>….ตอนที่ 7 [100%]….<
“ริท!” เรียกไม่พอ คนเป็นแม่ตบหลังริทเข้าให้ป๊าบใหญ่เพื่อเรียกสติลูกที่หลับไปกินไป
“โอ้ยแม่ ริทเจ็บน้า”
“คนบ้าไรกินไปหลับไปฮะ รีบกินรีบไปนอนเลยไป เกะกะครัว” มันอนาถใจจนต้องไล่ให้ไปนอนเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ริทบ่นแม่งุ้งงิ้งขณะตักข้าวต้มที่หมดความร้อนไปแล้วเข้าปากรัวๆ มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนแม่ต้องลูบหัวริทแรงๆ จนหัวนี่ทิ่มเกือบลงชามข้าวต้ม ดีที่ริทงัดหัวตัวเองขึ้นได้ทัน ไม่งั้นเช้านี้เขาคงได้ล้างหน้าด้วยน้ำข้าวต้มแม่แน่นอน
มีส้มผลหนึ่งวางอยู่ข้างถ้วยข้าวของเขา ริทคิดว่าแม่เป็นคนวางเอาไว้ให้ เจ้าตัวส่งเสียงเย้าแม่ว่าถึงจะดุแต่ก็ห่วงเขาใช่ไหมล่า ให้ส้มเขาไว้แบบนี้ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นนิรันดร์ต่างหากที่วางเอาไว้ให้
อ่าวแล้ว...งี้คุณรันเห็นตอนเขาหลับไปกินไปล่ะสิ!
และใช่ นิรันดร์นั่งมองมันอยู่นานเชียวล่ะก่อนจะขึ้นห้องไปพักผ่อนเป็นการส่วนตัวบ้าง ริทแอบเขินนิดหน่อย สภาพเขามันไม่ได้น่ามองเอาเสียเลย ดูตลกมากๆ น่าขายหน้าเป็นที่สุด แต่ช่างมัน เขาหลับเว้ย เขาไม่รู้ตัวถือเสียว่าไม่มีอะไรต้องอับอายอะเนอะ
วันทั้งวัน ริทและนิรันดร์ต่างก็อยู่ส่วนใครส่วนมัน นิรันดร์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว วันหยุดเขาไม่ค่อยโพล่หน้าออกมานอกห้องหรือออกไปที่อื่นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ส่วนริทก็ช่วยงานแม่บ้าง นอนบ้าง ดูการ์ตูนบ้างไปเรื่อยเปื่อยตามประสา
เช้าแห่งการทำงานมาถึงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าวันหยุดนั้นผ่านไปไวเสมอ ริทตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันเพราะบ้านหลังนี้ไม่ได้เลี้ยงไก่เอาไว้ เขาต้องไปเช็กรถที่นิรันดร์ใช้อยู่เป็นประจำ
Jaguar XJ เป็นรถยนต์สปอร์ตซีดานหรู มันให้ความดุดัน แข็งแกร่งแต่ก็เรียบหรู ริทคิดว่าเจ้านี่เหมาะกับนิรันดร์มากกว่าลีมูซีนที่เป็น Rolls Royce Phantom Limo คือเจ้าลีมันหรูไง มันเน้นหรูมากกว่าดุดันน่ะนะ แต่ถึงอย่างนั้น...ริทก็ซ่อมจริงจังไม่ได้สักคัน รถทั้งสองนี้มีร้านซ่อมประจำ แต่การตรวจสอบพื้นฐานก่อนวิ่งบนท้องถนนนั้นริททำได้สบายมาก
ประมาณเจ็ดโมงริทเคลื่อนรถไปจอดไว้ที่หน้าบ้าน ชอบการขับจากัวร์คันนี้มาก ริทว่าถ้าเอามันไปซิ่งบนสนามได้คงเมามันอย่างน่าดู แรงม้าและการทำความเร็วเจ้านี่ไม่ใช่เล่นๆ นาจา ติดที่ไม่ใช่รถเขา และถนนในเมืองกรุงทำความเร็วได้ถึงร้อยยี่สิบก็เก่งแล้วอะนะ
“นึกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีริทแล้วนะเนี่ย” ขึ้นรถมาถึงนิรันดร์ก็เอ่ยแซวเด็กขับรถของเขาในทันที
“ใครกันแน่ที่เหมือนไม่อยู่บ้านครับคุณรัน บ้านตั้งใหญ่ อยู่แค่ในห้อง แบบนี้เขาเรียกใช้พื้นที่ไม่คุ้มนะครับ” บรรยากาศแบบนี้ริทคุยเล่นกับนิรันดร์ได้ เมื่อไหร่ที่นิรันดร์เริ่มเอางานขึ้นมานั่นแหละคือเวลาที่ห้ามคุย
“บ้านนี้แม่บ้านคุมริทไม่รู้เหรอ”
“ฮ่าๆ คุณรันก็ ถ้าแม่บ้านไม่คุมทั่วทุกพื้นที่บ้านหลังนี้คงมีแต่ฝุ่นล่ะครับ”
“นั่นสิเนอะ แล้วริททำอะไรบ้างในวันหยุด นั่งกินข้าวไปหลับไป...งี้?” คนฟังคิ้วถึงกับผูกโบว์
“คุณรันก็ไม่ใจดีปลุกผมหน่อยเลยเนอะ ปล่อยให้ผมกินข้าวทั้งที่นั่งหลับแบบนั้นได้ไงอ่า” งอแงเบาๆ พอเป็นพิธี ยอกเย้ากับเจ้านายมันก็จะราวๆ นี้
“มันตลกดีเลยดูเพลินลืมปลุก”
“นั่นคือเหตุผลหรือ โอ้นารูโตะช่วยด้วย”
“ฮ่าๆ ไหนว่าฝันว่านารูโตะตาย” ยัง นิรันดร์ยังไม่หยุดเย้าเด็กหนุ่มของเขา ก็นะ...เช้านี้เขาอารมณ์ดีเพราะพักผ่อนไปเต็มที่มากๆ
ที่จริงนิรันดร์ก็ลงมาข้างล่างบ้าง เห็นริทช่วยแม่ถูบ้าน ตัดหญ้าแล้วก็รดน้ำต้นไม้อยู่บ่อยๆ เขาแค่ไม่ได้ทักทายอะไร แค่ลงมาเอาของนิดหน่อยแล้วขึ้นห้อง เหมือนกับว่าที่จริงแล้วเขาแค่ต้องการเห็นว่าริทยังอยู่ที่นี่ อยู่ใกล้ๆ แค่นั้นก็สบายใจมากพอจะกลับไปพักผ่อนต่อ
“โหย...แม่ฟ้องคุณรันอะ” นี่ถ้าบอกความจริงของการนอนไม่หลับแม่จะฟ้องนิรันดร์ไหมนะ ริทแอบคิด แต่ดีแล้วที่ไม่บอกแม่ มันน่าอายเกินไป
“เขาเรียกเล่าสู่กันฟังครับริท” นิรันดร์ยักคิ้วให้เล็กน้อย จากนั้นเขาก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเลขาคนสนิท
การทำงานของนิรันดร์เริ่มขึ้นแล้ว เริ่มทันทีที่ต่อสายหาอีกคนได้นั่นแหละ ริทเงียบเสียงไปตามระเบียบ เรียกว่ารู้หน้าที่ของตัวเองดีน่าจะเหมาะสมที่สุด เมื่อรถเคลื่อนตัวไปถึงบริษัท ริทก็แค่เข้าไปข้างในตามนิรันดร์ จากนั้นหาที่นั่งพักนั่งเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ทำงานห้าวันก็เป็นแบบนี้ทั้งหมดห้าวัน เขาต้องนั่งรอนิรันดร์ทำงาน บางทีจะได้ขึ้นไปนั่งเล่นอยู่หน้าห้องทำงานของนิรันดร์ ซึ่งจะมีเลขาสองคนประจำตำแหน่งซ้ายและขวา ริทไม่เคยเห็นสองคนนั้นว่างเลย จับมือถือ ปากกา ไม่ก็พิมพ์งานอยู่ทั้งวัน อย่าว่าแต่เลขา คนเป็นนายก็ใช่ว่าจะว่างงาน ริทเห็นแล้วปวดหัวแทน
พอใกล้ชิดก็เห็นมุมต่างๆ ของนิรันดร์มากขึ้น ริทเริ่มที่จะเข้าใจธรรมชาติการทำงานของนิรันดร์แล้วโดยที่ไม่ต้องทำความเข้าใจเลย เขาเห็นมันจนชิน เวลาทำงาน นิรันดร์จะจริงจังมากๆ แทบไม่สนใจสิ่งอื่นรอบด้านเลยด้วยซ้ำ เขาสองคนคุยกันน้อยในเวลาทำงาน เพราะงานคืองาน นิรันดร์ทำให้ริทเข้าใจได้แบบนั้น
แต่...นอกเหนือจากงานยังมีเรื่องอื่น
เรื่องนี้บอกเลยว่าเป็นปัญหาน้อยๆ สำหรับริท ทุกคนน่าจะรู้จักคำว่าอาหารจานด่วน ที่เป็นพวกข้าวผัดกะเพรา ข้าวไข่เจียว ข้าวราดแกง ริทรู้จักดีเพราะกินแทบทุกมื้อ และเชื่อว่าถ้าพูดคำว่าอาหารจานด่วนใครๆ ก็ต้องรู้ทั้งนั้น
แต่สำหรับนิรันดร์ นอกจากอาหารต้องเป็นจานด่วนแล้วมันยังมีสิ่งอื่นนอกเหนือเพิ่มเติมเข้ามา นั่นก็คือ...เซ็กซ์จานด่วน!
แน่นอนว่าคุณไม่ได้อ่านผิด เห็นนิรันดร์บ้างานแบบนี้ คู่ควงไม่มี แฟนไม่มี แต่เรื่องใต้สะดือนิรันดร์ไม่เคยขาด วันไหนที่ที่นิรันดร์สั่งให้ริทกลับไปเอาลีมูซีน วันนั้นจะเป็นวันผลาญน้ำมันอย่างไร้ค่าเพื่อให้เจ้านายได้กินตับกับชายหนุ่มบนรถจนท้องตึง
น้ำตาตกในมากเลย...พี่น้องเอ้ย เห็นแล้วเสียวไส้
ริทจะไม่สนใจ จะทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น แต่ความเป็นจริงก็คือเขารู้เขาเห็นไงล่ะ ในรถมันก็มีพื้นที่แค่นี้ เจ้าลีคันนี้ไม่ได้มีพื้นที่ยาวใหญ่เป็นพิเศษขนาดนั้นนะ แค่เหมือนห้องนอนห้องหนึ่งเคลื่อนที่ได้เท่านั้นเอง ประตูทุกด้านเมื่อปิดเสียงก็ก้องมันอยู่ในนั้น สุดท้ายมันจะวิ่งจู๊ดเข้าหูริท เอื้อะ...
เรียกว่าทุกครั้งที่มีจานด่วนเปลื้องผ้า เมื่อนั้นริทจะรู้สึกกระอักกระอ่วนและปวดหัวมาก หัวล่างนะไม่ใช่หัวบน ปกติดูหนังโป๊ในห้องยังมีต้มยำทำแกงกับตัวเองได้ นี่บนรถ แถมเป็นบนรถที่เจ้านายกำลังฟรีสไตล์อยู่ด้วย มันไม่ได้จริงๆ
อืม...เขาควรหาหูฟังบลูธูทมาใส่เนอะ เปิดเพลงอัดเวลาที่เกิดกิจกรรมเข้าจังหวะ ตัวเสียงเนี่ยมันกระตุ้นเร้าได้ง่ายที่สุด แต่ไม่ดี ห้ามเสียงได้แต่ห้ามสายตาไม่ได้อะสิ ริทเผลอไปมองบ่อยๆ พยายามห้ามตาตัวเองล่ะ ไม่สำเร็จ
การทำงานกับนิรันดร์ดีหมด งานสบายๆ ที่เพลียแค่ต้องฝ่าดงรถติดในทุกๆ วัน ปัญหาอย่างเดียวสำหรับริทตอนนี้คือเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งที่เกิดการกินตับบนรถ ยิ่งต้องลงรถทันทีหลังเจ้านายกินตับเสร็จนะ ริทนี่เดินตรงๆ ไม่ได้เลย
จุ้ๆ อย่าว่าริททะลึ่งเลย เป็นปฏิกิริยาที่ตอบสนองเองโดยไม่สามารถห้ามปรามมันได้จริงๆ
วันนี้เป็นอีกวันที่ริทต้องเอาลีมูซีนมารับคู่ขาของนิรันดร์ เขาคุ้นหน้าชายหนุ่มคนนี้ดีแล้ว แต่ก็มีความรู้สึกว่าชายคนนี้ชอบมองตนเองแปลกๆ มองแบบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมาก ริทก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม อาจจะไม่พอใจริทตั้งแต่ครั้งแรกที่ริทไม่ได้เปิดประตูให้ก็ได้ แต่คราวนั้นเขาไม่รู้นี่ ใครจะไปรู้ว่าเจ้านายให้มารับเด็กมัธยม เอ่อ...ไม่ใช่ แค่คลอสเพลเป็นเด็กมัธยมเพื่อเอาใจ
“นายไม่ได้อ้าขาให้คุณรันใช่ไหม” จู่ๆ คนคนนั้นก็พูดขึ้นมา ริทขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ปากพยายามยิ้มเพราะคนคนนั้นมองเห็นเขาได้จากกระจกมองหลัง
“ผมไม่เข้าใจครับ” ตีโง่เข้าไว้ ริทคิดว่าที่คนนี้พูดอาจหมายถึงว่าเขาเนี่ยนอนกับคุณนิรันดร์ในฐานะคู่นอนไปด้วย
“โง่มากเหรอ เรียนมาก็ไม่น้อยหนิ ผมหมายถึงนายน่ะได้เอากับคุณรันด้วยไหม คุณรันน่ะชอบเด็กๆ เป็นพิเศษ ไม่รู้ทำไม คงเพราะมันดูสดใสแล้วก็ออดอ้อนเก่งดีล่ะมั้ง นายน่าจะสเปกคุณรันเลย” หน้าตาเขาดูเหมือนคนขายเนื้อเหรอ? ไม่น้า เขาออกจะย่าเยิงหยดไหย
“ผมเป็นแค่คนขับรถครับ” ริทตอบแล้วก็ยิ้มหวาน
“แค่นั้น?”
“ครับผม” สีหน้าอีกฝ่ายดูสบายใจขึ้น อย่าบอกนะว่ากลัวเขาแย่งความดีความเด่นจากคุณนิรันดร์น่ะ
เห่อๆ ถึงอยากเอาตัวใส่พานถวายนิรันดร์แค่ไหนริทก็ไม่คิดทำหรอก แค่อารมณ์แบบ...ถ้าได้ไอดอลมามาเป็นแฟนมันคงฟินเนอะ มโนน่ะเข้าใจไหม เพ้อเจ้อบ้างตามเรื่องตามราว แต่ถ้าจะให้ดีนะ...เขาชอบซาสึเกะ หล่อกระชากสุดๆ
คนคนนั้นยิ้มร่าทันทีที่นิรันดร์ขึ้นมาบนรถ ริทเฝ้ามองพวกเขาจากกระจกมองหลัง เหมือนทุกครั้ง เล้าโลมกันไป สวบสาบๆ กันไป เขาก็แค่ขับรถตามคันหน้า ริทเริ่มรู้จังหวะมากขึ้น ต้องขับช้าๆ ไปตามทางเรื่อยเปื่อย แต่ต้องเลี่ยงถนนเส้นที่รถติด ไม่งั้นมันอาจจะเห็นได้ว่ารถสะเทือนอยู่ข้างใน คือเป็นความระแวงนะ โช๊กของเจ้าลีไม่ธรรมดา กระโดดบนรถมันยังไม่สะเทือนเลย
เนื่องจากวันนี้นิรันดร์เลือกจานด่วนตอนเลิกงานเลี้ยงสังสรรค์ ทำให้เวลานี้รถราบนท้องถนนเริ่มโล่ง เจ้าลีเคลื่อนที่ได้เรื่อยๆ ไม่มีสะดุดหรือต้องแตะเบลกเท่าไหร่นัก ท้องฟ้ามืดมิดยิ่งทำให้บรรยากาศดูเป็นใจ แสงภายในรถถูกตกแต่งเอาไว้เพื่อเพิ่มบรรยากาศจนครบสูตร วันนี้แถมเสียงเพลงด้วย...จอดข้างทางไหม? ริทอยากถามแบบนี้เหลือเกิน แต่คิดว่าการเมามันบนรถก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ดีไม่ดีนิรันดร์คงชอบแบบนี้ก็ได้
“อื้อ...อ่าห์...ดี...ดีจังเลยครับ” เสียงหวานครางออดอ้อนยามที่นิรันดร์สอดใส่เข้าไปข้างใน
รู้ได้ไงว่ากำลังสอด เอ้า...ไม่มองอยู่จะรู้ไหมล่ะ เอ้อ ไม่น่าต้องให้อธิบาย แฮ่กๆ แอบดู แอบดูวววว
!!!
ริทสะดุ้งเฮือกขึ้นมาเพราะนิรันดร์ดันเงยหน้าจากคู่นอนใต้ร่างมามองเขา สายตาปะทะสายตาเข้าพอดิบพอดีอย่างไม่ตั้งใจ ริทรีบหันหนี มองท้องถนน ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้แอบมองอะไรเล้ย แต่หางตาเนี่ยก็เห็นว่านิรันดร์ยิ้มบางๆ ส่งมาให้
ไม่นะไม่...ไม่นะม่ายยยยยย!
กุมใจได้ไหม ตอนนี้ละมือจากเจ้าลีมากุมหัวใจตัวเองได้หรือเปล่า ไม่ไหวแล้ว กระหน่ำเกินไป แบบว่า มันเซ็กซี่มาก ริทคิดนะ เจ้านายของเขาไปถ่ายแบบเซ็กซี่จะต้องดังเปรี้ยงปร๊างแน่นอนเลย คาริสม่าเด่นหราขนาดนี้ สาวน้อยใหญ่สบตาต้องตาย อย่าว่าแต่สาวๆ หนุ่มๆ ก็ไม่น่ารอด เช่นเขาเป็นต้น
“อ๊ะ อ๊ะ...อื้มมมมฮ๊า” เออ ครางมันเข้าไป เสียงดังกว่าเพลงแล้วพี่น้องเอ้ย
นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น บนท้องถนนที่รถราแทบไม่มีอยู่นี้จะทอดยาวไปอีกไกลแสนไกล ตราบใดที่เขาสองคนนั้นยังไม่เพียงพอ ริทต้องตั้งแบบนี้ต่อไปจนกลายเป็นความทรมานยากจะบรรยาย
ริทมองไปที่นิรันดร์บ่อยครั้ง สายตาคู่นี้ไม่เคยมองไปยังร่างบางที่นิรันดร์กำลังโยกกายใส่อยู่เลย ก็...มีบ้าง แต่ไม่บ่อย ถึงริทจะชอบผู้ชายด้วยกัน แต่เขาไม่ได้ชอบพวกนุ่มนิ่มแบบนั้น คงพอเข้าใจกันดีว่าริทหมายปองอะไรอยู่
บ้า...คิดแล้วทะลึ่งชะมัด!
ร่างโปร่งไม่ได้อิจฉาหุ่นนิรันดร์ ไม่ได้อิจฉาร่างบางที่โดนควบอยู่ เขาแค่รู้สึกว่านิรันดร์มีบางอย่างดึงดูดสายตา อาจเป็นสีหน้า อาจเป็นรูปร่าง หรืออาจเป็นแค่จังหวะการพ่นลมหายใจหอบกระเส่านั้นก็ได้
แล้วไอ้ที่ทำให้เขามีอารมณ์ก็นิรันดร์นี่แหละ!
ราวชั่วโมงครึ่งกับจานด่วนในวันนี้ ในที่สุดริทก็ได้ฤกษ์เลี้ยวรถเข้าข้างทางเพื่อให้ร่างบางคู่นอนคนสนิทของนิรันดร์ลงจากรถ แปลกที่วันนี้นิรันดร์ลงตามไปด้วย ริทไม่ได้คิดอะไรมาก เขาใช้ช่วงเวลาที่นิรันดร์เดินไปส่งอีกฝ่ายนั้นกุมส่วนอ่อนไหวของตัวเอง ประมาณบีบๆ นวดๆ ให้มันเจ็บหน่อยมันจะได้นอนหลับไป
แต่ให้ตาย...ทำไมยิ่งตื่น!
ขณะกำลังเครียดๆ กับส่วนตื่นตัวของตนเองอยู่นั้น ร่างสูงของเจ้านายก็เดินกลับมที่รถ ริทรีบละมือออกจากเป้ากางเกงไม่งั้นมันจะดูเหมือนเขาเป็นไอโรคจิตที่กำลังจุ๊กกรู๊อยู่ก็เป็นได้ ทว่ามันไม่จบที่นิรันดร์เดินมาที่รถ แต่...
“นั่งด้วยนะ...” ฮื่อ...กลับไปนั่งข้างหลังเถอะคร้าบ มานั่งทำไมตรงเน้!!!
“ริทเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าแดงๆ นะ” นิรันดร์เอื้อมมือมาแตะเข้าที่ข้างแก้ม ใช้หลังมือวัดอุณภูมิซึ่งมันน่าจะร้อนมาก ขนาดริทยังรู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองร้อนขนาดไหน
“อะเอ่อ...เปล่าครับ” ยิ้มเข้าใว้ ได้แค่ยิ้มแฮ่ๆ เป็นยิ้มแหยที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย
“อืม...แต่ริทดูไม่สบาย” ฝ่ามืออุ่นนั้นไล้จากข้างแก้มไปที่ลำคอ ริทเบี่ยงตัวแต่ไม่พ้น แขนเจ้านายเขายาวมาก ยาวจนเขาตัวติดประตูแล้วนิรันดร์ก็ยังสามารถอังหลังมือกับลำคอเขาได้
“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ครับ แค่...เขินๆ กับคุณรันมั้ง” ริทอยากเอามือดันมือนิรันดร์ออก แตะเนื้อต้องตัวกันแบบนี้ใจไม่ดีจริงๆ
“เขินที่ผมทำกับคู่นอนน่ะเหรอ จริงดิ นึกว่าริทชินแล้ว” ชินได้ไงล่ะ มันไม่ใช่ของที่สามารถชินได้นะเอ้อ
ริทไม่เห็นว่านิรันดร์กำลังเลื่อนสายตาลงต่ำไปยังเป้ากางเกง เขาพยายามมองไปข้างหน้า ดูรถเบนซ์สี่ประตูของเลขานิรันดร์ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ไปส่งคู่นนอนนิรันดร์ตามเดิมเหมือนทุกที ฝ่ามืออุ่นๆ นั้นเคลื่อนออกไป ริทหายใจโล่งขึ้นได้แต่ไม่กล้าหันมาเจอหน้านิรันดร์อยู่ดี
“ริทมีอารมณ์เหรอ มีเพราะผม...หรือมีเพราะคู่ของผม” จ๊ากกกก ไม่นะ ไม่ถามเด็กน้อยกันตรงๆ แบบนี้สิครับคุณนิรันดร์ ริทหน้าร้อนฉ่ายิ่งกว่าเตาไฟย่างหมู
“ผมไม่ตอบได้ไหมอ่า” เอาตัวรอดจากตรงยังไง ใครก็ได้ช่วยเขาที
ริทลนลานอย่างหนัก เหมือนหนูติดจั่นที่ไม่รู้จะหาทางหนีรอดไปได้อย่างไร แล้วเก็บอาการก็ไม่เป็น หน้าเน่อแดงก่ำลามไปยันคอ ริทรู้ว่าไม่ใช่แค่คอหรอกที่แดงอะ ตอนนี้แดงไปยันพุงได้แล้วมั้ง เพราะเป็นคนขาวจัด เลือดลมสูบฉีดทีนี่ไม่ต้องไปโกหกใครว่าเปล่าเขินเลยนะ ไม่รอด หมามันยังจับได้เลยคิดดูเถอะ
“ถึงริทไม่ตอบแต่อาการมันก็ฟ้องนะ มา...ผมช่วยดีกว่า ริทจะได้สบายตัว” เสียงทุ้มละมุนนั้นอยู่ใกล้กับใบหูมาก ริทไม่ยอากมองแต่ก็ต้องหันไปพิสูจน์ให้ตัวเองรู้ว่านิรันดร์ไม่ได้กำลังเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้
ไม่ก็บ้าแล้ว!
ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้านายอยู่ห่างจากริทไม่ถึงคืบ ลมหายใจหอมๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตีจมูกเข้าจังๆ ริทนิ่งเป็นหิน ขยับตัวไม่ถูกและไม่รู้เลยว่าตอนนี้หายใจมันทำกันยังไง
“มะมะไม่...ไม่เป็นอะไรจริง...” หางเสียงหายไปเมื่อปลายจมูกของนิรันดร์แตะเข้าใบหูที่ตอนนี้มันไม่ใช่สีขาวของผิวหนัง แต่กลับแดงระเรื่ออย่างกับเลือดเข้าไปคั่งอยู่ข้างใน
“ผมทำริทมีอารมณ์ ผมต้องรับผิดชอบสิครับ” ไม่จำเป็นเว้ยครับ ฮื่อ ดูหนังเอวีก็มีอารมณ์ แต่ดาราในนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลย
ลมหายใจร้อนๆ รินรดทั้งใบหูและต้นคอ ขนในกายริทลุกซู่ซ่าไปหมด แถมยังหายใจสะดุดไม่เป็นจังหวะ มือไม้แข็งเก้งก้าง ทั้งที่เคยใช้งานได้ดี ตอนนี้มันกลายเป็นลืมวิธีใช้ไปหมดแล้ว นี่ร่างกายเขานะ เขาต้องควบคุมมันได้สิ!
ก่อนที่กลีบปากดูสุขภาพดีนั้นจะเม้มเข้าที่ติ่งหู ริทตัดสินใจใช้มือน้อยๆ อันอ่อนแรงแล้วอ่อนแรงอีกดันหน้าอกนิรันดร์ออก ริทคิดว่านิรันดร์จะยื้อตัวเอง แต่ก็ไม่ เมื่อออกแรงดันหน้าอกนั้น นิรันดร์ก็ค่อยๆ เคลื่อนกายออกห่างจากเขา แววตาคู่นั้นเหมือนคนกำลังสำนึกผิดอะไรบางอย่าง
เอ่อ...ไม่เอาสิ ไม่มองแบบนั้นสิ
“ริทรังเกียจสินะ”
“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น...คือ..ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ผมจัดการกับมันเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมแค่ตัวแดงง่ายเท่านั้นเอง แฮ่ๆ คุณรันทำงานมาเหนื่อยๆ คุณรันพักดีกว่าเนอะ” ริทไม่รู้ว่าตัวเองเบี่ยงประเด็นถูกไหม เขาไม่รู้จะพูดยังไง แค่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม
“แต่ผมควรรับผิดชอบที่ทำให้ริทมีอารมณ์สิ” นิรันดร์ยังจ้องหน้าริทด้วยสายตาสำนึกผิด
“บ้าหน่า ผมดูหนังเอวีก็ตั้งนะ แต่ก็ไม่คิดว่าดาราในนั้นจะต้องมารับผิดชอบผมสักหน่อย มันก็แค่เรื่องธรรมดาๆ น่ะคุณรัน อย่าไปคิดมากนะ มันตั้งเองเดี๋ยวมันก็นอนของมันเองแหละเนอะ” เหมือนกำลังปลอบเด็กเลยวะ อารมณ์มันเหมือนนะ แต่สถานการณ์มันไม่ใช่
“ผมแค่อยากรับผิดชอบ...” นิรันดร์หันหน้าหนีไปเสียดื้อๆ เล่นเอาริทใจระส่ำระส่ายยิ่งกว่าโดนรุกใกล้อีก
เขาผิดอารายยยยย!!!
“งั้นๆ...เอ่อ เลี้ยงข้าวผมสิ นะนะ ผมหิวจังเลย” ริทส่งเสียงอ้อนๆ แล้วมันก็ได้ผล นิรันดร์หันกลับมาด้วยสีหน้าสำนึกผิดเช่นเคย แต่ก็มีรอยยิ้มบางๆ
“ก็ได้” เฮ้อ..ก็ได้นี่ทำให้ริทโล่งใจมาก
แต่...ไอ้ข้างล่างนี่มันก็ยังปวดหนึบเหมือนเดิม!
….100%….
กูกากกลับมาละจ้าาาาา กลับมาสำนึกผิดที่หายหน้าหายตาจนเหมือนตายไปแล้ว ซึ่งก็ยังไม่ได้ตายแต่อย่างใด ต่อไปนี้น้องจะกลับมาอัปนิยายตามปกติเด้อจ้า อาจจะเว้นระยะในการอัปห่างหน่อย แต่จะมาแบบไม่ให้ลืมกันได้อย่างแน่นวน
ฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งและขออภัยที่ทำให้ทุกท่านรอนาน เอ๊ะ หรือไม่มีคนรอ ฮื่อออออ