ปากก่อนจะคีบปลาดิบทั้งหมดมาให้ เนี่ยะ มันน่าตบนัก ชอบว่าแต่ผมทำอะไรฝืนใจตัวเองแหมๆ ๆ ๆ ๆ

น่าหมั่นไส้

ผมคีบปลาดิบเข้าปากพลางมองคนตรงหน้าที่พยายามหาของที่ตัวเองพอกินได้ รู้อยู่หรอกว่ามันไม่ได้หิว ที่ชวนมากินข้าวก็เพื่ออยากคุยด้วยเท่านั้นแหละ ช่วงนี้หน้าข้าวก้องดูผ่องและหม่นหมองยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมีความสุขแต่ก็มีความทุกข์เหมือนกัน คิดได้เลยว่าคงไม่พ้นเรื่องบวรหรอก ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมารู้สึกว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่น่าจะยังไม่เคลียร์ คนตรงข้ามผมอาจจะกำลังคิดอยู่ว่าจะตัดหรือไม่ตัดดี

แต่ดูเหมือนจะตัดยากนะ

รอยจูบยังเต็มคออยู่เลย

“คิดไงถึงชวนออกมากินข้าว”

“ก็อยากชวน ไม่ได้กินข้าวกับมึงหลายวันแล้ว”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “แล้ว....ไอ้เบย์อะ”

“ไม่รู้ดิ”

“หมายความว่าไงว่าไม่รู้”

“ก็หมายความว่าไม่รู้”

“อย่ามาโกหก”

“อย่ามาดุ”

“ข้าวก้อง”

“ข้าวหอม” มันทำเสียงแข็งใส่ เหนื่อยจะคาดคั้นจริงๆ ข้าวก้องต้องเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า เนี่ยะ ไม่บอก ไม่พูด ไม่อะไรเลยสักอย่าง

จะช่วยได้ยังไงวะ

“มึงนี่มันโคตรดื้อเลยว่ะ”

ผมทำหน้าเหี้ยมใส่มันก่อนจะตีมือเรียวให้อีกทีนึง นี่แน่ะ คอยดูเถอะเดี๋ยวกูจะฟ้องพ่อให้ ดื้อๆ แบบนี้ต้องโดนกำราบ มันน่ะชอบทำให้เป็นห่วงตลอดเลย คิดไปคิดมาพี่แช่มกับข้าวก้องนี่แทบไม่ต่างกัน เก็บปัญหาเอาไว้คนเดียวเงียบๆ มีหลุดออกมาให้สงสัยและแคลงใจเล่น มันน่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ แล้วคนหงุดหงิดก็ทำอะไรมากไม่ได้ด้วย หึ้ยยยย...ย...อยากจับมัดแล้วทุบๆ ๆ ๆ ๆ ให้หัวแบะซะจริง

จิ๊....หัวเสียเฉย

ผมยื่นมือไปบีบแก้มขาวนั่นแรงๆ เพื่อให้เจ้าตัวรู้ว่าผมมันเขี้ยวมัน นานเหมือนกันนะที่ไม่ได้เห็นข้าวก้องแสดงท่าทีกิ๊กก๊อกแบบนี้ บวรก็เก่งอยู่ที่ทำให้น้องผมเป็นแบบนี้ได้ ตอนนี้เรื่องของผมกับพี่แช่มมันชัดเจนมากพอแล้ว เหลือแค่เรื่องของข้าวก้องกับบวรนี่แหละที่ไม่รู้ว่ามันจะจบลงยังไง และก็ไม่รู้ว่าตอนจบมันจะเป็นแบบไหน ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้คนตรงหน้าเลือกทางที่ตัวเองจะมีความสุข

อย่างน้อยมันคือความสบายใจ

“หอม”

“หืม....”

“กูอยากให้ทุกอย่างมันจบว่ะ”

ปากพูดอีกอย่าง....แต่สายตากลับแสดงอีกอย่าง

ดื้อมากจริงๆ นั่นแหละ

“งั้นมึงก็ให้มันจบสิ”

“.....”

“ผลจะออกมาเป็นยังไง....ค่อยว่ากัน”

   

[บันทึกพิเศษ : ข้าวก้อง]

   

อ่อนแอ

ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอถึงขนาดนี้เลย

.....มันไม่เคยเลยจริงๆ

ผมยืนอยู่หน้าห้องของบวร มือจับอยู่ที่กลอนประตูและลังเลอยู่สักพักใหญ่แล้วว่าจะเปิดเข้าไปดีไหม ก่อนหน้านี้ผมไปกินปลาดิบกับข้าวหอมมา ลั่นวาจาไปแล้วว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบ ผมไม่อยากเกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรที่เชื่อมโยงกับบีม ผู้หญิงที่เป็นแฟนเก่าของผม มันเป็นเรื่องที่น่าปวดใจที่สุดเลย บวรเป็นน้องของบีม ถึงจะคนละแม่แต่เขาก็พี่น้องกัน คนที่ผมชอบเป็นน้องของคนที่ผมเกลียด

ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย

ใครจะรับได้หรือทำใจได้ผมไม่สนใจหรอก แต่สำหรับผมแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ได้ยอมรับได้ง่ายๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้ ใช้เวลาหลายปีผมก็ยังไม่ลืม มันไม่มีทางลืมความรู้สึกเลวร้ายนั่นได้ แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนผมก็เพิ่งเจอคนที่เคยทำร้ายใจผม เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด คำพูดของเธอผมยังจำมันได้ดี บีมรับรู้เรื่องของผมกับบวร รู้ว่าเรากำลังมีความรู้สึกดีดีต่อกันแต่เธอกลับ....บอกว่าจะทำลายมัน

ผมเคยหลงรักผู้หญิงคนนี้ไปได้ยังไง

เรื่องของผมกับบวรมันน่าตลกตรงที่เราหายจากกันไปหลายปีแต่ก็กลับมาเจอกันแถมยังผูกพันกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ มันคงจะดีนะถ้าวันนี้เราต้องห่างกันแล้วมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีก ไม่ว่าจะอีกสักกี่ปีข้างหน้าก็ตาม ผมอาจจะพร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้ในวันที่โตกว่านี้ก็ได้ อย่างน้อยในวันที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มุมมอง เหตุผลและความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ก็ต้องมีมากขึ้น

มันคงดีกว่าตอนนี้

“เอาน่ะก้อง แบบนี้มันอาจจะดีก็ได้” ผมเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปด้านในแล้วมุ่งไปที่ห้องนอน กลิ่นบุหรี่ที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาในจมูก ผมมองร่างสูงที่ยืนหันหลังให้อยู่ตรงริมระเบียง รอยข่วนบนแผ่นหลังนั่นผมเป็นคนทำเองเมื่อคืน

เยอะขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ผมนึกว่าพี่จะไม่กลับมาที่นี่แล้วซะอีก”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นผม”

“เพราะที่นี่ไม่มีใครเข้ามาได้ไงครับ” บวรหันกลับมามองผม “ช่วยพูดให้ผมดีใจหน่อยสิ ว่าพี่กลับมาเพราะอยากอยู่กับผม”

“ผม....ลืมบุหรี่เอาไว้” ผมบอกปัดก่อนจะเดินไปหยิบบุหรี่ของตัวเอง ถึงข้ออ้างนี้จะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่แต่มันก็นะ

“ก็แค่บุหรี่ ซื้อใหม่ก็ได้มั้งครับ”

“นี่อาร์กติกแบล็กนะคุณ คิดว่าซองละกี่บาท”

“ราคาเท่าเพอเพิลของผม” เจ้าของห้องเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “ผมรู้ว่าบุหรี่ไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่ทำให้พี่อยู่ตรงนี้เพราะงั้นบอกผมเถอะครับ”

“....ผมอยากให้เรื่องของเรามันจบ” สิ้นเสียงผมพูด บวรก็มองผมนิ่งๆ ก่อนจะยกบุหรี่ที่อยู่ในมือขึ้นสูบต่อ

ผมไม่รู้ว่าเขาจะตอบยังไง ถ้าเขาบอกว่าไม่อยากให้เรื่องของเราจบล่ะ ถ้าเขายังเลือกที่จะตามตื๊อผมมันจะเป็นยังไง ใจนึงผมก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นแต่อีกใจผมก็อยากให้มันจบจริงๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกย้อนแย้งนี่เลย หรือผมไม่ควรยอมแพ้ดีวะ นั่นก็แค่บีมเอง เคยหนีมาตลอดแล้วต้องหนีต่อไปอีกเหรอ โว้ยยยยยยยยยยย แม่งเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ยากชิบหายเลย จิ๊....ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ

“พี่....อยากให้เรื่องของเราจบทั้งๆ ที่เมื่อคืนเรานอนกอดกันอยู่ตรงนั้นน่ะนะ” นิ้วเรียวชี้ไปทางเตียงที่ยังมีรอยยับอยู่ “เมื่อคืนผมมีความสุขเหมือนฝันเลย”

ผมก็เหมือนกัน

“คุณไม่เข้าใจผมหรอก”

“ไม่มีใครเข้าใจพี่ทั้งนั้นแหละ ผมรักพี่แค่ไหน ตัวพี่ต้องรู้ดีอยู่แล้ว ทำไมอะพี่ก้อง แค่ผมเป็นน้องของบีมเหรอ” ร่างสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “ผมไม่เคยคิดว่าบีมเป็นพี่สาวผมเลยสักครั้งแต่พี่กลับใช้เหตุผลนั้นเพื่อจะเดินหนีผมไปเนี่ยนะ”

“....บวร”

“ถ้าพี่จะไป....พี่ก็ไปเลยครับ ผมเคารพในการตัดสินใจของพี่เสมอ ความจริง....ตัวพี่เองก็คงไม่ได้อยากมีผมอยู่ในชีวิตตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะไม่งั้นพี่จะทำเป็นเหมือนไม่รู้จักผมทำไมจริงไหม”

“.....”

“ทุกอย่างที่มันมาจนถึงตอนนี้ได้ก็เพราะผมเมาแล้วไปทำพี่แบบนั้นนั่นแหละ ผมขอโทษที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้” บวรยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมแก้มผม “.....ผมเสียใจที่พี่อยู่ตรงหน้าแต่ผม....ฮึก....ต้องยอมปล่อยเพียงเพราะพี่จะไป”

“.....”

“ขอกอดได้ไหมครับ....ฮึกก.ก.....แค่ครั้งสุดท้ายก็ได้”

ไม่เคยคิดว่าการได้เห็นน้ำตาของใครจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้มากถึงขนาดนี้

ผมมันใจร้ายจริงๆ

“อืม....”

   

[จบบันทึกพิเศษ : ข้าวก้อง]

   

“อะแล้วไงต่อ”

(ก็ไม่แล้วไง)

“มึงโอเคไหม”

(ไม่)

“ทีนี้ก็รู้แล้วนะว่าการตัดสินใจเลือกทางนั้นมันส่งผลแบบไหน”

(....กูนอนละ)

“เดี๋ยวข้าวก้อง” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแล้ว “จิ๊ ไอ้น้องเวรนี่”

ข้าวก้องโทรมาบอกผมว่าตัดความสัมพันธ์กับบวรไปแล้ว สภาพน่าจะย่ำแย่พอสมควร ผมคิดไว้แล้วแหละว่ามันต้องเป็นแบบนี้ อยากด่ามันอยู่หรอกแต่ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจอะนะ ในเมื่อเลือกไปแล้ว ตัวข้าวก้องเองน่าจะคิดหาทางรับมือกับมันไว้แล้วแหละ ไม่รู้ว่าฝั่งบวรจะเป็นยังไงแต่คงสาหัสไม่ต่างกัน รักเขามาตั้งหลายปี โอกาสมีอยู่ตรงหน้าแต่ก็ต้องเสียไปเพราะความกลัวความรักของอีกฝ่าย

โคตรเจ็บปวดเลยว่ะ

ผมเหลือบมองนาฬิกาก็เห็นกว่ามันเกือบตี 2 แล้ว พี่แช่มตื่นแล้วล่ะครับ ตอนนี้เขานั่งทาแป้งซะหน้าขาวผ่องอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า คือเพิ่งอาบน้ำเสร็จไงก็คงอยากเป็นแช่มชุบแป้งทอดอะผมคิดว่า แล้วเนี่ยะ พ่อคุณเขาตื่นตี 2 แล้วเป็นเวลาที่ผมควรนอน ทำไมไม่มีโมเม้นท์ที่คนขี้เมานอนยาวไปยันเช้าบ้างวะ เวลาตื่นจะได้ตื่นพร้อมกัน เฮ้อ....คงต้องรอไปอีกสักระยะเลยมั้ง

“น้องหอม”

“หืม....”

“ทำไมทำหน้าบู้บี้”

“หอมไม่ได้ทำหน้าบู้บี้สักหน่อย”

“ก็พี่เห็นอยู่กับตา ไม่งั้นพี่จะพูดได้ไง” ร่างสูงเดินมานั่งลงข้างๆ

“เออพี่ ข้าวก้องมันเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับไอ้เบย์อะ”

“ทำไมล่ะ”

“ตอนแรกข้าวก้องมันเป็นคนไม่เชื่อในความรักเพราะว่ามันเคยรักผู้หญิงคนนึง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็นอกใจมันไปมีคนอื่น มันก็เปลี่ยนไป แล้วมันมาเจอไอ้เบย์ใช่ไหม มันก็หวั่นไหวนั่นแหละแต่สุดท้ายมันก็เลือกที่จะจบทุกอย่างเพราะว่าไอ้เบย์เป็นน้องชายของผู้หญิงที่ทิ้งมันไป”

“ถ้าพี่เป็นไอ้เบย์ พี่คงเสียใจมากเลยล่ะ”

“หอมก็คิดแบบนั้นแหละ แล้วพี่คิดดูนะ ตัวข้าวก้องที่เป็นคนเลือกยุติความสัมพันธ์ก็เสียใจมากเหมือนกันแต่ก็เลือกที่จะทำแบบนั้น”

“แต่พี่ว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันจะดีขึ้นนะ คนรักกัน มันจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดกันอยู่ มันผูกพัน ตัดกันไม่ขาดอยู่แล้ว”

“หอมขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ” ผมถอดสร้อยที่คล้องเกียร์ของตัวเองออกมาก่อนจะยื่นให้พี่แช่ม “มันเป็นของพี่แล้ว”

“เกียร์ของน้องหอม”

“อื้ม ให้ไปแล้วก็ต้องเก็บไว้อย่างดีนะ พี่เป็นคนบอกหอมเองว่าเกียร์ที่เป็นตัวแทนของหัวใจ เราต้องเลือกให้คนที่จะอยู่กับเราตลอดไป”

“พี่จะอยู่กับน้องหอม” มือเรียวรั้งผมเข้าไปกอดไว้แน่น “น้องหอมก็ต้องอยู่กับพี่นะ”

“หอมจะไปไหนได้ล่ะจริงไหม....” ผมซบหน้าลงกับไหล่หนาอยู่อย่างนั้น อุ่นจัง อุ่นจนไม่อยากปล่อยเลย

แลกเกียร์กันแล้วก็ต้องดูแลกันไปเรื่อยๆ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องปรับเข้าหากัน กลับมาจากค่ายผมหวังว่าอาการของพี่แช่มจะดีขึ้นมากกว่านี้ อย่างน้อยตอนนั้นเขาก็ควรพูดชื่อน้องสาวเขาได้แล้ว ผมเชื่อว่าเจ้าตัวจะอดทนสู้กับมันได้ มันจะต้องไม่ใช่เรื่องน่ากลัวและทำให้เขาเจ็บปวดอีกต่อไป พี่แช่มควรจะยิ้มได้เมื่อนึกถึงความทรงจำดีดีเกี่ยวกับชะเอม ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

ขอให้เป็นแบบที่คิดเถอะ

   

   

Kh. @KhH22_luc

อะไรก็ตามที่ทำให้คุณมีความสุข....ผมจะทำ

   

#CloverBad












   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้วน้า หายไปนานเลย สอบไฟนอลเสร็จแล้วค่ะและกำลังจะขึ้นปี 4 แล้วววว

   ก็ช่วงนี้หยุดยาวนะคะ แต่เดี๋ยวต้องปิดต้นฉบับหินแรร์ ก็อาจจะยุ่งๆ หน่อย สำหรับนิยายตอนนี้ก็เศร้าเนอะพาร์ทเบย์ก้อง จะเป็นยังไงต่อรอติดตาม

   ติดต่อข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สู้ ๆ เด้อน้องข้าวก้อง  :กอด1:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 14 ความทรงจำ



Charit @Charitpedd

ความรู้สึกเวลาคิดถึงคุณมากๆ มันเป็นแบบนี้เอง


   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้

   

   

ทำไมชอบทวิตอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าอยากหนีค่ายวะ

ชริตเป็ดบ้า

ผมนั่งทำหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์หลังจากเห็นข้อความของใครบางคนที่ป่านนี้น่าจะนอนเป็นซากอยู่ที่ห้องกับคุณเฉลิม พี่แช่มทวิตข้อความนี้ไว้เมื่อบ่ายครับ ตอนนี้ประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว นี่เป็นวันที่ 8 สำหรับการมาค่ายอบรมของสาขาโยธา ขอบอกเลยว่าคิดถึงแฟนมาก มากถึงมากที่สุด ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะเป็นยังไง เราสองคนวิดิโอคอลหากันทุกคืนเลยนะแต่มันก็ยังคิดถึงอยู่ดีอะ

ในจอโทรศัพท์ไม่มีทางสู้ตัวจริงได้อยู่แล้ว

ตลอดเวลาในการอยู่ค่ายนี้มีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมดเลยครับ ช่วง 6 วันแรกที่เป็นการอบรมกับการดูงานมันก็เปื่อยๆ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ซึ่งมันก็เหมือนกับทุกปี เมื่อวานมีกิจกรรมแรกที่ทำร่วมกันนั่นก็คือการแสดงละครเวทีที่สมปองเคยเสนอไว้ตั้งแต่เมื่อปีก่อน มันสร้างสรรค์อยู่แล้วไงก็เลยไม่ต้องเปลี่ยนอะไร ส่วนกิจกรรมของวันนี้ก็จะเป็นการผูกสัมพันธ์ของพี่น้อง

ไม่รู้จะผูกอะไรกันนักหนา

แน่นแฟ้นกันจะตายห่าอยู่แล้ว

กิจกรรมวันสุดท้ายจะเป็นการปลูกป่าชายเลนครับ ผมว่ามันน่าจะสนุกพอสมควรเลย ผมอยากปลูกป่ามานานละ ยิ่งได้รับรู้ถึงประโยชน์ของมันก็รู้สึกได้เลยว่าเราสมควรที่จะทำจริงๆ ป่าชายเลนนับว่าสำคัญต่อระบบนิเวศน์ชายฝั่ง ช่วยเรื่องป้องกันแนวชายฝั่ง ไหนจะเป็นที่อยู่ของสัตว์อีกหลายชนิดอีก ผมเคยคิดตั้งแต่ช่วงมัธยมฯ แล้วว่าอยากมาเที่ยวเชิงนิเวศน์และก็ปลูกป่าแบบนี้

ความคิดของบวรนี่ดีจริงๆ

ไหนๆ ก็พูดถึงบวรแล้วก็ต้องพูดถึงไอ้น้องเวรของผมด้วย ตั้งแต่วันที่ข้าวก้องบอกตัดความสัมพันธ์กับบวรไป มันดูไม่เป็นผู้เป็นคนยังไงก็ไม่รู้ เมาเกือบทุกวัน บางครั้งต้องไปลากมันกลับมาจากร้านเหล้า คือสภาพแย่มาก ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะพูด อาการหนักไม่ต่างจากตอนที่เลิกกับบีมเลยสักนิด ผมสงสารมันนะ ไม่อยากให้จมอยู่กับสภาพนั้น เอาจริงๆ ฝั่งบวรเองก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่

แววตาแสดงความเศร้าออกมาตลอดเวลา

ถ้ารักกันขนาดนั้น....ทำไมไม่คุยกันวะ

“ขอนั่งด้วยนะครับ” เสียงเรียบเอ่ยบอกก่อนจะนั่งลงข้างผม ตายยากโคตรๆ เลย เพิ่งนึกถึงก็โผล่มา

“สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะคุณ”

“เหมือนมันจะไม่ดีทุกวันเลยครับ” เจ้าตัวยิ้มให้ผมบางๆ “ผมมีอะไรอยากถามพี่หอม”

“ว่ามา”

“พี่ก้องเป็นยังไงบ้างครับ”

“เป็นซากอะไรสักอย่าง คุณก็น่าจะเห็นนะ เอาจริงๆ การมาค่ายนี่ก็ดีตรงที่ไม่มีเหล้าให้มันกินนี่แหละ”

“แต่ถ้ากลับไป เขาก็คงจะเหมือนเดิม”

“อืม” ผมเหลือบมองคนข้างๆ “ผมถามจริงๆ นะ คุณอยากให้เรื่องมันจบงั้นเหรอ”

บวรส่ายหน้าเบาๆ “ผมรักพี่ก้องมากเลยนะครับ รักมาตั้งหลายปี”

“แล้วคุณจะยอมแพ้เหรอ”

“ไม่ได้อยากยอมหรอกครับแต่ผมจะทำยังไงได้ในเมื่อพี่ก้องไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตเขาแล้ว ต่อให้ดันทุรังยังไงมันก็ไม่เป็นประโยชน์ ดีไม่ดี เขาจะเกลียดผมเปล่าๆ ”

อา....ไม่รู้จะปลอบใจยังไงเลยว่ะ

ผมยกมือแตะไหล่คนด้านข้างเบาๆ สิ่งที่บวรรู้สึกผมรับรู้ได้จากน้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมาเลย สัมผัสได้จริงๆ ว่าเขารักข้าวก้องมากแค่ไหน เจ็บปวดเนอะ ทั้งๆ ที่รักมากขนาดนั้นแต่ต้องยอมละจากมันเพียงเพราะเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเอามายึดติดด้วยซ้ำ ปัญหาของเรื่องนี้ควรจัดการยังไงวะ กระทืบข้าวหอมสักทีให้กลับมามีสติดีไหมวะ หรือจับมามัดกับเก้าอี้แล้วปรับทัศนคติก็ได้

คือมันต้องมีสักทางไหมอะ

มันต้องสักทางที่จะไม่ทำให้สองคนนี้เจ็บปวด ผมไม่อยากให้ข้าวหอมเสียใจเพราะความกลัวของตัวเอง ไม่อยากให้บวรเจ็บช้ำที่น้องผมเลือกแบบนี้ด้วย เอาจริงๆ มองเห็นแค่ทางเดียวที่ดูเวิร์คที่สุดก็คือจับทั้งสองคนมานั่งคุยกัน มันต้องหาปัญหาก่อนว่าทำไมความสัมพันธ์ถึงไปต่อไม่ได้ พอเราหาปัญหาเจอ วิธีแก้ไขมันจะตามมาเอง ตอนนี้ผมมีบวรที่นั่งอยู่ข้างๆ เหลือแต่ข้าวก้องสินะ

“บวร....ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คุณก็อย่าลุกไปไหนนะ”

“ทำไมล่ะครับ”

“เออน่ะ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรไปหาข้าวก้อง “.....เห้ยมึง กูเจอไอ้เบย์นอนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้อะ เออสิวะ หัวแตกด้วยเนี่ยะไม่รู้ว่าเป็นอะไร”

“พี่อื้อออ....อ.....” ผมเอามือปิดปากเจ้าตัวเอาไว้

“เออกูแบกไม่ไหวเนี่ยะ เออมึงรีบมานะ ตรงโซนต้นสะพานน้ำอะ เออๆ แค่นี้แหละ” ผมกดวางสาย “คุณนับถอยหลังได้เลยเพราะเดี๋ยวมันก็มา”

“พี่ทำแบบนี้ทำไมครับพี่หอม”

“ผมไม่อยากให้คุณและข้าวก้องจบแบบนี้จริงๆ ถ้าคุณรักมัน คุณก็ตามน้ำผมละกัน”

“ไอ้หอม!!!!” เสียงคุ้นหูแว่วเข้ามา ผมหันไปมองก็พบร่างโปร่งที่หน้าตาตื่นสุดชีวิต เป็นห่วงบวรจนจะขาดใจแล้วมั้งน่ะ

“มึงมาไว้มากเลยนะ ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ”

“แฮ่ก....นี่มันอะไรกันวะ”

ผมลุกไปลากมันมานั่งข้างกัน “อย่าดิ้น อยู่นิ่งๆ ซิ”

“มึงโกหกกูหนิ ไอ้เบย์ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ข้าวก้องเอ่ยพลางมองคนที่นั่งอยู่อีกด้าน

“ถ้ากูไม่บอกมึงแบบนั้น มึงจะมาไหมล่ะ”

“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กูจะไปแล้ว” คนดื้อพยายามแกะมือผมที่จับแขนมันออก “ปล่อยสิวะ มึงแรงเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ถ้ามึงหนีอีก ความรักก็จะหนีมึงเหมือนกันนะ” ทันทีที่ผมพูดแบบนั้นร่างโปร่งก็ชะงักไปทันที ขนาดนี้มันต้องไปสะกิดใจอะไรบ้างแหละว่ะ

ข้าวก้องยืนนิ่งอยู่แป๊บนึงก่อนจะนั่งลงข้างผม เอาล่ะ นี่แหละคือการเป็นคนกลางที่แท้ทรู เริ่มยังไงดีวะ ตอนที่คิดจะทำก็ไม่ได้เตรียมคำพูดไว้ด้วย ปล่อยเดดแอร์ไปก่อนละกัน ผมเหลือบมองทั้งสองคนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา บรรยากาศค่อนข้างกดดันพอสมควรแต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ถ้ายังรักกันมันก็จะต้องไม่จบแบบนี้ รักกันจริงๆ ก็ต้องพร้อมที่จะสู้กับอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นไปด้วยกันสิวะ

จะยอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง

“บวร”

“....ครับ”

“คุณจำสิ่งที่บอกกับผมก่อนหน้านี้ได้ไหม”

“จำได้ครับ”

“พูดอีกครั้งหน่อยสิ” ผมหันไปมองข้าวก้อง “มึงฟังนะ”

“ผมต้องพูดจริงเหรอครับ” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อน ผมก็พยักหน้ารับ “แต่คำพูดของผมมันจะไม่มีค่าเลยนะถ้ามีอีกคนไม่อยากฟัง”

“พูดมาสิ ผมจะฟัง” ข้าวก้องบอกพลางมองป่าชายเลนเบื้องหน้า

“ผม....ถามพี่หอมว่าพี่ก้องเป็นยังไงบ้าง”

“กูก็เลยบอกไปว่ามึงเป็นซากน่ะ”

“มึงนี่” มือเรียวหยิกขาผมทันที อื้อออ....เจ็บนะ กล้าดีที่สุด เรื่องนี้ถึงหูพ่อแน่ฝากไว้ก่อนเถอะ

“แล้วพี่หอมก็ถามว่าผมอยากให้เรื่องของเราจบเหรอ” บวรผ่อนลมหายใจออกมา “แน่นอนว่าผมไม่อยากให้มันจบเพราะผมรักพี่ก้องมานานแล้ว”

“.....อืม”

“พี่หอมถามอีกว่า ผมจะยอมแพ้เหรอ” เจ้าตัวหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างผม “ผมบอกว่าไม่ได้อยากยอมแต่ผมทำอะไรไม่ได้เพราะพี่ก้องไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตอีกแล้ว ต่อให้ดันทุรังมันก็ไม่มีประโยชน์”

ผมมองทั้งสองคนสลับกัน ข้าวก้องยังคงมองที่ป่าชายเลนเบื้องหน้า น้ำใสๆ เอ่ออยู่ที่ขอบตา ผมพอรู้ได้ว่ามันกำลังรู้สึกแบบไหน ใจนึงก็รัก อีกใจก็ลืมความเจ็บปวดที่เคยเจอไม่ได้ ตัวบวรเองก็ไม่ได้ต่างกันเลย ผมยกมือขึ้นแตะไหล่ทั้งสองคนเบาๆ ไม่เป็นไรนะใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวข้าวหอมคนนี้จะเป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นให้ ฝั่งบวรน่ะไม่ยากหรอกแต่ฝั่งข้าวก้องนี่สิ

คิดแล้วมันน่าทุบจริงๆ

“คุณ....ไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหน” ร่างโปร่งยกมือขึ้นปาดน้ำตา “ต่อให้ตัดสินใจยังไง สุดท้ายแล้วผมก็จะเสียคุณไปอยู่ดี”

“มึงรู้ได้ไงว่ามึงจะเสียไอ้เบย์ไป” ผมเอ่ยถามพลางจ้องมัน “เพราะสิ่งที่บีมพูดเหรอ”

“บีมพูดอะไรกับพี่ก้อง” บวรถามเสียงแข็ง

ผมค่อยๆ ถอยหลังออกมา “มึงบอกไปสิก้องว่าบีมพูดอะไรกับมึง อะไรที่ทำให้มึงเลือกที่จะจบความสัมพันธ์”

“บอกผมสิพี่ก้องว่าบีมพูดอะไรกับพี่” มือเรียวคว้าที่แขนน้องผม “ที่พี่อยากให้มันจบมันไม่ใช่แค่เพราะผมเป็นน้องของบีมอย่างเดียวสินะ”

“ฮึกกกก....บีมบอกจะทำลายความรักของเรา ฮึก....เขาจะทำทุกอย่างให้เราไม่มีความสุข ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย”

“พี่ก้อง” บวรดึงข้าวก้องเข้าไปกอดพลางลูบหัวเบาๆ “จะไม่มีใครทำอะไรเราได้นะครับ ผมจะไม่ยอมให้บีมทำอะไรเราได้”

“ฮืออออ....ตอนนั้นผมก็เสียใจเพราะเขามาก เรื่องมันผ่านไปหลายปีแต่ผมลืมสิ่งที่เขาทำเอาไว้ไม่ได้เลย ฮึกกก....ผมไปทำอะไรให้เขาเหรอ ทำไมถึงต้องแค้นกันขนาดนั้น ฮึกกกก....ผมผิดอะไรอะ”

“พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้นเพราะงั้นไม่ต้องร้องไห้นะครับ”

“ฮึกกก...ก....คุณรู้ไหมบวร ตอนที่บีมบอกกับผมแบบนั้น ผมรู้สึกแย่มาก ผมคิดไม่ออกเลยว่าควรจะทำยังไงต่อ ฮืออออ....แล้วทางที่ผมเลือกมันก็ทำให้เราเสียใจ ตอนแรกผมนึกว่ามันจะดีแล้วสำหรับเรื่องของเราแต่ความจริงมันไม่ใช่เลย” ข้าวก้องกอดบวรแน่น “ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงคุณเลย....ไม่มีเลยจริงๆ ”

“พี่ก้อง....”

ครั้งสุดท้ายที่ผมเคยเห็นข้าวก้องร้องไห้หนักขนาดนี้มันก็ตอนที่เจ้าตัวอกหักจากบีมนั่นแหละ ฟูมฟายแล้วก็ถามซ้ำๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงได้โดนคนรักทำแบบนั้น มันเสียใจมากจนไม่เป็นอันทำอะไรจริงๆ อะ ข้าวปลาก็ไม่กิน ชีวิตคือเศร้าถึงขีดสุดแล้ว พ่อกับแม่ก็เป็นห่วงมากเลยล่ะกลัวข้าวก้องจะคิดสั้น บีมน่ะเป็นความรักครั้งแรกที่ข้าวก้องมี ทุ่มเทให้ทุกอย่างแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือการทรยศ

มันเลวร้ายมากจริงๆ

การที่ได้เห็นทั้งสองคนกอดกันแบบนี้มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของพี่แช่มเลย เขาบอกไว้ว่าคนรักกัน มันจะมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดกัน ผูกพันแล้วก็ตัดกันไม่ขาด ผมว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เลือกยุติความสัมพันธ์กันมันก็คงชัดเจนแล้วล่ะว่าต่างฝ่ายต่างโหยหากันมากแค่ไหน แยกกันไปหรือจะอยู่ด้วยกันแล้วสู้กับอุปสรรคที่จะตามมา ตอนนี้ทั้งคู่คงได้คำตอบที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขแล้วล่ะ

ดีแล้วที่เข้าใจกัน

“ทีนี้มึงก็รู้แล้วนะไอ้น้องเวรว่าควรทำยังไงต่อ” ผมขยี้หัวคนขี้แย “หน้าตาดูไม่ได้เลย”

“เพราะมึงนั่นแหละ” ข้าวก้องผละออกมาจากบวรก่อนจะเช็ดน้ำตาลวกๆ นี่ถ้าผมร้องไห้ สภาพหน้าก็จะเป็นแบบนี้สินะ

“กูทำไมหืม....”

“....ขอบใจ ถ้ามึงไม่ทำแบบนี้กูคงแย่มากๆ ”

“เวลามึงแย่กูก็รู้สึกแย่ไปด้วย” ผมยกมือแตะไหล่มัน “กูเลยอยากให้มึงมีความสุขมากกว่าเพราะถ้ามึงมีความสุข กูก็มีความสุขเหมือนกัน”

“ขอบคุณนะครับพี่หอมที่ช่วยผมเรื่องนี้”

“ถ้าอยากขอบคุณผมจริงๆ ก็ช่วยดูแลน้องชายผมให้ดีด้วยนะ ฝากมันด้วย”

“กูต่างหากที่เป็นพี่” ร่างโปร่งทำหน้ามุ่ยใส่ผม “มึงอะเป็นน้อง”

“หนิ เดี๋ยวตบให้หน้าคว่ำคาสะพานหรอก” ใจคอคือจะเถียงกันจนวันตายเลยใช่ไหมเรื่องใครเป็นพี่ใครเป็นน้องเนี่ยะ

“ใจเย็นๆ กันก่อนนะครับ” บวรปรามพวกเราก่อนจะมองข้าวก้อง “เรา....เริ่มกันใหม่นะครับพี่ก้อง ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ผมอยากให้เราผ่านมันไปด้วยกัน พี่อย่าให้ผมไปไหนอีกนะครับ”

“อื้ม....ผมจะไม่ให้คุณไปไหนอีกแล้ว” รอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าของคนพูด ตอนนี้ก็ยังยิ้มได้นั่นแหละแต่เชื่อเถอะว่าคนดื้อแบบมันจะต้องมีเรื่องเก็บไปคิดเล็กคิดน้อยแล้วก็มางอแงกับผมโดยไม่ให้บวรรู้

“พอๆ หวานกันเกินไปแล่ว” ผมเดินมานั่งลงข้างไอ้น้องเวรก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมา “สักมวนมา กูจะเลิกบุหรี่ละ”

“เลิกจริงใช่ไหมรอบนี้”

“เออ เลิกจริงแหละ” ผมหยิบบุหรี่มวนสุดท้ายของซองมาจุดก่อนจะสูบมันช้าๆ ขอลาวงการแล้วนะครับคุณดิบซี ลาจริงจังเพราะแฟนผมบ่นว่าไม่ค่อยชอบเลยเวลามีกลิ่นติดปาก

จูบแล้วรู้สึกแปลกๆ

ผมพ่นควันบุหรี่พลางมองวิวด้านหน้า สงบใจดีเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าระยะเวลาที่ห่างจากพี่แช่มมาเขาจะเป็นยังไงบ้าง ผมได้แต่หวังให้อาการเขาดีขึ้น อยากให้เขาดูรูปน้องสาวเขาได้สักที อยากเห็นเหมือนกันนะภาพนั้นน่ะ วันมะรืนผมก็จะได้กลับไปหาเขาแล้ว เจอกันเมื่อไหร่จะกอดแน่นๆ ให้สมกับความคิดถึงที่มีเลย

ผมนี่....รักพี่แช่มมากจริงๆ เลยว่ะ

   

---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- อ่านต่อจากบท 14 ----------



[บันทึกพิเศษ : แช่ม]

   

“อารมณ์ไหน”

“นั่นสิ อารมณ์ไหน”

“เออ กูก็สงสัย”

“ว่าไง”

“มึงจะถามอะไรกันเยอะแยะวะ แบกตามมาก็พอ” ผมบ่นเหล่าสหายก่อนจะเดินนำขึ้นหอ เชื่อไหมว่าหลายชั่วโมงกับการไปซื้อของด้วยกันคือวายป่วงมาก

รู้งี้ไปคนก็ดีอะ

ผมกับเพื่อนๆ ออกไปซื้อของมาครับ ผมอยากจะจัดมุมพิเศษมุมนึงไว้ในห้องก็เลยไปซื้อโต๊ะมาใหม่แล้วก็พวกของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ใครบางคนชอบมันมากเหลือเกิน ตอนนี้น้องหอมไปค่ายอบรมของสาขา กว่าจะกลับก็วันมะรืน หลายวันที่ผ่านมาการไม่มีเขาอยู่ด้วยมันทำให้ผมรู้สึกเหงามากจริงๆ ยังดีว่าได้วิดิโอคอลหากันทุกวัน ไม่งั้นผมต้องเฉาตายแน่ๆ

เฉาตายไปกับคุณเฉลิมนั่นแหละ

ผมรู้สึกได้ว่าช่วงที่ผ่านมาอาการต่างๆ ดีขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยก็นอนหลับได้เหมือนคนปกติแล้วนะครับ ไม่มีฝันร้าย ภาพความทรงจำที่อยู่ในหัวมันไม่ได้จางหายไปแต่ผมไม่ได้รู้สึกแย่กับมันมากขนาดนั้น คงเป็นเพราะวันที่ผมคิดสั้น ช่วงที่หลับไปผมได้เจอเธอ เธอคนที่รอผมมาตลอด ผมจำคำพูดทั้งหมดนั้นได้ดี มันไม่ใช่ความผิดผม เธออยากให้ผมมีความสุขเพื่อใครอีกคนที่อยู่ในจุดเดียวกันกับเธอ

เธอคนนั้น....น้องสาวของผม

ชะเอม

“มือมึงสั่น” เฌอคว้ามือผมไปจับ “หน้าซีดด้วย”

“คิดอะไรนิดหน่อยว่ะ” ผมเปิดประตูห้องตัวเองก่อนจะเดินนำเพื่อนๆ เข้าไป ผมเก็บห้องให้เป็นระเบียบมากกว่าเดิมเยอะเลย ถ้าน้องหอมเห็นเขาต้องตกใจแน่ๆ

“แปลกใจเหมือนกันนะที่อยู่ๆ มึงก็ไลน์มาชวนพวกกูไปซื้อของเนี่ยะ” เพื่อนขันเอ่ยก่อนจะวางของทั้งหมด

“ไม่เห็นแปลกป้ะวะ เมื่อก่อนกูก็ไลน์ชวนพวกมึงไปกินเหล้าบ่อยๆ ”

จันทร์ฉายหยิบกรอบรูปออกมาจากกล่อง “มันไม่เหมือนกันป้ะวะ”

“ว่าแต่มึงจะบอกรึยังว่ามึงซื้อของพวกนี้มาทำไม” สิ้นเสียงทะเลถามผมก็เดินไปหยิบกล่องสีดำที่อยู่ในตู้เสื้อผ้ามา จากวันที่ทะเลาะกับน้องหอท ผมไม่ได้เปิดมันอีกเลย

ความกล้ายังมีไม่มากพอล่ะนะ

“กูอยากจะมีโซนที่เป็นความทรงจำของ....” ผมผ่อนลมหายใจพลางคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายเลยนะ

แค่เอ่ยชื่อออกมาเองแช่ม

“ใจเย็นๆ นะ ไม่เป็นไร” ขันบอกก่อนลูบไหล่ผมเบาๆ “ค่อยๆ หายใจ”

ผมนั่งลงกับพื้นก่อนที่เพื่อนๆ จะนั่งลงข้างๆ รู้สึกตัวเย็นยังไงไม่รู้ มันยากจริงๆ นั่นแหละแต่มันต้องไม่ยากที่ผมจะสู้กับมันได้ป้ะวะ ถ้ากับแค่เรื่องพูดชื่อน้องผมยังทำไม่ได้ ผมจะกลับไปบ้านได้ยังไง นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ไปไหว้อัฐิของพ่อกับแม่ ตอน....ตอนงานศพของน้องผมก็ไม่รับรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยได้ถามน้าเชตด้วยว่าเขาจัดการเอาไว้ยังไง ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปตั้งหลายปี

ผมไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว

“พวกมึงคงรู้แล้วว่ากูมีน้องสาว” ผมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดฝากล่องออก “ถ้าเธอยังอยู่ก็คงจะเพิ่งเข้ามหา’ลัยนั่นแหละ แล้วกูก็คงหวงเธอมาก”

“....อื้ม”

ผมหยิบอัลบั้มรูปออกมาก่อนจะเปิดมันช้าๆ พลางมองรอยยิ้มของคนที่ปรากฏบนนั้น “น้องสาวกูเขา....อยากเป็นพยาบาลมากเลย เพราะเราเสียพ่อแม่กันไปตั้งแต่เด็ก เธอก็เลยบอกกูว่า....ถ้ากูไม่สบาย เธอจะเป็นคนดูแลเอง”

“สวยนะ น้องสาวมึงน่ะ” มือเรียวของเฌอหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาดู “รอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์มากจริงๆ ”

“ใช่” ผมยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะดูคนในรูป “น้องยังควรได้อยู่กับกูแต่ว่า....มัน”

“ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอกนะ”

“ใช่ มันไม่ใช่ความผิดของมึง ไม่มีใครอยากให้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก”

“นั่นสินะ ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่แล้ว” ผมหยิบรูปที่ถ่ายคู่กับเธอออกมาก่อนจะเอาใส่กรอบรูป “กูเสียใจจริงๆ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนั้น กูเสียใจที่กูเป็นแบบนี้ด้วย กูไม่อยากให้ฝันร้ายทำอะไรกูได้อีกแล้ว กูไม่อยากทำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงหรือลำบากเพราะกูอีก”

“.....แช่ม”

“น้องกู.....ฮึกกก....” ผมยิ้มทั้งน้ำตาให้เพื่อนๆ “....ชะเอม....ก็คงอยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

“มึงพูดชื่อเธอออกมาได้แล้วนะ” สิ้นเสียงทะเล เหล่าเพื่อนๆ ก็กรูเข้ามากอดผม ฮึกกก....เห็นกูอ่อนแอรึไงไอ้พวกบ้า ไม่เห็นต้องเข้ามากอดเลยป้ะวะ

“ฮืออออ.....มึงจะร้องทำไมวะไอ้เวรแช่ม กูร้องตามแล้วแม่ง....ฮึก....”

“ฮึกกก....มึงมันกระจอกไงไอ้เฌอ”

“ฮืออ...อ....มึงก็ด้วยเถอะไอ้ขัน”

พวกมึงนี่มันจริงๆ เลยนะ

ผมมองรูปของเราสองคนที่อยู่ในกรอบ พี่ทำได้แล้วนะคะชะเอม....พี่พูดชื่อหนูออกไปได้แล้วนะ ถ้าหนูเห็นพี่ในตอนนี้ หนูคงยิ้มกว้างมากๆ แน่ ขอบคุณจริงๆ ที่มาหาพี่วันนั้น การสู้กับปีศาจในหัวมันไม่ง่ายเลย แต่เพราะคำพูดของหนู เพราะหนูบอกว่าพี่ยังมีคนที่ต้องคอยปกป้องและทำให้เขามีความสุข พี่ถึงได้ฮึดที่จะสู้กับมันอีกครั้ง พี่จะไม่ยอมให้ความทรงจำเลวร้ายนั่นทำอะไรพี่ได้อีก

พี่จะนึกถึงแต่ความทรงจำดีดีที่เราเคยมีด้วยกัน

พี่จะมีแต่ความสุข....ตามแบบที่หนูต้องการ

“กู....ขอบใจพวกมึงนะสำหรับวันนี้น่ะ”

“ฮือออ.อ....ไม่เป็นไรนะชริตเป็ด กูเพื่อนมึงไง กูเฌอไง....ฮือออ..อ....หยุดร้องไห้ไม่ได้ ช่วยด้วย”

“มึงนี่มันงอแงเก่งจริงๆ เลยเฌอ”

“ฮืออออ....”

   

***

   

“สวยดีเนอะ”

“อืม....ชะเอมชอบอะไรแบบนี้น่ะ”

“คุณเฉลิมก็น่าจะชอบเหมือนกัน”

“นั่นสิ”

น่าจะชอบมากด้วย

ผมมองคุณเฉลิมที่ยืนเกาะอยู่บนโต๊ะที่มีกรอบรูปและของอื่นๆ วางอยู่ เจ้าอ้วนมองรูปเหล่านั้นไม่หยุด คงคิดถึงเจ้าของตัวเองมากน่าดู โซนความทรงจำของผมกับน้องเสร็จเมื่อตอนเกือบ 3 ทุ่ม เพื่อนๆ ทยอยกลับไปแล้วจนเหลือแค่เฌอคนเดียว สภาพหน้าก็ดูไม่ได้เลย เอาจริงๆ ก็ดูไม่ได้แทบทุกคนอะ อยู่ดีดีแก๊งค์ปลาทองก็พากันร้องไห้

โคตรดูไม่จืด

เอาน่ะ ไม่มีใครเข้มแข็งได้ตลอดเวลาหรอก ผมดีใจกับตัวเองนะที่ผ่านมาได้ถึงขั้นนี้ เหลือแค่บ้านที่ต้องกลับไป ใจน่าจะสั่นมากเลยล่ะตอนได้เห็นสถานที่นั้น พอคิดออกนะว่าจะเป็นยังไงแต่ผมจะอดทน สัญญากับชะเอมไว้แล้วด้วยว่าจะกลับไป ผมจะชนะปีศาจในหัวได้ก็ต่อเมื่อผมกลับไปที่บ้านแล้วไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทำร้ายตัวเองอีกแล้ว ผมต้องทำได้

ครอบครัวรอผมอยู่ที่นั่น

“เดี๋ยวไปหาข้าวกินกันเถอะว่ะ หิว”

“เออ เอาดิ”

ครื้ดดดด...ดดด

“น้องหอมมึงอะ” เฌอส่งโทรศัพท์มาให้ น้องหอมวิดิโอคอลมาครับ ก่อนออกไปกินข้าวผมขออ้อนแฟนสักหน่อยก็แล้วกัน

“ว่าไงครับแฟนพี่” ผมยิ้มหวานให้คนที่อยู่ในจอ

“แหวะ ทำมาเป็นหวาน”

“มึงนี่มัน....” ผมเดินเลี่ยงเฌอมาที่ริมระเบียง “ยิ้มอะไรหืม....วันนี้เป็นไงบ้าง”

(คิดถึงมากๆ เลย)

“พี่ก็คิดถึงน้องหอมเหมือนกัน กลับมาเมื่อไหร่จะกอดให้จมอกเลย”

(หูยยยย....อยากโดนกอดจังเลย)

“ทำหน้าทะเล้นเดี๋ยวจะโดนนะ” ผมมองเจ้าตัว “วันมะรืนก็เจอกันแล้ว พี่มีอะไรเซอร์ไพรส์น้องหอมด้วย”

(เซอร์ไพรส์อะไรน้า)

“กลับมาเดี๋ยวก็เห็น แล้วนี่กินข้าวรึยัง”

(กินแล้ว พี่แช่มล่ะ)

“เนี่ยะ ว่าจะออกไปหาข้าวกินกับเฌอ”

(งั้นพี่ออกไปกินข้าวเถอะ กลับมาแล้วค่อยคอลหาหอมก็ได้ หอมมีเรื่องอยากเล่าให้พี่ฟังเยอะแยะเลย)

“เอาแบบนั้นก็ได้จ่ะ ถ้าพี่กลับมาแล้วเดี๋ยวคอลหานะ”

(โอเคเลย แค่นี้น้า)

“แค่นี้ครับ” ผมกดวางสายจะมองข้อความในทวิตเตอร์ที่แจ้งเตือนขึ้นมา

ช่วงนี้ผมรู้สึกได้ว่าเจ้าของแอคที่ผมตามอยู่หลายปีกำลังมีความสุข มันก็ดีแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้เขาดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่อยากขอบคุณเขานะ ถ้าไม่มีโควทแปลกๆ ของเขา การถ่ายรูปเอียงๆ ของเขา ชริตเป็ดในตอนอายุ 17 อาจจะนั่งเหม่อมองท้องฟ้าไม่หยุดเลยก็ได้

คิดสภาพแล้วตลกชะมัด

บ้าว่ะแช่ม

   

   

Kh. @KhH22_luc

ถ้าผมมีเวลา....ผมจะใช้มันทั้งหมดกับคุณ

คิดถึงคุณจังเลยครับ

   

#CloverBad









TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมหลังจากที่หายไปนานมาก ขอโทษด้วนะคะ งานที่มอเยอะจริงๆ เพราะงั้นขอให้รอนิยายกันอย่างใจเย็นน้า

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เคลียร์เรื่องชะเอมได้ อีพี่คงจะหายดีในไม่ช้า  o18

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 15 เซอร์ไพรส์ [Nc]




Charit @Charitpedd

เจอหน้าเมื่อไหร่จะกอดคุณให้จมอกเลยครับ

.

#พี่แช่มได้กล่าวไว้


.

.

ทำมาเป็นรักกันหวานชื่น

น่าหมั่นไส้จริงๆ

ผมมองข้อความในทวิตเตอร์ของพี่แช่มที่เวิ่นเว้อถึงแฟนตัวเองตามปกติ มันก็ดีหรอกนะที่เห็นรักกันได้แบบนั้น แต่บางทีมันก็อดมันเขี้ยวอยากจับมาทุบทั้งคู่จริงๆ แต่จะว่าไป คนที่น่าทุบมากกว่าใครก็อาจจะเป็นผมก็ได้ กว่าจะมีสติ ตัดสินใจทุกอย่างก็เกือบสายเกินไปแล้ว ดีหน่อยที่ข้าวหอมเป็นคนดึงผมกลับมาได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าน้องผมไม่ทำแบบนั้น ชีวิตผมหลังจากนี้มันจะเป็นยังไง

ต้องเศร้ามากแน่ๆ เลยว่ะ

ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินตามหลังใครบางคนเข้ามาในห้องที่ผมคุ้นเคย ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้กับการมาที่นี่ หลังจากนี้ผมคงจะเข้ามาบ่อยจนไม่คิดสงสัยว่าเข้ามากี่ครั้งแล้วก็ได้ อีกอย่างคือเจ้าของห้องก็คงไม่บ่นด้วยถ้าผมจะโผล่มาหาเขาบ่อยๆ

คิดว่างั้นนะ

“ทำอะไรของคุณเนี่ยะ” ผมสะดุ้งทันทีที่โดนแขนแกร่งของคนตัวโตกว่ารั้งเข้าไปกอด ตอนนั้นยังตัวแค่ไหล่ผมแท้ๆ ไม่กี่ปีเขาโตได้มากถึงขนาดนี้เลยนะ

“ผมคิดถึงพี่”

“คิดถึงอะไรของคุณ ไปค่ายก็ไปด้วยกัน” ผมบ่นอู้อี้อยู่กับไหล่เขา

ร่างสูงผละออกมามองผม “ช่วงอาทิตย์แรกเหมือนอยู่กันคนละโลกเลยครับ เพิ่งรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกันก็เมื่อวันปลูกป่านั่นแหละ วันสุดท้ายด้วยนะ อยู่กันก็คนละกลุ่ม รถก็กลับคนละคัน พี่จะไม่ทำให้ผมคิดถึงได้ยังไง”

“บ่นเก่งขนาดนี้เลยเหรอ”

“บ่นไม่ได้เหรอครับ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หนิ” เจ้าตัวกอดผมพลางซุกหน้าลงที่ซอกคอ “เพราะงั้น....ขอกอดหน่อยนะครับ”

อ้อนเก่งกว่าใครในโลกเลย

ผมลูบหัวเขาเบาๆ ชอบเวลาที่เขาอ้อนแบบนี้จัง ทั้งน้ำเสียงหรือสายตาที่สื่อออกมามันทำให้ผมใจเต้นแรงยังไงก็ไม่รู้ เด็กคนนี้ร้ายมาก เขารู้ว่าจะทำยังไงให้ผมแพ้ จะอ้อนยังไงผมถึงต้องยอม บวรมักอ่านเกมขาดเสมอ บางทีก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง อาจเพราะไม่ได้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วก็ได้แหละมั้ง หลังจากนี้ผมไม่รู้ว่าบีมจะทำอะไรรึเปล่าแต่ว่า....ผมจะไม่ยอมแล้ว

บีมจะทำร้ายผมได้ครั้งเดียวคอยดูสิ

ถึงปากจะพูดแบบนี้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกันแต่เอาวะ ให้มันเกิดขึ้นก่อนเถอะ ดีไม่ดีถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ มันอาจจะไม่ต้องถึงมือผมด้วยซ้ำ จากคำพูดของข้าวหอมแล้วก็บวรที่บอกว่าถ้ามีปัญหาอะไร ทุกคนจะช่วยกันจัดการเอง มันจะไม่ใช่เรื่องของผมแค่คนเดียวแน่ๆ ผมคิดว่าตัวเองโชคดีจังเลยเนอะที่มีคนคอยซัพพอร์ตขนาดนี้

ทุกอย่างนี่มันดีมากจริงๆ

“เลิกกอดได้แล้วบวร ผมเมื่อย”

เจ้าตัวละออกไปแต่ยังรั้งเอวผมไว้ “เรียกเบย์สิครับ”

“ทำไมต้องอยากให้เรียกเบย์”

“ดูสนิทดี”

“ผมสนิทกับคุณเหรอ”

“ก็สนิทอยู่พอตัวเลยนะครับ” เขายิ้มหวานให้ผมจนตาปิด ดูคำพูดคำจาสิ

“คุณคิดไปเองแล้ว” ผมดันเขาออกก่อนจะหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเดินเข้าไปในห้องนอน เด็กดื้อก็หยิบของตัวเองแล้วเดินตามเข้ามา

“ของเนี่ยะ ถ้าเอาไว้ที่นี่ ผมไม่ให้เอาไปไหนแล้วนะครับ”

“อืม” ผมมองมือเรียวที่เปิดตู้เสื้อผ้าพร้อมกับดันของตัวเองไปฝั่งขวา “คุณก็อย่าเอามันออกไปไหนล่ะ แล้วก็....อย่าให้ใครได้มาแทนที่ผมด้วย”

“ใครจะแทนคนอย่างพี่ได้กัน”

ผมเหลือบมองเขาก่อนจะเอาของใช้ที่มีจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ของพวกนี้มันก็แค่ของใช้ชั่วคราวเท่านั้นแหละ ของหลักๆ ก็ยังอยู่ที่หอ ผมไม่ได้คิดจะย้ายมาอยู่กับบวรหรือว่าอะไรหรอกนะ แต่มีของพวกนี้ติดไว้ที่ห้องเขาก็ดีเหมือนกัน เผื่อฉุกเฉินต้องมาค้าง จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาโน่นนี่นั่นใส่ เสื้อผ้าเขามันตัวใหญ่มากเลย จริงอยู่ว่าความสูงของเราพอๆ กันแต่ขนาดตัวก็ดูต่างอยู่

อยู่ดีดีผมก็รู้สึกตัวเล็กไปเลย

ตั้งแต่วันที่เข้าใจกันมันก็ยังไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยนะครับ เราไม่ได้พูดถึงสถานะความสัมพันธ์ของเรา ยังไม่ได้กำหนดชื่อเรียกหรืออะไรทั้งนั้น ผมควรเป็นคนเริ่มพูดหรือว่ารอให้เขาพูดดีนะ ผมไม่อยากให้มันเหมือนกับที่ข้าวหอมเคยเจอ รู้อยู่แก่ใจดีเลยแหละว่าเขารักแต่มันก็นะ เรื่องบางอย่างมันไม่แน่นอนเอาซะเลย ยิ่งกับความรักมันก็ยิ่งยาก

ปกติข้าวก้องต้องไม่คิดมากขนาดนี้ป้ะวะ

หลังจากเก็บของเสร็จ ผมก็หยิบเจ้าอาร์กติก แบล็กก่อนจะเดินมาที่ระเบียง มือหยิบบุหรี่ออกมาจากซองแล้วจุดสูบทันที แฝดน้องของผมตัดสินใจเลิกบุหรี่ไปแล้ว คิดว่าครั้งนี้น่าจะเลิกได้แน่ๆ นั่นแหละ ส่วนผม....ไม่รู้ว่ะ ข้าวหอมเลิกเพราะโดนพี่แช่มดุ แต่อย่างผมนี่ใครจะดุล่ะ อีกอย่างคือต่อให้ดุแค่ไหนผมก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี

เป็นคนเอาแต่ใจอะ

“สูบบุหรี่เหรอครับ”

“อืม....” ผมมองคนข้างๆ “เอาหน่อยไหมล่ะ”

“ผมสูบไม่ไหวจริงๆ อาร์กติก แบล็ก มันเย็นไป แสบคอ”

ผมยิ้มเยาะ “เด็ก”

“ก็เด็กจริงๆ แหละครับ” เจ้าตัวหยิบบุหรี่ของตัวเองมาจุดสูบ “ขนาดสูบบุหรี่ ผมยังสูบตามพี่เลย”

“แล้วถ้า....ผมเลิกสูบล่ะ”

“ก็คงเลิกมั้งครับ อย่างที่บอก ตอนเริ่มสูบผมก็ทำตามพี่ ถ้าพี่เลิกสูบ ผมเองก็คงเลิกเหมือนกัน”

“คุณนี่ชอบเลียนแบบว่ะ” ผมอัดควันเข้าปอดก่อนจะพ่นมันออกมา ชอบความเย็นจัดแบบนี้จริงๆ ถ้าเลิกบุหรี่ ความรู้สึกนี้ก็จะหายไปสินะ

แต่ถ้าเลิก....ก็จะดีต่อสุขภาพมากเลย

“ต่อควันกันไหมครับ”

ผมหันขวับมองเขาทันที “ไม่ต้องมาชวนผมทำอะไรอีโรติกแบบนั้นเลย”

“อีโรติกตรงไหน เขาเรียกว่าโรแมนติกต่างหาก” ร่างสูงสูบควันเข้าไปเต็มที่ก่อนจะประกบปากลงมา รับรู้ได้ถึงควันที่ถูกปล่อยจากปากบวรได้เลย

กลิ่นหอมหวานนี้มันเกินไป

ผมละออกจากเขาก่อนจะพ่นควันออกมา มาโบโร่ เพอเพิลมันไม่ใช่ทางของผมเลย แต่ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่ทำให้รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่ หึ....ต่อควัน เอาจริงๆ เด็กนี่แค่อยากหาเศษหาเลยกับผมเท่านั้นแหละ ดูหน้าที่ยิ้มทะเล้นนี่สิ พอเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิบแก้มขาวๆ นั่น มือเรียวของคนข้างๆ จับมือผมเข้าไปจุ๊บค้างเอาไว้ เขาจะรู้ตัวไหมนะว่ากำลังมองผมด้วยสายตาแบบไหน

ตึกตัก

หัวใจเต้นแรงไปหมดแล้วนะ

“พี่ก้องครับ”

“หืม....”

“ถ้าผมขอพี่เป็นแฟน....พี่จะยอมตกลงใช่ไหมครับ”

.

[จบบันทึกพิเศษ : ข้าวก้อง]

.

“ทำไมถึงดูอารมณ์ดีขนาดนั้นอะ”

“ก็น้องหอมกลับมาแล้วหนิ พี่ก็ต้องอารมณ์ดีสิ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ช่ายยยย” เจ้าตัวรับคำก่อนจะยกมือผมขึ้นไปจุ๊บ “พี่น่ะโคตรคิดถึงน้องหอมเลย”

“เว่อร์มาก”

“เว่อร์ได้มากกว่านี้อีก”

ผมมองคนที่กำลังขับรถอยู่นิ่งๆ เขาดูสดใสมาก สดใสในระดับที่เมื่อสิบวันก่อนเทียบไม่ติดเลย มีเรื่องดีดีเกิดขึ้นรึไงนะพี่แช่มถึงได้แจ่มใสขนาดนี้ แต่จะว่าไปมันก็ดีแล้วแหละ เห็นเขาโอเคขึ้นผมก็สบายใจ ตอนนี้เรากำลังกลับไปที่หอกันครับ พี่แช่มมารับผมที่มหา’ลัย สิบวันสำหรับการเข้าค่ายก็วายป่วงเอาตัว ดีเหมือนกันที่มันจบลงไปสักที หลังจากนี้ก็จะเปิดเทอมและก็มีกิจกรรมมหาโหดที่ใกล้เข้ามา

รับน้อง

แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

งานนี้ปีสองจะเหนื่อยหน่อย พวกปีสามจะจัดการเรื่องประเพณีวิ่งเกียร์ครับ สันทนาการจะเป็นของพวกน้องๆ ทำไป เดี๋ยวจะมีงานประกวดดาวเดือนด้วย มาไล่ๆ กันเลย เนี่ยะ พอมาคิดถึงงานที่ต้องเจอทั้งหมดก็อยากเข้าป่าไปจำศีลแล้วอะ พวกคณะกรรมการนักศึกษาทุกรุ่นคือยอดมนุษย์จริงๆ สำหรับผมแล้ว รุ่นพวกพี่ขันคือขั้นสุดมาก ทีมนี้คือเก่งโคตรๆ ถึงจะดูติ๊งต๊องไปหน่อยแต่เก่ง

ติ๊งต๊องสุดคือแฟนผม

ใช้เวลาสักพักเราก็กลับมาถึงห้องพี่แช่ม ร่างสูงช่วยถือของก่อนจะเดินนำผมขึ้นห้อง มือเรียวเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ผมตามเข้ามาก็เห็นว่าห้องสะอาดและเป็นระเบียบมาก เขาจัดห้องใหม่สินะ มีมุมๆ นึงที่ถูกเพิ่มเข้ามา โต๊ะสีขาวที่มีของหลายอย่างวางอยู่ ที่เห็นชัดๆ ก็คือกรอบรูปเยอะแยะเลย สิ่งที่ได้เห็นมันทำให้ผมยิ้มออกมาทันที ยิ่งรูปที่แขวนอยู่บนผนังนั่นมันก็ทำให้ผมได้เข้าใจว่าพี่แช่มจะเซอร์ไพรส์อะไร

รูปที่ตรงนั้น....พี่แช่มถ่ายคู่กับชะเอม

“เซอร์ไพรส์ไหม” ร่างสูงกอดผมจากด้านหลัง “พี่....ตั้งใจมากเลย”

“เซอร์ไพรส์มาก พี่โอเคแล้วสินะถึงได้ทำแบบนี้น่ะ”

“อื้ม พี่ไม่รู้สึกเศร้าที่จะต้องเอ่ยถึงชะเอมอีกแล้วล่ะ อีกอย่าง....ถ้าพี่ยังเป็นเหมือนเดิม ทุกๆ คนก็จะรู้สึกไม่ดี พี่อยากจะสู้กับมัน อย่างน้อยตอนนี้พี่ก็ชนะไปได้ขั้นนึงแล้ว”

“พี่เก่งมากพี่แช่ม เก่งมากจริงๆ ” ผมเลื่อนมือไปกุมมือเขาไว้ “หอมดีใจนะที่พี่อาการดีขึ้นขนาดนี้น่ะ”

“เพราะได้กำลังใจดีไง” พี่แช่มจับตัวผมให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา มือเรียวเลื่อนขึ้นมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “ต้องขอบคุณน้องหอมนั่นแหละ ที่อยู่ข้างพี่ตลอดแม้จะแป็นตอนที่พี่ประสาทแดกก็ตาม”

“นั่นเพราะว่าหอมรักพี่แช่มไง” ผมยิ้มแป้นให้เขาก่อนจะกอดแน่น รับรู้ได้ถึงหัวใจพี่แช่มที่เต้นแรงมากๆ เขินที่โดนบอกรักแน่เลยว่ะ

“พูดแบบนี้พี่เขินนะ”

“ตัวจะแตกเลยป้ะ”

“เดี๋ยวจะโดน” เจ้าตัวละกอดออกไปก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ “ถ้าเขินจนตัวจะแตกบ้างอย่าว่าพี่ละกัน”

“อยากตัวแตกจัง”

“หึ....ไปอาบน้ำกัน” ว่าแล้วร่างสูงก็ลากผมเข้าห้องน้ำทันที เดี๋ยวก่อนนะ นี่ยังไม่ได้ตกลงเลยว่าจะอาบน้ำด้วย

“เดี๋ยวพี่แช่ม”

“ไม่เดี๋ยวแล้ว” คนเอาแต่ใจรั้งเสื้อผมออกไปก่อนจะขยับเข้ามาเบียดจนแนบชิด ใบหน้าคมลอยอยู่ตรงหน้า ลมหายใจร้อนๆ ที่รดผมอยู่มันทำให้รู้ได้เลยว่าเขากำลังคุกรุ่นมากแค่ไหน

เอาจริงเหรอวะ

สายตาของพี่แช่มแสดงความจริงจังในสิ่งที่อยากทำออกมาชัดเจน นิ้วเรียวเกลี่ยที่ข้างแก้มผมพลางเลื่อนมาลูบบนริมฝีปากเบาๆ อา....ประหม่าจัง ก่อนหน้านี้มันมักจะหยุดที่จูบตลอดเลย เขาไม่เคยทำมากกว่านั้น ถามว่าผมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไหมมันก็นะ พูดยากเหมือนกันว่ะ แต่ที่รู้แน่ๆ คือผมไม่เคยปฏิเสธเวลาที่เขาจะเข้ามายุ่มย่ามกับตัวเองเลยสักครั้ง ไม่เคยห้ามแถมยังยอมให้ความร่วมมือดีด้วยซ้ำ

ผมชอบการถูกสัมผัสจากคนที่ผมรัก

“พี่จะทำอะไร” ผมเอ่ยถามพลางมองคนตรงหน้าไม่วางตา ต้องคอนเฟิร์มก่อนครับว่าเรากำลังคิดเหมือนกัน ไม่งั้นผมจะเก้ออยู่คนเดียวเหมือนกับทุกๆ ครั้ง

“....เซ็กซ์”

ตึกตัก

พูดตรงจัง

“จะทำจริงๆ เหรอ”

“อยากทำ” ปลายจมูกเขาเขี่ยเบาๆ ที่ข้างแก้มผม “แต่ถ้าน้องหอมยังไม่อยาก....พี่ก็”

“ขออาบน้ำก่อน อาบคนเดียว”

ร่างสูงละออกไปก่อนจะยกยิ้มมองผม “พี่รอข้างนอกนะ” สิ้นเสียงพูดเขาก็เดินออกไป โอ๊ยยยย ใจข้าวหอม เต้นแรงมากกว่านี้หัวใจจะวายเอานะ

วูบวาบไปหมดแล้วโว้ย

ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพลางตั้งสติ พี่แช่มเขาเอาจริงแน่ๆ แหละรอบนี้ ตื่นเต้นไปหมดเลยว่ะ ผมพอรู้อยู่ว่าผู้ชายด้วยกันมันทำยังไง แล้วก็รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายไหน เหมือนเตรียมใจกับเรื่องนี้เอาไว้นานมากๆ แต่พอมันจะเกิดขึ้นจริงๆ มันก็อดคิดไม่ได้เลยนะ ผมคงเขินมาก อีกอย่างมันเป็นครั้งแรกของเราสองคนด้วย มันต้องเงอะงะมากแน่ๆ เลยว่ะ

ลองคิดภาพขำๆ ก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว

ผมใช้เวลาพักใหญ่ในการอาบน้ำ มันต้องให้ได้สะอาดมากที่สุดเลยน่ะครับ แล้วผมก็จัดการตรง....อืม รู้สึกแปลกๆ มากเลยอะ ผมหวังให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันดีนะ เอาวะ ต้องมั่นใจหน่อยแหละ พอคิดได้แบบนั้นผมก็เดินออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันอยู่รอบเอวเพียงผืนเดียว เอาจริงๆ พี่แช่มเห็นจนชินแล้วแหละ แต่ด้วยสายตาที่เขามองวันนี้มันทำให้อดเขินไม่ได้เลย

มันต่างจากทุกครั้งเอามากๆ

ร่างสูงนั่งมองอยู่ที่ปลายเตียง มือเรียวเอื้อมมารั้งเอวผมให้ไปนั่งเกยอยู่บนตักเขา ไม่หนักบ้างรึไงนะ ตัวผมไม่ใช่เล็กๆ เลย แต่จะว่าไป....พี่แช่มก็ตัวใหญ่กว่าผมพอสมควร ไซส์ตัวพอๆ กับพี่ขันเลย กินอะไรกันเข้าไปวะถึงได้ตัวใหญ่ขนาดนี้

บวรก็อีกคน

“หอมจัง” จมูกโด่งดมฟุดฟิดที่ซอกคอผม “หอมสมชื่อเลย”

“พูดอะไรเนี่ยะ”

“พูดความจริงทั้งนั้น แต่ถ้าไม่อยากให้พี่พูดมาก.....ก็ทำให้พี่เงียบสิ”

ผมยกมือขึ้นโอบรอบคอคนด้านล่าง “หอมต้องทำยังไงเหรอ”

“อย่าพูดเหมือนไม่รู้สิ” เจ้าตัวยิ้มบางๆ ให้ผม สัมผัสถึงแรงบีบที่สะโพกได้เลย มือหนักซะด้วยนะ

“ก็....ไม่รู้จริงๆ อะ”

พี่แช่มพลิกให้ผมนอนราบไปกับเตียงก่อนที่เขาจะเลื่อนตัวขึ้นทาบทับไว้ด้านบน “งั้นเดี๋ยวพี่ทำให้รู้เอง” สิ้นเสียงนุ่มเจ้าตัวก็ประกบจูบลงมาทันที

ผมเปิดปากรับสัมผัสนั้นแต่โดยดี ชอบครับ ชอบไปหมดทุกอย่าง รสจูบที่อ่อนโยนนี้มันดีต่อใจผมมากจริงๆ ลิ้นร้อนไล่ต้อนไปมาเหมือนกับหยอกเย้า ผมเลื่อนมือไปถกเสื้อเขา จะชีเปลือยอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ มันไม่แฟร์ ร่างสูงละจูบออกไปก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกแล้วก้มลงมาจูบต่อ อื้อออ...อ.....ใจคอจะจูบกันจนปากเปื่อยเลยใช่ไหมหืม....

จะหายใจไม่ทันแล้วนะ

คนบนร่างไล่จูบมาตามซอกคอพลางเลื่อนมือมาลูบผ่านยอดอกผมเบาๆ มืออีกข้างเลื่อนต่ำลงไปจับส่วนอ่อนไหวตรงกลางที่อยู่ใต้ผ้าเช็ดตัว อื้อออ...อ...ทำไมต้องทำให้รู้สึกแปลกๆ ไปหมดแบบนี้ด้วยนะ ทุกสัมผัสที่มาจากเขามันทำให้ผมประหม่าไปหมด จากแรงจูบที่ต้นคอนี่ต้องเป็นรอยจ้ำแน่ๆ พอคิดว่าพี่แช่มทำคิสมาร์กทิ้งเอาไว้ ผมก็ผงกหัวขึ้นไปขบเม้มแรงๆ ที่ซอกคอเขาบ้าง

ทำมาก็ต้องทำกลับสิครับ

“ทำไมถึงน่ากินไปทั้งตัวเลยอะ” ร่างสูงเอ่ยถามพลางลากลิ้นลงไปเลียวนรอบยอดอกผม มือเรียวดึงผ้าเช็ดตัวออกไปก่อนจะเลื่อนมากุมส่วนนั้นไว้ อื้อออ....ผมโดนปู้ยี้ปู้ยำแล้วววว

“อ๊ะ....หอมเปล่า”

“เหมือนน้องหอมจะชอบที่พี่ทำแบบนี้เลย” ลิ้นร้อนเลียวนอยู่ที่เดิมก่อนจะงับเบาๆ สลับกันไป มือด้านล่างก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดี

“อื้อออ...อ....อย่าทำแบบนั้นสิ”

“ทำไมล่ะหืม....” เจ้าตัวจูบใต้คางผมเหมือนปลอบ มือก็ขยับหนักขึ้นกว่าเดิม ฮืออออ....เหมือนโดนแกล้งเลยอะ เพราะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ มันก็เลยรู้สึกแบบนี้

ข้าวหอมจะเป็นบ้าแล้วนะ

“หอมรู้สึกแปลกๆ ”

“พี่จะทำให้แปลกว่านี้อีก” พี่แช่มเอื้อมไปหยิบเจลหล่อลื่นกับถุงยางที่อยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียงออกมา แอบไปซื้อมาตอนไหนวะ ก่อนหน้านี้ไม่มีแท้ๆ

ผมนอนหายไปใจแรงๆ พลางปล่อยให้ร่างสูงทำตามอำเภอใจ มือพี่แช่มที่กุมตรงนั้นของผมอยู่ก็ผ่อนแรงลง เจ้าตัวเลื่อนมาจูบผมอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่ช่องทางรักด้านหลัง ความลื่นนั่นมาจากเจลเย็นๆ อื้อออ....มือคนอื่นมันทำให้วาบหวามได้มากขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่ามือพี่แช่มมากกว่า เพราะถ้าเป็นคนอื่น ผมคงไม่ยอมให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ

“อื้อออ....” ผมกัดปากเพื่อข่มความเจ็บยามที่นิ้วเรียวแทรกเข้ามาด้านใน เจ็บอะ ตอนที่ทำเองมันไม่เจ็บเท่านี้เลย เพราะขนาดของนิ้วงั้นเหรอ

แล้วถ้าไม่ใช่นิ้ว....มันจะขนาดไหนวะเนี่ย

“แน่น”

“ต้องแน่นอยู่แล้ว....อ๊ะ....เบาหน่อยพี่แช่ม” ผมบอกเสียงอ่อนเมื่อเจ้าตัวขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ลิ้นร้อนเลียเล่นอยู่ที่ยอดอกผม รู้สึกทั้งบนและล่างแบบนี้มันเกินไปแล้ว

“อดทนหน่อยนะ” ร่างสูงขยับนิ้วเข้าออกอยู่อย่างนั้นก่อนจะเพิ่มจำนวนเข้ามาจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามตามลำดับ

อื้อออ...ตรงนั้นมัน

“อื้ออออ....มันแปลกๆ ”

“ตรงนี้” เขากดเข้าที่จุดนั้นซ้ำๆ ความเสียววูบวาบแล่นเข้ามาที่ท้องน้อยทันที

“มัน....มันเสียว เสียวเหมือนจะเป็นบ้าเลย....อื้ออ...อ...” ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความอาย หน้าร้อนมากเลยว่ะ ตอนนี้ตัวผมคงแดงไปหมดแล้วแน่ๆ

“พี่จะเอาจริงๆ แล้วนะ” สิ้นเสียงพูด ผมก็แง้มนิ้วเพื่อมองเขา พี่แช่มถอดกางเกงยีนส์ออกไป ผมเห็นสิ่งที่นูนทะลุบ๊อกเซอร์ออกมา นี่ขนาดยังไม่ได้ออกมาจังๆ นะ

ใหญ่ขนาดนั้นเชียว

“เบามือหน่อยนะ”

“ไม่รับปากได้ไหม”

“งื้ออออ....พี่จะทำหอมเจ็บเหรอ”

“มันต้องเจ็บแหละแต่พี่จะทำให้น้องหอมมีความสุข” มือเรียวถอดชั้นในออกไปจนหมด ผมตาค้างทันทีที่ได้เห็นส่วนนั้นของเขา คือมันเกินไปแล้วอะ

ใหญ่ขนาดนั้นจะเข้ามาได้ยังไงวะ

สามนิ้วของเขายังไม่เฉียดกับของจริงเลย

ผมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างติดขัด มองพี่แช่มหยิบถุงยางสวมเข้าไปตรงนั้น มือเรียวชะโลมเจลหล่อลื่นไว้เต็มไปหมด เจ้าตัวคงอยากทำให้ผมเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะกดจูบลงมา ผมรับรู้ได้ถึงส่วนแข็งขืนที่ถูวนอยู่ที่รอบปากทางเข้า ร่างสูงแทรกกายเข้ามาช้าๆ มันเจ็บ มันอึดอัด แต่ก็ยังดีที่มีจูบหวานๆ คอยปลอบประโลม ไม่งั้นผมต้องแย่มากแน่ๆ

ดีจังที่เขาทำแบบนี้

ร่างสูงละจูบออกพลางคลี่ยิ้มให้ผม มือเรียวเกลี่ยที่ข้างแก้มเบาๆ สายตาที่เขามองมามันอ่อนโยนมากเลย การกระทำนี้ทำให้รู้สึกได้ว่าเขาอยากถนอมผมจริงๆ ผมรอให้ความรักของเรามันชัดเจนมาตลอด จนมาถึงวันนี้ รู้สึกดีมากเลยนะการที่ได้เชื่อมโยงกับคนที่เรารักน่ะ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่....ผมมีความสุขกับมันมากเลย

“โอเคไหม”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นไปโอบรอบคอเขา “หอมไม่เป็นไรแล้ว พี่แช่มขยับเลย”

“น้องหอม....รัดพี่แน่นมากเลยอะ”

“อย่าพูดนะ”

“หึ....” เอวสอบเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ อา....ดีจัง ถึงเจ็บหน่อยแต่เดี๋ยวก็คงชิน

ครั้งแรกก็ต้องอดทนแบบนี้แหละ

“อื้อออ....พี่แช่ม”

“พี่น่ะ....รักน้องหอมมากเลยนะ” เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นที่ข้างหู “น้องหอมเป็นของพี่จริงๆ แล้วนะ”

พี่ก็เป็นของหอมแล้วเหมือนกัน

“....เราเป็นของกันและกันแล้ว”

“อื้มมม....”

“อ๊ะ....”



***



ปวดไปทั้งตัว....ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ไม่อยากขยับตัวเลย

ผมมองคนที่กอดตัวเองอยู่นิ่งๆ พี่แช่มหลับอยู่ครับ ตอนนี้เกือบตี 4 แล้ว คือเรามีเซ็กซ์กันครั้งแรก มันดีมากเลย และตอนนี้ผมก็ปวดมากด้ย ไม่ได้ทำอะไรเยอะแยะหรอกแต่น่าจะเป็นเพราะครั้งแรกนั่นแหละ ร่างกายมันไม่ไหวเลย ผมรู้นะว่าร่างสูงอยากทำต่อแต่เขาเห็นผมป้อแป้ไปหมดก็เลยยอมหยุด รู้สึกว่าตรงนั้นระบมมากเลยอะ ไม่รู้ว่าอีกกี่วันจะหายด้วยเนี่ยะ แล้วก็คือเดี๋ยวต้องไปมหา’ลัยด้วย

ข้าวหอมตายแน่ๆ

“พี่แช่ม” ผมจิ้มแก้มเขา “พี่แช่มมมม”

ร่างสูงลืมตามองผมก่อนจะกระชับกอดให้แน่นขึ้น “ไม่นอนล่ะหืม....”

“หิวน้ำอะ เอาน้ำให้หน่อยสิ หอมเจ็บคอไปหมดแล้ว”

“ทำไมเสียงแหบจัง”

“ยังจะมาถามอีก” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ เสียงแหบเพราะใครล่ะแหมๆ ๆ ๆ

“เดี๋ยวก็โดนพี่ฟัดอีกรอบหรอก ดูทำหน้าเข้า” เจ้าตัวลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบน้ำมาให้ ผมพลิกตัวนอนคว่ำด้วยความยากลำบาก ให้ลุกนั่งคงไม่ไหวแน่นอนอะจากสภาพ

“อีกสองอาทิตย์มันจะมีสัมนาอะ ช่วงนั้นหยุดยาว เราไปบ้านพี่กันไหม”

พี่แช่มส่งน้ำให้ผมก่อนจะเดินมานอนลงที่เดิม “พี่ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ว่าพี่อยากไปนะ ไหวไม่ไหวก็ค่อยว่ากันอีกที พี่จะหนีต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้อีกแล้ว”

“หอมเชื่อว่าพี่ทำได้” ผมเลื่อนมือไปกุมมือเขาไว้ “ไม่ต้องห่วงนะ หอมจะอยู่ตรงนั้นเป็นเพื่อนพี่เอง”

“อยู่เป็นเมียได้ป้ะ”

“ไม่ต้องพูดเลย” ผมเอาหน้าซุกหมอนเพื่อหนีเขา เราคุยเรื่องจริงจังกันอยู่นะ ไว้ผมหายดีก่อนเถอะ จะไล่ทุบให้

“โอ๋ๆ ไม่พูดแล้ว” มือเรียวรั้งผมเข้าไปกอดเอาไว้ “นอนซะนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปซื้อข้าวกับยามาให้”

“ขอบคุณนะพี่แช่ม”

“พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณ....” ว่าแล้วคนตรงหน้าก็หลับตาลงอีกรอบ พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเขาเอาไว้

ความสัมพันธ์ของเรามันข้ามไปอีกขั้นแล้ว ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่ผูกพันกันแต่ร่างกายเองก็ด้วย อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นที่ทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดี ถ้าพี่แช่มสามารถกลับไปที่บ้านเขาได้ หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกต่อไป อย่างน้อยเขาจะได้มีความสุขมากขึ้น จะว่าไป....สีหน้าเขาในตอนนี้มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ผมดีใจนะที่ทุกอย่างมันกำลังจะผ่านได้ด้วยดี

ดีใจมากจริงๆ

.

.

Kh. @KhH22_luc

ความสุขของคุณคือความสุขของผมนะครับ

.

#CloverBad


.

.

.

.

.

.

TBC.

สวัสดีค่ะมาส่งแช่มหอมแล้วหลังจากหายไปนานเลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ สำหรับ Nc มันก็ยังยากเหมือนทุกครั้งนะ ถ้าแปร่งๆ ต้องขอแภัยด้วย เรื่องจะเป็นยังไงรอติดตามต่อค่า

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เรื่องบนเตียงของหอมเนี่ย เล่นเอาหมดทั้งแรง หมดทั้งเสียงเลยหรอ อีพี่แช่มเนี่ย ร้ายนิ  :m4:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 16 หลากหลายความรู้สึก



Kh. @KhH22_luc

เห็นคุณยิ้มอย่างสดใสได้ทุกวันผมก็ชื่นใจ

   

#CloverBad

   

   

ชื่นใจมากจริงๆ เลยนะ

ผมมองรูปในไลน์ที่พี่แช่มถ่ายส่งมาให้ดู เขาทำหน้าตาตลกแล้วก็ส่งมาไม่หยุดเลย คงว่างมั้งถึงได้ทำอะไรแบบนี้ได้ จากวันที่ผมไปค่ายก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้วครับ ช่วงที่ผ่านมาความรักหวานชื่นมากเลย มีความสุขจนเหมือนจะเป็นบ้า แฟนผมเขาทำตัวน่ารักน่าหลงขึ้นทุกวัน บางทีใจก็ไม่ไหวนะ มันเขินอะ เชื่อไหมว่าจากวันที่มีอะไรกันครั้งนั้น จนถึงตอนนี้ผมยังปวดแปล๊บๆ ที่เอวอยู่เลย

ร่างกายนี้มันกิ๊กก๊อกจริงๆ

ข้าวหอมเป็นคนแข็งแรงนะครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าทำเรื่องแบบนั้นแล้วร่างจะเปลี้ยได้ขนาดนี้ ตอนที่ตื่นขึ้นมาผมก็ไม่สบาย เป็นไข้เลยอะ ทรมานเหมือนกันนะที่เป็นแบบนั้น แต่ตอนที่ทำกันมันก็ดีมากๆ ผมชอบที่แฟนตัวเองทะนุถนอม อ่อนโยน แล้วก็คอยดูแล มันเป็นโมเม้นท์ที่นึกถึงทีไรก็มีความสุข

หุบยิ้มไม่ได้เลย

“ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคิดถึงผัวอยู่”

ผมตีไหล่คนที่หน้าเหมือนตัวเองทันที “ผัวอะไรของมึงวะ”

“กูพูดผิดรึไง หรือมึงคิดถึงผัวคนอื่นล่ะ”

“ข้าวก้อง”

“อย่ามาทำเสียงดุแบบนั้นนะ” เจ้าตัวบีบแก้มผม “ช่วงนี้สีหน้าดูสดใส มีความสุขดีใช่ไหม”

“อืม มึงก็เหมือนกันสินะ”

“ก็นิดหน่อย”

“ไม่นิดหน่อยมั้ง”

“พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก” คนข้างๆ ยักคิ้วให้อย่างกวนส้นตีน “แฟนมึงไม่ได้เป็นเด็กเหมือนแฟนกูอะ”

ก็คือขิงผัวเด็กอย่างนั้นเถอะ

“น่าหมั่นไส้จริงๆ ” ผมรั้งคอไอ้น้องเวรเข้ามาใกล้ก่อนจะขยี้หัวมันอย่างมันเขี้ยว ตายซะเถอะมึง

ตอนนี้พวกเรานั่งกันอยู่หน้าตึกเรียนครับ มีนัดประชุมเชียร์น้องตอนบ่าย 3 ก่อนที่จะหยุดยาวช่วงอาจารย์สัมมนา ผมกับพี่แช่มตกลงกันไว้ว่าจะกลับไปที่บ้านเขา จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่วันแรกๆ อาจจะต้องไปอาศัยค้างที่บ้านลุงเชตก่อน จะให้พี่แช่มกลับไปนอนในบ้านตัวเองเลยก็คงยาก นี่ยังไม่รู้ว่าเขาจะรับมือกับการเผชิญหน้านี้ได้ขนาดไหน เจ้าตัวเหมือนเตรียมใจเอาไว้ตลอดนะช่วงที่ผ่านมาแต่ถ้าเจอของจริง ผมคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะแสดงอาการยังไง

ขอให้มันไม่แย่ไปกว่าเดิมก็พอ

ความเป็นห่วงของผมมันเหมือนเดิมเลยนะ ถึงช่วงที่ผ่านมา อาการหลายๆ อย่างของเขาจะดีขึ้นก็เถอะ แต่มันก็อดวางใจไม่ได้อยู่ดี ตราบใดที่พี่แช่มยังกลับไปที่บ้านของตัวเองไม่ได้ ผมคงเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อยอยู่ตลอดแน่ๆ ก็นะ แม่งเรื่องของคนที่ตัวเองรักนี่หว่า ถึงแฟนผมจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงแต่ใครมันจะอดใจได้วะ แล้วเนี่ยะ ทุกวันนี้ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว

ถ้าพี่แช่มรู้ เขาก็จะดุผม

“หอม”

“หืม....”

“มึงจะไปไหนรึเปล่าช่วงวันหยุดยาว”

“กูตกลงกับพี่แช่มว่าจะกลับไปบ้านเขาที่นครศรีธรรมราชอะ”

“โอเคแล้วเหรอถึงจะกลับไป”

ผมส่ายหน้าช้าๆ “กูก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่เขาพูดถึงชะเอมได้แล้วและก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่แย่สักเท่าไหร่ อีกอย่างการกลับบ้านนี้ เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะกลับไปนะ กูว่าตัวเขาก็คงเตรียมใจไว้ระดับนึง”

“แล้วมึงได้คิดเอาไว้รึเปล่าว่าถ้ากลับไปแล้ว มันแย่ลง มึงจะทำยังไง”

“ก็เริ่มใหม่ เริ่มใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะเข้มแข็งมากพอที่จะต่อสู้กับมัน” แต่ผมเชื่อนะว่าพี่แช่มจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่แย่ขั้นสุดจนจำอะไรไม่ได้ ผมว่ามันไม่น่าขนาดนั้น แต่อย่างว่า....ใจคนอะเนอะ

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันจะเปลี่ยนไปตอนไหน

“กูเอาใจช่วยละกัน”  ข้าวก้องยกมือแตะไหล่ผมเบาๆ “ถ้ามีอะไรก็บอกกูได้เสมอ”

“อืม ขอบใจ แล้วมึงอะ หยุดแล้วจะไปไหน”

“เบย์อยากไปทะเล” เจ้าตัวเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เชื่อได้เลยว่าไอ้น้องเวรไม่ได้บอกแฟนตัวเองว่ามันไม่ชอบทะเล ดูทรงคงอยากตามใจบวรนั่นแหละแต่ก็คือต้องฝืนใจตัวเอง นี่ถ้าผมไปบอกผัวเด็กมันว่า เห้ยบวร แฟนคุณไม่ชอบทะเลอะ เด็กนั่นจะต้องเปลี่ยนแพลนโดยการพาข้าวก้องไปที่อื่นทันที แต่คิดไปคิดมามันก็ไม่ใช่ธุระของผมที่ต้องไปบอกสักหน่อย ถ้าข้าวก้องคิดว่าตัวเองทนไหวก็ปล่อยไป

เก่งอยู่แล้วเรื่องทรมานตัวเองอะ

“เดี๋ยวกูไปซื้อชานมก่อน พวกมึงเอาอะไรไหม” ผมหันไปถามบรรดาชาวแก๊งค์ ทุกคนก็จดของที่ต้องใส่กระดาษโน้ตก่อนจะส่งมาให้ผม เอาอะไรกันเยอะแยะวะ เห็นข้าวหอมมีกี่มือกัน

ช่างเถอะ....บ่นไปก็เท่านั้นแหละ

ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงร้านขายน้ำก่อนจะส่งกระดาษโน้ตให้ป้าเจ้าของร้าน เห็นแต่ละเมนูแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ  โดยเฉพาะของข้าวก้อง บานาน่าช็อกโก้ใส่โอริโอ้แล้วปั่นแบบละเอียดๆ ท็อปวิปครีมและขอหลอดสีฟ้า คือมีคนเรื่องมากกว่านี้อีกป้ะในโลกนี้อะ โอเคผมเชื่อว่าอาจจะมี แต่โลกของผมเนี่ยะ มีมันนี่แหละที่เรื่องมากที่สุด กินเหมือนคนอื่นคงจะประสาทแดกมั้งดูท่า

ป่านนี้คงจามจนตายละ

ครืดดดด....ครืดดดด

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหลครับ....ลุงเชต”

(สะดวกคุยไหมข้าวหอม)

“สะดวกครับ” ผมเอ่ยถามพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ ร้าน “ลุงเชตโทรหาผม มีธุระอะไรเหรอครับ”

(ที่บอกกับลุงว่าช่วงวันหยุดจะกลับมานครศรีฯ กัน ยังจะกลับอยู่ใช่ไหม)

“กลับครับ หรือว่าลุงเชตไม่สะดวกที่จะให้พักที่บ้านลุงก่อนเหรอครับ”

(ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก คืองี้นะข้าวหอม เพื่อนลุงที่เขาเป็นตำรวจน่ะ แจ้งมาว่าจับคนร้ายที่ฆ่าชะเอมได้แล้วนะ)

จับคนร้ายที่ฆ่าชะเอม

“จะ....จริงเหรอครับ” ผมยกมือขึ้นกุมอกตัวเอง “แล้ว....จะทำยังไงต่อ”

(เขานัดวันทำแผนน่ะ ที่บ้านนั่นแหละ คือลุงคิดว่าแช่มอาจจะพร้อมกลับมาบ้านแต่คงไม่ใช่วันที่ทำแผน ลุงกลัวว่าตัวแช่มเองที่จะทนไม่ไหว เอาจริงๆ ลุงยังไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับแช่มเองเลย ถึงได้โทรหาเรา)

“ผมเข้าใจครับ ดีจังที่จับคนร้ายได้”

(ตอนแรกลุงก็ไม่คิดว่าจะตามจับได้เหมือนกันเพราะมันหนีมาตั้งหลายปี ความจริงมันโดนจับเพราะคดีขนส่งยาเสพติด แล้วพอเช็กประวัติถึงรู้ว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีของชะเอม ลุงฝากข้าวหอมบอกแช่มเรื่องนี้ด้วยนะ แล้วเป็นยังไงก็ค่อยบอกลุงอีกทีก็ได้)

“ได้ครับ ผมจะจัดการให้”

(งั้นแค่นี้ก่อน ลุงต้องทำงานต่อ)

“ครับลุงเชต สวัสดีครับ” ผมกดวางสาย มือก็ลูบอกตัวเองอยู่อย่างนั้น มันมีความรู้สึกหลายอย่างที่เกิดขึ้นในใจตอนที่รับรู้ว่าไอ้ชั่วนั่นโดนจับ

ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องราวของชะเอม ผมก็อดสงสารเธอไม่ได้ สิ่งที่เธอเจอมันเลวร้ายมากๆ มันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น ลองคิดว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับคนในครอบครัวตัวเองมันคงเป็นเหมือนฝันร้ายไปตลอดทั้งชีวิตเลยล่ะ ไม่แปลกใจเลยที่พี่แช่มจะป่วยเป็นแบบนั้น น้องสาวเขาคือครอบครัวคนสุดท้าย แล้วมาจากไปเพราะการกระทำเลวๆ ของคนๆ นึง ไม่มีใครรับเรื่องแบบนั้นได้หรอก

ไอ้สารเลวนั่นควรรับได้รับโทษอย่างถึงที่สุด

ผมต้องบอกเรื่องนี้กับพี่แช่ม พอรู้เลยว่าเขาจะแสดงท่าทีออกมายังไง คงโกรธ คงโมโหมาก แต่ไม่รู้ว่ามันจะมากถึงขั้นไหน ถ้าสมมุติว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ผมต้องทำยังไง อา....ไม่รู้ว่ะ พอเหตุการณ์ยังไม่เกิด มันคิดไม่ออกจริงๆ นะ เดี๋ยวต้องดูอาการก่อนนั่นแหละ การรับมือจะยังไงค่อยว่ากันอีกที ถ้าคนเดียวไม่ไหวผมจะให้คุณเฉลิมเป็นกองหนุน

แต่นางก็คงทำได้แค่บินวนไปมาเท่านั้นแหละ

“เสร็จแล้วนะพ่อหนุ่ม”

“นี่เงินครับ” ผมส่งเงินให้ป้าเจ้าของร้านก่อนจะถือน้ำทั้งหมดแล้วเดินกลับมาหน้าตึก แล้วทำไมทุกคนต้องรุมเอาใบไม้ปาใส่สยามด้วยวะ

“พอแล้ววววว สนุกกันมากไหมห้ะ” คนที่ใบไม้ปักอยู่บนหัวส่งสายตาอำมหิตใส่เพื่อนๆ ก่อนจะหันมองผม “ไหนนมเย็นกู”

“อันนี้ แล้วนี่มึงเป็นอะไรเนี่ยะ ทำไมทุกคนถึงปาใบไม้ใส่มึงอะ”

“ก็ไอ้หยัมมันทำตัวน่าหมั่นไส้” เพื่อนแกงเบ้ปากก่อนจะหยิบนมสดของตัวเองไป “ขิงเมียตัวเองอยู่ได้ ทำไม  ประธานสันฯ อะมันทำไมวะไอ้สัส แฟนกูเป็นเดือนมหา’ลัย มีคนชอบแม่งตั้งค่อนมอ กูยังไม่อยากพูดเยอะเลย”

นี่ขนาดไม่อยากพูดเยอะนะ

“เออน่ะพวกมึงนี่ เลิกเถียงกันแล้วก็กินน้ำซะ” ผมยุติสงครามขนาดย่อมก่อนจะนั่งดูดชานมอย่างสงบเสงี่ยม เหล่าสหายก็พูดคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสา

เดี๋ยวต้องปรับอารมณ์ให้สุขุมนุ่มลึกเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมเชียร์น้อง เอาจริงๆ ปีผมคือซอฟต์ลงมากเลยนะถ้าเทียบกับปีก่อนๆ พี่แช่มยังบอกเลยว่าพวกผมใจดีกับน้องมาก แต่ขนาดใจดี ประนีประนอมแบบนี้ก็ยังมีประเภทที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมืออยู่นะ มันน่าหงุดหงิดพวกที่คอยก่อกวนแต่ด้วยความที่พวกเราเป็นรุ่นพี่ ก็ต้องอดทนให้ได้มากที่สุด ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

ถึงรุ่นน้องจะทำให้ประสาทแดกก็เถอะ

“ข้าวหอม”

“หืม....อะไรวะ” ผมมองตามนิ้วของข้าวก้องที่ชี้ขึ้นไปบนตึก เห็นใครบางคนกำลังโบกมือไปมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ หึ....คิดว่าตัวเองเป็นเด็กมัธยมฯ รึไง

ดูทำเข้าสิ

“กูยืมหน่อย” ผมหยิบโทรโข่งของสยามมาจ่อใกล้ปากตัวเอง “ตั้งใจเรียนนะพี่แช่ม”

“ฮิ้ววววววววววว”

“เอาว่ะ มีบอกให้ตั้งใจเรียน”

“เดี๋ยวนี้เอาใหญ่นะข้าวหอมนะ”

“เงียบไปเลยน่ะพวกมึงอะ” ผมทำหน้าเหี้ยมใส่เพื่อนๆ ก่อนจะมองไปทางพี่แช่มแล้วโบกมือให้เขา ตอนนี้ยังยิ้มได้อยู่ หวังว่าตอนเย็นจะยิ้มได้แบบนี้เหมือนกันนะ

หวังให้เป็นแบบนั้นจริงๆ

   

***

   

ประชุมเชียร์วันนี้แม่งโคตรเสียพลังงานชีวิตเลย

เหนื่อย....ข้าวหอมเหนื่อย

ย๊ากกกกกกกกกกก

ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงในห้องพี่แช่มอย่างหมดสภาพ ตอนนี้เกือบทุ่มนึงแล้ว พี่แช่มอาบน้ำอยู่และผมต้องรวบรวมสติเพื่อที่จะบอกเขาเรื่องชะเอม ความจริงวันนี้คนขี้เมาดูอารมณ์ดีมากๆ ดีผิดปกติด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีนั่นแหละ แต่ถ้าสมมุติว่าเขารับรู้เรื่องที่จับคนร้ายได้ แล้วรู้สึกไม่โอเคจนอาละวาดหรือทำลายข้าวของเหมือนแบบที่เคยทำ ผมควรจะจัดการยังไงถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น

เอาเชือกมัดเขาไว้ก่อนแล้วค่อยบอกดีไหม

ถ้าคลั่งขึ้นมาก็ไม่เป็นไรเพราะมัดไว้แล้ว

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นหืม....” ร่างสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“เหนื่อยๆ อะ ประชุมเชียร์น้องวันนี้วุ่นวายมากเลย”

“งั้นก็ไปอาบน้ำ จะได้ไปหาอะไรกินกัน”

“คือ....หอมมีเรื่องจะคุยกับพี่แช่มด้วย” ผมลุกขึ้นมานั่งพลางตบเตียงข้างๆ “เรื่องสำคัญ”

เจ้าตัวเดินมานั่งลงข้างๆ “เรื่องอะไรเหรอ”

“ก่อนที่หอมจะบอก หอมอยากให้พี่ใจเย็นๆ เอาไว้ให้มาก ตั้งสตินะ ทำได้ใช่ไหม”

“ได้สิ ตอนนี้พี่ก็มีสตินะ” พี่แช่มมองผมนิ่งๆ “เรื่องที่ว่าสำคัญ มันคือเรื่องอะไร”

“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชะเอม”

“เรื่องของชะเอม”

“ใช่ คืองี้นะพี่แช่ม” ผมเลื่อนมือไปกุมมือเขาเอาไว้ “เมื่อบ่ายลุงเชตโทรมาหาหอมแล้วเขาก็บอกว่า.....”

“ว่า”

“ตำรวจจับตัวคนร้ายที่ทำร้ายชะเอมได้แล้วนะ” พอสิ้นเสียงพูดของผม ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาคมที่จับจ้องผมสั่นไหวพลางมองไปยังโซนที่จัดเอาไว้ให้ชะเอม

ผมรับรู้ได้ถึงมือที่สั่น ไม่ใช่แค่มือหรอก ทั้งตัวเขาเลยที่กำลังสั่น ในใจพี่แช่มคงมีหลายความรู้สึกมากๆ และเจ้าตัวคงกำลังหาทางจัดการกับมันอยู่ อาการที่เขาแสดงออกมาถือว่าผิดคาดจากที่ผมคิดพอสมควร ก็ดีแล้วแหละที่เขายังทนรับกับมันไหว ผมคิดว่าพี่แช่มน่าจะดีใจที่คนร้ายโดนจับ แต่การที่บอกไปแบบนี้มันอาจจะทำให้เขาคิดถึงตอนที่น้องสาวเขาตายไง มันเหมือนตอกย้ำความทรงจำที่เลวร้าย

ผมรู้ว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับมันให้ไหวแต่ว่า....ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ป้ะวะ

ร่างสูงแกะมือผมออกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าโซนของชะเอมพลางมองรูปเธออยู่อย่างนั้น ผมเดินไปอยู่ด้านหลังเขาพร้อมกับยกมือแตะไหล่เบาๆ พี่แช่มกำมือแน่นมาก หายใจค่อนข้างแรง คงกำลังอดทนอยู่นั่นแหละ ผมคิดเหมือนกันนะว่าถ้าพี่แช่มเจอตัวไอ้ชั่วนั่น เขาคงอยากฆ่ามันทิ้งแน่ๆ เอาจริงๆ ต่อให้ยังไม่เจอก็น่าจะอยากทำแบบนั้น พอเห็นพี่แช่มเป็นแบบนี้แล้วผมก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเลย

“ไม่นึกว่าจะมีวันนี้ซะอีก” มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง “ดีใจด้วยนะคะชะเอม ในที่สุดเขาก็จับตัวคนที่ทำร้ายหนูได้แล้ว”

“.....พี่แช่ม”

“ลุงเชตบอกอะไรอีกไหม”

“ลุงเชตบอกว่ามันต้องทำแผนที่บ้านพี่ คือเขาเป็นห่วงเรื่องอาการของพี่นั่นแหละ”

“น้องหอมคิดยังไง”

“หอมคิดว่าเรากลับไปตามแพลนแต่วันที่ทำแผนก็ให้ลุงเชตจัดการ ถ้าพี่อยากเห็นหน้าไอ้เวรนั่นเราไปสถานีตำรวจกัน เอาจริงๆ พี่ก็ต้องไปนั่นแหละ เพราะว่าพี่เกี่ยวข้องกับชะเอมโดยตรง”

“งั้นก็เอาตามที่น้องหอมคิดนั่นแหละ”

“ไม่เป็นไรนะพี่แช่ม” ผมกอดเขาพลางลูบหลังเจ้าตัวเบาๆ “ไม่เป็นไรนะ”

“พี่ไม่เป็นไรหรอก” มือเรียวลูบหัวผมเบาๆ “มันหลายความรู้สึกมากเลยน้องหอม ทั้งโกรธ โมโห แต่ก็ดีใจนะที่จับไอ้สัสนั่นได้ อย่างน้อยน้องสาวพี่ก็ไม่ตายฟรี ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าพี่เจอหน้ามัน พี่จะอดทนได้แค่ไหน”

“พี่ต้องใจเย็นๆ นะ หอมรู้ว่ามันทำได้ยากแต่ว่าก็นั่นแหละ อย่างน้อยก็เย็นให้สุดเท่าที่จะทำได้”

“พี่จะพยายามนะน้องหอม” พี่แช่มคลายกอดก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมากุมแก้มผม “ไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไปกินข้าวกัน”

“พี่โอเคแน่นะ”

“น้องหอม” ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้ก่อนจะจูบปากผมเบาๆ “ช้ากว่านี้พี่ไม่กินแล้วนะข้าวอะ จะเอายังไงหืม....” ว่าแล้วเขาก็ระดมหอมแก้มผมเป็นว่าเล่น

“พอเลยพอ” ผมดันคนเจ้าเล่ห์ออก “เมื่อกี๊อย่างกับอีกคน เป็นไบโพล่าร์ด้วยป้ะเนี่ยะ”

ร่างสูงเดินเข้ามาชิดผม “อยากรู้ป้ะล่ะ”

“ไม่ๆ ๆ ๆ ๆ หอมหิวแล้ว ขออาบน้ำแป๊บนึง แป๊บบบบ” พูดจบผมก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ทำไมอารมณ์พี่แช่มถึงได้เปลี่ยนไวขนาดนั้นวะ

ตอนแรกยังซีเรียสจริงจังแถมโมโหมากแต่อยู่ดีดีก็จ้องจะกินผมซะงั้น แต่มันก็ดีที่เขาไม่จมกับอารมณ์ร้อนๆ มากจนเกินไป ไม่รู้ว่าถ้าไปถึงนครศรีธรรมราชแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมตกลงกับพี่แช่มว่าถ้าเรากลับไปที่บ้านเขาได้ อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เราจะนำอัฐิของชะเอมไปใส่ไว้ในเจดีย์อัฐิเดียวกันกับพ่อแม่ของพี่แช่ม รวมถึงโหลใบโคลเวอร์สี่แฉกด้วย

ทำตามคำสัญญาที่พี่น้องเขาให้กันเอาไว้

ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมกับพี่แช่มช่วยกันหามาใส่โหลอยู่ตลอด มันยังไม่เต็มหรอกครับ ใบโคลเวอร์สี่แฉกไม่ได้เจอง่ายขนาดนั้น ไม่งั้นมันไม่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีหรอก ความจริงผมก็ถามพี่แช่มนะว่ามันยังไม่เต็มแบบนี้จะเอาไปไว้ที่นั่นเลยเหรอ เจ้าตัวบอกว่าแบบนั้นน่ะดีแล้ว ถึงเวลาที่มันควรอยู่ตรงนั้น ผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่แต่ถ้าพี่แช่มตัดสินใจแบบนั้น ผมก็จะเคารพในการตัดสินใจของเขา

ขอให้การกลับบ้านครั้งนี้มันราบรื่นด้วยละกัน

ผมใช้เวลาสักพักในการอาบน้ำก่อนจะเดินออกมาด้านนอก ร่างสูงกำลังป้อนอาหารให้คุณเฉลิมอยู่ เดี๋ยวเราต้องเอาเจ้าอ้วนไปฝากไว้ที่คลินิกเหมือนอย่างทุกที ยังไม่สะดวกที่จะพาไปด้วยจริงๆ ครับ ไว้รอโอกาสหน้าจะดีกว่า

“แฟนใครทำไมน่ารักจัง” พี่แช่มอยู่อยู่ด้านหลังก่อนจะคล้องคอผมไว้หลวมๆ “พอกลายเป็นของพี่แล้วดูเซ็กซี่ขึ้นนะ”

“พูดอะไรเนี่ยะ” ว่าแล้วผมก็ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเอง ข้าวหอมในกระจกนี่หน้าแดงมากเลยอะ สาเหตุมันก็มาจากคำที่เขาพูดเมื่อกี๊นี้ไง

“พี่พูดจริงๆ นะ แล้วเนี่ยะ พอน้องหอมเป็นแบบนี้ พี่ก็จะยิ่งหวงมากขึ้น อืม....จับขังไว้ในห้องอย่างเดียวดีไหมนะ”

ผมหลุดขำออกมาที่เขาพูดแบบนั้น “พูดออกมาทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เนี่ยะนะ บ๊องจริงๆ ”

“เดี๋ยวจะโดนนะเจ้าแฟน” จมูกโด่งกดลงที่แก้มผมหนักๆ “พี่รอข้างนอกนะ เร็วๆ ด้วยล่ะ”

“อื้ออออ” ผมรับคำพลางมองเขาเดินออกไปจากห้อง คุณเฉลิมก็บินมาเกาะที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วมองผมอยู่อย่างนั้น

แอ๊กกกก....แอ๊กกกก


“อิจฉาหอมล่ะสิคุณเฉลิม” ผมลูบหัวเจ้าอ้วนก่อนจะแต่งตัวต่อ รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยเย็นนี้ก็คงกินข้าวลงแล้วล่ะ เรื่องเครียดมันหายไปแล้วไง

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู หน้าจอแจ้งเตือนการอัปเดตทวิตเตอร์ของใครบางคนที่รออยู่ด้านนอก ผมกดเข้าไปอ่านทันที ข้อความที่พี่แช่มทวิต มันทำให้ผมได้รู้ว่าการที่เขาแสดงออกมาว่าไม่เป็นไรนั้นมันไม่จริงเลย เขาคงอยากเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจเพียงเพราะไม่อยากให้ผมเป็นห่วงเขามากจนเกินไป แต่เจ้าตัวไม่รู้ไงว่าผมฟอลฯ ทวิตเตอร์ของเขาเอาไว้

เขารู้สึกอะไร คิดอะไร.....ผมเห็นหมดทุกอย่างนั่นแหละ

น่าตีจริงๆ

   



Charit @Charitpedd

ความโกรธ ความเกลียด ความแค้นใดใด ก็อย่าให้หลุดออกไปทำร้ายคนรอบข้าง

ตัวเรา ความรู้สึกของเรา ขอให้มีเพียงแค่เราที่รับรู้ถึงมัน…..แค่เรา

   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้










TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้วหลังจากที่หายไปเดือนกว่า ต้องขอโทษที่ทำให้รอนานมากเลยนะคะ ช่วงก่อนหน้างานเยอะมากรวมถึงมีงานเขียนเรื่องสั้นต้องส่งสำนักพิมพ์ และโปรเจ็กต์ที่มหา'ลัยต่างๆ วันพรุ่งนี้ชาลจะฝึกงานโปรเจ็กต์จบแล้วค่ะ 6 เดือนหลังจากนี้เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ

สำหรับแช่มหอมก็อีกไม่กี่แชปก็จะจบแล้วนะคะ เรื่องราวจะเป็นยังไงรอติดตามต่อน้า

สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะ

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พี่แช่มจะไปหรือไม่ไปดี แต่ใจพี่แช่มคงจะดีขึ้นกว่าเดิมนิ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 17 ปกป้อง


Chatit @Charitpedd

ขอเพียงให้ใจเราแข็งแกร่งในวันที่รู้สึกอ่อนแอก็พอ

   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้


   

   

คิดได้แบบนั้นก็ดี

ผมกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์พลางเหลือบมองคนที่กำลังขับรถอยู่ข้างๆ ข้อความที่พี่แช่มทวิตเมื่อกี๊มันน่าจะเป็นตอนที่เราแวะปั๊มน้ำมันเมื่อชั่วโมงก่อน วันนี้สีหน้าเขาค่อนข้างจะเรียบเฉย ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ผมคิดว่าในหัวเขาคงมีอะไรยุ่งเหยิงเต็มไปหมดเลยล่ะ อีกอย่างคือเจ้าตัวคงเตรียมใจกับการกลับไปในบรรยากาศเก่าๆ ที่ตัวเองเคยอยู่กับมันในสมัยก่อนด้วย

บ้านของเขา....ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

ตอนนี้เราเข้ามาในตัวจังหวัดแล้วครับ เราออกจากกรุงเทพฯ ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ได้ ความตั้งใจคือเพื่อที่จะมาถึงที่นี่ในช่วงเช้า แต่เหมือนกับว่าการเดินทางจะนานกว่าที่คิดเยอะเลย นี่เกือบเที่ยงแล้วล่ะ 10 กว่าชั่วโมงเลยนะสำหรับการเดินทางน่ะ แล้ววันนี้จะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ร้ายในคดีของชะเอม ผมตั้งใจที่จะไปดูเขาทำแผนด้วย ส่วนพี่แช่มก็ให้เขานอนพักผ่อนที่บ้านลุงเชตไปก่อน พอทำแผนเสร็จค่อยไปเจอกันที่สถานีตำรวจ

ไม่รู้เลยว่าวันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

จนถึงตอนนี้ผมก็ยังหวั่นใจเรื่องอาการของพี่แช่มอยู่ ถ้าสมมุติว่าเราไปยืนอยู่ตรงหน้าบ้านเขาแล้วทุกอย่างมันไม่เป็นตามที่คิดเอาไว้ก็จะแย่เลยนะ ใจนึงผมกังวลมากแต่อีกใจก็พร่ำบอกว่าเรื่องมันยังไม่เกิดขึ้นเลย เราจะแพนิกในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นไปก่อนทำไม เพราะแบบเนี้ยะ สติถือว่าสำคัญมากจริงๆ ผมต้องเชื่อใจในตัวพี่แช่มให้มากๆ ผมต้องเชื่อว่าเขาจะสู้กับภาวะทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นได้

การอยู่เคียงข้างเขา....เป็นหน้าที่ของผม

“เมื่อยไหมพี่แช่ม ให้หอมขับแทนไหม”

“ไม่เป็นไร พี่ขับไม่กี่ชั่วโมงเอง น้องหอมขับมาตั้งเกินครึ่งทาง”

“เกือบพาหลงด้วย” ผมหยิบถุงขนมมาแกะก่อนจะป้อนให้คนที่ขับรถอยู่ “ง่วงไหม”

เจ้าตัวส่ายหน้าเบาๆ “น้องหอมล่ะ”

“ก็นิดหน่อย แต่ใครจะหลับลงล่ะจริงไหม” มีเรื่องวุ่นวายใจอยู่เต็มไปหมด

“เป็นอะไร เครียดเหรอ” มือเรียวเลื่อนมาลูบที่ท้ายทอยผมแล้วบีบเบาๆ เหมือนเชิงให้ผ่อนคลาย “พี่บอกน้องหอมว่าอะไร ลืมไปแล้วรึไง”

“ไม่ได้ลืมแต่มันแบบ....ไม่รู้อะ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พี่รู้ใช่ไหมว่าความคิดและความรู้สึกของคนเรามันห้ามกันไม่ได้”

“พี่รู้”

“นั่นแหละ เพราะแบบนั้น หอมถึงได้เป็นแบบนี้ไง แต่ว่าหอมก็รู้ตัวนะว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ รู้ว่ามันจะส่งผลดีหรือผลเสียมากน้อยแค่ไหน รู้ว่าตัวเองต้องจัดการกับมันยังไง พี่แช่มไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“ต้องห่วงสิ” เขาจับมือผมขึ้นไปจูบเบาๆ “แฟนพี่ทั้งคน”

ตึกตัก

แบบนี้ข้าวหอมก็เกมอะดิ

“พี่นี่มันจริงๆ เลยนะ”

“ทำไม เขินเหรอ”

“ใครจะไม่เขินล่ะ” ผมทำแก้มป่องใส่เขา ชอบนักล่ะเรื่องทำให้ผมเขินน่ะ

พี่แช่มเปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับหลังจากที่เป็นแฟนกันน่ะ แล้วยิ่งพอทำเรื่องแบบนั้นด้วยกันไปแล้วเขาก็ยิ่งหวานเลี่ยนมากขึ้นไปอีก ผมชอบนะแต่ว่ามันก็เขินอะ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเอาหน้าร้อนๆ ไปซุกไว้ที่ไหนดี แล้วแฟนผมเนี่ยะ เขาเป็นประเภทพูดจาอ่อนโยนทั้งๆ ที่หน้านิ่งเป็นหินอะ เรียกได้ว่าพูดออกได้ธรรมชาติจนคนฟังไม่ได้ตั้งตัวเลยทีเดียว เมื่อก่อนเขาจะออกแนวหยอดด้วยมุกห้าบาทสิบบาทแล้วทำหน้าทะเล้นซะมากกว่า

เวลาเปลี่ยนคนได้จริงๆ นั่นแหละ

ส่วนผม....ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่เลยนะ อาจจะมีความเป็นห่วงในตัวพี่แช่มมากขึ้นและก็คงเป็นเรื่องลดความงี่เง่าหรือชอบคิดอะไรเสียดแทงใจตัวเองล่ะมั้ง เมื่อก่อนผมอยู่กับความไม่ชัดเจน ความครึ่งๆ กลางๆ เหล่านั้นมันทำให้คิดฟุ้งซ่านมากเลยนะ แต่พออะไรๆ มันลงตัวแล้ว ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องคิดเรื่องที่บั่นทอนใจตัวเอง ทุกวันนี้ก็ถือว่าดีแล้วแหละสำหรับผมน่ะ

เหลือแค่เรื่องอาการป่วยของพี่แช่มเท่านั้นเอง

“ถึงแล้วเหรอ” ผมเอ่ยถามหลังจากที่พี่แช่มเลี้ยวเข้ามาในทางๆ นึง ด้านหน้าเมื่อกี๊เหมือนเห็นป้ายชื่อสวนแวบๆ

“ใช่ อันนี้เป็นสวนปาล์มของลุงเชต ส่วนสวนยางบ้านพี่ถัดจากนี้ไปประมาณ 5 กิโลฯ ”

“พี่ตื่นเต้นไหม”

“นิดหน่อย” เจ้าตัวกระชับมือที่กุมกันเอาไว้ให้แน่นขึ้น “พี่เตรียมใจไว้พอสมควรเลย ความรู้สึกมันเยอะไปหมด ผสมปนเปจนสับสนเหมือนกัน”

“ไม่เป็นไรนะพี่แช่ม เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง”

“นั่นสินะ นี่ไงถึงละบ้านของลุงเชต” ร่างสูงบอกก่อนจะจอดรถที่หน้าบ้านหลังนึง

ผมมองไปด้านหน้าก็พบบ้านทรงประยุกต์หลังใหญ่ที่สวยมาก ตัวบ้านเป็นปูนกึ่งไม้ บริเวณรอบๆ ถูกตกแต่งด้วยต้นไม้เต็มไปหมด ดูร่มรื่นมากเลยล่ะ เห็นบ้านลุงเชตแล้วก็อยากเห็นบ้านพี่แช่มเหมือนกันนะ อยากรู้ว่าบ้านเขาจะเป็นยังไง

“ไปกันเถอะ” เขาบอกก่อนจะลงไปจากรถ ผมก็ถือของเดินตามลงมา แดดตอนนี้คือโคตรร้อนมาก ไม่อยากนึกถึงตอนไปดูเขาทำแผนกันเลย

คนจะเยอะไหมวะ

“มากันแล้วเหรอ”

“สวัสดีครับลุงเชต” พวกเรายกมือไหว้คนที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้าน “เขาทำแผนกันกี่โมงเหรอครับ”

“อีกครึ่งชั่วโมง ข้าวหอมจะไปกับลุงใช่ไหม”

ผมพยักหน้ารับ “ครับ ถ้าทำแผนเสร็จค่อยไปเจอกันที่สถานีตำรวจ”

“โอเค” ลุงเชตเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะยกมือแตะไหล่พี่แช่ม “ลุงดีใจนะที่เห็นเราอยู่ตรงนี้น่ะ ทุกคนก็น่าจะดีใจเหมือนกัน”

“ขอบคุณสำหรับหลายปีที่ผ่านมานะครับลุงเชต”

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ไปพักเถอะ เดี๋ยวเจอกันอีกที”

“ครับ” พี่แช่มรับคำก่อนจะเดินถือกระเป๋าเข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็เดินมากับลุงเชตเพื่อที่จะไปบ้านพี่แช่ม

คนขี้เมาบอกว่าสวนยางบ้านเขาเป็นที่ต้องการมาก มีคนมาติดต่อขอซื้อหลายครั้งตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเด็ก แต่พ่อของพี่แช่มไม่คิดจะขาย เพราะแบบนั้นก็เลยกลายเป็นว่ามีปัญหากับผู้อิทธิพลในตอนนั้น ไปๆ มาก็เกิดเหตุรุนแรงที่มีคนส่งมือปืนมาฆ่าคนทั้งครอบครัว นึกถึงเรื่องนี้ทีไรใจก็หดหู่ ยังเด็กกันอยู่เลยนะสองพี่น้องในตอนนั้น แล้วต้องมาเสียพ่อกับแม่ไปต่อหน้าต่อตาด้วยเหตุผลที่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แย่มากจริงๆ

พอพ่อแม่พี่แช่มเสีย มรดกทุกอย่างก็กลายเป็นของเขากับชะเอม ที่ดินของสวนยางเป็นของพี่แช่มทั้งหมด ส่วนที่ดินส่วนของทุ่งกว้างด้านหลังสวนเป็นของชะเอม คนขี้เมาเล่าให้ฟังว่าเขากับน้องสาวชอบไปที่นั่นประจำ มันเป็นทุ่งดอกหญ้าที่กว้างมาก ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ มีชิงช้าผูกเอาไว้ใต้ต้นพญาเสือโคร่งด้วย คนเป็นพี่จะชอบเก็บดอกหญ้ามาร้อยเป็นมงกุฎและสวมหัวให้น้องสาว

ตัดภาพไปที่ผมกับข้าวก้อง

วิ่งไล่ทุบกันรอบบ้าน

แต่อย่างว่านะ บ้านนั้นเขาเป็นพี่ชายกับน้องสาวไง ส่วนบ้านผมมันผู้ชายทั้งคู่แถมยังเป็นฝาแฝดกันอีก จนถึงตอนนี้ก็ยังเถียงเรื่องตอนเกิดได้อยู่ตลอด คือรักกันนะไม่ใช่ไม่รักกันแต่แบบเรื่องแสดงความอ่อนโยนน่ะไม่มีทาง เพราะแบบนี้เวลาที่พี่แช่มเล่าเรื่องน้องสาวของตัวเอง ผมถึงรู้สึกว่ามันน่ารัก น่าเอ็นดูไปซะหมด แถมเวลาที่เขาเล่า รอยยิ้มที่ปรากฏให้เห็นก็ทำให้ผมรู้สึกดีเอามากๆ

มันบ่งบอกว่าเขากำลังมีความสุข

“อาการแช่มเป็นยังไงบ้าง”

“ดีขึ้นเยอะครับ ตั้งแต่ที่เขาพูดถึงชะเอมได้ เขาก็นอนหลับได้มากขึ้น ถึงบางคืนสะดุ้งตื่นมากลางดึกแต่มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเขาได้เห็นตัวคนร้ายมันจะเป็นยังไง กับเรื่องนี้ผมยังกังวลอยู่เลย”

“คนร้ายในคดีนี้มันชื่อไอ้คม มันเคยเป็นคนงานกรีดงานของสวนยางข้างๆ สวนของแช่มนั่นแหละ ตอนที่ลุงฟังคำรับสารภาพมันบอกว่าวันนั้นมันมากินแหล้ากับเพื่อนคนงานในสวน เมาแล้วเห็นชะเอมกลับมาบ้านพอดี ก็เลย....นั่นแหละ”

“เลวร้ายมากจริง”

“ใช่ จิตใจมันหยาบช้ามาก ตอนที่เล่าเรื่องพวกนั้นมันก็ไม่สะทกสะท้านเลยนะ แล้วก็บอกว่าที่ตัดสินใจฆ่าชะเอมก็เพราะว่าเธอร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด มันรำคาญ” พอได้ยินแบบนั้นผมก็กำมือแน่นทันที อา....เอาจริงๆ คนแบบนี้ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อด้วยซ้ำ เลวจนไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาบรรยาย

“แล้วเรื่องโทษล่ะครับลุงเชต มันจะหนักถึงขั้นไหน”

“คงหนักเอาเรื่อง เพราะทั้งข่มขืนและฆ่า อีกอย่างคือชะเอมอายุแค่ 15 เอง ยังผู้เยาว์อยู่เลย ลุงก็หวังว่ามันจะได้รับโทษสูงสุดเหมือนกัน คนแบบนี้ปล่อยให้มีชีวิตไปก็เป็นอันตรายต่อสังคม แต่ขำเหมือนกันนะที่มันถูกจับเพราะคดีขนยาเสพติด”

“กรรมมันตามทันแล้วไงครับ ถ้าชะเอมได้รับรู้ เธอคงสบายใจ”

“ลุงก็คิดแบบนั้นแหละ”

ใช้เวลาไม่นานลุงเชตก็เลี้ยวรถเข้าไปในเขตของสวนยางอัญวานิชณ์ มันเป็นชื่อนามสกุลของพี่แช่มครับ ตลอดทางเข้าผมเห็นมีรถจอดเต็มไปหมด มีรถตำรวจอยู่หลายคันด้วย ลุงเชตขับเข้ามาจนถึงสุดเส้นกั้นที่ตำรวจเขาจัดเอาไว้ ด้านหน้ามีตำรวจเยอะพอสมควรเลย ด้านหน้าผมเป็นบ้านปูนสองชั้นหลังใหญ่พอสมควร สภาพบ้านไม่ได้ดูเก่าเลย ลุงเชตน่าจะคอยดูแลให้ตลอดตอนที่พี่แช่มไม่อยู่

บ้านเขาสวยมากเลยจริงๆ

ผมเดินตามลุงเชตลงมา เห็นมีคนยืนอยู่นอกเส้นกั้นเยอะเลยครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกคนงานและชาวบ้านในละแวกนั้น ตอนที่คุยกับลุงเชตเรื่องคดีของชะเอม เขาบอกว่าตอนนั้นเป็นข่าวดังเลยล่ะ คือใกล้สวนยางนี้เป็นตลาด พวกพ่อค้าแม่ค้าเขาคุ้นเคยกับครอบครัวพี่แช่มตั้งแต่สมัยพ่อแม่เขานั่นแหละ พอตอนที่ชะเอมตาย พวกเขาก็เสียใจกันมากเพราะเขามองว่าเป็นลูกหลานของพวกเขา

ผมเข้าใจความรู้สึกเลย

เหมือนกับว่าพี่น้องสองคนนี้จะแวะเดินตลาดก่อนกลับบ้านด้วยกันทุกวัน คุ้นเคยกับทุกคนมาตั้งแต่เด็กๆ โตมาคนนึงก็ถูกฆ่า ส่วนอีกคนก็ป่วยจนเสียความเป็นตัวเองไป ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกโกรธแค้นคนที่ทำเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้นมา ผมเข้าใจเลยว่าเส้นกั้นมาที่อยู่ตรงนี้คงเอาไว้เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ผู้ร้าย ผมคิดว่างั้นนะ ตอนนี้ตำรวจน่าจะทำแผนกันอยู่ในบ้าน

“สวัสดีครับคุณเชต”

“สวัสดีครับน้าป้อม เขาทำแผนกันอยู่ใช่ไหมครับ”

“ใช่ครับ ผมเห็นหน้าไอ้คนร้ายแล้วอยากจะฆ่ามันจริงๆ ทำแบบนั้นกับคุณหนูได้” ลุงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น เรียกชะเอมว่าคุณหนูแบบนี้ เขาน่าจะเป็นคนงานของสวนยางล่ะมั้ง

“เดี๋ยวมันก็ได้รับโทษของมันแล้วล่ะน้าป้อม”

“นั่นสินะครับ หลายปีแล้วที่คุณแช่มไม่กลับมาที่นี่ เขาสบายดีไหมครับ”

“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ” ลุงเชตยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะหันมองผม “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

“ครับ” ผมรับคำก่อนจะเดินตามหลังลุงเชตมาในบ้าน ตำรวจยืนล้อมรอบโซฟาในห้องรับแขกเต็มไปหมดเลยครับ ตรงนี้คงเป็นสถานที่ก่อเหตุแน่ๆ เลย

“สวัสดีครับคุณเชต” นายตำรวจคนนึงยกมือไหว้ “กำลังทำแผนเลยครับ”

“เรียบร้อยดีใช่ไหมสารวัตร”

“ครับ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือถึงแม้จะกวนประสาทมากไปหน่อยก็เถอะ มองจากรูปคดีน่าจะโดนหนักเอาตัว”

“สมควรแล้วล่ะ”

ผมมองผู้ชายคนนึงที่อยู่กลางวงล้อมตรงนั้น นั่นคงเป็นไอ้คมที่ลุงเชตบอก หน้าตาน่ากลัวมากครับ อายุน่าจะประมาณเกือบ 40 แล้วล่ะ สายตาดูไม่สะทกสะท้านจริงๆ เห็นแบบนี้แล้วหงุดหงิดใจชิบ มันไม่รู้เหรอว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันเลวร้ายมากแค่ไหนต่อชีวิตของใครหลายคน ไม่ใช่แค่กับตัวผู้เสียชีวิต แต่คนในครอบครัวของเขาก็ต้องทนทุกข์เหมือนกัน

จิ๊....ผมรู้สึกโกรธมากจริงๆ

ใช้เวลาอีกสักพักในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องขั้นตอนเท่าไหร่ ลุงเชตจะเป็นคนจัดการทั้งหมด ในระหว่างที่เขาทำแผนกัน ลุงเชตพาผมเดินดูไปรอบๆ บ้านพี่แช่มพร้อมกับเล่าเรื่องที่เขาพอจะรู้ให้ฟัง รวมถึงเรื่องกิจการสวนยางของครอบครัวพี่แช่มด้วย เขาเป็นคนจัดการส่วนตรงนี้ให้ทั้งหมด ช่วงที่ราคายางตกต่ำ เขาก็เป็นคนหาทางแก้ไขปัญหาในส่วนนั้นให้ มีลูกน้องหลายคนที่เขาไว้ใจคอยช่วยเหลือ อย่างลุงคนเมื่อกี๊ที่ชื่อป้อม เขาก็เป็นหัวหน้าคนงาน

แกเป็นคนช่วยดูแลเรื่องบ้าน

ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีใครอยู่แต่ก็จะมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุกวัน ทุ่งหญ้าท้ายสวนก็ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีการปล่อยรก คือทุกคนที่นี่ทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อรอเจ้าของบ้านกลับมาและสานต่อทุกอย่างที่เป็นของครอบครัวเขา จากที่น้าป้อมพูดนั่นก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาคงรักและเป็นห่วงพี่แช่มมาก ถ้าพี่แช่มกลับมาที่นี่ พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆ

ป่านนี้คนขี้เมาจะทำอะไรอยู่นะ

“แผนทำเสร็จแล้วนะครับคุณเชต เดี๋ยวเราจะเอาตัวผู้ต้องหากลับไปโรงพัก”

“โอเคครับสารวัตร” เขารับคำก่อนจะหันมองผม “ไปกันเถอะหอม เมื่อกี๊ลุงไลน์หาแช่มแล้วว่าให้เจอกันที่โรงพัก”

“ได้ครับ”

“เราก็ไปกันเถอะ” สิ้นเสียงลุงเชต ผมก็เดินตามเขาไป ช่วงเวลาที่น่ากลัวใกล้มาถึงแล้วครับ ผมต้องตั้งสติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาน่ะ เรามีตำรวจทั้งโรงพักคอยห้ามทัพอยู่

รถของเราตามรถตำรวจมาเรื่อยๆ จนถึงโรงพัก ผมเห็นรถของตัวเองจอดอยู่ด้านในด้วย ร่างสูงยืนอยู่ด้านข้างนิ่งๆ พอคิดได้แบบนั้นผมจึงลงจากรถก่อนจะเดินไปหาเขา พี่แช่มมองรถตำรวจไม่วางตา มือเรียวกำแน่นมากเหมือนกำลังข่มใจอยู่ ผมลูบแขนเขาเบาๆ เชิงให้ผ่อนคลาย เจ้าตัวเลื่อนมาจับมือผมก่อนจะพาเดินเช้าไปด้านในของสถานีตำรวจก่อนจะเข้าไปในห้องๆ นึงซึ่งมีผู้ต้องหานั่งอยู่อีกฝั่ง

มือของพี่แช่มออกแรงบีบเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลย

ตัวเขาก็กำลังสั่น

ดวงตาคมมองคนตรงหน้านิ่งๆ สีหน้าแสดงความโกรธแค้นออกมาชัดเจน ไอ้ชั่วนั่นก็ยังไม่รู้สึกรู้สา ทำหน้าทำตาเหมือนไม่สนใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป เห็นแล้วน่าหงุดหงิดโคตรๆ เลย แต่จะว่าไปยังโอเคอยู่นะที่พี่แช่มไม่ได้คลั่งจนกระโจนไปฆ่าไอ้คมตายซะก่อน พอรู้อยู่หรอกว่าเขาอยากทำแบบนั้นมากแค่ไหน

“เป็นไรนะพี่แช่ม”

ร่างสูงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะคลายแรงบีบที่มือลง “....ไม่เป็นไร”

“แช่ม.....ชื่อนี้คุ้นๆ นะ” คนที่ถูกใส่กุญแจมือด้านหน้าเอ่ยขึ้น “อ๋ออออ....นึกออกแล้วว่าเคยได้ยินจากไหน”

“คิดจะพูดอะไรก็ระวังหน่อยนะนายคม” สารวัตรบอกขึ้นมาก่อน แต่เหมือนกับว่าไอ้คมจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด

“ก็แค่จะพูดความจริงเท่านั้นเองน่ะสารวัตร” ไอ้ชั่วนั่นยกยิ้มมองพี่แช่ม “อยากรู้ไหมล่ะว่าฉันรู้ชื่อแกได้ยังไง”

“.....”

“เพราะว่าวันนั้น....ผู้หญิงคนนั้น”

“นายคม!!!!”

“มันร้องหาแกไม่หยุดตอนที่ถูกฉันข่มขืน”

“.....”

“เรียกชื่อแกจนหมดลมหายใจ”

“....น้องหอม” พี่แช่มจับที่ข้อมือผมที่ปิดหูเขาเอาไว้ทั้งสองข้างเบาๆ ผมสัมผัสได้ถึงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงมากๆ รับรู้ถึงความโกรธที่มันเอ่อออกมาจากคำพูดนั้น

นี่มันเกินไป....เกินไป

“ผมว่าให้คุณแช่มออกไปก่อนดีกว่านะครับ ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง” หลังจากที่สารวัตรเอ่ยบอกแบบนั้นผมก็รีบลากร่างสูงออกมาจากห้องทันที

ผมรู้ว่าถ้าพี่แช่มได้ยินมันจะแย่มากแค่ไหน ผมรู้ว่าเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และสิ่งที่ตั้งใจทำกันมาตลอดมันจะต้องกลับไปเริ่มใหม่ซึ่งผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว กลับกันดูเหมือนว่าคำพูดจากเหตุการณ์เมื่อกี๊จะทำให้ผมเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ใช่ ผมกำลังหายใจแรงอย่างผิดปกติเพราะความโกรธที่มากเกินไป มือผมสั่น เหงื่อผมออกไม่หยุด

หน้ามืด

หน้ามืดไปหมด

“เป็นอะไรรึเปล่าน้องหอม ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ” ร่างสูงเอ่ยถามพลางกุมแก้มผม “เมื่อกี๊มันพูดอะไร”

ผมส่ายหน้าเบาๆ “อย่า....สนใจเรื่องนั้นได้ไหม”

“น้องหอม”

“พี่แช่ม” ผมดึงเขามากอดเอาไว้ “ฮึกกก....คนเก่งของหอม” ผมซบหน้าลงกับไหล่เขาอยู่อย่างนั้น เรื่องที่ไอ้ชั่วนั่นพูด ต่อให้ตาย เขาก็ต้องไม่รับรู้เรื่องนี้

อะไรก็ตามที่จะทำให้เขาเสียใจ....ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น

“มันแย่ขนาดนั้นเลยใช่ไหมน้องหอม” มือเรียวลูบหัวผมเบาๆ “ไม่เป็นไรนะ....ไม่เป็นไร”

“ฮืออออ....”

“น้องหอม”

“ฮึกกกก....”



***

   

แบดเดย์

เบียร์เท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาเราได้

พูดไปงั้นแหละ

ผมนั่งดูดน้ำผักอยู่ที่ระเบียงห้องนอนในบ้านลุงเชต เหตุการณ์เมื่อบ่ายที่ไปสถานีตำรวจกับพี่แช่มมาคือวายป่วงมาก ผมโกรธและร้องไห้จนแสบตาไปหมด ดูไม่จืดแต่ว่าช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องนึกถึงมันอีก คนที่ทำร้ายชะเอมก็จะได้รับโทษที่ตัวเองได้ก่อ มันจะได้ชดใช้ในสิ่งที่มันทำ ผมกับพี่แช่มก็ต้องสานเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ให้เสร็จ จะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับวันพรุ่งนี้เนี่ยแหละ

หวั่นใจไปหมดเลย

“เป็นยังไงบ้างน้องหอม” ร่างสูงเดินเข้ามาหาผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ “โอเคขึ้นรึยัง”

“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ พี่ล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นอะไรเลยเพราะคนที่รับความเศร้าทั้งหมดไปคือน้องหอมไง” มือเรียวลูบหัวผมเบาๆ ดูพูดเข้า แน่ล่ะ ถ้าผมไม่รับมันมาแล้วเขากลับไปประสาทแดกอีกรอบ ผมต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ

“ไม่เท่าไหร่หรอก” ผมขยับเข้าไปนั่งพิงอกพี่แช่มพลางดูดน้ำผักต่อ “พรุ่งนี้พี่จะได้กลับไปที่บ้านของตัวเองแล้ว”

“ตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน พี่ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือแย่ แต่จะพยายามอดทน”

“เอาเท่าที่ไหว หอมว่าพี่ทำได้อยู่แล้ว” ผมเงยหน้ามองเขา “รู้ไหมว่าทุกคนที่นั่น รอให้พี่กลับไปหานะ”

“พี่รู้....พี่มีคำสัญญาเยอะแยะเลยที่ต้องกลับไปทำ พี่ดีใจนะที่ตรงนี้ไม่ได้มีพี่แค่คนเดียว”

“หอมก็ดีใจที่ได้อยู่กับพี่ตรงนี้เหมือนกัน” ผมกอดพี่แช่มเอาไว้แน่น “สู้ๆ นะครับ กำลังใจของคุณอยู่ตรงนี้แล้ว”

“มีแรงฮึ้ดขึ้นมาเป็นร้อยเท่าเลย” เจ้าตัวจุ๊บหัวผมก่อนจะยิ้มหวาน เห็นแบบนี้แล้วค่อยมั่นใจในเรื่องที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้หน่อย

บ้านของพี่แช่มที่ผมเห็นในวันนี้ ถ้าเราไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในนั้นก็จะรู้สึกได้เลยว่ามันน่าอยู่มาก ธรรมชาติรอบๆ วิว ทิวทัศน์ต่างๆ นั้นสวยงามมากจริงๆ คราบเลือดที่เคยเปื้อนมันทำให้บ้านหลังนั้นดูหม่นหมอง แล้วยิ่งเจ้าของไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วด้วย ผมหวังว่าพรุ่งนี้มันจะเป็นวันที่ดีของคนที่ผมรัก ผมอยากให้เขากลับบ้านตัวเองและไม่รู้สึกแย่กับมันอีก ทำตามคำสัญญาที่เขาให้กับน้องสาวของเขาให้เสร็จ

กลับไปเป็นตัวเองคนเดิมที่อดีตจะไม่ทำให้เจ็บปวดอีก

ทุกเรื่องราวในอดีตควรเป็นแค่ความทรงจำครับ จริงอยู่ว่าเราอาจจะมีความรู้สึกร่วมกับมัน แต่ถ้าเราเก็บแต่ความทุกข์ใจ ความเศร้า ความเจ็บปวด มันจะมีความหมายอะไรจริงไหม ให้สิ่งที่อยู่ในความทรงจำมีแค่ความสุขก็พอ อย่างน้อยเวลาที่ย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นมันก็ทำให้เรายิ้มได้ ผมอยากให้พี่แช่มมีความสุขและคิดถึงแต่ช่วงเวลาดีดีที่เขาเคยใช้กับครอบครัว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เขาเคยเผชิญมา

หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันของเรา

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปดูข้อความแจ้งเตือนในไลน์จากบรรดาเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเป็นห่วงผมและก็ถามถึงอาการของพี่แช่ม รู้สึกดีนะที่เหล่าสหายเป็นห่วงกันมากขนาดนี้ ใจชื้นขึ้นเยอะเลยล่ะ อะไรก็ตามที่เราจะเจอในวันพรุ่งนี้ขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดี....ทุกๆ อย่างเลย

   



Kh. @KhH22_luc

ถ้ามีเราแล้ว....จะไม่มีอะไรน่ากลัวทั้งนั้น เชื่อผมนะ

   

#CloverBad












TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งแช่มหอมแล้ว ขอโทษด้วยที่ทำให้รอกันนานเลยนะคะ

ช่วงที่หายไปมีอะไรเกิดขึ้นเยอะจริงๆ ต้องชี้แจงให้บี๋ฟังเรื่องที่ชาลเริ่มรักษาโรคซึมเศร้านะคะ เดิมทีชาลเป็นแค่แพนิกแต่ว่าไปพบจิตแพทย์ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเขาบอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าและต้องเริ่มกินยา ยามันรุนแรงมากสำหรับชาล เอฟเฟ็กต์ต่างๆ มันแย่มาก ไม่ได้ไปทำงาน 1 อาทิตย์เต็มๆ เลยค่ะเพราะสภาพไม่ไหว แต่คิดว่าหลังจากนี้ก็อาจจะดีขึ้น อยากให้บี๋รอนิยายกันอย่างใจเย็นน้า

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบบบ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำผิดแล้วยังไม่สำนึก มันน่า.......  :z6:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
กลับบ้าน
[/b]



Kh. @KhH22_luc

เข้มแข็งเอาไว้นะคนเก่งของผม ถ้าเกิดอะไรขึ้นในใจของคุณ

รู้เอาไว้นะว่าผมอยู่ตรงนี้


   

#CloverBad



   

“พร้อมไหม”

“ถึงตอนนี้พี่คงต้องพร้อมแล้วล่ะ”

“นั่นสินะ”

ดีแล้วที่เขาพร้อมแต่เหมือนผมจะไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่เลย

หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกอึดอัด

ผมมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้รถเรามาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของพี่แช่มครับ ใช้เวลาทำใจกันนานพอสมควรกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ เอาจริงๆ คนที่ใช้เวลาทำใจนานไม่ใช่พี่แช่มนะ แต่เป็นผมนี่แหละ พอคิดว่าถึงเวลาที่ต้องมาแล้วมันก็รู้สึกแปลกๆ กังวลหลายเรื่องมากด้วย ในหัวผมมีแต่ความคิดน่ากลัวทั้งนั้นเลย ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแต่สุดท้ายแล้วถ้ามันจะเกิด เราก็ห้ามอะไรไม่ได้ป้ะวะ

หายใจเข้าลึกๆ ก่อนข้าวหอม

ฟู่วววว....

ไม่ได้รู้สึกโล่งขึ้นสักนิดเดียว

“หายใจแรงจังล่ะ”

“ได้ยินเหรอ”

“ใช่สิ” มือเรียวควานหามือผม “น้องหอมโอเคนะ”

“ทำไมพี่ถึงเป็นคนใช้คำถามนี้ถามหอมกันนะ” ผมจับมือเขามาแนบแก้มตัวเอง “หอมอดกังวลไม่ได้เลยพี่แช่ม หอมรู้ว่าตอนนี้พี่โอเคขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแต่ว่ามันก็นะ.....พี่ห้ามให้หอมไม่เป็นห่วงพี่ไม่ได้หรอก”

“พี่รู้ รู้ดีว่ามันอาจจะยากในการเข้าไปอยู่ตรงนั้น แต่ก็เตรียมใจมาแล้วน่ะนะ อีกนิดเดียวเอง ถ้ามันดีทุกอย่างที่เคยเลวร้ายมันก็จะจบลง”

“แล้วถ้ามันแย่ล่ะ”

“เรามีเวลาทั้งชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่เพื่อสู้กับมันใช่ไหมล่ะ เมื่อก่อนพี่รู้สึกกลัวเพราะพี่ไม่เหลือใคร แต่ตอนนี้มันไม่ใช่” นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “พี่มีน้องหอมอยู่ตรงนี้ด้วยกัน มันคงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ที่พี่จะพยายามอดทนผ่านช่วงเลวร้ายไปให้ได้ ที่สำคัญ....ถ้าพี่แพ้มัน พี่ก็จะพาน้องหอมไปไหว้พ่อกับแม่ไม่ได้สักที”

นั่นสินะ....เป็นอย่างที่เขาพูด

“หอมเข้าใจแล้ว” ผมจุ๊บที่หลังมือเขา “งั้นเราไปกันเถอะ” ว่าแล้วผมก็ลงจากรถก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้พี่แช่ม

ร่างสูงมีผ้าผูกตาปิดเอาไว้ครับ ผมเป็นคนเสนอให้เขาทำแบบนี้เอง จุดแรกที่ผมอยากให้เขาได้เห็นก็คือตรงห้องรับแขกที่เขากลับมาแล้วเจอน้องสาวตัวเองนั่นแหละ สำหรับเรื่องที่เราจะทำ ผมปรึกษากับหมอนวัตรแล้ว การรักษาโดยการเลือกเผชิญกับสถานที่หรือเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุของอาการป่วยถือว่าเป็นวิธีการที่ควรทำนะ ถ้าเขาสามารถอดทนกับมันและผ่านไปได้ก็ถือว่าจบ

อาจจะมีประสาทแดกบ้างเป็นบางครั้งแต่มันจะไม่ร้ายแรงอีกแล้ว

“ระวังนะพี่แช่ม ตรงนี้เป็นบันไดหน้าบ้าน”

“พี่จะล้มไหมอะ”

“ไม่ล้มหรอกถ้าเดินระวังๆ น่ะ”

“แล้วถ้าพี่ล้มแล้วคอหักล่ะ” เจ้าตัวถามพลางชะงักขาเอาไว้ที่ก้าวแรก คือบันไดขึ้นบ้านมันมีแค่ 4 ขั้นไง ถ้าจะล้มแล้วคอหักตรงนี้มันก็เป็นเว่อร์ไปหน่อยไหมล่ะ

“ถ้าสะดุดล้มคอหักล่ะก็ หอมก็จะปล่อยให้พี่เป็นวิญญาณสิงอยู่ตรงบันไดหน้าบ้านนี่แหละ และหอมก็จะไปมีผัวใหม่ซะ”

“กล้าพูดมากเลยนะข้าวหอม” มือเรียวบีบมือผมแน่นพลางทำเสียงเข้ม “เดี๋ยวจะโดนพี่ฟาดที่หน้าบ้านนี่แหละ”

“ก็มาดิครับ คิดว่ากลัวอ๋อ” ผมบีบแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว ถึงตอนนี้จะมีผ้าปิดตาบังหน้าพี่แช่ม แต่ผมรับรู้เลยว่าเจ้าตัวกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ ดีไม่ดีถ้าเสร็จจากเรื่องที่เราทำกัน ผมอาจจะโดนพี่แช่มลงโทษสถานหนักเลยก็ได้

หึ....คิดว่าข้าวหอมคนนี้จะกลัวเหรอ

“เดี๋ยวจะโดนนะ พี่คาดโทษน้องหอมเอาไว้แล้ว ถ้าพี่มีชีวิตรอดไปจากวันนี้ได้ พี่จะจัดการน้องหอม”

“หอมจะรอให้พี่มาจัดการหอมละกันนะ” หลังจากที่เถียงกันเรื่องล้มตรงบันไดจบ ผมก็เดินพาพี่แช่มเข้ามาในบ้านเรื่อยๆ จนถึงห้องรับแขกที่ใช้เป็นสถานที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

สัมผัสได้ถึงอาการหายใจแรงๆ จากคนที่อยู่ข้างๆ เขารับรู้แล้วแหละว่าเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว พอเห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกกังวลเหมือนกัน แต่เอาวะ เรามากันถึงขนาดนี้แล้วอะ จะถอดใจยอมถอยก็ไม่ได้แล้วแหละ ผมหวังว่าพี่แช่มจะผ่านมันไปได้ เหมือนอย่างที่เขาพูดว่าจะพยายามอดทน ถ้าสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาปวดเจ็บไม่ได้อีก หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรต้องน่ากังวลใจอีกแล้ว

เราจะได้ไหว้พ่อแม่ของเขากัน

ผมปล่อยมือจากพี่แช่มก่อนจะถอยหลังกลับมาอยู่ตรงทางเข้าห้อง ร่างสูงเดินเข้าไปในบริเวณโต๊ะและโซฟาช้าๆ ตาเขายังปิดอยู่อย่างนั้น มือเรียวสัมผัสสิ่งรอบๆ ตัวเขาไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ โซฟา หรือแม้กระทั่งพรมที่ปูอยู่บนพื้น มือเขาสั่นมากเลย เหงื่อผุดเต็มใบหน้า หายใจแรงไม่หยุด ดูจากตรงนี้แล้วเหมือนเขาจะไม่ไหวเลย ก่อนหน้านี้เราตกลงกันว่าถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายเรียกผม ผมก็จะไม่เข้าไปหาเด็ดขาด

ชริตเป็ดเขาอยากพยายามด้วยตัวเองให้ถึงที่สุดนนั่นแหละ

“โซฟาตัวนี้ที่หนูชอบนั่ง ให้พี่สอนการบ้าน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นที่ของพ่อกับแม่ แต่หนูคงจำตอนนั้นไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอกมั้ง ตอนนั้นหนูยังเด็กอยู่เลย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า ตอนนี้ในหัวเขาคงมีความทรงเก่าๆ ไหลเข้ามาไม่หยุดเลยก็ได้ ในใจก็คงรู้อะไรหลายอย่าง

ผมเป็นห่วงเขาจัง

“.....”

“....พี่เคยนอนตรงนี้แล้วสวมบทคนไข้เพื่อให้หนูรักษาด้วย หนูใช้ดินสอแทนเข็มฉีดยา ใช้ยางรัดผมมามัดแขนพี่ บัตรคนไข้ที่หนูเคยทำให้ พี่ยังเก็บมันเอาไว้ตลอดเลยรู้ไหม แต่น่าเสียดายที่พี่ไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกแล้ว”

“.....”

“ฮึก....ชะเอม” มือเรียวรั้งผ้าปิดตาออกช้าๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ “ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วย ทำไมถึง.....”

“พี่แช่ม”

“ฮืออออ....ชะเอม” พี่แช่มยกมือกุมขมับก่อนจะฟุบหน้าลงกับโซฟาแล้วร้องไห้อยู่อย่างนั้น ผมอยากเข้าไปกอดเขาพร้อมบอกว่าไม่เป็นไรนะ อยากให้เขาเข้มแข็งเอาไว้ สิ่งที่เขาทำอยู่มันดีที่สุดแล้ว

แค่อีกนิดเดียวมันก็จะผ่านไปแล้ว

“.....”

“ฮึกกก....ก พี่ขอโทษนะชะเอม ขอโทษที่ไม่มาให้ไวกว่านี้ ขอโทษที่ทำให้หนูต้องรอนาน พี่พยายามแล้วที่จะกลับมา พี่พยายามแล้วจริงๆ ฮือออ....ชะเอม”

“.....” ดูจากอาการเขาแล้วมันไม่ค่อยโอเคเลย ผมรู้สึกปวดหัวใจมากที่เห็นเขานั่งร้องไห้แล้วตัวเองทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ก็นะ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ มันคือสิ่งที่เขาต้องก้าวผ่านไปให้ได้ด้วยตัวเอง

อดทนอีกหน่อยนะพี่แช่ม

“ถ้าไอ้เลวนั่นไม่ทำแบบนั้น พี่ก็ไม่ต้องเสียหนูไปแล้ว ฮึก....ฮือออ....ทำไมมันต้องทำแบบนั้นด้วย...ฮือออ....ทำไม!!!!!!!!!” ร่างสูงปัดแจกันบนโต๊ะไปอีกฝั่งจนมันแตกกระจ่างเป็นเสี่ยงๆ มือหยิบหมอนบนโซฟาขว้างไปอีกทาง

เขากำลังคลุ้มคลั่ง

แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“ฮืออออ....มันไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้เลย....ฮึก....ไม่น่าเลย” พี่แช่มพูดซ้ำๆ อยู่แบบนั้น มือก็จิกแขนตัวเองแน่น “ฮึก....พี่ขอโทษนะชะเอม ขอโทษที่ช่วยหนูเอาไว้ไม่ได้ พี่ขอโทษ.....พี่ผิดเอง....มันเพราะพี่เอง...”

“พี่แช่ม” ผมรีบเข้ามาหาเขาทันทีเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายสติหลุดไปแล้ว “พี่แช่มได้ยินหอมไหม พี่แช่ม”

“พี่ผิดเองชะเอม มันเป็นความผิดของพี่”

“ไม่ๆ มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลยสักนิด พี่ไม่ผิดนะพี่แช่ม”

“พี่ขอโทษชะเอม....พี่ขอโทษนะ”

“พี่แช่ม” ผมแกะมือเขาที่กำลังจิกแขนตัวเองออก “ไม่ใช่ความผิดของพี่แช่มนะ พี่แช่ม”

“พี่....ขอโทษนะชะเอม” สิ้นเสียงพูด คนตรงหน้าก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที ผมรีบประคองพี่แช่มเอาไว้ก่อนจะจับให้เขานอนลงที่โซฟา เขาสลบไปทั้งแบบนั้น ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในหัวเขาจะเป็นยังไง

ผมรู้สึกกลัวมากเลยจริงๆ

ผมกลัวว่าพี่แช่มจะตื่นขึ้นมาแล้วไม่รับรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ตื่นขึ้นมาแล้วลืมเรื่องราวทุกอย่าง ถ้ามันเป็นแบบนั้นผมจะทำยังไง ถ้าเขาจำอะไรไม่ได้เลยผมควรทำยังไงดี ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ด้วย นี่มันแย่มากจริงๆ ผมไม่น่าให้เขารีบร้อนที่จะทำเรื่องแบบนี้เลย การพาเขากลับมาที่บ้านนี้ทำให้อาการเขาแย่มาก เขาไม่ได้ยินเสียงที่ผมเรียกด้วยซ้ำ ถ้าเขาหายไปแล้วไม่กลับมาอีก คนที่เสียใจที่สุดก็คือผม

ทุกอย่างมันแย่ไปหมด

แย่มากเลยจริงๆ

คิดมาตลอดว่ามันอาจจะเลวร้ายแต่ผมไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายมากขนาดนี้ ยอมรับเลยครับว่าตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่หวังในใจให้พี่แช่มตื่นขึ้นมาแล้วไม่เป็นไร หวังให้เขาจำเรื่องราวทุกอย่างได้ หวังให้เขา....ฮึก.....

“หอมขอโทษนะพี่แช่ม อย่าเป็นอะไรเลยนะ” ผมยกมือเขาขึ้นมากุมไว้แน่น “หอมรู้ว่าพี่กำลังเหนื่อย พักก่อนก็ได้ พักให้รู้สึกหายเหนื่อย หอมจะรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

“.....”

“ฮึก....เข้มแข็งเอาไว้นะครับ แล้วก็....”

“.....”

“กลับมาหาหอม....เร็วๆ นะ”

   

[บันทึกพิเศษ : แช่ม]

   

“ตื่นเร็วค่ะ จะสายแล้วนะ”

“อื้อออ....ขออีก 10 นาทีค่ะ”

“ไม่ 10 นาทีแล้วค่ะ วันนี้จะอายุ 17 แล้วนะ ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกขั้นนะรู้ไหม”

เสียงหวานที่ดังเข้ามาพร้อมกับแรงเขย่าทำให้พี่ชายอย่างเขาต้องยอมตื่น เหตุผลที่เจ้าหญิงตัวน้อยของเขายกมาทำให้รู้สึกดีไม่หยอก อายุมากขึ้น....ต้องเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อาจจะสามารถปกป้องสิ่งสำคัญที่ตัวเองไม่อยากสูญเสียไปอีก หลายปีหลังจากที่พ่อแม่ของเขาจากไป บาดแผลในใจนั้นฝังลึกมาตั้งแต่ตอนนั้น สิ่งเดียวที่เยียวยาและทำให้แต่ละวันของเขามีความสุขก็คือน้องสาว

เธอเป็นครอบครัวคนสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่

สัญญากับตัวเองมาตลอดว่าจะดูแลเธอให้ดี ดีที่สุดเท่าที่พี่ชายคนนึงจะทำได้

“วันเกิดพี่แท้ๆ แต่ทำไมหนูถึงดูโตกว่าพี่ก็ไม่รู้” มือเรียวบีบแก้มใสอย่างมันเขี้ยว “วันนี้มีกิจกรรมตอนเย็นไหมคะ ถ้าไม่มีพี่จะได้ไปรับเวลาเดิม”

“ไม่มีค่ะ แต่ว่าวันนี้หนูขอกลับเองนะคะ”

“ทำไมเรา....จะแอบเซอร์ไพรส์อะไรพี่”

“เป็นความลับค่ะ” รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าสวย “ถ้าอยากรู้ก็ต้องรีบกลับบ้านน้า”

“ได้ค่ะ พี่จะรีบกลับบ้านนะคะ”

“โอเคเลย” ร่างบางโผกอดเขาแน่น “สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ชายของชะเอม”

เสียงที่เอ่ยออกมาพร้อมกับสัมผัสที่อบอุ่นนั้น

เขาไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้รับมันจากน้องสาวที่เขารัก.....

.

.

ผมเสียใจที่กลับมาถึงบ้านช้าเกินไป

มันสายไปแล้ว....สายไปมากจริงๆ

“พี่ผิดเองชะเอม....” ผมมองภาพความทรงจำเก่าที่ฉายซ้ำวนเวียนอยู่แบบนั้น ไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน เหมือนกับห้องๆ นึงที่มืดสนิท มองแทบไม่เห็นอะไรนอกจากเรื่องราวเก่าๆ

เรื่องราวของความทรงจำที่ดีที่สุดของผม

ช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวมันช่างอบอุ่นในหัวใจจริงๆ เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งเหล่านั้นอีก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะย้อนเวลากลับไปตอนนั้น กลับไปตอนที่ยังมีพ่อ มีแม่ และก็มีชะเอม ผมคิดถึงพวกเขา ทำไมยังเป็นผมที่ยังต้องทนอยู่ในตอนนี้ ผม....ฮึกกก.....

“ทำไมถึงทิ้งแช่มเอาไว้คนเดียวล่ะครับ...ฮืออ...”

“ขอโทษนะลูก”

เสียงนั้นมัน....

ผมหันไปมองเสียงที่อยู่ด้านหลังก็พบกับคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด “....พ่อ...แม่”

“โตขนาดนี้แล้วอย่าร้องสิ ไม่เท่เลยนะ”

“ฮืออออออ” ผมวิ่งเข้าไปกอดพวกท่านทันที กอดแน่นที่สุดเพื่อที่ท่านจะได้ไปจากผมไปไหนอีก “แช่ม....ฮึก....”

“ชู่วววว อย่าร้องสิคนเก่งของแม่” มือบางลูบหัวผมอย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไรแล้วนะแช่ม”

“แช่มขอโทษ....ฮึก....ขอโทษที่ดูแลน้องไม่ดี แช่มผิดเองครับแม่....”

“ไม่ใช่ความผิดของลูกหรอกนะ มันไม่เคยเป็นความผิดของลูกเลยสักนิด” แม่คลายกอดผมพลางยิ้มให้ “แช่มทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว เก่งมากแล้วนะลูก”

“พ่อกับแม่ต่างหากที่ควรจะโทษ ปล่อยให้ลูกลำบากมาจนถึงตอนนี้ ทรมานมากเลยสินะ”

ผมยืนมองพวกเขาอยู่อย่างนั้น มีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยออกไปแต่แย่หน่อยที่ตอนนี้ผมทำได้เพียงแค่ร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะรู้สึกยังไงดี ดีใจที่ได้เจอพ่อแม่อีกครั้ง หรือเสียใจเพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ที่จะได้เจอพวกเขา แล้วชะเอมล่ะ น้องไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นเหรอ ผมอยากเจอน้องเหมือนกันนะ ผมสัญญากับเธอไว้ว่าจะกลับมาหา ถึงแม้ว่าสภาพผมในตอนนี้จะแย่ไปหน่อยก็เถอะ

ความจริงก็ไม่หน่อย

ผมยกมือเช็ดน้ำตาก่อนจะหันมองไปรอบข้าง “ผมไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน”

“ที่นี่คือบ้านเรา”

“มันมืดไปหมด”

“นั่นเพราะลูกไม่อยากเห็น” พ่อเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นแตะไหล่ผม “หลายปีที่ลูกหนีไปจากที่นี่ พ่อเข้าใจว่าลูกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าวันนี้ลูกเก่งจริงๆ ที่กลับมาที่นี่ได้”

“แม่รู้ว่าอดีตทำให้ลูกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่อย่าลืมว่าที่นี่เองก็มีความทรงจำดีดีที่เราได้ทำร่วมกัน อย่างตรงนั้น....ลูกชอบเอาผลไม้มาให้แม่ปอกให้ จำได้ไหม ชะเอมก็ชอบเอานิทานมาให้แม่อ่านให้ฟัง”

ผมมองตามนิ้วเรียวของแม่ก็เห็นว่าตรงที่เป็นความมืดค่อยๆ สว่างขึ้นพร้อมกับปรากฏเป็นมุมนั่งเล่นที่เราชอบใช้เวลาทำโน่นทำนี่ด้วยกัน ผมจำได้ ผลไม้ที่แม่ปอกให้ นิทานที่น้องชอบให้แม่อ่าน ช่วงเวลาเหล่านั้นมันดีเหลือเกิน

ทำไมผมไม่นึกถึงมันตั้งแต่แรก

“ส่วนตรงโน้น....เราชอบนั่งต่อเลโก้ด้วยกัน ลูกจำได้ใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นมันสนุกมากเลยนะที่เราช่วยกันสร้างเมืองๆ นึงขึ้น และตอนนี้มันก็ยังอยู่ในห้องของลูก ไม่เคยหายไปไหน”

ใช่....มันไม่เคยหายไปไหน

ความมืดที่บดบังอยู่ค่อยๆ จางลงทำให้ผมเห็นภาพที่ตัวเองกำลังนั่งต่อเลโก้กับพ่อ ผมชอบการต่อเลโก้มากเลย เราช่วยกันต่อเสร็จไปหลายชุด ทุกชิ้นอยู่ที่ห้องนอน ผมเก็บมันไว้อย่างดีเพราะทุกครั้งที่ได้เห็น ผมรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ

ครั้งนึงเราก็เคยได้ใช้เวลาดีดีด้วยกัน....ถึงแม้จะไม่นานก็เถอะ

“นั่นสินะครับ ทำไมผมไม่จำเรื่องพวกนี้กัน”

“เพราะความรู้สึกผิดที่มันติดอยู่ในใจของลูกไง พ่อกับแม่ขอบอกอีกครั้งเลยนะ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของลูก เพราะงั้นเลิกโทษตัวเองได้แล้ว”

“ใช่ค่ะ เลิกโทษตัวเองแล้วนะ”

ผมหันไปตามเสียงก็พบกับร่างบางที่เดินเข้ามาหา “....ชะเอม”

“คนเก่งของหนู” เธอโผเข้ามากอดผมแน่น กอดแน่นเหมือนกับวันนั้น วันสุดท้ายที่ได้กอดกันตอนที่เธอยังมีลมหายใจ

ผมไม่อยากปล่อยให้อ้อมกอดนนี้หายไปเลย

“พี่กลับมาตามสัญญาแล้วนะคะ” ผมลูบหัวน้องเบาๆ “พี่กลับมาบ้านเราแล้วนะ”

“หนูรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าพี่ต้องทำได้” ชะเอมผละออกพลางยกมือขึ้นกุมแก้มผมแล้วเผยยิ้มออกมา “พี่ชายของชะเอมเก่งจริงๆ นั่นแหละค่ะ”

“ไม่เก่งเลย ถ้าพี่เก่งจริงๆ ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้หรอก”

“เรากำหนดความเป็นไปของทุกสิ่งไม่ได้หรอกค่ะ สำหรับหนูแล้ว การได้เห็นว่าพี่กลับมาที่บ้านเราอีกครั้งมันเป็นอะไรที่มากเกินพอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูรู้สึกผิดเสมอที่ทำให้ทุกสิ่งในใจของพี่มืดไปหมดแบบนี้ หนูขอโทษนะคะพี่แช่ม....หนูขอโทษจริงๆ ”

“ชะเอม”

“หนูอยากให้พี่มีความสุขเหมือนกับที่หนูเคยบอกพี่เอาไว้ไงคะ ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะ” สิ้นเสียงเอ่ยนั้น ความมืดรอบๆ ก็ค่อยๆ หายไป พอเป็นแบบนั้นผมถึงได้เห็นใครบางคนกำลังกุมมือผมที่หลับอยู่บนโซฟาด้วยความเป็นห่วง

น้องหอม

“เขาเป็นห่วงลูกมากเลยนะแช่ม”

“ครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แช่มก็มีเขานี่แหละครับที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด ช่วยดูแลไม่เคยห่าง อดทนเก่งยิ่งกว่าใคร ขนาดแช่มทำตัวไม่ดีใส่เขาแค่ไหน เขาก็ยังอยู่ตรงนั้น....น้องหอมจะอยู่ตรงนั้นเสมอ”

“เพราะงั้นลูกก็ต้องดูแลเขาให้ดี ทำให้เขามีความสุข”

“นั่นสินะครับ” ผมยิ้มให้ทุกคน “เราอาจจะโชคร้ายที่ไม่ได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันนานมากกว่านี้ แช่มเสียใจแต่จะไม่ให้เรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นมาทำร้ายแช่มได้อีกแล้ว หลังจากนี้แช่มจะจดจำแต่เรื่องราวดีดีที่เคยเกิดขึ้น แช่มจะมีความสุขและใช้ชีวิตต่อไป”

“นั่นแหละค่ะคนเก่ง.....นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องการมากที่สุด”

ทั้งพ่อแม่และน้องเข้ามากอดผม ครั้งนี้มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ทุกครั้งที่ผมคิดถึงพวกเขา ผมจะนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยทำให้มีความสุข ดูรูปที่เคยถ่ายเอาไว้ด้วยกัน เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในความทรงจำและผมจะไม่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดอีก ทั้งคนที่จากไปแล้วหรือคนที่ยังอยู่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

ผมจะเป็นชริตที่มีความสุขในทุกๆ วัน

“ไปได้แล้วค่ะคนเก่ง มีเรื่องต้องจัดการอีกเยอะเลยนะคะ”

“นั่นสินะ” ผมผละออกจากทุกคนก่อนจะยิ้มให้ “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

“มีความสุขมากๆ นะลูก”

“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“พวกเรารักพี่แช่มนะคะ”

“พี่ก็รักทุกคนค่ะ” ผมลูบหัวชะเอมเบาๆ “พี่ไปก่อนนะคะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก....ในสักวัน”

“ค่ะ สักวัน....ลาก่อนนะคะคนเก่ง”

“ค่ะ....ลาก่อน”



[จบบันทึกพิเศษ : แช่ม]


---------- 50% ---------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 18 ----------


หลายชั่วโมงเลยครับที่เขาหลับไป

ผมไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหนให้เขาตื่นขึ้นมา....ตื่นขึ้นมาหาผม

ได้แต่ภาวนาให้พี่แช่มไม่ลืมว่าผมเป็นใคร

ผมใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเขา ตอนนี้เกือบ 2 ทุ่มแล้วครับ ลุงเชตแวะเข้ามาหาด้วย เขาเป็นห่วงอาการของพี่แช่มมาก กังวลเรื่องที่ถ้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม คือตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือรอให้พี่แช่มฟื้นอย่างเดียวเลย จนถึงตอนนั้นนั่นแหละถึงจะรู้ได้ว่าเขาเป็นยังไง ผมหวังอยู่ในใจลึกๆ ให้เขาตื่นขึ้นมาโดยจำผมได้ และเรื่องราวเลวร้ายไม่มีผลต่อใจเขาอีกต่อไป

ผมอยากให้ความหวังนี้กลายเป็นความจริง

ลุงเชตบอกผมว่ามีงานต้องกลับไปเคลียร์ แต่เดี๋ยวเขาจะเข้ามาอีกรอบ ผมคิดเหมือนกันนะว่าถ้าพี่แช่มตื่นขึ้นมาแล้วไม่รับรู้อะไรเลย ผมจะทำยังไง แล้วถ้าเขาคลั่งขึ้นมา ผมคนเดียวจะเอาไหวรึเปล่า ตัวเขาหนากว่าผมแถมยังแรงเยอะอีกต่างหาก ถ้าชริตเขาอาละวาดขึ้นมาจริงๆ ข้าวหอมคนนี้ต้องตายแน่ๆ เลย

แต่ก่อนอื่น....ให้เขาตื่นขึ้นมาก่อนเถอะ

จะอาละวาดหรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกที

หลังจากที่เช็ดตัวให้พี่แช่มเสร็จผมก็เดินเอากะละมังไปเก็บก่อนจะกลับมานั่งข้างเขาเหมือนเดิม สีหน้าเขาดูดีขึ้นมานิดหน่อยจากตอนแรก ไม่มีคราบน้ำตาเปื้อนอีกแล้ว ผมไม่อยากเห็นเขาร้องไห้แบบนั้นอีก ไม่อยากให้เขาเสียใจหรือต้องเจ็บปวด อยากให้เขาเป็นชริตที่มีความสุขเหมือนกับตอนแรกที่เราเริ่มรู้จักกัน รอยยิ้มตอนนั้นมันสดใสแค่ไหนผมยังจำได้ดี

“เลิกขี้เซาได้แล้ว” ผมเกลี่ยแก้มเขาเบาๆ “ตื่นสักที”

“อื้อออออ....”

ผมมองร่างสูงที่ขยับตัวก่อนจะกุมมือเขาเอาไว้ “พี่แช่ม พี่ได้ยินหอมใช่ไหม”

“.....” คนที่นอนอยู่ลืมตามองผมช้าๆ “....น้องหอม”

เขายังจำผมได้

“มะ....ไม่เป็นไรใช่ไหม พี่โอเครึเปล่า หอม....ฮึก.....พี่แช่ม” ผมขยับเข้าไปกอดเขาไว้แน่น “หอมเป็นห่วงพี่มากเลยรู้ไหม....ฮืออออ”

“พี่ขอโทษนะ” มือเรียวลูบหัวผมเชิงปลอบโยน “พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ทุกอย่างมันจบแล้ว”

“ฮึกกกก....มันจบแล้วจริงๆ ใช่ไหมพี่แช่ม”

“จบแล้วครับ” เจ้าตัวเช็ดน้ำตาให้ผม “อย่าร้องสิ พี่จะร้องตามนะ”

“พี่จะห้ามหอมได้เหรอ....ฮึก....” ผมพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เอาน่ะ ปล่อยให้ข้าวหอมได้งอแงแค่ตอนนี้เถอะนะ หลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว

“ขอบคุณนะน้องหอม ที่อยู่กับพี่ตลอดจนถึงตอนนี้ พี่ไม่รู้เลยว่าถ้าพี่ไม่มีน้องหอม พี่จะเป็นยังไง” นิ้วเรียวเกลี่ยผมที่ผมหน้าผมออกให้ “พี่เป็นชริตที่โชคดีมากจริงๆ ”

ตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวเองว่ารักคนๆ นี้ ผมก็พยายามหลายอย่างเพื่อเขามาตลอด เคยคิดตัดใจไปครั้งนึงเพราะความไม่รู้และไม่เข้าใจ แต่หลังจากนี้มันคงไม่มีเรื่องแบบนั้นแล้วล่ะ ผมไม่คิดที่จะทิ้งพี่แช่มไปไหน ตัวเขาเองก็เหมือนกัน ผมจะไม่ยอมให้ความสุขที่เรามีหายไปอีกแล้ว รู้สึกดีเหมือนกันนะที่คนตรงหน้าแสดงท่าทีออกมาว่าไม่เป็นไร สิ่งที่เราตั้งใจที่จะทำกันมันก็สำเร็จไปตามนั้น

ทุกอย่างนี่มันดีจริงๆ

พอเรื่องราวในอดีตไม่สามารถทำร้ายอะไรพี่แช่มได้อีก เราก็จะได้ไปจัดการเรื่องหลายๆ อย่างที่ทำค้างคากันเอาไว้ อัฐิของชะเอมก็ต้องนำไปไว้ในเจดีย์อัฐิเดียวกับพ่อแม่ของเขา โหลใบโคลเวอร์ที่เป็นคำสัญญาของพี่น้องก็จะได้ไปอยู่นั่นด้วยเหมือนกัน คนรักของผมจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องมีอดีตที่เลวร้ายคอยหลอกหลอนอีกแล้ว

เหมือนทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นเลย

เรื่องของเราที่มันจะเริ่มต้นจริงๆ

“พี่เก่งแบบที่หอมคิดจริงๆ ด้วย”

“คนที่เก่งคือน้องหอมต่างหาก....น้องหอมคือที่สุดในชีวิตของพี่แล้วนะ”

ผมขยับเข้าไปกอดเขาอีกครั้ง “หอมดีใจที่พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“พี่ก็ดีใจที่ตัวเองออกมาจากวังวนนั้นได้สักที” ร่างสูงกระซิบข้างหูผมเบาๆ “พี่รักน้องหอมนะ อยู่กับพี่ไปนานๆ นะครับ”

“.....มันต้องแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ”

   

***

   

บางทีผมก็สงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นตอนที่พี่แช่มหลับไป

อะไรๆ ก็ดูเปลี่ยนไปทันตาเลย

ผมนั่งมองร่างสูงที่นั่งทาครีมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดูปกติมาก ปกติจนเผลอคิดว่าไปว่านี่แหละที่ผิดปกติ อา....ยิ่งพูดยิ่งไม่ค่อยเข้าใจอะนะ คืองี้ครับ ตอนนี้เกือบ 5 ทุ่มแล้ว เราอยู่กันที่บ้านของพี่แช่มซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในห้องนอน ห้องนอนที่คนเป็นเจ้าของไม่ได้นอนมาหลายปีตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น เข้าใจฟีลไม่ได้มาอยู่ตรงนี้นานป้ะ แล้วที่ตรงนี้ก็คล้ายกับแผลเก่ารอยใหญ่อีก แต่ตอนนี้ชริตเป็ดคือทำตัวปกติเหมือนตัวเองนอนอยู่ที่นี่ทุกวัน

มันก็ดีอยู่หรอกแต่มันก็แปลกๆ อะ

ตอนที่เลิกฟูมฟายแล้วดึงสติกลับมาได้แล้วทั้งคู่ พี่แช่มก็คือทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอะ ตอนที่เขาหลับไป เขาอาจจะไปตกลงกับสมองเพื่อไม่ให้ตัวเองเศร้าก็ได้นะ ผมคิดแบบนี้ได้ป้ะวะ ครั้นจะไปถามเขาว่าทำไมเขาถึงทำตัวปกติทั้งๆ ที่มันเป็นแบบนี้ๆ ๆ ๆ ผมก็คิดว่ามันไม่ควรอีก เพราะงั้นช่างไปละกัน เลิกคิด เขาไม่เป็นอะไร เขาหายดีก็คือดีแล้ว

“มองพี่ขนาดนั้น มาช่วยพี่ทาครีมมา”

“ไม่เอา หอมไม่อยากขยับตัว” ผมเหลือบไปมองเลโก้ที่ประกอบกันเป็นเมืองที่อยู่ตรงมุมนึงของห้อง “เดี๋ยวหอมกลายร่างเป็นก็อตสิล่าแล้วไปพังเมืองของพี่ หอมไม่รู้ด้วยนะ”

ผมเป็นคนที่ชอบพังของที่ทำเสร็จแล้วมากครับ ข้าวก้องจะเป็นพวกชอบสร้างไง โมเดลบ้านต่างๆ ที่ไอ้น้องเวรผมเป็นคนต่อเอาไว้ ผมก็จะพังมันทั้งหมด เมืองเลโก้แบบนี้ก็เหมือนกัน เห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมือชะมัด

“เมืองเลโก้ตรงนั้นพี่เคยช่วยต่อกับพ่อ 2 คน น้องหอมจะพังมันเลยเหรอ”

เชี่ย.....ผมพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปสินะ

“.....หอมขอโทษนะพี่แช่ม” ผมเดินเข้าไปหาเขาด้วยความรู้สึกผิด “หอมไม่รู้”

“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ดูทำหน้าเข้าสิ”

“ก็มัน....”

“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าอย่าไปพังมันเลยละกัน ปล่อยให้มันตั้งเป็นเมืองแบบนั้นแหละ” ร่างสูงช้อนตัวผมก่อนจะเดินมาที่เตียง คือข้าวหอมไม่ได้ตัวเล็กขนาดจะมาอุ้มลอยแบบนี้นะ

แรงเยอะเกินไปแล้ว

“หอมไม่ได้ตัวเล็กนะ ดูอุ้มซะ”

“น้องหอมตัวเล็กตัวน้อยสำหรับพี่เสมอแหละ” อ้อมแขนแกร่งวางผมลงบนเตียงก่อนจะรั้งเข้าไปกอดเอาไว้ “พี่รู้นะว่าในหัวของน้องหอมตอนนี้มันอาจจะมีความสงสัยอยู่เต็มไปหมด ตัวพี่เองไม่อยากพูดอะไรนักหรอก แต่อยากให้น้องหอมสบายใจว่าหลังจากนี้พี่จะไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ เชื่อพี่นะ”

“อื้ม หอมจะเชื่อพี่ ถ้าพี่ไม่อยากพูด หอมก็จะไม่เอามาใส่ใจ การที่พี่หายดีแล้วไม่แสดงอาการแย่ๆ ออกมา แค่นั้นมันก็พอแล้ว”

การที่พี่แช่มพูดแบบนี้แปลว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ก็คงเป็นไปตามนั้น ตอนที่เขาหลับคงมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาจริงๆ แต่เจ้าตัวพูดเองว่าไม่อยากเอ่ยถึงเพราะงั้นผมก็จะเลิกคิดเรื่องนี้ซะ วันนึงในอนาคตข้างหน้าเขาอาจจะอยากพูดถึงมันเองก็ได้ ตอนนี้ผมควรจะสบายใจได้แล้ว หลายวันมานี้ค่อนข้างเครียดและเหนื่อยมากเลยล่ะ นอนไม่พออีกต่างหาก ผมต้องชาร์จพลังให้กับชีวิตบ้างละ จะได้กลับไปเป็นข้าวหอมคนแกร่งเหมือนเดิม

เวลาหมดแรง.....ก็ต้องนอนกอดแฟนแน่นๆ ครับ

“น้องหอม”

“หืม....”

“พรุ่งนี้ไปวัดกันนะ ไปไหว้พ่อแม่พี่กัน”

“ได้สิ” ผมเอาจมูกไปถูแก้มพี่แช่ม “พวกท่านต้องดีใจมากแน่ๆ ที่เราจะไปไหว้น่ะ”

“ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ” พี่แช่มเอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มาก่อนจะกดอะไรยุกยิกๆ แล้ววางไวที่เดิม โทรศัพท์ผมแจ้งเตือนดังขึ้นมาหลังจากนั้น เขาคงอัปเดตทวิตล่ะมั้ง ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยดูทีเดียวละกัน

“ฝันหวานนะครับคนเก่งของหอม” ผมจุ๊บปากร่างสูงก่อนจะกอดเขาเอาไว้แน่น อุ่นจัง รู้สึกดีที่ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายด้วย ทุกอย่างมันเป็นบ่งบอกว่าคนที่ผมรักเขายังอยู่ตรงนี้ มันคงจะดี....ถ้าเราอยู่ด้วยกันตลอดไป

“ฝันหวานจ่ะน้องหอม”

สำหรับคืนนี้ผมคงนอนหลับได้อย่างสบายใจจริงๆ แล้วล่ะ

   

   

Chatit @Charitpedd

ถ้าไม่มีคุณ....ก็คงไม่มีผมในวันนี้หรอก

ขอบคุณนะครับ

   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้










TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งนิยายแล้วนะคะหลังจากที่หายไปนานมากจริงๆ ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

คนที่อ่านมาสคอตแล้วเห็นทอล์คของชาลก็อาจจะพอรู้แล้วบ้าง แต่สำหรับคนที่ไม่อ่านเรื่องนั้นชาลจะแจ้งอีกทีนะคะ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเลยนะ บี๋อาจจะรู้ว่าชาลกำลังฝึกโปรเจ็กต์จบ มีปัญหาสุขภาพต่างๆ คือตอนนี้ปัญหาสุขภสพคือดีขึ้นนะคะ แต่ชาลดรอปเรียนไปแล้วเพราะมีปัญหาส่วนตัว ตอนนี้กำลังทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ 6 วันต่อสัปดาห์ ชาลต้องจัดการเรื่องนิยายและทำงานไปด้วย ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ มันเป็นคำพูดซ้ำๆ แต่ก็ต้องบอกให้บี๋รอนิยายอย่างใจเย็นนะคะ สำหรับแช่มหอมอีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วนะ ใช้เวลาเป็นปีเลยก็ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ

บี๋สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได่ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบบบ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กว่าจะหลุดจากบ่วงได้ เลยเอาหืดขึ้นคอเลยจะเฮียแช่ม  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 19 เรื่องของอนาคต


Kh. @KhH22_luc

เวลาตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างแล้วได้ทำตามนั้น

มันเป็นอะไรที่โคตรดีเลย.....หลังจากนี้จะไม่มีอะไรค้างคาอีกแล้ว

.

#CloverBad


.   

.   

ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ

ตอนนี้เราอยู่กันที่วัดสำโรงครับ มาจัดการเรื่องเปลี่ยนเจดีย์ใส่อัฐิแล้วก็นำโกศของชะเอมมาใส่รวมไว้กับคุณพ่อคุณแม่ พี่แช่มเขาจัดแจงเรื่องนี้ด้วยตัวเองทั้งหมดเลย ปลุกผมตั้งแต่เช้ามืดแน่ะ ไปตลาดซื้อของทำบุญ ส่วนเจดีย์ใส่อัฐิคือเขาสั่งด่วนตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกผมไม่รู้ด้วยว่าเขาจะเปลี่ยนเจดีย์ใหม่ รู้แค่ว่าจะมาวัดด้วยกันเท่านั้นเอง พอจะทำโน่นนี่นั่นก็ทำปุบปับไม่บอกใครสักคน

น่าทุบจริงๆ

เมื่อเช้าหลังจากที่ไปตลาดก็แวะไปนำโกศชะเอมที่บ้านลุงเชตมา ตอนนี้โกศทั้งสามถูกบรรจุลงเจดีย์หินอ่อนเป็นที่เรียบร้อย ด้านหน้ามีชื่อและรูปภาพติดเอาไว้ ทุกอย่างคงเป็นไปตามความตั้งใจของพี่แช่มแล้วล่ะ ผมดีใจนะที่เขาสามารถพาตัวเองผ่านมาจนถึงจุดนี้ได้ ถึงจะเสียเวลาหน่อยแต่การที่ได้ความเป็นตัวเองกลับมามันก็อาจจะดีแล้วก็ได้ ผมโคตรชอบสีหน้าที่พี่แช่มแสดงออกมามากเลย

เขาไม่มีอะไรที่ต้องทุกข์ใจอีกแล้ว

ผมเดินมาหยุดอยู่ข้างร่างสูง “เสร็จแล้วเหรอ”

“อื้ม” เจ้าตัวรับคำก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเจดีย์ “ดีจังที่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจสักที”

“ทีนี้พี่ก็จะไม่มีอะไรที่มันค้างคาใจแล้วนะ”

“คงงั้นแหละ”

“อะนี่ หอมไปเอามาให้น่ะ” ผมส่งโหลใบโคลเวอร์แห้งให้พี่แช่ม เจ้าตัวรับไปก่อนจะนำไปวางไว้ข้างกระถางธูป

“พี่ทำตามคำสัญญาแล้วนะคะชะเอม ถึงมันไม่เต็มโหลก็เถอะ หนูคงรู้ใช่ไหมว่าใบโคลเวอร์สี่แฉกมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ เลย พี่ทำเต็มที่ที่สุดแล้วค่ะ”

“หอมว่าชะเอมเข้าใจพี่แช่มอยู่แล้ว”

“นั่นสินะ” มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมเอาไว้ “พ่อครับ แม่ครับ นี่ข้าวหอมครับ เป็นแฟนของแช่ม”

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้รูปท่านทั้งสอง “คุณพ่อ คุณแม่ ชะเอมด้วยนะ”

“น้องหอมคือคนที่ช่วยแช่มไว้เกือบทุกเรื่องเลยครับ คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด คอยดูแล และเป็นคนที่ทำให้แช่มกลับมาเป็นแช่มได้ เพราะเขาเลยครับ หลังจากนี้พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงแช่มแล้วนะ แช่มไม่เป็นไรแล้ว”

“พี่แช่ม....” ผมยกมือขึ้นแตะไหล่เขาเบาๆ พลางยิ้มให้ “หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะมีหอมเสมอนะ”

“ขอบคุณนะครับ”

ผมยิ้มหวานให้ก่อนจะมองที่รูปของครอบครัวเขา ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ชีวิตของพี่แช่มหลังจากนี้ผมจะช่วยดูแลให้เอง จะไม่ทำให้เขาเสียใจ และก็จะไม่จากเขาไปไหน จะคอยอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ก่อนหน้านี้อาจมีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจกัน แต่ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกตั้งเยอะ ผมจะไม่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ผิดหวังแน่นอน

ขอสัญญาเลยครับ

หลังจากนี้อาจจะต้องหาวันว่างสักวัน พาพี่แช่มไปหาพ่อกับแม่สักหน่อย ตอนแรกผมกะว่าจะพาเขาไปที่บ้านหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล แต่มันไม่ค่อยมีเวลาว่างเลยเพราะเตรียมไปค่ายอบรม ไว้กลับจากที่นี่ละกัน เดี๋ยวผมต้องโทรถามพ่อด้วยว่าว่างวันไหนจะได้เข้าไปหาถูก อยากรู้เหมือนกันนะว่าตอนที่พี่แช่มเจอหน้าพ่อผมเนี่ยะ เขาจะทำหน้ายังไง จะว่าไปมันอาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนขี้เมาเลยก็ได้

ชริตเป็นพวกอัธยาศัยดีไง....ผู้ใหญ่เห็น ผู้ใหญ่รัก

“เออพี่ หอมเห็นร้านน้ำข้างนอก พี่จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวหอมไปซื้อให้”

“งั้นพี่ขอชาเย็นละกัน เดี๋ยวถ้าทำความสะอาดตรงนี้เสร็จแล้ว เราค่อยไปหาข้าวกินกัน โอเคไหม”

“โอเค” ผมรับคำก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วมุ่งไปทางหน้าวัดที่มีร้านขายน้ำอยู่ ตอนนี้เกือบบ่ายแล้วครับ ดีว่าวันนี้แดดไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ ผมกับพี่แช่มยังไม่ได้กินข้าวด้วย อีกสักพักแหละกว่าเขาจะทำโน่นนี่เสร็จ

“เอาอะไรดีพ่อหนุ่ม”

“เอาชาเย็นครับ และก็โกโก้แก้วนึง แล้วก็ขนมปังปิ้ง 4 แผ่น”

“แป๊บนึงนะลูก” ป้าแม่ค้ารับคำก่อนจะเริ่มลงมือทำเมนูที่ผมสั่ง “ว่าแต่มาจากไหนเหรอเรา ไม่ใช่คนแถวนี้ล่ะสิ”

“ผมเป็นคนกรุงเทพฯ น่ะครับ แต่ว่าบ้านแฟนอยู่ที่นี่ เขากลับมาทำเจดีย์อัฐิให้พ่อแม่กับน้องสาวใหม่”

“แฟนงั้นเหรอ คบกันมานานรึยังล่ะ”

“ไม่นานหรอกครับ ไม่กี่เดือนเอง แต่ว่ารู้จักกันมาเกือบ 3 ปีแล้ว คือเราเรียนคณะเดียวกัน ป้ารู้จักพี่แช่มไหมครับ ที่เป็นลูกชายเจ้าของสวนยางอัญวานิชณ์”

“อ๋อ เจ้าแช่ม นี่พ่อหนุ่มเป็นแฟนเจ้าแช่มหรอกเหรอ”

“ใช่ครับ ผมเป็นแฟนพี่แช่ม”

“เจ้าแช่มน่ะน่ารักนะ ป้าเห็นตั้งแต่ยังเด็กโน่นล่ะ เขามาทำบุญกับครอบครัวบ่อย คิดแล้วป้าก็สงสารเขานะที่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ มาตลอด เรื่องพ่อแม่ก็้ว่าแย่แล้ว พอมาเรื่องหนูชะเอม ป้ายิ่งสงสารเขาจับใจเลยล่ะ”

“เรื่องพวกนั้นไม่น่าเกิดขึ้นเลยนะครับป้า”

ไม่ว่าจะกับครอบครัวไหนก็ไม่ควรมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ผมว่าพี่แช่มยังโชคดีนะที่เจอเรื่องร้ายถึงขนาดนั้นแล้วยังผ่านมันมาได้จนถึงตอนนี้ มันมีนะคนที่เจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่สามารถผ่านมันไปได้ ต้องวนเวียนอยู่ในวังวนของความทุกข์อยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อ่ไหร่ หรือมันอาจจะไม่มีวันจบลงเลยก็ได้ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่าน บางครั้งมันต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง แค่ตัวเราอาจจะไม่พอ อย่างพี่แช่มเนี่ยะ ที่เขาผ่านเรื่องทุกอย่างมาได้เพราะเขามีคนรอบๆ ตัวคอยให้กำลังใจ

สำหรับคนที่ไม่ใครเลย....ผมขอให้สู้ๆ นะครับ

สู้ไว้ก่อนและสักวันมันจะต้องดีขึ้น

“พ่อแม่ของเจ้าแช่มน่ะเป็นคนจิตใจดี ชาวบ้านแถวนี้เขารู้จักหมดนั่นแหละ แล้วที่ดินของสวนยางตรงนั้นน่ะราคาดี ผ่านไปกี่สิบปีก็ยังมีคนอยากได้อยู่ ป้าล่ะยังหวั่นๆ ว่าเจ้าแช่มจะโดนใครทำอะไรไหม”

“หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

“ก็อย่างพ่อแม่ของเจ้าแช่มที่ถูกส่งคนมาฆ่าน่ะ ตอนนั้นก็เพราะเรื่องที่ดินเนี่ยแหละ ปมขัดแย้งนี้ป้าก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ตั้งแต่ที่หนูชะเอมเสีย เจ้าแช่มก็ป่วย คุณเชตเข้ามาดูแลทุกอย่างเพื่อรอให้เจ้าแช่มหายดี ที่ป้ารู้เรื่องพวกนี้เพราะผัวป้าทำงานอยู่กับคุณเชตน่ะ อะนี่พ่อหนุ่ม” ป้าส่งขนมปังกับน้ำทั้งหมดให้ผม “ป้าเลี้ยงละกันนะ ถือว่าต้อนรับที่เจ้าแช่มกลับมาเยี่ยมบ้าน”

“ผมเกรงใจน่ะครับ ของซื้อของขาย”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก พ่อแม่เจ้าแช่มน่ะช่วยครอบครัวป้าไว้เยอะเหมือนกัน ป้าขอให้พ่อหนุ่มอยู่กับเจ้าแช่มไปนานๆ นะ เขาไม่เหลือใครแล้ว ตอนนี้พ่อหนุ่มอาจจะเป็นครอบครัวของเขา เป็นคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ก็ได้”

“ครับ ผมจะไม่ทิ้งเขาไปไหนแน่นอน ขอบคุณสำหรับขนมปังกับน้ำนะครับ ผมขอตัวก่อน” ผมยกมือไหว้ป้าเขาก่อนจะเดินกลับเข้ามาในวัด

จากที่ฟังจากคนงานหรือชาวบ้านในตลาดที่รู้จักครอบครัวพี่แช่มแล้ว ทุกคนล้วนเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานะ เอาจริงๆ ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักกัน ถ้าได้ฟังเรื่องพวกนี้ก็คงคิดแบบเดียวกันนั่นแหละ เวลาที่ผมได้รับรู้เรื่องแบบนี้ทีไร ใจมันก็หนึบหนับทุกที ห้ามไม่ให้รู้สึกไม่เสียใจไม่ได้จริงๆ อย่างตอนนี้ผมก็อยากจะกอดปลอบเขาแน่นๆ ความจริงพี่แช่มอาจจะไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่ยังไงผมก็อยากทำแบบนั้นอยู่ดี

รอให้ออกจากวัดก่อนละกัน

ผมเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับน้ำและขนมในมือ “นี่นะพี่แช่ม”

“ไปนานจัง” เจ้าตัวเอาไม้กวาดไปเก็บก่อนจะเดินมานั่งข้างผม “พี่คิดถึงนะ”

“เกินเถอะ ในวัดในวาดูพูดจาเข้า”

“ก็มันจริงนี่นา ว่าแต่ยังไม่ได้บอกพี่เลยว่าทำไมไปนานจัง”

“ก็ป้าแม่ค้าเขาชวนคุย เขารู้จักพี่แช่มด้วยนะ”

“ใครๆ ก็รู้จักพี่ทั้งนั้นแหละ เป็นคนดัง น่ารัก ลุงป้าน้าอาเอ็นดู”

“พี่จะอวยตัวเองอีกนานไหม” ผมหยิกหลังมือเขาอย่างมันเขี้ยว “ลุงป้าน้าอาเขารู้ไหมว่าพี่เป็นคนหลงตัวเองแบบนี้”

“พี่พูดจริงๆ นะ เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่ที่นี่ พี่จะไปรับชะเอมทุกวัน มาเดินตลาดหาซื้อของก่อนกลับบ้าน ซื้อขนมซื้อผลไม้ทีไร ลุงๆ ป้าๆ ก็คอยแถมให้ตลอด ยิ่งของชะเอมนะ ได้เยอะกว่าพี่ตลอด”

“ก็ชะเอมน่ารัก”

“พี่ก็น่ารักเถอะ” มือเรียวบีบแก้มผมให้เข้าหากัน “อย่าทำให้พี่รู้สึกหึงน้องสาวของตัวเองนะ”

“พี่หึงของพี่คนเดียวเลย” ผมจับมือเขาออกก่อนจะยัดขนมปังปิ้งเข้าปากพลางเคี้ยวแก้มตุ่ย

“พี่จะหึงน้องหอมแบบนี้ไปเรื่อยๆ นี่แหละ เดี๋ยวไปหาข้าวกินกันนะ พี่ทำอะไรเสร็จหมดแล้ว”

“กินที่ไหนอะ”

“เดี๋ยวน้องหอมก็รู้เองแหละ”



---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
--------- ต่อจากบท 19 ----------

[บันทึกพิเศษ : แช่ม]

.   

ความรู้สึกสบายใจที่ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ความรู้สึกที่ผมปรารถนามาหลายปี

ครอบครัวของคงดีใจที่ผมเป็นแบบนี้และได้ทำอย่างที่ตัวเองอยากทำมาตลอด ตั้งแต่เมื่อเช้าผมพาน้องหอมไปตลาดเพื่อซื้อของทำบุญ ไปทำเจดีย์อัฐิให้พ่อกับแม่ใหม่และก็นำโกศของชะเอมมาใส่รวมไว้ที่เจดีย์เดียวกัน มันน่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้อยู่ในงานศพของน้อง แต่ตอนนี้ผมก็ทำอะไรเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่ตัวเองหายไปแล้วนะ ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหลังจากนี้ผมก็จะมีความสุขให้มากๆ เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

โดยเฉพาะเจ้าแฟนของผมเนี่ย

ตอนนี้ผมกำลังพาน้องหอมไปหาข้าวกินแถวหาดหินงาม ไกลจากที่บ้านแต่ว่าไหนๆ ก็กลับมาที่นี่แล้ว อยากไปทะเลสักหน่อย อีกอย่างเพื่อนสนิทผมสมัยมัธยมฯ มันก็เปิดร้านข้าวอยู่แถวนั้น ไม่ได้เจอมันตั้งนานตั้งแต่ตอนสติแตก ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง ติดต่อกันครั้งล่าสุดก็ปีใหม่โน่นล่ะ ไม่แน่ว่าผมอาจจะหาโรงแรมแถวนั้นนอน แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับไปที่บ้าน จัดโน่นนี่นั่นใหม่สักหน่อยค่อยกลับกรุงเทพฯ

มีงานเยอะเลยหลังจากนี้น่ะ

ความจริงงานของผมที่ว่าเยอะมันก็เรื่องเคลียร์งานทั้งของตัวเองและคณะ แล้วก็เรื่องเอกสารฝึกงาน เทอมหน้าต้องฝึกงานแล้วเหรอเนี่ย จะรอดจะตายต้องมาดูอีกที เหล่าสหายกลุ่มว้ากเกอร์คือแยกย้ายไปฝึกงานคนที่เลยอะ ไอ้สัสขันขี้โกงสุดได้อยู่ในกรุงเทพฯ พวกที่เหลือก็กระจายไปต่างจังหวัด ชริตเป็ดคือมาอยู่ไกลที่สุดเลย ไม่รู้ว่าช่วงที่ห่างจากน้องหอม ผมจะเป็นยังไงบ้าง

แค่คิดใจก็ห่อเหี่ยวไปหมด

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามพลางหยิบถุงขนมด้านหลังมาแกะ

“ทำหน้าแบบไหน”

“หน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยาก”

“ก็อาจจะ” ผมเบะปากน้อยๆ “แค่คิดว่าต้องอยู่ห่างกับน้องหอม พี่ก็ท้อใจ”

“แค่ระยองเอง”

“อย่ามาใช้คำว่าแค่นะ สำหรับพี่ แค่หอพี่กับหอน้องหอมก็นับว่าห่างแล้ว” จริงๆ นะ เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันก็รู้สึกว่ามันไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นแฟนกันปุ๊บ ผมก็รู้สึกอยากอยู่กับน้องหอมตลอดเวลา

ยิ่งพอได้กันแล้วก็อยากจะกินเขาเข้าไปเลย

ไม่ต้องให้ใครเห็นทั้งนั้น

“เว่อร์มาก”

“เว่อร์ได้มากกว่านี้อีก” ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดในร้านอาหารแห่งนึง ซึ่งชื่อร้านสุดสะเหล่อนั่นก็คือชะย้ง ชื่อที่เคยคุยกันขำๆ สมัยเกือบสิบปีก่อน ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง

“ชื่อร้านแปลกจัง”

“เจ้าของร้านก็แปลก” ผมลงจากรถก่อนจะลากน้องหอมเดินเข้าไปในร้าน ไม่แน่ใจว่าไอ้เพื่อนเวรจะอยู่ที่ร้านรึเปล่า ไม่ได้คิดเลยนะว่าถ้ามาแล้วไม่เจอมันแล้วจะยังไงต่อ

ช่างแม่ง

ผมจัดแจงสั่งโน่นนี่นั่นตามที่ตัวเองอยากกิน ความจริงจะให้ซื้อทั้งร้านนี้ก็ทำได้แต่เดี๋ยวไอ้ย้งจะไม่มีอะไรทำซะก่อน ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมฯ ยันมัธยมฯ เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวเลยมั้งที่มีอะ คือรู้ใจกันแทบทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเลิกเป็นเพื่อนกันวันไหนก็ต้องฆ่ามันทิ้งเท่านั้นครับ เก็บเอาไว้ไม่ได้หรอกเพราะความลับของผมที่มันรู้แม่งเยอะชิบหาย

กลัวใจมันเผาเรื่องผมให้น้องหอมฟังเหมือนกันนะ

“แอร้ยยยย”

“หืม....” คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก้มมองใต้โต๊ะ “มีเด็กเกาะขาหอมอยู่ด้วยพี่แช่ม”

ผมก้มลงดูใต้โต๊ะบ้าง “ลูกใครวะเนี่ย”

“แอร้ยยยย” เจ้าตัวเล็กชูแขนจนสุดมือประหนึ่งอยากให้น้องหอมอุ้มยังไงอย่างนั้น ไอ้อุ้มมันก็ทำได้อยู่หรอก แต่ไม่รู้ว่าลูกใครนี่สิ กลัวพ่อแม่เขามาโวยวายถ้าอยู่ดีดีไปแตะลูกเขา

“น้องจะให้อุ้มอะพี่แช่ม”

“ก็อุ้มสิ” ถ้าพ่อแม่เด็กมาโวยเดี๋ยวพี่จัดการให้เอง บ้องหูสักสองทีด้วย ปล่อยเด็กตัวน้อยๆ มาเดินแบบนี้ได้ยังไง

“แอร้ยยยยยยยย”

“ค้าบๆ อุ้มแล้ว” มือเรียวอุ้มเจ้าเด็กน้อยขึ้นมาในอ้อมกอด เห็นแบบนี้แล้วน่ารักจังเลยน้า ถ้าผมกับน้องหอมมีลูกด้วยกันสักคนก็น่าจะดีนะเนี่ย แต่จะมีได้ไงวะ

เป็นผู้ชายทั้งคู่เลย

“สิชลครับ กวนอะไรลูกค้าล่ะลูก” ร่างบางเดินเข้ามาที่โต๊ะผม ฟังจากคำพูดน่าจะเป็นแม่ของเขาล่ะมั้ง สวยจัง น่าจะรุ่นเดียวกับน้องหอมเลยนะเนี่ย

“น้องน่ารักมากเลยนะครับ”

“กำลังซนด้วยค่ะ ตอนนี้ฝึกเดินอยู่ บางทีก็เดินซะไว จับแทบไม่ทันเลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมรับคำพลางมองไปรอบๆ ร้านที่ไม่มีคนเลย “เอ่อ น้องเป็นพนักงานที่นี่เหรอครับ”

“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ”

“ไอ้ย้งอยู่ไหม คือพี่เป็นเพื่อนมันอะ”

“พี่ย้งอยู่ในครัวค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูไปเรียกให้นะคะ”

“จ่ะ” ผมยิ้มหวานให้เธอก่อนจะเหลือบมองแฟนตัวเองที่กำลังทำหน้ามุ่ย “เป็นอะไรอะน้องหอม ดูทำหน้าเข้า”

“ยิ้มหวานเชียวนะ”

“ทำไม หึงรึไง” ผมเท้าคางมองเจ้าตัวอยู่อย่างนั้น คนหึงก็หันหน้าหนีไม่ยอมตอบ แหม่ ทำตัวน่ารักในที่สาธารณะแบบนี้พี่ก็ลำบากสิน้องหอม

ร้ายกาจจริงๆ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคนตรงหน้า ชอบนะเวลาเขาหึง ชอบเวลาเขาแสดงท่าทีออกมาว่าหวง ปกติผมมักจะเป็นคนแสดงออกเรื่องพวกนี้รุนแรงมากกว่าเขาตั้งแต่สมัยตอนที่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย เอาจริงๆ ผมกับน้องหอมยังคบกันได้ไม่ค่อยนานเท่าไหร่ เพิ่งไม่กี่เดือน แต่ความรู้สึกที่ใจตรงกันมันก็นานแล้วนะ ตั้งแต่สมัยน้องหอมปี 1 อะ ประมาณช่วงเทอม 2 ที่เราพัฒนาความสัมพันธ์จากแค่รุ่นพี่รุ่นน้องไปเป็นคนพิเศษ

ส่วนตอนนี้ก็เป็นผัวเมียกันแล้วครับ

พูดเองก็เขินว่ะ

ผมชอบความรู้สึกในตอนนี้ ตอนที่ไม่มีอะไรค้างคาใจ ไม่กังวล ไม่มีอะไรต้องกลัว พูดง่ายๆ ก็คือตอนที่ไม่ประสาทแดกนั่นแหละ เหมือนได้ย้อนกลับไปช่วงเข้าเรียนมหา’ลัยใหม่ๆ เลย ความจริงในกลุ่มว้ากเกอร์เนี่ยะ ผมจะเป็นคนอัธยาศัยดี เป็นมิตรและน่ารักที่สุดแล้ว นั่นคือก่อนที่อาการป่วยจะกำเริบนะครับ พอหลังจากที่ PTSD กลับมาหนักๆ ผมก็กลายเป็นอีกคนที่ไม่เหมือนเดิม

เปลี่ยนไปจนรอบข้างรู้สึกได้

แต่หลังจากนี้ผมจะไม่ทำให้คนที่อยู่รอบตัวต้องรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองเป็น อีกอย่างชริตในตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องฝังใจที่จะทำให้เจ็บปวดอีกแล้ว เจ็บสุดในตอนนี้ก็คงเพราะโดนแฟนหยิกมือเนี่ยแหละ

ยัง....ยังไม่หยุด

“พี่เจ็บนะ หยิกพี่ทำไมเนี่ยะ”

“หมั่นไส้”

“ยังไม่ทันทำไรเลย” ผมเหลือบมองร่างสูงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจจัดๆ “ไอ้ย้ง”

“ไอ้แช่มมมม!!!!” เจ้าของชื่อโถมตัวเข้ามากอดผมแน่นประหนึ่งไม่ได้เจอกันนาน มันก็นานจริงแหละแต่มึงไม่ต้องกอดแน่นขนาดนี้ก็ได้

เดี๋ยวแฟนกูก็หยิกมือกูอีก

“แน่นไปแล้ว”

“เห้ยเพื่อนนนน มึงเป็นไงบ้างเนี่ย กูไม่ได้เจอมึงมากี่ปีแล้ววะ ไหนดูซิว่ายังเหมือนคนปกติอยู่รึเปล่า” ว่าแล้วมือหนาก็จับหน้าผมหันไปมาเหมือนสนุก

“กูปกติดี มีแต่มึงเนี่ยะเหมือนจะไม่ปกตินะ” ผมดันมันออกพลางทำหน้าเหี้ยมใส่ “กูกลับมาบ้านอะ ตอนนี้โอเคแล้วก็เลยแวะมาหามึงก่อนจะกลับไปเรียน”

“กูดีใจด้วยนะมึง ในที่สุดก็มีวันนี้สักที” เจ้าตัวยิ้มให้ผม ไอ้ย้งมันรู้เรื่องราวทั้งหมดดีครับ มันก็คงดีใจนั่นแหละที่ผมจะไม่ประสาทแดกอีกแล้ว

“เออๆ แล้วนี่น้องหอม แฟนกูเอง”

“สวัสดีครับ” เจ้าแฟนผมยกมือไหวไอ้ย้ง

“สวัสดีครับน้องหอม เหนื่อยหน่อยนะเป็นแฟนไอ้แช่มอะ”

“ปากดี ใครเป็นแฟนกูอะโชคดีจะตาย เนอะน้องหอมเนอะ” พอผมถามแบบนั้น น้องหอมก็ส่ายหัวรัวๆ ใช่ซี้ เพราะตรงนี้มีไอ้ย้งอยู่ถึงได้กล้าทำห้าวใส่พี่ ไว้ให้อยู่กันแค่สองคนก่อนเถอะ โดนแน่

เพื่อนรักนั่งลงข้างๆ ผม “แฟนมึงยังไม่เห็นด้วยเลย”

“แฟนกูแกล้งกูเถอะ ว่าแต่มึงอะ เปิดร้านชื่อนี้จริงๆ ด้วย สะเหล่อชิบหาย”

“ก็เคยบอกมึงเอาไว้ว่าจะเอาชื่อมึงมาตั้งร้าน ทำไม ไม่มีใครคิดว่ามึงเป็นเมียกูหรอก”

“ไอ้สัสย้ง” เดี๋ยวบ้านแตกไอ้เวร

ผมแอบหยิกขามันแรงๆ พลางมองน้องหอม เจ้าตัวมองผมเหมือนกับอยากรู้เรื่องราวต่างๆ ที่ไอ้ย้งพูด คืองี้ เมื่อประมาณม.ต้น อาจารย์ให้เขียนเรียงความเรื่องอาชีพในอนาคต แล้วไอ้ย้งมันอยากจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง ด้วยความที่ผมเป็นเพื่อนสนิทมัน มันก็เลยบอกว่าชื่อร้านเนี่ยะ จะเป็นชื่อผมกับมันรวมกัน ชะย้งมาจากชริตกับย้งครับ แม่งตั้งเองโดยไม่ถามผมสักคำ

ตอนนั้นก็ด่ามันไปนะ ไม่คิดว่ามันยังจะเอาชื่อนี้

ก็นั่นแหละ เพราะไอ้บทความนั้นเลยทำให้หลายๆ คนคิดว่าผมกับไอ้ย้งไม่ใช่แค่เพื่อนกัน คือแบบ....ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย ทำไมมีคนคิดอะไรแบบนี้ด้วยวะ ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรมาก ตัวไอ้ย้งเองก็มีแฟน ตัวท็อปของโรงเรียนสตรีล้วนเลยด้วย ส่วนผมนั้นชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรกครับ ตอนที่รู้ตัวก็น่าจะประมาณช่วงมัธยมฯ ต้น ฮอร์โมนพุ่งพล่านไง ใจเต้นแรงกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงก็เลยคิดว่าตัวเองชอบผู้ชาย

เป็นเกย์มาตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ

แต่ผมไม่เคยคบกับใครเลยนะ น้องหอมเป็นแฟนคนแรก เป็นคนแรกเลยจริงๆ สำหรับทุกๆ อย่าง ความรู้สึกที่สัมผัสได้ตอนที่เห็นเขาครั้งแรกคือใจเต้นแรงชิบหาย แรงแบบไม่เคยแรงขนาดนี้มาก่อน ที่ผมเป็นแบบนั้นมันก็คงเพราะเขาเกิดมาเพื่อเป็นของผมล่ะมั้ง พอรู้สึกว่าคนๆ นี้คือคนพิเศษ สายตาก็จะมองหาแต่เขา เวลาทำอะไรก็จะนึกถึงเขาไปหมด การตกหลุมรักใครสักคนมันทำให้มีความสุขมากเลย

ยิ่งถ้าได้ครอบครองแล้วด้วย....แม่งโคตรมีความสุข

“แอร้ยยยย”

“แอร้ยอะไรครับเจ้าอ้วนนนน” ไอ้ย้งอุ้มเจ้าตัวเล็กที่เกาะขาตัวเองขึ้นมา “น่ารักป้ะมึง ลูกกู”

“ลูกมึง”

“เออ ผู้หญิงที่มึงเห็นนั่นก็แฟนกูเองชื่อน้องอัญ”

“ทำไมมีลูกไวจังวะ แฟนมึงอายุเท่าไหร่”

“ปีนี้ 20 ละ คือกูก็สารภาพตามตรงว่ากูไม่ได้ตั้งใจ แต่พอสิชลอยู่ในตัวน้องอัญมันก็ทำให้กูคิดที่จะเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากขึ้น ร้านนี้กูเริ่มทำตั้งแต่น้องอัญท้อง กูดรอปเรียนเอาไว้ เดี๋ยวเดือนหน้าก็จะกลับไปเรียน น้องอัญก็ดูลูก พอสิชลโต ไปโรงเรียนได้เมื่อไหร่กูจะให้น้องอัญกลับไปเรียนต่อ”

“แล้วร้านอะ”

“เดี๋ยวพี่ยิ้มจะกลับมาอยู่บ้าน ก็คงจะมาช่วยดูแลร้านให้ เอาจริงๆ กูก็มีป้าแม่ครัวอยู่แล้ว ที่อยู่ร้านก็ทำพวกบัญชีเท่านั้นแหละ เด็กเสิร์ฟก็มีเยอะแยะ ไม่ค่อยน่ากังวลหรอก ลูกน้องพ่อกูทั้งนั้นอะ”

“ก็ดีแล้วที่มึงวางแผนอนาคตตัวเองเอาไว้ คิดแล้วก็ขำว่ะ ไม่เจอกันหลายปี เพื่อนกูมีลูกแล้ว”

“ลูกกูน่ารักด้วย ไหนสิชลไหว้ลุงแช่มสิครับ”

“แค่อาพอไอ้เวร”

“เออ งั้นเดี๋ยวกูฝากลูกหน่อย จัดการในครัวแป๊บ” ว่าแล้วมันก็ส่งเจ้าตัวเล็กมาให้ ฟังจากชื่อเมื่อกี๊ชื่อน้องสิชลสินะ น่ารักจัง หน้าหวานได้แม่เขามาเต็มๆ เลย

ผมมองตาใสแป๋วนั้น สิชลเอื้อมมือมาดึงแก้มผมพลางส่งเสียงอ้อแอ้ พอเห็นแบบนั้นผมก็อุ้มเขาก่อนจะพาเดินออกไปหน้าร้านที่เป็นหาดทราย ตอนนี้แดดร่มแล้ว ระหว่างรออาหารก็ลักพาตัวลูกไอ้ย้งมาเดินเล่นหน่อยละกัน ตอนนี้เท้าเล็กๆ เหยียบอยู่บนเท้าของผม เราเดินบนหาดด้วยกัน สิชลดูชอบใจมาก ส่งเสียงไม่หยุดเลย เด็กๆ ก็น่ารักเหมือนกันเนอะ

“แอร้ยยยยยย” สิชลโผเดินไปหาน้องหอมก่อนจะกอดขาเขาเอาไว้แน่น “แอ้ๆ ๆ ๆ ๆ ”

“ว่าไงค้าบ อยากให้พี่หอมพาเดินใช่ไหมหืม....”

“อยากกอดพี่หอมจังเลยค้าบ”

“ไม่ต้องมาอยากกอดเลยนะ” น้องหอมบอกพลางพาสิชลเดินหนีผม “สิชลไปกับพี่หอมสองคนเนอะ”

“เดี๋ยวเถอะ” ผมเดินมาอยู่ข้างๆ ก่อนจะที่มือน้อยๆ ของสิชลจะจับหมับเข้าที่มือผม โอ๊ยยยย ฟีลนี้มันพ่อแม่ลูกชัดๆ เนี่ยะ เดี๋ยวมรดกทั้งหมดที่มีผมยกให้สิชลหมดเลย

ฝากสวนยางของอาด้วยนะครับลูก

ผมไม่เคยคิดที่จะมีลูกเลยอาจเพราะรู้ว่าตัวเองคงมีไม่ได้ แต่เรื่องที่คิดว่าอาจจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะมี ในตอนนั้นคงต้องพร้อมและรู้สึกว่ามันถึงเวลา เยอะนะครับสำหรับเด็กที่ไม่มีครอบครัวน่ะ การรับเขาเข้ามาเป็นส่วนนึงมันคงเป็นอะไรที่ดีไม่ใช่น้อย แต่ก่อนจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องคุยกับคนที่อยู่ข้างกายด้วยว่าเขาโอเครึเปล่าถ้าครอบครัวของเราจะมีสมาชิกเพิ่ม

เรียนยังไม่จบแต่คิดไปถึงโน่นแล้วนะ

“น้องหอมอยากมีลูกไหม”

“ก็นะ....เด็กๆ ก็น่ารักดี แต่หอมคงมีลูกไม่ได้” เจ้าตัวหันมองผม “แล้วพี่แช่มล่ะ อยากมีลูกไหม”

“ก็อยากนะ”

“แล้วพี่จะทำยังไง จะไปมีลูกกับผู้หญิงเหรอ”

“พี่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง” ผมนั่งลงกับพื้นทรายที่ใต้ร่มของต้นไม้ใหญ่ก่อนจะดึงสิชลมานั่งบนตัก “พี่อาจจะรับเลี้ยงเด็กแทนน่ะ”

“แบบนั้นก็ดีนะ รับเลี้ยงสักสองสามคน พวกเขาจะได้ไม่เหงา”

“พี่อยากมีลูกสาว เดี๋ยวไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้เลย ฝึกไว้ก่อน”

“เว่อร์มาก” น้องหอมหัวเราะออกมาก่อนจะเอนหัวมาซบไหล่ผม “จนกว่าจะถึงตอนนั้น พี่จะอยู่กับหอมไปเรื่อยๆ ใช่ไหม”

ผมเลื่อนมือไปกุมมือเขาเอาไว้ “มันต้องแน่นอนอยู่แล้ว ทุกช่วงเวลาของชีวิตหลังจากนี้ น้องหอมจะมีพี่เสมอนั่นแหละ กลับไปครั้งนี้ คงต้องไปไหว้พ่อแม่น้องหอมแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ ไปถามด้วยว่าเขาจะเอาสินสอดเท่าไหร่”

“สินสอดอะไรของพี่”

“สินสอดไว้สู่ขอน้องหอมไง” ผมยกมือเขาขึ้นมาจุ๊บเบาๆ “พี่น่ะ....คิดเอาไว้ว่าหลังเรียนจบ พี่จะทุบบ้านที่นี่ทิ้ง แล้วสร้างหลังใหม่”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะว่าอยากเริ่มต้นใหม่ จริงอยู่ว่าตอนนี้พี่อาการดีขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่มีวันหายขาด ถ้าวันนึงที่ตัวพี่รับมือกับมันไม่ได้อีก มันจะแย่มากกว่าเดิม”

ผมตัดสินใจยากมากเรื่องจะทุบบ้านที่ตัวเองเคยอยู่มาตั้งแต่เกิด มันมีความทรงจำกับผมมากมายทั้งดีและร้าย แต่อย่างที่บอก วันนี้ผมอาการดีขึ้นแต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่กลับไปมีสภาพแย่แบบนั้นอีก เพราะงั้นการที่ผมคิดจะทำแบบนี้มันอาจจะดีแล้วก็ได้ ทุบบ้านแล้วสร้างใหม่ ปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อเริ่มต้นใหม่กับคนที่ผมมองว่าเขาเป็นครอบครัว

“ถ้าพี่จะทำแบบนั้น หอมก็เคารพในการตัดสินใจของพี่นะ”

“ขอบคุณนะน้องหอม ถึงตอนนั้นที่บ้านหลังใหม่สร้างเสร็จ....น้องหอมมาอยู่กับพี่นะ”

“พี่พูดเหมือนจะขอหอมแต่งงานเลย”

“ก็ใช่....”

“.....พี่แช่ม”

“น้องหอมเรียนจบเมื่อไหร่.....เราแต่งงานกันนะ”

.   

[จบบันทึกพิเศษ : พี่แช่ม]

.   

ทำไมวันนี้หัวใจมันฟองฟูจังวะ

อยู่ดีดีก็ถูกขอแต่งงาน

ผมนั่งอยู่ริมระเบียงพลางมองทะเลเบื้องหหน้า วันนี้เรามาค้างกันที่บ้านพี่ย้งครับ ตอนแรกพี่แช่มจะไปพักที่โรงแรม แต่เพื่อนเก่าเขาบอกว่านานๆ พี่แช่มจะโผล่มาสักที ให้ค้างซะที่นี่ มีเรื่องอยากคุยด้วยอีก ตอนนี้ก็นั่งสังสรรค์กันอยู่นั่นแหละ นอกจากพี่ย้งกับพี่แช่มแล้วก็มีพวกเพื่อนๆ เก่าเขามาอีกหลายคน ตอนแรกผมก็นั่งร่วมวงอยู่ด้วยแต่พอโดนแซวเยอะๆ มันก็เขินอะ

ข้าวหอมเลยปลีกตัวออกมานั่งสงบจิตสงบใจ

เหตุการณ์ที่ชายทะเลเมื่อเย็นทำให้ผมเขินมากเลย ที่พี่แช่มบอกว่าถ้าเขาเรียนจบ เขาจะทุบบ้านหลังเดิมทิ้งพร้อมกับสร้างใหม่ และถ้าผมเรียนจบเมื่อไหร่ เราจะแต่งงานกันและเขาจะให้ผมไปอยู่ด้วย ภาพในหัวตอนนี้คือโคตรตลกอะ สะเหล่อไปคิดภาพตัวเองสวมชุดเจ้าสาวไง ใส่เวลสวยๆ ทั้งที่คือถ้าได้แต่งงานกันจริงๆ ผมก็ไม่ต้องใส่ชุดเจ้าสาวป้ะวะ เราก็ต้องใส่ชุดทักซิโด้ทั้งคู่ป้ะ

ทำไมผมดูตื่นเต้นจัง

อีกตั้งหลายปีแน่ะกว่าจะถึงตอนนั้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมหันไปตามเสียงเคาะก็พบร่างสูงที่เดินเข้ามา “ทำไมมานี่ล่ะ”

“ก็เห็นน้องหอมหายไปนาน” เจ้าตัวเดินมานั่งลงข้างผม “ทำอะไรอยู่”

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อย หอมเห็นที่พี่คุยกับเพื่อนๆ แล้วรู้สึกได้เลยว่าพี่แช่มคนเดิมกลับมาแล้ว” จริงๆ นะครับ ช่วงที่อาการเขากำเริบหนักๆ เขาไม่ค่อยแสดงอะไรออกมาเลย

“พี่ก็ดีใจเหมือนกันที่ตัวเองกลับมา ความรู้สึกที่ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ มันดีมากจริงๆ นะ”

“ดีแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก พี่ต้องบอกหอมนะ ให้หอมรับรู้และคอยช่วยเหลือพี่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”

“พี่สัญญา พี่จะไม่เก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวอีกแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่จะบอกน้องหอมนะ” ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ “ตอนนี้พี่ก็มีบางอย่างที่จะบอกน้องหอมด้วย”

“อะไรอะ”

“ขอจูบหน่อยนะ” สิ้นคำเอ่ยริมฝีปากบางก็ทาบทับลงมาโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว ผมยังไม่ได้ยอมตกลงเลยนะว่าจะให้จูบน่ะ พี่แช่มนี่ร้ายจริงๆ

ผมเปิดปากรับลิ้นร้อนเข้ามาสอดคลอเคลีย สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่ช่วงเอว ร้อนไปหมด ร้อนเพราะเขากินเหล้ามาหรือร้อนเพราะอย่างอื่นก็ไม่รู้ ผมชอบเวลาพี่แช่มจูบ ชอบการสัมผัส ชอบทุกอย่างที่เขาทำ และยังคงรู้สึกประหม่าทุกครั้ง กับเรื่องแบบนี้ผมจะไม่มีทางที่จะชินกับมันได้

หัวใจยังคงเต้นแรงอยู่เสมอ

ร่างสูงถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง “ทำไมแก้มแดงจัง”

“เขินไง คิดว่าอะไรล่ะ” ผมตีไหล่เขา “พี่อะ อยู่ดีดีมาขอจูบ แถมหอมยังไม่ได้บอกให้จูบเลย”

“เอาคืนไปป้ะล่ะ” เจ้าตัวทำปากจู๋ใส่

“ไม่ต้องเลย ไปได้แล่ว เพื่อนๆ พี่รออยู่นะ”

“แล้วน้องหอมล่ะ”

“เดี๋ยวโทรหาข้าวก้องเสร็จแล้วจะตามไป”

“โอเคครับ” พี่แช่มจุ๊บหัวผมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง อื้ออออ.....แก้มร้อนไปหมดแล้ว ทำไมถึงเขินแบบนี้วะ

ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดดูโน่นนี่ ในกลุ่มไลน์แก๊งค์คือบันเทิงขั้นสุด มีแต่คนแท็กผมแล้วถามวนไปมาว่าเมื่อไหร่จะกลับ ข้อความเป็นร้อยอะ แม่งคุยอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ เห็นเพื่อนๆ คิดถึงข้าวหอมขนาดนี้ เดี๋ยวขากลับซื้อขนมไปฝากพวกมันหน่อย ในจังหวะที่ผมกำลังจะกดโทรหาข้าวก้อง แจ้งเตือนทวิตเตอร์ก็เด้งขึ้นมา ผมกดเข้าไปดูข้อความที่ใครบางคนเพิ่งอัปเดตทวิต และประโยคที่แสดงอยู่นั้นทำให้หน้าผมร้อนขึ้นไปอีก

พี่แช่มแม่ง....

.

.   

Chatit @Charitpedd

แฟนเราจะน่ารักมากที่สุดก็หลังจากโดนจูบจนปากเจ่อนั่นแหละ

.   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้


.

.

.

.

.

.

TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งนิยายแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปเป็นเดือนและทำให้ต้องรอกันขนาดนั้นนะคะ

จริงจังหรือแค่ขำๆ จบภายในเดือนนี้แน่นอนค่ะ เหลืออีกแค่ 2 บทเท่านั้น ก็ถ้าปี 2020 เมื่อไหร่ เรื่องสุดท้ายของเลิฟไรท์โปรเจ็กต์ก็จะพับลิกให้ได้อ่านกัน ก็รอติดตามกันนะคะ

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค้าบ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Chatit @Charitpedd

แฟนเราจะน่ารักมากที่สุดก็หลังจากโดนจูบจนปากเจ่อนั่นแหละ

.   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้

^
:
:
เห็นด้วยทุกประการ  o13

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 20 โชคดี [Nc]
[/b]



Charit @Charitpedd

โคตรเบื่อเวลาของขาดเลย....หงุดหงิดใจ

.

#พี่แช่มได้กล่าวไว้

.

.

หงุดหงิดใจหรือหงุดหงิดอะไรกันแน่

พี่คิดว่าหอมไม่รู้รึไงคนลามก

ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะเดินออกมาจากตึก ตอนนี้เกือบบ่ายสองแล้วครับ หลังจากนี้คือไม่มีเรียนละ ผมนัดกับที่บ้านไว้ว่าวันนี้จะเข้าไปหา พ่อเคลียร์งานทั้งหมดเพื่อรอเชือดลูกชายสุดที่รักโดยเฉพาะ เอาจริงๆ ถึงจะบอกเรื่องพี่แช่มกับพ่อไปแล้วแต่ผมก็ยังหวั่นใจอยู่เหมือนกันนะ คือพ่อเนี่ยะจะต้องเตรียมคำถามปั่นประสาทเอาไว้แน่ๆ หวังว่าแฟนผมจะไม่ประสาทแดกนะ

เหมือนตอนนี้คนที่ประสาทแดกที่สุดคือผมเลยว่ะ

“มึงทำหน้าเหมือนเครียด” เสียงเอ่ยถามจากสยามเพื่อนรัก “เป็นไรวะ”

“วันนี้กูจะพาพี่แช่มไปกินข้าวที่บ้านอะ เจอพ่อกับแม่ ไม่รู้จะเป็นยังไงเลยว่ะ”

“ตอนกูเจอพ่อสมปองนะ กูโดนยิงแน่ะ”

ผมหันขวับมองมันทันที “ถามจริง มึงโดนยิงตอนไหน”

“ก็ปีก่อนโน้นแหละตอนไปหาสมปองที่บ้านน้องครั้งแรก เอาจริงๆ ตอนนั้นกูก็ทำให้ปองเสียใจด้วยแหละ พ่อปองก็เลยยิงให้”

“พี่แช่มจะโดนยิงไหมวะ ไม่น่าหรอกเพราะพ่อกูไม่มีปืน”

“ไม่โดนหรอก มึงน่าจะรู้จักพ่อตัวเองดีนะ มึงคิดว่าเขาจะทำยังไงกับพี่แช่ม”

“ไม่รู้ว่ะ เดายากมากอะพ่อกู แต่กูก็หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี ก็แค่กินข้าวกันเอง”

“กูขอให้โชคดีละกัน เดี๋ยวกูไปหาปองละ” เจ้าตัวบอกก่อนจะแยกเดินไปอีกทาง ส่วนผมก็เดินมายืนรอหน้าห้องคณะกรรมการ นัดกับพี่แช่มเอาไว้ครับ เดี๋ยวอีกแป๊บก็คงมาแล้วล่ะ

ความจริงไม่ได้มีแค่ผมกับพี่แช่มหรอกที่จะเข้าไปหาพ่อ ข้าวก้องกับเบย์ก็จะไปเหมือนกัน ตอนแรกไอ้น้องเวรผมบอกว่ายังไม่อยากไป ใจยังไม่พร้อม พอเป็นแบบนั้นก็เลยทำข้อตกลงกันครับ เป่ายิงฉุบกัน ถ้าผมชนะ มันต้องไปด้วย และผลสรุปของการเป่ายิงฉุบก็คือข้าวหอมคนนี้เป็นฝ่ายชนะ ฮ่าๆ ๆ ๆ คือข้าวก้องเนี่ยะ เวลาเป่ายิงฉุบมันจะออกกระดาษก่อนเสมอ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยประถมฯ

ข้าวก้องไม่เคยเอาชนะผมเรื่องนี้ได้

“น้องหอม”

ผมหันมองตามเสียงเรียกก็พบร่างสูงที่ถือถุงเซเว่นเต็มไปหมด “ซื้อของเหรอ”

“ใช่ ขนมที่ต้องหมดอะ มะรืนนี้นัดทำงานกันที่ห้อง พี่ก็เลยซื้อไปตุนไว้ก่อน เออวันนี้พี่ไม่ได้เอารถมานะ”

“เดี๋ยวไปรถหอมนี่แหละ” ว่าแล้วผมก็เดินนำพี่แช่มมาจนถึงลานจอดรถ ซึ่งมีคนหน้าเหมือนตัวเองและผัวเด็กของมันนั่งรออยู่

“มาช้า”

“ไอ้ก้องบ่นพี่อะพี่แช่ม”

“ผมเปล่านะพี่แช่ม” ข้าวก้องเถียงทันทีก่อนจะเดินขึ้นรถ “เปิดแอร์เร็วๆ ร้อนนนนน”

“ขี้โวยวายชิบหาย”

ผมขับรถออกจากมหา’ลัยก่อนจะมุ่งไปที่บ้านของตัวเอง บ้านผมไม่ได้ไกลจากมหา’ลัยมากนักแต่ปัญหาที่น่ารำคาญใจมากที่สุดคือรถติด เพราะรถติดเนี่ยแหละผมกับข้าวก้องถึงได้ย้ายมาอยู่หอที่ใกล้มหา’ลัยมากกว่า เสียเงินเยอะหน่อยแต่แลกกับเวลาที่เพิ่มขึ้นก็ถือว่าดีนะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยขับรถและหงุดหงิดที่เสียเวลาด้วย ดีนะที่พ่อตามใจให้พวกเรามาอยู่หอ

ปีนึงกลับบ้านอยู่ 3 ครั้ง

แต่ผมโทรกลับไปหาที่บ้านบ่อยนะ มีช่วงหลังๆ ที่ยุ่งวุ่นวายเนี่ยแหละถึงไม่ได้โทรหา เอาน่ะ พ่อกับแม่ต้องเข้าใจอยู่แล้วแหละ อีกอย่างพวกเขาก็ทำงานเหมือนกัน ดีไม่ดียุ่งกว่าผมด้วยซ้ำ ครอบครัวเราทำงานเกี่ยวกับการจัดการที่ดินครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องงานของที่บ้านเท่าไหร่ ที่รู้คือตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ต้องไปต่างจังหวัดบ่อย ส่วนเราพี่น้องก็จะอยู่กับป้าจิตที่เป็นหัวหน้าแม่บ้าน

เหงาเหมือนกันนะตอนเด็กๆ น่ะ

“พ่อแม่น้องหอมดุไหม” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถาม ดุไหมงั้นเหรอ พ่อจะชอบดุเวลาที่พวกเราไปอ้อนแม่ซะส่วนใหญ่ ตอนเด็กก็ไม่เข้าใจหรอก แต่พอโตมาถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

“ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก ทำไม....พี่กังวลเหรอ”

“นิดหน่อย เรียกว่าตื่นเต้นมากกว่า น้องหอมว่าพ่อเราจะเรียกค่าสินสอดพี่เท่าไหร่”

ผมหลุดหัวเราะออกไป “พี่ยังไม่จบเรื่องค่าสินสอดอีกเหรอ”

“ไม่จบหรอก” ร่างสูงหันไปหาข้าวก้องด้านหลัง “มึงว่าค่าตัวน้องหอมเนี่ยะเท่าไหร่วะก้อง”

“ 10 บาทขาดตัว”

“แหมมมม ถ้าค่าตัวกู 10 บาท ของมึงก็ 5 บาทเท่านั้นแหละ”

“อย่ามากดราคาตัวกูนะ แม่ง ถูกกว่ามาม่าอีก”

“พี่แช่มคิดเรื่องสินสอดขอพี่หอมด้วยเหรอครับ” บวรเอ่ยถามพลางมองแฟนตัวเอง “แล้วผมต้องคิดบ้างไหมเนี่ย”

“คุณเตรียมหมดตัวไว้เลยนะเบย์ พ่อผมน่ะหน้าเลือดมาก”

“กลัวไม่หมดตัวนี่สิครับ”

เหมือนจะขิงว่าตัวเองรวยมากเลยไอ้เวร

ผมมองกระจกหลังเพื่อดูคู่รักที่หยอกล้อกันอยู่ ตั้งแต่ที่ข้าวก้องตัดสินใจคบกับบวร มันดูมีความสุขขึ้นเยอะเลยครับ บางวันก็มานอนกลิ้งไปมาที่ห้องผมเพราะเขินผัวเด็ก อีกอย่างที่รู้คือมันไม่ค่อยได้นอนที่หอตัวเองแล้วนะ โน่น ไปกกอยู่ห้องแฟนโน่น แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มีคนมาคอยปั่นประสาทเวลาอยู่กับพี่แช่ม คือตั้งแต่กลับมาที่นี่ แทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันสองคนแบบสงบจิตสงบใจเลย

หัวจะปวดอะ

ตั้งแต่กลับจากนครศรีธรรมราชก็เกือบ 3 อาทิตย์แล้วครับ ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน พี่แช่มคือแจ่มใสร่าเริง ยิ้มหวานน่ารักมาก ช่วงที่มีการสันทนาการเด็กปี 1 เขาก็โผล่ไปบ่อยๆ แล้วการโผล่ไปของเขามันก็ทำให้มีเด็กๆ เนี่ยะ ชอบใจไม่น้อย บางคนชอบใจมากถึงขั้นทักไลน์มาหาด้วยซ้ำ ผมไม่รู้เลยว่าเด็กพวกนั้นไปหาไลน์แฟนผมมาจากไหนกันนักหนา ที่สำคัญคือไม่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วเหรอวะ

หงุดหงิดเรื่องมีคนมาวอแวพี่แช่มไม่พอ

ต้องมาหงุดหงิดที่ข้าวก้องปั่นอีก

หลังจากที่ขับรถมาสักพักใหญ่ผมก็มาถึงวิมานอันแสนสุขที่เรียกว่าบ้าน บ้านที่ผมคิดตั้งแต่เด็กว่ามันใหญ่เกินไป แต่พอมองเห็นลูกน้องพ่อที่ยืนแถวเป็นระเบียบนั่น บ้านหลังนี้ก็อาจจะกำลังดีแล้วล่ะมั้ง เอาไว้ซ่องสุมกองโจร

อย่าไปบอกพ่อเชียวนะครับ

“บ้านหลังใหญ่มากเลยนะ”

“บ้านพ่อน่ะ ถ้าหอมมีบ้าน เชื่อเถอะว่าไม่มีทางใหญ่ขนาดนี้” ผมปลดเบลท์ก่อนจะเดินลงจากรถ คนที่หน้าเหมือนกันก็เดินมาหยุดอยู่ด้านข้าง “พร้อมไหมมึง”

“ไม่....มึงบอกพ่อแล้วว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย แต่กูยังไม่ได้บอก”

ผมเหลือบมองมันพลางงทำหน้าเหี้ยม “มึงตายแน่”

“มึงแหละจะตายก่อน เพราะกูเนี่ยะ”

“กูไม่กลัวหรอก” ผมคว้ามือพี่แช่มมาจับเอาไว้ “ไปกันเถอะ” ว่าแล้วผมก็พาร่างสูงเดินนำเข้าบ้าน ระหว่างทางบรรดาลูกน้องพ่อก็กล่าวทักทายตามปกติ

ข้าวหอมและข้าวก้องเป็นคุณหนูของบ้านนี้ครับ

ผมลากพี่แช่มเดินมุ่งหน้าไปห้องทานอาหาร ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าไปก็พบคุณเจ้าของบ้านกำลังนั่งทำหน้านิ่งอยู่ ส่วนด้านข้างคือภรรยาคนสวยของเขา แววตาแบบนี้เดาไม่ออกเลยจริงๆ ว่าพ่อรู้คิดยังไงอยู่ แต่ก่อนอื่น....

“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้ทั้งสองคนก่อนจะเดินมากอดแม่ “คิดถึงจังเลยครับ”

“แม่ก็คิดถึงข้าวหอมนะ ไม่ได้กลับบ้านซะนานเลย”

“นั่นภรรยาของพ่อ ปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้เลย” เสียงเข้มเอ่ยออกมา แหมๆ ๆ ๆ ขี้หึงจังเลยน้า กับลูกก็ไม่เว้น

“กอดแค่นี้เอง ทำเป็นหวงไปได้” ผมเดินกลับมาหาพี่แช่ม “พ่อครับแม่ครับ นี่พี่แช่ม เขาเป็นแฟนของหอม”

“สวัสดีครับ” ร่างสูงยกมือไหว้พลางยิ้มหวานอย่างเป็นมิตร

“นี่เองสีหน้าคนที่หลงผิด”

“หลงผิดอะไรกันล่ะพ่อ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะลากให้พี่แช่มมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ กัน สายตาของพ่อที่มองแฟนผมตอนนี้คือพิจารณามาก อารมณ์เหมือนกำลังดูโหวงเฮ้งอยู่เลย

“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” คนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยบอกพลางยกมือไหว้ “เบย์นี่พ่อกับแม่ของผม”

“สวัสดีครับ ผมชื่อเบย์ เป็นแฟนพี่ก้อง”

“นี่ก็หลงผิดอีกคน แต่เดี๋ยวนะ ลูกไม่ได้บอกพ่อล่วงหน้าเลยนะข้าวก้อง”

“ก็เซอร์ไพรส์ไงครับ” ไอ้น้องตัวดียิ้มแฉ่งก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งเดียวกับแม่ พอเห็นพ่อนั่งกุมขมับแบบนี้แล้วตลกยังไงก็ไม่รู้ว่ะ กับแม่น่ะไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่กับพ่อนี่ดิ

ทำหน้าเหมือนเครียดเลย

“โอเค มากันครบแล้วเนอะ ตักข้าวเลย ดูเหมือนมื้ออาหารนี้จะอร่อยน่าดู”

.

[บันทึกพิเศษ : แช่ม]

.

ไม่เคยกินข้าวแล้วรู้สึกแปลกๆ แบบนี้เลยครับ

เหมือนมีสายตาทิ่มแทงจ้องมองอยู่ตลอดเวลา

ผมตักผัดผักให้น้องหอมพลางเหลือบมองพ่อกับแม่เขาเป็นระยะ ตอนนี้สถานการณ์ยังทรงตัวครับ เงียบๆ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา มีแค่สายตาเท่านั้นที่ค่อนข้างแสดงออกให้เห็นชัดเจนนะครับ เหมือนพ่อน้องหอมจะไม่ค่อยชอบใจผมกับไอ้เบย์สักเท่าไหร่ ผมไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงแต่สายตาที่มองมามันทำให้รู้สึกแบบนั้น

ประหม่ายังไงก็ไม่รู้

“เธอ 2 คนเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ” สิ้นเสียงพ่อน้องหอมถาม ผมกับไอ้เบย์มองหน้ากันทันที ผมพยักหน้าน้อยๆ เพื่อให้อีกฝ่ายพูดก่อน

“ผมเป็นลูกคนสุดท้องของเจ้าสัวทรงเดชครับ ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานบันเทิง....”

“และคาสิโนที่มาเก๊า” เสียงเข้มพูดดักขึ้นมาก่อนจะมองข้าวก้อง “รู้ป้ะเนี่ยว่าแฟนตัวเองเป็นลูกมาเฟียอะ”

คนโดนถามส่ายหัวรัวๆ “ไม่รู้ จริงเหรอเบย์”

“พ่อผมไม่ได้ถึงขั้นนั้นสักหน่อยครับ เขาอาจจะอิทธิพลเยอะไปหน่อยแต่ไม่ถึงขั้นเรียกว่าเป็นมาเฟียหรอกครับ”

“แปลว่ายังไม่ได้เข้าดูธุรกิจของบ้านตัวเองล่ะสิ เคยได้ยินมาแค่ว่าเจ้าสัวทรงเดชมีลูกชาย 3 คนที่เป็นลูกของภรรยาหลวง อีกคนนึงเป็นลูกของภรรยาน้อย ลูกสาว....เธอรู้ไหมว่าตอนนั้นพี่สาวของเธอทำลูกชายของฉันเสียใจมากขนาดไหน”

“ผมรู้ครับ และรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว จริงอยู่ว่าบีมเคยทำให้พี่ก้องเสียใจ แต่ผมไม่ใช่บีม ผมจะไม่มีทางทำให้คนที่ผมรักเสียใจเด็ดขาดครับ”

“ดี....มุ่งมั่นดี” พ่อน้องหอมเอียงหัวไปหาภรรยาคนสวย “ที่รักคิดว่ายังไงคะ”

“ผ่านค่ะ” แม่น้องหอมยิ้มหวานให้ “แม่ฝากเราช่วยดูแลพี่เขาหน่อยนะ ถ้าข้าวก้องดื้อมากๆ ก็ฟ้องคุณพ่อได้เลยจ่ะ”

“ขอบคุณนะครับ”

“แล้วอีกคนที่หลงผิดล่ะ มาจากไหน” พ่อน้องหอมมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ คือคูมพ่อตาครับ เรียกผมว่าแช่มก็ได้นะครับ อย่าเรียกว่าคนที่หลงผิดสิ

“พ่อของผมเป็นเจ้าของสวนยางอัญวานิชณ์ครับ แต่ว่าตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว แม่ผมก็ด้วย ตอนนี้ผมเหลือตัวคนเดียว”

“เธอเป็นลูกชายของคุณสาธิตย์กับคุณปิ่นอนงค์งั้นเหรอ”

ผมพยักหน้ารับ “รู้จักพ่อกับแม่ด้วยเหรอครับ”

“รู้จักสิ ตอนนั้นน้องสาวเธอเพิ่งเกิดเลยล่ะ ส่วนเธอก็ดูรักน้องมากเลยนะ เกาะอยู่ที่ขอบเปลไม่ยอมไปไหนเลย จากตอนนั้นผ่านมาเกือบ 20 ปีเลยเหรอเนี่ย”

“นานเหมือนกันนะคะคุณ และก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าแฟนข้าวหอมจะเป็นเด็กคนนั้น”

ใช่ครับไม่น่าเชื่อ

ผมจำเรื่องตอนเป็นเด็กน้อยขนาดนั้นไม่ได้หรอก แต่ความรู้สึกที่รักน้องมากนั่นคงใช่ เรื่องนี้แม่เองก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน ผมน่ะเห่อชะเอมมากตั้งแต่ที่เธอเกิด เปลของน้องผมก็อาสาไกวให้เองทุกวัน ความทรงจำสมัยเป็นเด็กมากๆ นึกออกแค่มีคนมาหาพ่อแทบทุกวัน บางคนก็ดูใจดี บางคนก็ดูน่ากลัว ผมคิดว่าคนพวกนั้นอาจจะเป็นพวกที่อยากซื้อที่ของบ้านเราก็ได้ การที่พ่อน้องหอมไปหาพ่อผมตอนนั้นมีเหตุผลเดียวกับรึเปล่านะ

เรื่องที่ดินตรงนั้น

“ทำไมตอนนั้นคุณอาถึงไปหาพ่อล่ะครับ”

“ไปตีราคาของที่ดินให้น่ะ พ่อของเธอเคยมีความคิดที่จะขายมันเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ที่ดินตรงนั้นทำเลดีมีแต่คนมาติดต่อขอซื้อแต่พ่อเธอไม่คิดที่จะขายเพราะสืบทอดกันต่อมา จนกระทั่งมีการข่มขู่เกิดขึ้น พ่อของเธอคงอยากปกป้องครอบครัวโดยการคิดจะขายที่ดินแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น”

“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”

“เธอยังเด็กไง ตอนที่ฉันไปตีราคาที่ให้ ฉันก็แนะนำเขาว่าไม่ให้ขาย ย้ายไปอยู่ที่อื่นได้แต่อย่าขายเลย เพราะราคามันสู้ไม่ได้กับสิ่งต่างๆ ที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้ พ่อเธอวางแพลนที่จะย้ายบ้านแต่เหมือนว่าจะไม่ทัน....ฉันเสียใจกับเธอด้วยนะ”

“....ครับ” มือเรียวของน้องหอมยกขึ้นแตะไหล่ผมเบาๆ เชิงปลอบ

ถ้าวันนี้ไม่มาเจอพ่อของน้องหอมที่นี่ ผมจะไม่มีทางรู้เลยว่าพ่อพยายามที่จะปกป้องพวกเราจากคนที่ไม่หวังดี ไม่เข้าใจเลย กับที่ดินตรงนั้นทำไมจะต้องอยากได้กันนัก อยากครอบครองจนต้องทำลายชีวิตคนอื่น โคตรทุเรศเลย พอมารู้ทีหลังก็เสียใจเหมือนกันนะครับ อีกแค่นิดเดียวเอง ตอนนั้นถ้าไม่เกิดเลวร้ายขึ้นซะก่อน ตอนนี้ครอบครัวเราอาจจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ได้

โชคชะตาแม่งโคตรเล่นตลกเลยว่ะ

“พี่โอเคไหม”

“พี่ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะเสียใจแต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว พี่แก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“เข้มแข็งดีนะ คิดแบบนั้นได้ก็ดีแล้ว ที่เธอบอกว่าเธอเหลือตัวคนเดียว หลังจากนี้มันจะไม่ใช่แบบนั้นแล้วล่ะ” พ่อน้องหอมยิ้มบางๆ ให้ผม “ฝากลูกชายของฉันด้วยและก็ยินดีต้อนรับนะ”

ความรู้สึกนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลย

“ขอบคุณครับ....ผมขอฝากตัวด้วย”

   

***

   

---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 20 ----------


“ยิ้มไม่หุบเลยนะ”

“ก็พี่มีความสุขหนิ นานมากเลยนะที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้น่ะ”

ต้องขอบคุณน้องหอมจริงๆ ที่พาให้ผมมาเจอกับครอบครัวตัวเองและได้เป็นส่วนนึงในนั้น

ผมนั่งนิ่งๆ ให้เจ้าแฟนเช็ดผมให้ ตอนนี้เกือบ 5 ทุ่มแล้วครับ วันนี้ผมนอนค้างที่บ้านน้องหอมเพราะพรุ่งนี้พ่อกับแม่ของน้องชวนไปทำบุญด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้วล่ะ รู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่พวกเขาเอ่ยปากชวน พ่อน้องหอมเนี่ยะสุดยอดเลย เป็นบุคคลที่เก็บข้อมูลต่างๆ เอาไว้เยอะมาก ฟังจากการที่เขาเล่าเรื่องโน่นนี่นั่นให้ฟังน่ะนะ ความจริงก็น่าเหลือเชื่อตั้งแต่รู้จักพ่อไอ้เบย์และรู้จักครอบครัวผม

รู้ในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน

พ่อน้องหอมทำให้ผมรู้ว่าทุ่งหญ้าหลังบ้านของเรา ก่อนหน้านี้มันเป็นป่ารก ไม่ได้สวยอย่างที่เป็น เขาเล่าให้ฟังว่าตอนที่ไปตีราคาที่ดินให้พ่อของผม เขาเห็นว่าทัศนวิสัยหลังบ้านผมไม่ดีเลย ควรทำให้ที่ตรงนั้นโล่งและปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้สักหน่อย นอกจากจะไม่ทำให้แถวนั้นดูน่ากลัวแล้ว เรายังมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่ม ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมจำไม่ได้เลย อาจเพราะยังเด็กมาก พอรู้ความก็เห็นว่าหลังบ้านเป็นทุ่งหญ้าแล้ว

เขานี่เองที่เป็นคนแนะนำพ่อ

“หอมดีใจนะที่ได้เห็นพี่มีความสุขแบบนี้น่ะ” มือเรียวกุมแก้มผม “หอมชอบเวลาเห็นพี่ยิ้ม”

“แล้วถ้าพี่ไม่ยิ้มอะ ชอบไหม” ผมรั้งเอวเจ้าตัวเข้ามาใกล้พลางมองใบหน้าใสอยู่อย่างนั้น อื้ออออ.....กลิ่นสบู่หอมจัง ทั้งๆ ที่ใช้เหมือนกันแต่ทำไมของน้องถึงหอมกว่านะ

“ก็ชอบ....ก็ชอบทุกอย่างแหละ” น้องหอมเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออก “ถ้าไม่ชอบ....ผมจะเป็นแฟนคุณเหรอ คุณชริตเป็ด”

“หืม.....”

ชริตเป็ด

“ไปเอาชื่อนี้มาจากไหน”

“ก็ใน.....” คนบนตักชะงักไปเหมือนนึกอะไรออก น้องหอมทำท่าจะลุกออกจากตักแต่ผมก็ล็อกเอวเขาเอาไว้ เอาล่ะ เหมือนวันนี้ผมจะมีเรื่องที่ตัวเองไม่รู้เพิ่มมาอีกเรื่อง

“ในไหน....”

“อื้ออออ.....คาดคั้นอะไรเนี่ยะ”

“รู้จักทวิตเตอร์พี่ด้วยเหรอ” ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยว่าน้องหอมเล่นทวิตเตอร์ด้วย คือปกติเราไม่ยุ่งโทรศัพท์ของกันและกันน่ะครับ อย่างโซเชี่ยลก็มีคอนแทคกันแต่ยกเว้นทวิตเตอร์

“ใครๆ ก็ต้องรู้จักทวิตเตอร์พี่แช่มป้ะ ไม่เห็นแปลก”

“แปลก น้องหอมไม่เคยบอกพี่เลย แบบนี้ก็....” เห็นหมดเลยน่ะสิเวลาผมเพ้อเจ้ออะไรในนั้นน่ะ

ผมจับน้องหอมโยนลงเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมเอาไว้ คนที่อยู่ใต้ร่างพยายามดิ้นด๊อกแด๊กเพื่อจะเอาตัวเองออกไปแต่ฝันไปเถอะ วันนี้ไม่พ้นเงื้อมือพี่แน่ล่ะเจ้าแฟน เอาจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่น้องหอมเล่นทวิตเตอร์ แต่มันตกใจที่น้องจะเห็นผมงี่เง่าเต็มในนั้นเลยไง แม่งเอ๊ย ทวิตอันเศร้าไม่เท่าไหร่ แต่อันที่มันบ้ากามเนี่ยะจะทำยังไง เออผมทวิตเองแหละแต่แบบไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะเห็นป้ะวะ

จบแล้ว

จบ....แล้ว

“พี่จะทำอะไรหอมเนี่ย”

“แอคไหนว่ามาซิ” ผมจ้องเพื่อจะเอาคำตอบ “จะตอบพี่ดีดีหรือจะตอบพี่ด้วยเสียงคราง....ห้ะ”

“พี่แช่มมมม” มือเรียวตีไหล่ผมอย่างแรง ฮันแน่ ทำร้ายร่างกายกันอีก ได้เลยน้องหอมผู้น่ารักของพี่ จะเอาแบบนี้ใช่ไหม

ได้เลยจ้า

ผมก้มลงจูบปิดปากคนใต้ร่างทันที มือเลื่อนเข้าไปในสาบเสื้อเขาพร้อมกับเบียดสะโพกเข้าหา น้องหอมส่งเสียงอู้อี้ไม่หยุด พอเป็นแบบนั้นผมเลยใช้ปลายนิ้วลูบวนที่ยอดอกเจ้าตัวจนเขาบิดไปมา ในจังหวะที่เด็กดื้อเผลอเปิดปากผมก็สอดลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานให้สาสมกับความบ้ากามที่ตัวเองมี เป็นแฟนพี่ก็เหนื่อยหน่อยนะครับน้อง ทุกเรื่องพี่ยอมได้แต่เรื่องนี้พี่จะไม่ยอมเด็ดขาด

ยิ่งดื้อๆ อย่างน้องหอมแล้วด้วย

ต้องโดนผมกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว

“อื้อออออ....” มือเรียวตะปบเข้าที่หูผมอย่างแรง

“โอ๊ยยยยน้องหอมมมม” ผมละจูบออกมาก่อนจะกุมหัวเอง “ไม่กลัวหูพี่ฉีกเลยเหรอ มันหลุดออกไปเป็นแผงได้เลยนะ” ผมงอแงใส่น้องพลางไล่จับตามจิวและต่างหูที่ใส่เอาไว้

“ก็พี่อะ”

“พี่ทำไมหืม....”

“ก็พี่จูบหอม”

“ก็น้องหอมไม่บอกพี่ว่าแอคอะไร พี่ก็เลยลงโทษนิดหน่อย” ผมยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นปากน้องหอมเจ่อแบบนั้น “ตกลงยังไงดี จะบอกพี่หรือจะขาดใจตายแบบเมื่อกี๊”

“พี่ขี้โกง”

“โอเค นั่นคือคำตอบของน้องหอมใช่ไหม” ผมเลิกเสื้อคนใต้ร่างขึ้นไปก่อนจะขดเป็นปมไว้เพื่อไม่ให้เขาเอามือออกได้ เรียกง่ายๆ ก็คือมัดนั่นแหละ สงสัยวันนี้ต้องรุนแรงหน่อยล่ะมั้ง ดื้อใส่กันขนาดนี้

“พี่ปล่อยหอมเลยนะ”

“ไม่ปล่อย ทำไม ที่บอกพี่ไม่ได้ว่าชื่อแอคอะไรเพราะมันเป็นแอคเค่อเหรอ”

“แอคเค่ออะไรของพี่วะ แอคหลุมต่างหาก”

พูดว่าแอคหลุมแบบนี้

“มีแอคหลักด้วยใช่ไหมถึงได้ใช้แอคหลุมเนี่ยะ งั้นเอางี้ พี่จะถามใหม่ แอคทวิตเตอร์ที่น้องหอมมี มีแอคอะไรบ้าง”

“งื้อออออ....ทำไมต้องอยากรู้”

“ก็อยากรู้ นะครับ....บอกหน่อยนะ”

“ถ้าพี่รู้แล้วพี่จะทำอะไรต่อ”

“ก็คงฟอลโล่ว์กลับ” ผมก้มหน้าลงต่ำก่อนจะไล่จูบเบาๆ ไปตามหน้าท้องเนียน มือก็ลูบขาเจ้าตัวไปด้วย

“คือพี่จะทำเหรอ”

ผมหยุดการจูบไว้แค่นั้น “ทำอะไร”

“ก็....เซ็กซ์ พี่ทำเหมือนจะทำมันเลย”

อา....จับขึงขนาดนี้คงให้จบแค่จูบหรอก

ผมคร่อมน้องเอาไว้อย่างนั้นก่อนจะไล่ถอดจิวและต่างหูของตัวเองออก ใบหน้าใสมองผมไม่ละแถมยังหายใจแรงอีกต่างหาก ดูหน้าก็รู้แล้วว่ากำลังประหม่ามาก เขิน ใจเต้นแรง มีอารมณ์แล้วด้วย ใต้กางเกงที่กั้นอยู่นี่คงคุกรุ่นน่าดู

“เปลี่ยนเรื่องเหรอ”

“เปล่า ก็แค่เรื่องนี้มันน่าจะสำคัญกว่า” น้องยกมือที่ถูกมัดมาคล้องคอผมก่อนจะรั้งเข้าไปใกล้ “พี่คิดว่ามันไม่สำคัญเหรอ”

“สำคัญสิ แต่เรื่องแอคของน้องหอมก็สำคัญเหมือนกัน”

“ถ้าพี่จะทำ เราเอาเรื่องนั้นไว้ ทีหลังได้ไหม”

“ได้” ได้เสมอถ้าน้องหอมต้องการ

ผมก้มลงจูบปิดปากเขาอีกครั้งก่อนจะแกะเสื้อที่มัดข้อมือออกให้ คนด้านล่างเปิดปากให้ผมล่วงล้ำเข้าไปพลางส่งลิ้นเข้ามานัวเนียด้วย จูบเก่ง เก่งขึ้นเยอะเลยล่ะ ผมยังจำวันนั้นที่เราจูบกันครั้งแรกได้เลย น้องเงอะงะแล้วก็เขินเหมือนตัวจะระเบิด แต่ดูตอนนี้สิ มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว จังหวะการจูบแบบนี้ใครโดนแล้วไม่ของขึ้นก็ให้มันรู้ไป

แต่คงไม่มีใครโดนนอกจากผมหรอก

ผมไล่จูบมาตามซอกคอขาวพลางขบเม้นจนมันขึ้นเป็นรอยจางๆ ต้นคอแบบนี้จะทำรอยเข้มมากคงไม่ได้ แต่ถ้าเลยหน้าอกลงไป ผมบอกได้เลยว่าจะไม่ให้เหลือที่ว่างเชียว ผมชอบการทิ้งร่องรอยไว้บนตัวของคนรักนะ มันเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าคนๆ นี้เป็นของผม ถึงแม้คนอื่นจะไม่ได้เห็นมันก็เถอะ

ของแบบนี้ผมเห็นคนเดียวก็พอ

“อื้มมม...ม...”

“ตรงนี้ดีไหม” ผมเอ่ยถามพลางเลียวนรอบยอดอกน้องหอมเบาๆ “ชอบรึเปล่า”

“พี่ถามอะไรเนี่ย”

“ก็อยากรู้อาการ” ขณะที่ลิ้นผมวนเวียนอยู่กับยอดอกน้องนั้น มือก็เลื่อนต่ำลงมาถึงขอบกางเกงบ๊อกเซอร์ก่อนจะรั้งมันออกไป

“อื้อออออ...ไม่....อย่าจับ”

“ไม่ให้จับตรงนี้ จะให้พี่จับตรงไหน” ผมรูดรั้งส่วนแข็งขืนของน้องอย่างเอาใจ ปากก็พรมจูบไปทั่ว “พี่ชอบเวลาน้องหอมเขินแบบนี้จัง”

“อย่าแกล้ง”

“หึ....” ผมลุกออกมาจากตัวน้องก่อนจะเดินไปหยิบถุงยางกับเจลหล่อลื่นในกระเป๋า ร่างโปร่งนอนหายใจแรงอยู่อย่างนั้น ใบหน้าใสตอนนี้คือแดงก่ำ ส่วนแถวหน้าอกนั้น....มีแต่รอยจูบของผมเต็มไปหมด

มองจากตรงนี้แล้ววิวดีชิบ

พอได้ของที่ต้องการผมก็กลับมาที่เตียงก่อนจะดันขาเรียวให้แยกออกจากกัน มือบีบเจลแล้วนำไปชโลมช่องทางรักด้านหลังเบาๆ เสียงครางในลำคอจากคนตรงหน้านี่มันดีจริงๆ สีหน้า แววตา ทุกอย่างที่เป็นเขา ผมชอบที่สุดเลย

“เจ็บไหมครับ” ผมจูบปลายคางน้องหอมเบาๆ หลังจากที่สอดนิ้วเข้าไปด้านใน ไม่แน่นอย่างที่คิดเท่าไหร่ หรือว่าเมื่อกี๊ที่เขาอาบน้ำนาน มันเป็นเพราะแบบนี้รึเปล่า

ไปเตรียมตัวมาก่อนอย่างนั้นเหรอ

“อื้อออ....ไม่ค่อย”

“เพราะเตรียมมาก่อนเหรอ” มือเรียวยกขึ้นปิดปากผมก่อนจะที่เจ้าตัวจะทำหน้าตึงใส่

“อย่าได้พูดเชียว....อ๊ะ....ตรงนั้น”

“หึ....ตรงนั้นทำไมครับ” ผมกดซ้ำๆ ย้ำๆ ที่จุดกระสันของน้องหอม พอทำแบบนั้นแล้ว ริมฝีปากบางๆ ก็กลั้นเสียงไม่อยู่อีกต่อไป ผมใช้ปากฉีกซองถุงยางก่อนจะถอดบ๊อกเซอร์ของตัวเองออก

“อื้ออออ....ไม่เอาแล้ว”

“ไม่เอาอะไร”

“ไม่เอานิ้วแล้ว” น้องหอมรั้งผมลงไปใกล้ “ใส่เข้ามาได้แล้ว”

เด็กมันยั่วจริงๆ

ผมจัดแจงสวมถุงยางก่อนจะก้มไปจูบน้อง มือก็จับส่วนแข็งขืนจ่อที่ปากทางเข้าสีหวานแล้วดันเข้าไปช้าๆ มือเรียวจิกที่ไหล่ผมเพื่อระบายความเจ็บ ซี๊ดดด...ด....แน่นจัง ดูจากหน้าแล้วน้องหอมไม่น่าจะเจ็บเท่ากับครั้งแรกที่ทำกันหรอก จะว่าไปนี่ครั้งที่ 2 เองสำหรับเรื่องแบบนี้ ช่วงก่อนหน้ามีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด เราเลยไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้กัน แต่หลังจากนี้ผมจะกุ๊กกิ๊กกับน้องหอมบ่อยๆ เลย

ก่อนที่จะแห้งไปหลายเดือน

“พร้อมไหม.....พี่ขยับนะ” ผมไล่จูบไปตามขมับน้อง ขาเรียวของเขายกขึ้นเพื่อเกี่ยวเอวของผมเอาไว้

“เอาสิ” สิ้นเสียงนั้นผมก็เริ่มขยับส่วนล่างเข้าตามอำเภอใจ เชื่อเถอะว่าหลังจากที่ทำกิจกรรมตรงนี้เสร็จหลังผมคงมีเลือดซิบเป็นทางยาวแน่ๆ

น้องหอมข่วนซะขนาดนี้

“อื้มมมม....ตอดดีจังเลยครับ” ผมขยับเอวให้เร็วขึ้นอีกพลางรูดรั้งส่วนนั้นของน้องไปด้วย ซี๊ดดดด....เวลาได้เชื่อมต่อกับคนที่ตัวเองรักนี่มันดีมากเลยจริงๆ

“อื้อออ....อ๊ะ...พี่แช่ม”

ผมก้มลงไปกระซิบข้างหูเขา “พูดคำนั้นให้ฟังหน่อยสิ”

“อ๊ะ....อื้ออออ....” น้องหอมผงกหัวขึ้นมาจูบปากผมหนัก “หอม....หอมรักพี่แช่มนะ”

น่ารัก...

“พี่ก็รักน้องหอมครับ”

และมันจะเป็นแบบนี้เสมอ....พี่สัญญา



***

   

“อะไหนว่ามาซิเรื่องแอคน่ะ”

“อื้ออออ....หอมหมดแรงแล้ว ปล่อยให้หอมได้พักผ่อน” เสียงแหบแห้งของน้องหอมเอ่ยบอกผมพร้อมกับทำหน้างอแง

“ไม่ได้ น้องหอมบอกพี่เองนะว่าจะบอกหลังจากเรากุ๊กกิ๊กกันเสร็จ เพราะงั้นวันนี้พี่ต้องได้รู้”

“พี่นี่จริงๆ เลย” มือเรียวเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะส่งมาให้ “มีข้อแม้นะ.....ต้องแลกกัน”

“ได้ดิ พี่ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” ผมส่งโทรศัพท์ตัวเองให้น้องหอมก่อนจะเดินเอาผ้าและกะละมังใส่น้ำไปเก็บ

“โคตรปวดเอวเลยให้ตาย” ร่างโปร่งย้ายจากโซฟาไปที่เตียงหลังจากที่ผมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อย ไงล่ะ มีผมเป็นแฟนนี่เหมือนมีพ่อบ้านส่วนตัวเลยนะ

ผมเดินมานั่งพิงที่หัวเตียงข้างน้องหอมที่นอนคว่ำอยู่ ตอนนี้เกือบตีสองแล้วครับ พอดูแอคทวิตเตอร์น้องเสร็จเดี๋ยวนอนเลย ทำบุญตอนเช้าน่าเปลี้ยอยู่แหละ ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่น้องหอมนี่สิ พรุ่งนี้ต้องบ่นไม่หยุดแน่ๆ

“น้องหอมฟอลทวิตเตอร์พี่มานานเท่าไหร่แล้ว”

“ก็ตั้งแต่ปี 2 ”

“แล้วรู้ได้ไง”

“พี่เฌอบอกว่าพี่แช่มเพ้ออะไรเต็มทวิตไม่รู้ แล้วเขาก็เอาให้หอมดู หอมเลยรู้ว่าพี่เล่นทวิตเตอร์ด้วย”

“โอเค” เดี๋ยวเจอหน้าไอ้เฌอก่อน จะทุบสักสองที

สะเหล่อนัก

ผมกดเข้าแอปฯ ทวิตเตอร์ของน้องหอมก่อนจะเข้าไปดูแอคเคาท์บัญชี ในแอปฯ มี 2 บัญชีที่ถูกล็อกอินไว้ในเครื่อง แอคที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นแอคหลุมครับ ไม่มีโปรไฟล์ ติดตามคนค่อนข้างเยอะเลยล่ะ ส่วนอีกแอคที่ถูกล็อกอินไว้ด้วยกันคือ.....@KhH22_luc

ตึกตัก

น้องหอมเป็นเจ้าของแอคนี้งั้นเหรอ

“พี่ก็เล่น 2 แอค หอมนึกว่าพี่มีแอคเดียวซะอีก” เจ้าตัวหันมองผมก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ “พี่ก็แอบเอาแอคหลุมมาฟอลโล่ว์หอมเหมือนกันหนิ แถมฟอลโล่ว์แค่หอมคนเดียวอีก”

“พี่ไม่รู้ว่านั่นเป็นแอคน้องหอม”

“หมายความว่าไงที่ว่าไม่รู้”

“แอคหลุมนั่นเป็นแอคเก่าของพี่เอง และพี่ก็ฟอลโล่ว์แอคน้องหอมมาตั้งแต่ตอนอายุ 18 ”

จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็เกือบ 5 ปีแล้ว

“เรื่องจริงเหรอเนี่ย” น้องหอมลุกขึ้นมานั่งประจันหน้าเข้าหาผม “พี่....ฟอลโล่ว์หอมตั้งแต่ที่ยังไม่ได้รู้จักกันน่ะนะ”

“ใช่ ถ้าวันนี้พี่ไม่ดูทวิตเตอร์น้องหอม พี่ก็น่าจะยังไม่รู้ว่าคนที่เป็นเหมือนแรงบันดาลใจในการไปต่อ อยู่ใกล้แค่นี้เอง” ผมยกมือกุมแก้มคนตรงหน้าเอาไว้ “ช่วงนั้นที่พี่ติดตามทวิตเตอร์แอคเคาท์นี้มันเป็นเพราะชะเอมเคยรีทวิตภาพที่เป็นใบโคลเวอร์สี่แฉกกับโควตที่ว่า ‘วันนี้จะต้องเป็นวันที่โชคดีมากแน่ๆ สู้ๆ นะ’ มันแค่นั้นเอง พอพี่เข้าดูในแอคเคาท์นั้นก็เห็นพวกรูปถ่ายและคำพูดเยอะแยะเลย จากนั้นพี่ก็ฟอลโล่ว์เอาไว้”

“หอมจำไม่ได้เลย มันนานมาก”

“ไม่แปลกหรอก แอคนี้ชอบทวิตเอาไว้ พอเวลาผ่านไปก็จะมาลบออก พี่มองแอคนี้เป็นพลังบวกเสมอ มีช่วงหลังๆ ที่เขาเริ่มเศร้า พูดถึงความรักและติด #CloverBad พี่ก็รู้สึกเสียใจที่เขาอาจจะเจอเรื่องไม่ดี โดยพี่ไม่รู้เลยว่าสาเหตุของความเสียใจนั้นมาจากตัวพี่เอง” ผมดึงน้องเข้ามากอดเอาไว้ “พี่ขอโทษนะน้องหอม.....ขอโทษ”

น้องหอมติดตามทวิตเตอร์ผมมาตลอด เขาย่อมรู้เวลาที่ผมตัดพ้อใส่เขาแน่นอน เขารู้ว่าผมเป็นเจ้าของแอค รู้ว่าผมรู้สึกยังไง แต่ผมนี่สิ ไม่รู้เลยว่าแอคที่ผมคอยตามมาตลอด แอคที่แสดงความเสียใจผ่านทางโควตคำพูดต่างๆ มันจะเป็นแอคของน้องหอม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนที่ผมไม่รู้จักแต่ที่ไหนได้ ผมรู้จักเขาดีและเป็นสาเหตุของการโควตเศร้าๆ ของเขาอีก พอนึกถึงทั้งหมดที่ผ่านมาแล้ว....ผมเสียใจจริงๆ

แก้ไขอะไรไม่ได้.....ทำได้แค่จะไม่ทำให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก

ผมจะไม่ทำให้น้องหอมเศร้าอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกพี่แช่ม ตอนนั้นหอมมีหลายเรื่องที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้จะเป็นยังไงก็ช่างมันไป หลังจากนี้เราทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นก็พอ....เนอะ”

“มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ” ผมเอนตัวลงนอนก่อนจะรั้งน้องหอมมากอด “ขอบคุณนะครับ”

“ขอบคุณเรื่องอะไร”

“เรื่องที่หลงเข้ามาในชีวิตของพี่ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้เจอกัน ถ้าวันนั้นพี่ไม่มีแอคนี้ดึงตัวเองให้กลับมาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับชะเอม พี่อาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้”

“พอพี่พูดแบบนี้แล้วหอมรู้สึกมีความสุขจัง....ไม่คิดเลยว่าจากคนที่ไม่เคยเจอกัน เห็นกันผ่านแค่ในทวิตเตอร์ จะมาเจอกัน มารักกันและได้อยู่ด้วยกันแบบนี้”

“ตอนนี้พี่คิดว่าตัวเองโชคดีจัง โชคดีมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้”

ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตพี่นะน้องหอม

ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดฟอลโล่ว์น้องหอมก่อนจะจัดการทวิตข้อความโดยแท็กไปหาเขาด้วย ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เป็นแรงบันดาลใจมาตลอดจะกลายเป็นคนพิเศษของตัวเอง เป็นคนที่ทำให้ผมได้กลับมาเป็นคนๆ เดิม เหมือนอย่างที่เคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว อีกอย่างคือ....หลังจากนี้ผมก็ไม่จำเป็นต้องใช้แอดหลุมเพื่อติดตามเขาแล้วล่ะ

.

Charit @Charitpedd

ขอบคุณสำหรับตลอดเวลาที่ผ่านมาครับ

ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอคุณ

@KhH22_luc

.   

#พี่แช่มได้กล่าวไว้


.

.

.

.

.

.

TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งนิยายแล้ว มาซะดึกเลยต้องขอโทษด้วยนะคะ

Nc ยังคงยากเสมอนะคะ ก็ถ้ามีจุดบกพร่องหรือแปร่งๆ ตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะ ก็ตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้ายแล้วนะคะ รอติดตามด้วยล่ะ

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด