เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 121928 ครั้ง)

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เฮ้ออออ พรู~~~*ถอนหายใจ* รู้สึกโล่ง คือเหนื่อยกับการอธิบายและพูดคุยกันกว่าจะเข้าใจ ก็นะ คนป่วยอยู่ด้วยกัน มันก็แบบนี้ละ อย่างเรานั่งดูนี้คือกุมขมับ ขยับนวดเบาๆ 5555555 แต่อย่างน้อยก็หาทางยอมพากันไปหาหมอได้สักทีอีกครั้ง หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ก็ถ้าทั้งคู่ไม่เกเร ยอมกินยา มันคงดี ก็โอเคเข้าใจกันได้ในตอนนี้แล้ว ตอนหน้าจะเกิดไรขึ้นบ้างอีก รอติดตามเลยค่ะ อัพช้าไม่เป็นไร เข้าใจ ไม่เทก็พอ 555 ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ปั่นและมาอัพให้อ่านกัน สนุกกกกก ^_^ รอติดตามชีวิตกอลิลล่าทั้งสอง (:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
รับปากเราว่าหลังจากนี้จะดีขึ้นใช่มั้ยยยย **มัดมือ
ไม่คาดหวังว่าก้องและพี่อู๋จะหายในเร็ววัน แต่ขอให้ดีขึ้นและขอให้เคลียร์เรื่องหมูพีได้จบจริงๆ
ถ้าไม่จบจะกลับไปอยู่ยังไงก็ตาม แต่อยากให้ดีขึ้นทั้งคู่ และรอวันที่พี่อู๋จะกลับไปทำงาน
เราเข้าใจในอาชีพพี่อู๋มากๆ ขอให้ทุกอย่างดีขึ้น
เมนต์มีแต่คำว่าดีขึ้นๆๆๆๆ  :ling2:

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พออ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมากครับ หวังว่าต่อไปเรื่องจะเดินไปอย่างราบรื่นนะครับ


ไม่อยากเครียดแล้ว 555  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
รีบๆรักษานะพี่อู๋ สงสารน้องงง  :hao5:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คดีพลืกคิดว่าก้องปกติกว่ากลายเป็นว่าป่วยกว่าเดิมแบบไม่รุ้ตัวไปอีก แต่ก็ดีใจนะในที่สุดก็ไปบำบัดกันทั้งคู่
หนังสือเรื่องที่สามนี่จะช่วยอะไรได้มั้ยนะ จะรักกันยังไงเดาใจไม่ออกเลย

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ดีใจที่กอลิลล่าพี่อู๋ได้เข้าพบจิตแพทย์สักที หวังทั้ง2คนว่าจะดีขึ้นในเร็ววันนะ :กอด1: ตลกร้ายอ่า ชอบการบรรยายของนักเขียนมากกก เครียดแต่แอบฮานี่หลุดขำตรงดราม่าควีน :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-02-2019 19:40:55 โดย rockiidixon666 »

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พอเราอ่านในมุมของก้อง ก็รับรู้แต่ทัศนะของก้องซึ่งเป็นผู้ป่วย ในขณะเดียวกันอู๋เองก็ป่วย ตอนนี้คนอ่านก็เริ่มป่วยแล้วค่ะ TT

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดีใจกับพี่อู๋ที่ได้คุยกับผุ้เชี่ยวชาญซะที  o13 ครอบครัวมีคนป่วยคนเดียวก้พอ

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เป็นนิยายที่เครียดแต่ชอบมาก เหมือนเปิดมุมมองของคนที่มีหัวใจป่วยได้ดีมากๆ คือไม่สามารถหยุดอ่านได้เลย พอจบตอนมีแต่คำว่า เอาอีก อ่านอีก จนเกเรงานแล้วตอนนี้ 5555

ออฟไลน์ nisaday

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องก็แค่ลืมกินยา
เรามีเพื่อนเป็นไบโพล่า
เพื่อนเราหายได้
น้องก้องก็ต้องหายได้เนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
17


วันที่ 18 ธันวาคม

ผมตื่นนอนตั้งแต่หกโมงเช้า บรรยากาศแถวลาดพร้าวค่อนข้างขมุกขมัวเพราะฝุ่นจากการก่อสร้างอาคารข้างๆ ทันทีที่ลืมตา ผมบังคับตัวเองให้ทำตามแผนที่ช่วยกันวางกับนักจิตบำบัด ผมจะเก็บที่นอนก่อนไปอาบน้ำโกนหนวด หลังจากนั้นจะลุกไปดูทีวีหรือไม่ก็อะไรเล็กๆน้อยๆทำระหว่างรอพี่อู๋ตื่น ไม่น่าเชื่อว่าความสำเร็จเล็กๆอย่างพับผ้านวมทำให้ผมกระตือรือร้นอยากทำตามแผนต่อไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ไม่ใช่หน้าที่หนักหนาอะไร ก็แค่หนึ่งในกิจวัตรดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้กลับไปเป็นกอริลลารุงรังเหมือนที่ผ่านมา

วันนี้พี่อู๋ต้องไปรับรถที่อู่ หลังได้รถคืนเขาจะพาผมไปอิเกียบางใหญ่เพื่อซื้อของ ผมถามผู้ปกครองว่าทำไมต้องไปร้านขายเครื่องเรือนด้วยในเมื่อของใช้ในบ้านก็มีครบหมดแล้ว พี่อู๋บอกว่าเรายังขาดของสำคัญอีกหนึ่งชิ้น เขาบอกให้ผมลองนึกดู แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“ชั้นหนังสือไงก้อง”

พี่อู๋เฉลยเมื่อผมเดาสุ่มไปเรื่อยไม่ถูกเสียที

“หรือเราจะอยู่กันแบบนี้ตลอดไป?”

ผมเหลือบมองหนังสือทั้งสี่ร้อยกว่าเล่มแล้วส่ายหน้า ไม่เอาล่ะ ถ้าต้องอยู่ในห้องที่มีแต่กองหนังสือนี่ผมขอไปนอนสนามหลวงดีกว่า

นาฬิกาบอกเวลาว่าเก้าโมงสามสิบแปดนาที

พี่อู๋พากอริลลาก้องไปรับรถที่อู่ จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปเซ็นทรัลเวสต์เกต ผมไม่เคยเที่ยวย่านนี้มาก่อนเลย ปกติเดินแต่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า พอได้มาเวสต์เกตแล้วกลับรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก ที่นี่ใหญ่มาก -- มากมาก มีร้านขายของแทบทุกอย่างที่เราตามหา แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจที่สุดคือฟิตเนสสีแดงชั้นบนสุด ผมเพิ่งรู้ว่าในห้างมีฟิตเนสด้วยก็วันนี้

 “พี่ดูชั้นหนังสือจากอินเทอร์เน็ตหรือยังครับ?”

ผมถามผู้ปกครองขณะเดินเข้าไปในอิเกีย

“ใครเขาดูจากในเน็ต เขาเดินมาเลือกเองทั้งนั้นแหละ”

พี่อู๋ตอบ ตอนแรกผมงงว่าสมัยนี้ไม่นิยมอ่านกระทู้พันทิปก่อนซื้อของกันแล้วเหรอ แต่พอได้เดินอิเกียจริงๆก็ถึงบางอ้อ ที่นี่เป็นยิ่งกว่าร้านขายเครื่องเรือนเพราะมีแทบทุกอย่างตั้งแต่จานชามไปจนถึงที่นอนหมอนมุ้งและผ้าปูเตียง พี่อู๋พาผมเดินตระเวนไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน เราเดินผ่านโซนขายหมอนอิง โซนขายเครื่องนอน ผ่านโซนขายเครื่องครัวที่มีทั้งผ้าปูโต๊ะและกล่องเก็บอาหารหลากหลายแบบ

ผมเดินดูของเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างผู้ปกครองที่หยิบนั่นหยิบนี่ใส่รถเข็น พี่อู๋ดูสนุกกับการช็อปของจิปาถะที่ไม่จำเป็นอย่างที่วางตะเกียบและผ้ากันเปื้อน ผมถามคุณอุรัสยาว่าพี่จะซื้อของพวกนี้ไปทำไมในเมื่อเราวางตะเกียบบนโต๊ะก็ได้ ผ้ากันเปื้อนไม่ต้องใช้ก็ได้ ผมทำกับข้าวธรรมดา ไม่ได้ทอดไก่หรือทำเบเกอรี่เสียหน่อย

“ซื้อไว้ก่อน เผื่อวันหลังเราทำอะไรเลอะๆไง”

ผมขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ว่าอะไร ถ้าพี่อู๋อยากซื้อก็ซื้อไปเถอะ เงินของเขา การ์ดของเขา จะรูดซื้อของจุกจิกแบบนี้กี่ชิ้นก็ไม่ใช่เรื่องของผม เราเดินต่อไปโซนห้องนอน โซนเครื่องเรือนของเด็ก โซนห้องครัว ห้องทานอาหาร ห้องนั่งเล่นจนถึงห้องทำงาน แต่กว่าจะถึงจุดแสดงตัวอย่างชั้นวางหนังสือ พี่อู๋ก็หยิบนั่นหยิบนี่ใส่รถตั้งหลายชิ้น เรามาหยุดเลือกชั้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า คุณอุรัสยาใช้นิ้วนวดคางด้วยท่าทางคิดหนักเพราะไม่รู้จะซื้อแบบไหนดี อันนั้นก็สวย อันนี้ก็ดี แต่ถ้าจะเอาชั้นที่ใส่หนังสือครบทั้งสี่ร้อยกว่าเล่ม ท่าทางต้องซื้อสองตู้

“ก้องชอบแบบไหน?” พี่อู๋ถาม ผมยักไหล่เพราะไม่มีความเห็น “เลือกให้หน่อยสิ แบบไหนดีกว่า ชั้นโปร่งหรือชั้นทึบ?”

ผมอ่านป้ายสีขาวที่เขียนชื่อรุ่นว่า อิวาร์ รุ่นนี้ดูเรียบๆดี ท่าทางจะใส่หนังสือได้หลายเล่มเพราะเป็นชั้นวางของแบบสามชุด ข้างล่างมีบานพับด้วย เอาไว้ใส่ของอื่นๆนอกจากหนังสือก็ได้

“พี่ว่ามันทนไหม?” ผมขอความเห็นจากพี่อู๋ “หนังสือที่บ้านหนักมากนะ ผมกลัวไม้จะรับน้ำหนักไม่ไหวอ่ะ”

คุณอุรัสยาพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเดินไปเลือกชั้นอื่นที่จัดแสดงอยู่ไม่ไกล คราวนี้เป็นตู้หนังสือสีขาวที่ด้านในเป็นเนื้อไม้สีน้ำตาล ผมอ่านชื่อบนป้าย เฮมเนส มันคือตู้หนังสือหกชั้นที่ดูแล้วน่าจะรับน้ำหนักหนังสือทั้งหมดไม่ไหว ผมจึงบอกพี่อู๋ว่าเราควรเลือกอันอื่น เพราะรุ่นนี้ดูไม่ค่อยแข็งแรงเลย

“งั้นอันนี้ล่ะ?”

บิลลี่คือตู้หนังสือที่สามที่เราเลือกดู เป็นตู้แฝดติดกัน มีชั้นวางตู้ละหกชั้น รวมแล้วเป็นสิบสองชั้น ไม้ไม่บางไม่หนา ท่าทางน่าจะเก็บหนังสือได้เยอะ แต่ผมคิดว่าตู้เดียวคงไม่พอ

“งั้นเอาตู้นี้เนอะ”

พี่อู๋พูดเองเออเอง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายป้ายชื่อก่อนจะเดินไปโซนอื่น ตอนเดินผ่านหัวมุมเล็กๆที่จัดวางตุ๊กตา พี่อู๋ก็ชวนผมไปดู อิเกียขายตุ๊กตาสัตว์หลายแบบ มีทั้งฉลาม หมู หมา สิงโต เสือ หมีแพนด้า ที่สะดุดตาสุดน่าจะเป็นลิงสีน้ำตาล พี่อู๋หยิบมันขึ้นมาแล้วจัดท่าทางเลียนแบบผม เขาจับแขนขามันให้เต้นอะโกโก้ก่อนจะบอกว่าลิงตัวนี้ชื่อกอริลลาก้อง

“มันไม่ใช่กอริลลา มันคืออุรังอุตัง” 

ผมแย้งแต่พี่อู๋ไม่สน เขาจับตุ๊กตาอุรังอุตังที่ทึกทักเอาเองว่าชื่อก้องเกียรติมาพาดคอผม แล้วแปะตีนตุ๊กแกตรงปลายมือทั้งสองเพื่อให้มันอยู่ในท่าเกาะหลังผมเหมือนลูกลิง

“ปังคุงกับก้องเกียรติ”
“ปังคุงกับเจมส์ต่างหาก พี่ไม่เคยดูขำกลิ้งลิงกับหมาเหรอ” ผมเถียงแต่ก็ไม่ได้แกะตุ๊กตาออก ปล่อยให้มันกอดคออยู่อย่างนั้น “พี่อู๋จะซื้อเหรอครับ?”
“ใช่ ทำไม?” เขาตอบก่อนจะหยิบตุ๊กตาหมูขึ้นมาอีกตัว “เอาแม่หมูด้วย”
“พี่ไม่ซื้อลูกมันไปด้วยเลยล่ะ?”
“เออว่ะ งั้นเอาลูกๆมาด้วย”

แล้วเขาก็หยิบตุ๊กตาหมูตัวเล็กมาอีกหกตัว ผมได้แต่ยืนงง ไม่เข้าใจว่าพี่อู๋อยู่ในอารมณ์ไหนถึงมายืนเลือกตุ๊กตา ผมปล่อยให้ผู้ปกครองเล่นในโลกของตัวเองตามอำเภอใจ เมื่อเราได้ทุกอย่างที่ต้องการ พี่อู๋ก็พาผมลงไปคลังสินค้าข้างล่างเพื่อซื้อชั้นหนังสือ

“เราต้องประกอบเองเหรอครับ?” ผมถามเมื่อเห็นกล่องสีน้ำตาลวางเรียงเป็นตับ
“ใช่ เราจะช่วยกันประกอบตู้นี้ขึ้นมา” พี่อู๋ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “ทีนี้ก้องจะได้ไม่ฟุ้งซ่านเพราะมีงานให้ทำ”
“แต่ผมประกอบเฟอร์นิเจอร์ไม่เป็นนะครับ”
“ไม่มีใครประกอบเป็นตั้งแต่เกิดหรอก ของแบบนี้ต้องเรียนรู้”

ผู้ปกครองสอนระหว่างเดินไปคิดเงิน ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะขนตู้พวกนี้กลับบ้านเอง แต่พอกะขนาดของตู้กับขนาดรถแล้ว พี่อู๋ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเรายัดมันใส่วีออสไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงจำใจใช้บริการขนส่งแทน ผมได้ยินคนข้างหน้าถามพนักงานว่าถ้าต้องการจ้างช่างประกอบต้องทำยังไง เธอผายมือไปที่แผนกบริการลูกค้าและบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อ ผมสะกิดพี่อู๋เพื่อถามเขาว่าพี่จะจ้างช่างไหม เขาส่ายหน้า

“เราต้องช่วยกันสิก้อง เราจะได้ภูมิใจกับมันมากๆไง”

เออ ผมจะรอดูนะว่าถึงตอนนั้น พี่จะยังพูดว่าเราต้องช่วยกันอยู่ไหม

เมื่อจ่ายเงินเสร็จ พี่อู๋ก็พาผมไปทานมื้อเที่ยง มันไม่ใช่อาหารหรูเลย ก็แค่ฮ็อตดอกธรรมดาชิ้นละสิบห้าบาทแต่อร่อยโลกลืม ผมกับผู้ปกครองยืนกินฮ็อตดอกบริเวณโต๊ะที่จัดวางไว้ เรามากันแค่สองคนก็จริง แต่ของกินเต็มโต๊ะเหมือนมาห้าคน พี่อู๋ซื้อทั้งเฟรนช์ฟรายและปอเปี๊ยะให้ผมอย่างละหนึ่ง มีน้ำอัดลมรีฟิลด้วย นี่เหมือนสวรรค์ย่อมๆสำหรับเด็กชอบฟาสต์ฟู้ดอย่างผมเลย

“อร่อยไหมก้อง?”
“อร่อยครับ” ผมตอบแล้วกัดฮ็อตดอกอีกหนึ่งคำ “น้ำโค้กที่นี่ซ่าจัง ผมชอบ”
“ชอบก็กินเยอะๆ อยากกินอะไรอีกก็บอกนะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้”

ผมยิ้มแต่ไม่ขอให้พี่อู๋ซื้อเพิ่มเพราะเท่าที่มีก็กินไม่ไหว ผมกัดฮ็อตดอกคำแล้วคำเล่าจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็ยกโคล่าซดอึกๆ พอดื่มน้ำอัดลมหมดก็วางแก้วลงบนโต๊ะดังป๊อก แสดงออกว่าอร่อยและชอบมื้อเที่ยงวันนี้มากแค่ไหน พี่อู๋ที่กำลังกินปอเปี๊ยะหัวเราะก่อนจะหยิบทิชชู่เช็ดปากให้ผม เขาบอกว่าซอสมะเขือเทศเลอะขอบปากเหมือนผีปอบเลย

เอาอีกแล้ว ล้อเลียนผมอีกแล้ว คนแบบนี้น่ากระโดดเตะจริงๆ

หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ เราก็เดินเล่นในเซ็นทรัลอีกสองสามชั่วโมง ตอนแรกผมคิดว่าพี่อู๋อยากดูของเรื่อยเปื่อยแต่จริงๆเขามีลิสต์ที่ต้องซื้อเอาไว้ในใจแล้ว คุณอุรัสยาพาผมไปดูต้นคริสต์มาสขนาดสองเมตร ผมถามเขาว่าพี่จะซื้อของพวกนี้ไปทำไมในเมื่อห้องเราแคบจะตาย เขากลับตอบสั้นๆแค่ว่า

“ใกล้วันคริสต์มาสแล้ว ก้องไม่ตื่นเต้นเหรอ?”

ผมส่ายหน้า ไม่อ่ะ ไม่ตื่นเต้น ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยในเมื่อวันคริสต์มาสไม่เคยเป็นวันหยุดสำหรับผม จะตื่นเต้นกับมันทำไมในเมื่อวันมาฆบูชาให้ผมมีเวลานอนอีกยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่วันคริสมาสต์ผมยังต้องไปโรงเรียนด้วยซ้ำด้วยซ้ำ

“โห -- ต้นละสามพันกว่าบาทแน่ะ”

ผมบ่นงุบงิบตามประสาคนขี้งก แต่พี่อู๋สนุกกับการซื้อของตกแต่งมาก เขาซื้อลูกกลมๆหลากสี ซื้อสายรุ้ง ซื้อไฟ ซื้อของตกแต่งสีทองเยอะแยะไปหมด แน่นอนว่าผมยังคงไม่พูดอะไร มากสุดก็แค่บ่นว่าเปลืองนะแต่ไม่ห้ามเขา เราช่วยกันขนต้นคริสต์มาสไปไว้ในรถอย่างทุลักทุเล ผมวางถุงใส่ของตกแต่งบนพื้นแล้วนั่งประจำที่ข้างพี่อู๋

นาฬิกาบอกเวลาว่าสี่โมงแปดนาที เราออกจากเซ็นทรัลเวสต์เกต

นาฬิกาบอกเวลาว่าหนึ่งทุ่มห้าสิบนาที เราติดแหง็กอยู่ที่แยกรัชดาลาดพร้าว

นาฬิกาบอกเวลาว่าสองทุ่มยี่สิบเจ็ดนาที ผมกับพี่อู๋ลงความเห็นว่าดับเครื่องแล้วเดินกลับคอนโดน่าจะเร็วกว่า

นาฬิกาบอกเวลาว่าสามทุ่มตรง วีออสของพี่อู๋เพิ่งเข้าเขตอาคารคอนโด แต่เพราะเรากลับดึกมากที่จอดรถก็เลยเต็มจนต้องจอดข้างนอก

นาฬิกาบอกเวลาว่าสี่ทุ่มสี่สิบสามนาที ผมกับพี่อู๋วางของที่เพิ่งซื้อทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่นแล้วเข้านอน ไม่ไหวแล้ว ลาก่อน ผมเกลียดแยกรัชดาลาดพร้าวจริงๆ

 


วันที่ 19 ธันวาคม

ผมและพี่อู๋ช่วยกันกางต้นคริสต์มาสเตรียมตกแต่ง เราใช้เวลามากกว่าครึ่งวันหมดไปกับการประดับของบนต้นสนปลอม คุณอุรัสยาผู้มีศิลปะในหัวใจส่งรูปในอินเทอร์เน็ตให้ดู เขาบอกว่าอยากแต่งต้นสนแบบออมเบรย์ไล่โทนสีตามในภาพ ก้องช่วยหน่อยได้ไหม

แน่นอนว่าผมต้องช่วยเพราะพี่อู๋คนเดียวคงทำทั้งหมดไม่ไหว กว่าจะคลี่ก้านต้นสนแต่ละก้าน กว่าจะแกะกล่องของตกแต่ง กว่าจะไล่โทนต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผมประดับชั้นล่างสุดของต้นด้วยสีชมพู สีแดง สีม่วง สีฟ้า สีเขียวน้ำทะเล สีเขียวอ่อนและสีเหลืองอยู่บนสุด แต่การแขวนลูกบอลประดับต้นคริสต์มาสไม่ใช่แค่แขวนไปมั่วๆก็สวยได้ ต้องเลือกและจัดวางองค์ประกอบให้ดี ซึ่งเจ้าของต้นไม้ไม่สนใจอะไรนอกจากแขวนๆไปให้มันจบ นายก้องเกียรติต่างหากที่คอยตามล้างตามเช็ด อันไหนเกะกะรกหูรกตาต้องปลดออกแล้วใส่แขวนอันอื่นแทน

พอจัดการต้นคริสต์มาสเสร็จ เราก็ช่วยกันขนเศษขยะไปทิ้งและออกไปทานมื้อเที่ยงแถวโชคชัยสี่ พี่อู๋พาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าดังที่อร่อยมาก เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นผมกินหมดตั้งสามชาม ถือเป็นจำนวนเยอะที่สุดตั้งแต่อยู่ด้วยกันเลย

“อร่อยใช่ไหม? อร่อยเนอะ อร่อยก็กินเยอะๆนะ”

เขาบอกแล้วแกะแคบหมูให้ ผมไม่อยากพูดให้เขาเสียน้ำใจ ก๋วยเตี๋ยวเรือไม่ได้อร่อยขนาดนั้นหรอก แค่ถ้วยมันเล็กชนิดที่ใช้ช้อนกวาดสองคำก็หมด แล้วแบบนี้เขาจะให้ผมกินถ้วยเดียวได้ยังไง ไม่มีมนุษย์คนไหนอิ่มแปล้เพราะก๋วยเตี๋ยวสองคำหรอกนะ

หลังจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวเรือสิบถ้วยและแคบหมูสามถุง พี่อู๋ก็ขับรถกลับคอนโด แน่นอนว่าลาดพร้าวซิตี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เราออกจากแถวโชคชัยสี่มาตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ถึงลาดพร้าวยี่สิบเจ็ดเลย กอริลลาสองตัวนั่งหน้าบูดในรถเพราะการจราจรไม่ขยับแม้แต่มิลลิเมตรเดียว นาฬิกาบอกเวลาว่าบ่ายสองสิบเก้านาที เราเพิ่งถึงคอนโดโดยมีรถของอิเกียมาส่งของพอดี

พี่อู๋ให้พนักงานช่วยขนขึ้นไปด้านบน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเราก็เปิดแอร์แล้วนั่งจ้องกล่องสีน้ำตาลใบใหญ่สี่ใบด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก พี่อู๋เปิดกล่องเพื่ออ่านคู่มือการประกอบ ส่วนกอริลลาก้องได้แต่นอนแผ่บนพื้นเพราะเหนื่อย แค่ต้นคริสต์มาสก็จะเป็นบ้าแล้ว ยังเหลือชั้นหนังสือที่ต้องประกอบอีกตั้งสองชั้น

ผมว่าพี่ฆ่าผมให้ตายเลยดีกว่า




วันที่ 20 ธันวาคม


ผมตื่นนอนแต่เช้า กินแซนด์วิชทูน่ารองท้องแล้วรีบกินยาเพราะกลัวลืม หลังจากนั้นก็หยิบคู่มือการประกอบชั้นหนังสือมาอ่านระหว่างรอพี่อู๋ตื่น

คู่มือมีทั้งหมดสิบสองหน้า แต่ละหน้าแสดงภาพวิธีประกอบโดยไม่มีคำบรรยายเขียนไว้ ผมกวาดสายตาดูคร่าวๆเกี่ยวกับอุปกรณ์ว่ามีไม้กี่ชิ้น น็อตกี่ชิ้น ตัวต่อกี่ชิ้น ซึ่งแต่ละตัวจะมีรหัสกำกับเพื่อไม่ให้หยิบผิดอัน ผมหยิบของที่อยู่ในกล่องออกมาวางเรียง โอเค ทุกอย่างครบ ไม่มีไม้แผ่นไหนบุบหรือปริแตก ชิ้นส่วนทั้งหมดอยู่ในสภาพดี

“ตื่นแล้วเหรอช่างก้อง”

พี่อู๋เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขายีหัวกอริลลาก้องจนฟูยุ่งแต่ผมไม่ได้ว่าอะไร

“เป็นไง? ง่ายใช่ไหมล่ะ?”

ง่ายกับผีสิ

ผมคิดในใจ ไม่ได้พูดออกไป

“กินข้าวก่อนเดี๋ยวเราค่อยช่วยกันประกอบนะ”

ผมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย หลังจัดการมื้อเช้าเสร็จ ผมทำหน้าที่ล้างจาน ส่วนพี่อู๋นั่งงมคู่มืออยู่บนโซฟา ตอนเหลือบมองยังเห็นคิ้วของเขาชนกันอยู่เลย แต่พอแกล้งหันหน้าไปถามว่าเป็นไงครับ ยากไหม? พี่อู๋ก็รีบฉีกยิ้ม บอกว่าของแค่นี้เล็กน้อยมาก ง่ายๆสบายๆ

“ดีเลยครับ เดี๋ยวผมนั่งเป็นกำลังใจตรงนี้”

ผมบอกขณะมองคุณอุรัสยาต่อชั้นหนังสือด้วยท่าทางเงอะงะ เขาดูไม่ถนัดงานช่างเอาเสียเลย เหมือนเด็กมัธยมที่เพิ่มหัดจับค้อนและไขควงครั้งแรก ผมเท้าคางมองผู้ปกครองที่กำลังเก๊กขรึมด้วยความขำ ต่อไม่เป็นก็ยอมแพ้เถอะ โทรเรียกช่างมาประกอบให้ก็ได้ ไม่มีใครว่าพี่กากหรอก

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดพี่อู๋ถึงยอมละทิฐิตัวเองด้วยการขอให้นายก้องเกียรติช่วย จริงๆผมไม่ได้ถนัดงานช่างแต่ก็เคยเรียนจากชุมนุมมาบ้าง ดังนั้นวันนี้เราก็เลยขลุกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน ผมจดจ่อกับการประกอบชั้นหนังสือจนปวดหัว

นาฬิกาบอกเวลาว่าบ่ายสองสามสิบเอ็ดนาที

ผมบอกพี่อู๋ว่าจ้างช่างเถอะ ผมเองก็ต่อไม่เป็นเหมือนกัน




วันที่ 21 ธันวาคม

ผมเรียนเปียโนกับพี่โรม

เพราะได้ปลดล็อคความรู้สึกกับพี่อู๋แล้วก็เลยไม่เครียดจนเกินไป ผมตั้งใจเรียนเท่าที่เรียนไหว ตรงไหนช้าหน่อยหรือไม่ค่อยเข้าใจก็ถามพี่โรม เขาถึงกับเอ่ยปากชมเมื่อหมดชั่วโมงเรียน

“พอไม่กดดันตัวเองก็สนุกขึ้นเยอะเลยใช่ไหม?”

พี่โรมถาม ผมพยักหน้ายิ้มอย่างอารมณ์ดี

“อาทิตย์หน้าพี่ไม่ได้มาสอนนะคะ หยุดปีใหม่ ระหว่างที่เราไม่เจอกันน้องก้องก็ซ้อมทุกวันเป็นการฝึกตัวเองอีกทางนะ”
“ครับ”

ผมตอบ ก่อนจะเก็บเอกสารลงแฟ้มแล้วหันไปหาพี่อู๋ที่ยังคงประกอบชั้นหนังสืออยู่บนพื้น

“นึกยังไงถึงซื้อชั้นของอิเกียมาวะ มึงไม่รู้เหรอว่ามันต้องต่อเอง?” พี่โรมกอดอกถามคุณอุรัสยา
“รู้ กูแค่อยากหาอะไรให้ก้องทำ”
“แล้วสรุปก้องได้ทำไหม?”
“ไม่”
“เออ โทรจ้างช่างเถอะ กูเห็นสภาพห้องแล้วเวทนา หนังสือก็รก ต้นคริสต์มาสก็เกะกะ ห้องมึงกว้างไม่ถึงสี่สิบตารางเมตรจะยัดลงหมดนี่ได้ยังไง ไอ้ควาย”

พี่โรมด่าแต่พี่อู๋ยังคงไม่สะทกสะท้าน เขาแกะน็อตตัวนั้นออกต่อกับไม้ชิ้นนี้ พอดูรูปอีกที อ้าว ผิดด้านนี่นา ก็ต้องถอดออกแล้วประกอบใหม่ แทนที่ผมจะได้พักหลังเรียนเปียโนกลายเป็นว่าต้องมาช่วยพี่อู๋ประกอบชั้นหนังสือแทน ผ่านไปสองวันแล้ว ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย

“งั้นพี่กลับก่อนนะคะน้องก้อง”

พี่โรมขอตัว ผมยกมือไหว้และให้สัญญาว่าจะหัดเล่นเปียโนทุกวัน จังหวะที่พี่โรมเดินข้ามไม้แผ่นใหญ่ พี่อู๋ก็จับข้อเท้าของเขาไว้แล้วถามเสียงแข็ง

“มึงจะไปไหนอีโรม?”
“กลับบ้าน”
“ไม่ต้อง ช่วยกูก่อน”
“ถ้าไม่ช่วยอ่ะ?”
“กูจะบอกผัวมึงว่าเดือนก่อนมึงไม่ได้กลับใต้ไปหาแม่ แต่เมาอยู่ที่ข้าวสาร”
“นรก”

พี่โรมจิกตาแต่ก็ยอมนั่งลงแล้วช่วยผมกับผู้ปกครองประกอบชั้นหนังสือแต่โดยดี นาฬิกาบอกเวลาว่าหกโมงยี่สิบนาที พี่โรมบอกพี่อู๋ว่าฟ้องผัวกูไปเลยเถอะ กูประกอบชั้นห่านี่ไม่ได้จริงๆ ไปล่ะ

ผมมองหน้าคุณอุรัสยาที่กำลังเดือดปุดๆก่อนจะถอนหายใจ

“จ้างช่างเถอะครับ”
“ไม่เอา”

แล้วเราก็จบบทสนทนาและการประกอบไว้แค่นั้น




วันที่ 22 ธันวาคม

คุณอุรัสยายอมแพ้จากการประกอบ ทิ้งให้กอริลลาก้องจัดการชั้นหนังสือเพียงคนเดียว ผมพยายามกระตุ้นพี่อู๋ด้วยการบอกเขาว่าเราเสียเงินตั้งสองหมื่นเพื่อซื้อตู้เก็บหนังสือนี่ พี่จะยอมแพ้ตรงนี้เหรอ พี่ไม่สู้หน่อยเหรอ จะทิ้งให้มันเป็นเศษไม้ตลอดไปเนี่ยนะ

“ช่างแม่ง” พี่อู๋ตัดบทแล้วสูดเส้นมาม่าเข้าปาก “ถึงเวลาจริงๆเดี๋ยวมันก็กลายเป็นตู้เองแหละ”

เพ้อเจอ

ผมคิด แน่นอนว่าไม่ได้พูด

“ประกอบไม่ได้ก็ปล่อยไว้ ไหนๆห้องก็รกอยู่แล้ว รกกว่านี้คงไม่เป็นไรเนอะ”











TBC
_________________
#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้

เห๋ย ตาฝาดเหรอ เป็นไปไม่ได้ มันอัปตอนใหม่เร็วได้ยังไง โอ้ซาร่า พี่จ๋าตาฝาดรึเปล่า ลองขยี้ตาแรงๆแล้วเอนจอยกับพี่อู๋น้องก้องตอนนี้นะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่อู๋นี่ก็เงินเก็บเยอะอยู่เหมือนกันนะเออ ทำเป็นเล่นไป เลี้ยงเด็กคนนึงแบบสบายๆ อยู่เลย สถานการณ์เริ่มดูดีขึ้น การทำกิจกรรมร่วมกัน แม้ว่าไม่สำเร็จในเร็ววัน แต่แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ที่จริงหนูก้องก็ดีใจแหละ อารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง ดูสิ ยังเรียนเปียโนอยู่เลย คิๆ

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มันไม่สุดอ่ะ 555 เหมือนกำลังสนุก แล้วตัดจบเฉยเลย555 รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
คำว่า “เนอะ“ ของพี่อู๋นี่คงทำให้กอลิล่าก้องปลงชีวิตได้ 5555

เป็นเนอะที่น่าตีจริงๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :hao3:

เป็นตอนที่น่ารักที่สุดตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มาเลยครับ....
 o13 ประทับใจฝีมือของคนเขียนมากครับ...เขียนถึง(((โรคซึมเศร้า)))ได้ดีทุกซอกทุกมุม. o13


 :L2: :pig4: :L2:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2019 23:51:10 โดย ommanymontra »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นตอนที่อ่านแล้วหงุดหงิดพี่อู๋มาก ค้างคาไม่พอ ห้องรกอีก อะไรวะ 5555555555555555

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เงิบกับคำพูดสุดท้ายพี่อู๋ ได้เหรอคะพี่5555
เพราะรู้ว่าก้องขาดยาค่อยโล่งใจขึ้นมาเลยค่ะ นึกว่าพี่อู๋จะเป็นหนักซะแล้ว  :ruready

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ไล่อ่านจากบทแรกถึงบทนี้อึดอัดแทนจนเราจะป๋วยตามอีกคน สนุกค่ะจะติดตามจนจบค่ะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เย้ ตอนนี้กอลิลล่าทั้ง2 ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน บรรยากาศดูผ่อนคลายมาก  คนอ่านก็เช่นกัน555

ออฟไลน์ Cheraae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นตอนที่น่ารักมากอะ ขำการต่อตู้ของกอลิล่าทั้ง2
ตัว มากเวอร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นตอนที่ทำให้หัวเราะได้ กอริลล่าทั้งสองตลกนะวันนี้

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอครับ  :hao7:คิดถึงกอริลลาทั้งสอง :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
18

วันที่ 23 ธันวาคม

ผมเกลียดที่ห้องของเราคับแคบจนไม่มีทางเดิน

ต้นคริสต์มาสขวางอยู่กลางบ้าน แถมยังมีกล่องอิเกียและหนังสือสี่ร้อยกว่าเล่มวางซ้อนเป็นชั้นๆอีก ทุกอย่างดูแน่นจนผมอึดอัด พื้นที่ทางเดินเหลือน้อยนิดแทบต้องเขย่งปลายเท้า ดังนั้นหลังกินข้าวกินยาเสร็จ ผมจึงตัดสินใจอ่านคู่มือเพื่อลองประกอบด้วยตัวเอง

พี่อู๋ตื่นนอนตอนเจ็ดโมงครึ่ง เขาเดินเกาหัวออกมาแล้วใช้เท้าเขี่ยหนังสือให้พ้นทาง ผมบอกผู้ปกครองว่าจะไม่ปล่อยให้ห้องเป็นกองขยะอีกต่อไป คุณอุรัสยาหัวเราะ เขาบอกเอาเลย ตามสบาย ก้องอยากทำอะไรก็ทำ พี่จะนอนให้กำลังใจบนโซฟา

“สู้ๆนะก้อง”

เขายิ้มเยาะ ส่วนผมได้แต่ถลึงตามอง ในเมื่อสถานการณ์บีบบังคับก็คงต้องงัดเอาความรู้สมัยมัธยมมาใช้ จริงๆคู่มือประกอบชั้นหนังสือไม่ได้ซับซ้อนเลย สิ่งที่ทำให้เราสับสนในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาคือการพลิกไม้ให้ตรงภาพ มันเหมือนกันเกินไป แยกไม่ออกว่าไหนหน้าไหนหลัง ผมจึงจัดแจงวางไม้เรียงตามขนาดจนพอเดาได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน หลังจากนั้นเอาก็เอาน็อตมาวางบนกระดาษเอสี่ที่เขียนตัวเลขกำกับเอาไว้ แล้วเริ่มประกอบด้วยตัวเอง

“พี่อู๋ครับ ขอไขควงหน่อย”

ผมบอกผู้ปกครอง คุณอุรัสยาลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดลิ้นชักหยิบให้ทันที พอเห็นทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง พี่อู๋จอมขี้เกียจก็เลิกนอนเปื่อยบนโซฟาและหันมาให้ความร่วมมือ เราช่วยกันดูคู่มือกันทีละขั้นตอน เถียงกันว่าใช่หน้านี้ไหม ตรงนี้ไหม น็อตตัวนี้ไหมอยู่เกือบชั่วโมง แต่นับว่าความพยายามนั้นคุ้มค่าเพราะเมื่อเวลาผ่านไปสามชั่วโมง เราก็ประกอบชั้นหนังสือได้แล้วหนึ่งหลัง

“ตรงนี้มันโยกเยกว่ะก้อง” พี่อู๋เขย่าชั้นให้เห็นปัญหา “ขันใหม่ให้แน่นสิ”

ช่างก้องทำตามคำขอ ผมใช้ไขควงขันตัวน็อตทุกตัวจนทุกชิ้นส่วนยึดติดกันแน่น พอเสร็จหนึ่งตู้ พี่อู๋ก็ร้องไชโย! ทั้งๆที่ไม่ได้ลงมือประกอบเท่าไหร่ เราช่วยกันลากตู้ไปวางชิดกำแพงติดทีวี ในคู่มือเขียนว่าจำเป็นต้องมีตัวยึดป้องกันตู้ล้ม ผมกับพี่อู๋มองหน้ากันทันที

คนนึงเป็นล่ามมาครึ่งชีวิต อีกคนเป็นแค่เด็กมอปลาย ดูท่าแล้วไม่มีใครเคยจับสว่านซักคน ดังนั้นคนที่ต้องช่วยเราเจาะผนังจึงไม่ใช่ใคร นอกจากพี่ต่าย ช่างซ่อมประจำคอนโด

“ระวังนะครับน้องอู๋ เจาะผนังแล้วฝุ่นจะฟุ้งนะ”

พี่ต่ายเตือน ผมจึงเตรียมเครื่องดูดฝุ่นและผ้าชุบน้ำให้พร้อม เมื่อเจาะและยึดตู้ให้ติดกับผนังเสร็จ ผมก็รีบทำความสะอาดทันที ขณะที่พี่ต่ายเตรียมขอตัวกลับ เขาก็เหลือบเห็นชั้นหนังสือที่ยังอยู่ในกล่องอีกสองใบ

“ให้ช่วยไหมครับ?” เขาถาม
“ไม่เป็นไร --”
“ขอบคุณครับ”

ผมพูดแทรกพี่อู๋ เขาหน้าเหวอที่เราล้มเลิกแผนประกอบชั้นด้วยตัวเอง พี่ต่ายเก่งสมกับเป็นช่างจริงๆ เขาใช้เวลาประกอบแค่สามสิบนาที ในขณะที่เราใช้เวลาสามวันเพื่อให้ได้ตู้หนึ่งหลัง กระดูกคนละเบอร์ขนาดนี้ พี่อู๋ยังจะดื้อให้ผมประกอบเองอีก เขานี่ไม่เจียมสังขารเลย

 นาฬิกาบอกเวลาว่าห้าโมงสิบสามนาที

ชั้นวางหนังสือสองหลังถูกยึดเข้ากับผนังเรียบร้อย ผมถอนหายใจเมื่อทุกอย่างจบสิ้นกันเสียที ต่อไปนี้ไม่ต้องใช้เท้าเขี่ยหนังสือให้พ้นทางแล้ว เหลือแค่แยกหมวดหมู่และจัดมันเข้าชั้น เท่านี้บ้านก็จะกลับมาเป็นบ้านอีกหน

“ก้องไม่น่ารีบขอให้พี่ต่ายช่วยเลย” พี่อู๋บ่นงุ้งงิ้ง “จริงๆพี่ก็เข้าใจแล้วนะ ตู้หลังที่สองพี่ประกอบเองได้ เรื่องแค่นี้เอง”

ไอ้ขี้โม้

ผมส่ายหน้า ปล่อยให้พ่อขี้โม้คุยจ้อต่อไป



วันที่ 24 ธันวาคม

ผมและพี่อู๋มีนัดกับนักจิตบำบัด

ราวกับผมมาที่นี่เพื่อเล่าเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟังเท่านั้น มันคือเรื่องเดิมๆ จบแบบเดิม ความหดหู่เดิมๆที่ต้องพูดซ้ำๆเป็นครั้งที่สามหรือสี่ ผมเคยคิดว่าการได้ระบายความอัดอั้นตันใจกับใครซักคนคงช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่เปล่าเลย ผมยังคงเหมือนเดิม เป็นนายก้องเกียรติที่ไม่มีที่ไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจัดการชีวิตตัวเองยังไงนอกจากเล่นสนุกไปวันๆ

“ก็ดีแล้วนี่นา” นักจิตบำบัดพูดเมื่อผมเล่าเรื่องชั้นหนังสือของอิเกียให้เธอฟัง “ก้องบอกพี่เองว่าความสุขมากตอนที่ประกอบชั้นเสร็จ ทำไมไม่สบายใจล่ะ?”
“ผมแค่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ผมถอนหายใจ รู้สึกเศร้าพิลึก “ผมไม่รู้ว่าพี่เข้าใจไหม มันไม่ใช่ความไม่สบายใจหรอก ผมกลัวต่างหาก”
“กลัวอะไรเหรอ?”
“กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีความสุขอีกแล้ว”

ผมบอกเธอ

“กลัวว่าในอนาคต -- ผมจะยังเป็นแบบนี้ การใช้ชีวิตไปวันๆมันสนุกก็จริงแต่ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโตไปต้องเรียนที่ไหน จบไปทำงานอะไร ใช้ชีวิตอยู่ยังไง ผมกลัวทุกครั้งที่นึกเรื่องสอบเพราะไม่ได้อ่านหนังสือมาหลายเดือนแล้ว ผมไม่ยอมเช็กว่าสทศ.เปิดโอกาสให้สอบหรือเปล่าเพราะกลัวทำได้ไม่ดี พี่ก็รู้ว่าโอเน็ตสอบได้แค่ครั้งเดียว ถ้าผมพลาด นั่นหมายถึงผมต้องล้มเหลวไปจนวันตายนะ”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น? โอเน็ตสำคัญก็จริงแต่ยังมีคะแนนส่วนอื่นมาช่วยอีกไม่ใช่เหรอ?”
“ครับ ผมรู้ -- แต่ตอนนี้สิ่งที่ชี้อนาคตผมได้คือคะแนนจากโอเน็ต ผมถอยไม่ได้แล้ว ย้อนกลับไปแก้เกรดก็ไม่ได้แล้ว ถ้าคะแนนโอเน็ตออกมาแย่ผมจะเข้ามหาลัยดังๆไม่ได้”
“ทำไมต้องเป็นมหาลัยดังล่ะ?”
“เพราะผม --”

ผมอ้ำอึ้ง

“ผมคิดว่าถ้าสอบมหาลัยดีๆไม่ได้ พี่อู๋ก็คงทิ้งผม”
“เขาพูดเหรอ?”
“ไม่ครับ ไม่พูด แค่เดา” ผมก้มมองมือของตัวเอง “ผมอยากทำให้เขาภูมิใจ อยากให้เขาบอกใครต่อใครว่าผมเป็นคนในครอบครัวของเขา เป็นเด็กที่เขาเลี้ยงจนได้ดี”
“ก้องคิดว่าถ้าสอบมหาลัยดังๆไม่ได้ พี่อู๋จะไม่รักก้องเหรอ?”
“เขาไม่ได้รักผมอยู่แล้ว เขาแค่สงสาร”
“ความรักไม่ได้มีแค่เชิงชู้สาวนะก้อง รักแบบหวังดีจากใจจริงๆก็มี”

นักจิตบำบัดมองด้วยแววตาเอ็นดูจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กไม่รู้เดียงสา เธอลุกขึ้นเดินไปหยิบฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสใสดูคล้ายเลโก้ออกมา นักจิตบำบัดวางมันบนโต๊ะก่อนจะถามคำถาม

“ก้องรู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
“ไม่รู้ครับ” ผมตอบ “เหมือนฐานต่อเลโก้”
“ใช่ แล้วรู้หรือเปล่าว่าโมเดลของฐานนี้คือตัวอะไร?”

ไม่ครับ ไม่รู้ ผมส่ายหน้า ในใจนึกสงสัยว่ามาแค่แผ่นสี่เหลี่ยมใสๆใครมันจะไปเดาได้ น่าแปลกที่นักจิตบำบัดยิ้มอย่างพออกพอใจในความไม่รู้ของกอริลลาก้องก่อนจะเฉลยว่าพลาสติกบางๆแผ่นนี้เป็นเหมือนอนาคตของผม

“ก้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นโมเดลของตัวอะไร” เธอยิ้ม “แล้วถ้าพี่หยิบชิ้นนี้มาต่อล่ะ --”

นักจิตบำบัดเปิดกล่องพลาสติก ข้างในมีเลโก้ต่อกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นใหญ่คละสีปะปนจนเดาไม่ออก ผมได้แต่มองเธอค่อยๆยึดตัวต่อที่เป็นฐานทั้งสองข้าง มันคือสี่เหลี่ยมสีขาว แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันคือรูปอะไร

“ตัวต่อพวกนี้ก็เหมือนสิ่งที่ก้องทำในหนึ่งวันนั่นแหละ” นักจิตบำบัดพูดต่อ คราวนี้เธอหยิบเอาเลโก้ชิ้นเล็กจิ๋วสีขาวออกมาอีกหลายตัว “พอหลายๆชิ้นมารวมกัน มันก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่าง -- แบบนี้”

เธอมุ่งมั่นกับการต่อเลโก้ให้กอริลลาดู

“เป็นไง? ดูออกหรือยังว่ามันคือรูปอะไร?”

ผมเลิกคิ้วแล้วเพ่งดูเลโก้ที่ขึ้นโครงแค่ขา เดาจากลักษณะแล้วคงเป็นตัวการ์ตูนจากเรื่องอะไรซักอย่างที่ไม่รู้จัก เมื่อเห็นว่านายก้องเกียรติยังไม่รู้คำตอบ เธอก็ค่อยๆประกอบมากขึ้นเรื่อยๆจนมันกลายเป็นรูป --

หมีขั้วโลกสวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้า

หมีจากโลกไหนมันใส่ผ้ากันเปื้อนวะ

“ทีนี้ดูออกหรือยัง?”
“ครับ หมีขั้วโลก”

เธอพยักหน้าแต่มือกลับรื้อเลโก้ที่เพิ่งต่อเสร็จทิ้งเฉยเลย คราวนี้นักจิตบำบัดโยนส่วนสีขาวทิ้ง เธอหยิบสีน้ำตาลออกมาแล้วเริ่มประกอบอย่างรวดเร็วอีกครั้งจนกลายเป็นหมีตัวใหม่ เธอถามว่านี่คืออะไร ผมจึงตอบไปว่าหมีควาย

“อ่ะ หมีควายก็หมีควาย”

เธอหัวเราะพร้อมกับรื้อทิ้งและประกอบอีกรอบ คราวนี้ไม่มีส่วนไหนเป็นสีน้ำตาลแล้ว มีแค่สีดำกับสีขาวซึ่งต่างจากสองตัวแรกอย่างสิ้นเชิง

“งั้นนี่ล่ะ?”
“ผมรู้จักตัวนี้ มันคือโปจากเรื่องกังฟูแพนด้า”
“เก่งมาก ทีนี้ก้องเห็นหรือยัง ฐานหนึ่งอันขึ้นโมเดลได้ตั้งหลายแบบ”

ผมมองหน้าเธอ ไม่เข้าใจว่าจริงๆนักจิตบำบัดต้องการสื่ออะไร

“ก้องไม่รู้หรอกว่าตอนประกอบเสร็จ ฐานนี้จะเป็นโมเดลตัวไหน มันอาจเป็นหมีขั้วโลกก็ได้ หมีควายก็ได้ หรือหมีแพนด้าก็ได้ ในอนาคตจะเป็นอะไรก็ได้ อยู่ที่ก้องเลือกเอง”

ผมจ้องหมีแพนด้าเงียบๆ ทำตัวไม่ถูกว่าควรต่อบทสนทนายังไง

“ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอนะก้อง” เธอส่งยิ้มให้ “ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แรกๆอาจจะยากจนอยากกวาดทิ้ง แต่พอเริ่มไปเรื่อยๆ ก้องจะมองเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดขึ้น วันหนึ่งก้องจะรู้ว่าก้องอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร อยากวางชีวิตของตัวเองยังไง”
“ผมจะมีวันนั้นจริงๆเหรอครับ?”
“มีสิ” นักจิตบำบัดยืนยัน “ออกตัววิ่งเมื่อพร้อม ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเข้าเส้นชัยให้เร็วกว่าใคร ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ขอแค่ทำเต็มที่และมีความสุข แค่นั้นพอ”
“แต่มันยากเพราะผมไม่มีใคร” ผมบอกเธอ “ขนาดแม่ยังทิ้งผมเลย มีเหรอที่พี่อู๋จะไม่ทิ้ง วันนึงเงินเขาก็ต้องหมด เขาต้องอยากไล่ผมแน่ๆ”
“ทำไมถึงคิดแบบนี้ตลอดเลยล่ะก้อง? พี่อู๋ไม่ดีกับก้องเหรอ?”
“เปล่าครับ เขาดีกับผม แต่ --” ผมเลียริมฝีปาก “แต่บางทีผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวถ่วงชีวิตเขา ตั้งแต่รับผมมาอยู่ด้วย ชีวิตพี่อู๋ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงอย่างที่แฟนเก่าเขาพูด”
“พี่อู๋แย่เหรอ? แย่ยังไงล่ะ?”
“เขาตกงานมาหลายเดือนแล้ว เขาไม่คิดจะไปไหนเพราะต้องเลี้ยงผม”
“การตกงานนี่ล้มเหลวมากเลยเหรอ?”

ผมพยักหน้า

“พี่อู๋อายุมากแล้ว เขาควรออกไปทำงาน ควรใช้ชีวิตผู้ใหญ่เหมือนคนอื่นๆ”
“งั้นในความคิดของก้อง ผู้ใหญ่ต้องเป็นยังไง?”
“ก็ -- ต้องมีงานทำ” ผมนึกออกหนึ่งข้อ “ต้องรับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเองได้ ประมาณนั้นครับ”
“ก้องหวังว่าจะให้พี่อู๋ออกไปทำงานเหมือนคนปกติใช่ไหม?”
“ครับ”
“ถ้าพี่บอกว่าพี่อู๋เหนื่อย พี่อู๋อยากพัก ก้องจะว่ายังไง?”

ผมครุ่นคิดถึงคำว่าเหนื่อย ภาพพี่อู๋ตอนเหนื่อยจากงานไม่เคยอยู่ในจิตนาการของนายก้องเกียรติมาก่อน ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงคุณอุรัสยา ผมจะนึกถึงวีออส ลาดพร้าว และของอร่อยๆ แต่ให้นึกสภาพเขาเหนื่อยๆ ผมนึกไม่ออก

“ก้อง ฟังพี่นะ -- พี่อู๋น่ะ เป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ก้องคิดอีก” เธอยืนยัน “ก้องต้องเข้าใจว่าเขาอายุตั้งสามสิบแล้วแต่เพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นเลย”
“เขาเล่าให้พี่ฟังไหมครับ?”
“เล่าสิ”
“พี่อู๋ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ผมเป็นคนสุดท้ายที่รู้ตลอด”
“เพราะเขาแคร์ก้องมากไง”

เธอบอกเหตุผล

“พี่ว่าเราให้เขาพักบ้างเถอะ เขาวิ่งสุดแรงเกิดมาเกือบสิบปี เว้นช่วงให้เขาได้ยืดเส้นยืดสายหน่อยเนอะ”

ผมพยักหน้า และจบการบำบัดครั้งที่สองด้วยการให้สัญญาว่าจะคุยกับพี่อู๋บ่อยๆ ผมจะถามถึงชีวิตของเขาให้มากขึ้นแทนที่จะเป็นฝ่ายตอบอย่างเดียวเหมือนทุกวันนี้





นาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงสี่สิบเก้านาที

เราสองคนแวะทานข้าวที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ก่อนจะกลับห้องเพื่อช่วยกันเก็บหนังสือใส่ชั้นให้เรียบร้อย

“ท่าทางพี่ชอบอ่านหนังสือยากๆ”

ผมเป็นฝ่ายชวนคุยตามคำแนะนำของนักจิตบำบัด

“พี่ต้องหัวดีแน่ๆถึงอ่านของแบบนี้รู้เรื่อง”

ผมหยิบหนังสือปรัชญาของพี่อู๋มาเปิดอ่านเล่น ข้างในเขียนภาษาไทยก็จริงแต่เนื้อหาคืออะไรก็ไม่รู้ พูดถึงใครก็ไม่รู้ พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ หนังสือพวกนี้ไม่ได้ช่วยให้ผมเข้าใจว่าโลกของพี่อู๋ซักนิด เพราะบางทีเขาดูเก้ๆกังๆทำอะไรไม่เป็น บางทีก็วิชาการจ๋าเหมือนเป็นอาจารย์ปริญญาเอก ดูอย่างวันก่อนที่เราต่อตู้ด้วยกันสิ เขาแก่จนปูนนี้แล้ว แค่ประกอบตู้ง่ายๆยังทำไม่ได้เลย

“ก้องต้องสนใจก่อน ถ้าสนใจยังไงก็อ่านได้”

พี่อู๋ยิ้ม เขาแนะนำหนังสือให้อ่านหลายเล่ม แต่ผมส่ายหน้า ลาก่อน ขนาดหนังสือสอบยังไม่ยอมแตะ พี่คิดว่าผมจะอ่านหนังสือของออร์ฮัน ปามุกเหรอ ตลกแล้ว

“หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นต้องเก็บไว้ตรงไหนครับ?”
“ชั้นล่างสุดนั่นแหละ กองๆไปเถอะ ของไม่จำเป็น”

ผมจัดเรียงหนังสือสอนภาษาให้เป็นระเบียบ เล่มใหญ่ๆอย่างพจนานุกรมคันจิและภาษาอังกฤษก็ถูกวางไว้ล่างสุดเช่นกัน จังหวะที่กำลังเรียงหนังสือตามลำดับความสูง จู่ๆแบบเรียนเล่มหนึ่งก็หล่นและกางออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ในนั้นมีลายมือขยุกขยิกของพี่อู๋เขียนเต็มไปหมด มีกระดาษเอสี่ที่มีรอยปากกาแดงวงไว้ด้วย ด้านซ้ายบนมีข้อความเขียนว่า

มาxา

“พี่อู๋ครับ อะไรคือมา -- เอ็กซ์สระอา”

ผู้ปกครองที่กำลังเรียงหนังสือประวัติศาสตร์รีบหันมอง พอเห็นกระดาษเปื่อยๆในหนังสือแบบเรียนก็หัวเราะแล้วหยิบไปดู

“อ๋อ -- การบ้านสมัยมหาลัยน่ะ เขียนว่ามาหา” เขายิ้มขำ “คนที่ทำผิดเยอะๆจะโดนเขียนหัวกระดาษแบบนี้แหละ”
“แล้วพี่ต้องไปหาใครเหรอครับ?”
“หาคนที่น่ากลัวมากที่สุดในภาคญี่ปุ่น” พี่อู๋ทำท่าสยดสยองเหมือนกลัว “อันนี้ตอนปีสอง พอปีสามปีสี่พี่ก็ทำได้ดีขึ้นนะ”
“หมายถึงเก่งขึ้น?”
“เปล่า หมายถึง D+ ต่างหาก”

ผมเบะปากแล้วจัดห้องต่อ ระหว่างจัดยังคงเจอแบบฝึกหัดสมัยเรียนของพี่อู๋เป็นระยะๆ หลังๆเริ่มเห็นวงกลมสีแดงมากกว่ารอยขีดฆ่า ผมถามเขาว่าผิดเยอะจนโดนวงขนาดนี้ทำไมไม่โดนมาหา พี่อู๋บอกว่าวงกลมนั่นไม่ได้แปลว่าทำผิด มันเรียกว่ามารุซึ่งมีหมายถึงถูกต่างหาก

“พี่อู๋เก่งจัง” ผมชมเมื่อเห็นการบ้านของเขาที่มีแต่มารุเต็มไปหมด “โตขึ้นผมอยากเก่งเหมือนพี่บ้าง”

พี่อู๋ชะงักพักนึงเลยเมื่อผมพูดแบบนั้น เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะบอกว่าตัวเองไม่เก่งซักอย่าง กีฬาก็งั้นๆ การเรียนก็พอถูไถ ที่จบมาได้เพราะโดนอาจารย์เข็นทั้งนั้น ตัวเขาจริงๆไม่ใช่เด็กเรียนหรอก ขี้เกียจจนอธิการของมหาวิทยาลัยอยากเรียกไปรับโล่นักศึกษาขี้เกียจประจำปี

“แต่พี่ก็ทำงานหาเงินจนมีคอนโด มีรถตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆเอง” ผมเถียงขาดใจ แบบนี้ไม่เรียกเก่งจะให้เรียกว่าอะไร
“หาเงินได้เยอะนี่แปลว่าเก่งเหรอ?”
“ก็ใช่สิครับ สมัยนี้ใครๆก็อยากมีเงินๆเยอะๆทั้งนั้นแหละ แถวบ้านผมนะ กว่าจะซื้อบ้านซื้อรถได้ก็สามสิบสี่สิบแล้ว ไม่มีใครอายุน้อยร้อยล้านแบบพี่เลย”
“อายุน้อยร้อยหนี้ล่ะสิไม่ว่า” เขาแขวะตัวเอง “เดี๋ยวโตไปก้องจะรู้ว่าเงินไม่ใช่ความสุขหลักของชีวิตหรอก”
“พี่พูดได้เพราะพี่มีทุกอย่างแล้ว บ้านก็มี รถก็มี ไอโฟนก็มี”
“หาเงินได้เยอะแต่ไม่มีเวลาให้ใคร ก้องคิดว่าดีจริงๆเหรอ?”
“ดีสิครับ ตั้งตัวได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เดี๋ยวของอย่างอื่นก็ตามมาเองแหละ”

พี่อู๋หัวเราะแล้วส่ายหน้า ดูเวทนาความคิดเด็กมัธยมปลายอย่างนายก้องเกียรติเหลือเกิน

“พี่เคยทำงานได้เงินหกหลักด้วยนะ”

ผมยกนิ้วนับจำนวน หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน --

หลักแสนเลยเหรอ?

“แต่ก้องรู้ไหม? ช่วงที่พี่มีความสุขที่สุดไม่ใช่วันที่เงินเดือนออกหรอก แต่เป็นวันที่ตื่นมาแล้วมีเวลาเหลือเยอะจนไม่รู้จะทำอะไรต่างหาก”
“ฟังดูโคตรขี้เกียจ”
“เออ ให้พี่ขี้เกียจเถอะ เกือบสิบปีที่ผ่านมาพี่ขยันชิบหายแล้ว ขยันเผื่อตายล่วงหน้าแล้ว ขอให้พี่เป็นสล็อตซักปีสองปีนะก้องนะ ถือว่าพี่ขอ”

พี่อู๋แกล้งพูดทีเล่นทีจริงพร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องเป็นท่าทางประกอบ แล้วบทสนทนาก็เงียบเพราะวกเข้าเรื่องงาน คุณอุรัสยาก้มหน้าก้มตาจัดหนังสือโดยไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้กอริลลาก้องชื่นชมความเก่งของผู้ปกครองผ่านทางสัญลักษณ์มารุและใบระเบียนผลการเรียนเมื่อสิบปีที่แล้วของเขา

ผมไม่ได้บอกพี่อู๋ว่าเจออะไร ผมแค่แอบอ่านทุกอย่างในใจเงียบๆ เกรดสมัยมหาลัยของคุณอุรัสยาไม่ได้น่าเกลียดเลย เขาทำออกมาได้ค่อนข้างดีด้วยซ้ำ ไม่มีดีบวกเหมือนที่เล่นมุกซักตัว พอเห็นผลการเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ต้องภูมิใจแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าป่านนี้พี่อู๋ทำงาน เขาคงไปได้ไกลเหมือนที่ใครๆว่า ไม่แน่นะคุณอุรัสยาอาจจะได้กลายเป็นล่ามในบริษัทดังๆที่ --

อะไรวะ

“พี่ชื่ออิศรินทร์เหรอครับ?!”

ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ ถ้ามีใครถ่ายรูปตอนนี้ภาพคงออกมาตลกน่าดู ตาโตเท่าไข่ห่าน อ้าปากหวอ แถมยังขมวดคิ้วอีก พี่อู๋ยักไหล่ก่อนจะตอบว่าใช่ ทำไม ก้องมีอะไร ไม่ชอบผู้ชายที่ชื่ออิศรินทร์เหรอ

“ผมคิดว่าพี่ชื่ออุรัสยา!”

เขาหัวเราะก๊าก ไม่คิดว่านายก้องเกียรติจะเชื่อจริงๆ

“อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาคิดว่าพี่ชื่ออุรัสยา?”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
“ไอ้เด็กโง่!” พี่อู๋ดีดหน้าผากผม “เลิกดูใบเกรดพี่ได้แล้ว เดี๋ยวจัดหนังสือไม่เสร็จ”
“ค่อยจัดพรุ่งนี้ต่อก็ได้นี่ครับ”
“ไม่ได้ พรุ่งนี้คือวันคริสต์มาส”

อีกแล้ว วันคริสต์มาสอีกแล้ว

“พรุ่งนี้เราไปเที่ยวข้างนอกทั้งวัน ไม่มีเวลาจัดหรอก เพราะฉะนั้นรีบๆเลย ให้ไว”

พี่อู๋สั่ง ผมจึงขะมักเขม้นกับการจัดหนังสือจนเสร็จ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอะไรๆก็ดูสบายตามากขึ้น ผมเท้าเอวมองผลงานตัวเองด้วยความภูมิใจ อย่างน้อยชั้นจากอิเกียกลายเป็นรูปเป็นร่างด้วยฝีมือของผม ยิ่งเห็นหนังสือวางเรียงเป็นระเบียบยิ่งมีความสุข หลังจากนี้ห้องก็ไม่ใช่ถังขยะรกๆแล้ว

ถ้าพี่อู๋ไม่สรรหาหนังสือมาทิ้งเพิ่มอ่ะนะ

“เดือนนี้เดือนอะไรเหรอก้อง?”
“ธันวาครับ”
“เออ -- อีกสามเดือนแล้วนี่”

คุณนายอู๋ยกมือลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิด

“งานหนังสือใกล้เข้ามาแล้ว พรุ่งนี้ไปอิเกียอีกรอบดีกว่า”
“ไปทำไมครับ?”
“ซื้อชั้นหนังสือ”

แล้วเขาก็ผิวปากอารมณ์ดี

“แต่พรุ่งนี้วันคริสมาสต์นี่นา ไม่ไปอิเกียแล้ว”
“ผมถามจริงเถอะ พี่เป็นอะไรกับวันคริสมาสต์นักหนา?”
“ก้องไม่รู้สึกว่ามันพิเศษเหรอ?”

ผมส่ายหน้า

“แต่มันพิเศษสำหรับพี่” พี่อู๋ยิ้ม “คริสมาสต์ปีนี้จะต้องพิเศษสุดๆไปเลย”

ผมกลอกตาแล้วเดินหนี คิดไว้ว่าพิเศษของเขาคงไม่พ้นการซื้อของชิ้นใหญ่หรือกินอะไรอร่อยๆแน่ๆ พี่อู๋ยังคงยืนยิ้มหน้าบานอยู่หน้าชั้นหนังสือ มุมปากเขายกขึ้นเหมือนกำลังคิดเรื่องบางอย่างที่มีความสุขมากๆ ผมมองเขาด้วยความสงสัย ไม่รู้จะยิ้มอะไรนักหนา พักนี้เขายิ้มเหมือนคนบ้า ยิ้มมันทั้งวัน สงสัยคุณอุรัสยา -- อัศรินทร์จะชอบวันคริสมาสต์มากจริงๆ



TBC


----------------------------------------------

#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้

เมื่อไหร่จะวันศุกร์ เมื่อไหร่จะวันศุกร์ ขี้เกียจทำงาน ขี้เกียจทำงาน งองแง งองแง ;-;

ขอโทษที่มาช้านะคะ ต่อไปจะมาเร็วขึ้น(กว่านี้นี๊ดนึง แหะๆ) ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น แต่หวังว่าพี่จ๋าทู้กคนจะชอบตอนนี้ของหนูน้า มี hint เล็กๆน้อยๆทั้งเรื่องราวฝั่งพี่อู๋และน้องก้อง ตอนหน้าจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้น อยากให้ทุกคนรออ่านกันนะคะ :3



ด้วยรัก จากหนูเอง

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอาใจช่วยกอริลล่าบ้าๆบวมๆทั้งสอง แต่จะรักกันยังไงนึกภาพไม่ออกเลยอ่ะ

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดีต่อใจ รู้สึกว่ากอริล่าสองตัวเริ่มเรียนรู้การที่จะมีความสุขกันอีกครั้ง ปล. เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ ทำงานสู้ๆน้าา


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทิ้งท้ายได้แบบอยากอ่านเลยครับ รอตอนต่อไปครับ  :z13: :z13:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่อู๋ชื่อเพราะจัง ดูหล่อมาก อ่านแล้วเหมือนค่อยๆสะสมความเครียดไว้เรื่อยๆ รอวันระเบิดออกมาเลยค่ะ  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด